พิมพ์หน้านี้ - (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: WwW ที่ 11-09-2016 13:25:04

หัวข้อ: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-09-2016 13:25:04
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




==========================================================


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

สวัสดีค่า  ชื่อบิวนะคะ  เรื่องนี้เป็นนิยานเรื่องแรกที่นำมาลงในเล้า  หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยล่วงหน้าเลยนะคะ  เรื่องนี้เป็นแนวเลิฟคอเมดี้  ขำๆ  ฮาๆ  มีซึ้งบ้างเล็กน้อย  แต่เน้นฟีลกู๊ดจ้า  ใครที่เข้ามาอ่านเร่องนี้ก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  จะพยายามอัพบ่อยๆไม่หายไปไหน  และขอสัญญาว่าอัพจนจบแน่นอนค่าาา


ตามมาเม้ามอยกันได้ที่เพจเลยนะคะ    https://www.facebook.com/bewjuliet/ (https://www.facebook.com/bewjuliet/)


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-09-2016 13:26:28


บทนำ
คำขอร้องจากเพื่อนฝูง

“กูขอร้องล่ะ  ตอนนี้มีแค่มึงเท่านั้นที่จะทำเพื่อมหา’ลัยของพ่อกูได้!”
การอ้อนวอนจนแทบจะก้มกราบตีนผมอยู่รอมร่อของเพื่อนสนิทยังคงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง
ผมใช้มือทั้งสองข้างผลักมันจนกระเด็นก่อนจะเดินไปนั่งแหมะบนโซฟา  ส่ายหัวปฏิเสธคำขอร้องของมันแบบไม่ใยดี
ต่อให้เอาเงินหนึ่งล้านมาวางกองอยู่ตรงหน้า  ผมก็จะไม่ช่วยมันเรื่องนี้เด็ดขาด!
“น่านะ  แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว  ช่วยกูหน่อยเหอะเพื่อน!”
“ไม่!”
“มีมึงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ปัญหานี้มันผ่านพ้นไปนะเว้ย  ชื่อเสียงมหา’ลัยที่พ่อ  ไม่สิ  ที่คุณทวดของกูอุตส่าห์สร้างมา  มึงจะยอมให้มันเสียหายเรอะ!”
“เออ!  คุณทวดมึงไม่ใช่คุณทวดกู!”
“ไอ้ฟายยยยยยย”
“ไฟเว้ยไอ้สัตว์!”
ผมท้วงทันที  มันชอบเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงยานคางทำให้ความหมายชื่อของผมผิดไปประจำ 
“อย่าทำแบบนี้สิวะไอ้ฟาย  มึงต้องช่วยกูนะเว้ย  ถ้ามึงไม่ช่วยกูพ่อต้องบินกลับจากเมกามาฆากูแน่ๆ  กูขอร้องเหอะ  นะๆๆๆ”
“ไม่!”
“กูกราบล่ะ  ให้กูทำอะไรก็ได้  กูยอมหมดเลยยยยย”
‘ไอ้ตูมตาม’ ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพลางกอดขาผมไว้แน่น  แกล้งทำปากเบะและกะพริบตาปริบๆทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้
แต่!  คำว่า ‘ให้กูทำอะไรก็ได้’ ของมันนี่น่าสนใจไม่น้อยเลยแฮะ
“แน่ใจนะว่าให้ทำอะไรก็ได้น่ะ”
“แน่ใจ!  มึงอยากได้อะไรเชิญบัญชามาเลย  จะเป็นดวงดาวหรือว่าจันทรา  หยดน้ำบริสุทธิ์จากป่าพิมพานต์  ท่านตูมตามผู้นี้ก็จะไปหามาให้!”
“หึๆๆ  ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“พูดแบบนี้แสดงว่ามึงยอมช่วยกูแล้วใช่ไหม”
คำถามของมันทำเอาผมชะงัก
เอายังไงดีนะ  ถ้ายอมช่วยมัน  ผมก็อาจจะได้ในสิ่งที่ผมต้องการ  แต่ว่า….
สิ่งที่มันขอเนี่ยสิ  ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะสามารถทำกันได้ง่ายๆเลยนะ!
“ว่าไงวะ  ไม่มีเวลาแล้วนะเว้ย!”
“เอ่อ…คือ…”
“ขอร้องล่ะ  แล้วมันอยากได้อะไรมึงบอกกูมาเลย  กูพร้อมจัดให้มึงุทกอย่าง!”
“กู…”
“…”
“กูชอบพี่สาวมึง”
“ฮะ…?”
“ถ้ามึงอยากให้กูช่วยมึงเรื่องนี้  มึงก็ต้อง…เป็นพ่อสื่อให้กูกับพี่สาวของมึง”
“ไอ้เชี่ย!”
ไอ้ตูมตามสบถดังลั่นพลางลุกขึ้นชี้หน้าผมด้วยท่าทางโมโห
เป็นอันรู้ดีกันทั่วทุกสารทิศว่าไอ้เวรนี่มันหวงพี่สาวตัวเองมากแค่ไหน  ทั้งหวงทั้งห่วง  ตัวผู้ใดๆนี่ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด  ก่อนหน้านี้ผมเคยชมพี่สาวมันตอนเห็นรูปถ่ายว่าน่ารักดี  ยังโดนมันโกรธแม่งข้ามคืน
“ถ้ามึงไม่โอเค  กูก็ไม่ช่วย  จบ  แยกย้ายได้”
หมับ!
อีกฝ่ายคว้าแขนผมไว้แล้วผลักให้นั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง  สีหน้าจริงจังจ้องมองผม  ถ้ามึงจะจริงจังขนาดนี้…มึงก็ไม่ควรมาขอร้องกูเลยเหอะ
ชีวิตกูเคยจริงใจอะไรกับใครเขาที่ไหนล่ะ!
“ถะ…ถ้า…ถ้ากูยอมช่วย  มึงก็จะยอมช่วยเรื่องนี้ใช่ไหม”
“เออ  ว่าแต่…มึงแน่ใจเหรอ?”
“แน่ใจกับผีอะไรล่ะ!  มึงก็รู้ว่ากูหวงของกูแค่ไหน  แต่…เรื่องนี้มันก็โคตรจำเป็นกับชีวิตกูเลย  เพราะถ้ากูจัดการโปรเจกต์นี้ไม่ได้  พ่อก็จะส่งกูไปทำงานกับลุงที่เยอรมัน  แต่กูไม่อยากไป!”
“แล้ว?”
“อ๊ากกกก  ทำไมมึงต้องให้กูเลือกอะไรยากๆแบบนี้ด้วยวะ  ผู้หญิงมีเป็นล้านบนโลกทำไมมึงไม่ชอบ!”
“ก็พี่สาวมึงน่ารักอ่ะ”
“น้องสาวมึงก็น่ารักเหอะ!”
“อย่ามาแต่จะคิดถึงน้องสาวกูเชียวนะ”
ผมชี้หน้ามันอย่างข่มขู่  ไอ้ตูมตามถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยสุดๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม
“เอาวะ  กูยอมแล้ว  แต่กูจะแค่ช่วยให้มึงได้เจอกันเท่านั้นนะ  ที่เหลือมึงต้องสานต่อเอาเอง”
“แค่นั้นก็ได้”
อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสได้เจอเพื่อสานความสัมพันธ์ต่อ
ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่มีสิทธิ์ได้เจอพี่สาวมันทั้งนั้น  ผมเลยไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ทำความรู้จักกับเธอ  ได้เห็นเธอผ่านรูปและนิตยสารบางเล่มเท่านั้นเอง
“งั้นสรุป…มึงจะยอมช่วยกูแล้วใช่ไหม  สามเดือนต่อจากนี้  มึงจะ…”
“…”
“กลายเป็นน้ำ  น้องสาวฝาแฝดของมึงเพื่อมหา’ลัยสินะ!”

ใช่แล้ว  นี่แหละคำขอของมัน…
สามเดือนต่อจากนี้  ผม…นายไฟ…
จะต้องกลายเป็นนางสาวน้ำแล้วล่ะครับ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-09-2016 13:27:35
ตอนที่ 1
ฝึกฝนความเป็นหญิง

“งั้นตกลงว่าไฟจะช่วยน้ำสินะ”
น้องสาวตัวดียิ้มร่าเมื่อฟังเรื่องราวจากผมจบ
เรื่องของเรื่องก็คือ…เมื่อสี่เดือนก่อนตอนที่ผมและน้ำเพิ่งขึ้นมหา’ลัยปีหนึ่ง  น้ำได้รับการโหวตให้เป็นดาวของมหา’ลัยเพื่อเป็นตัวแทนไปประกวดในเวที “พลิกฟ้าหาดาว”  เวทีเฟ้นหาดาวมหา’ลัยที่สวยที่สุด  เพียบพร้อมที่สุด เพื่อไปแข่งเวทีระดับโลก  โดยที่ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานั้น  นอกจากการเรียนแล้ว  น้ำก็ยังเตรียมตัวอย่างดีสำหรับการประกวดครั้งนี้  ทั้งดูแลผิวหน้าและผิวกาย  ดูแลหุ่น  ดูแลสุขภาพ  ฝึกการเย็บปักถักร้อยทุกชนิด  เรียกได้ว่าตอนนี้น้องสาวของผมคือผู้หญิงที่เพียงพร้อมที่สุดคนหนึ่ง  ทว่า…
สามวันก่อนระหว่างน้ำกำลังขับรถกลับจากไปทำสปาผิวที่ร้านประจำ  ดันมีคนเมาแล้วขับขับรถผ่าไฟแดงมาชนเข้ากับรถของเธอที่กำลังขับออกมาพอดีเข้าอย่างจังทำให้แขนขาหักจนต้องเข้าเฝือก  แม้อาการจะไม่ได้หนักหนาสาหัส  แต่การที่ต้องนอนเข้าเฝือกแบบนี้ก็ทำให้เธอไม่สามารถไปประกวดได้  เพราะหมอบอกว่าอย่างน้อยต้องพักฟื้นร่างกายเป็นเวลาสามเดือน!  ซึ่งมันประจวบเหมาะพอดีกับระยะเวลาในการประกวดเข้า  หวยแม่งเลยมาลงล็อคที่ผมนี่แหละ
ผม…ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดที่เบ้าหน้าเหมือนกันเป๊ะ  ต่างกันก็แค่ผมมีปิกาจู้  แต่ของน้ำเป็นโดเรมีเท่านั้นเอง
และเพราะความที่มีใบหน้าและหุ่นใกล้เคียงกัน  ไอ้เพื่อนเฮงซวยลูกชายเจ้าของมหา’ลัย “อาคเนย์” ที่ผมและน้ำเรียนอยู่ก็เลยมาขอร้องให้ผมสวมรอยเป็นน้ำเข้าประกวดแทน  เพราะที่ผ่านมามหา’ลัยชวดตำแหน่งดาวระดับประเทศมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้ง  แต่ปีนี้มีกรรมการของการประกวดหลายคนบอกว่ามหา’ลัยมีสิทธิ์ได้ตำแหน่งสูงเพราะน้ำมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกอย่าง  พ่อมันเลยฝากฝังทุกอย่างไว้ในมือของลูกชายก่อนไปดูงานที่อเมริกา  กว่าจะกลับก็หลังประกวดเสร็จพอดี  ซึ่งได้คาดโทษเอาไว้ล่วงหน้าด้วยว่าหากไม่สามารถทำให้มหา’ลัยไปแข่งดาวระดับโลกได้  ก็จะส่งไอ้ตูมตามเพื่อนผมไปทำงานกับลุงสุดโหดของมันที่เยอรมัน
เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ
“ไฟไม่ได้ช่วยน้ำนะ  ก็แค่…”
“…”
“ไฟจำได้ว่าน้ำเคยบอกว่าว่าอยากจะเป็นนางงาม”
“…”
“มันคอความฝันตั้งแต่เด็กของน้ำใช่ไหมล่ะ”
“ไฟ…จำได้ด้วยเหรอ”
น้ำมองหน้าผมด้วยแววตาซาบซึ้ง
ผมยีหัวน้องสาวเบาๆด้วยความรักและเอ็นดู  มองน้ำทีไรก็เหมือนส่องกระจกมองตัวเองทุกครั้ง  ที่ผ่านมาเลยมีพวกผู้ชายเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นน้ำแล้ววิ่งเข้ามาทักบ่อยๆ  พอผมรู้ว่าพวกมันตั้งใจจะมาม่อน้องสาวผมก็เลยอัดมันกลับจนวิ่งหางจุดตูดตลอด 
ทำไงได้ล่ะ  แค่จินตนาการภาพน้ำเป็นแฟนกับใครสักคนผมก็แทบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว
มันให้ความรู้สึกเหมือนตัวผมที่เป็นผู้ชายดันไปเป็นแฟนกับผู้ชายด้วยกันน่ะสิ  บรื๋ออออออ!
“ไฟจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับน้ำได้หมดนั่นแหละ  เพราะไฟรักน้ำไง”
“งื้ออออ  น้ำก็รักไฟ  รักมากๆๆๆๆที่สุดเลย พี่ชายที่แสนใจดีของน้ำ”
รอยยิ้มของน้ำทำให้ผมมีความสุขขึ้นหลายสิบเท่า  ความกังวลที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปจนหมด
จะต้องไม่เป็นไรแน่นอน  ผมแค่ปลอมตัวเป็นน้ำเข้าไปประกวดและทำกิจกรรมในกองประกวดทั้งหมดแทน  รอจนกว่าน้ำจะพักฟื้นจนหายดีแล้วกลับไปเปลี่ยนตัวกับผม
แค่อดทนและพยายามเท่านั้น
เพียงเท่านี้…ผมก็จะได้ช่วยทั้งสานฝันให้น้ำ  ช่วยทั้งไอ้ตูมตาม  และ…
ได้เข้าใกล้เธอคนนั้น
นางในฝันที่ผมเฝ้ารอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
โหมดมุ้งมิ้งระหว่างพี่น้องถูกขัดจังหวะ  ประตูห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลถูกเปิดออก  คนที่มาคือไอ้ตูมตามนั่นเอง  อีกแค่สี่วันก็จะถึงวันที่ผมต้องเดินทางไปเก็บตัวเพื่อทำกิจกรรมของกองประกวดแล้ว  จากนี้คงต้องฝากให้ไอ้ตูมตามมาคอยดูแลน้ำให้เพราะพ่อทำงานอยู่ที่ไต้หวัน  ส่วนแม่ก็เสียไปนานแล้ว  ถึงจะรู้สึกกังวลเหมือนว่าฝากปลาย่างไว้กับแมว  แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ
“มาทำอะไรวะ”
“มาหามึงนั่นแหละ  แล้วก็มาเยี่ยมน้ำด้วย  เป็นยังไงบ้างน้ำ  ดีขึ้นบ้างไหม”
“ไม่เจ็บตรงไหนแล้วล่ะ แต่ก็อย่างที่เห็น…”
น้ำเหลือบมองไปที่แขนและขาของตัวเอง
“เข้าเฝือกเป็นมัมมี่รีเทิร์นเลย  ฮ่าๆๆๆ”
ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมา  แม้ภายนอกจะดูกุลสตรีก็เถอะ  แต่เอาเข้าจริงๆน้ำของผมเป็นผู้หญิงที่ตลก  ร่าเริง  และเฮฮามาก  ใครอยู่ใกล้เป็นต้องหลงรักเธอทั้งนั้น 
“เห็นน้ำหัวเราะได้แบบนี้เราก็สบายใจ  ว่าแต่…รู้เรื่องที่ไอ้ฟายจะสวมรอยเป็นน้ำเข้าไปประกวดแทนแล้วใช่ไหม”
“อื้อ  ไฟบอกน้ำแล้วล่ะ”
“ที่เรามาก็เพราะเรื่องนั้นด้วย”
“ทำไมวะ?”
ผมรีบโพล่งถามขึ้นแทน  อย่าบอกนะว่าจากอีกสี่วันเลื่อนมาเป็นวันนี้เลยน่ะ!
ถ้าเป็นอย่างนี้กูขอบาย!  แค่สี่วันที่ว่าก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำใจได้ไหม  ต้องไปใส่กระโปรง  แต๊บไข่  เพื่อประชันความงามแข่งกับผู้หญิงอีกตั้งเกือบยี่สิบคน!
กูจะอดใจไม่ให้ตัวเองไล่ปล้ำสตรีเพศเหล่านั้นไหวหรือเปล่าเหอะ
“การประกวดนี้ใส่ส้นสูงตอนประกวดบนเวทีทุกครั้ง  แล้วมึงอ่ะใส่ส้นสูงเป็นหรือเปล่า”
“สะ…ส้นสูงเหรอ?”
“จริงด้วย  เป็นการแข่งประกวดนางงามนี่นา  น้ำลืมเรื่องนี้ไปเลย  ทำยังไงดีล่ะไฟ  ไฟไม่เคยใส่ส้นสูงมาก่อนเลยนะ”
อยากจะบ้าตาย  ทำไมต้องมีกฎใส่ส้นสูงประกวดนางงามด้วยวะ!
ผมส่ายหน้าไปมาเพราไม่ร็จะแก้ปัญหายังไงดีเหมือนกัน  หากแต่ไอ้ผู้มาเยือนกลับเอื้อมมือแตะบ่าผมแล้วยิ้มกว้างด้วยสีหน้าสบายใจสุดๆ
“เรื่องนั้นมึงกับน้ำไม่ต้องเป็นห่วง  ทีกู่มาก็เพื่อจะบอกว่ากูเตรียมแก้ปัญหาเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ยังไงเหรอตาม?”
น้ำรีบถาม
“ไม่มีอะไรมากหรอกน้ำ  ก็แค่สี่วันนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป  ไอ้ฟาย…”
“…”
“มึงต้องฝึกความเป็นผู้หญิง!”
นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรกันครับพี่น้อง!

เพี๊ยะ!
“ก็บอกว่าให้เชิดหน้ามองตรงยังไงล่ะคะ!”
เสียงตวาดแว้ดแสบแก้วหูดังขึ้นเป็นรอบที่ร้อย  ผมเบนสายตาพิฆาตไปทางไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่นั่งยิ้มแห้งๆมองผมอยู่ข้างน้ำซึ่งนอนมองอยู่บนเตียง
เจ้าของเสียวแว้ดๆนี้คือ “ครูลิลลี่”  หรือพี่ลิลลี่กะเทยรุ่นดึกดำบรรพ์ผู้ฝึกสอนวิชาเสริมบุคลิกภาพให้กับนางงามมานักต่อนัก  โชคดีที่เธอเป็นญาติกับไอ้ตูมตาม  มันเลยไปขอให้พี่ลิลลี่มาช่วยฝึกให้ผมเป็นกรณีพิเศษ  แน่นอนว่าจะต้องรู้เรื่องที่ผมกำลังจะสวมรอยเป็นน้ำเข้าไปประกวดแทนและยินดีที่จะช่วยปิดเป็นความลับด้วยหวังว่ากะเทยไทยจะชนะชะนีไทยในการประกวดเถอะ  ไม่ว่าผมจะยืนกรานไปล้านรอบว่าตัวเองเป็นผู้ชายแท้ๆก็ตาม
อยู่ดีไม่ว่าดี  ต้องไปประกวดนางงามแทนน้องสาวไม่พอ  ยังมากลายเป็นกะเทยไปอีก
โอ้…ชีวิต
“จะไหวเหรอคะน้องตูมตาม  แม่นี่หัวช้ามากเลย!”
เดี๋ยวๆๆ  ทำไมใช้คำว่า “แม่นี่” กับผมล่ะโว้ยยยย  บอกแล้วไงว่าผู้ชายทั้งแท่ง  แม่นอ่ะแมน  เข้าใจไหมเนี่ย!
“เอาน่าพี่ลิลลี่  ถือว่าช่วยผมนะ  มันไม่เคยเรียนรู้อะไรแบบนี้มาก่อน  ใจเย็นหน่อยนะครับ”
“เฮ้อ  นี่ถ้าไม่เห็นแก่น้องตูมตามพี่ลิลลี่ไม่มาเสียเวลาด้วยจริงๆนะเนี่ย  เสียภาพลักษณ์กะเทยไทยหมด  เป็นกะเทยนอกจากจะสตรองแล้วต้องมีสมองด้วยค่ะ!  ไม่อย่างนั้นพวกชะนีมันจะมาดูถูกพวกเราได้  เข้าใจไหมคะน้องฟาย!”
“ไฟครับพี่”
“นั่นแหละค่ะ!  เอาใหม่ค่ะ  เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น  แล้วก็นี่!  อย่าให้หล่นลงมาจากหัวเด็ดขาดเลยนะคะ”
หนังสือเล่มหนาจำนวนสามเล่มถูกวางลงบนหัวเต็มแรง
เล็บสีชมพูเรืองแสงได้ของพี่ลิลลี่นี่น่ากลัวๆพอกับความนิสัยเลยวุ้ย  ผมฝึกเดินให้เหมือนผู้หญิงมาสามชั่วโมงเต็มจนขาแข็งไปหมดแล้วยังไมได้พักเลย  น้ำเองก็เลยไม่ได้พักผ่อนตามไปด้วยเพราะอยากดูผมฝึกซ้อม  อีกอย่างไอ้ตูมตามก็ดันเสทอกนัดพี่ลิลลี่ให้มาฝึกผมที่ห้องพักฟื้นของน้ำซะงั้น
คงกะว่าถ้าผมมีน้ำคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆผมจะต้องทำมันออกมาได้ดีล่ะมั้ง
แต่มึงคงลืมอะไรไปอย่างหนึ่งนะไอ้เพื่อนเวร ว่ากูเป็นผู้ชายมาสิบเก้าปีเต็ม!
กะอีแค่เวลาสี่วันมึงคิดว่ากูจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิงได้เรอะ!  ใช้ต่อมลูกหมากผสมก้อนขี้ในหัวสมองคิดหรือไงฟะ  กูอยากจะบ้า
“สู้ๆนะไฟ  น้ำเป็นกำลังใจให้”
น้ำส่งยิ้มหวาน  หากแต่แววตากำลังเต็มไปด้วยความกังวลและความเป็นห่วงผมอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ได้การละ  ถ้าขืนผมยังเป็นแบบนี้ต่อไป  หลังจากเข้าไปร่วมเก็บตัวและทำกิจกรรมแล้ว  น้ำคงเอาแต่กังวลเรื่องของผมจนไม่ได้พักฟื้นแน่ๆ
ให้ตายสิ  มีแต่ต้องตั้งใจและจริงจังสุดๆเท่านั้นแล้วสินะ
เพื่อน้ำ…
“ไม่ต้องห่วงนะน้ำ  ไฟซะอย่าง”
“อื้อ  ไฟของน้ำเก่งอยู่แล้ว”
ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องสาวเริ่มยิ้มออกแล้ว
เอาวะ!  ลองดูสักตั้ง  มาถึงขนาดนี้แล้วก็มีแต่ต้องเดินหน้าให้สุดเพื่อไม่ให้น้ำผิดหวัง  สำหรับผมแล้ว…ต่อให้เป็นดวงดาว ถ้ามันเป็นสิ่งที่น้ำอยากได้ผมก็พร้อมที่จะมาให้
พี่ชายคนนี้…
จะขอทำทุกอย่างเพื่อน้ำเอง!

สี่วันต่อมา
สถานที่เก็บตัวของกองประกวด
“พยายามเข้านะมึง  จากนี้ไปกูหรือใครก็จะติดต่อมึงไม่ได้แล้วจนกว่าจะถึงวันคัดเลือกรอบต่อไป  เพราะช่วงที่อยู่ในที่เก็บตัว  ทางกรรมการที่จัดงานจะไม่ให้เหล่าดาวมหา’ลัยทุกคนติดต่อใครได้ทั้งนั้น”
ไอตูมตามหันมาย้ำกับผมอีกครั้งหลังจากขับรถพาผมมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่เก็บตัวสำหรับดาวมหา’ลัยที่มาประกวดทุกคน
สามเดือนหลังจากนี้…ผมจะต้องอยู่ที่นี่
“กูรู้แล้วน่า  มึงย้ำกูหลายรอบแล้ว”
“กูกังวลนี่หว่า!  ถ้าโดนจับได้ขึ้นมามีแต่ตายกับตาย”
“ถ้างั้นกูกลับ  เพราะกูก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าความลับจะแตกหรือเปล่า”
“เฮ้ยยยย  ไม่ได้นะเว้ยๆๆ ถ้าเความลับแตกขึ้นมาอย่างน้อยก็ตายทีหลัง  แต่ถ้ามึงกลับตอนนี้กูก็จะตายตอนนี้เลย  เพราะพ่อต้องมาฆ่ากูแน่ๆ”
ไอ้ตูมตามดึงตัวผมเอาไว้
ความโชคดีอีกอย่างในการสวมรอยเป็นน้ำครั้งนี้คือผมไว้ผมยาวสีดำประบ่า  เลยบ่าไปนิดหนึ่งด้วยซ้ำ  เพราะความที่เรียนด้านศิลปะและมีความติสท์ในตัวค่อนข้างสูง  การไว้ผมยาวๆเซอร์ๆจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของผมไป  หากแต่พอต้องมาสวมรอยเป็นน้ำแล้ว  ความเซอร์ที่เคยมีเลยถูกลบไป  ผมที่เคยไว้แบบยุ่งๆมัดรวบคือจบก็ถูกบำรุงจนเงางามวาววับนุ่มนิ่มดูสุขภาพดีสุดๆ
“ถ้างั้นมึงก็เลิกกังวลได้แล้ว  หน้าที่ของมึงคือกลับไปดูแลน้ำให้กู  แล้วก็เตรียมตัวติดต่อพี่สาวมึงให้กูด้วย”
“เออๆ กูรู้แล้ว”
“อ้อ  ส่วนเรื่องน้ำ  กูแค่ให้มึงดูแลชั่วคราว  อย่าแม้แต่จะคิดจีบน้องสาวกูนะมึง”
“มึงนี่คิดมากว่ะ  กูรู้จักน้ำมาพอๆกับที่รู้จักมึง  กูเคยคิดอะไรแบบนั้นกับน้ำด้วยหรือไง”
“จะไปรู้เหรอ  เผื่อมึงแอบคิด”
คำพูดของผมทำเอาอีกฝ่ายชะงักไปจนผมต้องหรี่ตาลงมองมันอย่างจับผิด
“เงียบทำไมวะ  หรือว่ามึง…!”
“บ้าๆๆ  กูเงียบเพราะกูไม่รู้จะพูดอะไรเฉยๆเว้ย  พอๆๆ  เลิกคุยได้แล้ว  ใกล้เวลารายงานตัวก่อนเก็บตัวแล้ว  มึงรีบเข้าไปเหอะ”
“มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่ได้คิดไม่ซื่อกับน้องกู”
“แน่ใจเว้ย!”
“อย่าให้กูรู้ทีหลังนะ  เพราะมึงเป็นเพื่อนรักกู  กูถึงไม่อยากให้น้ำคบกับมึง  เข้าใจไหม”
“กูรู้แล้วน่า!  เลิกพูดมากสักที  รีบไปได้แล้วเดี๋ยวจะสาย”
ไอ้ตูมตามจัดการปลดสายเบลท์ออกให้  ผมนั่งนิ่งจ้องหน้ามันต่อเกือบนาที  เมื่อไม่เห็นพิรุธอะไรก็เลยยอมเปิดประตูลงจากรถแต่โดยดี
“ฝากน้ำด้วยนะ  ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมึงต้องรีบมาบอกกู  รู้หรือเปล่า”
“รู้แล้วคร้าบบบบ  รีบเข้าไปได้แล้ว  กูเห็นมึงสภาพนี้นานๆแล้วอดนึกไมได้ว่ากำลังพูดจาหยาบคายกับน้ำ”
“ทำไมวะ”
“เหมือนกันฉิบหายน่ะสิถามได้!”
สิ้นคำ  ไอ้ตูมตามก็เลื่อนกระจกขึ้นปิดก่อนจะขับรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้ผมยืนเคว้งลมพัดผ่านจนผมปลิวสยายอยู่คนเดียว
ข้าวของทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ถูกส่งมาตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว  เพราะทางกองประกวดจะเป็นคนเอาของไปเก็บที่ห้องให้  วันนี้ผมเลยมาแบบตัวเปล่าๆไม่ต้องแบกอะไรมาทั้งสิ้นนอกจาก…
ผมหันหน้าเข้าหาประตูโรงแรมที่กำแพงเป็นกำแพงกระจกพอให้มองเห็นเงาตัวเองทอดผ่านอยู่ในนั้น  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจากนายไฟจะกลายเป็นนางสาวน้ำแล้วจริงๆ  ผมในตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรที่บ่งบอกว่าเป็นนายไฟมาก่อนเลย  ด้วยความที่ร่างกายของผมมีฮอร์โมนเพศหญิงอยู่เยอะพอสมควร  ก็เลยบอบบ่างและอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง  แต่เรื่องพละกำลังและจิตใจของผมน่ะชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นเลยนะ!
“น้ำ…”
พึมพำชื่อน้องสาวขึ้นมาเบาๆ  พอยิ้มให้ตัวเองก็เหมือนกับว่าน้ำกำลังยิ้มให้  เอาล่ะ…ผมจะต้องทำได้  แค่พยายามไม่ให้ความลับเรื่องที่เป็นผู้ชายแตก  รอเวลาน้ำหายดีแล้วมาสลับเปลี่ยนตัวคืนเท่านั้นทุกอย่างก็จบ
ก็แค่อย่าให้ความลับแตก…
แต่ว่า…
ผมเลื่อนสายตาลงไปมองเป้าของตัวเองที่บัดนี้ปิกาจู้ได้ถูกบังคับให้จำศีลอย่างไม่มีกำหนด  หายใจออกไหมนะลูกพ่อ  ยังไม่ทันได้ใช้งานเลยด้วย
“สูดลมหายใจเข้าลึกๆ  แล้ว…”
“…”
“สู้โว้ยยยยย!”
ตะโกนออกมาเต็มเสี่ยงพร้อมกำหมัดชูขึ้นฟ้า  กางขาออกเล็กน้อยด้วยลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองใส่กระโปรงอยู่  ฉิบหายล่ะ!
มีใครเห็นไอ้ท่าเมื่อกี้ของผมไหมเนี่ย
ผมรีบกรอกตามองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือไม่  ถึงรูปกายภายนอกจะเหมือนผู้หญิงแบบเต็มสูบแล้ว  แต่เสียงของผมก็ยังห้าวเหมือนผู้ชายอย่างดี  ข้อควรระวังที่สุดในการปลอมตัวครั้งนี้ก็คือการดัดเสียงนี่แหละ!  แต่ว่าเมื่อกี้ผมดัน…
“ว้าว…เสียงห้าวใช้ได้เลยนะ”
ขวับ!
พลิกตัวหันกลับไปหาต้นเสียงที่ก้มลงกระซิบใกล้หูจนลมหายใจร้อนๆกระทบกับแก้มเบาๆด้วยความตกใจ  ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่ออีกฝ่ายยืนชิดผมเกินไป  ทำให้จังหวะหมุนตัวกลับมาของผมเป็นการชนกันแบบเต็มๆแทน  ข้อมือถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่จะล้มกลิ้งลงไปบนพื้น!
โครม! ตุ้บ!
ซวยกว่านี้มีอีกไหม!
ผมหลับตาปี๋  หลากหลายอารมณ์เกิดขั้นจนตั้งรับไม่ทัน  ทั้งที่เป็นการล้มลงแบบเต็มแรงแต่ร่างกายกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
ด้วยความสงสัยจึงค่อยๆลืมตาขึ้น  สิ่งแรกที่สายตามองเห็นคือปลายคาของใครบางคนที่มีไรหนวดขึ้นนิดหน่อย  ผิวสองสีที่ไม่ได้ดูดำสกปรก  กลับกัน  มันดูสะอาดสะอ้านและสุขภาพดี
“ติดใจเหรอ?”
เสียงแหบห้าวตั้งคำถาม  ทำให้ผมได้สติรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง
ฉิบหาย  ฉิบหาย  ฉิบหาย!
พูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ
น้ำตาแทบไหลออกมาเป็นสายเลือดเมื่อรู้ว่าช่วงวินาทีชุลมุนเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง  ข้อมือข้างหนึ่งถูกผู้ชายที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นซีเมนต์แข็งๆตอนนี้จับเอาไว้  และเมื่อกี้ที่ผมไม่รู้สึกเจ็บตอนล้มลงก็เพราะผมดันล้มทับเขาพอดีในสภาพคร่อมเขาด้วยเหอะ
“เอ่อ…คือ…”
วิชาดัดเสียงที่ได้ร่ำเรียนมาจากพี่ลิลลี่ถูกงัดมาใช้ทันที  ขณะที่อีกฝ่ายอมยิ้มมองผมด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์สุดๆ  นัยน์ตาทะเล้นมองผมขึ้นลงไปมาก่อนจะมาหยุดอยู่ที่…
เป้า!
ไอ้ห่า!  เจอกันครั้งแรกก็มองเป้าเสียแล้ว  ไอ้โรคจิตเอ๊ย!
และเพราะเขามองเป้า  มองเลยเลื่อนสายตาไปมองตามบ้าง  วินาทีแรกที่เห็นสาบานได้เลยว่าอยากจะแกล้งตายให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ  ทีแรกนึกว่าแค่ล้มทับลงมาคร่อมไว้เฉยๆ  ที่ไหนได้…
จุดที่ผมคร่อมทับเขาเอาไว้เป็นจุดยุทธศาสตร์ของเขาพอดี!
ใช่แล้ว…
ปิกาจู้ของเขากับปิกาจู้ของผมที่จำศีลอยู่มันกำลังทักทายกันยังไงล่ะ!
หมับ!
มือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายจับเอาผมไว้แน่นพลางกดลงจนปิกาจู้ผมบดขยี้กับปิกาจู้ของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้  ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างมองการกระทำของชายแปลกหน้าคนนี้ด้วยความตกใจ
“คุณจะทำอะไร!”

‘ข้อสำคัญเลยสำหรับการปลอมตัวเป็นน้ำก็คือ…มึงต้องไม่ใช้กำลัง  และห้ามแสดงความแข็งแรงในแบบผู้ชายเด็ดขาด!’

งั้นกูต้องปล่อยให้มันทำลามกแบบนี้ต่อไปเหรอวะไอ้ตูมตาม!
“คุณน่ะ…ยังไม่ได้เฉาะสินะครับ”
สิ้นคำ  รังสีความเจ้าเล่ห์ก็แผ่ออกมาทุกอณูขุมขนจากคนใต้ร่าง  สายตาแหลมคมมองที่เป้าของผมราวกับว่ากำลังมองทะลุเนื้อหาเข้าไปข้างในจนได้เห็นในสิ่งที่ไม่สมควรจะเห็น
แต่เดี๋ยวก่อน…
เมื่อกี้ไอ้เวรนี่พูดว่าอะไรนะ! 
หรือว่าความลับของผมจะ…
“หึๆ…”
เฮ้ยยยยยย!  ไม่นะ!

หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-09-2016 17:18:44
ตอนที่ 2
กรณีพิเศษ

“คะ…คุณพูดอะไรน่ะ  ฉันไม่เข้าใจค่ะ”
“หืม?  ไม่เข้าใจจริงๆเหรอครับ”
“จริงค่ะ แล้วก็กรุณาปล่อยฉันได้แล้ว  เกิดมีใครมาเห็นเข้าจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้”
ว่าพลางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
นาทีนี้ต้องแกล้งหาเรื่องอย่างอื่นมากลบเกลื่อนเรื่อง “เฉาะ” นี่เสียก่อน
“ก็ได้ครับ  ปล่อยก็ได้”
ไอ้หน้าหนวดยอมปล่อยมือออกจากเอวของผมแต่โดยดี  เมื่อเป็นอิสระก็รีบยันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีเข้ามาในโรงแรมทันที
ไม่เป็นไรน่า  ก็แค่คนที่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น  ไม่มีทางได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน  เพราฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปไอ้ไฟ  ยังไงความลับก็ยังไม่แตก!
ปัง!
“เฮ้อ…เฮ้อ…”
หอบหายใจแฮ่กๆราวกับเพิ่งวิ่งสี่คูณร้อยรอบโลกมา
ไอ้หน้าหนวดนั่นเป็นใครกันนะ  พนักงาฯของโรงแรมเหรอ?  หรือเป็นแขกที่มาพัก?  หรือเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนี้?  จากการแต่งตัวที่โคตรเซอร์บวกกับทรงผมยุ่งเหยิงไปมานั่นคิดว่าคงไม่น่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับกองประกวดได้  ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลจริงๆนั่นแหละ  ผมแค่ต้องใจเย็นกว่านี้  พยายามทำตัวให้เป็นปกติเข้าไว้
“ตอนนี้เราคือน้ำ…คือน้ำ…”
ผมพูดกับตัวเอง  มือที่ใช้ดันประตูห้องน้ำไว้ในตอนแรกค่อยๆลดต่ำลงเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจเริ่มคงที่ 
จะว่าไป…
เมื่อกี้มัวแต่ตกใจก็เลยรีบวิ่งเข้าห้องน้ำที่สายตามองเห็นก่อนโดยไม่ทันดู  แถมห้องน้ำก็ดูเงียบผิดปกติด้วยสิ  มันไม่ใช่การเงียบแบบไม่มีใครอยู่  แต่เป็นการเงียบที่…
วังเวงยังไงชอบกล
ด้วยความสงสัยปนหวาดระแวง  ผมค่อยๆหันหน้าไปมองข้างหลังช้าๆ  ขนแขนนี่พร้อมใจกันลุกชันล่วงหน้าเหมือนรับรู้ชะตากรรมในอนาคตอันใกล้ได้เป็นอย่างดี
“!!!”
ถั่วงอก!  เอ๊ย  งานงอก!
ห้องน้ำชาย!
“เอ่อ… แหะๆ”
ส่งยิ้มแห้งพร้อมทำท่ากำปั้นเขกหัวตัวเองเบาๆ  เอียงคอนิดๆ แบบคิขุอาโนเนะตามที่พี่ลิลลี่สอนมาเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน  ผู้ชายจำนวนสามคนที่กำลังยืนปลดปล่อยตัวเองอยู่ต่างก็มองผมเป็นตาเดียวด้วยใบหน้าอึ้งกิมกี่สุดจะบรรยาย
“คะ…คือว่าน้ำ…น้ำเข้าห้องผิดน่ะค่ะ  ขอโทษนะคะ!”
พูดแค่นั้นก็เปิดประตูวิ่งออกจากห้องน้ำมาทันที  จะรอดไหมเนี่ยกู   ยังไม่ทันจะถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ  สร้างวีรกรรมเอาไว้เสียมากมาย!
“ห้องรายงานตัวๆ”
ผมวิ่งวุ่นตามหาห้องรายงานตัวจ้าละหวั่น  ทั้งที่คิดว่าจำทุกอย่างที่ไอ้ตูมตามบอกได้เป็นอย่างดีแล้วเชียว  แต่เพราะเกิดเรื่องให้ตกใจติดๆกันถึงสองเรื่องก็เลยทำให้ลืมมันแทบจะทุกอย่าง  จำได้อย่างเดียวว่าต้องรักษาความลับนี่เอาไว้ยิ่งชีพ  ถ้าผมตาย  ผมก็ต้องตายไปกับตัวผม
“อ๊ะ!  เหลืออีกสิบนาที  ฉิบหายละ เอ๊ย  ซวยแล้ว”
ต่อให้ภายนอกจะเหมือนผู้หญิง  แต่ยังไงผมก็เป็นผู้ชายอยู่ดี  ไอ้วิธีการพูดห่ามๆนี่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที  เฮ้อ…!
ผมออกตัววิ่งเร็วขึ้น  สองมือถลกกระโปรงสีชมพูอ่อนขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้วิ่งได้ถนัดกว่าเดิม  ขืนไม่รายงานตัวไม่ทันไอ้ที่พยายามมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า  และน้ำจะต้องเสียใจแน่ๆถ้าผมทำให้ความฝันทั้งชีวิตของเธอต้องพังทลายลง  ตำแหน่งพี่ชายยอดเยี่ยมประจำปีก็จะสลายหายไปในพริบตา!
ตึกๆๆๆๆๆ
สเต็ปการวิ่งขั้นเทพสมกับเป็นนักกรีฑาสมัยมัธยมถูกงัดมาใช้  ส้นสูงที่ใส่อยู้ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยเพราผมฝึกมาอย่างดีจนเดินได้คล่องประหนึ่งว่าใส่รองเท้าผ้าใบเสียด้วยซ้ำ  ต้องขอบคุณพี่ลิลลี่จริงๆที่สอนผมด้วยหลักสูตรรวบรัด  คือถ้าทำพลาดจะต้องเป็นผัวพี่แก!  เล่นเอาผมทุ่มสุดตัว  ซ้อมมันทั้งวันทั้งคืนแบบไม่หลับไม่นอนจนแทบจะกลายเป็น Professional ด้านนี้อยู่แล้ว
ปึก!
“อ๊ากกก เอ๊ย  ว้ายย!”
อยากจะบ้าตาย  เปลี่ยนเสียงร้องเกือบไม่ทัน
รอบที่สองของวันแล้วที่ผมต้องล้มลงไปกองกับพื้น  ห่างจากรอบแรกไม่ทันจะถึงครึ่งชั่วโมง  กูจะรอดไหมเนี่ย  กูจะรอดไหม!
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”
น้ำเสียงที่พอจะคุ้นเคยกับหูอยู่บ้างดังขึ้นเหนือหัว  เมื่อเงยหน้าดูก็พบว่าเป็นไอ้หน้าหนวดที่เจอหน้าโรงแรม  ไอ้โรคจิตที่ทำทุเรศกับปิกาจู้ของผม!
“มึ… เอ่อ…คุณ!”
สติหนอสติ  ช่วยสิงสถิตอยู่ในร่างกูนานๆหน่อยเถอะ  อย่าให้กูหลุดแอ๊บ หลุดแต๊บ บ่อยนักเลย  แค่นี้เปอร์เซ็นต์ที่ความลับจะแตกก็พุ่งเฉลี่ยขึ้นมาเกือบ 30% แล้วโว้ย!
“มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ”
กูสิสมควรถามมึง  อย่าบอกนะว่าติดใจปิกาจู้จำศีลของกูก็เลยตามมา!
คิดได้อย่างนั้นผมก็เผลอเอาสองมือมากุมเป้าตัวเองไว้ด้วยความหวงแหนทันที  การกระทำของผมอยู่ในสายตาของไอ้หน้าหนวดตลอดเวลา  ท่าทางเหมือนจะขำอยู่ในทีของเขามันน่าโมโหชะมัด
“ฉัน…ฉันมาเก็บตัวทำกิจกรรมของกองประกวดพลิกฟ้าหาดาวค่ะ”
“อ้อ…คุณเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดงั้นเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
ต้องยิ้มเข้าไว้  ต้องอ่อนหวาน  ต้องอ่อนโยน  ถ้าเป็นน้ำตัวจริงก็ต้องเป็นแบบนี้แน่นอนอยู่แล้ว
“แต่ว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงห้านาทีก็จะหมดเวลารายงานตัวแล้วไม่ใช่เหรอครับ  ทำไมยังมาวิ่งเล่นอยู่ที่นี่ล่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าเหลือเวลาอีกแค่ห้านาที?  ระ…หรือคุณเป็นทีมงาน!”
ขอบคุณสวรรค์!  ถึงผมจะไม่ค่อยอยากเจอหน้าไอ้โรคจิตนี่เท่าไหร่  แต่ถ้าเขาเป็นทีมงานของกองประกวดจริงๆอย่างน้อยเขาคงสามารถบอกทางไปห้องรายงานตัวกับผมได้
“ทีมงาน?  อ่า…นั่นสิ   ผมเองก็เป็นทีมงานเหมือนกัน”
“จริงเหรอคะ  แล้ว…ห้องรายงานตัว…ไปทางไหนเหรอคะ?”
“หืม?  มาประกวดแต่ไม่รู้เหรอครับว่าห้องรายงานตัวอยู่ที่ไหน”
ถ้ารู้กูจะมาวิ่งเล่นอยู่แถวนี้เรอะ!  แถมอะไรควายๆอีกแล้ว
“พอดีฉันรีบมากก็เลยลืมน่ะค่ะ”
“ว้า…งั้นก็แย่หน่อยนะครับ  เพราะว่าห้องสำหรับรายงานตัวน่ะ  อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกนี้เลย  คุณต้องลงไปที่ชั้นสามเพื่อข้ามทางเชื่อมไปที่ชั้นห้าของอีกฝั่ง  แต่ตอนนี้เหลืออีกแค่สี่นาทีแล้ว  ผมคิดว่า…”
พรวด!
“ขอบคุณมากนะคะ!”
ผมลุกขึ้นแล้วถลกกระโปรงขึ้นอีกรอบก่อนจะรีบวิ่งไปยังทางหนีไฟเพื่อลงบันไดไปที่ชั้นสามแบบลืมตาย  ผมเผ้าที่อุตส่าห์สระ ไดร์ อบไอน้ำ และจัดทรงมาอย่างดีบัดนี้แทบไม่ต่างอะไรจากทรงเอฟโฟรเลย  ไม่อยากเชื่อว่าขนาดไม่ได้วิ่งมาหลายเดือน  ฝีเท้าของผมยังเร็วไม่มีตกเหมือนเดิมเลย
“เฮ้ยยยย!  หลบเว้ย เอ๊ย หลบค่ะหลบ  โล๊บบบบบบ!”
ผมตะโกนลั่นทางเดินไปหมด  ตอนนี้ตรงหน้ามีพนักงานชายสองคนกำลังช่วยกันเข็นอะไรสักอย่างมาจนเต็มทางเดินไม่เหลือทางให้วิ่งต่อ  แต่สกิลการวิ่งมาแบบเต็มสปีดของผมมันไม่สามารถเบรกได้อย่างกะทันหันเนี่ยสิ!
ถั่วงอกกูอีกแล้วไง 
ฟิ้ววววว~
เมื่อไม่สามารถเบรกได้อย่างที่ใจคิด  และไอ้พนักงานทั้งสองคนก็ทำได้แค่ยืนนิ่งมองผมด้วยความตกใจ  ท่าไม้ตายสุดท้ายจึงถูกงัดมาใช้  ในช่วงเวลาที่เหลือเพียงเสี้ยววินาที  ผมจัดการรวบกระโปรงแล้วเอาชายไปยัดใส่ขอบกระโปรงที่ด้านหลังเหมือนโจงกระเบนก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างจับตรงขอบรถเข็นแล้วกระโดดข้ามของที่พวกพนักงานขนมาไปได้อย่างเฉียดฉิว
ช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ  นักยิมนาสติกระดับโลกยังต้องก้มกรายผมเหอะ!
แปะๆๆๆๆ
เสียงปรบมือดังตามหลังมาทันทีที่ผมถึงพื้นของอีกฝั่งได้อย่างสวยงาม  พนักงานชายทั้งสองคนต่างก็มองผมด้วยสายตาชื่นชม  เลยต้องยิ้มรับสักหน่อย  ตายห่าล่ะ  ไม่ใช่เวลามายินดีที่มีคนชื่นชมนี่หว่า  ผมต้องรีบไปรายงานตัวให้ทัน!
“อีกหนึ่งนาที!”
ความเร็วที่ขาถูกเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ  ในที่สุดผมก็มาถึงทางเชื่อมตึกของชั้นที่สาม  โชคดีมากๆที่ไมได้มีใครมาขนอะไรเหมือนเมื่อกี้ก็เลยวิ่งผ่านไปได้แบบฉลุย  ต่อไปก็ต้องขึ้นไปชั้นที่ห้าสินะ  ถึงจะบอกว่าเป็นนักกรีฑามาก่อนก็เถอะ  แต่วิ่งทั้งๆที่ใส่ส้นสูงแบบนี้นี่เป็นครั้งแรกเลย!
พลั่ก!
“ว๊ากกกก!”
ชาตินี้ทั้งชาติกูจะสามารถสบถแบบผู้หญิงได้ไหม!
และแล้วก็ได้ล้มเป็นรอบที่สามของวัน  นึกถึงส้นสูง  ส้นสูงก็ทำพิษ  ผมยกขาขึ้นดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับรองเท้า  ทำไมจู่ๆมันถึงแผลงฤทธิ์ทำผมล้มหน้าทิ่มพื้นได้ขนาดนี้
อ่า…ถั่วงอกรอบที่สาม
ส้นหัก!
จะมีอะไรบรรลัยกว่านี้อีกไหม  มีไหม!  แค่วันแรกก็ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่ใจคิดสักอย่างเลย  ทำไมเป็นผู้หญิงมันถึงได้ยากแบบนี้วะ
“ไม่สงไม่ใส่มันแล้วเว้ย!”
ผมจัดการถอดรองเท้าส้นสูงออกทั้งสองข้างเมื่อข้างหนึ่งส้นมันดันหักไปแล้วก่อนจะออกตัววิ่งต่อ  ถึงจะเสียรองเท้าไปแต่ก็วิ่งได้ถนัดขึ้น  แบบนี้ผมต้องไปทันรายงานตัวก่อนหมดเวลาแน่ๆ
ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชั้นที่สี่แล้ว!
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
อีกยี่สิบวินาทีกับอีกหนึ่งชั้น!
ตึกๆๆๆๆๆๆ
“นั่นไง!  ป้ายห้องรายงานตัว!”
ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ  ในที่สุดก็มาถึงสักที  สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยดีใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลย  ความรู้สึกมันปลื้มปริ่มเสียยิ่งกว่าตอนได้เหรียญทองระดับจังหวัดในการแข่งขันวิ่งเดี่ยวรอบสุดท้ายเสียอีก
“อีกสองวินาที!”
ขอให้ทันด้วยเถอะ!
แอ๊ดดดดด!
ปี๊ดดดดดด!
เสียงเป่านกหวีดดังขึ้นพร้อมกับจังหวะที่ผมเปิดประตูเข้าไปพอดี  ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างพากันเงียบและมองมาทีผมด้วยความตะลึงงัน  คามเงียบยิ่งกว่าป่าช้าทำให้ตัวผมแทบจะหดเหลือแค่สองนิ้ว  สาวงามเกือบยี่สิบคนที่ยืนเรียงกันอยู่ด้านซ้ายมือสร้างความตื่นเต้นให้แก่หัวใจเป็นอย่างมาก
นะ…หน้าอก…
หน้าอกจะทะลักกันไปถึงไหนครับเนี่ย!
“เธอ…”
ผู้หญิงวัยสี่สิบต้นๆใส่แว่นกรอบดำท่าทางโคตรจะดุส่งเสียงขึ้นพลางชี้นิ้วมาที่ผม  ข้างๆฝั่งซ้ายของเธอมีผู้ชายวัยน่าจะประมาณสามสิบนั่งอยู่อีกคน  หน้าตาจัดได้ว่าดูดีเลยทีเดียว  ส่วนฝั่งขวาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก  ถ้าผมจำไม่ผิดเธอคือดาวมหา’ลัยตัวแทนของประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว  ข้างๆเธอเป็นเก้าอี้ว่างที่ไม่มีคนนั่ง  หากแต่ตรงหน้าเก้าอี้มีป้ายติดไว้ว่า “ผู้จัดงานการประกวด” 
“สวัสดีค่ะ!”
ผมยกมือขึ้นไหว้ป้าแว่นทันทีที่พอจะเดาออกได้ว่าเธอคงเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ  ก่อนจะต้องตกใจสุดขีดเพราะมือที่ยกขึ้นไหว้นั้นมีรองเท้าส้นหักถืออยู่ด้วย
ผลุบ!
รีบยกมือลงแล้วเอารองเท้าซ่อนไว้ด้านหลังทันที
ตายแน่ๆ  ไม่รอดแน่ๆวันนี้ไอ้ไฟเอ๊ย!
“เธอคือ…”
“น้ำค่ะ!  นางสาวธารทิพย์  ธรรมสุวรรณ…”
ตอบเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน  แค่เริ่มต้นก็พังไม่เป็นท่าเสียแล้ว  ถ้าหากผมโดนคัดออกตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเก็บตัวล่ะ  น้ำจะว่ายังไง
“เธอเองสินะธารทิพย์”
“ค่ะ  ขอโทษนะคะที่มาสาย  พอดีมีอุ…”
“เชิญกลับไปได้”
“คะ?”
“หมดเวลารายงานตัวแล้ว  เชิญกลับไปได้  เธอถูกตัดสิทธิ์”
“ดะ…เดี๋ยวก่อนสิคะ  คือเรื่องนี้ฉันอธิบายได้นะคะ”
ผมร้องท้วง  แต่ป้าแว่นกลบปัดมือไล่ก่อนจะก้มลงเขียนอะไรสักอย่างในกระดาษต่อ  กรรมการที่เหลืออีกสองคนได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังใจแต่ก็ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้
เฮ้ย!  แบบนี้ไม่ได้นะ!  ผมเปิดประตูเข้ามาในจังหวะเดียวกับที่นกหวีดหมดเวลาถูกเป่าขึ้นก็น่าจะหยวนๆให้ได้สิ  แบบนี้มันกีดกันกันชัดๆ!
“ขอร้องล่ะค่ะ  ขอโอกาสให้ฉันเถอะ  มันมีอุบัติเหตุจริงๆนะคะ  ฉันชนกับผู้ชายโรคจิตคนหนึ่งที่หน้าโรงแรม  เขาทำรุ่มร่ามกับฉันด้วยก็เลยทำให้ฉันมาช้า  อ๊ะ!  จริงสิ  เขาบอกว่าเขเป็นทีมงานของกองประกวดด้วยนะคะ  ลองไปเรียกเขามาถามดูก็ได้  ฉันมาถึงที่นี่นานแล้วจริงๆ  แต่เพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลยทำให้ฉันมารายงานตัวสาย  ขอร้องล่ะค่ะ  ให้โอกาสฉันเถอะ!”
“…”
เงียบ…
ไม่มีการตอบรับจากป้าแว่นหรือใครทั้งนั้น พวกสาวๆที่มาประกวดด้วยต่างก็หันหน้าหนีไปคนละทางราวกับไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องพวกนี้
อะไรกันวะ!  ทุกอย่างจะมาพังลงตั้งแต่วันแรกแบบนี้ไม่ได้!  ผมจะเอาหน้าที่ไหนกลับไปหาน้ำกันเล่า!
“ผู้ชายโรคจิตที่คุณว่าเนี่ย  หมายถึงผมใช่หรือเปล่า”
“อ๊ะ!  คุณ”
จะเรียกว่าดีใจก็ได้  ผมแทบจะพุ่งเข้าไปกอดไอ้หน้าหนวดที่เปิดประตูเดินเข้ามาเลยด้วยซ้ำ  เขาอมยิ้มเหมือนคนกำลังเจอเรื่องสนุกๆก่อนจะเดินเข้ามายืนข้างๆผมและ
พรึ่บ!
“เฮ้ย!”
กะ…กูร้องเสียงแมนๆอีกแล้ว   อ๊ากกกกก!
“ถึงผมจะไม่เคยใส่กระโปรง แต่ผมก็มั่นใจว่ากระโปรงรูปทรงแบบนี้ไม่เหมาะทำโจงกระเบนหรอกนะครับ”
อีกฝ่ายขยิบตาให้  ส่วนผมนี่แทบจะเอาหน้ามุดพื้นหนีอาย  ลืมไปเสียสนิทว่าเอากระโปรงทำเป็นโจงกระเบนตอนกระโดดข้ามของพวกนั้น  นี่แสดงว่าผม…เดินเข้ามาในห้องรายงานตัวด้วยสภาพ…
ผมเผ้ายุ่งเหยิง…
หน้ามันเยิ้ม…
กระโปรงกลายร่างเป็นโจงกระเบน…
ไม่ใส่รองเท้า…
ถือรองเท้าส้นหักไว้ในมือพร้อมยกไหว้คณะกรรมการ…
เขาไม่เอายามมาลากกูออกไปนอกโรงแรมก็บุญแค่ไหนแล้ว!
“คุณเปลว  มาแล้วเหรอคะ  สวัสดีค่ะ”
คณะกรรมการทั้งสามคนลุกขึ้นยกมือไหว้ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างผมตอนนี้  ก่อนที่เขาจะเดินผิวปากเข้าไปอย่างอารมณ์ดีและ…
ครืด…
เลื่อนเก้าอี้สำหรับผู้จัดการงานประกวดออกนั่งหน้าตาเฉย!
ยะ…อย่าบอกนะว่า…ผู้ชายคนนี้คือ…
คนจัดการประกวดนี้ขึ้นมา!
“เอ้า  ยืนทำอะไรล่ะครับผู้เข้าประกวด  รายงานตัวสิ  ผมรอฟังอยู่นะ”
“แต่คุณเปลวคะ  เธอมาสาย  ดิฉันก็เลยตัดสิทธิ์…”
“กรณีพิเศษน่า  คนนี้ผมขอ”
ไอ้หน้าหนวดขยิบตาให้ป้าแว่นก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้ผมพร้อมกับกวักมือเรียกผมเข้าไป
จะอะไรก็ไม่รู้หรอกนะ  แต่ว่า…
หมอนี่ช่วยชีวิตผมไว้พอดิบพอดี!
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-09-2016 17:32:05
คุณเปลวนี่ใช่พระเอกไหม เป็นคนที่ได้เห็นตอนนายเอกหลุดตลอดเลยอ่ะ ฮา
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 11-09-2016 21:27:53
อ่านแล้วฮา ถั่วงอกมาทั้งสวนแล้วมั้งเนี่ย? คู่พระนางเปิดตัวมาได้อีโรติกมากค่ะ
คุณเปลวดูท่าทางหื่นแถมยังดูออกอีกว่าไฟแต๊บมา นายไฟงานเข้ายาวๆแน่นอน
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-09-2016 23:36:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-09-2016 12:20:25

ตอนที่ 3
ดินแดนหนองโพ

“ในประวัติบอกว่าคุณเรียนคณะบริหารอยู่ที่มหา’ลัยอาคเนย์สินะครับ”
“ใช่ค่ะ”
คณะที่น้ำเรียนน่ะใช่  แต่คณะที่ผมเรียนจริงๆมันศิลปะต่างหาก  เน้นการวาดรูป  การปั้น  มันเป็นสิ่งเดียวที่เมื่อผมได้ทำแล้วผมจะจดจ่ออยู่กับมัน   ทำให้อารมณ์ที่กำลังร้อนเป็นไฟของผมเย็นเหมือนน้ำได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
“เอ…แต่น่าแปลกนะครับ  ผมรู้สึกเหมือนจะเคยเจอคุณที่คณะศิลปกรรมศาสตร์เลย”
“!!!”
คำพูดของไอ้หน้าหนวด  ไม่สิ  คุณเปลวทำเอาหัวใจตกวูบไปที่ตาตุ่ม  รีบเพ่งมองหน้าเขาอย่างจดจ่อเพื่อนึกว่าผมกับเขาเคยเจอกันมาก่อนจริงๆหรือเปล่า
แต่ว่า…สารรูปแบบนี้ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่เคยเจอมาก่อนแน่ๆ
“คุณคงจำผิดแล้วล่ะค่ะ  ฉันไม่ได้เรียนคณะนั้นแล้วคุณจะเจอฉันที่คณะนั้นได้ยังไง”
“ฮะๆ นั่นสินะครับ  สงสัยผมจะจำคนผิดไปจริงๆ”
“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอนค่ะ”
ผมฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย
ถึงผมจะไม่เคยเจอหน้าเขามาก่อน  แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอผม  บางทีเขาอาจจะเคยไปมหา’ลัยอาคเนย์และไปที่คณะของผม  เราอาจจะเคยเดินสวนกันแล้วเขาเกิดจำผมได้
แต่เดี๋ยวก่อน  คนเราจะมาจำหน้าตาคนที่แค่เดินสวนกันได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ?
“โอ๊ะ!  ในประวัติบอกว่าคุณมีพี่น้องด้วยนี่ครับ”
“พะ…พี่น้อง?”
“เหมือนว่าจะมี…พี่ชายอยู่หนึ่งคน”
อีกฝ่ายยิ้มกว้างขณะที่กำลังพลิกใบสมัครซึ่งมีข้อมูลทั้งหมดที่น้ำเขียนเอาไว้ไปมา  คำว่า “พี่ชาย”  หากผมไม่ได้คิดไปเองผมรู้สึกว่าไอ้บ้านี่มันจะเน้นมากเป็นพิเศษ
หรือเขาจะรู้?
ให้ตายสิ  ตอนนี้คำว่า “ยังไม่ได้เฉาะ”  วนไปเวียนมาในหัวผมไม่หยุดเลย
“พี่ชายของคุณ…ยังเรียนอยู่หรือเปล่าครับ”
“ระ…เรียนค่ะ”
มันจะถามเรื่องผมหาพระแสงอะไรวะ!  กองประกวดนางงามก็ควรจะถามแต่เรื่องเกี่ยวกับตัวผู้สมัครสิเว้ย  จะมาถามเรื่องครอบครัวเขาทำไม
ไอ้บ้านี่มันคิดจะทำอะไรของมันกันแน่!
“คณะอะไรเหรอครับ”
“เอ๋?”
“หรือบางทีคนที่ผมเห็นที่คณะศิลปกรรมศาสตร์  ถ้าไม่ใช่คุณก็อาจจะเป็น…พี่ชายของคุณ”
“…”
“…”
“คือ…ฉันคิดว่าคุณควรจะถามเรื่องที่เกี่ยวกับตัวฉันหรืองานประกวดครั้งนี้มากกว่านะคะ  เรื่องพี่ชายของฉันคงไม่น่าสนใจขนาดที่จะเอามาเป็นประเด็นในการรายงานตัววันนี้”
ผมจ้องหน้าไอ้คุณเปลวอย่างตรงไปตรงมา  เขาเองก็สบตาผมกลับเช่นกัน  แววตาเจ้าเล่ห์นั้นเหมือนกำลังกลั้นขำอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
ขำอะไร?
มีอะไรให้ขำ?
หรือว่า…รู้อะไรมากันแน่?
ถ้าเขารู้ว่าผมเป็นผู้ชาย  แล้วทำไมเขาถึงไม่แฉหรือเปิดโปงตรงนี้แล้วไล่ผมออกจากการประกวดไปซะ  มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำเป็นไม่รู้แล้วเก็บผมเอาไว้แบบนี้  แต่ถ้าจะให้คิดว่าเขายังไม่รู้เรื่อง  การกระทำที่เหมือนกำลังเล่นสนุกนั่นมันก็ขัดกันเกินไป
อ๊ากกกกก  แค่วันแรกผมก็อยากจะบ้าแล้ว!
“นั่นสินะครับ  ต้องขอโทษที่ผมถามอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการประกวด  เอาล่ะ  การรายงานตัวของสาวงามทั้งสิบแปดคนจบลงแค่นี้  เชิญพักผ่อนกันตามอัธยาศัย  แล้วหกโมงเย็นไปเจอกันที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารนะครับ”
“เอ๊ะ?  จบแล้วเหรอคะคุณเปลว  ปกติผู้เข้าประกวดต้องแนะนำตัวเป็นภาษาอื่นที่ถนัดที่สุดมาหนึ่งภาษานะคะ”
ป้าแว่นท้วงขึ้นมา
ดะ…เดี๋ยวนะเว้ย!  แนะนำตัวเป็นภาษาอื่นที่ถนัดที่สุด!
จะบ้าเรอะ  เกิดมาชาตินี้กูฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยได้นี่ก็นับว่าบุญมากแล้วเหอะ  ภาษาอื่นอย่าได้หวังเข้ามาในสารบบสมอง
“จริงด้วยสิ  ผมลืมไปเลย  แต่ว่านี่มันก็เลยเวลาตามตารางที่ทีมงานจัดไว้แล้ว  งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า  พวกคุณไปเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมในคืนนี้ก่อน  ส่วนผู้เข้าประกวดคนอื่นๆก็แยกย้ายไปพักผ่อนได้  จะอาบน้ำหรือเดินกินลมชมทิวทัศน์ในโรงแรมนี้ก็ได้ทั้งนั้น  ส่วนคุณน้ำ…”
“…”
“ผมจะสัมภาษณ์คุณแบบตัวต่อตัวเอง”
“หา?!!!”
งะ…เงิบแดกเลยไหมไอ้ไฟ!
“เอาตามนั้นก็ได้ค่ะ  พวกเธอทุกคนตามฉันมา  คืนนี้เป็นคืนแรก  พวกเธอจะต้องนอนด้วยกันเพื่อทำความรู้จักก่อนที่จะแยกห้องนอนแบบสองคน  ทำใจด้วยนะว่ายังไงก็ไม่มีทางได้นอนห้องเดียว  พวกเธอทุกคนต้องมี…รูมเมท”
“ค่า”
บรรดาผู้เข้าประกวดคนอื่นๆขานรับก่อนจะเดินตามป้าแว่นและกรรมการคนอื่นๆออกจากห้องไป  ผมหันไปมองหน้าผู้เข้าประกวดที่ยืนอยู่ใกล้กันมากที่สุดด้วยอยากจะขอร้องให้เธออยู่ต่อ  แต่เธอก็ทำได้แค่ส่งยิ้มแห้งๆและกำหมัดสู้ๆให้ผมเท่านั้น
ขอบคุณนะ…
ช่วยได้เยอะเลย!
ปัง!
เสียงปิดประตูห้องและความเงียบในตอนนี้ยิ่งตอกย้ำว่าผมได้อยู่กับคนที่ไม่ควรอยู่ใกล้มากที่สุดตามลำพังเรียบร้อยแล้ว…
“เอาล่ะครับคุณน้ำ”
อีกฝ่ายพูดขึ้นทำลายความเงียบ  เขาลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมมานั่งบนโต๊ะสีขาวตัวยาวแทน  ไอ้ท่าทางสบายๆเหมือนอยู่บ้านนั่นมันคืออะไร  หมอนี้เป็นผู้จัดการงานประกวดนี้ได้ยังไงกันเนี่ย!
เซอร์ซะขนาดนี้แต่กลับมาทำงาเนกี่ยวกับเรื่องความงาม
บ้าชัดๆ
“คะ…คะ?”
“มานี่สิครับ”
กวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้  ยังมิวายยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์เหมือนเคย
กูไว้ใจมึงได้มากน้อยแค่ไหนกันวะ  เรื่องที่มึงทำไว้ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ออกไปจากหัวกูเลยนะโว้ยยยย
“ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ  ผมแค่จะถามอะไรนิดหน่อย”
“ถะ…ถามตรงนี้ก็ได้มั้งคะ”
“จะดีเหรอ  ถ้าผมถามคุณจากตรงนี้  ผมคงต้องใช้เสียงที่ดังมากๆ  และไม่แน่ว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าห้องตอนนี้อาจจะได้ยินนะครับ”
ไอ้เวรนี่  จะถามห่าอะไรกันแน่ฟะ!  มึงทำกูเครียดจนไข่หด  ส่วนมึงก็นั่งยิ้มแป้นแล้นเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่แสนสนุกมาไว้ในมือ
ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาความฝันของน้ำเอาไว้ล่ะก็…ผมจะไม่ชอบทำแบบนี้เด็ดขาดเลย!
ตึก…ตึก…ตึก…
ท้ายที่สุดแล้วผมก็ต้องเดินเข้าไปหาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้   คุณเปลวมองหน้าผมแบบไม่ละไปไหนเลยแม้แต่วินาทีเดียว  มึงหันหน้าไปหายใจทางอื่นบ้างก็ได้นะ  กูรู้ว่ากูสวย เอ๊ย  ไม่สิ  น้ำสวย  อ๊ะ…แต่เราก็หน้าเหมือนกันเพราเป็นแฝดกันนี่นา  แล้วตอนนี้ผมยังสวมรอยเป็นน้ำอยู่อีก  สรุป…
ใครสวยกันแน่วะ?
ข่างมันเหอะ  ยังไงก็ไม่ใช่ประเด็น  ปัญหาอันใหญ่หลวงที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คือไอ้หน้าหนวดต่างหาก  ไม่รู้เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
“ว่ามาสิคะ”
ผมหยุดยืนห่างจากเขาประมาณหนึ่งช่วงแขน  ดวงตาคมกริบตวัดขึ้นมองผม  จ้องแบบนั้นอยู่นานนับนาทีจนผมเริ่มเป็นฝ่ายเกร็ง
การที่มีคนมาจ้องเราใกล้ๆแบบนี้ใครมันจะไม่เกร็งบ้างฟะ!
“คำถามข้อแรก”
นี่มันการรายงานตัวหรือสอบสัมภาษณ์งานกันแน่
“ทำไม…สวยจัง”
“หา?”
“สวย…”
“นะ…นี่คุณ…”
“คุณน่ะ  สวยมากเลย”
“ถ้าคุณไม่คิดจะถามอะไรที่เกี่ยวกับการประกวดงั้นฉันขอตัวนะคะ”
ผมตัดบทพร้อมกับยกมือไหว้ในฐานะที่เขามีตำแหน่งใหญ่โตก่อนจะพลิกตัวกลับเตรียมออกจากห้องเพื่อจบบทสนทนาบ้าบอคอแตกนี่  ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่หันหลังให้  ร่างสูงใหญ่ของคุณเปลวก็ถลาเข้ามาโอบกอดผมจากด้านหลัง!
“ปล่อยนะเว้ย! เอ๊ะ  ปล่อยนะคะ”
“ใจเย็นๆสิครับ  ผมแค่จะบอกว่า…”
“…”
“พรุ่งนี้…จะมีการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำด้วยนะ”
“ชะ…ชุดว่ายน้ำ!”
“ใช่ครับ”
“แต่ในตารางที่ได้มาไม่เห็นมีบอกไว้…”
“เขาเพิ่งเพิ่มเข้ามา  และผู้เข้าประกวดทุกคนก็รับรู้หมดแล้วด้วย  เหลือแค่คุณที่ยังไม่รู้  ผมถึงได้บอกนี่ไง”
“แต่ว่าฉัน…!”
จะไปใส่ชุดว่ายน้ำได้ยังไงกันเล่า!  ปิกาจู้ก็ใหญ่เท่าไฟฟ้าเลยเหอะ!  แต๊บยังไงก็คงแต๊บไม่อยู่  โอ๊ยยย  อยากจะบ้าตายจริงๆ
“แต่ว่าอะไรครับ?  หรือคุณมีปัญหาอะไรที่ทำให้ใส่ชุดว่ายน้ำไม่ได้”
“ไม่ใช่…!”
ผมเบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า  ลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้กำลังถูกไอ้หน้าหนวดกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง  และอีกฝ่ายก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  พอตั้งท่าจะหันไปบอกปฏิเสธเลยกลายเป็นว่าปลายจมูกของเราชนกันอย่างจัง  อีกเพียงแค่นิดเดียวริมฝีปากก็จะประกบกันอยู่แล้ว
เขาเองก็ตกใจไม่น้อย  วัดได้จากดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นพอๆกัน
“ขอโทษครับ”
คุณเปลวรีบปล่อยผมให้เป็นอิสระแล้วถอยกลับไปนั่งตามเดิม  ส่วนผมก็เดินถอยหลังหนีไปจนเกือบจะถึงประตูทางออก
อะไรกัน…ไอ้ฉากเมื่อกี้ทีเหมือนจะเคยเห็นในละครทีวีนี่มันอะไร  ผมไม่ใช่นางเอกสักหน่อย  ที่สำคัญคือผมเป็นผู้ชาย  มันต้องไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตผมสิ  หรือถ้าจะมีผมก็ต้องอยู่ในฐานะของพระเอกและมีนางเอกเป็นของตัวเอง 
ใช่แล้ว…จะต้องเป็นฉากหวานแหววของผมกับพี่สาวไอ้ตูมตามเท่านั้น!
“ขะ…;ขอตัวก่อนนะคะ”
ไม่รอฟังคำตอบ  ผมเปิดประตูวิ่งออกจากห้องมาด้วยความเร็วแสง  โดยสถานที่ที่พุ่งไปก็คือห้องน้ำหญิง  ในห้องน้ำมีเพื่อนผู้เข้าประกวดยืนอยู่ที่หน้ากระจกสองสามคน  พวกเธอหันมายิ้มให้ผมเลยต้องยิ้มกลับก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำห้องแรกแล้วเข้าไปหมกตัวอยู่ในนั้น
ตึกๆ!  ตึกๆ!  ตึกๆ!
ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ต้องคิดอะไรก็เถอะ  แล้วทำไม…
หัวใจผมถึงเต้นแรงได้ขนาดนี้ล่ะ?
ไม่เข้าใจเลย…

กว่าจะสงบจิตสงบใจของตัวเองได้  ผมก็ขังตัวเองอยู่ในส้วมนานเกือบครึ่งชั่วโมง  จนกระทั่งผู้เข้าประกวดคนอื่นมาเคาะประตูห้องน้ำเรียกผมนั่นแหละ  ถึงได้ดึงเอาสติของตัวเองกลับมาได้  สามคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกในตอนแรกเห็นว่าผมหายเข้าไปในส้วมนานมากก็เลยเป็นห่วงคิดว่าผมเป็นอะไรไปแล้ว  เลยไปตามผู้เข้าประกวดคนอื่นๆให้มาช่วยกันเรียกผมเพราพวกเธอเรียกแล้วผมไม่ขาน
คิดว่าคงเป็นช่วงที่สติกระเจิดกระเจิงไปพอดี…
“ฉันเข้าใจนะว่าเธอคงเครียดและกดดันมาก  เพราะแค่วันแรกก็ดูเหมือนว่าเธอจะถูกหมายหัวจากยัยแม่มดเสียแล้ว”
“ยัยแม่มด?”
“ก็ป้าแว่นหนึ่งในคณะกรรมการไง  รุ่นพี่มหา’ลัยฉันที่เคยมาประกวดเมื่อปีที่แล้วบอกว่าใครก็ตามที่โดนยัยแม่มดหมายหัวไว้  ไม่เคยได้อยู่เก็บตัวอย่างสงบเลย  ต้องมีเรื่องให้ได้เดือดร้อนตลอด”
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ  เธอโชคร้ายมากเลยนะที่โดนยัยแม่มดเล็งตั้งแต่วันแรกแบบนี้”
หญิงสาวผมเป็นลอนสีทองสว่างเพราเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยชื่อว่า “บาร์บี้” เอ่ยขึ้นพลางทำสีหน้าสยดสยอง  เธอคือคนที่กำหมดสู้ๆให้ผมในห้องรายงานตัวและเป็นคนที่แทบจะพังห้องน้ำเข้ามาเพราคิดว่าผมเป็นลมตายอยู่ในนั้นตอนคนอื่นๆไปตามนั่นแหละ  แต่ว่า…
จุดที่เด่นที่สุดบนใบหน้าราวกับตุ๊กตานี้ไม่ใช่ดวงตาสีฟ้าของเธอหรอกนะ  แตเป็น…
หน้าอกตู้ๆมนี่ต่างหากล่ะ  เป็นปอดบวมหรือเปล่าวะเนี่ย  ใหญ่อะไรเบอร์นี้!
“ถ้างั้นรีบๆตามมานะทุกคน  ไปอาบน้ำด้วยกัน”
เสียงหวานใสอีกเสียงเรียกสติของผมให้กลับมาจากหน้าอกของบาร์บี้อีกครั้ง  และเมื่อเงยหน้ามองรอบๆให้ดีอีกครั้งก็ทำเอาเลือดกำเดาแทบพุ่งออกจากรูจมูก!
สะ…สวรรค์!
ดินแดนหนองโพที่ผมเฝ้าฝันถึงมาตลอดสิบเก้าปี!
อึก!
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  รอบตัวมีแต่หญิงสาวใบหน้างดงามและร่างกายก็น่าฟัดในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว  อกอูมๆโผล่พ้นเนื้อผ้ามาคนละนิดคนละหน่อย  ต้นขาอวบๆขาวเนียนก็ช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน  ให้ตายสิ  เผลอไปแค่ไม่กี่นาที  เปลี่ยนไปนุ่งผ้าเช็ดตัวกันหมดแล้วเหรอเนี่ย
โอ้วววว
“น้ำ  เป็นอะไรไปน่ะ  ทำไมมองพวกเราด้วยสายตาแปลกๆล่ะ”
“นั่นสิ  ถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงด้วยกัน  พวกเราคงคิดว่ามีผู้ชายโรคจิตกำลังนั่งจ้องแน่ๆเลย”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ  น้ำออกจะสวยขนาดนี้”
และอีกหลากหลายบทสนทนาที่เกิดขึ้น  หากแต่ในสายตาและสมองของผมตอนนี้โฟกัสไปที่จุดๆเดียวเท่านั้น…
อกโตๆ  หนองโพแท้ๆร้อยเปอร์เซ็น
ผมกำลังจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเหล่านางฟ้าทั้งหมดนี้สามเดือนเชียวเหรอเนี่ย!
ชักรู้สึกว่าการมาประกวดแทนน้ำก็ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆแล้วสิ
หมับ!
“ไปอาบน้ำกันเถอะ  เดี๋ยวฉันที่หลังให้เธอเอง  แล้วจะได้สนิทกันมากขึ้นไง”
บารบี้ดึงแขนผมไปกอดไว้แน่น  พร้อมกับเอาหน้าอกอันใหญ่โตมาถูๆไถๆกับแขน  คงเป็นเพราะเธอคิดว่าผมเป็นผู้หญิงนั่นแหละถึงได้ทำอะไรแบบนี้
โอ๊ยยย  จะไม่ไหวแล้วโว้ยย  อย่ายั่วกันแบบนี้สิคุณผู้หญิงทั้งหลาย!
“นั่นแน่ะ  จ้องหน้าอกฉันใหญ่เลยนะ  อิจฉาล่ะสิ  เพราะมันตู้มๆกว่าของเธอใช่ไหม”
บาร์บี้หัวเราะร่า  มิวายแอ่นหน้าอกโตๆใส่หน้าผมจนแทบจะทิ่มเบ้าหน้าอยู่รอมร่อ  มันช่างบีบและน่าขยำเหลือเกิน  เพิ่งรู้ว่าเรือนร่างของผู้หญิงมีเสน่ห์เย้ายั่วอลังการดาวล้านดวงมาก!
“พวกเราก็ใหญ่เหมือนกันนะ  ใหญ่กว่าของเธออีกบาร์บี้”
แล้วบรรดาสาวๆคนอื่นที่ยังไม่ได้เข้าไปในห้องน้ำก็เดินมาแอ่นหน้าอกประชันความใหญ่กันต่อหน้าผม  ปกติพวกผู้หญิงเขาเล่นกันแบบนี้เหรอ  แบบนี้ก็คล้ายๆกับผู้ชายที่แข่งกันว่าใครจะยิงกระต่ายได้ไกลกว่ากันเลยน่ะสิ
“เอาล่ะๆ  พอได้แล้ว  เดี๋ยวจะไปไม่ทันมื้อเย็นตอนหกโมง   น้ำ  เปลี่ยนชุดสิ  จะได้เข้าไปอาบน้ำกัน”
“ใช่แล้วๆ  เปลี่ยนเลย  ให้พวกเราดูหน่อยว่าหน้าอกของเธอมันขนาดเท่าไหร่กัน  คัพเอ  บี หรือว่าซี”
“วะ…ว่าไงนะ”
ผมยกมือขึ้นปิดร่างกายตัวเองทันที  ถ้าแก้ผ้าให้พวกเธอดูความก็แตกหมดน่ะสิ  ผมไม่มีหน้าอกหน้าใจอะไรไปสู้กับพวกเธอทั้งนั้นแหละ  แล้วที่สำคัญ…
ผมอาบน้ำกับพวกเธอไม่ได้ด้วย  ฮืออออออ
ลาก่อน…ฉากบาร์บี้ทรงโตถูหลังให้ผม
“เอ่อ…คือ…คือฉันกะว่าจะอาบทีหลัง….”
“อาบทีหลังอะไรล่ะ  อาบพร้อมกันนี่แหละ  ผู้หญิงเหมือนไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลยเนอะ”
“ใช่ๆ  มามะ  พวกเราช่วยกันถอดเสื้อผ้าให้น้ำดีกว่า”
“เดี๋ยวสิ!”
“เพื่อมิตรภาพของพวกเราทุกคนน่ะน้ำ  เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกสาเมดือน  เพราะงั้นต้องสนิทกันให้มากๆ”
“บาร์บี้พูดถูก  มาเร็ว  มาให้ฉันถอดเสื้อของเธอเสียดีๆ”
ว่าแล้วพวกเธอก็พากันล้อมวงผม  สองมือทำท่าขยำๆราวกับปอบหยิบ  แต่สิ่งที่พวกเธอกำลังหมายมั่นจะหยิบคือเสื้อผ้าที่ผมสวมอยู่ต่างหาก
“ไม่…ไม่เอา  อย่า…”
“จับน้ำไว้เร็ว  เดี๋ยวฉันจะเป็นคนถอดเสื้อของเธอเอง  อยากรู้นักว่าจะบึ้มๆสักแค่ไหน”
บึ้มอะไรล่ะเว้ย!  ถอดไปก็เจอแต่หัวนมกับนมปลอมเนี่ย!
อ๊ากกกกกกก
หมับ!
ไม่น้าาาาาาาา!

หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-09-2016 13:00:15
ตูละฮาจริมๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2016 15:50:04
ดูท่า เปลว คนโรคจิตรู้จักไฟ ดีเลย
อาจจะสนใจไฟมาก่อนด้วย
จะรอดไหมเนี่ย  ไอ้แก้ผ้าอาบน้ำเนี่ย  o22 o22 o22
แต่ไฟ ซะอย่าง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รอตอนใหม่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-09-2016 17:48:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-09-2016 21:24:06

ตอนที่ 4
อัศวิน…

ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นได้ถูกจังหวะดีมาก  ขณะที่บรรดาสาวๆกำลังพยายามจะกระชากเสื้อผมออกสุดฤทธิ์  หนึ่งในพวกเธอจึงตะโกนตอบกลับไป
“ใครคะ?”
“คุณเปลวให้มาตามคุณธารทิพย์ไปพบค่ะ  บอกว่ามีเรื่องสำคัญยังไม่ได้แจ้งอีกหนึ่งเรื่อง”
“ธารทิพย์?  ใครชื่อธารทิพย์เหรอ”
ผมยกมือแทรกขึ้นไปกลางวงแล้วพยักหน้าว่าตัวเองนี่แหละคือธารทิพย์
แต่…ไอ้คุณเปลวมันมีเรื่องอะไรต้องคุยกับผมอีกงั้นเหรอ?
“แหะๆ  แย่หน่อยนะ  ดูเหมือนวันนี้เราคงจะไมได้อาบน้ำสร้างมิตรภาพกันแล้วล่ะ  ไว้คราวหลังละกันเนอะ”
สิ้นคำ  ผมก็ออกแรงแกะมือกาวของพวกเธอแล้วลุกพรวดออกจากห้องไปทันที  ทีมงานคนหนึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว  เธอผายมือเชิญให้ผมเดินตามไป
คิดอีกที…การไปหาไอ้คุณเปลวนี่ก็น่ากลัวไม่แพ้กันเลยนี่หว่า
“จะไปไหนเหรอคะ?”
“คุณเปลวพักอยู่ที่ชั้นวีไอพีค่ะ”
พระเจ้าจอร์จ  ไม่ได้เป็นแค่ผู้จัดการธรรมดาๆเสียแล้วสิ  ถึงขั้นพักอยู่ชั้นวีไอพีในโรงแรมหรูๆได้  ถ้าไม่มีเส้นสายใหญ่ๆก็ต้องรวยมากๆ
ลิฟต์สำหรับวีไอพีเท่านั้นที่ใช้ได้มาผมมาถึงชั้นบนสุดของโรงแรม  ทันทีทีประตูลิฟต์เปิดออกก็จะเจอห้องพักเลย  ซึ่งใหญ่กินพื้นที่ไปทั้งใช้  ทีมงานผายมือเชิญให้ผมออกไป  และเมื่อผมออกมาจากลิฟต์  เธอก็จัดการปิดประตูลิฟต์กลับลงไปชั้นเดิมทันที
อ้าวเฮ้ย!  ทำไมเอาผมมาทิ้งไว้แบบนี้ล่ะพี่สาว!
ให้ตายสิ  แล้วไอ้หน้าหนวดนั่นอยู่ไหนล่ะวะ
เมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้  ผมก็ค่อยๆเดินสำรวจห้องนี้เพื่อตามล่าหาไอ้คนที่เรียกผมมาไปทีละจุด  ห้องวีไอพีนอกจากจะกินพื้นที่ไปทั้งชั้นแล้ว  กำแพงห้องยังทำด้วยกระจกทำให้มองเห็นวิวด้านนอกที่โคตรสวย  เห็นทะเลด้วยว่ะเฮ้ย
“ว้าว”
ภาพที่เห็นอดไม่ได้ที่จะต้องหยุดยืนมองมัน  ผมทาบมือไปกับกำแพงกระจกเพื่อมองดูคลื่นทะเลที่กำลังซัดเข้าฝั่งเบาๆ  ชายหาดพวกนี้คงจะเป็นพื้นที่ของทางโรงแรมหมดเลยแน่ๆ
ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะได้นอนห้องสวยขนาดนี้วะเนี่ย
“สวยดีใช่ไหมล่ะครับ”
เฮือกกก!
สติกระเจิงกับการปรากฏตัวแบบไม่ส่งเสียงบอกก่อนของไอ้คุณเปลว  ผมนี่พลิกตัวกลับมาหาเขาแทบไม่ทัน  รู้สึกร่างกายไม่ปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้คนๆนี้
คุณเปลวในสภาพสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ  โชว์แผงอกที่มีหยดน้ำเกราะพราวอยู่เล็กน้อยและบนหัวก็มีผ้าผืนเล็กๆวางอยู่  มือข้างหนึ่งกำลังใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดเส้นผมเบาๆ  ขะ…ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกัน  แวบหนึ่งในหัวผมคิดว่าเขาโคตรเซ็กซี่!
ทำไมกูไม่มีหุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจสาวแบบนี้บ้างวะ
“คุณเรียกฉันมาทำไมคะ”
เข้าประเด็นให้มันจบๆไปเลยดีกว่า  อยู่กับเขาสองต่อสองในสภาพที่อีกฝ่ายพร้อมรบตลอดเวลาอย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ  ดูท่าทางไอ้เวรนี่คงจะติดใจความสวยของน้ำ ( หรือผมวะ? ) ไม่ใช่น้อย  ดีนะที่คนตรงนี้คือผมไม่ใช่น้ำจริงๆ  ถ้าหากน้ำต้องถูกเรียกมาพบกับคนบ้ากามอย่างไอ้คุณเปลวตามลำพัง  ไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องสาวผมจะมีสภาพเป็นยังไง
“อาบน้ำด้วยกันไหมครับ?”
“หา? เอ๊ย  คะ?”
“คือผมหมายถึง…ห้องอาบน้ำรวมคงไม่สะดวกเท่าไหร่  ถ้าหากคุณอยากจะใช้ห้องน้ำที่นี่ผมก็ยินดีนะครับ”
“ไม่ล่ะค่ะ”
ปฏิเสธทันควัน  เกิดในห้องน้ำมีกล้องแอบถ่ายห่าเหวอะไรติดไว้ความก็แตกหมดน่ะสิ  บางทีไอ้หมอนี่อาจจะเป็นพวกโรคจิตที่คิดจะแซ่บผู้เข้าประกวดทุกคนที่อยากจะได้รางวัลด้วยการใช้เต้าไต่ก็ได้
ดีแล้วจริงๆที่ผมมาแทนน้ำ  น้องสาวที่น่ารักของพี่จะได้ไม่ต้องโดนไอ้คุณเปลวมันแทะโลม
“ทำไมล่ะครับ  ไม่ไว้ใจผมเหรอ?”
โคตรจะไม่ไว้ใจเลยไอ้สัส!
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ  ฉันแค่ไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดี”
“เหตุผลฟังขึ้นดีนะ  ไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดี  มองไม่ดีเรื่องอะไรเหรอครับ  เรื่องที่ผม…”
“…”
“สนใจคุณมากเป็นพิเศษหรือเปล่า”
ว่าพลางขยิบตาเจ้าเล่ห์ใส่อีกครา 
มึงเป็นโรคชักคะเย่อที่ตาเหรอ  วันนี้ทั้งวันกูเห็นมึงขยิบตาไปหลายรอบแล้วนะ 
“ฮะๆ  เป็นมุกที่ตลกดีนะคะ”
“ไม่เอาน่า  ผมแสดงออกขนาดนี้แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นมุกอีกล่ะ”
อีกฝ่ายกระเว้ากระวอด  ทำสีหน้าขัดใจแต่ก็ยังแอบยิ้มขำอยู่ในที  ร่างสูงเดินเข้าประชิดตัวผมจนแผ่นหลังแนบชิดติดกับกำแพงกระจก 
“คะ…คุณจะทำอะไร”
ถ้ามึงทำบ้าๆกูจะเปิดเผยตัวตนความเป็นชายให้มึงเห็นจนช็อกตาตั้งไปเลย!
“อยู่กันสองต่อสองกับผู้หญิงสวยๆแบบคุณ  ผมควรทำอะไรดีล่ะ”
“เล่นป้อกเด้งมั้งคะ”
“คุณป้อก  ส่วนผมเด้ง…ตกลงไหม?”
ไอ้คำว่า ‘เด้ง’  สายตาของอีกฝ่ายก้มลงไปที่เป้าของตัวเองด้วยแววตากะลิ้มกะเหลี่ย  เด้งมากูก็เด้งกลับล่ะเว้ย!
อ๊ะ  นี่ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรแบบนี้สินะ  ผมต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนจะถูกไอ้โรคจิตมันขืนใจแล้วความลับเรื่องที่ว่าผมเป็นผู้ชายจะแตก
“เลิกล้อเล่นได้แล้วล่ะค่ะคุณเปลว  ตกลงคุณให้ทีมงานตามฉันมาที่นี่มีเรื่องอะไรกันแน่คะ”
“บอกแล้วไงครับว่าชวนมาอาบน้ำด้วยกัน”
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอกนะคะ  เข้าเรื่องของคุณมาเถอะค่ะ”
“อาบน้ำด้วยกัน”
“คุณเปลว!”
“นะครับ”
“ฉันไปดีกว่า”
ผมตัดบทแล้วเบี่ยงตัวไปอีกฝั่งเพื่อจะหนีให้พ้นจากไอ้บ้ากามคนนี้
ตอนแรกนึกว่าเขาล้อเล่นเรื่องที่ชวนอาบน้ำด้วย  แต่ไปๆมาๆดูท่ามันจะจริงจังโคตรๆเสียแล้ว
หมับ!
“ไม่เอาน่า  คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าคุณอาบน้ำร่วมกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆไม่ได้”
“ทะ…ทำไมจะไม่ได้คะ  ฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับพวกเธอ  ไม่มีเหตุผลที่จะอาบน้ำด้วยกันไม่ได้สักหน่อย”
“หืม?  ผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเพศเลยนะ  ผมอาจจะหมายถึงว่าคุณมีโรคติดต่อที่ไม่สามารถทำอะไรร่วมกับคนอื่นได้ก็ได้  แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะหมายถึงเรื่องเพศล่ะครับ?”
เอาเลย… บรรดาถั่วๆทั้งหลายเตรียมฝั่งรากงอกบนตัวกูได้เลย!
“คือฉัน…”
“หรือว่าความจริงแล้ว  คุณมีอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศปิดบังเอาไว้”
มะ…มึงลาออกไปเป็นหมอดูเถอะไอ้คุณเปลว!
เดาแม่นปานมองทะลุเสื้อผ้ากูได้
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไรนะคะ  แต่ฉันไม่ได้มีความลับอะไรทั้งนั้น”
“คุณเชื่อใจผมได้นะ  ผมบอกแล้วไงว่าผมถูกใจคุณเพราะคุณสวยมาก”
“ปล่อยแขนฉันได้แล้วค่ะ”
“บอกผมมาเถอะ  ตราบใดที่คุณยังอยู่ที่นี่  ผมพร้อมจะเป็นอัศวินของคุณนะ”
คำพูดของเขาเรียกความสนใจจากผมได้เล็กน้อย  หันหน้ากลับไปมองร่างสูงที่กำลังจ้องผมอยู่  นัยน์ตาสีดำสนิทไม่ฉายแววล้อเล่นอีกต่อไป
อะไรของหมอนี่…
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าคุณพูดอะไร”
ผมยังยืนยันคำเดิม  เกือบไปแล้วล่ะ  เกือบจะเผลอหลุดปากบอกความจริงกับเขาไปแล้ว  ยังไงเสียไอ้หน้าหนวดก็คือผู้จัดการ  เป็นคนก่อตั้งการประกวดนี้ขึ้นมา  ลองถ้ารู้ว่าผมทำผิดกฎร้ายแรงโดยการสวมรอยเป็นผู้หญิงเข้ามาร่วมการประกวดด้วย  มีเหรอที่จะไม่เอาเรื่องหรือว่าตัดสิทธิ์ผม
ยังไงก็ไม่ได้  ถึงจะอึดอัดกับความลับนี้แค่ไหนผมก็บอกไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ  คุณยังไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร  เพราะผมมั่นใจว่าสักวันหนึ่ง…”
“…”
“คุณจะบอกเรื่องที่คุณปิดบังเอาไว้กับผมเอง”
“ฉันไม่มีอะไรปิดบัง  เพราะงั้นวันนั้นจะไม่มีวันมาถึงค่ะ”
“…”
“…”
“เข้าใจแล้วครับ  ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร”
ข้อมือถูกปล่อยให้เป็นอิสระ  ผมรีบก้มหัวเคารพเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปกดลิฟต์เพื่อกลับลงไปที่ห้องพักของตัวเอง
“แต่ว่าคุณน้ำ”
“…”
“การเก็บตัวครั้งนี้น่ะ…ไม่ใช่แค่มาทำกิจกรรมร่วมกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆหรอกนะครับ”
“…”
“แต่มันคือสงคราม”
“…”
“สงครามที่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะรับมือได้”
ติ๊ง!
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดก่อนจะเปิดออก  ผมรีบเดินเข้าไปข้างในและกดชั้นที่ต้องการจะไป  ประตูลิฟต์ทำท่าจะปิดลงแต่ผมก็จัดการเปิดมันออกใหม่อีกครั้ง  คุณเปลวที่ยืนพิงกำแพงกระจกและกอดอกมองผมอยู่เลิกคิ้วขึ้นเลกน้อย  คงรู้ว่าผมมีบางอย่างที่อยากจะบอกเขา
“ฉัน…”
“…”
“จะเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ให้คุณดูค่ะ”

พะ…พูดออกไปแล้ว!
พูดออกไปทั้งๆที่วันพรุ่งนี้จะใช้วิธีไหนแต๊บไข่ในการใส่ชุดว่ายน้ำยังไม่รู้เลย!  ไอ้ที่แต๊บอยู่ตอนนี้ก็แค่พอไม่ให้มีอะไรมันนูนโผล่พ้นเนื้อผ้าออกมาเท่านั้น  แต่ถ้าต้องแต๊บถึงขั้นที่จะสามารถใส่ชุดว่ายน้ำเดินโชว์ได้…
พี่ลิลลี่ไม่ได้สอนไว้
ถั่วงอกยาวทะลุชั้นบรรยากาศแล้วโว้ยยยย
แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็โชคดีที่ว่าบรรดาผู้เข้าประกวดคนอื่นๆต่างพากันออกไปเดินชมโรงแรมหมดแล้ว  ผมเลยถือวิสาสะล็อคประตูห้องน้ำรวมนี่เสียเลย  ขืนไม่ล็อค ถ้าหากมีคนกลับมาเห็นผมในร่างจริงกำลังอาบน้ำอยู่คงเป็นเรื่องแน่  ไม่สิ  เอาแค่ถูกไอ้คุณเปลวจับตามองก็เรื่องใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วไหม!
“พี่ต้องทำยังไงกับวันพรุ่งนี้ดีล่ะน้ำ”
ผมพูดกับเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก  คนในกระจกเหมือนน้ำของผมจริงๆ
เอาวะ!  ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน  วิธีการแต๊บพี่ลิลลี่ก็สอนมาแล้ว  แค่เพิ่มจำนวนเข้าไปแล้วทำให้มันแน่นขึ้นก็น่าจะพอถูๆไถๆได้ล่ะมั้ง
เลิกคิดมากแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมลงไปรวมกับทุกคนดีกว่า  เพราะนอกจากจะอาบน้ำแต่งตัวแล้ว  ผมยังต้องยัดนมปลอมและเก็บปิกาจู้ให้มิดชิดอีก  เรียกได้ว่าใช้เวลาในการอาบน้ำมากกว่าคนอื่นๆเท่าตัวเลย  เฮ้อ!

“น้ำ!  อยู่นี่เอง  เธอหายไปไหนมาน่ะ”
บาร์บี้ทรงโตวิ่งเข้ามาหาผมทันทีที่เธอหันมาเห็น  ขนาดใส่เสื้อโปโลแบบมิดชิด  ผมยังรู้สึกเหมือนตัวเองมองทะลุเสื้อผ้าเห็นหน้าอกของเธอเลย
เด้งขนาดนั้น…นมหรือลูกโบว์ลิ่งกันแน่วะ  น่าบีบน่าฟัดสุดๆ!
“ก็…หลังจากคุยธุระกับคุณเปลวเสร็จ  ฉันก็เลยไปอาบน้ำน่ะ”
“งั้นเหรอ  เสียดายเนอะที่วันนี้ไม่ได้อาบน้ำด้วยกัน”
เสียดายสิ  เสียดายมาก  ถ้าได้อาบน้ำกับบาร์บี้ในฐานะของไฟ  ผมคงดีใจไม่น้อยเลย
“แล้วเธอมีอะไรหรือเปล่า  หรือว่ารอกินข้าวพร้อมฉัน?”
“ใช่แล้ว  ทุกคนเขาจับคู่มีคู่บัดดี้กันหมดแล้วอ่ะ  เหลือแค่เราสองคนนี้แหละ”
“งั้นเราก็คู่กันสินะ”
ผมยิ้มหวานเมื่อเห็นบารบี้ทำหน้าเศร้าเพราะตัวเองยังไม่มีคู่อยู่คนเดียว  ผู้หญิงนี่เป็นเภทที่น่าทะนุถนอมจังเลยแฮะ  เวลาเห็นพวกเธอทำหน้าหม่นๆทีไร  ผมล่ะอยากจะเข้าไปดูแลปกป้องทุกทีเลย
“ดีจัง  จะได้ทานข้าวพร้อมคุณน้ำด้วย”
“คุณเปลว!  สวัสดีค่ะ”
บาร์บี้รีบยกมือไหว้ไอ้หน้าหนวดที่โผล่พรวดมาด้านหลัง  ไอ้นิสัยที่ชอบก้มลงมาพูดใกล้ๆหูคนอื่นนี่มันยังไงกันวะ  ขนลุกไปทั้งตัวแล้วเนี่ย!
“สวัสดีครับ  นี่ทานข้าวกันหรือยัง”
“ยังค่ะ  พอดีบาร์บี้รอน้ำอยู่  ว่าจะไปกินพร้อมกันน่ะค่ะ”
“งั้นดีเลย  ผมขอร่วมตะด้วยคนได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ!”
ผมและบาร์บี้ตอบกลับไปพร้อมกัน  แต่คนที่ตอบว่าไม่ได้น่ะมันคือผม
“ทำไมล่ะน้ำ  นี่คุณเปลวเลยนะ  ถ้าเราสนิทกับเขาไว้เราก็อาจจะมีสิทธิ์เข้ารอบก็ได้”
บารบี้ดึงผมเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอก  สีหน้าและแววตาของเธอดูจะตำหนิผมแบบสุดๆ
เฮ้ๆ  ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ต่างกับการโกงไม่ใช่เหรอ  ใช้วิธีตีสนิทกรรมการแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนเล่า  น้ำคงไม่ยินดีแน่ๆถ้าผมจะชนะมาได้ด้วยวิธีการแบบนี้น่ะ
“ถ้าคุณน้ำไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะครับ  ผม…”
“เต็มใจค่ะ!”
“ฮะ?”
“เต็มใจใช่ไหมน้ำ”
บาร์บี้บีบต้นแขนผมเบาๆแล้วพยักพเยิดไปทางไอ้คุณเปลวที่กำลังตีหน้าเศร้าเรียกคะแนนความสงสาร  จากสภาพกางเกงยีนส์ขาดสะบั้นตั้งแต่หัวจรดปลายกับเสื้อยืดย้วยๆที่คงจะใส่มานานกว่าห้าปีสีดำของมันแล้ว  ผมไม่คิดว่าจะอยากมีผู้เข้าประกวดคนไหนเอาร่างกายเข้าแรกแน่ๆ
หรือว่าเพราะเห็นหมอนี่แสดงท่าทีสนใจผม  บาร์บี้ก็เลย…
เล่นกันอย่างนี้เลยเลยเรอะ!  คิดบางไหมว่าถ้าผมกับมันได้กันเองอะไรจะเกิดขึ้น!
ปิกาจู้กับปิกาจู้แซ่บกันเองมีหวังฟ้าผ่าตายโหงทั้งโรงแรม  เวรเอ๊ยยย!
“อะ…อื้ม”
พี่ลิลลี่เตือนไว้ว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและซับซ้อนที่สุด  หากขัดใจหรือทำให้พวกเธอโกรธ  พวกเธอจะมีวิธีเล่นงานเราคืนได้เจ็บแสบที่สุด  เพราะงั้น…ถ้าผมอยากจะอยู่ที่นี่แบบสบายใจจนกว่าน้ำจะหายดีล่ะก็  ผมจะต้องรู้จักเออออห่อหมกตามความต้องการของพวกเธอ  พยายามไม่สร้างศัตรูจะดีที่สุด
หรือว่าบางที…
นี่อาจจะเป็น ‘สงคราม’ ที่ไอ้คุณเปลวเตือนผมก่อนหน้านี้
“เห็นไหมคะ  บาร์บี้บอกแล้วว่าน้ำเต็มใจ  ถ้างั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”
บาร์บี้ยิ้มกว้างเมื่อผมยอมทำตามที่เธอต้องการแต่โดยดีก่อนจะเดินนำไปทางบุฟเฟ่ต์มากมายที่วางเรียงรายกันอยู่  ทิ้งผมไว้กับตัวอันตรายที่สุดอีกแล้ว
“ผมจะทำให้คุณรู้เองว่าสงครามนี้มันน่ากลัวแค่ไหน”
“คุณทำแบบนี้ทำไม”
ผมตอบกลับเสียงเบา  จ้องหน้าเขาด้วยแววตาโกรธเคือง
การที่เขาเข้ามาตีสนิทกับผมต่อหน้าทุกคนแบบนี้  มันต้องไม่ใช่จุดประสงค์ที่ดีแน่นอน
“ผมอยากให้คุณเดือดร้อน”
“คะ?  นี่คุณโรคจิตหรือยังไง  ฉันไปทำอะไรให้คุณ!”
“คุณไม่ได้ทำอะไรให้ผมหรอก  แต่ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่าผมถูกใจคุณ”
“คุณทำกับคนที่คุณถูกใจแบบนี้เหรอคะ?  เป็นเด็กหรือไง  เด็กที่ชอบแกล้งผู้หญิงที่ตัวเองชอบ  คุณเป็นแบบนั้นเหรอ?”
“ชู่  อย่าเสียงดังสิครับ  พวกเราเป็นที่จับตามองของทุกคนมากนะ”
ก็มันเพราะใครกันเล่าที่ทำให้ทุกคนเข้าต้องเพ่งเล็งมาที่ผมแบบนี้!
แทนที่กูจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบๆรอน้ำมาเปลี่ยนตัวคืน  เห็นทีคงจะไม่เป็นแบบนั้นเสียแล้ว
“คุณมัน…”
“ผมจะทำให้คุณเดือดร้อนจนกว่าคุณจะ…”
“จะอะไร!”
“จะเรียกหาอัศวิน”
“ฮะ?”
“บอกแล้วไงครับว่าผมจะเป็นอัศวินของคุณเอง  แต่ดูเหมือนคุณจะไม่ต้องการ  ผมเลยต้องใช้วิธีนี้เพื่อทำให้คุณเรียกร้องหาผม  คุณจะได้…ต้องการผมอยู่ตลอดเวลา”
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่”
“งั้นมารอดูกัน”
ร่างสูงขยิบตาพร้อมยิ้มหวานส่งท้าย  ก่อนจะแตะบ่าผมเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาบาร์บี้ที่กวักมือเรียกอยู่ตรงมุมบุฟเฟ่ต์
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ  ต้องมาถูกผู้จัดการจับตามองตั้งแต่วันแรกของการประกวด  แถมยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่เขาทำเรื่องทั้งหมดนั้นเราะเขาต้องการอะไร  อยากให้ผมพูดความจริงงั้นเหรอ?  ให้สารภาพเรื่องที่กำลังปิดบังเอาไว้ใช่หรือเปล่า?  ถ้าเป็นแบบนั้นจริง  ผมคงต้องระวังตัวให้มากขึ้นเสียแล้ว  เพราะ…
…อัศวินทำร้ายคนที่ต้องการจะปกป้องเสียเองแบบนี้
มันหายนะชัดๆ!
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-09-2016 22:24:59
รอดูสงครามหนองโพ เอ๊ย สงครามสาวงาม
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-09-2016 22:34:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-09-2016 11:01:59
คือมันต้องมีอัลไล อัลไล ก่อนหน้านั้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 24-09-2016 11:34:13
ไฟจะรอดมั้ยเนี่ย อาบน้ำรวมกันงี้ แล้วตอนนอนอีก ลุ้น
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 22-11-2016 16:38:01
ตอนที่ 5
สัมผัสที่แปลกใหม่…งั้นเหรอ?
 
หลังจากกล้ำกลืนฝืนทนกินข้าวร่วมโต๊ะกับไอ้หน้าหนวดเสร็จ  ก็ถึงเวลาที่ที่ทางกองประกวดนัดหมายเอาไว้  ผมไม่รู้หรอกว่าเขานัดมาทำไม  ในหัวตอนนี้กำลังคิดหาทางเอาตัวรอดจากไอ้คุณเปลวและการใส่ชุดว่ายน้ำในวันพรุ่งนี้ไปพร้อมๆกันอยู่
“น้ำ  เป็นอะไรหรือเปล่า  สีหน้าเธอดูเครียดมาตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้วนะ”
“เปล่าหรอกจ้ะ  ไม่มีอะไรหรอก  ฉันแค่ตื่นเต้นเท่านั้นเอง”
“ทำใจให้สบายนะ  ในกองประกวดนี้ฉันว่าเราสองคนสวยแล้วก็หน้าอกใหญ่ที่สุดแล้วแหละ”
สวย…
หน้าอกใหญ่…
ยังไงผมก็ยังเป็นผู้ชายนะโว้ยยยย!
คำพูดของบาร์บี้ช่วยให้ผมใจชื่นขึ้นในเรื่องของความเนียนในการปลอมตัวเป็นผู้หญิง  แต่ไม่ได้ช่วยทำให้ผมคิดได้เลยว่าพรุ่งนี้จะรอดพ้นจากการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำได้ยังไง  ยิ่งถ้าเกิดจับฉลากได้ใส่พวกวัน ทู ทรี พีชๆ อะไรของพวกผู้หญิงนั่นผมต้องไม่รอดแน่ๆ
ทำยังไงดีวะ
จะทำยังไงดี!
“น้ำๆ  คุณเปลวเอาแต่จ้องเธอไม่เลิกเลยนะ  ฉันว่าเขาต้องชอบเธอแน่ๆเลย”
ผมหันมองตามนิ้วมือของบาร์บี้ที่ชี้ไป  ไอ้หน้าหนวดที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ของกรรมการกำลังเอามือลูบคางไปมาพลางมองมาทางผมด้วยสีหน้ากวนตีนสุดพลัง
ถ้ากูอยู่ในคราบของไอ้ไฟ  สาบานได้ว่าจะกระทืบแม่งให้เลือดกบปากเลย!
สายตาที่เหมือนมองทะลุปรุโปร่งผมแบบนั้นโคตรชวนให้โมโหเลย
“ไม่มีทางหรอก  เขาจะมาชอบฉันได้ยังไง”
“จริงๆนะ  เมื่อกี้ตอนที่นั่งกินข้าวอยู่เขก็มองแต่เธอ  ขนาดฉันชวนคุยเขายังไม่สนใจเลย”
“ไม่ใช่ล่ะ  ไม่ใช่แน่ๆ”
อย่ามาพูดอะไรให้ผมขนลุกมากไปกว่านี้อีกเลย
แต่ถ้าสมมติเป็นอย่างที่บาร์บี้พูดจริงๆ  ก็คงดีแล้วใช่ไหมที่ผมสวมรอยเป็นน้ำมาแบบนี้  เพราะถ้าน้ำมาเองแล้วได้เจอกับมันเข้าคงไม่มีทางป้องกันตัวเองจากไอ้หื่นอย่างนี้ได้แน่ๆ
“โอ๊ะ!  ยัยแม่มดมาแล้ว”
การสนทนาเป็นอันต้องจบลงเมื่อป้าแว่นเดินเฉิดฉาดเข้ามา  หน้าถมึงทึงหันขวับมาทางผมเป็นคนแรก  ให้ตายสิ  เกือบลืมยัยป้านี่ไปแล้วไหมล่ะ  การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ชักจะไม่ง่ายอย่างที่ไอ้คุณเปลวมันบอกจริงๆแฮะ

‘สงครามที่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะรับมือได้’

หรือจะจริงอย่างที่มันพูดวะ
สงครามที่มีขึ้นสำหรับผู้หญิงเท่านั้น  บนโลกนี้มันมีจริงๆด้วยเรอะ!
“เอาล่ะ  นี่คือตารางสำหรับวันพรุ่งนี้  มีรายละเอียดทุกอย่างครบถ้วน  ไม่มีตารางที่พวกคุณทุกคนได้รับในตอนแรก  นั่นเป็นเพียงตารางงานคร่าวๆที่ทีมงานทำขึ้นเท่านั้น  ส่วนตารางงานอย่างละเอียดเราจะแจกให้วันต่อวันเพื่อให้พวกคุณได้เตรียมตัวก่อนถึงวันทำกิจกรรมจริงค่ะ”
ใบตารางงานถูกแจกส่งต่อมาเรื่อยๆจนถึงผมกับบาร์บี้ที่นั่งอยู่เกือบจะท้ายเท่า  อารมณ์ไม่ต่างจากเวลามาเข้าค่ายของมหาวิทยาลัยเลยวุ้ย
“นี่ไง  มีถ่ายแบบชุดว่ายน้ำจริงๆด้วยแฮะ”
บาร์บี้ชี้ไปบนตาราง  ผมรีบไล่สายตามองตามจนเจอ  กิจกรรมถ่ายแบบชุดว่ายน้ำจะมีตอนเก้าโมงที่ชายหาดของโรงแรมนี้
ตายๆๆ ตายแน่ๆ  เป็นการถ่ายแบบทีเปิดให้คนนอกเข้ามาชมได้เสียด้วย ถ้าผมทำพลาดจนความแตกขึ้นมาว่าเป็นผู้ชายอะไรจะเกิดขึ้นบ้างวะเนี่ย
คงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งนานเป็นอาทิตย์ชัวร์ๆ!
“น้ำ  เธอหน้าซีดจริงๆนะ  ไม่สบายหรือเปล่า”
“ปะ…เปล่า  ฉันไม่เป็นอะไร”
“แต่…”
“แค่กังวลนิดหน่อยน่ะ  แบบว่า…ฉันไม่ค่อยชอบใส่ชุดว่ายน้ำสักเท่าไหร่”
“อะไรกัน  หุ่นแบบเธอใส่ชุดว่ายน้ำได้สบายๆอยู่แล้ว  ต้องน่ารักแน่ๆ”
“เหอะๆ  เหรอ  ขอบใจนะ”
กูอยากจะร้องไห้  ฮืออออออ!

“น้ำนอนตรงนี้  ส่วนฉันนอนตรงนี้  โอเคนะ”
บาร์บี้จัดแจงเรื่องการแบ่งที่นอนเรียบร้อยเสร็จสรรพ  ผลสรุปคือผมและบาร์บี้ได้เป็นรูมเมทกัน  ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เราจะกินอนอยู่ในห้องด้วนกันตามลำพังสองคนเท่านั้น  เพียงแต่คืนแรกผู้เข้าประกวดทุกคนจะต้องนอนรวมกันก่อน  เธอเลยจัดแจงให้รูมเมทแต่ละคนได้นอนใกล้กัน  โดยที่ผมถูกจัดให้นอนติดกำแพงส่วนบาร์บีก็นอนข้างๆ  ซึ่งเป็นตรงกลางระหว่างคู่ของเรากับคู่คนอื่น
“พอดีฉันกลัวผีน่ะ  เลยไม่ชอบนอนริม  แหะๆ”
เดี๋ยวป๋าไฟจะนอนกอดไว้ทั้งคืนเลย!
ผมได้แต่ยิ้มเพื่อซ่อมความหื่นกระหายของตัวเองเอาไว้   ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่จับเนื้อต้องตัวเพศตรงข้ามที่นอกเหนือจากน้ำก็ยังไม่เคย  เพราะฉะนั้นเรื่องจูบหรอเรื่องเซ็กส์ตัดออกไปจากวงโคจรได้เลย!  อย่างมากก็ดูคลิปแล้วช่วยตัวเองสักสิบยี่สิบนาทีนั่นแหละ
นี่กูพูดเรื่องอะไรของกูวะเนี่ย!

‘อื้อ…ไม่เอาน่า’

“!!!”
ผมชะงักเมื่อจู่ๆก็มีเสียงบางอย่างแวบเข้ามาในหัว  พร้อมกับความรู้สึกประหลาดที่ริมฝีปาก  อะไรบางอย่างในหัวทำให้ผมคิดว่าตัวเองเคยผ่านการจูบอันแสนดูดดื่มมาก่อน…
มะ…มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะเฟ้ย!  แฟนก็ยังไม่เคยมีกับเขาสักคนแล้วจะไปจูบปากหมาปากแมวที่ไหนได้!
แต่…เสียงที่ดังเข้ามาในหัวเมื่อกี้นี้มัน…
เสียงเหมือนตัวเองเลยแฮะ
“น้ำ  นอนได้แล้วนะ  ถ้านอนดึกมาเดี๋ยวตื่นมาหน้าจะโทรมรู้หรือเปล่า”
“อ๊ะ!  อ๋อ  จ้ะ  นอนจ้ะนอน”
ผมทิ้งตัวลงนอนตามที่บาร์บี้บอก  ก่อนที่วงแขนเล็กๆจะตวัดมากอดผมเอาไว้  หน้าอกอวบอิ่มเบียดเสียดแผ่นหลังจนปิกาจู้แทบจะตื่นจากการจำศีล
“เอ่อ…”
“ขอนอนกอดหน่อยนะ  ฉันเป็นคนติดหมอนข้าง”
ว่าพลางชะโงกหน้ามากระซิบใกล้ๆหู
แม่คุณเอ๊ยยยย  ขยันหาเรื่องให้กูตบะแตกจริงไรจริง 
ผมได้แต่ท่องพุธโธ นะโม สังโข ในใจเพื่อระงับกิเลสที่เกิดขึ้น  เกิดเป็นไอ้ไฟนี่แม่งโคตรลำบาก  มีผู้หญิงมานอนกอดก่ายอยู่ข้างกายขนาดนี้แต่ก็ทำอะไรไมได้  หลังจากนี้คงต้องหาเวลาไปเล่นว่าวตามลำพังสักหน่อยแล้ว  ปวดหนึบไปหมดล่ะเนี่ย!
“อื้อ…”
ตุ้บ!
แขนไม่พอ  ขาตามมาอีก…  ผมหรี่ตามองยัยผู้หญิงข้างตัวที่เพียงเสื้อส่ายเดียวโชว์หน้าอกอันมโหฬารกับกางเกงผ้าร่มขาสั้นจนแก้มก้นโผล่   แต่กลับนอนไม่ระวังตัวด้วยการทั้งกอดทั้งก่ายคนข้างตัว  นี่คงคิดว่าผมเป็นหมอนข้างไปแล้วจริงๆใช่ไหม  ถึงได้พาดขาขึ้นมาบนลำตัวแล้วเบียดเสียดส่วนนั้นกับตัวผม…
ถ้าไม่ใช่เพื่อน้องสาวสุดที่รักกูจะไม่ทน!
เอ้า  ฮึบ!!!

“เฮ้อ!”
เป็นการถอนหายใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้  ผมอาศัยช่วงที่ทุกคนหลับสนิทกันทั้งห้อง  เขี่ยบาร์บี้ออกไปจากตัวแล้วย่องออกมาเงียบๆคนเดียว  ยังดีที่ถึงแม้จะไม่สามารถออกนอกตัวโรงแรมได้เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าประกวด  แต่ในโซนสระว่ายน้ำก็ยังออกมานั่งกินลมชมวิวได้อยู่  อย่างน้อยๆก็อยากจะอยู่กับตัวเองคนเดียวสักพักล่ะนะ
“ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำพรุ่งนี้…ทำยังไงดีวะ”
ถามคำถามเดิมกับตัวเองเป็นรอบที่ล้าน  แต่ก็ยังหาคำตอบไมได้เสียที
หรอจะไปจอยืมมีดอีโต้จากห้องครัวของโรงแรมแล้วจัดการผ่าตัดปิกาจู้เองเสียเลย  ทั้งๆที่ถ้าเป็นพวกกางเกงขาสั้นอะไรเทือกนั้นก็ยังพอปิดบังไปได้แท้ๆ  แต่นี่เล่นมาเป็นชุดว่ายน้ำน้อยชิ้นประหนึ่งผ้าเตี่ยว
ทำไมไม่ให้แก้ผ้าไปซะเลยล่ะ!
“รอนานไหมครับคุณน้ำ”
จำได้ว่าผมไม่ต้องการสัมภเวสีมานั่งเป็นเพื่อนสักหน่อย!
ยิ่งไปกว่านั้นคือ…สัมภเวสีที่ว่าดันเป็นไอ้หน้าหนวดจอมลามกที่ผมอยากจะหนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว…
มึงแอบติด GPS  ไว้ที่ตัวกูใช่หรือไม่  ตอบ!
“ขอตัวนะคะ”
หมับ!
“เดี๋ยวสิครับ  นั่งคุยกันก่อน”
ข้อมือถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้แล้วฉุดให้นั่งลงตามเดิม
ประทานโทษเถอะ!  เก้าอี้ริมสระมีอยู่เป็นสิบตัวจนแทบจะท่วมหัวมึงตายทำไมมึงไม่นั่ง  มานั่งข้างกูทำไม!
“หนาวเหรอคะ”
ผมถามหน้าตายพลางมองไอ้หน้าหนวดที่พยายามนั่งเบียดผมเสียเหลือเกิน  ถ้าจะเบียดกูขนาดนี้แนะนำให้ขึ้นมาขี่คอกูเลยจะดีที่สุด
“หนาวสิครับ  คุณน้ำไม่หนาวเหรอ”
“รอนตับแล่บเลยค่ะ”
“งั้นผมแก้ผ้าให้ไหมครับ”
ไม่พูดเปล่า  มือปลาหมึกของไอ้หน้าหนวดยังคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อของผมเตรียมถลกขึ้นเต็มที่อีก 
เดี๋ยวๆๆๆ  ตอนนี้กูอยู่ในสถานะของผู้หญิงนะเว้ย  ไหงแม่งทำอะไรไม่ให้เกียรติกันแบบนี้วะ  ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นน้ำไม่ใช่ผม  ไอ้โรคจิตนี่จะทำอะไรน้องสาวผมบ้าง!
“นี่คุณ!”
“ไม่เอาน่า  อย่าโมโหสิครับ  คุณเคยน่ารักกว่านี้ตั้งเยอะนะ”
“เคย?  คุณทำเหมือนพวกเราเคยเจอกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ  นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกนะที่คุณชอบพูดจาทำนองนี้”
“งั้นเหรอ  ผมพูดแบบนั้นออกไปเหรอเนี่ย”
ไอ้หน้าหนวดแสร้งทำตาโตเหมือนตกใจที่ตัวเองหลุดพูดอะไรออกมา
หรือว่าบางทีไอ้หมอนี่…มันอาจจะเคยเจอน้ำที่ไหนมาก่อน  หรือไม่น้ำก็อาจจะเคยรู้จักมัน  แต่พอผมสวมรอยมาเป็นน้ำก็เลยจำมันไม่ได้เพราะผมไม่เคยเจอกับมันมาก่อน
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่แปลกเลยที่มันจะตามติดผมขนาดนี้  เพรามันคงสงสัยไม่น้อยว่าทำไมน้ำ ( ซึ่งตอนนี้คือผม ) ถึงทำตัวเหมือนไม่เคยรู้จักกับมันมาก่อน
แบบนี้ก็ฉิบหายวายป่วงงานงอกเงยแล้วสิ  ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าน้ำเคยเจอกับหมอนี่มาก่อนหรือเปล่า!  กว่าจะมีโอกาสได้ติดต่อโลกภายนอกอีกครั้งก็คือการตัดสินผู้เข้ารอบสิบคนสุดท้ายในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า…?
“ถึงกับต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเลยเหรอครับ  ไม่เอาๆ  เดี๋ยวหน้าย่นแล้วจะไม่สวยนะ”
นิ้วโป้งของไอ้หน้าหนวดวางแหมะลงมาระหว่างกลางของคิ้วทั้งสองข้าง  ก่อนที่เขาจะนวดมันเบาๆ  ระยะห่างของผมกับมันเลยหดสั้นลงมาอีก  มันใกล้เสียจนผมรู้สึกได้ว่าลมหายใจของอีกฝ่ายที่ผ่อนออกมานั้นร้อนมากแค่ไหน
“วันนี้ผมเห็นคุณขมวดคิ้วทั้งวันเลยนะ  ไม่ปวดตาบ้างหรือไง”
“แล้วมันเพราะใครกันล่ะ”
“หืม?  จะบอกว่าเพราะผมงั้นเหรอ”
“มีคนอื่นที่คอยกวนประสาทฉันอีกหรือไง!”
ผมจิกตาใส่มันเต็มที่  แต่ก็ยังปล่อยให้เขานวดตรงระหว่างคิ้วไปให้เรื่อยๆเพราะมันทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นเยอะจริงๆ  สงสัยก่อนหน้านี้จะเอาแต่ขมวดคิ้วมากไป  รู้สึกเหมือนตาจะหลุดออกมาจากเบ้าเลยล่ะ
“คุณผิดเองนะที่จำผมไม่ได้น่ะ”
“!!!”
“แต่ไม่เป็นไร  ผมเข้าใจ  วันนั้นผมเองก็ไม่ได้อยู่อธิบายอะไรให้คุณฟังเหมือนกัน  ก็ไม่แปลกหรอกที่คุณจะจำผมและเรื่องในวันนั้นไม่ได้”
ไอ้หน้าหนวดเลื่อนมือมาแตะที่แก้มของผมแทน  นัยน์ตาน่าค้นหากำลังจ้องลึกเข้ามาราวกับต้องการค้นบางสิ่งข้างในนั้นฝนขณะที่ผมได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ  ในหัวคิดมากกับสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งพูดออกมา
งานเข้าแล้วจริงๆ…
หมอนี่เคยเจอกับน้ำมาก่อนจริงๆ  แถมไม่รู้ว่าเคยไปเจอกันในสถานการณ์ไหนอีก!  ถ้าหาก…เขาเกิดสงสัยว่าน้ำในตอนนี้กับน้ำที่เขาเคยเจอเป็นคนละคนกันขึ้นมา
อะไรจะเกิดขึ้นนะ?
“นึกไม่ออกจริงๆเหรอครับ  คุณน้ำ”
“ฉัน…”
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ  จะนึกออกไหม”
“คะ?  อุ๊บ!”
ริมฝีปากถูกประกบทับลงอย่างแนบแน่น
ผมได้แต่เบิกตากว้างนั่งตัวแข็งยิ่งกว่าหุ่นยนต์กับสัมผัสที่จู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหัน  สองมือพยายามดันตัวเขาให้ออกห่างแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีแรงมากกว่า  กลายเป็นว่าข้อมือทั้งสองข้างถูกมือเพียงข้างเดียวของไอ้คุณเปลวรวบไปจับเอาไว้  ส่วนมืออีกข้างของเขาก็กดท้ายทอยผมไม่ให้ดิ้นหนี
“อื้อๆๆๆ!”
ภายในโพรงปากถูกบุกรุกด้วยเรียวลิ้นร้อน  ผมหลับตาปี๋เพราะเริ่มทำอะไรไม่ถูก  ในหัวตอนนี้ขาวโพลนไปหมด  รับรู้เพียงแค่ว่าลิ้นของตัวเองกำลังถูกดูดดุนจนแทบจะฉีกขาด
ความเจ็บปวดที่ข้อมือเริ่มจางหายเพราะอีกฝ่ายค่อยๆคลายแรงบีบลงทีละนิด  ในขณะที่ผมเองก็เลิกดิ้น  จากหลับตาปี๋ก็เปลี่ยนมาเป็นหลับตาพริ้มแทนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  สัมผัสที่รุนแรงในตอนแรกก็นุ่มนวลขึ้นเรื่อยๆ  ลิ้นของผมกับเขาเกี่ยวตวัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร  มือหนาที่เคยกดท้ายทอยผมไว้เลื่อนลงไปจับที่สะโพกแทน
“อ๊ะ…”
เผลอปล่อยเสียงร้องออกมาเมื่อปลายลิ้นร้อนของเขาแตะที่ลำคอ  ริมฝีปากสากๆตามแบบฉบับของผู้ชายพรมจูบไปทั่ว  แต่ที่น่าแปลกคือ…
ร่างกายของผมแอ่นตัวขึ้นตอบรับทุกสัมผัสของเขา
คล้ายกับว่าตัวเองคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาทั้งที่ไม่มีทางเป็นไปได้
“อื้อ…”
ผมตัวสั่นระริก  สองมือจับไปที่ศีรษะของคุณเปลว  ขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับหน้าท้องของผม  ตอนนี้ทั้งผมและเขากำลังนัวเนียกันอยู่ที่เก้าอี้ริมสระ  ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นมาเล็กน้อยพอให้เขาลากลิ้นเลียไปทั่วหน้าท้องจนขนแขนตั้งชันขึ้นเป็นแถบๆ
“ร้อนแรงเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“!!!”
เสียงพูดของไอ้คุณเปลวที่ดังขึ้นเรียกสติของผมกลับคืนมาในทันที!
สองตาเบิกกว้างจนแทบถลนมองร่างสูงที่กำลังไล่จูบหน้าท้องของผมเล่น  โดยที่นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของเขาไม่ได้ละไปจากใบหน้าของผมเลย  เชี่ยเอ๊ย!  เกิดอะไรขึ้นกันวะเนี่ย!
“ไอ้ทุเรศ!”
พลั่ก!
ผมออกแรงถีบไอ้หน้าหนวดเต็มแรงจนมันหงายหลังกลิ้งลงไปจากเก้าอี้  รีบดึงเสื้อของตัวเองกลับลงมาตามเดิม  ในเวลานี้ผมยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกทั้งนั้น  ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้ยอมให้ไอ้เวรนั่นมันกระทำย่ำยีกับร่างกายสุดรักสุดหวงได้ขนาดนี้!
“อะไรของคุณครับเนี่ย   กำลังสุนกแท้ๆเลยนะ”
“คุณเปลว!”
“อย่าทำหน้าเหมือนผมบังคับขืนใจคุณแบบนั้นสิ  เพราะถ้าใครได้เห็นฉากเมื่อกี้  ก็คงไม่มีใครคิดว่าผมขืนใจคุณหรอกนะ”
ไอ้หน้าหนวดยิ้มเยาะประหนึ่งผู้กุมชัยชนะ
ผมขบหันกรามแน่นระงับความโกรธของตัวเอง  สองมือกำเป็นหมัดเตรียมพร้อมจะกระทืบคนตรงหน้าให้ตายคาที่แต่ก็ทำไม่ได้  ถ้าผมทำอะไรลงไปตอนนี้  ความเรื่องที่ว่าแท้จริงแล้วผมไม่ใช่น้ำก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“อย่ามาเข้าใกล้ฉันอีกเด็ดขาดเลย!”
“แปลกแฮะ  เมื่อกี้คุณตอบสนองผมดีจะตาย  ทำไมตอนนี้ถึงทำเหมือนไม่ชอบซะแล้วล่ะ”
“หุบปากไปซะ!”
“โอ๊ะ!  กลับมาเสียงห้าวแล้วแฮะ”
เวรแล้วไง  ลืมตัว!
“ยะ…ยังไงก็แล้วแต่  ห้ามคุณเข้าใกล้ฉันอีกเด็ดขาดเลย!”
ตะโกนทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบวิ่งกลับเข้ามาในตัวโรงแรม
โชคดีที่ไม่มีใครเห็นตอนที่ผมกับไอ้เวรตะไลนั่นกำลัง….กัน  ไม่งั้นคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน  ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงยอมให้มันทำแบบนั้นกับร่างกายของตัวเองได้  ในเมื่อผมเป็นผู้ชาย  มันก็เป็นผู้ชาย  แล้วทำไม…ทำไมสัมผัสของมันถึงได้…
“ไม่ๆๆ เลิกคิดเดี๋ยวนี้ไอ้ไฟ!”
ผมตบหน้าตัวเองเต็มแรงเพื่อให้เลิกคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้   บอกไมได้เลยว่าหัวใจของผมเต้นแรงมากแค่ไหน
นี่มันอะไรกันวะ!
ทั้งที่เป็นครั้งแรกที่ถูกทำแบบนั้น  ไม่ว่าจะเป็นที่ปาก  ที่ลำคอ  หรือว่าที่หน้าท้อง…
แต่ทำไม…
สัมผัสพวกนั้น…
เป็นสัมผัสที่แปลกใหม่สำหรับผมจริงๆ…งั้นเหรอ?



Talk :
มาอัพตอนที่ 5 แล้วค่า  หลังจากที่หายไปเป็นเดือนๆ  ต้องกราบขออภัยคนที่ติดตามจริงๆนะคะ  หลังจากนี้จะไม่หายไปไหนแล้วค่ะ  เพราะตั้งใจจะแต่งเรื่องนี้และอัพให้อ่านจนจบก่อนปีใหม่  เพราะหลังปีใหม่ตั้งใจจะเปิดพรีออเดอร์เรื่องนี้ด้วยค่า  ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ  มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้ไฟ  รวมถึงช่วยกันคิดว่าคนที่คุณเปลวเคยเจอนั้นแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่?  น้ำหรือว่าไฟกันนะ? 
รักนักอ่านน้า  จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: เรารักน้องเจี้ยบ ที่ 22-11-2016 18:47:01
อัพเเล้วค่ะซิส  :o8: สนุก :hao7: :hao7: :hao7: อัพต่อ :hao5: :hao5:ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-11-2016 22:36:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 23-11-2016 00:23:45
รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 23-11-2016 01:39:30
 :mew3:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-11-2016 09:19:42
สงครามนางงาม? สนุกดีๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 23-11-2016 13:32:38
นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-11-2016 19:22:25
เล่นไล่จับกัน
ไฟ เหมือนเคยเจอกับการจูบ แต่ทำไมจำไม่ได้
แสดงว่าเคยเกิดอะไรกับความจำของไฟ มาก่อน
ไฟ เคยเกิดอุบัตุที่กระทบกระเทือนทางสมอง? :katai1: :katai1: :katai1:
แล้วคงมีอะไรให้จำได้มากขึ้นสินะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 24-11-2016 17:22:23
ตอนที่ 6
ของรักของหวง

“ฮ้าววววววว”
“ยี้!  น้ำ  ทำไมเธอถึงหาวปากกว้างน่าเกลียดเหมือนพวกผู้ชายแบบนั้นล่ะ!  อย่าลืมสิว่าทีมงานคอยจับตาดูพวกเราตลอดเวลานะ”
บาร์บี้ตีเพี๊ยะเข้าที่ปากผมหลังจากที่เพิ่งอ้าปากกว้างหาวขนาดที่หัวไดนาเสาร์ยังสามารถมุดเข้าไปอยู่ได้ 
ทำไงได้ล่ะวะ  เมื่อคืนพอหนีจากไอ้หน้าหนวดนั่นกลับมาที่ห้อง  ก็ยังต้องมาสงบสติอารมณ์และหักห้ามใจตัวเองไม่ให้จับยัยคนข้างๆปล้ำอีก  นอนก็ดิ้นจนเสื้อเปิดเห็นอะไรต่อมิอะไร  ไม่ว่าจะเอาผ้าห่มปิดให้กี่ครั้ง  สุดท้ายก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
กางเกงในจีสตริงสีแดงสด…
เกิดเป็นกูนี่มันลำบากจริงๆเลยโว้ย!
“โทษที  พอดีฉันง่วงน่ะ”
“เมื่อคืนก็นอนพร้อมกันนี่  เธอยังจะง่วงอีกเหรอ”
“ก็นะ  ฉันขี้เซานะ”
จะให้บอกความจริงไหมว่ามันเป็นเพราะเธอเนี่ย!
ผมเลิกสนใจยัยจอมเอ๋อข้างตัวแล้วชะโงกมองหาไอ้หน้าหนวด  เช้านี้พวกคณะกรรมการเรียกผู้เข้าประกวดมาออกกำลังกายร่วมกันที่ริมชายหาดตอนเช้าก่อนทานข้าว  หลังจากนั้นถึงจะให้แยกย้ายกันไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวถ่ายแบบในวันนี้
ชุดว่ายน้ำ…
“มองหาผมอยู่เหรอครับ  ฟู่…”
“ตาเถน!!!”
อุทานออกไปเสียงห้าวจนคนอื่นๆพากันหยุดวอร์มอัพร่างกายแล้วหันมามองผมเป็นตาเดียว
ส่วนไอ้คนที่ทำให้ผมต้องตกใจจนหลุดแมนก็ยืนเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่
ไอ้หน้าหนวดปลาหมึก มึงอย่าอยู่เลย!
“ทำบ้าอะไรของคุณคะ  มากระซิบกระซาบข้างหูฉันแถมยังเป่าลมใส่แบบนั้นอีก”
“มันไม่เซ็กซี่เหรอครับ”
“เซ็กเสื่อมน่ะสิไม่ว่า!”
“ได้ลองสักครั้งแล้วจะรู้ว่าจะเสื่อมหรือจะติดใจนะครับ”
มันเอาอีกแล้ว  พากูวกเข้าเรื่องใต้สะดืออันแสนต่ำตมตลอดเลย!
“คุณ!”
“เอาล่ะครับสาวๆ  เลิกวอร์มได้แล้ว  เดี๋ยวผมจะนำเต้นเอง  พวกเราจะออกกำลังตอนเช้ากันด้วยการเต้นนะครับ”
ไอ้หน้าหนวดขยิบตาให้สาวๆ  ทำอย่างกับตัวเองหล่อตายห่าล่ะ!  ลองถ้ากูไม่ได้อยู่ในสภาพของน้ำแต่เป็นไอ้ไฟตามปกติ  กูต้องหล่อกกว่ามึงร้อยล้านเท่าแน่ๆ!
“น้ำ  ทำไมเธอชอบมองคุณเปลวเหมอนเกลียดเขามากขนาดนั้นด้วยล่ะ”
“ก็เกลียดน่ะสิ”
ผมตอบบาร์บี้กลับทันควัน  เกลียดจนอยากจะเอาตีนไปบี้หน้ามันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“ทำไมล่ะ  ฉันว่าเขาก็ดูดีออกนะ  ถึงจะเซอร์ไปนิดแต่ก็เป็นสุภาพบุรุษแล้วก็ใจดี  เขาคอยตามเธอตลอดเลยด้วย  น่าสนใจจะตาย”
“เธอก็จีบซะสิถ้าสนใจ  แต่ฉันไม่”
“ถ้าเขามาตามฉันต้อยๆเหมือนที่ตามเธอก็คงจะจีบอยู่หรอกนะ”
ก็นั่นน่ะสิ  ผู้หญิงสวยๆในนี้นอกจากน้ำ ( หรือผม ) ก็ยังมีอีกเป็นกระบุง  เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเจาะจงมาที่ผมด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีท่าทีเหมือนเคยเจอกับน้ำมาก่อนอีก  ที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่ามันรู้หรือเปล่าวาความจริงแล้วผมคือไฟไม่ใช่น้ำ  หรือมันแค่คิดว่าน้ำ ( ซึ่งตอนนี้คือผม ) กำลังทำเป็นไม่รู้จักมันอยู่
ให้ตายสิ  ถ้าสามารถติดต่อน้ำได้ในตอนนี้คงพอจะแก้ปัญหาอะไรได้บ้างแท้ๆ  เจอแบบนี้ก็มืดสิบแปดด้านเลยสิวะ!
“ผิดแล้วครับคุณน้ำ  ท่าที่ผมสอนไปน่ะ  มันต้องทำแบบนี้”
“คะ?”
เพราะมัวแต่คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้จนไม่ได้ดูว่ารอบข้างเขากำลังทำอะไรกัน  ไอ้หน้าหนวดเลยทำเนียนเดินเข้ามาจับเนื้อต้องตัวผมเพื่อจัดท่าให้อยู่ในท่าที่มันกำลังสอนอยู่ตอนนี้นั่นเอง
หมับ!
“!!!”
อะ….ไอ้เวรนี่จับก้นผม!
“ครับ?”
แต่สิ่งที่มันทำคือแสร้งยิ้มเอียงคอเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด  แถมตัวมันเองก็ยืนบังตัวผมจากด้านหลังซะมิดจึงไม่มีใครเห็นหน้าๆว่ามันกำลังย่ำยีก้นน้อยๆของผมอยู่
อ๊ากกกกกก!
“ใช่แล้วครับ  แบบนี้แหละ”
ไม่ต้องมาทำเสียงแผ่วเลยไอ้ห่า!
ผมได้แต่กัดฟันกรอดฝืนยิ้มกลับไปเหมือนขอบคุณมันเสียเต็มประดาที่มาช่วยสอนให้  ทั้งที่ในใจอยากจะกระทืบไอ้ลามกจกเปรตคนนี้จะแย่อยู่แล้ว!
มึงนะมึง  อย่าให้กูหลุดจากวงโคจรนางงามนี่ไปได้เถอะ  พ่อจะจับมาเจื๋อนปิกาจู้ทิ้งให้สาแก่ใจเลย!
“เชอะ  ดูยัยน้ำสิ  พอคุณเปลวทำท่าสนใจเข้าหน่อยก็คงคิดจะใช้เต้าไต่สินะ  ทุเรศจริงๆ”
“ฉันกะไว้แล้วแหละว่าจะต้องมีใครสักคนพยายามใช้ร่างกาเข้าแลกเพื่อให้ได้ตำแหน่งในครั้งนี้”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงน่ะ!”
ผมตะโกนถามเสียงดังพลางตั้งท่าจะพุ่งเข้าหายัยอกแฟ้บสองคนที่ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ไม่ไกล  หากแต่บารบี้ก็ดึงผมเอาไว้สุดแรง
“อย่านะน้ำ!”
“ทำไมล่ะ  เธอก็ได้ยินที่ยัยสองคนนั้นพูดไม่ใช่เหรอ”
“แล้วยังไงล่ะ”
“แล้วยังไง?  ทำไมเธอถามแบบนี้ล่ะ  ฉันกำลังถูกสองคนนั้นพูดจาดูถูกนะ!”
“น้ำ  เธอคิดว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกัน  ที่นี่คือกองประกวดนะ  การถูกดูถูก  ใส่ร้าย ป้ายสีเพื่อสร้างความอิจฉาพวกนี้น่ะเป็นเรื่องปกติที่พวกเราทุกคนต้องเจอและผ่านมันไปให้ได้  ถ้าเรื่องแค่นี้เธอยังผ่านมันไปไม่ได้  ไม่สามารถรับมือกับมันได้  เธอก็จะไม่มีวันไปถึงรอบสุดท้าย”
น้ำเสียงจริงจังของบาร์บี้หยุดความโมโหในใจที่กำลังเริ่มปะทุของผม  ก็จริงอย่างที่เธอพูด  ถ้าผมตบะแตกทำอะไรยัยพวกนั้นไป  ก็มีแต่จะทำเรื่องบานปลายและความอาจจะแตกได้
แต่ก็นะ  มาหาว่าคนอย่างผมจะใช้เต้าไต่กับไอ้หน้าหนวดนั่น!
เอาสมองหรือขนจั๊กกะแร้คิดกันวะ!
“สงครามมันเพิ่งเริ่มเองนะน้ำ  ถ้าเธออยากไปให้ถึงรอบุสดท้ายและเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้  เธอก็ต้องใช้สติแล้วก็สมองในการรับมือ  เข้าใจหรือเปล่า”
“ขะ…เข้าใจจ้ะ”
ดูท่าบาร์บี้จะไม่ได้มีดีแค่นมโตเสียแล้วสิ  เธอเข้าใจถึงสงครามของเหล่าสาวงามพวกนี้ได้ดีอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว
แบบนี้ก็เท่ากับว่า…เริ่มแล้วสินะ  สงครามที่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่รับมือได้ตามที่ไอ้หน้าหนวดเคยบอกไว้  เห็นทีจะจริง  เพราะแค่เมื่อกี้ผมก็เกือบจะระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว  ซึ่งถ้าเป็นน้ำตัวจริง ผมคิดว่าเธอคงจะทำแบบที่บาร์บี้พูดแน่ๆ
น้ำ…
พี่จะเอาชนะสงครามครั้งนี้เพื่อนน้ำได้ไหมนะ?

“เอ๊ะ?  นะ…นี่ชุดว่ายน้ำที่จะถ่ายในวันนี้เหรอคะ?”
เสียงคำถามของเหล่าสาวงามเกอบยี่สิบคนดังระงมไปทั่วห้องประชุมเมื่อทีมงานเอาชุดที่ทุกคนต้องใส่ถ่ายแบบวันนี้มาให้
“ใช่แล้ว  มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ยัยแม่มดถามพลางมองทุกคนลอดแว่นตาหนาเตอะของตัวเอง
ผมหยิบชุดว่ายน้ำที่สภาพไม่ค่อยเหมือนชุดว่ายน้ำเท่าไหร่ขึ้นมาดู  มันเป็นเพียงกางเกงยีนส์ขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวรัดรูปพอดีตัวเท่านั้น 
ต่างจากที่มโนไว้โคตรเยอะอ่ะ!
แล้วที่ผ่านมากูจะเครียดเรื่องใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายแบบทำไมวะเนี่ย  แถมยังฝคกแต๊บไข่จนปิกาจู้แทบจะสูญพันธุตั้งหลายรอบอีก
“คือ…มันค่อนข้างต่างจากที่คิดไว้น่ะค่ะ”
‘มะนาว’ หนึ่งในสองสาวเมื่อเช้าตอบเสี่ยงสั่น  เธอทำหน้าแหยมองชุดว่ายน้ำของตัวเอง  ทำไมถึงทำหน้าเหมือนผิดหวังแบบนั้นล่ะครับสาวๆ  ไม่ต้องแต่งตัวโป๊ๆล่อเสือล่อตะเข้มันก็ดีแล้วไม่ใช่เรอะ!
ผมไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงพวกนี้จริงๆให้ตายเหอะ
“แล้วเธอคิดไว้แบบนั้นเหรอ  ต้องวับๆแวมๆ  นุ่งน้อยห่มน้อยแบบไม่ต่างอะไรกับแก้ผ้าเดิน?  อย่างัน้นใช่ไหม”
“ปะ…เปล่านะคะ  แบบนี้ดีแล้วล่ะค่ะ หนูช้อบชอบ”
“งั้นเหรอ  แล้วเธอล่ะธารทิพย์  ตั้งแต่เห็นชุดว่ายน้ำ  ฉันรู้สึกว่าเธอจะยิ้มไม่หุบเลยนะ  ไม่รู้สึกผิดหวังหรือเสียดายที่มันกลายเป็นชุดแบบนี้บ้างหรือไง”
เอาแล้วไง  กูอยู่ของกูดีๆมึงจะโยนขี้มาให้ทำไมเนี่ย!
ผมวางชุดว่ายน้ำที่กอดไว้แนบอกลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อตอบคำถามประหนึ่งอยู่ในห้องเรียนอะไรสักอย่าง
“คือ…ที่ฉันยิ้มก็คงต้องยอมรับว่าฉันดีใจจริงๆที่มันกลายเป็นชุดแบบนี้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะมันไม่โป๊ค่ะ”
ตอบไปตามที่ใจคิด  ก็กูชอบเพราะมันไม่โป๊จริงๆนี่หว่า  เพราะถ้าแม่งโป๊  ปิกาจู้กูก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะออกมาโบกมือให้สาธารณชน  ถึงแม้ว่าจะเจ็บใจตรงที่อดดูบาร์บี้ใส่วัน ทู ทรี พีช ก็ตาม!
“เพราะไม่โป๊งั้นเหรอ?  แล้วการไม่โป๊มันดียังไงไม่ทราบ”
“เรื่องนั้น…”
แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะเว้ย!  จะให้บอกว่าดีตรงที่ช่วยปกปิดไข่ของฉันไว้ได้ก็กระไรอยู่  เวรกรรมแท้ๆไอ้ไฟ  ถูกยัยแม่มดนี่ต้อนเข้าให้แล้ว!
เอาวะ!  บาร์บี้บอกมาแล้วก่อนหน้านี้ว่าการจะชนะในสงครามครั้งนี้ได้ต้องใช้สมองและสติ…
เพื่อน้ำ…
เพื่อให้ความฝันของน้ำเป็นจริง
ไอ้ไฟสู้ตาย!
“เพราะฉันคิดว่า…การประกวดในครั้งนี้เป็นการประกวดเพื่อเฟ้นหาผู้หญิงที่เพียบพร้อม  เพียบพร้อมในที่นี่ไม่ได้หมายถึงรูปร่างและหน้าตาเพียงอย่างเดียว  แต่ยังพ่วงมาด้วยกิริยา  มารยาท  ความสามารถ  และการแสดงออก  ซึ่งส่วนนี้ฉันคิดยังมีอีกหลายวิธีที่จะดึงศักยภาพของผู้เข้าประกวดทุกคนออกมา  การใส่ชุดว่ายน้ำโป๊ๆไมได้ช่วยให้เราดึงศักยภาพในด้านเหล่านั้นออกมาได้  หนำซ้ำการประกวดครั้งนี้ยังเกี่ยวโยงถึงระบบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย  ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าบรรดาเด็กมัธยมที่ใกล้จะขึ้นมหา’ลัยต่างก็ให้ความสนใจ  เพราะฉะนั้น…ทุกกิจกรรมที่ทางกองประกวดจัดขึ้น  ไม่ว่าจะเล็กหรือน้อยก็ตาม  ทุกอย่างจะต้องถูกจัดทำมาให้เหมาะสำหรับเยาวชนทุกคนที่คอยติดตามค่ะ”
“เธอกำลังจะบอกว่า…การใส่ชุดว่ายน้ำโป๊ๆเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนงั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ  การใส่ชุดว่ายน้ำนั้นเป็นเรื่องปกติและก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลด้วย  เพียงแต่ไม่สมควรนำมาใช้สำหรับกิจกรรมที่เชื่อมโยงไปถึงระบบการศึกษาก็เท่านั้นเองค่ะ”
“…”
“…”
“…”
“…”
แปะๆๆๆๆๆ!
ทีมงานคนหนึ่งลุกขึ้นปรบมือให้ก่อนที่ทีมงานคนอื่นๆจะปรบมือตาม  ผมนี่ยืดกลั้นหายใจด้วยความลุ้นจนความตื่นเต้นแทบจะไหลออกมาเป็นฉี่แทน  ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า…ไอ้ที่พูดออกไปเมื่อกี้นี้น่ะ  จำไมได้สักอย่างเลย  สมองคิดอะไรออกมาได้ก็พูดไปจนหมด  ตอนนี้รู้อย่างเดียว…
กูกลัวววววว
“นับเป็นคำตอบที่ใช้ได้  เอาล่ะ…ทีนี้พวกเธอก็รู้แล้วสินะว่าเพราอะไรชุดว่ายน้ำของพวกเธอถึงเป็นชุดมิดชิดแบบนี้  เอาล่ะ  ใครมีปัญหาอะไรอีกไหม”
ไม่มีใครตอบหรือยกมือขึ้นทักท้วงอะไรอีก 
ทำไมนะทำไม…
ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกำลังถูกสายตาหลายสิบคู่จ้องมองอย่างอาฆาตนะ
อันตรายชอบกลแฮะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุดได้  ทีมงานที่จะมาถ่ายแบบพวกเธอในวันนี้รออยู่แล้ว”
“ค่า”
ขานรับเสร็จก็รีบแยกกลับไปที่ห้องของตัวเอง  ซึ่งพวกทีมงานจัดการเอากระเป๋าของทุกคนแยกย้ายไปเก็บไว้ตามห้องให้เรียบร้อยแล้ว  ห้องของผมและบาร์บี้อยู่ชั้นล่างต่อจากชั้นห้องสวีตของไอ้หน้าหนวด…
“น้ำ คำตอบเมื่อกี้มันดีมากเลยนะ  ฉันว่าเธอต้องได้คะแนนพิศวาสจากยัยแม่มดเพิ่มแน่ๆเลย”
“แต่ได้คะแนนเกลียดขี้หน้าจากเพื่อนคนอื่นน่ะสิไม่ว่า”
ผมเปรยตามองไปรอบๆซึ่งบรรดานางงามแสนสวยทุกคนต่างก็ส่งสายตาไม่พอใจมาให้  กูตายแน่ๆ   ถ้าจะทำเหี้ยอะไรก็ผิดแบบนี้
“ธรรมดาแหละ  ใครๆก็รู้ว่าน้ำเป็นตัวเก็งในการประกวดครั้งนี้  ไม่แปลกที่จะถูกเหม็นขี้หน้า”
“แล้วเธอไม่เหม็นขี้หน้าฉันเหรอ”
“หืม?  ทำไมฉันต้องเป็นแบบนั้นด้วยแหละ  ฉันเองก็พกความสวยและความสามารถมาเหมือนกันนะ ฉันไม่กลัวเธอหรอก!”
บาร์บี้ทำท่าแอ่นอกอวดหน้าอกทรงโตของตัวเองพลางหัวเราะร่วน  ผมยิ้มให้กับภาพทีเห็น
ดีจริงๆที่มีเธออยู่ตรงนี้  ถ้าไม่มีเพื่อนร่วมการประกวดที่ดีแบบเธอ  ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะสามารถรับมือกับคนอื่นๆที่ตั้งตัวเป็นศัตรูผมกับได้หรือเปล่า…

“ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะคุณเปลว  ทำไมจู่ๆคุณถึงเปลี่ยนแบบชุดว่ายน้ำกะทันหันล่ะคะ?”
หญิงสาววัยกลางคนสวมแว่น  หนึ่งในคณะกรรมการกองประกวดที่ขึ้นมาถามเอาความจริงจากชายหนุ่มมาดเซอร์ถึงบนห้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ทำไมล่ะครับ  มันไม่ดีเหรอ  ตอนแรกคุณเองก็ค้านเรื่องการที่จะให้ผู้เข้าประกวดใส่ชุดว่ายน้ำโป๊ๆเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ก็แล้วทำไมตอนฉันค้านคุณถึงไม่โอเคล่ะคะ  แล้วนี่อะไร  จู่ๆก็มาเปลี่ยนกะทันหัน  คุณรู้ไหมว่าฉันต้องอขโทษทางทีมงานตั้งนานกว่าพวกเขาจะยอมน่ะ”
“เอาน่าๆ  ผมก็แค่เห็นด้วยกับคุณขึ้นมา  ว่าการประกวดครั้งนี้มันเชื่อมโยงถึงระบบการศึกษาซึ่งมีเยาวชนเข้ามาเกี่ยวข้อง  เราไม่ควรจะมีกิจกรรมใดๆที่มันไม่เหมาะสม”
ชายหนุ่มยกมือองข้างขึ้นเพื่อสงบศึก  รอยยิ้มของเขามันดูสนุกสนานมากกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายคิดเสียอีก
“ฉันไม่เห็นจะรู้สึกได้เลยว่าคุณเข้าใจตรงไหน”
“ผมเข้าใจจริงๆนะ”
“…”
“เข้าใจเลยว่า…ของรักของหวง…จะยังไงก็ไม่อยากให้ใครได้เชยชมอยู่ดี”
“พูดอะไรของคุณคะ?  ฉันไม่เห็นเข้าใจ”
“ฮ่าๆๆ  ไม่มีอะไรหรอกครับ  อย่าสนใจผมเลย  ว่าแต่ปล่อยผู้เข้าประกวดไปเปลี่ยนชุดแล้วเหรอครับ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ  ถ้าอย่างนั้นฉันไปเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมต่อไปก่อนนะคะ”
“เชิญครับ  ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับ”
เขาโบกมือบ๊ายบายอล่างลั้นลา  ในหัวนึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  เนื้อตัวขาวเนียนนุ่มที่เขาได้สัมผัส  มันยังตราตรึงอยู่ในทุกความคิด
“น่าหม่ำซะขนาดนั้น  จะยอมให้ใครมาเห็นได้ยังไง”
รอยยิ้มเสือร้ายจอมเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าคม…

“น้ำ  คิวถ่ายฉันถึงก่อนเธอ  งั้นฉันไปรอก่อนนะ”
“ได้ๆ  เดี๋ยวฉันตามลงไป”
ผมตะโกนตอบบาร์บี้กลับไป
เป็นเพราะปิกาจูอันบิ๊กเบิ้มของตัวเองทำให้ผมแต่งตัวนานกว่าปกติ  เนื่องจากต้องเก็บทุกเม็ดไม่ให้มีอะไรโหนกนูนออกมาจนผิดสังเกต
“เอาล่ะ  เรียบร้อย!”
ผมหมุนซ้ายทีขวาทีเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยจากในกระจก 
ได้ข่าวว่าเสื้อสีขาวบางๆตัวนี้เป็นเสื้อรัดรูปพอดีสำหรับผู้หญิง  แล้วการที่ผมใส่เสื้อไซส์ผู้หญิงได้พอดิบพอดีแบบนี้ก็หมายความว่า…
กูตัวเท่าผู้หญิงงั้นเหรอเนี่ย!
นี่ผมผอมบางขนาดนี้มายี่สิปีเต็มเชียวเรอะ  กูอยากตาย!
“โอ๊ะ  ผูกชายเสื้อขึ้นมานิดหนึ่งดีกว่า  เมื่อกี้บาร์บี้ก็สั่งไว้นี่”
ผมหันไปเปิดประตูห้องน้ำก่อนจะเดินก้มหน้าผูกชายเสื้อขึ้นเพื่อเผยให้เห็นหน้าท้องเล็กน้อยพอน่ารัก ( บาร์บี้กล่าวไว้ )
หมับ…
“อ๊ะ!”
“อย่าร้องนะ  นี่คือการปล้น”
ไอ้หน้าหนวด!
เดี๋ยวนี้มึงอัพสกิลถึงขนาดงัดห้องพักผู้เข้าประกวดเข้ามาแล้วเรอะ!
“ส่งตัวคุณมาให้ผมเดี๋ยวนี้”
เสียงทุ่มกระซิบปร่าที่ข้างหู  พลันมือหยาบตามแบบผู้ชายก็แปะเข้าที่ห้าท้องพร้อมทั้งลูบไล้ไปมา…
เอากับมันสิ…
กูต้องเช่ายานอวกาศจากนาซ่าเพื่อใช้หนีมึงเลยไหม  ตอบบบบบบ!




Talk :
มาอัพอีกตอนตามสัญญาแล้วจ้า  บอกแล้ววจะไม่หายอีก  ช่วงนี้เลยจะมาอัพวันเว้นวันนะคะ  รับรองไม่ขาดตอนกันนานเกินรอแน่ๆ  ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้พี่ไฟกับคุณเปลวจอมลามกด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-11-2016 18:03:21
คุณเปลว ไม่เป็นอันทำการ ทำงานซะเลย
เดี๋ยวก็แอบย่องเข้าห้องผู้ประกวด
แล้วยังลวนลาม ลูบไล้ร่างกายไฟ ซะอีก
คุณเปลวนี่ มียีนปลาหมึกติดมาด้วยละมั้ง
ดีเลยที่เปลี่ยนชุดว่ายน้ำแบบโป๊ๆ ออกไป
ไฟ โล่งใจเลย แต๊บได้สบาย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 24-11-2016 21:01:52
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ  ต้องขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้มาอัพไว้แล้วทิ้งหาไยปเกือบสองเดือนเลย  พอดีมีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยที่ต้องจัดการจ้า  ตัวนักเขียนชื่อบิวนะคะ นามปากกาคือ Bubble-B[ew] ค่า ( แต่ถ้าเพจจะเป็น Bubble-Bew เฉยๆนะคะ ) จะหมั่นอัพบ่อยๆ  อัพวันเว้นวัน  ยังไงฝากติดตามด้วยค่า


 :impress2:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 24-11-2016 22:05:57
ไอ้หนวดก็มีดี ที่ปกป้องน้ำ(ไฟ)จากคนอื่น แต่จริงๆคือเก็บไว้ลวนลามเองคนเดียวสินะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 24-11-2016 22:14:18
รออติดตามม
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-11-2016 23:33:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-11-2016 12:06:43
อ่านมา 6 ตอน พึ่งเอ๊ะชื่อ เปลว กับไฟ = เปลวไฟ

แต่ว่าแต่ อีตาคุณเปลวนี่ตกลงรู้หรือไม่รู้ตัวจริงไฟกันแน่อ่ะ สับสนตัวเอง

เหมือนรู้ แต่เหมือนไม่รู้ แต่คงจะรู้ เอ๊ะหรือไม่รู้  :ling1: :ling1:

ใส่วันที่อัพให้ด้วยนาจา
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 26-11-2016 15:05:51
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 7 (วันที่อัพ 26/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 26-11-2016 15:51:24

ตอนที่ 7
สกัดดาวรุ่ง

“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
ผมร้องลั่น  ดีดดิ้นเล็กน้อยพอเป็นพิธีเพราะต้องรักษามาดผู้หญิงเรียบร้อย  อ่อนหวานเอาไว้  เกิดไปใช้แรงทั้งหมดที่มีจับมันทุ่มจนคอหักตาย  ความอาจแตกก็เป็นได้
“คุณรู้ไหม  ว่าเสื้อสีขาวเวลาเปียกน้ำน่ะ  เป็นยังไง”
“จะเป็นยังไง  ก็เปียกสิวะ!”
“หือ?”
“เอ๊ย  ก็เปียกสิคะ”
หลุดบ่อยเหลือเกินนะมึงไอ้ไฟ!
“เสื้อขาวเวลาที่เปียกน้ำน่ะ…มันจะเซ็กซี่มากต่างหากล่ะครับ”
“หา?”
“เพราะงั้น…แค่เสื้อเปียกน้ำมันก็เซ็กซี่แล้ว  ไม่จำเป็นต้องโชว์อะไรแล้วล่ะครับ”
ร่างสูงผละตัวออกไปพร้อมกับพลิกตัวผมให้หันเข้าหา  เขานั่งยองๆลงเล็กน้อย  สองมือแกะปมชายเสื้อที่ผมผูกเอาไว้เพื่อโชว์หน้าท้องคล้ายเสื้อเอวลอย
ดะ…เดี๋ยวก่อน!
แวบหนึ่งที่หัวใจเผลอเต้นแรงกับการกระทำของไอ้เวรนี่คืออะไรวะ!
“เอาล่ะ  เท่านี้ก็เรียบร้อย”
ไอ้หน้าหนวดยิ้มหวานอย่างพึงพอใจ  มันเล่นยืดชายเสื้อให้ปิดลงมาชนิดที่ว่าแทบจะยาวปิดกางเกงไปเลยทีเดียว 
“ทำอะไรของคุณน่ะ”
“ทำอะไร?  ก็รักษาของน่ะสิครับ”
“รักษาของ?”
“ของรักของหวงของผมก็คือคุณ  จะให้คนอื่นมาเห็นอะไรที่น่ารักอย่างหน้าท้องแบนราบนี่ได้ยังไง”
“อ๊ะ!”
ผมร้อง  หากแต่ตัวกลับแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
ไอ้หน้าหนวดกดริมฝีปากลงกับหน้าท้องของผมผ่านสาบเสื้อ  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมองผมที่จ้องดูการกระทำของเขาตาไม่กะพริบ
ทั้งๆที่มีเสื้ออยู่แท้ๆ  แต่ผมกลับร้อนรุ่มไปทั้งตัวเลย
“ผมอนุญาตให้แค่นี้เท่านั้นนะครับ  ส่วนอื่นน่ะไม่ได้หรอกนะ  ผมหวง”
“พูดบ้าๆ  คุณจะมาหวงอะไรล่ะ  นี่มันตัวฉันนะ”
“ก็เพราะนี่เป็นตัวคุณนั่นแหละ  ผมถึงหวงแทบบ้าแบบนี้”
ไม่พูดเปล่า  ไอ้หน้าหนวดยังดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆ  เอนซบใบหน้าลงกับหน้าท้องและฟัดไปมาจนรู้สึกจักจี้ขึ้นมาเล็กน้อย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ  พอได้แล้ว”
ปากห้ามทว่ามือกลับไม่ยอมผลักไส  บางอย่างในตัวผมมันเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด  ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นเคยสัมผัสจากฝ่ามือของเขานัก…
“นี่…”
เสียงเริ่มหายไปในลำคอ  มือหนาของเขาเลิกชายเสื้อผมขึ้นเพื่อให้ริมฝีปากร้อนๆของเขาละเมียดละไมกับมันได้เต็มที่  อะไรก็ไม่เท่าหนวดของมันที่ทิ่มท้องผมนี่แหละ!
จากเคลิ้มกูจะเริ่มเจ็บแล้วเนี่ย!
“พอได้แล้วนะ!”
พลั่ก!
ก่อนที่อะไรมันจะเกินเลยไปมากกว่านี้  ผมตัดสินใจยกเท้าถีบไอ้หน้าหนวดจนหงายหลังล้มตึงไปติดกำแพง  สองมือตั้งการ์ดเตรียมพร้อมเต็มที่หากมันคิดจะพุ่งเข้ามาทำมิดีมิร้ายกับร่างกายของผมอีกรอบ  อันที่จริงจะไปว่ามันแม่งก็ไม่ถูกหรอก  ผมเองพออยู่ใกล้มันทีไรก็เป็นอันต้องเคลิ้มทุกที
มันเพราะอะไรกันวะ!
ทำไมผมต้องรู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสของมันด้วย!
“ใจร้ายจังเลย  ผมเจ็บนะครับ”
“คุณก็เลิกทำรุ่มร่ามกับตัวฉันสักทีสิ!”
“ก็เห็นทำทีไรคุณก็เคลิ้มทุกทีนี่นา”
คำตอบของมันทำเอาผมเถียงไม่ออก
สลัดเอ๊ย!  เพราะมึงนั่นแหละไอ้ไฟ  ไปเคลิ้มห่าเหวอะไรกับผู้ชายด้วยกันฟะ  คนที่มึงจะต้องเคลิบเคลิ้มเวลาเข้าใกล้คือยัยบาร์บี้ทรงโตรูมเมทของมึงโน่น!
หรือการแต่งตัวเป็นผู้หญิงนานๆจะทำให้ร่างกายของผมสับสนในตัวเองขึ้นมา…
ท่องเอาไว้ไอ้ไฟ  มึงเป็นผู้ชาย…ผู้ชาย
มึงมีหน้าที่เสียบไม่ใช่ถูกเสียบ!
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันคือผู้เข้าประกวด  ส่วนคุณก็คือหนึ่งในคณะกรรมการ  แถมยังเป็นผู้จัดการงานประกวดครั้งนี้ด้วย  การที่คุณทำแบบนี้มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจเรื่องของเราผิดนะ!”
“แคร์ที่ไหน?”
“คุณไม่แคร์แต่ฉันแคร์!”
เพราะมึงกำลังจะทำให้ผู้เข้าประกวดคนอื่นๆเขาเกลียดขี้หน้ากูโว้ย!
“ถ้าคุณแคร์นัก  ก็ถอนตัวสิครับ”
“คุณเปลว!”
“ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วนะ  ว่านี่คือสงครามสำหรับผู้หญิง  คุณไม่มีทางเอาชนะได้  สิ่งที่คุณจะต้องเจอมันอาจทำให้คุณเจ็บตัวได้เลยรู้บ้างหรือเปล่า”
“แล้วฉันไม่ใช่ผู้หญิงตรงไหนล่ะฮะ!”
“…”
“ทุกส่วนในร่างกายฉันมีตรงไหนไม่เหมือนผู้หญิงงั้นเหรอ”
ผมท้าวสะเอวเชิดหน้าสู้อย่างมั่นใจ  ทำเป็นปากดีไปนะไอ้ไฟ  แค่มันจับมึงแก้ผ้าทุกอย่างก็จบแล้วมั่งเหอะ 
นมแม่งก็นมปลอม
ปิกาจู้ก็แต๊บเอาไว้
ส่วนไหนของมึงที่เป็นผู้หญิงกันล่ะเฟ้ย!
“งั้นให้ผมพิสูจน์สิ”
“พะ…พิสูจน์อะไร”
“ก็พิสูจน์ว่าร่างกายที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้  เป็นผู้หญิงจริงๆไงล่ะ”
รอยยิ้มร้ายของไอ้หน้าหนวดปรากฏออกมาแบบไม่ปิดบัง  สายตาโลมเลียไปทั่วร่างของผมโคตรน่าจับมาควักลูกตาแล้วโยนให้หมาแดกไปซะ
มึงจะหื่นออกนอกหน้าเกินไปแล้วไอ้หน้าหนวด!
อยากจะรู้นักว่าถ้ามึงรู้ความจริงว่ากูเป็นผู้ชาย  มึงยังจะกล้าลวนลามกูอีกไหม!
“ฉันไม่พูดกับคุณแล้วดีกว่า  ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่”
“อะไรกัน  จะหนีอีกแล้วเหรอครับ  แบบนี้เมื่อไหร่ผมจะได้พิสูจน์…”
“…”
“คุณกันล่ะ”
ไม่ต้องมาขยิบตาให้กูเลย กูขยะแขยง!
“ฉันขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ  ว่าฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน!  และฉันก็มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าประกวดด้วย  คุณอย่าคิดจะมาสกัดดาวรุ่งกันหน่อยเลย”
“ผมกำลังเตือนคุณด้วยความหวังดีนะครับ”
“คุณน่ะเหรอหวังดี  อมวัดทั้งวันมาพูดฉันยังไม่เชื่อเลย!”
“คุณไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงน่ากลัวแค่ไหน”
“ฉันมั่นใจว่าคุณน่ากลัวกว่าเยอะ”
“พวกเธออันตรายมากนะครับ”
“แต่คงไม่มากเท่าคุณหรอก”
“คุณน้ำ!  ผมจริงจังนะ”
เป็นครั้งแรกที่ไอ้หน้าหนวดทำเสียงดุใส่ผมขนาดนี้  ดวงตาที่จ้องมองมาก็ไม่มีแววล้อเล่นฉายอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เข้าใจแล้วค่ะ  ขอบคุณมากนะคะที่คุณเป็นห่วงฉัน”
“…”
“แต่ฉันเลือกแล้ว  นั่นหมายความว่าฉันพร้อมที่จะเจอกับอันตรายทุกรูปแบบที่คุณกำลังคิดอยู่  และฉันมั่นใจว่าตัวเองสามารถรับมือได้”
“…”
“สงครามที่มีแต่พวกผู้หญิงที่รับมือได้เท่านั้นงั้นเหรอ…มันไม่จริงหรอกค่ะ”
“…”
“ลองถ้าฉันคิดจะสู้  ยังไงฉันก็ชนะ”
ผมยืนยันน้ำเสียงเด็ดขาด  ถึงแม้ว่าตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยประกวดนางงามเวทีมาก่อนเพราะเป็นผู้ชาย   และไม่รู้ด้วยว่าการประกวดพวกนี้เขาสู้รบตบมือกันยังไง
แต่คนอย่างไอ้ไฟ…
ไม่มีหันหลังกลับให้ในสิ่งที่ตัวเองเดินหน้ามาแล้วเด็ดขาด!
ผมจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อรอน้ำกลับมาเปลี่ยนตัวให้ได้  จนกว่าจะถึงตอนนั้น…
จะไม่มีผู้ชายชื่อไฟอีกต่อไป  ที่นี่จะมีแค่นางสาวธารทิพย์คนเดียว!
“คุณมันไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ”
ร่างสูงส่ายหน้าอย่างระอา  สองมือทึ้งหัวตัวเองราวกับว่าผมไปทำอะไรให้เขาต้องหนักใจมากมาย
ถึงไอ้หน้าหนวดมันจะลามกและมือไวไปบ้าง  แต่บางที…
มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดแฮะ

ที่หน้าห้องพักของไฟ  ใครบางคนยืนอยู่ที่ประตูห้องและได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน  รอยยิ้มร้ายกาจพร้อมกับแผนบางอย่างผุดขึ้นในความคิด
“หึๆ  เธอเสร็จฉันแน่!”
ความริษยาแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาคู่นั้น…

“เอาล่ะครับ  เดี๋ยวคุณน้ำเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่งนะครับ  อย่างนั้นแหละ  มือขวาเอาทาบไปกับสะโพกครับ  ใช่ๆ  โอเคครับ  นิ่งๆนะครับ”
มึงช่วยรีบๆกดชัตเตอร์เร็วๆเข้าเหอะไอ้ตากล้อง!
ไม่อยากเชื่อเลยว่าตอนนี้ผมจะต้องมายืนกระดกก้อน  แอ่นอก  และทำปากจื่อๆเพื่อให้คนอื่นมาถ่ายรูป!  แม้จะไม่ได้เซ็กซี่หวือหวาแบบที่การถ่ายชุดว่ายน้ำปกติ  แต่แค่นี้สำหรับผู้ชายอย่างผมมันก็น่าอ้วกแล้วไหมล่ะ!
รอบแรกจะเป็นการถ่ายเดี่ยวของแต่ละคนก่อน  ส่วนการถ่ายรูปนั้นจะไปถ่ายกันในทะเลด้วยการให้ผู้เข้าประกวดทุกคนลงไปเล่นในน้ำ  สาดน้ำใส่กันไปมา  ทำเหมือนว่ากำลังเล่นสนุกกันอยู่จริงๆ  ส่วนตากล้องก็จะคอยเก็บภาพไปเรื่อยๆเพื่อหาภาพที่สวยที่สุดเอาไว้ใช้โปรโมต  แน่นอนว่าภาพโปรโมตสำหรับการประกวดครั้งนี้จะต้องมีอีกหลายเวอร์ชั่น  ประเดิมด้วยการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำนี่แหละ
“เรียบร้อยครับคุณน้ำ  สวยมากเลยนะครับเนี่ย”
ตากล้องเอ่ยชมพลางส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้
ทีมงานที่มาวันนี้เป็นผู้ชายเกือบหมด  สายตาหวานหยาดเยิ้มของพวกมันที่มองผมอย่างโลมเลียทำเอาอยากจะอ้วกออกมาเป็นของเสียในร่างกาย
“เยี่ยมมากเลยน้ำ  เธอสวยมากเลยนะ”
“เธอก็สวยเหมือนกัน  เซ็กซี่สุดๆไปเลย”
ผมเอ่ยชมบาร์บี้ที่วิ่งโร่เข้ามาหาเป็นคนแรก  ยัยนี่ผูกชายเสื้อขึ้นให้เป็นแบบเอวลอยตามที่บอกเอาไว้  เธอบ่นเกือบตายที่เห็นว่าผมไม่ยอมผูกชายเสื้อตามที่เธอสั่ง
เหอะๆ…
จะให้ผูกขึ้นมาได้ยังไง  ในเมื่อไอ้หน้าหนวดมันทิ้งร่องรอยเอาไว้อันเบ้อเริ่มขนาดนั้น!
ใช่แล้วล่ะ  ตอนที่ผมเผลอเคลิบเคลิ้มในสัมผัสที่วาบไหวนั้น…ไอ้คุณเปลวมันได้สร้างแลนด์มาร์คไว้ที่หน้าท้องผมเรียบร้อยแล้ว!
เรื่องนี้จะให้ไอ้ตูมตามรู้ไม่ได้เด็ดขาด  ไม่งั้นมีหวังโดนล้อยันลูกหลานเหลนโหลบวชชัวร์!
“ต่อไปเป็นการถ่ายแบบรวมสินะ  ตื่นเต้นจังเลย”
“นั่นสิ  ต้องลงทะเลด้วย”
ได้ลงไปเล่นน้ำทะเลกับสาวสวยอกใหญ่เกือบยี่สิบคน…
โอ๊ยยยย  สวรรค์ชัดๆ  แต่เป็นสวรรค์ที่ไอ้ไฟไม่สามารถแตะต้องได้…
นรกจริงๆ
ระหว่างท่คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยเพื่อรอทีมงานย้ายโลเคชั่นไปที่ทะเล  สายตาก็เหลือบไปทางให้หน้าหนวดเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างจากทางนั้น  นัยน์ตาเย็นยะเยือกของมันจ้องผมไม่กะพริบ  ไอ้ห่าเอ๊ย!  คนหรือรูปปั้นวะนั่น
“ฉันว่าเขาต้องหึงเธออยู่แน่ๆเลย  เพราะวันนี้พวกทีมงานที่มาถ่ายรูปเอาแต่มองเธอทั้งนั้นเลยนะ”
“ไม่เอาน่าบาร์บี้  อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ”
มันน่าขนลุกอ่ะ!
ผมได้แต่ส่งยิ้มห้างๆให้สาวน้อยข้างกาย  สายตายังมองไปทางไอ้หน้าหนวดไม่ละไปไหน  มันเองก็มองผมสีหน้าไม่พอใจชัดเจนเช่นกัน
มึงจะมาไม่พอใจอะไรกูนักหนาวะ!
กูไปขี้บนหัวมึงหรือไงไอ้หนวด!
“เริ่มถ่ายต่อได้เลยนะครับสาวๆ”
ตากล้องคนหนึ่งมาตาม  ทุกคนต่างวี๊ดว๊ายที่จะได้ลงทะเลกันใหญ่  แดดในวันนี้ก็ไม่ได้ร้อนจัดเหมือนทุกวันด้วย  หึๆๆ บาร์บี้จ๋า  เรามาเล่นน้ำด้วยกันเถอะนะ  เดี๋ยวพี่ไฟคนนี้จะช่วยนวดช่วยคลึงใต้น้ำให้เอง!
“ไปกันเถอะน้ำ”
มือนุ่มนิ่มจับแขนผมพาวิ่งลงทะเลไปอย่างร่าเริง  เสียงหัวเราะสดใสของผู้หญิงที่ล้อมรอบผมตอนนี้ช่างให้ความรู้สึกว่านี่คือวิมานบนดินดีแท้
โอ๊ย…พี่ไฟฟินเหลือเกิน!
“เดี๋ยวเชิญสาวๆเล่นน้ำกันตามสบายเลยนะครับ  แต่รักษาภาพพจน์กันนิดหนึ่งนะ  พวกผมรอถ่ายรูปอยู่”
“ค่า”
สาวๆขานรับ  ส่วนผมตอนนี้ไม่สนใจอะไรแล้ว  สองตาจ้องที่หน้าอกของบาร์บี้แทบจะถลนออกมานอกเบ้า  เสื้อขาวรัดติ้วพอเปียกน้ำมันทำให้มองเห็นอะไรๆชัดขึ้น  เพราะคุณเธอใส่ชุดชั้นในสีแดงสดยั่วต่อมลูกหมาก  เจ๊ย  ต่อมน้ำลายของผู้ชายได้ดีนัก
“มองอะไรน่ะน้ำ”
คงเพราผมมองนาเนกินไปเจ้าตัวเลยรู้สึกขึ้นมา  ตายห่าล่ะ  ต้องรีบกลบเกลื่อน!
“อ๋อ  เรามองชุดชั้นในเธอนะ  สีสวยดีนะ”
“ใช่ไหมล่ะ  ฉันชอบสีแดงมากเลย  ส่วนใหญ่ข้าวของจะเป็นสีแดงเท่านั้นแหละ  แล้วน้ำล่ะ  วันนี้ใส่สีอะไร  ขนาดใส่เสื้อขาวลงน้ำยังมองไมเห็นเลยอ่ะ”
“สะ…สีขาวน่ะ  เราชอบสีขาว”
ควมจริงคือพี่ลิลลี่พยายามเลือกทุกอย่างที่ไม่เป็นที่สะดุดตาให้ผมใส่จนกว่าน้ำจะหายดีและมาเปลี่ยนตัวกับผมได้  แต่ถึงอย่างนั้นเสื้อสีขาวพวกนี้พอโดนน้ำยังไงมันก็แนบเนื้ออยู่ดีนั่นแหละ
“เธอซ่อนรูปเหมือนกันนะน้ำ  หน้าอกก็ไม่เบาเลยนะ”
ผู้เข้าประกวดคนหนึ่งที่กำลังโยนบอลเล่นกับเพื่อนๆในน้ำหันมาแซว  สิ่งที่ผมทำได้คือส่งยิ้มที่แห้งยิ่งกว่าปลาแดดเดียวถูกรถบรรทุกกทับไปให้เธอ
ไอ้ที่มันตูมๆอยู่ตอนนี้มาจากซิลิโคนที่พี่ลิลลี่ยัดใส่ลงไปในชุดชั้นในเสริมฟองน้ำนี่ล้วนๆเลย  ของจริงแม่งมีแค่หัวนมเท่าเม็ดบ๊วยอ่ะ
“เอาล่ะครับสาวๆ  มาใกล้กันหน่อยนะ  ให้มันดูชุลมุนๆเข้าไว้  เบียดๆกันเข้ามาเลยครับ”
เพราะคำสั่งของตากล้อง  สาวๆที่เล่นน้ำอยู่เลยว่ายเข้ามารวมตัวกันจนจุดที่ยืนอยู่แทบจะกลายเป็นปลากระป๋อง  ผมถูกดันให้เข้าไปด้านในโดยมีสาวๆหลายคนล้อมรอบ  หน้าอกหน้าใจของพวกเธอเด้งชนตรงนั้นทีตรงนี้ที
ฮึ่ย…อยากกลับไปเป็นไอ้ไฟตอนนี้เลยโว้ยยย!
ฉึก! ฉึก!
“หือ?”
ผมหันซ้ายหันขวา  เหมือนเมื่อกี้จะได้ยินเสียงอะไรแปลกๆดังอยู่ใกล้หู  เสียงเหมือนกับ…เหมือนกับมีอะไรสักอย่างถูกตัด…
พลั่ก!
ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ  ร่างของผมก็ถูกดันเข้าไปอยู่ด้านในหนักยิ่งกว่าเก่า  มือใครต่อมือใครก็ไม่รู้ปาดป่ายโดนเนื้อตัวผมมั่วไปหมด
อย่าไปโดยน้องชายของพี่ไฟก็พอครับสาวๆ  ปล่อยให้มันหลับพักผ่อนไปก่อนนะ
วูบ….!
ผมชะงัก  รู้สึกแปลกๆต่อร่างกายราวกับว่ามีบางอย่างที่ควรจะอยู่ติดตัวผมมันหายไป  แต่เพราะตอนนี้ถูกเบียดเสียดจากคนอื่นๆทำให้ผมไม่สามารถสำรวจร่างกายของตัวเองได้เลย
เฮ้ย!  เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย  ทำไมมันรู้สึกโล่งๆแปลกๆฟะ!
“เรียบร้อยครับ  ค่อยๆแยกตัวกลับไปเล่นน้ำตามเดิมได้เลย”
พื้นที่รอบตัวเริ่มกว้างขึ้นพอให้หายใจได้หลังจากตากล้องพูดจบ  ทุกคนพากันสลายตัวออกจากการเกาะเป็นกลุ่มก้อน  จนบริเวณที่ผมยืนอยู่เหลือผมแค่คนเดียว
ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ
ไอ้ที่มันโล่งๆนี่หรือว่าจะเป็น…!
“อ๊ะ!  นั่นเสื้อในของใครน่ะ  โดนคลื่นซัดไปทางนั้นแล้ว!”
ผู้เข้าประกวดคนหนึ่งตะโกนขึ้นพลางชี้ไปยังจุดที่ว่า  ทุกสายตามองตามนิ้วมือเธอไป  ผมเองก็เช่นกัน  สิ่งที่กำลังถูกคลื่นซดห่างออกจากจุดที่ทุกคนยืนอยู่ไปเรื่อยๆนั้นมันก็คือ…
เสื้อในที่ผมใส่อยู่ก่อนหน้านี้ไม่ผิดแน่ๆ!
เสื้อในของกู!
“มีคนเสื้อในหลุดเหรอเนี่ย”
ต๋อม!
ผมรีบทรุดตัวนั่งลงไปในทะเลทันทีที่รู้ว่าตอนนี้นมของตัวเองได้ลอยไปพร้อมกับเกลียวคลื่นเรียบร้อยแล้ว  การกระทำของผมเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“น้ำ…หรือว่านั่น…”
“…”
“ของเธอ”
ถั่วงอกแล้วโว้ยยย  จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย!   ผมได้อึกอักอ้ำอึ้งอยู่ในน้ำ  ตายแน่ๆ  ถ้าต้องลุกขึ้นในสภาพนมไม่มีตอนนี้ความก็จะแตก…
ทำยังไงดี
ผมควรทำยังไงดี!



Talk :   
มาอัพแล้วจ้า  สงครามเริ่มต้นขึ้นจริงๆจังๆแล้ว  พี่ไฟของเราจะรับมือได้ไหมล่ะเนี่ย  แค่ครั้งแรกก็โดนขนาดนี้  ใครจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยพี่ไฟกันนะ  หรือว่าความจะต้องมาแตกตอนนี้?  ทางที่ดีพี่ไฟควรร้องเรียกอัศวินและขอความช่วยเหลือจะดีกว่านะ  โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 7 (26/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 26-11-2016 16:13:04
อ่านไป ขำไป สนุกดีค่ะ มาต่ออีกเยอะๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 7 (26/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-11-2016 16:59:07
มีคนแอบ ปลดตาขอเสื้อชั้นในของไฟ
ตอบที่เบียดเสียดยัดเยียดถ่ายรูปกัน
คนนั้นน่าจะแอบฟังที่เปลว กับไฟ คุยกัน
น่าคิดว่าจะเป็นบาร์บี้นมโต หรือเปล่า
ที่แอบฟัง และแอบร้ายกับไฟ
เปลว จะช่วยแก้สถานการณ์ฉุกเฉินให้ไฟ ได้ใช่มั้ย :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 7 (26/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 26-11-2016 22:02:25
คิดว่าบาร์บี้เหมือนกัน แล้วน้องฟายจะขึ้นจากทะเลยังไงล่ะ
หัวข้อ: ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 26-11-2016 22:26:44
หากมีคำผิดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะคะ  เป็นฉบับยังไม่รีไรท์  ในฉบับรีไรท์จะตรวจสอบไม่ให้มีคำผิดเลยจ้า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 7 (26/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-11-2016 00:07:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 7 (26/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 28-11-2016 09:41:31
แป่ว
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 7 (26/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 28-11-2016 16:31:35
ไฟเอ้ย สู้กับผู้หญิงมันไม่ง่ายหรอกนะ  :ling3:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 28-11-2016 17:37:33
ตอนที่ 8
ไอร้อน…จากฝ่ามือ

หมับ!
“อ๊ะ!  คุณเปลว”
เสียงของบรรดาตากล้องดังขึ้นอย่างตกใจ  ผมเหลือบตามองก็พบว่าเป็นไอ้หน้าหนวดที่เดินเอามือไปปิดกล้องแต่ละตัวเอาไว้  ก่อนที่มันจะเปิดฝากล้องทุกตัวออกแล้วหยิบเมมโมรี่ออกมาเก็บใส่กระเป๋าของตัวเอง
“อันนี้น่ะ  ผมขอเก็บไว้ก่อนแล้วกันนะครับ”
“เอ๊ะ  แต่ว่านั่นมัน…!”
“น่านะ  ไว้ผมจะคัดเลือกภาพที่สวยที่สุดมาให้แล้วกัน”
ไอ้หน้าหนวดขยิบตายิ้มหวานท่ามกลางความงุนงงของทุกคน  เขาเบนทิศหันมาทางผมก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกทีละเม็ดจนหมด  เรียกเสียงกรี๊ดเล็กๆจากผู้เข้าประกวดทั้งหลายในทะเล 
กูกำลังจนมุมจนแทบจะกลั้นใจตายอยู่แล้ว  มึงยังมีหน้ามาทำคะแนนด้วยการถอดเสื้อโชว์อีกเรอะ!
จ๋อม…!
ความคิด (ที่จะด่า) ถูกหยุดลงเมื่อร่างสูงเดินลุยทะเลตรงมาทางผม  เขาถอดเสื้อของตัวเองพาดบ่าเอาไว้  ทันทีที่เดินมาถึง  มือหนาฉุดร่างผมให้ยืนขึ้นก่อนจะเอาเสื้อของตัวเองมาคลุมจากด้านหน้า  ก่อนจะช้อนตัวผมอุ้มขึ้นด้วยท่าเจ้าหญิง!
เฮ้ย เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ
ยังไงกูก็ผู้ชายนะเว้ย  นี่มึงแรงมหาศาลถึงขั้นอุ้มกูด้วยท่าแบบนี้ได้เลยเหรอวะ!
“ผมบอกแล้วไง  ว่าคุณต้องมีอัศวิน”
“ปล่อยฉันลงนะ”
ผมกระซิบกระซาบกลับ  ตอนนี้สายตาของทุกคน  ทั้งผู้เข้าประกวดด้วยกัน  ทีมงานและชาวบ้านที่มาดูการถ่ายทำในวันนี้ต่างก็โฟกัสมาที่เราสองคน  กะ…เกิดมาก็เพิ่งเคยถูกผู้ชายด้วยกันอุ้มเป็นครั้งแรก…
…กูจะสยิวหรือสยองดีวะเนี่ย!
“คุณแน่ใจเหรอว่าอยากให้ผมปล่อยคุณลงตอนนี้  อย่าลืมสิว่า…”
นัยน์ตากะลิ้มกะเหลี่ยเหล่มองมาที่หน้าอก   แถวบ้านเรียกว่าผมกำลังถูกมัดมือชก!  ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็จำต้องยอมให้มันอุ้มผมแบบเนื้อแนบเนื้อต่อไปอย่างนี้สินะ
“ผมบอกแล้วไง  ว่าผมหวง  หน้าอกของคุณน่ะ  เก็บไว้ใหผมดูคนเดียกว็พอเนอะ”
เนอะพ่อมึงสิไอ้ทุเรศ!
อยากจะตะบันหน้ามันด้วยฝ่าเท้าเหลือเกิน  หากแต่ตอนนี้ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองต้องพึ่งพามัน  ขณะที่กำลังปลงกับชีวิตตัวอยู่นั้น  ผมก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่นหลังของตัวเอง
“อ๊ะ….”
พลังงานบางอย่างที่สัมผัสได้ทำให้ผมต้องร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บและแสบนิดๆ  ไอ้หน้าหนวดที่กำลังอุ้มผมเดินขึ้นจากทะเลชะงัก
“เป็นอะไรครับ  เจ็บที่ผมอุ้มเหรอ?”
“เปล่า  แต่ว่า…ฉันรู้สึกเจ็บๆ  แสบๆที่หลังยังไงก็ไม่รู้”
“หลังเหรอ?”
ไอ้หน้าหนวดมีสีหน้าเปลี่ยนใจ  เขาดูตกใจมากก่อนที่จะปล่อยตัวผมลงกับพื้น  แต่ก็ยังให้ผมหันหน้าเข้าหาตัวเองอยู่  ส่วนมันก็ชะโงกหน้าผ่านไหล่ผมเพื่อมองที่แผ่นหลัง
หรือผมจะโดนฉลามแทะหลังมานะ  เจ็บฉิบหาย!
“นี่มัน…”
“ทำไมคะ  หลังฉันโดนฉลามแทะใช่ไหม”
“มันใช่เวลามาเล่นหรือไงคุณน้ำ!  วันนี้เลิกกอง!  ทุกคนไปรอผมที่ห้องประชุม  ผมจะต้องหาตัวคนทำผิดให้ได้!”
ไอ้หน้าหนวดประกาศกร้าว  คำสั่งของเขาทำให้บรรดาคณะกรรมการที่นั่งอยู่ในเต็นท์ต่างพากันวิ่งออกมาดูผม  ก่อนที่ยัยแม่มดจะเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
“อะไรกันคะเนี่ย  ใครทำแบบนี้!”
“ผมก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆ  ชุดชั้นในของเธอไม่ได้หลุดเพราะอุบัติเหตุหรือเธอเป็นคนจงใจทำมันเอง  แต่มีคนใช้มีดกรีดสายชุดชั้นในจนมันขาดต่างหาก”
“ฮะ?  มีดกรีด!”
ผมทวนคำร้องลั่น  อย่าบอกนะว่าไอ้ที่กูเจ็บๆแสบๆอยู่ตอนนี้เป็นผลมาจากถูกมีดกรีดสายเสื้อใน!
ถ้าจะเล่นกันถึงขนาดนี้ทำไมมึงไม่เอามีดมากระซวกไส้กูเลยวะไอ้คนทำ!
“ใช่ครับ  คุณเจ็บมากหรือเปล่า”
“เจ็บสิเว้ย!”
“…”
“เอ๊ย!  จะ…เจ็บสิคะ  เจ็บมากเลย”
ผมพลิกลิ้นเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน
อย่าให้กูรู้นะว่าใครเป็นคนทำ  พ่อจะจับมาปล้ำให้สาสมกบบาดแผลที่น้องนางทิ้งเอาไว้ให้เลย!
“ฝากพวกคุณจัดการทางนี้ต่อด้วยนะครับ  ผมจะพาคุณน้ำไปทำแผล”   
“เรียกหมอมาด้วยไหมคะ  เผื่อว่าแผลต้องเย็บ”
“ก็ดีครับ  แต่หวังว่ามันจะไม่ลึกถึงขั้นนั้น  นางงามมีแผลเป็นที่แผ่นหลังคงไม่ดีแน่”
“ไมได้นะคะ!  ตามหมอไมได้!”
ผมโพล่งแทรกออกไปกลางวง  ถ้าตามหมอมาความก็แตกหมดสิว่าผมไม่ใช่ผู้หญิง!  นาทีนี้ต่อให้เลือดจะต้องไหลหมดตัวจนตายก็ยอมล่ะวะ
แต่ผมจะทำลายความฝันของน้ำไม่ได้เด็ดขาด!
“ทำไมล่ะธารทิพย์  แผลเธออาจะลึกก็ได้นะ”
“ไม่ลึกหรอกค่ะ  ไม่ลึกจริงๆ  แล้วฉันก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไรแล้วด้วย”
“แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งจะบอกว่า…!”
“ฉันไม่เจ็บแล้วจริงๆค่ะคุณเปลว!”
ผมหยิกเข้าที่แขนของไอ้หน้าหนวดเต็มแรงแบบไม่ให้ใครเห็น  พร้อมกับส่งสายตาประมาณว่า ‘ถ้าไม่หยุดพูด  กูจะหยิกให้เนื้อหลุด’
“ไม่ต้องตามหมอมาหรอกครับ  ดูๆแล้วแผลก็ไม่ลึกจริงๆ  เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“จัดการเอง?  แต่เธอเป็นผู้เข้าประกวดนะคะคุณเปลว  ให้ทีมงานผู้หญิง…”
“ผมจัดการเองครับ  พวกคุณดูแลทางนี้ไปเถอะ”
แล้วทุกอย่างก็ดูจะชุลมุนวุ่นวายไปหมด  ยัยแม่มดหรี่ตามองผมอย่างไม่ชอบใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้  ทีมงานคนอื่นๆแยกย้ายกันไปต้อนบรรดาผู้เข้าประกวดขึ้นมาจากน้ำเพ่อพาไปรวมกันที่ห้องประชุม  ส่วนไอ้หน้าหนวดช้อนตัวผมขึ้นไปอีกครั้งก่อนจะพาตรงดิ่งกลับเข้าไปในโรงแรม
ไม่รู้หรอกนะว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า  แต่ผมรู้สึกว่า…จังหวะการเดินและการย่ำเท้าของเขาเบาลง  ราวกับว่าไม่ต้องการให้แรงสะเทือนจากการเดินของเขาไปกระกับบาดแผลที่หลังของผมเข้า…
“อดทนหน่อยนะครับ  เดี๋ยวก็ถึงห้องพักผมแล้ว”
“ค่ะ…”
ตอบพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ
จะไม่ให้ผมมีสีหน้าแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อไอ้หน้าหนวดมันพูดประโยคนี้เป็นรอบที่ห้าแล้ว!  ทำราวกับว่าผมถูงูทะเลมีพิษกัดแล้วกำลังจะตายในอีกไม่กี่นาทีอย่างนั้นแหละ  เอาแต่ชวนคุยเรียกสติเพื่อไม่ให้ผมหลับ…
มึงจะบ้าหรือไงฟะ!  กูแค่โดนมีดกรีดสายเสื้อในเฉยๆเว้ย!  ไม่ได้ถูกสิบล้อทับมา!
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก  ไอ้หน้าหนวดรีบพาผมไปนั่งที่เตียงก่อนจะไปค้นอะไรสักอย่างในกระเป๋าใบใหญ่  ผมมองไปรอบๆห้องเพื่อสำรวจว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง  แผลที่หลังตอนนี้มันเริ่มหายเจ็บแล้ว  ความจริงต้องบอกว่าเจ็บจนชาไปหมดแล้วถึงจะถูก
“มาแล้วครับ  เป็นยังไงบ้าง  คุณเจ็บมากไหม”
“คุณถามคำถามนี้เป็นร้อยครั้งแล้วนะคะ  ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าเจ็บ  นี่มีดกรีดนะ  ไม่ใช่ไม้จิ้มฟันข่วน  จะไม่เจ็บได้ยังไง”
“ฮะๆๆๆ  ลองกวนผมได้ขนาดนี้  ดูท่าว่าจะไม่เจ็บอะไรมาก”
อีกฝ่ายขำเล็กน้อย  เขาขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆผมก่อนจะจับผมพลิกตัวให้หันหลังให้เขา  ส่วนด้านหน้า…แน่นอนว่าผมยังคงเอาเสื้อเชิ้ตที่มันให้มาคลุมปิดไว้อย่างมิดชิดราวกับว่าปกปิดนมอันใหญ่โตไว้ไม่ให้ใครเห็น  ทั้งที่ความจริงแล้วมันตรงกันข้าม…
ผมกำลังปกปิดหน้าอกที่ไร้นมของตัวเองต่างหาก!
“ขอผมดูแผลหน่อยสิ  จะได้รํว่าลึกหรือเปล่า”
“ดู?!  ดะ…ดูยังไง  คงไมได้จะให้ฉันแก้ผ้าหรอกนะ!”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ  คุณโดนมีดกรีดข้างล่างด้วยหรือไง”
ผิดไหมถ้าผมจะรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบกับประโยคนี้ของมัน!
“แล้วคุณจะดูแผลยังไงล่ะ”
“ผมจะใช้กรรไกรตัดเสื้อด้านหลังคุณออก  ส่วนด้านหน้าคุณก็เอาเสื้อผมคลุมไว้อยู่แล้วนี่  ถึงอยากจะดูยังไงก็คงไม่เห็นหรอก”
“ทะลึ่ง!”
มีผู้ชายที่ไหนเขายอมรับกันโต้งๆบ้างว่าอยากจะดูหน้าอกของผู้หญิง  กูเห็นมีมึงเนี่ยคนแรก!
“เอ้าๆ ผมจะตัดแล้วนะ”
สุดท้ายผมก็จำต้องยอมให้มันทำแผลให้จริงๆ  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ไว้ใจมันนัก  และทำไมมันถึงไม่คิดจะถามว่าเพราอะไรผมถึงไม่ยอมให้ตามหมอมารักษา
ไม่สงสัย…
หรือเพราะรู้อะไรอยู่แล้วกันแน่
 ผมพยายามเก็บความสงสัยของตัวเองเอาไว้  ไม่ว่ามันจะรู้อะไรหรือไม่ก็ตาม  ตราบใดที่มันยังไม่พูดอะไรออกมา  ผมจะถือว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ฉึบ…
เสียงกรรไกรตัดเสื้อดังไปเรื่อยๆจนกระทั่งความเย็นจากแอร์แตะแผ่นหลัง  เศษซากของเสื้อถูกโยนทิ้งลงไปบนพื้น  ผมกอดตัวเองผ่านเสื้อของเขาอีกทีโดยเน้นปกปิดส่วนหน้าอกมากเป็นพิเศษ  ขอให้แผลมันไม่ได้ลึกถึงขั้นต้องเจ็บจริงๆทีเถอะ  เพราถ้าสุดท้ายแล้วแผลมันลึกมากจริงๆ  ยังไงทางกอดประกวดก็ต้องบังคับให้ผมไปหาหมอแน่อยู่แล้ว
ไม่อยากจะคิดภาพตอนความแตกเลยให้แตก!
“แผลลึกอยู่เหมือนกันนะครับ  แต่ไม่ได้มากถึงขั้นต้องเย็บ”
“เฮ้อ  โล่งอกไปที”
“มีอะไรให้โล่งอกเหรอครับ  ถึงจะไมได้เย็บ  แต่ยังไงคุณก็เจ็บตัวนะ”
“คือฉันหมายความว่า…โล่งอกที่ไมได้เป็นอะไรมากยังไงล่ะคะ  เพราะถึงขั้นต้องหาหมอแล้วเย็บแผลมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ก็ได้  ฉันอยากประกวดต่อไปอย่างสงบสุขมากกว่า”
“แม้ว่าจะโดนขนาดนี้  คุณก็ไม่คิดที่จะถอนตัวสินะครับ”
ผมนิ่ง  ไม่อยากจะคุยเร่องนี้กับเขาอีก  เพราะยิ่งพูด  ผมก็ยิ่งกลัวว่าตัวเองจะเผลอพูดความจริงออกไปว่าเพราอะไรผมถึงยังทนอยู่แม้ว่าจะถูกคนอื่นๆในกองประกวดรังเกียจ  หรือแม้แต่ถูกทำร้ายขนาดนี้…
“ถ้าเจ็บก็บอกนะครับ”
“ค่ะ”
ความเงียบเข้าปกคลุม  ไอ้หน้าหนวดเทแอลกอฮอล์ล้างแผลลงบนสำลีก่อนจะกดลงไปที่บาดแผลของผมอย่างเบามือ 
“อ๊ะ!”
ผมสะดุ้ง  เกลียดที่สุดคือการเป็นแผลแล้วต้องใช้แอลกอฮอลส์ล้างเนี่ย!  มันแสบไปถึงรูตูดแล้วโว้ย
“แสบนิดหนึ่งนะครับ”
“ค่ะ”
ตอบรับอีกครั้งพลางกัดฟันตัวเองเพื่อกลั้นเสียงร้องเอาไว้ด้วย
ฝ่ามือร้อนข้างหนึ่งของเขาจับอยู่ที่ช่วงเอวของผม  ส่วนมืออีกข้างก็กดสำลีลงบนแผลเพื่อฆ่าเชื้อโรค  เจ็บก็เจ็บ  แสบก็แสบ  แถมยังต้องมารู้สึกวูบวาบตรงส่วนที่ไอ้หน้าหนวดมันจับเอาไว้อีก
เกิดเป็นกู…
ลำบากลำบนยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก!
“ไม่ต้องห่วงนะครับ  ผมจะลากตัวคนที่ทำกับคุณถึงขนาดนี้ออกมาให้ได้”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดล่ะคะ?”
“เพราะการที่ตัวเก็งในการประกวดถูกทำร้าย  มันเป็นธรรมดาที่จะพุ่งเป้าไปที่ผู้เข้าประกวดด้วยกันยังไงล่ะครับ”
“…”
“ผมบอกคุณแล้วไง  ว่านี่มันคือสงครามที่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะรับมือได้  คุณน่ะ…ไม่มีทางเดินตามเกมได้ทันหรอกนะครับ”
“…”
“นอนคว่ำหน้าลงไปได้ไหมครับ  ผมทำแผลไม่ค่อยถนัด”
ผมไม่ตอบ   หากแต่ค่อยๆล้มตัวลงนอนคว่ำลงไปบนเตียงตามที่เขาบอก  สองมือยังกอดตัวเองเอาไว้แน่น  จะยังไงก็ให้มันรู้ไมได้เด็ดขาดว่าผมไม่มีนม!
“น่าเสียดายจริงๆ  แผ่นหลังสวยๆเลยมีรอยแผลจนได้”
วูบ!
“คุณทำอะไรน่ะ!”
ผมร้องเสียงหลงเมื่อที่แผ่นหลังรับรู้ได้ถึงไอร้อนประหลาดที่ไมได้มาจากฝ่ามือหรือน้ำยาล้างแผลอะไรทั้งสิ้น  ไอ้ครั้นจะพลิกตัวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็ทำไม่ได้อีก  เลยแต่นอนคว่ำหน้าตะโกนถามมันอยู่อย่างนั้น
“ทำอะไรล่ะครับ  ผมกำลังร่ายมนต์ให้รอยแผลพวกนี้มันหายไปจากตัวคุณเร็วๆไง”
“นี่…”
เสียงเริ่มหายไปทีละนิด  ไอ้หน้าหนวดลากริมฝีปากไล่ตั้งแต่ท้ายทอยเลื่อนมาจนถึงหัวไหล่  และไต่ระดับต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงสะโพก  วนเป็นวงกลมอยู่อย่างนั้นทั่วแผ่นหลัง
งานงอกใส่กูอีกแล้วไง…
ปิกาจู้จำศีลมันจะตื่นแล้วโว้ย!
“พะ…พอได้แล้วนะ”
“เดี๋ยวสิครับ  ผมยังร่ายมนต์ไม่เสร็จเลยนะ”
กูขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ที่เคยบอกว่ามึงไว้ใจได้  ความจริงแล้วมึงแม่งโคตรไว้ใจไม่ได้เลย!
ไอ้หน้าหนวดยังคงใช้ริมฝีปากและลิ้นแทะโลมแผ่นหลังผมไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักอิ่ม  ขณะที่ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆนอกจากคว่ำหน้าลงกับหมอนแล้วกัดมันเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง
ถึงกูจะเป็นผู้ชาย  แต่มาถูกเล้าโลมแบบนี้นานร่วมสิบนาทีมันก็อดไมได้ที่จะมีเสียงออกมาป่ะวะ!
ไอ้เหี้ยเอ๊ยย  มึงหยุดสักทีเหอะ  กูกราบล่ะ!
“หึๆ  กลั้นเสียงเก่งดีจริงๆนะ”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำแบบนี้กับฉันสักที!  ไม่คิดจะให้เกียรติกันเลยหรือไง”
“ถ้าผมคิดจะ ‘ทำ’ จริงๆ  คุณไม่รอดมาจนถึงวันนี้หรอกครับ”
โหยยยย  ไอ้เลว  ไอ้ชั่ว  ไอ้หื่นกามมมม  ไอ้โรคจิต  กูจะสรรหาคำไหนมาด่ามึงในใจให้หายแค้นดีวะ  หรือกูควรจะยอมแพ้  บอกความจริงเรื่องที่เป็นผู้ชายแล้วจัดการกระทืบมึงซะ  จากนั้นก็กลับไปขอโทษน้ำแบบลูกผู้ชายว่าพี่ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว!
ไม่ๆๆๆๆๆ
ผมจะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด  ท่องเอาไว้ว่าความฝันของน้ำ  เพื่อความฝันของน้ำ!
“ทีนี้คุณจะเชื่อผมได้หรือยัง ว่าคุณ…จำเป็นต้องมีผม”
ปากถามแต่การกระทำอันลามกก็ไม่ได้จบลงไปด้วย   มันยังคงลูบไล้และพรมจูบไปตามแผ่นหลังของผมอยู่  รู้งี้กูน่าจะไม่อาบน้ำสักเจ็ดวัน  รอจนกว่าขี้กากขี้เกลื้อนมันจะขึ้น  ดูซิ  มึงยังจะกล้าทำแบบนี้กับกูอยู่ไหม!
“อัศวินที่ต้องจะงาบเจ้าหญิงเป็นของตัวเองอย่างคุณน่ะเหรอคะ?”
“ทำไมล่ะครับ  สุดท้ายเจ้าหญิงตกเป็นของอัศวินก็โรแมนติกไปอีกแบบนะ  ไม่จำเป็นว่าเจ้าหญิงจะต้องคู่กับเจ้าชายเสมอไปสักหน่อย”
ก็จริงของมัน  ตอนเด็กๆเวลาแม่เรานิทานให้ผมกับน้ำฟัง  ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมเจ้าหญิงแม่งต้องคู่กับเจ้าชายตลอดด้วย  คู่กับท่านอำมาตย์หรือพวกลูกชาวนาแบบนี้บ้างไมได้หรือไง
อ๊ะ!  แต่นั่นมันคนละกรณีกับเรื่องนี้นี่หว่า!
“”ก็เพราะคุณมันเป็นอัศวินชีกอน่ะสิ  มีอย่างที่ไหน  หาโอกาสทำรุ่มร่ามกับตัวฉันตลอดเลย  แม้กระทั่งตอนนี้ก็ด้วย!”
“ถ้าไม่ชอบคุณก็ร้องออกมาเสียงดังๆสิครับ  ให้ทุกคนเขาแห่กันมาเลย  มันจะได้กลายเป็นเรื่องใหญ่  ถึงตอนนั้นคุณเองก็อาจจะได้คะแนนสงสารที่เกือบถูกผู้จัดการงานประกวดนี้ทำมิดีมิร้าย  มีแต่ได้กับได้ไม่ใช่เหรอ?”
ได้กับได้พ่อมึงสิ!  ถ้ากูทำแบบนั้นจริงๆก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกจับตามอง  และการที่จะใช้ชีวิตในช่วงเก็บตัวสามเดือนอยู่อย่างสงบๆเพื่อรอน้ำหายดีแล้วกลับมาเปลี่ยนตัวก็อาจจะไม่ง่ายอีกต่อไป  เพราะแบบนั้น…กูถึงต้องมาทนให้มึงลวนลามอยู่แบบนี้ไงเล่า!
“ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ”
“…”
“มันเพราะอะไรกันนะ  คุณถึงยอมให้ผู้ชายที่คุณเกลียดขี้หน้านักหนาทำอะไรกับร่างกายของคุณได้มากขนาดนี้  โดยที่คุณไม่ยอมโต้แย้งอะไรเลย  ผมล่ะอยากรู้จริงๆ”
ผมกัดฟันกรอด  ที่แท้สิ่งที่มันทำทั้งหมดก็เพื่อบีบให้ผมพูดความจริง!
“ว่ายังไงล่ะครับ  คุณน้ำ  คุณมีเหตุผลอะไรถึงยอมให้ผมแตะต้องร่างกายที่คุณหวงนักหนาได้ขนาดนี้  แล้วทำไม…ถึงไม่ยอมแจ้งความหรือบอกเรื่องนี้กับใครเลย  ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองบ้าเลยเหรอครับ?”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น  ก็แค่ไม่อยากมีปัญหา”
“งั้นก็หมายความว่า  ต่อให้ผมทำอะไรมากกว่านี้  คุณก็จะไม่ปริปากพูดอะไรเลยสินะครับ”
“คุณคิดจะทำอะไร!”
หมับ!
“ชู่…!”
ร่างสูงพุ่งเข้าประชิดตัวผมที่พลิกตัวกลับไปหาโดยยังระวังไม่ให้เสื้อที่ปกปิดร่างกายอยู่หลุด  ไอ้หน้าหนวดใช้มือข้างหนึ่งปิดปากผมเอาไว้  ส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบหมอนและสอดมันเข้าไปใต้ร่างของผมอีกที  อย่าถามนะว่าแล้วมือผมเองหายไปไหน…
ก็กอดตัวเองไว้แน่นเลยยังไงล่ะฟะ!
ถ้าขืนมันพยายามดึงเสื้อออดขึ้นมาก็จบเห่พอดี  นมหนอนม..
แฟ่บยิ่งกว่าไม้กระดานเสียอีก!
“เอารองไว้แบบนี้จะได้ไม่เจ็บ”
“คุณจะทำอะไรน่ะ  ถอยไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ผมระแวงหนักขึ้น  อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ส่งยิ้มยียวนกวนประสาทมาให้แทน  นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์แบบสุดๆ  ความฉิบหายของจริงกำลังจะมาเยือนกูแล้วใช่ไหม
ที่ผ่านมานั่นแค่ออเดิร์ฟสินะ!
“เอาล่ะ  มาดูกันซิว่า…คุณน้ำคนเก่งของผม  จะทำยังไงต่อไป”
สายตาของอีกฝ่ายเลื่อนต่ำลงไปกว่าที่ควรจะเป็น  ก่อนที่ผมจะรับรู้ได้ถึงไอร้อนจากฝ่ามือของเขาที่สอดเข้าไปในกางเกงและจับตรงโคนขาของผมเอาไว้!
เหี้ยแล้วไง!
อย่าบอกนะว่าไอ้เวรนี่คิดจะ…!
“คุณ…! อื้อๆๆๆๆ”
มือหนาปิดปากผมไว้สนิท  ถ้าใช้มือไปช่วยด้านล่างตอนนี้  ด้านบนก็จะถูกจับได้  แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะถูกจับได้ที่ด้านล่างแทน…
ทำยังไงดีวะ!
หนีเสือในทะเลมาปะกับจระเข้บนห้องพักโรงแรมเหรอวะเนี่ย!
“ไม่ต้องกลัวนะครับ   ผมรับรองว่าไม่เจ็บ”
ปล่อยกูนะโว้ยไอ้หนวดตัณหากลับ!!!


Talk :
มาอัพแล้วจ้าาาา  นาทีนี้สงสารไฟอย่างสุดซึ้งจริงๆ  คุณเปลวนี่เข้าใจยากยิ่งกว่าผู้ใดๆบนโลกนี้เลย  แล้วแบบนี้พี่ไฟของเราจะรอดพ้นเงื้อมมือหื่นๆนั้นมาได้ยังไงล่ะเนี่ย  คุณเปลวต้องการอะไรจากการกระทำนี้กันแน่?  มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้พี่ไฟด้วยนะคะ  จุ๊บๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 28-11-2016 18:54:36
 หัวเราะขำทั้งเรื่อง  o13
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: zeeL ที่ 28-11-2016 21:08:03
รอๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-11-2016 23:05:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 29-11-2016 08:02:56
โธ่. ไฟเอ้ย.  ยอมๆ ไปเถอะ. จะได้จบๆ. ไป. คนอ่านจะได้ฟิน  :hao3:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-11-2016 09:33:27
คำถามเดิม  ตกลงอีตาคุณเปลวมันรู้หรือไม่รู้เนี่ย  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 29-11-2016 14:07:05
ไอ้หนวดนี่เกือบจะดีละ =________________=
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 29-11-2016 18:52:25
ไอ้หนวดรู้ตั้งแต่แรกแล้วม้างงงว่าเป็นคนพี่
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 8 (28/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 29-11-2016 21:40:14
 :3123:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 30-11-2016 14:18:49
ตอนที่ 9
ตราบาปที่ติดตัว

“บะ…บอกแล้ว!”
ผมตะโกนออกไป  มือที่กำลังจะเลื้อยไปยังจุดอันตรายชะงัก  ใบหน้าเจ้าเล่ห์ยิ้มร้ายก่อนจะเล่นปูไตกับโคนขาผมเพื่อยั่วโมโห
“ในที่สุดก็ยอมบอกสินะ”
“เออ!”
“หึๆ”
“แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรครับ”
“คุณต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่บอกใคร  และจะช่วย…”
“…”
“ปิดเอาไว้เป็นความลับ”
ผมมองหน้ามันด้วยท่าทางจริงจัง  ยังไงเสียต่อให้ผมไม่พูดความจริง  สถานการณ์แบบนี้ก็ต้องถูกจับได้แน่นอนอยู่แล้ว  เพราะจากการกระทำของมัน  ผมรู้ว่ามันเอาจริง
“ตกลง  แต่ว่า…ผมเองก็มีข้อแลกเปลี่ยนเหมือนกันนะ”
กูว่าแล้ว! 
คนอย่างมึงไม่มีทางช่วยอะไรก็ฟรีๆแน่นอน  ฮึ่มมม!
“อะไร”
“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก  แต่เอาเป็นว่าตกลงตามนี้แล้วกันนะครับ”
ไอ้หน้าหนวดยิ้มพราว  มันยอมเอามือที่กำลังเล่นปูไต่อยู่ออกมาจากกางเกงพร้อมกับผละตัวออกไปนั่งปลายเตียงเพื่อรอฟังความจริงจากผม
เอาวะ!
จะทางไหนก็ต้องถูกจับได้อยู่ดี  ถ้าหากขอร้องมันให้ยอมช่วยได้ก็คงไม่มีปัญหา  ไม่สิ  เมื่อกี้มันสัญญามาแล้วว่าจะช่วยผมปกปิดเป็นความลับ  จะยังไงมันก็ต้องช่วย  เพราะถ้ามันไม่ช่วย  ผมนี่แหละจะทำให้มันเป็นศพนอนกองอยู่ตรงนี่เลย!
“เอาสิครับ  บอกความลับของคุณมา  ผมรอฟังอยู่”
ผมสูดหายใจเข้าปอดจนท้องป่องเหมือนพะยูนเกยตื้นก็ไม่ปาน  ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงไปยืนอยู่ตรงหน้ามัน  ไอ้หน้าหนวดขมวดคิ้วเล็กน้อย  แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าไม่จางหาย
“จะทำอะไรเหรอครับ”
“หุบปกากเหอะน่า!”
ผมใช้เสียงที่แท้จริงคุยกับมัน  เสียงแบบที่ไม่ต้องดัดให้มันเล็กหรืออ่อนหวาน  อีกฝ่ายนิ่งไป  รอยยิ้มที่ผมเกลียดหายไปแล้ว  เหลือเพียงใบหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาทั้งนั้นกำลังจ้องมองผมอยู่
“ดูให้ดี”
“…”
“นี่แหละคือ…ความลับของผม”
พรึ่บ!
ผมโยนเสื้อของไอ้หน้าหนวดที่เอาคลุมตัวไว้ทิ้งไป  เผยให้เห็นเรือนร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆปกคลุม  และแน่นอนว่า…
นมก็ไม่มีเช่นกัน
“อย่างที่คุณเห็น  ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่สิ  ถ้าจะพูดให้ถูกคือผมไม่ใช่นางสาวธารทิพย์  แต่ผมเป็นพี่ชายฝาแฝดของน้ำ  ที่สวมรอยมาเป็นน้ำเพื่อเก็บตัวแทนสามเดือน  เพราะว่าก่อนหน้านี้น้ำประสบอุบัติเหตุต้องเข้ารักษาตัว  และตอนนี้ก็ยังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล  หน้าที่ของผมคือปลอมตัวเป็นน้ำจนกว่าน้ำจะหายดีและกลับมาเปลี่ยนตัวกับผมได้  ซึ่งคิดว่าน้ำน่าจะสามารถกลับมาเปลี่ยนตัวคืนได้ก่อนถึงวันตัดสิน”
“…”
“…”
“…”
“…”
“อย่างงี้นี้เอง…”
หลังจากที่เงียบไปหลายอึดใจและเอาแต่มองหน้า ( หรือนมผมก็ไม่แน่ใจ )  ในที่สุดไอ้หน้าหนวดก็ยอมเปิดปากพูดออกมา   หากแต่ท่าทางไม่ได้ดูตกใจอะไรเลยกับการที่จู่ๆผมก็เปิดเผยตัวว่าเป็นผู้ชาย  กลับกัน  เขาดูสบายและสมายด์กว่าที่คิดไว้เยอะ!
หรือว่า…
“คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหม”
“…”
“ว่าผม…ไม่ใช่น้ำตัวจริง”
“…”
“…”
“หึๆ  นั่นสินะ  รู้หรือไม่รู้  ติ๊กต่อกๆๆๆ”
มึงอย่ามากวนตีนกูนะไอ้หน้าหนวด!  ตอนนี้กูไม่ต้องแอ๊บทำตัวเป็นสาวน้อยแล้ว  กูสามารถตะบันหน้ามึงได้ไม่ยั้งเว้ย!
“ผมไม่มีเวลามาล้อเล่นกับคุณหรอกนะ”
“โอเคครับๆ  ผมยอมแพ้”
ไอ้หน้าหนวดยกมือทั้งสองข้างขึ้นยอมแพ้   พอไม่ต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป  ผมก็เดินไปลากเก้าอี้ที่โต๊ะเครื่องแป้งออกมานั่งแหกแข้งแหกขาตาแบบผู้ชายได้อย่างเต็มที่
เฮ้อ!  อึดอัดมานาน  ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยสักทีโว้ยยยย
“ผมยอมบอกความลับของตัวเองกับคุณแล้วนะ   เพราะงั้นคุณต้องทำตามสัญญา”
“สัญญา? สัญญาอะไรเหรอครับ”
“อยากตายหรือไงวะ!”
พุ่งเข้าใส่มันกะจะกระทืบให้หายแค้น ( ในหลายๆความหมาย ) ผมต้องทบต้นทบดอกมันเรื่องอะไรบ้างนะ  แต่ที่แน่ๆคือเรื่องที่มันลวนลามและทำรุ่มร่ามกับร่างกายผมมานับไม่ถ้วนนี่แหละ!
ประหารชีวิตมันเจ็ดชั่วโคตรยังไม่สาแก่ใจเลยมั้ง!
“จะดีเหรอครับ  ที่มาทำแบบนี้กับคนที่…”
“…”
“กุมความลับของคุณอยู่”
อึก!
สะอึกไปเลยสิมึงไอ้ไฟเจอมันตอกกลับแบบนี้!
ผมจ้องหน้ามันเขม็งก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออกจากคอเสื้อมันและถอยห่างออกมา  ตอนไม่บอกความจริงก็ถูกมันคอยแต่จะหาเรื่องเปิดเผยความลับผมให้ได้  พอบอกความจริงก็ดันตกเป็นเบี้ยล่าง  กลายเป็นว่าถูกมันกุมความลับเอาไว้เสียอีก
นี่สรุปจะยังไงผมก็แพ้มันทั้งขึ้นทั้งร่องเลยใช่ไหมเนี่ย!
“ดีมากครับ  ต้องเป็นเด็กดีอย่างนี้สิ  ถึงจะน่ารักน่าช่วย”
“คุณสัญญาแล้วนะครับว่าจะปิดเป็นความลับถ้าผมยอมบอกความจริงกับคุณ”
ผมจริงจังขึ้นมาทันตา  ถ้าหากไอ้เวรนี่มันกลับคำไม่ยอมช่วยผมตามที่สัญญาไว้ในตอนแรกผมจะทำยังไง  ความฝันของน้ำจะตองมาพังลงตรงนี้เพราะพี่ชายไม่เอาไหนอย่างผมงั้นเหรอ…
ไม่ได้…
จะยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!
“มันจำเป็นมากเลยเหรอครับที่คุณจะต้องยอมทำถึงขนาดนี้   เพื่ออะไรเหรอครับ”
“เพื่อให้ความฝันของน้ำเป็นจริง”
“…”
“ผมเคยพรากความฝันของน้ำไปแล้วครั้งหนึ่ง  ผมอยากจะชดใช้มันให้กับเธอ”
“หมายความว่ายังไงครับ?”
ผมเสมองไปทางอื่น  พยายามเงยหน้าด้วยกลัวว่าน้ำตาอาจจะไหลออกมาหากต้องเล่าเรื่องที่ไม่อยากจำขึ้นมาอีกรอบ
“เรื่องมันเกิดขึ้นตอนผมกับน้ำอายุแปดขวบ”
“…”
“ตอนนั้นพ่อกับแม่เลี้ยงเราเหมือนกันทุกอย่าง  ส่งให้เรียนเปียโนเหมือนกัน  เรียนระนาดเหมือนกัน  แต่เพราะผมเป็นผู้ชายและยังมีความคิดเด็กๆ  แน่นอนว่าผมทำเรื่องพวกนั้นได้ดีสู้น้ำไม่ได้  พอเห็นน้ำทำได้ดีกว่าและได้รับคำชมจากพ่อกับแม่รวมถึงคุณครูเสมอก็เกิดความอิจฉาขึ้นมา”
“…”
“ทำไมกันนะ  ทั้งที่เราเป็นพี่น้องกัน  เกิดก็พร้อมกัน  หน้าตาก็เหมือนกัน  แต่ทำไม…น้ำถึงทำทุกๆอย่างได้ดีกว่าผมเสมอ  ทำไมถึงมีแต่น้ำที่ได้รับความรักและคำชมจากทุกคน  ความคิดพวกนั้นทำให้ผมทำเร่องเลวร้ายที่สุดลงไปกับน้ำ”
“คุณทำอะไร?”
“ตอนเด็กๆน้ำมีความฝันอยู่สองอย่าง  คือการได้เป็นนางงามกับนักเปียโนที่เก่งที่สุด  เธออยากไปเรียนเปียโนนกับอาจารย์ฝีมือดีที่ฝรั่งเศส  แล้วตอนนั้นความฝันเรื่องนักเปียโนของเธอก็ดูเหมือนจะเป็นจริงได้มากที่สุด  ก่อนวันที่น้ำจะไปแข่งเปียโนหนึ่งวัน  ผมแค่อยากจะแกล้งน้ำเท่านั้นก็เลยแอบเอาตุ๊กตาตัวโปรดของน้ำไปทิ้ง   พอน้ำรู้ว่าตุ๊กตาตัวนั้นหายไปก็ออกตากหาจนกระทั่ง…”
“…”
“ถูกรถชน”
“!!!”
“น้ำถูกรถชนจนต้องนอนไอซียูอยู่เป็นเดือนๆ  ไม่ได้ไปแข่งเปียโนซึ่งเป็นความฝันที่น้ำรักมาก  พอฟื้นขึ้นมาอีกทีร่างกายของน้ำก็ไม่เหมือนเดิม  น้ำไม่สามารถเล่นเปียโนอีก  เพราะแรงกระแทกจากการถูกรถชนทำให้เธอไม่สามารถขยับปลายนิ้วได้คล่องเหมือนเดิม  เหตุการณ์นั้นทำให้น้ำเลิกเล่นเปียโน  และทุกคนในบ้านก็ไม่มีใครพูดถึงมันอีกเพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจของน้ำ”
ตุ้บ…
“ขอร้องล่ะครับ  ช่วยปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับที”
“…”
“ขอให้ผมได้ชดใช้สิ่งที่เคยทำไว้กับน้ำด้วย  ผมขอร้อง”
ผมทรุดตัวคุกเข่าลงต่อหน้าเขาพร้อมกับก้มหัวจรดพื้นให้
น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่เคยไหล  ไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย  หากเป็นเรื่องของน้ำ  ไม่ว่าอะไรผมก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่าง  เพื่อชดใช้ความผิดที่เคยได้ทำลงไป  แม้น้ำจะบอกว่าไม่เคยโกรธผมเลยก็ตาม  แต่ผมก็ไม่อาจให้อภัยการกระทำที่น่ารังเกียจของตัวเองได้เลยสักครั้ง
มันกลายเป็นตราบาปที่สุดในชีวิตของผม
ตั้งแต่นั้นมา  ผมเลยให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะช่วยเหลือน้ำและทำทุกอย่างเพื่อน้ำ  ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
“เพราะแบบนี้สินะครับ  คุณถึงยอมทนมาได้ขนาดนี้  ไม่ว่าจะทนการกระทำของผม  หรือทนให้ผู้เข้าประกวดคนอื่นๆรังแกคุณ”
“ผมแค่รอวันเอาคืนหลังจากน้ำกลับมาเปลี่ยนตัวแล้วต่างหากล่ะ”
“แต่คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอครับ  ว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  ต่อไปมันอาจจะไม่ใช่แค่นี้ก็ได้”
“นั่นยิ่งทำให้ต้องเป็นผมเท่านั้นที่อยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงวันประกาศผล  เพราะถ้าให้น้ำมาเองแล้วต้องทำร้ายแบบนั้น  เธอไม่มีทางทำอะไรได้แน่นอน  น้ำน่ะ…อ่อนโยนแล้วก็อ่อนหวานมาก  เธอไม่มีวันโกรธคนที่คิดร้ายกับเธอแน่นอน”
“…”
“นะครับ  ผมขอร้อง  ในเมื่อรู้ว่าสงครามครั้งนี้มันอันตรายแค่ไหน  คุณจะให้ผมทีเป็นพี่ชายหนีหางจุกตูดแล้วให้น้องสาวเข้ามาเผชิญมันด้วยตัวเองงั้นเหรอครับ!”
กูลงทุนคุกเข่าอ้อนวอนมึงขนาดนี้แล้วนะเว้ย!  ถ้ามึงยังใจร้ายไม่ช่วยเหลือกูมึงแม่งก็ไม่ใช่คนแล้วไอ้หน้าหนวด!
ไปเกิดเป็นปลาหมึกเหอะไป๊!
“ถ้าคุณอยากให้ผมช่วย  ผมมีข้อแม้อย่างหนึ่งสำหรับการที่ผมจะต้องเอาหน้าที่การงานของตัวเองมาเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือคุณครั้งนี้”
“อะไร?”
“คุณจะต้องบอกผมทุกเรื่อง  และห้ามลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผมเด็ดขาด”
ผมนิ่งค้าง
หัวใจเต้นระรัวกับประโยคนี้ของเขา  น้ำเสียงจริงจังและสายตาที่เหมือนกีบกำลังวิงวอนให้ผมทำตามที่เขาพูดมันชวนให้หัวใจวายเสียจริง
ทะ…ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆขนาดนี้นะ
มึงเป็นอะไรไปเนี่ยไอ้ไฟ!
“เพราะถ้าคุณถูกจับได้  ผมก็ซวยไปด้วยเหมือนกัน  ฐานที่ช่วยคุณปิดบังความลับเอาไว้”
ไอ้หอกหัก!
กูก็อุตส่าห์เสียเวลาหลงเคลิ้มในความใจดีของแม่ง  ที่ไหนได้…!
“เข้าใจแล้วน่า!  แค่ขอความช่วยเหลือจากคุณทันทีและทุกครั้งที่มีปัญหาก็พอใช่ไหม”
“ครับ”
อีกฝ่ายยิ้มเผล่อย่างน่าหมั่นไส้ 
ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ยอมช่วยผมง่ายนัก  แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ถูกเขาจับโยนออกไปทั้งที่เรื่องนี้มันโคตรจะผิดกฎร้ายแรงของกองประกวดเลย!
“เดี๋ยวอีกสักพักพวกกรรมการคนอื่นคงตามขึ้นมา  คุณรีบไปจัดการหานมมาใส่แทนนมที่ลอยไปในทะเลของคุณจะดีกว่านะ”
“จริงด้วย  ลืมเรื่องนมไปเลย!”
“แต่คุณก็กล้าไม่เบาเลยนะครับ  ที่มาโชว์หัวนมสีชมพูของตัวเองให้ผมดูแบบนี้  ไม่กลัวผมทำอะไรอีกหรือไง”
นัยน์ตาลามกมองไปที่หัวนมผมพร้อมส่งสายตาโลมเลียอย่างหื่นกามมาให้
ไอ้ฉิบหาย!  ขนาดรู้ว่ากูเป็นผู้ชายมึงก็ยังไม่หยุดคิดเรื่องพวกนี้อีกเรอะ!  ตกลงที่อยู่ในหัวมึงมันคือสมองหรือตัวโสโครกอะไรกันแน่!
“ผมว่าผมไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเลยดีกว่า  ยังไงก็ต้องไปรวมตัวกับทุกคนที่ห้องประชุมอยู่แล้ว”
“งั้นผมไปส่ง”
“ผมไปเองได้  เจ็บหลังไม่ได้เจ็บขาเว้ย”
“พอกลับมาเป็นคุณไฟคนเดิมแล้วปากกล้าขึ้นเยอะเลยนะครับ”
“มันเรื่องของ…!”
“…”
“…”
“…”
“…”
“ทำไมเงียบไปล่ะครับ  เรื่องของอะไร?”
“เมื่อกี้…ผมบอกคุณแล้วเหรอครับว่าตัวเองชื่ออะไร”
“!!!”
“ผมจำได้ว่าผมยังไม่ได้บอกชื่อของผมกับคุณเลยนะ  แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมชื่อไฟ”
ไอ้หน้าหนวดยืนตังแข็งเป็นหิน  ส่วนผมก็มองหน้ามันเพื่อเค้นเอาคำตอบที่ต้องการ 
ผมมั่นใจว่าตัวเองยังไม่ได้บอกชื่อกับเขาไปจริงๆนะ  เพราะมัวแต่โฟกัสไปที่เรื่องขอความร่วมมือให้มันช่วยปิดเรื่องที่ผมเป็นผู้ชายไวเป็นความลับ
“ฮะๆๆ  อะไรกันล่ะครับ  คุณบอกผมมาแล้วต่างหาก”
“จริงเหรอ  ผมเนี่ยนะ?”
“ครับ  ไม่งั้นผมจะรู้ชื่อคุณได้ยังไงล่ะ  ไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อย”
“อ่า…นั่นสิ”
ก็จริงของมัน  ถ้าผมยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองจริงๆแล้วมันจะรู้ชื่อผมได้ยังไงล่ะ  แต่ว่า…
กูบอกชื่อมันไปตอนไหนกันฟะ  นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกวุ้ย
“ผมว่าคุณรีบไปได้แล้วล่ะ  ตอนนี้ทุกคนน่าจะวุ่นวายกับข้างล่างอยู่  น่าจะแอบออกไปได้”
“ครับๆ”
“อ้อ  แต่ผมว่าทางที่ดีใส่เสื้อผมไว้ด้วยดีกว่า  อย่างน้อยก็น่าจะพอพรางตาไปได้บ้าง”
ผมยืนนิ่งมองการกระทำของอีกฝ่ายที่ดูอ่อนโยนกว่าตอนยังไม่รู้ว่าผมเป็นผู้ชายเสียด้วยซ้ำ
ไอ้หน้าหนวดเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ในตู้ออกมา  ขนาดของเสื้อค่อนข้างใหญ่กว่าตัวผมพอสมควร  เขาแกะกระดุมออกจนหมดก่อนจะสวมมันให้กับผม  มือหนาจับที่แขนอย่างเบามือเพื่อสวมแขนเสื้อเข้ามา 
“ถึงจริงๆจะเป็นผู้ชาย  แต่ตอนนี้ทุกคนคิดว่าคุณคือผู้หญิง  เพราะงั้นคุณก็ต้องหวงเนื้อหวงตัว  ไม่ให้ได้เห็นหรือสัมผัสคุณง่ายๆ  เข้าใจไหมครับ”
ถามพลางติดกระดุมเสื้อให้ผมไปเรื่อยๆ  ลมหายใจร้อนๆของอีกฝ่ายเป่ารดกับเส้นผม  ทั้งในหัวตะโกนให้ผมผลักเขาออกไป  ทว่าในใจมันกลับ…
บอกตัวเองว่าให้อยู่แบบนี้ไปอีกสักพัก
ขออยู่แบบนี้ต่ออีกสักนิด…
“แล้วกับคุณล่ะ”
“หืม?”
“ให้หวงเนื้อหวงตัว  ไม่ให้ใครได้เห็นหรือสัมผัสง่ายๆ  นั่นหมายถึง…กับคุณด้วยหรือเปล่าครับ”
กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดพอดี  ร่างสูงกระดุกเสื้อเล็กน้อยพอให้ผมเซถลาเข้าไปใกล้  ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมา  ริมฝีปากจ่ออยู่ใบหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆของเขา
“กับผม…”
“…”
“เป็นข้อยกเว้นครับ”


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ในที่สุดพี่ไฟของเราก็บอกความจริงกับคุณเปลวสักที!  แต่งานนี้ไม่รู้ว่าดีขึ้นหรือเลวร้ายกว่าเดิมกันแน่  เพราะดูเหมือนคุณเปลวของเราจะบุกทำแต้มน่าดู   หนำซ้ำยังมีลับลมคมนัยแปลกๆชวนให้สงสัยตลอดเวลาอีก  แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคอความหลังระหว่างพี่ไฟกับน้องน้ำ  สาเหตุที่พี่ไฟต้องทนอยู่ขนาดนี้ที่แท้ก็เพราะอยากจะชดใช้ให้น้องสาวนี่เอง  เป็นพี่ชายในอุดมคติของบิวมาก 5555+  หลังจากนี้คงจะฟินกันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว  เพราะเขารู้กัน  คุณเปลวเองก็แสดงออกว่าหวงพี่ไฟขั้นสุดยอดอีกด้วย  มาตามลุ้นกันต่อนะคะว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป  เรื่องนี้ไม่ดราม่านะ  เป็นโรแมนติกคอเมดี้สุดๆ NC ไม่มี  ถ้ามีคือตัดเข้าโคมไฟจ้า ( แต่ตอนพิเศษในเล่มไม่แน่นะ 555 )   หรือหากใครชอบดราม่าจริงๆต้องไปอ่าน #วายร้ายที่รัก  (ซีรี่ส์เลี้ยงต้อย : วายร้ายที่รัก )  จ้า เรื่องนี้ดราม่าจริงจังนะจะบอกให้ 
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์เลยค่า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-11-2016 16:36:58
ไอ้หนวดต้องรู้จักไฟมาก่อนแน่ๆ
ไฟมีแอบอ่อยกลับเบาๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 30-11-2016 21:24:36
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ  อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจ  มีกำลังปั่นตอนต่อไปทันที   :hao6:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 30-11-2016 21:38:05
สนุกจุงเบยยย ชอบพี่ไฟ  :-[
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 30-11-2016 23:58:32
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-12-2016 00:24:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-12-2016 10:47:13
สรุปหนวดรู้
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 9 (30/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-12-2016 12:25:02
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 10 (01/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 01-12-2016 17:59:56
ตอนที่ 10
คู่แข่ง

“น้ำ!  มาแล้วเหรอ  เป็นยังไงบ้าง  ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ”
บาร์บี้วิ่งเข้ามาหาผมเป็นคนแรกทันทีที่กลับลงมายังห้องประชุม
โชคดีที่เสื้อในยัดซิลิโคนที่พี่ลิลลี่ให้มามีอยู่หลายตัว  ไม่งั้นผมคงต้องใช้วิธีแบบที่เห็นในละครคือเอากระดาษทิชชู่หรือไม่ก็ถุงเท้าใส่เข้าไปแทน  แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วขนาดมันเกิดไม่เท่ากับของเดิมขึ้นมาก็งานงอกอีก 
เอาแค่ทุกวันนี้แม่งก็งอกจนไม่รู้จะงอกยังไงแล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ  แปลไม่ได้ลึกมากน่ะ”
“ใครกันนะที่ทำแบบนี้ได้ลงคอ  แย่จริงๆ  กะจะฆ่ากันเลยหรือไง”
“เอาน่า  ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ไดเป็นไรไม่ได้นะน้ำ!  เราต้องหาตัวคนทำให้ได้  ไม่อย่างนั้นกองประกวดนี้ก็คงไม่ปลอดภัยพอหรอก  ถึงฉันจะอยากชนะ  แต่ก็ไมได้อยากจะเอาชีวิตทั้งชีวิตมาทิ้งไว้หรอกนะ”
พูดอีกก็ถูกอีก
ถ้าตอนนี้ผมสามารถติดต่อน้ำได้  จะเป็นยังไงนะ?
แต่คิดว่ายัยนั่นคงให้ผมเลิกประกวดแล้วถอนตัวออกไปแน่ๆ  และตัวน้ำเองจะยอมโยนความฝันของตัวเองทิ้งไปอีกครั้ง…
แบบนั้นผมไม่มีทางยอมแน่ๆ  ยังไงก็จะไม่มีวันให้น้ำรู้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
“คุณเปลวมาแล้ว  เอาล่ะทุกคน  นั่งที่เดี๋ยวนี้”
เสียงยัยแม่มดออกคำสั่งเมื่อไอ้หน้าหนวดเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย  ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  เพราะสีหน้าของมันเปลี่ยนไปจากทุกที  ดูดุดันเหมือนพร้อมจะขย้ำทุกคนที่เข้าใกล้มันในรัศมีที่ถูกขีดเส้นห้ามเอาไว้
ทีตอนอยู่กับกูเมื่อกี้ยังทำมือปลาหมึกใส่อยู่เลย  เฮอะ!
“อย่างที่พวกคุณทราบกันนะครับ  ว่าหนึ่งในผู้เข้าประกวดของเราถูกทำร้ายด้วยการใช้มีดกรีดสายชุดชั้นใน  ผมไม่แน่ใจว่าเจตนาของคนทำคอต้องการทำให้อับอายด้วยการไม่มีชุดชั้นใส่  หรือตั้งใจจะทำร้ายร่างกายกันแน่  เพราะการกระทำนั้น…นอกจากจะทำให้อับอายได้แล้ว  ยังรวมไปถึงการทำร้ายร่างกายอีกด้วย
“…”
“และถ้าให้ผมเดา  ผมคิดว่ามีดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่คนๆนั้นใช้  ป่านนี้คงเอาทิ้งลงทะเลไปแล้ว   การจะจับมือใครดมคงเป็นเรื่องที่ยากมาก  แต่ถ้าเรื่องถึงตำรวจแล้วมีการพิสูจน์หลักฐานกันอย่างจริงจัง  ไม่ว่าจะเป็นรอยนิ้วมือหรืออะไรก็ตาม  ผมคิดว่าเราคงตามตัวคนร้ายได้ไม่ยาก”
“…”
“แต่เพราะคุณน้ำขอเอาไว้  เธอไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่  และต้องการให้การประกวดในครั้งนี้ดำเนินต่อไป  ผมถึงได้ไม่แจ้งความ  แต่…”
“…”
“ใครก็ตามที่เป็นคนทำเรื่องนี้  ผมขอนะครับ  หยุดเถอะ  ช่วยทำให้การประกวดพลิกฟ้าหาดาวนี้เป็นการประกวดที่ใสสะอาดเหมาะสำหรับเยาชวนที่กำลังติดตามด้วย  ถ้าพวกคุณมีความรักและใฝ่ฝันที่จะเป็นนางงามกันจริงๆ  นั่นหมายความว่าพวกคุณต้องสวยทั้งภายนอกและภายใน  เริ่มต้นจากหัวใจของพวกคุณก่อน  ทิ้งความอิจฉาริษยาออกให้ได้  แล้วคุณจะมีความสุขกับสงครามครั้งนี้  สงครามที่พวกคุณจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการแข่งขันกัน  สงครามที่พวกคุณจะเอาชนะใจคนดูได้ด้วยความสวยจากภายในสู่ภายนอก  ผมเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่จะทำให้พวกคุณทุกคนดูมีเสน่ห์  มากกว่าการต้องมานั่งติดแผนร้ายๆเผื่อสกัดดาวรุ่งใครต่อใคร”
“…”
“อย่าขายวิญญาณให้กับปิศาจ  อย่าดึงตัวเองให้ลงไปสู่ความชั่วร้ายต่ำตมที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของมนุษย์  หยุด…และคิดใหม่  ว่าสิ่งที่ผมพูดไปมันถูกต้องหรือเปล่า”
“…”
“ถ้าหากว่าคุณคิดได้  คุณน่าจะรู้ว่าควรทำอะไรหลังจากนี้นะครับ”
ผมยิ้มให้กับคำพูดทุกคำของไอ้หน้าหนวด
อย่างน้อยๆในหัวก็ไม่ได้คิดแต่เรื่องลามก  ยังมีสิ่งดีๆความคิดดีๆไว้สอนคนอื่นอยู่เหมือนกันแฮะ
“คำพูดของเขาเท่ไปเลยเนอะเธอว่าไหม”
หญิงสาวข้างตัวสะกิดผมขณะที่สองมือกำลังตบกันแปะๆ  พอเหลือบมองคงพูดผมก็แทบอ้วกออกมาเป็นหัวใจ…
ไอ้นัยน์ตาแวววาวหัวใจระยิบระยับที่มองไปทางไอ้หน้าหนวดนี่มันคืออะไรกันฟะ!
“นี่เธอ…อย่าบอกนะว่า…”
“ฉันว่าฉันชอบเขาเข้าแล้วแหละน้ำ  ตอนแรกก็แค่คิดว่าผู้ชายแบบนี้นี่สเป็คเลยเท่านั้นเองนะ  แต่พอได้ฟังความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผลของเขาแล้ว  ฉันคิดว่าเขานี่แหละ…”
“นี่แหละอะไร?”
“ใช่เลย!  พ่อของลูกในอนาคต!”
แทบจะล้มทั้งยืน  ผมมองบาร์บี้ที่ประสานมือเข้าหากันและมองไอ้หน้าหนวดซึ่งตอนนี้กำลังคุยกับพวกทีมงานอยู่ด้วยแววตาเคลิ้มฝันแบบสุดๆ
อยากจะบอกว่าคิดผิดคิดใหม่ยังทันนะสาวน้อย…
ไอ้เวรนั่นมันลามกจกเปรตระดับบอสเชียวนะเฮ้ย!
“อ๊ะ  แต่ว่าเขาชอบน้ำนี่นา”
แล้วจู่ๆก็ห่อเหี่ยวเป็นใบตองถูกไฟเผา
บาร์บี้คอตกเป็นหมาหงอย  นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่ว่าไอ้เวรนั่นมันชอบผมอีกเรอะ  ถ้าเป็นก่อนหน้าที่ผมจะสารภาพความจริงกับมันก็คิดว่าไม่แน่อยู่หรอก  แต่ตอนนี้มันรู้แล้วว่าผมเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง  เพราะงั้นไอ้ที่ว่าชอบนั่นก็น่าจะ…
จุ๊บ!
…น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่สูงมากกกกกกกกกกกก
ผมถลึงตาใส่ไอ้หน้าหนวดที่หันมามองผมพอดีพร้อมกับส่งจูบมาให้   มึงไม่กลัวจะมีใครเห็นการกระทำของตัวเองบ้างหรือไงวะ
แต่ว่า…
ทำไมผมถึงได้…
“น้ำยิ้มอะไรน่ะ  สมน้ำหน้าที่ฉันอกหักจากคุณเปลวเหรอ!”
ยิ้มให้กับท่าทางบ้าๆบอๆของมันล่ะ!
“เฮ้ย  เปล่านะ  ไม่ใช่  น้ำยิ้มให้กับทีมงานต่างหาก  พอดีเขาหันมายิ้มให้น่ะ”
“จริงเหรอ  ไม่ได้สมน้ำหน้าฉันแน่นะ”
“แน่สิ  ฉันจะสมน้ำหน้าเธอทำไม  ยังไม่แน่สักหน่อยว่าเธอจะอกหัก”
“ก็คุณเปลวชอบเธอ…”
“แล้วฉันบอกเหรอว่าชอบเขา”
ผมสวนกลับไป  ยังไงผมกับมันก็ไม่มีวันจะมาเลิฟๆหวานแหววกันได้หรอก  ยังไงพวกเราก็ผู้ชายทั้งคู่นะ  ถ้าผมหรือมันเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง  แบบนั้นสิถึงจะเรียกว่าลงล็อคพอดิบพอดี!
“เธอจะบอกว่าฉันยังมีหวังเพราถึงเขาจะชอบเธอแต่เธอก็ไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม”
บารบี้เขย่าแขนผมเพื่อเร่งเอาคำตอบ  สีหน้าของเธอดูดีใจและมีความหวังขึ้นมา  ทว่าผมกลับรู้สึกอึดอัดในหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
บะ…บ้าน่าไอ้ไฟ
มึงจะมาอึดอัดทำซากยูนิคอร์นอะไรล่ะวะ  ต้องดีใจสิดีใจ  ถ้าบารบี้จีบไอ้หน้าหนวดติด  มันก็จะได้เลิกตามและเลิกลวนลามมึงเสียที!
ใช่แล้ว…
ผมต้องสนับสนุนบาร์บี้  เพื่อหยุดความรู้ชั่ววูบบ้าๆบอๆที่ชอบแวบเข้ามาในหัวอยู่เรื่อยนี้!
“ใช่  ฉัน…”
“…”
“…ไม่ได้ชอบเขา”
“อะไรนะ?  พูดให้มันดังๆแบบมั่นใจหน่อยไมได้เหรอน้ำ  หรือว่าความจริงแล้วเธอเองก็ชอบคุณเปลวเหมือนกัน”
“ฮะ?  เป็นไปไม่ได้หรอก  แบบนั้นก็ฟ้าผ่าตายกันพอดีน่ะสิ!”
โพล่งออกไปเสียงดังด้วยความตกใจ 
ชะ…ชอบงั้นเหรอ?
ผมเนี่ยนะจะชอบคนอย่างไอ้คุณเปลวมือปลาหมึก!  ไม่มีทางแน่ๆ  แบบที่ผมชอบก็คือผู้หญิงสวยๆทรงสะบึมอย่างบาร์บี้หรือไม่ก็พี่สาวไอ้ตูมตามต่างหาก  ไม่มีวันที่ผมจะชอบคนอย่างไอ้เวรนั่นแน่ๆ
แค่เพศก็ไม่ใช่แล้วโว้ยยยย!
“ทำไมต้องฟ้าผ่าด้วยล่ะ  เธอก็ผู้หญิง  คุณเปลวก็เป็นผู้ชาย  ฟ้าไม่ผ่าหรอก  ไม่ใช่เพศเดียวกันเสียหน่อย”
“!!!”
สะดุ้งสุดตัวกับการคาดเดาเรื่อยเปื่อยของบาร์บี้  ทว่าจี้ใจผมอย่างจัง
เดาแมนเหมือนเห็นด้วยตาตัวเองเลยวุ้ย  ดูถูกสัญชาตญาณของผู้หญิงได้เลยจริงๆ ราวกับมีเรดาร์ค้นหาความจริงก็ไม่ปาน
วันหลังต้องระวังคำพูดของตัวเองหน่อยแล้วไอ้ไฟ
“คะ…คือฉันหมายความว่า…ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ไม่มีทางชอบเขานะ  เธอเดินหน้าลุยได้เต็มที่เลยนะ!”
“จริงเหรอน้ำ!”
“อื้ม!”
“ฉันรักเธอที่สุดเล้ยยยย”
บารบี้พุ่งเข้ากอดผมแน่นด้วยท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆ  ก่อนจะหอมแก้มผมซ้ายทีขวาที  ถูไถเบียดเสียดหน้าอกกับท่อนแขนไปมา…
อื้อหือ  แม่เจ้าประคุณ!
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในสภาพของน้ำล่ะก็…ไอ้ไฟจับปล้ำไปนานแล้ว!
ชิ้งงงงง!
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมตื่นจากภวังค์แห่งบาร์บี้ชั่วคราวแล้วหันไปทางรังสีอำมหิตอันแรงกล้าที่สัมผัสได้  ไอ้หน้าหนวดที่ไม่รู้ว่าคุยกับทีมงานเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่กำลังจ้องมาทางผมเขม็ง  ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนกูต้องคิดว่ามึงแม่งเป็นวิญญาณอาฆาตที่สิงสถิตอยู่แถวนี้แน่ๆ
ออร่าหึงหวงแผ่ซ่านจนขนลุกเกรียวไปทั้งแถบ!
คิดไปเองหรือเปล่านะ  มึงหึงผมเหรอ?
ไม่สิ  หึงน้ำ  อ๊ะ  ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ  ตอนนี้มันก็รู้แล้วนี่นาว่าผมไม่ใช่น้ำ  ถ้างั้น…สายตาที่เหมือนผู้ชายกำลังหึงผู้หญิงแบบนั้นมันคืออะไรวะ?
อย่าบอกนะว่า…
ไอ้คุณเปลวหึงบาร์บี้?!
ไม่ๆๆๆ  ไม่มีทาง  ถ้ามันชอบบาร์บี้ก็คงจีบเธอไปนานแล้  ไม่มาตามตอแยผมอยู่แบบนี้หรอก  เฮ้ย  แต่ถ้าคิดแบบนี้ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่น่ะสิ  เพราะคำตอบมันจะมาลงล็อคที่ว่า…
ไอ้เวรนั่นกำลังหึงผม!
ตึกๆ  ตึกๆ  ตึกๆ
ที่น่าตกใจกว่าเรื่องที่มันหึงผมก็คงจะเป็น…  เรื่องที่ผมใจเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องของเขานั่นแหละ

นอนไม่หลับโว้ยยยย!
ผมทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากเตียงท่ามกลางความมืดในตอนกลางคืน  ยัยบาร์บี้ไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งแต่สามนาทีที่หัวแตะหมอนแล้ว  ดูเหมือนวันนี้เธอจะเหนื่อยมามาก  และเห็นบอกว่าอยากจะรีบนอนเพื่อไปพบกับเจ้าชายในฝัน…
…ไอ้หน้าหนวดนั่นเอง
ถุ้ยยย!
สุดท้ายแม้แต่บาร์บี้ที่กูหมายปองก็ยังไปหลงเสน่ห์มึง  โลกนี้มันอะไรกันวะ!
วูบ…
“หือ?”
ผมหรี่ตาหันไปทางประตูห้องที่เมื่อกี้เหมือนจะมีเงาคนวูบไหวไปมาอยู่ข้างนอก  คล้ายกับมีใครกำลังเดินไปเดินไปแล้วก็มาหยุดอยู่ที่ประตูห้องก่อนจะถอยกลับไปเดินวนใหม่
ราวกับกำลังลังเลว่าจะเรียกคนที่อยู่ในห้องดีไหมเลย?
จะมัวสงสัยให้เมื่อยตุ้มอยู่ทำไม  ผมหันไปหยิบชุดคลุมมาสวมทับอยู่นอนที่ใส่อยู่แล้วค่อยๆเดินย่องไปที่ประตู  เงานั้นหยุดยืนที่ประตูอีกครั้ง  ส่วนผมก็เอื้อมไปจับลูกบิดและบิดมันออกช้าๆอย่างเบามือ  ก่อนจะ…
ผาง!!!
โป้ก!!!
“อ๊าก!”
ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้น  สองมือกุมหน้าผากด้วยความเจ็บปวด  แต่ยังไม่ทันจะได้ร้องโอดโอยอะไรมากไปกว่านี้  ก็มีมือปริศนามาอุดปากผมเอาไว้
“อย่าส่งเสียงนะยะ”
เจ้าของมือเอ่ย  ผมหยุดดิ้นและหันไปมองคนพูด  มะนาวเลยเอามือที่อุดปากผมอยู่ออก  เธอคือคนที่เดินวนไปวนมาทำท่าทางลับๆล่อๆสินะ
แล้วผมก็ดันเปิดประตูผางกะจะจับไอ้คนที่มาทำลับๆล่อๆนี่ให้ได้คาหนังคาเขา  แต่เวลามันดันประจวบเหมาะกับจังหวะที่มะนาวคงตัดสินใจเคาะประตูห้องพอดี  หวยเลยมาออกที่ผม…
….โดนเธอเคาะเข้าที่หน้าผากอย่างแรงไปเต็มๆ!
“มะ…มาด้วยกันหน่อยสิ”
“ไปไหนเหรอ”
“เถอะน่า มาด้วยกันก่อน”
“อื้ม  ก็ได้”
ผมพยักหน้ารับแล้วเดินตามเธอไปแต่โดยดี  มะนาวพาผมออกไปทางบันไดหนีไฟ    ขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงดาดฟ้าของโรงแรมที่มีการทำเป็นลานสนามกอล์ฟเล็กๆ  แต่เพราะตอนนี้ดึกแล้วเลยไม่มีใครมาใช้บริการ  จะมีก็แค่พนักงานที่อยู่เฝ้า  ซึ่งก็นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์  ไกลจากจุดที่ผมและมะนาวยืนอยู่พอสมควร
ฟิ้วววววว!
นะ…หนาวแฮะ
“มีอะไรเหรอมะนาว”
“คือว่า…ฉัน…”
“…”
“ฉัน…”
“…”
“…”
“ฝีมือเธอสินะ”
“เอ๊ะ?”
“คนที่เอามีดกรีดสายเสื้อในฉันไง  ฝีมือเธอใช่ไหมล่ะ”
“ธะ…เธอรู้?!”
มะนาวมองผมอย่างตกใจ
ให้ตายสิ  พวกผู้หญิงนี่แผนสูงก็จริง  แต่ไม่ค่อยรู้จักระมัดระวังตัวกันเลย  ทำได้ดีแค่คิดแผนการ  แต่ลงมือปฏิบัติจริงนั้นห่วยแสนห่วย
“รู้สิ  เพราะเธอทิ้งหลักฐานเอาไว้ด้วยนี่นา”
“หลักฐาน?”
“จำรูปที่ถ่ายกันวันนี้ที่คุณเปลวคัดเลือกมาให้ดูเมื่อตอนเย็นได้ไหม  ในรูปนั้นเธอไม่ได้อยู่ใกล้ฉันมากก็จริง  แต่จุดที่เธอยืนอยู่ตอนถ่ายรูปหมู่ก็ไม่ได้ห่างจากฉันสักเท่าไหร่  ถ้าจะลงมือทำจริงๆก็ทำได้ไม่ยาก”
“…”
“แล้วก็เหมือนที่คุณเปลวว่านั่นแหละ  คนร้ายคงทิ้งอาวุธลงทะเลไปแล้ว  ซึ่งตอนนั้นหลังจากที่ฉันรู้แต่ว่าชุดชั้นในลอยออกไปแล้ว  ฉันก็รีบนั่งลงไปในทะเลเพื่อใช้น้ำทะเลเป็นตัวช่วยในการปิดบังร่างกายเอาไว้  แล้วเธอพอจะจำได้ไหม  ว่าตรงที่ฉันนั่งลงไปในตอนนั้น   ใครเคยยืนอยู่มาก่อน?”
มะนาวนิ่งไปพลางทำหน้าคิดตาม  ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงสภาพก่อนเกิดเหตุทั้งหมดออกแล้ว
“ฉัน…”
“ใช่  ตอนที่ฉันนั่งลงไป  ขาฉันมันไปโดนกับมีดเล่มนั้นเข้า โชคดีที่มันไม่เฉือนเอาเนื้อฉันไปด้วย  แต่ด้วยความที่ตอนนั้นฉันเองก็อยู่ในสถานการณ์คับขัน  ก็เลยทำได้แค่เอามีดฝังลงไปทรายให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อกันไม่ให้ใครมาเหยียบมันเข้า  ไม่ได้คิดเลยว่ามีคนใช้มีดเล่มนั้นทำร้ายฉัน  ส่วนสาเหตุที่เธอโยนมันทิ้งไปไกลกว่านั้นไม่ได้ก็น่าจะเป็นเพราะมีคนอยู่กันเยอะ  หากเธอทำท่าแปลกๆโดยการโยนของอะไรบางอย่างออกไปก็อาจจะทำให้คนอื่นสงสัย  เพราะงั้นสิ่งที่เธอทำได้ก็เลยมีแค่…”
“…”
“ทิ้งมันลงไปตรงจุดที่เธอยืนอยู่เท่านั้น”
“…”
“ตอนแรกฉันยังไม่ได้เอะใจว่ามีดที่ฉันเจอในทะเลตอนนั้นจะเป็นมีดที่มีคนเอามาทำร้ายฉัน  จนกระทั่งได้เห็นรูปที่คุณเปลวเอามาให้ดูก่อนส่งให้ช่างภาพนั่นแหละ  พอเห็นว่าจุดที่ฉันเจอมีดคือตำแหน่งที่เธอยืนในตอนแรก  บวกกับเรื่องที่เธอไม่ชอบหน้าฉัน  พอเอาสองเรื่องนี้เข้ามารวมกัน  ฉันเลยมั่นใจว่าคนที่ทำร้ายฉันต้องเป็นเธอไงล่ะ”
ผมพูดออกไปเป็นฉากๆจากหลักฐานที่เจอและการเรียบเรียงเอาเองในหัว
ความจริงผมเอะใจเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วล่ะ  แต่เพราะหลักฐานมันยังไม่แน่นพอ  และคนที่ฝังมีดนั้นลงไปในทะเลเองก็ดันเป็นผมเสียอีก  ก็เลยยังไม่อยากยืนยันความคิดของตัวเอง  แต่เมื่อมะนาวมาโผล่ที่ห้องผมในยามวิกาลแถมยังเรียกผมออกมาแล้วทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆแบบนี้  มันก็ทำให้ผมมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้ว ถึงได้ยอมพูดมันออกมา
“ถ้าเธอรู้ถึงขนาดนั้น  ทำไมถึงไม่บอกคุณเปลวล่ะ  ถ้าเป็นเธอบอก  เขาต้องเชื่อและไล่ฉันออกจากการประกวดนี้แน่นอนอยู่แล้ว”
“เพราะฉันไม่อยากเอชนะคนที่เกลียดฉันด้วยวิธีงี่เง่าแบบนี้น่ะสิ”
“…”
“อีกอย่าง  ถ้าเธอมีสมองคิดได้หลังจากที่ฟังคุณเปลวพูดจบ  เธอก็น่าจะมาหาฉันและสารภาพความจริง  ฉันกะว่าถ้าเธอทำแบบนี้  ก็จะลองลืมเรื่องที่เกิดขึ้นและขอท้าเธอเป็นคู่แข่งอย่างเป็นทางการ”
“…”
“เลิกเล่นสกปรก  แล้วใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีเอาชนะฉันให้ได้ดูสิ  มะนาว”
ผมสบตาเธออย่างจริงจัง  อีกฝ่ายตีหน้านิ่งไม่ตอบอะไรกลับมาเลยอยู่ครู่ใหญ่  ก่อนที่ใบหน้าหวานซ่อนเปรี้ยวนั้นจะเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เอาสิ  ฉันจะไม่เล่นสกปรกแบบนี้อีก  แต่จะตั้งตัวเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับเธอที่สุดในบรรดาทุกคนให้ได้”
“ฉันจะรอ  ตามฉันให้ทันล่ะ”
ผมและมะนาวจ้องหน้ากัน  ถ้าหากนี่เป็นการ์ตูน  ตอนนี้คงมีประกายไฟเปรี๊ยะๆพุ่งออกมาจากดวงตาของเราสองคนไปแล้ว
“เอาเป็นว่าเรื่องในวันนี้น่ะ  ฉันขอโทษที่เล่นแรงเกินไป  ฉันแค่อยากจะตัดสายชุดชั้นในเธอให้ขาดเพื่อให้เธออับอายหรือไม่ก็ให้คนอื่นคิดว่าเธอสร้างกระแสเท่านั้น  แต่เพราะตอนนั้นฉันรีบมากก็เลยออกแรงเยอะไปนิด”
“ไม่นิดแล้วล่ะ  ถ้าเธอออกแรงมากกว่านี้อีกนิดเดียวคาดว่ากระดูกฉันคงขาดออกจากกัน”
“เว่อร์!”
“แต่ฉันดีใจนะที่เธอมายอมรับกับฉันว่าตัวเองเป็นคนทำ   แล้วก็ขอโทษฉันเพราะรู้ว่าตัวเองทำผิด”
“…”
“ทำดีมากเลยนะมะนาว”
“…”
“…”
“ฉะ…ฉันไมได้ต้องการให้เธอมาชมฉันสักหน่อย!  แล้วก็ไม่ต้องมายิ้มแบบนี้เลยนะ  ฉันไม่หลงเสน่ห์เธอเหมือนคุณเปลวหรอกย่ะ!”
เกี่ยวอะไรกับไอ้หนวดนั่นล่ะเว้ย!
“เอาเป็นว่าฉันหมดเรื่องที่จะพูดกับเธอแล้ว  จากนี้ไปถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกก็ให้รู้ไว้เลยว่าไม่ใช่ฝีมือฉันแน่นอน!”
“พูดอย่างกับมีคนอื่นนอกจากเธอที่เกลียดขี้หน้าฉันอีกงั้นแหละ”
“ทุกคนเขาไม่มีใครชอบตัวเก็งในการประกวดกันหรอกย่ะ!”
เวรกรรมจริงๆไอ้ไฟ  บรรดาคุณผู้หญิงแสนสวยทั้งหลายนี่  ถ้ารู้ว่าผู้หญิงที่พวกเธอพากันไม่ชอบหน้าอยู่ตอนนี้ความจริงแล้วเป็นผู้ชายอกสามศอก  จะเป็นยังไงกันวะ
“จริงสิ”
มะนาวที่กำลังจะเดินกลับออกไปชะงัก  เธอเอี้ยวคอหันกลับมาหาผมอีกครั้ง
“เธอน่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้อีกนิด  เหมือนว่าในบรรดาผู้เข้าประกวดทั้งหมด  จะมียังมีคนที่ไม่ชอบเธอมากๆอยู่อีก”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“มีข่าวลือแพร่กระจายอยู่ในบรรดาผู้เข้าประกวดทั้งหมดน่ะสิ  ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว  แต่คิดว่าต้องเป็นผู้เข้าประกวดด้วยกันแน่ๆ"
"ข่าวลืออะไร?”
“มีข่าวลือว่าเธอเป็นอีหนูของสปอนเซอร์รายหลักของการประกวดพลิกฟ้าหาดาว”
“อีหนู?!”
“ใช่  ที่สำคัญคือมีข่าวบอกต่อกันมาในหมู่พวกเรา  ว่าเธอคิดจะหาเรื่องแกล้งให้ฉันอับอายตอนถ่ายแบบชุดว่ายน้ำวันนี้เพื่อเอคืนที่ฉันเคยว่าเธอเมื่อครั้งก่อน  เมื่อเช้าฉันเลยตั้งใจจะไปหาเธอที่ห้องเพื่อคุยให้รู้เรื่อง  แต่ก็ดันไปได้ยินที่เธอกับคุณเปลวคุณกันในห้องเสียก่อน”
“ฮะ!!!”
“ฉันเลยคิดว่าบางทีเธออาจจะเสริมนมหรือว่านมทั้งสองข้างคงจะไม่เท่ากันก็เลยคิดจะทำให้เธออับอายก่อนที่เธอจะลงมือกับฉัน”
“แสดงว่าเธอไม่ได้คิดจะทำร้ายฉันตั้งแต่ต้น  แต่เพราะได้ยินข่าวว่าฉันตั้งใจจะทำร้ายเธอก่อนสินะ”
“อืม  แต่พอได้มาคุยกับเธอตรงๆ  ฉันเลยคิดว่าเธอไม่น่าจะคิดทำอะไรแบบนั้น  ฉันถึงได้บอกเรื่องนี้กับเธอ  หวังว่าฉันจะคิดถูกนะ”
“เธอคิดถูกแน่นอน  คนอย่างฉันไม่มีวันทำร้ายใครเด็ดขาด”
“ฉันเชื่อ  ไปล่ะ”
มะนาวยิ้มให้น้อยๆก่อนจะเดินกลับลงไปที่ห้องของตัวเอง  ส่วนผมก็ยืนนิ่งคิดในเรื่องที่เพิ่งได้ฟังมา ถ้าเป็นอย่างที่มะนาวพูดจริงๆ  ใครกันนะที่ไม่ชอบผมถึงขนาดนั้น
ใครกันที่จ้องเล่นงานผมอยู่อย่างเงียบๆ
“คุณเปลว…”
ผมนึกถึงเขาขึ้นมาทันที่  มันเคยบอกไว้นี่ว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้ขอความช่วยเหลือจากมันทันที  ถ้างั้นเรื่องที่มะนาวเพิ่งบอกมา ผมเองก็ควรบอกให้เขารู้เหมือนกัน  เพราะไม่แน่ว่าต่อไปคนที่จ้องเล่นงานผมคนนี้อาจจะสร้างความเดือดร้อนอะไรที่ชวนให้ความลับแตกอีกก็ได้
กันไว้ดีกว่าแก้ล่ะเว้ย!
“อีหนูของสปอนเซอร์งั้นเหรอ  ใครกันนะช่างปล่อยข่าวทำร้ายจิตใจผมแบบนี้”
“เฮ้ยยยยย!”
ผมร้องเสียงหลงก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียง  นะ…นะ…นั่นมันเสียงของไอ้หน้าหนวดนี่หว่า!  ดังมาจากทางไหนกันวะ?!
“คุณน่ะ…”
“…”
“เป็นอีหนูของผมต่างหาก”
ร่างพร้อมเสียงลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังของผม  แต่เพราะเขาเอาผ้าสีดำคลุมตัวเอาไว้ก็เลยกลมกลืนไปกับความมืด  ทำให้ผมและมะนาวไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ด้วย  อะไรก็ไม่เท่าประโยคที่มันเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้หรอก…
กูไปเป็นอีหนูของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า   เมื่อวานก็อัพพพ  วันนี้ก็อัพพพ  พรุ่งนี้ก็จะอัพพพพพ ( เหรอ 5555+ )  จากตอนที่แล้วดูเหมือนว่าคุณเปลวจะสอยหัวใจนักอ่านไปหลายคนมั่กๆ  ด้วยความลามกแบบมีระดับ  และความเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มที่แสนมีเสน่ห์  ทำให้คุณเปลวได้ตำแหน่งสามีแห่งชาติไปในทันที 5555+  ตอนนี้คำถามเดียวในใจที่ผุดขึ้นหลังจากเขียนจบตอนก็คือ…คุณเปลวเขาติด GPS ไว้ที่ตัวพี่ไฟหรือเปล่า  โผล่มาทุกที่ที่พี่ไฟอยู่เลย  กร๊ากกก
ข่าวดีนะคะข่าวดี  มาบอกไว้เผื่อจะเตรียมไตเปย์คุณเปลวกับพี่ไฟได้ทัน  ตอนนี้บิวบรีฟปกส่งนักวาดไปแล้วนะคะ  ประมาณวันที่ 5 จะได้ร่างปกมา  และปกจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้  ก่อนจะเปิดพรีฯต้นเดือนมกราคมค่า  รายละเอียดอื่นๆจะทยอยตามมานะคะ  เรื่องนี้คาดว่าจะหนา 400 หน้าขึ้น  อ่านกันอย่างจุใจแน่นอนจ้า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 10 (01/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-12-2016 20:23:17
คุณเปลวน่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 10 (01/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-12-2016 18:53:33
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่า


 :impress2:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 11 (02/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-12-2016 22:19:40
ตอนที่ 11
ลึกๆในใจ

“เป็นผีหรือไงวะ!”
คำถามแรกที่พุ่งออกจากปากผมเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี  ไอ้หน้าหนวดโยนผ้าสีดำผืนใหญ่ที่ใช้คลุมตัวไว้ในตอนแรกทิ้งก่อนจะลุกขึ้นมาหาผม
“ไปคุยกันที่ห้องผมดีกว่านะ”
มือไวพอๆกับสายตา  มันดึงมือทั้งสองข้างของผมไปจับไว้แล้วก้มหน้าลงมาเลกน้อยตอนพูด
ทำราวกับแฟนหนุ่มกำลังออดอ้อนแฟนสาวยังไงยังงั้น
กูจะอ้วก!
“ปล่อยเลยๆ”
ผมแกะมือออกมา  สายตากวาดมองไปรอบๆเพื่อดูว่ายังมีใครอยู่แถวนี้อีกไหม  หาไม่ความลับผมจะโพละเพราะความประมาทของตัวเอง
“ไปได้หรือยัง”
ไอ้หน้าหนวดยิ้มอย่างชอบใจในคำถามของผม  มึงอย่ามาคิดอะไรเหี้ยๆเด็ดขาดเลยนะ  ที่กูถามเนี่ยกูหมายถึงไปคุยเรื่องที่เกิดขึ้นต่างหากเฟ้ย!
ไม่ได้มีนัยยะหื่นๆแอบแฝงเหมือนมึง!

กว่าจะขึ้นมาถึงห้องสวีตสุดวีไอพีของเขาได้ผมนี่แทบรวมร่างกับกำแพง  เพราะต้องคอยหลบกันคนอื่นมาเห็นเข้า  คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆหากมีใครมาเห็นผู้เข้าประกวดตัวเก็งอย่างผมแจ้นขึ้นห้องผู้จัดการงานประกวดดึกๆดื่นๆแบบนี้
“นอนที่นี่เลยก็ได้นะครับ  เตียงผมกว๊างกว้าง  สปริงก็เด้งดึ๋งดั๋งดีกด้วย”
ไม่พูดเปล่า  ร่างสูงยังพิสูจน์สรรพคุณของเตียงนอนด้วยการกระโดดลงไปนอนเด้งไปมา  ก่อนจะกวักมือเรียกผมให้ขึ้นตามไป
ฝันไปเหอะมึง!
กูไม่สิ้นคิดถึงขนาดจะทำให้ตัวเองกลายเป็นอ้อยเข้าปากช้างหรอกเว้ย!
“ช่วยเป็นการเป็นงานด้วยครับ”
“ไม่ตกหลุมพรางแฮะ”
แหงสิ!
ผมได้แต่ท่องนะโมในใจนับร้อยจบเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ให้เผลอพลั้งมือฆ่ามันไป  คนห่าอะไรวะ  กับผู้ชายด้วยกันมึงก็ยังไม่เว้นที่จะทำลามกใส่  เก็บกดมาจากไหนหรือไงกูถามจริง! 
เมื่อเห็นว่าผมไม่มีทางไปนั่งบนเตียงกับมันแน่ๆ  ไอ้หน้าหนวดก็ลุกขึ้นมานั่งคุยกันที่โซฟาแต่โดยดี  หากแต่ใบหน้ามุ่ยๆเหมือนถูกขัดใจนั่นยังคงฉายแววอกมาชัดเจน  มึงช่วยเก็บอารมณ์และหน้าตาแห่งความผิดหวังของตัวเองไว้ในเหอะ
เอาตรงๆนับวันเวลาเข้าใกล้มันผมยิ่งเสียวตูด….
ไม่รู้ทำไมต้องเสียวด้วย  แต่ความรู้สึกมันบอกให้ผมระวังหลังเอาไว้เวลาอยู่กับมันสองคน!
“คุณได้ยินเรื่องที่คุยกันทั้งหมดแล้วสินะ”
“ใช่ครับ”
“คุณคิดว่ายังไง”
“อืม…”
“…”
“คิดว่าคุณนี่ทั้งสวยและใจดีจังเลยนะ”
“นี่คุณ!  ผมไม่เล่นนะเว้ย  ช่วยจริงจังด้วย!”
กูคิดถูกหรือผิดกันแน่นะที่มาปรึกษาและขอความช่วยเหลือจากมึงเนี่ย 
“โอ-เค  ผมยอมแพ้แล้วๆ”
“ดีมาก  ช่วยเก็บความลามกของตัวเองเอาไว้จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยนะครับ”
“เท่ากับว่าถ้าผมสามารถแก้ปัญหาให้คุณได้  ผมก็จะ…”
“…”
“ทำเรื่องลามกกับคุณได้ใช่ไหมครับ”
พ่อมึงสิไอ้หน้าหนวดดดดด!
กูล่ะอยากรู้จริงๆว่าผู้ชายไม่มีนม  ปิกาจู้ตั้งโดเด่เหมือนมึงอย่างกูมันทำให้มึงมีอารมณ์ลามกได้ยังไง!
“ไม่ตอบ  แสดงว่าไม่ปฏิเสธ”
“อยากตายมากใช่ไหมครับ  ผมจะได้ช่วยสงเคราะห์ให้”
กร๊อบ  กร๊อบ
ผมหักนิ้วตัวเองประกอบการขู่อีกฝ่ายที่เอาแต่ทำทีเล่นทีจริงไปเสียหมด  ไอ้หน้าหนวดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีราวกับว่าการโดนผมด่าคือความสุขของมัน
กูกำลังด่ามึงนะ  ไม่ได้อวยพร!
มึงช่วยทำหน้าสำนึกผิดด้วยไอ้เวร!
“ผมจะจริงจังแล้วนะครับ”
“รอเวลานั้นมานานมาก!”
แค่นตอบกลับไปเสียงดัง 
กว่าจะเข้าสู่โหมดจริงจังได้ต้องรอให้กูแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่พุ่งเข้าขย้ำมึงตายคาที่สินะ  ไอ้หน้าหนวดยังไม่เลิกยิ้มที่เห็นผมโมโหและโกรธมันจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ถ้าเป็นอย่างที่มะนาวบอกมาจริงๆ  ก็เป็นไปได้ตามที่เธอพูดว่าคนๆนั้นคงเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวด  ว่าแต่…คุณสงสัยใครบ้างไหมครับ”
“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็คงจะตอบได้เต็มปากว่ามะนาวนั่นแหละ  แต่ตอนนี้…”
“นึกไม่ออกเลยสินะ”
“ทำไมคุณกับมะนาวถึงคิดว่าเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดล่ะ?”
“แล้วมันจะมีคนอื่นที่ได้อะไรจากการทำให้คุณตกรอบหรอถอนตัวออกจากการประกวดไปเองนอกจากผู้เข้าประกวดด้วยกันล่ะครับ?”
“แต่ว่า…”
“หรือถ้าจะลองเอาผมมาเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย  คุณคิดว่าถ้าผมทำให้คุณกระเด็นออกไปจากการประกวดครั้งนี้ได้  แล้วผมจะได้อะไร?  เงินเหรอ?  รางวัลเหรอ?”
“มันก็ไม่แน่หรอก  เพราะคุณเองก็พยายามให้ผมถอนตัวตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือไง”
คำพูดของผมทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่ผมนะครับ  ผมไม่มีทางปล่อยข่าวว่าคุณเป็นอีหนูของสปอนเซอร์แน่นอน!”
“…”
“ถ้าเป็นอีหนูของผมล่ะก็ไม่แน่”
“ขอบคุณที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ!”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
กูประชด!
ตกลงวันนี้จะได้เรื่องอะไรบ้างไหมล่ะเนี่ย  รู้สึกเสียเวลาเปล่ายังก็ไม่รู้  เหมือนมาเพื่อให้มันแทะโลมเล่นทั้งทั้งสายตาและคำพูดมากกว่า
“แต่ว่านะครับคุณไฟ  ถ้าเป็นอย่างที่มะนาวบอกจริงๆคุณก็ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้  อย่าไว้ใจใครทั้งนั้น”
“คำว่าใครที่คุณกำลังบอกผม…หมายถึงใครบ้างเหรอครับ”
“ทุกคน”
“ยกเว้นคุณ”
ไอ้หน้าหนวดไม่ตอบเป็นคำพูดแต่ส่งยิ้มยียวนมาเป็นคำตอบแทน  การที่เขาบอกว่าทุกคนแบบนี้ก็หมายความว่า…

‘น้ำ!’

‘นี่ๆๆ  น้ำ!’

‘น้ำ’

‘น้ำ’

เสียงของบาร์บี้ลอยเข้ามาในหัวนับไม่ถ้วน  ถึงใครจะไม่น่าไว้ใจมากแค่ไหนก็ตาม  แต่กับเธอคนนี้…ผมมั่นใจว่าต้องไม่ใช่เธออย่างแน่นอน
ไม่มีวันเป็นเธอ
บาร์บี้จะไม่หักหลังผม…
เธอไม่มีวันคิดร้ายกับคนที่เธอยอมบอกความลับที่ตัวเองแอบชอบไอ้หน้าหนวดนี่แน่!
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
“ปะ…เปล่า  ผมแค่กำลังนึกว่าใครบ้างที่ผมไม่ควรไว้ใจและอยู่ให้ห่างมากที่สุด”
“ยังไงก็อย่าคิดมากเกินไปนะครับ  ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนกว่าจะหมดช่วงเก็บตัว  ผมอยากให้คุณมีความสุขกับทุกวินาทีที่ได้อยู่ที่นี่นะ”
ไอ้หน้าหนวดพูดพลางท้าวคางมองหน้าผม
ไม่สิ…
ต้องใช้คำว่า ‘จ้องหน้า’ ถึงจะถูก!
“น่าเสียดายจังเลยนะครับ”
“เสียดายอะไร?”
“ถ้าจ้องตากันแล้วท้องได้ก็คงจะดี  คุณจะได้ท้องลูกของผมไง”
มึงเห็นกูมีมดลูกหรือว่าช่องคลอดหรือไงฮะไอ้หนวดดด!
ผมล่ะจนปัญญาจะสรรหาคำมาด่ามันจริงๆ  คุยแบบเป็นการเป็นงานได้ไม่ถึงห้านาทีก็วกกลับมาเรื่องใต้สะดืออีกแล้ว
“ผมว่าวันนี้มันดึกมากแล้ว  ขอตัวกลับห้องก่อนดีกว่า  เดี๋ยวถ้ารูมเมทตื่นมาไม่เจอผมมันจะเป็นเรื่อง”
“ไม่อยากให้ไปเลย”
“เพราะ?”
“ผมอยากอยู่กับคุณ”
อึก!
สะอึกไปเลยสิไอ้ไฟ!  ก่อนจะพูดอะไรออกมาตรงๆหัดส่งสัญญาณความหวั่นไหวมาให้กูบ้าง!  พูดห่าไรไม่เกรงใจคนไร้คู่มาตลอดชีวิตอย่างกูบ้างเลย!
“พูดบ้าอะไรวะ  สยอง!”
“จริงๆนะครับ”
“ผมไม่เล่นกับคุณแล้ว  ขอตัวล่ะ!”
ตัดบทสนทนาแล้วรีบลุกหนีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ยังไม่ทันที่ขาจะก้าวไปถึงลิฟต์  วงแขนแกร่งก็ตวัดรวบเอวผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง  การกระทำของมันทำให้ผมรู้ตัวแล้วว่า…
ตัวเองตัวเล็กแค่ไหน…
มิน่าล่ะ  กูปลอมเป็นผู้หญิงมาเดือนหนึ่งแล้วถึงยังไม่มีใครจับได้สักที  ที่แท้ก็เพราะขนาดตัวกูมันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าผู้ชายเลย!
“ทำอะไรวะ!  ปล่อยนะเว้ยยย!”
ผมดิ้น   พยายามที่จะเอาเอาตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของไอ้ลามก  แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่ามันยิ่งรัดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ
แขนคนหรือหนวดปลาหมึกวะกูถามจริง!
“บอกให้ปล่อยไงโว้ยยยยย”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตัวแล้วที่ดิ้น  ขาและแขนผมก็ดิ้นไปด้วยเช่นกัน
ไอ้หน้าหนวดออกแรงยกผมขึ้นจนตัวลอย  ขาดิ้นพล่านๆอยู่กลางอากาศเหมือนปลาถูกน้ำร้อนลวกโดยมีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของไอ้คนข้างหลังดังอยู่เนืองๆ
สนุกมากใช่ไหมไอ้หนวดดดดด!
“กอดจากด้านหลังแบบนี้โรแมนติกดีนะครับว่าไหม?”
กอดพ่อมึงสิ!
มึงยกตัวกูเลยเหอะ  หัดแหกตาดูเสียบ้างว่าสภาพแบบนี้มึงยังสะกดคำว่าโรแมนติกลงได้ยังไง!
“ปล่อยผมเดี๋ยวนะคุณเปลว”
“ถ้าอยากให้ปล่อยก็ลองเรียกพี่เปลวก่อนสิ”
“หือ!”
ผมเบิกตากว้าง  อยากจะหันไปมองหน้ามันมากแต่ก็ทำไม่ได้  กูหูฝาดไปใช่ไหม  มึงสั่งให้กูเรียกมึงว่าอะไรนะ!
“เร็วๆสิครับ  เรียกพี่เปลวก่อนแล้วผมจะปล่อย”
“ฝันไปเหอะ!”
“ถ้างั้นก็นอนฝันมันด้วยกันที่นี่เลยนะครับ”
ไมพูดเปล่า  มันยังเปลี่ยนทิศทางพาผมเดินไปทางเตียงนอนแสนนุ่มนิ่มสปริงเด้งดึ๋งที่มันพรีเซนต์ก่อนหน้านี้
ฉิบหายล่ะ!
แบบนี้เห็นท่าจะไม่ดีและไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพประตูหลัง…
“หยุด!  ผมยอมแล้ว!”
“หึๆ  ยอมแล้วเหรอครับ  ทำไมยอมง่ายจัง  ยังเดินไม่ถึงเตียงเลยนะ”
“บอกว่ายอมก็ยอมสิเว้ย! จะถามอะไรมากมายวะ”
ไอ้ไฟนะไอ้ไฟ  เกิดเป็นมึงนี่ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนจริงๆให้ดิ้นตาย
เป็นผู้ชายเสียเปล่าแต่มีแรงอยู่เท่ามด  หรือว่าผมต่างหากที่ปกติ  แต่ไอ้หน้าหนวดนั่นแหละไม่ปกติ!
“ไหนลองพูดซิครับ  พี่เปลว…ปล่อยไฟลงหน่อยนะครับ”
“มากไปหรือเปล่า!  ไหนบอกให้เรียกพี่เปลวเฉยๆไง”
ไอ้หน้าหนวดไม่ตอบ  แต่เดินตรงดิ่งไปทางเตียงนอนอีกครั้ง
ไอ้เหี้ย!  มึงไม่คิดจะเจรจากับกูสักหน่อยเรอะ!
“พะ…พี่เปลว  ปล่อยไฟลงหน่อยนะครับ!”
อยากจะกัดลิ้นตาย  อ๊ากกกกกก!
“อะไรนะครับ  พี่เปลวไม่ได้ยินน้องไฟเลย”
“คุณ!”
ตึกๆๆๆๆ
“เฮ้ยๆๆ พูดแล้วๆๆ พูดแล้วเว้ย!”
ผมร้องลั่น  อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงเตียงนอนอยู่แล้ว  คืนนี้มึงจะรอดพ้นเงื้อมมือไอ้หน้าหนวดจอมลามกนี่ไปได้ไหมเนี่ยไอ้ไฟ
มึงคงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกจนต้องยอมเสียเอกราชที่ฟูมฟักมาทั้งชีวิตให้มันหรอกนะ!
“พี่เปลว…ปล่อยไฟลงหน่อยนะครับ!”
“ไม่เอาแบบนี้สิครับ  พี่เปลวขอนุ่มนวลกว่านี้หน่อยนะ”
เอาตีนกูไปถูหน้ามึงแทนดีไหม?
รับประกันความนุ่มถึงใจ!
“พี่เปลว…ปล่อยไฟลงหน่อยนะครับ…”
“…”
“นะครับ...”
“…”
“นะ…”
ผมใช้ไม้ตายสุดท้ายที่จำมาจากน้ำเวลาที่ชอบอ้อนขอนู่นขอนี่จากผม  ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะใช้ได้ผลกับไอ้เวรนี่ไหม  แต่นาทีอะไรลองได้ก็ต้องลองแหละวะ
ผมไม่อยากเสี่ยงให้มันพาไปถึงเตียงเลยจริงๆ
เรื่องที่สระว่ายน้ำมันยังฝังใจผมไม่ลืมนะจะบอกให้
กูเกือบต้องเสียครั้งแรกให้กับมันก็เพราะความเคลิบเคลิ้ม  เพราะงั้นกูจะไม่ประมาทปล่อยให้ตัวเองกลับเข้าไปสู่จุดนั้นอีกเด็ดขาด!
ตุ้บ…
ทว่าความกังวลทั้งหมดของผมก็มลายหายไปในนาทีต่อมา  เมื่อไอ้หน้าหนวดยอมปล่อยผมลงแต่โดยดี  ไม่มีแม้แต่คำพูดแทะโลมลามกจกเปรตอย่างที่คิดเอาไว้
ผมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ  ก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปมองอีกฝ่ายที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรหลังจากเจอผมงัดท่าไม้ตายมาใช้
“ทำไมเงียบ…”
คำพูดที่ตั้งใจจะพูดออกมาสลายกลับลงคอไปจนหมด
ผมรีบถอยห่างจากเขามาสองถึงสามก้าวพลางเสมองไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ผมไม่ควรจะมองหน้าเขา…
มองใบหน้าที่แดงแปร๊ดลามไปจนถึงใบหูและลำคอนั่น…
มึงจะมาเขินทำซากอีกัวน่าอะไรล่ะเว้ย!
เจอแบบนี้แล้วกูควรทำหน้ายังไงเล่า
“ผะ…ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า  ราตรีสวัสดิ์ครับ”
พูดออกไปโดยไม่มองหน้าคนฟังก่อนจะรีบก้าวขาฉับๆชนิดที่ว่าสามก้าวถึงประตูลิฟต์  ไม่มีเสียงตอบกลับจากไอ้คุณเปลวเลยแม้แต่คำเดียว
ซึ่งนั่นมันถือเป็นเรื่องดีสำหรับผม  เพราะตัวเองก็ยังไม่พร้อมจะฟังเสียงเขาตอนนี้เช่นกัน
ตึกๆ  ตึกๆ  ตึกๆ
“มะ…เหมือนเพิ่งวิ่งมาราธอนมาเลยแฮะ”
ผมพิงตัวเข้ากับผนังลิฟต์  มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเอาไว้  รวมถึงใบหน้าของผมในตอนนี้เองก็…
ขึ้นสีแดงไม่ต่างจากไอ้หน้าหนวดจอมลามกนั่นเลย
ลึกๆในใจของผมแล้ว…
กำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่นะ?

หลังจากไฟเข้าไปในลิฟต์แล้ว  ร่างสูงก็เดินไปทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนเตียง  ความร้อนฉ่ายังคงระอุอยู่บนใบหน้า  คล้ายกับว่าเขาเพิ่งผ่านการเอาหน้าตัวเองไปอังกับเตาไฟที่ไหนมา
“น่ารักเกินไปแล้ว…”
ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้เมื่อนึกถึงใบหน้าน่ารักๆตอนที่อ้อนขอให้เขาปล่อยเมื่อกี้
น้ำเสียงออดอ้อน  แววตาเว้าวอน  และริมฝีปากสีชมพูที่เชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย…
ทำเอาเขาแทบอดใจไม่ไหวจับอีกฝ่ายเข้ามาฟัดให้หายมันเขี้ยว
“จริงสิ…”
ทำหน้าเหมอนนึกอะไรขึ้นมาได้  ก่อนจะตะเกียกตะกายตัวเองไปทางหัวเตียง  หยิบหมอนหนุนใบใหญ่พลิกกลับด้านแล้วเอาบางสิ่งที่ซ่อนไว้ในนั้นออกมา…
รูปถ่ายของไฟตอนอยู่ในทะเล  ซึ่งเป็นรูปหลังจากที่ชุดชั้นในหลุดหายไปแล้ว  มีกล้องตัวหนึ่งของช่างภาพถ่ายติดจังหวะก่อนที่ไฟจะรู้ตัวและนั่งลง  ซึ่งแน่นอนว่าภาพนั้นเห็นอย่างชัดเจนเลยว่าไฟไม่มีหน้าอก!
 เสี้ยววินาทีนั้นเขาจึงแก้ไขปัญหาด้วยการยึดเอาเมมโมรี่การ์ดทั้งหมดมา  เพราะคิดว่าอาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  และเขาก็คิดไม่ผิด  ถ้าหากวันนั้นร่างสูงไม่ได้ฉุกขึ้นคิดมา  ป่านนี้ความจริงที่ว่าไฟเป็นผู้ชายและปลอมตัวมาเป็นน้องสาวฝาแฝดก็คงแพร่ออกไปแล้ว
“ผมจะปกป้องคุณเอง  ไม่ต้องกลัวหรอกนะครับ”
“…”
“จนกว่าน้องสาวของคุณจะมาเปลี่ยนตัว  ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณได้เด็ดขาด”
“…”
“คุณไฟของผม”
สิ้นคำ  ชายหนุ่มก็บรรจงจุมพิตลงที่รูปถ่ายของไฟอย่างรักใคร่และหวงแหน…


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ช่วงนี้มาอัพติดๆกันสามวันแล้วน้า  ให้คะแนนความขยันของบิวด้วยการคอมเม้นต์ได้ไหมเอ่ย 5555+  ตอนนี้ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งกระดิ่งแมววนไป  ทั้งคุณเปลวและพี่ไฟ  เอ๊ะ? หรือพี่เปลวกับร้องไฟดีล่ะเนี่ย  ที่เหลือก็ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่พี่ไฟของเราจะเปิดใจรับคุณเปลวหรือยอมรับหัวใจของตัวเองสักที  คนอ่านลุ้นให้ได้กัน  คนแต่งเองก็ลุ้นเช่นกันนะจะบอกให้  5555+
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 11 (02/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-12-2016 22:35:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 03-12-2016 20:00:26
ตอนที่ 12
เปิดโอกาสให้เขา  แต่เราเจ็บเอง?

“น้ำ  เสร็จหรือยัง  วันนี้พวกเรามีไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้ากันนะ”
บาร์บี้ตะโกนเรียกผมที่เข้ามาสิงอยู่ในห้องน้ำนานเป็นชั่วโมงแล้ว  นับวันๆเธอจะยิ่งเหมือนผู้จัดการส่วนตัวมากกว่ารูมเมทและผู้เข้าประกวดด้วยกัน เธอคอยจัดการนู่นนี่นั่น  คอยบอกตารางานต่างๆในแต่ละวันให้กับผม
บางทีที่เอาใจขนาดนี้น่าจะเป็นเพราะเรื่องของไอ้หน้าหนวดมากกว่า
“เสร็จแล้วๆ”
“ชักช้าตลอดเลยนะเธอเนี่ย  เข้าไปทำอะไรในห้องน้ำตั้งนานสองนานฮะ  อาบน้ำทีก็เป็นชั่วโมง  ฉันเคยตกใจขึ้นว่าเธอล้มหัวฟาดพื้นตายในห้องน้ำไปแล้วรู้บ้างหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ชอบน้ำเท่านั้นเอง”
“ไม่เกิดเป็นนางเงือกไปเลยล่ะยะ”
นางเงือกอะไรล่ะ  จะให้บอกว่าเข้าห้องน้ำนานเพราะแต๊บไข่ก็ไม่ได้อีก  เฮ้อ!
หลังจากที่เจอกับไอ้หน้าหนวดครั้งล่าสุดบนห้องมันสองต่อสองคราวนั้นก็ผ่านมาสามวันแล้ว  ไอ้หน้าหนวดไม่ได้อยู่ที่โรงแรมด้วยเพราะมีงานต้องไปสะสางและเพื่อรอรับสปอนเซอร์หลักของการประกวดครั้งนี้มาที่โรงแรมเพื่อดูการเก็บตัวนางงามครั้งนี้เหมือนทุกปี  ซึ่งไม่รู้ทำไมพอไม่ได้เจอกันหน้ากันผมถึงได้รู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป
“จริงสิน้ำ  วันนี้คุณเปลวจะกลับมาแล้วใช่ไหม  ฉันได้ยินคนอื่นๆคุยกันว่าเขาจะตามไปสมทบที่บ้านเด็กกำพร้าทีเดียว”
“เหรอ  ฉันไม่รู้หรอก”
“ดีใจจัง  ฉันจะได้เจอเขาสักที”
แล้วก็ทำท่าเพ้อฝันอย่างที่ชอบทำ
ผู้หญิงเป็นแบบนี้กันหมดเลยหรือเปล่านะ  เมื่อไหร่ที่พวกเธอตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก  ก็มักจะมีความคิดเพ้อฝันและจินตนาการสวยหรูไปไกลกกว่าความจริงเสมอ…
“ฉันขอถามเธอตามตรงได้ไหม  เธอ…ชอบเขาตรงไหนเหรอ?”
“…”
“คือฉันหมายถึงเธอมองเห็นข้อดีอะไรในตัวเขาหรือไง?”
เท่าที่ผมรู้และผมเห็น  ไอ้เวรนั่นไม่เห็นจะมีอะไรดีนอกจากความลามกและมือไว
“ความรู้สึกมันบอกล่ะมั้ง”
“ความรู้สึก?”
“ใช่  เริ่มต้นจากภายนอก  ค่อยๆไปสู่ภายใน  คุณเปลวคล้ายกับคุณพ่อของฉันมากๆเลยนะ  ฉันน่ะ…คิดมาตลอดว่าถ้าฉันจะรักใครสักคน  ฉันก็อยากได้ผู้ชายที่เหมือนกับคุณพ่อของฉัน”
“…”
“ฉันไม่มีคุณแม่  คุณพ่อทำงานหาเลี้ยงฉันด้วยตัวคนเดียวมาตลอด  พวกญาติๆฝั่งพ่อเล่าให้ฟังว่าคุณแม่ทิ้งคุณพ่อไปตอนฉันอายุได้แค่ขวบเดียว  พวกเขาบอกว่าเพราะคุณแม่ของฉันทนลำบากกับศิลปินแบบคุณพ่อไม่ไหว  ก็เลยหนีไปกับผู้ชายรวยๆคนหนึ่งและไม่กลับมาอีกเลย”
บาร์บี้เล่าพลางยิ้มเศร้า  จะว่าไปเธอเคยบอกเหมือนนี่นาว่าเมื่อก่อนคุณพ่อเคยวาดรูปขายก่อนจะหันมาทำธุรกิจด้านส่งออกปลาสวยงามพันธุ์หายากต่างๆจนร่ำรวยขึ้นมา
“เธอคงคิดถึงคุณแม่มากสินะ”
“ก็มีบ้างนั่นแหละ  แต่ตอนนี้ไม่แล้ว  เพราะคุณพ่อของฉันทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ได้ดีมากๆเลย   อีกอย่าง…ตัวฉันเองก็ไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับคุณแม่เลยด้วย  คงเพราท่านทิ้งฉันไปตั้งแต่ขวบหนึ่งเลยล่ะมั้ง  เพราะแบบนี้ฉันเลยคิดว่า…ผู้ขายที่เหมือนกับคุณพ่อ  จะต้องเป็นคนดีมากๆ  และจะต้องรักฉันมากๆด้วยเหมือนกันไงล่ะ”
พอได้มาฟังแบบนี้แล้วผมก็อดรู้สึกผิดกับเธอไม่ได้จริงๆ
บาร์บี้เชื่อใจและไว้ใจผมมาก  แต่ผมกลับทำเรื่องที่เหมือนเป็นการหักหลังเธอด้วยการทำอะไรแปลกๆกับไอ้หน้าหนวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
ขอโทษนะบาร์บี้…
ฉันขอโทษ
“อะไรกันน้ำ  ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นด้วยเล่า  เธอเองก็เสียแม่ไปแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ  ไม่ต้องมาทำเหมือนสงสารฉันก็ได้  เราสูญเสียเหมือนกันนะ ต้องเข้าใจกันสิถึงจะถูก”
“นะ…นั่นสิ”
อีกฝ่ายยิ้มร่า  ตั้งแต่ที่ผมบอกเธอวันนั้นว่าจะสนับสนุนเธอกับคุณเปลวเอง  บาร์บี้ก็คงจะตั้งความหวังเอาไว้มาก  ถ้าหากผมไม่หยุดความคิดบ้าๆของตัวเองตอนนี้
สักวัน…
ผมจะต้องเป็นคนที่ทำให้บาร์บี้เสียใจที่สุดแน่ๆ
“ยืนทำอะไรกันตรงนี้”
“!!!”
เราสองคนสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงยัยแม่มดดังขึ้นที่ด้านหลัง  พอหันไปก็พบกับสายตาอำมหิตราวกับพวกเราไปฆ่าใครตายมา
“ปะ…เปล่าค่ะ  กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้วค่า  ไปเถอะน้ำ”
“เดี๋ยวก่อน!”
“คะ?”
ผมและบาร์บี้ขานรับพร้อมกัน   แต่ยัยแม่มดกลับทำท่าทางอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที   ผมชะงัก  มองยัยแม่มดกับท่าทีที่แปลกไปของเธออย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอคะคุณพิมพ์”
เอ้า!  เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าชื่อคุณพิมพ์  ปกติเรียกแต่ยัยแม่มดในใจมาตลอดเลย
“มะ…ไม่มีอะไร  ไปกันได้แล้ว  พวกเธอกำลังทำให้ทุกคนสายนะ”
“ค่า”
บางทีผมคงจะคิดมากไปเอง  ยัยแม่มดยังไงก็เป็นยัยแม่มดวันยันค่ำนั่นแหละ!

รถของกองประกวดเคลื่อนขบวนพาทุกคนมาถึงบ้านเด็กกำพร้าที่จะต้องมาทำกิจกรรมในวันนี้  ทุกคนดูจะตื่นเต้นดีใจกันมากถึงได้ออกมาทำกิจกรรมนอกสถานที่  ต่างจากผมที่หน้ามุ่ยตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว  สาเหตุที่ผมไม่สบอารมณ์แบบนี้น่ะเหรอ…
กูเกลียดเด็ก!
กูไม่ได้รักเด็ก!
กูไม่ใช่นางงาม!
นี่แหละความเป็นจริงสำหรับผม…
ถามว่าสงสารเด็กพวกนี้ไหมที่ถูกพ่อแม่ทิ้ง  ก็สงสารนะ  ทุกครั้งที่พวกเพื่อนๆในคณะพากันรวบรวมเงินหรือทำกิจกรรมอะไรสักอย่างเพื่อหาเงินไปทำบุญผมถึงได้ร่วมด้วย  แต่ถ้าจะให้มาเจอและพูดคุยกับเด็กๆตัวต่อตัวแบบนี้ล่ะก็ขอบายเด็ดขาดเลย
ผมไม่ถูกโรคกับเด็กๆจริงๆนะ
จำได้ว่าเมื่อก่อนพอเข้าไปเล่นกับเด็กน้อยคนหนึ่งบนรถเข็นที่ห้างฯ  ไอ้เด็กบ้านั่นก็ร้องไห้จ้าราวกับว่าผมไปควักไส้มันออกมากิน  ทำเอาพ่อแม่มันที่มัวแต่ยืนเลือกของกันอยู่ตอนนั้นหันมาโวยวายใส่ผมยกใหญ่เพราะคิดว่าผมไปแกล้งลูกของตัวเอง
ตั้งแต่นั้นมาผมเลยเกลียดเด็กมาตลอด  จะวัยไหนยังไงก็เหอะ  ถ้าไม่พ้นประถมนี่อย่าได้มายุ่งกับกูเด็ดขาดเลย!
“ยิ้มสิน้ำ  ยิ้มมมม”
บาร์บี้หันมาฉีกปากผมออกเมื่อเห็นว่าผมกำลังแยกเขี้ยวใส่เด็กคนหนึ่งที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหา  ตายๆๆ  กูตายวันนี้นี่แหละ!
“เอาล่ะ  เดี๋ยวแยกย้ายกันไปเล่นกับเด็กๆนะ  เราจะแจกของก็ต่อเมื่อคุณเปลวมาถึง  คงจะอีกสักชั่วโมงนั่นแหละ”
ยัยแม่มดออกคำสั่ง  ทุกคนเลยกระจายตัวกันออกไปเพื่อเล่นกับเด็กๆเพราะวันนี้จะมีนักข่าวจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์มาทำข่าวด้วย  ผมรีบปลีกตัวไปยังอีกมุมที่ไกลห่างออกมาจากผู้คน  บาร์บี้และผู้เข้าประกวดคนอื่นๆพากันเข้าไปเล่นกับเด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่ที่นั่งเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อย  ต่างจากอีกฝั่งที่มีเด็กผู้ชายนั่งเกาะกลุ่มกันอยู่ประมาณหกเจ็ดคน
มึงเล่นนั่งทำหน้าเหมือนจะหาเรื่องเขา  คงมีนางงามสักคนเดินเข้าไปหาพวกมึงหรอกนะ  สู้นั่งเล่นตุ๊กตาเล่านิทานให้พวกเด็กผู้หญิงฟังยังดูน่าปลอดภัยกว่าเลย
ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นหญ้าแถวนั้น  มองคนอื่นๆที่เข้าไปทำคะแนนกับเด็กๆอย่างเบื่อหน่าย  หลังจากเสร็จกิจกรรมการแจกของ  ทางคณะกรรมการจะทดสอบดูว่าใครคือคนที่พวกเด็กๆอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากที่สุด  โดยคนตัดสินก็คือเด็กๆเหล่านี้นั่นแหละ  ที่นี่มีเด็กกำพร้าอยู่ทั้งหมด 25 คน  เป็นผู้ชายไปแล้ว  7 คน  แสดงว่าที่นั่งเรียงแถวกันอยู่ตรงนั้นคือผู้หญิงอีก 18 คนสินะ   เท่ากับจำนวนผู้เข้าประกวดพอดีเลยแฮะ
แต่ตัดกูออกไปได้เลย  ไม่มีเด็กคนนั้นเลือกกูแน่ๆล่ะ  แค่มาถึงก็แยกเขี้ยวใส่จนวิ่งหางจุกตูดไปแล้วหนึ่งคน  เฮ้อ!
“หืม?”
สายตาเหลือบไปเห็นอะไรกลมๆซุกซ่อนอยู่ใต้พุ่มไม้  ผมเหลียวซ้ายแลขวาดูว่ามีใครมองมาทางนี้หรือไม่ ปรากฏว่าทุกคนกำลังให้ความสนใจกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆและบรรดาเด็กผู้หญิงทั้งหลายอยู่  ได้โอกาสล่ะ!
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจผมแม้แต่คนเดียว  ก็รีบมูฟตัวเองไปยังจุดที่เจ้าลูกกลมๆแอบอยู่  มันก็คือลูกฟุตบอลนั่นเอง!   ดีใจราวกับถูกหวยเลยทีเดียว  ผมเป็นพวกติดฟุตบอลมาก  ปกติจะต้องไปเตะที่สนามของมหา’ลัยกับไอตูมตามเป็นประจำทุกเย็น  แต่นี่ไม่ได้เตะมาหนึ่งเดือนแล้วเพราะมาขลุกอยู่กับการประกวด
ขอสักหน่อยพอให้ไอ้ไฟได้ชื่นใจเหอะวะ!
ผมจัดการเตะฟุตบอลไปอีกทางซึ่งเป็นที่โล่งและไม่มีใคร  ก่อนจะใช้เท้างัดลูกบอลขึ้นมาเดาะเล่น  ทิ้งภาพลักษณ์นางงามกลับไปเป็นชายหนุ่มธรรมดาๆชั่วคราว  โชคดีมากที่วันนี้ผมเลือกใส่กางเกงยีนส์มา  ถ้าใส่กระโปรงมาแบบบาร์บี้คงอดเล่น
“ว้าว!  เล่นด้วยคนได้ไหมพี่!”
ความสงบสุขอยู่กับผมได้ไม่ถึงห้านาที  เสียงเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น  มันคือไอ้เด็กกลุ่มเมื่อกี้ที่นั่งเกาะกลุ่มกันโดยไม่มีนางงามคนไหนหันมาเหลียวแล
“ไม่เอา  ไปไกลๆเลยไป  จะเล่นคนเดียวเว้ย”
“โห  ไรวะ  นั่นลูกบอลพวกผมนะนั่น”
เด็กอ้วนตุ๊ต๊ะคนหนึ่งชี้พลางแสดงความเป็นเจ้าของ  เดี๋ยวเหอะมึงๆ  เดี๋ยวเจอลูกเตะไอ้ไฟแล้วจะหนาวถึงไขสันหลัง!
“เขียนชื่อติดไว้เหรอฮะ  ไหนๆ มีชื่อติดไว้เรอะ  ก็เปล่า”
ผมยักไหล่ยักคิ้วให้พวกมัน  คาดว่าคงเรียกความหมั่นไส้จากพวกมันได้ไม่น้อยเลยแหละ
“กวนตีนว่ะพี่ ไม่เห็นพี่สาวคนอื่นๆเลย  ออกจะพูดเพราะ”
“เฮ้ๆ  พูดให้มันดีๆนะ  ใช้คำว่ากวนตีนกับผู้ใหญ่ได้ไง  เดี๋ยวตบฟันร่วงเลย!”
ผมง้างมือพลางทำหน้าดุใส่ไอ้เด็กผอมแห้งคนหนึ่งอย่างจริงจัง 
“แล้วทีพี่เอาลูกบอลพวกผมไปเล่นแล้วไม่แบ่งให้พวกผมเล่นล่ะ  ผู้ใหญ่เขาทำกันแบบนี้เหรอ”
“อ้าวไอ้อ้วน  กวนละๆ  เป็นเด็กก็ต้องเสียสละให้ผู้ใหญ่สิวะ”
“ได้ไงอ่ะพี่!”
พวกมันพากันประท้วงเสียงดัง  เพราะแบบนี้แหละผมถึงได้เกลียดเด็ก!  วุ่นวายกับชีวิตกูไม่รู้จักจบจักสิ้นสักทีนะพวกมึง!
“เออๆ  ก็ได้เว้ย  ถ้าอยากจะเล่นมากนักนะ  มาแย่งไปให้ได้ดิ”
ผมยักคิ้วหลิ่วตาก่อนจะเลี้ยงบอลหนีพวกมันไปอีกฝั่ง  พวกมันรีบวิ่งกรูกันเข้ามาหาผมเพื่อแย่งลูกบอลทันที
“ห้ามโกงนะเว้ย  ห้ามหมาหมู่ด้วย  ลูกผู้ชายเขาต้องเล่นตามกฎกติกา เข้าใจหรือเปล่า!”
“เข้าใจครับ!”
“ดีมาก!  ต้องอย่างนี้สิวะ”
ผมหัวเราะก่อนจะเลี้ยงบอลไปเรื่อยๆโดยมีเด็กทั้งเจ็ดคนวิ่งตามหลังมาติดๆเพื่อจะแย่งเอาบอล  กว่าจะรู้ตัวอีกทีคนเกลียดเด็กเข้าไส้เข้าเส้นเลือดอย่างผมก็…
เล่นฟุตบอลกับพวกมันไปเสียแล้ว

“แฮ่ก!  แฮ่ก!  ดะ…เดี๋ยวนะ  ขอพักก่อน  เหนื่อยมาก  ไม่ไหวแล้ว”
ผมนั่งหอบแฮ่กอยู่บนสนามหญ้า  ไอ้เด็กเจ็ดคนตามมานั่งล้อมเอาไว้ด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัวไม่ต่างกัน
ตายห่าล่ะกู  ลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้มาในฐานะนางงาม!  ไปหมดละผมเผ้าที่ทำมา  หน้าที่ตื่นมาแต่งตั้งแต่ตีสี่…
“พี่ๆ  ผมถามจริงๆนะ  พี่ไปฝึกเล่นบอลมาจากไหนเหรอ  เล่นเก่งมากๆเลย”
“ก็แค่ชอบมากๆ  ก็เลยเล่นบ่อยๆ  ฝึกฝนบ่อยๆ  พวกนายก็เหมือนกัน  ถ้าอยากเก่งแบบพี่ก็ต้องตั้งใจฝึกห้ามวอกแวกไปหาอะไรทั้งนั้น  เข้าใจไหม”
“ถ้าพวกผมเล่นเก่งเท่าพี่แล้ว  พี่จะมาเล่นกับพวกผมอีกได้หรือเปล่า”
“ก็ต้องดูคิวก่อนอ่ะนะ  พอดีคนมันฮอต  คิวเลยยาวมาก”
“อ้าว”
“แต่ว่า!  ถ้าพวกนายทุกคนตั้งใจเรียนจนจบมัธยมปลายได้  พี่จะลัดคิวทุกคิวแล้วมาเล่นบอลกับพวกนายเลย  โอเคหรือเปล่า”
ผมชี้หน้าพวกมันทีละคนเพื่อรอคำตอบ  ต่างคนต่างทำหน้าคิดหนักก่อนที่ไอ้อ้วนเจ้าของลูกบอลจะพยักหน้าเป็นคนแรก
“โอเคพี่!  ผมจะจบม.6 ให้ได้  แล้วพี่อย่าลืมมาสอนผมยิงลูกโทษอีกนะ”
“ได้เลย!”
ผมแท็กมือกับไอ้อ้วน  เมื่อเด็กคนอื่นๆเห็นว่าผมรับปากไอ้อ้วนแล้วก็เลยพากันยอมรับข้อเสนอของผมเป็นแถว  มาคิดๆดูแล้ว  เด็กพวกนี้ก็ไม่ได้น่ารำคาญอะไรมากมายเหมือนกันแฮะ  กลับกัน…ผมรู้สึกสนุกมากกว่าที่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่ผมชอบและถนัดให้กับพวกเขา
“สนุกเต็มที่หรือยังครับคุณน้ำ”
เสียงไอ้หน้าหนวดดังขึ้นจากด้านหลัง  ผมรีบลุกขึ้นยืนและหันไปหาเขา  มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย?
“คุณมานานแล้วเหรอ?”
“มาตั้งแต่คุณเดินแยกออกมาเล่นบอลคนเดียวแล้วล่ะ”
“หา?”
ตั้งแต่ต้นเลยนี่หว่า…
“ผมเพิ่งเห็นคุณยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขเป็นครั้งแรกเลยนะครับ  ต้องทำพิธีขอบคุณเด็กๆเจ็ดคนนั้นหรือเปล่านะ?”
“เว่อร์ไปละ  ผมก็แค่ชอบฟุตบอลเท่านั้นเอง”
“ครับๆ  ผมเชื่อแล้วว่าชอบจริงๆ”
ไอ้หน้าหนวดส่งยิ้มหวาน  ผมรีบเปลี่ยนทิศทางมองไปที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าของมันแทน  เพราพอมองหน้ามันทีไร  หน้าของบาร์บี้ก็ลอยแทรกเข้ามาทุกที
และผมก็จะรู้สึกผิดอยู่ร่ำไป…
“ดูท่าวันนี้จะได้ผู้ชนะเสียแล้วสิ”
มะนาวเอ่ยขึ้น  เธอเดินเข้ามาพร้อมกับนางงามคนอื่นๆ  ดูเหมือนว่าทุกคนจะถูกเรียกมารวมตัวกันทางนี้แฮะ
“หมายความว่ายังไงเหรอ?  เขากั๊กคนชนะไว้หรือไง”
“จะบ้าเหรอยะ  นี่ไม่ได้รู้ตัวเลยสินะเนี่ย”
มะนาวเอ็ด  ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้เธอเพราะไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดอะไร  แต่ยังไม่ทันที่บทสนทนาต่อไปจะเริ่ม  บาร์บี้ที่เดินมาทีหลังสุดก็ลากผมออกมาจากทุกคน
“มีอะไรเหรอ?”
“ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อย  ได้ไหมน้ำ”
“ว่ามาสิ”
“คือว่านะ  เดี๋ยวหลังจากแจกของให้เด็กๆเสร็จ  ก่อนที่จะมีการให้พวกเด็กๆเลือกคนที่อยู่ด้วยแล้วสนุกที่สุด  จะมีเวลาพักให้พวกเราสองชั่วโมง  ตอนนั้น…ฉันอยากจะอยู่กับคุณเปลวสองต่อสอง  เธอช่วยนัดเขาออกมาให้ฉันได้ไหม?”
“ฮะ?”
“ฉันจะไปรอเขาที่สวนหย่อมฝั่งนู้น  เพราะแถวนั้นไม่ได้อยู่ในเขตของการถ่ายทำเลยค่อยไม่ค่อยมีคน  ฉันอยากอยู่กับเขาเพื่อทำคะแนนบ้าง  เธอช่วยฉันหน่อยนะ  นะ”
บาร์บี้เขย่าแขนผมเบาๆพลางอ้อนวอน
นั่นสินะ  ถ้าทำให้เธอได้อยู่กับไอ้หน้าหนวดนั่นสองต่อสองบ้าง  มันอาจจะเห็นความน่ารักของบาร์บี้อย่างที่ผมเห็นแล้วเริ่มชอบเธอขึ้นมาบ้างก็ได้
ต้องทำสินะ  ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วนี่ว่าจะช่วยให้เธอได้สมหวังกับไอ้หน้าหนวด…
…เพราะงั้น
“อื้ม  ได้สิ”
ผมต้องทำ…

 เวลาในการแจกของมาถึง  ผู้เข้าประกวดทุกคนแยกย้ายกันแจกขนมและของเล่นให้กับพวกเด็กๆโดยมีนักข่าวคอยถ่ายรูปและสัมภาษณ์มากมาย  ส่วนผมก็กำลังรอจังหวะดีๆที่จะเข้าไปชวนไอ้หน้าหนวดให้ไปพบกับบาร์บี้ที่สวนหย่อมตามที่เธอขอ  แต่ปัญหาก็คือ…
ไอ้นักข่าวบ้าพวกนี้แม่งตามถ่ายรูปผมแจเลย!  แถมยังเอาแต่เรียกผมว่าสโนว์ไวท์อีกด้วย  ไม่รู้เหมือนกันว่าหมายความว่ายังไง?
“แล้วคุณน้ำรู้สึกยังไงบ้างครับที่ตัวเองได้เป็นตัวเก็งในการประกวดครั้งนี้เลย”
“เอ่อ  คือเดี๋ยวน้ำมาตอบได้ไหมคะ  ขอเวลาสักครู่”
ผมตัดบทแล้วเดินแยกออกมา  เป้าหมายคือเดินเข้าไปหาไอ้หน้าหนวดที่กำลังพูดคุยอยู่กับเด็กๆด้วยใบหน้าของพ่อพระ
ลามกอย่างมึงทำสีหน้าใจดีแบบนี้เป็นด้วยเรอะ!
“คุณเปลว”
“ครับ?”
มันขานรับทันที  ผมรีบเขย่งเท้าขึ้นป้องปากข้างหูมันแล้วกระซิบบอกสถานที่นัดทันที
“ช่วงพักไปเจอที่ส่วนหย่อมฝั่งนู้นด้วย”
“ครับ?”
“อย่าลืมล่ะ”
ย้ำอีกทีก่อนจะเดินกลับมาที่เดิมและให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอีกครั้ง  บาร์บี้ที่แจกของอยู่ไม่ไกลหันยกนิ้วให้ราวกับรู้ว่าผมเข้าไปนัดไอ้หน้าหนวดให้เธอเรียบร้อยแล้ว
แบบนี้แหละดีแล้ว…
มึงทำดีแล้วไอ้ไฟ!

ช่วงเวลาพักที่บาร์บี้รอคอยมาถึง  เธอเดินแยกไปรอไอ้หน้าหนวดที่สวนหย่อมฝั่งตรงข้ามตั้งแต่ก่อนถึงเวลาพัก  ส่วนผมก็ปลีกวิเวกออกห่างมาจากผู้เข้าประกวดเพื่อหลอกอีกฝ่ายว่าผมไปตามสถานที่นัดแล้ว  เพราะตามความเข้าใจของเขา  เขาคงคิดว่าคนที่นัดไปสวนหย่อมก็คือผม  ไม่ใช่บาร์บี้…
“คุณเปลว  ขอบคุณมากนะคะที่มาตามนัด  ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมาจริงๆ”
แล้วทำไมสถานที่ที่กูปลีกวิเวกมาจะต้องเป็นแถวสวนหย่อมนี่ด้วยล่ะเว้ย!
ผมล่ะอยากจะตะบันหน้าตัวเองจริงๆ!
ต้นไม้เป็นที่กำบังของผมในเวลานี้  ผมค่อยๆชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อยเพื่อดูว่าตอนนี้สองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้าง  แต่ท่าทางผมคงจะคิดมากเกินไปเอง  บาร์บี้เป็นผู้หญิงน่ารักและมีเสน่ห์อยู่แล้ว  ไม่ว่าใครได้เข้าใกล้ก็ต้องมีความสุขทั้งนั้น
ใช่…
ไอ้หน้าหนวดเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ท่าทางที่เหมือนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเหลือเกินบีบหัวใจผมจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ  ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย 
เปิดโอกาสให้เขา  แต่เราเจ็บเอง?
นี่มันไม่ใช่ตัวผมเลยสักนิด…


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  พี่ไฟนะพี่ไฟ  ทำอะไรลงป๊ายยยย  ไปเปิดโอกาสให้พวกเขาแล้วตัวเองมานั่งเจ็บเองคนเดียวเนี่ยนะ  จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีล่ะเนี่ย  ถ้าคุณเปลวกับบาร์บี้เกิดสปาร์คติดกันขึ้นมาแล้วจะมานั่งเสียใจทีหลังนะเออ  อีกสองวันจะได้เห็นร่างปกคุณเปลวกับพี่ไฟกันแล้วนะคะ  มารอชมด้วยกันน้า  จะอัพให้ดูในเพจ Bubble-Bew จ้า

ติดแฮชแท็ก #เขาวานให้ผมเป็นดาว ในทวิตเตอร์มาเม้ามอยกันได้น้า  หลังหนังสือเสร็จแล้วจะสุ่มแจกหนังสือ 1 เล่ม จ้า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-12-2016 22:51:29
ไฟ  ทำตัวไม่ถูกแล้ว:katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-12-2016 05:41:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 04-12-2016 22:35:41
ไฟอาจจะโดนเปลวโกรธก็ได้นะที่ริอาจเป็นพ่อสื่อ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-12-2016 22:59:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 06-12-2016 11:12:44
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 07-12-2016 00:01:58
แอบระแวงบาบี้
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 12 (03/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: khunpisda ที่ 10-12-2016 16:01:35
 :katai3:
อ่อนไปอี้กก
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-12-2016 22:22:38


ตอนที่ 13
ต้องลงโทษ
 

“เอาล่ะ  ต่อไปคือช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย  ช่วงเวลาแห่งการเลือกพี่สาวที่เด็กๆอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากที่สุดนั่นเอง”
พิธีกรจำเป็นหรือก็คือหนึ่งในทีมงานที่ถูกถีบส่งให้ไปทำหน้าที่อย่างไม่เต็มใจเอ่ยใส่ไมค์โครโฟน  บรรดานักข่าวตั้งกล้องรอถ่ายรูปกันเรียบร้อย
กูล่ะอยากหายตัวไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน  ไม่ได้เข้าไปตีสนิทกับเด็กน้อยคนไหนเลยสักคน  แล้วเด็กที่ไหนจะเลือกกูล่ะเนี่ย
ขณะที่ผมกำลังหนักใจอยู่นั้น  สายตาก็เหลือบไปทางไอ้หน้าหนวดที่นั่งอยู่ตรงมุมพิเศษที่ทางบ้านเด็กกำพร้าจัดเตรียมไว้ให้กำลังมองผมอยู่พอดี  แต่สายตานั้นช่างนิ่งสนิทและน่ากลัวราวกับว่าในหัวลามกๆของมันกำลังคิดแผนอะไรบางอย่างอยู่
มองกูไม่วางตาแบบนี้  แสดงว่าแผนของมันคงไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับผมสินะ
“ตื่นเต้นจังเลยนะน้ำ  เธอว่าพวกเด็กๆจะชอบฉันกันไหม”
“ต้องชอบสิ  เธอใจดีจะตาย”
“แต่ก็คงสู้สโนว์ไวท์อย่างเธอไม่ได้หรอก”
“ฉันงงมาพักหนึ่งแล้วนะ  ทำไมทุกคนถึงพากันเรียกฉันว่าสโนว์ไวท์ล่ะ?”
ผมถามบาร์บี้ออกไปตรงๆ  ผมกูก็ไม่ได้สั้นแบบสโนว์ไวท์  ไม่ได้พูดกับนกหรือสัตว์ได้ด้วย  แล้วทำไมทุกคนถึงเรียกผมแบบนั้นหว่า?
“เดี๋ยวก็รู้”
บาร์บี้จุ๊ปากเป็นเชิงให้ผมเงียบ  เพราะทางกรรมการกำลังจะให้เด็กๆเลือกผู้ชนะแล้ว  ผู้เข้าประกวดทุกคนถูกจัดให้ยืนกระจายๆกันออกไป  โดยมีเด็กๆยืนอยู่ตรงกลางห้อง
“เอาล่ะนะครับ  เด็กๆทุกคน  เดี๋ยวพอผมนับถึงสาม  ก็เดินเข้าไปหาพี่สาวที่อยู่ด้วยแล้วสนุกและมีความสุขที่สุดได้เลยนะครับ”
“…”
“1”
“…”
“2”
“…”
“3!”
สิ้นเสียงนับเลข 3  บรรดาเด็กๆก็กรูกันวิ่งเข้าหาพี่สาวที่ตัวเองชอบ  และแน่นอนว่าทางผมนั้นไม่มีเด็กน้อยคนไหนวิ่งเข้ามาเลยสักคน  จนกระทั่งไม่มีเด็กผู้หญิงเหลออยู่แล้ว  ที่ยืนอยู่ก็มีแค่ไอ้เด็กเจ็ดคนที่เล่นบอลกับผมเท่านั้น
กูทั้งด่า ทั้งตบหัวพวกมัน  ต่อให้เอาไดนาเสาร์มาฉุดมันก็ไม่มีทางเลือกผมกันแน่ๆ
“ตอนนี้เหลือเด็กๆอยู่เพียงเจ็ดคนเท่านั้นนะครับ  นางงามเกือบทุกท่านต่างก็มีเด็กเลือกกันคนละหนึ่งคนทั้งนั้น  มีเพียงคุณบาร์บี้หมายเลข 21 ที่มีเด็กเลือกถึงสองคนด้วยกัน  ส่วนคุณน้ำหมายเลข 13 นั้นยังไม่มีเด็กเลือกเลยสักคนนะครับ!  ชักตื่นเต้นขึ้นมาเสียแล้วสิ”
ฆ่าปิดปากไอ้คนพากย์ก่อนเลยดีไหม  มึงจะย้ำเรื่องทีกู่ไม่มีคนเลือกไปถึงไหนวะ!
“น้องๆทั้งเจ็ดคนครับ  เดี๋ยวเลือกพี่สาวที่ชอบที่สุดได้เลยนะครับ”
ผมว่าผมค่อยๆย่องออกไปดีกว่า  ถ้าขืนอยู่ต่อมีหวังได้หาปี๊บมาคลุมหัวแน่ๆ
ระหว่างที่ไอ้เด็กเจ็ดคนกำลังปรึกษาหารือกัน  ผมก็ค่อยๆหันหลังกะจะมูฟตัวเองออกไปจากตรงนี้สักหน่อย  เพราะเดี๋ยวเขาก็คงจะกรูกันเข้าไปขอสัมภาษณ์ผู้ชนะ  และผมก็จะอยู่นอกสายตาในทันที  เอาวะ!  ไว้กิจกรรมหน้าค่อยหาทางตีตื้นคะแนนขึ้นมาก็ได้  แต่งานนี้ขอบายก่อน  กูไม่ไหวจะเคลียร์กับเด็กจริงๆ!
หมับ!
ทันทีที่พลิกตัวกลับไปอีกทางและขาแรกก้าวออกเตรียมจะชิ่ง  ก็มีมือของใครบางคนมาดึงชายเสื้อของผมเอาไว้จากด้านหลังทำให้การย่องหนีต้องเป็นหมันไป  ฉิบหายล่ะ  โดนจับได้แล้วเหรอเนี่ย  สงสัยงานนี้กูต้องเอาปี๊บคลุมหัวกลับโรงแรมจริงๆเสียล่ะมั้ง
“พี่ครับ”
ผมชะงักเมื่อเสียงเล็กๆของไอ้เด็กพวกนั้นดังขึ้นในระยะประชิด  พอหันไปดูก็พบว่าคนที่ดึงชายเสื้อผมเอาไว้คือหนึ่งในเจ็ดคนนั้น   ก่อนที่พวกมันจะเข้ามาล้อมผมไว้เป็นวงกลม
“ทะ…ทั้งเจ็ดคนเลือกพี่น้ำเหรอครับ!”
พืธีกรเอ่ยถามสีหน้าแปลกใจ  เสียงชัตเตอร์ระรัวพร้อมแสงแฟลชมากมายที่พุ่งตรงเข้ามา  ส่วนผมก็ทำได้แค่มองหน้าพวกมันทีละคนๆด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงเลือกผม
“ทำไม…”
“เล่นบอลกับพี่สนุกแล้วก็มีความสุขจะตาย”
ไอ้อ้วนเจ้าของลูกบอลบอกพร้อมกับเข้ามากอดผม  ตัวสูงแค่เอวกูเองเรอะ
“ขนุลกเว้ย  ออกไป”
ผมดันพวกมันออก  หากแต่ไอ้เด็กเจ็ดคนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเลยสักนิด  กลับกัน  พวกมันเอาแต่ส่งยิ้มอย่างไร้เดียงสามาให้
ตอนเด็กๆแม่เคยบอกผมเสมอว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าสีขาว  ที่ผู้ใหญ่จะค่อยแต่งแต้มเติมสีให้เป็นไปตามที่ต้องการ…
ตุ้บ…
ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น  มือที่พยายามแงะไอ้เด็กอ้วนออกลดต่ำลงอย่างหมดแรง  ใบหน้าใสซื่อที่คิดร้ายต่อใครไม่เป็น  รอยยิ้มจริงจังที่ไม่แอบแฝงความเจ้าเล่ห์ใดๆ
นี่ผม…
มองข้ามเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไงกันนะ
“ขอบคุณนะ  ที่พวกนายสนุกและมีความสุขเวลาอยู่กับฉัน”
มือทั้งสองข้างไล่ยีหัวพวกมันทีละคนพร้อมรอยยิ้ม  รอยยิ้มแรกที่ผมตั้งใจมอบให้กับพวกเขาทุกคน  หวังว่าพวกเขาจะรับรู้ได้นะ
รับรู้ได้ถึงความเอ็นดูในตัวพวกเขา
“ท่าทางพวกเราจะได้ผู้ชนะกันแล้วล่ะนะครับ  นั่นก็คือ…คุณน้ำหมายเลข 1 นั่นเอง!  พี่สาวที่เด็กๆอยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุดในวันนี้…อี๊…อี๊!”
ความซึ้งของกูจะหายไปก็เพราะเสียงเอคโค่อี๊อี๊ของมึงนี่แหละ!
 
“เข้าใจหรือยังล่ะ!”
บาร์บี้ยิ้มพราวหลังจากที่เล่าที่มาของคำว่าสโนว์ไวท์ให้ผมฟังจนจบ
พวกเรามาถึงโรงแรมกันเมื่อสามสิบนาทีก่อน  กว่าจะได้กลับผมนี่ให้สัมภาษณ์จนลูกกระเดือกแทบกระเด็นออกมาจากคอ  ที่แท้คำว่าสโนว์ไวท์  ผมได้มาก็เพราะตอนที่เล่นบอลอยู่กับไอ้เด็กเจ็ดคนนั้น  พวกนักข่าวรวมถึงผู้เข้าประกวดคนอื่นๆต่างก็เห็นเข้าพอดี  ภาพที่ผมกับพวกเด็กๆเล่นด้วยกันเลยไปซ้อนกับภาพของสโนว์ไวท์และคนแคระทั้งเจ็ดเข้า  ทุกคนเลยพากันเรียกผมว่าสโนว์ไวท์กันหมด
แบบนี้ก็หมายความว่า…
ไอ้เด็กเจ็ดคนนั้นคือคนแคระสินะ
“ไม่เห็นจะเหมอนตรงไหนเลย”
ถ้าบอกว่ากูเหมือนแม่มดที่ตามฆ่าสโนว์ไวท์ล่ะก็ไม่แน่!
“อ๊ะ  น้ำๆ  ปลดตะขอให้หน่อยสิ  ฉันปลดไม่ออก”
บาร์บี้ที่ตอนแรกเปิดประตูตู้เสื้อผ้าบังตัวเองเอาไว้ปิดประตูตู้ลงแล้วเดินเข้ามาหาผมในสภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว  เธอเอาส่วนหลังลงเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนจนถึงสะโพก  ส่วนด้านหน้าก็ใช้ผ้าเช็ดตัวปิดเอาไว้แบบไม่ค่อยมิดชิดเท่านั้น  ร่างบางเดินลงมานั่งข้างๆผมบนเตียง  หันหลังให้พร้อมกับตวัดเอาผมไปไว้ด้านหน้า  นั่นยิ่งทำให้ผมมองเห็นความขาวน่าฟัดของเธอได้มากขึ้น
อูย  สติ! สติ!  เรียกสติกลับมาด่วนเลยไอ้ไฟ!
“เร็วๆสิน้ำ  ฉันอยากอาบน้ำจะแย่แล้วนะ  เหนียวตัวไปหมดแล้วเนี่ย”
“ระ…รู้แล้ว!”
ถ้าตอนนี้กูเป็นไอ้ไฟล่ะก็  พ่อจะจับถอดให้หมดเลย!
มืออันสั่นเทาค่อยๆเลื่อนขึ้นไปปลดตะขอเสื้อในออกให้บาร์บี้อย่างใจเย็น  เผลอยื่นหน้าเข้าไปสูดดมกลิ่นหอมหวานตามแบบฉบับผู้หญิงจากตัวเธออย่างลืมตัว
ฟืด!!!
“ทำอะไรน่ะน้ำ”
“!!!”
สะดุ้งสุดตัวเมื่ออีกฝ่ายร้องทัก  ผมรีบหันไปหยิบหมอนมากอดเอาไว้แน่น  แต่ความจริงแล้วก็เพื่อปิดบังปิกาจู้ของตัวเองที่เริ่มจะดันตัวออกจากการแต๊บ  ทำให้ตรงนั้นของผมมันนูนขึ้นมาเล็กน้อย
งานเข้าแล้วไงไอ้ไฟ!  แค่ปลดตะขอเสื้อในให้ผู้หญิงเท่านั้นก็ของขึ้นเสียแล้ว  จะทำยังไงดีล่ะที่นี้!
“เป็นอะไรไปน้ำ  หน้าเธอดูแดงๆนะ”
“ปะ…เปล่า  ไม่มีอะไร  เธอไปอาบน้ำเถอะ”
“แต่ว่า…”
“ไม่เป็นไรจริงๆ  ไปอาบน้ำเถอะนะ  ฉันจะได้อาบน้ำต่อ”
ผมพยายามดันบาร์บี้ที่พยายามจะเข้ามาใกล้ให้ออกห่าง  เพราะอะไรต่อมิอะไรที่ใหญ่ล้นผ้าเช็ดตัวออกมามันจะยิ่งทำให้ปิกาจู้ของผมคลั่ง!
ทรมานจริงๆการเป็นกูเนี่ย!
“ก็ได้ๆ  ฉันไปอาบน้ำก็ได้”
ดีๆ  ไปเลยนะ  ก่อนที่ปิกาจู้ของผมมันจะทนไม่ไหวแล้วจับร่างบางกลิ่นตัวหอมๆมาปล้ำเสียตอนนี้!
ผมนั่งตัวงอรอจนบาร์บี้เข้าก้องน้ำไปถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก  ก่อนจะนิ่วหน้าเครียดด้วยกังวลเรื่องความกำหนัดที่เกิดขึ้นในตัวตอนนี้…
ผมจะหาทางปลดปล่อยมันยังไงดี?!
ทรมานจนร่างกายแทบจะฉีกออกจากกันอยู่แล้ว!
“ให้ผมช่วยคุณเอาไหมครับ?”
“เฮ้ยยยย!”
ร้องลั่นอย่างตกใจพลางหันหลังจนหงายหลังล้มตึงตกเตียง!
ไอ้หน้าหนวดยิ้มพราว  ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อหาดูว่ามันเข้ามาจากรูไหน  นี่มึงเล่นเข้าออกได้อย่างสบายๆราวกับเป็นบ้านของตัวเองแม้แต่ในห้องพักนางงามเรอะ!  ความปลอดภัยของการประกวดครั้งนี้มันอยู่ตรงไหนวะเนี่ย!
โดยเฉพาะของกู!
“น้ำ! เป็นอะไรเหรอ   ร้องลั่นเชียว”
“ปะ…เปล่า  ฉันแค่ลื่นนิดหน่อยน่ะ”
ผมตอบกลับไป  จะให้บาร์บี้ออกมาเห็นไอ้หน้าหนวดไม่ได้เด็ดขาด!
“เข้ามาได้ยังไง  ไม่สิ  เข้ามาทำไมเนี่ย!”
ไอ้หน้าหนวดไม่ตอบ  แต่มืออีกข้างยกกุญแจมาหมุนคว้างเล่น…
กุญแจสำรอง…
พ่อมึงเป็นเจ้าของโรงแรมนี่ใช่ไหมบอกกูมา  ดูมึงจะมีอภิสิทธิ์มากมายเหลือเกิน!
“ไปกับผม”
“ไปไหน?”
“เดี๋ยวก็รู้ครับ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่โคตรไม่น่าไว้ใจปรากฏบนใบหน้าของอีกฝ่าย
ผมลังเล  หากแต่ตัวเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมานัก ความลับก็ถูกแม่งกุมเอาไว้  ถ้าไปขัดใจมันเข้าจนมันไม่พอใจเปิดเผยความจริงขึ้นมาผมก็งานงอกน่ะสิ
“เออๆ  ไปก็ได้”
ตอบกลับไปแบบนั้นก่อนจะมานึกขึ้นได้ทีหลังว่า…
กูยังมีคดีติดตัวอยู่นี่หว่า…
คดีที่เสือกไปทำตัวเป็นพ่อสื่อให้บาร์บี้ไงล่ะ
 
ที่ที่มันพาผมมาก็คือห้องสวีตสุดหรูของมันนั่นเอง  บรรยากาศโคตรเงียบวังเวงจนผมอยากจะถอยหลังกลับแต่ก็ทำไม่ได้  ไอ้หน้าหนวดไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่มาถึง  ผมว่าให้มันแทะโลมทางสายตาหรือคำพูดแบบทุกทียังจะดีกว่าการที่มันเงียบแบบนี้อีก
รู้สึกได้ถึงความจริงจังจนใจไม่ดี…
“คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ”
“…”
“ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง  ผมถามว่าคุณมีอะไรจะคุยกับผม”
“…”
เงียบ…
ไอ้หน้าหนวดเอาแต่ยืนหันหน้าเข้าหาเตียงแล้วเงียบไม่ยอมตอบอะไรกลับมาสักคำ  เอา ไอ้เหี้ย!  มึงเรียกกูออกมาเพื่อให้มายืนดูมึงทำสมาธิหรือไงวะ!
“ถ้าไม่มีอะไรจะคุยงั้นผมขอตัวนะครับ”
หมับ!
ทันทีที่หันหลังกลับไปทางลิฟต์  ข้อมือก็ถูกคว้าหมับก่อนที่ร่างกายจะถูกเหวี่ยงลงไปนอนอ้าซ่าอยู่บนเตียงแบบเต็มแรงจนเจ็บที่หลังนิดๆ  ผมเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้  แต่ไม่ทันที่จะได้อ้าปากถาม  ร่างสูงก็ทาบทับแทรกตัวผ่านเข้ามาทางหว่างขาทำให้ผมต้องนอนอ้าขาออกอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ปัญหาคือการที่มีมันอยู่ตรงกลางโดยที่ปิกาจูของแม่งกดทับอยู่ตรงก้นผมนี่แหละ!
ไอ้เหี้ยยยยยย  มึงช่วยเล็งเป้าไปทางอื่นได้ไหมวะ!
“ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น  คุณต้องถูกลงโทษ”
“ลงโทษอะไร?  จะทำอะไรของคุณวะเนี่ย!”
“แล้วทีคุณล่ะ  ทำอะไร”
น้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยออกมาไม่แตกต่างไปจากสีหน้าถมึงทึงของมันตอนนี้เลย
ผมรีบหลบสายตาด้วยรู้ดีว่ามันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“ผะ…ผมทำอะไร  เปล่าสักหน่อย”
“เปล่างั้นเหรอ   ต้องการให้ผมช่วยเตือนความจำไหมล่ะครับ  คุณไฟ”
“เฮ้ย!  ปล่อยนะเว้ย  ทำอะไรของคุณฮะ!”
ร้องลั่นออกมาอีกครั้ง  เมื่อแขนทั้งสองข้างถูกตรึงและยึดเอาไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา  ส่วนมือที่เหลือก็ทำหน้าที่เลิกเสื้อของผมขึ้นจนถึงบรา  มือหยาบสอดแทรกเข้าไปด้านหลังแล้วปลดมันออกอย่างง่ายดาย  เพียงเสี้ยววินาที บราก็ถูกเลือนขึ้นไปกองอยู่เหนือเนินอกรวมกับเสื้อ
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  มองสภาพของตัวเองตอนนี้ที่เกือบจะใช้คำว่าแก้ผ้าอยู่รอมร่อ  อะไรก็ไม่เท่าสายตาอันแสนหื่นกามของไอ้หน้าหนวดที่กำลังมองร่างกายผมอยู่!
มึงคงไม่คิดจะสวนทวารกูทั้งแบบนี้หรอกนะไอ้หนวดดด!
“ปล่อยผมนะ  เล่นอะไรแบบนี้กัน  ผมไม่ขำด้วยหรอกนะเว้ย!”
“ใครบอกคุณว่าผมเล่น”
“แล้วที่ทำอยู่นี่เล่า!”
“ผมไม่เคยเล่นๆกับคุณ”
“อย่านะไอ้เหี้ย!  อื้อ!”
ผมสบถคำด่าออกไปยกใหญ่  แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของคนตัวใหญ่กว่านั้น ริมฝีปากร้อนพรหมจูบไปทั่วท้องน้อยจนผมบิดเกร็งไปทั้งตัว  ปิกาจู้ที่สงบไปแล้วกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง
งานเข้ากูอีกแล้วไง  มึงจะมาตื่นตัวทำซากฟอสซิลอะไรตอนนี้!
“บอกให้พอได้แล้วไง  ปล่อยนะไอ้คุณเปลว!”
คำพูดของผมไม่ได้เข้าหูอีกฝ่ายเลยแม้แต่คำเดียว  ไอ้หน้าหนวดลากลิ้นเลียตั้งแต่สะดือเลื่อนขึ้นมาจนถึงรอบๆยอดอก  ผมเสียววาบในช่องท้อง  สองมือกำเป็นหมดแน่น   ไม่สามารถบรรยายได้ว่าตอนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่
แผล่บ~
ทันทีที่ปลายลิ้นร้อนสัมผัสกับยอดอกด้านซ้าย  ผมก็ผวาเฮือก  พยายามจะเอาขาเข้ามาชิดกัน  แต่ไอ้เวรนี่ก็ดันออกอยู่เรื่อย  น่าแปลกที่ผมกลับไม่รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้  สิ่งที่ผมรู้สึกได้เต็มๆคือความนุ่มนวลที่คนๆนี้กำลังมอบให้ต่างหาก
ทุกจุดที่ริมฝีปากนี้ประทับลง…
มันนุ่มนวลและหอมหวานเหมือนไอศกรีม
“อื้อ…”
เผลอปลดปล่อยเสียงแห่งความสุขออกมาเมื่อยอดอกถูกดูดดื่มสลับกับขบเม้ม  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังรู้สึกดีมากแค่ไหน
ราวกับตัวเองขี่ยูนิคอร์นเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์…
“อื้ม…”
แรงบีบที่ข้อมือเริ่มคลาย  ขณะที่ผมก็เผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้ร่างสูงเชยชมอย่างไม่ขัดขืน  ซอกคอถูกซุกไซร้  สองมือถูกปล่อยให้เป็นอิสระ  ผมรีบกอดก่ายเขาเอาไว้อย่างลืมตัว  เอียงคอให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสร่างกายของตัวเองได้ง่ายขึ้น
“คุณไฟ…”
เสียงแหบพร่าอันมีเสน่ห์กระซิบที่ข้างหูเบาๆ  สองมือของเขาบีบเคล้นหน้าอกผมไปมา  ปลายนิ้สะกิดหยอกล้อกับยอดอกสีหวานที่ตั้งชูชันสู้มือ
ผมกอดเขาแน่นขึ้น…
แน่นขึ้นจนไม่อยากให้ช่วงเวลานี้ผ่านเลยไปแม้แต่วินาทีเดียว
“…ครับ”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
“…”
“อย่าคิดจะเป็นพ่อสื่อผมให้กับใคร  เพราะผมไม่ชอบ”
“…”
“ถ้าคุณทำอีก คุณจะต้องโดนลงโทษหนักกว่านี้”
“ลงโทษ?  คุณจะทำอะไรผม”
ผมดันตัวอีกฝ่ายให้ออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองหน้ากัน  ไอ้หน้าหนวดระบายยิ้ม  เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่ผมเกลียดที่สุด
แต่ก็หลงใหลที่สุดเช่นกัน…
“ผมก็จะ…”
“…”
“กินคุณให้หมดทั้งตัว”
“…”
“กินไม่ให้เหลือแม้แต่นิดเดียว  ไม่ว่าจะเป็น…”
“…”
“ตรงนี้”
แขนขวาถูกจับขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะงับมันเบาๆ  ก่อนจะเลื่อนไปจับอีกแขนหนึ่งขึ้นมาแล้วทำเหมือนกัน
“ตรงนี้”
ใบหน้าคมคายเลื่อนต่ำกลับไปที่ยอดอก  ปลายลิ้นตวัดหยอกล้อเรียกความรู้สึกแปลกๆกลับมาให้ผมอีกครั้ง
“ตรงนี้”
ต่ำลงไปที่หน้าท้อง  ผมกลืนน้ำลายลงคอ  หัวใจเต้นแรงราวกับว่าตัวเองกำลังหวังอยากให้มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านี้
ผมกำลัง…
…หวังเรื่องแบบนั้นกับเขาอยู่งั้นเหรอ!
หมับ!
มือหนาและใบหน้าเลื่อนต่ำไปจนถึงจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกาย  สองมือของเขาสอดเข้าไปใต้ข้อพับตัวหัวเขาก่อนจะแยกขาผมออกจากกัน  ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าใบหน้าของผมร้อนฉ่ามาก  ยิ่งเขาเข้าใกล้จุดนั้นมากเท่าไหร่  หัวใจผมก็ยิ่งเต้นระรัวมากขึ้นเท่านั้น
“ตรงนี้ก็ด้วย”
“…”
“ผมจะกินทั้งหมดที่เป็นคุณ   ทั้งหมดที่คุณมี”
“คิดว่าผมจะยอมให้คุณกินได้ง่ายๆหรือไง”
“งั้นเรามาลองดูไหมล่ะครับ”
“…”
“ผมจะกินคุณตอนนี้เลย”
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ต้องขออภัยด้วยที่หายไปหลายวัน  พอดีบิวมีงานค่า  ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่เชียงราย  ไม่ได้กลับบ้านสักที  กว่าจะเสร็จงานคงอีกหลายวันเลย แต่ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ จะรีบปั่นรีบอัพให้อ่านนะคะ   ตอนนี้แต่งไปก็อมยิ้มไป  พยายามคิดว่าทำยังไงให้นักอ่านรู้สึกอินไปกับตัวละคร  ประมาณว่า…เมื่อไหร่อีพี่ไฟมันจะยอมได้เสียเป็นผัวเมียกับคุณเปลวสักทีฟะ 5555 มาเป็นกำลังใจให้คุณเปลวกินพี่ไฟสำเร็จเร็วๆกันเถอะ!
**อัพเดตความคืบหน้า  ตอนนี้ได้ร่างปกเรื่องนี้มาแล้วนะคะ  สามารถหาดูไดในเพจ https://www.facebook.com/bewjuliet/ (https://www.facebook.com/bewjuliet/)  ค่ะ และรบกวนคนที่สนใจรูปเล่มเรื่องนี้ ( ขอคนที่สนใจจริงๆเท่านั้นนะคะ ) เข้ามากรอกแบบสอบถามกันหน่อยน้า  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSd538RM6XkZ2G9uxoaDi5PAS0TKBGJEZ85BidQ0NvQ779jE-Q/viewform   (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSd538RM6XkZ2G9uxoaDi5PAS0TKBGJEZ85BidQ0NvQ779jE-Q/viewform)จุ๊บๆๆๆ

** ติดแฮชแท็ก #เขาวานให้ผมเป็นดาว  ในทวิตเตอร์มาเม้ามอยกันไดนะคะ  สุ่มแจกนิยายเรื่องนี้ 1 เล่มเน้ออ


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-12-2016 23:17:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-12-2016 14:41:08
ชอบจริง  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 13-12-2016 20:17:51
ช่วงนี้อาจไม่ค่อยได้มาอัพถี่แบบเมื่อก่อนนะคะ  แต่จะพยายามหาเวลามาอัพให้ได้อ่านบ่อยๆค่ะ  ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามคุณเปลวกับพี่ไฟนะคะ


 :mew1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 13-12-2016 22:52:10
บาร์บี้ร้ายแน่เลย    ใจสั่นกับผู้ชายแบบเปลว  :-[
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: FayZaZa ที่ 18-12-2016 01:08:33
ไม่อยากให้เป็นบาร์บี้เลย    :เฮ้อ:
มะนาวนี่ดีแน่ๆแล้วใช่มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 18-12-2016 20:33:56
ละลายแล้วคร่าาาาา :mew3: บาร์บี้อ่อยเบอร์แรง
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 13 (12/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-12-2016 14:56:40
กินเลยสิ ไฟเคลิ้มขนาดนี้แล้ว รออะไร
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-12-2016 15:39:49
ตอนที่ 14
หน้าที่ของตัวเก็ง

พลั่ก!
“โอ๊ย!”
ร่างสูงที่ถูกถีบอัดท้องไปเต็มแรงร้องโอดโอย  สองมือกุมท้องเอาไว้อาจจะเพราะจุก  หากแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนาน
ผมลุกขึ้นนั่งท้าวคางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอือมระอา  มึงจะเล่นสนุกกับร่างกายและหัวใจของกูมากเกินไปแล้วนะไอ้หน้าหนวด!
เดี๋ยวกูก็จับถอนหนวดแม่งเลย!
“คุณนี่นะ  ฮ่าๆๆๆ อุตส่าห์คิดว่าจะเคลิ้มแล้วเชียว”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ!”
ตวาดใส่มันอีกครั้งก่อนจะเริ่มจัดการกับสภาพของตัวเองใหม่  ต้องกลับไปเป็นน้ำก่อนที่จะมีคนมาเห็นน้ำในสภาพนมหลุดแบบนี้
“แต่ว่าคุณไฟครับ  ผมพูดจริงๆนะ”
“เรื่องอะไร”
“อย่าเป็นพ่อสื่อแบบนี้อีก  อย่าผลักไสผมไปให้ใคร”
“ผมไม่ได้ผลักไสคุณเสียหน่อย  บาร์บี้เธอชอบคุณ  แล้วก็แค่ขอให้ผมช่วยนัดคุณให้ก็เท่านั้น”
“แต่ผมไม่ได้ชอบคุณบารบี้”
น้ำเสียงของไอ้หน้าหนวดจริงจังขึ้นมา  มันยันตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงตรงหน้าผมที่เพิ่งจะใส่บราเสร็จอีกครั้ง  นั่นทำให้ผมรีบเอาเสื้อลงและหันไปดึงหมอนมากอดไว้ทันที
เสื้อในแม่งใส่ยากยิ่งกว่าถุงยางฯอีกนะเว้ย!
อย่าคิดจะถอดมันออกเป็นรอบที่สองเด็ดขาด  กูขี้เกียจใส่!
“ช่วยไปยืนพูดตรงนั้นได้ไหม  ไม่ได้หูหนวก  ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้!”
“แต่ผมอยากมองตาคุณใกล้ๆเวลาพูดนี่นา”
“ตาผมเสียไปพร้อมกับยายตั้งแต่ยังไม่เกิด  เพราะงั้นให้ตายคุณก็มองไมเห็นหรอก”
“ขนาดเวลายิงมุกแป้กก็ยังน่ารักเลยแฮะ”
น่ารักพ่องมึงสิไอ้หนวด!
ปวดกบาลอย่างแสนสาหัส  ถ้าไม่ติดว่ากลัวตายจะกรอกยาพาราเข้าปากสักล้านเม็ด  คนเหี้ยอะไรทำมึนกับคำด่าของกูได้อย่างหน้าตาเฉยสุดๆ!
“ผมกลับห้องได้หรือยัง  ออกมานานเดี๋ยวบาร์บี้จะสงสัย”
“สัญญากับผมก่อนสิว่าคุณจะไม่ทำแบบนี้”
ไม่ต้องสัญญากูก็ไม่คิดจะเสือกเรื่องของมึงอีกแล้วโว้ย!
หวิดเสียตัวซะขนาดนี้  ใครมันยังจะกล้าเสือกต่ออีกล่ะวะ
“สัญญา”
“มองตาผมตอนพูดด้วยสิ”
“ตาคุณ…”
“ตาผมยังไม่เสีย  เพราะงั้นคุณมองเห็นแน่นอน”
ไอ้หน้าหนวดยิ้มร่า  จ้องมองผมนัยน์ตาหวานเยิ้ม  รอยยิ้มมุมปากที่ดูทีเล่นทีจริงราวกับทุกสิ่งเป็นเรื่องสนุกไปเสียหมดมันน่าหงุดหงิดชะมัด
แต่ว่า…
ผมกลับ…
“ยิ้มแล้ว”
ร่างสูงชี้มาที่ผมซึ่งกำลังส่ายหัวไปมาอย่างระอา  หากแต่ใบหน้ากลับแต้มไปด้วยรอยยิ้ม  ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมต้องยิ้มแบบนี้ด้วย!
ทั้งที่ไม่เข้าใจแต่มึงก็ยังไม่หุบยิ้มเนี่ยนะไอ้ไฟ  มึงเป็นบ้าอะไรไปแล้ว!  ไอ้หน้าหนวดจอมลามกที่คิดจะจับมึงกดครั้งแล้วครั้งเล่าคนนี้มันมีอะไรดี  ทำไมทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันมึงต้องรู้สึกมีความสุขจนอดยิ้มไม่ได้แบบนี้ด้วยล่ะ
ไม่เข้าใจตัวเองเลยโว้ย!
“ยิ้มแบบนี้แหละครับดีแล้ว  เพราะสิ่งที่คุณต้องทำอยู่ตอนนี้มันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้คุณเครียดไม่น้อย  ผมไม่อยากเห็นคุณทำหน้าไม่มีความสุขหรอกนะ”
“เรื่องของผมน่า”
“เรื่องของคุณก็เหมือนเรื่องของผมนั่นแหละ”
“…”
“ไม่อยากจะรู้หน่อยเหรอครับ  ว่าถ้าผมไม่ได้ชอบคุณบาร์บี้  แล้วผม…”
“…”
“ชอบใคร”
ใบหน้าหล่อคมคายยื่นเข้ามาใกล้  ดวงตาหวานยิ่งกว่าน้ำตาลจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม  เราต่างก็สบตากันและกันอย่างเนิ่นนาน  กว่าจะรู้ตัว…
สองมือของผมก็ประคองใบหน้าของเขาเอาไว้
ปลายนิ้วสัมผัสกับแก้มร้อนนั้น  ก่อนที่หัวใจจะค่อยๆเต้นแรงขึ้นมา…
“คุณเปลว”
“ครับผม”
“เรา…”
“…”
“เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”
“!!!”
“ผมรู้สึก…คุ้นเคยเวลาที่ได้สัมผัสคุณ  หรือเวลาถูกคุณสัมผัสเหลือเกิน”
อีกฝ่ายไม่ตอบ  เขาใช้มือข้างหนึ่งจับมือผมไว้อีกทอด  พลิกฝ่ามือผมที่ประคองใบหน้าของเขาอยู่ให้หงายออกแล้วบรรจงจุมพิตลงไปอย่างแผ่วเบา
เพียงแค่นั้นก็ทำให้ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นระรัวขึ้น…
พองโตจนแทบจะระเบิดออกมา
“อย่าถามผมแบบนี้อีกนะ”
“ทำไม?”
“เพราะมันจะทำให้ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป”
“ทน?  ทนอะไร  คุณอดทนอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
หมับ!
คำถามไม่ถูกตอบ  ร่างของผมถูกเขาดึงเข้าหาแล้วกอดเอาไว้แนบแน่น  ศีรษะถูกกดลงให้ซบกับอกกว้าง  วงแขนแกร่งตวัดโอบผมเอาไว้สร้างความอบอุ่นที่ไม่เคยพานพบให้เกิดขึ้น…
ตึกๆ!  ตึกๆ!  ตึกๆ!
ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ผมคนเดียวเสียแล้วสิ  ที่หัวใจเต้นเร็วและแรง…
“สักวันคุณจะรู้เอง  ว่าผมกำลังอดทนเรื่องอะไร”
“…”
“คุณไฟครับ”
“…”
“ผม…”
กริ๊ง…กริ๊ง…
โทรศัพท์ในห้องดังขึ้นขัดบทสนทนา  ผมรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดของไอ้หน้าหนวดเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองชักจะปล่อยตัวและปล่อยใจเวลาอยู่กับมันมากเกินไปแล้ว
ถึงไม่อยากจะยอมรับก็เถอะ
แต่ผมคิดว่า...
ผมกำลังคิดอะไรที่มันน่ากลัวอยู่ในใจ!
อะไรบางอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม!
ผะ…ผู้ชายด้วยกัน…
ผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะไอ้ไฟ  อ๊ากกกกกก!
ติ๊ด!
“ว่าไง”
ไอ้หน้าหนวดหันไปกดปุ่มรับสายที่โทรศัพท์ของโรงแรมโดยไม่ยกหูขึ้น  ผมเลยได้ยินเสียงหวานๆของพนักงานฝ่ายต้อนรับที่หน้าฟร้อนท์ของโรงแรมตอบกลับมา
[คุณเปลวคะ  คุณตรีภพต้องการพบค่ะ]
“เดี๋ยวผมไปครับ”
[ค่ะ]
คุณตรีภพ…
ชื่อเหมือนสปอนเซอร์รายใหญ่ของการประกวดครั้งนี้เลยแฮะ
ผมมองไอ้หน้าหนวดที่จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไป  จากแรกๆดูมีความสุขอารมณ์ดีที่ได้ตอดนิดตอดหน่อยกับร่างกายของผม  ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่
กูตามอารมณ์มึงไม่ทันอย่างรุนแรง
“คุณไฟช่วยกลับไปก่อนได้ไหมครับ”
ไม่ต้องบอกกูก็จะกลับอยู่แล้วเถอะ!
“ได้แน่นอน”
“จริงสิ  ผมลืมบอกอีกอย่าง”
“อะไรครับ?”
“ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้พยายามอย่าอยู่คนเดียวนะครับ  จะให้ดีอยู่กับกลุ่มผู้เข้าประกวดตลอดเวลา  และอย่าไปไหนมาไหนโดยไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเด็ดขาด”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีหรอกครับ  ก็แค่…”
“…”
“ผมกลัวว่าพวกพนักงานโรงแรมผู้ชายจะมาจีบคุณไฟของผมต่างหาก”
กูก็อุตส่าห์รอฟังนึกว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร!
ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้จอมลามกระดับพระกาฬก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อกลับห้องของตัวเอง  ผมว่าแทนที่จะไประวังพวกพนักงานโรงแรม  ระวังไอ้ตัวข้างหลังที่นั่งกระหยิ่มยิ้มอยู่บนเตียงยังจะดีเสียกว่า!  อยู่ด้วยทีไรนอกจากจะหวิดเสียตัวแล้วยังหวิดเสียหัวใจอีก!
ว่าแต่…
เมื่อกี้ไอ้เวรนั่นมันจะพูดอะไรกับผมกันนะ?

วันนี้ทั้งวันผมตัวติดกับบาร์บี้เป็นตังเมตามคำเตือนของไอ้หน้าหนวด  ถึงจะคิดอยู่ในใจว่าแม่งโคตรไม่จำเป็นเลยก็เถอะ  แต่ก็ไม่อยากจะขัดคำสั่งมันสักเท่าไหร่  ถ้าวันดีคืนดีมันหึงหวงห่าเหวอะไรจนน่ามืดลักพาตัวผมไปปล้ำขึ้นมาผมจะทำไงล่ะ
ยิ่งระทวยทุกครั้งที่ถูกมันสัมผัสอยู่ด้วย
งานนี้มีหวัง…เสียตัวจริงๆไม่อิงนิยายชัวร์!
ไอ้ไฟฟันธง!
“น้ำ  เธอคิดเหมือนฉันไหม  ฉันไม่ค่อยชอบหน้าอีตาตรีภพสปอนเซอร์หัวล้านนั่นเลยอ่ะ  เวลามันมองพวกเราแต่ละคนนะ  ตางี้เป็นประกายอย่างกับพวกเราเป็นนางงามตู้กระจกที่มาเดินให้มันเลือกงั้นแหละ”
บาร์บี้กระซิบกระซาบพลางเหลือบมองไปทางไอ้ตรีภพที่กำลังมองผมอยู่
เหอะๆ  ไอ้หัวล้านนี่มันไม่ได้แค่มองผมนะ  แต่มันส่งจูบทำสายตาหวานเลี่ยนมาให้เป็นล้านรอบแล้วเหอะ  เอาซะตัวกูแทบจะชุบไปด้วยน้ำตาลอยู่แล้วเนี่ย!
“เขาอาจจะมองพวกเราด้วยสายตาเอ็นดู๊เอ็นดูก็ได้นะบารบี้”
“เอ็นดูบ้านเธอสิ  มันจ้องจะงาบพวกเราทุกคนมากกว่า  โดยเฉพาะเธอที่เป็นตัวเก็งของการประกวดคราวนี้!”
แต่กูเป็นผู้ชายนะ
ถ้ามันรู้มันคงไม่คิดจะงาบผมแน่นอน
“อี๋  ดูสิ  มันมองเธอจนน้ำลายหกใส่ถ้วยกาแฟแล้ว”
“เอาน่า  ยังไงเขาก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้อยู่แล้ว  ถ้าไม่มีใครคิดจะไปเล่นด้วยกับเขาน่ะนะ”
“ถ้าหล่อเหมือนกัปตันยู  หุ่นดีเหมือนเรน  ฉันจะรีบพลีกายถวายตัวให้เลย   แต่นี่ลงพุง  หัวล้านสะท้อนแสง  แถมยังหน้ามันเยิ้มจนฉันนี่อยากจะไปเอาขวดแก้วมารองใต้คางมากๆเลยแบบนี้  กราบขอร้องแถมเงินพันล้านฉันยังไม่เอาเลย!”
เอาขวดแก้วมารองใต้คาง…
เธอคิดว่าน้ำมันจากตัวมันจะสามารถเอามาทำน้ำมันพรายได้เรอะ!
“อย่าไปมองเขาเลย  เสีย…”
“มารยาท?”
“เสียสายตา!”
“อุ๊บ!”
บาร์บี้ปิดปากกลั้นขำแทบไม่ทัน  ผมเลิกสนใจไอ้ตรีภพอะไรนั่นแล้วหันไปให้ความสนใจกับคุณครูช่อผากที่ทางกองประกวดให้มาติวเข้มสอนเรื่องการเดินแบบ การโพสท่านู่นนี่นั่นเวลาถ่ายรูป
มาคิดๆดูแล้ว…
ไอ้หน้าหนวดหายไปไหนนะ  ผมไม่เห็นมันอีกเลยตั้งแต่หมดช่วงพักรอบบ่าย  ปกติป่านนี้จะต้องมานั่งจ๋องอยู่ตรงเก้าอี้ประจำแล้วจ้องผมตาไม่กระพริบแล้วสิ
ช่างมันเหอะ  ผมจะไปสนใจทำไม  ตอนนี้สิ่งที่ต้องสนใจคือการเอาตัวรอดให้ได้จากทุกสถานการณ์คับขัน  เผื่อเวลาเกิดเรื่องแล้วอัศวินมันดันไม่อยู่ขึ้นมา  ผมจะได้หาทางออกด้วยตัวเอง  คอยพึ่งพามันตบอดเวลาแบบนี้ก็อดกังวลไม่ได้เหมือนกันว่าพอถึงเวลาที่มันทวงบุญคุณคืน  มันจะเอาอะไรจากผม
เรื่องเมื่อคืนย้อนกลับมาในหัวอีกครั้ง…
นะ…นี่ผมกำลังมโนภาพอะไรบ้าๆอยู่ในหัววะเนี่ย!
หยุดคิด!  มึงหยุดคิดอะไรพิสดารแบบนั้นได้แล้วไอ้ไฟ  ถ้าพ่อรู้เข้ามีหวัง…มึงโดนตัดออกจากกองมรดกแหง!

กว่าจะจบครอสเดินแบบมาได้ก็ทำเอาแทบจะลากขาตัวเองออกมาจากห้องซ้อมกันเลยทีเดียว  กูเดินไปกลับเป็นร้อยรอบได้กว่าจะถูกใจครูช่อผกา  แถมยังต้องฝึกหมุนตัวเพื่อโพสท่าอยู่นานกว่าจะได้ที่ดีที่สุด  เล่นเสียมึนหัวจนแทบอ้วก!
การเป็นนางงามแม่งโคตรทรมานเลย  ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำถึงได้อยากเป็นนางงามนัก!
“กลับห้องดีกว่า  เมื่อจนจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว”
บ่นกระปอดกระแปดกับตัวเอง  เดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อจะกลับขึ้นห้องไปพักผ่อน  แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาไปทางไหนทั้งสิ้น  เสียงของบาร์บี้ก็ดังขึ้น
“น้ำ!  เดี๋ยวก่อนน้ำ!”
“อะไรเหรอ”
ถามกลับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า  ต่างจากบาร์บี้ที่ยังดูร่าเริงสุดๆ  คงเพราะการได้ฝึกอะไรแบบนี้มันเป็นเร่องของผู้หญิงล่ะมั้ง  พวกเธอถึงได้ไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนกันเลย  ต่างจากผมที่สภาพเหมือนเพิ่งผ่านสมภูมิรบมา
แหงล่ะ…
ฟาดฟันกับรองเท้าส้นเข็มอยู่เป็นชั่วโมงเลยกว่ามันจะยอมเดินตรงๆโดยที่ผมไม่ล้มหน้าทิ่ม!
“คุณพิมเรียกให้ไปพบที่ห้องน่ะ”
“คุณพิม?  ยัยแม่มดน่ะเหรอ”
“ใช่  ไปที่ห้อง…อืม… 1701 นะ  คุณพิมรออยู่ที่นั่น”
“มันชั้นห้องหรูรองจากชั้นวีไอพีสุดสวีตของคุณเปลวเลยนี่  คุณพิมพักห้องนั้นเหรอ?”
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน  เอาเป็นว่าเธอรีบไปเถอะ  ให้ยัยแม่มดรอนานๆมันจะไม่ดี”
“จ้าๆ  ขอบใจนะที่อุตส่าห์วิ่งมาตาม”
ผมหยิกแก้มบาร์บี้อย่างมันเขี้ยวก่อนจะขอตัวไปหายัยแม่มดที่ห้อง  จะว่าไปตอนช่วงที่ซ้อมเดิมเธอก็มองผมเป็นพิเศษเสียด้วยสิ  จ้องอย่างเอาเป็นเอาตายจนผมเผลอคิดไปว่าไอ้หน้าหนวดมาสิงร่างเธออยู่หรือเปล่าด้วยซ้ำ
หรือเธอจะจับผิดอะไรขึ้นมาได้!
อาจจะสงสัยว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงอะไรเทือกนั้น?
ฉิบหาย  งานฉิบหายเข้ามารัวๆเลย!
เมื่อคิดแบบนั้น  ผมก็รีบตรงดิ่งไปยังห้อง 1701  ทันทีราวกับเหาะไป  แต่เอ๊ะ?  ไอ้หน้าหนวดมันบอกไว้นี่นาว่าห้ามอยู่คนเดียว  ห้ามแยกตัวไปไหนคนเดียว  อีกอย่างตอนนี้ไม่ร็ว่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนด้วยสิ  เอาไงดีวะ  จะไปหรือไม่ไปดี?
“แล้วถ้ายัยแม่มดเกิดสงสัยเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆจะทำไงล่ะ”
อย่างน้อยถ้าถูกจับได้จริง  การไปพบกันเป็นการส่วนตัวก็น่าจะมีเวลาพอให้ผมได้ขอร้องยัยแม่มดนั่น  เอาวะ!  เป็นไงเป็นกัน
ไม่นานก็มาถึงหน้าห้อง 1701 ทั้งชั้นเงียบกริบเหมือนไม่มีใครอาศัยอยู่เลย  ผมสูดหายเข้าเต็มปอด  สองมือกำชายกระโปรงไว้แน่น  คิดในแง่ดีไว้สิเว้ย  มึงอาจจะถูกเรียกขึ้นมาชมว่าวันนี้โพสท่าสวยหลังจากที่หมุนตัวอยู่เป็นร้อยรอบก็ได้!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมเคาะประตูห้องสามครั้งตามมารยาท  ทว่ากลับไม่มีเสียงใครตอบกลับมา  อ้าวเฮ้ยๆ  เรียกมาแล้วเงียบแบบนี้หมายความว่าไงฟะ  อย่ามาทำให้กังวลจะได้ไหม!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“…”
เงียบ…
ผมขมวดคิ้ว  นิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าคนข้างในยังไม่มีท่าทีจะออกมเปิดประตูให้เลย  ถ้ากูเปิดเข้าไปเองมันจะเสียมารยาทมากเกินไปหรือเปล่านะ  แต่ยัยแม่มดเป็นคนเรียกผมขึ้นมาเองนี่นา  เท่ากับว่าเป็นการเสียมารยาทแค่ครึ่งเดียวใช่ไหม…
แกร๊ก…
มือไปไวกว่าความคิด  เมื่อลองบิดลูกบิดแล้วปรากฏว่าดันเปิดออก  ผมค่อยๆเปิดประตูออกเล็กน้อยแล้วสอดตัวเดินเข้าไป  ภายในห้องเงียบไร้วี่แววของมนุษย์อาศัยอยู่  หรือบาร์บี้จะบอกเลขห้องผิด?  ว่าแล้วเชียว  ตงิดๆอยู่แล้วว่ากะอีแค่กรรมการคนหนึ่งจะได้อยู่ห้องหรูหราขนาดนี้เชียวเหรอ
 “คุณพิมคะ?”
ยังไม่วายส่งเสียงเรียกไปสักหน่อย  ผมเดินทิ้งห่างจากประตูห้องออกมาเรื่อยๆจนมาถึงโซนรับแขกด้านใน  แต่ก็ยังเห็นใครอยู่ดี
ท่าทางจะผิดห้องจริงๆเสียแล้วล่ะ
เคร้ง!
 จังหวะพลิกตัวหมายจะเดินกลับออกไปก็มีเสียงบางอย่างดังมาจากทางห้องอีกห้องหนึ่งที่อยู่ด้านซ้าย  ผมชะงัก  หันไปมองอย่างสงสัย  ค่อยๆสาวเท้าเดินทางห้องนั้นตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น  คงไม่ใช่คุณพิมล้มหัวฟาดพื้นอะไรแบบนั้นหรอกนะ!
พอจินตนาการเตลิด  ตัวก็เตลิดไปด้วยเช่นกัน  ผมรีบบึ่งไปที่ห้องดังกล่าวนั้นด้วยความตกใจเพราะคิดว่าอาจจะเป็นคุณพิมที่ลื่นล้มหัวฟาดพื้นอยู่ก็เป็นได้  แต่ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง  ร่างกายก็ถูกจู่โจ่มจากด้านหลัง  ใครบางคนเข้ามารวมตัวกอดรัดผมเอาไว้แน่น
หมับ!
“เฮ้ย!”
“มาแล้วเหรอจ๊ะคนสวย”
สะ…เสี่ยงนี้มัน…
“คุณตรีภพ!”
ไอ้หัวพระอาทิตย์หน้ามันเยิ้มยิ้มหื่นทันทีที่ได้ยินผมเรียกชื่อมันด้วยความตกใจ  นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!  ทำไมห้องที่คุณพิมเรียกผมมาพบถึงมีไอ้เวรนี่สถิตอยู่ได้เล่า!
“ปล่อยนะ  คุณจะทำอะไร”
ถามเสียงเข้มพลางออกแรงสลัดไอ้เวรนี่ให้หลุด  แต่ก็ไม่ได้ผล  ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะได้ยินประวัติมันจากบาร์บี้มาคร่าวๆว่าสมัยมหาวิทยาลัย  มันเรียนยูโดมาด้วยนี่หว่า
งามไส้แล้วสิไอ้ไฟ!
สถานการณ์ชักอันตรายขึ้นแล้วสิ!
“ไม่เอาน่า  อย่าทำเหมือนไม่รู้เรื่องหน่อยเลย  จะเล่นตัวหรือไงจ๊ะ”
“พูดบ้าอะไรของคุณ  รู้เรื่องอะไร  ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ!”
“แน่ะ  ยังจะทำเล่นอีก”
กูบอกว่าไม่ได้เล่นไงโว้ยยยย!
“ไม่เอาน่า  ถ้าวันนี้หนูน้ำบริการเสี่ยได้ถึงใจเหมือนรุ่นพี่ตัวเก็งคนอื่นๆ  เสียรับรองเลยว่าตำแหน่งนางงามเวทีนี้จะเป็นของหนูน้ำอย่างแน่นอนจ้ะ”
ไม่พูดเปล่า  มือมันยังเลื้อยลงไปที่ต้นขา  พยายามจะสอดเข้ามาใต้กระโปง  หากแต่ผมก็ออกแรงปัดป้องอย่างสุดชีวิต
สิ่งที่มันพูดหมายความว่ายังไง  รุ่นพี่ตัวเก็งคนอื่นๆ?
เรื่องอะไรกันวะ!
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!  บอกให้ปล่อยไงเล่า!”
หงับ!
เมื่อพูดดีๆแล้วไม่ยอมฟัง  ผมก็จัดการดึงแขนมันขึ้นมาแล้วกัดไปเต็มปากเต็มคำราวกับกำลังแทะขาหมู  อีกฝ่ายร้องอ๊ากขึ้นมาเสียงดังลั่นก่อนจะปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ  แต่ยังไม่ทันจะได้วิ่งหนี  ข้อมือก็ถูกคว้าพร้อมกระชากให้หันกลับไปอย่างแรง
เพี๊ยะ!!!
ฝ่ามืออวบหนาปะทะเข้ากับใบหน้าแบบเต็มแรงจนรับรู้ได้ถึงรสเลือดในปาก  ร่างของผมล้มลงไปนอนจุ้มปุ้กอยู่บนเตียงอย่างพอดิบพอดี
“พูดจาดีๆไม่ชอบใช่ไหมหนูน้ำ  ชอบให้เสี่ยใช้กำลังหรือไง!”
“ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ  ฉันเอาเรื่องคุณได้นะจะบอกให้!”
“เอาเรื่องเหรอ   หนูน้ำจะเอาเรื่องอะไรเสี่ยจ๊ะ  ก็ในเมื่อนี่มันคือธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานานแล้ว  หน้าที่ของตัวเก็งในทุกๆปีคืออะไร  หนูไม่รู้จริงเหรอ?”
“หน้าที่ของตัวเก็ง?”
“หึๆ  การประกวดนี้นอกจากจะไดรับเงินสนับสนุนจากเสี่ยอย่างมากมายแล้ว  ก็ยังมีคนในผลประโยชน์จากเสี่ยอีกมหาศาลเลย  หากส่งตัวเก็งของแต่ละปีมาทำให้เสี่ยพอใจ”
“หมายความว่ายังไง  คนที่ได้ผลประโยชน์?”
“หนูน้ำคิดว่าใครที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดล่ะจ๊ะ”
ไอ้เสี่ยหื่นกามแสยะยิ้มร้าย  ผมนิ่งคิดว่าคนๆนั้นคอใคร  ก่อนที่ใบหน้าของคนที่ผมไม่อยากให้เป็นเขาที่สุดจะปรากฏขึ้นมาในความคิด
“คุณเปลว…”
“ใช่ไหมล่ะ  เรื่องเงินทองมันไม่เข้าใครออกใคร  เพราะงั้น  ถึงหนูน้ำจะแจ้งความไปก็ทำอะไรเสี่ยไม่ได้หรอก  เพราะเรื่องมันจะไปจบลงที่หนูน้ำเข้าหาเสี่ยเองเพราะอยากได้ตำแหน่ง  แต่พอเสี่ยไม่เล่นด้วย  หนูน้ำเลยกุเรื่องหาว่าเสี่ยทำมิดีมิร้ายเพื่อเรียกคะแนนสงสารยังไงล่ะจ๊ะ”
“ไอ้เลว!”
ผมกำหมัดแน่น  ขบฟันกรามจนเส้นเลือดขึ้นไปด้วยความโกรธ
ไม่อยากจะเชื่อเลย  ไอ้หน้าหนวด  ไอ้เวรนั่นคิดจะขายผมให้กับไอ้เสี่ยตัณหากลับนี่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองงั้นเหรอ!
“อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะจ๊ะหนูน้ำ  แค่ยอมเสี่ยเท่านั้น  แล้วหนูน้ำจะได้ทุกอย่าง”
ว่าพลางค่อยๆถอดเสื้อผ้าของตัวเองออทีละชิ้นแล้วเข้ามาใกล้ผม  ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธ  ถ้าหากคนที่อยู่ตรงนี้เป็นน้ำตัวจริงไม่ใช่ผม  เธอจะมีชะตากรรมยังไง  ต้องทนตกนรกทั้งที่ยังเป็นมนุษย์แบบนี้ต่อไปอีกกี่ปี…
สงครามนี้มันน่ากลัวเกินกว่าที่ผมจะยอมให้น้องสาวมาเผชิญมันด้วยตัวเองแล้ว!
หมับ!
“หนีไปไหนไม่รอดหรอกจ้ะ  ชั้นนี้ทั้งชั้น  เสี่ยเหมาไว้หมดแล้ว”
ข้อเท้าสองข้างถูกจับแน่น  ผมพยายามตะเกียกตะกายหนีแต่ก็ไม่อาจจะสู้แรงช้างสารของมันได้  ไอ้เสี่ยตัณหากลับดึงขาผมอย่างแรงในครั้งเดียวก็สามารถลากผมกลับเข้าไปใกล้ได้แล้ว  โกรธก็โกรธ  เจ็บใจก็เจ็บใจ  อยากฆ่าไอ้หน้าหนวดก็อยากฆ่า  แต่เวลานี้…
เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะไอ้ไฟ!
“มามะ  มาเป็นของเสี่ยนะจ๊ะเด็กดี”
“ฝันไปเหอะ!”
ถุ้ย!
ผมถุยเลือดในปากใส่หน้ามันเต็มๆ  พยายามหาช่องทางที่จะหนีแต่ก็ยากเสียเหลือเกิน  ทางเดียวที่จะหนีออกไปได้คือต้องจัดการกับตัวบอสอย่างไอ้เสี่ยนี่ก่อนนั่นแหละ!
แต่แค่ยืนข้างๆมัน  ตัวกูก็เท่าไม้จิ้มฟัน  ส่วนมันก็เสาไฟฟ้าแล้วเหอะ
จะเอาแรงที่ไหนไปสู้วะเนี่ย!
“อีนี่!  กูพูดดีๆไม่เข้าใช่ไหม!”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!  ตุ้บ!
“อ๊ะ!”
สองทีแรกโดนเข้าที่ใบหน้า  หากแต่ทีสุดท้ายเข้าเต็มๆท้องจนจุกขยับตัวไม่ได้อีกเลย
สองมือเลื่อนขึ้นกุมท้อง  หมดแรงที่จะตะแกยียกตะกายนี้ให้พ้นเงื้อมือมัจจุราชนี้…
บัดซบเอ๊ย!  เวลาแบบนี้…เวลาแบบนี้ทำไมผมยังนึกถึงไอ้เวรนั่นอีก  ไอ้ชาติชั่วที่เป็นคนขายผมให้กับไอ้เสี่ยนี้ด้วยตัวเอง!
“ปล่อย…”
ต้นคอถูกซุกไซร้  หากแต่ผมไม่มีเรี่ยวแรงใดๆจะปัดป้องอีกแล้ว  ทำยังไงดี… 
ช่วยด้วย…
“ช่วย…”
ช่วยผมด้วย…
“คุณเปลว…”


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  หลังจากหายไปอีกหลายวัน  วันนี้ก็มาอัพแล้วน้า  ตอนนี้พี่ไฟของเรางานเข้าแบบุสดๆ  ใครจะเป็นอัศวินมาช่วยพี่ไฟกันน้า  จะใช่คุณเปลวหรือเปล่า?  แต่เอ๊ะ!  คุณเปลวเป็นคนขายพี่ไฟให้กับเสี่ยตัณหากลับเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองจริงๆเหรอเนี่ย?  มาเอาใจช่วยพี่ไฟกันด้วยน้า
อัพเดต : หน้าปกแบบตัดเส้นเสร็จแล้วนะคะ  สามารถหาดูได้ในเพจของบิวเลยเน้อ  คุณเปลวกับพี่ไฟงานดีมากมายยยยย

หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-12-2016 16:20:51
บาร์บีี้รู้เห็นเป็นใจรึเปล่า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-12-2016 23:32:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 19-12-2016 23:49:09
น้ำแย่แล้ววววว อิพี่เปลวหายไปไหนเนี่ยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-12-2016 03:25:18
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-12-2016 21:48:49
จริง ๆ แล้วเป็นแผนของใครกันแน่
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 20-12-2016 23:49:17
ค้างอีกล่ะ อีห่าปาขี้แหละตัวเมี่ยงเลย
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-12-2016 11:02:37
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 21-12-2016 16:40:17
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 14 (19/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 25-12-2016 10:25:57
คุณเปลวช่วยด้วย  :ling3:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 15 (29/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 29-12-2016 13:53:43






ตอนที่ 15
เพราะชอบถึงอิจฉา

 
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะหนูน้ำ  เสี่ยจะอ่อนโยนกับหนูน้ำกว่าทุกคนที่ผ่านมาเลยล่ะจ้ะ”
มือหยาบกร้านลูบไล้ต้นขาผมชวนให้สะอิดสะเอียนจนแทบจะอาเจียนออกมา  ไหนใครมันเคยบอกว่าเป็นอัศวินของผมไม่ใช่หรือไงวะ  แล้วผมกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงขนาดนี้มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ก่อนที่มือของไอ้เสี่ยตัณหากลับจะล้วงเข้าไปจับช้างน้อยของผมจนความแตก  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นช่วยชีวิตผมเอาไว้เสียก่อน  ไอ้เสี่ยขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจก่อนจะยอมผละออกไปจากตัวผม  แต่ก็ยังไม่ยอมเดินไปเปิดประตูให้กับผู้ที่มาเคาะ
“ใครน่ะ!”
“เอาอาหารมาส่งค่ะ”
“แต่ฉันไม่ได้สั่ง!”
“มีคนโทรไปสั่งจริงๆนะคะ  แล้วก็เป็นการเรียกเก็บเงินแบบทันทีที่มาส่งอาหารด้วย  ยังไงก็ช่วยออกมาดูรายการยืนยันก่อนได้ไหมคะ  ถ้าไม่ใช่ดิฉันจะได้กลับไปบอกที่ห้องอาหารให้ค่ะ”
คนด้านนอกตะโกนตอบกลับมาอีกครั้ง  ไอ้เสี่ยขยุ้มหัวอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองผมสลับกับทางไปหน้าประตูห้องอย่างครุ่นคิด
“รอเสี่ยเดี๋ยวเดียวนะจ๊ะหนูน้ำ  เดี๋ยวเราก็จะได้ไปสวรรค์ด้วยกันแล้ว”
ไปลงนรกเหอะไอ้ชาติชั่วเอ๊ย!
ผมรอจนไอ้เสี่ยเดินออกจากห้องไปแล้ว  พยายามเรียกพละกำลังที่ยังพอหลงเหลืออยู่ให้กลับมา  แม้จะมีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด  แต่ก็ดีกว่านอนอยู่เฉยๆรอให้มันปล้ำ
โครม!
สังขารอันไม่เที่ยงพาผมเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว  ก่อนจะมีเสียงดังโครมเหมือนอะไรบางอย่างกระแทกกับกำแพงดังตามมา  ไม่นานนัก  ร่างของคนที่คุ้นเคยถึงสองคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“น้ำ!”
บาร์บี้ในชุดพนักงานของโรงแรมพุ่งเข้าพยุงผมไว้ด้วยสีหน้าตกใจ  ข้างหลังเธอคือไอ้หน้าหนวดที่กำลังมองผมด้วยแววตายากจะอธิบาย
“เธอไม่เป็นไรนะน้ำ  ไอ้เลวนั่นยังไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม”
“อืม   ไม่เป็นไร”
ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนัก  แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้แล้ว  สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดในตอนนี้  ไม่ใช่ไอ้หน้าหนวดที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับคนนั้น  แต่เป็น…
ผู้หญิงที่กำลังลูบหน้าลูบตาผมด้วยความเป็นห่วงคนนี้ต่างหาก
 
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ”
ร่างสูงส่งแก้วน้ำให้  ผมรับมาถือไว้ตามมารยาทก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินมานั่งปุลงตรงที่ว่างข้างตัวผม
ตอนนี้ผม  คุณเปลว  และบาร์บี้มากระจุกรวมกันอยู่ที่ห้องของเขาเพื่อคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น  โดยที่ไอ้เสี่ยตัณหากลับนั่นยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องของตัวเองเพราะถูกไอ้หน้าหนวดอัดเข้าเต็มแรงจนสลบคาที่
“ไม่ใช่คุณใช่ไหม”
เปิดประเด็นถามเรื่องที่คาใจอยู่ออกไป  ไอ้หน้าหนวดขมวดคิ้วมุ่น  เลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเป็นเชิงให้ผมขยายความในคำถามของตัวเอง
“ไอ้เสี่ยนั่นบอกว่าทุกปีของการประกวด  ตัวเก็งทุกคนจะต้องถูกจับใส่พานถวายมันเพื่อล็อครางวัลเอาไว้  โดยคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองก็คือคุณ”
“อ่า…ถามตรงจังเลยนะครับ”
“ก็ตอบมาสิ  ว่าคุณทำมันจริงๆหรือเปล่า”
“แล้วคุณไฟคิดว่าผมทำหรือเปล่าล่ะครับ”
“…”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน  ว่าคุณเชื่อใจผมบ้างไหม?”
ไอ้หน้าหนวดจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง  นัยน์ตาที่เวลามองผมจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งไปถึงความคิดในใจไม่หลบสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ก่อนจะเรียกร้องความเชื่อใจจากผม  คุณเคยอธิบายในสิ่งที่ผมสงสัยบ้างหรือยัง  ถ้าตัวคุณเองยังมีหลายๆเรื่องที่ทำให้ผมไม่เชื่อใจ  แล้วผมคุณจะเชื่อใจคุณหรือเปล่าล่ะ”
“ช่างยอกย้อนจริงนะครับ”
มือหนาบีบปลายจมูกผมอย่างมันเขี้ยวจนผมต้องย่นจมูกใส่เขา
อย่ามาทำเหมือนกูเป็นเด็กอนุบาลนะเว้ย  จะมามันขงมันเขี้ยวอะไรฟะ
“เจ็บหรือเปล่าครับ  ไอ้เวรนั่นมันต่อยท้องคุณด้วยใช่ไหม”
ถามพลางปะกบฝ่ามือลงกับหน้าท้องแล้วลูบไปมาเบาๆ  สร้างความรู้สึกเสียววูบวาบให้ผมดีแท้  ต่างจากตอนที่โดนไอ้เสี่ยตัณหากลับนั่นสัมผัสอย่างสิ้นเชิง
“ทำไมถึงมาช่วยช้า”
“หืม?  ผมเหรอครับ”
“ใช่  ผมรอคุณมาช่วย  รอจนวินาทีสุดท้าย…”
อีกฝ่ายคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน  มือที่ลูบท้องอยู่เปลี่ยนเป็นรั้งเอวผมเข้าไปใกล้จนตัวเองแทบจะขึ้นไปนั่งบนตักเขาอยู่รอมร่อ  ใบหน้าหล่อเจ้าเล่ห์ยื่นเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนระอุของกันและกัน
“พระเอกก็ต้องปรากฏตัวในวินาทีสุดท้ายก่อนความหวังของนางเอกจะหมดลงไม่ใช่เหรอครับ  ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ประทับใจน่ะสิ”
อ๋อเหรอ!
กูประทับใจมากไอ้เวร!
มึงไม่รอให้มันปู้ยี่ปู้ยำก็เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยโผล่มาช่วยล่ะเว้ย  ไหนๆก็ปล่อยให้มันต่อยท้องกูจนลำไส้แทบแหลกละเอียดไปแล้ว!
“นี่  ใกล้ไปแล้วนะครับ”
หมับ!
พอจะถอยหน้าหนีใบหน้าของมันที่เลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะกับแก้มผมนิดๆ  ก็กลายเป็นว่าถูกมืออีกข้างของเขากดท้ายทอยไม่ให้ถอยหนีได้เอาไว้แทน
ผมหลับตาปี๋เมื่อไอ้หน้าหนวดไล้ปลายจมูกไปตามแก้มผมอย่างแผ่วเบา   สองมือกำแน่น  หัวใจเต้นระรัว  แค่กลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว  กลับกัน มันทำให้ผมรู้สึกดีจนหัวใจค่อยๆพองโตออกมา
อยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆ…
อยากจะถูกเขาสัมผัสแบบนี้ไปเรื่อยๆ…
“ขอโทษนะครับ  ที่ผมมาช้าจนทำให้คุณต้องเจ็บตัว”
น้ำเสียงทุ้มน่าหลงใหลเอ่ย  ก่อนจะกดปลายจมูกของตัวเองลงบนจมูกของผมราวกับกำลังหยอกล้อเล่น   อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากของเราก็จะสัมผัสกัน  น่าแปลกที่ผมกลับอยากให้มันสัมผัสกันเร็วๆ
“ถ้างั้นวันหลัง…ห้ามปล่อยให้ผมคลาดสายตาคุณไปอีกนะ”
“แน่นอนครับ  ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาอีกเด็ดขาด  จะจับล่ามโซ่เอาไว้เชยชมคนเดียวในห้องนี้เลย”
แบบนั้นก็เกินไปไหมไอ้หนวด!
ผมหัวเราะให้กับความคิดของเขา  เราต่างก็หัวเราะออกมาก่อนที่ความใกล้กันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างหยุดชะงัก  ปลายจมูกที่สัมผัสกันอยู่ค่อยๆเคลื่อนออกจากกัน  โดยที่ริมฝีปากขยับเข้ามาใกล้กันแทน…
“…”
ไม่มีคำพูดใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาได้อีก   ความหวานหอมที่ถูกส่งผ่านเรียวลิ้นนุ่มละมุนดูดความคิดไปจากหัวสมองของผมจนไม่เหลือ  สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงแค่สวมกอดเขาเอาไว้แน่นราวกับต้องการจะอยู่แบบนี้ตลอดไป
“ให้ตายสิ  อย่าน่ารักแบบนี้บ่อยๆสิครับ  ผมหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะ”
หลังจากจูบกันไปอย่างเนิ่นนานจนอากาศเริ่มจะหมด  คุณเปลวก็ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วพูดประโยคนี้ออกมา  ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดนั้น  รวมถึงอายในสิ่งที่เพิ่งทำลงไปเมื่อครู่ด้วย!
กะ…กูทำอะไรลงไป!
ทำไมถึงปล่อยตัวปล่อยใจให้ไอ้หนวดจอมลามกมันเชยชมได้ขนาดนี้เนี่ย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย  แถมไอ้หน้าหนวดยังล็อคคัวผมไว้ไม่ให้หนีไปไหนอีกด้วย  มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกันแน่  ยิ่งนับวันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต้องการสัมผัสจากผู้ชายคนนี้มากกว่าการได้ฟิชเชอริ่งกับบาร์บี้หรือพี่สาวไอ้ตูมตามเสียอีก  อย่าบอกนะว่า…
ทั้งใจและกายของผม…
ชะ…ชะ…ชอบ…
ไม่ๆๆๆ!  มึงหยุดคิดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ไฟ!  ลูกผู้ชายอกสามนิ้วอย่างมึงไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกันแน่ๆ!
ก็แค่การปลอมตัวเป็นผู้หญิงนานๆทำให้มึงสับสนเท่านั้นแหละ  เรียกสติกลับมาด่วนไอ้ไฟ!  เจ้าโลกของมึงยังใช้การในฐานะเพศชายได้อยู่นะเฟ้ย!
หมับ!
หัวสมองที่กำลังตีรวนกันวุ่นวายไปหมดถึงกับชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสแปลกๆที่บั้นท้าย  ผมตวัดสายตาคมกริบหันไปมองเจ้าตัวปัญหาทันที
มึงนี่มันเผลอไมได้เลยจริงๆ!  มือไวปานปลาหมึกสมฉายาไอ้หนวดเลย!
พลั่ก!
ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ  ผมจัดการยกสองขาถีบไอ้คุณเปลวจนปลิวตกโซฟาไปโทษฐานที่มันทำเนียนมานวดคลึงบีบเคล้นบั้นท้ายของผมในขณะที่กำลังใช้สมองคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง
“ฮ่าๆๆๆ”
“ขำอะไรของคุณ!”
“ขำตัวเองน่ะครับ  กะแล้วว่าถ้าจับปุ๊บต้องโดนคุณถีบกระเด็นแน่ๆ  แต่ก็ยังทำ”
“เพราะคุณมันลามกเกินเยียวยาไง”
หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ  ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องมีสักวันที่ผมเผลอไผลจนยอมเสียตัวให้มันจริงๆแน่นอน  ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็…
ผมจะไม่มีวันกลับมายืดอกอย่างภาคภูมิในฐานะผู้ชายอกสามนิ้วได้อีก!
ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนวันนั้นจะมาถึงแล้วล่ะ
ติ๊ง!
ความคิดถูกหยุดเมื่อเสียงลิฟต์ดังขึ้น  บาร์บี้เดินหน้าถอดสีเข้ามาในห้อง  จริงสิ  ก่อนหน้านี้เธอขอตัวไปตามหาใครสักคนนี่นา  แล้วก็หายไปเลย  ทิ้งไว้แค่ผมกับไอ้หน้าหนวดนี่สองคน
จะว่าไป…
ผมยังไม่ได้ถามเธอถึงเรื่องที่สงสัยเลยนี่นา
“เป็นอะไรเหรอครับคุณบาร์บี้  ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย”
“คะ…คือว่า…”
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะบาร์บี้”
ผมแทรกบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วลุกขั้นยืนประชันหน้ากับบาร์บี้ตรงๆ  เธอเบิกตากว้างหน้าซีด  ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ใช่นะน้ำ  ฉันไม่ได้หลอกเธอไปให้ไอ้เสี่ยนั่นนะ”
เธอเอ่ยทั้งน้ำตา  เดินเข้ามาจับแขนผมแล้วเขย่าเบาๆเพื่ออ้อนวอน  แต่ผมก็สะบัดออกทันทีอย่างไม่ใยดี
ผมเชื่อแล้วล่ะว่าผู้หญิงมีน้ำตาเป็นอาวุธ  และยามที่เธอมีความโกรธบวกกับความริษยาอยู่เต็มหัวใจ  มันทำให้พวกเธอสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่สนใจว่าเรื่องที่ทำนั้นจะสร้างความเจ็บปวดให้ใครบ้าง
“งั้นบอกมาสิว่าเธอไปหาใครมา”
“ฉัน…”
“…”
“ฉันไปหาทีมงานที่เป็นคนมาบอกฉันเพื่อพามายืนยันกับเธอ  แต่ว่า…”
“ไม่เจอใช่ไหมล่ะ”
“อะ…อืม”
“ที่เธอไม่เจอก็เพราะทีมงานคนนั้นไม่ได้มีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก  แต่เธอโกหกเพ่อหลอกฉันไปให้ไอ้เสี่ยบ้านั่นต่างหาก!  นี่ไงคือความจริงของเรื่องนี้!”
ผมเขย่าตัวบาร์บี้อย่างบ้าคลั่ง  เพียงแค่คิดว่าถ้าคนในวันนี้เป็นน้ำตัวจริงไม่ใช่ผม  ผมก็แทบจะบ้าแล้ว  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเดียวที่ผมเชื่อใจและไว้ใจมาตลอดในการประกวดคราวนี้จะกลายเป็นคนที่ร้ายที่สุดไปได้
“ไม่ใช่นะน้ำ  ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ  มีทีมงานมาบอกฉันจริงๆ  เชื่อฉันเถอะน้ำ  ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน  ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอ  ฮือ…”
บาร์บี้สะอื้นไห้ออกมาอย่างหนัก  แต่หัวใจของผมมันด้านชาไปหมดแล้ว  ความร้ายกาจของผู้หญิงพวกนี้ทำให้ผมต้องใจแข็งขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
หมับ…
“พอได้แล้วครับคุณน้ำ”
ไอ้หน้าหนวดที่ไม่มีบทอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระชากตัวผมออกห่างจากบาร์บี้  เขาเดินเข้าไปดึงเธอให้หลบอยู่ข้างหลังของตัวเอง
“ถอยไป  คุณจะปกป้องคนผิดทำไม  ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันไปให้ไอ้เสี่ยนั่นนะ!”
“ไม่ใช่คุณบาร์บี้หรอกครับ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเชื่อว่าไม่ใช่เธอ  คุณบาร์บี้ไม่ใช่คนแบบนั้น”
ให้ตายสิ…
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกไม้หน้าสามตีแสกหน้าลงมา  ในอกมันเต้นตุ้บๆ  รู้สึกผิดหวังและเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก
“หมายความว่าคุณเชื่อบาร์บี้”
“ครับ”
“แต่ไม่เชื่อฉัน…”
“…”
“ได้   โอเคค่ะ  ฉันเข้าใจแล้ว  ฉันเป็นคนโกหกเองแหละ  ฉันไปหาไอ้เสี่ยนั่นเพื่อเอาตัวเข้าแลกกับรางวัลชนะเลิศ  ไม่ได้มีคนมาหลอกฉันไปให้มันเลยแม้แต่คนเดียว  ฉันเป็นคนเสนอหน้าเข้าไปให้มันเชยชมเอง  ฉันเอง!  พอใจหรือยังล่ะ!”
“คุณน้ำ  ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ  ผมไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อคุณ”
“ฉันไม่อยากฟัง!”
ผมตวาด   รู้สึกได้ว่าขอบตามันร้อนผ่าว  มือเล็กๆของบาร์บี้ที่กอดแขนไอ้หน้าหนวดไว้แน่นในตอนนี้กรีดหัวใจผมให้เจ็บยิ่งกว่าตอนโดนไอ้เสี่ยมันต่อยท้องเสียอีก
“เอาเป็นว่าตั้งแต่นี้ต่อไป  คุณไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก  ฉันจะไม่มีทางไว้ใจคนที่ไม่เชื่อคำพูดของฉันเด็ดขาด”
“คุณน้ำ”
“ปล่อย”
“ผมไม่ปล่อย  เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง  คุณกำลังไม่มีเหตุผล”
“เออ!  ฉันไม่มีเหตุผล  คุณก็ไปอยู่กับผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเหตุผลข้างหลังคุณก็แล้วกัน!”
บิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขาได้ในที่สุด
ผมมองไอ้หน้าหนวดและบาร์บี้ด้วยสายตาผิดหวังอย่างถึงที่สุด…
คนหนึ่งก็เพื่อนในการประกวดที่ผมไว้ใจ
อีกคนก็คนที่ผมเชื่อใจมาตลอด…
วันนี้มันวันเส็งเคร็งอะไรกันวะเนี่ย!
 
ท้ายที่สุดแล้วผมก็ปลีกวิเวกตัวเองมานั่งที่สระว่ายน้ำคนเดียว  เพราะกลับห้องไปก็ต้องเจอบาร์บี้ในห้องอีก  ผมยังไม่พร้อมเจอหน้าเธอในตอนนี้   ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำเรื่องร้ายกาจขนาดนี้ด้วย  ทั้งที่เธอเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน  เธอน่าจะเป็นคนที่เข้าใจมากที่สุดว่าหากผู้หญิงถูกพรากความบริสุทธิ์ไปโดยไม่เต็มใจ  จะต้องเหมือนตกนรกทั้งเป็นขนาดไหน  แล้วทำไม…
ทำไมเธอถึงทำแบบนั้น?
ผมนึกว่าที่ผ่านมาเราเข้ากันได้ดีและจะเป็นเพื่อนกันได้เสียอีก  แต่เหนือสิ่งอื่นใด  คนที่ทำให้ผมผิดหวังและเจ็บปวดมากที่สุดไม่ใช่บาร์บี้  แต่เป็น…
หน้าตาลามกของไอ้หน้าหนวดลอยขึ้นมาเต็มท้องฟ้าในยามค่ำคืน  ภาพที่เขาเข้ามาแยกผมที่กำลังบ้าคลั่งให้ออกห่างจากบาร์บี้  ภาพที่เขาปกป้องเธอมันยังชัดเจนในความทรงจำ
ทำไมเขาถึงไม่เชื่อผม  ทำไมเขาถึงไม่เชื่อว่าบาร์บี้เป็นคนหลอกผมไปให้ไอ้เสี่ยเวรนั่น!
“ไหนบอกไม่ชอบไงวะ”
คนไม่ชอบกันเขาปกป้องกันอย่างออกนอกหน้าแบบนี้หรือไง  ให้ตายสิ  ทำไมต้องกลายเป็นผมที่มานั่งคิดมากอยู่คนเดียวแบบนี้ด้วย!
ยิ่งกว่านั้น  หัวใจที่ร้อนรุ่มตอนที่เห็นเขาเข้าข้างบาร์บี้  มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่  ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อนก็เลยไม่เข้าใจ  กะอีแค่คนลามกคนหนึ่งที่ไม่เข้าข้างผมเท่านั้น  ไม่เห็นจำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจถึงขนาดนี้เลย!
“โธ่เว้ย!  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย  ไม่เข้าใจแล้วโว้ย!”
ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ็บจะวิ่งเอาหัวพุ่งชนกำแพงสักสองสามทีเผื่อจะหยุดคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“กรี๊ด!  ตกใจหมดเลย  นึกว่าผีแม่ม่ายที่ไหนมานั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่ริมสระ!”
เสียงแว้ดๆของมะนาวดังขึ้นจากด้านหลัง  ตกใจเล็กน้อยเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับเธอที่นี่ในเวลาแบบนี้
มะนาวไม่พูดอะไรต่อ  เธอเดินมาหย่อนขาลงไปในสระน้ำข้างๆตัวผมก่อนจะชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจไปมา  เสื้อคุลมระบายลูกไม้สีขาวบางๆที่เธอใส่มามันไม่ได้ช่วยปิดบังอะไรต่อมิอะไรที่โคตรใหญ่โตของเธอเลยสักนิด
แม้เจ้าโว้ย…  ใหญ่โตมโหฬารปานดาวอังคาร
“บรรยากาศเงียบสงบดีแฮะ”
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ถ้านอนจะเห็นฉันมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอยะ”
“ฉันผิดเองที่ถาม”
ผมตอบกลับเรียบๆ  ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาต่อปากต่อคำกับใครทั้งนั้น  รู้สึกแค่ว่าอยากจะกลับขึ้นไปบนห้องไอ้หนวดแล้วกระทืบๆมันให้จมดินฐานที่ไปเข้าข้างคนอื่นที่ไม่ใช่ผม!
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ดูออกด้วยเหรอ”
“สีหน้าเธอมันแสดงออกราวกับต้องการให้คนอื่นถามว่าเป็นอะไรเสียขนาดนั้น  ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้วย่ะ!”
“เฮ้อ!”
ไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายแต่ถอนหายใจยาวอีกครั้งแทน
แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจตัวเอง  แล้วผมจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้ให้คนอื่นฟังได้ยังไงกันล่ะ?
แค่ทำความเข้าใจกับหัวใจและระบบความคิดยังยากเลย…
“ท่าทางแบบนี้…”
“…”
“ปัญหาเรื่องหัวใจชัวร์ๆ!”
ผมเบิกตากว้าง  หันขวับไปมองมะนาวอย่างแปลกใจที่เธอทำเหมือนอ่านความคิดของผมออก
“ธะ….เธอรู้ได้ยังไง!”
“มีไม่กี่เรื่องหรอกย่ะที่จะทำให้มนุษย์เราทำหน้าซังกะตายได้ขนาดนี้น่ะ”
“งั้นเหรอ…”
“ฉันจะไม่ถามอะไรเธอมากหรอกนะ  แต่อยากจะแนะนำว่า  อะไรก็ตามที่ทำให้เธอกังวลอยู่น่ะ  มันจะง่ายกว่าไหมถ้าแค่พูดหรือถามออกไปให้มันจบๆ”
“…”
“ไม่ว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะเป็นยังไงก็ตาม”
“แล้วถ้าสิ่งที่ฉันต้องการจะรู้ไม่ใช่คำตอบจากอีกฝ่าย  แต่เป็น…คำตอบจากตัวของฉันเองล่ะ”
“…”
“ฉันไม่เข้าใจว่าตอนนี้ตัวฉันกำลังคิดหรือรู้สึกยังไง  การไม่เข้าใจตัวเองมันทำให้ฉันอยากจะเป็นบ้ายิ่งกว่าการไม่เข้าใจคนอื่นเสียอีก”
ยิ่งพูดก็ยิ่งงง  ผมไม่เคยต้องมาวุ่นวายใจขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต  ทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็เพราไอ้หน้าหนวดคนเดียว!
เพราะมึงเข้ามาในชีวิตกู  ทำให้กูสับสนไปทุกอณูความคิดแล้วเนี่ย!
จะขี้จะเยี่ยวก็ยังสบสน  ชีวิตแม่งบัดซบฉิบหายเลยโว้ย!
“ช่วยอธิบายพอสังเขปให้ฟังได้หรือเปล่า  มาแบบนี้ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน  เธอเคยเป็นแบบนี้ไหม  รู้สึกไม่หงุดหงิด  รู้สึกโกรธ  รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง  เวลาคนที่เราเชื่อใจไปเข้าข้างหรือปกป้องคนอื่น  ฉันอยากจะกระทืบเขาให้หายแค้นเวลาที่เขาไมได้อยู่ข้างฉันเหมือนทุกที”
ผมอธิบายสิ่งที่ทำให้งุ่นงานใจอยู่ตอนนี้ให้มะนาวฟัง  ซึ่งหลังจากฟังจบเธอก็หัวเราะร่วนออกมาด้วยท่าทางขำขันสุดๆ
ประทานโทษนะครับคนสวย  ผมกำลังเครียดแล้วคุณมาหัวเราะแบบนี้คืออะไร!
“หัวเราะอะไรเหรอ”
“ก็หัวเราะเธอน่ะสิถามได้  ความรู้สึกชัดเจนขนาดนี้แล้วยังจะมาบอกว่าไม่เข้าใจเนี่ยนะ  ถามจริงเหอะ  ไม่เคยมี่ความรักเลยหรือไง  ฮ่าๆๆๆ”
“คะ…ความรัก!  เธอหมายความวายังไงน่ะมะนาว  ความรักอะไร!”
“นี่  ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะแม่คนซื่อบื้อ  ไอ้อาการทั้งหลายทั้งแหล่ที่เธอเล่ามาทั้งหมดน่ะ  มันเป็นอาการของคนที่…อิจฉา”
“อิจฉา?”
ผมทวนคำ  มะนาวพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มต้นอธิบายอีกครั้ง
ถ้าขอเวลานอกวิ่งไปหากระดาษมาจดสิ่งที่เธออธิบายเอาไว้ประกอบการเรียนรู้ในภายภาคหน้าจะเป็นไรไหมนะ?
“ใช่  อิจฉา เธออิจฉาที่คนที่เขาทำดีด้วยไม่ได้มีแค่เธอ  เพราะเธออยากให้เขาทำดีกับเธอคนเดียว  เธอโกรธที่เขาไม่เชื่อเธอแต่ไปเชื่อคนอื่นนั่นก็เพราะเธอตั้งความหวังกับเขาไว้มาก  ความรู้สึกทั้งหมดนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยถ้าหากว่าตัวเธอน่ะ…”
“…”
“ไมได้ชอบเขา”
“…”
“ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเธอชอบ”
“…”
“เพราะชอบถึงอิจฉา”
“…”
“พูดแบบนี้เข้าใจง่ายกว่าไหม”
มะนาวยิ้มอย่างใจดี  คำพูดของเธอฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว  ภาพเหตุการณ์ตอนที่ขอบตาผมร้อนผ่าวเมื่อไอ้หน้าหนวดมีท่าทีปกป้องบาร์บี้มากกว่าผมย้อนกลับเข้ามาในหัว…
 
‘เพราะชอบถึงอิจฉา’
 
นี่ผม…
…ชอบเขาสินะ


 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  หลังจากหายไปนานอีกหลายวัน  วันนี้กลับมาอัพแล้ว  ได้หยุดปีใหม่ประมาณ 5-6 วัน  ก็จะมาอัพให้ได้อ่านกันทุกวันเหมือนเดิมก่อนหายไปทำงานอีกนะคะ T^T  ตอนนี้ดูเหมือนว่าพี่ไฟของเราจะรู้ใจตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว  แต่ดูเหมือนจะมีอุปสรรคความรักอยู่แฮะ  บาร์บี้เธอร้ายจริงหรือไม่?  แล้วคุณเปลวทำไมถึงเชื่อใจบาร์บี้ขนาดนั้น  มีความลับอะไรระหว่างทั้งสองคนหรือเปล่านะ?
 
อัพเดตความคืบหน้า  หน้าปกเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ  สามารถตามไปส่องได้ที่เพจของบิวเลยจ้า  https://www.facebook.com/bewjuliet/ (https://www.facebook.com/bewjuliet/)


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 15 (29/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 29-12-2016 14:20:18
มะนาวกลายมาเป็นที่ปรึกษาที่ดีเลยนะเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 15 (29/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 29-12-2016 16:02:37
มะนาวเป็นเพื่อนที่ดีได้นะ แบบ คงไม่แทงข้างหลังแล้วอ่ะ แต่จะสู้ในการแข่งขันแบบซึ่งๆหน้า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 15 (29/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 29-12-2016 19:50:41
อ้าวๆ ไม่มีกล้องวงจรปิดติ หาค่ะหา พ่อพระเอกกกก
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 15 (29/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-12-2016 20:44:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 15 (29/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 30-12-2016 08:02:46
ใครแว้บงการ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 15 (29/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 30-12-2016 11:38:54
ไฟมะนาวแล้วกัน  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 16 (30/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 30-12-2016 16:45:41





ตอนที่ 16
หักห้ามใจ

 
“ว่ายังไงนะ!  พูดจริงเหรอมะนาว”
ผมร้องถามมะนาวอย่างดีใจหลังจากฟังเรื่องที่เธอเล่าจบ
“จริงสิ  ฉันจะโกหกทำไม”
ในที่สุด…ในที่สุดวันที่ไอ้ไฟรอคอยก็มาถึง!
อีกสองวันจะถึงวันคัดเลือกรอบต่อไป  ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีแปดคนที่ไม่ได้ไปต่อในการประกวดคราวนี้  และทุกครั้งในรอบคัดเลือก  ทางกองประกวดจะเปิดให้ผู้ชมลาติพี่น้องของผู้เข้าประกวดเข้ามาหาได้  และนั่นหมายถึง…
ผมจะได้เจอน้ำ!  จะได้เจอไอ้ตูมตาม!
ช่างน่ายินดีอะไรเช่นนี้  โอ๊ยยยย  ดีใจจนอยากตะโกนดังๆ
“ว่าแต่ฉันถามจริงๆนะ  เธอกับบาร์บี้มีปัญหาอะไรกันเหรอ  วันนี้ทั้งวันฉันไม่เห็นพวกเธออยู้ด้วยกันเลยนะ  ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวติดกันอย่างกับตังเม”
“เปล่านี่  ไม่มีอะไร”
ผมปฏิเสธ  ความจริงเมื่อคืนพอกลับขึ้นไปบนห้อง  บาร์บี้ก็พยายามชวนผมคุย  พยายามจะเข้าหาและอธิบาย แต่เป็นผมเองที่หลบเลี่ยงเธอตลอด  และทำเหมือนเธอเป็นเพียงธาตุอากาศ  ส่วนไอ้หน้าหนวดก็ได้ยินว่าถูกไอ้เสี่ยตัณหากลับเรียกไปพบตั้งแต่เช้า  ไม่รู้ว่าเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นกันถึงไหนแล้ว   บางทีอาจจะถูกถอนสปอนเซอร์ออกก็เป็นได้
“อ๊ะ  คุณเปลวนี่นา  ไปพบสปอนเซอรตั้งแต่เช้า  เพิ่งจะออกมาเหรอเนี่ย  มีเรื่องอะไรไหมนะ”
พูดถึงก็มาพอดี  ตายยากเหมือนกันนะไอ้เวรนี่
ผมแอบเหล่มองมันเล็กน้อยเพราะแอบอยากรู้ว่าสรุปแล้วเรื่องจบลงยังไง  สีหน้าของไอ้หน้าหนวดยังดูอารมณ์ดีเหมือนเดิม  เพิ่มเติมคือความปลิ้นปล้อน  กะล่อน ตอแหล! ทำเป็นยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไรกับบาร์บี้  แต่สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเอง!
การกระทำสวนทางกับคำพูดทุกอย่าง
เฮอะ!
ละ…แล้วนี่กูจะมาโกรธทำตัวเป็นสาวน้อยไปทำไมฟะเนี่ย!  แมนๆอ่ะแมนๆ  สะกดให้เป็นหน่อยไอ้ฟายเอ๊ยยย!
“!!!”
เกิดอาการลนลานขึ้นมาทันทีเมื่อสายตาเจ้าเล่ห์ตวัดมาทางผม
ไม่ต้องมามองกูหรอกไอ้คนทุเรศ!   กลับไปมองแม่ตุ๊กตาบาร์บี้ของมึงโน่นนนนน!
“เป็นอะไรมากไหมยะ  ทำหน้าผีเข้าผีออกอยู่ได้  ให้ฉันตามหมอจิตเวชให้เอาหรือเปล่า”
มะนาวที่ยืนอยู่ข้างกายตลอดเวลาเอ่ยถามพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากผมเพื่อวัดไข้   การกระทำของเธอทำให้ไอ้หน้าหนวดที่ยังคงยืนจ้องผมอยู่ตลอดเวลาถึงกับหัวเราะพรืดจนผมต้องแยกเขี้ยวใส่มันเป็นการขู่
แล้วคิดว่าคนอย่างมันจะกลัวไหม?
คำตอบคือไม่!
เพราะหลังจากเจอผมแยกเขี้ยวใส่  ไอ้หนวดเวรตะไลก็ทำท่าส่งจูบมาให้ผมตามสไตล์กะล่อนของมัน  ถ้าไม่ติดว่ากูกลัวคนอื่นเห็น  พ่อจะจับเอารอยจูบที่ลอยละลิ่วมาตามลมเอามากระทืบให้จมดินเลย!
“เสร็จกิจกรรมของวันนี้แล้วใช่ไหม  ฉันขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะ  ไม่อยากอยู่ในนี้เลย  บรรยากาศไม่ดี”
“บรรยากาศไม่ดีตรงไหนยะ  แค่คุณเปลวปรากฏตัวออกมา  โลกทั้งใบก็เป็นสีชมพูแล้วย่ะ”
คุณพระช่วย!
แม้แต่มะนาวก็ยังหลงเสน่ห์ไอ้หน้าหนวดนั่นเรอะ!
แต่เอาเถอะ  จะไปว่าเขาก็ไม่ได้  ตัวผมเองยังมาตายน้ำตื้นเลยเหมือนกันนี่นา  ถึงจะยังงงๆว่าทำไมถึงไปชอบคนอย่างมันได้ก็เถอะ
เพศแม่งก็เพศเดียวกัน
กวนตีนก็กวนตีน
ลามกก็ลามก
มือก็ไวยิ่งกว่าโคตรพ่อโคตรแม่ปลาหมึก
ไม่มีเหี้ยไรดีสักอย่าง  แล้วทำไมกูถึงไปชอบมันได้ล่ะเนี่ย
ทำไม!  ทำไม!  ใครก็ได้ตอบกูที!
ผมคิดว่าตัวเองควรไปหาที่สงบจิตสงบใจก่อนที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้    อีกอย่าง  ผมไม่อยากให้ไอ้หน้าหนวดมันมารู้ความรู้สึกในใจของผมด้วย  ถ้าหากมันรู้ว่าตอนนี้ผมหลงคารมแอบชอบมันไปเรียบร้อยแล้วล่ะก็…
มีหวังได้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือแหงๆ!
ใครจะยอมศิโรราบให้คนอย่างมันง่ายๆกันเล่า
ชาติหน้าตอนบ่ายๆไอ้ไฟคนนี้ก็ไม่มีวันหงอให้หรอกโว้ย  กูจะพยศจนกว่ามึงจะเป็นฝ่ายศิโรราบให้กูเอง  ไม่เชื่อคอยดู!
ผมสะบัดหน้าเชิดใส่ไอ้หน้าหนวดที่ยืนทำปากขมุบขมิบส่งยิ้มหวานให้ผมไม่เลิก  เรียกได้ว่าสะบัดหน้าทีเดียวคอเคล็ดไปสามชาติ…
ชักสงสัยแล้วสิว่าพวกผู้หญิงที่ชอบเชิดใส่ผู้ชาย...หัวของพวกเธอไม่หลุดออกจากคอบ้างเหรอ?
“อ๊ะ!”
หนีเสือปะจระเข้จริงๆให้ดิ้นตาย!
ผมชะงักเมื่อตรงหน้าคือไอ้เสี่ยตัณหากลับที่ออกมาจากประตูลิฟต์พอดี  มันเองก็ชะงักไปเหมือนเมื่อเห็นผม  อะ…เอาไงดีวะ  จะถูกลากไปปู้ยี่ปู้ยำอีกไหมล่ะเนี่ย
“ไอ้แก่!  มัวทำอะไรอยู่  จะกลับไหมบ้านน่ะ!”
เสียงแปร๋นยิ่งกว่าเสียงช้างดังขึ้นจากด้านหลัง  ผมรีบมูฟตัวเองเข้าไปหลยอยู่หลังเสา เ ปิดทางให้คุณผู้หญิงท่านหนึ่งที่ลักษณะลำตัวใกล้เคียงกับแม่ช้างเป็นอย่างมาก  เธอเดินดุ่มๆเข้าไปหาไอ้เสี่ยตัณหากลับก่อนจะดึงหูมันจนแทบจะยานติดพื้น
โอ้พระเจ้า!
มนุษย์เมียชัดๆ!
“กะ…กลับจ้า  กลับแล้วจ้าที่รัก”
“ไม่ต้องมาที่รงที่รัก!  รู้ไหมว่าวันนี้ฉันมีประชุมกี่ที่  อย่าให้ต้องมาเสี่ยเวลาตามจับผัวเจ้าชู้อย่างแกบ่อยๆจะได้ไหมฮะ!”
“โอ๊ยๆๆ  ที่รักจ๋า  เบาๆจ้ะเบาๆ  คนมองกันใหญ่แล้ว”
ภาพไอ้เสี่ยมหาอำนาจเมื่อคืยหายไปไหนหมดแล้วล่ะ…
ผมยืนมองไอ้เสี่ยถูกเมียดึงหูลากออกจากโรงแรมไปอย่างงงๆ  นอกจากมันจะไม่แม้แต่เหลือบมองผมแล้ว  ผมยังรู้สึกว่าตัวเองโคตรจะปลอดภัยและไม่มีวันตกเป็นเป้าหมายของไอ้เสี่ยนี่อีกแน่นอน
เพราะอะไรกันนะ?  จะบอกว่าแค่เมียมาก็เลยไม่สนใจผมแล้วงั้นเหรอ?
มันจะดูง่ายไปหน่อยไหม?
“มาอยู่ตรงนี้เอง”
“เฮ้ย!”
ร้องลั่นพลางกระโดดถอยห่างออกจากไอ้หน้าหนวดที่ไม่รู้มุดรูไหนโผล่ออกมา  มันทำเป็นชะโงกหน้าลงมาพูดใกล้ๆหูของผมจนลมหายใจเป่ารดที่ต้นคอเบา
สะ…สยิวกิ้วเป็นอย่างมาก
ไอ้ไฟอยากตายโว้ยยย!  อยู่ใกล้แล้วใจสั่นฉิบหาย  แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว!
“มี’ไร”
“ว้า  ทำไมพูดกับผมไม่เพราะเลยล่ะครับ  งอนอะไรเหรอ  หืม?”
มึงไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับกูเลยไอ้คนเจ้าชู้!
“ไปไกลๆเลย  ไม่อยากเห็นหน้าเว้ย”
“เดี๋ยวสิครับ  โกรธเรื่องเมื่อคืนเหรอ”
มือหนารั้งแขนผมเอาไว้แล้วลากให้กลับไปหลบหลังเสาตามเดิม  เสาแม่งก็เสือกใหญ่มากจนจุดที่ผมกับมันยืนอยู่แทบจะกลายเป็นมุมบอดไปเลยทีเดียว
แบบนี้ถ้ามันหน้ามืดขืนใจผมขึ้นมาก็คงไม่มีใครเห็นหรอก!
“เปล่า”
“ไม่จริง  ก็คุณไฟไม่ยอมมองหน้าผมเลยนี่นา  หรือถ้ามองก็คอยแต่จะแยกเขี้ยวใส่ตลอดเลย”
ว่าพลางทำท่าแยกเขี้ยวแบบที่ผมทำใส่มันให้ดูจนเกือบหลุดขำ แต่ก็ต้องเก๊กเอาไว้สุดพลัง
ไม่ได้นะไม่ได้  ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดเลยไอ้ไฟ  ห้ามแพ้ทางรอยจิ้มเจ้าเล่ห์ของมันนะเว้ยเฮ้ย!
“ใช่สิ  ผมมันไม่ได้ส่งยิ้มหวานให้คุณตลอดเวลาเหมือนบาร์บี้นี่  ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมอง  จบ!”
“ทำไมชอบเอาคุณบาร์บี้เข้ามาเกี่ยวตลอดเลยล่ะเนี่ย”
“อ๋อ  แตะต้องไมได้เลยสินะ  แล้วทำเป็นบอกว่าไม่ได้ชอบ  ทุเรศ!”
“คุณไฟ  คุณเริ่มจะไม่มีเหตุผลจริงๆแล้วนะครับ”
ไอหน้าดุเอ่ยเสียงเรียบ  นัยน์ตาไม่มีแววล้อเล่นอยู่เลยแม้แต่น้อย
โธ่เว้ย!  เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย  ทำไมปากชอบไปไวกว่าความคิดเสมอเลย  ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบมัน  ผมก็มักจะเก็บอารมณ์หึงหวงไม่ได้ทุกที
จะหึงอะไรเบอร์นั้นวะไอ้ฟ๊ายยยย!
“ถ้าผมไม่มีเหตุผล  คุณก็อย่ามาคุยกับผมสิ  จะมาคุยกับคนไม่มีเหตุผลให้เหนื่อยใจทำไม”
“ก็อยากคุย”
“…”
“คิดถึง  อยากได้ยินเสียง  อยากอยู่ใกล้ๆ”
“…”
“อย่าโกรธกันแบบนี้เลยนะครับ  ผมไม่ชอบเวลาถูกคุณเมินเลย”
ร่างสูงก้มหน้าลงมาจนอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน  พร้อมกับชูนิ้วก้อยไปมาตรงหน้าผม  ช่างเป็นง้อขอคืนดีได้น้ำเน่าสุดๆไปเลย!
แต่ว่า…
“ยิ้มแล้ว”
ผมกลับยิ้มออกมาเพราะกลั้นความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นในหัวใจเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ!
ไอ้หน้าหนวดจิ้มเข้าที่แก้มของผมเบาๆเมื่อเห็นผมยิ้มออก  จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยโกรธมันได้นานสักทีเลยสินะ  แค่เขามาง้อนิดง้อหน่อยก็อ่อนระทวยเป็นเทียนโดนไฟลน
ตายๆๆ  แบบนี้ดูท่าผมจะไปไหนไม่รอดเสียแล้ว
มึงต้องหักห้ามใจตัวเองให้มากกว่านี้นะไอ้ไฟ!
“ไปคุยกันบนห้องผมดีกว่านะ  ไม่มีใครเห็นด้วย”
“เอะอะชวนขึ้นห้องตลอดเลยนะ  คิดอะไรไม่ดีแน่ๆ”
“ไม่ดีตรงไหน  การที่ผมอยากเป็นหนึ่งเดียวกับคุณมันเรียกว่าเรื่องดีๆต่างหากล่ะ”
ขยิบตาทิ้งท้ายแบบที่ชอบทำก่อนจะจับมือผมพาเดินไปทางลิฟต์อย่างรวดเร็ว  โรงแรมแม่งก็กว้างไปเนอะ  กูแอบย่องขึ้นห้องไอ้หนวดนับไม่ถ้วนแล้วยังไม่ยักกะมีใครเคยเห็นเลยสักคน  แต่ก็ดีแล้วล่ะ  เพราถ้ามีคนเห็นผมคงเสียเวลาอธิบายน่าดู
บางครั้งการแอบทำอะไรลับๆที่รู้กันสองคนก็ตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ  หึๆๆ
 
หมับ…
“ได้อยู่กันสองต่อสองสักที”
“นี่  ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!”
บางทีมือมึงก็ไวไปนะไอ้หนวด!  เพิ่งเข้ามาในห้องยังไม่ถึงสามวินาทีก็มาทำรุ่มร่ามกับร่างกายของกูแล้ว!
“คุณไม่อยากให้ผมปล่อยหรอก”
“ทำไมจะไม่อยาก  ผมโคตรอยากให้คุณปล่อยเลย!”
“แปลว่าโคตรไม่อยากให้ปล่อยสินะครับ”
“เรียนจบเอกมโนศาสตร์มาหรือไงวะ  บอกให้ปล่อยก็ปล่อยสิ”
ดูท่าด่าไปก็คงไม่สะเทือนหนังหน้าของมันแน่ๆ
ไอ้หน้าหนวดทำยักไหล่ไม่สนใจแม้ผมจะดีดดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากอ้อมแขนของเขาแค่ไหนก็ตาม  สุดท้ายก็จบลงที่ดิ้นเองเหนื่อยเอง ก็เลยยืนเฉยปล่อยให้มันสวมกอดจากด้านหลังอยู่อย่างนั้น
เอาจริงๆอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…
เฮ้ย!  ไม่ชะสิ  เอาอีกแล้วไอ้ไฟ  บอกแล้วไงว่าให้หักห้ามใจของตัวเองเอาไว้!  มึงเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน  ถ้ามึงมาชอบผู้ชายแบบนี้แล้วใครจะสืบพันธ์ต่อนามสกุลให้ครอบครัวล่ะโว้ยยย!
ตะ…แต่เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน  คงไม่สายเกินไปที่จะไปกลับตัวเป็นไอ้ไฟคนเดิมในตอนนั้น
คะ…คิดว่านะ
ฟืด…
เสียงหอมแก้ม  หอมซอกคอ  หอมเส้นผมดังสลับกันไปมา  มือหนาลูบไล้หน้าท้องผมไปราวกับว่าต้องการจะปลุกอารมณ์บางอย่างในตัวของผม  โชคดีชะมัดที่ปิกาจู้ยังจำศีลอยู่  ไม่อย่างนั้นคงผงาดง้ำรอการปลดปล่อยเป็นแน่
“จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะครับ”
เสียงกระซิบปร่าข้างหูชวนให้ขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก  ราวกับว่ากระเพาะอาหารถูกขโมยไปเพราะในท้องมันโหวงเหวงเหลือเกิน
“ทะ…ทนอะไร”
“คุณน่ารักเกินไปแล้ว”
หน้าร้อนฉ่ากับประโยคนี้…
ผมหลับตาปี๋เมื่อใบหน้าถูกจับให้หันกลับไปหาเขา  ลมหายใจร้อนๆกระทบกับแก้มเป็นสัญญาณบอกว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เหลือเกินแล้ว
ตึกๆ!  ตึกๆ!  ตึกๆ!
“อื้อ…”
จูบอันแสนหวานเกิดขึ้นในเวลาต่อมา  มือหนาบีบแก้มผมเล็กน้อยเพื่อให้เปิดปากออกพอที่เขาจะสอดลิ้นเข้ามาชิมความหวานจากผมได้   ปลายลิ้นของเราสัมผัสกันไปมา  หนำซ้ำยังถูกร่างสูงดูดดุนเอาไปสร้างความเสียวซ่านเกินจะบรรยาย
จะ…จูบเก่งชะมัด!
 
‘ไฟ!  ฝากด้วยนะ  น้ำเป็นกำลังใจให้’
 
“!!!”
เสียงของน้ำที่แวบเข้ามาในหัวทำให้ผมรีบผลักไอ้หน้าหนวดออกห่างแทบไม่ทัน
จริงสิ  ที่เราสวมรอยมาเป็นน้ำตอนนี้ก็เพื่อประกวดนางงามแทนน้ำ  ทำทุกอย่างก็เพื่อน้ำ  เพื่อความฝันของน้องสาว  แต่นี่ผมกลับ…
เกือบลืมจุดประสงค์ทั้งหมดแล้วปล่อยตัวปล่อยใจให้กับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกที่ตัวผมเองยังไม่มั่นใจเลยว่ามันเรียกว่าอะไร
ใช่ความรักหรือเปล่า?
“คุณไฟ…”
“ขอโทษครับ  พอดีผมหายใจไม่ออก”
แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา  ผมต้องมีสติให้มากกว่านี้  จะทำให้น้ำผิดหวังอีกไม่ได้เด็ดขาด  ถ้าน้ำรู้ว่าพี่ชายคนเดียวของเธอดันมาชอบผู้ชายด้วยกัน  น้ำจะต้องเสียใจและอับอายมากแน่ๆ
ผม…ไม่อยากให้น้ำต้องเสียใจเพราะผมอีก
“จริงสิ  วันนี้คุณคุยกับไอ้เสี่ยนั่นว่ายังไงบ้างเหรอครับ  เมื่อกี้ตอนเจอกัน  เขาแทบจะไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ”
ผมเปลี่ยนเรื่องและหาเรื่องมาชวนเขาคุยเพื่อทำลายบรรยากาศชวนให้อึดอัดทิ้งไป  จูบกันอยู่ดีๆก็โดนผลักออกแบบนั้น  เป็นใครก็คงคิดมากแหละวะ
“เรื่องนั้นน่ะเหรอครับ”
ไอ้หน้าหนวดคลี่ยิ้มกว้างออกมาประหนึ่งว่าการจัดการไอ้เสี่ยตัณหากลับที่เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้กับกองประกวดนี้เป็นแค่เรื่องหมูๆ
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“จัดการ?  ยังไง?”
“ก็แค่…เอาจุดอ่อนของพ่อเสือมาใช้  แล้วจัดการถอดเขี้ยวเล็บออกซะ  ง่ายนิดเดียวครับ”
“??”
 
‘มาแล้วเหรอคุณเปลว  หวังว่าคุณจะรู้นะว่าผมเรียกคุณมาพบทำไม!’
เสียงตวาดกร้าวของตรีภพไม่ได้สร้างความหวาดกลัวหรือกังวลใจให้ชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย  เขายิ้มกริ่มก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้า  พาดแขนไปบนขอบพนักพิงอย่างสบายอารมณ์
ตรีภพกำหมัดแน่น  เดือดดาลกับท่าทีของคนอายุน้อยกว่าที่ไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
‘เมื่อคืนคุณทำแสบมากนะ  อยากให้ผมถอนการเป็นสปอนเซอร์กองประกวดนี้ออกหรือไง!’
‘แต่เอ…  ถ้าผมจำไม่ผิด  บริษัทที่คุณบริหารอยู่ตอนนี้  เป็นมรดกจากทางพ่อตาของคุณไม่ใช่เหรอครับ  หรือจะพูดให้ถูกกคือ…คุณก็แค่ประธานในนาม  ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆก็คือ…คุณกิมเล้ง  ภรรยาคนสวยของคุณต่างหาก’
ชายหนุ่มเน้นคำว่าสวยเป็นพิเศษ  เพราะเป็นที่ล่วงรู้กันดีว่ากิมเล้ง  ภรรยาของตรีภพนั้นแตกต่างจากสาวสวยที่เขาเคยแอบควงลับหลังภรรยาขนาดไหน  นอกจากรูปร่างที่อ้วนท้วมใหญ่ยักษ์ประหนึ่งนักมวยปล้ำแล้ว  เธอยังชอบสร้างความอับอายให้สามีด้วยการตามด่าและตามหึงหวงแบบออกสื่ออีกด้วย
‘คุณจะพูดอะไรกันแน่’
‘ไม่เอาน่า  ผมว่าเราค่อยๆจิบไวน์ไปคุยกันไปดีกว่านะครับ’
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับผู้ชนะของร่างสูงทำให้ตรีผมไม่สบายใจเอาเสียเลย   เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกไล่บี้ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้พูดอะไร
 
“หยุดดดดด!”
ผมขัดขึ้นขณะที่ไอ้หน้าหนวดกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างออกรสออกชาติ
“อะไรเหรอครับคุณไฟ”
“คุณกับมันจิบไวน์กันนานไหม?”
“ก็…ประมาณสามชั่วโมงครับ”
“ถ้างั้นตัดตอนเหอะ  ข้ามไปเล่าไคลแม็กซ์เลยได้ไหมครับ  ถ้าให้ผมนั่งฟังช่วงเวลาจิบไวน์ของคุณกับมันต่อไปมีหวังผมหลับก่อนแน่ๆ!”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ  งั้นผมข้ามเลยนะ”
“เออ!”
 
‘อะไร?’
ตรีภพเอ่ยถามหลังจากที่จิบไวน์เสร็จ  ชายหนุ่มก็ล้วงเอาบางอย่างออกมาจากในเสื้อสูท เป็นซองสีน้ำซองเล็กขนาดเท่าซองจดหมาย
‘ลองเปิดดูสิครับ’
เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าจะยอมบอกแน่ๆว่าข้างในคืออะไร  ตรีภพจำต้องหยิบซองขึ้นมาเปิดดูเอง  ทันทีที่เห็นของข้างใน  เขาก็โกรธจนตัวสั่น  ปารูปภาพแอบถ่ายเหล่านั้นทิ้งลงพื้นทันที
‘นี่มันอะไรกัน!’
‘อะไรล่ะครับ  จำรูปตัวเองกับบรรดาสาวๆที่คุณเลี้ยงไว้ไม่ได้เหรอ?’
‘คุณเปลว!  คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?!’
‘รูปภาพพวกนี้จะจบลงที่ผมกับคุณเท่านั้น  หากคุณรับปากมาว่าจะไม่แตะต้องนางงามไม่ว่าคนไหนก็ตามในกองประกวดของผมอีก’
‘ฮะ?’
‘ยื่นหมูยื่นแมวไงครับ  ถ้าคุณยอมรับปาก  ผมก็จะไม่ส่งรูปพวกนี้ให้คุณกิมเล้ง’
ตรีภพหน้าซีดเมื่อชายหนุ่มเอ่ยชื่อภรรยาบังเกิดเกล้าของเขาออกมา  จากที่มีท่าทางใหญ่คับฟ้าก็ค่อยๆหดเล็กลงตามลำดับความกลัวเมีย
‘คะ…แค่ไม่แตะต้องบรรดานางงามของคุณก็พอใช่ไหม’
‘และที่สำคัญ…ต้องห้ามถอนสปอนเซอร์ออกด้วยนะครับ  เพราะการประกวดของผมไม่ได้ทำอะไรผิด  ถ้าจู่ๆมาโดนถอนสปอนเซอร์ไปผมคงแย่’
‘ดะ  ได้สิ  ได้แน่นอน  ฉันจะไม่ยุ่งกับนางงามของเวทีประกวดนี้อีกเลย  แล้วก็จะไม่ถอนสปอนเซอร์ด้วย  คะ…คุณอย่าส่งรูปพวกนี้ให้เมียผมนะ  ไม่อย่างนั้นผมต้องตายแน่ๆ’
‘ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความระพฤติทั้งหมดของคุณนั่นแหละครับ  แต่ในเมื่อคุณอุตส่าห์ขอร้องมาดีๆ  ผมก็จะยอมช่วยเหลือคุณสักครั้ง’
ตรีภพยิ้มกว้าง  ใจชื้นขึ้นมาหน่อยแม้ว่าตามใบหน้าจะมีเหงื่อผุดออกมาไม่หยุดก็ตาม
‘จริงสิ  ผมลืมบอกไปว่า…ที่คุณทำร้ายนางงามของผมเมื่อคืนมันทำให้ผมโกรธจนขาดสติ  ก็เลยเผลอโทรไปบอกคุณกิมเล้งเมื่อเช้านี้ว่าคุณแอบมาที่กองประกวด’
‘อะไรนะ!  คุณโทรบอกกิมเล้งเรอะ!’
‘แต่ดูเหมือนว่าคุณกิมเล้งจะคิดว่าคุณไปดูงานอยู่ที่ต่างประเทศนะครับ  เพราะอะไรกันนะ?’
‘ตายๆๆ กูต้องตายแน่ๆ  มีหวังโดนริบบัตรเครดิตและระงับวงเงินชัวร์ๆ’
ตรีภพว้าวุ่นใจอย่างถึงที่สุด  ส่วนชายหนุ่มผู้สร้างความวุ่นวายนี้ให้แก่เขาก็ได้แต่นั่งยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะไปแบบสบายๆ
 
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ”
“ที่แท้ก็เอาแม่เสือมาขู่พ่อเสือนี่เอง  ไอ้เราก็นึกว่าใช้กำลังในการข่มขู่เสียอีก”
“ยังไงผมก็จัดอยู่ในหมวดพวกชอบใช้สมองมากกว่ากำลังนะครับ  จะเอาแรงที่ไหนไปสู้อดีตนักยูโดอย่างคุณตรีภพกันล่ะ”
ก็จริง  ขนาดกูที่สู้มาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมยังไม่รอดเลย
กริ๊ง…กริ๊ง…
“ครับ”
ไอ้หน้าหนวดกดรับโทรศัพท์ที่ต่อสายตรงภายในห้องของโรงแรม
[คุณเปลวคะ  มีคนมาขอพบคุณน้ำค่ะ  แต่ดิฉันตามหาคุณน้ำไม่เจอ  ไม่ทราบว่าจะให้บอกคนที่มาคุณน้ำว่าอะไรดีคะ?]
“ไม่ต้อง  บอกแค่ว่าเดี๋ยวคุณน้ำจะไปพบ  ว่าแต่…ใคร?  ได้ถามชื่อเขาหรือเปล่า”
[ถามค่ะ  เขาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทคุณน้ำ  ชื่อตูมตามค่ะ]
ตูมตาม!
ผมลุกพรวดจากโซฟาวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ทันที  จะอะไรก็ไม่รู้แหละ  ไหนมะนาวบอกว่าอีกสองวันทางกองประกวดถึงจะเปิดให้ผู้ชมและญาติพี่น้องของผู้เข้าประกวดเข้ามาในงานไง  แล้วทำไมไอ้ตูมตามถึงโผล่มาวันนี้ได้ล่ะวะ?
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก  ผมรีบพุ่งไปที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว  มองจากตรงนี้เห็นร่างสูงของไอ้ตูมตามยืนอยู่ไม่ไกล  ผมจำท่ายืนเอาสองมือล้วงกระเป๋าไปจับไข่ของมันได้ดี  ไอ้ตูมตามเพื่อนผมไม่ผิดแน่!
“ไอ้ตูมตาม!”
“ไอ้ฟะ…เอ๊ย  น้ำ!”
ทั้งผมและมันต่างก็โผเข้ากอดกันราวกับว่าไมได้เจอกันมาหลายชาติ  ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ  ไม่ได้เจอมันมาเดือนกว่าแล้วมั้งเนี่ย
“มึงเป็น…”
หมับ!
“ต้องขออนุญาตที่ขัดจังหวะ  แต่ช่วยกรุณาถอยห่างจากคนของผมหนึ่งเมตรเป็นอย่างต่ำด้วยครับ”
เสียงพร้อมร่างของไอ้หน้าหนวดปรากฏขึ้น  มันแยกผมออกมาจากไอ้ตูมตามแถมยังเหวี่ยงให้ไปหลบอยู่ข้างหลังอีกด้วย
อะไรของมึงวะเนี่ย  กูจะกอดเพื่อนกู  มึงมาเกี่ยวอะไรไม่ทราบ!
“เอ่อ  น้ำ…คนนี้คือ?”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ผมเป็นแฟนของคุณน้ำ”
“หา?!!!”
“ไม่สิ  ผมเป็นแฟนของคุณไฟ”
พูดอะไรของมึงเนี่ยไอ้หน๊วดดดดดด!
ใครก็ได้  เอาไอ้ตัวชอบสร้างปัญหาคนนี้ไปเก็บในตู้ให้ผมที  กราบล่ะ!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ตอนนี้เร่องราวดำเนินมาจนใกล้จะถึงบทสรุปของการประกวดแล้วน้า  แต่การประกวดจบ  ใช่ว่าเรื่องราวความรักของพี่ไฟกับคุณเปลวจะจบเสียเมื่อไหร่  ต้องตามไปลุ้นไปเอาใจช่วยกันเยอะว่าคู่นี้เขาจะลงเอยกันได้ยังไง?!  ตอนต่อไปพบกันพรุ่งนี้จ้า   จุ๊บๆๆๆ


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 16 (30/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-12-2016 23:00:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 16 (30/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-01-2017 12:28:21
 :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 16 (30/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-01-2017 14:25:06
นั่นเพื่อน หวงแม้กระทั่งกับเพื่อนสนิทของไฟเองอ่ะนะ แถบโมเมว่าเปฌ็นแฟนอีก
แล้วบาร์บี้นี่ยังไง สรุปใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนั้น

ต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 06-01-2017 22:30:29




ตอนที่ 17
คำถาม?

 
“นะ…นี่มันอะไรวะ  เขารู้?”
“เออ  ความแตกแล้วไอ้งามไส้”
ผมกระซิบกระซาบกับไอ้ตูมตาม   แต่เพียงแค่ยื่นหน้าไปใกล้มันเพียงแค่ปลายขนแขนกระทบกันก็ถูกไอ้คนตัวสูงข้างตัวมันกระชากให้ออกห่าง
เดี๋ยวนะ  เพื่อนกูไม่ได้ติดเชื้ออีโบล่าเหอะ  มึงไม่ต้องระวังขนาดนี้ก็ได้!
“มีอะไรไปคุยกันที่ห้องของผมดีไหมครับ  ยืนคุยตรงนี้คงไม่ดีนัก”
“ไม่ดีตั้งแต่ที่คุณมายืนโอบผมแล้วเหอะ  ปล่อยสิวะ  จะโอบหาซากแมวอะไร”
ผมรีบสะบัดตัวให้หลุดออกมาจากอ้อมแขนที่ชวนให้รู้สึกแปลกๆนี่  ก่อนจะหันไปปะทะกับสายตาอันเต็มไปด้วยคำถามมากมายร้อยแปดจากไอ้ตูมตาม…
สรุปผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างตัวกูตอนนี้…
แม่งมีใครทำให้กูสบายใจบ้างไหมเนี่ย!
 
“อะไรนะ? น้ำมาไม่ได้  ทำไมวะ?”
ผมเขย่าตัวไอ้ตูมตามถามด้วยความเป็นห่วงน้องสาว
ความจริงผมก็รู้อยู่แล้วล่ะนะว่าขาน้ำคงยังไม่หายเพราหมอบอกเอาไว้ว่าต้องใส่เฝือกสามเดินเต็ม  แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นขยับไปไหนไม่ได้เลยนี่หว่า!
“ใจเย็นๆ  ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอก  น้ำสบายดี  เพียงแต่หมอไม่ไว้ใจกลัวจะเกิดการกระทบกระเทือนทำให้ขาหายช้า  ก็เลยไม่อนุญาตให้มาน่ะ  แต่น้ำฝากความคิดถึงมาหามึงด้วยนะเว้ย  นี่ไงๆ  กูอัดคลิปน้ำตอนพูดถึงมึงมาด้วย”
ไอ้ตูมตามยืนยันว่าน้ำสบายดีด้วยการเปิดคลิปของน้ำให้ผมดู
ทันทีที่ภาพบนจอมือถือขึ้นเป็นใบหน้าของน้ำ  ผมก็แย่งเอามาถือไว้เพื่อจะได้ดูน้ำแบบเต็มๆอย่างใกล้ชิด
น้ำของพี่…
คิดถึงที่สุดเลย
[ไงไฟ  สบายดีนะ  น้ำคิดถึงไฟมากๆเลย  อยากไปหาใจจะขาดอยู่แล้ว  แต่หมอไม่ให้น้ำออกไปไหน  ไฟไม่โกรธน้ำนะ]
จะไปโกรธได้ยังไงกันเล่ายัยเด็กบ้า  แค่ได้เห็นหน้าเธอผ่านคลิปพี่ก็ดีใจแล้ว
[ตอนนี้ไฟคงต้องลำบากเลยสินะ  น้ำเป็นห่วงไฟจังเลย  ต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อน้องสาวไม่เอาไหนแบบน้ำ  น้ำขอโทษจริงๆนะ  หนึ่งเดือนกว่าๆที่ไม่ได้เจอกันทำเอาน้ำนอนแทบไม่หลับเลย  เพิ่งรู้ว่าความจริงแล้วตัวเองเป็นคนติดพี่ชายก็ตอนที่พี่ชายไม่อยู่นี่แหละ]
น้ำหัวเราะแต่ทว่าบนใบหน้ากลับเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมา
ผมใช้นิ้วโป้งลูบหน้าจอมือถือของไอ้ตูมตามตรงจุดที่เป็นแก้มของน้ำพอดีเพราะอยากจะเช็ดน้ำตาให้
นั่นสินะ  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับน้ำแยกจากกันนานขนาดนี้  ที่ผ่านมาเราห่างกันมากสุดก็แค่สามวันเวลาต่างคนต่างไปเข้าค่ายของชมรม  แต่เราก็ยังติดต่อกาหันได้  ไม่ว่าจะเป็นโทรคุย  หรือว่าวิดีโอคอล  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจริงๆที่พวกเราไม่ได้ติดต่อกันเลย
คงจะแปลกล่ะถ้าจะไม่รู้สึกอะไรเลย
[ไฟฟังน้ำนะ  ถ้ารู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวจริงๆก็ไม่ต้องทน  ออกมาเลย  นางงงนางงามอะไรน้ำไม่อยากเป็นแล้ว  น้ำคิดถึงไฟมากกว่า  อยากให้ไฟกลับมาอยู่กับน้ำเร็วๆ ]
ไฟก็อยากกลับไปหาน้ำจะแย่อยู่แล้ว
แต่ทำไม่ได้…
จะให้ไฟละทิ้งความฝันอีกอย่างหนึ่งของน้ำทั้งที่ไฟเคยทำลายความฝันของน้ำไปแล้วครั้งหนึ่งน่ะเหรอ  ไฟทำไม่ได้หรอก…
“เอ้าๆ  คนน้องก็ร้องตอนอัดคลิป  คนพี่ยังมาร้องตอนดูคลิปอีก  สรุปกูต้องปลอบทั้งน้ำทั้งพี่เลยใช่ไหมเนี่ย”
หมับ…
มือหนาสากๆหยาบๆของไอ้ตูมตามจับหมับเข้าที่หัวของผมก่อนจะจับโอนไปเอนมาคล้ายกับจะปลอบ  แต่เดี๋ยวก่อน…
เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ?
“มึงบอกว่าน้ำร้องไห้เหรอ”
“อื้อ  ใช่  ทำไมวะ”
“แล้วมึงก็ปลอบน้ำด้วยใช่มะ?”
“เยสสส  ก็น้องมึงร้องไห้อยู่ตรงหน้ากู  กูก็ต้องปลอบดิวะ”
“แล้วมึงปลอบยังไง”
“ก็เหมือนที่ทำกับมึงนี่ไง”
“…”
“…”
“…”
“…”
“เอ่อ…คิดอีกทีกูแค่หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้น้ำเฉยๆว่ะ  ไม่ได้แตะตัวเลยนะเว้ย  ไม่ได้สัมผัสโดนน้ำแม้แต่ปลายเส้นผมเลย”
“ไม่ทันแล้ว  ไอ้สัตว์!”
พลั่ก!
“อ๊ากกก!”
ไอ้ตูมตามถูกผมถีบเต็มแรงจนตกโซฟาข้อหาบังอาจมาแตะต้องตัวน้องสาวผม  ถึงจะแค่เส้นผมแต่ผมก็หวงเว้ย!
“โฮ๊ย!  ไอ้เหี้ย  ใจเย็นดิวะ  กูแค่ลูบหัวน้ำเฉยๆเองนะเว้ย  ไม่ได้ทำห่าไรเลย”
“แค่เส้นผมก็ไม่ได้เว้ย  น้องสาวกู  กูหวง!”
“งั้นกูจับมึงแทนก็ได้ใช่ป่ะ”
หมับ!
“ไม่ได้หรอกครับ  คนนี้น่ะ  ของผม”
ไอ้หน้าหนวดที่ขอตัวไปเอาเครื่องดื่มที่ห้องครัวมาให้ตั้งแต่มาถึงเดินเข้ามาคว้าคอผมแล้วดึงเข้าหาตัวแสดงความเป็นเจ้าของแบบสุดๆ
ประทานโทษนะ  กูไม่ใช่สัตว์เลี้ยง!  ที่มึงจะมาแสดงความเป็นเจ้าของตามอำเภอใจแบบนี้  อีกหน่อยสงสัยคงหาโซ่มาลากผูกผมไว้กับเสาเตียงแหงๆ!
“ใจเย็นครับใจเย็น  ผมคบกับไอ้ฟายมาตั้งแต่อนุบาล  ไม่มีทางคิดอะไรกับมันแน่นอน  คุณเลิกหวงมันเวลาอยู่กับผมทีเหอะ  คิดแล้วขนลุก”
“ยิ่งเพื่อนสนิทยิ่งต้องกังวลครับ  อีกอย่าง…คุณไฟของผมออกจะน่ารักขนาดนี้  ใครอยู่ใกล้ก็ต้องหวั่นไหวแน่นอน”
ไม่พูดเปล่า  มือปลาหมึกของมันก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมตามเคยด้วยการเลื้อยมากอดเอวผมไว้  เดี๋ยวจับแก้ว  เดี๋ยวจับหัว  เดี๋ยวจับแขน  จับแม่งแทบจะทุกส่วน
ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้ตูมตามนั่งเสร่ออยู่บนพื้น  ผมว่ามันคงล้วงกระโปรงผมไปแล้วล่ะ!
“ไอ้ฟาย  กูถามจริงๆนะ  มึงกับคุณเปลว…”
“เฮ้ย!  ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะเว้ย  กูกับเขา…”
“ไม่เอาน่าคุณไฟ  กับเพื่อนสนิทก็ยังจะปิดบังเหรอครับ  บอกเขาไปเถอะว่าพวกเราน่ะ  เป็นอะไรกัน”
ไม่ต้องมาทำตามหวานซึ้งใส่กูเลย!
ผมสะบัดหน้าหนีไอ้หนวดแล้วหันไปมองไอ้ตูมตามที่กำลังทำหน้าเหมือนฟ้าจะถล่มในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า  มึงคงไม่ได้เชื่อมันหรอกใช่ไหม!
“ไอ้ฟาย  เพราะกูสินะ  เพรากูให้มึงทำเรื่องบ้าๆแบบนี้  มึงก็เลยเบี่ยงเบน…”
“กูบอกว่าไม่ใช่ไงโว้ยยย!”
“แล้วแบบนี้กูจะบอกน้ำว่ายังไงดีล่ะ  พี่ชายคนเดียว  ลูกชายคนเดียวของครอบครัว…”
“อย่าบอกน้ำเด็ดขาดนะไอ้ตาม!  ถ้ามึงบอกกูฆ่ามึงแน่”
“อ้าวๆ  ไหนมึงบอกไม่ใช่ไง  แล้วทำไมบอกไม่ได้วะ”
คำถามของมันทำเอาผมชะงัก
เออว่ะ  ในเมื่อผมยืนยัน นอนยัน  ตีลังกาหมุนวนบนอากาศยันอยู่แบบนี้แล้วผมจะห้ามไม่ให้มันบอกน้ำไปทำไม
“ก็…ก็…”
“หรือว่ามึง…”
“ระ…เรื่องนั้นช่างมันเหอะ  ว่าแต่มึงมาวันนี้ได้ไงวะ  เขาเปิดให้ญาติเข้าพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไง”
“กูมาในฐานะคนของมหา’ลัยต่างหาก  ก็เลยสามารถเข้าเยี่ยมผู้เข้าประกวดได้ก่อนคนอื่นๆหนึ่งวัน”
ทำไมฟังมันพูดเหมือนผมติดคุกอยู่แล้วมันก็รอเวลาที่จะเข้าเยี่ยมผมได้เลยล่ะ…
“แล้วนอนห้องไหน”
“กูโทรจองห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  แต่อยู่อีกตึกแยกจากตึกของนางงามอ่ะ มึงไปนอนกับกูไหม  จะได้คุยกันด้วย  กูมีเรื่องเม้ามากมายเลย”
ผมรีบพยักหน้าทันทีที่ถูกชวน
แอบย่องออกไปเหมือนเวลาย่องมาห้องไอ้หน้าหนวดก็คงไม่มีปัญหาอะไร  อีกอย่างผมอยากคุยเรื่องน้ำกับเรื่องที่มหา’ลัยจะแย่อยู่แล้ว
เอาง่ายๆคือกูอยากคุยกับเพื่อนที่สามารถคุยเรื่องของกูในฐานะไฟได้อ่ะ  จบป่ะ!
“งั้นเดี๋ยวคืนนี้กูแอบย่องไปหามึงตอนห้าทุ่มละกัน  มึงก็เปิดประตูห้องรอ…”
ตุ้บ!!!
บทสนทนาถูกขัดขวางด้วยหอบผ้าอะไรสักอย่างที่ถูกโยนตุ้บลงคั่นกลางระหว่างผมกับไอ้ตูมตาม  มันคือผ้านวมผืนยักษ์และหมอนอีกหนึ่งใบ  คนโยนยืนทำหน้าถมึงทึงบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ไอ้ฟาย  กูว่าผัวมึงหึงแน่เลยว่ะ”
“ไม่ใช่ผัวเว้ย!”
“ไม่ใช่เหี้ยไร  ดูทำหน้าดิ  จะแดกหัวกูอยู่แล้ว”
“เห็นแก่เพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเดือน  ผมจะช่วยให้ได้คุยกันทั้งคืนโดยการยอมสละห้องนี้ให้คุณตูมตามนอนด้วยแล้วกันนะครับ  อยากจะคุยอะไรกันก็คุยมันในห้องผมนี่แหละ  ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
งใบหน้าจะยังยิ้มอยู่  แต่จะผิดไหมถ้าผมกับไอ้ตูมตามไม่มีใครกล้าตอบอะไรกลับไปเลยนอกจากผงกหัวรับคำสั่งอย่างหมาเชื่องๆสองตัว
“ดีมากครับ  ถ้าอย่างนั้นไอ้ที่จะนัดไปนอนด้วยกันตามลำพังนั่นก็…ยกเลิกซะนะครับ  คุณตูมตามก็เหมือนกัน  โทรแคนเซิลห้องได้เลย   สองคืนที่อยู่ที่นี่ผมยินดีให้คุณใช้ห้องร่วมกับผม”
“เอ่อ…รู้สึกเป็นเกียรติจังเลยนะครับ”
ต้องเป็น ‘เกลียด’ สิถึงจะถูก
สรุปแล้วทั้งผมและไอ้ตูมตามก็ไม่มีใครทักท้วงความต้องการของไอ้หน้าหนวด  เพราะเป็นอันรู้กันว่ายังไงมันก็ถือไพ่เหนือกว่าพวกผม  ความลับสุดยอดที่มันกุมไว้นั้นสามารถแตกโพละได้ตลอดเวลาถ้าไปขัดใจมันเข้า…
 
แต่…!
มึงจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอไอ้หนวด  ตอบ!!!
“เพื่อกันคุณไฟนอนดิ้นตกเตียง  เอาล่ะ  เชิญคุยกันได้ตามสบายเลยครับ”
สบายพ่องมึงสิไอ้หน๊วดดดดดด!!!
หลังจากที่ผมแยกกลับลงไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้อง  รอจนบาร์บี้หลับไปแล้วจึงย่องกลับขึ้นมาใหม่  แต่ว่าพอมาถึง  ผมก็โดนเจ้าของห้องลากมาที่เตียงก่อนจะเอาผ้าห่มสำรองมาพันตัวผมไว้เหมือนแป้งขนมโตเกียวต่อด้วยเอาเข็มขัดมารัดจนขยับไปไหนไม่ได้
และปิดท้ทายด้วยกุญแจมือ!
มันเอากุญแจมือข้างหนึ่งมาห้อยไว้กับห่วงเข็มขัด  ส่วนอีกข้างก็ล็อคกับข้อมือของตัวเองไว้
คือก่อนหน้านี้กูก็แค่คิดในใจเล่นๆนะไอ้เรื่องที่ว่าอาจจะถูกมึงล่ามโซ่น่ะ  แต่มึงไม่จำเป็นต้องทำจริงๆก็ได้ป่ะวะ  คือกูแก่คิดดดด!
หนำซ้ำจุดที่ผมนอนยังเป็นเตียงฝั่งที่ติดกับกำแพง  ดิ้นให้ตายยังไงก็ไม่มีวันตกเตียงได้อย่างแน่นอน  ส่วนไอ้ตูมตามก็นอนข้างล่างข้างเตียง  โดยที่คนที่นอนอยู่ฝั่งนั้นก็คือไอ้หน้าหนวดต่างหากไม่ใช่ผม  แล้วมันจะกลัวผมตกเตียงไปเพื่ออะไรเนี่ยยยย
“คุณจะบ้าเหรอคุณเปลว   คุณเล่นมัดผมไว้แบบนี้แล้วผมจะคุยกับเพื่อนยังไงล่ะครับ!”
“ก็คุยไปสิครับ  ผมไม่ได้มัดปากคุณสักหน่อย”
จะบอกให้กูนอนตะโกนคุยกับมันอยู่แบบนี้โดยไม่ต้องมองหน้ากันเรอะ!
“ไอ้ตาม  มึงปล่อยใยได้ไหม”
“ใยอะไรวะ”
“ปล่อยใยแบบสไปเดอร์แมนแล้วมาห้อยหัวตรงหน้ากูเนี่ย  จะได้คุยกัน”
“มึงจะบ้าเหรอ!  กูจะไปเอาใยจากไหนมาปล่อย”
อยากจะบ้าตาย
ผมเหลือบตามองคนข้างกายที่นอนหลับตาพริ้มท่าทางสบายใจโอ้ลัลล้าเป็นที่สุด  ทุ่มขี้ใส่หัวกูแล้วก็นอนอย่างสบายใจเฉิบเลยนะไอ้หน้าหนวดเอ๊ย!
“ไอ้ตาม  หลับยังวะ”
“ยัง”
“น้ำสบายดีใช่ไหม”
“เออ  วันนี้ก็ฝึกกายภาพเหมือนเดิม  น้ำเริ่มขยับขาได้บ้างแล้วถึงจะยังเดินไม่ได้ก็เหอะ  แต่หมอบอกว่าน้ำฟื้นตัวเร็ว  ยังไงก็กลับมาเดินเหินได้เป็นปกติแน่นอน”
“งั้นเหรอ  ดีแล้วล่ะ”
ผมยิ้มอย่างมีความสุข
ตอนแรกก็แอบกังวลกลัวว่าน้ำจะไม่กายเป็นปกติ  แต่รู้แบบนี้ผมก็ใจชื้นขึ้น  มีแรงที่จะสู้รบบนสงครามนางงามนี้ต่อไปเพื่อรอจนกว่าจะถึงวันที่น้ำจะมาเปลี่ยนตัวกลับ
“แล้วมึง…ไหวหรือเปล่าวะ”
“เรื่อง?”
“ที่ต้องปลอมตัวเป็นน้ำ  มึงลำบากไหม”
แทบร้องไห้เมื่อเจอมันถามแบบนี้
ไอ้วันที่ขอให้กูสวมรอยเป็นน้ำมึงก็ยัดเยียดให้แบบไม่ปรึกษากูสักคำ  วันนี้มึงมาถามคำถามแบบนี้ใส่  บอกเลย…
ซึ้งใจเหี้ยๆอ่ะเพื่อน!
“จะว่าไงดีล่ะ   ก็ลำบากเหมือนกันแหละ  เกิดมากูเคยเป็นผู้หญิงที่ไหน  บราก็ไม่เคยใส่  ไข่ก็ไม่เคยแต๊บ  ส้นสูงก็ไม่เคยใส่เดิน  แต่จู่ๆกูต้องมาทำเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตทั้งหมด  มึงคิดว่ากูจะสบายหรือไงล่ะ  ถามควายๆ”
“กูขอโทษแล้วกันที่ถาม”
“แต่ว่า…มันก็แค่แรกๆเท่านั้นแหละ  หลังๆก็กูไม่ได้ลำบากอะไร  พอเริ่มชินมันก็ปรับตัวได้เอง  อีกอย่าง…”
ผมหยุดคำพูด  ค่อยๆหันไปมองหน้าคนข้างตัวที่หลับไปแล้ว
ไม่รู้ว่าหลับจริงหรือว่าแกล้งหลับกันแน่  แต่ว่า…ความลำบากที่ผมเคยเจอตอนเริ่มเก็บตัวใหม่ๆ  มันค่อยๆหายไปทีละอย่างสองอย่างก็เพราะเขา
เพราะมีไอ้หน้าหนวดคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด  เพราะยังมีที่พึ่งพิงข้างกาย…
“ทำไมเงียบไปวะ  อีกอย่างอะไร”
เสียงไอ้ตูมตามตะโกนถามกลับมา   ผมสะบัดหัวตัวเองเพื่อเรียกสติให้กลับมาหลังจากที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มจะฟรุ้งฟริ้งมากขึ้น
ถั่วงอกบนตัวกูต้นที่หนี่งร้อยแล้วไง
แค่มองหน้ามันรอบข้างก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูมุ้งมิ้งหวานแหววเสียแล้ว!
เป็นเอามากนะไอ้ฟายยยย!
“อีกอย่างกูเป็นคนที่มาพร้อมกับดวงอยู่แล้ว  ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก  นอนเหอะ  พรุ่งนี้กูต้องตื่นแต่เช้าไปแต่งตัวแต่งหน้าเตรียมขึ้นเวทีประกาศผลรอบคัดเลือกอีก”
“กี่โมงวะ”
“ตีห้า”
“ประกาศผลตอนตีห้าเลยเรอะ!  แบบนี้มึงไม่ต้องตื่นแต่งตัวตั้งแต่ตีสองเหรอวะ”
“ไอ้โง่!  กูหมายถึงกูต้องตื่นตีห้า!  ไอ้ประกาศผลนั่นมันต้องบ่ายเว้ย!”
“ประกาศผลบ่าย?  แต่ตื่นแต่งหน้าตั้งตาตีห้า?  ตื่นมาเพื่ออะไร”
ถามกูแล้วกูจะไปถามใครเล่า!  ทุกวันนี้ยังสงสัยเลยว่ากะอีแค่แต่งหน้าแต่งตัวของผู้หญิงทำไมมันถึงกินเวลาหลายชั่วโมงนัก
แต่พอมาแต่งเองมันก็หลายชั่วโมงจริงๆนะครับ  นานจนผมยังตกใจเลย  แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไรถึงนาน  รู้แค่ว่าแค่คิ้วข้างเดียว  กว่าจะเขียนเสร็จแม่งใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง…
เมื่อผมไม่ตอบอะไรกลับไป  ไอ้ตูมตามก็ไม่ได้ถามอะไรมาอีก  ต่างคนต่างเงียบ  อีกอย่างผมรู้สึกไม่สะดวกใจถ้าจะต้องตะโกนคุยกับมันโดยมีไอ้หน้าหนวดนอนคั่นกลางเป็นไส้เบอร์เกอร์อยู่แบบนี้   ไอ้เรื่องที่อยากจะถามอยากจะปรึกษาก็เป็นอันต้องพับโครงการเก็บเข้ากรุไปเลย
เฮ้อ!
นอนดีกว่าวุ้ย  เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาหน้าโทรมจะโดนช่างแต่งหน้าดุเอาอีกว่าต้องมานั่งโบ๊ะขอบตาให้
 
ขยุก…ขยิก…
“อื้อ…”
ขยุก..ขยิก…
สวบ…
“หือ…อะไร…!   อุ๊บ!”
ปากที่กำลังจะส่งเสียงถูกอุดไว้แน่นจนแม้แต่ลมหายใจก็ยังเล็ดลอดออกไปไมได้
เดี๋ยวๆๆ  หายใจไม่ออกแบบนี้กูตายได้นะเว้ย!
“เบาๆนะครับ  เดี๋ยวเพื่อนคุณจะตื่น”
ผมหยักหน้ารับในความมืด  รู้สึกร่างกายโล่งสบายแปลกๆ  ทั้งที่ก่อนจะนอนมันยังแน่นไปหมดเพราถูกรัดอยู่เลย
“ผมได้ยินคุณหายใจเสียงดังมาก  คิดว่าคุณคงหายใจไม่ออกและนอนไม่ถนัดที่ถูกมัดแบบนั้น”
“เพิ่งจะรู้เรอะ”
“ขอโทษนะครับ ผมแค่กลัวว่าคุณจะแอบออกไปกับเพื่อนคุณตามลำพัง”
“แล้วถ้าผมจะออกไปกับเพื่อนจริงๆมันแปลกตรงไหนล่ะฮะ  ก็นั่นมันเพื่อนผมนะ   เพื่อนสนิทด้วย”
ผมเถียงกลับ  เราต่างก็กระซิบกระซาบคุยกันราวกับชู้รักที่แอบมาผมกับตอนผัวเผลอ…
“ผมรู้  แต่…”
ไอ้หน้าหนวดพลิกตัวเป็นนอนตะแคงหันมาทางผม  ทำเอาผมต้องเขยิบถอยหนีไปจนติดกำแพงแต่อีกฝ่ายก็ยังเขยิบตามมา
เฮ้ยยย!  กูไม่มีที่ไปแล้วเว้ย  มึงไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้  กระซิบไกลๆกูก็ได้ได้ยิน  หูกูยังไม่ตึง  เชื่อกูเหอะ  เขยิบออกป๊ายยยย!
หมับ…
“คุณไฟ…”
มันฟังเสียที่ไหนล่ะ
ผมผวาเฮือก  กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเพราะจู่ๆแม่งก็เหนียวปานหมากฝรั่งขึ้นมากะทันหัน  ค่อยๆหันไปมองไอ้หน้าหนวดที่ส่งเสียงเรียกชื่อผมมาอย่างแผ่วเบาปนเซ็กซี่  มือหนาจับแขนผมเอาไว้พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ผมมีคำถามอยากจะถามคุณ”
“ถะ…ถามอะไร”
คำถามของมึงจำเป็นต้องใกล้ขนาดนี้ด้วยเหรอวะ!  เห็นใจหัวใจดวงน้อยๆของกูบ้างเหอะ  ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบมึงมันก็ทำงานหนักมากในแต่ละวัน  ดีไม่ดีอาจจะหัวใจวายตายได้ในสักวันเลยนะ!
“คุณรู้ไหม”
“…”
“ว่าผมคิดยังไงกับคุณ”
เป็นคำถามที่ยากยิ่งกว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันอีก!
หมับ!
“ฮะ…”
“ชู่  ถ้าเสียงดังแล้วเพื่อนคุณตื่นมาเห็นพวกเราในสภาพนี้คงไม่ดีแน่”
ผมกลืนเสียงร้องกลับลงไปในคอทันที  ไอ้หน้าหนวดยิ้มเผล่เพราะมันชนะผมอีกแล้ว  แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าไอ้เวรนี่มันกำลังคร่อมผมอยู่โดยที่แขนทั้งสองข้างของผมถูกจับล็อคกันไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของมันอยู่เหนือศีรษะ
“คุณจะทำอะไร  ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”
“ยังไม่ปล่อยจนกว่าคุณจะตอบคำถามของผม”
“ไม่ตอบ”
“ทำไม”
“เพราะผมไม่รู้”
“แน่ใจเหรอครับว่าไม่รู้?  คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ”
ถึงจะอยู่ในความมืด  แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองผมด้วยสายตาแบบไหน…
สายตาที่ทำให้ผมสับสนและคิดมากอยู่เสมอ  สายตาที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มองผมก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปทุกครั้ง
“ถ้าวันนี้ผมไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ…”
“…”
“เห็นทีคงต้องฉายหนังสดให้เพื่อนคุณดูสักรอบแล้วล่ะมั้ง”
เดี๋ยวก่อน  ฉายหนังสดอะไรของมึง!
คิดจะทำอะไรกันแน่วะเนี่ยไอ้หน๊วดดดดดด!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ขอโทษที่หายไปนานนะคะ  อย่างที่แจ้งว่ามีงานยุ่งมากๆ  แล้วงานของบิวต้องเดินทางออกต่างจังหวัดตลอดด้วย  ทำให้ตารางการอัพนิยายรวนไปหมด  แต่ถ้าว่างก็พยายามจะมาอัพให้ได้อ่านนะคะ  ไม่อยากให้นักอ่านรอนานเหมือนกัน  ฮืออ TOT
ตอนนี้พี่ไฟกับคุณเปลวของเราเปิดพรีออเดอรแล้วน้า  ใครสนใจก็ทักแชทเพจบิวมาได้เลย  หรือจะกรอกแบฟอรมตามรายละเอียดที่แจ้งอยู่ในโพสปักหมุดหน้าเพจก็ได้ค่า  แต่ว่าไม่ต้องกังวลนะคะ  บิวยังอัพให้อ่านจนจบในเว็บตามปกติค่า  แต่อาจล่าช้านิดหนึ่งเพราะงานยุ่งมว๊ากกกกก  เพราะงั้นใครที่ตามอ่านอยู่ไม่ต้องกลัวค้างน้า  อัพจนจบแน่นอนจ้า  จุ๊บๆๆๆ


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 06-01-2017 22:49:39
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2017 23:33:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 07-01-2017 12:12:21
ตลกอ้ะ อ่านแล้วขรรมมาก 555555
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-01-2017 18:40:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: zeeL ที่ 07-01-2017 20:39:51
หนวด ยังไม่ทำไรให้เคลียร์อย่าริมาดน้องฟายนะเฮ้ย
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-01-2017 20:48:11
เปลวหื่นตลอดเวลาเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 17 (06/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 09-01-2017 16:00:26
รอนะค้าา :hao7: :กอด1:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11 ตอนที่ 18 สิ่งที่/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-01-2017 23:25:59


ตอนที่ 18
สิ่งที่กลัว?

 
“ว่ายังไงครับ  ขอคำตอบที่น่าพอใจด้วยนะ”
แล้วกูจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่าคำตอบไหนมึงจะพอใจ!
ผมชักสีหน้ามองมันอย่างเหลืออดเหลือทน  ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้ตูมตามนอนกรนเหมือนเสียงเรือหางยาวอยู่ข้างล่างนี่ผมคงได้ใช้เสียงตวาดให้ปล่อยไปแล้ว
เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้ตูมตาม!
“คำตอบแบบไหนล่ะที่คุณพอใจ”
“นั่นสิ  จะมีอะไรที่ผมพอใจมากไปกว่าตัวคุณกันนะ  มีด้วยเหรอ?”
มาถามกูแล้วกูจะรู้หรือไงเล่า!
แสงไฟริบหรี่จากด้านนอกส่องเข้ามาพอให้เห็นใบหน้ากันอย่างเลือนราง  อีกฝ่ายเอียงคอเล็กน้อย  ริมฝีปากเหยียดยิ้มแบบที่ชอบทำนั่น  สายตาไล่มองร่างกายของผมขึ้นลงๆจนเริ่มจะประหม่า
“มะ…มองอะไร”
“มองสิ่งที่ทำให้ผมพอใจ”
เกลียดรอยยิ้มมึงจริงๆ!
รู้สึกได้ว่าใบหน้าของไอ้หน้าหนวดกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้  ผมหันขวับไปทางไอ้ตูมตามก่อนเป็นอันดับแรกด้วยกลัวว่ามันจะตื่นมาเห็นช็อตบ้าๆแบบนี้เข้า  คงไม่ติดจะฉายหนังสดให้เพื่อนผมดูจริงๆหรอกนะ!  ไม่เอาๆๆ กูยังไม่พร้อม!  กูยังไม่เคย!
“หยุดเลยนะ”
“คิดว่าผมจะหยุดเหรอ?”
ไม่…  กูไม่คิดว่ามึงจะหยุดตามที่กูบอกหรอก  แต่กูก็พูดกันไว้ก่อนเผื่อฟลุ๊คอ่ะมีไรป่ะ!
“ผมว่าคุณน่าจะไปทำแบบนี้กับบาร์บี้มากกว่านะครับ  ดูจะชอบพอกันดี  เข้ากันได้ไม่น้อยเลยนี่”
“คุณบารบี้อีกแล้ว  ทำไมถึงชอบพูดชื่อคนอื่นนักนะ  หืม?”
“จะไปรู้เหรอ  ผมแค่คิดว่าคุณน่าจะชอบ”
คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย  มือถือสากปากถือศีล  กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง!  ปากว่าตาขยิบ! อะ…อะ…อะไรอีกวะ  ช่างมันเหอะ  เอาเป็นว่าผมโคตีไม่พอใจและเกลียดการกระทำประเภทนี้ที่สุดแล้วกัน!  ยิ่งเป็นไอ้หน้าหนวดผมยิ่งเกลียด!
“ต้องให้ผมบอกอีกกี่ครั้งล่ะครับว่าผมไม่ได้ชอบเธอ”
“โกหก”
“เปล่านะ  ผมพูดความจริง”
“ถ้างั้นคุณเข้าข้างบาร์บี้ทำไม”
จู่ๆก็เอ่ยปากถามในสิ่งที่ค้างคาใจ
ผมจ้องมันในความมืด  ข้อมือที่ถูกอีกฝ่ายบีบไว้คลายออก  เพราะมันต้องการใช้มือนั้นมาลูบไล้แก้มผมไปมา
“ถึงจะเข้าข้างเขา  แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะชอบเขานะครับ”
“…”
“ผมเข้าข้างเขา  เพราะนั่นคือความจริง  คุณบาร์บี้ไม่ได้หลอกคุณ  และไม่มีทางที่เธอจะหลอกคุณหรือทำร้ายคุณแน่ๆ”
“คุณแน่ใจเหรอ”
“ครับ  ผมแน่ใจ”
“อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น ในเมื่อตัวเธอเองก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้  คุณจะให้ผมเชื่อคนที่ทำให้ผมรู้สึกระแวงเหรอครับ  ในเมื่อคุณบอกเองว่าที่ที่ผมอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่เวทีการประกวด  แต่มันคือสงคราม”
ผมเถียงหัวชนฝา
ในเวลานี้ผมเชื่อใจใครในกองประกวดไม่ได้เลยจริงๆ  ทุกคนล้วนอันตรายและกระหายตำแหน่งกันทั้งนั้น จากนางฟ้าแสนสวยสามารถกลางร่างเป็นนางมารร้ายได้ในชั่วพริบตาเพียงเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองหวัง  บอกตามตรงเลยว่าเหตุการณ์ล่าสุดนี้ทำให้ผมระวังตัวขึ้นมาก  เพราะถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา  ไม่ใช่แค่ผมที่จะเดือดร้อน  ยังมีไอ้ตูมตามและน้ำอีก
ผมต้องการปกป้องคนสำคัญทั้งสองคนของตัวเอง
“เอาเป็นว่าคุณจะคิดยังไง ตัดสินใจแบบไหนเกี่ยวกับเรื่องคุณบาร์บี้  ปมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว  แต่ว่า…เชื่อผมได้ไหมครับ”
“…”
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณบาร์บี้จริงๆ”
“…”
“คนที่ผมชอบน่ะก็คือ…”
“ฮ้าวววว!  ผมง่วงแล้วอ่ะ  ไว้คุยต่อวันหลังได้ไหม  ตาจะปิดแล้ว”
สองมือดันร่างสูงให้ออกห่างแล้วรีบพลิกไปนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากำแพงทันที
ผมไม่อยากฟังหรือได้ยินอะไรทั้งนั้น  ทุกสิ่งที่เขากำลังจะพูดมามันส่งผลต่อความมั่นคงในหัวใจผมทั้งสิ้น  ถึงแม้ว่าผมจะรู้ตัวดีว่าตอนนี้ตัวเองคิดยังไงกับเขากันแน่  แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นระหว่างเรา
…ความรัก
..การคบกัน
อะไรก็ตามที่เป็นตัวทำให้ผมยอมรับว่าตัวเองไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป  ผมจะไม่มีวันทำมันเด็ดขาด  เอาแค่ที่ผ่านมามันก็มากเกินพอกับสิ่งที่ผมทำลงไป  ไม่ว่าจะเป็นกอด  จูบ  หรืออะไรก็ตามที่เคยเผลอตัวเผลอใจไปก่อนหน้านี้  มันก็ไกลจนผมกลัวว่าตัวเองอาจจะย้อนกลับไปสู่จุดเดิมไม่ทันแล้วก็ได้…
แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก  ผู้ชายกับผู้ชายก็ไม่มีทางเป็นที่ยอมรับได้แน่นอน  ทั้งน้ำ  ทั้งพ่อ  ทั้งเพื่อนฝูงและสังคม
ผมกลัว…
สิ่งที่ผมกลัวคือสายตาของทุกคนบนโลกนี้
จะเป็นอย่างไรถ้าหากผมกลายเป็นพวกรักร่วมเพศ  ผมไม่กล้าพอที่จะยอมรับเรื่องทั้งหมด  ไม่กล้าที่จะพัฒนาอะไรมากกว่าทีเป็นอยู่
ไม่กล้า…
ไม่กล้าเลยสักนิด
“คุณไฟ…”
“ผมอยากนอนพักแล้ว  อย่ากวนผมเลยนะ”
ตอบพลางซุกหน้าลงกับหมอนข้างที่แอบจิ๊กเอามาเป็นของตัวเอง
ไอ้หน้าหนวดเงียบไม่ตอบอะไรกลับมาอีก สิ่งที่เขาทำคือการกลับไปล้มตัวลงนอนข้างผมเหมือนเดิม  แต่ว่า…เพียงแค่มีเขานอนอยู่ข้างๆเท่านั้น
แค่นอนข้างๆกัน
ผมก็…ใจเต้นแรงมากแล้ว
 
“นะ…น้ำ  คือว่า…”
“โทษทีนะ  ฉันต้องรีบไป”
ผมตัดบทบาร์บี้ที่ถลาเข้ามาหาทันทีหลังจากที่ผมออกมาจากห้องน้ำ
ผมต้องย่องออกจากห้องไอ้หน้าหนวดก่อนบาร์บี้จะตื่นเพื่อกลับมานอนเตียงตัวเอง  เพราะตอนตีห้าจะต้องไปรวมตัวกับทุกคนที่เพื่อแต่งแต่งหน้าเตรียมฟังประกาศผลการคัดเลือกรอบแรกที่จะมีผู้ผ่านเข้ารอบเพียงสิบคนเท่านั้น
คิดแล้วก็ตื่นเต้น
จะไม่ให้ตื่นเต้นยังไงไหว  ถึงคนที่ทุกคนคิดว่าเป็นคนประกวดอยู่จะเป็นน้ำ  แต่เอาเข้าจริงมันก็คือผม  ยังไงก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว  ถ้าเข้ารอบนี่พ่อจะวิ่งแก้บนทั่วโรงแรมสักร้อยรอบ!
หมับ…
“เดี๋ยวสิน้ำ  ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอนะ”
บาร์บี้คว้าแขนผมเอาไว้
ระยะหลังมานี้เธอดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่  แถมระหว่างผมกับเธอก็แปลกๆไปจนเพื่อนเข้าประกวดด้วยกันพากันสังเกตเห็นและรู้ว่าพวกเรากำลังทะเลาะกันอยู่
“แต่ฉันไม่มี”
“เธอกำลังเข้าใจผิดนะ  ฉันไม่รู้เรื่องนั้นจริงๆ”
“ปล่อย”
“ต้องให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะเชื่อกันล่ะ  ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ  มีทีมงานมาบอกฉันแบบนั้นจริงๆนะน้ำ”
บาร์บี้เขย่าแขนอ้อนวอนทั้งน้ำตา
แวบหนึ่งหัวใจผมตกวูบไปที่ตาตุ่ม   ไม่คิดไม่ฝันว่าการที่ผมไม่คุยกับเธอจะทำให้เธอถึงขั้นร้องไห้ออกมา  แต่เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าคนที่บาร์บี้กำลังเสียน้ำตาให้อยู่ตอนนี้คือน้ำค่างหากไม่ใช่ผม  ความรู้สึกปลื้มปิติก็เป็นอันลดฮวบไปทันตา
เมื่อไหร่กูจะมีโมเม้นผู้หญิงมาร้องไห้อ้อนวอนแบบนี้ในชีวิตจริงสักทีวะ
ในชีวิตจริงตอนนี้ที่เห็นก็มีแค่…
 
‘คุณไฟครับ’
 
‘คุณไฟของผม’
 
‘คุณไฟ’
 
‘คุณไฟ’
 
อ๊ากกกกก
ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย  หลอกหลอนกันเป็นเดจาวูเลย!
“น้ำ  น้ำ   ฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
“อ๊ะ…”
หลุดออกจากภวังค์ในทันใดเมื่ออุ้งมือเล็กๆมาเขย่าแขนผมไปมา  โอเค  กลับมาที่ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำจาเจิ่งนองทั่วใบหน้าอยู่ในตอนนี้…
ผมควรเชื่อเธอดีไหม?
“เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลานะบาร์บี้”
“…”
“เธอจะให้ฉันทำใจเชื่อง่ายๆทั้งที่เธอเองก็ไม่มีหลักฐานน่ะเหรอ  มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกนะ  เพราะถ้าวันนั้นมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ  เธอรู้ไหมว่าฉันจะเป็นยังไง”
ความลับแตก…
ถูกพาดหัวข่าวว่าเป็นพี่ชายจิตวิปริตที่ชอบสวมรอยเป็นน้องสาว!
ตกนรกอย่างไม่ต้องสงสัย
“รู้สิ  เพราะรู้ฉันถึงได้รีบตามไปช่วยเธอไงล่ะ  หลังจากที่เธอไป  ฉันก็บังเอิญไปได้ยินแม่บ้านของโรงแรมคุยกันว่าห้องที่ทีมงานมาบอกให้เธอขึ้นไปเป็นห้องของไอ้เสี่ยนั่น  ฉันคิดว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ๆ  แล้วคุณเปลวก็กลับเข้ามาในโรงแรมพอดี  ฉันก็เลยเอาเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้เขาฟัง  เราสองคนถึงได้ตามไปช่วยเธอยังไงล่ะน้ำ”
เราสองคน…
ฟังแล้วจุกไปถึงม้าม!
“เธอแน่ใจนะว่าเธอไม่รู้เรื่องจริงๆ  กล้าสาบานหรือเปล่า”
ถามพลางหรี่ตาลงมองสาวน้อยตรงหน้าเพ่อจับผิด
แต่เธอกลับจ้องตาผมกลับอย่างแน่วแน่ไร้การสั่นไหวในดวงตาคู่นั้นก่อนจะพยักหน้ารับ
“ฉันสาบาน!   สาบานให้ฟ้าผ่าเลยเอ้า!  ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ  และฉันก็ไม่มีทางทำร้ายเธอด้วย”
“เพราะอะไรเธอถึงไม่มีวันทำร้ายฉันล่ะ  อย่าลืมสิว่านี่คือการประกวดที่มีความฝันของพวกรุทุกคนเป็นเดิมพัน  การกำจัดคู่แข่งย่อมเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
“แต่น้ำไม่ใช่คู่แข่งสำหรับฉันนะ”
“ฮะ?”
“ฉันไม่เคยมองน้ำเป็นคู่แข่ง  เรา…เรา…”
“…”
“เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
“…”
“เพื่อนน่ะ  ไม่ทำร้ายกันแบบนั้นหรอกนะ  ฉันเองก็ไม่มีวันทำร้ายน้ำแบบนั้นเหมือนกัน  เพราะฉันเชื่อว่าถ้าเป็นน้ำ”
“…”
“น้ำก็จะไม่ทำร้ายฉัน  ใช่ไหมล่ะ”
เราต่างก็จ้องตากันอย่างไม่ลดละเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ
ผมอยากรู้จังว่า…ถ้าเป็นน้ำ  น้ำจะทำยังไง  มิตรภาพของผู้หญิงมันดูหวานแหววเสียจนผมไม่อาจเข้าถึง
น้ำจะเชื่อเธอไหม?
จะให้โอกาสและกลับไปเป็นเพื่อนกันตามเดิมหรือเปล่า?
แบบไหนกันล่ะน้ำ   พี่ควรเลือกแบบไหนดี…
“ใช่  ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน”
จะผิดไหม  ถ้าพี่เลือกที่จะให้โอกาสเธอคนนี้ได้พิสูจน์ตัวเองสักครั้ง
ผม…ไม่ได้เอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเกินไปใช่ไหม
 
“เป็นอะไรวะไอ้ตาม  กูเห็นมึงนั่งทำหน้าเหมือนตูดตั้งแต่ตื่นมาแล้วนะ”
ผมสะกิดถามเพื่อนรักที่มายืนเฝ้าอยู่หลังเวที  อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาที่ผู้เข้าประกวดทุกคนต้องออกไปเดินโชว์สื่อมวลชนเพื่อฟังประกาศผลแล้ว  ช่วงนี้ทางทีมงานจึงปล่อยให้ญาติหรือสปอนเซอรของผู้เข้าประกวดแต่ละคนเข้าพบที่หลังเวทีได้  วันนี้ผมเลยไม่ได้เจอหน้าไอ้หน้าหนวดเลยเพราะมันถูกอันเชิญให้ไปนั่งตรงโต๊ะของกรรมการเรียบร้อยแล้ว
“เปล่า  กูแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
“เรื่องอะไรวะ”
“ก็เรื่องคุณปะ…”
“ปะ?”
“ไม่มีอะไร  คือกูแค่คิดเรื่องที่บ้านน่ะ  มึงอย่าสนใจเลย”
ไอ้ตูมตามส่งยิ้มแห้งๆอันน่าผิดสังเกตมาให้
ตั้งแต่เข้ามาหลังเวที ผมก็เห็นมันเอาแต่จิ้มโทรศัพท์  ซ้ำยังมีเสียงไลน์เด้งรัวๆราวกับมีใครสักคนตาย  ท่าทางของมันเคร่งเครียดมาก
ผมว่าต้องมีอะไรสำคัญแน่ๆ
แต่มึนปิดบังผมเอาไว้!
“ไอ้ตาม”
“อะ…อะไร…”
“มึงแน่ใจนะไม่มีอะไร”
“แน่สิวะ   กูจะหลอกมึงทำไม”
“แล้วมึงเหงื่อแตกทำด๋อยอะไรไอ้เหี้ย!”
เพี๊ยะ!
ผมตบกบาลมันไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้แบบสุดๆ  คิดจะโกหกอย่าหัดเหงื่อแตก!  ไม่งั้นมึงจะโดนจับได้
“กูบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจริงๆ!”
“ไอ้เหี้ยตาม”
“มะ…หมายถึงตอนนี้น่ะนะ”
“แปลว่าต่อไปจะมี?”
“ก็…ก็ไม่รู้เว้ย!  กูยังไม่ชัวร์  เอาเป็นว่ารอให้กูชัวร์ไม่ได้มั่วนิ่มก่อนแล้วกัน  กูสัญญาว่ากูจะบอกมึงคนแรก”
“กูไม่…”
“คุณน้ำคะ  ได้เวลาขึ้นเวทีแล้วค่ะ”
ตั้งท่าจะแย้งมันเสียหน่อย  แต่ทีมงานก็เดินเข้ามาตามเสียก่อน  ผมชี้หน้าตูมตามอย่างคาดโทษ  ขณะที่มันลอบถอนหายใจด้วยท่าทางโลกอกแบบสุดๆ
น่าสงสัย  ไม่ว่ายังไงก็น่าสงสัย!
“ค่า”
เมื่อทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้  ผมก็รีบเดินไปสมทบกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆที่กำลังทยอยกันเดินขึ้นไปโชว์ตัวบนเวที  บาร์บี้ที่หมายเลขอยู่ห่อนหน้าผมเลยต้องเดินนำไปก่อนหันมาชูสองนิ้วให้  ผมเลยส่งยิ้มกลับไปให้เธอ
กึกกึก กึกกึก
ฉิบหายล่ะ  มาสั่นอะไรตอนนี้วะกู!
กะอีแค่เวทีใหญ่ยักษ์  แสงสีเสียงตระการตา  และคนดูนับพันเท่านั้นเอง  มึงจะเกร็งไปทำไม!
ผมสูดลมหายเข้าปอด  มองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย  ทั้งที่กำลังยืนมองตัวเองอยู่แท้ๆ  แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนว่ามันไม่ใช่
นี่ไม่ใข่ผม…
แม้ว่าจะคิดแบบนี้สักเท่าไหร่ก็ไม่อาจช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้เลย  นอกจากผมที่ต้องสู้และเดินหน้าต่อไปเพื่อน้ำเท่านั้น
“เพื่อน้ำ  เพื่อน้ำ”
มันเป็นคาถาวิเศษที่ทำให้ผมสามารถทำได้ทุกอย่างไปแล้วกับการท่องคำว่า ‘เพื่อน้ำ’ 
วันนี้ผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้  ทุกอย่างจะต้องออกมาดีที่สุด
ผม…
จะเข้ารอบให้ได้!
“ตาคุณน้ำเดินแล้วค่ะ”
น้ำ…
เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะ
ดูให้ดีด้วยตาทั้งสองข้างของเธอ  พี่จะต้องเจิดจรัสบนเวทีนี้เพื่อเธอ…
ทำให้ดาวดวงน้อยที่ชื่อว่าน้ำดวงนี้…สุกสกาวส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าให้ได้!
ตึก…ตึก…ตึก…
ตึก…
แปะๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเมื่อผมก้าวเท้าขึ้นไปยืนโพสท่าอยู่บนเวที  สายตากวาดมองไปยังผู้ชมทุกคน  เยิ้มและเล่นหูเล่นตาใส่กล้องทั้งหลายที่ระรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง  ท่าโพสที่เฝ้าฝึกฝนมาหลายเดือนถูกงัดออกมาใช้จนหมด  แสงแฟลชมากมายทำเอาแสบตาใช่เล่น  แต่ผมกลับรู้สึกยินดีและพอใจกับการตอบรับจากทุกคนในตอนนี้
สว่างพอไหม…
พี่ทำให้น้ำมีแสงในตัวเองมากพอหรือยัง?
เสียยงปรบมือเริ่มซาลงเมื่อผมหมุนตัวเตรียมจะเดินไปยืนประจำตำแหน่งของตัวเอง  ซึ่งจังหวะนี้จะมีผู้เข้าประกวดคนอื่นเดินสวนขึ้นมา  ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและผมคิดว่าตัวเองได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้วในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องมาประกวดนางงาม
เกร๊ง!
ผมหยุดกึกเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างตกลงมาตรงหน้าระหว่างผมกับผู้เข้าประกวดอีกคนที่กำลังจะเดินสวนกันพอดี  น็อตขนาดใหญ่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่ปลายเท้าของผม
ผมและผู้เข้าประกวดต่างก็มองหน้ากันอย่างแปลกใจว่าน็อตตัวนี้หล่นมาจากไหน  จนกระทั่งเสียงผู้ชมด้านล่างเวทีเริ่มดังขึ้นมา
“คุณน้ำ  ระวัง!”
ต่อด้วยเสียงของไอ้หน้าหนวด  สัญชาตญาณสั่งให้ผมเงยหน้าขึ้นมองด้านบน  ไฟขนาดใหญ่ของเวทีที่ก่อนหน้านี้มันถูกสร้างให้อยู่ด้านบนสุกติดกำเพดานกำลังจะร่วงลงมา!
“กรี๊ด!!!”
ผู้เข้าประกวดที่อยู่ตรงหน้าผมกรีดร้องลั่นเพราะจุดที่เธอยืนอยู่คือจุดที่ตรงกับไฟนั้นพอดี  เสี้ยววินาทีนั้นผมรีบพุ่งเข้าไปผละกร่างของเธอให้กระเด็นออกไป  และ…
พลั่ก!!!  โครม!!!
“คุณน้ำ!!!”
“น้ำ!!!”
“กรี๊ด!!!!”
ผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย…
 
 
บับเบิ้ลบิวชวยคุย :
มาอัพแล้วจ้า  เรื่องราวเริ่มน่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว  อุบัติเหตุคราวนี้เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุจริงๆหรือว่ามีใครจงใจกันแน่นะ?  แล้วพี่ไฟของเราจะปลอดภัยหรือเปล่า  ทำไมถึงได้ทำเท่จนตัวเองเจ็บตัวแบบนี้เล่า  ไหนจะท่าทางแปลกๆของตูมตามอีก  ตูมตามกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ?  มาช่วยเอาใจช่วยพี่ไฟกับคุณเปลวกันด้วยนะค้า  จุ๊บๆๆ
ตอนนี้เปิดพรีฯแล้วเน้อ  ใครสนใจอ่านรายละเอียดได้ที่โพสปักหมุดในเพจบิวเลยค่า


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-01-2017 23:45:02
มันไม่น่าใช่อุบัติเหตุธรรมดาซะแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกับน้ำหรือเปล่า ตูมตามถึงไม่กล้าพูดอะไร
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-01-2017 23:49:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 12-01-2017 02:02:54
ค้างงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-01-2017 13:03:13
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 12-01-2017 20:38:42
ค้าง
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 13-01-2017 11:51:27
รีบมาต่อนะ กำลังสนุกเลย
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 13-01-2017 22:34:05
หนุกๆรีบมาต่ นะะะะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 18 (11/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 17-01-2017 22:14:40
เจ็บตัวแบบนี้ ขอให้อย่าความลับแตกเลยนะคะ
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 19 (23/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 23-01-2017 22:54:42




ตอนที่ 19
ไข่ปลาหมึก

 
“คุณน้ำ!”
ความชุลมุนเกิดขึ้นทันทีเมื่อร่างบางที่ผมเฝ้าทะนุถนอมถูกหลอดไฟขนาดใหญ่ร่วงมับลงมาทั้งแผง  ผมรีบกระโดดข้ามโต๊ะกรรมการขึ้นไปบนเวทีเพื่อช่วยคุณไฟออกมาทันที
“คุณน้ำ  คุณน้ำ”
หมับ… หมับ…
ไม่ใช่แค่ผมที่พุ่งเข้ามาเพื่อจะประคองคุณไฟ  หากแต่ยังมีอีกคนที่พุ่งเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าคน
เพื่อนสนิทของคุณไฟ…
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่า  ผมมาที่นี่ในฐานะญาติ  แต่คุณเป็นกรรมการ  มาแสดงท่าทีเป็นห่วงผู้เข้าประกวดขนาดนี้อาจทำให้คนอื่นสงสัยได้”
“ผมไม่สน”
“แม้กระทั่งว่าอาจทำให้ความแตกแล้วไอ้ฟายจะเดือดร้อนงั้นเหรอ?”
เขาเลิกคิ้วสูงมองหน้าผมตรงๆอีกครั้ง
ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว  ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จะชอบส่งสายตาแปลกๆมาที่ผมตลอดเวลา  ราวกับเขากำลังสงสัยอะไรอยู่   ยอมรับเลยว่าสายตาของเขาทำให้ผมกังวล
“เชิญครับ”
ผมจำใจต้องถอยห่างออกมาแล้วปล่อยให้คุณตูมตามอุ้มคุณไฟไปทางห้องพยาบาลที่มีทีมงานมารอรับอยู่  ตรงบริเวณที่คุณไฟสลบอยู่เมื่อกี้รอยเลือดอยู่เล็กน้อย
แปลว่าไม่ได้บาดเจ็บหนักเท่าไหร่สินะ
“คุณเปลว…”
“เรื่องฝ่ายเทคนิคทุกคนให้ไปพบผมที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้”
ผมออกคำสั่งกับทีมงานคนหนึ่งที่เดินละล่ำละลักเข้ามาหาอย่างกลัวๆ  ก่อนจะรับคำรีบวิ่งไปตามพวกฝ่ายเทคนิคของกองฯทั้งหมดตามคำสั่ง
ขณะที่กำลังจ้ะเนออกจากที่เกิดเหตุเพื่อไปจัดการกับฝ่ายเทคนิคที่ทำงานสะเพร่า  สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด  สายไฟของหลอดไฟที่จะห้อยติดอยู่กับเพดานเพื่อยึดหลอดไฟเอาไว้มีลักษณะคล้ายกับถูกของมีคมตัดเอาไว้!
รีบหยิบสายไฟที่ว่าขึ้นมาดูอย่างพินิจ  ไม่ผิดแน่ๆ  สายไฟเส้นนี้ถูกตัดด้วยของมีคมจนเกือบขาด  แบบนี้ก็หมายความว่า…มีคนจงใจทำให้หลอดไฟอันนี้ตกลงมางั้นเหรอ?!
ผมเหลือบมองขึ้นไปด้านบนซึ่งเป็นจุดที่อยู่ของหลอดไฟขนาดใหญ่หลอดนี้ในตอนแรก  ด้านบนจะเป็นทางเดินเฉพาะของฝ่ายเทคนิคเท่านั้น  แต่ก็มีการอนุโลมให้สตาฟคนอื่นๆสามารถเดินได้เช่นกันถ้ามีเหตุจำเป็นในการต้องตรวจเช็คความพร้อมก่อนเริ่มงาน  บุคคลภายนอกหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่มีทางเข้าไปได้แน่ๆ  ถ้าอย่างนั้น…
ไม่อยากจะคิดแบบนี้เลยจริงๆ  แต่ทุกสิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าจะต้องเป็นฝีมือคนในอย่างแน่นอน  ใครสักคนในกองประกวดพลิกฟ้าหาดาว!
แบบนี้จะเรียกว่าเป็นการกระทำที่ไม่เจาะจงได้หรือเปล่า  เพราะการทำให้สายไฟเกอบขาดโดยไม่สามารถเลือกเวลาได้แบบนี้  ไม่น่าจะเป็นการตั้งใจทำร้ายคุณไฟโดยตรง  แต่ถ้าคิดแบบนี้มันก็จะดูเหมาะเกินไป  ที่ตัวเก็งของการประกวดต้องมาเจอเรื่องโชคร้าย
“คุณเปลวคะ  ฝ่ายเทคนิคไปรอที่ห้องประชุมแล้วนะคะ”
ผมหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองเมื่อคุณพิมมาสะกิดเรียก
เธอเป็นผู้หญิงบ้างานวัยสี่สิบสี่ที่ยังโสด  ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาผมยังไม่เคยเห็นครอบครัวของเธอหรือว่าคนรักของเธอเลย  จะได้ยินก็จากพวกทีมงานเท่านั้นที่บอกว่าเธอเป็นสาวสวยที่เพียบพร้อมทุกด้านแต่ยังไม่ยอมแต่งงานหรือมีแฟนเลยสักคน
แม้บางครั้งผมจะรู้สึกเหมือนว่าเธอมีบางอย่างปิดบังเอาไว้ก็ตาม
“ครับ  ยังไงคุณช่วยจัดการเรื่องทางนี้ด้วย  กำชับนักข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ดี  เราจะให้ข่าวนี้แพร่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด  แล้วก็โทรตามทนายของผมมาด้วย  เขาน่าจะช่วยทำให้เรื่องนี้มันง่ายขึ้น”
“รับทราบค่ะ
เมื่อฝากฝังงานไว้กับคุณพิมเสร็จแล้ว  ผมก็รีบเดินไปทางห้องประชุมเพื่อจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นต่อทันที  คุณบาร์บี้ที่ยืนรวมอยู่กับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆด้วยท่าทางตกใจหันมามองผมพอดี  แต่เพราะไม่มีเวลามากเท่าไหร่ผมจึงทำได้แค่พยักหน้าให้เธอกลับไปเท่านั้น
ผู้เข้าประกวดทุกคนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวระคนตกใจด้วยกันทั้งนั้น  ดูราวกับพวกเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยจริงๆ
ใครกัน…
จะต้องมีใครสักคนในนี้ที่คิดทำร้ายคุณไฟอย่างแน่นอน!
 
คล้อยหลังร่างสูงที่เดินออกจากห้องประกวดไป  ใครบางคนก็แสยะยิ้มออกมาอย่างสะใจที่แผนการดำเนินไปด้วยดี
ใครบางคนที่แสงสว่างรอบตัวอำพรางความดำมืดในจิตใจ!
 
[ไฟ  ไฟ  ไฟได้ยินน้ำไหม  ไฟ  ตื่นสิ  ทำไมไฟไม่ตื่นล่ะตาม  ไหนบอกว่าไฟไม่เป็นอะไรไง  ไฟ  ตื่นสิ  ฮึก…]
สะ…เสียงใครน่ะ?
เหมือนเสียงของน้ำเลย  เหมอนว่าน้ำของผมกำลังร้องไห้
[ไฟ  ได้ยินน้ำไหม  นี่น้ำนะไฟ  ไฟ  ตาม  ตามเรียกไฟสิ  ช่วยน้ำเรียกไฟเร็วเข้า]
“ใจเย็นๆนะน้ำ  ไอ้ฟายมันไม่เป็นไรหรอก  ที่หัวก็มีแผลเท่าควายขวิดเอง”
[จะบ้าเหรอตาม  ควายขวิดมันถึงตายได้เลยนะ]
ผมย่นคิ้วเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้ยินบทสนทนาความปากหมาของไอ้ตูมตามที่ชอบกวนตีนน้ำเป็นประจำดังอยู่ข้างหู
“น้ำเหรอ”
ส่งเสียงออกไปก่อนเป็นอันดับแรก  ค่อยๆเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับมีไดโนเสาร์มาถ่วงเอาไว้  ทันทีที่ลืมตาขึ้นผมก็เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของน้ำเป็นสิ่งแรก  แต่พอเพ่งมองดีๆก็พบว่ามีบางอย่างกั้นระหว่างผมกับน้ำเอาไว้อยู่
กระจก…
น้ำอยู่ในกระจก!
“ใจเย็นๆ   กูรู้ว่ามึงกำลังมโนอะไร  แต่ขอโทษ กูแค่วิดีโอคอลหาน้ำเท่านั้น  น้องสาวมึงไม่ได้อยู่ในกระจก”
ข้อสงสัยถูกไขโดยไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียงเพื่อคอยถือโทรศัพท์และหันหน้าจอให้น้ำได้มองผมเต็มๆตา
ผมยังไม่ตอบอะไรใครกลับไปทั้งนั้นเพราะในหัวกำลังประมวลว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้  ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นย้อนกลับเข้ามาในหัว
อ่า…จริงสิ
กูเพิ่งทำตัวประหนึ่งซูเปอร์แมนช่วยเหลือสาวน้อยคนนั้นไปนี่หว่า  แล้วตัวเองก็เกือบจะฉิบหายเพราะความแมนของตัวเองไปเช่นกัน…
“กูยังไม่ตายสินะ”
“ยัง  แค่เกือบๆ”
“…”
“มึงใช้สมองหรือส้นตีนคิดฮะ  ถึงได้พุ่งหลาวเข้าไปช่วยคนอื่นจนตัวเองเกือบตายแบบนี้  นี่ดีนะที่โคมไฟเวรนั่นไม่ได้ทับโดนมึงเต็มๆ  ไม่อย่างนั้นป่านนี้มึงได้ไปเฝ้ายมบาลแล้วไอ้เพื่อนโง่!”
[ใช่  น้ำเห็นด้วยกับตามนะ  ทำไมไฟทำแบบนี้ล่ะ]
น้ำที่อยู่ในจอมือถือเสริมทับ  เล่นเอาผมตัวหดเหลือสองนิ้วไปเลย
ก็เข้าใจนะว่าเป็นห่วงกัน  แต่อย่ารุมแบบนี้ได้ไหม  สำนึกผิดไม่ทันแล้วเว้ย!
“ไฟขอโทษนะน้ำ  แต่ตอนนั้นไฟคิดอะไรไม่ออกจริงๆ  จะให้ยืนเฉยๆรอดูผู้หญิงคนนั้นบาดเจบ่อหน้าไฟก็ทำไม่ได้…”
“แมนจังเลยนะมึง!”
“หุบปากเลยไอ้เหี้ยตาม  ไม่ช่วยแล้วมาสอด!”
ผมถลึงตาใส่มันที่แทรกขึ้นมากลางวง  มึงอย่ามาจุดชนวนโหมไฟในใจน้ำให้น้ำโกรธกุมากไปกว่านี้เลย  แค่นี้กูก็รู้ชะตาตัวเองแล้วเหอะ!
[รู้ตัวไหมว่าผิด]
“รู้จ้า”
ผมยิ้มอ่อนมองน้องสาวที่หน้าบึ้งมองผมผ่านจอโทรศัพท์
นี่ถ้าอยู่ใกล้กันป่านนี้ผมคงโดนดึงหูจนหูยานถึงพื้นไปแล้วแน่ๆ
[ไม่เอาแล้วนะไฟ  ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด  ถ้าไฟเป็นอะไรขึ้นมาแล้วน้ำจะอยู่ยังไง]
“ไฟไม่ยอมเป็นอะไรไปหรอกน่า  ไฟจะอยู่ดูแลน้ำตลอดไปนะ”
[ถ้าอยากดูแลน้ำตลอดไปก็ห้ามทำแบบนี้อีกนะ  รู้ไหมว่าน้ำแทบขาดใจตอนตามโทรมาบอกว่าไฟเกิดอุบัติเหตุ  น้ำแทบจะช็อกตายเลยนะ]
พูดไปพลางร้องไห้ไป  น้ำร้องไห้สะอึกสะอ้นใช้หลังมือปาดน้ำตาออกครั้งแล้วครั้งเล่า  มันทำให้ผมรู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้น้ำองเป็นกังวลมากขนาดนี้
“ไฟขอโทษ  ไฟสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว  ต่อให้มีคนท้องกำลังจะโดนรถชนอยู่ตรงหน้า  ไฟก็จะไม่ช่วย”
[ใจร้าย!  ไฟต้องช่วยสิ  ถ้าไม่ช่วยไฟจะกลายเป็นผู้ชายใจดำที่สุดในโลกเลยนะ!]
เอิ่ม…
งั้นเอาที่น้องสาวสุดที่รักของพี่สบายใจก็แล้วกันนะ
หลังจากนั้นผมก็ต้องทนฟังน้ำบ่นต่ออีกเป็นชั่วโมงๆทั้งที่หัวก็ยังเจ็บจี๊ดๆอยู่เป็นระยะ  ไอ้ตูมตามบอกหัวผมแตกด้านหลังเล็กน้อยไม่ถึงกับต้องเย็บ  แต่หัวก็โนและบวมปูดออกมาเป็นลูกส้มโอ  ซึ่งนับว่าโชคดีที่ผมไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง  ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เป็นผู้ชายคงแดงออกมาแน่ๆ  เพราะพอมาถึงห้องพยาบาลของโรงแรม  ไอ้ตูมตามก็ตามติดหมอแจเพื่อคอยป้องกันไม่ให้หมอถอดเสื้อ ปั๊มหัวใจหรืออะไรกับร่างกายของผมมากไปกว่าการตรวจบาดแผลภายนอก  แต่ถึงภายนอกผมจะไม่เป็นอะไร  หมอก็บอกว่ายังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเอ็กซเรย์ศีรษะที่โรงพยาบาลอยู่ดี
ซึ่งผมยังคิดไม่ตกเลยว่าจะไปเอ็กซเรย์ได้ยังไงในเมื่อร่างกายผมมันเป็นผู้ชาย!
“กูจะออกไปหาอะไรกินหน่อย  มึงจะเอาอะไรไหม”
ไอ้ตูมตามที่เอาแต่นั่งหน้าเครียดกดโทรศัพท์อยู่นานสองนานเอ่ยขึ้น  ผมรีบส่ายหัวปฏิเสธเพราะไม่มีอารมณ์จะยัดอะไรลงท้องตอนนี้
สายตามันคอยจะเหลือบไปทางประตูเพื่อหาใครสักคน…
“ประตูห้องพยาบาลที่นี่มันฝังเพชรมูลค้าพันล้านไวหรือไง  มึงถึงได้จ้องเอาๆแบบนั้น”
“เรื่องของกู”
บอกปัดอย่างชัดเจน  กูเจ็บขนาดนี้มึงยังไม่คิดมาเยี่ยมเลยสินะไอ้หน้าหนวด!  ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาหนวดของมันเลย
“อารมณ์แปรปรวนเหมือนคนเป็นเมนส์เลยนะมึง  งั้นเดี๋ยวกูมา  อยากแดกอะไรก็โทรไปละกัน”
“เออ”
ตอบกลับไปแค่นั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงทันที
ในห้องพยาบาลของโรงแรมจะแบ่งเป็นห้องเล็กๆอีกทีทำให้คนที่ป่วยและมานอนพักมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง  โดยจะมีหมอเวรคอยเฝ้าอยู่ที่ด้านนอก  เสียงประตูปิดดังเบาๆ  แสดงว่าไอ้ตูมตามคงออกไปแล้ว  ได้อยู่คนเดียวสักที…
ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณก่อนหน้านี้  ถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะสลบไปด้วยความตกใจในทันที  แต่ผมก็รู้สึกเหมือนโสตประสาทยังทำงานอยู่ตลอดเวลา  ผมมั่นใจว่าผมได้ยินเสียงของเขา…
เสียงของคุณเปลว
แต่เมื่อตื่นมามันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด  ไอ้ตูมตามบอกมันเป็นคนอุ้มผมมาส่งที่ห้องพยาบาลเองและก็ไม่ได้พูดถึงไอ้หน้าหนวดนั่นเลยสักคำ  แน่นอนล่ะว่าผมเองก็ไม่กล้าถามด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหน  ทำไมถึงไม่มาหาผม  ถ้าขืนถามไปมันก็รู้หมดน่ะสิว่าผมคิดอะไรกับไอ้เวรนั่นอยู่
“ไอ้คนใจร้าย”
ได้แต่ก่นด่าออกมาด้วยความน้อยใจ
ลองถ้าคนที่บาดเจ็บเป็นบาร์บี้  ขี้คร้านจะตามมานั่งเฝ้าที่ปลายเตียง!
ความหงุดหงิดงุ่นง่านในใจทำให้ผมยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นไปอีกที่ไม่อาจหักห้ามใจได้เลย   นับวันความรู้สึกที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้มันจะยิ่งทะลักออกมา  โดยที่ตัวผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าตัวเองจะสามารถเก็บความรู้สึกที่น่าอึดอัดนี้เอาไว้ได้อีกนานเท่าไหร่
มันอึดอัด…
อึดอัดจนไม่อยากเก็บเอาไว้อีกต่อไป
อยากจะพูดให้มันจบๆ  เผื่อมันจะช่วยให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง  แต่ว่า…ความกล้ามันก็ยังไม่มากพอ  ผมยังไม่กล้าที่จะยอมรับกับตัวเองเสียด้วยซ้ำว่ากลายเป็นคนรักร่วมเพศไปแล้ว
ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองผู้คนหากความรู้สึกในใจมันถูกเปิดเผยไปหมดแล้ว
ผมจะทำยังไงดี  ผมควรจัดการกับความรู้สึกที่มีให้ไอ้หน้าหนวดนั่นอย่างมากล้นยังไงดี!
แอ๊ด…
เสียงประตูเปิดออกหลังจากทีไอ้ตูมตามเพิ่งออกไปได้แค่เพียงสิบนาที  ผมรีบเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงแกล้งหลับเพราะขี้เกียจคุยกับมันต่อ
อุตส่าห์นึกว่าจะไปแดกข้าวนานๆ  ที่ไหนได้…สงสัยซื้อขึ้นมากินกะเฝ้าผมไปพร้อมๆกันตามคำสั่งของน้ำแหง!
ตุ้บ…
ขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจเมื่อที่ว่างข้างเตียงซึ่งเหลืออยู่เพียงน้อยนิดมันยวบลงราวกับว่ามีใครขึ้นมานอนด้วย  แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากหันไปถามไอ้ตูมตาม  วงแขนของคนที่ขึ้นมานอนข้างๆตอนนี้ก็ตวัดกอดเอวผมเอาไว้แทน  พร้อมกับใบหน้าของใครบางคนที่ซุกลงมาตรงซอกคอ!
“คิดถึงจัง…”
ไอ้หน้าหนวด!
กูว่าแล้วเชียว  เพราะไอ้ตูมตามไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ๆ  แถมคนเดียวที่มือไวกับร่างกายของผมได้ทุกสถานการณ์ก็มีแต่มันเท่านั้น!
“โชคดีจริงๆที่คุณไม่เป็นอะไรมาก  ผมตกใจแทบแย่เลยนะครับ”
“ขนาดตกใจนะครับ  ยังมาเยี่ยมเอาป่านนี้”
อ๊ากกกกก!
อยากจะตบปากตัวเองให้ฟันร่วงจริงๆ!  มึงจะประชดเป็นสาวน้อยงอนผัวแบบนี้ทำไมวะไอ้ไฟ!  กลัวเขาไม่รู้หรือไงว่าตกหลุมรักจนหมดใจไปแล้วน่ะไอ้เวรเอ๊ยย!
“ผมมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย  ขอโทษนะครับที่มาเยี่ยมช้า”
ลมหายใจร้อนๆที่เป่ารถต้นคอตอนนี้สร้างความรู้สึกวาบหวิวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น  มือหนาที่กอดผมอยู่ก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  แทบจะทุกส่วนในร่างกายของเราแนบชิดกันจนเกิดเป็นความอบอุ่นลึกๆในหัวใจ  และทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“คุณไฟ…”
“…ครับ”
ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้ผมเผลอตอบรับเสียงอ่อน  หัวใจแทบไม่ฟังคำสั่งจากสมองเลยแม้แต่นิดเดียว
อุ่นจริงๆนะ
อ้อมกอดของเขา…
หมับ…
“คุณน่ารักจังเลย”
“ไอ้คุณเปลว…”
กัดฟันเรียกชื่อมันออกไปย่างคับแค้นในอุรา
มือหนาที่เมื่อสามวินาทีก่อนหน้านี้ยังกอดผมอยู่ได้เลื่อนลงต่ำกว่านั้นเพื่อเปลี่ยนเป้าหมาย  และเป้าหมายของไอวิตถารคนนี้ก็คือ…
บั้นท้ายของผม!
“ว่าไงครับ”
ยังมาทำเสียงระรื่นใส่กูอีกเรอะ!
เอามือของมึงออกไปจากก้นกูเดี๋ยวนี้เลยไอ้เหี้ย!
“เอามือออกไป”
สั่งเสียงเขียว ทว่ามันก็ไม่ได้ผลเลยสักนิด เพราะมือของมันยังคงบีบเคล้นและนวดคลึงก้นของผมไม่หยุด  ส่วนจมูกก็ซุกซนไม่แพ้กัน  ไซร้คอผมไปมาจนร่างกายเริ่มจะระทวยไร้แรงต้านทาน
“อีกนิดนะครับ   ลงโทษที่คุณทำให้ผมเป็นห่วงจนแทบบ้าไง”
“มะ…ไม่เกี่ยวสักหน่อย  ปล่อยนะเว้ย”
“ไม่เอา   ยังไม่พอ”
“ไม่พอบ้าอะไรเล่า  ปล่อยนะ”
“ยังกินของหวานไม่อิ่มเลย”
แต่ละประโยคของเขาฟังดูอู้อี้เพราะกำลังเล่นสนุกกับต้นคอของผมอยู่  ไม่ได้การละ  ขืนปล่อยให้มันทำต่อต้องเลยเถิดถึงขั้นได้เสียกับมันแน่ๆ
ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงถลำลึกจนยากที่จะถอนตัว
แบบนั้นล่ะบรรลัยของจริง!
“ไม่เจ็บหรอกนะครับ  ผมมีตัวช่วยให้เข้าได้ง่ายๆนะ”
เข้าได้ง่ายๆอะไรของมึ๊งงงงงง!
ผมหุบตูดรีบเปลี่ยนท่าเป็นนอนหันหน้าเข้าหามันแทบไม่ทัน  อีกง่ายกำลังผมยิ้มกลั้นขำอย่างเต็มที่  ดูก็รู้ว่าที่พูดและทำไปทั้งหมดนั้นมันกำลังแกล้งผม!
แกล้งเรื่องอะไรไม่แกล้ง  มาแกล้งเรื่องเอกราชประตูหลังกูเนี่ยนะ!
ไอ้เหี้ยยย!  กูจะด่ามึงว่าอะไรดีเนี่ยยย!
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำแบบนี้สักฮะ  ไอ้นิสัยปากว่ามือถึง  มือไวเป็นปลาหมึกแบบนี้น่ะ!”
“ทำไงได้ล่ะครับ  มือมันไปเองทุกครั้งเวลาผมอยู่กับคุณนี่นา”
“มือปลาหมึก!  หน้าหนวดไม่พอมือยังเป็นหนวดปลาหมึกอีก!”
ช่างเป็นการด่าที่จิ้มลิ้มอะไรแบบนี้นะไอ้ไฟ  กูอยากร้องไห้  ฮือออออ
“ตอนเด็กๆผมเคยได้ฉายาว่ามือปลาหมึกด้วยนะ  อยากลองเป็นเมียปลาหมึกดูไหมล่ะ”
“พะ…พูดบ้าอะไรเนี่ย  เมียเมออะไร  ผมเป็นผู้ชายนะ!”
หน้าเห่อร้อนไปหมด  ส่วนไอ้คนพูดก็ระริกระรี้ขำอย่างออกนอกหน้าที่ไดแกล้งให้ผมเขินเล่น  เดี๋ยวเหอะมึง  รู้จักไอ้ไฟน้อยเกินไปแล้ว
กูไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาปั่นหัวได้ง่ายๆหรอกนะเว้ย!
“งั้นคุณรู้ไหมว่าตอนเด็กๆผมได้ฉายาว่าอะไร”
“อะไรเหรอครับ”
“ไอ้ตัวกินหมึก!”
“…”
“ตอนเด็กๆผมเป็นแชมป์กินปลาหมึกสามสมัยซ้อนตอนงานวันเด็ก  เป็นไงล่ะ  รู้แล้วอึ้งไปเลยล่ะสิ  เพราะงั้นถ้าคุณเป็นราชาปลาหมึก  ไอ้ตัวกินหมึกอย่างผมก็จะกินคุณให้หมดไม่ให้เหลือซากเลย!”
ผมหัวเราะลั่นที่ได้ดักทางราชาปลาหมึกอย่างเขา  ขณะที่อีกฝ่ายนิ่งไปไม่ยอมตอบโต้อะไรกลับมา  หรอมุกตัวกินหมึกของผมจะทำให้เขาอึ้งจนไม่รู้จะตอบอะไรกลับมาดี?
“งั้น…คุณไฟ”
ในที่สุดมันก็เปิดปากพูดออกมาหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ๆ  ผมไม่ตอบแต่ก็จ้องหน้ามันกลับเพื่อรอฟัง
“คุณ...ชอบกินส่วนไหนของปลาหมึกมากที่สุดเหรอครับ”
“ส่วนไหนเหรอ  ก็กินทั้งหมดนั่นแหละ  อร่อยจะตาย”
“ทั้งหมดเลยเหรอครับ”
“ใช่  ถามไปทำไม”
“งั้น  คุณลอง…”
“…”
“กินไข่ปลาหมึกหน่อยไหม?”
“ไข่ปลาหมึก?  ที่ไหนล่ะ  คุณซื้อปลาหมึกมาด้วยเหรอ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผมโคตรเกลียดผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายทันทีที่ผมถามจบ  คล้ายกับมีรังสีหื่นกามอันมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากคนตรงหน้า
กะ…กูพลาดอะไรตรงไหนไปหรอเปล่า?
หมับ! หมับ!
ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้  ร่างสูงก็เปลี่ยนวิถีมาขึ้นคร่อมผมอย่างรวดเร็ว  สองแขนถูกตรึงเอาไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียว  ขณะที่มืออีกข้างของมันก็กำลังใช้ปลดเข็มขัดกางเกงที่สวมอยู่
เฮ้ยเดี๋ยวววววววววว!
มึงจะทำอะร้ายยยยย     
“จะ…จะ…จะ…จะทำอะไร!”
เสียงติดเป็นแผ่นซีดีใกล้เจ๊งเลยมึง!
“ก็จะเอาไข่ปลาหมึกให้คุณกินไงครับ”
“ใครปลาหมึกบ้านคุณมันอยู่ตรงนั้นเรอะ!”
“แล้วเมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรล่ะ?”
“ปลาหมึก”
“ใช่  เพราะงั้นตอนนี้ผมคือปลาหมึก  อาหารที่คุณชอบกินมากที่สุด”
“ดะ…เดี๋ยวนะ  คุณคงไม่คิดจะให้ผมกิน…”
สายตามองเลยไปที่เป้าตุงๆของไอ้หน้าหนวดซึ่งตอนนี้เข็มขัดและซิบกางเกงถูกปลดจนเห็นขอบกกน.สีดำเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
“อย่างที่คุณคิด”
“…”
“นี่แหละ  ไข่ปลาหมึกของผม”
ไม่ต้องมายิ้มแป้นแล้นเลยไอ้เหี้ย  ไข่ปลาหมึกบ้านพ่อมึงสิ  นี่มันไข่มึงชัดๆ!
ลุกออกไปเดี๋ยวนี้!!!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  รอบนี้หายไปนานจริงๆ  เป็นสิบวันเลย T^T  ต้องขอโทษนักอ่านที่ติดตามด้วยนะคะ  ด้วยงานหลักของบิวเป็นงานที่ต้องออกตจว.และต้องเร่งทำเพื่อไปจังหวัดอื่นต่อเรื่อยๆ  ตอนนี้บิวอยู่กาญฯ  พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางไปสุพรรณต่อแล้ว  เสร็จจากสุพรรณก็ขึ้นอีสานยาวหลายจังหวัด  ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอัพเดตอะไร  อีกอย่างก่อนหน้านี้ก็ยุ่งอยู่กับการแพ็คและจัดส่งหนังสือเรื่องวายร้ายที่รักด้วย  ทำให้ยิ่งไม่มีเวลาเข้าไปอีก  แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็จะรีบอัพให้ได้อ่านกันนะคะ  ตอนนี้ขอเชิญทุกคนมากินไข่ปลาหมึกไปพร้อมๆกันค่ะ 5555+
แจ้งเตือนล่วงหน้า : อีกไม่กี่ตอนก็จะมีดราม่าแล้วนะคะ  เป็นดราม่าที่หนักที่สุดในเรื่องนี้แล้ว  พร้อมๆกับการประกวดที่ใกล้จะจบลงด้วย  มาเอาใจช่วยพี่ไฟและคุณเปลวด้วยกันนะคะ
 
ปล. นิยายเรื่องนี้เป็นพรีแล้ว  สามารถติดตามรายละเอียดได้ในเพจ Bubble-Bew แล้วดูที่โพสปักหมุดเลยจ้า

หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 19 (23/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 24-01-2017 00:20:04
เริ่มจะเข้มข้นขึ้นแล้ว

ใครกันที่ทำร้ายไฟอยากรู้จริงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 19 (23/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: natt teng ที่ 24-01-2017 02:22:27
รอ รอ จ้า อ่านรวดเดียวจนตีสองครึ่งเลย ตามต่อจ้า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 19 (23/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-01-2017 09:34:36
 :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 19 (23/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2017 10:58:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 19 (23/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 27-01-2017 12:22:36
จะโดนกินไหมนิ่
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 19 (23/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 27-01-2017 13:11:48
มาดูตอนหน้าว่าจะไฟจะได้กินไข่ปลาหมึกรึเปล่า 55555
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 20 (28/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 28-01-2017 23:16:08






ตอนที่ 20
(แอบ) ออกเดต

 
“สนใจไหมครับ  กินไข่แถมตัวด้วยนะ”
“ทะลึ่ง!”
“ผมก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน  ว่าทำไมอยู่ใกล้คุณทีไรถึงได้คิดทะลึ่งแบบนี้ทุกที”
ยังมีหน้ามายิ้มหล่ออีกนะไอ้หนวด!
“นี่…พอได้แล้วมั้ง”
“พออะไรครับ”
“ก็ที่ทำอยู่เนี่ย  พอได้แล้ว”
ตอบกลับเสียงเบา  รู้สึกร่างกายมันไม่ค่อยจะสงบตามที่สมองสั่นการสักเท่าไหร่  เมื่อท่อนล่างของร่างสูงบดขยี้ลงมาชนกับท่อนล่างของผมไปมาราวกับตั้งใจจะยั่วยวนกัน
ทำแบบนี้มึงฆ่ากูเลยเถอะ!
“นึกว่าคุณจะชอบเสียอีก  เห็นทำหน้าเชิญชวนผมเหลือเกิน”
จมูกโด่งไล้ไปตามใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน  พอๆกับฝ่ามืออุ่นร้อนที่ลูบไล้ไปตามท่อนแขน  เป็นสัมผัสที่แผ่วเบาและคุ้นเคยจนอดสงสัยไม่ได้ว่าผมเคยได้รับสัมผัสแบบนี้จากที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
“เรา…ไปเดตกันไหมครับ”
จู่ๆอีกฝ่ายก็หยุดการกระทำไปเสียดื้อๆ  เขาลุกออกจากตัวผมไปนอนหงายอยู่ข้างตัว  ทำเอาคนที่หนีมาตลอดแต่เผลอเคลิ้มไปแว้บหนึ่งอย่างผมถึงกับหน้าชาเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
มาทำให้อยากแล้วจากไป
ไอ้เหี้ยย!
“พูดอะไรน่ะ   ใครจะอยากไปเดต…”
หมับ…
“ไปเถอะนะครับ  ไปเดตกับผมนะ”
พูดเสียงอู้อี้พลางสวมกอดผมเอาไว้แน่น
เสียงที่เขาเปล่งออกมามันฟังดูเศร้าสร้อยชอบกล  ทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม  แต่น้ำเสียงแววตากลับเปลี่ยนแปลง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“…”
“คุณแปลกๆไปนะ  มีอะไรไม่สบายใจใช่ไหม”
“เปล่าหรอกครับ  ผมไมได้เป็นอะไร”
อ้อมกอดแน่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว  ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงหันไปทางเขาแล้วสวมกอดกลับ
เราต่างก็กอดกันและกันเอาไว้อย่างแนบแน่น…
อุ่น…
อุ่นจนอยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป
“ไปสร้างความทรงจำดีๆ  ด้วยกันนะครับ”
“ถ้าเรียกว่าไปเที่ยวไม่ใช่ไปเดตก็ได้อยู่หรอก”
“โอเคครับ  ไปเที่ยวก็ไปเที่ยว  ไปเที่ยวกันนะ”
ยอมง่ายจังวุ้ย
ถ้าเป็นโหมดปกติมันต้องใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายที่ฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานมาทำให้ผมจนมุมและยอมรับว่ามันคือการไปเดตสิ  ไม่มีทางที่จะยอมง่ายๆแบบนี้แน่
“ไปก็ไป   แล้วเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ”
“ไม่ยากหรอกครับ”
ถามหารอยยิ้มเจ้าเล่ห์  รอยยิ้มเจ้าเล่หก็มา…
หมับ!
“เฮ้ยย!  จับอะไรวะ”
ร้องเสียงลั่นเมื่อมีหนาล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วจับนมปลอมของผมเต็มแรง
ก่อนมึงจะลงมือทำอะไรมึงช่วยบอกหรือส่งสัญญาณเตือนกูสักนิดได้ไหม  ไม่ใช่แม่งทำตามใจตัวเองอย่างเดียว  กูตกใจ  กูขวัญอ่อนหมดแล้วเนี่ย!
 
“สวัสดีค่ะคุณเปลว  จะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”
“ครับ  พอดีเพื่อนผมเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ  ก็เลยว่าจะพาไปเที่ยวชมเมืองสักหน่อย”
“เที่ยวให้สนุกนะคะ  คุณเปลว  เอ่อ…คุณ…”
“ไฟครับ  เพื่อนผมชื่อไฟ”
“ค่ะ คุณไฟ”
พนักงานต้อนรับที่หน้าฟร้อนหันมายิ้มให้ผม  ขณะที่ผมแทบจะเข้าไปสิงร่างไอ้หน้าหนวดอยู่รอมร่อเพราะกลัวคนจะจำได้ว่าความจริงแล้วผมคือใคร!
“ผมบอกแล้วว่าไม่มีใครจำคุณได้หรอก”
ไอ้หน้าหนวดหันมากระซิบระหว่างที่เราสองคนกำลังพากันเดินไปที่ลานจอดรถ  ผมซึ่งก่อนหน้านี้ยังเป็นนางสาวน้ำอยู่ดีๆ  บัดนี้ได้กลับมาเป็นนายไฟคนเดิมเรียบร้อยแล้ว  โดยที่ผมเอาชุดของไอ้ตูมตามมาใส่และแว่นอำพรางใบหน้าเล็กน้อย  ส่วนผมก็มัดรวบไว้หลวมๆ  เพียงเท่านี้ก็สามารถปลอมตัวเป็นนายไฟได้แล้ว
ไม่สิ  การเป็นไอ้ไฟไม่ใช่การปลอมตัวสักหน่อย  แต่มันคือตัวจริงของผมต่างหาก
ให้ตายสิ  ปลอมเป็นน้ำนานเกินจนเริ่มสับสนแล้วว่าคนไหนตัวจริง  คนไหนตัวปลอม
พูดถึงไอ้ตูมตาม  ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า  แต่สายตาที่มันมองไอ้หน้าหนวดเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมาก  ค่อนไปทางชิงชัง โกรธแค้นอะไรเทือกนั้นเลยทีเดียว
มึงเผลอไปเหยียบหางหรือฉี่ทับที่มันหรือเปล่าฮะไอ้คุณเปลว
“เชิญครับ”
“เปิดเองได้  ไม่ได้เป็นง่อย”
สวนกลับทันทีเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิดประตูรถให้
ผมรีบมุดเข้าไปในรถทันทีเพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นเยอะ  โชคดีที่เริ่มใกล้มืดแล้ว  บรรดาผู้เข้าประกวดก็พากันกลับเข้าห้องพักไปหมด  ส่วนตัวผมในฐานะน้ำนั้นก็ได้ไอ้ตูมตามช่วยหลอกให้ว่านอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง  ถึงตอนแรกมันจะไม่อยากให้ผมออกมากับไอ้หน้าหนวดสองคน  แต่เมื่อผมดึงดันจะมาให้ได้มันก็เลยต้องยอม
“เราจะไปไหนกันดีล่ะครับ”
“มาถามผมทำไม  คุณเป็นคนชวนไม่ใช่เรอะ  ก็ตามใจคุณสิ”
“โอเคครับ  งั้นไปม่านรูด”
“ไม่อยากแก่ตายแล้วสินะ!”
ผมหันไปคว้าคอเสื้อมันแล้วง้างหมัดขึ้นสูง
เผลอเป็นไม่ได้  จ้องจะพากูวกเข้าเรื่องใต้สะดือตลอด  นี่แสดงทุกวินาทีในหัวมึงคงมีแต่เรื่องจับกูทำเมียสินะ
“เอ้า  ก็คุณบอกเองว่าตามใจผม”
“ที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ม่านรูดเฟ้ย!”
“งั้นบ้านผมก็ได้ครับ  เตียงกว้างกว่าเยอะ  นุ่มกว่าแยะด้วย”
ยังมีหน้ามายิ้มอีก  อ๊ากกกก!  อยากตะบันหน้ามันแต่ก็ทำไม่ลง  เพราะไอ้หน้ายิ้มกวนตีนของมันนี่แหละที่ทำให้ผมใจอ่อน!
“โอเคครับ  ผมไม่แกล้งแล้ว”
“ทำไมถึงชอบยั่วโมโหผมนักฮะ  ว่างมากหรือไง  หรือว่าว้อนหมัดสุดๆแล้ว”
“ก็เวลาคุณไฟโกรธมันน่ารักดีนี่ครับ  มองแล้วเพลินตาดีออก”
มะ…มะ…ไม่หน้าถามมันเลย!
ผมรีบปล่อยมืออกจากคอเสื้อของเขาแล้วกลับมานั่งหลังตรงแด่วในที่ของตัวเอง  สายตาจ้องมองไปแค่เบื้องหน้าเท่านั้น  แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่ากำลังถูกคนข้างๆมองอยู่ก็ตาม
มึงจะมองไปถึงเมื่อไหร่เนี่ยยย  ถ้าสายตาแม่งยิงกระสุนออกมาได้  ป่านนี้ผมคงพรุนไปหมดแล้วมั้ง
“เรา…ไปทะเลแถวๆนี้แล้วกันนะครับ”
“อะ…อืม  ตามใจสิ”
“งั้นไปม่าน…”
“ผมหมายถึงตามใจเรื่องที่จะไปทะเล!”
“ฮ่าๆๆๆ  กะแล้ว  เวลาคุณไฟโกรธเนี่ย  ผมชอบที่สุดจริงๆด้วย”
มึงเป็นพวกมาโซเรอะ!  ชอบใช่ไหมให้กูด่าให้กูทำร้ายร่างกายเนี่ยยยย!
แต่ถึงพูดไปก็คงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่ดี  มันเคยสนใจฟังหรือปฏิบัติตามในสิ่งที่ผมพูดเสียที่ไหนล่ะ  พอคิดดีๆแล้วออกจะเป็นผู้ชายที่โคตรเอาแต่ใจคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ  แต่ในความเอาแต่ใจตัวเองนั้น  มันก็ยังเอาใจเก่งอีกด้วย รู้ไปหมดว่าทำแบบไหนยังไงผมถึงจะใจอ่อน
ถึงได้ไม่เคยโกรธมันนานเกินหนึ่งวันเลยนี่ไง
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอด  ผมก็ก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก  รู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนที่อยู่โรงเรียนประจำแล้วแอบอาจารย์หนีเที่ยวตอนดึกเลยวุ้ย  ตื่นเต้นฉิบหาย  แถมครั้งนี้ยังหนีออกมาเที่ยวกับผู้ชายอีก…
สาวน้อยอะไรแบบนี้นะไอ้ไฟ
หมับ…
“นี่!”
ร้องเสียงหลงเมื่อมือข้างขวาถูกไอ้หน้าหนวดดึงไปจับไว้  แถมไม่ได้จับอย่างเดียว  มันเอามือผมขึ้นไปพรมจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ซ้ำไปซ้ำมาจนแรงแข็งขืนในตอนแรกเริ่มเบาบางลง
มีอะไรแปลกไปจริงๆด้วย
ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ
“หอมจัง…”
“ผมถนัดมือซ้าย  เลยใช้มือขวาล้างขี้”
“…”
เอิ่ม…กูทำลายบรรยากาศเกินไปสินะ
“แม้แต่ขี้ก็หอม…”
โอเค!  กูยอมใจให้กับความโรคจิตของมึงแล้วไอ้หนวด
สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้มันดึงมือผมไปจูบไปดมเอาตามใจชอบ  เพราะถึงห้ามไปมันก็ไม่ฟังผมอยู่ดี  อีกอย่าง…
ผมก็ยังไม่อยากให้มันปล่อยเหมือนกัน
 
ไม่นานนักก็มาถึงชายหาดที่เงียบสงบ  มีเพียงแสงไฟนีออนจากริมทางเท่านั้นที่ทำให้ ณ จุดๆนี้ สว่างพอที่จะมองเห็นอะไรได้  บวกกับไฟหน้ารถของไอ้หน้าหนวดที่เปิดส่องไปทางน้ำทะเล  ผมเลยมองเห็นเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งอยู่เป็นระยะๆ
อ่า…บรรยากาศแบบนี้…
ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นแบบชัดเจนตรงๆไปเลยก็…
บรรยากาศชวนให้เสียตัว!
“นี่…ทำไมเอาแต่เงียบล่ะ”
เปิดปากพูดก่อนเป็นคนแรก  เพราะตั้งแต่มาถึงไอ้หน้าหนวดก็เอาแต่เหม่อมองไปยังท้องทะเลที่มืดมิดโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือผม  นัยน์ตาของมันดูเศร้าและอ้างว้าง  พลอยทำให้ผมใจไม่ดีไปด้วย
“ผมแค่อยากอยู่เงียบๆสักพักก็เท่านั้นเองครับ  อยากอยู่เงียบๆ…แต่ว่าข้างๆยังมีคุณไฟอยู่ด้วย”
“พูดเหมือนพี่มากจะลานาคไปรบเลยวุ้ย”
“พี่มากกับแม่นาคเขเป็นผัวเมียกันนะ  ผมกับคุณยังไม่ถึงขั้นนั้นเลย  ถ้าจะเปรียบแบบนี้งั้นเรามา…”
“หยุดเลย!”
สรุปว่ากูจะพูดอะไรไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม  พูดอะไรไปพวกแม่งก็วกกลับเข้าเรื่องพวกนี้ได้ตลอด  เอาเสียกูไม่กล้ายิงมุกอะไรเลย!
“กลับมาทะลึ่งได้แบบนี้ค่อยสมกับเป็นคุณหน่อย”
“ผมน่ะเหรอทะลึ่ง  ไม่จริงสักหน่อย”
มึงน่ะทะลึ่งตัวพ่อเลยไอ้ห่า!
“ผมว่าไปเดินรับลมทะเลกันดีกว่า”
“หนาว…”
“นี่!”
กูเริ่มโมโหจริงจังแล้วนะไอ้เวร!
เป็นคนพามาทะเลแท้ๆยังมีหน้ามาบ่นว่าหนาวอีก  ผู้ชายอกสามศอกที่ไหนเขาบ่นเป็นผู้หญิงแบบนี้ฟะ
ผมใช้หางตามองมันอย่างเอือมระอาจนมันคงทนไม่ไหวรีบเปิดประตูรถลงไปสูดอากาศก่อนเป็นคนแรก  ไม่ต้องถึงขั้นให้ถีบลงไปสินะ  หึ!
รีบเปิดประตูตามมันลงไปติดๆ  กะจะสูดความสดชื่นและกลิ่นไอของทะเลให้เต็มที่  แต่ทว่า…
ฟิ้ววววว~~~~
กึกๆๆๆๆๆ ( เสียงฟันกระทบกัน )
ไอ้เหี้ย!  หนาวอะไรเบอร์นี้  นี่มันไทยแลนด์หรือดินแดนเอสกิโฒวะเนี่ยยยย!
“เอ่อ…กะ…กลับขึ้นรถดีกว่าครับ”
เงยหน้าชวนให้ไอ้หน้าหนวดที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ตรงประตูรถฝั่งคนขับ  ผมรีบเปิดระตูรถกลับเข้าไปนั่งอีกครั้ง
ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกเลยจริงๆ!
“ผมบอกแล้วไงครับว่าหนาว”
“งั้นคุณก็ไม่ควรพามาที่นี่แต่แรกไหม!  มาเที่ยวบ้าอะไรได้นั่งอยู่แต่ในรถแบบนี้เล่า  มันต่างจากตอนอยู่โรงแรมตรงไหนเนี่ย”
“ก็ตรงที่ตรงนี้มีแค่เราสองคนไงครับ”
“…”
“แค่ผมกับคุณไฟ”
“…”
“ไม่มีคนอื่นระหว่างเรา”
น้ำเสียงจริงจังและสายตาที่ไม่มีแววความล้อเล่นนั้นแทบจะพังทลายกำแพงสูงในใจผม  ไม่เข้าใจเลยว่าผมเผลอปล่อยตัวและเปิดหัวใจให้คนอย่างหมอนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่  มันค่อยๆซึมซับเข้ามาทีละนิดๆโดยที่ผมไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ตัวอีกที…
ก็มีคนๆนี้อยู่เต็มหัวใจเสียแล้ว
“จูบได้ไหมครับ”
ใบหน้าหล่อคมคายที่เคลื่อนเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดกันเอ่ยเสียงแผ่ว  เรี่ยวแรงที่เคยมีก่อนหน้านี้มลายหายไปหมด
เมื่อตาประสานตา…
ผมก็จนปัญญาที่จะหนีหัวใจตัวเอง
“…อืม”
ทันทีที่คำอนุญาตหลุดออกจากปากของผมไป  ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็ประทับลงมาทันที
เริ่มแรกก็เป็นจูบที่นุ่มนวล  ละมุนละไมชวนให้หัวใจเต้นแรง  แต่พอนานๆเข้า  ความเร่าร้อนที่ก่อตัวขึ้นจากภายในก็เริ่มไหลทะลักออกมาสู่ภายนอก  ปลายลิ้นร้อนของเราสัมผัสกันไปมา  สองมือของผมยกขึ้นโอบรอบคอเขาเอาไว้พร้อมกับแอ่นตัวเข้าหาอย่างลืมตัว
“อื้อ…”
ต้นคอเจ็บแปลบเล็กน้อยจากแรงดูดของเขา  มือหนาเลิกชายเสื้อของผมขึ้นก่อนจะถอดมันทิ้งไปที่เบาะหลังรถอย่างไม่ใยดีพร้อมๆกับเสื้อผ้าท่อนบนของตัวเอง  เราต่างก็อยู่ในสภาพเกือบเปลือยกันทั้งคู่
ผมจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่มของร่างสูงที่กำลังไล่ลิ้นเลียไปตามเรือนร่างของผมเอาไว้แน่น  ท้องน้อยบิดเกร็งและในหัวขาวโพลนไปหมด  ปลายลิ้นไปหยุดกึกและระรัวเร็วอยู่ตรงสะดือ  สร้างความวูบหวามจนลืมสิ้นทุกอย่าง
“อ๊ะ…”
เขยิบขึ้นมาเล็กน้อย  ริมฝีปากอุ่นร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีหวานที่ปรากฏยั่วยวนอยู่นาน  ผมหายใจหอบถี่  ส่วนอ่อนไหวเริ่มมีความรู้สึกที่มากขึ้นจนสร้างความอึดอัดภายในกายไม่น้อย
ทุกส่วนที่เขาสัมผัส…มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ความละมุนราวกับผมเป็นของสำคัญที่เปราะหักง่ายเขาถึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษทำให้ผมอิ่มเอมไปทั้งหัวใจ
เขาทะนุถนอมผมเป็นอย่างดี…
หมับ…
ร่างทั้งร่างถูกยกมาที่อีกเบาะหนึ่งโดยที่ผมนั่งคร่อมทับตัวเขาเอาไว้  ริมฝีปากร้อนยังคงปรนเปรอยู่ที่ยอดอกไม่ห่าง  ขณะที่มือทั้งสองข้างเริ่มทำหน้าที่ปลดกางเกงทั้งของผมและของตัวเองออก
แวบหนึ่งความกลัวเกิดขึ้นในจิตใจ
คำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามา
ผมกำลังทำอะไรอยู่?
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจะดีแล้วงั้นเหรอ?
แต่ทว่า…ทุกตำถามก็ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ เมื่อประโยคที่ผมโหยหามาตลอดหลุดออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้
“คุณไฟ…”
“…”
“ผมรักคุณ”
กางเกงยีนส์รวมไปถึงชั้นในถูกกลกลงไปจนเกือบถึงหัวเข่า  ส่วนอ่อนไหวของผมและของเขาเด้งผงาดขึ้นมาทักทายกัน  ก่อนที่มือหนาจะทำการรวบมันเอาไว้ด้วยมือมือเดียว
“อ่า…”
ผมไม่สามารถกลั้นเสียงครางแห่งความสุขสมนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป  ฝ่ามือของเขาชักนำพาความสุขอันไม่รู้จบมาให้จนผมต้องซบลงกับอกแกร่ง  ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น
น้ำ…
ไฟขอโทษที่คงเป็นพี่ชายที่แสนดีและเพอร์เฟกต์ที่สุดของน้ำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะไฟ…
รักคนๆนี้มากจริงๆ
 
ครืด…ครืด…
“…”
ครืด…ครืด…
“อะไรวะ”
ผมสบถทั้งที่ยังไม่ลืมตา  มือก็ควานหาที่มาของเสียงคล้ายโทรศัพท์สั่น  แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเลยต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
ใครมันโทรมาตอนนี้วะ  เมื่อคืนกว่ากูจะได้นอนรู้ไหมว่ากูเสร็จไปกี่ยก!
“???”
ขมวดคิ้วเป็นผมเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าที่เบาะคนขับว่างเปล่าไม่มีใครเลย  หนำซ้ำตัวผมเองตอนนี้ก็ใส่เสื้อผ้าครบทุกอย่างอีกด้วย?
ครืด…ครืด…
“อ๊ะ!  อยู่นั่นเอง”
ผมเอื้อมไปหยิบมือถือที่ตกอยู่ข้างล่างตรงเบาะด้านหลัง  คนที่โทรเข้ามาคือไอ้ตูมตามนั่นเอง
“ฮัล…”
[ไอ้ฟาย!  มึงอยู่ไหน]
“อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนักหรอก  ทำไมวะ  มีอะไร”
[เมื่อคืนมึงอยู่กับคุณเปลวทั้งคืนไม่ใช่เหรอวะ]
“ใช่  แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้เขาหายไปไหนแล้วว่ะ  ทำไม?”
[มึงเปิดทีวีในมือถือมึงดูสิ  ช่องข่าวบันเทิงนะ  กำลังถ่ายทอดสดอยู่เลย]
ผมกดวางสายและเปิดดูทีวีในมือถือตามที่ไอ้ตูมตามบอกทันทีโดยไม่ถามอะไรอีก  รอสักพักสัญญาณก็มา  และภาพในจอก็ปรากฏขึ้น   เป็นภาพของไอ้หน้าหนวดกับผู้หญิงอีกคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีนักข่าวอยู่รอบๆ  คล้ายกับว่าทั้งสองคนกำลังแถลงข่าวอะไรสักอย่าง
แต่ความสงสัยของผมก็ต้องหมดไปเมื่ออ่านตัวหนังสือที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ…
 
‘ประกาศหมั้นสายฟ้าแล่บ!  ทายาทคนเดียวของโรงแรมวันสตาร์พ่วงด้วยดีกรีผู้จัดงานการประกวดพลิกฟ้าหาดาว  กับผู้เข้าประกวดสาวลูกครึ่งแสนสวย’
 
ไม่จริง…
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ในที่สุด…ในที่สุดพี่ไฟก็ได้เสียเป็นผัวเมียกับคุณเปลวแล้ว  ฮิ้วววววววว  สำหรับใครที่รอ NC คู่นี้แบบเต็มๆนั้น  จะมีแค่ในตอนพิเศษนะคะ  ถ้าในส่วนที่เอาลงเว็บขอแบบหอมปากหอมคอแล้วตัดเข้าโคมไฟแล้วกันเนอะ ( ตอนพิเศษมีเฉพาะในเล่มจ้า ไม่ลงเว็บเน้อ )  แต่ แต่ แต่!  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทั้งที่พี่ไฟอุตส่าห์ยอมถึงขนาดนั้นแล้ว  ทำไมคุณเปลวถึงได้ประกาศหมั้นกับบาร์บี้ล่ะ???
อยากรู้ต้องติดตาม  หรือใครสนใจสั่งซื้อ  เชิญที่เพจ Bubble-Bew ได้เลยจ้า


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 20 (28/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-01-2017 23:41:16
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 20 (28/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 30-01-2017 21:37:23
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามมากๆค่า  ตอนนี้นิยายเปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถติดตามความคืบหน้าได้ทางเพจเลยค่า  ส่วนเนื้อเรื่องหลักนั้นจะอัพให้อ่านจนจบในเว็บแน่นอนค่า ^^
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 20 (28/01/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-01-2017 22:11:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 21 (01/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 31-01-2017 23:57:48


ตอนที่ 21
ความเฉยชา

 
ตึกๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าของผมดังก้องไปทั่ว  และจุดมุ่งหมายที่ผมกำลังวิ่งไปก็คือห้องแถลงข่าวการหมั้นของไอ้หน้าหนวดกับบาร์บี้!
“ไอ้ฟาย!  เดี๋ยวสิวะ  มึงจะเข้าไปทั้งแบบนั้น…!”
พลั่ก!
“ปล่อยกู!”
ผมสะบัดไอ้ตูมตามที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหลังจากที่มันหันมาเห็นผมพอดี  ผมจัดการผลักประตูห้องแถลงข่าวเข้าไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
สิ่งที่ผมอยากรู้ตอนนี้มีเพียงแค่…เพราะอะไร?
ทำไม?
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมต้องทำกับผมถึงขนาดนี้ด้วย!
“งานหมั้นจะจัดขึ้นเมื่อไหร่เหรอคะคุณเปลว  คุณบาร์บี้”
“ก็คงเร็วที่สุดนั่นแหละครับ”
“แบบนี้จะมีข่าวดีเรื่องการแต่งงานทันทีด้วยหรือเปล่าคะ”
“คงอย่างนั้น”
คำถามมากมายถูกยิงใส่ทั้งสองคน  ไม่มีสังเกตเห็นการมาของผม  หรือถึงจะมีคนสังเกตเห็นก็คงไม่มีใครคิดหรอกว่า  ผู้ชายหัวหยักศกแต่งตัวไม่เรียบร้อยคนนี้จะเป็นคนเดียวกับนางสาวน้ำ  ตัวเก็งเบอร์หนึ่งของการแข่งขันคราวนี้
“เอาล่ะครับ  หมดเวลาสัมภาษณ์แล้ว  ไว้เราจะนัดสัมภาษณ์ใหม่ทีหลังนะครับ”
ทีมงานคนหนึ่งเข้ามากันนักข่าวให้ออกห่าง  ไอ้หน้าหนวดรีบคว้ามือบาร์บี้เดินมาทางประตู  ซึ่งเป็นจุดที่ผมยืนอยู่
ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น  เพราะหวังว่าถ้าเขาเดินมาแล้วจะต้องเห็นผม  ผมอยากเห็นสายตาอ้อนวอนเพื่อขอให้ผมฟังเขาและเชื่อใจเขาเหมือนทุกที
ผมเฝ้ารอสายตานั้น…
แต่ทว่า…
ปึก!
สิ่งที่ได้กลับมาจริงๆมีเพียงแค่ความเย็นชา  สายตาเฉยชาที่กรีดหัวใจจนยับเยิน  คุณเปลวแค่เดินกระแทกไหล่ผ่านผมไปราวกับผมไม่มีตัวตน
เป็นเพียงธาตุอากาศ…
“ทำไม…”
กว่าจะเปล่งเสียงออกไปได้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน  ลำคอของผมแห้งผาก  แม้แต่เรี่ยวแรงจะยืนยังแทบไม่มี
“ผมถามว่าทำไม!”
คำถามที่ดังขึ้นของผมเรียกความสนใจจากนักข่าวที่กำลังจะแยกย้าย  ร่างสูงที่เดินจับมือบารบี้ไปจนจะพ้นจากประตูอยู่แล้วก็หยุดชะงัก
“ทำไมวะ!  ทำไมทำกับผมแบบนี้  ทำไม!”
หมับ!
“ไอ้ฟาย  ใจเย็นๆสิวะ!”
ไอ้ตูมตามเข้ามาดึงรั้งผมที่ตั้งท่าจะพุ่งเข้าหาคุณเปลวเอาไว้แน่น  นักข่าวต่างพากันตรงเข้ามาที่ผมด้วยความสนใจใคร่รู้
“มะ…ไม่มีหรอกครับ  เพื่อนผมเอง  มันเมาน่ะ  อย่าถือสามันเลยนะครับ”
“ไอ้ตาม! มึงปล่อยกู  กูต้องถามให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ปล่อยกูสิวะ!”
พลั่ก!
“มึงน่ะหยุดเรื้อนแล้วมากับกูเดี๋ยวนี้เลย”
ไอ้เพื่อนเวรตบกบาลผมจนหัวทิ่มก่อนจะลากผมไปออกที่ประตูอีกทางซึ่งเป็นประตูสำหรับหนีไฟเหมือนในโรงหนัง
ตุ้บ!
“เอ้า!  จะใจเย็นได้หรือยัง  มึงกำลังจะทำให้ทุกอย่างพังทลายเพียงเพราะความโง่ของมึงรู้ตัวไหม!”
“กูทำอะไร!”
“มึงอยากให้คนทั้งประเทศเขาจำมึงได้หรือไง!  อยากให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วมึงไม่ใช่น้ำ  แล้วน้ำก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด  จะเอาแบบนั้นใช่ไหมวะ!”
ผมชะงักด้วยสิ่งที่ไอ้ตูมตามพูดออกมาแทงใจดำเข้าเต็มๆ
อาการโวยวายแบบไม่แคร์สื่อเมื่อครู่ค่อยๆดรอปลง  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองที่เดือดปุดๆยิ่งกว่าลาวาในนรก
“มึงยืนสมาธิสักห้านาทีโดยไม่ต้องปริปากพูดอะไรนะ  พอสงบสติอารมณ์ได้แล้วค่อยเปิดปาก”
“กู…”
“ยัง  กูบอกว่าอย่าเปิดปากไง”
ไอ้ตูมตามชี้หน้าอย่างคาดโทษ  ผมเลยต้องหลับตาลงเพื่อทำสมาธิตามที่มันสั่ง
แต่ทันทีที่หลับตา  ภาพเหตุการณ์อันแสนหวานเมื่อคืนก็ฉายย้อนเข้ามาจนคำถามมากมายพุ่งเข้าใส่สมองไม่ยั้ง
“อะ…ไอ้ฟาย”
“…”
“เหี้ย  มึงอย่าบอกกูนะว่ามึงกับคุณเปลว…”
“ฮึก…”
“ไอ้ฟายเอ๊ย  มึงนี่มันฟายสมชื่อจริงๆ  ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองถลำตัวไปได้ขนาดนั้น  ทำไมไม่ปรึกษากู”
“กู…”
“ไม่ต้องพูด  กูรู้ว่าตอนนี้มึงเจ็บ”
ผมพูดไม่ออก
สิ่งที่ไอ้ตูมตามพูดคือความจริงทุกอย่าง  น้ำตาที่ไม่เคยไหลให้กับใครมาก่อนนอกจากน้ำกลับไหลลงมาไม่ขาดสาย
และต้นเหตุของการร้องไห้ครั้งนี้ก็คือผู้ชายที่ผมปฏิเสธมาตลอด
หมับ…
“ร้องไห้กับกูได้  แต่ห้ามสั่งน้ำมูกนะ  เสื้อกูซื้อมาแพง”
กูจะร้องไม่ออกก็เพราะคำปลอบของมึงนี่แหละไอ้เพื่อนเวร!
 
กว่าผมจะหยุดร้องไห้ได้ก็ทำเอาเสื้อของไอ้ตูมตามเต็มไปด้วยน้ำมูก  มันสั่งสอนแกมออกคำสั่งทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะต้องกลับบ้านไปเพราะทางกองประกวดอนุญาตให้ญาติพบกับผู้เข้าประกวดและพักที่โรงแรมได้แค่สองคืนเท่านั้น  สุดท้ายผมเลยต้องมานั่งแห้งเหี่ยวอยู่คนเดียวบนห้อง
บาร์บี้ยังไม่กลับมา…
ในทีวีก็รีรันการแถลงข่าวของทั้งสองคนซ้ำไปซ้ำมาหลายช่องจนผมแทบจะเขวี้ยงทีวีทิ้งอยู่รอมร่อ
มึงจะซ้ำเติมจุดเดิมที่เคยเจ็บของกำไมนักหนาวะ!
ไม่ว่าจะคิดยังไงผมก็คิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  การเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของไอ้หน้าหนวดมันยิ่งกว่าคำว่าแปลกใจเสียอีก    ทุกอย่างมันฉุกละหุกและรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน  ยิ่งกว่านั้น…คนที่อยู่ใกล้กันทีไรก็จะถึงเนื้อถึงตัวผมตลอดอย่างเขา  คนที่เพิ่งบอกรักผมเมื่อคืน   จู่ๆก็มาทำเฉยชาใส่กันแบบนี้  จะให้ทำใจเชื่อง่ายๆได้ยังไง!
แอ๊ด…
ประตูห้องเปิดออก  ผมรีบหันไปเพราะรู้ดีว่าคนที่เข้ามาคือใคร
บาร์บี้ชะงักไปเล็กน้อย  เธอมองหน้าผมด้วยสายตาตื่นๆก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที  เป็นการบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการจะสนทนาด้วยในตอนนี้
“เดี๋ยวสิ  บาร์…!”
ปัง!!!
ปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าอย่างไม่ใยดี  โชคดีที่ชักหน้ากลับเข้ามาทันไม่งั้นคงมีดั้งหักกันไปข้าง
ผมควรพังประตูห้องน้ำเข้าไปคุยกับเธอให้รู้เรื่องเลยดีไหม
ไม่สิ  ถ้าทำแบบนั้นความลับคงแตกดังโพละแน่ๆ  ลำพังไอ้ที่ทำตัวแมนไปเมื่อวานนี้ก็ชวนน่าสงสัยพอแล้ว  ถ้ายังมีพละกำลังมหาศาลถึงขั้นพังประตูห้องน้ำได้อีกนี่คงแถต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ
“นี่  บาร์บี้…”
“ฮึก…”
ผมเงียบ  เงี่ยหูฟังบางสิ่งบางอย่างที่ดังทะลุประตูห้องน้ำออกมา  เสียงสะอื้นราวกับคนข้างในพยายามกลั้นมันเอาไว้อย่างเต็มที่
มือที่กำลังเคาะประตูผล็อยร่วงลงข้างกาย  ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเอาเสียดื้อๆ  ในหัวมันตื้อไปหมด  ผมแค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  พวกเขาสองคนรักกันจริงๆอย่างนั้นเหรอ?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น  ผมรีบลุกออกจากหน้าห้องน้ำเพื่อเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน  คนที่ผมอยากเจอมาที่สุดกำลังยืนตีหน้านิ่งอยู่  สายตาของเขาที่มองมามันว่างเปล่าเสียจนผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจ้องมองแผ่นเลนส์อะไรสักอย่างที่ไม่ได้สะท้อนอะไรกลับมาเลย
“มาหา…”
“คุณบาร์บี้ครับ   ผมมารับไปดินเนอร์แล้วนะ”
ร่างสูงไม่ตอบคำถาม  แต่เดินผ่านตัวผมไปราวกับผมเป็นเพียงธาตุอากาศ  กลิ่นตัวที่คุ้นเคยกระทบกับจมูก…
หมับ…
ร่างกายไปไวกว่าความคิด  ผมหันกลับไปสวมกอดเขาจากด้านหลังไว้แน่น  ซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างที่แสนคิดถึง  รู้สึกเหมือนนานมากที่ไม่ได้สัมผัสเขาแบบนี้
“ทำไมครับ  เกิดอะไรขึ้นเหรอ  ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“…”
“คุณตอบผมสิ  ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า  ถ้าผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ  คุณบอกผมก็ได้  ผมยินดีเปลี่ยน ผมพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเพื่อคุณ  แต่อย่าทำแบบนี้  อย่าทำกับผมแบบนี้เลย  ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ  ผมให้คุณไปหมดทุกอย่างแล้ว  นะครับ  อย่าทำกับผมแบบนี้เลยนะ”
“…”
อีกฝ่ายยังเงียบอยู่   ความเงียบจากเขาทำให้ผมกลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด 
ถ้าหากคำตอบที่ได้รับกลับมามันทำร้ายผมมากกว่าเดิม  ผมจะทำยังไงต่อไป?
แอ๊ด…
ประตูห้องน้ำเปิดออกก่อนที่คำตอบที่ผมเฝ้ารอจะออกมาจากปากของคุณเปลว  บาร์บี้ชะงักมองผมสลับคู่หมั้นของเธอที่ยังคงไม่ปริปากพูดอะไร  สายตางุนงงกับขอบตาที่แดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วงได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ถามอะไร
“หิวหรือยังครับ”
พลั่ก!
คุณเปลวสะบัดอ้อมกอดของผมทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะเดินเข้าไปหาบาร์บี้  เขาจับแขนเธอแล้วดึงให้เข้าหาก่อนที่นิ้วมือเรียวยาวจะปาดน้ำตาที่ยังคางอยู่ตรงหางตาออกให้เธอ
“นิดหน่อยค่ะ”
“งั้นไปดินเนอร์กันเถอะครับ  ผมให้คนปิดห้องอาหารของที่นี่ไว้เพื่อคุณ”
“คะ…ค่ะ”
บาร์บี้ตอบตกลงเสียงสั่นๆ  เธอพยายามที่จะมองแต่หน้าของคุณเปลวจนผมจับความผิดสังเกตได้  เหมือนเธอไม่อยากจะมองหน้าของผมในตอนนี้   สักพักพวกเขาก็ประคองกันเดินออกจากห้องไป
เหลือเพียงแค่ผมที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลยยืนอยู่คนเดียว
ให้ตายสิ  มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจเต็มหัวไปหมดแล้วโว้ย!
 
“แล้วไงยะ  สุดท้ายแล้วพอไม่รู้จะหันไปปรึกษาใครดีก็เลยเรียกฉันออกมาสินะ”
ที่พึ่งสุดท้ายสำหรับผมในตอนนี้เอ่ยเสียงเบื่อหน่าย
มะนาวเปรยตามองผมที่นั่งเอานิ้วมือเขี่ยนิ้วเท้าเล่นอย่างรำคาญ  เพราะผมเพิ่งไปลากเธอออกมาจากห้องทำสปาผิวของโรงแรมนั่นเอง
“ก็นอกจากบาร์บี้แล้ว  ฉันก็มีแค่เธอนี่แหละที่คุยด้วยบ่อยที่สุด
“แต่นอกจากเธอแล้วฉันยังมีเพื่อนนางงามคนอื่นคุยด้วยเยอะแยะย่ะ”
“อย่าเพิ่งหาเรื่องด่ากันได้ไหม  คนยิ่งเครียดๆอยู่นะ”
ผมบอกหน้างอง้ำ
ตอนนี้กูเครียดจนแทบจะโดดตึกตายแล้วเหอะ  ถ้าไม่ติดว่ากลัวตายคงฆ่าตัวตายไปแล้วอ่ะ  ลำพังแค่เจอศึกรบในการประกวดแม่งก็หนักหนาสาหัสพอดูแล้ว  ยังต้องมาเจอสนามรักอีก  ใจคอชะตาชีวิตคงไม่คิดจะให้ไอ้ไฟได้พบกับความสงบสุขเลยสินะ  ขยันหาเรื่องให้ปวดหัวตลอดเลย!
“มานั่งเครียดแล้วมันจะได้อะไรให้ขึ้นมาฮะ  มันทำให้เธอรู้ความจริงหรือไงว่าทำไมสองคนนั้นเขาถึงหมั้นกัน”
“แต่ถึงยังไงฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่หรือไง  เพราะพวกเขาจะหมั้นกันอยู่แล้ว  อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะหมั้นกันแล้วนะ!”
“แต่ก็ยังไม่ได้หมั้นไม่ใช่หรือไง”
“…”
“ช่วงเวลาที่เขายังไม่ได้หมั้นกัน  มันคือช่วงเวลาสุดท้ายของเธอแล้ว  ถ้าเธอมั่นใจว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง  มีอะไรไม่ชอบมาพากลเธอก็ต้องสืบจากระยะเวลาที่เหลือนี่แหละ!”
“สืบอะไร  หน้าฉันหันซ้ายเหมือนโคนัน  หันขวาเหมือนเชอร์ล็อก โฮล์มส์หรือไง”
“เหมือนสุนัขตำรวจล่ะสิมว่า!”
แรงอ่ะ
ผมได้แต่ก้มหน้าและปล่อยให้มะนาวเริ่มสาธยายต่อ  ไม่รู้ป่านนี้สองคนนั้นจะพากันปู้ยี่ปู้ยำถึงไหนแล้ว  เผลอๆอาจจะกำลังป้อนข้าวกันไปมาอย่างกระหนุงกระหนิงก็ได้
ฮึก…
ถ้าตะโกนออกไปตอนนี้ว่า ‘นั่นผัวกู’   จะทันไหม
“เอาตรงๆนะ ฉันเองก็รู้สึกว่าการประกวดคราวนี้มันแปลกๆชอบผล   เหมือนมีใครกำลังพยายามทำอะไรสักอย่างในมุมมืดตลอดเวลา  ถ้าฟังจากที่เธอเล่ามาทั้งหมด  ตั้งแต่เรื่องปล่อยข่าวลือเสียๆหายๆเกี่ยวกับเธอ  สร้างศัตรูในหมู่ผู้เข้าประกวดด้วยกันให้เธอ  หลอกเธอไปให้ไอ้เสี่ยหัวล้านนั่นเคลม  แล้วยังมาเหตุการณ์ล่าสุดที่หลอดไฟนั่นร่วงลงมาจากเพดานอีก  ทุกอย่างมันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้จริงๆว่ามีใครบางคนกำลังจ้องเล่นงานเธอ  นี่…  แน่ใจนะว่าไม่เคยไปแย่งสามีใครเขาน่ะ”
ประโยคสุดท้ายเธอหันมาหรี่ตามองผมอย่างจับผิด
“จะไปเคยได้ยังไงเล่า!”
เกิดมาเพิ่งเคยมีผัวเป็นตัวเป็นคนคนแรกก็เมื่อคืนนี้นี่เองนั่นแหละ!
ก่อนหน้านี้ผมยังเป็นผู้ชายที่ต้องการมีเมียแบบคนทั่วไปอยู่นะ  สาบานได้!
“ถ้างั้นจะเป็นใครกันล่ะ  คนที่คอยจ้องเล่นงานเธอตลอดเวลา”
“นั่นสิ”
“เฮ้อ!”
ทั้งผมและมะนาวต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน   จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเรื่องนี้กับเรื่องที่ไอ้หน้าหนวดประกาศหมั่นฟ้าผ่าแบบนั้นจะเกี่ยวข้องกัน
เพราะยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าเขาจะคิดอะไรเกินเลยกับบาร์บี้
ตราบใดที่ทุกครั้งที่ได้สัมผัสกัน  แล้วร่างกายของเขายังคงอบอุ่นสำหรับผม  ผมก็ยังเชื่อมั่นว่า…เขาไม่ได้เปลี่ยนไป
เขาเป็นอัศวินของผม…
เขาสัญญาแล้วว่าจะคอยดูแลและปกป้องผม…
“จริงสิ  รู้หรือยังว่าการประกวดผู้เข้ารอบสิบคนสุดท้ายยกเลิกแล้วนะ  ทางกองประกวดตัดสินใจที่จะประกาศผลผู้ชนะเลิศและรองทั้งสองทีเดียวในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า  ดูเหมือนว่าทางกองประกวดเองก็เริ่มจะสัมผัสได้ถึงความแปลกๆของการประกวดคราวนี้แล้วล่ะ”
พวกมึงควรจะสัมผัสได้ตั้งแต่ตอนกูถูกปล่อยข่าวลืมแปลกๆแล้วไหม  ไม่รอให้กูตายก่อนเลยล่ะถึงค่อยสัมผัสได้!
แต่เดี๋ยวก่อน
อาทิตย์หน้านี่มัน…
ก่อนวันครบกำหนดที่น้ำจะหายสามวันนี่หว่า!
ฉิบหายแล้วสิ  วันตัดสินต้องมีการใส่ชุดว่ายน้ำวาบหวิวเดินบนเวทีเสียด้วย!
“ก็ดีเหมือนกัน  ฉันอยากรีบๆรู้ผลแล้วก็กลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว  เวทีนางงามพวกนี้น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย  มีแต่พวกใส่หน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น”
“นั่นสิ”
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้ำถึงอยากเป็นนางงาม  ทั้งที่โลกของมันน่ากลัวกว่าโลกความจริงไม่รู้ตั้งกี่เท่า  ผมยังนึกภาพไม่ออกจริงๆนะว่าถ้าคนที่มาประกวดคราวนี้คือน้ำตัวจริง  น้องสาวของผมตะโดนกระทำยังไงบ้าง  โดยเฉพาะ…
จากบุคคลลึกลับที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืด  ผู้ที่จ้องทำร้ายผมมาตลอดตั้งแต่เริ่มประกวด!
“แล้วจะเอายังไงยะ  จะสืบไหม  เรื่องคุณเปลวกับแม่ตุ๊กตาบลายธ์นั่น”
“บาร์บี้เถอะ”
“นั่นแหละย่ะ  ว่ายังไง  จะสืบไหม?”
ผมลังเล  ถึงจะอยากสืบแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี  ดูท่าทั้งคู่เองก็ไม่อยากจะบอกอะไรกับผมทั้งนั้นด้วย
หรือความจริงแล้วมันจะไม่มีอะไรเลยจริงๆ  ผมแค่คิดมากไปเองเพราะอยากจะหลอกตัวเองต่อไป  ไม่กล้ายอมรับว่าไอ้หน้าหนวดนั่นอาจจะเผลอใจไปรักบาร์บี้แล้วก็เป็นได้  เลยพยายามหาเรื่องมาทำให้ตัวเองไม่ต้องเจ็บปวดมากนักโดยการคิดว่าทั้งคู่มีอะไรปิดบังเอาไว้…
ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น  สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งตกอยู่ใต้โต๊ะตัวหนึ่งที่ตั้งเรียงกันอยู่ริมสระน้ำเพื่อให้แขกพักผ่อน
“กระเป๋าตังค์เหรอ”
เมื่อเดินไปใกล้ก็พบว่าสิ่งที่ตกอยู่คอกระเป๋าเงินสีดำหรูเรียบใบหนึ่งที่จากลักษณะแล้วน่าจะเป็นกระเป๋าเงินของผู้หญิง
“อะไรเหรอ?”
มะนาวลุกขึ้นเดินตามมาดู  ผมชูกระเป๋าเงินทีเก็บได้ให้เธอดู  ก่อนจะเปิดมันออกเพื่อดูว่าเจ้าของคือใคร  บางทีอาจจะเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดก็เป็นได้
“นี่มัน…”
ผมและมะนาวต่างก็มองหน้ากันจนลูกตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า  พวกเรารีบพากันรื้อค้นกระเป๋าเงินใบนี้ด้วยความรู้สึกสับสนไปหมด
“ดูนี่สิ”
มะนาวร้องเรียกและส่งสิ่งที่เธอค้นเจอให้ผมดู
สาบานเลยว่าวินาทีแรกที่ได้เห็น  ผมแทบจะคิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน  สายลมที่พัดผ่านตัวไปเบาๆสร้างความขนลุกจนสะท้านไปถึงอวัยวะภายใน
“จะเป็นไปได้ไหมน้ำ  ว่าเรื่องทั้งหมดอาจเป็นฝีมือของคนๆนี้”
“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็ถ้าสิ่งที่พวกเรากำลังคิดอยู่เป็นเรื่องจริง  เหตุผลที่คนๆนี้ทำเรื่องทั้งหมดลงไปก็คงเพื่อ…”
มะนาวเว้นคำพูดเอาไว้
ผมและเธอมองหน้ากัน  ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนกำลังสันนิษฐานอะไรอยู่ในใจ  แต่ว่า…ผมจะด่วนสรุปเรื่องทั้งหมดด้วยหลักฐานเพียงแค่นี้ไม่ได้  มันไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายทั้งหมดในกองประกวดนี้!
หมับ!
“เธอจะไปไหน!”
มะนาวคว้าแขนผมที่ตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรมเอาไว้ด้วยสีหน้าตื่นๆ
“ฉันจะไปถามความจริงจากปากคนๆนี้เอง”
“จะบ้าเหรอ!   ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ  ก็เท่ากับว่าเธอกำลังเดินเข้าไปหาคนที่คิดทำร้ายเธอด้วยตัวเองเลยนะน้ำ!”
“แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น  ถ้าสิ่งที่พวกเราคิดมันถูก  ก็หมายความว่าตอนนี้อาจมีคนที่กำลังลำบากเพราะฉัน”
“…”
“คนที่ฉันไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
ใบหน้าของไอ้หน้าหนวดลอยวนไปวนมา  ที่ผ่านมาเขาทำเพื่อผมมามากอแล้ว  การประกวดที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นมาต้องมัวหมองและมีมลทินเพราะเขาช่วยผมโกหกเรื่องการปลอมตัวเป็นน้ำ  เขาเสียสละสิ่งที่สร้างมากับมือและเอาชื่อเสี่ยงของตัวเองมาเสี่ยงดกับผม
มันมากพอแล้ว
เขาทำเพื่อผมมากเกินไปแล้ว
“ห้านาที”
“…”
“ฉันให้เวลาเธอแค่ห้านาที  ถ้าหานาทีแล้วเธอยังไม่กลับมาที่นี่  ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณเปลว”
“…”
“…”
“ตกลง”
“…”
“แค่ห้านาทีก็พอ”
ผมยิ้มให้กับมะนาวที่มองมาอย่างเป็นห่วง  ในมือกระชับกระเป๋าเงินที่มีหลักฐานสำคัญอยู่ข้างในก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรม  ตรงไปยังห้องของคนๆนั้น
 
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า  เจ้าของกระเป๋าเงินใบนั้นที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำมันหายไปได้กลับออกมาหาพอดี   บทสนทนาเหล่านั้นดังชัดอยู่ในโสตประสาท  สายตามุ่งร้ายมองตามแผ่นหลังของไฟไปอย่างวาวโรจน์!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  เหลืออีกไม่ถึงสิบตอนก็จะจบแล้วน้า  ไคลแม็กซ์แรกเรื่องของคนร้ายตัวจริงกำลังจะจบลงแล้ว  อยากรู้ว่าเป็นใครต้องติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ  ได้รู้แน่นอน!  ขอบคุณสำหรับการติดตามมากๆเลยค่า  ตอนนี้บิวทัวร์ตจว.อีกแล้ว  และรอบนี้ก็ได้มาภาคอีสานค่ะ  อยู่โคราช  เสร็จจากโคราชก็ยังมีไปอีกสามจังหวัดในภาคอีสาน  งานชุกชุมประหนึ่งยุงเลยทีเดียว TOT  ถ้าอัพช้าไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
ปล.  นิยายเรื่องนี้เปิดพรีฯแล้ว  สามารถสั่งซื้อได้เรื่อยๆเลยจ้า  ติดตามรายละเอียดได้ที่เพจเลยนะคะ ^^


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 21 (01/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-02-2017 00:34:40
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-02-2017 22:59:28




ตอนที่ 22
ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

 
Special Part
“ตกลงจะไม่มีใครยอมรับใช่ไหม!”
ผมตวาดเสียงดังขึ้นหลังจากที่เอ่ยปากถามไปหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครยอมรับหรือเห็นอะไรผิดสังเกตเลยสักคนเดียว
ทีมงานทุกคนเอาแต่มองหน้ากันไปมา  ต่างกระซิบกระซาบไม่กล้าสบตาผมตรงๆเลยสักคนเดียว  หรือพวกเขาจะไม่รู้จริงๆ  แต่จะเป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อห้องที่ใช้ประกวดนั่น  ก่อนวันประกวดจะมีแค่ทีมงานเท่านั้นที่เข้าออกได้  ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้าได้อย่างแน่นอน
“กล้องวงจรปิดในนั้นจับภาพอะไรได้บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เลยครับ  กล้องวงจรปิดที่ติดไว้อยู่ต่ำกว่าคานเหล็กบนเพดาน  ภาพที่สูงกว่านั้นกล้องจะไม่สามารถจับภาพใดๆได้เลยครับ”
“ถ้างั้นรีบไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยนะ  เปลี่ยนมันให้หมดทั้งโรงแรม  ติดให้หมดทุกซอกทุกมุมไม่เว้นแม้แต่ห้องเก็บของ  ไป!”
“ครับ”
พนักงานของโรงแรมรีบลนลานวิ่งหน้าตาตื่นออกไป
โรงแรมแห่งนี้คือโรงแรม ‘วันสตาร์’  เป็นโรงแรมของครอบครัวผมเอง  มีคุณพ่อเป็นเจ้าของที่วันๆเอาแต่ใช้ชีวิตอยู่อเมริกาเพื่อคุยกับผู้ถือหุ้นและหาลูกค้าเพิ่ม  ทิ้งโรงแรมนี้ไว้ให้พนักงานบริหารกันเองโดยมีบ้างที่ผมจะยื่นมือเข้ามาดูแลหากเกินปัญหาเร่งด้วยจริงๆ  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยเปิดเผยตัวว่าตัวเองคือลูกชายเจ้าของโรงแรมและเป็นทายาทเพียงคนเดียวเท่าไหร่นัก
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เพราผมรำคาญและเกลียดทุกคนที่เข้าใกล้ผมเพื่อหวังผลประโยชน์  เอาแค่ที่ผมมีหน้ามีตาในวงการนางงามและวงการบันเทิงมันก็ทำให้ชีวิตผมห่างไกลจากคำว่าสงบสุขไปเยอะแล้ว
“พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเลวร้ายมากแค่ไหน”
“รู้ครับ/รู้ค่ะ”
“มาตรฐานความปลอดภัยของการประกวดน้อยมาก  ถ้ามีข่าวแบบนี้หลุดออกไป  คุณคิดว่าสปอนเซอร์ที่สนับสนุนเราอยู่ตอนนี้จะสนับสนุนเราต่อหรือเปล่า  ยิ่งไปกว่านั้น  ผู้เข้าประกวดที่บาดเจ็บวันนี้ยังเป็นตัวเก็งอีกด้วย  ถ้าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นจนเธอไม่สามารถประกวดต่อได้  พวกคุณรู้ไหมว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายแค่ไหนกับการประกวดพลิกฟ้าหาดาวของเรา!”
ทีมงานยังคงหลบตาผมไม่เลิก  ผมจ้องมองพวกเขาเรียงคนเพื่อจับพิรุธ  ตราบใดที่ผมยังหาตัวคนที่มุ่งร้ายคุณไฟไม่ได้  ชีวิตของคุณไฟก็ยังตกอยู่ในอันตราย
ใครกัน…
ใครกันแน่ที่คิดทำร้ายคุณไฟของผม!
“เอาเป็นว่าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก  ผู้เข้าประกวดทุกคนจะต้องได้รับกาดรูแลอย่างดีที่สุดจากเรา  พวกเธอจะเป็นอะไรไปไม่ได้แม้แต่นิดเดียว  สิ่งที่พวกคุณทุกคนต้องพึงระวังอยู่เสมอคอความปลอดภัย  อย่าละเลยไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม  เข้าใจไหมครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับแต่ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับรู้กันดี  ผมปัดมือเป็นการอนุญาตให้ทุกคนออกไปได้  ส่วนตัวเองก็จะขอนั่งสงบสติอารมณ์ที่เดือดพล่านในตอนนี้ต่ออีกสักหน่อย
“เอ่อ…”
หลังจากที่ทุกคนพากันออกไปจนหมด  พนักงานคนหนึ่งของโรงแรมที่ดูท่าคงจะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเพราผมไม่ค่อยคุยหน้าเธอสักเท่าไหร่ก็เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาหาเหมือนมีอะไรบางอย่างอยากจะคุยกับผม
“ครับ?”
“คือ…หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ไหม  แต่ว่า…เมื่อคืนนี้ช่วงประมาณตีสาม  หนูเห็นคนเดินเข้าออกที่ห้องสำหรับการประกวดด้วยค่ะ”
“ใคร?”
“เอ่อ  แต่หนูไม่รู้นะคะว่าสิ่งที่หนูเห็นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หรอเปล่า แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่หนูเห็นเขามีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆไหม  หนูแค่…แค่…”
“เข้าใจแล้ว  ผมจะไม่บอกใครเด็ดขาดว่าคุณเป็นคนมาบอกเรื่องนี้  ผมสัญญา”
“…”
“บอกมาได้แล้ว  ใครคือคนที่คุณเห็น”
 
ตุ้บ…
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงด้วยสภาพอ่อนแรงสุดๆ  ในหัวยังคงคิดถึงสิ่งที่พนักงานโรงแรมคนนั้นบอกกับผม  คนที่เธอเห็นว่าเข้าไปในห้องการประกวดยามวิกาล…
ทำไม…
ทำไมถึงเป็นคนๆนั้น?
“ให้ตายสิ”
ปวดหัวไปหมดแล้ว
ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณไฟทั้งหมดเป็นฝีมือของคนที่ผมคิดจริง  แล้วเหตุผลล่ะ?  มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
 
‘นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่หนูเห็น  แต่ครั้งห่อนหนูก็เคยเห็นเขาคุยกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่ใส่ชุดเหมือนทีมงานของกองประกวด  แต่ว่าหนูไม่คุ้นหน้าเขาเลย  ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นทีมงานมาใหม่เสียด้วยซ้ำ  แต่จนวันนี้ก็ยังไม่เห็นสักที  คิดว่าอาจจะออกไปแล้วก็ได้’
 
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน
หากผู้หญิงที่ใส่ชุดทีมงานของกองประกวดที่พนักงานโรงแรมคนนั้นเห็นไม่ใช่ทีมงานของผมจริงๆ  ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นทีมงานปลอมที่ถูกจ้างมาเพื่อกระทำบางอย่าง  และสิ่งเดียวที่ผมนึกได้ก็คอเหตุการณ์ในวันนั้น  วันที่คุณไฟถูกหลอกไปให้ไอ้เสี่ยนั่น!
ติ๊ง!
เสียงอีเมลเข้าจากโน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้น  ผมลุกขึ้นไปเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อดูว่าใครส่งอะไรเข้ามา  เพราะเครื่องนี้จะเป็นเครื่องที่ผมใช้สำหรับทำงานเท่านั้น  เพราะงั้นเมลที่เข้ามาก็จะมีแต่เมลเรื่องงานของผมอย่างเดียว
“หืม?”
ไม่มีหัวเรื่องแฮะ   แถมชื่อเมลยังไม่คุ้นและไม่มีบันทึกอยู่ในรายชื่ออีกต่างหาก
“เป็นไฟล์แนบงั้นเหรอ?”
ผมกดเปิดอีเมลฉบับนี้อย่างแปลกใจ  ทันทีที่ไฟล์แนบถูกโหลดจนเสร็จก็จัดการเปิดสิ่งที่โหลดมาได้ขึ้นดูทันที
“!!!”
ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างเมื่อบนหน้าจอโน้ตบุ๊คปรากฏสิ่งที่ชวนให้ตกใจจนแทบจะเขวี้ยงในทิ้ง  ผมรีบเดินกลับไปที่หัวเตียงแล้วหยิบเอาสิ่งที่ซ่อนไว้ใต้หมอนมาตลอด  รูปคุณไฟในวันที่ต้องถ่ายแบบในทะเลร่วมกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆแต่ดันโดนมือดีตัดสายเสื้อในจนขาดเสียก่อน  มันคือภาพเดียวจากในเมมโมรี่ทั้งหมดที่ถ่ายติดตอนคุณไฟยืนขึ้นโดยที่หน้าอกแบนราบเพราะนมปลอมมันหลุดออกไป!
ผมเก็บภาพนี้เอาไว้ดูเล่นคนเดียว  แต่ว่าทำไมถึง…!
มีภาพนั้นส่งเข้าเมลผมมาได้
“หรือว่า…”
คนเดียวที่ผมนึกได้ตอนนี้มีแค่คนๆนั้น   การที่รูปนี้ถูกส่งเข้าเมลของผมโดยตรง  ก็มีความเป็นไปได้เดียวที่คิดได้คือ…
เรื่องที่คุณไฟปลอมตัวเป็นคุณน้ำไม่ใช่ความลับอีกต่อไป!
แต่มีบุคคลที่สามรับรู้แล้ว!
ผมเดินกลับไปที่โน้ตบุ๊ค  จัดการส่งเมลตอบกลับยังเมลที่ส่งรูปนี้เข้ามา  มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเด็ดขาดกับเรื่องนี้  ก่อนที่เขาจะทำอะไรที่มันร้ายแรงเกินกว่าจะแก้ไขได้
 
‘ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร’
 
สงครามครั้งนี้  ผมจะเล่นกับคุณเอง  แต่อย่ามาแตะต้องคนสำคัญของผมเด็ดขาด  คุณไฟน่ะ…ผมจะดูแลให้ดีที่สุด
 
‘ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้’
 
เมลตอบกลับมาทำให้ผมรู้ได้ว่าคนๆนั้นคงรู้แล้วว่าผมรู้อะไรมา   ถึงจะยังยากที่จะเชื่อและผมยังไม่อยากเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือเขาก็ตาม  แต่ความจริงก็คือความจริง  ที่เหลือก็คือเหตุผลของความจริงเหล่านี้
อะไรคือสาเหตุของเรื่องทั้งหมด
ติ๊ง!
ลิฟต์ดังขึ้น  ผมเดินไปยืนรอต้อนรับการมาของคนที่ไม่คาดคิด  ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด  หวังว่าผมจะสามารถปกป้องคุณไฟและจบเรื่องทุกอย่างได้โดยที่ไม่มีใครต้องเจ็บตัวหรือเป็นอะไรมากไปกว่านี้
“เป็นคุณจริงๆด้วยสินะครับ”
“รู้จนได้สินะ  เก่งจริงๆ”
“คุณทำแบบนี้ทำไม  มีเหตุผลอะไร  คุณน้ำ…  ไม่สิ  ผมคงเรียกว่าคุณไฟต่อหน้าคุณได้สินะ”
อีกฝ่ายไม่ตอบ  แต่ยกยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาพลางเดินไปนั่งกอดอกเชิดหน้าอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์  การกระทำนี้ยิ่งทำให้ผมหนักใจและสับสนว่าอะไรทำให้คนๆนี้เกลียดคุณไฟถึงขนาดนั้น?
“เรื่องเหตุผลทั้งหมด  คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก   ที่ฉันยอมเปิดเผยตัวให้คุณรู้ก็เพราฉันมีข้อเสนอจะมายื่นให้กับคุณ  แลกกับ…”
“…”
“การที่รูปนั้นจะไม่ถึงมือนักข่าวทุกคน”
“!!!”
“ว่ายังไงล่ะ  ถ้าคุณยอมตกลง  ฉันจะไม่เปิดเผยรูปนั้นเด็ดขาด  และจะไม่แตะต้องนายไฟคนนั้นอีก  แต่ถ้าไม่…”
“…”
“ก็เตรียมตัวอ่านข่าวหน้าหนึ่งในวันพรุ่งนี้ได้เลย”
แววตาและน้ำเสียงที่ร้ายกาจราวกับเป็นคนละคน  แทบไม่เหลือเค้าเดิมของคนที่ผมรู้จักเลยสักนิดเดียว
“คุณต้องการอะไร”
“คบกับผู้เข้าประกวดที่ชื่อบาร์บี้ซะ  หมั้นและแต่งงานกับเธอคนนั้น”
“ทำไม?”
ผมถามกลับแทบจะในทันที  สิ่งที่ต้องการให้ผมทำมันพีคจากที่ผมคิดไว้เยอะมาก  เยอะเกินไป  เยอะจนผมไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่ถูกเสนอมาให้นั้นเกี่ยวกับคุณไฟได้ยังไง?!
“ไม่ต้องถาม  และไม่จำเป็นต้องรู้  ทำตามที่ฉันสั่งซะ  ถ้าคุณอยากจะปกป้องนายไฟจริงๆ”
“ผมไม่เข้าใจคุณเลย”
“ฉันก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเข้าใจฉันเหมือนกัน
แววตามุ่งมั่นจ้องผมไม่ลดละ
เพราะอะไรกัน  ทำไมถึงต้องให้ผมหมั้นและแต่งงานกับคุณบาร์บี้?  หรือเพียงเพื่อจะให้คุณไฟเจ็บปวด  ถ้าแบบนั้น…แค่ให้ผมเลิกยุ่งกับคุณไฟเอาเสียดื้อๆมันไม่ง่ายกว่าหรือไง
ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ  ข้อเสนอข้อนี้จะต้องมีบางอย่างแอบแฝงอยู่!
“ถ้างั้นก็ตามนี้   ฉันจะรอดูว่าคุณจะทำตามข้อเสนอที่ฉันยื่นให้หรือเปล่า  ถ้าไม่…”
“…”
“คุณคงรู้ว่าฉันจะบดขยี้ดวงใจของคุณยังไง”
ดวงใจของผม…
…คุณไฟ
ผมจะปกป้องเอาไว้ให้ได้เลย!
 
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องคุณไฟ  ผมก็ปล่อยมือออกจากคุณบาร์บี้ที่เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอีกครั้ง  เราพากันเดินไปนั่งที่บันไดหนีไฟซึ่งไม่มีผู้คนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก  ผมยืนเหม่อมองท้องห้าที่มืดสนิมอยู่ตรงระเบียง  ส่วนร่างบางเจ้าของดวงหน้าลูกครึ่งราวกับตุ๊กตาบาร์บี้สมชื่อก็นั่งปาดน้ำตาอยู่ตรงขั้นบนได
“ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ  ฮึก…”
“ผมรู้  แต่พวกเราไม่มีทางเลือก  คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าเพราะอะไร”
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะบอกฉันสักทีว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้คือใครกันแน่  แล้วทำไปเพราะอะไร!”
“ผมไม่รู้เหตุผลของเขา”
“ถ้างั้นพวกเราต้องเป็นหุ่นเชิดแบบนี้ตลอดไปเหรอคะ  ฉันทนโกหกแบบนี้ต่อไปได้ไม่นานหรอกนะ  คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ  สายตาของ…!”
“…”
“สายตาคู่นั้นที่มองพวกเรา  มันเจ็บปวดขนาดไหน”
ว่าแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ
ผมเม้มริมฝีปากแน่น  จนปัญญาที่จะแก้ไขอะไรในตอนนี้  สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงแค่ทำตามคำสั่งเพื่อปกป้องคนที่ผมรักเท่านั้น
ถ้าหากความลับของคุณไฟถูกเปิดเผย  แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณน้ำจะต้องถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน  และตัวคุณไฟเองก็คงจะโดนคนทั้งประเทศต่อว่าว่าเป็นคนหลอกลวง  สองพี่น้องจะต้องจมอยู่กับความเลวร้ายไปอีกนาน
ผมยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
แม้ว่าเพียงแค่ได้เห็นหน้าของคุณไฟ  ผมก็แทบลืมสิ้นทุกอย่างแล้วดึงเอาตัวเขาเข้ามากอดก็ตาม
รัก…ผมรักคุณจะตายอยู่แล้ว
รักมาก…จนยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องที่ฝืนใจตัวเองที่สุดอย่างในตอนนี้  ที่สำคัญกว่านั้น  ผมอยากจะทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดที่เคยก่อเอาไว้กับคุณไฟ
ก่อนที่ ‘ความลับ’ ที่ผมปิดบังเอาไว้จะถูกเปิดเผย
และผมอาจไม่ได้ทำหน้าที่คอยดูแลคนที่อยากปกป้องอีกเลยก็เป็นได้
พลันใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของชายหนุ่มเพื่อนสนิทของคุณไฟก็ปรากฏขึ้นในหัว  ไม่ช้าก็เร็ว   ผมรู้ดีว่า ‘เรื่องคืนนั้น’ จะต้องแดงออกมา
เรื่องที่อาจจะทำให้ผม…
กลายเป็นคนที่คุณไฟจะเกลียดไปตลอดชีวิต
ผางงงง!
ประตูระทางหนีไฟถูกเปิดออกอย่างแรง  คุณมะนาวหนึ่งในผู้เข้าประกวดยืนหอบแฮ่กอยู่ตรงประตู  ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อมากมาย
“ยะ…อยู่นี่เองเหรอคะ  ฉะ…ฉันหาตั้งนาน  แฮ่ก!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ  ทำไมหน้าตาตื่นปียกโชกมาแบบนี้”
“คุณเปลวคะ  แย่…แย่แล้วค่ะ”
“แย่แล้ว  อะไรครับ?”
“น้ำ…น้ำค่ะ  เกินห้านาทีแล้วด้วย  ฉันหาเธอทั่วโรงแรมแต่ก็ไม่พบเลย”
ผมและคุณบาร์บี้หันมองหน้ากันทันทีที่คำว่า ‘น้ำ’ หลุดออกมาจากปากของคุณมะนาว
“หมายความว่ายังไงครับ  เกิดอะไรขึ้น?!”
“น้ำหายตัวไปค่ะ”
“หายตัวไป?   หายไปไหนครับ  แล้วหายไปได้ยังไง”
คุณมะนาวเริ่มเลาเรื่องราวทั้งหมดให้ผมและคุณบาร์บี้ฟัง  ถ้านับจากช่วงเวลาที่คุณไฟเห็บกระเป๋าเงินนั้นได้และขอปลีกตัวไปพบคนๆนั้นเองก็เท่ากับว่า…
หนึ่งชั่วโมงแล้วที่คุณไฟหายไป!
ครืด…ครืด…
ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อ  มือถือในกระเป๋าผมก็สั่นขึ้น  คุณตูมตามเพื่อนสนิทของคุณไฟเป็นคนโทรเข้ามา  เพราะก่อนหน้านี้คุณไฟเคยให้เบอร์ผมกับเขาเอาไว้เพื่อมีกรณีเร่งด่วนอะไรจะได้ติดต่อกันได้
“สวัสดีครับ”
[ไอ้ไฟอยู่หรือเปล่า]
“คุณไฟ  คือ…”
[บอกไอ้ไฟว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว  น้ำหายออกไปจากโรงพยาบาล!]
“อะไรนะครับ!  คุณน้ำหายออกไปจากโรงพยาบาล?!”
ตุ้บ!
คุณบาร์บี้ทรุดตัวลงไปแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่  ก่อนจะพร่ำเรียกชื่อคุณน้ำไม่หยุดหย่อน
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทำไมคุณไฟและคุณน้ำถึงหายตัวไปพร้อมกัน?!
 
ในห้องเล็กๆที่มืดสนิท  มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากไฟทางนอกหน้าต่างเท่านั้นที่ลอดเข้ามาพอให้มองเห็นภายในห้องได้อย่างเรือนลาง
ใครบางคนกำลังเดินวนไปวนมา  มีเสียงหัวเราะดังมาเป็นระยะๆ  ขณะที่หญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลซึ่งถูกจับมัดมือมัดเท้าและมัดปากไว้กับเก้าอี้นั่งตัวสั่นเทิ้ม  น้ำตาไหลอาบแก้มมากมายด้วยความกลัว
“ฮืมมมมม  ฮื้มมมมม”
เสียงฮัมเพลงเป็นดนตรีเพลงกล่อมเด็กดังมาจากคนตรงหน้าที่ในมืออุ้มตุ๊กตาบาร์บี้เอาไว้และกำลังเห่กล่อมประหนึ่งแม่ที่กำลังกล่อมให้ลูกนอน
‘น้ำ’ น้องสาวฝาแฝดแท้ๆของไฟที่ถูกหลอกล่อออกมาจากโรงพยาบาลเบือนหน้าหนี  เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนั่งมองหนังที่มีตัวเอกเป็นโรคจิตขั้นรุนแรง
หญิงสาวนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง  สาเหตุที่ทำให้เธอต้องถูกจับขังเอาไว้ที่นี่!
 
ครืด…ครืด…
หญิงสาวผมยาวสลวย  เจ้าของดวงหน้าหวานที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นเอกลักษณ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล  หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาร่วมสามเดือน   และอีกไม่นานก็กำลังจะหายกลับไปเป็นปกติวางหนังสือลงข้างตัวก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางยู่บนโต๊ะข้างๆขึ้นมาเปิดดูหลังจากที่มีข้อความบางอย่างเข้ามา
‘ข้อความภาพเหรอ’
พึมพำกับตัวเองก่อนจะกดเปิดข้อความขึ้นดู  เธอแทบโยนมือถือทิ้งเมื่อได้เห็นภาพนั้นแบบเต็มๆตา
‘นะ…นั่นมัน   อะไรกัน…  ทำไมล่ะ’
ครืด…ครืด…
มือถือสั่นขึ้นอีกรอบ  เธอรีบเปิดข้อความฉบับใหม่ขึ้นอ่านต่อทันที   ด้วยเป็นข้อความจากเบอร์เดียวกันกับที่ส่งรูปภาพมาก่อนหน้านี้
 
‘ถ้าไม่อยากให้รูปนี้ถึงนักข่าว  ออกมาพบฉันที่ทางออกด้านหลังโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้  อย่าให้ใครเห็นและห้ามบอกใครเด็ดขาด’
 
‘นักข่าวเหรอ   ไม่นะ  ถ้ารูปนี้ถึงนักข่าว   ไฟก็จะต้องเดือดร้อน’
เมื่อคิดได้แบบนั้นก็รีบคว้าไม้ค้ำขึ้นมาแล้วตรงไปยังสถานที่นัดหมายทันที  แม้จะยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งรูปนั้นมาและการที่ส่งมาให้เธอดูนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่  แต่สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือปกป้องไม่ให้ไฟต้องเดือดร้อนจากการช่วยรักษาความฝันวัยเด็กบ้าๆบอๆให้กับเธอ
 
“รอก่อนนะลูกรัก  อีกไม่นานลูกก็จะหมดเสี้ยมหนามในชีวิตแล้ว”
น้ำเสียงแหบแห้งฟังแล้วน่าขนลุกเอ่ยกับตุ๊กตาบาร์บี้ตัวเดิมอีกครั้ง  ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังบรรจงทาลิปสติกสีแดงสดลงไปบนริมฝีปากของตุ๊กตา  สร้างความหวาดกลัวปนหลอนให้กับน้ำที่นั่งมองอยู่ไม่ไกลเป็นอย่างมาก
ปังๆๆๆ!
“น้ำ!  น้ำ!  ไฟมาแล้ว  น้ำ!”
‘ไฟ!!!’
หญิงสาวเบิกตากว้าง  ส่ายหน้าทั้งน้ำตาเพราอยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินว่าให้ชายหนุ่มกลับไป  แต่ก็ไม่สามารถทำได้
การมาของไฟทำให้อีกคนที่เฝ้ารออยู่แสยะยิ้มร้าย  วางลิปสติกในมือลงก่อนจะหยิบมีดทำครัวปลายแหลมขึ้นมาถือไว้แทน  แสงไฟที่ส่องเข้ามากระทบกับปลายมีดจนเกินแสงวาววับ  น้ำเบิกตาโพล่ง
“อื้อๆๆๆ!!!!”
เธอพยายามจะเปล่งเสียงแต่ไม่เป็นผล  ขณะที่ไฟเองก็กำลังทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :   
มาอัพแล้วจ้า   ภายในอาทิตย์นี้ได้อ่านตอนจบแน่นอนน  ใครอ่านแล้วชอบก็อย่าลืมมาอุดหนุนกันบ้างน้า  ตอนนี้บิวเปิดพรีฯอยู่ค่า
เอาล่ะ  หวังว่าอ่านตอนนี้จบคงมีหลายคนเดาได้แล้วเนอะว่าคนๆนั้นคือใครกัน  ถึงบิวจะยังไม่เอ่ยชื่อและบอกแบบตรงๆ  แต่คิดว่าคงมีคนเดาได้ล่ะ 555+  เดาได้ทั้งคนร้าย  เดาได้ทั้งสาเหตุที่แท้จริง =..=  ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้เลยนะคะ  อย่าลืมติดตามต่อไปจนจบด้วยน้า  จุ๊บๆๆๆๆ
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 21 (01/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-02-2017 23:06:06
แล้วเขาคนนั้นคือใครกัน
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-02-2017 00:08:14
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-02-2017 01:14:03
งื้ออออออ.  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 04-02-2017 17:12:13
ลึกลับซับซ้อนเข้าไปอีก ขอบคุณที่มาต่อจ้า
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: munoy ที่ 05-02-2017 23:49:59
อ่านรวดเดียวเลยยยย ลุ้นสุดๆว่าเปลวจะมาช่วยไฟกับน้ำทันไหม

ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ติดตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 06-02-2017 15:38:41
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 07-02-2017 08:05:57
แม่ของบาร์บี้? มาช่วยกำจัดไฟที่มาแย่ง?เปลวไปจากลูก

เลยทำทุกทางให้ไฟกหายไปเลยจับน้ำมาขู่ให้ไฟออกมาแล้วฆ่าทิ้งสินะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 22 (02/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 08-02-2017 20:27:42
ใครอ่ะ สงสารทั้งสามคนนั้น แต่แบบ ได้แล้วทำเฉยชา น่าเตะให้จุก
ต้องคนรู้จักรบาร์บี้ แฝดหรอ? แทบจะคิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน ใครน้อ
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 23 (12/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-02-2017 23:16:59



ตอนที่ 23
ความจริง?!

 
“น้ำ!  น้ำ!  ได้ยินไหม  น้ำ!”
ผมทุบประตูอย่างบ้าคลั่งเมื่อด้านในยังคงเงียบกริบไร้เสียงตอบรับ
หลังจากที่แยกกับมะนาว  ผมตั้งใจจะไปคุยกับเจ้าของกระเป๋าตังค์ให้รู้เรื่องว่าทั้งหมดเป็นอย่างที่ผมคิดหรือเปล่า  แต่ว่า…เมื่อไปถึงห้องของเขา  ผมกลับไม่พบใครอยู่ที่นั่นเลย  และในตอนที่กำลังจะกลับออกมา  มือถือเครื่องหนึ่งที่ถูกวางไว้ใกล้กับประตูห้องราวกับจงใจก็มีเสียงดังขึ้น  ไม่รู้อะไรให้ผมดลใจเปิดมันดู  มีข้อความบางอย่างที่ถูกส่งเข้ามาเป็นไฟล์วิดีโอ  เจ้าของกระเป๋าคนนี้สารภาพทุกอย่างกับผมด้วยการส่งคลิปบ้าๆนี่มา!
คลิปที่น้ำถูกมัดมือมัดเท้ามัดปากไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่งโดยที่น้องสาวของผมกำลังร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวพร้อมกับสถานที่ที่น้ำถูกจับตัวไป!
และมันก็คือที่นี่นั่นเอง
ไม่เข้าใจเลย  ทำไมต้องทำแบบนี้  ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าเคยไปทำเรื่องอะไรให้เขาโกรธแค้นนักหนา  อันที่จริงต้องบอกว่าผมไม่น่าจะมีความแค้นอะไรกับเขาเลยต่างหาก  นั่นก็เพราะ…
กริ๊ก…
เสียงปลดล็อคกลอนประตูด้านในดังขึ้น  ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทันที  สิ่งที่สายตาเห็นทำเอาหัวใจร่วงไปที่ตาตุ่ม  ความหวาดกลัวเข้าเกาะกินไปทั้งใจ
“อื้อๆๆ!”
ดวงตาสดใสของน้ำบัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตา  น้องสาวสุดที่รักส่ายหน้ามองผม  ดูก็รู้ว่าเธอกำลังกลัวมากขนาดไหนกับการที่ถูกเอามีดจ่อไปที่คอแบบนั้น!
“ปล่อยน้องสาวผม”
“ฉันต้องฟังคำพูดของนายงั้นเหรอ”
อีกฝ่ายตอบกลับเสียงเย็น  ดวงตาถมึงทึงมองผมราวกับคนสติหลุดที่ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ได้  แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ  ดูจากท่าทางและสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด  เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะมีอาการทางประสาท  น้ำอาจจะเป็นอันตรายได้ถ้าหากเขาเกิดคลั่งขึ้นมา
“ถ้างั้นช่วยบอกผมได้ไหม  ว่าทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้  ผมไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้นอย่างนั้นเหรอครับ…”
“…”
“คุณพิม”
ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมาในที่สุด
คุณพิมหรือยัยแม่มด  หนึ่งในคณะกรรมการจอมเนี้ยบของกองประกวดตวัดสายตาคมกริบมาทางผมด้วยสีหน้าโกรธจัด
หมับ!
“อ๊ะ!”
“น้ำ!!!”
“อย่าเข้ามานะ!”
คุณพิมตะโกนลั่นพร้อมกับบีบคอน้ำแน่นขึ้น  เธอยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของน้ำ  มือข้างหนึ่งบีบขอน้องสาวผมเอาไว้แล้วดันให้เงยขึ้น  ส่วนมืออีกข้างก็ถือมีดปลายแหลมจ่อไปที่ลำคอ  ใจผมแทบสลายกับภาพทีเห็น
“แกอยากรู้เหรอว่าทำไมฉันถึงต้องทำกับแกแบบนี้”
พูดไปก็กัดฟันไป  อาการของเธอทำให้ผมรู้ได้ว่าเธอแค้นผมมากมายขนาดไหน  บวกกับเธอน่าจะมีอาการทางจิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก
“เพราะแก…เพราะแกทำให้ลูกสาวที่น่ารักของฉันต้องร้องไห้   แถมยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขึ้นรับมงกุฎที่ลูกสาวของฉันใฝ่ฝัน  แกมันตัวมาร  ทั้งแกและน้องสาวของแกมันไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้!!!”
 
‘เริ่มต้นจากภายนอก  ค่อยๆไปสู่ภายใน  คุณเปลวคล้ายกับคุณพ่อของฉันมากๆเลยนะ  ฉันน่ะ…คิดมาตลอดว่าถ้าฉันจะรักใครสักคน  ฉันก็อยากได้ผู้ชายที่เหมือนกับคุณพ่อของฉัน’
‘…’
‘ฉันไม่มีคุณแม่  คุณพ่อทำงานหาเลี้ยงฉันด้วยตัวคนเดียวมาตลอด  พวกญาติๆฝั่งพ่อเล่าให้ฟังว่าคุณแม่ทิ้งคุณพ่อไปตอนฉันอายุได้แค่ขวบเดียว  พวกเขาบอกว่าเพราะคุณแม่ของฉันทนลำบากกับศิลปินแบบคุณพ่อไม่ไหว  ก็เลยหนีไปกับผู้ชายรวยๆคนหนึ่งและไม่กลับมาอีกเลย’
 
เหตุการณ์บางอย่างฉายย้อนกลับเข้ามาในหัว
จริงสิ  หลังจากตอนนั้นคุณพิมก็ปรากฏตัวออกมาและมีท่าทางแปลกใจ  ตอนนั้นเธอดูเหมือนมีบางอย่างในใจที่อยากจะพูด  แต่ก็ทำได้แค่อ้ำอึ้งเท่านั้น
แบบนี้ก็เท่ากับว่า…
สิ่งที่ผมสงสัยเป็นเรื่องจริงสินะ
พรึ่บ…
ผมกางกระเป๋าตังค์ใบที่เก็บได้ออก  ช่องใส่นามบัตรด้านนั้นเผยให้เห็นบางสิ่งที่อยู่ในนั้น  ทางฝั่งขวาของกระเป๋า  เป็นรูปคุณพิมสมัยสาวๆที่ไม่ค่อยต่างจากตอนนี้เท่าไหร่นัก  เพียงแค่ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ใส่แว่นและดูสาวกว่าในปัจจุบันก็เท่านั้น  ทว่า...จุดพีคมันอยู่ที่ทางซ้ายต่างหาก!
รูปของบาร์บี้ที่ถูกตัดแปะเอามารวมกับรูปถ่ายของคุณพิมในปัจจุบัน  และเมื่อเทียบรูปของบาร์บี้กับรูปของคุณพิมสมัยสาวๆดีๆก็ต้องตกใจเพราะว่าทั้งสองคนมีใบหน้าคล้ายกันมากจนแทบจะเป็นคนๆเดียวกันเลยเสียด้วยซ้ำ!
“นี่สินะ  ลูกสาวของคุณ”
“…”
“และคุณก็คือแม่ที่ทิ้งบาร์บี้กับพ่อแล้วหนีตามผู้ชายรวยๆไปคนนั้น!”
นัยน์ตาของคุณพิมสั่นไหว  อาจเป็นเพราะผมไปจี้ใจดำเธออย่างจัง  ไม่เคยนึกเลยจริงๆว่าคนที่ทำเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา  ทั้งปล่อยข่าวลือ  ทั้งทำให้มะนาวเกลียดผมในตอนแรก  หลอกผมไปให้ไอ้เสี่ยตัณหากลับ  สร้างเหตุการณ์วุ่นวายจนผมได้รับบาดเจ็บ  รวมถึง…
เรื่องคุณเปลว
ถึงผมจะยังไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของคุณเปลวและการหมั้นของสองคนนั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า  แต่ส่วนลึกในใจของผมมันยังหวังให้ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ถูกจัดฉากขึ้น  ยังเชื่อมั่นในคำพูดของบาร์บี้ที่อ้อนวอนขอให้ผมเชื่อเธอ  และ…
เชื่อในคำบอกรักของเขา
“ฉันเปล่านะ   ฉันแค่อยากจะให้ชีวิตของฉันกับลูกดีกว่านี้ถึงด้ำแบบนั้น  ฉันตั้งใจว่าพอได้ดีแล้วฉันจะกลับไปรับเขามา  แต่พวกมันก็ไม่ยอม  พวกมันไม่ยอมคืนลูกให้กับฉัน  ไม่ยอมให้ฉันได้เจอกับลูก!!!”
“คุณมันแย่ที่สุด  การทิ้งลูกตัวเองไปในเวลาที่ลำบากที่สุดและบอกว่าจะกลับมารับเมื่อได้ดีน่ะ  มันก็แค่ข้ออ้างสวยหรูที่ทำให้ตัวเองดูดีขึ้นเท่านั้น!  สิ่งที่คุณควรทำในฐานะแม่คืออยู่กับบาร์บี้ในเวลาที่เธอลำบากที่สุดต่างหาก  ไม่ใช่กลับมาหาเธอในเวลาที่เธอผ่านความยากลำบากนั้นมาแล้วด้วยตัวเอง!”
“เงียบนะ!  อ๊าย!!!”
คุณพิมกรีดร้องออกมาสุดเสียงจนผมต้องยกมือขึ้นอุดหูเอาไว้  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าที่ผ่านมาบาร์บี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเลวร้ายทั้งหมดจริงๆ  เธอไม่ได้เป็นคนทำร้ายผมลับหลังอย่างที่เธอบอก  ความรู้สึกผิดที่เคยเข้าใจผิดเธอจนทำให้เธอต้องร้องไห้เสียใจทำให้ผมโกรธผู้หญิงตรงหน้ามากขึ้นไปอีกแม้ว่าเธอจะเป็นแม่ของบาร์บี้ก็ตาม!
“เพราะฉันรู้ว่าฉันผิด  และฉันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว  ฉันถึงได้อยากจะทำทุกอย่างเพื่อลูกของฉัน  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำแหน่งนางงามที่เขาใฝ่ฝัน  หรือการได้ครอบครองคุณเปลวคนที่เธอตกหลุมรักจนหมดหัวใจก็ตาม   ฉันอยากจะให้เขาสมหวังทั้งหมด  อยากให้เขาได้ในสิ่งต้องการโดยที่ฉันคอคนที่ทำให้ฝันทั้งหมดนั้นเป็นจริง  เพื่อลูกสาวที่น่ารักของฉัน…”
ในที่สุดผมก็ถึงบางอ้อ  ที่แท้คุณพิมก็รู้นี่เองว่าบาร์บี้คิดยังไงกับคุณเปลว  เพราะอย่างนั้นถึงได้คิดกำจัดผมไปให้พ้นทางเพื่อให้บาร์บี้สมหวังทุกอย่างสินะ
ถ้าผมหายไปสักคน  ไม่ว่าจะเรื่องตำแหน่งนางงาม  หรือเรื่องคุณเปลว  บาร์บี้ก็จะมีเปอร์เซ็นในการสมหวังสูงขึ้น
“ไม่ใช่นะ  คุณเข้าใจผิดแล้ว  บาร์บี้ไม่ได้…!”
ฉึก!
“หุบปากไปเลยนังแพศยา!!!”
“น้ำ!!!”
ตะโกนลั่นและตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปหาน้องสาวถ้าคุณพิมไม่ง้างมีดขึ้นเตรียมจะกระซวกน้องผมเต็มที่เสียก่อน  ใบหน้าของน้ำเหยเกด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกกระชากผมไปด้านหลังเต็มแรง
ทำยังไงดี…
ผมจะทำยังไงดี…
อีกอย่าง…เมื่อกี้น้ำต้องการจะพูดอะไรกันแน่  ชื่อบาร์บี้ที่หลุดออกมาจากปากของเธอมันเหมือนกับว่าน้ำรู้จักบาร์บี้เป็นอย่างดี  ต้องมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกแน่ๆ
“ขอร้องล่ะครับ  ปล่อยน้องสาวของผมไปเถอะ  แล้วคุณต้องการอะไร  หรืออยากให้ผมทำอะไรก็บอกมาเลย  ผมยอมทุกอย่าง”
“อย่านะไฟ!”
น้ำร้องบอก  คุณพิมแสยะยิ้มเหี้ยมเมื่อทั้งผมและน้ำต่างก็พยายามปกป้องอีกฝ่ายไปมา  ทั้งหมดมันเริ่มต้นจากผมคนเดียว  เพราะผม…น้ำถึงต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย  ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้ำเด็ดขาด!       
สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ  ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณพิมกำลังคิดอะไรอยู่  ใจของผมพะวงไปที่จุดๆเดียวคือมีดที่เธอถือจ่ออยู่ที่คอของน้ำ  ถ้าหากเธอไม่พอใจขึ้นมา  ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้ำบ้าง
“ผมไม่ใช่เหรอครับ  คนที่คุณอยากจะให้หายไปน่ะ”
“…”
“คนที่ขวางทางทุกอย่างของบาร์บี้ก็คือผม  ผู้หญิงที่คุณกำลังทำให้เธอกลัวอยู่ตอนนี้ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย   ถ้าคุณอยากให้ทุกอย่างจบ  คุณต้องทำลายผมต่างหาก”
“ฟะ…!”
ผมตวัดสายตามองน้ำที่อ้าปากจะพูดเอาไว้  สื่อสารสิ่งที่ต้องการผ่านสายตา   จะว่ายังไงดีล่ะ  มันเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของคนเป็นแฝดกัน  พวกเราสามารถสื่อสารกันได้เพียงแค่มองตา  เพราะแบบนี้พวกเราถึงต่างคนต่างรู้ใจของอีกฝ่าย
ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่ใส่มาด้วยแบบระวังไม่ให้คนที่พร้อมจะคุ้มคลั่งได้ทุกเมื่ออย่างคุณพิมสังเกตเห็น  ให้ตายสิ…
เมื่อไหร่จะมากันสักทีวะเนี่ย!
ถึงผมจะอ้อนแอ้นไม่ค่อยสมชายแถมยังปลอมตัวเป็นผู้หญิงได้เนียนจนไม่มีใครจับได้  แต่ผมก็ไม่ได้โง่และแข็งแกร่งแบบแรมโบ้ที่จะบุกเดี่ยวมาหาคนอันตรายอย่างคุณพิมหรอกนะ  เพราะงั้นก่อนมาที่นี่ผมเลยติดต่อบอกรเองราวทั้งหมดกับไอ้ตูมตามเอาไว้แล้ว  และมันกำลังจะตามมาช่วยผมโดยที่ผมบอกมันว่าจะมาถ่วงเวลาเอาไว้ก่อนเพื่อหาทางช่วยน้ำ
ประทานโทษเถอะ!
กูถ่วงเวลามาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาหมาสักตัวโผล่มาช่วยเลย  นี่กูงัดทุกสิ่งอย่างที่คิดได้ออกมาสนทนาหมดแล้วนะโว้ยยยย  เหลือแค่เรื่องฟุตบอลกับเรื่องใต้สะดือเท่านั้นแหละที่กูยังไม่ได้คุย!
“จะ…จริงสิ”
เมื่อคุณพิมเอาแต่เงียบหลังจากที่ผมยื่นข้อเสนอขอเปลี่ยนตัวประกันไป  ก็เลยต้องส่งเสียงเรียกความครื้นเครงกลับมาอีกครั้ง
แค่ที่ยัยแม่มดนี่ยืนจิกหัวและเอามีดจ่อคอหอยน้ำแม่งก็โคตรหดหู่แล้วเหอะ  กูนี่กลัวจนเยี่ยวจะราดอยู่รอมร่อแล้ว
“คุณคิดว่าบาร์บี้จะดีใจเหรอถ้ารู้ว่าแม่ของเธอทำเร่องเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์สมควรจะทำทั้งหมดเพื่อเธอ  คิดว่าบาร์บี้จะภูมิใจแล้ววิ่งเข้ามากอดคุณพร้อมบอกขอบคุณหรือยังไง”
“ฉันไม่ได้ต้องการการขอบคุณ  ฉันรู้ดีว่าฉันเป็นแม่ที่แย่  แย่จนไม่กล้าจะบอกเขาว่าฉันคือแม่แท้ๆที่ทิ้งเขาไป  สิ่งที่ฉันทำได้ถึงมีแค่กำจัดเสี้ยนหนามในชีวิตของบาร์บี้  ลูกสาวของฉันจะได้มีความสุขโดยปราศจากตัวมารในชีวิตอย่างแกสองคนพี่น้อง!”
ฉิบหายแล้วไง  ตั้งคำถามไม่มโนคำตอบล่วงหน้าเลยนะไอ้ฟาย!  ไปทำยัยแม่มดอารมณ์ขึ้นอีกแล้ว  งานนี้มีหวังถูกกระซวกไส้งัดออกมาให้กากินแน่ๆ
ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อหาหนทางที่จะช่วยน้ำออกมาให้พ้นจากรัศมีของมีดนั่นเสียก่อน  แต่สายตาก็บังเอิญไปเห็นบางสิ่งนอนจุ้มปุ้กแอ้งแม้งอยู่ที่ด้านขวามือ
เหี้ย!!!
ขวัญเอ๊ยขวัญมานะไอ้ไฟ  ตุ๊กตาบาร์บี้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยลิปสติกสีแดงสดสร้างความหลอนได้ดียิ่งนัก  ดูท่ายัยแม่มดจะไม่ได้มีอาการทางจิตธรรมดาเสียแล้วสิ  แบบนี้มันโรคจิตขั้นอันตรายแล้วเหอะ!  ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องมีหวังถือมีดไล่ฆ่าคนทั้งประเทศแน่ๆ
“ไอ้ฟาย!  ไอ้ฟาย!  มึงอยู่ไหนวะ!”
เสียงที่ดังขึ้นเป็นดั่งเสียงจากสวรรค์  ยัยแม่มดเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่ามีซูเปอร์แมนใส่กางเกงในแดงมาช่วยผมแล้ว
“ไอ้ตาม!  กูอยู่ทางนี้!”
ขวับ!
สายตาพิฆาตฟาดฟันจากยัยแม่มดส่งตรงมาทันทีที่ผมตะโกนตอบไอ้ตูมตามกลับไป  น่ากลัวกว่าผู้หญิงคนนี้มีอีกไหม!
สาบานทีว่าเธอไม่ใช่ผีซาดาโกะเวอร์ชั่นคนไทย
“ไอ้ฟาย!  ไอ้ฟะ….เหวอ!”
ไอ้ตูมตามที่คงจะดมกลิ่นตามเสียงผมมาจนเจอถึงกับเบรกจนแทบหงายหลัง  จะไม่ให้มันตกใจได้ยังไง  ก็ในเมื่อตอนนี้ยัยแม่มดแทบจะเอามีดจิ้มคอน้องสาวผมอยู่รอมร่อแล้ว!
“เจอคุณไฟแล้วเหรอครับคุณตูมตาม!”
อีกหนึ่งคนที่ผมอยากเจอมากที่สุดวิ่งตามเข้ามาติดๆพร้อมกับบาร์บี้ที่วิ่งหน้าตั้งตามมาด้วย
ไอ้หน้าหนวดยืนนิ่ง  ทั้งผมและเขาต่างก็ยืนมองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมาสักคำ  ราวกับว่ารอบตัวของผมตอนนี้ทุกสรรพสิ่งได้หายไปหมด  เหลือเพียงแค่ผมกับร่างสูงตรงหน้าเท่านั้น
หมับ!
ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น  ไอ้หน้าหนวดคว้าตัวผมเข้าไปกอดแนบแน่น  วงแขนแกร่งกอดรัดจนตัวผมลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย  เหมือนว่านานเหลือเกินที่ผมไม่ได้รับสัมผัสอ่อนโยนแบบนี้จากเขา  คิดถึงชะมัด…
“ผมเป็นห่วงคุณแทบบ้าเลยรู้ไหม”
“…”
“ใจผมแทบขาดตอนที่รู้ว่าคุณหายไป  อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ  ผมไม่ชอบ”
ผมยิ้มกับคำพูดนี้…
ถ้าใครที่เคยมีความรู้สึกอมทุกข์เหมือนคนขี้ไม่ออกมาหนึ่งปีแล้วจู่ๆวันหนึ่งก็ขี้ออกเสียเฉยๆจะต้องเข้าใจผมแน่ๆ  หลายวันที่ผ่านมาผมเจ็บปวดเสียใจกับเรื่องของผู้ชายคนนี้มามาก  แต่แล้ววันนี้  ผมก็ได้รู้ว่าทุกอย่างระหว่างเรามันยังเหมือนเดิม  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“เอ่อ…กูขอโทษที่ขัดจังหวะมึงนะไอ้ฟาย  แต่ช่วยแหกตาดูบรรยากาศรอบตัวก่อนได้ไหมว่ามันเหมาะที่จะหวานแหววออกสื่อหรือเปล่า!”
ความโรแมนติกที่เฝ้าบิ๊วอยู่ตั้งนานแตกเพล้งออกเป็นเสี่ยงๆ  ผมรีบแยกออกจากไอ้หน้าหนวดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่เรา
ยังมีผีซาดาโกะที่มีดจี้คอน้องสาวผมรวมอยู่ด้วย!
“โทษที  กูลืม…”
“…”
คำพูดถูกกลืนกลับลงคอไปอีกครั้ง  สายตาหันไปโป๊ะเชะกับน้ำที่อยู่ในเงื้อมมือผีซาดาโกะ  แต่มิวายจ้องผมตาเป็นมันด้วยความสงสัย
ฉิบหายแล้วไง!  ปลูกถั่วงอกเพิ่มอีกหนึ่งไร่ซะงั้น!
ความเป็นแฝดทำให้ผมรู้ได้เลยว่า  น้ำกำลังตั้งคำถามอะไรมาทางกระแสจิต…
 
‘ไฟเป็นเกย์เหรอ’
‘ไฟเป็นเกย์เหรอ’
‘ไฟเป็นเกย์เหรอ’
 
“คุณพิม  ผมว่าคุณใจเย็นๆก่อนดีกว่า  มีอะไรค่อยๆพูดกันเถอะครับ  ทำแบบนี้ไปไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก”
ไอ้หน้าหนวดเริ่มปฏิบัติการเกลี้ยกล่อมผีซาดาโกะเป็นคนแรก  ผมเหลือบมองไปทางบาร์บี้ที่ไม่แม้แต่จะสบตากับผมเลย   สายตาของเธอพุ่งตรงไปทางน้ำคนเดียวเท่านั้น
แต่ที่น่าแปลกมากๆเลยก็คือ…
สายตาที่บาร์บี้มองน้ำ  มันแทบไม่ต่างอะไรจากสายตาที่ไอ้หน้าหนวดมองผมก่อนหน้านี้เลยสักนิด!
เฮ้ๆ  นี่มันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ย
“ไม่!  คุณไม่เข้าใจฉันหรอก   ไม่มีใครเข้าใจว่าฉันรู้สึกยังไง!”
เออ!  กูไม่เข้าใจ  ไม่เข้าใจว่าทำไมมึงต้องแกว่งมีดไปมาเวลาพูดด้วย  เกิดมันหักเหพุ่งหลาวเข้าใส่น้องสาวกูขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!
“พอเถอะค่ะคุณพิม  คุณทำแบบนี้ไปทำไมคะ  ทำไมต้องทำร้ายไฟ  ทำไมต้องเรื่องร้ายกาจพวกนี้ด้วย  ฉันไม่เข้าใจเลย”
บาร์บี้ช่วยผสมโรงอีกแรง  ดูท่าเธอจะยังไม่รู้เหตุผลจริงๆที่ทำให้ยัยผีซาดาโกะทำเรื่องทุกอย่างสินะ
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือ…
แม่แท้ๆของเธอ
แต่เดี๋ยวก่อน  ทำไมดูเธอไม่ตกใจเลยล่ะที่รู้ว่าน้ำที่เธออยู่ด้วยมาตลอดจนเกือบจบการประกวดนั่นคือผม?
“ฉัน…”
“พอเถอะครับคุณพิม  คุณทำมามากเกินไปแล้ว  หยุดทำร้ายคนอื่นเสียที”
“ฉันไม่ได้อยากทำร้ายใคร  ฉันแค่พยายามทำทุกอย่างเพื่อความสุขของลูกฉัน!”
“ลูก?”
ทั้งไอ้หน้าหนวดและบาร์บี้ต่างทวนคำอย่างงุนงง  เอาไงดีวะ  ถ้าปล่อยให้ยัยผีซาดาโกะนี่พูดต่อมีหวังเรื่องที่เธอคือแม่ของบาร์บี้ต้องแดงออกมาแน่ๆ
ผมอยากจะค่อยๆอธิบายให้เธอฟังมากกว่าให้เธอรับรู้ด้วยตัวเองตอนนี้
มันอาจจะหนักหนาเกินไปถ้าจะให้เธอทำใจยอมรับเรื่องทั้งหมด
“ใช่!  ลูกของฉัน   ลูกที่น่ารักเหมือนนางฟ้าตัวน้อย  ลูกที่ถูกพลัดพรากไปจากอ้อมอกของคนเป็นแม่อย่างฉัน!  พวกคุณไม่มีวันเข้าใจความรักที่แม่มีต่อลูกหรอก!”
“ไม่ได้การแล้วว่ะไอ้ฟาย  กูว่าแม่งสติหลุดไปดาวอังคารแล้วแน่ๆ”
ไอ้ตูมตามกระซิบพอให้ได้ยินกันแค่สี่คน  ซึ่งพวกผมที่เหลือต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยและเริ่เมป็นห่วงน้ำมากขึ้น
“จะเอายังไงดีล่ะคะ  ท่าทางน้ำเริ่มไม่ไหวแล้วด้วย  ดูเธออิดโรยแล้วก็อ่อนแรงมากเลยนะ”
“ว่าก็ว่าเหอะนะ  จะตามมาช่วยทั้งทีทำไมไม่รู้จักพาตำรวจฟะ   แห่กันมาเป็นซูเปอร์แมนแบบนี้มันช่วยอะไรได้หรือไง?”
ผมค้อนขวับใส่ไอ้หน้าหนดกับไอ้ตูมตาม  แบบนี้มันต่างจากที่ผมบุกเดี่ยวมือเปล่ามาตอนแรกตรงไหนกันล่ะ   เพราะสุดท้ายไอ้สี่คนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนหัวโด่ไข่โด่กันต่อไป
เจริญล่ะ!
“กรี๊ด!!!”
ระหว่างที่พวกเรากำลังประชุมลับเพื่อหาทางช่วยน้ำกันอยู่นั้น  เสียงกรี๊ดของน้ำก็ดังขึ้น  เธอถูกผลักให้นอนหงายลงไปบนพื้นทั้งที่ยังถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้โดยมียัยผีซาดาโกะขึ้นคร่อมและง้างมีดขึ้นเหนือหัวด้วยใบหน้าที่โคตรจะโรคจิต!
“แกต้องตาย!  แกต้องตายยยยย!”
“กรี๊ด!!!!”
“น้ำ!”
“ไอ้ฟาย!”
“คุณไฟ!”
ฉึก!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  รอกันนานมั้ยเอ่ยยย   ต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ  ตอนนี้บิวอยู่ที่ จ.อุบล  อีกไม่นานก็จะไปศรีษะเกษต่อ  งานหลักสูบพลังชีวิตไปมหาศาลจริงๆ  หากใครติดตามอยู่ต้องขออภัยในความช้าด้วยจริงๆ TOT
เรื่องนี้ใกล้จะปิดพรีแล้วนะคะ  ใครที่ยังลังเลสามารถอินบ๊อกเข้าไปในเพจเพื่อสอบถามได้น้า  จุ๊บๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 23 (12/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 12-02-2017 23:55:56
 :serius2:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 23 (12/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 13-02-2017 17:56:15
เรื่องนี้ต้องมีใครวางแผนไว้แน่ๆ บาร์บี้กับน้ำ

ช่วยทันมั้ยยย
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 23 (12/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 13-02-2017 19:13:28
บาบี้กับน้ำชอบกันใช่ไหม แล้วจะใช้โอกาศนี่เปลี่ยนตัวกันไหม
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 23 (12/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-02-2017 09:34:29
 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 24 (19/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-02-2017 17:27:14



ตอนที่ 24
สลับตัว

 
“คุณนี่นะ  ร่างกายไปไวกว่าความคิดตลอดเลย”
ไอ้หน้าหนวดเอ่ยปากออกมาอย่างระอาขณะที่ผมถูกผลักจนล้มลงไปนอนจุ้มปุ้กอยู่บนพื้น  ส่วนหน้าที่ช่วยน้ำก็กลายเป็นของเขาที่ไม่รู้ว่าไปหยิบไอ้ตุ๊กตาผีสิงบนพื้นนั่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ที่แน่ๆ…
น้องสาวผมรอดพ้นคมมีดนั้นมาได้แบบเฉียดฉิวก็เพราะไอ้หน้าหนวดเอาตุ๊กตาผีสิงนั่นเข้าไปรับแทน!
มีดแหลมกๆปักลงที่กลางอกตุ๊กตาตัวนั้นพอดิบพอดี  โดยที่เขาใช้สองมือยันตุ๊กตาเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้แรงกดจากยัยผีซาดาโกะทำให้มีดทะลุตุ๊กตาลงมาผ่าลงกลางหน้าน้องสาวผม
หมับ!
“ไอ้ฟาย!  ไปช่วยน้ำออกมาเร็ว”
ไอ้ตูมตามกระโดดเข้าคว้าตัวยัยผีซาดาโกะเอาไว้  ขณะที่ไอ้หน้าหนวดเองก็พยายามออกแรงดันช่วยอีกแรงเพื่อจะได้เข้าชาร์ตยัยผีบ้าที่กำลังคุ้มคลั่ง  ผมรีบเข้าไปช่วยแกะเชือกออกให้น้ำทันที
“ปล่อยฉันนะ  ปล่อย  กรี๊ดดดดด!”
“โว้ย!  หูจะแตก!  หันไปกรี๊ดทางอื่นสิป้า!”
ไอ้ตูมตามบ่นมาตามสายลม…
“น้ำ  เป็นยังไง  น้ำ”
ผมรีบแกะเชือกที่มัดตัวน้ำออกทั้งหมดให้  เมื่อเป็นอิสระ  น้ำก็โผเข้ากอดผมทันที  ตัวของเธอสั่นระริกเหมอนลูกหมาน้อยที่กำลังหวาดกลัว
“ไฟ  ฮือ…ไฟ”
“ไฟขอโทษ  ไฟขอโทษที่มาช่วยน้ำช้าไป  ไฟขอโทษ”
“ฮึก…”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากน้ำอีกนอกจากเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น  ผมพยายามกลั้นน้ำจาเอาไว้สุดฤทธิ์  ไม่อยากที่จะแสดงความอ่อนแอออกมามากว่านี้
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคุณเปลวไม่ได้เข้ามาช่วยเอาไว้  น้ำหรือผมจะมีสภาพเป็นยังไง
ผม…ที่ไม่ใช่คนชอบใช้สมองและคิดอะไรเยอะแยะนัก  สิ่งที่คิดออกมีเพียงแค่ขอแค่คนที่เจ็บไม่ใช่น้ำก็พอแล้ว  ถึงได้พุ่งเข้าไปหวังที่จะรับมีดจากความโกรธเกลียดนั้นแทน
“นะ…น้ำ”
เสียงหวานใสดังขึ้นข้างตัว  ผมคลายอ้อมกอดออกจากน้ำแล้วหันไปมองคนที่เดินเข้ามา  บารบี้มองหน้าน้ำทั้งน้ำตา  ทั้งคู่ต่างสบตากันและกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่น้ำจะผละตัวออกจากผมแล้วหันไปคว้าตัวบาร์บี้เข้ามากอด
สิงที่ทั้งสองคนปฏิบัติต่อกันทำเอาคนไม่รู้ห่าอะไรเลยอย่างผมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก!
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ยยย!
“ไอ้ฟาย!  มึงปล่อยให้สองคนนั้นเขาปลอบกันไปเหอะ  รีบแจ้งความเร็วเข้า  ดูกับคุณเปลวจะเอาไม่อยู่แล้ว  แรงเยอะฉิบหาย!”
“ได้ๆ”
ผมพยักหน้ารับ  รีบลุกขึ้นวิ่งตรงไปที่ประตูก่อนจะชะงักหันกลับไปหาเพื่อนรักอีกรอบ
“แล้ว…”
“…”
“ให้กูไปแจ้งตำรวจยังไงวะ   ที่นี่แม่งห่างไกลผู้คนจะตายไป  เซเว่นมีหรือเปล่ากูยังไม่รู้เลย”
“โห  ไอ้โง่!   โทรศัพท์สิเว้ย  หรือมึงจะส่งโทรเลขไปก็ได้ไอ้ฟาย!”
“กูมีโทรศัพท์ที่ไหนกันเล่า!  กองประกวดเขาเอาไปเก็บไว้เฟ้ย”
“เออว่ะ  ของกูก็ดันลืมไว้บนรถอีก”
“ผมมี”
“อยู่ไหน?”
“กระเป๋ากางเกง   คุณมาหยิบไปสิ”
แล้วผมก็ต้องเดินย้อนกลับไปหาไอ้หน้าหนวดอีกรอบ  สองมือของเขารั้งแขนที่ถือมีดของคุณพิมเอาไว้ก็เลยไม่ว่างที่จะหยิบมือถือส่งให้  ส่วนไอ้ตูมตามก็ล็อคตัวเธอเอาไว้จากด้านหลัง  เลยเหลือผมคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหยิบมือถือขึ้นมาโทรแจ้งตำรวจได้
แต่ว่า…
ผมมองกระเป๋ากางเกงของไอ้หน้าหนวดด้วยใจที่เต้นระส่ำ  แม้จะพยายามสะกดจิตตัวเองให้มองแค่กระเป๋าแล้วก็ตาม  แต่สายตามันก็คอยจะเลื่อนไปไกลกว่านั้น  อะไรบางอย่างที่โป่งนูนดันเนื้อผ้าออกมานิดๆแม่งยั่วยวนรบกวนจิตใจกูชะมัด!
อึก!
ได้แต่แอบกลืนน้ำลายลงคอ  ในหัวเผลอคิดเรื่องคืนนั้นขึ้นมา  วินาทีที่ตัวตนของเขาถลำลึกเข้ามาในร่างกายของผมจนสุดแรง  จังหวะเร่าร้อนและหนักแน่นที่ทำให้หัวใจเหมือนล่องลอยไปในอวกาศ…
“คุณไฟ  คุณไฟครับ!”
“อ๊ะ!  คะ  ครับ?”
“โทรศัพท์ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะ”
ใบหน้าหล่อเหลากำลังอมยิ้มกลั้นขำเต็มที่  พอมองไปที่มือก็ต้องตกใจจนแทบเสียชีวิตเพราะมันไม่ได้ล้วงไปยังเป้าหมายที่ต้องการในตอนแรก  หากแต่มันกำลังจะล้วงไปที่เป้าของอีกฝ่ายต่างหาก
อ๊ากกก  ทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้ไฟ!   นึกว่าจะแค่จินตนาการถึงเท่านั้นเสียอีก  กลายเป็นว่าในโลกแห่งความจริงผมก็กำลังจะกระทำการที่มันลามกสุดๆอีกด้วย
“มึงนี่แม่ง…”
“ไม่ใช่นะเว้ยไอ้ตาม!  กูแค่…ก็แค่…”
“แค่อะไร”
“พลาดเป้านิดเดียว”
“นิดเดี๋ยวพ่อมึงสิ!  ดูก็รู้ว่าตั้งใจจะทำอะไร”
“กูบอกแล้วไงว่า…!”
“เอ่อ  คุณไฟครับ  ผมว่าไว้เถียงกันทีหลังดีกว่านะ   ตอนนี้ผมจะไม่ไหวแล้ว”
ไอ้หน้าหนวดขัดบทสนทนาพลางมองเหลือบมองไปทางยัยผีซาดาโกะที่ยังคุ้มคลั่งประหนึ่งผีก๊ะเข้าสิงไม่เลิก  ผมเลิกเถียงกับไอ้ตูมตามล้วงหยิบมือถือของเขาออกมาแล้วกดโทรหาตำรวจทันที
“ทำไม…ทำไมพวกแกต้องมาขัดขวางฉันด้วย!”
“เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำ  มันคือการทำร้ายคนที่ผมรักไงล่ะ  ผมถึงต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดคุณ”
สะอึกไปตามท้องเรื่องกับคำพูดที่เหมือนจะเป็นการสารภาพรักกับผมไปในที  แต่เพราะนี่ไม่ใช่เวลาจะมายืนเขินตัวบิด  สิ่งที่ผมทำคือการหาอะไรก็ได้ที่จะสามารถมัดตัวยัยผีซาดาโกะจอมคลั่งให้เลิกอาละวาด
“เอาวะ!”
พูดกับตัวเองเสร็จก็จัดการถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก  โดยไม่สนว่าซิลิโคนนมปลอมทั้งหลายทั้งแหล่ที่อยู่ด้านในจะหลุดกลิ้งออกมา  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  คงไม่มีใครตกใจแล้วล่ะ
ผมฉีกเสื้อขอตัวเองออกให้ยาวพอที่จะใช้แทนเชือกได้  ไอ้หน้าหนวดกับไอ้ตูมตามที่มองอยู่คงจะพอเดาออกว่าผมจะทำอะไร  ก็เลยช่วยกันออกแรงล็อคตัวคุณพิมไว้มากกว่าเดิม
“เหวออ!  มีดเว้ยมีด!”
ร้องบอกพลางกระโดดหลบมีดเป็นพัลวัน  ตราบใดที่ยังเอามีดออกมาจากมือคุณพิมไมได้  ผมก็ไม่มีทางเข้าถึงตัวเธอแล้วจับเธอมัดได้หรอก!
หมับ!
สิ่งไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น  ไอ้หน้าหนวดใช้สองมือของตัวเองคว้าหมับเข้าที่มีดแล้วหักข้อมือของเธอไปอีกฝั่งจนมีดหล่นไปบนพื้น  ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเพราะที่มีดเล่มนั้นเต็มไปด้วยน้ำสีแดงสดทั้งที่ตอนแรกสะอาดวาบวับ!
“เอ้า!  เร็วสิวะไอ้ฟาย  มึงจะรอให้ยัยป้านี่หยิบมีดขึ้นมาอีกรอบหรือไง!”
เสียงของไอ้ตูมตามดึงสติผมกลับมา  รีบพุ่งเข้ามัดข้อมือคุณพิมที่เพื่อนรักช่วยจับไปไขว้หลังไว้ให้  ทุกอย่างชุลมุนอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าสู่สภาวะปกติ  โดยที่คุณพิมถูกจับมัดแขนมัดขาและมัดปากจนไม่มีส่วนไหนขยับได้
“เรียบร้อยสักที  นี่กูสู้กับผู้หญิงคราวแม่หรือสู้กับนาตาชา โรมานอฟวะเนี่ย  แรงเยอะโคตรๆ”
“บ่นเข้าไปเหอะมึง  ผู้ชายภาษาบ้าอะไรวะ”
พูดแขวะมันทั้งที่ตัวเองก็ทิ้งตัวลงนอนเพราะหมดแรงไม่ต่างไปจากมันสักเท่าไหร่   หอบหายใจแฮ่กๆราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา
“ผมขอตัวไปรอตำรวจข้างหน้าก่อนนะครับ  พวกคุณอยู่กันได้ใช่ไหม?”
“ได้ๆ  ไปเหอะ”
ปัดมือไล่แบบขอไปทีด้วยเหนื่อยอ่อนแบบสุดๆ
เสียงฝีเท้าของไอ้หน้าหนวดหายลับออกจากห้องแล้ว  ไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่าก่อนหน้านี้ผมเพิ่งผ่านวินาทีเกือบเป็นเกือบตายมาด้วยฝีมือของผู้หญิงวัยคราวแม่!  ที่มีพละกำลังรุนแรงประหนึ่งป๊อบอายกินผักโขมเพิ่มพลัง
ผมเหลือบมองไปทางคุณพิมที่ตอนนี้หมดฤทธิ์แล้ว เธอถูกจับให้นอนคว่ำหน้าลงและมัดมือมัดเท้าเอาไว้ยิ่งกว่าแหนมป้าย่น  ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเธอ  มีหลายคำถามที่ผมอยากจะถามผู้หญิงคนนี้  อยากจะรู้เหตุผลที่แท้จริงจากปากของเธอเอง
“คุณเห็นใช่ไหม”
คำถามนี้ผมหมายถึงบาร์บี้ที่นั่งคุยกับน้ำอยู่ตรงมุมห้อง  สำหรับพวกเธอสองคน  ผมเองก็มีคำถามที่อยากจะรู้และอยากถามอยู่เช่นกัน   แต่ยังไม่มากเท่าสิ่งที่อยากจะถามผู้หญิงข้างตัวผมตอนนี้หรอก
“ผมคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะว่าระหว่างสองคนนั้น…มันเป็นยังไง   สายตาของบาร์บี้คงตอบคุณได้หมดแล้ว  ว่าคุณกำลังจะพรากคนสำคัญของเธอไป  และคนสำคัญที่ว่านั่นก็คือ…น้องสาวของผม”
“…”
“ไม่ว่าคุณจะต้องการทำเพื่อใคร  ไม่ว่าจะมีเหตุผลร้อยแปดมากแค่ไหนสำหรับการกระทำในครั้งนี้  ผมอยากให้คุณจำเอาไว้อย่างหนึ่ง…”
“…”
“สิ่งที่คุณทำมันคืออาชญากรรม”
“…”
“คือสิ่งที่มนุษย์ด้วยกันไม่สมควรจะทำ  เพราะคุณมีความคิดเลวร้ายที่ต้องการจะฆ่าคนๆหนึ่งให้ตายเพียงเพื่อความต้องการของตัวเอง  ทั้งที่ผมและน้องสาวไม่เคยทำอะไรให้กับคุณ  พวกเราไม่เคยทำเวรทำกรรมอะไรต่อกันมา  แต่คุณเลือกที่จะดึงพวกเราเข้ามาในวังวนพวกนี้เพียงเพราะความสิ้นคิดอยากจะชดใช้อะไรง่ายๆโดยที่ตัวเองไม่ต้องพยายามอะไรมากไปกว่าการลงมือทำร้ายผู้ไม่เกี่ยวข้อง”
“...”
“ถ้าคุณอยากจะชดใช้ให้บาร์บี้จริงๆ  ถ้าสำนึกผิดและอยากแสดงความเป็นแม่ให้เธอยอมรับในตัวคุณ  สิ่งที่คุณต้องทำคือการเผชิญหน้าต่างหาก”
“…”
“คุณต้องกล้าเผชิญหน้ากับลูกสาวของตัวเอง   ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะเข้าใจคุณหรือไม่  จะเปิดใจและให้อภัยในสิ่งที่คุณทำหรือเปล่า  คุณก็ต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง  ไม่ใช่เดินหนีแล้วปัดความรับผิดชอบ  โยนความผิดให้กับคนรอบข้างไปเสียหมด”
“…”
“ถ้าความเป็นแม่ที่คุณพร่ำพูดถึงมันเป็นแรงผลักดันให้คุณทำได้แค่ทำร้ายชาวบ้าน  งั้นคุณก็ไม่ควรเรียกตัวเองว่าแม่  คุณไม่เหมาะจะเป็นแม่ของผู้หญิงที่เก่งและเพียบพร้อมอย่างบาร์บี้หรอก”
“…”
“คุณอาจจะรู้จักลูกสาวของตัวเองน้อยไปก็ได้  บาร์บี้น่ะ…”
“…”
“เธอแกร่ง  และเก่งกว่าที่คุณคิดเยอะ  เธอสามารถชนะใจทุกคนและเอาชนะทุกอุปสรรคมาได้ด้วยตัวของเธอเองโดยที่คุณไม่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย”
“…”
“เชื่อใจเธอสิครับ  เชื่อมั่นในตัวลูกสาวของคุณเอง  ถ้าคุณพยายามที่จะรู้จักตัวตนของเธอบ้าง  คุณจะไม่คิดทำเรื่องบ้าๆพวกนี้เลยสักนิดเดียว”
คุณพิมที่หยุดดิ้นและดูจะสงบลงไปได้บ้างมองตามสายตาของผมไปทางบาร์บี้  นัยน์ตาที่เคยคุ้มคลั่งก่อนหน้านี้ค่อยๆอ่อนลงยามได้มองลูกสาวของตัวเอง  ก่อนที่น้ำใสๆจะไหลอาบแก้มลงมา
ผมปล่อยให้เธอได้คิดและทบทวนทุกสิ่งด้วยตัวเอง  ไม่อยากจะซ้ำเติมหรือชี้นำใดๆทั้งสิ้น  ความผิดที่เธอได้ทำมา  ผมจะอโหสิกรรมให้เพราะยังไงเสียน้ำและผมก็ปลอดภัยดี  ยังไม่มีเรื่องเลวร้ายที่ไม่สามารถแก้ไขได้เกิดขึ้น  นั่นคือเหตุผลว่าทำไม…
ผมถึงอยากจะให้โอกาสกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง
ถ้าเธอสามารถกลับตัวกลับใจได้  แค่ทำให้บาร์บี้เชื่อและยอมรับว่าเธอคือแม่แท้ๆคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“กูรู้นะ  ว่ามึงมีเรื่องอยากจะถาม”
ไอ้ตูมตามที่นอนแผ่หลาอยู่ข้างๆมานานเอ่ยขึ้นพลางเหลือบตามองผม
“จะว่าไงดีล่ะ  กูมีเรื่องอยากจะถามมึงเยอะแยะมากมาย  แต่ว่า…เรื่องบางเรื่อง  กูก็อยากได้ยินจากปากของคนๆนั้นเอง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำกับบาร์บี้  หรือว่า…”
“…”
“เรื่องของตาแก่นั่น”
“นี่มึง…”
“…”
“รักเข้าแล้วสินะ”
“ทำไมวะ   มึงขยะแขยงกูหรือไง”
“เปล่า  กูแค่…”
“…”
“เอาเหอะ   ถ้ามึงรักไปแล้วกูคงทำอะไรไม่ได้  แต่กูอยากให้มึงเผื่อใจเอาไว้บ้าง  คุณเปลวคนนั้น…อาจไม่ได้คิดแบบเดียวกับที่มึงคิดก็ได้นะ”
“มึงหมายความว่ายังไง”
“มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากได้ยินจากปากเจ้าตัวมากกว่า  งั้นมึงก็ควรรอให้เขามาบอกมึงเอง  ถ้าเขาอยากบอกมึงน่ะนะ”
ประโยคบอกเล่าของมันยิ่งทำให้ผมกังวลมากขึ้นไปอีก  มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ในช่วงแรกๆที่ได้เจอกับไอ้หน้าหนวด  หลายต่อหลายครั้งที่มันชอบทำเหมือนเราเคยเจอและรู้จักกันมาก่อน  ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ  เท่ากับว่ามันรู้ตั้งแรกแล้วงั้นเหรอว่าผมไม่ใช่น้ำตัวจริง  แต่เป็นพี่ชายฝาแฝดที่ปลอมตัวมา?!
“ไฟ…”
ยังคิดไม่มันตกเรื่องของตัวเอง  เสียงใสๆของน้ำก็ดังขึ้น  เธอเดินจับมือกับบาร์บี้เข้ามาหาผมด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนพอๆกับบาร์บี้
“คือว่า…น้ำมีเรื่องจะบอกไฟน่ะ”
“อะไรเหรอ”
“คือน้ำ…”
ตึกๆๆๆๆๆๆ
บทสนทนาถูกขัดด้วยเสียงฝีเท้ามากมายที่พุ่งตรงมายังห้องนี้  เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างของตำรวจจะพุ่งเข้ามาในห้อง  ไอ้ตูมตามก็ถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกแล้วโยนมาคลุมหัวผมเอาไว้เพื่อซ่อนใบหน้าฝาแฝดของตัวเองกับน้ำ
“เป็นยังไงบ้างครับ”
ตำรวจที่มักจะมาตอบจบเอ่ยถาม  ผมมี่รู้ว่าพะวกเขาคนกำลังตำรวจกันมามากมายน้อยแค่ไหนและไม่สามารถอยู่เป็นพยานคอยให้ปากคำใดๆได้ด้วย  เพราะข่าวผู้เข้าประกวดตัวเก็งทั้งสองถูกลักพาตัวมาแบบนี้จะต้องโด่งดังไปทั่วประเทศในชั่วข้ามคืนแน่ๆ
หมับ…
“มากับผม”
“คุณเปลว?”
“คุณตูมตาม  คุณน้ำ  และคุณบาร์บี้จะเป็นคนให้ปากคำในเรื่องนี้เอง  ส่วนคุณ…ต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่นักข่าวจะมาถึง”
“หายความว่าผมกับน้ำจะต้องสลับตัวกันที่นี่เลยเหรอครับ”
“แค่คืนนี้เท่านั้น  คุณน้ำยังต้องไปให้ที่โรงพยาบาลเช็คร่างกายก่อนว่าหายดีแล้วหรือยัง  ถ้าเป็นปกติแล้วเธอก็จะสามารถเปลี่ยนตัวกับคุณได้อย่างถาวรครับ”
“แต่…”
“ไม่มีแต่แล้ว  รีบไปเถอะครับ  ผมจอดรถไว้ด้านหลังของตึกนี้”
ไอ้หน้าหนวดรีบฉุดกระชากลากถูผมให้เดินตามไป  และเพราะมีเสื้อของไอ้ตูมตาครอบหัวไว้อยู่  ผมเลยมองเห็นแค่ช่วงเท้าของคนตรงหน้าเท่านั้น
“เดี๋ยวครับ  พวกคุณสองคน!”
“อ๊ะๆๆ  สองคนนั้นไม่เกี่ยวหรอกครับ  ผมโทรตามเขามาทีหลัง  เรื่องให้ปากคำเอาไว้เป็นหน้าที่ของพวกเราสามคนเองดีกว่า”
ไอ้ตูมตามเข้ามาขวาง  ผมคิดว่าคงมีเจ้าหน้าที่สักคนที่พยายามจะเดินเข้ามารั้งผมและไอ้หน้าหนวดเอาไว้นั่นแหละ
“รีบไปเถอะครับ”
เราสองคนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม  ทันทีที่เดินพ้นออกมาจากห้องเกิดเหตุไกลพอสมควร  ผมก็รีบเอาเสื้อที่คลุมหัวอยู่ออกแล้วเอามาสวมแทนเสื้อของตัวเอง   เดินหวิวโชว์หัวนมมาตั้งนาน  กูก็อายเป็นนะเฟ้ย
“นึกว่าจะไม่อยากใส่เสื้อเสียแล้ว”
เวลาแบบนี้มึงยังจะทะลึ่งได้อีกนะ!
ผมเขวี้ยงค้อนวงใหญ่ผ่านทางสายตาไปให้มันพลางรีบติดกระดุมเสื้อให้หมดเพื่อปกปิดร่างกายของตัวเองที่ถูกโลมเลียทางสายตาไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว  เดินออกจาตึกมาได้แค่นิดเดียวก็เจอรถยนต์ราคาแพงระยับติดฟิลม์ดำอย่างดีจอดอยู่
คือแค่ล้อรถหนึ่งล้อของมันก็แพงกว่ามอเตอร์ไซค์ทั้งคันของผมแล้วป่ะ  มึงจะรวยอะไรเบอร์นั้น!
“เชิญครับ”
“เปิดเองได้เว้ย!”
กระชากเสียงใส่ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปนั่งกอดอกด้วยความเขินที่ถูกปรนนิบัติพัดวีเหมอนเก่า
รู้สึกได้เลยว่าไอ้หน้าหนวดคนเดิมของผมกลับมาแล้ว…
“เราจะไปไหนกันดี  ม่านรูดไหม?”
“ก็ไปสิ”
ปากตอบคำถามแต่สายตาหันไปมองทางนอกรถ   ถ้าขืนมองหน้ามันตรงๆคงได้ใจเต้นตายกันไปข้างแน่ๆ
“หึ…อย่ายั่วกันจะดีกว่า  ตอนนี้ผมไม่ต่างอะไรไปจากเสือผู้หิวโหยนักหรอกนะครับ”
“ไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันล่ะ”
“เสือตัวผู้ที่จำใจต้องห่างจากเสือตัวเมียมาหลายวัน  คุณคิดว่ามันจะอดอยากแค่ไหนกัน?”
สะ…เสือตัวเมีย?
มึงคงไม่ได้หมายถึงกูหรอกใช่ไหม!!!
เมีย…
เมีย……..
เมีย……………
อ๊ากกกกก
เป็นคำที่ฟังแล้วจักจี้หัวใจฉิบหาย!
“พูดเฉยๆก็ได้  ไม่ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้หรอก”
“จมูกผมไวต่อกลิ่นน่ะ  ทำไงได้”
แล้วทำไมไอ้คำว่ากลิ่นของมึงต้องมองต่ำลงมาที่น้องชายของกูด้วยวะ!
สาบานได้ว่ากูยังไม่ทันได้ปล่อยฟีโรโมนหรือว่ากลิ่นห่าเหวอะไรทั้งสิ้น!
“บอกให้เอาหน้าห้องไปห่างๆไง”
“นั่นสิ  ถ้าทำกันตรงนี้เหมือนตอนไปทะเลคงไม่ไหว   เราไปโรงแรมแถวนี้ดีกว่า”
จบคำ  มันก็ขับรถพุ่งทะยานเข้าสู่ตัวเมืองอันศิวิไลซ์ทันที  การที่เขากลับมาทำตัวเหมือนเดิมกับผมแล้วแบบนี้ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าระหว่างเขากับบาร์บี้ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆ  ส่วนเหตุผลนั้นผมยังไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้หรือเปล่าจนกว่าจะได้ฟังจากปากของเขาเอง
ขณะที่กำลังคิดนู่นนี่นั่นมากมายในหัว  สายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มือข้างขวาของคนข้างกาย  ผมเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมาก่อนที่ความทรงจำบางอย่างจะฉายกลับเข้ามาในหัว
ภาพตอนไอ้หน้าหนวดใช้มือของตัวเองจับมีดตอนที่ต้องการจะช่วยให้ผมสามารถจับคุณพิมมัดเอาไว้ได้!
“เฮ้ย!  มือคุณ!”
สาบานได้ว่าแทบจะคว้ามือมันเข้ามาเลียเพื่อรักษาบาดแผลเลยทีเดียว  มัวแต่วุ่นวายกับเรื่องที่จับตัวคุณพิมไวได้จนลืมไปเสียสนิทเลยว่าเขาลงทุนเจ็บตัวเพื่อช่วยผมและทุกคนเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ  นิดเดียวเอง”
“นิดเดียวบ้าอะไรวะ!  เลือดหยงติ๋งๆเป็นน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเลย!”
“ผมไมเป็นอะไรจริงๆ  เดี๋ยวค่อยไปทำแผล…”
ไอ้หนาดหนวดเงียบไป  ผมเงยหน้ามองว่าทำไมจู่ๆเขาถึงหยุดพูดไป  ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นมองกระจกมองหลังสลับกับกระจกด้านนอกฝั่งคนขับด้วยสีหน้าสงสัย
“อะไรเหรอครับ”
“ผมว่ามีคนตามเรามา”
“ฮะ?!”
หมับ!
“ห้ามหันไปนะครับ!”
มือหนาจับมือผมไว้แน่น
“ถึงจะเป็นกระจกติดฟิลม์  แต่เวลาแบบนี้บวกกับไฟจากหน้ารถของพวกมัน  อาจจะทำให้มันเห็นเงาของเรก็ได้  ผมไม่อยากให้พวกมันรู้ตัวว่าเรารู้ตัวแล้วเรื่องถูกสะกดรอยตาม”
“พวกมันเป็นใคร”
“ดูจากรถแล้วผมว่าน่าจะเป็นพวกนักข่าวที่ไปทำข่าวที่ตึกนั้นน่ะครับ  แต่ทำไมถึงตามพวกเรามา…”
“งั้นจะเอายังไงดี  ถ้าขืนให้ตามไปเรื่อยๆแบบนี้มีหวังต้องโดนจับได้แน่ๆ  แล้วเรื่องที่น้ำมีพี่ชายฝาแฝดก็จะต้องแดงออกมา”
“เรื่องคุณน้ำมีพี่ชายฝาแฝดเราอาจจะปิดได้ไม่นาน  ผมคิดว่าสักวันยังไงทุกคนก็ต้องได้รู้ถึงการมีอยู่ของคุณ  เพียงแต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม   ถ้ามีการจับต้นชนปลายหรือการคาดเดามั่วๆว่าอาจมีการสลับตัวของพวกคุณเกิดขึ้น  ต้องแย่แน่ๆ  เพราะคุณในเวลานี้มีลักษณะเหมือนคุณน้ำมากจนน่าสงสัย  เพราะคงไม่มีพี่ชายฝาแฝดที่ไหนจะทำทรงผมเหมือนน้องสาวแบบนี้หรอก”
“ให้ตายสิ  ความวัวไม่ทันหาย  ความควายก็เข้ามาแทรกอีกแล้ว!  แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ  สลัดหลุดไหม?”
“ท่าจะยาก  เอาอย่างนี้…เอาโทรศัพท์ผมโทรหาคุณน้ำด่วน”
“ทำไม?”
“เราจะต้องหาจุดให้พวกคุณเปลี่ยนตัวกัน”
“วะ…ว่าไงนะ!”
“พวกคุณต้องสลับตัวกัน…คืนนี้”
นี่กูคนนะเว้ยไม่ใช่แฮรี่ พ็อตเตอร์!
ที่สั่งอะไรมาปุ๊บจะได้เสกให้ได้อย่างใจ  โอ๊ยยย  ไอ้ไฟอยากจะบ้า!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วน้า  ตอนนี้มาเอาใจช่วยพี่ไฟกับน้ำดีกว่าว่าจะเปลี่ยนตัวกันสำเร็จหรือไม่  หรือความจริงจะต้องถูกเปิดเผยกันแน่?!  ยิ่งไปกว่านั้น  ระหว่างน้ำกับบาร์บี้  ตกลงแล้วพวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน  อะไรคือความลับที่คุณเปลวปิดบังเอาไว้?  รอติดตามกันต่อไปด้วยจ้า  เรื่องนี้ไม่ดร่ามาน้ำตาท่วมจอ  ไม่ต้องกังวลน้า  จุ๊บๆๆๆๆ



หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 24 (19/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-02-2017 20:18:40
เหมือนมันมีอะไรสักอย่างที่ไฟโดนปิดบังไว้
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 24 (19/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-02-2017 20:19:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 25 (22/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 22-02-2017 19:13:15




ตอนที่ 25
ส่งไม้ต่อ

 
[ฮัลโหล]
“ไอ้ตาม!  ตอนนี้มึงอยู่ไหน  แล้วน้ำล่ะ”
[ใจเย็นๆ  กูกับน้ำอยู่สถานีตำรวจ  มาให้ปากคำเรื่องทั้งหมด]
“แล้วได้เจอพวกนักข่าวหรือยัง”
[ยัง  ตำรวจกันเอาไว้อยู่หน้าโรงพัก  แต่เดี๋ยวให้ปากคำทางนี้เสร็จก็คงต้องออกไปให้สัมภาษณ์ต่อเลย  ทำไมวะ]
“ให้สัมภาษณ์ไม่ได้นะเว้ย!  มึงห้ามให้น้ำเจอนักข่าวที่นั่นเลยแม้แต่คนเดียว!”
[ทำไมวะ?!]
“มีนักข่าวนอกรีตที่ไหนก็ไม่รู้กำลังสะกดรอยตามกูกับคุณเปลวมา  ถ้าพวกมันตามมาจนรู้ว่าน้ำมีกูเป็นฝาแฝดตอนนี้ต้องเรื่องใหญ่แน่ๆ   เพราะงั้นมึงต้องพาน้ำออกมาจากที่นั้นโดยไม่ให้นักข่าวรู้ให้ได้  บอกให้พวกตำรวจบอกกับนักข่าวไปเลยว่าคนที่มาให้ปากคำมีแค่บาร์บี้  ไม่มีน้ำ  เพราะมึงต้องพาน้ำออกมาสลับตัวกับกูเดี๋ยวนี้!”
[ฮะ!!!]
“น้ำตัวจริงจะให้สัมภาษณ์กับใครก่อนไม่ได้ทั้งสิ้นนอกจากไอ้นักข่าวเวรตะไลที่ตามกูอยู่ตอนนี้  มึงเข้าใจไหม?!”
[ทำไมมันมีแต่เรื่องแบบนี้วะ  กูปวดขี้จนขี้หักในแล้วก็ยังไม่ได้ขี้เลยเนี่ย!]
“เรื่องขี้มึงไม่สำคัญเท่าเร่องของกูในตอนนี้หรอก  เชื่อกูสิ”
[เออๆ  แล้วจะให้ไปสลับตัวกันที่ไหนว่ามาเลย  ให้ตายสิ  ถึงเวลาส่งไม้ต่อให้น้ำทั้งทีก็กันเป็นช่วงนาทีเป็นนาทีตายแบบนี้เนี่ยนะ  ชาติที่แล้วทำกรรมกับใครไว้วะไอ้ตาม!]
มึงจะทำกรรมกับใครไว้กูไม่รู้  แต่ที่รู้ๆคือกูต้องทำกรรมกับไอ้นักข่าวข้าวหลังนี่ไว้แน่ๆ  แม่งเหยียบมิดเข็มไมล์แล้วมั้งนั่น!
ตามติดกูยังกับเหาฉลาม!
ผมนัดแนะสถานที่กับไอ้ตูมตามตามที่ไอ้หน้าหนวดบอก  ซึ่งระหว่างรอให้มันพาน้ำชิ่งหนีออกมาจากสถานีตำรวจแบบไม่ให้นักข่าวเห็น  ผมกับคนข้างๆก็มีหน้าที่ถ่วงเวลาพวกนักข่าวที่สะกดรอยตามมาเอาไว้  ช่างเป็นวันที่สาหัสสำหรับไอ้ไฟจริงๆเลย
ก่อนหน้านี้ก็ทำตัวเป็นพระเอกช่วยเพื่อนนางงามจนตัวเองบาดเจ็บแทน…
บุกลุยเดี่ยวเข้าไปช่วยน้องสาวจากผู้หญิงที่มีอาการทางจิตค่อนไปทางคุ้มคลั่งจนเกือบจะโดนแทงตาย…
แล้วนี่ยังต้องมาเหนื่อยกับการหนีไอ้พวกนักข่าวที่ไล่บี้ตามหลังมาอีก!
พวกมึงกะจะไม่ให้กูได้หายใจหายคอบ้างเรอะ  ถ้ากูตายขึ้นมาไอ้หน้าหนวดขึ้นคานเลยนะขอบอก!
“คิดเสียว่าเรามาขับรถชมวิวแล้วกันนะครับ  ถือเป็นการเดตที่ฮิตอีกอย่างหนึ่งเลยนะ”
“มันจะสนุกกว่านี้ถ้าไม่มีไอ้พวกบ้าข้างหลังไล่ตามมานะ”
“เอาน่า  เดี๋ยวคุณก็จะรู้สึกว่าโลกนี้มีแค่เราสองคนเองนั่นแหละ”
“ทำไม”
“เพราะทุกครั้งที่เราได้อยู่ด้วยกัน  ผมรู้สึกเหมือนเวลาของโลกใบนี้มันหยุดเดินยังไงล่ะครับ”
มะ…มันมาอีกแล้วครับท่าน!
หน้าตาอันแสนจะทะเล้นเจ้าเล่ห์ของคนๆนี้ที่ทำให้ผมพ่ายแพ้มาโดยตลอด  สายตาที่เหมือนจะมองผมได้อย่างทะลุปรุโปร่งนั่นก็เช่นกัน
ทำไมกันนะ…
ทำไมต้องเป็นผมที่เป็นฝ่ายโอนอ่อนตลอดเวลา
ทำไมผมถึงไม่เคยเอาชนะรอยยิ้มนี้ได้สักที
“คุณไฟ”
หลังจากที่เงียบกันไปนาน  อีกฝ่ายก็เผยอปากพูดออกมาก่อน  ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะความเงียบทำเอาอึดอัดจนแทบลืมหายใจกันไปเลย
“อะไร”
“เรื่องก่อนหน้านี้   ผม…”
“…”
“ขอโทษนะครับ”
“…”
“ขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่  ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียใจ  ขอโทษที่ตัดสินใจทำทุกอย่างเองโดยพลการ  ขอโทษจริงๆ”
น้ำเสียงรู้สึกผิดที่ส่งผ่านมาทางคำพูดนั้นช่วยลบล้างความเจ็บปวดที่ฝังลึกลงในใจมานานหลายวันให้หายไปจนหมด
รู้สึกเหมือนมีสายน้ำเย็นไหลผ่านหัวใจที่เคยร้อนรุ่มจนกระทั่งไฟค่อยๆมอดดับลง…
“แสดงว่าที่คุณทำลงไปทั้งหมด  ทั้งเรื่องที่จู่ๆก็ประกาศหมั้นออกมา  คำพูดทุกอย่างที่ทำร้ายความรู้สึกของผม  คุณทำไปก็เพราะ…ต้องการจะปกป้องผมสินะ”
“อาจฟังดูเหมือนแก้ตัว  เพราถึงยังไงสิ่งที่ผมได้ทำลงไปมันก็ไม่สามารถลบล้างบาดแผลในใจของคุณได้  แต่ผมก็ยังอยากขอโทษคุณด้วยตัวเอง  อยากจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้คุณได้ฟังอีกครั้ง”
“…”
“ผมรักคุณ”
“…”
“คนที่ผมรักคือคุณเท่านั้น  คุณไฟ…”
ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังขับรถและพวกเราอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน  บอกตามตรงเลยว่าผมคงกระโดดกอดเขาไปแล้วด้วยความดีใจ
ก็แค่นี้…
แค่คำๆนี้แหละ  ที่ทำให้ผมมีความหวังและสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เพื่อรอวันที่จะได้ฟังมันอีกครั้งหนึ่ง
ผมรักคุณ…
สามคำสั้นๆที่นำความสุขมากมายมาให้
“ขอบคุณนะครับ”
“…”
“ขอบคุณที่รักผมคนอย่างผม”
ขอบคุณที่รักคนที่ปกติแล้วจะอาบน้ำแค่อาทิตย์ละสามวันอย่างผม
ขอบคุณที่รักคนที่หนึ่งปีถึงจะแตะหวีสักครั้ง
ขอบคุณที่รักคนที่ปากหมาทุกที่ทุกเวลาอย่างผม
“ผมเองก็อยากได้ยินเหมือนกันนะ”
“ดะ…ได้ยินอะไร”
เฉไฉทำไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาออดอ้อนราวกับลูกหมาน้อย
กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่!
“ได้ยินอะไรน้า…”
“มันใช่เวลาไหมเนี่ย  เลิกเล่นได้แล้วน่า”
“อย่าขี้โกงสิครับ  ผมพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปแบบหมดเปลือกแล้วนะ”
“ไม่ได้ขอสักหน่อย”
“จะยอมพูดให้ฟังดีๆหรือต้องให้เสียวสุดๆก่อนถึงจะยอมพูดกันหื้ม?”
“สะ…เสียวอะไรวะ!”
ใบหน้าร้อนฉ่ากับคำพูดสองแง่สองง่าม  ผมรีบเขยิบถอยห่างเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่อาจพ้นรัศมีมือปลาหมึกของมันอยู่ดี
หมับ!
มือหนาคว้าหมับจับที่ต้นขาผมเต็มๆ  ปลายนิ้วแสนรวดเร็วเล่นปูไต่กับโคนขาด้านในไปมา  มีเสียงหัวเราะสบายอารมณ์ดังเป็นเสียงประกอบ
ขนาดมือขวาเจ็บ  มึงก็ยังอุตส่าห์เอามือซ้ายมาทำทะลึ่งกับกูได้เนอะ
นับถือความพยายามเลยไอ้หนวดดด!
“เอามือออกไปนะเว้ยยย”
“ทำไมล่ะครับ  ผมยังไม่ได้ทำให้คุณเสียวเลยนะ”
“ไม่ต้องการ!”
“ผมรู้ว่าคุณต้องการ”
“อย่ามาสู่รู้!”
มึงเป็นญาติกับเจน  ตาทิพย์ อะไรนั่นใช่ไหม!  ถึงได้รู้ใจรู้ความรู้สึกกูไปหมดแบบนี้
“ทำไงได้ล่ะ  คุณเป็นคนยั่วผมเองตั้งแต่ตอนที่ให้ล้วงหยิบโทรศัพท์แต่ดันจะมาล้วงเป้าผม แล้วยังเชิญชวนให้ผมพาไปโรงแรมอีก  บอกตามตรงว่าผมแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว”
“คุณมันก็อดใจไม่ไหวทุกทีนั่นแหละ”
“ก็คุณมันน่ากินทุกเวลาเลยนี่นา  ความผิดใครล่ะ?”
ผิดที่กูสินะ
ผิดที่กูน่ากินจนมึงอดใจไม่ไหว!
“จะโทษว่า…”
ครืด…ครืด…
โทรศัพท์ไอ้หน้าหนวดที่วางอยู่ตรงคอนโทรลหน้ารถสั่นขึ้น  เบอร์ไอ้ตูมตามโทรเข้ามา  ผมรีบกดรับสายทันที  เกือบลืมไปแล้วไหมล่ะว่ากำลังหนีไอ้นักข่าวที่ไล่บี้มาด้านหลังอยู่
เผลอเข้าสู่โหมดมุ้งมิ้งไปเสียได้…
“ฮัลโหล”
[ไอ้ฟาย  กูกับน้ำออกมาได้แล้วนะ  ตอนนี้คุณบาร์บี้กำลังช่วยถ่วงเวลาพวกนักข่าวที่สถานีตำรวจ  แต่คิดว่าคงถ่วงเวลาได้ไม่นาน  เพราพวกนั้นต้องการที่จะสัมภาษณ์น้ำโดยตรง  มึงรีบมาเปลี่ยนตัวกับน้ำเดี๋ยวนี้เลย]
“มึงอยู่ไหนแล้ว”
[อีกสิบนาทีจะถึงที่นัดหมาย  แล้วมึงกับคุณเปลวมีแผนอะไร  ถ้ามีนักข่าวตามติดตูดมึงขนาดนั้น  มึงกับน้ำจะสลับตัวกันได้ยังไง]
“เอาเป็นว่ามึงพาน้ำไปรอตรงที่ที่บอกแล้วกัน  ให้น้ำตอบคำถามแค่ในส่วนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์วันนี้เท่านั้น  นอกเหนือจากนั้นให้ทำทีเป็นไม่อยากจะพูด  อย่าเพิ่งให้สาภาษณ์จนกว่าจะได้สคริปทั้งหมดจากกู  เข้าใจไหม”
[เออๆ]
ไอ้ตูมตามรับคำก่อนจะวางสายไป
ถึงเวลาแล้วสินะ  ที่ผมจะต้องกลับไปสู่จุดเดิมของตัวเอง  กลับไปใช้ชีวิตเป็นไอ้ไฟคนเดิม  ไม่ต้องถ่างตาตื่นแต่เช้ามาแต่งหน้า  ไม่ต้องคอยทำตัวเรียบร้อยเหนียมอายให้สมกับเป็นกุลสตรี  ไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากจะทำ  ไม่ต้องแสร้งยิ้มทั้งที่บางครั้งในใจก็อยากจะแยกเขี้ยวมากกว่า
ไม่ต้องทำเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว…
หมับ…
“เป็นอะไรไปครับ  ทำหน้าเศร้าเชียว”
นั่นหมายความว่า…
ทุกๆวันหลังจากตื่นมา  ผมจะไมได้เจอกับคนๆนี้อีก
ก่อนเข้านอนก็จะไม่ได้เห็นหน้าเขาเป็นคนสุดท้าย…
“เปล่าครับ   ผมแค่…รู้สึกใจหาย”
“…”
“จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ผมเกลียดและรำคาญมากกับการที่ต้องมาเป็นน้ำและมาประกวดนางงามบ้าๆบอๆนี่  แต่ว่า…พอได้สัมผัสกับสงครามนางงามด้วยตัวเองในครั้งนี้  มันทำให้ผมได้รู้ว่า…ผู้หญิงที่มาประกวดทุกคน  พวกเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวยและรูปร่างเท่านั้น”
“…”
“แต่พวกเธอยังมีจิตใจที่เข้มแข็งมากๆอีกด้วย  พวกเธอแข็งแกร่งจนผู้ชายอย่างผมยังทึ่งและคิดว่าต้องเปิดใจมองพวกเธอใหม่  พวกเธอไม่ได้แค่ใช้หน้าตาและร่างกายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ  แต่พวกเธอมีมันสมองมากกว่านั้น”
“…”
“การได้มาประกวดแทนน้ำครั้งนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับพวกเธอและวงการนี้  ผมรู้แล้วว่าคนเราไม่ควรตัดสินใครหรืออะไรจนกว่าจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง”
“ผมดีใจที่คุณคิดได้แบบนี้นะครับ  ผู้เข้าประกวดเหล่านั้น  พวกเธอไม่ได้เลวร้ายหรอก  และพวกเธอก็ไม่ได้มีดีแค่หน้าตากับรูปร่างด้วย  เพราะสงครามที่พวกเธอต้องเผชิญ  มันต้องใช้ไหวพริบไม่ต่างจากคนที่ทำงานใช้สมองทั่วๆไปเลย”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากมายจากการประกวดนี้  ต้องขอบคุณน้ำที่ทำให้ผมได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง”
ทั้งผมและไอ้หน้าหนวดต่างยิ้มให้แก่กัน
ถึงตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจขึ้นมานิดหนึ่งแล้วว่าเพราอะไรน้ำถึงอยากเป็นนางงาม  เพราอะไรน้องสาวที่แสนเรียบร้อยและน่ารักของผมถึงอยากมาประกวดนางงามที่เบื้องหลังเต็มไปด้วยสงครามอันน่ากลัว  เพราะการประกวดเหล่านี้ไม่ได้ใช้แค่หน้าตาและรูปกายภายนอก
แต่ยังใช้มันสมอง  ไหวพริบ  และความฉลาดทันคนอีกมากมาย
มันคือการพิสูจน์ตัวเองของผู้หญิงนั่นเอง…
“จะถึงที่หมายแล้ว  คุณพร้อมนะครับ”
“ครับ”
พยักหน้ารับเตรียมพร้อมลุย  คุณเปลวเหยียบคันเร่งจนเข็มไมล์แทบจะทะลุออกมา  ทิ้งไว้เพียงแค่ฝุ่นให้พวกนักข่าวมันดมเล่น
แต่ประโทษเถอะ  มึงเหยียบมิดไม่บอกไม่กล่าวกูก่อนแบบนี้  หัวกูแทบจะคะมำทิ่มกับกระจกหน้ารถ!
เอี๊ยด!!!
เสียงล้อบดกับถนนหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งดังลั่นไปทั่ว  ผมกับคุณเปลวรีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งเข้าสู่ตัวโรงแรมกับแบบไม่คิดชีวิต  โชคดีที่โรงแรมนี้เป็นโรงแรมของเพื่อนคุณเปลวเอง  เขาก็เลยโทรบอกเพื่อนให้ช่วยเปิดทางอำนวยความสะดวกทุกอย่างโดยการให้แจ้งทางพนักงานว่าหากจู่ๆมีไอ้บ้าที่ไหนวิ่งสู้ฟัดเข้ามาในโรงแรมก็ให้ทำปล่อยเบลอไม่รู้ไม่เห็นไปซะ  เพราะพวกเราไม่มีเวลาว่างมานั่งอธิบายหรือทำการเช็คอินโรงแรมแน่นอน
เอี๊ยด!!!
เสียงจอดรถดังตามมาติดๆขณะที่ผมกับคุณเปลวกำลังจะปิดประตูลิฟต์พอดิบพอดี  นักข่าวสองคนวิ่งหน้าตาตื่นตรงมาทางลิฟต์ตัวที่เราสองคนยืนอยู่  ผมรีบหันหลัง  ส่วนคุณเปลวก็พยายามกดปิดประตูสุดฤทธิ์  อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น  ประตูลิฟต์ก็ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้โดยการปิดก่อนที่พวกมันจะกดเปิดได้ทัน
ผมกดโทรศัพท์หาไอ้ตูมตามทันที
“ฮัลโหล  ไอ้ตาม มึงอยู่ไหนแล้ว”
[กูรออยู่ห้องข้างๆห้องของน้ำแล้ว  มึงล่ะ]
“อยู่ในลิฟต์  เดี๋ยวคุณเปลวจะตามไปสมทบที่ห้องน้ำ  ส่วนกูจะไปหามึงที่ห้อง  มึงเปิดประตูรอกู…”
หมับ!
“อุ๊บ…”
เสียงพูดถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอเมื่อร่างสูงดึงผมเข้าไปจูบอย่างกะทันหันแบบไม่มีหมายแจ้งเตือนล่วงหน้าเลยสักฉบับ
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจปนงุนงง  ได้ยินเสียงไอ้ตูมตามลอยมาตามปลายสายเบาๆแต่ก็ไม่สามารถตอบกลับไปได้เพราะถูกจูบไว้อยู่
“อื้อๆๆ”
ปล่อยสิโว้ยยยย!
มันใช้เวลามาดูดลิ้นกูเล่นตอนนี้ไหมเนี่ยยย!
“แฮ่กๆๆ!”
ในที่สุดมันก็ยอมปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระ  พอตั้งท่าจะเงยหน้าด่าก็ดันเจอความเขินเข้ามาแทนที่เพราะอีกฝ่ายกำลังยืนเลียริมฝีปากส่งสายตาอันมีเสน่ห์เย้ายวนใจมาให้
“รอผมนะครับ  คืนนี้จะสายต่อให้จบเลย”
“บ้า!”
“หืม?”
“แต่ก็…จะรอนะ”
โอ๊ยยย  อยากตบปากตัวเองจริงๆ
พูดแบบนี้ออกไปได้ยังไงวะไอ้ไฟ  นี่มันไม่ใช่มึงเลยสักนิด  มันแมวยั่วสวาทชัดๆ!
ติ๊ง!
ลิฟต์มาถึงชั้นบนสุดซึ่งเป็นชั้นที่ต้องการ  ผมรีบแยกกับคุณเปลวไปคนละทางอย่างรู้งาน  คุณเปลวไปทางซ้ายซึ่งมีน้ำรออยู่ในห้องริมสุดทางเดิน  ส่วนผมก็วิ่งไปทางขวาซึ่งมีไอ้ตูมตามรออยู่
ถ้าผมก้าวเข้าไปในห้องที่ไอ้ตูมตามอยู่เมื่อไหร่  หน้าที่ของผมในฐานะน้ำก็จะจบลง
ผมไม่ต้องทำอะไรเกี่ยวกับกองประกวดอีกแล้ว
ผมไม่ต้องทนฝืนฉีกปากยิ้มจนเมื่อยนานๆเวลาอยู่หน้ากล้องอีกแล้ว
ไม่ต้องทำอะไรน่ารำคาญพวกนั้นอีกแล้ว
ไม่ต้องแล้ว…
“ไงมึง  มาแล้วเหรอ”
“ฮึก…”
“หมดหน้าที่ของมึงแล้วนะ  ขอบใจมากสำหรับที่ผ่านมา”
ไอ้ตูมตามดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นก่อนจะปิดประตูห้องลง
ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ ข้างนอกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ไม่รู้ว่าน้ำและคุณเปลวจะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วยวิธีไหน
แต่ผมเชื่อว่า…ทั้งสองคนจะผ่านมันไปได้  ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี
 
[ผู้ต้องหาได้ให้การว่า  ที่ทำเร่องทั้งหมดลงไปก็เพราะหมั่นไส้ที่คุณน้ำ  ตัวเก็งอันดับหนึ่งของการแระกวดคราวนี้เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนมากมายรวมถึงชายหนุ่มที่เธอกำลังติดพันอยู่  จึงได้ลงมือก่อเหตุทั้งหมดขึ้นมาค่ะ]
รอบที่สามของวันแล้วที่ข่าวช่องนิ้รีรันข่าวเรื่องการที่น้ำถูกคุณพิมลักพาตัวไป  โดยที่คุณพิมให้การเป็นประโยชน์กับทางพวกผมมากว่าสาเหตุที่เธอก่อเรื่องทั้งหมดก็เพราะความหมั่นไส้ส่วนตัว  ความลับเรื่องการสลับตัวกันของผมกับน้ำหรือแม้กระทั่งเรื่องที่เธอคือแม่ของบาร์บี้นั้นยังคงเป็นความลับต่อไป  ไม่มีใครรู้นอกจากผมกับเธอ
บางทีนี่อาจเป็นการบอกทางอ้อมว่าเธอรู้สึกผิดและอยากจะชดใช้ความผิดให้กับพวกผมก็ได้
“สุดท้ายก็จบลงด้วยดีเนอะ”
ผมเงยหน้ามองชายคนรักที่นอนสวมกอดผมอยู่จากด้านหลัง  อีกฝ่ายเอนกายพิงไปกับพนักของโซฟาโดยมีผมเอนทับเขาลงไปอีกที  อ้อมแขนแข็งแกร่งตระกองกอดเอวผมเอาไว้  เกยคางลงบนไหล่
“แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีนั่นแหละ  ว่าทำไมคุณพิมถึงต้องทำแบบนั้น”
สำหรับเรื่องนี้  แม้แต่กับเขาผมก็ไม่ได้บอก  บางครั้งคุณพิมอาจจะอยากบอกเรื่องนี้กับตัวบาร์บี้เองก็ได้
หมายถึงในวันที่เธอชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อทั้งหมดแล้วน่ะนะ
“ช่างมันเหอะน่า  คุณจะมาสงสัยเรื่องยิบย่อยเป็นผู้หญิงไปทำไม  ไหนๆเรื่องมันก็จบลงไปแล้ว  ทุกคนต่างกลับคืนสู่พื้นที่ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นผม  น้ำ  หรือแม้แต่ตัวคุณเอง”
“เพิ่มเติมคือผมมีสถานะผะ…”
“ผะอะไร  พูดดีๆนะเว้ย”
ชูหมัดขึ้นขู่เพราะรู้ดีว่ามันกำลังจะพ่นคำพูดอะไรออกมา
สามวันแล้วที่น้ำสลับตัวกลับไปและทำหน้าที่ในฐานะผู้เข้าประกวดตัวเก็งอันดับหนึ่งอย่างที่เธอต้องการ  ผมบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวมถึงความสนิทสนมของผมกับผู้เข้าประกวดแต่ละคนให้เธอได้รู้  โดยเฉพาะกับมะนาว  ที่เป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าคุณพิมคือแม่ที่แท้จริงของบาร์บี้  เพียงแต่เธอยังไม่รู้ว่าผมกับน้ำเคยสลับตัวกัน  ผมเลยใช้วิธีปลอมเป็นน้ำเข้าไปคุยกับเธอและขอให้ลืมเรื่องพวกนั้นไปซะ  ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะไม่พูดถึงมันอีก  เพราะแม้แต่กับน้ำเองผมก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน  การสลับตัวกลับกันของเราสองคนพี่น้องในครั้งนี้จึงไม่มีใครจับได้เลยสักคน
ผมกลับไปเรียนที่คณะตามปกติหลังจากหยุดเรียนไปเกือบสามเดือนโดยอ้างเหตุผลว่าเกิดอุบัติเหตุ  โชคดีที่ไอ้ตูมตามคอยทำงานส่งให้ผมเลยมีคะแนนเก็บตามเพื่อนๆทัน  ที่เหลือก็แค่ไปตามไล่สอบวิชาที่มีการสอบเก็บคะแนนไปแล้วให้ครบก็เท่านั้น  แต่นั่นก็ถือว่าหนักหนาพอสมควรเชียวล่ะ
ส่วนเรื่องของน้ำกับบาร์บี้นั้น  จนวันนี้ผมก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าระหว่างพวกเธอมันเรียกว่าอะไร  สิ่งที่ผมรู้มีแค่บาร์บี้รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผมไม่ใช่น้ำแต่เป็นพี่ชายฝาแฝดปลอมตัวมา  เพราะน้ำเป็นคนส่งข่าวบอกเธอด้วยตัวเอง  บวกกับน้ำขอร้องให้บาร์บี้คอยช่วยเหลือผมหากเกิดวิกฤติที่เสี่ยงต่อการความแตก  แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่ให้ผมรู้ว่าบาร์บี้คือผู้ช่วยที่น้ำส่งมา  เพราะน้ำกลัวว่าถ้าผมรู้ว่าบาร์บี้รู้ตัวจริงของผมอยู่ก่อนแล้ว  ผมจะเผลอใจตกหลุมรักแล้วตามจีบเธอ  นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมบาร์บี้ถึงยืนยันหนักหนาว่าเธอไม่มีวันทำร้ายผมแน่นอน  เรื่องนี้ไอ้หน้าหนวดสุดที่รักของผมก็รู้มาตั้งแต่แรก  เพราะบาร์บี้เป็นคนสารภาพกับเขาในวันที่เธอแกล้งหลอกให้ผมนัดคุณเปลวให้มาเจอตอนไปที่บ้านเด็กกำพร้าคราวนั้น
ไอ้ที่เห็นหัวเราะกันอย่างกระหนุงกระหนิงคราวก่อนก็เป็นเพียงแค่การขำขันที่คนสองคนต้องคอยช่วยเหลือและปกป้องผมกันอย่างลับๆเท่านั้นเอง
หารู้ไม่ว่าวันนั้นทำกูเครียดเกือบตายเพราะรู้สึกสับสนในตัวเองที่คิดว่าพวกมันสองคนอาจจะสปาร์คกัน!
และอีกแค่สองวันก็จะถึงเวลาประกาศผลผู้ชนะในการประกวดค้นฟ้าหาดาว  ผมเตรียมตัวที่จะไปเชียร์น้ำสุดใจขาดดิ้น  ในที่สุดน้ำก็ได้เดินตามความฝันในเส้นทางที่เลือกด้วยตัวเธอเอง  ไม่มีอะไรน่ายินดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว  ในฐานะพี่ชาย  ผมอยากจะอยู่เคียงข้างและคอยมองดูความสำเร็จของเธอเพื่อเมื่อถึงวันนั้น  ผมจะได้บอกกับน้ำได้อย่างเต็มปากว่า ‘ยินดีด้วยนะ’
เอาล่ะ  ฝอยเรื่องของคนอื่นมาเยอะแยะมากมาย  คงอยากจะรู้เรื่องของผมกันบ้างแล้วสินะ  มันก็ไม่มีอะไรหรอก  หลังจากทุกอย่างลงตัว ผมกับไอ้หน้าหนวดก็คบกันอย่างเปิดเผยโดยที่ผมกล้าแนะนำเขาในฐานะแฟนให้น้ำได้รู้จัก  และก็อย่างที่คาด  น้ำไม่มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว   นั่นก็เพราะข้างตัวผมมีสายสืบที่เธอส่งมาให้คอยรายงานความระพฤติของผมตลอดเวลาอย่างบาร์บี้อยู่ยังไงล่ะ
ไอ้เรื่องหายไปนอนห้องไอ้หน้าหนวดแทบทุกคืนนั่นก็ด้วย  ความจริงบาร์บี้รู้ตลอดแต่แกล้งทำไม่รู้เพราะต้องการให้ผมได้ใกล้ชิดกับไอ้หน้าหนวดแค่นั้นเอง
เธอแสบมาก!
“คุณไฟ  ผมหิวอีกแล้ว”
“อะไรนะ  อีกแล้วเรอะ?!”
ตูดกูจะพังอยู่แล้วนะโว้ยยย!
ไม่อยากจะพูดแต่ก็ขอพูดหน่อยเหอะ  ตั้งแต่จบเรื่องสลับตัวกับน้ำที่โรงแรมคืนนั้นแล้วมันตามมาเจอกับผมที่ห้องทีหลัง  บอกเลยว่าคืนนั้นผมไม่ได้นอนจริงๆ  ครางจนเสียงแหบเสียงแห้งแทบไม่มีเสียงจะไปพูดคุยกับใคร   เสร็จท่านี้ต่อท่านี้  เสร็จบนเตียงต่อในห้องน้ำ  เรียกได้ว่าทุกที่ทุกเวลาไม่มีพัก  จนผมก้าวขาไปไหนไมได้ต้องนอนแบ็บต่ออยู่ในห้องนั้นหนึ่งวันเต็มๆ  ซึ่งหนึ่งวันที่นอนนั้นคงไมต้องบอกนะว่าเป็นยังไง…
แม้จะลดปริมาณการสมสู่ลงไปเยอะ  แต่ความรุนแรงและเร่าร้อนไม่ได้ลดตามไปด้วยเลย
“น่านะ”
ปากขอแต่มือปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว
ร่างกายของผมไหลลื่นไปตามความต้องการของเขาราวกับระบบอัตโนมัติ  ไม่ว่าจะเป็นตรงไหนที่เขาสัมผัส  ส่วนไหนที่เขาต้องการ
ผมปรนเปรอให้เขาได้ไม่มีหยุด
“อ่า…”
รัก…
รักคนๆนี้มากเหลือเกิน  ผมหวังว่าความรักของเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วนะคะ  รอกันนานมั้ยเอ่ยยยยย  ตอนนี้ดูอะไรๆก็ลงตัวเนอะ  อีกแค่สามตอนเท่านั้นก็จะจบแล้วนะคะ  ใครที่รอฉากเร่าร้อนของพระนายคู่นี้บอกได้เลยว่าในเนื้อหาที่อัพลงเว็บไม่มีจ้า  แบบว่าคัดกรองอย่างดีเพื่อให้ลงได้ทุกเว็บ 5555+  จะไปมีจัดหนักจัดเต็มเฉพาะตอนพิเศษในเล่มเท่านั้นค่า  บอกเลยว่าในเล่มมีตอนพิเศษของตูมตามด้วยนะเออ  ฮิ้วววววว
ปิดพรีฯแล้วนะคะ  แต่ในวันงานตลาดฟิคที่ 4 มีนาฯ  มีไปขายจ้า
จุ๊บๆๆ


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 25 (22/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 22-02-2017 21:05:58
 :o8:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 25 (22/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-02-2017 23:04:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 25 (22/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-02-2017 00:17:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 25 (22/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-02-2017 07:32:21
ทุกอย่างลงตัวละ

ยังไม่จบใช่ป่าว?

แล้วสรุปว่าใครชนะ??
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 26 (24/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 24-02-2017 18:03:06




ตอนที่ 26
ก็แค่เกมเกมหนึ่ง
 

“เร็วๆสิวะไอ้ตาม  มึงขาสั้นหรือมึงคลานกันแน่วะเนี่ย!”
ผมตะโกนเร่งเพื่อนสนิทตัวดีที่เดินตามหลังมาอย่างอ้อยอิ่ง
“โห  ไอ้เหี้ย!  มึงได้สิวะ  มีแค่ตุ๊กตา  แต่กูนี่!  หอบดอกไม้มาทั้งสวนจนแทบจะมองไม่เห็นทางอยู่แล้ว  จะให้เดินไวได้ยังไงล่ะเว้ย”
“มึงควรเน้นด้วยว่าตุ๊กตาที่อยู่บนหลังกูตอนนี้คือตุ๊กตานกกระจอกเทศขนาดเท่าของจริง  สัตว์โลกน่ารักตัวโปรดของน้ำ!”
ใช่แล้ว  เพื่อเซอร์ไพรส์น้ำ  ผมเลยสั่งทำตุ๊กตานกกระจอกเทศขนาดเท่าของจริงแล้วเอาแบกขึ้นหลังมาเพื่อจะมอบให้น้ำในวันนี้ไม่ว่าเธอจะได้ตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม  โดยที่ผมได้ทำการปลอมตัวใส่วิกผมสั้นปกปิดผมยาวของตัวเองก่อนจะสวมแว่นกรอบดำให้ดูท่าทางเอ๋อๆเปลี่ยนลุกต์ตัวเอง
“ขอโทษนะครับ  ห้องที่จัดการประกวดครั้งสุดท้ายวันนี้ไปทางไหนเหรอครับ”
“อ๋อ  ขึ้นไปชั้นสามแล้วเลี้ยวซ้ายสุดทางเดินเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ  ไปเร็วไอ้ตาม!”
ผมเร่งเพื่อนรักอีกครั้ง
วันนี้ผมยังไม่ได้เจอไอ้หน้าหนวดเลยตั้งแต่เช้า  ไม่แม้จะได้คุยโทรศัพท์กันเพราะทางนั้นเองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการเป็นกรรมการครั้งสุดท้ายด้วย  หลังเสร็จงานประกวดจะได้เจอกันไหมนะ  คิดถึงนิดๆแล้วแฮะ
“คนเยอะว่ะ  นี่มาดูการประกวดหรือมาฟังประกาศล็อตเตอรี่เนี่ย”
“มึงก็ช่างเปรียบนะ”
ผมว่า  เราสองคนช่วยกันเบียดเสียดยัดเยียดตัวเองเข้าไปด้านในเพื่อดูการประกาศผลรอบสำคัญอย่างใกล้ชิด
“กูว่ามึงจะแทรกกายผ่านชาวบ้านชาวช่องเข้าไปง่ายกว่านี้ถ้าไม่มีนกกระจอกเทศอยู่บนหลังนะ”
“ไม่ได้เว้ย!  กูจะเอาไว้เซอร์ไพรส์น้ำ”
“เขาเห็นกันทั้งบางแล้วเหอะ  มันเซอร์ไพรส์ตรงไหนวะ”
ผมขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกับมันเลยออกเดินต่อจนสามารถทะลวงเข้าไปถึงหน้าเวทีได้ในที่สุด  ต้องขอบคุณไอ้นกกระจอกเทศบนหลังผมที่ทำให้คนอื่นๆพากันตกใจเลยแหวกทางออกให้ได้เดินอย่างสบายๆ
ภายในห้องมีเพียงแสงไฟสลัวจากบนเวทีเท่านั้น  ส่วนด้านล่างจะมืดสนิทเพื่อไม่ให้ผู้เข้าประกวดบนเวทีมองเห็นจะได้ไม่เสียสมาธิ  อีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาเดินรอบสุดท้ายก่อนประกาศผลแล้ว  เพราก่อนหน้านี้ผมมัวไปเสียเวลาอยู่กับการคุกเข่าอ้อนวอนขอสอบกับทางอาจารย์จอมเขี้ยว  กว่าจะทำให้ใจอ่อนได้ก็กินเวลาการประกวดไปตั้งเยอะ
“รอบสุดท้ายนี่ใส่ชุดราตรีเดินใช่ไหมวะ”
“น่าจะใช่นะ”
ตอบแบบขอไปทีเพรากำลังชะเง้อคอมองหาน้ำว่าจะเดินออกมาตอนไหน
ผมไม่เคยเห็นตัวเองตอนอยู่บนเวทีมาก่อน  และก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าตอนนั้นสภาพของผมเป็นยังไง  แต่มาวันนี้  ผมได้มาที่นี่ในฐานะคนเชียร์  มันทำให้ผมอยากจะเห็นน้ำเจิดจรัสและส่องประกายอยู่บนนั้น  รอวันที่สายน้ำชีวิตของผมจะกลายเป็นแสงดาวที่ทอประกายอยู่บนท้องฟ้าให้ผู้คนได้ชื่นชม
พรึ่บ!
แสงไฟถูกดับลงจนมืดสนิทก่อนจะค่อยๆติดขึ้นมาทีละดวงจากบนเวที  ผู้เข้าประกวดที่เข้ารอบมาคนแรกเดินอวดโฉมบนเวที  มะนาวนั่นเอง  เธอมาในชุดราตรีสีดำโดดเด่นกับเครื่องเพชรที่เข้ากันเป็นอย่างดี  ดูสวยและเซ็กซี่ในแบบของเธอ  เป็นการดึงตัวตนของนางงามแต่ละคนมาใช้ได้อย่างลงตัวมากๆ  หัวใจผมเต้นตึกตักด้วยตื่นเต้นเฝ้ารอวินาทีที่น้ำจะเดินออกมา  มันตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตัวเองเป็นคนไปเดินอยู่บนนั้นเองเสียอีก
ทำให้ได้นะน้ำ
ต้องทำให้ได้นะ!
แปะๆๆๆๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นมาระลอกหนึ่ง  บาร์บี้ในชุดราตรีสีแดงแสนสวยขับกับสีผิวเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มสดใส  เรียกเสียงปรบมือจากคนดูได้อย่างมากล้น  ผมเองก็เผลอไปชั่วขณะเหมือนกัน  เธอสวยยิ่งกว่าวันไหนๆ  สวยจนผมแทบจะลืมภาพของยัยลูกครึ่งจอมแสบคนนั้นไปเลย!
“เหี้ย!  แม่ของลูกกูชัดๆ”
ไอ้ตูมตามพึมพำเสียงดังลั่น
แม่ของลูกบ้านมึงสิ  ก่อนจะพูดอะไรถามความเห็นน้องสาวกูด้วย  ใครอยู่ตำแหน่งไหนกูยังไม่แน่ใจเลยเหอะ
“เฮ!!!”
แปะๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงปรบมือดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพร้อมเสียงเฮที่ดังกว่าครั้งไหนๆ  สปอร์ตไลท์ฉายตรงไปยังผู้เข้ารอบคนสุดท้ายที่เดินออกมาจากทั้งหมดห้าคน
“น้ำ…”
หัวใจผมแทบหยุดเต้น
ไม่รู้ว่ามันล่องลอยไปอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้
น้ำในชุดราตรีสีขาวที่เหมือนกับมีสายน้ำไหลวนอยู่รอบตัวของเธอเพราะที่ชุดประดับไปด้วยเพชรเม็ดเล็กๆระยิบระยับคล้ายกับส่องแสงได้  ผมถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นลำคอระหงส์และช่วงไหล่ที่เรียบเนียน  ใบหน้าหวานล้ำกับรอยยิ้มของนางฟ้าสะกดใจทุกคนในห้องนี้…
สวยมาก…
สวยเหลือเกิน
น้ำของไฟ…
น้ำตาของผมไหลออกมาจนไม่สามารถหยุดมันได้  ความตื้นตันจุกขึ้นมาเต็มอก  ผมดีใจที่ได้เห็นน้ำทำตามความฝันของตัวเอง   ดีใจที่ได้เห็นแสงส่องประกายออกมาจากตัวน้องสาวผมคนดี
งดงามมากเลยน้ำ
เธองดงามสมกับที่เป็นนางฟ้าตัวน้อยของพี่จริงๆ
“ไอ้ฟาย  มึงร้องไห้เหรอวะเนี่ย”
“เรื่องของกูน่า”
ผมเบี่ยงหน้าหลบ  แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่น้ำ  ดีจริงๆที่เรื่องมันลงเอยแบบนี้  ดีที่น้ำหายทันและสามารถกลับมาประกวดช่วงสุดท้ายด้วยตัวเองได้  เพราถ้าคนที่ขึ้นไปยืนอยู่บนนั้นตอนนี้เป็นผม  ผมมั่นใจว่าตัวเองคงไม่สามารถทำได้ดีอย่างน้ำแน่นอน
การเดินโชว์ตัวรอบสุดท้ายผ่านพ้นไป  ซึ่งผู้เข้ารอบสามคนสุดท้ายก็คือน้ำ  บาร์บี้  และมะนาว  วินาทีสุดจะตื่นเต้นเร้าใจมาถึง  ทั้งห้องเงียบเพื่อร่วมลุ้นไปกับรางวัลในครั้งนี้  ผมเองก็ลุ้นจนเยี่ยวเหนียว  เผลอไปคว้ามือไอ้ตูมตามมาจับไว้  เหงื่อไหลตั้งแต่ใบหน้าเปียกลงไปยันไข่เลยทีเดียว
“เราจะเริ่มประกาศจากรองชนะเลิศอันดับสองกันก่อนนะครับ  รองชนะเลิศอันดับสองได้แก่…!”
“…”
“ได้แก่เบอร์ 14 น้องมะนาว  วรรณพร  วาทศิลป์ศรครับ  ขอเสียงปรบมือให้เธอด้วยครับ”
ผมปรบมือเสียงดังเต็มแรงดีใจไปกับมะนาวที่ได้รางวัลที่ 3 ไปครอบครอง  ผมคิดอยู่แล้วว่าสวยเก่งอย่างเธอจะต้องได้สักรางวัลมาแน่นอน!
“ต่อไปชื่อที่ผมจะประกาศคือชื่อของผู้ชนะเลิศที่ได้ตำแหน่งดาวมหาลัยระดับประเทศไปครองนะครับ  และผู้ที่ได้อันดับหนึ่งก็คือ…!”
“…”
“…”
“…”
“…”
“…”
“หมายเลข  13 น้องน้ำ  ธารทิพย์  ธรรมสุวรรณ ครับ   ยินดีกับเธอด้วยจริงๆ  สาวน้อยผู้ได้ฉายานางฟ้าแห่งวงการนางงามคนแรกของประเทศไทย  ที่นอกจากจะได้คะแนนโหวตอย่างล้นหลามจากคนดูแล้ว  ยังได้คะแนนโหวตจากผู้คนในห้องส่งและคณะกรรมการไปแบบเต็มๆอีกด้วย  ปรบมือครับบบ!”
“เฮ!!!  อ๊ากกกกกก!”
ผมกระโดดโลดเต้น  ดีใจเสียจนแทบลืมสิ้นความเป็นคนกันไปเลย  ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม  น้องสาวของผมชนะ!
น้ำได้ตำแนห่งดาวมหาลัยระดับประเทศไปครอบครอง!
“ยินดีด้วยนะน้ำ!  พี่ยินดีด้วย!!!”
ผมตะโกนเสียงดังอย่างไม่อายใคร  น้ำที่กำลังรับมงกุฎและสายสะพายอยู่บนเวทีหันมาทางต้นเสียง  ผมกับน้องสาวสบตากัน  ส่งผ่านความรู้สึกมากมายผ่านทางสายตาที่มีแค่เราเท่านั้นที่รู้
ทำได้ดีมากเลยน้ำ
น้ำทำได้ดีมารกจริงๆ
พยายามอย่างเต็มที่  เหนื่อยมามากเพื่อความฝันในครั้งนี้
ยินดีด้วยนะ
พี่ยินดีกับเธอจริงๆ
“ไฟ…!”
เหนือความคาดหมายแบบสุดๆ  น้ำวิ่งจับมงกฏและสายสะพายกระโดดลงจากเวทีมาหาผมท่ามกลางสายตาของทุกคนและแสงแฟลชของนักข่าว น้องสาวตัวดีพุ่งเข้ากอดผมทั้งน้ำตาพร้อมร้องไห้โยเยเป็นเด็กๆ
“ไฟ  ฮือๆๆ  ไฟ…  น้ำทำได้แล้ว  น้ำทำเสร็จแล้วนะไฟ  ไฟเห็นไหม”
“เห็นแล้วครับ  ไฟเห็นแล้ว  น้ำเก่งมากเลย  น้องสาวของไฟเก่งที่สุดในโลกเลยนะ”
ผมลูบหัวน้ำอย่างเอ็นดู  กอดเธอเอาไว้แนบแน่นเพื่อแสดงความยินดีกับเธอในครั้งนี้
“ขอโทษนะคะคุณน้ำ  ไม่ทราบว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครเหรอคะ?  คนรักของคุณน้ำหรือเปล่า”
นักข่าวคนหนึ่งผ่าคำถามเข้ามากลางวง  ผมรีบผละตัวออกจากน้ำเตรียมจะชิ่งหนี  ลืมไปเลยว่าผมจะให้นักข่าวรู้ถึงการมีตัวตนของผมไม่ได้  ถ้าหารที่เราหน้าตาเหมือนกันจะส่งผลทำให้มีคนสงสัยเรื่องแปลกๆขึ้นมา  หนทางการก้าวสู่เวทีนางงามระดับโลกของน้ำอาจต้องสั่นคลอนก็ได้
หมับ!
“เขาคือพี่ชายของน้ำเองค่ะ  เป็นพี่ชายแท้ๆเพียงคนเดียวของน้ำ”
น้ำคว้ามือผมเอาไว้ไม่ให้เดินหนีพร้อมกับประกาศลั่นทุกอย่างเอาเอง  เธอเอนหน้าซบแขนผมด้วยท่าทางดีใจกับการเปิดตัวครั้งนี้
“น้ำ  จะดีเหรอ”
“ดีสิ  น้ำอยากให้ทุกคนได้รู้  ว่าน้ำมีพี่ชายที่แสนดีและรักน้ำมากกว่าใครในโลกอย่างไฟอยู่ด้วย  เพราะถ้าน้ำไม่มีพี่ชายของน้ำคนนี้  น้ำก็คงไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้  ขอบคุณมากนะไฟ  ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างน้ำ  ขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อน้ำ  ทำเพื่อความฝันลมๆแล้งๆของน้องสาวคนนี้  ขอบคุณจริงๆ”
“น้ำ…”
“น้ำรักไฟมากนะ  พี่ชายที่แสนดีของน้ำ”
เราสองคนโผเข้ากอดกันอีกครั้ง  เป็นการดราม่าออกสื่อครั้งแรกในชีวิตกูเลย
เอาเถอะ  ยังไงเสียน้ำก็สามารถทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว   ผมในฐานะพี่ชายก็มีแต่จะต้องอยู่เคียงข้างคอยเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนเธอต่อไปเท่านั้น
 
กว่าจะหลุดพ้นจากพวกนักข่าวที่พยายามจะขอสัมภาษณ์ผมกับน้ำคู่กันและอยากให้ผมถอดแว่นออกมาได้ก็ทำเอาแทบแย่  ได้ข่าวว่าคนที่ได้ตำแหน่งคือน้องสาวกูนะ  ไม่เข้าใจเลยว่าพวกมึงจะต้องการสัมภาษณ์กูไปทำซากแมวน้ำอะไร!
“ไงไอ้เปลว  ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน  ไม่เปลี่ยนไปเลยนะมึง”
ผมรีบถอยหลังกลับไปหลบหลังกำแพงแทบไม่ทัน  ทั้งที่ตั้งใจจะเดินไปเข้าห้องน้ำแท้ๆเชียว  ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเมื่อกี้มีชื่อไอ้หน้าหนวดหลุดออกมาด้วย  ผมคงไม่สนใจขนาดนี้
ว่าแล้วก็ชะโงกหัวออกไปเสือกดูสักนิดว่าใครกันที่มาเรียกสุดที่รักของผมอย่างสนิทสนมแบบนั้น!
“หือ?”
คิ้วขมวดมุ่น  มองหน้าคนที่กำลังยืนสนทนากับไอ้หน้าหนวดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผมแอบเท่าไหร่นักอย่างแปลกใจ
นะ….หน้าคุ้นๆแฮะ  เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ที่ไหนกันนะ?
ที่…
“ถ้าไอ้ตามมันไม่โทรมาบอกว่าเจอมึงที่นี่  กูก็คงไม่กลับมาหรอก”
ตาม?!
นึกออกแล้ว!
ผู้ชายคนนี้มันลูกพี่ลูกน้องกับไอ้ตูมตามนี่หว่า  ผมเคยเจอแค่ครั้งเดียวตอนงานเลี้ยงวันเกิดไอ้ตูมตามเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน  รู้สึกว่าวันนั้นพี่ชายมันคนนี้จะจัดงานปาร์ตี้ให้ที่ผับแห่งหนึ่ง  แถมเขายังเชิญเพื่อนมาซะเยอะแยะ  แต่ผมไม่ค่อยได้สังเกตนักหรอกว่าใครเป็นใครเพราะส่วนใหญ่ก็นั่งอยู่แต่กับไอ้ตูมตามและกลุ่มเพื่อนในคณะแค่นั้น
เท่ากับว่าไอ้ตูมตามมันรู้จักกับคุณเปลวมาก่อนงั้นเหรอ?  หรือสาเหตุที่มันชอบทำหน้าตาไม่ชอบคุณเปลวจะเป็นเพราะเคยมีเรื่องกันมาก่อน?
“แล้วเป็นไงบ้างวะคืนนั้น  สรุปใครชนะพนันเกมเปิดซิงน้องไฟคนงาม  เสียดายที่กูมีงานด่วนเลยไม่ได้อยู่รอดูว่าใครได้หิ้วน้องไฟกลับไปแดก  ฮ่าๆๆๆ”
“!!!”
หัวใจหล่นตุ้บไปที่ตาตุ่ม
ใครก็ได้บอกผมที  ว่าสิ่งที่ผมได้ยินมันไม่ใช่แบบที่ผมคิด
บอกผมทีว่าน้องไฟที่พวกเขาพูดถึงมันไม่ใช่ผม
ต้องไม่ใช่ผม!!!
“เรื่องนั้น…”
“มึงเองก็วางขันเล่นด้วยคนแรกนี่หว่า  ถ้ากูเดาไม่ผิดคนที่ได้แดกแม่งต้องเป็นมึงแน่ๆไอ้เปลว  ขาวๆตัวเล็กๆแบบนั้นสเป็กมึงอยู่แล้วนี่หว่า  เป็นไงวะ  เด็ดไหมเพื่อนน้องชายกูคนนี้”
“เดี๋ยวก่อน  มึงฟังกูก่อน  คือเรื่องนั้น…”
“เฮ้ยๆ  มึงไม่ต้องพูด  กูรู้ว่ามึงอยากจะบอกอะไร  เปิดซิงหนุ่มน้อยเฟรชชี่ที่ไม่เคยผ่านมือใครแบบนั้นคงสุขจนถึงสวรรค์เลยสินะ  ฟิตจนเสียวเลยดิใช่ป่ะ”
ตัวของผมสั่นเทิ้มไปหมดกับความจริงที่ได้ยิน
ทำไมเขาถึงชอบทำตัวเหมอนเคยรู้ผมมาก่อน…
ผมรู้แล้ว
ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสของเขานัก…
ผมรู้แล้ว
แต่ที่ไม่รู้ก็คือทำไม…ผมถึงไม่เคยเอะใจเลยว่าผู้ชายที่ทำเหมือนรู้จักผมดีคนดีเคยทำชั่วอะไรไว้กับบ้าง!
“ไอ้ฟาย! มายืนทำอะไรตรงนี้วะ  แอบดูผู้หญิงเข้าห้องน้ำหรือไง”
เสียงของไอตูมตามเรียกความสนใจจากผู้ชายสองคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่  คุณเปลวเบิกตากว้างเมื่อหันมาเห็นผม  ไอ้ตูมตามที่มองเลยไปยังจุดที่ผมกำลังยืนมองอยู่ก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นว่าตรงนั้นมีคุณเปลวและพี่ชายของมัน
“ไอ้ฟาย…”
“คุณไฟ!”
พลั่ก!!!
หมัดเน้นๆถูกปล่อยลงเต็มๆหน้าของไอ้เลวระยำจนมันล้มลงไปกองกับพื้น  ผมรีบตามนั่งคร่อมก่อนจะปล่อยหมัดต่อแบบไม่ยั้ง  ทั้งหมัดทั้งน้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
“ทำไม!  ทำไมวะ!  มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง!  ที่แท้มึงก็แค่หลอกฟันกูสินะ  ไอ้เหี้ย!”
พลั่ก!  พลั่ก!  พลั่ก!
“มึงฟังแล้วจำใส่หัวเหี้ยๆของมึงไว้นะ  ว่ากูเป็นคน  ไม่ใช่ตุ๊กตายางที่มึงกับเพื่อนนึกจะอยากเล่นเกมหลอกฟันแล้วมึงจะทำได้  เพราะกูมีหัวใจ  กูมีความรู้สึก และกูเจ็บเป็น!”
“คุณไฟ  ผม…”
“เอาสิ มึงทำเสร็จแล้วนี่  ทำได้มากกว่าที่มึงเล่นเกมกับเพื่อนมึงไว้ด้วยซ้ำ  เพรามึงไม่ได้ได้แค่ตัวของกู  แต่มึงยังได้หัวใจกูไปอีกด้วย  มึงเอาเลย  มึงบอกเพื่อนมึงไปเลยว่ามึงได้กับกูกี่ครั้ง  ได้กันท่าไหนบ้าง  ที่ไหนบ้าง  ทั้งในรถ  ตรงระเบียง บนเตียง  โต๊ะกับข้าวหรือแม้แต่ราวตากผ้าก็ได้มาหมดแล้ว  มึงบอกเพื่อนมึงไปเลย  มึงบอกไปให้หมด!!!”
“เฮ้ย!  ไอ้ฟาย  ใจเย็นมึง  คนมองกันใหญ่แล้ว”
“ก็ปล่อยให้มองไปสิวะ  กูไม่มีอะไรจะอายแล้วเว้ย  ยางอายบนหน้ากูมันไม่เหลือแล้ว!”
ผมพยายามสะบัดตัวเองออกจากการเกาะกุมของไอ้ตูมตามที่เข้ามาแยกผมออกจากคุณเปลว
ความเจ็บปวดที่ได้รับมันสร้างความเจ็บยิ่งกว่าการโดนตบหน้าตรงๆไม่รู้กี่เท่า   นี่สินะความลับที่คุณเปลวปิดบังเอาไว้  นี่สินะสิ่งที่ไอ้ตูมตามรู้มาและอยากให้เขาบอกผมด้วยตัวเอง
นี่สินะ  เหตุผลที่เพื่อนของผมเกลียดเขา…
“คุณไฟ  ฟังผม…”
“พอเถอะครับคุณเปลว!”
“…”
“ถ้าผมไม่เกรงใจว่าคุณคือเพื่อนของพสุธา  ผมคงตั๊นหน้าและด่าคุณไปนานแล้ว  แต่เพราะผมยังเกรงใจพี่ผมอยู่  ผมถึงได้ให้เวลากับคุณ  ให้เวลาคุณได้สารภาพความผิดครั้งนั้นกับไอ้ฟายด้วยตัวเองคุณเอง  แต่คุณก็ไม่ทำ”
“ผมไม่ได้คิดจะปิดบังคุณไฟนะครับ  ผมอยากจะบอกเรื่องทั้งหมด  แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร”
“ผมกลัว”
“…”
“ผมกลัวว่าคุณไฟจะโกรธและทิ้งผมไป   ผมรักคุณนะครับ  ผมรักคุณจริงๆ”
“เก็บคำว่ารักของมึงไว้ไปพูดในนรกเหอะไอ้เวร!”
พลั่ก!
กระโดดถีบยอดหน้ามันส่งท้ายก่อนจะวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต  หัวใจของผมไม่ได้เต็มไปด้วยความร้อนรุ่มอย่างเดียวเท่านั้น  หากแต่มันยังอัดแน่นไปด้วยความโกรธ  ความเสียใจของการถูกหลอกและการถูกหักหลังถาโถมเข้าใส่จนตั้งตัวไม่ทัน
“ไอ้ฟาย!  รอด้วยสิวะ  ไอ้ฟาย!”
“มึงไม่ต้องตามกูมา  ไอ้เพื่อนเหี้ย!”
“กูทำอะไรผิดอีกเนี่ย!”
“มึงไม่ยอมบอกกูเรื่องมันไง  จะว่าไม่ผิดอีกไหม!”
หมับ!
“ไม่ผิด!”
ไอ้ตูมตามวิ่งตามผมทันสมชื่อ
มันกระชากผมเข้าหาและดันตัวให้ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับมัน  พอมายืนใกล้ๆแบบนี้แล้วถึงเพิ่งรู้สึกว่าความจริงตัวผมเตี้ยกว่าเยอะพอสมควรเลยนี่หว่า
“ลองใครได้มาเป็นกู  แล้วเห็นมึงรักมันมากขนาดนั้นก็ไม่มีใครกล้าบอกหรอก  หรือเป็นมึง  มึงจะกล้าบอกกู?”
“บอก!”
“…”
“ได้ที่ไหนล่ะวะ”
น้ำตาแทบจะร่วงลงมาอีกรอบ  แบบนี้มันเจ็บยิ่งกว่าการจับได้ว่าไอ้หน้าหนวดแอบไปมีเมียน้อยหรือพีคหน่อยก็ไปมีผัวอีกนะ
“เห็นไหม  ถ้าเป็นมึง  มึงก็ไม่บอกกู”
“แล้วยังไงวะ  กูควรทำยังไงต่อไปดี  กลับไปต่อยมันจนกว่าแม่งจะกระอักเลือดตายเลยดีไหม”
“แล้วมึงก็จะได้ไปนอนเล่นในคุกแทนการอยู่เคียงข้างน้ำ  คอยสนับสนุนให้น้ำทำตามความฝันของตัวเอง  จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ”
“อย่าประชดกูดิ  กูเจ็บอยู่นะ”
ผมพึมพำ  มองค้อนไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยจะช่วยอะไรผมได้เลยสักอย่าง  สิ่งที่มันถนัดมีเพียงเรื่องเดียวคือการหาเรื่องมาให้ผมต้องเดือดร้อน
ตัวอย่างเช่นการสวมรอยเป็นน้ำจนได้กลับเข้ามาพัวพันกับไอ้หน้าหนวดอีกครั้งในที่สุด…
วงวนชีวิตรักของกูทำไมมันหน้าเศร้าอย่างงี้วะ
แถมยัง…จบลงแบบไม่ค่อยสวยอีกด้วย


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาแล้วจ้าา   ความลับที่คุณเปลวของพวกเราปิดบังเอาไว้  แต่มีเหรอที่ความลับเหล่านั้นจะจบลงแต่เพียงเท่านี้  อย่าลืมสิว่าคุณเปลวของเราคือสตอลคเกอร์ของพี่ไฟเชียวนะ 555555+  สำหรับเรื่องราวในคืนเกินเหตุนั้น  จะไม่มีการเขียนถึงในเล่มหลักนะคะ  มีเพียงกล่าวถึงเล็กน้อยแต่ไม่ขยายความว่า  เพราะเล่มขยายความของเหตุการณ์ในคืนนั้นจริงๆคือเรื่องสั้นเล่มแถมขนาด A6 'เรื่องคืนนั้น' ที่มีเฉพาะคนสั่งซื้อนิยายเข้ามาในรอบพรีออเดอร์เท่านั้นจ้า  แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะงงนะคะ  ทุกอย่างจบลงตัวในเล่มเล็ก  แค่พวกการขยายความความหลังจ่างๆจะมีเฉพาะในเล่มแถมรอบพรีฯค่ะ ^^
จุ๊บๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 26 (24/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-02-2017 22:43:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 26 (24/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-02-2017 23:14:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 26 (24/02/60)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-02-2017 14:53:12
เฮอะเหอพระยาค่ะ
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 27 (06/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 06-03-2017 20:25:29






ตอนที่ 27
แอบมองมานาน
 
ครืด…ครืด…
“…”
ครืด…ครืด…
“…”
ครืด….ครืด…
“ไฟ!  มือถือสั่นอยู่นะ  รับๆไปเถอะ”
“ไม่”
ผมตอบทันควัน  ผ่านมาสิบวันแล้วหลังจากที่ได้รู้ความจริงเรื่องเกมบ้าๆนั่น  ไอ้หน้าหนวดพยายามโทรหาผมวันละเป็นร้อยสาย  พยายามไปดักรอที่คณะและมาหาที่บ้านแต่ผมก็หลีกเลี่ยงได้ตลอด  ยังไงผมก็ไม่มีทางยอมเจอหน้ามันเด็ดขาด!
เพราะอะไรน่ะเหรอ…
เพราะถ้าผมเจอหน้ามัน  ผมอาจจะใจอ่อนยอมให้ออภัยมันยังไงล่ะ!  สิ่งที่มันทำไว้เลวร้ายยิ่งกว่าที่คุณพิมทำเสียอีก  ผมจะต้องใจแข็งและเด็ดขาด  ต้องไม่กลับไปหาผู้ชายเลวๆพรรค์นั้นอีก!
“ไฟ  น้ำว่าแบบนี้ไม่ดีเลยนะ  ไม่ว่าจะเรื่องอะไร  คนเป็นแฟนกันก็ควรหันหน้าคุยกันนะ  ถึงจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายทำผิด  แต่ถ้าเรื่องนั้นมันเป็นเพียงอดีต  ไฟก็ไม่ควรเอามันมาเกี่ยวกับปัจจุบัน  มันดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
“น้ำ!  นี่ตกลงน้ำอยู่ข้างใครเนี่ย”
“น้ำอยู่ข้างสิ่งที่จะทำให้ไฟมีความสุขไงล่ะ  เพราะน้ำรู้ว่าสิบวันมานี้ไฟไม่ได้มีความสุขเลย  ไฟคิดถึงเขา  ไฟอยากเจอเขา  แต่เพราะไฟทิฐิและก็ดื้อมาก!  ก็เลยต้องมาทนเจ็บปวดแบบนี้”
“ใครบอก  ไฟไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยสักนิด  น้ำอ่ะมั่วแล้ว”
“ตามใจแล้วกัน!  น้ำเตือนแล้วนะว่าให้เปิดใจคุยกันไปซะ  แต่ในเมื่อไฟไม่ยอมฟัง  ถ้าต้องมานั่งร้องไห้เสียใจทีหลัง  น้ำจะไม่ปลอบจริงๆด้วย”
ดีจริงๆชีวิตกู
มีน้องสาวกับเขาคนเดียวก็ไม่ค่อยจะเข้าข้างพี่ชายเลย!
“อ้อ  จริงสิ  น้ำลืมบอกไป  เพื่อนๆสมัยมอปลายนัดรวมรุ่นกันนะ  พวกนั้นทำเรื่องขอเช่าหอประชุมของโรงเรียนเอาไว้แล้ว  อาจารย์ประจำชั้นพวกเราในตอนนั้นก็จะมาด้วย”
“อาจารย์กุ๊กไก่ก็มาใช่ไหม”
ผมถามน้ำด้วยความดีใจ
อาจารย์กุ๊กไก่คืออาจารย์ฝึกสอนในสมัยที่ผมเรียนอยู่ ม.4  เธอมาสอนวิชาศิลปะ  เป็นผู้หญิงที่วาดรูปเก่งมากๆ  เรียกได้ว่าเธอคือคนจุดประกายความฝันของผม  ทำให้ผมอยากเรียนด้านนี้  ตอนนั้นเราสนิทกันเหมือนพี่น้องเลยล่ะ  แต่พอเธอฝึกสอนจบก็สอบติดครูที่โรงเรียนแถวภาคใต้  พวกเราก็เลยไม่ได้เจอกันอีกเลย  แต่หลังๆมานี่ผมรู้ว่ามีเพื่อนในห้องบางคนไปเจอเฟซบุ๊คส่วนตัวของอาจารย์เข้าก็เลยได้คุยกัน   บางทีพวกมันอาจจะชวนอาจารย์มาด้วยก็ได้
“ได้ยินว่ามานะ  มีคนในห้องชวนน่ะ”
“งั้นไปๆๆๆ  งานจัดวันไหนเหรอ”
“อาทิตย์นี้  ธีมงานคือใส่ชุดสมัยเรียนไป  ดีนะที่น้ำยังเก็บชุดสมัยมอปลายของเราสองคนไว้น่ะ”
“อยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆจังเลย  ไฟมีเรื่องอยากคุยกับอาจารย์เต็มไปหมดเลยแหละ”
“ไฟนี่นะ  ชอบอาจารย์กุ๊กไก่จริงๆเลย  น้ำจำได้ว่าช่วงนั้นเพื่อนๆในห้องพากันแซวว่าไฟแอบรักอาจารย์  และน้ำก็คิดว่าไฟต้องชอบอาจารย์แน่ๆเหมือนกันนะ”
“ถ้าหมายถึงตอนนั้นล่ะก็…ใช่  ไฟชอบอาจารย์กุ๊กไก่  แต่น่าเสียดายที่อาจารย์เขามีคนรักอยู่แล้ว  รู้สึกจะเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกัน  ไฟก็ไม่เคยเจอหรอกนะ  แต่เขาขับรถมารับอาจารย์กุ๊กไก่ที่โรงเรียนทุกเย็นเลยล่ะ  รถนี่หรูมาเลย  เด็กมอสี่ขี่มอเตอร์ไซค์อย่างไฟไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก”
พอนึกถึงวันวาน  ความรักครั้งแรกที่มีต่ออาจารย์ในโรงเรียนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้  มันเป็นความรักแบบเด็กๆที่ออกไปในแนวชื่นชมเสียมากกว่า  น่าอิจฉาผู้ชายคนนั้นชะมัดที่ได้ผู้หญิงอย่างอาจารย์กุ๊กไก่ไป
“เอาน่า  ถึงตอนนั้นจะไม่สมหวังในความรัก  แต่ตอนนี้ไฟก็มีความรักที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ  เปิดใจแล้วรักษามันเอาไว้สิ”
น้ำกระโดดมานั่งข้างๆพลางเหลือบมองไปทางมือถือของผมที่ยังสั่นไม่เลิก
“ไม่ต้องมาชงเลยยัยตัวแสบ”
ป้อก
“โอ๊ย!  น้ำเจ็บนะ”
หน้างอง้ำพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากป้อยๆ  ผมแสร้งหัวเราะร่า  ทำวางท่าไม่สนใจสายที่โทรเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
จะบ้าหรือไงวะ  ถ้าโทรครบพันสายแล้วกูยังไม่รับ  มึงก็จะโทรสายที่หนึ่งพันหนึ่งหรือไง!
ผมน่ะ…
ไม่มีวันใจอ่อนหรอกนะ
 
วันอาทิตย์
“ไงวะไอ้ฟาย  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
‘ไอ้กั้ง’  เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม  ก่อนที่เพื่อนๆอีกเกือบฝูงที่มาถึงงานก่อนแบ้วจะกรูกันเข้ามา  ผมยกมือขึ้นยิ้มกว้างเตรียมจะเอ่ยทักทายกับเพื่อนๆ  แต่ความตั้งใจกลับต้องพังครืนเมื่อบรรดาฝูงหมาพวกนั้นไม่ได้พุ่งเข้ามาหาผมอย่างที่คิด  แต่กลับเดินเลยตรงเข้าไปหาน้ำแทน
“น้ำ!  เป็นยังไงบ้าง  สวยขึ้นเป็นกองเลยนะ  พวกเราเห็นเธอในการประกวดแล้ว  เก่งมากๆเลย”
“ไม่เท่าไหร่หรอก  แต่ก็ขอบใจนะที่เชียร์”
“ถ้ารู้ว่าโตมาจะสวยขนาดนี้  ฉันจีบเธอทำแฟนไปนานแล้ว”
“บ้าเหรอ  ไม่เอาน่า”
ไอ้…
ไอ้เพื่อนเหี้ย!   ไม่มีใครเห็นหัวกูเลยสักคนใช่ไหมเนี่ย
ผมเลยสนใจพวกมันแล้วหันซ้ายหันขวาหาคนที่เฝ้ารอ  ไม่แน่นะ  การได้มาเจอกับอาจารย์กุ๊กไก่อีกครั้งอาจจะเป็นพรหมลิขิตที่ต้องการให้ผมกลับเข้าสู่เส้นทางของความเป็นลูกผู้ชายตามเดิม  ถ้าผมสามารถทำให้ความสัมพันธ์นี้คบหน้าไปได้และเริ่มต้นใหม่  ผมก็อาจจะลืมไอ้หน้าหนวดได้ในสักวัน
สักวันหนึ่ง…
“มองหาใครอยู่เหรอจ๊ะ”
“อาจารย์!!”
ดวงตาแพรวพราวเมื่อหญิงสาวที่เป็นรักครั้งแรกปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า  อาจารย์กุ๊กไก่อย่างสวยน่ารักเหมือนเดิม  รอยยิ้มที่ใจดีอบอุ่นของเธอทำให้ผมนึกถึงใครบางคน
ไม่ๆๆๆ  มึงต้องไม่นึกถึงมันอีก  เลิกคิดเรื่องคนเลวๆพรรค์นั้นได้แล้ว
“ไม่คิดว่าจะได้เจอนายนะ  ฉันดีใจจริงๆ”
“ผมก็ดีใจที่ได้เจออาจารย์ครับ  กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกันเลย”
“เพราะตัวฉันเองก็ตั้งใจจะไม่ติดต่อกับนักเรียนรุ่นแรกที่ตัวเองได้สอนเหมือนกันนั่นแหละ  ฉันกลัวว่าฉันจะคิดถึงเด็กๆที่นี่จนไม่เป็นอันทำอะไร  ก็เลยไม่ติดต่อกลับ  แต่พอดีคราวนี้มีเรื่องที่ฉันต้องจัดการ  ก็เลยยตกปากรับคำมางานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ไงล่ะ”
“เรื่องที่ต้องจัดการ?”
“ไปหาที่เงียบๆนั่งคุยกันได้ไหม  ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายอยู่พอดี”
ผมพยักหน้ารับ  แม้จะยังงงๆว่าคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีอย่างผมกับอาจารย์มีเรื่องอะไรให้คุยกันด้วยงั้นเหรอ  แต่พอคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสที่จะให้ผมได้พัฒนาความสัมพันธ์กับอาจารย์  ความหวังอันริบหรี่ก็ส่องแสงออกมาทางปลายอุโมงค์…
เพื่อกู้ศักดิ์ศรีความเป็นชายคืนมา…
ผมต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงให้ได้!
 
อาจารย์กุ๊กไก่พาผมเดินออกมานั่งที่สวนหย่อมด้านหน้าหอประชุม  มีเสียงดนตรีจากในงานดังมาเป็นระยะๆ  บริเวณโดยรอบมีแค่เราสองคนเท่านั้น   ผมยิ้มและพยายามหวนคิดถึงความรู้สึกเมื่อครั้งอดีต  ความปลาบปลื้มและชื่นชมอาจารย์จนหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
และครั้งนี้…ผมก็อยากให้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับมา  ทว่ามันกลับ…
“ไม่ได้ผลเหรอเนี่ย”
พึมพำกับตัวเองเมื่อในหัวใจพบเจอเพียงแค่ความว่างเปล่า  ไม่มีความหวือหวาตื่นเต้นใดๆทั้งที่เมื่อก่อนแค่อาจารย์เดินผ่านผมก็แทบจะกรี๊ดเป็นผู้หญิงแล้ว
“มานั่งสิ”
“ครับ?”
“ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอาจารย์กับนักเรียนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว  เพราะงั้นจะนั่งใกล้กันก็คงไม่แปลก  จริงไหม?”
“เอ่อ…”
“มาเถอะน่า”
อาจารย์กุ๊กไก่กระชากข้อมือผมให้นั่งลงข้างเธอ  เป็นการนั่งที่ใกล้กันมาก  มากจนแทบจะขึ้นไปนั่งตักอีกฝ่ายได้เลยทีเดียว
ถ้าเมื่อก่อนได้นั่งแบบนี้  เชื่อว่าผมคงหัวใจวายตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
“อาจารย์มีอะไรจะคุยกับผมงั้นเหรอครับ”
“อย่างแรกเลยนะ  ฉันแต่งงานแล้ว  ตั้งแต่เมื่อปีก่อน  แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังท้องด้วย”
“จริงเหรอครับ!”
ผมมองท้องอาจารย์ก่อนเป็นอันดับแรก  เพราะมันยังดูแบนราบไม่มีวี่แววของคนท้องเลยสักนิด  ไม่ใช่ว่าคนท้องจะต้องมีอะไรกลมๆเหมือนยัดลูกนิมิตไว้ในท้องเหรอวะ?
“ไม่ต้องจ้องท้องฉันจนตาจะถลนแบบนั้นหรอก  นี่มันท้องสาวนะ  ท้องแรกก็แบบนี้แหละ”
“ท้องสาว  ถ้าจำไม่ผิดผมว่าอาจารย์อายุสาม…”
โป๊ก!
“อ๊ากก  เจ็บ!”
“ปากหมาเหมือนเดิมเลยนะนายไฟ  ใครเขาให้นายพูดเรื่องอายุของผู้หญิงต่อหน้าต่อตาแบบนี้กันฮะ  มันเสียมารยาทรู้หรือเปล่า”
“ขอโทษครับ”
ก็เห็นบอกท้องสาว  ไอ้เราก็แค่คิดว่าอาจารย์พูดผิดเลยกะจะแก้ให้เฉยๆเองนะ  ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือเลยเหรอ  ยังโหดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยวุ้ย
“ปล่อยเรื่องท้องของฉันไปก่อน  มาคุยเรื่องที่ฉันอยากจะบอกนายกันดีกว่า”
“ครับ  ว่ามาสิ  ผมรอฟังอยู่”
ครืด…ครืด…
“เอ่อ…”
ครืด…ครืด…
“ฉันว่ามือถือนายน่าจะมีคนโทรเข้านะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ช่างมันเถอะ  อาจารย์พูดเรื่องที่ต้องการพูดมาดีกว่า  ผมอยากฟัง”
ว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมากดปิดเครื่องและเก็บลงไปในกระเป๋ากางเกงต่ออย่างไม่ใยดี  สี่วันมานี้ไอ้หน้าหนวดไม่โทรมาเลยสักสาย  ข้อความก็ไม่มีสักฉบับ  แม้แต่ไลน์ก็เงียบฉี่  จนผมคิดว่าบางที่มันอาจจะถอดใจและเลิกคิดง้อผมแล้วก็ได้  แต่การที่จู่ๆก็โทรมาแบบนี้  คิดว่าผมจะยอมรับสายง่ายๆหรือไง
ไม่มีทางเสียหรอก!
“นายจำเรื่องแฟนของฉันที่ฉันบอกตอนมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนที่นี่ได้ไหม  คนที่มารับฉันทุกวันน่ะ”
“จำได้สิครับ ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้ง  แต่ผมก็เห็นเขามารับอาจารย์ตลอด  มีอะไรเหรอครับ”
“คือว่านะ  ความจริงแล้วคนๆนั้นไม่ใช่แฟนของฉันหรอก  แต่เป็น…พี่ชายของฉันเอง  เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ  พอดีช่วงที่ฉันมาฝึกสอนเขาก็เพิ่งย้ายกลับมาทำงานที่ไทยหลังจากไปทำงนที่อเมริกามาตลอดตั้งแต่เรียนจบ  ก็เลยอาสามาคอยรับส่งฉันเพราะคอนโดฯที่ฉันอยู่ทางมันค่อนข้างเปลี่ยว  บวกกับตอนนั้นมีข่าวลือเรื่องที่นายแอบชอบฉันดังกระฉ่อนไปทั่วโรงเรียน  ทางผอ.ก็เรียกฉันเข้าไปพบเรื่องนี้  พอไม่รู้จะทำยังไง  ฉันก็เลยหลอกนายไปว่าคนที่มารับฉันทุกวันเป็นแฟนฉัน  เพราะคิดว่าคงทำให้นายตัดใจได้  ฉันไม่อยากมีปัญหาตอนฝึกสอนเพราะมันจะทำให้ฉันไม่ผ่านการฝึกสอนน่ะสิ”
ผมนั่งฟังความจริงจากปากอาจารย์กุ๊กไก่อย่างงงๆ  ถึงเรื่องทั้งหมดที่เธอพูดมาจะเป็นความจริง  แต่แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องมาเล่าให้ผมฟังตอนนี้กันล่ะ?
“ช่วงที่ฉันฝึกสอน  หลังเลิกเรียนนายจะมาขอให้ฉันสอนนายวาดรูปตลอด  ถึงฉันจะมีประชุมกับพวกอาจารย์หลังเลิกเรียน  ไม่ว่าจะนานแค่ไหนนายก็จะนั่งรอฉันในห้องศิลปะเสมอ  จำได้หรือเปล่า”
“จำได้สิครับ  ตอนนั้นผมเหมือนเด็กบ้าที่เอาแต่นั่งรออาจารย์เพียงเพราะถึงจะแค่นาทีสั้นๆ  แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันแค่สองคนผมก็มีความสุขแล้ว”
“ตอนนั้นนายน่ะ…คอยเฝ้าดูฉันตลอดเลยใช่ไหม  นายถึงได้รู้หมดทุกอย่างว่าฉันชอบอะไรและไม่ชอบอะไร  แถมยังคอยช่วยเหลือฉันในเรื่องที่นายสามารถทำได้อีกด้วย”
“กำลังจะบอกว่าผมเหมือนสตอร์กเกอร์ใช่ไหมครับเนี่ย”
คิดภาพเด็กที่ปัจจุบันท่าทางของโคตรห่าม  นิสัยโคตรเถื่อน  แต่เมื่อก่อนเสือกทำตัวหน่อมแน้มคอยแอบดูแลผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบสิ
คิดภาพไม่ออกสินะ  กูยังคิดถึงภาพตัวเองในตอนนั้นไม่ออกเลย
“เอาล่ะ  ขอฉันเข้าเรื่องเลยแล้วกัน  ถ้าช้ากว่านี้จะไม่ทันเวลาเอา”
“ไม่ทันเวลา?  มีอะไรเหรอครับ  หรืออาจารย์มีธุระต่อ?”
“คนที่มีธุระต้องไปต่อคือนายต่างหากล่ะ”
“หา?”
“นี่…ฟังให้ดีนะ  สี่ปีที่แล้ว  ช่วงเวลาที่นายคอยเฝ้ามองฉัน  ช่วงเวลาที่นายนั่งรอฉันคนเดียวในห้องศิลปะน่ะ  มีอีกคน…ที่เขาทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“…”
“ทำเหมือนที่นายทำ  ตอนที่นายนั่งวาดรูปรอฉัน  ก็มีอีกคนที่เขายืนมองนายอยู่ไม่ไกล  คอยเฝ้ามองเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรอฉันอย่างมีความสุข  มองดูความมุ่งมั่น  ความพยายามของเด็กคนนั้นตลอดหนึ่งเทอมที่ฉันมาฝึกสอน”
“ดะ…เดี๋ยวก่อนนะครับ  อาจารย์จะบอกอะไรกับผมกันแน่  ผมไม่เข้าใจ”
“ไฟ  มีคนๆหนึ่งที่แอบมองนายมานาน  แอบมองนายมาตลอด  แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร  ไม่กล้าแม้แต่จะปรากฏตัวมาทำความรู้จักกับนายเพราะนายยังเด็กเกินไป  และเขาไม่ต้องการให้เด็กที่สดใสบริสุทธิ์อย่างนายต้องแปดเปื้อน  สิ่งที่เขาทำทุกเย็นเวลามารอรับฉันคือคอยแอบมองนายเท่านั้น”
“อาจารย์กำลังจะบอกว่า…ผู้ชายที่มารับอาจารย์ทุกเยนในตอนนั้น…แอบชอบ…”
“รัก”
“…”
“พี่ชายของฉันเขาแอบรักนายมาตลอด  ตกหลุมรักนายแบบไม่รู้ตัว  แรกๆเขาแค่คอยมองนายเพื่อฆ่าเวลาในช่วงที่รอฉันเลิกงานเท่านั้น  แต่หลังจากที่เฝ้ามองทุกวัน  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจก็ไม่ใช่แค่การแอบมองอีกต่อไป  เขาถลำลึกกับเด็กที่ไม่เคยจะได้พูดคุยกันแม้แต่คำเดียว  ตกหลุมรักเด็กที่ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามีเขาอยู่บนโลกใบนี้”
“…”
“เขาเฝ้ามองนายมาตลอด  แม้ว่าฉันจะฝึกสอนจบไปแล้ว  เขาก็ยังแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆเพื่อแอบมองนาย  มองแค่นาย…ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา”
“…”
“จนวันหนึ่งที่เขามีโอกาสได้เจอกับนายตรงๆ  แต่เพราะนายไม่เคยรู้จักเขามาก่อน  ก็เลยไม่ใส่ใจทั้งที่อยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว  ความรู้สึกที่อัดแน่นในใจมาตลอดหลายปีทำให้เขาทำในสิ่งที่ค้านกับเรื่องที่พยายามทำมาตลอด  คือเขาจะไม่มีวันดึงนายเข้ามาแปดเปื้อนกับความรู้สึกของตัวเขาเอง  แต่แล้วก็ทำไม่ได้   เขาสะกดกลั้นความรู้สึกที่มีให้นายไม่ไหวอีกต่อไป  ความคิดด้านมืดส่งผลให้เขาลืมสิ้นทุกสิ่งและทำให้นายเป็นของเขาในคืนนั้น  คืนวันเกิดของตูมตาม”
ถึงตรงนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงให้ร่วงลงไปสู่หุบเหวที่ลึกที่สุด
ในหัวหนักอึ้งและดวงตาก็พร่ามัวไปด้วยน้ำใสๆ  ริมฝีปากสั่นระริกค่อยๆเอื้อนเอ่ยคำถามออกมา
“พี่…พี่ชายของอาจารย์  ชื่ออะไรเหรอครับ…”
“เปลว”
“…”
“พี่ชายของฉันชื่อเปลว”
“ฮึก…”
“ฉันรู้เรื่องที่พี่เปลวแอบรักและแอบมองนายมาโดยตลอด ฉันเคยห้ามและขอให้เขาเลิกคิดหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยได้ผล   จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ก่อนมีงานเลี้ยงส่งพี่เปลวที่บ้าน ฉันถึงได้รู้ว่าระหว่างเขากับนายมันเกิดเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ขึ้น  ฉันก็เลยไปปรึกษาน้ำ  น้ำเลยขอร้องเพื่อนในห้องของนายให้จัดงานเลี้ยงรุ่นนี้ขึ้น  เพื่อหาโอกาสให้ฉันได้เจอกับนายและบอกนายเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“…”
“ไฟ  ฉันจะไม่บอกว่าสิ่งที่พี่เปลวทำมันผิดหรือไม่ผิด  จะไม่แก้ตัวแทนอะไรทั้งนั้น  แต่ขอร้อง  ช่วยฟังความจริงทั้งหมดจากปากพี่เปลวได้ไหม  อย่าตัดสินในสิ่งที่แม้แต่ตัวนายเองก็ยังไม่แน่ใจว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ผม…”
พูดไม่ออก
ในหัวมันตื้อไปหมดแล้ว  แถมน้ำตามากมายยังไหลลงมาไม่ขาดสายสร้างก้อนสะอื้นในคอทำให้ผมยิ่งพูดยากมากขึ้นไปอีก
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ  แอบมองงั้นเหรอ…
ตกหลุมรักมาตลอดงั้นเหรอ…
เพราะแบบนี้สินะ  เพราะอย่างนี้นี่เอง  ไอ้บ้านั่นมันถึงได้รู้จักผมดีนัก  ซ้ำยังชอบทำเหมือนว่ารู้จักกันมานาน  ทั้งที่ผมคิดว่าเราเจอกันครั้งแรกแค่ในคืนวันเกิดของไอ้ตูมตามตอนที่มันเล่นเกมเปิดซิงผมกับเพื่อนๆของมันเสียอีก
แต่ว่าไม่ใช่…
ผมอาจจะรู้จักเขาวันแรกในวันนั้น
แต่วันแรกที่เขารู้จักผม  กลับเป็นเมื่อสี่ปีก่อน…
สีปี่ที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าบนโลกใบนี้มีเขาอยู่
“ดะ…เดี๋ยวก่อนนะครับอาจารย์  เมื่อกี้อาจารย์พูดว่างานเลี้ยงส่งอะไรเหรอครับ  เลี้ยงส่งใคร?”
“เลี้ยงส่งพี่เปลว  ก่อนที่งานประกวดพลิกฟ้าหาดาวจะเริ่มขึ้น   พี่เปลวเตรียมตัวจะกลับไปทำงานที่อเมริกาอีกครั้ง  แต่ทางกองประกวดขอให้พี่เปลวช่วยดูแลการประกวดครั้งนี้ทิ้งทวนก่อนอำลาวงการไป  พอจบงาน  พี่เปลวก็ต้องกลับไปอเมริกาอีกครั้งเพื่อดูแลงานต่อจากคุณลุงน่ะ”
“อะไรนะครับ!  ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย  เขาไม่เคยบอกผมเลยสักนิด!”
“เขาไม่มีโอกาสได้บอกต่างหากล่ะ  เพราะนายไม่รับโทรศัพท์เขา  ไม่ยอมเจอ  ไม่ยอมพูดคุยด้วยเลยไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องนั้น…เอาเป็นว่าเขาจะไปวันไหนครับ  คุณเปลวจะต้องเดินทางเมื่อไหร่!”
“คืนนี้”
“ฮะ?!!!”
อย่าบอกนะว่าไอ้ที่บอกว่าจะไมทันเวลาเมื่อกี้คือหมายถึงเรื่องนี้?!
ปี๊นๆ!!!
“ไอ้ฟาย!  ขึ้นรถเร็วเข้า  กูจะไปส่ง”
“ไอ้ตาม!  น้ำ!”
“ขึ้นมาเร็วๆสิไฟ  จะไปสนามบินไม่ใช่เหรอ”
น้ำที่นั่งอยู่เบาะหลังตะโกนเรียกพร้อมส่งยิ้มมาให้  ไอ้ตูมตามเองก็ยักคิ้วให้ผมเหมือนกัน
“ไปสิ  ไปเปิดใจถามทุกอย่างที่นายอยากรู้และค้างคามานาน  ฉันเชื่อว่าตอนนี้พี่เปลวคงพร้อมที่จะบอกนายทุกอย่างแล้ว”
“อาจารย์…”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  ช่วยเชื่ออาจารย์ของนายคนนี้อีกสักครั้งได้ไหม”
“…”
“ช่วยเชื่อว่าพี่เปลวรักนายจริงๆ  เขารักและจริงใจกับนายคนเดียวมาตลอด  ทุกสิ่งที่ผู้ชายที่ชื่อเปลวมี  แม้แต่ชีวิตและลมหายใจ  ขอให้เชื่อฉัน…ว่าเขาสามารถมอบมันให้นายได้อย่างไม่ลังเล”
“…”
“…”
“…”
“…”
“ครับ  ผมเชื่ออาจารย์”
ผมยิ้มให้อาจารย์กุ๊กไก่แทนการขอบคุณที่ไม่รู้จะเอ่ยมันออกมายังไงดี  ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถที่ไอ้ตูมตามสตาร์ทรออยู่ก่อนแล้ว
“พร้อมนะ  สุดหล่อจะซิ่งแล้วนะเว้ย”
“เหยียบให้มิดเป็นฟาสต์แปดไปเลยนะตาม”
“ครับผมคุณน้ำ  ไอ้ตามจัดให้!”
ไอ้ตูมตามทำท่าตะเบ๊ะรับคำของน้ำก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกจากประตูรั้วโรงเรียนไปอย่างรวดเร็วอย่างที่มันบอกจริงๆ
“ไอ้เหี้ยตาม  ไฟแดง!  ไฟแดง! ไอ้สัตว์  หยุดสิโว้ยยย!”
กูจะมีชีวิตรอดกลับไปง้อผัวกูไหมเนี่ยยยย!



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ความจริงที่ว่าคุณเปลวนั้นหลงรักพี่ไฟมานานแส้นนานนนนน  ช่างโรแมนติกเสียจริงๆ  งานนี้ถึงเวลาพี่ไฟตามไปง้อผัว อุ๊บ! ง้อสุดที่รักบ้างแล้ว  อยากรู้นักว่าจะตามไปทันไหม?!
สำหรับนักอ่านคนไหนที่สั่งซื้อเรื่องนี้ไว้ บิวไดเืำการจัดส่งไปหมดแล้วนะค้า  ยังมีตกหล่นบ้างบางท่าน กำลังจะตามไปเน้อ  ขอบคุณสำหรับทุกแรงสนับสนุนค่ะ  จุ๊บๆๆๆ


หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 27 (06/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-03-2017 16:29:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 07-03-2017 19:48:20



บทส่งท้าย
ขอโอกาสได้เริ่มต้นใหม่
 
สนามบิน
“คุณเปลว!  คุณเปลว!”
ผมตะโกนเรียกชื่อเขาลั่นสนามบิน  วิ่งวนไปทั่วเพื่อตามหาเขาแต่ก็ไม่พบ  น้ำกับไอ้ตูมตามเองก็ช่วยกันแยกย้ายไปตามหา  เราสามคนวิ่งกลับมารวมตัวกันที่จุดนัดพบ  สภาพแต่ละคนกระเซอะกระเซิงในชุดนักเรียนมอปลาย  โชคดีหน่อยที่ตัวผมนั้นเลือกที่จะใส่ชุดพละสมัยนั้นมาแทนชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน  ก็เลยเป็นเสื้อวอร์มแขนยาวกับกางเกงขายาวแทน  ต่างจากไอ้ตูมตามที่เป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อนักเรียนแขนสั้นรัดติ้วเพราะมันเอาชุดสมัยนั้นมาใส่ทั้งที่ตัวเองตัวใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก
แน่นอนล่ะว่าคนมองกันทั้งสนามบิน…
“เจอไหมวะไอ้ตาม”
“ไม่เจอเลยว่ะ  น้ำล่ะ”
“น้ำก็ไม่เจอเหมือนกัน  แปลกนะ  ตามเวลากว่าเครื่องจะออกก็อีกตั้งสิบห้านาที  มันต้องทันสิ  นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวสักหน่อย”
น้ำเริ่มหัวเสีย  ผมกดจิ้มโทรศัพท์หาเขาเป็นรอบที่ร้อย  แต่ผลของมันก็เหมือนเดิมคือมีผู้หญิงมารับสาย!
 
‘ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการฝากหมายเลขโทรกลับ…’
 
อีบ้า!  มึงเป็นเมียน้อยมันใช่ไหมเนี่ย  ไปเรียกมันมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย!
“ปิดเครื่องอ่ะ”
“แหงล่ะ  จะขึ้นเครื่องใครเขาเปิดกันวะ”
“แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่หรือไง  จะรีบปิดเครื่องหาแมวอะไรเนี่ย!”
“กูไม่รู้เว้ย  กูไม่ใช่คุณเปลว!”
“โอ๊ย!  พอได้แล้วทั้งสองคน!  มัวแต่เถียงกันแบบนี้มันช่วยให้หาคุณเปลวเจอหรือไง  น้ำว่าเราไปถามที่เคาน์เตอร์ให้ดีกว่า  ให้เขาช่วยประกาศเรียกคุณเปลวให้”
“จริงด้วย  ฉลาดมากเลยน้องสาวพี่!”
ผมดึงน้ำเข้ามาจุ๊บเหม่งไปหนึ่งทีเพื่อเป็นรางวัลก่อนจะวิ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อขอความช่วยเหลือ
ไอ้หน้าหนวด  ไอ้โรคจิตวิตปริตมือปลาหมึก!  กูยังมีเรื่องคาใจอีกมากมายที่อยากจะรู้และอยากจะถามมึงตรงๆ  มึงต้องมาอยู่ตอบกูก่อนสิ  ต้องพูดทุกอย่างให้กูฟังจากปากของมึงเอง!
“ตามนี้นะครับคุณคนสวย  ช่วยผมที”
หลังจากที่อธิบายเรื่องพอสังเขปให้ทางพนักงานที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ฟังเสร็จผมก็ยกมือไหว้เขาเพื่อขอร้องอีกที  น้ำกับไอ้ตูมตามเองก็ช่วยอีกแรง
“ขอร้องนะคะพี่  ช่วยพี่ชายฉันด้วยนะคะ”
“นะครับพี่สาวสุดสวย  ช่วยเพื่อนผมหน่อยนะ  แค่ประกาศตามผัวให้มันเฉยๆเอง  นะครับๆๆ”
“ไอ้เหี้ยตาม!”
ผมแหวใส่เสียงดังกับคำว่า ‘ผัว’ ที่มันพูดออกมาแบบเต็มปากเต็มคำ
บางทีมึงก็ไม่ต้องบอกเขาหมดเปลือกขนาดนั้นก็ได้มั้ง!
“คะ…แค่ประกาศเรียกชื่อก็พอใช่ไหมคะ  งั้นรอสักครู่นะคะ  ดิฉันจะประกาศให้เดี๋ยวนี้  แต่อีกแค่ห้านาทีเครื่องก็จะออกแล้ว  ฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะยังอยู่ด้านในหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ  ผมเชื่อว่าเขาจะต้องได้ยิน”
เสียงที่ผมต้องการจะส่งไป…
ผมเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องได้ยินมันอย่างแน่นอน!
“ขอโทษนะครับ  ผมขอประกาศเอง”
“อ๊ะ!  คุณคะ  ไม่ได้นะคะ”
“น้ำ  ไอ้ตาม  ช่วยหน่อย”
สิ้นคำสั่งของผม  น้ำกับไอ้ตูมตามก็ช่วยกันเข้าไปล็อคตัวพนักงานประชาสัมพันธ์เอาไว้  ส่วนผมก็แย่งเอาไมค์มาถือไว้เองก่อนจะกรอกเสียงใส่ลงไปทันที
[ไอ้หน้าหนวด!  คุณได้ยินเสียงของผมไหม!]
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็หยุดชะงัก  คนที่รู้ว่าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์อยู่ไหนพากันหามามองทางผม  ส่วนคนที่ไม่รู้ก็หันซ้ายหันขวาหาลำโพงที่กระจายเสียงเพื่อฟังอย่างสนอกสนใจ
[ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ  ผมรู้แล้วว่าความรู้สึกที่คุณให้ผมมามันมากมายแค่ไหน  ชาตินี้ทั้งชาติหรือแม้จนผมตายไปเกิดใหม่ชาติหน้าก็คงไม่มีใครที่จะรักผมเท่าคุณอีกแล้ว  และผมเองก็ไม่ต้องการให้ใครมารักผมอีกแล้วด้วย!]
ผมมองนาฬิกาข้อมือสลับกับประตูขาเข้าอย่างมีความหวัง
ออกมาสิคุณเปลว  กลับมาหาผมสิครับ…
[ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ  ขอโทษที่ไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรและเชื่อแต่ความคิดของตัวเอง  ขอโทษที่ไม่เคยรู้เลยว่าที่ผ่านมาคุณอดทนกับเด็กดื้ออย่างผมมากมายขนาดไหน   ผมขอโทษ…  แต่อย่าลงโทษผมด้วยวิธีนี้เลย  อย่าไปจากผม  อย่าจากกันไปโดยที่เรายังไม่เข้าใจกัน  อย่าปล่อยให้เรื่องของเราต้องจบลงแบบนี้  ผมยังไม่อยากให้มันจบ  ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ  คุณเปลว…กลับมาหาผมเถอะนะครับ  กลับมาใช้คำว่าเราร่วมกันเหมือนเดิมนะ]
10…
หัวใจแทบแตกสลายเป็นผุยผง  เข็มวินาทีที่จะต่อเวลาให้ผมค่อยๆเดินต่อไปทีละนิดๆ
9…
พระเจ้า…ถ้าหากว่าผมยังพอมีบุญที่เคยช่วยไม่ให้หมามันกัดหลงเหลืออยู่บ้าง  ขอให้เขากลับมา  ขอให้เสียงที่ผมส่งไปดังถึงเขาที
[กลับมาเถอะครับ…]
“ไฟ…”
[ได้โปรด…]
“ไอ้ฟาย…”
[ผมขอโทษ…]
3…
[ผมยอมแล้ว…]
2…
[ผม…]
1…
[รักคุณนะครับ]
…………………………….
…………………..
……………
“เที่ยวบินไปอเมริกาออกแล้วค่ะ  เสียใจด้วยนะคะ”
พนักงานที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเอ่ยพูดกับผมเสียงเศร้า  ผู้คนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก็พากันส่งเสียงให้กำลังใจผมกันถ้วนหน้า
“ไฟ…”
“ฮะๆ   ไฟคิดอยู่แล้วล่ะว่าคงไม่ทัน  ไฟบ้าเองที่คิดว่าการต่อเวลาห้านาทีมันจะสร้างปาฏิหาริย์ให้ได้  ไฟบ้าเอง  บ้าเอง…”
“อย่าร้องสิไฟ  ไม่ร้องนะ  โอ๋ๆ”
“คุณไฟ!!!”
เสียงเรียกคุ้นเคยดังขึ้น  ผมรีบหันไปทางต้นเสียงที่ยืนห่างออกไปพอสมควร
คุณเปลวในสภาพเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยออกนอกกางเกงและผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเหมือนคนผ่านสมรภูมิรบมามองผมราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
ไม่ใช่ฝันใช่ไหม
เป็นเขาจริงๆ…
“คุณเปลว!”
ไม่สนอะไรทั้งสิ้น  ผมออกตัววิ่งเข้าไปหาเขาเหมือนที่เขาเองก็วิ่งตรงเข้ามาหาผมเช่นกัน  เราต่างโผเข้ากอดกันและกันอย่างแนบแน่น  คุณเปลวกอดและอุ้มผมขึ้นจนตัวลอย  ความคิดถึงมากมายทำให้ผมก้มหน้าลงไปจูบเขาอย่างไม่แคร์สายตาของใครทั้งนั้น
หลังจากที่จูบกันอย่างเนิ่นนาน  ผมก็ผละริมฝีปากออกมา  สองมือวางบนบ่าแกร่งไว้เพราะยังถูกเขาอุ้มอยู่  ก้มหน้ามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเศร้าๆ  ขณะที่เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา
“คุณ…ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องเหรอครับ”
“พอดีผมมัวแต่คิดเรื่องของคุณไฟก็เลยลืมเอาตั๋วมา  แถมยังลืมกางเกงใน  นาฬิกา  นู่นนี่นั่นอีกมากมายก็เลยต้องกลับไปเอา   คิดไม่ถึงว่าพอกลับมาอีกทีจะได้ยินคุณถ่ายทอดสดความรู้สึกที่มีต่อผมให้คนทั้งสนามบินฟังแบบนี้”
ใบหน้าสูบฉีดไปด้วยความอายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเพิ่งบ้าระห่ำทำอะไรลงไปบ้าง  แต่พอมองไปรอบๆแล้วเจอสายตากรุ้มกริ่มของผู้คนในสนามบินที่มองมาเป็นตาเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า…
มึงอายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะไอ้ไฟ
“เมื่อกี้คุณบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยอยากจะถามอยากจะได้ยินจากปากของผมเองมากมายเลยใช่ไหมครับ  ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เราคงต้องใช้เวลาคุยกันทั้งคืนแล้วล่ะมั้ง”
“คิดอีกที…ไว้คุยกันพรุ่งนี้ก็ได้นะ  ผมไม่รีบขนาดนั้น”
“ไม่เอาน่า  ผมไม่อยากปิดบังอะไรอีกแล้ว  เราไปคุยกันคืนนี้เลยดีกว่านะครับ”
“ก็บอกว่าไม่เอา  เฮ้ยยย  ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้นะ!”
ร้องเสียงดังพลางดิ้นไปมาเมื่อร่างสูงเปลี่ยนท่าจากที่อุ้มผมในตอนแรกเป็นอุ้มพาดบ่าแทน
“คุณตูมตาม  ผมฝากส่งคุณน้ำกลับบ้านด้วยนะครับ  ส่วนคุณน้ำ...คืนนี้คุณไฟคงไม่กลับบ้าน  แต่ไม่ต้องห่วง  ผมจะดูแลเป็นอย่างดีเลย”
“รับทราบค่ะ  น้ำฝากไฟด้วยนะคะคุณเปลว  ถ้าดื้อล่ะก็…ยินดีให้ลงโทษตามแบบฉบับของคุณเลยค่ะ”
“น้ำ!  ทำไมพูดแบบนี้เล่า!”
แม้แต่น้ำก็ทำร้ายผมเหรอเนี่ย  ทำไมไปๆมาๆทุกคนถึงมาอยู่ข้างไอ้หน้าหนวดกันหมดเลยล่ะ!
“ฝากเพื่อนรักของผมด้วยนะครับ  ถึงมันจะปากหมา  สกปรก ซกมก  ทำเหี้ยอะไรไม่เป็นนอกจากเห่าไปวันๆ  แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ผมรักมาก  และผมไม่อยากเห็นเพื่อนผมต้องเสียใจอีก”
“ผมรับรอง  คุณไฟจะไม่มีทางเสียใจหรือเสียน้ำตาเพราะผมอีกเด็ดขาด  ถ้าผมผิดคำพูด  คุณกระทืบผมได้เลย”
“คุณบอกเองนะครับ  ถ้างั้นฝากเพื่อนผมด้วย”
“ไอ้เหี้ยตาม!  ทำไมพูดจาเหมือนจะส่งกูเข้าห้องหอแบบนั้นวะ  กูจะกลับกับมึง  เอากูไปด้วย!”
เพี๊ยะ!
“!!!”
“เงียบแล้วยอมไปกับผมดีๆเถอะนะครับ  ดูซิ  บั้นท้ายของคุณเสียงยังฟิตอยู่เลย  แสดงว่าพร้อมรบคืนนี้แล้วสินะ”
“พูดบ้าอะไรเนี่ย!”
หมดคำจะบรรยายแล้วจริงๆ
คงไม่ต้องให้สาธยายต่อหรอกนะว่าหลังจากขึ้นรถไปกับมันจนกระทั่งถึงโรงแรมผมโดนอะไรไปบ้าง
เอาเป็นว่า…
เสียว…!!!
สุดๆไปเลยแล้วกัน
 
-         จบ     -



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :


มาอัพบทส่งท้ายแล้วนะคะ  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนถึงบทสุดท้ายน้า  แต่ถ้าอยากเต็มอิ่มจริงๆโหลดอีบุ๊คมาอ่านจะเต็มอรรถรสกว่าจ้า  จุ๊บๆๆๆ




หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-03-2017 20:02:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-03-2017 21:50:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-03-2017 15:46:36
อ่านรวดเดียวเลย  สนุกมากค่า
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-03-2017 16:38:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-03-2017 19:04:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-03-2017 21:12:18
โอ้ยยยยย ไฟจ๋า อายไหม อิอิ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-03-2017 22:33:18
สนุกๆ อ่านรวดเดียวจบเลย //เข้างานเช้าอีกด้วย
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ ของคุณเปลว - นายไฟ นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 08-03-2017 23:25:18
สนุกค่าาา
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 08-03-2017 23:57:44
จบง่ายไปสำหรับเรานะ อ่านแล้วมันยังคาใจหลายๆเรื่องเลยไม่ค่อยอิน
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 09-03-2017 11:34:13
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 09-03-2017 23:09:48
 :hao7: :hao7: :hao7:
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-03-2017 01:06:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 11-03-2017 06:01:18
อายมั้ยล่ะไฟ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 11-03-2017 12:43:47
สนุกดีค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-03-2017 16:11:31
คือควรสงสารไฟมั้ย 55555
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 11-03-2017 22:53:48
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 11-03-2017 22:57:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ิbenz ที่ 13-03-2017 13:47:05
ยิ่งกว่าโคนัน
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 13-03-2017 22:28:06
ดื้อออออ555555555
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 15-03-2017 00:32:24
สรึกมากค่ะ ขอบคุณนะคะ จะตามหนังสือค่าาา nccccc!!
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 16-03-2017 23:33:01
 สนุกมากจ้า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 17-03-2017 11:07:24
รักกันน่ารักดี แต่อยากรู้เรื่องบาร์บี้กับคุณพิม แล้วก็เรื่องพนันคืนนั้นมากกว่านี้จัง ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pleumfizzi ที่ 17-03-2017 23:50:41
โหลดอีบุ๊คที่ไหนคะ :ling1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-03-2017 20:11:26
ซื้ออีบุ๊คได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยค่าา

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzIzNDUwIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTQyNjIiO30 (https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzIzNDUwIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTQyNjIiO30)
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 19-03-2017 21:00:04
ปมไม่เคลียร์หลายอย่างอยู่ แต่คิดว่าน่าจะเคลียทุกอย่างในเล่ม
ขอบคุณนักเขียนมากนะค้า ><~
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 21-03-2017 18:07:28
 :mew1:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: แนะนำนิยายเรื่องใหม่จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 03-04-2017 17:50:28
เข้ามาอ่านกันได้น้าาา  ตอนนี้มีเร่องใหม่อีกเรื่องด้วยค่ะ  เรื่อง A Merman  รักนี้สีน้ำทะเล

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58860.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58860.0)

เข้าไปอ่านกันด้นะคะ  ฝากติดตามด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 07-04-2017 11:33:42
น่ารัก ลืม กกน :m20:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 07-04-2017 17:46:44
น่ารัก ลืม กกน :m20:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 09-04-2017 15:36:17
 :impress2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Premo1492 ที่ 09-04-2017 21:21:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 11-04-2017 09:38:39
สนุกมากเลยค่ะ

ไม่ได้อ่านนิยายรวดเดียวจนจบแบบนี้มานานแล้ว

เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตาม ไม่ยืดเยื้อ จำนวนตอนเหมาะสม  o13

ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายดีๆ มาให้อ่าน

หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-05-2017 01:02:19
เรื่องน่ารักมาก.  ขอบคุณเรืองดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 07-05-2017 15:41:20
 :mew3: :mew3:
สนุกมากค่า
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 21-06-2017 18:43:59
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 30-06-2017 01:57:56
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 17-07-2017 14:39:12
ยังเข้ามาอ่านกันได้อยู่น้า  อัพจนจบแล้วจ้าาาา
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-10-2017 04:52:52
หนุกหนาน ๆ เลิฟฟฟฟ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 17-10-2017 19:55:18
ชอบค่ะคอมดี้ดี
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: annch ที่ 11-11-2017 17:33:20
ฮามาก :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 13-11-2017 03:49:13
เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงงงงงงง :katai1:
ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-11-2017 16:10:46
สนุกกก ผชแบบคุณเปลวหาได้ที่ไหนอีกบ้างคะ
ดีเหลือเกินนนพ่อคุณ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพตอนที่ 16 (30/12/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-11-2017 21:50:16
:pig4: :pig4: :pig4:

สนุกมาก :really2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-12-2017 11:55:09
ขอบคุณคร้าบ มีไซร้โค้งด้วย หลายฉาก ลุ้นแทบแย่
หัวข้อ: Re: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 05-12-2017 03:48:41
สนุกมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลยนะเนี่ย
ขอบคุณมากนะคะที่มาลงให้อ่าน