พิมพ์หน้านี้ - วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: aonair13 ที่ 28-06-2016 14:20:53

หัวข้อ: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 28-06-2016 14:20:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันศุกร์สีฟ้า

---------------------------------------------------------------

“ศุกร์ใช่ไหม? เสาร์รักศุกร์ใช่ไหม?”

“ใช่”

“อย่าพูดบ้าๆ! วันศุกร์เป็นน้องชายนายนะ!!”

.

.

.

.

“ทำไมต้องโกหกพี่ชายด้วยล่ะ?”

“ก็พี่เสาร์ขี้หวงมากน่ะสิ ถ้ารู้ว่าผมมานอนหอคนแปลกหน้าแบบนี้ มีหวังเป็นเรื่อง”

“หืม...คนแปลกหน้า?”

“ทะ..ทำอะไร”


“งั้นเรามาขยับความสัมพันธ์กันหน่อยดีไหม?”



---------------------------------------------------------------

บ่นหอยปูปลา :
https://www.facebook.com/aonair13/ (https://www.facebook.com/aonair13/)
https://twitter.com/aiting137 (https://twitter.com/aiting137)

---------------------------------------------------------------

สารบัญ

วันศุกร์ที่ 1.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3413916#msg3413916)
วันศุกร์ที่ 1.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3413918#msg3413918)
วันศุกร์ที่ 2.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3419298#msg3419298)
วันศุกร์ที่ 2.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3421785#msg3421785)
วันศุกร์ที่ 3.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3424468#msg3424468)
วันศุกร์ที่ 3.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3433749#msg3433749)
วันศุกร์ที่ 4.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3528692#msg3528692)
วันศุกร์ที่ 4.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3531001#msg3531001)
วันศุกร์ที่ 5.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3534147#msg3534147)
วันศุกร์ที่ 5.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3536178#msg3536178)
วันศุกร์ที่ 6.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3539485#msg3539485)
วันศุกร์ที่ 6.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3547207#msg3547207)
วันศุกร์ที่ 7.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3553004#msg3553004)
วันศุกร์ที่ 7.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3558241#msg3558241)
วันศุกร์ที่ 8.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3560423#msg3560423)
วันศุกร์ที่ 8.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3562243#msg3562243)
วันศุกร์ที่ 9.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3566901#msg3566901)
วันศุกร์ที่ 9.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3573939#msg3573939)
วันศุกร์ที่ 10.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3576519#msg3576519)
วันศุกร์ที่ 10.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3581690#msg3581690)
วันศุกร์ที่ 11.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3588897#msg3588897)
วันศุกร์ที่ 11.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3588906#msg3588906)
วันศุกร์ที่ 12.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3599570#msg3599570)
วันศุกร์ที่ 12.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3599574#msg3599574)
วันศุกร์ที่ 13.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3614977#msg3614977)
วันศุกร์ที่ 13.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3615924#msg3615924)
วันศุกร์ที่ 14.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3628932#msg3628932)
วันศุกร์ที่ 14.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3628934#msg3628934)
วันศุกร์ที่ 15.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3630786#msg3630786)
วันศุกร์ที่ 15.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3630791#msg3630791)
วันศุกร์ที่ 16.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3641326#msg3641326)
วันศุกร์ที่ 16.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3641327#msg3641327)
วันศุกร์ที่ 17.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3647086#msg3647086)
วันศุกร์ที่ 17.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3649072#msg3649072)
วันศุกร์ที่ 18.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3653153#msg3653153)
วันศุกร์ที่ 18.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3772655#msg3772655)
วันศุกร์ที่ 19.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3772657#msg3772657)
วันศุกร์ที่ 19.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3773595#msg3773595)
วันศุกร์ที่ 20.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3774666#msg3774666)
วันศุกร์ที่ 20.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3776545#msg3776545)
วันศุกร์ที่ 21.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3778486#msg3778486)
วันศุกร์ที่ 21.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3780225#msg3780225)
วันศุกร์ที่ 22.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3782341#msg3782341)
วันศุกร์ที่ 22.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3786553#msg3786553)
วันศุกร์ที่ 23.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3798916#msg3798916)
วันศุกร์ที่ 23.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3801212#msg3801212)
วันศุกร์ที่ 24 (จบ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54561.msg3802047#msg3802047)
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 01-07-2016 21:07:32
วันศุกร์ที่ 1.0



“เราก็ปีสี่กันแล้วนะ อีกไม่นานก็จะจบ” หญิงสาวในชุดกระโปรงแต่งระบายสีสด ถูฝ่ามือตัวเองไปมาด้วยความตื่นเต้น ต่อหน้าเธอคือเพื่อนร่วมคณะ เจ้าของตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยเมื่อสามปีก่อน

“เกศเข้าเรื่องเลยเถอะ”

“อะ...อืม คือว่าเรา...” เกศรายังคงอ้ำอึ้ง สีหน้าของคนตรงข้ามนิ่งเฉย ยากเกินคาดเดา เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกสุดลึก ก่อนกลั้นใจโพล่งออกมาพร้อมใบหน้าขึ้นสี “เราชอบนาย!”

“...”

“เราชอบนายมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เสาร์เองก็ไม่เคยคบใคร มันจะเป็นไปได้ไหมถ้า...”

“ขอโทษนะ”

“ห้ะ..?”

ชายหนุ่มเอ่ยปากเสียงเรียบ ท่าทางลำบากใจดูขัดกับคำพูดโหดร้ายที่เพิ่งเปล่งออกมา คนฟังได้แต่อ้าปากค้าง หัวสมองเบาหวิวแทบไม่อยากรับรู้อะไรต่อไปอีก

“เราคบกับเกศไม่ได้หรอก เกศเป็นเพื่อนที่ดีมาก แต่เราไม่เคยคิดเกินเลยไปมากกว่านั้น” ราวกับมีดที่กรีดเข้ากลางใจ เธอพยายามส่ายหน้าเหมือนไม่ต้องการยอมรับ น้ำเสียงสั่นเครือเริ่มฟังดูมีน้ำโห

“ทำไมล่ะ? เราไม่ดีตรงไหนเหรอ เสาร์ถึงได้รังเกียจ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ เราไม่ได้รังเกียจ แต่เราเห็นเกศเป็นแค่เพื่อน”

“อย่าพูดเลย! เสาร์มีใครในใจแล้วมากกว่า” คำพูดที่เหมือนกับประโยคตอกย้ำ ขณะเดียวกันก็ฟังดูคล้ายคำถาม และคำตอบสั้นๆ ของมัน ก็ทำเอาเธอห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกอัดแน่นเต็มอก ทั้งผิดหวังและโกรธเคือง

“อืม”

เธอรู้ดีว่าหัวใจของนายวันเสาร์ เพื่อนคนนี้ ถูกผู้ใดครอบครองอยู่ หากตลอดมาเธอไม่เคยคิดจะยอมรับมัน แต่ตอนนี้คงต้องเชื่อแม้ไม่อยากจะเชื่อก็ตาม

“ศุกร์ใช่ไหม? เสาร์รักศุกร์ใช่ไหม?”

วันเสาร์ชะงัก เขาดูตกใจไม่น้อยที่เพื่อนสาวตรงหน้าบังอาจมาล่วงรู้ความลับในใจ ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนกำลังคิดไม่ตก หากในท้ายที่สุดก็ต้องยอมพยักหน้าอย่างจำนน

“ใช่”

“จะบ้าไปแล้วเหรอ!” เกศรากรีดร้อง ไม่สนใจอีกต่อไปว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินบทสนทนานี้บ้างไหม “วันศุกร์เป็นผู้ชายนะเสาร์!”

“จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่เกี่ยว ขอแค่เป็นวันศุกร์ เราก็จะรัก”

“อย่าพูดบ้าๆ! วันศุกร์เป็นน้องชายนายนะ!!”

เธอเริ่มแผดเสียงดังขึ้นอีก น้ำหูน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว ตอนนี้ในใจมีเพียงความโกรธ ไม่รู้ว่าสมควรโกรธอะไรมากกว่ากัน วันเสาร์ที่ปฏิเสธความรักของเธอ วันศุกร์ที่มาแย่งหัวใจของคนที่เธอรักไป หรือต้องโทษฟ้าโทษโชคชะตา ที่ทำให้เธอมามีใจให้กับคนที่ไม่เคยหันมองแบบนี้

“ไม่ใช่เรื่องของเกศ”

คำพูดสุดแสนเย็นชา ทำเอาหญิงสาวหน้าตึง สาบานว่าเธอยอมถูกตบสักฉากยังดีกว่าต้องทนฟังประโยคทำร้ายจิตใจ วันเสาร์เป็นคนเข้าถึงยาก ใครๆ ต่างรู้ แต่เธอเองก็พยายามมาตลอดสามปี เพื่อให้ได้มาอยู่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งของเขา แต่ตอนนี้ความหวังทุกอย่างมันกำลังพังทลาย เพราะเด็กผู้ชายคนเดียว...

ใช่...เพราะอีเด็กวันศุกร์ อีเด็กกาฝาก ที่มาขโมยหัวใจของวันเสาร์ไป!

 

 

“ลงชื่อด้านนี้เลยครับ” รุ่นพี่ปีสาม ของมหาวิทยาลัยชื่อดังตะโกนเรียกน้องๆ เข้าใหม่ พวกเขาถูกอาจารย์ต้อนมาช่วยงานปฐมนิเทศของคณะกันเป็นจำนวนมาก แถมยังขัดไม่ได้อีก เพราะงานนี้คณบดีลงมาคุมเอง ขืนไม่ทำตัวเอาหน้าไว้ จะอยู่ยากเสียเปล่าๆ

ถ้าจะมีใครที่ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นล่ะก็ เห็นจะเป็นคุณชายกันติกรณ์ หรือนายกันต์ เพื่อนตัวดี ที่วันๆ เอาแต่ทำกร่างไปทั่ว ทำตัวเป็นใหญ่แค่เพราะบ้านรวยนิดรวยหน่อย...เอ่อ ก็ไม่หน่อย แต่ก็แค่บ้านรวย แถมพ่วงด้วยตำแหน่งหลานคณบดีที่ว่าเท่านั้น

“มึงๆ ดูน้องคนนั้น” หนึ่งในกลุ่มผู้ว่างงานกระทุ้งศอกใส่กันติกรณ์ที่มัวเหล่สาวๆ ให้หันมองเด็กมาใหม่

สายตาของเขารีบกวาดไปทั่วหวังจะได้เจอรุ่นน้องสวยๆ แต่ที่พบกลับเป็นเด็กผู้ชายตัวบาง เจ้าของผิวขาวนวลเนียน รับกับเส้นผมระต้นคอสีดำประกายน้ำตาล หน้าม้าซอยปัดข้างยิ่งทำให้ดู.....น่ารัก

คนบ้าอะไร...ทำไมถึงได้หน้าหวานนัก หวานจนนึกว่าจานขนมซะอีก ยิ่งปากแดงๆ เป็นกระจับ ก็ทำเอาเขาถึงกับตาค้าง ไปไม่เป็น

“ชื่ออะไรครับ?” เสียงของเพื่อนแถวโต๊ะลงทะเบียนดังขึ้นถามเด็กน่าสนใจคนนั้น เขาเผลอก้าวขาเข้าไปใกล้ หวังจะได้ยินคำตอบด้วยคน แต่เมื่ออีกฝ่ายเปิดปาก กลับทำให้โลกของเขาหยุดนิ่งราวต้องคำสาป

“วันศุกร์ครับ...วันศุกร์ วุฒิเวคินทร์”

หมอนี่คือวันศุกร์ น้องชายของวันเสาร์ ผู้ชายไร้หัวใจที่เพิ่งหักอกพี่สาวเขาไปนี่น่า!

ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเด็กที่ดึงสายตาเขาไว้ได้มากกว่าใครๆ กลับกลายมาเป็นคนที่เขานึกหมายหัวไว้ ว่าสมควรจะเกลียดขี้หน้า เพราะพี่สาวคนเดียวของเขา เกศรา ต้องทนทุกข์ทรมานจากความรักที่ไม่สมหวัง เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่หายดี การเรียนก็ไม่สนใจเหมือนก่อน ร่างกายกลับซูบผอม ดวงตาแดงก่ำทุกครั้งที่เจอกัน ทำให้คนเป็นน้องอย่างเขาอดเคืองแค้นไปด้วยไม่ได้

แม้จะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง หากเมื่อต้องทนเห็นคนในครอบครัวตกอยู่ในสภาพขมขื่น มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องมีความรู้สึกร่วมไปด้วยอย่างสุดจะห้าม เมื่อผู้ชายคนนั้นกล้าทำร้ายเกศรา เขาจึงตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจากนี้จะขอมีศัตรูชื่อวันเสาร์

แล้วโชคชะตาก็ช่างเล่นตลกได้ถูกเวลาซะจริง ดันส่งน้องชายสุดรักสุดหวงของนายวันเสาร์คนนั้น มาปรากฏต่อหน้าเขาถึงที่ แบบนี้คงจะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ซะแล้ว...

“เฮ้ย!” กันติกรณ์ส่งเสียง เรียกสายตาหลายคู่ตรงนั้น ปกติเขาอยู่เฉยๆ ก็เป็นที่สนใจอยู่แล้วจากนามสกุลใหญ่โต อย่างเดชะภักดี บวกกับใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งพอเปิดปากตั้งท่าหาเรื่อง ก็ยิ่งดึงดูดให้คนในงานหันมามอง

วันศุกร์ดูจะเป็นเพียงไม่กี่คนที่ไม่นึกสนใจเสียงห้าวเมื่อสักครู่ เขาแค่รับป้ายชื่อจากรุ่นพี่ขึ้นสวมคอ แล้วชะเง้อหาที่นั่งว่าง

“ฉันเรียกนาย หูหนวกหรือไง?” กันติกรณ์พร้อมพรรคพวก ก้าวเท้าเข้ามาขวางทางเจ้าของใบหน้าหวานเอาไว้ วันศุกร์ตีหน้าเหลอหลา มองซ้ายขวา ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้ตัวเอง

“ผม?”

“เออ”

“ก็ได้ยินแค่ เฮ้ย จะไปรู้ได้ยังไงว่าเรียกผม บ้าหรือเปล่า?”

“ว่าไงนะ!”

คนตัวสูงตั้งท่าจะปล่อยหมัด แต่ยังดีที่ถูกเพื่อนด้านหลังรั้งไว้ทันเวลา ความจริงก็ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือหรอก เพราะถ้าทำก็คงนึกเสียดายใบหน้าละอ่อนนั้นอยู่ไม่น้อย เหตุการณ์เริ่มวุ่นวาย เพราะจุดที่พวกเขายืนออกันอยู่นั้นมันกีดขวางทางเดินเป็นวงกว้าง แต่เหล่าเพื่อนๆ ของกันต์กลับมองว่ามันชักน่าสนุก ทุกตารางนิ้วในมหาวิทยาลัยนี้ แทบไม่มีใครกล้าหือด้วย แต่ดูเด็กตรงหน้าสิ นอกจากไม่แสดงท่าทีตื่นกลัวอะไรแล้ว ยังจ้องกลับแบบเอาเรื่องอีกต่างหาก

“ท่าทางรุ่นพี่คณะ EQ ต่ำขนาดนี้ พวกผมคงต้องคิดหนัก” วันศุกร์ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ พยายามจะเดินเลี่ยงออกห่าง

กันติกรณ์สะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุมของเพื่อนที่เอาแต่หัวเราะคิกคัก ก่อนจะรีบคว้าคอเสื้อของเด็กปากเก่งที่กำลังจะเดินสวนไปเอาไว้ วันศุกร์ดูตกใจเมื่อจู่ๆ ก็โดนลากกลับมาอย่างแรงจนตัวปลิว

รุ่นพี่ EQ ต่ำที่ว่า จงใจผลักหน้าอกแบนราบ จนร่างบางๆ นั้นลงไปนั่งจุมปุกอยู่บนพรมงาน ท่ามกลางความตกใจของนักศึกษาคนอื่น รุ่นน้องหลายคนหน้าซีดลง เด็กสาวมากมายต่างมีท่าทีผิดหวังระคนหวาดกลัว

“เป็นบ้าอะไรวะ!” คนถูกผลักตะคอกกลับอย่างหมดความอดทน สองมือช่วยยันร่างตัวเองลุกขึ้น สองสายตาเผชิญหน้ากันอย่างสูสี คนหนึ่งเลือดร้อน ส่วนอีกคนเองก็ไม่คิดจะยอม

“ไม่-ชอบ-ขี้-หน้า”

กันต์ตอบกลับช้าๆ ชัดๆ มือใหญ่ยกขึ้นบีบคางของรุ่นน้องไว้เหมือนอยากสั่งสอน วันศุกร์สะบัดหน้าหนี และก่อนที่จะเกิดสงครามขนาดหย่อมอะไรขึ้นอีก ทางเดินที่เต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาก็ถูกแหวกออก พร้อมการปรากฏตัวของชายวัยกลางคน มองดูภูมิฐาน

“คณบดี!”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น วุ่นวายไปหมด”

“ท่านอรรณพคะ คือว่า...” เลขาส่วนตัวซึ่งแอบตามมาสังเกตการณ์ภายในงานอยู่ก่อนแล้ว ปรี่เข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหู อรรณพพยักหน้าคล้อยตามอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะชี้นิ้วไปทางหลานชายสุดดื้อ

“นายกันติกรณ์ หาเรื่องให้ฉันปวดหัวได้ตลอด” นิ้วใหญ่หันไปทางวันศุกร์บ้างแบบไม่คิดจะเข้าข้างใครทั้งนั้น “นายก็เหมือนกัน เพิ่งเข้ามาใหม่ทำไมไม่ทำตัวดีๆ”

“แต่ผม..”

“เลิกงานแล้วให้พวกนายทั้งสองคนอยู่พบฉันด้วย”

“ลุง!”

อรรณพไม่หยุดฟังคำพูดไร้สาระ ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเวทีและเริ่มปล่อยให้ MC เป็นคนแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน วันศุกร์ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วเดินกระแทกไหล่คู่กรณีไปยังที่นั่งด้านหน้า

บัณฑิต เพื่อนของกันต์ ได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจ แม้ว่ายังกลั้นขำไม่หยุด นี่คงไม่ใช่ภาพที่เกิดขึ้นบ่อยนัก กับการที่รุ่นน้องตัวเล็กเท่าเด็กม.4 กล้าต่อปากต่อคำกับเจ้าของนามสกุลดัง คนตัวสูงเดินไปนั่งพักตรงแถวโต๊ะลงทะเบียน รู้สึกเหมือนว่าการสร้างศัตรูคราวนี้จะไม่ง่าย เห็นหน้าหวานๆ แบบนั้น ใครกันจะคิดว่าเผ็ดไม่ใช่เล่น เขาเหลือบตามองมือขวาของตัวเอง พลางนึกไปถึงความรู้สึกยามสัมผัสถูกผิวหน้าเนียนๆ เมื่อครู่

หวานรึก็หวาน แถมยังจะนุ่มนิ่ม นี่ถ้าเกิดส่งกลิ่นหอมอีกสักหน่อยก็คงไม่พ้นต้องอยากลองชิมเข้าสักวันแน่ แย่ชะมัด น้องชายของวันเสาร์ ผู้ที่สมควรถูกเกลียด กลับไม่รู้สึกอยากจะเกลียดจริงๆ เลย

 

 

“เลี้ยงหมู!”

ภายในห้องทำงานของคณบดี เสียงห้าวของนักศึกษาชายสองคนโพล่งออกมาแทบจะพร้อมกัน

“ใช่ คณะเกษตรฯ เพิ่งได้หมูแคระมาตัว ยังไม่ได้ตระเตรียมอะไรกันเลย พวกนายก็ไปช่วยเขาดูแลหน่อยละกัน”

“คนอย่างกันติกรณ์ต้องลดตัวลงไปเลี้ยงหมู ไม่เอาล่ะ”

“ไม่เอาก็ลาออกไป”

“ลุง!”

“ไม่มีคำว่าลุงทั้งนั้น ทำงานปฐมนิเทศวุ่นวายแล้วยังไม่รับผิดชอบอีก ลงโทษแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” อรรณพเอ็ดเสียงแข็ง เล่นเอาวันศุกร์ถึงกับรีบกลืนคำโต้เถียงกลับลงคอ ขนาดคนเป็นหลานยังพูดอะไรไม่ได้ เขาคงไม่ต้องขอร้องให้เปลืองน้ำลาย

ไม่รีรอคอยท่า พวกเขาทั้งคู่ก็ถูกเลขาคณบดีพามาเจอนักศึกษาคณะเกษตรฯ ที่ถ่อกันมาดูแลบ่อปลาตั้งแต่ยังไม่เปิดภาคเรียน

“สวัสดีครับ”

ทุกคนยกมือรับไหว้ผู้ชายท่าทางใจดี ในชุดไปรเวทสบายๆ คุณเลขาเดินเข้าไปเจรจาอะไรอยู่สองสามนาที ก่อนจะหันกลับมาทิ้งท้ายเสียงเด็ดขาด

“หลังจากนี้ให้คอยมาช่วยเหลือคณะเกษตรฯ เลี้ยงหมู จนกว่าจะเข้าที่เข้าทางด้วยนะคะ”

เธอเดินจากไป ไม่รอให้ใครได้เอ่ยปากถามข้อสงสัย กันติกรณ์เกาหัวเหมือนไม่ยี่หระ ตั้งท่าจะหันหลังกลับ แต่ก็ถูกมือเล็กคว้าชายเสื้อไว้ได้ทันถ่วงที ไหนๆ ก็ก้าวเท้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองต้องลำบากคนเดียวหรอก

“ถ้าหนี ผมฟ้องคณบดีแน่”

ชื่อของอรรณพดูจะใช้ได้ผลอยู่เหมือนกัน เมื่ออีกฝ่ายยอมกลับมายืนที่เดิม แม้จะตีหน้าบอกบุญไม่รับเท่าไรนัก เมื่อเห็นว่าสถานการณ์สงบแล้ว ชายคนเมื่อครู่ถึงเริ่มแนะนำตัว

“กันต์กับวันศุกร์สินะ ฉันชื่อธนา ปีสามเท่านาย” ท้ายประโยคนั้นหันบอกเพื่อนต่างคณะที่โด่งดังไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย

“สวัสดีครับ”

วันศุกร์ก้มหัวให้อีกครั้งตามมารยาท ผิดกับอีกคนที่ดูเหมือนอยากออกไปจากที่นี่เต็มที นอกจากจะไม่หือไม่อือ ไม่ตอบรับอะไรแล้ว ก็แทบจะไม่มองหน้าคู่สนทนาเลยด้วยซ้ำ

“อาจารย์อรรณพเพิ่งแจ้งฉันเมื่อครู่นี้เอง ว่าพวกนายจะมาช่วยเลี้ยงหมูแคระตัวใหม่”

“ความจริงคือโดนลงโทษให้มาน่ะครับ” คนตัวเล็กตอบแบบตรงไปตรงมา ทำเอาอีกฝ่ายหลุดขำ

“งั้นเหรอ แต่ก็เอาเถอะ ความจริงคณะเกษตรฯ ไม่เคยมีหมูน่ะ แถมตัวนี้ก็ได้มาแบบฉุกละหุก เลยยังไม่ได้เตรียมที่อาศัยให้มันเลย”

“แล้ว...”

“ช่วงก่อนเปิดเทอมสองวันนี้ ก็ต้องวานพวกนายสร้างบ้านให้เจ้าหมูน้อยด้วยนะ แล้วหลังจากนั้นค่อยมาจัดการดูแลให้มันชินกับสถานที่”

ธนาแจงรายละเอียดเสร็จสรรพ พลางเหล่ตาไปทางสมาชิกร่วมคณะซึ่งต่างคนต่างกำลังง่วนอยู่กับสัตว์นาๆ ชนิด ทั่วบริเวณลานกว้างท้ายคณะ ถูกสร้างเป็นโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ลักษณะเป็นโดม กั้นโซนต่างๆ สำหรับสัตว์แต่ละชนิด ความจริงส่วนนี้ก็คล้ายกับฟาร์มขนาดหย่อมได้เลยทีเดียว

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะฉันก็จะมาช่วยบ้างบางที”

“แล้วตอนนี้หมูนั่นอยู่ไหนล่ะครับ” ถามหาเจ้าตัวปัญหา พลางกวาดสายตาไปรอบก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตที่จะเรียกว่าหมูได้สักตัว

“วันนี้ไม่ได้เอามา ช่วงที่ยังไม่มีหลักแหล่ง ฉันเป็นคนรับเลี้ยงมันไว้ที่หอก่อนน่ะ”

“แล้ว...พวกเราต้องทำอะไรบ้างครับ?”

“วันนี้ยังหรอก แต่พรุ่งนี้จะวานให้ไปรับของที่ร้านหน่อยนะ พวกรั้วสำเร็จ กับหญ้าเทียมน่ะ คงสะดวกใช่ไหม อยู่หอกันหรือเปล่า?”

ธนาเลื่อนสายตามาหยุดที่วันศุกร์ เพราะความจริงก็รู้คำตอบของฝั่งกันติกรณ์ดีอยู่แล้ว หมอนี่อยู่หอพักที่แพงสุดในย่าน แถมยังมีข่าวควงผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างเข้าออกไม่เว้นแต่ละวัน คงไม่ต้องถามซ้ำซากอีก

“เอ่อ ผมไป-กลับบ้านน่ะครับ”

“อ้าวจริงเหรอ งั้นจะมาค้างหอฉันก่อนไหม?”

“มะ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมให้คนขับรถมาส่งได้” เขาพยักหน้าเข้าใจ ไม่ต้องสงสัยว่าวันศุกร์เองก็คงเป็นหนึ่งในลูกผู้ดีไม่แพ้จอมก่อเรื่องข้างๆ

“งั้นเดี๋ยวขอเบอร์ติดต่อกับไลน์ของทั้งสองคนไว้ด้วยละกันนะ คืนนี้จะส่งแผนที่ร้านไปให้”

“ครับ”

หลังจากแลกเบอร์กับธนาเรียบร้อยแล้ว ก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ท่ามกลางกลิ่นธรรมชาติแปล่มๆ ฝ่ายนั้นขอตัวกลับไปให้อาหารแกะ ขณะที่กันต์ตั้งท่าจะเดินกลับคณะ มีเด็กเข้าใหม่สาวเท้าตามมาไม่ห่าง

“นี่ ผมขอเบอร์พี่ด้วยสิ” พูดแล้วก็กระดากปากซะเอง แต่เพราะพวกเขาต้องชดใช้กรรมร่วมกันหรอก ถึงต้องคอยติดต่อไว้ หากวันไหนกันติกรณ์เกิดเผ่นหนีไปจะทำไงล่ะ

คนตัวสูงก้าวเท้าให้ยาวขึ้นหวังจะหนีให้ห่างจากเสียงใสๆ ที่ดังตามหลังมาเหมือนผีที่กำลังจะกัดไม่ปล่อย แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมือเล็กคว้าแขนของเขาไว้ ก่อนจะรีบเดินมาขวางหน้า หัวคิ้วย่นยุ่งท่าทางหงุดหงิดพอสมควร

ไอ้เด็กบ้านี่ อย่ามาจับเนื้อต้องตัวคนอื่นง่ายๆ สิ

“เอามือถือมา” เสียงคล้ายคำสั่งทำเขาตาโต แต่สุดท้ายก็ยอมควักมือถือส่งให้อยู่ดี วันศุกร์รับไปกดอะไรสักพัก เสียงสั่นจากมือถือของใครอีกคนก็ดังขึ้น เด็กตรงหน้ากดตัดสาย ไม่ลืมที่จะบันทึกเบอร์ตัวเองไว้ในมือถือเขาเสร็จสรรพ

“พรุ่งนี้เจอกัน”

คนตัวเล็กพูดห้วน แล้วสะบัดหน้าเดินลิ่วไปไม่หันกลับมาอีก ปล่อยให้เขาได้แต่ก้มมองเบอร์แปลกตาในโทรศัพท์ของตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย สัมผัสอุ่นๆ รอบข้อมือยังคงอยู่พอให้เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย

ผู้ชายอะไร แก้มก็นิ่ม มือก็นิ่ม จะนิ่มไปเสียทุกส่วนเลยหรือยังไง


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 01-07-2016 21:08:21
วันศุกร์ที่ 1.5



[ Thanakha: 10 โมง ที่ร้านบ้านเมืองไม้นะ ติดต่อคุณแสงได้เลย ]

วันศุกร์ไล่สายตาอ่านข้อความบนหน้าจอจากพี่ธนา ก่อนจะรีบกดสลับแชทไปหาอีกคนทันที

[ HelloFriday: พรุ่งนี้ผมจะไปมอตอน 9.30 เจอกันหน้าคณะนะ ]

[ GUN: เออ ]

ข้อความตอบกลับจากกันติกรณ์สั้นเสมอเหมือนกับไม่อยากเสียเวลาคุยด้วย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร เพราะทางนี้เองก็ไม่ได้อยากคุยด้วยสักนิดเดียว เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นในจังหวะที่เขาเพิ่งปามือถือตัวเองออกห่างอย่างอารมณ์เสีย การปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูงในชุดนอนสีเข้มคุ้นเคยทำให้เขาพอยิ้มออก

“หน้าบึ้งทั้งวันเลยนะ ปฐมนิเทศเป็นยังไงบ้าง?” เอ่ยปากถามคนเป็นน้อง พลางขยับตัวขึ้นไปนอนพิงหมอนบนเตียง มือใหญ่โอบไหล่บางเข้าหา ปล่อยให้วันศุกร์เคลื่อนมาซบแผงอกตัวเองอย่างนึกเอ็นดู

“ไม่ดีเลยครับ”

“ทำไมล่ะ ใครแกล้งเราหรือเปล่า ไหนบอกพี่ซิ”

“อื้อ เจอรุ่นพี่ปัญญาอ่อนอะ”

วันเสาร์หลุดขำ ค่อยๆ ลูบศีรษะทุยด้วยความอ่อนโยน เชื่อเลยว่าผู้ชายค่อนประเทศจะต้องอิจฉาแน่ถ้าได้มาเห็นพวกเขาในเวลานี้ วันเสาร์ผู้หล่อเหลาแต่กลับไม่ค่อยสุงสิงกับใครที่ไหน จนถูกตั้งฉายาว่าเจ้าชายน้ำแข็งคนนั้น กลับอบอุ่นเหลือเกินยามอยู่เคียงข้างน้องชายจอมซนคนนี้

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”

“ก็พี่เขาบ้าอะ อยู่ๆ ก็มาหาเรื่อง บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าศุกร์ ทำจนงานวุ่นวาย ศุกร์ต้องพลอยโดนลงโทษไปด้วยเลย”

“เขาตาบอดแล้วสิอย่างนั้น ใครบ้างไม่ชอบขี้หน้าศุกร์ของพี่ ออกจะน่ารักขนาดนี้ ฮึ”

“พี่เสาร์ จั๊กจี้”

ร่างเล็กย่นคอ เมื่อพี่ชายแกล้งเขี่ยจมูกไปมากับหูของเขา มือที่เคยโอบไหล่ ค่อยๆ ไหลไปพักอยู่กับเอวบางอย่างหยอกเย้า มันคงดูแปลกมากสำหรับพี่น้องคู่อื่น แต่ไม่ใช่กับพวกเขา วันเสาร์กับวันศุกร์สนิทกันมากตั้งแต่เด็ก เลเวลการสกินชิพของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา คนอื่นมาเห็นคงคิดว่าประหลาด แต่เขากลับมองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

“แล้วโดนลงโทษอะไร เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยด้วยเหรอ” คนตัวใหญ่ยอมผละออกแม้จะนึกเสียดายอยู่หน่อย

“อื้อ เขาให้ผมไปดูแลลูกหมูตัวใหม่ของคณะเกษตรฯ พรุ่งนี้ก็ต้องไปเอาอุปกรณ์สร้างบ้านที่ร้านไม้อะครับ”

วันเสาร์หัวเราะให้กับข้อมูลนี้ นี่คุณหนูวันศุกร์ต้องไปเป็นคนเลี้ยงหมูแล้วเหรอเนี่ย น่าสนใจดีแฮะ วันศุกร์กับลูกหมู คงเป็นภาพที่น่ารักใช่ย่อยเลย

“พรุ่งนี้พี่ยังว่าง ให้พี่ไปส่งเราดีกว่า จะได้ไปเจอรุ่นพี่คนนั้นด้วย”

“อย่าไปเจอเลยครับคนแบบนั้น แต่พี่เสาร์ไปส่งศุกร์ก็ดีเหมือนกัน”

“งั้นรีบนอนดีกว่าไหมเรา เดี๋ยวก็ตื่นสายหรอก”

วันศุกร์พยักหน้า ก่อนจะเลื่อนหมอนให้กลับเข้าที่ แล้วค่อยๆ แทรกตัวลงใต้ผ่าห่ม ดวงตากลมแป๋วกระพริบถี่เหมือนจะอ้อนบางอย่าง วันเสาร์รู้ความหมายของมันดี จึงคลี่ยิ้มออก ก่อนโน้มหน้าลงจูบหน้าผากมนเพื่อราตรีสวัสดิ์ น้องชายที่น่ารักของเขา ใครกล้ามาบอกว่าไม่ชอบขี้หน้า ก็คงโง่และบ้าเต็มทีแล้ว

 

 

“ขับรถดีๆ นะครับ”

“ครับ”

วันศุกร์โบกมือลาพี่ชายที่เพิ่งขับรถออกไป มีรถคันหรูไม่แพ้กันอีกคันขับสวนเข้ามาจอดลงตรงหน้าเขาพอดิบพอดี คนด้านในลดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อแสดงตัว เสียงปลดล็อกประตูเป็นสัญญาณให้เขาพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ

“นั่นใครมาส่ง?” เขาขมวดคิ้วให้กับคำถามแรกของวัน

“พี่”

“แหม พี่น้องคู่นี้ ดูท่าทางสนิมสนมกันซะจริงนะ” กันต์แกล้งเน้นคำว่า สนิทสนม เสียงเข้มจนน่าสงสัย และเริ่มชวนให้หงุดหงิด

“อือ ก็สนิทกันอะ ออกรถเถอะ มัวคุยอะไรไร้สาระ”

วันศุกร์หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูแผนที่ร้านอีกรอบ คอยชี้ทางบอกคนหลังพวงมาลัยไปเรื่อยๆ นอกจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอื่นใดเพิ่มเติมอีก เมื่อมาถึงร้าน พนักงานก็ขนอุปกรณ์ทั้งรั้วสำเร็จรูป หญ้าเทียม และพวกตะปูขึ้นกระโปรงรถ ไม่พอยังจะมาเบียดเบียนพื้นที่เบาะหลังที่เขาเฝ้าดูแลอย่างดีจนอดจะหัวเสียไม่ได้ แต่พอคิดดูแล้ว ถ้าแลกกับการได้มีเวลาอยู่กับวันศุกร์สองต่อสองมันก็ไม่ได้แย่นัก

พอขับรถกลับมาถึงท้ายคณะเกษตรฯ ก็เห็นธนายืนรออยู่แล้ว แถมยังเรียกความสนใจได้อีกเท่าตัว เมื่อเขากำลังอุ้มเจ้าลูกหมูแคระตัวเท่าตุ๊กตาเด็กไว้ในอ้อมแขน ผิวเนื้อสีชมพูนมเย็นกับขนแซมพอประมาณยิ่งเสริมให้สิ่งมีชีวิตตรงหน้าดูน่ารักน่ากอด

“น่ารักจังเลยครับ” เด็กปีหนึ่งแทบจะพุ่งออกไปก่อนที่จะทันได้ดับเครื่องยนต์ ดวงตาเปล่งประกายส่อแววตื่นเต้น ขณะยื่นมือออกไปรับเจ้าลูกหมูมาไว้ในอ้อมกอด กันต์เดินตามมา ไม่ยอมแสดงสีหน้าใดๆ

“น่ารักแบบนี้ ก็ฝากดูแลดีๆ ด้วยนะ”

ธนาว่าแล้วอดจะยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่ได้ หมูน้อยพยายามถีบขาออกจากวงแขนบางคงเพราะไม่คุ้นชิน ติดกับนิสัยดื้อนิดๆ เป็นทุนเดิมของมันอยู่แล้วด้วย กว่าจะยอมให้คนในคณะอุ้มก็ใช้เวลาเกือบสามวันเต็ม

“ได้เลยครับ ว่าแต่…ชื่ออะไรครับ?”

“ความจริงยังไม่ได้คิดเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ศุกร์ตั้งให้หน่อยละกัน”

“อืม...” คนตัวเล็กก้มหน้ามองเจ้าลูกหมูหน้าตาน่าเอ็นดู พยายามประคองมันเอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปกองบนพื้น ขณะกำลังใช้ความคิด

ทั้งธนาและกันต์อดจะยืนลุ้นไปด้วยไม่ได้ ว่าสรุปแล้วเจ้าตัวปัญหาสี่ขานี้จะได้ชื่อว่าอะไร แต่ผ่านไปเกือบนาทีก็ยังไม่มีคำพูดใดเล็ดลอด วันศุกร์เอาแต่สบตากับหมูน้อยในอ้อมกอด คอยฟังเสียงบู้บี้ร้องออกมาเป็นครั้งคราวเหมือนอยากลงไปวิ่งข้างล่างเต็มแก่

“แน่ะ” วันศุกร์ส่งเสียงปราม เมื่อลูกหมูพยายามจะงับนิ้วเขาเข้าปาก ทำตัวเป็นหมาแบบนี้ดื้อไม่ใช่เล่นเลยนะ

“งั้นชื่อ...” เขาตัดสินใจเงยหน้ามองผู้ชายสูงใหญ่อีกสองคน ท่าทางภูมิใจไม่ได้ทำให้คำพูดที่เปล่งออกมาดูดีขึ้นเลยสักนิด “เจ้าดื้อ แล้วกันครับ”

“หา?”

“เจ้าดื้อ ไงครับ”

“อะ...เอ่อ” ธนายกมือขึ้นเกาขมับอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่านั่นคือชื่อที่ได้รับการกลั่นกรองดีแล้ว ตามมาด้วยเสียงทุ้มหาเรื่องเหมือนทุกที

“ชื่อบ้าอะไรของนาย”

“ก็เจ้าดื้อไง”

“เจ้าดื้ออะไร” กันต์ทวนเสียงห้วน เขามองหน้าวันศุกร์ด้วยสายตาผิดหวัง เพราะไม่คิดเลยว่ารุ่นน้องคนนี้จะมีสมองคิดชื่อหมูได้แค่นั้น น้องกิ๊ฟ เชอร์รี่ น้องไวน์ มีชื่อมากมายทำไมไม่เอาไปตั้ง

“ก็มันดูดื้อนะ” วันศุกร์ปล่อยให้หมูตัวจิ๋วก่ายร่างขึ้นเลียแก้มใสๆ นั่นอย่างไม่นึกรังเกียจ

“เจ้าดื้อเจ้าเด้ออะไร คิดชื่อให้มันดีๆ หน่อย อย่าแกล้งหมู”

“ไม่ได้แกล้ง เจ้าดื้อนี่แหละ ดูดิ มันก็ชอบ”

คนตัวเล็กยืนยันเสียงแข็ง พลางอุ้มลูกหมูมาจ่อหน้าเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว กันต์ก้าวถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะหยุดจ้องเข้าไปในตาของหมูสีชมพู มองๆ ดูแล้วก็เหมือนจะเหมาะกับชื่อนั้นอยู่บ้างจริงๆ เพราะส่อแววซุกซนอย่างปิดไม่มิด แทบไม่ต่างจากคนอุ้มเลยสักนิดเดียว

“เออๆ แล้วแต่ละกัน ยังไงนายก็เป็นคนเลี้ยงมันหนิ”

เจ้าของดวงตากลมจ้องคนพูดเขม็ง รีบยัดเจ้าดื้อใส่มืออีกฝ่ายที่ส่งเสียงโวยวายออกมาทันที และแน่นอนว่ากันต์ไม่คิดจะต่อสู้กับแรงถีบขาคู่ของหมูน้อย ก่อนจะปล่อยให้มันลงไปวิ่งเล่นบนพื้นคอนกรีตตามอิสระ

“ผมเลี้ยงคนเดียวที่ไหนล่ะ”

“โอเคๆ สรุปชื่อ เอ่อ...เจ้าดื้อนะ หลังจากนี้ก็ฝากกันต์กับวันศุกร์ด้วยล่ะ”

ธนายิ้มกว้าง แล้วหันไปทักทายเพื่อนคณะตัวเองที่เตรียมตัวมาช่วยกันสร้างบ้านให้สมาชิกใหม่ โชคยังดีที่คนแปลกหน้าทั้งสองไม่ต้องลงแรงอะไรมาก แค่คอยปูหญ้าเท่านั้น เมื่อรั้วไม้ถูกล้อมเสร็จเรียบร้อย วันศุกร์จึงค่อยๆ หย่อนเจ้าดื้อลงวิ่งในขอบเขตนั้น มันดูสนุกสนานและชอบใจ เอาหัวทุยพื้นเป็นว่าเล่น

กันต์เท้าแขนมองเด็กปีหนึ่งกำลังลงไปเกลือกกลิ้งกับหมูแคระด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ต่างกับทุกครั้งที่เข้าหน้ากัน ชักจะอิจฉาหมูขึ้นมานิดนึงซะแล้ว เพราะไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัวเลย คงเห็นว่าวันศุกร์เป็นเพื่อนเล่นไปแล้วสิ ถึงได้วิ่งไล่วิ่งตามกันซะสนุก ผิดกับเขาที่มองวันศุกร์เป็นแค่ใครคนหนึ่งไม่ได้ เมื่อส่วนหนึ่งในใจคอยย้ำเตือนเสมอว่า นี่คือน้องชายของหมอนั่น คนที่ทำร้ายพี่เกศ แล้วจะให้เขาทำยังไง

เสียงกรีดร้องและด่าทออย่างเจ็บปวดของพี่สาวยังคงดังก้องในสมอง คำที่เกศราใช้กล่าวถึงวันศุกร์ตลอดมาคือ อีเด็กเลว อีเด็กกาฝากที่มาแย่งความรักจากวันเสาร์ไป เมื่อเป็นอย่างนั้น จะให้เขาแบกหน้ากลับไปหาเธอ และเอ่ยชมเด็กนั่นให้ฟังได้เหรอ

ถึงได้บอกว่า โชคชะตากำลังเล่นตลกอยู่ไงล่ะ


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่หนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 08-07-2016 21:06:03
วันศุกร์ที่ 2.0



“พี่กันต์ ไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่มะ?” วันศุกร์เหล่ตามองรุ่นพี่ซึ่งเอาแต่นั่งเล่นมือถืออยู่ริมรั้ว ในขณะที่เขาต้องลงทุนกลิ้งไปมาอยู่หลายนาทีเพียงเพื่อป้อนอาหารเจ้าดื้อที่ดูจะยังไม่คุ้นกับบ้านใหม่เท่าไร

ความจริง เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่าปกติควรเลี้ยงเจ้าหมูจิ๋วในสภาพแวดล้อมแบบไหน แต่ถึงอย่างไรคณะเกษตรฯ ก็มีแค่พื้นที่ตรงนี้ที่เอาไว้เลี้ยงสัตว์ได้เท่านั้น มันเลยต้องทนๆ อยู่ไป แต่อย่างน้อยเขาก็ล้อมรั้วไว้ให้มันกว้างพอตัว ขนาดที่คนวิ่งรอบๆ ก็เหนื่อยได้เหมือนกัน แถมยังขนบ้านพลาสติกหลังใหญ่มาวางไว้ให้มันหลบแสงด้วย

“ช่วยอะไรล่ะ นายก็ทำไปสิ”

“ผมฟ้องคณบดีแน่”

“ยุ่งยากจริงเว้ย” กันต์บ่นออดแอด แต่ก็กลัวชื่อลุงตัวเองขนาดยอมลุกเข้ามานั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้ๆ สายตาจับจ้องไปยังร่างผอมบางซึ่งขณะนี้กำลังนอนคว่ำ แล้วยื่นแตงกวาหั่นใส่ปากเจ้าหมูจอมตะกละ

แค่ป้อนอาหารสัตว์นี่ต้องลงทุนลงไปนอนอ่อยเหยื่อขนาดนี้เลยเหรอ เดี๋ยวคนแถวนี้เกิดทนไม่ได้จับปล้ำขึ้นมาไม่รู้ด้วย

“ให้กินอีกนิดเดียวพอแล้วนะครับ”

“ห้ะ?” กันต์ส่งเสียงตอบกลับนึกว่าอีกฝ่ายกำลังพูดกับตัวเอง แต่ไม่ใช่ เมื่อกี้พูดกับหมู...แน่ล่ะ หมอนี่ไม่เคยจะพูดติดหางเสียงกับเขาหรอก ยิ่งน้ำเสียงหวานๆ แบบนั้นอย่าได้หวัง

“อะ พี่กันต์ป้อน”

วันศุกร์ลุกขึ้นนั่งตามเดิม แล้วยัดถ้วยใส่ผักผลไม้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำใส่มือใหญ่ เขาเลือกหยิบอาหารสีส้มขนาดเท่าลูกเต๋ายื่นออกไปจ่อปากรุ่นน้องปีหนึ่ง ที่มองเขากลับด้วยสายตาเย็นเยียบ สาบานว่าถ้าถือมีดถือปืนอยู่ คงมีคนตายตรงนี้แหละ

“ให้ป้อนเจ้าดื้อ” สายตาดุๆ ตวัดไปทางลูกหมูข้างตัว “เดี๋ยวฆ่าทิ้งซะเลย”

“ฆ่าหมูเหรอ?”

“ฆ่าพี่นี่แหละ”

กันต์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ แล้วยื่นแครอทใส่ปากเจ้าดื้อที่ดูจะมีความสุขกับการกินซะเหลือเกิน แต่ท่าทีของเจ้าดื้อต่อเขาก็ยังต่างจากเวลาอยู่กับวันศุกร์ มันยังดูประหม่า แต่กับอีกฝ่ายน่ะไม่แล้ว คลอเคลียซะยิ่งกว่าแม่

แบบนี้ ขอเป็นพ่อดีไหมเนี่ย

ครืด...ครืด...

เสียงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารของใครสักคนดังขึ้น วันศุกร์รีบกดรับสายทันทีที่เห็นชื่อพี่ชายปรากฎอยู่บนหน้าจอ น้ำเสียงหวานออดอ้อนผิดกับทุกที ทำเอากันต์ขนลุก รีบตวัดสายตาจ้องเสี้ยวหน้าหวานด้วยความรู้สึกหลากหลาย จะว่าตกใจก็ใช่ อิจฉาก็ด้วย

“พี่เสาร์จะมารับศุกร์เหรอครับ?

“อื้อ วันนี้ศุกร์อยากกินสุกี้อะ พี่เสาร์พาศุกร์ไปกินร้านเดิมของเรานะครับ”

“โอเคครับ แล้วศุกร์จะรอน้า”

ใบหน้าละอ่อนสดใสขึ้นทันตาอย่างคนอารมณ์ดีนักหนา เพียงเพราะโทรศัพท์จากคนคนเดียว น่าหมั่นไส้...

“อ้อนขนาดนี้ แฟนหรือไง?” กันต์แกล้งถาม

“พี่ต่างหาก”

“เหอะ พี่น้องเขาไม่คุยกันแบบนี้หรอก นี่ผัวเมียแล้วนาย”

“พูดจาน่าเกลียด” เด็กปีหนึ่งเริ่มขึ้นเสียง แล้วแย่งถ้วยอาหารในมือกันต์กลับมา เขาลุกขึ้นโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเจ้าดื้อที่คงยังไม่อิ่มเต็มท้อง แต่ช่วยไม่ได้ เพราะเจ้าดื้อยังเด็ก กินเยอะไปไม่ดี อีกอย่าง เขาไม่มีอารมณ์จะอยู่ตรงนี้แล้วด้วย

“พูดความจริง ใครๆ เขาก็ลือกันให้แซ่ด ว่าอดีตเดือนมหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ วันเสาร์...ชอบเล่นสวาทกับน้องชายตัวเอง”

เพียะ!

“หุบปากหมาๆ ของพี่ไปเลย”

กันติกรณ์เบิกตากว้าง แก้มขึ้นสีจากแรงตบเมื่อครู่ เขายืนค้างเติ่ง พลางหัวเราะในลำคอ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่ใครกล้าตบหน้าเขาแบบไม่กลัวตายอย่างนี้ อารมณ์ร้อนในจิตใจพาให้ลืมนึกไปเสียสนิทว่าคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ก็ร้ายกาจมากพอกัน

คนโตกว่าตวัดสายตาคมกริบกลับมา คว้าเอาข้อมือบางทั้งสองข้างไว้ได้ก็ออกแรงบีบขนาดอีกฝ่ายตีสีหน้าบิดเบี้ยว

“พี่กันต์ ปล่อยนะ ผมเจ็บ!”

“เจ็บเหรอ ที่นายตบหน้าฉันก็เจ็บเหมือนกัน”

เขาจงใจกุมกล้ามเนื้อน้อยๆ นั่นแรงขึ้นอีก จนรู้สึกเหมือนว่ามันแทบจะหักคามือ เจ้าของใบหน้าเหยเกเม้มปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นสู้เปล่งออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“ก็...ก็พี่พูดจาน่าเกลียด”

“ฉันก็พูดตามที่ได้ยินมาเท่านั้นแหละ นายร้อนตัวไปเองหรือเปล่า” พูดจบก็ผลักร่างของรุ่นน้องลงไปกองกับพื้นหญ้า แม้จะไม่เจ็บเท่าพื้นกระเบื้องอย่างวันปฐมนิเทศ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีกว่าเท่าไรนัก

“ถ้างั้นก็ช่วยจำใหม่ด้วย ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น”

วันศุกร์กระแทกเสียง ก่อนจะปล่อยให้บรรยากาศมาคุโปรยตัวเข้าใส่ กันต์จ้องหน้าเขานิ่งเหมือนจะเถียงต่อแต่ก็ไม่ทำ เจ้าดื้อเดินเอาจมูกมาจิ้มแขนที่กลายเป็นรอยปื้นสีชมพูเหมือนอยากปลอบให้ใจเย็น เขาเลือกที่จะไม่สนใจรุ่นพี่ปากเสีย แล้วอุ้มหมูน้อยขึ้นมาโอ๋ เพราะมันคงตกใจเสียงตวาดแข่งกันเมื่อครู่แย่แล้ว

“วันหลังพี่ไม่ต้องมาแล้ว ผมดูแลเจ้าดื้อเอง แล้วผมก็จะไม่ไปฟ้องคณบดีด้วย โอเคไหม”

“ไม่”

คนตัวเล็กนิ่วหน้าให้กับคำตอบแบบไม่คิดนั้น เขาล่ะพยายามคุยดีด้วยทีไร ก็ชอบหาเรื่องให้ต้องขึ้นเสียงตลอด ถ้าบอกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันนัก ก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันเลยดีกว่า สงสารเจ้าดื้อด้วย ต้องมาเจอคนนิสัยเสียแบบนี้ เดี๋ยวจะโตขึ้นมาเป็นหมูอันธพาลเสียเปล่าๆ

“ทำไมล่ะ พี่ไม่อยากเลี้ยงเจ้าดื้ออยู่แล้ว แถมเกลียดขี้หน้าผมด้วยไม่ใช่หรือไง”

เสียงขบกรามดังขึ้น พลางหลบสายตาจริงจังจากอีกฝ่าย

“ถึงนายไม่ไปฟ้อง ลุงก็มีสายสืบเป็นร้อยอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องมา”

“ถ้ามาแล้วเป็นแบบนี้ ไม่ต้องมาดีกว่า”

“ขอโทษละกันที่ไม่ใช่คนแสนดีอย่างพี่ชายสุดที่รักของนาย”

“ก็เอาแต่พูดแบบนี้ กลับไปเลยดีกว่า!”

“ขึ้นเสียงอีกแล้วนะ”

“ก็พี่…”

“อึ๊ด...อึ๊ดด”

ทั้งคู่จำใจสงบปากลงเมื่อเจ้าดื้อเริ่มร้องงอแง กันต์เหลือบมองหมูน้อยในอ้อมแขนอีกฝ่ายแล้วก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ถ้าเจ้าดื้อเป็นมนุษย์ ก็คงเป็นแค่เด็กไม่ประสีประสาอะไร ต้องมาทนฟังผู้ใหญ่ไม่เอาไหนทะเลาะกันคงไม่ดีต่อสุขภาพจิต วันศุกร์พยายามตบก้นปุๆ แล้วโน้มหน้าลงไปให้เจ้าหมูเด็กเลียแก้มอย่างที่ชอบทำ

กันติกรณ์ยืนมองภาพนั้นนิ่งๆ ก่อนจะยอมเอ่ยเสียงอ่อนลง

“เอามาให้ฉันอุ้มบ้าง”

คนตรงข้ามช้อนตามองอย่างไม่ไว้ใจนัก แต่สุดท้ายก็ยอมส่งตัวเจ้าดื้อไปไว้ในอ้อมแขนแกร่ง มันดูหวาดๆ เพราะกันต์ไม่ค่อยได้อุ้มเท่าไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถีบขาหนีเหมือนกับวันแรก

“ผมไม่ได้อยากมีเรื่องนะ ถ้าพี่ไม่หาเรื่องผมก่อน” วันศุกร์บอกเสียงเหนื่อยใจ แต่กันต์กลับยังทำหูทวนลม

เสียงกรอบแกรบของใบไม้ดังขึ้น เรียกให้ทั้งเขาและกันต์หันไปสำรวจมอง ด้านหลังเงาไม้ตรงมุมหนึ่งของโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ มีร่างโปร่งของใครบางคน ค่อยๆ โผล่ออกมา

“วะ…หวัดดี”

“พี่ธนา”

ธนายิ้มแห้งๆ แล้วเดินเข้ามาทักทายสองคู่กัด

“มาตั้งแต่เมื่อไรครับ?”

“เอ่อ ก็สักพักแล้วล่ะ แต่เห็นพวกนายทะเลาะกันเสียงดัง เลยไม่กล้าเข้าไปขัด โทษทีนะ”

วันศุกร์โบกไม้โบกมือเหมือนจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ แถมยังเป็นฝ่ายก้มหัวกลับแทน เพราะพวกเขาเอาแต่เสียงดัง คงไม่ใช่แค่เจ้าดื้อที่ตกใจ แถวนี้มีกระต่ายกับแกะเลี้ยงไว้ด้วย ก็คงกลัวไม่น้อย

“พี่ธนามาก็ดี ผมว่าจะกลับแล้ว เบื่อคนแถวนี้”

“อ่า” คนกลางอย่างเขาได้แต่ยืนเหงื่อตก เพราะรู้ดีว่าสองคนไม่ลงรอยกันเท่าไร “ยังไงก็เพลาๆ หน่อยละกัน เสียงดังไปไม่ดีนะ”

“บอกพี่กันต์เถอะ ถ้าไม่หาเรื่องผมก่อน ก็ไม่ต้องขึ้นเสียงหรอก”

กันต์ไม่เถียงเพราะคงเถียงไม่ขึ้น แต่ก็แอบนึกหงุดหงิดในใจ ว่าที่ต้องหาเรื่องน่ะ เพราะอีกฝ่ายแท้ๆ ยังไม่รู้ตัวอีก เอาแต่ออดอ้อนพี่ชายอย่างกับเด็กผู้หญิง จะไม่ให้ใครหมั่นไส้ได้ยังไง

ยิ่งเห็นว่ามีความรักให้กับวันเสาร์มากมายขนาดไหน เขาก็ยิ่งหงุดหงิดอยากแกล้งมากขนาดนั้นนั่นแหละ ไอ้เด็กติดพี่!

“เอาเถอะๆ”

“ผมก็ฝากพี่ธนาด้วยละกัน กลับล่ะครับ”

ธนายืนนวดขมับตัวเองสองสามทีหลังจากที่วันศุกร์เดินออกไปจนลับสายตาแล้ว ชักเป็นห่วงว่าสองคนนี้จะมาช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงคณะเกษตรฯ หรือจะมาพังที่นี่กันแน่ แต่ยังไงก็เถอะ กันต์กับวันศุกร์ดูทะเลาะกันเป็นสามีภรรยา พ่วงด้วยลูกอ่อนเสียมากกว่าจะเกลียดขี้หน้าอย่างปากว่าจริงๆ

คิดแล้วก็ตลกดี


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 2.0
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-07-2016 22:01:01
ไม่ดราม่าแน่เหรอคะ แล้วประเด็นพี่เสาร์รักน้องศุกร์นี่ล่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ปล.คิดเหมือนพี่ธนาเลย ว่าพอมีลูกหมูแล้วนี่ เหมือนพ่อแม่ทะเลาะกันแล้วมีลูกเป็นกาวใจ ฮา
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 2.0
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 09-07-2016 06:54:37
น่ารักจัง  รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 2.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 11-07-2016 22:48:59
วันศุกร์ที่ 2.5



เสียงดนตรีสดในร้านเหล้าบรรยากาศสบายๆ พอจะทำให้จิตใจของวันศุกร์ปลอดโปร่งขึ้นมาได้บ้าง คนตรงข้ามเขาตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นายหาญกล้า เพื่อนสมัยมัธยมที่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่คนละคณะ หมอนี่มันเรียนวิศวะ ส่วนเขาน่ะเด็กวารสารฯ

“ครับ พี่เสาร์” พยายามตะโกนผ่านเสียงจอแจในร้าน วันเสาร์ไม่ลืมที่จะโทรมาเช็คความเรียบร้อยของน้องชายสุดหวง สาบานเลยว่าถ้าไม่ใช่หาญกล้า ที่เขาเองก็รู้จักเห็นหน้าค่าตากันมานาน คงไม่ยอมปล่อยให้วันศุกร์ไปค้างกับใครง่ายๆ แน่

“นี่อยู่ไหน เสียงดังเชียว”

“ศุกร์มานั่งร้านเหล้าเป็นเพื่อนกล้าอะ”

“นั่งเป็นเพื่อน?”

“อือ แค่นั่งเป็นเพื่อนครับ” คนที่แอบฟังอยู่ รีบเอามืออุดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ นานๆ ทีจะเห็นวันศุกร์โกหกพี่ชาย ในเมื่อมือยังถือแก้วเหล้าอยู่ทนโท่

“ดีแล้ว พี่ไม่ให้ศุกร์ดื่มนะ”

“พี่เสาร์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

“แล้วก็บอกกล้าอย่าดื่มเยอะ รีบกลับด้วย”

“คร้าบ” เขาลากเสียงยาว ก่อนจะจัดแจงบอกราตรีสวัสดิ์และวางสายไป หาญกล้าซดเบียร์ในมือ แล้วหันมาตบหัวเขาเบาๆ ไปที แน่ล่ะว่าหมอนี่ไม่กล้าทำรุนแรงกับเขามากนัก หลักๆ คงเพราะกลัวพี่เสาร์มาตามฆ่านั่นแหละ

“อ้าว ไอ้กล้า”

เสียงแหกปากของใครบางคนดังขึ้นแต่ไกล กล้าหันไปมองก็พบรุ่นพี่คณะกำลังเดินตรงเข้ามาในร้าน ท่าทางสนุกสนานที่ได้เจอกัน

“เฮ้ย กูไปทักพี่เขาก่อนนะ” วันศุกร์พยักหน้า เชิงจะไล่ซะด้วยซ้ำ ส่วนกล้าถึงจะดูขี้เกเรไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยลืมเป็นห่วงเพื่อนหน้าหวานคนนี้ “นั่งดีๆ อย่าให้ใครฉุดไปล่ะ”

“เออ”

วันศุกร์มองกล้าลุกออกไปได้ยังไม่ทันจะพ้นหลัง ก็มีคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาทักถึงโต๊ะ แถมยังถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามเขาแบบไม่รอให้อนุญาตอีกต่างหาก ทรงผมสกินเฮดไม่ได้ดูแย่เท่าไรนักบนหน้าตาหล่อเหลาได้รูป

“สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนนะ”

ก็นั่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

“นี่ใช่น้องวันศุกร์ คณะวารสารฯ รึเปล่า?”

“ครับ” ศุกร์ไม่สนใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงรู้จัก บางทีเขาอาจจะดังมาจากที่ก่อเรื่องไว้วันปฐมนิเทศ หรืออาจจะเพราะหน้าตาที่ดูยังไงก็ไม่หล่อแต่กลับน่ารักผิดชายขนาดนี้ก็ได้ อันนี้ไม่ค่อยเต็มใจจะยอมรับเท่าไรหรอก แต่เพื่อนมัธยมก็คอยกรอกหูตลอดจนต้องจำนนแล้วจริงๆ

“พี่ชื่อเต็มนะ อยู่ปีสอง รัฐศาสตร์”

“ครับ”

“น้องศุกร์มาคนเดียวเหรอครับ”

ถ้าไม่ได้ตาบอดก็จะมองเห็นว่ามีแก้วน้ำของกล้าวางทิ้งไว้อยู่ แต่สงสัยคงไม่ทันสังเกตจริง เพราะตั้งแต่หย่อนก้นนั่ง พี่แกก็ไม่เห็นมองอะไรนอกจากหน้าเขาลูกเดียว

“เปล่าครับ มากับเพื่อน”

“อ้าว แล้วเพื่อนไปไหนล่ะ?”

“ไปทักรุ่นพี่”

“งั้นพี่นั่งดื่มเป็นเพื่อนน้องศุกร์นะครับ” ไม่ต้องการ แต่ก็ตามใจเถอะ

พี่เต็มพยายามชวนเขาคุยนู่นนี่นั่น ทั้งที่เขาเอาแต่ถามคำตอบคำ เรียกว่าแสดงความเย็นชาออกไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่พี่แกก็หาได้สะทกสะท้านไม่ คุยเก่งไม่พอยังชงเก่งอีกต่างหาก เพราะตั้งแต่มานั่งนี่ได้ไม่ทันไร ก็ชนแก้วกับเขาไปแล้วร่วมร้อยรอบ

ทันทีที่เต็มหุบปากได้ เขาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักพัก ก่อนจะกลับมานั่งไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม หยิบมือถือขึ้นมาไถหน้า Facebook ไปเรื่อย คอยพยักหน้าเออออตอบคนตรงข้ามที่เริ่มคุยไม่หยุดอีกระลอก ในใจชักสงสัยว่ากล้าถูกรุ่นพี่ลากไปหมกท่อน้ำหลังร้านแล้วหรือเปล่าถึงหายหัวไปเลย

“น้องศุกร์ อีกสักแก้วนะครับ”

“พอแล้วดีกว่าครับ” เขาส่ายหน้า พยายามแสดงอาการกระอักกระอ่วนให้รู้ว่าไม่ไหว แต่เต็มก็ยังไม่ลดละ จัดการเติมน้ำแข็งใส่แก้วให้เขาอย่างเอาใจ แล้วยัดกลับมาในมือ พูดขอร้องแกมกดดัน

“แก้วสุดท้ายนะครับ นะ”

“ก็ได้ครับ”

เต็มยิ้มกว้างแล้วยกแก้วตัวเองขึ้นชนด้วย วันศุกร์ดื่มน้ำสีอำพันลงคอไปอีกหลายอึก ก่อนจะหยุดแบบจริงจังเพราะเริ่มมึนหัวคล้ายว่าร้านจะหมุนได้ อีกฝ่ายดูพอใจ ก่อนจะชวนคุยต่อ ไม่รู้อดอยากปากแห้งมาจากไหน หรือที่บ้านไม่มีคนให้คุยด้วยเลยเก็บกด เขานั่งฟังไปก็เริ่มคล้อยจะหลับ

ทั้งมึน ทั้งง่วง ไม่ไหวแฮะ

สติมันเริ่ม..จะ..เลื่อนลอย...

 

 

“ตัวเบาอย่างกับนุ่น” เจ้าของผมสั้นเกือบติดหนังหัวเอ่ยขึ้นยามวางร่างไร้สติของวันศุกร์ลงบนเตียงนอน ก่อนหันมาหาผู้ชายอีกคนในห้องแคบๆ แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่เลย เพราะนี่คือห้องว่างที่เขาจ่ายเงินเช่ามาใช้คืนเดียว สายตาคำถามถูกส่งไปให้คนที่เอาแต่ยิ้มกริ่ม

“ให้ทำไรต่อเฮีย?”

“มึงก็ขึ้นไปคร่อมมัน”

“เฮียจะให้ผมปล้ำวันศุกร์เหรอ?” น้ำเสียงที่ดูตกใจ หากแฝงไว้ด้วยความหวังทำให้คนฟังไม่ชอบใจนัก รีบตรงเข้ามาผลักหัวเกรียนไปทีอย่างแรง

“จะบ้าเหรอ แค่ให้จัดฉากถ่ายรูปเฉยๆ โว้ย”

“ครับๆ” เต็มก้มหัวรับสองสามรอบ แล้วจัดแจงถอดเสื้อตัวเองออก

เขาขยับขึ้นไปบนเตียง แล้วทำท่าคร่อมร่างหมดสติไว้ น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก มันต้องใช้ความพยายามแค่ไหนที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งที่มีเด็กหน้าหวานเหมือนช็อกโกแลตวาเลนไทน์มานอนอยู่ใต้ร่าง ยิ่งพวงแก้มแดงๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ กับกลิ่นกายหอมประหลาด ปะปนระหว่างเหล้ากับสบู่ ก็ยิ่งชวนให้เมามายได้ง่ายๆ

“เฮีย ถ่ายดิ”

กันติกรณ์ควักโทรศัพท์ขึ้นหามุมที่คิดว่าเหมาะเจาะที่สุด เขาเลือกให้เห็นใบหน้าของวันศุกร์ได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ไม่สามารถเดาได้เลยว่าคนด้านบนนั้นคือใคร

“เสร็จแล้ว ลุกออกมา”

“โอ้ยเฮีย โคตรรรรน่า...อะ” เต็มโอดครวญขณะผละออกจากคนไม่ได้สติอย่างอ้อยอิ่ง ท่าทางดูร้อนลน เอาแต่กระโดดโหยงไปเหยงมาเหมือนต้องการระบายอารมณ์คุกรุ่นในใจ “เฮียให้ผมลองจริงๆ เลยก็ได้นะ อัดเป็นคลิปเลยไง ดีมะ?”

“ดีพ่อง!” เป็นอีกครั้งที่โดนฟาดแบบไม่ออมมือ

“ก็เฮียดูดิ”

รุ่นน้องต่างคณะชี้นิ้วไปทางร่างเล็กบนเตียง เขายอมรับว่าเข้าใจอารมณ์อีกฝ่ายเสียเต็มประดา เพราะวันศุกร์นั้นหน้าตาน่ารัก แถมผิวพรรณก็ดีต่างหญิง ยิ่งเนื้อตัวขาวราวกับน้ำนมก็ยิ่งน่าฝากรอยแดงๆ ไว้ด้วยมันเขี้ยว แค่มองเฉยๆ ก็คงหลับหูหลับตาเสร็จได้ไม่ยาก

“ขอสักรอบแล้วจะตั้งใจเรียน”

“ลองสิ กูได้ฆ่ามึงแน่”

สายตาดุร้ายจากกันต์ทำเอาอีกฝ่ายหัวหด เต็มเดินคอตกออกจากห้องอย่างรู้งาน ก่อนที่ทั่วบริเวณจะถูกปกคลุมด้วยความเงียบ

กันต์ย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเตียง สายตาทอดพิจารณาร่างบางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นี่ถ้าไม่มีพี่ชายขี้หวงอย่างวันเสาร์ ก็ไม่รู้ว่าจะถูกเสือสิงห์กระทิงหมาที่ไหนจับไปขย้ำเท่าไรแล้ว หัวสมองของเขาเผลอคิดอะไรอยู่นาน กว่าจะรู้ตัว มือใหญ่ก็ลูบอยู่บนแก้มเนียนใสอย่างควบคุมไม่ได้

“เพราะนายโชคร้ายที่เกิดมาเป็นน้องชายไอ้เวรนั่นเองนะ”

 

 

“ใจเย็นก่อนมึง”

“ใจเย็นห่าอะไรล่ะ!” วันศุกร์เผลอตะคอกใส่หาญกล้า ระหว่างเดินดุ่มๆ ไปทั่วมหา’ลัย

นี่คือวันซวยของเขาโดยแท้ เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในหอปริศนาโล่งเปล่า เขารีบโทรหากล้าซึ่งทิ้ง Missed call ไว้นับร้อยตั้งแต่เมื่อคืน แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียง หรือแม้จะรู้สึกตัว ราวกับจมหายเข้าไปในห้วงนิทราอันลึกสุดลึก ซึ่งนั่นไม่ใช่วิสัยการนอนของเขาเลย กล้ารีบมารับเขากลับไปแต่งตัวพลางขอโทษขอโพยใหญ่ที่ปล่อยเขาทิ้งไว้คนเดียวนานจนถูกไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้พาตัวไป

พอมาถึงมหา’ลัยในตอนเช้า ก็มีเบอร์ประหลาดส่งรูปของเขา นอนไม่ได้สติ โดยมีผู้ชายอีกคนคร่อมร่างอยู่มาให้ ดูล่อแหลมแถมยังน่าขยะแขยงทีเดียว พอลองโทรกลับไปหาเบอร์นั้นก็ติดต่อไม่ได้ ข้อความสักนิดก็ไม่มีแนบไว้อีกต่างหาก

“ไอ้เหี้ยนี่มันใคร มึงพอรู้ไหม?” กล้าถามถึงผู้ชายอีกคนในรูปซึ่งมองไม่ชัดเลยสักนิด หากแต่เขาพอจะเดาออก เพราะเมื่อคืนไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามด้วยเลย นอกจาก...

“น่าจะเป็นคนชื่อเต็ม อยู่ปี 2 รัฐศาสตร์ แต่มันไม่ใช่คนถ่ายหรอก”

“พูดเหมือนรู้”

“รู้สิ ไอ้บ้าที่คิดจะทำแบบนี้กับกูมีคนเดียว”

วันศุกร์กำมือถือตัวเองแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

“เดี๋ยวกูมานะ”

เขาปล่อยกล้าเอาไว้แล้วเริ่มสาวเท้าไวขึ้นเพื่อตามหาใครบางคน จนมาถึงโรงอาหารใกล้คณะ ตอนนี้คนกำลังพลุกพล่าน ทุกคนสนใจอาหารบนจานตัวเอง แต่เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นมา ก็กลับกลายเป็นจุดสนใจสิ่งใหม่

สายตาเกรี้ยวกราดกวาดไปเรื่อยจนหยุดลงตรงโต๊ะหัวมุม ใกล้กับตู้กดน้ำเครื่องใหญ่ กันติกรณ์กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอีกสองสามคนอย่างออกรส ไม่ทันได้สังเกตว่าเขาบุกมาถึงตัวแล้วอย่างรวดเร็ว

“อ้าว...” นั่นคือคำพูดแรกที่หลุดออกจากปาก รุ่นพี่คนอื่นได้แต่มองหน้าเขาตื่นๆ เหมือนพอจะจับทางได้ว่าเรื่องใหญ่กำลังจะปะทุในไม่ช้า

วันศุกร์ไม่เอ่ยปากทักทายให้เสียเวลา รีบคว้าแก้วน้ำแดงของใครสักคนขึ้นมาสาดเข้าใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดของกันติกรณ์ทันที

“เหี้ย!”

เออ เหี้ย!

“พี่เป็นคนทำใช่ไหม!?”

“ทำอะไรวะ!” กันต์ลุกขึ้นมาจ้องหน้าผู้ก่อเหตุเขม็ง

“ก็ไอ้รูปจัดฉากทุเรศๆ นั่นไง!”

หน้าจอมือถือฉายภาพดังกล่าวถูกยื่นออกไป ก่อนจะรีบเก็บกลับเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยทั้งอับอายและกลัวว่าคนอื่นจะหันมาเห็น สองมือผลักอกกว้างเต็มแรง

“ให้มันน้อยๆ หน่อย” กันต์ว่าเสียงแข็ง พลางกระชากข้อมือเล็กไว้แน่นจนอีกฝ่ายนิ่วหน้า เขาไม่รอตกเป็นเป้าสายตามากไปกว่านี้ ออกแรงฉุดกระชากร่างบางให้เดินตามตัวเองไปทางลานจอดรถหลังเซเว่น โดยมีสายตาเป็นห่วงเป็นใยจากเพื่อนร่วมโต๊ะส่งตามหลังมาติดๆ หากก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวาง

“ปล่อย!”

วันศุกร์พยายามแงะมือตัวเองออกแต่ก็ไม่เป็นผล รู้ตัวอีกทีก็กำลังถูกจับยัดใส่รถเก๋งสีดำคันหรู

“อยู่นิ่งๆ แล้วหุบปาก!”

“ไม่!! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลย”

“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ” กันต์ชี้นิ้วตรงรอยสีชมพูแดงบนเสื้อตัวเอง ก่อนจะกดหัววันศุกร์เข้าไปด้านใน เขารีบจับคนตัวเล็กรัดเข็มขัดแล้ววิ่งไปขึ้นรถจากอีกฟาก กดล็อกประตูทันทีเพื่อกันอีกฝ่ายหนี และเริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานแคบๆ

“จะพาผมไปไหน!”

วันศุกร์แผดเสียงแล้วปลดเข็มขัดออกจากตัว พยายามจะเข้าไปแย่งพวงมาลัย จนกันต์ต้องรีบผลักศรีษะเล็กออกห่าง และเริ่มบังคับรถด้วยมือเดียว

“จะเสียงดังทำไมวะ”

“ไอ้พี่กันต์ แอบถ่ายรูปอุบาทว์นั่นแล้วยังจับผมมาอีก เป็นบ้าอะไร!”

“เด็กนิสัยเสียอย่างนายก็สมควรถูกสั่งสอนไม่ใช่เหรอ”

“สั่งสอนอะไร แล้วใครนิสัยเสีย ผมอยู่ของผมดีๆ มีแต่พี่นั่นแหละคอยมาหาเรื่องก่อนอยู่ได้”

กันต์ทำเป็นหูทวนลมเหมือนทุกที ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้หอที่ดูหรูหราผิดจากตึกอื่นๆ ในอาณาบริเวณนี้ เขาลงจากรถมาเปิดประตูให้เด็กขี้โวยวาย คว้าข้อมือข้างเดิมลากขึ้นไปยังชั้นบนสุด ทันทีที่เข้ามาในห้อง ร่างเล็กก็ถูกโยนขึ้นเตียงขนาดคิงไซส์อย่างไร้เยื่อใย

“อะไรวะ!”

“ฟังนะ” คนตัวสูงเกริ่น พลางขยับตัวเข้ามาใกล้ วันศุกร์ได้แต่เคลื่อนถอยหลังจนชนหัวเตียงหมดทางหนี กันต์ใช้สองแขนกักตัวอีกฝ่ายไว้ ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงเย็น “ฉันปราณีแค่ไหนที่แค่จัดฉากถ่ายรูป ความจริงฉันสั่งให้คนมารุมโทรมนายยังได้”

“โรคจิต”

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบขี้หน้านาย มันก็ต้องโดนแบบนี้แหละ ถือว่าซวยเองแล้วกันนะ” เด็กปีหนึ่งมองหน้าคนพูดอึ้งๆ งงว่าทำไมถึงยังทำตัวเหมือนเป็นเรื่องปกติอยู่ได้ ทั้งที่นี่มันเข้าข่ายปัญหาทางจิตแล้ว และยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ ว่าเขาไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไร ถึงได้กลายมาเป็นของเล่นให้ไอ้บ้าตรงหน้าใช้ระบายอารมณ์แทบทุกวัน

“ผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะเลิกหาเรื่องผม”

“ไม่ต้องทำอะไร เพราะฉันจะไม่เลิก”

กันต์ขยับตัวอีกครั้ง เขาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองทีละเม็ด ขณะที่เด็กน้อยตรงหน้าเริ่มตาโตด้วยว่าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยกมือขึ้นปิดหน้าแดงๆ ที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรต่อมิอะไรอยู่ เสียงถอดเสื้อผ้าดังพอจะทำให้หัวใจของใครบางคนตื่นตูม

ก่อนที่วันศุกร์จะได้แง้มนิ้วดูสถานการณ์ เสื้อสีขาวเปื้อนกลิ่นน้ำหวานก็ถูกโปะลงบนหัว เขาลืมตาที่หลับปี๋เมื่อครู่ขึ้น ก็พบว่ากันต์ลุกออกจากเตียงไปแล้ว ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่เปิดออกพร้อมเสื้อนักศึกษาตัวใหม่ที่ถูกสวมใส่อย่างลวกๆ คนตัวสูงหันกลับมาออกคำสั่งเด็กบนเตียง

“เอาไปซัก”

“เรื่องอะไร”

เสื้อตัวใหญ่ติดกลิ่นโคโลญจ์จางๆ ถูกปากลับหาเจ้าของซึ่งรับไว้ทันพอดิบพอดี กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเหมือนกำลังจะโมโหอีกครั้ง

“นี่ฉันใจดีแค่ไหนแล้ว เอาเสื้อไปซักซะ แล้วจะลบรูปทุเรศๆ นั้นให้ โอเคไหม?” ข้อเสนอใหม่ถูกยื่นให้ วันศุกร์หยุดพิจารณาสักพักก่อนจะยอมพยักหน้า

“เออๆ”

เขาตอบรับแบบขอไปที แต่ก่อนจะลุกไปคว้าเสื้อในมืออีกฝ่ายกลับมา เสียงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นรบกวนเสียก่อน หน้าจอปรากฏชื่อ วันเสาร์ ทำเอาหัวใจเขาเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากันต์จะไม่แหกปากอะไรให้อีกฝ่ายสงสัย ไม่งั้นวันเสาร์คงได้กลายเป็นฆาตรกรฆ่าคน ถ้ารู้ว่าน้องชายสุดหวง ถูกลากมาอยู่หอใครที่ไหนแบบนี้

“ครับ พี่เสาร์”

“ห้ะ!?” วันศุกร์เผลอร้องเสียงหลง เมื่อคนปลายสายบอกว่าขับรถมาจอดรอหน้าคณะแล้ว

‘พี่จำได้ว่าวันนี้ศุกร์เลิกเที่ยง พี่เลยมารับ’

“เดี๋ยวศุกร์รีบไปครับ”

เขารีบกดตัดสายแล้วกระชากเสื้อเลอะน้ำแดงนั้นกลับมา ตั้งท่าจะวิ่งสี่คูณร้อยออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด แต่กลับถูกเจ้าของห้องคว้าแขนเอาไว้จนเกือบหงายหลัง

“ซักแล้วจะเอามาคืนให้”

“เดี๋ยว”

“อะไรอีก?”

“เดี๋ยวฉันไปส่ง ต้องกลับมออยู่แล้ว”

“ไม่ต้อง”

คนเด็กกว่าปฏิเสธทันควัน สะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วแต่ก็ยังถูกคว้าไว้อีกรอบจนได้ กันติกรณ์ไม่รอให้เขาต่อล้อต่อเถียงอะไรกลับ ก็เอื้อมมือหยิบกุญแจรถแล้วลากตัวเขาออกจากห้องแบบไม่ต้องถามความสมัครใจ เพราะยังไงก็ตั้งใจบังคับกันอยู่แล้ว!

“ปล่อยได้แล้ว” วันศุกร์ขึ้นเสียงเมื่อเดินมาถึงรถยนต์ราคาแพง

เขาเลิกคิดจะต่อกรเพราะเหนื่อยเปล่าและคงไม่ได้ผล ตอนนี้สิ่งที่ควรคิดมากเห็นจะเป็นวันเสาร์มากกว่า เขาจะอธิบายยังไงล่ะ มีผู้ชายแปลกหน้าขับรถกลับไปส่งที่คณะ มองยังไงก็แปลก มองยังไงก็น่าสงสัย ยิ่งผ่านแววตาวันเสาร์ด้วยแล้ว แค่เรื่องเล็กก็กลายเป็นใหญ่ได้ในพริบตา

ไม่กี่นาทีต่อมา รถยนต์สองคันก็วนมาเจอกันอย่างกับนัดหมายไว้ วันศุกร์ม้วนเสื้อนักศึกษาใส่มือแล้วลงจากรถด้วยความรีบร้อน วันเสาร์เปิดประตูออกมาเมื่อเห็นร่างของน้องชายตัวเอง แน่นอนว่ากันติกรณ์ไม่พลาดที่จะขอทักทายพี่ชายสุดรักของรุ่นน้องสุดเลิฟด้วย

“สวัสดีครับ พี่เสาร์”

ไม่มีคำพูดใดตอบรับ นอกจากสายตาจ้องจับผิด

“พี่เสาร์ รีบกลับกันเถอะ ศุกร์ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวแล้ว”

“อือ”

ทั้งสองเดินขึ้นรถ ไม่สนใจจะหันมาบอกลาผู้ชายอีกคนตรงนั้น บรรยากาศภายในพื้นที่คับแคบยิ่งดูอึดอัดมากขึ้น ร่างสูงเหลือบมองเสื้อนักศึกษาเปื้อนคราบน้ำแดงในมือคนเป็นน้องอย่างตั้งคำถาม

“เอ่อ...คนเมื่อกี้ชื่อพี่กันต์ เป็นรุ่นพี่ที่คณะเองครับ” วันศุกร์คลี่เสื้อในมือออกให้เห็นร่องรอยสกปรกชัดๆ “พอดีผมทำน้ำแดงหกใส่เสื้อพี่เขา ก็เลยไปเคลียร์กันนิดหน่อย”

“เคลียร์?”

“คือ...เรา เราแค่ตกลงกันว่า ศุกร์จะซักเสื้อไปคืนให้ แล้วเขาจะไม่เอาเรื่อง”

เสาร์เลิกคิ้ว อดจะสงสัยในคำแก้ตัวไม่ได้ เรื่องแค่นั้นต้องไปตกลงกันที่ไหนต่อไหนเชียวหรือ ถึงได้ขับรถกลับมาส่งอย่างนั้น แม้จะอยากเค้นถามเอาความ แต่เห็นสีหน้าลำบากใจกับใบหน้าคร่ำเครียดของอีกฝ่ายก็ทำเอาเขาใจอ่อน ยอมไม่ซักไซ้มากไปกว่านี้ก็ได้

“อือ วันหลังก็ระวังหน่อยละกัน อย่าไปยุ่งกับเขามาก”

“ครับ”

ไม่ได้อยากยุ่งอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่เข้ามายุ่มย่ามกับเขาก่อนทุกที แถมยังสร้างความปวดหัวให้ทุกรอบอีกต่างหาก น่ารำคาญจะตาย!


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 2.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-07-2016 10:40:12
อดเห็นใจวันศุกร์ไม่ได้ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแท้ ๆ ต้องมารับกรรม
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 2.5
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 12-07-2016 15:12:15
พี่กันต์โรคจิตเกินไปแล้ว ระวังน้องกลัวจนหนีนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 3.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 15-07-2016 20:59:36
วันศุกร์ที่ 3.0



‘เอาเสื้อไปคืนเขาแล้ว ก็เลิกยุ่งเกี่ยวกันได้เลยนะ พี่ไม่ชอบขี้หน้า’

ถึงแม้ว่าเสาร์จะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่คนที่เสาร์ไม่ชอบขี้หน้าน่ะ ก็บังเอิญไม่ชอบขี้หน้าเขาเช่นกัน แถมยังไม่ได้บอกเลยว่า คนนี้แหละที่กำลังถูกลงโทษให้เลี้ยงหมูด้วยกันอยู่

“พี่ๆ” วันศุกร์ตะโกนเรียกผู้ชายร่างสูงโปร่ง ที่เพิ่งเดินออกมาจากโรงอาหาร แต่ดูเหมือนฝ่ายถูกเรียกจะไม่รู้ตัว เขาถึงต้องรีบวิ่งข้ามถนนเส้นเล็กเข้าไปดักหน้าไว้

สายตางุนงงระคนตกใจ ฉายผ่านเลนส์แว่นตากรอบดำตามสมัย

“พี่เป็นเพื่อนพี่กันต์ใช่ปะครับ?”

“อือ มีอะไรเหรอ?” เจ้าของทรงผมอันเดอร์คัทถามขึ้นอย่างแปลกใจ

อย่างกับว่าเขาจะไม่รู้จักรุ่นน้องชื่อดังตรงหน้า วันศุกร์ถูกพูดถึงไปทั่วจากเหตุการณ์วันปฐมนิเทศคณะ แต่ก็ยังคงถูกกล่าวขานเรื่อยมา เพราะใบหน้าหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ยิ่งประกอบกับสัดส่วนรูปร่างไม่สมชายเท่าไรนัก ก็ยิ่งพาให้ทั้งหญิงสาวชายใหญ่ ลุ่มหลงกันไปต่างๆ นาๆ พอถูกวางตำแหน่งให้เป็นคู่กัดอันดับหนึ่งของกันติกรณ์ หลานชายคณบดีสุดเจ้าเสน่ห์ เพื่อนตัวดีของเขาเอง ยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้กันต์พูดถึงไม่ขาดปากขนาดนั้น แต่เขาก็เพิ่งได้เห็นหน้าชัดๆ วันนี้นี่แหละ

น่ารัก น่าฟัด อย่างที่กันติกรณ์พร่ำเพ้อนักหนาไม่ผิดเพี้ยน

“ผมฝากเอาเสื้อไปคืนพี่กันต์หน่อยได้ไหมครับ” เสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดถูกพับใส่ถุงอย่างดี ยื่นไปตรงหน้า เขาเกือบเผลอรับมาแล้วถ้าไม่ใช่ว่ามีลางสังหรณ์จะถูกเพื่อนรักแพ่นกบาล เพราะเสือกไม่เข้าเรื่อง

“พี่ว่าเราเอาไปคืนมันเองดีกว่านะ”

“ทำไมอะ พี่ชื่ออะไรนะครับ?”

เจ้าของใบหน้านิ่งเฉย ขยับแว่นตาเล็กน้อย

“พี่ชื่อตรีวิทย์ เรียกตรีเฉยๆ ก็ได้”

“ผมชื่อวันศุกร์นะครับ” คนตัวเล็กแนะนำตัว แม้จะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงรู้จักเขาอยู่แล้ว ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างมีจริตออเซาะ นึกเจ็บใจเล็กๆ ที่ใครต่อใครในชีวิตเขา ต่างก็ล้วนมีส่วนสูงนำโด่งจนน่าหมั่นไส้ทั้งนั้น

“พี่ตรี ช่วยเอาไปคืนพี่กันต์ให้ผมหน่อยนะครับ นะนะ ผมไม่อยากเจอหน้าพี่กันต์อะ”

เปรี๊ยะ

ราวกับมีเอฟเฟคฟ้าผ่าลงกลางหัว ถ้าแว่นแตกได้ก็คงแตกไปแล้ว สาบานเลยว่าถ้ากันติกรณ์ไม่ได้เล็งวันศุกร์ไว้ เขาคงไม่รีรอที่จะขอแข่งทำคะแนนด้วยเป็นแน่ เด็กบ้าอะไรเนี่ย ขี้อ้อนซะจนอยากหยิกแก้มแดงๆ นั่นสักที สายตาหวานเยิ้มคล้ายจะยั่ว คงไม่พ้นมือมารสักคนแน่ๆ

“เอ่อ...” ตรีวิทย์กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ “ไปคืนมันเองเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปหา”

เขาพูดรัวเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายใช้แผนสูงอีก แล้วรีบสาวเท้าไปทางรถเบ๊นซ์สป็อตสีเงินวาว วันศุกร์ฮึดฮัด แต่ก็ต้องยอมขึ้นรถไปด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้ ช่างเถอะ แค่คืนซะแล้วก็กลับ จะได้จบเรื่อง

“นี่เรากำลังไปหอพี่กันต์เหรอครับ”

“อือ พี่ต้องเอาชีทไปให้มันอยู่แล้ว”

เป็นอีกครั้งที่เขาต้องมาเยือนหอหรูสุดในย่าน ตรีเดินผ่านรปภ.ไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าห้องคุ้นเคย เขาเคาะประตูสองสามครั้ง ยืนรอเพียงครู่หนึ่ง เจ้าของห้องถึงลากสังขารออกมาเปิดประตูให้ ใบหน้าหล่อเหลาดูเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งแทบไม่ต้องเดาเลย

ตรีวิทย์ทอดสายตาเย็นชาไปให้ร่างเกือบเปลือยของหญิงสาวนิรนามบนเตียง เธอดูตกใจไม่น้อย รีบควานหาเศษเสื้อผ้ากลับขึ้นใส่

“พาเด็กที่ไหนมาวะไอ้ตรี” กันต์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นว่าใครติดสอยห้อยตามมาด้วย

วันศุกร์เอาแต่เดินหลบหลังตรีวิทย์เข้าไปด้านใน ใบหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อนึกว่ากันต์กับผู้หญิงคนนี้เพิ่งทำอะไรลงไป ทุเรศซะไม่มี วันๆ คงเอาแต่พาผู้หญิงคนนั้นที คนนี้ที มานอนกกล่ะสิ

“เบลกลับเองได้ใช่ไหม?” เจ้าของห้องหันไปถามสาวสวยที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จหมาดๆ เธอดูช็อกกับคำพูดเสมือนไล่ แต่เมื่ออ้าปากจะเถียงก็เจอกับสายตาดุดันแบบที่เรียกร้องอะไรต่อไม่ได้ เธอไม่มีสิทธิ์นั้น ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์นั้น

ผู้ชายชื่อกันติกรณ์ มีผู้หญิงผู้ชายมากหน้าหลายตาให้ควงหรือนอนด้วย เขาไม่จำเป็นต้องง้อใคร ทุกคนเท่าเทียมกันคือการอยู่ในฐานะ ‘ของเล่น’ ชั่วคราว

“อืม”

หญิงสาวพูดเสียงเรียบพอให้กันต์ยิ้มออก อย่างน้อยคนนี้ก็ไม่ได้งี่เง่าเท่าไรนัก เขาเดินไปส่งเธอแค่ไม่กี่ก้าวถึงหน้าประตู ก่อนโน้มลงจูบลาเป็นครั้งสุดท้าย ตรีวิทย์ดูจะชินกับภาพตรงหน้า ผิดกับวันศุกร์ที่รีบเบือนสายตาหนี

“เอาล่ะ ว่าไง พวกนายมาทำอะไร?”

“กูเอาชีท MK มาให้” ตรีโยนกระดาษปึกหนึ่งไว้ปลายเตียง ก่อนจะหันไปดึงคนตัวเล็กด้านหลังออกมาเผชิญหน้า “ส่วนวันศุกร์ เอาเสื้อมาคืนมึง”

“ไหน เอามาดูซิ ซักสะอาดปะเนี่ย”

กันต์กระดิกนิ้วเรียกเด็กที่ยังคงยืนตัวแข็งทื่อ เขาพาตัวเองมานั่งยกเท้ารอแถวหัวเตียง ท่าทางสบายใจเฉิบ ทำไมชีวิตของเขาถึงโชคดีจัง เมื่อคืนมีสาวนอนด้วยไม่พอ วันนี้ยังมีหนุ่มน้อยมาหาถึงที่อีก ถึงแม้สีหน้าอีกฝ่ายจะดูกล้ำกลืนฝืนทนมากก็เถอะ

“สะอาดกว่าจิตใจพี่ละกัน” วันศุกร์จงใจกัดแรงๆ ระหว่างยื่นถุงกระดาษในมือไปให้ ตรีที่ได้ยินถึงกับหลุดหัวเราะ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวโต๊ะเขียนหนังสือ

“ปากดี”

สงสัยต้องขอชิมสักวันแล้วงั้น

เขาหยิบถุงมาเปิดดูแค่ไม่กี่วิ ก็โยนทิ้งไว้ข้างตัว ก่อนหันไปสนใจชีทวิชา Marketing Communication ตรีเองก็เริ่มเปิดมือถือออกมาเล่นเกม จนวันศุกร์หมดเหตุผลในการยืนหัวโด่ตรงนี้ อีกอย่างก็ไม่ได้อยากมาแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ

“งั้นผมกลับละ”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ” กันต์รีบคว้าแขนบางเอาไว้ ในหัวประมวลหาคำพูดดีๆ จะรั้งคนตรงหน้า แต่ที่สุดกลับเป็นตรีวิทย์ที่ช่วยเขาไว้ได้ทันถ่วงที

“ไปกินข้าวกับพวกพี่ก่อนได้ไหม แล้วเดี๋ยวพี่กลับไปส่งที่มอ”

“เออ หิว”

“แต่ผมไม่หิว เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้”

ไม่มีใครพูดอะไรอีก ทั้งตรีและกันต์รวมหัวกันทำเป็นหูทวนลม แล้วจัดแจงลากแขนเขาลงไปยังร้านอาหารตามสั่งใต้หอข้างๆ

“ก็บอกว่าไม่หิวไงครับ”

“เอาน่า กินๆ ไปเถอะ ไอ้กันต์เลี้ยง”

คนถูกพาดพิงเพียงแค่ไหวไหล่ แล้วกลับไปตอบแชทสาวๆ ในไลน์ต่อ กันติกรณ์เขยิบเก้าอี้เข้ามาจนแทบจะติดเด็กปีหนึ่งด้านข้าง มีสายตาของตรีวิทย์คอยสังเกตอยู่ตลอดเวลาจากฝั่งตรงข้าม เขาอยากจะขำดังๆ ให้เพื่อนคนนี้ แม้ปากจะคอยหาเรื่องเขา แต่ในใจกลับชัดเจนว่าชอบเขา ทำตัวเป็นเด็ก น่าหัวเราะจริง

วันศุกร์ดูจะพิเศษกว่าคนอื่น ในฐานะเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยม เขากล้าพูดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ปกติกันต์ไม่จำเป็นต้องคอยกระแซะเข้าไปหาใครก่อนก็มีคนเดินมาเสนอตัวให้อยู่แล้ว และทั้งๆ ที่กันต์เป็นพวกเจ้าชู้ปากหวาน แต่นี่กลับแอ๊บปากหมาใส่อีกฝ่ายเสียอย่างนั้น

มันแปลก แต่ก็น่าลุ้น ว่านี่จะเป็นตัวจริงของไอ้เพื่อนตัวดีได้หรือยัง

“สองคนกินไร?” ตรีเอ่ยปากถาม หลังจากจดเมนูราดหน้าของตัวเองลงกระดาษเรียบร้อยแล้ว

“ข้าวคะน้าหมูกรอบ / คะน้าหมูกรอบครับ”

“แค่นี้ต้องเลียนแบบด้วยหรอ” กันต์รีบหันไปหาเรื่องทันที เมื่อทั้งคู่เผลอสั่งอาหารแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย วันศุกร์เองก็ใช่ว่าจะเคยยอมที่ไหน

“ผมสั่งก่อน”

“ฉันพูดก่อนต่างหาก”

“พี่น่ะแหละ ลอกผม”

“นายนั่…”

“พอเลยๆ สรุปเอาข้าวคะน้าหมูกรอบสองจานนะ” ตรีโบกมือปราม เพราะเห็นว่าป้าเจ้าของร้านกำลังยืนรอ

“ไม่เอาแล้ว ผมจะกินข้าวผัดกุ้ง”

“งั้นกูเอาราดหน้าแบบมึงก็ได้”

เออดี ขอบคุณสังคม สรุปก็ไม่มีใครได้กินของที่ปากอยากจริงๆ ทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้จะต้องอะไรนักหนา บางทีมนุษย์เราก็ซับซ้อนพอตัวนะ เพราะแค่จะทำตามหัวใจ ยังไม่ยอมกันเลย

ทันทีที่อาหารวางบนโต๊ะ วันศุกร์ก็รีบจัดการอย่างรวดเร็ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลาเป็นพักๆ หวังจะกดดันรุ่นพี่เฉื่อยแฉะทั้งสอง

“ผมเข้ามอเองก็ได้นะครับ เดี๋ยวมีเรียนตอนบ่ายต่อ”

“อ้าวเหรอ ทำไมไม่บอก งั้นไปเลยไหม?” ตรีรวบช้อนทั้งที่ยังกินไม่หมด ผิดกับกันต์ซึ่งยังเอาแต่นั่งลอยชายไม่สนใจสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น

“ไอ้กันต์ เร็วดิ น้องมีเรียน”

“แต่กูยังไม่อิ่มเลย”

“ช่างเถอะครับพี่ตรี ผมไปเองดีกว่า ขอบคุณมากนะครับ” วันศุกร์วางเงินทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วตั้งท่าจะออกจากร้าน ตรีหันไปถลึงตาใส่เพื่อนตัวเอง ก่อนที่สมองจะประมวลให้ร่างกายเขาลุกขึ้น

“วันศุกร์เดี๋ยวก่อน พี่ไปส่ง”

คำพูดและการกระทำของตรีวิทย์ทำเอาอีกคนตรงนั้นจำยอมลุกขึ้นตามมา แบงค์ห้าร้อยถูกส่งให้เจ้าของร้านโดยไม่คิดจะรอเงินทอน สายตาเย็นๆ หันมองไอ้คนเอาหน้าเมื่อครู่เหมือนต้องการจับผิด ขณะเดียวกันก็ดูราวกับจะเตือน เหมือนว่าอย่ามายุ่งกับของของคนอื่นแบบนั้น

ทั้งที่ความจริง วันศุกร์ก็ยังไม่ได้เป็นของใครสักหน่อย

“จะไปก็ไป”

รถยนต์คันงามจอดเทียบหน้าป้ายคณะ วันศุกร์ก้มหัวขอบคุณตรีวิทย์อีกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าตึก เขาคอยมองตามหลังรุ่นน้องจนแน่ใจแล้วจึงเริ่มเคลื่อนตัว พร้อมกับน้ำเสียงคร่ำเครียดจากเบาะด้านข้าง

“ไอ้ตรี หมายความว่าไง”

“อะไร?”

“มึงไปส่งวันศุกร์ที่หอกู แล้วยังเอาใจกันขนาดนั้น นี่มึงคิดอะไรอยู่ใช่ไหม?”

ตรีวิทย์หัวเราะ แกล้งพูดจาแหย่อีกฝ่ายเล่น “แล้วถ้ากูคิดล่ะ”

“ไอ้ตรี!”

“มึงก็มีเด็กๆ ในสต๊อกตั้งเยอะ แบ่งมาให้กูคนเดียวไม่เดือดร้อนมั้ง”

“ไม่ใช่คนนี้” กันต์คำรามเสียงต่ำ เขาชักอยากต่อยปากไอ้เพื่อนข้างๆ ดูสักที ข้างนอกก็ชอบทำเก๊กเป็นรุ่นพี่แสนดี ท่าทางเป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้ แต่ข้างในมันก็ปีศาจร้ายพอกันล่ะวะ

“กันต์ ตอนนี้มึงก็แค่ถูกใจน้องเขา เลยอยากเล่นสนุกด้วย แต่ต่อไปเดี๋ยวมึงก็เบื่อแล้ว เหมือนทุกๆ คนที่ผ่านมานั่นแหละ”

คนถูกกล่าวหาตั้งท่าจะเถียง แต่กลับต้องกลืนคำพูดลงคอเพราะเขาไม่กล้าฟันธงได้เลยจริงๆ ความรู้สึกของเขาที่มีให้วันศุกร์คืออะไร แค่ถูกใจเท่านั้น? หรือเพราะว่าเป็นน้องชายคนที่นึกเกลียด เลยยิ่งอยากเข้าไปแกล้งใกล้ๆ เท่านั้นเหรอ?

มันเป็นยังไงกันแน่ เขาก็ยังไม่รู้ตัวเองเลย...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 3.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 26-07-2016 23:02:56
วันศุกร์ที่ 3.5



[ Thanakha: เจ้าดื้อหายไป! ]

ข้อความจากธนายังคงปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องบาง วันศุกร์วิ่งไม่คิดชีวิตไปยังโรงเลี้ยงสัตว์ ท้ายคณะเกษตรฯ หลังจากนั่งมอเตอร์ไซค์มาทันทีที่เลิกคลาส มีธนากับรถ BMW สีดำจอดรออยู่แล้ว ไม่นานนัก ร่างสูงบนรถก็เคลื่อนตัวลงมารวมกลุ่มด้วย

“มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”

“มีรั้วส่วนหนึ่งพังลงมา แล้วประตูโรงเรือนก็เปิดทิ้งไว้ ทำให้เจ้าดื้อหนีไป ไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว”

วันศุกร์กวาดตามองรั้วไม้ที่โค่นลงอยู่แผงสองแผง ไร้วี่แววหมูน้อยคุ้นตา คนตัวเล็กยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความกังวล ธนาเองก็ได้แต่ตบบ่าเขาเพื่อให้กำลังใจ แม้ว่าฝ่ายนั้นก็ตีหน้าเครียดไม่แพ้กันอยู่

“เราแยกกันตามหาดีไหมคะ อาจจะยังอยู่ในมอนี่แหละ” เด็กคณะคนอื่นหันมาแนะนำ

“ผมแจ้งไปทางอาจารย์แล้ว เขาจะรีบประสานเรื่องให้ประกาศผ่านลำโพงมหา’ลัยอย่างเร็วที่สุด”

“อือ งั้นทุกคนมาช่วยกันนะ”

ธนาหันไปสั่งทั้งเพื่อนและรุ่นน้องตรงนั้น ให้กระจายตัวกัน บางคนเดินเท้าเพื่อตรวจสอบทั่วบริเวณโรงเลี้ยงสัตว์และคณะ บางกลุ่มก็ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาดูตามจุดที่ไกลออกไป

“พี่กันต์ เราก็ไปกันเถอะ” วันศุกร์รีบหันไปกระตุกแขนเสื้อคนข้างตัว

ตอนนี้เขาคงปฏิเสธอะไรไม่ได้ เพราะเด็กตรงหน้าดันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ขนาดนั้น ถ้าเขายังกล้าใจร้ายใส่ คงรู้สึกผิดไปอีกนาน คนตัวเล็กวิ่งขึ้นรถก่อนหน้าเขาซะอีก ท่าทางร้อนใจแสดงออกมาชัดเจนแบบไม่คิดปิดบังสักนิด

เจ้าดื้อ เขาก็เป็นห่วงนะ แต่ตอนนี้เริ่มเป็นห่วงแม่มันอีกคนแล้วสิ

“พี่กันต์ ขับช้าๆ นะ”

“อือ”

หางตาเหลือบมองเด็กบนเบาะข้างคนขับ กำลังเกาะขอบกระจก พลางกวาดสายตาไปทั่วบริเวณเท่าที่จะมองเห็น น้ำเสียงสั่นเครือของอีกฝ่ายเล่นเอาเขาใจหายวูบ

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวก็เจอ”

“แล้วถ้าไม่เจออะ” วันศุกร์หันมามองหน้าเขาช้าๆ หัวคิ้วสองข้างขมวดมุ่นไม่น่าดู

“ก็อย่าคิดอย่างนั้นสิ”

“เป็นห่วงเจ้าดื้อ มันยังตัวเล็กอยู่เลย มันโดนรถชนได้นะพี่”

“เฮ้ยๆ อย่าพูดเรื่องไม่ดีได้ไหมเล่า” แล้วก็อย่าพูดไป น้ำตาคลอไปแบบนั้นด้วย คนใจไม่ดีน่ะมันจะกลายเป็นเขาเองรู้ไหม

“เจ้าดื้อ อยู่ไหน”

คนตัวเล็กหันกลับไปทางกระจกรถอีกครั้ง เริ่มส่งเสียงเพ้อๆ เหมือนคนโดนของ ท้องฟ้ายามโพล้เพล้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มใกล้มืดเต็มที สักพักเสียงโทรศัพท์ของวันศุกร์ก็ดังขึ้น ชื่อพี่ชายจอมหวงปรากฏบนหน้าจอ ทำให้เขาต้องรีบปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ

“ครับพี่เสาร์”

“ศุกร์อยู่ไหน ลุงชัยแกไปรอนานแล้วนะ”

“พี่เสาร์บอกให้แกกลับบ้านเลย คืนนี้ศุกร์จะค้างหอเพื่อน”

“คืนนี้เนี่ยนะ มีอะไร ทำไมต้องค้าง?”

วันเสาร์ถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เย็นวันศุกร์แบบนี้ แถมวันจันทร์หน้ายังเป็นวันหยุด เด็กหอน่าจะกลับบ้านกันซะส่วนใหญ่ไม่ใช่เหรอไง เพื่อนวันศุกร์ที่พอจะสนิทใจไปค้างด้วยได้ก็มีไม่กี่คน ตัวซี้อย่างนายหาญกล้าเองก็ต้องกลับบ้านแน่นอน เพราะวันก่อนเจอคุณป้าสมจิตร แม่ของกล้า ยังบ่นคิดถึงลูกอยู่ไม่ขาดปาก น่าสงสัย...

“ก็...ก็ต้องทำงาน”

“กับใคร?”

“เพื่อนที่คณะ พี่เสาร์ไม่รู้จักหรอกครับ เดี๋ยวไว้ศุกร์แนะนำให้วันหลังนะ ตอนนี้ยุ่งมากเลย ไว้ค่ำๆ ศุกร์โทรหานะครับ” คนตัวเล็กพูดรัวเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโต้กลับ น้ำเสียงอ้อนๆ ท้ายประโยคคงพอจะทำให้เสาร์ใจเย็นลงบ้าง และยอมวางสายไปแต่โดยดี กลายเป็นรุ่นพี่ข้างตัวเสียนี่ที่ออกอาการไม่พอใจอะไรขึ้นมาอีกแล้ว

“อ้อนพี่ชายตัวเองแบบนั้น ไม่อายบ้างเหรอ?”

“อะไร”

“ฉันล่ะอายแทน เวลาได้ยินนายพูดจาเสียงหวานใส่พี่ชาย คือแบบ พวกนายเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ ไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆ เหรอ”

วันศุกร์กลอกตาแล้วเลือกที่จะไม่ตอบ กันต์ก็เป็นแบบนี้ อยู่ดีๆ อยากจะร้ายก็ร้ายขึ้นมาเลย แล้วนี่ก็วกกลับเข้าเรื่องเดิมๆ เหมือนตอนอยู่ในคอกหมู ทั้งที่เคยทะเลาะเสียงดังกันมาแล้ว กลับไม่เข็ดไม่จำ เหมือนอยากหาเรื่องเขาในจุดนี้อยู่ตลอดเวลาจนชักน่ารำคาญ

เขาจะอ้อนพี่ชายตัวเองมันก็สิทธิ์ของเขาไหมล่ะ ทำแบบนี้เรียกง่ายๆ ว่าเสือก

“นี่นายคงไม่ได้ทำตัวออดอ้อนกับผู้ชายทุกคนหรอกนะ”

“...”

“กับธนาก็คุยดี กับไอ้ตรีก็ไม่เว้น แล้วยังมีใครน้า ไอ้เด็กเสื้อช็อปนั่นอีก”

คนตัวเล็กเริ่มขมวดคิ้วยุ่ง ไม่ค่อยชอบใจนักกับการถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม แถมยังแย่ไปอีกขั้นเมื่อกันต์ดันมารู้จักหาญกล้าด้วย แบบนี้เหมือนโดนสะกดรอยตามยังไงไม่รู้ โรคจิตหรือเปล่า หาเรื่องเขายังพอว่า คงจะไม่ลามไปถึงเพื่อนๆ ของเขาหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นล่ะเจอดีแน่

“ผมก็คุยดีกับควรที่สมควรดีด้วย ไม่ได้อ้อนอะไรสักหน่อย บ้าเปล่า”

เสียงจิ๊ดังขึ้นอย่างจงใจให้ได้ยิน ก่อนที่กันต์จะเหยียบคันเร่งหนักขึ้นแบบไม่บอกกล่าว วันศุกร์รีบใช้สองแขนยันคอนโซลแล้วตวัดสายตาตำหนิไปให้

“พี่กันต์ จอด!” มือเล็กพยายามเอื้อมมาแย่งพวงมาลัยไป จนเกิดเหตุชุลมุนไปชั่วขณะ กันต์รีบพักรถไว้ข้างทาง ใกล้กับคูน้ำท้ายมอ เพิ่งสังเกตว่าท้องฟ้ามืดตัวลงแล้ว พวกยุงก็พากันออกบินว่อนไปทั่ว

“เป็นบ้าอะไร!”

“ผมต่างหากที่ต้องถาม อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องขึ้นมาอีก ผมไม่อยากคุยด้วยแล้ว!” วันศุกร์ตวาด ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ กันติกรณ์ขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วรีบวิ่งตามไปคว้าข้อมือบางไว้เหมือนทุกที

“จะไปไหน”

“ไปหาเจ้าดื้อ”

“ก็ขึ้นรถ”

“ไม่! ไม่อยากอยู่กับพี่แล้ว รำคาญ” เขาไม่กลัวที่จะพูดตรงๆ

“แล้วจะเดินหาไปเรื่อยๆ น่ะเหรอ บ้าหรือเปล่า”

“ก็ดีกว่าอยู่ทะเลาะกับพี่นั่นแหละ”

“วันศุกร์ ขึ้นรถ” กันต์กดเสียงต่ำ พลางบีบข้อมือเขาแน่นขึ้นอีก

“ปล่อย!”

“มันมืดแล้วไม่เห็นเหรอ จะเดินหาเจ้าดื้อทั้งคืนเลยหรือไง ไป ขึ้นรถ” วันศุกร์ยังคงยืนนิ่ง จนกันต์ต้องยอมลดระดับเสียงลงอีกหน่อย “ฉันจะไม่พูดเรื่องนั้น โอเคไหม?”

“ความจริงพี่ควรขอโทษผม”

“มากไป…” คนโตกว่ากระชากแขนบางเข้าหาตัว เพื่อส่งสัญญาณให้กลับไปทางยานพาหนะที่จอดทิ้งไว้ แต่ก่อนจะได้เคลื่อนย้ายตัว เสียงประหลาดกลับดังขึ้นเรียกความสนใจไว้ก่อน

“อู๊ด...”

“เจ้าดื้อ!” เสียงแหลมเล็กเผลอตะโกนออกมาดังลั่น วันศุกร์สะบัดมือออกจากฝ่ามือหนาแล้วเริ่มกวาดสายตาไปทั่ว “เจ้าดื้อ อยู่ไหน”

“อู๊ด..อู๊ด...”

ทั้งสองคนพากันเดินตามเสียงเรียก ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าคูน้ำที่อย่าเรียกว่าคูน้ำเลย เพราะมันกลายเป็นลำธารโคลนขนาดหย่อมไปแล้ว เนื่องจากพื้นที่ท้ายมหา’ลัยตรงนี้ เป็นพื้นที่รกร้าง ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง และไม่ได้รับความสนใจมานานหลายปี

เจ้าหมูจอมซนยืนชิดกำแพงอิฐ เนื้อตัวเปื้อนคราบไคลโสโครก เท้าเล็กๆ ไม่กล้าก้าวไปไหนเพราะกลัวจะไถลตกบ่อโคลนซ้ำอีกรอบ

“ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง!” เด็กปีหนึ่งถึงกับกุมขมับ พยายามนึกภาพตามก็ลงตัวที่ว่า มันน่าจะวิ่งมาแถวนี้แล้วลื่นตกบ่อโคลน แต่ด้วยความโง่จึงตะกายตัวขึ้นผิดฝั่ง จนกลายเป็นว่าถูกล้อมกรอบเสียอย่างนั้น

อ้วนแล้วยังโง่อีก บ้าจริง

“เจอแล้วก็โทรให้นายธนามาจัดการ...เฮ้ย!” กันต์ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นคนข้างตัวพยายามหย่อนขาลงไปในบ่อน้ำเน่าเหม็นแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง

เขารีบวิ่งไปจะคว้าร่างผอมบางนั้น แต่ก็ไม่ทันการ

“วันศุกร์!”

หัวคิ้วสองข้างขมวดมุ่นเมื่อเห็นภาพอีกฝ่ายกำลังแหวกว่ายไปยังพื้นดินอีกฝัง เนื้อตัวเปื้อนสีน้ำตาลอมเขียวไม่น่าดู บอกตรงๆ ว่าเขารู้สึกขยะแขยงแทน ไม่รู้ว่ากล้าลงไปได้ยังไง

“เจ้าดื้อ มานี่” วันศุกร์กวักมือเรียกหมูตัวจิ๋วที่กำลังสั่นด้วยความกลัว

เมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ เจ้าดื้อก็เริ่มวางใจมากขึ้น มันค่อยๆ ก้าวขาไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างชั่งใจ ที่สุดจึงโดดเข้ามาในวงแขนสกปรกได้พอดิบพอดี วันศุกร์รีบกอดสัตว์เลี้ยงสุดหวง แล้วปีนกลับขึ้นฝั่ง ไร้ความช่วยเหลือใดๆ จากคนที่ยังยืนหน้าบูดหน้าเบี้ยว แล้วจงใจส่งเสียงฟึดฟัดแบบไม่ปิดบังท่าทางรังเกียจ

“ทำไมไม่รอให้ธนามาจัดการ จะลงไปเองทำไม เลอะเทอะหมด”

ไม่ช่วยแล้วยังพูดมาก

“เรื่องของผม”

วันศุกร์ยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าดื้อที่เอาแต่ซุกหน้าเข้ากับแผงอกเปรอะเปื้อน กลิ่นไม่พึงประสงค์เริ่มลอยฟุ้งจนแม้แต่ตัวเขาเองยังต้องย่นจมูก นึกอยากอาบน้ำสักร้อยรอบเดี๋ยวนี้เลย

“แล้วนี่จะไปไหนต่อ?”

“หอ...”

เขาพูดเสียงในลำคอ ลืมนึกไปว่าหาญกล้าไม่อยู่ และเขาก็ยังไม่ได้สนิทกับเพื่อนใหม่คนไหนมากพอจะขอไปนอนด้วยได้ ถ้าจะมีใครที่พอเจรจาไหวก็เห็นจะเป็น...

“หอพี่อะ”

“ห้ะ?” กันต์โพล่งเสียงดัง รีบถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู “ไปไหนนะ?”

“ไปหอพี่อะ คืนนี้ขอค้างด้วยดิ”

เชี่ย...

ดีใจ แต่ยิ้มไม่ได้

“ได้ปะ?” คนตัวเล็กถามซ้ำ พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกจนแสบจมูกไปหมด หยุดทำหน้าตาน่ารักทั้งที่กำลังตัวเหม็นหึ่งได้ไหม ถ้าไม่ติดว่าตัวเปื้อนโคลนเขาคงอยากรีบอุ้มขึ้นรถแล้วตรงกลับห้องซะเลย

“เออ...จ่ายค่าน้ำค่าไฟมาด้วยละกัน”

วันศุกร์พยักหน้าหงึกหงัก แต่กลับหันหลังให้เขาเสียเฉยๆ

“เอ้า แล้วนี่จะไปไหน”

“เอาเจ้าดื้อไปคืนคณะเกษตรฯ”

“แล้วจะไปยังไง”

“เดิน”

กันติกรณ์เลิกคิ้ว ขณะที่วันศุกร์ไล่สายตาลงมองเนื้อตัวตัวเอง สกปรกยิ่งกว่าหมูหมกโคลนแบบนี้ คงไม่มีหน้าเดินขึ้นไปนั่งรถหรูราคาแพงหูฉี่ กันต์เองก็เพิ่งเข้าใจ ความคิดในหัวเริ่มตีกันมั่วด้วยความลังเล ความรู้สึกที่ว่าไม่อยากให้รถเปื้อนน่ะมีแน่ แต่โชคดีของเด็กนี่ที่ความรู้สึกเป็นห่วงมันมากกว่า

“ขึ้นรถ” เขาพูดเสียงต่ำ เอื้อมดึงมือเปียกชื้นกลับไปทางยานพาหนะด้านหลัง วันศุกร์ดูแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

หย่อนตัวลงน้ำเน่าในเวลาหัวค่ำทำให้ความเย็นตรงเข้าจับ แต่มือใหญ่กลับแผ่ความอบอุ่นออกมาจนสัมผัสได้ จากที่ควรหนาว เลยแทบจะกลายเป็นร้อนผ่าวเสียอย่างนั้น

บ้าชะมัด...

พวกเขารีบติดต่อธนาและนำเจ้าหมูจอมดื้อสมชื่อคืนให้เด็กในคณะจัดการต่อ จากนั้นจึงบึ่งรถกลับหอทันที โดยไม่ลืมแวะร้านค้าใกล้เคียงให้เด็กปีหนึ่งได้ซื้อพวกของใช้จำเป็น เช่นกางเกงในหรือแปรงสีฟัน พอถึงห้อง กันติกรณ์ก็รีบไล่คนตัวเหม็นเข้าห้องน้ำ แต่วันศุกร์เอาแต่ยืนอ้าปากแน่นิ่งเพราะลืมไปเลยว่าหอของกันต์เป็นเตียงเดี่ยว และคงน่าพะอืดพะอมพิลึกถ้าต้องนอนร่วมกันใกล้ชิดแบบนั้น

“ผมลืมว่าหอพี่เป็นเตียงเดี่ยวอะ”

“แล้วไง” คนตัวสูงเลิกคิ้วหลังจากวางมือถือลงบนโต๊ะหนังสือ

“งั้นผมนอนพื้นละกัน”

“จะบ้าเหรอ” สายตาดุๆ ตวัดกลับมา พร้อมซุ่มเสียงกึ่งรำคาญกึ่งจะบังคับ “ก็นอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ”

“แต่...”

“เตียงตั้งใหญ่ นอนไม่ได้หรือไงครับคุณหนูวันศุกร์ เรื่องมากไปได้”

กันต์แกล้งทำเป็นหาเรื่องกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้ฟังดูน่าสงสัยจนเกินไป และดูจะได้ผลดีทีเดียว เมื่อคนฟังถึงกับหน้าตึง ไม่ชอบใจเลยกับคำพูดดูถูกจากคนที่มองยังไงก็เป็นคุณชายยิ่งกว่าเขาซะอีก

“นอนได้”

คนตัวเล็กกระแทกเสียง แล้วหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่กันต์เตรียมไว้ให้เข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อน ขวดสเปรย์ปรับอากาศถูกหยิบออกจากชั้นเพื่อกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์จากแขกคืนนี้

วันศุกร์ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอตัวจนคนด้านนอกชักกังวลว่านอนตายคาอ่างไปแล้วหรือยัง เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงหรืออาจมากกว่านั้น กว่าที่ร่างเปื้อนโคลนก่อนหน้าจะได้ฤกษ์เสด็จออกมา เนื้อตัวสะอาดเอี่ยมส่งกลิ่นหอมจากสบู่ขวดใหม่ที่เกศราเพิ่งซื้อมาให้ เขายังไม่เคยใช้และคงไม่กล้าใช้ด้วย เพราะทราบแล้วว่ากลิ่นมันหอมหวานขนาดไหน

ไม่เข้ากับเขาหรอก กลิ่นแบบนี้

“หอม...” เสียงเพ้อๆ เผลอหลุดออกจากปาก

รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะเพียงแค่จ้องไปยังภาพวันศุกร์ในชุดเสื้อยืดหลวมโพรกจนแทบจะกลายเป็นกระโปรง ชายแขนทั้งสองข้างร่วงลงมาคลุมข้อศอก เส้นผมเปียกหมาดๆ อย่างกับลูกแมวตกน้ำ นึกอยากจะกระโจนเข้าไปอุ้มขึ้นเตียงเสียให้รู้แล้วรู้รอด หากก็ทำได้เพียงแค่เก๊กหน้ายุ่งเหมือนเคย

“ค่อยหอมขึ้นหน่อย ก่อนหน้านี้เหม็นอย่างกับหมู”

“เหอะ” วันศุกร์ส่งเสียงไม่พอใจ เดินไปหยิบมือถือมาต่อสายหาพี่ชายคนดี แล้วขึ้นไปนอนพิงหัวเตียงด้วยใจหวั่นๆ ไม่ลืมยกนิ้วทำท่าจุ๊ปากใส่เจ้าของห้องไม่ให้ส่งเสียงอะไร

“พี่เสาร์ ศุกร์อยู่หอแล้วนะครับ”

“สรุปหอใคร?”

“ก็...เพื่อนที่คณะไง ชื่อกั้ง” เขารีบประมวลหาชื่อเพื่อนเท่าที่พอจำได้ออกมาพูดส่งๆ ไปก่อน

“พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“กั้ง...อาบน้ำอยู่อะครับ นี่ศุกร์ก็ง่วงแล้วด้วย”

“อืม…งั้นก็ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะให้ลุงชัยไปรับแต่เช้า”

“ครับ ฝันดีนะครับพี่เสาร์”

“อือ”

วันเสาร์ตัดสายใส่อย่างที่ไม่ค่อยทำนัก แถมคำตอบห้วนๆ นั่นก็อดจะใจหายไม่ได้ ปกติวันเสาร์ไม่พูดจาเย็นชาใส่เขาแบบนี้หรอก ยกเว้นเวลาหงุดหงิด และเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อครู่กำลังโกรธแค่ไหน บางทีเขาคงโกหกได้ไม่เนียนเอาซะเลยถึงทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วงจนโมโหไปอย่างงั้น

“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจลากยาว ก่อนที่กันต์จะส่งคำถามแทรกขึ้นมา

“ทำไมต้องโกหกพี่ชายด้วยล่ะ?”

ใบหน้ารู้สึกผิดดูห่อเหี่ยว “ก็พี่เสาร์ขี้หวงมากน่ะสิ ถ้ารู้ว่าผมมานอนหอคนแปลกหน้าแบบนี้ มีหวังเป็นเรื่อง”

“หืม...” กันติกรณ์พาตัวเองขึ้นเตียง ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ วันศุกร์ได้แต่นอนมองร่างใหญ่ซึ่งกำลังคืบคลานเข้าหาอย่างตื่นๆ “คนแปลกหน้า?”

“ทะ...ทำอะไร”

คนตัวเล็กตั้งใจจะเขยิบออกห่าง แต่กลับไม่เหลือพื้นที่ให้หนีไปไหนรอด กันต์ใช้แขนข้างหนึ่งยันหัวเตียงเพื่อกักร่างเขาไว้ มืออีกข้างเชยคางมนขึ้นสบตากัน เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างโลมเลีย

“งั้นเรามาขยับความสัมพันธ์กันหน่อยดีไหม?”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 3.5
เริ่มหัวข้อโดย: done_dirt_cheap ที่ 01-08-2016 21:34:57
 :pig4:

จะรออ่านต่อนะ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์ (ไม่ใช่) สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 06-12-2016 22:21:09
วันศุกร์ที่ 4.0



“บ...บ้าเหรอพี่กันต์!” วันศุกร์รีบผลักอกกว้างอย่างแรง กันต์เองก็ดูไม่จริงจังอะไรจึงยอมผละตัวออกจากเตียง แล้วเอาแต่ยิ้มขำ

“แกล้งเล่นหน่อยเดียว ต้องหน้าแดงด้วยเหรอ”

คนบนเตียงรีบยกมือขึ้นทาบแก้มใสของตัวเอง ก่อนจะตวาดกลับมา

“ไม่ได้หน้าแดงสักหน่อย!”

เขาไม่สนใจคำแก้ตัว แล้วลงมือถอดเสื้อผ้าตัวเองออกเพื่อจะไปอาบน้ำ วันศุกร์หันหน้าหนีแทบจะทันที ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากคนที่กำลังลอบมองอยู่ กันต์ใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานเท่าไร แต่เมื่อกลับออกมาก็พบว่าผู้มาเยือนได้จมลงสู่ห้วงนิทราเป็นอันเรียบร้อยแล้ว

เสียงหายใจของวันศุกร์ดังพอให้ได้ยิน เมื่อเขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ข้างๆ ร่างสงบนิ่ง กันต์เผลอเอื้อมมือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าออกให้ แล้วแอบหยิกเบาๆ ไปที่แก้มเนียน ก่อนจะเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปปิดไฟ เขาพาตัวเองขึ้นนอนโดยมีหมอนข้างใบยาววางกั้นตรงกลางเตียงไว้ แม้อยากจะดึงออกก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม จึงต้องปล่อยไปอย่างนั้น

เวลาผ่านไปครู่หนึ่งกว่าที่กันต์จะหลับ ภายใต้ความมืดยามราตรี มีดวงตากลมใสเปิดขึ้นช้าๆ วันศุกร์ค่อยๆ พลิกตัวกลับมาหาอีกคนบนเตียง ซึ่งก็หันหน้ามาทางเขาพอดี หมอนข้างถูกเลื่อนลงเล็กน้อยพอให้เห็นอีกฝ่ายชัดเจน สัมผัสบนเส้นผมกับแก้มใสยังคงอยู่ พร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ ด้วยความไม่เข้าใจ

จะดีหรือจะร้ายกันแน่...กันติกรณ์

 

 

“กำลังลงไปแล้วครับ” วันศุกร์รีบบอกพี่ชายผ่านสายโทรศัพท์ ก่อนจะหยิบเสื้อตัวใหญ่ที่ใส่เมื่อคืนมาไว้ในมือ ก้าวขาไปยังประตูทางออก “เดี๋ยวซักแล้วมาคืนให้”

แต่ยังไม่ทันเดินออกจากห้องดี อีกคนตรงนั้นกลับชิงแทรกตัวออกไปซะก่อน จนเขาต้องรีบส่งเสียงทักท้วง

“จะไปไหน?”

“ไปส่งไง”

“ไม่ต้อง” วันศุกร์ขมวดคิ้วไม่พอใจ

กันติกรณ์ไม่ใช่แค่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับทั้งเขาและเสาร์ แต่ยังเป็นคนที่เสาร์เคยหมายหัวแล้วว่าไม่ชอบขี้หน้า แถมห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวด้วย ถ้าเกิดวันเสาร์เห็นหน้ากันต์อีก เรื่องคงไม่จบง่ายๆ อย่างร้ายแรง คือต้องมีคนตายไปข้างแน่ ระดับความขี้หวงน้องของวันเสาร์มันล้ำกว่าคนทั่วไปตั้งเยอะ

“ทำไม กลัวเหรอ?”

“เออ” เขายอมรับ และพยายามจะดึงแขนกันต์ให้กลับเข้าห้องแต่ก็ไม่เป็นผล

“นายจะกลับก็กลับไป ฉันไม่ไปส่งแล้วก็ได้”

คนตัวเล็กกำลังจะดีใจ แต่แค่เสี้ยววินาทีต่อมา น้ำเสียงยียวนน่าถีบก็ดังแทรกขึ้นก่อน

“แต่จะลงไปซื้อของ”

ร่างสูงพูดทิ้งท้ายแค่นั้น ก่อนจะออกตัวเดินไปยังลิฟท์ โดยไม่คิดสนใจเสียงฮึดฮัดที่ดังตามหลังเข้ามา นิ้วชี้เรียวจ่อหน้ากันต์อย่างเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาส่อแววสนุกสนานเสียเต็มประดา

“ผมขอเตือนนะ อย่าให้พี่เสาร์รู้เด็ดขาด ว่าเมื่อคืนเรานอนด้วยกัน”

“อ่า…” ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้ “เมื่อคืน...เรานอนด้วยกัน สินะ”

ใบหน้าขาวร้อนวูบวาบเพราะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองใช้คำพูดอะไรผิดเพี้ยนไป วันศุกร์ทำท่าอึกอัก เหมือนอยากเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายที่ชอบพูดจาน่าเกลียด แต่ไม่ทันได้ทำอะไร ประตูลิฟท์ก็เปิดออก กันต์เดินหัวเราะชอบใจออกไปอย่างไม่เดือดร้อนอะไรนัก

วันศุกร์รีบสาวเท้าไปถึงด้านหน้าหอ ซึ่งมีรถแวนของบ้านวุฒิเวคินทร์จอดรออยู่แล้ว วันเสาร์รี่เข้ามาดึงแขนน้องชายเข้าหาตัวเองทันทีที่เห็นหน้า พร้อมกับลุงชัยที่ตรงเข้ามารับเสื้อผ้าไม่คุ้นตาในมือเขาไปถือไว้ให้

“ไหนล่ะกั้ง?” คำถามแรกของวันทำเอาเขาหน้าซีด แต่ก่อนจะทันได้คิดหาคำตอบ ก็ปรากฏร่างของเด็กปีสามท่าทางกวนประสาท ซึ่งจงใจแสร้งเข้ามาทักทายเหมือนกำลังเล่นละครฉากใหญ่

“อ้าว วันศุกร์ แล้วก็พี่วันเสาร์ สวัสดีครับ”

“พี่กันต์” วันศุกร์ตวัดสายตากลับไปมองอย่างนึกโกรธ แต่ก็พยายามซ่อนอารมณ์เอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครสงสัย วันเสาร์เพียงแค่พยักหน้าตอบแต่ไม่ยอมรับไหว้แต่อย่างใด ดวงตาเรียวหรี่ลงอย่างจับผิด

“ไม่ยักรู้ว่าวันศุกร์ก็อยู่หอนี้”

“เอ่อ...เปล่า ผมมาค้างกับเพื่อน”

“เหรอ? พี่ก็อยู่หอนี้เหมือนกัน ไว้ว่างๆ ก็มานั่งเล่นที่ห้องพี่ได้นะ”

“ศุกร์ กลับได้แล้ว” วันเสาร์เป็นฝ่ายตัดบท แล้วคว้ามือน้องชายขึ้นรถทันที

บรรยากาศเงียบสนิทโปรยตัวลงชวนให้อึดอัด วันศุกร์เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา จนคนเป็นพี่ต้องเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน สายตาคมไล่พิจารณาสภาพเสื้อผ้าที่ดูไม่ได้

“ไปทำอะไรมา ทำไมเสื้อเลอะเทอะแบบนี้”

“เอ่อ...คือ เมื่อวานศุกร์...เผลอเดินตกคลองในมออะครับ” เขาตัดสินใจบอกออกไปตามตรง แม้จะไม่ลงรายละอียดทั้งหมดก็ตาม

“ไปทำอีท่าไหน”

“ศุกร์เดินไม่ระวังเองครับ”

วันเสาร์ทำท่าจะซักต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร เพราะเห็นว่าสีหน้าของวันศุกร์เริ่มไม่สู้ดีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเดาไม่ออก ว่าไอ้ท่าทีลนๆ แบบนี้ ต้องมีอะไรปิดบังเขาอยู่แน่นอน

เขารีบพาตัวเองขึ้นไปหลบบนห้องนอนทันทีที่ถึงบ้าน แต่วันเสาร์ก็ยังไม่วายเดินตามเข้ามา แถมยังหันไปกดล็อกประตูหน้าตาเฉย สายตาตำหนิถูกส่งมาให้จนเจ้าของห้องต้องรีบเสมองไปทางอื่นด้วยไม่กล้าสู้หน้า ทั้งสองคนมานั่งขนาบกันอยู่ตรงปลายเตียง ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมได้เพียงพักหนึ่ง วันเสาร์จึงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ติดจะน่ากลัว

“มีอะไรจะบอกพี่ไหม?”

“...”

“ศุกร์”

“ม...ไม่มีครับ”

คนโตกว่าถอนหายใจ แล้วเอื้อมมือขึ้นเชยคางของน้องชายให้หันหน้ากลับมามองกัน เขาพยายามควบคุมน้ำเสียง เอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง

“พี่จะถามอีกครั้ง มีอะไรจะบอกรึเปล่า?”

“เอ่อ...” ศุกร์ดูกระวนกระวาย ใจหนึ่งก็ไม่อยากโกหก แต่อีกใจก็กลัวเกินกว่าจะพูดความจริง ในที่สุดก็ได้แต่หลุบตาต่ำ พร้อมตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม

“ไม่…ไม่มีครับ”

“ศุกร์!” คนตัวเล็กสะดุ้ง เมื่อเสาร์เริ่มขึ้นเสียง มือข้างเมื่อครู่ เปลี่ยนมาบีบข้อมือเขาแทน

“มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!”

“พี่เสาร์ ปล่อย...”

“ศุกร์โกหกพี่ทำไม พี่รู้นะว่าเราไม่ได้ไปค้างห้องเพื่อน”

“ศุกร์…”

“ศุกร์ไปนอนกับใคร บอกมา!”

“พี่เสาร์ ศุกร์กลัว...” ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตา เขาไม่ได้ถูกวันเสาร์ตะคอกใส่นานมากจนเกือบลืมความรู้สึกหวาดกลัวนี้ไปแล้ว “ศุกร์เจ็บ..”

วันเสาร์สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด ก่อนจะพ่นออกมาทางปากอย่างพยายามสงบอารมณ์ เขาค่อยๆ คลายแรงบีบ แต่ก็ยังคงส่งสายตาคาดคั้นไม่หยุด

“อย่าบอกนะว่าศุกร์ไปนอนกับนายกันต์อะไรนั่น?”

คนโดนถามสะดุ้งน้อยๆ แต่ก็รีบส่ายหน้าท่าเดียว หากก็ไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย และมันก็ยิ่งทำให้เสาร์สงสัย ใจจริงเขาโกรธมากกว่าที่แสดงออกมามากมายนัก แต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้ เพราะไม่อยากทำร้ายน้องชายที่รัก

เขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อสงบจิตสงบใจ ก่อนจะดึงร่างสั่นเทาด้วยความกลัวมาไว้ในอ้อมกอด ปลายจมูกโด่งฝังลงกับกลุ่มผมนุ่ม พลางกระชับวงแขนแน่น

“พี่เป็นห่วงศุกร์นะ” เสาร์เอ่ยเสียงจริงจัง วันศุกร์เอาแต่ซบหน้าลงกับอกแกร่ง ไม่พูดไม่จาอะไร

“พี่รักศุกร์…”

 

 

“ปีหนึ่งสีฟ้า ปีสองสีแดง ปีสามสีเขียว และปีสี่สีเหลือง ตามนี้นะครับ” เสียงแกนปี 4 ดังบอกรุ่นน้องในห้อง ตอนนี้มีรุ่นพี่ปีสูงเกือบสิบคนเข้ามาคุยกับชั้นปีอื่นเรื่องงานกีฬาสีคณะที่กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้า

“เดี๋ยวพี่จะเรียกชื่อแต่ละคน ให้มารับเสื้อนะ”

เสื้อยืดคอวีสีฟ้าในถุงใส กองรวมกันอยู่ในถุงพลาสติกใบใหญ่ เมื่อวันก่อนรุ่นพี่เพิ่งให้พวกเขาลงรายละเอียดไซส์เสื้อที่ใส่ไปเอง ไม่คิดว่าแป๊บเดียวก็ได้แล้ว แต่ว่าก็ว่าเถอะ ส่วนตัววันศุกร์ไม่ค่อยได้ใส่เสื้อสีสันมากเท่าไร ถ้าลองเปิดตู้เสื้อผ้าดู เห็นจะเจอแต่โทน ขาว ดำ เทา แค่นั้นซะมากกว่า

“บุษกร...ต้นหน....วิภาดา...”

“วันศุกร์...”

เขาเดินออกไปรับเสื้อของตัวเองมาคลี่ออก ก่อนจะต้องแปลกใจเพราะเหมือนว่าเสื้อกีฬาสีที่รุ่นพี่สั่งทำมา ไซส์จะใหญ่กว่าเสื้อไซส์ปกติที่เขาใส่อยู่เล็กน้อย เขาลองเอาทาบตัวดูคร่าวๆ ก็พอกะได้ว่าไหล่มันลาดลงมา แถมคอยังกว้างเกินจำเป็นอีกต่างหาก พอหันไปสำรวจของเพื่อนก็เหมือนจะมีบางคนที่ประสบปัญหาคล้ายกัน แต่ไม่มากเท่าไรนัก

“กั้ง เสื้อมึงพอดีตัวเปล่าวะ?”

“ของกูพอดีนะ แต่ไอ้นัทก็ไหล่ตกนิดนึงเหมือนกันมึง อย่าเอาอะไรมากเลยแค่เสื้อคณะ”

“เออๆ” วันศุกร์พยักหน้าแล้วเก็บเสื้อกลับเข้าถุงใส

รุ่นพี่ชี้แจ้งอะไรต่ออีกเพียงเล็กน้อยจึงปล่อยให้น้องๆ กลับบ้าน เขาเดินลงจากตึกมาพร้อมกั้งและนัท แต่ยังไม่ทันพ้นบริเวณสูบบุหรี่ ก็มีเสียงทุ้มตะโกนทักหนึ่งในเพื่อนเขาไว้ก่อน

“เฮ้ย ไอ้นัท”

“พี่ฑิต ว่าไงพี่” นัทเดินเข้าไปหาบัณฑิตด้วยท่าทีสนิทสนม เพราะเป็นสายรหัสกัน ส่วนของวันศุกร์นั้นสายขาดๆ แหว่งๆ ไม่ค่อยได้สนใจกันเท่าไร

“ไปงานกีฬาสีคณะด้วยนะมึง”

“ครับๆ”

ตอนนี้กั้งหันไปคุยกับตรีวิทย์ที่เพิ่งเดินหอบชีทมาให้ สองคนนี้ก็สายรหัสกันเหมือนกัน และตรีเองก็ใจดี คอยค้นชีทกับข้อสอบเก่ามาให้ตลอด สายของกั้งขาดที่ปีสอง เพราะซิ่วไปเรียนมหา’ลัยอื่น ก็เลยไม่มีพี่ปีสองคอยส่งต่อชีทให้ ดีที่ตรีเป็นประเภทรอบคอบอยู่แล้ว เลยไม่เคยทิ้งเอกสารการเรียนใดๆ เลย

“ยืนหงอยเชียว” เสียงกวนประสาทดังขึ้นใกล้ๆ กลิ่นบุหรี่ลอยเตะจมูก เมื่อกันต์ลุกจากม้านั่งมาหยุดลงตรงหน้าเขา

“ให้ฉันเป็นพี่เทคให้เอาไหมล่ะ?”

“เหอะ” วันศุกร์รีบบุ้ยหน้าไปทางอื่น

“ทำท่าแบบนี้หมายความว่าไงฮะ”

“ผมไม่ต้องการพี่เทค แล้วก็อย่ามายืนใกล้ๆ ด้วย เหม็น”

กันต์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นและเหยียบให้ดับ แต่นัทกับกั้งก็คุยธุระเสร็จพอดี เลยได้โอกาสหนีกลับ วันศุกร์จงใจหันไปยกมือลารุ่นพี่อีกสองคนด้านหลัง และแกล้งเมินคนตรงหน้าแบบไม่หลงเหลือความเกรงใจอยู่แม้แต่น้อย

บัณทิตกับตรีวิทย์กลั้นหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางรุ่นน้องคนโปรดของเพื่อนสนิท

“มึงชอบไปแกล้งเขาก่อนเองนะ ก็ช่วยไม่ได้ที่น้องเขาจะเกลียดมึง” ตรีเอ่ย กันต์ได้แต่ยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นจุดไฟ

ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์ (ไม่ใช่) สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 4.0
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 06-12-2016 22:56:36
รอค่ะะะะะ  กันต์มันบ้า... แต่สงสารวันเสาร์ตั้งแต่ยังไลม่เริ่ม
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 4.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 09-12-2016 23:27:06
วันศุกร์ที่ 4.5



“ศุกร์เหมาะกับเสื้อสีฟ้านะ” ตรีวิทย์เอ่ยปากเมื่อเด็กคณะเริ่มมารวมตัวกันในลานกว้างของสนามฟุตบอลใกล้มหา’ลัย เสื้อหลายสีสันกระจายตัวไปอยู่แทบทุกมุมของสถานที่ เวลาเริ่มงานใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว

“ขอบคุณครับ”

คนตัวเล็กตอบกลับเขินๆ เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยชินที่ตัวเองต้องมาใส่เสื้อสีสันสดใส

“สั่งเสื้อผิดไซส์หรือไง?” เสียงทุ้มไม่น่าฟังดังขึ้น แต่วันศุกร์แกล้งเมินคำถาม แล้วหันไปชวนตรีวิทย์คุยต่อจนกันต์ได้แต่ยืนหน้าเสีย สายตาดุดันจับจ้องไปยังผิวขาวน้ำนมที่โผล่พ้นคอเสื้อกว้าง ไล่ตั้งแต่ลำคอเรียว ไหปลาร้า จนถึงแผงอกแพลมๆ นั่น

“เฮ้ย!!” ศุกร์ร้องออกมาเมื่อจู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นตรงน่องขา เขารีบกระโจนตัวหลบด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าคือนัทที่พุ่งตัวมาจับขาเขาไว้

“ทำบ้าอะไรวะ”

“ทายากันยุง” เจ้าของสัมผัสเมื่อครู่ตอบ พลางยกขวดยาสีชมพูในมือขึ้น

นัทเขยิบตัวเข้ามาใกล้อีกครั้ง พร้อมใช้สองมือเกลี่ยครีมบนขาของเขาให้ กั้งเดินเข้ามาทักทายรุ่นพี่แล้วก้มลงมองเพื่อนอีกคนด้วยสีหน้างุนงง

“เดี๋ยวกูทาเอง”

“ไม่เอา กูทาให้”

วันศุกร์พยายามจะยกขาหนีพร้อมกับแย่งขวดยากันยุงมา แต่นัทก็ยังเล่นตามมาเกาะแกะเขาเหมือนลูงลิง จนสุดท้ายก็ต้องยอมยืนนิ่งๆ ให้เพื่อนจอมซนทำตามที่สบายใจ พอนัทลุกขึ้นยืน ศุกร์ก็รีบหาจังหวะแย่งขวดในมือมาแล้วจัดการทายาลงไปบนแขนสองข้างของตัวเอง

“ทาคอด้วย” นัทว่า ก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางกลุ่มผู้หญิงในชั้น ซึ่งกำลังแอบมองมาเงียบๆ “ยัยพวกนั้นเอาแต่ห่วงว่ายุงจะกัดมึงเป็นรอย”

“มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“เออ ก็ทาๆ ไปเถอะ พอฟ้ามืดยุงมันชุมจริงๆ แหละ”

เขายอมพยักหน้าแล้วบีบครีมออกมาอีกเล็กน้อย ส่งขวดกลับคืนให้คนตรงข้าม มือเล็กค่อยๆ ตบไปตามลำคอตัวเองแล้วเลื่อนลงมาจนถึงขอบคอเสื้อ ไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาแข็งจากรุ่นพี่ตรงหน้าจ้องมาไม่ห่าง กันต์ไม่ชอบใจเอาซะเลย ที่วันศุกร์ใส่เสื้อคอกว้างจนเผยให้เห็นเนื้อหนังแบบนี้ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มองมา แต่สายตาโลมเลียจากพวกผู้ชายก็น่าหงุดหงิดเช่นกัน

“สรุปวันนี้มีอะไรบ้างวะ?” นัทหันไปถามกั้งซึ่งน่าจะรู้ดีกว่า

“ก็ไม่มีไรมากนะ เปิดด้วยชักกะเย่อ กินวิบาก วิ่งผลัด แล้วก็บอลเลย”

“ไปได้แล้วมั้ง”

ทุกคนพยักหน้าเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ปีสี่เริ่มไล่ต้อนให้รุ่นน้องมานั่งรวมกันตามชั้นปีเพื่อประกาศเริ่มงาน นาฬิกาดิจิทัลขนาดใหญ่ในสนามบอกเวลา 5 โมงเย็นพอดิบพอดี

พี่เคน แกนปีสี่คนเดิม เป็นคนขึ้นมากล่าวเกี่ยวกับธรรมเนียมของกิจกรรมคณะ ก่อนจะเริ่มอธิบายตารางเวลาคร่าวๆ และปล่อยให้คนเดินเอาเชือกสีน้ำตาลขนาดใหญ่เข้ามา เชือกหนาเหมือนจะเอาไปผูกคอยักษ์ แค่มองด้วยตาก็พอเดาได้ว่าคงต้องใช้สองมือผู้ชายถึงกำรอบ หรือเผลอๆ อาจจะไม่รอบก็ได้

“เป็นปกติทุกปีนะที่เราจะเปิดกันด้วยชักกะเย่อกลุ่ม โดยจะแบ่งเป็นรอบของฝั่งผู้ชาย และผู้หญิง”

หลายคนดูตื่นเต้นกับความหนาและยาวของเชือก แต่หลายคนก็บ่นอุบทันทีที่เห็น เพราะคงกินแรงไม่มากก็น้อย ฝ่ายผู้หญิงได้สิทธิ์เล่นก่อนตามบทบัญญัติ Lady First แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ต้องเลิก เพราะดูเหมือนจะเตี๊ยมกันแพ้ไว้แล้ว เนื่องจากสาวๆ หลายคนในคณะมีรูปร่างผอมบางไม่น่ามีแรงเท่าไรนัก ก็คงไม่อยากยื้อกันนานเกินไปเพราะจะเปลืองพลังงานเสียเปล่าๆ ดูเหมือนพวกเธอจะเล็งวิ่งผลัดที่ดูเป็นกีฬากลางๆ ไว้มากกว่า

“ฝั่งผู้ชายรอบแรก สีฟ้าแข่งกับสีแดง” เสียงประกาศดังขึ้น ก่อนจะเกิดเสียงพูดคุยจอแจภายในกลุ่มเด็กปีหนึ่งกับปีสอง ผู้ชายทั้งหมดของทั้งสองชั้นปี ลุกขึ้นมาจับเชือกกันคนละด้าน

วันศุกร์แทบจะยืนอยู่ท้ายสุดด้วยสรีระที่ไม่เอื้อต่อการได้เปรียบเท่าไรหากเอาไปไว้ตำแหน่งด้านหน้า พอได้ยินเสียงนกหวีด ทุกคนก็เริ่มออกแรงดึงเชือกเข้าหาตัวเองแบบไม่มีใครยอมใคร

“ฮึ่บ!”

ฝั่งสีฟ้าฮึดสู้อีกครั้งหลังจากเสียเปรียบมาตั้งแต่ต้น เพราะด้านปีสองมีผู้ชายตัวใหญ่กว่าหลายคน แต่เชือกเส้นยาวถูกลากกลับมาได้ไม่ทันไร ก็โดนฝั่งสีแดงดึงกลับไปอีกครั้งแถมยังรุนแรงกว่าทุกที เหล่าน้องใหม่ถูกลากไปตามแรงนั้นแบบไม่ทันตั้งตัว

“โอ้ย!”

“ศุกร์ เป็นไรไหม” กั้งรีบหันมาประคองเพื่อนเอาไว้ เมื่อรุ่นพี่กระชากเชือกแรงมากพอจนทำให้ผู้ชายฝ่ายนี้ล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าไปหลายชีวิต รวมทั้งวันศุกร์ด้วย

“ไม่เป็นไร”

“โหย พวกรุ่นพี่เอาเปรียบฉิบหาย”

เสียงนัทดังขึ้นอย่างหงุดหงิด ขณะเดินย้อนกลับมาจากต้นสาย ตอนนี้หลายคนเริ่มกระจายตัวกลับไปนั่งที่เดิม ปล่อยให้พวกปีสองยืนส่งเสียงโห่ฮาไปกับชัยชนะ

“ศุกร์ มึงไหวเปล่า”

“อือ”

คนตัวเล็กตอบกลับเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะใช้มือยันตัวเองลุกขึ้น แอบเห็นว่ามีรอยถลอกเล็กน้อยตรงหัวเข่าจากที่ล้มลงไปเมื่อครู่ แต่ก็แค่นิดหน่อยและไม่มีเลือดซึมออกมาจึงไม่ได้ใส่ใจนัก พอเดินกลับไปนั่งข้างสนาม ก็มีพวกตรีวิทย์เดินเข้ามาซักถามทันทีอย่างเป็นห่วง

“เป็นไรรึเปล่า เมื่อกี้เห็นล้ม”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่เป็นไรได้ยังไง” กันต์เถียง พร้อมกับนั่งยองๆ ลงตรงหน้ารุ่นน้องตัวกะเปี๊ยก เขาถือวิสาสะดึงขาเนียนเข้ามาพิจารณา จนวันศุกร์ต้องรีบปัดมือใหญ่ออก ท่าทางรำคาญระคนขัดเขิน เพราะไม่อยากให้กันต์มาจับเนื้อต้องตัวตัวเองง่ายๆ ยิ่งวันนี้เขาใส่กางเกงบอลขาสั้นก็ยิ่งไม่ชอบ

“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ก็เห็นอยู่ว่าเข่าถลอก”

“นิดเดียวเอง”

กันต์ขมวดคิ้ว แล้วยกมือขึ้นเหมือนจะตีแต่ก็แค่ขู่ ศุกร์รีบขยับตัวหนีแล้วออกปากไล่

“พวกพี่ไปกันได้แล้วมั้งครับ ตาปีสามเล่นแล้ว”

ตรีวิทย์พยักหน้าแล้วเดินนำเพื่อนสนิทอีกสองคนไปตรงกลางสนาม พอจบกิจกรรมแรก ก็เป็นการกินวิบาก ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับหลายคนได้เป็นอย่างดี เพราะมันไม่ใช่แค่ต้องกินอย่างเดียว แต่ต้องฝ่าด่านต่างๆ ทั้งเป่าแป้ง หรือแม้แต่กระโดดคาบขนมปัง บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นอีกเมื่อฝ่ายโสตฯ คอยเปิดดนตรีจังหวะสนุกสนานประกอบตลอด

ส่วนพวกผู้หญิงที่ตอนแรกดูเนือยๆ ก็เริ่มเฮฮาขึ้นช่วงวิ่งผลัดหญิง เพราะได้ยืดเส้นยืดสายแบบไม่เหนื่อยมากนัก หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ไม่เหนื่อยมากเพราะพวกหล่อนเล่นวิ่งช้าอย่างกับเต่ากันเกือบทุกคน ก่อนจะมาถึงวิ่งผลัดชาย ซึ่งแต่ละทีมยังหาตัวแทนลงแข่งไม่ได้

“ใครอยากลงเล่นมั่ง?” กั้งใช้ตำแหน่งแกนรุ่นที่เพิ่งคัดเลือกกันได้ไม่นานถามขึ้น

ทุกคนหันมองกันเลิ่กลั่กเพราะหวั่นใจในคู่แข่ง ซึ่งคราวนี้เป็นพี่ปีสาม แถมยังสูงยาวเข่าดีกันทั้งนั้น โดยเฉพาะกลุ่มหลานชายคณบดี ทั้งกันติกรณ์ ตรีวิทย์ และบัณฑิต

พอเห็นว่าพวกปี1 ปรึกษาหารือกันนานเกิน กันต์จึงใช้ความโตกว่าเดินแทรกเข้ามาในวงล้อมของรุ่นน้องก่อนจะชี้นิ้วสั่งเสียงเข้ม

“เอาไอ้หมอนี่ลง”

“คะ…ครับ?” กั้งดูตกใจ ก่อนจะมองตามนิ้วของกันต์ไปทางวันศุกร์ ซึ่งเอาแต่ยืนถลึงตาใส่คนพูดด้วยอาการเหลอหลา

“ฉันอยากให้วันศุกร์ลงเล่น”

“งั้น...”

“แต่กูไม่อยาก” วันศุกร์รีบโพล่งออกมาเมื่อเห็นว่ากั้งทำท่าจะคล้อยตาม

“เอาเหอะน่า แป๊บเดียวเอง”

“ไม่เอา กูยังเหนื่อยอยู่เลย”

“ลงไปเล่นนิดเดียวเองมึง”

“มึงก็ลงเองดิ”

“เออ เดี๋ยวกูลงด้วย ไอ้นัทก็ลงด้วยเนี่ย”

“ห้ะ?” นัทชี้นิ้วใส่ตัวเองขณะอ้าปากเหวอ แต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงเมื่อเห็นสายตากดดัน จากทั้งกั้งและกันต์

“เออ กูเล่นด้วย ไปมึง”

ไม่รอให้มีโอกาสปฏิเสธอีก นัทก็รีบคว้าข้อมือเล็กไปตรงกลางสนาม มีพวกกันต์เดินประกบตามหลัง ส่วนกั้งก็ยืนคัดเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคนและตามไปในเวลาไม่นาน นัทจัดแจงให้วันศุกร์อยู่ไม้สุดท้ายเพราะคาดเดาเอาจากสรีระที่ดูน่าจะพลิ้วกว่าพวกร่างใหญ่ โดยไม่ได้รู้สักนิดว่าความจริงเขาไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไรนัก

ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง วันศุกร์เลิกคิ้วใส่กันต์ที่ยืนอยู่ลู่ข้างๆ

“ต้องการอะไรพี่กันต์?”

“อะไร?” อีกฝ่ายทำทีเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่เข้าใจอยู่แล้วว่าวันศุกร์หมายถึงอะไร แต่ยิ่งได้เห็นหน้าตาหงุดหงิดของเด็กตรงหน้า กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุก

“ก็ที่มาบังคับให้ผมลงวิ่งเนี่ย ผมไม่ได้อยากสักหน่อย”

“ฉันก็แค่อยากให้นายได้ออกกำลังบ้าง”

“แต่ผมไม่ชอบ”

“เอาน่า แค่วิ่งไม่กี่ร้อยเมตร จะอะไรนักหนา”

วันศุกร์พ่นลมหายใจหนักๆ อย่างปลงตก และเลือกสนใจเพื่อนตัวเองที่ประจำอยู่ตรงจุดสตาร์ทแทน แต่กันต์ก็ยังชวนคุยไร้สาระ ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะหันกลับไปตอบ

“เข่าถลอกเป็นไงบ้าง?”

“...”

“แล้วมะกี้วอร์มอัพรึยัง?”

“...”

“วันศุ..”

ปังง!

เสียงปืนพลาสติกดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน กันต์จึงเลิกซักถามอะไรต่อ วันศุกร์จับจ้องไปยังร่างไวๆ ของสมาชิกในทีมแต่ละคนด้วยหัวใจเต้นรัว เขาไม่ได้วิ่งจริงจังมาตั้งนานแล้วไม่รู้ว่าจะพลาดล้มหรือเปล่า

นัทวิ่งเร็วกว่าที่เขาคิดมาก ก่อนจะส่งไม้ต่อไปให้เพื่อนที่ชื่อเปา ซึ่งก็วิ่งเร็วพอกัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ได้เปรียบอีกฝ่ายมากมาย เพราะฝั่งปีสามเองก็ไม่ได้วิ่งช้ากว่ากันเลย ตรีวิทย์ส่งไม้ให้บัณฑิตช้ากว่าที่เปาส่งให้กั้งเล็กน้อย ทำให้ตอนนี้ปีหนึ่งยังคงนำอยู่ ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

พอเห็นว่ากันต์เริ่มตั้งท่ารอรับไม้ วันศุกร์จึงเริ่มรวบรวมสมาธิและเตรียมพร้อมบ้าง พอกั้งเริ่มเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา เขาจึงค่อยๆ วิ่งเหยาะไปข้างหน้าระหว่างยืดแขนออกไปด้านหลังจนสุด ท่อพีวีซีถูกยัดเข้ามาในมือ ก่อนที่สองขาจะเร่งสาวเต็มกำลังแบบที่ไม่ได้ทำมานานแล้ว ได้ยินเสียงเฮดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงบนลู่ใกล้เคียงจะโผล่มาตีคู่เขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว กันต์หันมาส่งยิ้มให้แบบสบายใจ ผิดกับเขาที่เอาแต่หอบเป็นลูกหมา

หัวใจเต้นรัวเร็วและรุนแรงราวกับอยากทะลุออกมานอกอก วันศุกร์รู้สึกเหมือนเห็นเส้นชัยอยู่แค่เอื้อมแต่เมื่อกระพริบตาอีกครั้ง มันกลับห่างออกไปแสนไกล เขารู้สึกเหนื่อยจนแสบหน้าอก แต่พอเห็นว่าคนข้างตัวกำลังจะแซงหน้าไปมันก็ยอมไม่ได้ พยายามฮึดสู้เพื่อตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่กล้ามเนื้อขาส่งเสียงประท้วงแปลบปลาบ กันติกรณ์ส่งเสียงหัวเราะ ทำท่าเหมือนจะเร่งความเร็วขึ้นอีก แต่เมื่อเหล่ตาไปเห็นว่าวันศุกร์ดูท่าไม่ดี เขากลับเป็นฝ่ายยอมผ่อนแรงลงเสียดื้อๆ

คนตัวเล็กทำเป็นเก่ง แล้วซอยเท้าถี่ยิบจนผ่านเส้นชัยไปในที่สุด เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่าทีมสีฟ้าชนะแล้ว พร้อมๆ กับที่วันศุกร์ทรุบฮวบลงไปกับพื้นหญ้า กันต์รีบพุ่งตัวเข้าไปประคองร่างอ่อนแรงไว้ หัวคิ้วสองข้างขมวดมุ่น เด็กในอ้อมแขนส่งเสียงหอบหนักหน่วงจนตัวโยน

“ไหวไหม?”

คนบนตักไม่มีแรงจะตอบกลับ ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ พลางหายใจเอาอากาศเข้าปอด เพื่อนและรุ่นพี่คนอื่นเริ่มกรูกันเข้ามาหาด้วยความสนใจ มียาดมถูกส่งเข้ามาในวงล้อมอย่างรู้งาน

“เฮ้ยศุกร์ กูขอโทษว่ะ” กั้งรีบเอ่ยปาก เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะเหนื่อยง่ายขนาดนี้ ความจริงเขาก็พอเดาออกว่าวันศุกร์ไม่น่าใช่คนออกกำลังกายมากมาย คงไม่ชินกับการใช้แรงเยอะ แต่ก็ยังดึงดันให้ลงเล่น ซึ่งถือว่าเป็นความผิด

ศีรษะเล็กส่ายไปมาอีกครั้งเหมือนต้องการจะบอกว่าไม่เป็นอะไร ฝ่ายปฐมพยาบาลปีสองไล่ให้คนอื่นออกห่างและเข้ามาพยุงรุ่นน้องไปนั่งพักสุดขอบสนาม มียาดม น้ำ พัด คอยบริการสารพัด ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าที่วันศุกร์จะเลิกหอบ แต่ใบหน้าหวานก็ยังคงแดงเรื่อด้วยความเหนื่อยล้า

“ออกไป เดี๋ยวพี่ดูเอง” เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น ก่อนที่พวกพี่ปีสองจะถูกไล่ออกจากบริเวณ

กันติกรณ์ทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา มือใหญ่ดึงทิชชู่ขึ้นซับไปตามใบหน้าอ่อนเพลียให้โดยไม่พูดอะไร แม้ว่าเขาอยากจะปัดมือของกันต์ออกแต่ก็ทำได้แค่นั่งนิ่งเพราะยังไม่มีแรงต่อกรกับใครทั้งนั้น

“ไม่ค่อยออกกำลัง ก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอแบบนี้แหละ”

“ก็บอกแล้วว่าไม่ลงๆ”

“ใครจะไปรู้ว่าบอบบางเป็นตุ๊ดขนาดนี้ล่ะ” กันต์ไม่วายพูดกัดขึ้น พลางซับกระดาษลงไปบนแก้มชมพูแรงๆ

คราวนี้วันศุกร์ไม่ทน รีบปัดมือกันต์ออก แล้วสะบัดหน้ากลับไปทางสนาม นักศึกษาแต่ละชั้นปีกระจายตัวออกไปนั่งเป็นกลุ่มๆ ระหว่างติดตามการแข่งขันฟุตบอลที่เพิ่งเริ่มขึ้นระหว่างปีสองกับปีสี่ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจึงกำหนดให้แข่งกันแค่รอบละ 30 นาที

เขาหยิบแก้วน้ำหวานที่พี่ปีสองทิ้งไว้ให้เมื่อกี้ขึ้นดูด สายตาไม่ได้ละออกจากการแข่งตรงหน้า จึงไม่ทันสังเกตว่าคนข้างตัวคอยลอบมองตัวเองอยู่ตลอด สักพักนัทก็เดินเข้ามาตบหัวชื้นเหงื่อของเขาเบาๆ

“เป็นไงมึง ดีขึ้นยัง?”

“อือ”

“ถ้ากูรู้ว่ามึงจะเหนื่อยเป็นตายแบบนี้ วันหลังไม่ให้มึงทำไรละ”

“เออ กูก็ไม่เอาแล้ว”

นัทขำเล็กน้อย แล้วทำท่าจะแย่งน้ำสีแดงในมือวันศุกร์ไปดื่มบ้าง แต่กลับมีมือของอีกคนตรงเข้ามาคว้าเอาไปได้ก่อน สองสายตามองตามมือนั้นไปก็เห็นว่ากันต์กำลังจับหลอดดูดน้ำหวานเข้าปากเสียงดังอึกๆ

“ไอ้พี่กันต์ ใครให้ดื่ม” ฝ่ามือบางฟาดไปยังกล้ามเนื้อต้นแขน แต่กันต์ก็ยังทำลอยหน้าลอยตา ส่งแก้วที่เหลือน้ำแค่ครึ่งเดียวไปทางนัท ซึ่งรับมาแบบงงๆ

“ทำไม ขอดื่มบ้างจะเป็นไร?”

คนตัวเล็กตีหน้าบึ้งแล้วหันไปสนใจเพื่อนร่วมรุ่นต่อ เขาไม่อยากบอก…ว่าไม่อยากใช้หลอดร่วมกันกับอีกฝ่าย เพราะมันเหมือนการจูบทางอ้อม แต่นั่นคงฟังดูไร้สาระสำหรับคนอย่างกันติกรณ์

เวลาผ่านไปนานพอตัว กว่าที่กันต์กับนัทจะลุกออกไป เพราะถึงตาปีหนึ่งกับปีสามแข่งหาผู้ชนะ เพื่อเอาไปแข่งรอบไฟนอลกับพี่ปีสี่ที่เพิ่งชนะไปในเกมที่แล้ว กั้งเองก็ลงเล่นด้วย รวมทั้งเปาสายนักกีฬาเองก็ไม่พลาด ทางฝั่งปีสามก็เห็นตรีวิทย์กับบัณฑิตลงเหมือนกัน สาวๆ รอบสนามกรีดร้องกันระงมเมื่อผู้เล่นทุกคนมายืนเรียงหน้ากระดาน ซึ่งเขาเองก็ไม่แปลกใจ เพราะในสนามตอนนี้มีพวกหน้าตาดีมากถึงมากโคตรๆ รวมกันเกินกว่าครึ่ง

ผู้ชายตัวสูงจากปีสี่ คณะอื่นซึ่งถูกเชิญมาเป็นกรรมการเฉพาะกิจใช้วิธีโยนเหรียญหัวก้อย เพื่อตัดสินว่าฝั่งไหนจะเป็นฝ่ายได้บอลไปก่อน ซึ่งโชคก็เข้าข้างเด็กปีหนึ่ง ผู้เล่นแต่ละคนพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณเตรียมตัว ก่อนจะกระจายตัวกันไปตำแหน่งจุดต่างๆ

หลานชายคณบดียกมือขึ้นเสยผม เรียกเสียงกรี๊ดจากพวกผู้หญิงอย่างกับสั่งได้ แววตาคมเข้มหันไปยังเด็กผู้ชายตรงสุดขอบสนามซึ่งกำลังจ้องเขากลับมาเช่นกัน วันศุกร์ทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องประสานสายตากับกันต์ทั้งที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร เขารีบก้มหน้างุดเมื่อคนที่เอาแต่ยืนเก๊กอยู่ในสนามยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีพอใจ

บ้าชะมัด...ก็แค่เผลอมองเท่านั้น


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 4.5
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-12-2016 21:12:58
เบาๆๆน่ารักดีอ่ะ ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 4.5
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 10-12-2016 21:48:42
ขอโทษคนแต่งนะคะ แต่แบบ
เกลียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เกลียดพระเอก เกลียดพี่พระเอก สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ EQต่ำกันทั้งคู่ อีพี่ก็บ้า เค้าไม่รักหล่อนไง๊ ต่อให้ไม่มีวันศุกร์เค้าก็ไม่รักหล่อน
พระเอกนี่ก็นะ..  โตมาแบบไม่มีคุณภาพจริงจริ๊ง
วันศุกร์ทำอะไรผิดคะ?  ถาม อย่างกับเด็กปัญญาอ่อน แยกแยะไม่เป็น
สงสารพี่วันเสาร์ล่วงหน้า รักน้องก็จริงอะ แต่ก็ไม่เคยทำอะไรป้ะวะ
ปล. จนกว่าพระเอกจะหายโง่จะไม่เชียร์เด็ดขาด
#ชูป้ายพี่เสาร์
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 4.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-12-2016 22:24:06
น้องศุกร์น่ารักมากกกก ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 5.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 13-12-2016 22:10:37
วันศุกร์ที่ 5.0



เกมกีฬาเริ่มต้นขึ้นอย่างนิ่งๆ ไม่หวือหวานัก ผู้ชมมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะเริ่มพูดคุยกันเซ็งแซ่ ผ่านไปไม่นานก็มีรุ่นพี่ปีสองเดินกลับมาเช็คอาการ ในมือของเธอถืออะไรบางอย่างมาด้วย

“เป็นยังไงบ้าง?”

“ดีขึ้นมากแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ”

“อืมดีแล้ว นี่เอากิ๊บไปติดผม”

“ห้ะ?” วันศุกร์เลิกคิ้วเมื่อรุ่นพี่ยื่นกิ๊บสีดำมาตรงหน้า เขารีบโบกมือปฏิเสธแต่เธอกลับย่อตัวลงนั่ง แล้วถือวิสาสะปัดหน้าม้าเขาขึ้นไปด้านหลัง ใช้กิ๊บตัวนั้นติดผมยุ่งๆ เผยให้เห็นหน้าผากมนชัดเจน

“เอาผมขึ้นแบบนี้แหละดี จะได้ไม่ร้อนมาก”

“อะ…ครับ”

การแข่งขันในสนามมีจังหวะขึ้นลงเรียกเสียงเชียร์เป็นระยะ วันศุกร์นั่งทอดน่องมองสถานการณ์ทั้งที่เริ่มอ้าปากหาว สายตาของเขากวาดไปรอบๆ เพื่อหาจุดโฟกัสอื่น เห็นรุ่นพี่คนเมื่อครู่กำลังถือทิชชู่เปียกหลายห่อเอาไว้ในมือ จึงตัดสินใจลุกไปหาเธอ ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมาอย่างสังเกตการณ์แกมสงสัย

“พี่ครับ เดี๋ยวผมช่วย”

“เฮ้ยไม่เป็นไร ไปนั่งพักดีกว่า”

“ไม่เป็นไรครับ ผมหายแล้ว นั่งเฉยๆ ก็เบื่อ” หญิงสาวหันซ้ายขวาเพื่อจะหาเพื่อนคนอื่นในชั้นปี แต่ทุกคนก็กำลังง่วนกับงานของตัวเองจนไม่ทันได้สนใจ สุดท้ายเธอถึงต้องยอมยื่นห่อทิชชู่ให้เด็กตรงหน้าอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ไม่ลืมย้ำด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าเหนื่อยก็ไปพักนะ”

“ครับ”

วันศุกร์ยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะเดินตรงไปทางฝูงชนซึ่งกำลังนั่งออดูการแข่งขันอยู่รอบสนาม หญิงสาวคอยมองตามให้แน่ใจ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเธอเป็นรุ่นพี่หรือฝ่ายพยาบาล แต่เพราะนายกันติกรณ์แอบเดินมากระซิบให้เธอคอยดูแลเด็กคนนี้ให้ดีด้วย และรับรองเลยว่าถ้าวันศุกร์เกิดเป็นอะไรไป คนที่จะซวยน่ะก็คือเธอ

“ทิชชู่ครับ” แผ่นทิชชู่เปียกถูกส่งไปให้กลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นปีสี่ พวกเธอรับไปด้วยท่าทียิ้มแย้ม แล้วเริ่มชวนคุยด้วยความอัธยาศัยดี

“น้องวันศุกร์ใช่ไหม?”

“ครับ”

“เพิ่งเห็นหน้าใกล้ๆ ครั้งแรกนะเนี่ย น่ารักเชียว”

“นั่นสิ ปกติเห็นแต่รูปในเพจ” พี่อีกคนเสริม

เธอคงกำลังพูดถึงเพจคณะ แบบ Unofficial ใน Facebook ซึ่งมีแอดมินเป็นนักศึกษาด้วยกันเองจึงมีลักษณะกึ่งทางการ บางครั้งก็ชอบโพสรูปเด็กๆ นักศึกษาเพื่อเรียกกระแสบ้างประปราย ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบที่โดนแอบถ่ายแต่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้

“ขอบคุณครับ”

เขาก้มหัวให้อย่างถ่อมตัว ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางกลุ่มผู้ชายปีสามซึ่งกำลังมองมาด้วยสายตาแปลกๆ น่าจะอยู่คนละกลุ่มกับพวกกันต์เพราะเขาไม่คุ้นหน้าค่าตาใครเลย

“ทิชชู่ครับ”

“โหย ขอบคุณครับ” ชายร่างกำยำเอ่ยปาก เอื้อมมารูดมือเขาเบาๆ ก่อนจะหยิบทิชชู่ออกไป พ่วงด้วยสายตาหยอกล้อจากคนรอบข้าง

“น้องวันศุกร์ พี่ขอด้วยคนครับ”

พี่ที่นั่งถัดไปด้านหลังเอ่ยขึ้น ทำให้วันศุกร์ต้องก้มตัวลงอีกนิดเพื่อส่งห่อทิชชู่ไปให้ถึง โดยไม่ทันระวังเลยว่าคอเสื้อคว้านลึกจะยิ่งเปิดเผยให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ผู้ชายที่แอบจับมือเขาเมื่อครู่เลียปากท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง สายตาจับจ้องผ่านคอเสื้อเข้าไปด้านใน ผิวเนื้อขาวนวลขึ้นสีชมพูจางๆ จากความอับร้อน

คนตัวเล็กมองตามสายตาไม่น่าไว้ใจ ก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังก้มโค้งมากเกินไปแล้ว

“ม…มีใครเอาอีกไหมครับ?” ถามเสียงละล่ำละลัก พลางยืดตัวกลับขึ้นยืนเต็มความสูง พยายามใช้มือที่ว่างดึงเสื้อไปทางด้านหลัง

“ไม่อยากได้ทิชชู่แล้ว แต่อยากได้น้องวันศุกร์มานั่งด้วย ได้ไหมครับ?”

“เอ่อ...”

“มานั่งกับพี่ดีกว่านะ” เจ้าของสายตาโลมเลียเอื้อมมือมาจับแขน พยายามจะดึงตัวเขาลง

“ปี๊ดดด”

เสียงนกหวีดในสนามดังขึ้นลากยาว ทำให้เขาหาจังหวะสะบัดตัวหลุดออกมาได้ นักกีฬาแต่ละคนเดินกลับออกมาเมื่อมีคนส่งสัญญาณขอเวลานอก สีหน้าของกันต์ไม่ค่อยจะดีนัก

“ทำบ้าอะไร?” เสียงเข้มถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงตัวรุ่นน้องคู่กัด

“อะไร?”

“ไปยืนอ่อยพวกไอ้มิวทำไมฮะ?”

วันศุกร์เลิกคิ้ว แล้วหันไปมองพวกกลุ่มผู้ชายปีสามเมื่อครู่ คนที่จับมือเขายังคงจ้องมาไม่วางตา และดูท่าทางว่าจะเป็นคนเดียวกับที่กันต์กำลังพูดถึงด้วย

“อ่อยบ้าอะไรล่ะ ผมแค่ช่วยเดินแจกทิชชู่”

“แค่แจกทิชชู่แล้วทำไมต้องให้มันจับมือด้วย แล้วไปก้มๆ เงยๆ อย่างนั้นได้ยังไง ทำไมไม่หัดระวังตัว” กันต์ขึ้นเสียงมากกว่าเดิม สายตาดุๆ จ้องไปยังคอเสื้อกว้างของเขา

“ก็ไม่มีอะไรสักหน่อย ผมเป็นผู้ชายนะ”

พูดไปแบบนั้น แม้ว่าความจริงเขาจะแอบกลัวพวกมิวอยู่บ้างเหมือนกัน

“แล้วอยากโดนผู้ชายด้วยกันปล้ำไหมล่ะ?”

คนตัวเล็กเบ้ปากเมื่อกันต์ตรงเข้ามาบีบข้อมือเขาอย่างรุนแรง คำพูดคำจาส่อแววร้ายกาจและน่ารังเกียจเหมือนทุกที แต่แปลกเหลือเกินที่ครั้งนี้เขาแอบคิดว่ามันแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ทำไมกันต์ถึงได้รู้ทุกการกระทำ ทุกเหตุการณ์เมื่อครู่ ทั้งที่น่าจะตั้งสมาธิอยู่กับเกมในสนาม

อย่างกับว่ากำลังคอยมองเขาอยู่ตลอดอย่างนั้นแหละ

“พี่กันต์ ผมเจ็บ”

ร่างสูงส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ก่อนจะยอมคลายมือที่บีบออก เสียงกรรมการเรียกหมดเวลานอก ทำให้กันต์ต้องกลับลงสนามอย่างช่วยไม่ได้ วันศุกร์ได้แต่ยืนทำปากยื่น ไม่ชอบใจที่กันต์ทำท่าโมโหใส่ทั้งที่เขาแค่อยู่เฉยๆ อีกแล้ว

เขาสะบัดเรื่องไร้สาระออกจากหัว เมื่อเห็นกั้งกับนัทเพิ่งวิ่งผ่านหน้าไป

“กั้ง นัท สู้ๆ”

ทั้งสองคนหันมายิ้มกว้างให้แล้วกลับไปประจำตำแหน่ง เขาเห็นกันต์ยืนจ้องสองคนนั้นสลับกับใบหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง แต่ใช่ว่าเขาจะต้องใส่ใจซะเมื่อไร

ตอนนี้วันศุกร์เลิกแจกทิชชู่แล้วมานั่งกอดเข่าดูการแข่งขันอยู่ชิดขอบสนามเพียงลำพัง ยอมรับว่าเขาไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนอื่นมากนัก แต่ที่ได้มาสนิทกับกั้งก็เพราะตอนไปค้างหอกันต์ ดันใช้ชื่อกั้งแอบอ้างเอาไว้ เลยเป็นเหตุให้ต้องคุยกัน ส่วนนัทก็พ่วงตามมาเพราะเป็นเพื่อนกับกั้งตั้งแต่สมัยมัธยม

เสียงโห่ร้องจากพวกปีหนึ่งดังขึ้นในวินาทีที่เปาแย่งลูกกลับมาจากฑิตได้สำเร็จ ร่างโปร่งเลี้ยงลูกลิ่วๆ ก่อนจะตัดสินใจเตะโด่งมาทางเพื่อนอีกคนซึ่งอยู่แถวขอบสนาม แต่ใกล้กับประตูมากกว่า

ทุกสายตาแทบจะมองไปยังลูกบอลเป็นจุดเดียว รวมทั้งวันศุกร์ด้วย

แต่แปลก ทำไมบอลมันถึงได้พุ่งใกล้เข้ามา จนเหมือนจะใกล้เกินไป...รึ..เปล่า...

“วันศุกร์!!”

ปึกก!

เสียงตะโกนจากใครสักคนดังขึ้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่เขาจะสลบไปจากแรงกระแทกที่หัว สติสัมปชัญญะล่องลอย ไม่รับรู้สิ่งใดอีก

 

 

“มึงอยู่เฝ้าศุกร์ที่นี่แหละ เดี๋ยวกูให้ไอ้เซฟลงแทน”

“อืม”

“แล้วอย่าไปเอาเรื่องไอ้เปามันล่ะ น้องมันไม่ได้ตั้งใจ”

“เออน่ะ” กันต์ปัดมือไล่ตรีที่เอาแต่สอนเหมือนพ่อไม่มีผิด ความเงียบตรงเข้าปกคลุมห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ข้างสนามฟุตบอล หลังจากที่คนอื่นกลับออกไปแล้ว

สายตาห่วงใยส่งไปให้ร่างบางบนเตียง วันศุกร์นอนไม่ได้สติแต่กลับขมวดคิ้วยุ่งซะจนอยากรู้ว่าคิดอะไรอยู่ แผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ก่อนที่เสียงเล็กๆ จะดังขึ้นคล้ายละเมอ ดวงตายังคงปิดสนิททั้งสองข้าง

“ฮือ...พี่เสาร์...”

กันต์ขมวดคิ้วแล้วดึงเก้าอี้เข้าไปใกล้เตียงนอนมากขึ้น น้ำเสียงของเด็กตรงหน้าฟังดูเจ็บปวด

“เจ็บ...” คนหลับยกมือขึ้นกอดตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้สติ “พี่เสาร์ อย่า..ศุกร์เจ็บ...”

มาถึงตรงนี้เขาไม่กล้าคิดว่าวันศุกร์กำลังละเมอถึงเรื่องอะไร ชื่อของวันเสาร์พาให้เขาหงุดหงิดได้ง่ายๆ ท่าทางทรมาน กับคำว่า ‘อย่า’ หรือคำว่า ‘เจ็บ’ ก็แทบทำให้เขาไม่กล้าเดา ในสมองพลันนึกไปถึงเรื่องใต้สะดืออย่างช่วยไม่ได้ จะว่าทะลึ่งลามกอะไรก็เถอะ แต่ตอนนี้เขานึกเรื่องอื่นไม่ออก

คิดไปถึงท่าทางออดอ้อน บวกกับระดับความขี้หวงของสองพี่น้อง ยิ่งโดนเกศราพูดกรอกหูอยู่บ่อยๆ ถึงความสัมพันธ์เกินเลยของครอบครัวนี้ ก็พาลให้เขาฟุ้งซ่านไปใหญ่

ถ้ามันจริงล่ะ...?

นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใส ไม่สามารถคลายความคุกรุ่นในใจออกไปได้เลยแม้แต่น้อย

“นายกับพี่ชายนาย...มีอะไรกันจริงๆ น่ะเหรอ?” เขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว ไม่มั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่

เวลาผ่านไปนานพอตัว เสียงจากลำโพงด้านนอกดังลอดเข้ามา ประกาศว่าปีหนึ่งเป็นฝ่ายชนะ กันต์ปิดหน้าต่างห้องลงอีกครั้ง ก่อนจะหันมาสนใจร่างบางที่เริ่มกระดุกกระดิกอยู่ใต้ผ้าห่ม

“อื้ออ...” วันศุกร์ปรือตาขึ้นช้าๆ ความรู้สึกปวดแปล็บทำให้เขาต้องรีบยกมือขึ้นกุมขมับ

“ค่อยๆ ลุก”

เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเพิ่งสังเกตเห็นอีกหนึ่งชีวิตในห้องไม่คุ้นตา คนตัวสูงช่วยประคองให้ลุกขึ้นนั่ง พอปรับทัศนะอะไรๆ ได้แล้วจึงเริ่มเอ่ยปากถาม

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ก็มีไอ้โง่ที่ไหนไม่รู้นั่งไม่ดูตาม้าตาเรือ ปล่อยให้ลูกบอลกระแทกหัวจนสลบ” กันต์อธิบายยาวเหยียด ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าไอ้โง่ที่พูดถึงอยู่ก็คือเขานั่นเอง

“แล้วพี่ล่ะ?” วันศุกร์หันไปมองหน้ากันต์ซึ่งกำลังมองกลับมาอย่างตั้งคำถาม “มาทำอะไรในนี้?”

“ไอ้ตรีบังคับให้มาเฝ้านาย”

“อ๋อ”

เพราะว่าถูกบังคับอย่างนั้นสินะ

“จะไปไหน?” กันต์รีบถามเมื่อเห็นว่าวันศุกร์พรวดพราดลงจากเตียง ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง

“ไปหาพี่ตรี”

คนตัวเล็กแกล้งกระแทกเสียงใส่ แต่กลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์โกรธในตัวกันต์ให้เพิ่มมากขึ้น มือใหญ่ตรงเข้ามากระชากข้อมือเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

“จะไปหาผู้ชายอื่น ไม่กลัวพี่ชายสุดที่รักจะหึงหรือไง?”

“หึง? หมายความว่าไง”

“อย่ามาทำเป็นใสซื่อ นายกับพี่ชายมีอะไรกันก็น่าจะรู้แก่ใจนะ”

คนตัวเล็กกลอกตาเพราะกันต์เริ่มชวนทะเลาะเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว พอเขาไม่โต้ตอบกลับกันต์จึงยิ่งพูดยั่วไม่หยุด

“รู้ไหม ตอนนายหลับ นายละเมอถึงพี่ชายนายว่ายังไง”

ดวงตากลมวูบไหวน้อยๆ ชักกลัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดเรื่องอะไรออกไปบ้าง

“อะ...อะไร?”

“นายร้องไห้บอกว่าเจ็บ ทำไมเหรอ ตอนมีอะไรกัน ไอ้พี่เสาร์มันรุนแรงกับนายมากหรือไง?”

เพียะ!

ฝ่ามือด้านที่เป็นอิสระฟาดลงบนใบหน้าเรียวอย่างไม่เกรงกลัว คนตัวสูงบีบข้อมือบางแน่นกว่าเดิม พลางตวัดสายตาดุร้ายกลับมาจับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง แต่ก่อนจะได้ต่อว่าอะไร กลับถูกวันศุกร์ชิงตวาดใส่เสียก่อน

“น่ารังเกียจ!!”

“ใครกันแน่ที่น่ารังเกียจ!” กันต์ตะคอกกลับ ร่างของวันศุกร์ถูกกระชากเข้าไปปะทะกับอกแกร่ง

เจ้าของดวงตากลมเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะหันไปกัดมือใหญ่ที่เกาะกุมตัวเองไว้ กันต์ร้องโอยแล้วเผลอปล่อยมืออย่างช่วยไม่ได้ ทำให้วันศุกร์ได้โอกาส ผลักร่างหนาออกห่างด้วยแรงทั้งหมดที่มี น้ำเสียงสั่นเครือตวาดกลับด้วยความเหลืออด

“เออ ผมมันน่ารังเกียจ! ถ้าน่ารังเกียจก็ไม่ต้องมายุ่งสิ! ไม่ต้องมาคุย ไม่ต้องมาใกล้ด้วย!”

“วันศุกร์!” นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้าคนเด็กกว่าอย่างคาดโทษ แต่วันศุกร์ไม่ได้สนใจ กลับสะบัดตัวหนีออกจากห้องรวดเร็วเกินกว่าที่กันต์จะคว้าไว้ได้ทัน ทั้งสองฝ่ายต่างส่งเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอ สองมือกำหมัดแน่น

ถ้าการสนทนาของเขากับกันติกรณ์จะต้องจบลงด้วยการโดนดูถูกและทะเลาะกันแบบนี้ตลอด เขาขอให้ไม่ต้องมาเสวนากันอีกเลยยังดีกว่า ทั้งๆ ที่เขาก็พยายามอยู่นิ่งแล้ว แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงยังราวีไม่เลิกก็ไม่เข้าใจ ก็ถ้าจะญาติดีกันไม่ได้จริงๆ

ก็อย่ามาข้องเกี่ยวกันอีกเลย...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 5.0
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-12-2016 01:07:08
กันต์แกไปนั่งปรับทัศนคติของแกใหม่ไป ให้โอกาสแกแก้ตัว ...หึง หวงน้อง ชอบว่าน้อง ถามความจริงจากน้องรึยังว่าความจริงเป็นยังไง
อย่าโง่ ขอร้อง สุดท้ายจะเป็นแกซะเองที่ผิด

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 5.0
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 14-12-2016 04:33:01
โฮ่ เราเชียร์พี่เสาร์แล่ว เชอะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 5.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 16-12-2016 21:20:16
วันศุกร์ที่ 5.5



“วันศุกร์ล่ะ?” ตรีวิทย์ถามหลานรหัสตัวเองที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านอาหารข้างมหา’ลัย กั้งส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองนัทด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

“ทำไม มีอะไรกันรึเปล่า?”

“เปล่าหรอกพี่ฑิต”

“ตั้งแต่งานกีฬาสีคณะ พี่ก็ไม่เจอวันศุกร์เลย ผ่านมาจะอาทิตย์นึงแล้ว...ถ้ามีอะไรก็บอกพวกพี่ได้นะ” บัณฑิตแสร้งถาม เพราะรู้ดีกว่ากันต์กำลังร้อนรนมากแค่ไหนเมื่อจู่ๆ รุ่นน้องที่หมายปอง...เอ๊ย หมายหัวไว้กลับมาหายหน้าหายตาไปเสียดื้อๆ

ปกติตารางเรียนของพวกเขามันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจอกันเลย เพราะคณะของเขาเอาเข้าจริงก็เรียนวนอยู่แค่ไม่กี่ตึก บางทีก็อยู่ตึกเดียวกันแต่คนละชั้น โรงอาหารใกล้เคียงก็มีแค่สองแห่งหลักๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจงใจหนีหน้ายังไงก็ต้องเดินสวนกันบ้างเป็นปกติ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ศุกร์มันบอกว่ามันเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยขลุกตัวอยู่แต่กับชีท”

“เหรอ…”

ทั้งโต๊ะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน หลังจากพนักงานเดินเข้ามารับออเดอร์ หลงเหลือไว้แค่กันติกรณ์ที่ยังเอาแต่ทอดสายตาออกไปทางกระจกร้าน พลันนึกไปถึงใบหน้าโกรธเคืองของร่างเล็กในห้องพักใกล้สนามบอลเมื่อวันก่อน บางทีเขาอาจจะพูดจาแรงเกินไป

แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเขาห้ามตัวเองไม่ให้หงุดหงิดไม่ได้ ยามที่คิดว่าวันศุกร์กับวันเสาร์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินกว่าพี่น้องจริงๆ สิ่งนี้คือเครื่องตอกย้ำความเจ็บช้ำในใจพี่สาวของเขา ในขณะเดียวกัน...มันก็ตอกย้ำความรู้สึกผิดหวังในใจของเขาเองด้วย

มือถือเครื่องบางถูกหยิบขึ้นมากดโทรออกหารุ่นน้องในความคิด แต่ก็เป็นเช่นเคยคือไม่รับ...พอโทรมากเข้าก็จะถูกปิดเครื่องหนีซะอย่างนั้น ไลน์ไปเท่าไรก็ไม่ตอบ ขนาดเวลาไปหาเจ้าดื้อที่คณะเกษตรก็ยังไม่เจอกันเลย

ข่าวคราวเดียวที่เขามีในตอนนี้ก็คือธนา หมอนั่นบอกว่าวันศุกร์แวะเวียนมาดูแลเจ้าดื้อตลอด แต่จะคอยหาจังหวะที่เด็กปีสามอย่างเขามีคลาส หรือถ้าวันไหนเห็นว่ารถของเขาจอดอยู่ใกล้ๆ โรงเลี้ยงสัตว์ ก็จะไม่ยอมเข้ามา มีครั้งนึงที่เขาเกือบจะไล่หลังไวๆ ของวันศุกร์ทัน แต่สุดท้ายก็วืด จนทำให้แน่ใจล้านเปอร์เซ็นแล้วว่า เด็กนั่นกำลังตั้งใจหนีหน้าเขาอยู่

กันต์ลุกออกไปด้านนอกร้าน ไม่สนใจเสียงโหวกเหวกตามหลังของคนบนโต๊ะ เขากดโทรศัพท์ออกอีกครั้ง รอเพียงครู่หนึ่ง เสียงจากปลายสายก็ดังขึ้น

“ว่าไง?”

“ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”

 

 

“ว่าไงนะครับ?” เสียงเล็กถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“เจ้าดื้อมันไม่ยอมกินอะไรเลยน่ะ ศุกร์ช่วยมาดูหน่อยสิ”

“แปลกนะครับ ปกติมันออกจะกินไม่เลือก”

เขาตอบกลับธนาไปแบบงุนงง เมื่ออีกฝ่ายโทรมารายงานว่าวันนี้เจ้าดื้อดูผิดปกติ แต่ที่งงกว่านั้นเห็นจะเป็นการที่หัวหน้าทีมเลี้ยงสัตว์คณะเกษตรฯ โทรมาขอความช่วยเหลือจากเด็กไม่ประสีประสาจากคณะวารสารฯ นั่นแหละ

“สงสัยมันชินกับการให้ศุกร์ป้อนซะแล้วล่ะมั้ง”

“เหรอครับ อืม...งั้นเดี๋ยวผมรีบไปละกัน”

วันศุกร์ตอบรับ ก่อนจะหันไปบอกกั้งกับนัทซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะมานั่งทำรายงานกันที่ห้องสมุด เขารีบโบกพี่วินไปทางคณะเกษตรฯ ทันที แม้จะออกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง เพราะเขาสาบานเลยว่าไม่เคยเห็นเจ้าดื้อ ดื้อกับเรื่องกินมาก่อน

“พี่ธนา” คนตัวเล็กรีบทักขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งยืนดักรออยู่หน้าคอกไม้ พอมองเลยเข้าไปก็ยังเห็นว่าเจ้าดื้อวิ่งเล่นสุขสบายดี

“อะนี่ ช่วยป้อนมันหน่อยสิ พี่ลองแล้วแต่มันไม่ยอมกิน”

“แปลกจังเลยครับ” เขายังคงย้ำสิ่งที่คิด แต่ก็รับถ้วยอาหารขนาดพอดีคำมาไว้ในมือ ก่อนจะก้าวเข้าไปทักทายลูกหมูน้อย

เจ้าดื้อเลิกสนใจบอลของเล่น แล้ววิ่งตรงมาคลอเคลียหน้าขาเขาทันทีอย่างรู้งาน วันศุกร์ยิ้มรับก่อนจะยื่นแตงกวาออกไปจ่อปาก ซึ่งเจ้าดื้อก็งับหมับเข้าทันทีแบบว่าง่าย ไม่รู้ว่าธนาเข้าใจอะไรผิด หรือว่าเจ้าดื้อจะติดให้เขาป้อนคนเดียวจริงๆ กันแน่

สวบ…

เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ทำให้วันศุกร์ต้องเอี้ยวตัวกลับไปมอง แต่กลับต้องชะงัก เมื่อคนที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาในเล้าหมูไม่ใช่ธนาหรือใครอื่น แต่เป็นกันต์ คนที่เขาไม่นึกอยากเจอมากที่สุด

“พี่กันต์...”

“เออ ฉันเอง”

วันศุกร์ตั้งท่าจะลุกหนี แต่กันต์ก็รีบเข้ามาดักหน้าไว้ แขนยาวกางออกไม่ยอมให้เขาหลบหลีกไปไหน

“พี่กันต์หลบ ผมจะกลับ”

“เดี๋ยวสิ อยู่ให้อาหารเจ้าดื้อมันก่อน”

“นี่เป็นแผนของพี่กับพี่ธนาใช่ไหม?” สายตาโกรธๆ กวาดไปทั่วบริเวณก็พบว่าธนาได้หายหัวไปแล้ว

“ฉันแค่อยากคุยกับนาย”

“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่”

“แต่ฉันมี” กันต์เอ่ยเสียงเข้ม แล้วคว้าข้อมือบางลากออกไปจากเล้า ไม่สนใจเจ้าหมูสีชมพูที่เอาแต่ส่งเสียงงุ้งงิ้งตามหลัง ถ้วยอาหารในมือของศุกร์หล่นลงไปกองตรงพื้น อยากจะรู้นักว่าผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรถึงได้ชอบถือวิสาสะเข้ามากระชากคนอื่นไปทางโน้นที ทางนี้ทีอยู่เรื่อย

ทั้งสองคนยื้อยุดกันอยู่นาน แต่สุดท้ายวันศุกร์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้ เขาถูกจับยัดใส่รถคันเดิม ก่อนที่มันจะพุ่งตัวออกจากรั้วมหาลัย ตรงไปทางหอพักคุ้นเคย

กันต์ติดเครื่องค้างไว้ขณะนำรถเข้าจอด ยังไม่ยอมปลดล็อกประตูเพราะกลัวว่าคนข้างตัวจะวิ่งหนีหายไปไหนอีก เขาพยายามควบคุมอารมณ์ในตัวและเอ่ยปากถามเสียงเรียบ

“นายจะหนีหน้าฉันทำไม?”

“เปล่า...”

“เปล่าอะไร เห็นอยู่ว่านายจงใจหนีหน้าฉัน”

“ก็…ไม่อยากเห็นหน้า”

“วันศุกร์” เขาเผลอกระชากเสียง แต่คนถูกเรียกกลับเอาแต่เบือนสายตาออกไปนอกกระจก ทั้งที่ไม่มีอะไรน่ามอง

“เป็นอะไร โกรธอะไรฉันนักหนา”

“...”

“นี่!”

“พาผมกลับเถอะ”

“บอกก่อนว่าจะไม่หนีหน้าฉันอีก”

“พี่กันต์ พี่จะเอาอะไรกับผมอีก ในเมื่อพี่ไม่ชอบขี้หน้าผม พี่รังเกียจผมนัก ก็อย่ามายุ่งกับผมสิ” วันศุกร์หันกลับไปเผชิญหน้ากันต์ พยายามแสดงออกให้เห็นว่าเหนื่อยใจมากแค่ไหน เขาทำท่าจะเปิดปากอีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดกึกเมื่อคนหลังพวงมาลัยชิงพูดขึ้นก่อน

“ฉันขอโทษ”

“ห้ะ?”

“ก็บอกว่าขอโทษไง” ร่างสูงกดเสียงต่ำอย่างข่มความรู้สึก ใบหน้าเครียดๆ ของกันต์ทำให้เขาไม่กล้าโวยวายอะไรต่อ

ขอโทษ...หมายความว่าไง

คนอย่างกันติกรณ์น่ะเหรอจะกล้าพูด ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกให้ขอโทษครั้งนึง แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่ามากไป มากไปแล้วเมื่อกี้มันคืออะไรล่ะ

อย่ามาทำแบบนี้นะ

“ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่นาย” มือหนาเอื้อมเข้ามาแตะแก้มของเขาแผ่วเบา แววตากลมโตวูบไหว พร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นถี่รัว

หยุดเดี๋ยวนี้

อย่ามาทำให้เขาสับสนแบบนี้นะ กันติกรณ์!

วันศุกร์รีบปัดมือของกันต์ออกแล้วหันหน้าหนีอีกครั้งเมื่อตั้งสติได้ คนตัวสูงขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความโกรธกับความน้อยใจ

“ฉันขอโทษแล้ว ยังต้องการอะไรอีก?”

“ผม...” คำพูดขาดห้วงไป เพราะความจริงเขาแทบจะหายโกรธกันต์ตั้งแต่ที่ได้ยินคำว่าขอโทษที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ฟังแล้ว ถึงอย่างนั้นทิฐิในตัวมันก็หนักเสียเกินจะยอมอ่อนข้อง่ายๆ

“ผมอยากให้พี่เลิกยุ่งกับผม...”

เสียงฮึดฮัดดังขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันมองหน้ากันต์อยู่ก็พอจะเดาออกว่าคงบึ้งตึงมากแค่ไหน ทั่วบริเวณคับแคบเงียบลงเพียงชั่ววินาทีหนึ่ง ก่อนที่กันต์จะดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ ขายาวรีบก้าวมาเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วดึงตัววันศุกร์ออกมาไม่รุนแรงเท่าไรนัก

“ถ้านายยังไม่หายโกรธ ก็มานี่”

“พ…พี่กันต์ จะพาผมไปไหน!” วันศุกร์ร้องเมื่อกันต์ไม่ยอมพาตัวเองกลับ และไม่ได้พาขึ้นหอด้วย แต่กลับลากเขาไปทางร้านมินิมาร์ทใต้หอข้างๆ แทน

คนตัวเล็กยอมสงบลงเมื่อเห็นสายตาจากคนอื่นในร้าน กันต์ตรงไปทางตู้แช่ไอศกรีมแล้วหยิบโคนวานิลลาสอดไส้ช็อกโกแลตขึ้นมาจ่ายตังค์ ก่อนจะยัดเข้ามาในมือเขาเสร็จสรรพ

“อะไร?”

“ซื้อให้”

“หา?” วันศุกร์ยืนงง พวกเขาเดินออกมายืนคุยกันหน้าร้าน ซึ่งไม่ค่อยมีคน ส่วนใหญ่จะเป็นหมามากกว่า คนตัวเล็กยกไอศกรีมในมือขึ้นมองด้วยความไม่เข้าใจ แล้วถามกลับอีก

“ซื้อให้ทำไม?”

ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งยังดูไม่เข้าใจ ในขณะที่อีกคนกลับดูจริงจังซะจนอดหวั่นไหวไปด้วยไม่ได้ เสียงทุ้มดังขึ้นผะแผ่ว หากก็ชัดเจนในโสตประสาต

“ง้อ”

ใบหน้าขาวราวน้ำนม ค่อยๆ ขึ้นสีแดงเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ คำที่หลุดออกจากปากของอีกฝ่ายเมื่อครู่ช่างแสนสั้นเกินกว่าจะเข้าใจความหมายที่แอบแฝงเอาไว้ทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าทำไม...

หัวใจถึงได้พองโต

“ว่าไง หายโกรธรึยัง ฉันง้อแล้วนะ” ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้ ทำให้วันศุกร์รีบขยับหนี เขาเอาแต่ก้มหน้างุดแล้วแสร้งทำเป็นง่วนอยู่กับการแกะกระดาษห่อไอศกรีม หูสองข้างยังคงทำหน้าที่ฟังคำอธิบาย

“ฉันรู้ว่าคราวก่อนฉันพูดแรงเกินไปจริงๆ แต่ก็ไม่เห็นต้องโกรธขนาดไม่มาเจอหน้ากันเลยนี่ เรายังต้องเลี้ยงเจ้าดื้อด้วยกันอยู่นะลืมแล้วเหรอ อีกอย่าง…ถ้านายเอาแต่หนีหน้าฉันแบบนี้ แล้วฉันจะไปแกล้งใครล่ะ”

เกือบดีละ...

“เพราะพี่เอาแต่แกล้งผม หาเรื่องผมนั่นแหละ ผมถึงต้องหนี”

“เออๆ ฉันยอมรับผิด ทีนี้หายโกรธได้ยัง?”

คนตัวเล็กยืนคิดอยู่พักนึง ก็ยอมพยักหน้าแต่ยังไม่กล้าสบตาด้วย กันต์ลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกเอาผิดเขาแล้ว

“ดี เพราะถ้านายยังไม่หาย ฉันก็คงขี้เกียจง้อแล้วแหละ”

วันศุกร์เบ้ปากทันทีที่ได้ยิน แต่ก็ขี้เกียจจะเอาเรื่องเอาราวอะไรอีก แม้ว่าเขาสองคนจะออกแนวไม่ชอบหน้ากันสักเท่าไร แต่ความจริงก็ไม่ได้เกลียด บางครั้งกันต์ก็ดี แต่บางคราวกันต์ก็ร้าย ทำให้เขาสับสนเท่านั้น

สับสน แล้วก็หวั่นไหวด้วย...

พวกเขาเดินกลับมาขึ้นรถหลังจากปรับความเข้าใจเรียบร้อย กันต์สัญญาว่าจะพากลับไปส่งที่มหา’ลัย แลกกับการให้วันศุกร์สัญญาว่าจะไม่หนีหน้าเขาไปดื้อๆ อีก ไอศกรีมในมือเล็กหมดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่รถยังติดตรงช่วงยูเทิร์น วันศุกร์พยายามใช้ลิ้นเลียริมฝีปากไปมาเหมือนเด็ก

“หันมานี่” ร่างสูงผละจากพวงมาลัยเมื่อเห็นว่ารถยังไม่ยอมขยับ

เขาเชยคางของเด็กบนเบาะด้านข้างให้หันมาหา ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือปาดคราบช็อกโกแลตตรงมุมปากออกให้ ไม่ได้เบามือ แต่ก็ไม่ได้รุนแรง จนคนตัวเล็กไม่แน่ใจนักว่าควรเรียกการกระทำเมื่อครู่ว่าอะไร

ติดจะรำคาญ แต่ก็คล้ายว่าจะอ่อนโยน

“เป็นเด็กหรือไง”

“ก็ไม่ได้แก่อะ”

“ปากดี” กันต์ว่า แล้วผลักแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนเบื้องหน้าดังเดิม

รถเก๋งสีดำขัดมันจอดตัวลงกะทันหันก่อนที่จะถึงหน้าคณะ เมื่อคนขับถูกประทุษร้ายด้วยการถูกฟาดแขนหนักๆ ดวงตากลมจับจ้องไปยังรถแวนของครอบครัว มีลุงชัยเดินวนไปเวียนมาอยู่ใกล้ๆ พ่วงมาด้วยร่างสูงใหญ่ของพี่ชายคนสนิท

“จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมเดินไปเอง”

กันต์อดจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยคำพูดดูถูกหรือด่าทออะไรออกมาอีก สายตาคมมองตามร่างเล็กซึ่งกำลังวิ่งดุ๊กดิ๊กไปกอดเอวคนเป็นพี่อย่างออดอ้อน พากันขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนไม่ต้องการให้วันเสาร์สังเกตเห็นรถของเขา

“เฮ้อ”

ถ้าหากว่าวันศุกร์เป็นแค่วันศุกร์ ไม่ใช่น้องชายของวันเสาร์ คนที่ทำให้เกศราต้องทุกข์ทน เขาจะรู้สึกกับเด็กนี่ยังไง...ถ้าตัดเรื่องวันเสาร์กับพี่สาวเขาออกไป ความรู้สึกของเขาที่มีต่อวันศุกร์ก็คงจะชัดเจนได้มากกว่านี้อีกสักร้อยเท่าพันทวีเลยใช่ไหม

“ขืนเป็นแบบนี้...ฉันจะยิ่งเกลียดพี่ชายนายมากขึ้นไปอีกนะ”

เกลียดที่ทำร้ายจิตใจพี่เกศ...เกลียด...ที่ได้หัวใจนายด้วย


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 5.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-12-2016 13:56:59
น้องศุกร์น่าจะโกรธอีกนานๆหน่อย

ดัดนิสัยนายกันต์ จะได้ไม่ใช้อารมณ์มาว่าน้องศุกร์อีก
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 6.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 20-12-2016 19:56:05
วันศุกร์ที่ 6.0



‘ว่าไง หายโกรธรึยัง ฉันง้อแล้วนะ’

ทุกคำ ทุกน้ำเสียง ทุกการกระทำ ของกันต์ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวสมอง สัมผัสของปลายนิ้วตรงมุมปากก็ดูเหมือนกับว่ายังรู้สึกถึงมันอยู่ แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้วันศุกร์เอาแต่คิดถึงใบหน้าของกันติกรณ์ คิดถึงช่วงเวลาที่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะขึ้นเสียงกัน

ทั้งที่เคยบอกว่าไม่ชอบขี้หน้า และเอาแต่พูดจาหาเรื่อง แต่ทำไมบางครั้งบางคราวถึงได้อบอุ่นอ่อนโยนนัก

ไม่เห็นเข้าใจเลย...

“ทำไมช้าจังวะ” วันศุกร์สะบัดความคิดเกี่ยวกับกันต์ออก แล้วเริ่มบ่นพึมพำพลางหันมองเวลาจากโทรศัพท์

วันนี้เขานัดกับกั้งและนัท ทำการบ้านวิชา Econ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของเด็กวารสารฯ กว่า 70% แต่นี่มานั่งรออยู่ในร้านกาแฟภายในห้องสมุดได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แวว พอทักไลน์ไปก็ดันไม่ตอบทั้งคู่

“วันศุกร์” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง

เขาค่อยๆ เอี้ยวตัวไปมองแบบไม่ใส่ใจนัก เพราะคนที่เข้ามาทักไม่ใช่เพื่อนที่รอ แต่เป็นคนในความคิดเมื่อครู่ต่างหาก

“มาทำอะไร?”

“ผมรอกั้งกับนัทอยู่”

กันต์พยักหน้า ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามเขานั่งลงอย่างถือวิสาสะ วันศุกร์ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ออกปากต่อว่า

“ชอบกินเหรอ?” คำถามถูกส่งมาให้ พร้อมกับสายตาที่กำลังเหลือบมองจานบลูเบอร์รี่ชีสพายบนโต๊ะ

“ก็กินได้”

“แล้วชอบกินอะไร?”

“ไม่ได้ชอบกินอะไร”

“นี่กวนตีนอยู่หรือเปล่า?” กันต์ถามเสียงขุ่น

“แล้วนี่เสือกอยู่หรือเปล่า?”

คนตัวสูงง้างมือขึ้นเหมือนอยากจะฟาดหัวเขาแรงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำจริง เสียงกระดิ่งติดประตูร้านดังขึ้นอีกครั้งเรียกสายตาของทั้งคู่ให้หันไปมอง หวังว่าจะเป็นเพื่อนทั้งสองแต่ก็ยังไม่ใช่

ผู้หญิงผมสีแดงอมส้มดูท่าทางมั่นใจ แต่มาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ เดินเข้ามาหยุดมองโต๊ะของเขาอยู่นานสองนาน ไม่ยอมขยับหรือแม้แต่เอ่ยปากพูด จนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตอนนี้โลกหยุดหมุนไปแล้วหรือเปล่า

“มองอะไรฮะ?” กันต์ถามขึ้น ทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวฉีกยิ้มกว้างและลากเก้าอี้เข้ามานั่งร่วมวงด้วยแบบไม่ถามก่อนสักคำ จะบอกว่าเฟรนลี่ก็เหมือนไม่ใช่ คงต้องบอกว่าไม่มีความเกรงใจน่าจะถูกกว่า

“น่าแปลกนะที่เห็นพวกนายสองคนมานั่งร้านกาแฟด้วยกันแบบนี้” เธอมองหน้ากันต์กับวันศุกร์สลับไปมา ก่อนส่งเสียงหัวเราะคิกคัก “มาเดทหรือไงจ๊ะ?”

“เข้าใจผิดแล้วครับ”

คนตัวเล็กรีบชิงปฏิเสธ แต่กันต์กลับนั่งเฉย พอดีกับที่พนักงานยกกาแฟดำเข้ามาเสิร์ฟ

“สวัสดีจ่ะวันศุกร์ พี่ชื่อพะเพื่อนนะ เป็นเพื่อนนายกันต์เอง”

“สวัสดีครับ”

“วันศุกร์คงไม่ค่อยคุ้นหน้าพี่เท่าไร เพราะตั้งแต่เปิดเทอมมาพี่ยังไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลย” เธอหัวเราะรั่ว ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกเรื่องสำคัญออก วินาทีต่อมา ไอแพดในเคสลายเปลือกไม้ก็ถูกวางลงบนกลางโต๊ะ หน้าจอกำลังเปิดสไลด์งานบางอย่างอยู่ พะเพื่อนปรับโทนเสียงให้ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย

“คือตอนนี้เอกพี่มีงานถ่ายภาพ แล้วอาจารย์แกเกรดแบบ 90% จากผลงาน และ 10% จากยอดไลค์อะ พี่เลยอยากได้นายแบบที่น่าจะเรียกความสนใจได้มากหน่อย...”

“มีอะไรก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า” กันต์เอ่ยปากเสียงเรียบอย่างรู้ทัน

“ฉันอยากให้นายกับวันศุกร์ มาเป็นแบบถ่ายภาพให้หน่อย”

“...”

ทั่วทั้งโต๊ะเงียบสนิทราวกับถูกดูดกลืนกล่องเสียงไป วันศุกร์ยังดูงงๆ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ส่วนกันต์ก็ดูไม่แคร์ และยกกาแฟขึ้นจิบ

“โจทย์ของฉันคือ ‘รักไร้กรอบ’ ฉันเลยวางคอนเซ็ปไว้เป็นภาพถ่าย portrait ของคู่รักชาย-ชาย น่ะ”

“คู่รัก...ชาย…ชาย?” วันศุกร์รีบทวนคำอย่างไม่มั่นใจนัก พะเพื่อนพยักหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่กันต์ดูจะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“ใช่จ่ะ แล้วใครๆ ก็รู้อะนะว่ากันต์กับวันศุกร์เคยมีเรื่องกันมาก่อน” เธอพูดถึงเหตุการณ์ตอนวันปฐมนิเทศ รวมทั้งข่าวเรื่องที่วันศุกร์เคยสาดน้ำแดงใส่เสื้อกันต์กลางโรงอาหารด้วย “ถ้าจับพวกนายมาถ่ายภาพร่วมกันได้ คิดดูว่าจะเรียกความสนใจได้ขนาดไหน”

“แต่...แต่ว่าโจทย์ของพี่มันเกี่ยวกับความรักไม่ใช่เหรอครับ ถ้างั้นทำไม...”

คนเด็กกว่าดูไม่เข้าใจ เพราะคำพูดของพะเพื่อนฟังดูขัดแย้งในตัวเอง เธอบอกว่ามันคือความรัก แต่จะเอาเขากับกันต์ที่ดูไม่ถูกกันให้มาถ่ายรูปคู่เนี่ยนะ

“ไม่เข้าใจเหรอ ถ้าพี่จับกันต์กับศุกร์มาถ่ายรูปที่ดูรักใคร่กันได้ แน่นอนว่า 10% จากยอดไลค์นั้นพี่ต้องได้เต็มแบบไม่ต้องสงสัยเลย”

“แล้วพี่เพื่อนไม่คิดถึงอีก 90% เหรอครับ พวกเราคงสื่ออารมณ์ออกมาได้ไม่ดีหรอก จะทำให้งานเสียเปล่าๆ ใช่ไหมพี่กันต์?” เริ่มหาตัวช่วย แต่กันต์กลับยกยิ้มมุมปากแบบที่เขาไม่นึกชอบเลย เพราะนั่นคือสัญญาณของเรื่องน่าหงุดหงิดอีกแล้ว

“ฉันว่าก็น่าสนุกดีนะ”

“ใช่มะแก! งั้นเอาเป็นว่าตกลงนะ”

“เดี๋ยวครับๆ ผมยังไม่ได้บอกเลย” เขารีบขัดขึ้นก่อนที่รุ่นพี่ทั้งสองจะเออออห่อหมกไปเอง

“โธ่ศุกร์ ช่วยพี่หน่อยไม่ได้เหรอ พี่คิดมาดีแล้วน่าว่ามันต้องปัง”

“แต่...”

“ค่าขนมพี่ก็มีให้ จะเอาอะไรพี่ให้หมดเลย นะนะ”

วันศุกร์เริ่มมีสีหน้าลำบากใจ เมื่อเห็นพะเพื่อนอ้อนวอนเสียงสั่น เขารีบยกมือขึ้นห้ามเมื่อเธอทำท่าจะยกมือไหว้ ดวงตากลมกลอกซ้ายขวาอย่างใช้ความคิด ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่เขาไม่คิดว่าพะเพื่อนจะได้รูปที่ดี ความรักไร้กรอบ จะเอาคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันไปถ่ายได้ยังไง

แบบนั้น..มันไม่ใช่รักสักหน่อย

“พี่นัดกองไว้อาทิตย์หน้าแล้วด้วย ถ้าไม่ได้กันต์กับศุกร์ พี่ก็คงไม่รู้จะไปหาใครที่ไหนแล้วนะ” เธอพูดอีก ยิ่งทำให้เขานึกสงสาร แม้เสี้ยวหนึ่งในใจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม เพราะเธอเล่นจัดการทุกอย่างแบบมัดมือชกเลยนี่น่า

“โอเคครับๆ ผมยอมช่วยก็ได้”

“จริงเหรอ!”

“ครับ แต่ผมก็ไม่คิดว่าพี่เพื่อนจะได้รูปที่ดีหรอกนะครับ”

“โหย เรื่องนั้นเชื่อมือพี่เถอะ” พะเพื่อนยิ้มกว้างจนปากเกือบฉีก เธอแทบจะพุ่งเข้าไปกอดรุ่นน้องหน้าหวานด้วยความดีใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกรองเท้าหนังของไอ้เพื่อนข้างตัวเหยียบห้ามเอาไว้ก่อน

สายตาโกรธๆ ตวัดกลับไปหากันติกรณ์เหมือนอยากจะด่าที่กล้ามาเหยียบเท้าผู้หญิง แต่ก็ต้องข่มใจไว้แล้วหันไปเลื่อนสไลด์งานบนหน้าจอ รูปของสวนผลไม้บางแห่งปรากฎขึ้น

“งั้นฉันขอแจ้งกำหนดการณ์เลยนะ เราจะยกกองไปถ่ายกันที่สวนผลไม้จังหวัดสุพรรณบุรี”

“ต้องไปต่างจังหวัดด้วยเหรอครับ?” วันศุกร์โพล่งออกมาหน้าตื่น เริ่มนึกท่าทีเดือดๆ ของพี่ชายตัวเองออกบ้างแล้ว

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็แค่ไปเช้าเย็นกลับเองจ่ะ”

พะเพื่อนเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายต่อว่าสวนนี้เป็นสวนผลไม้ของเพื่อนเธอเอง ซึ่งกันต์ก็รู้จัก โดยธีมที่เธอวางไว้ก็คือ ‘เจ้าของสวนกับเด็กฝึกงาน’ นำเสนอมุมมองความรักไร้กรอบในแง่ของ เพศวิถีและชนชั้นไปพร้อมกัน เรื่องราวในภาพถ่ายก็คือชีวิตในสวนผลไม้ต่างจังหวัด และความรักที่ค่อยๆ ผลิบานระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง เป็นความรักที่ไม่หวือหวา เน้นโทนอบอุ่นและสดใส

“หลักๆ ก็จะมีพวกนายสองคน มีฉันเป็นตากล้อง แล้วก็มีผู้ช่วยอีกสองคนคือไอ้เซฟกับกระแต” วันศุกร์พยักหน้ารับ เขาจำรุ่นพี่ทั้งสองคนได้ เพราะเจอกันวันงานกีฬาสี ทั้งหมดเรียนเอกภาพยนตร์และภาพนิ่ง ต่างกับพวกของกันต์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยนิดในเอกบริหารสื่อ

พูดตามตรง เอกของกันต์ไม่ค่อยมีคนสนใจมากเท่าไร แต่ละปีจะมีนักศึกษาลงเรียนอยู่ไม่กี่คน เมื่อวันปฐมนิเทศ รุ่นพี่เล่าว่าเคยมีปีนึง ที่ทั้งเอกมีเรียนกันอยู่แค่สามคนด้วย ส่วนตัวเขายังไม่ได้มีตัวเลือกในใจ อาจจะเพราะเพิ่งเข้าใหม่ แต่ถ้าถามตอนนี้ เขาเองก็คงไม่ตอบว่าบริหารสื่อเหมือนกัน

ไม่ใช่ไม่ดีนะ...แต่เพราะมีรุ่นพี่ชื่อกันติกรณ์ต่างหาก!

“เอ้อ แต่เตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อด้วยก็ดีนะ” หญิงสาวพูดแบบไม่จริงจังนัก เธอทิ้งเบอร์โทรไว้ให้วันศุกร์ ก่อนจะรีบแจ้นออกจากร้านไป หลงเหลือไว้เพียงความงุนงงและอึดอัดใจ

หลังจากตกปากรับคำไปแล้ว ปัญหามันก็ไม่ได้อยู่ที่กันต์อีกต่อไปแล้ว แต่ว่าเป็น...

 

 

“พี่ไม่อนุญาต” วันเสาร์ตอบกลับเสียงเด็ดขาด เมื่อน้องชายเล่าเรื่องงานถ่ายแบบให้ฟัง ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัดก็มากพอแล้ว ยังจะเป็นภาพถ่ายคู่กับกันติกรณ์ คนที่เขาไม่นึกชอบขี้หน้าอีก

“แต่ศุกร์รับปากเขาไปแล้วนะครับ”

“ก็ไปยกเลิกเขาซะ ถ้าไม่กล้า พี่จะพูดให้เอง”

“โธ่ พี่เสาร์ แค่ช่วยพี่เขานิดเดียวเอง”

“ไม่ได้ พี่เป็นห่วงเรานะ ต้องไปกับคนไม่รู้จักทั้งนั้น” วันศุกร์เลิกคิ้ว เพราะความหมายของคำว่าคนไม่รู้จัก ระหว่างวันเสาร์กับเขามันไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้เสาร์ก็แทบจะมองทุกคนเป็นคนไม่รู้จักไปซะหมดอยู่แล้ว

“แต่นั่นก็รุ่นพี่ในคณะทั้งนั้นเลยนะครับ พี่กันต์ พี่เสาร์ก็เคยเจอ...”

ดวงตาคมวาวโรจน์ยามได้ยินชื่อนั้น คนตัวเล็กรีบก้มหน้างุดเพราะก็พอจะเดาได้ว่าเสาร์ไม่ชอบใจกันต์เท่าไรนัก แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้ชอบหรอก แต่ทำยังไงได้ รับปากว่าจะช่วยพะเพื่อนไปแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จ

“ยิ่งหมอนั่นไปด้วย พี่ก็ยิ่งไม่ให้”

“พี่เสาร์อยากให้ศุกร์ดูเป็นคนไม่ดีเหรอครับ ศุกร์รับปากเขาแล้วไปยกเลิก มันน่าเกลียดนะ”

“ไม่รู้แหละ พี่ไม่ให้ศุกร์ไป”

“พี่เสาร์อ่า” คนตัวเล็กเริ่มงอแง เขาคิดว่าเขาโตมากพอแล้วตั้งแต่เข้ามหา’ลัย เขาไม่อยากให้วันเสาร์ยังมาคอยเป็นห่วงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหมือนแต่ก่อน

“ศุกร์อย่าดื้อสิ”

“พี่เสาร์นั่นแหละดื้อ ศุกร์แค่ไปช่วยรุ่นพี่ทำงานเอง”

ร่างสูงย่นคิ้วไม่พอใจ เดี๋ยวนี้วันศุกร์ของเขาเริ่มแข็งข้อขึ้นทุกที ไม่รู้ว่าเพราะโตขึ้น เจอสังคมใหม่ๆ หรือเพราะใครหรือเปล่า แต่จะยังไงก็ตาม เขาไม่ชอบที่เป็นแบบนี้เลย… เขาต้องการวันศุกร์ คนที่คอยเชื่อฟังเขาทุกอย่าง วันศุกร์ที่คอยอยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลา

“ศุกร์จะไป”

“ทำไมไม่ฟังพี่!”

“พี่เสาร์ก็ไม่ฟังศุกร์เหมือนกัน!”

เขาส่งเสียงตัดพ้อแล้วรีบวิ่งหนีขึ้นไปหลบในห้องนอนตัวเอง วันเสาร์ที่เพิ่งตามมาพยายามเคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้ง

“ศุกร์ เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้”

“ไม่ครับ”

“วันศุกร์ ทำไมเป็นแบบนี้ฮึ?”

“พี่เสาร์นั่นแหละ ไม่ไว้ใจศุกร์เลยหรือไง ศุกร์โตแล้ว ศุกร์ดูแลตัวเองได้”

“พี่แค่เป็นห่วง พี่ผิดเหรอ?” เสียงด้านนอกฟังดูแผ่วลง ทำเอาเขาเผลอใจหาย

ความจริงเขาก็ไม่อยากเถียงกันเรื่องนี้หรอก เพราะรู้แก่ใจดีว่าวันเสาร์คอยห่วงและทะนุถนอมเขามากขนาดไหน ถึงจะบอกว่าครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้าก็เหมือนว่าจะไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ต้องบินไปพำนักและทำงานอยู่ต่างประเทศบ่อยซะจนแทบไม่เจอหน้ากันเลย มีเวลาอยู่ด้วยกันเฉลี่ยปีละ 20-30 วันก็นับว่าเก่ง มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงถูกใช้ไปกับวันเสาร์ พี่ชายคนเดียวเท่านั้น

เราถึงได้ผูกพันกันมาก...รักกันมาก...

“แต่ศุกร์ดูแลตัวเองได้จริงๆ นะ...” เขาตอบกลับเสียงอ่อนลงพอกัน ทั้งคู่ยืนติดประตู พูดคุยผ่านแผ่นไม้ลงกลอนที่กั้นอยู่

อีกฟากฝั่งเงียบไปนานหลายนาทีจนวันศุกร์เกือบจะเปิดประตูออกไปแล้วด้วยความเป็นห่วง แต่เสียงทุ้มก็เอื้อนเอ่ยกลับมาก่อนพอให้ใจชื้น แม้ว่าจะแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยังดี

“เอาล่ะๆ พี่ยอมให้ศุกร์ไปก็ได้”

วันศุกร์ฉีกยิ้ม รีบเปิดประตูออกไปหาเจ้าของใบหน้าบึ้งตึง

“ขอบคุณมากเลยครับพี่เสาร์” ร่างเล็กรีบกระโดดกอดผู้เป็นพี่ คลอเคลียอยู่กับแผ่นอกกว้างอย่างเอาใจ จนอดจะใจอ่อนด้วยไม่ได้ เสาร์ดันวันศุกร์ออกเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน

“แต่เราต้องสัญญาว่าจะโทรรายงานพี่ทุกเรื่อง ตกลงไหม?”

“ตกลงครับ”

รอยยิ้มสดใสของน้องชายราวกับจะละลายหัวใจแข็งกระด้างลงในชั่วพริบตา ความโกรธถูกลบหายไปชั่วขณะ ยามที่วันศุกร์ใช้แขนเกี่ยวลำคอของเขาไว้แล้วตรงเข้าหอมแก้มสักฟอดใหญ่

“พี่เสาร์น่ารักที่สุดเลย”

แล้วแบบนี้ จะไม่ให้เขายอมได้ยังไง


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 6.0
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-12-2016 22:06:49
นายกันต์มันดูเรียบร้อยแปลกๆ ไม่ค่อยจะว่าน้องสักเท่าไรแล้ว เออ...ดีแฮะ

หาคู่ให้พี่เสาร์ทีนะคะ ...ติดน้อง หวงน้องเกินไปมันไม่ได้!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 6.0
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-12-2016 09:00:37
อยากรู้ยิ่งขึ้นน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 6.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 31-12-2016 21:18:55
วันศุกร์ที่ 6.5



เด็กปีหนึ่งยืนหมุนไปมาหน้ากระจก เสื้อเชิ้ตพับแขนสีฟ้า ทับด้วยเอี๊ยมยีนส์สีเข้มทำให้เขาดูแปลกตาไปจากทุกที ผมซอยสั้นกับหน้าม้าไม่ได้ถูกจัดแต่งอะไรมากมายเพื่อคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ ฝั่งกันติกรณ์เองก็แทบไม่ต้องแต่งเติมอะไรเช่นกันด้วยความที่เบ้าหน้าดีอยู่แล้ว ขนาดใส่เสื้อลายสก็อตก็ยังฆ่าไม่ตาย ผมรองทรงต่ำถูกจัดให้ดูยุ่งๆ คล้ายกับเวลาปกติของเจ้าตัว

“วันศุกร์นี่เหมาะกับสีฟ้าจริงๆ น้า” พะเพื่อนเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาแบบไม่บอกก่อน ทำเอาเขาสะดุ้ง คนที่เดินตามหลังมาคือพี่กระแตซึ่งคอยพยักหน้าเห็นด้วยแทบทุกคำ

“ผมไม่ค่อยชินเลยครับ”

“มั่นใจหน่อยสิ น่ารักออก”

“ปกติผมไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้หรอกครับ” วันศุกร์ยกนิ้วขึ้นเกาแก้มอย่างเขินๆ ก่อนจะปล่อยให้พะเพื่อนเดินจูงมือออกไปยังสวนด้านนอก

มองเห็นกันต์กำลังยืนคุยอะไรบางอย่างกับเซฟอย่างออกรส ชายร่างใหญ่ทั้งสองหยุดการสนทนาและหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียว คลับคล้ายคลับคลาฉากคุณพ่อจูงเจ้าสาวออกมาเจอเจ้าบ่าวยังไงยังงั้น.....ถุย!

“ช้าจังวะ”

กันต์ออกปากบ่นกลบเกลื่อนทั้งที่ใบหน้าขึ้นสี ยอมรับเลยว่าวันศุกร์ในชุดสีฟ้ากับเอี๊ยมแบบนี้ดูน่ารักขึ้นอีกสักสิบเท่า แต่ถ้าไม่ใส่อะไรเลย ก็คงจะน่ารักขึ้นสักล้านเท่าได้

“ช้าอะไร นี่เร็วกว่าที่คิดไว้อีก เซฟ แกจัดไฟเตรียมไว้ยัง?”

“เรียบร้อย”

พะเพื่อนพยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบกล้อง DSLR ออกจากกระเป๋าเป้ กระแตช่วยพากันต์กับวันศุกร์เดินมายังจุดที่มาร์กไว้ พร้อมหยิบทิชชู่ซับหน้าทั้งคู่ไปด้วย เซฟยังคงวนเวียนอยู่แถวรุ่นน้อง สายตาไล่พิจารณาเรือนร่างบอบบางผิดกับผู้ชายโตเต็มวัยทั่วไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสเข้าใกล้วันศุกร์คนดังของคณะ

“วันศุกร์เนี่ย น่ารักจังเลย” มือหนาหยิกแก้มใสไปทีอย่างนึกหมั่นเขี้ยว ไม่ทันสังเกตว่ากำลังถูกกันต์จ้องมาด้วยสายตาอาฆาตระดับไหน

“ขอบคุณครับ”

“แก้มนิ่มด้วยครับ ขอจับอีกทีได้ปะ?”

“เอ่อ...” คนตัวเล็กตีสีหน้าลำบากใจ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มขำเพราะแกล้งสำเร็จ

“ออกไปไกลๆ เลยนะมึง”

กันต์เอ่ยปากเสียงเย็น แววตาคมดูอัดอั้นเหมือนอยากจับคนแถวนี้มากระแทกเข่าสักทีสองที เซฟลอบหัวเราะในลำคอเพราะรู้ใจเพื่อนตัวเองดี ถึงเขาจะไม่ได้อยู่รวมกลุ่มกับกันต์ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนิท ประกอบกับได้พูดคุยกับตรีวิทย์มาบ้างแล้วเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกันต์และวันศุกร์ ยิ่งมาเห็นด้วยตาตัวเองก็ยิ่งมั่นใจว่ากันต์น่ะสนใจวันศุกร์อยู่แน่นอน

นึกแล้วก็อยากจะขำดังๆ ช่างดูออกง่ายอะไรขนาดนั้น คุณหลานชายคณบดี

ไม่สิ...ที่ตลกกว่าก็คือวันศุกร์นั่นแหละ ทำไมถึงดูไม่ออกว่ากันต์ไม่ได้ ไม่ชอบขี้หน้าตัวเองอย่างปากว่าสักนิด กลับกัน หมอนั่นมันก็แค่เข้าอีหรอบ ‘ยิ่งชอบยิ่งแกล้ง’ เท่านั้น

“อะ นี่จ่ะ” กระแตหยิบตะกร้าส้มมาใส่มือวันศุกร์เพื่อใช้เป็นของประกอบฉาก

พะเพื่อนปัดมือรัวเป็นสัญญาณให้นายแบบทั้งคู่ยืนชิดกันหน่อย เธอบอกให้วันศุกร์ทำท่าอุ้มตะกร้า ในขณะที่มีกันต์ยืนกอดอกเกือบจะซ้อนหลังอยู่

“ศุกร์ทำท่ากลัวๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้กลัวมาก อารมณ์เกรงๆ อะ ส่วนกันต์ก็ทำหน้าดุๆ เคปะ?”

คนตัวเล็กเลิกคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจคำสั่งของพะเพื่อนเท่าไร หน้ากลัวๆ หน่อย...แต่ก็ไม่กลัวมาก...เกรงๆ...เอ่อ สรุปคือยังไงอะ?

“เอานะ”

พะเพื่อนยกมือขึ้นเหมือนอยากให้กันต์กับวันศุกร์เริ่มจัดแจงท่าทางตัวเอง ฝั่งเซฟกับกระแตก็แยกกันไปยืนตามจุดที่ได้รับมอบหมาย เซฟประจำอยู่กับ Reflector หน้าทองขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ ส่วนกระแตคอยดูแลไฟ

“หนึ่ง...”

วันศุกร์รวบรวมสมาธิ แขนสองข้างโอบรอบตะกร้าหวายเอาไว้แน่น ค่อยๆ ช้อนตามองคนด้านข้าง พยายามบังคับแววตาให้ดูเกรงกลัว แต่ก็เหมือนจะยากกว่าที่คิด ในเมื่อเขาไม่รู้สึกกลัวกันต์สักนิด ส่วนกันต์เองก็ไม่ได้ตั้งใจตีหน้าดุใส่เขาด้วยซ้ำ มันเหมือนจะกวนตีนมากกว่า

“กันต์ หน้าดุหน่อย” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ทำให้กันต์แสร้งขมวดคิ้วหวังจะทำให้ดูดุขึ้น แต่ก็ไม่ช่วย แถมยังกลายเป็นตลกจนวันศุกร์หลุดขำ

“ขำอะไรฮะ?”

“ฮ่ะๆ...ก็พี่กันต์ทำหน้าตลก”

“นี่แหนะ” เขาใช้สองมือดึงแก้มนุ่มหลายครั้งอย่างจงใจแกล้ง

“โอ้ย ปล่อยๆ”

“ไอ้กันต์ ปล่อยน้อง!”

พะเพื่อนวางกล้องทิ้งไว้ รีบสาวเท้ามาฟาดแขนเพื่อนตัวโตไปที นึกเคืองๆ ที่ยังไม่สามารถเก็บภาพได้ กันต์ยอมปล่อยมือออกจากแก้มขาวซึ่งขณะนี้กลับซับสีเลือดเพราะแรงบีบเมื่อครู่ บวกกับไอร้อนช่วงใกล้เที่ยง วันศุกร์ตีหน้ามุ่ย ลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

“พวกนายผ่อนคลายกันหน่อยสิ เป็นธรรมชาติน่ะเข้าใจไหม”

“ผมบอกพี่เพื่อนแล้ว ว่าเอาผมมาถ่ายกับพี่กันต์มันก็ไม่ไหวแบบนี้แหละครับ”

คนฟังถอนหายใจยาวเหยียด เธอยังคงเชื่อในเซนส์แรงกล้าของตัวเองว่ายังไงสองคนนี้ก็เป็นคู่ที่เคมีเข้ากันที่สุด มันก็แค่ขาดแรงกระตุ้นอะไรบางอย่าง...

“ลองอีกรอบนะ”

เจ้าของงานตบบ่าเรียกกำลังใจให้กับรุ่นน้องตัวเล็ก ก่อนจะกลับไปหยิบกล้องขึ้นมาวัดแสงอีกรอบ พวกเขาพยายามอยู่นานเกือบชั่วโมง ขยับท่าทางไปเรื่อยอยู่รอบแนวต้นส้ม ซึ่งเป็นฉากหลังของภาพเซตแรก แต่ไม่ว่าจะถ่ายกี่รอบก็ยังไม่เจอรูปที่ถูกใจ ดวงอาทิตย์ยิ่งเคลื่อนตัวขึ้นสูง ก็ยิ่งทำให้งานเดินลำบากด้วยความร้อนแดดกันหมดทุกคน

“พักกันก่อนละกัน”

ทุกคนพยักหน้ารับ เซฟกับกระแตรีบวางอุปกรณ์ในมือลงและยืดแขนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อย พะเพื่อนดึงทิชชู่ส่งให้นายแบบทั้งสองก่อนตัวเอง ทั้งสี่คนพากันเดินมาหลบใต้ร่มไม้ใหญ่ คนงานในสวนเดินเอาน้ำหวานกับพัดลมไฟฟ้าตัวเล็กมาตั้งให้ พอจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าลงได้บ้าง พอนั่งพักจนหายร้อนแล้ว พะเพื่อนจึงควานหาแบงค์ห้าร้อยในกระเป๋าส่งให้กันต์ที่ยังตีหน้างุนงง

“หน้าซอยมีเซเว่น แกออกไปซื้อไอติมมาให้หน่อยสิ”

“ก็ให้คนงานบ้านไอ้เซฟออกไปสิ”

“เขาก็ต้องทำงานไหมล่ะ ขี่มอไซค์ไปนิดเดียวเอง เดี๋ยวฉันต้องนั่งเช็ครูปต่อ” กันต์ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ดูเหมือนพะเพื่อนจะลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าตัวเองเป็นคนยกมือขอร้องให้เขามาถ่ายแบบให้ แล้วยังกล้ามาใช้เยี่ยงทาสแบบนี้อีก คอยดูเหอะ เผลอเมื่อไรจะจับไปตบหน้าสักร้อยรอบให้สมค่าเหนื่อย

“ขี้เกียจ”

หญิงสาวเหล่ตามองเพื่อนอีกสองคน เซฟหยุดใช้ความคิดเพียงครู่หนึ่งก็รีบโพล่งออกมา พลางขยับเข้าไปชิดวันศุกร์ในก้าวขาเดียว

“งั้นเดี๋ยวกูกับวันศุกร์ออกไปซื้อเอง”

คนตัวเล็กเงยหน้ามองเซฟงงๆ แต่พออีกฝ่ายหันมาส่งยิ้มให้ เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ

“อ่า...ครับ เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้ก็ได้ พี่เพื่อนอยากกิ...”

“ไอ้เซฟไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปกับวันศุกร์เอง” คนพูดเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างเพื่อนกับรุ่นน้อง ก่อนจะดันหลังวันศุกร์ออกไปทางมอเตอร์ไซค์หน้าบ้าน มีเสียงตะโกนสั่งไอติมตามหลังมาไม่ห่าง

คุณลุงสวมหมวกฟางยืนรอส่งกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ให้ ราวกับถูกจัดฉากเอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเอะใจเพราะมัวแต่ยื้อยุดกันอยู่ตลอดทาง กันต์พยายามจะโอบไหล่อีกฝ่าย ในขณะที่วันศุกร์เอาแต่ผลักเขาออกห่าง ปากแดงๆ บ่นว่าร้อนไม่หยุด

เครื่องยนต์จากมอเตอร์ไซค์สีดำวาวดังขึ้น พาลทำให้เด็กปีหนึ่งยืนตัวแข็งทื่อ มันนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้นั่งมอเตอร์ไซค์...สัก 4 ปีได้แล้วมั้ง ตั้งแต่เหตุการณ์มอเตอร์ไซค์ล้มตอนม.3 แม้ว่าจะไม่ได้เจ็บตัวมากมาย แต่นั่นก็ทำให้เขาเข็ดขยาดไม่กล้าขึ้นนั่งรถเครื่องอีกเลย แน่นอนว่าวันเสาร์เองก็ไม่เคยยอมปล่อยให้เขานั่งมอเตอร์ไซค์อีกเช่นกัน

เกือบลืมไปแล้วเชียว ถ้าไม่ใช่ว่าได้ยินเสียงเสียดหูน่ากลัวอีกครั้ง ภาพในวันนั้นยังคงไหลย้อนเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน

“…ศุกร์...วันศุกร์!”

“ห้ะ!?” ดวงตากลมกระพริบถี่ เงยหน้ามองกันต์ซึ่งกำลังจ้องเขากลับอย่างเป็นห่วง ท่าทางของเด็กตรงหน้าดูไม่สู้ดีนัก ใบหน้าขาวนวลบัดนี้กลับซีดเผือด แววตาดื้อรั้นก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความสับสนระคนหวาดกลัว

“เป็นอะไร?”

“ป...เปล่า” ตอบกลับไปแบบนั้น แต่ขาสองข้างก็ยังก้าวไม่ออก เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนขมับ

“กลัวอะไร?”

“เปล่า!” เสียงใสกระแทกตอบ ก่อนจะกลายเป็นน้ำเสียงผะแผ่ว แววตาสั่นไหวยามจ้องมองไปยังลูกล้อสองข้างที่ดูไม่มั่นคงนัก “ไม่ได้กลัว...”

“ถ้าไม่กลัวก็ขึ้นมา”

กันต์ก้าวเข้ามาดึงแขนเล็กไปใกล้ เขาวาดขายาวคร่อมตัวเครื่องยนต์ นั่งรออยู่เกือบนาทีกว่าที่เด็กอีกคนจะยอมขยับขึ้นมานั่งซ้อนหลัง ท่าทางเก้กังช่างดูออกง่ายจนแทบไม่ต้องเดา เขาไม่รู้หรอกว่าวันศุกร์เป็นอะไร แต่ที่รู้แน่คือหมอนั่นกำลังหวาดกลัว และเขาก็ทนมองไม่ได้

 “ฉันไม่รู้ว่านายกลัวอะไร...” เสียงทุ้มเอ่ย ขณะจับมือสั่นๆ ของคนด้านหลังเข้ามาโอบกอดเอวตนเองไว้

“แต่อยู่กับฉัน ไม่ต้องกลัว”

แววตาของคนฟังวูบไหว วันศุกร์ทำท่าจะชักมือกลับก็ทำไม่ได้เพราะถูกมือใหญ่รั้งไว้ก่อน สุดท้ายจึงต้องยอมปล่อยเลยตามเลย รถมอเตอร์ไซค์ค่อยๆ ออกตัวอย่างระวัง กันต์ยกยิ้มเมื่อสังเกตว่าร่างเล็กเผลอกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างหลับปี๋พลางแนบแก้มร้อนลงกับแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัว

“เกาะแน่นๆ นะน้องนะ” กันต์พูดติดตลก ก่อนจะเร่งเครื่องหนักขึ้นเล็กน้อย

เพียงไม่กี่นาทีต่อมาก็ถึงเซเว่นหน้าซอยเข้าสวนผลไม้ ช่วงเที่ยงแบบนี้มีคนออกมาจับจ่ายซื้อของมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่เป็นคนในท้องที่ จะมีก็แค่พวกเขาสองคนซึ่งดูแปลกหน้าอย่างเห็นได้ชัด

กันต์คอยสังเกตอิริยาบถของเด็กหน้าตื่นตั้งแต่ก้าวขาลงจากรถ ยันเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ แรงลมปะทะใบหน้าทำให้เขานึกขนลุกน้อยๆ

“กลัวอะไรฮึ?” เขาแกล้งถาม เมื่อเดินมาถึงตู้ไอศกรีม

วันศุกร์ไล่สายตาหาโคนวานิลลาสอดไส้ช็อกโกแลตของโปรด แม้จะได้ยินคำถามแต่ก็ไม่ค่อยอยากจะตอบเท่าไรนัก ความจริงเขาไม่อยากให้กันต์เข้ามาใกล้ในตอนนี้เพราะกลัวเหลือเกิน...ว่าอีกฝ่ายจะทันได้ยินหรือเปล่า

เสียงหัวใจของเขา…

“หูหนวกแล้วหรือไง”

“โอ้ย” มือใหญ่แกล้งดึงใบหูนิ่ม

“ฉันถาม ก็ตอบ”

คนตัวเล็กส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ สายตาแข็งกร้าวจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้เขาว่าเขาเลิกกลัวแล้ว แต่ว่าสับสนมากกว่า สับสนความเป็นกันติกรณ์ เพิ่งดีสุดๆ ได้ไม่กี่นาที ก็กลับมาหาเรื่องเขาอีกจนได้

“ไม่อยากบอก”

“แต่ฉันอยากรู้”

วันศุกร์เม้มปากแน่น เขาตัดสินใจหลบสายตาจริงจังของอีกฝ่าย แล้วทำเป็นมองหาไอศกรีมของรุ่นพี่ทั้งสามที่ฝากฝังเอาไว้ กันต์ยืนถอนหายใจอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้คาดหวังว่าวันศุกร์จะยอมเปิดใจเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังเท่าไร แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเสียงเล็กดังขึ้นแว่วๆ

“แต่ก่อน...ผมเคยมอเตอร์ไซค์ล้ม”

เรียวตาคมเหล่มองคนพูดเล็กน้อย พอหยิบไอศกรีมได้ครบแล้วก็เดินไปจ่ายเงิน วันศุกร์ฉีกกระดาษออกอย่างเร่งรีบ ฟันซี่คมกัดไอศกรีมสีครีมส่วนบนเข้าปากทันที อากาศตอนนี้มันร้อน แถมเขาก็เริ่มหิวแล้วด้วย

กันต์ลอบยิ้ม สายตาจับจ้องไปยังรุ่นน้องซึ่งกำลังจัดการโคนในมืออย่างกับคนตายอดตายอยาก เขายอมยืนรอให้วันศุกร์ได้ดื่มด่ำกับรสชาติหวานไปก่อนสักครู่ ยังไม่เดินไปสตาร์ทรถ ยังดีที่มีกันสาดหน้าเซเว่นช่วยบังแดดให้ ลูกค้ามินิมาร์ทเริ่มหดหายไปทีละน้อย

“แกะแล้วก็กินให้หมด ถือไอศกรีมแบบนั้นแล้วจะนั่งซ้อนท้ายยังไง” คนตัวสูงออกปากสั่ง และวันศุกร์ก็ไม่กล้าขัดด้วยเพราะจริงอย่างว่า เขาจึงต้องรีบกัดเลียโคนในมือ นึกโทษตัวเองที่ตะกละไม่เข้าเรื่องจนลืมคิดไปว่าต้องรีบเอาของที่เหลือไปให้คนรอ

เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก กันต์จึงหันไปสะกิดเด็กข้างตัวให้รีบยัดๆ ปลายโคนเข้าปาก วันศุกร์พยายามทำตามแต่ก็กลายเป็นสำลักเพราะรีบร้อนมากเกินไป ลำบากกันต์ต้องวิ่งกลับเข้าไปซื้อน้ำเปล่าออกมายื่นให้ มือเล็กยกขวดขึ้นดื่มอึกๆ สายตาเหลือบมองใบหน้าห่วงใยอย่างปิดไม่มิด จนเขาเผลอใจสั่นอีกรอบ

ก็แค่สำลักนิดหน่อย ไม่เห็นต้องรีบวิ่งไปซื้อน้ำมาให้เลยนี่น่า ไอ้บ้า

“เอามานี่” วันศุกร์ดึงถุงพลาสติกในมือกันต์มาถือให้ ก่อนจะเดินไปหยุดรออยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ กันต์เดินยิ้มเข้ามาสตาร์ทรถ ก่อนที่เขาจะตามขึ้นไปเกาะเอวคนด้านหน้าไว้เหมือนเดิม

ทันทีที่กลับมาถึงสวน ก็รีบปราดเข้าไปหารุ่นพี่ทั้งสาม ซึ่งนั่งเหงื่อตกกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขารีบก้มหัวหลายรอบเพื่อขอโทษที่มัวเถลไถล

“ขอโทษนะครับที่มาช้า” มือเล็กหยิบไอศกรีมแจกให้ทุกคน แอบลุ้นในใจว่ามันคงไม่ละลายกลายเป็นน้ำไปเสียก่อน เพราะแดดเริ่มร้อนมาก สังเกตได้จากท่าท่างเหน็ดเหนื่อยของคนทั้งสาม แม้ว่าจะอยู่ใต้ร่มแล้วก็ตาม

เซฟรับไอศกรีมไมโลไว้เป็นคนสุดท้าย มือใหญ่เผลอลูบศีรษะทุยด้วยความเอ็นดู

“ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ”

“พี่เซฟรีบกินเร็ว เดี๋ยวละลาย” วันศุกร์จับมือเซฟบนศีรษะตัวเองให้มาจับซองไอศกรีมสีเขียวในมือแทน คนตัวสูงยิ้มรับแล้วเริ่มจัดการเจ้าของหวานสีน้ำตาลนม

พะเพื่อนกับกระแตเองก็กำลังสนใจของกินในมือ เปิดโอกาสให้กันต์มีเวลาพูดคุยกับวันศุกร์ต่ออีกหน่อยก่อนเริ่มงานในช่วงบ่าย

“ขี้อ่อย” เสียงทุ้มกระซิบขึ้นข้างหู ทำให้เขาต้องตวัดสายตาบึ้งตึงกลับไป

“อะไร?”

“ทำเป็นจับไม้จับมือไอ้เซฟ สนิทกับมันแล้วหรือไงฮะ?”

“เออ” วันศุกร์กระแทกเสียงกลับเพื่อตัดบทสนทนา ก่อนสะบัดตัวหนีไปนั่งพิงต้นไม้อยู่ฝั่งตรงข้ามรุ่นพี่อีกสามคน

เขาชักจะเบื่อกับการต้องคอยรองรับอารมณ์ขึ้นลงของกันต์ เดี๋ยวก็ดีจนน่าใจหาย แล้วเดี๋ยวก็ร้ายซะจนน่าถีบ ไม่ไหว เป็นพวกอารมณ์สองขั้วหรือเปล่า

“อย่าจับเนื้อต้องตัวคนอื่นแบบนั้น ฉันไม่ชอบ”

คนตัวเล็กขมวดคิ้ว พยายามเขยิบออกห่างอีกคนที่ยังตามมาราวีไม่เลิก

“ไม่ชอบก็เรื่องของพี่”

“วันศุกร์”

เขาแกล้งยกมือขึ้นปิดหูเพราะไม่อยากได้ยินน้ำเสียงแข็งๆ แต่กลับยิ่งทำให้กันต์กดเสียงหนักขึ้นอีก พลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้

“อย่ามาทำตัวแบบนี้นะ”

“ผมต่างหากที่ควรพูด”

“เอาล่ะเรามาลองถ่ายฉากเมื่อกี้กันใหม่นะ” พะเพื่อนเดินอ้อมลำต้นใหญ่โตมาตามนายแบบทั้งสอง

ทุกคนกลับไปประจำตำแหน่งใกล้เคียงกับเมื่อเช้า เซฟกับกระแตขยับออกจากจุดเดิมเล็กน้อยเพื่อหามุมที่พอดีกับทิศทางแสงที่เปลี่ยนไป พะเพื่อนยกนิ้วเป็นสัญญาณเตรียมพร้อม

วันศุกร์กอดตะกร้าแน่น แววตารั้นๆ ช้อนขึ้นมองกันต์ซึ่งกำลังจ้องเขากลับด้วยท่าทีดุร้าย คล้ายว่าอยากจะตรงเข้ามาขย้ำเด็กดื้อ คนหลังกล้องเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะรู้สึกถูกใจกับบทบาทใหม่นี้ จึงไม่ลังเลที่จะรัวชัตเตอร์อย่างสนุกมือ กันต์น่ะทำได้ดีแล้วกับบทดุโหด แต่วันศุกร์ที่ควรจะกลัว พอเปลี่ยนมาเป็นคาแรกเตอร์ไม่ยอมคนก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ สงสัยว่าบทเจ้าของสวนกับลูกน้องขี้กลัวจะไม่ค่อยเหมาะกับคู่นี้เท่าไร น่าจะเป็น...เจ้าของสวนขี้หวงกับทายาทไร่คู่อริ เสียมากกว่า

หน้าจอของกล้องดิจิทัล ฉายภาพที่ออกมาดูคล้ายว่าโกรธกันเหลือเกิน แต่แปลกมาก...ที่ไม่รู้สึกถึงความเกลียดอยู่เลย

หญิงสาวลอบยิ้มให้ตัวเอง เริ่มมองเห็นแวว A+ ลางๆ แล้วสิ


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 6.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-01-2017 06:54:17
กันต์แกมีสิทธิ์อะไรไปหวงน้องศุกร์คะ?

หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 7.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 08-01-2017 15:48:56
วันศุกร์ที่ 7.0



“วันนี้คงได้แค่นี้แหละ” พะเพื่อนบอกเสียงอ่อย หันมองท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีส้ม ใบหน้าเหนื่อยอ่อนกับแววตาสั่นไหวของเธออดจะทำให้ทั้งกันต์และวันศุกร์นึกเห็นใจไม่ได้ พวกรุ่นพี่ทั้งหมดตรงเข้าช่วยกันเก็บกวาดสถานที่และอุปกรณ์

คนเด็กสุดยืนมองภาพตรงหน้าอย่างชั่งใจ เขาสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมาทางปากราวกับต้องการรวบรวมความกล้า มือถือเครื่องบางถูกหยิบออกมาต่อสายหาพี่ชายจอมหวง น้ำเสียงเกรงๆ เอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก

“เอ่อ พี่เสาร์...คือว่า ศุกร์อาจจะต้องอยู่ต่ออีกวัน”

“ทำไม? ไหนบอกว่าวันเดียวไง”

“เปล่านะครับ ศุกร์บอกว่าอาจจะวันเดียว...แล้วงานมันก็เสร็จไม่ทันอ่า”

“เสร็จไม่ทันก็เรื่องเขา เราช่วยเต็มที่แล้ว”

“โธ่พี่เสาร์ จะช่วยเต็มที่ได้ไง ถ้างานเขายังไม่เสร็จแบบนี้” วันศุกร์ว่าอย่างตัดพ้อ เขาพยายามงัดลูกอ้อน ลูกน่าสงสารออกมาใช้ แทนที่จะใช้วิธีหัวชนฝาแบบคราวก่อน

“พรุ่งนี้กลับแน่นอน สัญญา แล้วศุกร์จะแวะซื้อของฝากไปให้พี่เสาร์ด้วยน้า”

“เฮ้อ…”

ปลายสายถอนหายใจรุนแรง ไม่ยอมพูดอะไรต่อ

“นะพี่เสาร์ เข้าใจศุกร์นะครับ”

“นี่ศุกร์อ้อนพี่เหรอ?”

“อื้อ” คนตัวเล็กเดินเลี่ยงออกมาคุยคนเดียว ไกลพอที่จะไม่ให้คนอื่นได้ยิน แม้ว่าจะยังมีสายตาจับผิดจากกันต์ส่งมาให้ตลอดเวลาก็ตาม “พี่เสาร์อย่าห่วงศุกร์เลยน้า ศุกร์อยู่ช่วยพี่เขาอีกวันเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

“แต่นอนค้…”

“น้าา ไว้ศุกร์กลับบ้านแล้วจะไปนอนกอดพี่เสาร์ทั้งคืน ให้หายคิดถึงเลย”

อีกฝ่ายเงียบเสียงไป จนเดาอนาคตไม่ออก ได้ยินวันเสาร์ถอนหายใจออกมาอีกสองสามรอบเหมือนกำลังคิดหนัก แต่ที่สุดก็ยอมใจอ่อนอีกจนได้

“อ่าๆ แล้วแต่ศุกร์ละกัน แต่มีอะไรต้องรีบโทรหาพี่ทันทีเลยนะ”

“แน่นอนครับผม” วันศุกร์ทำท่าตะเบ๊ะ แม้จะรู้ดีว่าพี่ชายไม่เห็น น้ำเสียงออดอ้อนดูสดใสขึ้นทันตาจนคนปลายสายอยากจะแหวกหน้าจอโทรศัพท์ออกมาหยิกแก้มสักทีอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

“จะนอนแล้วก็บอกพี่ด้วยล่ะ”

“คร้าบ”

หลังจากวางสาย เขาก็รีบแบกใบหน้ายิ้มแย้มกลับไปหาพะเพื่อนเพื่อแจ้งข่าวดี เจ้าของผมสีแดงฉีกยิ้มกว้างแทบจะลืมความเหนื่อยตลอดทั้งวัน เธอรีบพุ่งเข้ามาหวังจะกอดเด็กน้อยไว้แต่ก็เหมือนทุกที คือช้ากว่านายกันต์เสมอ เพื่อนร่างสูงใช้มือหนึ่งยันหน้าผากเธอไว้ อีกข้างก็ดึงแขนวันศุกร์ให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง

ไม่รู้จะหวงไปถึงไหน เป็นอะไรกันก็ไม่ใช่!

“เอ้อ ไหนๆ ก็ไม่ต้องรีบแล้ว ด้านหลังมีลำธารอยู่ จะไปเล่นน้ำก็ได้นะ” เซฟแนะนำ ชี้นิ้วไปยังท้ายสวน

“อยากเล่นครับ พี่เซฟ—โอ้ย” วันศุกร์หน้าเหวอเมื่อถูกแขนแกร่งของไอ้คนที่เพิ่งกระชากตัวเขามาเมื่อกี้ตรงเข้าล็อกคอ กันต์ก้มลงมากระซิบแทบจะติดใบหู

“ไปเล่นกับฉันนี่”

“อ…เอ่อ ไม่อยากแล้ว”

“เฮ้ย ถอดชุดดีๆ นะเว้ย” พะเพื่อนตะโกนไล่หลังกันต์ที่กำลังลากวันศุกร์ไปยังแหล่งน้ำ ไม่ฟังเสียงโวยวายกลับคำเลยสักนิด

“บอกว่าไม่อย...โห”

คนถูกลากรีบสะบัดมือออกเมื่อเดินมาถึงลำธารที่ว่า ไอ้คำพูดปฏิเสธเมื่อครู่ถูกกลืนลงคอแทบไม่ทัน ตรงหน้าเขาคือสายน้ำใสเสียจนเห็นบรรดาหินก้อนน้อยใหญ่ด้านล่าง มองซ้ายขวาก็ไม่อาจเดาต้นสายกับปลายสายได้ แต่ก็คิดว่าคงไม่ยาวเท่าไร

เสียงยุกยิกอะไรบางอย่างดังขึ้นรบกวน พอหันไปก็เห็นว่ากันต์กำลังจัดแจงถอดเสื้อผ้าออกอย่างหน้าไม่อาย

“คะ...ใครใช้ให้ถอดเสื้อ!”

“เอ้า จะเล่นน้ำก็ต้องถอดเสื้อสิ” กันต์ตอบกลับเชิงหยอกล้อนิดๆ “นายเองก็รีบถอด แล้วตามมา”

พูดจบก็กระโดดลงน้ำหน้าตาเฉย หยดน้ำเย็นฉ่ำกระเซ็นขึ้นมาถูกตัวทำให้วันศุกร์สะดุ้ง หากก็รู้สึกดี ความจริงเขาไม่ได้ลงเล่นน้ำกลางแจ้งแบบนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ทะเล หรือแม้แต่สระว่ายน้ำ เหตุเพราะวันเสาร์อีกนั่นแหละ เอาแต่หวงไม่ยอมให้เขาถอดเสื้อผ้าในต่อหน้าสาธารณะ แม้จะไม่มีอะไรดีให้โชว์มากก็เถอะ

คนตัวเล็กเม้มปาก สายตาแอบมองร่างเกือบเปลือยของกันต์ ซึ่งบัดนี้หลงเหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์ด้านในตัวเดียว ขนาดเขาเป็นผู้ชายก็ยังอดจะยอมรับไม่ได้ว่าหุ่นกันต์ดูดีมากจนน่าอิจฉา ไหล่กว้างๆ รับกันดีกับกล้ามเนื้อท้องเป็นลอนสวย ผิวขาวอมเหลืองเป็นประกายจากการกระทบกันของหยดน้ำบนตัวและแสงแดดยามเย็น

เขาเริ่มถอดชุดตัวเองออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเหลือแค่บ๊อกเซอร์สีเทาตัวบาง ชุดที่พะเพื่อนเตรียมไว้ถูกพับทิ้งไว้บนโขดหินขนาดใหญ่ ใกล้กับบันไดไม้สร้างมือทางลงไปยังลำธารลึกประมาณเกือบๆ สองเมตร ถ้าให้เดาเขาคิดว่าต้องไม่ใช่แหล่งน้ำตามธรรมชาติแน่ เพราะทุกอย่างดูลงตัวเกินไป ไม่ใช่แค่ความลึก หรือบันได แต่สองข้างทางเองก็ถูกประดับไปด้วยโคมไฟสีส้มเป็นแนวยาว เซฟน่าจะสร้างไว้ใช้สอยเองซะมากกว่า

“อ๊ะ” วันศุกร์เผลอร้องเมื่อจุ่มขาแรกลงไป น้ำมันเย็นกว่าที่เขาคิด อาจจะเพราะว่าดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว

กันติกรณ์ยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจดจ่ออยู่กับเรือนรางบอบบางตามคาด ผิวกายสีน้ำนมดูนวลเนียนชวนให้เข้าไปสัมผัส จะหาว่าทะลึ่งก็ได้แต่ไอ้ยอดอกสีชมพูนั่นมันอะไร ยิ่งขาอ่อนเรียวเล็กนั่นอีก ตายๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาภาพพจน์ ก็คงอยากพุ่งเข้าไปทุบหัวแล้วลากไปปล้ำใต้พุ่มไม้แถวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

“นั่นคนหรือก้าง” ปากไวยิ่งกว่าสมองเหมือนเคย

วันศุกร์มองค้อน แล้วลอยตัวหลบไปทางอื่น เขาจึงทำเป็นเนียนว่ายไปใกล้แล้วแสร้งตีหน้าเหลอหลาเหมือนว่าโดนน้ำมันพัดมาเอง ทั้งที่ไม่น่าจะใช่

“ออกไปไกลๆ เลย” คนตัวเล็กผลักน้ำแถวนั้นใส่หน้ากันต์ซึ่งกำลังเคลื่อนมาประชิดตัว

ได้ยินเสียงสบถดังแว่ว ก่อนจะตามมาด้วยสายน้ำระลอกใหญ่ วันศุกร์รีบยกแขนขึ้นบังแต่ก็ยังเปียกปอนไปทั่วทั้งหัว สองคนเริ่มต้นสงครามขนาดหย่อมแบบไม่มีใครยอมใคร เสียงน้ำสาดกระเซ็นปะปนไปกับเสียงสบถบ้าง ก่นด่ากันบ้าง แต่แปลกชะมัด เมื่อหัวใจกลับรู้สึกอบอุ่นทั้งที่อากาศเริ่มเย็นตัวขึ้นแล้วแท้ๆ

น้ำเย็นถูกสาดเข้าปากเข้าตา แต่ก็ยังรู้สึกว่าสนุก

“พอก่อนๆ” กันต์โบกมือไปมาเหมือนตั้งใจจะยอมแพ้ แต่มีเหรอที่คนอย่างวันศุกร์จะปล่อยให้เสียโอกาส

มือเล็กรีบวักน้ำใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างจัง จนกันต์สำลักโคลก มือข้างหนึ่งขยี้ดวงตาคมที่ปิดสนิท แม้แต่คนก่อเหตุก็ยังอดตกใจไม่ได้ สายน้ำไหลเป็นจังหวะ บรรยากาศโดยรอบสงบลงแล้ว

“เอ่อ…”

เขาส่งเสียงได้แค่นั้นก็ต้องหยุด เมื่อกันต์ยกมือเป็นสัญญาณห้ามไม่ให้พูดอะไร คนตัวสูงค่อยๆ เคลื่อนตัวเองไปทางโขดหินใกล้บันไดไม้ ยังคงกระพริบตาถี่เหมือนต้องการไล่ความระคายเคืองออก

วันศุกร์ยืนชั่งใจอยู่แค่ครู่เดียวก็รีบเคลื่อนตัวตามไป เขาแตะมือลงกับแผ่นหลังกว้าง เอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง อีกทั้งรู้สึกผิด

“เป็นอะไรไหม?”

อีกฝ่ายส่ายหัว หากแต่ก้มหน้างุด จนเป็นเขาเองที่ต้องขยับเข้าไปสังเกตความผิดปกติ มือเล็กผละออกจากหลัง พยายามดึงแขนกันต์ออกเพื่อจะดูอาการให้

“ไหน ขอดูหน่อย” กันต์ปัดมือเขาออก ภายใต้ใบหน้าเสแสร้งแกล้งเจ็บ ค่อยๆ เผยรอยยิ้มมัจจุราชร้ายออกมาทีละนิด เมื่อวันศุกร์ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง ร่างสูงถึงรีบใช้โอกาสนี้ผลักเด็กดื้อจนหลังชนโขดหินไปไหนไม่รอด

“โอ้ยย!”

แววตาห่วงใยเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองแทบจะทันที น้ำเสียงอ่อนหวานไม่มีแล้ว หลงเหลือไว้เพียงเสียงโวยวายอย่างเคย

“ไอ้พี่กันต์ ไอ้เลว หลอกกันเหรอ!”

“เด็กนิสัยไม่ดีก็ต้องเจอแบบนี้แหละ” เขาหัวเราะชอบใจ พลางขยับเข้าไปประชิดร่างบอบบางซึ่งเอาแต่เบือนหน้าหนี มือใหญ่รั้งต้นแขนทั้งสองข้างไว้ จนไม่สามารถขืนตัวหลบไปไหนได้

“ใครกันแน่นิสัยไม่ดี”

“แล้วใครสาดน้ำใส่ฉันก่อนล่ะ หืม?” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู

ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ สองร่างเบียดชิดขึ้นทุกขณะ จนน่ากลัวว่าหัวใจเขาจะกระดอนออกมานอกอก จมูกโด่งเปียกชื้นคลอเคลียอยู่กับแก้มใสซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อ คนตัวเล็กออกแรงสะบัดอีกครั้งแต่ก็ยิ่งทำให้กันต์บีบแขนเขาแน่นขึ้น ความมืดค่อยๆ โปรยตัวลงปกคลุมทั่วบริเวณ พอดีกับหลอดไฟสีนวลซึ่งถูกเปิดขึ้นตามระบบที่ตั้งไว้ เขาเผลอชื่นชมความงดงามของบรรยากาศเพียงแวบหนึ่ง จนลืมนึกไปว่ากำลังถูกคุกคามทางเพศขนาดไหน

กันต์เลื่อนมือขึ้นสูงอย่างใจเย็นเมื่อเห็นว่าเด็กดื้อหยุดซุกซนบ้างแล้ว ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะลงบนแก้มร้อนผะผ่าว บังคับให้วันศุกร์หันหน้ากลับมาสบตากัน แววตาเล็กสั่นระริก อวัยวะด้านในอกซ้ายเต้นคลอนจนน่าอาย ใบหน้าเรียวของกันติกรณ์เคลื่อนตัวเข้าหาเนิบช้า สองมือเล็กพยายามจะดันร่างหนาออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล

เสียงอื้ออึงดังไปทั่วสมองจนชักน่ารำคาญ เขารู้สึกเวียนหัวจากกลิ่นธรรมชาติที่ปนเปื้อนไปด้วยกลิ่นกายจากคนคุ้นเคยหากก็ไม่เคยคุ้น

ลิ้นสากแลบเลียริมฝีปากตัวเองน้อยๆ เหมือนตั้งใจจะส่งสัญญาณให้เด็กตรงหน้ารู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น วันศุกร์หลับตาปี๋ หวังอยากให้นี่เป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น กันต์ประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นทำองศา

ดูเหมือนเสียงหัวใจของเขาเองก็ดังพอกัน...

‘อีวันศุกร์! อีเด็กเวร! มันแย่งความรักของเสาร์ไป พี่เกลียดมัน! เกลียด! เกลียด!!’

‘พี่เกลียดมัน!!’

น้ำเสียงเจ็บปวดแผดร้องอยู่ในความคิด เขารีบผละตัวออกจากร่างสั่นเทาก่อนจะทันได้ทำอะไรเกินเลย วันศุกร์ตกใจกับแรงเคลื่อนตัวของน้ำจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าคนนิสัยเสียเมื่อครู่กำลังยืนนิ่ง ใบหน้าตึงเครียดอย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก

แววตาโลมเลียเมื่อครู่กลายมาเป็นแข็งกร้าวอย่างไร้เหตุผล คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่ได้นึกผิดหวังแต่แค่ไม่เข้าใจ ทำไมท่าทีของกันต์ถึงเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหลือเกิน และเขาก็ตามไม่เคยทันเลยสักครั้ง

“ไอ้กันต์ วันศุกร์” เสียงเจ้าของบ้านดังออกมาจากแนวต้นไม้ใหญ่ ไม่นานก็ปรากฏร่างของเซฟในชุดไปรเวทสบายๆ ในมือถือผ้าเช็ดตัวมาด้วยสองผืน

“กลับได้แล้วล่ะ เดี๋ยวมืดกว่านี้ยุงมันจะชุม”

“อะ เออ”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 7.0
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 08-01-2017 20:19:10
เกลียดเมะจังเลยค่ะ เหม็น :m16:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 7.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 15-01-2017 21:16:35
วันศุกร์ที่ 7.5



แม้ว่าสุพรรณบุรีจะไม่ได้อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เท่าไรนัก แต่ก็แตกต่างกันพอสมควร อย่างน้อยอากาศที่นี้ก็ไม่แผดเผามากเท่ากับในเมือง ตอนเช้าร้อนก็จริง แต่ตอนกลางคืนนี่เย็นสบายจนหน้าสั่น ประกอบกับช่วงนี้ประเทศไทยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายพอๆ กับอารมณ์คนแถวนี้ เอาแน่เอานอนไม่ได้ นึกจะร้อนเปรี้ยงก็ร้อน นึกจะหนาวก็หนาว บางทีเดินอยู่ฝนตกก็มี แฮปปี้แลนด์มาก

“โทษทีว่ะ เหลือผ้าแพรผืนเดียวเองอะ” เซฟยื่นผ้าแพรสีฟ้ามาให้ ระหว่างพากันต์กับวันศุกร์เข้าไปเก็บกระเป๋าในห้อง เพราะตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องค้างจริงๆ บวกกับว่ายัยพะเพื่อนแพลนงานเร็วยิ่งกว่าแสงเลยไม่ได้ตระเตรียมอะไรให้ดีก่อน บ้านใหญ่ก็จริงแต่ไม่ค่อยได้มาอยู่ เลยไม่มีข้าวของเครื่องใช้ตุนไว้เท่าไรนัก

ผ้าห่มอีกสองผืนก็ต้องเสียสละให้สาวๆ ไปก่อนตามมารยาทและจิตสำนึกที่ดีของบุรุษเพศ...ความจริงก็ไม่ใช่หรอก แต่ลองปล่อยให้พะเพื่อนนอนตากแอร์สิ มีหวังได้หัวขาดออกจากบ่า เพราะรู้ดีว่ายัยคนนี้ทั้งเอาแต่ใจ เรื่องมาก จู้จี้ และยังบ้าอำนาจอีกด้วย

นี่แหละ พะเพื่อน หรืออีกชื่อนึงก็คือ…นังปิศาจ

“อืม...ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรานอนได้”

“เออ มีที่นอนให้ก็ดีแล้ว”

“ขอโทษจริงๆ ว่ะ พาคุณชายมาลำบากแท้ๆ เลย”

“สบายเว้ย”

ผู้ชายร่างโตผลัดกันตบบ่าอีกฝ่ายปุๆ ดูมุ้งมิ้งและน่าสยดสยองในเวลาเดียวกัน พวกเขามารวมตัวทานอาหารเย็นด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องนอนของใครของมันในเวลาต่อมา โดยพะเพื่อนนอนกับกระแตแน่นอนอยู่แล้ว เซฟนอนห้องเดี่ยวของเขาเอง และปล่อยให้กันต์กับวันศุกร์จรลีมานอนห้องเตียงคู่ชั้นล่าง

ครืด..ครืด...

มือถือเครื่องบางสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่บนโต๊ะตั้งโคมไฟระหว่างหัวเตียงทั้งสอง วันศุกร์หยิบขึ้นกดรับสายทันที ไม่ต้องมองหน้าจอก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร

“ครับ พี่เสาร์”

“จะนอนหรือยัง?”

เขาเอามือถือออกจากหูเพื่อดูนาฬิกา เข็มสั้นยาวบอกเวลา 4 ทุ่ม 45 นาที

“ใกล้แล้วครับ พี่เสาร์ล่ะ?”

“ยังนอนไม่ได้”

“งานเยอะเหรอครับ?”

เขาเข้าใจดีว่าช่วงนี้ปีสี่กำลังเหนื่อย ถึงจะเรียนอยู่ไม่กี่วัน แต่แค่ธีสิสตัวเดียวก็เล่นเอาอ่วมแล้ว เห็นพักหลังๆ วันเสาร์เข้าออกห้องสมุดเป็นว่าเล่นทั้งที่ปกติแทบไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้ราวกับเป็นเขตแดนต้องห้าม แต่ตอนนี้น่ะเหรอ กองหนังสือเล่มหนาบางวางเรียงเป็นตั้ง ถ้าเอาไปชั่งกิโลขายก็น่าจะได้หลายบาททีเดียว

“คิดถึงน้องชาย”

คนตัวเล็กกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ สาบานเลยว่าถ้าวันเสาร์เปิดใจหาใครมาเป็นแฟนจริงจัง ครั้นจะกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก เพราะวันเสาร์ดูแลเขาดีมาก แถมยังพูดจาหวานหูตลอด

อืม...แต่ก็เฉพาะกับเขาคนเดียวแหละนะ กับคนอื่นนี่ต่างกันราวฟ้ากับนรกขุมสุดท้ายเลย เสียดายหน้าหล่อๆ จริงๆ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”

“แล้วนี่นอนกับใคร?”

ฉิบหาย...

“เอ่อ...นอน…นอนรวมๆ กันอะครับ”

ฮือ ตบปากตัวเองห้าสิบทีเดียวนี้ ปฏิบัติ!

“อืม ดีแล้ว”

“งั้นศุกร์ไปนอนก่อนนะครับ พี่เสาร์ก็อย่านอนดึกมากน้า”

“จะพยายามละกัน”

“ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

“ครับ”

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าใสอีกครั้ง เขานึกชอบใจเวลาที่วันเสาร์พูดจามีหางเสียง มันฟังดูลื่นหูแต่ก็ติดจั๊กจี้หน่อยๆ ชอบกล น่ารักดี ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่มีโอกาสได้ยินวันเสาร์พูดจาแบบนี้หรอกมั้ง

“คุยกับพี่ชายแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ” กันต์พูดลอยๆ ไม่ยอมหันมามองหน้าแต่ก็พูดถึงเขาแน่นอน

“ก็มีความสุขมากกว่าคุยกับพี่อะ”

ไม่มีเสียงโต้ตอบกลับ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปปรับแอร์เนื่องจากอากาศที่เย็นตัวลงทุกที ผ้าแพรผืนบางถูกโยนลงมาบนหัวเขาซึ่งกำลังเตรียมล้มตัวลงนอน

“แล้วพี่กันต์ล่ะ?”

ผ้ามีผืนเดียวนะ เอามาให้เขาได้ไง แต่ว่าก็ว่าเถอะ คำถามเมื่อกี้โคตรฟังดูปัญญาอ่อนเลย ยังไงก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งได้ผ้าไปอยู่ดี

“นายใช้เถอะ”

“ข...ขอบคุณ”

นั่นคือเสียงสุดท้ายก่อนที่สวิชต์ไฟในห้องจะถูกดับ เขาจมลงสู่ห้วงนิทราในเวลาไม่นาน อากาศหนาวจากด้านนอกบวกกับลมเย็นจากแอร์ตัวใหญ่ในห้อง ยิ่งทำให้กระดูกส่งเสียงประท้วง ผ้าแพรผืนเดียวเริ่มจะเอาไม่อยู่จนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก วงแขนเรียวโอบรัดตัวเองไว้ด้วยความขี้หนาวเป็นทุนเดิม

ดวงตากลมโตกระพริบถี่เพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืด เขาเอื้อมมือไปหยิบมือถือบนหัวเตียงขึ้นกดดูนาฬิกา ตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว คนบนเตียงด้านข้างนอนขดตัวเป็นกุ้งแบบไร้ซึ่งภาพพจน์คุณชายจอมกร่าง มองดูแล้วไม่รู้ว่าควรจะเวทนาหรือรู้สึกผิดก่อนดี

“พี่กันต์” เขาลุกขึ้นเรียกอีกฝ่ายผ่านความเงียบยามค่ำคืน กันต์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นเหมือนเป็นคำถาม

“ผมว่าเราปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างแทนดีไหม?”

“อือ”

เขาลุกไปเปิดไฟ ลากเท้าไปยังหน้าต่างบานใหญ่บานเดียวในห้องนี้ แต่พอเปิดม่านออกดูกลับพบรอยโบ๋ขนาดกว้างตรงมุ้งลวด ขืนเปิดหน้าต่างนอนทั้งแบบนี้ มีหวังโดนยุงกัดตายก่อนแน่

“มุ้งลวดขาดอะ แบบนี้เปิดหน้าต่างไม่ได้แล้ว”

“เหรอ...งั้นก็ช่างมันเถอะ”

ช่างมันเถอะอะไรล่ะ คนที่หนาวกว่าคือตัวเองไม่ใช่หรือไง ทำมาเป็นพูดดี

“ถ้าหนาวก็ปรับแอร์” กันต์ยังคงพูดต่อ แต่ดูเหมือนกำลังห่วงเขาฝ่ายเดียวมากกว่า จนคนฟังชักรู้สึกหงุดหงิด

วันศุกร์เม้มปากแน่น ใบหน้าขาวเปื้อนรอยแดงเดินฟึดฟัดไปทางรีโมตแอร์ กดปรับอุณภูมิไปถึง 27 องศา ก่อนจะเดินมาหย่อนก้นลงบนเตียงของอีกฝ่าย กันต์ขมวดคิ้วแล้วยันตัวเองลุกขึ้น

“อะไร?”

“ก็ผ้าห่มมีผืนเดียวนี่”

“แล้ว?”

“ก็...ก็ใช้…ด้วยกันสิ”

ดวงตาเรียวเบิกกว้างแทบไม่เชื่อหู คนตัวสูงยกยิ้ม ใจจริงอยากจับเด็กตรงหน้าลงมาขย้ำเสียให้เข็ด ข้อหาทำตัวน่ารักเกินความจำเป็น แต่ก็ต้องวางฟอร์มทำเป็นขยับตัวหาที่หาทางให้ น้ำเสียงดีใจถูกซ่อนเอาไว้จนมิด

“เตียงเล็กนะ”

“เออน่า” วันศุกร์ปัดมือพัลวันเหมือนต้องการไล่ความเขินอายออกจากตัวเอง เขาค่อยๆ ล้มตัวลงนอน รู้สึกว่าพื้นที่คับแคบขึ้นทันตาเห็น

ผ้าแพรผืนสีฟ้าถูกกางออกให้พอคลุมร่างผู้ชายทั้งสองคน ความหนาวเย็นยังคงดำเนินต่อไป แต่ดูเหมือนว่าความอบอุ่นของร่างกายทั้งสองจะเพิ่มสูงมากกว่า วันศุกร์พลิกตัวหันหลัง ทันทีกับที่มือหนาเอื้อมรั้งเอวเล็กเข้าหาอย่างละลาบละล้วง

“เฮ้ย!”

กันต์กระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก ปลายจมูกโด่งฝังลงกับบ่าเนียนที่โผล่พ้นคอเสื้อ

“ปล่อยย”

“ไม่เอา”

“อึดอัด”

“มันหนาว ขอกอดหน่อย” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เหมือนจะได้ยินอะไรตึกๆ ตักๆ ดังออกมาจากแผ่นอกด้านหลัง เล่นเอาเขาไปไม่เป็น ใบหน้าขาวร้อนวูบวาบ เมื่อคิดว่าอีกคนบนเตียงก็กำลังหัวใจเต้นแรงพอกัน…

เขารีบสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ แต่กลับต้องชะงักเมื่อกันต์เอ่ยปากอีกครั้ง พร้อมกับเสียงแปลกประหลาดเมื่อครู่ที่ยิ่งดังขึ้นอีก ชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธ

“ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกันเนอะ”

ทำไม...

ร่างบางเผลอกัดริมฝีปาก รีบข่มตานอนให้หลับ แม้จะนึกรำคาญไอ้เสียงตึกตักน่าอับอาย...ไม่ใช่แค่จากกันต์ แต่เขาเองก็ด้วย

อากาศเย็นเมื่อสักครู่ กลับไม่ทำให้พวกเขาหนาวเลย

 

 

ก๊อกๆ...

ประตูไม้ปราศจากการล็อคถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ พะเพื่อนแอบย่องเท้าเข้าไปด้านในโดยไม่บอก นึกอยากเซอร์ไพรซ์นายแบบทั้งสองให้ตกใจเล่นสักหน่อย เธอรีบกลืนซุ่มเสียงคิกคักลงคอ แล้วย่างเท้าจนพ้นกำแพงห้องน้ำในตัวพอให้เห็นทิวทัศน์บนเตียงด้านใน ดวงตานึกสนุกค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น สองมือยกอุดปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าไม่เป็นอย่างที่แอบจินตนาการ

เธอแทบจะหลุดกรี๊ด เพราะตอนนี้วันศุกร์กำลังนอนขดตัวหันหลังให้กับผู้ชายอีกคนบนเตียงเดียวกัน แขนแกร่งพักอยู่ตรงเอวบางราวกับกำลังสวมกอด ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ดูเหมือนกำลังหลับสบายเสียเต็มประดาทั้งที่พื้นที่ออกจะคับแคบจนอดอึดอัดแทนไม่ได้

เอาแล้ว…

ด้วยสัญชาตญาณเด็กเอกฟิล์ม หรืออะไรก็ตามแต่ เธอรีบพุ่งตัวออกไปหยิบกล้องในกระเป๋า และจัดการเปิดโหมดลดเสียงชัตเตอร์ รอยยิ้มอิ่มเอมระคนชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าเฉี่ยว

นี่สิ ช็อตที่เธอรอคอย

“พะเพื่อน” เสียงกระแตดังลอดเข้ามา ทำให้ต้องรีบซ่อนกล้องไว้ด้านหลัง เธอเนียนเดินออกไปพลางอ้างว่ายังไม่กล้าปลุกใคร

ทันทีที่ประตูปิดตัวลง ร่างเล็กบนเตียงก็เริ่มขยับเพราะได้ยินเสียงพูดคุยแว่วเข้าหู มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้ตาสองสามที ก่อนจะไล่มองมือหนาซึ่งยังโอบรัดร่างกายตนเองไม่ปล่อยตั้งแต่เมื่อคืน ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งยามคิดว่าพวกเขาสองคนนอนกอดกันนานแค่ไหน

เขาพยายามแกะมือของกันต์ออก แต่ดูเหมือนจะไปกดสวิชต์ให้คนด้านหลังรู้สึกตัวตื่น และยิ่งกระชับวงแขนมากขึ้นราวกับจะแกล้ง จมูกโด่งก้มลงคลอเคลียอยู่กับท้ายทอยขาวทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา

“ปะ…ปล่อยได้แล้ว”

“อือ…เช้าแล้วหรอ?”

“ก็เออน่ะสิ” เขาพูดเสียงเคืองๆ หลบซ่อนใบหน้าขึ้นสีด้วยการไม่หันไปมอง

กันต์ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระในเวลาต่อมา เพราะเสียงจอแจจากด้านนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ พอผลัดกันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ได้ฤกษ์ออกมากินข้าว เสื้อผ้าเซตใหม่เป็นชุดลำลองสบายตัว พร้อมถุงมือเก่าที่เอาไว้ใส่เวลาเก็บผลผลิต

จุดแรกของวันคือต้นมะม่วงลูกดกซะจนน่าตื่นเต้น เซฟยิ้มกว้างดูภูมิใจกับกิจการบ้านตัวเอง พร้อมกำชับว่าจะสอยให้ทุกคนเก็บไปฝากญาติพี่น้องได้ตามสะดวก ยิ่งเรียกกำลังใจในการทำงานขึ้นโข วันศุกร์ตั้งท่าจะสอยมะม่วงลูกหนึ่งซึ่งโดดเด่นออกมาจากกลุ่มใบไม้สีเขียวแก่ มีกันต์ยืนซ้อนหลัง สองแขนโอบช่วยจับไม้ก้านยาวคล้ายว่าสวมกอด

กระแตหันมองพะเพื่อนยิ้มๆ ถ้าใครมาบอกว่ากันต์กับวันศุกร์ไม่ถูกกันตอนนี้เธอคงต้องขอนอนยันว่าไม่จริงและไม่เชื่อ แต่ถ้าบอกว่าเขาชอบกันล่ะก็ อันนั้นไม่แน่

“วันศุกร์ เงยหน้ามองมะม่วงนะ” ตากล้องเอ่ยปากกำกับแค่นั้น แล้วเตรียมกดชัตเตอร์ทันทีที่ศีรษะทุยแหงนขึ้นฟ้า

น่าแปลกนะที่หนึ่งคืนของสุพรรณบุรี จะเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรได้มากมายขนาดนี้ เมื่อวานทั้งสองคนยังดูเกร็งๆ ใช้ไม่ได้ แต่วันนี้กลับเป็นธรรมชาติซะจนพล็อตคู่รักไร้กรอบของเธอดูจืดไปเลย

เสียงชัตเตอร์ดัง แช็ก แช็ก ต่อเนื่อง ก่อนจะย้ายไปหลบใต้เงาไม้ใหญ่ จุดที่นั่งพักกันเมื่อวาน เธอรีบตั้งค่ากล้องกับแสงใหม่ แววตาไม่น่าไว้ใจจ้องนายแบบทั้งสองอย่างพินิจ

“กอดกันหน่อยได้ไหม?”

“ห้ะ!” วันศุกร์ร้อง ก้าวเท้าออกห่างจากร่างสูงอย่างระวังตัว

“ขอรูปกอดหน่อย รูปเดียวนะ นะ”

“เอ่อ...”

“แล้วทำไมจะกอดไม่ได้?” กันต์เอื้อมดึงตัววันศุกร์กลับมา จนไถลลงซบบนอกกว้าง ริมฝีปากสีส้มกระซิบคำพูดน่าตีอยู่เพียงข้างหู ทำเอาใบหน้าหวานร้อนวาบ “เมื่อคืนก็ทำมาแล้ว”

“อ…ไอ้พี่กันต์” กำปั้นเล็กทุบลงกับไหล่แกร่ง

เขายกนิ้วส่งสัญญาณเตรียมพร้อมให้พะเพื่อนกับคนอื่น ก่อนจะหันมารวบรั้งร่างบางเข้าไปซุกตัวอยู่ในอ้อมกอด คางมนวางเกยอยู่บนศีรษะเล็กแทบพอดิบพอดี แขนแกร่งพาดพักอยู่แถวสะโพกมน ไม่ได้สนใจว่าเด็กในวงแขนจะขาดอากาศหายใจหรือเขินตายไปก่อนหรือเปล่า

ใบหน้าร้อนแนบลงบนแผงอกอย่างจำนน...

ตึก ตัก ตึก ตัก

เสียงน่ารำคาญดังขึ้นอีกครั้ง จนแทบจะกลบเสียงชัตเตอร์ไปเสียสนิท

ตึก

ตัก

ตึก

ตัก

...

น่ารำคาญจริงๆ


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 7.5
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-01-2017 22:08:41
 o13
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 7.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 16-01-2017 15:32:44
มีแอบกอดน้องนะ

หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 7.5
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-01-2017 20:27:55
ได้ทีกอดใหญ่เลยน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 8.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 18-01-2017 20:13:21
วันศุกร์ที่ 8.0



ผ่านไปราวหนึ่งอาทิตย์นับจากที่พวกเขากลับมาจากสุพรรณบุรี งานของพะเพื่อนถูกจัดใส่อัลบั้มแล้วโพสรวมอยู่ในเพจ JC123 Photo Project ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับลงงานนักศึกษาในเอก เพื่อวัดยอด 10% ของเกรดนั่นด้วย แน่นอนว่าอัลบั้มภาพของ ‘รักไร้กรอบ’ อยู่ในอันดับหนึ่งถ้าเทียบจากยอดไลค์ แชร์ รวมทั้งคอมเม้นอีกถล่มทลาย

Notifications นับล้านเอาแต่เด้งเตือนไม่หยุด จนคอมพิวเตอร์และมือถือของทั้งเจ้าของอัลบั้ม รวมถึงนายแบบทั้งสองแทบจะระเบิด

วันศุกร์รีบกดเปิดหน้าจอ Facebook ขึ้นมาดูความเคลื่อนไหว หัวใจเต้นรัวด้วยว่าตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพของตัวเองเป็นครั้งแรก เขาคลิกไปยังภาพหน้าปกซึ่งเป็นเงาด้านหลังของเขาและกันต์ ก่อนจะไล่ดูไปเรื่อยๆ หัวคิ้วค่อยๆ ขมวดมุ่น เพราะมีหลายช็อตเหลือเกินที่เขาไม่ยักรู้ตัวว่าถูกเก็บภาพไปตอนไหน ในอัลบั้มนั้นปะปนไปด้วยภาพ candid มากมายซึ่งพะเพื่อนไม่เคยเอ่ยถึงมันมาก่อนเลย

ภาพตอนสอยมะม่วงปรากฏขึ้นมา เขาดูเก้กังคล้ายจะล้มยามประคองไม้ก้านยาว สายตาจริงจังถูกส่งไปยังเจ้ามะม่วงเขียวเสวยด้านบนหัว ผิดกับกันต์ซึ่งกำลังจ้องมองเขาไม่วางตา รอยยิ้มมุมปากไม่ใช่การเยาะเย้ยเหมือนเคย แต่กลับดูอ่อนโยนจนอดขนลุกไม่ได้

ภาพต่อมาคือตอนที่เขายืนกินไอศกรีมอยู่หน้าเซเว่น โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาจากคนข้างตัวกำลังมองอยู่เช่นเดียวกัน ต่อมาคือภาพตอนพวกเขาเล่นสาดน้ำเป็นเด็กๆ บริเวณลำธารท้ายสวน หัวใจหล่นไปกองอยู่ตรงตาตุ่มเมื่ออีกภาพฉายให้เห็นตอนที่กันต์กำลังประคองใบหน้าเขาให้หันไปสบตาด้วย แผ่นหลังเปลือยเปล่าชิดแนวโขดหินก้อนใหญ่

ชักไม่ตลกแล้ว…

นิ้วเรียวกดปุ่มลูกศรด้านขวาบนคีย์บอร์ดอีกครั้งก่อนที่หัวใจดวงน้อยจะกระตุกวูบ แนวสันหลังเสียววาบยามคิดไปถึงผลที่คงตามมาในไม่ช้า

หน้าจอแลปท็อปเครื่องบางฉายภาพของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนคับแคบ มีกันติกรณ์โอบกอดจากด้านหลัง.....ตาย ต้องมีคนตายแน่นอน!!

“ศุกร์!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากวันเสาร์ดังขึ้นเร็วเกินกว่าให้ทันเขาตั้งตัวทัน

เจ้าของฝีเท้าหนักหน่วงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ภายในห้องนั่งเล่นกว้างขวาง แววตาแข็งกร้าวดูกราดเกรี้ยวและน่ากลัว วันเสาร์ก้มลงมองภาพในอัลบั้มที่ถูกเปิดค้างอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาบนโซฟาตัวยาวอย่างเอาเรื่อง มือเรียวรีบพับหน้าจอปิดลง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นรอบกรอบหน้า พร้อมทั้งอวัยวะในอกที่กำลังเต้นระส่ำ

“ถ่ายภาพบ้าอะไร ทำไมถึงได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น!”

“คือ...” จะพูดยังไงดี ขืนบอกว่าไม่รู้เรื่องก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ แม้ความจริงเขาจะไม่รู้เรื่องกับไอ้ภาพชวนเข้าใจผิดทั้งหลายแหล่ก็เถอะ พี่พะเพื่อนนะ ทำอะไรไม่ปรึกษากันบ้างเลย

“ก็คอนเซ็ปของงานมันเป็นคู่รักนี่ครับ”

“คู่รักแล้วไง แค่จับมือกันพี่ว่าก็มากพอแล้วนะ” เสาร์พูดเสียงดังขึ้นอีกอย่างเหลืออด “แต่นี่อะไร ทั้งกอด ทั้งโอบ ทั้งนอนเบียดกัน แล้วยังนี่อีก”

มือถือจอกว้างถูกยัดเข้ามาในมือเขาเสร็จสรรพ มันคือภาพตอนกันต์กำลังประคองหน้าเขาในลำธารนั่นเอง

“เอ่อ...”

“ทำไมยอมถอดเสื้อง่ายๆ แล้วยอมให้มันมาแตะเนื้อต้องตัวเราแบบนี้ได้ไงฮะ”

“พี่เสาร์จะให้ศุกร์ใส่เสื้อเล่นน้ำเหรอครับ?”

“ใช่!” วันเสาร์ตอบกลับเสียงแข็ง แต่ก็ชะงักไปแป๊บนึงเหมือนหยุดคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบกลับคำ “ไม่ พี่ไม่ให้ศุกร์เล่นน้ำ”

“โธ่พี่เสาร์ มันก็แค่การจัดฉากถ่ายรูปอะครับ อย่าคิดมากเลย” เขารีบปั้นหน้าเป็นปกติแล้วเริ่มต้นโกหกคำโต

“ถ้าพี่รู้ว่ามันจะออกมาใกล้ชิดขนาดนี้ พี่ไม่ยอมอนุญาตให้ศุกร์ไปแน่”

“อย่าโกรธเลยนะครับ มันก็แค่งานเอง”

เด็กน้อยรีบตรงเข้าเกาะแขนแกร่งอย่างคลอเคลีย ดวงตาออดอ้อนช้อนมองจนเขาต้องยอมใจอ่อนอีกรอบ วันเสาร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนมาอุ้มร่างน้องชายขึ้นทับบนตัก

“อะ...เอ่อ”

วันศุกร์ออกอาการตกใจ สองมือรีบเกาะไว้บนไหล่หนา โดยมีมือใหญ่คอยโอบรั้งเขาไว้ไม่ให้หงายหลังตกจากโซฟาไปซะก่อน ไม่คุ้นชินเท่าไรนักกับการขึ้นมานั่งตักวันเสาร์ในอายุเท่านี้ เพราะเขาไม่ใช่เด็กๆ อีกแล้ว สารร่างก็ใช่ว่าจะเล็กอย่างแต่ก่อน แม้จะยังตัวนิดตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับคนตรงหน้าก็ตามเถอะ

“อ้อนพี่หน่อยสิ เผื่อจะหายโกรธ”

“อ้อน?” เอียงคอสงสัย ไอ้ที่พูดจาหวานย้อยแล้วคอยเกาะแกะเอาใจเมื่อครู่ยังเรียกว่าอ้อนไม่พออีกเหรอ

“อืม พี่คิดถึงเด็กน้อยวันศุกร์ของพี่”

“พี่เสาร์อ่า แต่ศุกร์โตแล้วนะครับ”

ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ เขาชักจะเดาออกแล้วว่าวันเสาร์กำลังหมายถึงอะไร ตอนเป็นเด็ก เขาติดวันเสาร์แจยิ่งกว่าสมัยนี้หลายเท่า แถมยังขี้อ้อนแบบที่ลูกแมวข้างบ้านยังต้องร่ำไห้ เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก จนบางครั้งแทบจะมากเกินไป เวลาอีกฝ่ายงอนหนักๆ สิ่งที่จะทำให้หายได้ก็คือการจุ๊บบนริมฝีปาก ซึ่งมันคงพอรับได้ถ้าเขายังเป็นแค่เด็ก 6-7 ขวบ แต่นี่เขา 19 แล้วนะ!

แถมยังว่างเว้นจากเรื่องนี้มานานมากแล้วด้วย คิดๆ ไป เขาไม่ได้จูบกับพี่ชายตัวเองมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้นล่ะมั้ง อย่างมากก็จูบหน้าผาก หรือหอมแก้ม

“พี่เสาร์…”

คนเป็นพี่ทำทีหูทวนลม

เขาเม้มปากหนักๆ ก่อนจะสูดอากาศเข้าลึกสุดปอด ตัดสินใจยื่นริมฝีปากลงไปนาบลงบนแก้มใส แช่ค้างไว้สักพักจึงถอนออก ดวงตาคมจ้องมองกลับมาเหมือนไม่ได้พอใจนัก

“พี่เสาร์หายโกรธนะครับนะ”

“อ่า…” เจ้าของร่างสูงถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบของวัน ก่อนจะยอมพยักหน้าแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายกลับลงไปนั่งบนโซฟาตามเดิม

วันเสาร์ไม่พูดอะไรอีก แม้จะเลิกโกรธเรื่องภาพถ่ายบ้าบอนั่นแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกอารมณ์น้อยใจตรงเข้าจู่โจมแทนที่ เลือดในกายเต้นตุบตับยามนึกถึงแววตาลำบากใจของคนเป็นน้องเมื่อครู่ วันศุกร์กำลังเปลี่ยนไป...

ไม่ใช่เด็กน้อยในกำมือของเขาอีกแล้ว...

 

 

“กันต์! นี่มันอะไร?” เสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นก่อนตัว เจ้าของทรงผมยุ่งๆ หันไปมองพี่สาวตัวเองกำลังตีท่าเดือดร้อนพลางยื่นมือถือเครื่องใหญ่มาตรงหน้า บนจอฉายภาพคู่ของเขากับวันศุกร์จากสุพรรณบุรีอย่างไม่ต้องสงสัย

“ก็...ที่ผมไปช่วยถ่ายงานให้เพื่อนไง”

“ไม่เห็นบอกเลยว่าแกไปถ่ายคู่กับอีวันศุกร์!”

“ก็ผมไม่อยากให้พี่อารมณ์เสีย”

“ตอนนี้ฉันก็อารมณ์เสีย!” เกศราไม่หยุดตวาด แล้วเดินมานั่งลงข้างเขาบนโซฟากลางบ้าน “แกก็รู้ว่าฉันเกลียดมัน ยังจะไปสนิทสนมกับมันอีก”

“ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น...”

“ไม่ต้องเลย นี่อย่าบอกนะว่าแกสนใจอีเด็กเวรนั่นอีกคน”

“เปล่า!” เขาเผลอขึ้นเสียงปฏิเสธทันควันจนอีกฝ่ายเหมือนจะจับสังเกตได้ เกศราหรี่ตามองจนต้องรีบเบือนหน้าหนี ก่อนจะถูกฝ่ามือบางฟาดลงบนแผ่นหลังเสียงดังป๊าบ

“แกห้ามไปยุ่งกับมันนะ! ฉันเกลียดมัน”

“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง อยู่คณะเดียวกันมันก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว”

“เฮอะ จะไม่ยุ่งน่ะมันทำได้อยู่แล้ว อยู่ที่จะทำไหมเท่านั้นแหละ” น้ำเสียงรู้ทันทำเอากันต์ใบ้กิน ส่วนลึกในใจของเขาเริ่มสวดภาวนา ขอให้เกศเพียงแค่สงสัยแต่อย่ามารู้เลย

อย่ามาล่วงรู้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเด็กนั่นเลย…

 

 

“ขอโทษน้า” พะเพื่อนยกมือไหว้ทั้งกันต์และวันศุกร์ ระหว่างพบปะกันใต้คณะ เธอกำลังหมายถึงภาพแอบถ่ายต่างๆ นาๆ ที่ถูกโพสลงเพจวิชา และกระจายไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่

“ขอโทษตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก”

“โห่ แต่ถ้าไม่ใช้รูปพวกนั้น ฉันคงไม่ได้ 10% นั้นเต็มหรอก คะแนนส่วนที่เหลือก็ดีนะแก อาจารย์ชมว่าสื่อความรู้สึกของนายแบบออกมาได้ดีอะ”

“แต่พี่เพื่อนน่าจะบอกกันก่อนนะครับ”

“งือ พี่ขอโทษนะศุกร์ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ด้วย”

คนเด็กกว่ารีบลดมือพะเพื่อนที่ตั้งท่าจะไหว้อีกครั้งลง พวกเขาอยู่เคลียร์เรื่องรูปกันต่ออีกหน่อย หญิงสาวก็ขอปลีกตัวกลับหอ เป็นอันสรุปว่าหลังอาจารย์ลงคะแนนเรียบร้อยแล้วก็จะขอให้ลบอัลบั้มนั้นออกซะ

“แล้วนี่จะไปไหน?” กันต์หันมาถามเด็กที่เหลือ

“รอคนมารับ”

“ใคร?”

วันศุกร์เงยหน้าขึ้นมองคนถาม ค่อนข้างแสดงออกว่ารำคาญ

“ต้องรู้ทุกเรื่องปะ?”

“เออ แล้วบอกมามันจะตายไหมล่ะ”

“ไม่บอก”

“เฮอะ” กันติกรณ์เหลือบตามองบน รู้ดีอยู่แล้วว่าคำตอบของอีกฝ่ายคืออะไร “พี่เสาร์ล่ะสิ”

“ก็รู้หนิ”

“จะทำตัวเป็นเด็กติดพี่ไปถึงเมื่อไร เห็นแล้วหงุดหงิดว่ะ”

“ดูเหมือนชีวิตผมจะไปหนักหัวพี่ซะเหลือเกินนะ”

กันต์ไม่ตอบเพียงแต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของเด็กข้างตัวนิ่งๆ เมื่อไม่เห็นว่าวันศุกร์จะขยับไปนั่งรอที่ไหน เขาก็ยังคงยืนอยู่แบบนั้นเช่นกัน ยอมรับว่าชีวิตของเด็กวันศุกร์มันหนักหัวเขาจริงๆ นั่นแหละ หนักมากจนต้องแคร์ไปซะหมด

สายตาเจ้ากรรมเหลือบเห็นเศษดอกหางนกยูงติดอยู่บนผมสีดำน้ำตาล จะว่าน่ารักน่าเอ็นดู หรือเรียกว่าโง่ดี

“อะไรติดผม” เขาเกริ่นแค่นั้น ก่อนจะยกมือขึ้นจับกลีบดอกไม้สีส้มแกมแดงออกให้

วันศุกร์ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน และไม่ปริปากพูดอะไรจนเขานึกว่าใครไปกดปุ่ม Mute เอาไว้ แต่ก็ไม่น่าใช่เมื่อยังได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงของใครบางคนดังใกล้เข้ามาอยู่เลย...

เอ๊ะ…?

ผลัวะ!!

กว่าจะรู้ตัว หมัดหลุนๆ ของใครบางคนที่ว่าก็ตรงเข้ามากระแทกปากจนร่างทั้งร่างซวนเซเกือบล้ม ถ้าไม่ใช่ว่ามือเล็กของเด็กข้างกายรีบคว้าเอาไว้ได้ก่อนก็คงถลาลงไปจูบพื้นเรียบร้อยแล้ว

วันศุกร์เบิกตากว้าง แล้วรีบสะบัดมือที่ช่วยกันต์ไว้ออกทันที สีหน้าตื่นๆ หันมองพี่ชายตัวเองซึ่งดูออกว่ากำลังเดือดจัด

“อย่ามายุ่งกับน้องกู!” วันเสาร์คำราม จนเด็กคนอื่นแถวนั้นต่างพากันหันมอง

คนถูกต่อยส่งเสียงหัวเราะในลำคอ เขาใช้หลังมือปาดเลือดตรงมุมปากออก เงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทียียวน ไม่คิดจะเกรงกลัวสักนิด น้ำเสียงเยาะๆ ยิ่งทำให้เสาร์โมโหขึ้นอีก

“ยังกล้าพูดว่าแค่น้องอีกนะ”

“พี่เสาร์อย่า!” วันศุกร์รีบร้องปรามเมื่อเห็นว่าเสาร์ทำท่าจะก้าวเท้าเข้ามาอีกครั้ง แขนเล็กตรงเข้ากอดเอวพี่ชายแน่น

“นี่ศุกร์ปกป้องมันเหรอ?”

“ศุกร์ไม่ได้ปกป้อง ศุกร์ไม่อยากให้พี่เสาร์มีเรื่อง”

“ก็พี่เห็นมันจับหัวเรา”

“โห่ คุณพี่ครับ เรื่องแค่นี้... มากกว่าหัวผมก็จับมาแล้ว” เขานึกอยากต่อยหน้าคนพูดประโยคเมื่อครู่ซ้ำอีกครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมีศุกร์ขวางอยู่ ถึงอย่างนั้น กลับเป็นคนตัวเล็กเสียเองที่ตวัดสายตาดุๆ ไปทางรุ่นพี่คณะ

“พี่กันต์หุบปาก!”

กันติกรณ์เพียงแค่ยักไหล่ไม่ยี่หระ เขายืนมองวันศุกร์ลากตัวพี่ชายกลับไปทางรถยนต์เทียบฟุตบาท ในหัวเริ่มผุดความคิดดีๆ มันง่ายมากกับการแก้แค้นให้วันเสาร์ต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวด ถ้าอยากให้วันเสาร์ลิ้มรสชาติความผิดหวังบ้าง ก็แค่แย่งวันศุกร์สุดที่รักของมันมาให้ได้เท่านั้น นั่นสิ...ถ้าทำสำเร็จ ไม่เท่ากับว่าเขาได้ถึงสองต่อเลยหรือยังไง

คิดแล้วก็ชักน่าสนุกไปอีกแฮะ


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 8.0
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-01-2017 19:58:52
กันต์จะทำอะไรคิดให้ดีก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 8.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 21-01-2017 17:16:30
วันศุกร์ที่ 8.5



กล่องบลูเบอรี่ชีสพายเจ้าดังถูกเลื่อนมาตรงหน้า ขณะที่วันศุกร์กำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่กับกั้งและนัท เขามองตามมือขึ้นไปถึงใบหน้าหล่อเหลาคุ้นเคย...กันติกรณ์ ไอ้รุ่นพี่อารมณ์สองขั้ว

“อะไร?”

“พี่ซื้อมาฝากศุกร์อะ”

“ห้ะ?” ไม่ใช่แค่วันศุกร์ที่ดูตกใจ แม้แต่เพื่อนอีกสองคนก็พากันเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ตัวดีกับสรรพนามแปลกหู พวกเขาจำได้ว่าไม่เคยได้ยินกันต์เรียกแทนตัวเองว่า พี่ มาก่อนในศตวรรษนี้

“พี่ซื้อมาฝากเราไง ศุกร์ชอบกินไม่ใช่เหรอ?” กันต์ยังคงตีหน้าซื่อ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามหน้าตาเฉย สักพักบัณฑิตกับตรีวิทย์ก็เดินถือจานข้าวตามมาสบทบ

นัทส่ายหน้าไล่เสียงหวานๆ สุดแสลงของกันต์ออกจากโสตประสาท รีบหันไปเอาความจากพี่รหัสตัวเองแทน

“พี่ฑิต พี่กันต์เขาเป็นไรอะ?”

“เป็นไรอะไร?”

“ก็...วันนี้ดูแปลกๆ จู่ๆ ก็มาพูดจาดีใส่ไอ้ศุกร์อะ”

“แล้วปกติมันพูดจาเหี้ยใส่เพื่อนมึงหรือไงล่ะ” บัณฑิตยังคงดูเหมือนไม่เข้าใจ จนต้องได้ยินกันต์เปิดปากอีกรอบ ถึงได้รีบตวัดสายตาไปทางเพื่อนตัวเองอย่างงุนงง

“ทำไมศุกร์กินน้อยจัง จะอิ่มเหรอ?”

“อะไรของมึงวะไอ้กันต์”

“อะไร?”

“ทำไมวันนี้มึงพูดจาสุภาพจัง” เขาพยักพเยิดหน้าไปทางวันศุกร์ ซึ่งยังคงนั่งขมวดคิ้วมุ่น แต่กันต์กลับเพียงแค่ฉีกยิ้มบาง ก่อนเริ่มอธิบายเสียงปกติจนอดหวาดระแวงไม่ได้

“ก็กูอยากพูดจาเพราะๆ กับวันศุกร์บ้างไม่ได้หรือไง อีกอย่างนะ กูว่าใช้ฉันกับนายแล้วมันดู...ไม่สนิทอะ”

สายตาคมหันมามองเด็กตรงหน้าช่วงท้ายประโยค รอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย วันศุกร์พยายามรวบรวมสติกลับคืนมาแล้วตอกกลับเสียงราบเรียบ

“เราก็ไม่ได้สนิทกันนะ”

“แต่พี่ไม่คิดแบบนั้น...” กันติกรณ์ถือวิสาสะคว้ามือเล็กเข้าหาตัวทั้งที่ยังจับช้อนอาหารอยู่ เรียกความสนใจจากทุกคนบนโต๊ะ

คนตัวเล็กรีบสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม สายตามาดร้ายถูกส่งไปให้พร้อมสีหน้าหงุดหงิดอย่างเปิดเผย หากว่ากันต์ก็ไม่ได้ดูสะทกสะท้านอะไร อีกทั้งยังหัวเราะร่วน

“แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้...คนเคยๆ แท้ๆ”

“พี่กันต์!” วันศุกร์ลุกขึ้นยืน มือสองข้างเผลอตบโต๊ะเสียงดังจนคนในโรงอาหารหันมามองเป็นตาเดียว กั้งต้องรีบกระตุกแขนเรียวให้กลับมานั่งแล้วพยายามพูดให้ใจเย็น เขาหันไปขยิบตาให้ตรีวิทย์ที่ยังดูอึ้งๆ สุดท้ายก็ต้องเอ่ยอะไรสักอย่างเพื่อคลายบรรยากาศมาคุ

“เอ่อ...พี่ว่าไอ้กันต์มันคงอยากหยอกศุกร์เล่นน่ะ อย่าอารมณ์เสียเลยนะ” ตรียิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปฟาดมือกับแผ่นหลังเพื่อนสนิท

“มึงก็แกล้งน้องเขาอยู่ได้ เป็นบ้าหรือไงวะ”

“กูไม่ได้แกล้ง” กันต์สะบัดมือตรีวิทย์ออก แล้วหันมาจ้องหน้าศุกร์ด้วยท่าทีจริงจังขึ้นกว่าเก่า “ต่อไปพี่จะพูดกับศุกร์แบบนี้ แล้วพี่ก็อยากให้ศุกร์พูดดีๆ กับพี่บ้างเหมือนกัน”

เจ้าของเส้นผมประกายน้ำตาลถอนหายใจหนักๆ พยายามกินข้าวบนจานต่อโดยไม่หันมองคนเพ้อเจ้อแถวนี้อีก ในใจนึกหงุดหงิดกับสิ่งที่กันต์กำลังทำ เขาไม่เข้าใจ...บางทีกันต์ก็ดีและบางทีกันต์ก็ร้าย แต่ตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่อะไรเลย เขาเดาไม่ออกว่าตอนนี้คือดีหรือว่าร้ายอยู่กันแน่ แล้วยังการพูดจาตีสนิททั้งที่ความจริงเรายังไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น น่าโมโหชะมัด แค่เขาหลวมตัวยอมใจดีแบ่งผ้าห่มให้คืนเดียว อย่ามาทำเป็นคิดลึกหาว่าเขายอมเปิดใจให้หน่อยเลย…

เฮ้ย!

เปิดใจบ้าบออะไร ไอ้พี่กันต์ไม่ได้กำลังจีบเขาอยู่สักหน่อย บ้าและวันศุกร์

เออ...แต่จะว่าไป เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่ากันติกรณ์คิดกับเขายังไง ในเมื่อบางครั้งก็แสดงออกเหมือนเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติก่อน คอยหาเรื่องทะเลาะตลอด แต่บางทีก็ชอบมายุ่มย่ามราวกับว่าสนใจนักหนา

“เย็นนี้รอพี่อยู่ที่คอกเจ้าดื้อนะ เดี๋ยวพี่ไปหา” กันต์กำชับทิ้งท้าย ก่อนที่พวกเขาจะขอตัวแยกย้ายออกจากกลุ่มพี่ปีสามเพื่อไปเรียนต่อในภาคบ่าย นัทรีบเปิดประเด็นทันทีเมื่อก้าวขาเข้ามาในตึกคณะ

“พอพี่กันต์พูดจาแบบนั้นกับมึงแล้วกูขนลุกแทนว่ะ”

“กูแทบจะอ้วก” วันศุกร์ตีหน้าตายแล้วทำท่าคล้ายอยากอาเจียนเต็มแก่ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทั้งสอง ถึงอย่างนั้นกั้งก็ยังตบบ่าให้กำลังใจ

“แต่พูดจาดีด้วย ก็ต้องดีกว่าพูดจาแย่ใส่อยู่แล้ว ใช่มะ”

“กูว่าให้พี่มันด่ากูยังดีกว่าอีก”

“ทำเป็นพูด” นัทตบหัวเขาจากด้านหลังเบาๆ สีหน้าแววตาคล้ายคนรู้ทัน และเขานึกเกลียดมันชะมัด “ถ้าเขาด่ามึงจริงๆ ขี้คร้านจะมานั่งน้อยใจให้พวกกูปลอบสิไม่ว่า”

“กูจะไปน้อยใจอะไรมัน มั่วแล้ว”

เกลียดอะ...

เกลียดยิ่งกว่าการไม่เข้าใจอีกฝ่ายก็คือการที่เขาไม่เข้าใจตัวเองเอาซะเลย...สิ่งที่น่าหงุดหงิดมากกว่าคงเป็นเรื่องนี้แหละ เพราะเขาเดาไม่ออก ว่าความจริงแล้ว ตัวเองกำลังคิดยังไงกับผู้ชายชื่อกันติกรณ์กันแน่

และไม่อยากจะเดาด้วย...

 

 

พอเลิกเรียน วันศุกร์ก็ติดรถของกั้งมาลงหน้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ท้ายคณะเกษตรฯ ออกตัวก่อนว่าไม่ได้มาเพราะคำสั่งของใคร แต่เขาตั้งใจมาเยี่ยมลูกชายสี่ขาของตัวเองอยู่แล้ว วันนี้ไม่เห็นธนาหรือสมาชิกคุ้นหน้าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เดือดร้อนเพราะเขาได้รับความไว้วางใจถึงขั้นมีกุญแจสำรองของที่นี่ติดตัว

ประตูโดมถูกเปิดออกพร้อมกลิ่นธรรมชาติที่ลอยขึ้นเตะจมูก ด้านในอากาศเย็นเพราะมีต้นไม้คอยปกคลุมไม่เหมือนด้านนอก ร้อนจนสงสัยว่าเดินอยู่บนถนนหรือนรกกันแน่

เสียงอู๊ดๆ ของเจ้าหมูสีชมพูดังขึ้นก่อนใครเพื่อน

“มาแล้ว” วันศุกร์ขานรับ แล้วก้าวเท้าเข้าไปหาสัตว์เลี้ยงด้านในรั้วไม้ เขาทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิ อุ้มเจ้าดื้อขึ้นคลอเคลียอยู่บนตักอย่างรักใคร่

เขาเอื้อมมือคว้าถ้วยใส่อาหาร หยิบเศษผักในนั้นส่งให้เจ้าตัวจิ๋วที่ดูจะพึงพอใจกับการกินเป็นอย่างมาก

ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาเกือบห้าโมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มดูรับกันดีกับต้นหางนกยูงซึ่งตั้งเรียงรายไปทั่วเขตแดนมหาวิทยาลัย เจ้าดื้อหันไปคาบของเล่นรูปกระดูกไซส์เล็กมายัดใส่มือเขา ทำตัวเหมือนหมาขึ้นทุกที แล้วไอ้คนไหนมันซื้อของเล่นหมามาให้หมูเนี่ย

“ดื้อ ไปคาบมา” แต่เขาก็ยอมเล่นกับมันซะงั้น

หมูแคระวิ่งส่ายตูดไปคาบกระดูกเทียมชิ้นนั้นกลับมา พอลูบหัวชมเชยก็ยิ่งได้ใจ ปีนขึ้นมาเลียหน้าเลียตาเขาจนเหม็นน้ำลายไปหมด วันศุกร์พยายามกลั้นขำจากความจั๊กจี้ แล้วอุ้มเจ้าดื้อมากกไว้ในอ้อมแขน เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับถ้อยคำเพ้อพรรณนาที่ไม่ได้ตั้งใจจะเอื้อนเอ่ย

“เฮ้อ...พ่อแกอยู่ไหนล่ะเนี่ย”

พ่อแก...

เดี๋ยวนะ

“จิ๊” วันศุกร์ขมวดคิ้วแล้วสะบัดหน้าไล่ความคิดบ้าๆ ในหัว นึกเคืองตัวเองที่ดันไปพูดอะไรไร้สาระน่าอาย พ่อบ้าพ่อบออะไร ใครเป็นพ่อ ก็เขาไม่ใช่เหรอพี่เป็นพ่อเจ้าดื้อมัน

เออ เขาไง เขาคือพ่อ จบนะ แยกย้าย นอน!

กร็อบ..

เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เขารีบเอี้ยวตัวกลับไปหา

“พี่กั....พี่...มิว?”

ไม่ใช่คนในความคิด หากแต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของกันติกรณ์ รูปร่างกำยำกับใบหน้าหื่นกามแบบนี้เขาจำได้แม่น นี่คือมิว คนที่เคยหลอกจับมือเขาตอนวันงานกีฬาสีคณะ มาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนด้านหลังตามสไตล์ตัวร้ายละครไทยไม่ผิดเพี้ยน

“ว่าไงครับ น้องวันศุกร์”

“พี่มาทำอะไรที่นี่ครับ?” เขาถามพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“พี่ก็แวะมาชมโรงเลี้ยงสัตว์คณะเกษตร...ไม่ได้เหรอ?”

วันศุกร์ไม่ตอบอะไร แล้วหันไปกวักมือไล่ต้อนเจ้าดื้อให้เข้าไปหลบอยู่ในบ้านพลาสติก เริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ค่อยจะดีเมื่อมิวก้าวเท้าเข้ามาในคอกหมู

“ตอนนี้คนในคณะไม่อยู่ พี่มิวแวะมาวันหลังดีกว่ามั้งครับ”

“ไม่ต้องหรอก พี่ได้ยินมาว่าน้องศุกร์มาที่นี่บ่อยๆ คงแนะนำพี่แทนได้เหมือนกันใช่ไหม”

“ไม่หรอกครับ ผมแค่ถูกคณบดีใช้ให้มาเลี้ยงหมูเฉยๆ”

“อ่า...จริงสิ หมูตัวเมื่อกี้น่ารักดีนะ ชื่ออะไรเหรอครับ?” มิวทำเป็นชะเง้อชะแง้มองข้ามไหล่เขาไปทางสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อยภายใต้ที่คุ้มภัยด้านหลัง

“ชื่อเจ้าดื้อครับ”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วงุนงง พยายามกลั้นขำ

“ชื่อแปลกดีนะ”

“พี่มิวมีอะไรอีกไหมครับ ผมว่าจะกลับแล้ว ถ้าพี่อยากมาดูโรงเรือนก็รอคนในคณะแล้วกัน” คนเด็กกว่าพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่นึกไม่ไว้ใจ อีกทั้งรำคาญอยู่กลายๆ เขาสาวเท้าไปทางริมรั้ว แต่ไม่ทันได้ก้าวข้ามออกไป ก็ถูกมือใหญ่คว้าต้นแขนบางเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวสิ”

วันศุกร์เบ้หน้า สะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม แต่มิวก็ยังตามมาจับมือเขาไว้อีกจนได้

“อะไรครับ ผมจะกลับแล้ว”

“พี่ก็ว่าจะกลับแล้ว ไปด้วยกันสิ”

“ไม่....อื้ออ!?” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อมีมือของใครอีกคนด้านหลัง เอื้อมมาโปะผ้าเช็ดหน้าใส่จมูก พอเขาดิ้นหนีก็ถูกรวบแขนเอาไว้อย่างไม่มีความปราณี สีหน้าแววตาของมิวดูเลือนรางลงทุกขณะ พร้อมกับเรี่ยวแรงที่เริ่มอ่อนยวบฉับพลัน

ไม่กี่วินาทีต่อมา สติสัมปชัญญะของเขาก็ขาดผึ่ง เปลือกตาปิดสนิทลงช้าๆ

 

 

ดูเหมือนชีวิตเขาจะถูกจริตกับการโดนจับตัวมาเสียจริงๆ คราวก่อนก็โดนมอมยาพาขึ้นหอใครก็ไม่ทราบ รอบนี้ยังถูกโปะยาพามาที่ห้องใครก็ไม่รู้อีก พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมานอนอยู่บนเตียงของหอแถวมหาวิทยาลัย ข้อมือสองข้างถูกจับไขว่หลัง พันธนาการไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่ง ข้อเท้าเองก็เช่นกัน เขาพยายามเขยิบบั้นท้ายลงจากฟูกแต่กลับมีเสียงลูกบิดดังขัดขึ้นก่อน

ร่างหนากับผิวสีเข้มหน่อยๆ เดินเปลือยท่อนบนออกมาจากประตูห้องน้ำ มิวแสยะยิ้มพลางหย่อนก้นลงนั่งข้างเขาเหมือนไม่เดือดร้อนอะไร

“ตื่นแล้วเหรอ”

“พี่มิวจับผมมาทำไม” วันศุกร์ถามเสียงเข้ม ดวงตาถมึงทึงจับจ้องไปยังใบหน้ากวนประสาท

“ก็พี่อยากมีเวลาอยู่กับน้องวันศุกร์นี่น่า”

คนตัวเล็กย่นคอหนี เมื่อมือของมิวทาบลงบนแก้มขวาของเขา สุ้มเสียงน่ารังเกียจกระซิบอยู่เพียงข้างใบหู ชวนให้แสลงเสียจนอยากอาเจียนใส่หน้าใครบางคนแถวนี้

“พี่ถูกใจเรามากเลยนะ”

“แก้มัดผมเดี๋ยวนี้”

“ฮ่ะๆ คิดว่าพี่พาเรามาที่นี่เพื่อปล่อยไปน่ะเหรอ” มิวหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องตลกนักหนา เขาเริ่มกวาดสายตามองหาโทรศัพท์มือถือตัวเองก็พบว่ามันถูกนำไปวางรวมกับกระเป๋าสตางค์บนโต๊ะเขียนหนังสือ ครั้นจะหนีไปตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แค่ขยับตัวนิดเดียวยังลำบาก

“พี่ต้องการอะไร”

แกล้งถามไปอย่างนั้นเพื่อยืดเวลาแม้เพียงวินาทีก็ยังดี ทั้งที่ความจริงก็พอเดาออกว่ามิวจับเขามาทำไม อีหรอบนี้คงไม่ใช่ว่าอยากได้แค่ไอดีไลน์หรือเคล็ดลับหน้าเด็กแน่ๆ

“ยังไม่รู้อีก พี่ก็ต้องการ...ตัวเราไง” มิวเอ่ยช้าๆ ชัดๆ ก่อนจะหันมาผลักเขาลงนอนราบกับเตียง ตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้ทันทีแบบไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืน ใบหน้าหวานเหยเกจากแรงกดทับบนแขนตัวเอง

จมูกโด่งโน้มลงมาคลอเคลียอยู่กับแก้มร้อน ไม่ใช่ว่าเขินหรืออาย แต่กำลังโกรธต่างหาก ทำไมตอนสอบเข้าไม่เห็นมีเตือนในคู่มือนักศึกษาเลยว่าคณะนี้มันมีแต่รุ่นพี่จิตไม่ปกติสักคน! ไอ้นั่นก็ป่วยประสาท ส่วนไอ้นี่ก็โรคจิต ไม่สมเป็นผู้มีการศึกษาสักคน บ้าเอ๊ย!

“ออกไป!”

“อยู่นิ่งๆ ได้ไหม อย่าดิ้นสิ”

อยู่นิ่งๆ ให้โง่สิวะ!

“ปล่อยกู!!” เขาเลิกพูดจาสุภาพและพยายามพลิกตัวไปทางซ้ายทีขวาที ตามแต่ที่ร่างดักแด้ของตัวเองจะพอทำได้ในตอนนี้ พวกเขายื้อยุดกันสักพักใหญ่จนมิวยอมสงบลงคงเพราะเหนื่อยหรือรำคาญก็ไม่อาจทราบ

ไอ้รุ่นพี่เวรสบถอยู่ในลำคอก่อนจะผละออกไปกดโทรศัพท์หาเพื่อนแก๊งมิจฉาชีพของมัน

“ยัง ไอ้นี่มันฤทธิ์เยอะ” นั่นคงหมายถึงเขา

“ยาที่มึงบอกมันอยู่ไหนนะ”

มิวเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะแต่ละช่องเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง ปากก็พูดโทรศัพท์ไปด้วย เลยไม่ทันสังเกตว่าเขากำลังพยายามพาตัวเองลงจากเตียงท่าทางทุลักทุเล

“เออเจอแล้ว เม็ดสีน้ำเงินใช่ไหม”

“เออๆ ขอบใจมาก ไว้จะถ่ายรูปไปให้พวกมึงดูละกัน” เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้น ก่อนที่ร่างกำยำจะหันกลับมาเลิกคิ้วมองเขา กึ่งขำกึ่งเวทนา เพราะตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่หัวดิ่งพสุธาไปแตะพรมห้อง ในขณะที่ปลายเท้ายังก่ายอยู่บนขอบเตียง

“คิดจะหนีหรือไง”

วันศุกร์เพียงเม้มปากแน่น ปล่อยให้มิวเดินกลับมาอุ้มร่างเขาขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง มือใหญ่บีบแก้มบังคับให้เขาอ้าปากออก จึงต้องรีบสะบัดหน้าหนี

“นิ่งๆ” มิวเอ็ดเสียงแข็ง ก่อนจะออกแรงบีบมากขึ้น

ไม่นาน ยาเม็ดสีน้ำเงินก็ถูกยัดเข้ามาในปาก พอเขานึกจะพ่นออกก็ถูกจับกรอกน้ำเปล่าตามหลังจนเกือบสำลัก ท้ายที่สุดจึงต้องกลืนไอ้ยาไม่น่าไว้ใจที่ว่าลงคออย่างช่วยไม่ได้ เสียงไอค่อกแค่กดังตามหลัง แต่มิวก็ไม่ได้สนใจ

“มึงเอาอะไรให้กูกิน!?”

“หึ ถ้าอยากรู้ก็รอดูเองแล้วกัน”

คนถูกมัดเบิกตากว้างเพราะพอเดาออกแล้ว เขาพยายามไอหนักๆ เพื่อหวังว่าไอ้ของที่กินเข้าไปจะย้อนกลับออกมาแต่ก็ไม่เป็นผลสักนิด เวลาผ่านไปได้เกินห้านาที เนื้อตัววันศุกร์ก็เริ่มมีเหงื่อออกทั้งที่แอร์ในห้องก็เปิดอยู่ เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ภายในท้องน้อย หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นส่ำ

ร่างบางไร้เรี่ยวแรง ได้แต่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงสีขาว มีมิวนั่งจิบเบียร์อยู่บนปลายเตียง คอยหันมองอาการของเขาเป็นระยะ แววตานึกสนุกแบบนั้นช่างดูน่ารังเกียจ แต่ไม่รู้ทำไม...เลือดในกายกลับสูบฉีดราวกับต้องการความอบอุ่นบางอย่างนักหนา

ไม่ชอบเลย...ตัวเองในตอนนี้เหมือนไม่ใช่ตัวเอง ภายในหัวขาวโพลนไปหมด ลำคอก็แห้งผาก

“ไง ไม่ไหวแล้วล่ะสิ”

มิวทักขึ้นหลังจากจัดการเบียร์กระป๋องในมือเรียบร้อย ร่างสูงใหญ่กลับขึ้นมาคร่อมเขาไว้ แต่ครั้งนี้กลับไร้ซึ่งการขัดขืน ทั้งที่ส่วนลึกในใจไม่ต้องการ แต่ร่างกายก็ไม่ยอมทำตามแม้แต่น้อย ยิ่งเรียกรอยยิ้มร้ายกาจจากคนตรงหน้าได้ดีทีเดียว

“ตอนนี้คงอยากเป็นของพี่ขึ้นมาแล้วใช่ไหม หืม?” ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงกับซอกคอขาว

วันศุกร์ขมวดคิ้วมุ่น แม้ว่าในใจอยากปัดป้องหากแขนทั้งสองกลับไม่ยอมขยับ คงเพราะฤทธิ์ยาตัวเมื่อกี้ ที่ทำให้เขานึกโหยหาสัมผัสจากคนด้านบนเสียเหลือเกิน

“อื้อ”

เสียงหวานเผลอครางอย่างไม่รู้ตัว ยามที่นิ้วสากลากผ่านเนื้อผ้าเข้าไปหยอกล้อยอดอกด้านใน ไม่รู้ว่าเสื้อนักศึกษาเขาถูกดึงออกจากกางเกงตั้งแต่เมื่อไร วันศุกร์ได้แต่กัดปากเพื่อสงบอารมณ์พุ่งพล่านหากก็ยากเย็น กริยาทั้งหมดทั้งมวลตอนนี้ราวกับถูกผีร้ายที่ไหนเข้าสิง มันไม่ใช่เขาเลย

น่ารังเกียจ...น่าทุเรศ...

คนตัวเล็กเผลอแอ่นอกขึ้นรับสัมผัสวาบหวาม ใบหน้าและลำตัวอาบไปด้วยหยาดเหงื่อ กลางกายปวดหนึบต้องการหาที่ระบาย ทั้งที่ในใจร่ำร้องปฏิเสธ รอยยิ้มเยาะๆ เผยขึ้นต่อหน้า แววตาซุกซนของมิวไล่โลมเลียไปทั่ว ยิ่งกระตุ้นผลของตัวยาให้เขาเกิดอารมณ์ประหลาด

ไม่ไหว...ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว...

.

.



หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 8.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-01-2017 06:25:35
จะรอดไหม???????
อิพี่กันต์ไปไหน ช้าจริงๆ มาช่วยน้องเดี๋ยวนี้เลย
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 9.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 28-01-2017 22:21:34
วันศุกร์ที่ 9.0



ปึงง!!

เสียงถีบประตูดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้มิวต้องรีบผละตัวออกจากเตียงเพื่อเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ไม่ได้รับเชิญ กันติกรณ์พร้อมตรีวิทย์และบัณฑิตย่างเท้าตามกันเข้ามาในห้องแบบครบทีม

“ไอ้เหี้ยมิว!” กันต์แผดเสียงพร้อมตรงเข้าปล่อยหมัดใส่หน้าเพื่อนร่วมรุ่นโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตั้งตัว ตรีวิทย์ผู้รู้งานรีบตามมาขัดขาจนร่างกำยำล้มคว่ำก้นจ้ำเบ้า พอนึกจะหยัดกายลุกขึ้นก็ถูกส้นรองเท้าหนังเหยียบขยี้มือเอาไว้

คนเลือดร้อนเอาแต่สบถไม่หยุดปาก พลางรัวทั้งหมัดและเท้าเข้าใส่ร่างเกือบเปลือยบนพื้นห้อง ต้องเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือไอ้หื่นกามก็ยังมีไอ้บ้าอันธพาลครองเมือง สามผู้มาใหม่ไม่เปิดโอกาสให้มิวได้โต้ตอบเลยแม้เพียงเสี้ยววินาที จนแม้แต่วันศุกร์ก็ยังอดผวาไม่ได้ เสียงร้องโอดโอยจากคนคนเดียวดังระงม สักพักจึงได้กลิ่นคาวเลือด

ร่างเล็กสูดหายใจเข้าออกหนักๆ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ในกายที่ยังคงคั่งค้าง เขาตั้งใจจะเอ่ยปากให้กันต์หยุดแต่กลับพูดอะไรไม่ออก ที่สุดก็เป็นตรีวิทย์ซะเองที่เข้ามาห้ามเพื่อนตัวเองไว้ด้วยกลัวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

“พอแล้วมึง เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”

“ก็กูจะเอาให้มันตาย!”

“จะบ้าเหรอ มันตายมึงก็ติดคุกสิวะ ไอ้โง่!”

ตรีวิทย์กระชากปีกกันต์ออกห่างแล้วส่งสัญญาณให้บัณฑิตเป็นคนจัดการลากร่างสลบไสลของมิวออกไปนอกห้อง เจ้าของใบหน้าคร่ำเครียดประคองสติตัวเองกลับคืนมา รีบร้อนหันไปหาร่างคู้งอบนเตียง จัดการแก้มัดบริเวณข้อมือกับเท้าออกให้

“ศุกร์ เป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“พี่กันต์...” เสียงสั่นเครือดังขึ้นแผ่วเบา พร้อมน้ำใสๆ ที่ไหลออกจากปลายตา ราวกับความเข้มแข็งมันถูกดูดกลืนหาย เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าห่วงใยของกันต์ชัดๆ เขาก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้ยอมรับว่ามันปนเปกันไปหมด ทั้งกลัว ทั้งทรมาน แต่ก็โล่งอก และดีใจด้วย

“ทำไมมาช้า...”

กำปั้นเล็กๆ ทุบลงกับอกแกร่ง แทบจะทลายหัวใจคนมองให้แตกสลายลงไปเลย ยิ่งน้ำเสียงกับสีหน้าอ่อนแอในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร

“ขอโทษ...พี่ขอโทษ”

มือใหญ่ดึงรั้งร่างเปล่าเปลี้ยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ฝังจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่ม แทบจะลืมทุกภาพพจน์ที่เคยสร้างมา วันศุกร์สะอื้นไม่หยุดพลางกอดตอบอีกฝ่ายแน่น มันเริ่มผิดปกติก็ตอนที่คนตัวเล็กพยายามบดเบียดร่างกายเข้าหาเขามากเกินวิสัย ดวงตาฉ่ำปรือช้อนขึ้นมองเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น

“พี่กันต์...ศุกร์...” ริมฝีปากเจ่อแดงจากการถูกกัดเผยออยู่ต่อหน้า ทำเอาเขาต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ยิ่งสรรพนามที่เริ่มเปลี่ยนไปก็ยิ่งทำให้สมองเขาปั่นปวน พอๆ กับหัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ศุกร์ร้อน...ร้อนอะ...”

“วันศุกร์...ปะ...เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ฮือ...ศุกร์ร้อน” เจ้าของเส้นผมชื้นเหงื่อผละตัวออกจากอ้อมกอด แล้วเริ่มต้นปลดกระดุมเสื้อตัวเองหน้าตาเฉย ตรีวิทย์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ขมวดคิ้วยุ่ง หันไปหยิบแผงบรรจุเม็ดยาสีน้ำเงินบนโต๊ะเขียนหนังสือขึ้นดู

“กูว่าวันศุกร์โดนยาว่ะ”

น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น กันต์หันขวับไปมองยาในมือเพื่อนสนิทแล้วก็ร้องอ๋อในใจ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร ยิ่งท่าทีของวันศุกร์ตอนนี้ก็ยิ่งชัดเลย

ยาปลุกเซ็ก...

ฉิบหายแล้วไงล่ะ

ดูเหมือนฤทธิ์ของยาจะเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว วันศุกร์เอาแต่ปัดป่ายสองมือไปตามร่างกายของใครก็ตามใกล้ตัว ขณะถูกจับติดกระดุมเสื้อกลับไปใหม่ ดูเหมือนคำว่าอายจะถูกลบออกจากหน่วยความจำไปเป็นอันเรียบร้อย พอๆ กันกับสติที่หายไปด้วย เขาไม่รับรู้อะไรอีกราวกับสูญเสียความเป็นตัวเองไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มีเพียงความต้องการซึ่งกำลังล้นทะลักเท่านั้น

กันต์เปลี่ยนมาอุ้มร่างเพรียวให้นั่งทับบนตักตัวเองระหว่างที่ตรีวิทย์ขับรถกลับไปส่งที่หอ มือสองข้างถูกรวบไว้ไม่ให้ซุกซน เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจัดการบอกให้กั้งโทรไปรายงานวันเสาร์ว่าศุกร์จะนอนค้างด้วย แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าวันเสาร์ยังไม่ค่อยเปิดใจให้ตัวเองเท่าไรนัก เลยเสนอให้ติดต่อไปยังนายหาญกล้า เพื่อนสนิทของวันศุกร์ตั้งแต่สมัยมัธยมแทน ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลมากกว่า

“อยู่นิ่งๆ ก่อน ศุกร์” กันต์เอ็ด ขณะช้อนอีกฝ่ายขึ้นห้อง

ทันทีที่วางร่างของวันศุกร์ลงกับฟูก เด็กลืมตัวก็เริ่มร้องไห้งอแงอีกรอบ ซึ่งเขาก็มักจะแพ้ให้กับน้ำตานั่นอยู่เรื่อย กันต์ถอนหายใจแล้วนั่งลงข้างเตียง นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยแก้มใสไปมา น้ำเสียงจริงจังเอ่ยถามขึ้น

“ไอ้มิวมันทำอะไรเราบ้าง?”

“งื้อ...ไม่ได้ทำ”

ตอบดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องมางื้อมาเง้อ เดี๋ยวพ่อก็จับปล้ำซะเดี๋ยวนี้หรอก โว้ยยย

“พี่กันต์จะไปไหน” มือเล็กรั้งเขาไว้ แต่ก็ถูกแกะออก

“ไปเอาน้ำมาให้เราดื่ม”

กันติกรณ์ดันหัววันศุกร์ลงนอนบนหมอนแล้วเดินไปทางเคาน์เตอร์ครัว เขารินน้ำเปล่าจากตู้เย็นใส่แก้วใส ก่อนจะเดินกลับมาเพื่อพบว่าเด็กบนเตียงได้ปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตสีขาวกับเข็มขัดหัวเงินออกจากร่างเป็นอันเรียบร้อย และกำลังจะดึงกางเกงลงในไม่ช้า

แต่ไม่ทันได้ทำตามใจ ก็ถูกมือใหญ่คว้าหมับไว้ก่อน

“จะทำอะไร ถอดเสื้อทำไมเนี่ย” เขาถามเสียงหงุดหงิด แม้จะรู้แก่ใจดีว่ามันเป็นไปด้วยฤทธิ์ยาเลวๆ นั่น

“ก็มันร้อนนี่ ศุกร์ไม่ไหวแล้วนะพี่กันต์”

“อย่ามองพี่แบบนั้นนะ”

นิ้วเรียวชี้หน้าอีกฝ่ายดุๆ เพราะเขาเองก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขาตั้งใจไปช่วย ก็ไม่ได้อยากฉวยโอกาสทำอะไรไม่ดีไม่งาม แต่ขืนวันศุกร์ยังเอาแต่อ้อล้อคลอเคลียไม่หยุดแบบนี้ เขาก็ไม่รับประกันว่าจะคุมอารมณ์ตัวเองไหว

“ดื่มน้ำซะ” แก้วใสถูกยื่นไปให้ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าแล้วดึงแขนที่ว่างของเขาเข้าไปกอด

“ไม่เอาน้ำเปล่า”

“ไม่เอาน้ำเปล่าแล้วจะเอาน้ำอะไร พี่มีแต่เบียร์”

“น้ำพี่กันต์ไง” มือเล็กเขย่าแขนเขาเป็นว่าเล่น ดวงหน้าแดงก่ำยิ่งดูหยาดเยิ้มยามเอ่ยคำน่าอาย “เอาน้ำพี่กันต์ได้ไหม?”

ไอ้...........

“ว...วันศุกร์ พูดบ้าอะไรฮะ?”

เขาวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ลดตัวลงมานั่งประกบเจ้าของมือซุกซนเป็นปลาหมึก พยายามอย่างมากที่จะมองข้ามผิวเนื้อขาวเนียนชวนสัมผัสตรงหน้า

“ศุกร์อึดอัดอ่า...พี่กันต์ ช่วยศุกร์หน่อย…”

“พี่ว่าศุกร์แย่แล้วนะ” พูดแค่นั้น ก่อนจะลากร่างบางเข้าไปในห้องน้ำ กันต์จับวันศุกร์นอนลงในอ่างขนาดพอดีตัว แล้วเปิดน้ำจากฝักบัวรดใส่หัวอีกฝ่ายอย่างจำใจ

คนเด็กกว่าร้องลั่นอย่างกับผีโดนน้ำมนต์

“พี่กันต์ ทำอะไร!”

“พี่ก็จะทำให้เราหายร้อนไง”

“ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้”

“ไม่ได้ ศุกร์ต้องทน พี่ช่วยศุกร์ไม่ได้” กันต์ว่า พลางกัดฟันข่มอารมณ์ในกาย ใช่ว่าจะไม่รู้สึก แต่เขาไม่อยาก...ไม่ได้อยากทำร้ายเด็กคนนี้

“ฮืออ…พี่กันต์ใจร้าย”

กันติกรณ์เมินน้ำเสียงต่อว่า แล้วคอยดึงวันศุกร์ให้อยู่กับที่ ยังคงปล่อยให้สายน้ำชโลมกายจนเหมือนจะเปียกปอนกันไปทั้งสองฝ่าย

ใจร้ายที่ไหนกัน...ถ้าใจร้ายจริง คนปากดีตรงหน้าคงไม่ได้มาผุดลุกผุดนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแบบนี้หรอก โน้นน ถูกจับแหกขาอยู่บนเตียงนานแล้วโว้ย ไอ้เด็กผีนี่

สำนึกบุญคุณซะบ้างเหอะ

“แค่ก…แค่ก”

“อ่าวเวร” กันต์สบถแล้วรีบปัดฝักบัวไปทางอื่น เขาพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอ่างด้วยกัน พลางลูบหน้าลูบตาอีกฝ่ายที่เอาแต่สำลักน้ำไม่หยุด

จมูกโด่งรั้นแดงเรื่อ มากพอๆ กับร่างกายส่วนที่เหลือ

“พี่กันต์...ฮึก...”

“หืม?” เขาส่งสายตาคำถามไปให้ แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาดันเป็นริมฝีปากอิ่มที่ยื่นเข้ามาขโมยจูบเขาหน้าตาเฉย

มือใหญ่พยายามดันร่างเล็กออก แต่ด้วยบริเวณคับแคบทำให้อะไรๆ ก็ทุลักทุเลไปหมด วันศุกร์ยกแขนขึ้นรวบรั้งลำคอหนาลงไปรับการบดเบียดวาบหวาม ลิ้นร้อนเริ่มดุนดันอย่างกระเหี้ยนกระหือรือทำเอาจิตสำนึกเขาแทบขาดผึ่ง ท้ายสุด กันต์ก็ยอมให้วันศุกร์รุกล้ำ หากก็ยังเตือนตัวเองในหัวว่าห้ามทำอะไรเกินเลย แม้มันจะยากเหลือเกินก็ตาม

“อ…อื้ม”

สองคนต่างแลกลิ้นกันไปมา โดยกลายเป็นกันต์ซะเองที่ย้ายมาคุมเกม สายน้ำเย็นฉ่ำทำเอาเสื้อเชิ้ตบนตัวแนบร่างจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน วันศุกร์เลื่อนมือลงลากไล้ตั้งแต่แผงอกไปถึงส่วนแข็งขืนด้านล่าง เรียกสติของกันต์กลับมาแทบจะทันที

“หยุดๆๆ” คนโตกว่ารีบจับมืออีกฝ่ายออก ทั้งที่ใบหน้าตัวเองก็แดงซ่านพอกัน ร่างเล็กดูไม่พอใจแล้วเริ่มต้นเขย่าแขนเขาอีกครั้ง

“ฮื่อ...พี่กันต์ จูบหน่อยย”

เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นเป็นรอบที่ยี่สิบแปดล้านของคืน เขาจ้องใบหน้ายั่วเย้านิ่งๆ ด้วยความชั่งใจ สุดท้ายก็ยอมโน้มหน้าลงไปจูบปิดปากจิ้มลิ้มจนได้ ตลอดเวลาที่จูบกัน วันศุกร์เอาแต่ครางอยู่ในลำคอ หน้าขาสองข้างเสียดสีไปมาจนเขานึกทรมานแทน รู้ดีว่าคงอึดอัดจากฤทธิ์ของยา แต่ให้ทำไงได้ ถ้าเกิดเขาลงมือกับวันศุกร์ตอนนี้ พรุ่งนี้เช้าคอเขาอาจหลุดจากบ่า หรือไม่ก็...

อาจทำให้ความสัมพันธ์ของเรา แย่ยิ่งกว่าเดิม

“อืมม...”

“อ…อ้ะ”

กันต์ขมวดคิ้วมุ่นยามเคลื่อนริมฝีปากร้อนลงไปทาบทับอยู่กับซอกคอสีน้ำนมอมชมพูในขณะนี้ เขาเผลอปล่อยตัว ฝากรอยดูดแดงไว้บนนั้นอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะรีบดึงสติไว้เป็นครั้งที่ร้อย

“พี่ไม่ไหวแล้ว”

“อื้ออ ศุกร์ก็ไม่ไหว...” เด็กปีหนึ่งช้อนตามองเขาอย่างมีความหวัง แต่กลับต้องผงะเมื่อกันต์ตัดสินใจลุกออกไปจากอ่างเสียดื้อๆ

“พี่ขอโทษนะ แต่ศุกร์จัดการตัวเองแล้วกัน”

เขาพูดรัวเร็วแทบไม่หันไปสบตาด้วย รีบก้าวเท้าออกจากอ่างอะคริลิคคับแคบแล้วปิดประตูหนี ยังได้ยินน้ำเสียงโอดครวญตัดพ้อดังตามหลัง กันติกรณ์กัดฟันแน่น ค่อยๆ ทรุดตัวพิงประตูห้องน้ำเอาไว้ ซิบกางเกงถูกรูดลง พร้อมจัดการกับอะไรบางอย่างซึ่งกำลังชูชันขึ้นมา

“พี่กันต์…ฮือ...พี่กันต์ทิ้งศุกร์”

“พี่กันต์ไปไหน...ศุกร์อยากกอดพี่กันต์อ่า”

ไอ้ยาเวรแม่งเปลี่ยนนิสัยคนจากหลังตีนเป็นหน้ามือได้ง่ายขนาดนี้เชียว ไอ้เด็กผีนี่ก็เหมือนกัน ควบคุมตัวเองน่ะรู้จักไหม! อยากจะอัดคลิปเอาไปเปิดประจานคงสนุกน่าดู แต่อีกใจก็สงสาร ถ้าตื่นมารับรู้เรื่องคืนนี้ ไม่ทึ้งหัวตัวเองจนหัวล้านก่อนก็คงวิ่งไปกระโดดตึกแน่นอน

“อื๊ออ...” เสียงกระเส่าจากในห้องน้ำยังคงดังลอดออกมา ดูเหมือนวันศุกร์เองก็ต้องจัดการกับตัวเองเช่นกัน

“เงียบๆ ไม่ได้หรือไงวะ”

กันต์พึมพำ ยิ่งเร่งน้ำหนักมือตัวเองมากขึ้นตามแรงอารมณ์คุกรุ่นในอก ภาวนาให้ค่ำคืนแสนทรมานนี้ผ่านพ้นไปเร็วๆ สักที


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 9.0
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 29-01-2017 07:14:13
หื้มมมมมมมม ต้องมองพี่กันต์ใหม่ซะแล้ว
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
รักน้องให้เกียรติน้องอ่ะ ไม่ฉวยโอกาส
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 9.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 07-02-2017 23:53:25
วันศุกร์ที่ 9.5



“.....”

ทั้งห้องเงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงมดเดิน

วันศุกร์ตื่นมาในตอนเช้าก็เอาแต่นั่งนิ่งเป็นหุ่นโดนสต๊าฟ ไม่ยอมขยับเขยื้อนหรือแม้แต่ปริปาก เมื่อคืนกว่ากันต์จะได้นอนก็ปาไปเกือบเช้า หลังจากรอให้แน่ใจว่าวันศุกร์จะไม่คลั่ง หรือทำให้เขาคลั่งอีก คาดการณ์แล้วดูเหมือนว่าไอ้เด็กดื้อจะเสียไปซะหลายน้ำ เพราะตอนที่เขาเปิดประตูกลับเข้าไป ก็เจอร่างเปื่อยนอนจมอ่าง เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไม่น่าดู ส่วนคนที่จะตายก็เขานี่แหละ เพราะต้องมาคอยข่มใจทำความสะอาดกายให้ แล้วพามานอนบนเตียงอย่างที่เห็น

“พี่สั่งข้าวมาให้แล้ว ลุกไหวไหม?” เขาเดินยกแก้วโอวัลตินไปยื่นให้ตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ

นี่คืออะไร ช็อกจนเป็นบ้าไปแล้วเรอะ

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

กันต์วางแก้วช็อกโกแลตไว้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วทำท่าจะยื่นมือไปอังแก้มใส แต่กลับถูกปัดมือออก พร้อมสายตาแข็งกร้าว วันศุกร์รีบขยับตัวถอยห่างเหมือนคนขี้ระแวง สักพักจึงยอมเอ่ยปาก

“เมื่อคืน...มันเกิดอะไรขึ้น?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว อย่าบอกนะว่าจำอะไรไม่ได้เลย ชักสงสัยว่าไอ้ยาเม็ดสีน้ำเงินนั่นมันมีฤทธิ์แค่ปลุกอารมณ์หรือกล่อมประสาทด้วยกันแน่ ทำไมอาการดูย่ำแย่กว่าที่เขาจินตนาการไว้อีก

“อยากให้เล่าจริงๆ เหรอ”

ดวงตากลมวูบไหว ใบหน้าค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นทีละน้อย วันศุกร์กำลังพยายามรวบรวมสติแล้วนึกย้อนเหตุการณ์บ้าๆ ตั้งแต่ที่เขาสลบไปในคอกเจ้าดื้อ จำได้ว่าถูกไอ้พี่มิวจับตัวไปที่ห้องมัน แล้วก็ถูกบังคับให้กินยาบางอย่าง...จากนั้น...

ก็ดูเลือนรางพิกล ไม่ใช่ว่าจำอะไรไม่ได้เลย แต่เป็นการที่ระบบประสาทไม่อยากจะจำซะมากกว่า เมื่อคืนนี้เหมือนเขาสูญเสียความเป็นตัวเองแทบทุกอย่างไป สติสัมปชัญญะราวกับถูกแทนที่ด้วยความกล้าผิดๆ ยางอายถูกลบทิ้ง แล้วเติมเต็มด้วยความ.......เอิ่ม ความจริงก็ไม่ค่อยอยากยอมรับ แต่ถ้าทุกอย่างในหัวคือเรื่องจริง

คิดว่าเมื่อคืน เขาดูร่านพอตัว…

“ผมโดนยา”

“ใช่ แล้วก็เดือดร้อนคนอื่นไปทั่ว รู้ตัวไหม”

ใบหน้าแดงยิ่งร้อนผ่าวขึ้นอีก คนตัวเล็กรีบเบือนสายตาหนีเมื่อนึกได้ว่าตัวเองก่อวีรกรรมอะไรไว้

“ถ้าทำใจได้แล้ว ก็ลุกมากินข้าว” กันต์ไม่คาดคั้นอะไรมาก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังสับสน เขาเดินไปเปิดกล่องอาหารบนโต๊ะเขียนหนังสือออก กลิ่นหอมของข้าวกะเพราหมูไข่ดาวส่งกลิ่นหอมฉุยเตะจมูก พาลให้ท้องน้อยๆ เริ่มส่งเสียงประท้วง

เขาคิดว่าควรจะทำเป็นลืมเรื่องเมื่อคืนซะแล้วทำตัวเป็นปกติไว้ก่อน เพราะกันต์เองก็ดูไม่ได้พูดถึงมันเท่าไร แก้วโอวัลตินเมื่อสักครู่ถูกยกไปตั้งเคียงคู่กับกล่องโฟม อาหารแบบเดียวกันถูกเปิดฝาวางรออยู่แล้ว

วันศุกร์เพิ่งเห็นว่ามือถือตัวเองวางอยู่แถวโต๊ะนั้นพอดี จึงเอื้อมมือไปหยิบมากดเปิดหน้าจอ พบ Notification ของแอพฯ Line สลับกับ Missed call จากกันติกรณ์เรียงรายจนอดตกใจไม่ได้ เวลาที่โทรเข้ามาคือช่วงหลังจากที่เขาเจอมิวในคอกเจ้าดื้อ

นิ้วโป้งเลื่อนเปิดหน้าแชทของกันต์ขึ้นมาไล่สายตาไปตามแต่ละข้อความยาวเหยียด

[ GUN: ทำไมไม่รับสาย? ]

[ GUN: รอพี่อยู่ที่คอกเจ้าดื้อนะ ]

[ GUN: ช้าหน่อย ติดคุยกับอาจารย์ อย่าไปไหนล่ะ ]

[ GUN: ตอบอะไรหน่อยสิ ]

[ GUN: ศุกร์ อยู่ไหน?? ]

[ GUN: เป็นอะไรรึเปล่า ตอบพี่หน่อย ]

ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวอยู่ในใจ แต่ละข้อความของกันต์ รวมทั้งจำนวนสายที่ไม่ได้รับ ตอกย้ำได้อย่างดีว่าอีกฝ่ายแคร์เขามากแค่ไหน มือเล็กวางมือถือลงแล้วเปลี่ยนเป็นตักข้าวเข้าปาก ไม่กล้าเงยหน้ามองอีกคนข้างๆ

ตลอดเวลาที่กินข้าว พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย แต่กันต์ยังคอยลอบมองวันศุกร์อยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ทำท่าเหมือนอยากถามอะไรแต่ก็ไม่ทำ ความจริงคือเขาแค่เป็นห่วง อยากรู้ว่าร่างกายและจิตใจของอีกฝ่ายกลับมาเป็นปกติสมบูรณ์หรือยัง

“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” ในที่สุดก็เสี่ยงถามออกไปจนได้

“เป็นอะไร?”

“ก็...แบบว่า ปกติดีแล้วใช่ไหม?”

“อ่า…อืม”

วันศุกร์พยักหน้าเมื่อเข้าใจ เขานึกขอบคุณที่กันต์พยายามเลี่ยงไม่พูดถึงเหตุการณ์น่าอับอายตรงๆ พอมานั่งคิดพิจารณาดีๆ แล้ว เมื่อคืนกันต์เป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่เขาเคยคิดไว้หลายขุม นอกจากจะตามไปช่วยเขาจากมิวแล้ว ยังคอยดูแลเขาทั้งคืน ที่สำคัญ...กันต์ไม่ลงมือทำอะไรกับเขาเลย ทั้งที่เขาน่าจะอ่อยมากอยู่

หรือเพราะไม่ได้นึกพิศวาสอะไร ก็เลยไม่ทำกันแน่นะ...

อืม...อ้าว

แล้วทำไมต้องน้อยใจด้วย บ้าละ เขาไม่ทำอะไรก็น่าจะดีใจนะวันศุกร์!

“เมื่อคืน...รู้ได้ไง ว่าผมอยู่ที่นั่น”

“ไอ้เต็มมันไปกินข้าวแล้วได้ยินเพื่อนไอ้มิวคุยกันเรื่องเรา ก็เลยโทรมาบอก...” กันต์เว้นช่วงเล็กน้อย สายตายังคงจับจ้องใบหน้าหวาน ความรู้สึกผิดตีขึ้นมาจุกอก เป็นเพราะเขามัวแต่ยุ่งกับธุระ เลยไปหาวันศุกร์ช้า ทำให้ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนั้น

“…ขอโทษนะที่ไปช้า”

วันศุกร์หลุบตาต่ำ ไม่รู้ว่าควรพูดคำไหนก่อนดี ความจริงกันต์ไม่ต้องมาขอโทษอะไรเขาเลยด้วยซ้ำ หมูในกล่องโฟมถูกเขี่ยไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก สุดท้ายจึงยอมละทิ้งทิฐิบนบ่า ปากบางเอื้อนเอ่ยความรู้สึกตอบกลับไป

“ขอโทษ...ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน”

“...”

“แล้วก็ ขอบคุณด้วย...ครับ”

คนฟังลอบยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินหางเสียงไพเราะผิดจากปกติ ในหัวพลันนึกไปถึงวันศุกร์เมื่อคืนนี้ คำพูดคำจาหวานหู กับน้ำเสียงออดอ้อน  บวกกับแววตาสั่นระริกยิ่งทำให้ภาพตอนนั้นดูน่ารักน่าแกล้ง ถ้าเพียงแค่จะยอมพูดจาดีๆ กับเขาบ้าง...

“ไม่เป็นไร วันหลังก็หัดระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

“อือ”

“ถ้ากินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อของข้างล่างแป๊บเดียว ห้ามไปไหนนะ”

“แล้ว...?” คนตัวเล็กกวาดตาไปรอบๆ ยังคงไม่คุ้นชินกับหอพักของคนอื่น แม้ว่าจะเคยมานอนที่นี่แล้วก็ตาม

“ชุดนักศึกษาก็ใส่ของเมื่อวานไปก่อนละกัน พี่ตากให้แล้วน่าจะแห้งพอดี ส่วนพวกผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำ”

พยักหน้ารับช้าๆ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวจนกันต์ต้องเอ่ยปากถามอีกรอบ

“จะเอาอะไรอีกไหม?”

คราวนี้กลับส่ายหน้า กันต์เลิกคิ้ว ใช้มือผลักหน้าผากเขาเบาๆ

“เป็นใบ้เหรอ”

“ก็ไม่รู้จะพูดอะไร”

“เออ ถ้าไม่มีไรแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวมีเรียนตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ พี่จะไปส่ง”

“อ…อือ”

คนตัวสูงเดินสะบัดหัวยุ่งๆ ออกไปจากห้อง ไม่ลืมกดล็อกประตูให้เสร็จสรรพ วันศุกร์นั่งกินข้าวต่ออีกคำสองคำก็เก็บกล่องลงถุงพลาสติกเตรียมทิ้ง เขาเดินออกไปหยิบเสื้อกับกางเกงนักศึกษาที่แขวนอยู่ตรงระเบียงนอกหน้าต่างแล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำ ใบหน้าร้อนวูบวาบเพราะจำได้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นในอ่างบ้าง

ชุดนอนของกันต์ถูกถอดออกอย่างระวัง ก่อนที่แก้มสองข้างจะกลายเป็นสีแดงยิ่งกว่าน้ำแตงโมหน้ามอ กระจกเงาใบใหญ่กำลังฉายร่างกายเปล่าเปลือยของตัวเอง มีร่องรอยน่าอายหลงเหลืออยู่ตามซอกคอ ริมฝีปากบวมช้ำเกือบจะห้อเลือด

รสชาติหวานแปล่มจากโพรงปากเจ้าของห้องย้อนกลับเข้ามาในหัว จนต้องรีบสะบัดหน้าแรงๆ หลายที พยายามไม่คิดเรื่องที่ผ่านไปแล้วอีก

ใช่...ก็แค่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว จะคิดอะไรมากมาย

สายน้ำจากฝักบัวไหลออกมาชโลมกาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้อุณภูมิในตัวลดลงเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่บอกว่าจะไม่คิดแต่ก็อดไม่ได้ เขายังคงสงสัยว่าทำไมคนเจนจัดอย่างกันติกรณ์ถึงไม่ทำอะไรเขาเลยทั้งที่น่าจะเป็นโอกาสแท้ๆ ได้ยินมาว่าพี่มันออกจะเจ้าชู้ประตูดิน หญิงชายแม่งเอาไม่เลือก แล้วทำไมอะ

ทำไมเขาถึงกลายเป็นข้อยกเว้นคนเดียวซะงั้น หรือว่ากันต์จะรังเกียจเขามากจริงๆ?

ขนาดนั้นเลยเหรอ...

คนตัวเล็กรีบถูสบู่ล้างน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย พอเดินออกไปก็เห็นว่ากันต์กลับมาแล้ว ในมือมีถุงพลาสติกบรรจุไอศกรีมโคนแบบที่เขาชอบ ดวงตากลมเป็นประกายขึ้นมาทันที

“ซื้อให้ผมเหรอ?”

กันต์แอบอมยิ้มเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาตีหน้าตายเหมือนเดิม

“ใครบอก”

“ก็พี่กันต์ไม่กินไอศกรีมนี่น่า ก็ต้องซื้อให้ผมดิ”

“รู้ได้ไงว่าพี่ไม่กิน”

“ก็ไม่เคยเห็น”

มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมปรกหน้าปรกตาพลางหัวเราะในลำคอ ที่สุดก็ยอมยื่นถุงไอศกรีมให้ก่อนจะมีใครทำน้ำลายหกใส่พื้นซะก่อน วันศุกร์ก้มหัวเล็กน้อย แล้วแกะซองกระดาษออก ท่าทางมีความสุขทำเอาคนมองชักสงสัยว่ามันอร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ

“มาชิมบ้างดิ้”

“เรื่อง” วันศุกร์ทำตาแข็ง รีบชักมือเข้าหาตัวเอง แต่กันต์ก็ตามมาแย่งไปจนได้

เด็กขี้หวงนั่งกัดริมฝีปากมองอีกฝ่ายขโมยของหวานไปกินหน้าตาเฉย แก้มสองข้างแดงเรื่อเมื่อคิดว่านี่ก็คือการจูบทางอ้อมเหมือนกัน...ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยจูบทางตรงมาแล้วก็ตามเถอะ

“ก็แค่หวานนี่หว่า”

“ก็หวานนั่นแหละถึงอร่อย” ร่างเล็กขึ้นเสียง รีบคว้าแท่งวานิลลาในมืออีกฝ่ายคืนมา เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งถึงยอมเลียมันต่อ พยายามลืมๆ ไปว่าที่กินอยู่ตอนนี้มันเทียบเท่ากับของมือสองต่อจากคนตรงหน้า

“ถ้าแค่หวานกินอย่างอื่นก็ได้นะ”

วันศุกร์กัดไอศกรีมพลางเลิกคิ้วสงสัย กันต์สบตาเขานิ่งๆ ก่อนจะยกยิ้มมีเลศนัยแบบที่ไม่นึกชอบเลย อีหรอบนี้คิดเรื่องอกุศลอยู่แน่

“รู้ไหมอะไรหวานกว่าไอศกรีม?” เขาขมวดคิ้วให้กับคำถามนั้น ยังคงไม่ไว้ใจแววตาเจ้าเล่ห์ ไอศกรีมในมือถูกลดระดับลงเผลอคิดตามไปด้วยว่าคำตอบมันควรจะเป็นอะไร แต่ก็คิดไม่ออก สักพักก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย พอดีกับที่มือหนาเอื้อมเข้ามาปาดคราบช็อกโกแลตออกจากมุมปากของเขาให้

“อะ…”

“กินเป็นเด็กทุกที”

คนฟังบุ้ยปาก รีบกัดไอศกรีมอย่างเอาเป็นเอาตายจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ยกหลังมือขึ้นเช็ดแก้มตัวเองลวกๆ แล้วตัดสินใจถามกลับไปด้วยว่าค้างคา

“แล้วสรุปอะไรหวานกว่าไอศกรีม?”

กันต์ยิ้มแต่ยังไม่ยอมตอบ ทำเป็นลุกไปหยิบกระเป๋าตังค์ มือถือกับกุญแจรถขึ้นเตรียมพร้อม แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปทางประตูห้อง น้ำเสียงหยอกเย้าดังตามขึ้นมาทีหลังพอให้อีกคนนั่งไม่ติดเก้าอี้

“ไม่รู้สิ...ปากเรามั้ง”

ดวงหน้าสีน้ำนมแปรเปลี่ยนเป็นสีมะเขือเทศเอาง่ายๆ ด้วยคำพูดบ้าๆ เพียงนิดเดียว วันศุกร์รีบรวบข้าวของตัวเองบนโต๊ะใส่มือ ชิงเดินกระแทกไหล่กันต์ออกไปจากห้องเสียก่อน แขนเรียวยกขึ้นปิดบังใบหน้าร้อนฉ่ายิ่งกว่าแดดประเทศไทยตอนเที่ยงตรง เขาอยากหันไปหักคอคนด้านหลังให้รู้แล้วรู้รอด ข้อหาขี้แกล้งไม่เข้าเรื่อง

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น พาลนึกไปถึงรสชาติหวานกว่าไอศกรีมที่ว่า...

สองเท้าก้าวยาวๆ ไปกดลิฟท์ พยายามเลี่ยงที่จะสบตากับอีกฝ่าย พอเข้ามานั่งในรถก็เอาแต่เบือนหน้ามองกระจก จนกันต์ชักไม่สนุกด้วย มือใหญ่เอื้อมจับท้ายทอยสวย บังคับให้หันกลับมามอง วันศุกร์สะดุ้ง ได้แต่นั่งอึกอัก

“พี่ขออะไรเป็นการตอบแทนหน่อยสิ”

“ห...ห้ะ? ตอบแทนอะไร?”

“ก็เรื่องที่ไปช่วยแล้วยังอยู่ดูแลถึงเช้า คิดว่านี่ยอมทำให้ฟรีๆ หรือไงฮะ”

เจ้าของผมประกายน้ำตาลรีบปัดมือกันต์ออกจากคอแล้วขยับตัวชิดประตูรถ เริ่มไม่ไว้วางใจ คนหลังพวงมาลัยทอดสายตาไปยังถนนเบื้องหน้า ขณะเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่อยากให้เราพูดจาน่ารักๆ กับพี่หน่อย”

“พูดจาน่ารักอะไร ผมเคยพูดแบบนั้นที่ไหนล่ะ” รีบขึ้นเสียงใส่ แต่กลับต้องกลืนคำอื่นลงคอเมื่อกันต์โต้กลับกลั้วหัวเราะ

“ก็แบบเมื่อคืนไง”

 

‘น้ำพี่กันต์ไง....เอาน้ำพี่กันต์ได้ไหม?’

‘ฮื่อ...พี่กันต์ จูบหน่อยย’

‘พี่กันต์ไปไหน...ศุกร์อยากกอดพี่กันต์อ่า’

 

แม่งโว้ยยยย อยากย้อนเวลากลับไปถีบยอดหน้าตัวเองจริงๆ ให้ตายสิ แน่ใจนะว่าคนไม่ใช่แรด!

พวงแก้มขาวแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง สาบานได้ว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ตัวเขาเปลี่ยนสีสลับไปมาได้ประมาณสองร้อยรอบแล้ว วันศุกร์รู้สึกเหมือนหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ตัวร้อนทั้งที่แอร์ในรถก็เย็นฉ่ำ เขาอยากจะลืมเหตุการณ์น่าอายนั่นไปให้หมด ขุดหลุมฝังดินตัวเองเมื่อคืนนี้ได้เลยยิ่งดี

“ละ เลิกพูดถึงมันสักที!”

กันต์จิ๊ปากเบาๆ แล้วกดหน้าต่างลงเพื่อรับบัตรเข้ามหา’ลัย ถ้ารู้ว่าจะตื่นมาทำตัวไม่น่ารักแบบนี้ น่าจะจับปล้ำทำเมียซะให้เข็ด

“เรียกแทนตัวเองว่าศุกร์ไม่ได้เหรอ พี่อยากให้ศุกร์เรียกแบบนั้นมากกว่า” แววตาคมหันมองเขาแวบหนึ่ง “มันน่ารักดี”

โอ้ยย จะทำให้หัวใจเต้นแรงไปถึงไหน! แกล้งกันอยู่หรือเปล่า! น่ารักบ้าบออะไรล่ะ คำนั้นไม่ควรเอามาพูดกับผู้ชายด้วยกันสักหน่อย

“...”

“ได้ไหม?”

หลังมือแตะลงบนแก้มเขาเบาๆ เหมือนต้องการสะกิดเอาคำตอบ เพิ่งสังเกตว่ารถยนต์จอดตัวลงแล้ว เขาลังเลอยู่หลายนาที ก่อนจะกลั้นใจพยักหน้าอย่างยากลำบาก แต่ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนด้านข้างได้ดีทีเดียว

นี่ไม่ใช่ว่าใจง่ายนะ แค่คิดว่าควรตอบแทนอะไรกันต์บ้างจริงๆ เท่านั้นเอง แถมเดี๋ยวนี้กันต์ก็พูดจาดีกับเขาขึ้นเยอะ ถ้าแค่ให้เรียกชื่อตัวเองเวลาคุยด้วยก็คงไม่ได้หนักหนาอะไรมากมั้ง

“แต่ผม...เอ่อ...ศุกร์...ศุกร์ไม่ชิน”

“ไม่ชินอะไร เห็นคุยกับไอ้พี่เสาร์แบบนี้ทุกวัน”

“ก็นั่นมันพี่เสาร์นี่”

เรียวตาดุดันจ้องเขาอย่างเคืองๆ เมื่อได้ยิน ข้อมือเล็กถูกดึงเข้าหาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

“แล้วยังไง พูดดีๆ กับพี่บ้างมันจะตายไหม หรือต้องเก็บไว้เอาใจพี่ชายตัวเองคนเดียว” คนตัวเล็กยู่หน้า รู้สึกเหมือนกันต์กำลังจะหาเรื่องขึ้นมาทะเลาะอีกรอบ แต่พอมองตาอีกฝ่ายดีๆ ถึงเข้าใจว่าไม่ใช่

ความน้อยใจกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในนั้น...ชัดเจนจนเขาสัมผัสได้

วันศุกร์หลุบตาต่ำ พลางตอบกลับเสียงแผ่ว “ได้...ก็พูดอยู่นี่ไงเล่า”

“พูดให้มันชัดๆ”

“พูดอยู่! ศุกร์ก็พูดอยู่ พี่กันต์จะเอาอะไรอีก”

เพื่อป้องกันไม่ให้อวัยวะในอกส่งเสียงดังมากไปกว่านี้ เขาจึงถือโอกาสเปิดประตูรถหนีไปแบบดื้อๆ ซึ่งกันต์เองก็ไม่ได้รั้งไว้แต่อย่างใด เพียงแค่คอยมองตามไปจนลับสายตา ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มไม่หุบ อะไรบางอย่างในใจเริ่มชัดเจนขึ้นทุกขณะ...ไม่ใช่แค่อยากทำให้วันเสาร์เจ็บปวด ไม่ใช่...

แต่มันคือความต้องการของเขาเอง ที่อยากจะครอบครองแก้มแดงๆ นั่น ดวงตากลมโตคู่นั้น จมูกโด่งรั้น ปากเป็นกระจับ หรือแม้กระทั่งมือเล็กๆ อยากได้ทั้งหมด...อยากให้เป็นของเขาทั้งหมด...

วันศุกร์...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 9.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-02-2017 20:43:49
สุภาพบุรุษมากๆๆๆๆๆๆ


เดินหน้าจีบเต็มที่เลยนะ

หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 10.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 11-02-2017 17:58:26
วันศุกร์ที่ 10.0



“โอ้ยย”

“เฮ้ย เป็นไรวะ?”

นัทถาม เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กเอาแต่นั่งขยี้ผมตัวเองมาสักพักแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งเรียงแถวตอนรอขึ้นรถบัส สำหรับกิจกรรมรับน้องใหม่ของปีการศึกษา ความจริงงานนี้ถูกเลื่อนมาเรื่อยจนเลทกว่าแผนงานที่วางไว้ถึงเกือบสองเดือน ด้วยเหตุผลทางสภาพอากาศอันสุดจะแปรปรวนยิ่งกว่าจิตใจมนุษย์ของสยามประเทศ และในที่สุดก็มาลงเอยที่ทะเลระยองตามระเบียบ

“เปล่า” วันศุกร์ตอบกลับเสียงห้วน จะให้บอกได้ยังไงว่าเขากำลังคิดไม่ตกเรื่องกันติกรณ์

ใช่! เขากำลังคิดถึงกันต์

เหตุการณ์หลายอย่างปะเดปะดังเข้ามาตั้งแต่วันปฐมนิเทศนับจนถึงตอนนี้ ความสับสนและหวั่นไหวที่เขามีให้ผู้ชายคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะคุมหัวใจตัวเองไม่อยู่ ขณะเดียวกันก็ไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าอีกฝ่ายน่ะเป็นยังไง จะหมอกหรือจะควัน ในเมื่อตอนแรกยังย้ำอยู่ได้ว่าไม่ชอบขี้หน้าเขานักหนา แต่พอพักหลัง กลับมาทำดีซะจนอดกลัวไม่ได้

กลัวว่าจะต้องเจ็บฝ่ายเดียว...

ความจริงเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าทุกวันนี้ ความสัมพันธ์ รวมทั้งความรู้สึกของเขากับกันต์มันเรียกว่าอะไรกันแน่...ไม่สิ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่กล้าจะรู้ ไม่กล้าจะรับมันมากกว่า เพราะไม่ว่าจะอะไร...ก็ดูไม่ชัดเจนสักอย่าง ถ้าสุดท้ายกลายเป็นว่าเขาแค่คิดไปเองไม่แย่เหรอ

“เอ้า น้องๆ หยิบกระเป๋าขึ้นรถกันได้แล้วครับ” พี่พิสุทธิ์ หรือพี่พีท แกนปี2 ควบตำแหน่งแกนรับน้องครั้งนี้ เดินมาเรียกพวกที่เหลือไปยังรถบัสคันท้ายสุด สังเกตว่ายังมีรุ่นพี่คละปีบางคนยืนหัวโด่ไม่ยอมไปไหน รวมทั้งแก๊งหลานชายคณบดีนั่นด้วย เอาเป็นว่าหลังจากนี้จะขอเรียกง่ายๆ ว่าแก๊งเด็กเส้นแล้วกัน เหมาะสมดี เพราะเห็นขยับตัวแต่ละทีก็มีแต่คนเกรงใจ หมั่นไส้จะตาย

“มานี่ พี่ถือให้” พูดยังไม่ทันขาดคำ คนในความคิดก็เดินมาแย่งกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเข้าไปจากมือหน้าตาเฉย

“ไม่ต้อง”

“เหอะน่า”

“ไม่เอา ศุกร์ถือเองได้” เขาเริ่มส่งเสียงงอแง เรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งสองด้านหลัง กั้งกับนัทหันมองหน้ากันงงๆ เหมือนกำลังไม่แน่ใจว่าหูฟาดไปหรือเปล่าที่ได้ยินเพื่อนตัวดีเรียกแทนตัวเองว่า ‘ศุกร์’ กับกันต์ ทั้งที่ปกติไม่เคย

“ก็บอกว่าถือให้ไง เดี๋ยวตีเลย”

“กล้าเหรอ?” วันศุกร์เบิกตาพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างท้าทาย กันต์เกร็งตัว ชะงักมือไปวูบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ฟาดลงมาบนหน้าผากมนไม่แรงนัก คนโดนตีบุ้ยหน้า ยกมือขึ้นลูบจุดนั้นป้อย

พอมาถึงรถ ก็ส่งกระเป๋าสัมภาระให้ลุงคนขับช่วยเอาไปเก็บ ก่อนที่พีทจะหันมาถามรุ่นพี่ปีสามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“พี่สามคนจะขึ้นรถบัสไปด้วยใช่ปะครับ?”

“อืม”

“อ่าว แล้วพี่กันต์ไม่ขับรถไปเหรอ?” วันศุกร์เงยหน้าถาม

“ไอ้เซฟยืมไปขับ เดี๋ยวพี่นั่งไปกับเราเนี่ยแหละ”

“อ๋อ อือ”

“เฮ้ยๆๆ นี่มันอะไรกันวะ?” นัทรีบเข้ามากระชากไหล่เล็กเพื่อเอาความทันทีที่เดินขึ้นมาถึงด้านบนรถ วันศุกร์กวาดตาหาที่ว่างนั่ง พลางถามกลับ

“อะไร อะไร?”

“ก็ทำไมมึงถึงพูดกับพี่กันต์ดีจัง”

“นั่นดิ วันนั้นยังบอกว่าจะอ้วกอยู่เลยไม่ใช่ไง?” กั้งเสริม

คนตัวเล็กอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะต้องจำใจยอมรับเสียงแผ่ว

“ก็…ก็แค่อยากพูดดีๆ บ้าง ไม่ได้เหรอ”

ทั้งสองคนไม่ตอบ แต่กลับมองหน้ากันเองอย่างหยอกล้อ รู้แก่ใจดีว่าวันศุกร์กับกันต์ไม่ได้เหม็นขี้หน้ากันอย่างปากว่าสักเท่าไร ตรงข้าม เหมือนจะแอบชอบกันซะมากกว่า

พวกเขาเดินไปหยุดตรงที่นั่งว่างริมหน้าต่างด้านขวาของตัวรถ แต่เพราะว่าเป็นเก้าอี้แบบสองเบาะติด ก็เลยยังยืนชั่งใจกันอยู่ ในขณะที่ตรีวิทย์และบัณฑิตหันไปจับจองที่นั่งฝั่งซ้ายมือเรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยวกูไปนั่งกับไอ้เปาก็ได้ มึงนั่งกับศุ...” นัทรีบกลืนน้ำลายลงคอทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบ ดันเผลอไปสบตากับกันติกรณ์ซึ่งกำลังจ้องเขานิ่ง

“เอ่อ…หรือกูนั่งกับมึงดี”

ไม่รอให้ใครตกลงก็คว้าคอกั้งลงมานั่งด้วยกันตรงเบาะถัดไปด้านหลัง ปล่อยให้วันศุกร์ยืนหน้าบูดอยู่คนเดียว

“กูก็นั่งคนเดียวอะดิ”

“คนเดียวที่ไหน” เสียงปริศนาดังขึ้นแทรก กันติกรณ์เดินตรงเข้ามา พยักเพยิดหน้าเป็นเชิงให้เขานั่งลง เขาหันซ้ายหันขวา ก่อนจะยอมทิ้งตัวลงบนที่นั่งติดริมหน้าต่าง กันต์ตามมานั่งบนเบาะข้างๆ โยนซองขนมปังหมูหยองมาใส่ตัก

“อะไร?”

“กินซะ ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหมล่ะ”

เขานึกย้อนกลับไปตอนตื่นนอน กันต์ส่งข้อความมาทางไลน์ตั้งแต่เช้าตรู่ ปลุกให้ตื่นแล้วยังชวนคุยไร้สาระจนมาถึงมหาลัย

[ GUN: แล้วนี่กินไรยัง? ]

[ HelloFriday: ยังเลย ก็พี่กันต์อะ ชวนคุยอยู่ได้ ]

[ GUN: แล้วตอบทำไมล่ะ ]

[ HelloFriday: ???? ]


จะว่าไปเขาปิดมือถือไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยนี่น่า เพราะไม่รู้ว่าจะควบคุมตัวเองไม่ให้กดเข้าไปอ่าน เข้าไปตอบอีกได้ไหม ไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขากำลังสับสนจนแทบบ้าแล้ว

“ทำไมไม่ซื้อไอศกรีมมาให้ด้วยอะ” เขาแกล้งบ่นเฉไฉ

“จะกินไอศกรีมแต่เช้าเลยหรือไง”

“ก็อยากกิน”

มือเล็กแกะซองขนมปังขึ้นชิม รสชาติไม่เลวอย่างที่เคยปรามาสไว้ ดูเหมือนจะเป็นยี่ห้อออกใหม่ แพงสุดในร้านสะดวกซื้อแล้วนะเนี่ย ไม่ธรรมดาอะ จะเรียกว่ารู้ใจหรืออะไรดี เพราะปกติเขาไม่ค่อยกินขนมปังเซเว่นถ้ามันไม่อร่อยจริง แต่อันนี้ถือว่าใช้ได้ทีเดียว แปลก…

ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าจริงๆ แล้วมันถูกปาก หรือ แค่ถูกใจกันแน่

“เดี๋ยวแวะปั๊มแล้วค่อยซื้อ” กันต์ตอบกลับเรื่องไอศกรีมเรียก ทำเอาเขาเผลอยิ้มออก

รถบัสรับน้องทยอยขับออกจากรั้วมหาลัยไปได้สักพัก รุ่นพี่ปีสองประจำแต่ละคันก็ก้าวขึ้นมาทักทายรวมทั้งชี้แจงกิจกรรมคร่าวๆ โดยเราจะไปถึงที่พักในช่วงบ่าย วันแรกจะยังไม่เน้นกิจกรรมอะไรมากเท่าไร แต่จะไปหนักเอาวันที่สองซึ่งมีการแบ่งกลุ่มเข้าฐานพบปะกับรุ่นพี่ชั้นปีต่างๆ รวมทั้งเหล่าบัณฑิต หรือซุปเปอร์บัณฑิตที่จบไปแล้วด้วย

วัตถุประสงค์หลักๆ ก็คือการให้รุ่นน้องได้ทำความรู้จักกัน รู้จักรุ่นพี่ และรู้จักคณะให้มากขึ้น

พอแจกแจงอะไรเรียบร้อย ก็ปล่อยให้น้องๆ พักผ่อนตามอัธยาศัย บางคนเริ่มแกะซองขนมกิน บางคนนั่งฟังเพลง และบางคนก็หลับตั้งแต่เริ่ม วันศุกร์เหล่ตามองกันต์ที่เอาแต่สนใจมือถือ ก่อนจะหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดเครื่องบ้าง พอสัญญาณโทรศัพท์กลับคืน Notifications มากมายก็แข่งกันรัวอยู่บนหน้าจอ เขาเลือกกดเข้าไปดูแอพฯ Line เป็นอันดับแรก

ที่หน้าแชทของกันต์มีบางข้อความค้างอ่านไว้

[ GUN: หาอะไรกินด้วย ]

[ GUN: เป็นห่วง ]

สายตาจับจ้องไปยังข้อความสั้นๆ โดดเด่นออกมาจากคำอื่น หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นตึกตักเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขาถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอก

‘เป็นห่วง’

แค่คำเดียวเอง…

ทำไมส่งผลมากมายขนาดนี้…

[ GUN: ทำอะไร ทำไมไม่อ่าน ]

[ GUN: วันศุกร์ ]

[ GUN: ทำอะไรอยู่ โทรไปได้ไหม ]

[ Missed a call from GUN]

[ GUN: ….. ]

[ GUN: เจอกันที่มอละกัน ]

คนตัวเล็กนั่งกลั้นยิ้มทั้งที่หัวใจเจ็บแปล็บ ชักเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที จะว่าชอบก็ชอบที่กันต์เป็นแบบนี้ แต่จะว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบเพราะมันทำให้เขาทรมาน ทรมานที่ต้องหวั่นไหว ทรมานที่ต้องสับสน แล้วก็ดูเหมือนกำลังจมอยู่กับความรู้สึกนี้เพียงแค่ลำพัง เพราะว่าเป็นกันต์…คนที่เคยบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าเขา ถึงทำให้ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองได้เลย

กันติกรณ์ คนที่ใจดีกับเขา…บางทีมันก็ดูใจร้ายเหมือนกัน…

“ปิดเครื่อง?” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติ

“ห้ะ?”

“ที่เมื่อเช้าเงียบไปไม่ยอมตอบคือปิดเครื่องเหรอ?”

“อ่า...อือ”

“ปิดเครื่องทำไม ไม่อยากคุยกับพี่ขนาดนั้นเลย?”

กลับกันเลยต่างหาก เพราะอยากคุยมากจนต้องบังคับตัวเองให้ห้ามใจอยู่นั่น

“เปล่า…เอ่อ ที่เราจะไปนี่เป็นยังไงเหรอครับ?” วันศุกร์แกล้งเปลี่ยนเรื่องหลีกเลี่ยงการถูกคาดคั้น กันต์ครุ่นคิดรำลึกความหวังสักพัก เพราะเขาก็จำได้ไม่ชัดเจนเท่าไร รีสอร์ทนี้เขาเคยไปตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่เมื่อปีก่อนย้ายไปจังหวัดอื่นก็เลยลืมๆ ไปบ้าง

“อืม…จำได้ว่าที่นี่ใหญ่นะ แต่คณะก็ปิดรีสอร์ทให้เลยเพื่อจะได้ไม่รบกวนแขกคนอื่น”

“อ่าว แล้วทำไมยังให้ปีหนึ่งนอนรวมกันอีกอะ แยกห้องก็ได้นี่” ส่วนตัวเขาเองไม่อยากนอนแออัดกับเพื่อนอีกหลายสิบชีวิตมากนัก ตอนแรกนึกว่าจะแยกสักห้องละห้าคนก็ยังพอไหว แต่นี่เล่นจับแยกชายหญิงฝั่งละห้องเลย ทั้งที่ห้องหับก็น่าจะเหลือเฟืออยู่

“ก็สร้างเสริมความสัมพันธ์ไง”

“ไม่จริงอะ พวกรุ่นพี่เอาห้องไปหมดอะดิ นิสัยว่ะ”

“ขี้บ่น” กันต์ยกมือขึ้นบีบแก้มเขาเบาๆ พอให้หุบปากลงได้ “ถ้าไม่อยากนอนกับเพื่อน ก็มานอนกับพี่ มีให้เลือกแค่นี้จะเอาไง?”

สายตาเจ้าเล่ห์อย่างกับหมาป่า ขืนตอบข้อหลังสงสัยจะได้เป็นลูกแกะเดินเข้าไปให้อีกฝ่ายงาบเล่นน่ะสิ ไม่เอาหรอก แม่สอนว่าต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว

“นอนกับเพื่อนก็ได้”

กันต์จิ๊ปากเหมือนไม่พอใจในคำตอบเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาปล่อยให้วันศุกร์นั่งชื่นชมวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ขณะกดหาแชทของรุ่นน้องแกนปีสอง ข้อความคล้ายคำสั่งถูกพิมพ์ลงไปอย่างไวไม่ให้คนนั่งข้างๆ รู้ตัว

[ GUN: อย่าลืมที่กูบอกนะ ]

[ Peterpan: ครับท่าน ]

หัวของใครบางคนผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เบาะหลัง นัทขมวดคิ้วสงสัยในความสัมพันธ์คลุมเครือของไอ้อดีตคู่อริด้านหน้า กั้งเองก็ได้แค่ยักไหล่อย่างอับจนในคำตอบ ที่สุดก็ต้องลงทุนลุกไปเบียดพี่รหัสตัวเองแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง

“อะไรของมึงเนี่ย?” บัณฑิตโวยวายเมื่อจู่ๆ นัทก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้คับแคบจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ ตรีวิทย์เองก็พลอยติดร่างแหไปด้วย

“พี่ ผมถามจริง คู่นั้นมันยังไง?”

“คู่ไหน?”

“ก็พี่กันต์กับวันศุกร์ไง” นัทเหล่จนตาดำแทบจะหายเข้าไปในเบ้า ฑิตหันไปจ้องหน้าตรีเพียงแวบหนึ่งก่อนจะยอมรับตรงๆ

“พวกกูก็ไม่ได้รู้ลึกรู้จริงไปกว่ามึงหรอก แต่ที่แน่ๆ ไอ้กันต์มันสนใจวันศุกร์มาตั้งแต่แรกแล้ว”

“อันนั้นก็พอมองออกอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ชักสนิทกันแปลกๆ แถมยังพูดจาดียิ่งกว่าคนเป็นแฟนกันอีก…เฮ้ย! หรือว่าจะคบกันแล้ว?”

คนโตกว่ายกมือขึ้นจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เบาเสียงลง

“ยัง…ถ้าคบกันมันก็ต้องบอกกูสิ”

นัททำท่าครุ่นคิดก่อนจะนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญออก รีบเขย่าแขนบัณฑิตเอาความ ถ้าเขาจำไม่ผิด วันศุกร์เริ่มมีทีท่าว่านอนสอนง่ายขึ้นตั้งแต่เมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อน ตอนที่ถูกพี่มิวจับไปมอมยา แต่ตอนนั้นเขากับกั้งพยายามถามรายละเอียด เจ้าตัวก็ไม่ยอมปริปาก บอกว่าไม่อยากนึกถึงให้ลืมไปซะ หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้เจอหน้าพวกรุ่นพี่ปีสามเลยจนวันนี้ ถึงมาโป๊ะแตกว่าท่าทีและสรรพนามระหว่างสองคนนั้นมันเปลี่ยนไป สงสัยต้องมีอะไรมากกว่าที่เขารู้แน่

“ตอนที่ไอ้พี่มิวจับวันศุกร์ไปแล้วพวกพี่ไปช่วยอะ มันมีอะไรใช่มะ”

“แล้วมึงรู้มามากน้อยแค่ไหนล่ะ?” ฑิตถามหยั่งเชิง ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะรู้มากกว่าอีกฝ่ายสักแค่ไหนกันเชียว

“ก็ไม่ค่อยรู้ไรหรอก ศุกร์มันบอกแค่ว่าพี่กันต์ไปช่วยแล้วยังอยู่ดูแลมันด้วย ก็เลยเริ่มมองพี่กันต์ในแง่ดีขึ้น แค่นั้นแหละ”

“เออ จริงๆ มันก็แค่นั้นนะ”

“จริงอะ? ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นได้เสียกันแล้วหรอกเหรอ” รุ่นน้องปีหนึ่งลองตั้งสมมติฐานน่าหวาดเสียว หัวคิ้วสองข้างขมวดเครียด “วันนั้นไอ้ศุกร์มันโดนยาด้วยหนิ…แม่ง”

“คิดอะไรบ้าๆ เพื่อนกูสุภาพบุรุษพอโว้ย” บัณฑิตฟาดกบาลเด็กจิตใจอกุศลไปทีแล้วรีบอธิบาย

“ไอ้กันต์มันไม่ได้ทำอะไรเพื่อนมึงหรอก มันคอยดูแลไม่ให้เพื่อนมึงเตลิดทั้งคืน ก็คงไม่แปลกที่วันศุกร์จะมองมันในแง่ดีขึ้นบ้าง ส่วนเรื่องที่มันคุยกันกระหนุงกระหนิง เห็นบอกว่ามันขอวันศุกร์ไว้ เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ไปช่วย ก็เลยขอให้วันศุกร์พูดจาดีๆ กับมันบ้าง แค่นั้นแหละ”

นัทพยักหน้า พยายามประมวลผลตาม…ถ้าเป็นข้อตกลง แลกกับบุญคุณก็คงพอฟังขึ้น แต่ยังไงเขาก็คิดว่ามันมีตื้นลึกหนาบางมากกว่าแค่คำของ่อยๆ อยู่ดี เพราะเขาเองก็มองออกว่าวันศุกร์ไม่ได้ไม่ชอบกันต์อย่างที่เคยพูดไว้ แล้วกันต์เองก็ดูออกง่ายว่าคิดเกินพี่มาแต่ไหนแต่ไร เขาเลยอยากรู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ปัญญาอ่อนของไอ้สองคนนั้นมันพัฒนาหรือชัดเจนมากขึ้นแล้วหรือยัง

“แค่นั้นเหรอ?”

“เออ พวกกูก็รู้มาแค่เนี้ย จะเอาอะไรอีกวะ เดินไปถามเลยมะ”

“โห่ ก็ผมอยากรู้อะว่าสรุปสองคนนั้นเขาไปถึงไหนกันแล้ว พวกพี่ก็ดูออกไม่ใช่เหรอ ว่าพี่กันต์กับวันศุกร์มีใจให้กันอะ” นัทโพล่งออกมาตรงๆ จนบัณฑิตกับตรีวิทย์อดจะหัวเราะคิกคักตามไม่ได้ ก็จริงอย่างว่า พวกเขามองออกทะลุปรุโปร่ง ยกเว้นแค่เจ้าตัวที่ยังไม่ยอมชัดเจนกันทั้งสองฝ่าย

“ไอ้พัฒนามันก็พัฒนาอยู่แล้ว นัทก็เห็นหนิ แต่ไอ้เรื่องว่ายอมรับน่ะ…คงยังหรอก ก็ฟอร์มจัดกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ” ตรีวิทย์เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง ซึ่งเขาเห็นด้วยมากๆ

“แล้วพวกเราไม่ต้องทำไรเลยเหรอครับ”

“ไม่ต้องหรอก เรื่องของพวกเขาก็ให้เขาจัดการกันเอง เราคอยลุ้นอยู่ห่างๆ ก็พอ”

นัทยู่ปาก จำใจยอมรับแม้จะคิดว่าอีหรอบนี้มันไม่เห็นสนุกเลย แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ จริงอย่างที่ตรีวิทย์ว่า…เรื่องของสองคนนั้น ก็ต้องให้หัวใจของสองคนนั้นจัดการเอง ความสัมพันธ์ที่เคยเริ่มต้นจากติดลบ จะพัฒนาขึ้นได้มากแค่ไหนก็ต้องมาคอยดูกันล่ะ ส่วนเขาก็คงทำได้แค่เป็นห่วงในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง แต่เขาที่มองสองคนนั้นออกก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้…

กันติกรณ์คนฟอร์มจัด ทำเป็นบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าทั้งที่ตกหลุมรักเพื่อนเขาเข้าอย่างจัง แสดงออกมาชัดเจนตั้งนานแล้วยังไม่ยอมพูดคำที่อยู่ในใจออกมาอีก ส่วนวันศุกร์ก็ปากหนักเหลือเกิน ทำเป็นบอกไม่ชอบบ้างล่ะ รำคาญบ้างล่ะ ทั้งที่เผลอพูดถึงอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ยังไม่รู้ตัวไม่รู้ใจสักที มันทำให้เขารู้สึกเหนื่อยแทนอย่างบอกไม่ถูก

สายตาคาดหวังเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กซึ่งกำลังพูดคุยกับรุ่นพี่บนเบาะข้างๆ เจื้อยแจ้ว ใบหน้ายิ้มแย้มมีรอยเปื้อนสีชมพูอยู่ข้างแก้ม กันต์เองก็ด้วย น่าตลกชะมัด ทั้งที่ดูออกง่ายขนาดนั้น กลับทำให้มันยากขนาดนี้…

เพื่ออะไรนะ ไม่เข้าใจจริงๆ


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 10.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 18-02-2017 16:52:01
วันศุกร์ที่ 10.5



เมื่อรถบัสมาถึงรีสอร์ท รุ่นพี่ปีสองแม่งานก็คอยต้อนให้ทุกคนเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องพัก ก่อนจะกลับมานั่งรวมตัวกัน ณ ลานกิจกรรมในร่ม รุ่นน้องปีหนึ่งได้รับแจกป้ายชื่อ สีสันหลากหลาย ด้านหลังมีแนบรูปถ่ายแปลกๆ มาด้วย

“เดี๋ยวพี่จะให้น้องๆ แบ่งกลุ่มตามสีป้ายชื่อนะครับ ส่วนภาพที่แนบไว้คือภาพถ่ายอวัยวะของรุ่นพี่ปี3 กับปี4 น้องๆ จะต้องไปตามหามาให้ได้ว่าภาพที่ตัวเองได้รับคือภาพของพี่คนไหน แล้วมาให้คำตอบวันกลับ” พี่วิน ปี2 MC ฝ่ายชายประจำงานกล่าวขึ้น ตามด้วยเสียงพี่ต้นหลิว MC ฝ่ายหญิง

“จริงจังนะคะ ถ้าใครตอบผิดจะมีบทลงโทษให้ด้วย”

วันศุกร์หยิบภาพในมือตัวเองขึ้นพิจารณา รอยสักรูปนกถมดำอยู่บนพื้นผิวขาวอมเหลือง เหนือขึ้นไปหน่อย แอบเห็นอะไรโผล่มาในภาพเพียงนิด คล้ายว่าจะเป็นร่องสะดือ...ตลกและ นี่มันภาพถ่ายแถวท้องน้อย อีกนิดนึงก็คงถึงน้องชายพอดี แล้วใครจะไปเดาออก! งี้ไม่ต้องไปขอเปิดเสื้อถกกางเกงรุ่นพี่ทุกคนเลยเรอะ

“ของพวกมึงได้อะไรกัน?”

“กูได้ขนจั๊กกะแร้ อีเหี้ยยย” นัทหวีดร้องเสียงแหลม ทำเอาเขากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ในขณะที่ของกั้งเป็นแค่รูปติ่งหู มีจิวอันเล็กเสียบอยู่เท่านั้น

“นี่หูซ้ายหรือขวาวะ”

จำได้ว่าพี่กันต์เจาะหูซ้าย เอ…แต่ว่าพี่ฑิตก็เจาะหูทั้งสองข้างเลยเหมือนกัน ยากแฮะ คนเจาะหูแบบนี้จริงๆ ก็มีตั้งเยอะ แล้วก็ไม่มีอะไรตัดสินได้ด้วยว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สรุปก็ยากพอกันหมด รู้สึกถึงความฉิบหายตั้งแต่เริ่ม ดีจัง

“กูกับกั้งอยู่สีเขียวเหมือนกันว่ะ” นัทพูดขึ้นขณะก้มมองป้ายชื่อของเขา

ชื่อ N’วันศุกร์ พาดอยู่บนป้ายกระดาษแข็งสีฟ้าสดใส

“เออ งั้นกูไปรวมกลุ่มละ”

“เออๆ โชคดี”

เด็กปีหนึ่งกระจายตัวสะเปะสะปะได้สักพักก็เริ่มสงบ แต่ละคนนั่งเรียวแถวตอนใหม่ แยกตามสี วันศุกร์ถูกผลักมาอยู่หน้าแถวตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ โดยมีเพื่อนหน้าตาหล่อเหลาผิดมนุษย์มนานั่งขนาบหลัง ถ้าจำไม่ผิดไอ้หมอนี่ชื่อ ต้นหน เป็นลีดคณะ มีภาพลงเพจ Cute Boy ระดับมหาลัย ไม่ค่อยได้เข้าคลาสเพราะร่วมกิจกรรมเยอะ เพิ่งได้เห็นหน้าชัดๆ ก็วันนี้เอง

ยอมรับเลยว่าหน้าตาดีมาก ผิวขาวเกือบเท่าเขา แต่ตัวสูงกว่าเยอะ

“วันศุกร์ๆ” เขาเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังตามแรงสะกิด ต้นหนกำลังนั่งฉีกยิ้มให้ พลางเอ่ยแนะนำตัวอีกครั้งอย่างเป็นทางการ

“อยู่คลาสเดียวกันแท้ๆ แต่ยังไม่เคยคุยกันเลย เราต้นหนนะ”

“อ่า ก็นายไม่ค่อยเข้าเรียนหนิ”

“อืม...ช่วงแรกมันยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เลยเหนื่อยน่ะ แต่หลังจากนี้ว่าจะเข้าคลาสให้บ่อยขึ้นแล้วแหละ”

“อ๋อ ก็ดี ยังไงก็สู้ๆ ละกัน”

“เอ่อ ถ้าเราไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาตรงไหน เราถามศุกร์ได้ใช่ไหม?”

“อ๋อ ได้ดิ แต่ไม่รู้จะช่วยได้รึเปล่านะ” คนตัวเล็กขำ ถึงเขาจะไม่ใช่เด็กหลังห้องแต่ก็ไม่ใช่เด็กแถวหน้าเช่นกัน โปรดอย่ามาคาดหวังอะไรจากคนที่ต้องการแค่คะแนน  Attendance เลย

“เอาล่ะครับ ก่อนอื่นพี่ขอถามหน่อยว่า ในนี้มีใครร้องเพลงคณะเราเป็นมั่ง?” พี่วินประกาศใส่ไมค์ดึงความสนใจจากรุ่นน้องซึ่งนั่งจัดแถวกันเรียบร้อยแล้ว มีรุ่นพี่ปีสองกลุ่มหนึ่งทยอยเดินออกมาจากมุมต่างๆ ในมือถือกระดาษแผ่นใหญ่ มีเนื้อร้องเพลงประจำคณะเขียนเอาไว้

กิจกรรมเป็นชิ้นเป็นอันเริ่มต้นขึ้นด้วยการสอนร้องเพลงเรื่อยเปื่อย ตามมาด้วยการแข่งขันตอบคำถามเกี่ยวกับคณะ

กลุ่มสีแดงที่มีเปาเป็นหัวโจกได้คะแนนตอบคำถามต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุด ก็โดนเชิญออกไปเต้นลงโทษ ซึ่งดูเหมือนหัวหน้าทีมจะดูลั้ลล้ามากจนพี่วินถึงกับอดไม่ได้ เดินมาถีบก้นไปทีอย่างหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กคนอื่น

พอตกเย็น ก็มีเกมเล็กๆ น้อยๆ มาให้เล่นก่อนจะปล่อยน้องไปกินข้าว โดยให้ปีหนึ่งหันไปจับคู่เพื่อนด้านหลังตัวเอง พี่ต้นหลิวเริ่มอธิบายกติกา โดยมีพี่วินยืนถือลูกโป่งใบใหญ่อยู่ในมือ

“เราจะแจกลูกโป่งให้ แล้วให้แต่ละคู่กอดกันโดยเอาลูกโป่งไว้ตรงกลางแบบนี้” รุ่นพี่ชุดสาธิตก้าวเท้าออกมาสองคน มีลูกโป่งใบโตกั้นอยู่ตรงกลางอก ในขณะที่ทั้งสองกำลังวาดแขนกอดกัน

“ทั้งสองคนต้องกอดกันเพื่อทำให้ลูกโป่งแตก”

พูดจบ พี่ผู้หญิงตรงกลางฟลอร์ก็เริ่มดันตัวเองเข้าหากันอย่างรุนแรงจนลูกโป่งแตกดังโป๊ะ สาวๆ บางคนเผลอกรี๊ด แม้แต่วันศุกร์เองยังแอบตกใจ แค่มองยังเสียวแทนไม่รู้ว่ามันจะเจ็บหรือเปล่า

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา คู่แรกออกมาเลยครับ”

พี่วินกวักมือเรียกเด็กจากสีเขียวริมฝั่งขวาสุด เพื่อนผู้ชายสองคนเดินออกไปแบบเก้ๆ กังๆ ตากล้องประจำงานอย่างพี่พะเพื่อนเดินแหวกฝูงชนเข้ามาแสตนบาย โดยมีพี่กระแตคอยแท็กทีมด้วยกล้องวิดีโออีกตัว

หลังจากนั้นเสียงเชียร์กับเสียงลูกโป่งแตกก็ดังขึ้นเป็นระยะ จนคนที่เหลืออยู่ชักหลอนหู เขาหันมองหน้าเพื่อนข้างตัวท่าทางเกร็งๆ

“จะเจ็บไหมเนี่ย”

“ไม่ค่อยมั้ง พวกผู้หญิงยังไหวเลย” ต้นหนพยายามปลอบ เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่กว่าจะมาถึงคู่เขาซึ่งนับว่าเป็นคู่สุดท้ายพอดี

“มาเลยๆ โอ้โหนี่ตัวเด็ด”

“คนนึงก็หล่อ คนนึงก็น่ารักนะพี่วินนะ” พี่ต้นหลิวได้ทีกระแซะใหญ่ ไม่ได้เกรงใจสายตาอำมหิตจากคนดูด้านหลังกลุ่มเด็กปีหนึ่งเลยแม้แต่น้อย

กันติกรณ์ขยับมายืนตรงจุดที่สามารถมองเห็นผู้เล่นได้ชัดเจน มีบัณฑิตกับตรีวิทย์ขนาบข้างสองด้าน สายตาถมึงทึงจ้องหน้าเขากับต้นหนสลับกันไปมาอย่างเอาเรื่อง แต่กระนั้น MC ผู้น่ารักทั้งสองก็ยังไม่ตรัสรู้ถึงแรงกดดันน่ากลัวนี้ พี่วินเดินไปหยิบลูกโป่งสีฟ้าอัดด้วยแก๊สประมาณนึง

“เอ้ากอดกันแน่นๆ” ต้นหนยืนขำไม่รู้ร้อนรู้หนาว มือหนาคว้าตัวเพื่อนตรงหน้าเข้าไปใกล้ ในวินาทีที่พี่วินสอดลูกโป่งดังกล่าวลงมาตรงกลาง แขนแกร่งพาดไปกับแผ่นหลังของวันศุกร์ แอบได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดเล็ดลอดออกมาจากกลุ่มผู้หญิงแถวนั้น

พอเสียงนกหวีดส่งสัญญาณดังขึ้น ต้นหนก็ยิ่งรั้งร่างของเขาเข้าหาอย่างหนักหน่วง พยายามจะทำให้ลูกโป่งแตกให้ได้แต่ก็ไม่เป็นผล วันศุกร์ได้แต่กลัวเลยไม่กล้าก้มลงมอง เขาพยายามเงยหน้าสุดชีวิตเพื่อกันไม่ให้แรงจากแก๊สกระแทกตายามลูกโป่งแตก

ถึงอย่างนั้น...มันก็ยังไม่ยอมแตกอยู่ดี...

“กอดกันแน่นอีกๆ” พี่วินเชียร์ออกนอกหน้า ตามมาด้วยเสียงโห่ฮาจากเพื่อนๆ ด้านล่าง

“ทำไมไม่แตกอะ”

คนตัวเล็กเริ่มโอดครวญทั้งที่หลับตาปี๋ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอยู่เพียงใกล้ ต้นหนเพิ่มแรงกอดจนพวกเขาแทบจะรวมร่าง แต่ไอ้ลูกโป่งไม่รักดีกลับทำได้มากสุดแค่บิดเบี้ยว อะไรวะ แกล้งกันปะเนี่ย โดนบีบขนาดนี้ควรจะแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้วด้วยซ้ำ อีลูกโป่งตายยาก!

พะเพื่อนรัวชัตเตอร์ไม่หยุด แถมยังขยับเข้ามาใกล้จนบ้องเลนส์แทบกระแทกหัว เธอนึกขำอยู่ในใจเพราะเห็นว่าวินแกล้งอัดแก๊สลูกโป่งของวันศุกร์น้อยกว่าของคนอื่น ทำให้ผิวยางหนาแตกยากกว่าปกติ ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ดูสนุกสนาน เพราะถือว่าคู่นี้เด็ดจริง ใครๆ ก็คอยแต่จะจับตามอง เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นที่รู้จัก แถมผู้ชายหน้าตาดีสองคนมายืนเบียดกัน ยังไงก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่ยากอยู่แล้ว

“แน่นอีกๆ”

เสียงปรบมือดังเป็นจังหวะ เริ่มมีเม็ดเหงื่อซึมออกมาจากขมับทั้งสองคนบนกลางลาน ในขณะที่วันศุกร์ขมวดคิ้วยุ่ง ต้นหนกลับยิ้มร่า

“เฮ้ยๆ” ตรีวิทย์ร้องขึ้น

จู่ๆ เพื่อนข้างๆ ก็พุ่งตัวผ่านรุ่นน้องด้านหน้าออกไปแบบไม่ปรึกษากันก่อน การเคลื่อนไหวครั้งนี้ดึงดูดความสนใจจากนักศึกษาทั้งหมดให้หันมามองกันเป็นสายตาเดียว MC ชายหญิง รีบกลืนคำพูดลงคอ ปล่อยให้กันต์ตรงเข้าประชิดเด็กที่กำลังยืนกอดกันแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยขัด

มือใหญ่คว้าหมับไปยังลูกโป่งสีฟ้า เล็บสั้นๆ หากก็แหลมคมจิกลงบนผิวยางหยืดหยุ่นรุนแรงพอๆ กับอารมณ์โมโหในกาย เสียงลูกโป่งแตกดังโป๊ะตามมา ทั่วทั้งบริเวณเงียบสนิท ราวกับถูกหยุดเวลาไว้ วันศุกร์กับต้นหนผละตัวออกจากกันด้วยความตกใจ เพิ่งสังเกตว่ากันต์มายืนขมวดคิ้วอยู่ต่อหน้า

“แตกแล้ว” รุ่นพี่ปีสาม หลานชายคณบดีเอ่ยเสียงเรียบ แล้วดึงมือวันศุกร์ไปยังโต๊ะหิน ถัดไปทางด้านหลังของลานกิจกรรม บังคับให้คนตัวเล็กนั่งลงบนตักตัวเอง ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจมากมาย

“อะ…เอ่อ…”

“เอ้อ! แตกแล้ว ยินดีกับน้องๆ ทุกคนด้วยนะครับที่ทำสำเร็จ” วินรีบแก้สถานการณ์พลางสะกิดต้นหลิวให้กลับคืนสติ ผลัดกันสรุปกิจกรรมอีกแค่เล็กน้อย ก็ปล่อยให้ทุกคนไปกินข้าวเย็น

“พี่กันต์ ปล่อยย”

“ไม่”

“เป็นบ้าไรเนี่ย”

วันศุกร์พยายามแกะมือหนาออกจากเอวแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุนั่นแหละ กันต์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น โดยมีตรีวิทย์กับบัณฑิตเดินเข้ามาสบทบ ตามด้วยกั้งและนัททีหลัง

“ออกตัวแรงจังวะ” บัณฑิตแซว ตามด้วยนัทซึ่งรอโอกาสเข้าแทรกอยู่แล้ว

“เออ ขี้หวงว่ะพี่กันต์”

“ทำตัวเป็นเด็กไปได้” ขนาดตรีวิทย์ยังอดจะตำหนิไม่ได้

ตลอดเวลาที่ยืนห้อมล้อมกันอยู่นี่ก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตานับสิบ โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่คอยแต่จะหัวเราะคิกคัก ไม่รู้คิดอะไรเตลิดเปิดเปิงเกินจริงไปหรือเปล่า แต่ยังพูดไม่ทันขาดคำ ผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดในงานนี้ก็มาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล้องคู่ใจ

“ยืนทำอะไร ไม่ไปตักข้าวกันเหรอ?” พะเพื่อนทำเป็นแทรกตัวเข้ามาถาม ทั้งที่จริงแค่อยากแอบหาจังหวะแชะภาพวันศุกร์บนตักกันติกรณ์ก็เท่านั้น

“อีกแป๊บ คนยังเยอะอยู่”

“สองคน เดี๋ยวนี้สนิทกันจังเลยนะ มีอะไรที่พี่ไม่รู้รึเปล่าเนี่ย”

“ปะ…เปล่า ไม่มีอะไรสักหน่อยครับ”

วันศุกร์ยกมือปฏิเสธพัลวัน หันมองซ้ายมองขวาเพื่อหลบสายตาจับผิดจากรุ่นพี่สาว จนไปหยุดลงตรงเพื่อนร่วมกลุ่ม กำลังเดินถือจานข้าวสองจานตรงมาทางนี้ แต่ก็ดูเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมเข้ามาสักที จนเขาต้องหันไปส่งสายตากึ่งจะอ้อนใส่คนด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้

“พี่กันต์ ปล่อยศุกร์เถอะนะ ศุกร์หิวแล้ว”

หวังว่าบทที่เก็บไว้ใช้กับวันเสาร์จะใช้กับคนคนนี้ได้เหมือนกัน....

กันต์เลิกคิ้ว นิ่งไปสักพักจึงยอมคลายวงแขนออก

“อืม กินข้าวๆ”

ทันทีที่หลุดจากการเกาะกุม ก็รีบเดินนำขบวนไปทางต้นหน ทั้งรุ่นเพื่อนรุ่นพี่ด้านหลังต่างหยุดเฝ้าสังเกต แม้จะไม่มีใครพูดอะไรแต่ก็รู้ดีว่าในหัวกำลังเต็มไปด้วยคำถาม

“เห็นแถวมันยาว เราเลยตักข้าวมาเผื่อศุกร์แล้วอะ”

“โห ขอบใจมากเลย จริงๆ ไม่ต้องลำบากก็ได้ เราจะไปตักเองอยู่แล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก แต่ตักมาหมดเลย ไม่รู้ศุกร์กินได้หรือเปล่า”

สายตาไล่มองอาหารบนจาน มีผัดวุ้นเส้น หมูทอด ลาบ กับแกงข่าไก่ โหย สบายท้องเลย

“กินได้ๆ ขอบใจนะ”

“อืม แล้ว…จะไปนั่งกินด้วยกันไหม?” ต้นหนถามขึ้น ไม่ได้สนใจจะมองเลยสักนิดว่ามีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากรุ่นพี่ตัวโตมากแค่ไหน และไม่ทันที่วันศุกร์จะได้ตอบอะไรกลับ กันต์ก็เดินเข้ามาขวางหน้าซะก่อน

“ขอโทษด้วยนะ วันศุกร์จะนั่งกินกับพวกเรา”

“อ่า…ครับ”

คนเด็กกว่ายอมรับชะตากรรม เขาเข้าใจดีว่าไม่ควรมีเรื่องกับผู้ชายชื่อกันติกรณ์ แต่ก็ยังไม่วายหันมาส่งยิ้มให้วันศุกร์อีกครั้งก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่น พอตัวน่าหงุดหงิดพ้นสายตาไปแล้วจึงหันกลับมาเอาเรื่องกับเด็กตรงหน้าต่อ

“ไอ้นั่นมันชื่ออะไร? สนิทกันเหรอ?”

“ชื่อต้นหน เพิ่งเคยคุยกันวันนี้เอง แต่เขานิสัยดีนะ”

กันต์ขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งคว้าต้นแขนบางเข้าหาตัว จนถ้วยแกงบนจานกระเฉาะออกมาหน่อยๆ ตรีวิทย์ส่งสัญญาณให้คนอื่นในกลุ่มเดินไปต่อแถวตักอาหาร ไม่ต้องสนใจอะไรมากนัก เพราะเขารู้ว่ากันต์คงไม่คิดทำอะไรบ้าๆ ท่ามกลางผู้คนมากขนาดนี้

“เพิ่งเคยคุยกัน แล้วรู้ได้ยังไงว่านิสัยดี”

“แค่คุยด้วยก็รู้แล้ว”

“อะไร คุยกันวันเดียวก็ตัดสินว่าเป็นคนดี แบบนี้ก็ได้เหรอ?”

“เออ แบบนี้ก็ได้ พี่กันต์รีบไปตักข้าวเถอะ” วันศุกร์ตัดบทอย่างเอือมระอา พออีกฝ่ายทำท่าจะไม่จบ เขาถึงต้องแกล้งกดเสียงเข้มใส่ ใบหน้าส่อแววหงุดหงิด

“แต่…”

“ศุกร์ก็แค่คุยกับเพื่อน พี่จะอะไรเนี่ย ศุกร์ไม่อยากทะเลาะด้วยนะ...หรือพี่กันต์อยากทะเลาะ?”

“...”

“ว่าไง?”

“ไม่อยาก” พูดแค่นั้น ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดไปต่อแถวตักอาหาร

เขานำหน้าไปหาโต๊ะว่าง สักพักพวกที่เหลือจึงตามมา จานข้าวของบัณฑิตกับนัทมันพูนจนเกือบล้น ในขณะที่จานของตรีวิทย์กับกั้งถูกจัดอย่างเป็นระเบียบยิ่งกว่าอาหารในภัตตาคาร น่าตลกดี พวกเขาทั้งสามคนกับรุ่นพี่แก๊งเด็กเส้น ดูเหมือนจะถอดแบบกันมายังไงยังงั้น

“อืม อร่อย” นัทเคี้ยวไปพูดไป ชี้นิ้วไปยังหมูทอดชิ้นใหญ่ในจานเพื่อนข้างๆ เหมือนต้องการบอกให้ลองชิม

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ทุกคนสนใจอยู่กับการกินหลังจากทำกิจกรรมมาตลอดวัน กันต์ลอบมองวันศุกร์อยู่เนืองๆ หลายครั้งต้องกลั้นยิ้มเพราะนึกหมั่นเขี้ยวแก้มที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ นั่น อยากเข้าไปหยิก อยากเข้าไปหอมสักฟอดคงชื่นใจดี

“เออ...แล้วนี่พวกมึงกินหมูได้เหรอวะ?” น้ำเสียงเคลือบแคลงใจดังออกจากปากของบัณฑิต ทั้งโต๊ะเงียบ เงยหน้าขึ้นมอง

กันต์กับวันศุกร์สบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปทางคนตั้งคำถาม เพราะดูเหมือนว่าบัณฑิตกำลังพูดถึงพวกเขาสองคน ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามพอดี

“ก็มึงเลี้ยงหมูอะ”

ทั่วบริเวณเงียบสนิท...

นัทสำลักข้าว รีบหันมองเพื่อนตัวเล็กซึ่งบัดนี้นิ่งค้างเป็นหุ่นไปแล้ว ในปากยังมีเศษหมูทอดอมไว้ไม่ยอมกลืน รู้สึกเหมือนเห็นน้ำตารื้นขึ้นมานิดๆ

เอาแล้วไง ไอ้พี่ฑิต...ไอ้ชั่ว!!


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 11.0-11.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 28-02-2017 22:02:34
วันศุกร์ที่ 11.0



“เฮ้ย! อย่าคาย” กันติกรณ์ยกมือขึ้นดันคางมน ไม่ยอมให้วันศุกร์บ้วนของในปากออก คนกำลังช็อกเอาแต่ขมวดคิ้วยุ่ง ตีหน้าเหมือนจะร้องไห้ สายตาดุๆ หันขวับไปทางไอ้เพื่อนตัวดี ซึ่งกำลังถูกสายตาจากคนอื่นๆ ในโต๊ะร่วมรุมประชาทัณฑ์โดยพร้อมเพรียง

“เอ่อ...โทษที ก็แค่ถามดู แต่จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวนี่เนอะ”

“เออ ไม่เกี่ยว เราก็ไม่ต้องไปฟังมัน กินๆ ไป” หันมาลูบหลังบอกรุ่นน้องข้างตัวซึ่งยังไม่ยอมกลืนข้าวในปากสักที

“แอ่เอ้าอื้อ...”

“เออน่า มันคนละพันธุ์ ไม่เป็นไรหรอก”

วันศุกร์กลอกตาซ้ายทีขวาทีอย่างลังเล จนกันต์ต้องงัดไม้สุดท้ายออกมาใช้ ด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจ่อจมูกรั้น

“จะกินไหม หรือจะให้พี่กินแทน” เขาแกล้งแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่าง “แต่กินจากปากเรานะ”

“!!”

คนตัวเล็กเบิกตากว้างอยากจะถอยห่างแต่กลับถูกมือใหญ่รั้งท้ายทอยไว้ น้ำเสียงจริงจังทำเอาเขาลืมทุกอย่างแล้วกลั้นใจกลืนอาหารลงคอ พวงแก้มสองด้านขึ้นสีระเรื่อ

กันต์หัวเราะในลำคอ ยอมผละตัวกลับไปประจำที่เหมือนเดิม แต่ก็ยังหันมาย้ำ

“กินไปเถอะอย่าคิดมากเลย”

“ม...ไม่คิดก็ได้”

วันศุกร์พูดเสียงอุบอิบ ก่อนจะยู่ปากเหมือนเด็กๆ กันต์กลั้นขำ ยิ่งมองก็ยิ่งหมั่นเขี้ยว น่าจับไปชุบแป้งทอดแล้วกลืนลงท้องซะให้เข็ด

หลังจากเวลาอาหาร ปีหนึ่งก็ถูกเรียกกลับไปรวมกลุ่มอีกครั้ง พี่ๆ เสนอเกมไก่กาให้เล่นกันต่ออีกพักใหญ่จนล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่ม น้องหลายคนเริ่มผงกหัวคล้ายจะหลับแหล่มิหลับแหล่ เป็นคราวของรุ่นพี่ฝ่ายสวัสดิการต้องลงมาช่วยผสมน้ำให้น้องดื่มคลายง่วง

มือหนึ่งยกขวดแฟนต้าน้ำแดง เทใส่ถังตักทรายซึ่งถูกใช้ต่างภาชนะ อีกมือก็ง่วนควานหาขวด M150 ที่ซ่อนไว้ ผสมลงไปจนได้รสชาติกลมกล่อม เพื่อจะทำให้รุ่นน้องมีแรงฮึดต่อ

“เอ้า” ถังน้ำสีฟ้าถูกส่งต่อให้พี่เลี้ยงประจำแต่ละกลุ่ม ก่อนจะหันมาชงเครื่องดื่มลำดับต่อไป หากก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องตกใจจากเพื่อนสักคนตรงนั้น

“ไอ้หวาน!”

“ห...ห้ะ?”

“มึงผสมเหล้าลงไปทำไม!?”

“เฮ้ยย!” คนชื่อหวานเบิกตากว้าง เพิ่งสังเกตว่าในมือไม่ได้ถือขวด M150 อีกแล้ว กลับกลายเป็นขวดแก้วผอมบางที่เพิ่งเปิดใหม่ น้ำสีอำพันด้านในหายไปเกือบเกินครึ่ง

“นี่มันเหล้าแบนที่พี่เก่งฝากซื้อมาพร้อมเอ็มร้อย มึ๊งงง” เพื่อนที่เข้ามาเตือนพยายามลดระดับเสียงลงไม่อยากให้ใครสงสัย

“เชี่ยแล้ว รีบบอกให้เอาถังสีฟ้ากลับมาก่อน”

เธอรีบเขย่าแขนอีกฝ่าย เพราะถ้าไม่เลอะเลือนเกินไปมากกว่านี้ เธอคิดว่าเพิ่งเผลอตัวผสมเหล้าลงไปกับถังน้ำของสีเมื่อกี้เป็นสีแรก เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังมีขวด M150 ว่างเปล่าวางทิ้งไว้เป็นหลักฐาน สต๊าฟแต่ละคนเริ่มส่งข่าวต่อกันอย่างรวดเร็ว และเงียบเชียบ หากก็เต็มไปด้วยความร้อนรนจนน่าสงสัย

“เจน เอาถังน้ำน้องกลับมาก่อน อันนั้นมันผสมเหล้า”

“ห้ะ!” รุ่นพี่ประจำกลุ่มสีฟ้าหลุดเสียงร้อง แต่ MC ก็ดูจะจับสังเกตความผิดปกติได้ จึงรีบดึงความสนใจน้องกลับมา ปล่อยให้เจนกับเพื่อนอีกคนวิ่งย้อนกลับไปยังหัวแถว

เพื่อพบว่า...วันศุกร์กำลังจะส่งถังน้ำต่อไปให้ต้นหนพอดี

“เดี๋ยวๆ” มือเรียวรีบคว้าเอาภาชนะเจ้าปัญหาคืนมา ส่งต่อให้เพื่อนยกไปเก็บโดยไว

“มีอะไรเหรอครับ?”

“คือ...พี่ พี่เขาลืมเติมน้ำแข็งอะจ่ะ รอแป๊บน้า”

เธอหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำอธิบายฟังไม่ขึ้นเมื่อสักครู่ แล้วเดินเหงื่อตกไปทางหวาน ซึ่งกำลังยืนเกร็ง หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มเมื่อทราบสถานการณ์ รุ่นน้องมีเป็นร้อย ทำไมคนที่มาซวยเพราะเธอถึงต้องเป็นวันศุกร์! วันศุกร์เชียวนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น นอกจากจะโดนหลายคนแถวนี้รุมประณามแล้ว เธออาจจะถูกฆ่าทิ้งทะเลโดยฝีมือของกันติกรณ์เลยก็ได้

เพราะถึงจะเคยมีข่าวว่าไม่ถูกกันตอนเปิดเทอมใหม่ แต่ตอนนี้ใครๆ ต่างก็มองออกว่า กันต์น่ะให้ความสำคัญกับรุ่นน้องคนนี้มากแค่ไหน แบบนี้ตายแน่ ตายแน่ไอ้หวาน…

“ยังไงก็เหอะ เราควรจะบอกเรื่องนี้กับพี่กันต์นะ”

“แบบนั้นฉันก็คอขาดน่ะสิ” เสียงแหลมดังขึ้นประท้วง และถึงแม้ว่าเจนจะนึกสงสารเพื่อนแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะคนในบทสนทนาได้เดินมารวมกลุ่มกับพวกเขาเรียบร้อย

“มีอะไรกัน เมื่อกี้เห็นวิ่งไปทางหัวแถวสีฟ้า” บัณฑิตเอ่ยถาม เด็กปีสองหลายคนผวาหลบสายตากันไปคนละทิศคนละทาง

ตัวต้นเหตุยืนสั่นหงึกหงัก จนตรีวิทย์ต้องลงทุนออกโรงเอง ไม่งั้นรังสีอำมหิตจากเพื่อนอีกสองคนคงทำเอารุ่นน้องขวัญหนีดีฟ่อกันหมด

“มีอะไรเหรอ? เล่าให้พวกพี่ฟังได้ไหม พอดีพี่เป็นห่วงน่ะ”

“เอ่อ...” เจนลังเล ก่อนจะยอมเปิดปากเสียงแผ่ว “คือเราผสมน้ำให้น้องสีฟ้าผิดอ่ะค่ะ ใส่...ใส่เหล้าลงไปแทน M150...”

“ว่าไงนะ?”

เสียงทุ้มของกันต์ดังขึ้นทันที หวานน้ำตาตกจนเพื่อนคนอื่นด้านหลังต้องรีบถลามาลากเธอออกไปปลอบที่อื่น เจนพยายามทำใจดีสู้เสือ และส่งสัญญาณมือให้พวกพี่ๆ ลดระดับเสียงลงหน่อย

“คือเพื่อนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มันเป็นอุบัติเ…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” กันต์ยังคงดูหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แววตาดุคมเหลียวมองวันศุกร์สองสามรอบด้วยความเป็นห่วง ปล่อยให้ตรีวิทย์เป็นฝ่ายถามเอาความต่อ

“แล้วใส่ไปเยอะไหม? น้องคนไหนดื่มไปแล้วบ้าง?”

“เอ่อ ก็น่าจะราวๆ เศษหนึ่งส่วนสี่ของขวดแบนอ่ะค่ะ” เธอชี้ไปยังขวดแก้วที่ยังวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะทำท่าอึกอัก “น้อง...เอ่อ มีแค่น้องวันศุกร์ที่ดื่มไปค่ะ”

กันต์ชักสีหน้า จนตรีต้องไล่ให้เจนกลับไปดูแลงานต่อ หันมาตบไหล่เพื่อนให้ใจเย็น

“อย่าไปโมโหพวกน้องเขาเลย เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”

“เออ กูว่าเราย้ายไปนั่งด้านหน้าดีกว่า จะได้คอยสังเกตวันศุกร์ด้วย” บัณฑิตเสริม ก่อนที่แก๊งเด็กเส้นทั้งสามจะเคลื่อนตัวไปรวมกลุ่มกับพวกพี่บัณฑิต ซึ่งนั่งจับเข่าส่องสาวๆ กันอยู่ใกล้ลำโพง

เสียงกรีดร้องเกรียวกราวดังขึ้นจากสาวแท้สาวเทียม ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง เพราะแน่นอนว่านอกจากทั้งสามหน่อจะหล่อระดับแถวหน้าของคณะแล้ว ก็ยังพ่วงด้วยจำนวนเงินในบัญชี และสถานะทางครอบครัวอันแสนเลอค่าไม่แพ้กันอีกด้วย

“พวกมึงมานั่งตรงนี้ทำไมเนี่ย บดบังรัศมีกูหมด”

“โห เฮียก็พูดไป” บัณฑิตหันไปพูดคุยกับพวกรุ่นพี่อย่างออกรส ทิ้งให้กันต์เอาแต่นั่งหน้าขรึม จ้องเด็กหัวแถวสีฟ้าไม่วางตา

ทุกครั้งที่วันศุกร์เอี้ยวตัวไปหัวเราะให้เด็กตัวสูงด้านหลัง เขาก็มักจะควบคุมอาการโมโหไว้ไม่อยู่ อยากจะลุกไปจับแยกให้ห่างๆ เอาวันศุกร์มาอยู่กับเขาซะ แล้วเอาไอ้เด็กต้นหนไปปล่อยไว้ดาวอังคารก็น่าจะดี

ผ่านไปสักพัก รุ่นพี่ปีสองแม่งานก็เดินไล่แจกกระดาษสำหรับโหวต ดาว เดือน และ ดิน ประจำชั้นปี ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน ดาวคือหญิงสวย เดือนคือชายหล่อ และดินคือคนเรียกเสียงฮา เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังระงม รุ่นน้องปีหนึ่งเริ่มหันมองหน้ากันไปมาวอกแวก เดี๋ยวสะกิด เดี๋ยวส่งสัญญาณ

ถ้าเขามีกระดาษสักใบ เขาจะโหวตให้วันศุกร์เป็นดาว เป็นดาวประจำใจเขา.........อี๋

ว่าแต่...วันศุกร์จะโหวตใคร คงไม่ใช่ไอ้หน้าหล่อด้านหลังนั่นหรอกนะ

“ศุกร์ ตำแหน่งดินนี่ให้เปาปะ” ต้นหนถามพลางขำน้อยๆ เป็นที่รู้กันในรุ่นว่าเปามักชอบทำตัวเฮฮา เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เสมอ วันศุกร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย และคิดว่ากั้งกับนัทก็คงโหวตให้เปาได้ตำแหน่งดินเช่นกัน

คนตัวเล็กหันกลับมาพิจารณาช่องว่างที่เหลือ รู้สึกมึนหัวยังไงไม่รู้ ยังฝาดลิ้นจากไอ้น้ำแดงลืมใส่น้ำแข็งเมื่อกี้ที่พี่เจนเอามาให้ดื่ม เขาว่ารสชาติมันขมแปล่มๆ แสบคอไม่เหมือนน้ำอัดลม แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งตอนนี้คงต้องเริ่มคิดแล้ว เพราะเขาชักจะร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

มือบางเหมือนจะสั่น ยามจับปากกากรอกชื่อ จินนี่ เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในคลาสลงไป เธอสวยโดดเด่นกว่าคนอื่น แถมพ่วงตำแหน่งลีดคณะ ได้ข่าวว่ามีหนุ่มๆ ตามจีบกันพัลวัน แต่เขาก็ไม่เคยคุยด้วยสักที ส่วนเดือน...ความจริงเขาก็อยากใส่ชื่อกั้งหรือนัท เพราะสองคนนั้นก็จัดว่าหน้าตาดีติดอันดับ แต่คิดอีกที ใส่ชื่อต้นหนดูจะเข้าท่ากว่า เพราะหล่อเตะตากรรมการจริงๆ

คิดถึงไม่ทันขาดคำ แรงสะกิดจากด้านหลังก็เรียกให้เขาหันกลับไปอีกครั้ง

“ศุกร์โหวตใครเป็นเดือนเหรอ?”

เจ้าของผมประกายน้ำตาลยิ้มกว้างเป็นเชิงล้อ “โหวตหนนั่นแหละ”

คนฟังชะงักไปเสี้ยววิ ก่อนจะยิ้มเขิน เขายอมรับเลยว่ากำลังค่อยๆ แพ้คนตรงหน้ามากขึ้นทุกที แพ้ความน่ารัก ที่ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่นิสัยก็ด้วย และนี่คือผู้ชายคนแรกที่ทำให้ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะตั้งแต่แรกเห็น

“เราก็โหวตศุกร์นะ”

“เอ้ย โหวตเราทำไม เปลืองกระดาษ”

“ก็ศุกร์หน้าตาดีออก เหมาะจะตาย”

“ไม่เอาอ่า” วันศุกร์บุ้ยหน้าแล้วส่งเสียงง้องแง้ง ทำเอาเขานึกอยากจะดึงอีกฝ่ายมากอด แต่คงทำไม่ได้เพราะมีสายตาอาฆาตจากรุ่นพี่ปีสามนายหนึ่งจ้องมาไม่ห่างตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น...เขาก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมหงอไม่สู้อะไรบ้างเลย ตราบใดที่สถานะของกันต์กับวันศุกร์ยังเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อนอย่างเขาก็มีสิทธิ์ทำคะแนนไม่แพ้กัน

“ศุกร์หน้าแดงๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติ แม้จะมองไม่ค่อยชัดเจนนักจากแสงไฟเพียงไม่กี่ดวงในยามค่ำคืน

“อืม...เรามึนหัวนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรหรอก”

อยากจะเติมคำว่า มั้ง ไว้ข้างหลัง เพราะเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีร้อยเปอร์เซ็นเท่าไร

“ส่งกระดาษให้พี่เลี้ยงนะครับ เสร็จแล้วลุกขึ้นเลย” พี่วินประกาศออกไมค์ ในขณะที่พี่เจนเดินมาไล่เก็บกระดาษจากรุ่นน้องในแถวกลับไป พร้อมทำมือเป็นสัญญาณ

วันศุกร์พรวดพราดลุกขึ้นทั้งที่ตัวโงนเงน ความรู้สึกปวดจี๊ดแล่นขึ้นสมองในเสี้ยววินาทีหนึ่ง ต้นหนเบิกตากว้างรีบใช้สองแขนประคองร่างเกือบล้มเอาไว้

“ศุกร์ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เรา…มึนๆ อะ” มือหนึ่งยกขึ้นกุมขมับ ร่างกายอ่อนเปลี้ย ได้แต่เอนตัวพิงแผ่นอกของเพื่อนด้านหลัง

เจ้าของร่างสูงโปร่งลุกออกจากเก้าอี้ข้างลำโพงเงียบๆ แล้วเดินมาดึงวันศุกร์เข้าไปซบอกตัวเองแทน น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยราวกับจะสั่ง

“ปล่อย”

“พี่กันต์” ทั้งต้นหนและวันศุกร์อุทานชื่อคนมาใหม่

“พี่ว่าเราไปพักก่อนเถอะ”

กันต์ก้มลงบอกเด็กในวงแขน แทบจะไม่ชายตามองรุ่นน้องอีกคนตรงนั้นเลยสักนิด เขากระดิกนิ้วเรียกให้เจนเข้ามารับช่วงต่อในการแก้ไขสถานการณ์ ยังไงการพาวันศุกร์ไปพักผ่อนตอนนี้ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดเท่าไร เพราะดูจากตารางกิจกรรม MC น่าจะปล่อยให้น้องเข้านอนในเร็วๆ นี้แล้ว เขาเพียงแค่อ้างกับคนอื่นว่าวันศุกร์ไม่ค่อยสบายจึงเพลียกว่าปกติก็จบเรื่อง


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 11.0-11.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 28-02-2017 22:08:43
วันศุกร์ที่ 11.5



ทั้งสองคนปลีกตัวเข้ามาอยู่ในห้องพักของพวกแก๊งเด็กเส้น ด้านในเป็นเตียงคู่ เสริมด้วยฟูกอีกตัวตรงกลาง ท่าทางว่าจะอยู่รวมกันสามคน วันศุกร์ถูกพาไปนอนแผ่บนเตียงริมในสุด แขนขาอ่อนแรง ใบหน้าร้อนผ่าว พวงแก้มสองข้างกลายเป็นสีแดงชัดยามต้องแสงไฟสีขาวในห้อง

เขาทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเตียง ทอดมองร่างบอบบางด้วยท่าทีเป็นห่วง คนเราเวลาเหล้าเข้าปากก็มักมีอาการแตกต่างกันไป สำหรับวันศุกร์ ดูเหมือนเพิ่งถูกสูบพลังงานชีวิตจนเกือบหมด ถึงได้นอนคดคู้ กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่แบบนี้

“เป็นไงบ้าง ไหวไหม?” เขาขยับตัวไปอยู่ข้างๆ มือใหญ่คอยปัดเส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาออกให้ คนตัวเล็กส่ายหน้า

“มึนหัวอะ เป็นอะไรก็ไม่รู้”

“งั้นนอนพักไปก่อน” พูดแค่นั้น ก่อนจะจัดแจงห่มผ้าคลุมกาย แล้วปลีกตัวออกไปกดโทรศัพท์หาตรีวิทย์

“เออมึง คืนนี้ให้วันศุกร์นอนที่ห้องเรานะ”

“อ่า งั้นมึงนอนไปเลย กูกับฑิตไปนอนรวมกับไอ้เซฟก็ได้”

“เอางั้นหรอวะ”

“เออน่ะ พวกกูก็ไม่อยากไปอยู่เป็นก้างขวางคอ”

กันต์หัวเราะน้อยๆ แล้วเป็นอันตกลง ไม่นานนักเพื่อนแสนรู้ทั้งสองก็เดินกลับมารวบกระเป๋าเสื้อผ้าอพยพออกไป ไม่ลืมแวะหยิบกระเป๋าของวันศุกร์มาไว้แทนที่ให้ด้วย

เขาจัดการพาตัวเองเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงจึงเดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเล็กออกมานั่งแหมะอยู่ข้างเตียงเหมือนเดิม เสียงลมหายใจเข้าออกของวันศุกร์ดังชัดเจน แม้แต่ร่างที่กำลังกระเพื่อมตามแรงหายใจก็ยังอดนึกว่าน่ารักน่าเอ็นดูไม่ได้

สงสัยจะเป็นเอามากแล้วสิ กันติกรณ์

เด็กแก้มแดงนอนหลับสนิทอยู่อีกเป็นชั่วโมง และกันต์ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน ริมฝีปากบางงึมงำอะไรบางอย่าง ก่อนจะพลิกตัวอีกสองสามที แล้วค่อยๆ ปรือตาตื่น นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มกว่า กันต์ช่วยประคองวันศุกร์ลุกนั่ง โดยมีกลุ่มหมอนซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง

คนตัวเล็กชะงักนิด เมื่อเห็นว่ากันต์กำลังเปลือยท่อนบนอยู่ หรือแม้แต่ด้านล่างเองก็ถูกปกปิดเพียงบางเบาเท่านั้น แม้จะพยายามไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาลงมอง ผ้าขนหนูสีขาวผืนเท่าผ้าเช็ดหน้าเด็กมัธยมรัดอยู่ตรงสะโพก ต่ำเตี้ยซะจนอดใจหายไม่ได้ ถ้าจะขนาดนี้ถอดเลยไม่ดีกว่าเหรอ.......เฮ้ย!

“ทะ...ทำไมไม่ใส่เสื้อ” เอ่ยถามตะกุกตะกัก เขาเริ่มรู้สึกดีขึ้นหน่อยแล้วถ้าเทียบกับอาการปวดหัวก่อนหน้านี้

กันต์ไม่ตอบอะไร เพียงแต่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เตรียมจะเดินไปหยิบกางเกงนอนที่พาดอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจก แต่ไม่ทันได้ก้าวเท้าไปไหน ก็ถูกมือเล็กคว้าเอาไว้ก่อน ดวงตากลมโตเพ่งพินิจลวดลายสีดำตรงแถวน้อยอีกฝ่าย

รอยสักรูปนก...

“พี่กันต์ สักด้วยเหรอ?” เขาจำไม่เห็นได้ หรืออาจเพราะไม่ทันสังเกต ทั้งที่เคยเห็นกันต์เปลือยอกมาก่อนตอนลงเล่นน้ำท้ายสวนของเซฟ แต่ความจริงตอนนั้นกันต์ก็ไม่ได้ใส่กางเกงเอวต่ำมากขนาดนี้หรอก

“อ่า ทำไม ไม่ชอบเหรอ?”

“ป…เปล่า”

ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบ แต่แปลกจัง ที่คิดว่ามันออกจะดูดีเหลือเกินยามพาดอยู่บนเรือนร่างของคนคนนี้ ไม่ผิดไปจากที่เคยบอกไว้...หุ่นกันต์ดีจนน่าอิจฉา กล้ามเนื้อไม่มากไปไม่น้อยไป ดูเหมาะเจาะและสมส่วนไปกับโครงหน้าเรียวหล่อเหลา ยิ่งร่องรอยใกล้วีไลน์นั่นก็ยิ่งยั่วเย้าให้เข้าไปสัมผัส...

โอ้ย ชักจะเป็นเอามากแล้วเนี่ย วันศุกร์

“มีอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม พลางแงะมือวันศุกร์ออกจากข้อมือตัวเอง แต่กลับเป็นฝ่ายเข้าไปกุมมืออีกฝ่ายไว้แทน เขาบีบเบาๆ เหมือนต้องการคำตอบ แต่เด็กตรงหน้ากลับรีบหลุบตาหนี

“เปล่า...แค่…รอยสักสวยดี”

กันติกรณ์กระตุกยิ้ม แล้วบังคับจับมือวันศุกร์ให้แตะลงบนรอยสักที่ว่า ร่างบางหน้าแดงเถือกกว่าเก่า พยายามจะชักมือกลับแต่ก็ทำไม่ได้

“ลองจับดูสิ”

“มะ…ไม่...”

วันศุกร์ค่อยๆ กลืนคำพูดอื่นลงคอ สายตามีเสน่ห์ของกันต์สะกดให้เขาหยุดเถียง พอปลงแล้วว่าคงขัดขืนอะไรไม่ได้ จึงเริ่มขยับนิ้วไปมา กันต์คลายมือที่จับไว้ออก ปล่อยให้เขาได้พิจารณาเจ้ารูปนกกำลังกางปีกบินอย่างโหยหาอิสระบนกล้ามเนื้อท้อง

ปลายนิ้วชี้จิ้มลงไปบนจุดด่างพร้อยหากก็งดงาม ค่อยๆ ไล้ไปตามแนวลวดลายเล็กๆ นั่นเนิบช้า หมึกสีดำซึมลึกเป็นส่วนหนึ่งกับร่างกาย ดูน่ากลัวและน่าตื่นตาในเวลาเดียวกัน ผิวกายของกันต์ไม่ได้ลื่นมือ แต่กลับมีแรงดึงดูดเสียจนไม่อยากผละไปไหน

ใบหน้าหวานเหม่อแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มยามได้ยินเสียงครางต่ำชวนให้คิดลึก

“อาา...”

“พ...พี่กันต์!”

กันติกรณ์หัวเราะชอบใจขณะที่มือเล็กถูกเจ้าตัวกระชากกลับ

“โทษที แต่โดนลูบตรงนั้น...มันก็เกิดอารมณ์น่ะสิ”

เพียะ!

วันศุกร์ตีแขนแกร่งไม่ยั้งมือ สายตาโกรธๆ ระคนขัดเขินตวัดขึ้นมองใบหน้ายียวนกวนประสาท

“ทะลึ่ง!”

คนถูกต่อว่าดูไม่สะทกสะท้าน แถมยังทำท่าเหมือนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง จนเขาต้องรีบขยับตัวหนีพลางปัดป่ายมือพัลวัน อาการเมามึนเมื่อครู่เกือบจะจางหายไปแล้วเชียว แต่สงสัยจะกลับมาอีกก็คงเพราะคนขี้แกล้งแถวนี้นี่แหละ

ครืด..ครืด...

มือถือของวันศุกร์สั่นครืดคราดอยู่บนโต๊ะหน้ากระจก กันต์เป็นคนเอามันออกจากกระเป๋ากางเกงให้เมื่อตอนที่พามานอนพัก คนตัวใหญ่เป็นฝ่ายเดินไปหยิบมา หัวคิ้วขมวดมุ่นยามเห็นชื่อบนหน้าจอนั้น

คำว่า ‘พี่เสาร์’ เด่นหรา พอให้ใครแถวนี้อารมณ์เสียตงิดๆ

“พี่เสาร์โทรมา”

“พี่เสาร์เหรอ...ยะ...อย่ารับนะพี่กันต์”

ใบหน้าหวานส่ายรัว เขายังไม่พร้อมที่จะคุยกับวันเสาร์ตอนนี้เพราะคงถูกจับไต๋ได้แน่ นอกจากจะยังมึนๆ อยู่บ้างเล็กน้อย สุ้มเสียงก็แหบพร่ากว่าปกติ ถ้าต้องโกหกวันเสาร์อีกเขาก็นึกไม่ออกแล้วว่าควรยกอะไรมาอ้างดี เผลอๆ ถ้ารู้ว่าเขาเกือบจะเป็นลมล้มพับ คงได้รีบแจ้นมารับตัวกลับตั้งแต่คืนนี้แน่

“ทำไมล่ะ”

“ก็ศุกร์เป็นแบบนี้ ศุกร์ไม่อยากให้พี่เสาร์เป็นห่วง”

“แล้วไม่รับจะไม่ยิ่งเป็นห่วงหรือไง”

“เดี๋ยวศุกร์ส่งข้อความไปบอกเอง เอามือถือให้ศุกร์หน่อย”

กันต์ไม่พูดอะไรต่อ แล้วยื่นโทรศัพท์เครื่องบางซึ่งหยุดสั่นไปแล้วให้ วันศุกร์หยิบไปจ้องหน้าจอนิ่งๆ อยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ข้อความโป้ปดครั้งที่ร้อย

[ HelloFriday: พี่เสาร์ ]

[ HelloFriday: ศุกร์ทำกิจกรรมอยู่ครับ รับสายไม่ได้ ]

[ HelloFriday: ไม่ต้องรอนะครับ นอนได้เลย ]

[ HelloFriday: ???? ]

เขากดปิดหน้าจอทันทีเพราะไม่อยากเห็นข้อความตอบกลับของพี่ชาย ความรู้สึกผิดตีขึ้นมาจุกอกจนคล้ายว่าจะปวดหัวอีกรอบ วันศุกร์คว่ำมือถือลงบนหัวเตียง ค่อยๆ นวดคลึงขมับทั้งสองข้างไล่ความเครียด กันต์ที่เห็นแบบนั้นก็รีบขยับตัวเข้าหา

“เป็นอะไร?”

“เปล่า...ศุกร์แค่รู้สึกไม่ดี”

“ยังไง อยากอาเจียนหรือเปล่า?” อีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วเบะปากคล้ายจะร้องไห้

“เดี๋ยวนี้ศุกร์โกหกพี่เสาร์บ่อยอะ รู้สึกแย่กับตัวเอง”

คนฟังใจกระตุกเล็กน้อย ความรู้สึกบางอย่างถูกจุดขึ้นมาในอก หากก็ไม่มั่นใจว่าคืออะไร โกรธเหรอ? หรือว่าน้อยใจกันแน่?

“ศุกร์นี่...ดูท่าทางจะแคร์พี่เสาร์มากเลยนะ”

“แคร์สิ ก็พี่เสาร์นี่” วันศุกร์ตอบกลับเสียงดังฟังชัด ภายในดวงตาคู่โตฉายแววของความสุขและความเศร้าปะปนกัน “พี่เสาร์เป็นเหมือนทุกอย่างของศุกร์เลย เพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยว่าง พี่เสาร์เลยเป็นคนเลี้ยงศุกร์มาเอง เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ทั้งเป็นตัวแทนพ่อกับแม่ด้วย”

“เหรอ...น่าอิจฉาจัง”

ฟังดูเหมือนจะเข้าไปแทรกไม่ได้เลยเนอะ...

“อิจฉาอะไรล่ะ” คนตัวเล็กถามเสียงขุ่นกว่าเดิมเล็กน้อย เขามองหน้ากันต์นิ่งๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าจะมาไม้ไหนอีกหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เขามักมีปากเสียงกันจากเรื่องของวันเสาร์แทบตลอด แต่พอสังเกตดีๆ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาเรื่องอย่างทุกที

กันติกรณ์ดูสงบเสงี่ยมลงอย่างกับมีใครเผลอไปกดปิดสวิชต์กวนตีนเข้าให้ ร่างสูงลุกออกไปจากเตียงโดยไม่ตอบ ทิ้งไว้เพียงคำพูดแผ่วเบา

“เดี๋ยวพี่มานะ”

แค่นั้น...ก็ทำเอาหัวใจเขาหล่นวูบไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม

กันต์เป็นอะไร ทำไมจู่ๆ ก็มีท่าทีเย็นชา ไม่เหมือนกันต์เลย...ไม่ชอบ...ไม่ชอบสีหน้าที่ดูเหมือนว่าเจ็บปวดแบบนั้น แต่จะให้ลุกออกไปถามตอนนี้ก็ไม่กล้า ไม่รู้ว่าควรถามอะไร ถามแล้วจะได้อะไร…บางที มันอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้

ประตูไม้ของรีสอร์ทถูกปิดตัวลง กันติกรณ์ควักเอาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นจุดสูบทั้งที่ว่างเว้นจากมันมานานพอสมควรแล้ว ภายในใจตีรวนด้วยหลากหลายความรู้สึก แน่นอนว่าเขาน้อยใจ เสียใจ โกรธ เคือง

นึกแล้วก็น่าขำ มันเป็นคำสาปหรืออะไรสักอย่างหรือเปล่า ที่ทำให้พี่สาวเขา เกศราต้องผจญกับความเคียดแค้นน้องชายของวันเสาร์ ข้อหาที่ได้หัวใจหมอนั่นไป ในขณะที่เขาก็กำลังถูกไฟสุมอกเพราะดูเหมือนว่าวันเสาร์คนนั้น จะได้ความรักจากวันศุกร์ คนที่เขาหมายปองไปหมดเลยเช่นกัน

ตลกดี...แต่กลับหัวเราะไม่ออกสักนิด

ไอ้สองพี่น้องชื่อเป็นวันนี่จะรู้ตัวบ้างไหม ว่ากำลังปั่นป่วนครอบครัวเขามากมายขนาดไหน

“เฮ้ออ...”

 

 

“เดี๋ยวพี่เลี้ยงพาน้องแต่ละสีเข้าฐานเลยนะคะ ให้เวลาฐานประมาณ 15-20 นาทีน้า” ต้นหลิวประกาศ ก่อนจะปล่อยให้น้องแต่ละสีเดินออกไปจากลานกิจกรรมทีละแถว ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปเข้าฐานพบปะรุ่นปีชั้นปีต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ฐาน ตามจำนวนกลุ่มพอดี ก็คือปี 2-4 พี่บัณฑิต และพี่ซุปเปอร์บัณฑิต ส่วนสถานที่ก็กระจายกันออกไปตามหาดท้ายรีสอร์ท

กลุ่มสีฟ้าของวันศุกร์ถูกพาเดินไปเพียงใกล้ๆ เพื่อเข้าฐานพี่ปี 2 เป็นอันดับแรก มีพี่ๆ ยืนรอต้อนรับจำนวนหนึ่ง อาจจะไม่ถึงกับทุกคนเพราะมีปีสองหลายคนที่ต้องไปทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยด้านอื่นๆ เนื่องจากเป็นแม่งานรับน้องปีนี้ พวกเขานั่งลงบนทราย เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวและพูดคุยพอออกรส ก่อนที่พี่พีทแกนรุ่นจะก้าวขาออกมาอธิบายถึงเกมที่ได้เตรียมไว้

“น้องๆ เห็นกระดาษพวกนี้ไหมครับ” กระดาษโพสอิทแบบไม่มีกาววางอยู่บนถาด “เราจะมาเล่นเกม Paper Kiss กัน”

เกิดเสียงโห่ฮาตามมาแทบจะทันทีที่ได้ยินชื่อเกม พีทพูดต่อไปว่าจะให้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อยก็คือฝั่งผู้ชายกับผู้หญิง โดยมีรุ่นพี่เข้าไปร่วมแจมด้วยเพื่อให้จำนวนสมาชิกสมมาตรกัน โดยกติกาก็ง่ายๆ แค่ให้ส่งกระดาษต่อกันไปเรื่อยๆ ผ่านทางปาก คนสุดท้ายก็เอาไปใส่ในกล่อง ทีมไหนได้กระดาษมากกว่าก็ชนะไป

ทุกคนลุกขึ้นยืนปัดทรายออกจากเนื้อตัว แล้วเดินไปเรียงแถวตอน แต่ยังไม่ทันได้เริ่มก็มีเสียงทุ้มดังแทรกขึ้นมาก่อน

“พี่ขอเล่นด้วยสิ” กันติกรณ์ย่างสามขุนเข้ามาคั่นกลางระหว่างต้นหนกับวันศุกร์ซึ่งกำลังยืนตีหน้าเหลอหลาอยู่ปลายแถว

พีทลอบหัวเราะในท่าทีของรุ่นพี่จอมบงการ แล้วยอมสละชีพ พาตัวเองไปอยู่ถัดจากต้นหนแทน เพราะรู้ดีว่ากันต์คงไม่อยากต่อปากกับเด็กหน้าหล่อนี่แน่ๆ ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าต้นหนคิดยังไงกับวันศุกร์ และแน่นอนว่ากันต์ต้องไม่ชอบใจนัก

“พี่กันต์”

“ไอ้เกมห่านี่ เล่นต่อจากพี่คนเดียวก็พอ เข้าใจมะ”

คนตัวเล็กหน้าขึ้นสี ไม่กล้าคิดไปเองว่ากันต์อาจจะกำลังเป็นห่วง...หรือหึง ถึงอย่างนั้นก็โล่งอกขึ้นนิดหน่อย เพราะถ้าให้รับกระดาษต่อจากกันต์ก็อาจจะยังรู้สึกเกร็งน้อยกว่าคนอื่นก็ได้…เหรอ

“โอเค ทุกคนพร้อมนะ” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นฟ้า ก่อนจะสะบัดแขนลงพร้อมส่งสัญญาณ “เริ่ม!”

กระดาษสีเหลืองอ่อนถูกโปะเข้าปากคนหัวแถว ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังคนด้านหลังเรื่อยๆ มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นเป็นแบ็คกราวด์ตลอดเวลา พวกรุ่นพี่ผู้หญิงค่อนข้างให้ความสนใจแถวผู้ชายมากเป็นพิเศษ บางรายถึงขั้นหยิบมือถือขึ้นกดอัดวิดีโอ หน้าตาลุ้นๆ ของพวกเธอดูไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าพวกโรคจิตในข่าวหน้าหนึ่งซะอีก

“เร็วๆๆ” เสียงปรบมือและตะโกนเชียร์ดังกระตุ้นอารมณ์สนุก แอบเห็นว่าฝั่งของผู้หญิงได้กระดาษใบแรกเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ฝ่ายชายยังคงติดอยู่ตรงพีทกับกันต์ ซึ่งดูรังเกียจเดียดฉันท์กันน่าดู แต่ที่สุดก็ผ่านไปได้เมื่อกันต์ออกแรงดูดลมเข้าปากแรงๆ ทีเดียวอย่างจำใจ

เขารีบหันไปรั้งท้ายทอยวันศุกร์ไว้ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดนำหน้าจากบรรดาสาวๆ ละแวกนั้น คนท้ายแถวตีหน้าตื่น สองมือเผลอกำชายเสื้อของอีกฝ่าย อวัยวะภายในอกซ้ายดังโครมคราม

กันต์เอียงคอเล็กน้อยยิ่งเรียกเสียงกรีดร้องจากด้านหลัง ใบหน้าคุ้นเคยกับกระดาษสีเหลืองจ่ออยู่เพียงใกล้ วันศุกร์หลับตาปี๋ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงพื้นผิวสากๆ เขาพยายามดูดปากรับกระดาษมาไว้แต่กลับรู้สึกหมดแรง เนื่องจากหัวใจกำลังทำงานหนัก นิ้วเรียวกดลงตรงหลังคอเหมือนอยากจะบอกให้เขารีบรับไปซะเพราะทางฝ่ายกันต์เองก็ไม่ได้มีลมเต็มปอดสักเท่าไร

“กรี๊ดดด!”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 11.0-11.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 18-03-2017 20:59:08
วันศุกร์ที่ 12.0



“กรี๊ดดด!”

เพียงเสี้ยววินาทีถัดมา กระดาษแผ่นบางก็ร่วงปลิวลงบนพื้น เกิดเสียงกรีดร้องโวยวายดังไปทั่วหาดเรียกสายตานับสิบนับร้อยคู่ ทั้งสองผละตัวออกจากกันไวๆ ด้วยความตกใจ โดยเฉพาะคนเด็กกว่าซึ่งบัดนี้หน้าแดงเรื่อ สัมผัสนุ่มหยุ่นตรงเข้าแทนที่เพียงแค่พริบตาหนึ่ง กลับทำให้หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกมานอกอก

เขารีบยกหลังมือขึ้นปิดปาก พวงแก้มร้อนผ่าว หากกันต์ก็ยังเอาแต่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ทุกข์ร้อน เพื่อนร่วมทีมตกใจกันได้ไม่ทันไรก็หันไปเริ่มส่งกระดาษใหม่อีกครั้ง เกมการแข่งขันยังดำเนินต่อไปพอให้หัวใจของเขาสั่นไหวระดับ 8.1 ริกเตอร์ มีเสียงหัวเราะชอบใจจากพะเพื่อนดังเข้าหูไม่ห่าง ยิ่งอยากจะมุดหน้าลงพื้นทรายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

ผ่านไปได้อีกแค่ไม่กี่รอบ รุ่นพี่ก็เป่านกหวีดหมดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายผู้หญิงชนะไปอย่างขาดลอย

พีทเรียกรวมตัวทุกคนอีกครั้งเพื่อสรุปกิจกรรมทิ้งท้าย สายตาคอยเหลือบมองเพื่อนที่ทำหน้าที่ Runner คอยจับเวลาและรันงาน ส่วนฐานต่อไปคือฐานของพี่ปี 3 วันศุกร์ถูกกันต์ดึงมาเดินข้างตัว ไม่ยอมให้ต้นหนหรือใครหน้าไหนมีโอกาสเข้าแทรกได้เลย

“เมื่อกี้พี่กันต์แกล้งศุกร์ปะเนี่ย” คนตัวเล็กยู่ปาก นึกถึงเหตการณ์พาหัวใจวายเมื่อครู่

“ที่กระดาษหลุดอะนะ?”

“ก็เออสิ รู้ไหมว่าปากมัน...”

มันโดนกัน… เขาอยากจะพูดต่อให้จบแต่พอเหลือบเห็นสายตากะลิ้มกะเหลี่ยแล้วก็ต้องกลืนทุกคำลงท้อง กันต์หัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู

“เรื่องแบบนี้ พี่ไม่เห็นต้องแกล้งเลย”

มะ...หมายความว่าไง!

วันศุกร์กัดริมฝีปากล่างอย่างเคืองๆ ระหว่างเดินตามไปเข้าฐาน ตรีวิทย์กับบัณฑิต รวมทั้งเซฟและกระแตที่ยืนรออยู่หันมาส่งยิ้มให้เขาแทบจะพร้อมเพรียงกัน แอบเห็นเพื่อนในกลุ่มของมิวคอยหลบสายตาเขาอยู่ตลอด แน่ล่ะ ตั้งแต่เรื่องคืนนั้น กันต์ก็ใช้อำนาจหลานคณบดีสั่งพักการเรียนมิว แถมยังส่งคนตามไปซ้อมอีกชุดใหญ่ ป่านนี้ไม่รู้ได้ออกจากโรงพยาบาลหรือยัง

รุ่นพี่ผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักก้าวออกมากล่าวต้อนรับเป็นคนแรก ก่อนจะเวียนแนะนำตัวเหมือนเดิม ตอนนี้กันต์เดินมานั่งแทรกอยู่ในแถวของรุ่นน้อง แฝงตัวอยู่ด้านหลังเขาไม่ยอมออกห่าง ทุกครั้งที่ต้นหนพยายามจะชวนคุยก็ต้องคอยขัดแข้งขัดขาตลอด

“ให้น้องปีหนึ่งจับคู่กับพี่ปีสาม ขี่คอกันไปอ้อมหลังเสาตรงนู้น” คนอธิบายกติกาชี้นิ้วไปทางเสาไม้ผุๆ ติดธงสีแสดโผล่พ้นออกมาจากผิวน้ำ ระดับลึกเกือบถึงอก

“แบ่งเป็นสองทีมนะคะ”

เกิดความวุ่นวายระหว่างจับคู่แบ่งกลุ่มชั่วขณะ ก่อนจะลงตัวในไม่กี่นาทีต่อมา วันศุกร์ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เขาเองไปไหนไม่รอดต้องคู่กับกันต์แทบจะแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนต้นหนเจ้าปัญหาก็โดนพี่ผู้หญิงลากไปตั้งแต่สิ้นเสียงประกาศ ซึ่งตามกติกาไม่ได้กำหนดว่าชั้นไหนจะต้องเป็นฐานหรือชั้นไหนเป็นคนขี่

“มองอะไร” กันต์พูดเสียงเข้ม พลางจับใบหน้าวันศุกร์ให้หันมามองตัวเองแทนที่จะยืนส่งยิ้มเรี่ยราดให้ไอ้เพื่อนหน้าหล่อทีมข้างๆ ซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับพวกเขาพอดี

“ต้องแข่งกับหนด้วย”

“เออดี ให้มันรับรู้ความพ่ายแพ้ซะ”

“มั่นใจเนอะ”

กันต์ยักไหล่แล้วยกมือขึ้นยีหน้าม้าของรุ่นน้องไปสองสามที

“แต่ก็น่าจะชนะมั้ง...”

ดวงตากลมสอดส่ายมองสมาชิกทีมซึ่งประกอบไปด้วยบัณฑิต ตรีวิทย์ กับเซฟ...อ้อ แล้วยังมีคนนึงจากกลุ่มของมิวด้วย คนนี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น แต่จำได้ว่านั่งรวมอยู่ในกลุ่มของมิวเมื่อตอนวันกีฬาสี เอาจริงๆ ก็ไม่คิดว่าจะจำได้เพราะรุ่นพี่คนนี้ดูไม่ค่อยมีบทบาท ถ้ามองเผินๆ จะคิดว่าเป็นแค่ตัวประกอบฉาก แต่ไม่ใช่เลย ที่เขาจำได้แม่นก็เพราะรูปร่างหน้าตาไม่โหดเถื่อนเหมือนคนอื่น ผิวขาวและสูงโปร่ง ไม่สมควรเป็นเพื่อนกับพวกแก๊งเศษเดนนั่นเลยแม้แต่น้อย

“พี่กันต์ พี่คนนั้นชื่อไรอะ?” เขาสะกิดคนข้างตัวแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางท้ายแถว ตอนนี้เห็นว่ารุ่นพี่คนนั้นกำลังหันไปคุยกับเซฟด้วยท่าทีสนิทสนม

“ถามทำไม?”

“ก็แค่ถามไม่ได้หรือไง ตอบมาสิ”

“ชื่อขิง มีอะไรกับมัน”

“เปล่า”

“เปล่าแล้วถามทำไม” กันต์ยังคงซักไซ้ เพราะขิงเป็นเพื่อนของมิว คนที่เคยทำเรื่องเลวๆ กับวันศุกร์ เขาจึงไม่ไว้วางใจ ไม่อยากให้ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนั้นอีก

“แค่สงสัย ว่าพี่เขาไปอยู่กลุ่มเดียวกับไอ้พี่มิวได้ยังไง ดูไม่ใช่คนนิสัยเสียเลยนะ”

คนตัวเล็กเอียงคอมองขิง ซึ่งกำลังยืนหัวเราะตาหยีกับเพื่อนร่วมรุ่น ไม่รู้คุยอะไรกันแต่ดูท่าจะสนุกสนานดี กันต์เองก็เผลอมองตามด้วยอีกคน ในหัวพยายามนึกหาคำตอบแต่กลับไม่พบ ความจริงเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอัธยาศัยดีอย่างขิงไปสนิทกับมิวตอนไหน

“เออ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรื่องของคนอื่น เราไม่ต้องไปยุ่งหรอก”

เขาอ้าปากจะเถียง แต่เสียงนกหวีดเริ่มเกมก็ขัดขึ้นก่อน เสียงเชียร์ดังกระหึ่มอีกครั้ง คู่หัวแถวเคลื่อนตัวออกไปแล้วอย่างรวดเร็ว ส่วนเขากับกันต์นั้นเป็นคู่ที่สาม พอถึงตาคู่สอง กันต์ถึงสะกิดให้เขากระโดดขึ้นเกาะหลังอย่างกับลูกลิง แขนสองข้างรีบคว้าลำคอหนาเอาไว้ด้วยหวั่นๆ แต่เสียงทุ้มก็ยังคงทำให้เขาอุ่นใจได้เสมอ

“ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำเราตกหรอก”

“ย…ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”

เจ้าของใบหน้าหวานบ่นเสียงอ้อมแอ้ม แล้วกระชับวงแขนขึ้นอีกเล็กน้อยแต่ก็ไม่แน่นเกินไปให้คนด้านหน้าหายใจไม่ออก ก่อนที่คู่ก่อนหน้าพวกเขาจะวิ่งหน้าตั้งกลับมาแปะมือด้วย

ทั้งกันต์และต้นหนออกตัวแทบจะพร้อมกัน ยิ่งเร้าให้กองเชียร์รอบข้างโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น แขนแกร่งกระแทกบั้นท้ายมนขึ้นเมื่อรู้สึกว่าร่างเล็กเริ่มไหลลงใกล้ตก วันศุกร์พยายามหนีบหัวเข่าไว้กับเอวของกันต์แน่นๆ ใจหนึ่งก็กลัว อีกใจก็นึกสนุก ละอองน้ำเค็มพิลึกคอยแต่จะกระเซ็นเลอะหน้าเลอะตา

“โอ้โห สูสีมาก!” รุ่นพี่ประจำฐานตะโกนเมื่อเห็นว่าทั้งสองทีมอ้อมหลังกลับมาไล่เลี่ยกันจนแทบมองไม่ออกว่าฝ่ายไหนกำลังนำอยู่กันแน่

ทั่ก ทั่ก ทั่ก…

เสียงเท้ากระแทกทรายดังรุนแรง ผู้ชายทั้งสองคนวิ่งเอาตายแบบไม่สนใจอากาศเย็นที่เพิ่งพัดมากระทบร่าง วันศุกร์ยืดแขนออกไปสุดความยาวเพื่อแปะมือให้คู่ถัดไปออกตัว เขารีบกระโดดลงจากหลังเมื่อหมดหน้าที่ พะเพื่อนเดินยิ้มกว้างเข้ามาแอบแชะภาพแบบไม่ให้ตั้งตัวเหมือนเคย

“เมื่อกี้มันอะไรเนี่ย ศึกหัวใจหรือไง” เธอแกล้งมองหน้ากันต์ที เลยไปทางต้นหนที

“พี่เพื่อน พูดอะไรก็ไม่รู้”

“ฮ่ะๆ แต่เมื่อกี้เสมอกันนะ”

“เสมอเกม แต่ชนะใจว่ะ” กันต์หันไปยกยิ้มบอกเพื่อน ไม่ได้มองเลยว่าวันศุกร์กำลังยืนทำตาโตจนแทบถลน

“มโนเปล่าแก”

“ว่าไง พี่มโนรึเปล่า?” คราวนี้หันมาถามเด็กปีหนึ่งที่ยังตีหน้าเหลอหลา แก้มใสเปื้อนสีแดงเรื่อ

มโนรึเปล่าอะไรล่ะ! นี่คิดจะแกล้งกันหรือไง คำถามนั้นควรเป็นเขามากกว่าที่ถาม ที่คิดอยู่ทุกวันนี้อะ มโนไปเองหรือเปล่า ถ้าคิดว่าพี่กันต์เองก็มีใจให้จริงๆ ไม่ใช่แค่มาแกล้งเล่นน่ะ มันมโนหรือเปล่า?

วันศุกร์เบือนหน้าหนี ไม่ทันได้ตอบก็ถูกสัญญาณเพลงจากลานกิจกรรมเรียกกลับไปรวมตัวเพราะถึงเวลาพักกินข้าวกลางวันพอดี คนตัวเล็กปลีกตัวออกไปสงบสติอารมณ์บ้าๆ บอๆ ในห้องน้ำเพียงลำพัง ปล่อยให้รุ่นพี่แก๊งเด็กเส้นนั่งรออยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวเดิมกับเมื่อวาน

กันติกรณ์นั่งเลื่อนหน้าจอมือถือไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านหลัง ทั้งสามหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเด็กปีหนึ่งหน้าตาสะสวยโดดเด่น ผิวขาวอมชมพูกับรอยยิ้มน่ารักๆ คงทำให้ผู้ชายหลายคนคล้อยตามได้ไม่ยาก ป้ายชื่อที่พลิกออกปรากฏชื่อ จินนี่ ลีดคณะของพวกเขานี่เอง

“พี่กันต์ รหัสนักศึกษา xx018 รึเปล่าคะ?” เขาพยักหน้าและยิ้มรับน้อยๆ เธอดูตื่นเต้นดีใจ หันไปส่งสายตากับเพื่อนอีกคน ก่อนจะถือวิสาสะลงมานั่งบนเก้าอี้ตัวยาวข้างกัน

“กว่าจะหาเจอ นี่ หนูเป็นหลานรหัสพี่กันต์อ่ะค่ะ”

“อ๋อ...”

เขาพยายามปั้นหน้ายิ้มเอาไว้ ไม่ให้ใครจับได้ว่าลืมเรื่องสายรหัสอะไรนี่ไปนานแล้ว เพราะปกติก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายเลยไม่คิดว่าจะต้องสนใจ แต่รุ่นน้องเข้ามาทักเองแบบนี้ ครั้นจะให้ขับไล่ไสส่งก็คงไม่ได้

“ชื่อ...จินนี่ ใช่ไหม?”

“ค่ะ เพื่อนหนูเขารู้จักสายรหัสกันหมดแล้ว มีหนูนี่แหละเพิ่งเจอ” เธอว่าเสียงตัดพ้อ “ในกลุ่มคณะมีให้โพสตามหา พี่กันต์ก็ไม่เห็นมาตอบหนูเลย”

“อ่า...ในเฟซบุ๊กอะเหรอ พี่ไม่ค่อยได้เล่นน่ะ โทษทีนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็เพิ่งรู้ว่าพี่รหัสหนูซิ่วไปแล้ว เลยไปถามพี่ปีสามมาจนรู้ว่าพี่กันต์เป็นลุงรหัส”

“อ๋อ อืม”

เกิด Death Air ขึ้นช่วงหนึ่ง จินนี่ก็ยังเอาแต่ยิ้ม และเขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจนตรีวิทย์ต้องใช้เท้าเขี่ยจากใต้โต๊ะ สีหน้าดุๆ บอกให้รู้ว่าองค์พ่อองค์แม่ที่ไหนไม่รู้เข้าสิงเพื่อนแว่นอีกแล้ว

“แล้วช่วงนี้น้องจินนี่เรียนเป็นไงบ้างครับ?” ตรีเป็นฝ่ายช่วยเปิดประเด็นเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดจนเกินไป

ตรีวิทย์กับบัณฑิตคอยผลัดกันชงให้กันต์ชวนน้องคุยสักพัก กั้งกับนัทก็ตามมาสมทบ กันต์ได้แต่ถามคำตอบคำกับหลานรหัส ทั้งที่หัวใจลอยไปอยู่กับคนในห้องน้ำ ยิ่งนานเข้าก็ชักจะเป็นห่วง

“กั้ง ทำไมศุกร์ช้าอย่างนี้ล่ะ?”

“มันบอกมันปวดขี้อะพี่” นัทตอบให้ ก่อนจะถูกจินนี่สวนกลับขึ้นมาทันควัน น้ำเสียงเง้างอดน่ารำคาญหู

“พี่กันต์นี่สนิทกับวันศุกร์มากเลยนะคะ เดี๋ยวนี้ตัวติดกันตลอดเลย คงไม่มีเวลามาดูแลหลานรหัสอย่างหนูละมั้ง”

อยากจะตอบว่าเออ แต่ก็ทำได้แค่ส่ายหน้า

“เปล่าสักหน่อย พี่ก็ดูแลรุ่นน้องทุกคนเหมือนกันนั่นแหละ ไว้มีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้นะ แต่ตอนนี้พี่ว่าจินนี่กับเพื่อนไปกินข้าวก่อนดีกว่า” เขาพยายามคุมน้ำเสียงให้ดูเป็นรุ่นพี่ที่แสนดี ทั้งที่ความจริงเด็กในคณะก็น่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเหตุการณ์อันธพาลครองเมืองเมื่อตอนวันปฐมนิเทศ แต่จะให้มาตวาดใส่หน้ารุ่นน้องผู้หญิงก็คงถูกตราหน้าว่าอีคนใจบาป เลยได้แค่พูดจากล่อมให้เจ้าหล่อนลุกออกไปซะอย่างสุภาพที่สุด ซึ่งก็ได้ผล เพราะจินนี่กับเพื่อนยอมเดินกลับไปแล้ว

พร้อมกับการปรากฏตัวของอีกคนแทน…

“พี่กันต์” เสียงคุ้นเคยของวันศุกร์ดังข้ามหัวมา “สนิทกับจินนี่ด้วยเหรอ?”

“เปล่า เพิ่งเคยคุยกันเมื่อกี้เอง เขาเป็นหลานรหัสพี่อะ”

“อ๋อ...” คนตัวเล็กพยักหน้า รีบกวักมือเรียกให้เพื่อนอีกสองคนของตัวเองเดินไปตักข้าวด้วยกัน พยายามปิดซ่อนใบหน้านิ่งตึง เพราะดันเกิดอาการน้อยใจแปลกๆ เมื่อได้ยินประโยคของกันต์เมื่อครู่

‘พี่ก็ดูแลรุ่นน้องทุกคนเหมือนกันนั่นแหละ’

ก็ใช่น่ะสิ...สำหรับกันติกรณ์ เขาก็เป็นแค่หนึ่งในรุ่นน้องคนนึงที่ต้องดูแล ไม่ได้สำคัญหรือพิเศษไปมากกว่าใครคนอื่นสักหน่อย

แล้วจะคาดหวังอะไรล่ะ...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 12.0-12.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 18-03-2017 21:01:49
วันศุกร์ที่ 12.5



กิจกรรมช่วงบ่ายผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น พอให้เขาคลายความน้อยอกน้อยใจลงไปได้บ้าง พอตกกลางคืนก็เป็นไฮไลท์ของงาน รุ่นพี่ให้แต่ละกลุ่มออกมาแสดงละครสั้น ทุกคนก็งัดมุกงัดไม้ออกมาเรียกเสียงกรี๊ดเสียงฮากันแบบไม่ยอมใคร พอท้องฟ้ากลายเป็นสีดำเกือบสนิท ก็ถึงเวลาของการประกาศตำแหน่ง ดาว เดือน ดิน ประจำปีนี้

ตำแหน่งดินจะเป็นของใครไปไม่ได้จริงๆ นอกจากเปา สายกีฬาควบสายฮาอันดับหนึ่ง ส่วนตำแหน่งดาวก็ตกเป็นของจินนี่ หลานรหัสไอ้พี่กันต์นั่นแหละ ตอนแรกก็ชอบอยู่หรอก หน้าตาน่ารักดี แต่พอเห็นมาเจ๊าะแจ๊ะกับกันต์แล้วเขาก็อดจะตะขิดตะขวงใจด้วยไม่ได้

ส่วนตำแหน่ง เดือน ตำแหน่งสุดท้ายก็ถูกมอบให้กับ ต้นหน ตามคาด ก่อนจะตัดเข้ากิจกรรมต่อไปซึ่งหลายคนกำลังรอคอย…

คอนเสิร์ต

ใช่ มีคอนเสิร์ตรอบดึกด้วยนะ โดยเปิดโอกาสให้เด็กในคณะได้โชว์ของกันแบบเต็มที่ การแสดงก็ไล่ไปเลย ตั้งแต่ปี 1 ถึงปีสูงเรื่อยๆ ไฟในลานกิจกรรมดับลง แล้วเปิดเป็นสปอตไลท์สีฉูดฉาดแทนที่ยิ่งเร้าอารมณ์สนุกให้กับนักศึกษา รุ่นพี่ปล่อยให้รุ่นน้องกระจายตัวตามอัธยาศัย ระหว่างรอให้ฝ่ายซาวด์ขึ้นไปเทสเสียง

ต้นหนที่ยังคงถือดอกไม้ปลอมแสดงความยินดีตำแหน่งเดือนเมื่อครู่ พุ่งตัวเข้ามาคว้าข้อมือวันศุกร์ไว้ก่อนจะคลาดสายตา

“ศุกร์ ไปเชียร์เราหน้าเวทีเลยนะ”

“หนจะขึ้นร้องเพลงเหรอ?”

“อื้อ”

“สู้ๆ นะ”

เขาส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะเดินแทรกฝูงชนจนไปยืนเกาะขอบเวทีด้านหน้าได้ในที่สุด สายตาคอยชะเง้อมองหาพวกแก๊งเด็กเส้นก็พบว่ายืนหลบมุมอยู่แถวลำโพง ในมือถือแก้วน้ำสีอำพัน หันไปชนกับพวกพี่ปีสูงท่าทางผ่อนคลาย เข้าใจว่าคงไม่อยากเข้ามาชุลมุนรวมกับพวกรุ่นน้องในดง ถึงอย่างนั้น สายตาของกันต์ก็ไม่ได้ออกห่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย

สุดท้ายก็เป็นเขาเอง ที่เบือนหน้ากลับมาสนใจเพื่อนร่วมรุ่นบนเวทีแทน ต้นหนนั่งเคาะไมค์ ข้างๆ กันมีเพื่อนผู้ชายอีกคนกำลังเช็คสายกีตาร์โปร่ง

ทันทีที่ไฟสีส้มสาดลงบนเวที เหล่าคนเบื้องล่างก็กรีดร้องระงมจนต้องยกมือขึ้นอุดหู เสียงดนตรีดังคลอพร้อมเสียงนุ่มของเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังเขามาตลอดวันสองวันมานี้ ต้นหนกวาดสายตาไปรอบๆ ลานกิจกรรม แต่ก็มักจะมาหยุดลงตรงหน้าวันศุกร์อยู่บ่อยๆ

“ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว...”

แม้แต่คนโดนมองเองก็เผลอจ้องกลับอย่างไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง เพียงเพราะแค่กำลังอินไปกับบทเพลงโปรด เพลงความลับ ของวงพอส เป็นหนึ่งในเพลงอมตะสำหรับวันศุกร์ เพราะไม่ว่าจะฟังเมื่อไร ก็ยังไพเราะกินใจ ยิ่งกับสถานการณ์ในตอนนี้ เนื้อหาเพลงก็ยิ่งตอบรับกับชีวิตจริงซะเหลือเกิน

ดวงตาเป็นประกายผละจากใบหน้ายิ้มแย้มของนักร้องรูปหล่อ ค่อยๆ เหลือบหางตาไปยังกลุ่มผู้ชายแถวลำโพงตัวใหญ่ ใบหน้าเรียวคมของกันติกรณ์ฉายเด่นอยู่บริเวณนั้นพอให้หัวใจเต้นกระตุกไปตามจังหวะดนตรี

“…และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม...”

โปรดบอกความในใจ...ให้ฉันรู้ทีนะเธอ

เสียงเพลงดังขึ้นในหัว พอดีกับที่สายตาของเขาประสานเข้ากับดวงตาเรียบนิ่งของคนที่กำลังแอบมองมาเช่นกัน กันต์เผยรอยยิ้มบางๆ ซึ่งหากไม่สังเกตก็คงไม่เห็น แต่กลับดูเด่นชัดในความรู้สึก

วันศุกร์แก้มร้อน รีบหันหน้ากลับมาสนใจเพื่อนบนเวทีจนการแสดงจบลง ก็ถึงคราววงของพี่ปี2 ไล่ไปตามลำดับ ทุกคนล้วนสนุกสนานและปลดปล่อยลูกบ้าออกมาพอตัว

ต้นหนกลับลงมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ หลังจากเคลียร์พวกเครื่องดนตรีเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันได้ถึงตัววันศุกร์ก็โดนรุ่นพี่ผู้หญิงปีสูงลากไปชวนคุยซะก่อน ภาพสุดท้ายคือรอยยิ้มน่ารักเหมือนเคยจากเพื่อนตัวเล็ก ราวกับต้องการให้กำลังใจ ในส่วนของวันศุกร์ พอไม่ต้องคอยอยู่เชียร์ต้นหนแล้วก็ค่อยๆ เบียดตัวเองออกมาจากฝูงชน เพิ่งเห็นว่าเพื่อนสนิทอย่างกั้งกับนัท กำลังยืนจิ๊จ๊ะอยู่กับพวกสาวๆ ไม่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่เมื่อกี้เท่าไรนัก

บัณฑิตกวักมือเรียกเขาหยอยๆ ทำให้ต้องเดินเข้าไปสมทบด้วยอย่างช่วยไม่ได้

“กินไรไหม?” กันต์ถามขึ้น

“ไม่เอาอะ”

“เมื่อกี้ยืนฟังไอ้ต้นหนร้องเพลง ตาเป็นประกายเชียวนะ” มือใหญ่ล็อคคอเขาไว้จากทางด้านหลัง

และแน่นอนว่าการขัดขืนนั้นเปล่าประโยชน์ จึงยอมเอนตัวลงซบแผงอกกว้างอย่างโดยดี ถึงจะต้องทนกับสายตาหยอกล้อของบัณฑิตกับตรีวิทย์ก็ตาม ส่วนพี่ปีสูงคนอื่นที่เคยยืนคุยอยู่ตรงนี้ ปลีกตัวกลับไปนั่งชงเหล้าบนโต๊ะกันหมดแล้ว

“ก็ชอบนี่…” วันศุกร์เอ่ยเสียงอุบอิบ จนกันต์ต้องกระทุ้งแขนกับปลายคางเขาเบาๆ พลางถามกลับเสียงแข็ง

“ว่าไงนะ?”

“หมายถึงว่าศุกร์ชอบเพลงที่ต้นหนร้อง”

“เออดี ชอบแค่เพลงก็พอ”

คนตัวเล็กชั่งใจวูบหนึ่ง ก่อนเอี้ยวตัวขึ้นสบสายตาดุคม คำพูดเชิงท้าทายถูกเปล่งออกไปก่อนที่สมองจะประมวลผลได้ทันด้วยซ้ำ

“แล้วถ้าชอบต้นหนล่ะ?”

ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น กระชับวงแขนแน่น

“เดี๋ยวจะเจอดี”

“ทำไม หึงเหรอ?” วันศุกร์เผลอพูดในสิ่งที่คิด ก่อนจะนึกอยากตบปากตัวเองสักร้อยยี่สิบห้าที ทั้งที่เป็นฝ่ายแกล้งหยอดเขาก่อน แต่ตอนนี้หัวใจกลับเต้นรัวยิ่งกว่าตอนลุ้นผลแอดมิชชั่น

กันติกรณ์นิ่งไปเพียงครู่หนึ่งจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากหนักแน่น

“อือ”

ไม่ต้องปฏิเสธให้มากเรื่อง และแค่นั้นก็ทำให้เด็กในอ้อมกอดยอมเงียบปากไม่ถามอะไรอีก วันศุกร์รีบเบือนหน้ากลับไปมองนกมองไม้ อวัยวะภายในอกส่งเสียงดังราวกับจะแข่งกับดนตรีสด แก้มสองข้างร้อนผ่าวอย่างกับคนเพิ่งดื่มเหล้ามาหมาดๆ

หมายความว่ายังไง หึง? หึงทำไม ทำไมหึง สรุปมันยังไงกันแน่!

ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งคิดเตลิดว่าเราใจตรงกันน่ะสิ ทำไงดี อยากรู้แล้ว...ความรู้สึกของกันต์...

อยากรู้ตอนนี้เลย

“พะ…”

“เอาล่ะครับ เพลงสุดท้ายของพวกเรา ก็ยังคงเป็นเพลงเศร้าเหมือนเดิม” เสียงนักร้องนำปี2 ดังออกมาจากลำโพงพอให้เขาสะดุ้งนิดๆ หลุดออกจากไอ้ความคิดบ้าบิ่น ดูเหมือนบรรยากาศแสงสียามดึก สัมผัสจากวงแขนอุ่น คำพูดส่อสื่อ กับน้ำแดงรสแปล่มซึ่งแฝงไว้ด้วยตัวกระตุ้นทั้งหลาย จะทำให้วันศุกร์นึกอยากทำใจกล้าดูสักที แต่ก็ยังดีที่ห้ามปากไว้ทัน

เวลาล่วงเลยไปจนเฉียดๆ เที่ยงคืน แค่น้ำแดงผสม M-150 คงยังไม่พอ เพราะเห็นหลายคนเริ่มหาวหวอด เสียงดนตรีและแสงไฟจบลงไปแล้ว ทุกคนปรารถนาที่จะได้พักผ่อนเข้านอน แต่กลับไม่เป็นดั่งหวัง เมื่อ MC ทั้งสองยังคงเรียกรวมตัวปี1 แล้วปล่อยให้พี่เลี้ยงประจำสี เดินเอาผ้าสีดำไปผูกตารุ่นน้องทุกคนไว้ ท่ามกลางความสับสนตกใจ พี่วินก็เริ่มพูดจาหว่านล้อมถึงกิจกรรมในคืนนี้

ยังจะมีอีกเรอะ!!

นั่นคงเป็นเสียงในใจของใครหลายคน รวมทั้งวันศุกร์ซึ่งหาวติดต่อกันไปกว่าสิบเจ็ดรอบแล้ว

“ต่อไปจะให้น้องปี1 ทุกคนเดินจับมือกัน ขอให้เชื่อใจเพื่อนและไม่ต้องกลัว” พี่วินยังคงสาธยาย พวกเขาถูกจับลุกขึ้นทั้งที่ถูกปิดตามองไม่เห็นทาง ได้ยินเพียงเสียงของรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาจัดการให้ปี1 ทั้งชั้น จับมือต่อกันเป็นแถวยาวเหยียด ก่อนที่หัวแถวจะเริ่มออกตัว โดยมีมือของแกนปี2 อย่างพีท คอยนำทางไม่ห่าง

พวกเขาถูกจูงเดินท่ามกลางความมืดสนิท ตลอดทางก็ขรุขระไปบ้าง ทั้งเจอทางลาด เจอทางต่างระดับ หลุมเอย หินเอย ซึ่งนอกจากความง่วงที่ตรงเข้าจู่โจมแล้ว ก็นึกไม่ออกว่าทำไปเพื่ออะไรกันแน่ เดินวนรอบรีสอร์ทได้หนึ่งรอบถ้วนก็เหมือนจะถูกพากลับมายังลานกิจกรรมดังเดิม ได้ยินพวกรุ่นพี่ประสานเสียงร้องเพลงคณะดังแว่วเข้ามา ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เด็กปีหนึ่งถูกจับแยกให้นั่งลง เพลงคณะยังคงดังต่อเนื่อง เสียงของใครต่อใครปนเปจนจับทางไม่ค่อยถูก หากก็รู้สึกคุ้นหูกับเสียงที่ชัดที่สุดตอนนี้ เวลาผ่านไปพักหนึ่ง พวกรุ่นพี่ก็หยุดร้อง ทั่วทั้งบริเวณเงียบสนิท ก่อนที่พี่ต้นหลิวจะประกาศออกไมค์

“ให้น้องๆ เปิดผ้าผูกตาออกได้แล้วค่ะ”

วันศุกร์ยกมือปลดเงื่อนด้านหลังศีรษะออก ทันทีที่ผ้าสีดำร่วงหล่น ก็พบกับใบหน้าเรียวแสนคุ้นเคย ฉาบไปด้วยแสงสีส้มนวลจากเทียนหนึ่งเล่มบนพื้นตรงหน้า กันติกรณ์ระบายยิ้มกว้างให้เขา ช่างเป็นภาพที่อบอุ่นเกินกว่าจะอธิบาย ไม่ใช่แค่เพราะเป็นกันต์ แต่เป็นความประทับใจในฐานะรุ่นพี่คณะคนหนึ่ง สายตาเป็นประกายกวาดมองรอบๆ พบแสงเทียนนับร้อยกระจายตัวไปทั่วทั้งลาน สวยงามจนลืมความง่วงก่อนหน้าเสียสนิท

เนื้อเพลงประจำคณะเมื่อครู่ยังคงติดหู ยิ่งทำให้สถานการณ์ตรงหน้าดูขลังมากขึ้นราวกับต้องมนต์

สายสิญจน์หนึ่งเส้นถูกหยิบขึ้นมาลนน้ำตาเทียน ก่อนจะส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เขาเอื้อมมือออกมา วันศุกร์ที่ยังดูงงๆ ถูกกันต์ดึงข้อมือเข้าหาตัว ก่อนจะเริ่มเอาสายสิญจน์นั้นมาไล้ไปตามแนวเส้นเลือดสีเขียวเข้ม

“ยินดีต้อนรับเข้าสู่คณะอย่างเป็นทางการ พี่ขอให้เราโชคดี ตั้งใจเรียน และพบเจอแต่คนดีๆ นะ”

กันต์ผูกข้อมือให้รุ่นน้องคนโปรดหากก็ยังไม่ยอมปล่อย เอาแต่ลูบข้อมือบางไปมาอย่างกับจะรอให้ขึ้นเลข เพิ่งสังเกตว่าด้านขวาของกันต์คือตรีวิทย์และบัณฑิตเรียงกันไป ตรงจุดอื่นก็มีรุ่นพี่ตั้งแต่ปี2 ไปจนถึงพี่ที่จบไปนานแล้วนั่งต่อกันเป็นแถว ประกบคู่กับรุ่นน้องปี1 เพื่อทำการผูกข้อมืออวยพรให้ตามประเพณี

“ขอบคุณครับ”

วันศุกร์ยิ้มกว้างจนตาหยี แก้มนวลแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้มตามแสงเทียน ทำเอากันต์ชะงักไปนิด นึกอยากจะดึงเด็กตรงหน้าเข้ามาหอมสักฟอดใหญ่ แต่ก็ต้องข่มใจ ปล่อยให้วันศุกร์ขยับไปทางรุ่นพี่คนอื่นๆ ต่อ ในขณะที่เขาเองก็ต้องคอยต้อนรับรุ่นน้องที่เหลือซึ่งเริ่มสลับกันมาและไป

ถึงจะเริ่มดึกมากแล้ว แต่ความประทับใจของคืนนี้ ก็สามารถดึงให้ทุกคนกลับมาตื่นเต็มตาได้อีกครั้ง บรรยากาศอบอุ่นลอยฟุ้งไปทั่ว มากพอๆ กับความรู้สึกในอกซ้ายของใครหลายคน กิจกรรมรับน้องมันอาจดูไร้สาระก็ได้ แต่ความจริงมันแฝงความหมายอะไรบางอย่างไว้มากมายทีเดียว

ปี1 แต่ละคนต่างลุกไปหารุ่นพี่คนนู้นทีคนนี้ทีจนชักมั่วซั่วและมึนงง วันศุกร์ยกมือไหว้รุ่นพี่ปี4 ตรงหน้าและลุกขึ้น ข้อมือทั้งซ้ายขวาถูกพันธนาการด้วยสายสิญจน์หลายสิบในเวลาอันรวดเร็ว เขายืนจังก้าอยู่เกือบนาที พยายามสอดส่ายมองหารุ่นพี่ที่ยังว่าง จนเผลอไปสบตากับเพื่อนในกลุ่มของมิวเข้า

พี่ขิง?

“อะ…เอ่อ สวัสดีครับ” เขาก้มหัวเมื่อทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิเรียบร้อย ขิงดูเหมือนจะตีหน้าไม่ถูกพอกัน แต่สุดท้ายก็ยอมส่งยิ้มให้ ซึ่งยอมรับเลยว่าเป็นรอยยิ้มของผู้ชายที่สวยมาก

ยังขอยืนยันคำเดิม พี่คนนี้ไม่เหมาะจะไปอยู่รวมกลุ่มกับพวกอันธพาลไร้จิตสำนึกแบบนั้นเลยให้ตาย!

“สวัสดีครับ น้องวันศุกร์”

“พี่ขิง...ใช่ไหมครับ?”

“ครับ พี่ชื่อน้ำขิงครับ”

คุณพระคุณเจ้า ชื่อเต็มพี่แกคือน่ารัก! ไปเป็นเพื่อนไอ้เหี้ยพี่มิวได้ไงครับ คันปากอยากถามมาก แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ กลับไป

“เอ่อ…เรื่องที่มิวก่อไว้” น้ำขิงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นในสิ่งที่เขาไม่อยากพูดถึง “พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

อีกอย่าง กันต์ก็เอาคืนให้เขาแล้วด้วย อืม...แต่จะว่าไป เหมือนจะเอาคืนมากไปหน่อยไหม ถึงเจตนาของมิวตอนนั้นจะชั่วช้าสามานย์จริง แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้โดนทำอะไรนี่น่า

คิดได้แบบนั้น เลยลองถามคนตรงหน้าเสียงตะกุกตะกัก

“แล้ว…ตอนนี้พี่เขาเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้วแหละ”

“อ่า…ผมเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันนะครับ”

น้ำขิงส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มบางมาให้ พวกเขาพูดจากันตรงๆ เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าการที่มิวถูกหามส่งโรงพยาบาลก็มาจากอิทธิพลมืดของกันติกรณ์ ผู้คุ้มกะลาหัวเขาอยู่

แต่สงสัยกันต์จะทำมากไปจริงๆ แฮะ... สองอาทิตย์มาแล้วไม่ใช่เหรอ ยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย แบบนี้โดนฟ้องร้องเอาเรื่องได้เลยนะเนี่ย

“ไม่ต้องห่วงหรอก มิวมันไม่ได้เป็นอะไรแล้วล่ะ” ขิงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าวันศุกร์เริ่มตีหน้าคร่ำเครียด พลางยื่นมือถือตัวเองส่งให้ดู มีสายเรียกเข้าจาก Mew เด่นหราอยู่บนนั้น “นี่ไง โทรมาพอดี”

นิ้วเรียวกดรับโทรศัพท์ ขนาดว่ารอบข้างพวกเขาตอนนี้ก็ไม่ได้สงบเงียบสักเท่าไร ก็ยังแอบได้ยินเสียงจากปลายสายดังแว่วออกมาจนพอจับความได้

“ทำอะไรอยู่วะ ทำไมไม่โทรหากู!”

“ยังทำกิจกรรมไม่เสร็จเลย”

“กิจกรรมห่าอะไรนี่มันตีสองแล้ว”

“บายศรีไง เออมึง กูอยู่กับน้องวันศุกร์พอดี คุยซะสิ”

“ห๊าา”

โทรศัพท์เครื่องบางถูกยัดใส่มือวันศุกร์แกมบังคับ เขาไม่ทันได้ปฏิเสธก็ดันรับมาไว้แนบหูซะแล้ว น้ำขิงพยักพเยิดหน้าเป็นสัญญาณให้เขาส่งเสียง

“พะ...พี่มิว?”

ฉิบ...ไม่รู้จะพูดอะไร สถานการณ์ชวนอึดอัดระดับ 999 เลยอีหรอบนี้ อีกฝ่ายเองก็ดูจะสตันท์ไปหน่อย ได้ยินเพียงแค่เสียงอึกอักไม่รู้เรื่อง กว่าจะเปล่งออกมาเป็นภาษาคนได้ก็กินเวลาไปหลายวินาที

 “เอ่อ...คือ...เอ่อ..เรื่องคืนนั้น เอ่อ...พี่..”

เขานี่ฟังจนอยากจะร้อง เอ่อ ตาม

“เอ่อ...พี่ ขอโทษ..”

“อ่า...ครับ”

“ขอโทษจริงๆ”

“ครับ ถือว่าเลิกแล้วต่อกันละกัน”

“อืม…ขอบใจนะ เอ่อ...ขอคุยกับขิงหน่อยสิ”

วันศุกร์ยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ

“ไอ้แง่งขิง! อยู่ดีๆ ก็ให้กูคุยกับวันศุกร์”

“ก็มีโอกาสพอดี จะได้เคลียร์กันให้จบๆ ไง เฮ้ย เดี๋ยววางสายก่อนนะมึง” ขิงส่งสายตาเป็นเชิงให้คอย ซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ว่าอะไร

“เดี๋ยวดิ! กูยังไม่ได้คุยกับมึงเลย”

“เดี๋ยวโทรกลับ”

“ขิ...”

เจ้าของรอยยิ้มพิมพ์ใจกดตัดสายแล้วยังปิดเครื่องหนีหน้าตาเฉย น้ำขิงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาอวยพรพร้อมผูกสายสิญจน์ให้รุ่นน้องต่อ

ดูเหมือนว่าจุดสีดำๆ ในใจของวันศุกร์จะถูกลบหายไปแล้วเมื่อครู่ การได้คุยกับมิวคงทำให้ทั้งเขาและฝ่ายนั้นสบายใจขึ้น ถือเป็นอันเลิกรากันด้วยดี และคิดว่าจะไม่ถือโทษต่อกันอีก แม้ว่าจะไม่รู้ถึงเหตุผลแท้จริงที่ทำให้มิวทำกับเขาแบบนั้น แต่การที่ยอมเอ่ยปากขอโทษทั้งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกแย่กับมิวน้อยลง ยิ่งได้คุยกับน้ำขิง ก็ยิ่งรู้สึกว่าน้ำขิงเป็นคนดี และคนดีอย่างนี้ถ้าเป็นเพื่อนกับมิวได้ ก็ต้องแปลว่ามิวเองคงไม่ใช่คนเลวร้ายมากมายเช่นกัน

พอสบายใจขึ้นแล้ว จึงเริ่มกวาดตาหาเป้าหมายต่อไปในการบายศรีสู่ขวัญ จนไปสะดุดเข้ากับพะเพื่อน ที่เพิ่งยอมวางกล้องในมือ แล้วชิงเอาที่นั่งว่างกับเทียนเล่มหนึ่งมาไว้กับตัว วันศุกร์ปรี่เข้าไปยิ้มทักทายให้เป็นคนแรก

“พี่เพื่อน ผูกข้อมือให้หน่อยครับ”

“มาๆ” พะเพื่อนนั่งแก้สายสิญจน์ซึ่งพันอยู่กับเส้นอื่นๆ ก่อนจะทาบปมเชือกเส้นบางลงไปบนขอบน้ำตาเทียน แล้วค่อยๆ นำมาถูอยู่กับข้อมือของเขาไปมาหลายรอบ

“พี่ก็ขอให้เรามีความสุขกับคณะนี้นะ ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัว มีอะไรก็มาปรึกษาพวกพี่ได้เสมอ โชคดีจ่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

ต้นหลิวประกาศออกไมค์ว่าเสร็จจากพิธีบายศรีแล้วก็ให้ทุกคนแยกย้ายไปนอนกันได้เลย แต่ใครยังอยากอยู่ต่อ ก็มีบริการมาม่าถ้วยกับโอวัลตินฟรีบนโต๊ะท้ายลานกิจกรรม รุ่นพี่รุ่นน้องเริ่มกระจายตัว บ้างก็กลับห้อง บ้างก็เดินไปมุงแถวของกิน

วันศุกร์ยังไม่ได้ลุกออกไปไหน คอยแต่ชะเง้อคอหาคนรู้จักคนอื่นๆ ต้นหนยังถูกรุ่นพี่ผู้หญิงรั้งไว้ไม่ปล่อย ส่วนกั้งกับนัทนั้นเดินถือถ้วยมาม่าออกมาเป็นกลุ่มแรก ไวมาก! นี่แหละสายแดกที่แท้จริง แต่ขอจดลงบัญชีดำไว้ก่อนว่าต้องเอาคืน เพราะไม่ยอมมาชวนเขาบ้าง โกรธ!

ส่วนกันต์...ยังนั่งผูกข้อมือให้หลานรหัสคนสวยอยู่เลย

ดวงตากลมแอบจับจ้องสองคนนั้น หรี่ลงอย่างนึกจับผิด ตอนนี้ที่นั่งของพวกเขาห่างไกลกันพอตัว ไม่ได้ยินอะไรเลย เห็นก็แค่ว่ายัยจินนี่ลอบจับมือกันต์ไม่ปล่อย แถมยังหัวเราะคิกคักอะไรกันก็ไม่ทราบ ท่าทางเฮฮาร่าเริงซะจนอยากลุกไปถามว่ามีความสุขมากไหม แต่ก่อนจะได้สติแตกไปมากกว่านี้ คำถามชวนสติหลุดก็ดังขึ้นจากปากของพะเพื่อนซะก่อน

“ศุกร์ คิดยังไงกับกันต์หรอ?”

“ห…ห้ะ?” คนถูกถามรีบตวัดสายตากลับมา ใบหน้าตื่นๆ ยิ่งมองออกง่ายซะจนอดขำไม่ได้

“ศุกร์ชอบกันต์หรือเปล่า?”

“พะ…พี่เพื่อนพูดอะไรอย่างนั้นครับ”

“พี่พูดไปตามที่เห็นนะ ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย ศุกร์ชอบกันต์ใช่ไหมล่ะ” เจ้าของผมสีเพลิงไม่ได้พูดติดตลกเหมือนทุกที และสายตาจริงจังของเธอก็ทำให้ใจเขาสั่นไหว ไม่กล้าตอบว่า ไม่ใช่ เหมือนเคย

เพราะนั่นคงเป็นการโป้ปดคำโตทีเดียว

“เอ่อ ผม...ผมจะรู้สึกยังไงก็ช่างเถอะครับ” เด็กตัวเล็กก้มหน้างุด ใบหูแดงเรื่อ

“แต่ถ้าศุกร์ชอบกันต์ ก็น่าจะบอกไปนะ เพราะกันต์เองก็ชอบศุกร์เหมือนกัน”

พะเพื่อนยังคงพูดตรงๆ ต่อไป เธอตัดสินใจแล้วว่าอยากช่วยให้สองคนนี้ได้สมหวังสักที หลังจากทำตัวคลุมเครือมานาน เพราะดูเหมือนความสัมพันธ์เฉื่อยแฉะนี้จะเริ่มมีปัญหาชิ้นใหม่เข้าแทรกถึงสองชิ้น ทั้งต้นหนและจินนี่ ที่โผล่ออกมาขัดแข้งขัดขาได้ถูกเวลาเหลือเกิน

“พี่กันต์น่ะเหรอชอบผม พี่เพื่อนเอาที่ไหนมาพูด…”

ฝ่ายนั้นเขายังไม่เคยพูดเลยด้วยซ้ำ...

“เฮ้อ แค่ดูก็รู้แล้ว”

“แต่…”

“ถ้าเขาไม่ชัดเจน เราเป็นฝ่ายชัดเจนก่อนก็ได้นี่” วันศุกร์ชะงักไปนิด เพราะเหมือนคนตรงหน้าจะพูดจาราวกับอ่านใจเขาออกยังไงยังงั้น

เขาไม่ตอบอะไร หางตาเหลือบกลับไปมองภาพยิ้มแย้มระหว่างกันติกรณ์และหลานรหัสที่เพิ่งโผล่หัวออกมา พะเพื่อนลอบแสยะยิ้ม ก่อนเอ่ยเสียงลอยๆ หากก็ตั้งใจให้สะกิดใจใครบางคนแถวนี้

“ถ้าปล่อยไว้ อาจจะถูกใครแย่งไปก่อนก็ได้นะ”

ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติเม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตากลมแข็งกร้าวขึ้นเสียเฉยๆ ความรู้สึกเมื่อตอนก่อนหน้านี้หวนกลับมาอีกครั้ง อยากจะรู้...ความรู้สึกของกันต์ที่มีต่อเขา

อยากยืนยันว่าเขาไม่ได้เพ้อเจ้อไปเอง

“แล้วถ้าพี่กันต์ไม่ได้ชอบผมล่ะ?”

“ถ้ากันต์ไม่ได้ชอบนาย...มาถีบหน้าพี่ได้เลย” พะเพื่อนยิงฟันกว้าง เอื้อมมือมาตบบ่าเขาปุๆ เหมือนพยายามเรียกกำลังใจ และคงได้ผลเมื่อเขานึกมีความหวังขึ้นมา

วันศุกร์พยักหน้ากับตัวเองสองสามที แล้วยกมือไหว้พะเพื่อนอีกครั้งเป็นการบอกลารวมทั้งขอบคุณ

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มีโอกาสอยู่กับกันต์สองต่อสองสักที บรรยากาศคืนนี้เงียบสงบเพราะทุกคนคงเหนื่อยจนหลับเป็นตาย นาฬิกาบอกเวลาตีสองกว่า ทั้งที่ก่อนหน้าเขาง่วงแทบแย่ แต่ตอนนี้กลับตาสว่าง หัวใจเต้นตุบตับเสียงดัง

นี่เขากำลังจะสารภาพรักอย่างนั้นเหรอเนี่ย!

โอ้ยย ตื่นเต้นนนน

“จะอาบน้ำก่อนไหม?” กันต์ถามขึ้น แต่วันศุกร์กลับส่ายหน้า เขาได้แต่นั่งเหงื่อตกอยู่บนปลายเตียงตัวเอง ขณะที่กันต์กำลังยืนค้ำหัวอยู่ใกล้ๆ

“ยังครับ คือ...ศุกร์มีเรื่องอยากคุยกับพี่กันต์ก่อน”

“มีอะไรเหรอ?” คนตัวสูงเลิกคิ้วสงสัย นั่งลงข้างๆ พลางใช้นิ้วโป้งปาดเม็ดเหงื่อบนขมับออกให้อย่างเบามือ เพิ่งสังเกตว่าเด็กตรงหน้าดูลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล

“คือว่า...”

“...”

“ศุกร์...ศุกร์…”

ตาลายคล้ายจะเป็นลม ทาถูๆ ยาหม่องตราถ้วยทอง...ฮืออ จะให้พูดได้ไงอะ เขิน! เขินจนปากสั่นมือสั่นอย่างกับคนเป็นไข้ และกันต์เองก็ดูยิ่งเป็นห่วง ถึงก้มหน้าเข้ามาใกล้ไปอีก แบบนี้นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศในห้อง สงสัยจะพลอยได้ยินเสียงหัวใจของเขาด้วยน่ะสิ

“ศุกร์คิดว่า..ศุกร์...”

พูดสิอีปากไม่ตรงกับใจ พูดออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!

“ศุกร์…ชอบ...”

.

.

.

ก๊อก! ก๊อก!

โอ้ย! ใครมาเคาะประตู!!?


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 12.0-12.5
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 19-03-2017 14:10:53
เรื่องนี้มีใคร EQ ปกติบ้างไหมนะ ผู้นำแสดงเนี่ย ดูไม่ปกติกันสักคน
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 13.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 12-04-2017 23:00:36
วันศุกร์ที่ 13.0



“แป๊บนึงนะ” กันติกรณ์เอ่ยเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน ทั้งที่กำลังลุ้นอยู่เชียวว่าวันศุกร์มีอะไรจะบอก เพราะดูท่าจะสำคัญแต่ดันมีตัวขัดขวางซะได้

เขาส่องคนเสียมารยาทผ่านช่องตาแมว ก็พบว่าเป็นจินนี่กับเพื่อนนั่นเอง ประตูไม้แง้มออกเล็กน้อย รีบปรับสีหน้าไม่ให้ดูออกว่ากำลังเบื่อหน่ายมากขนาดไหน

“มีอะไรเหรอ?”

“คือว่าเมื่อกี้หนูลืมขอไลน์พี่กันต์อ่ะค่ะ เผื่อมีอะไรจะปรึกษา”

“อ๋อ เอ่อ...” เอาไงดี ไม่ค่อยอยากให้ แต่ถ้าไม่ให้สงสัยคงโดนคุณแม่ตรีวิทย์แพ่นกบาลอีก

“มีอะไรเหรอครับพี่กันต์?”

เสียงใสดังขึ้นก่อนตัว วันศุกร์ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากแผ่นหลังของรุ่นพี่คนดัง พอให้สองสาวด้านนอกสะดุ้งไปนิด เพราะไม่คิดว่ากันต์กับวันศุกร์จะอยู่ในห้องเดียวกัน แถมยังทำตัวไม่เดือดร้อนอีกต่างหาก แบบนี้มัน...

เยาะเย้ย เยาะเย้ยชัดๆ!

“อ้าว จินนี่ มาทำอะไรเหรอ ดึกแล้วนะทำไมยังไม่ไปนอน” เพื่อนผู้ชายหน้าหวานทำท่าอย่างกับว่าเป็นห่วง ทั้งที่แววตาดูแข็งกร้าว

เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ นายวันศุกร์นี่ต้องคิดไม่ซื่อกับกันติกรณ์ตามข่าวลือ หลายคนในคณะเริ่มพูดต่อๆ กันอย่างสนุกปากถึงความสัมพันธ์เกินพี่น้องของสองหนุ่ม แต่เธอก็ไม่อยากด่วนปักใจเชื่อ เพราะแอบสนใจกันติกรณ์มาตั้งแต่รู้ว่าเป็นถึงหลานชายคนเดียวของคณบดี

ไม่อยากจะคิดว่าศัตรูหัวใจจะกลายมาเป็นผู้ชายซะได้ แถมยังมีแต่คนคอยอวยคนโอ๋ยิ่งกว่าเธอเป็นไหนๆ นึกแล้วก็น่าหมั่นไส้สิ้นดี

“เรามีเรื่องจะคุยกับพี่กันต์น่ะ”

จินนี่จงใจมองผ่านวันศุกร์ไปทางใบหน้าอึดอัดใจของกันต์อีกครั้ง แววตาคมสวยจับจ้องอย่างต้องการทวงคำตอบ เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่สุ้มเสียงราบเรียบจะดังขึ้นเพื่อตัดบท

“ขอโทษนะ พี่ไม่ค่อยได้เล่นไลน์น่ะ ไว้มีอะไรก็คุยกันที่คณะละกัน”

“ตะ แต่ว่า…”

“คืนนี้ดึกแล้ว จินนี่กับเพื่อนไปนอนก่อนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ครับ”

เขารีบปิดประตูหนีก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้โต้เถียง สองสาวยืนอึ้ง ปลายนิ้วชาวาบ หากใบหน้าทำมาจากแก้ว เมื่อกี้คงไม่แคล้วแตกละเอียดหมดพอดี

กันติกรณ์กดล็อคแล้วหันมาดึงมือเล็กให้กลับไปนั่งคุยกันที่เดิม สายตาคาดคั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังบางอย่าง และลางสังหรณ์ก็กำลังกระซิบบอกเขาว่ามันอาจเป็นข่าวดี

“เมื่อกี้ศุกร์ว่าไงนะ?”

“เอ่อ...” เหมือนย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่เลย

“คือ...ศุกร์จะบอกว่า...”

แววตาคมจ้องสบไปยังดวงตาของอีกฝ่ายนิ่งๆ วันศุกร์ยังคงอึกอักพูดไม่ออก ทั้งใบหน้าถึงใบหูแดงเรื่อผิดปกติ

“ศุกร์คิดว่า...ศุกร์...”

ฮึบ!

“ศุกร์ชอบพี่กันต์!”

คนตัวเล็กสูดหายใจเข้าลึกสุดปอดในทีเดียว พลางหลับตาปี๋ โพล่งคำพูดในหัวออกไปเร็วๆ หากก็ชัดเจนมากพอให้ใครบางคนเผลออ้าปากกว้าง แทบไม่เชื่อหู

กันติกรณ์นิ่งอึ้ง ได้แต่ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างพูดอะไรไม่ออกจนเมื่อคนโตกว่าเริ่มตั้งสติได้ก่อน จึงรีบเขย่าหัวไหล่บางอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ศุกร์ว่าอะไรนะ? ศุกร์ชอบพี่เหรอ จริงหรือเปล่า?”

“อะ...อือ” เด็กน้อยก้มหน้างุด อุณภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ทันได้เห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังตีหน้ามีความสุขมากขนาดไหน กันต์ตบแก้มตัวเองรุนแรงเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป ก่อนจะยิ่งซักไซ้เอาคำตอบ

“ชอบ ชอบแบบไหน?”

“ก็ชอบไง”

คนตัวเล็กทำเสียงดุ พลางใช้กำปั้นทุบลงกับอกด้านหน้า ก่อนจะเลื่อนไปบีบต้นแขนกันต์ไว้แทนหลักพึ่งพิง ไม่งั้นเขาคงเป็นลมล้มพับลงไปก่อนแน่

“แกล้งกันปะเนี่ย”

ไอ้บ้า!

“ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ!”

วันศุกร์บุ้ยหน้าใส่อย่างนึกอารมณ์เสียแล้วรีบพรวดพราดลุกไปทางประตูห้องน้ำ คนเขาอุตส่าห์รวบรวมความกล้าสารภาพรัก แต่ก็ยังเอาแต่ถามย้ำอยู่ได้ หัวใจเขามันจะกระเด็นออกมาเต้นนอกอกได้อยู่แล้วเชียว ไม่เห็นหรือไง

“เดี๋ยวซี่ เชื่อครับเชื่อ” กันติกรณ์ตามมารั้งข้อมือรุ่นน้องได้ทัน ก่อนสอดแขนสองข้างเข้าไปกอดรัดเอวบางไว้หลวมๆ คางมนลดระดับลงมาเกยไว้บนบ่า ทำให้สุ้มเสียงที่เปล่งออกมาดังอยู่ใกล้เพียงแค่ระดับใบหู

“ก็มันตกใจนี่ ไม่คิดว่าศุกร์จะพูด”

เออ ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดเหมือนกัน

“พี่ดีใจนะที่เราใจตรงกัน”

“ใจ...ตรงกัน?” ดวงตากลมกระพริบถี่ ค่อยๆ เอี้ยวใบหน้าไปทางด้านหลังอย่างเก้กัง

“อือ พี่ก็ชอบศุกร์”

“แต่ว่า...พี่กันต์ เคยบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าศุกร์นี่น่า” หัวคิ้วสองข้างแทบจะผูกเป็นโบ จนคนโตกว่านึกขำกับท่าทีสับสนแสนน่ารักนั้น กันต์บีบปลายจมูกอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยว่าหมั่นเขี้ยว ก่อนจะคลายอ้อมกอดออก แล้วพากันกลับไปนั่งคุยบนเตียงเหมือนเดิม

เขาตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่ปิดบังอะไรวันศุกร์อีก ถ้าอยากให้ศุกร์เชื่อก็ต้องเริ่มจากการแสดงความจริงใจก่อน

“พี่จะเล่าอะไรให้ฟัง”

“อะไร เรื่องไม่ดีรึเปล่า?” คนตัวเล็กยังคงดูหวั่นๆ เพราะเขาเพิ่งบอกรักไป และกันต์ก็รับฟังทุกอย่างทุกถ้อยคำ เหมือนความฝันแต่เขาเองก็ไม่อาจแน่ใจ…

“ฟังก่อนสิ”

“อ…อือ”

“ที่ตอนแรกพี่บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าเรา เพราะเราดันเป็นน้องของวันเสาร์น่ะสิ”

“ทำไมอะ?” ดวงตากลมเบิกกว้าง โพล่งออกมาทันทีตามคาด จนเขาต้องทำท่าจุ๊ปากเพื่อให้ใจเย็น แล้วรีบอธิบายต่อ

“พี่มีพี่สาวชื่อเกศ พี่เกศเป็นเพื่อนพี่เสาร์ที่มหาลัย แล้วพี่เกศก็ชอบพี่เสาร์มาตั้งนานแล้ว”

เกศ...เหมือนจะคุ้นแต่ก็นึกไม่ออก เพราะตั้งแต่เข้ามหาลัย วันเสาร์ก็ไม่ได้พูดถึงเพื่อนตัวเองให้วันศุกร์ฟังนัก ที่พอรู้จักอยู่บ้างก็มีแต่เพื่อนสมัยมัธยม เพราะตอนนั้นเขากับเสาร์ยังเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตั้งแต่ม.1-ม.6 เลย ว่าแต่…ไอ้เรื่องที่กันติกรณ์มีพี่สาวนี่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลใหม่แฮะ ไม่เคยรู้เลย

“แต่พี่เกศก็มาถูกพี่ชายเราหักอก จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พอเห็นพี่เกศเสียใจมาก พี่ก็อดจะเกลียดพี่เสาร์ไม่ได้ เข้าใจใช่มะ”

“ไม่อะ” วันศุกร์ส่ายหน้าทันควัน แม้จะนึกสงสารพี่สาวของกันต์บ้างก็ตาม “พี่เสาร์ไม่ได้รักพี่เกศก็เลยปฏิเสธไปใช่ไหม มันก็ถูกแล้วนี่ พี่เสาร์ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับพี่เกศสักหน่อย”

“อืม...มันก็ใช่นะ แต่ศุกร์ลองนึกว่าเป็นตัวเองดูสิ ถ้าพี่เสาร์อกหักหรือเจออะไรสักอย่าง ที่ทำให้พี่เสาร์เสียใจมากๆ ในฐานะคนในครอบครัว เราจะทนไม่รู้สึกอะไรเลยได้เหรอ”

วันศุกร์เงียบ พยายามคิดตาม ถ้าพี่เสาร์อกหักเหรอ...นึกไม่ออกอะ เพราะรายนั้นไม่เคยอกหักหรือเสียใจเรื่องความรักมาก่อนเลย แต่ถ้าเห็นเสาร์เสียใจเขาก็คงต้องเสียใจตามด้วยแน่ๆ หรือลองคิดกลับกันดู ถ้าเมื่อกี้กันต์ปฏิเสธความรู้สึกของเขา เขาคงเสียใจมาก และแน่นอนว่าเสาร์จะต้องเสียใจมาก...ดีไม่ดี จะตามไปฆ่าหั่นศพกันต์ถึงหอสิไม่ว่า

อ่า...พอเป็นแบบนี้ ก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“อืม...แปลว่าพี่กันต์เกลียดพี่เสาร์หรอ…”

“ก็...ตอนนั้นอะนะ” กันต์ยกนิ้วขึ้นเกาแก้ม ทำเป็นเสมองทางอื่น ความจริงทุกวันนี้ก็ไม่ได้นึกชอบพออะไรวันเสาร์มากขึ้นสักเท่าไรหรอก แต่ถ้าวันศุกร์บอกให้เขาไม่เกลียด เขาก็จะไม่เกลียด “ตอนนั้นยังไม่รู้จักเราไง พอเห็นว่าเป็นน้องชายวันเสาร์ ก็เลยนึกเคืองๆ ไปด้วย”

วันศุกร์เบะปากแล้วหลุบตาต่ำจนคนมองชักใจไม่ดี รีบเข้าไปโอบร่างผอมบางมาซบลงแนบอก มือหนึ่งคอยลูบหัวปลอบ

“แต่ความจริงพี่สนใจเราตั้งแต่แรกแล้วนะ พอได้ใกล้ชิดกันแล้วก็ยิ่งรู้ตัวว่าชอบ”

“ไม่เห็นจะรู้เลย” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม เพราะกันต์ไม่เคยชัดเจน และไม่เคยทำให้เขารู้สึกมั่นใจสักครั้ง

“อะไร ไม่รู้ได้ไง พี่ทำดีกับเราจะตาย”

“ก็แค่ดูแลในฐานะรุ่นน้องคนนึงไม่ใช่เหรอ?”

“ใครบอก พี่ไม่เคยสนใจคนอื่นเท่าเราเลยนะ” กันต์ดึงร่างบางออกห่างเล็กน้อยพอให้สบตากัน สีหน้าจริงจังกับน้ำเสียงนุ่มทุ้มทำเอาวันศุกร์แก้มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกระลอก

ภายในดวงตาของกันต์ มีเขาอยู่ในนั้น...ความอบอุ่นจากมือใหญ่ส่งผ่านมาทางต้นแขนทั้งสองด้าน

“ไหนๆ เราใจตรงกันแล้ว...ศุกร์คบกับพี่ได้ไหม?”

หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก เสียงดังลอดออกมาจากอกซ้าย ร่างกายวันศุกร์แข็งทื่อหากริมฝีปากกลับสั่นระริก ความร้อนในร่างกายเอ่อล้นด้วยความเขินอายผสมกับความตื้นตันและดีใจจนบอกไม่ถูก

หากย้อนกลับไปเมื่อแรกพบ เขาคงนึกรังเกียจกันติกรณ์น่าดู เพราะคนอะไรไม่รู้ เอาแต่คอยแกล้งหาเรื่องตลอด แต่ก็อะไรไม่รู้อีกนั่นแหละ ที่ทำให้กันต์คอยมาวนเวียนช่วยเหลือและดูแลเขาอยู่เสมอ จนค่อยๆ เปลี่ยนความรู้สึกเขาไป

วันนี้...ตอนนี้...ไม่นึกอยากออกห่างจากคนตรงหน้าอีกแล้ว

“อ…อือ”

“อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย?” คนตัวสูงยกยิ้ม แกล้งยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้จนวันศุกร์ต้องหดคอหนี

“อื้อ…”

“ห้ะ?”

เจ้าของโครงหน้าหวานนึกเคืองที่กันต์ยังเอาแต่ตีเนียนทั้งที่ปลายจมูกชนแก้มเขาแล้ว ลมหายใจอุ่นเป่ารด ริมฝีปากทาบทับลงกับพวงแก้มแดงซ่านอย่างถือวิสาสะ ค่อยๆ เคลื่อนไปหยุดอยู่บนกลีบปากสีสด วันศุกร์หลับตาปี๋ ท่าทางเหมือนลูกนกกำลังตื่นกลัว

กันต์ส่งเสียงพอใจในลำคอ ก่อนจะหาจังหวะสอดลิ้นหนาเข้าไปควานหารสชาติคุ้นเคยอีกครั้ง

ถ้าจะขอนับว่ามันคือจูบแรกของพวกเขาก็คงไม่ผิดอะไร เพราะเรื่องราวก่อนหน้า มันล้วนเกิดจากความไม่ได้สติ ต่างกับปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ที่รู้สึกตัวดีทุกอย่าง ทำให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านเข้ามาในโพรงปากได้อย่างชัดเจน

“อ..อื้มม”

มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าเขาไว้ แทบไม่เปิดโอกาสให้ได้หายใจ ราวกับต้องการตักตวงวินาทีแห่งความสุขไว้ให้มากที่สุด

ร่างเล็กถูกผลักลงนอนราบกับพื้นเตียง มีกันต์คร่อมทับอยู่ด้านบน ลิ้นร้อนยังคงเกี่ยวกระหวัดพัลวันไม่เลิก วันศุกร์ย่นคิ้ว พยายามดันไหล่หนาออกห่างเมื่อปอดเริ่มขาดอ๊อกซิเย่น

“อื้อ..อ”

เสียงประท้วงทำให้กันติกรณ์ยอมถอนปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ยังตามลงมาจูบซับใบหน้าแดงหวานไปทั่ว จบท้ายด้วยการฝากรอยดูดดึงไว้บนซอกคอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เขาถูกวันศุกร์ฟาดมือลงกับต้นแขนแรงๆ ทันทีที่ยอมผละตัวออก

“พี่กันต์!”

“อะไรอะ”

“คะ...ใครบอกให้ทำรอยเล่า!” ใบหน้าดุๆ แดงซ่าน เป็นภาพที่ไม่น่ากลัวสักนิดแถมยังน่ารักน่าฟัดซะมากกว่า

“คนอื่นจะได้ไม่กล้ามายุ่งอีกไง”

“ไม่มีใครเขามายุ่งสักหน่อย”

“ไม่มีที่ไหนล่ะ เดี๋ยวก็ไอ้มิว เดี๋ยวก็ไอ้ต้นหน”

“ต้นหนเป็นเพื่อนปะ เออพูดถึง เมื่อกี้ศุกร์คุยกับพี่ขิงมา”

กันต์ขมวดคิ้ว ดึงแขนอีกฝ่ายเข้าหาแล้วเอ่ยถามเสียงต่ำ “ไปคุยกับมันตอนไหน?”

“ตอนบายศรี พี่เขาขอโทษแทนเพื่อนน่ะ”

“แล้ว?”

“ก็เลยลองถามถึง…พี่ขิงบอกว่าพี่มิวมันยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลยนะ พี่กันต์ทำเกินไปหรือเปล่า”

“ทำไม เกิดเป็นห่วงมันขึ้นมาหรือไง” น้ำเสียงขุ่นๆ ทำเอาคนตัวเล็กยู่ปาก

“เป็นห่วงพี่นั่นแหละ ถ้าพี่มิวมันเป็นไรหนักขึ้นมา มันเอาเรื่องพี่ได้นะ”

“ก็ถ้ามันกล้า”

“เออ แต่มันคงไม่กล้าหรอก” ถ้าฟังจากน้ำเสียงกระอึกกระอักไม่สมกับสารร่างเมื่อตอนที่คุยโทรศัพท์กันก่อนหน้านี้น่ะนะ “คือพี่ขิงเขาให้ศุกร์คุยโทรศัพท์กับพี่มิวด้วย”

“ห้ะ”

“พี่มิวมันขอโทษศุกร์” รีบแทรกขึ้นมาก่อนที่กันต์จะโมโหตีโพยตีพายอีก “ก็ดูเหมือนรู้สึกผิดจริงๆ นะ ศุกร์เลยบอกให้เลิกแล้วต่อกัน ต่อไปพี่กันต์ก็อย่าไปทำไรมันเลย”

คนตัวสูงนิ่งคิด ความจริงเขาไม่ได้สนิทกับมิวมาก ตลอดสามปีคุยกันนับคำได้เพราะต่างฝ่ายต่างเหม็นขี้หน้า แต่ปกติก็ไม่เคยยุ่มย่ามจนต้องมีเรื่องกันมาก่อน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าคราวนี้มันเกิดอะไรขึ้นได้กล้ามาแตะ แต่จะบอกว่าคนของเขาก็ไม่ได้ซะด้วยเพราะตอนนั้นความสัมพันธ์ของเขากับวันศุกร์ยังคลุมเครืออยู่เลย

เอาเป็นว่าเห็นแก่วันศุกร์ และเห็นแก่คำขอโทษของน้ำขิง…

“ก็ได้”

วันศุกร์ระบายยิ้ม ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปชำระล้างร่างกายจากกิจกรรมตลอดทั้งวัน เวลาล่วงเลยไปถึงตีสามเศษ เตียงด้านหนึ่งว่างเปล่า ฟูกตรงกลางแทบจะเกะกะไปเลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้พวกเขาย้ายมานอนเบียดกันบนเตียงเดียว ผ้าห่มผืนพอดีตัวกลับดูเล็กลงไปถนัดตา หากความอบอุ่นกลับลอยฟุ้งไปทั่ว

กันติกรณ์จัดแจงขยับหมอนให้วันศุกร์ เจ้าของผิวสีน้ำนมแทบจะหลับสนิททันทีที่หนังตาปิดตัวลง คงเพราะเหนื่อยและเพลีย ใช่ว่าเขาเองจะไม่ แต่การได้นอนจ้องใบหน้ายามหลับของเด็กที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักกลับทำให้เขาไม่นึกง่วงเลยสักนิด กันต์ค่อยๆ ปัดเส้นผมปรกหน้าปรกตาออกให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ แก้มที่ยังคงทิ้งร่องรอยสีแดงจากความเขินอาย หรือแม้แต่เสียงหายใจเบาๆ ก็ยังดูน่ารักน่าชัง จนอดไม่ได้ ฝังจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่ม สูดเอาความหอมจากร่างกายบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด

วันเสาร์ดูใจร้ายและเย็นชา ช่างผิดกับตัวน้องชายซะเหลือเกิน เขายอมรับว่าทั้งรักทั้งหลงคนตรงหน้า ถ้าพูดให้ถูกคือตั้งแต่แรกพบนั่นแหละ

วันศุกร์ วุฒิเวคินทร์...เข้ามาฝากสะเก็ดสีชมพูไว้ในหัวใจเขาตั้งแต่วินาทีแรก ยิ่งนานวันก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต สุดท้ายก็ยึดครองมันไปได้ทั้งหมด แปลกเหมือนกันนะ ที่เขาผ่านใครต่อใครมามากมายแต่กลับอยากจะหยุดที่คนคนนี้เสียเฉยๆ มันแทบไม่มีเหตุผล และอธิบายไม่ได้ แค่รู้สึกว่ารัก ว่าอยากปกป้อง ว่าอยากกอดเอาไว้...

ว่าอยากให้เป็นคนนี้ ซึ่งมันไม่เคยเกิดกับคนอื่นมาก่อน เหมือนเวลาเจอคนที่ใช่ มันก็คือใช่ใช่ไหม

งั้นวันศุกร์ ก็คงเป็นคนนั้นของเขา


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 13.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 14-04-2017 22:00:14
วันศุกร์ที่ 13.5



“เอาล่ะครับ ก่อนกลับ เราจะมาเฉลยภาพถ่ายปริศนาของแต่ละคนกัน”

ทุกคนดูฮือฮาหลังจากเพิ่งกินข้าวเช้ากันเสร็จเรียบร้อย รุ่นพี่ปี3 กับปี4 ถูกต้อนมายืนอ้อมล้อมปี1 ทั้งหมดไว้ ก่อนที่ MC ทั้งสองจะทยอยเรียกชื่อรุ่นน้องออกมาตอบคำถามทีละคน เริ่มจากสีเขียว

กั้งเดินออกไปอย่างมั่นใจ ในมือถือรูปติ่งหูของใครบางคน

“รูปที่น้องกั้งได้คือใครคะ?”

 “พี่เซฟ ปี3 ครับ”

“ไหนๆ พี่เซฟออกมาหน่อยค่า” ต้นหลิวกวักมือเรียกรุ่นพี่ตัวสูงโปร่ง เซฟเดินยิ้มๆ เข้าไปทักทายกั้งอย่างสนิทสนม พร้อมโชว์ต่างหูแบบเดียวกันบนหูซ้ายของตัวเองให้ทุกคนดู

ความจริงก็ตอบถูกกันเกือบหมด คงเพราะอาศัยหลอกถามต่อๆ กันซะมากกว่า แม้แต่ภาพขนรักแร้ของนัทก็ยังจะถูกได้อีกว่าเป็นรุ่นพี่ตำแหน่งดินปี4 นั่นเอง ปี1 ถูกเรียกออกไปตามที่นั่งในแต่ละสี วนจากหน้าไปหลังแล้วย้อนมายังหัวแถว กลับไปท้ายแบบนี้เรื่อยๆ จนในที่สุดก็วนมาถึงตำแหน่งหัวแถวของสีฟ้าสีสุดท้าย และเป็นคนสุดท้ายด้วย...

“ไหน น้องวันศุกร์โชว์รูปหน่อยสิ”

ต้นหลิวพลิกภาพถ่ายรอยสักรูปนกตรงช่วงท้องน้อยออกให้ทุกคนได้เชยชม หลายคนส่งเสียงร้องเพราะนับว่าเป็นอีกโจทย์ที่ยากพอตัว รุ่นน้องเจ้าของภาพยืนเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก เผลอเหลือบไปสบตากับเจ้าของรอยสักเข้าพอดิบพอดี

“สรุปน้องวันศุกร์รู้หรือยังว่าภาพนี้คือภาพของรุ่นพี่คนไหน?”

เขาพยักหน้าช้าๆ

“ตอบเลยครับ”

“เอ่อ...พี่กันต์…ปี3 ครับ”

“พี่กันต์ปี3 ถูกไหมครับ?” วินสะบัดมือไปด้านหน้า สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังหลานชายคณบดีคนดัง กำลังก้าวเท้ามาหยุดอยู่หน้าเวที รอยยิ้มกรุ้มกริ่มคงพอจะทำให้ใครต่อใครสงสัยได้ไม่มากก็น้อย ยิ่งบวกกับรอยแดงแปลกๆ บริเวณลำคอเรียวของรุ่นน้องหน้าหวานด้วยแล้ว... คนที่รู้ว่าวันศุกร์ย้ายไปนอนห้องกันต์คงอดจะคิดอะไรเตลิดไม่ได้

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปเกือบชิดหัวไมค์

“ถูกครับ”

“ถูกจริงหรือเปล่า แบบนี้ต้องพิสูจน์ครับ”

เสียงกรี๊ดกร๊าดปะปนกับเสียงหัวเราะดังขึ้นทันทีเพราะรู้ว่าวินกำลังแกล้งรุ่นพี่ตัวเอง แต่กันต์ก็ไม่ได้ว่า แถมยังเป็นฝ่ายเลิกเสื้อยืดคอวีสีเทาขึ้นเผยให้เห็นเสี้ยวหนึ่งของปีกนกสีดำตามแนวกล้ามเนื้อแถวช่วงกลางลำตัว ต้นหลิวซับน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะรีบชงต่ออย่างรู้ทัน

“โอ้โห ถูกจริงๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อเลย น้องวันศุกร์รู้ได้ไงคะเนี่ย?”

“อะ..เอ่อ…” คนตัวเล็กหน้าเสีย แก้มสองข้างขึ้นสีระเรื่ออย่างปิดไม่มิด ยิ่งทำให้กันต์อยากหัวเราะ แม้แต่พีท แกนปี2 ก็ยังลอบขำอยู่ข้างเวที เพราะกันต์เป็นคนสั่งให้เขาเอาภาพคำใบ้ของตัวเองให้กับวันศุกร์เท่านั้น

“ฮ่ะๆ ล้อเล่นนะคะ เอาเป็นว่าตอบถูกจ้า”

ต้นหลิวยอมตัดบทด้วยความสงสาร ก่อนจะเรียกคนตอบผิดทั้งหลายกลับมาเต้นตลกโปกฮาส่งท้าย มีเวลาให้ MC กับแกนรุ่นขึ้นมากล่าวปิดกิจกรรมเล็กน้อย ก็ได้ฤกษ์ส่งทุกคนขึ้นรถบัส

กระเป๋าเป้ผ้ายีนส์ของวันศุกร์ถูกกันต์แย่งไปถือเหมือนเคย แต่ผิดแปลกแค่ว่า ร่างสูงไม่ได้เดินนำไปยังรถโดยสารคันใหญ่ แต่กลับเป็นรถ BMW สีดำคันคุ้นเคยซึ่งจอดเทียบอยู่ไม่ห่าง เซฟยืนพิงกระโปรงหลัง ในมือถือกุญแจควงเล่นท่าทางสบายอารมณ์

“ว่าไงคู่รัก” คำทักทายของวันนี้ทำเอาเด็กปี1 สะดุ้งโหยง รีบตวัดสายตามองเจ้าของรถตัวจริงทันที แต่กลับไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ

กันต์ทำท่าเตะขาใส่เพื่อน จนเซฟเดินหัวเราะหนีไปทางรถแวนอีกคันที่จอดรออยู่ มีรุ่นน้องหลายคนเดินผ่านมายกมือไหว้กันต์ตามมารยาท แน่นอนว่ารวมทั้งจินนี่ด้วย ผ่านไปสักพักจนรถบัสคันสุดท้ายออกตัว หลงเหลือเพียงรถเก๋งไม่กี่คันกับเด็กปีสูงไม่กี่คนเท่านั้น

วันศุกร์พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับอย่างรู้งาน เขาไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรมากเพราะใจหนึ่งก็อยากใช้เวลาร่วมกับกันต์สองต่อสองอีกสักหน่อยอยู่เหมือนกัน

“ทำไมพี่เซฟถึงรู้เรื่องของเราอะ” เขาถามขึ้นทันทีที่ปิดประตูลง

“ก็พี่บอกไง”

“บอกทำไม”

“เอ้า คบกันแล้ว ไม่ให้บอกได้ไง” มือใหญ่เอื้อมมาดึงแก้มเขาเบาๆ ระหว่างเคลื่อนตัวออกจากรั้วรีสอร์ท

“บอกใครไปบ้าง?”

“ก็...ไอ้ตรี ไอ้ทิต กับไอ้เซฟ แค่เนี้ย ทำไมอะ”

“ก็ศุกร์ไม่อยากให้ใครรู้นี่น่า” วันศุกร์ก้มหน้างุด “ศุกร์กลัวพี่เสาร์จะรู้...”

นี่แหละเรื่องสำคัญที่เขาเพิ่งนึกออก ตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยมีแฟนก็เพราะความขี้หวงของวันเสาร์ ยิ่งกันติกรณ์คนที่วันเสาร์ไม่ชอบขี้หน้าด้วยแล้ว...ถ้าเกิดรู้เรื่องที่พวกเขาคบกัน จะต้องมีใครตายไปข้างแน่ๆ

“แล้วไง สักวันพี่เสาร์ก็ต้องรู้นะ”

“แต่ศุกร์ยังไม่พร้อม พี่กันต์ก็รู้ว่าพี่เสาร์ขี้หวงมากอะ นี่ศุกร์เป็นห่วงพี่กันต์นะ ถ้าพี่เสาร์โกรธ ไม่ยอมรับเรื่องของเราล่ะ” ไม่สิ...อย่างวันเสาร์ไม่ต้องมีคำว่า ถ้า ด้วยซ้ำ เพราะจะต้องโมโหและไม่ยอมรับลูกเดียวอยู่แล้ว

“เราก็อธิบายให้เขาฟัง”

“อย่าพูดง่ายๆ สิครับ พี่กันต์ไม่รู้หรอกว่าพี่เสาร์น่ากลัวขนาดไหน”

“แล้วศุกร์จะให้พี่ทำยังไง ต้องคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ น่ะเหรอ พี่ไม่ใช่ชู้นะ”

กันต์เผลอขึ้นเสียงด้วยอารมณ์หงุดหงิด ตัดสินใจหักพวงมาลัยเข้าไปจอดยังจุดพักรถ เขาไม่ได้โกรธวันศุกร์หรอกแต่กำลังโกรธพี่ชายตัวดีของวันศุกร์มากกว่า เป็นมารผจญได้ทุกเรื่องจนถึงที่สุดจริงๆ คนเขารักกันแล้วก็ยังจะตามมาหลอกหลอนอีก

“ก็ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” คนตัวเล็กรีบเอ่ยเสียงสั่น พลางหันไปเกาะแขนคนขับไว้หลวมๆ “แต่...ศุกร์ว่าอย่าเพิ่งให้พี่เสาร์รู้เลยนะ มันกะทันหันเกินไป”

“แค่เราจะรักกันยังไม่ได้เลยเหรอ” น้ำเสียงตัดพ้อของกันต์ทำเอาเขาใจหายวาบ

“เราก็รักกันอยู่นี่พี่กันต์ ศุกร์รักพี่กันต์นะ”

คนตัวสูงชะงักไปนิด ความจริงเขาใจอ่อนตั้งแต่ที่อีกฝ่ายหันมาจับแขนตัวเองแล้วตีหน้ามุ่ยเหมือนอยากร้องไห้เต็มทีแล้ว

“เฮ้อ...เอาล่ะๆ พี่จะไม่ป่าวประกาศเรื่องของเราละกัน รู้แค่ในกลุ่มโอเคนะ”

“อื้อ” คนเด็กกว่าพยักหน้ารัว

“แต่ถ้าเราจะคบกัน สักวันพี่เสาร์ก็ต้องรู้อยู่ดีนะศุกร์”

“อืม...ศุกร์จะค่อยๆ บอกพี่เสาร์เรื่องของเราเอง แต่มันอาจจะต้องใช้เวลานะ เพราะพี่เสาร์คงไม่ยอมรับง่ายๆ แน่ ดีไม่ดีจะได้ไปหาเรื่องพี่กันต์ด้วยน่ะสิ...ศุกร์เป็นห่วง”

ดวงตากลมกระพริบถี่ หัวคิ้วย่นเข้าหากันมองดูน่าหมั่นเขี้ยวชะมัด

กันติกรณ์ยอมพยักหน้าโดยดี แต่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย รีบโน้มตัวเข้าไปขโมยหอมแก้มใสฟอดใหญ่ วันศุกร์ยังไม่ทันได้ตกใจก็ถูกตามมาจูบปิดปากซ้ำซะก่อน

“อือ...”

ลิ้นร้อนชอนไชเข้าไปด้านในโพรงปากหวานอย่างไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว เมื่อผละออกก็โดนคนหน้าแดงแหวใส่เสียงดัง

“อะไรเนี่ย”

“ค่าปิดปากไง”

“บ้า”

วันศุกร์ตีแขนกันต์ไปทีไม่แรงนัก ก่อนส่งสัญญาณให้ออกรถต่อ พวกเขาพูดคุยหยอกเย้ากันเรื่อยเปื่อยตลอดทาง นึกอยากให้เวลาเดินช้าลงอีกสักหน่อย เพราะรู้ดีว่าเมื่อกลับไป ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง...ความจริงที่ว่าวันเสาร์ยังไม่มีทางยอมรับความสัมพันธ์ครั้งนี้...ความจริงที่ว่าพวกเขาจะแสดงออกว่ารักกันเหมือนคู่รักคนอื่นๆ ไม่ได้

และพูดไม่ทันขาดคำจริงๆ พี่ชายขี้หวงก็โทรเข้ามาได้ถูกจังหวะพอดี

“ฮัลโหลครับ”

“ศุกร์ จะถึงมหา’ลัยกี่โมง?”

“น่าจะเย็นๆ นะครับ พี่เสาร์จะมารับศุกรเหรอ”

“อือ ถ้าใกล้แล้วก็โทรบอกพี่อีกทีนะ”

“โอเคครับ”

“แล้วเป็นไงมั่ง?”

“ก็...ดีครับ สนุกดี”

คนตัวเล็กแอบสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อสัมผัสถึงความเย็นจากปลายนิ้วมือของอีกคนบนรถ กันติกรณ์จอดรอไฟแดงตรงทางแยก เอื้อมมือมาลูบแก้มเขาเล่นอย่างจงใจแกล้ง

“พวกรุ่นพี่ไม่ได้ให้ทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม ไม่ได้เจ็บตรงไหนนะ?”

“มะ..ไม่เลยครับ...”

“อ้ะ!”

ฉิบ.....

เขาเผลอส่งเสียงร้อง จังหวะที่กันต์หันไปปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วโน้มตัวเข้ามาขบใบหูเขาหน้าตาเฉย หัวใจดวงน้อยหล่นไปอยู่แทบตาตุ่ม มือซ้ายกำโทรศัพท์แน่น สายตาตำหนิตวัดไปทางที่นั่งคนขับ ซึ่งดูไม่สะทกสะท้านอะไร

“เป็นอะไรน่ะศุกร์?” วันเสาร์กดเสียงต่ำ ทำเอาเขายิ่งลนลาน

“เอ่อ…ป..เปล่า ไม่มีอะไรครับ”

“ไม่มีอะไรได้ยังไง เมื่อกี้ศุกร์ร้องใช่ไหม?”

“ยุง...พี่เสาร์ แค่ยุงกัดครับ”

“ยุง?”

รีบหันไปทำท่าจุ๊ปากใส่คนด้านข้าง เพราะดูเหมือนกันต์จะสนุกเหลือเกินหลังจากแกล้งเขาสำเร็จ แต่เขาน่ะไม่สนุกด้วยสักนิด เพราะต้องมานั่งโกหกวันเสาร์อีกแล้ว และเขาก็พอจะรู้หรอกว่าวันเสาร์จับได้ตลอดเพียงแค่ไม่พูดเท่านั้น ถ้ามันสะสมมากๆ เข้า เขาก็ไม่อาจรับประกันชะตาชีวิตตัวเองเหมือนกันนะ

เพราะเป็นวันเสาร์ที่เขารู้จักดีไงถึงได้น่ากลัว...เวลารักก็รักที่สุด แต่อย่าให้โกรธอย่าให้เกลียดขึ้นมาเชียว ต่อให้กราบเท้าอ้อนวอนขอ คนคนนั้นก็จะไม่ฟังแน่นอน

“อือ ยุงมันเข้ามาในรถอะครับ เอ่อ…เดี๋ยวไว้ใกล้ถึงแล้วศุกร์โทรหานะ”

“...อืม”

เขากลั้นใจกดตัดสายไป ทั้งที่ความรู้สึกผิดมันแล่นขึ้นมาจุกอก แว่วเสียงสุดท้ายของวันเสาร์ฟังดูเศร้าและโกรธเคืองในเวลาเดียวกัน ซึ่งเขาไม่ชอบเลย

“พี่กันต์อะ แกล้งทำไมเนี่ย” กำปั้นเล็กกระแทกเข้ากับต้นแขนอีกฝ่ายดังปัก ขณะที่กันต์ทำเพียงแค่หัวเราะคิกคัก แล้วกลับมารัดเข็มขัดเตรียมออกรถตามเดิม

“ก็อุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันสองคน พี่เสาร์ก็ยังตามมาขัดอีก”

“แค่โทรมาถามนิดเดียวเอง”

“เออ นิดเดียวก็ไม่ได้”

“พี่กั…”

“ทำไม ศุกร์เป็นแฟนพี่แล้วไม่ใช่เหรอ พี่ก็มีสิทธิ์หวงสิ” กันติกรณ์เอ่ยเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมยังคงจับจ้องไปบนถนนเบื้องหน้า

ตอนนี้เขารู้สึกไม่ดีต่อทั้งวันเสาร์และทั้งกันต์ กับวันเสาร์ก็ผิดที่โกหกแถมยังมีเรื่องปิดบังไว้อีกตั้งกองนึง ส่วนกันต์...ทั้งที่ใจตรงกันแล้ว แทนที่จะได้รักกันดีๆ ยังต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลังกลัววันเสาร์จนขยับตัวไม่ได้ คงจะอึดอัดอยู่มากทีเดียว

“แต่ว่า...พี่เสาร์ก็เป็นแค่พี่เองนะ”

“เหอะ” คนตัวสูงเบ้ปาก นึกภาพสายตาของวันเสาร์ยามมองหน้าน้องชายตัวเองกับเวลามองผู้ชายคนอื่นที่มาเข้าใกล้ ลักษณะไม่ได้หวังแค่เป็นพี่ชัดๆ “ก็ถ้าเขาคิดอย่างนั้นอะนะ”

“โธ่ พี่กันต์ ยังจะพูดแบบนี้อยู่อีก”

“พี่พูดจริง ทำไมจะดูไม่ออก พี่เสาร์เขาคิดกับศุกร์เกินพี่น้องนะ ระวังตัวไว้เถอะ”

“พี่กันต์ เพ้อเจ้อ!”

ไม่ตอบอะไรกลับ ปล่อยให้คนเด็กกว่าตีหน้ายุ่งเพราะคิดว่าเขายกเรื่องวันเสาร์ขึ้นมาชวนทะเลาะอีกแล้ว แต่ความจริงเขาไม่ได้อยากหาเรื่อง เขาแค่เป็นห่วง...วันศุกร์เชื่อสนิทใจว่าวันเสาร์เป็นแค่พี่ชายมาโดยตลอด แต่ไอ้พี่ชายที่ว่าน่ะ คงไม่ได้คิดอย่างนั้น แบบนี้เขาควรต้องห่วงมากขึ้นเป็นสิบเท่าไหม

แต่พูดไปตอนนี้ก็เท่านั้นแหละ ไม่ยอมฟังอยู่ดี

“จับมือหน่อย” กันต์ผละสายตาออกจากถนนเพียงแวบเดียว คว้าเอามือเล็กมากุมพักไว้บริเวณช่องวางแก้วถัดจากเกียร์ แล้วใช้แค่มือเดียวบังคับพวงมาลัยต่อ

วันศุกร์หันมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายนิ่งๆ ความขุ่นมัวในใจเมื่อครู่นี้มลายหายไปในพริบตายามสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มบางแล้วกุมมือตอบ

ยังไม่ขอคิดอะไรเลยแล้วกัน…


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 14.0-14.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 04-05-2017 21:42:24
วันศุกร์ที่ 14.0



“ย้ายมานอนหอพี่”

คำพูดดั่งประกาศิตจากปากกันติกรณ์ยังคงลอยวนอยู่ในหัวจนวันศุกร์คิดไม่ตกมาหลายวัน ตั้งแต่กลับจากรับน้องทะเลเขาก็ถูกสั่งให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่หอ แต่นั่นน่ะพูดง่ายทำยาก! แค่ทุกวันนี้จะคุยโทรศัพท์กันยังต้องแอบคุยหลังห้าทุ่ม ทำตัวอย่างกับเด็กป.6 แอบแม่มีแฟน แล้วนี่จะขอย้ายออกจากบ้าน ไม่กันต์ก็เขานี่แหละที่จะหัวขาดสะบั้น

เดี๋ยวนี้วันเสาร์ก็ดุเขาบ่อยขึ้น ไม่ค่อยใจดีแล้วด้วย คงเพราะเขาเกเรเองแหละ แต่ทำไงได้...บอกความจริงไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย

“เฮ้ย เหม่อไรวะ”

หาญกล้าดีดนิ้วเรียกให้เขาหลุดออกจากภวังค์ ชีทเรียนวิชามนุษยธรรมกองอยู่บนโต๊ะกระจกของร้านเค้ก วิชานี้ปี1 ทุกคณะต้องเรียนเหมือนกันหมด เป็นหนึ่งในวิชามหาลัยสุดน่าเบื่อ และเขาก็กำลังทำการเทรดโน้ตของตัวเองกับเพื่อนสนิท เพื่อหวังว่าจะช่วยยกระดับความเข้าใจเนื้อหาให้เพิ่มมากขึ้น

“เปล่า คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“แล้วได้ฟังที่กูพูดเมื่อกี้ไหมเนี่ย”

“ห้ะ อะไรเหรอ?”

“กูบอกว่ากูย้ายหอแล้วนะ”

“อ่าว ย้ายไมอะ?” กล้าส่ายหน้าเล็กน้อยที่เพื่อนตัวเล็กไม่ยอมสนใจฟัง แต่ก็ยอมเล่าใหม่อีกรอบ

“ห้องข้างๆ แม่งกวนตีน ชอบทำเสียงดัง ให้พี่ที่หอไปเตือนหลายรอบแล้วก็ไม่สนใจ กูย้ายแม่ง”

“แล้วตอนนี้อยู่ไหน?”

“หอ Wise อะ”

หอ Wise……

เฮ้ย!! นั่นมันหอเดียวกับกันต์หนิ!

วันศุกร์ตาโต แทบจะปีนข้ามโต๊ะเข้าไปเขย่าแขนเอาความ จนคนถูกถามขมวดคิ้วมุ่น “ชั้นไหน?”

“เอ่อ...ชั้น 3”

หอนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหอที่หรูหราและแพงสุดในย่านมหาวิทยาลัย เน้นบรรยากาศสไตล์คล้ายเพนเฮาส์ สูงเพียงแค่ 4 ชั้น แบบนี้โคตรจะเหมาะเจาะอย่างกับสวรรค์บันดาล ห้องของกันต์ก็อยู่ชั้น 4 นี่เอง แบบนี้ถ้าเขาอ้างว่าย้ายมานอนกับกล้าแต่จริงๆ อยู่กับกันต์ วันเสาร์คงจับไม่ได้ แถมยังจะอนุญาตง่ายกว่าเก่าอีก

โอ้โห แผนการหนีตามผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ว่า...

“มึงตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นวะ”

ถ้าจะเอาแบบนี้ เขาก็ต้องบอกกล้าถึงความสัมพันธ์ของเขากับกันต์น่ะสิ

“เอ่อ...” ดวงตากลมกลอกซ้ายทีขวาทีอย่างชั่งใจ สุดท้ายจึงรวบรวมอากาศเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมาทางปากเพื่อตั้งสมาธิ “กูมีไรจะบอก”

“อะไรวะ ทำไมกูสังหรณ์ไม่ดี”

“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกน่า” ...มั้ง

หาญกล้ายังคงย่นคิ้วเข้าหากันท่าทางไม่ไว้ใจกับสิ่งที่กำลังจะได้ยิน แต่ที่สุดก็ยอมพยักหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายเริ่มต้นเล่า วันศุกร์เม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจเปิดเผยความลับที่รู้ดีว่าคนฟังคงตกใจไม่น้อย

“อืม...คือ มึงจำพี่กันต์ได้ไหม”

“กันต์...คนที่เคยหาเรื่องมึงอะนะ”

“เออ”

“ทำไม มันมาทำไรมึงอีก”

เออนั่นสิ อยากรู้เหมือนกัน มาทำอะไรกับหัวใจเขา…

“เปล่า...”

“แล้ว?”

“คือ…กูกับพี่กันต์...คบกันแล้วนะ”

เจ้าของคำสารภาพนั่งมือหงิก ขณะที่อีกฝ่ายแทบจะใบ้กิน เพื่อนมัธยมอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง จ้องหน้าเขาเขม็งเหมือนอยากให้พูดใหม่อีกครั้งซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัด

“กูกับพี่กันต์เราชอบกันอะ เลยตกลงคบกันแล้ว...แต่ก็ไม่ได้บอกใคร รู้แค่ในกลุ่มเพื่อนไม่กี่คน”

“นี่มันอะไรวะเนี่ย” คนสูงกว่าถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเน้นๆ “คือกูจะไม่พูดเรื่องที่มึงชอบผู้ชายหรืออะไรนะ แต่กูงงว่ามึงไปชอบกับไอ้พี่กันต์อะไรนี่ตั้งแต่ตอนไหน ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันไง”

“ก็...ก็นั่นมันตอนนั้น ตอนนี้ชอบแล้ว จบปะ”

“ไม่จบ ตลกเหรอมึง เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย”

วันศุกร์ยู่ปากเป็นเด็กๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าทุกอย่างแบบละเอียดยิบ ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ ทุกความรู้สึก กินเวลาไปครึ่งชั่วโมงกว่าจะเล่าจบ เพราะมันมีเรื่องราวมากมายปะดังปะเดเข้ามาในช่วงหลายเดือนมานี้

กล้ายังคงไม่ยอมคลายคิ้วเป็นโบนั่นออก

“กูสับสนว่ะ มันกะทันหันเกินไปอะ”

“เออกูเข้าใจ แล้วมึง...มึงรังเกียจกูเปล่าวะ” คนตัวเล็กถามเสียงอ้อมแอ้ม แม้ว่าจะเขาจะพอเดาคำตอบได้แต่ก็ยังอยากถามให้มั่นใจ และแน่ยิ่งกว่าแน่ หาญกล้ายื่นแขนเข้ามาฟาดหัวเขาไปทีไม่แรงนักพร้อมเอ่ยเสียงจริงจัง

“ถ้าหมายถึงเรื่องที่มึงคบกับผู้ชาย กูไม่รังเกียจหรอก มึงจะเป็นอะไรกูก็ไม่รังเกียจ มึงเป็นเพื่อนกูนะ คบกันมาตั้งนานยังกล้าถามแบบนั้นอีก”

“ง่ะ” เขานั่งลูบหน้าผากตัวเองป้อย

“กูแค่ยังงงๆ ที่มึงไปตกล่องปล่องชิ้นกับพี่กันต์อะไรนั่นได้...แต่ก็ช่างเหอะ หัวใจมึงอะเนาะ”

เขาเผยรอยยิ้มกวนๆ เหมือนปกติ ทำให้อีกฝ่ายพอยิ้มออก แม้ว่าในใจจะแอบตะขิดตะขวงชอบกล นายกันติกรณ์อะไรนี่เคยตั้งตัวเป็นคู่อริวันศุกร์แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมาคว้าหัวใจไป มันฟังดูบ้าสิ้นดีสำหรับเขา และมันดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย

“เออ แล้วทีนี้ กูก็มีเรื่องจะขอร้อง” วันศุกร์รีบวกกลับเข้าประเด็นหลักอีกครั้ง

“ว่ามา”

“กูอยากย้ายไปนอนกับพี่กันต์อะ”

“ห้ะ...แล้วเกี่ยวไรกับกูวะ”

“ก็พี่กันต์เขาอยู่หอ Wise เหมือนกันไง แล้วมึงย้ายมาอยู่หอนี้พอดี กูเลยกะว่ากูจะแกล้งบอกพี่เสาร์ ว่ามานอนกับมึง”

“อ่าว ซวยกูอีกสิ กูช่วยมึงได้หมดนะศุกร์ แต่อะไรที่เกี่ยวกับพี่เสาร์นี่กูไม่ค่อยอยากยุ่งเลยว่ะ” กล้าตีหน้าขยาด เพราะรู้ดีถึงวีรกรรมความโหดของพี่ชายเพื่อนรัก วันเสาร์เป็นคนนิ่งๆ ที่ความจริงแล้วไม่นิ่งเลย แทนที่จะบอกว่าเหมือนน้ำแข็ง วันเสาร์คือเปลวไฟสีน้ำเงินซะมากกว่า ซึ่งหมายความว่าร้อนยิ่งกว่าใคร ไม่สมควรเข้าใกล้เป็นอย่างยิ่ง

“โห่ ช่วยกูหน่อยนะ นะ”

“ไอ้ศุกร์...ถ้าถูกจับได้นี่ตายหมู่เลยนะมึง”

“ไม่ถูกจับได้หรอก หรือถ้าถูกจับได้จริงๆ กูรับผิดชอบเอง”

ใบหน้าเข้มดูคร่ำเครียด ได้แต่มองคนตรงข้ามที่กำลังยืดอกมั่นใจด้วยความไม่มั่นใจเลยสักนิด แต่ทำไงได้ล่ะ เพื่อนมันหนิ สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ดี กลัวไม่ช่วยแล้วเดี๋ยวจะมีใครร้องไห้ขี้มูกโป่ง

“เออๆ ก็ได้วะ”

วันศุกร์แทบจะร้องตะโกน รีบดึงมือเขาไปลูบเล่นด้วยความดีใจ บ้าชะมัด เป็นเพื่อนกันมา 6-7 ปี วันนี้มันจะไปมีผัวแล้วเหรอวะ...

 

 

“นึกยังไงถึงชวนพี่ออกมากินข้าวนอกบ้านฮึ” วันเสาร์ก้มหน้าถามน้องชายตัวเองที่เอาแต่เกาะแขนเขาไม่ปล่อยตั้งแต่เดินลงจากรถจนขึ้นมาถึงชั้นอาหารของห้างใหญ่แถวบ้าน

“ก็ศุกร์อยากออกมาเดินเล่นกับพี่เสาร์บ้างนี่ เราไม่ได้ออกมาแบบนี้นานแล้วนะ”

“อืม แล้วนี่จะกินอะไร?”

“ยังไม่รู้เลยอะ พี่เสาร์เลือกละกัน”

“บาร์บีคิวพลาซ่ามะ ช่วงนี้มีโปรฯ ชุดครอบครัวหมูด้วย” สายตาเรียวหันมองป้ายโปรโมทจากหน้าร้านซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมเตะจมูกมาแต่ไกล วันศุกร์จ้องผ่านหน้าต่างใสเข้าไปด้านใน เห็นเนื้อหมูสไลด์สีชมพูสดกำลังถูกคีบลงบนเตา ก็เกิดนึกถึงคำพูดของบัณฑิตตอนอยู่ระยองขึ้นมาได้

รีบส่ายหน้ารัว

“ไม่เอาอะ...ศุกร์ ศุกร์ว่าจะลดหมูแล้วอะ”

“หือ ทำไม...อ๋อ เพราะเราเลี้ยงหมูตัวนั้นอยู่อะเหรอ?” วันเสาร์เพิ่งนึกออกว่าน้องชายยังโดนทัณฑ์บนให้ไปดูแลหมูแคระคณะเกษตรฯ อยู่

“อือ…”

“ไม่เป็นไรมั้ง ศุกร์ อย่าคิดมากเลย มันคนละพันธุ์กันไม่ใช่เหรอ กินได้”

ดวงตากลมโตเบิกมองหน้าพี่ชายตัวเองนิ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะคิกออกมาน้อยๆ จนอีกฝ่ายถึงกับขมวดคิ้ว ตลกดีชะมัด วันเสาร์นี่เหมือนกันติกรณ์ไม่มีผิด นิสัยก็คล้าย คำพูดยังเหมือนกันอีก

“หัวเราะอะไรของเรา”

“เปล่าครับ แค่คิดว่าพี่เสาร์เนี่ย เหมือนคนที่ศุกร์รู้จักเลย”

“ใคร พี่รู้จักหรือเปล่า?”

อ่าว เวร...

“เอ่อ...ไม่...ไม่รู้จักมั้งครับ ศุกร์ก็ไม่ค่อยสนิท เหอๆ งั้นกินนี่ก็ได้ครับ”

คนตัวเล็กรีบเปลี่ยนเรื่อง ดึงมือหนาเข้าไปในร้านทันที ทำให้วันเสาร์ไม่มีโอกาสได้ซักไซ้อะไรต่อ สองพี่น้องนั่งทานอาหารกันไป พูดคุยเรื่องต่างๆ นาๆ ไปเรื่อยอย่างออกรส ความจริงที่วันศุกร์ชวนออกมากินข้าวเปลี่ยนบรรยากาศก็เพราะอยากทำให้วันเสาร์อารมณ์ดี เขาจะได้หาจังหวะขอย้ายไปอยู่หอซะเลย

“เอ่อ พี่เสาร์...” วันศุกร์ถูไม้ถูมือ หลังจากเช็คบิลเรียบร้อยและกำลังจะเดินออกจากร้าน

เสาร์หยุดฟังน้องชาย แต่ไม่ทันได้ความต่อ ก็มีมือปริศนาเข้ามาดึงชายเสื้อเขายิบๆ จนเผลอตวัดสายตาดุๆ ใส่...ก่อนจะพบว่าเป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเท่าเอว น่าจะอายุราวๆ 7-8 ขวบเท่านั้น ขอบตาสองข้างเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ชวนให้ทั้งเขาและวันศุกร์ตกใจ

“ปะ…เป็นอะไรครับ มีอะไรเหรอ” ศุกร์คุกเข่าลง รวบตัวเด็กมาโอบไว้หวังจะปลอบ วันเสาร์ต้องช่วยลูบหัวทุยเบาๆ เมื่อเห็นว่ายังไม่ยอมสงบ ผ่านไปเกือบนาทีกว่าที่เด็กแปลกหน้าจะยอมเอ่ยปากเสียงสะอื้น

“ผม…ผมหา คุณแม่..ฮืออ”

“สงสัยจะหลงทางนะครับพี่เสาร์”

“อือ เอาไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ละกัน”

คนเป็นน้องพยักหน้าแล้วตบหลังเด็กน้อยปุๆ ให้ออกเดินไปด้วยกัน แต่ก็เพิ่งรู้ว่าระยะก้าวของผู้ใหญ่กับเด็กมันต่างกันมาก ทำให้พวกเขาเคลื่อนตัวได้อย่างเชื่องช้าและตะกุกตะกัก ยิ่งเด็กหลงยังเอาแต่สะอึกสะอื้น หยุดปาดน้ำตาเป็นพักๆ อีก

สุดท้ายจึงถูกวันเสาร์ช้อนตัวขึ้นอุ้มพาดบ่า คงเพราะรำคาญหรืออะไรไม่ทราบ มือใหญ่คอยลูบหลังให้คนในอ้อมแขนตลอดทาง พวกเขายืนรออยู่ตรงจุด Information ของห้างจนคุณแม่ของน้องวิ่งโร่มาหา เธอก้มหัวขอบคุณประมาณสิบแปดรอบก่อนจะจากไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอุ่นๆ ในใจเท่านั้น

วันศุกร์เหล่ตามองพี่ชายตัวเองอย่างหยอกล้อ ระหว่างเดินกลับไปยังลานจอดรถ

“พี่เสาร์เนี่ย ชอบเด็กจริงๆ เลยน้า”

“ชอบอะไร ไม่ได้ชอบสักหน่อย”

“ไม่จริงอะ พี่เสาร์นะออกจะดุ แต่เวลาเจอเด็กก็อ่อนโยนจะตาย”

วันเสาร์ส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถไปในที ขี้เก๊กอะ ปากแข็ง อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีละอย่างกับว่าเขาจะดูไม่ออก ขาว เด็ก ตัวเล็ก สเป็ควันเสาร์ สโลแกนนี้มันแปะอยู่บนหน้าผากชัดๆ เลย

อ้ะ ความจริงตัวเขาเองก็เข้าเค้าเหมือนกันนี่หว่า...

“เอ่อพี่เสาร์ ศุกร์ขออะไรหน่อยได้ไหมครับ?” เขารีบสะบัดหัวไล่ความคิดประหลาดออก แล้วเริ่มต้นเข้าเรื่องในหัวอีกครั้ง วันเสาร์เพียงแค่พยักหน้าให้พูดต่อ

“คือช่วงนี้ใกล้สอบไฟนอลแล้ว...แบบ เพื่อนมีติวกัน แล้วก็มีพวกงานกลุ่มด้วย ศุกร์เลยคิดว่า…ถ้าอยู่หอ คงจะสะดวกกว่า...”

“...”

“ศุกร์ขอไปอยู่หอได้ไหมพี่เสาร์”

“หอใคร?”

ราวกับรู้ทัน ทั้งที่ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะไปขออาศัยห้องคนอื่น วันเสาร์ก็คือวันเสาร์ เซนส์แรงกว่าริวจิตสัมผัส โดยเฉพาะเรื่องของน้องชายตัวเองเนี่ยแหละ!

“หอกล้าครับ”

คนตัวสูงนิ่งไปนิด ดูเหมือนชื่อกล้ายังได้ผลเหมือนเดิม ด้วยตำแหน่งเพื่อนสนิทที่ยังเหลือรอดมาตั้งแต่ ม.1 อีกอย่างครอบครัวกล้าก็สนิทกับครอบครัวเขาอยู่ไม่น้อย บ้านก็ใกล้กัน วันเสาร์จึงให้ความไว้วางใจมากเป็นกรณีพิเศษ

“กล้าอยู่หอไหนนะ?”

“เอ่อ...มันเพิ่งย้ายไปอยู่หอ Wise อะครับ”

“หอเดียวกับกั้ง?”

เออ เกือบลืมไปเลยว่าแต่ก่อนเขาเคยโกหกไว้ว่าไปค้างหอกั้ง ทั้งที่จริงไปอยู่ห้องกันต์ต่างหาก สงสัยต้องรีบแก้ใหม่กันความแตกซะก่อน

“เอ่อ กั้งย้ายหอแล้วครับ”

“ย้ายอะไรกันเยอะแยะ”

“คือ กั้งย้ายไปอยู่กับนัทอะครับ” อันนี้เรื่องจริงแล้วนะ กั้งกับนัทเป็นรูมเมทกันมาตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้ว แต่หอจริงพวกมันอยู่ห่างจากหอ Wise เกือบกิโลเห็นจะได้

“แต่อยู่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ศุกร์ คนขับรถก็มี”

ว่าละ...

“แต่มันเสียเวลานี่ครับ ระหว่างเดินทางศุกร์เอาไปอ่านหนังสือได้ตั้งเยอะ” ก็ไม่ได้ถึงกับขี้โม้จนเกินไปนัก เพราะถึงจะเห็นว่าเขาไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไร แต่ก็ไม่ได้มีแค่หน้าตาดีไปวันๆ ตั้งใจเรียนอยู่เหมือนกัน ถ้านับทั้งคลาส เขาคิดว่าเขาเป็นเด็กกลางห้อง ส่วนกั้งอาจจะหัวแถวหน่อย และนัทกับเปาก็โน่นเลย เกาะเพื่อนกินอยู่ปลายสุดของห่วงโซ่อาหาร

“กล้าเองก็อยู่คนเดียว ศุกร์ไปอยู่เป็นเพื่อน ก็ช่วยมันหารค่าหอด้วย”

“บอกกล้าไปอยู่หออื่นได้ไหมล่ะ พี่ไม่อยากให้เราอยู่หอนี้เลย”

วันเสาร์เริ่มเสนอเงื่อนไขใหม่ เพราะเขาจำได้ดีว่าไอ้หอ Wise น่ะมันก็หอเดียวกับนายกันติกรณ์ คนที่ชอบมาเจ๊าะแจ๊ะน้องชายเขานั่นแหละ แบบนั้นท่าทางไม่น่าไว้วางใจ

“ทำไมล่ะครับ หอ Wise มันดีที่สุดแล้วนะ พื้นที่ก็กว้าง ข้าวของเครื่องใช้ก็ครบ แถม security ก็ดีด้วยนะพี่เสาร์ ให้อยู่หออื่นศุกร์กลัวอะ วันก่อนเพิ่งมีข่าวว่าหอ Sky Tree โดนโจรขึ้นด้วยนะครับ อันนี้แหละ ปลอดภัยสุดแล้ว”

เจ้าของดวงตาสีนิลฉุกคิด แค่นึกว่าเขาจำต้องอนุญาตให้น้องสุดรักไปอยู่ไกลหูไกลตานั่นก็แย่มากพอแล้ว ถ้าต้องไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้วย เขาคงอกแตกตายก่อนวัยอันควรเป็นแน่ ถึงยังไงเขาคงขัดใจวันศุกร์ไม่ได้ เพราะท่าทางเดี๋ยวนี้รั้นเอาเรื่อง สุดท้ายก็คงโวยวายขอไปอยู่หอตามเพื่อนให้ได้อยู่ดี

เฮ้อออ เหนื่อยใจ

เลี้ยงมากับมือ ทำไมกลายเป็นงี้ไปได้ สังคมมหาวิยาลัยนี่บางทีก็น่ากลัวเหมือนกัน ทำเทวดาตัวน้อยของเขาปีกกล้าขาแข็งขนาดนี้ได้ไงเนี่ย

“เอ้า แล้วแต่เราละกัน ถึงพี่ไม่ให้ ก็คงอ้อนจนได้อยู่ดีล่ะสิ”

“แฮ่” คนตัวเล็กแลบลิ้นแก่น แล้วรีบถลาเข้าไปโอบเอวคนเป็นพี่ไว้อย่างเอาใจ ทั้งที่อีกฝ่ายยังตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถ

วันเสาร์ลอบถอนหายใจอีกครั้ง แล้วผละมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัย ลูบศีรษะทุยป้อยๆ

“แต่ถ้าไม่มีงานอะไร ต้องกลับบ้านนะ”

“กลับอยู่แล้ว กลับมาหาพี่เสาร์ไง”

ก็น่ารักซะแบบนี้ เขาคงขัดใจอะไรไม่ได้ไปตลอดชีวิตนั่นแหละ

 
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 14.0-14.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 04-05-2017 21:49:31
วันศุกร์ที่ 14.5



“แล้วนี่อยู่ชั้นไหนนะ?” วันเสาร์เอ่ยปากถาม ขณะย้ายกระเป๋าเดินทางหลายใบของน้องชายลงบนรถเข็นแสตนเลส โดยมีคุณพี่รปภ. คอยช่วยอีกแรง

“4...เอ๊ย 3 ชั้น 3 ครับ!”

“สรุปยังไง”

“ชั้น 3 ครับๆ ศุกร์จำผิด”

“ขอบคุณครับ” คนตัวสูงหันไปก้มหัวให้รปภ.หอ ก่อนจะเข็นรถเข็นนำหน้าไปยังลิฟต์ด้านใน ไม่นานก็มาหยุดลงตรงหน้าห้อง 303 มีกล้าคอยรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับพี่เสาร์” รีบยกมือไหว้พี่ชายเพื่อน แล้วยื่นมือไปช่วยยกกระเป๋าไปวางบนพื้นห้อง

วันเสาร์เพียงแค่พยักหน้าตอบรับ และถือวิสาสะเดินเข้าไปสำรวจทั่วบริเวณ เตียงคู่ตั้งห่างออกจากกันโดยมีโต๊ะวางโคมไฟคั่นกลาง สองฝั่งห้องถูกจัดแบ่งโซนเรียบร้อยและค่อนข้างสมมาตร ทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ และชั้นวางของ มีตู้เย็นกับซิงค์ให้พร้อม แอร์คอนดิชั่นกับพัดลมก็ไม่ต้องห่วง ห้องน้ำเป็นแบบฝักบัวมีประตูกระจกกั้นจากโถส้วมและอ่างล้างหน้าอีกที ความสะดวกสบายเขาให้เต็มที่เลย 7.5 แต่การตกแต่งและความหรูหราถ้าเทียบจากสภาพหออื่นๆ ก็ต้องนับว่าได้คะแนนสูงกว่าเป็นไหนๆ

โอเค ใช้ได้ ถ้าอนุญาตให้นอนหอ แล้ววันศุกร์จะกลับมาทำตัวอยู่ในโอวาทมากขึ้น เขาก็ยอม

ยังไงก็มีหาญกล้าคอยเป็นหูเป็นตาให้ เด็กนี่ไว้ใจได้ เขาเองก็รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนโรงเรียนมัธยม มาดดูเกเรเสเพลไปบ้างแต่ความจริงเป็นเด็กดี อีกอย่าง ไม่เคยเห็นว่าจะกล้าขัดเขาสักเท่าไร คงพอบีบเค้นอะไรได้บ้างในสถานการณ์จำเป็น

“พี่ก็ฝากกล้าดูแลศุกร์ด้วยละกันนะ”

“ได้เลยครับ” กล้าทำท่าตะเบ๊ะใส่ ก่อนที่เจ้าน้องชายตัวดีจะตรงเข้าไปกอดเอวล่ำลา ทำเอารูมเมทกำมะลอต้องเดินหลบออกจากฉากไปอย่างรู้งาน

“พี่เสาร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ อยู่นี่ก็ใกล้มอ มีกล้าด้วย”

“อือ มีอะไรก็โทรหาพี่นะ”

“คร้าบ”

วันศุกร์เดินไปส่งเสาร์ถึงหน้าลิฟต์ จนเมื่อแน่ใจดีแล้วจึงรีบกดโทรศัพท์หาคนที่คุณก็รู้ว่าใคร............ลอร์ดโวลเดอมอร์

ไม่ใช่!!

“ฮัลโหลพี่กันต์”

“เป็นไง”

“พี่เสาร์กลับไปแล้วนะ”

“โอเค เดี๋ยวพี่ลงไป”

ขบวนการมิจฉาชีพมากๆ หลังวางสายไม่ถึงสองนาที ลิฟต์ตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มน่าหมั่นไส้ กันติกรณ์พุ่งเข้ามาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่แบบไม่ให้ตั้งตัว

“โอ้ย ไรเนี่ย”

“ทักทายไง” เจ้าของใบหน้าเรียวหัวเราะร่า แล้วดึงมือวันศุกร์กลับไปยังห้อง 303 อีกครั้ง กล้าที่เห็นกันต์ก็จำใจยกมือไหว้ตามมารยาท แล้วผายมือให้คู่บ่าวสาวเข้ามาจัดการขนย้ายสัมภาระมากมายขึ้นไปยังห้องชั้นบนแทน

มือสี่ข้างของสองคนไม่ว่างเลย กระเป๋าใบเล็กใบน้อยถูกหิ้วไปวางแหมะไว้ตรงหน้าลิฟต์ตัวเดิม อดจะแซวไม่ได้

“ย้ายบ้านเหรอ เอาอะไรมาเยอะแยะ”

“ก็ของมันเยอะนี่”

เขามองค้อน แล้วเลือกที่จะสนใจตัวเลขบนลิฟต์มากกว่า ลิฟต์ตัวด้านซ้ายค้างอยู่ที่ชั้น 4 นานเอาเรื่องแล้วไม่รู้เพราะอะไร ส่วนลิฟต์ตัวด้านขวาเพิ่งถูกคนจากชั้นล่างกดขึ้นมาพอดี

ติ๊ง!

สุดท้ายก็เป็นตัวด้านซ้ายที่เคลื่อนลงมาชั้น 3 ได้ก่อน เขากับกันต์รีบยกกระเป๋าทั้งหมดเข้าไปด้านใน วินาทีที่ประตูกำลังจะปิดก็ได้ยินเสียงสัญญาณลิฟต์อีกตัวดังขึ้นแว่วๆ พร้อมร่างสูงใหญ่คุ้นเคยที่เพิ่งก้าวผ่านตาเขาไปเพียงแวบเดียวเท่านั้น

ฉิบหาย นั่นมันพี่เสาร์ไม่ใช่เหรอ!?

เร็วกว่าความคิด เขารีบล้วงเอาโทรศัพท์มากดโทรหากล้าทันที แต่สัญญาณหรอยหรอในลิฟต์ก็ทำให้ติดต่อไม่ได้ซะงั้น

ด้านวันเสาร์ ยิ่งสาวเท้าไวขึ้นเพราะดันทำกุญแจรถหล่นไว้ในห้องของเพื่อนน้องชาย ทั้งที่เขาเองก็มีธุระเรื่องเรียนต้องรีบกลับไปทำ

ประตูไม้ทาสีขาวสะอาดตาถูกเคาะรัวสองสามที เจ้าของห้องก็โผล่หน้าออกมาให้เห็น กล้าเกือบจะหวีดเสียงร้องหากก็จิกแขนตัวเองไว้ได้ทันถ่วงที นึกภาวนาไม่ให้วันเสาร์เห็นความผิดปกติว่าบนพื้นห้องเท่าที่สายตาคนด้านนอกจะมองเห็น มันโล่งเปล่า ไม่หลงเหลือสัมภาระเกะกะจากเมื่อครู่อยู่แล้ว

“อ…เอ่อ พี่เสาร์ มีอะไรเหรอครับ”

“พี่ทำกุญแจรถตกไว้รึเปล่า”

“กุญแจรถเหรอครับ” กล้ากวาดตามองทั่วพื้นท่าทีลุกลี้ลุกลน จนไปสะดุดเข้ากับกุญแจปุ่มดำ

เขารีบก้มลงเก็บแล้วยื่นให้ ยังไม่ยอมเปิดประตูออกสุดเพราะเกรงว่าคนตรงหน้าจะบุกเข้ามาทำให้แผนแตกดังโพละตั้งแต่วันแรก

“หล่นอยู่นี่เอง”

“แล้วศุกร์ล่ะ?” คอเรียวยืดเป็นยีราฟ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนขมับเมื่อหาญกล้าตัดสินใจโป้ปดคำโต

“เอ่อ…อยู่ในห้องน้ำครับ”

โชคดีระดับสิบที่ประตูห้องน้ำปิดอยู่พอดีเลยเนียนๆ ไปได้ ขอแค่วันเสาร์รีบกลับไปซะตั้งแต่ตอนนี้...

“ศุกร์!”

ตะโกนหาพ่อง! ไม่สิ...ตะโกนหาน้องพี่เหรอ!

“พี่เสาร์ไม่รีบไปเหรอครับ มะกี้ศุกร์เล่าว่าพี่เสาร์นัดเพื่อนทำงาน”

“อ่า…ถ้าศุกร์ออกมาแล้วให้โทรหาพี่ด้วยนะ”

“ครับ เดี๋ยวบอกให้ครับ”

เขาแทบจะปิดประตูไล่แขกไม่พึงประสงค์ จนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกห่างออกไปไกลพอสมควรแล้วจึงรีบวิ่งกลับไปหยิบมือถือบนเตียงขึ้นมากดเปิดหน้าจอ พบว่าทางด้านวันศุกร์เองก็เพิ่งโทรหาเขาเหมือนกันแต่ดันปิดเสียงไว้ พอโทรกลับไปอีกฝ่ายก็กดรับภายในเสี้ยววิ

“มึงงง”

“มึงงง”

“พี่เสาร์เดินกลับมา กูนี่แทบหัวใจวาย”

“แล้วกลับไปยัง เป็นไงมั่ง มึงทำไงอะ”

“กลับไปละ กูบอกว่ามึงเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวอีกแป๊บนึงมึงโทรหาพี่เสาร์ด้วย”

“โอเค ขอบใจว่ะ”

“เออ อยู่กับผัวให้สบายใจละกัน” อดจะแขวะไม่ได้แม้ว่าจะไม่ได้จริงจังสักเท่าไร แต่ยอมรับเลยว่าการตัดสินใจของเพื่อนตัวเล็กรอบนี้ นำพาความเดือดร้อนและอึดอัดใจให้เขาพอตัว

“บ้า! แค่นี้แหละ”

 

 

โต๊ะญี่ปุ่นตัวกระจิ๋วถูกจับตั้งไว้บนเตียงเพื่อวางแลปท็อป วันศุกร์สอดตัวเข้าไประหว่างขาโต๊ะ หลังพิงหมอน นอนเปิดคอมสบายใจเฉิบ ขณะที่กันต์กำลังนั่งเรียงชีทสำหรับอ่านสอบอยู่ข้างๆ

หน้าจอ Facetime เด้งขึ้นมาก่อนเพื่อน และไม่ใช่ใครอื่น เป็นกั้งกับนัทนั่นเอง

“ไง คุณหนูวันศุกร์ หนีตามผู้ชายหรา”

หราพ่อง แล้วไอ้คนข้างๆ นี่อะไร เสือกหัวเราะชอบใจไปอีก

“ไอ้เชี่ยนัท”

“ฮ่ะๆ มึงเหมือนเด็กใจแตกอะ”

“ทำไมมึงไม่เข้าข้างกูอะ” เขารีบโวยวายเพราะแม้แต่กั้งก็ยังรวมหัวกันแซวเขาไม่หยุด แม้ว่าจะจริงทุกประการก็ตาม...

“อะๆ ไม่แกล้งและ เราสอบ Soc.Sci. ก่อนใช่มะ”

“อือ กูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ”

“แต่กูไม่เข้าใจเลย”

นัทพูดแทรกขึ้นมา จึงโดนกั้งเอาชีทปึกนึงฟาดกลางกบาลไปที

พวกเขานั่งติววิชาแรกของตารางอยู่เป็นชั่วโมง เพราะการสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้วในอีก 2 อาทิตย์เท่านั้น และด้วยเนื้อหาที่มากพอๆ กับเงินในบัญชีของเจ้าสัว CP ก็ทำให้ต้องเริ่มเคลียร์อ่านให้ไวกว่าปกติ พอเข็มนาฬิกาเคลื่อนผ่านเลข 12 ทั้งเขาและอีกหนึ่งชีวิตในจอก็เริ่มออกอาการง่วงเหงาหาวนอน จนนัทต้องลุกออกไปหาอะไรยัดใส่ปากเพื่อไม่ให้หลับคากองหนังสือไปซะก่อน ในขณะที่เด็กเรียนอย่างกั้งยังดูฟิตเหมือนอัดเปปทีนมาแล้วสิบขวด

“หาวว...”

“กั้ง นัท ติวต่อพรุ่งนี้ได้ไหม มันดึกแล้วนะ” จู่ๆ กันต์ก็ถลาเข้ามาอยู่ในเฟรม มือข้างหนึ่งวาดโอบไหล่เขาไว้อย่างเป็นห่วง คงเพราะเห็นว่าเขาหาวไม่หยุดสินะ

“อืม…เที่ยงคืนเองนะครับ”

เดี๋ยววว ไม่แปลกใจละที่กั้งสอบติดเข้ามาด้วยคะแนนอันดับต้นๆ ของคณะ ขนาดภายนอกไม่ได้ดูเนิร์ดอะไร แต่ทำไมจิตใจแข็งแกร่งประดุจนักศึกษาแพทย์เช่นนี้ล่ะเพื่อนรัก

กันต์ทำท่าครุ่นคิดเพียงแวบเดียว ก็พุ่งเข้ามาขโมยหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่ท่ามกลางสายตาประชาชนอีกสองคนในจอ นัทกับกั้งตาเบิกกว้าง พยายามเบือนหน้าหนีไปมองนกมองไม้ ก่อนจะต้องยอมศิโรราบให้กับคำพูดน่าเขินอายของรุ่นพี่ปี3

“พี่ขออยู่กับศุกร์สองต่อสองบ้างนะ”

“เอ่อ…ค..ครับ ตามสบาย ไว้ติวต่อวันหลังก็ได้”

“เออ ไว้เจอกันมึง ฝันดีๆ”

“อะ..อือ” แก้มใสร้อนผะผ่าว ค่อยๆ เอื้อมมือไปกดปิดโปรแกรมแล้วพับฝาโน้ตบุ๊คลง ก่อนจะหันมาเอาเรื่องคนข้างกายที่ยังเอาแต่นอนยิ้มระรื่น

“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะพี่กันต์”

“เอ้า มีความสุขก็ต้องยิ้มดิ” ไม่พูดเปล่ายังดึงตัวเขาไปซบอกเฉย

บ้าชะมัด เพราะถึงจะบอกกับอีกฝ่ายว่าไม่ต้องยิ้มเลยนะ แต่เขาเองกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบ หัวใจพองโตยามได้รับสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือหนา รู้ตัวอีกที ก็เป็นฝ่ายวาดแขนเข้าไปกอดเอวกันติกรณ์เองซะแล้ว

แย่จัง ทำตัวแบบนี้พ่อแม่ต้องว่าแน่ๆ เลย...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 15.0-15.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 07-05-2017 21:48:45
วันศุกร์ที่ 15.0



“นัดอะไรตอนนี้วะ?” วันศุกร์บ่นอุบ เมื่อหาญกล้าคาบข่าวเกี่ยวกับงาน Reunion เล็กๆ ของเพื่อนสมัยมัธยมปลายมาบอก ซึ่งมีแพลนจะนัดเจอกันมะรืนนี้แล้ว

ตอนนี้กล้าแอบแวะมานั่งเล่นบนห้องชั้น4 ระหว่างที่กันต์ไปสุมหัวทำงานกับเพื่อนในมอ

“ก็ช่วงนี้มันว่างตรงกันพอดีนี่หว่า”

“แต่มันจะไฟนอลอยู่แล้วนะมึง”

“แหม พูดเหมือนมึงขยันอ่านหนังสือมาก”

คนตัวเล็กบุ้ยปาก “เออๆ แล้วนัดที่ไหนอะ”

“ร้านปิ้งย่างแถวโรงเรียนไง”

“อ๋อ” นั่นถิ่นเก่าพวกเขาเลย เวลาเสร็จจากกิจกรรมของโรงเรียนก็มักจะยกโขยงกันไปถล่ม ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างราคาถูกแต่ของให้เลือกละลานตา ว่าแล้วก็คิดถึงเหมือนกัน

“แต่ผัวมึงจะให้ไปไหม?”

คำถามสวนกลับทำเอาเขาคิดหนัก ได้แต่ส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงนอนกลิ้งบนเตียง ตั้งแต่ตกลงคบกับกันต์และย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรอิสระเหมือนก่อน เวลาเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาเพิ่งจะทำให้รู้ว่ากันติกรณ์ขี้หวงมากแค่ไหน ขนาดเขาคุยกับกล้ามากไปยังโดนโมโหเลย เดี๋ยวนี้ไม่ยอมให้กล้าเดินลงมาหาหรอก ต้องแอบเจอกันอย่างกับเล่นชู้ซะงั้น ทั้งที่ควรจะสำเหนียกไว้บ้างว่ากล้านี่แหละคือคนที่ช่วยให้เขาได้ย้ายมานอนด้วย

ฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเนอะ แต่จะปล่อยให้โกรธก็ไม่ได้ เป็นเขาซะเองที่ใจไม่ดีต้องรีบง้อตลอดเลย ทำไมทำไปทำมา เขาดูกลายเป็นลูกไก่ในกำมืออย่างนี้อะ แต่ก่อนเขาเคยอยู่ในจุดที่กล้าแม้แต่จะเหยียบหัวฝ่ายนั้นด้วยซ้ำ

ครืด..ครืด...

นั่น พูดไม่ทันขาดคำ โทรมาพอดี ตายยากชะมัด

“ฮัลโหล”

“ทำอะไรอยู่?”

“นอนเล่น”

“กินข้าวไหม?”

“พี่กันต์ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?” ถามกลับไป พลางเหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง เพิ่งเลยเที่ยงวันมาได้ไม่กี่นาที

“เสร็จละ กำลังจะกลับ”

“โอเค งั้นเจอกันครับ”

“ครับ”

เขากดวางสาย ดวงตาใสแป๋วกระพริบถี่ไปทางเพื่อนรักซึ่งดูจะเข้าใจสถานการณ์ดี

“เออ งั้นกูกลับก่อนละกัน”

“ขอโทษนะ พี่มันงี่เง่าอะ”

“กูรู้”

กล้าถอนหายใจ แล้วก้าวเท้าไปหยุดอยู่หน้าประตู สายตารู้สึกผิดที่กำลังช้อนมองเขาตอนนี้ทำเอานึกหมั่นเขี้ยว จนต้องหยิกแก้มใสๆ นั่นไปที ถึงเขาจะไม่ชอบใจที่กันติกรณ์ทำตัวขี้หวงเกินเหตุ ขนาดไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนนอกจากตัวเองเข้าใกล้วันศุกร์ในระยะ 500 เมตร แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อน เพราะมาตกม้าตายให้กับลูกอ้อนของคนตรงหน้านี่แหละ

ไอ้เพื่อนตัวดี คอยหาเรื่องให้เขาปวดหัวได้ตลอด จะเจ็ดปีแล้วนะที่รู้จักกันมา แต่วันศุกร์ก็ยังเหมือนเด็กม.1 ในสายตาของเขาอยู่ดี

“มึงนะมึง กูต้องทำตัวเหมือนลอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน”

“ฮ่ะๆ ไอ้บ้า”

ลำแขนยาวเอื้อมยีกลุ่มผมนุ่ม พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายผงะ สรรพนามที่เคยใช้เรียกกันอยู่ทุกวันในอดีต ถูกยกกลับมาอีกครั้งทั้งที่วันศุกร์เป็นฝ่ายให้เขาเลิกเรียกแบบนั้นมานานมากแล้ว

“ตัวเล็ก”

ดวงตากลมแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ตามมาด้วยแรงฟาดไม่ยั้งมือ

“อย่ามาเรียกกูตัวเล็ก! กูไม่ได้ตัวเล็ก!”

“เหรอออ?” กล้าลากเสียงได้อย่างกวนตีนมากเป็นพิเศษ

สายตาขี้แกล้งไล่ตั้งแต่หัวจรดปลายนิ้วหัวแม่ตีน เหมือนต้องการจะสื่อให้เจ้าของเสียงโวยวายเมื่อครู่ลองพิจารณาสารร่างตัวเองอีกที ก็จะรู้ว่าส่วนสูงแค่ 160 กว่าๆ กับรอบเอวไม่น่าจะเกิน 25 นั้นมันไม่เข้าข่าย ตัวใหญ่ เลยสักกะผีกเดียว

แต่ก็เข้าใจอยู่หรอกที่จะไม่ชอบ เพราะเขาเองเป็นคนคอยเรียกวันศุกร์ว่า ตัวเล็ก มาตั้งแต่ม.ต้นลามไปถึงม.ปลาย จนเพื่อนคนอื่นนึกสนุกเอาไปเรียกตามเป็นแถว สุดท้ายเลยกลายเป็นปมด้อย โดนล้อเรื่องรูปร่างมาตลอด

แถมยังถูกพวกผู้หญิงในโรงเรียนสถาปนาให้เป็นคู่จิ้นกับเขาไปอีก คงไม่พอใจอยู่แล้วล่ะ โดยเฉพาะตอนนี้…ที่มีผัวเป็นตัวตน

“ถ้ามึงเรียกกูแบบนั้นอีกนะ กูจะไม่ไปงาน reunion กับมึง”

“อ่ะจ่ะ ไม่เรียกแล้วก็ได้ กูไปละเดี๋ยวพี่กันต์กลับมาเห็นจะเป็นเรื่อง”

“เออ ไปเลยไป๊”

กล้าโบกมือลาส่งท้าย แล้วเดินไปทางลิฟต์ เขาคงมัวเอ้อระเหยนานไปนิดเลยทำให้.....โป๊ะเข้ากับเจ้าของห้องหมายเลข 406 เข้าจนได้ โห เจริญจริงๆ

กันติกรณ์หยุดชะงักต่อหน้าเขา สายตาจับผิดเพ่งเล็งซะจนเสียวสันหลังวาบ

“มาทำอะไร?”

“เอ่อ...มา...เดินเล่นครับ”

ถ้าเชื่อก็คือควาย

“มึงนี่สนิทกับแฟนกูจังนะ”

หาญกล้าเลิกคิ้ว ไม่เคยถูกชะตากับคนตรงหน้าตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกยังไงไม่รู้ อารมณ์...หวงเพื่อนนิดๆ มั้ง วันศุกร์มันเป็นพวกไม่ยอมคนนะ แต่ถ้ามันยอมใครแล้วก็กลายเป็นแค่ลูกเจี๊ยบตัวหนึ่งเลย ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนสนิทอย่างเขาจะต้องมีความเป็นห่วงเป็นธรรมดา ยิ่งกับกันติกรณ์ที่เคยแกล้งวันศุกร์มาก่อน เขายิ่งไม่ไว้วางใจ

“ก็…สนิทกันมาจะ 7 ปีแล้วอะครับ”

แอบได้ยินเสียงไม่พอใจดังลอดออกจากลำคอเบาๆ พอให้เขานึกขำ

“เป็นเพื่อน ก็อยู่ส่วนเพื่อนละกัน”

“ครับๆ”

เขาก้มหัวผ่านไปทางประตูลิฟต์เพราะไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำ ตอนนี้ต้องรีบส่งข้อความเตือนเพื่อนสนิทที่ว่าก่อนมากกว่า เพราะกันต์รู้แล้วว่าวันศุกร์แอบพาเขาเข้าห้อง สงสัยได้เป็นเรื่องอีก

แล้วก็ดูท่าว่าจะเป็นเรื่องจริงๆ เมื่อคนขี้หวงสาวเท้าไวๆ ไปยังหน้าประตูห้อง 406 ในหัวนึกคำต่อว่าเตรียมไว้เรียบร้อย

ทันทีที่วันศุกร์เดินมาเปิดประตูให้ กันติกรณ์ก็รีบโพล่งออกไปเสียงหงุดหงิด

“ศุกร์ชวนกล้ามาที่ห้องเหรอ?”

“เอ่อ...อือ…ก็ ก็ศุกร์ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่”

“วันหลังก็บอกสิ ไปอยู่กับพี่ก็ได้”

“แต่ไปอยู่กับพี่กันต์ก็ไม่มีอะไรทำอะ ได้แต่นั่งดูพี่กันต์ทำงานเนี่ยนะ”

“แล้วอยู่กับไอ้กล้ามันมีอะไรให้ทำมากนักหรือไงฮะ?” คนตัวสูงเริ่มเข้าอีหรอบเดิม ขี้หวงจนหน้ามืดไม่พอ ชอบคิดอะไรไปเองเหมือนคนบ้า

“นี่พี่กันต์หาเรื่องอีกแล้ว กล้าเป็นเพื่อนศุกร์นะ”

“จะเพื่อนหรือใครพี่ไม่สน พี่ไม่ชอบให้ใครมาสนิทกับเราเกินไป”

“พี่กันต์จะไม่ให้ศุกร์มีสังคมเลยหรือไง” เขาเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อย ยอมรับว่าผิดหวังในตัวคนตรงหน้ากลายๆ ตั้งแต่ตกลงคบกันเขาก็ถูกจำกัดอะไรหลายอย่าง เหมือนกันต์จะใช้คำว่าแฟนมาทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเต็มที่

ถึงจะยอมให้เขาคบหาและพูดคุยกับกั้งนัท หรือตรีกับฑิตได้เป็นปกติ แต่กับคนอื่นที่กันต์ไม่สนิทด้วย คือแทบจะไม่มีโอกาสได้เข้ามาเฉียดเขาเลย อย่างกับแบคทีเรียร้ายที่ต้องคอยกำจัด ทั้งที่คนอื่นๆ ต่างก็เป็นเพื่อนเป็นพี่ที่เขารู้จักทั้งนั้น แค่กันต์ไม่ยอมไว้ใจเอง

“เราก็มีกั้งมีนัท ทำไมไม่ไปอยู่กับพวกมันล่ะ ไอ้เด็กกล้าอะไรนี่มันดูปีนเกลียวยังไงไม่รู้นะ พี่ไม่ชอบขี้หน้ามันเลย”

อ๋อ สรุปคือคอยกีดกันแค่เพราะเหม็นหน้าใช่มะ อารมณ์เดียวกับต้นหน…เฮ้อ!

“แต่มันเป็นเพื่อนศุกร์ เพื่อนสนิทด้วย”

“สนิทกว่าพี่ด้วยสินะ”

จะตอบว่า เออ ก็ไม่กล้า แม้จะจริงก็ตาม 7 ปี กับ 4 เดือนมันต่างกันอยู่แล้วล่ะ แต่ยังไงมันก็เป็นความสัมพันธ์คนละแบบหรือเปล่า จะเอามาเทียบกันหาอะไร ไม่มีเหตุผลเลย แต่พูดไปก็รังแต่จะทำให้เรื่องมันแย่กว่าเดิมเท่านั้น

“พี่กันต์น้อยใจเหรอ?” วันศุกร์ยอมผ่อนท่าทีลง แล้วเดินไปสวมกอดคนหน้าบึ้งไว้หลวมๆ ซึ่งคงทำให้กันต์ใจเย็นลงได้ไม่มากก็น้อย

“อืม ก็พี่ไม่อยากให้ศุกร์ไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าพี่นี่ อยากให้ศุกร์สนใจแค่พี่ได้ไหม”

“อะไรอะ ขี้น้อยใจเป็นผู้หญิงไปได้ ศุกร์ก็สนใจพี่กันต์อยู่แล้ว”

“แต่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี่ เราเอาแต่หนีไปอยู่กับกล้าไม่ใช่หรือไง”

จะว่าไงล่ะ เขาเองก็ต้องมีโหมดคิดถึงเพื่อนบ้างอะไรบ้าง เขากับกล้านี่เรียนห้องเดียวกันมาตลอด 6 ปี โต๊ะติดกันไม่เคยเปลี่ยน จะบอกว่าเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดก็ไม่ได้มากไปเลย อยู่ดีๆ ก็ตัดสินใจเลือกทางเดินคนละสาย ไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนก่อน พอมีโอกาสได้เจอกันที มันก็ต้องมีเรื่องให้คุยเยอะแยะเป็นธรรมดา แล้วกันต์ก็พูดเว่อร์ไป หนึ่งวันนี่เขาเจอหน้ากล้าไม่เคยเกินหนึ่งชั่วโมง ที่เหลือก็โดนคุมความประพฤติอยู่นี่ไง

“เอาที่ไหนมาพูด ศุกร์อยู่กับพี่กันต์มากกว่าอีก อย่าคิดมากสิ”

“ก็หวงเราอะ”

กันต์เริ่มกอดตอบเขาบ้าง

“จะหวงอารายย” คนตัวเล็กลากเสียงยานคาง พลางจับอีกฝ่ายโยกตัวไปมาเหมือนเวลาปลอบเด็กๆ ทำให้กันต์เริ่มหัวเราะออก ก่อนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อความน่ารักนี้ในที่สุด

วันศุกร์นึกขำอยู่ในใจ เพราะคิดดูแล้ว กันติกรณ์ก็เหมือนเด็กจริงๆ เด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเอาแต่ใจที่หนึ่ง จอมบงการก็ที่สุด พอไม่ชอบขี้หน้าใครก็คอยหาเรื่องคอยตั้งแง่ใส่ไม่ฟังเหตุผล พอชอบใจอะไรก็ต้องได้ ขี้หวงเหมือนเด็กหวงของเล่น เออ แล้วยังขี้น้อยใจ คิดเล็กคิดน้อย บ้าบอ ปัญญาอ่อน ไร้สติ ไม่มีสมอง…

อยากด่าแรงๆ แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วบอกว่า อย่างอนเลยน้า…

“พี่กันต์ ก้มมาสิ” มือเล็กกวักหยอยๆ พวงแก้มขาวเริ่มอุ่นวาบเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรต่อไป

ทันทีที่กันติกรณ์โน้มใบหน้าเข้าหา วันศุกร์ก็เขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บเบาๆ ตรงมุมปาก พร้อมเสียงหัวใจที่ดังลอดออกมาจากอกซ้ายจนน่าอาย

“ถึงจะสนิทกับใคร แต่ก็ไม่เคยทำแบบนี้ปะ”

“นี่ง้อเหรอ”

“เออไง”

“หึหึ” คนตัวเล็กย่นคอ นึกเกลียดเสียงหัวเราะแสนเจ้าเล่ห์ กันต์ยิ้มออกแล้วแถมยังกอดเขาแน่นกว่าเดิมจนชักใจคอไม่ดี “จับกดเลยดีไหม?”

“ทะลึ่ง!”

“ก็จะอ่อยทำไมล่ะ”

“มะ...ไม่ได้อ่อย! หายโกรธแล้วใช่ไหม งั้นไปกินข้าวกันดีกว่า” เขารีบตีเนียนเปลี่ยนเรื่อง แล้วดันร่างหนาออกห่างเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินเอาไว้ กันต์ยังคงหัวเราะตามหลัง ตลอดเวลาที่เดินลงไปยังชั้นล่าง

พวกเขาไม่ได้ไปไหนไกล เพราะแถวหอข้างๆ มีเวิ้งร้านอาหารกับร้านสะดวกซื้อไว้ประทังชีวิตเด็กในละแวกนี้ จัดการสั่งอาหารคนละจานจากร้านตามสั่งติดแอร์ กันต์เอาแต่นั่งมองหน้าเขาเหมือนกลัวว่าจะลุกหนีไปไหน ในขณะที่เขากำลังคิดหนักว่าควรจะเริ่มพูดเรื่องงาน reunion ยังไงดี

“เอ่อ พี่กันต์”

“หืม?”

“มะรืนทำไรเปล่า?”

“ไม่มั้ง อยากทำไรล่ะ?”

“เปล่า…คือ ศุกร์นัดเจอเพื่อนมัธยมอะ ศุกร์ไม่อยู่นะ”

สรุปก็เสี่ยงพูดออกไปตรงๆ เลย เพราะก็นึกวิธีการอ้อมค้อมไม่ถูก แม้รู้ดีว่ากันต์คงหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย เพราะคำว่าเพื่อนมัธยมนั่นก็รวมถึงหาญกล้าด้วย ซึ่งโดนแบล็กลิสต์อันดับต้นๆ ไปเรียบร้อย

“ที่ไหน?” น้ำเสียงราบเรียบยิ่งฟังดูน่ากลัวมากขึ้นสักสิบเท่า

“ร้านปิ้งย่างแถวโรงเรียนเก่านี่เอง”

“ไปกันกี่คน?”

“เอ่อ...น่าจะสิบกว่าคนมั้ง”

“แล้วไปกี่โมง กลับกี่โมง?”

“คงช่วงเย็น…กลับเหรอ อืม...ค่ำๆ มั้ง” จะกล้าบอกได้ยังไงว่าอีหรอบนี้สงสัยจะต้องเลยเที่ยงคืนเป็นแน่แท้ ตัวเขาน่ะไม่เท่าไรหรอก สายแดกอย่างเดียว แต่พวกสายดื่มนี่สิ สงสัยลากยาว

กันต์หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสวนกลับด้วยคำถามที่เขาแทบจะเดาออกถูกเผง

“ไม่ไปได้ไหม?”

“ไม่ได้หรอก พี่กันต์ ศุกร์ไม่ได้เจอเพื่อนเก่าตั้งนานแล้วนะ ขอไปนะ นะ” เขาเอื้อมมือไปเขย่ามืออีกฝ่ายแต่ก็ถูกปัดออกอย่างไร้เยื่อใย โหย อารมณ์ไม่ดีสุดๆ เลยนี่หว่า

“ไม่เอา พี่ไม่ให้ไป พี่เป็นห่วง”

“เป็นห่วงอะไร ไม่เห็นมีไรต้องห่วงเลย เพื่อนกันทั้งนั้น”

“ถึงเป็นเพื่อนกันพี่ก็ไม่ไว้ใจ ถ้าใครมาทำอะไรศุกร์ พี่รับไม่ได้หรอกนะ”

“ใครจะมาทำอะไ…”

“อยากเจอแบบตอนไอ้มิวอีกหรือไง?”

คนตัวเล็กสะดุด น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอ ทั้งที่เขาลืมเหตุการณ์วันนั้นไปแทบจะหมดแล้วกลับต้องทบทวนขึ้นมาอีก ริมฝีปากบางเม้มแน่นไม่กล้าเถียงอะไรอีก พอดีกับที่พนักงานยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟ ถือเป็นการตัดบทสนทนาไปโดยปริยาย

ทั้งที่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันสักนิด...งานนี้มีแต่เพื่อนเขาทั้งนั้น ใครจะกล้าทำอะไร กันต์น่ะ หวงเกินไป จนเขาเริ่มอึดอัดจริงๆ แล้วนะ...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 15.0-15.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 07-05-2017 21:50:34
วันศุกร์ที่ 15.5



มือถือเครื่องบางในกระเป๋ากางเกงสั่นแล้วสั่นอีก หลังจากเขาเพิ่งหาจังหวะช่วงที่กันต์เข้าไปอาบน้ำ แอบพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไปในหน้าแชทของเพื่อนร่วมทุกข์

[ HelloFriday: พี่กันต์ไม่ให้กูไป reunion อะ ]

[ กล้าไหม?: กูก็ว่าแล้ว ]

[ กล้าไหม?: ละจะเอาไง ]

[ HelloFriday: ไม่รู้อะ ]

วันศุกร์กำโทรศัพท์มือถือแน่น สูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะปล่อยออกมาทางปาก นิ้วเรียวพิมพ์แป้นบนจอระรัว ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจหนึ่งก็กลัว แต่อีกใจก็รั้นซะเหลือเกิน...

[ HelloFriday: แอบไปดีเปล่าวะ ]

[ กล้าไหม?: 5555 ]

[ กล้าไหม?: ตัวเล็กเด็กดื้อออ ]

[ HelloFriday: สัส ]

[ HelloFriday: olo ]

เสียงถอนหายใจดังขึ้นแผ่วๆ ระหว่างปามือถือทิ้งลงบนเตียง

เอาก็เอาวะ เขาเช็คตารางของกันต์เรียบร้อยแล้วด้วย คืนวัน reunion กันต์มีนัดทำโปรเจกต์ที่หอของตรีวิทย์ ฉะนั้นอาจจะหนีง่ายหน่อย ไปแค่แป๊บเดียวก็ยังดี อยากเจอหน้าค่าตาเพื่อนบ้าง อีกอย่าง...เขาไม่อยากทำตัวเป็นลูกไก่ในกำมือของอีกฝ่ายมากไปนัก เดี๋ยวจะเหลิงยิ่งกว่านี้

เขารักพี่กันต์นะ แล้วก็เข้าใจที่อีกฝ่ายคอยหวงด้วย แต่อะไรที่มากเกินไปมันก็ทำให้ไม่สบายใจ และเขาตกลงคบกับกันต์ในฐานะแฟน ไม่ใช่นักโทษสักหน่อย

 

 

“พี่กันต์ จะกลับกี่โมงครับ?” วันศุกร์ในชุดนอน เดินดุ๊กดิ๊กออกมาส่งเจ้าของห้องถึงหน้าประตู วันนี้เขาลงทุนอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ห้าโมงกว่า ทำเนียนเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทนั่งอ่านชีทสอบไฟนอล เตรียมเข้านอนก่อนสามทุ่ม น่าเอ็นดูเชียว

“ยังไม่รู้อะ อาจจะดึกนะ ถ้ารอไม่ไหวก็หลับไปก่อนเลย”

“ทำไมอะ งานเยอะเหรอ?”

“อืม วิชานี้ไม่มีสอบอะ ให้ทำโปรเจกต์แทน”

“อ๋อ สู้ๆ น้า”

รอยยิ้มชื่นใจระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา หากก็เคล้าความเหน็ดเหนื่อยจากการเรียน กันติกรณ์คว้าลำคอเขาเข้าหาตัว ก่อนจะจรดริมฝีปากลงแนบกับหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน

“มีอะไรก็โทรหาพี่นะ แล้วก็อย่าดื้อล่ะ”

“ครับๆ”

วันศุกร์ยิ้มกว้าง ยืนโบกมือลาอีกสองสามทีจนเห็นว่ากันต์เดินพ้นระยะสายตาไปแล้ว จึงปิดประตูลง รีบวิ่ง 4x100 ไปทางตู้เสื้อผ้า หยิบชุดไปรเวทมาสวมเปลี่ยน ก่อนจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนร่วมแก๊งต้มตุ๋น

“พี่กันต์ออกไปแล้วนะ”

“โอเค อีกแป๊บนึงมึงก็ค่อยลงมา เจอกันข้างล่างเลยละกัน”

“เค”

เขารออยู่เกือบสิบนาทีเพื่อความแน่ใจ กว่าจะขยับตัวลงไปยังลานจอดรถ กล้าในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้ว

“หนีผัวเที่ยวเหรอ” คำทักทายแรกก็ทำเอาเขาชักสีหน้า ปรี่เข้าไปเตะหน้าขาอีกฝ่ายแรงๆ

พวกเขารีบบึ่งออกจากหอตรงไปยังโรงเรียนมัธยมค่อนข้างมีชื่อในตัวเมือง ด้วยระยะทางที่ไม่ใกล้เลย ทำให้มาถึงร้านในเวลาหนึ่งทุ่มไปแล้ว ใบหน้าคุ้นเคยของเพื่อนที่เคยนั่งลอกการบ้าน วิ่งเตะบอล นั่งกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกด้วยกันในอดีตหวนกลับมาเรียงรายอยู่อย่างครบถ้วนขบวนการ

แต่คนน่ารักน่าแกล้งอย่างวันศุกร์มีเหรอจะถูกปล่อยให้เดินเข้าร้านแบบสงบๆ

“ไอ้ผัวเมียคู่นั้นอะ มัวยืนทำอะไรอยู่วะ รีบๆ มาเลย” เสียงเพื่อนตัวโตตะโกนหยอกล้อขึ้นมาก่อนคนแรก ตามด้วยเสียงวี๊ดว๊ายจากกลุ่มผู้หญิงสองสามคน นั่นมันพวกแก๊งสาววาย คนที่ยัดเยียดตำแหน่งคู่จิ้นบ้าบอให้เขากับกล้านี่หว่า ให้ตาย ใครเชิญเนี่ย

“ผัวเมียพ่อง”

“ไอ้ศุกร์ ขึ้นมหาลัยแล้วมึงก็ยังเตี้ยเท่าเดิมเนาะ”

“เก็บปากมึงไว้แดกหมูเหอะ” วันศุกร์ยกนิ้วกลางใส่หน้าเพื่อนที่ยังเอาแต่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่สะทกสะท้านกับคำด่า ก่อนจะเดินแทรกฝูงชนสิบกว่าชีวิตเข้าไปนั่งแทบจะกึ่งกลางเตาถ่านร้อนๆ จานเปล่ากับแก้วน้ำถูกส่งต่อมาทันที

งานเลี้ยงเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์เมื่อครบองค์ประชุม พวกเขายังคงพูดคุยหยอกล้อและหัวเราะกันได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรผิดแปลกหรือเปลี่ยนไปเลยสักนิด บรรยากาศดูสนุกสนานขึ้นเรื่อยๆ ยามที่ดนตรีจังหวะหนักๆ ถูกเปิดคลอขึ้นมา หลายคนเริ่มเมาแอ๋จากทั้งเหล้าทั้งเบียร์

เวลาผ่านไปจนเลยสามทุ่มมาได้พักหนึ่ง หาญกล้าก็เดินอ้อมหลังเข้ามาสะกิด วันศุกร์ปรือตาหันไปมองท่าทางไม่ค่อยสมประกอบสักเท่าไร เพิ่งสังเกตเห็นว่าโต๊ะตรงหน้าเพื่อนตัวเล็กนั้นเต็มไปด้วยเศษสากสิ่งมึนเมาที่ถูกเพื่อนเวรคนอื่นแกล้งชงให้ดื่มอยู่เรื่อย อยากจะบ้าตาย อีหรอบนี้มีหวังกลับไปถูกไอ้พี่กันต์จับขึ้นเขียงแน่นอน

จะแก้ตัวยังไงก็คงไม่รอดแล้วล่ะ ศุกร์เอ๊ย

“ใครให้วันศุกร์แดกเหล้าวะ” แค่เขาไม่คอยมานั่งประกบก็กลายเป็นงี้แล้ว โดนแกล้งมาตลอดสามปียังไง ก็ยังโดนแกล้งอยู่อย่างนั้นจริงๆ ถ้ารู้ว่าจะโง่โดนหลอกให้ดื่มง่ายขนาดนี้ เขาคงไม่หลวมตัวไปนั่งคุยกับเพื่อนอีกคนซะตั้งนานสองนานหรอก

“เป็นห่วงศุกร์เหรอกล้า” เพื่อนผู้หญิงท่าทางปากจัดหันมาแซวเสียงสูง ก่อนจะถูกเขาถลึงตาใส่ไปที หากพวกหล่อนก็ยังคงหัวเราะคิกคัก

แล้วแต่เลย จะคิดยังไงก็ช่าง เขากับวันศุกร์รู้แก่ใจดีว่าเป็นแค่เพื่อนร้อยเปอร์เซ็น ความรู้สึกที่เขามีให้วันศุกร์เป็นแค่ความรัก ความห่วง ความหวง ในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น พวกเขาคบกันมาจะเจ็ดปี มันไม่ใช่เวลาน้อยๆ ผ่านอะไรด้วยกันมาก็เยอะ พ่อแม่ก็รู้จักกันดี บ้านก็ใกล้กัน แทบไม่เคยห่าง เพราะงั้นเขาถึงต้องแคร์มันมาก เกือบจะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ว่าได้

“กูว่ากูกลับแล้วดีกว่า”

“อ่าว รีบไปไหนวะ”

“เออ รีบปายหนายอ่า” ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ดวงตาทั้งสองข้างก็แทบจะปิดอยู่รอมร่อ แม่งเอ๊ย เดือดร้อนคนอื่นได้ทุกเวลาจริงๆ เดี๋ยวพ่อจับทุ่มพื้นคอนกรีตให้รู้แล้วรู้รอด

“ลุกๆ กลับกันได้ละ”

“เดี๋ยวซี่”

“เดี๋ยวอะไร มึงจะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก” หาญกล้าบ่นในสิ่งที่คาดว่าเพื่อนคนอื่นในวงล้อมคงไม่เข้าใจ เขาพยายามรั้งข้อมือทั้งสองข้างของวันศุกร์ไว้ ไม่ให้กลับไปแตะแก้วน้ำแก้วไหนอีก ในที่สุดก็ดึงร่างปวกเปียกออกมาจากเก้าอี้ได้สำเร็จ จับแขนพาดบ่าเตรียมตัวกลับไปชดใช้กรรม

“ไว้เจอกันใหม่นะพวกมึง”

“เออๆ อะไรวะ มาช้าแล้วยังกลับก่อนอีก”

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นเหมือนต้องการจะขอโทษ ก่อนจะพาร่างอ่อนเปลี้ยในวงแขนขึ้นไปนอนหลับสนิทอยู่บนเบาะข้างคนขับได้ในที่สุด คันเร่งถูกเหยียบจนแทบจะสุด โชคดีที่ตอนกลางคืนไม่ค่อยมีรถรามากมายเท่ากับช่วงเย็น จึงสามารถทำเวลาจนกลับมาถึงหอได้ภายในไม่เกินสี่ทุ่ม

ลิฟต์ตัวใหญ่พาพวกเขาขึ้นไปถึงชั้น 4 ใช้เวลาชั่งใจอยู่นานพอตัว ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูไปสองสามที หากก็ไร้วี่แววตอบกลับ พอให้โล่งอกไปได้เพียงเปลาะหนึ่ง เขาพยายามพยุงร่างไม่ได้สติ สอดมือเข้าไปหากุญแจห้องในกางเกงของอีกฝ่าย พอเปิดประตูได้จึงพบว่าภายในมืดสนิท กันติกรณ์ยังไม่กลับมา

ถือว่ายังพอมีเวลาให้ทำใจก่อนตายแฮะ

“มึงนะมึง”

ร่างเล็กถูกโยนลงบนเตียง จัดการล้วงกระเป๋าเงินกับมือถือออกจากกางเกงให้เสร็จสรรพ เขาหยุดถอนหายใจหนักหน่วงแล้วจึงเดินไปเทน้ำเย็นใส่แก้วมาประเคนให้ไอ้เพื่อนตัวดี แรงเขย่าคงพอทำให้คนงัวเงียจากฤทธิ์เหล้าเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาได้บ้าง

“ลุกขึ้นมาดื่มน้ำก่อน”

“อื้อออ...”

“มึงดื่มไปกี่แก้ว” เขาแกล้งทำจมูกฟุดฟิดอยู่ตามบ่าบาง

อย่างน้อยก็ไม่ได้อาบด้วยกลิ่นแอลกอฮอลจ๋าเหมือนคนอื่นๆ ถ้าให้เดาคงดื่มไปไม่เยอะ แต่ลักษณะไม่เจียมกะลาหัวเอง ถึงได้ไม่เคยเข็ดจำว่าตัวเองน่ะคออ่อนยิ่งกว่าเด็กอนุบาล โชคดีแค่ไหนที่วันศุกร์เป็นประเภทเมาแล้วเพลีย ไม่ใช่เมาแล้วอาละวาด แบบนั้นคงยุ่งยากยิ่งกว่าเป็นไหนๆ

“แก้วเดียวว--แค่กๆ”

“เอ้าไอ้โง่ ดื่มน้ำอยู่อย่าเพิ่งพูดสิวะ”

“แค่ก...กะ ก็มึงถาม” เขาส่งแก้วคืน ใบหน้าแดงขมวดยุ่ง ทำท่าจะล้มตัวลงนอนอีกรอบแต่ก็ถูกมือใหญ่รั้งไว้ทันถ่วงที

“ห้ามหลับ มึงต้องอยู่อธิบายให้พี่กันต์เข้าใจ ไม่งั้นกูได้ตายอยู่ที่นี่แน่”

“แต่กูง่วง”

“วันศุกร์” เพิ่มระดับเสียงขึ้นอีกหน่อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อฟังแล้วสะบัดมือเขาออก ล้มลงนอนแผ่หราบนเตียง สภาพตอนนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างจะสร่างกับจะฟุบเต็มที

หาญกล้าเท้าเอวมองคนกึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยท่าท่างหน่ายใจ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปดึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างขึ้น หวังให้ลุกกลับมานั่งคุยกันดีๆ แต่ก็ดื้อด้านเสียเหลือเกิน ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่สักพักก็ต้องผงะเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างทุกที

“ไอ้กล้า...” นั่นคือคำแรกจากปากเจ้าของห้อง

ดวงตาคมเบิกกว้างดูกราดเกรี้ยวจนเขาเองยังนึกกลัว ไม่ทันได้เปิดปากอธิบายอะไร ก็ถูกกันต์ตรงเข้ามากระชากออกจากร่างบนเตียง ตามมาด้วยแรงอัดจากหมัดหลุนๆ บนโหนกแก้มซ้ายพอให้ปวดหนึบ

“ด...เดี๋ย—”

ผลัวะ!

ไอ้เหี้ย เจ็บ!

“หยุดก่อน!” หาญกล้ารวบรวมกำลังกลับมา แล้วเป็นฝ่ายตรงเข้าไปผลักรุ่นพี่ขนาดตัวใกล้เคียงกันออกห่างเพื่อหวังให้สงบสติอารมณ์ “มันไม่มีอะไรนะ”

“ไม่มีอะไรเหรอ!? กูเห็นมึงจะคร่อมแฟนกูอยู่เนี่ยนะ”

“คร่อม? บ้าอ่อวะพี่! ใจเย็นแล้วฟังก่อนดิ!”

“ฟังเหี้ยอะไ…”

คนเลือดร้อนรีบหุบปากแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ ไอ้เด็กกล้าเฮงซวยก็หันไปยกเก้าอี้ขึ้นเหนือหัว ทำท่าอย่างกับจะทุ่มลงมากลางกบาลเขาให้ได้

“ฟัง! ผมกับวันศุกร์ไปกินข้าวกับเพื่อนมา แล้วศุกร์มันโดนชงให้ดื่มเหล้า เลยสภาพอย่างที่เห็น แล้วผมก็ไม่ได้จะทำอะไรมันด้วย แค่จะปลุกให้มันตื่นแค่นั้นแหละ”

“นี่มึงพาวันศุกร์ออกไปข้างนอกเหรอ กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไป”

“ก็ศุกร์มันอยากไป แค่กินข้าวกับเพื่อนเก่าเองจะอะไรนักหนาวะ” กล้าเริ่มแสดงความหงุดหงิดไม่ปิดบัง ยังดีที่เก้าอี้ในมือช่วยให้กันต์ไม่พลีพลามตรงเข้ามาจระเข้ฟาดหางเขาได้

กันติกรณ์จิ๊ปากเสียงดัง มือสองข้างกำหมัดแน่นท่าทางข่มอารมณ์สุดขีด

“มึงออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้”

คำพูดราบเรียบพอเข้าใจได้ กล้าเหลือบมองวันศุกร์ที่ยังคงพลิกตัวไปมาด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่ดูจากสายตาอาฆาตของคนตรงหน้าแล้ว เขาคงต้องยอมถอยทัพกลับไปก่อน ยังไงพี่กันต์มันก็ดูรักวันศุกร์ดี...คงไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก...มั้ง

ปึงง!

เก้าอี้ในมือถูกปล่อยลงบนพื้นอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะจำใจเดินออกจากห้อง เขายืนรออยู่เกือบนาที พอไม่ได้ยินเสียงอะไรถึงยอมจรลีกลับไปบนห้องตัวเอง คงได้แต่ภาวนาให้เพื่อนตัวเล็กปลอดภัย

“อืออ...เสียงดังอะไรอ่า...” วันศุกร์งัวเงียลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังมึนหัวหน่อยๆ มือข้างหนึ่งขยี้ตาตัวเองสองสามที หวังช่วยให้มีสติขึ้นบ้าง

กันติกรณ์สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เหมือนกำลังพยายามข่มใจไม่ให้อาละวาด ทั้งที่เขาอยากจะจับเด็กดื้อแถวนี้มาตีก้นเสียให้เข็ดเลยด้วยซ้ำ

“ไปไหนมา?”

“พ...พี่กันต์”

“เออ พี่เอง รู้สึกตัวรึยังล่ะ” คนตัวสูงเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะย้ายไปนั่งลงข้างกันบนเตียง มือใหญ่บีบข้อมือเล็กไว้อย่างต้องการเอาคำตอบ

“เอ่อ...”

“ว่ายังไง หนีไปไหนมา”

วันศุกร์สะบัดหัวแรงๆ รู้สึกสร่างเมาแทบจะทันทีเมื่อเห็นใบหน้าน่ากลัวชัดเจน ในสมองพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่ดูเลือนรางจนน่าหวั่นใจ เขาแอบไปเจอเพื่อน แล้วก็โดนพวกนั้นยุให้ดื่มเหล้า...แล้วก็...จำไม่ได้แล้วแฮะ รู้ตัวอีกทีก็เห็นพี่กันต์ยืนค้ำหัว อย่างกับจะกินเลือดอยู่แล้ว

“เอ่อ...ไป…ไปหาเพื่อน” ตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม สายตาหลุบต่ำ

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไป ทำไมถึงยังแอบไปอีก”

“...”

“ตอบสิ!”

คนตัวเล็กย่นคอ เพียงเพราะตกใจที่กันต์ขึ้นเสียง ขอบตาสองข้างเริ่มร้อนผ่าว ทั้งกลัวและเสียใจปะปนกันไปหมด

“ก...ก็ ศุกร์แค่อยากไปเจอเพื่อน”

“แต่พี่ไม่อนุญาต!”

“มากไปแล้วนะพี่กันต์” ดวงตากลมตวัดขึ้นมองอีกฝ่าย เขาอยากร้องไห้แล้วจริงๆ ให้ตายเถอะ

“มากไปที่ไหน เห็นไหมว่าออกไปแล้วก็เมาไม่ได้สติกลับมาแบบนี้ ถ้าเมื่อกี้พี่เข้ามาไม่ทัน ไม่รู้ไอ้กล้ามันจะทำอะไรเราบ้าง”

“โอ้ย บ้าไปกันใหญ่แล้ว” วันศุกร์เริ่มมีน้ำโหบ้าง เขาใช้จังหวะหนึ่งสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม รีบพาตัวเองออกห่างแล้วเลือกที่จะตวาดกลับไป

“กล้ามันไม่ได้จะทำอะไรศุกร์ทั้งนั้นแหละ”

“เราจะไว้ใจคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ” กันต์ลุกขึ้นมาประจันหน้า หากคำพูดต่อมาของเด็กที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก กลับทำเอาสติและความอดทนของเขาขาดผึ่ง

“แต่กล้าไม่ใช่คนอื่นนะ!”

“ว่าไงนะ”

“ศุกร์รู้จักกล้ามาก่อนพี่อีก พูดแบบนี้ได้ไงอะ”

กันติกรณ์ขบฟัน พยักหน้าให้ตัวเองช้าๆ เหมือนเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง ค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปใกล้วันศุกร์ที่พยายามถอยหนี หากก็ไม่พ้นเงื้อมือ ใบหน้าโกรธเปลี่ยนเป็นตื่นกลัวเมื่อกันต์เอื้อมมากระชากคอเสื้อเขาเข้าหาตัว สัญชาตญาณรีบบอกให้หลับตาปี๋ รู้สึกเหมือนจะโดนตี แต่ก็เปล่า...

พลั่ก!

“โอ้ย!”

โดนผลักอย่างแรง ล้มก้นจ้ำเบ้าเพราะไม่ทันตั้งตัวแทน

มือข้างหนึ่งยันพื้นห้อง อีกข้างลูบบั้นท้ายตัวเองป้อยๆ หัวคิ้วสองข้างหมวดมุ่นจากความปวดระบม เขาไม่แน่ใจว่าแวบหนึ่งเมื่อกี้ เหมือนจะเห็นกันต์ตีหน้าตกใจ แต่ก็กลับมาปั้นหน้าถมึงทึงในเสี้ยววินาทีต่อมา

คำพูดโหดร้ายดังวนเวียนในโสตประสาท ก่อนที่เจ้าของคำพูดนั้นจะเดินเข้าไปขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ

“งั้นก็ไปอยู่กับมันเลยแล้วกัน”

อะไร...

ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ

ริมฝีปากบางเม้มแน่น ร่างกายเล็กสั่นเทา พยายามอย่างมากที่จะไม่ส่งเสียงสะอื้นไห้หากก็ควบคุมได้ยากเหลือเกิน ฝ่ามือสองข้างผลัดกันปาดน้ำตาออกจากแก้ม เมื่อผ่านไปนานสองนานแล้วยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะหายโกรธหรือกลับออกมาคุยกัน สิ่งที่เขาทำได้จึงมีแค่พยุงตัวเองออกไปให้พ้นขอบเขตของห้องสี่เหลี่ยมซึ่งเคยไม่คุ้นตามาก่อน

เขาไม่ทันได้หยิบอะไรติดตัวมาเลย และไม่อยากแบกหน้าไปหาหาญกล้าเพราะกลัวจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน กว่าจะรู้ตัวก็เดินลากรองเท้าแตะโทรมๆ ลงมาถึงหน้าหอ เกือบออกไปทางถนนใหญ่ หันซ้ายแลขวาก็มีเพียงแค่แสงไฟจากร้านค้าที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่

ไปไหนดี...ไม่สิ จะไปไหนได้...

“วันศุกร์?”

เสียงประหลาดใจของใครบางคนดังขึ้นในขณะที่เขากำลังเคว้งคว้าง สายตาตื่นๆ หันมองเจ้าของคำทักทายเมื่อครู่

“ต้นหน...”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 16.0-16.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 25-05-2017 15:05:30
วันศุกร์ที่ 16.0



“พี่กันต์นี่ใจร้ายจริงๆ ทะเลาะกับศุกร์แค่เรื่องขอออกไปกินข้าวเนี่ยนะ แปลกแฮะ”

“ใจร้ายมาก!” วันศุกร์นั่งกอดอกตีหน้าบึ้ง ดวงตาโตกวาดสำรวจรอบๆ ห้องไม่คุ้นเคย เขาเพิ่งรู้ว่าต้นหนอยู่หอด้านข้างนี่เอง พอๆ กับที่ต้นหนเพิ่งรู้ว่าเขามาอาศัยหลับนอนกับรุ่นพี่คณะนั่นแหละ

“แต่ไม่รู้เลยนะว่าศุกร์อยู่หอกับพี่กันต์”

“อ่า…อืม เพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นานเอง”

ดูเหมือนเมื่อครู่เขาจะอารมณ์ขึ้นลงมากไปหน่อย เลยเผลอเล่าอะไรต่อมิอะไรให้เพื่อนไม่ค่อยสนิทคนนี้ฟังซะเยอะ ขาดแค่ประเด็นเดียว คือยังไม่ได้บอกว่าเขากับกันต์เป็นแฟนกันแค่นั้น แต่ถ้าไม่ซื่อบื้อมากจนเกินไป เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงพอเดาออกอยู่บ้าง

“ถ้าศุกร์ยังไม่สบายใจ จะอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ”

“เอ่อ...จะดีเหรอ”

“ดีสิ เราเป็นเพื่อนกันหนิ แล้วเราก็อยู่คนเดียวด้วย”

คนตัวเล็กยังไม่ตอบรับ แต่กลับทอดสายตาไปยังเตียงนอนเดี่ยวตรงหน้าอย่างสุดจะชั่งใจ ถ้ากันต์มาจับได้ทีหลังนี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าเรื่องของกล้าอีกนะ ต้องมีคนตายแน่งานนี้ แต่จะให้กลับไปน่ะเหรอ เหอะ ไม่เอาหรอก ไปหากล้าก็ไม่ได้เหมือนกัน...หรือจะเป็นพวกกั้งกับนัท แต่ถ้าไปอยู่กับสองคนนั้น กันต์คงตามไปเจอได้ไม่ยาก แถมจะเดือดร้อนพวกนั้นไปใหญ่ เพราะลำพังนอนกันสองคนห้องพวกมันก็เต็มแล้ว

เอาไงดี...

แต่ต้นหนก็เป็นเพื่อนเหมือนกันนี่...คงไม่เป็นไรมั้ง

“อะ…อืม งั้น เราขออยู่ที่นี่สักพักนะ”

รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้ ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินไปรินน้ำเย็นมาเสิร์ฟถึงที่ ต้นหนหยุดยืนตรงหน้าเหมือนกำลังพิจารณาอะไร ก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมหลังมือมาแตะบนหน้าผากเขาพอให้สะดุ้ง จมูกโด่งฟุดฟิดเหมือนจับกลิ่นเจือจางบางอย่างได้หากก็ไม่มั่นใจ

“ไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงๆ นะ”

เอ่อ...พูดไม่ถูกเลย ครั้นจะบอกตามตรงว่าไปดื่มเหล้ามาก็กลับไม่กล้าซะอย่างนั้น ต้นหนดูเป็นผู้ชายแสนดี ดูเรียบร้อย ในมาดคุณชาย อยู่ดีๆ มีเพื่อนห่างเหินเดินเมามาขออาศัยด้วยจะรู้สึกยังไงเนี่ย

“เปล่า…เอ่อ ขออาบน้ำได้ไหม?”

“ได้สิ ใส่ชุดเราไปก่อนละกัน”

“อือ ขอบใจนะ”

วันศุกร์จัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตรงขึ้นเตียงทันที ตอนนี้ในหัวเขาไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้นอกจากกันติกรณ์เท่านั้น ทำไมถึงใจร้าย ทำไมถึงไล่ ทำไมถึงไม่ไว้ใจ หลากหลายคำถามวนเวียนอยู่ในสมองพาลให้น้อยใจมากขึ้นไปอีก แววตาหม่นวูบไหวเป็นพักๆ ริมฝีปากแดงเม้มแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลยามคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่

ต้นหนเองก็พอจะดูออกว่าการทะเลาะกับกันติกรณ์ส่งผลกระทบต่อจิตใจเพื่อนคนนี้ไม่มากก็น้อย จึงปล่อยให้วันศุกร์ได้จมอยู่กับตัวเองสักพัก แล้วหวังว่าอะไรๆ คงจะดีขึ้น

เขาปิดไฟในห้อง และขึ้นไปนอนบริเวณอีกฟากฝั่งของเตียง พยายามรักษาระยะห่างตามมารยาท เปลือกตาหนักอึ้งจากความง่วง หากก็ยากที่จะจมสู่ห้วงนิทราเมื่อยังคงได้ยินเสียงสะอื้นจากร่างเล็กดังแว่วผ่านตลอดทั้งคืน…

 

 

ในค่ำคืนเดียวกันนั้นเอง...กันติกรณ์ก็แทบไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดมาก เขาพยายามหาเหตุผลให้กับเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้น ใจของเขานั้นหวงคนรักมากเกินกว่าที่ตัวเองคิดไว้ซะอีก มันก็เป็นมาตั้งแต่ก่อนจะคบกันแล้ว เขามักหงุดหงิดไม่ชอบใจทุกครั้งที่เห็นเด็กนั่นไปใกล้ใคร หรือใครเข้ามาใกล้ พอมีสิทธิ์เป็นเจ้าเข้าเจ้าของมันก็ยิ่งหน้ามืดตามัว อยากจะเหนี่ยวรั้งไว้กับตัวเพียงแค่คนเดียว

คงจะดี ถ้าไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้ามาแตะต้องคนของเขาเลย

แต่เรื่องจริงมันทำไม่ได้ และวันศุกร์เองก็ไม่ใช่เด็กในโอวาทจ๋ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องนั้นเขาเข้าใจดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะเดินออกจากห้องไปจริงๆ แบบนั้นนี่น่า แล้วดูสิ มือถือกับกระเป๋าตังค์ก็ไม่เอาไปด้วย ซ้ำร้ายกว่านั้น...เมื่อเขาเดินลงไปเคาะประตูห้องไอ้กล้า กลับได้คำตอบเป็นหน้าตาเหวอหวาประหลาดใจแทน ทั้งที่คิดว่าต้องมาหมกตัวอยู่กับมันแน่ๆ แต่ดันไม่อยู่ซะงั้น

โทรหากั้งกับนัทก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ตรีวิทย์ บัณฑิต หรือแม้กระทั่งธนา เซฟ พะเพื่อน กระแตเองก็ด้วย เขาถึงขนาดโทรไปเช็คกับน้ำขิงว่ามิวได้ทำบ้าอะไรอีกไหม แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าเปล่า

วันศุกร์หายไปแล้ว...หายไปอย่างที่เขาบอกให้ไป ซึ่งไม่ดีเลย...

โทรศัพท์เครื่องบางของคนรักถูกหยิบขึ้นมากดเปิดหน้าจอ เขาเข้ารหัสไปยังแอพพลิเคชั่น Line หวังจะช่วยหาเบาะแสบางอย่างได้บ้าง สายตาเหลือบเห็นห้องแชทของนายหาญกล้าก็อดจะกดเข้าไปส่องสักหน่อยไม่ได้ และเป็นตามคาด ทำเขาอารมณ์ไม่ดีกลับขึ้นมาอีก

[ HelloFriday: แอบไปดีเปล่าวะ ]

[ กล้าไหม?: 5555 ]

[ กล้าไหม?: ตัวเล็กเด็กดื้อออ ]

ตัวเล็กเด็กดื้อ? นั่นควรเป็นคำที่เขามีสิทธิ์จะเรียกวันศุกร์เพียงคนเดียวด้วยซ้ำ พูดคุยมุ้งมิ้งกันซะขนาดนี้จะบอกให้เขาเชื่อว่าไม่มีอะไรเลยได้ยังไง เขาไม่ได้ไม่ไว้ใจวันศุกร์นะ แต่เขาไม่ไว้ใจไอ้ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้วันศุกร์นั่นแหละ ไอ้มิวยังกล้าลงไม้ลงมือถึงขั้นนั้น เด็กต้นหนเองก็ดูออกง่ายเหลือเกินว่าแอบมีใจให้ แล้วการที่เขาจะระแวงหาญกล้าบ้างมันผิดขนาดไหนเชียว

“วันศุกร์...ไปอยู่ที่ไหน”

แค่คืนเดียวเท่านั้นเอง... เพียงแค่เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ก็ทำให้คิดถึงมากมายขนาดนี้แล้ว

คิดถึง...

 

 

คิดถึง

นี่คือความรู้สึกในใจของเขาตอนนี้ วันศุกร์นอนเอามือก่ายหน้าผากระหว่างที่เพื่อนร่วมห้องจำเป็นกำลังอาบน้ำเตรียมไปเรียนในภาคเช้า หากเขาไม่นึกมีกะจิตกะใจจะลุกออกจากเตียง เพราะคิดถึงนั่นแหละ จึงยิ่งไม่ควรไปเจอหน้า เพราะเขาคงต้องใจอ่อนง่ายๆ แน่

แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้น กันติกรณ์ชักจะเหลิงมากเกินไป และถ้ารู้ว่าเขายอม มันก็จะซ้ำรอยเดิมอีกกี่ครั้งก็ได้ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็น พี่กันต์ควรได้ทบทวนความผิดในส่วนของตัวเอง เพราะไม่เชื่อใจเขาเลย แถมยังใช้ความรุนแรงอีก ทำร้ายจิตใจด้วย บ้าที่สุด

เขายอมจมอยู่กับความคิดถึง ดีกว่ากลับไปเป็นนักโทษตลอดกาล

“ศุกร์ ยังไม่ลุกอีกเหรอ จะสายเอานะ” ต้นหนเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนัง แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหน้าแล้วยิ่งมุดตัวเข้าในผ้าห่ม

“เราไม่อยากไปเรียน”

“แต่วันนี้อาจารย์จะรีวิวรอบสุดท้ายนะ”

“อือ เดี๋ยวเราขอให้กั้งติวให้ก่อนสอบก็ได้”

“เอางั้นเหรอ”

“อืม เอ้อ หน…อย่าบอกกั้งกับนัทนะว่าเราอยู่ที่นี่ อย่าบอกใครเลย ได้ไหม”

คนถูกขอร้องตีหน้าลำบากใจ ความจริงเขาก็มีความสุขอยู่หรอกที่วันศุกร์มาอาศัยด้วย แต่อีกใจก็ไม่อยากสนับสนุนให้ศุกร์ทำตัวน่าเป็นห่วง เพราะถ้าเขาเป็นกันติกรณ์ กั้งหรือนัท หรือคนสนิทของวันศุกร์ ตอนนี้คงร้อนรนมากแน่ๆ แต่ครั้นจะตอบว่าไม่ได้หรอก ก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะคนบนเตียงเล่นส่งสายตาอ้อนวอนซะจนเข่าเขาแทบจะอ่อนเปลี้ยลงไปกองกับพื้น

“ถ้าศุกร์ไม่อยากให้บอกเราไม่บอกก็ได้ แต่เราว่าศุกร์ควรจะกลับไปเคลียร์กับพี่กันต์มากกว่านะ พี่เขาคงเป็นห่วงแย่เลย”

“ถ้าห่วงคงไม่ไล่เราออกมาแต่แรก”

“ตอนนั้นพี่เขาอาจจะโมโหเลยพูดอะไรไม่ยั้งคิดน่ะ พี่กันต์ดูสนิทแล้วก็แคร์ศุกร์ออก” เขาพยายามไกล่เกลี่ย แม้รู้แก่ใจดีว่ากำลังช่วยเหลือศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งก็ตาม “เรื่องที่ไม่ยอมให้ศุกร์ออกไปกินข้าว เขาอาจจะเห็นว่ามันไกลจากหอ กลัวกลับดึกแล้วจะอันตรายล่ะมั้ง”

“ไม่ใช่หรอกหน พี่เขาก็แค่จอมเผด็จการน่ะ หนรีบไปเรียนเหอะ เดี๋ยวเราเฝ้าห้องให้”

“อ่า…” ดื้อจริงแฮะ แต่น่ารักชะมัด... “อืม งั้นเราไปก่อนนะ ไว้จะเก็บชีทมาให้ เราวางกุญแจไว้บนโต๊ะ เผื่อศุกร์อยากลงไปซื้อไรกินข้างล่าง”

“โอเค ขอบใจมากนะ”

“อืม มีไรก็โทรมาละกัน”

ร่างบางใต้ผ้าห่มผืนกว้างพยักหน้า เมื่อเสียงประตูปิดตัวลง เขาจึงพยายามกลับไปข่มตาหลับอีกครั้ง พร้อมความคิดถึงที่ยิ่งโจมตีเป็นเท่าทวีคูณ…


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 16.0-16.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 25-05-2017 15:06:39
วันศุกร์ที่ 16.5



“ว่าไงนะ?”

“กูบอกว่าวันศุกร์ไม่ได้มาเรียน” นัทตอบกลับหาญกล้าด้วยท่าทีรำคาญนิดๆ ด้วยเพราะกำลังใช้ความคิดหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน

รอบโต๊ะไม้ตัวยาวใต้คณะวารสารฯ มีผู้ชายหลายชีวิตกำลังนั่งตีหน้าเครียดจนคนเดินผ่านไปมาอดจะสงสัยไม่ได้ พวกเขานัดรวมตัวเฉพาะกิจในช่วงบ่ายแก่ๆ หลังเลิกเรียน เหตุเพราะประสบปัญหาอย่างเดียวกัน

‘วันศุกร์หายไป’

“เพราะมึงแหละไอ้กันต์ ไปไล่น้องได้ไงวะ” บัณฑิตรีบชี้หน้าเพื่อนตรงข้ามอย่างคาดโทษ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ได้แต่ก้มหน้ารับความผิด รวมทั้งบทเทศนายาวเหยียดต่อมาจากตรีวิทย์

“จริง กูฟังเรื่องละคิดว่ามึงทำเกินไปนะ มึงจะขังวันศุกร์ไว้บนหอคอยเหมือนราพันเซลหรือไงวะไอ้บ้า จะหวงอะไรก็ให้มันพอดีบ้างเหอะ นี่เล่นไม่ปล่อยให้ศุกร์มีเพื่อนเลยหรือไง ปัญญาอ่อน”

“เออ พี่กันต์ ใจร้ายว่ะ ทำแบบนี้เหมือนไม่เชื่อใจเพื่อนผมเลยนะ” นัทรีบเสริม

ตามมาด้วยกล้าที่ยิ่งใส่ไฟ อัดอั้นมาตั้งนานจนถึงเมื่อคืน

“ผมก็บอกแล้วว่าผมกับศุกร์เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไร แล้วไอ้พวกที่ไปแดกข้าวด้วยกันก็กลุ่มเพื่อนทั้งนั้น ทำอย่างกับไอ้ศุกร์เป็นลูกสาวเพิ่งมีประจำเดือนไปได้”

ทุกคนบนโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วย จนกันต์เถียงไม่ขึ้น แต่ก็คงไม่อยากเถียงแล้ว หลังจากที่ติดต่อวันศุกร์ไม่ได้เลยมันทำให้เขาเอาแต่โทษตัวเองแทบตาย มานั่งย้อนนึกดูก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำเกินไปจริงๆ

“เออ กูรู้แล้วว่ากูผิด”

“ผมว่าเราอย่ามามัวต่อว่าพี่กันต์เลยครับ มาช่วยกันคิดก่อนดีกว่าว่าศุกร์จะไปอยู่ไหนได้” กั้งออกปากเสนอ ตามด้วยสายตาเป็นเชิงขอบคุณจากตัวต้นเหตุ

“ผมแกล้งโทรไปถามที่บ้านศุกร์แล้วก็ไม่อยู่”

“ถามจากพี่เสาร์เหรอกล้า?” ใบหน้าคนฟังแทบทั้งหมดซูบซีดลงทันควันยามเอ่ยถึงชื่อต้องห้ามนั้น พวกเขาต่างรู้ดีถึงชื่อเสียงความหวงน้องที่ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันต์ ติดจะมากกว่าสักร้อยเท่าด้วยมั้ง

“ไม่ใช่ ถามจากแม่บ้านน่ะ ขืนให้พี่เสาร์รู้ว่าศุกร์หายตัวไปมีหวังตายหมู่แน่”

“ก็ว่างั้นแหละ”

“อืม...ถ้างั้นเราควรจะหาศุกร์ให้เจอก่อนคืนนี้นะ” ตรีวิทย์หันมองหน้าคนอมทุกข์ที่สุดในวง “ใช่ไหมไอ้กันต์?”

“เออ”

“ทำไมเหรอครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“เพราะพี่เสาร์จะโทรมาหาศุกร์ทุกคืน” กล้าตอบให้แทน เพราะพอจะเดาออก เมื่อคืนตอนอยู่ร้านปิ้งย่าง ก็มีช่วงที่วันเสาร์โทรมาแล้วศุกร์ต้องแอบหนีไปคุยในรถเหมือนกัน

ทุกคนดูเครียดยิ่งกว่าเก่า แต่นั่งอยู่นี่ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา จึงทยอยกันเดินกลับไปยังรถยนต์ของใครของมัน เตรียมพร้อมสำหรับศึกตามล่าหานายตัวยุ่งที่หายไป

“พี่จอดหลัง 7-11 เหมือนกันเหรอ” นัทหันไปถามพวกแก๊งเด็กเส้นทั้งสาม ขณะเดินตัดไปทางโรงอาหาร ตรีวิทย์เป็นฝ่ายพยักหน้าตอบ ก่อนจะสาวเท้าให้ไวขึ้นเพื่อตามกันต์ที่เดินนำโด่งไปไกลแล้วให้ทัน

นัทกับกั้งเองก็กำลังจะเร่งสปีดขา หากไม่ใช่ว่าสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นเพื่อนหน้าหล่ออย่างต้นหน กำลังยืนสั่งอาหารกลับบ้านไปสองกล่อง มันคงดูไม่มีอะไรถ้านัทไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้นหนเช่าหออยู่คนเดียว ซึ่งหอนั้นก็อยู่ใกล้กับหอของกันต์ แถมตอนรับน้อง หมอนี่ยังเดินหน้าตีสนิทวันศุกร์ซะจนเกือบเป็นเรื่อง

ถ้าจะมีใครที่พอเข้าข่าย...คนที่มีความเกี่ยวข้องกับวันศุกร์พอที่จะขอไปอาศัยอยู่ด้วยล่ะก็...

“เฮ้ย” นัทใช้หลังมือตีแผ่นอกกั้งไปที ทั้งสองคนหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน

พวกเขาทำเป็นนั่งรอบริเวณโต๊ะแถวนั้น ไม่ลืมส่งข้อความไปบอกข่าวกับทุกคนในกลุ่มปฏิบัติการลับในครั้งนี้ เพียงอึดใจเดียวก็ได้รับข้อความตอบกลับ

[ Nutdanai: ศุกร์อาจจะอยู่กับต้นหน ผมเห็นมันมาซื้อข้าวไป 2 กล่อง แต่มันอยู่หอคนเดียว ]

[ Bundit: จริงเหรอวะ ]

[ K.Wisarut: ก็ดูน่าสงสัยระดับหนึ่งนะครับ หนมันอยู่หอ Audio ด้วย ]

[ K.Wisarut: หนเดินออกไปจากโรงอาหารแล้วนะ ]

[ Bundit: เออ ไอ้กันต์ขับไปรอที่ Audio ก่อนละ ]

ใจร้อนสมเป็นกันติกรณ์

กั้งกับนัทรีบตามไปขึ้นรถตัวเอง เห็นต้นหนเพิ่งจะขับรถออกไปจากลานจอดหลัง 7-11 ได้เพียงแวบเดียว รถของตรีวิทย์กับบัณฑิตก็ขับตามออกไป ตบท้ายด้วยพวกเขา ส่วนหาญกล้าก็น่าจะนำหน้าไปก่อนแล้วเหมือนกัน

ไม่นานนัก ทุกหน่อก็มารวมตัวกันแถวหน้าหอ Audio ถึงขนาดพี่ยามต้องเดินมาถามเพราะสังเกตเห็นความผิดปกติ กันติกรณ์ปิดประตูรถดังปัง ก่อนเอ่ยปากเสียงเครียด

“กูขอขึ้นไปคนเดียวนะ”

“ได้ไง” กล้าเป็นคนแรกที่โต้ตอบออกมา แต่ก็ถูกสายตาห้ามปรามของตรีวิทย์หยุดเลือดในกายไว้

“ยังไงนี่มันก็เรื่องของกันต์กับศุกร์ พี่ขอให้ทุกคนอยู่รอข้างล่างก่อนละกัน” พอเห็นว่าทุกคนโอเคแล้วจึงหันไปตบบ่าคนเป็นเพื่อน “ส่วนมึง ก็อย่าไปทำอะไรบ้าๆ อีก มีอะไรก็คุยกันดีๆ เข้าใจไหม?”

“เออน่ะ”

กันต์ปัดมือตรีออก ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นตึกตรงหน้า

เขาก้าวขาให้ยาวขึ้น ตามไปจนทันเห็นแผ่นหลังของต้นหนเพิ่งหายเข้าไปในลิฟต์แว้บๆ ตัวเลขสีแดงบนจอสีดำค่อยๆ ไต่ขึ้นไปทีละชั้นจนมาหยุดอยู่ที่ชั้น 3 เท่านั้น กันต์แทบจะพุ่งเข้าไปในลิฟต์อีกตัว ทันทีที่มันเปิดออก นิ้วเรียวรีบกดปุ่มเลข 3 ตามด้วยปุ่มปิดลิฟต์ย้ำๆ ไม่ยอมให้ใครก้าวขาเข้ามาขัด

เขาถลาออกไปจากลิฟต์เมื่อมาถึงจุดหมาย หันซ้ายขวาจนเจอต้นหนกำลังยืนกดมือถืออยู่หน้าประตูบานหนึ่ง รีบพาตัวเองไปหลบอยู่หลังเสา ยื่นศีรษะออกไปสังเกตการณ์ห่างๆ แต่ก็ไม่ไกลถึงขนาดจะไม่ได้ยินอะไรเลย ไอ้เด็กต้นหนเคาะประตูอีกสองสามทีแต่ก็ยังไร้วี่แววอื่นใด จนเหมือนว่าคนที่ปลายสายจะเพิ่งกดรับโทรศัพท์

“ทำอะไรอยู่ มาเปิดประตูให้หน่อยสิ”

“อ่า อยู่ในห้องน้ำเหรอ...อืม ซื้อข้าวมาให้ด้วย”

ได้ยินอะไร อือๆ ต่ออีกนิดหน่อยก็กดวางหูไป แค่พักเดียวก็มีคนออกมาเปิดประตูให้ แต่จากองศาที่เขายืนอยู่ตอนนี้ทำให้เห็นไม่ชัดว่าคือใคร แต่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของไอ้ต้นหนน่ะชัดแจ๋วเลย แม่งเอ๊ย นี่มันเอาเมียชาวบ้านมากกจริงๆ เหรอ ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

ถึงตรีวิทย์จะเตือนว่าให้ใจเย็นยังไง เขาคงอดตั้นหน้ามันสักหมัดไม่ได้

ทันทีที่ต้นหนเข้าไปในห้อง เขาก็เคลื่อนตัวไปหยุดอยู่หน้าประตูบานนั้น ข้อนิ้วมือเคาะลงเสียงดังติดต่อกันแบบหมดสิ้นแล้วซึ่งความเกรงใจ แว่วเสียงฝีเท้าของคนด้านในลอดออกมาทำให้เขายอมหยุด แต่ประตูก็ยังไม่ถูกเปิด พอรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองส่องออกจากช่องตาแมว จึงเสี่ยงตะโกนเรียก

“วันศุกร์! อยู่ข้างในใช่ไหม เปิดประตูเดี๋ยวนี้”

คนที่เพิ่งจะเดินมาเปิดประตูเมื่อสักครู่ รีบถอยกรูดกลับไปตั้งหลัก สายตาหวาดระแวงตวัดไปทางเจ้าของห้องซึ่งกำลังเดินไปยกโต๊ะพับมากาง

“หน พี่กันต์มาได้ไงอะ”

“พี่กันต์เหรอ? เราก็ไม่รู้อะ” ต้นหนตาเบิกกว้าง ไม่ทันรู้สึกตัวว่าถูกตามรอยมาตั้งแต่เมื่อไร

ความเครียดตรงเข้าจู่โจมทั้งคู่ทันที วันศุกร์รู้ดีว่าต้องเจอกับแรงโมโหระดับไหน พอๆ กับต้นหนที่เดาอนาคตตัวเองนอนหยอดข้าวต้มไว้แล้วออก

ก๊อกๆๆ

“เฮ้ย เปิด!”

เสียงด้านนอกยังดังไม่หยุด หากแต่พวกเขาก็ยังคงลังเล เอาแต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก จนกันต์ต้องใช้ไม้ตายด้วยการยกเท้าถีบหนักๆ จนแผ่นไม้ที่ขวางกั้นสั่นสะเทือน

“ถ้าไม่เปิด พี่จะพังเข้าไปจริงๆ นะ”

“อย่านะพี่กันต์!”

คำขู่นั้นฟังดูเหมือนจะจริง ทำให้วันศุกร์ต้องจำยอมเดินขมวดคิ้วไปแง้มประตูออกทั้งที่ภายในใจหวั่นกลัว กันติกรณ์ปรายตาลงมองเด็กดื้อชนิดที่ว่า ใจหนึ่งก็อยากจะตีเสียให้ช้ำ แต่อีกใจก็อยากดึงเข้ามากอดเสียเดี๋ยวนั้นเลย

“กลับ” คนตัวสูงพูดเสียงเรียบ แต่วันศุกร์กลับทำแก้มพองลมแล้วส่ายหน้า ทำให้เขาต้องออกแรงดันประตูให้เปิดกว้างพอจนสามารถแทรกตัวเข้าไปข้างในได้ ต้นหนยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ด้านหลัง

สายตาเจ้ากรรมเหลือบเห็นเตียงนอนขนาดคิงไซส์หลังเดียวตรงกลางห้อง ผ้าห่มยังยับอยู่เลยเพราะผู้ขออาศัยเอาแต่หมกตัวอยู่บนนั้นแทบทั้งวัน แค่นั้นก็ทำเอาเลือดในกายเขาเดือดปุดๆ

“มึงกล้ามากนะเอาวันศุกร์มาอยู่ด้วย”

“พี่กันต์จะทำอะไร!” คนตัวเล็กรี่เข้าไปขวางระหว่างกันติกรณ์กับต้นหนไว้ แขนสองข้างเหยียดตรงไม่ยอมให้คนเลือดร้อนเข้าไปถึงตัวเพื่อนได้ “ศุกร์เป็นคนขอมาอยู่เอง หนไม่เกี่ยว”

“แล้วมาอยู่กับมันทำไม”

ราวกับมีใครเดินเข้ามากดสวิตช์ คนตัวเล็กแผดเสียงสูงแบบไม่กลัวจะรบกวนห้องข้างๆ ตรงเข้าไปผลักอกหนาอย่างแรงจนถึงกับเซ ขอบตาบวมจากการพักผ่อนไม่พอยิ่งแดงเรื่อ น้ำตาเอ่อคลอพร้อมร่วงทุกเวลาพาลให้ใจคนมองรู้สึกปวดแปล็บ

“ก็พี่กันต์ไล่ศุกร์ไง!”

“…”

แรงผลักซ้ำสองตามมาติดๆ

“บอกให้ศุกร์ไปเองไม่ใช่เหรอ!?”

กันติกรณ์ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป เขาปรับสีหน้าให้อ่อนลงทันควัน

“วันศุกร์…พี่ขอโทษ” ใช้จังหวะที่เข้ามาใกล้ รวบรั้งข้อมือบางเอาไว้ พลางดึงตัวคนรักเข้ามาในอ้อมกอด แม้ว่าจะทุลักทุเลเพราะวันศุกร์เอาแต่ดิ้นจะหนี แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย

“พี่ขอโทษนะ พี่จะไม่ไล่เราไปไหนอีกแล้ว”

“ฮึก...” น้ำตาร่วงแหมะยามสัมผัสถึงความอบอุ่นและกลิ่นกายอันคุ้นเคย ชวนโหยหา กำปั้นเล็กๆ ทุบตีอีกฝ่ายไม่หยุด

“พี่กันต์...นิสัย..ไม่ดี ฮือ...ไม่เชื่อใจศุกร์”

“พี่ไม่ได้ไม่เชื่อใจศุกร์นะ แต่พี่ไม่เชื่อใจไอ้พวกที่เข้ามาใกล้ศุกร์”

พูดมาถึงตรงนี้ ก็แอบส่งสายตาเย็นๆ ไปยังเด็กปีหนึ่งอีกคนที่ได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูก ต้นหนกลืนน้ำลายลงคอแล้วแกล้งเบือนหน้าไปทางอื่น เขารู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเขาไม่มีวันชนะผู้ชายคนนี้ แต่ขอแค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นก็ยังดี...แค่ได้เป็นเพื่อนกับวันศุกร์ คนที่นึกปลื้ม แค่นั้นก็พอ

“พี่กันต์ทำเหมือนศุกร์...เป็น นักโทษ..แล้วก็ ฮึก…ผลักศุกร์ด้วย”

“โอ๋ๆ พี่ขอโทษ” มือใหญ่ลูบศีรษะปลอบคนรัก วันศุกร์เลิกประทุษร้ายเขาแล้วเปลี่ยนมาขยุ้มเสื้อเขาแทน ทำให้ค่อนข้างเบาใจขึ้นเปลาะหนึ่ง “พี่รู้ตัวแล้วว่าพี่ผิด ต่อไปพี่จะใจเย็นขึ้น จะฟังศุกร์มากขึ้น โอเคไหมครับคนดี”

กันติกรณ์ดึงร่างบางออกห่างเพียงนิดเพื่อขอมองหน้าให้ชัดๆ เขาเปลี่ยนมาใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างปาดเอาคราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ ยอมรับเลยว่าใบหน้ายามร้องไห้ของเด็กคนนี้แทบจะฆ่าเขาเลย ยิ่งรู้ว่าเป็นเพราะตัวเองด้วยแล้วก็แทบอยากจะเอาค้อนมาทุบหัวให้สิ้นใจในความผิด คิดแล้วเขามันก็บ้าจริงๆ โดนความขี้หวงเข้าครอบงำเสียจนหน้ามืดตามัว ถึงขั้นลงมือกับวันศุกร์ได้ คิดทีไรก็นึกอยากย้อนกลับไปต่อยหน้าตัวเองทุกที

“พี่ขอโทษนะที่ไล่ศุกร์ พี่จะไม่ทำแล้ว…ยกโทษให้พี่ได้ไหม?” สายตาจริงจังทำเอาหัวใจคนฟังอ่อนระทวย ความจริงวันศุกร์แทบใจอ่อนตั้งแต่เห็นกันต์ยืนอยู่หน้าประตูแล้วด้วยซ้ำ

ชั่งใจได้เพียงครู่เดียวก็ยอมพยักหน้าช้าๆ น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกไปอย่างยากลำบาก เพราะยังคงสะอึกสะอื้นไม่หาย

“แต่…พี่กันต์ ห้ามไล่ศุกร์อีกนะ”

“ไม่แล้ว…ต่อไปศุกร์ก็อย่าไปไหนอีกนะ พี่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม”

“อื้อ…”

ริมฝีปากสีธรรมชาติโน้มจูบไปยังเปลือกตาบวมๆ ก่อนจะมาหยุดแช่ลงบนหน้าผากมน เขาดึงแขนวันศุกร์ให้เข้ามาหลบหลัง พร้อมเอ่ยเสียงราบเรียบกับเจ้าของห้องที่ยังคงพูดอะไรไม่ออก

“ยังไงก็ขอบใจละกันที่ดูแลวันศุกร์ให้ แต่คราวหลัง…ไม่ต้องมายุ่ง”

“หน ขะ…ขอบใจนะ แล้วก็ขอโทษด้วย…”

 ต้นหนเพียงพยักหน้า ยืนมองดูคู่รักที่ปรับความเข้าใจกันเสร็จสรรพแล้วเดินกอดกันออกไปจากห้อง ข้าวเย็นสองกล่องดูจะไม่มีประโยชน์อะไร…

คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเองสินะ

 

 

หลังจากกลับมาคืนดีกับกันติกรณ์แล้ว อะไรๆ ก็ดูดีขึ้นไปหมด ทำให้รู้สึกว่าการหนีออกจากหอคืนนั้นช่างคุ้มค่า นอกจากกันต์จะเริ่มพูดคุยกับกล้าได้เป็นปกติมากขึ้น เหมือนที่คุยกับกั้งหรือนัท ยังอนุญาตให้เขาไปไหนต่อไหนตามใจ แม้จะโทรถามทุกสิบห้านาทีก็เหอะ

ส่วนต้นหน…เขาเอาเสื้อผ้ากลับไปคืน และได้พูดคุยกันเล็กน้อย เขาขอโทษขอโพยไปยกใหญ่เพราะรู้สึกว่าดึงหนเข้ามายุ่งในเรื่องของตัวเอง แต่ฝ่ายนั้นก็ใจดีเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าอะไรแล้วยังยิ้มรับเหมือนทุกที แถมบอกให้แวะไปเล่นที่หออีกเมื่อไรก็ได้ แต่ก็นะ…คงไม่มีโอกาสกลับไปแล้วแหละ

เวลาแห่งความสงบสุขผ่านไปได้ไม่เท่าไร ก็ถึงช่วงฝันร้ายแห่งการสอบไฟนอล ตั้งแต่กลางเดือนลากยาวไปจนถึงปลายเดือนธันวาคม คือสัปดาห์แห่งการสอบ ทั่วทุกมุมของมหา’ลัยเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาที่โผล่หน้าออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน คริสม่งคริสมาสอะไรไม่ต้องพูดถึง บอกตรงๆ ว่าชีวิตทุกคนดูยุ่งมาก แม้แต่เขากับกันต์ก็แทบไม่มีเวลานั่งคุยเล่นกันเลยด้วยซ้ำ ต่างฝ่ายต่างง่วนอยู่กับกองชีท หนังสือ และโปรเจกต์ชิ้นใหญ่ สักพักก็ออกจากหอไปติวกับเพื่อน กลับมาอาบน้ำ นอนสลบ วนลูปอยู่แบบนี้มาหลายวันแล้ว

“พรุ่งนี้มีสอบหรือเปล่า?” กันต์ถามขึ้นขณะนั่งมองเขาไฮไลท์ชีทสีขาวจนมันเริ่มกลายเป็นสีเหลืองแสบตาแทบทั้งแผ่น

“มีอีกทีมะรืน”

“งั้นก็เก็บไว้อ่านพรุ่งนี้ นอนได้แล้วเรา”

คนตัวใหญ่ลุกออกจากเก้าอี้ ถือวิสาสะเดินมาดึงชีทในมือ ปาทิ้งบนโต๊ะหน้าตาเฉย แถมยังโถมตัวเข้ามากอดเขาที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อหมุนจนเกือบหัวคะมำ ดวงตากลมเงยขึ้นมองคนด้านหลังอย่างเคืองๆ แต่สิ่งที่ได้คืนมากลับเป็นการโดนขโมยจุ๊บบนปลายจมูกไวๆ ไปที

“พะ…พี่กันต์!”

“ตาคล้ำหมดแล้วเนี่ย ไม่ต้องโหมอ่านขนาดนั้นก็ได้ พักผ่อนบ้าง”

“ก็มันเยอะนี่” ชีทปึกเท่าบ้าน ตีหัวหมาตายได้เลยนะ

“ก็นอนก่อน ค่อยเก็บแรงไว้อ่านต่อพรุ่งนี้”

“แล้วพี่กันต์ล่ะ”

“พี่ก็จะนอนแล้ว มีสอบมะรืนเหมือนกัน”

วันศุกร์เหลือบมองนาฬิกา บอกเวลาเที่ยงคืนกว่า เขาชั่งใจได้เพียงครู่เดียวก็ยอมพยักหน้าก่อนจะถูกลากขึ้นเตียงทั้งที่ยังไม่ได้เก็บโต๊ะ ไฟในห้องถูกปิดลงจนมืดสนิท ยิ่งทำให้ความง่วงตรงเข้าจู่โจม

คนตัวเล็กลอบยิ้มเมื่อกันต์สอดแขนเข้ามาดึงเขาเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง พวกเขาติดนอนท่านี้เกือบทุกวันจนแทบกลายเป็นกิจวัตร จมูกโด่งรั้นคลอเคลียอยู่กับท้ายทอย ไล้ไปจนถึงบ่าขาวซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อ เสียงทุ้มดังแทรกความเงียบยามค่ำคืนขึ้นมา

“หลังสอบเสร็จก็จะหยุดปีใหม่”

“อ่าฮะ”

“ปีใหม่ไปไหนรึเปล่า?”

“อืม…คงอยู่กับพี่เสาร์นะ” เขาตอบออกไปตามตรงแม้จะทำให้กันต์ไม่ค่อยพอใจนักก็ตาม เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องอยู่ร่วมฉลองคืนส่งท้ายปี ต้อนรับปีใหม่ไปพร้อมกับคนในครอบครัว พ่อกับแม่คงไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้อยู่ประเทศอะไรเขายังระบุไม่ถูกเลย ท่านคงทำได้แค่วิดีโอคอลกลับมาคุยกันสองสามคำเท่านั้น

“พี่เสาร์อีกและ”

“เราค่อยนัดเจอกันวันอื่นก็ได้นี่”

วันศุกร์พยายามทำเสียงอ้อน พลางเลื่อนมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น แต่ขณะเดียวกันเขาเองก็เข้าใจที่จะนึกฉุนหรือว่าเสียดาย ในเมื่อลึกๆ แล้ว เขาก็อยากอยู่กับคนรักในคืนข้ามปีเหมือนกัน

“แต่ปีใหม่ทั้งที ก็อยากให้เป็นวันของเราปะ” น้ำเสียงน้อยใจแบบปิดไม่มิดทำเอาเขาอยากส่ายหน้า

ร่างบางค่อยๆ ขยับตัวพลิกกายกลับมาสบตากับคนที่บอกให้เขานอนแต่ก็ชวนคุยอยู่นั่น กันติกรณ์ยังคงพักมือไว้รอบเอวได้รูป วันศุกร์ขยับเข้าไปชิดแผงอกตรงหน้า ก่อนวาดแขนกอดตอบอย่างเอาใจ ใบหน้าหวานแดงเรื่อทีละน้อยเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะพูดเรื่องน่าอาย…

“ก็แค่วันปีใหม่เอง...”

“...”

“ทุกๆ วัน มันก็เป็นวันของเราอยู่แล้วนี่”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 16.0-16.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-05-2017 19:38:45
อ่านมาทั้งเรื่องนี่อยากตีพี่กันแรงๆทุกตอน หวงอะไรเบอร์นั้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 16.0-16.5
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 28-05-2017 00:09:15
อิพี่กันทำตัวน่าหงุดหงิดมากกกก
สงสารวันศุกร์ๆ พี่ก้ขี้หวง แฟนก้ขี้หึง
โอ้ยจะบ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 16.0-16.5
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 28-05-2017 00:11:41
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากก
ความจริงเราชอบพี่เสาร์นะ ชอบพี่ชายขี้หวงอะ5555
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 04-06-2017 15:58:01
วันศุกร์ที่ 17.0



30 ธันวาคม การสอบจบลงแล้ว...วันศุกร์ย้ายข้าวของกลับมาอยู่บ้านตามคำสั่งของพี่ชาย สาบานได้ว่าคนที่ดีใจกับการกลับมาของเขาไม่ได้มีแค่วันเสาร์ แต่รวมถึงแม่บ้าน คนสวน คนขับรถ เพราะใครๆ ต่างวิ่งโร่มาฟ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘พอคุณศุกร์ไม่อยู่ คุณเสาร์ก็ยิ่งอารมณ์ร้อน รับมือไม่ไหวเลย’

“บางคืนคุณเสาร์ก็ไม่กลับบ้านนะคะ ต้องไปเที่ยวผู้หญิงแน่ๆ เลย”

“จริงค่ะ แถมยังดื่มเหล้าเกือบทุกวันด้วย”

พี่ละเมียด กับพี่ละไม คู่พี่น้องที่เข้ามาทำงานกับบ้านเขาได้เกือบ 5 ปีแล้ว เป็นแกนนำและตัวแทนคนรับใช้คนอื่นเข้ามาเล่าเหตุการณ์ความเป็นไปในระหว่างที่เขาย้ายไปอยู่หอได้เพียงไม่ถึงเดือน

“แล้วพวกพี่ได้ห้ามพี่เสาร์บ้างหรือเปล่าครับ”

“ห้ามแล้วค่ะ แต่คุณศุกร์ก็รู้ว่าคุณเสาร์ฟังใครซะที่ไหน”

“นั่นสิ คุณเสาร์ก็ฟังคุณศุกร์คนเดียวนั่นแหละ ขนาดวันก่อนคุณเจกับคุณนาวาหิ้วปีกคุณเสาร์กลับมาบ้าน ยังทุลักทุเลแทบตาย”

เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินหยิบแก้วน้ำส้มจากถาดบนมือพี่ละไมขึ้นไปไว้บนห้องนอน คิดว่าพี่เสาร์คงมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา และเขาเองก็ต้องคุยกับพี่เสาร์เช่นกัน ถึงขนาดไปลำบากคนอื่นนี่ใช้ไม่ได้เลย ภายนอกพี่เสาร์ดูเป็นผู้ใหญ่ก็จริง แต่บางครั้งก็มักปล่อยตัวเละเทะยามไม่สบอารมณ์แบบนี้แหละ

ขนาดพี่เจกับพี่นาวา เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมก็ยังเอาไม่อยู่

ไม่นานนัก คนในความคิดก็ปรากฏตัว...

“เป็นไง คิดถึงบ้านบ้างไหม?” คำถามชวนจะกัดทำเอาเขาเผลอคว่ำปาก ก่อนจะกลับมาตีสีหน้าออดอ้อนเป็นเด็กๆ เหมือนทุกที

“คิดถึงซี่ คิดถึงพี่เสาร์ด้วย”

“จริงเหรอ...เดี๋ยวนี้โทรไป ก็เอาแต่ไล่ให้พี่ไปนอน”

“แล้วพี่เสาร์ไปนอนจริงปะละ ไม่ใช่ว่าออกไปเกเรที่ไหนนะครับ”

วันเสาร์หัวเราะแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ มือใหญ่ลูบหัวน้องชายอย่างนึกเอ็นดูระคนหมั่นเขี้ยว อีกใจก็คิดไปว่าจะต้องสั่งสอนพวกปากเปราะในบ้านซะบ้าง

“ออกไปไหนอะไร”

“อย่าคิดว่าศุกร์ไม่รู้นะว่าพี่เสาร์ออกไปเที่ยวอะ”

“งั้นก็เสมอกันสิ”

“หือ?”

“ก็อย่าคิดว่าพี่จะไม่รู้ ว่าเราเองก็ออกไปนั่งดื่มกับกล้าเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”

คนตัวเล็กเงียบปากลง เถียงต่อไม่เป็นเพราะกลายเป็นฝ่ายโดนจับได้ซะเอง หากวันเสาร์ก็ไม่ได้ต่อว่าแล้วทำทีเป็นขยี้ผมเขาเล่นแทน ทางที่ดี...คือควรเปลี่ยนประเด็นสนทนาเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่ความผิดติดตัวของแต่ละฝ่ายจะถูกงัดออกมาแฉจนใบ้กินกันทั้งคู่

“พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่า?” วันเสาร์เป็นฝ่ายโยนคำถามอื่นขึ้นมา แต่กลับทำเอาเขาคิดหนักกว่าเดิม...

ถ้ามองตามลักษณะนิสัยของพี่ชายคนนี้แล้ว ความเป็นไปได้ของคำตอบมันก็มีแค่ทางเดียวไม่ใช่หรือไง แล้วยังทำเป็นมาถามอีก...เอาแต่ใจตัวชะมัด

“เปล่า...คิดว่าเปล่าครับ”

“คิดว่าเปล่า...แปลว่าอาจจะไปไหนเหรอ”

“เอ่อ...ยังไม่รู้เลย ไม่ได้ไปไหนหรอกมั้ง ก็อยู่กับพี่เสาร์ไง”

“อืม พี่ก็ไม่ได้ไปไหน ว่าจะอยู่กับศุกร์นั่นแหละ”

รอยยิ้มแห้งๆ ระบายอยู่บนใบหน้าแป้นแล้นดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไรนัก ลึกๆ แล้ว เขายังคงคิดถึงกันติกรณ์...แต่คิดไปก็เท่านั้น เขาขัดอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ จะว่าไปเขาหาว่ากันต์ทำกับเขาเหมือนนักโทษ แต่วันเสาร์นี่แหละผู้คุมขังตัวจริง เขาเป็นเสียยิ่งกว่านักโทษด้วยซ้ำ แต่ทำอะไรไม่ได้ไง ได้แต่บ่นในใจ ดื้อมากเดี๋ยวก็โดนโกรธอีก

“งั้นพรุ่งนี้เราไปซื้อของมาทำชาบูกินกันดีไหมพี่เสาร์ อยากกินอะ” ไหนๆ คงไม่ได้ไปหากันต์แน่แล้ว ขอตามใจปากตัวเองแทนก็ยังดี

“เอาสิ แต่ตอนนี้พักผ่อนก่อนละกัน เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”

“ครับ”

วันเสาร์ลูบหัวเขาอีกสองสามที ก่อนจะโน้มตัวลงมากดจูบลงบนขมับ ทำเอาเขาสะดุ้งน้อยๆ เพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนี้เองว่า...ริมฝีปากเดียวที่มีสิทธิ์แตะต้องเขาในช่วงนี้ มีเพียงแค่กันติกรณ์เท่านั้น และสัมผัสจากวันเสาร์ที่เขาเคยคุ้นชิน วันนี้กลับนึกไม่คุ้นเคยอีกแล้ว...

 

 

ความจริงเราไม่ควรออกมาพบเจอโลกภายนอกในวันสิ้นปี นี่คือคำเตือนเลย...

ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่คู่รัก คู่รักเต็มไปหมดทั้งโลกถูกต้อนออกมาเดินห้างพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ต้นไม้ใหญ่ถูกประดับประดาไปด้วยกระดาษและหลอดไฟ บรรยากาศแห่งเทศกาลยังคงสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส ที่เขาเอาแต่หลับหูหลับตาจมกองชีทอยู่ในขณะนั้น ห้างร้านต่างๆ ล้วนจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นต้อนรับปีใหม่กันอย่างคึกครื้น ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุขกับคนรักของพวกเขา...

“พี่เสาร์ เรารีบซื้อรีบกลับกันเถอะ”

“หือ ทำไมล่ะ ไม่เดินเล่นก่อนเหรอ”

“ไม่เอาอะ มีแต่คนมาเป็นคู่”

วันเสาร์ชะงักกับคำตอบไปนิด ก่อนส่งเสียงหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาโอบไหล่เขาเข้าไปใกล้ รอยยิ้มอารมณ์ดีสุดแสนหายากเผยอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา ชวนให้สายตาหญิงแท้ชายเทียมแถวนี้หันมองกันเป็นแถว ถ้าเกิดไปทำให้คนอื่นเขาแตกหักกันขึ้นมาจะว่าไง ใครให้ยิ้ม!

บอกแล้วว่าพี่เสาร์น่ะเวลาไม่เก๊กท่าโหด ก็เจ้าชายดีๆ นี่เอง

“ศุกร์ก็คู่กับพี่ไง”

“ไม่เหมือนกันสักหน่อย” คนตัวเล็กยู่ปาก ไม่ทันสังเกตแววตาวูบไหวของอีกฝ่าย “ซื้อเนื้อไปเยอะๆ เลยนะพี่เสาร์นะ”

“อืม เอาสิ”

วันศุกร์ดึงมือวันเสาร์เข้าไปในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ต เนื้อสดใหม่วางเรียงรายอัดแน่นไปตามถาดน้ำแข็ง ตะกร้าสีแดงถูกหยิบมาคล้องแขนเป็นคุณนายจ่ายตลาด ทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ รวมทั้งพวกอาหารทะเล ก็ถูกมือเล็กคว้าเอาๆ จนอดจะแซวไม่ได้

“ไม่หยิบผักหน่อยเหรอเรา”

“พี่เสาร์จะกินผักก็ไปหยิบสิ”

“เด็กดื้อไม่ยอมกินผัก” ได้ที จึงใช้สองมือหยิกแก้มป่องๆ นั่นอย่างนึกหมั่นเขี้ยว วันศุกร์งอแงเพียงเล็กน้อยก็ยอมเดินไปยังล็อคของชั้นวางผักหลากสีสัน

แต่นอกจากผักแล้ว ดันเจออย่างอื่นด้วยนี่สิ…

“อ้าว...”

อะไรคือกันติกรณ์กับเกศรากำลังมองมายังเขากับวันเสาร์ด้วยสายตาตกใจเลเวล 99 ฝ่ายหญิงชักสีหน้าทันทีที่ตั้งสติได้ เธอเกือบจะสะบัดตัวหนีแล้วถ้าไม่ใช่ว่าวันเสาร์เอ่ยปากทักขึ้นก่อนตามมารยาท

“หวัดดี เกศ”

“อืม”

“กันติกรณ์?” สายตาเรียบเฉยติดจะรู้สึกผิดต่อเพื่อนหญิงที่เขาเคยปฏิเสธไป แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามีหนึ่งในโจทก์ของเขาอยู่ด้วย ก่อนค่อยๆ กลายเป็นความรู้สึกประหลาดใจระคนสงสัย ทำไมรุ่นพี่ที่พยายามทำตัวสนิทสนมกับน้องชายเขา ถึงมาเดินซื้อของอยู่กับเพื่อนที่มหาลัยตัวเองซะล่ะ

“สวัสดีครับพี่เสาร์”

“นี่มึ...นี่นายกับเกศ...”

“ผมเป็นน้องชายพี่เกศเองครับ”

“นี่แกเคยเจอเสาร์ด้วยเหรอ” เกศราหันไปกระซิบถามคนข้างตัว แต่กันต์เพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ

“กันติกรณ์...เป็นน้องเกศเองเหรอ”

“อืม น้องฉันเอง มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ”

วันเสาร์พยักหน้า แม้จะอยากหันไปบอกว่าให้กันต์เลิกมายุ่งกับน้องชายเขาซะ แต่ก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเมื่อสายตาของเกศยังคงเต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธเคือง ถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะแคร์ความรู้สึกใครต่อใครนัก แต่ในฐานะเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอดเกือบ 4 ปี ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขารู้สึกผิดต่อเกศจริงๆ

วันศุกร์เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร หลบซ่อนตัวอยู่หลังบ่ากว้างของคนเป็นพี่ หนึ่ง...เขากลัวว่าถ้าสบตากันต์เข้าตอนนี้แล้วจะเผลอแสดงอาการให้ใครสักคนจับได้ สอง...แววตาที่เกศราเหลือบมองเขาเป็นครั้งคราวนั้นช่างน่าหวาดหวั่น ทั้งที่เราเพิ่งเคยเจอหน้ากัน แต่เหมือนถูกเกลียดมานับร้อยชาติก็ไม่ปาน

เจ้าของเส้นผมยาวสลวยเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่คิดจะเหลียวกลับมา ผิดกับตัวน้องชายซึ่งเอาแต่ลอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวที่พวกเขาเดินสวนกัน ปลายนิ้วของเราแตะกันแผ่วๆ เพียงพอให้คนตัวเล็กหน้าขึ้นสี ก่อนจะถูกดึงกลับมาด้วยเสียงเรียกไม่สบอารมณ์

“ศุกร์ จะเอาอะไรก็รีบหยิบ พี่อยากรีบกลับแล้วเหมือนกัน”

“คะ…ครับ”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.0
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 04-06-2017 18:22:07
พี่เสาร์นี่คิดกับศุกร์เกินน้องแน่ๆ เลยอะ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.0
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-06-2017 20:36:47
วันศุกร์ไม่ใช่น้องแท้ๆใช่ไหมคะพี่เสาร์ถึงคิดเกินเลย
ชอบโมเม้นท์แอบโดนนิ้ว น่ารักกกก  :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.0
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-06-2017 13:06:44
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.0
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 07-06-2017 04:33:16
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ ชอบมาก เนื้อเรื่องสนุก วันศุกร์น่าร๊ากกกก :ling1: :ling1: อยากมีวันศุกร์เป็นของตัวเองบ้าง เข้าใจเลยทำไมพี่เสาร์กับพี่กันต์ถึงหวงน้อง ถ้ามีแบบนี้นี่คงหวงเหมือนกัน 555 มาต่ออีกนะคะ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยค่ะ  o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 07-06-2017 16:39:17
วันศุกร์ที่ 17.5



“วันสิ้นปีแท้ๆ ยังต้องมาเจอตัวเสนียด!” เกศบ่นปอดแปดทันทีที่ลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงทักท้วงของน้องชายที่เพิ่งส่งถุงพลาสติกในมือให้ป้าแม่บ้าน

“พูดเกินไปหรือเปล่าพี่เกศ ผมก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไร”

“แกก็ปกป้องมัน! รุ่นน้องแกหนิ ฉันย้ำกี่รอบแล้วว่าอย่าไปสนิทด้วยๆ ก็ไม่ฟัง!”

“แต่จริงๆ วันศุกร์ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดพี่เสาร์สิ”

“กันติกรณ์!” สายตามาดร้ายราวกับจะหยั่งรู้เรื่องราวที่ปกปิดจ้องเขาเขม็งจนต้องยอมปิดปากเงียบ “ก็เพราะมีอีวันศุกร์อยู่บนโลกนี้ไง วันเสาร์ถึงได้ปฏิเสธฉัน”

ใช่เหรอ...

“งั้น…ถ้าวันศุกร์มีแฟนก็ดีน่ะสิ”

“หมายความว่าไง”

“ก็ถ้าวันศุกร์มีแฟน พี่เสาร์ก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งก็เป็นโอกาสให้พี่กลับไปทำคะแนนกับพี่เสาร์ไง ถูกมะ”

เกศรานิ่งไปนิด ในหัวพยายามคิดตามสิ่งที่น้องชายเสนอ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ความจริงที่เธอรู้ดีหากไม่ต้องการจะยอมรับมัน ก็ยังคงตอกย้ำชัดเจน...สิ่งที่เธอไม่อยากยอมรับก็คือ ต่อให้ไม่มีวันศุกร์ หรือต่อให้ไม่มีใครเลย วันเสาร์ก็อาจจะไม่รักเธออยู่ดี...

แต่ทุกครั้งที่คิดได้แบบนั้น มันกลับเจ็บปวดเสียจนต้องปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามันไม่จริง...ขอแค่ไม่มีวันศุกร์ก็พอ ถ้าไม่มีเด็กคนนั้น วันเสาร์ก็จะมองเห็นเธอ...

“จะไปมีประโยชน์อะไรถ้าวันเสาร์ยังรักมันอยู่”

คนเป็นน้องชะงัก อยากจะหลุดหัวเราะแต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าขำ เกศเกลียดวันศุกร์ขนาดนี้เพราะรักวันเสาร์มาก ในขณะที่เขาเองก็รักวันศุกร์มากจนเกลียดวันเสาร์เหลือเกินเช่นกัน

แบบนี้...วันที่สองครอบครัวจะมาดองกันได้ตามฝัน มันจะมาถึงเมื่อไร

หรืออาจไม่มีวันนั้นเลย…?

 

 

“พี่เพิ่งรู้นะว่านายกันติกรณ์เป็นน้องชายเพื่อนพี่” วันเสาร์ยกเรื่องชวนเครียดขึ้นมาพูดเอากลางโต๊ะอาหาร บริเวณระเบียงบ้าน ควันจากหม้อต้มลอยฟุ้งขึ้นไปบนอากาศ ได้ยินเสียงดนตรีดังแว่วจากที่ไกลๆ

ภายในบ้านหลังใหญ่ดูเงียบลงถนัดตาเพราะคนรับใช้ทั้งหมดได้โควต้าหยุดปีใหม่ กลับบ้านกันไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน

“พี่เกศน่ะเหรอครับ”

“อืม เกศเป็นเพื่อนที่มหาลัยน่ะ”

คนเด็กกว่าทำเป็นพยักหน้า แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วก็ตาม เขารีบตักหมูตักไก่ใส่จานพี่ชายจนเต็มเพื่อหวังเปลี่ยนเรื่อง

“พี่เสาร์กินเยอะๆ นะ”

“คนที่ต้องกินเยอะๆ มันเรามากกว่า ตัวกะเปี๊ยกนึง”

“ศุกร์ก็ไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นปะ” วันศุกร์ทำแก้มพองลม แล้วยิ่งคีบเนื้อเข้าปาก เคี้ยวแจ้บๆ อย่างกับเด็กจนคนมองอดจะลอบยิ้มเอ็นดูไม่ได้

พวกเขานั่งกินนั่งคุยกันไปจนเริ่มดึก ก็มีสายเรียกเข้าส่งตรงจากเกาหลี เป็นพ่อกับแม่นั่นเองที่เพิ่งโฉบไปดูงานเกี่ยวกับเครื่องจักรว่าด้วยการเปลี่ยนพลาสติกให้เป็นน้ำมัน พวกท่านยังคงพูดคำเดิมๆ คือขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ด้วย แต่แน่นอนว่าวันศุกร์ไม่เคยนึกโกรธ อาจจะเหงาบ้างแต่ก็เข้าใจ ทุกวันนี้พวกเขาอยู่สุขสบายก็เพราะพ่อแม่คอยหาเงินเลี้ยงดูไม่ขาด ยังไงก็ยังมีวันเสาร์ ยังมีเพื่อนๆ เลยเติมเต็มพื้นที่ในจิตใจได้บ้าง

ความจริง…ได้ขนาดนี้ ก็นับว่าเขาโชคดีกว่าคนอื่นอีกหลายหมื่นล้าน เพราะเขาเป็นเด็กที่เคยถูกทอดทิ้งและอาจนอนตายอยู่ในห้องน้ำโรงพยาบาลไปตั้งแต่ 18 ปีก่อนแล้วก็ได้

“10...9...”

“พี่เสาร์!” เขารีบสะกิดคนตรงข้ามให้ลุกขึ้นยืน เมื่อเริ่มได้ยินเสียงกลุ่มคนละแวกนั้นนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ วันเสาร์เดินมาโอบเอวเขาไว้ ระหว่างยืนเกาะระเบียง ลำคอเรียวชะเง้อมองไปยังแสงไฟจากห้างสรรพสินค้าสูงตระหง่านซึ่งสามารถเห็นได้จากตรงนี้

“5...4...”

หัวใจเต้นรัว พร้อมดวงตาที่ค่อยๆ เปล่งประกาย บรรยากาศแห่งเทศกาลทำเอาใบหน้าหวานเปื้อนยิ้ม

“2...1....Happy New Year!!”                                                                   

“จุ๊บ...”

คนตัวเล็กรีบตวัดสายตาไปทางพี่ชาย เมื่อกี้เขาเพิ่งโดนขโมยหอมแก้มในเวลา 00:00 ของวันที่ 1 มกราคม กริยาตกใจจนเผลอเด้งตัวออกห่างทำเอาวันเสาร์ขมวดคิ้ว วันศุกร์รีบปรับสีหน้ากลับมายิ้มแย้มก่อนจะเดินไปหยิบกล่องของขวัญที่วางซ่อนไว้ อีกฝ่ายเองก็มีของขวัญอยู่ในมือแล้วเช่นกัน

“สุขสันต์วันปีใหม่ครับพี่เสาร์”

มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัว แล้วรับกล่องสีมะฮอกกานีมาเปิดออก มันคือนาฬิกาสายหนังอย่างที่เขาไม่เคยมีและแทบไม่เคยใส่ จนต้องเลิกคิ้วสงสัย

“ก็ศุกร์เห็นพี่เสาร์มีทุกอย่างหมดแล้ว เลยซื้อนาฬิกาให้ พี่เสาร์ไม่มีนี่น่า”

“ก็พี่ไม่ใส่หนิ” วันศุกร์เบะปากทันที จนเขาต้องรีบพูดต่อก่อนจะมีใครแถวนี้งอนตุ๊บป่อง “แต่จะเริ่มใส่แล้วล่ะ”

คนตัวสูงเผยรอยยิ้มอบอุ่น แล้ววางของขวัญตัวเองใส่ฝ่ามือเล็กซึ่งกำลังแบรออยู่แล้ว วันศุกร์แกะถุงอย่างระวังก่อนจะพบว่าด้านในบรรจุตุ๊กตาคริสตัลรูปแมวจากสวารอฟสกี้ ตัวเดียวกับที่เขาเคยเดินผ่านในห้างแล้วเอ่ยปากว่าอยากได้ ดวงตากลมเป็นประกายอีกครั้ง

“ขอบคุณมากเลยครับ”

“ชอบไหม”

“ชอบสิ” กุมตุ๊กตาสีใสไว้ในมือแน่นแล้วยิ้มกว้าง กลับไปคลอเคลียอยู่ข้างกายพี่เพื่อเอาใจ “ศุกร์ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของพี่เสาร์น้า จะเรียบจบแล้วนี่”

“อืม พี่ก็ขอให้ศุกร์มีความสุข ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”

คนฟังหลุดขำน้อยๆ ก่อนจะวาดแขนสองข้างขึ้นกอดเอววันเสาร์ไว้ สายตายังคงทอดมองแสงไฟที่กระจายตัวเต็มท้องฟ้าเบื้องบน

“เราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ครับ”

“.....ใช่ เราจะไม่แยกจากกัน แล้วก็จะไม่มีใครมาแทรกเราได้ด้วย”

 

 

‘ฉันย้ำกี่รอบแล้วว่าอย่าไปสนิทด้วยๆ ก็ไม่ฟัง!’

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวของเกศรายังคงตามมาหลอกหลอน ดูเหมือนความรักที่เธอมีให้วันเสาร์จะย้อมให้หัวใจเธอมืดบอด ไม่คิดอะไรเลย นอกจากจงเกลียดจงชังวันศุกร์อย่างไร้เหตุผลเท่านั้น ต่อให้วันศุกร์ไม่ผิดอะไร แต่เมื่อได้ในสิ่งที่เธอไม่มีวันได้ไป ก็กลายเป็นถูกตีตราว่าคือศัตรูไปแล้ว

ภายในสมองของเกศ...เอาแต่ปฏิเสธตัวตนของวันศุกร์ทุกอย่างเลย

“พี่กันต์ เหม่ออะไร”

เสียงใสดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง เขารีบสะบัดหัวไล่ความคิดชวนเครียด แล้วเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อใบหน้าของคนรักจ่ออยู่เพียงใกล้พอให้ใจชื้น กันต์ส่ายหน้าแล้วคว้าเอววันศุกร์มากอด ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังยืนค้ำหัว ถือขวดนมเตรียมไปป้อนเจ้าหมูตัวดี

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า” ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะฝังปลายจมูกลงกับหน้าท้องแบนราบ พาลทำให้คนยืนนึกจั๊กจี้ ยังดีที่ตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองต่อสองภายในโรงเลี้ยงสัตว์

อยู่ดีๆ กันต์ก็พูดขึ้นทั้งที่ยังไม่ผละออก

“จูบหน่อยได้ไหม?”

“อะ…อะไรเล่า”

“จูบหน่อย”

วันศุกร์ขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมวางขวดนมลง กันติกรณ์คลายอ้อมกอดออกเพียงเล็กน้อยให้คนตรงหน้าโน้มลงมาหาได้สะดวก ปลายจมูกชนกันผะแผ่ว ก่อนที่ริมฝีปากพวกเขาจะแนบสนิท มือหนารั้งลำคอเรียวไว้ พลางส่งลิ้นอุ่นเข้าไปสำรวจภายในโพรงปากหอมหวาน เขาอยากเก็บเกี่ยวเพียงช่วงเวลาที่มีความสุข มากกว่าจะเอาไปคิดถึงสิ่งที่น่ากังวลใจ

“อื้ออ…” ฝ่ายโดนรุกล้ำเริ่มส่งเสียงประท้วง ก่อนจะใช้สองมือดันร่างตัวเองออก ใบหน้าขาวแดงซ่านผิดกับกันติกรณ์ที่มัวแต่ยักคิ้ว ยิ้มกรุ้มกริ่ม

“เป็นอะไรของพี่…”

“เปล่า แค่อยากอยู่ใกล้ๆ”

“อะไ…”

“ปะ ไปป้อนนมเจ้าดื้อกัน”

เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง แล้วหยิบขวดนมข้างตัวมาเขย่าเล่น ชิงลุกไปประชิดลูกหมูสีนมเย็นซึ่งยังเอาแต่วิ่งเตาะแตะไปทั่วคอก วันศุกร์เดินตามมาไม่ห่าง ก่อนจะอุ้มเจ้าดื้อขึ้นมาไว้บนตัก หมูน้อยดีดขาสั้นๆ อย่างตื่นเต้นที่พ่อแม่ของมันมาอยู่กันพร้อมหน้า พร้อมด้วยขวดนมใหม่เอี่ยมที่พวกเขาซื้อมาฝากคณะเกษตรฯ เป็นของขวัญวันปีใหม่

 “อู๊ด..อู๊ด..”

“สบายใจจริงนะแก” กันต์ลูบหัวเจ้าดื้อไปสองสามที ก่อนจะไล่สายตาตั้งแต่มือเล็กที่กำลังโอบกอดลูกหมู มืออีกข้างถือขวดนมป้อนมันอย่างรู้งาน ใบหน้านึกเอ็นดูของอีกฝ่ายทำให้เขาเผลอยิ้มตามได้ไม่ยาก “แบบนี้เหมือนครอบครัวเลยนะ”

“หือ?”

“ก็พ่อ แม่ ลูก ไง” นิ้วชี้เข้าหาตัว วันศุกร์ ตามด้วยเจ้าดื้อตามลำดับ

คนตัวเล็กไม่ตอบรับอะไรเพียงแค่อมยิ้ม แล้วตั้งหน้าตั้งตาป้อนนมเจ้าตัวน้อยในวงแขนต่อไป ใบหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อ...ครอบครัวงั้นเหรอ...

‘เราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ครับ’

‘.....ใช่ เราจะไม่แยกจากกัน แล้วก็จะไม่มีใครมาแทรกเราได้ด้วย’

ปลายนิ้วชาวาบ เมื่อภาพของเขากับวันเสาร์บนระเบียงในคืนวันปีใหม่ย้อนกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง คำพูด ประกอบกับน้ำเสียงแปลกๆ ที่ฟังเท่าไรก็รู้สึกไม่สบายใจ ทำให้เขากลัว...ทั้งที่เป็นวันเสาร์ พี่ชายที่แสนดีของเขาเอง แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย

ในเมื่อวันเสาร์บอกว่าจะไม่มีใครมาแทรกเราได้ แต่ตอนนี้กันติกรณ์กลับเข้ามาแทรกทั้งหัวใจ...

วันศุกร์วางขวดนมในมือลง ในอกกลับเต็มไปด้วยความวิตกที่จู่ๆ ก็แล่นเข้าใส่ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัวพลางเงยศีรษะมองคนตรงหน้าด้วยแววตาวูบไหว ไม่ทันที่กันต์จะได้เอ่ยปากถามก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“พี่กันต์...จูบหน่อยได้ไหม?”

ดวงตาคมเบิกกว้าง ใจหนึ่งอยากจะยิ้มรับแต่อีกใจกลับเป็นห่วง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วค่อยๆ ยื่นริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้ง แนบแน่นและเนิ่นนาน

วงแขนเรียวปล่อยให้เจ้าลูกหมูวิ่งออกจากตัก แล้วขยับเข้าโอบกอดคนรักอย่างหวงแหน ภายใต้โดมสีด้านของโรงเรือนเลี้ยงสัตว์คณะเกษตรฯ เขารู้สึกว่ามีหัวใจมากกว่าหนึ่งดวงกำลังถูกบีบรัดจากความกลัวบางอย่าง...

ทำไมการจะรัก มันถึงได้ยากนักล่ะ


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-06-2017 17:59:46
ความรู้สึกเหมือนโรมิโอกับจูเลียต ต้องรักกันหลบๆซ่อนๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.5
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 11-06-2017 22:30:56
โอย อุปสรรค  คิดมาแต่ต้นเรื่องอ่ะว่าพี่เสาร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่จิตสุดในเรื่อง ไม่รู้คิดถูกไหม แต่น่ากลัวมากสำหรับเรา555
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.5
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 12-06-2017 19:59:11
ไม่อยากให้มีดราม่าเลย ฮืออออออ ถ้าดราม่าขอน้อยๆ นะคะ น้อยยยยยยๆ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 17.5
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 12-06-2017 21:22:28
ต้องต้มน้ำรอไม๊อ่า..เหมือนใกล้จะได้กินอาหารที่คุ้นเคยแล้วเลย :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 13-06-2017 23:00:18
วันศุกร์ที่ 18.0



3 เดือนที่แล้ว

“พี่มิว เราเลิกกันเถอะ” ใบหน้าเรียบนิ่งกับน้ำเสียงติดจะรำคาญดังขึ้นภายในห้องขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ของหอพักใกล้มหา’ลัย ชายร่างกำยำเงยหน้าจากโทรศัพท์ในมือ พร้อมด้วยสายตาถมึงทึงน่ากลัว

“พูดอะไร?”

“จินขอเลิกกับพี่”

“เพราะ?”

“ก็…รู้สึกเราไม่เข้ากัน”

“เหอะ” มิวส่งเสียงอยู่ในลำคอ ก่อนจะปามือถือทิ้งไว้บนเตียง ลุกขึ้นเดินไปประชิดสาวเจ้าที่เอาแต่เบือนสายตาหลบ “ไม่ใช่ว่าจะหนีไปหาไอ้กันต์หรอกเหรอ?”

จินนี่ชะงักไปนิด แววตาเฉี่ยววูบไหว เธอพยายามคิดหาข้อแก้ตัวแต่ก็ไม่ทันคำพูดดุดันจากอีกฝ่าย พร้อมด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป แม้แต่เธอก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย

“อย่าคิดว่าฉันโง่นะ ถึงจะไม่รู้ว่าเธอเข้าหาฉันเพื่อหวังจะไต่ไปถึงไอ้กันต์!”

หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจผลักอกแกร่งตรงหน้าออกห่าง อย่างกับว่าเธอจะยอมถูกตะคอกอยู่ฝ่ายเดียวงั้นแหละ

“รู้แล้วก็ดี! งั้นเราก็เลิกกัน”

“จินนี่ น้ำหน้าอย่างเธอ ไอ้กันต์มันไม่เอาหรอก”

“ก็พอกันล่ะวะ!” เจ้าของใบหน้าสวยยิ่งมีน้ำโหมากขึ้น เธอไล่สายตามองมิวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สีหน้าเย้ยหยันนั้นดูท้าทายซะเหลือเกิน

“ได้ข่าวว่าพี่เองก็สนใจวันศุกร์อยู่ไม่ใช่เหรอ...แต่วันศุกร์ก็ไม่ได้ชายตามองพี่เลยหนิ”

“หุบปาก!”

“วันศุกร์มันไปสนิทกับพี่กันต์โน่น ไม่หันมามองพี่หรอก!”

“จินนี่!”

“รู้หรือยังว่าตัวเองมันสู้อะไรพี่กันต์ไม่ได้เลยอะ!!” จินนี่แผดเสียง และไวกว่าความคิด เธอรีบวิ่งไปคว้ากระเป๋าสะพายบนโต๊ะ เตรียมพร้อมกระโจนตัวออกจากห้องทุกเมื่อ ทันทีที่มิวเริ่มก้าวเท้าจะตามมา เธอก็จรลีหนีออกไปเรียบร้อยแล้ว

มิวเดินมาถีบประตูซ้ำดังปัง ดวงตากราดเกรี้ยวจ้องเขม็งไปยังจุดที่จินนี่เคยยืน

คนตัวใหญ่หายใจเข้าออกหนักๆ เหมือนต้องการระงับอารมณ์ที่กำลังจะปะทุ กรามทั้งสี่ด้านขบกรอดไปมาด้วยความโมโห เขาถูกเด็กปีหนึ่งบอกเลิกยังไม่พอ ยังโดนจี้ใจดำเรื่องเพื่อนร่วมคลาสที่ไม่ค่อยถูกขี้หน้าอีกต่างหาก ใช่...เขาล่ะนึกหมั่นไส้ไอ้หลานชายคณบดี แค่หน้าตาดีนิดหน่อย พ่วงด้วยฐานะอีกนิดนึง ก็มีคนโน้นคนนี้ติดพันกันให้วุ่น ทั้งที่ออกจะขี้เก๊กแล้วยังชอบทำตัวกร่างด้วยซ้ำ

มันน่าเจ็บใจไหมล่ะที่เขาจะต้องมาถูกเทียบว่าด้อยกว่าไอ้คนไม่ได้เรื่องพรรค์นั้น

“จินนี่...ดูถูกกันเกินไปแล้ว”

งั้นก็จะทำให้เห็นเองว่า คนคนนี้นี่แหละ ที่จะสอยวันศุกร์มาจากกันติกรณ์!!

 

 

ปัจจุบัน

“แกอุตส่าห์เปลืองตัวไปเจ๊าะแจ๊ะกับพี่มิวตั้งนาน แต่ไม่ได้อะไรเลย”

“เฮ้ย อย่างน้อยก็ได้รู้นะว่าพี่กันต์เป็นสายรหัสจินอะ”

“แต่พี่เขาก็ดูไม่ค่อยสนใจเลยว่ะ”

“โอ้ยย พวกแกเลิกพูดสักที” จินนี่แวดขึ้นมากลางวง จนเพื่อนอีกสองคนต้องรีบหุบปาก เธอกำลังคิดไม่ตกเกี่ยวกับชายที่หมายปอง...กันติกรณ์ เดชะภักดี

ตั้งแต่ได้เจอหน้าแล้วรู้ว่าเป็นถึงหลานชายคณบดี ร่ำรวยมีหน้ามีตา เธอก็นึกสนใจมาตลอด แต่เพราะนิสัยที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับคนไม่สนิท แถมยังห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเกือบทุกครั้ง ทำให้รุ่นน้องอย่างเธอไม่สามารถย่างกรายเข้าไปในรัศมีได้ง่ายๆ นี่ก็ผ่านมาเทอมนึงเต็มๆ แล้ว ยังไม่คืบหน้า มีโอกาสได้คุยกันไม่กี่หนเท่านั้น แถมทุกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรด้วย

กันต์ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดขับไสไล่ส่งเธอก็จริง แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้พึงพอใจสักเท่าไร แน่ล่ะสิ...เพราะเธอไม่ใช่น้องสุดรักคนสนิทอย่างนายวันศุกร์นี่ เป็นแค่ผู้ชายหน้าหวานนิดๆ หน่อยๆ กลับขโมยความสนใจจากกันติกรณ์คนนั้นไปได้ซะหมดเลย ไม่ยุติธรรม!

“เดี๋ยวนี้พี่กันต์ก็ยิ่งสนิทกับพวกศุกร์เนอะ”

“นั่นสิ ทั้งที่ตอนเข้าใหม่ ยังดูเขม่นกันแท้ๆ”

“นี่ ยัยจิน รู้หรือเปล่าที่คนเขาลือกัน” เพื่อนข้างตัวหันมาสะกิด แต่เธอก็แค่ขมวดคิ้วงุนงงกลับไปแทนคำตอบ หากแต่คำพูดต่อมาก็ทำเอาเธออ้าปากค้าง

“เขาว่าวันศุกร์ย้ายมาอยู่หอเดียวกับพี่กันต์แล้ว”

“หอเดียวกัน...หมายความว่าไง”

“เห็นว่าอยู่ด้วยกันเลยนะ”

“มั่วหรือเปล่า เขานี่ใคร” จินนี่เค้นเสียงสูง ในหัวพยายามประมวลผลและหวังให้มันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะยิ่งสองคนนั้นใกล้ชิดกันมากเท่าไร โอกาสที่เธอจะได้เข้าไปทำคะแนนก็ยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินลงเท่านั้น

“ก็ลือต่อๆ กันมาทั้งคณะนั่นแหละ”

“แต่ก็แปลกเหมือนกัน ได้ข่าวว่าพี่ชายวันศุกร์หวงน้องอย่างกับอะไร ยอมปล่อยให้มานอนหอด้วยเหรอเนี่ย” เพื่อนอีกคนออกความเห็น ซึ่งเธอก็แอบเห็นด้วย จึงยังไม่อยากปักใจเชื่อ เพราะชื่อเสียงของนายวันเสาร์โด่งดังไกลมาถึงมหาวิทยาลัยนอกเขตเมืองหลวง ว่ากันว่าเป็นชายผู้หล่อเหลา แต่นิสัยไม่เอาใครนอกจากน้องตัวเองคนเดียว ความจริงพี่น้องคู่นี้ก็พอมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์มาบ้างตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ถ้าไม่ติดว่าการจะเข้าถึงวันเสาร์นั้นยากยิ่งกว่าการพบปะประธานาธิบดีสหรัฐ เธอก็คงนึกสนใจอยู่เหมือนกัน

“เฮ้ยๆ” แรงสะกิดเกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อนทั้งสองต่างเอี้ยวตัวไปทางร่างสูงโปร่งซึ่งกำลังสาวเท้าไวๆ เข้ามาใต้ตึกคณะ

“นั่นมัน...พี่วันเสาร์ไม่ใช่เหรอ!”

ตายยากจริง!

ใบหน้ายุ่งๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จุดที่พวกเธอนั่งเมาท์กันอยู่ วันเสาร์สะบัดมือถือออกจากข้างใบหูอย่างหงุดหงิด ทำท่าเหมือนพยายามจะติดต่อหาใครสักคนหากล้มเหลว เขารึอุตส่าห์รีบถ่อมาจากมหา’ลัยในเมืองเพราะอาจารย์ยกเลิกคลาสบ่ายกะทันหัน เลยนัดแนะกับวันศุกร์ดิบดีว่าจะอยู่รอทานข้าวด้วยกัน แต่พอมาถึงกลับติดต่อไม่ได้ซะงั้น

น้ำเสียงทุ้มพยายามทำให้เป็นปกติ ทั้งที่ฟังดูร้อนรนจนปิดไม่มิดดังขึ้นถามเด็กสาวแถวนั้น

“ขอโทษนะ รู้จักวันศุกร์หรือเปล่า?”

“เอ่อ...” ยัยเพื่อนตัวดีเอาแต่เบิกตากว้าง ส่งเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ จนจินนี่ต้องชิงตอบขึ้นก่อน

“รู้จักค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“รู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”

เธอหันมาขอความเห็นจากเพื่อน แต่ทุกคนก็ส่ายหน้า ตั้งแต่เลิกคลาสไปตอนเที่ยง ทุกคนก็กระจายตัว แถมวันนี้ไม่มีเรียนต่อภาคบ่ายด้วย ถ้าไม่ได้กำลังกินข้าวอยู่ก็อาจจะกลับบ้านไปแล้ว...อ่า แต่วันเสาร์วิ่งมาตามหาถึงที่แบบนี้ สงสัยข่าวลือที่วันศุกร์หนีมาอยู่หอจะเป็นเรื่องจริง

“ไปดูที่โรงอาหารมาหรือยังคะ”

“ไปมาแล้ว แต่ไม่เจอ”

“น่าจะอยู่กับกั้งหรือนัทนะคะ” เพื่อนคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกออก ก่อนจะหยิบมือถือมาเปิดหาเบอร์ของเพื่อนร่วมคณะ จินนี่ลอบมองสีหน้ากระวนกระวายของวันเสาร์แวบหนึ่ง แล้วลองเสี่ยงเอ่ยบางอย่างออกมากลางวงอย่างจงใจ

“หรือไม่ก็อยู่กับพี่กันต์”

“กันต์? กันติกรณ์น่ะเหรอ?”

เป็นอย่างที่เธอคาด...แววตาของผู้ชายตรงหน้าดูแข็งกร้าวยามพูดถึงชื่อนั้น สิ่งที่รู้ตอนนี้ก็คือ วันเสาร์ไม่ชอบขี้หน้ากันต์แน่นอน แต่ก็นะ เรื่องนี้มันเดาได้ไม่ยาก ถ้าวันเสาร์หวงน้องขนาดนั้น คนที่จู่ๆ ก็มาเกาะแกะวันศุกร์ ก็คงโดนหมายหัวเป็นธรรมดา

“ค่ะ”

“ทำไมวันศุกร์ถึงจะต้องอยู่กับกันติกรณ์”

จินนี่ลอบเม้มปากซ่อนรอยยิ้มอย่างคนเหนือกว่า โชคดีชะมัดที่อยู่ๆ วันเสาร์ก็เดินเข้ามาคุยกับพวกเธอทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น...วันเสาร์ไม่รู้ว่าวันศุกร์สนิทกับกันต์มากแค่ไหน และคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พักอยู่หอเดียวกัน!

อยากรู้แล้วสิว่าถ้าวันเสาร์เกิดรู้เรื่องความสัมพันธ์ที่มันออกจะเกินพี่เกินน้องของสองคนนั้นขึ้นมา จะว่ายังไง...

“ก็...”

“พี่เสาร์!” น้ำเสียงตื่นๆ ของคนในบทสนทนาดังแทรกขึ้นจนเธอเกือบสะดุ้ง เจ้าของใบหน้าหวานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาขอโทษขอโพยพี่ชายตัวเองยกใหญ่

“ขอโทษทีครับ มือถือศุกร์…แบตหมดอะ”

ร่างสูงถอนหายใจหนักๆ แล้วดึงมือน้องชายมากุมไว้

“พี่เป็นห่วงมากเลยนะ”

“ขอโทษครับ...”

วันเสาร์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันกลับไปที่กลุ่มเด็กสาวทั้งสาม เขาก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณแล้วลากตัววันศุกร์กลับไปขึ้นรถเก๋งที่จอดเทียบฟุตบาทอยู่สักพักแล้ว

เพื่อนๆ ในโต๊ะยังคงพูดคุยต่อถึงหน้าตาชวนมองของวันเสาร์ ในขณะที่จินนี่กลับนิ่งเงียบ แววตาเฉี่ยววูบไหวเมื่อนึกเรื่องดีๆ ออก

ชักจะน่าสนุกขึ้นแล้วสิ...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 15-06-2017 01:04:45
#ทีมพี่เสาร์ ได้มั้ย?
ไม่ใช่พระเอกแต่เราชอบเขา
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-06-2017 01:25:21
นังจินนี่ !!  :fire:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 28-10-2017 00:48:41
 :call:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 29-10-2017 15:09:24
รออ่านอยู่ตลอดนะคะ ชอบมากๆ น้องวันศุกร์น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 30-10-2017 11:20:28
 ตอนแรกๆ พี่กันต์นี่งี่เง่าสุดๆเลยอะ หัดดูความเป็นจริงบ้างว่าพี่สาวแกเป็นคนยังไง ทำไมวันเสาร์ถึงไม่เอา พี่แกเข้าหาทั้งๆที่รู้ดีว่าวันเสาร์ไม่ชอบและไม่มีทางชอบด้วย แต่ก็ยังเข้าหาเองทั้งๆที่วันเสาร์ไม่ได้ให้ความหวัง ไม่ได้คิดอะไรด้วย แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธเกลียดวันเสาร์ เพราะพี่แกไปชอบเขาเอง จรัม
 
 หงุดหงิดกับอิพี่กันต์มาก คนไรปากหมา แถมชอบดูถูกวันศุกร์อีกตังหาก ถ้าวันเสาร์จะเป็นไรกับวันศุกร์จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แกจะมาเดือดร้อนนะ ถ้าชอบเขาก็เข้าหาดีๆไม่ใช่หาเรื่องมาแกล้งมาด่า นี่อะไรทั้งจัดฉากถ่ายรูป ทั้งชอบดูถูก ทะเลาะกับน้อง เป็นวันศุกร์คงจะชอบคนแบบนี้มั้งเนี่ย

 อ่านไปอ่านมาแอบชอบคู่วันเสาร์วันศุกร์ พี่ชายขี้หวงมาก หวงก็ตามไปถ่ายรูปกับน้องเลยสิคะคุณพี่ ไปขัดขวางอิพี่กันต์ให้ถึงที่สุด ละมาจะแก้แค้นแทนพี่สาวจะทำให้วันเสาร์เจ็บปวด ปัญญาอ่อนละ ก็เขาไม่รักพี่แก จะให้เขาทำไง เอาเวลาที่จะแก้แค้นวันเสาร์ไปนั่งสมาธิ ฝึก EQ ไป

 พอมาอ่านถึงตอนวันศุกร์จะย้ายหอตามพี่กันต์แล้ว แอบสงสารพี่เสาร์อะ ต้องการคนปลอบใจมั้ยคะ น้องพี่โตแล้ว ไม่ใช่น้องน้อยที่เคยอ้อนพี่เหมือนเดิมแล้ว

 ความขี้หวงของอิพี่กันต์นี่มันมากเกินไปหรือเปล่า ที่จะไม่ให้น้องคบกับใคร ไม่ให้ไปไหนกับกล้า นี่ว่าเสาร์ขี้หวงแล้วกันต์ขี้หวงมากกว่าอีก เป็นใครใครก็อึดอัดนะอยู่กับแฟนแบบนี้ละต้องทำเหมือนโลกมีเราสองคน เป็นใครใครก็เบื่อ

 ยิ่งอ่านยิ่งสงสารวันเสาร์ ชอบวันเสาร์มาก ขออยู่ทีมวันเสาร์ได้มั้ยคะ ทำยังไงเป็นได้มากสุดก็แค่พี่ชายของวันศุกร์อยู่ดี

ติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 21-11-2017 01:14:38
มารอ :)
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: Somporn ที่ 21-11-2017 01:15:49
มาติดตามขอรับ  o13
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-11-2017 05:42:47
สารภาพว่าไถอ่านนี่เอาแต่มองหาบทพี่เสาร์ค่ะ ฮือ สเป็กเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: babe04 ที่ 26-11-2017 23:38:48
พึ่งมาเจอ ชอบม่กๆเลยยยยยย วันศุกร์เป็นอะไรที่น่าเอ็นดูมากอะ กลัวใจพี่เสาร์จัง ภาษาของคนแต่งดีมากๆเลยค่ะ เราชอบบบจะตามอ่านและเป็นกำลังใจให้จนกว่าจะถึงตอนจบเลยค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 30-12-2017 22:30:17
รอมาต่ออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 15-01-2018 14:32:43
แอบสงสารพี่เสาร์ เอาเราไปดามใจพี่เสาร์ได้นะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 16-01-2018 13:51:12
วันศุกร์ที่ 18.5



นิ้วเรียวเลื่อนผ่านหน้าไทม์ไลน์ของ Facebook ไปเรื่อย ขณะปล่อยตัวนอนแผ่หราบนเตียงในช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน กันติกรณ์ยังคงนั่งพิมพ์รายงานอยู่บนโต๊ะ ทำให้วันศุกร์นึกเบื่อและเหงา ทั้งที่เพิ่งเปิดเทอมสองมาได้ไม่นาน แต่พวกปีสามกลับมีงานสุมหัวกันแล้ว ถึงจะดีใจที่เขาไม่ต้องเผชิญชะตากรรมแบบนั้น แต่การที่ทำได้แค่นอนกลิ้งไปมา แล้วปล่อยให้กันต์นั่งทำงานงกๆ มันก็เซ็งอยู่เหมือนกัน

หน้าจอแสดงภาพปังเย็นภูเขาไฟกับโทสต์ช็อกโกแลตจากร้านขนมแถวมหา’ลัยชวนให้น้ำย่อยทำงาน วันศุกร์กดไลค์ภาพนั้นแล้วหันมือถือไปทางคนบนเก้าอี้

“พี่กันต์ ไปกินนี่กัน”

“หืม...ที่ไหนอะ” ร่างสูงผละมือจากแลปท็อป หันมาหรี่ตาถาม

“ร้านนมหวาน”

“นมหวานเหรอ?”

“อือ ไปมะ”

กันต์หยุดคิดไปนิด ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาลุกมาที่เตียงแล้วใช้สองมือดันร่างคนรักลงนอนราบ วันศุกร์ไม่ทันได้ขัดขืนเพราะยังมัวแต่งุนงง รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกมือหนาเลิกชายเสื้อขึ้นสูงเสียจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน

“พะ...พี่กันต์ ทำอะไร?”

“ก็จะกินนมหวานไง” ตอบหน้าตายแล้วซุกปลายจมูกลงกับแผงอกไร้กล้ามเนื้อโดยสิ้นเชิง หากก็ดูยั่วยวนเหลือเกินในสายตาเขา คนตัวเล็กดิ้นพล่านทันทีที่สัมผัสได้ถึงความเย็นชื้นจากปลายลิ้น

“อ...ออกไป!”

กันต์หัวเราะอยู่ในลำคอ จงใจดูดผิวเนื้อขาวๆ แรงพอให้ฝากรอยแดงทิ้งไว้ ฝ่าเท้าของวันศุกร์แทบจะถีบโดนหน้าท้องเขาแล้วถ้าไม่ใช่ว่ายอมผละตัวออกมาเสียก่อน ใบหน้าหวานแดงฉ่าดูบูดบึ้งจนน่าหยิก

“พี่กันต์อะ! ละ…เล่นอะไรก็ไม่รู้”

“ไม่ได้เล่นสักหน่อย อยากกินจริงๆ” เขายังคงหัวเราะคิกคักให้กับท่าทีเขินอายของอีกฝ่าย

วันศุกร์ทำแก้มพองลมแล้วสะบัดหน้าหนี

“ก็หยอกเล่นนิดๆ หน่อยๆ เอง ปะ ไปกินขนมกันดีกว่า”

“แล้วไม่ทำงานแล้วเหรอ”

“ไม่ทำละ ขอตามใจแฟนก่อน”

คนเด็กกว่ากลั้นยิ้มซะจนอดขำในใจไม่ได้ ทั้งสองนั่งรถไปยังร้านขนมชื่อดัง มีสาขากระจายตัวอยู่ตามมหา’ลัยต่างๆ รวมทั้งที่นี่ด้วย

และแน่นอนว่าด้วยบรรยากาศร้านสบายๆ กับเมนูอร่อยถูกปากพอตัว ทำให้พื้นที่ร้านแทบทุกบริเวณถูกจับจองไปซะหมด ยิ่งตอนเย็นหลังเลิกเรียนแบบนี้ ก็น่าจะสำเหนียกไว้บ้างว่าคงไม่ได้โต๊ะนั่งง่ายๆ แต่พอหันมองสีหน้าผิดหวังของเด็กข้างตัวก็ทำเอาเขาใจหวิว ไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่าให้เดินออกจากร้านด้วยซ้ำ

แต่จะทำไงได้ มันไม่มีโต๊ะว่างเลยนี่น่า…

“วันศุกร์!” เสียงคุ้นหูดังแทรกกลุ่มคนขึ้นมา เรียกความสนใจจากโต๊ะอื่นๆ ไปด้วย

สาบานเถอะว่าเขาอยากให้เจ้าของเสียงนั้นเป็นไอ้เด็กต้นหนยังดีซะกว่า...

“พี่ขิง” วันศุกร์พึมพำ ส่งยิ้มให้คนบนโต๊ะขนาดนั่งได้ 4 คน กับเก้าอี้ว่าง 2 ตัว อย่างกับถูกจัดฉากเอาไว้แล้ว คนถูกทักวิ่งหน้าบานไปทางนั้นโดยไม่ปรึกษากันก่อน

กันต์ถอนหายใจแล้วเดินตามไปนิ่งๆ ถ้ามันมีแค่น้ำขิงก็คงไม่ว่าอะไรหรอก...แต่ไอ้ผู้ชายร่างเทอะทะที่นั่งอยู่ตรงข้ามนั่นแหละปัญหา และดูเหมือนวันศุกร์เองก็เพิ่งสังเกตเห็นเมื่อเข้ามาใกล้ ถึงได้ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนทำสีหน้าให้เป็นปกติ

“วันศุกร์กับกันต์ มานั่งด้วยกันสิ”

“เอ่อ...” คนตัวเล็กเริ่มลังเล สายตาเหลือบมองมิวซึ่งพยายามเบือนหน้าไปทางอื่น

“มาๆ นั่งลง”

“ค...ครับ”

ในที่สุดก็ยอม เพราะแพ้รอยยิ้มใจดีของคนชวนแท้ๆ เขาเดินไปนั่งข้างขิง ปล่อยให้กันต์เป็นฝ่ายนั่งข้างมิว บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดมากถึงมากที่สุด นอกจากขิงแล้วก็ยังไม่เห็นว่าใครจะปริปากอะไรเลย

“วันนี้อยู่เย็นจัง พี่ชายไม่มารับกลับบ้านเหรอ?” ขิงเอ่ยถาม เพราะภาพของรถคันหรูจากบ้านวุฒิเวคินทร์แล่นมารอรับคุณชายตัวน้อยกลายเป็นภาพติดตาคนแถวคณะไปแล้ว แต่ดูเหมือนพักหลังมานี้จะไม่ค่อยเห็นเลย

“ผม…ย้ายมาอยู่หอแล้วอะครับ”

“อ้าวเหรอ หอไหนล่ะ ว่างๆ ก็แวะมาเล่นห้องพี่บ้างสิ”

“เอ่อ...”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ้ขิง” กันต์ส่งเสียงแทรกบทสนทนา ซึ่งเท่ากับช่วยชีวิตเขาไว้ด้วย วันศุกร์ลอบถอนหายใจขณะนั่งมองน้ำขิงหัวเราะร่า รู้หรอกว่าแค่อยากจะแกล้งเพื่อนร่วมคลาสตัวเองเฉยๆ

“แล้วนี่ทำไมมากันแค่สองคนล่ะ”

“แล้วมาสองคนไม่ได้เหรอ มึงจะถามอะไรเยอะแยะวะ” ขิงอมยิ้ม แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าเหลอหลาเมื่อถูกสวนกลับด้วยคำถามเดียวกันบ้าง “แล้วพวกมึงอะ ทำไมมากันสองคน”

“กะ...ก็แล้วมาสองคนไม่ได้หรือไงวะ”

เจ้าของร่างโปร่งแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน พอดีกับที่ปังเย็นภูเขาไฟเมนูขึ้นชื่อของร้านถูกยกมาเสิร์ฟ วันศุกร์ตาลุกวาว มองเกล็ดน้ำแข็งบดละเอียดสีน้ำตาลนมก่อขึ้นสูง แซมด้วยขนมปังชิ้นพอดีคำโดยรอบ ราดซ้ำด้วยซอสช็อกโลแลต แล้วโปะทับด้วยวิปครีม ถ้าให้คำนวณแคลลอรี่ของจานนี้ก็ต้องมีผวากันบ้างแหละ

“โหย น่ากินมากเลยครับ”

“เอาสิ กินด้วยกันได้เลยๆ”

“น้ำหน้าอย่างมึงนี่ไม่น่ากินของหวานเลยนะ” กันต์อดจะหันไปแซวหุ่นขี้ผึ้งข้างตัวไม่ได้ จนมิวต้องยอมเปิดปากในที่สุด

“มึงก็พอกันนั่นแหละ”

“อยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะ วันนี้ไอ้มิวเลี้ยง”

“อะ...อะไรวะ กูมาเลี้ยงมึงคนเดียวนะ”

สายตาจากคนไม่คุ้นเคยทั้งสองคู่จับจ้องไปยังใบหน้าเหวอๆ ของเจ้ามือ ท่าทางฉงนสงสัยทำให้มิวต้องรีบแก้ไขข้อความชวนเข้าใจผิด

“กูเลี้ยงตอบแทนมัน ที่มาดูแลกูตอนเข้าโรงพยาบาล”

คำอธิบายนั้นทำเอาวันศุกร์หน้าเสียไปนิด เพราะที่มิวต้องเข้าโรงพยาบาลส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขา...แต่มันก็ทำให้นึกย้อนไปถึงค่ำคืนชวนหวาดกลัวนั่นอีกครั้งจนได้ และดูเหมือนอีกสามคนบนโต๊ะจะพอมองออก ถึงได้ตีหน้าไม่ถูกกันไปหมด สุดท้ายก็เป็นมิวเองที่เอ่ยปากออกมาเสียงแผ่ว

“คือ...พี่…ขอโทษอีกครั้งนะ”

“...”

“พี่มันบ้าไปเอง มันแค่อารมณ์ชั่ววูบ...”

“ครับ ช่างมันเถอะ”

บรรยากาศอึดอัดซึ่งเกือบจะหายไปแล้ว กลับโปรยตัวลงบนโต๊ะอีกครั้งแทบจะทันที กันต์กับขิงมองตากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะปล่อยให้คนที่ดูแล้วอัธยาศัยดีที่สุดเป็นฝ่ายเคลียร์สถานการณ์ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากพูดถึงหรือขุ่นเคืองกันเรื่องในวันนั้นอีกแล้ว

“น่าๆ เรื่องมันจบไปแล้วก็แล้วไปสิ นี่ กินปังเย็นกันดีกว่า” ขิงแจกจ่ายช้อนหนึ่งคันให้กับทุกคน

วันศุกร์รับมาตักขนมปังชิ้นหนึ่งเข้าปาก วิปครีมหวานเกือบเลี่ยนที่ติดมาด้วยแทบจะทลายทุกความกังวลเมื่อครู่ลงได้ในชั่วพริบตา ขิงยิ้มกว้างให้รุ่นน้องคนดัง ถ้าไม่ติดว่ากันติกรณ์นั่งคุมไม่ห่าง เขาคงอยากลองเอื้อมมือไปลูบหัวทุยนั่นดูสักที เด็กอะไร น่ารักน่าชัง น่าเอ็นดูชะมัดยาก

น่ารักมากจนไม่แปลกใจเลย ที่ใครต่อใครต่างพากันตกหลุมรัก...แม้แต่เพื่อนของเขา

“พี่กันต์ไม่กินเหรอ?”

“ไม่อะ ศุกร์กินเหอะ”

คนตัวเล็กเบะปาก จ้องหน้ากันต์นิ่งๆ อยู่หลายวินาที จนคนปฏิเสธเมื่อครู่ต้องรีบกลับคำ

“อะๆ กินก็ได้”

วันศุกร์ฉีกยิ้ม แล้วเป็นฝ่ายตักน้ำแข็งสีโกโก้ใส่ปากคนรักอย่างเอาใจ เรียกสายตาของอีกสองหน่อให้หันมอง ไม่เว้นแม้แต่เหล่านักศึกษาบนโต๊ะรอบข้าง ขิงปรายตากลับมาทางผู้ชายร่างเขื่องตรงข้าม เขาลอบเม้มปากแล้วลองตักขนมปังชุ่มๆ ไปจ่อหน้ามิวบ้าง

“อะไร?”

“มึงก็กินบ้างดิ”

“ไม่เอา”

“ไรวะ อุตส่าห์จะป้อน”

“มึงรีบๆ แดกเหอะ”

ขิงคว่ำปากแล้วกระแทกช้อนใส่จาน แต่น้อยใจอยู่ได้ไม่ถึงสามวิ ก็อดจะหยิบช้อนขึ้นมาตักของหวานกินต่อไม่ได้ มิวส่ายหน้าให้กับท่าทีเหมือนเด็กของเพื่อน แล้วยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นซดอึกๆ

“พี่มิวกับพี่ขิงเหมือนแฟนกันเลยครับ”

“ค...แค่ก แค่ก!”

คนตัวโตหันขวับไปมองวันศุกร์ ก่อนจะหันมาจ้องหน้าขิงแหยๆ

“มองยังไงหะ”

“อืม ศุกร์…เป็นไปไม่ได้หรอก” ขิงเสริมเสียงอ่อย ก่อนจะฝืนยิ้มกว้างแล้วแซวกลับบ้าง “พี่ว่าศุกร์กับกันต์เหมือนแฟนกันมากกว่าอีกนะ”

“เอ่อ…”

“เออ พวกกูคบกันแล้ว” กันต์เป็นฝ่ายตอบกลับหน้าตาเฉย เขาเองก็พอมองออกอยู่สักพักแล้วว่าสองคนนี้มันต้องมีอะไรในกอไผ่แล้วก็จริง มิวไม่แสดงท่าทีอะไรมากนัก ต่างกับวันศุกร์ที่ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า

กันต์เพียงยักไหล่แล้วยังหันไปจ้องมิวด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

“ห้ามใครมายุ่ง”

“มึงไม่ต้องกลัวกูหรอก กูไม่ยุ่งกับคนของมึงแล้ว คนที่มึงควรระวังน่ะ...อีเด็กจินนี่นั่นต่างหาก”

“เรื่องนั้นกูรู้”

วันศุกร์ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินชื่อดาวเด่นประจำคณะ คนที่แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังดูออกว่าหวังจะลอบจับกันต์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมยังน่ากลัวตรงที่ต้นทุนเธอมาสูงลิ่วซะจนอดหวั่นๆ ไม่ได้

“แล้วยังไง?”

“ก็ไม่ยังไง กูไม่ได้สนใจเด็กนั่นอยู่แล้ว”

“แต่เด็กนั่นมันร้าย มึงน่ะไม่ควรประมาท”

“เออน่า”

“เอ่อ...กูว่า พวกมึงสองคนนี่อ้าปากทีไรก็ดีแต่ทำให้บรรยากาศกร่อยนะ นั่งเงียบๆ ไปเลยดีไหม” ขิงบ่นใส่หน้าเพื่อนตัวใหญ่ทั้งสอง แล้วหันไปสะกิดให้วันศุกร์กินต่อโดยไม่สนใจอีก มิวยอมเชื่อฟังด้วยการหุบปากแล้วหยิบมือถือออกมากดเล่น ในขณะที่กันต์หันไปลูบหัวเด็กข้างๆ เหมือนต้องการจะสื่อว่าไม่ให้กังวลอะไร

ไอศกรีมรสหวานละลายอยู่ในปาก แววตาเชื่อมั่นของกันต์ทำให้เขาอยากจะวางใจ...จะจินนี่ จะเกศรา หรือจะวันเสาร์ก็ตามที...พวกเขาจะผ่านมันไปด้วยกันให้ได้


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 16-01-2018 14:00:00
วันศุกร์ที่ 19.0



“ช่วงนี้พี่ดูโอเคขึ้นนะ”

หญิงสาวในชุดไปรเวทสะบัดผมยาวสีดำขลับ ปรายตามองน้องชายตัวเองบนโซฟาเดียวกัน เธอเลิกคิ้วให้กับคำพูดที่ฟังดูเหมือนจะห่วงใย หากก็คล้ายว่าหวั่นกลัว

“อะไรของแก”

“ก็...เรื่องพี่เสาร์ไง พี่ทำใจได้หรือยัง?”

“ไม่!” คำตอบชัดเจนแทบไม่ต้องคิดทำเอากันต์หน้าเสีย “แกคิดว่าความรู้สึกฉันเป็นเรื่องเล่นๆ เหรอ ฉันทุ่มเทความรักให้เสาร์มา 4 ปี! ฉันทำใจไม่ได้หรอก”

น้ำใสๆ รื้นอยู่บนขอบตาสวย น้ำเสียงแสบแก้วหูฟังดูสั่นเครือจนน่าใจหาย เกศราคนมั่น มักอ่อนแอลงทุกครั้งที่ถูกสะกิดด้วยเรื่องของผู้ชายที่กล้าปฏิเสธเธอ กันติกรณ์มุ่นหัวคิ้วจนเส้นเลือดขึ้นขมับ เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงคว้ามือของคนเป็นพี่มากอบกุมไว้หวังช่วยให้ใจเย็น

ชายหนุ่มเม้มปาก ก่อนเอื้อนเอ่ยเสียงจริงจัง ทว่าช่างโหดร้าย

“พี่เกศ...ผม...ผมรักวันศุกร์”

“แกว่ายังไงนะ?”

“ผมกับวันศุกร์ เรารักกัน แล้วเราก็คบกันแล้วด้วย”

“กันติกรณ์...นี่แก...” มือเล็กบีบมือหนาแน่น ความรู้สึกชิงชังกำลังแล่นพล่านไปทั่ว เกศราเบิกตากว้างจ้องหน้าน้องชายเขม็ง เธอพรวดพราดลุกขึ้น พลางกรีดร้องอีกครั้ง

“แกบ้าไปแล้วเหรอ!!”

กี่ครั้งแล้วที่เธอคอยย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าไปเข้าใกล้อีเด็กวันศุกร์นั่น อย่าไปสนิทสนม อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เพราะมันจะทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอม เธอสุดแสนรังเกียจใบหน้าหวานๆ อย่างกับเด็กผู้หญิง ทั้งที่เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรวิเศษวิโสมากมายตรงไหน รังเกียจ...ที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด และตอนนี้มันก็แย่ยิ่งกว่านั้น

เพราะไม่ใช่แค่ความรักจากวันเสาร์ที่วันศุกร์ได้ไป แต่ตอนนี้มันยังจะมาแย่งหัวใจน้องชายของเธอไปอีก! เอาไปหมดทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอ หรือควรจะเป็นของเธอ อีเด็กวันศุกร์นั่นกลับได้ไปแทบทั้งหมด! ไม่ยุติธรรมเลย!!

“ผมอยากให้พี่เกศเปิดใจให้วันศุกร์บ้าง เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของพี่เสาร์เลยนะ”

“แต่เพราะมีมัน เสาร์ถึงไม่สนใจฉัน! แล้วนี่มันยังจะมาขโมยแกไปอีก”

“ไม่ใช่เลยพี่เกศ! ผมรักเขาเอง วันศุกร์ไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ทำไม! ทำไมใครๆ ก็พากันไปหลงมันหมด”

“เพราะเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พี่คิดไง”

คนเป็นพี่ออกแรงผลักอกกันติกรณ์ออกห่าง แววตาคมทอประกายความโกรธแค้นอย่างปิดไม่มิด เป็นอย่างที่เขาคาดไว้...เกศยังไม่อาจยอมรับวันศุกร์ ยังไม่อาจเปิดใจมองเหตุผลใดๆ ได้ เพราะความรักที่เธอมีให้กับวันเสาร์ ทำให้ดวงตาเธอมืดบอด ความเกลียดชังอย่างไร้เหตุผลนั้นกำลังค่อยๆ เผาทำลายตัวเธอ และตอนนี้มันก็กำลังพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด

“ฉันไม่มีทางยอมให้แกคบกับมัน!”

“ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน!” กันต์เผลอขึ้นเสียง นั่นยิ่งทำให้เกศตวาดลั่นกว่าเก่า

“แกจะให้ฉันยิ้มรับอีเด็กที่แย่งหัวใจของฉันไปอย่างนั้นเหรอ...แกมาฆ่าฉันเลยดีกว่ากันต์!!”

หญิงสาวใช้กำปั้นทุบอกตัวเองรุนแรง น้ำตาไหลอาบพ่วงแก้มสีสดจากความร้อนรุ่มในอก ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างเพรียวก็ทรุดตัวลงกับพื้นบ้านเสียดื้อๆ พร้อมกับสติที่หลุดลอยหายไปอย่างฉับพลัน

กันติกรณ์รีบตรงเข้าประคองตัวพี่สาวเอาไว้ พลางใช้ฝ่ามือตบแก้มเรียกสติเธอเบาๆ หากก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบ คนรับใช้ซึ่งคอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง กุลีกุจอหายาดมกันทั่วบ้านจนวุ่นวายไปหมด

เขาเหลือบมองคนในอ้อมแขน พลันนึกไปถึงใบหน้าของคนรัก ยิ่งทำให้รู้สึกปวดสมองจนชักอยากจะเอาหัวโขกกำแพงแล้วสลบไปบ้างอีกคน ถ้าเกศราจะเป็นแบบนี้...ถ้าจะไม่ยอมให้เขารักกับวันศุกร์...ก็มาฆ่าเขาเลยดีกว่าเหมือนกัน

 

 

ใบหน้าคร่ำเครียดจับจ้องไปยังแผ่นหลังของผู้ชายที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาปั่นรายงานอยู่หน้าแลปท็อป หลังจากที่เขากลับไปบ้านเพื่อบอกเกศเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับวันศุกร์ ก็ผ่านมาได้สองวันแล้ว ยังคงคิดไม่ตกว่าจะหาทางออกให้กับปัญหานี้ได้ยังไง หากขอแค่มีโอกาสให้เกศได้เข้ามาทำความรู้จักตัวตนของวันศุกร์แม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็จะรู้ได้เลยว่าวันศุกร์ที่เธอเกลียดชังนักหนา ความจริงแล้วไม่มีพิษอะไร

“ศุกร์” กันติกรณ์ลุกขึ้นไปแตะบ่าคนเด็กกว่า“เดี๋ยวพี่ขอออกไปหาไรดื่มหน่อยนะ”

วันศุกร์ขมวดคิ้ว ใช่ว่าเขาจะห้ามแต่กลับเป็นห่วงมากกว่า เพราะวันสองวันมานี้กันต์เอาแต่ตีหน้าบอกบุญไม่รับ แถมยังดูเหม่อลอยผิดปกติอีกต่างหาก

“ที่ไหนครับ”

“TIME”

ไทม์ ผับชื่อดังย่านมหา’ลัย...ใจจริงเขาอยากจะลุกออกไปด้วยเพราะรู้สึกเป็นห่วงอารมณ์ของคนรัก แต่อีกใจก็เป็นห่วงอนาคตทางการศึกษาของตัวเองเช่นกัน เพราะถ้างานเสร็จไม่ทันพรุ่งนี้เขาได้โดนเพื่อนในกลุ่มแพ่นกบาลแน่ ก็ดันซวยจับฉลากได้เป็นคนรวมเล่มแล้วทำสไลด์ กว่าทุกคนจะส่งงานพาร์ทตัวเองมาให้ครบก็แทบจะไม่เหลือเวลาให้เขาแล้ว

“อือ งั้นเดี๋ยวผมทำงานเสร็จแล้วจะตามไปนะ”

กันต์พยักหน้า ไม่ลืมลูบหัวเขาสองสามที ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ทุกพื้นที่บริเวณด้านในของผับ TIME เต็มไปด้วยเหล่านักเที่ยว โดยเฉพาะนักศึกษาละแวกนี้ที่ต่างออกมาวาดลีลาการเต้นกันแบบหลุดโลกอย่างไม่มีใครยอมใคร หลายคนเมามายเสียจนไม่น่าดู เสียงดนตรีดังกระหึ่มแข่งกับเสียงตะโกนโหวกเหวกของลูกค้าทั้งหลาย กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปพร้อมกับกลิ่นควันจากทั้งบุหรี่และบารากุตามโต๊ะต่างๆ

เขาก้าวเท้าเข้าไปจับจองโต๊ะสีดำเคลือบมันแบบนั่งได้สองคน พยายามเลือกมุมที่ไม่วุ่นวายมากนัก หากก็ยังเป็นที่จับตามองของคนอื่นๆ คงเพราะใบหน้าและชื่อเสียงของเขานั้นธรรมดาซะเมื่อไร

พนักงานด้านในส่งยิ้มให้เขาอย่างรู้กัน เพราะเขากับพรรคพวกค่อนข้างจะเป็นเจ้าประจำถิ่นนี้ แต่ช่วงหลังๆ มีเรื่องยุ่งมากมาย ยิ่งหลังจากคบกับวันศุกร์ เขาก็แทบไม่ได้เยื้องย่างเข้ามาอีก ไม่นานนัก ขวดเหล้าราคาแพงกับน้ำแข็งหนึ่งแก้วก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

“ไม่เจอนานเลยนะพี่”

“ให้กูพักบ้าง”

“ไม่ใช่ว่าหนีไปมีเมียหรอกเหรอ” คนในชุดยูนิฟอร์มสีเข้มเอ่ยปากแซว ทำเอาเขาหลุดหัวเราะ

“เออ”

เด็กเสิร์ฟถูกเรียกกลับไปบริการลูกค้าคนอื่นต่อ ทิ้งให้กันต์นั่งดื่มลำพัง ในหัวเอาแต่คิดไม่ตกเรื่องจิตใจของพี่สาวตัวเอง ที่ชักจะมืดมัวจนมองไม่เห็นความจริงเข้าไปทุกที เขาคงเหม่ออยู่นานจนไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้มีใครอีกคนถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ว่างตรงข้าม ไม่พอ ยังจงใจขยับเก้าอี้เข้ามาชิดจนนึกว่าสนิทกัน

ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย

“จินนี่”

“พี่กันต์มาคนเดียวเหรอคะ?”

หญิงสาวในเสื้อตัวสั้นสีขาว ตัดช่องหน้าอกสามเหลี่ยมพอให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน วางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะ แล้วยิ้มกว้างถาม กันต์เพียงแค่พยักหน้าแล้วแกล้งทำเป็นสนใจมองกลุ่มเด็กปี 1 ซึ่งกำลังยืนเต้นกันอยู่ละแวกใกล้ๆ แทน

“ทำไมวันศุกร์ไม่มาด้วยล่ะคะ?”

“ทำงาน”

“อ๋อ...สงสัยงานวิชาอาจารย์ต้นแน่เลย ใช่ไหมคะ?”

“ใช่มั้ง”

“พี่กันต์ก็เคยเรียกกับอาจารย์ต้นใช่ไหม แกสอนสนุกดีเนอะ”

“อืม”

กันต์รินเหล้าให้ตัวเอง แล้วยกขึ้นดื่มทีเดียว หวังว่าจะช่วยพักบทสนทนาที่เขาไม่นึกประสงค์ลงได้บ้าง ความจริงเขาอยากออกมาคลายความเครียด แต่ไม่คิดว่าจะเจอจินนี่ด้วย แบบนี้สงสัยได้มีเรื่องเครียดกว่าเดิม ขนาดถามคำตอบคำขนาดนี้ หล่อนก็ยังฉีกยิ้มชวนคุยต่อแบบไม่สะทกสะท้าน

“พี่กันต์มาที่นี่บ่อยไหม ทำไมไม่เคยเห็นเลย”

“เดี๋ยวนี้พี่ไม่ค่อยได้มา”

“ทำไมอะ ศุกร์ไม่ให้มาเหรอ” จินนี่แกล้งทำเสียงล้อๆ แม้ในใจเธอจะไม่อยากพูดถึงเพื่อนผู้ชายคนนั้นสักเท่าไร

“เปล่า”

เป็นอีกครั้งที่กันต์ต้องแกล้งทำเป็นยกแก้วขึ้นดื่ม และเหมือนจะยิ่งดื่มถี่ขึ้นเพราะจินนี่เอาแต่ถามนู่นนี่นั่น อ้อล้อไม่หยุดจนชักน่ารำคาญ หลังๆ ก็คงไม่รู้จะถามอะไรแล้วเหมือนกัน ถึงได้เอาแต่ชนแก้วกับเขาไปเรื่อย บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยความคึกคักผิดกับบริเวณโต๊ะของเขาที่โอบล้อมไปด้วยความอึดอัด

กันติกรณ์ชนแก้วกับหลานรหัสสาวเป็นรอบที่ร้อยของคืน ก่อนจะกระพริบตาหนักๆ เพราะเริ่มรู้สึกมึนหัวบ้างแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูนาฬิกา ก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความไปหาวันศุกร์ ซึ่งน่าจะทำงานเสร็จพอดี

[ GUN: ไม่ต้องมาแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะกลับละ ]

“อ้าว พี่กันต์จะกลับแล้วเหรอคะ?” น้ำเสียงเสียดายของจินนี่ทำเอาเขารีบเงยหน้าขึ้นมอง พลางกดปิดหน้าจอมือถือทันควัน คนอะไรไม่มีมารยาท มาชะเง้อมองมือถือคนอื่นแบบนี้เนี่ยนะ

“ครับ”

พูดแค่นั้นก่อนจะยกมือส่งสัญญาณหาพนักงานคนเดิม จินนี่นั่งจ๋อยไปนิด เพราะตอนแรกเธอคิดว่าถ้าวันศุกร์มาด้วยก็คงได้ดำเนินตามแผนการที่แอบคิดไว้ แต่เมื่อวันศุกร์ไม่มา อย่างน้อยก็อาจจะเป็นโอกาสให้เธอได้ทำคะแนนเพิ่ม แต่ดูทรงแล้วกันติกรณ์คงไม่สนใจเธอจริงๆ ขนาดอ่อยแทบตายยังเอาแต่สนใจอะไรอย่างอื่นอยู่ได้ น่าหงุดหงิดชะมัด

สรุปวันนี้ไม่ได้อะไรเลย.....ไม่เอาสิ ไม่สมกับเป็นเธอเลยกับการปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปง่ายๆ ไหนๆ ก็อยู่กับกันต์แล้ว ขอทำกำไรบ้างสักหน่อยก็ยังดี

“พี่กันต์ งั้นก่อนกลับ ชนแก้วกับจินนี่อีกรอบนะคะ”

“อ่า” ชายหนุ่มพยักหน้าท่าทางรำคาญ เขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกสองสามอึกก็วางกลับบนโต๊ะ วินาทีนั้นเองที่เขาถูกฝ่ามือของจินนี่จับใบหน้าให้หันไปหา

ดวงตาคมของเธอดูหยาดเยิ้ม ก่อนที่ริมฝีปากแดงอิ่มจะถูกกดลงมาแนบกับริมฝีปากของเขาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว กันติกรณ์เบิกตากว้างแล้วออกแรงผลักสาวเจ้าออกห่าง ไม่สนใจว่าจะทำให้เธอล้มคว่ำหรือไม่ จินนี่เซเกือบตกจากเก้าอี้ ท่าทางหงุดหงิดเมื่อกันต์ใช้กำลัง แต่ก่อนที่เธอหรืออีกฝ่ายจะทันได้พูดอะไร ก็มีเสียงคุ้นหูของใครอีกคนแผดขึ้นก่อน

“พี่กันต์!” ภาพของวันศุกร์กำลังยืนกำโทรศัพท์แน่นปรากฏอยู่ต่อหน้า ดวงตากลมส่อแววโมโหอย่างไม่คิดปิดบัง “นี่มันอะไร บอกศุกร์ว่าไม่ต้องมาแล้ว เพื่อที่จะได้อยู่กับจินนี่เหรอ!?”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.5-19.0
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-01-2018 11:31:14
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.5-19.0
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 17-01-2018 12:55:44
สนุกมากๆเลย ตามๆๆ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 18.5-19.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 18-01-2018 13:44:24
วันศุกร์ที่ 19.5



“ไม่ใช่อย่างนั้นนะศุกร์”

กันต์รี่เข้าไปโอบไหล่บางท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของหลายคนในที่นี้ จินนี่เหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรีบแสร้งทำเป็นตีหน้าซื่อเหมือนนางเอกละครหลังข่าว เธอลงทุนยกมือไหว้เพื่อนร่วมคลาสสลับกับรุ่นพี่คณะไปมา

“ขอโทษนะคะพี่กันต์ ขอโทษนะศุกร์ คือเราคงเมาแล้วอะ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ?” น้ำเสียงดุดันฟังดูน่าขันสำหรับเธอมากกว่าจะน่ากลัวเสียอีก หญิงสาวยังเอาแต่ทำเป็นไร้เดียงสา น้ำตาปลอมๆ แทบคลอเบ้า

“โธ่ เรารู้นะว่าพี่กันต์กับศุกร์...คบกันอยู่ใช่ไหมล่ะ แล้วเราจะตั้งใจจูบพี่เขาได้ยังไง เราเมาจริงๆ เนี่ย...ยังมึนอยู่เลย”

“ใช่ เรากับพี่กันต์เป็นแฟนกัน เพราะงั้นจินนี่อย่ามายุ่งกับพี่กันต์อีกเลยนะ”

คำพูดเย้ยหยันกับแววตาเหนือกว่ายิ่งทำให้เธอนึกอยากจะลองตบหน้าเพื่อนผู้ชายคนนี้ดูสักที หากก็ทำได้แค่เพียงยิ้มแห้งแล้วก้มหัวขอโทษอีกไม่รู้กี่ครั้ง ในใจกลับนึกสนุก เพราะรู้ดีว่า คนที่จะได้หัวเราะทีหลังคือใครกันแน่

เจ้าของสายตาขุ่นๆ กระแทกเท้ากลับออกไป โดยมีแฟนหนุ่มรุ่นพี่รีบวิ่งตามไม่ห่าง เมื่อแผ่นหลังทั้งสองลับสายตาไป จินนี่จึงกดเปิดหน้าจอมือถือที่เธอถือไว้ตลอดตั้งแต่เมื่อสักครู่ แทบเส้นเสียงสีแดงยังคงเต้นขึ้นลง ก่อนที่เธอจะกดปุ่มหยุดทำงานและบันทึกไฟล์เสียงนั้นไว้ ขณะเดียวกัน เพื่อนในกลุ่มของเธออีกคนก็โผล่หัวออกมาจากมุมมืดของตัวผับ มือถืออีกเครื่องฉายคลิปวิดีโอที่แม้ว่าจะถูกซูมสุดจนภาพแตกไปหน่อย แต่ก็ยังพอเดาออกว่าคนในเหตุการณ์เมื่อกี้มีใครบ้าง

และมันคงตลกดีไม่น้อย ถ้าเจ้าตัวได้รู้ว่าเธอตั้งใจจะส่งคลิปและไฟล์เสียงทั้งหมดนี้ไปให้กับใคร

สนุกจริงๆ วันศุกร์...กล้ามาหยามเกียรติของเธอด้วยการชิงตัวผู้ชายที่ควรจะเป็นของเธอ...แบบนี้มันก็สมควรแล้วล่ะ

 

 

“ศุกร์ฟังพี่ก่อน” มือใหญ่คว้าหมับไปยังข้อมือบาง วันศุกร์ยังคงตีสีหน้าบึ้งตึงตั้งแต่เดินออกจาก TIME จนกลับมาถึงห้อง

“ไม่อยากฟัง”

“ไม่อยากฟังก็ต้องฟัง”

แก้มใสทั้งสองด้านพองลม ฮึดฮัดจะสะบัดมือออกเสียให้ได้ หากก็ถูกรวบรัดไว้แน่นยิ่งกว่าเก่า

“พี่กับจินนี่ไม่มีอะไรเลย พี่นั่งดื่มอยู่เฉยๆ จินนี่ก็เข้ามาขอนั่งด้วย แทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ แล้วจู่ๆ ยัยนั่นก็จับพี่เข้าไปจูบ...พี่ไม่ได้เต็มใจสักนิดเลยนะ”

“แต่พี่ก็จูบไปแล้ว”

“ใช่ พี่แก้ไม่ได้นี่” วันศุกร์เบะปาก หน้าตาเหมือนเด็กที่โกรธจนอยากร้องไห้งอแง กันติกรณ์ดึงร่างสั่นน้อยๆ เข้ามากอดพลางลูบหัวปลอบไม่หยุด “พี่ไม่เคยคิดอะไรกับคนอื่นเลยนะ พี่มีแค่ศุกร์คนเดียวเอง”

“แต่พี่จูบกับจินนี่...”

ยังอดหงุดหงิดใจไม่ได้ ทั้งที่ก็เชื่ออยู่หรอกว่ากันต์ไม่ได้ตั้งใจทำผิดต่อเขา ถึงอย่างนั้นมันก็ยังโมโหอยู่ดี สาบานได้ว่าเมื่อกี้เขาโกรธจนคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย ถ้าเป็นปกติเขาคงไม่กล้าโพล่งออกไปตรงๆ แบบนั้น แต่เพราะมันสุดจะทนแล้ว ประกาศให้ชัดไปเลยละกัน จะได้เลิกมาตอแยสักที

“งั้นเดี๋ยวพี่ล้างปากดีไหม?”

วันศุกร์นิ่งไปนิด ก่อนพยักหน้า กันต์ลอบยิ้ม แต่กลับไม่ยอมผละตัวออกไปทางห้องน้ำ...ดันโน้มหน้าลงมาประกบจูบเขาแทนแบบไม่ให้ตั้งตัวก่อนสักนิด ทันทีที่พยายามอ้าปากเพื่อหวังจะต่อว่า ก็ถูกรุกไล่ด้วยลิ้นชื้นอย่างชำนิชำนาญ ความขุ่นเคืองในหัวแทบกระจายกลายเป็นผลึกสีขาวโพลนไปหมด

“อื้อ…”

“อืมม”

มือใหญ่ข้างหนึ่งประคองศีรษะทุยไว้คล้ายว่าอ่อนโยน แต่มืออีกข้างกลับซุกซน เลื่อนผ่านเอวบางไปถึงสะโพกกลมกลึง นิ้วเรียวหยอดแหย่เข้าไปภายใต้ขอบกางเกงยีนส์สีซีดอย่างจงใจแกล้ง วันศุกร์ถึงกับสะดุ้ง กำปั้นเล็กๆ รัวอยู่กับอกหนาหากก็ไร้ผล

เทคนิคการจูบชั้นเลิศ ที่รู้สึกเหมือนว่าจะดูดดื่มยิ่งกว่าทุกครั้งทำเอาเลือดในกายทั้งสองฝ่ายแล่นพล่าน อาจจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสมหรือเปล่า ถึงทำให้กันติกรณ์นึกอยากจะกอดคนตรงหน้ามากกว่าทุกคืน ยิ่งมีเรื่องจินนี่ด้วย...เขายิ่งอยากทำให้อะไรๆ มันชัดเจนและแน่ใจ

มันเกิดขึ้นกะทันหัน โดยไม่ได้ตระเตรียม แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่จะได้ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเคย...

ริมฝีปากอุ่นผละออก แล้วกดหนักๆ ลงกับซอกคอขาวซึ่งเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ วันศุกร์พยายามขืนตัวเองออกห่าง แต่ก็จะโดนฝ่ามือกร้านรั้งกลับมาทุกครั้ง พวกเขายื้อยุดกันอยู่พอสมควร กว่าจะรู้ตัวก็ถูกต้อนไปถึงเตียงนอนซะแล้ว กันต์ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาหายใจเพียงเล็กน้อย ก่อนจะผลักร่างระทวยลงกับฟูกอ่อนนุ่ม

วันศุกร์พาตัวเองหนีไปจนชิดหัวเตียง จ้องมองเจ้าของร่างใหญ่ซึ่งกำลังเคลือบคลานขึ้นมากักตัวเขาไว้ด้วยสายตาหวาดหวั่น อวัยวะในอกซ้ายดังโครมครามราวกับรู้ตัวว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

“พี่มีแค่เราจริงๆ นะ” เสียงกระซิบแหบพร่าดังอยู่เพียงข้างใบหูพอให้สั่นสะท้าน เขาย่นคอหนีการรุกล้ำอีกครั้ง แต่ก็ลงท้ายอีหรอบเดิมคือหนีไม่พ้น

กันต์ลากริมฝีปากไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอร้อนผ่าว มือไวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเทาออกทีละเม็ดจนหมด ก่อนจะละเลงลิ้นชื้นลงกับยอดอกซึ่งกำลังตั้งชูชัน ร่างเล็กบิดเร่ายามนิ้วเรียวเคลื่อนลงไปลูบล้ออยู่กับอวัยวะบางอย่างภายใต้กางเกงเนื้อดี

“อื้อ…”

มือใหญ่จัดการรูดซิปกางเกงยีนส์ลง เขาผละตัวออกจากแผงอกขาวเนียน ไม่รีรอที่จะปลดเปลื้องอาภรณ์ของเด็กใต้ร่างให้หมดสิ้น รวมทั้งของเขาเองด้วย

วันศุกร์เบือนหน้าหนีทันทีที่กันต์ถอดกางเกงในตัวสุดท้าย เผยให้เห็นส่วนแข็งขืนที่ดูแล้วสมชายกว่าตัวเขามากนัก

“ศุกร์...”

คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง เมื่อกันติกรณ์คว้าหมับเข้าที่แก่นกายของเขา ฝ่ามือสากขยับขึ้นลงจนใบหน้าหวานเหยเก เขาพยายามกัดริมฝีปากเอาไว้เพื่อป้องกันเสียงน่าอายที่อาจเล็ดลอด สองมือเกาะกุมต้นแขนแกร่งเพื่อยึดเหนี่ยว เพราะตอนนี้แทบไม่มีแรงแม้แต่จะปัดป้องด้วยซ้ำ

“อะ...อ๊ะ”

“หึ” กันต์ส่งเสียงหัวเราะพอใจในลำคอ นึกมันเขี้ยวพวงแก้มสีแดงฉ่า รวมทั้งสัมผัสลื่นมือ

เจ้าของทรวดทรงผอมบางขยับซบลงกับไหล่หนา ริมฝีปากอุ่นฝังลงบนผิวเนื้อของเขาพอให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามสะกดกลั้นเสียงครางของตัวเองแค่ไหน เห็นแบบนั้นก็ยิ่งแกล้งชักมือให้ไวขึ้นอีกจนวันศุกร์ถึงกับสั่นเร้า ก่อนที่ของเหลวสีขุ่นจะถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาเพียงไม่นาน

“ฮื่ออ!”

 กันติกรณ์ยิ้มกริ่ม แม้ว่ากำลังถูกกำปั้นเล็กๆ รัวเข้าใส่ไม่ยั้ง ใบหน้าขึ้นสีบึ้งตึงจนน่าหยิก อดไม่ได้ที่จะโน้มเข้าไปขโมยจูบบนปากอวบอิ่มนั่นอีกครั้ง

“อืมม”

“ฮั่ก...” วันศุกร์ผละตัวออกจากรสจูบคละกลิ่นเหล้า คล้ายว่าจะทำให้เขามัวเมาไปด้วยอีกคน

“พี่กันต์...นิสัยไม่ดี”

“หือ…นิสัยไม่ดีอะไรกัน”

ปลายจมูกโด่งรั้นคลอเคลียอยู่บริเวณหลังใบหู ขณะที่นิ้วซุกซนกำลังถูไถอยู่แถวปากถ้ำด้านหลัง ก่อนจะสอดเข้าไปด้านในเป็นการเบิกทาง ทำเอาคนเด็กกว่าสะดุ้งตัวโยน

“อ๊ะ!”

กันต์ชักนิ้วเข้าออกโดยมีของเหลวจากตัววันศุกร์เมื่อครู่เป็นตัวช่วยไม่ให้รู้สึกเจ็บมากนัก พอเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มชิน จึงแทรกจำนวนนิ้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดึงออกทีเดียวจนแทบใจหาย

วันศุกร์อยากจะผลักกันต์ออกห่าง แต่ไม่ว่าจะดันเท่าไร ร่างใหญ่ก็ไม่ขยับเขยื้อน ซ้ำร้ายยังถูกจับขึงราบไปกับเตียง มือสากสอดเข้ามาใต้ข้อพับแล้วดันขาเขาจนหัวเข่าลอยสูง ยิ่งทำให้มองเห็นช่องทางสีสดชัดเจนขึ้นกว่าเก่า

ดวงหน้าเรียวแดงเป็นลูกมะเขือเทศ หัวใจเต้นโครมครามยากจะหยุด อุณภูมิในร่างกายพุ่งสูงขึ้นทุกขณะ ยิ่งเวลาที่เผลอหันไปสบตาคมซึ่งกำลังจ้องมองมาอย่างหยอกเย้า ก็ยิ่งทำให้เขาเขินจนตัวแทบแตก

กันติกรณ์เองไม่รอช้า สวบร่างเข้ามาใกล้ พร้อมจับแก่นกายใหญ่โตจ่อไว้ระหว่างขาเฉอะแฉะของอีกฝ่าย วันศุกร์เลือกที่จะยกมือขึ้นปิดบังหน้าตา เตรียมพร้อมรับชะตากรรม...ก่อนที่สิ่งแปลกปลอมน่ากลัวนั้นจะค่อยๆ สอดแทรกผ่านเข้ามาในร่างกายพอให้อกสั่นขวัญกระเจิง

“อึ๊...!”

“เจ็บไหม?” น้ำเสียงห่วงใยไม่ได้ทำให้เขาใจชื้นขึ้นสักเท่าไรเลย ได้แต่พยักหน้ารัวๆ ทั้งที่ยังหลับตาปี๋

กันต์จำใจหยุดการรุกล้ำไว้เพียงแค่ส่วนปลาย เขาเริ่มสูดลมหายใจเข้าออกหนักๆ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมนุ่มให้คนรักหวังจะปลอบ

“ไม่ต้องเกร็งนะคนดีของพี่ เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว”

“ฮื่ออ...”

“พี่จะค่อยๆ เข้าไปนะ”

ยังพูดไม่ทันจบก็เผลอบดเบียดร่างกายเข้าหาอีกครั้ง สร้างแรงเสียดให้คนด้านล่างจนต้องร้องเสียงหลงอย่างห้ามไม่อยู่

“อ..โอ๊ยย!”

“อืมม...” กันต์โน้มตัวลงไปแลกลิ้นกับวันศุกร์อีกรอบ และดูเหมือนว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บได้ไม่มากก็น้อย คนตัวเล็กเริ่มขยับหน้าขาไปเองโดยไม่รู้ตัว พร้อมๆ กับคนด้านบนที่กลั้นใจกระแทกกายเข้าหารวดเดียวจนมิด

“อ๊ากกก!!”

สองมือที่เคยใช้ปิดบังใบหน้า ตอนนี้กลับย้ายไปจิกกำผ้าปูที่นอนจนหลุดลุ่ย ความเจ็บปวดถูกระบายผ่านแรงทึ้งและเสียงกรีดร้อง ทำเอาหัวใจคนมองหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขายอมรับว่ากำลังมีอารมณ์มากก็จริง แต่เวลาเห็นอีกฝ่ายตีสีหน้าบิดเบี้ยวท่าทางทรมานแบบนี้ มันกลับรู้สึกผิดเหลือเกิน

“ขอโทษนะ...ไหวไหม”

“...”

จะให้ตอบยังไง วันศุกร์ได้แต่คิด ทั้งเจ็บ ทั้งจุก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีประหลาด อะไรบางอย่างของกันติกรณ์กำลังเต้นไหวอยู่ภายในตัวเขา แค่นึกถึงก็ทำเอาหัวใจสั่นจนเหมือนจะกระดอนออกมานอกอก

กันต์ยังคงพรมจูบไปตามใบหน้าและลำตัวของเขาเรื่อยๆ รวมทั้งใช้มือปรนเปรอหน้าอกและแก่นกายให้ด้วยอย่างรู้งาน และนั่นก็ช่วยได้มากทีเดียว เพราะเขาเริ่มรู้สึกชินกับสภาพบ้างแล้ว ความเจ็บที่แล่นปรี่เข้ามาเมื่อครู่ค่อยๆ หายไป ถูกแทนที่ด้วยความซ่านเสียอย่างนั้น

ความร้อนในกายทำให้เขาทรมาน...แต่ก็ต่างกับตอนที่โดนยาของมิวลิบลับ ตอนนี้...มันคือความทรมานที่รู้สึกดีชะมัด ให้ตายเถอะ

“พ...พี่กันต์” มือเล็กเอื้อมคว้าต้นแขนแข็งแรงเอาไหว ขอบตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ พร้อมเอ่ยเสียงแหบพร่าอยู่ในลำคอ

“ท...ทำ” คนตัวใหญ่โน้มหน้าเข้าไปใกล้ริมฝีปากสั่นระริก ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงไม่แพ้กัน “ทำ…ต่อเถอะ”

“ศุกร์…”

กันต์เรียกชื่อคนรักเสียงเครียด สายตาดุดันจ้องมองใบหน้าหวานเยิ้มเหมือนกับจะเตือน ก่อนที่ร่างบางจะดันตัวเองขึ้นมาประกบจูบเขาอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้สะโพกหนาเคลื่อนตัวเข้าออกอย่างไม่คิดออมแรงอีกต่อไป

เสียงขยับดังสลับกับเสียงครวญครางด้วยแรงอารมณ์ ยิ่งกระตุ้นให้ทั้งเขาและวันศุกร์รู้สึกรุ่มร้อนราวกับจะมอดไหม้ในไม่ช้า

“อ๊ะๆ...อืออ”

ส่วนแข็งขืนถูกถอดออกไปกะทันหัน ก่อนจะกดเข้ามาด้านในอีกครั้ง ลึกยิ่งกว่าเดิมจนอดเสียวสะท้านไม่ได้ เสียงซูดปากดังขึ้นอย่างเผลอไผลพร้อมกับเรียวแขนสองข้างซึ่งตรงเข้าโอบรอบคอเขาไว้

“อ้ะ...อ๊าๆๆ”

“อ่าา...”

“พี่กันต์...มะ..” เจ้าของใบหน้าสีลูกตำลึงมุ่นหัวคิ้วหนักๆ “จะ..ไม่ไหว..แล้ว”

“อืม…พี่ก็ เหมือนกัน”

กันติกรณ์หยัดกายเข้าหาถี่รัว ก่อนจะรีบบังคับผละตัวออกได้ทันเวลา ของเหลวขาวขุ่นพุ่งเปรอะเปื้อนอยู่เต็มหน้าท้องแบนราบซึ่งยังคงกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด วันศุกร์เองก็ปลดปล่อยออกมาในเวลาใกล้เคียงเช่นเดียวกัน

“ฮ..ฮั่ก...”

เสียงจ๊วบจ๊าบน่าอายดังขึ้นเมื่อกันต์จงใจฝากรอยดูดไว้กับลำคอขาว แล้วตามขึ้นมาจูบปิดปากเด็กน้อยอีกนับครั้งไม่ถ้วนเป็นการทิ้งท้าย รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเขินอายและความสุขผุดขึ้นบนใบหน้าทั้งสองฝ่าย พวกเขาอยากจะลืมเรื่องน่าปวดหัวต่างๆ เพียงชั่วขณะก็ยังดี...

 

หน้าจอมือถือเครื่องบางบนโต๊ะเขียนหนังสือสว่างวาบ ปรากฏข้อความล่าสุดจากใครบางคนซึ่งไม่อยากนึกถึง

[ WS: พรุ่งนี้พี่จะไปรับศุกร์กลับบ้าน ]


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 19.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 19-01-2018 14:32:27
วันเสาร์รู้เรื่องน้องแน่ๆเลย สงสาร สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 19.5
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 19-01-2018 15:46:20
ตายล๊าวววว มาม่าชามโตกำลังจะมาแน่เลย
น้องวันศุกร์ก็แซ่บเว่อร์  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 19.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 20-01-2018 16:36:05
วันศุกร์ที่ 20.0



“เอ่อ...พี่เสาร์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” วันศุกร์เอ่ยปากถามกล้าๆ กลัวๆ ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งทำเรื่องแบบนั้นกับกันติกรณ์ไป ร่างกายก็ยังไม่ค่อยปกติสุขดี พอเช้ามืด กลับถูกวันเสาร์มาลากตัวกลับบ้านปุบปับ แถมยังเอาแต่ตีหน้าเครียดไม่พูดไม่จาอะไร ทำเอาเขาเริ่มหวั่น

“พี่ไม่ได้เป็นอะไร แล้วศุกร์ล่ะเป็นอะไร?”

“ห…หือ ศุกร์เหรอ?”

“อืม ทำไมถึงใส่เสื้อติดกระดุมซะมิดชิดขนาดนั้นล่ะ?” คำถามชวนโดดลงเหวเริ่มต้นขึ้นทันทีที่วันเสาร์ยอมเปิดปาก สายตาช่างสงสัยมองดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง

เขายกมือขึ้นขยับคอเสื้อเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งไอค่อกแค่ก

“คือ…ศุกร์คิดว่าไม่ค่อยสบายอะครับ มันหนาวๆ”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบ ไม่แน่ใจว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่เพราะเขาไม่กล้าหันไปมองอีกแล้ว จึงทำทีเป็นสนใจทิวทัศน์นอกหน้าต่างแทน สักพัก รถแวนสีเงินก็จอดตัวลงภายในรั้วบ้านคุ้นเคย เหล่าแม่บ้านต่างพากันกรูเข้ามาต้อนรับเขาซึ่งหนีหายไปอยู่หอพักซะนาน จนใครๆ ก็พากันคิดถึง

“คุณศุกร์ ไม่กลับบ้านซะนานเชียว พวกเราคิดถึงจะแย่” พี่ละเมียดถือวิสาสะเข้ามาดึงมือเขาไปลูบแล้วลูบอีก ตามมาด้วยพี่ละไมคนน้องซึ่งพยายามส่งสายตาประท้วงอะไรบางอย่าง ก่อนจะถูกเฉลยด้วยคำกระซิบที่ฟังดูอัดอั้นพอตัว

“พวกพี่รับมืออารมณ์คุณเสาร์ไม่ถูกเลยค่ะช่วงนี้”

“คราวนี้คุณศุกร์อยู่นานๆ เลยไม่ได้เหรอคะ?”

“อ่า…” ก่อนจะทันได้ตอบกลับ เสียงทุ้มของวันเสาร์ก็ดังแทรกขึ้นมา พร้อมด้วยมือใหญ่ที่ดึงตัวเขาออกจากกลุ่มแม่บ้านตรงหน้า

“คราวนี้ศุกร์คงได้อยู่บ้านนานแน่ๆ”

ร่างสูงกึ่งกระชากเขาขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะถูกบังคับให้นั่งงงอยู่บนเตียงหลังใหญ่ เสียงกดล็อคประตูดังตามมาติดๆ พอให้คนตัวเล็กสะดุ้ง ดูเหมือนว่าเขาเองก็รับมืออารมณ์พี่ชายคนนี้ไม่ถูกแล้วเช่นเดียวกัน

“ศุกร์มีอะไรจะสารภาพกับพี่หรือเปล่า?” วันเสาร์ถามเสียงเครียด พลางสาวเท้าเข้ามายืนจังก้าอยู่ต่อหน้า แรงกดดันมหาศาลที่ไม่ค่อยได้สัมผัสมานานแล้วกลับแล่นไปทั่วอาณาบริเวณ ชวนให้เขารู้สึกอัดอัดคล้ายว่าหายใจไม่ออก

สายตาคมคาดคั้น มันทำให้เขากลัว...

“สารภาพ...พี่เสาร์พูดเรื่องอะไรครับ?”

“วันศุกร์” คนตัวสูงนั่งลงขนาบข้าง มือหนาเอื้อมมาบีบต้นแขนเขาไว้

“ศุกร์ยังเห็นว่าพี่เป็นพี่อยู่ไหม ทำไมมีอะไรถึงไม่บอก ทำไมชอบปิดบังพี่?”

“...”

“ศุกร์อย่าคิดว่าพี่โง่ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้อะไรเลยนะ!”

สายตาหวาดหวั่นเสมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา...ถ้าแค่หันไปเจอหน้าวันเสาร์ตอนนี้ล่ะก็ เขาต้องหัวใจวายตายไม่ก็ร้องไห้แน่นอน เพราะแค่ได้ยินน้ำเสียงตะคอกเมื่อครู่ ก็แทบอกสั่นขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว

แรงบีบเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น รวมทั้งความอึดอัดในอกตอนนี้ด้วย...

อึดอัด...วันเสาร์รู้อะไรมา อย่ามัวมานั่งเค้นเขาอย่างนี้เลย...

“พ…พี่เสาร์ พูดถึงเรื่องอะไร...”

ได้ยินเสียงจิ๊ปากไม่พอใจเบาๆ ก่อนที่มือถือเครื่องบางหุ้มเคสสีดำด้านจะถูกส่งมาจ่อตรงหน้า นิ้วโป้งกดเล่นวิดีโอที่กำลังปรากฏเด่นหรา มันไม่ได้มองเห็นชัดเจนขนาดนั้นเพราะเป็นภาพจากสถานบันเทิงยามค่ำคืน แสงไฟพาดผ่านเป็นระยะ กระทบดวงหน้าบึ้งตึงอันแสนคุ้นเคย...แน่ล่ะสิ เขาเห็นใบหน้านี้อยู่ทุกครั้งที่ส่องกระจกนี่น่า

‘โธ่ เรารู้นะว่าพี่กันต์กับศุกร์...คบกันอยู่ใช่ไหมล่ะ แล้วเราจะตั้งใจจูบพี่เขาได้ยังไง เราเมาจริงๆ เนี่ย..ยังมึนอยู่เลย’

‘ใช่ เรากับพี่กันต์เป็นแฟนกัน เพราะงั้นจินนี่อย่ามายุ่งกับพี่กันต์อีกเลยนะ’

เสียงของจินนี่กับตัวเขาเองดังออกจากลำโพง ดวงตากลมเบิกกว้างยิ่งกว่าไข่ห่าน สันหลังเสียววาบเพราะรู้ดีว่านี่คือสัญญาณของอะไร...

คงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าเขาจะถูกวันเสาร์ฆาตกรรม เพราะเรื่องที่เขาปิดบังไว้มันร้ายแรงกว่าที่ใครคิดมากมายนัก เพราะวันเสาร์ไม่ใช่แค่พี่ชายที่ห่วงน้อง...ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่นั้น....

“พ...พี่เสาร์...” คนตัวเล็กตีหน้าไม่ถูก หากก็ยังพยายามฝืนตัวเองให้หันไปมองคนเป็นพี่ ซึ่งยังคงนั่งนิ่ง สีหน้าเรียบเฉยช่างผิดกับรอยเส้นเลือดที่กำลังปูดนูนอยู่ตามขมับและหลังกำปั้น

“พี่ก็เพิ่งรู้นะ ว่าศุกร์คบกับไอ้เด็กนั่น!”

ปึกก!!

วันศุกร์สะดุ้ง เผลอยกเท้าทั้งสองขึ้นตามสัญชาตญาณเมื่อจู่ๆ คนกำลังโกรธก็ปามือถือในมือทิ้งลงพื้นอย่างไร้เยื่อใย สาบานได้ว่าตอนนี้หน้าจอคงร้าวเกือบละเอียดแล้วแน่ๆ แต่เขาไม่มีเวลามามัวห่วงมือถือเครื่องนั้น เพราะวันเสาร์เปลี่ยนมาเขย่าร่างเขารุนแรงจนชักกลัวว่าขนมปังรองท้องเมื่อเช้ามันจะขย่อนออกมาก่อนหรือเปล่า

“นี่ศุกร์ปิดบังพี่มานานแค่ไหนแล้วห้ะ!!?”

“พี่เสาร์ ศุกร์เจ็บ...”

“พี่ก็เจ็บ!!” แววตาคมวูบไหว ราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบหัวใจเขาเลย...วันเสาร์ไม่เคยเป็นแบบนี้ และนั่นก็ยิ่งทำให้เขานึกผวา...

“ศุกร์…ขอโทษ”

“ถ้าพี่ไม่เห็นคลิปนี้ พี่ก็คงไม่รู้ตลอดไปสินะ”

“ศุกร์พยายามจะบอกพี่เสาร์อยู่นะ แต่…” ร่างเล็กก้มหน้าลง น้ำเสียงไม่มั่นใจเปล่งออกไปเชื่องช้า “แต่ศุกร์รู้ว่าพี่เสาร์ไม่ชอบพี่กันต์…”

“ใช่! พี่ไม่ชอบขี้หน้ามัน! แล้วพี่ก็ไม่คิดว่าศุกร์จะไปรักมันด้วย!!”

“โอ้ยย”

วันเสาร์พรวดพราดลุกขึ้น ก่อนจะผลักร่างน้องชายราบไปกับพื้นเตียง มือเล็กๆ ลูบสะโพกตัวเองป้อยก่อนจะรีบถดหนีสายตาอันตรายจากพี่ชายคนเดียว

หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเห็นวันเสาร์เริ่มยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อ ไม่เพียงแค่นั้น ยังสาวเท้าขึ้นมาจนแทบจะคร่อมตัวเขาเอาไว้จนมิด ใบหน้าเรียวหล่อเหลาที่สาวๆ ค่อนประเทศต่างใฝ่ฝันถึง บัดนี้ อยู่แค่เพียงใกล้ ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่นึกพิสวาสอะไรมันเลยแม้แต่น้อย

วันศุกร์ยกแขนสองข้างขึ้นปัดป้อง หากก็ถูกมือใหญ่คว้าออกไปอยู่เรื่อย

“พี่เสาร์ จะทำอะไร…พี่เสาร์!!” เสียงหวีดร้องดังขึ้นเมื่อถูกกระชากกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดออกอย่างรุนแรง ร่างเขาแทบจะปลิวติดมือไปเสียอย่างนั้น แต่ก็ถูกมือข้างเดียวกันกดบ่าลงจนแทบจะจมเข้าไปในฟูก ดวงตาคมส่อแววกราดเกรี้ยว พร้อมเสียงสบถลอดไรฟันยามเห็นร่องรอยบวมแดงตามผิวเนื้อขาวๆ ที่เคยเฝ้าทะนุถนอมนักหนามาเป็นสิบปี

“นี่ศุกร์นอนกับมันแล้วเหรอ”

คนถูกถามรีบเบือนหน้าหนี น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้า

“พี่ถามว่าศุกร์มีอะไรกับมันแล้วใช่ไหม!?”

“อึ่กก…” วันเสาร์บีบแก้มสีซีด บังคับให้คนเป็นน้องหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ตอนนี้เขาโกรธมาก ราวกับมีใครเอาไฟมาสุมในอกจนมันแผดเผาไปหมด แม้แต่จะควบคุมตัวเองไม่ให้รุนแรงกับคนใต้ร่างก็ยังทำไม่ได้

“ตอบสิ!!”

“ใช่!” คนตัวเล็กสะบัดหน้าแรงๆ ให้หลุดออกจากการเกาะกุม ก่อนจะตัดสินใจแผดเสียงแข่งด้วยเหลืออด “ศุกร์มีอะไรกับพี่กันต์แล้ว ศุกร์รักพี่กันต์!”

“วันศุกร์!!”

เพียะ!!

ฝ่ามือที่เคยอบอุ่น ฟาดลงกับพวงแก้มสีแดงเรื่อจากอารมณ์คุกรุ่น ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นสู่สมอง พอดีกับที่น้ำตาร่วงแผละ ปลายจมูกรั้นๆ ขึ้นสี และร่างกายที่เคยสั่นกลัวก็กลับยิ่งสั่นเทา วันเสาร์นั่งนิ่งมองภาพน้องชายสุดรักถูกตัวเองตบไปฉาดใหญ่ด้วยอารมณ์หลากหลาย ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดจนอยากเข้าไปลูบหัวปลอบเหมือนทุกที แต่อีกใจก็เต็มไปด้วยความโกรธความเกลียดที่ปะทุอยู่เต็มอก

ทั้งที่เขาคอยเฝ้าดูแลวันศุกร์อย่างดีมาตลอด ความรักทั้งหมด ทั้งชีวิต ทั้งหัวใจ เขามอบให้เด็กคนนี้คนเดียวไปหมด แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนมากลับกลายเป็นการทรยศ ทั้งๆ ที่ทะนุถนอมมาขนาดนั้น...ไอ้เวรนั่นก็ยังมาชิงของของเขาไป!

“พี่จะลบ...” วันเสาร์พึมพำบางอย่าง ก่อนจะโน้มตัวลงไปทาบทับร่างด้านใต้อีกครั้ง

มือข้างหนึ่งรวบข้อมือเล็กเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน อีกข้างไล่ปลดกระดุมทีละเม็ดจนหมด จมูกโด่งฝังลงกับซอกคอสีขาวน้ำนมที่เขาคุ้นเคยมาแต่ไหนแต่ไร ลิ้นร้อนกดย้ำลงไปตามร่องรอยที่หลงเหลือมาจากกันติกรณ์ พลางสูดดมความหอมจากผิวกายเทวดาตัวน้อยของเขา

วันศุกร์เบิกตากว้าง พยายามดิ้นหนีสุดแรงหากก็ไร้ผล...

“พ...พี่เสาร์ หยุด!”

แน่นอนว่าคนด้านบนไม่คิดจะฟัง แถมยังเลื่อนริมฝีปากต่ำลงเรื่อยๆ ทันทีที่ลิ้นชื้นแตะบนติ่งไตสีหวาน เจ้าของร่างบางก็ส่งเสียงหวีดร้องประท้วงดังลั่น น้ำตายิ่งไหลออกมาไม่หยุดหย่อน เสียงสะอื้นไห้ปะปนจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์

“ฮือ...พี่เสาร์ อย่าทำ..แบบนี้เลย...”

“พี่จะลบสิ่งที่มันทำกับศุกร์ไว้ทั้งหมด”

“ไม่...ฮือ พี่เสาร์ ไม่เอา...”

คนตัวสูงขมวดคิ้วมุ่น หากก็ยังคงไม่หยุดการกระทำ สมองของเขากำลังทำงานอย่างหนักจนเริ่มปวดขมับไปถึงกลางศีรษะ เพราะเขาอยากจะลบจริงๆ ร่องรอยจากผู้ชายคนอื่นบนตัวน้องของเขา แต่ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ของวันศุกร์ มันกลับตอกย้ำหัวใจเขาราวกับถูกค้อนทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เหมือนความดีกับความชั่วในใจกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดยังไงยังงั้น

“ฮ..ฮืออ...” คนตัวเล็กหยุดดิ้นแล้ว เอาแต่นอนแผ่แน่นิ่ง อย่างกับคนปลงตก พร้อมปล่อยเสียงโฮออกมายกใหญ่ ในที่สุดเขาก็ต้องยอมหยุดทุกอย่าง แววตาคร่ำเครียดเหลือบมองใบหน้าสีแดงเรื่อ เปื้อนคราบน้ำตาไม่น่าดู

“พี่เสาร์…ฮึก...พี่เสาร์ ใจร้าย...”

“ศุกร์…”

มือที่เคยพันธนาการข้อมือบางเอาไว้ค่อยๆ คลายออกก่อนที่เขาจะทันรู้ตัวซะด้วยซ้ำ นิ้วเรียวเลื่อนลงมาปาดน้ำตาออกให้คนเป็นน้องอย่างเบามือ หัวคิ้วหนาทั้งสองข้างยังคงขมวดยุ่งเป็นโบ ขณะย้ายตัวเองออกจากร่างด้านล่าง

เขากึ่งดึงกึ่งอุ้มวันศุกร์ให้ลุกขึ้นนั่ง แผ่นหลังสั่นเทาพิงหมอนบนหัวเตียงเอาไว้ ก่อนจะเป็นฝ่ายช่วยใส่เสื้อผ้ากลับให้เด็กน้อยอีกครั้ง ความรู้สึกผิดก้อนใหญ่แล่นมาจุกอยู่ที่คอ พร้อมทั้งความเจ็บปวดที่ยังคงแล่นริ้วอยู่ในอก

“ฮือ...”

“ศุกร์...พี่ขอโทษ หยุดร้องนะคนดี”

ฝ่ามือทั้งสองข้างคอยลูบหน้าลูบตาเป็นการปลอบประโลม หากก็ยังไม่สามารถหยุดเสียงสะอื้นที่คอยแต่จะตอกย้ำความผิดของเขาเมื่อสักครู่

“พี่เสาร์...ทำแบบนี้ได้ยังไง ศุกร์...ศุกร์เป็นน้องพี่นะ”

“พี่ขอโทษ พี่ไม่ทำอะไรแล้วนี่ไง”

ท่าทางผิดหวังระคนต่อว่า ผสมด้วยความโกรธเคือง รวมทั้งหวาดกลัว...ทุกๆ อย่างมันรวมอยู่ในแววตากลมโตคู่สวย ซึ่งบัดนี้ถูกบดบังด้วยม่านน้ำตา

“พี่เสาร์ทำแบบนี้ทำไม…”

คนตัวสูงเผลอชักสีหน้า ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เพราะพี่รักศุกร์ไง พี่รักศุกร์มากกว่าใครทั้งนั้น”

“ร…รัก?” วันศุกร์เงยหน้ามองอีกฝ่ายตรงๆ ใบหน้าของเขาตอนนี้คงเต็มไปด้วยความฉงน เพราะปากเสาร์เอาแต่พูดว่ารัก แต่การกระทำตอนนี้มันกลับไม่ใช่เลย

“ใช่ พี่รักศุกร์ แล้วพี่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งศุกร์ไป เราต้องอยู่ด้วยกันนะ”

“แต่พี่กันต์...”

“อย่าพูดถึงมัน!”

แรงตะคอกปุบปับทำเอาคำพูดเมื่อครู่ถูกกลืนลงคอเสียดื้อๆ เป็นอีกครั้งที่เขานึกหวั่นผวาคนตรงหน้า วันศุกร์ขยับตัวหนี แต่ก็ถูกวันเสาร์กระชากแขนกลับไปใกล้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ล่วงเกินเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่ลดระดับความน่ากลัวลงสักนิด

“ศุกร์ต้องอยู่กับพี่ กับพี่คนเดียวเท่านั้น เข้าใจไหม”

สิ้นสุดเสียงเข้ม วันเสาร์ก็ลุกไปทางตู้เสื้อผ้าในห้อง เขาเปิดมันออกแล้วจับจ้องไปยังอะไรบางอย่างที่ถูกเอามาซ่อนไว้ ชั่งใจได้เพียงแค่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจหยิบมันออกมา

ร่างสูงสาวเท้ากลับไปยังเตียงนอน พร้อมกุญแจมือโลหะสีเงินในมือ

“พ…พี่เสาร์จะทำอะไร?”

ไม่รอฟังคำตอบ ร่างกายก็เคลื่อนหนีก่อนตามสัญชาตญาณ แต่ก็ยังไม่พ้นเอื้อมมือของวันเสาร์ที่คว้าตัวเขาไว้ได้เร็วกว่า ขณะกำลังดิ้นหนี ข้อมือข้างหนึ่งก็ถูกล็อคไว้ด้วยกุญแจมืออันนั้นแล้ว วงล้อของกุญแจอีกข้างล็อคเข้ากับเสาหัวเตียง ก่อนที่เขาจะขยับไปไหนไม่รอดอีก

กึก! กึก!

“พี่เสาร์ ปล่อยศุกร์นะ!” เขาพยายามกระชากแขนออกแต่ก็ไม่ช่วยแถมยังเจ็บเองอีกต่างหาก

“วันนี้พี่จะลงโทษศุกร์ ห้ามศุกร์ออกไปไหนเด็ดขาด”

“พี่เสาร์จะบ้าไปแล้วเหรอ!”

“ใช่! พี่มันบ้า บ้าก็เพราะศุกร์นั่นแหละ” คนตัวสูงตะเบ็งเสียง สองมือกำหมัดแน่น กัดฟันกรอดเมื่อเห็นว่าวันศุกร์เริ่มต้นร้องไห้อีกแล้ว

เขาเลือกที่จะข่มใจไม่หันไปมอง และเดินดุ่มๆ ออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น ไม่ลืมยึดโทรศัพท์ของศุกร์เอาไว้ หลังจากประตูไม้ปิดตัวลง นิ้วเรียวก็เลื่อนปลดล็อคมือถือน้องชายด้วยรหัสที่เขารู้ดี

ข้อความบางอย่างถูกพิมพ์และส่งไปให้ผู้ติดต่อชื่อ กันติกรณ์ ก่อนจะกดปิดเครื่องทิ้ง

 

[ เราเลิกกัน ]

 
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 20.0
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-01-2018 00:51:12
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 20.0
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-01-2018 02:34:24
พี่เสาร์รักน้องหรือรักตัวเองงงง ทำแบบนี้กับน้องทำไมฮือออ ศุกร์ไม่ต้องไปรักแล้ววว โกรธนานๆเลย

ปล.ตอนแรกนึกว่าตาฝาดค่ะ มาต่อจริงด้วย ขอบคุณนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 20.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 23-01-2018 15:51:19
วันศุกร์ที่ 20.5



ตุบ! ผลัวะ!

เสียงประหลาดเหมือนมีคนมาต่อยตีกันอยู่ตรงหน้า ดังขึ้นแว่วๆ วันศุกร์ขยี้ตาเพื่อปรับแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในยามเช้า หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันเมื่อสังเกตถึงลักษณะห้องนอนซึ่งแปลกออกไป

กึก! กึกก!

สัมผัสของโลหะกระทบกันทำเอาเขาสะดุ้ง ข้อมือสองข้างถูกพันธนาการเชื่อมกันไว้ด้วยกุญแจข้อมืออันเดียวกับเมื่อวานซึ่งเคยล็อคเขาติดกับหัวเตียง อา...จริงสิ นี่คือห้องนอนของวันเสาร์ และตอนนี้เขาก็คือนักโทษของพี่ชายตัวเอง

ทั้งที่แอบภาวนาในใจว่า ขอให้มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้นแท้ๆ...

พลั่ก! ตุบบ!

เสียงเหมือนคนมีเรื่องกันยังคงดังอยู่ และเหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างจงใจ วันศุกร์กระพริบตาถี่อีกสองสามที ก่อนจะหันไปสำรวจรอบห้อง สายตาเลื่อนมาหยุดลงตรงร่างสูงโปร่งบนเก้าอี้ทำงาน ใกล้กับเตียงหลังใหญ่ แลปท็อปเครื่องบางกำลังฉายวิดีโออะไรบางอย่าง มันค่อนข้างมืดจนมองไม่ออกจากมุมนี้

คนตัวเล็กชั่งใจเพียงครู่หนึ่ง สาบานว่าวันเสาร์ที่นั่งอยู่แค่ไม่ไกลคงรู้ตัวแล้วว่าเขาตื่น แต่กลับไม่ยอมหันมามองหรือเอ่ยอะไรเลย ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลุกออกจากเตียงช้าๆ ขยับเข้าไปยืนเป็นเงาซ้อนหลังพนักเก้าอี้บุหนัง

ดวงตากลมเบิกกว้าง มือทั้งสองข้างยกขึ้นอุดปากตัวเองด้วยความหวาดกลัว ภาพบนจอนั้นคือคนรักของเขาเอง...กันติกรณ์นอนคดตัวเป็นกุ้งอยู่บนพื้นคอนกรีตตรงมุมอับ กำลังถูกชายร่างหนาประมาณสามคนรุมกระทืบอย่างไร้ความปราณี เขาได้ยินเสียงกันต์ร้องด้วยความเจ็บ มองเห็นรอยฟกช้ำรวมทั้งเลือดสีเข้ม

“น...นี่มัน อะไรกัน...”

วันเสาร์กดหยุดวิดีโอนั้นแล้วหมุนเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้า สายตาเรียบเฉยจนเกือบตายด้านจ้องเข้ามาในตาเขาจนร่างเล็กสั่นไหว น้ำตาที่ล้นทะลักตั้งแต่เมื่อวานไหลออกมาอีกครั้งอย่างไม่รู้จักหมด

“พี่ส่งคนไปจัดการมันเอง”

“ฮือ...พี่กันต์...” เขาปล่อยโฮพลางทรุดลงนั่งแทบพื้น หัวใจเหมือนถูกบีบรัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพของกันติกรณ์บนจอเมื่อครู่ยังคงติดตา ทำให้เขาทั้งห่วงและก็กลัว “พี่เสาร์ ทำแบบนี้…ทำไม”

“พี่จะสั่งสอนมัน ว่าไม่ควรมายุ่งกับคนของพี่!”

คนตัวสูงลุกออกจากเก้าอี้แล้วย่อตัวลงมาในระดับสายตาใกล้เคียงกัน มือใหญ่คว้าหมับเข้ากับแก้มเนียน คิดว่าวันเสาร์คงโกรธจนอยากจะบีบให้โครงหน้าเขาบิดเบี้ยวไม่ก็แหลกคามือ หากก็ไม่ใช่อย่างนั้น...มันเจ็บนิดหน่อยเหมือนกันเพราะอีกฝ่ายกดน้ำหนักลงบนแนวสันกราม แต่ก็เหมือนว่ากำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่

“ถ้าศุกร์ไม่เชื่อฟังพี่ ก็จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”

เจ้าของร่างไร้เรี่ยวแรงพยายามส่ายหน้าระรัว ริมฝีปากสั่นเทาขณะปล่อยน้ำตาออกมาราวกับน้ำตก เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้กันต์จะเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากแค่ไหน ไหวไหม มีใครมาช่วยไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เป็นอะไรมากไหม...ร้อยล้านคำถามลอยคว้างอยู่ในหัว และมันช่างทรมานเมื่อคิดว่าเขาต้องทนถูกกักขังอยู่ที่นี่ ไม่สามารถปกป้องคนที่คอยปกป้องเขาได้เลย

“อย่านะพี่เสาร์...ฮึก…อย่าทำอะไรพี่กันต์เลย...”

“เป็นห่วงมันมากเลยเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังลอดไรฟัน และเขาก็ไม่กลัวที่จะพยักศีรษะยอมรับ จนวันเสาร์เผลอสะบัดมือปล่อยรุนแรงจนหน้าเขาหัน

“พี่จะทำหรือไม่ทำอะไรมัน ก็ขึ้นอยู่กับศุกร์ เข้าใจไหม”

ร่างเล็กกัดปาก พยายามกลั้นเสียงสะอื้นหากก็ยากเย็น ทันทีที่เห็นวันเสาร์ผละตัวกลับไปทางแลปท็อปบนโต๊ะ วันศุกร์ก็ฝืนยันตัวเองลุกขึ้น ตรงเข้าไปเกาะแขนแกร่งไว้หลวมๆ พลางเขย่าไปมา เกิดเสียงก๊องแก๊งน่ารำคาญจากเครื่องพันธนาการรอบข้อมือ

“พ…พี่เสาร์ อย่าทำอะไรพี่กันต์อีกเลยนะ ศุกร์ยอมแล้ว...ศุกร์ยอมพี่เสาร์ทุกอย่างเลย นะ..นะพี่เสาร์...”

วันเสาร์กำหมัดจนเส้นเลือดปรากฏชัดเจน เขาไม่ได้ดีใจเลยสักนิดที่วันศุกร์บอกว่าจะยอมเชื่อฟัง เพราะทุกอย่างที่น้องชายของเขากำลังฝืนทำ ก็เพื่อผู้ชายคนอื่น!

“งั้นตอนนี้ก็กลับไปนอน เดี๋ยวพี่จะให้คนยกอาหารขึ้นมาให้”

“อะ…อืม”

คนเด็กกว่าพยักหน้า ยอมปล่อยมือ แล้วเดินกลับขึ้นเตียงอย่างว่าง่าย เขาจัดการเก็บแลปท็อปลงในลิ้นชัก ซึ่งมีสายโทรศัพท์ และสายเราท์เตอร์อินเตอร์เน็ตถูกถอดเอามาซ่อนไว้ด้วย กุญแจดอกเดียวในมือหมุนล็อคลิ้นชักให้แน่น ก่อนจะสาวเท้าออกไปจากห้อง ทิ้งให้วันศุกร์นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

ทันทีที่ความเงียบโปรยตัวเข้าปกคลุมบริเวณห้อง คนบนฟูกก็เริ่มปล่อยน้ำตาออกมาอีกระลอก

ไม่นานนัก ก็มีเสียงเคาะประตูสองสามที พร้อมการปรากฏตัวของผู้ชายตัวโตในชุดสีดำสนิท ไม่คุ้นตา ในมือของเขามีถาดอาหารเช้าอย่างง่ายๆ พร้อมน้ำดื่มหนึ่งแก้วเท่านั้น

“คุณเสาร์บอกให้คุณศุกร์ทานข้าวครับ”

“นาย...เป็นใคร?” วันศุกร์ร่นตัวหนี สายตาไม่ไว้วางใจถูกส่งออกไปให้

เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยคำตอบของคำถามเมื่อครู่

“เป็นคนของพี่เอง พี่ใช้ให้มาดูแลความเรียบร้อยที่นี่”

“แล้ว…พี่ละเมียดกับพี่ละไมล่ะครับ?”

“กลับไปแล้ว”

“กลับไปไหน?”

“พี่ให้คนอื่นกลับบ้านไปหมดแล้ว” วันเสาร์พูดเสียงเรียบ พลางรับถาดอาหารจากชายชุดดำมาไว้ในมือ ก่อนที่คนแปลกหน้านั่นจะก้มหัวเดินออกจากห้อง กลับลงไปประจำตำแหน่งการ์ดเฝ้าประตูบ้าน

“หมายความว่าไง นี่พี่เสาร์ไล่พวกเขาออกเหรอ!?”

“เปล่า พี่แค่ให้พวกเขาไปพัก...จนกว่าพี่จะแน่ใจว่าศุกร์จะไม่ดื้ออีก”

บ้าไปแล้ว...เขาอยากพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่ก็ทำได้แค่สงบปากสงบคำ แล้วกลับไปนอนเป็นคนป่วยเหมือนเดิม วันเสาร์ลากเก้าอี้ทำงานมาชิดขอบเตียง ข้าวต้มในชามหนึ่งคำจ่ออยู่ตรงหน้า เขามองมันด้วยท่าทีหวาดระแวง

คนป้อนเลิกคิ้วหน่อยนึง ก่อนจะตีหน้าดุๆ จนเขาต้องยอมอ้าปากรับเอาอาหารมื้อแรกของวันลงท้อง ข้าวต้มรสชาติห่วยแตกแบบนี้ไม่ใช่ฝีมือแม่บ้านบ้านวุฒิเวคินทร์แน่นอน และมันแทบจะขมไปเลยด้วยซ้ำในสถานการณ์อย่างนี้

ไลน์!

เสียงข้อความเข้าดังออกจากมือถือเครื่องบางในกระเป๋ากางเกงของวันเสาร์ เขาใช้มือข้างหนึ่งหยิบมันออกมาเปิดดู แล้วจึงวางไว้บนโต๊ะทำงาน กลับมาสนใจการป้อนข้าวต้มให้น้องชายต่อ

“ใครเหรอครับ?” วันศุกร์แกล้งชวนคุยเพื่อคลายบรรยากาศแสนอึดอัด

“ไอ้เจน่ะ”

“พี่เจว่าไงเหรอ?”

“มันก็แค่ถามเรื่องทำธีสิสนั่นแหละ”

“อ่า...จะว่าไป ศุกร์ไม่ได้เจอพี่เจกับพี่วานานแล้วนะ”

“ถ้าศุกร์เป็นเด็กดีอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวก็ได้เจอพวกมันมาป้วนเปี้ยนเองแหละ”

คนตัวเล็กยิ้มรับ แล้วอ้าปากกินอาหารต่อ บทสนทนาอื่นๆ ยังถูกยกขึ้นมาพูดคุยพอให้วันเสาร์คลายใจลงบ้าง ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ข้าวต้มในชามก็เริ่มหร่อยหรอ รวมทั้งน้ำเปล่าแก้วเดียวก็หมดลงอย่างรวดเร็วด้วย วันศุกร์กลืนเนื้อหมูชิ้นสุดท้ายลงคอ ก่อนจะแสร้งสำลักจนตัวโยน

“แค่ก…พี่เสาร์ ข..ขอน้ำ ค่อก…”

“ด…เดี๋ยวนะ”

เจ้าของร่างสูงรีบวางชามข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนจะรีบหุนหันวิ่งลงไปยังห้องครัวด้านล่าง ทันทีที่แผ่นหลังของวันเสาร์ลับสายตา วันศุกร์ก็รีบยืดแขนออกไปหามือถือเมื่อครู่ซึ่งถูกวางทิ้งไว้อย่างสะเพร่า

เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเห็นเขากำลังสำลักแบบนั้น ยังไงวันเสาร์ก็ต้องรีบลุกออกไปโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นแน่...

นิ้วเรียวกดปุ่มเปิดหน้าจอ ปรากฏแป้นให้พิมพ์รหัสปลดล็อคมือถือจำนวน 6 หลัก เขาไม่ลังเลที่จะลองใส่วันเดือนปีเกิดของเจ้าของเครื่องลงไป แต่กลับไม่ใช่ พอลองเปลี่ยนพ.ศ. เป็น ค.ศ. ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี สายตาหวาดระแวงเริ่มกลอกไปมาระหว่างเจ้าเครื่องสีดำในมือกับรอยแยกของประตูห้องนอน เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนขมับทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ

เขาชั่งใจได้เพียงครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจกดวันเดือนปีเกิดของตัวเองลงไปแทน

คลิก

หน้าจอมือถือสว่างวาบขึ้นครั้งหนึ่ง รหัสถูกต้อง...

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลามาดราม่าน้ำตาตื้น วันศุกร์สะบัดหัวเล็กน้อย แล้วรีบกดเบอร์โทรออกหาแม่ ซึ่งน่าจะกำลังหยุดอยู่ที่ประเทศไหนสักแห่ง และเขาหวังเป็นอย่างมากให้เวลาของพวกเราตรงกัน

รับสิ...

ตู๊ด....ตู๊ด....ตู๊ด.....

รับสายสิ

ตู๊ด....

รับสิ!

พรึ่บบ

ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อจู่ๆ มือถือเครื่องบางก็ถูกบุคคลปริศนาดึงออกไป ร่างสั่นไหวบนเตียงค่อยๆ เงยหน้าสบสายตาเรียบเฉยของวันเสาร์ด้วยใจเต้นรัว

“จะโทรหาแม่งั้นเหรอ?”

“ศุ...”

“จะโทรหาแม่กับพ่อทำไมศุกร์ พวกท่านไม่เคยว่างมาสนใจพวกเราหรอก”

น้ำเสียงตัดพ้อระคนโกรธเคืองทำเอาคนตัวเล็กเลิกคิ้ว ดวงตาสีนิลของวันเสาร์ยามจ้องมองไปยังหน้าจอมือถือดูไร้แวว เพียงวูบหนึ่ง...เขารู้สึกสงสารคนตรงหน้าขึ้นมาจับใจ

อย่างนี้นี่เอง...อาจจะเพราะแบบนี้เอง ถึงทำให้วันเสาร์กลายเป็นคนแบบนี้ และทำเรื่องแบบนั้น

“พี่เสาร์...” วันศุกร์ลืมความกลัวเมื่อครู่ไปเสียสนิท มือเล็กๆ เอื้อมจับมือของคนเป็นพี่มากุมไว้ราวกับจะปลอบ “พี่เสาร์รักพ่อกับแม่มากใช่ไหม?”

เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงถามออกไปแบบนั้น แต่มันกลับทำให้คนฟังถึงกับชะงัก วันเสาร์บีบมือเขาตอบ ก่อนจะทรุดตัวลงมานั่งข้างกันบนเตียง หมดสิ้นสภาพวันเสาร์คนที่เคยเข้มแข็งเลย...

“รักสิ…พี่รักท่าน”

วันศุกร์ตกใจเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นหยดน้ำใสกำลังเคลื่อนตัวอยู่ภายในแววตาเจ็บปวด แรงบีบรัดเพิ่มขึ้น รวมทั้งน้ำเสียงสั่นๆ นั่นด้วย

“แต่ท่านไม่ได้รักพี่ ไม่ได้รักเรา...พ่อกับแม่เอาแต่ทำงานไม่เคยสนใจลูกตัวเอง พี่ถึงได้บอกว่าพี่มีแค่ศุกร์ไง มีแค่ศุกร์คนเดียว...แล้วศุกร์ยังจะทรยศพี่อีก!”

เขาจ้องคนตรงหน้านิ่ง ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือพี่ชายที่อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี ทั้งที่อยู่ด้วยกัน...แต่เขากลับไม่ได้รู้จักหรือเข้าใจวันเสาร์จริงๆ เลย เพราะแบบนั้น เรื่องราวถึงได้บิดเบี้ยว

น่าสงสาร...

ทำไมวันเสาร์ตอนนี้ถึงได้น่าสงสารเหลือเกิน

“ศุกร์ขอโทษ” วันศุกร์เป็นฝ่ายรั้งตัวพี่ชายเข้ามากอด ไม่ได้จะขอโทษที่ไปรักคนอื่น ไม่ได้จะขอโทษที่มีกันต์ แต่ขอโทษที่เป็นน้องที่ไม่ได้เรื่อง เป็นครอบครัวที่ไม่ได้ความ ถึงได้ไม่เคยสังเกตเห็นบาดแผลในใจของอีกฝ่ายมาก่อน

ขอโทษ ที่ไม่เคยรับรู้ถึงความเหงาของผู้ชายที่ชื่อวันเสาร์เลย...


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 20.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-01-2018 21:26:11
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 20.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-01-2018 21:45:08
อย่างนี้ต้องรีบหาคู่มาปลอบใจวันเสาร์
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 21.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 26-01-2018 20:52:03
วันศุกร์ที่ 21.0



นาฬิกาในห้องบอกเวลา 5 ทุ่มกว่า ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิทยิ่งกว่าทุกคืน ประตูไม้แง้มออกต้อนรับแสงสลัวจากดวงไฟด้านนอก รวมทั้งร่างสูงโปร่งคุ้นเคย

“ยังไม่นอนอีกเหรอ?”

เขาเพียงแต่ส่ายหน้า ตอนนี้วันเสาร์ไม่ได้ใส่กุญแจมือเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้โล่งใจขึ้นสักเท่าไร ในเมื่อยังมีพวกชายชุดดำแปลกๆ นั่น เดินเฝ้ายั่วเยี้ยเต็มบ้านไปหมด แค่เขากระดิกนิ้วนิดเดียวก็ถูกจับได้

“นอนได้แล้วนะ”

มือใหญ่รั้งตัวเขาเข้าไปใกล้ จุมพิตบางเบาอ่อนโยนจรดลงบนกลุ่มผมนุ่ม คนตัวสูงส่งยิ้มให้ ก่อนจะจับตัวเขาเอนลงนอน ภายในห้องเงียบลงจนน่าอึดอัด และเพราะยิ่งตื่นก็ยิ่งคิดมาก เขาจึงพยายามข่มตาหลับให้ไวที่สุด

วันเสาร์นอนนิ่ง เมื่อมั่นใจว่าคนข้างกายหลับสนิทแล้ว เขาจึงได้ฤกษ์ปล่อยตัวลงสู่นิทรา

.

.

.

เสียงจอแจดังเซ็งแซ่อยู่รอบบริเวณ กลิ่นประหลาดชวนให้เวียนหัวแบบนี้เขาไม่ชอบเอาเสียเลย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนเจ็บป่วยเดินกันให้วุ่น

“แม่ฮะ ผมอยากเข้าห้องน้ำ” หน้ากากอนามัยที่สวมอยู่ถูกปลดออกข้างหนึ่ง มือเล็กๆ สะกิดแขนผู้หญิงในชุดสูทภูมิฐาน เธอเพิ่งสละงานบนโต๊ะ เพื่อแวะมารับลูกชายคนเดียวกลับออกจากโรงพยาบาล หลังจากพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่เมื่อ 3-4 วันก่อน

เธอก้มลงมองบัตรคิวในมือ สลับกับตัวเลขคิวบนป้ายแสดงผลแบบดิจิทัล

“ใกล้จะถึงคิวจ่ายเงินแล้วนะ เสาร์รออีกแป๊บนึงได้ไหมครับ?”

เด็กน้อยคว่ำปากลง พลางส่ายหน้า

“งั้นเสาร์ไปเข้าห้องน้ำคนเดียวได้ไหมเอ่ย มันอยู่ตรงนี้เอง” หญิงสาวชี้นิ้วไปทางด้านซ้ายมือของพวกเขา ป้ายสัญลักษณ์ห้องน้ำแขวนอยู่ชัดเจนพอให้เธอไม่ต้องกังวลเท่าไร หนุ่มน้อยชื่อเสาร์พยักหน้า แล้วพาตัวเองลงจากเก้าอี้พลาสติก

ขาเล็กของเด็กอายุ 5 ขวบ ก้าวไวๆ ไปทางป้ายบอกทางนั้น โชคดีที่ตอนนี้ห้องน้ำชายไม่มีคนเลย จึงรีบดันประตูบานใหญ่กว่าตัวมากนักเข้าไปเพื่อจัดการธุระตัวเองให้เสร็จ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงจากด้านนอก ก่อนจะเป็นเสียงปิดประตู

วันเสาร์รีบดึงกางเกงขึ้นสวม แล้วกลับออกมาล้างมือบริเวณอ่างเตี้ยสำหรับเด็ก เขาเหลือบมองผ่านช่องกระจกแคบๆ ของประตูห้องน้ำออกไป ก็พบว่ามีผู้ชายวัยกลางคนท่าทางงกเงิ่น กำลังเหล่สายตากลับเข้ามา เหมือนว่าจับจ้องสังเกตอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบสะบัดตัวหายไปในฝูงคน

เด็กน้อยเอียงคอสงสัย เขาเดินสำรวจไปทั่ว ด้วยสังหรณ์ไม่ค่อยจะดี ดวงตากลมใสเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าตกใจหรือกลัว เขาเกือบหวีดร้องหากก็ควบคุมตัวเองไว้ทัน

ตะกร้าเก่าๆ วางอยู่ใต้อ่างล้างมือ บรรจุทารกชายวัยไม่น่าเกิน 1 ขวบ ยังคงนอนหลับปุ๋ยไม่สนใจโลกภายนอก และคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพิ่งถูกนำมาทิ้งไว้ตรงนี้เพียงลำพัง วันเสาร์รี่เข้าไปลากตะกร้านั่นออกมาเพื่อมองให้ชัด แก้มกลมสีขาวน้ำนมเปื้อนไปด้วยรอยแดงเรื่อ น่าเอ็นดู

เขาหันซ้ายหันขวาไม่เจอใคร จึงตัดสินใจช้อนตัวทารกในตะกร้าขึ้นมาอุ้มไหวอย่างทุลักทุเล ร่างเล็กใช้แผ่นหลังดันประตูห้องน้ำเปิดออก ก่อนจะรีบสาวเท้ากลับไปหาคุณแม่ซึ่งเพิ่งจ่ายเงินค่ายาเสร็จ

“ตายจริง วันเสาร์!” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ ปราดเข้าไปโอบตัวลูกชายวัยสิบขวบไว้ด้วยใบหน้าตื่นๆ พวกเขาปลีกตัวออกมายืนอยู่บริเวณซอกหนึ่งของโรงพยาบาล “หนูไปอุ้มเด็กที่ไหนมา?”

“ในห้องน้ำฮะ”

“แล้วนี่ลูกใครล่ะเนี่ย”

“ไม่รู้ฮะ มีคนเอาน้องมาทิ้งไว้”

“ห้ะ!?”

“งั้นเรารีบแจ้งคุณพยา—“

“คุณแม่ เราเอาน้องกลับบ้านได้ไหมฮะ?”

“วันเสาร์...ไม่ได้นะลูก”

คิ้วบางขมวดมุ่น น้ำตาเอ่อคลอทำเอาคนเป็นแม่ใจหาย รีบตรงเข้าลูบหน้าลูบตาลูกชายใหญ่ หางตาเหลือบลงมองเด็กทารกในอ้อมกอดซึ่งยังคงหลับสนิท เสียงลมหายใจเข้าออกแผ่วๆ เกือบทำให้เธอหวั่นไหวซะแล้ว

“ผมอยากมีน้อง เราเอาน้องไปเลี้ยงนะฮะ”

คำพูดนั้นทำเอาเธอสะอึก

‘ผมอยากมีน้อง’ อย่างนั้นเหรอ... ลูกชายของเธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไร และรู้หรือเปล่าว่าเธอได้ทำหมันไปแล้วตั้งแต่คลอดเขาออกมา

“แต่ว่า...”

“น้องน่าสงสาร ผมจะเลี้ยงน้องเอง นะฮะคุณแม่”

“เสาร์...”

มือหยาบกร้านจากการทำงานหนักกำแน่น เธอยืดตัวขึ้นมองซ้ายขวาเหมือนคนกระทำผิด ในหัวสมองกำลังคิดหนักระหว่างเหตุผลและอารมณ์ส่วนตัว เธอยอมรับว่าเธอและสามีไม่ได้มีเวลาให้ลูกคนนี้มากนัก ทำให้หลายครั้ง วันเสาร์อาจเหงาไปบ้าง...และมันคงดีใช่ไหม ถ้าจะให้เขาได้มีเพื่อน ได้มีสิ่งที่สามารถเติมเต็มส่วนที่เขาขาดไปได้

“ส่งมาให้แม่” คำพูดราบเรียบ ตามมาด้วยอ้อมแขนเรียวที่ฉวยเอาเลือดเนื้อในมือเขาไป

เธอสะกิดให้วันเสาร์เดินตามออกจากโรงพยาบาล โดยไม่หันกลับไปมองใครอีก ทุกอย่างดูเป็นปกติมากในสายตาคนอื่นๆ ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่มีใครรู้.....

แม้ว่าการตัดสินใจของเธออาจดูผิด แต่บางทีมันก็อาจจะถูกก็ได้ ถ้าปล่อยเด็กนี่ไว้ดีไม่ดีก็จะต้องตาย แม้จะผลักภาระไปให้โรงพยาบาล ก็ใช่ว่าจะจบลงอย่างมีความสุข สุดท้ายเขาอาจถูกส่งไปยังบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งนับว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก

มันคงเป็นโชคชะตา ที่ลูกชายเธอได้พบกับเด็กนี่... มันคงเป็นโชคชะตา ที่ครอบครัวของเธอจำเป็นต้องมีสมาชิกเพิ่ม...

“อืม…” วันเสาร์รับทารกน้อยมาอุ้มไว้อีกครั้งหลังจากขึ้นรถ ดวงตาอบอุ่นจับจ้องไปยังใบหน้าหวานละมุน ก่อนจะทอดสายตาออกไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า บรรยากาศปลอดโปร่งก่อนจะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์นับว่าเป็นฤกษ์งามยามดีของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เขาหันมองหน้าแม่ตัวเอง แล้วเอ่ยเสียงสดใส

“แม่ฮะ...ผมคิดชื่อให้น้องได้แล้ว”

“หืม อะไรเหรอ?”

“วันศุกร์ฮะ น้องชื่อวันศุกร์!”

.

.

มันคงเป็นโชคชะตา...

.

.

เฮือก!

ร่างสูงใหญ่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมศีรษะที่กำลังปวดตุบๆ

ความฝันงั้นเหรอ...

วันเสาร์ขยับตัวอยู่ในความมืด ทอดสายตามองคนตัวเล็กข้างกายซึ่งยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ดวงตากลมบวมและเปื้อนรอยแดงจากการร้องไห้มาเป็นเวลานาน เขาเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมนุ่ม พลางนึกย้อนไปถึงอดีต ชีวิตของเขาเจอหน้าพ่อกับแม่นับครั้งได้ตั้งแต่เล็ก แม้ว่าท่านจะทำงานหนักเพื่อหาเงินมาปรนเปรอให้เขาได้มีชีวิตสุขสบายแค่ไหน แต่ตลอดเวลา เขาก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างอยู่ดี

จวบจนวันที่มีวันศุกร์เข้ามาในชีวิต ความเหงาในใจเขาค่อยๆ ถูกเติมเต็ม...

เพราะอย่างนั้นถึงรักที่สุด...

ริมฝีปากอุ่นจรดลงบนกลุ่มผมสีดำประกายน้ำตาล ก่อนจะถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง เสียงกระซิบดังแทรกความเงียบยามค่ำคืน

“พี่รักศุกร์นะ...ถ้าไม่มีศุกร์แล้ว พี่จะอยู่ยังไง...”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 21.0
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2018 21:22:16
 :mew6:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 21.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 29-01-2018 21:11:33
วันศุกร์ที่ 21.5



“ทำไมยังเหลือเต็มชามแบบนี้?” วันเสาร์หันไปเอาเรื่องลูกน้องชุดดำ ซึ่งเอาแต่ตีหน้าลำบากใจ พลางเหล่ตามองร่างซูบซีดบนเตียง

“พูดยังไง คุณศุกร์ก็ไม่ยอมทานเลยครับ”

“ศุกร์ ทำไมไม่ยอมกินข้าว” คราวนี้หันไปเอาความจากน้องชายตัวดีแทน

“ศุกร์ไม่อยากกิน”

“ไม่อยากกินก็ต้องกิน เราไม่ยอมกินอะไรมาหลายมื้อแล้วนะ” เสาร์ทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียง มือใหญ่เอื้อมแตะแก้มตอบ หัวคิ้วขมวดยุ่งเมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายดูโทรมลงขนาดไหน

“ทำไมพี่เสาร์ไม่ปล่อยศุกร์สักที ศุกร์อยากไปเรียน”

“ไปเรียนหรือจะไปเจอไอ้กันต์กันแน่”

น้ำเสียงอ่อนๆ เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังทันที

“ศุกร์อยากกลับไปเรียน กลับไปเจอเพื่อน พี่เสาร์จะขังศุกร์ไว้แบบนี้ตลอดไปหรือไง”

“ใช่!” คนตัวสูงเผลอขึ้นเสียง เพราะเขารู้ดีว่าวันศุกร์ไม่ได้คิดถึงเรื่องการเรียน หรือเพื่อนมากมายขนาดนั้น กันติกรณ์ต่างหากคือเหตุผลที่ทำให้เด็กตรงหน้ากลายเป็นคนก้าวร้าวกับเขาได้

ร่างบางสั่นไหว ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง เป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ วันศุกร์ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวกๆ แล้วทำท่าจะลงจากเตียง แต่ไม่วายถูกรั้งข้อมือไว้ก่อน

“จะไปไหน?”

“ศุกร์จะไปเข้าห้องน้ำ”

ตอบคำถามโดยไม่หันไปมองหน้า วันศุกร์ขยับตัวลงจากเตียงแล้วเดินโซซัดโซเซไปทางประตูห้องน้ำ เขารู้สึกเวียนหัวเหมือนอยากอาเจียนทั้งที่ไม่มีอะไรอยู่ในท้อง ฝ่ามือนวดลงบนขมับเมื่อทัศนะตรงหน้าเริ่มบิดเบี้ยวไปทีละน้อย จู่ๆ ก็มองเห็นพื้นกลายเป็นคลื่น ก่อนที่ห้องทั้งห้องจะหมุนคว้าง

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ร่างของเขาก็ทนยืนอยู่ไม่ไหวอีกต่อไป

ตุ้บบ!

“ศุกร์!!” วันเสาร์พุ่งตัวเข้ามารับ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

เขาพยายามเขย่าร่างบอบบางในอ้อมแขน ซึ่งบัดนี้หมดสติไปแล้ว ลูกน้องในชุดสีดำสนิทต่างพากันกรูเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงประหลาดเมื่อครู่ ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ไปเตรียมรถเดี๋ยวนี้!” คนเป็นนายออกปากสั่ง พร้อมกับช้อนร่างของน้องชายขึ้น ทุกย่างก้าวไปจนถึงหน้าประตูรถเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตกใจ กลัว เป็นห่วง และรู้สึกผิด ปะปนกันไปหมด

ทันทีที่รถแวนประจำบ้านวุฒิเวคินทร์เคลื่อนตัวออกไปจากซอย เงาทะมึนของใครบางคนซึ่งคอยแอบสังเกตการณ์จากด้านหลังเสาไฟฟ้าก็ค่อยๆ เปิดเผยตัวออกมา ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม

“ศุกร์...”

เจ้าของผิวสีขาวอมเหลืองรีบหยิบมือถือออกมากดส่งข้อความหาเหล่าพรรคพวกในกลุ่มแชท ซึ่งคงกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยฟังผลกันแบบไม่ติดเก้าอี้แน่ๆ

[ กล้าไหม?: พี่เสาร์เพิ่งพาศุกร์ขึ้นรถออกไป แต่ศุกร์เหมือนหมดสติ ]

[ Nutdanai: เฮ้ย ศุกร์เป็นไรวะ?? ]

[ กล้าไหม?: ไม่แน่ใจ แต่แบบนี้น่าจะไปโรงพยาบาล ]

[ Nutdanai: ตามมม ]

[ Bundit: ตามไป! ]

[ กล้าไหม?: ตามอยู่ ]

รถมอเตอร์ไซค์สีดำขัดเงา พยายามรักษาระยะห่างจากรถตู้ซึ่งอยู่ถัดไปด้านหน้าไม่ไกลเท่าไรนัก หาญกล้าในชุดแจ็คเก็ตยีนส์ สวมหมวกกันน็อคปิดบังหน้าตาถูกส่งมาจับตาดูบ้านของวันศุกร์ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน พวกเขาเดาไม่ผิดว่าวันเสาร์คือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การหายตัวไปของไอ้เพื่อนตัวเล็ก รวมทั้งเรื่องที่กันต์โดนรุมซ้อมนั่นด้วย

มือข้างหนึ่งยึดแฮนด์ไว้แน่น อีกข้างถือมือถืออย่างคนช่ำชองการขี่รถเครื่อง แม้ว่าจะอันตรายอยู่สักหน่อย แต่วินาทีนี้ ข้อมูลที่รวดเร็วพอคือสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือวันศุกร์ และหากเขาตอบช้าไปเพียงนิดเดียว อาจมีใครบางคนกัดลิ้นตัวเองตายก็ได้

[ 3WIT: กำลังไปที่โรงพยาบาลไหนเหรอ? ]

[ กล้าไหม?: น่าจะเป็นโรงพยาบาล ooo ครับ ]

[ K.Wisarut: งั้นทุกคนไปเจอกันที่โรงพยาบาลนะครับ ]

[ Bundit: โอเค ]

กล้าจอดรถตรงจุดจอดมอเตอร์ไซค์ ค่อยๆ แอบย่องตามกลุ่มคนชุดดำไม่น่าไว้ใจไปจนถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ที่นี่คือโรงพยาบาลแห่งเดียวซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับละแวกบ้านของทั้งเขาและศุกร์ โชคดีอย่างหนึ่งคือการที่วันเสาร์จ้างลูกน้องใหม่ยกชุด เพราะคนพวกนั้นไม่เคยเห็นหน้าเขา ไม่รู้ว่าเขาคือเพื่อนของวันศุกร์จึงไม่เป็นจุดสังเกตมากนัก

เขายืนรอเพื่อนและรุ่นพี่คนอื่นๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนที่รถยี่ห้อ BMW สีดำวาวจะแล่นเข้ามายังลานจอดเป็นลำดับแรก ล้อสีเงินหมุนเข้าซองอย่างชำนาญ เสียงประตูรถเปิดออก พร้อมการปรากฏตัวของชายหนุ่มเจ้าของอารมณ์คุกรุ่น ใบหน้าคร่ำเครียดของกันติกรณ์เต็มไปด้วยร่องรอยการถูกรุมทำร้าย รอยฉกช้ำตรงมุมปาก กับผ้าก็อซบนขมับซ้ายยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน

“ศุกร์เข้าไปนานรึยัง?”

“พักนึงแล้วครับ”

“แล้วพวกพี่เสาร์ล่ะ?”

“ยังไม่ออกมาเลย...เฮ้ย!” กล้าสะดุ้ง รีบดึงตัวกันติกรณ์เข้ามาหลบหลังตัวเอง แล้วค่อยๆ เขยื้อนตัวหนีออกจากประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ เมื่อเขาหันไปเห็นพวกกลุ่มลูกน้องชุดดำของวันเสาร์กำลังเดินออกมา พวกนั้นตรงกลับไปที่รถแวนสีเงิน โดยปราศจากเงาของเจ้านาย

“นี่เป็นโอกาสของเราแล้ว”

คนเด็กกว่าแสยะยิ้ม มีแผนการดีๆ เตรียมอยู่ในหัวของเขา

 

 

“ฮัลโหล”

“ฮัลโหลครับ พี่เสาร์ นี่กล้าเองนะครับ”

“อืม ว่ายังไง” วันเสาร์ขยับตัวห่างจากเตียงโรงพยาบาล ซึ่งมีร่างของน้องชายตัวเองนอนหลับสนิทอยู่ หลังจากที่สลบไป หมอบอกว่าวันศุกร์เพียงแค่พักผ่อนน้อยและขาดสารอาหารเท่านั้น

“พี่เสาร์อยู่บ้านรึเปล่าครับ?”

“เปล่าน่ะ มีอะไรเหรอ”

“คือผมมาซื้อยาที่โรงพยาบาล แต่ผมลืมหยิบกระเป๋าตังค์มาอะ ทีนี้ผมโทรไปที่บ้านไม่มีคนรับอะครับ โทรหาศุกร์ก็ติดต่อไม่ได้ด้วย คิดว่าถ้าพี่เสาร์อยู่บ้าน จะวานให้เอาเงินมาให้หน่อย แฮะๆ”

กล้าปั้นน้ำเป็นเรื่องราวยาวเหยียด น้ำเสียงเกรงอกเกรงใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ คงพอตบตาพี่ชายเพื่อนจอมโหดคนนี้ได้บ้าง ทางด้านวันเสาร์เองก็ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนี้เขามัวแต่กังวลเรื่องสุขภาพของวันศุกร์มากกว่า คนตัวใหญ่ชั่งใจเพียงครู่หนึ่ง ระหว่างจะผลักไสเพื่อนน้อง พ่วงด้วยตำแน่งเพื่อนบ้านไป หรือจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ดี

“กล้าอยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ”

“โรงพยาบาล ooo ครับ”

อืม...ความจริงก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ เห็นว่าเป็นคนคุ้นหน้ามานมนานหรอกนะ จะไม่ช่วยก็คงดูใจร้ายไปหน่อย

“ความจริงพี่ก็อยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน กล้าอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปหา”

“จ...จริงหรอครับ! ผมอยู่ชั้น 2 ครับ ตรงเคาน์เตอร์รับยา แผนกอายุรกรรมอะครับ”

“อืม โอเค”

“ขอบคุณพี่เสาร์มากครับ”

วันเสาร์ไม่ตอบอะไรแล้วกดวางสาย หันไปกำชับลูกน้องหนึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ ส่วนคนอื่นๆ เขาให้กลับไปก่อนเพื่อไม่ให้รบกวนทางโรงพยาบาลและดูน่าสงสัยมากเกินไป

“ดูแลวันศุกร์ให้ดีล่ะ เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างหน่อย”

“ครับ คุณเสาร์”

ชายผิวเข้มก้มหัวน้อยๆ ก่อนที่วันเสาร์จะเดินออกจากห้อง เขาหมุนล็อคประตูแล้วกลับมายืนตัวตรงนิ่ง ทอดสายตามองร่างอ่อนแรงบนเตียง พยายามคิดว่าไอ้ที่หนังตาตัวเองกระตุกยิบๆ เมื่อครู่มันคืออะไร

เวลาผ่านไปราวห้านาที ทุกอย่างภายในห้องยังคงสงบเรียบร้อย และวันเสาร์ยังไม่กลับมา

กุก กัก

เสียงแปลกประหลาดดังลอดออกมาจากทางเดินหน้าห้องแต่เขาก็ไม่ทันได้สนใจ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขารีบรุดออกไปส่องช่องกระจกบนบานประตูหากก็ไม่พบใคร ถึงอย่างนั้นก็ยังเสี่ยงปลดล็อค

“คุณเสาร์?”

ยังไม่ทันได้ยินเสียงคนเป็นนาย ก็รู้สึกว่าประตูหนักๆ กำลังถูกกระชากออกจากด้านนอก พร้อมกับการเผยตัวของกลุ่มวัยรุ่นชายถึงสามคน

“เฮ้ย อะไรวะ!?”

กลุ่มเด็กแปลกหน้ารุดเข้ามาในห้องแบบไม่บอกกล่าว หนึ่งในนั้นไวกว่าใครเพื่อน รีบตรงเข้ามาล็อคคอเขาไว้พลางใช้มือปิดปากไม่ยอมให้ส่งเสียงในช่วงที่ยังตกใจ

ทันทีที่ประตูห้องปิดตัวลง ชายวัยกลางคนก็ดึงสติกลับมาได้ทันถ่วงที ปล่อยศอกหลุนๆ ไปด้านหลัง ทำให้หลุดออกจากการเกาะกุมในที่สุด เขาก้าวขาถอยออกห่างเล็กน้อย พลางตั้งท่าเตรียมต่อสู้ เมื่อจ้องพิจารณาดีๆ แล้วจึงนึกออกว่าหนึ่งในเด็กตรงหน้าคือใคร

กันติกรณ์ คนที่วันเสาร์สั่งให้พวกเขาไปจัดการสั่งสอนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง...แต่พูดก็พูดเถอะ ถึงเขาจะได้รับการฝึกการต่อสู้มาบ้าง เจอสามรุมหนึ่งแบบนี้มันก็ยากเหมือนกันนะ

ผู้รับหน้าที่บอดี้การ์ดตัดสินใจควักปืนออกมาหวังจะขู่ แต่พอแตะไปกับชายกางเกงด้านหลังแล้วกลับพบเพียงความว่างเปล่าผิดวิสัย ใบหน้าเลิ่กลั่กทำเอาเด็กหนุ่มตัวสูง คนที่เข้าชาร์จเขาเมื่อครู่หลุดขำ ก่อนจะยกปืนสีดำเล่มหนึ่งขึ้นมาแกว่งไปมา

“หานี่อยู่รึเปล่าพี่ชาย?”

“เฮ้ย! เอาไปตั้งแต่เมื่อไรวะ”

ไม่ทันได้ทำอะไรต่อ กันติกรณ์ก็คว้าเอาปืนในมือเพื่อนมาตั้งท่าไว้มั่น เสียงเหนี่ยวไกทำเอาอีกฝ่ายตาโต

“ใจเย็นก่อน นี่มันในโรงพยาบาลนะเว้...”

“หุบปาก!” กันต์คำราม ยิ่งจ่อปืนตรงไปยังหัวของคนชุดดำ เขาส่งเสียงเป็นสัญญาณให้อีกสองคนด้านหลังตรงไปยังเตียงคนไข้

“พวกมึงจะทำอะไร”

“กูบอกให้หุบปากไง!”

คนตัวใหญ่กว่ากลับโดนเด็กบ้าต้อนติดกำแพงห้องด้านหนึ่ง ในหัวนึกหนทางต่อกร ไม่ก็ขอให้วันเสาร์รีบกลับมาอย่างไวที่สุด

“ศุกร์” หลังมือชื้นเหงื่อจากความตื่นเต้นตบเบาๆ ไปยังแก้มเนียนของคนเป็นเพื่อน หากก็ไร้ผล จนอีกคนข้างๆ ส่งเสียงขึ้นแผ่วเบา

“ขอโทษนะศุกร์”

ฟึ่บ!

“เฮ้ย พี่ฑิต!” ณัฐดนัยเบิกตากว้างมองบัณฑิตที่เพิ่งกระชากสายน้ำเกลือออกจากแขนเล็กๆ หน้าตาเฉย และนั่นทำให้คนบนเตียงย่นคิ้ว ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาตื่นขึ้นหลังจากหลับเป็นตายมานาน

“อือ...น...นี่มันที่ไหน”

วันศุกร์กระพริบตาถี่ ความรู้สึกเจ็บแปล็บเหมือนโดนมดตัวใหญ่กัดเมื่อครู่ยังคงอยู่ หัวคิ้วสองข้างยิ่งขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าคืออะไร

“นัท...พี่ฑิต?”

“ค่อยๆ ลุกมึง” นัทเข้าไปประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง วันศุกร์กวาดตาไปรอบห้องจึงร้องอ๋อ ว่าตัวเองสลบไป และคงถูกพาตัวมาโรงพยาบาล แต่ที่นี่กลับไม่มีวันเสาร์...

แววตาคร่ำเครียดคุ้นเคยของใครบางคนเหลือบมองเขาอยู่เพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปจี้ปืนขู่ลูกน้องชุดดำจนเหงื่อผุดเต็มขมับไปหมดแล้วนั่น

“พี่กันต์...” เขาพึมพำเสียงค่อย ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้น เมื่อบัณฑิตตรงเข้ามาช้อนตัวเขาออกจากเตียง

“รีบออกไปกันเหอะ”

“ด...เดี๋ยวสิครับ นี่มันอะไร”

“ยังไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นอะ”

บัณฑิตดุเขาน้อยๆ แล้วรีบสาวเท้าออกไปจากห้องพักผู้ป่วย บริเวณหน้าทางเดินโล่งเปล่า มีเพียงรถเข็นคันหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ วันศุกร์ถูกจับนั่งบนรถเข็นนั้น ก่อนที่กันต์จะตามออกมาทั้งที่ยังคงถือปืนไว้อยู่ จนกระทั่งพ้นประตูสีเทา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็รีบเลื่อนล้อออกตัว หากยังคงแสร้งตีหน้าปกติเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยมากนัก

ด้านคนในห้องผู้ป่วย ทันทีที่ผู้บุกรุกกลับออกไปก็รีบต่อสายหาเจ้านายอย่างร้อนรน ไม่รู้ว่าพวกกันต์จะถูกจับได้ก่อน หรือว่าตัวเขาเองที่จะถูกวันเสาร์ฆ่าตายก่อนกันแน่

“ว่ายังไง?”

“คุณเสาร์ รีบมาเร็วครับ” น้ำเสียงลนๆ ติดจะสั่นไหวทำเอาคนปลายสายเลิกคิ้ว

“ฉันใกล้จะถึงแล้ว มีอะไร”

“คุณศุกร์...โดนพาตัวไปแล้วครับ!”

ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความโกรธระคนตกใจ สองเท้าเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมด ตรงกลับไปยังหน้าห้องพักของน้องชายตัวดี แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็นความว่างเปล่า ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแว่วมาจากที่ไกลๆ เท่านั้น

กันติกรณ์......

ไอ้เด็กเวร!!!


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 21.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-01-2018 21:43:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 21.5
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 30-01-2018 00:26:43
 o13
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 22.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 02-02-2018 16:36:46
วันศุกร์ที่ 22.0



“ฮ ฮือ...” คนในชุดผู้ป่วยยังเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ถูกขโมยตัวออกมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของตรีวิทย์ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากซักไซ้อะไรมากนัก

“ไม่ร้องแล้วนะ” ฝ่ามืออบอุ่นของกันต์ตบปุๆ ลงกับศีรษะทุย แต่กลับยิ่งทำให้คนตัวเล็กบ่อน้ำตาแตกกว่าเดิม วันศุกร์โผเข้ากอดกันต์อีกครั้งท่ามกลางสายตาหลายคู่

มันคิดถึงเหลือเกิน...

“ฉันว่าเราปล่อยให้ศุกร์พักก่อนดีกว่านะ ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรเลย” เจ้าของบ้านเสนอความคิด ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทีละคนจนเหลือแค่กันต์กับศุกร์เพียงลำพัง มือใหญ่ยังคงลูบหัวปลอบคนรัก ขณะที่วันศุกร์เอาแต่ซุกใบหน้าลงกับอกกว้าง จนเสื้อชื้นน้ำตาไปหมด

“พี่กันต์...ศุกร์...ศุกร์ขอโทษนะ”

“ขอโทษอะไรศุกร์ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ”

“ศุกร์...ฮึก ทำให้พี่กันต์ โดนซ้อม” แววตาสั่นไหวเงยมองรอยแผลบนใบหน้าของเขา จมูกโด่งรั้นแดงเรื่อน่าหยิก

“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรเลย”

ริมฝีปากสีธรรมชาติกดจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากมน หัวคิ้วขมวดยุ่งเมื่อนึกว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดเขาต้องผ่านเรื่องเจ็บปวดอะไรมาบ้าง และมันคงย่ำแย่กว่าทุกครั้งมากนัก เมื่อคนที่กล้าทำร้ายวันศุกร์คือพี่ชายที่ตัวเองรักนักรักหนาเพียงคนเดียว

“เดี๋ยวเรากลับบ้านกันนะ”

“บ้าน?”

“อืม...บ้านพี่”

 

 

“ว...วันศุกร์!?” นั่นคือน้ำเสียงตกใจจากเกศราตามที่เขาคาดการณ์ไว้ หญิงสาวตีหน้าไม่ถูกเมื่อจู่ๆ ก็ได้มาเจอกัน แถมสภาพอีกฝ่ายยังดูไม่ดีนัก อะไรคือท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หน้าตาซูบซีด ใต้ตาบวมแดง แถมยังใส่ชุดของโรงพยาบาลอีก

“คืนนี้ให้ศุกร์พักที่บ้านเราก่อนนะพี่เกศ”

“กันต์ นี่มันอะไร?”

“เรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

“ขอโทษครับ...รบกวนด้วยครับ” วันศุกร์ก้มหัวถึงสองครั้ง ขณะก้าวขาเข้ามาในบ้าน

กันต์จัดแจงพาคนรักขึ้นไปนอนพักบนห้องนอนของเขา ก่อนจะเดินลงมาเตรียมอธิบายให้พี่สาวฟัง มันคงถึงเวลาแล้วที่เกศจะได้รู้จักตัวตนของวันศุกร์ คนที่เธอนึกเกลียดมาตลอด...

“มันเกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมดเลย”

“อืม”

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยรังสีกดดัน กันต์ขอให้เกศนั่งฟังนิ่งๆ อย่าเพิ่งแทรกอะไร แล้วเริ่มต้นเล่าตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาพบกัน บอกว่าวันศุกร์เป็นคนยังไง และวันเสาร์ทำเรื่องบ้าอะไรไว้บ้าง คนเป็นพี่ขมวดคิ้วเป็นพักๆ เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง

“ไม่อยากจะเชื่อ เสาร์ขังศุกร์ไว้ที่บ้านอย่างนั้นเหรอ?”

“ก็ใช่อะสิ พี่เสาร์น่ะบ้าไปแล้ว”

“ฉันไม่คิดเลยว่าวันเสาร์จะทำอะไรแบบนี้”

“ผมขอร้องล่ะนะ แค่พี่เสาร์คนเดียวก็ทำร้ายศุกร์มากพอแล้ว พี่เกศอย่าเพิ่งไปหาเรื่องอะไรศุกร์อีกเลย”

“ฉ...ฉันก็ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” เธอรีบตอบกลับเสียงแหลม แม้ในใจจะยังขุ่นมัวอยู่หน่อยๆ แต่ขืนให้ทำอะไรกับคนป่วยสภาพเหมือนทิชชู่เปียกเดินได้แบบนั้นก็คงโหดเหี้ยมเกินไป

“ทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่เสาร์คนเดียว ศุกร์ไม่เคยเกี่ยวอะไรเลย ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้พี่ลองใช้เวลาทบทวนความรู้สึกตัวเองให้ดี แล้วเลิกทิฐิกับแฟนผมได้แล้ว”

“...”

เกศเงียบไม่กล้าต่อล้อต่อเถียง วันนี้กันต์ดูผิดแปลกไปจากทุกครั้ง นอกจากจะกล้าสั่งสอนคนเป็นพี่อย่างเธอแล้ว ยังแอบน่ากลัวยังไงไม่รู้ หรือเพราะว่าเป็นห่วงวันศุกร์ หรือเพราะว่าเบื่อกับเธอเต็มที...จะยังไงก็ช่างเถอะ เมื่อกี้รู้สึกหมั่นไส้ชะมัดที่ไอ้น้องตัวดี เอ่ยปากเรียกเด็กแปลกหน้านั่นว่า แฟน ซะเต็มปากเต็มคำ

ทั้งที่เธอย้ำไปแล้วไม่รู้กี่รอบ ว่าอย่าไปสนิทสนมกับเด็กนั่นแท้ๆ...แต่ดูเหมือน หัวใจของกันต์ จะบังคับไม่ได้เลยสินะ

“ตอนนี้ผมขอร้องพี่อีกอย่างได้ไหม”

“อะไร?”

“อย่าให้พี่เสาร์รู้ที่อยู่บ้านเราเด็ดขาด”

“เสาร์ก็ไม่รู้อยู่แล้วนี่ ฉันไม่ได้สนิทกับหมอนั่นขนาดนั้นสักหน่อย”

“แต่เขาก็ถามจากเพื่อนคนอื่นได้ใช่ไหมล่ะ”

เกศคิดตามและเริ่มเข้าใจว่ากันต์ต้องการอะไร เธอชั่งใจครู่หนึ่งก็ยอมพยักหน้าแล้วกดโทรศัพท์หาเพื่อนในกลุ่มสามสี่คนที่รู้ที่อยู่ของเธอ กำชับพวกนั้นว่าถ้าวันเสาร์ถามอะไรก็อย่าตอบเป็นอันขาด อย่างน้อยก็ในตอนนี้...คงพอช่วยยื้อความปลอดภัยของวันศุกร์ไว้ได้สักพัก

ยอมรับว่าเธอก็ยังไม่ชอบขี้หน้าเด็กวันศุกร์อยู่ดี แต่พอรู้เรื่องที่วันเสาร์ทำ บวกกับสภาพของวันศุกร์ที่เธอเห็นเมื่อกี้ มันดันอดสงสารไม่ได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าวันศุกร์กำลังตกอยู่ในขุมความทรมานจากน้ำมือพี่ชายตัวเองอย่างไม่เต็มใจมากขนาดไหน

และมาคิดๆ ดู เธอเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าวันเสาร์ คนที่เธอเคยมีใจให้ ความจริงแล้วน่ากลัวเหลือเกิน

“แล้วแกจะให้วันศุกร์อยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อไร”

“ยังไม่รู้ แต่คงไม่นาน อย่างร้ายที่สุด...ผมอาจจะพาศุกร์ออกต่างจังหวัด”

“นี่พวกแกหนีแก๊งมาเฟียทวงหนี้อะไรอยู่รึเปล่า”

“พี่เสาร์ตอนนี้ ยิ่งกว่าแก๊งมาเฟียอีกมั้ง”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ...” เกศขมวดคิ้ว พลางหยุดนึกภาพตาม

“ก็แผลบนหน้าผมเนี่ย เป็นฝีมือพี่เสาร์ไง”

กันต์ชี้หน้าตัวเองแล้วยอมเปิดปากเฉลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเคยเค้นถามแต่ก็ไม่ยอมตอบ และนั่นก็ทำเอาเธออ้าปากค้าง...นี่มันบ้าไปใหญ่แล้ว ขังน้องตัวเอง เกือบขืนใจน้องตัวเอง แล้วยังพาลมารุมกระทืบแฟนน้อง ซึ่งเป็นน้องชายของเธออีกด้วยเนี่ยนะ! ชักจะไม่โอเคแล้ว!

“พี่ไม่คิดเลยว่าเสาร์จะเป็นไปได้ขนาดนี้”

“ก็คงไม่มีใครคิดหรอก”

เกศรานั่งนิ่ง รู้สึกปวดหัวตามไปด้วย เพราะจู่ๆ ก็มารับรู้เรื่องราวมากมายซึ่งเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน กันติกรณ์ฝากเธอกำชับเรื่องปกปิดที่อยู่ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนั่งเฝ้าผู้ลี้ภัยบนห้องนอนชั้นบน

เวลาผ่านไปจนถึงเวลามื้อค่ำ กันต์กับวันศุกร์ถึงได้ลากสังขารกลับลงมา

“พี่เกศ...ผม ขอโทษนะครับ ที่มารบกวน” เสียงที่ควรจะใสแจ๋ว กลับเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ใบหน้าซีดเซียวไม่เหมือนวันศุกร์ที่เธอเคยเห็น ยิ่งขอบตาแดงช้ำก็ยิ่งทำเอาเธอใจหาย

“ช่างเถอะ มากินข้าวกันได้แล้ว”

คนตัวเล็กก้มหัวแล้วนั่งลงข้างๆ ผู้ชายอีกคน มีเกศนั่งอยู่ตรงข้ามเยื้องออกไปเล็กน้อย เขาไม่ค่อยกล้าสบตากับพี่สาวคนนี้มากนัก ไม่รู้ทำไม เกศดูน่ากลัว…เธอไม่ค่อยยิ้ม และน้ำเสียงของเธอมักฟังดูขุ่นเคืองตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อต้องเอ่ยปากพูดกับเขา

“แค่ไม่กี่วัน ศุกร์ก็ผอมลงไปตั้งเยอะ” กันต์บ่นออดแอด พลางตักกับข้าวใส่จานเขาไม่หยุด

“พอแล้ว”

“ไม่ได้ ต้องกินเข้าไปเยอะๆ เดี๋ยวไม่มีแรงต่อกรกับพี่เสาร์”

คนฟังชะงักไปเล็กน้อย ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งยามได้ยินชื่อพี่ชายที่ตอนนี้กลายเป็นปิศาจร้าย และนั่นก็ทำให้กันต์อยากจะย้อนเวลาไปตบปากตัวเอง ขนาดเกศยังดูออกจนอดจะดุไม่ได้

“กันต์ ไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ไม่มีใครว่านะ”

“ข...ขอโทษ พี่ขอโทษนะศุกร์ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยนะ”

“อือ…” พยักหน้าช้าๆ แล้วเริ่มตักข้าวเข้าปากอย่างอ้อยอิ่ง แต่กินไปได้เพียงไม่กี่คำก็หยุดเคี้ยวซะอย่างนั้น

“อะไร พอแล้วเหรอ?”

“ศุกร์ไม่ค่อยหิว…”

กันติกรณ์ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นวันศุกร์เป็นแบบนี้ แม้แต่ตัวเองก็พาลจะกินข้าวไม่ลงไปด้วย ได้ยินเสียงเกศรวบช้อน ก่อนที่เธอจะเรียกแม่บ้านเข้ามาเก็บกวาดโต๊ะอาหาร

“ถ้าไม่กินข้าวก็กินผลไม้สักหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปปอกมาให้” คุณหนูบ้านเดชะภักดีลงทุนเอ่ยปากอาสาเองในรอบสิบปีเห็นจะได้ ทำเอาคนเป็นน้องชายถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง ไม่รู้จะซาบซึ้งหรือควรห้าม ก่อนที่ผลไม้ในตู้เย็นจะถูกปู้ยี่ปู้ยำจนเละดี

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับพี่เกศ”

“ไม่เป็นไรไม่ได้ นายกินข้าวไปแค่นั้น เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาฉันจะลำบากเอา”

“กะ ก็ได้ครับ งั้น…ให้ผมไปช่วยด้วยนะครับ” วันศุกร์ลุกออกจากเก้าอี้ ทำท่าจะตามเกศไปทางห้องครัวแต่ก็โดนถึงสองเสียงห้ามไว้

“ไม่ต้อง”

“ไม่ต้องหรอกศุกร์”

สองพี่น้องที่ดูเหมือนจะใจตรงกันเหลือเกิน ทำเอาเขาสะดุ้ง

“เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ ศุกร์อยากช่วย ศุกร์ไม่อยากอยู่เฉยๆ ด้วย” เขาหันไปบอกคนรัก พยายามส่งสายตาเพื่อให้วางใจ จนกันต์ยอมพยักหน้าและทำมือทำไม้เป็นสัญญาณว่าตัวเองจะนั่งรออยู่ตรงห้องนั่งเล่น อดห่วงไม่ได้เพราะเขารู้แก่ใจดีอยู่ ว่าเกศราน่ะไม่ชอบขี้หน้าวันศุกร์มากแค่ไหน

เด็กผู้ชายหน้าหวานซึ่งตอนนี้ดูโทรมลงไปถนัดตา เดินเตาะแตะตามพี่สาวคนสวยเข้าไปในส่วนของห้องครัวขนาดกว้างขวางและค่อนข้างโปร่งสบาย แม่บ้านสองคนตั้งท่าจะเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกเกศไล่ให้กลับไปพักผ่อน ก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบชมพู่กับฝรั่งลูกโตออกมาพิจารณา

“ชอบกินอะไรล่ะ มีแอปเปิ้ลด้วยจะเอาไหม?”

“ผมกินอะไรก็ได้ครับ”

เกศส่งเสียงฮึดฮัดเล็กน้อยด้วยความรำคาญ เพราะวันศุกร์เอาแต่ตีหน้าซึม ทำท่าเกรงๆ เหมือนเธอเป็นยักษ์ไม่ก็ผีห่าซาตานที่ไหน ทั้งที่เธอพยายามปั้นหน้าทำตัวดีด้วยขนาดนี้แล้ว สาบานเถอะว่าถ้าวันศุกร์ไม่ได้เจอเรื่องแย่ๆ มา เธอคงไม่มีทางเสวนาด้วยแน่

ทั้งที่แวบหนึ่งในหัว…เกือบคิดว่าจะลองเปิดใจยอมรับเด็กตรงหน้าสักหน่อยแท้ๆ

“เอาที่พี่เกศชอบก็ได้ครับ”

“ฉันไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ”

“เอ่อ…” คนเด็กกว่าเริ่มไปต่อไม่ถูก เขาอยากจะคุยด้วยอยู่หรอกนะ แต่ทำไมมันถึงได้อึดอัดจัง “งั้น…พี่กันต์ชอบกินอะไรเหรอครับ?”

คำถามเมื่อครู่หลุดออกจากปากตามสัญชาตญาณบางอย่าง นั่นสิ กันติกรณ์ชอบกินอะไร พวกเขาคบกันนี่น่า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้เรื่องของอีกฝ่ายดีสักเท่าไรเลย

“ถ้าผลไม้ หมอนั่นชอบมะม่วง”

“มะม่วง” เขาเผลอพูดตาม ดวงตาเหลือบขึ้นสูงเหมือนว่ากำลังจดบันทึกข้อมูลลงเส้นสมอง เล่นเอาคนมองเกือบจะหลุดขำกับท่าทีเอ๋อๆ นั้น

“มะม่วงน้ำดอกไม้”

เธอขยายความ ก่อนจะตัดสินใจหยิบทั้งชมพู่ ฝรั่ง และแอปเปิ้ลออกมาวางเรียงบนเคาน์เตอร์ เสียใจด้วยที่คืนนี้ไม่มีมะม่วงอยู่ในตู้เย็น

“ล…แล้ว อย่างอื่นล่ะครับ พี่กันต์ชอบอะไรอีก?”

“อะไรล่ะ คำถามกว้างขนาดนั้นฉันจะตอบถูกไหม” เด็กขี้สงสัยรีบหลุบตาต่ำ ส่วนหนึ่งในใจยังแอบกลัวผู้หญิงตรงหน้า แต่อีกเสียงในใจกลับดังว่า ‘รีบๆ ถามเข้าสิ นี่เป็นโอกาสในการศึกษาเรื่องแฟนตัวเองแล้วนะ’

“เอ่อ…ก็ อย่างอาหารที่ชอบ สัตว์ที่ชอบ กีฬา เพลง…”

“เลือกสักอย่างสิ”

วันศุกร์หยุดชะงัก แอบบุ้ยปากเหมือนเด็กเวลาโดนแม่ดุ จนคนโตกว่าต้องยอมพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ

“กันติกรณ์มันกระแดะ ชอบกินอาหารอิตาเลียน แต่ก็เรื่องมาก ไม่ชอบซอสครีม อย่างพวกพาสต้าสปาเกตตี้ก็ต้องผัดน้ำมันมะกอก สัตว์ที่ชอบไม่มีมั้ง บ้านเราไม่ได้เลี้ยงสัตว์ แต่เหมือนช่วงนี้มันจะติดหมูอยู่หนิ”

“อ้อ ครับ ชื่อเจ้าดื้อ เป็นเหมือนลูกพวกเราเอง”

“ห้ะ?”

“หมูที่พี่กันต์กับผมเลี้ยงอยู่อะครับ ชื่อเจ้าดื้อ”

เกศราพักมีดในมือลงแล้วเงยหน้ามองวันศุกร์นิ่งๆ เธอกำลังอยากปรี๊ดแตกเพราะหมั่นไส้กับคำว่า ‘ลูกพวกเรา’ เมื่อครู่ซะเหลือเกิน บ้าบอ! คนอะไรมีลูกเป็นหมู ก็แค่ถูกลุงณพลงโทษเท่านั้นแหละ

“ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าพวกนายไปรักกันได้ยังไง”

คำถามชวนเขินทำเอารุ่นน้องชายยืนหน้าแดงหูแดง แล้วเลียบๆ เคียงๆ เข้ามาหยิบฝรั่งลูกหนึ่งขึ้นมาเด็ดใบเล่น ทำตัวเป็นนางเอกนิยายรักหวานแหววไปได้ จะว่าไงดี…วันศุกร์ตัวจริง ค่อนข้างแตกต่างจากที่เธอเคยจินตนาการไว้หลายขุม นอกจากจะดูซื่อๆ บื้อๆ แล้วยังดูไร้พิษสงจนน่าใจหายอีกต่างหาก

“พ…พี่กันต์ ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลยเหรอครับ”

“ไม่อะ” รู้อยู่ว่าเธอชิงชังวันศุกร์มากแค่ไหน คงกล้าเล่าหรอกนะ

“เอ่อ ความจริงแล้ว เรื่องของเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก” ในที่สุดก็ยอมเปิดปากเล่า แววตาเหม่อลอยเหมือนกำลังย้อนนึกถึงอดีต “ช่วงแรกๆ ที่เรารู้จักกัน พี่กันต์เอาแต่หาเรื่องแกล้งผมตลอด เพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่ทำแบบนั้นเพราะพี่กันต์โกรธผมเรื่องพี่เกศ…”

หญิงสาวหันไปสบตาวันศุกร์อีกครั้ง แววตาที่เกือบจะสดใสแล้วเมื่อครู่ กลับมาเศร้าหมองอีกครั้ง

“พี่กันต์เล่าว่า พี่เสาร์ปฏิเสธพี่เกศ ทำให้พี่เกศเสียใจมาก…พี่กันต์เลยพาลเกลียดทั้งพี่เสาร์และผมไปด้วย”

“…”

“ผม…ขอโทษด้วยนะครับ พี่เสาร์เขาเป็นคนปิดกั้นตัวเองไปหน่อย บางทีอาจจะดูใจร้าย แต่ความจริงแล้วพี่เสาร์ใจดี…” น้ำเสียงแหบแห้งเริ่มสั่นเครือจนคนฟังชักใจไม่ดี หัวคิ้วนั่นขมวดมุ่น ปลายจมูกแดงเรื่อคล้ายคนเป็นหวัด

“ไม่สิ…ความจริงแล้ว พี่เสาร์น่าสงสารมากครับ ผมคิดว่าพี่เสาร์ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ เลยยึดติดกับผมที่อยู่ด้วยกันมากเกินไปหน่อย มากจนไม่เปิดรับคนอื่นเลย เพราะงั้น…ผมก็อาจจะมีส่วนผิด ที่ทำให้พี่เกศต้องเสียใจเหมือนกัน ผมขอโทษนะครับ…พี่เกศ เกลียดผมหรือเปล่า?”

มีดกับผลไม้ในมือถูกวางทิ้งไว้ เธอได้แต่จับจ้องใบหน้าซูบผอมด้วยความสับสน ใช่…เธอเกลียด เธอชิงชังวันศุกร์ คนที่ได้หัวใจทั้งหมดของวันเสาร์ไป เธออยากกรีดร้อง เพราะเด็กตรงหน้ายังมาแย่งความรักของน้องชายเธอไปอีก

ทำไม…ทำไมนะ…..ทำไมแค่เด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยคนเดียว ถึงได้ทุกอย่างไป

แล้วทำไม…คนที่เธอสมควรจะเกลียด ถึงได้ดูอ่อนแอจนแทบอยากเข้าไปดึงมากอดไว้ มากขนาดนี้…วันศุกร์ ทำไมตัวจริงของนายถึงได้ใสสะอาด จนเธอรู้สึกว่าจิตใจตัวเองมันน่าขยะแขยงเหลือเกิน ตลอดมาเธอก็แค่เอาแต่กล่าวโทษใครสักคน เพราะไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองได้ เอาแต่คิดว่าอีกฝ่ายน่ะคือมารร้ายที่จงใจมาแย่งของของเธอไป ทั้งที่ยังไม่เคยรู้จักตัวตนของเขาจริงๆ เลย

“ไม่ใช่เลยพี่เกศ! ผมรักเขาเอง วันศุกร์ไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ทำไม! ทำไมใครๆ ก็พากันไปหลงมันหมด”

“เพราะเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พี่คิดไง”


ภาพเหตุการณ์วันที่กันต์มาสารภาพกับเธอเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับวันศุกร์ ย้อนกลับเข้ามาในหัว ชัดเจนทุกคำ นั่นสินะ…

เบ้าตาบวมแดง ตัดกับผิวหน้าขาวๆ ร่องรอยบางอย่างรอบข้อมือ กับน้ำเสียงหวั่นผวายามพูดถึงพี่ชายตัวเอง ภาพตรงหน้าของเธอตอนนี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า อีเด็กเลว ที่เธอเคยเรียกตรงไหนเลย…ไม่ใช่เลย…

เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แค่ได้พูดคุยและใช้เวลาอยู่กับวันศุกร์เพียงไม่เท่าไร กลับทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความน่ารักของเด็กคนนี้อย่างมากมาย บางที…เธออาจจะเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่พยายามหลอกตัวเอง เกศรา…วันศุกร์น่ะไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นตัวเธอเองที่ไม่สามารถเข้าไปในหัวใจของวันเสาร์ได้

เป็นเธอเอง ที่ผิด…ที่เลวคือเธอเอง


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 22.0
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2018 21:30:15
มีเกศมาอยู่ในทีมอีกคนแระ อิอิ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 22.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 09-02-2018 15:53:35
วันศุกร์ที่ 22.5



“พี่เกศ…เป็นอะไรครับ?” ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยฉายชัดอยู่ต่อหน้า เมื่อเกศทำท่าเหมือนคนอยากร้องไห้ และสุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาจริงๆ ยิ่งทำเอาวันศุกร์ตกใจ ปรี่เข้ามาแตะบ่าเธออย่างเก้ๆ กังๆ สีหน้าลนลานทำอะไรไม่ถูก

“ฉัน…ฉันขอโทษ…”

“ขอโทษเรื่องอะไรครับ?”

“ฉันเคยเกลียดนาย”

ชายหนุ่มหน้าชาไปแวบหนึ่ง หากก็ยังพยายามปลอบเจ้าของไหล่สั่นไหว เขาเลือกที่จะยืนฟังนิ่งๆ โดยไม่แทรกอะไร

“ฉันเคยคิดว่านายเป็นเหตุผลที่วันเสาร์ปฏิเสธฉัน เคยคิดว่านายจะมาแย่งความรักจากน้องชายฉัน แต่ความจริงแล้วนายไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย…ฉันมันบ้าจริงๆ ที่คิดว่านายเลวร้าย ทั้งที่นายเป็นเด็กดีขนาดนี้ วันศุกร์…ฉันขอโทษ”

“ผ...ผม ผมก็ขอโทษเหมือนกันครับ”

เกศราส่ายหน้าช้าๆ เหมือนต้องการจะบอกว่า ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เธอจับแขนทั้งสองข้างของเด็กตรงหน้าไว้แน่น เพราะรู้สึกเหมือนจะยืนไม่ไหว ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“ก่อนหน้านี้ ฉันช็อกและผิดหวังเรื่องวันเสาร์มาก จนสมองมันมืดบอดไปหมด ฉันไม่อยากยอมรับว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธ ก็เลยพยายามหาเหตุผลอื่นขึ้นมาทดแทน ความจริงฉันรู้แก่ใจดีอยู่แล้ว ว่าฉันยังไม่ดีพอเอง…เรื่องกันต์ก็ด้วย ฉันแค่ไม่อยากยอมรับนาย แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมทั้งวันเสาร์และกันติกรณ์ถึงได้รักนายมากนัก”

เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวกๆ แล้วพยายามส่งยิ้มให้ ตั้งแต่วันนั้นที่เธอรู้เรื่องกันต์กับศุกร์จนสลบไป พอตื่นขึ้นมาเธอก็ได้มีเวลาคิดทบทวนในห้องของโรงพยาบาล เธอรู้สึกเหนื่อย และไม่อยากจะสนใจทุกสิ่งบนโลกอีกต่อไปแล้ว จนมาวันนี้ที่ได้มารู้เรื่องน่ากลัวของวันเสาร์ ได้มารับรู้ถึงความเจ็บช้ำที่วันศุกร์ได้รับ และได้มาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของวันศุกร์ คนที่เธอไม่เคยรู้จัก…

ก็เลยเข้าใจ ว่าทำไมใครต่อใครถึงได้ตกหลุมรักเด็กคนนี้

“นายเป็นคนดี จนฉันรู้สึกต่ำต้อยไปเลย”

“มะ ไม่จริงเลยครับ! พี่เกศอย่าพูดอย่างนั้นสิ ผมคิดว่าพี่เกศแค่เข้าใจผิดเท่านั้นเอง อย่ารู้สึกไม่ดีไปเลยครับ อะไรที่เป็นอดีตก็ปล่อยมันไปเถอะ ตอนนี้ผมอยากให้พี่เกศได้รู้จักผมใหม่อีกครั้ง…”

วันศุกร์ประคองร่างของเกศให้กลับขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตากลมส่อแววจริงจัง พวงแก้มที่ดูจะตอบลงจากปกติเล็กน้อยเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ คำพูดสะดุดหูทำเอาเธอชะงัก

“ช่วยยอมรับผมในฐานะคนรักของน้องชายพี่ได้ไหมครับ”

จะบอกว่าบ้าหรือบ้าดี…แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมง กับบทสนทนาไม่กี่คำ ก็ทำให้ไฟในจิตใจของเธอดับมอดลงไปง่ายดายอย่างกับเรื่องอัศจรรย์

วันศุกร์…นายคือเรื่องอัศจรรย์จริงๆ

“งั้นฉันคงต้องฝากน้องชายไม่ได้เรื่องให้นายดูแลแล้วล่ะ”

รอยยิ้มจากทั้งสองฝ่ายระบายอยู่บนใบหน้าโล่งอก เหมือนภูเขาลาวามันเพิ่งถูกยกออกไป ความร้อนความทรมานที่เคยเผาไหม้ตัวเธอมันหายไปแล้ว หายไปพร้อมกับความรู้สึกรักที่มีต่อวันเสาร์ และความรู้สึกเกลียดที่มีต่อวันศุกร์

เหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เลย…

เงาของใครบางคนขยับเข้ามาใกล้ประตูหน้าห้องครัวมากขึ้น กันติกรณ์ลอบยืนยิ้มอิ่มอกอิ่มใจอยู่ลำพัง สายตาทอดมองไปยังดวงหน้าสดใสของคนที่เขารักมากที่สุดทั้งสองคน เรื่องที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างการให้เกศยอมรับวันศุกร์ ดูเหมือนตอนนี้จะกลายเป็นจริงแล้ว

 

“วันศุกร์มานี่” เจ้าของผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง กวักมือเรียกเขาหยอยๆ หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ พอเดินเข้าไปใกล้ก็ถูกมือเรียวฉุดให้นั่งลงข้างกันบนโซฟาตัวยาว

“อะไรเหรอครับ”

“จะให้ดูอัลบั้มรูปของกันต์ อยากดูไหม”

หนังสือปกแข็งเล่มหนายกขึ้น ดวงตากลมของเขาเปล่งประกายทันที

“ยะ อยากดูครับ!”

เกศยิ้มกว้างแล้วเปิดอัลบั้มรูปนั้นทีละหน้าๆ พลางเล่าไปเรื่อยถึงวีรกรรมสมัยเด็กของน้องชายตัวแสบ มีภาพของกันต์ตั้งแต่ช่วงวัยอนุบาล ประถม จนถึงราวๆ มัธยมต้น หน้าตากวนตีนตั้งแต่ไหนแต่ไร เห็นแล้วอดจะขำไม่ได้

“อันนี้ตลกอะ” เขาชี้ไปยังรูปกันต์ สมัยยังเป็นเด็กน้อย ทำหน้าทำตาเหมือนโกรธใครอยู่ แถมถูกจับแต่งตัวในชุดสูทเต็มยศ แต่ฮาสุดคือทรงผมกะลายาวพอดีคิ้วนั่นมันอะไรอะ โคตรยุคมืด

“ฮ่าๆ อันนี้งานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่ ตอนนั้นกันต์ร้องโวยวายแทบตาย”

“นึกภาพออกเลย”

เสียงหัวเราะดังขึ้น จนไปกระทบหูคนที่เพิ่งยกน้ำส้มมาประเคนให้พี่สาวและภรรยาถึงที่ กันต์ขมวดคิ้วขณะยื่นแก้วน้ำใส่มือวันศุกร์ซึ่งยังเอาแต่กลั้นขำตัวสั่น

“ทำอะไรกันอยู่”

“ก็ดูอัลบั้มรูปแกตอนเด็กๆ ไง”

“เฮ้ย ไรอะ เอาออกมาทำไมเนี่ย” คนตัวสูงร้องเอะอะเมื่อเห็นสมุดภาพคุ้นตา แต่กลับไม่น่าพิสมัยสำหรับเขาสักเท่าไรนัก พอทำท่าจะเข้าไปแย่งออกจากมือเกศ ก็ถูกวันศุกร์เข้ามาขวางซะงั้น

“พี่กันต์อย่าดิ ศุกร์อยากดูอะ”

“แต่พี่ไม่อยากให้ศุกร์ดู”

“ทำไม น่ารักจะตาย ดูดิ” ไม่พูดเปล่า คว้าเอาอัลบั้มมาเปิดกลับไปที่หน้าแรก ภาพทารกกันติกรณ์วัย 1 ขวบ นอนอ้าขาโชว์ช้างน้อยไม่รู้เรื่อง เด่นหราอยู่ตรงหน้า ให้ตายเหอะ น่าอายชะมัด!

“เออ รูปแกในอัลบั้มนี้ยังน่าดูกว่าหน้าแกตอนนี้อีก”

“พูดงี้หมายความว่าไงพี่เกศ”

“ก็หมายความว่า...ตอนเด็กๆ ก็น่ารักดีออก ไม่น่าโตเลยไงไอ้น้องบ้า”

กันต์ส่งเสียงฮึดฮัด แล้วแย่งอัลบั้มรูปมาจนได้ เขาหันไปยัดเยียดแก้วน้ำส้มใส่ปากคนรักซึ่งดูท่าทางจะสนุกสนานอยู่กับคุณพี่สาวเสียเหลือเกิน ตอนนี้ชักรู้สึกผิดแล้วสิที่ศุกร์กลายมาเป็นพวกเดียวกับนังมารร้ายชื่อเกศรา

ใช่ ตั้งแต่ที่ศุกร์เข้ามาอยู่บ้านเขา ก็ผ่านมาร่วม 3 วันแล้ว ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เกศปรับทัศนคติตัวเองได้ และยอมรับวันศุกร์ในที่สุด ทั้งสองคนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว กลายมาเป็นคู่หูดูโอ้ตัวติดกัน จนเขาแทบกลายเป็นคนนอกไปซะอย่างนั้น มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่บางทีเขาก็แอบเหงานิดๆ เพราะศุกร์เอาแต่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเกศแทนที่จะเป็นเขา สองคืนเต็มๆ มาแล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำแม้แต่จูบกัน!

และตอนนี้เขาก็คิดถึงริมฝีปากของเด็กตรงหน้าจะแย่แล้วด้วย

“พี่เกศ ไหนบอกว่าวันนี้จะทำธีสิสไง”

หญิงสาวหน้าบูดทันทีที่ได้ยินคำต้องห้าม ‘ธีสิส’ โอ้ย แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ชีวิตปี 4 ของเธอใกล้ดำเนินมาถึงจุดจบ แต่ก็เหมือนจะไม่จบสักที ขนาดว่าเทอมนี้ไม่มีเรียนวิชาอื่นแล้วนะ แต่แค่วิทยานิพนธ์ตัวเดียวก็เล่นเอาเกือบตาย

“งั้นฉันขึ้นห้องก่อนละ”

กันต์โบกมือเป็นเชิงไล่ มองตามแผ่นหลังพี่สาวไปจนลับสายตา แล้วจึงหันกลับมาเอาเรื่องเด็กข้างตัวต่อ

“เมื่อกี้หัวเราะพี่เหรอห้ะ?”

“หืออ”

“เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษนะ”

“อ้ะ!?”

ภาชนะสีใสมีน้ำส้มเหลือก้นแก้วถูกมือใหญ่ดึงออกไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะจับใบหน้าเหวอๆ ให้หันมารับจูบหนักหน่วง ไม่รอช้ารีบใช้ลิ้นชอนไชเข้าไปควานหารสหวานจากน้ำผลไม้เมื่อครู่ วันศุกร์นั่งตัวเกร็ง สองมือยกขึ้นบีบต้นแขนของกันต์ไว้ ใบหน้าแดงซ่านกับดวงตาหยาดเยิ้มทำเอาคนเป็นพี่แทบคลั่ง

“อืมม…ฮ้าา” เขาถอนปากออก ก่อนจะกดจูบลงกับซอกคอขาว มือซุกซนทำหน้าที่เลิกชายเสื้อยืดขึ้นเกือบสุด เผยให้เห็นจุกทับทิมทั้งสองกำลังล่อตา

“จับเสื้อไว้หน่อย”

กันต์พูดคล้ายว่าจะสั่ง และวันศุกร์ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็นึกคิดถึงสัมผัสจากคนตัวใหญ่อยู่เหมือนกัน

“จุ๊บ…”

ร่างเล็กเผลอแอ่นอกรับความรู้สึกอุ่นๆ กันต์ไล่จูบไปทั่วแผงอกบาง แล้วตามมาสะกิดติ่งไตข้างหนึ่งด้วยปลายลิ้น อีกด้านถูกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบดึงหยอกล้อไม่หยุด

“อ...อ๊ะ”

วันศุกร์กัดริมฝีปากแน่น ยามเหลือบตาลงมองกลุ่มเส้นผมสีดำ สองมือที่กำลังรั้งชายเสื้อไว้สั่นระริก ความต้องการบางอย่างเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนอีกฝ่ายเองจะรู้ทัน ถึงยิ่งออกแรงดูดหนักหน่วงกว่าเดิม สักพักก็ผละตัวออก แล้วเปลี่ยนมาจับเขานอนราบลงกับโซฟาแทน

เจ้าของร่างหนายกยิ้มมุมปากท่าทางกระหาย เคลื่อนตัวขึ้นมาคร่อมเขาไว้ พร้อมกดจูบลงมาอีกนับครั้งไม่ถ้วน ดวงตาฉ่ำปรือจ้องมองกันต์อย่างขวยเขิน วันศุกร์ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วเอ่ยปากเสียงพร่า

“พี่กันต์…ขึ้นไปบนห้อง…ไม่ได้เหรอ?”

“แต่พี่อยากทำตรงนี้”

“อื๊ออ” คนขี้แกล้งโน้มลงมาขบใบหูแดงเรื่อพอให้ร่างด้านใต้จั๊กจี้

สองกายบดเบียดเข้าหากัน หัวสมองเริ่มมึนตื้อจนเหมือนจะไม่ทันได้ยินเสียงรถยนต์จอดลงแถวหน้ารั้วบ้าน ทั้งคู่ยังคงพลอดรัก โดยไม่ได้สังเกตว่ามีเงาของใครบางคนกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา…

ปังง!!

เสียงปะทุบางอย่างดังขึ้นรุนแรงจนทุกคนในบ้านสะดุ้ง กันต์รีบผละตัวออกจากคนรัก หันกลับไปยังประตูไม้บานใหญ่ ที่มาของเสียงคล้ายกระสุนเมื่อครู่ ดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าลูกบิดประตูเพิ่งถูกพังลง พร้อมการปรากฏตัวของร่างสูงโปร่ง ชวนให้เสียวสันหลังวาบ

“พ…พี่เสาร์!”


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 22.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-02-2018 19:07:16
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 22.5
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 10-02-2018 02:56:42
ติดตามนะคะ เข้มข้นมากเลย แงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.0
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 02-03-2018 22:08:48
วันศุกร์ที่ 23.0



“ศุกร์ กลับบ้านเดี๋ยวนี้!” วันเสาร์ตะคอก ปลายกระบอกปืนสีดำสนิทจ่อตรงไปทางผู้ชายข้างๆ เขา

“พี่เสาร์มาได้ยังไง ล…แล้วปืน...”

“พี่บอกให้กลับ!”

“ศุกร์มานี่” กันติกรณ์กระซิบแล้วดึงตัวเขาเข้าไปหลบด้านหลัง ยิ่งทำให้เลือดในกายวันเสาร์เดือดพล่าน น้องชายสุดรักสุดหวงของเขากำลังถูกไอ้บ้านี่แย่งไปซึ่งๆ หน้า

“นี่มันเกิดอะไ…กรี๊ดด!”

เกศราที่เพิ่งเดินกลับลงมาจากชั้นสองหวีดร้องยามมองเห็นเพื่อนร่วมคณะตัวเอง พ่วงด้วยอาวุธที่ไม่สมควรจะมีในครอบครองนั่น เธอเผลอก้าวถอยหลังเล็กน้อยด้วยว่าหวาดกลัว แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจสาวเท้าตรงไปขวางหน้าคนเด็กกว่าทั้งสอง อย่างน้อยเธอก็เป็นพี่ เธอควรจะทำได้ดีกว่าหลบอยู่ข้างหลัง และก็เพื่อปกป้องคนที่เธอเคยสาปแช่งมาตลอดเกือบหนึ่งปีเต็มด้วย

“นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ถือปืนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันจับนายเข้าคุกได้นะ”

“หลบไป นี่ไม่ใช่เรื่องของเกศ”

“ฉันไม่หลบ นี่จะไม่ใช่เรื่องของฉันได้ยังไง ในเมื่อนายกำลังจ่อปืนมาที่น้องชายฉัน!”

วันเสาร์ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ใบหน้าสวยกลับบิดเบี้ยวด้วยแรงโกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน หญิงสาวยืนกางแขนไม่ยอมให้ผู้บุกรุกเข้ามาใกล้ หัวใจของเธอกำลังเต้นแรง และขาสองข้างก็เริ่มสั่นเทา

“ก็บอกให้น้องเกศ คืนน้องฉันมาก่อนสิ”

“ไม่!” เธอกลั้นใจขยับขาไปใกล้วันเสาร์มากขึ้น เมื่อเห็นทีท่าว่าอีกฝ่ายกำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามา “ตั้งสติหน่อยเถอะเสาร์ ดูซิ ว่าวันศุกร์กลัวนายแค่ไหน”

คนฟังชะงักไปนิด ปรายตามองร่างเล็กด้านหลัง แววตาสั่นระริกเผลอสบกับเขาชั่วครู่เดียวก็รีบเบือนหน้าหนีทำเอาใจหาย หากวันเสาร์ก็ยังคงถือเอาอารมณ์ร้อนเป็นใหญ่ ภายในใจแข็งกระด้างของเขาอัดแน่นไปด้วยความโกรธที่กันติกรณ์กล้าฉวยน้องรักของเขามาหมกไว้ที่นี่ แต่ยิ่งกว่านั้นคือความกลัว กลัว…ที่จะเสียวันศุกร์ไป…

“ศุกร์ พี่บอกให้กลับบ้าน”

เขากดเสียงต่ำลงอีกครั้ง แต่ก็ยังไร้เสียงขานรับ

“ส่งปืนมา นายกำลังทำให้ทุกคนกลัว”

“ฉันไม่ทำอะไรหรอกถ้าพวกเธอยอมคืนวันศุกร์มาแต่โดยดี”

“นี่นายยังดูไม่ออกอีกเหรอ ว่าวันศุกร์ไม่อยากกลับไปกับนาย!”

“หุบปาก!!” วันเสาร์แผดเสียงอย่างที่ไม่เคยทำกับเพื่อนคนไหนมาก่อน ตลอดมาเขาพยายามทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีและออกจะเกรงใจเกศเสียด้วยซ้ำ แต่คำพูดจี้ใจดำของเธอมันกำลังทำให้ความอดกลั้นของเขาขาดผึ่ง

“หยุดบ้าซะวันเสาร์! นายกำลังทำให้วันศุกร์เกลียดนายนะ!!”

ปั่กก!

“พี่เกศ!!”

กันติกรณ์กับวันศุกร์ส่งเสียงร้องขึ้นมาพร้อมกัน ทันทีที่เห็นวันเสาร์ฟาดกระบอกปืนลงกับศีรษะของผู้หญิงคนเดียวในนี้ เกศราเซถอยหลังเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของน้องชาย ค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองซึ่งกำลังปวดแปลบขึ้นแกนสมอง ร่างกายชาไปหมดจนแทบไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ของเหลวสีแดงขุ่นกำลังเปรอะเปื้อนลงมาตามโครงหน้าสวย

วันเสาร์เบิกตากว้าง เพราะไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร แต่เมื่อครู่เขากลับควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

ท่ามกลางความตกใจ กันติกรณ์ก็รีบประคองตัวเกศไปฝากไว้กับวันศุกร์ เร็วกว่าความคิด เขาสาวเท้าเข้าไปประชิดคนใจร้อนซึ่งอีกไม่ช้าคงได้กลายเป็นฆาตรกรแน่ๆ

“มึง!!"

ผลัวะ!!

หมัดหนักหน่วงถูกปล่อยออกไปปะทะใบหน้าขึงขังจนมันบิดเบี้ยว วันเสาร์เซไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบสวนหมัดกลับมาว่องไวไม่แพ้กัน สองหนุ่มเริ่มเข้าตะลุมบอน ท่าทางหวาดเสียวเพราะไม่รู้ว่าไอ้อาวุธน่ากลัวในมือวันเสาร์จะเผลอลั่นไกออกมาเมื่อไร

“พี่เกศเป็นอะไรมากไหมครับ” วันศุกร์ถามขึ้นเสียงสั่น น้ำตาเอ่อคลอเบ้า แต่คนข้างเขากลับทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างฝืนเต็มทน

พี่เสาร์…กลายเป็นใครไปแล้ว ไม่ใช่พี่เสาร์ที่เขารู้จักเลยสักนิด…

พลั่ก!

กันติกรณ์ล้มหลังกระแทกพื้นเสียงดัง หลังจากพลาดท่าให้วันเสาร์ซึ่งดูจะมีเรี่ยวแรงเหนือกว่า หญิงสาวในบ้านกรีดร้องกับภาพตรงหน้า ทำท่าจะเข้าไปช่วยน้องชายแต่กลับถูกมือของอีกคนรั้งไว้ก่อน วันศุกร์เป็นฝ่ายสาวเท้าไวๆ เข้าไปคั่นกลางระหว่างชายร่างใหญ่ทั้งคู่ไว้เอง ใบหน้าที่มักสดใส บัดนี้กลับถมึงทึง จะว่าเขาเป็นน้องที่นิสัยไม่ดีก็ได้ แต่ถ้าไม่หยุดวันเสาร์ไว้ เขาคงกลายเป็นน้องที่แย่กว่านั้นมาก

“พี่เสาร์ หยุดสักที!” คนตัวเล็กกางแขนออกสองข้าง

“ศุกร์”

“ห้ามทำร้ายพี่กันต์กับพี่เกศนะ”

“นี่ศุกร์ปกป้องคนอื่นเหรอ”

“พวกเขาไม่ใช่คนอื่น! ตอนนี้พี่เสาร์เหมือนคนอื่นซะยิ่งกว่าอีก พี่เสาร์ของศุกร์ไม่ใช่คนที่วู่วามไม่มีสติแบบนี้”

“วันศุกร์…” น้ำเสียงแหบพร่าเจือความน้อยใจอยู่เต็มอก นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกวันศุกร์ต่อว่ามากถึงขนาดนี้

“ทำไมพี่เสาร์ต้องทำแบบนี้ด้วย?”

“เพราะพี่รักศุกร์ไง”

“เลิกพูดว่ารักสักที! สิ่งที่พี่เสาร์ทำไม่ได้เรียกว่ารักเลย”

คนตัวสูงหน้าชา มือของเขาเริ่มสั่นไหว ก่อนที่กระบอกปืนสีดำจะร่วงหล่นกระแทกพื้นพอให้คนอื่นๆ คลายใจไปได้หนึ่งเปลาะ วันเสาร์ดูสงบลงตามลำดับ และวันศุกร์ก็ยังคงพูดแทงใจดำต่อไป ทั้งที่ตัวเองก็ห้ามน้ำตาไม่อยู่

“พี่เสาร์ที่รักศุกร์จะไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด”

“แต่พี่ไม่อยากให้ศุกร์ทิ้งพี่ไป” คำพูดนั้นฟังดูอ่อนแรง และคนพูดก็ดูอิดโรยเต็มทีแล้วเหมือนกัน

“ศุกร์ไม่มีวันทิ้งพี่เสาร์หรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ”

“แต่…”

“แต่ว่าศุกร์คงคิดกับพี่เสาร์มากเกินกว่าพี่น้องไม่ได้”

เจ้าของร่างกำยำ ขณะนี้กลับห่อเหี่ยว วันเสาร์ขมวดคิ้วตีหน้าเจ็บปวด เขาอยากจะเถียงอะไรต่อสักอย่าง แต่ก็ไม่อาจเปล่งเสียงออกไปได้อีก มันเหมือนมาถึงทางตัน และเมื่อหันหลังกลับไป ก็พบว่ามีกำแพงสูงใหญ่กั้นขวางเขาไว้ไม่ให้เดินย้อนเช่นกัน

เวลาภายในบ้านยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ กินเวลาหลายนาทีที่ไม่มีใครกล้าพูดหรือขยับตัวอีก วันเสาร์เอาแต่ก้มมองพื้นจนไม่เห็นว่ากำลังทำหน้าแบบไหน วันศุกร์ถูกกันติกรณ์เข้ามาดึงตัวไปหลบด้านหลัง รักษาระยะห่างออกจากคนเป็นพี่ชายมากพอสมควร เพื่อให้แน่ใจว่าพ้นจากรัศมีอาวุธใต้เท้ารองเท้าหนังขัดมันแน่ๆ แล้ว

ถ้าย้อนเวลาได้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากย้อนกลับไปตอนไหน… ตอนที่ยังไม่รักวันศุกร์มากขนาดนี้ หรือตอนที่ยังไม่มีวันศุกร์ในชีวิตเลย…

“หึ” วันเสาร์ส่งเสียงราวกับจะสมน้ำหน้าตัวเอง

ทุกอย่างเหมือนจะดีแล้วถ้าไม่ใช่ว่าจู่ๆ มือหนาก็เอื้อมคว้ากระบอกปืนเบื้องล่างกลับขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ทันให้ใครตั้งตัว วันเสาร์ก็ตัดสินใจลั่นไกไปทางลูกชายบ้านเดชะภักดีด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าไปในหัวใจของวันศุกร์ แต่มันก็ยอมไม่ได้หากจะให้ใครคนอื่นมีสิทธิ์ได้เข้าไป!

ปัง!


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.0
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-03-2018 22:43:10
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.0
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 07-03-2018 00:03:47
พี่เสาร์นี่ลาสบอสสินะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.5
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 07-03-2018 18:40:44
วันศุกร์ที่ 23.5



ปัง!

เสียงอาวุธสังหารดังกึกก้องจนรูปภาพบนผนังบ้านถึงกับสั่นคลอน เกศราหัวใจแทบหยุดเต้น ผิดกับผู้ชายอีกคนใกล้ๆ เธอ ที่คงเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ดวงตาวาวโรจน์ของเจ้าของปืนเมื่อครู่กลายเป็นตื่นตระหนก เรี่ยวแรงในกายหล่นฮวบไปกองแทบตาตุ่มเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่อย่างที่คิดไว้

“ศุกร์!!”

แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ที่วันศุกร์พาตัวเองเข้ามาขวางระหว่างกันติกรณ์และกระสุน ยังโชคดีที่คนไม่เคยใช้ปืนอย่างวันเสาร์ทำได้มากสุดแค่รอยแผลถากๆ ข้างหัวไหล่ แต่นั่นก็มากพอให้เจ้าของร่างบางทรุดลงกับพื้น เลือดสีข้นพาลไหลออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเนื้อดีจนสกปรกไปหมด

“…พี่..กันต์…”

“ศุกร์! ไม่เป็นไรนะ”

คนเด็กกว่าฝืนส่ายหน้าทั้งที่ยังกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เกศราปรี่เข้ามาช่วยประคองคนเจ็บอีกแรง สายตาดุดันคาดโทษถูกส่งไปให้ต้นต่อเรื่องเลวร้าย ก่อนจะรีบหันกลับมาจัดการเรื่องที่สำคัญกว่า เธอกดโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด และพยายามหาผ้ามาคอยซับหยดเหงื่อตามขมับไปจนถึงลำคอเรียวเล็ก รวมทั้งของเหลวสีแดงน่าหวาดกลัวตามต้นแขนนั่นด้วย

“ทนหน่อยนะศุกร์ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว” กันติกรณ์เอาแต่ลูบหน้าลูบตาคนรักหวังช่วยปลอบประโลม เขาเองอยากจะลุกไปกระชากปืนมายิงตัดขั้วหัวใจของวันเสาร์เลยเสียด้วยซ้ำ หากก็ยอมสงบนิ่งเพราะรู้ดีว่าวันศุกร์คงต้องเสียใจมากหากเขาทำอย่างนั้น

อีกอย่าง…วันเสาร์ตอนนี้สภาพดูไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับรูปสลักไร้จิตวิญญาณที่เอาแต่นั่งนิ่ง แววตาไร้แววดูเหม่อลอยออกไปไกลจนเดาไม่ถูก ปืนสีดำสนิทยังคงคามือ ทำเอาเขาชักหวั่น กลัวเหลือเกินว่าวันเสาร์คนที่รักน้องชายสุดหัวใจ จะคิดอะไรบ้าๆ อย่างเช่นการทำร้ายตัวเองตามหรือไม่

และก็เหมือนว่าสิ่งที่เขากลัวกำลังจะเป็นจริง เมื่อวันเสาร์เริ่มขยับตัวอีกครั้ง มือใหญ่กระชับกระบอกปืน ค่อยๆ ยกขึ้นจรดขมับ

“พี่เสาร์จะทำอะไร หยุดนะพี่เสาร์!” วันศุกร์แผดเสียงร้องสุดชีวิตทั้งที่ตัวเองก็ยังเจ็บจนแทบไม่มีแรงเคลื่อนไหว

“พี่เสาร์วางปืนลง!!”

ดวงตาเรียวเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำใส วันเสาร์ที่เคยเข้มแข็งไม่มีอีกแล้ว… เขามองน้องชายตัวเองราวกับจะขอโทษ แต่เมื่อกันติกรณ์หรือเกศราพยายามจะลุกขึ้นห้าม แววตานั้นกลับเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว และนั่นก็ทำให้คู่พี่น้องไม่กล้าแม้แต่กระดิกนิ้ว เพราะมันเสี่ยงเกินไป พวกเขาไม่อาจเดาได้ว่าถ้าพลีพลามเข้าไปประชิดตอนนี้แล้ววันเสาร์จะตกใจจนลั่นไกออกไปหรือเปล่า

“ศุกร์บอกให้พี่เสาร์วางปืนลงไง!” เจ้าของดวงหน้าเหยเกจากความเจ็บบริเวณไหล่ยังคงตะโกนไม่หยุด แต่ก็เหมือนว่าเสียงของเขาจะส่งไปไม่ถึง

“พี่…”

สุ้มเสียงแหบพร่าดังแว่วๆ ออกมาจากริมฝีปากสีซีด

“พี่ขอโทษนะ…ศุกร์”

“พี่เสาร์ อย่า!!”

ปึงง!

เสียงต่อมาดังขึ้น พร้อมกับที่ทุกชีวิตตรงนั้นเผลอหลับตาสนิทแทบจะพร้อมกัน วันศุกร์ปล่อยให้น้ำตาไหลท่วมแก้มไร้เลือดฝาด ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตากลับขึ้นมารู้ความจริงอันเกินจะรับไหว จนกระทั่งได้ยินอีกเสียงที่แปลกออกไป

“เสาร์!”

แม่…

“คุณแม่ คุณพ่อ” วันศุกร์เสี่ยงหรี่ตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าตื่นๆ ของเขากำลังจับจ้องไปยังผู้มาใหม่รายคน เขาอยากจะลองหยิกตัวเองให้แรงที่สุดเพื่อให้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป ทำไมอยู่ดีๆ พ่อกับแม่ที่น่าจะตะลอนทัวร์อยู่ต่างแดนถึงมาปรากฏตัวต่อหน้า พ่วงด้วยผู้ชายร่างสูงโปร่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาถึงสองนาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหมือนพี่ชายบุญธรรมของเขา หรือก็คือเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของวันเสาร์นั่นเอง

“พี่เจ พี่นาวา…นี่มันอะไรกันครับ”

“มึงเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ!” นายเจนภพ หรือ เจ เป็นคนแรกที่พรวดพราดเข้าไปกระชากปืนในมือวันเสาร์ออกมาเขวี้ยงไปไกลด้วยอารมณ์หงุดหงิด ต้องเรียกว่าใจเด็ดหรือว่าเพราะบ้าพอกันก็ไม่ทราบ

“ไอ้เสาร์ ไอ้ควาย”

“เจ” นาวาเดินเข้าไปตบบ่าคนเลือดร้อนเพื่อเตือนว่าบุพพการีของคนที่เขากำลังยืนด่าปาวๆ ยังอยู่ตรงนี้

“เสาร์ ทำไมทำแบบนี้” คนเป็นแม่ทรุดตัวลงต่อหน้าลูกชายคนโตของบ้าน น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินจนวันเสาร์อดรู้สึกผิดไม่ได้ ใบหน้าเรียวอ่อนแรงค่อยๆ ไล่สายตามองแม่กับพ่อ รวมทั้งเพื่อนทั้งสองของตัวเองช้าๆ ทุกคนคงอยากจะต่อว่าเขาที่ทำร้ายน้องชายตัวเองจนเจ็บทั้งกายและใจมามาก...

“ทำไมถึงคิดจะทำร้ายตัวเอง”

ดวงตาคู่เดียวกันนั้นเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจในคำต่อว่า

“พ่อกับแม่คงผิดเอง ที่ไม่อยู่ดูแลเสาร์ให้ดีกว่านี้ พ่อขอโทษนะ”

“พ่อ…แม่…” คนตัวสูงเอ่ยเสียงสั่น หยดน้ำใสพรั่งพรูออกมาอย่างหมดมาด เขาคงเป็นลูกที่แย่มาก พอๆ กับที่เป็นพี่ชายที่แย่มาก “ผมขอโทษ…”

สมาชิกทั้งสามของครอบครัววุฒิเวคินทร์ โผเข้ากอดกันแนบแน่น ภาวนาให้อ้อมกอดนี้ส่งผ่านทุกคำพูดที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ย และคำขอโทษที่คงไม่เพียงพอ

ไม่ถึงนาทีหลังจากที่อะไรๆ ดูจะสงบลง เสียงรถพยาบาลก็ดังขัดบรรยากาศเศร้าโศกในบ้าน วันศุกร์ถูกย้ายตัวขึ้นไปบนเปล โดยมีกันติกรณ์และเกศราคอยประกบไม่ห่าง ตามมาด้วยรถแวนอีกคันที่บรรทุกผู้โดยสารอีก 5 ชีวิตที่เหลือตามไปด้วย

ค่ำคืนอันแสนเจ็บปวดกำลังจะจบลงแล้ว และดวงตะวันก็กำลังจะขึ้นใหม่อีกครั้ง...

 

วันศุกร์ได้รับการรักษาจากแพทย์ในทันที และแผลถากๆ นั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงเพียงแค่นอนพักสักคืนก็กลับบ้านได้ ภายใต้เรื่องราวแสนโกลาหล ก็ต้องนับว่ายังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เพราะเรื่องคราวนี้ ทำให้เขาได้มีเวลาอยู่กับพ่อแม่มากกว่าทุกปี เมื่อซักถามแล้วจึงรู้ว่าแม่บ้านที่ถูกพักงาน พี่ละเมียด พี่ละไม แอบกลับมาหวังจะเยี่ยมคุณหนูทั้งสอง แต่ก็มาพบกับความจริงที่ว่าวันเสาร์บังคับกักขังวันศุกร์ไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเธอที่ยังไม่แน่ใจนักจึงลองติดต่อไปปรึกษาทางนาวากับเจนภพ ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันสืบจนรู้ความทั้งหมด และนั่นก็ทำให้เพื่อนสนิททั้งสองอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อยเลยที่วันเสาร์ไม่เคยเปิดเผยอะไรให้รู้มาก่อน

แม้ว่าพวกเขาจะเดาออกอยู่นานแล้วว่าวันเสาร์หลงรักน้องชายตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยรู้และไม่เคยคิด ว่าความรู้สึกนั้นจะขับเคลื่อนวันเสาร์ให้ลงมือกระทำเรื่องสุดงี่เง่าและแสนโง่เขลาได้ถึงเพียงนี้

“นาวากับเจก็โทรมาเล่าให้แม่กับพ่อฟัง พวกเราเลยรีบตีตั๋วกลับไทย”

“แล้วคืนนั้นพวกคุณแม่ตามไปบ้านพี่กันต์ถูกได้ยังไงครับ”

“ก็นายเจไปเค้นเอาจากลูกน้องที่เสาร์จ้างมาน่ะสิ”

คนตัวเล็กขำพลางนึกภาพตามไปด้วย เจนภพกับเขาก็รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม บอกเลยว่าคนนี้น่ะไฟของจริง เลือดร้อนน่ะที่หนึ่งแหละ แต่ก็เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้มากที่สุดพอๆ กับนาวาเช่นกัน

“ศุกร์...แม่กับพ่อขอโทษนะ ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้” ฝ่ามือสากจากการทำงานแตะลงบนแก้มใส วันศุกร์หลับตารับสัมผัสอ่อนโยน ก่อนส่ายหน้าช้าๆ

“ศุกร์น่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คุณแม่กับคุณพ่อต้องขอโทษพี่เสาร์มากกว่า ภายนอกพี่เขาอาจจะดูแข็งกระด้างมาก แต่ข้างในจริงๆ พี่เสาร์เปราะบางยิ่งกว่าใครครับ”

คนเป็นแม่พยักหน้า ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้อีกครั้งแต่ก็ห้ามมันไว้ หลังจากนี้ เธอมีเรื่องต้องชดใช้ให้ลูกชายในไส้อีกมากมายทีเดียว มือบางยกขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อไล่อารมณ์เศร้าหมอง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีอีกเรื่องสำคัญที่เธอต้องคุยกับเด็กตรงหน้า

“แล้วเรื่องของเราน่ะ จะเล่าให้แม่ฟังได้หรือยัง”

“เล่า? เรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องนายกันติกรณ์นั่นไง”

“พ…พี่กันต์ ทำไมเหรอครับ”

“อย่ามาทำไขสือ กล้าบอกแม่หมดแล้ว”

“แม่ได้คุยกับกล้าด้วยเหรอครับ” วันศุกร์พยายามถามเบี่ยงประเด็น รู้สึกหัวใจเต้นถี่ขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าที่อยากจะคุยน่ะมันไปทางด้านดีหรือไม่ดีกันแน่

“อืม กล้าเขาโทรมาเพราะเป็นห่วงศุกร์น่ะ ก็เลยได้คุยกันเยอะเลย”

“แล้วทำไมมันไม่เห็นโทรหาศุกร์ล่ะ”

“อ้าว ก็ตอนนั้นศุกร์นอนอยู่โรงพยาบาล โทรศัพท์ก็อยู่กับแม่ไง ไม่ต้องห่วง เพื่อนๆ ศุกร์น่ะทั้งโทรทั้งส่งข้อความมาถามไถ่ได้ทั้งวัน นอกจากกล้าแล้วก็มีนัทกับกั้ง แล้วก็พวกรุ่นพี่ด้วยนะ”

“อ๋อครับ เพื่อนที่มหาลัย ที่ศุกร์เคยเล่าให้ฟังไง แม่กับพ่อคงยังไม่เคยเจอ ส่วนพวกรุ่นพี่ก็น่าจะเป็นเพื่อนพี่กันต์”

“อะ แล้วยังไง เรากับกันต์น่ะ”

“ยังไงอะไรล่ะครับ”

เจ้าของใบหน้าหวานซึ่งบัดนี้แดงเรื่อ แสร้งก้มมองผ้าพันแผลรอบต้นแขนตัวเองทั้งที่มันไม่ได้เจ็บมากแล้ว แต่คำพูดต่อมาของคนเป็นแม่ก็ทำเอาเขาสะอึกไปไม่เป็น

“กล้าบอกว่าศุกร์กับกันต์เป็นแฟนกัน”

สาบานได้ว่าถ้าเขากำลังดื่มน้ำอยู่ล่ะก็ มันต้องพ่นใส่หน้าบุพการีไปแล้วแน่ๆ

“คือ…ไม่...”

“ไม่เป็นไรหรอก บอกความจริงมาเถอะ แม่กับพ่อไม่คิดจะว่าอะไร”

“เอ่อ…” วันศุกร์ชั่งใจ อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สักพัก ก็ตัดสินใจกัดฟันเฉลย “ครับ ศุกร์คบกับพี่กันต์”

“แม่…ผิดหวังไหม?”

“ทำไมถึงจะผิดหวังล่ะ”

“ก็ศุกร์เป็นลูกชาย แต่ดันชอบผู้ชาย…”

“งั้นแม่คงใจร้ายมากเลย ถ้าจะมาต่อว่าลูกแค่เพราะรักใครสักคน” มือเรียวหยาบกร้านเริ่มแสดงรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา เอื้อมเข้ามากุมมือเขาไว้อย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นถูกส่งผ่านมาพร้อมกับสายตาจริงจังที่ทำให้เขากล้ายิ้มกว้าง สองแม่ลูกตรงเข้ากอดกันแน่น ก่อนจะผละออกหลังจากได้ยินเสียงประตูห้องดังขึ้น

ผู้มาเยี่ยมเยือนไม่ใช่ใครอื่น คือพ่อ กับ…พี่ชายที่หายหน้าหายตาไปสามวันสองคืนเต็มๆ

“พี่เสาร์”

คนเป็นพ่อเข้ามาสะกิดภรรยาให้ลุกออกจากห้องไปเงียบๆ วันเสาร์ขยับมานั่งแทนที่ ทำให้ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาชัดเจน เด็กบนเตียงผวาลุกนั่งเมื่อเห็นร่องรอยม่วงอมเขียวบริเวณมุมปาก ท่าทางซูบเซียวดูเหน็ดเหนื่อยเหมือนคนอดหลับอดนอน ห้ามไม่ให้เขานึกเห็นใจไม่ได้

“ใครทำพี่เสาร์” มือเล็กเอื้อมแตะบนรอยแผล แต่ก็ถูกวันเสาร์จับออก

“กันติกรณ์”

“ห้ะ พี่กันต์ต่อยพี่เสาร์เหรอ” น้ำเสียงแฝงความโมโหทำให้วันเสาร์หลุดหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะรีบพูดขัด

“พี่ก็สมควรโดนแล้วล่ะ อย่าไปว่าเขาเลย”

“เดี๋ยวศุกร์ไปต่อยคืนให้นะ”

ฝั่งน้องชายแกล้งพูดติดตลกเพื่อหวังว่าบรรยากาศจะผ่อนคลายขึ้นบ้าง และก็ใช้ได้ผลเมื่อวันเสาร์เริ่มยิ้มออก แต่เพียงไม่นานก็กลับมาปั้นหน้าอึดอัดเหมือนเดิมจนได้

“ศุกร์...พี่ขอโทษ”

“ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรเลยพี่เสาร์” วันศุกร์ตรงเข้าเกาะกุมมือทั้งสองของอีกฝ่ายไว้ แม้วันเสาร์ทำท่าจะชักกลับ เขาก็ไม่ยอม “ศุกร์ก็ต้องขอโทษพี่เสาร์เหมือนกันที่ศุกร์ดื้อ ศุกร์ปิดบังเรื่องพี่กันต์ แล้วยังโกหกอีก”

ไหล่บางสั่นไหวน้อยๆ คำสารภาพผิดเจือเสียงสะอื้นคงไม่อาจทำให้วันเสาร์นึกโกรธลง ความจริงวันศุกร์ไม่ต้องขอโทษเลยด้วยซ้ำ หากเทียบกับสิ่งที่เขากระทำลงไป ความผิดของวันศุกร์มันช่างน้อยนิดเท่านั้น

มือใหญ่กระชับตอบรับความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมา “ไม่เป็นไร…พี่รักศุกร์นะ”

“ศุกร์ก็รักพี่เสาร์” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มจริงใจ เป็นรอยยิ้มที่เขาคอยมอบให้พี่ชายคนนี้มาโดยตลอด คำพูดมากมายที่อัดอั้นอยู่ในอกค่อยๆ ไหลทะลักออกมาทีละนิดทีละหน่อย

“แต่ศุกร์ว่าพี่เสาร์กำลังเข้าใจผิดนะครับ…พี่เสาร์ก็แค่รักศุกร์เหมือนน้อง ไม่ได้คิดเกินเลยกว่านั้นหรอก พี่เสาร์แค่กลัวเฉยๆ ว่าศุกร์จะทิ้งพี่เสาร์ไป ใช่ไหม แต่ศุกร์ก็ไม่ได้จะทิ้งพี่เสาร์สักหน่อย เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ แล้วก็ตลอดไปเลย”

“งั้นเหรอ…” เสียงทุ้มฟังดูปลงกับชีวิต แววตาหม่นหมองไม่ได้แสดงออกว่าเขาเข้าใจสิ่งที่น้องชายกำลังพยายามอธิบายสักนิด แต่เขาก็ไม่อาจหาญจะเถียงอะไรกลับไปอยู่ดี จึงลงท้ายด้วยการฝืนพยักหน้าและยิ้มรับอย่างยากลำบาก

“ศุกร์อยากให้พี่เสาร์เข้มแข็งนะ แล้วพี่เสาร์ก็ต้องเดินหน้าต่อไปด้วย อย่ามายึดติดอะไรกับศุกร์เลย ศุกร์เชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนรอคอยพี่เสาร์อยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ”

“อืม…”

“แล้วศุกร์ก็อยากให้พี่เสาร์ยอมรับพี่กันต์ เหมือนที่พี่เกศยอมรับศุกร์ด้วย”

วันเสาร์เบือนหน้าหนี มันคงเป็นเรื่องยากอันดับต้นๆ ของชีวิตเขาเลย ในการยินยอมให้ผู้ชายคนอื่นก้าวเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ในหัวใจของน้องชายสุดรักสุดหวงไป เหมือนกำลังโดนขอร้องให้เป็นมิตรกับศัตรูตัวฉกาจอย่างนั้นแหละ

“นะครับพี่เสาร์”

“อืม…” จะพยายามแล้วกัน

เขาเลือกที่จะซ่อนวลีสุดท้ายเอาไว้ให้เพียงตัวเองได้ยิน วันศุกร์คลี่ยิ้มสดใสเหมือนเคย พลางเขย่ามือเขาเหมือนเด็กได้ของขวัญ หากว่าการยอมรับกันติกรณ์ จะช่วยไถ่โทษให้กับตัวเขา และทำให้วันศุกร์มีความสุขได้ เขาก็จะทำ

ถ้าเด็กคนนี้ยืนยันว่าให้เขาเป็นแค่ พี่ชายเท่านั้น เขาก็จะยอม…


หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-03-2018 19:02:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: โล่งอก
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 07-03-2018 19:41:52
ช่วยหาคนมาปลอบใจวันเสาร์ด้วยนะจ๊ะ คนเขียน
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-03-2018 21:21:18
สงสารพี่เสาร์ แต่พี่เสาร์ก็ทำกับศุกร์แรงไปนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.5
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 07-03-2018 22:24:22
พี่เจพูดได้ถูกใจมากเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 23.5
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 08-03-2018 00:52:13
ต้องหาคู่ให้พี่เสาร์แล้วนะคะ ฮือออ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: aonair13 ที่ 09-03-2018 23:34:44
วันศุกร์ที่ 24 (จบ)



เสียงใบไม้แห้งดังกรอบแกรบทุกครั้งที่เขาเหยียบย่ำผ่านมันไปยังบริเวณสวนหลังบ้าน สายลมเย็นๆ ช่วงบ่ายพัดกระทบผิวกายพอให้รู้สึกสดชื่น ท้องฟ้าดูปลอดโปร่งยิ่งกว่าทุกวัน นานแค่ไหนแล้วที่วันศุกร์ไม่ได้มีเวลาพักผ่อน ออกมาชมนกชมไม้แบบนี้ แผลทางกาย รวมทั้งทางใจ จวนเจียนจะหาย และเขาก็คงพร้อมกลับไปเรียนอีกครั้ง

นับตั้งแต่เช้าที่เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงของโรงพยาบาล ก็ปาไป 5 วันเต็มแล้ว ที่กันติกรณ์ไม่ได้ติดต่อมาหาเลย แม้ว่าเขาจะพยายามส่งข้อความหรือโทรไป แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ สิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้คือการไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน และกอบโกยช่วงเวลาครอบครัวให้มากที่สุด

แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ก็ต้องบินกลับไปทำงานแล้ว และเขาก็เริ่มคิดถึงอ้อมกอดของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักมากขึ้นทุกที

อยากเจอจัง...

กร็อบ

เสียงเศษใบไม้ดังขึ้นทั้งที่เขายังไม่ทันได้ขยับตัว ร่างเล็กหันหลังกลับไปเพื่อพบว่าผู้ชายในห้วงความคิด กลับมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าราวกับความฝันดั่งใจนึก กันติกรณ์คลี่ยิ้มอบอุ่นที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น อากาศหนาวทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว และตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้าอย่างไม่รู้สาเหตุ

"มาได้ไง?"

"ขับรถมาสิ จะให้พี่เดินมาหรือไง"

"กวนเหรอ"

"คิดถึงจัง" วงแขนกว้างตรงเข้าโอบรั้งตัวเขาไว้ในทันที ดวงหน้าหวานขึ้นสีซบลงบนอกแกร่งอย่างเช่นทุกครั้ง กลิ่นกายคุ้นเคยพาลให้น้ำตาสุดจะกลั้นไหลลงช้าๆ

"ร้องไห้เหรอ? ร้องไห้ทำไม?" ฝ่ามืออุ่นตบปุๆ บนแผ่นหลังสั่นเทา

"นึกว่าพี่กันต์จะหายไปแล้ว"

คนตัวใหญ่หลุดขำ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น "จะหายไปไหนได้ล่ะ"

"ก็ไม่มาหาเลย โทรไปก็ไม่รับ"

"ขอโทษ"

นั่นไม่ใช่คำตอบของคำถาม แต่อย่างน้อยก็พอจะทำให้เขาคลายใจลงได้บ้าง อย่างน้อยความกลัวที่จะถูกทอดทิ้งก็ไม่เป็นจริง กันต์ไม่ได้ไปไหนและกำลังกอดเขาอยู่ตอนนี้

"ความจริงแล้ว พี่กลัวมากเลย..."

"กลัว?"

"อือ" มือใหญ่ลูบศีรษะทุยป้อย "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น ทำให้พี่คิดว่าตัวเองดูแลศุกร์ได้ไม่ดีพอหรือเปล่า พี่โกรธตัวเองที่ปกป้องอะไรศุกร์ไม่ได้"

"ทำไมคิดงั้น"

เขาไม่ตอบอะไรและปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องที่วันเสาร์จับวันศุกร์ขังไว้ในบ้าน จนกระทั่งมาถึงจุดที่วันศุกร์ต้องมาเจ็บตัวเพราะปกป้องเขา มันทำให้เขาสับสนมาก เขารู้สึกไม่มีค่าพอที่จะอยู่เคียงข้างเด็กคนนี้ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตเลย

เขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องและเฝ้าทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แทบไม่ได้ออกไปพบหน้าใครหรือเสวนากับใครเลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองน่ะขี้ขลาดมากเกินว่าที่จะปล่อยมือจากวันศุกร์ และก็ต้องยอมรับว่าเขาช่างเห็นแก่ตัวมากกว่าใคร ถึงแม้จะปกป้องไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะดีไม่พอ แต่ก็ไม่อยากจากไปอยู่ดี

ยังไงก็อยากอยู่กับนาย... เขาคิดได้แค่นี้เอง

"พี่ขอโทษนะ...พี่เป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหม"

"พี่กันต์" คนเด็กกว่าผละตัวออกเล็กน้อย เอาแต่ส่ายหน้าและจ้องสบเข้าไปยังนัยตาคู่สวย "อย่าพูดอย่างนั้น"

"พี่กันต์ดูแลศุกร์ดีจะตาย ศุกร์มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่กันต์นะ"

ดวงตากลมกระพริบถี่ยามที่รอยแผลจางๆ บริเวณต้นแขนถูกปลายนิ้วอีกฝ่ายสัมผัส

"เจ็บอยู่ไหม?"

"ไม่แล้ว"

"วันนี้พี่ยังดูแลศุกร์ได้ไม่ดี แต่พี่ก็อยากเห็นแก่ตัวด้วยการขออยู่ข้างๆ ศุกร์แบบนี้ ได้ไหม?"

"ไม่เห็นต้องถามเลย ต้องได้อยู่แล้ว" เขาย่นคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ กันติกรณ์คนปากหมา หัวใจสีขุ่นคนนั้น อย่างกับว่าไม่เคยมีอยู่จริง ตอนนี้เขาเห็นแค่กันติกรณ์คนที่หวาดกลัวและคิดมาก ทั้งๆ ที่คอยปกป้องเขาอยู่ตลอด แต่ก็ยังกลัวเนี่ยนะ...บ้าชะมัด

"ศุกร์อยากให้พี่กันต์อยู่ข้างศุกร์แบบนี้ไปเรื่อยๆ แค่พี่กันต์คนเดียว" ปลายเท้ายกสูง ยืดตัวขึ้นฝากรอยจูบบางเบาไว้กับปลายคางของอีกฝ่าย รอยยิ้มที่ดูเขินอายกับใบหน้าแดงระเรื่อทำให้หัวใจที่เต้นเนิบนาบกลับสูบฉีดอย่างบ้าระห่ำ

ถ้าให้นิยามคำว่า น่ารัก ก็ต้องบอกว่ามันคือ วันศุกร์ นี่แหละถึงจะถูก

"ทำไมน่ารักขนาดนี้ฮึ?" พวกเขาสวมกอดกันอีกครั้ง ปลายจมูกโด่งฝังลงกับกลุ่มผมนุ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ "พี่เหมือนคนบ้าเลยที่เอาแต่คิดอะไรเยอะแยะ"

"ใช่ บ้ามากด้วย"

"ขอโทษนะ...ทั้งๆ ที่ศุกร์รักพี่ แล้วพี่ก็รักศุกร์มากขนาดนี้"

"อือ อย่าคิดจะหายไปไหนเชียวนะ"

เขาหัวเราะน้อยๆ แล้วชิงหอมแก้มใสไปฟอดใหญ่ รู้สึกเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอกหมาดๆ ตลอดหลายวันหลายคืนที่ผ่านมา เขาเอาแต่โทษตัวเองและคิดวิตกไปต่างๆ นาๆ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง คำตอบสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม คือเขาทิ้งวันศุกร์ไปไม่ได้ ถ้าวันนี้รู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องได้ ก็ยิ่งต้องอยู่เคียงข้าง เพื่อที่จะทำให้ดีกว่าเดิมในวันข้างหน้า

และเพราะคิดได้แบบนั้นแล้ว ก็เลย.....

"ศุกร์..." กันต์ทรุดตัวลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบในสวน มีเพียงเสียงของต้นไม้กระทบสายลมเท่านั้น

"ท…ทำอะไรเนี่ย"

"ให้พี่อยู่ข้างๆ เราตลอดไปได้ไหม?"

อะไรบางอย่างถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง กันต์ใช้ชายเสื้อตัวเองเช็ดถูมันเล็กน้อย ก่อนจะยื่นออกมาให้ วันศุกร์ยืนนิ่งคล้ายว่ากลายเป็นหินเมื่อเห็นชัดๆ ว่าของสิ่งนั้นมันคืออะไร

แหวนทองคำขาวสลักตัวอักษร FRI เรียบง่ายหากก็ดูมีราคา กำลังล้อแสงแดดอ่อนๆ ของวัน รอยยิ้มกว้างชวนให้ยิ้มตามเผยเด่นอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา น้ำตาที่เหือดแห้งไปไม่ทันไรกลับเอ่อล้นออกมาอีกระลอก จนคนมองขมวดคิ้ว รีบลุกขึ้นมาเกลี่ยนิ้วปาดหยาดน้ำใสออกให้อย่างเบามือ

"ร้องไห้อีกแล้ว ไม่ดีใจเหรอ"

"ดี...ใจ อะไรเล่า"

"พี่กำลังจะจองตัวเรานะ"

"ฮึก...พี่กันต์...บ้าหรือไง"

"อ่าว โดนด่าซะงั้น" คนตัวสูงกลั้นยิ้ม ค่อยๆ ประคองใบหน้าใสที่เอาแต่เบะเป็นเด็ก "ไว้เรียนจบแล้ว แต่งงานกับพี่นะครับ?"

นั่นไม่ใช่การปลอบประโลมสักหน่อย กลับยิ่งทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก แหวนอะไรกัน แต่งงานอะไรกัน ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องมาทำให้เขาดีใจจนห้ามน้ำตาไม่ได้ด้วย บ้าไปแล้วแน่เลย

"จะไม่ตอบเหรอ" น้ำเสียงอ่อยๆ ทำให้เขารีบพยักหน้าแล้วดึงชายเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้อย่างลืมอาย

กันติกรณ์ยิ้มรับกับคำตอบนั้น ถือวิสาสะสวมแหวนที่เขาบรรจงสั่งทำมาเข้ากับนิ้วนางด้านซ้ายของคนรัก แล้วโอบกอดเด็กขี้แยไว้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่อาจนับ ความอบอุ่นอ่อนโยนถูกส่งผ่านไปให้เป็นเวลานาน สัมผัสเย็นวาบรอบข้อนิ้วมันยิ่งทำให้หัวใจพองโตจนแทบจะปะทุ

เขาเป็นแค่เด็กที่ยังไม่รู้จักโลกนี้ดีพอ แต่กลับรู้สึกว่าได้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งสุขทั้งเศร้า ก็อยากให้มีคนคนนี้อยู่ น่าตลกจริงๆ...ผู้ชายที่นึกเกลียดขี้หน้าในวันนั้น กลับกลายมาเป็นคนที่ได้หัวใจเขาไปครอบครองทั้งหมด

จะบอกว่าโชคชะตาคอยเล่นตลกหรือยังไงก็ตาม เขาคงต้องขอบคุณที่มาปั่นป่วนชีวิตเขาจนได้พบกับกันติกรณ์ และได้มารักกันอย่างในวันนี้

จุมพิตหวานละมุนถูกมอบให้แก่กันซ้ำแล้วซ้ำเล่า วงแขนเรียวโอบรอบคอหนา ดึงรั้งอีกฝ่ายลงมารับสัมผัสนุ่มนวลหากวาบหวามในอก แววตาที่เต็มไปด้วยความสุขไม่อาจละออกไปจากกันได้เลยแม้ชั่ววินาทีเดียว

แปะๆๆ

วันศุกร์สะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นจากที่ใกล้ๆ ทั้งสองหันกลับไปมองกลุ่มคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่พากันมาบุกบ้านเขาแบบไม่บอกกล่าว และทั้งที่เขากำลังตีหน้าเหวอ คนข้างกายกลับยิ้มกว้างระรื่น

“ทุกคน...มาได้ยังไงเนี่ย”

“ยินดีด้วยนะ”

“ในที่สุดเรื่องวุ่นๆ ก็จบสักที”

นั่นคือเพื่อนสนิทประจำคณะของเขาเอง กั้งกับนัท ตามด้วยหาญกล้าที่เหมือนจะกล้าสมชื่อ เพราะเล่นกระโจนเข้ามากอดคอเขาต่อหน้าต่อตากันติกรณ์ที่เริ่มทำท่าไม่พอใจ แน่นอนว่ารุ่นพี่อย่างบัณฑิตและตรีวิทย์ก็อยู่ที่นี่ด้วย

“รู้ไหมหลังจากพาศุกร์เข้าโรงพยาบาลคืนนั้น ไอ้กันต์โทรมาร้องไห้กับพวกพี่ใหญ่เลย”

“จริงเหรอ?” รีบตวัดสายตามองคนรักตัวเองซึ่งบัดนี้หน้าขึ้นสี

“ร้องอะไรเล่า”

“มันอะฟูมฟายใหญ่ เอาแต่โทษตัวเองบ้าบอ” บัณฑิตยังคงไม่ลดละ พลางชี้นิ้วแซวเพื่อนสนิท มีตรีวิทย์คอยส่งเสียงหัวเราะสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ก่อนที่สาวสวยเจ้าของเส้นผมสีดำขลับจะแหวกกลุ่มคนเข้ามาตบหน้าผากน้องชายไปทีอย่างนึกหมั่นไส้

“บอกแล้วใช่ไหมว่าแกมันปัญญาอ่อน”

“โอ้ย ผมเจ็บนะ” กันต์ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อย

“ศุกร์ว่ามันบ้าไหม เอาแต่คิดมากไม่เข้าเรื่อง ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน แถมโยนมือถือทิ้งไว้นอกห้องไม่ยอมออกไปไหน อีกนิดพี่จะคิดว่ามันตายไปแล้วนะ”

คนได้ยินหลุดหัวเราะ แววตาหยอกล้อส่งไปให้คนรักที่ยังเอาแต่ขมวดคิ้วยุ่ง ป่านนี้คงนึกรู้สึกผิดที่พาเหล่าเพื่อนๆ พี่ๆ ผู้หวังดีมากันพร้อมหน้า แทนที่จะช่วยกันเซอร์ไพรส์วันศุกร์ ดูเหมือนจะตั้งใจมาทับถมเขาเองซะมากกว่า

“แล้วนี่ทุกคนมาหาผมเหรอครับ?”

“อือ มาฉลองที่มึงหายดี แล้วก็ฉลองที่มึงจะได้เป็นเมียพี่กันต์อย่างเป็นทางการด้วยไง” นัทพูดติดตลก ก่อนจะโดนเพื่อนตัวเล็กวิ่งไล่เตะไปรอบต้นปีบต้นใหญ่ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ

พวกเขาพูดคุยอะไรต่ออีกเพียงเล็กน้อย ก็พากันยกโขยงเข้าไปในบ้าน พ่อกับแม่ดูจะตื่นเต้นมากยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก รีบจัดแจงขนมเครื่องดื่มมาบริการให้จนเต็มโต๊ะไปหมด แน่นอนว่าวันเสาร์ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเคย แต่อย่างน้อยก็ยังเห็นแก่น้องชายมากพอที่จะยอมลงมาร่วมวงรับประทานอาหารด้วย

เสียงช้อนส้อมกระทบจานดังแข่งกับเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ วันเวลาแสนเหงาหงอยดูจะผ่านไปไวเหลือเกินเมื่อมีทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันตรงนี้ เขามีความสุขที่มีทั้งครอบครัวที่ฟ้าประทานให้ รวมทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ดีที่สุดอยู่รายล้อม มากกว่านั้นคือคนรักหนึ่งเดียวซึ่งอยู่เคียงข้างกันมาตลอด

ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว แขกแต่ละรายค่อยๆ ทยอยกลับบ้าน จนเคหะสถานหลังใหญ่กลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม

“คุณพ่อ คุณแม่ วันนี้ผมขออนุญาตค้างที่นี่ได้ไหมครับ” กันติกรณ์ขยับตัวเข้าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยกริยาสุภาพผิดวิสัย ทั้งที่เกศราชิงขับรถกลับไปแล้ว แต่ตัวเองก็ยังจะหน้าด้านอยู่ต่อตามประสาเขาแหละ

“ได้สิ”

“เดี๋ยวแม่ให้ละเมียดจัดห้องให้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนกับศุกร์ก็ได้”

เจ้าของห้องยังไม่ทันได้อนุญาต ก็โดนแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาผลักไล่หลัง แถมมีพ่อกับแม่ของเขาคอยหนุนหน้าชื่นตาบานอีกต่างหาก

“เดี๋ยวนะพี่กันต์”

“อะไรเหรอ?”

“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อเลย อยู่ดีๆ จะมานอนด้วย ไม่บอกก่อน”

“ทำไมอะ ศุกร์จะเตรียมตัวต้อนรับพี่เหรอครับ” รอยยิ้มกวนประสาทกับแววตาเจ้าเล่ห์พาลให้เขานึกโมโห ดวงตากลมโตไม่ได้ดูน่ากลัวเลย แต่กลับยิ่งน่ารักน่าชังในสายตาของอีกคน

“น่าๆ พี่อยากใช้เวลาอยู่กับศุกร์นี่”

ประตูห้องปิดตัวลง เพิ่งทันสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่า กันติกรณ์เตรียมตัวมาดีขนาดไหน ในมือหิ้วกระเป๋าเดินทางขนาดพอเหมาะ โยนมันไว้บนเตียงเขาหน้าตาเฉย นี่ถ้าไม่ใช่แฟนกันก็คงอยากไล่ด่าถึงบรรพบุรุษว่าไร้มารยาทอะไรขนาดนี้หรอก

“ไปๆ อาบน้ำกัน”

“พี่อาบก่อนเลย” เขากวักมือไล่ แต่กลับถูกมือหนาคว้าตัวไว้ก่อน เสียงกระซิบข้างหูทำเอาพวงแก้มแดงเห่อร้อน “อาบด้วยกันสิ”

“บ...บ้าเหรอ พี่ก็อาบไปก่อนสิ”

“ไม่เอาอะ อยากให้ศุกร์อาบให้”

“ทะลึ่ง!”

รอยยิ้มทะเล้นหากสายตาที่จ้องมากลับดูจริงจัง บ่งบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น วงแขนแกร่งโอบรอบเอวบางไว้ พลางโน้มลงมาขบใบหูเล็กอย่างหยอกเย้า ถ้าเป็นปกติเขาก็คงนึกอยากจะผลักไสไล่ส่งอีกฝ่ายออกไปนอนนอกห้องซะเลย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเองได้ว่า กำลังคิดถึงเจ้าของอ้อมกอดนี้มากมายขนาดไหน

“นะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามย้ำ ไม่มีเสียงขานรับใดๆ ยกเว้นฝ่าเท้าที่ยอมขยับตรงไปทางประตูอีกบานในห้อง

หวังว่าคืนนี้จะไม่มีใครบังเอิญเดินผ่านมาทางนี้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีหน้าจะไปอธิบายอะไร โดยเฉพาะกับพ่อและแม่ ว่าไอ้สุ้มเสียงน่าอายที่กำลังดังลอดออกมาจากห้องน้ำก้องๆ นั้นมันคืออะไร

และนี่คงเป็นวันที่เขาใช้เวลาในการอาบน้ำนานที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลย…

 

“ไม่ให้ทำแล้วนะ” นั่นคือคำพูดแรกหลังจากที่พวกเขาเสร็จกิจไปร่วม 3 รอบ อย่างกับไปตายอดตายอยากมาจากไหน

“โห อย่าพูดงี้สิ ไม่ให้ทำพี่ก็ตายพอดี”

คนตัวเล็กสะบัดหน้าหนีทั้งที่ยังเกาะคออีกฝ่ายไว้แน่น กันติกรณ์อุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงออกมาวางบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ ริมฝีปากนุ่มหยุ่นจรดอยู่บนขมับสวย ผิวกายเนียนละเอียดส่งกลิ่นหอมของสบู่แครนเบอร์รี่น่าหลงใหล เขาย้ายตัวเองขึ้นมานอนพิงหมอนอยู่ข้างๆ กัน มือยาวพาดโอบคนรักไว้ไม่ห่าง

“หอมจัง”

“อือ...”

ปลายจมูกโด่งรั้นฝังอยู่บนกลุ่มผมนุ่ม ก่อนจะเคลื่อนลงมาคลอเคลียไปตามโครงหน้าหวาน กันติกรณ์ชักจะทำตัวเหมือนสุนัขตัวใหญ่ขี้อ้อน แต่เพียงไม่ทันไร บรรยากาศสีชมพูก็ถูกทำลายลงด้วยน้ำเสียงคร่ำเครียด เหมือนกับว่าเพิ่งนึกเรื่องสำคัญบางอย่างออก

“เออศุกร์”

“หืม?”

“แล้วพี่เสาร์…เขาโอเคแล้วจริงๆ เหรอ?”

ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันทันทีที่ได้ยินชื่อพี่ชายตัวเอง แววตาสั่นไหวดูไม่มั่นใจในคำตอบ น้ำเสียงแผ่วปลายฟังแล้วเจ็บปวดอยู่ข้างในลึกๆ

“ไม่รู้สิ…ศุกร์ว่า พี่เสาร์คงต้องการเวลาอีกสักพักน่ะ”

“อืม พี่เสาร์ก็น่าสงสารเหมือนกันเนอะ”

“อือ…”

“หวังว่าพี่เสาร์จะยอมรับพี่ไวๆ นะ”

“แล้วถ้ามันนานมาก จะรอได้หรือเปล่าล่ะ” เขาแกล้งถาม แน่นอนว่าอีกฝ่ายรีบพยักหน้า พลางรั้งตัวเขาเข้าหา

“รอได้ นานแค่ไหนก็รอได้”

วันศุกร์แอบอมยิ้ม สองสายตาสบประสานราวกับนัดหมายไว้ ความสุขเอ่อล้นเคลื่อนตัวอยู่ภายในดวงตาคู่สวย ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดพวงแก้มใสจนมันเริ่มปล่อยไอร้อน ริมฝีปากหยักขยับแนบชิดกันอีกครั้ง พร้อมสัมผัสที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าทุกที เรียวลิ้นหนาตักตวงความหวานจากโพรงปากเล็กอย่างไม่รู้จักพอ อ้อมกอดคุ้นเคยกลายเป็นสิ่งเสพติดที่เขาชักจะขาดมันไปไม่ได้

เช่นเดียวกันกับคนตรงหน้า…

กันติกรณ์ในตอนนี้ช่างอบอุ่น มากเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันกับเมื่อหลายเดือนก่อน เขายังจำภาพวันแรกที่เจอกันได้อยู่เลย รุ่นพี่จอมหาเรื่องคนนี้ดูไร้สมองและไม่น่าคบเอาสักนิด แต่ดูตอนนี้สิ…ปากหนอปาก มันกลับพลิกผันไปหมด

“ศุกร์” เจ้าของน้ำเสียงนุ่มทุ้มดึงเขาไปกอดชิดอก เสียงเต้นของหัวใจดังพอให้ได้ยิน “พี่ขอโทษนะ”

“ขอโทษอะไรอีก”

“ขอโทษทุกอย่าง…ขอโทษที่เคยแกล้ง เคยพูดจาไม่ดีใส่ ขอโทษที่ดูแลไม่ดี ขอโทษที่ให้ศุกร์มาเจ็บตัวแทนแบบนี้”

“บอกว่าให้เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วไง”

กันต์พยักหน้า รู้อยู่แล้วว่าถ้าพูดขึ้นมาจะทำให้ไม่สบายใจ แต่ยังไงก็อยากจะพูด อย่างน้อยก็ครั้งสุดท้าย และต่อไปนี้ เขาสาบานว่าจะไม่ทำให้วันศุกร์ต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายอีกแล้ว

“พี่กันต์คิดมาก”

“ก็เพราะเรา เลยต้องคิด”

“ไม่ต้องคิด อดีตผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปสิ ทุกวันนี้ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่นะ”

ริมฝีปากบางยกยิ้ม ความอบอุ่นแผ่ขยายกลบอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง อวัยวะในอกซ้ายดังเป็นจังหวะสอดคล้องกัน

มีความสุข…

คำนี้ควรเป็นเขาที่พูดมากกว่า เพราะว่ามีความสุขเหลือเกิน แค่ได้เห็นใบหน้าของเด็กในอ้อมแขนนี้ แม้ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็คือความสุขของเขาแล้ว และมันไม่ได้เพิ่งเกิด แต่มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเขาพบกัน…คนบ้าอะไร ทำไมถึงได้หวานนัก หวานจนนึกว่าจานขนม

และเขาก็คงเป็นคนโชคดีที่ได้ลิ้มลองขนมชิ้นพิเศษนี้

“พี่ก็มีความสุข…” จุมพิตบางเบาประทับลงบนหน้าผากมน “เพราะมีศุกร์ พี่ถึงมีความสุขเหมือนกัน”

“อือ…”

คนตัวเล็กส่งเสียงตอบรับ ก่อนจะพากันจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา ค่ำคืนแสนอบอุ่นเคล้ากลิ่นหอมหวานของความรู้สึกรักซึ่งกำลังเอ่อล้นใจ

 

หากพูดถึง วันศุกร์ ก็คงนึกถึง สีฟ้า แต่เขาก็เคยสงสัยว่ามันคือสีฟ้าแบบไหน? สีฟ้าที่แปลว่าความเศร้าใช่ไหม หรือว่าสีฟ้าของท้องฟ้าที่โอบล้อมโลกนี้ไว้…?

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเป็นทั้งหมดนั้น ชีวิตคนเราทุกคนก็คงเหมือนสีที่มีหลากหลายโทนแตกต่างกันไป มันอาจมีวันที่สีนั้นซีดจาง แต่ก็ต้องมีวันที่สดใสเช่นกัน

และเพราะว่ามีกันติกรณ์อยู่ข้างๆ เขาจึงมั่นใจว่า ต่อจากนี้ไป…สีฟ้าของวันศุกร์ มันคงจะไม่หม่นหมองสักเท่าไรนัก

 

 



THE END

 
------------------------------------------------------------------------

อ่าวเฮ้ย จบ! 555555555
ตัดจบไม่เก่งเลยค่ะ แปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ตั้งใจจะจบตรงนี้จริงๆ นะ ;;
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านมากๆ เลยนะคะ
เรื่องนี้ใช้เวลาแต่งนานที่สุดในชีวิตคือ 2 ปี เพราะหนีไปทำนู่นทำนี่สารพัดสิ่งมาก
แต่ก็เข็นจนจบจนได้ น้ำตาจะไหล ฮรุก


หลังจากอ่าน "วันศุกร์สีฟ้า" จบแล้ว เราอยากให้ตามไปอ่าน "นับหนึ่งถึงเสาร์" ต่อด้วยนะคะ ไปเป็นกำลังใจให้พี่เสาร์ของเราพบรักแท้สักทีน้าา

#นับหนึ่งถึงเสาร์
RAW: https://www.readawrite.com/a/8ebcecc0e94acc025c7841b52f3c971e
FTL: https://fictionlog.co/b/5bda69a63e11f500283e3408
DD: https://writer.dek-d.com/airairair13/story/view.php?id=1797473
TBL: https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68284.0
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-03-2018 01:33:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-03-2018 11:47:32
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 10-03-2018 16:59:23
วันเสาร์น่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 10-03-2018 17:06:30
ชอบน้องวันศุกร์มากๆเลยค่ะ อยากพาน้องกับเจ้าดื้อมาเลี้ยงดูที่บ้าน
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-03-2018 18:37:59
มีความสุขกันซะที ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 11-03-2018 01:13:01
พี่เสาร์น่าสงสาร มากอดทีนึง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 11-03-2018 13:33:13


เฮ้ย!!!

จบแล้ว

มันก็...แบบว่า...

ขอเพิ่มอีกได้ไหมขอรับ

น่ารัก อยากเห็นคู่ของพี่เสาร์

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 11-03-2018 17:31:16
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ ขอบคุณค่า สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 15-03-2018 08:39:25
 o13
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 15-03-2018 09:12:11
สนุกมากค่ะ แต่ก็สงสารพี่เสาร์มากเช่นกัน
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: TORR ที่ 15-03-2018 13:02:38
 :m16:   :mew5: ขอโทษ คนแต่งก่อนเลยนะคะ จริงๆแล้วเราชอบภาษาในการแต่งของคนแต่งมากๆเลย
มีความเป็นมืออาชีพ แต่เราทนตัวละครไม่ไหวแล้วจริงๆ   พระเอกโง่มาก เหมือนเด็กไม่รู้จักโต
ปี 3 แล้วแท้ๆ (หรือเปล่า จำไม่ได้) แต่ไม่มีคุณภาพ ตัดสินทุกอย่างแบบแย่ๆ รวมทั้งพี่สาวด้วย
โง่เอง แรดเอง แท้ๆ เหมือนเป็นโรคจิต โทษคนอื่นเขาไปเลย ตลก มองมาที่วันศุกร์ เกือบดีนะ แต่แบบ
นี่ก็เด็กเกินนน เอาจริงๆก็เด็กนั่นแหละ แต่แบบมีปัญหาก็ควรบอก พี่ป่ะ ? ของวันเสาร์นี่ไม่ค่อยรู้อะไร
เพราะเราอ่านไม่ถึง แต่ทำใจพยายามอ่านได้แค่นี้แหละ  ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะ ที่แต่งมาให้อ่าน
หวังว่าเรื่องหน้าจะปรับบุคคลิก ตัวละครให้มีความคิดมากกว่านี้
สำหรับเรื่องนี้ตัวเราขอลาแค่นี้ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 16-03-2018 06:11:48
 :z13:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Premo1492 ที่ 16-03-2018 19:34:32
 :dont2:กอดดดดพี่เสาร์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by 「aonair」✿✿ UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 28-05-2018 23:28:02
อ่านแล้วเราชอบนะ เนื้อเรื่องสนุกดี ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป เราชอบที่ทุกตัวละครเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลในตัวของมันเอง
คนเราไม่ใช่ดีสุดเลวสุดแต่มันจะมีเหตุผลที่ทำให้แสดงด้านดีด้านไม่ดีออกมามากกว่า ขัดใจกับพระเอกตอนแรกๆนิดหน่อยที่ชอบแกล้งน้องแบบใช้อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่แต่โดยรวมถือว่าดีอยู่ สนุกค่ะ ชอบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 09-02-2019 01:21:43
พี่เสาร์น่าสงสารอ่ะ อารมณ์ ความรู้สึกล้วนๆเลย ทำให้ไม่มีสติ เราว่าเหมือนที่น้องคิดอ่ะ พี่เสาร์มีน้องอยู่กับน้องตลอดเลยยึดติด ลองเปิดตัวเอง ให้เวลากับอะไรๆ หวังว่าพี่เสาร์จะมีความสุข ได้นะ

อิพี่กันต์ก็น่าหมั่นไส้ แกล้วเขา ราวีเขา แต่ก็ตามห่วง ตามหวง กว่าจะยอมรับความรู้สึกตัวเองได้ เอ็นดู ขี้หึง ขี้หวงจนน้องอึดอัด

น้องศุกร์นี่น่าบีบๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนโดนยามานี่น่าให้พี่กันต์กดๆซะเลย 555 5 เอ็นดู สารภาพรักเขาก่อนซะด้วย ธรรมางดาทร่ไหน สับสน ลังเลแต่ก็ไม่กลัว

ตอนโดนพี่เสาร์กักตัวนี่น่าสงสารจับใจ เจ็บตัว ปวดใจ 
หัวข้อ: Re: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 05-04-2019 17:49:58
น่ารักมากกกกก แงงงอยากเล่นกับวันศุกร์น้องงงงง ขอกอดหนาอย พี่กันตอนแรกคิดว่าจะร้ายกาจ ที่แท้แพ่ทางน้อง
หัวข้อ: Re: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 20-04-2019 12:01:37
อ่านจนจบแล้ว ผมสังเกตได้อย่างนึงเลยคือ ผมคิดว่าวันศุกร์เป็นคาแรกเตอร์ที่ผมไม่คิดว่าผมจะชอบอยู่ใกล้

ผมไม่โทษวันเสาร์ด้วยนะครับ เพราะผมเข้าใจได้ วันศุกร์เองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นน้องไม่แท้ของวันเสาร์ การที่วันเสาร์จะชอบวันศุกร์ แน่นอนมันอาจจะผิดจริยธรรมตามมุมมองของวันศุกร์ แต่สำหรับมุมมองของวันเสาร์ การที่จะรักวันศุกร์ยิ่งกว่าใครๆเป็นเรื่องปกติ และไม่ควรจะลดน้อยลงด้วยซ้ำ วันเสาร์เลือกที่จะรับผิดชอบและอยากดูแลชีวิตของคนๆนึงตอนที่เขาอายุแค่ห้าขวบ วันเสาร์ขอร้องแม่ของตัวเอง เขามีความรับผิดชอบที่มากพอและความมุ่งมั่นที่น่าประทับใจ ผมคิดว่านิสัยแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมชอบในตัววันเสาร์ แต่การที่ผมไม่สงสารเค้า ก็เพราะว่าวันเสาร์เลือกที่จะปกปิดความจริงนั้นเอาไว้ วันเสาร์คิดว่าไม่มีใครที่จะทำให้วันศุกร์รักได้ ทั้งๆที่ความจริงแล้ววันศุกร์ต้องเติบโตตามระยะเวลา และเริ่มที่จะเรียนรู้กับความรู้สึก 'รัก' แบบหนุ่มสาวกับใครสักคน ถ้าวันเสาร์ยอมทิ้งโอกาสตรงนี้ไป โดยที่ไม่บอกอะไรเพราะคิดว่าวันศุกร์จะเตลิด ผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะว่าวันเสาร์ปกปิด จากนั้นพอเรื่องราวไปจนเลยเถิดเกินกว่าที่วันเสาร์จะควบคุมได้ ความหึงหวงมันก็เข้ามาทดแทน ซึ่งอันนี้ไม่ผิดเลย วันเสาร์รักและดูแลมาตั้งนาน การหึงหวงแค่นี้ผมยังรู้สึกว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าการที่ต้องเห็นคนที่เรารักและอยากดูแลตั้งแต่เด็ก อยากใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอด ต้องมาถูกพรากแล้วก็ให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ อยู่กับคนที่เรารักมาแค่ปีสองปี จับไปทำกิจกรรมคู่รักแล้วก็ครองคู่กันไปตลอด ผมนึกสภาพความเจ็บปวดนั้นไม่ออกครับ มันเหมือนเค้าหลอกให้คุณเสียเวลามา 22 ปี แล้วมาหักหลังทีหลัง ผมว่าเป็นอะไรที่เลือดเย็นมากนะ

ทีนี้มาที่วันศุกร์ ตัวละครที่ผมรู้สึกว่าน้องไม่เคยคิดอะไรเลย มองโลกในแง่ดีและเป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง ผมว่าบุคลิกนี้ถ้าพูดให้สุภาพคือดันทุรังทั้งๆที่ยังไม่มีความรู้หรือมุมมองที่กว้างขึ้น ทั้งเรื่องผมไม่เห็นวันศุกร์ทำอะไรนอกจากเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองแล้วก็ยัดเยียดตรรกะนั้นให้อีกฝ่ายยินยอม ดังนั้นการที่จะไปคู่กับคาแรกเตอร์ที่มีบุคลิกภาพเชื่อมั่นในตัวเองสูงเหมือนกันแบบไม่ค่อยมองอะไรเช่นกันติกรณ์ ก็ค่อนข้างเหมาะสมกัน แต่ผมไม่คิดว่าวันศุกร์จะไปได้ไกลในสภาพที่ไม่มีวันเสาร์นะ และเอาจริงๆ ด้วยพล็อตแบบนี้ ผมว่าวันเสาร์ควรเฟดตัวเองออกมา

เพราะมันไม่มีประโยชน์ วันศุกร์พิสูจน์ให้คุณเห็นแล้วว่า 22 ปีที่ผ่านมามันไม่ได้ทำให้คุณมีค่ามากไปกว่าคนอื่น เพราะว่าวันศุกร์ไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางอย่างอื่น ถามจริงๆว่าถ้าสมมุติวันเสาร์รู้ล่วงหน้าว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ณ ตอนที่หยิบเด็กคนนั้นขึ้นมา วันเสาร์จะหยิบไหม? จะหยิบคนที่สุดท้ายก็ทิ้งเราไปไหมทั้งๆที่เราเลือกจะดูแลรับผิดชอบเขา? ความรู้สึกของการไร้ประโยชน์เป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตรายนะครับ ถ้าวันเสาร์ยังอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ เห็นวันศุกร์กับกันติกรณ์ แน่นอนว่าสักพักวันเสาร์ต้องเป็น depression จากบุคลิกภาพรุนแรงของเขาแน่นอน เพราะว่าหาที่ลงของความหงุดหงิดและคับแค้นใจไม่ได้ ดังนั้นการเฟดตัวเองออกจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุด อย่างไรก็ตาม การเฟดตัวเองออกก็จะทำให้วันศุกร์ต้องตั้งคำถามตามมา และผมคิดว่าด้วยบุคลิกภาพของน้อง มันไม่น่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะวันศุกร์เลือกไปแล้ว และมันไม่สามารถกลับมาเป็นครอบครัวได้หรอกครับ เส้นทางนี้คือมันต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บ และอีกฝ่ายคืออยู่กับแผลใจนั้นไปชั่วชีวิต มันจำเป็นต้องเลือก มัน compromise ไม่ได้

วันเสาร์ไม่น่าจะมีทางพูดเรื่องในอดีตออกมา เพราะว่าวันศุกร์เลือกทางเดินไปแล้ว ถ้าวันศุกร์ไม่รู้ความจริง ผลก็คือวันเสาร์จะได้แผลใจ แต่ถ้าวันศุกร์รู้ความจริงจากใครบางคน ผลลัพธ์มันก็ต้องดูกันต่อไปว่าคาแรกเตอร์ของน้องจะเป็นยังไงต่อครับ
หัวข้อ: Re: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 20-04-2019 12:55:39
การเขียน ภาษาการถ่ายทอดดีนะแต่ว่าตัวละครแต่ละคนคือแบบทั้งเรื่องนี่ชอบเจ้าดื้ออยู่ตัวเดียว พระเอกนี่แยกแยะถูกผิดไม่เป็นยังกับเด็กสามขวบสิ้นคิดมาก เสาร์ก็แบบอะไรวะเนี่ยยยยยยึกติดไปหมดจนน่าหงุดหงิด ศุกร์นี่ไม่ใช่ไทป์น่าเข้าใกล้สำหรับเร แต่ทั้งเรื่องหมั่นไส้พระเอกจริงจัง คือแยกแยะถูกผิดไม่ออกไม่พอยังพาลคนไปทั่ว ไม่มีเหตุผลใดๆรองรับที่ฟังขึ้น
หัวข้อ: Re: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-05-2020 00:40:33
 :pig4: