พิมพ์หน้านี้ - นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: loveice ที่ 21-09-2016 12:53:53

หัวข้อ: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 21-09-2016 12:53:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

:pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:


เรื่องใหม่ๆๆ  ผลงานที่จบไป เหนือมนุษย์ ส่วนเรื่องนี้ย้อนวัย หน่อยนาจา มอปลายแต่วัยไม่ใสนะ


เป็นสไตล์ที่ท้าทายพอสมควร  เร่เข้ามาๆ ขอฝากอีกเรื่องนะ อิอิ 


หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 21-09-2016 12:58:13
บทนำ



                โรงเรียนเอกชน โยธินวิทยาลัย ตั้งอยู่ใจกลางมหานครเมืองหลวง โรงเรียนชายล้วนที่มีเพียงเฉพาะเด็กมัธยมปลายเท่านั้น แถมค่าเทอมโรงเรียนแห่งนี้ยังสูงอีกด้วย ความสะดวกและความไว้วางใจของเหล่าผู้ปกครองร่ำรวยจนถึงฐานะปานกลางทั้งหลายจึงมอบส่งลูกชายให้เข้าเรียนที่นี่



               วันเปิดเรียนประจำปีการศึกษาเพิ่งจะเริ่มไปสัปดาห์แรก แต่ดูเหมือนว่าวันศุกร์สุดสัปดาห์นั้น กำลังเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น  เด็กหนุ่มน่ารักรูปร่างบอบบาง อย่าง เต้ย เตชานุ  นักเรียนเรียนดีห้องหัวกะทิ ยังคงนั่งอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนเพลินบนห้องเรียนของเขา จนกระทั่งถึงเวลา 18.00 น. เพิ่งรู้ตัวว่ามันเริ่มค่ำแล้ว         



              ระหว่างเดินลงบันได เพราะห้องเรียนอยู่บนชั้นสี่นั้น กลับเกิดปวดเบา อยากเข้าห้องน้ำกะทันหัน ด้วยตัวอาคารเรียนหลังนี้ สร้างห้องน้ำเอาไว้ทุกชั้น แต่ละชั้นจะมีสองที่ฝั่งซ้ายสุดกับขวาสุด  เต้ย เลือกที่จะเข้าห้องน้ำด้านซ้ายมือเพราะใกล้ที่สุด



             ความมืดเข้าปกคลุมเรื่อยๆ ประจวบเหมาะกับแสงไฟของตึก และบนถนนกำลังส่องแสงสว่างทดแทน แต่ช่วงเวลาแบบนี้คงไม่มีใครอยู่บนตัวอาคารเรียนนอกจากเขา ไม่แปลกใจที่พอเดินมาถึงห้องน้ำกลับมืดสนิท



            มือเรียวกำลังจะเอื้อมไปเปิดสวิตซ์ไฟเพื่อให้ห้องน้ำสว่างไสว แต่กลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นเบาๆเสียก่อน เสียงนั้นราวกับกำลังร้องสั่นเครือไม่ต่างอะไรไปกับ...หนังเอวี ที่เคยได้ดูอยู่บ้าง



“พี่อิท อย่าค่ะ!!!”



           เสียงผู้หญิง! ในโรงเรียนโยธินวิทยาลัยมีนักเรียนผู้หญิงได้ยังไง เตชานุขมวดคิ้ว แอบฟังต่อไปหน้าประตูทางเข้าห้องน้ำ



“พี่จะลงโทษที่บ๊อบบี้ มาหาพี่ช้าไป”


“อะ...อย่าค่ะ อย่าเลียหูค่ะพี่อิท”



         อิทหรอ? อิทไหน...ในหัวของเต้ยตอนนี้พยายามนึก แต่เอาตรงๆนักเรียนโรงเรียนนี้คนชื่ออิท มีไม่กี่คน แต่ถ้าหากเป็น อิท ที่มีชื่อเต็มว่า อิทธิพล ห้องมอหกทับสิบแล้วล่ะก็...จะมีใครบ้างไม่รู้จัก



         ไม่ได้การแล้ว ปวดแค่ไหนก็ต้องถอยทับก่อนดีกว่า ขืนอยู่ต่อไปอาจจะไม่ดีแน่  แต่ทว่าแค่เพียงหันหลังกลับไป  ร่างของเขาเข้ากระแทกกับร่างอีกคนที่ตัวหนากว่าอย่างแรง


ตุ๊บ!!!


“มาแอบดูอะไรวะ!”


                 ร่างบางดวงตาเบิกโพง คนที่ตะหวาดลั่นถามเขาอยู่นี้คือ เอส เพื่อนสนิทของ อิทธิพล นี่เป็นหลักฐานชั้นยอดและชัดเจนแล้วว่า คนในห้องน้ำที่เขาสงสัยคือใคร แล้วตอนนี้เขาก็คงคิดว่าตัวเองไม่รอดแล้ว



แกร๊ก แอ๊ดดดด เสียงประตูห้องน้ำที่ปิดเอาไว้ ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว


“มีอะไรวะ เอส”


“ไอ้อิท กูเห็นไอ้นี่มาแอบดูมึงว่ะ ”



               เต้ย ค่อยๆหันไปมองหน้าอิทธิพล อย่างหวั่นเกรง แต่ดวงตาคู่นั้นไม่ได้คิดโมโห เขากำลังครุ่นคิดและแปลกใจ ข้างๆกายชายร่างสูงมีผู้หญิงโรงเรียนใกล้เคียงอยู่ด้วยจริงๆ แค่เห็นตราโรงเรียนบนยูนิฟอร์มคนอย่างเต้ยก็รู้แล้ว



“บ๊อบบี้ ไว้วันหลังมาใหม่นะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน” ร่างสูงหันไปสั่ง หญิงสาวดูหวั่นใจนิดๆ ก่อนจะเลี่ยงตัวออกไปในที่สุด



            ตอนนี้หัวใจเต้ยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแล้ว รอบกายเขามีแต่นักเรียนจอมอิทธิพลทั้งนั้นเลย ไหนจะอิท เอส และทิว ที่รู้จักชื่อไม่ใช่เพราะสนิทสนม แต่อยู่โรงเรียนด้วยกันมาสามปี ก็ต้องเคยได้ยินและจดจำชื่อกันบ้าง โดยเฉพาะนักเรียนคู่ขนานนักเลงแบบอิทธิพล มักจะฝากชื่อเสียงทางลบให้ได้ยินเสมอ



“ถ้าให้กูเดา มึงคงจะชื่อ เต้ย นักเรียนห้องเก่ง!”


            ร่างบางตกใจไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างอิทธิพลจะรู้จักชื่อของเขาด้วยเหมือนกัน


หมับ!!!


“เวลาลูกพี่กูพูด มองหน้าด้วย” มือใหญ่ของเอส คว้าเข้าจับคางของเต้ยอย่างแรง พร้อมกับดันหน้าให้เขาหันไปมองอิทธิพล


“ระ...เราเจ็บ ปล่อยเราเถอะ”


“ฮึฮึ ช่วงเย็นขนาดนี้ ทำไมมึงยังอยู่ที่นี่?” อิทธิพลเอ่ยถามเสียงเย็น


“เรานั่งอ่านหนังสือเพลินไปหน่อย พอจะกลับบ้านก็นึกปวดฉี่พอดี เราไมได้คิดจะมาแอบดูนายเลยนะ”


          ร่างเล็กกว่าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจเจตนาของเขา บางทีอาจจะรอด


“แต่มึงทำให้อารมณ์กูค้าง กว่าเด็กนั่นจะมาตามนัดกูได้ กูต้องใช้เวลาแค่ไหน?” อิทธิพลตวาดลั่น


“เอาไงดีวะอิท” เอสเปรยถาม


“อารมณ์กูค้าง กูจะให้มันชดใช้  เฝ้าดูให้ดีอย่าให้ภารโรงเข้ามาได้”


“โอเค” เอส กับทิวรับปาก ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำตามคำสั่ง



        ส่วนร่างเล็กและบอบบางของเต้ย ถูกอีกคนคว้าจับต้นคอลากเข้าไปห้องน้ำทันที ร่างสูงดันตัวอีกฝ่ายจนแผ่นหลังไปชิดติดชั้นขอบอ่างล้างมือ



         อิทธิพล ไม่รอช้ารีบปลดตะขอกางเกงนักเรียนสั้นคืบกว่าๆ พร้อมกับเสียงรูดซิปลงอย่างแรง เตชานุหายใจถี่และแรง กำลังตกใจกับสิ่งที่เห็น


“อิท นายจะทำอะไร? ”


“ถามโง่ๆ ในสมองคงจะมีแต่ความรู้สินะ”


              ตอนนี้ไอ้อวัยวะที่ใหญ่เกินวัยนั้นผงาดชี้ชี้ฟ้าท้าทายอยู่ตรงหน้าเต้ยแล้ว ตอนนี้หัวใจเต้นรัวและแรงกว่าเดิม ทั้งกลัว ทั้งอาย ปะปนกันไปหมด


“กูไม่คิดจะเอามึงหรอกนะ เพราะกูไม่ใช่สายเหลือง” อิทธพลดักทางไว้ก่อน หลังจากเห็นใบหน้าเครียด


“งั้นก็ปล่อยเราเถอะนะ เราขอโทษที่ขัดนาย เราไม่ได้ตั้งใจ”


“ฝันไปเถอะมึง มึงทำอารมณ์กูค้าง มึงต้องทำให้กูหายอยาก”


“แต่เราเป็นผู้ชาย”


“ผู้ชายแม่งก็มีปาก แค่ อม มึงคงจะทำได้”


“ไม่!! เราทำไม่ได้ เราทำไม่เป็น”


“มึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”


หมับ พรวดดดด


                 ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากอิทธิพล จับไหล่เต้ยกดลงอย่างแรง จนกระทั่งไม่มีแรงต้านร่างร่วงลงไปนั่งอยู่บนพื้น มือหนาบีบปาก จนช่องโหว่ปรากฏ ก่อนจะถูกแทนด้วยอวัยวะส่วนนั้นดันเข้าไปมิดด้าม มันช่างเป็นอะไรที่ทรมานปางตายสำหรับเตาชานุนัก


“อ่า....อึก อ่า....”



              ในความร้อนแรงแฝงไปด้วยเสียงครวญครางอย่างพึงพอใจ แต่คนที่ถูกกระทำอีกฝ่ายแทบกำลังจะขาดอากาศหายใจปางตายอยู่แล้ว อิทธิพลกระทำอยู่อย่างนั้น ปั้นเอวกระแทกเข้าออกเรื่อยๆ จนกระทั่ง




“อึก อ่า....แม่ง สุดยอดสัส”




             ไม่นานนัก ของเหลวสีขุ่นขาวก็ฟุ่งทะลักเข้าหลอดอาหารเป็นที่เรียบร้อย อิทธิพลถอนสิ่งนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว  ก่อน
จะเดินเข้าไปล้างทำความสะอาด   ปล่อยให้ร่างเล็กทั้งไอ ทั้งอยากอวก  กลิ่นคาวปนขมหน่อยๆนั้นเต็มที แต่น่าเสียใจที่เต้ยไม่
สามารถเอาของเหลวที่ว่านั่นกลับออกมาได้อีกแล้ว



“อะ แครกๆ แครกๆ”



           เสียงไอดังถี่และต่อเนื่อง ใบหน้าพร้อมดวงตาสองข้างแดงก่ำ หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม สภาพไม่ต่างอะไรไปกับการแปรงลิ้นแล้วเผลออย่างอวก อิทธิพลเดินออกมาพร้อมกับแต่งตัวเรียบร้อย



“อย่าเอาเรื่องที่กูพาผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นมึงเดือดร้อนแน่”


“อะ แครกๆ แครกๆ”


“ฮึฮึ ไอเข้าไป น้ำของกูมันคงไม่ออกมาหรอก โชคดีของมึงแล้วที่กูเลือก เพื่อทำออรัลให้ ฮ่าๆๆๆ”


“ฮึก ฮือออ แครกๆ”




     พอร่างสูงนั้นพ้นสายตา ในห้องน้ำก็มีเพียงร่างบาง ยังนอนจมพื้นกระเบื้องเปียกชื้น เต้ยไอเสียงดังอยู่นาน  แต่ในความมืดนั้นกลับกำลังมีใครอีกคนเดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับไฟฉายในมือ


“อ้าวหนู มืดแล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน แล้วเป็นอะไรถึงไปนอนอยู่บนพื้น”  เสียงภารโรงนั่นเอง


“ปะ..เปล่าครับ แครกๆ พอดีผม...ผมท้องเสียครับ ” เตชานุจำเป็นต้องโกหกไป


“อ่อ ยังไงก็รีบกลับบ้านแล้วกันนะ ลุงจะได้ล็อกประตูเหล็กชั้นล่าง”


“ครับลุง ขอโทษที่ทำให้ลำบาก” เต้ยเปรยบอก ก่อนจะค่อยๆยันตัวเองลุกจากพื้นอย่างทุลักทุเล


“ไหวไหมหนู มาๆเดี๋ยวลุงช่วย”



           ภารโรงคนคุ้นหน้าตลอดสามปีที่เรียนมา เข้าช่วยพยุงตัวออกไปจากห้องน้ำ จนกระทั่งถึงชั้นล่าง


“ขอบคุณมากครับคุณลุง”


“ไม่เป็นไรๆ กลับบ้านไหวใช่ไหม”


“ไหวครับ ผมสบายท้องขึ้นเยอะแล้ว ผมกลับเลยนะครับ”


              เต้ยยกมือไหว้ภารโรงก่อนจะเดินออกไปหน้าโรงเรียน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันคืออะไรกัน นี่เขาทำออรัลให้อิทธิพลไปอย่างนั้นหรอ นักเรียนชายที่มีอิทธิพลกับโรงเรียนสมชื่อ ไม่มีใครกล้าขัดกล้าขวางใดๆทั้งสิ้น แต่อิทธิพลของเขาจะมาทำแบบนี้กับเตชานุไม่ได้ เขาก็มีศักดิ์ศรี มีพ่อมีแม่เหมือนกันนะ แต่เขาจะไปทำอะไรได้


ต่อไปคงต้องอยู่ห่างๆอิทธิพลเอาไว้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง หมอนั่นเป็นคนอันตราย


         นั่งรอที่ป้ายรถเมล์ไม่นาน รถประจำทางก็มาจอดเทียบฟุตบาท มองดูตัวหนังสือข้างรถ เป็นสายประจำทางกลับบ้านเขาพอดี เต้ยไม่ลังเลที่จะก้าวขึ้นรถนั้นไป แม้จะยังไออยากอาเจียนกับน้ำบ้าๆนั่นออกไปจากท้องก็ตาม



:L2:


ฝากนาจา ฝากหน่อยน้า

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 21-09-2016 18:39:12
ตอนที่ 1


สองวันผ่านไป บนสนามบาสเกตบอลของโรงเรียนมีกลุ่มนักเรียนชายสามคนกำลังเล่นลูกบาสอยู่ 


“”ไอ้อิท ส่งมาให้กู!!!”


             เสียงของเอส หนุ่มร่างสูงผิวเข้ม หล่อเหลาคมคายตะโกนบอกให้ อิทธิพล หัวหน้าแก๊งส่งลูกบาสเกตบอลมาให้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังคำพูดของเอสแม้แต่น้อย



             ทุกๆสี่โมงเย็นพวกเขาจะมาเล่นบาสเกตบอลที่นี่ นักเรียนหลายคนกำลังทยอยกลับบ้าน เดินออกทางประตูด้านหน้าโรงเรียนที่ติดถนนใหญ่พอดี รถยนต์ รถประจำทาง ขับช้าตามติดกันยาวเหยียด ช่วงนี้เป็นเวลาเลิกทำงานพอดีเสียด้วย ไม่แปลกที่จราจรจะติดขัด     



ฟิ้ววววว   ลูกกลมสีส้มถูกชู๊ตลงห่วงเป็นที่เรียบร้อยในระยะกึ่งกลางสนามจากอิทธิพล


“อะไรวะ! บอกว่าส่งมาให้กู ดันชู๊ตลงห่วงอีกแล้ว” เอเสบ่นพร้อมกับเดินออกไปข้างสนามไป


“ส่งให้มึงทีไรก็แม่งไม่เคยชู๊ตเข้า” อิทให้เหตุผล


“อ้าวไอ้นี่!” เอสส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะชำเลืองสายตาไปทางฟุตบาทด้านขวามือ

...

...

“ไอ้อิท!!! นั่นมันไอ้เต้ยคนเก่งของโรงเรียนรึเปล่าวะมึง” เอสชี้ไปทางนั้น


           อิทธิพลมองตามไป เป็นเต้ยจริงๆด้วย เขาเหลือบก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ตอนนี้สี่โมงกว่าๆ แต่ไอ้เตี้ยนั่นวันนี้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ คงจะกลัวเหตุการณ์ตอนวันศุกร์ล่ะสิ


“ไอ้เอส ไอ้ทิว ไปพามันมานี่ซิ” สุดหล่อในแก๊งตะโกนสั่ง


“มึงจะทำอะไรอีกวะ? ” ทิวถามทันที


“เอาน่าอย่าถามมาก”


“เออๆ”



                   สองสิงห์เพื่อนสนิทเดินไปหาร่างบางที่กำลังเดินจนจะออกประตูรั้วโรงเรียนอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าสองหนุ่มร่างสูงจะเร็วกว่า เพียงเดินไปลัดหน้า เจ้าตัวถึงกับชะงักหยุดเดินทำสีหน้าตื่นตระหนก


“ระ...เราขอทางที” เต้ยเปรยบอกอย่างหวั่นๆ


“จะรีบกลับไปไหน ลูกพี่กูจะคุยด้วย” เอสทำสีหน้ากวนๆใส่


“ไม่! เราจะกลับบ้าน”



หมับ!!! สองหนุ่มเข้าไปล็อกตัวขนาบสองข้างทันทีที่อีกฝ่ายดื้อรั้น ตัวของเตชานุเล็กนิดเดียว มีหรอจะหลุดจากวงแขนใหญ่ที่วางพาดไหล่เขาอยู่


“พูดง่ายๆเถอะมึง ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เอสกระซิบขู่ สุดท้ายเต้ยก็ต้องตัดสินใจไปกับพวกนั้น



             ร่างเล็กถูกพาไปจนถึงขอบสนามบาส มีใครคนหนึ่งกำลังยืนกอดอกรอเขาอยู่จริงๆด้วย ในสภาพชุดนักเรียนที่ไม่ถูกระเบียบเท่าไหร่นัก แต่ก็อย่างว่าล่ะ จะไปเตือนอะไรได้แม้แต่คุณครู


“มาแล้วไอ้อิท” สองหนุ่มปล่อยไหล่น้อยๆให้เป็นอิสระ


“ไง!!! ไม่เจอกันสองวัน ทำหน้าเหมือนจำกูไม่ได้ซะแล้ว” อิทธิพลทักทายพลางยิ้มมุมปาก


“นะ..นายมีอะไรหรอ ถึงให้เรียกเรามา”


“ก็ไม่มีอะไรมาก พอดีพรุ่งนี้กูมีงานที่ต้องค้างส่งสามวิชา มึงเอากลับไปทำให้กูทีนะ ”


“แต่เราต้องอ่านหนังสือ การบ้านเราก็มีเหมือนกัน” ร่างเล็กปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของกูที่ต้องรับรู้ มึง!ต้อง!ทำ! เท่านั้น” ร่างสูงขาวเค้นเสียงหนัก พร้อมกับใบหน้าที่ก้มคล้อยลงมา สันจมูกแทบจะชนหน้าร่างเล็กอยู่แล้ว



              แต่ก็แค่แป๊บเดียว อิทธิพลกลับยืดตัวกลับไปยืนปกติเหมือนเดิม มือหนาควานหาอะไรสักอย่างในกระเป๋า จนกระทั่งท้ายที่สุดก็รู้ว่าเขากำลังหาสมุดการบ้านและหนังสือสามวิชา


“เคมี คณิต ภาษาอังกฤษ เอาไปทำซะ”


“เราไม่รับปากนะว่าจะทำเสร็จ” เต้ยบอกไปพร้อมกับประเมินจากสมุดเหล่านั้น


“ต้องเสร็จ!!! มึงต้องทำงานของกูก่อน ส่วนของมึงทำตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรอ?”


           เต้ยทั้งกลัวและอยากจะกลับบ้านเร็วๆแล้วสิ เขาเอื้อมไปรับเอาสมุดการบ้านเหล่านั้นมาไว้ในมือ


“เฮ้ย! กูฝากของกูด้วย” เอสพูดขึ้น


“ทำของกูด้วย!” ทิวเสริมขึ้นมาอีก


“มึงสองคนไม่ต้อง!!! ไม่เห็นหรอว่าแค่ของกูก็เยอะพอแล้ว”


              อิทธิพลพูดเบรกเพื่อนสองคนไว้ทัน แต่ดวงตายังคงจ้องมองคนตัวเล็กราวกับจะฆ่าให้ตาย ซึ่งเต้ยเองก็ไม่เข้าใจกับดวงตาคู่นั้นเหมือนกัน ส่วนเพื่อนทั้งสองคนได้แต่หันหน้ามองตากันอย่างไม่เข้าใจ


“อะไรของมึงเนี่ยอิท?” ทิวเป็นคนเปรยถาม


“พวกมึงรอลอกของกูพรุ่งนี้แล้วกัน”


“จะไปทำทันได้ไงวะ” เอสบ่น


“ทำไม่ทัน แม่งก็โดดเรียนสิวะ ทำอย่างที่พวกเราทำๆกันอยู่เนี่ย” อิทหันไปอธิบาย


“คะ...แค่นี้ใช่ไหม เรากลับแล้วนะ” เต้ยค่อยๆทำใจสู้ ถามออกไปไม่อยากอยู่กับคนเหล่านี้นานนัก


“มึงมานี่กับกูก่อน!”




หมับ!!! อิทธิพลคว้าแขนคนตัวเล็กกว่ากลับเข้าตึกเรียน  ทิ้งไว้แต่สายตาไม่เข้าใจของเพื่อนทั้งสอง




“กูว่านะไอ้อิทแม่งวอแวกับไอ้เด็กคนเก่งเกินไปแล้ว” เอสบ่นออกมา


“กูก็ว่างั้น มันควรจะเลิกยุ่งกับไอ้เต้ยได้แล้ว มันก็ไม่ได้เอาเรื่องไปฟ้องครูซักหน่อย” ทิวเสริมขึ้นมาทันที




                เตชานุถูกดึงแขนมาจนถึงห้องเก็บของ อิทธิพลผลักร่างเล็กนั้นเข้าไปข้างใน ก่อนที่ตัวของเขาจะตามเข้ามาเช่นกัน ประตูห้องถูกล็อคทันที ตอนนี้หัวใจเต้ยเต้นโครมๆไม่รู้จะโดนคนตรงหน้าทำอะไรอีก 


“นะ..นายจะทำอะไร?”


“วันศุกร์มึงแม่งทำเก่งมากเลย ทำให้กูอีกนะ” อิทธิพลกระซิบข้างหู


“มะ...ไม่ได้ ไม่นะอิท เรากลัวแล้ว นายอย่าทำแบบนี้เลย ”


“ทำไม? คิดซะว่านี่เป็นค่าตอบแทนที่มึงทำการบ้านให้กูแล้วกัน”


“ไม่เป็นไรๆ เราไม่อยากได้ค่าตอบแทน”



             ยิ่งเห็นความสั่นกลัวของเต้ย อิทยิ่งสะใจ มันเหมือนกับหนูจนตรอก ที่หนีแมวตระกูลใหญ่อย่างสิงโตไม่ได้นะสิ แค่ลมปากปฏิเสธปาวๆนั่นเขาไม่คิดอยากจะฟังเท่าไหร่นัก



             ไม่นานมือหนาก็เลื่อนไปปลดตะขอกางเกงเหมือนเคย เตชานุหลับตาปี๋แทบไม่อยากเห็น เพราะตอนนี้แสงสว่างมาก และเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ต่างจากวันศุกร์ที่เป็นตอนค่ำแล้ว



“อมซะ!!!” เสียงตะคอกสั่งนั้นทำให้เต้ยสั่นระริก


“ไม่เอา อิท เราขอร้องนะ เราไม่อยาก ทำแบบนี้”


“ก็บอกให้อม!!!” ร่างสูงกดโทนเสียงต่ำ


             คนตัวเล็กตรงข้ามนอกจากจะหลับตาปี๋ไม่ยอมมองแล้ว ยังส่ายหน้าไปมาตลอดเวลา เห็นแล้วมันขัดใจร่างสูงชะมัด จะมีใครซักกี่คนกล้าปฏิเสธสิ่งที่เขาต้องการแบบนี้ ที่แน่ๆเขาไม่ชอบเอาเสียเลย



หมับ!!! พรวดดด



          อิทธิพลคว้าจับปากอีกคนพร้อมกับกดตัวลงต่ำ เพื่อให้ช่องปากพอดีกับอวัยวะส่วนนั้นของเขา แล้วเริ่มบรรจงดันเข้าไป เพื่อให้ลิ้นอุ่นเล็กละเลงให้  แต่คราวนี้อิทธิพลกลับโยกสะโยกเข้าออกอย่างช้าๆ และปล่อยไปตามอารมณ์นั้นอย่างนุ่มนวล


“อ่า....อึก ดีอย่างนั้นล่ะ เต้ย อ่า...”

...


“ฮึก ฮึก” เสียงสะอึกสะอื้นของคนถูกกระทำเล็ดลอดสวนกลับออกมา แต่ร่างสูงไม่ได้คิดสนใจฟัง

...

“อ่า....ซี๊ด...จะเสร็จแล้ว”

...


...
            ได้ยินเพียงเท่านั้น เต้ยรีบผละปากออกจากสิ่งนั้นทันที แต่ที่ไหนได้ อิทธิพลกลับจับท้ายศีรษะคนตัวเล็กกดเข้ามาสุดแท่ง และหลั่งออกมาทันที



ปี๊ดดดดดด

...

...

          เตชานุดวงตาเบิกโพง ของเหลวขุ่นนั่นทะลักเข้าหลอดอาหารเขาอีกครั้งแล้ว กลิ่นและรสชาติมันเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนเขาเกลียดที่สุด และเริ่มเกลียดอิทธิพลมากขึ้นเป็นทวีคูณ



“เก่งมาก! อยากกลับบ้านไม่ใช่หรอ ไปสิ ไปได้แล้ว กูไม่ธุระกับมึงแล้ว กูให้ค่าตอบแทนมึง หวังว่ามึงจะไม่เบี้ยวทำการบ้านให้กูนะ” มือหนาตบที่แก้มเบาๆสามที



      เตชานุร้องไห้ไม่หยุด มองดูอีกคนดึงกางเกงขึ้นจนเสร็จ แล้วเดินออกจากห้องเก็บของไป ทิ้งไว้แต่ความเจ็บใจที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้อีกของเต้ย






         ร่างบางปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว แล้วเรียบกลับบ้าน  โชคดีที่วันนี้พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน คงจะหนีคำถามที่ว่า...เสื้อนักเรียนสะอาดสะอ้าน ทำไมถึงได้ดูสกปรกราวกับไปคลุกฝุ่นบนพื้นที่ไหนมา



          แต่แล้วเต้ยคิดผิด นึกไม่ถึงว่าจะเจอใครอีกคน เพียงแค่เปิดประตูบ้านเข้ามา กลับต้องตกใจอีกรอบ


“กลับมาแล้วหรอเต้ย” คนตรงหน้านั่งดูทีวีของบนโซฟาหันมายิ้มให้


“พี่ต้อม!”


“อืมก็ใช่นะสิ ทำไมทำน้ำเสียงแบบนั้น อย่าบอกนะว่าตกใจพี่”


“ปะ...เปล่าครับ!”


“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่ไปทำอะไรมา เสื้อนักเรียนถึงได้มอมเชียว”



            คนเป็นพี่ไม่ว่าเปล่าลุกเดินมาดูสภาพน้องชายสุดที่รักใกล้ๆ ด้วยเรือนร่างของต้อมเป็นพี่ชายที่ตัวสูงราว 185 เซนติเมตร รูปร่างสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลา ได้จากพ่อเต็มๆ แถมตอนนี้กำลังเรียนทันตแพทย์ปีสอง แห่งหนึ่งกลางกรุงเทพด้วย
ต้อมเป็นพี่ชายในยามทุกข์ใจ แต่ความทุกข์ครั้งนี้เต้ยจะบอกพี่ไปยังไง


“พี่ต้อม! ฮึก ฮืออออ” สองมือเรียวบางนึกหนทางไม่ออก โผเข้ากอดพี่ชายทันที


“เฮ้ย! ร้องไห้ซะงั้น เป็นอะไรเนี่ยเต้ย บอกพี่มาเร็วๆ”


                เต้ยส่ายหน้าปฏิเสธไปมาบนลอนท้องของพี่ชาย ต้อมได้แต่หนักใจลูบหัวน้องชายเบาๆ อะไรที่ทำให้เต้ยร้องไห้ออกมาได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่แค่เพียงเปรยถามถึงเรื่องเสื้อนักเรียนที่สกปรกแปลกๆเท่านั้น


“มีใครรังแกเต้ย จนเสื้อผ้ามอมกลับมาใช่ไหม?” ต้อมเดาเอสุดฤทธิ์


“ฮึก ฮึก เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากกอดพี่ต้อมเฉยๆ” เต้ยโกหกไป


“เฮ้ย! พี่ไม่เชื่อหรอก บอกมานะ”


“ฮือออ ไม่เอา อย่าบังคับเต้ยเลยนะ ฮึก” เต้ยกอดพี่ชายแน่นกว่าเดิมอีก


“พี่เป็นห่วงเต้ยนะ มีอะไรบอกพี่เถอะ พี่จะไปจัดการให้”


“ฮึก ฮึก ไม่เอาครับ ไม่เป็นไรเต้ยทนได้”


“ทนหรอ? พี่ไม่สบายใจเลยนะที่ได้ยินเต้ยพูดแบบนี้”


“ฮึก ฮึก เต้ยขอตัวขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะครับ วันนี้งานค่อนข้างเยอะ”


           ร่างบางรีบวิ่งขึ้นบ้านไป เสียงล็อคประตูจากด้านในดังชัดเจน ต้อมได้แต่ถอนหายใจเป็นห่วงน้องชายยังไงก็ไม่รู้ แต่เจ้าตัวไม่บอกแบบนี้เขาจะไปรู้ได้ยังไง


           ภายในห้อง เต้ยทรุดตัวลงร้องไห้หลังประตูอีกครั้ง ทำไมเรื่องนี้ไม่จบ ทั้งๆที่มันควรจบ การแอบมาดูอิทธิพลกำลังทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นโดยบังเอิญ เขาต้องถูกกลั่นแกล้งถึงสองหนเชียวหรอ?


“ไม่ได้ นายจะร้องไห้ไม่ได้ เข็มแข็งสิเต้ย” ร่างบางบอกตัวเองก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มไป


           สิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้คือ การบ้านของอิทธิพล  สมุดการบ้านสามเล่มถูกเอาออกมาจากกระเป๋านักเรียน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นลายมือของคนที่กลั่นแกล้งเขา มันอุบาทได้ใจมาก



“ไก่เขี่ยยังจะดูดีกว่านี้อีก” เต้ยบ่นไปทำไป ไม่กลัวว่าเจ้าของตัวอักษรจะได้ยิน


           ไม่รู้ว่าทำไปนานเท่าไหร่ จนกระทั่งการบ้านของอิทเสร็จสมบูรณ์ เหลือบมองนาฬิกาปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว ยังคงเหลือการบ้านของเขาอีกสี่วิชา แต่มันไม่มากไม่มายนักเพราะเขาทำการบ้านเสมอต้นเสมอปลาย



ก๊อกๆๆๆ

          เสียงประตูดังขึ้น  ร่างบางคิดว่าต้องเป็นพี่ชายแน่ๆ พอเดินไปปลดล็อคประตูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ


“เห็นว่ายังไม่นอน พี่เลยเอานมอุ่นมาให้” รอยยิ้มหล่อบาดใจของพี่ชายทำให้เต้ยแทบไม่อยากเป็นน้องแล้ว


“ขอบคุณครับ แล้วพ่อกับแม่ล่ะครับ?”


“พ่อกับแม่หลับไปแล้ว พี่บอกไปว่าเต้ยมีการบ้านเยอะต้องรีบทำ ว่าแต่ใกล้จะเสร็จยัง ดึกมากแล้วนะ”


“ใกล้แล้วแหละครับ พี่ต้อมไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วงเต้ยหรอก”


“พี่อ่านหนังสือเหมือนกันนั่นแหละ อีกพักใหญ่ๆถึงจะนอน”


“อ่อครับ ”


“พร้อมเมื่อไหร่บอกพี่นะ พี่ยังไม่ลืมหรอก พี่ต้องรู้ให้ได้ว่าเต้ยเป็นอะไร” ต้อมทวงคำตอบนั้น


“คะ..ครับ”


       ไม่นานพี่ชายที่แสนดีก็เดินกลับเข้าห้องไป เต้ยปิดประตูพร้อมกับล็อคกลอนอีกครั้ง พลางหันมาสนใจสิ่งที่ถือเอาไว้ในมือ


“นมในแก้วอุ่นดีจัง” เขาพึมพำกับตัวเองได้แค่นั้น ก็ยกกระดกนมเข้าปากทันที

        พี่ชายเขาทำไมดีอย่างนี้ ดีจนอยากเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้วไม่ต้องเป็นพี่น้องกัน เขาจะขอเลือกพี่ต้อมเป็นคู่ชีวิตคนเดียวให้ได้เลย

       ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก หวังว่าพรุ่งนี้เขาจะไม่ตื่นไปเรียนแล้วไม่หลับบนโต๊ะหรอกนะ


“ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เราจะไม่เป็นเบี้ยล่างนายอีกแล้ว อิทธิพล”


:L2:


หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-09-2016 19:31:58
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 22-09-2016 09:51:16
ตอนที่ 2



            เช้าวันใหม่ เตชานุไปถึงโรงเรียนในเวลา 7.30 น. ถือว่าเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลย กว่าจะทำการบ้านตัวเองเสร็จก็ปาเข้าไปตีสี่แล้ว อ่านหนังสือไม่กี่หน้า ทำโจทย์ไม่กี่ข้อก็ล่วงเวลาเกือบตีห้าแล้ว เหตุผลเพราะใครคนนั้นคนเดียว ...อิทธิพล ยังไงล่ะ



“ห้อง 6/10!” ร่างบางพึมพำออกมาเมื่อเดินมาหยุดถึงถ้ำเสือ แต่ดูเหมือนห้องนี้จะยังไม่มีวี่แววใครมาถึงโรงเรียนเป็นแน่ แล้วแบบนี้เขาจะฝากใครเอาสมุดการบ้านของร่างสูงไปให้ใครได้บ้าง



          ท้ายที่สุดก็ต้องหาที่นั่งหน้าห้อง ติดราวระเบียงทอดยาวตามตัวอาคารเรียน เต้ยนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ มีหาวบ้าง ง่วงบ้าง ตามประสาคนไม่ได้นอนทั้งคืน จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 8.00 น. ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ กลับได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากทางบันได



แปะๆๆๆ เสียงปรบมือดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกฝ่ายจึงต้องปิดหนังสือที่อ่านลงไป พร้อมกับหันหน้ามาเผชิญกับผู้มาเยือน ใบหน้าหล่อเหลาของทั้งสองคนทำไมร่างบางจะจดจำไม่ได้


“โอ้โห มานั่งรอมึงแต่เช้าเลยว่ะอิท” เอสเปรยบอกคนที่ยืนข้างหลัง ทันใดนั้นก็แทรกตัวเดินขึ้นมาด้านหน้า


“หวังว่ามึงคงทำเสร็จนะ”


               เตชานุพลางคิดว่ามันไม่ใช่คำถามหรอก หากแต่เป็นเพียงคำพูดทวงงานเสียมากกว่า ไม่นานนักเขาก็หยิบสมุดสามเล่มนั้นออกมา แล้วส่งไปให้คนตรงหน้าทันที


“เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ขอตัวล่ะ”


หมับ!!! อิทธิพลคว้าจับแขนเล็กไว้ได้ทัน


“มึงหมายความว่าไง?”


“ก็ตามที่บอก เราจะไม่ทำอะไรให้นายอีกแล้ว ครั้งนี้เราหายกัน เราเหนื่อย เราเบื่อ เคยรู้บ้างไหม”


“มึง!!!” จะเป็นอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่คนตัวสูงกำหมัด กัดครามดังเพราะกำลังโมโหคำพูดของเต้ย


“ไอ้อิท ใจเย็นๆนะมึง จริงๆไอ้เตี้ยนี่ก็พูดถูกแล้ว มึงไปยุ่งกับมันเกินไปแล้วนะเว้ย” ทิวอธิบาย


“ใช่เว้ย ไอ้อิท มึงดูหน้ามันดิ เหมือนคนยังไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลย เพราะการบ้านมึงล้วนๆกูว่านะให้มันทำเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ สงสารว่ะ” เอสพูดพลางแตะไหล่เพื่อนเบาๆ


“ไม่เว้ย!!! กูยังไม่พอใจ ถ้ามึงคิดจะหนีกู ก็ลองดูสิ สัสเอ้ย!” อิทธิพลสบถคำพูดใส่คนตัวเล็ก ก่อนจะเอาเท้าเตะประตูห้องเรียนเสียงดัง ปัง!!!


“เราไปแล้วนะ” เต้ยหันไปบอกเพื่อนสนิทของใครคนนั้นแทน



หมับ! ปัง!!! ร่างเล็กถูกคว้าต้นคอแล้วถูกจับกระแทกเข้าผนังห้อง การกระทำนั้นทำให้เอสและทิวตกใจมาก


“ไอ้อิท!!! ทำไมมึงทำกับเต้ยแรงขนาดนั้นวะ” เอสพุดพร้อมกับสีหน้าตกใจ


“หนวกหูน่า!!!” ร่างสูงหล่อหันไปตวาดเพื่อนทันที ในมือก็กำคอนั้นกดเอาไว้


“ปะ...ปล่อย เราเจ็บ”


“เจ็บหรอ? อ่อนแอชะมัด จำเอาไว้ถ้ามึงคิดหนีไปจากกู มึงเจาะเจ็บตัวกว่านี้ร้อยเท่าแน่”


“แต่เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ทำไมนายต้องยุ่งกับเราด้วย”


“ถ้ากูอยากให้ติดค้างมันก็ต้องติดสิ มึงต้องคอยทำตามคำสั่งกูเท่านั้น! เข้าใจไหม!!!”


“ปะ...ปล่อย” เต้ยไม่ตอบ พยายามดิ้นออกจากฝ่ามือหนานั้น


“ไอ้อิท ปล่อยมันเถอะ เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจ ตายห่าขึ้นมาจะว่ายังไง” ทิวเริ่มชักจะไม่สู้ดีแล้ว


พรึบ!!! ได้ผล อิทธิพลปล่อยมือออกจากคอของเตชานุตามทำพูดของเพื่อน ก็ยังดีที่เขายังฟังอยู่บ้าง


           ร่างบางทำสีหน้าเจ็บปวด เอามือคลำคอตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น โชคดีที่ร่างสูงไม่ได้คิดตามมา  จะให้เต้ยยืนยันคำเดิมก็ยังได้ ว่าหมอนี่อันตรายกว่าที่คิด แต่เขาจะไม่ยอมฟังอะไรอีกแล้ว แม้คำขู่นั้นจะทำให้เขาเจ็บเป็นร้อยเท่าอย่างที่พูดจริงๆก็ตาม

...

...

...

...

          จนกระทั่งเลิกเรียน ทันทีที่ครูคาบสุดท้ายเลิกสอน เต้ยก็รีบเก็บของ คว้าเอาของทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะเข้ากระเป๋า แล้วเดินลิ่วออกจากห้องไปทันที หวังแค่เพียงว่าการรีบกลับบ้านจะทำให้เขาไม่ต้องเจอสามคนนั้น   แต่แล้วกลับต้องชะงักความคิดไป เพราะมีใครบางคนกำลังดักรอเขาอยู่ที่หน้าบันไดพอดี


“คิดจะหนีกูหรอ ฝันไปเถอะมึง!” อิทธิพลกดเสียงต่ำ ใบหน้าน่ากลัวมาก



       ร่างเล็กคิดอะไรไม่ออก รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องตามเดิม โชคดีที่เพื่อนๆยังไม่กลับกัน แต่การเดินกลับเข้ามาอีกครั้งจึงเป็นที่น่าแปลกใจของเพื่อนๆ


“อ้าวเต้ย ลืมของหรอ?” เสียงเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งเปรยตาม


“ปะ...เปล่าหรอก เรายังไม่กลับดีกว่า” เต้ยตอบพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่นั่งตัวเอง แต่ไม่ทันไร อีกคนก็ตามมาถึง ด้วยสีหน้าเอาเรื่องสุดๆ


“เฮ้ย!!! เลิกเรียนแล้ว กลับบ้านไปให้หมด เร็วๆ!!” อิทธิพลตวาดเสียงดังลั่น



   พอทุกคนเห็นว่าน้ำเสียงนั้นเป็นใคร  ทำเอากุรีกุจอเริ่มขยับตัวเก็บของใส่กระเป๋า ทำตามคำสั่งนั้นอย่างรวดเร็ว


“ออกไปให้หมด ไป๊!!!” ร่างสูงตวาดไล่อีกครั้ง



               เต้ยอาศัยช่วงชุนมุนตอนนี้ หนีออกทางประตูหลัง แล้ววิ่งไปลงบันไดอีกฝั่งไป โดยที่อิทธิพลมองตามไม่ทัน


“ไอ้อิท กูว่าเต้ยมันหนีออกไปแล้วว่ะ”


“อะไรนะ!!! ทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู!” อิททำสีหน้าไม่พอใจ ตวาดใส่เพื่อน


“อ้าว ก็กูเพิ่งเห็นนี่ว่าในห้องไม่มีเต้ยแล้ว” เอสให้เหตุผล


“กูว่าเต้ยมันหนีออกทางประตูหลังแน่ๆ” ทิวให้เหตุผล


“งั้นเอางี้ แยกกันตามหามัน กูอยากจะรู้นักว่าจะหนีกูไปได้ซักกี่น้ำ”



            ทางด้านคนตัวเล็ก วิ่งกระหืดกระหอบจนกระทั่งพ้นรั้วโรงเรียน ยืนรอรถประจำทางคงไม่ไหวแน่ วันนี้คงต้องกลับแท็กซี่เสียแล้ว แต่ยืนโบกเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีคันไหนยอมจอดให้เขาเลย  จิตใจเต้ยตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว กลัวมากว่าถ้าอิทธิพลตามมาทัน จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง

...


...


...


“อยู่นี่เองหรอมึง!” เสียงหายใจพ่นลมโกรธอยู่บนหัวเขาแล้วในตอนนี้ เป็นไปได้ยังไง


หมับ!!! มือหนาปิดปากทันที พร้อมกับพาร่างนั้นเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนอีกครั้ง แล้วในที่สุดก็มาถึงสถานที่เดิมๆ  ห้องเก็บของยังไงล่ะ



ผลัก!!! ตุ๊บ!!!


             อิทธิพลโมโหมากในตอนนี้ จับตัวเตชานุ เหวี่ยงไปที่พื้นสกปรกนั่นเต็มแรง ได้ผลว่าเรือนร่างนั้นก็ถลาล้มลงไปที่พื้นทันที ฝุ่นละอองในห้องฟุ้งกระจายไปหมด จนอีกคนไอกระแอมเสียงดัง


“อะแครกๆๆ แครกๆๆ”

“มึงจะหนีกูไปไหน?”


“เราไมได้หนี  เรากับนายไม่มีอะไรต้องติดค้างกันแล้ว เรื่องของนายเราก็ปิดปากไม่บอกใครแล้วไงอิท”



             ร่างสูงจ้องมองใบหน้านั้นอย่างแน่นิ่ง เขาคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ยอมละเลิกเดินย่างเข้าไปหาอย่างเดียว อีกฝ่ายก็ได้แต่ขยับตัวหนีไปตามพื้นเพื่อหนีการคุกคามจากอีกฝ่าย จนกระทั่งชนกับผนัง


“มึงอยากไปจากชีวิตกูมากใช่ไหม?”


“ใช่ ” เต้ยไม่ลังเลตอบไปทันที


“งั้นกูมีทางออกให้มึง! ”


“อะไรก็ได้นายบอกมาเลย เรายินดีทำ ถ้าหากต้องให้นายเลิกยุ่งกับเราอีก” ร่างบางสั่นผวา


“ดี ตอบรับง่ายแบบนี้ก็ดี อย่าคืนคำก็แล้วกัน!”


“สรุป มะ...มันคืออะไร” เขาชักไม่มั่นใจในคำพูดั้นแล้วสิ


“ทำ เหมือนกับที่ พวกตุ๊ด เกย์เขาทำกันไง ประตูหลัง!!!”


“!!!”


“ไม่ ไม่นะอิท เราไม่เอา”


“เฮ้ย!!! มึงห้ามปฏิเสธเด็ดขาด เพราะมึงรับปากเองไม่ใช่หรอ?”


“แต่เรา...”


มึงจะได้อิสระจากกู กูสัญญา” อิทธิพลยิ้มมุมปาก


           เขารีบถอดเสื้อผ้าและกางเกงตัวเองออกอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เพียงบล็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น


“ไม่นะ ไม่ ไม่เอาแบบนี้ ฮึก” ใจดีสู้เสือแค่ไหน สุดท้ายพอตกอยู่ในห้วงเวลาบังคับขืนใจ มันก็ยากที่จะต้องทนเก็บน้ำตาเอาไว้อย่างนี้ เต้ยรีบลุกหนีอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนไม่ได้ผลนัก


“จะหนีไปไหน!!!”


                 ร่างสูงคว้าจับตัวอีกฝ่ายได้ ก็รีบปลดกางเกงเต้ยลงทันที เขาทำอย่างไม่ปราณี ราวกับโกรธแค้นเหมือนเต้ยไปทำอะไรให้ปางตาย แต่แท้ที่จริงกลับไม่ใช่ เต้ยไม่ได้ทำอะไรให้เขาหงุดหงิดขนาดนั้นแม้แต่นิด


พรวด!!!


            กางเกงในสีเทาถูกดึงเลื่อนลงมาถึงหัวเข่า ร่องสีชมพูนั้น เผยปรากฏอยู่ตรงหน้าอิทธิพลเป็นที่เรียบร้อย อวัยวะส่วนนั้นของร่างสูงขยายขนาดราวกับมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่เห็น แต่ความโมโหและคิดอะไรแผลงๆนั้น กลบความรู้สึกของตัวเองไป ว่าตอนนี้เขากำลังคิดเบี่ยงเบนทางเพศจนสัปดนไปหมดแล้ว
 


           อิทธิพลจ่อปลายมังกรนั้นถูกไถไปมา เพื่อเรียกอารมณ์ของตัวเอง ในขณะที่เขากำลังเคลิ้ม แต่อีกคนกำลังลุ้นใจแทบขาด ร้องไห้ฟูมฟายไม่มีหยุด


“อิท ฮึก ฮือ ปล่อยเราเถอะนะ ฮึก เรากลัวแล้ว”


ถุ้ย!!!  เหมือนคนตัวใหญ่ไม่ฟังคำพูดอ้อนวอนนั้น แต่กลับถุยน้ำลายเพื่อเอามาเป็นสิ่งล่อลื่น เขาละเลงทาไปทั่วมังกรน้อย และไม่
ลืมที่จะทาตรงปากทางเข้าถ้ำมังกรนั้นด้วย แม้ว่ามันจะเป็นถ้ำที่เล้กมากก็ตาม


              ความเย็นจากของเหลวที่น่ารังเกียจนั้น ทำเอาเต้ยสะดุ้งตัวอย่างแรง และพยายามจะดิ้นหนี


“อย่าดิ้นสิวะ!!! คราวนี้แหละมึง นรกแน่” อิทธิพลยิ้มอ่อน แล้วลงมือทันที


“โอ้ยยยยยยยยย!!!”


       เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นทันที หลังจากแท่งอุ่นนั้นกดเข้ามาพรวดทีเดียว และมันดังจนทะลุออกไปด้านหน้าห้อง เอสกับทิว ยืนเฝ้าหน้าห้องเอาไว้ยังต้องสะดุ้งตกใจให้กับเสียงนั้น



“เชี่ยแล้วไหมล่ะ ไอ้อิท แม่งเอาจริงด้วย” เอสสบถ


“ทำไมมันกล้าทำวะ? ขนาดผู้หญิงมันยังไม่ทำสดแบบนี้นะเว้ย แต่นี่ ผู้ชายด้วยนะ” ทิวเปรยเสริมขึ้น


“มึงรู้ใช่ไหมว่าถ้าไอ้อิทมันจะทำกับใคร แม่งก็ต้องชอบใจสุดๆ”


“กูรู้ไอ้เอส มึงกำลังจะพูดว่า ไอ้อิทแม่งจิตแปลกไปใช่ไหม ที่จู่ๆ ตุ้ยตูดผู้ชายอย่างเต้ยได้ ทั้งที่ไมได้ชอบ ตัวมันก็เล็กแค่นั้น กู
ไม่อยากคิดเลยว่าไอ้เจ้าโลกของไอ้อิทเข้าไปจะเป็นยังไง”



“จะเป็นยังไง ก็ปางตายไง ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องขอชีวิตนั่นหรอ? กูว่านะ...เอาไว้มันทำเสร็จ ต้องเรียกมาสอบสวนแล้ว แบบนี้เกินไปจริงๆ มันไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วมันจะทำแบบนั้นไปทำไม”


“ทำเพราะ โกรธไอ้เต้ยเตี้ยนั่นไง ”


“เหอะๆ ตรรกะบ้าๆแบบนั้นกูไม่เชื่อหรอก อย่างมันจำเป็นต้องสนใจเด็กห้องเรียนเก่งด้วยหรอ ”


“เอาเถอะๆ แต่เสียงเงียบไปแล้ว แม่งไม่รู้สลบ หรือว่าไอ้อิทมันเสร็จแล้วกัแน่” ทิวทำสีหน้าอยากรู้


“นั่นดิวะ กูละห่วงเต้ยมันจริงๆว่ะ ถ้ารู้ว่าไอ้อิทแม่งบ้าบิ่นขนาดนี้ วันนั้นกูไม่ทำเสียงดังให้ไอ้อิทรู้ตัวก็ดี แล้วปล่อยเต้ยมันหนีไปซะ
ก็สิ้นเรื่อง”


“อย่าโทษตัวเองเลยมึง มันผ่านมาแล้ว ถ้าจะหาคนผิดตอนนี้ แม่งไอ้เชี่ยอิท คนเดียวชัดๆ” ทิวให้เหตุผล




           ภายในห้อง เต้ยแทบหมดแรงกับสิ่งที่อิททำ แน่นอนว่าอิทธิพลทำเสร็จแล้ว ด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที สงสัยคงจะช่ำชองมาจากผู้หญิง แต่สิ่งที่ร่างสูงทำ มันแทบทำให้เต้ยขาดใจตาย กองเลือดหยดลงที่กางเกงในอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่อิทธิพลกลับไม่ได้คิดจะตกใจอะไร สงสัยจะเห็นบ่อยสินะ



“ฮึก ฮืออออออ” ทั้งเจ็บ ทั้งกลัว ปะปนกันไปหมด และได้ยินแต่เสียงอีกฝ่ายกำลังแต่งตัวอยู่ใกล้ๆ


“มึงแม่งสุดยอดเลย ฮ่าๆๆ  ” ความพึงพอใจถูกชมต่อหน้าแบบนี้ใครจะไปทนฟังไหว


“ต่ำ!!! ฮึก ฮึก ต่อไปเราสองคน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”


“กูบอกมึงอย่างนั้นหรอเต้ย! ฮึฮึ”



“!!!”


“ไม่เอาน่าอย่าทำสีหน้าแบบนั้นกับผัวนะ”


“หมายความว่าไง แกจะคืนคำพูดอย่างนั้นหรอ?”


“เปล่า กูให้เงื่อนไขว่ามึงจะอิสระจากกู ไม่ได้หมายความว่ากูจะเลิกยุ่งกับมึงซักหน่อย โอเค กูจะไม่ให้มึงทำโน่นทำนี่ให้กูอีก นอกจาก เซ็กส์! พอใจไหม?”


     อิทธิพลโผเข้าบดขยี้ริมฝีปากบางชมพูนั้นอย่างรุนแรง หนึ่งครั้ง


“เป็นของกูแล้ว อย่าไปแรดกับใครที่ไหนอีก ไม่ว่าจะชายหรือหญิง จำเอาไว้”


“ไอ้ชั่ว!!!”

เพี๊ยะ!!!


“อย่ามาด่าผัวตัวเองแบบนี้ มันไม่เจริญหรอกนะเต้ย” อิทธิพลกัดฟันพุดอย่างเหลือดอด


“ฮึก ฮือออออ กูเกลียดมึง กูจะย้ายโรงเรียน หนีมึงไปให้ได้มึงคอยดู!!!”


“โกรธผัวถึงขั้นขึ้นกูมึงเลยหรอ? อย่าคิดหนีกูเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นกูเอามึงตายแน่เต้ย”


“ฮึก ฮึก ไม่กลัวมึงหรอก ”


“ปากดีแบบนี้ เอาอีกซักรอบเป็นไง ฮะ!!!!”


 “ไม่!!!  อย่าเข้ามา ฮือออ  ม่ายยยย!!!”


:L2:


ตายแล้ววววว น้องเต้ยทูนหัวของพี่    :hao7: :hao7: :hao7:

ว่างแล้วอัพลงได้   :mew1: :mew1:


 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 2.................22.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-09-2016 10:29:40
เกินไปจริง ๆ น้องเต้ยไปเล่าให้ที่บ้านฟังเลย ให้ไปแจ้งตำรวจ มีอำนาจมากขนาดไหนก็ควรเห็นแก่ความเป็นมนุษย์บ้าง
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 2.................22.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 22-09-2016 10:37:43
ถ้าอิทเป็นพระเอกเราโกรธคนเขียนจริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 2.................22.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 22-09-2016 17:14:13
ตอนที่ 3



            เตชานุหอบสังขารตัวเองกลับบ้านด้วยรถแท็กซี่  เขายื่นเงินไปจ่ายค่าโดยสารเสร็จ ก็เปิดประตูรถลงไป โชคดีที่ยังไม่ถึงเวลาพ่อแม่กลับบ้าน นี่คงจะเป็นความทรมานที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของผู้ชายอย่างเขาแล้ว  สองขาเรียวสั่นเทา ยืนทรงตัวแทบจะไม่อยู่ ถึงขั้นต้องเอื้อมมือข้างหนึ่งไปจับรั้วบ้านเอาไว้ อีกมือก็ควานหากุญแจเปิดประตูรั้วในกระเป๋าอย่างยากลำบาก 


พรึบ!!!


          ท้ายที่สุดขาก็หมดแรงลงไปเสียอย่างนั้น เตชานุล้มพับขาอ่อนลงพื้น แม้แต่ตัวเขาเองยังตกใจ โชคดีที่ถนนซอยหน้าบ้านเขาไม่มีรถราแล่นสวนผ่านในตอนนี้ แต่อีกหน่อยก็คงจะมีแน่  เขาพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่มันช่างยากและหนักหน่วงมาก ต้องกัดริมฝีปากล่างเพื่อยันตัวเองลุกสุดชีวิต ท้ายที่สุดก็ทำสำเร็จ แต่แผลที่ร่องก้นมันปวดตุ๊บๆ และเจ็บมากทีเดียว


“เต้ย!!!” เสียงอุทานตกใจของใครคนหนึ่งด้านหลังเขา นั่นยิ่งทำให้คนเจ็บดวงตาเบิกโพง ตัวเย็นชาไปหมด


“พี่ต้อม!!!”


“เต้ยเป็นอะไร?” พี่ชายถามด้วยสีหน้าแตกตื่น


“มะ..ไม่เป็นไรครับ เต้ยไม่ได้เป็นไร” เขายิ้มสู้รับหน้าพี่ชาย



“ไม่เป็นอะไรได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าเลือดไหลตามขาลงมา!” ต้อมชี้ไปที่ขาทั้งสองของน้อง


“!!!” ร่างบางค่อยๆเอียงคอลงไปดูที่ขาตัวเอง ด้วยความตื่นเต้น แต่แล้วก็เห็นน้ำสีแดงข้นที่แห้งสนิทไปแล้วทาบอยู่กับขาจริงๆ


“พี่ถามว่าเต้ยเป็นอะไร?  เกิดอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า? ทำไม่ไม่ตอบพี่” ต้อมร้อนรนใจยิ่งกว่าอะไรซะอีก


“ชะ..ใช่ครับ เต้ยลื่นล้มอยู่โรงเรียน ก่อนจะกลับบ้าน”



          จะให้บอกพี่ชายไปตามตรงได้ยังไง  มันเป็นเรื่องที่ควรพูดหรอ ความบัดสบแบบนี้ใครรู้เข้า จะเข้าใจเขาได้ยังไง  ถึงจะเป็นพี่ชายเรื่องนี้ก็บอกไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!!!


“เข้าบ้านก่อนเถอะ ขาเต้ยสั่นไปหมดแล้ว ”


“ครับ”



               ร่างสูงพยุงน้องชายสุดรักเข้าบ้านไป จนพามานั่งลงบนโซฟา ผู้เป็นพี่ก็ทำท่าเหมือนจะเอื้อมมือมาถอดกางเกงของน้องชายลงเพื่อดูแผล  แต่เด็กหนุ่มตกใจมาก รีบขยับร่างกายหนีต้อมทันที


“จะขยับไปไหน ให้พี่ดูแผลหน่อย ถ้าร้ายแรงมากจะพาไปโรงพยาบาล ท่าทางล้มแรงน่าดู”


“มะ..ไม่ครับ ไม่! ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลหรอก เชื่อเต้ยนะ เดี๋ยวมันก็หาย” เขาดื้อรั้นปฏิเสธไป


“ยังไงก็ต้องให้พี่ดู พี่จะได้ทำแผลให้!”


“ไม่เป็นไรจริงๆครับพี่ต้อม เต้ยทำแผลเองได้ พี่ต้อมกลับมาจากมหา’ลัยเหนื่อยๆ ไปพักเถอะนะ”


“เต้ยพี่ห่วงเต้ยมากนะ  ช่วงนี้เต้ยเป็นอะไร กลับมาจากโรงเรียนก็มีแต่เรื่องนั่นนี่  แอบมีเรื่องกับใครที่โรงเรียนรึเปล่า?”  คำถาม
นั้นช่างยากเย็นเหลือเกินสำหรับเต้ย



“ไม่ครับพี่ต้อม! ไม่มี อย่าถามเต้ยอีกเลยนะ เต้ยปวดหัว เหนื่อย เพลียยังไงไม่รู้”


“อย่าปิดพี่ได้ไหมเต้ย มีอะไรบอกพี่!”



      ร่างบางไม่กล้าสบตาพี่ชาย เพราะรู้ดีถ้าหากมองแววตาอ่อนโยนเป็นห่วงนั้นแล้ว เขาจะต้องใจอ่อนบอกเรื่องบัดสบนี้แน่ๆ


“พี่ต้อม! ถ้าพี่ต้อมจะช่วยเต้ยจริงๆ พี่ต้อมช่วยพูดกับพ่อแม่ทีนะ เต้ยอยากย้ายโรงเรียน!”


“ย้ายโรงเรียน! ทำไมล่ะเต้ย อีกแค่ปีเดียวเองนะ เหตุผลล่ะ บอกพี่เดี๋ยวนี้? ”


“เหตุผลของเต้ยก็คือ...เต้ยไม่อยากอยู่โยธินวิทยาลัยอีกแล้ว ”


“พี่ว่ามันแปลกๆแล้วนะเต้ย ถ้าเต้ยไม่ยอมบอกพี่ พี่จะเอาเรื่องแปลกๆช่วงนี้ของเต้ยไปเล่าให้พ่อแม่ฟังให้หมดเลย แล้วพี่ก็จะไปที่โรงเรียนสอบถามคุณครูทุกคนด้วย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเต้ยกันแน่”


“อย่านะครับ!!! พี่ต้อม อย่าทำแบบนั้นเต้ยขอร้อง ฮึก ฮึก”



    น้ำตาเจ้ากรรมไหลรินลงมาอีกแล้ว มันไหลรินออกมาอัตโนมัติ ทุกครั้งที่รู้สึกกดดัน น้ำตายังจะมาเอง เขายอมรับว่าเขาอ่อนแอ   แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะรอดพ้นจาก อิทธิพล ได้ดีที่สุด



“ถ้าอย่างนั้นก็เล่าให้พี่ฟังเดี๋ยวนี้! คราวนี้พี่ไม่สนใจน้ำตาของเต้ยอีกแล้ว พี่ต้องการความจริงเท่านั้น!”


“ฮึก ฮืออออออ พี่ต้อม”



                ร่างบางโผเข้ากอดพี่ชายแน่น ร้องไห้ฟูมฟาย ราวกับไม่กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน  ส่วนต้อมใจหนึ่งก็สงสารน้อง แต่จะไม่ให้รู้เหตุผลของน้องชายเลยมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เขาเป็นพี่เขาควรรู้เรื่องสิ






              เวลาหนึ่งทุ่ม  ในร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง  ลักษณะจัดเป็นแบบโล่งแจ้งและเป็นห้องด้านในติดแอร์ ภายในนั้นปรากฏอิทธิพลและเพื่อนสนิทสองคนกำลังนั่งกินอาหารอยู่บนโต๊ะในมุมหนึ่ง



“ไอ้อิท เอาแต่แดกอยู่นั่นแหละ ที่กูมานั่งร้านนี้ตามใจมึงเพื่ออยากจะรู้ความจริงนะเว้ย” เอสเปรยขึ้นมา


“ก็กูหิว พวกมึงไม่แดกก็ช่างสิ” ร่างสูงไม่สนใจคีบหมูที่ย่างจนกลิ่นหอมฉุยเข้าปาก


“เอาตรงๆแมนๆนะเว้ย กูถามมึงคำเดียว ทำไมมึงถึงได้ลงมือทำเรื่องบ้าบิ่นกับไอ้เตี้ยแบบนั้น” ทิวถามต่อ


“ก็...ทำไปงั้นล่ะ กูไม่ชอบคนขัดใจกู สั่งสอนซะบ้าง” สุดหล่อประจำโต๊ะเปรยอย่างเรียบง่าย


“นั่นคือคำตอบมึงหรอสัส!” เอสไม่พอใจพูดขึ้นมาทันที


“อะไรวะเอส กูทำแบบนั้นไม่เสียหายอะไรหรอกน่า ดีกว่าไปเที่ยวสาวก็แล้วกัน ไอ้เชี่ยนั่นมันไม่ท้องหรอก”


“อิท!!! มึงรู้ไหมเหตุผลครั้งนี้มันทำให้กูได้เห็นความทุเรศของมึงเพิ่มขึ้นมา ทั้งๆที่กูไม่คิดมาก่อนว่ามึงจะคิดแบบนี้เป็นด้วย
ผู้ชายก็คนนะเว้ย” ทิวทำน้ำเสียงเหมือนผิดหวังในตัวอิทธิพล


“เออๆ แล้วพวกมึงจะให้กูทำยังไงวะ  ถึงจะเลิกด่ากูซักที” ตัวดีเปรยถามความเห็นอย่างไม่เต็มใจนัก


“มึงไปทำคนที่ไม่เคย แบบนั้นครั้งแรก แล้วไอ้เชี่ยนั่นมันเป็นผู้ชาย มันมีแค่ประตูหลัง แล้วประตูหลังมันขยายได้ไม่ดีและรวดเร็ว
เหมือนประตูหน้านะเว้ย” เอส พยายามอธิบาย



“จะพูดอะไรก็พูดมาเลย กูงงไปหมดแล้ว? อีกอย่างจะไปขยายยากห่าอะไร กูก็เห็นว่าแม่งกลืนมิดด้าม”


“ไอ้อิท ก็มึงรุนแรง มึงมันโรคจิตไง เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของเต้ยเมื่อตอนเย็นยังดังก้องหูพวกกูอยู่เนี่ย”


“หรอวะ กูอยู่ในห้องเก็บของกับมันไม่เห็นจะน่ากลัวอะไร ก็เหมือนทำกับสาวบริการทั่วไปนั่นแหละ”


“สัสอิท กูพูดขนาดนี้มึงยังไม่เก็ทอีกหรอ?” เอสเริ่มหมดความอดทน


“ว่ามาเลยๆว่าวกวน กูไม่เข้าใจพี่พวกมึงพูดหรอก!”


“ประตูหลังของไอ้เตี้ยเต้ย มันฉีกไปหมดแล้วแน่ๆ ถ้าให้กูเดา เลือดแม่งต้องไหลนองด้วยใช่ไหม?” ทิวพูดพลางทำสีหน้าสยองไปด้วย


“อิท กูถามมึงจริงๆ ตอนมึงเอามังกรน้องออก เห็นเลือดบ้างไหมวะ?” เอสกลั้นใจถาม


“ก็เห็น...เยอะพอสมควร” อิทตอบหน้าตาเฉย


“ไอ้อิท! พวกกูสองคนลงความเห็นว่ามึงควรจะไปขอโทษและเลิกยุ่งกับเต้ยมันได้แล้ว กูสงสารวะ ”


“ไม่เว้ย!!! มันเป็นของกูแล้ว” ตัวดีโวยวาย


“ไอ้สัส มึงไม่ชอบผู้ชาย มึงจะเก็บสะสมไอ้เต้ยไปเป็นคอลเลคชั่นทำไม๊!!!” เอสเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง


“ใช่อิท! ปล่อยเต้ยเถอะ ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองเขารู้ว่าลูกชายตัวเองเจ็บเพราะโดนอะไรมา กูว่านะมึงซวยแน่”


“คนอย่างอิทธิพล ทำแล้วก็กล้ายอมรับ กูไม่กลัวหรอก ส่วนไอ้เต้ย กูไม่ยอมให้มันไปจากกูแน่”


“นี่มึงพิศวาสอะไรมันนักหนาวะอิท กูถามจริงๆเถอะ มึงคิดอะไรอยู่ อกตูมสาวๆมึงลืมไปแล้วหรอ?”


“กูไม่ได้คิดอะไร ก็แค่รู้สึกไม่อยากให้มันไปไหนก็เท่านั้น” อิทธิพลพูดพร้อมกับคีบหมึกต้มสุกเข้าปากเคี้ยว


“คอยดูเถ๊อะ กูภาวนาขอให้ไอ้เต้ยแม่งย้ายโรงเรียนไปเลยก็ดี  ไม่ต้องมาทนเผชิญหน้ากับคนโรคจิตแบบมึงทุกวัน ถ้าเป็นกู กูหนี
ไปเรียนที่อื่นตั้งนานแล้ว” ทิวเหน็บแนมอิทธิพล




       แต่คำว่าย้ายโรงเรียน มันกลับทำให้เขานึกถึงคำพูดของเต้ยในห้องเก็บของได้  เขาแค่คิดว่ามันไม่น่าจะพูดจริงหรอก แต่...ถ้ามันย้ายไปจริงๆอย่างที่มันว่าล่ะ เขาจะทำยังไง  ไม่สิ!  มันต้องไม่ย้าย มันจะหนีไปไหนไม่ได้   ยังไงมันก็หนีเขาไม่พ้นหรอก!


“ไอ้อิท ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นวะ หมึกไม่อร่อยหรอ?” เอสแกล้งถามไปอย่างนั้น  เพราะจู่ๆคนที่ไม่คิดจะสนใจอะไรอยู่แล้ว กลับ
หน้าเหวอไปเพียงแค่ทิวมันพูดถึงการย้ายโรงเรียนของเต้ยเท่านั้นเอง


“ไอ้ทิว ไอ้เอส กูลืมไปเลย ก่อนกูจะออกมาจากห้องเก็บของ เต้ยมันพูดว่ามันจะย้ายโรงเรียนว่ะ พวกมึงคิดว่ามันพูดจริงไหมวะ?” อิทธิพลเปรยถามความคิดเห็น


“นั่นไงกูว่าแล้ว เดาไม่มีผิดเลยจริงๆ” ทิวชักอยากสมน้ำหน้าเพื่อนคนนี้เต็มทีแล้ว


“กูไม่รู้หรอกนะเว้ย แต่ก็ต้องลองดู...ถ้าพรุ่งนี้มันไม่มาโรงเรียน กูว่าไม่แน่หรอก!” เอสบอกไปตามความรู้สึก



            แต่อิทกลับไม่ได้คิดจะสบายใจแม้แต่น้อย มันจะไปไหนไม่ได้  มันต้องอยู่ที่นี่ ที่โรงเรียนโยธินวิทยาลัยเท่านั้น   มันกลัวเขามากขนาดนั้นเลยหรอ?  อิทธิพลได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง







           ส่วนที่บ้านของเตชานุตอนนี้ ในห้องนอนส่วนตัว มีพี่ชายคอยดูแล ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน เรื่องทุกอย่างต้อมรู้หมดแล้วจากปากของน้องชาย  และสัญญาด้วยว่าจะไม่บอกพ่อแม่เด็ดขาด และจะช่วยคุยกับทั้งสองท่านเรื่องการย้ายโรงเรียนอีกด้วย


“ค่อยๆนั่งนะ” ต้อมพยุงน้องชายออกจากห้องน้ำ   แผลประตูหลังของน้องชายนับว่าหนักพอสมควรเพราะเขาดูแล้วเรียบร้อย  แต่
เกลี่ยกล่อมยังไงเต้ยก็ไม่คิดจะไปโรงพยาบาล เขากลัวแต่เต้ยจะเป็นพิษไข้ขึ้นมา


“ยังเจ็บอยู่ไหมเต้ย พี่อยากไปดูน้ำหน้าไอ้คนชื่ออิทธิพลจัง  จะใหญ่มาจากไหนกันเชียว จริงๆเต้ยไม่น่าปล่อยมันล...”


“อย่าเลยครับพี่ต้อม มันจะไม่เป็นผลดีทั้งสองฝ่าย เต้ยไม่อยากมาอธิบายพ่อกับแม่ทีหลัง นะครับพี่ต้อม”“โอเคๆ พี่จะพยายามแล้วกัน  ถ้าย้ายโรงเรียนได้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว  พี่จะพาไปสมัครโรงเรียน ที่เก่งที่สุด คิดว่าไม่น่ายาก เพราะน้องพี่เก่ง
อยู่แล้ว” ต้อมเอามือลูบหัวน้องชายเบาๆ


“วันนี้ถ้าพ่อกับแม่กลับมา พี่ต้อมบอกไปว่าเต้ยเหนื่อยอยากพักผ่อนนะครับ”


“ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะจัดการให้เอง ส่วนยาพี่เตรียมไว้ให้แล้ว กินซะนะ เพราะไม่รู้ว่าความเจ็บจะทำให้เต้ยเป็นไข้รึเปล่า”


“ขอบคุณครับพี่ต้อม”






         เช้าวันใหม่  อิทธิพลตั้งใจตื่นแต่เช้าเพียงเพื่อไปนั่งดักรอมองดูใครบางคนเข้าโรงเรียน แต่จนแล้วจนรอด ผ่านไปกี่สิบคนก็ไม่มีวี่แววว่าใครคนนั้นจะมาโรงเรียนซักที เหลือบมองนาฬิกาข้อมือตอนนี้จะถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่แล้วเชียว



“มันทำไมยังไม่มาโรงเรียนอีกนะ!”


           น้ำเสียงไม่พอใจแต่เต็มไปด้วยความกังวล  คำว่า ย้ายโรงเรียน ตามมาหลอกหลอนอิทธิพลไม่ขาดสาย ถ้าเต้ยต้องย้ายโรงเรียนจริงๆ แล้วต้นเหตุการย้ายเป็นเขา เขารู้สึกว่ามันไม่ดีเท่าไหร่นัก(แต่ก็ยังทำ)



“ไอ้อิท!!!” เพื่อนหนุ่มสองคนเพิ่งมาถึงโรงเรียน แต่กลับแปลกใจที่วันนี้เห็นอิทธิพลยืนอยู่ประตูทางเข้าโรงเรียน“


“พวกมึง กูยังไม่เห็นเต้ยมันเลยว่ะ” อิททำสีหน้าร้อนรน


“เต้ย? อย่าบอกนะว่ามึงตื่นแต่เช้ามาดักรอไอ้เตี้ยเต้ยมันอ่ะ” ทิวถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“ก็ใช่ไงวะ เพราะพวกมึงแหละทำให้กูกลัวมันย้ายโรงเรียนขึ้นมาจริงๆ”


“เป็นเอามากนะมึงเนี่ย วันนี้เขาอาจจะไม่มาโรงเรียนเฉยๆรึเปล่า?” เอสออกความเห็น


“ไม่ใช่มึงนะเว้ย คนอย่างไอ้เต้ย แม่งไม่เคยขาดเรียน ครูคนไหนก็ชมมัน พวกมึงไม่เคยได้ยินหรอ?”


“ก็ได้ยิน ! แต่บางทีเต้ยมันอาจจะย้ายโรงเรียนไปแล้วก็ได้” เอสแกล้งเพื่อนขึ้นมาทันที


“ไอ้เอส ไอ้ปากหมา หยุดพูดเลยนะเว้ย ไม่มีหลักฐาน อย่ามาพูดลอยๆ”


“ไหนบอกไม่สนใจไอ้เต้ยไง แค่มันคนเดียวจะย้ายโรงเรียน  ทำอย่างกับไก่ตื่นเลยนะมึง” ทิวเสริมขึ้นมาอีก


“ก็กู....” ร่างสูงพุดไม่ออกจริงๆ


“พูดไม่ออกแบบนี้แม่ง หันเห มาชอบผู้ชายแน่ๆ ว่าไหมทิว?”  เอสกอดคอทิวมองหน้าเพื่อนที่ตัวสูงกว่านิดๆ“กูชอบผู้หญิงเว้ย ที่
กูมาดักรอก็มาขอโทษมันตามที่พวกมึงบอกเท่านั้นแหละ ”


“ให้มันจริงเถอะ พวกกูสองคนไปเข้าแถวเช็คชื่อก่อนแล้วกัน บ๊าย!”


            เพื่อนสนิทสองคนเดินเลี่ยงตัวออกไป แต่อิทธิพลยังคงยืนอยู่หน้าประตูเช่นเดิม ไม่มีทีท่าว่าคนที่เขาต้องการอยากเจอจะมาโรงเรียนสักที ทำไมเต้ยไม่มา หรือว่ามันจะย้ายไปแล้วจริงๆ 


           สักพัก กลับมีชายหนุ่มรุ่นพี่ใส่ชุดนักศึกษา ยูนิฟอร์ม มหา’ลัยใจกลางกรุงเทพฯอัตราสอบเข้าแข่งขันสูงมาก กำลังเดินตรงมาหาเขาอย่างเร่งรีบ 


“ขอโทษนะครับน้อง พอดีพี่อยากจะไปห้องฝ่ายบุคคล น้องบอกทางพี่หน่อยได้ไหม”


“ตรงไป เลี้ยวขวา เดินเข้าไปในตึก มองหาป้ายบนหัวจะมีทางบอกอยู่” อิทธิพลบอกเสียงห้วน


“โอเค ขอบใจ”


           แต่จะว่าไป รุ่นพี่ผู้ชายคนนั้นก็น่าสงสัยนะ ใส่ชุดนักศึกษา สงสัยจะมาฝึกสอนรึเปล่า?


“เดี๋ยวพี่ พี่มาฝึกสอนหรอ?”


“เปล่าหรอก มาทำธุระให้น้องชาย”


“ธุระอะไร?”


“ย้ายที่เรียน”


“!!!”



             ได้ยินแค่นั้นหัวใจของอิทธิพลแทบหยุดเต้น ทำไมคำว่าย้ายที่เรียน ถึงได้มีอิทธิพลต่อใจเขานักในเวลานี้  ถ้าจะถามไปอีกคำถามไอ้รุ่นพี่คนนี้จะรำคาญเขาไหมนะ


“น้องชายพี่ชื่อไรอ่ะ”


เต้ย เตชานุ ห้องหกทับหนึ่ง เท่านี้ก่อนนะ พี่รีบ เดี๋ยวต้องไปมหา’ลัยอีก”


“!!!”


            เป็นอีกครั้งกับคำตอบที่สร้างความหวาดกลัวของอิทธิพลให้เป็นจริงขึ้นมา  เขาจะทำยังไงดี ไปขวางทาง หรือว่าขอโทษ หรือว่าจะพูดขัดขวางยังไง ถึงจะทำให้เต้ยไม่ต้องย้ายโรงเรียน  ตอนนี้เขามืดแปดด้านไปหมด แล้วนั่นก็คงจะเป็นพี่ชายของเต้ยแน่ๆ  แต่ถ้าจะหาเรื่องเขาไม่น่าจะสู้ซะด้วย



:L2:



อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลยอิทธิพล ใครอยากให้เต้ยย้ายโรงเรียนได้สำเร็จบ้าง ยกมือ!!!  :m15: :m15:

มีคนมาเม้น ก็มีความรู้สึกอย่างอัพวันละหลายๆตอน อิอิ (ไม่ได้แจกโปรโมชั่นเลยนะจริงจริ้งงง)


 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:


หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 3.................22.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 22-09-2016 19:45:23
มาอัพเลยจร้า รอๆ แต่พระเอกเรื่องนี้เลวอ่า สงสารนายเอก  :sad4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 3.................22.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 22-09-2016 22:10:06
ตอนที่ 4



            หน้าห้องฝ่ายบุคคล อิทธิพลเดินวนเวียนรอใครคนหนึ่งแถวนั้น  เขายอมโดดกิจกรรมหน้าเสาธง ยอมโดดคาบเรียนที่หนึ่งและสองเพื่อรอคอยคนคนนั้น  ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับพี่ชายของเต้ยที่เข้าไปคุยเจรจากับคุณครูฝ่ายบุคคลเสียเนิ่นนาน  แต่ยังไงเขาก็จะรอ รอ...แล้วก็รอ...จนกระทั่งชายหนุ่มรุ่นพี่ในชุดมหาวิทยาลัยคนเดิมเดินออกมาจากห้อง เขาไม่รอช้ารีบเดินไปแสดงตัวขวางหน้าทันที


“เดี๋ยวครับพี่!” พี่ชายเต้ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลายมันออกดังเดิม


“น้องนั่นเอง มีอะไร ทำไมยังไม่ไปเรียน”


“ผม...ผมอยากรู้ว่าเต้ยจะไปเรียนที่ไหน?”


“น้องถามทำไม เป็นเพื่อนห้องเดียวกันละสิ ใช่ไหม?”



         สถานการณ์คับขัน แต่อิทธิพลไม่มีทางยอมให้รุ่นพี่ตรงหน้ารู้หรอกว่าเขาไม่ใช่  ต้องเอาเล่ห์เหลี่ยมเข้าสู้เท่านั้นถึงจะชนะ



“ใช่ครับ ผมอยู่ห้องเดียวกับเต้ย!”


“พี่เดาถูกจริงๆด้วย  แต่ว่า...เต้ยยังไมได้ย้ายหรอกนะ คุณครูเขาขอเอาไว้ เต้ยเรียนเก่ง และสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมาก็ค่อน
ข้างมาก เลยเป็นเรื่องยากหน่อยที่จะต้องให้เต้ยย้าย” ต้อมสีหน้าสลด แต่คนรอฟังคำตอบกลับยิ้มแสยะสะใจ



“อย่างนั้นหรอครับ แต่จริงๆเต้ยไม่น่าลาออกเลย ถ้าลาออกไปพวกผมคงจะเหงาแย่!” อิทเค้นเสียงท้ายประโยคได้อย่างชนิดที่ว่าหากเต้ยมาได้ยินเองคงจะผวาอีกครั้ง


“แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ เดี๋ยวกลับไปที่บ้านจะบอกเต้ยให้ว่าเพื่อนในห้องเป็นห่วง”



          อิทธิพลดวงตาลอกแลกเล็กน้อยราวกับกำลังคิดชื่อบางชื่อที่จะเป็นสรรพนามใหม่อยู่ แล้วสุดท้ายก็เลือกได้พอดี ชื่อนี้เหมาะที่สุด!


“เอ่อ...ผมชื่อ บอล  ครับ”


“อ่อ โอเค บอล ยินดีที่ได้รู้จัก พี่ต้องไปมหา’ลัยแล้ว มีเรียนช่วงบ่ายโมง  นายก็ไปเรียนได้แล้วนะ”


“ครับพี่ แล้วพี่ชื่ออะไรครับ”


“พี่ชื่อต้อม” อิทธิพลพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงหลีกทางให้ต้อมไปในที่สุด



            ตอนนี้อิทธิพลดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เหตุผลจากอะไรนั้นเขาเองก็ไม่รู้  ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกเอาไว้แล้วใช่ไหมว่าเตชานุหนีคนอย่างเขาไม่พ้นหรอก   แผนการก่อนหน้านี้เขาโทรไปบอกพ่อของเขาเอง ซึ่งเป็นถึงนักธุรกิจร้อยล้าน ให้ช่วยเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก



               หากคุณครูคนไหนเซ็นต์อนุมัติให้เตชานุ นักเรียนห้องหกทับหนึ่งออก ค่าบำรุงและสนับสนุนโรงเรียนทั้งหมดหลายล้านจะถูกรื้อถอนทันที สิ่งนี้คิดว่าต่อรองกับผู้บริหารโรงเรียนไม่น่ายากเท่าไหร่ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนซี้กันมาก่อน และที่สำคัญ มันสำเร็จแล้ว และเขาเป็นฝ่ายชนะ





               พักกลางวัน ในโรงอาหารที่สุดแสนวุ่นวาย แต่โต๊ะรอบข้างสามหนุ่มห้องหกทับสิบ กลับว่างเว้นไว้ ไม่มีใครกล้ามานั่งทานใกล้ๆ หรือหากจะมองอีกแง่ พวกนักเรียนเหล่านั้นอาจจะทั้งกลัว และเกลียดพวกเขาไปแล้วก็เป็นได้


“ไงมึง ยิ้มอารมณ์ดีเชียวนะไอ้อิท!” เอสท้วงติงขึ้นมาหลังจากเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นของเพื่อน


“ของมันแน่อยู่แล้ว มึงรู้อะไรไหม ตอนไอ้ต้อมพี่ชายมันออกมาจากห้องบุคคลนะเว้ย  กูลุ้นตัวแทบโก่ง กลัวว่าพ่อกูจะโทรไปสั่งไม่สำเร็จ”


“แล้วสรุปคือ...เต้ยไม่ได้ลาออกใช่ไหม?” ทิวเดาคำตอบเองราวกับมั่นใจอำนาจของเพื่อนพอสมควร


“ของมันแน่อยู่แล้วเว้ย  อย่างไอ้เต้ย มันหนีกูไม่พ้นหรอก”


“เฮ้ยๆๆ พูดแบบนี้เหมือนมึงจะไปผูกเวรผูกกรรมกับมันอีกแล้วนะ” เอสจ้องจับผิดอีกฝ่าย


“เรื่องของกู กูพอใจ!”


“กูยอมมึงจริงๆเลยว่ะอิท แล้วนี่ถามพี่ชายเขารึเปล่าว่าทำไมวันนี้เต้ยถึงไม่มาโรงเรียน” ทิวเปรยถาม


“กูไม่ได้ถามว่ะ แต่ช่างแม่งเถอะ คงไม่กล้ามาโรงเรียนเพราะกลัวเจอกูมั้ง?”


“อิท! มึงทำดีๆกับเต้ยมันหน่อยเถอะว่ะ กูสงสารมัน  ไหนๆมึงก็พูดว่าเต้ยมันเป็นของมึงไปแล้วอ่ะ”


“ได้!! กูจะ ทำ! ดีๆ! กับมัน ให้ดู ฮ่าๆ” อิทยิ้มร่าหัวเราะอย่างสะใจ เมื่อนึกถึง อีกไม่กี่วันร่างบางจะกลับมาเรียนที่เดิม ห้องเดิม และเจอคนที่มันบอกว่าเกลียดเต็มทน คนเดิม ไปตลอดช่วงมอปลาย!


“ดูไปดูมา เหมือนกูได้เพื่อนโรคจิตยังไงก็ไม่รู้” เอสเปรยขึ้นมาเบาๆ


“ทำไมมึงพูดงี้วะ?” อิทไม่พอใจที่เพื่อนพูดแบบนั้น


“ก็ดูสิ ทีกับผู้หญิงแม่งโรแมนติกจะตาย แต่พอเป็นไอ้เต้ย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ตัวเท่าลูกหมา มึงกลับทำเรื่องแบบนั้นกับเต้ยมัน
ได้ลงคอ ทำเหมือนมันไม่ใช่คน ”



                ขนาดไม่เห็นภาพด้านในห้องวันนั้น ทั้งเอสและทิวยังหลอนๆยังไงไม่รู้  เพราะเสียงที่เต้ยกรีดร้องแทบขาดใจดังออก สลัดออกจากความคิดไปยังไงก็ไม่มีทางหายไปได้


“พอๆๆ...กูขี้เกียจฟังแล้ว แดกข้าวไม่อร่อย เย็นนี้พวกมึงกลับไปก่อนกูเลยนะ ไม่ต้องรอ”


“อ้าว ไมวะอิท หรือว่า...นัดเด็กที่ไหนอีกล่ะมึง!” เอสชะงักช้อนข้าวกะทันหัน


“กูจะพาน้องบ๊อบบี้ของกูไปกินข้าว ร้องคาราโอเกะเว้ย”


“คนนี้มึงจะเอาให้ได้ใช่ไหม?” ทิวถามขึ้นมา


“คนที่กูคิดอยากจะเอา มันก็ต้องเอาให้ได้สิวะ ฮ่าๆๆ” อิทธิพลหัวเราะลั่นอย่างสะใจ


“อย่าสดอีกนะมึง บ๊อบบี้นะไม่ใช่เต้ย ท้องป่องขึ้นมา อนาคตมึงดับแน่”


“เออๆ ระดับกูแล้วน่า ไม่แน่คืนนี้กูอาจจะไม่ทำเรื่องอย่างว่าก็ได้”


“ทำไมวะอิท หรือว่าคิดถึงไอ้เตี้ยเต้ยคนเดิม” เอสแกล้งแซวทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่าแซวซักนิดก็ตาม


“อย่างมัน กูไม่สนใจหรอก!”


“หรอออออออ” สองหนุ่มรีบอุทานขานตอบพร้อมกัน แต่อีกคนยู่หน้าไม่พอใจ ตักข้าวเข้าปากทันที




                ผ่านไปนาน จนกระทั่งถึงตอนเย็น  วันนี้ต้อมกลับมาบ้านช้าหน่อย เพราะอาจารย์สอนล่วงเวลาไปครึ่งชั่วโมง เนื้อหาค่อนข้างเยอะและยาก แต่เขาไม่กลับมามือเปล่า หิ้วน้ำหิ้วของกินมาฝากน้องชายเต็มมือไปหมด เพราะรู้ดีว่าพ่อแม่คงยังไม่กลับมา อีกอย่างเต้ยคงจะหิวข้าวแย่แล้ว


“เต้ย เป็นไงมั่ง ยังเจ็บก้นอยู่รึเปล่า?” หน้าที่ของพี่ชายต้อมไม่เคยละเลยเมินเฉยแม้แต่น้อย


“ดีขึ้นแล้วครับ พี่ต้อมหิ้วอะไรมาครับเนี่ย เยอะแยะไปหมด”


“ซื้อของกินของโปรดเต้ยไง เอามาให้คนป่วยกินจะได้หายไวๆ”


“ขอบคุณครับ แล้วเรื่องย้ายที่เรียน...”


“เสียใจด้วยนะเต้ย คุณครูเขาไม่ยอมให้ย้ายท่าเดียวเลย บอกว่าเสียดายเต้ยมาก ยังไงเต้ยก็ทนไปอีกนิดนะ ถ้ายังถูกไอ้อิทธิพล
นั่นทำร้ายอีก คราวนี้พี่ว่าเราควรบอกพ่อกับแม่ได้แล้ว”


“นี่ผมต้องไปโรงเรียนเดิมอีกหรอครับ!” ร่างบางทำสีหน้าหวาดหวั่น กลัวขึ้นมายังไงไม่รู้


“ไม่เอาน่าเต้ย เพื่อนคนอื่นเขาคิดถึงเป็นห่วงเต้ยก็มีนะ  อย่างเช่นคนที่ชื่อ บอล อ่ะ วันนี้เขาก็มาดักรอพี่เพื่อถามข่าวการย้าย
โรงเรียนของเต้ยด้วยนะ”


“บอล?”


“ใช่ บอลห้องเดียวกับเต้ยไง ดูเขาเป็นห่วงเต้ยมากเลย เพื่อนสนิทเต้ยใช่ไหม?”


              นึกถึงชื่อบอล มีอยู่คนเดียวในห้อง และเป็นคนที่เงียบๆไม่สุงสิงกับใคร การเรียนก็ได้ที่หนึ่งบ้าง ที่สองบ้าง   เผลอๆเป็นศัตรูเงียบๆของคนในห้องด้วยซ้ำไป จะเป็นไปได้ยังไงกันที่คนอย่างบอลมาสนใจเขา  เป็นห่วงเขา?  แบบนี้มันแปลกจริงๆ


“เราไม่ได้สนิทกันหรอกครับ  ต้องพูดว่าเราไม่เคยคุยกันเลยซักครั้งถึงจะถูก” เต้ยบอกพี่ชายไปทันที


“ล้อพี่เล่นรึเปล่า ถ้าไม่สนิทกันแล้วเขาจะมาถามเรื่องของเต้ยทำไม?” ต้อมลูบหัวน้องชาย


“เต้ยก็ไม่รู้” คำตอบตอนนี้เขาก็ไม่มั่นใจนัก ว่าที่พี่ชายพูดมามันจริงรึเปล่า บอลไหนกันแน่ แต่ถ้าเป็นห้องเดียวกันก็มีอยู่บอลเดียวนั่นแหละ เงียบๆ ไม่สุงสิงใครเลย ดูเป็นคนลึกลับคนหนึ่งก็ว่าได้


              แต่เรื่องของบอล ไม่ได้ทำให้หนุ่มน้อยเครียดเท่ากับการที่ต้องไปโรงเรียนแล้วเจอกับใครบางคนอีกครั้ง ใครคนนั้นที่เขาเกลียดเข้าไส้แล้วในตอนนี้ แต่เวลามันก็ไม่คิดจะคอยใคร มันเดินหน้าเร็วมาก จนนำพาร่างบางไปถึงเช้าวันใหม่...



            วันนี้เป็นวันพุธ ท้องฟ้ามีเมฆค่อนข้างมาก แต่ก็พอดับร้อนได้บ้าง เตชานุเดินขึ้นรถประจำทางสายเดิมไปลงหน้าโรงเรียนโยธินวิทยาลัย  สองขาเดินก้าวสลับไปมาคล่องขึ้น แต่ก็ยังไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก


           และวันนี้ไม่รู้โชคชะตาอะไรเล่นตลก เขาผ่านเข้ารั้วโรงเรียนมาพร้อมกับ บอล เพื่อนร่วมห้องที่พี่ชายเอ่ยอ้างถึง ว่าเมื่อวานได้แสดงว่าเป็นห่วงเป็นใยเขามากมาย แต่ยังไงก็ต้องถามเจ้าตัวให้รู้เรื่อง 


           บอล เป็นคนตัวสูงเพราะเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนตั้งแต่สมัยมัธยมต้น  พอมาเรียนที่นี่ก็เอาความสามารถนี้มาด้วย พร้อมกับความรู้ที่ชาญฉลาดกว่าเต้ยสองเท่าตัว เรื่องนี้ใครๆก็รู้กันหมด 


           เขาดูหล่อแบบคุณชาย ในชีวิตจริงเขาก็คุณชายจริงๆ ไม่สุงสิงใคร แต่งกายเนี๊ยบตลอด และไม่มีใครกล้าเข้าไปทักเขาก่อน แม้แต่เต้ยที่อยู่ห้องด้วยกันมาถึง สามปีแล้วก็ตาม



“บอล! สวัสดี” เต้ยตัดสินใจเดินไปขนาบข้างเพื่อนหนุ่มร่างสูงกว่า พร้อมกับทักทายทันที 


“อืม! หวัดดี”



        คำเอ่ยทักกลับมาทำให้เต้ย เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขารู้สึกว่าทุกคนจะมองบอลผิดไปกันหมด เขาไม่ได้หยิ่งอย่างที่ว่าจริงๆด้วย 


“ยิ้มอะไรหรอเต้ย!” น้ำเสียงเรียบไร้รอยยิ้มถามขึ้นพร้อมกับเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ


“ปะ..เปล่า เรายิ้มให้กับนายเฉยๆ มีแต่คนบอกว่านายหยิ่ง เราเองก็หวั่นใจอยู่ที่ทักนายวันนี้”



“คนพวกนั้นคิดเองเออเอง ถึงเราจะดูไม่สุงสิงใคร แต่เราก็คุยได้ แต่เรื่องการเรียนเราไม่มีทางยอมหรอกนะ”


“บอล! เราไม่คิดจะแข่งนายหรอกนะ ถึงแข่ง เราก็แพ้นายอยู่ดี”


“ฮ่าๆๆ เราล้อเล่นเต้ย”


“นายหัวเราะ?”



         หนุ่มผิวสีน้ำตาลอ่อน หุบยิ้มไปทันทีที่ถูกทักท้วง เขาชักจะเผลอตัวไปมากทีเดียวที่คุยกับเต้ย เพื่อนหนุ่มร่วมห้องตัวเล็กน่ารักคนนี้ เขาต้องสำรวมกว่านี้อีกหน่อยแล้ว


“อ้าว? หยุดยิ้มทำไมล่ะ นายยิ้มน่ารักดีออก”


“ขอโทษทีนะ เราขอตัวก่อน”


             บอลพูดอย่างสุภาพก่อนจะเลี่ยงตัวออกไป มันไม่แปลกหรอกสำหรับคนอื่นๆ เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยและบุคลิกภายนอก บอลเป็นคนยังไง แต่วันนี้เต้ยดีใจมากที่อย่างน้อย การเอ่ยทักทายบอลครั้งแรก ได้รับมิตรภาพอย่างดีเยี่ยมทีเดียว


“ขี้เก๊กไม่น้อยนะบอล สงสัยเราต้องชวนนายคุยบ่อยๆซะแล้ว” เต้ยยิ้มร่า



“จะคุยอะไรกับมันนักหนา คุยกับ ผัว ไม่ดีกว่าหรอ?”


               เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านข้าง มันเป็นศาลานั่งเล่นข้างทางเดินเท้าพอดี เตชานุแทบไม่อยากจะหันไปมองเลยด้วยซ้ำ  ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวคือวิ่ง! วิ่งเท่านั้นถึงจะรอด แต่ก็...ไม่รอด


หมับ!!!


“อวดเก่งกับผัวอีกแล้ว คิดว่าจะหนีกูพ้นหรอ ฮะ!!!” อิทธิพลตวาดเสียงดังลั่นใส่หูของอีกฝ่าย


      นักเรียนจำนวนหนึ่งแถวนั้นเห็นเข้า แทนที่จะเข้ามาช่วยแต่กลับรีบเดินเลี่ยงหนีไปห่างๆเสียอย่างนั้น ไม่มีใครช่วยเต้ยได้แน่ๆ



“ไอ้เลว! ปล่อยตัวกูเดี๋ยวนี้” ร่างบางสุดทนกับนิสัยแย่เกินคนของอีกฝ่าย


“กูบอกแล้วใช่ไหม เป็นของกูแล้ว ห้ามแรด จำบ้างรึเปล่า ฮะ!”


“อย่ามาหยาบคายแบบนี้นะ!”


“หยาบคายหรอ ทีเมื่อกี้ยิ้มร่าล่อตัวผู้ ทำไมกูจะไม่เห็น! ”


“เห็นหรือไม่เห็นเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ปล่อย!!!”


“สงสัยกูต้องรื้อฟื้นความจำหน่อยล่ะมั้ง?”


“อย่านะ!!! ”


หมับ!!! พรวดดด อิทธิพลคว้าจับต้นคออีกฝ่าย ลากพาไปที่เดิมอีกครั้ง


             และมันเป็นที่น่าน้อยเนื้อต่ำใจ ตรงที่ห้องเก็บของที่ว่า มันอยู่ลับตาคน ปกติไม่มีใครมาเดินเล่นแถวนี้อีกด้วย ยกเว้นภารโรงเท่านั้น แต่เวลาแบบนี้ไม่มีใครมาแน่นอน เต้ยมั่นใจ


ปัง!!! แกร๊ก   


         เสียงประตูถูกปิดลง พร้อมกับกลอนประตูล็อคข้างในทันที สภาพห้องเดิมๆ กับบรรยากาศสกปรกและอับ หวนกลับ
มาอีกครั้ง เต้ยน้ำตาซึมเมื่อกำลังรับรู้ว่ากำลังจะโดนอะไรตามมา ทั้งที่เพิ่งจะดีขึ้น


“คลานเข้ามาอมของกูนี่ อยากมากก็อมให้มากๆ จะได้ไม่ไปร่านที่อื่น” อิทธิพลไม่ว่าเปล่าแต่กำลังรูดซิปกางเกงลง  ไม่นานเจ้า

โลกของอิทธิพลก็ผงาดประชันต่อหน้าต่อตา มันน่ากลัวมาก  คราวก่อนสิ่งนี้ทำให้เต้ยแทบสิ้นใจ เขาจะไม่มีทางโดนมันอีกครั้งแน่


“ไม่!!! ไอ้เลว ไปไกลๆกูเดี๋ยวนี้นะ”


“คำก็เลว สองคำก็เลว รู้ไหมกูเกลียดที่สุดคือคนขัดคำสั่ง!!!”


“ทำไมอิท เราไปทำอะไรให้นายนักหนา เงื่อนไขทุกอย่างเราก็ตกลงรับปากนายทุกอย่าง ทำไมนายต้องทำแบบนี้กับเรา” สุดท้ายก็ต้องเอาน้ำเย็นเข้าสู้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึเปล่า


อยากรู้หรอ อม!!! ก่อนสิ กูจะบอก” อิทธิพลยิ้มอ่อน หน้ากลัว เดินก้าวเข้ามาพร้อมกับอวัยวะขนาดเกือบเท่าแขนเตชานุนั้น จะ
ให้เต้ยหนีไปถึงไหนจึงจะพ้นคนคนนี้ได้นะ



“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”


เพี๊ยะ!!!


“เงียบ อมเข้าไป!!!”


พรวดดด อวัยวะนั้นถูกดันเข้าปากชมพูระรื่อนั้นทันที เตาชานุตาเหลือกลาน น้ำตาไหลเป็นทาง คงหนีไม่พ้นอิทธิพลแล้วจริงๆ



:L2:

ปิดท้ายคืนนี้(ห้ามด่าคนแต่ง โกรธมากก็ไปด่าอิทธิพลโน่นเลย  :serius2:) 


พระเอกจะเอาใครดีน้า บอล หรือ อิท  ตอนนี้คนแต่งชอบบอลมาก บอลดีงามจริงๆ


จริงๆผู้แต่ง แต่งแบบเรียลก็ได้นะ เอาตามใจผู้อ่านเลย ของแบบนี้แฟร์ๆ  แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวถูกด่าอีก  คนชอบ

พระเอกเลวๆก็มีเยอะ  อย่างอิทนี่ ทั้งตอแหล สารเลว เสือผู้หญิง เหมาหมดจ้าาาา  ราตรีสวัสดิ์



 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 4.................22.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 22-09-2016 23:00:14
สนุกมากกกก มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 4.................22.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 23-09-2016 12:22:17
ตอนที่ 5




            สุดท้ายเตชานุก็เสร็จอิทธิพลอีกครั้ง ร่างสูงแต่งกายจนเสร็จแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่คิดจะหันกลับมาใยดีร่างบางแม้แต่น้อย   เต้ยต้องฝืนทนแต่งตัวจนเรียบร้อย  เสื้อผ้าอาจจะมียับไปบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่นัก  โชคดีที่คาบเรียนแรกคุณครูยังไม่มา และวิชาที่ว่าก็ไมได้เคร่งเครียดอะไร เพราะเป็นวิชาศิลปะ



           เต้ยกวาดสายตามองหาเก้าอี้ว่างนั่งเรียน เพราะรายวิชานี้นักเรียนต้องเดินทางมานั่งเรียนในห้องศิลปะโดยตรง  แต่แล้ว กลับเหลือบไปเห็นที่ว่างติดหน้าต่างพอดี ก่อนที่เพื่อนในห้องจะสังเกตชุดนักเรียนไม่ปกติของเขาไปมากกว่านี้  เขาจำเป็นต้องรีบเดินไปนั่งเก้าอี้ให้เร็วที่สุด



           แต่เขาคงไม่ทันได้สังเกตว่าตรงที่เขาเลือกนั่งนั้นอยู่ใกล้ บอล ห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง



“เต้ย! ทำไมเข้าห้องเรียนช้า” หนุ่มผิวสีเอ่ยถามขึ้นก่อน


“อ้าวบอลเองหรอกหรอ…พอดีเราท้องเสีย เลยไปเข้าห้องน้ำมา” เต้ยโกหกไป ทั้งที่ไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้นแม้แต่น้อย


“ครูมาแล้ว!” บอลเปรยบอกเต้ยเบาๆ  ก่อนที่ทุกคนในห้องจะเงียบตามและทำความเคารพ



                   เรียนไปด้วย เจ็บแผลที่เดิมซ้ำๆไปด้วย มันสนุกที่ไหนกัน มีแต่ความทรมานทั้งนั้น เต้ยได้แต่นั่งบิดไปบิดมา ด้วยความยากลำบาก เขาไม่สามารถนั่งเก้าอี้ได้เต็มก้น ดูท่าทีตรงประตูหลังคงจะอักเสบอีกเช่นเคย  บ่อยครั้งเข้า...ร่างสูงผู้สุขุมก็แอบชำเลืองมองมาเป็นระยะ จนกระทั่งจบคาบเรียน



“ทำไมตอนเรียนศิลปะ เต้ยดูไม่นิ่งเลย” บอลถามเพราะอยากรู้ ขณะเดินทางกลับห้องเรียนเดิม


“เอ่อ...เปล่าหรอก ไม่มีอะไร?”


“แต่เราว่ามี!” บอลมั่นใจ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้นเอง


“เรา ขอตัวก่อนนะ อยากเข้าห้องน้ำกะทันหันยังไงไม่รู้”


“ปวดท้องอีกแล้วหรอ? ให้ไปเป็นเพื่อนไหม ” ร่างสูงอาสา


“มะ...ไม่ต้องหรอกบอล นายไปเข้าห้องเรียนเถอะ นายตั้งใจเรียนมากไม่ใช่หรอ ขาดเรียนไปหนึ่งคาบมันไม่ดีหรอกนะ ” ร่างสูง
ทำสีหน้าลังเลเล็กน้อยกับคำพูดที่อ้างขึ้นมา


“อืม! ก็ได้”



                 เต้ยเดินเลี่ยงออกมาเสียดื้อๆ  ไม่ใช่เพราะคิดหนีคำถามของบอล แต่ตอนนี้ของเหลวขุ่นนั่นมันกำลังไหลย้อนกลับลงมา ถ้าไม่รีบเอามันออก ต้องไหลเลอะกางเกงแน่    แต่ห้องน้ำที่เขาเลือกไปนั้น กลับบังเอิญเป็นชั้นเดียวกันกับที่เกิดเรื่องวุ่นวายเมื่อวันศุกร์ก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดมากอะไรอีกแล้ว



            เตชานุถอดกางเกง แล้วนังลงชักโครก พร้อมกับเบ่งสิ่งนั้นออกไป นี่เป็นประสบการณ์ใหม่อีกครั้งที่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับของเหลวขุ่นนั้นยังไง  ถึงจะไหลออกจนหมด นอกจากทำไม่ต่างจากถ่ายหนักเท่านั้น



                แต่เต้ยนั่งทำธุระในห้องน้ำได้ไม่นาน กลับได้ยินเสียงเหมือนจะมีนักเรียนเข้ามาในห้องน้ำ  เงาสะท้อนจากพื้นล่างนั้นพอทำให้รู้ว่ามีคนเข้ามาจริงๆ แต่มันไม่ชัดขนาดที่ว่าเป็นใคร! และเข้ามามากกว่าหนึ่งคนแน่นอน  ฟังจากเสียงสนทนาแล้ว มันช่างคุ้นหูนัก


“เบื่อว่ะ การบ้านก็เพิ่งทำเสร็จไปหยกๆ สั่งมาใหม่อีกแล้ว”


“จะบ่นอะไรนักหนาวะอิท! ครั้งก่อนมึงก็ไม่ได้ทำเองซักหน่อย เมียมึงทำให้ไม่ใช่หรอ?”


           อิทธิพล! ทำไมหนีเข้าถึงห้องน้ำก็ยังตามมาหลอกมาหลอนเขาได้อีกนะ เต้ยได้แต่กลั้นหายใจ หยุดทำธุระทุกอย่างให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังแต่เพียงนักเลงหนุ่มกลุ่มนั้นออกไปจากห้องน้ำ และไม่คิดสนใจประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ด้านในสุดหรอกนะ



จ๊อกกกกกก!!!!

           เสียงฉี่ของสามคนนั้น ราวกับน้ำประปาไหลกระทบ โถปัสสาวะ  ไม่บอกก็รู้ว่าพวกนี้มันมีของใหญ่แค่ไหน!  แต่ในตอนนี้เต้ยได้แต่ภาวนาให้พวกนั้นรีบทำธุระให้เสร็จ แล้วออกจากห้องน้ำไปได้แล้ว



“ไอ้ทิว ไอ้เอส ต่อไปนี้กูขอสั่งเลยนะเว้ย ว่าห้ามพูดว่าไอ้เต้ยเป็นเมียกูอีก กูไม่ชอบว่ะ” ตัวดีเปรยขึ้น


“ไม่ชอบ? แต่วันนี้มึงก็ทำอีกแล้วไม่ใช่หรอวะ!”



            นี่มันเรื่องอะไรกัน! อิทธิพลเอาเรื่องหยาบคาย ชั่วช้าแบบนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟังด้วยหรอ? ร่างบางเม้มปากแน่น ทนฟังต่อไป บางทีก็คิดนะ ว่าตัวเองเหมือนคนไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับคนพวกนี้


“ก็ทำไปงั้นๆแหละ  รำคาญว่ะ พวกแรดๆแบบนั้น”


“ไปว่าเต้ยมันแรดก็ไม่ถูกนะมึง มึงไปทำเขาก่อน ถ้าเต้ยมันอยากจะชอบใคร มันก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรอ เต้ยไม่ได้รักมึงซักหน่อย  มึงไม่สมควรไปว่ามันไปกีดกันมันแบบนั้น” เสียงเอสให้เหตุผล


“ก็มันเป็นของกูแล้ว มันไม่มีสิทธิ์ไประริกระรี้กับคนอื่น ”


“เฮ้อออ หมาหวงก้างชัดๆ เลยมึงเนี่ย” ทิวเปรยขึ้นพร้อมกับรูดซิปกางเกงเสียงดัง


“เฮ้ย!!! พวกมึงกลับห้องไปก่อนไป กูจะจัดการกับคนที่อยู่ในห้องน้ำนั่นก่อน ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรไปบ้าง”


         อิทธิพลเปรยบอกเพื่อน  แต่ตอนนี้เต้ยหัวใจสั่นระรัว เขาจะทำยังไงดี  ร่างสูงหมายถึงเขาแน่ๆ


“เออๆ จัดการด้วยแล้วกัน อย่าให้มันเอาเรื่องเลวของมึงไปป่าวประกาศล่ะ” เอสเปรยบอก


         ประตูห้องน้ำถูกเปิดและปิดลงต่อเนื่อง ตอนนี้ในห้องน้ำเงียบมากๆ และเต้ยเดาใจไม่ถูกเลยว่าอิทธิพลกำลังจะทำอะไร มีเพียงประตูห้องน้ำตรงหน้าเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย แต่ก็ไม่แน่ใจนักหรอก



“เฮ้ย!!! ใครอยู่ในห้องน้ำวะ”


...


                เต้ยไม่ยอมตอบไป แต่กำลังค่อยๆเอากระดาษทิชชูซับทำความสะอาดประตูหลังอย่างเบามือ เพราะความรู้สึกปวดยังมีอยู่ไม่น้อย



“กูถามว่าใคร ไม่ได้ยินรึไง? ออกมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย!”


ปังปังปัง!!!! ไม่ใช่เสียงเคาะประตูด้วยมือ แต่คนคนนั้นกำลังเอาเท้าแตะและยันเข้ามาต่างหาก


...



                  ร่างบางเงียบไม่ยอมตอบอยู่ดี ตอนนี้เขากำลังค่อยๆลุกขึ้น แล้วใส่กางเกง จากนั้นเอื้อมมือไปกดชักโครก เสียงน้ำวนไหลชะล้าง เป็นคำตอบชัดเจนให้คนโวยวายข้างนอกรู้ว่าเขาเสร็จธุระส่วนตัวแล้ว



               ตอนนี้เป็นไงเป็นกัน จะให้รออีกฝ่ายออกจากห้องน้ำไปคงไม่เป็นผล   เขาต้องออกไปเผชิญหน้าตรงๆกับอิทธิพลผู้นี้เองเสียแล้ว


แกร๊ก แอดดด


        ทันทีที่ปลดกลอนประตู ชายหนุ่มร่างสูงก็ปรากฏทำสีหน้าโมโหยืนรออยู่ แต่พอประตูเปิดกว้างขึ้น และรู้ว่าเป็นเต้ย อิทธิพลก็เปลี่ยนสีหน้าจากโมโหมากเป็นเรียบเฉยแทน


“มึงเองหรอ?” อิทเปรยเสียงเบาลง



                แต่ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องอยู่เห็นหน้าและเสวนากับคนคนนี้ เขาเกลียดจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว เขาเป็นบุคคลอันตรายในชีวิตของเต้ยก็ว่าได้ คิดได้แค่นั้นก็ต้องเลี่ยงตัวออกไปจะดีกว่า



หมับ!!! ฝ่ามือหนาคว้าจับต้นแขนเล็กๆไว้แน่น


“เดี๋ยว!!! เมื่อกี้มึงทำอะไร?” อิทชำเลืองมองด้วยหางตาน่ากลัว


“เอาน้ำชั่วๆออกจากร่างกายไง  ปล่อย!!!”


“น้ำชั่วๆหรอ? น้ำชั่วๆใช่ไหม”


ผลัก ตุ๊บ!!!


                   ร่างสูงจับต้นแขนเหวี่ยงร่างเล็กไปติดผนังด้านในห้องน้ำ เดิมที่เดินออกมา ตอนนี้เขาใช้วงแขนสองข้างขนาดใหญ่กักขังบริเวณร่างบางไว้เรียบร้อยแล้ว


           ดวงตาคมดุจ้องมองเต้ยอยู่อย่างนั้น แต่คนถูกกระทำกลับไม่คิดอยากจะมอง ตอบ ได้แต่เบือนสายตาหนีไปมองทางอื่นแทน


“อย่าหลบตากู มองหน้ากูเดี๋ยวนี้!!!” อิทธิพลสั่งตวาดลั่น


“มึงอยากจะทำอะไรมึงก็ทำเลย กูขี้เกียจต่อปากต่อคำกับคนเลวๆเต็มทนแล้ว”


“บอกให้พูดดีๆกับผัว เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆนะมึงเนี่ย”


“จะเอายังไงฮะ เบื่อเต็มทีแล้วนะกับคนแบบมึงเนี่ย!” เต้ยหันมาตะหวาดกลับบ้าง พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า


“โถ่เอ้ย ทำเป็นเก่ง แค่นี้ก็จะร้องไห้ซะแล้ว อ่อนแอว่ะ!”  อิทธิพลพูดเหน็บ


“ถ้าจะต้องแข็งแรงแล้วอาละวาดหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว  กูก็ขอเป็นคนอ่อนแอจะดีกว่า”


“พูดแบบนี้อยากเจ็บตัวอีกรึไง?”


“ถึงกูบอกไม่อยากเจ็บตัว มึงจะเลิกทำไหมล่ะ กูขอตอบแทนเลยนะว่า...ไม่มีทางหรอก?”


“ฮ่าๆๆๆ สำคัญตัวเองไม่หน่อยมั้งเตชานุ ทำไมกูต้องฟังคำพูดมึงด้วย  เรื่องที่พวกกูพูดกันเมื่อครู่มึงคงได้ยินหมดแล้วใช่ไหม  มึงคงไม่คิดว่ากูจะสนใจเอามึงมาทำเมีย หรอกใช่ไหม?”


“หากชาตินี้กูจะต้องมีผัวจริงๆ กูไม่คิดเป็นเมียมึงหรอก ไอ้นรก!”



           ทั้งด่า ทั้งแค้น หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม  ความกดดันจนเกินทน มันเป็นความหน่วงในใจ มันอัดอั้นตันใจบอกไม่ถูก และคนอย่างเต้ยต้องเก็บสะสมมาโดยตลอด ไม่มีทางหนีพ้นเลย  ไม่มีเลยจริงๆ!



หมับ!!!   อิทธิพลคว้าจับคางแล้วออกแรงบีบคางนั้น  ใบหน้าน่ารักเปื้อนน้ำตา เลปี่ยนเป็นปากจู๋ยู่หน้า


“โอ๋ๆ อย่าร้องนะ  เพราะยิ่งมึงร้องมันยิ่งน่าสมเพสว่ะเต้ย”


       อิทธิพลพูดเสร็จก็ก้มลงเอาสันจมูกซักไซ้ต้นคอไปมาอย่างบ้าคลั่งๆ และรุนแรง


“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ ฮึก ฮือออ”


“อยู่นิ่งๆ พอดีกูมีอารมณ์อีกแล้ว ช่วยไม่ได้จริงๆนะ”


“ปล่อยกู ไอ้อิท ไอ้สารเลว ฮึก ฮือออออ”


“ร้องสิร้องเข้าไป กูช้อบชอบน้ำตามึงเนี่ย!  ร้องดังๆเล้ยยย!!!”


              ลิ้นสากอุ่นละเลงเลียไปทั่วต้นคอ ทั้งดูดทั้งจูบ ราวกับหิวกระหาย  ถ้าให้เดา อีกไม่นานรอยคิสมาร์คคงปรากฏรอยแดงเป็นจ่ำในไม่ช้านี้แน่ แล้วเขาจะไปอธิบายคนอื่นๆที่ทักท้วงยังไงดี



“ปล่อยยย ฮึก ฮืออออ  ปล่อยกู  ไอ้เลว ฮึก ฮือออออ”


จ๊วบบบบบบบ


           ร่างสูงประกบปากบางๆที่กำลังด่าทอเขาไม่หยุดหย่อน   คนตัวเล็กกว่าเงียบลงไปได้บ้าง สบายหูขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว  เขาดำเนินกิจกรรมไปเรื่อยๆตามที่ควรจะเป็นอย่างรุนแรงและดุเดือด


          จนในที่สุด เตชานุก็เสร็จเสืออย่างอิทธิพลอีกครั้ง แต่คราวนี้น่าแปลกตรงที่อิทปล่อยของเหลวนั่นให้หลั่งข้างนอกแทนที่จะปล่อยแช่เอาไว้ข้างใน  แต่น้ำสกปรกก็เปรอะเปื้อน แก้มก้นเนียนทั้งสองข้างอยู่ดี


“รูโบ๋หมดแล้วเต้ย! ฮ่าๆ” เจ็บปางตาย ยังมาพูดจาแบบนี้ให้ฟังอีก มันน่าเจ็บใจที่สุด


“อย่ามาหยาบคายกับกูนะฮือออ ไปให้พ้น ฮึก ฮึก”


หมับ!!!


“ปากดีนักใช่ไหมมึง งั้นก็เอาปากทำความสะอาดมังกรแทนน้ำปะปาก็แล้วกัน”


พรวดดดด  อิทธิพลยัดสิ่งนั้นเข้าปากเตชานุทันที ร่างบางถูกบังคับให้ทำไปตามความต้องการนั้น  น้ำตาของเขาช่างไร้ค่านัก ต่อให้ต้องร้องไห้เจียนตายคนคนนี้ก็คงจะไม่เลิกทำ  อิทธิพลทำกับเขาราวกับสัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น  ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนเขาจะไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด



ปี๊ดดดดดดดด


“อ่า.....ซี๊ด  แตกอีกรอบจนได้ กลืนให้หมดสิเต้ย น้ำของผัว ไม่มีอะไรประเสริฐกว่านี้อีกแล้ว”


“อึก อะ แคร๊กๆ  อัวะ.....แคร๊กๆ” ร่างบางสำลึกปางตายที่ถูกบังคับให้กลืนสิ่งนั้น


         เป็นอีกครั้งที่เต้ยต้องสำลึกกับน้ำกามนรกนี่  เขาจะทำยังไงกับสภาพร่างกายที่มันย่ำแย่ขนาดนี้
แกร๊ก  แอดดดด  เสียงใครบางคนเข้ามาในห้องน้ำ ขอบคุณสวรรค์ที่ยังเมตตา แต่ก็ช้าเกินไป  ทำไงได้ช่วงเวลาเรียนแบบนี้คนจะมาเข้าห้องน้ำมีน้อยมาก



“อย่าเสียงดังนะมึง! ลุกขึ้นแต่งตัวซะ กูจะออกไปก่อน สักพักมึงค่อยออกไป”


“ทำไม? กลัวความเลวเปิดเผยหรอ? แคร๊กๆ” เต้ยเหน็บแนมอีกฝ่ายทันที


“คนอย่างกูไม่เคยกลัวใคร  แต่คนอย่างกูไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่ากูมีเมียเป็นผู้ชายหรอกนะ”


              อิทธิพลพูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องน้ำ ส่วนเตชานุได้แต่เจ็บใจ ค่อยๆพยุงร่างกายตัวเองขึ้นมาแล้วจัดเสื้อผ้าชุดนัดเรียนให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้



               ทันทีที่ร่างบางก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ สิ่งที่เขาเห็นคือ ใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตานั้นกำลังยืนมองเขาอยู่ และไม่คิดว่าเวลานี้จะเจอเขา


“บอล!”


“เห็นนายมาเข้าห้องน้ำนาน เราเป็นห่วงเลยตามมาดู”


              คำพูดของคนไม่เคยสนิทกันเลยตลอดการเรียนสามปี มันทำให้เต้ยซึ้งใจมาก คำพูดนี้อิทธิพลไม่มีทางเปรยพูดแม้แต่ครั้งเดียว  มันน่าเจ็บใจไหม แต่ถึงมันจะพูดก็ไมได้มีความหมายและทำให้รู้สึกดีขึ้นหรอก



“ขอบใจนะบอล พอดีเราปวดท้องหนักมากเลย ” เต้ยปกปิดความจริง โกหกต่อไป


“เราเห็นนะ ว่าอิทธิพลเดินออกมาจากห้องเดียวกันกับที่นายเดินออกมา”


“บอล!”


“มันรังแกอะไรเต้ยรึเปล่า?” ร่างสูงผู้สุขุมเดาจากคาบน้ำตาที่มันไหลติดแก้มเตชานุ


“ปะ...เปล่า ไม่ได้รังแกหรอก แคร๊กๆ”


        ที่ต้องโกหกไปอีกรอบ เพราะไม่อยากให้บอลไปมีเรื่องกับอิท มันไม่คุ้มกันหรอก ดีไม่ดีคนที่ซวยจะเป็นบอลได้ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับบอลเลยด้วยซ้ำ


“ต่อไป อยู่ใกล้ๆเราไว้จะดีกว่า เราเพิ่งรู้นะว่าอิทสนิทกับนายด้วย”


          สนิทหรอ? ตลกชะมัด และขำไม่ออกด้วย  เขาเกลียดมัน ขยะแขยงมัน ทำไมชีวิตที่ดีต้องมาเสียให้มันแบบนี้ ทำไมกัน ใครจะบอกเขาได้บ้าง?


“อยู่นิ่งๆนะ เราจะเช็ดคราบน้ำตาให้” บอลเดินเข้ามาทันทีพร้อมกับ ทำอย่างที่บอก เต้ยอึ้งพูดไม่ออก


“!!!”


          คนอย่างเขายังมีคุณค่าอยู่อีกหรอ คนดีๆมาดคุณชายอย่างบอล จริงๆไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้  ไม่จำเป็นเลย จริงๆนะคุณชายบอล



:L2:


น้องเต้ยยยยย   :m15: :m15:   วันนี้ขออัพตอนเดียวนะ แต่งต่อไม่ไหวแล้ว

คนแต่งหน่วงมาก แต่งไปน้ำตาคลอไป ไม่ไหวจริงๆ ขอเบรกก่อน
:katai1: :katai1:

ปล. ด่าคนแต่งได้ แต่อย่าแรงนะ  :ling3: :ling3:

ถ้าอยากด่าแรงๆ ไปด่า อิทธิพลเลยจ้าาาา เอาเลย
  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 5.................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 23-09-2016 14:21:18
สงสารนายเอก  :o12:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 5.................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 23-09-2016 16:15:42
สงสารน้องเต้ยยยยยย ทำไมต้องโหดร้ายกับน้องเต้ยด้วย ฮือออออออ
อิทธิพลเกลียดไรน้องนักหนา ทำไมต้องทำแบบนี้กับน้องด้วย ต่อยมะ?
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 5.................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-09-2016 19:36:24
วันข้างหน้าไม่ว่าอิทจะรักเต้ยหรือไม่
จะเจ็บเจียนตายเพราะเต้ยหรือเปล่า
แต่ขออย่าให้เต้ยรักอิทเลยนะ
อภัยในความเลวได้ แต่คงทำใจรักไม่ได้
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 5.................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 23-09-2016 20:32:06
ไม่ไหวๆ คนแต่งค้างคาใจมากกกก   ต้องเอาตอนที่ 6 ลงวันนี้ให้ได้ เชิญอ่าน!!!

v
v
v
v

ตอนที่ 6


“กลับมาแล้วหรอเต้ย”


             เสียงทรงอำนาจเปรยถามขึ้น ทันทีที่ร่างบางก้าวเข้ามาในตัวบ้านหลังใหญ่นี้  เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้พ่อกับแม่ถึงกลับมาเร็วผิดปกติ แถมสีหน้าท่านทั้งสองไม่ค่อยจะดีนัก



“สะ..สวัสดีครับ”  สามวันแล้วที่ร่างบางหลบหนีไม่พบหน้าผู้ให้กำเนิด เพียงเพราะไม่อยากให้เห็นสภาพที่ยับเยินเกินจะทนดู แต่
วันนี้คงหนีไม่พ้นแล้วจริงๆ



“ธำมรงค์ เพื่อนพ่อโทรมาบอกว่าลูกจะย้ายโรงเรียน  มันเรื่องอะไรกัน” ชายวัยกลางคนเปิดประเด็นทันที


“!!!”



             เตชานุหัวใจเต้นตุ๊บๆ พ่อรู้ได้ยังไง? แล้วธำมรงค์คือใคร? แล้วทำไมรู้เรื่องของเขา หรือว่าพี่ต้อมเป็นคนบอกพ่อกับแม่  ไม่ใช่สิ...พี่ชายไม่ได้บอกพ่อ   คนที่ชื่อ ธำมรงค์ ต่างหากที่บอกสินะ


“ธำมรงค์คือใครกันหรอครับ?”


“เพื่อนพ่อสมัยเรียนด้วยกัน  ตอนนี้เป็นประธานบริษัทออกแบบบ้านมาตรฐาน  แล้วยังมีหุ้นส่วนบริษัทผลิตน้ำผลไม้ที่ลูกชอบดื่ม
เป็นประจำนั่นแหละ ”



“ทำไมผมไม่เคยรู้  แล้วเพื่อนคุณพ่อเขารู้ได้ยังไงครับว่าเต้ยจะย้ายโรงเรียน!” นั่นนะสิ คนนั้นรู้ได้ยังไงกัน


“รู้สิ เขาดูนามสกุลก็รู้แล้ว พ่อเคยคุยกับเพื่อนว่าลูกชายของพ่อเข้าเรียนที่โยธินวิทยาลัย”


“ไม่ใช่ครับ เต้ยหมายถึงจู่ๆเขารู้ได้ยังไง?” เหมือนร่างบางจะยังไม่ได้คำตอบที่อยากรู้นัก


“อันนี้พ่อก็ไมได้ถามนะ  แต่เพื่อนพ่อเล่าว่าพี่ชายเราไปคุยเรื่องย้ายโรงเรียนเมื่อเช้าที่ฝ่ายบุคคล โชคดีที่โรงเรียนไม่อนุญาต ” สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบที่อยากจะรู้อยู่ดี เรื่องนี้รู้แค่เขากับพี่ต้อมเท่านั้น ธำมรงค์เป็นใครกันแน่



“เต้ยไม่เข้าใจ  เต้ยงงไปหมดแล้วครับคุณพ่อ” เตชานุขมวดคิ้วเข้าหากัน


“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย  ไม่เคยบอกอะไรพ่อก่อน พ่อเป็นห่วงนะลูก”


“เอ๋?...เต้ยนึกว่าพี่ต้อมจะปรึกษาคุณพ่อกับคุณแม่แล้วซะอีกครับ”


“ใครว่า...พี่ชายเรานะตัวดีเลย พ่อร้อนรนใจมากเลยนะที่รู้ข่าวนี้  ถึงได้รีบกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ”


“ใจเย็นๆนะคะคุณ ให้ลูกอธิบายก่อน”


   ผู้เป็นแม่จับไหล่สามีเบาๆ ก่อนจะเดินมาลูบหัวลูกชายคนเล็กสุดของบ้าน


“บอกแม่ได้ไหมลูกว่าทำไมถึงอยากย้ายโรงเรียน”


“คือเต้ย....คือว่า...” ร่างบางอ้ำอึ้ง


“คือว่าอะไรบอกพ่อสิเต้ย พ่ออยากรู้เต็มทีแล้ว ที่โรงเรียนไม่ดีพอหรอ หรือว่า...มีใครทำอะไรเต้ย”


“ไม่มีครับคุณพ่อ!” เตชานุรีบตอบสวนขึ้นทันควัน


“แล้วอะไรที่ทำให้เต้ยอยากย้ายโรงเรียนล่ะ  ออกกลางคันแบบนี้ไม่ดีเลยนะเต้ย” คนเป็นแม่แจงให้ฟัง


“เต้ยไม่ออกแล้วก็ได้ครับ คุณพ่อ คุณแม่” เขาตอบบุพการีไปพร้อมกับเดินเลี่ยงจะก้าวขึ้นบันได


“เดี๋ยวเต้ย! หมายความว่ายังไง  ไม่ออกก็ได้ อย่างนั้นหรอ? สรุปไม่มีเหตุผลที่อยากย้ายใช่ไหม?”


“เต้ยอยากย้ายครับคุณพ่อ แต่เต้ยบอกเหตุผลคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้ ฮึก ฮึก”


            ภาวะกดดันมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ร่างบางทนกับสถานการณ์ไม่ได้  เก็บน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป สิ่งที่ไม่สามารถอิบายได้แต่ต้องพูดต้องอิบายมันเป็นอะไรที่ยากเย็นที่สุดในชีวิตเตชานุแล้ว  ผู้เป็นพ่อถอนหายใจออกมาแรงๆ  ส่วนแม่ของเต้ยกลับเดินเข้ามาโอบกอดปลอบใจลูบหลังเบาๆ



“ไม่เอาลูก ไม่เอา เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้นะ” เธอปลอบลูกชายอย่างใจเย็น


“คุณแม่ ฮืออออ ฮืออออ”  เต้ยกอดแม่ไว้แน่นเช่นกัน มันยากนักที่จะต้องบอกเรื่องนี้ไป มันยากจริงๆ



“กลับมาแล้ว...อ้าว คุณพ่อ  คุณแม่ ทำไมกลับเร็วจังครับ”


                   ต้อมเปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นพ่อแม่ของเขา แถมมองดูดีๆสถานการณ์ในบ้านตอนนี้กลับเห็นน้องชายคนเดียวของเขากำลังร้องไห้ฟูมฟายกอดแม่อยู่


“เต้ย! ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเต้ย   หรือว่าไอ้อิทธิพลอีกแล้วใช่ไหม?”


“พี่ต้อม!!!”


       ไม่ทันแล้ว ความเป็นห่วงน้องชายมีมากเกินไป เผลอพูดชื่อนั้นต่อหน้าพ่อกับแม่เป็นที่เรียบร้อย  กิริยาสีหน้าผู้เป็นพ่อเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันทันที


“อิทธิพล คือ!ใคร!!!?”


“เอ่อ..คือ..” นักศึกษาทันตแพทย์เริ่มกระอักกระอวน  แววตานึกอยากขอโทษน้องชายจากใจจริง  เขาไม่ได้ตั้งใจจะเปรยชื่อนั้นออกไป  ไม่น่าเผลอเลยจริงๆ


“พี่ต้อมก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณพ่อ!!!” เต้ยรีบแก้ต่างให้พี่ชาย


“เงียบไปเลยเต้ย  แม่พาเต้ยขึ้นไปบนห้อง วันนี้พ่อต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องบ้าๆนี่มันเป็นมายังไงกันแน่  ต้อม!!! ตามพ่อไปห้องนั่งเล่น เดี๋ยวนี้!!!”


“คะ..ครับ” ร่างสูงก้มหน้าขานรับแล้วเดินตามพ่อไป อย่างเลี่ยงไมได้ แต่ก็ดีเหมือนกันทุกอย่างจะได้จบ


“ไม่นะ!  ไม่! พี่ต้อมห้ามพูดนะ เต้ยอาย อย่านะพี่ต้อม ฮึก ฮืออออออ”



                   ถึงเต้ยจะดิ้นแค่ไหน ก็หลุดพ้นอ้อมแขนผู้เป็นแม่ไม่ได้  เต้ยตัวเล็ก น่ารัก เรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี พ่อกับแม่ดูแลและรักราวกับเป็นลูกสาวด้วยซ้ำ


“อย่าดื้อนะเต้ย ให้พ่อเขาถามพี่เราน่ะดีแล้ว แม่ก็อยากเหมือนกัน รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่”


“ฮืออออ เต้ยไม่พร้อมอ่ะ ฮึก ฮึก ฮือออออ เต้ยไม่พร้อมครับคุณแม่”


            ตัวเล็กทรุดลงที่ขั้นบันไดทันที พร้อมกับร้องไห้ออกมา กดดันเป็นอย่างมากในเวลานี้ พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้แล้วจะเป็นยังไง? เขาจะโดนด่า โดนตีไหม ร้ายแรงกว่านั้น พ่อกับแม่จะร้องเรียนร้อง ถึงขั้นขึ้นศาลรึเปล่า ตอนนี้เด็กหนุ่มคิดไปไกลถึงไหนไม่มีใครรู้ได้ในความเศร้าโศก

...

...


...

...

         จนกระทั่งเวลาผ่านเลยไป จากตอนเย็นตะวันยังไม่ตกดิน จนตอนนี้ปาเข้าไปสองทุ่มครึ่งแล้ว พี่ต้อมกับพ่อยังอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้น   ตอนนี้พ่อต้องรู้แล้วแน่ๆ พ่อต้องดุเขาแน่ๆ



          เตชานุนั่งชันเข่าอยู่บนเตียงสีฟ้าอ่อน  คราบน้ำตาหยุดไหลไปแล้ว แต่ความกลัวมีมากกว่า  คุณพ่อของเขาเป็นคนคิดจริง ทำจริง  และห่วง หวงเต้ยมาก ข้อนี้เต้ยรู้ดี  สิ่งนี้ทำให้ทั้งลูกชายทั้งสองคนอยู่ในโอวาทเป็นเด้กดีมาตลอด


           
         ไม่นานประตูห้องนอนของเต้ยก็ถูกเปิดเข้ามา  แต่ไม่ใช่พ่อ หรือแม่ของเขา  กลับกลายเป็นพี่ต้อมแทน ร่างสูงในชุดมหา’ลัยเดินเข้ามาข้างใน ด้วยสีหน้าแววตายิ้มแย้มแบบนั้นคืออะไรกันแน่!


“ไง...ตัวเล็กของพี่ ”


“ออกไปเลย เต้ยโกรธพี่ต้อมแล้ว ฮึก ฮึก” เขาเริ่มอยากจะร้องไห้อีกแล้ว เมื่อเห็นหน้าพี่ชายสุดหล่อ ต้นเหตุคนที่ทำให้พ่อกับแม่รู้ความจริงจนได้


“โถ่ จะโกรธพี่ทำไมครับ ตอนนี้คุณพ่อรู้เรื่องหมดแล้ว คุณพ่อจะไปที่โรงเรียนเพื่อพาเต้ยย้ายโรงเรียนด้วย”


“จริงหรอครับ!!! ” เต้ยดีใจตาโต


“จริงสิ ฮ่าๆๆ ยิ้มได้แล้วคนดี” มือหนาเอื้อมไปลูบหัว น้องชายคนเล็กโยกย้ายซ้ายขวาเบาๆ


“แล้วคุณพ่อโกรธเต้ยไหมครับ” ร่างบางถามเสียงอู้อี้


“โกรธสิ!!! แต่โกรธไอ้อิทธิพลนะ ไม่ใช่เต้ย”


“คุณพ่อจะแจ้งความเขาไหม พี่ต้อมบอกคุณพ่อที อย่าทำแบบนั้นเลย แค่เต้ยย้ายโรงเรียนเดี๋ยวเรื่องก็จบ”


“คุณพ่อไม่แจ้งความหรอก  พี่ให้เหตุผลไปแล้ว เพราะพี่รู้ว่าเต้ยไม่อยากเอาผิดไอ้หมอนั่นหรอกจริงไหม? เพราะถ้าแจ้งความก็เท่ากับ เราจะมีประวัติเสียหายติดตัวไปด้วย ”


“จริงๆนะ  ขอบคุณครับพี่ต้อม ”


ฟอดดดด   เตชานุถลาเข้าหอมแก้มพี่ชาย อย่างดีใจ ลืมความเจ็บปวด หวาดกลัวทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด


“หอมพี่แบบนี้  พี่คิดนะรู้รึเปล่า ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่น้องกัน พี่สู่ขอทำเมียไปแล้ว”


“ยอมเป็นเลย ถ้าได้พี่ต้อมเป็นแฟน”


“ฮ่าๆๆ  ไปข้างล่างเถอะ คุณพ่อคุณแม่อยากคุยด้วย”


“เต้ยกลัว!”


“ไม่ต้องกลัว นั่นพ่อแม่ของเต้ยนะ โกรธยังไงก็เป็นคนให้กำเนิดเต้ย ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”


“พี่ต้อมไปกับเต้ยนะ ห้ามทิ้งเต้ยนะ”


“อืม ได้!”


...

...

...

                   ที่บ้านนฤบดินทร์หลังใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง เจ้าของบ้านเป็นผู้มีอำนาจมากมาย  กระจายในหลายๆหน่วยงาน และในแวดวงธุรกิจคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่รู้จักชื่อ ธำมรงค์แน่นอน  ตอนนี้เขากลับมาถึงบ้านแล้ว พร้อมกับคนใช้สามคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามารับข้าวของไปเก็บ


ครืดดดด  ครืดดดดด


             ชายวัยกลางคนหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาดูหน้าจอ เป็นเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเก่าที่กดโทรหาหาเมื่อเช้านี้เอง  โทรกลับมาแบบนี้ต้องมีอะไรเป็นแน่


“ว่าไงประทวน”


“ไอ้ธรรม  ฉันรู้แล้วว่าลูกชายฉันอยากย้ายโรงเรียน เพราะอะไร? ”


“เพราะอะไรวะ  ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิ” ธำมรงค์ร้อนรนใจ อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน


“ลูกชายฉันถูกรังแก  ทำร้าย ข่มขืน ฉันกะจะเอาเรื่องมันถึงที่สุด แต่เห็นแก่อนาคตเด็ก ฉันจะยอมปล่อยไป อีกอย่างเต้ยไม่
เอาผิดคนคนนั้นด้วย ยังไงซะพรุ่งนี้แกอย่าโทรไปขวางคุณครูอีกเลยนะ”



“โอเคได้ๆ ฉันจะไม่ยื่นมือไปเกี่ยว ขอให้ลูกชายนายปลอดภัยก็ดีแล้ว ได้ยินแบบนี้เป็นห่วงลูกชายของฉันเองยังไงก็ไม่รู้  เรียนอยู่ที่เดียวกันซะด้วย”


“อ้าวอย่างนั้นหรอ ชื่ออะไรนะฉันจำไมได้  เอ่อ...เท่านี้ก่อนนะ  ฉันต้องคุยกับลูกก่อนแล้ว”


“โอเค  ไว้ว่างๆจัดงานฉลองบริษัทจะเชิญ เจ้าของคอนโดหรูอันดับหนึ่งอย่างนายไปร่วมแล้วกัน”


“ไม่มีปัญหาเพื่อน”


          ปลายสายตัดไป  ธำมรงค์แปลกใจชอบกล โรเงรียนชายล้วนแบบนั้นยังมีเรื่องทุเรศแบบนี้ได้อีก แล้วนี่ลุกชายของเขาจะปลอดภัยรึเปล่า อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ    คิดได้แค่นั้นจู่ๆก็ได้ยินเสียงรถส่วนตัวไปรับไปส่งลูกชายกลับมา   เขายืนรอจนกระทั่งร่างสูงหนานั้นลงมาจากรถ ด้วยสีหน้าอารมณ์สดใสร่าเริง


“อิท! ”


“อ้าวพ่อ หวัดดีครับ ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะ ไม่ได้ไปดินเนอร์กับหุ้นส่วนหรอ?”


“ไม่ล่ะ วันนี้พ่อเหนื่อย เลยขอเขากลับบ้านมาก่อน  เออ...จริงสิ เรื่องที่แกโทรมาบอกพ่อเมื่อเช้าให้ขวาง เรื่องการย้ายโรงเรียนของเพื่อนสนิทแก  ตอนนี้ฝั่งนั้นเขายืนยันจะย้ายให้ได้  แกทำใจเถอะนะ ครั้งนี้พ่อคงช่วยแกไมได้ เหตุผลนั้น พ่อได้ยินแล้วอนาถใจจริงๆ  เพื่อนสนิทแกคนนี้เขาทนกดดันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”



                ถ้าจะเท้าความกลับไป ธำมรงค์ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ลูกชายตัวเองนั่นแหละคือคนที่ทำให้ลูกชายครอบครัวประทวนนั้นเดือดร้อน แต่ตอนนี้คำพูดของธำมรงค์ทำให้อิทธิพลไม่เข้าใจ


“เต้ยนะหรอครับ?  มัน...เอ้ย เต้ยจะย้ายโรงเรียนอยู่อีกหรอครับ ทำไมดื้อนักนะ”


“ก็ใช่นะสิ แกเองก็ระวังตัวหน่อยนะ กลัวว่าต่อไปคนที่รังแก ทำเรื่องสมเพสแบบนั้นจะมาเล่นงานแกบ้าง”


“โอ้ย! ไม่ต้องห่วงเลยครับพ่อ อย่างผมไม่มีใครกล้าหรอก ” อิทธิพลเฉไฉ แท้ที่จริงใครคนนั้นคือเขานั่นแหละ


“พ่อขึ้นห้องก่อนแล้วกัน  ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”


“พ่อเดี๋ยวครับ!!!”


“มีอะไรหรอ อิท”


“พ่อช่วยผมอีกซักครั้งหนึ่งเถอะนะ เพื่อนคนนี้ผมสนิทมาก  อย่าให้เขาย้ายเลยนะพ่อ ผมคงเหงาแย่” เขากลั้นใจพูดไป


“รอบนี้ไม่ได้หรอกอิท  แกรู้ไหมว่าเพื่อนสนิทของแกคนนี้เขาเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน? ”


“ทำไมพ่อถามแบบนั้น ไอ้เต้ยมันก็เป็น...คนฐานะปานกลาง ขายของชำไง” อิททำฟอร์มไม่อยากให้ธำมรงค์จับผิดได้


“อ้าว...แกพูดแบบนี้แสดงว่าแกคบเพื่อนโดยที่ไม่รู้พื้นเพ ไม่ถามข้อมูลอะไรมั่งเลยหรอ”


“เอาน่าครับพ่อ แล้วสรุปเต้ยเป็นใคร ผมรู้เท่าที่บอกพ่อไปนั่นแหละ  ทำไมพ่อพูดเหมือนเขายิ่งใหญ่จัง จะใหญ่เกินผมไม่มีทางหรอก” อิทธิพลดูถูกดูแคลนพลางรอฟังคำตอบ


“ไม่รู้ก็รู้ซะ เพื่อนแกคนนี้เขาเป็นลูกชายคนเล็กของ ประทวน  เกศเกล้า ตระกูลธุรกิจมั่งคั่ง  เป็นเจ้าของคอนโดหรู ที่พ่อซื้อให้แกอยู่ลาดพร้าวไงลูก ” ธำมรงค์อธิบายให้ฟัง อิทธิพลสวนพูดขึ้นมาทันที


“อะไรนะครับ!  ไม่จริงอ่ะ พ่อพูดเล่นใช่ไหม?”


“จริงสิวะ พ่อจะโกหกแกทำไม”


“แต่ไอ้เต้ย มันกลับบ้านด้วยรถประจำทางทุกวันเลยนะ  ผมว่าคนละเต้ยแล้วล่ะพ่อ เต้ยเพื่อนผมมันจนจะตาย”


“เตชานุ เกศเกล้า เพื่อนแกคือคนนี้ ข้อมูลเมื่อเช้าแกก็บอกพ่อแบบนี้ จะไปมีเต้ยอีกกี่คนกันหืม?”


“ไม่จริงอ่ะ เต้ยมันไม่ได้รวย ไม่ได้ไฮโซ ผมรู้จักมันดี” อิทธิพลค้านจนถึงที่สุด


“ คนเขารวย มีเงินมากมาย จำเป็นต้องทำตัวฟุ่มเฟือยเหมือนแกด้วยหรอตาอิท”


“อ้าวพ่อ ทำไมมาด่าผมแทนล่ะ ”


“ฮ่าๆๆ ก็มันจริงนี่หว่า พรุ่งนี้ไปล่ำลาเพื่อนแกซะให้เรียบร้อย  แต่ถ้าอยากเจอกัน ไว้พ่อนัดประทวนมาทานข้าวที่บ้านแล้วกัน”


...


“อิท! ฟังพ่ออยู่รึเปล่า”


...


“อิท! ”

...



“ตาอิท!!! ”



“ครับพ่อ!!! ฟังครับ ฟังอยู่”


“เอ่อ เข้าใจก็ดีแล้ว เห็นเหม่อลอยอยู่นั่น คิดอะไรของแกอยู่”


“เปล่าครับพ่อ ไม่ได้คิดอะไร”



            อิทธิพลตอบผู้เป็นพ่อไป แต่ตอนนี้ความจริงทั้งหมดจากปากธำมรงค์ผู้เป็นพ่อ  มันทำให้เขาเริ่มตัวสั่นไปทั้งตัว  ความซวยจะมาเยือนเขาก็ตอนนี้แล้ว  หนุ่มวัยมัธยมปลายเดินเลี่ยงตัวออกไปนั่งหย่อนเท้าเล่นในสระว่ายน้ำ คิดเรื่องราวที่ผ่านมา ตอนนี้ไม่มีใครรั้งการไปของเต้ยได้แล้วจริงๆหรอ   



           ตอนนี้พ่อยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายเต้ยคือ ลูกชายของตัวเอง  แต่อิทธิพลกลับแปลกใจมากที่อีกฝ่ายไม่บอกความจริงเรื่องชื่อเขาไป  เพื่อเล่นงานเขา   ทำไมกัน ร่างบางจะปกปิดความผิดนี้ไปทำไม!!!



“มึงจะไปไหนไม่ได้นะ  กูไม่ให้มึงไปจากกูหรอกเต้ย ”

        ความต้องการที่ขัดแย้งแต่รู้ทั้งรู้ว่ายังไง เต้ยก็ต้องไป ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะรั้งไว้   หากเขาประเจิดประเจ้อไปมากกว่านี้ มันจะทำให้ความลับที่เต้ยพยายามปกปิดไม่ให้ความผิดสาวตัวมาถึงเขาต้องสูญเปล่า 

 
       ไม่ใช่แค่นั้น  หากเขาไปวุ่นวายจนผู้ใหญ่จับได้ เขาอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อเขาและพ่อเต้ย ต้องพังพินาศ หายสิ้น


“นี่กูต้องยอมปล่อยมึงจริงๆสินะเต้ย โถ่เว้ย  หนีกูจนได้ สัส!!!” 


        อิทธิพลตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งคนเดียวริมสระ  ไม่มีคนใช้คนไหนกล้าเข้ามาถามไถ่  เพราะรู้นิสัยของลูกชายคนเล็กของธำมรงค์ดี หากเข้าไปมีหวังได้ลาออกแน่


:L2:



คนแต่งไม่สบายใจ รอพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว น้องเต้ย  ออกไปจากโรงเรียนนี้เถอะ  ถูกทำร้ายจิตใจเกินไปแล้ว   :katai1:

ฐานะครอบครัวเต้ย ผู้แต่งไม่ได้บอกแต่แรก  เพื่อรอตอนนี้โดยเฉพาะ  สบายใจได้นะทุกค้นนนน(แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก)

เดี๋ยวเต้ยกับอิท ก็เจอกันอีกเหมือนเดิมแหละ   
    :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:


หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 6 (แถมมา).................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-09-2016 21:37:39
สนุกดีคับ

มาให้กลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 6 (แถมมา).................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 23-09-2016 21:43:10
สงสารเต้ยยย เกลียดพระเอก ?  :sad4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 6 (แถมมา).................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: peckzavine ที่ 23-09-2016 22:54:26
หนุกมากครับ
ติดตามๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 6 (แถมมา).................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 23-09-2016 23:17:58
สนกม่กกก
อยากอ่านต่อแล้ว มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 6 (แถมมา).................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-09-2016 08:08:26
อ่านไปลุ้นไป
ขำตัวเองมาก
ลุ้นตัวโก่งเลยแหล่ะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 6 (แถมมา).................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-09-2016 10:41:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 6 (แถมมา).................23.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 24-09-2016 12:33:43
ตอนที่ 7



“ไม่ไปไม่ได้หรอครับ”  เสียงครูฝ่ายบุคคลเปรยขึ้นราวกับทำท่าเสียดายนักเรียนเรียนดีคนหนึ่งไป


              แต่นั่นก็เป็นเพียงความต้องการของคุณครู ไม่อยากให้เตชานุย้ายโรงเรียนเท่านั้นเอง แต่ในเวลานี้ผู้ปกครองอย่างประทวน  นักธุรกิจคอนโดหรูมาทั้งทีมีหรือจะยอมแพ้ ยังไงเขาก็ต้องพาลูกชายย้ายออก



“ยังไงลูกผมก็ต้องไป พวกคุณไม่สามารถดูแลลูกชายผมได้ ผมก็จะไปหาที่ที่ดูแลลูกชายผมได้ดีกว่านี้”



              ประทวนเหน็บแนมเหล่าคุณครูทั้งหลายในห้อง  ทุกคนเงียบกริบไป ไม่กล้าแม้แต่จะต่อกรกับประทวน  ทันใดนั้นลายเซ็นอนุมัติก็ปรากฏบนกระดาษทันที  เป็นอันสิ้นสุดและพ้นสภาพการเป็นนักเรียนโยธินวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว



“ขอบคุณที่ยอมปล่อยลูกชายผม เต้ยไปกันเถอะลูก พ่อจะพาไปโรงเรียนใหม่”


               ร่างบางลูกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณครู เดินตามผู้เป็นพ่อออกไป  แต่ดูเหมือนว่าด้านหน้าห้องใครบางคนกำลังยืนเคียงข้างพี่ชายของตัวเองอยู่  เขาคนนี้มาทำไมกัน?


“เต้ย บอลเขาอยากขอคุยด้วย” ต้อมเอ่ยชื่อ บอล ออกมา ตอนนี้ร่างบางเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นบ้างแล้ว


“ไปคุยกันตรงนั้นเถอะนะเต้ย” หนุ่มหล่อเปรยบอกเสียงนุ่มสบายหู  ราวกับคนละคน เหมือนวันนี้เขาเป็นเทพบุตร ไม่ใช่ซาตาน แต่หน้ากากนั่นปกปิดตัวตนที่แท้จริงจากเต้ยไม่ได้หรอก



         แต่คิดดูอีกที หากตามอิทธิพลไปคุยตรงโน้น ก็ไม่เสียหายอะไร ยังไงเสียเขาก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้ว อีกอย่าง คนที่อ้างชื่อคนอื่นมาปกปิดตัวตนแบบนี้มันน่าไม่อายที่สุด  อิทธิพลไม่มีทางทำอะไรเขาในเวลานี้หรอก เขามั่นใจ



        คนที่เต้ยเกลียดที่สุดเดินนำไปจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ลับตาคนพอสมควร   อิทธิพล หยุดเดินทันที พร้อมกับสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกงนักเรียนราวกับทำตัวเท่ห์ก็มิปาน

...

...

“กล้ามากเลยนะที่อ้างชื่อ ของบอลมาหลอกพี่ชายเรา” เต้ยเปรยขึ้นทันที


“ฮึฮึ แล้วมันก็ได้ผลไหมล่ะ พี่ชายมึงเนี่ยโง่เสียยิ่งกว่าโง่จริงๆ ” ร่างสูงพูดเสร็จก็ค่อยๆหันกลับมามองหน้าร่างบาง


“อย่ามาว่าพี่ชายเราเด็ดขาด คนที่สิ้นคิด ทำแต่เรื่องเลวทราม ต่ำช้า แบบนายต่างหากที่สมควรได้รับคำว่า  โง่ ไม่ใช่คนอื่น!”


“ปากเก่ง จัดจ้าน เหมือนหมาจริงๆ!!! คิดหรอว่าไปอยู่โรงเรียนอื่นแล้วจะหนีกูพ้น”


“อย่ามาระรานกันแบบนี้ นายไม่มีเหตุผลเอาซะเลยอิทธิพล ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเราด้วย”


“เพราะมึงเป็นของของกูไง ชัดไหม สัส!!!”


“เราไม่ใช่สิ่งของ ของใครทั้งนั้น”


“อ้ออออออ กูลืมไป  ตอนนี้มึงพิศวาสผัวน้อย อย่างไอ้บอล ไปแล้วสินะ จนลืมผัวหลวงคนนี้ได้ลงคอ”


“อย่ามาหยาบคายกับคุณชายนะ” เตชานุเปรยปกป้องเพื่อนสนิทคนใหม่


“คุณชายหรอ ฮ่าๆๆๆๆ  เทิดทูนมันขนาดนี้ มันให้มึง กินกี่น้ำ แล้วล่ะ”


“ไอ้อิท  ไอ้สารเลว!” เต้ยเดินไปหาอีกฝ่าย พร้อมกับตั้งใจจะง้างมือตบแก้มอีกคนซักทีสองทีให้สมกับปากพร่อยๆ หยาบคายนั่น


หมับ!!!


“คิดจะตบกูหรอ? ตบผัวมันบาปนะ รู้ไหม?” ร่างสูงคว้าจับข้อมือนั้นเอาไว้อย่างง่ายดาย


“สารเลว!”


“ฮึฮึ  สารเลว ชั่วช้า ต่ำทราม กูได้ยินจนชินแล้ว แต่รู้อะไรไหม กูช้อบชอบ เวลามึงด่ากูเนี่ย ”


“ไอ้นรก!”


“อ้อออออ ลืมไป มีคำว่า นรก เพิ่มมาอีกคำสินะ  คำด่าของมึงมันยั่วให้กูมีอารมณ์ทุกครั้งเลยเต้ย”


จ๊วบบบบบบบบบ   อิทธิพลก้มลงจูบไม่รีรอ  ไม่สิ ต้องบอกว่าร่างสูงนั้นบดขยี้ริมฝีปากอย่างรุนแรงมากต่างหาก  และมันแรงพอจนเต้ยรับรู้ได้ว่าเลือดกำลังซึมออกมาจากริมฝีปากที่ถูกขบกัดเบาๆ แต่มันเจ็บใช่เล่น  ปากเขากำลังปริแตกในไม่ช้า



พรึบ!!! ร่างสูงผละริมฝีปากหนาของเขาออกจากเตชานุ  คราบเลือดติดริมฝีปากนิดๆ เขากลับเอาลิ้นสกปรกนั่นเลียตวัดกลับเข้าไปในปากหน้าตาเฉย


“เลือดมึงนี่ หวานมากเลยเต้ย”


“อย่ามาพูดจาเลอะเทอะเหมือนคนโรคจิตแบบนี้  ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เราขอตัว”


หมับ!!! ฟอดดดดด   อิทธิพลคว้าเอวบางเข้ามากอดรัดไว้แน่นจากทางด้านหลัง พร้อมกับหอมแก้ม ซักไซ้ซอกคอหอมๆนั่นทันที   


“ไอ้อิท ไอ้เลว ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!! ไม่อย่างนั้นกูจะบอกความจริงให้หมดว่ามึงคือ อิทธิพล ”


“!!!” ร่างสูงหยุดชะงักไป ร่างบางเห็นจังหวะทีเผลอ ก็ดิ้นใหญ่ จนกระทั่งหลุดออกมาจากอ้อมแขนแกร่งนั้นได้


“อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลยนะอิท” เต้ยพูดราวกับสั่งเสีย ทั้งชีวิตนี้เขาสองคนไม่สมควรมาเจอกันอีก


“เต้ย!!! สิ่งเดียวที่กูอยากรู้  ทำไมมึงต้องปกปิดความจริงที่ว่า กูเป็นคนที่ทำร้ายมึง? ”


            นี่คือความจริงในใจ ที่เขาต้องการอยากคุยกับร่างบางในเวลานี้ที่สุด เขาอยากรู้จริงๆ


“ทำไมนะหรอ? สงเคราะห์สัตว์เดระฉานไงอิท เราไม่ใช่คนเลวขนาดที่มองดูคนชั่วๆแบบนายถูกฟ้องคดี ขึ้นศาล หรือไม่ก็ติดคุก ”
เต้ยยิ้มมุมปากราวกับถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะเดินออกจากตรงนี้ไป  แต่กลับถูกรั้งเอาไว้อีกครั้งด้วยเสียงตะโกนจากอิทธิพล


“เดี๋ยวเต้ย! มึง...ไม่ย้ายได้ไหม?” พูดเป็นเล่น ตอนนี้เขาไม่ใช่นักเรียนของโยธินวิทยาลัยอีกต่อไปแล้ว 


“ชีวิตของเรา ไม่เคยคิดจะได้ตกนรก แต่นายเป็นคนยัดเยียดสิ่งนี้ให้กับเรา เราจำเป็นต้องไปที่ใหม่ เลือกทางเดินใหม่ๆ ไปเจอคนที่ให้ความสุขเราได้  ไม่ใช่มีแต่มอบความทุกข์!”


“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก!”


“เลิกยุ่งกับเราได้แล้วอิท เราเกลียดนาย ได้ยินไหม? จะให้บอกอีกกี่ครั้ง คนเกลียดกันไม่ควรเจอกันอีกเลยจะดีที่สุด ลาก่อน!”


“ใครบอกว่ากูเกลียดมึง”


“!!!?” เต้ยชะงักกับคำพุดนั้น มันทั้งแผ่วเบาและไม่มีความก้าวร้าว กลับฟังดูเหมือนเสียใจยังไงพิกล


“มึงอย่าไปเลยนะ”


“เราเสียเวลามามากแล้ว ต้องไปลา บอล อีก จบกันแค่นี้นะอิท ลาก่อน”


“กูไม่มีทางพ่ายแพ้มึงหรอก มึงจำไว้  กูเกลียดที่สุดคือคนขัดความต้องการกู  และมึงคือคนที่ขัดกูมากที่สุด ต่อให้มึงหนีไปจนสุดขอบล่าฟ้าเขียว  กูก็จะลากมึงมาหากูเหมือนเดิม จำเอาไว้  เต้ย!”



              ร่างบางได้แต่กำหมัดแน่น รีบเดินหนีจากตรงนั้นทันที  แต่เขาเชื่อนะว่า... คนคนนี้คงเก่งแต่ปาก มันทำอย่างที่ว่าไม่สำเร็จหรอก มันไม่มีทางตามเขามาสยบแทบเท้าได้อีก  เพราะโรงเรียนที่เขาจะไป มันค่อนข้างเรียนหนัก และเข้ายากเป็นอันดับต้นๆของประเทศ พูดให้ง่ายๆคือคนอย่างอิทิพลสอบเข้าไม่ได้แน่ เขาไมได้ดูถุก แต่ตัดสินจากปัจจุบันที่เห็นๆกันอยู่ 



“โถ่เว้ย ”


เพล้ง!   เสียงไม่พอใจของใครบางคน ทำเอาเตชานุที่อยู่ไกลออกไปนั้นต้องสะดุ้งเล็กน้อย แต่นั่นเขาก็ชินกับนิสัยแย่ๆแบบนั้นของร่างสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 


        เต้ยเดินออกจากตรงนั้นจนกระทั่งถึงห้องเรียนประจำที่แสนผูกพัน  ถึงแม้เวลานี้จะเป็นเวลาเรียนของเพื่อนๆก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้เข้าไปลาเพื่อนก็ยังดี


“ขออนุญาตครับคุณครู ผมมาลาเพื่อนๆครับ”
       


      คาบเรียนตอนนี้ เพื่อนๆกำลังเรียนเคมี ซึ่งทางสะดวก เพราะคุณครูท่านนี้เป็นคนใจดีมากทีเดียว


“ได้สิเต้ย เข้ามาข้างในก่อนเร็ว”


      เตชานุเดินเข้าไปช้าๆตามคำอนุญาต  จนกระทั่งถึงบริเวณกึ่งกลางหน้ากระดาน เขาสบสายตาเพื่อนๆในห้องทุกคน แต่แววตาเหล่านั้นหลับมองมาที่เขาอย่างไม่กระพริบตา บ้างก็ทำสีหน้างง  สงสัย แต่พอมองไปจนถึงใครคนหนึ่งที่นั่งเรียน แยกตัวสันโดษนั้น กลับมองเต้ยด้วยแววตาไม่เข้าใจร่างบางเอาเสียเลย



“ทุกคน เรามาลานะ เราได้ย้ายโรงเรียนแล้ว ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนนะ เราเชื่อว่าซักวันจะได้เจอกันอีก เราฝันอยากเป็นแพทย์   ถ้าใครจะสอบแพทย์เหมือนกัน ขอให้สอบได้นะ  ส่วนใครจะไปเรียนที่เดียวกัน  เราหวังว่าคงได้เจอกัน  เราจะไปเป็นเพื่อนกันอีกที่นั่น เราต้องการเข้ามหาวิทยาลัย.....  มันเป็นที่เดียวที่เราชอบและพี่ชายเราก็เรียนที่นั่น  เรายังเล่นเฟสบุ๊ค เล่นไลน์เดิมนะ  โทรศัพท์ก็เบอร์เดิม ถ้าคิดถึงก็ติดต่อมาได้ทุกทาง ทุกเมื่อนะ โชคดีครับทุกคน”



              เต้ยพยายามข่มใจไม่ให้น้ำตาไหลต่อหน้าเพื่อนๆทุกคน  ท้ายที่สุดก็คงต้องเป็นคุณครูเจ้าของคาบเรียนในเวลานี้แล้วที่เต้ยจะต้องเอ่ยลาเป็นคนสุดท้าย



“ผมลาแล้วนะครับคุณครู ขอบคุณครูมากๆที่ทำให้ผมชอบวิชาเคมีมาตั้งแต่มอสี่ ผมจะเอาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุดครับ”


“โชคดีเต้ย ครูจะรอดูความสำเร็จลูกศิษย์อย่างเธอเสมอ”


“ครับคุณครู”



                ร่างบางยิ้มพร้อมกับโบกมือลาเพื่อนๆอีกครั้ง  ตอนนี้เขาต้องไปแล้วใช่ไหม?  ใช่สิ! เขาต้องไปแล้วจริงๆ  ในขณะที่เดินลงบันไดอย่างเศร้าใจนั้น กลับได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนกำลังวิ่งตามมา  และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

...

...


“เต้ย!!!”


“บอล!”


“ทำไมเต้ยย้ายโรงเเรียนไม่บอกเราก่อนหน้านี้” คุณชายในคราบเหนื่อยหอบนิดๆ ถามขึ้น


“ขอโทษที เรา...”


“เพราะอิทธิพลใช่ไหมที่ทำให้เต้ยเป็นแบบนี้”


“มันผ่านไปแล้วล่ะ บอลอย่าพูดถึงอีกเลยนะ”


“เต้ยจะไปโรงเรียนไหน เราจะไปด้วย”


“ทำอย่างนั้นไม่ได้นะบอล นายจะตามเรามาทำไม?”


“เรา...เราเพิ่งมีนายเป็นเพื่อน นายจะให้เราเสียเพื่อนดีๆไปอย่างนั้นหรอ?”


“เพื่อนทุกคนในห้อง รอบอลเข้าไปขอเป็นเพื่อนอยู่นะ เปิดใจของนายให้กว้างๆ   ชีวิตจริงเราจะอยู่กับการแข่งขันไปไม่ได้ตลอดหรอก โดยเฉพาะมิตรภาพ เอาใจแลกใจเท่านั้น ไม่ใช่การแข่งขันนะบอล”


“ทุกวันนี้เต้ยทำให้เราเรียนรู้หลายๆอย่าง แต่ทำไมทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี นายกลับหนีไปจากเรา”


“เราสำคัญกับนายมากขนาดนั้นเลยหรอ?” คำพุดของบอลอดไม่ได้ที่เต้ยต้องคิดแบบนั้น


พรึบ!!!!  คุณชายร่างสูงไม่พูดอะไรต่อแล้ว  ตอนนี้เขากลับเดินเข้าไปกอดร่างคนตัวเล็กกว่าไว้แนบอก


“สำคัญสิ สำคัญมาก  นายสำคัญที่สุดสำหรับเราเลย  ตลอดสองปีที่ผ่านมา นายเป้นคนเดียวจริงๆ”


“หมายความไง?” เตชานุไม่เข้าใจในสิ่งที่บอลพูด


“ตั้งแต่เห็นเต้ยครั้งแรก  เราอยากคุย เราอยากทัก แต่ความหยิ่งของเรา มันทำให้เราได้แต่รอ รอวันที่เต้ยจะกล้าเข้ามาชวนเราคุยก่อน  แต่พอได้คุยกับเต้ย  ชีวิตเราเหมือนเปลี่ยนไปทันที”


“เราดีใจ ที่นายคิดได้แบบนี้”


“ให้เราตามเต้ยไปนะ  ให้เราได้อยู่ใกล้ๆเต้ย ได้อยู่กับเพื่อนคนเดียวในชีวิตของเรา”


“อย่ากีดกั้นตัวเองแบบนั้นสิบอล เพื่อนแท้มันไม่มีจำกัดตายตัวหรอกนะ ทุกคนรอนายเป็นเพื่อนทั้งนั้น”


“ไม่มีใครดี และเหมือนนาย ไม่มีใครแทนที่นายได้หรอก”


“บอล!!!”


“เต้ยพูดว่าอยากเป็นหมอใช่ไหม  เราก็อยากเป็นเหมือนกัน มหา’ลัยที่เต้ยฝันอยากเรียน ก็เป็นที่เดียวกัน สัญญากับบอลนะว่าเต้ยจะตั้งใจเรียน สอบให้ได้คะแนนสูงๆ เราต้องติดด้วยกัน และเป็นเพื่อนกัน”


“เราสัญญา แล้วเจอกันนะว่าที่คุณหมอบอล”


“เราจะอดทนรอให้ถึงวันนั้น ....จริงสิเต้ย! เราขอมือถือเต้ยหน่อยสิ”



       ร่างบางหยิบสิ่งนั้นให้อีกคนทันที  คุณชายรับไปพลางกดหมายเลขหลายหลัก ถ้าให้เต้ยเดาก็คงจะเป็นเบอร์มือถือแน่นอน


ครืดดด  ครืดดดด เขาใช้มือถือเต้ยโทรเข้าเครื่องตัวเองจริงๆด้วย


“เราได้เบอร์เต้ยแล้วนะ ส่วนเบอร์ที่กดโทรออกในเครื่องเต้ย นั่นเป็นเบอร์เรา คืนนี้เดี๋ยวโทรหานะ เต้ยนอนดึกรึเปล่า”


“ประมาณเที่ยงคืน ”


“งั้นดีเลย รอรับสายบอลนะ”


“เต้ย!  ไปเถอะลูก เดี๋ยวพ่อต้องเข้าประชุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีก” เสียงทรงอำนาจดังใกล้เข้ามาพร้อมกับต้อม พี่ชายของเขาเอง


“ครับคุณพ่อ”


“คุณอาประทวน สวัสดีครับ”


“อ้าวบอลนั่นเอง  รู้จักกับลูกชายอาด้วยหรอ?” ประทวนทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย


“ใช่ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”


“นี่บอลรู้จักคุณพ่อเราด้วยหรอ” เตชานุแปลกใจมากทีเดียว


“ก็ใช่นะสิลูก พ่อของบอลกำลังเป็นหุ้นส่วนร่วมกันกับพ่ออยู่นี่ไง ตอนบ่ายเดี๋ยวก็ไปเจอกันในห้องประชุม  ”


      เต้ยพยักหน้าพยายามเข้าใจ  แต่ดูท่าทีว่าอีกฝ่ายที่เงียบขรึมกำลังเปรยยิ้มออกมา สงสัยจะดีใจที่รู้ว่าเต้ยเป็นคนรู้จักใกล้ตัวสินะ


“คุณอาครับ วันเสาร์นี้ผมอยากไปบ้านคุณอาได้ไหมครับ”


“ถามอะไรแบบนั้นมาได้เสมอแหละ เป็นเพื่อนกับเต้ยแบบนี้ อาจะไปขวางอะไรได้ ฮ่าๆๆ”


“ขอบคุณครับคุณอา  อย่าลืมที่สัญญากันไว้นะเต้ย” คุณชายหันมากำชับอีกครั้ง


“โอเค” เต้ยยิ้มให้คุณชายสุดหล่อ


“สัญญาอะไรกัน?” ประทวนต้องการอยากรู้


“เราสัญญาว่าจะสอบติดหมอให้ได้ที่เดียวกันครับคุณพ่อ”


“เออดีๆ เอาให้ได้นะ ขึ้นมหา’ลัย อาจะได้สบายใจ ถ้ามีบอลดูแลลูกชายให้อา”


“คุณพ่อ...รบกวนคนอื่นเขาเปล่าๆนะครับ”


“ไม่มีปัญหาครับคุณอา ผมเต็มใจครับ” บอลยิ้มให้คนตัวเล็ก


“ฮ่าๆๆ ดี ดีมากไอ้หลานชาย อาไปก่อนนะ”


“ผมลานะครับคุณอา พี่...”


“เรียกพี่ต้อมก็ได้ครับ” หนุ่มผิวขาวเปรยบอกอย่างเป็นกันเอง


“อ่อ..ครับ พี่ต้อม แล้วเจอกันเสาร์นี้นะเต้ย”


“มาให้ได้นะบอล”


“แน่นอนอยู่แล้ว”



                     ท้ายที่สุดเต้ยก็นั่งรถส่วนตัวออกจากโรงเรียนโยธินวิทยาลัยไป พลางมองข้างกระจกรถ เก็บความผุกพันสองปีที่ผ่านมาเอาไว้ในความทรงจำ   และนี่เป็นการนั่งรถหรูของคุณพ่อในรอบ หลายเดือนที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ เขาชินกับแท็กซี่ รถเมล์ สายประจำทางมากกว่าเสียอีก



“เต้ย สรุปเพื่อนในห้องเต้ยมีคนชื่อบอลกี่คนกันแน่” ต้อมยังไม่หายสงสัย เก็บคำถามไว้ตั้งแต่เจอบอลคนที่สองแล้ว   แต่คนถูกถามกลับกระอักกระอวนไม่รู้จะตอบต้อมไปยังไงดี


“มีสองคนไงครับ บอลสองคนเลย”


“แปลกนะ ชื่อบอลเหมือนกัน แถมสนิทเต้ยทั้งสองคน  นิยมชอบคนชื่อบอลหรอเรา หืม”


“เอ่อ...”


“ถ้าเป็น บอล  คุณชายคนกลางของตระกูล พิมลประชาทิศ  พ่อไฟเขียวนะลูก”


“อะไรครับ ไฟเขียวที่คุณพ่อว่า..” เต้ยทะแม่งทะแม่งยังไงชอบกล


“เปล๊า...พ่อหมายถึง เป็นเพื่อนกันไง   พ่อกับลุง ดำรงฤทธิ์ สนิทกันมาก รักกันเหมือนพี่น้องจริงๆ น่าเสียดาย ถ้ารู้ตั้งแต่เนิ่นๆ
พ่อจับให้นั่งเรียนคู่กันตั้งแต่มอสี่แล้ว”


“พ่อพูดอะไรเนี่ย..”


“ฮ่าๆๆๆ  เต้ยหน้าแดง”  ต้อมเอ่ยแซวน้องชายทันทีที่เห็น  แต่เต้ยแยกเขี้ยวใส่พี่ชายตัวดี ลองเปลี่ยนมาเป็นคนถูกแซวบ้างไหมจะได้รู้ว่ามันมีความรู้สึกยังไง?

...

...


และแล้ว กาลเวลาก็ผ่านพ้นไป...ยาวนานร่วมหนึ่งปี ต่อมา



:L2:



เยสสสสสสสส   น้องเต้ยของพี่ออกไปจากขุมนรกได้แล้วววว  :katai2-1: :katai2-1:

ตอนต่อไป เรื่องราวบ้าๆบอๆ ในมหาวิทยาลัยกำลังจะเริ่มขึ้น  ตามไปส่องกันเถอะ หุหุ
:hao3: :hao3: :hao3:

ส่วนบักห่าอิทธิพล ขอยกแห้วให้สิบกิโลนาจา เอาไปแดร๊กกก ให้อิ่มเบยยย


 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 7.................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-09-2016 13:29:18
ไอเลวจะตามไปเรียนหมองั้นเหรอ
หมอโรคจิตชัดๆ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 7.................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: peckzavine ที่ 24-09-2016 14:45:19
 :hao5: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 7.................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-09-2016 16:56:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 7.................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-09-2016 18:14:33
สงสัยอิทจะซาดิสสสสส รักแบบไม่รู้ตัว  :hao7:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 7.................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 24-09-2016 19:53:53
มาให้กำลังใจจ้า
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 7.................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 24-09-2016 20:04:00
จะเข้ามหาลัยแล้ว

รอๆตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 7.................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 24-09-2016 21:08:08
ตอนที่ 8


ตึ้ง ตึ้ง ตึ้งตึ้ง!!! เฮ้!!!  ตึ้ง ตึ้ง ตึ้งตึ้ง!!! เฮ้!!!



        เสียงตีกลองรัวดัง ต้อนรับนักศึกษาแพทยศาสตร์รุ่นล่าสุด   ความสำเร็จของเตชานุในตอนนี้ก็สมดังใจหวัง พ่วงมาพร้อมกับบอล เพื่อนคนเดียวที่ติดต่อไปมาหาสู่กันตลอดตั้งแต่ร่างบางย้ายออกจากโยธินวิทยาลัย  ความสัมพันธ์และความสนิทสนมมีมากขึ้น เพราะ ดำรงฤทธิ์และประทวน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเปิดโอกาสเด็กสองคนใกล้ชิดกันมากทีเดียว จนบางครั้งดูเหมือนราวกับจับคู่ชายหญิงให้ลูกก็มิปาน



        ตอนนี้บอลเหมือนบุคคลสนิทที่ขาดไม่ได้คนหนึ่งในชีวิตของเต้ยไปแล้ว จนแล้วจนรอดก็ยังมาเจอกัน ตามคำสัญญาที่ให้แก่กันไว้เมื่อปีก่อน  และ พวกเขาสอบติดคณะแพทย์มาได้ด้วยดี 



        ใบหน้าเนียนใสน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันหลากสีจากรุ่นพี่  ถึงจะเลอะแต่กลับสนุกสนานกันดี  กิจกรรมจัดรับน้องยาวนานไปจนกระทั่งถึงเวลาสองทุ่มครึ่ง  กิจกรรมทุกอย่างจึงเลิกรา  เด็กปีหนึ่งทยอยเดินกลับหอพักไปตามความสะดวก บ้างขึ้นรถไฟฟ้าบริการมหาวิทยาลัย บ้างก็ขับขี่รถมอเตอร์ไซน์กลับหอ




       และเพื่อนสนิทมากคู่นี้อย่างบอล บริรักษ์ กับเต้ย เตชานุ เลือดที่จะกลับหอด้วยรถไฟฟ้าบริการฟรี  แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเดินถึงร้านน้ำ ด้านหน้าไม่ไกลเป็นป้ายจอดรถไฟฟ้าพอดี


“เต้ย หิวน้ำไหม? เดี๋ยวบอลไปซื้อให้” คุณชายในสภาพใบหน้าแต่งแต้มสีน้ำไม่ต่างกันถามขึ้น


“หิวข้าวมากกว่าบอล” ตัวเล็กบอกไป


“ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้น รอบอลอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวไปซื้อน้ำมาให้ ไหนๆร้านน้ำก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง ”


“โอเค ”



                เตชานุยิ้มให้อีกฝ่าย พร้อมกับมองหาที่นั่งรอคุณชาย  เหลือบไปเห็นเก้าอี้แถวพลาสติกสีขาวอยู่สี่ห้าตัว ใต้ถุนตึกอาคารเรียนรวมตรงนั้น ไม่ไกลเท่าไหร่ ตรงนี้ค่อนข้างสว่างไสว  แต่คนกลับไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก อาจเพราะเพิ่งเปิดเทอมไม่กี่วัน




              ลมฝนเข้าพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เต้ยชะเง้อหน้าออกไปดูท้องฟ้าด้านนอก กำลังแลบแปล๊บๆ  ส่งเสียงร้องคำรามมาแต่ไกล ข้าวเย็นวันนี้เห็นทีคงต้องรีบไปทานเสียแล้ว


“อิทคะ มายืนอยู่นี้เอง”


“!!!”



               เสียงผู้หญิงที่ไหนมาร้องเรียนชื่อนี้  ผ่านไปเกือบร่วมหนึ่งปีแล้วที่เขาไม่เคยได้ยินสรรพนามเรียกชื่อนั้นอีกเลย  แต่ตอนนี้กลับหวนคืนมาอีกครั้ง เสียงนั้นอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกลมาก เต้ยมั่นใจ  เขาควรจะหันไปมองดีรึเปล่า?


“อิท ไปเถอะค่ะ แพรวหิวข้าวแย่แล้ว”


...


“อิทคะ ได้ยินที่แพรวพูดไหม เอาแต่มองข้างหลังผู้ชายคนนั้นอยู่ได้ คนรู้จักหรอคะ?”


...


                    เตชานุตัวแข็งทื่อ จากคำพูดของผู้หญิงแทนตัวเองว่าแพรวนั้น  ใครคนหนึ่งที่ชื่ออิท ต้องกำลังมองมาที่เขาอยู่แน่ จะเป็นคนคนเดียวกับที่เขาหวั่นกลัวรึเปล่า  ไหนๆก็ลองหันไปดู   ไม่น่าเสียหายอะไรหรอกจริงไหม ดีไม่ได้อาจจะไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้ก็ได้


พรึบ


               ร่างบางหันกลับไปมองทันทีตามความต้องการขัดข้องใจ  แต่อีกฝ่ายทั้งชายหญิงกลับมองดูเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว หญิงสาวคนนั้นสวยมาก เธอขาว หุ่นดี ผมลอนสวย แต่การแต่งตัวดูเหมือนไม่ใช่ปีหนึ่งแน่นอน



               ส่วนอีกคน... ดวงตาเรียวคม ทรงผมเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน บุคลิกหรือแม้แต่เสื้อผ้าที่สวมอยู่ มันทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่และเปลี่ยนไปมาก  แต่ทำไมเขาจะจำไม่ได้...ว่าชายคนนี้เป็นใคร



             แววตานั้นจ้องมองมาที่เขาราวกับไม่มีความรู้สึกอะไร แต่ในใจของเต้ยตอนนี้กลับหวั่นกลัว  หากเขาเจออิทธิพลที่นี่ นั่นก็หมายความว่า เขาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ผิดแน่


“อิทคะ ได้ยินแพรวรึเปล่า?”


“ได้ยินครับ ”


“กว่าจะตอบแพรวได้นะคะ ” เธอทำน้ำเสียงง้องอน


“โถ แพรวสุดดวงใจของผม ผมขอโทษนะครับ”



      ปากก็บอกไปว่าขอโทษ แต่แววตาไม่ได้จ้องมองที่เธอแม้แต่น้อย  แต่ดวงตาน่ากลัวนั้นมองมาที่เตชานุแทน คิดจะมาเล่นละครพลอดรักต่อหน้าต่อตาเขาเพื่ออะไรกัน   อยู่ทนดูต่อไปคงจะไม่ดีแน่



“แพรวไม่โกรธแล้วก็ได้ค่ะ ว่าแต่ทำไมอิทมองแต่รุ่นน้องคณะแพทย์คนนั้นคะ สรุปรู้จักกันหรอ?”


“ไม่ครับ เราไม่เคยรู้จักกันเลย !”



       ร่างสูงเค้นเสียงหนัก พูดจงใจให้ร่างบางได้ยิน  แต่...ก็ดีเหมือนกัน ไม่ว่าคนคนนี้จะลืมเขาจริงๆหรือว่าแกล้งลืมก็ตาม  คำพูดนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย



          เต้ยรีบลุกจากเก้าอี้ แล้วเร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดทันที  แต่ลืมไปว่าสถานที่แบบนี้ คือที่ที่ทำให้รู้จักกับผู้ชายร่างสูงคนนั้นไม่ใช่หรือไง?



“แพรว ผมอยากเข้าห้องน้ำ แพรวรออยู่นี่นะ”


“ค่ะ อย่านานนะ”


“ครับคนดีของผม”



                   เดินละสายตาจากหวานใจของตัวเอง อิทธิพลฉายแววตาน่ากลัวเดินเข้าห้องน้ำตามร่างบางเข้าไป  เพียงแค่ก้าวเข้ามาด้านใน เขาก็ล็อคกลอนประตูทันที  ตอนนี้ทั้งเขาและอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกไปเสียแล้ว



“!!!” 


  ร่างบางตกใจมาก หลังจากมองลอดกระจกบานใหญ่ส่องไปทางประตู   ใครคนนั้นยังตามเข้ามาอีก


“เชื่อที่กูพวกเมื่อกี้หรอ เต้ย?”


“ขะ...ขอโทษครับ  คุณคงทักคนผิด” ร่างบางสั่นไปทั้งตัว


“ทักคนผิดอย่างนั้นหรอ? มึงพูดห่าอะไร!!!”



พรวดดดดด  หมับ! 

          ร่างสูงวิ่งถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย วงแขนตวัดรัดเอวอีกคน ผลักดันตัวให้แนบชิดติดขอบอ่างล้างมือทันที   ในตอนนี้ร่างบางมองเห็นใบหน้าที่น่ากลัวอีกฝ่ายจากบานกระจกตรงหน้า แววตา สีหน้า รอยยิ้ม ไม่ใช่คนดีแม้แต่น้อย



“คราวนี้จำความรุนแรงดิบเถื่อนได้รึยังเต้ย!”


“ปล่อยมือนายเดี๋ยวนี้นะ เราเจ็บ!!!”


“เจ็บหรอ เจ็บเป็นด้วยหรอ มึงรู้ไหมมึงทิ้งกูอยู่โรงเรียนเดิมจนจบ กูเจ็บกว่ามึงแค่ไหน?”



                เตชานุไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูด เขารู้แต่ว่าตอนนี้อิทธิพลมีพละกำลังมากกว่าแต่ก่อนมาก เขาคงแย่แน่หากผู้ชายคนนี้คิดจะฆ่าเขาในห้อน้ำขึ้นมาจริงๆ


“พูดอะไรของนาย ปล่อย!”


“กูต้องไปเรียนพิเศษมากี่ที่ ตั้งใจเรียนกี่หน ถึงจะสอบทำคะแนนเลือกคณะวิศวะที่นี่ได้ เพื่อมาเจอมึง!”


“นายเรียนที่นี่?”


“ฮึฮึ ทำไมหรอเต้ย รู้แบบนี้แล้ว ตกใจจนอยากจะตายใช่ไหม กูเคยบอกมึงแล้วไงว่ามึงหนีกูไม่พ้นหรอก”


“ปล่อยเดี๋ยวนะ ”


“นี่จะไม่ยอมปริปากเรียกชื่อกูเลยใช่ไหม? คิดจะลืมกูจริงๆใช่ไหมเต้ย ฮะ?”


“ลืมหรอ? จะลืมได้ยังไง เรากับนายไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยนะ นายจำคนผิดแล้วล่ะ”


“กูว่า...ไม่ผิดตัวหรอก เดี๋ยวกูจะย้อนวันวานให้มึงก็แล้วกัน ว่าความเป็นผัวเมียกัน มึงยังจะลืมอยู่อีกไหม มานี่!!!”



หมับ ผลัก ตุ๊บ!!!



           เหตุการณ์เกิดเร็วมาก  ร่างสูงใหญ่จับต้นคออีกฝ่ายลาก กระชากตัวเข้าไปยังมุมห้องน้ำด้านในสุด  พอถึงทางตันก็ถูกแรงอิทธิพลจับแผ่นหลังบางกระแทกเข้าผนังทันที



“เจ็บ....ปล่อย  ฮึก ฮึก!!!”  ในภาวะกดดันแบบนี้ เขาคิดว่าจะหนีพ้นแล้ว แต่ไม่เลย ผ่านมาเกือบหนึ่งปี ความเลวร้ายแบบนั้น
กำลังหวนกลับมาเล่นงานเขาอีก



“ร้องไห้ดังๆสิเต้ย ร้องไห้ออกมา กูจะซับน้ำตาให้ ”



            ฟังดูเหมือนจะอ่อนโยนแต่ไม่เลยแม้แต่น้อย อีกคนกำลังโน้มตัวลงมา  เอาลิ้นละเลงเลียน้ำตาที่มันไหลรินอาบแก้ม สลับข้างซ้ายขวา   เตชานุดิ้นรนหลบหนีอวัยวะที่น่ารังเกียจนั้นแต่ไม่เป็นผล เพราะมือหนาใหญ่จับล็อคบีบคอเขาอยู่



“ยอมแล้วอิท!  เราจำนายได้แล้ว ฮึก ฮืออออ  หยุดเถอะนะ ฮึก ฮึก”


         ได้ผลอิทธิพลชะงักปลายลิ้นไป ใบหน้าหล่อเหลา แต่แฝงไปด้วยความโหดร้ายและทารุณ ราวกับคนชอบเสพติดความโหดเหี้ยมนั้น กำลังยิ้มอ่อนที่มุมปากขึ้นมาแทน



“จำผัวได้แล้วหรอ?  ทำไมจำได้ง่ายๆขึ้นมาล่ะเต้ย ก่อนหน้านี้ปฏิเสธเก่งมากไม่ใช่หรอ ฮะ!!! เก่งมากนักหรอมึงอ่ะ!!!”  ท้ายประโยค อิทธิพลตะหวาดใส่หน้า สันจมูกโด่งชันแทบติดจมูกอีกฝ่าย



“ฮึก ฮือออ ยอมแล้วอิท ฮืออออ อย่าทำอะไรเราเลย ฮืออออ”


“โอ๋ๆๆๆ  จุ๊ๆๆๆ อย่าร้องไห้วิงวอนแบบนี้สิเต้ย กูไม่ปล่อยมึงหรอก สัส!!!”


“ฮืออออ   นายจะทำอะไรอิท”



“กูรอเวลานี้มานานแล้ว  กูต้องการสมสู่กับมึงไง? มึงคิดจะหนีหน้าที่เมียที่ดีไปได้ยังไงกัน”  ร่างสูงบอกจุดประสงค์ไป



             เตชานุส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากจะคิดในสิ่งที่อิทธิพลพูดมาเมื่อครู่  บอกตามตรงว่าเขากลัว กลัวมากจริงๆ สองมือเรียวบางค่อยๆยกขึ้นประกบกัน ไหว้ขอชีวิตจากคนที่เปรียบเหมือนมัจจุราชก็มิปาน



“ฮึก ฮือออออ  อิท เราขอโทษ เราทำให้นายโกรธ ฮืออออ  เราขอโทษ อย่าทำแบบนั้นเลยนะฮือออ  เรากลัว ฮึก ฮือออ”


“มึงไหว้กูแบบนี้ มึงเห็นกูเป็นอะไรเต้ย เอามือลงไปเดี๋ยวนี้!”


“ฮืออออ   อย่าทำเราเลยนะ เรากลัวแล้วอิท ฮืออออออ” เต้ยเหมือนคนเสียสติไปแล้ว ได้แต่หลับตาปี๋ ไม่ยอมลืมตามองใบหน้าอีกฝ่าย น้ำตากำลังไหลรินเป็นทาง หวังแต่เพียงให้อีกคนอ่อนใจในสิ่งที่เขาทำ



                    ฝ่ายอิทธิพล เห็นสารรูปของฝ่ายตรงข้าม กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมามากกว่าเดิม เขาไม่สามารถเปลี่ยนให้เต้ยดีขึ้นได้  กลับมีแต่จะทำให้แย่ลง คงไม่มีน้ำยาสู้ความดีของไอ้คุณชายบอลได้  คิดมาแล้วเจ็บใจชะมัด



“ปฏิเสธความเป็นผัวของตัวเอง เพราะไอ้ห่าบอลมันเป็นผัวมึงแทนกูแล้วใช่ไหม? ฮะ บอกกูมา!!!”


“ไม่ ฮืออออออ  อย่าว่าบอลแบบนั้น ฮือออ เราขอร้อง ปล่อยเราเถอะนะ อิท ฮือออออ”



“เทิดทูนมันมากใช่ไหม? ถ้าไม่มีไอ้ห่าบอลอยู่ในโลกนี้ซักคน ดูสิว่ามึงจะไปรักใครได้อีก”


“!!!”




                คำพูดขู่ที่สมจริง แต่ก็แค่พูดไปอย่างนั้น แต่ มันกลับได้ผลดีเสียยิ่งกว่าดีอีก  เตชานุตกใจดวงตาเบิกโพงกล้ามองหน้าอีกฝ่ายหลังจากหลับตาไปเสียนาน เขาเชื่อว่าอิทธิพลต้องพูดจริงแน่



“อย่า!!! อย่าทำบอลฮึก ฮึก”


“ถ้าไม่อยากให้กูทำ ก็ให้กูสมสู่มึงซะดีดี”



“ฮึกฮึก ยอมแล้ว ยอมหมดทุกอย่างแล้ว อย่าทำบอลนะอิท ฮืออออ”



“ดี พูดง่ายๆแบบนี้แหละดีแล้ว ถอดเสื้อผ้ามึงออกให้หมด!” ร่างสูงใหญ่เค้นเสียงต่ำ



                    สองมือสั่นระริก ค่อยๆเอื้อมไปปลดเนคไทในคอออกอย่างช้าๆ  แต่ไม่ทันใจอีกคนเท่าไหร่ ในที่สุดอิทธิพลก็ต้องลงมือทำเอง



พรวดดดด   


“ถอดเสื้อเร็วๆ ไม่อย่างนั้นกระดุมเสื้อนักศึกษามึงหลุดแน่”


“ฮึก ฮืออออ”



          มือก็เร่งทำตามคำสั่ง น้ำตาก็ไหลรินไม่ยอมหยุด ชีวิตของเตชานุ ต้องตกต่ำถึงขีดสุดอีกครั้งจนได้



          ตอนนี้แก่นกายขาวมีน้ำมีนวลกว่าเมื่อก่อน ปรากฏต่อหน้าอิทธิพล ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่ทันรู้ตัว ทำไมแค่ร่างกายของผู้ชายที่ชื่อเต้ย ถึงได้ปลุกอารมณ์เสือสาวเขาได้ขนาดนี้



จ๊วบบบบบบบ 


          ความหิวกระหาย อดอยากปากแห้งของอิทธิพลไม่รอจนอีกฝ่ายปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายสำเร็จ ปากก็ครอบกัดทึ้งเบาๆ ดูดดึงเม็ดชมพูยอดอกอีกฝ่ายทันที แต่ฟันอันแหลมคมก็ทำให้คนบริสุทธิ์ไม่คุ้นชินเจ็บอยู่ไม่น้อยทีเดียว



“โอ้ยยยย ฮืออออ  อิท เราเจ็บ  ”


           คนทารุณทางเพศไม่ยอมรับฟังคำร้องเจ็บปวดนั้น เต้ยเจ็บจนต่อมน้ำตาไหลรินมากกว่าเดิม  แต่เขาไมได้ใจร้ายขนาดนั้น เสียงร้องเมื่อครู่มันทำให้เขาตกใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดจึงเปลี่ยนมาดูดคอ ซักไซ้ไปมาแทน



“มึงจะเป็นของใครไปไม่ได้ มึงต้องเป็นของกูเท่านั้น”  อิทธิพลเปรยบอกเสียงแหบพร่า พร้อมกับประกบปากบางๆอีกฝ่ายทันที



  จ๊วบบบบบบบบบบบ


“ฮึก ฮึก ฮือออออ”



       เสียงร้องไห้อู้อี้ดังเล็ดลอดออกมา แต่มันเบามาก เพราะอีกฝ่ายจู่โจมทางปากอย่างหนักหน่วง ชนิดที่ว่า ไม่เหลือความงดงามของเซ็กส์เลยแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดร่างสูงก็ถอนปากออก พร้อมกับพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันหน้าเข้ากำแพง พร้อมกับเอามือ
หนาดึงกางเกงแสล็คดำลงจนถึงเข่าอีกฝ่าย




                ตอนนี้ท่อนใหญ่กลางต้นขาของอิทธิพลกำลังชันชูน่ากลัว  เตชานุ ร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อรู้อนาคตอันใกล้ว่าเขา
ต้องเจอกับอะไร 



       ถุ้ย!!! เสียงถ่มน้ำลายอีกครั้ง มันคล้ายกับภาพอดีตเมื่อหนึ่งปีก่อนมาก ไม่นานเต้ยก็ต้องสะดุ้งวาบไปทั้งตัวเมื่อของเหลวเย็นนั้นสัมผัสที่ปากทางเข้า 


พรวดดดดดดดด


“โอ้ยยยยยยยยยยย”  เต้ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสุดๆ


“อย่าดิ้น อ่า.... ดี ขะมิบอย่างั้นแหละ”


“ฮืออออออ  เจ็บ อิท  ไม่ไหวแล้ว อิท ฮืออออออออ เอาออก ฮืออออ  เอาออกไป”


“สัส อย่าดิ้น!!! อ่า ซี๊ดดดดดด”   


            ร่างใหญ่โยกบั้นเอวเข้าออกเข้าออก ตามความต้องการของตัวเอง โดยปราศจากความเข้าใจหัวอกของคนถูกกระทำโดยสิ้นเชิง...





:L2:


เปิดประเดิม เอาความร้ายกาจมาฝาก  บักห่าอิทธิพลนี่ชักจะโรคจิตขึ้นทุกวันๆ  :katai1: :katai1: :katai1:

น้องเต้ยยยยฉันนนนนนน   จะรอดไหมลูกกกกก  :serius2: :serius2: :serius2:

ไปตบไอ้อิทกันทุกค้นนนน  :beat: :beat: :beat: :beat:


เอาเท่านี้ก่อน คืนนี้ลาไปแบบรุนแรงๆ เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจนาจา    

:ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: peckzavine ที่ 24-09-2016 21:21:40
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 24-09-2016 21:53:07
อยากอ่านต่อแว้สววว
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-09-2016 23:12:21
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 25-09-2016 00:48:20
 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 25-09-2016 00:55:09
อิทใจร้ายมาก
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-09-2016 01:26:29
ไม่เข้าใจเต้ย
ที่บ้านก็มีอิทธิพล ถึงจะไม่อยากใช้ แต่เรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้ทำไมถึงยอม ทำไมถึงกลัวคำขู่มากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 25-09-2016 03:00:31
อิทยังเห็นเต้ยเป็นคนอยู่มั้ย..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: Loofey ที่ 25-09-2016 06:37:52
เข้ามาอ่านครั้งแรกตกใจเลย เพราะชื่อพระเอกเหมือนกับเรื่องที่เพิ่งอ่านไปเด่ะ นึกว่าตัวเองกดผิดอ่านช้ำชะอีก555  เรื่องสนุก สงสารเต้ยมาก

หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 25-09-2016 07:28:51
อ่านแล้วเครียดแทน เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 25-09-2016 09:19:16
 :o12:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 8(แถมให้ก่อนนอน)................24.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 25-09-2016 11:35:24
ตอนที่ 9



“เจอเต้ยรึยังบอล!!!”



             ปลายสายถามเร่งเร้าร้อนรนใจ  ก่อนหน้านี้บริรักษ์ กดโทรหาพี่ชายของเตชานุทันที หลังจากไม่เห็นร่างบางรออยู่บริเวณที่บอกไว้


“ยังเลยครับพี่ต้อม”


“อยู่แถวๆตึกเรียนรวมใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะขับรถไปเดี๋ยวนี้ ไม่ถึง ห้านาทีเท่านั้นล่ะ”


“ครับพี่ รีบๆมานะครับ”



                  คุณชายผู้สุขุม แต่ตอนนี้จิตใจร้อนเป็นไฟ วิ่งตามหาใครบางคนบริเวณนั้นวนไปมาหลายรอบ จนกระทั่งไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง การแต่งตัวของเธอนั้นทุกอย่างดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นพี่


“ขอโทษนะครับพี่ ผมขอถามอะไรหน่อย” เขาเดินเข้าไปทักทายทันที


“ค่ะ ว่าไงคะน้อง?” เธอยิ้มหวานให้บริรักษ์


“เห็นผู้ชายตัวเล็กๆ ห้อยป้ายคณะแพทย์ไหมครับ”


             ทันทีที่รุ่นน้องพูดจบ หญิงสาวก็เหลือบก้มมองป้ายชื่อที่ห้อยอยู่ทันที


“อ่อ เพื่อนกันนี่เอง พี่เห็นนะ ”


“แล้วเขาอยู่ไหนครับพี่” บอลหน้าตาตื่นรอคำตอบ


“ก็...อยู่ในห้องน้ำ”


“โล่งอกไปที นึกว่าหายตัวไปซะแล้ว” ร่างสูงเปรยเบาๆ  “ขอบคุณมากนะครับพี่”


“ไม่เป็นไรค่ะน้องหมอ”



                   คุณชายบอลเดินไปนั่งรออยู่เก้าอี้แถวอย่างใจเย็น คาดว่าอีกหน่อยร่างบางก็คงออกมา หารู้ไม่ว่าภายในประตูห้องน้ำที่ถูกล็อคจากข้างในนั้น ยังมีใครบางคนถูกทรมานปางตาย!


“อ่า อ่า อ่า อ่า”


              เสียงร้องครางเบาๆของคนตัวสูงกว่า กำลังมีความสุขกับทุกท่วงท่าที่กระแทกบั้นเอวเข้าประตูหลังเตชานุ ส่วนอีกคนถูกเสื้อนักศึกษาของตัวเองปิดปากมัดไว้ท้ายทอยเป็นที่เรียบร้อย ไร้เสียงความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาให้คนภายนอกได้ยิน



“อ่า ซี๊ดดดด  เต้ย  มึงเด็ดมาก อ่า อ่า”



              ความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น เปรยครางเป็นระยะๆ ร่างบางได้ยินชัดเจนทุกประโยค ได้แต่เก็บความเจ็บนั้นกัดชุดนักศึกษาในปากไว้   มันอุบาทและทุเรศนัก เขาสังเวทใจตัวเองไม่น้อยที่ไม่อาจหลีกหนีคนคนนี้ได้ ต้องอีกนานแค่ไหนกันเวรกรรมถึงจะหมดสิ้น  วัยทำงาน หรือว่าวัยชรากันล่ะ...



ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดด  น้ำกามขาวขุ่นหลั่งไหลออกไปตามช่องประตูหลัง อิทธิพลปล่อยสู่ภายในอีกเช่นเคย ไร้ถุงป้องกันความปลอดภัย ทุกอย่างสดหมด


 
“อ่า อืมมมมมมมมม”


พรวดดด   ร่างสูงถอนเอาแท่งเนื้อนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว เต้ยรู้สึกราวกับโล่งวาบไปทั้งตัว พอไม่มีวงแขนแกร่งช้อนรั้งท้องน้อยไว้  ร่างกายของเต้ยก็ปฏิเสธต่อต้านแรงโน้มถ่วงทันที


ฟุบบบบบ   ตุ๊บ!!   ร่างของเต้ยทรุดลงไปนอนตะแคงหายใจถี่อยู่ด้านล่างพื้นห้องน้ำ  ไร้ความสงสาร อยากเข้าไปประคับประคองของอีกฝ่าย



             อิทธิพลเดินไปจัดแจงสวมใส่เสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เหมือนเดิม อยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ไม่คิดชำเลืองมองอีกฝ่ายแม้แต่น้อย


               รูที่ถูกขยายด้วยแท่งเนื้อนั้น กว้างกว่าแต่ก่อนมาก อาจจะเป็นเพราะสิ่งนั้นของอิทธิพลมันใหญ่ขึ้นตามกาลเวลา   ของเหลวปนสีแดงระรื่อเหล่านั้นย้อนไหลตกลงมาที่พื้นห้องน้ำแทน 



             เตชานุ ค่อยๆควานหาที่จับเพื่อพยุงตัวเองขึ้น  แต่ควานไปควานมากลับจับเข้าบางสิ่ง  มันดูอุ่น และแข็งแรงพอสมควร   เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง ปรากฏว่าเป็นแขนของอิทธิพลนั่นเอง



“กูไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ ตอนนี้กูแต่งตัวเสร็จแล้ว เดี๋ยวกูช่วยมึงแต่งเอง”


“มะ..ไม่ต้อง ปะ..ไป ออกไป ซะ”  เสียงแหบพร่ายังคงถือดี ขับไข่อีกฝ่ายไป ไม่กลัวที่จะถูกทำร้าย  ทั้งๆที่ตอนนี้ร่างกายเขากำลังอ่อนแอ



“ชอบนักหรือไง เวลาที่กูเป็นเหมือนคนโรคจิต กูพูดดีๆกับมึงแล้วนะเต้ย” เสียงกระซิบกระซาบที่กำลังเริ่มโมโหนั้น ทำให้เตชานุค่อยๆผลักตัวหนีช้าๆ



“กู...เกลียด...มึง ปะ..ไป ไปซะ” เต้ยชี้นิ้วใส่ใบหน้าหล่อเหลาปนโหดร้ายนั่น อย่างไม่กลัวความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า หากอิทธิพลคิดจะทำจริงๆ แต่โชคยังดีที่คราวนี้ร่างสูงกลับไม่คิดทำแบบนั้น



ปังปังปัง!!!


        เสียงประตูที่อิทธิพลล็อคเอาไว้กำลังถูกพังเข้ามา  ร่างสูงดวงตาเบิกโพงทันทีเมื่อเสียงนั้นมันคุ้นหูนัก


“เต้ย!!! อยู่ในนั้นรึเปล่า  พี่ต้อมเองนะ เปิดประตูหน่อยเร็ว”


“ล็อคจากข้างในหรอพี่?” บอลถามด้วยเสียงร้อนรนใจ


“ใช่ บอลไปตามลุงยามมาทีนะ”


“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไป”   ไม่รอช้าคุณชายก็วิ่งลิ่วไปตามหาลุงยามประจำตึกเรียนทันที


“อะไรกันน่ะ ประตูห้องน้ำล็อคหรอ? ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามพลางขมวดคิ้วสงสัย


“ใช่!!! ผมว่ามันแปลกๆ” ต้อมหันไปพูดกับเธอ


“อิทคะ  อิท  แพรวเองค่ะ อิทอยู่ในนั้นใช่ไหม? เปิดประตูห้องน้ำที”


“คุณเรียกคนข้างในว่าอะไรนะ?” ร่างสูงกำยำหน้าตาตื่น ตกใจไม่น้อย


“ก็เรียกแฟนฉันไงคะ อิทธิพล หล่อ รวย ไม่รู้จักได้ไง ไปอยู่ไหนมายะ ” แพรวต่อปากต่อคำกับต้อมทันที  ชื่อนี้ใช่เลย น้องชายเขาเคยบอกเอาไว้ ตอนนี้เต้ยกำลังอยู่ข้างในกับมัน!


“อิทธิพล มึงทำอะไรน้องกู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!!”



ปังปังปังปัง!!! มือใหญ่กำแน่นทุบไม่ยอมหยุด  ภายในห้องน้ำยังเงียบอยู่เหมือนเดิม  จนกระทั่งลุงยามที่ให้บอลไปตาม เดินถึงหน้าห้องน้ำแล้ว


“ขอทางหน่อยครับ” ลุงยามเปรยบอก ทุกคนหลีกทางให้ ไม่ช้าประตูที่ถูกล็อคก็ถูกปลดออก



             สองหนุ่มรีบพุ่งตัวเข้าไปภายในนั้นทันที แต่สิ่งที่เห็นคือ เตชานุที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ไร้ความผิดปกติใดๆ อาจจะหน้าซีดนิดๆ แต่สีบนใบหน้าที่ล้างไม่หมดกลับกลบความเหนื่อยล้าอ่อนแรงได้เป็นอย่างดี   เต้ยกำลังยืนล้างหน้าเอาสีออกไปอย่างต่อเนื่อง ไม่คิดสนใจหันมามองว่าใครเดินเข้ามา



            แล้วนี่! อีกคนอยู่ไหน? ทั้งต้อมและบอล ช่วยกันวิ่งว่อนไปดูในห้องน้ำ   ลึกเข้าไป หรือแม้แต่จะเปิดดูบานประตูทุกห้องกลับ ไม่พบคนต้องสงสัยดังกล่าว


“ทุกคนหาอะไรอยู่หรอครับ” เต้ยยิ้มเจื่อนกลบความในใจที่อุบาทที่สุดไว้


“ไอ้อิท!  มันอยู่ไหน?” พี่ชายเอ่ยถามกับร่างบางอย่างโมโหถึงขีดสุด


“อิทไหนครับ? ถ้าหมายถึงผู้ชายที่เป็นแฟนพี่สาวคนนี้ เขาออกไปนานแล้ว” เต้ยโกหกไปด้วยเสียงเบาๆ


“เอ๋?” สองหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินเต้ยพูดแบบนี้


“เป็นไปได้ยังไง ก็ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำตลอด พี่ยังไม่เห็นแฟนพี่ออกมาเลยนะ โกหกรึเปล่าเนี่ย” แพรวอาละวาท มองหน้ารุ่นน้องอย่างไม่อยากเชื่อ


“แล้วในห้องน้ำมีแฟนพี่รึเปล่าล่ะ” เต้ยต่อปากต่อคำกลับ ทำไมเขาต้องโกหกช่วยอีกฝ่ายด้วยนะ


“โอ้ยยย หงุดหงิดจริงๆเลย อิทนะอิท ทิ้งแพรวไว้คนเดียวได้ยังไงเนี่ย!”


           เธอบ่นหัวเสีย ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกจากห้องน้ำไป ตอนนี้ทั้งต้อมและบอล หันมามองหน้ากันอย่างแปลกใจนัก   เต้ยไม่รู้จักผู้ชายที่เป็นแฟนของหญิงสาวคนนั้นหรอ?



“สงสัยเราจะคิดมากไปเองก็ได้พี่ต้อม  ชื่ออิทธิพลในมหา’ลัยนี้อาจจะมีหลายคน ” บอลเปรยขึ้น


“อืม จริงด้วย อาจแค่บังเอิญ  แต่พี่ยังสงสัยอยู่อย่างเดียว  ว่าทำไมพี่เรียกตั้งนาน เต้ยไม่มาเปิดประตูให้พี่”


“เต้ย...เต้ยล้างหน้าอยู่ครับ!”


“ล้างหน้า? แต่พี่ตะโกนร้อนรนใจขนาดนั้น เต้ยก็ควรจะตะโกนขานรับพี่หน่อยสิ  ทำแบบนี้มัน...”


“เอ่อ...พี่ต้อมครับ ใจเย็นๆก่อนนะครับพี่ เต้ยจะร้องไห้แล้ว”


“โถ่เว้ย...พี่ไปรอข้างนอกนะ เสร็จแล้วก็ตามออกไปแล้วกัน”


                 นักศึกษาทันตแพทย์โมโหทั้งน้องชายและโมโหความหงุดหงิดใจร้อนของตัวเองด้วย  เขาเดินออกจากห้องน้ำไปเพื่อระงับอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเอง ตอนนี้ก็มีแต่บอลกับเต้ยแล้ว



“บอล  เต้ยไม่เป็นไรหรอก เรากลับหอพักกันเถอะนะ ”


“ไม่ไปทานข้าวแล้วหรอ?”


“เออใช่ จริงด้วย  เต้ยลืมไปได้ยังไงกัน”


“เต้ยทำตัวแปลกๆนะ” แววตาคอยจับผิดสังเกตของบอลไม่เคยพลาด ตั้งแต่สนิทสนมกันมาตลอดหนึ่งปี อะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมของเต้ย บอลมักจะรับรู้เร็วเสมอ


“ไม่นี่นาบอล  เต้ยปกติดี  รีบไปกันเถอะ”


“แฟนของพี่สาวคนนั้น คงไม่ใช่อิทธิพล นฤบดินทร์ใช่ไหม?” บอลยังแอบสงสัยไม่ไว้วางใจอยู่


“บ้าหรอ จะไปใช่ได้ยังไง คนแบบนั้นไม่มีทางมาเรียนมหา’ลัยนี้ได้หรอก บอลก็รู้นี่นา”

                 ร่างบางพูดจงใจดูถูก ให้อีกคนที่หลบอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดนั้นได้ยิน


“จริงๆนะเต้ย!” คุณชายบอลเหมือนจะยังไม่เชื่อใจเท่าไหร่นัก


“จริงแท้แน่นอน เต้ยจะโกหกบอลทำไม?” ในใจเต้ยตอนนี้แทบเหมือนเอามีดมากรีดสดสด ที่ต้องโกหกไป


“โอเคๆ กลับกันเถอะ บอลก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ชวนพี่ต้อมไปทานด้วย เผื่อจะหายงอนเต้ยนะ”


               ร่างบางพยักหน้า    ทันทีที่สองคนออกไปจากห้องน้ำไป  ประตูห้องเก็บของเล็กๆที่เอาไว้เก็บอุปกรณ์กำลังถูกเปิดออกมา  มือหนาค่อยๆ ผลักประตูแล้วก้าวมายืนอยู่กลางห้องน้ำ  โชคยังดีหน่อยที่อีกฝ่ายไม่ดื้อกับเขา



                   ก่อนหน้านี้เขาช่วยร่างบางแต่งตัว และพยุงมาหยุดอยู่อ่างล้างหน้า ทำทีเหมือนกับว่าเต้ยกำลังล้างเอาสีที่หน้าออก  และขู่อีกคนว่าหากบอกความจริงไป  ความสัมพันธ์ของพ่อเต้ยและพ่อเขาจะจบลง  ด้วยความเห็นใจคนอื่นมากของเต้ย    เขาไม่อยากให้มิตรไมตรีของเพื่อนสนิทครั้งสมัยแต่ก่อนของ ประทวนและธำมรงค์ต้องจบลงด้วยเรื่องส่วนตัวของพวกเขาหรอก มันคนละเรื่องกัน



                ก็ยังดีที่เตชานุยอมฟังเขาในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะยิ่งแย่ ไม่ใช่เพราะเต้ยแย่ แต่หมายถึงเขาคนเดียวต่างหากที่แย่ เขาอาจจะถูกทำโทษจากผู้ใหญ่ และอาจจะไม่ได้เห็นเต้ยไปอีกตลอดชีวิต





ผ่านไปสองสัปดาห์


               บอลไม่ยอมปลีกตัวหนีไปไหนไกลจากเต้ยอีก เขาไปไหนเต้ยก็ต้องไปที่นั่นด้วย หากแต่ทำแบบนี้กลับได้ผลดี ไม่มีเรื่องราวแปลกๆให้ชวนคิดไปเรื่อยของบอลอีกเลย



              ส่วนเต้ยก็พลอยปลอดภัยไปด้วย เขาไม่เจออิทธิพลอีกตั้งแต่คราวนั้น แต่อย่างน้อยก็ดีมากๆแล้วที่ไม่เจอหน้ากัน ไม่อย่างนั้น เขาก็คงถูกกระทำเรื่องอย่างว่า...นั้นอีก


“ดีใจด้วยนะคุณชายบอล ได้เป็นตัวแทนคณะ ไปแข่งเดือนมหาวิทยาลัย” เต้ยยิ้มแก้มปริแซวหนุ่มคมเข้ม ในขณะที่ทานข้าวเที่ยงอยู่ศูนย์อาหาร


“บอลไม่ชอบเท่าไหร่เลย ประกวดดาวเดือนเนี่ย”


“แต่เต้ยชอบนะ บอลหล่อดีออก ถ้าไม่เลือกบอล เต้ยก็ไม่เห็นว่าใครจะเหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว ”


“พูดจริงรึเปล่าก็ไม่รู้?”


“โถ่ จริงสิบอล ว่าแต่ซ้อมวันไหนนะ”


“วันนี้ตอนเย็น เต้ยต้องไปกับบอลนะ กังวลใจยังไงไม่รู้ถ้าทิ้งเต้ยอยู่หอคนเดียว”


“โอเค เต้ยจะไปกับบอล แต่ตอนนี้เต้ยอิ่มแล้ว สนใจไข่ลูกเขยในถ้วยเต้ยไหม?”


“โห เต้ยขุนบอลเกินไปแล้ว ตัวเองกินนิดเดียวที่เหลือเอามาให้บอลกินแบบนี้ทุกวัน  อ้วนเป็นหมูตอนแข่งขันไม่รู้ด้วยนะ”


“ถ้าเป็นหมูก็หมูที่น่ารักที่สุด” มือเรียวเอื้อมไปหยิบแก้มเบาๆ  หากแต่กิริยาการกระทำของร่างบางกลับถูกดวงตาของใครบางคนจ้องมองดูตลอดเวลา



        ถึงเขาจะไม่ปรากฏตัวให้เตชานุเห็นอีก ไม่ใช่ว่าเขาจะปล่อยมือไป เขายังคงติดตามความเคลื่อนไหวของร่างบางอยู่เงียบๆ  เขาเคยนึกอยากทำดีกับเต้ยบ้าง ความรุนแรงและโรคจิต แท้ที่จริงไม่ใช่นิสัยของเขาเลย แต่มันอดไมได้ที่อีกฝ่ายขัดใจเขา เขาไม่ชอบที่สุดคือคนขัดความต้องการ หากเต้ยจะทำตัวน่ารักรับฟังเขาบ้าง ความโหดร้ายจะไม่บังเกิดเลย



            แต่มันเป็นสิ่งที่ยากมาก เพียงเพราะเหตุผลเดียวคือ ร่างบางไมได้คิดแบบที่เขาคิด หรือรู้สึกแบบที่เขาต้องการ ปรารถนา เพราะเขาทำสิ่งที่น่ากลัวเกินความเป็นมนุษย์ให้อีกฝ่ายมากเกินไป เขาพร้อมที่จะเริ่มใหม่ แต่ดูท่าทีอีกฝ่ายคงไม่เอาด้วยเป็นแน่


           หากจะให้ดีต่อชีวิตเขา เขาเชื่อว่าเตชานุคงให้เขาได้แค่คำว่า อภัย เท่านั้น แต่คำว่า รัก อีกคำ เขาคงต้องตามไปขอในชาติหน้าถึงจะง่ายกว่า



            อีกไม่นานการประกวดดาวเดือนจะทำให้ทุกคนรู้ว่า เขาเรียนที่นี่ เพราะเขาถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเดือนคณะไปประกวด   แต่คนอย่างอิทธิพลพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้า ไม่หวั่นกลัวกับอะไรอีก  เวลาไม่เคยคอยใคร ดีไม่ดี ไอ้คุณชายบอลอาจจะแย่งหัวใจดวงนั้นไปครองเป็นแน่ เขาไม่ยอมหรอก...



:L2:



มาต่อล้าวววววววว สั้นไปนิด อิทธิพล กำลังสำนึกผิด โอ้ คุณพระ ไม่ได้ทำให้มะรึงดูดีขึ้นเลย  :seng2ped: :seng2ped:

ต้องเข้าใจน้องเต้ยนะ น้องเต้ยอ่อนไหวต่ออารมณ์ขี้สงสาร ถึงมีอำนาจล้นมือ นางก็ไม่เลือกทำ  :mew2: :mew2:

วันข้างหน้าจะเป้นยังไง?  :m31: :m31: :m31: รอนาจา รอคำเดียวเท่านั้น

ปล. มีพระเอกชื่อนี้ในนิยายอีกเรื่องด้วยหรอ เรื่องอาราย บอกได้ไหม อยากเข้าไปอ่าน พอดีอยากแต่งก็ตั้งชื่อเรื่อง ชื่อตัวละคร ไม่ทันได้เช็คว่ามีคนเอาไปแต่งไปตั้งแล้ว  :hao5: :hao5:



หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 9...............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: Loofey ที่ 25-09-2016 11:48:48

เรื่อง Oh my sexy รักนะนายก้นใหญ่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55696.0

พระเอกชื่ออิท อิทธิพล เหมือนกันเลย

แค่ชื่อเหมือนกัน คนแต่งอย่าคิดมาน้า สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 9...............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-09-2016 17:30:26
อิท  ชั่วช้า สารเลว เป็นพระเอกที่รับไม่ได้
เหมือนสัตว์นรกมาเกิด
ทำร้าย ย่ำยี ข่มเหง ข่มขืน พูดไม่เป็นคำพูด
รังแกคนที่ไม่มีทางสู้ แม้เขาจะอ้อนวอนสักเพียงไร
ซ้ำยังตามไปข่มขืน แม้ย้ายสถานศึกษา
คำพูดไม่เคยพูดดีๆ ตัวเองมีคนมาบำเรอตลอด
แต่เต้ย มีเพื่อนก็โดนด่า ทั้งที่สถานะว่าเต้ยไม่ใช่เมีย
แต่เวลาพูดอ้างตัวเองเป็นผัวตลอด 
วาจาสับปรับ เอาแน่เอานอนไม่ได้
อยากให้มีคนมาปราบอิท
ให้เต้ยเจอคนดี แมนๆ
ให้อิทเสียใจ คร่ำครวญ หวนให้หาเต้ยไปเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 9...............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-09-2016 19:53:32
อิทเป็นคนที่เลวมาก

ไม่มีความเป็นพระเอกเลย

ส่วนเต้ย ฉลาดน้อยไปหน่อยนะ

สำหรับคนที่เรียนหมอ

อ่อนแอ บอบบางเกินไปหรือเปล่าเต้ย

เป็นผู้ชายนะไม่ไช่สาว

อ่านแล้วขัดใจทุกทีทั้งพระเอกนายเอก

แต่ก็มาตามอ่านอยู่ดี55555
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 9...............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-09-2016 20:09:04
ไอ้อิท ไอ้โรคจิต ไอ้พระเอกโรคจิต แกนี่มัน... ทำยังไงเต้ยจะรักแกได้?
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 9...............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 25-09-2016 20:40:36
อิทเอ้ยยยย แกมันเลว แกมันชั่ว แถมยังโรคจิตอีก !!
แต่ชั้นก็ยังโหวตแกเป็นพระเอก ชั้น หรือ แก ที่โรคจิตกว่ากันนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 9...............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 25-09-2016 22:11:23
ตอนที่ 10




               เย็นวันเดียวกันนั้นเอง บริรักษ์เดินทางไปซ้อมการแสดงร่วมกับเหล่าดาวเดือนคณะอื่น ที่หอประชุมมหาวิทยาลัย  และไม่ลืมชักชวนร่างบางให้ตามมาด้วย   พี่สตาฟหลายสิบชีวิตในหอประชุมกำลังทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี แต่เท่าที่ฟังจากคำล่ำลือกัน เดือนมหาวิทยาลัยปีนี้ ถ้าไม่ใช่คณะแพทย์ ก็ คณะวิศวกรรมศาสตร์



                คนหนึ่งเป็นคุณชาย ประวัติดี ตระกูลเยี่ยม มาดสุขุม พูดน้อย มองภายนอกเข้าหายาก ถูกจับตามองจากสาวๆหลายคนทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ที่อยากจะเข้าไปสำรวจตัวตนที่แท้จริงของบอล  อีกทั้งบอลเป็นผู้ชายผิวสีน้ำตาลอ่อน ไม่ขาวเกินหน้าหญิงใดๆ และไม่เข้มมากไป จัดว่าเป็นพ่อของลูกที่กำลังฮิตก็ว่าได้ และถูกยกให้เป็นสมบัติของนักศึกษาแพทย์ในรุ่นนี้ไปแล้วด้วย




           ส่วนคนที่สอง หล่อสูง ดวงตาคมเข้ม หากแต่สีผิวขาวกว่า และดูเฟรนลี่ อ่อนโยน เป็นมิตรไมตรีกับทุกคนมากกว่า (แต่คงไม่ใช่กับใครบางคนที่ถูกย่ำยีจิตใจมาตลอดแน่นอน)  เครดิตดี ทางบ้านรวย อำนาจผู้เป็นพ่อขยายกว้างในแวดวงธุรกิจ  และที่สำคัญ อิทธิพลคนนี้ก็เป็นสมบัติของวิศวกรรมศาสตร์เช่นกัน  ได้ข่าวว่าตั้งแต่เปิดเทอมปีหนึ่งมานี้ เขาเดินควงสาวไม่ซ้ำหน้า อีกด้วย...




           การแข่งขันปีนี้นับว่าสูสีกันพอสมควร ทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ความสามารถและองค์รวมหลายๆอย่างในเกณฑ์การตัดสินของกรรมการปีนี้เสียแล้ว




“น้องบอลลลลลลล น้องบอลมาแล้วววว หลบทางให้ว่าที่เดือนมหาลัยหน่อยซิยะ”



           กระเทยรุ่นพี่ปีสาม คณะวิทยาศาสตร์ วิ่งปรี่มาต้อนรับ คำพูดประโยคเมื่อครู่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวเชียร์ใคร บริรักษ์รีบยกมือไหว้พอเป็นพิธีทันที เพื่อไม่ให้เสียมารยาทมากนัก



“บอล ยิ้มหน่อยสิ อย่าทำหน้าบึ้ง ไม่หล่อเลย” ร่างบางสะกิดบอก แต่ดูเหมือนบอลจะทำตามอย่างว่าง่าย


“น้องตัวเล็กคนนั้นน่ะ ลงไปนั่งรอที่หน้าเวทีได้ไหมจ๊ะ ไม่ต้องตามขึ้นมาถึงเวทีหรอก ” รุ่นพี่กันซีนเต้ยทันที



“อ่อ ครับผม”  เต้ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทอีกครั้ง “ตั้งใจนะ ซ้อมเสร็จเมื่อไหร่ เราจะไปทานข้าวกัน”



“โอเค อย่าไปไหนอีกนะเต้ย เราเป็นห่วง”


“สัญญา...จะไม่ไปไหนแน่นอน”



               ร่างสูงกว่ายิ้มแย้มปริ ที่ได้ยินคำสัญญานั้น ออกจากปากของเต้ย  ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดมากนัก แต่ก็อุ่นใจมากขึ้นที่อีกฝ่ายรับปากจะไม่หายตัวไปไหนอีกมาไหนอีกคนเดียวลำพัง



              เต้ยเดินไปนั่งเก้าอี้ที่เรียงตามความชันของหอประชุมใหญ่ เขาเลือกนั่งตัวที่ติดกับทางเดินฝ่าตรงกลางทางเดินตัวแรก มองดูการทำงานและการซ้อมของเหล่าดาวเดือนทั้งหลาย มีแต่คนสวยๆหล่อๆทั้งนั้น  แต่สำหรับตำแหน่งเดือน  เท่าที่เต้ยเห็นอยู่ต่อหน้าตอนนี้ คงจะมีเพียง บอลเท่านั้นที่กินขาด ทั้งความสูง หน้าตา และดีกรีประวัติดีเยี่ยม



“ขอโทษนะครับ ขอพี่นั่งด้วยคนได้รึเปล่า?”




          เสียงร้องทักของใครบางคนที่แทนตัวเองว่าพี่  เต้ยในฐานะรุ่นน้องรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นรุ่นพี่แน่นอน  แต่เป็นรุ่นพี่คนไหน? คณะอะไร? เขาไม่รู้หรอก  รู้แต่ว่าเมื่อหันไปมอง ใบหน้านั้น  กลับปรากฏชายหนุ่มคมเข้ม  ไว้ผมทรงสะกินเฮด  ติดตุ้มหูสีดำด้านซ้ายด้วยดูเท่ห์และเลวๆดี  ตัวสูงและหนาสูสีกับบอล  แต่...เล็กกว่าอิทธิพลไปนิดหน่อย(นี่เขาจะไปเปรียบเทียบกับคนนั้นทำไมกัน?)



“ดะ..ได้ครับพี่”  พอได้รับอนุญาต ร่างสูงนั้นก็เดินผ่านหน้าคนตัวเล็ก ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ติดกันทันที   รุ่นพี่ดูเฟรนลี่เกินไปรึเปล่า?  หรือว่าเตชานุคิดไปเองกันแน่...



“เห็นเดินมากับน้องบอล เดือนคณะแพทย์  เป็นเพื่อนกันหรอครับ!” รุ่นพี่แปลกหน้าชวนคุยอีกครั้ง


“ใช่ครับ” ร่างบางหันไปตอบพลางยิ้มให้หน่อยๆ


“น้องเต้ยอยู่คณะแพทย์หรอครับ” เหมือนชายคนข้างๆเต้ยจะเหลือบมองป้ายชื่อที่แขวนห้อยคออยู่อย่างถือวิสาสะ แต่เต้ยกลับ
ไม่คิดมากถึงขนาดนั้นหรอก



“ใช่ครับ” เขาตอบ ใช่ครับ สั้นๆเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทสุดหล่อบนเวทีต่อ


“พี่ชื่อ แชมป์นะ ” ร่างสูงแนะนำตัวเอง ด้วยสีหน้าร่าเริง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดอยากจะรู้จักเลยซักนิด


“อ่อครับ!” เต้ยตอบสั้นๆอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองดูบอลแสดงดาวเดือนต่อ


“น้องเต้ยใจร้ายจัง... ตอบพี่แชมป์สั้นนิดเดียวเอง พูดยาวๆไมได้หรอครับ?”

...

...


“น้องกูเขาไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าว่ะแชมป์!”


“ไอ้ต้อม!!! มาแล้วหรอวะ”


“พี่ต้อม!!!”



             คนที่เอ่ยเสียงแทรกขึ้นมาดักทางรุ่นพี่แปลกหน้าคนนั้น มันทำให้เต้ยต้องหันตามไปมองทันที แต่แล้วกลับเป็นพี่ชายของเขาเอง  แล้วพี่ต้อมมาทำอะไรที่นี่กันนะ?



“ไงเต้ย ตกใจละสิที่เห็นพี่อยู่ที่นี่ ” พี่ชายตีคิ้วให้น้องชายอย่างกวนๆ


“พี่ต้อมตามมาควบคุมดูแลเต้ยอีกแล้ว” ร่างบางเปรยอย่างรู้ทัน ต้องเป็นแผนบอลกับพี่ชายแน่ๆ


“เปล๊า...พี่ไมได้มาดูแลเต้ย  ที่พี่มาที่นี่ก็เพราะ... ไอ้แชมป์เพื่อนพี่ชวนมาต่างหาก”


         ต้อมชี้นิ้วไปยังเพื่อนสนิทที่ทำท่าเหมือนสนใจน้องชายของเขามากเลยทีเดียว



“ขอโทษนะครับพี่แชมป์ที่เสียมารยาท งั้นสวัสดีตอนนี้ยังทันใช่ไหมครับ?” เต้ยไม่ว่าเปล่ารีบยกมือไหว้คน(ไม่)แปลกหน้าทันที 
ใครจะไปรู้มาก่อนว่าเป็นเพื่อนพี่ชายตัวเอง



“โอเค พี่จะแนะนำเพื่อนพี่ให้เต้ยรู้จักอย่างจริงจังแล้วกัน  นี่... ไอ้แชมป์ มันอยู่ทันตะปีสาม เพื่อนสนิทพี่เอง อย่าตกใจที่มันเฟรนลี่มากเกินไปแบบนี้   มันเป็นสไตล์ของไอ้แชมป์เวลาจะจีบสาว ฮ่าๆๆ ”



“จีบสาว?” เต้ยตกใจเล็กน้อย แล้วที่ทำเมื่อกี้คือจีบสาวหรอ  แต่เขาไม่ใช่สาวนะ? เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า


“ไอ้แชมป์ ลุกจากเก้าอี้ตัวนั้นได้แล้ว ทำตัวเป็นปลิงจะสิงน้องกูอยู่แล้ว  ไม่เห็นหรอว่าน้องกูกลัวมึงขนาดไหน”


“โลกทำไมมันกลมแบบนี้นะ เฮ้อ! น้องมึงเองหรอกหรอ น่ารักมากเลยว่ะต้อม” แชมป์ทำสีหน้าเสียดาย


“ไม่ต้องมาชมน้องกู   กูรู้ดี กลับไปหากิ๊กมึงโน่นเลยไป” ต้อมชี้นิ้วไล่เพื่อน


“เฮ้ยยย  กูมีซะที่ไหน น้องเต้ย อย่าไปเชื่อพี่ชายมากนะครับ พี่ไมได้คบกับใครมาสองวันแล้วนะ วางใจได้”


“เพิ่งเลิกกับกิ๊กไปสองวัน?... คิดหรอว่าน้องกูจะวางใจตามที่มึงบอกได้  ฮึฮึ”



        ต้อมดึงร่างเพื่อนสนิทออกจากเก้าอี้ทันที หลังจากบอกให้ลุกเมื่อครู่แต่กลับไม่ยอมลุกสักที ส่วนตัวเขาเองกลับลงไปนั่งแทนเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับนั่งเอาขาไขว้ห้าง


“หวงน้องแบบนี้ ระวังจะขายไม่ออกนะมึง”


“ทำไมจะขายไม่ออก คิดว่ามีมึงคนเดียวรึไงที่มาจีบน้องกู มึงอ่ะคนที่สองร้อยสามสิบแปดเว้ย ไม่อยากโม้ ”



“พี่ต้อม เว่อร์แล้วครับ พูดอะไรกันเกรงใจเต้ยบ้าง เต้ยเป็นผู้ชายนะ”


“ผู้ชายมีแฟนเป็นผู้ชาย เขาเรียกยอดชายนะน้องพี่” ต้อมวางวงแขนไปบนไหล่น้องชายเบาๆ


แปะๆๆๆ มือเล็กตบเข้าที่แก้มพี่ชายเบาๆ เหมือนเรียกสติอีกคน แต่กิริยาแบบนั้นทำให้ต้อมงงไปอีก


“เต้ยทำอะไรเนี่ย?”


“จะทำให้พี่ต้อมตื่นไง สติหลุดรึเปล่าไม่รู้ พูดจาไร้สาระ”


“ฮ่าๆๆๆๆ  พี่ล้อเล่น  แต่ไอ้แชมป์คนนี้พี่พูดจริงนะ อย่าหลงเสน่ห์ใบหน้าหล่อๆกับคารมณ์อินดี้ของมันเชียวล่ะ”


“กูว่ากูไปดูน้องใหม่ดาวเดือนซ้อมดีกว่า ปลีกตัวมานานแล้ว” แชมป์ผละตัวออกไป



            เต้ยชายตามองตามแผ่นหลังเพื่อนพี่ชายไป  แต่ความสงสัยยังมีอยู่มาก รวมทั้งการปรากฏตัวของพี่ชายของเขาที่หอประชุมแห่งนี้ด้วย


“พี่ต้อม พี่มาที่นี่ทำไมอ่ะ ”


“มาตามคำเรียกร้องของไอ้แชมป์มันนั่นแหละ มันบอกไม่มีเพื่อน อีกอย่างมันเป็นเดือนคณะทันตะเมื่อสองปีก่อน มันเลยต้องมา
ดูแลเด็กใหม่นิดนึง เป็นหน้าที่ก็ว่าได้ เต้ยลองมองดูดีๆสิ  จะเห็นว่าดาวเดือนปีก่อนหน้านี้ เขาก็มาดูแลน้องใหม่กันทั้งนั้น บางคน
ก็อาจจะไม่ได้มาเพราะติดธุระ”



“อย่างนี้นี่เอง ”


“ฮ่าๆๆ  ใครกันนะที่คิดว่าพี่มาตามดูแลควบคุม พี่ไม่หวงน้องขนาดนั้นหรอก”


“อ้าวแล้วที่พูดกับพี่แชมป์เมื่อกี้ล่ะ” เต้ยยู่หน้างอนพี่ชายนิดๆ


“พี่กันท่ามันเฉยๆ จริงๆแชมป์มันก็คนดีแหละ แต่ดีกับทุกคนไปเรื่อย มองผิวเผินเลยดูเจ้าชู้ไป จริงๆถ้าใครเชื่อใจ และไว้ใจมัน 
มันก็พร้อมจะหยุดอยู่กับคนคนนั้นนะ”


“แล้วที่เลิกไปเมื่อสองวันก่อนล่ะครับ” เต้ยได้ยินชัดเจนเมื่อไม่กี่นาทีผ่านมา ต้องท้วงติงถามอย่างอดไม่ได้


“นั่นเพราะ กิ๊กคนนั้นไม่เชื่อใจมันไง เพราะมันเฟรนลี่ไปทั่ว อย่างที่บอกแหละ มันทำใจยากนะ ที่เห็นแฟนตัวเอง ไปสนิทคนโน้นทีคนนี้ที  ปากบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ใครเขาจะไปเชื่อ จริงไหม?”


“โถ่ น่าสงสารพี่แชมป์ออก” ร่างบางเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย


“อะไรเต้ย! พูดแบบนี้จะสนใจมันแล้วใช่ไหม?”


“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ต้อม อะไรเนี่ย เอะอะจะส่งน้องชายถวายพานไปให้ผู้ชายอยู่เรื่อยเลย ผมเป็นผู้ชาย ต้องชอบผู้หญิงสิ มีแฟนเป็นผู้หญิง มีครอบครัวมีลูกมีหลานสิครับ”



“แต่ไม่มีใครบอกเต้ยสักครั้งว่าผู้หญิงเขาชอบผู้ชายตัวสูงกว่าเขา และแข็งแรงกว่าเขา เพื่อปกป้องเขาได้ แต่เต้ยไม่ผ่านซักคุณสมบัติที่ผ่านมา พี่ว่าเต้ยมีแฟนเป็นผู้ชายดีที่สุด”



“ไม่เอาหรอก เต้ยกลัว” พูดถึงมีเซ็กส์ร่วมกับผู้ชาย ภาพของอิทิพลลอยเข้ามาในหัวทุกครั้ง


“อย่าเอาความเลวร้ายของใครแค่คนเดียวมาตัดสินผู้ชายทั้งโลกนะเต้ย” ต้อมเหมือนรู้ทันความคิดน้อง


“พี่ต้อมไม่ได้มาเป็นเต้ยนี่นา พี่ก็พูดได้สิครับ”


“โอเคๆ  พี่ไม่พูดแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันอีก พี่ไม่อยากเห็นคนน่ารักแถวนี้แก้มป่องหน้าแดงเพราะโมโหเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอกนะ”



“รู้ก็ดีแล้ว อิอิ”


“ร้ายนะเราเดี๋ยวนี้ ” ต้อมเหล่สายตามองน้องชายตัวเล็กของเขา


“ชู้วววว พี่ต้อมเบาๆเสียงหน่อย บอลกำลังจะถึงคิวซ้อมแล้ว”



        บนเวทีฝั่งซ้ายมือเป็นบริรักษ์ที่ยืนอยู่ ส่วนขวามือที่ต้องเข้าร่วมแสดงเชื่อมสัมพันธ์คณะคู่ ฝ่ายทีมงานจับฉลากได้อิทธิพล เดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ และแล้วเรือนร่างของใครบางคนที่ถูกปิดเงียบมาตลอดหลายสัปดาห์ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นที่ห้องน้ำอาคารเรียนรวมก็ปรากฏขึ้น



“น้องอิท ไปยืนแสตนบายที่ฝั่งขวาของเวทีเลยฮ่ะ!” เสียงกระเทยท้วมคนเดิมชี้นิ้วบอกตำแหน่งให้ใครคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของชื่อนั้น


              แต่ตอนนี้เต้ยหันไปมองหน้าและกิริยาบอล และพี่ชาย ทั้งสองคนทำสีหน้าตกใจไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองนัก  สำหรับบอล กำลังตกใจเพราะไม่คิดว่าอิทธิพลจะมาเรียนวิศวกรรมศาสตร์ที่นี่ 



            ส่วนพี่ชายของเขา กำลังทำสีหน้าเหมือนกำลังคุ้นหน้าคลับคล้ายคลับคราว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน และดูเหมือนต้อมกำลังจะนึกออกในไม่ช้านี้แล้ว



“นั่นบอล เพื่อนสนิทเต้ยอีกคนไม่ใช่หรอ? แล้วทำไม กระเทยคนนั้นถึงเรียกว่าอิทธิพล?” ต้อมหันมามองหน้าน้องชายอย่างกังวลใจ แววตาสีหน้าชัดเจนมากว่าต้อมอารมณ์ไม่ปกติแล้ว



“เอ่อ...คือว่า”


“สรุปเรื่องนี้มันยังไงกันแน่เต้ย  รู้ไหมว่าชื่ออิทธิพลมันทำให้จิตใจพี่ร้อนรนและหลอนตลอดเวลาเลยนะ เต้ยอธิบาย บอกพี่ให้
เข้าใจทีสิว่า ชื่ออิทธิพลนั้นมันเป็นแค่ความบังเอิญของเพื่อนสนิทเต้ย”



             ตอนนี้เขาควรจะกล้าใช่ไหม? เขาควรบอกพี่ชายตัวเองใช่ไหม? ถึงเวลาที่พี่ต้อมจะต้องตาสว่างแล้ว  เขาสงสารพี่ชายเต็มทน พี่ชายคงจะคิดหนักมาตลอดเมื่อได้ยินชื่อคนทำร้ายจิตใจและร่างกายเขา



“คนที่พี่ต้อมเชื่อว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทเต้ยและชื่อบอล แท้ที่จริงเขาคือ อิท อิทธิพล นฤบดินทร์ครับ”


“อะ..อะไรนะ ไอ้หมอนั่นนะหรอ อิทธิพลที่เต้ยหวั่นกลัว มันกล้ามากที่หลอกพี่! ” ต้อมตกใจดวงตาเบิกโพงอย่างเห็นได้ชัดเจน พร้อมกับโมโหคาดโทษ



        บนเวทีความตื่นตระหนกมีไม่ต่างจากคนข้างล่าง บริรักษ์เพ่งสายตาจ้องมองคนตรงหน้าอีกครั้งให้ดีถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ใช่คนหน้าเหมือน หรือชื่อคล้ายใครบางคน  แต่คำตอบนั้นประจักษ์อย่างแท้จริงตรงหน้า  นั่นคืออิทธิพลคนเดิมจริงๆด้วย  เขามาเรียนที่นี่  เต้ยไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว...



“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ได้!” คุณชายเปรยถามเสียงเบา


“นึกว่ามีมึงคนเดียวหรือไงที่อยู่ใกล้ชิดเต้ยได้” อิทธิพลเอ่ยตอบราวกับเหยียดนิดๆ


“ทำไมต้องตามมารังแกเต้ยถึงมหา’ลัย นายควรจะเลิกทำแบบนี้ได้แล้วนะอิท”


“กูเลิกไมได้หรอก เพราะเต้ยมันเป็นเมียกู อ้อออออ ลืมไปเลย...ว่าคนอย่างมึงคงทำได้แค่หมาเฝ้าบ้านสินะ นี่คงยังไม่ได้แตะ
เนื้อต้องตัวเต้ยเลยล่ะสิ   ดีแล้วแหละ อย่าทำเลย นรกขุมที่สามจะลงโทษเอา ยุ่งเมียชาวบ้านมันบาปนะ ฮึฮึ” อิทธิพลก่อกวนประสาทบริรักษ์ด้วยคำพูด



“อย่ามาพูดหยาบคายแบบนี้กับเต้ยนะ นายเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าที่นายได้ไป ก็เพียงแค่ร่างกายเปล่า  แต่จิตใจของเต้ยนายกลับไม่ได้เลยแม้แต่เสี้ยวใจเดียวไม่ใช่หรอ?”



“เรื่องนั้นกูรู้ดี ไม่ต้องรอมึงมาพร่ำสอนกูหรอก กูถึงได้ตามมาเรียนที่ที่ไง เพื่อมารับเอาจิตใจของเต้ยที่เหลืออยู่ไปให้ครบ ถ้ากูทำสำเร็จ ทั้งกายและใจ หมาหน้าไหนแม่งก็คาบเอาไปไม่ได้!!!” อิทเค้นเสียงต่ำ



“มันไม่มีวันนั้นหรอกอิท นายเลิกพยายามเถอะ เพราะไม่อย่างนั้นนายเดือดร้อนแน่  วันนี้พี่ต้อมก็มาดูการซ้อมแสดง  แถมตอนนี้ยืนมองเพ่งเล็งนายตาเขียวอยู่ด้านล่างด้วย ” อิทหันไปมองตาม



“ฮึฮึ คนอย่างอิทธิพลไม่เคยกลัวใคร ขอแค่ได้ทำตามความต้องการก็พอแล้ว คนอื่นไม่มีความหมาย”


“เลวได้เสมอต้นเสมอปลายเลยนะ  หลงอำนาจ เอาแต่ใจ ฉันไม่เคยเห็นใครต่ำช้าแบบนายมาก่อนเลย”


“ตอนนี้ก็เบิกตาให้กว้าง มองและจดจำใส่สมองไว้เลยซี้ คุณชายบริรักษ์ผู้สูงศักดิ์ แต่อยู่สูงเกินไปแบบนั้น อ้างว้างหนาวเหน็บดีไหมล่ะ ที่แม้แต่เต้ยก็ไม่คิดจะจริงจังด้วย เป็นได้แค่เพียง...ไอ้ชู้เมียชาวบ้าน!”



ตุ๊บ!!! ผลัก!!!


“ว้ายยยยยยย ตายแล้ววววว   พี่ๆอย่ามัวแต่มองสิ เข้าไปแยกสิยะ แยกน้องออกจากกันเร็ว”



              ความชุนละมุนเกิดขึ้นทันทีเมื่อบอลโผเข้าชกหน้าอีกฝ่ายอย่างเหลืออด แรงชกนั้นมันหนักหน่วงและรุนแรงพอที่จะทำให้เห็นเลือดออกที่มุมปากของอิทธิพล 



            แต่ยังไม่ทันที่จะสวนกลับบอลคืนบ้าง พี่ๆเหล่านั้นกลับเข้ามาล็อคตัวทั้งสองฝ่ายแยกออกจากกันเสียก่อน  อิทธิพลไม่เจ็บแผลที่ถูกชก แต่เจ็บใจที่ถูกคุณชายบริรักษ์เล่นงานแบบนี้   ในชีวิตไม่เคยมีใครชกหน้าและกล้าแตะตัวเขาแบบนี้มาก่อน



                   เตชานุกับพี่ชายรีบวิ่งขึ้นมาสมทบบนเวที สายตาดูเป็นห่วงเป็นใยบอลมากกว่าเขา ทั้งที่ไอ้หมอนั่นไม่ได้เป็นฝ่ายเจ็บเสียหน่อย   แบบนี้มันลำเอียงชัดๆ แทนที่จะมาดูผัวตัวเอง แต่ไปสนใจผัวชู้ซะได้



             อิทธิพลคิดเอาเองไปตามความหึงหวง แต่เขาไม่รู้หรอกว่ากิริยาการแสดงท่าทีแบบนั้น ร่างบางเห็นยิ่งเกลียดและสมเพศเขามากไปอีก บางทีเขาก็อยากหัวเราะดังๆให้ตัวเอง เห็นทีสวรรค์กำลังเล่นงานเขากลับแล้วสินะ เขาทำกับเตชานุๆไว้มาก  แต่ทำไปเพราะอะไรกันล่ะ เพราะว่ารักไง  อีกฝ่ายจะเข้าใจเขาบ้างรึเปล่า  ขอตอบเอาเองเลยว่าไม่!!!  เต้ยไม่มีทางเข้าใจและรักเขาได้หรอก  แต่เขาจะพยายาม พยายามให้ถึงที่สุด จนกว่าร่างบางจะยกโทษและรักเรา




“หยุดเดี๋ยวนี้นะอิทธิพล! ถ้าไม่ติดว่านี่คือการซ้อมดาวเดือน ฉันนี่ล่ะจะเป็นอีกคนที่ต่อยคนเลวๆแบบแก”


        ต้อมเดินเข้าไปชี้หน้าด่าอีกคนเสียงดัง ท่ามกลางทีมงานทุกคนที่ไม่เข้าใจ เอาแต่มองหน้ากันไปมา ว่านักศึกษาทันตแพทย์คนนี้พูดเรื่องอะไรกันแน่  ไม่แปลกหรอกที่คนเหล่านั้นจะสงสัย เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย



“ผมไม่ซ้อมแล้วนะครับ ผมขอตัวกลับก่อน” อิทธิพลเปรยบอกรุ่นพี่ทุกคน ก่อนจะสะบัดตัวเดินลงเวทีหอประชุมไปอย่างช้าๆ 



“เต้ย จะตามมันไปทำไม!” ต้อมรั้งน้องชายไว้ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายกำลังทำท่าจะตามคนสารเลวนั้นไป


“เต้ยจะไปทำให้มันจบครับพี่ต้อม  ไม่ต้องห่วงนะ เต้ยจะรีบกลับมา”



               ต้อม บอลสองหนุ่มได้แต่กำหมัดแน่นอย่างเหลืออด พวกเขาจะทนเห็นคนตัวเล็กเดินตามอีกฝ่ายไปได้ไหม?  คำถามคือ ทำไมเต้ยต้องไป กลัว เกลียด และ โกรธมันอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน แล้วทำไมต้องตามไปอีก  พวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างบางทำ   แต่ก็ต้องยอมปล่อยให้เต้ยทำตามความต้องการ  ถ้าเต้ยจะไปเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันจบ!

...


...

...

“เดี๋ยว!!! อิทธิพล หยุดก่อน เรามีเรื่องจะคุยกับนาย”  เตชานุเปรยตะโกนรั้งอีกคนทันที เมื่อถึงระยะประชันชิดเหมาะสม   และมันก็ได้ผล ร่างสูงหยุดเดิน แต่ไม่ยอมหันหน้ากลับมามองคนเรียก



“กลับไปหาผัวชู้มึงซะ คนอย่างกูไม่ตายง่ายๆหรอก” ร่างสูงพูดราวกับน้อยใจ


“เราไมได้มาหาเพราะเป็นห่วงนาย  แต่เรามาเพื่อทำให้ทุกอย่างมันจบ!”


“!!!”



            ร่างสูงตกใจมาก เขาคาดการณ์ผิดไปจริงๆ เขาเข้าข้างตัวเองเกินไป ว่าเตชานุร่างบางคนนี้จะตามมาดูแลเขา  อึฮึ เป็นความจริงอยู่แล้ว มีเหตุผลอะไรที่ร่างบางคนนี้จะมาเป็นห่วงเขา  ฝันหวานไปหน่อยแล้วอิทธิพล ตื่นจากความฝันสักทีเถอะ ร่างสูงได้แต่คิดบอกตัวเองในใจ  ก่อนจะกลั้นใจหันกลับไปมองอีกฝ่ายทันที...


:L2:



มาส่งเข้านอน  ตอนนี้เป็นตอนที่อิทะิพลกำลังจะถูกรับกรรมช้าๆ  มีเข้าข้างตัวเองด้วยนาจา   :beat: :beat: :beat:

จริงๆคุณชายบอลน่าจะต่อยไปอีกซักดอกเนอะ  ปากดีแบบนี้มันต้องเจอ  แถมถูกเต้ยไม่เหลียวแลอีก น่าสงสารมากกก(ซะเมื่อไหร่)

เอาเท่านี้ก่อน   พรุ่งนี้ไมไ่ด้มาอัพนาจา เจอกันอีกทีวันอังคารเลยเน่อ  (อย่าเพิ่งด่าคนแต่งน้า)  :mew2: :mew2: :mew2:

ราตรีสวัสดิ์ สาวกเสพติดความรุนแรงเอ๋ยยยย   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 25-09-2016 22:39:38
สมน้ำหน้าอิท น่าจะโดนต่อยอีก ชอบใช้ความรุนแรงกับเต้ยดีนัก

ละอีกอย่างเต้ยควรเด็ดขาดมากกว่านี้ ควรสู้มากกว่านี้
วันนั้นตอนที่เจออิทครั้งแรกที่มหาลัย เต้ยไม่น่าเดินเข้าห้องน้ำเลย ก็รู้อยู่ตอนหันไปแล้วเป็นอิท
เป็นไงละพอเดินเข้าห้องน้ำไป ซวยเลย

อ่านละอินมาก 555+
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-09-2016 23:03:09
เสพติดจริงๆนั่นแหละค่ะ หมั่นไส้ไอ้อิทมันนะ แต่ก็แอบลุ้นมันอยู่ว่าจะมีน้ำยาอะไรมัดใจเต้ยรึป่าว?
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 25-09-2016 23:09:55
อิทททททท นี่คือการแสดงออกว่าแกรักเต้ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 26-09-2016 00:03:32
อิท อยากให้เต้ยรัก

ถามหน่อยทำดีกับเต้ย พูดดีๆกับเต้ยบ้างไหม

ไม่เคยเลย แล้วหวังได้ความรักจากเต้ยเนี่ยนะ

คิดอะไรอยู่จ้าอิท

ส่วนบอลก็เข้าตำหรับพระรองผู้แสนดี

คนแต่งหาคู่ให้บอลด่วน อยากให้มีคู่กับเค้าบ้าง

เอ๊ะ...3p ก็ได้นะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-09-2016 00:23:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-09-2016 18:53:30
ตามต่อ ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-09-2016 21:59:07
อิทธิพลรุนแรงกับเต้ยตลอดเลย
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 26-09-2016 22:07:15
เอาให้มันบ้าไปเลยค่ะ สะใจ ร้ายมากกก
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-09-2016 01:13:16
เต้ยเรียนแพทย์จริงป่ะเนี่ยก็เข้าใจนะว่ามันทำอะไรไม่ได้ แต่จำเป็นต้องยอมคนเลวๆแบบนั้นทุกอย่างเลยเหรอ นี่ก็ยังจะไปตามมันอีก เดรัจฉานอย่างมันไม่มีใครเห็นค่ามันหรอกนอกจากเงินน่ะ ไอ้อิทหน้าตัวเมีย ปากบอกไม่ชอบๆแต่เสือกตามเขามาเรียน ขัดใจจจจ ถ้าเจอนี่ตีนแสกหน้าบอกเลย พี่ต้อมก็ใจเย็นนี่ถ้าเป็นเราป่านนี้ดุ่มๆขึ้นไปลากมันลงมาจากเวทีแล้วยำตีนให้มันแล้ว รำไรบักอิท
ชอบคุณชายบอลมาก นางน่ารักแบบปฏิกิริยาไวมากพูดปุ๊ปต่อยปั๊ป จัดมาอีกหนักๆเลย สะใจดี
ทิ้งท้ายเกลียดไอ้อิท เต้ยก็หัวอ่อน วู้ ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 10(ส่งเข้านอน)............25.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 27-09-2016 11:30:44
ตอนที่ 11


“ถ้านายไม่หยุดรังควานเราอีก เราจะไม่ปรานีนายอีกแล้ว!!”




                    คำพูดเด็ดขาดที่สุดของเตชานุที่อิทธิพลเพิ่งได้ยิน   ก่อนจะเดินออกจากตัวหอประชุม  แต่แท้ที่จริงแล้วคิดหรือว่าคำพูดขู่เขาแบบนั้นจะทำให้เขาหยุดจริงๆ  ไม่มีอะไรมากำหนดบังคับอิทธิพลได้  ถ้าเขาคิดจะหยุดจริงๆ คงไม่ต้องดิ้นรนทำทุกอย่างตามมาเรียนถึงมหาวิทยาลัยแห่งนี้หรอกจริงไหม?...



                 เขาแน่วแน่กับความคิดตัวมากกว่าใครอื่นเป็นไหนๆ เขาตั้งใจมา เรียนที่นี่เพื่ออะไรกัน  ก็เพื่อเตชานุคนเดียวอย่างไรล่ะ ต้องการเจอหน้า ต้องการในเวลาร่วมเซ็กส์ และต้องการแสดงความเป็นเจ้าของถึงแม้เขาจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำมันผิดวิสัยคนปกติ แต่เขาเชื่อว่าเขาเป็นคนปกติ ที่อยู่ในคราบของคนโรคจิตเท่านั้น  ทันทีที่เตชานุทำให้เขามั่นใจว่าจะไม่มีใครอื่น คราวนั้นเขาก็พร้อมแล้วที่จะทำดีในแบบที่เป็นอยู่จริงๆ ไม่ใช่การใส่หน้ากากทำตัวโหดร้าย



ครืดดดด  ครืดดดดด



              มือถือสั่นอยู่บนโต๊ะในห้องพัก  หน้าจอปรากฏชื่อของหญิงสาว ในตอนนี้เขากำลังคบหาอยู่ แต่เป็นคบแบบเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังอะไร  อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็เป็นฝ่ายเสนอตัวให้เขาเองตั้งแต่ทีแรก  โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย  พื้นเพเดิมของหญิงสาวที่โทรมานี้ ทำอย่างกับเขาไม่รู้อย่างนั้นล่ะว่าเธอผ่านมือชายหนุ่มมาแล้วกี่คน นี่คงคิดหวังจะจับคนรวยอย่างเขาอีกคนก็เท่านั้น ไม่สำเร็จหรอก ละครแกล้งตบตาจบแล้ว



               แตกต่างไปจากเตชานุสิ้นเชิง  ที่ปฏิเสธเขาทั้งทางกายและจิตใจมาโดยตลอด เขาเพียบพร้อมภายนอกทุกอย่าง แต่สุดท้ายร่างบางก็ไม่คิดสนใจเขาอยู่ดี  เพราะอะไรนั้นคำตอบอยู่ในหัวใจของอิทธิพลนานแล้ว นั่นคือคำว่า เกลียด คำเดียวของเตชานุอย่างไรล่ะ!



“ครับแพรว” เขารับสายอีกฝ่าย พร้อมกับเรียกรุ่นพี่คนนี้ราวกับรุ่นเดียวกัน


“อิททำไมรับสายแพรวช้าจังคะ ” เธอตำหนิด้วยวาจานิดๆ


“พอดีเพิ่งออกมาจากห้องน้ำครับ” ชายหนุ่มเสแสร้งแกล้งโกหก


“มิน่าล่ะ เอ่อ... แพรวเพิ่งรู้เรื่องซ้อมดาวเดือน อิทโดนต่อยเจ็บมากไหมคะ”


“เรื่องเล็กน้อยครับ”


“แพรวห๊วงห่วงอิทมากเลยนะคะ คืนนี้ให้แพรวไปหาที่คอนโดนะ ”


“ไม่ต้องมาหรอก อยู่กับผู้ชายคนอื่นไปเถอะแพรว”


“ทำไมอิทพูดแบบนี้คะ!” เธอทำน้ำเสียงตกใจ


“แล้วจะให้ผมพูดแบบไหน เมื่อเช้าผมเห็นแพรวไปกับไอ้สถาปัตย์ปีสามนั่น ”


“อะ...อิท เห็นด้วยหรอคะ?”


“ผมไม่ได้โง่นะแพรว  ต่อไปไม่ต้องโทรมาหาผมอีก ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะดึงแพรวมาช่วยแล้ว ผมจะทำสิ่งนั้นด้วยตัวผมเอง  ถ้าแพรวไม่หยุดตื้อผม  แพรวเจอดีแน่!” อิทธิพลขู่หญิงสาวอย่างจริงจัง


“!!!”



                 ผู้หญิงปลายสายดูท่าทางน่าจะอึ้งมาก แต่ชายหนุ่มก็กดตัดสายไปแล้ว    สตรีเพศสมัยนี้เป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ  เพื่อเงินแล้วทำได้ทุกอย่างสินะ  แต่นั่นมันก็แค่ไม่กี่คนหรอก  แล้วคำถามคือ  ทั้งๆที่รู้แต่ทำไมเขาถึงยังฝืนคบแพรวเรื่อยมาจนกระทั่งเมื่อครู่ที่เรื่องนี้จบไป



               ก็เพราะว่าผู้หญิงพวกนี้ติดกับดักง่ายไง  เขาชักจูงยื่นมือมาเพื่อให้คนตัวเล็กของเขาหึงหวงบ้างก็เท่านั้น  แต่ตอนนี้คงต้องหาเป้าหมายใหม่เสียแล้ว หรือไม่ก็ไม่ต้องมีเลย เพราะเท่าที่ดูๆอยู่ เต้ยไม่มีทางหึงเขาเลย มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วจริงไหม



“ไม่สนใจกูต่อไปให้ตลอดลอดฝั่งเถอะ เต้ย จิตใจมึงอ่อนไหวยิ่งกว่าอะไรดี กูจะทำให้มึงรักกูให้ได้ ในวิธีของกูเอง ฮึฮึ” 


            ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับถอดเสื้อผ้าออก ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ   ต่อไปนี้ เกมทุกอย่างมันกำลังเริ่ม ทั้งที่อีกฝ่ายคงคิดว่ามันจบสินะ  คิดหรอว่าคำขู่นั้นจะได้ผล ไม่มีทางหรอก ฮึฮึ

...


...


...



สี่วันต่อมา...คณะแพทยศาสตร์




           วันหยุดแบบนี้เต้ยสละเวลามานั่งอ่านหนังสือเรียนที่ห้องสมุดคณะ  ถึงแม้ปีนี้เขาจะยังไม่ได้เข้ามาเรียนในคณะก็ตาม แต่ห้องสมุดที่นี่ก็ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว   บริรักษ์ติดธุระกับทางบ้าน จึงต้องขอตัวกลับไปก่อน  เย็นวันอาทิตย์ถึงจะกลับมา



           แต่เขาไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวหรอกนะ  เพราะมีพี่ชายมาทำหน้าที่เป็นองครักษ์แทนหนึ่งวัน  แต่ตอนนี้แค่เขายังไม่มาเท่านั้นเอง


“!!!”


        อ่านไปได้ไม่ถึงไหน เตชานุกลับรู้สึกตัวเย็นวาบ ไปทั่วทั้งตัว ราวกับกำลังมีคนจ้องมองมาจากทิศทางไหนสักแห่ง   แต่ไม่รู้ว่าดวงตานั้นอยู่ตรงไหน เขาเป็นใครกัน... คงไม่ใช่อิทธิพลใช่ไหม?



       เต้ยผละจากหน้าหนังสือ แล้วกวาดสายตามองไปรอบตัวอย่างช้าๆ แต่กลับไม่มีใครอยู่ในรัศมีของดวงตาดวงนี้เลย มีแต่รุ่นพี่คณะที่นั่งอ่านหนังสือกระจายตัวอยู่จุดต่างๆอย่างสงบเงียบ



“คงไม่ใช่อิทธิพลหรอก” ร่างบางคิดในใจ ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไป



ครืดดดดดด  เสียงลากเก้าอี้อย่างเบามือจากทางด้านหลังเขา ทำให้เต้ยตกใจอีกครั้ง พร้อมกับจะหันไปดู



             แต่ท้ายที่สุด ใบหน้าเครียดกังวลใจของเต้ยก็คลี่คลายลงไป  เพราะใครคนนั้นเป็นพี่ชายของเขาเอง แต่ไม่ใช่แค่พี่ต้อมหรอกที่มา  แต่มาพร้อมกับพี่แชมป์อีกด้วย



“สวัสดีครับพี่แชมป์”


“สวัสดีครัช น้องเต้ยยย ห้องสมุดคณะแพทย์ต้อนรับทันตะสุดอินดี้คนนี้ป่ะ”



                 แชมป์พูดจาในสไตล์ของตัวเองทันทีที่นั่งลงเก้าอี้  รอยยิ้มที่ส่งมานั้นทำให้เต้ยแอบนึกไม่ได้ว่า พี่แชมป์คนนี้เคยโกรธใครเป็นรึเปล่า!


“ต้อนรับสิครับพี่” ไม่รู้ว่าจริงๆได้รึเปล่า แต่เตชานุก็รีบตอบกลับไปแล้ว


“พอดีเพื่อนพี่มันอยากมาเจอหน้าเต้ย เต้ยคงไม่ว่าอะไรนะ” ต้อมทำสีหน้าเหมือนไม่อยากให้มายังไงไม่รู้


“เอ๋?” ร่างบางทำหน้างง


“ไอ้ต้อม บอกความจริงไปแบบนี้ไม่ดีเลยนะเว้ย” แชมป์หน้าตื่นเล็กน้อย


“อ้าวหรือว่ามึงไม่ได้คิดจะจีบน้องกูวะแชมป์” ต้อมเปรยต่อ


“จีบหรอครับ?” ตัวเล็กทวนคำพูดที่ได้ยินอีกรอบ พี่ชายสองคนนี้เล่นอะไรกันอยู่


“เอ่อ...ครับใช่ครับ พี่แชมป์ขอตอบอย่างแมนๆ  พี่ชอบน้องมาก น้องน่ารัก รู้จักกันยังไม่จุใจ พี่เลยขออนุญาตไอ้ต้อมพามาหา
น้องอีก น้องเต้ยจะรังเกียจพี่ไหมถ้าพี่จะขอนั่งด้วยคน”



           แชมป์จ้องมองรอเอาคำตอบ ตัวเล็กหันไปสบตาพี่ชาย แต่อีกฝ่ายกลับยกไหล่ทำสีหน้าไม่ยี่หระ ราวกับว่า...ตามใจน้องสิ ประมาณนั้น


“ไม่รังเกียจครับ”


“ดีเลยครับ งั้นรับดอกกุหลาบขาวทีนะ พี่อุตส่าห์เดินไปซื้อแถวตลาดใกล้ๆตรงนี้เลย”


              ดอกกุกลาบตูมสีขาวอยู่ในพลาสติกใสห่ออย่างดีโผล่ยื่นออกมาให้ตรงหน้า  จะว่าไปพี่แชมป์นี่เป็นคนคิดจริงทำจริงน่าชื่นชมมาก แต่ว่า...เต้ยกลับไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขานะสิ


“แต่ผม...”


“พี่รู้ว่าเต้ยไม่ได้คิดอะไรกับพี่ แต่ขอให้พี่แสดงฝีมือพี่หน่อยละกัน อยากจะรู้นักว่าจีบหนุ่มตัวเล็กจะยากกว่าจีบผู้หญิงรึเปล่า น้า
น้าน้า”  หนุ่มทันตะสุดอินดี้ทำสีหน้าออดอ้อนสุดฝีมือ ท้ายที่สุดเต้ยก็รับดอกไม้ดอกนั้นมาจนได้


“ขอบคุณนะครับพี่แชมป์”


“ไม้ต้องขอบคุณเลยครับ พี่แชมป์ยังมีอีกหลายๆดอก เดี๋ยวจะตามมาในเร็ววันแน่นอน”


“แต่ว่า...”


“ไม่ต้องพูดครับ พี่แชมป์รู้ว่าน้องเต้ยไม่ชอบดอกกุหลาบ ไอ้ต้อมบอกพี่เอง แต่ให้พี่ได้จีบน้องเต้ยในแบบของพี่เถอะนะ พี่อยากจะรู้เหมือนกันว่าดอกกุหลาบดอกที่เท่าไหร่จะทำให้น้องเต้ยชอบพี่ได้ อย่าลืมล่ะ...ห้ามทิ้งดอกไม้พี่นะครับ   พี่จะรอนับดอกไม้พวกนี้ในวันที่พี่ทำสำเร็จ  ”



“จะทำสถิติหรอครับ อิอิ” เต้ยอดไม่ได้ที่จะหลุดขำและถามไป


“เปล่าครับ พี่แค่จะประเมินตัวเองว่าจะจีบน้องเต้ยน่ารักคนนี้ พี่ต้องใช้ใจไปเท่าไหร่ เพราะดอกไม้หนึ่งดอกคือหัวใจพี่หนึ่งดวง” แชมป์ตอบพร้อมกับวาจาเป็นตัวของตัวเอง



“อะแห่มมม แคร๊กๆๆ” ต้อมนั่งฟังอยู่นานพอสมควร จนถึงขั้นอดกระแอมแทรกเพื่อนสนิทไม่ได้ เพราะคำพูดที่หวานจนน้ำตาลยอมแพ้แบบนั้นไม่ไหวจริงๆ


“ทำเป็นไอ เจ็บคอ ไอ้ต้อม!!!” หนุ่มสะกินเฮดหันไปเอ็ดเพื่อนเบาๆ


“นี่ไอ้แชมป์  อย่าหยอดคำหวานให้มาก น้องชายกูยังไงก็เป็นผู้ชายนะเว้ย มันไม่ชอบแบบนี้เท่าไหร่หรอก”


“อ้าว ก็กูจะจีบในแบบฉบับของกู น้องเต้ยเป็นผู้ชายคนแรกเลยนะที่กูจีบเนี่ย  ถ้าไม่เวิร์คกูจะเปลี่ยนสไตล์กูเอง มึงอยู่เฉยๆไปเลย ไม่ต้องออกความคิดเห็น”


“อ้าว! ให้ได้แบบนี้สิเพื่อนกู” ต้อมพึมพำเบาๆ ก่อนจะพากันลุกไปหาหยิบหนังสือมาอ่าน เป็นเพื่อนน้องชาย


        ผ่านไปนานถึงสองชั่วโมง แต่ร่างบางก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอ่านซักที  จนตอนนี้ทันตแพทย์หนุ่มหล่อคนละสไตล์สองคนเริ่มจะเฉาตายไปกับโต๊ะหนังสืออยู่แล้ว 


“เต้ย พอแล้ว...จะอ่านอะไรเยอะแยะครับ  นี่ก็เพิ่งต้นเทอมเองน้า จะเอา A ทุกตัวหรือไง?”


“ถ้าได้ก็ดีครับ แต่เต้ยไม่รู้จะทำอะไร วันหยุดแบบนี้พี่ต้อมก็ไม่พาไปเที่ยว เต้ยก็ต้องหาหนังสือมาอ่านสิ”


“งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องอ่าน พี่จะพาไปเดินห้างแล้วกัน MBK หรือ สยามดี?”


“แล้วแต่พี่ต้อมเลยคร้าบบบ” เต้ยดีใจมาก   ที่สุดท้ายพี่ชายก็ยอมพาไปเที่ยวซักที


“แต่ตอนนี้พี่หิวแล้วเต้ย ไปหาอะไรกินกันเถอะ เที่ยงแล้วนะคนดี” มือหนาคว้าเข้าจับขยับน้องชายเบาๆ


“ได้ครับ ปลุกพี่แชมป์ด้วยนะพี่เต้ย ไปกินด้วยกันนี่แหละ ”


“หลับเป็นตายอีกแล้ว ไอ้นี่” ต้อมชำเลืองมองเพื่อน  แต่เวลาแชมป์หลับนั้นน่ารักมากเลย แม้แต่เต้ยเองก็ต้องชม ทำไมกันนะ ผู้
หญิงเหล่านั้นถึงได้ปฏิเสธหนุ่มจอมทะเล้นอินดี้คนนี้ไปหมด ทำไมไม่ลองเชื่อใจพี่แชมป์บ้าง  ดูก็รู้ว่าพี่เขารักเดียวใจเดียว แค่ติดเฟรนลี่ไปหน่อย เตชานุได้แต่มองแล้วคิดไปเรื่อย


“ไอ้แชมป์ ตื่นเว้ย!” มือหนาพาดแก้มพี่เบาๆ


“อืออออ” เสียงร้องครางราวกับกำลังฝันหวานสะดุดลง  ดวงตาคู่นั้นค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ


“ตื่น! กูกับเต้ยจะไปหาอะไรกินกัน มึงก็ไปด้วยนี่แหละ”


“เออๆ ให้กูไปเก็บหนังสือเล่มนี้ก่อนแล้วกัน”


“อื้ม! พี่ต้อมก็ไปเก็บด้วยสิครับ เต้ยว่าเต้ยจะไม่กลับมาอีกแล้ว ว่าจะกลับห้องพักเลย”


“อืมดีเหมือนกัน  พี่จะได้ไปส่ง ตอนบ่ายพี่ต้องไปคณะด้วยสิ เต้ยรอพี่อยู่นี่นะ เดี๋ยวไปเก็บหนังสือแป๊บเดียว”


“ครับ”



                 ทันที่สองหนุ่มรุ่นพี่เดินหายลับไปกับชั้นวางหนังสือมากมาย กลับมีใครบางคนเดินเข้ามาหาเต้ยที่โต๊ะทันที แต่
หน้าตาท่าทางดูไม่คุ้นหน้าเลย แต่เขาคนนั้นกลับยื่นกระดาษบางอย่างมาให้ ไม่มีคำพุดใดๆสนทนากัน  ซึ่งแรกเริ่มเต้ยก็ต้องชั่งใจพอสมควร แต่สุดท้ายก็รับกระดาษพับทบแผ่นนั้นมา



                 ผู้หญิงคนเมื่อครู่เดินจากไป ส่วนกระดาษที่พับทบนั้นเต้ยกลับมองมันอย่างแปลกใจมาก เขาไม่รอช้าที่จะคลี่กระดาษนั้นออกมาดู แต่แล้วก็เจอเข้าให้กับประโยคปริศนา น่ารังเกลียด?


“อย่าแรดให้มากนะมึงอ่ะ กูหวง กูห่วง กูหึง  กุหลาบขาวนั่นทิ้งไปซะ”


          ท้ายกระดาษมุมขวา เขียนที่มาของจดหมายไว้ว่า  จากผัวมึง   ผัวมึงคือใครนั้น เต้ยแทบไม่ต้องเดา  นี่แสดงว่าความรู้สึกหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้เหมือนมีใครจ้องมองเขาอยู่ก็ต้องเป็นความจริงแน่นอน เขาไม่ได้รู้สึกไปเอง  อิทธิพลอยู่แถวนี้จริงๆด้วย!!




“ไปกันเถอะเต้ย พี่ไปเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว”



            เสียงพี่ชายของเขาเรียกสติกลับคืนมา ร่างบางเก็บของเข้ากระเป๋าอย่างเร่งรีบ และต้อมจับพิรุธนั้นไม่ได้ด้วย  เต้ยรีบเดินจับข้อมือพี่ชายไว้แน่น  และร่างสูงเป็นใจมาก  รีบประสานมือกับเต้ยแทนทันที สิ่งนี้คงจะพอทำให้เต้ยคลายกังวลใจได้บ้าง
...

...

...


               ค่ำคืนวันเดียวนั้นเอง เตชานุต้องอยู่ในหอพักคนเดียว เขาเปิดทีวีดูเป็นเพื่อนเพื่อไม่ให้เงียบเหงาเกินไป แอบชำเลืองมองกุหลาบสีขาวที่พี่แชมป์ให้มา ดอกไม้ที่เขาไม่ชอบแต่ไม่ถึงกับเกลียด ถูกตัดแต่งให้สวยงาม แล้วปักอยู่ในขวดน้ำดื่มที่มีน้ำอยู่ครึ่งขวด พลางนึกไปถึงคำพูดของเจ้าของดอกไม้ที่ว่า...



“...พี่แชมป์รู้ว่าน้องเต้ยไม่ชอบดอกกุหลาบ ไอ้ต้อมบอกพี่เอง แต่ให้พี่ได้จีบน้องเต้ยในแบบของพี่เถอะนะ พี่อยากจะรู้เหมือนกันว่าดอกกุหลาบดอกที่เท่าไหร่จะทำให้น้องเต้ยชอบพี่ได้ อย่าลืมล่ะ...ห้ามทิ้งดอกไม้พี่นะครับ   พี่จะรอนับดอกไม้พวกนี้ในวันที่พี่ทำสำเร็จ  ”



“พี่มีความพยายามสูงมากนะ แต่พี่คงพยายามผิดคนแล้วครับพี่แชมป์” ร่างบางเปรยเบาๆก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าตัวเอง



ก๊อกๆๆๆ  เสียงเคาะประตูดังขึ้น เตชานุตกใจเล็กน้อย หรือว่าบอลจะกลับมาแล้ว...แต่คุณชายบอกจะกลับพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไง ลองโทรหาบอลดูดีกว่าเพื่อความแน่ใจ


“ตูดดดดด  ตูดดดดด”  ร่างบางรอปลายสายกดรับ พร้อมกับจ้องมองดูทางประตูที่มีเสียงเคาะต่อเนื่อง
แต่ท้ายที่สุด บอลก็ไม่ได้กดรับสายของเขา



ก๊อกๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง ตอนนี้เต้ยหวั่นใจมาก แต่...ไม่แน่อาจจะเป็นพี่ต้อมมาหาก็ได้


“พี่ต้อมหรอครับ!” เตชานุตะโกนถามออกไป  แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาเลย สรุปเป็นใครกันแน่!



ฟิ้ววว  กระดาษพับทบสีขาวถูกสอดเข้ามาภายในช่องประตูด้านล่าง ร่างบางรีบเดินไปหยิบมาคลี่อ่านทันที


“เปิดประตูเดี๋ยวนี้  ผัวมาหาแล้ว!”


“อิท!!!”


            ร่างบางเดินถอยหลังไปหลายก้าวโดยอัตโนมัติ  ทุกอย่างเริ่มทำให้เขากลัวอีกครั้ง เขานึกว่าจะคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่วันนั้นแล้วเสียอีก  ทำไมอิทธิพลไม่ยอมหยุด ทำไมพูดยากดื้อรั้นแบบนี้  เงียบไปสักพักใหญ่ๆ กลับมีบางสิ่งทำอะไรกับประตูแทน



แกร๊ก!!!  เสียงไขประตูดังขึ้น ดวงตาของเต้ยเบิกโพง เพราะมองไปที่กลอนประตูด้านใน เขายังไม่ได้ล็อค ว่าแล้วเขาก็รีบวิ่งไปที่บานประตูเพื่อล็อคกลอนนั้นทันที แต่...คงไม่ทันแล้ว



แอดดดด



      บานประตูถูกเปิดออก พร้อมกับชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำ กับกางเกงยีนกรมท่า ใกล้ๆกันนั้นคือพี่คุมหอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประตูถึงเปิดไขเข้ามาได้


“ขอบคุณพี่มากนะครับที่มาเปิดให้ คราวหลังผมจะไม่ลืมกุญแจอีก” ร่างสูงตอบอีกคนไปอย่างหน้าตาเฉย


“ไม่ใช่นะครับพี่ คนนี้ไม่ใช่เมทผม” เต้ยรีบตะโกนบอกปฏิเสธทันที


“อ้าว สรุปยังไงกันแน่ครับน้อง” พี่คุมหอหันมาถามคาดคั้นกับผู้มาเยือน


“เราสองคนทะเลาะกันอยู่ครับ พี่ไม่ต้องห่วง ผมเคลียร์กับเต้ยได้”


“อ่อโอเค คุยกันดีๆล่ะ อย่าทะเลาะวิวาทเด็ดขาด”


“ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่เคย ทะเลาะวิวาท! กับเพื่อนคนนี้เลย” อิทธิพลยิ้มแสยะ แต่รอยยิ้มนั้น เต้ยรู้ดีว่าอิทธิพลหมายถึงอะไร


“พี่ไปแล้วนะ”



      พี่คุมหอเดินกลับไป พร้อมกับร่างสูงที่ถลาก้าวเข้ามาในห้องแล้วล็อคประตูทันที  อิทธิพลมองหน้าอีกฝ่ายที่ตัวเล็กกว่าอย่างแน่นิ่ง เตชานุไม่เข้าใจเลยว่าดวงตาไร้ความรู้สึกนั้นกำลังจะสื่อและบ่งบอกอะไรเขา


“ทำไมนายยังไม่เลิกตามเราอีกอิท นายต้องการอะไร!”


“ต้องการมึงไง! ” ร่างสูงตอบไปตามความรู้สึก


               อิทธิพลจะกวาดสายตามองไปทั่วห้อง จนกระทั่งเตะตาเข้ากับดอกกุหลาบสีขาวในขวดน้ำ  ใบหน้านิ่งเรียบค่อยๆขมวดคิ้วเข้าหากัน ท้ายที่สุดก็หันขวับกลับมามองร่างบางอย่างเหลืออดแทน



“กูบอกมึงเมื่อตอนเที่ยง  ว่าให้เอาดอกไม้ดอกนี้ไปทิ้ง กูไม่ชอบ ทำไมมึงยังเก็บไว้!!!”


พรึบ!!! เต้ยวิ่งอย่างเร็วไปคว้าหยิบขวดน้ำที่มีดอกกุหลาบขาวนั้นมาซ่อนไว้ด้านหลังทันที


“อย่ามาแตะต้องดอกไม้ดอกนี้นะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยอิท ไม่อย่างนั้นเราจะโทรบอกคุณพ่อจริงๆด้วย” ตัวเล็กขู่ แต่นั่นทำให้ร่างสูงยิ้มแสยะที่มุมปาก



“เอาดิ โทรเล้ย!!! ถ้าพ่อมึงรู้ กูก็แค่บอกพ่อกูไปขอขมาแล้วหมั้นหมายกับมึง เรื่องจะได้จบๆ คราวนี้ใครหน้าไหนแม่งก็คาบมึงไป
แดกไม่ได้แล้ว”


“หยาบคาย ความคิดต่ำ ชั่วช้า สารเลวจริงๆ”


“ที่กูมาหามึงเพราะกูอยากมาหา ไม่ได้อยากมาทะเลาะ ส่งดอกกุหลาบนั่นมา”


“ไม่!!! นี่ของพี่แชมป์ นายไม่มีสิทธิ์”


“กูบอกให้เอามา!!!”


พรวดดดดด หมับ!


           อิทธิพลถลาเข้าไปหาร่างบางอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแย่งกุหลาบสีขาวในขวดน้ำซ่อนอยู่ข้างหลังเต้ยไปอย่างง่ายดาย  เขากวาดสายตามองทั่วห้องอีกครั้งจนกระทั่งเห็นถังขยะอยู่ไม่ไกลนอกระเบียงห้อง


“อย่า!!! อิท อย่าทิ้ง ฮึก ฮือออ อิทอย่าทำ”


          ร่างบางเดินตามหลังไป พร้อมกับเอามือเรียวเล็กนั้นรั้งแขนอีกคนไว้ แต่ไม่เป็นผลเอาเสียเลย


“ชอบมากใช่ไหมไอ้ดอกไม้ผัวชู้คนใหม่เนี่ย!”


          มือหนาดึงดอกกุหลาบออกจากขวดน้ำ พร้อมกับเอามือบดขยี้หักก้านเป็นเสี่ยงๆชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่ปราณี แล้วโยนลงถังขยะไปอย่างไม่ใยดี


“ฮือออออ อิท!!  ทำไมนายเลวได้ขนาดนี้ นายไม่ใช่คน!!!”


“จะด่าอะไรก็ด่าไป แต่คำพูดและน้ำตาของมึง กูชอบมากเลยเต้ย อารมณ์กูเริ่มก่อตัวอีกแล้ว”


“!!!” ร่างบางดวงตาเบิกโพง เขารู้ว่าร่างสูงไมได้ล้อเล่น แต่เขาจะทำจริงๆ เต้ยก้าวถอยหลังกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับใครบางคนเดินตามเข้ามาช้าๆ


“อย่าเข้ามานะ ฮือออ ขอร้องล่ะ”


“เลิกกลัวผัวได้แล้วเต้ย กูคิดถึง มึงมากกกก!!!!” อิทธิพลเค้นเสียงกัดฟันพูด ดูสีหน้าและท่าทางในเวลานี้อิทธิพลเหมือนคนโรคจิต โรคประสาทไม่ผิดเพี้ยน  ตอนนี้เต้ยรึสึกกลัวมาก


“อิท! อิทอย่าทำแบบนี้เลยนะ อิท!!! เราขอร้อง ต่อไปเราจะไม่รับดอกไม้กับพี่แชมป์อีก นายพอใจไหม”


   ร่างสูงชะงักไปที่ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ทั้งที่เขาไมได้บังคับใดใดเลย แต่นั่นมันทำให้เขาพอใจไม่น้อย


“ก็ดี!!! พูดง่ายแบบนี้สิ”


แขวก!!! มือหนารูปซิปกางเกงยีนลง พร้อมกับงัดเอาท่อนเนื้อใหญ่ที่ขยายตัวไม่เต็มที่เท่าไหร่ออกมาโชว์


“อิท! จะทำอะไร?”


“ถามโง่ๆอีกแล้ว ว่าที่คุณหมอเมียของกูเนี่ย” ร่างสูงแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างตัวเอง ดวงตาที่โมโหตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นหื่นกามแทน


“อมซะสิ น้ำรักมันรอมึงอยู่นะ!!!”


พรึบ พรวดดดดด  อิทธิพลถลาจับคางอีกฝ่าย พร้อมบีบให้เต้ยอ้าปาก พอได้ช่องโหว่พอเหมาะ เขาก็ยัดท่อนเนื้อนั่นเข้าไปทันที  ทุกอย่างเกิดเร็วมาก เต้ยไม่มีทางเดาใจได้ทันว่าอิทธิพลจะทำอะไรด้วยซ้ำ


“อ่า..... อ่า... อมเข้าไปอีก ลึกๆ”


“ครัก อะ แครก” 

                 เสียงอู้อี้จากเต้ยที่ตอนนี้ราวกับหายใจไม่ออก แต่ก็ต้องทำออรัลต่อไปอย่างหยุดไม่ได้ น้ำตามันไหลอาบแก้ม
ไม่ยอมหยุด  หรือว่าคืนนี้เขาคงไม่พ้นมัจจุราชชั่วร้ายคนนี้ได้แล้วสินะ...



:L2:


ตอแหล เลวววววว เลวมากกก   ทำได้ทุกอย่างจริงๆๆ  ก่อนจะแสดงความเป็นเจ้าของ มะรึงถามน้องเต้ยกะรูด้วยยยยยย

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:


คุณชายบอล ทำไมไม่อยู่  :ling1: :ling1:  ทำอะไรซักอย่างหน่อยสิเต้ย ไม่สตรองตามที่ขู่มันเลยย  รึไม่ก็กัดมังกรให้มันด้วนไป



เลย ชอบให้ออรัลนัก   (เดี๋ยวๆๆ คนแต่งโรคจิตไปป่ะ)  :mew5: :mew5: :mew5:  มาต่อแล้วนาจา 



 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 11............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-09-2016 17:23:40
สู้ๆ บ้าง จะได้มีความเข้มข้น มากขึ้น ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 11............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 27-09-2016 19:03:58
คือคอมเมนหาย โดนลบเหรอ ถ้าติเม้นอะไรไม่ได้ ขึ้นหัวขอไว้เลยจ้า จะได้รู้
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 11............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-09-2016 19:12:22
อิทเอ๊ยยยยยย อ่อนโยนกับคนที่รักมันจะตายมั้ยวะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 11............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 27-09-2016 19:25:02
ให้อิท >>>>>>  :z6:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 11............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-09-2016 19:57:26
นายอิทนี่สงสัยจะโรคจิตจริงๆ

ปากบอกรักบอกชอบ

แต่การกระทำนี่ต่างกันมาก

เต้ยนี่ก็ไม่สู้คนอีกละ

ไม่รู้จะรักกันชอบกันยังไง
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 11............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-09-2016 20:13:46
ชอบๆ เพราะเราโรคจิต
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 11............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 27-09-2016 22:08:40
หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอ่านตอนนี้นาจา :ling3: :ling3:



ตอนที่ 12


“ฮึก ฮึก ฮึก”



    เสียงสะอึกสะอื้น แต่น้ำตาหยุดไหลไปก่อนหน้านี้   เตชานุนอนตะแคงอยู่บนเตียงนอน  กิจกรรมเร้าอารมณ์ปนความโหดร้ายขืนใจจบลง   มันหอบนำพาเอาผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอนกระจายไปทุกทิศทาง บ้างตกลงไปอยู่ที่พื้น บ้างถูกรื้อทึ้งดูไม่ระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม



         อิทธิพล เอาลิ้นสากอุ่นเลียข้างแก้ม ราวกับความโรคจิตติดตัว  แต่นั่นไม่ใช่นิสัยเขา  เขาต้องการที่จะทำแบบนั้นเองกับเตชานุเท่านั้น  อยากทำให้เต้ยเข้าใจว่าจิตเขาไม่ปกติ   ทั้งที่จริงเขากลับไม่เคยทำสิ่งวิปริตแบบนี้กับใครที่ไหนมาก่อนเลย   แต่กับเตชานุเขา  ผลลัพธ์กลับเป็นที่น่าพอใจสำหรับเขา  อิทธิพล ติดใจและเสพติดที่จะทำแบบนี้กับร่างเล็กคนนี้ไปแล้วนั่นเอง




“หยุดร้องไห้เถอะเต้ย เดี๋ยวกูมีอารมณ์ขึ้นมาอีก มึงจะซวยเอานะ ฮึฮึ” เสียงทุเรศสำหรับร่างบางนั้นกระซิบเข้าที่หู


“ฮึก ฮึก อิท ขะ..ขอร้องล่ะ”


“อ๊ะๆๆ ค่อยๆพูด กูรอให้มึงหายสะอึกก่อนก็ได้ คืนนี้กูไม่รีบ กูจะอยู่ห้องนี้กับมึงแทนผัวน้อยอย่างไอ้คุณชายบอลเอง”



“อิท ฮึก ฮึก บะ..บอลเขาไม่เคยทำแบบนี้ ฮึก ฮึก กับเราซักครั้งเดียว นายจำเอาไว้”


“ว้าว! วิเศษเลย นี่มึงถนอมเก็บตัวไว้เพื่อกูคนเดียวเลยหรอเนี่ย  ซื่อสัตย์แบบนี้กูจะทิ้งมึงลงคอได้ยังไงกัน”



               ร่างสูงทำเสียงพร้อมกับสีหน้าคร่าตากวนใจอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนตัวเล็กไม่มีฤทธิ์จะต่อปากต่อคำกับเขาอีกแล้ว  เพราะเหนื่อยกับการร่วมเซ็กส์เมื่อครู่ แต่มันเป็นการร่วมเซ็กส์ที่ทรมานที่สุด ทั้งขัดขืน ดิ้นหนี แต่ถูกอีกฝ่ายจับเล่นงาน เสียทั้งพลังงานและน้ำตามามหาศาล



“กูทำมึงเจ็บ แต่กูพร้อมจะทำให้มึงมีความสุขนะเต้ย ขออย่างเดียวอย่าดื้อกับกูเลยนะ กูไม่รู้หรอกว่าที่ทำกับมึงเขาเรียกว่ารักรึเปล่า แต่ที่แน่ๆกูขาดมึงไม่ได้จริงๆ”


“ฮึก สัตว์เดรัจฉาน พอมีคนถูกใจคนใหม่ มันก็ไปแล้ว อิท ฮึก อึก” เต้ยมองตาขวางพร้อมกับสะอื้นไปด้วย


“ให้ผัวเป็นสัตว์! อีกแล้วนะเต้ย ชอบรึไงร่วมเพศกับสัตว์มากกว่าคน ” อิทพูดด้วยเสียงแหบพร่า



“ที่พูด ฮึก ฮึก อยู่นี่ ก็เพราะไม่ชอบไง อิท ฮึก ฮึก เข้าใจอะไรยากอย่างนี้ ”


“ก็รู้แล้วว่าไม่ชอบ  กูก็เลยเป็น คน แทนสัตว์ให้มึงอยู่นี่ไง จะลดทิฐิลงมาหน่อยไม่ได้รึไง”



“หยุดพูดจาไร้สาระไม่มีแก่นสารได้แล้ว ออกไปจากห้องของกูเดี๋ยวนี้!!!” ดวงตาแดงก่ำ รวบรวมพลังอีกครั้ง เพื่อขับไล่ใครคนนี้ให้ออกไป



            แต่อิทธิพลทั้งพูดยาก ดื้อรั้น หน้ามึนที่สุดในสามโลกเหมือนทุกครั้งที่เต้ยเห็นมา  เขาจะทำยังไงถึงตจะขับไล่ชายคนนี้ไปให้พ้นๆจากชีวิตได้เสียที



หมับ!!!  มือหนาขย้ำจับที่ผมบริเวณท้ายทอยอีกฝ่ายพร้อมกับดึงทึ้งลงไปติดเตียงนอน แน่นอนว่าเตชานุเจ็บ แต่เขาไม่ต้องการเสียน้ำตาให้คนตรงหน้าอีกแล้ว


“ฮึก ฮึก เจ็บนะ  ฮึก จะฆ่ากู ก็ฆ่าเลยสิอิท ฆ่ากูให้ตาย ฆ่ากูเล้ยย!!!”



            ร่างบางยังมีแรงวาจาจะสุ้ต่อ  คำขู่ยุยงให้อิทธิพลฆ่าเขาให้ตายไป  มันยิ่งทำให้ร่างใหญ่ไม่พอใจมากขึ้นไปอีก



“คิดว่าความตายจะทำให้มึงหนีกูพ้นหรอเต้ย ฮะ!!! พูดมา มึงจะหนีกูไปไหน!!! กูต้องการมึงได้ยินไหม!!!”



พรึบ!! อิทธิพลปล่อยมือที่ขย้ำเส้นผมนับจำนวนไม่ถ้วนนั้นทันที  ร่างบางฟุบหน้าลงที่เตียง หายใจแรงไม่พูดอะไรต่อ


        อิทธิพลยิ้มมุมปาก  ค่อยๆเอื้อมมือหนาเข้าไปกอดร่างนั้นทั้งตัว เป็นครั้งแรกที่อิทธิพลได้ทำแบบนี้ เขาอยากจะทำมานานแต่ไม่มีโอกาสได้ทำเลย    อีกอย่างไม่กล้าทำด้วยเพราะกลัวคนตัวเล็กกว่าจะขัดขืน แต่ไม่เลยเตชานุนอนฟุบหน้านิ่งยอมให้เขากอดอยู่อย่างนั้น



“เอามือออกไป!!!” เสียงของเต้ยเล็ดลอดออกมา หลังจากถูกโอบกอดได้ไม่นาน


“กูนึกว่ามึงจะชอบซะอีกเต้ย”


“อะไรที่เป็นมึง หรือว่าทุกอย่างที่มึงทำ กูไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ” เต้ยขึ้นกูมึงอีกครั้ง อิทธิพลรู้ดีว่าร่างบางกำลังโกรธเขาจริงๆ แต่คิดหรอว่าเขาจะยอม    ไม่มีวันที่เขาจะกลัวเมียของตัวเองหรอก!


“ให้กูได้ทำอะไรแบบที่ ‘คน’ เขาทำบ้างสิเต้ย มึงชอบให้กูเป็นโรคจิตอยู่เรื่อยเลย  มึงว่ากูอยากทำรึไง มึงเจ็บกูเจ็บยิ่งกว่ามึงอีก แต่ทำไงได้  มึงมันอบแรด ไปหาคนอื่นตลอดเวลา  ตอนนี้ก็มีไอ้เชี่ยทันตะเพื่อนพี่ชายมึงเพิ่มมาอีก กูไม่ยอมปล่อยมึงหรอก”



“ในชีวิตมึง เคยผิดหวังเพราะความต้องการตัวเองซักครั้งไหมฮะ!!!” เต้ยตะโกนสวนกลับย่างเหลืออด ทั้งที่หน้ายังฟุบอยู่


“ก็...ไม่มี  ถามทำไม?” ร่างสูงตอบหน้าตาเฉย สวนกับอารมณ์คนตัวเล็กโดยสิ้นเชิง


“ถ้าอย่างนั้น!!! มึงรู้ไว้ซะ ว่าเรื่องของความรัก กูนี่แหละจะทำให้มึงไม่สมหวังตามที่ใจมึงต้องการ”


“คิดว่ามึงจะทำสำเร็จรึไง ฮึฮึ!!!”



“ตาสว่างซักทีเถอะอิท ทุกวันนี้มึงได้ใจกูบ้างรึยัง นอกจากร่างกายและคำด่าสารพัดที่กูไม่เคยด่าใครในชีวิต สิ่งเหล่านี้หรอที่มึงต้องการจากคนที่มึงบอกว่า ‘ต้องการมาก’  ขาดหายไปเป็นไม่ได้  คล้ายสิ้นใจ การกระทำของมึงสวนทางกับความรู้สึกมึงเสมอ แบบนี้มึงจะให้กูซึมซับและรู้สึกดีกับมึงทางไหนได้อีกบ้าง บอกกูทีซิ หรือว่าต้องทรมานจนเห็นกูตายไปก่อน ถึงจะเลิกหยุดวุ่นวายชีวิตกูสักที ฮะ!!!”




            อิทธิพลนิ่งไป ทุกคำพูดของเตชานุเข้าหูซ้าย  แต่...ไม่ทะลุหูขวา ร่างใหญ่กำลังประมวลคำพูดนั้นอยู่บ้าง แต่ได้ผลหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง 



“พักผ่อนซะเต้ย กูจะนอนกอดมึงไว้อย่างนี้แหละ อย่าไล่กูไปไหนอีก เพราะมึงก็รู้ว่ากูไม่ไป!”


“หน้าด้าน พูดขนาดนี้ ยังไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ  มีสมองบ้างไหม? ความรักมันเป็นสิ่งที่คนสองคนต้องรู้สึกต่อกัน ไม่ใช่รู้สึกฝ่าย
เดียวแล้วมโนไปเรื่อยเหมือนมึง  คิดอยากได้ คิดอยากมี ก็ชิงมาเป็นของตัวเอง มึงรู้ไหมว่ากูต้องเสียน้ำตาให้กับความชั่วเลวทรามต่ำสถุนแบบนี้ของมึงไปเท่าไหร่  กับคนที่ขึ้นชื่อว่ากูเกลียดที่สุด ”



“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง มึงถึงจะยกโทษให้กู”


“ยกโทษให้หรอ? หนทางนั้นมันมืดมนเหลือเกินอิท อย่าถามถึงการไถ่โทษที่ราวกับไม่มีทางเดินทะลุจุดหมายเลย กูหาทางออกให้มึงไม่ได้แล้ว มึงย่ำยีกูมากเกินไปแล้วอิท  ไอ้สัตว์นรก”



“โอเค กูเป็นสัตว์นรก พอใจไหม?  แต่ต่อไปนี้ ....อย่าพูดเหมือนกำลังจะบอกให้กูไปจากชีวิตมึง กูบอกมึงแล้วไงว่ากูไม่ไปไหนทั้งนั้น  ถ้าอยากให้กูไปจากชีวิตมึงมาก มึงก็เอามีดมาฆ่ากูให้ตายสิเต้ย ฮึฮึ”



“อย่าท้านะอิท!”



“กูไม่ได้ท้า!!! ถ้ามึงเกลียดกูนักหนา อย่างที่มึงพูดไว้ มึงคงอยากจะให้กูตายไปจากชีวิตมึงเต็มทนแล้วจริงไหม   นี่ไง...กูยื่นข้อเสนอให้แล้วไงเต้ย ฆ่ากูสิ ฆ่ากูเล้ยยยย!!!!  ฆ่ากูเลยเต้ยยยย!!!”



“ฮือออออ  ออกไป ฮือออ ออกไป  ไปให้พ้น ฮือออออ  อย่ามาขู่นะ!!!”



                 ในความกดดันแบบนี้มันมากเกินไปที่ร่างบางจะรับไว้ได้   อิทธิพลท้าทายในสิ่งที่คนอย่างเต้ยไม่กล้าทำ  แต่เคยได้ยินไหมว่า ยิ่งยุก็ยิ่งกล้ามากขึ้น เตชานุกลัวสิ่งนั้นจะเป็นจริงมากที่สุด   มันอาจจะทำให้เขากล้าลงมือฆ่าอิทธิพลก็เป็นได้   หากร่างสูงยังไม่หยุดพูดยุยงเขาแบบนี้



“สุดท้ายมึงก็ไม่กล้าทำสินะ กูไปหยิบมีดให้มึงก็ได้!!!”



                ประโยคนั้นยิ่งกดดันเต้ยไปใหญ่ อิทิพลยุยงเขาแบบนี้เพื่ออะไร เขาต้องทำอะไรซักอย่างที่หยุดยั้งอิทธิพลไว้ เขากลัวเหลือเกินกลัวว่าความโกรัจะทำให้ร่างใหญ่นี้ต้องตายเหมือนในข่าวแน่!  หัวสมองเตชานุตอนนี้กำลังเหมือนมีอะไรบางอย่างดันออกมา มันร้อนวูบวาบและปวดเวีนยหัวไปหมด เขาเป็นอะไร...



“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฮืออออออ (อ้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง) กูเกลียดดดมึง ได้ยินมั้ยยยยยยย” เต้ยกดดันมากจนถึงขั้นสติหลุดไปแล้ว สองมือเรียวเล็กยกขึ้นไปปิดหูทั้งสองข้าง   เขาต้องหวีดร้องออกมาใส่คนตรงหน้าเพื่อระบาย  รั้งไม่ใช้อีกฝ่ายเดินไปเอามีด   ไม่อย่างนั้นถายในอนาคตเขาแย่แน่ หากอิทธิพลนอนตายอยู่ในห้องนอนของเขา   



           ตอนนี้มือไม้เต้ยสั่นไปหมด จนไม่สามารถควบคุมมันได้ปกติเหมือนเดิม  เขากำลังโกรธ โมโหมาก จนสติแทบแตกอยู่
แล้ว   อิทธิพลตกใจหัวใจหล่นวาบ เย็นแผ่ไปทั้งตัวทันที   ไม่คิดว่าเต้ยจะเป็นแบบนี้ไปได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเต้ยกดดันกรีดร้องออกมาดังขนาดนี้




“เต้ย!  เต้ยมึงเป็นอะไร”  ร่างสูงถามโง่ๆออกมา พร้อมกับรีบเดินไปดึงร่างอีกคนเข้ามากอดทันที เต้ยกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วหรือไง...



“(อ้างงงงงงงงงงง)  ปล๊อยยยยย  ปล๊อยยกู  กูจะฆ่ามึงงงง ไอ้สัสอิท !!!”


“เต้ย  ไม่เอาแล้วเต้ย  กูพูดเล่น  กูไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว   ไม่มีทางบังคับให้มึงต้องฆ่ากูตายแล้ว  เต้ย  หายใจลึกๆเต้ย”



              อิทธิพลเกลี่ยกล่อมอยู่นาน  จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานพอสมควร เต้ยจึงเลิกดิ้นและอาละวาด แต่ร่างบางนั้นยังเหนื่อยหอบปรากฏให้เห็นอยู่ในเรือนร่างใหญ่นั้น  อิทธิพลตกใจมากในเหตุการณ์ที่ผ่านมา  เขาเล่นกับความรู้สึกเต้ยเกินไปแล้ว   เต้ยไม่ชอบความกดดันมากๆสินะ




               ตอนนี้อิทธิพลเริ่มรับรู้แล้วว่าการที่เขาทำแบบนี้มันจะเป็นผลร้ายต่อคนตัวเล็กนี้  เต้ยอาจสติแตกเป็นบ้าได้  เขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิตแน่ถ้าเต้ยเป็นแบบนั้นจริงๆ   เขาเชื่อแล้วว่าคนเรามันมีขีดจำกัด  เต้ยกำลังกดดันถึงขีดสุดในชีวิต



             ในตอนนี้เรือนร่างบอบบางอ่อนแอทั้งกายและใจ กำลังจะเคลิ้มหลับใหล  จะมีใครเข้าใจสภาพจิตใจของเต้ยได้ดีพอ   เขาอยากได้อิสระกับความโหดร้ายที่ถูกผลักยัดเยียดเข้ามาในชีวิต   แถมจู่ๆคนที่เขาเกลียดกับยื่นข้อเสนอให้ฆ่า...แบบนี้    ใครที่ไหนจะกล้าฆ่าคนด้วยกัน   เต้ยไม่ไหวกับสภาพกดดันโหดร้ายแบบนี้อีกต่อไปแล้ว   เขาต้องร้องตะโกน หวีดร้องสุดสียงราวกับคนเสียสติออกมา  ไม่อย่างนั้นความเก็บกดจะทำให้เขาเป็นบ้าได้ในไม่ช้า



                  ท้ายที่สุดเต้ยก็หลับสนิทไปในวงแขนแกร่งนั้น อิทธิพลทำหน้าที่เหมือนคนรักที่อยากดูแลก็ไม่เชิง อยู่อย่างนั้นไม่คิดจะเปลี่ยนท่านอน  เขาต้องการเป็นหมอนและที่นอนจำเป็นให้อีกฝ่ายได้หลับใหลไปอย่างนั้นตลอดราตรีนี้  นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เขาโล่งใจที่หัวใจอีกดวงของเขาไม่ได้เป็นอะไรไป

...

...

...


จนกระทั่งตอนเช้า

            ดวงตาของเตชานุค่อยๆลืมขึ้นมา หลังจากหลั่งรินเสียน้ำตาไปมากมายเมื่อคืนนี้ เพียงแค่ตื่นมาเจอโลกแห่งความจริงอีกครั้ง กลับไม่เห็นเรือนร่างใหญ่ที่เขาเกลียดอีกแล้ว  ภายในห้องมีแต่ตัวเขาคนเดียว แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือนั่น



“โอ้ย!!!” พิษแผลที่ประตูหลังเล่นงานทันทีเมื่อเตชานุลุกออกจากเตียง  มันเจ็บมากจนไม่สามารถอธิบายได้



       เมื่อคืนถ้าจำไม่ผิด เขาโกรธและโมโหอิทธิพลมาก จนใช้แรงมากไป ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปบ้าง แต่ที่แน่ๆ เขาเหมือนจำอะไรไม่ได้และควบคุมตัวเองไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย



“หรือว่า เรากำลังจะเป็นประสาท”  เต้ยนึกในใจ



      แต่แล้วก็สลัดความคิดตัวเองออกไป ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาคลี่อ่าน  มันเป็นลายมือห่วยๆของใครคนหนึ่งที่เขาจำได้แม่น ตั้งแต่ครั้งยังทำการบ้านส่งคุณครูที่โรงเรียน



“มึงคงตื่นแล้วสินะ  กูมาคิดดูอีกที มึงควรจะมีอิสระได้แล้ว กูขอโทษนะที่กูทำแบบนั้นกับมึงไป   สิ่งที่กูไม่มั่นใจ ตอนนี้กูมั่นใจ
แล้วว่ะเต้ย ว่าสิ่งที่กูทำถึงขนาดนั้นคือ ความรัก มึงคงคิดอยู่ใช่ไหมว่าสิ่งที่กูทำ มันสวนทางชัดเจน ส่วนนั้นกูก็รู้ แต่กูควบคุม
อารมณ์แบบนั้นไม่ได้ เวลาเห็นใครมายุ่งกับมึง    ขอบคุณที่ทำให้กูรู้จักว่ารักที่แท้จริงเป็นยังไง การที่กูเดินออกมาจากชีวิตมึง
ไม่ใช่เพราะกูยอมแพ้หรอกนะ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะมึงไง  มึงสอนกูเรื่องรักแท้  กูกำลังพยายามทำอยู่ กูยอมปล่อยมึงให้มีความสุขดีกว่า กูคงจะดีใจไม่น้อยที่เห็นคนที่กูแอบรักมีความสุขที่แท้จริง กูไม่อยากเห็นคนรักกูทรมานจนเป็นบ้า กูทนเห็นภาพนั้นไม่ได้  ขอบคุณที่ชีวิตนี้กูได้รู้จักกับมึงนะ ”





“คิดได้ก็ดี!”


      ร่างบางอ่านจบกลับพับทบจดหมายนั้นเหมือนเดิม วันนี้วันอาทิตย์พี่ชายเขาจะพาไปเดินห้างตามสัญญาแต่ดูเหมือนตอนนี้ สภาพร่างกายของเขาคงไม่ไหวแล้ว             


“พี่ต้อม  เต้ยไม่ไปเดินห้างแล้วนะครับ อยากอยู่ห้องเฉยๆ” คนตัวเล็กโทรไปบอกพร้อมกับเบี่ยงความจริง


“พอดีเลยเต้ย  พี่ก็มีเรียนเพิ่มกะทันหัน  ว่าจะโทรไปบอกพอดีเลย  ไม่โกรธพี่นะครับ”


“ไม่โกรธหรอกครับ ไปคราวหน้าก็ได้ แค่นี้ก่อนนะครับเต้ยขออาบน้ำก่อน”


“โอเคๆ บ้ายบายน้องชายของพี่”


                ปลายสายกดวางไปแล้ว แต่ตอนนี้อาการปวดหัวของเต้ยเริ่มทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มั่นใจนักว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่คิดมาก และเสียสติจนตะโกนลั่นเมื่อคืนนี้หรือเปล่า?


“นี่เราคงจะไม่เสียสติจนเป็นบ้าใช่ไหม?” คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองเป็นครั้งที่สอง



      แต่ตอนนี้เขาต้องพักผ่อนให้มากๆ  เขาปวดหัวตุ๊บๆ สงสัยคงเครียดเกินไปแล้วจริงๆ  ตอนนี้เขาต้องทิ้งความคิดในสมองทุกอย่างให้หมด เพื่อระงับความเจ็บปวดนั้นให้ลดจางหายไป



:L2:

ไอ้อิททททททททท  เลววววววว สารเลววววววว ฮืออออ  แกจะทำให้น้องเป็นประสาท  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ผู้อ่านสูดหายใจ ลึกๆๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: นั่นแหละ อย่างนั้น


โอเค  คงพอใจเย็นขึ้นได้เนอะ  ตอนนี้จริงๆแล้ว คนแต่ง แต่งตามอารมณ์ของตัวละครล้วนๆ ไม่มีเจตนาแต่งแนวโรคจิตเลย

นะ(หรออออออออออออออออ)  จริงๆเชื่อเถอะ  เป้นไปตามอารมณืในตอนนั้น  นี่เหมือนเป็นตอนเปิดใจคุยของอิทกับเต้ยเลยนะ 

แต่ถ้ายังไม่หายแค้นใจ ด่ามาเลยนาจาแต่ห้ามด่าคนแต่งน้า  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

พรุ่งนี้ไม่ได้มาต่อนาจา (อีกแล้วหรอ?)  ไม่ว่างจริงๆ  อย่างอนกันนะ  วันพฤหัสเจอกัน


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-09-2016 22:18:10
มาไวมากๆ

ขอตัวไปอ่านก่อน

ปล+1
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-09-2016 00:38:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-09-2016 10:43:52
อิทจะถอยจริงดิ?
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-09-2016 12:24:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 29-09-2016 02:06:02
อิทนี่ก็บทจะไปก็ไปง่ายๆเลยเนาะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 29-09-2016 08:59:44
เข้าใจความรู้สึกของเต้ยนะแบบกดดันจนกรี๊ดออกมา  :hao5:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 29-09-2016 14:49:29
ตอนที่ 13


เวลาผ่านไป จวบจบจนถึงยามเย็นวันอาทิตย์...



             ร่างบางนอนพักผ่อนไปนานหลายชั่วโมง ด้วยอาการปวดหัวเมื่อเช้า  แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกดีขึ้น เหมือนกำลังหลับเต็มอิ่มเพียงพอแล้ว ดวงตาคู่เดิมลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ แสงจากดวงอาทิตย์ที่อ่อนกำลังเต็มทีนอกระเบียงนั้นบ่งบอกว่าเวลาล่วงเลยมานานแล้ว  พร้อมกับแสงไฟกลางห้องพักที่เปิดสว่างไสว  สงสัยคุณชายคงกลับมาแล้ว



            แปลกใจได้ไม่นานเท่าไหร่ ชายหนุ่มผิวสีน้ำตาลอ่อนก็เดินก้าวปรากฏตัวออกมาจากห้องน้ำ ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว


“ตื่นแล้วหรอเต้ย” เจ้าของชื่อหันไปทางร่างสูง ตกใจเล็กน้อยในสภาพร่างสูงตอนนี้   เพราะเต้ยเพิ่งจะได้เห็นเรือนร่างของบอลอย่างชัดเจนก็คราวนี้เอง


“บอล! กลับมาตอนไหนเนี่ย”


“ก็กลับมาได้พักใหญ่แล้ว  โทษทีนะคิดว่าเต้ยยังไม่ตื่นเลยเดินออกมาสภาพนี้ “ บริรักษ์เปรยอย่างเกรงใจ


“ไม่เป็นไรหรอก ผู้ชายเหมือนกันไม่ต้องอาย”


“อื้ม..ว่าแต่เต้ยเถอะ วันนี้เป็นอะไรถึงได้นอนกลางวัน แถมนอนดิ้นซะด้วย ฝันร้ายหรอ?”



      บริรักษ์เดินเข้ามานั่งใกล้ๆคนตัวเล็กบนเตียงในสภาพนั้น  พร้อมกับยื่นแก้วน้ำเย็นให้   เต้ยรับไปดื่มแต่โดยดี ก่อนจะทำสีหน้าค่อยยังชั่วกับอาการปวดหัวนั้น ตอนนี้ทุเลาลงมากแล้วจริงๆ


“คงจะฝันร้ายอย่างที่บอลว่า  เราเพิ่งรู้นะเนี่ยว่านอนดิ้น ปกติไม่เคยเป็นเลย”


“บอลก็เพิ่งเห็นครั้งแรกนี่แหละ  แต่แปลกนะ พอบอลเอามือลูบหัวเต้ย เต้ยกลับนิ่งไปเสียดื้อๆ”


“จริงหรอ? ” ร่างบางขมวดคิ้ว


“จริงสิ...อ้อ ลืมบอกไป  กระดาษจดหมายบนโต๊ะบอลแอบอ่านหมดแล้วนะ ขอโทษที  บอลแค่ต้องการทำความสะอาดห้อง แต่กลับอดอยากรู้ไม่ได้”  บริรักษ์ทำสีหน้าราวกับรู้สึกผิด


“ไม่เป็นไรหรอก บอลได้อ่านแล้วก็ดีเหมือนกัน ต่อไปนี้อิทธิพลจะไม่มาทำร้ายเต้ยอีกแล้ว  เห็นไหมว่าเต้ยจัดการเขาได้” เตชานุแสดงสีหน้าราวกับภูมิใจในตัวเอง


“จะจริงอย่างที่มันพูดรึเปล่า   บอลสังหรใจยังไงไม่รู้  เต้ยอย่าไปเชื่อมากนักนะ”


“ทำไมหรอบอล?” ร่างบางรู้สึกแปลกใจที่บริรักษ์ ไม่เชื่อใจในสิ่งที่อิทธิพลเขียนทิ้งไว้เหมือนที่เขาเชื่อ


“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าเชื่อไว้ครึ่ง ไม่เชื่อไว้ครึ่งจะดีกว่า  ในกระดาษนั่น อิทมันไม่ได้บอกว่าจะไม่มาหาเต้ยซะหน่อย  มันแค่ขอดูเต้ยอยู่ห่างๆแน่นอน  เต้ยอย่าตีความผิดว่ามันจะไม่หาอีกเด็ดขาด”


“เขาคงไม่คิดจะมาหาเราอีกหรอกมั้ง” เต้ยเริ่มหวั่นใจยังไงชอบกล


“ทันทีที่มันฝืนกับความพยายามไม่ไหว เมื่อนั้นมันมาหาเต้ยอีกแน่!”



              คุณชายเอื้อมมือไปลูบใบหน้าเนียนของอีกฝ่ายเบาๆราวกับปลอบใจ เขาแค่อยากพูดเพื่อให้คนตัวเล็กใกล้ๆเขาปลอดภัยก็เท่านั้น   ดวงตาบอลตอนนี้ประสานกับเต้ยราวกับกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง  แต่สิ่งนั้นบอลอยากจะบอกให้รู้มาเนิ่นนาน  แต่ติดที่อีกฝ่ายกลับหวั่นเกรงว่า ความรัก จะหลุดออกมาจากปากของบริรักษ์   ซึ่งเต้ยคงลำบากใจ เพราะเขารู้สึกกับบอลได้แค่เพื่อนสนิทเท่านั้นจริงๆ 




               อีกประการ เขาเป็นผู้ชาย ยังเขาก็ต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงและแต่งงานมีครอบครัวอยู่ดี  มันเป็นสัจธรรม ไม่มีใครเกิดมาเพียบพร้อมไปทุกอย่าง และไม่มีใครเกิดมาย่ำแย่เสียหมด  ทุกอย่างมีความสมดุลในตัวของมันเอง  ใช่หรือไม่...


...




... 



...


สองสัปดาห์ผ่านไป



               และแล้วการประกวดดาวเดือนก็เริ่มขึ้น   ด้านหลังเวทีในหอประชุมตอนนี้ ฝ่ายรุ่นพี่ทั้งหลายกำลังดูแลความเรียบร้อยของน้องชายน้องสาวผู้เข้าร่วมประกวดปีนี้ อย่างขะมักเขม้น ตรวจดูความละเอียดให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด  แต่ในความวุ่นวายนั้นเตชานุกลับยืนอยู่ใกล้บริรักษ์ไม่ห่างไปไหน ตามความต้องการของร่างใหญ่



                วันนี้บอลหล่อมาก หล่อกว่าเดิมอีก จนไม่อยากเชื่อว่านี่คือคุณชายคนเดิมที่เต้ยรู้จัก  ถัดจากพวกเขาไปไม่ไกล เห็นพี่แชมป์ยืนสั่งงานคนโน้นคนนี้อย่างชำนาญ ด้วยความที่ทำงานตรงนี้มาเป็นปีที่สองแล้ว  แต่ไม่นานนัก ดวงตาของทันตะหนุ่มกลับเหลือบหันมามองเขาพอดี แล้วก็เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ รุ่นพึคนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาเต้ยด้วยสีหน้าดีใจ



“น้องเต้ย ทำไมไม่ไปรอด้านหน้าเวทีครับ” แชมป์ฉีกยิ้มกว้างให้


“พอดีมาอยู่เป็นเพื่อนบอลน่ะครับ”  แชมป์หันไปมองหน้าบอลนิดนิดก่อนจะทำสีหน้านึกออก


“อ๋อ น้องคนที่ต่อยน้องเดือนวิศวะนั่นเอง เป็นไงพร้อมไหม?” แชมป์ชวนคุย


“พร้อมครับพี่” บอลตอบไปแบบส่งๆ


“ปีนี้ แนวโน้มว่าตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยจะเป็นคุณชายบอลแน่นอน” แชมป์เชียร์ทางอ้อม


“ขอบคุณครับ แต่จะดีกว่านี้ถ้าคนอื่นได้ตำแหน่งนี้”


“อ้าว เป็นงั้นไป ตำแหน่งนี้การันตีสาวๆสวยๆเข้าหาตลอดนะบอกเลย ไม่ชอบหรอ?”


“ผมมีคนที่ผมมองไว้แล้วครับ”


“งั้นหรอ? ใครอ่ะบอล” แชมป์ปรายตามอง อีกใจหนึ่งก็ลุ้นพอสมควร กลัวว่าจะเป็นเต้ย คนน่ารัก


“เป็นคนรู้จักครับ สนิทกันมาก อยู่ด้วยกันตลอดเวลา  ผมชอบที่เขาเป็นเขา” บอลบอกเป็นนัยน์และไม่หันไปมองเต้ยด้วย เพราะตอนนี้เขากำลังถูกช่างแต่งหน้าลงแป้งให้


“อ่อ ดีใจด้วยนะ  แล้วน้องเต้ยล่ะครับ สรุปมีคนในหัวใจรึยัง ถ้าไม่มีพี่ขอสมัครตามจีบได้รึเปล่า”


“อะ..แครกๆๆ” บริรักษ์แทบสำลักเดี๋ยวนั้น ไม่นึกว่ารุ่นพี่คนนี้จะมาแรงแซงทางโค้งแบบนี้


“บอลเป็นไร  ดื่มน้ำก่อนไหม?” ร่างบางถามอย่างเป็นห่วง


                  บอลไม่ตอบ แต่ขวดน้ำกับหลอดดูดถูกยื่นป้อนถึงปาก สายตาของบริรักษ์มองไปที่หน้าของรุ่นพี่ทันตะหนุ่มทันที ราวกับแสดงให้เห็นว่าท้ายที่สุดใครคือคนชนะกันแน่



“น้องเต้ยเหมือนจะไม่ถนัดเท่าไหร่  พี่ขอถือขวดน้ำให้บอลแล้วกัน” แชมป์อาสาแล้วแย่งขวดน้ำในมือเรียวเล็กทันที       รุ่นน้องอย่างบอลอยากจะขัดขวางจิตอาสานั้น แต่พูดอะไรไม่ได้ เพราะกำลังแต่งหน้า ทำได้เพียงแต่เหล่สายตามองอีกคนที่ป้อนขวดน้ำแทนเท่านั้น



“เอ่อ...พี่แชมป์ ผมอิ่มแล้วครับ” บริรักษ์ปฏิเสธ


“ไม่จริงหรอก! เห็นไอเสียงแห้งๆ น้องบอลต้องดื่มเยอะๆนะครับ เชื่อพี่” แชมป์คิดเจ้าเล่ห์ กระแทกหลอดเข้าปากอีกฝ่าย


“ผมอิ่มแล้วจริงๆพี่” บอลเบือนหน้าหนี จนตอนนี้ช่างแต่งหน้าเริ่มโมโหแล้ว


“ดื่มเข้าไปเถอะน่า จะได้ไม่ไออีก เอ้าดูดเข้าไป เกรงใจช่างแต่งหน้าบ้าง  เออ..อย่างนั้นแหละ พูดง่ายๆ”


“...สแตนบายรอเลย ใกล้ได้เวลาแล้วครับน้องๆ”  หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาตะโกนบอก ทุกคน  ดูเหมือนว่าเวลาอันตื่นเต้นกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว  แต่เวลานี้เต้ยเองก็คงต้องขอตัวออกไปนั่งรอข้างนอกแล้วสินะ


“พี่แชมป์ บอล  เราต้องไปแล้วนะ  ทำให้เต็มที่นะ เต้ยรอดูอยู่ขอบเวทีเลย”


“ครับเต้ย” บอลเปรยบอก


“น้องเต้ยครับ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งดีกว่าครับ ทางมันค่อนข้างมืด”


“เอ่อ...พี่แชมป์ครับไม่ต้องไปส่งเต้ยหรอกครับ  เขาไปเองได้ อีกอย่างผมยังไม่หายหิวน้ำเลย ป้อนต่อเถอะ”


“อ้าวไหนบอกเมื่อกี้ไม่เอาแล้วไง” แชมป์พุดพลางมองร่างบางไปด้วย


“ก็ตอนนี้ผมหิวน้ำอีกแล้วไงครับพี่แชมป์” บอลบอกความต้องการ



             วีรกรรมแกล้งกันไปแกล้งกันมา เพียงเพื่อจะกีดกั้นอีกฝ่ายไม่ให้ได้แต้มคะแนนจากเต้ยนั้น มันทำให้ร่างบางส่ายหน้าเล็กน้อย ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าสองคนนี้กำลังทำอะไร เล่นเหมือนเด็กไปได้นะคนเรา


           สุดท้ายพี่แชมป์ก็ไม่ได้เดินตามมาส่งออกจากด้านหลังเวที  เพราะความดื้อรั้งรั้งตัวรุ่นพี่เอาไว้ของบอลนั่นเอง แต่หลังเวทีค่อนข้างทึบแสง ยิ่งจะใกล้ประตูทางออกยิ่งมืด เพราะมันเป็นทางเชื่อมเพื่อขึ้นเวที จุดนี้เลยต้องเปิดไฟให้น้อยที่สุด


             ในตอนนี้เตชานุเดินมาจนจะถึงประตูทางออกที่เชื่อมกับที่นั่งในโถงหอประชุม แต่กลับมีร่างสูงของใครบางคนกำลังตันประตูบานนั้น และจ้องมองเขาอยู่ในความมืด แต่เต้ยไม่แน่ใจนักว่าเขาเป็นใคร




“ขอโทษนะครับ ผมขอทางหน่อย” ร่างบางพูดอย่างสุภาพ


“กูจะขึ้นแสดงแล้ว ให้กำลังใจกูหน่อยสิเต้ย” เสียงนั้น? มันคุ้นหูเหลือเกิน อิทธิพลหรอกหรอ แต่วันนี้กลิ่นน้ำหอม กลิ่นสเปร์ฟุ้ง
กระจายรอบตัวแถบนี้ไปหมด 


“อิท!”


“ขอโทษที กูทำตามที่เขียนไว้ไม่ได้ สองสัปดาห์มานี้กูแทบขาดใจเลยนะเต้ย” เสียงเปรยเรียบๆนั้นพูดขึ้นมาแต่ไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้ามาหาเขา และยังคงเว้นระยะห่างสองเมตรเอาไว้เช่นเดิม


“อะ..อิท วันนี้วันแข่งขัน  อย่าทำร้ายเราเลยนะ” เต้ยบอกไปอย่างหวั่นกลัว


“กูไม่ได้มาหามึงเพื่อให้มึงกลัวกูนะ กูมาหามึงเพื่อรอกำลังใจจากคนที่กูรักต่างหาก”


“!!!”


“เอ้า ยืนบื้อตกใจเหมือนเห็นผีอยู่ได้ อวยพรกูหน่อยสิ กูต้องไปต่อแถวรอขึ้นแสดงแล้ว” ร่างสูงเซ้าซี้


“เอ่อ...โชคดีนะ” เต้ยไม่รู้จะพูดอะไร


“น่ารักมาก เมียกูเนี่ย ขอโทษทีนะเต้ย แค่นี้ยังได้รับกำลังใจไม่พอหรอก  กูคงต้อง...”



พรวดดด หมับ!!!


            ร่างสูงดึงอีกคนเข้ามากอดแนบแน่นเอาไว้กับตัว การกระทำแบบนี้เป็นครั้งแรกที่เต้ยได้รับ มันรู้สึก...อบอุ่นแปลกพิลึก  อิทธิพลกอดนานชั่วครู่ก็ผละอ้อมกอดตัวเล็กออกไป


“อึ้งล่ะสิ กูบอกมึงแล้วว่ากูจะไม่ทำร้ายมึงอีก วางใจกูเถอะ เชียร์กูด้วยนะ กูไปล่ะ”


“...”



          เตชานุไม่มีอะไรจะพูด   ไม่สิ เขาพูดไม่ออกมากกว่า ได้แต่เพียงหันไปมองตามร่างใหญ่คนนั้นที่หายไปแล้ว   ชายคนนั้นเขาไม่เหมือนเดิม  ไม่มั่นใจว่าอิทยอมเปลี่ยนตัวเอง หรือว่าเป็นนิสัยและตัวตนของอิทธิพลกันแน่ แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง   อย่างน้อยๆ เขากลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่ถูกทารุณทางร่างกายและจิตใจเหมือนที่ผ่านมา



“อย่างนาย เราไม่ต้องเชียร์หรอก ตำแหน่งเดือนมหา’ลัย คงรอนายอยู่แล้วอิท!”



        เต้ยพึมพำกับตัวเอง เขาพูดไปตามที่เห็น วันนี้อิทธิพลหล่อมาก หล่อที่สุดในบรรดาชายหนุ่มทั้งมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ คุณชายบอลดูเป็นตัวสำรองไปเลยในพริบตา



         เตชานุเดินออกไปนั่งเก้าอี้ด้านหน้า โดยมีพี่ชายจองที่เอาไว้ให้  ตอนนี้พิธีกรกำลังกล่าวเปิดงาน ทางคณะกรรมการการตัดสินนั่งอยู่โต๊ะวีไอพีตรงหน้าถัดออกไปอีก  บอกตามตรงเขาตื่นเต้นแทนบอลมากที่สุด



         ก่อนหน้านี้หลายคนลุ้นกับตัวโก่งว่าคณะแพทย์หรือคณะวิศวะฯจะได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย   แต่ดูท่าทางตำแหน่งขวัญใจนักศึกษาเองนั้น มีแนวโน้มว่าจะเป็นอิทธิพล นฤบดินทร์แน่นอน แม้แต่เต้ยเองก็คิดอย่างนั้น  ส่วน บริรักษ์ พิมลประชาทิศ ก็ไม่ได้แย่อะไร ดูเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีมาก แต่ไม่มั่นใจนักว่ากรรมการจะเลือกใคร  และความสามารถพิเศษคนไหนจะโดนใจที่สุด   

...

...

...

          ผ่านไปนานหลายนาที จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงการแสดงความสามารถพิเศษของดาวเดือนและตอนนี้ถึงคิวของคณะวิศวกรรมศาสตร์    เสียงคนเข้าชมและเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่แห่งนี้ จนเต้ยแทบจะเอามือปิดหูเอาไว้ ไม่นานใครคนนั้นก็เดินออกมาจากผ้าม่านพร้อมกับดาวคณะ  การแสดงของเขาไม่ต้องเดาเต้ยก็ดูออก จากเปียโนตัวใหญ่ที่วางไว้กลางเวที คงจะเป็นการเล่นดนตรี ประกอบกับร้องไปด้วยแน่นอน



         แต่สิ่งที่ทำให้ร่างบางอึ้งก็คือ อิทธิพลเล่นเปียโนได้!  ประเมินจากภายนอก อิทธิพลเหมาะกับเบส หรือกีตาร์มากกว่า  เพราะคนอย่างเขาไม่เหมาะสมและอ่อนโยนถึงขั้นเล่นเปียโนได้หรอก  แต่มองจากจุดนี้ เตชานุไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า  ร่างสูงนั้นทำได้และเหมาะสมมากที่สุด  แม้ชายหนุ่มที่ดูดีและหล่อเหลาอย่างอิทธิพลคนนี้จะเป็นคนที่โหดร้ายและทารุณเขามาก่อนก็ตาม  หากไม่รู้จักกันมาก่อน เต้ยยอมรับจากใจเลยว่าผู้ชายคนนี้เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเล่นเปียโน  และมีเสน่ห์น่าดึงดูดมากทีเดียว




“...ฉันยังรอคอยปาฏิหาริย์ เชื่อว่าวันหนึ่งจะมาถึง  ครึ่งหนึ่งของฉันที่มัน...ขาดหายไป ใครที่รักกันจริงคนนั้น... คนที่เคยฝัน เขาจะมาอยู่ข้างกันสักที...”



         ทั้งเสียงร้องที่ไพเราะของดาวคณะ และเสียงเปียโนที่อิทธิพลเล่นนั้นมันกลมกล่อม  บ่งบอกได้ทันทีว่าเป็นการสื่อสารเข้าถึงอารมณ์ที่สุด  ไม่นานการแสดงก็จบลง มันเป็นอะไรที่ประทับใจที่สุด แม้แต่เต้ยก็ต้องยอมรับ  ในช่วงรับดอกไม้เพื่อนำไปคิดเป็นแต้มคะแนน  เสียงกรีดร้อง จากกองเชียร์เก้ง กระเทย ชะนีหลายนาง ดังกึกก้องหอประชุม พร้อมกับมวลมหาชนเดินเอาดอกไม้มาให้มากมายล้มหลามจนต้องตกใจ    แต่แววตาคนรับรางวัลกลับดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย   (ทำไมเขาต้องไปสังเกตอิทธิพลมากมายขนาดนั้นก็ไม่รู้สิ...)



         นึกย้อนกลับไปแล้ว  ทำไมอิทธิพลถึงไม่เข้ามาในชีวิตของเขาเหมือนอย่างคนอื่นๆปกติทั่วไป   ไม่อย่างนั้นมิตรภาพของเราคงจะดีกว่านี้ แต่ตอนนี้จากเกลียดอิทธิพลมาก กลับเป็นเพียงแค่เกลียดน้อยเท่านั้น  แต่ไม่มีวันที่ร่างบางจะลืมชื่อ และวีรกรรมของคนคนนี้ไปได้หรอก ไม่ทางเลยจริงๆ 




“น้องคะ พี่วานหน่อย เอาดอกไม้ไปให้น้องอิทที  พี่ปวดฉี่มาก ช่วยหน่อยนะ”

              กระเทยนางหนึ่งแทนตัวเองว่าพี่  ยื่นมือมาสะกิดหลังเต้ยพร้อมบอกความต้องการ   ร่างบางได้แต่รับดอกไม้มาอย่างงงๆ แต่ก็ต้องจำใจเดินเอาไปให้คนหล่อบนเวทีอยู่ดี



       ตอนนี้เตชานุเป็นคนเดียวที่กำลังเดินเข้าไปหา อิทธิพล ไม่แปลกที่จะตกเป็นเป้าสายตาได้ง่ายๆ  หนุ่มหล่อว่าที่...ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย กำลังเดินยิ้มเข้ามาหาหนุ่มน้อยหน้าเนียนใส แถมน่ารักมาก  เสียงโห่ร้องกลับตะโกนดังขึ้นกว่าเดิมอีก จนเต้ยรู้สึกตื่นเต้นและประหม่ามากทีเดียว 



“มีคนเอามาให้” เต้ยกระซิบบอก พร้อมกับยื่นดอกไม้ไปให้


“ของมึงเองก็บอกมาเถอะ ยินดีกับกู...ไม่ตายวันนี้หรอกน่า” อิทยิ้มให้


“รีบๆหยิบไปสิ  คนร้องโห่ดังขึ้นเรื่อยๆแล้ว อายเขา” เต้ยเปรยบอก


“แต่กูไม่อาย”  อิทธิพลรับดอกไม้ไป  แล้วเดินกลับไปที่ไมค์กลางเวที  เสียงร้องยังคงดังตะโกนแซวไม่หมด จนเต้ยแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปมองร่างสูงบนเวทีอีกครั้ง   กลับพบว่าอิทธิพลจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ละสายตาทีเดียว เตชานุกำลังลุ้นว่าอิทธิพลคิดจะทำอะไรกันแน่...



“ขอเสียงปรบมือให้กับช่อดอกไม้ของแฟนผมเมื่อครู่ด้วยครับ”


“!!!” เตชานุดวงตาเบิกโพง อิทธิพลพูดคำนั้นออกจากไมค์ว่าอะไรนะ?




กรี๊ดดดดดด อร้ายยยยยยยย  


             เสียงร้องนั้นดังตะโกนมาหนักกว่าเดิม จนในหอประชุมไม่เป็นอันจะอยู่แล้ว อิทธิพลยิ้มอ่อนให้กับบริรักษ์ที่ออกมาดูอยู่บนเวทีอย่างท้าทาย   บอลจำใจต้องยืนนิ่งไว้ ทั้งที่ในใจอยากจะต่อยหน้าตำแหย่งเดือนมหาวิทยาลัยนัก แต่หากมีเรื่องราวทะเลาะชกตีกันในเวลานี้ไม่เป็นผลดีแน่!!!



:L2:

มาต่อแล้วววจ้า  ไม่ว่างจริงช่วง   :o12: :o12: :o12:  อย่าเพิ่งลืมนิยายเรื่องนี้น้าทุกค้นนน  :call: :call:

ตอนนี้อธิบายคำพูดเยอะไปนิด ทนๆอ่านหน่อยน้า   :mew2: :mew2: :mew2:

พ่อหนุ่มคนเลว เวลาจะรุกความรัก ก็ทำได้ดีนะเออ เอาสิ ประกาศออกไมค์เลยจ้า คนดูเป็นหมื่น  น้องเต้ยก็ต้องอายเป็นะรรมดา..

ส่วนคุณชายบอล  คนแต่งจัดให้แล้วนะ คนดีย่อมได้ดี  แต่ไม่ได้เต้ยนะ (เคมีเข้ากันไหมน้อกับรุ่นพี่แชมป์) แกล้งกันไปแกล้งกัน

มา เดี๋ยวก็ได้กันแน่ๆ ฮึฮึ  :hao3: :hao3:

เดี๋ยวมาลงให้อีกที วันเสาร์น้า  รักสุดๆ  อย่างอนน้า รอนิดนึงนาจา 



หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 12(ทดแทนพุธนี้)............27.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-09-2016 14:51:10
แล้วจะหยุดทำร้ายกันเมื่อไหร่ ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 29-09-2016 17:05:34
ชอบอิท ตอนนี้นะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-09-2016 18:29:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: onewanneverdie ที่ 29-09-2016 20:18:19
เต้ยเหมาะกับบอลมากกว่านะ ส่วนอิทควรมาเป็นผัวเรา  :z1::z1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 29-09-2016 20:21:30
จะเชียร์บอล

คงเชียร์ไม่ขึ้นซินะ

ขนาดนักเขียนลำเอียงไปทางอิทขนาดนี้

ทำไงไดอิทเป็นพระเอกของเรื่องอะน้อ

แต่อิททำตัวดีๆให้สมกับเป็นพระเอกหน่อยได้ไหม
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: astxy_original ที่ 30-09-2016 17:56:38
 :katai2-1: ปักหมุดรอเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-09-2016 20:14:05
อยากไปอยู่ในเหตุการณ์
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-09-2016 21:37:43
บอลกับพี่แชมป์ ใครจะรุกจะรับล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 30-09-2016 23:47:38
พึ่งเข้ามาอ่านรวดเดียวจบน้ำตานองเลยกับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 01-10-2016 14:15:15
เสียงปรบมือช่อดอกไม้แฟน555
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 13(สดๆร้อนๆ)............29.9.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 01-10-2016 21:22:50
ตอนที่ 14



            หลังจากจบม่านการแสดงของดาวเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์  ร่างสูงพาหญิงสาวคู่การแสดงเดินกลับเข้าไปหลังเวที โดยไม่ทันได้รู้ตัวว่าเตชานุเดินตามเข้าไปด้วย สีหน้าคร่าตัวดูโกรธเกรี้ยวสุดเกินทน เพียงร่างบางเดินจนถึงจวนตัวอิทธิพล กลับทำสิ่งที่ไม่คาดคิดเกินขึ้น...


ผัวะ!!!


               เสียงหมัดของเตชานุซัดเข้าแก้มขาวข้างซ้ายของอิทธิพลทันที  ทุกคนรอบข้างต่างพากันตกตะลึง ไม่ต่างอะไรจากคนถูกกระทำเวลานี้ เขากำลังทำตาโตตกใจ กับสิ่งที่เต้ยกระทำไม่น้อยเลย


 “เต้ย! ต่อยกูทำไม กูทำอะไรผิด?” อิทธิพลร้องถามเสียงหงอย ใบหน้าไม่เข้าใจชัดเจน


“ยังมีหน้ามาถามอีกนะ? ประกาศออกสื่อไปแบบนั้น สนุกนักหรือไง!!!” เตชานุตวาดเสียงดังลั่น



            ส่วนด้านหน้าเวทีตอนนี้ บริรักษ์ไม่มีทางรับรู้เรื่องนี้ เพราะเขากำลังแสดงความสามารถพิเศษคณะแพทยศาสตร์อยู่


“ที่กูพูดไป...กูจริงจังมากนะ”


ผัวะ!!!

            เต้ยทนฟังคำพูดยืนยันนั้นอีกครั้งจากเจ้าตัวไม่ได้ สิ่งที่เขากลัวที่สุด อิทธิพลกลับเอาไปประกาศต่อคนภายนอก คนนับจำนวนไม่ได้มากมายนั้น เขาไม่มีวันให้อภัยร่างสูงแน่


“อย่าเอาคำพูดทุเรศๆแบบนั้นมาเป็นข้ออ้าง ยิ่งมึงทำแบบนี้ กูยิ่งเกลียดมึง เกลียด กูเกลียดมึง ได้ยินมั้ย!!!”


           ร่างบางแผดเสียงตะโกนใส่หน้าร่างสูงอย่างดัง ตอนนี้ตัวของเขากำลังโกรธจนตัวสั่นเทา ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากที่ตรงนี้ไปทันที ทิ้งไว้แต่เสียงเรียกรั้งของอิทธิพลเปรยตามมา


“เต้ย! กูขอโทษ เดี่ยวก่อน เต้ย!...” อิทธิพลร้อนรนใจ เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้เต้ยโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟมากกว่าการทารุณร่างกายเสียอีก


“น้องอิท!!! จะไปไหนคะ ไปไม่ได้นะ ต้องอยู่จนจบงานก่อน” กระเทยพี่เลี้ยงเข้ามารั้งตัวไว้ทันหน้าตาตื่น


“พี่ครับ ผมจะกลับมาทันโชว์รวมตัวแน่ๆ ให้ผมตามไปอธิบายแฟนผมก่อนเถอะนะ”


“แฟนหรอฮ้า? ทำไมทะเลาะกันเหมือนไม่ใช่แฟนเลย” รุ่นพี่ทำสีหน้าไม่อยากเชื่อนัก


“ตอนนี้เป็นว่าที่...อยู่ครับ ผมสัญญานะพี่  ผมจะกลับมาทันแน่นอน พี่ไม่ต้องห่วง ให้ผมไปเถอะ”


“เออๆ ไปเถอะ รีบๆกลับมานะ เดี๋ยวเจ้จะได้ดูแผลที่ปากให้” เธอพูดราวกับเป็นห่วง


“ครับพี่”


                 บาดแผลที่ถูกชกตอนนี้ไม่จำเป็นและสำคัญเท่ากับเขาต้องตามร่างของเตชานุไปให้ทัน หมอนั่นในสายตาอิทตอนนี้  เขาเห็นเต้ยเป็นแฟนจริงๆ  ไมได้คิดจะทำให้เสียใจจนโกรธตัวสั่นขนาดนั้นแม้แต่น้อย

...

...

...

               ร่างสูงวิ่งตามออกมา เดาใจเอาว่าเต้ยต้องวิ่งผ่านมาทางนี้ ไม่นานเขาก็เหมือนจะเหลือบเห็นหลังของร่างบางอยู่ไม่ไกลแล้ว ถึงแม้ด้านนอกหอประชุมจะมืดมิดก็ตาม



               เต้ยวิ่งมาหยุดอยู่ที่ริมสระบัวของคณะเกษตรศาสตร์ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหอประชุมเท่าไหร่นัก แต่ในสถานที่แบบนี้ เวลานี้ มันช่างเงียบเสียงเสียเหลือเกิน ผู้คนคงไปรวมกระจุกกันในหอประชุมกันหมดแล้ว


“ฮึก ฮึก ฮืออออ นายทำให้เราเสียใจอีกแล้ว นายผิดสัญญา...” เตชานุร่ำไห้กับสระบัวตรงหน้า ราวกับสถานที่นั้นเป็นเพื่อนเขาในเวลานี้ นึกไปถึงสิ่งที่เขียนบอกไว้ในหระดาษทีไร ยิ่งเจ็บใจทุกที คำพูดของอิทธิพลไม่น่าเชื่อถือเลยซักนิด


“มาอยู่นี่เอง” เสียงทุ้มเปรยเบาๆข้างหลังเต้ย



          เตชานุสะดุ้งโหย่งกับการตามมาของคนที่เขาเกลียดและไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด ทำไมยิ่งหนีไปไกลมากเท่าไหร่กลับยิ่งไม่เป็นผลกับคนคนนี้เลย


“ไปให้พ้น กูเกลียดมึง เกลียดขี้หน้ามึงมาก ได้ยินมั้ย อิท ได้ยินมั้ย!!!”



หมับ พรึบ!!!


          ร่างสูงตวัดเข้าที่เอวบางนั้นก่อนจะดึงเข้ามากอดไว้แน่น ก่อนที่อีกฝ่ายจะไหวตัวหันมาเล่นงานเขาอีก บอกตามตรงเห็นหมัดของเต้ยเล็กๆแบบนั้น แต่พอได้ลิ้มลองแล้วเจ็บใช่น้อยซะทีไหนกัน


“ปล่อยยยยยยย ปล่อยเดี่ยวนี้อิท!”


“ชู้วววววว อย่าตะโกนเต้ย กูไม่ยอมให้มึง  เป็นบ้าเหมือนคราวที่แล้วหรอกนะ ที่กูตามมาเพราะเป็นห่วง และอยากอธิบาย”


“ไม่ต้องมาเป็นห่วง ฮึก ฮึก กูไม่อยากได้ยินอะไรออกจากปากมึงอีกแล้ว คนผิดสัญญา”


“ใครจะไปรู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงจากปากกู จะทำให้มึงเป็นบ้าได้ขนาดนี้ ”


“ไม่จริงหรอก มึงแค่สร้างภาพ อัพเกรดคะแนนเสียงให้ตัวเองได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยต่างหากอิท!”


“กูไม่...โถ่เอ้ยเต้ย  ทำมึงคิดแบบนั้นวะ”


“เพราะกูรู้สันดานมึงไง! ”


“ไปกันใหญ่แล้ว ตำแหน่งอะไรนั่นกูไม่อยากได้ แต่ถ้าตำแหน่งเจ้าหัวใจมึง กูต้องการมาก ชัดเจนไหมเต้ย”


“กูไม่จำเป็นต้องตอบมึง ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”


“ปล่อยก็ได้ แต่มึงสัญญากูนะว่าจะไม่วิ่งหนีกูไป”


“มึงไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรกูทั้งนั้น ปล่อย!” เต้ยเปรยเสียงเย็น และแผ่วเบากว่าเดิม



           อิทธิพลได้ยินคำสั่งที่ดูเหมือนต้องทำตามนั้น เขาจำเป็นต้องปล่อย แม้จะขัดใจเขามากนักก็ตาม ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายร่างบางคนที่เขาโอบกอดอยู่นี้ จะมีอิทธิพลต่อตัวเขามากมายเหลือเกินในปัจจุบัน


“ทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธกู สิ่งที่กูพูดไป กูตั้งใจจะบอกอย่างนั้นจริงๆนะ”


             ร่างสูงชวนคุย หลังจากปล่อยตัวเต้ยให้เป็นอิสระ และดูเหมือนเต้ยไม่คิดเดินหนีไปไหน แต่กำลังค่อยๆหย่อนตัวลงไปนั่งติดพื้นหญ้า มองดูสระบัวในเวลายามราตรี


               เขาหย่อนตัวลงนั่งตามร่างบาง แต่เป็นท่านั่งชันเข่า ใบหน้าหันไปมองอีกฝ่ายตลอดเวลา



“ใจคอมึง ต้องการให้กูตายไปจากโลกใบนี้ก่อนใช่ไหม ถึงจะเลิกยุ่งกับกูซักที”


“อย่าพูดแบบนั้นนะเต้ย ชีวิตมึงมีค่าสำหรับกูมาก ” ร่างบางได้ยินประโยคนั้นกลับส่ายหน้าเบาๆ


“ไม่หรอก มึงหลอกตัวเอง ว่ามึงชอบกูเพื่อชดใช้และรู้สึกผิดกับกู คนอย่างมึงไม่มีทางชอบกูได้หรอก”


“ทำไมมึงคิดแบบนั้นเต้ย กูยอมเปลี่ยนตัวเองทุกอย่างเพื่อมึงนะ แต่ดูมึงสิ มึงกลับไม่เปลี่ยนเลย”


“ใครว่าล่ะ กูเปลี่ยนไปก่อนมึงอีก กูเปลี่ยนไปตั้งแต่มึงทำอุบาท ใจต่ำทรามใส่กูตั้งแต่วันแรกในห้องน้ำของโรงเรียนโยธินฯแล้ว
ต่างหาก”


             เตชานุพูดเสียงเบา เหมือนตอนนี้ความโกรธเขาลดลงไปแล้ว แต่กำลังนึกถึงภาพอดีตวันวานอยู่


“กูบอกมึงแล้วใช่ไหม เมื่อไหร่ที่มึงเจ็บกูก็เจ็บด้วย เจ็บตรงนี้เต้ย ที่ใจของกูนี่ ” อิทธิพลชี้ที่อกซ้าย


“กูทนฟังมึงพร่ำเพ้อบอกรักมามากพอแล้ว ต่อไปนี้มึงไม่ต้องเจียดตัวมาใกล้กูจะดีที่สุด กูจะมีความสุขมากอิท  หากมึงไม่คิดทำตามคำพูดกู ก็เห็นแก่สิ่งที่มึงบรรจงตัวหนังสือไว้ในกระดาษแผ่นนั้นด้วย”


“เต้ย กูก็ทำแล้วไง กูทำได้แค่สองสัปดาห์ กูก็จะลงแดงตายอยู่แล้ว กูอยากเห็นหน้ามึง อยากอยู่ใกล้มึงมากขนาดไหนมึงรู้ไหม?”


“ไม่รู้...และไม่อยากรับรู้ด้วย ยิ่งกูอยู่ใกล้มึงมากเท่าไหร่ ความรู้สึกแย่ๆที่กูกลัวที่สุดในชีวิตก็ยิ่งปรากฏชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น พอทีเถอะนะอิท!”


“มึงกลัวคนอื่นรับรู้หรอ ว่ามึงไม่ใช่ผู้ชาย” อิทธิพลเปรยถามตรงๆ


“กูเป็นผู้ชาย!!! อย่าไปเที่ยวพร่ำบอกใครอีกว่ากูชอบผู้ชายด้วยกัน ตราบใดที่กูยังไม่มีเรือนร่างเป็นหญิง จำเอาไว้” เตชานุลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความหงุดหงิดใจอีกครั้ง


“มึงจะไปไหน?”


“กลับหอพัก”


“กลับเข้าไปหอประชุมเถอะ มึงกลับหอคนเดียวกูเป็นห่วง” เสียงของอิทแสดงความรู้สึกชัดเจน


“ทำไมกูต้องกลับไปหอประชุม” ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาต้องพูดรั้งอีกคนเอาไว้ให้ได้ หากเต้ยกลับหอตอนนี้ทั้ง
ความมืดและความเปล่าเปลี่ยว เขากลัวอีกคนไม่ปลอดภัย


“อย่างน้อยๆก็ไปให้กำลังใจ ไอ้บอล เพื่อนของมึงไงเต้ย” ร่างสูงหวังเพียงว่าวาจานี้จะสำเร็จ


“บอล! นี่เราลืมไปเลย เราพลาดการแสดงของบอลไปได้ยังไง?”


“ดูมึงแคร์มันมากเลยนะ” อิทธิพลไม่วายประชดน้อยใจ


“ก็แหงล่ะ เขาเป็นคนดี ไม่เคยทำให้กูต้องเสียใจ เสียดายเนอะถ้ากูเป็นผู้หญิงกูจะเป็นแฟนกับบอลให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ”


“อย่าพูดแบบนั้นนะเต้ยกูรู้สึกไม่ดี”


“ก็ช่างมึงสิ  กูจำเป็นต้องทำตามคำพูดมึงไหม”


“สรุปคือมึงเบื่อหน่ายและรังเกียจกูมากใช่ไหมเต้ย” ร่างสูงสุดทนแล้วเช่นกันที่เห็นความไม่ใยดีเลย


“รู้ตัวด้วยหรออิท นึกว่าชาตินี้เราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วซะอีก”


“กูจะบอกมึงเอาไว้ตรงนี้เลยนะ ว่าถ้าหากมึงอยากให้กูเลิกยุ่งกับมึง เมื่อนั้นกูต้องไม่มีลมหายใจแล้วเท่านั้น จำเอาไว้เต้ย”


“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็ตายๆไปซะสิอิท กูจะได้มีอิสระ กูอยากได้มาก!”


“มึงอยากให้กูตายมากใช่ไหมเต้ย!”


“ใช่ ไปตายๆได้ก็ดี ถ้ากูจะได้อิสระคืนมา กูเบื่อ กูรำคาญ กูหงุดหงิดมึงที่สุด!!! ” เตชานุยืนกราน


“แม่งเอ้ย!!!”


     อิทธิพลสบถคำพูดออกมาอย่างไม่พอใจ เขาวิ่งไปซัดหมัดหนักๆนั้นกับต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด เสียงดังชัดเจน


ปัก!!! ตุ๊บ!! ปัก!!! ตุ๊บ!!!......


“อิท จะทำอะไร พอได้แล้ว”


“...”

ปัก!!! ตุ๊บ!! ปัก!!! ตุ๊บ!!!......


“อิท! เราบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไง”


“มึงอยากให้กูตายไม่ใช่หรอ มึงบอกกูอีกทีซิเต้ย กูจะไปตายอย่างที่มึงบอกให้ดู”


ปัก!!! ตุ๊บ!! ปัก!!! ตุ๊บ!!!......


“บ้าไปแล้วหรือไง ชอบนักหรอทำตามคำสั่งของเราเนี่ย หยุดได้แล้ว เลือดไหลใหญ่แล้วอิท” น้ำเลือดสีแดงฉาน ถึงแม้เวลานี้จะมองเห็นสีนั้นไม่ชัดก็ตาม แต่สัญชาตญาณของเต้ยมันบอกอย่างนั้น


ปัก!!! ตุ๊บ!! ปัก!!! ตุ๊บ!!!............


“เป็นห่วงกูด้วยหรอ ไม่ใช่หรอก กูรู้ มึงเป็นห่วงแต่ไอ้คุณชายนั่นคนเดียวนั่นแหละ”


ปัก!!! ตุ๊บ!! ปัก!!! ตุ๊บ!!!......



หมับ



“อิท!!! พอแล้วเลือดไหลใหญ่แล้ว หยุดเถอะนะขอร้องล่ะ” ร่างบางไม่ไหวจะทนดูอีกต่อไป รีบวิ่งเข้าไปคว้าหมัดนั้นเอาไว้ แม้จะไม่มีแรงมากพอเท่ากับอีกฝ่ายก็ตาม ซึ่งก็ได้ไม่ได้ช่วยให้อิทหยุดชกต้นไม้ได้


“ฮึก ฮึก...”



       เสียงร้องไห้นี้เป็นเสียงใครกัน ไม่ใช่เขาแน่ๆ เตชานุมองดูดีๆที่ใบหน้าหล่อเหลาในความมืดสลัวนั้น อิทธิพลกำลังร้องไห้ นั่นร่างสูงร้องไห้ต่อหน้าเขาครั้งแรก อิทธิพลกำลังเจ็บมือหรือยังไง? หรือว่า...เขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ ทำไมคนที่ดูเข้มแข็งกลับมาอ่อนแอเอาดื้อๆในตอนนี้กันนะ



“อิท พอแล้ว ถ้าไม่หยุดเราจะเกลียดนายไปจนตายเลยคอยดู!!”


พรึบ!!!

           อิทธิพลหยุดชะงักมือ ทันทีที่คำพูดของร่างบางตะโกนขึ้นมา  น้ำใสๆไหลรินอาบแก้ม มีเพียงเสียงร่ำไห้เบาๆพอให้ได้ยิน


             ตอนนี้เต้ยไม่ได้คิดสงสาร แต่เขากำลังสมเพศอยู่ต่างหาก ทำไมอิทธิพลต้องมาเสียเวลากับคนอย่างเขาด้วย ทั้งๆที่ผู้หญิงอีกมากมายยังรอคอยเขาอยู่จำนวนไม่น้อย



“ฮึก ฮึก มึงจะเกลียดกูจริงๆหรอเต้ย กูเสียใจมากนะ ฮึก ฮึก” อะไรกัน อิทธิพลเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียวหรือ จากเสือไว้ลาย ตอนนี้เป็นเพียงลูกแมวเหมียวที่คอยตามใจเจ้านายไปเสียได้



“นายหยุดชกแล้ว เราคงไม่เกลียดหรอก ไหนให้เราดูแผลหน่อยซิ”


     ร่างสูงยืนร้องไห้ต่อหน้าอีกคน และยอมให้เต้ยดูแผลที่มือด้วย  เขาไม่รู้หรอกว่าแผลที่ชกต้นไม้นั้นจะเป็นยังไง จะมีเลือดไหลแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาดีใจที่สุดแล้วที่เต้ยไม่เกลียดเขาไปตลอดชีวิต


“อยากให้มึงเป็นห่วงกูแบบนี้ตลอดไปจัง ฮึก ฮึก” อิทธิพลพูดด้วยความอ่อนหวานปนสะอื้น


“เราบอกแล้วไง ว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เราต้องแต่งงาน ต้องมีลูกมีเมีย”


“แล้วทำไมคุณอาประทวนพ่อของมึง ยัดเยียดมึงให้ไอ้คุณชายนั่นได้ ไอ้บอลมันก็ผู้ชายนะเต้ย”


“นายรู้เรื่องด้วยหรอ?”


“รู้สิ รู้มาตลอดหนึ่งปีที่ไม่เจอมึงเลย พ่อกูเล่าให้กูฟังตลอด เวลาไปประชุมงาน ประชุมธุรกิจกัน พ่อมึงก็ชอบพูดเรื่องมึงกับบอลตลอดเวลา ทำไมล่ะเต้ย ให้โอกาสกูบ้างไมได้หรอ?”


“เห็นเราสนิทและอยู่ใกล้ชิดบอลมากขนาดนั้น เราก็ไมได้คิดมากเกินเลยเหมือนที่พ่อต้องการให้เป็นหรอกนะ” คำตอบนั้นทำให้
คนเจ็บมือยิ้มแฉ่ง ลืมความเสียใจไปหมด


“แสดงว่าหัวใจมึงไม่มีใคร ใช่ไหม?”


“ยังไม่มี แล้วก็ไม่ใช่นายด้วย อย่าฝันหวาน” อิทธิพลหน้าหงอยไป


“เต้ย!”


“หืม? ว่าไง”


“ถึงมึงจะไม่ได้รู้สึกเหมือนที่กูรู้สึก แต่กูขอร้อง มึงอย่าสั่งให้กูไปตายอีกนะ เวลาที่มึงสั่งกู เหมือนกูถูกมนต์สะกด กูต้องทำตามมึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้ามึงคิดว่ากูโง่มาก ก็ขอให้รู้เอาไว้อย่างเดียวว่ากูยอมโง่เพื่อมึง”


“คราวนี้เห็นฤทธิ์ของความรักรึยัง คมดาบอีกฝั่งของความรักมันไม่ได้สวยงามเสมอไปหรอกนะ รู้แบบนี้นายก็หยุดรักเราเถอะ”


“กูหยุดมันไม่ได้แล้วล่ะ เพราะหัวใจกูตอนนี้มีแต่มึง ทำไมเราสองคนไม่ทำให้คมดาบความรักอีกด้านหนึ่งให้ปรากฏชัดเจนขึ้นมาล่ะ แล้วตอนนั้นความรักมันจะสวยงามใช่น้อยเลยนะเต้ย”


        อิทธิพลกำลังจะเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวเต้ย แต่กลับถูกรั้งเอาไว้ก่อน


“อย่าเอามือมาลูบหัวเด็ดขาดนะ”


“โอเค กูจะไม่ทำแบบนั้น อะไรที่มึงไม่ชอบกูจะไม่ทำแล้วจริงๆ”


“ชวนคุยมาตั้งนานไม่คิดจะเป็นห่วงแผลตัวเองบ้างรึไงอิท?”


“มีคนที่กูรักดูแผลให้แบบนี้ ยาไหนๆก็ไม่วิเศษเท่านี้อีกแล้ว” อิทธิพลยิ้มให้


“อย่ามาชวนแหวะแถวนี้ เราไม่ชอบ และไม่คิดจะชอบด้วย”


“เดี๋ยวมึงก็หลงกู กูเชื่อ”


“เอาอะไรมาการันตี”


“เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ของคนในหอประชุมไง?”

“เขาโห่ร้อง ไม่ชอบขี้หน้าเราซะมากกว่า ใครๆก็อยากได้นาย เรารู้หรอกน่า”


“แต่โปรโมชันนี้กูเปิดรับแต่มึงคนเดียวเลยนะ มึงไม้อยากเป็นแฟนกูบ้างหรอ ตกลงเป็นแฟนกูนเถอะนะเต้ย”


“อย่ามาโยงเข้าเรื่องให้เสียเวลาหน่อยเลยอิท! บอกว่าไม่คือไม่สิ ถ้าไม่หยุดพูดเรื่องนี้ เราจะเซอไพร์นายแน่ จะมาดิ้นอกแตกตายทีหลัง เราไม่รู้ด้วยนะ”


“เซอไพร์? จะทำอะไรเต้ย ห้ามไปรักผู้ชายคนไหนนะ กูไม่ยอมจริงๆด้วย”


“นายนึกไม่ถึงแน่ๆ ถ้าไม่หยุดพูดเรื่องนี้”


“ขู่ซะกูกลัวเลยนะ ไม่เป็นไร กูไม่พูดเรื่องนี้ก็พอใช่ไหม แต่กูมีสิทธิ์อยู่ใกล้ๆมึงได้ใช่ไหม?”


“หยุดพูดเรื่องนี้ซักทีอิท กลับไปทำแผลก่อนเถอะ”


“ไม่เอา กูไม่อยากไปทำตอนนี้ ตอบกูมาก่อนสิ นะๆๆๆๆ”


“ไม่!!! ถ้าไม่ไปทำแผลตอนนี้ เราไม่ตอบอะไรทั้งนั้น”


“มึงพูดเองแล้วนะ”


“!!!”



หมับ!!! พรวดดดด  ร่างสูงยิ้มร่าสีหน้าสดใส คว้าจับมืออีกคนได้ ก็พาวิ่งกลับไปที่หอประชุมทันที


               พอเข้ามาถึงด้านใน การแสดงของคณะแพทยศาสตร์จบลงไปได้สักพักแล้ว บอลนั่งอยู่เก้าอี้ด้านหลังเวที ดวงตาเบิกโพงทันทีเมื่อเห็นว่าอิทธิพลเดินกลับมาพร้อมเตชานุ


“เต้ย!!!”


“พี่ๆครับ ผมกลับมาแล้วครับ” อิทธิพลร้องบอกทีมงาน


“กรี๊ดดดดดดด มือน้องอิทเป็นอะไรคะ เลือดไหลใหญ่เลย”


“ฮ่าๆๆ ไม่ไหลแล้วครับ มันเป็นแค่คราบเลือด” คนตัวดีมองมือตัวเอง ไม่คิดจะเป็นห่วงตัวเองซักนิดเดียว


“ไม่ได้ๆ มาทำแผลก่อนเร็วๆเข้า” กระเทยคนเดิมเข้ามาจัดแจงดูแลอย่างดี เพราะเวลาหลังจากนี้จะมีการขึ้นไปโชว์ตัวรวมกัน
และประกาศผลรางวัลให้ทุกคนได้รับรู้


“เต้ยไปไหนมา ทำไมได้มากับมัน” บอลเดินเข้ามาถามทันทีพร้อมกับมองดูฝ่ามือสองคนที่จับกันเอาไว้


“เอ่อ...คือ” เต้ยไม่รู้จะตอบอะไรได้แค่แกะมืออีกฝ่ายออก แต่ยิ่งแกะก็เหมือนอิทยิ่งกำแน่นกว่าเดิม


“อิท ปล่อยมือเราก่อน เราเจ็บ!”



           คนตัวสูงหายใจฟึดฟัดราวกับไม่พอใจนิดๆ แต่ก็เป็นห่วงเตชานุมากกว่า ตอนนี้คงต้องจำใจปล่อยให้เต้ยอยู่กับบอลไปก่อนสินะ มารหัวใจจริงๆเลย


“ฮึฮึ” อิทธิพลมองหน้าคุณชายอย่างหาเรื่อง


“หัวเราะอะไรของแกฮะอิท!” บอลถามกลับอย่างไม่พอใจ


“อิท! ไปทำแผลได้แล้วไป อย่ามานักเลงแถวนี้”


 คำพูดของร่างบางได้ผล อิทธิพลค่อยๆเดินผ่านหน้าบอลไปช้าๆ จนกระทั่งไปนั่งทำแผลกับพี่กระเทยคนนั้น


“เรารู้ว่าบอลจะถามอะไร แต่เอาไว้ไปถึงห้องก่อนเถอะนะ เราจะเล่าให้ฟังละเอียดเลย ตอนนี้ เต้ยต้องออกไปนั่งให้กำลังใจบอล
แล้วล่ะ รอบโชว์ตัวทำหน้าหล่อๆเข้าไว้ เต้ยไปแล้ว...”



“บอลเชื่อใจเต้ยนะ” ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่สีหน้าและภายในจิตใจคุณชายไม่เป็นอย่างนั้นเลย เขาต้องรอเพียงเวลาเท่านั้น เวลาที่จะกลับถึงห้อง เพื่อรอเต้ยอธิบายให้ฟัง ไม่อย่างนั้นเขาคงนอนไม่หลับคืนนี้แน่


:L2:



มาต่อแล้ววววววว  เดี๋ยวพายุเข้าต้องรีบอัพ รีบปิดคอม  ขอบคุณทุกเม้น วันอังคารเจอกันนะ

ปล.ตอนนี้ อิทธิพล ผีเข้าหรอ?  ช่วงนี้ให้เต้ยเอาคืนบ้างเถอะนะ



 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 14(อัพแล้ววว)............1.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-10-2016 21:45:15
อิทเปลี่ยนไป๋  :hao7:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 14(อัพแล้ววว)............1.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-10-2016 22:54:19
เปลี่ยไปมากจริงๆจากสัตว์มาเป็นคนเลย
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 14(อัพแล้ววว)............1.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-10-2016 23:19:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..................ตอนที่ 14(อัพแล้ววว)............1.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 04-10-2016 13:02:55
ตอนที่ 15



“คนแบบนั้นเชื่อคำพูดไม่ได้หรอกนะเต้ย เชื่อบอลสักครั้งเถอะนะครับ”


        เสียงขัดแย้งปนเป็นห่วงเปรยขึ้นทันทีหลังจากได้ฟังร่างบางอธิบายเรื่องราวจนหมดสิ้น เมื่อกลับมาถึงหอในเวลาเที่ยงคืน


“แต่เต้ยสงสารเขา เขาอาจจะตายเพียงเพราะคำพูดของเต้ย” เตชานุทำเสียงเห็นใจ


“ไอ้โรคจิตแบบนั้น ปล่อยๆมันตายไปเลยเต้ย อย่าไปแคร์มันเลย” บริรักษ์หงุดหงิด แต่ยังคงเก็บอารมณ์ได้ดี


“เราก็อยากทำแบบนั้น แต่อิทเขาพูดจริงทำจริงนะ เต้ยไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งให้เขาต้องไปตาย”


“โตขนาดนั้นแล้ว คิดเรื่องง่ายๆแค่นี้ไม่ได้อีก  บอลว่ามันเกินไปนะเต้ย อีกอย่างถ้าเต้ยอ่อนแอ แถมเห็นใจให้มันแบบนี้ คราวหลัง
มันอยากได้อะไร ไม่ใช่ต้องตีหน้าซื่อให้เต้ยสงสารอยูเรื่อยๆหรอ?”




           คุณชายบอลพูดมามันก็น่าคิด แต่ร่างสูงใหญ่นี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เหมือนเขา ไมได้เห็นว่าอิทธิพลเป็นยังไงเวลาเสียใจหรือซื่อสัตย์ในคำสั่งของเขาจริงๆ ตอนนี้เขาเหมือนผูกติดชีวิตอิทธิพลไปครึ่งตัวก็ว่าได้ จะทำอะไรคิดอะไร ไม่ใช่เพียงแต่ทำตามอำเภอใจตัวเอง แต่ต้องรอบคอบคิดให้ถี่ถ้วนนึกถึงอิทธิพลด้วย



             เกิดหมอนั่นคลั่งเสียใจขึ้นมาจริงๆ แล้วตายไป คนที่มีส่วนผิดในจิตใจก็คือเขา บางทียอมลดกำแพง ลดทิฐิลงบ้าง อาจไม่ต้องเหลือศูนย์ แต่ขอให้อิทธิพลมีชีวิตอยู่ต่อไปมันจะดีไม่น้อยไม่ใช่หรือ เพราะอนาคตเราไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เขาคิดว่าอิทธิพลไม่ทำ แต่กลับทำขึ้นมา เมื่อถึงตอนนั้นคงแก้ไขอะไรไมได้อีกแล้ว



“บอล คิดว่าสงสารอิทเถอะนะ ถ้าสมมติอิทป่วยทางจิตจริงๆ มันก็ดีไม่ใช่หรอ อย่างน้อย เต้ยก็เป็นคนเยียวยาทำให้เขาอยู่ต่อไปได้”



“แต่ถ้ามันไมได้เป็นโรคจิต แต่แกล้งทำเพื่อหลอกให้เต้ยเปิดทางยอมให้มันเข้าใกล้ล่ะครับ เต้ยจะทำยังไง”


“ก็คงจะต้องขับไล่เขาไปจากชีวิตเต้ย”


“แต่ที่ผ่านมาเต้ยไม่เคยทำสำเร็จเลยนะครับ”


“คือเต้ย...” เตชานุกำลังเอ่ยปากจะอธิบายต่อแต่ดูเหมือนว่าบริรักษ์ไม่ยอมท่าเดียว


“เอาอย่างนี้บอลจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง อายุ 19 ปีแล้ว มันน่าจะคิดอะไรเองเป็นได้แล้ว ไม่ใช่คิดแต่เรื่องตัวเอง แถมพลอยให้
คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย  บอลไม่ยอมหรอก”



“บอล แต่นี่ดึกมากแล้วนะ ไปวันใหม่เถอะ”


“แล้วบอลจะกลับมานะครับเต้ย ล็อกประตูด้วยนะ ใครมาไม่ต้องเปิด ยกเว้นที่ต้อมเท่านั้น”


“แต่ว่า....”



แอดดดด ปัง!!! เรือนร่างกำยำผิวสีเข้ม เปิดและปิดประตูห้องอย่างรวดเร็วไม่ฟังคำพูดของเต้ย เขาออกไปทำตามสิ่งที่คิดว่าควรทำ เขาไม่เชื่อหรอกว่าอิทธิพลจะเป็นพวกโรคจิต แถมเสแสร้งให้เต้ยใจอ่อนอยู่เรื่อย แต่เต้ยนี่ก็กระไรอยู่ ไม่เคยใจแข็งเลยซักที หรือว่า...ร่างบางแอบคิดอะไรอยู่  ตอนนี้บอลกลัวที่สุดคือ เต้ยจะเริ่มรักอิทเข้าแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น เขาคงไม่มีสิทธิ์คาดหวังอะไรอีกต่อไป...



           เขาต้องรีบไปให้ถึงที่พักของไอ้หนุ่มเดือนมหาวิทยาลัยเสียแต่ตอนนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะไปกันใหญ่ เพราะมันคนเดียวจริงๆ ทุกจึงอย่างเลยเถิดมาถึงทุกวันนี้




ก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆๆ          


          เสียงประตูห้องพักของเต้ยดังขึ้น ชายหนุ่มกำลังนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่ ตกใจวาบ บริรักษ์เพิ่งจะสั่งไปหยกๆว่าห้ามเปิดประตูให้ใคร ยกเว้นก็แต่ต้อม  พี่ชายของเขาเท่านั้น


“ใครครับ!!!” เขาตะโกนถามกลับไป


“กูเองเต้ย” เสียงเรียบปนดีใจของใครบางคน ที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครนั้น กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องเขา


“นะ..นายมาทำไปอีก นี่ดึกแล้วนะ”


“กู...กูไม่เห็นมึงมาดีใจกับตำแหน่งเดือนมหา’ลัยเลย ทำไมมึงรีบกลับนักล่ะ”


“ระ..เราก็ต้องกลับพร้อมบอลสิ บอลพากลับตอนไหนก็คือตอนนั้น” เต้ยอธิบายไป


“เต้ย เปิดประตูให้กูหน่อยได้ไหม?”


“ไม่ได้หรอก ถ้าบอลมาเห็นเข้า นายซวยแน่ รีบกลับไปซะ”


“กูรู้ว่าบอลมันไม่อยู่ในห้อง มันเพิ่งออกจากหอไปเมื่อกี้นี้”


“เอ่อ!!!...”  ร่างบางอึกอัก ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาปฏิเสธอีกฝ่าย


“บอลไปซื้อของ เดี๋ยวก็คงกลับ นายรีบๆไปซะนะ เราขอร้อง”


“แต่กูอยากเห็นหน้ามึง อยากกอดมึงอ่ะ” ร่างสูงสุดหล่อ ยังคงดื้อดึงไม่ยอมลดละ


“กลับไปเถอะอิท ดึกมากแล้ว เราอยากพักผ่อน”


“ถ้ามึงไม่เปิด  กูจะพังประตูเชี่ยนี่เข้าไปแน่”



ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ


     แย่แล้ว ทำไมพูดเร็วทำเร็วแบบนี้ เตชานุมีความรู้สึกอยากจะหายตัวไปจากโลกนี้จริงๆ ถ้าไม่เปิด ประตูคงจะพังจริงๆ แถมเพื่อนห้องข้างๆก็คงจะออกมาด่าเขาด้วยความรำคาญแน่ๆ


“อะ...โอเคๆ อิท หยุดถีบประตูได้แล้วจะเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละ”



                ร่างบางเดินไปเปิดประตูให้ หนุ่มร่างสูงปรากฏอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก็ทำตัวแบบนี้ จะไม่ให้ใครคิดว่าเป็นโรคจิตหรือป่วยทางสมองได้ยังไง


พรวดดดด  ปัง แกร๊ก!!!


         อิทธิพลถลาตัวเข้ามาข้างในห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับล็อคกลอนประตูเรียบร้อย แต่ถึงยังไงร่างสูงนี้ก็ดูน่าหวาดกลัวในสายตาของเต้ยเสมอ


“เราไม่เข้าใจนายเลยจริงๆทำไม...”


จ๊วบบบบบบ 



            อิทธิพลก้มลงไปจูบปากอีกคนทันทีที่เข้ามาถึง ทำไมเขาถึงเร่งรีบอะไรขนาดนั้น เต้ยตั้งตัวไม่ทันเลยจริงๆ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าลิ้นอุ่นของร่างสูงกำลังพยายามเข้าไปสำรวจภายในช่องปาก แต่...เต้ยไม่ยอมให้สิ่งนั้นเข้าไปสำรวจได้สำเร็จหรอก!



พรึบ!

อิทธิพลละปากออก หลังจากทำไม่สำเร็จ พร้อมกับขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ในสิ่งที่เตชานุขัดขืน


“เต้ย ทำไมมึงยังขัดขืนกูอยู่ล่ะ”


เพี๊ยะ!!! เต้ยประทับฝ่ามือลงแก้มคนตรงหน้าไปหนึ่งที เพราะเริ่มทนไม่ไหวแล้ว


“อย่ามาพูดจาเหลวไหลนะอิท เราให้นายอยู่ใกล้เราได้  แต่ไม่ใช่ทำเรื่องแบบนี้ได้”

“ทำไมล่ะ ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ? ผัวเมียอยู่ด้วยกัน ก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา”


“พูดจาหยาบคายอีกแล้วนะ ไหนนายบอกจะเปลี่ยนตัวเองไง แล้วนี่ทำไม...”


“อย่าเล่นตัวให้มากนักนะเต้ย กูอดทนและรอมึงมานานเกินที่กูจะทนแล้ว กูคืออิทธิพล นฤบดินทร์ ไม่เคยยอมทำตามใคร มึงเอง
ก็เหมือนกัน ”



“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?” เตชานุไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงพูดเลยแม้แต่น้อย


“ก็หมายความว่า ที่กูยอมเปลี่ยนตัวเองก็เพื่อ....สิ่งนี้ เท่านั้น”



    เต้ยตาลุกวาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาลิ้นเลียริมฝีปากล่างของตัวเอง ดวงตาคู่คมดูหื่นกามารมณ์อย่างที่สุด สองมือหนาค่อยๆเปลื้องผ้าตัวเองออกทีละชิ้นทีละชิ้น


“อิท...อย่าทำแบบนี้”


“ถ้าไม่ให้กูทำแบบนี้ แล้วคนรักกันเขาทำแบบไหน บอกกูทีเต้ย”


“เราไม่ได้รักนาย เราเกลียดนายเช้าใจไหม?”


“เกลียดกูมากสินะ ทำไมวะเต้ย กูลงทุนทำทุกอย่างหวังสำเร็จ แต่นี่อะไรกัน น้ำเย็นก็แล้ว น้ำร้อนก็ยิ่งไปกันใหญ่ ไหนๆคืนนี้แม่
งกูพิสูจน์กันไปเลยว่ากูกับมึง ใครมันจะบ้าไปก่อนกัน”



“อย่านะอิท....”


“พูดอย่างกับเคยห้ามกูได้อย่างนั้นแหละ ฮึฮึ”



         อิทธิพลก้าวสามขุมเข้ามาหาเต้ยช้าๆ พร้อมกับเรือนร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า รูปร่างที่ดูดีอยู่แล้ว แต่พักหลังมานี้ยิ่งดูดีไปอีก เพราะต้องดูแลตัวเองเพื่อขึ้นแข่งประกวดดาวเดือน  แต่ทุกอย่างที่พรรณนาไปทั้งหมด ตอนนี้ไมได้ช่วยให้เต้ยพิศวาทเพื่อกลบความกลัวไปได้เลยแม้แต่น้อย




ปัก!!!  แผ่นหลังบางเดินถอยก้าวไปจนชนติดผนังห้องอีกฝั่งเป็นที่เรียบร้อย อิทธิพลก้าวสามขุมเอามือหนา อ้อมดักข้างซ้ายขวาเอาไว้ ใบหน้าของเขาสองคนห่างกันไม่ถึงสามเซนติเมตร ลมหายใจอุ่นๆของอิทธิพลรดลงมาที่สันจมูกของเต้ย เวลาแบบนี้เขาอยากภาวนาให้บอลกลับมาเร็วๆจังเลย



“อิท!!! ขอร้องล่ะอย่าทำอะไรแบบนี้”


“ผัวจะทำให้มีความสุข ไม่มีเมียคนไหนปฏิเสธหรอกนะ”


“ก็เราไมได้เป็นเมียนายไงอิท ทำไมชอบคิดเองเออเองแบบนี้”


“ก็เพราะโลกนี้มันง่าย ง่ายทุกอย่างสำหรับอิทธิพล นฤบดินทร์ เหมือนตอนนี้ที่กูอยากได้มึง กูก็ต้องได้”


“!!!”


พรวดดดด  หมับ


            ชายหนุ่มหื่นกามรูดซิปกางเกงที่ใส่ขึ้นแสดงดาวเดือนลง พร้อมกับเจ้าโลกที่ผงาดออกมา มือหนาจับมือนุ่มเล็กนั่นให้จับสาวขึ้นลงทันที


“ไม่!!!   เราไม่ทำ ”


“ต้องทำ ทำสิ!!!” อิทธิพลบังคับข้อมือเล็กๆนั่นให้จับแล้วสาวขึ้นลงตามความต้องการ จากช้าเป็นเร็ว


                   ในตอนนี้เหมือนมีน้ำใสเหนียวบางอย่าง เบิกทางนำร่องไหลออกมาที่ปลายยอดแล้วด้วย



“อ่า....ซี๊ดดดดด อย่างนั้นแหละเต้ย”


            เต้ยไม่ตอบ ได้แต่หลับตาหนีไปทางอื่นทำตามที่อิทธิพลต้องการต่อไป ไม่มีครั้งไหนเลยหรือที่เขาจะชนะและเป็นฝ่ายได้เปรียบอิทธิพลบ้าง



“พอ!!!! กูยังไม่แตกตอนนี้” จู่ๆอิทก็เปรยห้าม


หมับ ผลัก!!!   คนตัวโตจับตัวคนตัวเล็กเหวี่ยงลงไปที่เตียงนอน อย่าถามว่าเจ็บไหม แต่น้ำตามันก็ไมได้ช่วยอะไรอยู่แล้ว  ในใจเต้ยอยากเข้มแข็งแต่เวลานี้มันกดดัน และเสียความรู้สึกมาก


            เขาอุตส่าห์หลงเชื่อและให้โอกาสคนคนนี้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า ไม่มีอะไรที่คนคนนี้ทำออกมาจากใจได้แม้แต่นิดเดียว คนคนนี้ หวังเอาแต่ได้ แลพะเหมือนกบเขาโง่เหมือนควายเชื่องๆตัวหนึ่งเท่านั้น


“ฮึก! ฮึก !”


“อย่าร้องสิเต้ย น้ำตามึงมันทำให้กู...ชอบมากกกก!!! ฮึฮึ  อมเข้าไป จะได้หยุดร้อง”


คร๊อกกกก พรวดดดด

     อิทธิพลขึ้นคร่อม พร้อมกับจ่อเจ้าโลกยัดเข้าปากเตชานุทันที ร่างบางตาเหลือกลาน ทุรนทุราย ราวกับอยากอาเจียนออกมา  อิทธิพลกดเข้าไปลึกมาก มากเสียจนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำลงไปได้


พรึบบบ  พรวดดดดดด

             คนใจต่ำดึงเจ้าโลกออกมา หวังเพียงให้จังหวะอีกฝ่ายหายใจ ก่อนจะยัดเข้าไปให้ตามอำเภอใจ


“อ่า อ่า อ่า อ่า”



    ในความปรนเปรอสำเร็จความใคร่แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เตชานุกำลังน้ำตาตกใน นึกอยากจะร้องไห้ตะโกนออกมาแต่ทำไม่ได้


พรวดดดดด   อิทธิพลดึงมันออกมาอีก พร้อมกับจับตัวเต้ยที่เริ่มจะไม่ไหวนั้นพลิกกลับหลังทันที


“พลิกตัวสิ เร็วๆ อยากให้ไอ้คุณชายกลับมาเห็นสภาพนี้หรือไง กูบอกเลยว่ากูไม่อายหรอกนะ ฮึฮึ”


“อิท ฮือออ  อย่าทำแบบนี้เลยนะ ”


“กูเป็นใคร มึงเป็นเป็นใคร?  อย่าคิดมาอ้อนวอนกูเสียให้ยาก กูให้โอกาสมึงรักกูแล้ว มึงคงไม่ชอบอะไรที่มันนุ่มนวลใช่ไหมเต้ย มึงชอบแบบนี้ใช่ไหม!!! ถอดกางเกง เร็วๆ ”


“ฮือออออออ อย่า อย่าทำ ฮืออออ”



พรวดดดดดดดด อิทธิพลดึงกางเกงอีกฝ่ายลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยิ้มแสยะเมื่อเห็นถ้ำมังกรที่ปิดสนิทนั้น


“หายใจเข้าลึกนะที่รัก!!! ”


พรวดดดดดดดด


“โอ้ยยยยยยยยย ฮืออออออ อิท มันเจ็บ”


“เจ็บ เดี๋ยวก็ชิน หุบปากไปซะ”  มือหนาหยิบเอาผ้าใกล้มือยัดเข้าปากเตาชานุไป



          บั้นท้ายขยับเข้าออกมาตามจังหวะเร็ว และใช้แรงตามความเคยชิน แต่เตชานุ ไม่อาจทำใจชินได้สักครั้ง นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เจอของสิ่งนี้กระแทกเข้าไป มันทรมานเหลือเกิน ยากที่จะแปรเปลี่ยนไปเป็นความสำราญ



“อ่า อ่า อ่า อ่า.......ซี๊ดดดดดดด  ดี ขมิบแรงๆหน่อย”


“ฮืออออออ ” เสียงอู้อี้ร้องไห้แทบไม่ล็อดลอดดังออกมาเลย  ร่างบางเอามือกำราวบนหัวเตียงนอนไว้แน่น เพื่อระบายความเจ็บนี้



     เขาทั้งเจ็บใจและเจ็บกายปางตาย อิทธิพลเคยเข้าใจเขาบ้างไหม ไม่มีใครช่วยเขาได้แล้วจริงๆ   เวลาดำเนินผ่านไปเนิ่นนาน จนกระทั่ง ของเหลวสกปรกจากคนใจต่ำช้าหลั่งไหลไปทั่วภายใน เต้ยรู้สึกร้อนวาบไปทั่วทั้งสะโพก อิทธิพลทำสำเร็จอีกครั้งแล้วสินะ



“อ่า.........เก่งมากเมียจ๋า”


อิทธิพลหมดแรง ถอนสิ่งนั้นออกจากแก่นกายของเตชานุ พร้อมกับลุกขึ้นไปแต่งตัวทันที


“กูไปก่อนนะ ถ้าอยากให้ผัวคนนี้รับผิดชอบ ก็บอกมาเลย สินสอดหมั้นพร้อม  เรือนหอพร้อม และหัวใจกูก็พร้อม อยู่ที่มึงแล้วเต้ย ว่าอยากเป็นแค่อีตัว  หรือเป็นเมียกู เลือกเอา ฮึฮึ”


พรึบ!!!


     เต้ยดึงผ้าปิดปากออกไป  ทั้งเหงื่อทั้งน้ำตาปะปนกันไปหมด คำพูดของอิทธิพลหวังเอาแต่ได้อย่างวเดียว ก็คนมันไม่ชอบแล้วจะให้ชอบได้ยังไง อีกอย่างจะให้เขาไปเป็นเมียอย่างเปิดเผยอย่างนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงเท่านั้น



“ฮึก ฮึก มันจะไม่มีวันนั้น หลังจากนี้ มึงเตรียมตัวให้ดี ความระยำที่ผ่านมา กูจะเอาคืนมึงให้สาสม”


“วู้วววววว กูกลัวววววจังเลยเต้ย รีบๆลงมือทำเข้าล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ  ผัวไปแล้วนะ”


ฟอดดดดดด อิทธิพลเดินเข้ามาหอมแก้มร่างบางอีกครั้ง


“ไอ้ทุเรศ มึงออกจากห้องกูไปเลย จะไปตายที่ไหนก็ไป กูหมดความสังเวทใจให้กับมึงเต็มทีแล้ว ไอ้เชี่ย!”


“ขอโทษที เกมเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีของกูมันจบไปก่อนหน้านี้แล้ว ถึงมึงจะให้กูไปตาย กูก็คงไม่ไป อ้อๆๆ อยู่คนเดียวอย่าคิดสติแตกเป็นบ้าไปซะก่อนล่ะ  รอผัวน้อยมึงมาก่อนก็ได้ วันนี้กูใจดี ยอมให้มันทำ...แบบที่กูทำ อีกสักรอบก็ได้นะ”



“มึงเห็นกูเป็นอะไร ไอ้นรก (อ้างงงงงงงงงงงงงงง)”


“โอ้ย หนวกหูเว้ย อยากบ้าแม่งก็บ้าไปเลย สติแตกไปเลยก็ดี มีเมียเป็นบ้าคงจะดีเวลาโดน....ฮ่าๆๆๆๆ ไปแล้วนะที่รัก”



แอดดดดดดดด  ปัง!!!


“ฮืออออออออ  ไอ้เลว ไอ้สารเลว    ฮือออออออ  กูไม่เอามึงไว้อีกต่อไปแล้ว”


                เต้ย ลุกเดินกะเผกอย่างยากลำบาก ไปยังโต๊ะโน๊ตบุ๊ค เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรออกหาใครบางคนทันที ใครคนนั้นที่เขาคิดว่าจะช่วยเหลือในยามยากแบบนี้ได้


“ฮัลโหล น้องชาย ยังไม่นอนหรอ หืม”  เสียงอ่อนโยนปนขี้เล่นทุกครั้งของพี่ต้อมมันทำให้เต้ยรู้สึกอยากไปหาพี่ชายที่หอพักนอกมหาวิทยาลัยเลยในตอนนี้ ไปร้องไห้ปรับทุกข์ให้รู้แล้วรู้รอดไป 



“ฮือออออออ พี่ต้อม ไอ้อิทมันปล้ำเต้ยอีกแล้ว”


“ว่าไงนะ!!!เต้ยว่ามันปล้ำเต้ยหรอ  ไอ้สัตว์นรกเอ้ย  ตอนนี้มันอยู่ไหนเต้ย”


“มันออกไปจากห้องเต้ยเมื่อกี้ พี่ต้อมช่วยเต้ยด้วย อือออออ เต้ยไม่ไหวแล้ว”


“เต้ยใจเย็นๆ เดี๋ยวพี่ไปหาตอนนี้แหละ อย่าล็อคห้องนะคนดีของพี่”


“ครับ ฮืออออ”




:L2:


นี่มันด้านมืดของเซ็กส์ชัดๆ  :sad4: :sad4:  บักห่าอิท!!!!  :katai1: :katai1: :katai1:  มะรึงแกล้งเป็นคนดีไปได้ยังไง

มะรึงเอาความรู้สึกเต้ยมาล้อเล่นแบบนี้ไมไ่ด้นะอิท โถ่ 

เดี๋ยวแต่งให้เต้ยเป็นบ้าไปจริงๆ มะรึงจะรู้สึก  :beat: :beat: :beat: :beat:  :z6: :z6: :z6: :z6:

คนแต่งน้ำตาไหลริน   :o12: :o12: กำลังจะดีแล้วเชียว บอกแล้วอิทธิพลมันจอมตอแหละ  :serius2: :serius2: :serius2:


วันเสาร์เจอกัน ไปทำงานแป๊บ(ไม่แป๊บนะหลายวันเลย ฮ่าๆๆๆ)


หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 04-10-2016 19:43:43
อิอิท ชั้นอุตสาห์เชียร์แก ฮึ้ยยยยยยย  :z6:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-10-2016 21:06:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-10-2016 21:07:22
อุตสาห์สงสารมึงอยู่ลึกๆ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-10-2016 22:15:03
คราวนี้ลาขาดแน่ๆล่ะอิท
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-10-2016 23:56:50
 :z6:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 05-10-2016 14:01:11
ซาดิสดีชอบถ้ามีเดือนมหาลัยหล่อๆมาเอาเรื่อยๆนะยอมเลย
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-10-2016 19:32:30
หมดกัน ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 15 (มาหลั่งน้ำตาเร็ว)...........4.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 08-10-2016 14:59:26
ตอนที่ 16



          และแล้วเรื่องนี้ก็บานปลายในที่สุด  วันเสาร์สัปดาห์นั้นเอง ประทวนพ่อของเตชานุบุกไปถึงบ้านของธำมรงค์พ่อของอิทธิพล สีหน้าท่าทางไม่พอใจอย่างรุนแรง  พร้อมกับต้อม พี่ชายของเต้ยไปด้วยอีกคน เจ้าของบ้านเห็นเข้าโดยบังเอิญตกใจเล็กน้อย แต่ไม่คิดถือสาอะไร เห็นว่าเป็นคนสนิทกันเอง



“อ้าวไอ้ทวน จะมาทำไมไม่บอกก่อนวะ”


“ถ้าฉันบอกแกก่อนมา  ฉันจะได้เห็นหน้าไอ้ลูกชายตัวดีของแกอย่างนั้นหรอไอ้ธรรม  มันอยู่ไหน!!”


“ลูกชายฉันหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน” ธำมรงค์หุบรอยยิ้มนั้นไป


“ผมว่าคุณลุงน่าจะไปถามลูกชายของคุณลุงเองนะครับ ว่ามันทำอะไรไว้กับเต้ยบ้าง ”


“เต้ยหรอ?  นวล!!! ไปตามตาอิทมาพบฉันที” ตอนนี้จิตใจเขาเริ่มไม่เป็นสุขแล้ว


              สาวใช้รับคำสั่งแล้วขึ้นไปชั้นสองทันที  ดูจากอารมณ์ของเพื่อนคนนี้ ประทวนไม่ได้มาเล่นๆแน่ ต้องมีเรื่องบางอย่างที่ร้ายแรงแน่นอน



               ไม่นานนักชายหนุ่มร่างสูงลูกชายสุดหัวแก้วหัวแหวนของเขาก็เดินงัวเงียลงมาจากบันได ในสภาพชุดนอนเหมือนเพิ่ง
ถูกปลุกให้ตื่น ธำมรงค์รู้สึกระอากับการกระทำของลูกชายนัก


“อ้าว! คุณอาประทวน สวัสดีครับ ไม่นึกว่าคุณพ่อมีแขก”


              ตัวดีเปรยเสียงเรียบราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความผิดแปลกของสีหน้าคนมาเยือนถึงบ้านแม้แต่น้อย


“ฮึ ไม่ต้องมาสวัสดีฉันหรอก  แกทำร้ายลูกฉันมาตลอด ตอนนี้ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว  ทำไมแกเลวได้ถึงขนาดนี้ฮะ”


              ประทวนชี้นิ้วตวาดเสียงดังใส่หน้าอิทธิพลทันที ไม่เกรงใจธำมรงค์ผู้เป็นพ่อ  ที่กำลังยืนขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับบทสนทนาเท่าไหร่นัก


“แต่ผมพร้อมรับผิดชอบนะครับคุณอา” อิทธิพลยิ้มแสยะ ต่างจากสีหน้าพ่อของเขาที่กำลังมองมา


“นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีใครจะบอกฉันได้บ้างไหม” ธำมรงค์อยากรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ ว่าสามหนุ่มคุยกันเรื่องอะไรกันแน่ เพราะ
เหมือนเขาไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวและกำลังกดดันมาก


“ลูกชายของคุณลุง เขาเป็นคนที่ทำร้ายจิตใจและร่างกายของเต้ย ที่เต้ยต้องย้ายโรงเรียนเมื่อปีก่อนก็เพราะเขา และตอนนี้ยิ่งอยู่
มหา’ลัยเดียวกันอีก อิทธิพลก็ยิ่งตามราวีไม่เลิก  เต้ยร้องไห้โทรหาผมเมื่อวานผมถึงได้รู้ว่ามันยังทำเรื่องเลวทรามผิดมนุษย์อยู่
อีก  ผมว่าคุณลุงต้องจัดการกับลูกชายคุณลุงได้แล้วนะครับ”



                ธำมรงค์เศรษฐีหนุ่มอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องราวแบบนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีใครบอกเขาเลย แม้แต่อิทธิพลลูกชายตัวดีตัวต้นเรื่องทั้งหมดของเขา


“แกทำแบบนั้นทำไมอิท ทำไมแกไม่เคยบอกฉัน   แกวิปริตไปแล้วหรือยังไงกัน?”


“ผมไม่ได้วิปริตนะคุณพ่อ! แต่ไอ้เต้ยมันเป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมชอบจริงๆ” ตัวดียังยืนกราน ไม่เห็นความผิดของตัวเอง


“พูดมาได้ว่าชอบเต้ย  แต่แกทำให้น้องชายฉันเจ็บปวดมาตลอด กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนับไม่ถ้วนแล้ว” ต้อมด่าทอด้วยความอัดอั้นตันใจ
ทันที


“ก็ช่วยไม่ได้ ผมหวงของผม ไอ้เต้ยมันมีผู้ชายมาจีบเยอะแยะ และไอ้คนที่ผมกังวลที่สุดคือ ไอ้คุณชายบอล ของคุณอา ที่พยายามเปิดทางให้มันตีสนิทเต้ยตลอดไงครับ”



              อิทธิพลต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว เพราะเขาเห็นว่ามันเป็นความจริงที่ควรพูด


“หยุดทำร้ายลูกชายฉัน แล้วถอยห่างจากเขาซะ ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาโทษแก เห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะธำมรงค์ นายควรจะดูแลลูกชายนายให้ดีกว่านี้ เพราะครั้งหน้าฉันจะไม่ทนแล้ว ”


        ประทวนยื่นคำสั่งต่ออิทธิพลและหันไปเจรจาตกลงกับเพื่อนสนิทร่วมธุรกิจให้เรียบร้อย


“ขอโทษจริงๆนะไอ้ทวน ใจเย็นๆก่อนเถอะ  อิท!!! รับปากคุณประทวนซะ แล้วสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าแกจะไม่ไปราวีเต้ยอีก
แล้ว”


“ไม่ครับ! ผมไม่ฟังอะไรใครทั้งนั้น ผมก็รักของผม ถ้าจะคุยเรื่องสินสอดขันหมาก ผมถึงจะฟัง เรียกร้องเท่าไหร่ขอให้บอก จะกี่ล้าน หรือกี่สิบล้านว่ามาเลยครับ สำหรับลูกชายคนเล็กของคุณอา”


“หยุดได้แล้วอิท!!! ฉันไม่สนับสนุนหรือยกสินสอดอะไรเพื่อแกทั้งนั้น แกเลิกเพ้อเจ้อซักที เลิกสร้างเรื่องวุ่นวายให้ฉัน  ถ้าแกไม่เลิกยุ่งกับเต้ยอีก ฉันจะหาคู่ครองให้แกเอง จะได้จบเรื่องไปซะ ”


“ผมไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น  พ่อบังคับผมไม่ได้หรอก ผมรักไอ้เต้ยคนเดียวมันเป็นของผมแล้ว มันไม่มีอะไรบริสุทธิ์
แบ่งไปให้คนอื่นแล้วครับ ”


“แกจะไม่มีวันได้แต่งงานกับลูกชายฉันอิทธิพล    สิ่งที่แกทำ ฉันอยากจะลากคอแกเข้าคุกเข้าตารางไปซะด้วยซ้ำ หวังว่าคำพูดเตือนสติของฉันจะทำให้แกเชื่อฟังและเกรงกลัวบ้างนะ เพราะฉันพูดจริงทำจริง ฉันเสียเวลามามากแล้ว ขอโทษด้วยนะไอ้ธรรม
ที่มาบุกถึงที่ แต่ฉันคงไม่ได้มาเยียบที่นี่อีกแล้ว  ต้อม!!! กลับ!”



“ลานะครับคุณลุง” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือไหว้ธำมรงค์ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นพ่อไป


“นวลส่งแขกให้ฉันที ”


“ค่ะคุณท่าน”



“ส่วนแกตามพ่อมานี่เลย”


“ถ้าจะเรียกผมไปตกลงอะไรละก็....ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น  ผมรักเต้ย  คนรักผมต้องเป็นไอ้เต้ยเท่านั้น ผมก็พูดจริงทำจริงไม่ต่าง
จากคุณอาประทวนหรอก อย่าคิดว่าผมจะหยุดแค่นี้”


“แกพูดว่าแกรักเขา?  แต่แกกำลังจะทำให้เขาตายแกรู้ตัวไหม  ไม่มีคนรักกันที่ไหนเขาทำร้ายกันแบบนี้ได้หรอกอิท แม้แต่สัตว์ที่
ดุร้ายแค่กับคู่ครองของมัน มันไม่ทารุณร่างกายจิตใจกันแบบนี้”


“ผมรู้ครับคุณพ่อ! ผมก็ลองทำดีแล้ว แต่แม่งเล่นตัวอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์ ผมเป็นใคร ผมเป็นอิทธิพล นฤบดินทร์ คนอย่าง
ผมต้องเสียเวลาตามใจมันทั้งชาติขนาดนั้นหรอ ผมอยากได้มันเป็นเมีย ผมก็ทำ ผมเลวตรงไหน ผมก็เต็มที่และพร้อมรับผิดชอบ ผมไม่ได้ดกหกมันสักหน่อย”



                 คำพูดอธิบายของลูกชาย ทำให้ธำมรงค์สูดหายใจ หลับตาลงทั้งของข้าง ราวกับกำลังเก็บความอดทนนั้นเอาไว้   คนเป็นพ่อตอนนี้แทบอยากจะลืมทั้งยืน อิทธิพลจะเข้าใจเขาบ้างไหม

...

...

“ฉันผิดเอง ที่ฉันเลี้ยงดูแกให้เป็นคนไม่ยอมใคร เลี้ยงแกมาอย่างดีด้วยเงินทองและสิ่งของ  อยากได้อะไรก็หาให้ หวังจะทำให้สิ่งเหล่านั้นไปปิดช่องโหว่เรื่องที่แกไม่มีแม่ได้   แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันเลี้ยงดูแกมาแบบนี้ มันทำให้แกเสียคน ไม่ต่างอะไรไปจากพวกบ้าอำนาจ หลงตัวเอง ”


“คุณพ่อ....” อิทธพลอึ้งไป กับสิ่งธำมรงค์ตัดพ้อ


“ถ้าแกไม่เชื่อฟังฉัน  คนที่เป็นพ่อของแก แกก็ออกไปจากบ้านของฉันซะ  ฉันไม่มีลูกเลวๆอย่างแก”



           ธำมรงค์ฝืนใจพูดไป ทั้งที่ในจิตใจกลับผกผัน น้ำตากำลังตกในไหลริน ยากที่ลูกชายจะมองออก อิทธิพลเป็นคนแบบนี้ มันเหมือนภาพสะท้อนตัวเขาเอง ว่าเลี้ยงดูลูกเติบโตมาแบบผิดๆ  คิดว่าอิทธิพลจะแยกแยะได้ แต่ไม่เลยแม้แต่น้อย อิทธิพลเลวร้ายมากจนเขาไม่คิดว่านี่คือ วิจารณญาณของลูกชายตัวเอง



“ไม่ครับคุณพ่อ อย่าไล่ผมเลยนะ ผมจะเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง ขอแค่คุณพ่ออย่าโกรธผม อย่าไล่ผมก็พอ!”


“ถ้าอย่างนั้น!!! แกจงฟังให้ดีๆ เลิกยุ่งกับลูกชายของประทวนซะ แล้วพรุ่งนี้ไปขอโทษและขอขมาเต้ย  ไปคุยค่าเสียขวัญให้
เรียบร้อย พ่อจะสบายใจที่สุด”


“ผมไม่ทำ เปลี่ยนจากเรื่องนี้ ให้โอกาสผมทำดีกับไอ้เต้ยอีกครั้งไม่ได้หรอครับ”


“มันจบแล้วไอ้อิท แกเห็นอารมณ์ของประทวนและครอบครัวของเต้ยเมื่อครู่ไหม ไม่มีใครเขามองแกเป็นคนดีอีกแล้ว  แม้แต่ฉัน!  อีกอย่างฉันมีแก เป็นลูกชายคนเดียว ฉันต้องการให้แกแต่งงานกับผู้หญิงสืบสกุลนฤบดินทร์ต่อไป แกเข้าใจที่ฉันพูดไหมตาอิท”



“ไม่!!! ผมรักเขา คุณพ่อเข้าใจผมบ้างสิ”


“แกนั่นแหละที่ต้องเข้าใจคนอื่นให้มากๆไอ้อิท! ฉันชักจะหมดความอดทนกับแกแล้วนะ”


“ถ้าไม่ได้แต่งงานกับไอ้เต้ย ผมขอตายดีกว่า”


“ตาอิท!!! แกโตขนาดนี้แล้วแกยังคิดได้แค่นี้เองหรอ ถ้าความตายเป็นทางออกของแก แกก็ไปตายซะไป”


“คุณพ่อ....”


“แปลกใจละสิ ที่ฉันเปลี่ยนไป ตอนนี้ฉันไม่ทำตามใจแกแล้ว แกรู้สึกยังไงบ้าง  กับตอนนี้ที่ฉันมีลูกชายที่นิสัยไม่ดีเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ฉันเสียใจมากขนาดไหน  มากซะจนอยากจะดัดนิสัยแกให้ไปติดคุกติดตารางเหมือนที่เขาด่าทอแกเมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ”


“คุณพ่อ ผมขอโทษ”



       อิทธิพลไหว้พ่อของตัวเองแทบเท้า ธำมรงค์เบือนหน้าหนีไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้น สงสารลูกอยู่ลึกๆ แต่ก็ห่วงความถูกต้องไม่ได้ ทำไมอิทธิพลถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ได้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ



“ผมรักคุณพ่อนะครับ ผมมันเลว แต่ขอเลวเป็นครั้งสุดท้าย ผมขอไม่ทำตามคำสั่งของคุณพ่อ แต่จะไปทำให้ครอบครัวของเต้ยเห็นว่าผมเป็นคนเดียวที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้ชายของเต้ย”



“อิท!!! จนขนาดนี้แล้วแกยังจะทุลักทุเลตั้งความหวังอยู่อีกหรอ  ไอ้ลูกเลว!”


“ผมบอกแล้วไงครับ ผมขอเลวเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าผมไม่ได้ตัวและหัวใจของเต้ย  ผมจะไม่ขอกลับมาที่บ้านหลังนี้อีก ผมลานะครับคุณพ่อ”



“อิท!!! แกอย่าทำแบบนี้ ถ้าแกไป แล้วพ่อจะอยู่กับใคร?”


“ผมจะโทรมาหาตลอดนะครับคุณพ่อ พ่อเป็นคนเดียวที่เป็นห่วงผมตลอด  แต่ผมปล่อยเรื่องนี้ให้จบแบบนี้ไม่ได้  ผมไปแล้วนะครับ”


“แกไม่เคยทำให้พ่อภูมิใจสักครั้ง”


“แต่ครั้งนี้พ่อจะต้องภูมิใจผม สัญญาผมจะกลับมา” อิทธิพลยืนยันแน่นแฟ้น


“คำพูดของฉันคงเปลี่ยนความคิด คนหัวแข้งแบบแกไม่ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ ฉันไม่อยากจะรับรู้เรื่องของแกอีกแล้ว ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลยนะ ”



            ธำมรงค์เดินหนีจากลุกชายขึ้นบันไดไป อิทธิพลมองตามตาละห้อย แต่เขาจะปล่อยเรื่องให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ รอก่อนเถอะ อาจจะหนึ่งปี สิบปี หรือตลอดชีวิต ต่อจากนี้เขาจะตั้งใจและชดใช้ความผิดสุดความสามารถ



          ทางครอบครับของเตชานุ ประทวนกลับมาถึงบ้านแล้วด้วยอารมณ์โมโหลดลง  พร้อมกับบอกเรื่องราวให้ภรรยาฟัง  เธอเองก็ตกใจไม่น้อยที่เหตุการณ์พลิกผันแบบนี้ คนผิดอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ทำไมเธอถึงไม่รู้ สุดท้ายก็ได้รู้ความจริงว่าเต้ยลูกชายคนเล็กนั้นต่างหากที่ปกปิดเก็บความรู้สึกเอาไว้



“พ่อต้องการให้ลูกชายของเราหมายหมั้นกับคุณชายบริรักษ์ แม่จะว่ายังไง”



            ประทวนปรึกษาภรรยาอย่างจริงจังภายในห้องนั่งเล่น หวังเพียงสิ่งนี้เท่านั้นจกีดกันคนอย่างอิทธิพลให้เลิกยุ่งกับเต้ยได้


“แม่ว่า ถามลูกก่อนเถอะนะคะ แม่สงสารลูก ลูกอาจจะชอบผู้หญิงอยู่ก็ได้ พ่อคลุมถุงชนแบบนี้ แม่ว่าไม่น่าจะดีเท่าไหร่”


“ใช่ครับคุณพ่อ ถามเต้ยก่อนเถอะนะครับ” ต้อมเสริมขึ้นมาอีกแรง


“เออๆ ก็ได้ แม่เป็นธุระให้หน่อยแล้วกัน ถ้าพ่อพูดกับลูก  ลูกอาจจะหาว่าพ่อบังคับอีก”


“ได้ค่ะ  ต้อมต่อสายหาน้องให้แม่ที”


“ครับคุณแม่”



            ทันตะแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรหาน้องชายของเขาทันที ไม่นาน ฝ่ายนั้นก็กดรับ


“เต้ย ตอนนี้ว่างรึเปล่า?”


“ว่างครับพี่ต้อม”


“แม่อยากคุยด้วย ถือสายรอแป๊บนึงนะ แม่ครับเต้ยอยู่ในสายแล้ว”


“เต้ยลูก!”


“ครับแม่”


“คุณพ่อกับพี่ชายเราไปคุยกับบ้านโน้นแล้วนะ แต่ดูเหมือนอิทเขายังไม่ลดละ เต้ยคิดแก้ปัญหานี้รึยังลูก”


“เต้ย...เต้ยคิดยังไม่ออกเลยครับแม่”


“พ่อเขาเสนอมา ว่าจะให้เต้ยหมายหมั้นกับตระกูลพิมลประชาทิศ ลูกโอเคไหม”


“กับบอลนะหรอครับ!!! ” เตชานุตกใจดวงตาเบิกโพง ทั้งที่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยิน


“ใช่ลูก พ่อเขาอยากให้เรื่องจบๆ ดูท่าทางคุณชายก็ชอบลูกมากเลยนะ”


“แล้วคุณแม่ไม่เสียใจหรอครับ”


“เสียใจเรื่องอะไรกัน ตอนนี้แม่รับฟังการตัดสินใจของลูกนะ ลูกจะชอบผู้หญิงก็บอกมา แม่จะคุยกับพ่อให้ แต่ถ้าตอนนี้ลูกชอบ
ผู้ชายมากกว่า เก็บคุณชายไว้พิจารณาก็ดีนะลูก”


“แต่....เต้ยยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ เต้ยต้องเรียนหนังสือนะครับ”


“แม่รู้ลูก แต่ปัญหาตั้งครรภ์ไม่มีปัญหาแน่นอน ลูกเป็นผู้ชายนะเต้ย อีกอย่างหมายหมั้นไว้ไม่เห็นจะผิดเลย คุณดำรงฤทธิ์พ่อของ
บอลก็เปิดทางให้แล้วด้วย แล้วเราเองก็ไม่มีผลกระทบอะไรนะเต้ย”



“เต้ย ไม่ได้รักคุณชายแบบนั้นหรอกนะครับ แล้วเต้ยก็...ไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้วด้วยครับแม่”


“คุณคะ ลูกไม่อยากหมั้นกับคุณชาย และลูกก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้วด้วย”


“จะมีเหตุผลอะไรล่ะ ก็ไอ้อิทธิพลนั่นมันทำให้เต้ยเปลี่ยนรสนิยมนะสิครับ” ต้อมสวนขึ้นมาทันที


“เพราะมันคนเดียว พ่ออยากจะลากมันเข้าคุกเข้าตารางจริงๆเลย แม่บอกเต้ยให้พ่อทีว่าถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ก็อยู่ห่างๆอิทธิพล
เอาไว้ ถ้ามันยังยุ่มย่ามอีกให้โทรบอกพ่อหรือพี่ชายทันที”


“เต้ย ได้ยินที่คุณพ่อพูดไหมลูก”


“เสียงดังขนาดนั้น เต้ยได้ยินหมดแล้วครับแม่”


“อยู่กับคุณชายให้มากๆนะ หรือไม่ก็อยู่ใกล้พี่ชายเราเอาไว้”


“ครับแม่”


“คราวหลังมีอะไรให้บอกแม่เลยนะ เข้าใจไหมอย่าเก็บเอาไว้คนเดียว”


“ครับแม่”


“แค่นี้แหละลูก แม่รักลูกนะเต้ยบ้ายบายครับ ”


“บ้ายบายครับแม่”



           ตอนนี้สถานการณ์ของผู้เป็นพ่อไม่ได้ลดความกังวลน้อยลงเลย แต่จะทำยังไงได้ เขาไม่อยากบังคับลูกชายของเขาเท่าไหร่ เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันทำให้ประทวนแทบจะมองหน้าธำมรงค์ไม่ติดแล้วในตอนนี้             


“เต้ยไม่ชอบบอล แต่ตอนนี้เพื่อนสนิทของผมเขาก็สนใจเต้ยอยู่นะครับคุณพ่อคุณแม่”


“เพื่อนแกคือใครต้อม?” ประทวนเปรยถามอย่างร้อนรน


“เพื่อนผมเขาหล่อครับ เป็นเดือนคณะด้วย นิสัยดี ร่าเริง ฐานะทางบ้านคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเลย ถึงไอ้แชมป์มันจะไม่ใช่ครอบครัวสายธุรกิจแต่มันเป็นเชื้อสายคนจีน ความมั่งคั่งค่อนข้างมาก ห้างทองมีมากมายหลายสาขา ”




          หนุ่มวัยวัยกลางคนนั่งคิดอะไรบางอย่างเงียบๆก่อนจะเปรยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม


“นี่คือไพ่ใบสำคัญ บอกเพื่อนสนิทแก ตามจีบน้องชายแกให้ได้ ถ้าทำได้ เรื่องสินสอดพ่อจะไม่คิดเลย บอกเพื่อนแกไปแบบนี้ด้วยนะ”


“เอาอย่างนั้นเลยหรอครับคุณพ่อ”


“ก็ต้องเอาอย่างนี้แหละ ไม่อย่างนั้นน้องชายแกจะเดือดร้อนเพราะไอ้อิทธิพลนั่น  มันต้องมาหาเต้ยอีก เชื่อพ่อสิ ”


“ทำแบบนั้นเหมือนบังคับลูกนะคะพ่อ” ผู้เป็นแม่เป็นห่วงลูกชาย


“พ่อบังคับที่ไหนกันแม่ แค่สนับสนุนเพื่อนของต้อมก็เท่านั้น เพื่อนลูกชอบเต้ย  พ่อก็แค่เชื่อมให้ เต้ยจะเอาไม่เอาก็อีกเรื่อง พ่อแค่เป็นห่วงลูกเหมือนแม่เท่านั้นแหละ ก็รู้อยู่ว่าดุด่าลูกชายคนเล็กได้ที่ไหนกัน  พ่อเองก็ห่วงเหมือนห่วงลูกสาวเลยนะจะบอกให้”


“แม่รู้แล้ว อธิบายซะยาวเลยพ่อนี่ สงสัยจะหิวข้าวเที่ยง เดี่ยวแม่ไปเตรียมอาหารให้ดีกว่า”


“อืม รู้ใจพ่อจริงๆ แบบนี้สิ พ่อถึงเลือกแม่ของแกไอ้ต้อม” ประทวนหันไปยิ้มให้ลูกชายคนโต


“ใครว่า พ่อใช้วิธีตามตื้อแม่ทุกวันต่างหากล่ะ” ภรรยาหันมาเขินเล็กน้อย


“แต่สุดท้ายแม่ก็เลือกพ่อไม่ใช่หรอจ๊ะ”


     ประทวนหยอกภรรยาของตัวเองอย่างอดไม่ได้  แต่ฟังๆดูแล้ว สิ่งนี้ทำให้ต้อมเป็นกังวลใจขึ้นมาแทน


“พ่อครับ ขนาดแม่ยังแพ้ความตื้อของพ่อ แล้วถ้าอิทธิพลมันทำแบบนี้กับเต้ยบ้างล่ะครับ?”


“จริงด้วย ไม่ได้แล้วๆ แกต้องอยู่ใกล้น้องตลอดเวลาเลยเข้าใจไหม วานขอแรงเพื่อนสนิทแกด้วยอีกคน ว่างๆพาเขามาที่บ้านบ้าง
พ่ออยากรู้จักมากขึ้น”


“ได้ครับพ่อ”


“เออ ยังไม่หมด บอกคุณชายด้วย ว่าให้ตามจีบเยอะๆอย่าลดละ อยู่ห้องพักด้วยกันไม่ใช่หรอ ไม่ต้องเกรงใจบอกว่าพ่ออนุญาต”


“ทำไมผมรู้สึกเหมือนคุณพ่ออยากให้เต้ยมีสามี  มากกว่าที่คุณพ่อกำลังเป็นห่วงเต้ยจังเลยนะครับ”


“จุ๊ๆ อย่าพูดดังไป คนอย่างพ่อวางแผนน้อยไปซะเมื่อไหร่ อย่าบอกแม่แกก็แล้วกัน จริงๆพ่อเป็นห่วงเต้ยมาก แต่ผลพลอยได้คือ
ความมั่งคั่งของธุรกิจ ดำรงฤทธิ์หวงลูกชายขนาดไหน ต้อมก็น่าจะรู้ แต่ตอนนี้เขาเปิดโอกาสให้เราแล้ว  แถมประจวบเหมาะกับ
คุณชายสนใจเต้ยน้องชายแกอีก พ่อไม่ยอมให้โอกาสปล่อยหายหลุดมือไปหรอก ที่เหลือก็อยู่ที่น้องชายแกแล้ว ว่าจะเลือกใคร แต่ที่แน่แน่ พ่อไม่มีทางยอมรับไอ้อิทธิพล ลูกชายของไอ้ธำรมงค์เด็ดขาด”



“ผมเห็นด้วยครับพ่อ ไอ้อิทธิพลไม่สมควรอีกต่อไป ไม่ว่าจะตลอดชาตินี้หรือชาติหน้า!”


:L2:


พ่อตากับลูกเขย ไม่มีใครยอมใคร  แต่พ่อตากำลังวางแผนอัดฉีดหาลูกเขยให้ลุกชายคนเล็ก ทุ่มสุดตัวขนาดนี้ จะสำเร็จไหม

นะ งานนี้ใครเชียร์คนไหน ก็เชียร์เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องสนใจไปว่าสุดท้ายใครจะได้คู่กับใคร ศึกหัวใจครั้งนี้ ระหว่างคุณชายบอล

กับแชมป์ทันตะที่มีประทวนหนุนหลัง กับอิทธิพลหัวเดียวกระเทียมลีบใครจะชนะใจเต้ยไปครอง ตามต่อไป


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 16 (เร่เข้ามา)...........8.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-10-2016 16:04:17
เราคนอ่านก็ตามต่อไป
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 16 (เร่เข้ามา)...........8.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 08-10-2016 17:34:11
โหนี่จับปลา3มือเลยจะเอาๆ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 16 (เร่เข้ามา)...........8.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 08-10-2016 19:55:13
ไม่ยอมกันเลย ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 16 (เร่เข้ามา)...........8.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 08-10-2016 21:02:40
ขุ่นพ่อหาลูกเขย
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 16 (เร่เข้ามา)...........8.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-10-2016 02:12:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..............ตอนที่ 16 (เร่เข้ามา)...........8.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 12-10-2016 14:53:16
ตอนที่ 17


ก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆ


          เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเวลาร่วมสองสัปดาห์แล้ว ที่ทุกเช้าจะมีรุ่นพี่หนุ่มตี๋คณะทันตแพทย์ตั้งหน้าตั้งตามาที่หอพัก พร้อมกับกุหลาบสีขาวหนึ่งช่อต่อการมาเยือน


“สวัสดีครับพี่แชมป์”


“คร้าบบบผม  พี่เอาดอกกุหลาบช่อที่ 15 มาให้คนน่ารักครับ”


“ขอบคุณครับ”



          และทุกครั้งเตชานุจะยื่นรับเอาดอกไม้มาถือไว้ในมือ  และมักจะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่กำลังจะตามมาเป็นเรื่องปกติทุกครั้ง



“เต้ย เอาดอกไม้มาให้บอลเร็ว”


         คุณชายผิวน้ำตาลอ่อนเดินโทงๆออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพผมเปียกปอนเปลือยท่อนบนโชว์รุ่นพี่หน้าเดิมเจ้าประจำ


“อ๊ะๆๆๆ อย่าเชียวนะน้องบอล ดอกนี้พี่ให้น้องเต้ยครับ คราวหลังอยากได้ก็บอกพี่แชมป์สิครับ เดี๋ยวจะซื้อมาเผื่อ ไม่ต้องมาคอยแย่งแบบนี้”



“ไม่แย่งไม่ได้หรอกครับพี่ เพราะผมก็หวงของผมเหมือนกัน” รุ่นน้องเปรยบอก


“พี่ว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบหรอกนะครับ  เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาและใจเท่านั้น”


“ผมทราบดีครับ เต้ย!...บอลขอช่อดอกไม้ในมือเถอะนะ”


“บอล แต่ดอกไม้นี่พี่แชมป์ให้เต้ยนะ ”


“แต่ว่า...”


“ไม่มีแต่...นะบอล  เต้ยอยากให้บอลมีเหตุผล  นะครับ”


         ลูกอ้อนของนักศึกษาแพทย์เตชานุ ใช้ได้ผล หัวใจของบริรักษ์ที่กำลังแข็งกร้าวอ่อนยวบลงไปทันที   ยิ่งเขายืนอยู่ตรงนี้ยิ่งหงุดหงิดรุ่นพี่ทันตแพทย์ปีสามขึ้นมาเรื่อยๆ  ขอหลบไปแต่งตัวคงจะดีกว่า



“วันนี้วันเสาร์ น้องเต้ยว่างไหมครับ”


“ว่างครับ ทำไมหรอ?”


“วันนี้คุณพ่อของน้องเต้ยนัดพี่ไปทานข้าวที่บ้าน พี่อยากให้น้องเต้ยเป็นตุ๊กตาหน้ารถบอกทางพาพี่ไปบ้านได้ไหมครับ”


                คุณชายกำลังแต่งตัวอยู่นั้น หูผึ่งทันทีที่ได้ยิน  เอาจริงๆเขาเริ่มไม่เข้าใจแผนการของคุณอาประทวน พ่อของเต้ยเสียแล้ว  คิดได้ยังไงหาผู้ชายตั้งสองคนมามัดใจลูกชายตัวเองทีเดียวพร้อมกัน ถ้ามีแค่เขาคนเดียวจะไม่ว่าและเอะใจเลยแม้แต่น้อย


“ได้สิครับ/ไม่ได้!!!”


              สองเสียงสวนทางกันชัดเจน  แชมป์เลิกคิ้วสูง เอียงหัวไปมองเรือนร่างได้สัดส่วนนั้นทันที เพราะกับคำว่า ไม่ได้!!! ของคุณชายบอลสุกขรึม มันหมายความว่ายังไงกัน?



“มีเหตุผลอะไรถึงบอกว่าไม่ได้ครับน้องบอล” แชมป์เปรยอย่างสุภาพ


“เพราะผมนัดเต้ยไปทานข้าว เดินห้าง ดูหนังแล้วครับ  หลังจากนั้นก็ต่อด้วยไปการไปติวหนังสือครับพี่”


“เห็นทีคงจะไม่ได้นะครับ น้องบอลคงจะเข้าใจดีว่าคำสั่งของคุณอาประทวน สำคัญที่สุด แล้วตอนนี้ว่าที่พ่อตาต้องการให้พี่ไปที่
บ้าน น้องเต้ยไปกับพี่นะครับ”



“แต่คุณอาประทวนก็ไม่ได้บอกว่าให้พี่แชมป์พาเต้ยไปบ้านด้วย ไม่ใช่หรอครับ?” บริรักษ์ยังไม่ยอมท่าเดียว


“เรื่องนั้นมันก็ใช่นะครับ แต่บังเอิญไอ้ต้อมเพื่อนพี่เนี่ย มันไม่ว่างพอดี พี่เลยไปบ้านของเต้ยไม่ถูก เพราะฉะนั้น....”


“ไม่ยากหรอกครับ ผมจะเขียนแผนที่ทางไปบ้านให้พี่แชมป์เอง  ไม่ต้องให้เต้ยพาไปด้วยหรอกนะครับ”


“พอเลย หยุดทั้งสองคนนั่นแหละ เฮ้อ เต้ยยืนฟังอยู่นี่จะเป็นประสาทแล้วนะครับ”


            สองหนุ่มหยุดต่อล้อต่อเถียงกันทันที ร่างบางเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยความเหนื่อยใจ เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณพ่อไม่เปิดทาง ชี้โพรงให้กระรอกแบบนี้ แต่จะทำยังไงได้ เขาเองก็หวั่นใจ ถึงยังไงถ้าให้เลือกสักทาง เขาต้องการทนเห็นสองหนุ่มเพื่อนรักกับเพื่อนพี่ชายทะเลาะกันทุกวัน  ดีกว่าเห็นอีกคนที่เขาทั้งเกลียดทั้งชังมาที่นี่



            ภายในห้อง ตอนนี้แชมป์นอนอยู่บนเตียงนอนของบริรักษ์อย่างสบายใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  หารู้ไม่ว่าเตียงนั้นเป็นของรุ่นน้องศัตรูหัวใจ แถมโชคร้ายกว่าเดิมคือ คุณชายบอลไม่ต้องการให้ใครเอาตัวไปกลิ้งเกลือกบนที่นอนส่วนตัวของตัวเองแบบนั้น



“พี่แชมป์ครับ ลูกจากที่นอนผมเดี๋ยวนี้เลย!!!” รุ่นน้องออกคำสั่งทันที


“อ้าว? นี่เตียงของบอลหรอกหรอ  เห็นสีฟ้าอ่อนหวานแหววแบบนี้พี่นึกว่าเป็นของน้องเต้ยซะอีก แต่กลิ่นหอมดีนะครับ”


“พี่แชมป์!!! ผมบอกให้ลุกเดี๋ยวนี้เลย” คุณชายหมดความอดทนเสียแล้วสิ


“ขอนอนหน่อยน่า ฆ่าเวลา กว่าน้องเต้ยจะอาบน้ำเสร็จ พี่ต้องการรอคำตอบ”


“ก็ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ดีๆไมได้หรอพี่ ทำไมต้องนอนเตียงผมล่ะ”


“อะไรกัน ใช่คุณชายมาดสุขุม พูดน้อยอย่างที่เขาว่ากันไว้รึเปล่าเนี่ย เท่าที่เห็น ไม่มีมาดสุขุมเลย แถมพูดมากอีกต่างหาก”


“พี่แชมป์!!!”


“พี่พูดตรงไปหรอครับ ฮ่าๆๆโทษที อย่าสนใจเลยนะ ก็นายเป็นแบบนั้นจริงๆไม่ใช่หรอหืม?”


“ผมบอกให้ลุกขึ้นจากเตียงไงครับ!”


             บริรักษ์ถลาตัวเข้าไปดึงแขนคนตัวใหญ่กว่านิดหน่อยให้พ้นจากเตียง แต่ไม่ไหวเลย รุ่นพี่คนนี้ทั้งตัวหนักและแรงดื้อดึงราวกับโคกระบือชะมัด


หมับ!!! พรวดดด


              ไอ้หยา!!! พลาดแล้วจริงๆ แทนจะแรงดึงรุ่นพี่ให้ลุกจากเตียงจะสำเร็จกลับกลายเป็นว่าแรงขัดขืนของแชมป์ได้ดึงร่างของคุณชายลงไปนอนทับแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



แกร๊ก แอดดด ไม่ได้การณ์แล้ว ประตูห้องน้ำกำลังจะถูกเปิดออกมา เต้ยต้องเห็นภาพนี้แน่ๆ


“บอล!!! พี่แชมป์!!! เล่นอะไรกันอยู่ครับ”


            เตชานุเบิกตากว้างเมื่อเห็นคุณชายในสภาพเปลือยท่อนบนกำลังทับบนตัวของรุ่นพี่ทันตแพทย์



“มะ...ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างที่เต้ยคิดนะครับ อย่าเข้าใจผิด” คุณชายกำลังปฏิเสธ


“เข้าใจผิด?...เต้ยยังไม่ได้คิดอะไรเลย แค่ถามว่าเล่นอะไรกัน ถึงได้ไปนอนทับกันบนเตียง”



                    เตชานุอธิบายให้บริรักษ์เข้าใจ แต่ใครอีกคนนั้นกลับค่อยๆเปลี่ยนทีท่าจากนอนอยู่บนเตียง  ลุกขึ้นมานั่งแทน แถมขำกลิ้งให้กับความร้อนตัวและตื่นตูมของรุ่นน้องเดือนคณะแพทย์คนนี้ที่สุด



“ขำอะไรพี่แชมป์” บอลทำเสียงไม่พอใจนิดๆ


“เปล๊า แค่กำลังขำใครบางคน ทำไมหรอ กลัวว่าเต้ยเขาจะคิดว่าพี่กับนายกำลัง...”


“เฮ้ย!!! บ้าน่าพี่ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น จริงๆนะเต้ย บอลไม่ได้คิดว่าเต้ยจะรู้สึกแบบนั้น”


“บอล บอลเป็นอะไร? เต้ยยังไม่ได้คิดไปไกลเลยนะ โอ้ย พอแล้วๆ เต้ยไปแต่งตัวดีกว่า”


                 หลังจากที่บุคคลที่สามเลี่ยงตัวเข้าไปห้องเล็กเพื่อแต่งตัว  คุณชายก็แอบถอนหายใจออกมา แถมยกมือขึ้นมาทาบบนอกซ้ายอีกต่างหาก แชมป์เห็นแล้วอดแซวไม่ได้



“เป็นอะไร? ใจเต้นแรงหรอ ฮ่าๆๆๆ”  ปัดโถ่เอ้ย! ทำไมยิ่งเห็นหน้ารุ่นพี่คนนี้บ่อยๆ ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ


“ยุ่งน่าพี่!”


“โอเค ไม่ยุ่งแล้วก็ได้ ไปยุ่งน้องเต้ยแทนแล้วกัน”


“เฮ้ย!!! หยุด จะตามไปไหน เต้ยเขาแต่งตัวอยู่นะ”


“แล้วไง?” แชมป์แกล้งดื้อรั้น แต่ในใจก็รู้อยู่ว่าไม่ควรเข้าไปหรอก


“ก็เต้ยกำลังโป๊ไง มีมารยาทหน่อย”


“มารยาทพี่มีแน่นอนครับน้องบอล แต่คำสั่งของพ่อตาก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าอนุญาตให้พี่รุกเต้ยหนักๆเข้าไว้ พี่ก็ต้องทำตามคำ
แนะนำ”


“แหม ทีเรื่องแบบนี้ ทำตัวซื่อสัตย์ขึ้นมาเชียวนะ”


“ของมันแน่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ใครแถวๆนี้ก็งาบไปกินก่อนพี่สิ จริงไหม?”


“ผมมาก่อนพี่นะ พี่ให้เกียรติผมหน่อยเถอะ”


“เฮ้ย ไอ้น้อง ทีหลังดังกว่าเคยได้ยินป่าวววว”


              แชมป์ทำหน้าทำตากลิ้งกลอกหยอกเย้า คุณชายรุ่นน้องตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่อีกคนสิ ทำสีหน้าราวกับอยากจะเปิดศึกสงครามไปให้มันรู้แล้วรู้รอด


“ขอเถอะพี่เดี๋ยวค่อยตามเข้าไป ให้เต้ยแต่งตัวเสร็จก่อนเถอะนะ” บอลยังไม่ปล่อยวางใจ


“พี่ไมได้จะเข้าไป แค่ยืนขึ้นเฉยๆ  นี่เป็นห่วงเต้ย หรือว่าหวงเต้ยกันแน่ฮะ คุณชาย”


“ทั้งสองแหละพี่ ”



              สักพักใครคนหนึ่งที่สองหนุ่มต่างรอคอย ก็เดินออกมาจากห้องเล็กอีกหนึ่ง ด้วยเสื้อยืดสีชมพูพับแขนเสื้อขึ้น กับ
กางเกงยีนดำขาสั้น เห็นแล้วแทบตาถลน



“น่ารักจัง/โป๊มาก”


              เตชานุยิ้มให้กับทั้งสองคอมเม้นต์โดยไม่คิดจะใส่ใจอะไรมาก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะพาพี่แชมป์ไปหาคุณพ่อที่บ้าน 
นี่เป็นสิ่งที่ควรทำ



“ไม่โป๊หรอกบอล เอาล่ะ เราจะพาพี่แชมป์ไปหาคุณพ่อก่อนแล้วกัน ส่วนบอลรอเต้ยอยู่ที่หอนะ ไปไม่นานหรอก”


“อ้าว แต่เต้ยมีนัดกับบอลไว้ ก่อนไอ้พี่แชมป์นะ”


“แต่เรื่องของพี่แชมป์เป็นเรื่องของคุณพ่อเต้ย เต้ยขัดไม่ได้หรอก” ร่างบางให้เหตุผล


“ฮ่าๆๆๆ คุณชายอย่าทำหน้าจ๋อยดิ  แพ้บ้างสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอกน่า”


“ใครว่าผมแพ้ ผมไม่มีวันแพ้พี่หรอก! เต้ย เต้ยรอบอลอยู่ที่หอนี่แหละ เรื่องของพี่แชมป์ บอลจะพาไปหาคุณอาเอง”


“ไม่ได้!!!/จะดีหรอ”


“ต้องได้ครับพี่แชมป์  แล้วมันก็ดีด้วยครับเต้ย ตัดปัญหาไปเลย บอลไม่อยากแพ้เรื่องแบบนี้ให้กับพี่แชมป์เท่าไหร่หรอก เพื่อความเสมอภาค ไม่ต้องมีใครได้ใกล้ชิดเต้ยดีที่สุด”


“เต้ย ไปกับพี่นะครับ ช่วยพูดกับไอ้คุณชายนี่ทีเถอะ” แชมป์ก็ไม่คิดยอมความอีกเช่นกัน


       หนุ่มตี๋ผมทรงสินเฮดใช้ลูกอ้อนเอาแก้มไปถูกับแขนของเต้ยไปมาเบาๆ น่าแปลกที่เตชานุไม่คิดขัดขืน



“ไอ้พี่แชมป์ เอาแก้มออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”


“พอ!!! ได้!!! แล้ว!!!”


                   ร่างบางสติแตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ในเมื่อไม่ลงรอยกันดีนัก ข้อเสนอของบอลนับว่าดีไม่น้อย ไม่ชอบกันนักก็ให้อยู่ใกล้กันมากๆน่าจะดี เผื่อจะหันมาใจเย็นยอมๆกันบ้าง



“เต้ยตัดสินใจแล้ว พี่แชมป์ไปบ้านเต้ยกับบอลนะครับ ตัดปัญหา เต้ยเบื่อที่ต้องเห็นสองคนทะเลาะกันเพราะเต้ยตลอดเลย”


“ให้พี่ไปกับคุณชายนี่  เผื่อตีกันตายในรถล่ะครับน้องเต้ย”


“บอลไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ วางใจได้ พี่แชมป์เลิกกังวลไปได้เลย” เต้ยเปรยบอก



              บอลยืนตีคิ้วซ้ายให้รุ่นพี่อย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยๆเขาก็เป็นฝ่ายชนะ ชนะด้วยเรื่องอะไรนะหรอ หึหึ หนึ่งคือข้อเสนอ
ของเขาได้ผล สองพอเสร็จธุระจากบ้านคุณอาประทวนแล้ว เขาก็จะมารับเต้ยไปกินข้าว เดินห้าง ดูหนัง คิดแล้วมันดีต่อใจขนาด
ไหน น่าจะรู้ดี อิอิ



“เชิญครับพี่แชมป์  ” คุณชายผายมือเชื้อเชิญ


“ก็ได้วะ! เต้ยนะเต้ย ไม่สงสารพี่เล๊ย”


           หนุ่มตี๋บ่นไปตามระเบียบ แต่ก็ยอมเดินออกจากห้องไป ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงเตชานุเพียงคนเดียวแล้ว เขาจะทำอะไรดีเพื่อรอเวลาบอลพาพี่แชมป์ไปทำธุระ  ดูละครย้อนหลังรอก็แล้วกัน นาคีกำลังดังเลย อิอิ



ก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆๆ


             เสียงประตูดังขึ้นทันที ตั้งแต่ยังไม่เปิดโน๊ตบุ๊คเลย  ใครกันนะ ? หรือว่าสองคนนั้นจะลืมของ คิดได้แค่นั้นก็เดินไปเปิดประตูให้ทันที โดยไม่ได้คิดว่าจะเปิดประตูออกไปเพื่อเห็นใครคนหนึ่ง 

...

...


...

แต่แล้ว...กลับต้องตกใจขึ้นมาจริงๆ     เพราะภาพตรงหน้าคือ...ใครคนนั้น   เขาเปลี่ยนไปมากทีเดียว



“เต้ย! อิทขอโทษ”  ประโยคแรกที่ร่างสูงรูปลักษณ์เปลี่ยนไปทักทาย เขาช่างดูแตกต่างไปราวกับคนละคน


“ไปให้พ้นหน้าเราเดี๋ยวนี้”


พรึบ!!! หมับ!!!



       ฝ่ามือหนาของคนอิดโรยกำลังดันบานประตูเข้ามา ร่างเล็กพยายามออกแรงดันกลับแล้วแต่ไม่ได้ผล ให้ตายสิแรงจะเยอะไปไหน แล้วคนคนนี้ทำไมถึงยังมาที่นี่อีก ไม่กลัวคำขู่คุณพ่อหรือยังไงกัน



แอดดดด ปัง แกร๊ก!!!


      ประตูถูกล็อคเสร็จสรรพ  ร่างสูงตรงหน้าดวงตาดำคล้ำราวกับคนอดหลับอดนอน ผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่มันติดกับเสื้อโปโลสีดำนั่นตลบอบอวนคละคลุ้งไปหมด   ร่างบางถอยร่นกลับไปจนกระทั่งถึงประตูหลังห้อง โดยอัตโนมัติ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าชายร่างสูงคนนี้เป็นคนอันตรายแค่ไหน



“อย่าถอยหนีอิทเลยนะ” เสียงแหบพร่าดังขึ้น


“กลัว เกลียด รังเกียจ ขยะแขยงที่สุด  อย่าเข้ามาใกล้เรานะอิท”


“อิทขอโทษครับ”


“พูดอะไรของนาย อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเราแทงนายจริงๆด้วย”


“เอาเลยเต้ย ถ้าอิทจะต้องตาย ขอตายเพราะเต้ยแล้วกัน”


“เราไม่ได้พูดเล่นนะอิท ถอยออกไป”


          มือเรียวตวัดมีดปลอกผลไม้ไปมา ในจิตใจปั่นป่วนไปหมด เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหากคนตรงหน้าเข้ามาเรื่อยๆจนประชิดตัวแล้ว ตัวเองจะกล้าเอาของมีคมนี้แทงและทำร้ายอิทธิพลไหม?



             แต่แล้ว...ดูท่าทางเหมือนร่างสูงไม่มีท่าทีที่จะหยุดเดินเข้ามาหา  อิทธิพลกำลังเดินเข้ามาเรื่อยๆอย่างช้าๆ จนกระทั่งถึงระยะห่างเพียงแค่เมตรเดียวเท่านั้น ร่างสูงถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าเตชานุ


“อิท!!! จะทำอะไร ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”


“อิทขอโทษนะ”


“อิท! บอกให้ลุก”


“อิทขอโทษ”


“อิทททททท!!! ฟังกันบ้างได้ไหม ลุกเดี๋ยวนี้”


“ยกโทษให้อิทนะเต้ย”


“เป็นบ้ามาแต่ไหนเนี่ย ถ้าไม่ลุก เราจะออกไปจากห้องนี้เอง จะเอายังไง!!!”


“อิทขอโทษนะเต้ย”


“พูดคำอื่นไม่เป็นหรือไงอิท!”


“อิทรักเต้ย”



“ฮะ!!!”


“อิทรักเต้ย ชัดไหมครับ”


“เราเป็นคนนะอิท ไม่ใช่ควาย เรามีสมอง เราไม่โง่เหมือนแต่ก่อนแล้ว คำพูดของนายไม่มีประโยชน์อีกต่อไป กลับไปใช้ชีวิตตาม
ทางเดินของนายซะไป!”



“จะให้อิทไปไหน ในเมื่อทางเดินชีวิตของอิท ก็มีแต่เต้ยเท่านั้น ตอนนี้อิทไม่เหลือใครแล้ว ”


“คุณลุงธำมรงค์ไง? ”


“อิทบอกพ่อไว้แล้วว่าถ้าหากมัดใจเต้ยไม่ได้ อิทจะไม่กลับไปที่บ้านอีก”


“โอ้ย!!! ก่อนจะทำอะไร ตัดสินใจอะไร เคยคิดบ้างไหมอิท นายไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”


“ใช่ไง อิทไม่ใช่เด็ก อิททำอะไรไว้ อิทก็ต้องรับผิดชอบ ถูกต้องไหม”


“ฟังนะ  ถ้านายหาสิ่งที่อยากรับผิดชอบ ขอแค่นายกลับไปซะ  ไปไหนก็ได้ โดยที่ไม่ต้องกลับมาหาเราอีก เราเบื่อ เราเหนื่อย เรารำคาญ เราเหม็นขี้หน้า เรา....”


“อิทรักเต้ย”


“อิท!!! อย่าตื้อมากได้ปะ มันน่ารำคาญ”


“ก็อิทรักเต้ย รักก็คือรัก ความรักของอิทอาจจะไม่เหมือนคนทั่วไปเขาทำกัน  แต่อิทเองก็มีชีวิต และขึ้นชื่อว่าเป็นคนแล้ว  อิทก็รู้สึกรัก  เป็นเหมือนกัน”


“มาบอกเพื่ออะไร? บอกเลยนะว่าเราไม่ได้ซึ้งแม้แต่นิดเดียว กลับคอนโดนายไปซะ”


“อิทไม่ได้อยู่ที่คอนโดแล้วครับ อิทอยู่หอพักเก่าๆที่หลังมอ”


“อะไรของนายเนี่ย? อยู่กับคุณลุงธำมรงค์ก็สุขสบายอยู่แล้ว ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้ ทำไมต้องทำให้พ่อตัวเองเป็นห่วง ผิดหวัง
เสียใจ กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อิททำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันเราไม่เข้าใจ”


“ทุกอย่างที่เต้ยพูดมา อิทยอมเป็นคนเลวเพียงเพื่ออยากมาหา มาทำสิ่งที่ถูกต้องกับคนที่อิทรัก”


“ฟังให้ดีนะอิท เราไม่ได้รักนาย โอเคไหม?”


“แต่อิทรักเต้ย”


พรึบ!!!


         สองแขนโอบกอดเข้าที่ต้นขาของเตชานุทันที  ร่างสูงกอดเอาไว้แน่นราวกับรอคอยเวลาที่เต้ยจะอยู่คนเดียวมานานแสนนาน  รอคอยเวลาที่ไอ้คุณชายมันไม่คอยเฝ้าดูใกล้ชิดติดตัว และแล้ววันนี้ก็มาถึง


“เต้ยจะโกรธจะเกลียด จะรังเกียจอะไรอิทก็ตาม ขออย่างเดียว อย่าไล่อิทเลยนะ อิททิ้งทุกอย่างมาก็เพราะเต้ย อิทรักเต้ย” คำว่ารักนั้น เริ่มออกจากปากของอิทธิพลมากขึ้นๆ จนคนที่ได้ยินได้ฟังอยู่นี้เริ่มเอียน


“ยอมทิ้งทุกอย่างมา? จากที่ไม่เคยเป็นคน ตอนนี้สภาพของนายมันต่ำเตี้ยยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อีกนะอิท มีสติบ้าง นายเป็นคนนะ”


“ถ้าเป็นคนแล้วไม่มีเต้ย อิทไม่อยากเป็นหรอก”


“เอาสมองส่วนไหนมาคิด ก่อนพูดนี่เคยกลั่นกรองก่อนไหมอิท”


“สำหรับเต้ย อิทไม่อยากคิด ขออิทกอดเต้ยแบบนี้นานๆได้ไหม?” เสียงอ้อยอิ่งออดอ้อนนั้นไม่เหมือนคนเดิม


“ไมได้หรอก เดี๋ยวบอลก็กลับมาแล้ว” แทนที่จะผลักไส แต่ทำไม ร่างบางถึงปฏิเสธทางอ้อม ทำอย่างกับว่าหากบอลไม่กลับมา ก็จะให้กอดเขาอยู่อย่างนั้นหรอ?


“แต่มันยังไม่มาตอนนี้หรอก อิทขอแค่สิบนาทีก็ยังดี สงสารอิทเถอะนะครับ”


           อะไรกัน อิทธิพลคนโอหัง ตอนนี้เขาทิ้งนิสัยนั้นไปไว้ที่ไหน จากราชสีห์ไม่เคยโงหัวให้ใคร ท้ายที่สุดตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงแมวเชื่องขี้อ้อนขี้น้อยใจ มาคลอเคลียขอความรักจากเจ้านายเท่านั้นเอง



           ถึงจะรู้สึกไปตามที่พูดมาก่อนหน้านี้ ว่าไม่ชอบอิทธิพล แต่การเห็นใครคนหนึ่งที่น่าสงสารกำลังรู้สึกผิดนั้น เต้ยก็อดใจอ่อนไม่ได้ นิสัยนี้เขาได้จากผู้เป็นแม่มาเต็มๆ แต่สิ่งที่เต้ยกังวลก็คือ อิทธิพลจะไม่หลอกเขาอีกครั้งใช่ไหม?


“อย่ามาหลอกเราอีกครั้งที่สอง มันไร้ประโยชน์”


“ไม่ ไม่ เต้ย  อิทไม่ได้หลอก อิทไม่ได้คิดหลอกอะไรเต้ยเลย ที่อิทเป็นคนเลวแบบนี้เพราะอิทรักเต้ยเกินไป รักจนอยากได้มา
ครอบครอง จนลืมไปว่าเต้ยก็มีจิตใจเหมือนกัน เชื่ออิทนะ อิทรักเต้ยจริงๆ”



          ร่างสูงอธิบายอย่างรวดเร็วราวกับคนเสียสติ ไม่รู้สิยิ่งเห็นสภาพของอิทธิพลตอนนี้เขาก็ยิ่งสงสารจับใจ จนลืมความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายทำกับเขาเอาไว้แทบหมดสิ้น อิทธิพลตอนนี้ดูไร้เรี่ยวแรง(แต่ก็ยังมีมากกว่าแรงของร่างเล็กกว่าตอนนี้อยู่ดี) เหมือนคนอดนอน ไม่กินข้าวกินน้ำ ลูกชายทายาทธรกิจอย่างเขาทำไมถึงยอมทิ้งทุกอย่างนาดนี้



          สองมือเรียวค่อยๆทาบแตะลงที่กลางกระหม่อมศีรษะ ผมยาวรุงรังกว่าแต่ก่อนดูก็รู้ว่าอิทธิพลปล่อยตัวหละหลวมขนาดไหน เต้ยลูบผมเบาๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าที่กำลังทำอยู่นี้คืออะไรกันแน่




“ลูบหัวอิทนานๆนะเต้ย ”


                 มันไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นความวิงวอนอ้อนขอและเตชานุก็ต้องการจะทำแบบนั้นด้วย (เพราะอะไรก็ไม่รู้)  อิทธิพลเอาหน้าแนบต้นขาเล็กนั้น  สองแขนอันแข็งแกร่งก็ยังคงกอดรัดขาของเตชานุเอาไว้อย่างนั้น ไม่คิดปล่อย ร่างบางจะทำยังไงได้ เขาไม่ใช่ยักษ์ใช่มาร ตอนนี้มีแต่ความสงสาร เขาทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม  ความเกลียดความเคียดแค้นกันต่อไป มันจะใช่ทางออกที่ดีหรือเปล่า?



              ตอนนี้เขาเริ่มสับสนมากขึ้น คนที่ทำให้เขาเปลี่ยนมาชอบผู้ชายก็คืออิทธิพล คนที่เข้ามาอยู่ในหัวใจของเขาก็คือ
อิทธิพลอีก แต่ความรู้สึกนี้เขาจะบอกกับใครไม่ได้  ในเมื่อตอนนี้ชายหนุ่มที่ยอมทิ้งลายเสือไร้ฤทธิ์เดชผู้นี้ถูกคนในครอบครัวและคนรอบข้างตราหน้าไม่ต้อนรับอีกต่อไปเสียแล้วนะสิ


:L2:


พี่แชมป์ทันตะกับน้องหมอบอล มีความเคมีเริ่มมา

ส่วนบักห่าอิทธิพลมาไม้ไหน ไม้เสียบลูกชิ้น ไม้ไอติม หรือไม้ผุเน่าส่งกลิ่นเหม็น โด่ววว

ติดตามกันต่อไปนาจา นิยายของผู้แต่งนี้  ไม่เคยคิดจะแต่งเกิน 30 ตอน บวกลบไม่เกินสองตอน นาจา

เหตุผลก็เพราะ หนึ่ง เดี๋ยวเรื่องออกทะเล สองเดี๋ยวไม่มีเวลามาต่อให้จบนะสิ นี่เรื่องใหญ่สำหรับคุณผู้อ่าน อิอิ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-10-2016 15:24:50
เชียร์บอลแน่นอน
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 12-10-2016 16:29:27
รอตอนต่อไปจร้า ^^
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 12-10-2016 16:57:23
มีความเมะชนเมะนะคะ  อิอิ บอล แชมป์
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 12-10-2016 17:11:10
อิทอารมณ์ไม่แน่ไม่นอน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
เป็นใครก็ไม่ไว้ใจทั้งนั้นแหละ
เต้ยเองก็เถอะ หวังว่าจะไม่อภัยให้ง่ายๆ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-10-2016 21:34:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 12-10-2016 23:57:09
มีความอยากได้เรื่องแชมป์บอล ดูเคมีเข้ากันจุง
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-10-2016 07:45:04
 :mew1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-10-2016 02:55:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-10-2016 14:47:23
เชียร์บอล+แชมป์ ดีกว่า ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 26-11-2016 19:59:42
จะมาต่อให้อ่านอยู่ไม๊หง่ะ  นานแว่วนะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย.............ตอนที่ 17 (ใหม่เอี่ยมอิอิอ่านได้)..........12.10.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 27-11-2016 12:37:40
ตอนที่ 18




       สารถีหน้าตี๋ ขับรถไปตามทางที่ตุ๊กตาหน้ารถบอก เลี้ยวซ้ายบ้าง เลี้ยวขวาบ้าง ขึ้นทางด่วนบ้าง สารพัด ราวๆครึ่งชั่วโมงจึงถึงบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่นี้



        การมาเยือนของรถยนต์ไม่คุ้นตา ทำเอาเจ้าของบ้านหญิงชายรุ่นใหญ่เดินออกมาดู  แต่ประทวนพอจะรู้คร่าวๆบ้างว่า  เพื่อนของต้อมลูกชายคนโตจะมาที่บ้าน ตามคำชักชวนของเขาเอง


“รถใครของคะคุณ?”


“ใจเย็น เดี๋ยวแม่ก็รู้เอง” ประทวนยิ้มให้ภรรยา


          ไม่นานนักเจ้าของรถก็เปิดประตูพร้อมกับก้าวออกมาจากรถ หนุ่มรูปร่างสมส่วน หน้าตี๋ ผมสกินเฮดยิ้มทักทายทั้งใบหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ผู้มีอายุสูงกว่า



          ประกอบกับใครอีกคนที่ลงจากประตูฝั่งตรงข้าม ใบหน้าคร่าตาคุ้นเสียยิ่งกว่าอะไรดี คุณชายบอล ตระกูลพิมลประชาทิศผู้สูงศักดิ์นั่นเอง


“สวัสดีครับคุณอาทั้งสอง”


“สวัสดีลูก ไม่นึกว่า ลูกเขยของพ่อทั้งสองคนจะมาด้วยกัน  รู้จักกันมาก่อนหรอ?” หนุ่มใหญ่ถามด้วยความดีใจปนแปลกใจ


“เอ่อ...” สองหนุ่มยึกยัก จะตอบคำไหนออกไปดีโดยที่ไม่ต้องโกหกและดูดีที่สุด  สุดท้ายคงจะเป็นหน้าที่ของบริรักษ์เสียแล้ว


“...ใช่ครับ นี่คือพี่แชมป์สุดหล่อเพื่อนพี่ต้อม ที่คุณอาอยากเจอไงครับ” หนุ่มผิวเข้มกัดฟันพูด แต่เจ้าของชื่อกลับเหล่สายตามามองนิดๆ


“บอล เข็ดฟันหรอลูก” ประทวนเปรยถามอย่างเป็นห่วงทันที แต่กลับมีเสียงขำเบาๆในลำคอของรุ่นพี่ซะได้


“ปะ...เปล่าครับ สบายดีครับ”


“งั้นเข้าไปนั่งในห้องลำลองก่อนนะ จะได้คุยเรื่องสำคัญกันเลย”


“ครับ!!!”


              ว่าที่คุณหมอหนุ่มสองคนตอบพร้อมกัน ก่อนจะเดินตามชายคนตรงหน้าไป จวบจนกระทั่งนั่งลงบนโซฟานุ่มนิ่มภายในห้องโถงครึ่งวงกลม


“เห็นตาต้อมบอกว่า ครอบครัวเปิดร้านทองหลายสาขาหรอลูก?” ประทวนถามแชมป์ทันที


“อ่อ ใช่ครับ”


“...แล้วก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน?”


“ใช่ครับ”


“ชอบลูกชายพ่อมากไหม?”


“ชอบมากครับ น้องเต้ยน่ารักดี ถึงแม้ว่าบางทีจะมีมารผจญบ้าง แต่ผมกำราบอยู่หมัดแน่นอนครับ” หนุ่มตี๋ขี้เล่น  พยายามพูดใส่
รุ่นน้องเดือนแพทย์ พร้อมแอบหันไปชำเลืองมอง  มีหรอที่คุณชายอย่างบอลจะไม่รู้


“เอ๋? นอกจากสุดหล่อสองหนุ่มแล้ว ยังมีคนอื่นมาจีบเต้ยอีกหรอ?” ประทวนเข้าใจผิดไปตามระเบียบ


“อ้อ เปล่าครับคุณพ่อ” แชมป์แก้ความเข้าใจให้


“โอเค ได้ยินแบบนี้พ่อค่อยเบาใจหน่อย” ประทวนเปลี่ยนอิริยาบถท่านั่งธรรมดาเป็นไขว้ห้างก่อนจะเปรยต่อ


“...ไหนๆก็มากันพร้อมหน้า พ่อไม่อ้อมค้อมแล้วกัน เจตนาและความประสงค์ของลูกทั้งสอง พ่อรู้ดี แต่สิ่งที่อยากให้ช่วยคือ ทำยังไงก็ได้ให้ลูกชายของพ่อมีความสุขและลืมอิทธิพลเขี่ยมันออกไปจากชีวิตเต้ยให้พ่อที”


“เรื่องนี้ผมทราบครับคุณอา แต่เต้ยเขาไมได้ชอบผมเหมือนที่ผมชอบเขาครับ” บริรักษ์พูดอย่างน้อยใจ


“รู้ก็ดีแล้ว เปิดทางให้คนอื่นเขาบ้าง” แชมป์พึมพำเบาๆแต่มันกลับดังสะท้อนชัดแจ๋วเข้าใบหูของบอลทั้งสองข้าง


“ไอ้พี่แชมป์!!!”


“เอาล่ะๆ พอก่อน! ดูเหมือนไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่นะ แต่ไหงกลับมาด้วยกันได้ ตีกันไปกี่ยกแล้วในรถ”


“10 ยกครับ/นับไม่ถ้วนครับ!”


            ถึงคำตอบจะไม่เหมือนกัน แต่คำพูดเหล่านั้นล้วนแล้วสื่อไปให้รู้ว่า หลายยก เลยทีเดียว สองสามีภรรยาหันหน้ามาอมยิ้มนิดๆให้กับความน่ารักของชายหนุ่มรุ่นคราวลูกตรงหน้า


            นักศึกษาหนุ่มต่างชั้นปี หันหน้าเบือนหนีออกจากกันไปคนละทิศ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ที่บอกรู้จักและสนิทสนมกันนั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ


“แม่ขอถามหน่อยนะ ตอนนี้เต้ยเป็นยังไงบ้าง แม่อยากได้ยินจากปากของบอลกับแชมป์ เต้ยเป็นคนชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้กับ
ตัวเอง แม่เป็นห่วงมาก” ผู้เป็นแม่พูดด้วยความเป็นห่วงลูกชายคนเล็ก


“เต้ยสบายดีครับ” หนุ่มผิวสองสีเป็นฝ่ายตอบเธอไป


“ไม่มีท่าทีซึมเศร้าเสียใจที่โดนไอ้เด็กตระกูลนฤบดินทร์หลอกใช่ไหม?” ประทวนถามต่อ

“ไม่มีครับ เต้ยร่าเริงแล้วก็ไม่เคยพูดถึงอิทธิพลเลยครับ” แชมป์เป็นคนตอบคำถามบ้าง

“ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย เอาล่ะ พ่อไม่มีอะไรแล้ว ขอบใจลูกๆทุกคนนะที่มาหา”


“ครับคุณอา งั้นผมขอตัวกลับก่อนเลยแล้วกัน พอดีผมนัดเต้ยไว้แล้วว่าจะพาไปเที่ยวผ่อนคลายครับ”


“ส่วนผม ก็มีนัดกับน้องเต้ยต่อ เพราะตั้งใจจะจีบน้องครับ” แชมป์พูดความประสงค์ตัวเองบ้าง สร้างความขุ่นเคืองในใจให้คุณชาย
มาดนิ่งได้เป็นอย่างดี


             และแล้วผู้ใหญ่สองคนก็ต้องหันมามองกันตาปริบๆ เกรงว่าจะเกิดศึกสองหนุ่มในช้านี้แน่  ไม่รู้ว่าประทวนคิดผิดหรือถูกที่เปิดทางให้สองหนุ่มในคราวเดียวกัน  แต่สุดท้ายทั้งบอลและแชมป์กลับกดอารมณ์ตัวเองได้อย่างดี


“ผมลาแล้วนะครับคุณอา สวัสดีครับ”


“ลาแล้วครับคุณพ่อคุณแม่” แชมป์ไหว้ตาม


“ขับรถกลับปลอดภัยนะ”


“ครับ”


                เมื่อทั้งสองเข้ามานั่งอยู่ในรถ บรรยากาศสงครามกำลังก่อตัวขึ้นทีละนิด ด้วยการที่แชมป์หันไปมองอีกฝ่ายก่อน บริรักษ์หันมามองโต้ตอบรุ่นพี่บ้าง ด้วยแววตาไม่พอใจประมาณหนึ่ง


“โห เวลาคุณชายกำลังโมโหไม่พอใจเนี่ย ตีนกาขึ้นเยอะเหมือนกันนะ” หนุ่มตี๋เม้มปากเลิกคิ้วขึ้นสูง พร้อมกับทำสีหน้าตั้งใจกวน
บาทาอีกฝ่ายสุดๆ


“ไม่ต้องมาไขสือเลยนะ ที่บอกคุณอาทั้งสองไปเมื่อกี้คืออะไรครับ?”


“บอก? บอกอะไรวะ”


“ไอ้พี่แชมป์ ก็ที่บอกว่ามีนัดกับเต้ยไง นั่นมันเป็นแพลนของผมที่คิดก่อนพี่นะ”


“อ้อออออออ ที่แท้ก็โมโหเรื่องนี้ ทำไมหรอ? กลัวว่าถ้าพี่มีนัดกับเต้ยบ้าง กลัวเต้ยเขาจะเลือกไปกับพี่รึไง?”


“กลัวตายล่ะ ผมหล่อสู้พี่ไม่ได้ตรงไหน ทำไมต้องกลัว อีกอย่างอย่าลืมสิว่าผมจีบเต้ยก่อนพี่นะ  ให้เกียรติกันหน่อยเห๊อะ”


“ฮ่าๆๆๆๆ  รู้สึกว่าความสุขุมและพูดน้อยของน้องบอล จะตบะแตกเพราะพี่ซะแล้ว”


“รีบๆขับรถจะดีกว่า   พี่ขับช้าเหมือนหอยทากป่วยแบบนี้เมื่อไหร่จะถึง ผมมีนัดกับเต้ยต่อนะ”


“โอเคคร้าบบบ  ใจร้อนจริงๆเล๊ย”


     ฟืดดดดดดดด ไม่ทันไรรุ่นพี่ทันตแพทย์ก็เหยียบคันเร่งพรวดพราดไม่บอกไม่กล่าวซะงั้น ทำเอาตุ๊กตาหน้ารถหัวใจหล่นตุ๊บไปอยู่ข้างล่างตาตุ่ม


“ไอ้พี่แชมป์!!! จะฆ่ากันทางอ้อมรึไง ”


“ฮ่าๆๆๆๆ อ้าวก็เห็นบอกกำลังรีบอยู่ พี่ก็รีบให้อยู่นี่ไงครับคุณชายยยย”


“ถ้าผมตายมา รับผิดชอบชีวิตด้วยนะ” หลังจากปรับความตื่นกลัวไปได้ บอลก็เปรยประชดออกมาทันที


“ของมันแน่อยู่แล้ว พี่ต้องรับผิดชอบสิ จริงมั้ย?”


               แต่แล้วแชมป์กลับค่อยๆผ่อนคันเร่งลงเรื่อยๆ  จนกระทั่งรถแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วปกติ ในรถเงียบสนิทไม่มีเสียงคุยกันอีกเลย จนกระทั่งคนขับรถเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นก่อน


“บอล!”


“ว่า...”


“ที่บอกว่าพี่หล่อพูดจริงป๊ะ?”


“อะไรของพี่อีกเนี่ย ผมไปพูดตอนไหน?”


“อ้าวววว ก็พูดตอนแนะนำพี่ให้คุณพ่อคุณแม่ของเต้ยรู้จักไง?” แชมป์พยายามเตือนความทรงจำ


         บริรักษ์ พยายามนึกย้อนกลับไป  สุดท้ายคำคำนั้นก็หวนลอยกลับมาจริงๆ


“อ้อ จำได้ล่ะ เปล่าหรอกพี่ พี่อ่ะหน้าขี้เหล่กว่าผมตั้งเยอะ ผมกลั้นใจพูดออกไปงั้นๆ ดูไม่ออกหรอ?”


“ขี้เหล่ตรงไหนวะ คนผิวขาวหน้าตี๋แบบนี้เนี่ย  ได้เปรียบคนผิวสองสีแบบนายเห็นๆ”


“อ้าวนี่ น้อยๆหน่อยพี่ อุดมคติพี่เป็นคนเหยียดสีผิวด้วยหรอ?”


“พี่ล้อเล่นน่า  แหมจริงจังไปได้ ถึงนายจะผิวสองสีแต่นายโคตรน่ากวนน่าแหย่ น่าเล่นด้วยสุดๆเลยล่ะ”


“???  ดูท่าทางจะสมองกลับนะพี่เนี่ย พูดอะไรขนลุกไปหมดแล้ว”


“ฮ่าๆๆๆๆ  มีขนลงขนลุกด้วย  ฮั่นแน่คิดอะไรกับพี่รึเปล่าครับคุณชายยยย ”


“เอาสมองส่วนไหนมาคิดครับ ถามจริงๆเรียนทันตแพทย์จริงรึเปล่า?”


“ก็จริงนะสิ ทำไมถามงั้นน่ะ?”


“เปล่า เหมือนคนพูดแบบไม่มีสมองอ่ะครับ”


“โห แรงว่ะ นี่ด่ากันแบบนี้เลยหรอ? จะไม่ให้พี่คิดได้ยังไง ดอกกุหลาบขาวเอาไปให้น้องเต้ย 15 ดอก นายก็แย่งเอาไปไว้ซะเอง
แบบนั้น...”


“ผมแย่งไปเพราะหวงเต้ยหรอกน่า ไม่ชอบให้ใครมาจีบ  อีกอย่างผมจะเอาไปทิ้งต่างหาก รู้ไว้ซะ”


“แต่สุดท้ายน้องบอลก็ไม่ได้เอาไปทิ้ง  แถมเสียบไว้ในแจกันข้างเตียงนอนไม่ใช่หรือไงครับ? ”


“ก็....” บริริรักษ์พยายามจะสรรหาคำแก้ตัว แต่กลับถูกพูดแทรกขึ้นมาก่อน


“คราวหลังอยากได้ก็บอก จะซื้อมาเผื่อให้ นี่พูดจริงๆนะ”


“พูดอะไรของพี่วะเนี่ย เลี่ยนไปหมดแล้ว”


“เลี่ยนกับเขิน มันไม่ได้ต่างกันมากเลยนะ แยะแยะให้ออก ”


“โถ่เอ้ย มันก็ต้องเป็นเลี่ยนอยู่แล้ว พี่มีอะไรให้ผมเขิน”


“อยากรู้ไหมล่ะ คำตอบอยู่โน่นแล้ว!”


         แชมป์ชี้นิ้วออกไปนอกกระจก บอลหันไปมองตาม เป็นตึกสูงพร้อมกับมีป้ายบอกเอาไว้ติดถนนว่า ‘โรงแรม’


“เกี่ยวอะไรกับโรงแรมด้วยพี่?”


“อ้าว อยากรู้ไม่ใช่หรอว่าพี่มีอะไรให้คุณชายบอลเขินบ้าง กำลังจะให้คุณชายพิสูจน์นี่ไงล่ะ?”


“ไม่ตลกนะ รีบๆขับไปหอพักได้แล้ว เต้ยรออยู่ห้องคนเดียวมันอันตราย”


“อันตรายยังไง?”


“พี่ลืมไปแล้วหรอว่าคนที่ทำให้เต้ยเสียใจและหวาดกลัว คือใคร ไม่แน่มันอาจจะไปหาเต้ยแล้วก็ได้”


“อิทธิพล เดือนมหาวิทยาลัยนะหรอ?”


“ใช่นะสิปัดโถ่! พูดมาแล้วก็ชักเป็นห่วงแล้วสิ”


“โอเคๆ”


          หนุ่มตี๋ฉุกคิดขึ้นได้ เริ่มกังวลและเป็นห่วงตามบริรักษ์เสียแล้ว นี่เขาลืมไปได้ยังไงกันว่าเต้ยอยู่หอคนเดียวอาจจะไม่ปลอดภัยอย่างที่บอลสังหรณ์ใจก็ได้






          ภายในหอพัก สองแก่นกายนอนอยู่บนเตียงนอน หนึ่งคนนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง ส่วนคนตัวใหญ่กว่าหลับตานอนหนุนหน้าขา ไร้พิษสงและความน่ากลัว ผิดต่างจากทุกครั้ง


          เตชานุใช้มือนุ่มลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆอย่างไม่เข้าใจตัวเอง  ตั้งแต่ถูกร้องขอให้ลูบหัวจากอิทธิพล ร่างบางก็ยังไม่ได้รามือ
เลยสักวินาทีเดียว


           ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี   ว่าลูกทายาทธุรกิจหลายร้อยล้านอย่างอิทธิพล จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาติดดินไม่มีอะไรเลยในชีวิตอีกต่อไป


“อิท! นายพูดจริงๆหรอ ว่าทิ้งทุกอย่างเพื่อเรา”


“เต้ยไม่ต้องเชื่ออิทก็ได้ อิทอยากทำให้เห็นมากกว่าลมปาก อยากให้เต้ยได้เห็นกับตาว่าอิทพูดจริง”


           ราชสีห์ผู้ไร้ฤทธิ์เดช หลับตาเปรยตอบ อ้อมแขนแกร่งโอบกอดเต้ยเอาไว้ ราวกับโหยหาเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดแบบนี้ยากนัก


“แต่เราเกลียดนาย เข้าใจใช่ไหม?” เตชานุบอกเสียงเรียบทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า


“อิทรู้ อิทรู้ดีเลยล่ะ และสิ่งที่อิทเพิ่งรู้หมาดๆ คือหัวใจของตัวเอง”


“คนโง่ๆที่ทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยความรุนแรงอย่างนาย รักใครเป็นนอกจากตัวเองด้วยหรอ?”


“สัตว์นรกอย่างอิท ก็มีหัวใจนะ อิทขอร้องเต้ยอีกอย่างหนึ่ง มันจะมากเกินไปไหม?”


“อะไร?”


“เป็นเทวดามาโปรดคนเลวๆแบบอิทได้ไหม มาเป็นแสงสว่างส่องทางให้อิทตลอดชีวิต ได้ไหมครับ”


         ทั้งที่เดือนมหาวิทยาลัยคนนี้จะเลวกับเขามามากขนาดไหน แต่ทุกคำพูดกลับมีบทบาทและอิทธิพลต่อจิตใจของเตชานุเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องตัดใจตอบไป


“ไม่ได้! อย่าโหยหาหรือเรียกร้องอะไรอีกเลยนะ แม้แต่การให้อภัย เราก็ให้นายได้ยากเย็นเหลือเกิน”


“เต้ย...อิทรักเต้ยนะ ”


“พอเถอะนะอิท เส้นทางนี้มันถึงทางตันแล้ว นายควรเดินกลับไปทางเดิมแล้วเลือกเส้นใหม่ซะ”


“ถ้าทางเส้นนี้มันจะตัน งั้นอิทก็จะก่อกำแพงขังตัวเองไว้ในทางเส้นนี้ต่อไป”


“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ความดื้อรั้นและความคิดโง่ๆเอาแต่ใจของนายก็ไม่เคยเปลี่ยน”


“เต้ยพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่เคยรักอิทเลยใช่ไหม?”


            ร่างบางเจ็บสาหัสกับประโยคนั้น ความปวดร้าวในหัวใจโลดแล่นไปทั่วร่างกาย ใครบอกว่าเขาไม่เคยรัก ถ้าไม่รักแล้วจะเศร้าโศกเสียใจมานักต่อนักนับครั้งไม่ถ้วนได้หรอ?  แต่เพื่อทุกอย่างจะได้จบ เตชานุจำเป็นต้องพูด


“ไม่! เราไม่เคยรักนายเลย แม้แต่นิดเดียว” ร่างบางบอกไปอย่างยากลำบาก


“โอเค อิทเข้าใจแล้ว ขอโทษนะ ที่ทำให้ลำบากใจ ขอโทษที่ทำให้ชีวิตบริสุทธิ์ของเต้ยต้องแปดเปื้อน อิทคงจะมาหาเต้ยเป็น
ครั้งสุดท้าย และคงไม่มีหน้ากลับไปหาคุณพ่อได้อีกแล้ว   ไอ้คุณชายมันก็เหมาะสมกับเต้ยมากจริงๆ ขอให้เต้ยมีความสุขมากๆ
นะ”


            พูดจบ เรือนร่างที่หลับตาซุกหน้าบนขาเรียวก็ค่อยๆเหยียดกายลุกยืนและเดินไปยังประตูห้อง  เตชานุทำได้แค่เพียงนั่งดูการเดินจากไปของใครคนหนึ่งอย่างช้าๆ เขาตอบตัวเองในใจตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำไปมันถูกต้องที่สุดแล้ว 


             หากนึกย้อนกลับไปมันยากเย็นเหลือเกินที่จะให้อภัยแก่คนคนนี้ได้ แม้จะรู้ว่าผิดต่อกรรม เพราะศาสนาสอนให้อภัยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสมอ เพื่อไม่ให้มีบ่วงกรรมติดไปในภพหน้า แต่สุดท้ายเต้ยก็ไม่อาจปลงและละจากกรรมนี้ได้ เพราะความเจ็บปวดในหัวใจที่ถูกทารุณ


              แอดดดดดด ปัง  เสียงประตูถูกงับปิดลง เหลือเพียงร่างบางอยู่ในห้อง ใครคนนั้นไปจากชีวิตเขาแล้วจริงๆ  คนที่เคยหล่อเหลาดูดีและเกือบเป็นเจ้าหัวใจของเตชานุได้สำเร็จ  ไปจากเขาแล้วจริงๆ


              บนทางเดินหน้าหอพักนักศึกษา อิทธิพลเดินเหม่อลอยไร้จิตใจ สองขาก้าวย่างไปเบื้องหน้าไม่มีจุดหมาย มันคงจบแล้วจริงๆ เขาไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่คำพูดตัดพ้อของคนที่เขารักนั้น มันทำให้เขาไม่อยากยื้อไว้อีก เขาไม่อยากให้เต้ยต้องเจ็บปวดอีก


             เต้ยบอกเขาว่า เขาชอบทำอะไรเพื่อความต้องการของตัวเอง จนไม่เห็นถึงความลำบากและจิตใจของผู้อื่น ฉะนั้น ต่อจากนี้เขาจะยอมปล่อยคนที่เขารักไปมีความสุข ดีกว่าที่ต้องทนทุกข์เมื่ออยู่กับเขา



“นึกไว้แล้วไม่มีผิดว่าแกต้องมาที่นี่!” เสียงขุ่นตะโกนกร่างใส่ร่างไร้ความรู้สึกนั้นทันที


             เป็นใครไปไม่ได้นอกจากบริรักษ์คุณชายที่แสนดี และเป็นคนที่อิทธิพลขืนใจหลีกทางรักให้ ดวงตาอิดโรยมองดูคุณชายผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งยังกำหมัดแน่นพร้อมเดินเข้ามาซัดใส่เขาได้ทุกเมื่อ


“กูมาลาเต้ย เท่านั้นเอง” อิทธิพลเปรยบอกเสียงเบา


“คิดว่าฉันจะเชื่ออย่างนั้นหรอ? อย่าอยู่เลยไอ้อิท!”


      หมับ!!! มือหนาของใครคนหนึ่งคว้าเข้าจับหมัดกลางอากาศไว้ได้ทัน แม้บริรักษ์จะพยายามสะบัดหลีกหนีเท่าไหร่ มือหนาและแน่นนั้นยิ่งบีบรัดเอาไว้


“พี่ ทำบ้าอะไร ปล่อยผม ผมจะต่อยมัน!” บอลต่อว่าคนรั้งหมัดเขาเอาไว้


“ยืนอยู่ทำไมอิทธิพล ไปเซ่!!!” หนุ่มตี๋รีบร้องสั่งรุ่นน้องเดือนมหาวิทยาลัยให้เดินหนีไป ก่อนที่เขาจะต้านแรงคุณชายไม่อยู่


           อิทธิพลพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆวิ่งหนีไป  ได้ผลอิทธิพลรอดจากการเป็นเหยื่อความโกรธของคุณชาย แชมป์ค่อยๆปล่อยหมัดนั้นให้เป็นอิสระ แต่ไหงกลับกลายเป็นเขาเองที่ซวยแทน


           หมับ!!!! คุณชายเปลี่ยนท่าทีมาเล่นงานอีกคนแทน มือขวาคว้าเข้าจับคอเสื้อรุ่นพี่อย่างไม่พอใจ


“ไอ้พี่แชมป์!!!”


“เอาสิ เอาเลย ถ้าคิดว่าความรุนแรงมันแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง”


“อย่าท้าผมนะ”


“พี่ไมได้ท้า แต่พี่แค่ไม่อยากเห็นคุณชายผู้สูงศักดิ์มีข่าวการชกต่อยกับเดือนมหาวิทยาลัยก็เท่านั้น”


         สุดท้าย คนที่กำลังโมโห ก็ทุเลาความโกรธลงไปได้อย่างน่าประหลาดใจ แชมป์แอบยิ้มอยู่ในใจที่อย่างน้อยครั้งนี้บริรักษ์ก็ฟังเขาบ้าง


“ผมขอโทษ”


“ไม่เป็นไร    รีบขึ้นห้อง ไปดูเต้ยกันเถอะ”


“อืม!!!”


         สองคนรีบวิ่งไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปได้ กลับเห็นร่างบางนั่งพิงหัวเตียงนอนพร้อมด้วยคราบน้ำตาที่เหือดแห้ง


“เต้ย! เป็นยังไงบ้างครับ บอลเห็นไอ้อิทธิพลข้างล่างหอด้วย มันทำอะไรเต้ยรึเปล่า?”


“เปล่าหรอกบอล อิทเขาแค่มาลาเต้ยครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง”


“คำพูดของมันเชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เต้ยอย่าเชื่อมันมากนะครับ”


“ไม่หรอก มันจบแล้วจริงๆ เฮ้ออออ...ขอโทษทีนะบอล เราต้องขอเลื่อนนัดไปก่อน เราอยากพักผ่อน”


“อืมๆได้ เต้ยพักผ่อนเยอะๆนะ ไม่ต้องไปคิดมาก เดี๋ยวบอลจะอยู่ดูแลเอง”


“พี่ด้วยนะครับ วันนี้พี่ว่างทั้งวัน เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน”


            ดูเหมือนทั้งสองคนจะสงบสงครามแย่งหัวใจเต้ยไปสักพัก สภาพของร่างบางตอนนี้ไม่เหมาะนักถ้าหากจะมาเห็นพวกเขาชิงดีชิงเด่นกัน


            สองหนุ่มนั่งขนาบข้างลงบนเตียงคนละฝั่ง แชมป์ประคองเต้ยลงนอนบนเตียง ก่อนที่บอลจะคลี่ผ้าห่มเพื่อห่มให้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นระบบระเบียบอัตโนมัติ


            ขณะที่สองคนกำลังปรนนิบัติดูแลคนหัวใจอ่อนแอนั้น ดวงตาทั้งสองคู่กลับปะทะกันโดยบังเอิญ ทั้งบอลและแชมป์มองแววตากันอยู่อย่างนั้นร่วมสามวินาที แม้แต่เต้ยเองก็เห็นการกระทำนั้น


“เห็นพี่แชมป์กับบอลรักกันแบบนี้ ก็เบาใจหน่อย”  เต้ยเปรยออกมาตามที่เห็น ก่อนที่ทั้งสองจะตั้งสติได้ทัน


“ไม่มีทางหรอก/ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่”


         สองหนุ่มพูดออกมาในเวลาเดียวกันอีกครั้ง และสิ่งที่พูดก็ขัดแย้งภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้มากทีเดียว


“เต้ยว่า พี่แชมป์กับบอลเวลาไม่ทะเลาะกัน น่ารักออกนะ ”


“เอ่อ...” คุณชายไปไม่เป็นเลยทีเดียว ได้ยินแต่เสียงขำในลำคอของแชมป์ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง


“ขำอะไรพี่!”


“อ๊ะๆๆ น้องเต้ยเพิ่งบอกว่าอย่าทะเลาะกัน หรือจะขัดใจครับ” แชมป์ยักคิ้วกวนประสาทอีกฝ่ายอย่างเคยชิน บอลได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ


“สองคนนี้ทำไมต้องมาเสียเวลากับเต้ยด้วยนะ ถ้าจีบกันเองป่านนี้เป็นแฟนกันแล้ว ” ร่างบางพูดติดตลก


“อะไรนะ!!!” สองเสียงอุทานพร้อมกัน แต่ความรู้สึกต่างกัน


         สำหรับบอล รู้สึกขนลุกซู่ถ้าหากจะต้องไปชอบคนกะล่อนแบบรุ่นพี่ทันตะแพทย์  แต่อีกฝ่ายกลับเห็นเป็นเรื่องพิลึกนิดๆแต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เพราะพักหลังมานี้ เขารู้สึกอยากแกล้งคุณชายมากกว่าเต้ยเสียอีก ขึ้นอยู่กับพ่อคุณชายผิวเข้มแล้วล่ะว่ารู้สึกกับเขายังไง จะแข็งข้อไปได้สักกี่น้ำกันเชียว





ก่อนอื่น ขอโทษ  พอดีเพลิดเพลินกับการตามอ่านนิยายจบแล้วอยู่  อิอิ  ขอบคุณ คุณ nuttzier ที่ดึงสติให้ผู้แต่งกลับมาอัพต่อได้  :call: :call: :call: :call: :call:

มีใครคิดว่า อิทธิพล ต้องเจอหนักกว่านี้บ้าง  :katai1: :katai1: :katai1:  หรือว่ายังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไป อิอิ

แต่ว่าแชมป์บอลเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากจริงๆในตอนนี้  ขอบคุณที่ชอบคู่รองน้า อย่าโกรธกันเลยตัวเอง จุ๊บๆ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 18 (Hi everybody เรากลับมาแล้ว).......27.11.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-11-2016 16:23:36
มาต่อแล้ว ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 18 (Hi everybody เรากลับมาแล้ว).......27.11.59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 28-11-2016 19:58:10
เย้ๆ  ในที่สุดก้มา
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 18 (Hi everybody เรากลับมาแล้ว).......27.11.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 08-12-2016 11:53:41
ตอนที่ 19


ก๊อกๆๆๆ 


        เสียงเคาะประตูดังขึ้น สองหนุ่มเจ้าของห้องหันไปมองทางเดียวกัน แต่คงไม่มีอะไรน่าหวือหวาหรือตกใจ เพราะคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...



“สวัสดีตอนเช้าครับน้องเต้ย กุหลาบขาวดอกที่ 16 จากพี่แชมป์ครับ”


          หนุ่มตี๋ยิ้มกว้างยื่นดอกไม้ในมือให้อีกฝ่าย เต้ยยิ้มนิดๆก่อนจะรับมา


“บอกเลยนะวันนี้ ห้ามขอดอกกุหลาบจากน้องเต้ยไปเด็ดขาด เพราะว่า...วันนี้พี่เอามาเผื่อรองเดือนมหา’ลัยด้วย ” แชมป์หันไปพูดอีกกับอีกคน


“เอาเก็บไว้เถอะ ดอกกุหลาบแดงแบบนั้น ตุ๊ดจะตาย” คุณชายบอล บอกไปตามรู้สึก


“ฮ่าๆๆ หรอ? งั้นพี่รบกวนน้องเต้ยเอาไปให้เด็กขี้อิจฉาแทนก็แล้วกัน”


“ใครเด็กขี้อิจฉา?”


“เอ้า ถามแปลก นายไง!”


“ให้ดอกไม้เสร็จแล้วใช่ไหม? เชิญกลับได้แล้วครับ” บริรักษ์เปรยบอก


“บอล ทำไมทำแบบนั้นล่ะ ไม่ดีเลยนะ” เตชานุหันกลับมาเอ็ดเพื่อน


“ช่ายยยย ไม่ดีเลย เด็กไม่ดีแบบนี้  พี่ว่าน้องเต้ยไม่ควรอยู่ใกล้นะครับ”


“แล้วรุ่นพี่ขี้เล่น กะล่อน เฟรนลี่ หว่านเสน่ห์ไปทั่วแบบพี่ เต้ยควรจะอยู่ใกล้มั้ย?” บอลพูดสวนบ้าง


“ฮ่าๆๆ หรือจะให้พี่หว่านเสน่ห์ใส่นายอีกคนดี หืมมมม? ”


“เปล่า.... เฮ้อ เอาล่ะไอ้พี่แชมป์ เรามาพูดจากันดีๆสักครั้ง วันนี้เต้ยไม่ว่างครับ เราสองคนจะไปเที่ยวกัน”


“จริงดิ? ไปที่ไหน ไปด้วยนะ พี่มีรถยนต์สะดวกสบาย” แชมป์เสนอแนะ


“NO NO พวกเราจะไปกันสองคนครับ”


“ให้พี่แชมป์ไปด้วยเถอะนะบอล” เต้ยฟังสองคนนี้ฉะกันมาพอสมควรแล้ว ถึงเวลาต้องหยุดซะที


“แต่ว่า....”


“ขอบใจมากครับน้องเต้ย ช่างน่ารักและมีน้ำใจจริงๆ ไม่เหมือน...”


“ไม่เหมือนใคร!” บอลโผงผางไม่พอใจ


“เปล๊า พี่ว่าให้...ไอ้คนที่เดินผ่านห้องไปเมื่อกี้”


          เป็นเวลาทั้งวันที่ออกไปเที่ยว เปิดหูเปิดตา แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว บริรักษ์กลับไม่มีความสุขเลย ถูกแย่งซีนไปหมด รุ่นพี่ทันตแพทย์เอาแต่ดึงดูดความสนใจให้เต้ยหันไปพุดไปคุยด้วยตลอดเวลา ส่วนเขาพูดไม่ทันและไม่มีทักษะดีเทียมเท่าก็ต้องเป็นฝ่าย เดินตามประกบเฉยๆ

...

..

.

             พอกลับมาถึงห้องได้ ก็ทำหน้าหงิกเปิดห้องพักเข้าไปก่อนเป็นคนแรก และไม่ยอมพูดจาอะไรเลย


“ขอบคุณมากนะครับพี่แชมป์ที่เป็นธุระพาไปเที่ยว”


“ไม่เป็นไรเลยครับ พี่ทำตามความประสงค์ของพี่และคุณพ่อของเต้ย อยู่แล้ว”


“ครับ” เต้ยยิ้มให้


“เออ จริงสิ ฝากบอกอีกคนด้วยนะ ว่าขอโทษ”


“บอลนะหรอครับ”


“อืมใช่ คงจะโกรธที่พี่แย่งเต้ยคุยด้วยตลอดเวลา”


“บอลน่าจะมีเหตุผลพอ เขาไม่ถือหรอกครับ บอลเป็นคนดื้อเงียบ พี่แชมป์เองก็ระวังล่ะ”


“ระวังอะไรครับ”


“อืมไม่รู้สิครับ อาจจะระวังเรื่องหัวใจของพี่เองมั้ง?”


“ฮ่าๆๆๆๆ โอเคๆ พี่กลับก่อนแล้วกันครับน้องเต้ย อย่านอนดึกนะ”


“ครับพี่ บ้ายบายครับ”


      เสียงน้ำจากฝักบัวดังซ่าๆ บอลกำลังอาบน้ำอยู่ เตชานุพลางคิดว่ารอให้อีกฝ่ายเดินออกมาก่อนแล้วกัน ค่อยบอกเรื่องที่พี่แชมป์ฝากไว้ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกอยากจิบอะไรเย็นๆแล้วสิ เปิดดูตู้เย็นไม่เหลืออะไรเลย อย่างน้อยเดินไปซื้อของที่ร้านสวัสดิการก็ยังดี นี่ก็เพิ่งหกโมงเย็นเอง


“บอล! เดี๋ยวเต้ยลงไปหาซื้อของกินก่อนนะ”


“เดี๋ยวสิ รอบอลก่อน ใกล้อาบเสร็จแล้ว” คุณชายผิวสองสีตะโกนออกมา


“ไม่ต้องหรอก เต้ยไปแป๊บเดียว เอาเป็นว่า  ถ้าเต้ยขึ้นมาช้า บอลก็ตามไปแล้วกัน”


“โอเคๆ ”



           คำว่า ‘โอเค’ ก็ไม่ต่างจากอนุญาตให้ไปได้ เรือนร่างบางหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ลงไปด้วย ร้านค้าสวัสดิการอยู่ไม่ไกลจากหอพักของเขาเท่าไหร่นัก เดินเลียบฟุตบาทไม่ถึงสองร้อยเมตรเอง







          เข้ามาในร้านได้ก็มุ่งตรงไปที่หน้าตู้กระจกเครื่องดื่มทันที กวาดสายตามองดูไม่นาน สิ่งที่ต้องการก็ผุดขึ้นในสมองเรียงรายการซื้อเลยทีเดียว


          ในระหว่างหยิบขวดเครื่องดื่มใส่ตะกร้า กลับมีสิ่งดึงดูดให้หันไปมองคนข้างๆเสียดื้อๆ 


“ดรีม หยิบเอาเลยครับ เราจ่ายให้”


            เสียงนั้นเหมือนหันมาพูดกับเขา มากกว่าจะพูดกับคนชื่อ ‘ดรีม’ ด้วยซ้ำไป


             เต้ยค่อยๆหันไปมอง ปรากฏเป็นนักศึกษาหนุ่มในสุดกีฬาสีดำ เสื้อชุ่มเหงื่อ แววตาแบบนั้นที่มองมา ทำไมเต้ยจะไม่รู้ แถมร่างสูงกว่านี้เหมือนกำลังจะเอามือโอบไหล่ผู้หญิงตัวพอๆกับเขาเอาไว้ ราวกับกำลังโชว์การแสดงเล่นละครให้ดูก็มิปาน


             เตชานุไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี กับภาพที่เห็นมันเสียดแทงใจลึกๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง  ทำได้แค่เพียงยืนตัวแข็งทื่อมองดูเสียอย่างนั้น


“อิท  มองหมอเต้ยทำไม?” ดรีมเปรยถามคนตัวสูง


            ไม่แปลกหรอกที่ใครๆก็รู้จักเต้ยไปทั่ว ตั้งแต่วันนั้น ที่ประกวดดาวเดือน อิทธิพลป่าวประกาศออกไมค์ขนาดนั้น จากนั้นมาเขากลายเป็นคนสาธารณะของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปโดยปริยาย


“เปล่าหรอก แค่แปลกใจ ว่าทำไมนักศึกษาแพทย์ผู้มากผัว ถึงได้มาที่ร้านสวัสดิการคนเดียว”


      คำพูดเสียดสีใจเปรยขึ้น เต้ยได้แต่หลุบตามองต่ำ


“ไม่มีใครเอาแล้วมั้งคะ อิอิ  อิทไปเถอะอย่ามองเต้ยมากสิ ไหนบอกแค่เล่นๆกับเขาเองไม่ใช่หรอ?”


“แน่นอนที่สุดจ๊ะ ไปเถอะ เราไปหาความสุขกัน” อิทธิพลพูด พร้อมกับเค้นท้ายประโยคจงใจให้เต้ยรับรู้


            ตอนนี้เต้ยหน้าชาไปหมดแล้ว อับอายมาก แต่โต้ตอบไม่ได้ คนในร้านกำลังเพ่งมองมาที่เขาอยู่ เต้ยตัดสินใจเดินตามไปต่อคิวที่เคาน์เตอร์ช้าๆ เขาใช้ความอดทนสูงมากในการทำตัวให้เข้มแข็งและไม่อ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น


             เพียงเวลาไม่นานคนคนนี้ก็มีแฟนใหม่จนได้ ที่พูดไม่ใช่เพราะรู้สึกหวงหรือหึงหรอกนะ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองด้อยค่าที่ถูกอีกฝ่ายปรากฏตัวให้เห็นพร้อมกับแฟนสาวสุดสวย และคำพูดถากถาง


            จนกระทั่งผ่านพ้นจุดนั้นมาได้ อย่างทุลักทุเล ระหว่างทางเดินกลับหอ มันไม่ไกลมาก แต่ทำไมกลับช้ากว่าทุกวัน เต้ยเดินหิ้วของก้าวเท้าเดินช้าๆ ซ้ายขวา น้ำตาคลอเบ้า


ปี๊ดๆๆๆ


     เสียงแตรรถด้านข้างเขา ทำให้ต้องตื่นจากภวังค์ กระจกรถค่อยๆเลื่อนลงต่ำ เขาคุ้นตารถคันนี้มาก แต่ในทางกลับกัน เขากลับแปลกใจมากเช่นกันที่ผู้หญิงคนเมื่อครู่ไม่ได้นั่งอยู่เบาะข้างๆคนขับ


“ขึ้นรถ!!!” คนขับเค้นเสียงขู่


“...”


    เต้ยไม่ตอบ แต่รีบเดินจ้ำอ้าวหนีจนเกือบจะวิ่งเสียด้วยซ้ำไป เสียงรถยนต์ขับตามมาติดๆ ขนาบข้างฟุตบาท


“หยุดเดินเดี๋ยวนี้แล้วขึ้นรถ!!!”


“อย่ามายุ่งกับกู!”


“ฮึ ทำอย่างกับกูอยากยุ่งนักหนิ ฮะ!!!” ร่างสูงเหลืออด ไมได้จงใจตะโกนไปแบบนั้น


“จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป๊!!!”


“ปากดีนักนะ!”


  เอี๊ยดดดด  เสียงล้อรถเสียดกับพื้นถนน อิทธิพลเหยียบเบรกจอดรถของตัวเองอย่างรวดเร็วเทียบข้างฟุตบาท ก่อนจะลงมาจากรถ แล้ววิ่งเข้าไปลากคออีกฝ่ายขึ้นรถอย่างลืมตัว


“เจ็บนะ ปล่อยกู!!!”


“ปล่อยแน่ แต่ต้องขึ้นรถก่อน!!!”


ปัง!!!! เสียงประตูรถปิดลง เมื่อยัดอีกร่างเข้าไปได้อย่างทุลักทุเล พร้อมกับเอาผ้ามัดมือเอาไว้ อิทธิพลออกรถไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหยุดอยู่ที่หน้าหอพักแห่งหนึ่งที่ดูเก่าและโทรมหน่อยๆ


“ที่นี่ที่ไหน?”


“หอกูเอง ลงมาได้แล้ว”


“ไม่! บอกมาว่าจับกูมาที่นี่ทำไม”


“จับมาเพราะ...มึงไง!”


“????”


“ก็...ในร้านสวัสดิการ มึงทำให้กูเห็นแล้วว่า....มึงมีใจให้กู ”


“พูดเองเออเอง”


“มึงอย่าโกหกตัวเองดีกว่า ลงมาเถอะ กูหิวข้าวแล้ว ซื้อของมาเยอะไม่มีเพื่อนกิน”


“ฮึ สารเลวแบบนี้ สมควรที่จะอยู่คนเดียวแล้วล่ะ”


“ถ้าสารเลวแล้วมีมึงที่ไม่คิดทิ้งกูไปไหน กูก็ยอม”


“พูดอะไรของมึงเนี่ย”


“เต้ย ผู้หญิงเมื่อกี้กูก็แค่วานมาเล่นละครเฉยๆ เพราะกูอยากรู้บางอย่าง และสิ่งที่กูคิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ มึงหึงและเสียใจ ที่กูควง
สาวใหม่”


“กูไม่เคยคิดแบบนั้น และไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นด้วย”


“เต้ย กูต้องการมึงนะ กูยอมทิ้งทุกอย่างยอมอยู่แบบอนาถากว่าเดิม เพราะมึงนะเต้ย”


“กูเคยขอมึงหรอ ว่าให้ทิ้งทุกอย่างมา  มึงเลือกเองต่างหาก”


“เออ กูยอมรับ แต่กูรักมึงนะเว้ยเฮ้ย  กูรักมึงมาก อย่าทรมานกูอีกเลยนะ”


“กูสิต้องเป็นฝ่ายพูดว่า อย่ามาทรมานกู ทั้งร่างกายและจิตใจ”


“เอ้อ! เอาล่ะๆ กูแพ้ให้ก็ได้ กูจะไม่ทะเลาะกับมึงอีก แต่ขออย่างนึง เข้าไปในห้องกับกูก่อนเถอะ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อย พา
กูไม่ตัดผมด้วย”


“เรื่องอะไร? กูเป็นขี้ข้ามึงตอนไหน”


“เปล่า... มึงเป็นเจ้าหัวใจของกูต่างหาก เพราะฉะนั้นกูไปไหน ก็ต้องมีมึงด้วย”


“ไร้สาระ”


“มึงมองกูยังไงก็ได้ มองว่าเป็นปลิงควาย หรือว่าเห็บหมา ก็แล้วแต่มึง แต่อยากให้รู้ว่า...ไอ้คนที่มึงด่าฉอดๆอยู่เนี่ย ไม่มีวันทิ้งมึง
ไปได้เลยนะ ”


“....” เต้ยหลุบสายตามองไปทางอื่น เขาเกลียดตัวเองก็ตรงที่ชอบอ่อนไหวไปกับอิทธิพล สุดท้ายก็ต้องเดินลงรถตามเข้าไปในห้องพัก



           สิ่งแรกที่เห็นคือสภาพห้อง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย ตู้เย็น โทรทัศน์ ไม่มี มีแค่พัดลมตัวเดียวบนเพดานเท่านั้น  ราวตากผ้าราคาถูกมีเสื้อนิสิตและชุดใส่เล่นแขวนไว้ไม่กี่ตัว ทำหน้าที่แทนตู้เสื้อผ้า ไม่มีเตียงนอน มีเพียงที่นอนลูกฟูกปูบนพื้นเท่านั้น


“นาย...อยู่อย่างนี้หรอ?”


“อืมใช่ แต่มันสบายดีนะเว้ย เปลี่ยนฟิวอารมณ์ไปอีกแบบ แป๊บนะ กูเอากับข้าวเทใส่จานก่อน”


“อิท! นายเปลี่ยนตัวเองได้ขนาดนี้เลยหรอ?” เต้ยไม่อยากจะเชื่อสายตานัก


“มากกว่านี้กูก็ทำได้ ขอแค่มีมึงที่เข้าใจกู  ไม่ทิ้งกู ขอโทษนะที่กูบอกว่าจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก แต่กูก็ทำไม่ได้ว่ะ ไม่รู้ว่ากูสัญญาเรื่องนี้กับมึงกี่รอบแล้ว แต่กูไม่เคยทำได้สักที ครั้งนี้กูขอเถอะ อย่าไล่กูอีกเลยนะ ”


“...” ร่างเล็กกว่าถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยจัดแจงกับข้าวและข้าวสวยใส่จานแทน


“เต้ย! ”


“อะไร?”


“มึงไม่โกรธใช่ไหมที่กูเอาดรีมมาแสดงละครให้มึงเห็นอ่ะ”


“ถ้ากูโกรธได้ จะให้กูโกรธไหมล่ะ?”


“ไม่ๆๆๆๆครับ  กูแค่ถาม แต่มึงอย่าโกรธกูเลยนะ”


“อืม!”


“มึงใจดีกับเสมอเลย ”


“อย่าพูดเพ้อเจ้อได้ไหม  กินข้าวได้แล้ว จะพาไปตัดผมต่อ จะได้กลับหอซะที”


“คืนนี้นอนกับกูไม่ได้หรอวะ?” ร่างใหญ่กว่าถามเสียงอ่อย


“ไม่ได้!!!”


“กูไม่น่าถามมึงเลยเนาะ” อิทยิ้มเจื่อนๆ ผิดหวังกับคำตอบนั้น แต่ก็เผื่อใจเอาไว้บ้างแล้ว   ก่อนจะตักกับข้าวใส่จาน แล้วตักเข้าปากไป


“อิท!”


“หืม?”


“กลับบ้านเถอะนะ เรื่องนี้เรายกโทษให้ ไม่อยากเห็นแกลำบากแบบนี้เลย”


“ฮ่าๆๆ พูดอะไรอย่างนั้น กูอยู่ได้ ไม่ลำบากอะไรหนิ มึงก็เห็นกูมีความสุขแค่ไหน โดยเฉพาะวันนี้ มีมึงนั่งกินข้าวกับกู   แต่ถ้าจะ
ให้กูกลับไป มีทางเดียวคือกูต้องกลับไปพร้อมกับมึง ตามที่ให้สัญญากับพ่อไว้”


“เรื่องนี้มันมาไกลจนกลับไปไม่ได้แล้วล่ะ”


“กูรู้ กูไม่ได้จะพามึงกลับไปทางเดิม กูจะพามึงเดินหน้า ไปเจอทางที่สว่างและสวยงาม ว่าแต่มึงเถอะ พร้อมจะเดินไปกับอิทธิพลคนใหม่ที่เปลี่ยนทั้งนิสัยและใจคอมั้ย?”


“คำพูดของนาย เชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์กันเชียว”


“100% กูรับรอง ฮ่าๆ”


“ตลกละ!!!”


“เต้ย คืนนี้นอนกับกูเถอะนะ”


“ไมได้หรอก บอลจะเป็นห่วง ไหนจะต้องบอกพี่ต้อม กับคุณพ่ออีก จะแก้ยังไง?”


“พูดแบบนี้... แสดงว่าใจมึงอยากอยู่  แต่เกรงใจคนอื่นใช่ไหม?”


“ไมได้อยากอยู่! กินข้าวต่อเลยไป เชื่อมโยงมั่วตลอด”


“ครับๆๆ”


              อดีตคนที่เคยอันตรายที่สุดกลับพุดง่ายว่าอะไรว่าตาม แทบไม่เหลือเค้าคนเดิมที่รู้จักเลย
ดูยังไงนิสัยก็ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน  เห็นสภาพตอนนี้ของอิทธิพลแล้วเต้ยอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ แต่เห็นรอยยิ้มและความมั่นใจของเจ้าของห้อง ก็คลายความกังวลลงไปได้บ้าง แสดงว่าเขาคงจะอยู่ที่นี่ได้จริงๆอย่างที่บอก



            ‘ทางเดินข้างหน้าอย่างนั้นหรอ มันจะสว่างไสวและสวยงามอย่างที่นายบอกจริงๆหรอ อิทธิพล’



:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ขอบคุณที่ติดตาม อิอิ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 19 (สะกิดๆ มาอ่านเร็วเร้ว).......8.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2016 16:59:59
อิท รักเต้ย ยอมเต้ย
อิท จะดีกับเต้ย จนเต้ยใจอ่อนได้ยังไงนะ
พี่แชมป์ น่าจะชอบคุณชายบอล แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 19 (สะกิดๆ มาอ่านเร็วเร้ว).......8.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-12-2016 14:56:48
เดินร่วมทาง ..
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 19 (สะกิดๆ มาอ่านเร็วเร้ว).......8.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-12-2016 01:34:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 19 (สะกิดๆ มาอ่านเร็วเร้ว).......8.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 10-12-2016 20:49:37
ใจอ่อนอีกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 19 (สะกิดๆ มาอ่านเร็วเร้ว).......8.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 11-12-2016 20:48:24
ตอนที่ 20



“ติดต่อเต้ยได้รึยังบอล!”


          หลังจากระงับความโมโหของตัวเองลงได้ ‘ต้อม’ พี่ชายของคนที่ติดต่อไม่ได้ก็เปรยถามบอลอีกครั้ง


          คุณชายผิวเข้มหน้าเจื่อนพอสมควร ไม่กล้าสู้หน้ารุ่นพี่เท่าไหร่ จริงๆแล้วเขาไม่น่าปล่อยให้เต้ยออกไปซื้อของกินคนเดียวเลย  ครั้งนี้ถือว่าเขาตัดสินใจผิดมากทีเดียว



“ยังติดต่อไม่ได้เลยครับพี่”


“เฮ้ออออ นี่ก็สองทุ่มแล้วนะ ไปไหนของเขากันเนี่ย? ”  ต้อมเป็นห่วงน้องชายมากที่สุด และที่สำคัญเรื่องนี้ประทวน พ่อของพวกเขายังไม่รู้เลย ถ้ารู้ว่าน้องหายไปแบบนี้ ต้อมตายแน่ๆ



Rrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrr


“เต้ยโทรกลับมาแล้วครับพี่ต้อม!!” บริรักษ์บอกด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“หรอ!!  รีบกดรับเร็วเข้า!!!” บอลพยักหน้าก่อนจะทำตามคำบอก

...

..


“เต้ยครับ ตอนนี้เต้ยอยู่ไหน!!?”


“บอล เต้ยขอโทษด้วยนะ พอดีเต้ยไปทำธุระต่อนิดหน่อย ตอนนี้กำลังกลับหอ”


“ธุระอะไรหรอเต้ย แล้วทำไมถึงไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ บอลกับพี่ต้อมเป็นห่วงมากเ.....”


“บอลเอาไว้ก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง เดี๋ยวถึงห้องเต้ยจะเล่าให้ฟัง บอกพี่ต้อมด้วยว่าอย่าเพิ่งกลับ รอทานข้าวด้วยกันก่อน เต้ยซื้อไปกินด้วยกันเยอะเลย”เต้ยโกหกไปอย่างนั้นจริงๆเขายังไม่ได้ซื้ออะไรเลย


“โอเคๆ เออ จริงสิ ตอนนี้เต้ยอยู่ไหน? มีรถมารึเปล่า? แล้วทางเปลี่ยวมั้ย?  แล้ว...”

“บอล ใจเย็นๆนะ มีคนไปส่งเต้ยแล้ว เดี๋ยวถึงหน้าหอพักแล้วจะโทรบอก  เอาไว้เดี๋ยวเจอกันนะ”


“โอเคครับ บอลเป็นห่วงนะ”


“ครับ เต้ยรู้แล้ว”


          บทสนทนาจบลงไป แววตาของบอลกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างให้ต้อมรู้ แต่ไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรทั้งนั้น เพราะเมื่อครู่ต้อมได้ยินหมดแล้ว และพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้  ร่างสูงกว่าได้แต่ถอนหายใจพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงนอน พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากรออีกฝ่ายกลับมาเท่านั้น



              แต่ใครจะไปรู้ว่าในเวลานี้เต้ยกำลังอยู่กับอิทธิพล ไม่มีใครนึกถึงแน่ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอหน้าไอ้ตัวต้นเรื่องมานาน
พอสมควรแล้ว


              ตอนนี้ ภายในห้องพักราคาถูก และโทรมหน่อยๆ สองหนุ่มวัยนักศึกษาน้องใหม่สองคนกำลังนอนกกกอดกันอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง มีเพียงส่วนอกจนถึงศีรษะเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมา  และที่สำคัญพวกเขาเปลือยกายไม่มีอะไรปกปิดแม้แต่กางเกงในด้วยซ้ำไป



            ภาพนี้สะท้อนให้เห็นว่า...ก่อนหน้านี้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเตชานุกำลังเป็นฝ่ายเอาหัวหนุนกล้ามโตของอีกฝ่ายอยู่  ทุกครั้งที่ผ่านมา เต้ยยอมรับว่ามันมีแต่ความกลัว และไม่เคยไว้ใจอิทธิพลเลย แต่การร่วมกิจกรรมสนองตัณหาที่เพิ่งจบลงไปหมาด มันเป็นอะไรที่ดีและรู้สึกอบอุ่นมากทีเดียว


“อิท! เต้ยต้องกลับแล้ว”


“นอนหนุนแขนอิทไปอีกนิดไม่ได้หรอครับ?”


“ไมได้หรอก แค่นี้ก็มากพอแล้ว”


“แล้ววันหลัง อิทพาเต้ยมาที่นี่อีกได้ปะ?”


“เรา...ตอบไมได้”


“กลัวไอ้บอลกับไอ้รุ่นพี่ทันตะไม่ให้มาละสิ”


“ไม่ได้กลัวเรื่องนั้น แต่เรากลัวเรื่องของนายมากกว่า พวกเขาจะต้องเอาเรื่องแน่ถ้ารู้ว่ายังมายุ่งกับเราอีก”


“ฮึ! คนอื่นจะไปมีบทบาทอะไรกับอิทกันล่ะ ชีวิตอิทตอนนี้มีแค่เต้ยเท่านั้นที่มีอิทธิพลในชีวิตของอิท”


“เว่อร์ตลอด”


“ฟอดดดดดดด...เต้ยครับ อิทอยากให้เต้ยมาอยู่กับอิทที่นี่จัง” ร่างใหญ่กว่าออดอ้อน


“เป็นไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องวันนี้ เราก็ไม่รู้จะบอกพี่ชายกับบอลยังไงแล้ว”


“ก็ไม่ต้องโกหกสิ บอกความจริงพวกนั้นไปเลย ครั้งนี้อิทไมได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นอิทไม่กลัวหรอก ”


“เราก็ไมได้คิดจะโกหกอยู่แล้ว ที่เรากำลังหนักใจเพราะเราจะแก้ต่างพูดช่วยนายยังไง  หลังจากเล่าความจริงให้พวกเขารู้แล้ว
ต่างหาก”  อิทธิพลฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินสุดหัวใจของเขาพูดแบบนั้น


“เต้ยเป็นห่วงอิทหรอ?”


“ไม่ขอตอบได้ไหม?”


“ฮึฮึ ไม่ต้องตอบหรอกครับ แค่นี้อิทรู้คำตอบแล้ว ขอบคุณที่ยังเลือกอิท!”


“ใครบอก!”


“อิทบอกตัวเอง เองแหละ ฮ่าๆๆ นี่รู้อะไรไหม?  อิทเชื่อมาตลอดเลยนะว่าเต้ยไม่เคยโกรธอิทได้จริงๆหรอก”


“อย่ามั่นใจให้มันมากนัก!”


“เอ้า อิทพูดตามความรู้สึกเลยนะเนี่ย ชีวิตของเต้ย  อิทเป็นคนพังมันกับมือ อิทเปลี่ยนผ้าบริสุทธิ์ให้มีความสกปรก แต่ผ้าที่
สกปรกด้วยความเลวของอิท กลับไม่เคยโกรธหรือเกลียดอิทเลย  ที่ผ่านมาเต้ยอ่ะรู้สึกเพียงแค่น้อยใจอิท เพราะไว้วางใจอิท แต่อิทกลับทำมันพังพินาศและทำลายหัวใจเต้ยทุกครั้ง...”


“พอ! อย่าพูดอีกเลย”


“...อีกอย่างหนึ่ง อิทมั่นใจว่าเต้ยยังรักอิท แม้แต่ครั้งนี้เต้ยก็ยอมให้เราสองคนมีอะไรกัน ทั้งที่ไอ้พวกคนดีอย่างคุณชายหล่อน้อยกับไอ้ตาตี่ทันตะเป็นคนดีขนาดนั้น แต่เต้ยก็ไม่เคยคิดเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใกล้ชิดตัวเท่าอิทเลย ”


“เราไปแต่งตัวดีกว่า”


      หมับ!!! วงแขนกอดรัดเอาไว้แน่นกว่าเดิม ไม่ยอมให้อีกฝ่ายไปไหน และมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางดิ้นหลุด


“งืมๆๆ อย่าเพิ่งสิ ยังไม่หายคิดถึงเลย”


“อิท! ให้สิทธิเราด้วย”


“โอเคๆ อิทจะไม่ทำตัวแบบเดิม อิทปล่อยก็ได้ครับ แต่ว่า...”


“อะไร? พูดมาเลย”


“ขอจูบปากหน่อยดิ?”


           จ๊วบบบบบบบ ไม่รอให้อีกฝ่ายตกลง อิทธิพลก็โน้มหัวลงมาประกบริมฝีปากบางทันที ลิ้นสอดแทรกเข้าไปสำรวจภายในได้อย่างง่ายดายและละมุนละม่อมมากกว่าที่เต้ยคิด  แถมเต้ยตอบสนองได้ดีและเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยากเลย


           ผู้คุกคามกระทำอยู่อย่างนั้นนานเกือบครึ่งนาที จนเกือบลืมปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจบ้าง


“อะแครกๆ”


            ทันทีที่ถอดลิ้นสากออกจากปาก เตชานุถึงกับลำลักน้ำลายทันที


“น่ารักที่สุด อิทจะเป็นคนใหม่ของเต้ยและจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเต้ยจะให้อภัยอิท และรักอิทโดยสนิทใจ ไร้ข้อกังวลใจ พอถึงวันนั้น อิทจะกลับบ้านไปหาพ่อพร้อมเต้ย ”


“แต่...พ่อเราคงไม่ยอมหรอก ”


“งั้นอิทจะพิสูจน์คุณอาประทวนเอง”


“พ่อเราเป็นคนไม่เปลี่ยนคำพูดง่ายๆนะอิท นายอย่าเสียเวลาเลย ดีไม่ดีนายได้ถูกฟ้องคดีแน่”


“ถ้าชะตาชีวิตอิทจะเหลวแหลกขนาดนั้น อิทก็ยอม ถ้ารู้ว่ายังมีเต้ยให้กำลังใจอิทอยู่”


“อย่าสร้างความลำบากให้เราอีกได้ไหม?”


“แต่อิทไม่อยากคบกับเต้ยแบบหลบๆซ่อนๆ คู่ครองของอิทธิพล นฤบดินทร์ ต้องมีหน้ามีตาในสังคมเท่านั้น”


“แต่...”


“ไม่ต้องคิดมากแทนอิทนะครับ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงอิทด้วย อิทเป็นคนก่อปัญหา อิทจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ขอให้อิทได้ลองทำให้ถึงที่สุดก่อนนะ อีกหนึ่งสัปดาห์ก็ปิดเทอมภาคเรียนแรกแล้ว อิทจะเทียวไปหาที่บ้านบ่อยๆนะเต้ย”


“เอ่อ....กะ...ก็ได้ แต่ใจเรามันบอกว่า ไม่อยากให้นายไปเลย นายไม่ปลอดภัยแน่ๆ”

“ช่างอิทเถอะน่า บอกแล้วไง ขอแค่มีเต้ยคนเดียวที่ให้กำลังใจอิท แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่งตัวเถอะเดี๋ยวอิทขับรถไปส่งหอ”


“อืม!”

...


..


.

                  ไม่นานเตชานุก็มาถึงหอพัก แหงนหน้ามองขึ้นไปยังห้องพักติดฝั่งด้านหน้า ไฟสว่างไสวภายในห้องคุ้นเคยยังคงเปิดอยู่ ร่างบางถอนหายใจ เพราะทำใจยากนิดหน่อยถ้าหากต้องเล่าเรื่องนี้ให้บอลและพี่ต้อมฟัง



ก๊อกๆๆๆๆ แกร๊ก!!! มือเรียวเคาะประตูพร้อมกับเปิดผลักมันเข้าไปทันที ไม่รอให้สองคนในห้องเดินมาเปิด


          สิ่งแรกที่เต้ยมองเห็นคือ แววตาสองคู่ ส่งมาทางเขา ทั้งเป็นห่วง ตำหนิ ตัดพ้อ และอยากจะดุด่า แต่เต้ยเชื่อว่าสองคนนี้คงไม่ด่าหรือตำหนิเขาแน่ 


“พี่ต้อม บอล ทานข้าวกันเถอะ เต้ยซื้อข้าวมันไก่มาด้วย เจ้านี้อร่อยมาก”


“ก่อนจะกินข้าวมันไก่ บอกพี่มาก่อนว่าธุระของเต้ยคืออะไร?” ต้อมเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามาหา


“พอดี...เต้ย เอ่อ...(กระแอมๆ) เต้ยไปหออิทมาครับ” เจ้าตัวบอกพลางก้มหน้ามองพื้นห้อง


“!!!!” ไม่มีเสียงอะไรดังเล็ดลอดออกมาจากพี่ชาย แต่เต้ยเชื่อว่าพี่ต้อมกำลังโมโหแทบบ้าคลั่งเป็นแน่


“พี่ต้อม...จะดุเต้ยก็ได้นะครับ แต่ครั้งนี้...อิทเขาไม่ได้รังแกเต้ยหรอกนะ”


“แล้วมันปล้ำเต้ยเหมือนที่เคยทำไหม?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเปรยถาม ราวกับข่มอารมณ์เอาไว้


“คือ เราสองคนเสร็จไปยกหนึ่งครับ” เต้ยบอกเสียงเบา แต่เชื่อว่าบอลก็ได้ยิน เพราะห้องเงียบเสียขนาดนั้น


“อะไรนะ??” สองหนุ่มผู้ฟังอุทานขึ้นพร้อมกัน

“เต้ยขอโทษ แต่อย่าไปเอาเรื่องอิทเลยนะ เต้ยคิดว่าครั้งนี้เขาสำนึกได้แล้วล่ะครับ”


“เต้ย!!! พี่ไม่สนหรอกนะว่าไอ้สัตว์นรกนั่นมันจะกลับตัวหรือกลับใจได้  แต่ที่พี่ไม่เข้าใจเลยก็คือ...ทำไมน้องของพี่ถึงได้พ่อพระ
ขนาดนี้ ทำไมถึงได้ลืมความเจ็บปวดเร็วขนาดนี้ ”

“เต้ยเปล่า...” เตชานุเริ่มมีน้ำเสียงสั่นเครือนิดหน่อยแล้ว ดูเหมือนเขากำลังเสียใจที่ทำให้พี่ชายผิดหวัง


“เอ่อ...พี่ต้อมครับ ผมว่าค่อยๆคุยกันดีกว่านะ เต้ยเองเขาก็คงกำลังกดดัน”


        บอลเริ่มไกล่เกลี่ยให้ จริงๆคุณชายเองก็ไม่พอใจเท่าไหร่นักกับเรื่องที่ได้ยิน แต่เพียงเพราะเต้ยยอมเล่าความจริง แถมความน่ารักของเต้ยที่บอลชอบพอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น อดไมได้ ถ้าหากต้องเห็นเต้ยร้องไห้


“เฮ้ออออออออออ ก็ได้!!! ไหน ไปใส่จานมาให้พี่กินซิ โมโหหิวแล้วเนี่ยรู้ไหม?”


            ต้อมเปลี่ยนอารมณ์ได้จริงจังเป็นหยอกล้อได้เท่านี้จริงๆ  ครั้งนี้ไม่สามารถปรับตัวเองได้อย่างรวดเร็วอีกแล้ว และไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะผ่อนคลายกับมุขของเขาได้รึเปล่า?


      พรวดดดดดดด  ร่างบางโผเข้ากอดพี่ชายตรงหน้าทันที โดยอีกฝ่ายไม่ได้คิดว่าน้องชายจะทำแบบนี้


“พี่ต้อม เต้ยขอโทษ ทั้งหมดที่พี่ต้อมพูดมา มันถูกทั้งหมด เต้ยมันอ่อนแอ เต้ยมันใจไม่แข็งพอ เพราะว่า...เต้ยรักเขาครับ”


“ฮะ!!!! อะ...อะไรนะ นี่พี่หูไม่ฝาดใช่ไหม?”


“เต้ย นี่เต้ยสับสนอะไรอยู่รึเปล่า? หรือมันโน้มน้าวอะไรเต้ยอีกบอกบอลนะครับ”


“เปล่าๆ เต้ยรู้สึกตัวทุกอย่าง ว่าตัวเองพูดอะไร และเต้ยรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”


“บ้าไปแล้วเต้ย นี่รู้ไหมว่าพ่อได้ยินพ่อจะโกรธขนาดไหน?” ต้อมพูดใส่อารมณ์


“ฮึก ฮึก เต้ยรู้ แต่เต้ยไม่รู้จะทำยังไง เต้ยรู้ความรู้สึกตัวเองช้าไปใช่ไหมพี่ต้อม? ฮือออออ”


“โถ่เอ้ยเต้ย!”


          ต้อมหงุดหงิดใจ แต่มือหนาที่ว่างอยู่สองข้างก็ไม่วายยกขึ้นมาลูบหัวน้องชายตัวเองไปพลางๆ


“เอาไงดีครับพี่ต้อม?” บอลรู้สึกเสียใจมาก และอยากถามความคิดเห็นพี่ต้อม ที่เขาเคารพนับถือ


“พี่ว่า เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ เต้ยอาจจะถูกไซโคจากไอ้เลวนั่นมาก็ได้”


“ไม่ครับพี่ต้อม! เต้ยรักเขาจริงๆ   อิทเขาไมได้ไซโคเต้ยเลย”


“แต่ว่าเต้ย!...คนเลวๆขยะมนุษย์แบบนั้นไม่คู่ควรกับเต้ยเลยซักนิดนะ” ต้อมเอาโทสะเข้าสู้


“แต่เต้ยรักเขาพี่ต้อมมมมม” เตชานุเริ่มงอแง ทั้งที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แถมกอดเอวพี่ชายแน่นเข้าไปอีก


“ไปกันใหญ่แล้วนะพี่ ผมว่าให้เต้ยสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เต้นอาจจะกดดัน คงจะเป็นห่วงไอ้อิทตามเคย”


“โอเคๆ เรื่องนี้พี่จะยังไม่บอกพ่อแล้วกัน ส่วนเรื่องที่มันมาหาเต้ยวันนี้พี่จะหลับหูหลับตาไม่รู้เรื่อง แค่นี้พอใจรึยัง?”


“ยังครับ ฮึก ฮึก เต้ยอยากขอร้อง พี่ต้อมอย่าไปทำร้ายอิทเลยนะ”


“เรื่องนี้มันบอกกันได้ที่ไหนกันล่ะเต้ย แค่พี่ได้ยินชื่อมันพี่ก็อยากเหยียบให้จมเท้าแล้ว” ต้อมบอกด้วยอารมณ์ภายในใจล้วน นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้คุณชายรู้สึกสะใจไปด้วยแต่ไม่เผยออกมาให้เต้ยเห็นก็เท่านั้น


“พี่ต้อมเต้ยขอนะครับ นะๆพี่”


“เฮ้ออออ เต้ย บอกตามตรงพี่ทำใจลำบาก แต่เต้ยก็ดูแคร์ดูห่วงมันขนาดนี้ พี่จะทำอะไรได้ เอาเป็นว่าเลิกร้องไห้ก่อน แล้วพี่จะคิดดูอีกที  เต้ยกำลังตั้งเงื่อนไขกับพี่ฝ่ายเดียวเยอะไปแล้วนะ”



      ได้ผล คนร้องไห้หยุดและเงียบไป แต่ยังคงเหลือความสะอึกสะอื้นนิดๆออกมา


“เต้ยไปนั่งเก้าอี้กับพี่ต้อมเถอะ เดี๋ยวข้าวมันไก่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่บอลเอง”


      บริรักษ์เอื้อมไปหยิบรับถุงข้าวมันไก่มาไว้กับตัวเอง ก่อนจะหันไปวุ่นง่วนกับข้าวมันไก่ใส่ลงจาน

...


...


..

.



ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ 


        เข้าสู่ช่วงปิดเทอมภาคเรียนแรก เตชานุไม่เป็นอันจะทำอะไร วันๆคอยลุ้นแต่ว่าใครคนนั้นจะมาที่บ้านตามคำกล่าวที่บอกไว้ก่อนหน้านี้รึเปล่า  สร้างความแปลกใจให้ผู้ปกครองมาก แต่สำหรับต้อม บอลและแชมป์รู้ดีว่าเต้ยกำลังกังวลอะไร


“เต้ย มานั่งทำอะไรตรงนี้ลูก”


“แม่!!!” เต้ยสะดุ้งตกใจเมื่อแม่ของเขาเดินเข้ามาทักถึงในสวนหย่อมหน้าบ้าน


“แม่เอง ทำไมทำหน้าตกใจขนาดนั้น ใครจะมาบ้านหรอลูก นั่งมองแต่หน้าประตูรั้ว” เธอชะเง้อมองตามลูก


“ปะ...เปล่าครับ ไม่มีใครมาหรอก เต้ยคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยครับแม่”


“หรอ? งั้นดีเลย เข้าบ้านเถอะ แม่ทำบัวลอยไข่หวานเสร็จแล้ว  พี่แชมป์กับคุณชายบอลมาบ้านทั้งที ไปนั่งร่วมโต๊ะหน่อยสิ ทำ
แบบนี้เสียมารยาทรู้ไหม?”


“ครับ”


                ร่างบางหน้าหง่อยเมื่อถูกตำหนิตรงประเด็น เขาเดินตามหลังแม่เข้าไปในบ้าน พร้อมกับตักของหวานใส่ถ้วยเล็กครบจำนวนคน แล้วยกใส่ถาดใหญ่ออกไป 


           กลิ่นหอมนั้นฟุ้งเข้าจมูกชวนอยากทานในตอนนี้เสียให้ได้  การปรากฏตัวของเต้ยในห้องรับแขก ทำให้แชมป์และบอลยิ้มแฉ่งออกมา


“บัวลอยมาแล้วครับ หนึ่งคนหนึ่งถ้วยเท่านั้น หมดแล้วเติมใหม่ได้ครับ มีอีกเยอะ”


“ขอบใจนะ/ ขอบคุณครับ ”


              เต้ยหยิบเอาถ้วยใบสุดท้ายในถาด ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ร่วมโต๊ะอาหาร 

              สีหน้าความกังวลเริ่มชัดเจนบนใบหน้า ทำให้บอลหันไปมองต้อมราวกับรู้กันว่า...วันนี้อิทธิพลต้องมาแน่


“มันจะมากี่โมง ได้บอกไว้ไหม?” ต้อมเดินเข้าไปกระซิบถามน้องชาย


“อิทไมได้บอกครับ”


“สองพี่น้องคุยอะไรกันจ๊ะ!” ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาสมทบในห้องเป็นคนสุดท้าย และแล้วทุกคนก็สลายตัวแยกกันอย่างรวดเร็ว


“เปล่าครับคุณแม่ แค่คุยกันว่า คุณพ่อน่าจะกลับมาทานบัวลอยด้วยกัน”


“พ่อเรามาไมได้หรอก ติดธุระกับลุงดำรงฤทธิ์พ่อของคุณชายบอลอยู่นะสิ แต่แม่เผื่อเอาไว้ในถ้วย แช่ตู้เย็นเรียบร้อย”


“อ่อครับ” ต้อมยิ้มเจื่อนให้แม่ พลางโล่งอกที่ไม่ถูกจับได้


            ถ้าหากอิทธิพลปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้จริงๆ นับว่าไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะประการแรก ประทวน พ่อของเต้ยและต้อ
มไม่อยู่บ้าน ประการที่สองคือ อมรรัตน์แม่ของพวกเขาทั้งสองนับว่าใจดีมาก และไม่ได้มีทีท่าเอาผิดอิทธิพลในทางตรงเสียแต่
แรก คาดว่าไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง


             ที่เป็นห่วงจริงๆ ก็มีแค่ต้อม บอลและแชมป์เท่านั้น ไม่รู้ว่าจะห้ามอารมณ์ตัวเองได้มากแค่ไหนถ้าหากได้เจอหน้าแขกไม่ได้รับเชิญซึ่งซึ่งหน้าอีกครั้งในถิ่นของตัวเอง!



ปี๊ดๆๆๆๆ


            เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นบริเวณหน้าบ้าน  เต้ยตอบสนองเร็วกว่าใครเพื่อน จนทุกคนวิ่งตามออกไปดูที่หน้าประตูบ้านตามเต้ยไป 


“รถใครกันน่ะลูก?” เธอถามขึ้นด้วยความสงสัย


           ทุกคนกระอักกระอวนและหนักใจที่จะตอบคำถามนี้ สุดท้ายหน้าที่นี้คงจะหนีไม่พ้นเต้ยซึ่งเป็นคนรู้ดีที่สุดตอบก็แล้วกัน


“เพื่อนสนิทของเต้ยเองครับแม่”


“เพื่อนสนิทหรอลูก? นอกจากบอลแล้ว เต้ยยังมีเพื่อนสนิทอีกหรอ?” เธอทำสีหน้าครุ่นคิด


            ประตูรั้วเหล็กดัดสองบานใหญ่ค่อยๆเปิดอ้ากว้างด้วยระบบรีโมท รถยนต์คันดังกล่าวขับเข้ามาข้างในแล้วจอดดับเครื่องสนิทตรงกับทางเดินขึ้นบ้านพอดีเป๊ะ


            สายตาสามหนุ่มจ้องมองใครอีกคนภายในรถ จ้องจะกินเลือดกินเนื้อ มีเพียงอมรรัตน์ผู้เป็นแม่เท่านั้นที่มีแววตาสงสัย ไม่กระจ่างในคำพูดลูกชายคนเล็กอยู่คนเดียว


            ประตูรถยนต์ฝั่งคนขับถูกเปิดออก ขาขวาของเจ้าของรถก้าวเหยียบพื้นคอนกรีต ในจังหวะเดียวกันต้อมเองยืนกำหมัดแน่นอัตโนมัติ พร้อมกับบอลและแชมป์ที่มีปฏิกิริยาไปในทางเดียวกัน


           และในเวลานี้ ใครคนนั้นยืนเหยียดกายเต็มตัวนอกรถเป็นที่เรียบร้อย แว่นกรองแสงราคาแพงถูกสวมใส่ แต่ไม่สามารถอำพรางใบหน้าอันหล่อเหลาแถมเคยมีนิสัยโหดร้ายเลวทรามราวสัตว์นรกได้


“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีทุกๆคนด้วยนะ” เสียงทุ้มเปรยบอกพร้อมกับยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนที่บัดนี้ยืนหน้าหวอไปแล้ว


“เต้ย หมายความว่าไงลูก?”


“เพื่อนของเต้ยก็คืออิทธิพลเองครับ”


            ร่างบางบอกพร้อมกับก้มหน้าก้มตา หันไปมองผู้มาเยือน แต่อิทธิพลก็เอาแต่ยิ้มแฉ่งไม่เกรงกลัวหรือสะทกสะท้ายอะไรเลยแม้แต่น้อย...



:L2: :L2: :L2:



อิทธิพลจะฝ่าด่านเหล้กแกร่ง ได้ไหมนะ ด่านแรกคือพี่ต้อม บอลและแชมป์ ด่านที่สอง แม่ของเต้ย และด่านสุดท้าย คุณพ่อของเต้ย   เป็นกำลังใจให้อิทผ่านด่านไปให้ได้นะ  หลังจากนี้ไป ทุกคนอาจจะเปลี่ยนจากไม่ชอบกลายเป็นความเห็นใจพระเอกก้ได้


 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-12-2016 11:40:42
จะไปได้ซักกี่น้ำกันกลัวจะดีแตกน่ะสิ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-12-2016 13:09:54
ดีจนเหมือนมีอะไรแอบแฝง
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 13-12-2016 16:57:05
เป็นนายเอกที่ต้องบอกว่า เรื่องของเมิงงงงงง อยากทำไรทำไป เอาให้พอใจ อย่ามาโอดครวญฟูมฟายทีหลังแล้วกัน แค่นั้น


ช่างไม่เหมาะกับความช่วยเหลือและเห็นใจใดใดอีก -*-
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 13-12-2016 17:47:08
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 13-12-2016 18:35:37
โอ๊ย อ่านไปด่าไปในใจไป อ่านไปสบถไป แต่ฮืออ ทำไมเป็นครั้งแรก ที่อ่านนิยายแนวนี้ แลวอยากให้เขาได้กัน จริง ๆ นะ รู้สึก เชียรือิทนะ แต่ มันก็ยังระแวงว่า อิทอะจะดีได้กี่น้ำ คนมันบ้าอำนาจ บ้ามาก แต่ถ้ามันแค่อยากเอาชนะ แล้วลงทุนทำขนาดนี้ นี่กราบใจเลย เป็นผชที่แม่งที่สุด ยอมแพ้นะผชแบบนี้ คือถ้าเราเป็นเต้ย แล้วเสือกพลาดหลงรักคนแบบนี้ บอกตรง ช้ำมจ แต่เต้ยคือรักอะ รักแล้วไม่เคยเกลียดลงหรอก อาจจะโกรธน้อยใจ ทรมาน แต่สุดท้ายก็กลับมารักเหมือนเดิม มันรักมากไปแล้วไง พอรักก็คือรัก เหมือนคนบ้า เชื่อ ไว้ใจ สงสารก็แต่พี่ต้อมกับบอล คือสองคนนั้นคงต้องระแวงตลอดเวลาว่า เห้ย น้องเราจะโดนหลอกอีกไหม ห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้ แต่พ่อสุดท้ายก็กะดองทางธุรกิจ ใช้ให้เป็นประโยชน์ หึหึ ส่วนอิธ อยากรู้ จะทำได้ขนาดไหน แต่จริง ๆ นะ เป็นนิยายที่พระเอกชั่วแล้วอยากให้เขาได้กัน ปกติ พระเอกเหี้ยแบบนี้ มีแต่ขัดใจ ไม่เอาวะ แม่งรักไปได้ไง แต่อิทนี่ รักลงอะ ถ้าคนแบบนี้ลองรักใครสักคนจากใจจริง ๆ คือเราว่า มันยอมทำได้ทุกอย่าง ขนาดแค่อยากเอาชนะ ยังทำได้ทุกทางเลย หวังแค่เต้ยคงไม่โดนหลอกรอบที่สี่ ห้า หกอีกก็พอ สงสาร โดนอีก คงฆ่าตัวตายแน่เลย
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 18-01-2017 21:44:53
 :z3:  ไม่มาต่ออีกหย๋อ
หัวข้อ: Re: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 01-02-2017 02:23:34
คือ พระเอกมันเลวเกินอ่ะ เกินกว่าจิตสำนึกคนปกติจะมานึกรักมันได้อ่ะ
ไม่ไหวนะ แบบนี้ ก้ถ้าเต้ยเป็นเพื่อนเรา เราคงบอกได้แค่ว่า แล้วแต่แก!!!! เราไม่ยุ่งละ  :serius2: