คุยกันก่อนน้า คืองี้ ตอนแรกเราตั้งใจทำเป็นมินิสตอรี่สั้นๆตอนเดียวจบอะไรแบบนี้ ได้แรงบันดาลใจมากจากการเข้าห้องไม่ได้จนต้องเสียค่าเปิดกุญแจสำรอง(100/ครั้ง กรี๊ดดไข่ไก่หายไป20ฟองแล้ว) แต่มันเป็นกิเลศของคนเขียนเหมือนๆเวลาจอมยุทธเจอวิชาใหม่ๆยังไงยังงั้นแหละ จากที่คิดว่าแค่นี้จะพอแล้ว พล็อตมากมายก็ผุดขึ้นมาในหัว สุดท้ายเลยตามเลย เอาวะ เลยขออนุญาตเอามาลงในบอร์ดยาวเลยดีกว่า ตั้งใจว่าจะชิปคู่นี้ไปเรื่อยๆจนหมดมุก ซึ่งตอนที่จะเขียน คงจะเป็นอะไรสั้นๆ ชีวิตประจำวันทั่วๆไปของคนทั้งสองคน เรื่องที่เจอ อะไรประมาณนี้น่าจะเวิร์คกว่า พล็อตเรื่องในครั้งนี้คือเล่าไปเรื่อยๆอาจจะสลับลูปอดีตมาวนบ้างนิดหน่อย ประมาณนี้ล่ะมั้ง
ขอบคุณน้า ฝากน้องๆด้วยจ้า :กอด1:
ปัจฉิมลิขิต เนื่องจากสลับกันไปกันมาระหว่างพี่หมอและน้องปราญ สีที่ใช้จะต่างกันไปนะจ้า
มุมขายของโฆษณาชวนเชื่อครับ
นิยายเรื่องอื่นๆที่เราเขียน
- C a n d i d บ ท ส า ร ภ า พ ข อ ง ค ว า ม รั ก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55285.msg3451245#msg3451245
- Inside Out สลับร่าง สร้าง...?
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54831.msg3427883#msg3427883
- แฟนผมไม่ค่อยหวานเหมือนคนอื่นเลย คนเป็นหมอทุกคนเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ?
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55300.msg3451897#msg3451897
สองเรื่องแรกเขียนจบแล้วทยอยลงเรื่อยๆน่าจะสลับกันวันเว้นวัน อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องสั้นระยะยาว
แต่งตามกิเลศล้วนๆ ถ้าชอบความหวานสไตล์เราก็ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ :กอด1:
“จีบคุณ ? ”
เขาเหวอ ...ยอมรับว่าผมเองก็เหวอกับคำพูดของตัวเองเหมือนกัน
เราทั้งคู่นิ่งเงียบ ก่อนผมกำลังจะตัดสินใจย้ายไปนั่งที่ตรงระเบียง ปราญส่ายหน้าแล้วกวักมือเรียกผมออกไปด้านนอก เขาเดินนำผมไปทางบันไดหนีไฟ ก้าวยาวๆขึ้นไปชั้นบนสุด ก่อนจะเปิดปประตูออกมาที่ดาดฟ้าที่ชั้นสาม พอไปถึงเจ้าตัวก็นั่งลงแบบไม่พิรี้พิไร ผมหันไปมองหน้าเขาคล้ายคำถามว่ารู้ได้ยังไงว่าด้านบนมีดาดฟ้า
“โอเค คือจะว่าไงดี ? ผมตกใจกับคำพูดของคุณนะ”
เขาว่า สาบานอีกครั้งว่าผมเองก็ตกใจกับคำพูดของตัวเองเหมือนกัน
“ผมรู้จักทางขึ้นดาดฟ้านี้....เพราะไม่ใช่แค่คุณ ‘คนแรก’ ที่ผมเคยพามาที่นี้..”
“.........”
“คือจริงๆแล้ว ผมไม่ได้ดีอย่างที่เห็น คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม ? คือผมไม่อยากให้คุณคิดหรือเข้าใจว่าผมเป็นคนดี เป็นคนเรียบร้อย หรืออะไรนก็ตามแต่ที่ ‘มันไม่ใช่ผม’ โอเค ผมเห็นคุณเศร้า ผมอยากปลอบคุณจริงๆ อันนั้นสาบานได้นั้นคือเจตนาดีของผมจริงๆ แต่ผมไม่ได้...”
“ไม่ได้อยากสานสัมพันธ์ต่อจากนั้น?”
ผมต่อประโยค เขายักไหล่ก่อนจะส่งเบียร์ที่หยิบมาด้วยมาให้ผมหนึ่งกระป๋อง
“คือ คุณอาจจะไม่ชอบใจ แต่แบบ...ผมแค่ต้องการ sex แบบ one night stan นะ คือคุณคงไม่คิดว่าจะมีเรื่องน้ำเน่าแบบรักแรกพบอะไรงี้ใช่ไหม ? แค่แบบสบตาก็สามารถเอาทั้งชีวิตให้อีกฝ่ายไปได้เลย เอาจริงๆมันก็อาจจะมีล่ะมั้ง แต่ไม่ใช่ผม ผมอาจจะถูกใจ อาจจะสานสัมพันธ์ หรืออาจจะมี sex ด้วย แต่พวกนั้นมันไม่ใช่เรื่องของความรัก คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม ? ”
“ก็ ...ก็พอเข้าใจนะ คุณก็ดูจะมีจุดประสงค์ชัดเจนดี”
ผมพยักหน้า ตั้งสติตัวเองแล้วสูดลมหายใจเข้าในอก จะว่าไปแล้วผมก็ลืมตัวไปเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนผม มือเบาบางนั้นตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะหันหน้ามาทางผม
“นี้...ผมไม่ได้บอกปัดคุณ แต่ ยังไงดีล่ะ คือ....”
“คือ ?”
เขากัดปากขมวดคิ้วเบาๆ
“คือคุณรู้ใช่ไหมว่าปกติเวลาผู้ชายมีsexกันเขาทำกันทางไหน?”
“รู้สิ ผมเป็นหมอนะ”
“ใช่ ...เขาทำกันประตูหลังและมันไม่ได้ปกติแบบที่คุณทำกับผู้หญิง มันยุ่งยากกว่านั้นเยอะ คือ..คุณคงไม่คิดว่าผู้ชายจะสามารถอึ้บกับผู้ชายได้เหมือนในนิยายโดยที่ไม่ต้องมีการเตรียมตัวเตรียมอะไรเลยใช่ไหม? นั้นเป็นชุดความคิดที่ผมรู้สึกว่ามันบ้าบอพอสมควรเลย แล้วก็...คุณเป็นหมอที่ซกมกมากที่สุดที่ผมเคยเจอมา”
เขากรอกตามองหนวดเคราของผมประกอบไปด้วย
“ผมเพิ่งโดนภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแอบมีชู้กับเพื่อนสนิทตัวเอง มันคงไม่ง่ายถ้าจะให้ผมกลับไปดูแลตัวเองเหมือนเดิมแบบแต่
ก่อน”
ผมแก้ตัวคำโต จริงๆลึกๆแล้วผมตั้งใจปล่อยเนื้อปล่อยตัวซะมากกว่า
“โอเควกกลับเข้าเรื่องเดิม สำหรับผมมีแค่คำถามเดียวที่อยากจะถามคุณ”
“.............”
“ถ้าผมจีบคุณติดแล้ว แน่ใจได้ยังไงว่าวันหนึ่งคุณจะไม่บอกปัดผมเพียงเพราะแค่คุณเป็นผู้ชาย ? ผมหมายถึง ในเมื่อคุณเป็นผู้ชาย คุณไม่ใช่เกย์ แล้วทำไมคุณถึงแบบ...อยากให้ผมจีบ ...มันเรื่องใหญ่นะ”
ผมพยักหน้าเข้าใจคำพูดของเขา นั้นสินะ เพราะอะไรผมถึงพูดแบบนั้นออกไปล่ะ ?
“ไม่รู้สิ คุณเดินมาถูกจังหวะมั้ง? แบบ มันอาจจะถึงจังหวะที่ผมอยากจะระเบิดออกมา จังหวะที่ผมต้องการใครสักคน ใครสักคนที่ไม่ได้มองผมด้วยแววตาแบบ ....”
“เหยียดหยาม?”
เขาต่อประโยค ผมพยักหน้าครั้งหนึ่งก่อนพูดต่อ
“อื้ม เรายิ่งโตเรายิ่งพูดอะไรมากไม่ได้จริงไหม เราต้องเข็มแข็ง เราต้องอดทน เราต้องไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดหรือท่าทางที่มาจากใคร นั้นคือผู้ใหญ่ถูกไหม? แบบ.... ไม่รู้สิ คำพูดของคุณ เสียงของคุณ ท่าทางของคุณ ผมรู้สึก....”
ประโยคของผมยังไม่ทันจบ ริมฝีปากหยุ่นก็ประทับที่ปากของผม ลิ้นร้อนๆสอดเข้ามาด้านในปากของผม ฉับพลันนั้นเองที่ฟันของผมกั่นกระทบกันเป็นกำแพง ลิ้นร้อนๆกวาดไปมาอย่างเย้าแหย่ก็จะชักออกมา
“ยินดีด้วยคุณหมอ คุณยังเป็นผู้ชายปกติดี”
ปราญยิ้มก่อนจะเอานิ้มจิ้มตรงกลางอกผมเบาๆเป็นการเย้าแหย่
“อ่า.....ผมขอโทษ”
“ขอโทษทำไม?”
“แบบ ก็เมื่อกี้ผม...”
ผมตั้งใจจะบอกเขาว่าผมขอโทษที่ทำให้เขาเสียความรู้สึก ตัวผมที่เป็นฝ่ายตอบสนองเองยังรู้สึกเสียมารยาท คือ ตอนนี้สติผมมาเต็มร้อยโดยไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ร่างกายมันไปเอง รู้สึกตัวอีกที่ผมก็ ก็...ไม่อยากสัมผัสกับเขาอีกแล้ว
“ไม่หรอก มันเป็นเรื่องปกติ ทั้งเรื่องในผับ ทั้งเรื่องในห้อง มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ คุณยังเป็นผู้ชาย ...และผมไม่คิดว่าผู้ชายแท้ๆจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นเกย์ได้หรอกนะ ของแบบนี้มันเป็นเองไม่ได้ และหายเองไม่ได้ด้วย”
“........”
“นี้...ผมไม่จีบผู้ชายหรอกนะหมอ นี้มันชีวิตจริงไม่ใช่นิยายวายฝันหวาน ไม่มีเกย์ที่ไหนจีบผู้ชายติดหรอก... ถ้าคุณยังเป็นผู้ชายแท้ๆ ซึ่งผมหมายถึงแท้จริงๆนะน่ะ คุณไม่สามารถเปิดรับเกย์แบบผมได้หรอก เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ใช่ในฐานะอื่นแน่ๆ ตราบเท่าที่คุณหรือจิตใจคุณยังไม่สามารถยอมรับ ‘ตัวเอง’ ได้ ซึ่งมันไม่จำเป็นหรอก..... “
“อ่า..”
”กลับไปโลกของคุณเถอะ ใช้ชีวิตอย่างปกติต่อไป”
ผมนิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรดี เราเงียบแบบนั้นไปสักพักใหญ่ๆเลยแหละ
“กลับกันเถอะ”
เขาว่า ผมพยักหน้า อยากจะขอโทษเขาอีกสักรอบ แต่มือเขาเลื่อนมาปิดปากผมไว้ก่อน
“ขอโทษ ขอบคุณ ขอให้โชคดี สามคำนี้ต้องพูดออกมาเพราะรู้สึกว่าอยากจะพูดเพื่ออีกฝ่ายจริงๆ .....ไม่ใช่พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง”
ผมอับจนคำพูด ทำไมคนๆนี่ถึงร้ายกาจแบบนี้นะ เขารู้ทันผมหมดเหมือนกับไปนั่งอยู่ในใจ แถมยังสื่อสารออกมาตรงๆโดยไม่อ้อมค้อม ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเข้าใจทุกอย่างได้อย่างถึงแก่นจริงๆ มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่เขาเข้าใจจริงๆ เข้าใจในความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เข้าใจความต้องการของตัวเอง เข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย และสามารถถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของความตรงไปตรงมาอย่างไม่น่าอึดอัด
แล้วผมล่ะ ? ผมเข้าใจตัวผมเองจริงๆรึเปล่า
....หรือเป็นผมกันแน่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ
ไม่เข้าใจแม้กระทั้งว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่...
“บายนะหมอ”
คำพูดสุดท้ายพูดขึ้นก่อนเจ้าตัวจะโบกมือลา ปราญยิ้มให้ผมก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ไป ผมยืนเคว้งอยู่กลางถนนหน้าโรงแรมก่อนจะเดินไปขึ้นรถของตัวเอง เมื่อกี้นี้เจ้าตัวบอกปัดไม่ให้ผมไปส่ง ซ้ำร้ายที่ผมดันตัวแข็งสมองทื่อ ไม่ได้ขอไลน์ ไม่ได้ขอเบอร์ ไม่ได้คิดเพื่อไว้เลยว่าถ้าอยากจะเจอกันอีกขึ้นมาจะทำยังไง
...หรือความจริงคือเราจะเจอกันในฐานะอะไร ....เพื่อนเหรอ?
คำพูดของปราญพูดถูก ผมพูดพล่อยๆเกินไปจนลืมนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายไปจริงๆ
จะให้เขามาจีบผม ? จีบทั้งๆที่ผมยังไม่แน่ใจในตัวเองเนี้ยนะ
ผมนั่งในรถแบบนั้นจนหายมึนพอสมควรแล้วจึงค่อยๆขับรถออกไป ในหัวของผมปลดล็อกความเศร้าระหว่างสามเดือนที่ผ่านมาได้พอสมควร มันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ผมสบายใจมากขึ้นที่จะร้องไห้หรือเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังโดยไม่มีทิฐิหรืออะไรมาขวางกั่นอีก นั้นเป็นเรื่องดีที่ผมได้รับในคืนนี้
แต่ไม่รู้สิ....
มัน...มันเหมือนมีอะไรค้างๆอยู่ข้างใน
อะไรสักอย่างที่ผม...ยังหาคำตอบไม่ได้จริงๆ
......................................................................
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปที่ผับนั้นอีกเลย ผมโดนเทศนานิดหน่อยที่กลับไปก่อนเพื่อนคนอื่นๆ(ตามความเข้าใจของทุกคน) ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า เป็นหมอกรักษาคนไข้ตามเดิม ใช้ชีวิต ‘เหมือนจะปกติ’ จนกระทั้งผ่านไปเกือบเดือน ผมที่กำลังเกลือกกลิ้งบนเตียงนอนจู่ๆก็พิมพ์ข้อความบางอย่างลงในกูเกิล
จริงๆไม่ใช่จู่ๆหรอก ผมพิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบ อยากจะเปิดดูแต่ก็ห้ามตัวเองไว้หลายรอบ ยาวนานจนมาถึงวันนี้
‘คลิปเกย์’
ในปัจจุบันที่เวปโป๊ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแบบไม่กลัวฟ้าดิน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าคุณจะพิมพ์คำสั้นๆแต่มีเวปมากมายให้คุณเลือกสรร ผมกดเข้าไปหน้าเวปๆหนึ่งก่อนจะกดเล่นคลิปวีดีโอการร่วมเพศของชาวเอเชียคู่หนึ่ง ผมนั่งคิดกับตัวเอง แวปแรกเลยคือผมรู้สึก ‘ขยะแขยง’ มันดูเป็นคำพูดที่รุนแรงแต่น่าจะอธิบายความรู้สึกของผมได้อย่างตรงไปตรงมา
ตรงไปตรงมา....
นึกถึงใครบางคนที่ตรงไปตรงมากับความต้องการของตัวเอง ผมนึกถึงปราญ แต่ไม่ใช่ความรู้สึกแบบคิดถึงหรือว่าอะไรทำนองนั้น มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ผมอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ไม่ได้โหยหา ไม่ได้อยากได้ แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่มีชื่อเรียก เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้
ผมพยายามเลือกดูหลายๆคลิป หลายๆแนว ผลออกมาว่าคลิปประเภทเดียวที่ผมดูจบคือคลิปการช่วยเหลือตัวเอง ผมไม่แข็งเลยแม้แต่น้อย มันไม่มีอารมณ์อยากกับคลิปแบบนี้เลย ผมดูแบบข้ามๆไปเพียงเพื่อต้องการบอกตัวเองว่าดีแล้วที่ยังไม่มีอารมณ์ ดีแล้วที่ยังเป็นผู้ชาย ....มัน มันดีแล้วจริงๆใช่ไหม?
ผมกดปิดหน้าเวปทั้งหมดก่อนจะแผ่ตัวนอนลงกับเตียง เปลือกตาของผมพักสายตาไปสักครู่ก่อนมือจะปลดกางเกงนอนที่ใส่อยู่ออกจากตัว ผมหลับตาก่อนจะจินตนาการถึงสาวน้อยร่างบางทั้งหลายที่เคยได้สัมผัส ผมไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดไม่เคยไปอาบอบนวด หลังจินตนาการไม่นานอวัยวะแสดงความเป็นชายก็เด้งขึ้นตอบรับกับสัมผัสของฝ่ามือ
ผมกำไว้หลวมๆก่อนจะค่อยๆรูดขึ้นรูดลงอย่างช้าๆ ในหูแว่วไปด้วยเสียงครวญครางอ่อนหวานที่เคยได้รับรสสัมผัสมา ริมฝีปากบางที่เคยครอบครอง ‘น้องชาย’ ของผม ผมกัดปากก่อนจะรูดขึ้นลงถี่ขึ้นตอบสนองร่างกายที่กำลังต้องการอย่างแรงกล้า มืออีกข้างขงองผมลูบไล้หน้าท้องของตัวเองไปด้วยเหมือนที่มีคนเคยทำให้
“อื้ม....”
ผมครางเสียงทุ้ม ร่างกายเริ่มรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะออกมา มือของผมรูดรัวและเร็วขึ้นพร้อมเสียงหอบบางๆ
แต่ให้ตายเหอะพระเจ้า ....
“อื้มมม ...ปราญ”
ผมเกร็งนิ้วเท้าทั้งสองข้างก่อนน้ำกามาร้อนๆจะพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนถึงหน้าท้อง มากไปกว่านั้นคือมันยิงเฉียดขึ้นมาเกือบถึงคอผมด้วยซ้ำ !! ถึงจะบอกว่าปกติผมไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองถี่ก็เหอะ แต่ไอ้การที่มัน ‘พุ่ง’ มาถึงคอได้แถมยังกระตุกออกมาเป็นเขื่อนแตกก็เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผมที่เดียว แต่ทั้งหมดนั้นมันไม่ทำให้ผมตกใจเท่ากับชื่อของใครบางคนที่ผมนึกถึงก่อนจะ ‘สุด’ ปลายทาง ชื่อธรรมดาที่ติดอยู่ในหัวผมช่วงเดือนที่ผ่านมา และเป็นชื่อที่ทำให้ผมเสร็จสุดๆแบบนี้
ผมคิดถึงปราญก่อนจะถึงปลายทางจริงๆ...
...นี้กูยังเป็นผู้ชายอยู่จริงๆเหรอวะ?