พิมพ์หน้านี้ - <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 24-06-2016 16:03:29

หัวข้อ: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 24-06-2016 16:03:29
 (http://[/url)
ส่วนที่เอาไปแปะไว้ที่กระทู้ก่อนลงนิยาย อยู่ในระหว่างเส้น *** นะคะ (ข้อ 1-18 ก๊อปเฉพาะหัวข้อที่ทำตัวทึบไว้ก็ได้
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
[url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0]http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0][/url]
ส่วนที่เอาไปแปะไว้ที่กระทู้ก่อนลงนิยาย อยู่ในระหว่างเส้น *** นะคะ (ข้อ 1-18 ก๊อปเฉพาะหัวข้อที่ทำตัวทึบไว้ก็ได้
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
[url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0]http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0[/url]

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
[url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0]http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0[/url]

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป [url=http://www.thaiboyslove.com]http://www.thaiboyslove.com[/url]  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

เรียน   ท่านสมาชิกทุกท่านทราบและโปรดดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เรื่อง  กฎกติกาและมารยาท

          กรุณาอ่านข้อความข้างล่างที่แนบมาด้วยข้าล่างนี้   ด้วยความระมัดระวังยิ่ง

เพราะเป็นบรรทัดฐานที่พึงยึดและปฏิบัติตามอย่างไม่สามารถพิจารณาเป็นอื่นได้

หากผู้ใดฝ่าฝืน  ทางเราจะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป


      จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

                                                                                 นับถือ

                                                                            อิเจ้  โมดุเรเตอร์


..................................................................................................




บทนำ
[/size][/b]


        เมื่อกันตพิชย์ต้องย้ายบ้านใหม่เพราะงาน  จึงมีเหตุให้ต้องดูแลหลานชายคนเดียวที่กำพร้าบิดา มารดาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์  แต่หลานชายตัวดีเดินมาสารภาพว่าแอบชอบลูกของคนข้างบ้าน ชายหนุ่มอยากจะเอาหัวโหม่งกำแพง ถ้าหลานชายเขาไม่ได้อายุ 5 ขวบ นะ แล้วก็ถ้าเด็กข้างบ้านที่แอบชอบไม่ได้เป็นเด็กผู้ชายเหมือนกันกับเจ้าตัวเขาก็คงยิ้มอย่างขำขันในใจไปแล้ว
 


        แต่เมื่อหลานชายบอกว่าเอาจริง แล้วต้องให้เขาช่วยคิดแผนการอะไรก็ได้ทำให้เด็กข้างบ้านมาตกหลุมรักเจ้าตัวให้ได้  แล้วเขาจะทำยังไงแผนการมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมองอันน้อยนิด เพื่อช่วยให้เจ้าตัวดีสมหวัง เหตุการณ์วุ่น ๆ คงตามมาอีกเยอะ ชายหนุ่มต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่าอนาคตที่อยากอยู่อย่างสงบต้องเปลี่ยนไปแน่นอน


************************************************
[/color]

 :pig2: :pig2:

สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นนิยายที่อยากแต่งให้ออกมาสบาย ๆ เรื่องคงดำเนินไปเรื่อย ๆ อาจจะไม่วูบวาบนะคะ แต่อยากแต่งออกมาให้ดีที่สุด

ขอฝากเรื่องแผนการรัก ดักข้างบ้านไว้สักเรื่องนะคะ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ


เข้ามาทวงงานกันได้นะคะ ถ้าเห็นว่าเราหายไปนาน ^_^


"https://www.facebook.com/YAOI.999/"




[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > บทนำ+ตอนที่ 1 ย้ายบ้าน @24-06-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 24-06-2016 16:13:47
ตอนที่1 ย้ายบ้าน

           เสียงดังตึงตังมาจากบ้านสองชั้นสีขาวสไตล์โมเดิร์นหลังเล็ก ๆ ในพื้นที่ขนาด 100 ตารางวา  พร้อมกับเสียงที่สั่งให้พนักงานของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ยกกล่องของและเฟอร์นิเจอร์เข้ามาภายในตัวบ้าน  บ้านหลังนี้กันตพิชย์เจ้าของบ้านหนุ่มตัดสินใจซื้อเพื่อที่ว่าเขาจะได้มีเวลาดูแลหลานชายและใกล้ที่ทำงานที่ใหม่ที่เขาได้สมัครเอาไว้

                ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเดินมาหน้าบ้าน ใบหน้าเรียวซึ่งตอนนี้สีแดงเรื่อ มีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ปรากฏอยู่บนหน้าผากเนียน  เนื่องจากอากาศร้อนและด้วยการที่ต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ที่ขนมาจากต่างจังหวัด  สายตาสอดส่องหาหลานชายที่วิ่งวุ่นรอบบ้าน

                “น้องตุลย์ อยู่ไหนออกมาหาน้ากันต์ก่อนครับ” เมื่อมองหาไม่เจอจึงตะโกนเรียกหลานชาย

                “คร้าบบบบบบบบบ ตุลย์อยู่ข้างบ้าน” เสียงใสของเด็กชายดังมาจากทางข้างบ้าน พร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งออกมา

                ไม่กี่อึดใจก็ปรากฏร่างของเด็กชายคนหนึ่ง วิ่งมาถึงตัวผมที่เรียกหาตัวเอง  พร้อมกับเสียงหอบหายใจดังเพราะเหนื่อยกับการวิ่งสำรวจบ้านใหม่ที่จะต้องอยู่กันสองคนน้าหลานตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

                “น้ากันต์ บ้านใหม่กว้างกว่าแล้วก็สวยกว่าบ้านเก่าเราอีกนะครับ” เสียงตุลยากร หรือน้องตุลย์เด็กชายวัย 5 ขวบ บอกอย่างตื่นเต้น  พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ทำให้ตากลมโตแทบหายมิดไปกับแก้มยุ้ยสองข้างของเจ้าตัว

                เมื่อได้ยินเสียงหลานชายผมก็ยิ้มรับ แล้วก้มลงเอาผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวไว้มาเช็ดเหงื่อให้เด็กชาย จากนั้นจึงถามออกไป

           “น้องตุลย์ชอบไหม ต่อจากนี้บ้านหลังนี้เราจะอยู่กันสองคนน้าหลานนะ บ้านใหม่ โรงเรียนใหม่  งานใหม่ของน้ากันต์ด้วย” ผมถามหลานชายด้วยรอยยิ้ม

                “ชอบสิครับน้ากันต์ ตุลย์จะไปโรงเรียนใหม่ มีเพื่อนใหม่ บ้านหลังใหม่ก็ใหญ่มาก แต่ตุลย์คิดถึงพ่อกับแม่ ถ้าพ่อกับแม่ได้มาอยู่กับเราก็ดีนะครับ” เสียงที่ตอบกลับมาครั้งแรกมีแววดีใจ แต่ต่อมาน้ำเสียงที่ผมได้ยินคือน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าหมอง ตาแดง ๆ ของหลานชายทำให้ผมอดปวดใจลึก ๆ ไม่ได้

                “พ่อกับแม่ของตุลย์ก็อยู่กับเราตลอดเวลานี่แหล่ะ อยู่ในใจเราสองคนเสมอนะตุลย์ พ่อกับแม่มองตุลย์จากบนฟ้า คอยยิ้มให้ตุลย์ที่เป็นเด็กดีของน้ากันต์ไงครับ” ยื่นมือไปลูบศรีษะหลานชาย แล้วเอื้อมมือไปโอบรอบไหล่น้อย ๆ ให้ซบลงกับอกของตัวเอง

                ตุลยากรร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดชายหนุ่มไว้แน่น  มือบางลูบหลังเด็กน้อยเป็นการปลอบใจ พร้อมกันนั้นก็ปลอบใจตัวเองไปด้วยว่าต่อไปนี้เราเหลือกันแค่สองคนแล้ว เขาตั้งปฏิธานในใจว่าจะเลี้ยงตุลยากรให้เติบโตอย่างดีที่สุด อะไรที่เขาจะทำให้หลานชายได้เขาจะพยายามทำ เพื่อไม่ให้ตุลยากรรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่

                ผ่านไปไม่นานเสียงร้องไห้ก็หยุดลง กันตพิชย์จึงยื่นผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดน้ำตา ให้ร่างน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นให้หลานตัวน้อย แล้วลุกขึ้นจูงมือน้อย ๆ ของเจ้าตัวเล็กเข้าไปในบ้าน

                “หิวหรือยัง เดี๋ยวน้ากันต์พาไปทานข้าวเที่ยงดีไหม แต่น้ากันต์ก็ยังไม่รู้ว่าแถวบ้านใหม่ของเรามีร้านอาหารหรือเปล่า บางทีถ้าไม่มีอาจจะต้องไปห้างแถวนี้นะ” ผมบอกกับเจ้าเด็กอ้วนกลมข้างกาย

                “ครับ ตุลย์เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวเราออกไปทานข้าวข้างนอกกันก็ได้ครับน้ากันต์” เสียงออกมาจากปากเด็กชาย

                “ป่ะ งั้นเราไปกันดีกว่า เดี๋ยวน้ากันต์จะไปดูพนักงานขนย้ายก่อนนะว่าเขาเสร็จงานกันหรือยังถ้าเสร็จแล้วเราก็ไปทานข้าวกันได้” ผมเอ่ยปากแล้วเดินไปสอบถามพนักงานของบริษัทขนส่ง ว่าของที่อยู่บนรถคันใหญ่ที่จอดไว้หน้าบ้านขนลงเข้ามาในบ้านหมดแล้วหรือยัง เมื่อได้คำตอบว่าขนของทั้งหมดเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้วจึงขอบคุณพนักงานแล้วหันมามองบ้านใหม่ของตนเองกับหลานชาย

                บ้านหลังนี้จะเป็นบ้านที่เขาสองคนน้าหลานจะใช้ชีวิตหลังจากนี้ไปด้วยกัน  บ้านหลังเล็กแต่บริเวณกว้างขวางพอที่จะมีสนามหญ้าให้หลานชายได้วิ่งเล่น ออกกำลังกาย บ้านสีขาวไตล์โมเดิร์น ตกแต่งสวยงามปรากฏในสายตา 
หลังจากที่ผมได้ตัดสินใจสมัครงานในเมืองหลวงแทนที่จังหวัดที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิด ก็เพราะว่าผมได้สูญเสียพี่สาวกับพี่เขยไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 3 เดือนก่อน

                เมื่อจัดการงานทุกอย่างและขายบ้านที่ต่างจังหวัด  ผมได้สมัครงานไว้ทางอินเตอร์เน็ตในบริษัทแห่งหนึ่ง ทางนั้นได้ตอบรับผมเข้าทำงาน  ผมจึงต้องย้ายบ้านเข้ามายังกรุงเทพฯ  เมืองที่คิดว่าจะไม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่หลังจากเรียนจบไปหลายปีเพราะเมื่อเรียนจบผมก็กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาวที่เป็นญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว เนื่องจากพ่อกับแม่เราเสียชีวิตไปนานแล้ว จากนั้นพี่สาวก็ทำงานเลี้ยงดูผมมาคนเดียว จนส่งเสียผมจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ผมก็ตัดสินใจกลับไปดูแลพี่สาวที่ต่างจังหวัด หลังจากผมรับปริญญาแล้วพี่สาวจึงตัดสินใจแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่รักกันมากว่า 5 ปี

                หนึ่งปีต่อมาผมก็ได้เป็นน้าของเด็กชายตัวอ้วนกลม  ใบหน้าน่ารักน่าชัง ผมช่วยพี่สาวกับพี่เขยทำร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เป็นกิจการของครอบครัว แล้วดูแลหลานไปด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของครอบครัวเราต้องเปลี่ยนแปลงไปก็คืออุบัติเหตุทางรถยนต์ พี่สาวกับพี่เขยได้จากของเราสองคนไปตลอดกาล

            ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเหมือนเป็นการตั้งสติและให้กำลังใจตัวเอง จากนี้ต้องเข้มแข็ง อ่อนแอไม่ได้เพราะต้องเป็นหลักให้ตุลย์ เงยหน้ามองฟ้ายิ้มให้คนสองคนที่รักยิ่งทำเหมือนกับว่าทั้งสองคนมองลงมายังข้างล่างเพื่อให้กำลังใจ  แล้วก็ออกก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านที่มีหลานชายนั่งรออยู่

                “เสร็จแล้วครับตุลย์ เราไปหาอะไรทานดีกว่าเนอะ” ว่าพลางเดินไปหยิบกุญแจรถที่วางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง สายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ที่เต็มไปด้วยกล่องของมากมายที่ยังไม่ได้จัดเก็บก็ได้แต่ถอนหายใจสงสัยต้องใช้เวลาหลายวันในการจัดของเข้าบ้านแน่เลย

                เมื่อตุลยากรได้ยินเสียงชวนก็โดดลงจากโซฟาตัวใหญ่แล้ววิ่งไปขึ้นรถที่จอดไว้หน้าบ้าน ผมได้แต่หัวเราะแล้วเดินตามหลังไป   เรื่องกินเนี่ยเรื่องใหญ่ของหลายเขาเลยทีเดียว ก็ดูสิถ้าไม่ห่วงกินตัวคงไม่อ้วนกลมขนาดนี้หรอก สงสัยมาอยู่นี่ต้องให้ออกกำลังกายบ้างเสียแล้ว ไม่งั้นโรคอ้วนถามหาหลานชายเขาแน่

                ผมเดินไปเปิดประตูรถแล้วจัดการสตาร์ทรถพร้อมกับขับรถออกจากบ้านเพื่อไปหาอาหารเที่ยงที่เลยเวลามาค่อนข้างมากสำหรับสองน้าหลาน

               เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ผมก็พาหลานชายเดินสำรวจร้านอาหารว่าเจ้าตัวอยากกินอะไร

                “ตุลย์อยากทานอะไรครับ  จะทานอาหารไทย หรือญี่ปุ่น” ผมถามความต้องการของเจ้าตัวอ้วน เพราะอย่างที่บอกไว้เรื่องกินเรื่องใหญ่ครับ

                “ตุลย์อยากทานไก่ผู้พัน กับไอศกรีมนะน้ากันต์” เสียงเด็กอ้วนตอบกลับ ซึ่งก็ทำให้ผมต้องมองหาร้านอาหารที่หลานชาย เมื่อเห็นร้านแล้วก็เดินจูงมือพาไปสั่งอาหารที่เจ้าตัวอยากทาน เจ้าตัวอ้วนไปถึงก็เกาะขอบเคาน์เตอร์สั่งไก่ทอดที่ชอบมาชุดนึง แต่อย่าคิดว่าจะสั่งชุดเล็กนะครับ เจ้าตัวชี้ไปสั่งชุดใหญ่เลยทีเดียว

                เมื่อสั่งของที่ต้องการแล้วพนักงานจัดอาหารที่สั่งเสร็จแล้วจึงพากันเดินมาหาโต๊ะที่ว่างเพื่อนั่งทานอาหาร ระหว่างนั้นผมก็คิดในใจว่าจะต้องซื้อของที่จำเป็นเข้าบ้านก่อน  แต่ยังไม่ต้องซื้อของสดเพราะว่าคงไม่มีแรงมาทำอาหารแน่นอน เนื่องจากบ้านยังจัดการไม่เรียบร้อยคงต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์แน่กว่าอะไรจะเข้าที่เข้าทาง  โรงเรียนก็ยังไม่เปิดคงมีตัวป่วนจอมจุ้นช่วยแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยให้ง่ายหรือช่วยให้ยุ่งกันแน่ผมก็ยังไม่แน่ใจ

      อิ่มจากไก่ทอดผู้พันกันแล้ว ผมก็จัดการจูงมือหลานชายลงมาที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่าง เพื่อซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันก่อน  มาถึงก็คว้ารถเข็น ไปตามทางเลือกของที่ต้องการใส่รถเข็น หันมามองอีกทีรถเข็นเต็มไปด้วยถุงขนมที่เจ้าอ้วนหยิบใส่ ผมมองหน้าอย่างเอือม ๆ เฮ้อถึงคราวต้องจับหลานชายลดน้ำหนักจริงจังเสียแล้ว

          ออกจากห้างสรรพสินค้าก็เย็นมากแล้ว ผมขับรถมาจอดหน้าบ้านแล้วเดินไปเปิดกระโปรงหลังหยิบถุงที่ใส่ของออกมาเพื่อเดินเข้าบ้านแต่ของเบาๆ อย่างขนมนั้น ให้ตุลย์รับผิดชอบหิ้วเองเพราะเจ้าตัวขันอาสาหิ้วถุงของโปรดไปเอง เข้าบ้านไปวางของไว้ที่โต๊ะทานอาหาร แล้วไล่หลานชายไปอาบน้ำเตรียมพักผ่อน แล้วค่อยมาเริ่มจัดของกันพรุ่งนี้แล้วกันวันนี้ต่างคนต่างเหนื่อยมากแล้ว




.......................TBC......................

สองน้าหลานเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว สู้ ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > บทนำ+ตอนที่ 1 ย้ายบ้าน @24-06-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-06-2016 16:36:45
ง่า โล่งอกที่ไม่ใช่โชตะน้ากับหลานค่ะ เราชอบแนวพ่อสื่อค่ะ
น้ากับหลานน่ารักดีนะ
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 2 เพื่อนบ้านใหม่ @27-06-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 27-06-2016 09:45:15
ตอนที่ 2 เพื่อนบ้านใหม่

   เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าเพื่อหาอะไรง่าย ๆ ไว้ทานกับหลานชาย ก่อนที่จะเริ่มลุยจัดเก็บข้าวของที่กองอยู่เต็มห้องไปหมด แค่เห็นก็เหมือนจะหมดแรงแล้ว  เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้าและเริ่มส่องแสงแรงกล้าตามแบบฉบับของดวงอาทิตย์ในเมืองไทย ผมจึงเดินขึ้นไปบนห้องนอนของเจ้าเด็กอ้วน เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับก้อนผ้าห่มกอง ๆ อยู่บนที่นอน ด้วยความนึกอยากแกล้งหลานชาย จึงยื่นมือไปกระตุกปลายผ้าห่มเบา ๆ 

   แน่ะ มีม้วนตัวทับไว้ไม่ยอมปล่อยอีก ผมไม่ยอมแพ้ทีนี้กระตุกอย่างแรงจนก้อนกลม ๆ กลิ้งมาเกือบสุดเตียง เจ้าตัวลืมตามองเบลอ ๆ ทำหน้ายู่ใส่ มีการพองลมในปากด้วย

   “ไงตุลย์ยังไม่ตื่นอีกหรอครับ สายแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าเด็กอ้วนเริ่มตื่นผมก็นั่งลงที่เตียงแล้วยื่นมือไปขยี้พุงน้อย ๆ ที่ตอนนี้เสื้อนอนที่ใส่อยู่เลิกขึ้นมาเห็นพุงกะทิแล้ว

   “อื้อออออออออ น้ากันต์ให้ตุลย์นอนอีกนิดไม่ได้หรอ ยังง่วงอยู่เลยอ่า” ตุลย์พูดทั้ง ๆ ที่ยังสลึมสลือไม่ตื่นเต็มตา หน้าขาว ๆ กลม ๆ ทำหน้าย่นใส่ผม

   “อ้าว จะนอนต่อเหรอ งั้นก็ตามใจนะเดี๋ยวน้ากันต์จะไปหาอะไรทานข้างล่างดีกว่า ชักจะหิวแล้วงั้นหมูน้อยของน้ากันต์ก็นอนให้สบายเลยนะครับ” ฮ่าๆๆๆ คิดหรอครับว่าถ้าพูดถึงของกินแล้วหลานชายผมจะเมิน นั่นไงตาใสขึ้นมาทันทีเลย

   “ตื่นแล้ว ๆๆ ตุลย์ไม่นอนต่อแล้วเดี๋ยวเราลงไปจัดของกันดีกว่าเนอะ วันนี้ต้องช่วยน้ากันต์นี่  ของมันเยอะเดี๋ยวน้ากันต์เหนื่อยแย่เลย” เจ้าเด็กอ้วนประจบออกมาทันที ถ้ามีหูคงได้เห็นว่าหูที่ลูบตกอยู่ตั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินว่ามีของกินล่ะ

   “งั้นก็ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวน้ากันต์ลงไปรอข้างล่างนะครับ” ผมลุกขึ้นเพื่อจะลงไปข้างล่างก่อนให้เจ้าตัวเขาทำธุระส่วนตัว ผมหัดให้น้องกันต์จัดการตัวเองทุกเช้าเกี่ยวกับเรื่องล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียนเองตั้งแต่น้องเริ่มโตแล้วครับ  อยากให้เขาหัดช่วยตัวเองให้เป็นตั้งแต่เล็ก ๆ อย่างน้อยเรื่องส่วนตัวก็ต้องจัดการเอง ตุลย์ก็หัดจนเดี๋ยวจนนี้ไม่ต้องคอยสอนอีกแล้ว ทำทุกอย่างเองเลย

   ตุลย์วิ่งเข้าห้องน้ำทันที ผมเลยช่วยพับผ้าห่มคลุมเตียงให้เรียบร้อย แล้วเดินลงไปที่โต๊ะทานอาหารข้างล่าง เช้านี้มีแค่ขนมปังที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อวานกับนม พร้อมซีเรียล เป็นอาหารเช้าที่ง่าย ๆ เพราะบ้านเรายังไม่พร้อมจะทำอาหารที่ยากกว่านี้

   นั่งรอไม่นานเสียงวิ่งก็ดังลงมาทางบันไดพร้อมร่างอันอ้วนกลมวิ่งดุ๊กดิ๊ก ๆมาที่โต๊ะอาหาร นั่งลงเรียบร้อย จัดการเทนมใส่ซีเรียลให้ตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มการทานอาหารโดยที่ไม่พูดกับผมสักคำเอากับเขาสิเห็นของกินดีกว่าน้าไปซะได้  ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่เหมือนกันกับของคนตรงหน้า

   ใช้เวลาไม่นานอาหารเช้าของเราสองน้าหลานก็หมดลง ผมจึงเดินเอาจานไปล้าง เสร็จแล้วจึงเดินมาที่บรรดากล่องหลายใบที่วางซ้อนกันอยู่ จากนั้นจึงจัดการยกเอากล่องข้างบนสุดลงมาเพื่อเริ่มต้นจัดการเก็บของให้เข้าที่โดยมีหลานชายช่วยด้วย

   นั่งเก็บของกันเกือบสามชั่วโมง ตุลย์ก็เริ่มจะเหนื่อยแล้ว เห็นนอนหงายหลังลงไปที่พรมหน้าทีวีเรียบร้อยคงเหนื่อยน่าดู ตอนแรกก็ไม่คิดนะครับว่าแรงงานจากเจ้าหลานตัวเล็กจะช่วยได้นึกว่าจะเอาแต่ป่วนเสียอีก

   “ตุลย์เหนื่อยแล้วเหรอ อะไรข้าวก็กินเยอะแรงงานที่ทำยังไม่พอค่าข้าวเลย” ผมแกล้งว่า เจ้าตัวเลยหันมาทำหน้าบูดใส่ผม ผมได้แต่หัวเราะแล้วพุ่งไปงับพุงน้อย ๆ เล่น มันนิ่มดีนะครับผิวลื่น ๆ พุงนิ่มๆ ฮ่าๆๆเจ้าตัวคงจั๊กจี้หัวเราะลั่นเลย หน้าตาแดงหมดแล้ว

   “ตุลย์ไม่เหนื่อยหรอกแค่พักแป๊บนึงเอง แค่นี้จิ๊บ ๆ เดี๋ยวช่วยเก็บหมดนี่เลยก็ยังไหว” นั่นมีท้ากลับมาอีก

   “แต่ว่าน้ากันต์เหนื่อยแล้วเราออกไปนั่งเล่นข้างนอกดีไหม อากาศวันนี้ไม่ร้อนมากด้วย” ผมเอ่ยชวนหลานชาย พร้อมกับยื่นมือไปฉุดร่างกลม ๆ ขึ้นมาจากท่านอน เจ้าตัวทำอิดออดแต่ก็ยอมลุกมาพร้อมกับผม

   ผมออกมาหน้าบ้านมองดูสวนบ้านตัวเองแล้วได้แต่คิดไว้ว่าคงต้องหาเวลาว่างไปซื้อต้นไม้มาปลูกเพิ่มอีกหน่อยเพื่อให้บ้านร่มรื่นขึ้นเพราะตอนนี้มองดูแล้วมีแต่สนามหญ้ากับต้นไม้ต้นเล็ก ๆ เท่านั้นที่ทางโครงการปลูกไว้ให้ ผมอยากให้บ้านมีต้นไม้ใหญ่เยอะๆ อ้อ ต้องทำบ่อปลาด้วยอีกสักบ่อ เลี้ยงปลาคราฟ ไว้ดูเล่นอีกด้วย

   ตุลย์เดินตามผมออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าบ้าน ลมพัดเอื่อยๆ ทำให้เย็นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย มองสำรวจบ้านตัวเองแล้วสายตาเลยเผลอไปมองข้างบ้านอย่างอดไม่ได้ สงสัยจริง ๆ นะว่าบ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วติดกันกับบ้านของเขาเนี่ย ใครเป็นเจ้าของ แล้วจะสร้างให้ใหญ่โตขนาดนี้ทำไม แต่นี่แหล่ะนะคนรวย สร้างบ้านใหญ่โตเพื่ออวดว่าตัวเองมั่งมี เป็นธรรมดาของคนเมืองหลวง

   บริเวณบ้านข้างเคียงก็กว้างเสียจนผมนึกไม่ออกว่ามีขนาดเท่าไรกันแน่ แต่ช่างสิไม่ใช่บ้านเรา บ้านเราหลังแค่นี้อยู่กันสองคนก็มีความสุขมากแล้วล่ะ

   “น้ากันต์บ้านหลังนั้นใหญ่จังเลยอ่ะ ตุลย์สงสัยว่ามีคนอยู่เยอะหรือเปล่า” ตุลย์นั่งมองบ้านหลังนั้นแล้วถามผมออกมา

   “จะอยากรู้ไปทำไม หลังใหญ่อย่างนั้นคนคงเยอะจนน่าปวดหัวละมั้ง แต่ดีจังเลยนะที่มีแต่ต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลย”

   “น้ากันต์ ๆ ดูสิมีใครนั่งอยู่ที่ซุ้มไม้ตรงนั้นด้วย” เสียงเรียกดังขึ้นข้างตัวค่อนข้างดังทำให้ผมหันไปมองตามที่มือป้อม ๆ ชี้ไปทางข้างบ้าน พร้อมกับร่างอ้วนรีบวิ่งไปตรงตำแหน่งที่เจ้าตัวเห็นว่ามีคนนั่งอยู่

   “เฮ้ย!!!!!!!!!! ตุลย์จะวิ่งไปไหน” ผมตกใจรีบวิ่งตามเจ้าตัวน้อยไปทันทีกลัวว่าจะไปสร้างความวุ่นวายให้คนข้างบ้าน แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าหลานชายยืนเกาะรั้วที่มีช่องว่างของลูกกรงเหล็กพลางเขย่ง เพื่อให้ตัวเองสูงขึ้นแล้วร้องเรียกร่างที่นั่งอยู่ในซุ้มใต้ต้นไม้ใหญ่

   “สวัสดีเราชื่อตุลย์ เพิ่งย้ายมาใหม่ นายชื่ออะไร” เสียงดังร้องเรียกพร้อมกับแนะนำตัวเองไปด้วยให้กับร่างที่นั่งอยู่นั่นฟัง

   ร่างที่ถูกทักหันกลับมาเป็นร่างของเด็กน้อยผิวขาว ตัวเล็ก ๆ ดูบอบบางกว่าเจ้าอ้วนของเขาเยอะ ตาโต ๆ จ้องมาที่หลานชายของเขาแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้

   “เราชื่อฟ้า ยินดีที่ได้รู้จักตุลย์” ปากบางเอ่ยชื่อของเจ้าตัวออกมา แล้วหันมายกมือไหว้ผม ผมได้แต่รีบรับไหว้แล้วแนะนำตัวเองไปเช่นกัน

   “น้าชื่อน้ากันต์นะครับ เราเพิ่งย้ายมาได้สองวัน แล้วน้องฟ้ากำลังทำอะไรหรอกครับ ทำไมนั่งอยู่คนเดียวล่ะ คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด” ผมทักทายร่างเล็กนั้นไป แล้วถามในสิ่งที่สงสัยทันที เพราะเด็กยังเล็กอยู่เลยทำไมคนบ้านนี้ถึงปล่อยให้อยู่ตามลำพัง

   “ฟ้าออกมานั่งอ่านหนังสือครับ น้ากันต์ ส่วนพี่พลอย พี่เลี้ยงไปเอาของว่างครับเดี๋ยวก็มา”เสียงเล็ก ๆ ตอบกลับมาตอบข้อสงสัยของผม

   “แล้วน้องฟ้าอ่านอะไรครับ เรียนอยู่ชั้นไหนเหรอ”

   “อยู่อนุบาล  1 โรงเรียนนานาชาติฟรังซัวร์ครับ” อ่ะ เรียนโรงเรียนเดียวกับหลานชายของเขาเสียด้วย

   “ดีจังเลย นี่ตุลย์ก็เพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับน้องฟ้าเหมือนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ห้องเดียวกันก็ได้นะ เพราะน้องตุลย์ก็อนุบาล 1 เหมือนกัน” แต่ว่าการเกาะรั้วแล้วยืนคุยกันแบบนี้ก็ทำให้เมื่อยเหมือนกันนะเนี่ย

   ว่าแต่ว่าทำไมเจ้าอ้วนของเขาถึงได้เงียบอย่างนี้ล่ะ เห็นมาทักก่อนนึกว่าจะคุยจ้อเหมือนทุกทีเสียอีกนึกแล้วเลยหันไปมองหลานตัวเองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อ้าว ๆ ทำไมจ้องน้องฟ้าตาไม่กระพริบอย่างนั้นล่ะตุลย์แถมยังอ้าปากทำตาโต แล้วทำท่าทางแบบนี้นานหรือยังเนี่ย

   “ตุลย์ครับ เป็นอะไรไปไม่คุยกับน้องฟ้าแล้วเหรอ เงียบทำไมล่ะ ทีตอนนั้นวิ่งหน้าเริ่ดมาเชียว เรียกไว้ก็ไม่หยุด” ผมหันไปถามเจ้าอ้วนกลมข้าง ๆ ตัว พอร่างอ้วนได้ยินก็หันมาทำหน้าแดงใส่ผม อ้าวแล้วจะหน้าแดงไปทำไมล่ะ พิลึกคน จะว่าร้อนก็ไม่ร้อนเท่าไรนะแล้วทำไมหลานชายเขาทำท่าทางประหลาด ๆ ปากจะพูดอะไรก็ไม่พูด อ้า ๆ หุบ ๆ อยู่นั่นแหล่ะ

   “เอ่อ ๆ น้ากันต์ ตุลย์ อ่า ตุลย์อยากเห็นหน้าฟ้าชัด ๆ ครับ” เสียงที่ดังออกมาจากปากหลานชายพร้อมกับนิ้วป้อม ๆ จิ้มกันไปมายืนบิดตัวเหมือนปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำยังไงยังงั้นเลย เกิดอะไรขึ้นกับเด็กชายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมีอาการอึกอักแบบนี้มาก่อนเลย

   “ห๊า!! อะไรนะ อยากเห็นชัด ๆ” ผมตกใจหันไปดูหน้าหลานตัวเองอีกรอบ ตอนนี้จ้องเลยครับ อย่าบอกนะว่าหลานชายผมอายกับแค่การทำความรู้จักเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อายุเท่าตัวเอง แต่จะว่าไปน้องฟ้าก็หน้าตาน่ารักนะครับ ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาว ๆ แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อจากความร้อนทำให้น่ามองเข้าไปใหญ่ แถมรอยยิ้มน่ารักน่าหยิกนั่นอีก อาจจะทำให้หลานผมมีอาการแปลก ๆ ได้เหมือนกันล่ะมั้ง

   อยากจะหัวเราะแต่ก็กลัวว่าตุลย์จะงอนเอาได้เลยย่อตัวลงไปอุ้มเอาร่างอ้วน ๆ ให้มาใกล้ ๆ ตำแหน่งที่น้องฟ้านั่งอยู่  น้องฟ้าเห็นว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ตัวเองก็ยิ้มหวานให้หนึ่งที ทำเอาเจ้าอ้วนของผมหน้าแดง หูแดงไปเลยทีเดียว แต่ว่าเขินขนาดนี้เด็กอ้วนของผมจะรู้มั้ยว่าน้องฟ้าเป็นเด็กผู้ชายนะไม่ใช่เด็กผู้หญิง

   เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับร่างของหญิงสาวอายุราว 17-18 ปีคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมถาดขนมกับเครื่องดื่ม
   “น้ากันต์ครับนี่พี่พลอย พี่เลี้ยงฟ้าเอง พี่พลอย นี่น้ากันต์ เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ เรา”เสียงเล็ก ๆ แนะนำให้รู้จักกับพี่เลี้ยงขอตนเอง  เด็กพลอยยกมือไหว้ผม ผมจึงต้องรับมือไหว้พร้อมส่งรอยยิ้มไปให้ด้วย

   “งั้นน้ากันต์ไม่กวนน้องฟ้าแล้วนะครับ เพราะเราต้องไปจัดบ้านกันต่อเนี่ยยังไม่เสร็จเลย แต่แอบมาอู้สักหน่อย เดี๋ยววันหลังน้ากันต์จัดบ้านเสร็จจะมาชวนไปเที่ยวที่บ้านนะครับ” ผมบอกแล้วโบกมือลาน้องฟ้ากับพลอย หันไปเรียกตุลย์ให้เดินตามกลับเข้าบ้านไปทำงานต่อ หลานชายผมก็ได้แต่ยกมือโบกลาเพื่อนบ้านตัวน้อยน่ารัก พร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้

   เออ เนอะ หลานผมท่าจะเป็นเอามาก เดี๋ยวค่อยถามดีกว่าว่ารู้หรือเปล่าว่าน้องฟ้าเป็นเด็กผู้ชาย...


***********************************************************

มาลงให้อีกตอนค่ะ นิยายเรื่องนี้เราตั้งใจว่าจะไม่หวือหวาอ่ะ รู้สึกเหมือนว่าความรักมันต้องค่อยเป็นค่อยไป

ใครอ่านแล้วยังไงบอกกเราได้นะคะ เราอยากรู้ฟีดแบคเหมือนกัน ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > บทนำ+ตอนที่ 1 ย้ายบ้าน @24-06-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 27-06-2016 09:47:36
ง่า โล่งอกที่ไม่ใช่โชตะน้ากับหลานค่ะ เราชอบแนวพ่อสื่อค่ะ
น้ากับหลานน่ารักดีนะ
รอติดตามนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ  คือเราก็ไม่ถนัดเขียนเท่าไร เรื่องนี้จึงอยากจะเขียนให้จบ ให้เป็นเรื่องราวที่น่ารัก อมยิ้มตามไปด้วย

แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจคนอ่านหรือเปล่านะ แต่ขอฝากไว้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 2 เพื่อนบ้านใหม่ @27-06-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-06-2016 10:19:58
 :impress2:   :man1:  น้องฟ้า  น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 2 เพื่อนบ้านใหม่ @27-06-59
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-06-2016 17:46:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 3 งานใหม่ @02-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 02-07-2016 19:01:42
ตอนที่ 3 งานใหม่

   วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของงานใหม่ ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งไม่รู้ว่าดวงเขาดีหรืออย่างไร เพราะก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับการตอบรับให้ทำงานในตำแหน่งนี้ แถมยังเป็นบริษัทที่ไม่ได้หวังเอาไว้ด้วย แต่ก็ถือว่าต้องยินดีในงานนี้ ผมต้องตื่นแต่เช้าในวันนี้เพราะต้องเตรียมตัวแล้วยังเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของตุลย์อีกด้วย จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อแต่งตัวเสร็จจึงเดินไปปลุกหลานชายให้ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว ส่วนตัวผมก็ลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับเราสองคน

   เมื่อได้ยินเสียงเดินลงบันไดมาจากข้างบนแล้วตามมาด้วยร่างอ้วนกลม สะพายกระเป๋าใบโตสำหรับใส่อุปกรณ์การเรียนมาวางไว้ที่เก้าอี้ข้าง ๆ แล้วพาร่างเกินความอวบนิด ๆ นั่งลงใช้ช้อนตักข้าวต้มที่ผมทำไว้ให้เข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ผมก็มองดูหลานชายทานข้าวเช้าไปพลางตักข้าวต้มใส่ปากตัวเองไปพลาง นี่ผมเลี้ยงหลานให้เห็นความสำคัญของอาหารขนาดนี้เลยเหรอ ไม่คิดจะทักทายอรุณสวัสดิ์ยามเช้ากันสักคำ เห็นของกินทำเมินผมได้อีก

   เมื่อข้าวต้มหมดถ้วย ตุลย์ยกแก้วนมขึ้นดื่มพลางลูบพุงน้อย ๆ ของตนเองแล้วหันมามองหน้าผมพลางยิ้มตาหยีแล้วยกมือไหว้ผม เพิ่งนึกออกรึไอ้อ้วน    

   “อรุณสวัสดิ์ครับน้ากันต์” คำทักทายยามเช้าหลุดออกมาจากปากเล็ก ๆ นั่น

   “เพิ่งนึกออกเหรอตุลย์ ว่าต้องทักกันก่อน น้ากันต์นึกว่าตุลย์จะลืมน้ากันต์เสียแล้ว เห็นถ้วยข้าวต้มดีกว่าแน่เลย มาถึงก็ก้มหน้าก้มตาทานใหญ่เลยนะ”

   “แหมใครจะไปลืมน้ากันต์ได้ละครับ ตุลย์แค่อยากทานให้เสร็จแล้วค่อยคุยกันทีเดียวเท่านั้นเอง ไม่อยากทานไปคุยไปมันไม่ดีนี่นา” โห หลานชายมารยาทดีมากขอบอกเลย ใครสอนวะเนี่ย

   “วันนี้เปิดเรียนวันแรก ตุลย์ตั้งใจเรียนนะ แล้วเลิกเรียนรอน้ากันต์อยู่ที่โรงเรียนอย่าไปเล่นไหนไกล กว่าน้ากันต์จะเลิกงานตั้ง 5 โมงเย็น แล้วถ้าหิวก็ทานขนมรองท้องรอน้ากันต์ไปก่อนเพราะกว่าจะได้ทานข้าวเย็นคงค่ำแล้วเดี๋ยวตุลย์จะหิว รู้ไหมครับ” ผมบอกหลานชายอย่างค่อนข้างกังวลนิดนึงเพราะงานที่ทำงานใหม่นี้เลิกงานเวลา 5 โมงเย็น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เวลาหลานเลิกเรียนผมก็ไปรับได้ทันที แต่ต่างจากตอนนี้ซึ่งตุลย์ต้องใช้เวลารอนานกว่าที่ผมจะไปรับกลับ

   “ครับ น้ากันต์ไม่ต้องห่วงตุลย์อยู่ได้ ตุลย์โตแล้วน่า” จ๊ะ พ่อคนโตแล้ว โตมาก โตจนตัวจะระเบิดอยู่แล้วมั้งเนี่ย

   “งั้นไปกันเลย ขึ้นรถได้ เดี๋ยวสายตั้งแต่วันแรกทั้งน้าทั้งหลาน”

   “Let’s go น้ากันต์ ลา ลา ลา ลัน ลา ลา ลา” โฮ๊ะ ไอ้อ้วนอารมณ์ดีฮัมเพลงด้วย

   ผมขับรถออกจากบ้านและใช้เวลาไม่นานนักเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้หมู่บ้าน  มาถึงหน้าโรงเรียนก็วนหาที่จอดรถ มองไปทางไหนก็มีแต่รถหรูทั้งนั้น ผิดกับรถญี่ปุ่นคันเล็กของตัวเองแต่ช่างสิใครสนล่ะ ได้ที่จอดรถแล้วจึงเปิดประตูลงมา อีกด้านไอ้อ้วนของผมก็ตะโดดตุ๊บลงมาพร้อมปิดประตู  ผมเดินอ้อมไปหาจูงมือแล้วเดินไปทางห้องเรียนของเด็กอนุบาล1
 
   เด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ มากมาย ทั้งชาวไทยและมีเด็กต่างชาติอยู่เยอะพอ ๆ กัน ผมเดินตามผู้ปกครองที่มาส่งลูกหลานหลายคนไปตามทาง เมื่อมาถึงตึกที่เป็นห้องเรียนของเด็กอนุบาล มีครูพี่เลี้ยงยืนอยู่หน้าห้องรอรับนักเรียน  ให้เด็กที่มาข้างหน้าเข้าไปก่อน พอถึงคิวเราผมก็หันไปทักทายครูพี่เลี้ยงของหลานชาย ดูเป็นครูที่ใจดีอยู่เหมือนกัน

   “สวัสดีครับ ผมชื่อกันต์ ตั้งแต่นี้ขอฝากตุลย์ด้วยนะครับ ซนมาก็ดุได้เลยตามสบาย แต่ตอนเย็นผมคงมารับได้ประมาณ  6 โมงเย็นเพราะกว่าจะเลิกงานก็เย็นมากแล้ว” ผมยิ้มให้แล้วบอกว่าจะมารับตุลย์เลยเวลาเลิกเรียนของนักเรียนไปนานโขทีเดียว

   “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อครูนัทค่ะ เป็นครูพี่เลี้ยงของน้องตุลย์ เรื่องเวลาเลิกเรียนไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เพราะว่ามีผู้ปกครองหลายท่านเป็นแบบนี้เหมือนกัน ทางโรงเรียนเรามีห้องรับรอง ไว้เพื่อให้เด็กที่ผู้ปกครองมารับช้ารออยู่แล้วค่ะ มีของว่างไว้ให้ทานรองท้องด้วย สบายใจได้เลยค่ะ” ครูพี่เลี้ยงยิ้มให้อย่างยินดี

   นี่แหล่ะข้อดีของโรงเรียนราคาแพง บริการทุกระดับประทับใจจริง ๆ  น้ำตาแทบร่วงตอนจ่ายเงินค่าเทอม แต่เพื่อแลกกับคุณภาพในหลาย ๆ เรื่อง ผมยอม

   “น้ากันต์ไปนะตุลย์ อย่าดื้อ อย่าซน ตั้งใจเรียนอย่าแกล้งเพื่อน เข้าใจไหม” ผมสั่งไอ้อ้วนของผม ร่างกลมป้อม โบกมืออันอวบอูมให้ผม พร้อมยิ้มตาหยีให้

   “ครับน้ากันต์ไม่ต้องห่วงน่า ตุลย์ไม่ดื้อไม่ซนหรอก วางใจได้” ตบอกตัวเองแปะ ๆ อย่างให้คำสัญญา เอ่อ เชื่อได้ไหมนะไอ้อ้วนว่าจะไม่ซน แต่คิดในทางดี เด็กซนคือเด็กฉลาด ใช่ไหมนะ?

   ผมเดินกลับไปยังที่ที่จอดรถเพื่อที่จะไปทำงาน แต่แล้วก็เดินสวนกับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง นั่นคือน้องฟ้า น้องฟ้าเดินมาโดยการจูงของผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ๆ ผมก็ยิ้มให้น้องฟ้า

   “สวัสดีครับน้องฟ้า จำน้ากันต์ได้ไหมครับ”

   “สวัสดีครับน้ากันต์ ฟ้าจำได้” น้องฟ้ายิ้มให้ผมพร้อมกับสวัสดี แต่ผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ หันมามองผมด้วยสายตาเขม็ง อ้าวพ่อคุณ!!!! จะจ้องทำไมมิทราบ ตาดุขนาดนี้กลัวแล้วครับ ตัวก็โต ตาก็ดุ หน้าก็คมเข้ม อย่าบอกนะว่าเป็นพ่อน้องฟ้า ผมไม่เชื่อไม่เห็นเหมือนกันตรงไหน เป็นความผิดพลาดทางดีเอ็นเอย่างแรง

   “คุณพ่อครับ นี่น้ากันต์ ที่อยู่ข้างบ้านเรา น้ากันต์นี่พ่อฟ้าครับ” เสียงเล็ก ๆ แนะนำผมกับร่างสูงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยินดีที่ได้รู้จักผมเท่าไรนะ

   “สวัสดีครับ แต่ผมขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระต้องรีบไป” เสียงเข้มตอบกลับมาอย่างห้วนๆ

   “เอ่อ... ครับ เชิญตามสบาย” ง่ะ ไอ้ผมจะไปยื้อไว้เพื่ออะไรล่ะครับคนเขาไม่อยากรู้จักเราสักหน่อย เหอะ ดูท่าแล้วไม่มีคนคบหรือยังไง หน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนี้ 

   ผมเดินมาที่รถปลดล็อคแล้วขับออกไปยังบริษัทที่ผมต้องฝากชีวิตไว้ต่อจากนี้  เฮ้อสภาพท้องถนนเมืองกรุง รถติดอย่างนี้ไงเล่าผมถึงไม่อยากมาอยู่ น่าเบื่อ อากาศก็ไม่ดี รถก็มาก ระยะทางไม่ไกลแต่เสียเวลาเกือบชั่วโมงแบบ

   โภคิน เรียลเอสเตรท กรุ๊ป เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินกิจการก่อสร้าง ทั้งคอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรร โรงแรม และยังมีบริษัทในเครืออีกมากมาย ซึ่งหมายความว่าครอบคลุมเกือบทุกสินค้าและบริการด้านการก่อสร้างเลยทีเดียว

   ผมมาถึงตึกที่สูงกว่า 50 ชั้น ซึ่งเป็นอาคารที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ โภคิน เรียลเอสเตรท กรุ๊ป ทั้งตึกคืออาคารที่รวมทุกบริษัทในเครือให้อยู่ที่เดียวกันทั้งหมด เพื่อการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ แทบไม่น่าเชื่อว่าผมสามารถผ่านเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของประธานบริหารได้

   เมื่อได้ที่จอดรถแล้วผมเดินเข้าตึกมาโดยกดลิฟท์มาที่ชั้นล่างสุดเพื่อถามประชาสัมพันธ์ว่าแผนกบุคคลอยู่ชั้นไหน

   “สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานใหม่มาทำงานวันแรก ไม่ทราบว่าแผนกบุคคลอยู่ชั้นไหนครับ” ด่านแรกคือการยิ้มให้สาวสวยทั้งสองคนที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์นี่แหล่ะครับหนึ่งในสองสาวเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มหวานแสนสุภาพ

   “อยู่ชั้น 20 ค่ะ ใช้ลิฟท์ตัวกลางทางซ้ายมือได้เลยนะคะ ลิฟท์ตัวนี้ไปถึงชั้น 30 ค่ะ”

   “ขอบคุณมากครับ” ผมตอบรับแล้วยิ้มให้อีกครั้ง แหมบริษัทนี้เขาคัดหน้าตาดีจัง แค่ก้าวเท้าเข้ามาด่านแรกที่เจอก็สาวสวยทั้งนั้นครับ ดูแล้วช่างน่าทำงานที่นี่จริง ๆ ผมเดินมาตามทางที่สาวสวยประชาสัมพันธ์บอก สังเกตเห็นว่าลิฟท์ที่นี่มีสามโซนครับ โซนแรกตั้งแต่ชั้น 1-30 โซนที่สองเป็นของชั้น 31-45 ส่วนชั้น 46 -50 คงเป็นลิฟท์ของผู้บริหารระดับสูงครับ เพราะดูจากการที่พนักงานส่วนมากมารอลิฟท์โซนแรกกันเยอะ

   ผมก็เดินมาต่อแถวเพื่อรอจะเข้าลิฟท์ไปเหมือนพนักงานคนอื่น พอถึงคิวผมก็แทรกตัวเข้าไปท่ามกลางเหล่าพนักงานมากมาย จะหันไปมองรอบ ๆ มาก็ไม่ได้เพราะช่วงเช้าลิฟท์ค่อนข้างแน่น เกรงใจผู้โดยสารคนอื่นเลยได้แต่ยืนนิ่ง

   ลิฟท์จอดที่ชั้น 20 ประตูเปิดผมเดินออกมาตามทางด้านหน้าเป็นป้ายบ่งบอกแผนก มีประตูกระจกบานใหญ่อยู่ด้านหน้า ผมผลักประตูเข้าไปเจอพนักงานนั่งอยู่เคาน์เตอร์เล็ก ๆ แจ้งความจำนงค์ไปว่าเป็นพนักงานใหม่เพิ่งมาทำงาน 

   “เดี๋ยวนั่งรอสักครู่นะคะ ผู้จัดการเพิ่งมาถึงจะเข้าไปแจ้งให้ทราบก่อน” เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม พนักงานที่นี่ขยันยิ้มกัน  สงสัยนโยบายการบริหารของที่นี่คงดีมาก น่าชมเชยผู้บริหารจริง ๆ ที่สามารถทำให้พนักงานทุกคนมีจิตเข้าถึงการบริการ

   ผมนั่งรอโดยการหยิบนิตยสารทางการก่อสร้างมาพลิก ๆ ดู หนังสือที่วางไว้ให้อ่านก็มีแต่หนังสือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ การลงทุน การบริหาร ทั้งนั้น ทำไมที่นี่เขาไม่มีหนังสือที่มันเบาสมองไว้อ่านเล่นเลยหรือไงนะ นั่งอยู่15 นาทีพนักงานคนเดิมก็เดินมาบอกให้ผมเข้าไปพบกับผู้จัดการแผนกบุคคลได้แล้ว ผมเดินตามเข้าไปยังด้านในสุดที่มีห้องส่วนตัวตั้งอยู่ ผลักประตูกระจกเข้าไปเจอกับผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมแฟ้มต่าง ๆ มากมาย

   “สวัสดีครับ ผมชื่อกันตพิชย์ เชาวกรกุล พนังงานใหม่ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการครับ” ผมเอ่ยแนะนำตัวพร้อมยกมือไหว้หญิงสาวตรงหน้า

   “สวัสดีค่ะ พี่ชื่อ จิราวรรณ เรียกว่าพี่จิ๊บได้ค่ะ คุณกันตพิชย์ ไม่เคยทำงานตำแหน่งนี้มาก่อนใช่ไหมคะ จริง ๆ มันไม่ยากหรอกนะเป็นผู้ช่วนเลขาอีกที ก็ทำตาที่เลขาของท่านประธานสั่งมาแหล่ะ เดี๋ยวพี่จะให้คนพาไปพบพับเลขาท่านประธานนะ ค่อยคุยรายละเอียดงานกันเองแล้วกัน” ผู้จัดการแผนกบุคคลที่ชื่อพี่จิ๊บบอกคร่าว ๆ

   “พี่จิ๊บเรียกผมว่ากันต์ก็ได้ครับ ตั้งแต่เรียนจบผมยังไม่เคยทำงานมาก่อนเพราะช่วยกิจการทางบ้านแต่มีปัญหาทางครอบครัวนิดหน่อยเลยต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯจึงต้องหางานทำครับ”ผมบอกเรื่องที่ตัวเองไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลย

   “กฏของเราที่นี่ไม่มีอะไรมาก ก็เหมือน ๆ กับบริษัทอื่น ๆ นั่นแหล่ะเพียงแต่ที่นี่ท่านประธานออกจะเคร่งเรื่องความมีระเบียบ มารยาท เท่านั้นเองเดี๋ยวอยู่ไปก็รู้เอง” พี่จิ๊บหันไปกดอินเตอร์โฟนเรียกผู้ช่วยคนหนึ่งให้เข้ามาใสห้องเพื่อพาผมไปยังชั้นที่ต้องทำงาน

   “เดี๋ยวกันต์ตามน้องเขาไปเลยนะ ไปพบคุณนริศรา เลขาท่านประธานแล้วทุกอย่างเธอจะเป็นคนเทรนงานให้น้องกันต์เอง โชคดีนะคะ ทำงานอย่างมีความสุขนะ” เสียงสุดท้ายคือคำอวยพรให้เขาพร้อมรอยยิ้ม

   ผมเดินตามน้องพนักงานมาอย่างเงียบ ๆ เธอพามาที่ลิฟท์อีกตัวเพื่อขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของตึกนี้ที่ซึ่งผมต้องทำงานที่นั่น ลิฟท์เปิดออกที่ชั้น 50 เดินออกมาเลี้ยวขวาพบกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่วางเป็นตัวแอล ด้านข้าง ๆ กัน มีโต๊ะอีกตัวตั้งอยู่ มีผู้หญิงผิวขาวรูปร่างอวบ นั่งทำงานอยู่

   เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดินเข้าไปหา พร้อมขมวดคิ้วมองมาทางผม น้องพนักงานยกมือไหว้แล้วแนะนำผมให้เธอรู้จัก

   “สวัสดีค่ะพี่นริศ นี่ผู้ช่วยคนใหม่ของพี่นริศค่ะ พี่จิ๊บให้พามาค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ มานานไม่ได้เดี๋ยวพี่จิ๊บองค์ลง” พูดรวดเดียวแล้วหันหลังทิ้งผมไปเลย คงรีบเนอะ

   “สวัสดีครับ กันตพิชย์ครับ เรียกผมว่ากันต์ก็ได้ครับ ผมเพิ่งทำงานที่แรกฝากตัวด้วยนะครับมีอะไรบอกสอนผมได้” ผมเอ่ยแนะนำตัวเองเป็นรอบที่สองของวันให้กับหญิงสาวผู้ซึ่งจะมาเป็นหัวหน้างานผม

   “สวัสดีค่ะ พี่ชื่อนริศรา เรียกพี่นริศ กันต์มาพอดีเลยเพราะผู้ช่วยคนเก่าของพี่ลาออกไปแต่งงานแล้วย้ายตามสามีไปต่างประเทศ พี่หาคนช่วยงานไม่ได้เลยส่งใครมาก็อยู่ไม่นาน ไม่รู้กลัวอะไรกันหนักนา” เสียงเล็ก ๆ บ่นกลับมาทำให้ผมรู้สึกข้องใจอยู่บ้างแต่ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร

   “กันต์จบอะไรมาแต่ไม่เป็นไรหรอก งานที่กันต์ต้องรับผิดชอบส่วนมาก็คือการช่วยงานเอกสารพี่ พวกงานพิมพ์ งานแปล ไม่ยาก แต่เพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งคือบางครั้งถ้าท่านประธานไปข้างนอก บางที่อาจจะต้องมีคนตามไปกับท่านด้วย ซึ่งนั่นก็คือกันต์นะจ๊ะ”

   “เอ่อ ...ครับ” ผมเริ่มคิดหนักล่ะ ตอนมาสมัครไม่เห็นบอกว่าต้องออกไปข้างนอกนี่หว่า ถ้ากลับมาไม่ทันไปรับไอ้อ้วนที่โรงเรียนทำไงดีอ่ะ

   “พี่นริศครับ ถ้าต้องออกไปข้างนอกแล้วกลับดึกมากไหมครับ” ผมลองถามออกไปอย่างเกรงใจ

   “อืม ก็ไม่บ่อยนะที่ต้องออกไปเพราะท่านประธานก็ไม่ชอบให้ใครเดินตามท่านเหมือนกัน ท่านเป็นคนที่ค่อนข้างมีระเบียบ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ท่านก็ต้องพาผู้ช่วยไปด้วยซึ่งก็ไม่น่าจะดึกแต่ถ้าดึกท่านจะบอกล่วงหน้า อย่างการไปต่างจังหวัดทำนองนี้”
เอาล่ะสิ มีงานต่างจังหวัดด้วย เอาไงดีหว่า เริ่มคิดหนักล่ะแต่เงินดีนี่นา ลองทำไปก่อนละกันเมื่อคิดได้ยิ้มรับคำตอบของพี่นริศ

“เดี๋ยวกันต์นั่งโต๊ะนี้ได้เลยนะ วันนี้ท่านประธานยังไม่เข้ามา เริ่มงานง่าย ๆ ก่อนแล้วกัน กันต์ช่วยเอาเอกสารแฟ้มนี้ไปเรียงตามหมวดหมู่และวันที่หน่อยนะ พี่ค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วล่ะ ไม่มีเวลาทำเลย กันต์มาได้จังหวะพอดีจ๊ะ”

“ครับ แล้วพี่นริศรีบไหม”

“ไม่รีบหรอก ทำไปเรื่อย ๆ ถ้ามีงานรีบเดี๋ยวพี่แทรกงานให้กันต์เอง” หญิงสาวตอบก่อนแล้วหันไปจัดการงานของตัวเองบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ต่อ ส่วนผมก็เดินไปรับเอกสารมาทำงานตามที่ได้รับมอบหมายงานแรกในบริษัทเริ่มขึ้นแล้ว

หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 3 งานใหม่ @02-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-07-2016 21:06:22
ท่านประธานพ่อน้องฟ้าแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 3 งานใหม่ @02-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 03-07-2016 18:53:39
 :ruready
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 3 งานใหม่ @02-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-07-2016 19:34:20
ไม่น่าจะใช่คนอื่นคนไกลนะ

อยากไปนั่งเล่นบ้านน้องฟ้า ช่วยงานบ้านได้ทุกอย่างค่ะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 3 งานใหม่ @02-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-07-2016 19:56:49
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 4 ท่านประธาน @05-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 05-07-2016 09:21:58
ตอนที่ 4 ท่านประธาน

   นั่งทำงานไปจนไม่ได้ดูเวลาผ่านไปได้สองชั่วโมงก็มีเสียงประตูลิฟท์เปิดออกมาพร้อมเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะหนักแน่นเดินมาทางนี้ ผมจึงได้แต่เงยหน้ามองผู้มาใหม่พร้อมกับร่างตัวเองสะดุ้งนิดหน่อย ก็ผมได้เห็นมาแล้วเมื่อเช้านี่นาว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อของน้องฟ้า เพื่อนบ้านเขานั่นเอง  ร่างสูงในชุดสูทสีดำ ใบหน้าคมเข้ม เคร่งเครียด พอเดินมาถึงโต๊ะผมก็ชำเลืองมองลงมานิดนึงแล้วเดินผ่านไปเข้าห้องทำงานส่วนตัว

   พี่นริศยกหูโทรศัพท์ภายในไปสั่งกาแฟกับแม่บ้านในแคนทีนเล็ก ๆ สักครู่ก็มีป้าแม่บ้านเดินออกมาพร้อมถาดใส่กาแฟกับแก้วน้ำเปล่า เดินไปทางห้องท่านประธาน

   ผมที่ได้แต่มองร่างสูงนั้นหายไปในห้องทำงานได้แต่คิดว่าทำไมโลกมันกลมนักวะ ถึงได้ต้องมาให้ทำงานกับคนหน้าตึงแบบนี้ได้ ใครเป็นคนออกนโยบายให้เป็นบริษัทน่าอยู่กันเน้อ พนักงานบริษัทนี้ก็ดูยิ้มแย้มกันดีแต่ทำไมท่านประธานหน้าตาถึงได้หาความเป็นมิตรสักเสี้ยวนึงก็ไม่มี แต่เมื่อกี้ร่างสูงคงจำเขาไม่ได้หรอกมั้ง คิดเข้าข้างตัวเองก่อนล่ะกันก็เมื่อเช้าไม่ได้เจอกันนานสักหน่อย

   “เดี๋ยวกันต์เข้าไปพบท่านประธานกับพี่หน่อยนะ ไปแนะนำให้ท่านรู้จักก่อนแล้วค่อยออกมาทำงานใหม่” นริศราว่าพลางลุกขึ้นก่อนเดินนำผมตรงไปยังประตูไม้สักบานใหญ่ พร้อมกับเคาะเบา ๆ สองสามครั้งเพื่อเป็นการขออนุญาตเมื่อได้ยินเสียงจากเจ้าของห้องก็ผลักประตูเข้าไปเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะตัวใหญ่ที่มีร่างของท่านประธานนั่งอยู่ข้างหลัง

   “ท่านประธานคะ นี่กันตพิชย์ ผู้ช่วยคนใหม่ของนริศ” เสียงหญิงสาวแนะนำ

   “สวัสดีครับ กันตพิชย์ครับ” ผมเลือกที่จะแนะนำตัวเองสั้น ๆ เดี๋ยวพูดอะไรไม่ถูกหูจะไม่ดี

   ตาคมเข้ม มองสบตาผมแล้วแค่พยักหน้ารับเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ผมจึงได้แต่ลอบมองท่านประธาน เขาเป็นผู้ชายร่างสูงน่าจะสูง 190 กว่าเซ็นติเมตร ไหล่กว้าง ใบหน้าคมเรียว คิ้วเข้ม ตาดุเหมือนเหยี่ยว ทรงผมซอยสั้นธรรมดาแต่เปิดหน้าขึ้นไปทำให้เห็นหน้าผากกว้างดูเป็นผู้ชายที่หล่อมากทีเดียว เฮ้ยแล้วผมจะไปแอบมองท่านประธานทำไมเนี่ย นริศราหันหลังกลับเพื่อไปทำงานต่อเพราะไม่มีคำสั่งอื่นใดอีก ผมเลยต้องเดินตามไปด้วย

   มองดูนาฬิกาเที่ยงแล้วได้เวลาอาหารกลางวันล่ะ พี่นริศชวนผมไปทานข้าวที่แคนทีนพนักงาน  ผมหยิบกระเป๋าสตางค์โทรศัพท์มือถือแล้วลุกขึ้นเดินตามหญิงสาวเพื่อลงไปทานข้าว พี่นริศเล่าว่าที่นี่มีแคนทีนสำหรับพนักงานอยู่ 3 ชั้น เพื่อไม่ให้แออัดมากเกินไป แต่ถ้าใครจะไปทานข้างนอกก็ได้ แต่ข้างในนี่สะดวก สะอาด อร่อย แถมราคาถูกดีด้วย พนักงานส่วนมากเลยทานกันที่นี่

   เสร็จจากมื้อเที่ยงก็ถึงเวลาเริ่มงานตอนบ่ายแล้ว ช่วงบ่ายพี่นริศให้ผมถือแฟ้มเอกสารจากแผนกต่าง ๆไปให้ท่านประธานเซ็นต์อนุมัติ ผมมองแล้วก็อึ้งกับจำนวนของมันจะเยอะไปไหน ผมจัดการเรียงแฟ้มใส่อ้อมแขนตัวเอง เดินไปทางประตูบานใหญ่ที่เมื่อเช้าได้เข้าไปแล้วครั้งนึง เอื้อมมืออีกข้างไปเคาะอย่างทะลุกทุเล เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตของคนข้างใน ผมก็ผลักประตูบานใหญ่ซึ่งหนักมากเข้าไป

   เดินไปก้มศรีษะให้ร่างสูงแล้วบรรจงวางแฟ้มในอ้อมแขนตนลงไปบนโต๊ะตัวใหญ่ทีละแฟ้มอย่างระมัดระวัง แต่อนิจจา คุณก็รู้กันใช่ไหมว่าแฟ้มบางเล่มมันลื่น ด้วยการเรียงมาด้วยอัตราเต็มอ้อมแขนมันก็มีแฟ้มเล่มหนึ่ง ค่อย ๆ เลื่อนหลุดจากการดูแลของผม ทำให้เกิดเสียงดังของวัตถุตกกระทบพื้นอย่างสวยงามแต่ที่จะไม่สวยงามคือหัวที่อยู่บนบ่าผมนี่แหล่ะ

   ใบหน้าดูดุนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง ตาเข้มยิ่งเข้มขึ้นไปอีก ทำให้ผมลนลานเก็บแฟ้มที่ตกมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมส่งสายตาขอโทษไปให้ท่านประธาน

   “ขอโทษครับ ท่านประธาน” เสียงอ่อย ๆ กล่าวออกไปจากลำคอ

   “ซุ่มซ่าม ทีหลังระวังหน่อย ถ้าถือมาไม่หมดก็ถือมาสองรอบ ไม่ต้องโลภมาก” เสียงเข้มพร้อมดุออกมาจากร่างสูงที่นั่งทำงานอยู่

   “ครับ ต่อไปจะระวังกว่านี้ครับ” ผมขอโทษอีกครั้งแล้วเดินหันหลังออกจากห้องจะกลับไปทำงานอีกครั้งแต่ได้ยินเสียงสั่งอีกอย่างของท่านประธาน

   “เดี๋ยว  ขอกาแฟแก้วนึง”

   “ครับ รอสักครู่ครับ” ผมหันกลับไปรับคำสั่งอีกครั้ง แล้วเดินออกมาจากห้อง

   “ทำไมหน้าอย่างนั้นออกมาล่ะกันต์”

   “ผมทำแฟ้มตกแล้วท่านประธานดุนิดหน่อยครับ”

   “อ้อ เรื่องเล็กน้อย อย่าไปใส่ใจเลย ท่านประธานก็เป็นแบบนี้แหล่ะ ปากร้ายต้องได้ดั่งใจ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรหรอก”

   “ครับ เดี๋ยวผมไปชงกาแฟให้ท่านประธานก่อนนะครับ ท่านสั่งว่าอยากได้”ว่าแล้วก็เดินไปทางแคนทีนเพื่อชงกาแฟ เมื่อได้กาแฟแล้วผมจึงเดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมถาดที่มีแก้วกาแฟอยู่ตรงไปยังห้องท่านประธาน

   งานวันนี้มีไม่เยอะอาจจะเพราะเริ่มทำงานวันแรกก็ได้ นริศราถึงยังไม่ได้มอบหมายงานให้เขามากนักเลยได้แต่นั่งเรียงเอกสารไปเรื่อย ๆ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้นทำเอาสะดุ้งกันเลยทีเดียว

   “เข้ามาเอาเอกสารที่เซ็นต์เสร็จแล้วออกไปได้” เสียงเข้มสั่งมาตามสาย ไอ้ผมก็ได้แต่รับคำสิครับทำอย่างอื่นได้หรือไงล่ะ

   เดินเข้าห้องไปหยิบเอาแฟ้มต่าง ๆ มากมายออกมาคราวนี้ไม่พลาดแล้ว เดินเข้าไปขนถึงสองรอบด้วยกัน เดี๋ยวโดนดุไม่คุ้ม แค่ทำงานวันแรกก็โดนซะแล้วไอ้กันต์ จะรอดมั้ยเนี่ย

   หันไปมองคุณท่านประธานที่นั่งทำงานเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในบรรยากาศเคร่งขรึมแล้วก็อดเสียวสันหลังไม่ได้ ต่อไปผมคงต้องระวังเรื่องต่าง ๆ ให้มากกว่านี้แล้วสิ

   ผมว่าผมก็ไม่ใช่คนขวัญอ่อนนะ ออกจะเป็นผู้ชายทั่วๆไปด้วยซ้ำที่เอะอะโวยวายบ้าง  แต่ว่าเนื่องจากต้องเลี้ยงไอ้อ้วนจึงต้องทำตัวให้สุภาพมีมารยาทหน่อยเดี๋ยวหลานติดนิสัยไม่ดีไปด้วย เชื่อเหอะครับว่าตอนเด็กต่อให้เราสอนให้พูดเพราะขนาดไหน ในโรงเรียน หรือในมหาวิทยาลัย คำพูดของผู้ชายสายแข็งจะมาเอง ไม่ว่าจะภาษาพ่อขุนทั้งหลายขุดมาพูดได้หมดแหล่ะ ผมก็เป็น  เชื่อผม  ผมเรียนมา

   เหมือนว่าร่างสูงจะรู้ว่าผมนินทาในใจ ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมามองผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นแล้ววางปากกาลง

   “มีอะไรหรือเปล่า” เสียงดุถามออกมา

   “ไม่มีครับ เอ่อ ว่าแต่ท่านประธานอยากได้ของว่างอะไรไหมครับ กาแฟแก้วเดียวจะไม่ดีนะครับ”

   “ไม่ต้อง แล้วก็ไม่ต้องเรียกว่าท่านประธาน เรียกแค่ชื่อพอ ผมชื่อภูดิส จำไว้ด้วยล่ะ เข้าใจไหม”เสียงจะเข้มไปไหนครับคุณ  ครับเรียกชื่อก็เรียกชื่อตามนั้นเลยครับขัดใจไม่ได้ไม่ปลอดภัย

   “ครับคุณภูดิส  ถ้างั้นผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ” รีบออกไปดีกว่าก่อนที่เจ้าของห้องร่างสูงจะอารมณ์ไม่ดี แต่เอ...หรือว่าอารมณ์แบบนี้อยู่แล้ววะ

   “คุณภูพอ ไม่ต้องภูดิส ยาวไปน่ารำคาญ” อีกรอบที่เสียงเหมือนจะรำคาญออกมาจากปากบางเข้มของท่านประธานที่มีชื่อว่าภูดิส

   “ครับ” รับคำอีกรอบแล้วรีบออกไปดีหว่า

   หอบแฟ้มรอบสุดท้ายออกมาวางบนโต๊ะตัวเองพร้อมเสียงถอนหายใจดังออกมาเฮือกใหญ่จนนริศราหันมามองอย่างสงสัย

   “โดนอีกแล้วเหรอ คราวนี้อะไรล่ะ” เสียงหวานถามอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่เหมือนจะสนุกนะ ไม่ได้ห่วงผมหรอก ฟังจากน้ำเสียงเอาได้

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ไม่ให้เรียกว่าท่านประธาน ให้เรียกว่าคุณภู” ผมตอบพลางเอามือเท้าคางตัวเองหันไปทางหญิงสาว

   “อ้อ ก็ไม่มีอะไรจริง ๆ นี่เนอะ พี่ก็นึกว่าโดนมากกว่านี้อีก จะโชคดีเกินไปแล้วโดนสองรอบในวันเดียวกัน ฮ่าๆๆๆ” พี่ครับการโดนดุนี่คือโชคดีตรงไหนครับ วานตอบหน่อยเหอะ

   “โธ่ พี่นริศ ผมโดนดุแล้วมันน่าดีใจหรือโชคดีตรงไหนกันอ่ะ”

   “ก็คุณภูไม่ค่อยดุใครหรอกนะ เพราะแค่ใครทำผิดมาก ๆ ปลายตามองเท่านั้นแหล่ะ คนนั้นตายแน่ เพราะงั้นกันต์ไม่ต้องห่วงแค่ดุออกมา ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ถ้าโกรธคือระเบิดลงเลย ไม่มาพูดเล็กน้อยแบบนี้หรอกน่า วางใจได้” อ้อ เหรอครับ แสดงว่าผมทำบุญมาดีงั้นสิ แค่โดนดุนิดหน่อยเอง

   “แล้วทีเมื่อเช้าพี่นริศเรียกว่าท่านประธาน ยังไม่เห็นว่าอะไรเลยสักคำ ทีผมเรียกกลับไม่ให้ผมเรียกบอกว่าน่ารำคาญอีกด้วย” ผมบ่นอย่างไม่จริงจังนัก สองมาตรฐานชัด ๆ

   “อ้าว เมื่อเช้าพี่เรียกแบบนั้นเหรอ จำไม่ยักได้แฮะ” หญิงสาวบอกออกมาด้วยเสียงสดใส พร้อมยักไหล่ขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ครับพี่ครับ เอาที่สบายใจเลยครับ ผมนี่สิวันแรกก็โดนแล้ว วันต่อไปมีหรือจะพลาดจากปากเหยี่ยวปากกาอย่างท่านประธานที่เคารพได้   

   ได้เวลาเลิกงาน ผมก็รีบเก็บข้าวของปิดคอมพิวเตอร์ แล้วลานริศรากลับก่อนเพราะต้องรีบไปรับไอ้อ้วนที่โรงเรียน ไม่อยากไปค่ำมากนักเพราะนี่ก็เลยเวลามามากกลัวว่าตุลย์จะรอนาน แล้ววันนี้ก็เริ่มเรียนวันแรกด้วย ไม่อยากให้ตุลย์รู้สึกว่าผมทิ้งแกไว้คนเดียว

   ผมรีบขับรถออกจากบริษัทด้วยความเร่งรีบพอสมควร ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงเรียนนานาชาติที่หลานชายเรียน จอดรถได้ก็ตรงไปที่ตึกรับรองที่มีไว้สำรับให้นักเรียนที่ผู้ปกครองมารับช้าได้มารออยู่ด้วยกัน เพราะห้องรับรองมีครูพี่เลี้ยงคอยดูแล มีโต๊ะสำหรับทำการบ้านหรืออ่านหนังสือรองรับไว้ด้วย

   ผมไปถึงก็เห็นไอ้อ้วนของผมนั่งขีดเขียนอะไรอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งกับเพื่อนอีกสองคน มีห่อขนมวางอยู่บนโต๊ะด้วย ผมจึงเดินไปใกล้ ๆ

   “ตุลย์ครับ น้ากันต์มารับแล้ว รอน้ากันต์นานไหมครับ” ผมถามตุลย์ด้วยความกังวล

   “สวัสดีครับน้ากันต์ รอนานแต่ไม่เป็นไรตุลย์มีเพื่อนรอเยอะแยะ ไม่เหงาหรอก มีขนมทานด้วยอิ่ม อร่อย” พร้อมตบพุงเล็ก ๆ เป็นการยืนยันซึ่งก็ทำให้ผมโล่งอก ว่าต่อไปคงไม่ต้องเป็นห่วงตุลย์ว่าจะมารับเลยเวลาเลิกเรียน เพราะดูท่าเจ้าตัวก็ไม่เดือดร้อนอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้อยู่เล่นกับเพื่อนพร้อมขนมจากครู

   “ไปงั้นเราเก็บของกลับบ้านกันได้แล้วไอ้อ้วน ไปลาครู ลาเพื่อนด้วย”

   “ครับ สวัสดีครับครู ตุลย์ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” หันไปสวัสดีลาครูพี่เลี้ยง แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนที่ยังต้องอยู่รอผู้ปกครองอีก

   ผมเดินจูงมือหลานมายังรถที่จอดอยู่ ตุลย์แกว่งมือที่จับจูงกันของผมกับของเจ้าตัวแถมยังกระโดดดึ๋ง ๆ ด้วยนะ หลานผมมันโดดขึ้นด้วยเหรอวะ ตัวอ้วนกลมขนาดนี้แล้วไปดีใจอะไรขนาดนั้นเนี่ย แต่เห็นหลานตัวน้อยยิ้มได้อีกครั้งผมก็ดีใจ ไม่อยากให้ตุลย์เศร้าเรื่องที่พ่อ แม่จากไป อยากให้เขาเป็นเด็กร่าเริงแบบนี้ตลอดไป


********************************************

มาลงเพิ่มให้นะคะ รักเหมือนเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 4 ท่านประธาน @05-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-07-2016 21:14:49
ดุจริงดุจังพ่อพระเอก พอหลงเสน่ห์กันต์เมื่อไรจะยุให้เล่นตัวซะเลย ฮ่าๆๆๆๆ กันต์เขาว่าคนขี้ดุจะขี้หวงน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 4 ท่านประธาน @05-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-07-2016 21:25:33
ดุมากๆเข้า ระวังเถอะพอรักแล้วจะมีแต่จ๊ะจ๋า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 4 ท่านประธาน @05-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 05-07-2016 21:45:14
 o13
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 5 คำสารภาพ @14-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 14-07-2016 10:13:55
ตอนที่ 5 คำสารภาพ

   เมื่อมาถึงบ้านเจ้าอ้วนของผมก็รีบวิ่งเข้าบ้าน เอากระเป๋าไปเก็บแล้วรีบลงมาล้างมือล้างหน้า นั่งอยู่หน้าทีวีเรียบร้อยจนผมอดแปลกใจไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียนเจ้าตัวก็จะอ้อยอิ่งไม่ยอมทำอะไรนอกจากนั่งรอข้าวเย็นเท่านั้น

   “ตุลย์โรงเรียนใหม่เป็นยังไงบ้าง สนุกไหม มีเพื่อนหรือยัง” ผมถามหลานชายแล้วเดินมานั่งใกล้ ๆ

   “สนุกดี มีเพื่อนใหม่ด้วย ข้าวเที่ยงอร่อย” ไอ้อ้วนตอบมาด้วยเสียงลั่นล้ามาก คงดีใจที่มีของกินอร่อยนั่นแหล่ะ

   “น้ากันต์ ๆ ฟ้าอยู่ห้องเดียวกับตุลย์ด้วยนะ” ตุลย์หันมาจับแขนผมแล้วเขย่า จะเขย่าทำไมแขนน้ากันต์ไม่ใช่กระบอกเซียมซีนะครับ

   “อืม แล้วไงน้องฟ้าเป็นไงบ้างล่ะ”

   “ฟ้าน่ารัก ยิ้มสวย แก้มนิ๊มนิ่มอ่ะน้ากันต์” เสียงเจ้าตัวเล็กเพ้อออกมาจากปากเล็ก ๆ นั่น หืออออ..อะไรนะแก้มนิ่มด้วย ไปทำอีท่าไหนถึงได้รู้ว่าแก้มน้องฟ้านิ่มได้ฟร๊ะ

   “แล้วตุลย์รู้ได้ไงว่าแก้มน้องฟ้านิ่ม”

   “อ้าว ก็ตุลย์จับแก้มฟ้าแล้ว หอมแก้มแล้วด้วยล่ะ” เสียงตอบอยากภูมิใจในความสามารถของตน

   “เฮ้ย!!!! หอมแก้ม ตุลย์ไปทำแบบนั้นก้บน้องฟ้าได้ไงครับ แล้วน้องฟ้าเป็นยังไงบ้าง” ผมตกใจสิครับ ไปเรียนวันแรก ไปหอมแก้มลูกชาวบ้านเขาซะงั้น ดูว่าอนาคตหลานผมเนี่ยจะไปไกลแน่ด้านความเจ้าชู้

   “ฟ้าแก้มแดงไปหมดด้วย น่ารักมากอ่ะน้ากันต์” อ้าวๆ บิดตัวทำไมไอ้อ้วน ทำมาเป็นเขินทีตอนทำคงไม่ได้คิดมั้งเนี่ย เอาไงดีวะเนี่ย น้องฟ้าจะโกรธเจ้าอ้วนของเขาหรือเปล่า เล่นไปทำรุ่มร่ามขนาดนั้น

   “ตุลย์ตัดสินใจแล้วน้ากันต์ ฟ้าต้องเป็นแฟนตุลย์ อิอิ”  เสียงหลานชายผมหัวเราะพร้อมรอยยิ้มแป้นส่งผลให้ตาเล็ก ๆ กลม ๆนั้นหยีตามไปด้วย

   เอาแล้วไงไอ้อ้วนหาเรื่องยุ่งมาแล้วไง แล้วเนี่ยรู้หรือยังว่าน้องฟ้าเป็นผู้ชาย แต่เอ๊ะ ก็ไปโรงเรียนน้องฟ้าก็ใส่ชุดนักเรียนชายนี่นา

   “ตุลย์ รู้หรือเปล่าว่าน้องฟ้าเป็นเด็กผู้ชายเหมือนกับตุลย์นะครับ” ถามสักหน่อยเผื่อยังไม่รู้

   “รู้สิน้ากันต์ ตุลย์ฉลาด ดูออกหรอกเห็นใส่กางเกงไปเรียนนี่” อ้าวก็รู้นี่หว่าแล้วทำไมยังอยากได้เป็นแฟน

   “แล้วรู้หรือเปล่าว่าเด็กผู้ชายเป็นแฟนกันไม่ได้”อีกสักหนึ่งคำถามให้แน่ใจ

   “หืออ...ทำไมไม่ได้ ฟ้าน่ารักกว่าเด็กผู้หญิงในห้องอีก ไม่รู้ล่ะ ตุลย์จะจีบฟ้า แล้วฟ้าต้องเป็นแฟนตุลย์คนเดียวด้วย” โอ...ตั้งใจมากหลานผม เพิ่งเคยเห็นสนใจอย่างอื่นนอกจากของกินก็คราวนี้แหล่ะ

   ผมนั่งมองไอ้อ้วนของผมอย่างพิจารณา หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ ตัวก็ออกจะโตกว่าเด็กวัยเดียวกันเพราะทานเก่ง จนตอนนี้เจ้าตัวอวบระยะสุดท้ายแล้วมั้ง ตาโต แก้มป่อง ผิวเนียน เออว่ะ หลานเขาก็เข้าขั้นดูดีเหมือนกันนี่เนอะ แล้วถ้ามายืนข้าง ๆ น้องฟ้าผู้น่ารัก ยิ้มหวาน น่าหยิกน่าหยอกคงจะดูน่ารักไม่น้อย

   “เพราะงั้นน้ากันต์ต้องช่วยตุลย์จีบฟ้า” นั่นไงประโยคที่ทำให้ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเอง

   “มันจะดีเหรอ ตุลย์คบกับน้องฟ้าเป็นเพื่อนสนิทก็ได้นิ ไม่เห็นต้องเป็นแฟนกันเลยเนอะ”

   “ไม่ได้ ไม่ดีหรอกน้ากันต์เพื่อนตุลย์อ่ะมีเยอะแล้ว วันนี้มีเพิ่มมาตั้งหลายคน แต่ว่าตุลย์ยังไม่มีแฟนเลยนะ เพราะงั้นตุลย์ตัดสินใจแล้ว ฟ้าต้องเป็นแฟนตุลย์” เสียงหนักแน่นมากไอ้หลานชาย

   “แต่ว่าจะทำยังไง ฟ้าคงมีคนชอบเยอะ ตุลย์จะสู้คนอื่นได้เหรอ”ผมลองพูดไอ้อ้วนของผมคิดตามว่าจะไหวเหรอ

   “สู้ได้สิ ตุลย์ออกจะหล่อ ยังไงฟ้าต้องรักตุลย์แน่นอน คอนเฟิร์ม ตุลย์ปักธงฟ้านี่แหล่ะ ไม่เอาคนอื่นแล้ว” ง่ะ ใจเต็มร้อยเสียด้วยไอ้อ้วนเอ้ย

   “นะครับ น้ากันต์ ช่วยตุลย์หน่อยสิ น้ากันต์จะได้มีหลานสะใภ้สวย ๆ น่ารัก ๆ อย่างฟ้านะ”

        ห๊ะ!!! หลานสะใภ้ ไอ้อ้วนไปรู้จักคำนี้ตั้งแต่เมื่อไร อายุแค่นี้อ่ะนะ ทำไงดีไอ้กันต์คิดสิคิด จะช่วยให้หลานชายสมหวังดีหรือเปล่า แต่ว่าไปแล้วน้องฟ้าก็น่ารักกว่าเด็กผู้หญิงคนอื่นอยู่หรอกแต่จะสำเร็จเหรออ้วนเอ้ย

       “เอาเป็นว่าเดี๋ยวขอน้ากันต์คิดก่อนแล้วกันนะ แต่ตอนนี้น้ากันต์ว่าเราไปทำข้าวเย็นกันดีกว่า จะได้ทานข้าว แล้วตุลย์มีการบ้านหรือเปล่าถ้ามีก็เอาออกมาทำ แล้วรีบนอนพรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนกันแต่เช้า” ผมเริ่มคิดหาทางออกก่อน  ตอนนี้เอาตัวรอดสักวันแล้วกัน จากนั้นค่อยเค้นมันสมองที่มีอยู่น้อยนิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป

       เมื่อได้ยินเรื่องอาหารเย็นตุลย์ก็ลุกจากโซฟาเดินไปห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบของที่อยากกินออกมาทันที เป็นนัยว่าต้องทำอะไรให้เจ้าตัวทานเป็นมื้อเย็นนั่นแหล่ะ เรื่องของกินเนี่ยไม่พลาดตามเคย อดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้ระหว่างของกินกับน้องฟ้า อย่างไหนจะมาอันดับหนึ่งในใจของหลานชายผม

*****************************************************

          เช้าวันใหม่ผมตื่นมาทำกิจวัตรเหมือนทุกวัน เพิ่มเติมมาคือเรื่องน้องฟ้า อยากจะร้องไห้ หลานชายเขาช่างหาเรื่องยุ่งจริง ๆ เนี่ยละมั้งชีวิตเด็กสมัยนี้มีแฟนกันตั้งแต่อนุบาล สมัยเขานะยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอกวิ่งเล่นไปวัน ๆ กว่าจะรู้ตัวว่ามีเด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ ก็โน่นม.ต้นได้มั้ง

          เอาน่ายังไงเรื่องมันก็ยังไม่เกิดอะไรสักหน่อย ปัญหามาค่อยแก้กันไปตอนนี้ไปทำอาหารเช้าไว้ให้เจ้าตัวดีก่อนดีกว่า  เสร็จจากอาหารเช้าแล้วจึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินไปเคาะประตูห้องนอนหลานชาย เปิดเข้าไปพบว่าเจ้าตัวกำลังแต่งตัว ทาแป้งซะขาวเชียวนะ
 
         “ไหนมาหอมสิ ฟอดดดดดดด อืม หอมใช้ได้ล่ะ” ผมก้มลงไปสูดกลิ่นแป้งกับแก้มยุ้ย ๆ ของตุลย์

          “หื้มมมม น้ากันต์อย่าหอมแรง เดี๋ยวแป้งหายไม่หอม ฟ้าจะไม่ชอบ” โอ๊ะ โอ กลัวตัวไม่หอมด้วยวุ้ย ท่าจะเอาจริงนะเนี่ย

         “สรุป เอาจริงเหรอเรื่องจีบน้องฟ้าอ่ะ” ถามเพื่อความแน่ใจ

         “อ้าว ก็จริงสิครับ น้ากันต์นิพูดไม่รู้เรื่อง คนนี้เลยของจริงแฟนตัวจริงหนึ่งเดียวด้วยเพราะงั้นทำยังไงก็ได้ให้ฟ้ามาเป็นแฟนตุลย์ให้เร็วที่สุด โอเคนะน้ากันต์” โห คุณหลานมัดมือชกน้ากันต์ซะแล้ว

        “โอเค จริงก็จริง แต่ตอนนี้ไปทานข้าวเช้าก่อนแล้วไปโรงเรียนจะได้ไปเจอน้องฟ้า”

         “งั้นไปกันได้ล่ะ ตุลย์เสร็จแล้ว” บอกเสร็จก็หันไปคว้ากระเป๋าเป้ใหญ่มาสะพายหลังแล้วเดินออกจากห้องลงไปข้างล่างเพื่อทานข้าวเช้า

         จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับเจ้าหลานตัวกลมก็ขึ้นรถเพื่อไปโรงเรียน ระหว่างทางดูเหมือนว่าตุลย์จะอารมณ์ดีมาก ร้องเพลงตามซีดีที่ผมเปิดตลอดทางด้วย  เออเนอะความรักนี่มันคงดีจริง ๆ แหล่ะ เพราะตอนนี้มันทำให้หลานชายของเขาดูมีความสุขมาก ซึ่งผมคิดนะว่าอะไรที่หลานผมทำแล้วมีความสุขผมก็พร้อมที่จะให้เขาทำ หรือพร้อมจะทำให้เขาเสมอ

          ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงโรงเรียนเด็กนักเรียนมากมายต่างเดินเข้าไปทางตึกเรียนของตัวเองไม่เว้นกระทั่งผมกับตุลย์เราสองคนน้าหลานจูงมือกันเดินเข้าตึก แต่สายตาของผมดันเหลือบไปเห็นสองพ่อลูกข้าง ๆ บ้านเดินจูงกันมาทางนี้

            ตุลย์หันไปเห็นน้องฟ้าก็ยิ้มโบกไม้โบกมือเรียกน้องฟ้าใหญ่เลย ดีใจเกินไปแล้วไอ้อ้วนไม่ดูหน้าพ่อของน้องฟ้าเลยว่าจะกินหัวเขากับหลานชายอยู่แล้วเนี่ยเห็นมั่งป่ะ

             เมื่อตุลย์หยุดเดินเพื่อรอน้องฟ้า ผมจึงหยุดตามไปด้วย พอสองพ่อลูกคู่ต่างเดินมาถึงผมก็ยกมือไหว้ร่างสูงที่วันนี้ใส่สูทสีน้ำเงินเข้ม จะเข้มไปไหนครับคุณ ร่างสูงหล่อเหลาพยักหน้าเล็กน้อยแค่ทักทายเท่านั้น แต่ร่างกลมป้อมข้าง ๆ ผมยกมือไหว้ร่างสูงเสียสวยงาม แน่ะรู้จักประจบด้วยวุ้ย

          น้องฟ้าที่ยืนข้าง ๆ ก็ยกมือไหว้ผมพร้อมรอยยิ้มหวานเช่นเคย คุณภูพอเห็นรอยยิ้มที่น้องฟ้าส่งมาให้เราสองน้าหลานก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จ้องลงมาที่ผมเขม็งแล้วก็คว้าเอาตัวน้องฟ้ามาอุ้มไว้เอง เจ้าอ้วนของผมเลยมองตาน้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมกอดร่างสูงอย่างงง ๆ

          อ่า ผมว่าผมเห็นลางร้ายล่ะ ดูเหมือนว่าเราจะเจอคุณพ่อจอมหวงลูกชายซะแล้ว เอาล่ะสิ เมื่อร่างสูงอุ้มน้องฟ้าแล้วก็เริ่มเดินออกไปทันทีโดยไม่รอช้า ผมจึงได้แต่หันมายิ้มให้ไอ้อ้วนของผมที่กระพริบตาปริบ ๆ มองตามน้องฟ้าไป แต่น้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงหันกลับมาแล้วยิ้มให้ เท่านั้นแหล่ะ ไอ้อ้วนของผมได้สติวิ่งตามเข้าไปในตึกทันที ตุลย์ครับ น้ากันต์ว่าเราเจอขวากหนามแล้วล่ะ เอาไงต่อดีวะเนี่ย

   ผมเดินตามตุลย์เข้าไปยังห้องเรียน เจอสองพ่อลูกยืนคุยกันกระหนุงกระหนิง ตัวคนพ่อคุกเข่าลงข้าง ๆ ลูก มือสองข้างจับไหล่เล็กแล้วก้มลงจูบหน้าผากน้อย ๆ นั่น พลางยิ้มมุมปากเล็กๆ แต่พอหันกลับมาทางผม สายตาที่ดูอ่อนโยนทำไม๊ ทำไมมันถึงกลับกลายสายตาที่จ้องมองเขม็งขนาดนั้น

   แต่ผมทำเมินไม่เห็นแล้วเดินตามไอ้อ้วนไปจนถึงตำแหน่งที่สองพ่อลูกนั่งอยู่  จับมือตลุย์ไว้แล้วย่อตัวลงให้เท่ากันกับเด็ก ๆ
   “น้ากันตย์ไปก่อนนะตุลย์ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน  น้องฟ้าครับน้ากันย์ฝากตุลย์ด้วยนะครับ ถ้าดื้อฟ้องครูได้เลยน้ากันต์อนุญาตครับ” ผมบอกตุลย์จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้น้องฟ้า พร้อมฝากให้ฝังไอ้อ้วนถ้าดื้อมากโดยการให้ฟ้องครูได้ด้วย

   น้องฟ้าหันมายิ้มรับคำผมแต่คนพ่อนี่สิ จะแยกเขี้ยวใส่ผมอยู่แล้ว มือใหญ่หันไปดันหลังน้องฟ้าให้ไปนั่งโต๊ะตัวเอง อ้าว ๆๆ ท่านประธานครับนี่ใจคอจะไม่ให้ลูกชายมีเพื่อนบ้างหรืออย่างไร เล่นหวงแบบนี้ก็สวยสิครับ

   “น้องฟ้าไปนั่งโต๊ะดีๆ  ได้แล้วครับเดี๋ยวพ่อไปทำงานก่อนนะ เป็นเด็กดีอย่าไปเล่นซนกับเพื่อน ๆ ล่ะ เลิกเรียนวันนี้พ่อจะมารับเองแล้วพาไปทานไอศกรีมนะครับ” เสียงทุ้มออกจากปากร่างสูงตรงหน้า นั่นสั่งลูกไม่ให้เล่นกับเพื่อนอีก

   “น้องฟ้าเล่นกับตุลย์ได้ครับจะได้มีเพื่อน ตุลย์คงดีใจที่น้องฟ้าเล่นด้วยเนอะ” เอาสิหวงหนักใช่ไหม ผมหมั่นไส้ยุให้น้องฟ้าเล่นกับไอ้อ้วนเลย เป็นไงล่ะ พอได้ยินผมพูด ใบหน้านั้นหันมามองขวับเลย พร้อมส่งสายตาอาฆาตมาที่ผมด้วย เฮ้ยทำไมอ่ะ เด็ก ๆ ก็ต้องมีเพื่อนสิ อยู่คนเดียวจะไปสนุกอะไรหรือว่าท่านประธานแกจะไม่คนคบเลยไม่ให้ลูกคบเพื่อนไปด้วย หน้าตาก็ดีกลับทำตัวไม่น่าคบซะได้

   จะหวงไปทำไมเนี่ยเด็ก ๆ เป็นเพื่อนกันดีจะตาย การมีเพื่อนเยอะไม่ได้ไม่ดีสักหน่อย คอยดูเหอะผมตั้งใจไว้แล้วล่ะว่าจะหาทางช่วยไอ้อ้วนของผมจีบน้องฟ้าให้ได้หมั่นไส้อีตาพ่อท่านประธานคนนี้เหลือเกิน เก็กหนัก หวงนักใช่ไหม ได้เลยไอ้กันต์คนนี้จะทำให้ท่านประธานกะอักเลือดที่มีว่าที่ลูกเขยเป็นลูกชายให้ได้ คอนเฟิร์ม!!!!!!!!!!!!!!!

   แต่ว่าเร็วไปไหมอ่า เด็ก ๆ เพิ่งจะ 5 ขวบเองนะไอ้กันต์......


....................................................................

มาลงเพิ่มให้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 5 คำสารภาพ @14-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-07-2016 10:43:54
อ้วนน้อยน่ารักดีมากลูก  :katai3:  เอาใจช่วยคู่คุณอาด้วยนะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 5 คำสารภาพ @14-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 14-07-2016 13:16:52
ลูกหมูสู้ ๆ จีบน้องฟ้าให้ติดนะ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 5 คำสารภาพ @14-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-07-2016 13:19:52
คุณพ่ออย่าหวงลูกฟ้ามากเดี๋ยวยุว่าที่ลูกเขยให้หวงว่าที่คุณแม่น้องฟ้าเยอะๆเลยนี่

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 5 คำสารภาพ @14-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-07-2016 21:36:43
เจ้าอ้วนอยากมีแฟนตั้งแต่ 5 ขวบเลย ไวมากลูก ฮ่าๆๆๆ
พ่อเขาหวงน่ะ ดุด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 6 คุณพ่อจอมหวงVSไอ้อ้วนจอมหวง
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 16-07-2016 09:22:11
ตอนที่ 6 คุณพ่อจอมหวง VS ไอ้อ้วนจอมหวง

   ได้เวลาเลิกงานผมเก็บของลงโต๊ะอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปรับตุลย์ แต่ผมไม่ทันคนในห้องหรอกครับรายนั้นออกไปก่อนผมครึ่งชม.แล้ว เหอะถือว่าตัวเองเป็นประธานบริษัทรึไง ก็แน่ละครับเขาเป็นประธานจะไปจะมาตอนไหนจะมีใครกล้าว่าอะไรได้ ส่วนผมนะเหรอพนักงานระดับล่าง ต้องรอเวลาเลิกงานจริง ๆ เท่านั้นแหล่ะครับถึงจะออกได้

   มือคว้าสายกระเป๋าพาดไหล่แล้วเดินไปที่ลิฟท์เพื่อรอลิฟท์ไปชั้นจอดรถ มีพนักงานหลายคนรออยู่ด้วยหลายคนหันมามองผม ซึ่งผมก็ยิ้มให้ตามมารยาท ผมเพิ่งมาแค่ 2 วันนี่ครับแล้วพนักงานที่นี่ก็เยอะมาก เดี๋ยวค่อยทำความรู้จักกันไปก็ได้แหล่ะ

   ออกจากลิฟท์ได้ก็เดินมาขึ้นรถเพื่อขับออกไปโรงเรียนของตุลย์ วันนี้คงต้องพาตุลย์ไปทานข้าวนอกบ้านเพราะว่าวันนี้ของสดในตู้เย็นหมดแล้วคงไม่ได้ทำอาหารเย็นทานเองเหมือนทุกวัน  ผมชอบทำอาหารเองไม่อยากซื้อข้างนอกเพราะของทุกอย่างเราเลือกได้เอง ทั้งความสดใหม่ ความสะอาดซึ่งดีกับสุขภาพของตุลย์กว่ามาก แถมตุลย์ยังชอบอาหารทำเองมากกว่าซื้อมาจากข้างนอก ซึ่งนาน ๆ ครั้งผมถึงจะพาหลานชายไปทานตามร้านอาหาร

   รถเลี้ยวเข้ามายังลานจอดรถโรงเรียนนานาชาติของผมมองหาที่ว่างเมื่อได้ที่จอดเรียบร้อยก็ลงจากรถล็อครถเดินไปทางตึกเรียนของตุลย์ พอไปถึงผมกับชะงักขาที่กำลังก้าวเข้าไปหาหลานชาย ก็จะอะไรล่ะครับที่ตรงนั้นมีเด็กผู้ชายอยู่สองคนกับอีกหนึ่งชายหนุ่มผู้หล่อเข้มนั่งอยู่ แต่เมื่อคิดได้ว่าอาจจะนั่งรอเป็นเพื่อนของตุลย์ผมก็เลือกที่จะเดินต่อไป เข้าไปในระยะสายตาพอให้รู้ว่าผมเดินมาถึงแล้วนะ คนทั้งสามก็หันมายังกับนัดกันไว้ มีเพียงสองหนุ่มน้อยเท่านั้นที่ยิ้มให้ผม ส่วนอีกหนึ่งคนตัวโต ๆ หันมามองหน้าผมนิ่ง ๆ แล้วหันไปสนใจกับลูกชายของเขาต่อ

   “น้ากันต์ มาแล้วๆ” เสียงใส ๆ ของตุลย์ดังขึ้นมาก่อนจะวิ่งมากอดขาผม

   “ครับมารับแล้วรอนานมั้ย”

   “ไม่นานเลยน้ากันต์ แล้ววันนี้เราจะไปกินไอติมกับน้องฟ้ากันครับ” น้ำเสียงหลานผมระรื่นมาก

   “หือ ใครจะไปไหนนะครับ” ผมทวนคำถามนั้น ไม่แน่ใจว่าเจ้าอ้วนบอกออกมานั้นจริงหรือเปล่า

   “ก็ ตุลย์ น้ากันต์ น้องฟ้า กับพ่อน้องฟ้าไงล่ะ”

   “ไม่กวนคุณพ่อน้องฟ้ากับน้องฟ้าดีกว่า เดี๋ยวน้ากันต์พาไปทานข้าวเย็นนอกบ้านดีกว่าเนอะ” หันไปบอกหลานชายตัวกลม
   “อ้าว ก็น้องฟ้าชวนตุลย์นี่ครับ” หน้ากลม ๆ หันมาทางผมแล้วทำหน้ายู่น้อย ๆ

   “ไม่เป็นไร ไปด้วยกันนี่แหล่ะ น้องฟ้าชวนไว้แล้ว เดี๋ยวแวะทานข้าวก่อนค่อยไปทานไอติมร้านโปรดน้องฟ้า” เสียงเข้มที่ออกจากปากของร่างสูงใหญ่ของคุณภู เป็นการตัดสินใจให้เสร็จสรรพ

   ผมได้แต่หันไปมองหน้าคนตัวโตแล้วก็หันกลับมามองหน้างลูกชายของเขาที่มาพร้อมรอยยิ้มกับใบหน้าน่ารักพยักขึ้นลงน้อย ๆ เหมือนกับว่าให้ผมทำตามที่พ่อของน้องฟ้าบอกนั่นแหล่ะดีที่สุดแล้ว

   “ครับ งั้นเก็บของแล้วไปกันเลยแล้วกันครับ เดี๋ยวรถจะติดเด็ก ๆ จะหิวก่อน” ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับทุกคนตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วนี่

   “เดี๋ยวไปเจอกันที่ห้างหน้าหมู่บ้านแล้วกัน ใกล้ดี มีร้านอาหารเยอะให้เลือกทาน” คุณภูสั่งอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้นอุ้มน้องฟ้าแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเลยต้องหันไปหาไอ้อ้วนของผมแล้วพยักหน้าชัดชวนกันเดินตามหลังร่างสูงนั้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

   “ตุลย์ไม่ได้ขอตามน้องฟ้าไปใช่ไหม” ผมถามตุลย์อย่างสงสัย

   “ตุลย์เปล่าขอตามนะน้ากันต์ น้องฟ้าชวนต่างหากเล่า”

   “แล้วตุลย์เรียกน้องฟ้าว่าน้องฟ้าด้วยหรอ ไม่ใช่ว่าอายุเท่ากันรึไง”

   “เรียกน้องฟ้าแหล่ะน่ารักแล้ว ก็น้องฟ้าตัวเล็กกว่าตุลย์นี่ ตุลย์โตกว่าจะต้องปกป้องน้องฟ้าไง” ตุลย์ตอบอย่างภูมิใจที่ได้เป็นพี่ หึหึ เจ้าตัวจะรู้ไหมนะว่าเวลาทำหน้าอย่างนี้มันน่าหมั่นไส้ชะมัด ทำอย่างกับตัวเองโตกว่าน้องฟ้ามากนักนี่

   “โอเค ๆ งั้นเดินไว ๆ ดีกว่าเดี๋ยวพ่อน้องฟ้าจะหันมาดุเราอีกว่าชักช้า” ผมเร่งไอ้อ้วนให้เดินไว ๆ

   ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงห้างหน้าหมู่บ้าน  เวลาเย็น  ๆ แบบนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะต่างก็มาหาร้านอาหารทานก่อนกลับเข้าบ้าน ผมได้ที่จอดรถไม่ไกลจากรถคุณภูมากนัก  ผมเดินลงจากรถแล้วจูงมือตุลย์เดินเข้าไปหาสองพ่อลูกที่ยืนรอหน้าประตูทางเข้าห้าง

   “น้องฟ้าอยากทานอะไรครับ” ผมถามร่างเล็ก ๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตหน้าเข้ม

   “ฟ้าอยากทานชาบูครับ เราไปทานชาบูกันนะ” เสียงเล็ก ๆ บอกออกมาเบาๆ  พร้อมรอยยิ้ม ทำไมผมถึงหลงรอยยิ้มน้องฟ้านะเนี่ย

   “คุณพ่อให้ฟ้าเดินเองก็ได้นะครับเดี๋ยวคุณพ่อหนัก ฟ้าโตแล้ว” เสียงเล็กประท้วงร่างสูงให้ปล่อยตัวเองลงเดินกับพื้นด้วยตัวเอง เพราะคงเกรงว่าคุณพ่อร่างยักษ์จะเมื่อยที่อุ้มมานาน

   “น้องฟ้าอยากเดินเองเหรอครับ ไม่ให้พ่ออุ้มเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของน้องฟ้า แต่ทำหน้าเหมือนไม่อยากปล่อยร่างน้อย นั้นลงเอง  ผมได้แต่หันหน้าหนีทำหน้าเอือมกับคุณภู 

   “ครับฟ้าเดินได้ นะ นะ” ว่าเสร็จพร้อมกับที่ร่างสูงก็ปล่อยให้น้องฟ้าได้ลงมาเดินด้วยตัวเอง พอถึงพื้นเท่านั้นแหล่ะน้องฟ้าหันมาทางตุลย์แล้วเดินไปจูงมือของไอ้อ้วนทันทีจากนั้นเดินนำหน้าเราสองคนไปที่ร้านชาบูที่เล็งไว้แต่แรก ไอ้ผมเลยได้แต่หันหน้าไปมองคุณภูที่ตอนนี้กำลังอึ้งกับการที่โดนลูกชายทิ้งไว้ข้างหลัง ผมจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ ได้แต่อมยิ้มแก้มตุ่ย แล้วหัน
หน้าหนีไปอีกทาง แต่ผมกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้นี่สิ เผลอหลุดออกมาทำให้ใบหน้าเคร่งของคุณภูหันมาจ้องผมตาเขม็งเลย

   “นายหัวเราะอะไร หุบยิ้มไปเลยนะ” เสียงเขียวมาเชียว  คิดว่าผมกลัวรึไง หันไปมองจึงได้เห็นว่าตาเขียวปัดมาเลยทีเดียว เลยได้แต่กระแอมสองสามครั้งในลำคอ แล้วกลับมาทำสีหน้าปกติ เพราะกลัวว่าจะโดดขย้ำเสียก่อนที่จะได้ทานข้าวเย็น

   “รีบเดินสิ เด็ก ๆ ไปโน่นแล้วเดี๋ยวก็คลาดสายตากันพอดีชักช้าอะไรอยู่ได้”

   “ครับ ๆ รีบแล้วครับ คุณภูก็เดินไว ๆ สิครับเดี๋ยวน้องฟ้าหายไปนะ” ผมได้ทีแกล้งเย้าร่างสูงไปด้วย

   สองหนุ่มน้อยเดินมาหยุดที่หน้าร้านชาบูเพื่อรอผมกับคุณภู พอเราเดินไปถึงหน้าร้าน คุณภูจึงเดินนำเข้าไป พร้อมกับพนักงานเข้ามาต้อนรับ  พลางเดินนำเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านในติดกระจกที่ว่างอยู่

   คุณภูขยับให้น้องฟ้านั่งด้านในติดกระจกแล้วเจ้าตัวก็ตามเข้าไปนั่งประกบ ส่วนผมก็ดันให้ตุลย์เข้าไปด้านในเหมือนกัน ตอนนี้ผมเลยนั่งตรงข้ามกับคุณภู

       “น้องฟ้าสั่งเลยครับอยากทานอะไร ตุลย์ด้วยนะ” ร่างสูงก้มหน้าไปบอกน้องฟ้า แล้วหันมาทางหลานชายของผมบอกให้สั่งได้เลย น้องฟ้าสั่งอาหารไปหลายอย่าง ส่วนไอ้อ้วนของผมนะเหรอครับ ร่ายยาวเป็นหางว่าวเลยล่ะ น้องฟ้าได้แต่มองมาอย่างอึ้ง ๆ กับการสั่งอาหารแบบรัว ๆ ของตุลย์ ซึ่งพนักงานก็จิ้ม แท็ปเล็ตเพื่อสั่งหาอารมือระวิง

       “ตุยล์จะทานหมดเหรอ มันเยอะมากเลยนะ” เสียงใส ๆ ทนไม่ไหวเลยเอ่ยถามออกมา

        “หมดสิน้องฟ้า แค่นี้เองสบายมาก พี่ตุลย์ตัวโตต้องทานเยอะ ๆ จะได้แข็งแรงและปกป้องน้องฟ้าได้ไงครับ” โอว หยอดได้หยอดอีก เอากะเขาสิครับพ่อหลานชายของผม

        แต่ด้านคุณภูที่เมื่อได้ยินตุลย์เรียกตนเองว่าพี่แล้วเรียกน้องฟ้าว่าน้อง ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้ตุลย์เห็น อาจจะแค่ขัดใจนิดหน่อยก็ได้ที่มีคนอยากปกป้องน้องฟ้า

         อาหารมาแล้วตอนนี้หลานผมเนี่ยไม่สนใจอะไรแล้วครับ ผมเลยต้องจัดการใส่เนื้อ ใส่ผัก ลงไปในหม้อ ก่อนจะปิดฝา ทิ้งไว้ไม่เกิน 5 นาที พอเปิดฝาออกมาควันก็พวยพุ่ง กลิ่นหอมของชาบูหม้อนี้ก็ทำเอาน้ำลายสอ กระเพาะเนี่ยส่งเสียงร้องออกมาเลยทีเดียว

   ร่างสูงหันไปตักบรรดาเนื้อหมู กุ้งที่สุกแล้วใส่ถ้วยให้น้องฟ้า น้องหันมายิ้มรับพร้อมคำขอบคุณ แล้วลงมือทานอาหารในถ้วยที่คุณพ่อรูปหล่อส่งให้ทันที ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรกับผมที่ตักทุกสิ่งอย่างในหม้อให้กับตุลย์ด้วยเหมือนกัน ซึ่งรายนั้นแค่ได้เห็นอาหารตรงหน้าก็ยิ้มรับหน้าบานแล้วครับ

   ส่วนผมก็ทานเงียบ ๆ ปล่อยให้หลานชายจัดการอาหารเอง โดยถ้วยที่สองเนี่ยตักเองครับ ไม่รอให้ผมตักให้หรอกแต่คุณภูที่ทานไปด้วย ก้มหน้าไปเช็ดปากให้น้องฟ้าไปด้วยนี่สิ ดูแลดีมาก ได้แต่สงสัยนะว่าคุณภูเนี่ยสอนให้น้องฟ้าทำอะไรเองมั่งเปล่า เพราะที่เห็นทำให้น้องเกือบทุกอย่างเลย แต่ดีนะที่น้องไม่เอาแต่ใจเหมือนลูกคนรวยทั่วไปที่เลี้ยงลูกแบบตามใจทุกอย่าง

   ทานกันไปสักพักผมก็สังเกตว่ามีสายตาจับจ้องมาที่โต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่ จึงหันไปมองรอบ ๆ เห็นผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ มองร่างสูงอย่างไม่วางตา โต๊ะนั้นมีผู้หญิงมากันสองคน แล้วทั้งสองคนก็มองมาทางนี้บ่อยมาก พอคุณภูรับรู้ได้ถึงการจับจ้อง เลยเงยหน้าจากการดูแลน้องฟ้าหันมามองบ้างก็เห็นว่าผู้หญิงสองคนนั้นส่งสายตาหวานเชื่อมพร้อมรอยยิ้มหวานมาให้อย่างเปิดเผย ร่างสูงเห็นแล้วก็ไม่ได้ยิ้มตอบ กลับเมินรอยยิ้มเชิญชวนนั้น แล้วหันไปดูน้องฟ้าทานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผู้หญิงสองคนนั้นยิ้มเก้อไปเลยทีเดียว เมื่อเห็นว่าผู้ชายที่ตนส่งยิ้มให้ไม่เพียงไม่ยิ้มตอบเท่านั้นกลับมองเมินเธอทั้งสองคนไปด้วย ผมแอบมองทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ พวกเธอสวยนะครับ ผมยาว ตาโต ผิวขาวแถมมีรูปร่างสะดุดตาไม่น้อยแต่ทำไมคุณภูถึงได้เมินสาวสวยแบบนี้ไปได้ หรือว่าเป็นเพราะมากับน้องฟ้าจึงไม่ได้สนใจ

   “อิ่มแล้วน้องฟ้าจะไปทานไอศกรีมอีกไหมครับลูก” ทีพูดกับลูกชายละเสียงอ่อนเสียงหวาน ดวงตาดูอ่อนโยนขึ้นมาเชียว

   “ครับ ฟ้าจะไปทานไอติมที่ร้านเดิมของเรา” ไอ้ร้านเดิมนะร้านไหนครับน้องฟ้า บอกน้ากันต์หน่อยสิ น้ากันต์จะได้ดูเงินในกระเป๋าด้วยว่าพอเลี้ยงเด็ก ๆ หรือเปล่า

   คุณภูเรียกพนักงานมาเช็คบิลอาหาร บอกว่ามื้อนี้เขาเลี้ยงเองเพราะน้องฟ้าเป็นคนชวนตุลย์มาทานด้วย ผมไม่ขัดศรัทธาหรอกครับ ฟรีนี่แต่ไอศกรีมผมคงต้องขอออกตัวเลี้ยงมั่ง เราเดินออกมาเดินตามเด็กน้อยสองคนไปยังร้านไอศกรีมชื่อดังในห้างซึ่งราคาเนี่ยไม่ต้องพูดถึง สกู๊ปเป็นร้อย น้ำตาจะไหล

   “น้องฟ้าสั่งเลยครับ น้ากันต์เลี้ยงไอศกรีมเองเนอะ”

   “ทำไมน้ากันต์ต้องเลี้ยงด้วยครับก็ให้คุณพ่อจ่ายเงินเหมือนเดิมก็ดีแล้วนี่ครับ” ใบหน้าน้อย ๆ หันมาทางผมพร้อมกับคำถามที่ทำให้ผมต้องแอบกลืนน้ำลายนิดนึง   

   “ก็เมื่อกี้คุณพ่อน้องฟ้าเลี้ยงชาบูแล้วนี่ต่อไปก็ถึงคิวน้ากันต์เลี้ยงน้องฟ้ากับคุณพ่อสิครับถึงจะถูก”

   “ไม่ต้อง !!! เดี๋ยวฉันออกเอง ก็บอกแล้วว่าน้องฟ้าเป็นคนชวนแล้วจะให้นายมาออกเงินได้ยังไง” เสียงเข้มดุออกมาจนผมต้องทำหน้าแหย ๆ

   “ครับ งั้นขอบคุณมากครับ” ผมยกมือไหว้ ตุลย์ก็ไหว้ด้วย เราสั่งไอศกรีมมาคนละถ้วยยกเว้นคุณภูทีไม่ได้ทานแต่สั่งกาแฟมาแทน

   เรานั่งไปได้สักพัก ก็มีครอบครัวอีกครอบครัวนึงเดินมานั่งข้าง ๆ โต๊ะของเรา ทางนั้นมากันสามคน พ่อ แม่ลูกชาย ผมได้ยินพวกเขาสั่งไอศกรีมมาให้ลูกชายแล้วก็นั่งคุยกันเบา ๆ แต่ว่าตัวลูกชายของทางนั้นมองมาทางโต๊ะของเราบ่อยมากผมเลยมองตามสายตาของเด็กชาย สายตานั้นไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าน้องฟ้าผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่ามีคนแอบมองอยู่

   สักพักเด็กคนที่ว่าก็ลุกมาจากโต๊ะของตัวเอง เดินมาหาน้องฟ้าแล้วยื่นดอกไม้ให้น้องฟ้า เฮ้ย ดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะของทางร้านด้วย ผมได้แต่ยิ้ม น้องฟ้ามองมือเล็ก ๆ ที่ยื่นดอกไม้ให้พลางทำหน้างงนิด ๆ แต่ก็ยื่นมือออกไปรับพร้อมรอยยิ้ม แต่ว่าร่างสูงข้างกายน้องฟ้าพอเห็นว่ามีเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้มายื่นดอกไม้ให้ลูกของตัวเอง ก็ทำหน้าเคร่งมองเด็กคนนั้นตาดุ แต่เด็กนั่นหาได้สนใจไม่ เอาแต่จ้องน้องฟ้า พร้อมกับยิ้มให้ ไม่ใช่แค่คุณพ่อรูปหล่อนะที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไอ้อ้วนของผมก็เช่นกัน ลุกจากที่นั่งข้างผม เดินมาบังน้องฟ้าแล้วยื่นมืออวบอูมของตัวเองไปดึงดอกไม้ออกมาจากมือน้องฟ้าเรียบร้อยแล้ว

   ร่างสูงเห็นดังนั้นเลยวางตัวนิ่ง ๆ แต่ผมเนี่ยลอบมองอยู่ว่าคุณภูจะจัดการยังไงแต่ยังไม่ได้ออกโรงเลยหลานชายผมแสดงตัวออกไปเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงซะแล้ว เห็นนะว่าแอบยิ้มนิด ๆ ด้วยตอนที่ไอ้อ้วนของผมที่เดินมาบังน้องฟ้า แล้วยังส่งสายตาดุดันไปให้เด็กชายที่ตัวไม่ได้โตไปกว่าตัวเองเท่าไร

   พ่อกับแม่ของเด็กชายหันมาเห็นก็ตกใจเดินมาที่โต๊ะเราพร้อมกับขอโทษกันใหญ่ พลางดึงมือลูกชายกลับไปที่โต๊ะตัวเอง  แต่เด็กนั้นก็ยังไม่ยอมเดินตามไป

   “เราชื่อนาย เธอชื่ออะไร เธอน่ารักเราชอบเธอ” เสียงออกมาจากปากเด็กที่แนะนำตัวเองว่าชื่อน้องนาย

   “เราชื่อ อื้ออออ” อ้าวโดนมือป้อม ๆ ของตุลย์ปิดปากไปเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าอ้วนเนี่ยหันไปมองหน้าอีกฝ่าย

   “ไม่ต้องรู้จักหรอก นายกลับไปกับพ่อแม่ของนายเลย น้องฟ้าไม่อยากรู้จัก แล้วเราก็ไม่ให้ใครมาเข้าใกล้น้องฟ้าด้วย เข้าใจไหม” เสียงตุลย์บอกออกมาพร้อมกับไล่ให้เด็กชายไปที่โต๊ะตัวเอง

   “เราถามน้องฟ้าไม่ได้ถามนายสักหน่อย ถอยไปเลยนะ” อีกคนก็ไม่ยอมเช่นกันพยายามผลักตุลย์ให้พ้นจากสายตาที่ยืนบังคนน่ารักอย่างน้องฟ้าออกไปให้พ้นทาง

   “เอ๊ะ นี่นายพูดไม่รู้เรื่องหรือไงว่าน้องฟ้าไม่อยากรู้จักนาย น้องฟ้าเป็นแฟนเรา นายรู้แล้วก็ไปได้แล้วอย่ามายุ่ง เกะกะจริงเชียว” โอ แรงจริงอะไรจริงครับหลานผม  ตุลย์น้อยหน้าที่ไหน ยืนปักหลักไม่ยอมถอยแถมยังโม้อีกนะว่าน้องฟ้าเป็นแฟนของเจ้าตัว ทำเอาเด็กชายนาย ตาโตมองอย่างไม่เชื่อ

   แต่คนที่ได้ยินคำอ้างของตุลย์ทั้งผม ทั้งคุณภูหันขวับไปมองไอ้อ้วนพร้อมสลับมองหน้าน้องฟ้าไปมา ภาพที่เห็นในสายตาผมคือใบหน้าน้องฟ้านั้นเริ่มเป็นสีแดงระเรื่ออย่างน่ามอง จนคุณภูส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมาเลยทีเดียว พร้อมกับเอื้อมมือไปกอดเอาน้องฟ้ามาไว้กับอกแกร่งของตัวเอง คงไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าน่ารักของน้องฟ้าแน่เลย

   การกระทำเช่นนั้นหาได้รอดพ้นสายตาของผมไม่ แต่อีกด้านศึกระหว่างสองเด็กชายก็ยังไม่จบทั้งสองส่งสายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมละสายตาเลย ส่งผลให้พ่อกับแม่น้องนายมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจยิ่ง เมื่อเห็นว่าลูกชายของตนเองไม่ยอมไปนั่งที่โต๊ะตัวเองสักทีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วก็มีเสียงประกาศิตดังขึ้น

   “ไม่ต้องกินแล้วกลับบ้านกันดีกว่านะครับน้องฟ้า” คุณภูตัดสินใจเด็ดขาดมาก คงกลัวเหตุการณ์จะเลยเถิดหรือไม่ก็กลัวว่าจะเกิดศึกชิงนายน้อย ซึ่งก็คือน้องฟ้านั่นเอง พลางเรียกพนักงานมาคิดเงิน แล้ววางเงินอุ้มน้องฟ้าเดินตัวปลิวออกไปจากร้าน ทำให้ทั้งผมแล้วก็ตุลย์ต้องรีบตามไปอย่างไว

   แต่ยังพอทันที่จะหันไปมองหน้าเหวอ ๆ ของเด็กชายนายที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ พร้อมการหายตัวไปอย่างไวของน้องฟ้าที่เจ้าตัวเข้ามาจีบและเหตุการณ์ที่มีเด็กมาจีบน้องฟ้าก็จบลงด้วยการแอบอ้างเป็นแฟนน้องฟ้าของเด็กชายตุลย์กับการอุ้มน้องฟ้าหนีศึกชิงนายของคุณภูดิส

   ผมก็ได้แต่หวังว่าน้องนายจะคิดได้นะว่าเด็กที่น้องนายเข้ามาจีบพร้อมยื่นดอกไม้ให้นั้นก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน...

**********************************************

ขอโทษที่หายไปวันนี้มาลงน้องตุลย์ให้แล้วค่ะ สัญญาว่าไม่หายแน่นอน แต่ช่วงนี้ห่างไปนิดอย่าโกรธกันนะ เพราะว่าต้องพาพ่อไปหาหมอด้วย ต้องเตรียมย้ายห้องด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 6 คุณพ่อจอมหวงVSไอ้อ้วนจอมหวง @16-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-07-2016 10:20:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 6 คุณพ่อจอมหวงVSไอ้อ้วนจอมหวง @16-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-07-2016 11:27:27
 o13
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 6 คุณพ่อจอมหวงVSไอ้อ้วนจอมหวง @16-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 16-07-2016 17:27:34
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก
ลูกหมูสู้ๆ นะจ๊ะ


 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 6 คุณพ่อจอมหวงVSไอ้อ้วนจอมหวง @16-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-07-2016 17:37:45
 :laugh:    น้องฟ้ามีแฟนแล้วนะรู้ตัวยัง?
พี่ตุลย์ของน้องฟ้า สู้ๆแล้วกันนะ
คุณพ่อขี้หวง ยากหน่อยล่ะม้าง
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 7 ทานข้าวกันไหม @27-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 27-07-2016 09:02:05
                  ตอนที่ 7 ทานข้าวกันไหม

             เช้านี้ผมจัดการทุกอย่างเหมือนทุก ๆ วัน  เสร็จจากส่งตุลย์แล้ว ก็ขับรถมาทำงาน เมื่อถึงที่ทำงานผมเก็บกระเป๋าไว้ในลิ้นชัก หยิบแฟ้มงานขึ้นมางานส่วนมากเป็นการจัดเอกสารเพื่อเสนอเซ็นต์ซะส่วนมาก แล้วก็มีงานจัดตารางการนัดหมายของคุณภูดิส ซึ่งตารางงานทุกอย่างตอนนี้นริศรายกให้ผมเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว เธอบอกว่าการที่มีผมมาช่วยงานตรงนี้ทำให้เธอมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น  เพราะก่อนที่จะรับสมัครผู้ช่วยคนใหม่ เธอทำงานคนเดียวเป็นเวลา 3 เดือน เนื่องจากพนักงานที่รับเข้ามาใหม่นั้น ไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งนี้ได้เกินหนึ่งเดือนสักคน

             9 โมงเช้าร่างสูงของคุณภูดิสก็เดินออกมาจากลิฟท์  ผมรอให้คุณภูเข้าไปในห้องทำงานได้ประมาณ 10 นาทีก็ตามเข้าไปพร้อมแฟ้มเสนอเซ็นต์และสมุดบันทึกตารางงานวันนี้ 

             ผมเดินมาที่ประตูบานใหญ่พร้อมยกมือขึ้นเกาะสัญญาณให้คนข้างในรู้ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เห็นร่างสูงนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ผมเดินเข้าไปวางแฟ้มของแผนกต่าง ๆ ที่ส่งมาเพื่อให้ประธานบริษัทอนุมัติตามแผนการณ์ที่เสนอไว้
   
             “คุณภูครับ เช้านี้มีแฟ้มรอเซ็นต์ของแผนกการเงินกับจัดซื้อครับ แล้วบ่ายสองโมงมีนัดกับประชุมกับผู้จัดการโครงการ sky view ที่ไซท์ก่อสร้างโครงการ เมื่อวานผู้จัดการโครงการนั้นโทรเข้ามาคอนเฟิร์มแล้วครับ” ผมเปิดสมุดตารางงานแล้วรายงานร่างสูงตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมามองผมตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง

             “แล้วตอนบ่ายนายมีงานเร่งหรือเปล่า” คุณภูถามออกมาทันทีที่ผมรายงานเสร็จ

             “ไม่น่าจะมีงานเร่งนะครับ คุณภูมีอะไรจะใช้ผมหรือครับ” ผมนึกถึงงานบนโต๊ะว่ามีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า แต่ก็มีเพียงงานเล็กน้อยที่นริศราให้ไว้ เป็นงานพวกตรวจเอกสารที่ทางแผนกต่าง ๆ ส่งมาให้เท่านั้น ก็ไม่นับว่างานเร่งอะไรมากมาย

             “งั้นนายออกไปประชุมที่ไซท์งานพร้อมกับฉันด้วยแล้วกัน จะได้เรียนรู้ว่าการประชุมข้างนอกทำยังไง เอกสารก็เตรียมไปแค่รายละเอียดของโครงการคร่าว ๆ ช่วงเช้านายก็ออกไปค้นแฟ้มของโครงการออกมาอ่านดูก่อนแล้วกัน นายรู้ใช่ไหมว่าบางครั้งต้องตามฉันไปข้างนอกด้วย”  ร่างสูงบอกรายละเอียดที่ผมต้องเตรียมตัว เพื่อที่จะออกไปทำงานข้างนอก

             “ครับ เอ่อ ..แต่ว่าเราจะกลับมากี่โมงครับผม ถ้าเย็นมากผมกลัวว่าจะไปรับหลานไม่ทัน กลัวแกจะรอนาน  ถ้ามืดมากผมก็เกรงใจครูที่อยู่เป็นเพื่อนตุลย์” ผมเอ่ยถามออกไป รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเวลาเลิกงานนิดหน่อย ถ้าออกไปข้างนอกแล้วกลับมาค่ำเกินไปแล้วปล่อยให้ตุลย์รอนานผมก็สงสารหลาน

             “ไม่แน่ใจเพราะการประชุมข้างนอกบางทีถ้างานไม่มีปัญหาอะไรก็เสร็จไว แต่ถ้าปัญหาในที่ประชุมเยอะเกินไปก็อาจจะต้องใช้เวลาในการพูดคุยกันนานกว่าปกติ”
 
             “เดี๋ยวให้คนขับรถไปรับเด็ก ๆ แล้วให้หลานนายไปรอที่บ้านฉันแล้วกัน ให้เล่นกับน้องฟ้าไปก่อน เผื่อว่าเรากลับมาค่ำเกินไป” ร่างสูงของคุณภูเสนอให้คนขับรถที่บ้านของเขาไปรับหลานกับลูกชาย ซึ่งผมก็ต้องตอบรับแหล่ะครับ เพราะไม่เช่นนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะไปรับตุลย์ได้กี่โมง แล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรด้วย เพราะว่าบ้านก็อยู่ติดกัน แถมเจ้าหลานชายเขาจะได้มีโอกาสอยู่กับน้องฟ้าอีกต่างหาก ถือว่าวินวินแล้วกันนะ   

             “ขอบคุณครับ คุณภูมีอะไรสั่งอีกไหมครับเดี๋ยวผมจะได้ออกไปเตรียมข้อมูลโครงการคอนโด Sky View ให้พร้อม”

             “ไม่มีแล้ว นายออกไปทำงานเถอะ แล้วให้นริศราเข้ามาหาฉันด้วย”

             “ครับ” ผมรับคำแล้วเดินออกจากห้องทำงานออกมา

             “พี่นริศ คุณภูให้พี่เข้าไปพบครับ” ผมแจ้งกับนริศราว่าท่านประธานต้องการพบ

             “โอเค ขอบใจจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยจบแล้วก็ลุกจากเก้าอี้ตัวเองเดินตรงไปยังห้องทำงานของประธานบริษัททันที

             ผมเดินเข้าไปที่ประตูบานเล็ก ๆ ข้างหลังโต๊ะ ในห้องนั้นเป็นห้องที่เก็บเอกสารต่าง ๆ มีตู้มากมายตั้งอยู่ภายในห้องนั้น  ตู้เอกสารก็แยกกันไปตามบริษัทต่าง  ๆในเครือ เพราะแต่ละบริษัทก็ทำธุรกิจแตกต่างกันออกไป ผมเดินเข้าไปที่ตู้เอกสารที่ติดป้ายบริษัท โภคิน เรียลเอสเตรท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทในเครือทั้งหมดของ โภคิน เรียลเอสเตรท กรุ๊ป ไล่สายตาไปตามสันแฟ้มต่าง ๆ ที่เก็บแยกรายละเอียดของแต่ละโครงการเอาไว้ แฟ้มมากมาย  เมื่อเห็นชื่อโครงการที่ต้องการก็หยิบออกมาจากชั้นที่ใส่แฟ้มนั้น  แฟ้มสรุปโครงการมีประมาณ  3 แฟ้ม ซึ่งนี่แค่รายงานคร่าว ๆ เท่านั้นเพราะรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีมากมายจะส่วนมากจะอยู่ที่โครงการก่อสร้างซะมากกว่า

             เมื่อได้เอกสารแล้วผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ซึ่งออกมาก็พบว่านริศราออกมาจากห้องท่านประธานแล้ว หญิงสาวหันมายิ้มให้นิดนึง

             “คุณภูบอกว่าวันนี้จะให้กันต์ไประชุมที่ไซท์ด้วย” เธอเอ่ยถามคงทราบมาจากคนในห้องนั่นแหล่ะ

             “ครับ คุณภูให้ไปเพื่อศึกษาโครงการก่อสร้าง นี่ผมก็เข้าไปเอาแฟ้มมาอ่านรายละเอียดโครงการคร่าว ๆ เพราะต้องรู้ข้อมูลไว้บ้าง เดี๋ยวไปประชุมจะไม่รู้เรื่อง จดอะไรไม่เข้าใจจะโดนดูเอาได้ ผมยังไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อนก็คงต้องศึกษาให้มาก ๆ ครับพี่นริศ” ผมวางแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานตัวเอง พลางหันไปตอบคำถามที่นริศราถามมา

              “อืม ดีแล้วล่ะ เมื่อก่อนตอนที่ยังหาใครมาทำตำแหน่งนี้ไม่ได้นะ คุณภูยุ่งน่าดู เพราะออกไปประชุมโครงการคนเดียว ไม่มีผู้ช่วย พี่จะไปด้วยก็ไม่ให้ไปบอกว่า ไซท์ก่อสร้างมันอันตราย ผู้หญิงไม่ควรไปถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ“

             ที่นริศรากล่าวออกมาก็จริงนะ ไซท์ก่อสร้างไม่ว่าที่ไหนก็มีเป็นสถานที่ค่อนข้างอันตรายอยู่แล้ว ยิ่งถ้าผู้หญิงที่ไม่คุ้นชินกับสถานที่นั้นแล้วเข้าไปทำงานอาจจะมีบาดเจ็บกันได้ ที่ต้องการผู้ช่วยผู้ชายสาเหตุนี้ก็เป็นสาเหตุหลักที่รับสมัครก็ได้ เพราะความคล่องตัวในหลาย ๆ เรื่อง 

             ผมนั่งอ่านแฟ้มโครงการ พบว่าโครงการนี้เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับสูงที่หนึ่งเลยทีเดียว เนื่องด้วยสถานที่ก่อสร้างอยู่ใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้า ใกล้ริมน้ำเจ้าพระยา มีจำนวน 50 ชั้น  ห้องแต่ละห้องมีลิฟท์ส่วนตัวที่มีเฉพาะเจ้าของห้องที่มีคีย์การ์ดเท่านั้นที่สามารถใช้ได้  นับว่าเป็นคอนโดที่ค่อนข้างจะหรูหราเลยทีเดียว ห้องพักที่นี่มีขนาดแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ 1 ห้องนอน  2 ห้องนอน หรือเป็นแบบดูเพล็กซ์ซึ่งมี 2 ชั้น รวมถึงห้องแบบเพนท์เฮาส์ ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไป ผมนึกสงสัยว่า ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นคนแบบไหนหันนะ ที่มาซื้อคอนโดราคาหลัก สิบล้านอยู่อาศัย

             โครงการนี้เริ่มมาได้ปีกว่าแล้ว รายละเอียดต่าง ๆ ก็เยอะตามไปด้วย แต่ผมก็แค่อ่านให้ผ่านตาพอ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเจาะรายละเอียด เดี๋ยวไปประชุมค่อยไปฟังรายละเอียดต่าง ๆ

             เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งเลยทีเดียว คนกำลังมีสมาธิอยู่ เฮ้อ...ยื่นมือไปรับโทรศัพท์พร้อมกรอกเสียงไปตามสาย

             “สวัสดีครับ”
 
             “อ่านแฟ้มโครงการหรือยัง” เสียงเข้มดังมาจากอีกฟากของสายพร้อมคำถาม

             “อ่านแล้วครับ แต่ยังไม่ครบเท่าไร” ผมตอบออกไป ก็มันเยอะอ่ะแค่  3 แฟ้มแต่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจนะครับ ก็คนมันไม่เคยทำงานสายก่อสร้างนี่นา เรียนก็ไม่ได้เรียนมาสายนี้

             “งั้นพอแค่นั้นแหล่ะ เก็บของแล้วออกไปเลย ข้าวกลางวันไปหาทานข้างนอกอีก  10 นาที รออยู่นั่นแหล่ะ” คุณภูสั่งออกมาซึ่งก็ทำให้ผมต้องหันไปมองนาฬิกา เห็นเวลาแล้วก็ตกใจนิดหน่อย นี่เขานั่งอ่านเอกสารตั้ง 3 ชั่วโมงโดยไม่ลุกไปไหนเลยได้ยังไง

             “ครับ แล้วต้องเอาเอกสารอะไรไปหรือเปล่าครับคุณภู” ถามเพื่อความมั่นใจเดี๋ยวลืมเอาอะไรไปจะโดนอีกรอบ

             “ไม่ต้อง ที่โน่นเขามีเตรียมไว้ให้หมดแล้ว แต่ถ้านายอาจจะจดอะไรก็เตรียมสมุดของนายไปด้วยละกัน”

            “ครับ งั้นผมขอเตรียมตัวเลยนะครับ” ผมวางสายจากเจ้านายแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  แต่ก็ต้องรีบเก็บเอกสารไปไว้ในตู้ที่เดิม

            อีกสิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน ร่างสูงของคุณภูดิสก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกระเป๋าหนึ่งใบ ผมรีบเดินไปรับกระเป๋าจากร่างสูงมาถือ แต่ร่างสูงกลับชยับหนีมือผม

             “ไม่ต้อง ฉันถือเองได้นายก็มีของนายใบนึงแล้ว ตัวแค่นี้จะมีแรงถือกระเป๋าฉันได้ยังไง มันหนัก” ครับ ไม่ให้ถือก็ได้ครับแต่ไม่เห็นต้องว่าประชดกันเลย ถึงผมจะตัวเล็กแต่ก็ผู้ชายทั่วไปนะครับ มีเรี่ยวแรงพอจะถือไอ้กระเป๋านี่ได้หรอกน่า แต่ก็ดีครับจะได้ไม่หนัก ให้ร่างสูงถือไปเองเลย ผมเสนอตัวแล้วนะมาว่าทีหลังไม่ได้ด้วยล่ะ

             เราลงลิฟท์มาที่ชั้นจอดรถ  ผมเดินตามหลังร่างสูงมาที่รถยนต์ของเจ้าตัว เสียงปลดล็อคดังขึ้นพร้อมสัญญาณไฟปลดล็อค คุณภูเดินไปเปิดประตูหลังวางกระเป๋าไว้ที่เบาะหลังซึ่งผมก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วเอื้อมมือมาเปิดประตูหน้าเพื่อจะเข้าไปนั่ง คุณภูดิสสตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดรถทันที

             ผ่านมาครึ่งชั่วโมงยังไม่มีเสียงหรือบทสนทนาออกมาจากเราทั้งสองคนเลยครับ บรรยากาศวังเวงมากมาย คุณภูเงียบมาก ตั้งใจขับรถอย่างเดียว สักพักได้ยินเสียงเปิดไฟเลี้ยวซ้าย มองไปจึงได้เห็นว่าเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง คงแวะทานอาหารกลางวัน

             เมื่อจอดรถเรียบร้อยผมเดินตามร่างสูงเข้าไปในร้านอาหาร พนักงานต้อนรับออกมาเชิญไปที่โต๊ะ ร้านนี้เป็นร้านอาหารไทย บรรยากาศร่มรื่น  พนักงานเดินนำหน้าไปยังโต๊ะข้างในซึ่งเป็นที่ส่วนตัวพอสมควร รอจนร่างของเจ้านายนั่งลงแล้ว ผมจึงนั่งลงตรงข้าม ด้านซ้ายเป็นผนันงกระจก ด้านนอกมีโต๊ะสำหรับลูกค้าที่ต้องการบรรยากาศธรรมชาติ แต่เวลานี้ของกรุงเทพ ฯ ไม่ไหวล่ะครับ แดดขนาดนี้ ขอหลบเข้าห้องที่มีเครื่องปรับอากาศด้านในดีที่สุด

              พนักงานยื่นเมนูอาหารให้  คุณภูยื่นมือไปรับแต่ไม่ได้เปิดอ่านกลับสั่งอาหารออกมาอย่างรวดเร็ว  3 รายการ ซึ่งเป็นอาหารที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว

             “นายจะทานอะไรก็สั่งเลยแล้วกัน  ทานให้อิ่มเดี๋ยวประชุมนาน ๆ จะหิวเอาอีกได้ เพราะคาดว่าวันนี้น่าจะยืดเยื้อ เพราะอีก 5 เดือนจะถึงกำหนดที่อาคารจะต้องแล้วเสร็จ จึงต้องมีรายละเอียดให้ตรวจเช็คมาก” คุณภูมองมาที่ผมแล้วเอ่ยบอกรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งยังกำชับให้ผมกักตุนอาหารให้มากเข้าไว้ คงกลัวว่าผมจะทนไม่ไหวล่ะซิ 

             ผมสั่งอาหารออกไปอีกสองอย่างซึ่งเป็นอาหารที่ผมอยากทาน ไอ้รายการที่คุณภูสั่งก็น่าทานนะครับ แต่ผมอยากทานของโปรดผมนี่นา ก็ให้สั่งเองนิ ช่วยไม่ได้เลยต้องสนองตอบความต้องการของร่างสูงสักหน่อย

             “นายเคยเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯใช่ไหม แล้วทำไมถึงกลับไปทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่หางานทำในกรุงเทพฯล่ะ ในเมื่อสาขาที่นายเรียนมาที่ต่างจังหวัดไม่น่าจะมีงานรองรับมากนี่” คุณภูถามออกมาหลังจากเรานั่งเงียบกันได้สักครู่ใหญ่หลังจากการสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

             “ผมกลับไปช่วยงานพี่สาวครับ เพราะเราเหลือกันอยู่แค่สี่คนในครอบครัว รวมพี่เขยกับหลานชายผม  พี่ไม่อยากให้ผมอยู่ตัวคนเดียวอีกเลยขอร้องให้กลับไปทำงานมี่ต่างจังหวัด แล้วผมก็อยากกลับอยู่แล้วเลยตอบตกลงพี่สาวไป เลยช่วยงานที่บ้านด้วยแล้วก็งานที่ทำถึงแม้จะได้รายได้ไม่เยอะ แต่เราก็มีความสุขกันตามอัตถภาพ” ผมนึกถึงพี่สาวในวันที่พี่ขอร้องให้ผมกลับไปหางานที่บ้านเกิด ตอนที่ผมเรียนจบ พี่บอกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน ถึงไม่รวยก็มีความสุขกับครอบครัวเราได้ เพราะเราก็ไม่ได้เดือดร้อนกันเท่าไร
 
             “อืม แล้วคิดยังไงถึงได้พาหลานชายกลับมาหางานทำที่กรุงเทพฯ ไหนว่าชอบต่างจังหวัดไง” เสียงทุ้มถามต่ออย่างสนใจในชีวิตของผม

             “เพราะว่าพี่สาวและพี่เขยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุนะครับ เลยคิดว่าต่อไปเราก็เหลือกันแค่สองคนน้าหลาน อนาคดของตุลย์จะเอายังไงดี เพราะว่าร้านอาหารที่บ้านพอพี่เสียก็ทำต่อไปไม่ได้ ตอนนั้นคิดหนักมากเหมือนกันแต่ก็ตัดสินใจว่าขายร้านอาหาร ขายบ้าน มาหางานทำที่กรุงเทพฯ คงพออยู่ได้ ที่สำคัญคือการศึกษาของตุลย์ ผมอยากให้เขาได้เรียนที่ดี ๆ เพราะผมคงทำให้หลานได้แค่เรื่องการศึกษา การเลี้ยงดูเอาใจใส่เท่านั้นเอง” ผมย้อนนึกถึงวันที่ต้องตัดสินใจว่าจะจัดการกับชีวิตหลังจากสูญเสียคนสำคัญไปอย่างไรดี  คิดแต่ว่าทำอย่างไรที่จะให้ตุลย์มีชีวิตอยู่อย่างดีที่สุด เลยตัดสินใจที่จะมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯอีกครั้ง

              พนักงานนำอาหารมาเสริฟพร้อมกับการสนทนาหยุดลงอีกครั้ง เราสองคนจึงเริ่มจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะยังต้องใช้เวลาในการขับรถไปให้ถึงไซท์งานที่นัดประชุม  อาหารมื้อนี้จึงเป็นอาหารมื้อแรกที่ผมได้นั่งทานกับคุณภูถึงแม้ว่าเราจะพูดคุยกันน้อย แต่ผมก็เริ่มจะเข้าใจอย่างหนึ่งแล้วว่า คุณภูไม่ได้เย็นชาเหมือนภายนอกที่เขาแสดงออกมา  แต่ยังมีความเอาใจใส่ลูกจ้างอย่างผมด้วยการถามไถ่พูดคุยถึงเรื่องราวและสาเหตุบางอย่างที่ผมต้องมาหางานทำและเลี้ยงดูหลานชายเพียงคนเดียว  ไม่แน่นะผมอาจจะทำงานที่นี่อย่างมีความสุขมากกว่าที่คิดก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ




*********************************************************



ขอโทษที่มาสั้น ๆ แล้วหายไปนานค่ะ ยุ่งเรื่องงาน อบรม แล้วก็เก็บของเตรียมย้ายห้อง หลังต้นเดือนคงมาแบบติด ๆ ไม่ห่างแน่นอนค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 7 ทานข้าวกันไหม @27-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-07-2016 10:34:10
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 7 ทานข้าวกันไหม @27-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 27-07-2016 16:04:19
ขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ ใครใส่ปลั๊กอินเพจเป็น รบกวนบอกเราหน่อย  ทำยังไงก้อไม่ได้สักที ท้อใจแล้วเนี่ย T_T

 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :sad4: :sad4: :sad4: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 7 ทานข้าวกันไหม @27-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-07-2016 16:13:03
 :3123: 
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 7 ทานข้าวกันไหม @27-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-07-2016 08:17:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 8 ความรู้สึกนี้คืออะไร @28-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 28-07-2016 08:39:57
                    ตอนที่  8  ความรู้สึกนี้คืออะไร

              ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องถามเรื่องส่วนตัวของพนักงานคนนึงด้วย เพราะตั้งแต่ทำงานมาผมไม่เคยได้ให้ความสนใจกับพนักงานคนไหนเลย เพราะคิดว่าทุกคนก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น แต่ว่าร่างโปร่งบางตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกบางอย่างในจิตใจอย่างที่ไม่อาจจะตัดทิ้งไปได้

             เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ที่ผมเห็นชายหนุ่มร่างโปร่งบางคนนึงเดินนำหน้าเด็กชายตัวอ้วนกลมตรงเข้ามาหาเราสองพ่อลูกที่โรงเรียนที่น้องฟ้าเรียนอยู่  แล้วน้องฟ้าแนะนำว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายมาใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะทำไมต้องเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลูกชายของผมด้วย  ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้ลูกมีเพื่อนหรอกนะครับ แต่ว่าเพื่อนของลูกผมก็ต้องดูก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เดี๋ยวมาชวนลูกผมเกเร ผมไม่ยอมหรอก ผมเลี้ยงของผมมา น้องฟ้าของผมออกจะเป็นเด็กที่น่ารัก และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนมาเป็นคุณพ่อจอมเข้ม

             ดูอย่างเมื่อวันก่อนสิครับ น้องฟ้าถึงกับชวนชายหนุ่มร่างโปร่งกับหลานชายไปทานข้าวเย็นพร้อมไอศกรีม ผมเลยจำใจต้องให้สองอาหลานไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย ช่วงที่อยู่ในร้านชาบูผมก็สังเกตทั้งสองคนไปด้วย ซึ่งกันตพิชย์ที่เพียงแค่นั่งทานอาหารเงียบ ๆ ข้าง ๆ เด็กชายตุลย์เท่านั้นเอง ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทานอาหารของหลานเลย ปล่อยให้หลานชายช่วยตัวเองทุกอย่าง  ทั้งการสั่งอาหาร การทานอาหาร อย่างแรกที่ผมคิดได้คือครอบครัวนี้สอนลูกหลานได้ดีอย่างยิ่ง ไม่มีการงอแงหรือร้องหาสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย  กลับกันมารยาทบนโต๊ะอาหารดีมากเสียด้วยซ้ำ  ซึ่งก็ทำให้ผมรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ

             มีบ้างที่ชายหนุ่มร่างโปร่งทำเพียงแค่หยิบทิชชู่มาเช็ดปากบางของหลานชาย แล้วยังช่วยตักอาหารบางอย่างใส่ในถ้วยของน้องฟ้าอีกด้วย ซึ่งน้องฟ้าก็ยิ้มรับพร้อมกล่าวขอบคุณให้ร่างโปร่งนั้นยิ้มตามไปด้วย รอยยิ้มที่ส่งใหน้องฟ้าดูสดใสเหมือนรอยยิ้มน้องฟ้า  ดูแล้วก็จะว่าไงดีล่ะ ก็โอเคนะ

             พอทานชาบูกันเรียบร้อย เราก็ย้ายไปที่ร้านไอศกรีมร้านโปรดของน้องฟ้า ผมสั่งเพียงแค่กาแฟมาดื่มเท่านั้น ของหวานทุกชนิดกับผมนะเหรอครับขอบอกว่าผ่านไปเลยล่ะกัน ไม่ถูกกันมาก ผมเห็นทั้งสามคนชี้กันสั่งโน่นนี่ไม่หยุด แต่มีลิมิตนะครับไม่ใช่ว่าสั่งมาแล้วทานไม่หมด ซึ่งผมจะสอนลูกประจำว่าไม่ใช่ว่าเรามีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือ แต่ก็ไม่ควรซื้อของมาทิ้งขว้าง

             ระหว่างที่เรานั่งรอไอศกรีมกันก็มีครอบครัวหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน  ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อมีเด็กชายคนหนึ่งเดินมาหยุดที่หน้าน้องฟ้าพลางยื่นดอกกุหลาบให้ลูกผม รู้สึกได้เลยว่าหน้าผมเคร่งขึ้นทันที หันไปมองหน้าเด็กน้อยตาเขม็ง ไม่อยากทำให้เด็กกลัวหรอกนะครับ แต่มันห้ามไม่ได้นี่นา ที่จะมีคนมายุ่งกับลูกชายผม

             แต่ผมยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็มีเด็กร่างอ้วนกระโดดมาขวางหน้าเด็กชายอีกคนแล้วยื่นมือไปดึงดอกไม้จากมือน้องฟ้าออก แล้วยืนจังก้าท้าวเอวประจันหน้ากัน ไม่ห่าง หึหึ ดูเหมือนว่าผมจะไม่ต้องออกโรงให้เสียผู้ใหญ่แล้วสิ จึงได้แต่มองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็นลงอีกนิด

             ส่วนชายหนุ่มอีกคนแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วมองดูหลานตัวเองออกโรงปกป้องลูกผมอย่างร่าเริง ผมก็เพียงแต่มองใบหน้าใสนั้นสลับกับหน้าแดงระเรื่อของน้องฟ้า พลางคว้าตัวน้องฟ้ามาอยู่ในอ้อมกอด ไม่ให้ใครเห็นหรอก ผมหวงนะถึงแม้ลูกผมจะเป็นผู้ชายแต่ก็น่ารักนะครับ

             เป็นผมเองแหล่ะที่สั่งให้กลับกันได้แล้วเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุศึกชิงนายน้อยขึ้นมา หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าวางไว้แล้วเดินออกสองอาหลานได้แต่มองหน้ากันงง ๆ แต่ก็วิ่งตามผมออกมาหน้าตั้งเหมือนกัน

             อย่างวันนี้ที่ต้องมาประชุมข้างนอก เมื่อกันตพิชย์ได้ยินว่าอาจจะเลิกค่ำก็ทำให้ร่างโปร่งนั้นถามอย่างเป็นกังวล ซึ่งผมก็เลยตัดสินใจบอกว่าเดี๋ยวให้คนขับรถกับพี่เลี้ยงที่บ้านไปรับเด็กชายทั้งสองคนให้กลับไปรอที่บ้าน ชายหนุ่มจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไปรับหลานค่ำมืด แต่ต้องให้ทางกันตพิชย์โทรไปบอกทางโรงเรียนก่อน   ซึ่งเมื่อยินแบบนั้นก็ทำให้ใบหน้าที่เป็นกังวลอยู่หายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับถอนหายใจอย่าง    โล่งอกออกมาทันที

            ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าเวลาที่กันต์มีเรื่องอะไรครุ่นคิดใบหน้าจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่ปิดบังอาการของตนเอง คิดอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น ทำให้ผมไม่ต้องคาดเดาว่าร่างตรงหน้าคิดอะไรอยู่ ตั้งแต่แรกที่ผมสังเกตเห็นคือร่างนี้โปร่งบางกว่าผู้ชายทั่วไป อาจจะสูงแต่บางกว่ามาก ผิวขาว ใบหน้าเนียนใส ไม่ได้ดูอ้อนแอ้น แค่ให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึงเท่านั้น
 
             แต่ด้วยการที่ต้องเลี้ยงดูเด็กชายมาจึงทำให้นิสัยที่แสดงออกไม่ได้แข็งกร้าว ออกจะอ่อนโยนด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อแสดงต่อหน้าหลานชาย

             อย่างตอนนี้ที่เรานั่งอยู่ที่ร้านอาหารผมสั่งอาหารไป 3 อย่างแล้วบอกให้ร่างตรงหน้าสั่งบ้าง อยากทานอะไรก็ทานเลยเพราะว่าต้องประชุมอีกนานพลังงานหมดแน่ เมื่ออาหารมาเสริฟพวกเราก็ลงมือทานกันอย่างเริ่งรีบเนื่องจากต้องฝ่าการจราจรเข้าไปไซท์งานในย่านกลางเมืองอีก ถ้าไปประชุมช้าเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไร
   
                 ผมเห็นเมล็ดข้าวติดอยู่ที่มุมปากของชายหนุ่ม จึงยื่นทิชชู่ให้สำหรับเช็ดแต่ทว่ามือที่ยื่นไปทำให้ร่างโปร่งชะงักถอยหน้าหนีไปทันที จนผมชักสีหน้านิดนึงอย่างไม่สบอารมณ์นัก

            “เมล็ดข้าวติดอยู่ที่มุมปาก เช็ดซะ เอ้านี่ทิชชู ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายสักหน่อย”

            “ใครจะไปรู้ล่ะครับอยู่ ๆ คุณภูก็ยื่นมือออกมาตรงหน้าผม ผมก็ตกใจนี่นา มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติเมื่อมีอะไรยื่นเข้ามาใกล้ ๆ หน้าเรา” กันตพิชย์เอ่ยตอบออกมาพลางหยิบทิชชู่จากมือผมไปเช็ดที่มุมปากที่ผมบอกแต่ว่าเช็ดยังไงกันเมล็ดข้าวถึงยังไม่หลุด

            “นี่ตรงนี้ แค่นี้ก็เช็ดไม่หลุด แล้วอย่างนี้จะดูแลหลานได้ยังไงกัน” ผมว่าพลางหยิบทิชชู่อีกแผ่นออกไปเช็ดในตำแหน่งที่ถูกต้องให้ ส่งผลให้ใบหน้านั้นเหวอไปชั่วครู่ ผมจึงชะงักหยุดคิดได้ว่าทำไมต้องเช็ดปากให้ร่างตรงหน้าด้วยจึงเก็บมือตัวเองกลับมาแล้วตั้งหน้าทานอาหารต่อไป

              “แค่เช็ดปากไม่ได้  จะมาเหมาว่าผมไม่สามารถดูแลหลานไม่ได้หรอกนะครับ” กันต์ย้อนผมออกมาเสียงค่อนข้างเหวี่ยงเลยทีเดียว ท่าทางจะเป็นคนเจ้าอารมณ์อยู่ทีเดียว หรือว่าจะเป็นเพราะผมไปท้วงเกี่ยวกับการเลี้ยงหลานชายของเจ้าตัว

             “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้หมายความว่านายดูแลหลานไม่ดี” ผมบอกขอโทษออกไป ร่างบางแค่รับคำแล้วก็ก้มหน้าทานอาหารต่อ

             “นายทานเยอะ ๆ  ตัวเล็ก ๆ อย่างนี้เพราะทานน้อยหรือไง เอานี่อาหารร้านนี้อร่อยทุกอย่าง ฉันพาน้องฟ้ามาทานประจำ น้องฟ้าชอบ” ผมเอาน้องฟ้ามากล่าวอ้าง แต่อาหารอร่อยจริง ๆ นะครับ นั่นไง ใบหน้าเนียนเงยหน้าขึ้นมามองผมแต่ตางี้ขอบอกเลยว่ายังจ้องผมตาโตอยู่เลย เคืองไรอีกล่ะเนี่ย

            “คุณภู ผมไม่ได้ตัวเล็กนะ ก็แค่โตตามมาตรฐานชายไทย ส่วนคุณภูนะ เกินมาตรฐานแล้วยังมีหน้ามาว่าคนอื่นเขาอีก”

            “โอเค ๆ ไม่เล็กก็ไม่เล็ก งั้นทานต่อกันเถอะเดี๋ยวรถจะติด เราจะช้าไปอีก” ผมกล่าวตัดบทเพราะกลัวว่าเจ้าของร่างโปร่งจะหงุดหงิดผมจนไม่ทานอะไรอีก  เห็นตอนเลี้ยงเด็ก ๆ ก็ดูอารมณ์ดี ร่าเริงไม่น่าโกรธง่ายนี่นา แต่ทำไมพอเวลาอยู่ต่อหน้าผมกลับกลายเป็นจอมเหวี่ยงไปซะได้

            แต่ที่ผมสงสัยคือตัวผมเองนี่แหล่ะ ว่าทำไมต้องไปพูดแหย่ให้ร่างโปร่งของกันตพิชย์แสดงอาการเหวี่ยงออกมาด้วย  เพราะปกติผมจะไม่พูดจาโต้ตอบคนอื่นถ้าไม่จำเป็นหรือไม่สนิท แต่นี่ผมทำเหมือนกับว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่รู้จักกันมานาน หรือผมก็อาจจะรู้สึกว่ากันตพิชย์เป็นผู้ชายที่คล้ายกับตนเองก็ได้ ต่างตรงที่อายุยังน้อยแต่กลับต้องเลี้ยงดูหลานชายด้วยตัวคนเดียวไม่มีญาติเหลืออยู่ ซึ่งผมก็เลี้ยงลูกเพียงคนเดียวเหมือนกัน

            เสียงรวบช้อนบ่งบอกว่าคนตรงหน้าอิ่มแล้ว ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองก็พบว่าชายหนุ่มยกแก้วขึ้นดื่มหลังอาหาร ผมจึงรวบช้อนบ้าง ไม่คิดว่าอาหารที่สั่งมาทั้งหมดจะถูกจัดการเรียบขนาดนี้ ปกติผมไม่ใช่คนที่ทานอะไรเยอะเท่าไร แต่นี่ร่างโปร่งกลับทานจนหมด คงไม่ได้ทานน้อยแล้วตัวแค่นี้หรอก ผิดกันทานเยอะขนาดนี้แต่กลับไม่อ้วนหรือไม่โตต่างหากแต่พูดไปไม่ได้เดี๋ยวจะโกรธอีก

            ผมเรียกพนักงานเช็คบิลเพื่อจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ร่างโปร่งของกันตพิชย์คงนั่งนิ่งอยู่สงสัยว่าอิ่มมากไปรึเปล่าทานเยอะขนาดนั้น  คงไม่ได้คิดหรอกนะว่าผมเป็นเจ้านายมีหน้าที่เลี้ยงข้าวลูกน้อง ถามกันสักคำไหมว่าผมจะเลี้ยงหรือเปล่า

             “มื้อนี้หารสองนะ เดี๋ยวหักเงินเดือน” ผมลองแกล้งถามดูสิว่าร่างโปร่งจะทำยังไง อ้าว ก็ทานด้วยกันก็ต้องหารสองสิครับ

             ใบหน้าใสหันมามองหน้าผมขวับเลย ตาขวางด้วย อะไรกันแค่ให้หารค่าข้าวเที่ยงแค่นี้เอง ถึงผมจะรวยแต่ก็ไม่ได้จะเลี้ยงใครเรื่อยนะครับ

             “นี่คุณภูครับ เลี้ยงข้าวพนักงานแค่นี้ทำเป็นงกไปได้ แล้วผมก็มาทำงานนอกสถานที่ด้วยก็ควรมีสวัสดิการให้กันบ้าง อย่างเช่น อาหารกลางวัน กาแฟดี ๆ สักแก้ว นี่อะไรกันยังจะมาให้พนักงานงานเงินเดือนน้อยหารค่าอาหารอีก” กันตพิชย์ตอบกลับมาเสียงแหวเลยครับ ทำเอาผมกัดริมฝีปากกลั้นยิ้ม เออเนอะ เพิ่งรู้ว่าการแกล้งทำให้คนบางคนโมโหนี่มันก็เป็นการสร้างความบันเทิงไม่น้อยเลย ทำไมเพิ่งจะรู้เนี่ย

             “อ้าว ก็ทานด้วยกันนี่ แล้วทำไมผมยังต้องเลี้ยงด้วยล่ะ”

             “อย่างกไปหน่อยเลยครับท่านประธานแค่นี้ไม่ทำให้คุณจนหรอกน่า ลุกไปกันได้แล้วเดี๋ยวรถติด” พูดจบร่างโปร่งก็ลุกขึ้นปล่อยให้ผมมองตาม ได้แต่ยิ้มบาง ๆ พลางคิดว่าเมื่อก่อนผมก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะพูดคุยโต้ตอบกับคนไม่สนิทกันเท่าไร แต่กับคน ๆ นี้ทำไมถึงมีความรู้สึกว่าอยากพูด อยากแกล้ง ทั้ง ๆ ที่กันตพิชย์ก็เป็นแค่พนักงานคนนึงเท่านั้น  แต่เหมือนว่ามีความรู้สึกบางอย่างมาดึงดูดผมให้เข้าหา มันคืออะไรก็ยังไม่รู้แต่ตอนนี้ผมว่าผมก็รู้สึกว่าสนุกที่มีร่างของชายหนุ่มอยู่ใกล้ ๆ



**************************************

มาสั้นกว่าเมื่อวานอีก เค้าขอโทษน้าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 8 ความรู้สึกนี้คืออะไร @28-07-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-07-2016 10:56:23
หวั่นไหวแบบไม่รู้ตัวแล้วล่ะซิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 9 เหตุเกิดที่ไซท์งาน @04-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 04-08-2016 18:48:05
             ตอนที่ 9 เหตุเกิดที่ไซท์งาน

             ขับรถฝ่าการจราจรที่ติดขัดมากว่าหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงสถานที่ก่อสร้างกัน   เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้วผมเดินไปทางสำนักงานก่อสร้างชั่วคราวที่มีไว้สำหรับพนักงานที่ทำงานประจำหน่วยงานก่อสร้าง  พนักงานที่นี่มีทั้งพนักงานของบริษัทและผู้รับเหมาที่รับงานก่อสร้าง  สำนักงานชั่วคราวในไซท์งานสร้างค่อนข้างเรียบง่ายแต่ต้องมีความปลอดภัย เนื่องจากสถานที่ก่อสร้างเป็นอะไรที่อันตรายอยู่แล้ว ผมจึงต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานที่ทำงานอยู่ประจำไซท์งานเป็นอันดับแรก




                เดินเข้าไปในสำนักงาน ผู้จัดการโครงการเดินเข้ามาพอแล้วพาผมเดินเข้าไปในห้องประชุม เหลือเวลาอีกประมาณ 20 นาทีจะถึงเวลาที่นัดประชุมภายในโครงการ




                “คุณประสิทธิ์ ผมขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุมวันนี้ด้วยนะ แล้วนี่คุณกันตพิชย์ ผู้ช่วยคนใหม่ ต่อไปนี้เดี๋ยวเขาจะเป็นคนประสานงานระหว่างโครงการกับสำนักงานใหญ่ มีอะไรก็ให้ติดต่อที่เขาก่อน” ผมเอ่ยขอเอกสารทั้งหมดของโครงการที่ต้องอ่านดูอีกรอบก่อนการประชุม




                “ครับ เดี๋ยวคุณภูรอสักครู่นะครับ ผมจะจัดการเอกสารให้แล้วจะให้พนักงานนำมาให้ที่ห้องประชุม ผมขอไปสั่งงานลูกน้องก่อนครับ” คุณประสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการบอกพร้อมขอตัวไปทำงานที่ค้างก่อนจะเข้าร่วมการประชุมในอีกครึ่ง ชม.



                “นายมานั่งข้าง ๆ จะได้ดูว่าเอกสารที่โครงการเตรียมมามีอะไรบ้าง วันนี้แค่ฟังการประชุมจดบันทึกย่อเอาไว้  รายละเอียดต่าง ๆ คงตามไปส่งที่สำนักงานใหญ่วันหลัง แต่ที่ให้เข้ามาเพื่อจะได้คุ้นเคยกับคนในหน่วยงาน เวลาประสานงานต่าง ๆ จะได้รู้ว่าควรติดต่อกับใคร”




                ผมเดินไปนั่งข้าง ๆ คุณภูดิส รอไม่ถึง 10 นาทีก็มีพนักงานเดินหอบแฟ้มเอกสารมาให้ในห้องประชุม ร่างของหญิงสาวที่ถือแฟ้มมาหยุดตรงหน้าพลางวางแฟ้มทั้งหมดลงที่หน้าท่านประธานอย่างแผ่วเบา ราวกับเกรงกลัวร่างสูงดวงตาคมเข้มเจือแววดุ จากนั้นจึงถอยออกไปจากห้องประชุมอย่างเงียบกริบ



                มือใหญ่ยื่นไปหยิบแฟ้มตรงหน้ามาเปิดอ่าน ใบหน้าคมเข้มก้มหน้าโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับผมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แม้แต่น้อย ผมไม่มีอะไรทำเลยนั่งเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น  ขนาดจะหายใจยังไม่กล้าส่งเสียงดังกลัวไปรบกวนสมาธิร่างสูง  ใบหน้านั้นดูเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่ออ่านไปได้เกือบครึ่งนึงของเอกสารภายในแฟ้ม  แล้วก็ยื่นมือไปเปิดหาเอกสารในแฟ้มอื่นมาประกอบ  เสียงเปิดแฟ้มกับพลิกหน้าสลับของเอกสารดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ 



                ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็ปิดแฟ้มเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าทั้งหมด พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กอดอกนั่งนิ่งสายตาเรียบเฉยมองไปด้านหน้าเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าผมยังนั่งอยู่ด้วย จากนั้นจึงหันมาเลื่อนแฟ้มเอกสารให้ผม พลางพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ผมอ่านเอกสารที่อยู่ภายในแฟ้มด้วย



                “เดี๋ยวอ่านเอกสารในแฟ้มคร่าว ๆ นะ อันไหนสำคัญก็จำไว้  แต่ครั้งแรกนายอาจจะไม่เข้าใจอะไรมากนัก  ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็จดไว้แล้วค่อยถามตอนกลับไปที่ออฟฟิศได้ หน้าที่ตอนประชุมก็บันทึกการประชุมไว้ กลับไปทำสรุปการประชุมครั้งนี้ ทุกเดือนต้องมาประชุมที่ไซท์งาน แต่จะหมุนเวียนกันไปตามแต่ละที่ ไม่ได้เข้ามาบ่อยแต่สลับกันไปเพื่อดูความเรียบร้อยและความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้าง” คุณภูดิส หันมาสั่งพร้อมทั้งเลื่อนกองแฟ้มเอกสารมาให้ผม ซึ่งผมมองดูแฟ้มแล้วเริ่มเปิดมาเพื่ออ่านดูก่อนจะถึงเวลาประชุม  นั่งอ่านไปเงียบ ๆ เข้าใจไม่มากแต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับเอกสารตรงหน้าอย่างเร่งรีบ




                สักพักก็มีเสียงเปิดประตูตามมาด้วยกลุ่มคนหลายสิบคนเดินมานั่งที่เก้าอี้ภายในห้องประชุม คาดว่าคงเป็นวิศวกรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโครงการทั้งหมดของที่นี่  คนทั้งหมดทำความเคารพท่านประธานแล้วนั่งลงอย่างเงียบเชียบ ผมกวาดสายตาไปตามกลุ่มวิศวกรที่นั่งอยู่ที่นี่ เลื่อนสายตาไปมาจนกระทั่งมาสะดุดกับชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าคร้ามแดดคนหนึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลเยื้องไปจากตำแหน่งที่ผมนั่งไม่กี่คนเท่านั้น



                 “ถ้าพร้อมกันแล้วก็เริ่มการประชุมได้ เริ่มจากคุณประสิทธ์ก่อนเลย” เสียงเข้มของท่านประธานเอ่ยออกมาให้เริ่มการประชุมได้ จากนั้นมาการประชุมที่ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความเคร่งเครียดท่ามกลางกลุ่มชายนับสิบคนที่ถกเถียงกันบ้าง อธิบายเหตุผลต่าง ๆ ของการก่อสร้างบ้างทำให้บรรยากาศค่อนข้างเป็นไปอย่างน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง



                 ส่วนมากหัวข้อสนทนาในที่นี้กล่าวถึงการทำงานให้ทันตามกำหนดเวลา  รายการวัสดุต่าง ๆ ที่ต้องใช้เพราะมีบางรายการที่ต้องรอวัสดุจากทางต่างประเทศ ซึ่งการเดินทางเกิดการล่าช้าเพราะว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝนการขนส่งทางเรือเป็นไปอย่างยากลำบาก รวมถึงการควบคุมสเปควัสดุให้เป็นไปตามมาตราฐานอย่าให้มีการหลุดลอดของวัสดุที่ไม่ได้คุณภาพเพราะมันหมายถึงชื่อเสียงของบริษัท



                 “คุณเพทาย งานที่สระว่ายน้ำไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ผมอยากให้เสร็จตามกำหนดเพราะการที่จะเปิดใช้อาคารตามกำหนดได้ ระบุว่าเราต้องเปิดพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสระว่ายน้ำ ฟิตเนส รวมทั้งสวนด้วย” คุณภูหันไปถามร่างสูงของวิศวกรคุมงานคนหนึ่ง และนั่นก็ทำให้สายตาผมเลื่อนไปตามสัญชาติญาณของตัวเอง ซึ่งก็เห็นชายหนุ่มที่ถูกถามหันใบหน้าหล่อเข้มมาทางคุณภู



                 “ทันครับคุณภู เพราะว่าตอนนี้ผมเร่งให้คนงานเข้ามาทำงานในส่วนนี้ให้มากกว่าเดิม แล้ววัสดุต่าง ๆ ก็เข้ามาพร้อมแล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะมีปัญหากับผู้รับเหมาบางรายเท่านั้น เพราะช่วงนี้ผู้รับเหมาเริ่มจะขาดคนงานเหมือนกัน ทางผมเลยคิดว่าจะจัดให้คนงานของทางบริษัทมาทำงานทดแทนบ้างเป็นบางส่วนเพื่อให้ทันกับวันที่กำหนดเสร็จงานของทางโครงการ” เพทายวิศวกรหนุ่มเอ่ยตอบประธานบริษัทอย่างรวดเร็ว แต่พอตอบเสร็จใบหน้าหล่อก็หันมาสบตากับผมพลางยิ้มให้ ผมเห็นดังนั้นจึงยิ้มตอบด้วยอาการดีใจ




                 “ถ้าทันก็ดีแล้ว อย่าให้เกิดความล่าช้าได้เพราะผมต้องการงานที่เสร็จทันกำหนด แต่ก็ต้องมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน” คุณภูกล่าวกลางที่ประชุม เท่ากับเป็นการกดดันการทำงานของเหล่าวิศวกรในที่นี้เป็นอย่างยิ่ง



                 “คุณภูไม่ต้องกังวลครับ ผมจะช่วยเร่งรัดให้ทันกำหนดอย่างแน่นอน” คุณประสิทธิ์กล่าวทับอีกครั้งเพื่อให้ชายหนุ่มผู้ที่เป็นประธานบริษัทไว้ใจในการทำงานของตนเองและทีมงาน



                 “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมจะเดินดูหน้างานขอให้คุณประสิทธิ์จัดคนไปกับผมด้วยสัก 3-4 คนก็พอ ขอคนที่รับผิดชอบแล้วก็รู้เรื่องต่าง ๆ ครอบคลุมพอที่จะอธิบายเรื่องต่าง ๆ ที่ผมสงสัยได้” เสียงเข้มดังขึ้นพลางขยับลุกจากเก้าอี้ ทำให้ทุกคนในห้องประชุมต้องลุกตามอย่างพร้อมกัน



                 “เดี๋ยวผมให้เพทายไปกับคุณภูครับ  เพราะงานส่วนมากเพทายรับผิดชอบเกือบทั้งหมด”



                 คุณภูเดินนำหน้าไปทางประตูที่เปิดรอโดยผม  มีพนักงานยื่นหมวกนิรภัยสำหรับเดินหน้างานเพื่อความปลอดภัยให้คุณภูกับผมคนละใบ ส่วนวิศวกรคนอื่น ๆ มีเป็นของตัวเองอยู่แล้ว



                 สำนักงานก่อสร้างส่วนออฟฟิศ สร้างแยกมาจากตึกโครงการ เพราะความสะดวกและปลอดภัย แต่ก็ยังอยู่ภายในโครงการ ซึ่งเราใช้เวลาเดินไม่นานตึกนี้สร้างเสร็จไปแล้วกว่า 80% ซึ่งมีกำหนดเปิดขายกลางปีหน้า ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ปีเดียวเท่านั้นในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมถึงการเก็บรายละเอียดงานให้ครบถ้วนด้วย



                 วิศวกรที่ทำหน้าที่เดินตรวจงานภายในตึก เดินนำหน้าคุณภูไปด้านใน เริ่มจากห้องพักตัวอย่างที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งแต่ละห้องจะมีรูปแบบต่างกัน  ซึ่งราคาห้องพักเหล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง ซึ่งที่นี่จัดว่าเป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมของเมืองไทย เพราะต่างอยู่ใจกลางเมืองแล้วยังมีวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ทำให้ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี



                 ห้องแรกที่เดินมาตรวจเป็นห้องตัวอย่างของห้องพักที่มีเยอะที่สุด เพราะเป็นราคาเริ่มต้นของที่นี่ เปิดประตูเข้าไปจะพบกับโถงลิฟท์ซึ่งเป็นลิฟท์ส่วนตัวของทุกห้อง มีประตูอีกบานเพื่อกั้นตัวลิฟท์ ห้องแรกที่เจอจะเป็นห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ด้านซ้ายมือจะเป็นมุมของเคาร์เตอร์ครัว มีโต๊ะอาหารสำหรับ 4 ที่ตั้งอยู่ กลางห้องเป็นโซฟาเข้าชุดกันพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มองเห็นประตูเลื่อนหนี่งบาน ถ้าเปิดออกไปจะเจอกับระเบียงเล็ก ๆ สำหรับชมวิวได้



                  วิศวกรที่นำตรวจรายงานเกี่ยวกับรายละเอียดของการตรวจรับห้องว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งผมก็เห็นคุณภูมองอย่างเก็บรายละเอียด สายตาคมกวาดไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีอะไรผิดพลาดไปหรือไม่




                  “ผมขอดูแบบห้องนี้หน่อย นี่คือห้องที่ราคาเริ่มต้นของเราใช่ไหม” คุณภูหันไปขอแบบแปลนห้องพร้องกับส่งคำถามให้กับวิศวกร



                  “ครับนี่เป็นห้องขนาด 45 ตร.ม. ห้องตัวอย่างนี้เราเสร็จหมดทุก Type แล้ว แต่ห้องที่ลูกค้าจองมีบ้างที่เหลือการเก็บรายละเอียดบ้างนิดหน่อย แต่คาดว่าคงทันให้ลูกค้าเข้าตรวจรับห้องครับ” ร่างสูงอีกร่างอธิบายให้คุณภูดิสฟัง



                  “เดี๋ยวเดินดูให้ครบทุกห้องก่อน ถ้าอย่างนั้นขอแบบทุกห้องมาเลยแล้วกันผมจะเดินดูไปด้วยจะได้ไม่เสียเวลา” วิศวกรประจำโครงการส่งแบบทั้งหมดให้กับคุณภู ซึ่งก็รับมาแล้วเปิดดูรายละเอียดต่าง ๆ




                  “ขออีกชุดให้เลขาผมด้วย เขาจะได้ศึกษาดูงานทางนี้เอาไว้”



                  ร่างสูงของวิศวกรหนุ่มยื่นแบบอีกชุดให้ผมพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งผมก็ยิ้มตอบไปพร้อมยื่นมือไปรับแบบมาดู เปิดดูคร่าว ๆ ก็พบว่าแบบไม่ได้ยากเกินไปกว่าที่ผมจะทำความเข้าใจนัก เพราะมันเป็นแบบที่เสร็จแล้ว และระบุว่าอะไรอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นแบบที่ใช้สำหรับก่อสร้างผมว่าผมคงต้องทำหน้ามึนงงอีกนานกว่าจะเข้าใจแน่นอน



                   คุณภูเดินนำหน้าไปเปิดดูห้องต่าง ๆ มองรอบด้านหาจุดที่งานไม่เรียบร้อย พวกเราก็ได้แต่เดินตามไปห่าง ๆ ผมได้แต่มองไปรอบ ๆ ภายในห้องมีทุกอย่างครบสมกับเป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมจริง ๆ ใช้เวลาเดินตรวจห้องตัวอย่าง ก็เกือบหนึ่งชั่วโมง



                   “เดี๋ยวคุณพาผมไปดูห้องที่ลูกค้าจองไว้หน่อย ผมอยากทราบความคืบหน้าจะได้เอามาเปรียบเทียบกับห้องตัวอย่างว่าได้มาตรฐานตามนี้หรือเปล่า ไม่อยากให้ห้องตัวอย่างที่สร้างออกมาดูเรียบร้อย แต่ห้องที่ลูกค้าต้องตรวจงานคุณภาพไม่ทัดเทียมกัน จะเสียชื่อเสียงเปล่าๆ” คุณภูเอ่ยบอกให้วิศวกรนำไปยังห้องที่ยังไม่เสร็จ ทางด้านวิศวกรก็ออกเดินนำหน้าไปที่ลิฟท์ พร้อมกดขึ้นไปชั้น 44 ทันที



                  ห้องที่อยู่ชั้นนี้เป็นห้องที่เรียกว่าดูเพล็กซ์ ซึ่งเป็นห้องที่มี 2 ชั้น ตามทางเดินยังเต็มไปด้วยวัสดุต่าง ๆ ช่างกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น  ต่างพอเห็นคุณภูก็ทำความเคารพกันไปตามระเบียบ ไม่นึกว่าท่านประธานจะมาเดินตรวจงานในพื้นที่ทำงานอย่างนี้



                  ร่างสูงของคุณภูเดินดูรอบ ๆ เหมือนอย่างเคย บางตำแหน่งที่งานยังไม่เรียบร้อยคุณภูก็ให้คำแนะนำไปว่าควรจัดการอย่างไรงานที่ออกมาถึงจะดี ผมก็เดินตามไปอย่างเคย สายตาก็มองไปรอบ ๆ เพราะว่าเนื่องด้วยผมไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน ความระมัดระวังในการเดินอยู่ในพื้นที่ทำงานที่มีสิ่งกีดขวางทางเดินมากมายอย่างนี้เลยไม่ได้นึกถึงว่าต้องใช้ความระมัดระวังและสกิลในการเดินแม้แต่น้อย นั่นก็ทำให้ปลายเท้าไปสะดุดเอากับปลายเหล็กที่โผล่ออกมาจากพื้น ทำให้ผมเสียหลัก ตอนนี้นึกได้ก็สายไปเสียแล้วคาดกว่าต้องล้มหน้าคะมำแน่ เตรียมใจหลับตารับการกระแทกพื้นอย่างเสียไม่ได้



                 แต่พอผ่านไปได้สักเสี้ยวนาทีเมื่อรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ล้มลงจึงค่อย ๆ ลืมตามองรับรู้ได้ถึงอ้อมแขนของใครบางคนมาโอบรัดรอบเอวเอาไว้ หันไปด้านหลังก็พบกับใบหน้าของวิศวกรหนุ่มประจำโครงการยิ้มส่งมาให้



                 “ระวังหน่อยสิ  ที่ไซท์งานก่อสร้างนะไม่ได้ห้างจะได้มาเดินเอ้อระเหยโดยที่ไม่มองพื้นน่ะ” เสียงเข้มดุส่งออกมาจากปากได้รูป



                 “ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวังเลยไม่รู้ว่าตรงนี้มีเหล็กโผล่ออกมา ดีนะที่พี่ทายรับไว้ได้ทันไม่งั้นผมโหม่งโลก หน้าแหกแน่เลย ฮ่าๆๆๆ”




                  “ยังจะมามีหน้าหัวเราะอีก ถ้าล้มลงไปนะอันตรายขนาดไหนรู้หรือเปล่า อาจจะโดนเหล็กหรือเศษอะไรบาดหรือทิ่มเข้าไปได้นะ” ยังครับยัง ยังไม่หยุดส่งเสียงเขียวมาดุผมอีก




                 “เฮ้อ เราก็เป็นซะแบบนี้ตลอดแหล่ะ อะไรก็ทำเป็นเล่นไปหมด หัดจริงจังกับอะไรเหมือนกับคนอื่นเขาบ้างสิ  เอ้า ...เดินดี ๆ ได้แล้วใช่ไหม ต่อไปก็อย่าซุ่มซ่ามอีกล่ะ




                 “งั้นพี่ทายก็ปล่อยมือจากเอวกันต์ได้แล้วมั้ง เนี่ยไม่ล้มแล้วล่ะน่า ไม่ต้องห่วง ต่อไปจะเดินระวังครับผม ไม่มีให้ต้องมารับไว้อีกแน่นอน” ผมยิ้มส่งให้พร้อมกับเอ่ยแหย่คนร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาไปด้วย พออ้อมแขนนั้นคลายออก มือใหญ่ก็ยกขึ้นมาขยี้ผมเสียแรง พร้อมหัวเราะเหมือนกับดีใจที่ได้แกล้งผม



                 “อื้อ ~~~ อย่าขยี้ผมกันต์สิ เนี่ยเสียทรงหมดแล้ว  แล้วมือนั่นนะสะอาดหรือเปล่าเหอะมาจับผมคนอื่น” ผมยกมือขึ้นปัดมือใหญ่เป็นพันวันไม่ให้มือนั้นแกล้งผมได้อีก



                  ไม่รู้หรอกว่านานไหมแต่รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่ามีพลังงานอะไรบางอย่างพุ่งตรงมาทางผมกับร่างสูงทำให้เราทั้งคู่ค่อย ๆ หันไปทางที่คาดว่ามีสายตาจับจ้องอยู่ เมื่อหันไปจึงพบกับตาดุเข้ม ส่งสายตามาอย่างเคร่งขรึม ใบหน้านั้นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด



                  “เอ่อ... เมื่อกี้ผมสะดุดเหล็กที่โผล่ออกมา จนเกือบจะล้มแล้วพี่ทาย  เอ้อ คุณเพทายเขามารับไว้ได้ทันเลยไม่ได้ล้มลงกับพื้นนะครับคุณภู” ผมหันไปอธิบายเสียงอ่อย ๆ ยอมรับว่าเป็นความซุ่มซ่ามของตัวเอง



                 “ทีหลังก็ระวังหน่อย ไซท์ก่อสร้างอันตราย ของก็วางไม่เรียบร้อยเพราะต้องทำงานแต่คนที่ทำงานก็ต้องระมัดระวังบ้าง อย่าวางเกะกะมาก” เสียงเข้มดุอีกคน แต่คนนี้ดุทั้งหน้า ดุทั้งตา รวมดุทั้งเสียงมาครบ ไอ้ผมเลยได้แต่รับคำเสียงอ่อยว่าต่อไปจะระวังให้มาก  แต่ท้ายประโยคสร้างความสงสัยว่าคงจะดุวิศวกรคุมงานแน่เลย เพราะทางร่างสูงอีกคนก็รับคำพร้อมขอโทษไปในตัว



                 “นี่เดินแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้น  ถ้าเดินต่อให้ครบทุกห้องเนี่ยไม่โดนเหล็กทิ่มตัวไปเลยเหรอ” ยังไม่เลิกอีก ผมจึงได้แต่หันขวับไปส่งตาขวางไปให้ พลางคิดในใจดุรอบเดียวก็พอแล้ว จะดุอะไรหนักหนา เข้าใจหรอกน่า



                 “ครับ ๆ ผมจะระวังอย่างมากไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วครับ ท่านประธาน” ผมโต้กลับคุณภูไป ซึ่งก็ทำให้ใบหน้าของวิศวกรหนุ่ม หันมามองหน้าผมพร้อมขมวดคิ้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา



                 “ไปเดินดูงานต่อได้แล้ว เดี๋ยวจะกลับมืดค่ำกว่านี้ นี่ก็เริ่มมืดแล้ว” จบประโยคนั้นก็หันหลังกลับเดินนำหน้าไปดูงานที่เหลือทันที ทิ้งผมกับอีกคนหันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามร่างสูงไป  ใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง การเดินดูหน้างานของคุณภูก็เสร็จเรียบร้อย จุดไหนที่ไม่เรียบร้อยก็จะมีการติและคำแนะนำให้แก้ไข ทางวิศวกรก็รับคำพร้อมจดรายละเอียดที่สั่งให้แก้ไข




                   ร่างสูงเดินมาที่สำนักงานออฟฟิศชั่วคราว ถอดหมวกนิรภัยยื่นให้ผม ซึ่งผมก็รับมาถือไว้แล้วส่งต่อให้กับพนักงานที่เข้ามารับพร้อมกับน้ำดื่มสองแก้ว ผมเอื้อมมือไปรับมาแล้วก็ยื่นให้ร่างสูงของคุณภู  คุณภูคุยงานกับผู้จัดการโครงการอีกนิดหน่อยก็ได้เวลากลับเพราะตอนนี้ฟ้ามืดลงไปแล้ว คุณภูเดินนำหน้าไปทางรถที่จอดอยู่



                 “เอ่อ คุณภูครับ ผมขอเวลาสัก 5 นาทีนะครับเดี๋ยวมาแป๊บเดียว” ว่าจบก็รีบวิ่งกลับไปทางสำนักงานไม่รอคำตอบจากร่างสูงตรงหน้าว่าจะอนุญาตหรือไม่



                 ผมรีบวิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูสำนักงานเข้าไป พนักงานในนั้นต่างหันมามองหน้าผมกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ร่างสูงของวิศวกรประจำโครงการ ซึ่งพอเห็นว่าเป็นผม ร่างนั้นก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง



                  “พี่นึกว่ากันต์จะกลับเลยไม่นึกว่าจะวิ่งกลับมาอีก” เสียงทุ้มบอกออกมา พลางเดินนำหน้าผมออกมาจากสำนักงานเพื่อคุยกันด้านนอก



                 “ก็ว่าจะกลับแต่กันตัยังไม่ได้คุยกับพี่ทายเลย นี่ว่าจะมาขอเบอร์ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับ พอดีคุณภูท่านรออยู่ด้วย เดี๋ยวจะโกรธเพราะว่าผมบอกให้รอก่อน” ผมยิ้มให้แล้วรีบบอกธุระออกมา  ร่างสูงนั้นก็บอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ให้ผมได้รับรู้ ผมรีบกดบันทึกลงในเครื่องพร้อมทั้งโทรออกไปให้อีกเครื่องในมือของร่างสูงดังขึ้น มือใหญ่ยกมือถือขึ้นมาแกว่งเบา ๆ ประมาณว่าได้เบอร์ของผมมาแล้ว




                 “งั้นผมไปก่อนนะครับ พี่ทายเดี๋ยวโทรหา ไปล่ะ สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ร่างสูง ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปยังรถที่คุณภูจอดรออยู่



                  เมื่อวิ่งไปถึงรถก็เปิดประตูเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดเป็นสัญญาณว่าพร้อมจะกลับกันได้แล้ว ใบหน้าหล่อเข้มของสารถีหันมามองหน้าผมแว่ปหนึ่งแล้วหันกลับไปขับรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน  ผมรู้สึกไปเองไหมว่าใบหน้านั้นเคร่งขรึมขึ้นกว่าเมื่อตอนขามาอีก แต่คงเป็นเพราะว่าผมทิ้งให้อีกฝ่ายรอละมั้ง  ก็ให้รอไม่นานเองนะ ผมรีบวิ่งไปรีบวิ่งมาออกขนาดนี้ไม่น่าจะอารมณ์เสียนี่นา




                 ในรถเงียบมาก เงียบขนาดที่ว่าผมยังไม่กล้าหายใจแรงเลยล่ะครับ รถที่ร่างสูงขับก็รู้สึกว่าความเร็วมันเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ ผมได้แต่นั่งเอามือเกาะเข็มขัดไว้แน่น เม้มปากแต่ไม่กล้าจะหันไปบอกให้ร่างสูงชะลอความเร็ว รีบกลับบ้านไปหาลูกชายมั้ง ผมก็รีบนะแต่ยังไม่ต้องรีบมากขนาดนี้ก็ได้




                 ใช้เวลาบนท้องถนนประมาณ หนึ่งชั่วโมงรถยนต์คันงามที่มีประธานบริษัทสุดหล่อก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่กลางกรุง เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วร่างสูงก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ผมเลยได้แต่เดินตามไปพร้อมถอนหายใจออกอย่างโล่งอก เดินเข้าไปก็พบร่างน้อยของเด็กสองคนนั่งเล่นอยู่หน้าทีวี ผมเดินเข้าไปหาร่างอ้วนพร้อมยิ้มให้น้องฟ้าเมื่อน้องฟ้าหันมายกมือไหว้ผม



                 “สวัสดีครับน้องฟ้า ตุลย์ดื้อไหมครับวันนี้ พอดีน้ากันต์ไปทำงานกับคุณพ่อของน้องฟ้านะครับเลยกลับมาดึก ต้องฝากตุลย์ไว้ที่บ้านน้องฟ้าอย่างนี้”



                 “สวัสดีครับ น้ากันต์  ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะว่าฟ้าจะได้มีเพื่อนเล่นตอนเลิกเรียน เพราะทุกทีฟ้ากลับบ้านก็ไม่มีเพื่อนเล่นด้วยสักคน มีแต่พี่พลอยคนเดียวเบื่อจะแย่” ร่างเล็กใบหน้าเรียวเล็ก ริมฝีปากแดงบอกพร้อมทำหน้ายู่ว่าเบื่อจริง ๆ  ผมยกยิ้มให้กับรอยยิ้มน่ารักนั้น




                 “น้ากันต์ตุลย์ไม่ดื้อหรอก นี่ทำการบ้านกันเสร็จแล้วด้วย ข้าวเย็นก็ทานกันแล้ว แต่ว่าตุลย์อยากนอนกับน้องฟ้า น้ากันต์ให้ตุลย์นอนที่นี่นะ ได้ป่ะ” หมูอ้วนตุลย์เดิมมาจับมือผมเขย่าไปมาพร้อมเงยหน้ากลม ๆ ทำตาปริบ ๆ อ้อนผม ผมก็ก้มลงมามอง ไอ้อ้วนผมทำท่าทางแบบนี้สงสัยคิดว่าตัวเองน่ารักละสิ จำขำก็ขำไม่ออกได้แต่นั่งกัดปากตัวเองเบา ๆ




                  “ไม่ได้หรอกครับ เรารบกวนบ้านพ่อน้องฟ้าเรื่องที่ไปรับตุลย์แล้ว ต้องกลับบ้านครับ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธไอ้อ้วนของผม ซึ่งเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธของผมไปใบหน้าอ้วนก็ทำปากคว่ำทันที



                 ยังไม่ทันจะคุยอะไรกันอีก ร่างสูงที่เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ลงมานั่งข้าง ๆ น้องฟ้า  แล้วหันไปถามน้องฟ้าเบาๆ




                 “น้องฟ้าทานข้าวเย็นหรือยังครับ” เสียงอ่อนเชียวนะคุณภู



                 “ฟ้าทานแล้วครับคุณพ่อ ทานกับตุลย์วันนี้มีของโปรดคุณพ่อด้วยนะครับ” ร่างเล็กหันไปกอดแขนคุณพ่อรูปหล่อเงยหน้าถามอย่างน่ารัก



                 “อืม ทานเลยก็ได้เดี๋ยวจะดึก น้องฟ้าจะได้ขึ้นนอน นอนดึกมันไม่ดีต่อเด็ก นายก็มาทานด้วยกัน กับข้าวเหลือพออยู่เพราะยังไงตุลย์ก็ทานไปแล้วจะได้ไม่ต้องไปหาทานให้เสียเวลาอีก” เมื่อคุยกับลูกชายเสร็จก็หันมาสั่งผมให้ทานข้าวด้วยกันเสียเลย ผมจะปฏิเสธทำไมล่ะครับ ของฟรีแถมยังไม่ต้องเหนื่อยแรงทำเองอีก คำตอบก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าทานสิครับ



                 จบมื้ออาหารค่ำที่บ้านคุณภูผมกับตุยล์ก็ขอตัวกลับบ้านเราทันทีเพราะนี่ก็เริ่มดึกแล้ว เหนื่อยมากด้วยอยากอาบน้ำนอนแล้วเดินมากกว่าทุกวันอีกสงสัยพรุ่งนี้ปวดขาแน่นอนเลย




                 ผมเดินจูงมืออวบ ๆ ของตุลย์กลับบ้านหลังเล็กของเราที่อยู่ข้าง ๆ บ้านหลังใหญ่ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย มืออวบกระตุกมือผมเบา ๆ




                 “น้ากันต์  ตุลย์ว่าเราต้องเริ่มแผนการจีบน้องฟ้าได้แล้วนะ วันนี้มีเด็กข้างห้องมาแอบมองน้องฟ้าด้วยล่ะ ตุลย์จะได้รีบเป็นแฟนน้องฟ้า แล้วจะได้รีบกันพวกมดปลวกที่จะมาจีบน้องฟ้าให้พ้น ๆ เสียที รำคราญจะแย่” เสียงเล็กออกมาจากปากเด็กอ้วนเสียงเข้มเชียวครับ



                “หือ~~~ มีคนมาจีบน้องฟ้า ตุลย์รู้ได้ยังไง เขาอาจจะแค่มาหาเพื่อนที่เขารู้จักในห้องตุลย์ก็ได้นี่นา” ผมเอ่ยถามพร้อมก้มลงไปมอง สบตากับร่างเล็ก ๆ ที่มองมาที่ผม



                 “รู้สิ มันออกมาจากสายตาเด็กคนนั้นเลยนะน้ากันต์ แถมเด็กนั่นยังเดินเข้ามาแล้วเอาขนมมาให้น้องฟ้าด้วย อย่างนี้ไม่เรียกว่าจีบจะเรียกว่าอะไร ตุลย์ไม่ยอมหรอกนะ บอกไว้ก่อนเลย น้องฟ้าของตุลย์คนเดียวเท่านั้น ใครหรือคนอื่นอย่าคิดมาแย่งเชียวไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ตุลย์คนนี้ไม่เตือน” เด็กอ้วนของผมเอ่ยออกมา ทำเสียงเข้มเชียว



                  “ครับ ๆน้ากันย์รู้แล้ว เดี๋ยวจะช่วยให้หลานชายสุดหล่อของน้าสมหวังในความรักให้ได้เลย น้ากันต์เอาหน้าหล่อ ๆ ของน้ากันต์เป็นประกันเลย” ผมเลยตอยกลับด้วยสำเสียงร่าเริ่ง ให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย




                  แค่นั้นแหล่ะ ใบหน้ากลมตาโต ยิ้มตอบจนตาหยีมาเลยทีเดียว ซึ่งผมก็คิดว่าจะหาแผนอะไรที่จะทำให้หลานชายสุดที่รักคนนี้สมหวัง ให้คว้าใจน้องฟ้ามาให้ได้  เราเดินกลับบ้านกันอย่างมีความสุขทั้งน้าหลาน ผมชอบนะบรรยากาศแบบนี้มันอบอุ่น ถึงแม้ว่าพี่สาวและพี่เขยจะไม่ได้อยู่กับเราก็ตาม เราจะมีความสุขเผื่อคนทั้งสองที่เฝ้ามองเราจากบนฟ้าให้ได้เลยผมสัญญา

 

 

**********************************************************************************



มาเงียบ ๆ แอบดูอยู่ทุกวันแต่เพิ่งเขียนจบ หอที่ย้ายมาก็ยังไม่ได้จัดของเลยค่ะ

ของยังอยู่ในกล่องเหมือนเดิมต้องรอวันหยุดถึงจะได้รื้อออกมา

จะรีบมาลงตอนต่อไปนะคะ สัญญา ^_^
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 9 เหตุเกิดที่ไซท์งาน @04-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-08-2016 21:46:25
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 9 เหตุเกิดที่ไซท์งาน @04-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 05-08-2016 00:04:07
คุณพ่อน้องฟ้า
เริ่มหึงแล้ว

 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 9 เหตุเกิดที่ไซท์งาน @04-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-08-2016 03:51:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 9 เหตุเกิดที่ไซท์งาน @04-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-08-2016 08:23:30
พี่ทายกับกันต์มีความรู้สึกอะไรให้กันอยู่รึเปล่า มาเฉลยให้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 10 ขุดหลุมรักวันแรก @13-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 13-08-2016 11:21:20

                เช้าวันนี้ผมโดนเจ้าตัวอ้วนปลุกแต่เช้า ถามว่าทำไมนะเหรอครับ เจ้าตัวเขาบอกว่าวันนี้เราต้องเริ่มแผนการกันได้แล้ว ช้ากว่านี้จะไม่ทันการณ์ ดังนั้นผมจึงต้องลืมตาตื่นมาตอนตี 5!!!! ฟังไม่ผิดหรอกครับตี 5 โรงเรียนก็อยู่ใกล้บ้านแค่นี้เองทุกครั้งตื่น 6 โมงก็ยังทัน แต่นี่มันเช้าเกินไหมคุณหลาน

                เมื่อปลุกให้ผมตื่นมาได้แล้วเจ้าตัวก็วิ่งออกไปจากห้องผมคาดว่าจะวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว ส่วนผมนะเหรอครับในเมื่อตัวป่วนมาปลุกก็ต้องตื่น  จึงได้แต่ลุกไปล้างหน้าเพื่อลงไปทำอาหารเช้าให้ไอ้อ้วน  ออกมาจากห้องได้ยินเสียงฮัมเพลงเบา ๆ ออกมาจากห้องนอนเล็กได้แต่เดินไปเปิดประตูดูว่าหลานชายกำลังทำอะไร

                เดินเข้าไปในห้องนอนมองไม่เห็นเจ้าของห้องคาดว่าน่าจะอาบน้ำอยู่เลย เดินเข้าไปทางห้องน้ำที่เปิดประตูไว้ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ร่างอ้วนกลม กำลังยืนเอามือท้าวเอวแอ่นพุงใส่กระจก บิดซ้ายบิดขวาราวกับสำรวจร่างกายตัวเอง พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

                “ตุลย์ ทำอะไร แล้วนี่ยืนส่องกระจกสำรวจตัวเองว่าหุ่นดีอยู่รึไง” ผมเอ่ยทักออกไป เจ้าตัวสะดุ้งน้อย ๆ หันมายิ้มแฉ่งให้ผม

                “น้ากันต์  ๆ ว่าตุยล์หล่อป่ะ หุ่นดีป่ะ อย่างนี้ไปสู้กับเด็กคนอื่นได้ป่ะ แต่ตุลย์ว่าตุลย์หล่อกว่าเยอะเลย เนอะน้ากันต์เนอะ” เออวุ้ย พูดเองเออเองก็ได้หลานใครฟร๊ะ

                “ครับ ๆ ตุลย์หล่อที่สุดล่ะ ใครจะมากล้าสู้หลานชายสุดหล่อของน้าได้กันเนอะ” เอากะเขาหน่อย อวยไปซะเดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เข้าข้างเจ้าตัว

                “ว่าแต่ว่าทำไมตุลย์ถึงตืนมาแต่เช้าล่ะ ทุกทีต้องให้น้าไปปลุกนี่ถึงจะลุกได้”

                “ก็เมื่อวานน้ากันต์ไม่ได้ขับรถกลับบ้านนี่ แล้ว.....” อ้าว แล้วทำไมไม่พูดต่อให้จบ ต้องมาทำตาเล็กตาน้อยใส่ด้วยล่ะ

                “แล้ว.....เราก็ต้องหาทางไปโรงเรียนกับไปทำงานเองนะสิ แล้วน้ากันต์คิดดูดี ๆ นะ น้องฟ้าอยู่โรงเรียนเดียวกับตุลย์  ส่วนน้ากันต์ก็ทำงานที่เดียวกับพ่อน้องฟ้า แล้วทีนี้เราต้องทำยังไงกันล่ะ คิดสิคิด” อ่าฮะ เริ่มคิดออกล่ะ ว่าเราจะไปโรงเรียนกับไปทำงานกันยังไง

                “แล้วทีนี้เราต้องทำยังไงก็ได้ให้เราได้ติดรถคุณพ่อน้องฟ้าไปให้ได้นะเหรอ” ผมเฉลยความคิดต่อให้ไอ้อ้วนจนจบ

                “ปิ๊งป่อง ๆ ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ”

                “อ้อเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าคิดเองได้ก็น่าจะไม่ต้องให้น้ากันต์ช่วยแผนอย่างอื่นแล้วมั้งเนี่ย โอเคงั้นไปอาบน้ำได้แล้วจะได้แต่งตัว เดี๋ยวน้าจะลงไปทำอาหารเช้าก่อน”

                ผมว่าหลานผมไม่ต้องใช้ให้ผมคิดแผนอะไรหรอกครับในเมื่อเจ้าตัวออกจะสมองแล่นขนาดนี้ นี่ผมยังลืมเลยนะว่าเมื่อวานตัวเองกลับมากับคุณภู ไม่ได้คิดถึงเลยว่าเช้าวันนี้จะไปส่งตุลย์และไปทำงานยังไง คงจินึกได้ว่าไม่มีรถก็ต่อเมื่อออกไปที่โรงรถแล้วไม่เจอรถนั่นแหล่ะ คงรู้สึกตัวว่าต้องอาศํยแท็กซี่แน่นอน นี่ดีนะที่ไอ้อ้วนคิดได้ รึผมจะโง่กว่าหลานชาย

                เมื่อเราทั้งน้าหลานเตรียมความพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มายืนแอบอยู่หน้าประตูบ้านของเรา โดยที่ผมและตุลย์ได้แต่ชะเง้อมองไปยังบ้านข้างเคียงที่หลังใหญ่ยังกับวัง ได้แต่มองความเคลื่อนไหวภายในบ้านหลังนั้นว่าเมื่อไรสองพ่อลูกตระกูลอุตมโภคิน เดินออกมาที่รถเพื่อออกจากบ้านเราสองคนน้าหลานก็ทำต้องรีบเดินออกมาจากบ้านทันที

                ยืนรออยู่จนไอ้อ้วนเริ่มกระสับกระส่าย คงเมื่อยล่ะ จากนั้นจึงนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นเอาศอกวางบนเข้าท้าวแขนขึ้นเพื่อใช้มือรองรับใบหน้ากลมกิ๊ก พร้อมทำปากยู่ สงสัยเมื่อยแน่ ๆ

                “รอเดี๋ยวคงออกมากันแล้ว เป็นยังไงล่ะ เจ้าแผนการดีนักอยากไปพร้อมน้องฟ้า ต้องมายืนรอ นั่งรอเมื่อยป่ะล่ะทีนี้ไอ้อ้วน” ผมก้มลงไปมอง เอ่ยแซวตุลย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ใบหน้านั้นเงยหน้า มามองผม

                 ผมมองไปทางบ้านนั้นอีกครั้ง คราวนี้มีร่างเล็ก ๆ เดินนำหน้าร่างสูงออกมา ผมเลยได้แต่ถอนใจอย่างโล่งอก ออกมากันได้เสียทีถ้ายังไม่ออกมาอีกนะจะไปกดออดหน้าบ้านแล้วขอไปด้วยแล้วล่ะ เมื่อยจะตายแล้วโว้ย

               “ตุลย์ ลุกได้แล้วบ้านนั้นออกมากันแล้ว ไปเดินไปดีกว่า” ผมก้มลงไปฉุดร่างอ้วนขึ้นมา แต่เหมือนจะมีแรงฮึดนะ ไม่ต้องให้ผมออกแรง ก็ลุกมาปัดกางกางตัวเองเบาๆ แล้วคว้ามือผมลากเดินออกไปทันที แต่เราเดินกันไม่เร็วนักหรอก ก็จะรีบเดินทำไมละครับเดี๋ยวก็ได้ขึ้นรถแล้ว ค่อยๆ เดินก็ได้ไม่เหนื่อยด้วย

               เดินไปได้สักไม่เกิน 100 เมตรหรอกได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากด้านหลัง ผมกับเจ้าอ้วนทำทีเป็นหันไปมอง แล้วหันหยุดเดิน รถยนต์คันหรูก็จอดลงข้าง ๆ พร้อมกับกระจกด้านข้างคนขับก็ลดลงใบหน้าน่ารักเผยรอยยิ้มออกมาแล้วกวักมือเรียกให้ผมกับตุลย์เข้าไปหา

               “น้ากันต์ครับ ตุลย์ไปโรงเรียนด้วยกันไหม แล้วรถไปไหนครับ” เสียงเล็ก ๆ ดังออกจากปากสีชมพูน้อยๆ พลางกวักมือเรียกหยิก ๆ

               “รถอยู่ที่ทำงานครับเมื่อวานน้ากันต์ติดรถคุณพ่อน้องฟ้ากลับบ้านไง จำไม่ได้เหรอวันนี้เลยต้องเดินไปหาแท็กซี่หน้าหมู่บ้านขึ้นไปทำงาน”  ผมตอบคำถามร่างเล็ก ๆ นั้นแล้วมองเลยคนลูกไปดูหน้าคนพ่อ แต่มองไปก็เท่านั้นแหล่ะครับ หน้านิ่งอย่างกับพระอิฐพระปูนอย่างนั้น

               “งั้นก็ขึ้นรถมาเดี๋ยวฉันจะไปส่งน้องฟ้าอยู่แล้ว  เพิ่มนายกับหลานอีกคนก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง รีบขึ้นมาได้แล้วจะได้รีบไปกันเดี๋ยวสาย” เสียงทุ้มเอ่ยเร่งให้ผมกับตุลย์ขึ้นรถไปด้วยกัน

              “ใช่ๆ เร็วสิครับน้ากันต์ ตุลย์ด้วย ขึ้นมาเลย”

                ผมกำลังจะเปิดประตูหลังขึ้นไปนั่ง น้องฟ้าก็ปีนเอาตัวเองจากเบาะหน้าไปนั่งยิ้มแป้นอยู่ที่เบาะหลังเรียบร้อยแล้ว อ้าวแล้วผมทำไงละ มือที่กำลังจะเปิดประตูหลังก็ชะงักตามไปด้วย แต่ก็เปิดเพื่อให้ตุยล์เข้าไปนั่งเป็นเพื่อนน้องฟ้า เมื่อตลย์นั่งเรียบร้อยแล้วผมก็ปิดประตูหลัง แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูหน้าเพื่อขึ้นไปนั่งข้างคนขับรถกิติมศักดิ์ร่างสูง หน้าเข้ม

               “ทั้งสองคนคาดเข็มขัดกันด้วยนะครับ” คาดเข็มขัดให้ตัวเองเรียบร้อยก็หันไปบอกเด็กทั้งสองคนด้านหลังให้คาดด้วยเพื่อความปลอดภัย  ทั้งน้องฟ้าและตุลย์ก็หันไปคว้าเอาเข็มขัดมาคาดไว้ตามคำที่ผมบอก ไม่ได้หรอกครับเราต้องทำให้เด็ก ๆ ชินกับการนั่งรถแล้วต้องคาดเข็มขัดทุกครั้ง

               ดังนั้นพอทั้งสองนั่งได้ที่เรียบร้อยก็คุยกันแล้ว ผมเลยได้แต่หันไปมองด้านหน้า ไม่อยากมองหรอกครับด้านข้างเสียสายตา คนอะไรเงียบได้เงียบดี ทีเมื่อวานยังพูดประชดประชันผมได้ แต่วันนี้ลืมเอาปากมาด้วยรึไง

               “คุณพ่อ วันต่อไปเราให้ตุลย์กับน้ากันต์ไปโรงเรียนแล้วก็ไปทำงานพร้อมเราได้ไหมครับ น้องฟ้าจะได้มีเพื่อนไปโรงเรียนด้วยทุกวัน สนุกดี”  หืออออออ ผมงี้หันขวับคอแทบเคล็ดเลยละครับ เอ่อมันจะดีเหรอน้องฟ้า ดูหน้าคุณพ่อหนูก่อนนะ

                “ไม่ได้หรอกครับน้องฟ้า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะออกจากบ้านเวลาไหน แล้วก็ …” แล้วก็อะไรคุณภูพูดให้จบแบบสวย ๆ นะไม่งั้นผมจะ จะ จะ อะไรดีฟร๊ะ

                “แล้วก็เวลาของน้ากันต์กับตุลย์ คงไม่ออกมาตรงกับเราทุกครั้งหรอก วันนี้ก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหล่ะ” ทำไมเสียงตอนที่ออกชื่อผมมันเหมือนกับคนกัดฟันพูดออกมาล่ะ  ผมเลยหันไปจ้องหน้าคนที่พูดแล้วรีบเปลี่ยนสีหน้าหันไปทางน้องฟ้า

                “ใช่แล้วครับน้องฟ้า น้ากันย์กับตุลย์เวลาไม่แน่นอนเท่าไรหรอก เดี๋ยวจะเสียเวลาคุณพ่อน้องฟ้ามารอแล้วจะเสียเวลาเอาได้เนอะ”

                “อย่างนั้นเหรอครับ เสียดายจังเลย ฟ้านึกว่าจะได้ไปโรงเรียนพร้อมกับตุลย์ทุกวันเสียอีก” เสียงใสในตอนแรกแต่ตอนนี้กลับดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาผมสงสารเลยล่ะครับ แต่จะทำอย่างไรได้จะให้ผมมาทำงานพร้อมกับคุณภูทุกวันอย่างนั้นเหรอครับ บอกได้คำเดียวว่า ไม่มีทาง!!!!!!!!!!!

                “ไม่เป็นไรหรอกน้องฟ้า ถึงไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมกันทุกวัน แต่ตุลย์จะนั่งข้างน้องฟ้าแล้วก็เล่นกับน้องฟ้าทุกวันก็ได้ไม่ต้องเสียใจไปนะ” เออแฮะ รู้จักพูดเสียด้วยไอ้อ้วน ไม่พูดเปล่านะครับเอื้อมมือไปลูบศรีษะน้องฟ้าเบาๆ ด้วย          เฮ้ย ๆๆๆๆ ไอ้อ้วนอย่ามัวแตป้อน้องฟ้า หันหน้าไปมองพ่อของเขาด้วย คิ้วขมวดแน่น มือกำพวงมาลับแน่น เสียงกัดฟันดังมาแล้วด้วย เอามือออกก่อนด่วน......

                ใบหน้าของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่มีหน้าที่เป็นสารถีขับรถได้แต่ขรึมลงไปอีก แต่คงไม่กล้าพูดอะไรหรอกคงกลัวน้องฟ้าได้ยินคำไม่ดีแน่ ๆ เลย ฮ่าๆๆๆ ดีจังวุ้ยเกิดเป็นเด็กแบบตุลย์นี่แอบเนียนจับตัวลูกชายชาวบ้านโดยที่คนเป็นพ่อได้แต่รักษามาดสุภาพบุรุษเอาไว้ต่อหน้าลูกชายตัวเอง คงไม่กล้าทำอะไรให้ดูไม่ดีต่อหน้าลูกแน่เลย

                ตุลย์คงรับรู้ได้ถึงรังสีทะมึนบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างสูงด้านหน้า จึงค่อย ๆ ลดมือลงแต่ก็ยังแอบเนียนโดยการนั่งชิดติดกับน้องฟ้าจนแทบจะเกยกันอยู่แล้ว ไอ้ผมก็เลยได้แต่นั่งหันไปมองเด็ก ๆ ที่คุยกันอย่างสนุกสนานด้านหลังโดยไม่ได้มีใครสนใจกับคนขับรถเลยแม้แต่คนเดียว

                ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูก็เลี้ยวมาจอดในที่จอดรถผู้ปกครองที่ไว้สำหรับมา รับ – ส่งลูกหลาน  เมื่อรถจอดสนิทแล้วร่างสูงเปิดประตูรถลงไปเพื่อเปิดประตูรับร่างลูกชายตัวเล็ก ซึ่งผมก็เปิดประตูลงมายืนข้างล่างแต่ไม่ได้เปิดประตูให้ตุลย์หรอกนครับรายนั้นเปิดประตูเองแล้วกระโดดลงจากรถแล้วรีบวิ่งไปอีกด้านเรียบร้อยแล้ว

                พอน้องฟ้าลงจากรถได้นายตุลยากรก็ยิ้มแป้นรอรับอยู่แล้ว น้องฟ้าจึงได้แต่ส่งยิ้มให้คนเป็นพ่อแล้วเดินคว้ามือตุลย์เดินนำหน้าลิ่วไปแล้วครับ แล้วคนที่เปิดประตูหมายจะไปอุ้มลูกชายตัวเล็กตอนนี้เป็นยังไงนะเหรอครับ ขอบอกเลยว่าใกล้จะระเบิดกลายเป็นโกโกครั๊นซ์แล้วละมั้ง

                จะหัวเราะก็ไม่กล้าได้แต่หันหน้าหนีไปกลั้นหัวเราะตัวกระเพื่อมอยู่คนเดียว อย่าได้หลุดส่งเสียงออกไปสักนิดเดียวนะครับตอนนี้คาดว่าอาจจะโดนพ่นไฟใส่ก็เป็นได้

                เมื่อส่งเด็กชายทั้งสองเข้าเรียนเรียบร้อยก็ถึงคราวซวยของผมอย่างแท้จริงล่ะครับ จะไม่ซวยยังไงได้ล่ะในเมื่อตอนนี้ผมต้องนั่งรถไปออฟฟิศกับคุณภูผู้ที่ถูกลูกชายผู้น่ารักทอดทิ้งแล้วเดินไปกับหลานชายของผม แล้วใครจะตกเป็นจำเลยของคดีนี้นอกจากนายกันตพิชย์คนนี้คนเดียว ที่ต้องเผชิญหน้ากับคุณภูดิสผู้ที่ตอนนี้ใกล้จะกลายร่างอยู่แล้ว

                เสียงเร่งเครื่องยนต์ตอนที่ออกตัวพ้นจากโรงเรียนแล้ว ทำเอาผมต้องหันไปหาอะไรมาคว้าติดมือกันเลยทีเดียวเจอแต่ที่จับข้างประตูโหนมันเอาไว้ก่อนก็ได้วะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หลานยังไม่โตนะครับผมยังไม่อยากไปอยู่กับพี่สาวและพี่เขยตอนนี้หรอกนะ

                “นายกับหลานชายนาย ออกมาได้จังหวะพอดีเกินไปหรือเปล่า” เฮ้ย!!!!!! รู้ตัวด้วยเหรอไงว่าผมกะจังหวะให้ออกมาตรงกับที่ชายหนุ่มออกมาจากบ้าน

                “โธ่ คุณภูครับใครจะไปรู้ได้ล่ะว่าคุณจะออกจากบ้านตอนไหน แล้วผมก็ออกเวลานี้ประจำ เนี่ยตั้งใจจะเดินไปเรียกแท็กซี่หน้าหมู่บ้านเอง ไม่ได้หวังว่าจะได้มาอาศัยรถยนต์คันหรูของคุณภูหรอกนะครับ” ผมหันไปตอบเสียงขุ่นทีเดียวบ่งบอกว่าไม่ชอบใจกับคำถามของชายหนุ่ม  เอ่อ... บอกออกไปแบบนี้คงไม่สงสัยหรอก เนอะ ก็ต้องแกล้งทำเสียงเขียวใส่เหมือนไม่พอใจก่อนละครับ เดี๋ยวจับได้ว่าผมแอบดักรออยู่เพื่อจะได้ให้หลานชายตัวดีได้ไปโรงเรียนกับน้องฟ้าดังที่เจ้าตัวตั้ใจเอาไว้

                “นายแน่ใจนะว่าไม่ได้วางแผนเอาไว้แล้วที่จะอาศัยรถฉันไปโรงเรียนกับไปทำงานด้วย ถ้าทำอย่างที่ฉันว่าก็รับสารภาพออกมาซะเถอะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย คนบ้านใกล้กันมีอะไรช่วยเหลือกันได้”  แต่เสียงคุณภูไม่ได้จะลดโทษให้ผมเลยนะครับ มีแต่จะเพิ่มโทษเสียมากกว่า เรื่องอะไรผมจะต้องรับสารภาพ บอกออกไปว่าตั้งใจมาดักเพื่อทำทีเป็นรอให้ร่างสูงขับรถผ่านเพื่อที่จะได้เรียกขึ้นรถไปด้วยกัน ถึงคนเรียกจะเป็นลูกชายของเจ้าตัวก็เหอะ

                “นี่คุณภูก็ผมบอกออกไปแล้วว่ามันบังเอิญ คุณภูจะให้ผมรับสารภาพอะไรอีกครับ ถ้าผมตั้งใจจะขอไปด้วย ผมเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านไม่ดีกว่าการมายืนดักรอคนที่ไม่รู้ว่าจะออกมาจากบ้านตอนกี่โมงไม่ดีกว่าเหรอครับ ยืนรอเมื่อยก็เมื่อยไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมาเลย” เอาสิครับจะมาบังคับให้นายกันตพิชย์รับสารภาพบอกได้คำเดียวว่ายาก  ไม่จนมุมหรอก ไม่มีทางที่จะจับได้หรอก

                ใบหน้าเข้มที่ยังไม่ลดอาการหน้าตึงจากเหตุการณ์โดนลูกชายสุดที่รักทิ้งยังไม่หายไป แถมยังมีแต่จะเพิ่มความตึงเข้าไปอีกกับการได้ยินคำตอบที่คงไม่ได้ดั่งใจตัวเองจากผมนั่นแหล่ะครับ

               “แล้วผมก็ไม่ได้ยืนรอโบกรถเพื่อขอมาด้วยนะครับ เป็นคุณภูเองต่างหากที่จอดรถแล้วน้องฟ้าก็เป็นคยเรียกให้ผมกับตุลย์ขึ้นรถมาด้วยกัน   อย่างนี้มาว่ากันไม่ได้นะครับ” ได้ทีผมใส่เลยละครับอย่าไปรออะไรเดี๋ยวเสียจังหวะการได้เปรียบ หึหึ เห็นผมแบบนี้บางครั้งก็มีบ้างที่คนเราจะมีเป็นคนที่บางคนรู้สึกว่า...ง่าย ๆ เลยยนะครับกวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนกัน

                แต่เชื่อเถอะครับว่าร่างสูงข้าง ๆ ผมไม่ได้เชื่อผมหรอกแต่หาหลักฐานมาจับผิดไม่ได้ต่างหาก ต้องรอดูกันไปว่าคนอย่างนายกันตพิชย์ ยังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่มีใครได้รู้

                “อย่าให้ฉันจับได้แล้วกันว่านายสองคนกำลังจะทำอะไรกันอยู่ ฉันไม่ปล่อยพวกนายได้ทำตามใจชอบแน่นอน” เสียงทุ้มเอ่ยขู่ออกมาพร้อมเสียงกัดฟันกรอด ๆ คิดว่าผมจะกลัวเหรอครับ บอกได้เลยว่าไม่!!!!!!!!!! แต่กว่าถ้าบอกว่าเกรงก็มีบ้างเพราะว่ามองดูจากสภาพร่างกายแล้ว ต่างกันคนละรุ่นเลย  คงเปลืองแรงน่าดูถ้าเกิดต้องใช้กำลังกัน

                “ครับ ๆ ผมจะจำไว้ว่าทีหลังถ้าจะทำอะไรต้องทำให้เนียนเก็บหลักฐานให้เรียบ  อย่าให้คุณภูหาหลักฐานใด ๆ มาเล่นงานกลับได้”  ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมกับหันไปมองหน้าคนข้าง ๆ ด้วย

                “ฉันไม่ได้หมายความว่าจะให้พวกนายทำอะไรแล้วเก็บหลักฐาน ฉันหมายถึงหยุดทุกความคิดจากนี้ต่างหาก แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ” ใบหน้าเรียบเฉยบึ้งตึงของชายหนุ่มทำให้ผมอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าชายหนุ่มกำลังอารมณ์เสียกับการโต้ตอบกับผม  แต่ผมชอบนะ ชอบที่จะให้คนที่รู้จักได้แสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาให้มากดีกว่าให้พวกเขาเก็บกักอารมณ์ต่าง ๆ ไว้กับตัวเองจนมันส่งผมกระทบทั้งต่อตัวเองกับคนรอบข้าง อย่างผมถ้าไม่พอใจอะไรผมพูดออกมาตรง ๆ เลย

                “อย่าโมโหแต่เช้านักสิ  รู้ไหมว่ามันทำให้สุภาพจิตไม่ดี เดี๋ยวจะทำงานด้วยจิตใจไม่แจ่มใสทั้งวันนะครับ ถ้าไม่ห่วงไม่บอกหรอกนะรู้ไหมเนี่ย”  จบคำของผมใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มหันมามองผมแว่ปนึงแล้วหันไปสนใจกับการขับรถและการจราจรบนท้องถนนต่อไป เห็นอย่างนั้นผมเลยไม่พูดอะไรต่อ นั่งเงียบไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นการเพิ่มเชื้อไฟให้ลุกโหมเข้าไปใหญ่ ไม่ดี ๆ ต่อหน้าที่การงานเป็นที่สุด

                จากนั้นต่างคนก็ต่างนั่งเงียบจนรถยนต์ที่ขับมาโดยท่านประธานหนุ่มหล่อก็เลี้ยวเข้ามาภายในถึงตึกออฟฟิศ  เมื่อจอดที่ประจำแล้วร่างสูงก็เปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ผมต้องรีบนำร่างกายของตัวเองให้หลุดจากการถูกขังไว้ในรถยนต์คันงามให้ไวที่สุด เมื่อออกมาได้แล้วเสียงกดล็อคก็ทำงานทันทีที่เสียงปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงหันหลังเดินไปอย่างเร่งรีบไม่หันมามองหน้าผมสักนิดเลย

                คงจะเจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรผมไม่ได้ละสิ คิดได้ดังนั้นจึงได้แต่เดินตามร่างของเจ้านายไป แต่เมื่อไปถึงลิฟท์ตัวที่ขึ้นไปชั้นสูงสุดที่เป็นตำแหน่งของห้องประธานบริษัท กลับพบว่าลิฟท์ได้เลื่อนขึ้นไปข้างบนแล้ว  ได้แต่ยืนรออยู่ด้านนอกให้ลิฟท์ตัวที่กำลังขึ้นไปส่งบุคคลที่กุมอำนาจมากที่สุดในตึกแห่งนี้ลงมาเสียก่อน แค่นี้ก็ต้องโมโหด้วย คนอะไรอารมณ์เสียง่ายชะมัดเลย

                แต่ผมว่าอย่างน้อยวันนี้เราก็ไม่ได้เสียอะไรนะครับ เพราะอะไรนะเหรอก็ยอดชายนายตุลย์หลานชายผมนะสิ ได้นั่งรถไปโรงเรียนกับน้องฟ้าตามที่เจ้าตัวตั้งใจไว้ ถึงจะทำให้คุณพ่อน้องฟ้าขุ่นเคืองไปนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ไอ้อ้วนผมก็เนียนได้เรื่องเหมือนกัน จากที่แอบมองดูเหมือนว่าน้องฟ้าก็ยังไม่รู้ตัวหรอกว่าตุลย์กำลังจะเริ่มเดินหน้าจีบน้องฟ้าเต็มกำลัง เอาเป็นว่าตอนนี้เรานับก้าวนี้เป็นก้าวแรกแล้วกัน แล้วก็เป็นก้าวสำคัญเสียด้วย  คนเราเมื่อมีก้าวแรกแล้วก้าวต่อไปไม่ยากเกินความตั้งใจหรอก



****************************************************************



กลับมาแล้วค่ะ ไปต่างจังหวัดมา เมื่อวานว่าจะไปหาอะไรทานที่หัวหิน ไม่ได้ดูข่าวอะไรกับเค้าเลย

ไปถึงซ. 2 เจ้าหน้าตำรวจปิดถนนเลยได้แต่ขับกลับ รถติดมาก เพิ่งได้ทราบว่ามีการวางระเบิด

ทำให้มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บ

ได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์นี้กับผู้ที่เกียวข้อง ขอให้ปลอดภัยกันทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 10 ขุดหลุมรักวันแรก @13-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-08-2016 22:12:07
แอบสงสัยพี่พายเป็นใครน่ะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 10 ขุดหลุมรักวันแรก @13-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-08-2016 02:51:42
ท่านประธานหย่ายยยยย หวงลูกจริงๆ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 10 ขุดหลุมรักวันแรก @13-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 17-08-2016 21:59:07
จะมาต่อให้อ่านอีกเมื่อไหร่หว่า
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน @18-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 18-08-2016 11:15:04
ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน


                    เช้าวันนี้เราสองพ่อลูกขับรถออกจากบ้านตามปกติ แต่มันไม่ปกติตรงที่ว่าเมื่อผมขับรถออกมาจากบ้านเลี้ยวออกมาได้แค่ไม่กี่เมตรเท่านั้นสายตาผมก็มองเห็นร่างชายหนุ่มคนหนึ่งกับร่างของเด็กอ้วนคนหนึ่งเดินอยู่ริมถนนภายในหมู่บ้าน มันก็คงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ปกครองบางคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้จะเดินไปส่งลูกกลานที่โรงเรียน จริง ๆ แล้วโครงการหมู่บ้านแห่งนี้มีบริการให้ รปภ.สามารถเรียกรถแท็กซี่ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ข้างในหมู่บ้านได้ออกไปข้างนอกนะครับ  แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ลูกบ้านก็เดินออกไปกันเอง อาจจะต้องการออกกำลังกายบ้างก็ได้

                    แต่ที่มันไม่ปกติก็คือ ทั้งสองคนคือเพื่อนบ้านผมที่เพิ่งย้ายมานั่นเอง และเด็กอ้วนนั่นคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนของลูกชายผม ส่วนตัวผู้ชายร่างโปร่งนั้นก็คือลูกน้องผมคนใหม่ที่บริษัทนั่นเอง จะให้ผมขับรถเลยไปโดยที่ไม่สนใจทั้งสองคนน้าหลานผมก็ทำไม่ได้ เลยชะลอรถ แล้วกดแตรรถเบา ๆ หนึ่งครั้งเพื่อให้สัญญาณ ทั้งสองคนหันหลังมามอง แล้วหยุดเดินเมื่อรถจอดสนิทลงกระจกด้านข้างคนขับก็ถูกลูกชายของผมกดลดกระจกลงพร้อมส่งเสียงเรียกให้ทั้งสองคนขึ้นรถมาด้วยกัน

                    “น้ากันต์ครับ ตุลย์ไปโรงเรียนด้วยกันไหม แล้วรถไปไหนครับ” เสียงของน้องฟ้าลูกชายผมร้องเรียกครับ

                    “รถอยู่ที่ทำงานครับเมื่อวานน้ากันต์ติดรถคุณพ่อน้องฟ้ากลับบ้านไง จำไม่ได้เหรอวันนี้เลยต้องเดินไปหาแท็กซี่หน้าหมู่บ้านขึ้นไปทำงาน”  กันตพิชย์ตอบคำถามที่ลูกชายผมถามออกไป ผมก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้นะว่าเมื่อวานผู้ช่วยหนุ่มกลับบ้านกับผม เพราะต้องไปไซท์งานก่อสร้างด้วยกัน จึงต้องจอดรถของตัวเองไว้ที่ทำงาน

                    ผมก็เหลือบสายตาไปมองเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูหลังแต่เจ้าตัวเล็กของผมปลดเข็มขัดจากนั้นจึงปีนเอาตัวเองข้ามไปนั่งยิ้มแป้นอยู่เบาะหลังเรียบร้อย ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ผมได้แต่มองตามลูกชายแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

                    กันตพิชย์ชะงักไปนิดนึงแต่ก็ยื่นมือมาเปิดประตูหลังเพื่อให้หลานชายตัวอ้วนปีนขึ้นมานั่งภายในรถคู่กับลูกชายของผม แล้วเจ้าตัวก็ปิดประตูหลังให้สนิท จึงได้เปิดประตูหน้ามานั่งที่ข้างคนขับ ผมเลยได้แต่ออกรถเพื่อไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงคนข้างตัวบอกให้เด็ก ๆ คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนรอบคอบคนนึงทีเดียว เพราะส่วนมากคนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการที่มีบุคคลนั่งเบาะด้านหลังแล้วคาดเข็มขัดเท่าไรนัก แต่ในความเป็นจริงไม่ว่าจะนั่งตรงไหนเราก็ควรนึกถึงความปลอดภัยไว้ก่อน

                    “คุณพ่อ วันต่อไปเราให้ตุลย์กับน้ากันต์ไปโรงเรียนแล้วก็ไปทำงานพร้อมเราได้ไหมครับ น้องฟ้าจะได้มีเพื่อนไปโรงเรียนด้วยทุกวัน สนุกดี”  นั่นไงมาแล้วเสียงร้องขอบวกกับใบหน้าออดอ้อนของลูกชายผม คิดว่าผมจะตอบตกลงเหรอครับ

                    “ไม่ได้หรอกครับน้องฟ้า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะออกจากบ้านเวลาไหน แล้วก็ …” ผมตอบลูกชายแล้วเว้นวรรคไปจังหวะนึง แต่ตอนที่หยุดสายตาก็เหลือบไปทางคนข้างตัว ทันเห็นร่างโปร่งสะบัดคอหันมาทางผมเกือบจะทันที เดาเอานะครับว่าใบหน้าจะบึ้งได้ขนาดไหนที่ผมพูดไม่จบประโยค

                    “แล้วก็เวลาของน้ากันต์กับตุลย์ คงไม่ออกมาตรงกับเราทุกครั้งหรอก วันนี้ก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหล่ะ” ผมตอบความจริงออกไปใครจะไปรอคนข้างบ้านได้ทุกวันครับ แม้ว่าจะทำให้น้องฟ้าผิดหวังแต่ก็ต้องใจแข็งไว้

                    “ใช่แล้วครับน้องฟ้า น้ากันย์กับตุลย์เวลาไม่แน่นอนเท่าไรหรอก เดี๋ยวจะเสียเวลาคุณพ่อน้องฟ้ามารอเนอะ” เสียงกันตพิชย์ตอบน้องฟ้า ทำให้ลูกชายผมยอมรับฟังเหตุผลของทั้งสองบ้าน

                    “ไม่เป็นไรหรอกน้องฟ้า ถึงไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมกันทุกวัน แต่ตุลย์จะนั่งข้างน้องฟ้าแล้วก็เล่นกับน้องฟ้าทุกวันก็ได้ไม่ต้องเสียใจไปนะ” เสียงนี้ดังมาจากเด็กอ้วนข้างกายน้องฟ้า ผมจึงได้มองกระจกมองหลังแต่เห็นเจ้าเด็กอ้วนใช้มืออันอวบอูมมาลูบหัวน้องฟ้าเบา ๆ เฮ้ย!!! ไอ้เด็กอ้วนพูดอย่างเดียวก็ได้ ทำไมต้องเอามือมาลูบหัวลูกชายเขาด้วย ผมได้แต่จ้องด้วยสายตาเคร่งเครียด ไม่เคยมีใครทำกับลูกชายผมมาก่อน เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่าผมไม่เคยได้ให้ใครเข้าใกล้น้องฟ้าไงล่ะ

                    เหมือนรังสีอาฆาตที่ผมส่งไปทางสายตาจะทำให้เจ้าเด็กอ้วนนั่นลดมือออกจากน้องฟ้า ซึ่งก็ดีครับเพราะผมไม่อยากทำอะไรที่เหมือนเป็นการรังแกเด็ก แล้วอีกอย่างถ้าผมพูดอะไรออกไปคงไม่ดีแน่ น้องฟ้าอาจจะไม่ชอบก็ได้

                    จากนั้นก็ได้ยินแต่เสียงของเด็กทั้งสองคนด้านหลังคุยกัน หัวเราะกันเสียงดัง ผมได้แต่มองกระจกหลังดูสถานการณ์ต่อไป แต่คนข้างตัวผมก็เอาแต่นั่งนิ่งมองไปนอกหน้าต่างรถอย่างเดียว ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีเราก็มาถึงโรงเรียนอนุบาลของเด็ก ๆ กันแล้วครับ ผมมองหาที่จอดรถเมื่อได้แล้วก็ดับเครื่อง พร้อมกับลงไปเปิดประตูให้น้องฟ้า แต่เหมือนว่าผมจะช้ากว่าใครบางคนซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวอ้วน ๆ แบบนั้นถึงได้เร็วแบบนี้  เพราะตอนนี้เด็กอ้วนมายืนยิ้มแป้นหน้าประตูหลังที่น้องฟ้ากำลังลงมาแล้วครับ

                    พอน้องฟ้าลงมาได้แล้วเงยหน้ามองผมนิดนึงแล้วคว้าเอามือของหลายชายตัวอ้วนของกันตพิชย์เดินลิ่วนำหน้าผมไปแบบไม่ยอมรอผมเลย ผมได้แต่อึ้งกับการกระทำของลูกชาย ที่ตอนแรกผมกะว่าจะอุ้มน้องฟ้าไปส่งที่ห้องเรียนเห็นแบบนี้ผมจะทำยังไงครับได้แต่เดินตามไปด้วยใบหน้าเริ่มจะบึ้งตึงแล้วครับ ทำไมน้องฟ้าทิ้งผมไปแบบนี้ล่ะ

                    ได้ยินเสียงหัวเราะเล็ดรอดออกมาจากด้านหลังหันไปมองเห็นชายหนุ่มร่างโปร่ง กลั้นเสียงหัวเราะตัวกระเพื่อมหันพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น ผมเลยได้แต่กัดฟันหันหน้ากลับมาเร่งเดินตามลูกชายเข้าไปด้านใน

                     เมื่อส่งลูกแล้วเราก็ได้แต่ขึ้นรถออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงาน พอพ้นเขตโรงเรียนเท่านั้นแหล่ะ ผมก็เลยระบายอารมณ์ด้วยการกดคันเร่งรถยนต์คันงามให้พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ทันเห็นคนข้าง ๆ รีบหันไปหาอะไรคว้าเอาไว้อย่างทันที หึหึ คงกลัวว่าผมจะพาไปเกิดอุบัติเหตุละมั้ง ใครจะไปทำอย่างนั้นกันลูกผมยังไม่โตนะครับถึงโตแล้วก็ไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอก

                     คิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าแล้วหวังว่าสองคนน้าหลานคงไม่ได้เดินรอเพื่อจะดักขึ้นรถผมมาทำงานหรอกนะ ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจทั้งน้าทั้งหลานเลย

                     “นายกับหลานชายนาย ออกมาได้จังหวะพอดีเกินไปหรือเปล่า” ลองถามออกไปดูพร้อมสังเกตปฏิกิริยาของร่างโปร่งไปด้วย ซึ่งดูเหมือนร่างของกันตพิชย์จะสะดุ้งเล็ก ๆ พร้อมกับหันหน้ามาทางผม

                     “โธ่ คุณภูครับใครจะไปรู้ได้ล่ะว่าคุณจะออกจากบ้านตอนไหน แล้วผมก็ออกเวลานี้ประจำ เนี่ยตั้งใจจะเดินไปเรียกแท็กซี่หน้าหมู่บ้านเอง ไม่ได้หวังว่าจะได้มาอาศัยรถยนต์คันหรูของคุณภูหรอกนะครับ” ตอบออกมาเสียงแข็งเชียวครับซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

                    “นายแน่ใจนะว่าไม่ได้วางแผนเอาไว้แล้วที่จะอาศัยรถฉันไปโรงเรียนกับไปทำงานด้วย ถ้าทำอย่างที่ฉันว่าก็รับสารภาพออกมาซะเถอะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย คนบ้านใกล้กันมีอะไรช่วยเหลือกันได้”  ผมลองตะล่อมถามดูซึ่งคำตอบก็เหมือนเดิมครับ แถมยังตอบมาอย่างยียวนกวนใจผมอีกด้วย  อย่าคิดว่าผมจะเชื่อนะครับ เพราะความรู้สึกลึก ๆ มันบอกว่าสองน้าหลานต้องมีอะไรที่ผมกับลูกชายต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วยแน่นอน และมันคงตามมาด้วยเรื่องยุ่งยาก

                    ในเมื่อไม่ยอมรับผมก็ไม่เซ้าซี้อยู่แล้วเพราะมันไม่ใช่นิสัยผม จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ปล่อยไปก่อนแล้วกันไม่นายหรอกคงได้รู้ว่าความจริงแล้วทั้งสองคนต้องการอะไรจากผมและลูกชาย จากนั้นต่างคนก็ต่างนั่งเงียบจนถึงที่ทำงานผมเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็วกะว่ากำลังจะกดล็อครถแล้วเชียวแต่ร่างโปร่งของใครอีกคนรีบลงมาอย่างเร็ว จนผมได้แต่แอบขำเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู เสียงสัญญาณล็อคก็ดังขึ้นทันที จากนั้นผมก็เดินก้าวไว ๆ ไปที่ลิฟท์ผู้บริหารโดยเฉพาะ ไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มจะเดินตามมาหรือเปล่ามาถึงก็กดลิฟท์ให้ขึ้นไปชั้นบนสุดทันที

                    ขึ้นมาถึงห้องทำงานพลางก็นึกถึงชายหนุ่มอีกคนที่คงจะโมโหที่ผมขึ้นมาก่อนปล่อยให้เจ้าตัวต้องรอลิฟท์อยู่ข้างล่างเป็นแน่ นึกถึงใบหน้าใสที่คงจะหน้าบูดหน้าบึ้งแล้วก็หลุดที่จะขำออกมาไม่ได้ นี่คงจะต้องแอบแช่งชักหักกระดูกผมในใจแน่นอน

                    รอไม่นานหรอกครับได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างโปร่งของเลขาคนใหม่ อ้อ...มาพร้อมใบกับหน้างอบูดบึ้งด้วยนะ แต่แสดงออกไม่ได้มากเพราะว่าผมคือประธานบริษัทนี่ครับ คงต้องเก็บอาการน่าดูแต่สายตายังมีแววขุ่น ๆ อยู่ข้างใน นี่ถ้าเป็นเด็กผมคงนั่งหัวเราะไปแล้วครับ แต่นี่ต้องนั่งอดทนไว้

                    “วันนี้มีนัดอะไรสำคัญหรือเปล่า ถ้านัดไม่สำคัญเลื่อนไปก่อนนะ วันนี้ฉันจะเคลียร์เอกสารทั้งหมดนี่ก่อนงานเอกสารสำคัญทั้งนั้น ไม่อยากให้ค้างเดียว จัดซื้อไม่ทันตามกำหนด โครงการต่าง ๆ จะหยุดชะงัก” ผมพยายามทำเสียงเรียบให้ได้มากที่สุด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้าของคนข้างหน้าผม

                    “วันนี้มีแค่นัดทานข้าวกับคุณปรายฝนช่วงกลางวันเท่านั้นครับ นอกนั้นไม่มีแล้ว ถ้ายังไงผมจะโทรไปเลื่อนนัดคุณปรายฝนเป็นพรุ่งนี้ดีไหมครับ คุณภูจะได้ไม่ต้องออกไปไหนวันนี้” กันตพิชย์เสนอให้เลื่อนนัด ซึ่งผมก็เห็นด้วย เลื่อนไปสักวันคงไม่เป็นอะไรหรอกแค่ทานข้าวกลางวันธรรมดา ๆ

                    “อืม งั้นนายจัดการโทรไปเลื่อนนัดบอกว่าฉันมีธุระสำคัญ ต้องขอโทษเธอจริง ๆ แล้วพรุ่งนี้ค่อยนัดใหม่”

                    “ครับ คุณภู แต่ว่าเมื่อกี้นี้ทำไมคุณภูขึ้นมาไม่รอผมเลย รู้ไหมว่าผมรอลิฟท์ตั้งนานแหน่ะ ไม่รู้ทำไมลิฟท์ไม่ลงไปสักที ทั้ง ๆ ที่มันไม่น่าจะมีใครใช้เพราะลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์สำหรับขึ้นมาชั้นนี้โดยเฉพาะ” เสียงถามมาพร้อมกับใบหน้าสงสัยดีนะที่ไม่ทำเสียงเข้มใส่ผม หึหึ แน่ละสิครับลิฟท์ตัวนี้ไม่มีใครกล้าใช้หรอกนอกจาก ผม กับเลขาสองคนเท่านั้น แล้วคุณคิดว่าใครล่ะที่ทำให้ลิฟท์ที่ต้องลงไปรับคนข้างล่างกลับค้างอยู่ข้างบน 10 กว่านาที

                    “ฉันมีธุระลืมไปว่าต้องมาโทรศัพท์หาลูกค้าด่วน  อ้าว.... แล้วทำไมลิฟท์ถึงช้าล่ะ ฉันขึ้นมาลิฟท์ก็ต้องลงไปเพื่อรับเธออยู่แล้วนี่ สงสัยว่ามันคงขัดข้องมั้ง เดี๋ยวนายก็โทรไปตามช่างมาดูอาการมันแล้วกันเผื่อว่าเกิดเสียขึ้นมาระหว่างที่อยู่ในนั้นคงแย่” ผมแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เรื่องลิฟท์และออกคำสั่งให้กันตพิชย์ลองโทรไปตามช่างมาดูอาการ แต่มันไม่ได้เสียอะไรหรอกครับ เป็นผมเองที่กดลิฟท์ให้ค้างอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารข้อหาหมั่นไส้ที่ทำให้ผมต้องมาไล่ต้อนเอาคำตอบที่ต้องการแต่เจ้าตัวกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ ในเมื่อไม่ได้คำตอบที่อยากได้ยินจึงทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยทีเดียว

                     ดวงตากลมโตหรี่มองผมอย่างครุ่นคิด คงไม่ได้รู้ว่าผมแกล้งหรอกนะ แต่ในเมื่อผมก็ทำหน้าเรียบไม่มีทางที่ร่างโปร่งนี้จะจับพิรุธได้หรอก

                     “อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะโทรไปตามช่างมาดูดีกว่า เผื่อว่าคุณภูกำลังจะลงลิฟท์แล้วเกิดลิฟท์ค้างขึ้นมาจะแย่เอานะครับ” ได้ยินเสียงใสตอบกลับมาทำเอามุมปากผมกระตุกเบา ๆ คงไม่ได้วางแผนจะเอาคืนผมหรอกนะ

                     กล่าวจบร่างโปร่งก็หมุนตัวกลับเดินตรงไปยังประตูห้องทำงานแล้วร่างนั้นก็หายลับไปจากสายตาของผมทันที นึกย้อนไปเวลาเห็นกันตพิชย์หน้างอมันน่าแกล้งให้เจ้าตัวหงุดหงิดมายิ่งขึ้น  ผมคงไม่ได้โรคจิตหรอกนะ แต่ก่อนก็ไม่ได้มีนิสัยชอบแกล้งคนนี่นา แต่ทำไมเวลาเห็นชายหนุ่มแล้วทำให้ผมอยากเย้าแหย่ตลอดเวลา คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มส่ายหัวให้กับตัวเอง

                     ทำงานจนลืมเวลาจนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ยกสายขึ้นมาเป็นนริศราที่โทรมาถามว่ามื้อกลางวันจะทานอะไรดี เพราะทุกครั้งเลขาสาวจะถามเรื่องอาหารกลางวัน ถ้าไม่มีนัดไปข้างนอกผมก็จะฝากให้เลขาสั่งข้าวจากแคนทีนมาให้ทานที่บนห้องแห่งนี้

                     “คุณภูจะทานข้าวกลางวันที่ไหนคะ นริศจะได้เตรียมไว้ให้” เสียงนริศราดังออกมาจาปลายสาย

                     “เดี๋ยวผมลงไปทานร้านข้าง ๆ เอง วันนี้อยากไปเดินเล่นด้วย” ผมนึกครึ้มใจอะไรไม่รู้อยากไปเดินเล่นดูบรรยากาศยามเที่ยงของเหล่าพนักงานออฟฟิศย่านใจกลางเมืองจึงได้แต่บอกเลขาว่าไม่ต้องเตรียมให้

                     เมื่อได้เวลาผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูห้องทำงานเพื่อออกไปหาอะไรทานในตอนกลางวัน เดินผ่านโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่าของนริศรา แต่โต๊ะข้าง ๆ กันยังมีอีกคนนึงนั่งทำงานอยู่

                    “ทำไมยังไม่ไปทานข้าว เที่ยงแล้วไม่ไปทานข้าวกับนริศเหรอ” ผมทักคนที่นั่งอยู่ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตนเอง

                    “อ้าว เที่ยงแล้วเหรอครับ มิน่าเงียบเชียว พี่นริศมีนัดกับแฟนแล้วครับ แต่ผมว่าเดี๋ยวค่อยลงทานตอนที่คนน้อย ๆดีกว่าไม่ชอบต่อคิวกันเยอะๆ แล้วคุณภูจะลงไปทานที่แคนทีนหรือว่าที่ร้านอาหารข้างล่างครับ”

                    “ว่าจะลงไปข้างล่าง นายเก็บของได้แล้ว เดี๋ยวลงไปทานด้วยกันนี่แหล่ะ  เร็ว ๆ ด้วย ฉันไม่อยากรอนาน” ผมเอ่ยปากชวนกันตพิชย์ไปทานข้าวด้วยกัน  ร่างโปร่งชะงักนิดหน่อยตาโตจ้องผม อย่างกับว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น

                    “เชิญคุณภูตามสบายครับ เดี๋ยวผมไปทานคนเดียวได้”

                    “อย่าชักช้า ฉันไม่ชอบคำปฏิเสธ บอกให้ไปก็ไปสิ” ว่าจบก็ออกเดินไปทางหน้าลิฟท์ ได้ยินเสียงเก็บของดังตามหลังคาดว่าชายหนุ่มคงรีบร้อนเก็บของแน่นอน ผมเลยยื่นมือไปกดลิฟท์เพื่อรอลงไปข้างล่าง

                    ลิฟท์มาถึงพร้อมกับร่างโปร่งของกันตพิชย์มาหยุดยืนข้างหลัง ผมก้าวเข้าในข้างในสุดร่างโปร่งก้าวตามมาแล้วจัดการกดลิฟท์ให้ลงไปข้างล่างสุด

                    กึก ๆ ๆ ๆ เสียงดังมาพร้อมกับลิฟท์เกิดอาการกระตุกเล็กน้อยก่อนจะหยุดนิ่ง ผมมองดูตัวเลขที่ลิฟท์หยุดปรากฏว่ามันหยุดทำงานที่ชั้น 21 พร้อมมองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงด้านหน้า พบว่าร่างโปร่งนั้นมีอาการตกใจชั่วขณะหนึ่งแล้วหันหลังกลับมามองหน้าผม เหมือนจะขอความเห็นว่าควรทำอย่างไร

                    “กดแจ้งไปว่าเราติดอยู่ที่ชั้น 21 ให้ส่งช่างมาช่วยให้เราออกไปก่อน” ร่างโปร่งเลยจัดการกดที่ปุ่มแจ้งเตือนเพื่อทำการติดต่อกับห้องช่างอาคารให้รับรู้ว่าลิฟท์ค้างแล้วมีคนติดอยู่ข้างใน

                    “ครับ ตอนนี้ลิฟท์บริหารค้างอยู่ที่ชั้น 21 ครับ ท่านประธานติดอยู่ข้างในลิฟท์กับผมสองคนครับ รบกวนส่งช่างมาแก้ไขด้วยด่วนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ” จบการสนทนากับช่างอาคารซึ่งอีกฝ่ายเมื่อได้ยินว่าผมก็ติดอยู่ในลิฟท์ตัวนี้ด้วย น้ำเสียงก็ดูร้อนรนเป็นอย่างมาก

                    “สรุปเมื่อเช้าลิฟท์เสียจริง ๆ ใช่ไหมครับ คุณภูไม่ได้แกล้งผมใช่ไหม” ร่างโปร่งยังมีแก่ใจหันมาถามผมเรื่องลิฟท์เมื่อเช้าอีก

                    “ฉันไม่ทำอะไรเป็นเด็กแบบนั้นหรอกนะ แล้วตอนนี้ลิฟท์ก็ค้างนายก็เห็นนี่ แล้วที่ฉันให้นายไปตามช่างมาดูอาการลิฟท์เมื่อเช้านายตามหรือยังล่ะ ถึงได้เกิดเหตุการณ์ลิฟท์ค้างแบบนี้” ได้ทีผมเลยถามกลับว่าเรื่องเมื่อเช้าที่ให้ไปตามช่างมาดูอาการของลิฟท์ชายหนุ่มได้ทำหรือยัง รีบปัดเรื่องที่ว่าผมแกล้งให้พ้นตัวไปในทันที

                    “โทรไปแล้วครับ ตอนช่างมาดูผมก็ยืนอยู่ด้วยก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติตามที่ช่างบอกผม เราดูอยู่ตั้งกว่าชั่วโมงเช็คละเอียดหมดทุกอย่างเลยนะครับ” ปากบางบรรยายการทำงานของช่างให้ผมฟัง คงกลัวผมจะว่ารึเปล่าเพราะว่าผมให้ตามช่างมาดูแล้วทำไมลิฟท์ยังค้างอีก

                    ถือว่าโชคดีเรื่องลิฟท์ค้างแล้วกันเพราะว่าผมพ้นข้อกล่าวหาที่ว่าแกล้งชายหนุ่มเอาไว้เมื่อตอนเช้า เรารอกันไม่นานก็ได้ยินเสียงคนที่อยู่ข้างนอก

                    “ท่านประธานรอสักครู่นะครับ พวกผมกำลังจะเปิดประตูให้ออกมา ช่วยถอยหลังไปชิดผนังลิฟท์ด้านในด้วยนะครับ” เสียงของช่างดังขึ้นพร้อมกับบอกให้พวกเราถอยหนีจากหน้าประตู ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีก็สามารถเปิดประตูลิฟท์ได้แล้ว ผมมองออกไปเห็นคนด้านนอก  5-6 คนคงเป็นช่างทั้งหมดพร้อมเครื่องมือ แล้วทำไมต้องมากันหลายคนขนาดนี้เรื่องเล็กน้อยต้องทำเป็นเรื่องใหญ่

                    “ขอบใจพวกคุณมากที่มาช่วยผม เมื่อเช้าผมให้คุณกันตพิชย์เรียกช่างมาเช็คแล้วนี่นาทำไมถึงได้เกิดอาการค้างขึ้นมาได้” ผมไม่ลืมกล่าวขอบคุณก่อนที่จะถามไถ่เรื่องการขัดข้อง

                    “เมื่อเช้าพวกผมมาเช็คกันแล้วครับ แต่ว่าก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ลิฟท์ยังใช้ได้ดี แต่ก็ไม่ทราบว่าทำไมมันถึงค้างได้ เดี๋ยวพวกผมจะปิดลิฟท์ตัวนี้แล้วทำการเช็คให้ละเอียดอีกครั้ง รบกวนท่านประธานใช้ลิฟท์ตัวอื่นไปก่อนนะครับ เสร็จแล้วผมจะแจ้งไปทางคุณกันตพิชย์” หัวหน้าช่างบอกรายละเอียดต่าง ๆ ให้ผมรับรู้ว่าไม่ได้บกพร่องต่อหน้าที่ แต่ก็ยังหาสาเหตุที่ลิฟท์ค้างไม่เจอ

                    “ไม่เป็นไร ผมใช้ตัวอื่นได้ แต่ซ่อมให้เรียบร้อยอย่างให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วกัน” ว่าแล้วก็เดินไปที่ลิฟท์อีกตัวเพื่อนที่จะลงไปข้างล่าง กันตพิชย์เดินนำไปเพื่อกดปุ่มเรียกลิฟท์ ช่วงเที่ยงมีคนโดยสารใช้ลิฟท์มากจึงทำให้กว่าลิฟท์ที่ต้องการจะมาถึงใช้เวลานานกว่า 5 นาที

                    แต่เมื่อประตูลิฟท์เปิด คนด้านในมองออกมาเห็นผมยืนอยู่ต่างพากันชะงักพร้อมก้มศรีษะให้ ผมเดินเข้าไปข้างในที่ตอนนี้มีที่ว่างพอที่จะให้ผมและกันตพิชย์เข้าไปด้านในอย่างสะบาย แล้วเสียงคุยที่ดังเมื่อตอนประตูเปิดก็เกิดการเงียบขึ้นมาอย่างกระทันหัน

                    คงสงสัยกันล่ะว่าทำไมผมถึงใช้ลิฟท์ตัวนี้แต่เมื่อมองเห็นช่างหลายคนปิดลิฟท์ตัวที่มีปัญหาคงรู้แล้วล่ะว่าทำไมผมถึงต้องมารอลิฟท์ตัวนี้

                    ผมรอจนลิฟท์ลงมาถึงข้างล่างแล้วเดินนำกันตพิชย์ไปยังร้านอาหารที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของตึกอาคารสำนักงานแห่งนี้มื้อนี้คงเลี้ยงข้าวชายหนุ่มอีกรอบ ถือว่าเลี้ยงเพื่อปลอบใจที่ผมแกล้งชายหนุ่มไปเมื่อเช้านี้แล้วกัน  ถึงแม้ว่าร่างโปร่งจะรับรู้ว่ามันขัดข้องเองไม่ได้เกี่ยวกับผมก็ตาม



               ****************************************************************************



               แอบอัพตอนทำงาน  ย่องมาแล้วก็ไปอย่างเงียบ ๆ ตามเดิม
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน @18-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-08-2016 11:58:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน @18-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 18-08-2016 12:35:38
555จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน @18-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-08-2016 18:49:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน @18-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-08-2016 19:01:49
 :katai3:
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน @18-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-08-2016 12:35:40
รอลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: < @@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@@ > ตอนที่ 11 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน @18-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: Som-o ที่ 21-08-2016 16:43:46
 :mew2:มาเร็วๆน่ะคิดถึงหมูอ้วน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่12เรื่องยุ่งๆของหนุ่มลูกเสี้ยว @22-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 22-08-2016 08:57:27
                    ตอนที่ 12 เรื่องยุ่ง ๆ ของหนุ่มลูกเสี้ยว


                    เสียงเปิดประตูห้องทำงานผมพร้อมกับเสียงดังของใครบางคนดังขึ้นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองร่างของชายหนุ่มคนนึงที่ก้าวเดินมาด้วยท่าทางของหนุ่มเจ้าสำราญเต็มตัว แต่พอรับรู้ได้ว่าเป็นใครผมก็ก้มหน้าลงไปอ่านเอกสารในแฟ้มของตัวเองต่อทันทีโดยไม่ได้สนใจอีกคนที่เข้ามาทำลายบรรยากาศในการทำงานของผมเลย

                   “เฮ้ย!!! แกสนใจฉันบ้างสิ นี่วันนี้ฉันอุตส่าห์โดดงานมาหาแกเลยนะเพื่อน” เสียงดังขึ้นจากริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่ม ผมถอนใจวางปากกาที่ใช้เซ็นต์เอกสารไว้แล้วมองหน้าอีกคนเต็ม ๆ ตา เบื้องหน้าปรากฏร่างของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา สูงสง่าในชุดสูทเต็มยศ ร่างนั้นสูงกว่า 195 เซ็นติเมตร ใบหน้าซึ่งหล่อรวมด้วยหลายสัญชาติจนได้มาซึ่งความหล่อหาคนมาเทียบยาก ตาคมเข้ม ผิวขาว จมูกโด่ง รวม ๆ แล้วก็หล่อแหล่ะ

                   ผู้ชายคนนี้คือหนึ่งในเพื่อนสนิทที่สุดของผม ไตรทศ ภมรอัครวาทิน CEO หนุ่มเจ้าของบ.สายการบินแห่งหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติเสียแต่ว่าเจ้าตัวยังโสด เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาให้ครอบครัวปวดหัวเล่น เพราะทางนั้นอยากได้ทายาทกันเต็มแก่แล้ว แต่คนที่ทำตัวเจ้าเสน่ห์ยังอยู่เป็นโสดเป็นอาหารตาให้สาว ๆ ทั่วเมืองกรุงหวั่นไหวเล่นไปอย่างนั้นเอง

                   “CEO อย่างแกว่างมากนักหรือไงถึงได้มาวุ่นวายกับฉันได้วันนี้ หือ” ผมต้องวางงานที่ทำอยู่ไม่งั้นไอ้เพื่อนคนนี้มันก็ไม่เลิกตอแยหรอกครับ และมันก็ต้องเซ้าซี้จนผมรำคาญนั่นแหล่ะ

                   “ก็ไม่ว่างเท่าไรว่ะ แต่ว่าอยากกินข้าวเย็นกับแกไง รึว่าแกไม่ว่างมีนัดแล้ว”

                   “ก็ว่างนะ เพราะฉันให้เลขายกเลิกนัดไปหมดแล้ววันนี้  ว่าแต่มากินข้าวอย่างเดียวหรือว่ามีเรื่องอื่นด้วย แต่ฉันว่าแกไม่ได้มาแค่กินข้าวหรอก คงไม่ได้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ฉันนะ ช่วงนี้ฉันไม่ว่างกำลังยุ่งกับโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดเร็ว ๆ นี้” ผมรีบบอกออกไปเพราะช่วงนี้ยุ่งจริง ๆ ครับ ไหนจะงานโครงการที่เร่งจะเปิดไหนจะบริษัทในเครือต่าง ๆ งานล้นมือจนต้องจ้างเลขามาเพิ่มนั่นแหล่ะ

                   “ก็มีเรื่องอื่นจะคุยด้วยแหล่ะ ไม่งั้นฉันก็ไม่ว่างมาหาแกเหมือนกันล่ะโว้ยไอ้ภู” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร

                    เสียงเคาะประตูดังพร้อมกับเปิดออกมา ปรากฏร่างของกันตพิชย์เดินถือถาดเครื่องดื่ม ร่างโปร่งเดินมาหยุดเพื่อเสริฟกาแฟให้กับแขกที่มาพบผม จากนั้นจึงถอยไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตามองตามไม่วางตาของหนุ่มลูกเสี้ยวหลายสัญชาติ ทำเอาผมหรี่ตามองไปด้วย

                    “นั่นใคร เลขาใหม่แกเหรอ รับมาตั้งแต่เมื่อไรทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ใบหน้าหล่อพยักหน้าปาทางประตูหลังจากที่ลับร่างสูงโปร่งของกันตพิชย์
 
                    “อ้าว ๆ นี่เลขาฉันนะ ฉันจะรับตอนไหนแล้วฉันต้องไปรายงานแกด้วยรึไง” ผมได้แต่บอกกลับไป เลขาผมนี่ครับไม่ใช่เลขามันสักหน่อยจะรับตอนไหนก็เรื่องของผมนี่

                    “เออ ๆ ช่างเรื่องเลขาแกไว้ก่อน แล้วสรุปไง แกว่างนะเดี๋ยวจะได้ออกไปกันเลย ฉันรีบไปธุระต่อนี่มาหาแกก่อนเลยนะ เผื่อว่าแกจะไม่ว่าง แต่โชคเข้าข้างฉันแน่ว่ะ วันนี้คุณภูดิส ประธาน อุตตมโภคินกรุ๊ปว่าง” ไตรทศบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีพร้อมกับเย้าผมกลับ

                    “เฮ้อ ....เออ ๆ ไปก็ไป เดี๋ยวรอสักครึ่งชั่วโมงแล้วกันของเคลียร์เรื่องนี้ก่อน เอกสารพวกนี้ต้องใช้พรุ่งนี้ และลางสังหรณ์ของฉันมันบอกว่าแกหาเรื่องมาให้ฉันได้ปวดหัวอีกแล้วว่ะ ไอ้ทศ” ผมถอนใจเฮือกใหญ่แล้วก้มหน้าไปเซ็นต์เอกสารที่เหลือวางอยู่บนโต๊ะ ไม่ต่ำกว่า 10 แฟ้มได้แต่ปล่อยให้คนมาหานั่งรอไปอย่างนั้น

                    หมดเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่คาดไว้ผมก็วางปากกาพร้อมปิดแฟ้มลงแล้วกดโทรศัพท์เรียกให้กันตพิชย์เข้ามารับเอกสารไปเพื่อจัดการต่อ รอไม่นานร่างโปร่งของชายหนุ่มก็เคาะห้องพร้อมเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่

                    “เดี๋ยวเอาแฟ้มพวกนี้ไปจัดการตามระบบ ฉันจะกลับแล้ว มีอะไรก็จดไว้รายงานวันพรุ่งนี้” ผมสั่งงานเอาไว้แล้วร่างนั้นก็จัดการหอบแฟ้มทั้งหมดเดินออกไปจากห้องทำงานผม กันตพิชย์เป็นคนที่ทำงานไว เรียนรู้งานได้ดี คงลดภาระผมลงไปเยอะเหมือนกัน คิดถูกแล้วที่รับเลขาเข้ามาช่วยงานเพิ่ม ไม่งั้นนะผมคงต้องเหนื่อยกว่านี้แน่นอน เพราะนริศราก็เหนื่อยกับตรงนี้มากเพราะไม่มีผู้ช่วย และงานบางอย่างที่ต้องออกไปข้างนอก  เป็นผู้หญิงก็ค่อนข้างไม่สะดวกเหมือนผู้ชาย
 
                    “ไปกันได้แล้ว เพราะดูท่าแล้วแกคงต้องมีเรื่องเล่าเยอะ” ผมลุกขึ้นหยิบสูทมาสวมพร้อมกับร้องเรียกหนุ่มเจ้าสำราญให้ลุกขึ้นตามออกไปด้วยกันก็เพราะธุระของเจ้าตัว

                     เราตกลงกันว่าจะขับรถตัวเองไปเพราะเมื่อคุยธุระเสร็จแล้วต่างคนคงต่างกลับ ผมขับรถตามรถสปอร์ตสองที่นั่งคันหรูของเพื่อนสนิทไปที่ร้านอาหารประจำ เพราะมีห้องรับรองส่วนตัวที่ค่อนข้างจะเงียบ เหมาะแก่การพูดคุยธุรกิจที่ต้องการให้เป็นความลับ

                     ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงร้านอาหารที่จองไว้ล่วงหน้า อย่างกับมันวางแผนมาอย่างดีเลยได้แต่รอฟังว่าเรื่องที่มันจะคุยเป็นเรื่องด่วนขนาดไหน ถึงต้องกับทิ้งงานมาหาผมเลยทีเดียว

                     เมื่อได้ที่จอดรถแล้วผมจึงเดินไปหาไตรทศที่ยืนรออยู่หน้าร้านแล้ว เมื่อเดินไปถึงพนักงานของร้านก็เดินนำหน้าไปยังห้องรับรองพิเศษ ร้านนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งมีความเป็นส่วนตัวสูง อาหารอร่อย บรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ เป็นร้านโปรดของน้องฟ้าด้วย

                     ผมนั่งลงตรงข้ามกับเพื่อนสนิท รอจนพนักงานที่รอรับออเดอร์ออกไปจึงได้จ้องหน้าชายหนุ่มลูกครึ่งแบบกดดันให้พูดธุระมาสักที

                     “เอ้า แกมีอะไรพูดมาได้แล้ว ลีลามากเสียเวลาฉันต้องรีบกลับบ้าน แต่ถ้าที่พูดมาไม่ได้สำคัญล่ะก็แกเตรียมตัวโดนแน่” ผมมองหน้ามันแล้วเร่งให้เข้าเรื่องกันสักที

                     “เออ น่าแกจะรีบอะไรนักหนา ไหน ๆ ฉันก็ต้องให้แกช่วยดยู่แล้ว เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนนี้พ่อกับแม่ฉันเริ่มจะกดดันฉันให้หาสะใภ้แล้วนะสิ แต่แกก็รู้ว่าฉันยังไม่อยากหาห่วงมาผูกคอ ฉันยังอยากติดอันดับหนุ่มโสดแห่งปีอยู่ แต่พ่อกับแม่ขู่ว่าถ้าไม่แต่งงานภายในปีนี้จะตัดหางฉันออกจากกองมรดกนะสิ นี่แกช่วยฉันคิดหน่อยสิว่าจะทำยังไงดี” ไตรทศร่ายยาวออกมาถึงปัญหาที่ตัวเองต้องเจอ เอ่อ ปัญหาใหญ่จริง ๆ ว่ะ เอาล่ะสิหาเรื่องมาให้ผมอีกจนได้

                      “แกก็หาผู้หญิงมาแต่งงานเข้าสักคนสิ คนที่แกควง ๆ ก็ได้นี่นา ก็เห็นว่าแกรักทุกคน เลือกมาสักคนคงไม่ยากนักนี่นา เรื่องแค่นี้ก็ต้องมาปรึกษาฉัน ทีตอนที่แกควงผู้หญิงพวกนั้นไม่เห็นมาถามความเห็นฉันมั่งเลย” ผมละหมั่นไส้มันเลยแนะนำไปว่าให้เลือกในบรรดาคนที่มันควงนั่นแหล่ะ

                    “แกคิดว่าที่ฉันควงมันจะเข้าตาแม่กับพ่อฉันไหมล่ะ คุณท่านทั้งสองเลือกมากจะตายไป นี่ก็บอกเลยว่าถ้าหาคนที่ถูกใจมาเป็นสะใภ้ไม่ได้ จะหาให้เองเลย  แกช่วยฉันคิดหน่อยสิว่าจะหาทางออกยังไงไม่ให้ฉันต้องแต่งงานตอนนี้” น้ำเสียงเริ่มจะมีความเครียดเข้ามาเจอปน ดูท่าว่ามันจะไม่อยากแต่งจริง ๆ เลยนะครับเนี่ย แต่อย่างว่าแหล่ะคนมันหล่อ รวย เลือกได้ ก็เลยอยากจะหว่านเสน่ห์ไปก่อน บรรดาสาว ๆ ของมันก็ไม่ใช่ย่อยหรอกนะครับ สวยระดับนางแบบกันทั้งนั้นแต่ว่าทางนี้ก็ยังไม่คิดจริงจังอะไรกับใคร

                    “แกก็บอกพ่อกับแม่ไปตรง ๆ สิว่ายังไม่พร้อม เพราะตอนนี้งานก็ยังยุ่งอยู่ถ้าแต่งงานมาแล้วจะดูแลสะใภ้ไม่ดีเดี๋ยวจะเกิดปัญหาเอาได้” ผมลองแนะนำดู แต่ไม่รู้หรอกนะว่าจะใช้ได้ผลไหม เพราะมันก็ลื่นยังกับปลาไหล ดูท่าว่าถ้าพ่อกับแม่เริ่มบังคับท่านทั้งสองคงจะไม่ไหวกับพฤติกรรมลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสักเท่าไรแล้วล่ะ

                     “บอกไปแล้วสิ แต่ไม่ว่ายังไงพ่อกับแม่ก็ไม่ยอมท่าเดียวเลย เนี่ยบอกว่าให้เวลาฉันแค่ปีเดียวเองด้วย แกว่าฉันหนีไปสาขาที่อิตาลีดีไหมวะ ปล่อยที่นี่ให้เจ้ามิคาเอลมันดู ฉันจะได้รอดพ้นจากการบังคับของพ่อกับแม่” มันเริ่มหาทางหนีโดยการที่จะไปคุมสาขาที่ต่างประเทศแล้วครับ โดยจะทิ้งภาระที่นี่ให้น้องชายดูแล

                     “แล้วแกคิดว่ามิคาเอลจะยอมรึไง อยู่ที่อิตาลีมันเป็นคนคุมสาขาอยู่ที่นั่น ถ้ามันมาที่นี่นะคนทางนั้นไม่ยอมหรอกแกก็รู้นี่” ผมช่วยมันคิดไปด้วย พลางนึกถึงน้องชายของไตรทศซึ่งบริหารสาขาของสายการบินอยู่ที่อิตาลี แล้วทางนั้นยังมีคนที่ไม่ว่ายังไงหัวเด็ดตีนขาดคงไม่ยอมปล่อยให้มิคาเอลมาอยู่เมืองไทยได้หรอก นอกเสียจากว่าเจ้าตัวจะตามมาคุมด้วย แต่ด้วยหน้าที่การงานทำให้ไม่สามารถทิ้งมาได้

                     “นั่นสิเจ้าลีโอคงไม่ยอมให้มิคาเอลมาอยู่เมืองไทยหรอก โว้ย!!!!!!!!!!! คิดแล้วกลุ้ม แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะทีนี้ ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้” หนุ่มลูกเสี้ยวเริ่มจะโวยวายแล้ว ตอนแรกเห็นดี ๆ นึกว่าไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรแต่นี่ท่าจะมากกว่าที่เห็นอีกนะครับ

                     “ฉันว่าแกใจเย็น ๆ ก่อนดีกว่าไอ้ทศ เดี๋ยวค่อย ๆ คิดมันต้องมีทางออกสักทางสิน่า พ่อกับแม่แกให้เวลาตั้งปีนึง อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปหน่อยเลย ทำฉันปวดหัวไปกับแกด้วยเลย วันนี้เลี้ยงเหล้าด้วยล่ะ” ผมได้ทีหาเรื่องดื่มฟรีครับ ถึงแม้ว่าเราจะพอมีเงินจ่ายได้แต่ถ้าได้ของฟรีใครจะไม่ชอบกันล่ะ

                    “เออน่า  เดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงเอง ไม่ได้ไปเที่ยวกันนานแล้ว ฉันจะพาแกไปเปิดหูเปิดตามั่ง อยู่บ้านเลี้ยงลูกเสียจนลืมเพื่อนฝูงไปหมดแล้วมั้งเนี่ย ลายเสือหายไปตั้งแต่แต่งงานเลยนะแกน่ะ” ไตรทศที่ดูเหมือนจะใจเย็นลงได้หน่อยนึง บอกออกมาซึ่งมันก็ทำให้ผมนึกได้ว่าตั้งแต่แต่งงานแล้วมีลูกผมก็ไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเท่าไรนัก ยิ่งเมื่อภรรยามาเสียชีวิตด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยออกมาตอนกลางคืนเลยยกเว้นงานที่ขาดไม่ได้ เพราะผมไม่อยากปล่อยลูกไว้กับพี่เลี้ยงในเวลากลางคืน

                    แต่คืนนี้ผมตกลงที่จะไปดื่มกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวกลางคืนด้วยกันนานแล้ว แต่คงต้องโทรไปบอกที่บ้านก่อนว่าจะกลับดึก  เพราะตอนนี้น้องฟ้าก็เริ่มโตที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ผมเลยไม่ค่อยเป็นกังวลนัก ไม่เหมือนตอนที่ภรรยาเพิ่งเสียใหม่ ๆ ตอนนั้นน้องฟ้าต้องนอนกับผมทุกคืน ไม่งั้นลูกจะนอนไม่หลับ

                    “แต่เดี๋ยวฉันต้องโทรบอกน้องฟ้าก่อนนะว่าจะกลับดึก เดี๋ยวจะรอเสียเปล่า ๆ”

                    “ว่าไปแล้วฉันไม่ได้เจอน้องฟ้านานแล้วนี่นา คงโตขึ้นมาก ตอนนี้น่าจะ 5 ขวบแล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มของไตรทศถามถึงน้องฟ้า

                    “อืม 5 ขวบ แกเล่นหายไปนานหลายเดือนเหมือนกัน แต่น้องฟ้าบ่นหาแกนะ ว่าง ๆ ก็เข้าไปเล่นกับหลานบ้างเดี๋ยวจะงอนแล้วจะง้อไม่ง่ายนะ ขอบอกไว้ก่อนเลย” ผมขู่มันไปครับ เวลามันไปหาน้องฟ้าก็มักจะมีของเล่นติดมือไปเสมอจึงเป็นสาเหตุให้น้องฟ้าชอบที่อาทศจะไปหาบ่อย ๆ แต่ช่วงนี้งานมันคงยุ่งเลยไม่ค่อยได้มีเวลาแวะไปที่บ้านเลย

                    “โอเค เดี๋ยวฉันจะแวะไปล่ะกัน อย่าเพิ่งบอกน้องฟ้าล่ะ ฉันจะไปเซอร์ไพรส์” เสียงร่าเริ่งขึ้นมาทีเดียวเมื่อพูดถึงลูกชายของผม รายนี้นะ รักน้องฟ้ามากครับมีอะไรแทบขนมาให้ไปต่างประเทศกลับมาของฝากเพียบ

                    นั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย พอได้เวลาเราจึงย้ายร้านไปร้านของเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งเป็นผับระดับหรูในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ร้านนี้เป็นที่นัดพบประจำของกลุ่มเรา แต่เนื่องด้วยหน้าที่การงานและครอบครัวทำให้ช่วงหลัง ๆ แต่ละคนไม่ว่างมาเจอกัน วันนี้นับว่าเป็นวันแรกในรอบหลายเดือนที่จะรวมกลุ่มกันอีกครั้ง

                    ผมกับไตรทศเดินผ่านการ์ดเข้าไปข้างในถึงจะไม่ได้มานานแต่การ์ดด้านหน้าก็ยังจำหน้าพวกผมได้เนื่องด้วยเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของร้าน เราเดินไปยังโต๊ะวีไอพี เสียงเพลงข้างในไม่ได้ดังจนเกินไปผิดกับผับที่อื่น เดินผ่านนักท่องเที่ยวยามราตรีมากมาย สาว ๆ ต่างก็พากันส่งยิ้มมาให้ผมทั้งสองคน เพื่อพยายามเชื่อมสัมพันธ์ในค่ำคืนนี้ ชายหนุ่มลูกเสี้ยวเจ้าของบริษัทสายการบิน ซึ่งเป็นหนุ่มโสดติดอันดับของเมืองไทย ใครเล่าไม่อยากได้ ส่วนชายหนุ่มข้าง ๆ ผมก็เดินไปแจกยิ้มเรื่ยราดไปทั่ว บริหารเสน่ห์ที่มีอย่างล้นเหลือ

                    ส่วนผมพยายามทำหน้าเรียบเฉยเดินไปตามทางให้ถึงโต๊ะอย่างเร็วที่สุด โต๊ะด้านในสุดที่มีความเป็นส่วนตัวบัดนี้มีชายหนุ่มหน้าตาดี นั่งอยู่ 3 คน  ทั้งหมดคือเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนมัธยมจนถึงขั้นมหาวิทยาลัย  ร่วมหัวจมท้ายกันมาหลายเรื่องกว่าจะสนิทกันได้ขนาดนี้

                    เมื่อไปถึงผมนั่งลงข้าง ๆ ชายหนุ่มหน้าเข้มสวมแว่นสายตาไร้กรอบ นั่งอยู่ด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ตรงข้ามหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของผับที่นี่  ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มเป็นสารวัตรกองปราบ ทั้งหมดเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันแต่ช่วงหลังต่างคนต่างยุ่งกับหน้าที่การงานของตัวเองถึงห่างหายกันไปบ้างก็ยังติดต่อกันทางโทรศัพท์อยู่เสมอ

                    “ไงครับท่านประธานใหญ่ วันนี้พายุอะไรหอบท่านมาได้ พวกกระผมถึงต้องรีบมารวมตัวกันหน้าตั้งอย่างนี้” เสียงของหนุ่มหล่อเจ้าของผับแห่งนี้ทักผมขึ้นมาพร้อมกับยกแก้วให้

                    “ถามไอ้ทศมันโน่น ฉันทำงานของฉันอยู่มันก็ไปลากมาพร้อมกับหาเรื่องยุ่งมาใส่หัวเนี่ย” รับแก้วมาจิบแล้วหันไปพยักหน้าไปทางชายหนุ่มอีกคนที่เป็นต้นเหตุทำให้ผมต้องออกจากบ้านในตอนกลางคืนเช่นนี้

                    “เรื่องอะไรวะ แล้วไม่เล่าให้พวกฉันฟังรึไง เดี๋ยวนี้แกหัดมีความลับแล้วเหรอไอ้ทศ” ป้องเกียรติ สารวัตรหนุ่มแห่งกองปราบถามขึ้นมาอย่างสนอกในใจในเรื่องที่ผมบอกออกไป

                    “ก็จะอะไรอีกสงสัยพ่อกับแม่มันหาเรื่องให้มันแต่งเมียละมั้ง ได้ข่าวว่าคุณป้าแกไปเที่ยวทาบทามลูกท่านหลานเธอในวงสังคมให้เรียงคิวมาดินเนอร์กับไอ้ทศมันนะสิ” เสียงทุ้มดังมาจากปากของหนุ่มเจ้าของแว่นตานามว่า นายแพทย์วราธรณ์

                    “แกรู้ได้ไง นี่ฉันยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังนอกจากไอ้ภูเลยนะ” ไตรทศหันขวับไปมองหน้าเข้มของนายแพทย์หนุ่มหล่อ

                    “จะไม่รู้ได้ไงล่ะ ก็แม่แกโทรมาหาฉัน ถามว่าตอนนี้แกควงใครหรือเปล่า ไอ้ฉันมันก็เป็นเพื่อนลูกที่ดีไง เลยเล่าไปว่าเท่าที่เห็นก็มีนางแบบแค่ 2 – 3 คนแล้วก็มีไฮโซอีกนิดหน่อย เท่านั้นแหล่ะแม่แกถามรายละเอียดยาวจนฉันนึกว่าจะทำวิทยานิพนธ์ได้เป็นเล่ม ๆ อ้อ แล้วแม่แกยังถามว่ารู้จักลูกสาวบ้านไหนที่นิสัยดี เป็นกุลสตรีก็ให้โทรไปบอกด้วย แม่จะนัดให้ไปทานข้าวกับแกว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงนายแพทย์หนุ่มเฉลยออกมา พร้อมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่ช่างสะใจเสียนี่กระไร

                    “ห๊า!!!!!!!!!!!!! แม่โทรหาแก แล้วแกก็เล่าให้แม่ฟังเนี่ยนะ ตาย ๆ ตายแน่ ๆ ทีนี้เรื่องวุ่นตามมาอีกแน่ ฉันไม่ไปดูตัวอะไรทั้งนั้นนะโว้ย เพราะฉะนั้นพวกแกต้องช่วยฉันคิด ว่าจะทำยังไงให้พ่อกับแม่เลิกจับคู่ให้ฉัน”

                    “แกก็เลือก ๆ มาสักคนแล้วแต่ง ๆ ไปเหอะ ตามใจพ่อกับแม่แกบ้าง เขาคงอยากอุ้มหลานเต็มทีแล้ว” สิ้นเสียงของสารวัตรหนุ่ม ดอกไม้ในแจกันที่มีไว้เพื่อประกับโต๊ะก็ลอยไปหาคนให้คำแนะนำ

                    “แกจะบ้าเหรอ ใครมันจะไปยอมหาห่วงมาผูกคอตอนนี้วะ ฉันไม่ใช่ไอ้ภูนี่หว่า” อ้าว ๆ ไอ้นี่หันมาแขวะผมซะได้

                    “แต่แม่แกให้เวลาแค่ปีเดียวนะ ไม่งั้นแกเตรียมตัวโดนคลุมถุงชนได้เลย ฉันรู้สึกว่าแม่แกเอาจริงว่ะงานนี้” นายแพทย์หนุ่มยังต่อบทสนทนาต่อไป

                    “เออ ๆ รู้แล้ว เนี่ยฉันก็กลุ้มอยู่นี่ ปีนึงต่อจากนี้ต้องใช้ชีวิตโสดให้คุ้ม พร้อมกับแผนหนีงานแต่งให้ได้ กะว่าครบกำหนดจะหนีไปคุมสาขาที่ต่างประเทศแทนให้แม่ลืม ค่อยกลับมา”เสียงดังขึ้นอย่างหมายมาดว่าจะหนีงานแต่งในครั้งนี้แน่นอน

                   “ช่างมันไว้ก่อนวันนี้มาเที่ยวผ่อนคลายอย่าเอาเรื่องรกสมองมาคุยเดี๋ยวเครียด อ้าว ชนดีกว่า” น้ำเสียงติดจะร่าเริง เพียงเพราะตัดความกังวลเรื่องงานแต่งทิ้งไป ไตรทศมันเครียดอะไรได้ไม่นานหรอกครับเนื่องจากเป็นคนเฮฮา สนุกสนาน มาแต่ไหนแต่ไร เรื่องพวกนี้มันคงจัดการเองได้แหล่ะ นี่แค่คงหาเรื่องมาให้เรารวมตัวกันได้เท่านั้นเอง

                    จากนั้นมาเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนก็ถูกเล่าถ่ายทอดออกมาให้แต่ละคนฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นายแพทย์หนุ่มต้องเข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารบอร์ดของโรงพยาบาลเอกชนของครอบครัว หรือเรื่องคดีต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสารวัตรหนุ่ม รวมถึงเรื่องการขยายกิจการของอธิปที่กระจายไปอีกหลายแห่งทั่วประเทศ

                    “สวัสดีค่ะ หนุ่ม ๆ ขอไลลา นั่งด้วยคนได้ไหมดคะ” เสียงหวานใสมาพร้อมกับร่างของหญิงสาว ซึ่งแต่งกายด้วยเดรสสีดำรัดรูป อวดทรวดทรงองค์เอว พร้อมทั้งหน้าอกหน้าใจ ออกมาโชว์ให้หนุ่ม ๆ ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้มองเหลียวหลังกันไปเลยทีเดียว

                    “อ้าว ไลลา วันนี้ดีใจจังที่ได้เจอคุณที่นี่ นับว่าเป็นโชคของผมแล้ววันนี้ เชิญนั่งตรงนี้เลยครับ” เสียงของไตรทศดังขึ้นพร้อมกับลุกให้หญิงสาวนั่งแทนที่ตัวเอง แต่เจ้าตัวขยับไปห่างไปนิดนึงพอให้ร่างบอบบางนั้นแทรกกายลงไป โซฟาหนานุ่มเหลือพื้นที่น้อยนิดแต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็สามารถเบียดเอาตัวเองลงไปนั่งจนแทบจะเกยตักของชายหนุ่มลูกเสี้ยว

                    “ไลลาสิคะที่ต้องเป็นฝ่ายดีใจ ไม่เห็นหนุ่ม ๆ พร้อมหน้าพร้อมตากันมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ไลลาโชคดี คงมีผู้หญิงหลายคนอิจฉาไลลาแน่นอน ที่ได้มานั่งโต๊ะที่ห้อมล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อ พราวเสน่ห์ทั้ง 5 คน” หญิงสาวพูดพลางยิ้มโปรยให้ทุกคนในวงสนทนา

                    “งั้นไลลาต้องดื่มให้พวกเราแล้วล่ะครับ เพราะว่าคงอีกนานกว่าจะได้มาเจอกันแบบนี้อีก” เสียงทุ้มของเจ้าของผับดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาว พร้อมกันนั้นก็ยื่นแก้วเครื่องดื่มสีสวยที่บริกรเพิ่งยกมาวางไว้ให้

                    “แหม ยังไม่ทันไรเลยคุณอธิปจะแกล้งมอมเหล้าไลลาแล้วเหรอคะ แต่อย่างนี้ไลลายอมให้มอมเลยเพราะอยู่ท่ามกลางหนุ่มโสดทั้ง 5 ที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ ในเมืองกรุง” ไลลาส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้กับอธิปที่ยื่นแก้วเครื่องดื่มมาให้

                    เรานั่งคุยกันไปก็เริ่มมีคนรู้จักเข้ามาทัก และในบรรดานั้นก็มีหญิงสาวหลายคนเข้ามาขอชนแก้วเครื่องดื่มกับพวกผม ผมนั่งมองดูเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้ต่างก็ได้หญิงสาวมานั่งเคียงข้างกันหมดทุกคนเว้นแต่ผมคนเดียว ซึ่งผมไม่อยากไปต่อกับผู้หญิงคนไหนเนื่องจากต้องรีบกลับบ้าน

                    “แหม คุณภูไม่สนใจใครเลยหรือคะวันนี้ นั่งเงียบเชียว สาว ๆ แวะมาทักทายตั้งหลายคนต้องเสียใจกลับไปกับการที่ต้องเจอคำปฏิเสธของคุณภูนะคะ” เสียงหญิงสาวข้างกายนายแพทย์หนุ่มเอ่ยเย้าออกมา

                    “ไม่ดีกว่าครับ ผมต้องรีบกลับบ้าน นี่ก็ทิ้งให้ลูกอยู่กับพี่เลี้ยง” ไม่อยากอธิบายอะไรมากครับแค่นี้ก็น่าจะรู้กันแล้วว่าผมเป็นคนมีครอบครัวและผมก็รักลูกชายมากเกินกว่าจะหาผู้หญิงใหม่มาเป็นภรรยาและมาเป็นแม่ของลูกผม

                    “อย่าไปยุมันเลยครับแพรว ไอ้ภูตอนนี้มันเป็นฤาษีจำศีลไปแล้ว ปล่อยให้มันเป็นพ่อที่ดีของน้องฟ้าต่อไปอย่างนั้นแหล่ะครับ ว่าแต่จะกลับเลยหรือเปล่าภู พวกฉันจะไปต่อกันแล้ว” แหม ๆ ไอ้สารวัตรพอได้สาวเข้าหน่อยจะทิ้งเพื่อนแล้วสิ แต่ดูแล้วตอนนี้ทุกคนคงอยากพาสาว ๆ ในอ้อมแขนไปต่อกันแล้วละครับ

                    “อืม กลับเลยก็ได้ นี่ก็ดึกแล้วไม่อยากกลับดึกกว่านี้” ผมตกลงว่าเราจะแยกย้ายกันเวลานี้ เพราะต่างคนต่างมือไม้ไม่อยู่สุขแล้วล่ะครับตอนนี้

                    “งั้นค่อยเจอกันใหม่มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน   อ้อ ...ไอ้ทศเรื่องของแกเอาไว้ก่อนแล้วกันตอนนี้ฉันไม่ว่าง แกก็พยายามหาทางแก้ปัญหาไปเองก่อนนะ ถ้าฉันว่างแล้วจะบอกแกละกัน ฉันไปก่อนละ” ผมบอกลาพวกเพื่อนๆ แล้วเดินออกมาเพื่อกลับบ้าน  เดินไปก็นึกขึ้นได้ว่าวันพรุ่งนี้น้องฟ้าอยากไปเที่ยวสวนสนุกและผมก็ตกลงกับลูกไว้แล้วว่าจะพาไปเนื่องจากช่วงหลายเดือนมานี้งานยุ่งจนไม่มีเวลาพาน้องฟ้าไปไหนเลย คงต้องรีบนอนแล้วรีบตื่นแต่เช้า



*****************************************************************

หอใหม่ทำไมนอนไม่ค่อยหลับเหมือนหอเก่าเนอะ

ต้องปรับตัวเองอีกนานพอดูกว่าจะชินกับที่อยู่ใหม่



วันนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มมาอีกคนนึง หนุ่มหล่อ บ้านรวยซะด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 12 เรื่องยุ่งๆของหนุ่มลูกเสี้ยว @22-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-08-2016 09:39:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 12 เรื่องยุ่งๆของหนุ่มลูกเสี้ยว @22-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 23-08-2016 21:01:55
อยากอ่านน้องฟ้า....
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 13 สะกดรอยตาม @25-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 25-08-2016 17:38:46
ตอนที่ 13 สะกดรอยตาม


                    “น้ากันต์ พรุ่งนี้วันเสาร์น้ากันต์ไม่ต้องทำงานใช่ป่ะ” เสียงหลานชายตัวอ้วนเอ่ยถามขณะที่เรานั่งดูโทรทัศน์ทำให้ผมต้องหันไปมองตุลย์ที่ตอนนี้มานั่งเกาะแขนผม

                    “อืม พรุ่งนี้หยุดว่าแต่ถามทำไม” ผมหันไปมองตุลย์

                    “พรุ่งนี้เราไปสวนสนุกได้ไหมน้ากันต์ ตุลย์ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ” ใบหน้ากลมกิ๊กของไอ้อ้วนมองขึ้นมาสบตากับผมที่มองทางเจ้าตัว

                    “ร้อนจะตาย ไม่ไปหรอก นอนอยู่บ้านดีกว่าไม่เหนื่อยด้วย แดดแรงตุลย์ไม่ชอบแดดนี่แล้วคิดยังไงจะไปตากแดดเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก”

                    “ก็ตุลย์ได้ยินน้องฟ้าคุยกับพ่อของน้องว่าพรุ่งนี้บ้านโน้นเขาจะไปเที่ยวสวนสนุกกัน เราตามไปได้ป่ะ ตุลย์อยากไปเที่ยวกับน้องฟ้า นะ น้ากันต์นะ”

                    “นี่กะจะตามคนบ้านโน้นไปจริง ๆ เหรอ เดี๋ยวไปเจอเขาจะว่าเอาได้หรือเปล่า เขาอาจจะอยากเที่ยวกันสองคนพ่อลูกก็ได้นะ” ผมเริ่มคิดตามว่าถ้าเราตามไปด้วยเวลาคุณภูเจอหน้าพวกเราจะทำหน้ายังไง ก็น่าสนุกดี หาอะไรทำแก้เบื่อดีกว่า อีกอย่างไปเล่นเครื่องเล่นคลายเครียดก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ไปสวนสนุกนานแล้ว

                    “ก็ได้ แต่ว่าถ้าร้อนอย่าบ่นให้พากลับบ้านล่ะรู้หรือเปล่า” สรุปเราตกลงจะไปเที่ยวสวนสนุกตามคนข้างบ้านกันครับ
                    “อ้อ แล้วตุลย์อยากกินอะไร พรุ่งนี้เราจะตื่นมาทำอาหารไปปิกนิกกันด้วยดีไหม” ผมคิดว่าเราน่าจะทำอาหารไปเองดีกว่าไปซื้อแพงด้วยแล้วก็ไม่อร่อยอีกต่างหาก

                    “เอาแฮมเบอร์เกอร์ แซนวิช ไก่ทอด โดนัทด้วยได้ไหมน้ากันต์” รายการอาหารร่ายออกมาจากปากเล็ก ๆ ยาวเหยียด ยัง ๆ ยังทำท่านึกอีกแค่นี้ก็พอแล้วมั้งอ้วน

                    “ได้สามอย่างแรก แต่โดนัทงดเปลี่ยนเป็นผลไม้ดีกว่านะ แต่ว่าพรุ่งนี้เช้าตุลย์ต้องลุกมาช่วยน้ากันต์เตรียมของด้วย ถ้าไม่ช่วยน้ากันต์ก็ไม่ทำให้หรอกนะ” ผมยื่นข้อเสนอเพื่อที่จะให้ตุลย์รู้จักการทำอาหารง่าย ๆ เผื่ออนาคตจะได้ทำเป็น

                    “ครับผม แต่น้ากันต์ต้องมาปลุกตุลย์เองนะ เผื่อตุลย์นอนเพลิน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก ก็ต้องเป็นแบบนนั้นอยู่แล้วล่ะครับ เรานั่งดูโทรทัศน์กันอีกพักใหญ่จึงได้พากันขึ้นนอนเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำอาหารไปปิกนิกกันที่สวนสนุกแต่เช้า

                    ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เดินไปเปิดประตูห้องนอนเล็กเพื่อจะปลุกตุลย์ เดินเข้าไปเห็นแต่ก้อนกลม ๆ บนเตียงนอนแอร์เย็นฉ่ำเพราะเจ้าตัวเป็นพวกขี้ร้อน  ผมเดินไปปิดแอร์จากนั้นจึงหันกลับมายังก้อนผ้าห่มลายนกโกรธสีแดง

                    “ตุลย์ตืนได้แล้ว ต้องมาช่วยน้ากันทำอาหารนะลืมหรือยัง” สิ้นเสียงผมก็มีเสียงตอบรับลอยออกมาจากใต้ผ้าผืนหนานุ่มพร้อมหัวเล็ก ๆ โผล่ออกมา ผมเผ้าฟูตายังลืมไม่ขึ้นเลยนะนั่นน่ะ

                    “ตื่นแล้วน้ากันต์ แต่ทำไมตามันไม่เปิดอ่ะ” เสียงอู้อี้ดังออกมาผมได้แต่เอื้อมมือไปจับใบหน้ากลมแล้วเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งแหวกตาที่ปิด ๆ นั้นออกให้แสงส่องเข้าไปแกล้งหลานเล่น ๆ

                    “อ๊าๆๆๆ  แสงเข้าตาอ่ะน้ากันต์ แกล้งตุลย์ทำไมเนี่ย”

                    “น้าช่วยให้ตื่นง่าย ๆ หรอกน่า ตื่นไปล้างหน้า แปรงฟันได้แล้ว จะได้ลงไปทำอาหารไปปิกนิกกัน เสร็จแล้วตามลงไปนะ” ผมว่าแล้วก็ลุกจากเตียงเดินออกมาจากห้องนอนเล็ก เพื่อลงไปเตรียมของที่หลานชายอยากทานเป็นอาหารกลางวันที่สวนสนุก

                    ผมเปิดตู้เย็นเลือกของที่เป็นส่วนประกอบของเมนูวันนี้ออกมา หมูบดที่หมักไว้ตั้งแต่เมื่อคืนอยู่ในกล่องพลาสติก รวมถึงบรรดาผัก ผลไม้ทั้งหลาย สักพักก็ได้ยินเสียงวิ่งดังมาทางห้องครัวพร้อมพาร่างอันอวบอ้วนมาหยุดข้าง ๆ

                    “ตุลย์พร้อมแล้วลงมือกันได้เลยน้ากันต์”

                    “โอเค ตุลย์เอาหมูบดในกล่องไปปั้นเป็นก้อนกลม ๆ นะไม่ต้องใหญ่มากวัดขนาดจากขนมปังที่จะทำเบอร์เกอร์เอาเท่านั้นแหล่ะ”  ผมเลื่อนกล่องหมูบดให้หลานชาย พร้อมบอกว่าต้องทำอย่างไร     ส่วนตัวผมเตรียมส่วนผสมของไส้แซนวิชซึ่งผมกะไว้ว่าจะทำสัก 3 ชนิด

                    เราใช้เวลาชั่วโมงกว่าในการเตรียมอาหาร ซึ่งก็มีเบอเกอร์หมู แซนวิชทูน่า แฮมชีส ปูอัดมายองเนส รวมถึงผลไม้ที่ตัดแต่งใส่ในกล่องพลาสติก มีน้ำเปล่ากับน้ำผลไม้อีกด้วย ทั้งหมดถูกจัดใส่ลงไปในตะกร้าใบเขื่องที่ยกแล้วก็น้ำหนักเยอะเอาการทีเดียว

                    “เสร็จแล้ว เรากินมื้อเช้ากันก่อนแล้วกัน ของตุลย์แค่ซีเรียลกับผลไม้ พอไหม”

                    “ขอกล้วยหอมหั่นใส่ไป 2 ลูกนะน้ากันต์เดี๋ยวไม่อิ่ม” มีเสียงเรียกร้องขอเพิ่มผลไม้ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะของพวกนี้เรามีติดบ้านอยู่แล้ว ส่วนผมจัดการแซนวิชไปสองชิ้นกับพร้อมนมสดหนึ่งแก้วใหญ่พอ

                    “ได้ กินเสร็จจะได้ไปอาบน้ำเตรียมตัว  แล้วบ้านโน้นเขาจะออกไปกันตอนกี่โมงรู้ป่ะ” ผมมองไปทางบ้านข้าง ๆ ภายในบ้านยังคงเงียบเชียบเหมือนเดิม

                   “ไม่รู้สิครับ ได้ยินแค่น้องฟ้าคุยกับพ่อเบา ๆ อ่ะ จะไปแอบฟังใกล้ ๆ ก็ไม่ดี” นี่ขนาดการแอบฟังเป็นมารยาทที่ไม่ดีนะไอ้อ้วนยังได้ยินว่าเขาจะไปเที่ยวกันแล้วมาตะล่อมขอแอบตามไปด้วยเลย

                   “อืม ไม่เป็นไรแค่เตรียมตัวรอก็พอ เดี๋ยวพอบ้านโน้นออกไปแล้วเราค่อยขับรถตามไปห่าง ๆ เพราะจะได้ไม่เป็นที่สังเกตละกัน” ผมคิดไปพลางคิดว่ถ้าไปเจอกันที่สวนสนุกแล้วจะทำยังไงต่อดี จะโดนร่างสูงสาดสาตาอำมหิตใส่หรือเปล่า แต่ช่างสิสวนสนุกใครจะไปก็ได้นิ ไม่ใช่ของตัวเองสักหน่อย

                    ตอนนี้เราสองคนน้าหลานก็พร้อมที่จะแอบตามคนบ้านโน้นแล้วล่ะครับอาหารจัดใส่รถไว้เรียบร้อย จึงได้แต่นั่งอยู่ในบ้านมองสถานการณ์ทางบ้านหลังใหญ่ เห็นแต่คนขับรถนำรถยนต์คันงามออกมาจอดอยู่หน้าบ้านคงใกล้ได้เวลาที่สองพ่อลูกจะออกจากบ้านแล้วละครับ

                    โอ๊ะ ออกมากันแล้วครับ ร่างสูงของคุณภูอุ้มน้องฟ้าออกมาจากบ้าน มองไกล ๆ ไม่รู้หรอกครับได้แค่เห็นแล้วรับรู้ว่าเป็นร่างของคนที่เราต้องการสะกดรอยตามเท่านั้นเอง  ร่างสูงจัดการให้น้องฟ้านั่งข้างคนขับ แล้วตัวเองก็เดินไปเปิดประตูคนขับ จากนนั้นรถยนต์คันงามก็เลื่อนตัวออกจากหน้าบ้าน 

                    “ตุลย์เตรียมตัวไปกันได้ล่ะ บ้านโน้นออกรถมาแล้ว เดี๋ยวเราตามไปห่าง ๆ นะ ตอนไปถึงที่สวนสนุกแค่ทำเป็นว่าเราบังเอิญมาเจอกันเท่านั้น  แสดงให้เนียนเข้าไว้นะ ห้ามบอกว่าแอบตามมาเป็นอันขาด เข้าใจไหม” ผมนัดแนะกับตุลย์เพื่อให้สมบทบาท ว่าเรามาเล่นกันตามประสาน้าหลานเท่านั้น

                    “รับทราบ ปฏิบัติครับผม” เสียงรับคำอย่างแข็งขันพร้อม ตะเบ๊ะแบบทหารรับคำสั่ง  พอรถของคุณภูแล่นผ่านบ้านเราไป  ผมถึงค่อย ๆ ออกตัวรถยนต์ของตัวเองบ้าง ขับไปเรื่อย ๆ เปิดเพลงฟังชิว ๆ ไอ้อ้วนร้องตามเพลงที่ผมเปิดดูแล้วท่าทางจะอารมณ์ดีจริง ๆ นะ ที่จะได้ไปสวนสนุก

                    สวนสนุกที่เราจะไปอยู่นอกเมือง แต่วันนี้วันเสาร์ใช้เวลาไม่นานเท่าไร ผมก็เลี้ยวรถเข้ามาภายใน ลานจอดรถกว้างขวางเพื่อรองรับจำนวนของนักท่องเที่ยวในวันหยุด ตอนนี้ก็เริ่มมีรถจอดอยู่ประปรายเนื่องด้วยเรามากันแต่เช้าเพราะกลัวรถติดและอากาศร้อน

                    มองเห็นรถยนต์คันงามของอีกฝ่ายจอดสนิทไปเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงเดินลงไปทางประตูที่นั่งข้างคนขับ เพื่อเดินไปรับร่างเล็กของลูกชายลงจากรถ  มองไกล ๆ ก็เห็นร่างสูงจัดการสวมหมวกให้ร่างเล็กของลูกชาย แล้วอุ้มร่างน้อย ๆ นั่นเดินไปทางประตูทางเข้าสวนสนุก ผมเลยหันไปคว้าเอาหมวกมาสวมให้ตุลย์บ้าง พร้อมกันนั้นก็คว้าเอาตะกร้าปิกนิกมาถือไว้  จากนั้นเราสองน้าหลานก็เดินช้า ๆ ไปทางที่สองพ่อลูกตระกูลอุตตมโภคิน ยื่นเข้าคิวเพื่อรอซื้อบัตรเข้าสวนสนุก

                   “เดี๋ยวเรารอให้น้องฟ้ากับพ่อเข้าไปก่อนนะ แล้วเราค่อยตามเข้าไปให้ทิ้งห่าง ไม่งั้นเขาจะรู้ว่าเราแอบตามมาด้วย” ผมเดินแอบ ๆ ไปตามรถยนต์แล้วหยุดอยู่ที่รถคันใหญ่คันหนึ่งที่บังเราสองคนน้าหลานไว้จากสายตาของชายหนุ่มร่างสูง จนกระทั่งสองคนพ่อลูกซื้อบัตรแล้วเดินหายลับไปจากสายตาของผมนั่นแหล่ะ ผมเลยเดินจูงมือตุลย์ไปเข้าคิวซื้อบัตรเป็นรายต่อไป
ได้บัตรแล้วผมก็ดูแผนที่ว่าบริเวณนี้มีอะไรบ้างที่พอจะให้หลานชายตัวเล็กเล่นได้เพราะเครื่องเล่นเกือบทุกชนิดมีการกำหนดความสูงหรืออายุของผู้เล่นเอาไว้เพื่อความปลอดภัย   เมื่อได้แผนที่มาอยู่ในมือ ผมก็หันไปทางตุลย์เห็นท่าทางของหลานตื่นเต้นแล้วก็ยิ้มตาม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ตุลย์ได้มาเที่ยวสวนสนุก ส่วนตัวผมเองก็นานแล้วครับที่ไม่ได้มาเที่ยวที่แบบนี้

                    “ตุลย์อยากเล่นอะไรก่อนไหม หรือเราจะเดินดูรอบ ๆ ก่อนถ้าเห็นอะไรอยากเล่นแล้วตุลย์เล่นได้ก็บอกน้ากันต์นะ เดินเล่นกันสัก ครึ่งชั่วโมงค่อยเดินตามหาน้องฟ้า คงไปไม่ไกลหรอก”

                    “เดินเล่นก่อนนะน้ากันต์ เดี๋ยวค่อยไปเล่นพร้อมน้องฟ้า” เจ้าตัวหันมายิ้มตาหยีใสพร้อมกับดึงมือผมให้ออกเดินตามไปด้วย ผมเลยได้แต่เดินตามแรงดึงของตุลย์ไปด้วย

                    เราเดินเล่นกันไปถ่ายรูปกันไปตลอดทาง เหลื่อเริ่มซึมออกมาทางขมับของตุลย์ผมเลยยื่นผ้าเช็ดหน้าไปซับให้ดูท่าจะร้อนขึ้นมาแล้วล่ะสิ  เดินไปได้สักพักก็เห็นร่างสูงกับร่างเล็ก ๆ ของน้องฟ้า ยืนเข้าคิวเพื่อจะเข้าไปยังเมืองเทพนิยาย ไอ้อ้วนของผมพอเห็นน้องฟ้าก็หันมามองหน้าผมครั้งนึง พอผมพยักหน้าให้ก็ขาสั้น ๆ ก็เริ่มออกวิ่งไปทางประตูเข้าเมืองเทพนิยายที่มีสองพ่อลูกยืนอยู่

                    ผมเลยเดินตามเพื่อให้ทันตุลย์ เสียงเรียกน้องฟ้าของตุลย์ดังพอที่จะทำให้สองพ่อลูกหันมาตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นใครเรียกเท่านั้น น้องฟ้าก็ยิ้มทั้งตาทั้งปาก พร้อมก้าวเข้ามาหาร่างอ้วน ๆ ที่หยุดยืนหอบหน่อย ๆ ที่ข้าง ๆ ผมจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงนั้นด้วย

                    “น้ากันต์กับตุลย์มาด้วยเหรอครับ แต่ทำไมไม่บอกว่าจะมาสวนสนุกอ่ะ ฟ้าจะได้บอกให้มาด้วยกัน” เสียงของน้องฟ้าทักอย่างยินดีที่เห็นตุลย์

                    “ก็น้ากันต์ไม่รู้นี่ครับว่าน้องฟ้าจะมาเที่ยว นี่สัญญากับตุลย์ไว้นานแล้วว่าจะพามาเที่ยวสวนสนุกสักครั้ง เพราะตุลย์ยังไม่เคยมาเที่ยวที่แบบนี้เลย” ผมตอบกลับน้องฟ้าไป พลางเหลือบมองร่างสูงของคุณภูไปด้วย

                   “ดีเลยงั้นเดี๋ยวเราไปเที่ยวด้วยกันเลย ฟ้าจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย เล่นกับคุณพ่อไม่สนุกหรอก คุณพ่อชอบทำหน้าเฉย ไม่ยิ้มเอาซะเลย” ร่างเล็กเริ่มบ่นออกมาให้คนเป็นพ่อ

                    “ตกลงครับ น้ากันต์กับตุลย์จะเที่ยวเป็นเพื่อนน้องฟ้าเองเนอะ รับรองความสนุกแน่นอนไม่ต้องห่วง กันตพิชย์คอนเฟิร์ม” ตอบตกลงไปครับเข้าแผนพอดี รู้แหล่ะว่าถ้าน้องฟ้าเจอเราต้องขอให้เราไปเที่ยวด้วยกันแน่นอน ก็ใครจะไปอยากเล่นกะยักษ์หน้าตายล่ะครับ พูดไปก็สงสารร่างเล็ก ๆ ของน้องฟ้าไปด้วย

                    ร่างสูงที่จับจ้องสายตามาที่ผมทำเอาผมเกือบหายใจติดขัดเลยทีเดียว เมื่อเห็นว่าเราสองคนจะร่วมขบวนการเที่ยวสวนสนุกด้วย แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ เพราะน้องฟ้าชวนไปแล้ว และผมก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย  ตอนนี้ช่างร่างสูงไปสิ เราไปเล่นอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า วันนี้ขอปล่อยแก่สักวันเหอะไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้นานมาก

                    “แล้วนั่นน้ากันต์ถือตะกร้าอะไรมาด้วยครับ ใบใหญ่เชียว” สายตาของน้องฟ้าหยุดอยู่ที่มือผมที่มีตะกร้าใบเขื่องอยู่ในมือ

                    “อ๋อ นี่อาหารกลางวันทำมาปิกนิกกับตุลย์ แต่ทำมาเยอะพอสำหรับน้องฟ้ากับคุณพ่อด้วยนะ ถ้าไม่รังเกียจเดี๋ยวกลางวันเราหาที่นั่งทานกันได้” ผมยกตะกร้ามาด้านหน้าเพื่อให้น้องฟ้าชะโงกเข้ามาดู

                    “จริงเหรอครับ ดีใจจัง เนี่ยฟ้าก็บอกให้คุณพ่อเอาอาหารมาปิกนิกด้วย แต่คุณพ่อบอกว่ายุ่งยาก ให้มาหาซื้อทานเพราะสะดวกกว่า ถ้าอย่างนั้นฟ้าขอทานกลางวันด้วยนะครับน้ากันต์” น้ำเสียงยินดี พร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าส่งมาให้ผม แล้วก็หันไปทำหน้ายู่ใส่คุณพ่อของตัวเองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฝั่งพ่อจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มรับลูกชายเท่านั้น

                    “ได้อยู่แล้วครับ  แต่ว่าเราเข้าไปข้างในกันได้แล้วถึงคิวเราแล้วล่ะ” ผมว่าพลางให้เด็กทั้งสองเดินไปด้านหน้าเพื่อจะเข้าไปในเมืองเทพนิยาย

                    พอผมก้าวเดินไปก็มีมือปริศนายื่นมาเพื่อดึงเอาตะกร้าปิกนิก พอมองขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นร่างสูงเอื้อมมือมาเพื่อช่วยถือ ใบหน้าของชายหนุ่มมีความยุ่งยากปรากฏ คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ผมได้ยินเสียงจิ๊ปากจากฝ่ายเบาๆ

                    “ส่งมาให้ฉันจะช่วยถือดูท่ามันจะหนักเอาการ ไม่รู้จะเอาอะไรมามากมาย มากันแค่สองคนแต่ละคนก็ตัวเล็ก ๆ กันทั้งนั้น” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับดึงตะกร้าให้ไปอยู่ในมือของตัวเอง ผมเลยปล่อยให้ถือตามความสมัครใจ ไม่ได้ร้องขอนะครับจะมาบ่นว่าหนักทำไม ที่สำคัญอะไรคือมากันสองคนแล้วตัวเล็ก ๆ

                    “ขอบคุณครับ แต่ถ้าให้ดีช่วยถือแล้วอย่าบ่นสิครับคุณภู” ผมกล่าวขอบคุณแต่ก็ยังประชดไปสักนิด ใบหน้าเข้มหันมามองหน้าผมนิดนึงแล้วหันกลับไปเพื่อเดินตามลูกชาย ข้างในเมืองเทพนิยายก็มีปราสาทเจ้าหญิงนิทรา กระท่อมคนแคระทั้ง 7 รวมถึงรถฟักทอง เด็ก ๆ ทั้งสองคนตื่นเต้นกันมาก พร้อมกันก็วิ่งวุ่นให้ทั่ว ทำให้ผมต้องเดินตามให้ทัน

                   “น้องฟ้าอย่าวิ่งเร็วนัก เดี๋ยวจะหกล้มเอาได้นะครับ” เสียงคุณภูร้องบอกลูกชาย เพราะกลัวว่าถ้าวิ่งแล้วไปสะดุดอะไรจะเกิดอุบัติเหตุเอาได้

                   “ครับคุณพ่อ น้องฟ้าระวังตัวอยู่แล้วล่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” เสียงใสตะโกนบอกมาพร้อมกับวิ่งไปเล่นที่ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา

                   ปล่อยให้เด็กสองคนทั้งวิ่ง ทั้งเดินให้รอบแต่ผมมองหาที่นั่งแล้วได้แต่นั่งมองดูเฉย ๆ ร่างสูงเดินตามมาวางตะกร้าพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ

                   “นี่พวกนายตามฉันมาอีกแล้วใช่ไหม” ประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบออกมาจากปากคนหน้าเข้ม เมื่อหันไปก็พบว่าสายตาของร่างสูงจับจ้องที่ใบหน้าผมเขม็งทีเดียว

                    “อีกแล้วนะครับ ทำไมถึงชอบกล่าวหาว่าผมต้องตามคุณภูมาด้วยล่ะ นี่ผมก็พาหลานมาเที่ยวสวนสนุกวันหยุดเหมือนกับครอบครัวคนอื่นเขานั่นแหล่ะ” มีอีกแล้วครับประโยคปฏิเสธของผม

                    “แต่มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่า” หรี่ตามองผมอย่างจับผิด ซึ่งผมไม่มีอะไรให้จับพิรุธได้อยู่แล้ว

                    “เหตุการณ์บังเอิญมันมีอยู่มากมายนะครับ เอาน่าคุณภูก็อย่าจับผิดผมนักเลย นี่น้องฟ้าก็มีเพื่อนเล่น สนุกออกดีกว่าเล่นคนเดียวตั้งเยอะ คุณภูน่าจะให้น้องฟ้าคบเพื่อนบ้างนะครับ น้องฟ้าจะได้ร่าเริง”

                    “ทุกวันนี้ฟ้าก็มีเพื่อนพอแล้วที่โรงเรียน วันหยุดก็อยู่กับครอบครัวซึ่งก็คือฉันที่เป็นพ่อก็พอแล้ว” เสียงเข้มตอบกลับมาอย่างไม่ลดล่ะ

                    “แล้วคุณภูคิดว่าน้องฟ้าอยากมีเพื่อนสนิทบ้างไหมครับ เพราะที่โรงเรียนเพื่อนเยอะก็จริงแต่จะมีกี่คนที่รักและเชื่อใจกันอย่างหมดใจสักคน อย่างน้อยให้น้องฟ้าได้เป็นคนเรียนรู้ที่จะรู้จักคำว่าเพื่อนสนิทด้วยตัวเองดีกว่านะครับ” ผมพยายามชักแม่น้ำทั้งประเทศมาพูดให้ฟัง ร่างสูงเมื่อได้ยินสีหน้าก็ดูจะสงบขึ้นกว่าเดิมเยอะ แววตาก็ดูอ่อนขึ้นมาด้วย ผมเห็นดังนั้นก็รู้เลยว่า
ร่างสูงเริ่มจะโอนอ่อนตามคำพูดผมแล้ว และนั่นคือสัญญาณแรกที่ดีสำหรับการเป็นเพื่อนของน้องฟ้ากับตุลย์เช่นกัน

                    “ฉันก็อยากให้น้องฟ้ามีเพื่อนที่ไว้ใจได้สักคนเหมือนกันแต่ยังไงตอนนี้น้องก็ยังเด็ก อย่างน้อยก็ยังต้องอยู่ในสายตาฉัน ฉันเข้าใจว่าเราควรจะปล่อยลูกบ้าง แต่ว่าฉันก็ยังไม่วางใจเท่าไรอยู่ดี คงเพราะฉันเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่น้องฟ้ายังเล็กมาก ๆ ก็ได้ จึงห่วงมากเป็นธรรมดา”
 
                    “ผมก็เหมือนกันครับ ตุลย์ที่เสียทั้งพ่อกับแม่ไปผมก็พยายามเลี้ยงหลานให้ดีที่สุด ไม่อยากให้เขาต้องขาดความรักจากพ่อและแม่ แต่อย่างน้อยน้องฟ้าก็ยังมีคุณภูที่เป็นพ่อดูแลมาตลอด ซึ่งผิดกับตุลย์ที่มีเพียงแค่น้าอย่างผมเท่านั้น” เสียงผมสั่นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงความรู้สึกของหลานชายที่ขาดทั้งพ่อและแม่ไป แต่ตุลย์ก็เป็นเด็กเข้มแข็งหรือพยายามเข้มแข็งผมก็ไม่รู้นะ เพราะหลานชายผมร้องไห้ครั้งสุดท้ายคือวันที่ส่งทั้งพ่อและแม่ขึ้นสวรรค์ นับแต่นั้นมาผมก็ไม่เห็นน้ำตาของเจ้าอ้วนอีกเลย แม้เราจะคิดถึงคนทั้งสองก็ไม่มีใครหลั่งน้ำตาออกมาสักคนเดียว เวลาเราพูดถึงคนที่เรารักจะมีแต่รอยยิ้มเท่านั้นที่แสดงออกมาให้ต่างคนต่างเห็นเท่านั้น

                    ผมมองออกไปข้างหน้าเล่าเรื่องส่วนตัวบางเรื่องชายหนุ่มฟัง  เหมือนว่าร่างสูงจะจับความรู้สึกของผมได้ เพราะผมรู้สึกว่ามือใหญ่ของใครบางคนยื่นออกมาตบที่ไหล่ผมเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ ผมหันไปมองพร้อมด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ยิ้มออกมาให้กับชายหนุ่ม

                    “นายเก่งมากนะที่อายุเท่านี้แต่รับผิดชอบชีวิตของเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งอย่างดีที่สุด พยายามที่จะเลี้ยงดูเขาให้เติบโตอย่างมีความสุขเท่าที่คนวัยอย่างนายจะทำได้ เอามาเทียบกับฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันอายุมากกว่านายหลายปี ถ้าคิดว่าฉันต้องเลี้ยงลูกมาคนเดียวตอนอายุเท่านายอาจจะทำไม่ได้ดีเท่ากับนายก็ได้” เสียงนุ่มทุ้มออกจากริมฝีปากเข้มได้รูปของหนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นได้จากร่างสูงของคุณภู ยิ้มนั้นนับเป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกบางอย่างในอกผมเริ่มตีรวน

                   “ขอบคุณครับคุณภู แต่ผมก็ยังคิดว่าคุณภูนะเก่งที่ทั้งบริหารกิจการใหญ่โตมากมาย แล้วยังเลี้ยงน้องฟ้าให้เป็น
เด็กที่น่ารักได้ขนาดนี้” ผมเอ่ยชมคนข้างกายอย่างจริงใจนับถือในความเก่งของชายหนุ่มที่สามารถบริหารบริษัทให้เจริญใหญ่โต แล้วยังเลี้ยงลูกมาให้โตเป็นเด็กที่น่ารักในสายตาของผู้อื่น แต่นับว่าโชคดีอีกอย่างที่น้องฟ้าไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจเหมือนกับลูกเศรษฐีทั่วไปในสังคมไทย

                    “ก็เพราะเรารักลูกถึงยอมทำทุกอย่าง อยากให้เขาโตอย่างมีความสุขนั่นแหล่ะ พอเห็นน้องฟ้ายิ้มได้อย่างร่าเริงแค่นั้นฉันก็มีความสุขมากแล้ว” เสียงอ่อนโยนดังออกมาจากชายหนุ่ม

                    สายตาของร่างสูงจับจ้องไปที่ร่างเล็ก ๆ ของเด็กทั้งสองคน  รอยยิ้มของเด็ก ๆ สำหรับผมแล้วเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด และเชื่อว่าคนร่างสูงข้าง ๆ ผมก็คิดเหมือนกัน

**************************************************

มาส่งตอนใหม่ก่อนจะหนีไปทำบุญต่างจังหวัด เจอกันใหม่อาทิตย์หน้านะคะ

เราเขียนเรื่องนี้อยากให้เป็นนิยายแนวอบอุ่น

คือมีความมโนว่าอยากได้ผู้ชายรักครอบครัวมาเป็นฝาละมี

ความรักก็เหมือนกันอาจจะช้าหน่อยแต่ว่าค่อย ๆ รับรู้เข้าไปในหัวใจ 

ใครชอบแนวนี้ก็ขอให้ติดตามกันเยอะ ๆ นะคะ[/size][/size]

:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 13 สะกดรอยตาม @25-08-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 28-08-2016 17:19:24
เหย  เข้่าใจความรู้สึกเลย  :o12:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 14 หลุมดักเพิ่มความสัมพันธ์ @01-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 01-09-2016 08:53:24
                    ตอนที่ 14 หลุมดักเพิ่มความสัมพันธ์


                    เราใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการเดินเข้าออกเครื่องเล่นต่าง ๆ ภายในสวนสนุก ตอนนี้เที่ยงกว่าแล้วเด็ก ๆ คงเริ่มหิวแล้วใบหน้าเล็ก ๆ ทั้งสองมีเหงื่อผุดขึ้นมาเยอะพร้อมใบหน้าแดงระเรื่อเนื่องด้วยอากาศร้อน  เราเดินหาโต๊ะสำหรับทานอาหารกลางวันใต้ร่มไม้ใหญ่ เสียงเด็ก ๆ หัวเราะกันไม่หยุด ทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย

                    น้องฟ้านั่งอยู่ข้าง  ๆ คุณภู ตรงข้ามคือตุลย์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ผม ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ตุลย์เช็ดหน้า ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปนั่งลงใกล้ ๆ น้องฟ้าพลางยื่นมือที่มีผ้าไปซับเหงื่อบนใบหน้าเล็ก ๆ นั่น น้องฟ้าหลับตาพริ้มให้ผมบริการ ใบหน้าเล็กใสแดงระเรื่อไปด้วยอุณหภูมิของแสงแดด ผมค่อย ๆ ซับไปเรื่อย ๆ จนหมดเหงื่อ น้องฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณแล้วยิ้มให้อีกครั้ง

                    ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เอื้อมมือไปเลื่อนตะกร้าอาหารพลางยกกล่องพลาสติกบรรจุอาหารกลางวันออกมามีเด็ก ๆ นั่งมองด้วยสีหน้าคาดหวังกับอาหารที่อยู่ข้างใน  กล่องแรกที่เปิดออกมาเป็นแซนวิชหลากหลายไส้ กล่องที่สองเป็นเบอร์เกอร์หมู ยังมีกล่องของผลไม้ที่ตัดแต่งไว้เรียบร้อยแล้วอีกด้วย

                    “ล้างมือกันก่อนครับเด็ก ๆ จะได้มาทานกันมือเปื้อนกันหมดล่ะ” เปิดฝาขวดน้ำเปล่าแล้วยื่นใหคุณภูเพื่อที่จะล้างมือให้น้องฟ้า ส่วนตุลย์นะเหรอ ล้างเองครับ แค่ส่งขวดน้ำให้ก็พอ

                    ส่วนตัวผมรินน้ำผลไม้ใส่แก้วยื่นส่งให้น้องฟ้า ตามมาด้วยคุณภูแล้วจึงรินให้ตุลย์ เมื่อทั้งสามล้างมือกันเรียบร้อยแล้วก็ลงมือหยิบแซนวิชมั่ง เบอร์เกอร์มั่งทานกันอย่างรวดเร็วคาดว่าคงหิวมาก
 
                    “โห....อร่อยมากครับน้ากันต์ น้ากันต์ทำเองหรือเปล่าครับ วันหลังทำให้ฟ้าทานอีกนะครับ ฟ้าชอบ” เสียงใสอุทานออกมาหลังจากกัดแซนวิชเข้าไปคำโต

                    “ครับ ตื่นมาทำตั้งแต่เช้า นั่นตุลย์ก็ช่วยด้วยนะ เป็นยังไงอร่อยมากไหม”

                    “นี่ ๆ น้องฟ้า เบอร์เกอร์นี่ตุลย์ปั้นเองเลยนะ ลองทานดู อร่อยระดับเชลล์ไม่ต้องชวนก็ต้องมาชิม” ไอ้อ้วนบรรยายสรรพคุณอาหาร ที่ตัวเองช่วยทำด้วย แหม ๆ แค่ปั้นหมูเอง มันจะไปอร่อยได้ไง ต้องคนปรุงอย่างผมนี่ แต่ผมก็ปล่อยให้เจ้าตัวเอาหน้ากับน้องฟ้าไป

                   “ตุลย์เก่งจัง ฟ้าอยากทำอาหารเป็นมั่ง แต่ไม่เคยมีใครให้ฟ้าช่วยทำเลย บอกแต่ว่าให้อยู่เฉย ๆ ฮึ” เสียงเล็ก ๆ บ่นออกมากระปอดประแปด

                   “วันหลังน้องฟ้าไปบ้านตุลย์นะ เดี๋ยวตุลย์ให้น้ากันต์สอน เราจะได้มาทำอาหารทานกันบ่อย ๆ” ตุลย์ออกปากชวนน้องฟ้าไปเล่นที่บ้านแล้วครับ คาดว่าเจ้าตัวคิดไว้ในใจแน่เลย  ผมว่านะหลานผมเนี่ยไม่ต้องให้ผมช่วยหรอกเรื่องที่จะจีบน้องฟ้า เพราะตอนนี้เจ้าตัวหาเรื่องเจอน้องฟ้าอย่างเนียน ๆ ได้เลยนะเนี่ย

                    “ได้จริงเหรอ ไป ๆ ฟ้าอยากทำอาหารให้พ่อทาน คุณพ่อให้ฟ้าไปฝึกทำอาหารที่บ้านน้ากันต์นะครับ” น้ำเสียงดีใจอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังหันไปยิ้มอ้อนขอพ่อตัวเองอีกด้วย

                    “ให้พี่พลอยสอนก็ได้นี่นา เดี๋ยวจะไปรบกวนบ้านโน้นเขามากกว่านะครับน้องฟ้า” เสียงทุ้มของคุณภูตอบกลับมาทำให้หน้าคนอ้อนหม่นลงนิดหน่อยแต่ยังไม่วายบ่นออกมา

                    “ก็พี่พลอยทำไม่อร่อยเท่าน้ากันต์นี่นา นะครับ ฟ้าอยากทำให้คุณพ่อทานจริง ๆ ไม่รบกวนน้ากันต์สักหน่อย ตุลย์ก็ชวนแล้วด้วย”

                    “ไปได้ครับน้องฟ้า ไม่กวนอะไรเลย คุณภูให้น้องไปเล่นที่บ้านผมบ่อย ๆ ก็ได้ ตุลย์จะได้มีเพื่อนเล่น แล้วอีกอย่างบ้านเราก็ไม่ได้ไกลกันสักหน่อย รั้วติดกันขนาดนี้” ผมยิ้มให้น้องฟ้าแล้วบอกอนุญาตออกไปอย่างยินดี ทำให้ร่างสูงจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่ถึงอย่างไรผมก็ต้องเพิ่มระดับความสัมพันธ์ของหลาน ๆ ให้ได้ แค่ไปเล่นที่บ้านมันจะอะไรนักหนากันเชียว

                   “วันเสาร์หรือวันอาทิตย์คุณภูก็ไปส่งน้องฟ้าไว้ที่บ้านผมก็ได้ครับ ผมช่วยดูแลเด็ก ๆ เอง ดีกว่าให้เด็กอยู่บ้านเฉย ๆ หากิจกรรมให้ทำจะได้ผ่อนคลายด้วยดีไหมครับ”

                   “ฉันยังไม่รับปากแล้วกัน ถ้าน้องฟ้าอยากไปจริงๆ ค่อยว่ากันทีหลัง ถ้าพ่อว่างวันไหนน้องฟ้าค่อยไปแล้วกันนะครับ เดี๋ยวพ่อไปส่งหรือไปด้วย” ตอบผมเสร็จก็หันไปทางน้องฟ้า เมื่อได้ยินคำตอบของคุณภูน้องฟ้าก็สีหน้าดีขึ้นมาแล้วทานอาหารต่อไป

                   มือเล็ก ๆ ของเด็กทั้งสอง หยิบนั่นนี่เข้าปากไม่หยุด แต่ทั้งสองก็ทานกันอย่างเรียบร้อยมีบ้างที่ซอสเลอะมุมปากหรือเศษขนมปังร่วงหล่น แต่ก็มีมือของร่างสูงเช็ดให้ตลอดการทานอาหาร ซึ่งอาการนี้ทำให้บรรยากาศระหว่างสองครอบครัวเริ่มจะเข้ากันได้อย่างดี

                  ส่วนตัวผมก็ทานไปเรื่อย ๆ แต่ตุลย์นะเหรอครับอย่าไปห่วงเลยรายนั้นไม่มีพูดจาอะไรหรอก หยิบอะไรเข้าปากก็เคี้ยว ๆ กลืน ๆ

                 “คุณภูลองเบอร์เกอร์สิครับ อร่อยนะ น้องฟ้ายังชอบเลย ผักข้างในก็สดกรอบ อ่ะ” ผมยื่นเบอร์เกอร์ชิ้นไม่ใหญ่นักให้คุณภู รายนั้นเงยหน้ามามองผมสลับกับมองเบอร์เกอร์ที่จ่ออยู่ข้างหน้าเกือบถึงปากได้รูปของเจ้าตัว

                 “สิครับ อร่อยจริง ๆ ไม่หลอกแน่นอน ทานแล้วท้องไม่เสีย รับรองว่าชิ้นเดียวคุณภูต้องขอเพิ่มแน่นอน เชื่อผมสิ อ่ะ รับไปสักทีสิเมื่อยแล้วนะ”

                 เมื่อสิ้นเสียงบ่นของผมมือใหญ่ก็ยื่นออกมารับเบอร์เกอร์  หยุดมองของในมือนิดนึงแล้วยกขึ้นมากัดคำเล็ก ๆ ไอ้ผมก็ลุ้นว่าคุณภูจะไม่ชอบ แต่ผิดคาดสีหน้าที่ได้ทานเบอร์เกอร์เข้าไปแล้วนั้นมีร่อยรอยของความพอใจอยู่ พอเห็นว่าร่างสูงจัดการเบอร์เกอร์เข้าไปแล้ว ผมก็ถอนใจอย่างโล่งอก

                 “เห็นไหมบอกแล้วว่ามันอร่อย ถึงคุณภูจะไม่ชอบอาหารจั๊งฟูดส์พวกนี้ก็เหอะ แต่ถ้าเราทำให้มีประโยชน์สำหรับเด็ก ๆ แล้วบางอย่างมันก็จะช่วยให้เด็ก ๆ ทานได้มากขึ้นด้วยนะครับ เพราะว่าเราทำเอง เลือกส่วนผสมที่ดีและมีคุณค่าเอง ของแบบนี้แหล่ะทำให้เด็ก ๆ อยากอาหารมากกว่าปกติ นาน ๆ ทานทีไม่เป็นไรหรอกครับเปลี่ยนบรรยากาศซะมั่ง  แล้วนี่คุณภูว่าน้องฟ้าทานได้มากกว่าปกติหรือเปล่า”  อธิบายไปผมก็หวังว่าร่างสูงจะเข้าใจอารมณ์เด็ก ๆ อยากทานอาหารฟาสต์ฟู้ดบ้างนะครับ

                 “ฉันไม่ค่อยให้น้องฟ้าทานอาหารพวกนี้เพราะเห็นว่ามันมีแต่แป้ง แล้วไขมันไม่ค่อยดีต่อเด็กเท่าไร แล้วก็แม่ครัวที่บ้านก็ทำอาหารพวกนี้ไม่เป็น เลยไม่รู้ว่าน้องฟ้าอยากทาน เพราะน้องฟ้าก็ไม่เคยเรียกร้องว่าอยากทานอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” ร่างสูงคิดตามไปด้วย

                  “ก็คุณภูเล่นให้น้องฟ้าทานอาหารให้ครบ  5 หมู่แบบเคร่งครัด น้องฟ้าจะกล้าบอกเหรอครับว่าอยากทานอาหารแบบนี้บ้าง แต่เด็ก ๆ อยากทานกันทุกคนแหล่ะ แต่เราก็ต้องเลือกให้ดีด้วย บางร้านใช้ของคุณภาพดี บางร้านใช้ของไม่ดีก็มีคละเคล้ากันไป”

                   “คุณพ่อฟ้าอยากทานเบอร์เกอร์นานล่ะ แต่ไม่กล้าบอกเพราะคุณพ่อบอกว่าของพวกนี้ไม่มีประโยชน์ ทานแล้วทำให้เสียสุขภาพ” น้องฟ้าหันไปสารภาพกับคุณภูด้วยเสียงเบา ๆ

                  “แล้วทำไมน้องฟ้าไม่บอกพ่อครับ ถ้าน้องฟ้าอยากทานพ่อพาไปทานที่ร้านอาหารในโรงแรมที่เขาทำอร่อย ๆ ก็ได้ทีหลังอยากทานอะไรให้บอกพ่อนะครับ ที่พ่อบอกว่าไม่อยากให้ทานอาหารฟาสต์ฟู้ดไม่ได้หมายความว่าห้ามเลย แต่ถ้าอยากทานเราต้องไปที่ร้านที่ใช้ของมีคุณภาพมาทำอาหารครับ เข้าใจนะ” คุณภูกำชับน้องฟ้าว่าต่อไปต้องบอก ผมเห็นการเอาใจใส่ของคุณภูแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาในใจ

                    “ครับ ต่อไปฟ้าจะบอกคุณพ่อตลอดเลยนะ แล้วคุณพ่อก็ต้องมีเวลาพาฟ้าไปด้วย ถ้าอย่างนั้นฟ้างอนจริง ๆ นะครับ” เสียงเล็ก ๆ อ้อนออกมา ทำให้คนเป็นพ่อได้แต่ยิ้มรับรอยยิ้มใส ๆ ของน้องฟ้า

                   “ทานกันให้หมดดีกว่านะครับ จะได้นั่งพักย่อยอาหาร เดี๋ยวไม่ทันตุลย์นะ ดูสิอะไรใกล้มือตุลย์เนี่ยเกือบหมดแล้วนะ น้องฟ้าช้าตุลย์ทานหมดก่อนแน่ ๆ”

                    จากนั้นมหกรรมการแย่งชิงอาหารกลางวันก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังมืออาหารมีผลไม้หลากหลายนอนอยู่ข้างในกล่องพลาสติก มีส้อมเล็ก ๆ ไว้จิ้มทาน ใช้เวลาไม่นาน อาหารที่ผมนำมาก็หมดลงไป พร้อมกับตัวอ้วน ๆ เริ่มเลื้อยหลังทานอิ่ม

                    “ตุลย์อย่าเลื้อยลุกมานั่งดี ๆ เดี๋ยวกรดไหลย้อยจะปวดท้องเอาได้ ดูอย่างน้องฟ้าสิ นั่งเรียบร้อยเชียว”

                    “ก็มันอร่อยมากนี่ กินจนอิ่มมากกกกกก เลยอ่ะน้ากันต์” เสียงไอ้อ้วนลากยาว เน้นคำว่าอิ่มมากเสียจนผมต้องหัวเราะ

                    “ทีหลังก็อย่ากินเยอะอ้วนจนน้ำหนักกินแล้วมั้งเนี่ย ต่อไปน้าว่าตุลย์ลดน้ำหนักดีกว่าเนอะ เผื่อว่าจะมีคนเหลียวมาดูบ้าง”

                     “หือออออ ไม่อาววววว ตุลย์ไม่ลด  ขนาดนี้แหล่ะดีแล้ว กำลังจ้ำม่ำ น่ารักน่าฟัดเนอะน้องฟ้าเนอะ” แหน่ะหันไปหาพวกเสียด้วย

                     “แต่มันจะอ้วนเกินไปนะตุลย์ เดี๋ยวเดินไม่ไหว หุ่นไม่ดีนะรู้ป่ะ” น้องฟ้าแย้งขึ้นมาทำให้ตุลย์เริ่มจะลังเลแล้วกับการลดความอ้วนที่ผมเสนอ

                    “ใช่ อ้วนไปไม่ดีหรอกโรคเยอะ ไขมันอุดตัน ไม่หล่อ ไม่เท่ห์ใครที่ไหนจะมาสนใจ ขนาดน้องฟ้ายังไม่ชอบคนอ้วนเลย” เป็นไงล่ะเจอไซโคเข้าไป ต้องฉุกคิดมั่งแหล่ะ

                    “แต่ตอนนี้ยังไม่อ้วนใช่ไหมน้ากันต์ แค่อวบ ๆ ใช่ไหม ๆ” ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองอ้วน ฮ่า ๆๆๆ แต่ก็ยังไม่อ้วนหรอกครับแค่อวบ ๆ กลม ๆ ตัวนิ่มไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่ต่อไปผมคงต้องให้ลดอาหารพวกแป้งแล้วล่ะ เพราะกลัวว่าต่อไปถ้าน้ำหนักมากแล้วจะลดลำบาก

                   “จริงครับตุลย์ เป็นผู้ชายเราต้องร่างกายแข็งแรง ต้องมีกล้ามเนื้อที่ฟิต เราจะได้ปกป้องคนที่เรารักได้  ที่สำคัญคือถ้าหล่อแล้วจีบใครก็ติด เชื่อเอ่อ....เอ่อ ลุงภู ได้เลย” เสียงทุ้มของคุณภูดังขึ้นมา ผมได้ยินตั้งแต่ต้นแต่ทายประโยคเนี่ยทำไมต้องอึกอักด้วยครับ ไม่รู้จะเรียกแทนตัวเองว่าอะไร ไม่อยากเป็นลุงละสิ อยากจะหัวเราะดัง ๆ แต่ติดที่เกรงใจลุงภูกลัวรังสีอำมหิตจะแผ่ซ่านออกมาจากร่างสูง จึงได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้ ส่วนคนอื่นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

                    “จริงเหรอครับลุงภู จีบใครก็ติดจริงเหรอ งั้นแค่ตุลย์ผอม หุ่นดี หล่อ ก็พอใช่ไหม” เสียงระริกระรี้พร้อมส่งสายตาอย่างมีความหวังไปหาคุณภู แล้วก็เลื่อนไปมองน้องฟ้าตอนสุดท้าย ทำเอาคุณภูมุมปากกระตุกกันเลยทีเดียว

                    “จีบผู้หญิงได้แน่นอน ผู้หญิงนะตุลย์ ผู้หญิง เข้าใจไหม” มีย้ำครับ ย้ำหลายรอบมาก

                    “ถ้าตุลย์หล่อนะ ทั้งหญิงทั้งชายตรึมเชื่อน้ากันต์”

                    “งั้นต่อไปนี้ตุลย์จะลดน้ำหนัก น้ากันต์ไม่ต้องทำกับข้าวให้อร่อยนะ เพราะถ้ามันอร่อยตุลย์จะอดใจกินเยอะเหมือนเดิมไม่ไหว เดี๋ยวไม่ลดสักที”

                    “เฮ้ยไอ้อ้วน น้าว่ามันไม่เกี่ยวกันล่ะ น้าทำกับข้าวอร่อยอยู่แล้ว ตุลย์นั่นแหล่ะต้องลดขนมขบเคี้ยวลง แป้งก็ต้องลดด้วยต่อไปกินแต่ผัก ผลไม้ โปรตีน ห้ามน้ำอัดลมด้วย”

                    “แง่ะ น้ำอัดลมก็ไม่ได้เหรอ นั่นของอร่อยเลยนะ” เริ่มเบะปากแล้ว เพราะรู้ว่าน้ำอัดลมทำให้อ้วน

                    “แน่สินั่นนะน้ำตาลทั้งนั้นนะ กินเข้าไปอ้วนแน่ เอายังไงจะลดอีกไหมน้ำหนักนะ” ผมขู่ตุลย์เล่น ๆ ไปงั้นแหล่ะครับ เพราะผมก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเริ่มจำกัดอาหารแล้วเริ่มดูแลเรื่องโภชนาการให้ดีแล้ว ตอนเด็กตามใจมากไปหน่อย อวบซะขนาดนี้ แต่คงไม่สายเกินไปหรอกครับ เราต้องทำได้

                     เรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยเพื่อย่อยอาหารไปในตัวด้วย ทางฝ่ายสองพ่อลูกตระกูลอุตตมโภคินก็นั่งหยอกกันเล่นกันไป คุณภูยกตัวน้องฟ้ามานั่งตักให้น้องฟ้านั่งพิงอกตัวเอง น้องก็ดูชอบนะครับที่ได้นั่งแบบนั้น แต่ถ้าให้ตุลย์มานั่งกับผมแบบนี้เห็นทีว่าผมคงต้องขาพิการชั่วคราวแน่

                    “แล้วเราจะไปเล่นที่ไหนต่อครับคุณพ่อ  เหลือบ้านยักษ์ เมืองหิมะ อ้อ ม้าหมุนก็ยังไม่ได้ขึ้นเลย เอ๊ะ!!! แต่เดี๋ยวมีขบวนพาเหรดนี่นา ฟ้าอยากดู เขาเดินกันกี่โมงครับ”

                    “อืม จำได้ว่าเดินช่วงบ่ายสี่โมงนะ มีเวลาพอที่จะไปบ้านยักษ์ก่อนแล้วค่อยไปดูพาเหรด หายเหนื่อยหรือยังล่ะ ใหเวลาอีก 10 นาทีแล้วเราไปบ้านยักษ์กันก่อนนะครับ” คุณภูก้มไปพูดกับน้องฟ้าที่เงยหน้าขึ้นไปถามรายการต่อไปที่จะไปเล่น

                    “ตุลย์จะไปบ้านยักษ์หรือเมืองหิมะ ฟ้าให้เลือก”

                    “ตามใจน้องฟ้าเลย วันนี้ให้น้องฟ้าเป็นคนที่ใหญ่ที่สุด ไปไหนก็ได้ที่น้องฟ้าอยากไป ตุลย์ไปได้หมด” ไอ้อ้วนของผมสปอร์ตไหมล่ะครับ ใจป๋ามาตามใจน้องฟ้าด้วย

                    “งั้นไปบ้านยักษ์ก่อนก็ได้ครับคุณพ่อ ป่ะฟ้าพร้อมแล้ว” ว่าแล้วเจ้าตัวก็กระโดดลงจากตักของคุณภู ผมเลยได้แต่จัดการเก็บกล่องพลาสติกที่ใส่อาหารลงตะกร้าตามเดิม ตอนนี้น้ำหนักหายไปหมดแล้วครับเพราะพวกเราจัดการเรียบไม่เหลือ

                    ตุลย์ก็ลงจากม้านั่งมายืนข้าง ๆ น้องฟ้า รอแล้วครับ ผมกับคุณภูจึงได้แต่ลุกตามเด็ก ๆ ออกมา ผมกำลังจะถือตะกร้าก็มีมือใหญ่ของร่างสูงยื่นเข้ามาแย่งไปถือเสียก่อน ผมเลยสบายไม่ต้องถือ แต่ก็ต้องแบบนั้นแหล่ะครับ ผมทำมาแล้วนี่นาถึงร่างสูงจะไม่รู้ว่าผมทำมาเผื่อทั้งสองคนก็เหอะ อย่างน้อยในนั้นมันก็มีส่วนของร่างสูงแหล่ะ เพราะงั้นถือไปเลย

                    “ไปกันเถอะตุลย์ คุณพ่อเดินเร็ว ๆ สิครับน้ากันต์ด้วย ไม่งั้นฟ้าจะทิ้งให้อยู่กันสองคนแล้วนะครับ”

                   “ไม่ต้องรีบก็ได้ครับน้องฟ้า เดี๋ยวจะล้มได้แผล” เสียงร้องท้วงออกไปคิดว่าลูกชายจะฟังเหรอครับ โน่นลากตุลย์เดินไปไกลแล้ว ไม่รอเราด้วย คุณภูจึงได้แต่ก้าวเท้าตามไปเร็ว ๆ นี่กลัวหลงกับลูกหรือกลัวอะไรเนี่ย

                    เดินมาทันเด็กทั้งสองคนที่หน้าประตูทางเข้า คุณภูฝากตะกร้าไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วก็เดินตามเด็ก เข้าไปข้างใน เด็ก ๆ ดูจะตื่นเต้นกับบ้านยักษ์มากเลยครับ เพราะของใช้ทุกอย่างข้างในใหญ่โตมาก  วิ่งไปด้านโน้นด้านนี้ไมหยุดเลย เสียงเรียกคุณภูให้ไปเป็นตากล้องจำเป็นให้ด้วย

                    “น้องฟ้าครับใกล้ถึงเวลาขบวนพาเหรดแล้วนะ เราออกไปรอดูกันดีกว่า” เดินเล่นกันได้สักครึ่งชั่วโมง เสียงทุ้มของคุณภูก็ร้องเรียกขึ้นมา เพื่อเตือนว่าใกล้ได้เวลาที่จะมีการเดินชบวนพาเหรดตัวละครหรือตัวการ์ตูนกันแล้ว

                    “ครับคุณพ่อ ฟ้ารู้แล้วครับ เร็วตุลย์จะได้ไปดูขบวนกัน มีการแสดงด้วยนะ”

                    “อืม ไปกันเหอะ ตุลย์ก็อยากดูไม่เคยมาสวนสนุกครั้งนี้ครั้งแรก มีอะไรมั่งมีกัปตันอเมริกาป่ะ ฮัคล่ะมีไหม อ้อ แบทแมนด้วยนะ ตุลย์อยากเห็น” น้ำเสียงของหลานผมดูจะตื่นเต้นมากเลยที่จะได้เห็นเหล่าฮีโร่ที่เจ้าตัวเคยดูทางทีวี

                    “น่าจะมีนะ เดี๋ยวก็เห็นเองนั่นแหล่ะ ไป ๆ” น้องฟ้าคว้ามือของตุลย์แล้วเดินมาหาพวกเราที่ยืนรออยู่ คุณภูเดินเข้ามาจูงน้องฟ้าไปเดินข้าง ๆ ตัว ยังไม่เลิกหวงลูกชายอีกแหน่ะ ผมเลยหันไปจูงตุลย์บ้าง

                    เราเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณที่มีการเดินพาเหรดของบรรดาตัวการ์ตูนต่าง ๆ เมื่อได้เวลาชบวนทั้งหมดก็เริ่มเดินออกมาส่วนมาก็เป็นตัวการ์ตูนเจ้าหญิงเจ้าชายต่าง ๆ มีตัวตลกต่างๆ ด้วย เด็กทั้งสองทั้งยิ้มทั้งหัวเราะก็คงชอบกันแหล่ะครับ ใช้เวลาไม่นานการเดินพาเหรดก็จบลง พร้อมกับตอนนี้เย็นมากแล้วเราเลยตกลงกันว่าจะกลับกัน

                    เราปล่อยให้เด็ก ๆ เดินนำไปก่อนแต่ไม่ห่างกันมากนัก เด็กทั้งสองก็เดินไปหยอกกันไปวิ่งเล่นไปด้วย แต่คงจะวิ่งเร็วเกินไปหรืออะไรไม่รู้ทำให้น้องฟ้าสะดุดล้มลง ทำเอาผมตกใจรีบวิ่งไปดูทันที

                    “น้องฟ้า!!! เป็นอะไรมากไหมครับ เจ็บไหม ไหนลุกสิ ให้น้ากันต์ดูหน่อยว่ามีแผลถลอกตรงไหนหรือเปล่า” ผมอุ้มน้องฟ้าที่ล้มลงไป ข้าง ๆ เป็นตุลย์ที่ยืนหน้าจ๋อยอยู่ ใบหน้าเล็ก ๆ ของน้องฟ้ามีน้ำตาคลอเต็มสองตา

                    “โอ๋ ๆ ไม่เจ็บนะครับเดี๋ยวน้ากันต์ดูหน่อยนะ” ผมก้มลงมองน้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมแขนเพื่อมองหาว่ามีแผลตรงไหนบ้าง





********************************************************************************************



ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ  กลับมาจากต่างจังหวัดงานก็เข้าเลย

หัวหมุนกับแบบอยู่หลายวันกว่าจะเอาสมองทึบ ๆ 

มาปั่นนิยายต่อได้ก็สลบเกือบทุกวัน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 14 หลุมดักเพิ่มความสัมพันธ์ @01-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-09-2016 10:18:57
 :กอด1:  ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 14 หลุมดักเพิ่มความสัมพันธ์ @01-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 03-09-2016 19:29:05
มาต่ออีกไวไวน้า
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 14 หลุมดักเพิ่มความสัมพันธ์ @01-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 07-09-2016 13:15:35
 :katai4: :katai4: :katai4:

ที่หายไปเพราะงานประจำทำพิษค่ะ นี่เพิ่งฟื้นจากไมเกรนด้วย
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้าน @07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 07-09-2016 19:05:51
ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย

 “น้องฟ้า!!! เป็นอะไรมากไหมครับ เจ็บไหม ไหนลุกสิ ให้น้ากันต์ดูหน่อยว่ามีแผลถลอกตรงไหนหรือเปล่า” ทันทีที่ผมเห็นลูกชายล้มลงเสียงของคนข้าง ๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งนั้นวิ่งไปหาน้องฟ้าทันที ซึ่งผมก็วิ่งตามไปด้วย

“โอ๋ ๆ ไม่เจ็บนะครับเดี๋ยวน้ากันต์ดูหน่อยนะ” น้ำเสียงแสดงความห่วงใยพร้อมกับท่าทางเหมือนจะเจ็บแทนน้องฟ้าทำให้ผมรีบเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ทั้งสองคน ก้มลงมองเห็นเพียงแต่ลูกชายน้ำตาซึมแต่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา  ได้แต่มองดูร่างโปร่งของกันตพิชย์หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาชุบน้ำดื่มในขวด แล้วมือบางก็บรรจงแตะซับบริเวณแผลที่หัวเข่าของน้องฟ้า

“คุณภู อุ้มน้องฟ้าไปหาที่นั่งก่อนเดี๋ยวผมไปถามพนักงานแถวนี้เรื่องอุปกรณ์ทำแผล น้องฟ้ารอน้ากันต์แป๊บเดียวนะครับเดี๋ยวน้ากันต์มานะ อย่าร้องนะครับ ไม่เจ็บหรอกนะ ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง อย่าเสียน้ำตาง่าย ๆ กับเรื่องหกล้ม เก่งมากคนดี”  กันติพิชย์หันมาบอกผมพร้อม แล้วก็หันหน้าหนีไปทันทีที่สั่งงานผมเสร็จ จากนั้นจึงปลอบน้องฟ้าโดยมือบาง ๆ ลูบศรีษะน้องฟ้าอย่างปลอบโยน

แล้วร่างของกันตพิชย์ก็ลุกขึ้นยืนเดินไปตามทางที่มีพนักงานของสวนสนุกอยู่บริเวณนั้น ผมเลยได้แต่อุ้มน้องฟ้ามองหาที่นั่งพักเพื่อรอชายหนุ่ม อ้อ ยังมีเด็กอ้วนตุลย์เดินตามมาไม่ห่าง แววตาดูจะเป็นห่วงน้องฟ้ามากเหมือนกัน

รอไม่เกิน 10 นาที กันตพิชย์ก็เดินกลับมาพร้อมอุปกรณ์ทำแผลในมือ ผมได้แต่มองมือเรียวของอีกคนทำความสะอาดแผลที่หัวเข่าของน้องฟ้าที่นั่งอยู่บนตักผม

“แสบไหมครับน้ากันต์ น้องฟ้าเคยโดนมันแสบมากอ่ะ” เสียงน้องฟ้าสั่น เหมือนจะกลัวว่ามันจะแสบ

“ไม่หรอกครับ นี่น้ากันต์เอามาแต่อันที่ไม่แสบ เย็น ๆ เอง คนเก่งอย่างน้องฟ้าไม่ต้องกลัวเลยเนอะ”

“แน่นะครับถ้าแสบเนี่ยน้องฟ้าโกรธแล้วร้องไห้จริง ๆ ด้วยนะครับ” โอ ขู่จะร้องด้วยครับลูกผม

“ไม่แสบหรอกน้องฟ้าต้องอดทนสิครับ พ่อบอกแล้วว่าอย่าวิ่งนี่นา แล้วเป็นยังไง ซนดีนัก ไม่รู้จะรีบร้อนอะไรนักหนา เลยได้แผลเห็นไหมนี่ แล้วทีงี้ต้องกลับบ้านเลยนะไม่ต้องไปเล่นอย่างอื่นแล้ว เข้าใจไหมครับ” ผมได้แต่กอดปลอบเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตัก พร้อมโยกตัวเบา ๆ

นั่งมองดูกันตพิชย์ใส่ยาที่แผลพลางเป่าลมไปด้วย ขั้นตอนสุดท้ายคือปิดพลาเตอร์ยาลายการ์ตูนให้น้องฟ้า ลูกผมก็เก่งนะ นี่แค่นั่งน้ำตาคลอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะร้องไห้ออกไปแล้ว

“อ่ะ เสร็จแล้วครับ ไหนลองลุกซิคนเก่งเดินไหวไหม แต่น้องฟ้าเก่งออกเดินแค่นี้สบายมากเนอะ ตุลย์นะล้มบ่อยเพราะซนแล้วก็ไม่อยู่นิ่ง ๆ ได้แผลมาบ่อย แผลแบบนี้ไม่กี่วันก็หาย”

“ตุลย์มีแผลบ่อยเหรอ ฟ้าไม่ค่อยมีเพราะคุณพ่อไม่ชอบให้เล่นอะไรโลดโผนอันตราย คงเพราะกลัวฟ้าเจ็บแบบนี้แหล่ะ” น้องฟ้าหันไปทางเด็กตุลย์ เด็กนั่นก็มองน้องฟ้าอยู่ก่อนแล้ว

“อืม บ่อยมากกกกกก แต่ตุลย์ไม่เจ็บหรอก แค่นี้เด็ก ๆ เคยตกต้นมะม่วงที่บ้านด้วยนะ ตอนนั้นกระดูกร้าวจนต้องดามไว้เลยล่ะ แต่ตอนนี้หายแล้ว ลูกผู้ชายมันต้องมีแผลบ้างจะได้แข็งแกร่ง เชื่อตุลย์สิ” แหม ลากเสียงซะยาวเลยนะ แล้วยังมีหน้ามาภูมิใจกับการตกต้นไม้ของตัวเองอีก

“เกินไปไอ้อ้วน ตกต้นมะม่วงสูงแค่อกทำมาคุยโว ตอนนั้นน้ากันต์เห็นร้องจะเป็นจะตาย ทีงี้มามีหน้าบอกว่าไม่เจ็บ ลูกผู้ชายแบบตุลย์ต้องมีแผล ฮ่า ฮ่า ฮ่า” กันตพิชย์เบรคหลานชายเสียหน้าคะมำเลย

“โธ่ น้ากันต์อ่ะ ให้ตุลย์เป็นพระเอกบ้างสิ จะเอาเรื่องจริงมาเผาทำไมอายน้องฟ้า” เสียงกระเง้ากระงอดของหลานชายตัวอ้วนส่งผลให้กันตพิชย์และน้องฟ้า หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ได้เห็นลูกผมยิ้มได้ หัวเราะได้ผมก็เริ่มจะคลายความเครียดลงไปได้แล้ว ไม่อะไรหรอกครับ น้องฟ้าไม่ค่อยได้แผลเท่าไร เพราะผมเลี้ยงไม่ให้น้องฟ้าเล่นอะไรที่ดูอันตรายแต่เหมือนจะมีคนที่รับมือได้ดีในเรื่องแบบนี้

กันตพิชย์หันมายิ้มพลางยักคิ้วทำนองว่าเรื่องแค่นี้ผมจัดการได้ โอเค ๆ นายจัดการได้ก็ดีแล้ว ต่อไปเราควรกลับบ้านกันดีกว่า เลิกเล่นมันล่ะเครื่องเล่นพวกนี้

“พ่อว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะ เดี๋ยวรถติดจะค่ำเสียปล่าว ๆ  อ้อ ขอบใจนายด้วยที่ทำแผลให้น้องฟ้า” ผมชวนลูกชายกลับบ้านแล้วจึงหันไปทางชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยพร้อมทั้งบอกขอบใจออกไปในสิ่งที่ชายหนุ่มทำให้กับลูกชายผม

“งั้นเราก็กลับกันบ้างเนอะตุลย์เนอะ ไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกันดีกว่า ตอนขามาน้ากันต์เห็นร้านข้าวน่าทานหลายร้านเลยเราแวะก่อนกลับแล้วกัน เพราะน้าเหนื่อยไม่อยากทำกับข้าวแล้ว”

“น้ากันต์ไปทานข้าวกับน้องฟ้าที่บ้านก็ได้นี่ครับ เดี๋ยวให้คุณพ่อโทรไปบอกให้ทำกับข้าวเพิ่ม ได้ไหมครับคุณพ่อให้น้ากันต์กับตุลย์ไปทานข้าวกับเราที่บ้านนะครับ ฟ้าอยากทานข้าวกันหลาย ๆ คน” น้องฟ้าหันหน้ามาชวนกันตพิชย์ไปทานข้าวด้วยทายประโยคหันมาพูดกับผมแล้วทำตาอ้อน ๆ เห็นอย่างนี้ใครมันจะไปกล้าขัดใจลูกได้ล่ะครับ

“ถามเขาก่อนว่าเขาอยากทานข้าวกับเราหรือเปล่านะน้องฟ้า เผื่อน้ากันต์กับตุลย์อยากทานที่อื่นก็ได้นี่ครับ” ผมเอ่ยบอกน้องฟ้า

“อืม .... น้ากันต์เห็นร้านอาหารน่านั่งบรรยากาศดีร้านนึงตอนผ่านมา เอาอย่างนี้แล้วกันเราทานกันที่ร้านดีไหม จะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทานข้าวกันมั่งเผื่อน้องฟ้าจะทานได้เยอะ ๆ เนอะ ดีไหม”

สุดท้ายเราก็ตกลงกันจะไปทานอาหารที่ร้านอาหารกันเพราะไม่มีใครอยากยุ่งยากและกว่าจะถึงบ้านอีกคงค่ำกลัวว่าเด็ก ๆ จะหิวกัน โดยผมให้กันตพิชย์ขับรถนำไปก่อนแล้วผมขับตามซึ่งน้องฟ้าขอตามไปนั่งคันข้างหน้าซึ่งผมก็อนุญาติไปเพียงแค่เห็นสายตาอ้อนของลูกชาย เฮ้อ ผมว่าผมแพ้ทางน้องฟ้าเข้าเต็ม ๆ เลยล่ะ

ผมขับรถตามหลังมาห่าง ๆ จนถึงร้านอาหารที่กันตพิชย์เลี้ยวรถเข้าไป ทั้งสามคนลงมายืนรออยู่ข้างรถ  น้องฟ้ากวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปหาไว ๆ

เมื่อผมกำลังเดินไปจะที่ที่ทั้งสามคนยืนอยู่ กันตพิชย์ก็หันหลังเดินนำผมไปทันทีโดยที่ไม่รอผมเด็ก ก็เลยต้องเดินตามไปด้วย โดยทิ้งผมให้เดินตามหลังไปคนเดียว ในเมื่อไม่ยอมหยุดรอกันเลย ผมได้แต่มองแผ่นหลังของร่างโปร่งแต่ไม่บอบบาง ร่างนั้นสูงเกินกว่าจะเรียกว่าผอมบางได้ ดูมีกล้ามเนื้อพอประมาณเหมือนกับคนที่ออกกำลังกายอยู่บ้างแต่คงไม่ออกทุกวันอย่างผมเท่านั้นเอง

ผมก้าวเท้าให้ไวเพื่อจะได้ทันทั้งสามคนข้างหน้า แต่ยังไม่ทันพนักงานก็เดินมาพาทั้งสามคนไปที๋โต๊ะว่าง ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วจำใจเดินตามไปนั่งที่โต๊ะด้วย เมื่อไปถึงเด็ก ๆ เริ่มต้นสั่งอาหารกันแล้ว

“คุณจะทานอะไรก็สั่งเลยครับผมสั่งให้เด็กไปหมดแล้ว” หันมาบอกผมจบก็ไม่สนใจผมอีกเลยกลับกันหันไปคุยกับเด็ก ๆ เสียนี ผมเลยต้องหันมาถามพนักงานว่าสั่งอะไรไปบ้าง เมื่อได้คำตอบแล้วจึงสั่งเพิ่มไปสองอย่างเป็นอาหารที่รสกลาง ๆ ไม่เผ็ดไม่จัดมาก เพราะเด็ก ๆ อาจจะลองทานด้วย

เสียงหัวเราะดังขึ้นในกลุ่มของทั้งสามคน จนตอนนี้ผมจะรวมว่ามีเด็กสามคนอยู่แล้ว เหมือนผมเป็นส่วนเกินยังไงยังงั้นเลย หันมาหาพ่อบ้างสิน้องฟ้าอย่าปล่อยให้พ่อเหงาคนเดียวสิ ผมเลยนั่งกอดอกมองทั้งสามคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนเหมือนน้องฟ้าจะสังเกตเห็นเลยหันมายิ้มพลางเกาะแขนผม

“คุณพ่อหิวหรอครับทำไมทำหน้ายุ่งอย่างนั้น เดี๋ยวอาหารก็มาแล้วอดทนอีกนิดนะ” เสียงน้องฟ้าถามออกมาทำให้ผมต้องก้มมองลูกชายตัวน้อย

กันตพิชย์เมื่อได้ยินเสียงน้องฟ้าจึงหันมามองทางผมบ้าง ใบหน้านั้นยกยิ้มนิด ๆ เหมือนจะรู้ว่าผมหน้าบึ้งเพราะอะไรเลยส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้ หนอย...กล้าส่งสายตาแบบนี้มาให้ผมเดี๋ยวเหอะ

“พ่อยังไม่หิวหรอก แต่น้องฟ้าไม่คุยกับพ่อเลยนี่ครับลืมว่าพ่อยังนั่งอยู่ตรงนี้แน่เลย” บ่นสักหน่อยเรียกร้องความสนใจจากลูกชายเผื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะได้หยุดหัวเราะเยาะผมในดวงตานั้นเสียที

“อ้อ ที่แท้คุณก็งอนที่ลูกไม่สนใจนี่เอง ทีหลังบอกก็ได้ นี่อะไรเล่นนั่งกอดอกหน้าบึ้งใครจะไปรู้ว่าต้องการอะไร เอ้าน้องฟ้าก็คุยกับคุณพ่อก่อนแล้วกันเดี๋ยวจะทานข้าวไม่ลงกันเปล่า ๆ”

“ฉันไม่ได้งอน แค่ถามน้องฟ้าเฉย ๆ นายก็ดูหลานนายไปดี ๆ แล้วกัน” ผมตอบเสียงขุ่น ๆ กลับไป แม้ว่าจะเห็นข้อดีของชายหนุ่มมาแล้วหลายข้อ แต่ในบางครั้งมันก็ขัดใจไปบ้างเพราะว่าทั้งสองคนมาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ น้องฟ้าตลอดเวลา

“อารมณ์แปรปรวนจริงเลยคุณนี่ วัยทองรึไง เรามาเที่ยวกันนะครับ ทำตัวให้มันสนุกหน่อย คลายเครียดนะรู้จักไหม นี่อะไรจะทำหน้าเครียด หน้าบึ้งตึงได้ตลอดเวลา เดี๋ยวคนอื่นเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้พอดี” เสียงต่อปากต่อคำอย่างไม่ลดละทำให้ผมกัดฟันเบา ๆ

“ไม่เข้าใกล้ก็ดีแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยากจะให้มีคนอื่นเข้ามารบกวนเวลาเที่ยวของครอบครัวฉันสักเท่าไรหรอก แต่มีบางคนหรือบางครอบครัวที่ทำยังไงก็ไม่ไปสักที หาเรื่องเข้ามาอยู่ได้”

“อ้าว ๆ คุณภูพูดงี้หมายความว่าไงครับ เนี่ยน้องฟ้าชวนทั้งนั้นนะ ผมไม่ได้ขอตามพวกคุณมาสักหน่อย รู้งี้ปล่อยให้เที่ยวกันแบบเงียบ ๆ กันสองคนพ่อลูกก็ดี น้องฟ้าจะได้ทำหน้าเหงา ๆ เพราะพ่อไม่ยอมยิ้มด้วย ชิส์” เสียงกันตพิชย์บ่นออกมายาวเหยียดทั้งยังเรียกร้องเอาบุญคุณกันอีก

นึกไปแล้วก็จริงนะครับถ้าครอบครัวนี้ไม่มา มีหวังน้องฟ้าของผมเที่ยวแบบเหงา ๆ แน่เลย เพราะผมก็ไม่ค่อยได้ชอบเที่ยวแบบนี้เท่าไร วันนี้ได้เห็นลูกชายหัวเราะ ยิ้มอย่างร่าเริง ผมก็ดีใจอยู่ลึก ๆ เหมือนกัน แต่เพราะบางครั้งชายหนุ่มก็หันมากวนอารมณ์ผมเป็นระยะเหมือนจะมาแหย่ให้ผมอารมณ์เสียอยู่เรื่อย ๆ

อาหารยกมาบทสนทนาจึงเงียบลงอีกครั้ง จากนั้นจึงมีแต่เสียงช้อนกระทบจาน  น้องฟ้าทานอาหารได้มากพอสมควร ปกติน้องฟ้าจะไม่ทานมากขนาดนี้ เห็นลูกทานได้เยอะคนเป็นพ่อแบบผมก็ดีใจไปด้วย แต่ที่ทานเยอะกว่าน้องฟ้าก็เด็กตุลย์นั่นไง ตอนนี้เติมข้าวไปจานที่สองแล้วจะทานอะไรนักหนา นี่จะอ้วนอยู่แล้ว

ผมตักอาหารที่น้องฟ้าชอบทานให้เรื่อย ๆ แต่มีบางจังหวะที่ช้อนผมเกือบชนกับช้อนที่ชายหนุ่มอีกคนตักอาหารยื่นมาส่งที่จานน้องฟ้า จังหวะนั้นเองผมได้จ้องหน้าของกันตพิชย์แต่อีกฝ่ายก็แค่ยิ้มแล้ววางอาหารที่ตักให้น้องฟ้าเท่านั้น การทานอาหารมื้อนั้นจึงดำเนินไปอย่างค่อนข้างสงบ

บางครั้งผมก็รู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างใจเย็น แต่บางครั้งที่กันตพิชย์เปิดปากเถียงผมในเรื่องบางเรื่องก็ทำให้รู้ว่าในความใจเย็นก็มีความปากไวกัดจิกออกมาเหมือนกัน  คงเป็นคนไม่ยอมคนบ้างแต่ก็อาจจะแค่บางเรื่องหรือกับเพียงแค่บางคนเท่านั้น หรืออาจจะเพราะว่ากิริยาบางอย่างต้องแสดงต่อหน้าหลานชาย ทุกอย่างที่พูดหรือทำเลยต้องไม่โวยวายเกินไปเพื่อไม่ให้หลานได้เห็นแล้วจำไปเพื่อทำตามก็ได้

“น้ากันต์ตุลย์อยากกินไอติมตบท้ายได้ไหม” เสียงหลานชายตัวอวบ ๆ เอ่ยปากขอไอศกรีมเป็นของหวานลำดับสุดท้าย

“ยังจะกินอีกหรอ ข้าวก็ตั้งสองจานแล้วนะตุลย์อย่างนี้ไม่อ้วนจะไปเหลือเรอะ แล้วเรารับปากน้าว่ายังไงจากนี้ไปจะลดอาหาร ออกกำลังกายไม่ใช่รึไง นี่ถามหาไอติมซะแล้ว” เสียงกันตพิชย์บ่นออกมาแล้วส่ายหน้าเล็ก ๆ ให้กับการทานที่เหมือนกับว่าท้องเล็ก ๆ นั้นเป็นหลุมดำ

“น่า นะ น้ากันต์ ก้อนเดียวก็ได้ ไม่ได้กินของหวานแล้วมันเหมือนกินไม่จบครอส” นั่นมีประท้วงไม่จบครอสการทานด้วย ไปรู้มาจากไหนเนี่ย

“ได้ งั้นก้อนเดียวพอ แล้วจากพรุ่งนี้ไปน้าจะลดอาหาร เข้าใจไหม”

“น้องฟ้าจะทานด้วยไหมลูก เดี๋ยวพ่อสั่งให้เอาก้อนเดียวพอเนอะ เดี๋ยวนอนไม่หลับถ้าอิ่มมากไป”

“ครับ งั้นฟ้าเอาวนิลานะบีบวิปครีมมาด้วยครับ”

“โอเค ได้ครับ เดี๋ยวพ่อสั่งให้” พร้อมกับเรียกพนักงานเข้ามาสั่งไอศกรีมสำหรับเด็กทั้งสองคน

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็จ่ายค่าอาหารเด็กทั้งสองอิ่มจากไอศกรีมกันแล้วก็พากันคุยกันเล่นเบา ๆ ส่วนผมก็นั่งย่อยอาหารมองบรรยากาศของร้านที่ร่มรื่น ลมเย็นสบาย ผมไม่ค่อยได้พาน้องฟ้าออกมาทานอาหารนอกบ้านบ่อยนักหรอกครับ เนื่องด้วยหน้าที่การงานที่ส่วนมากกว่าจะกลับมาถึงบ้านน้องฟ้าก็เข้านอนไปแล้ว น้อยมากที่จะกลับมาทันทานอาหารเย็นกับลูกชาย

ต่อไปผมคงต้องหาเวลาพาลูกมาทานข้าวนอกบ้านบ่อย ๆ เสียแล้ว เพราะจากการสังเกตของผมน้องฟ้าทานข้าวได้มากกว่าที่ทานที่บ้านเสียอีก คงเพราะการเปลี่ยนบรรยากาศทำให้เจริญอาหารก็ได้

ส่วนกันตพิชย์ก็นั่งท้าวคางมองเด็กสองคนคุยกันหนุงหนิง โดยที่เด็กตุลย์จะส่งเสียงดังกว่าน้องฟ้าเล็กน้อย แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกัน ส่วนชายหนุ่มที่นั่งมองก็ได้แค่ยิ้มบาง ๆ ออกมา

“กลับกันดีกว่าครับนี่ก็ดึกแล้ว วันนี้น้องฟ้าเหนื่อยแล้วจะได้กลับไปพักผ่อน ไปตุลย์ลุกได้แล้วเดี๋ยวจะนั่งหลับอยู่ที่ร้านอาหารอีก” เสียงของกันตพิชย์เอ่ยออกมาทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดบางอย่าง

ผมลุกขึ้นพลางจูงมือน้องฟ้าเดินมาสองน้าหลานก็เดินออกมาด้วยเหมือนกัน เมื่อมาถึงรถที่จอดอยู่ผมจึงเปิดประตูให้น้องฟ้าเข้าไปนั่งข้างในลัวหันกลับมามองสองน้าหลานที่กำลังจะเปิดประตูรถ

“เดี๋ยวนายขับนำไปก่อนเลยฉันจะขับตามไป แต่อย่าขับไวนักล่ะ เผื่อรถติดแล้วฉันตามไม่ทัน”ผมหันไปบอกกันตพิชย์ว่าให้ขับรถนำไปก่อนแล้วผมจะขับตามไป

“ขับตามทำไมครับคุณก็ขับส่วนของคุณไป ผมก็ขับของผม จะมาขับตามกันให้เสียเวลาทำไมเนี่ย ต่างคนต่างขับก็ดีอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง” เสียงบ่นอย่างหงุดหงิดดังออกมาจากปากบางนั้น

“ฉันบอกยังไงก็ทำตามเถอะน่า อย่างน้อยจะได้ดูว่าขับดี ปลอดภัยหรือเปล่า เกิดฉันขับไปก่อนแล้วนายตามหลังเกิดอะไรขึ้นมาไม่มีคนคอยดูจะลำบากเปล่า ๆ อย่าดื้อนักบอกให้ทำก็ทำสิ“ ผมยังบอกให้ชายหนุ่มทำตามความต้องการของผมอยู่ นี่จะดื้อไปไหนเนี่ยก็แค่ให้ขับรถช้า ๆ นำไปก่อนเท่านั้นเอง

“ยุ่งยากชะมัด ผมก็ขับรถระวังมาตั้งนานแล้วยังไม่เคยขับไวจนเกิดอุบัติเหตุเลยสักครั้ง” ยังไม่หยุดอีกจนผมเริ่มจะหน้าตึงขึ้นมาแล้วได้แต่ส่งสายตาขึงขังจ้องตากับกันตพิชย์ เราจ้องตากันได้สักครู่ จนอีกฝ่ายถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ก็ได้ ๆ ขับตามให้ทันก็แล้วกันบอกอะไรไม่เคยฟังกันเลยคนอะไรวะ” เสียงบ่นเบา ๆ จากปากที่ขมุบขมิบจับใจความได้นิดหน่อยว่าจะทำตามซึ่งก็ทำให้ผมพอใจอยู่บ้าง

รถคันหน้าเคลื่อนออกจากร้านอาหารไปแล้วผมจึงขับตามไปติด ๆ  หันมามองก็พอกับลูกชายที่นั่งคอพับคออ่อนเสียแล้วคงจะหมดแรงแน่เลย ก็วิ่งเล่นกันทั้งวันนี่คงเพลีย ทั้งแดดก็ร้อนด้วย ผมเลยจอดข้างทาง เพื่อปรับเบาะให้น้องฟ้าได้นอนถนัด ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มผืนเล็กที่เบาะหลังมาห่มให้แล้วออกรถเพื่อขับตามคันหน้าไป

ใช้เวลากว่าชั่วโมงเราจึงมาถึงบ้าน รถคันหน้าขับเลี้ยวมาจอดหน้าบ้านเพื่อที่กันจพิชย์จะได้ลงไปเปิดประตูบ้าน ผมก็ชะลอรถจอดอยู่ด้านท้าย พร้อมกดกระจกลง เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วชายหนุ่มก็เดินไว ๆ มาที่รถตัวเองเพื่อที่จะขับเข้าบ้าน แต่ก่อนเข้าบ้านก็หันมามองหน้าผม

“วันนี้ผมกับตุลย์สนุกมาก แล้วก็ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวเย็น  หลับฝันดีนะครับคุณภู” จบเสียงนั้นร่างตรงหน้าก็เปิดประตูรถเข้าไปพร้อมขับเข้าบ้านไปทันที ทิ้งให้ผมมองตาม จำได้แต่คำว่า ...หลับฝันดีนะครับคุณภู.....  ดังก้องอยู่ในใจ



************************************************************************



ที่หายไปเพราะงานกับป่วยนะคะ ไม่ได้จะทิ้งไปไหนนานเลย คิดถึงทุกคนเหมือนกัน ^_^

 :mew2: :mew2: :mew2:

ฝากเพจด้วยนะคะ  https://www.facebook.com/YAOI.rak/?fref=nf @มารน้อยเจ้าสำนัก
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-09-2016 19:26:49
มองไปมองมาจะได้ทั้งแม่และเมียนะคะคุณภู เอาใจช่วยคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-09-2016 23:33:17
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 08-09-2016 10:39:44
น่าติดตามมากครับ
มาให้กำลังใจนักเขียน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 08-09-2016 19:35:55
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆๆชอบๆๆๆ เรื่องนี้อยากให้ตีพิมพ์ อยากได้หนังสือมากๆๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 09-09-2016 07:26:30
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะคะ แบบนี้กำลังใจมาเต็มเลย ดีใจที่ทุกคนชอบ

สัญญาว่าจะปั่นนิยายมาให้อ่านกันไว ๆ ไม่หนีหายไปไหนแน่นอนค่ะ

รักทุกคนที่ผ่านเข้ามาเห็น คุณภู น้องกันต์ รวมถึง น้องฟ้ากับตุลย์นะคะ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-09-2016 19:02:37
คืนนี้คุณภูจะฝันดีจริงหรือเปล่า จะฝันถึงเพื่อนข้างบ้านไหมค้า??
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-09-2016 19:57:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 15 ดูไปก็น่ารักดีนะคนข้างบ้านเนี่ย@07-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-09-2016 06:14:51
 :mew3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิด..@012-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 12-09-2016 18:27:08
ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมายรึเปล่า

จากวันที่ไปเที่ยวสวนสนุกกันก็ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เรื่องราวในชีวิตประจำวันก็ปกติเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านเข้ามาในชีวิต งานยุ่ง เครียด เพราะใกล้จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ แต่มีสิ่งนึงที่ไม่เหมือนเดิมคือสายตาที่มันไม่รักดีที่คอยมองตามผู้ช่วยเลขาหนุ่มตลอดเวลาที่อีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาในสายตา  ซึ่งบางวันช่วงเช้าเวลาไปส่งน้องฟ้าที่โรงเรียนก็เจอกับกันตพิชย์ที่ไปส่งหลานชายของเจ้าตัวด้วยเหมือนกัน  เด็กทั้งสองก็คาดว่าตอนนี้สนิทกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะดูน้องฟ้าจะดีใจที่มีเพื่อนสนิทกับเขาเสียที  ตอนเย็นของบางวันที่ติดงานกันทั้งสองคนก็ให้คนขับรถพาไปเล่นที่บ้านก่อน เลิกงานอีกฝ่ายก็ไปรับหลานชายกลับบ้าน

 

                บ่ายของวันศุกร์ที่นั่งทำงานจนเมื่อยเลยคิดว่าจะไปเดินเล่นซื้อกาแฟมาดื่มสักหน่อย ผมจึงลุกขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ จากนั้นจึงก้าวเท้าเดินไปที่ประตูห้องทำงานเพื่อนจะออกไปเดินยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย ใครว่านั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศสบาย  ตอนนี้ไม่รู้เป็นโรคออฟฟิศซินโดมหรือยังก็ไม่รู้

 

                “คุณภูจะต้องการอะไรคะ เดี๋ยวนริศหาให้” เสียงนริศราเอ่ยถามทันทีที่เห็นผมเดินออกมาจากห้องทำงาน และเดินผ่านโต๊ะทำงานของเจ้าตัว

 

                “ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกมาเดินยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย นั่งนานรู้สึกว่าปวดเมื่อยไปหมด เลยจะลงไปหากาแฟดื่มสักแก้ว มีอะไรก็ทำไปเหอะ ไม่ต้องห่วง” ผมตอบเลขาไปแล้วสายตาก็เหลือบไปมองอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ กัน ฝ่ายกันตพิชย์เมื่อได้ยินเสียงคุยกันก็เงยหน้าจากงานเอกสารที่ทำอยู่ขึ้นมามอง

 

 

                “แต่ว่ามีคนไปเป็นเพื่อนเดินก็ดีเหมือนกัน นายไปกับฉันหน่อยสิ ร้านกาแฟข้างล่างตึกนี่เอง” ผมนึกอยากชวนกันตพิชย์ไปด้วยเพราะอะไรไม่รู้ แต่ช่างมันสิชวนไปแล้วนี่  สิ้นเสียงของผมใบหน้าของชายหนุ่มดูจะงง ๆ เลิกคิ้วข้างนึงเป็นเชิงทวนคำถามประมาณว่าไม่เข้าใจคำชวน แล้วจึงหันหน้าไปหานริศรา ซึ่งฝ่ายนั้นก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมยิ้มให้

 

                “ไปเป็นเพื่อนคุณภูหน่อยนะกันต์ เผื่อจะได้ช่วยถืออะไรกลับมาด้วย” เสียงหญิงสาวคนเดียวเอ่ยปากอนุญาตให้ผู้ช่วยเลขาออกมากับผม ซึ่งทำเอาผมสงสัยว่าใครเป็นเจ้านายกันเลยทีเดียว ก็ในเมื่อประธานบริษัทสั่งให้ไปด้วยกันยังต้องหันไปถามหัวหน้าตัวเองอีกรึไง

 

                “ก็ได้ครับ” เสียงรับคำตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังมาด้วย

 

                ผมเดินนำหน้าไปได้ยินเสียงเดินตามมาใกล้ ๆ มาหยุดตรงลิฟท์ที่จะลงไปชั้นล่างพร้อมยื่นมือไปกดเรียกลิฟท์ โดยที่คนข้างหลังยังยืนนิ่ง ๆ อยู่

 

                “ทีหลังถ้าไม่เต็มใจมาก็ไม่ต้องมานะ”

 

       “เปล่านี่ครับ แค่ผมยังมีงานค้างอยู่กลัวว่าจะเสร็จไม่ทัน เพราะว่าจันทร์หน้ามีเสนอราคาโครงการใหม่ แต่คุณชวนก็ดีเหมือนกันครับ ผมกำลังจะพักสายตาอยู่พอดี” เสียงที่ดังมาจากคนข้างหลังทำให้ผมหันไปมองดูสีหน้าที่แสดงออกมาก็ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดหรือไม่เต็มใจแต่อย่างใด

 

ผมก้าวเข้าไปในลิฟท์อีกคนก็ตามเข้ามาพร้อมกดปิดลิฟท์  ผมได้แต่สังเกตคนตรงหน้า ดูเหมือนว่าช่วงนี้กันตพิชย์จะผอมลงไปจากแรก ๆ  จากตอนแรกร่างกายที่สูงโปร่งแต่ตอนนี้ดูจะน้ำหนักลดไปสัก 3-4 กิโลกรัมได้ละมั้งเลยทำให้ช่วงไหล่ดูจะเล็กลง

 

“นี่นายผอมลงไปกว่าแต่ที่มาแรก ๆ หรือเปล่า งานเยอะมากหรือเลี้ยงหลานหนักไป” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม

 

“อืม น้ำหนักน่าจะลดลงไปสัก 4-5 โลนี่แหล่ะครับ ช่วงนี้ทานอะไรก็ไม่ค่อยอร่อย แล้วก็ยุ่งกับงานหลาย ๆ อย่างด้วย  ทำให้ไม่ค่อยอยากทานอะไรเท่าไร อาจจะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วยมั้งครับ เพราะถ้าได้ออกแรงคงทานได้เยอะเหมือนเดิม” กันตพิชย์หันมาตอบคำถามที่ผมถาม เพิ่งรู้นะว่าคนตรงหน้าเล่นกีฬาด้วย แต่คงไม่ได้เล่นหนักอะไรหรอกเพราะดูแล้วกล้ามก็ไม่ค่อยชัดเท่าไร

 

“นายเล่นกีฬาด้วยหรอ รูปร่างไม่เห็นจะเหมือนคนออกกำลังกายเลย” ผมใช้สายตาสำรวจร่างคนตรงหน้าอีกรอบพอมองขึ้นมาก็สบตากับดวงตาของอีกฝ่ายที่จ้องกลับมาเหมือนกัน

 

“ผู้ชายมันก็ต้องมีบ้างแหล่ะครับ เรื่องเล่นกีฬา อย่างที่บอกว่าช่วงนี้ยุ่งไม่ค่อยได้ออกกำลัง แถมมาอยู่ที่นี่ยังไม่เจอเพื่อนเลยสักคน ก็เลยไม่มีเพื่อนเล่นกีฬามันก็เท่านั้นเอง” เสียงใสขุ่นขลักมาเชียวเลย ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยจะเหวี่ยงไปไหนเนี่ย

 

“ที่ถามเพราะว่าเป็นห่วงกลัวจะไม่สบาย แล้วอยู่กันสองคนกับเด็กถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบากเอาได้ ถ้ามีอะไรก็ขอให้บอกไม่ใช่ว่าเกรงใจ อย่างน้อยเราก็บ้านติดกัน อีกอย่างฉันก็เป็นเจ้านายด้วย แต่ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ” ผมพยายามพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าที่ทักเพราะเป็นห่วงไม่ได้จะว่าเรื่องรูปร่างอะไรเลย

 

“ขอบคุณครับ ผมก็ไม่ได้เคืองอะไรสักหน่อย แล้วผมก็สบายดีอาจจะเพราะว่าเพิ่งย้ายมาใหม่อะไร ๆ เลยยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง” เสียงตอบมาพร้อมส่งยิ้มมาให้ทำให้ผมสบายใจว่าอย่างน้อยคนตรงหน้าก็ไม่ได้ลำบากอะไรกับการอยู่เพียงลำพังน้าหลาน

 

ลิฟท์มาหยุดที่ชั้นล่าง กันตพิชย์หลบให้ผมเดินออกมาก่อน ผมจึงเดินออกมาแล้วเดินนำหน้าไปทางร้านกาแฟ ใต้ตึกออฟฟิศแห่งนี้ ชั้นล่างเราให้มีพื้นที่ในการเช่าร้านเพื่อธุรกิจหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารเล็ก ๆ หรือแม้แต่ร้านขนม แต่ก็จำกัดจำนวนไม่ให้มีร้านซ้ำกัน

 

“คุณภูจะดื่มอะไรครับผมจะได้สั่งพนักงานให้ งั้นคุณไปนั่งรอที่โต๊ะด้านโน้นก็ได้ครับ แล้วจะรับขนมมาทานด้วยเลยไหม” กันตพิชย์หันมาถาม พร้อมทั้งบอกให้ผมไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย แต่ผมเดินไปยังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มพนักงานยืนรอรับออเดอร์อยู่

 

“ขออเมริกาโน่เย็นแก้วนึง กับเค้กกาแฟเจนัว นายจะดื่มอะไร” สั่งเครื่องดื่มกับพนักงานเสร็จจึงหันไปถามอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

 

“ขอโกโก้เย็น กับเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนครับ”

 

“รายการเครื่องดื่มกับเค้ก 350 บาท เดี๋ยวเราไปเสิร์ฟที่โต๊ะนะครับ” ผมยื่นเงินให้พนักงานพร้อมรับใบเสร็จมาถือไว้แล้วหันหลังเดินมองหาโต๊ะที่ว่าง ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาทำงานไม่ค่อยมีพนักงานมาใช้บริการเท่าไร จะมีก็แต่คนนอกที่มาติดต่อเท่านั้นเอง

 

เมื่อมองเห็นว่ามีที่ว่างจึงเดินนำอีกคนไปนั่งรอเครื่องดื่ม  ฝ่ายนั้นก็ตามมานั่งฝั่งตรงข้าม พลางมองออกไปนอกกระจกของร้าน

 

“ชินกับงานที่นี่หรือยัง” เสียงถามของผมคงเรียกให้กันตพิชย์สนใจได้ ใบหน้านั้นจึงหันมามองหน้าผมนิดนึง

 

“ก็เริ่มชินบ้างแล้วครับ ทั้งงานทั้งเรื่องใช้ชีวิตประจำวัน”

 

“อืม ก็ดีแล้ว มีอะไรลำบากก็บอก เหมือนอย่างที่ฉันเคยบอกนายไว้แล้ว เข้าใจไหม” ผมบอกซ้ำไปเรื่องที่เคยบอกอีกฝ่ายไปแล้ว

 

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณนะครับ ถ้ามีอะไรจะให้คุณช่วยเดี๋ยวผมจะบอกแล้วกัน” เสียงดังรับคำมาจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้ผมค่อนข้างพอใจที่ได้ยิน

 

พนักงานนำเครื่องดื่มกับเค้มาเสริฟทำให้เราเงียบอีกครั้ง  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเลือกที่จะนั่งมองคนตรงหน้าอย่างละเอียดอีกรอบ ก็พบว่ากันตพิชย์เป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมสีน้ำตาล จมูกโด่งปลายรั้นนิด ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ดูรวม ๆ แล้วก็เป็นคนหน้าตาดีคนนึง  ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา ผมคิดว่านิสัยน่าจะเป็นคนที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ มีความละเอียดอ่อนในบางเรื่อง อาจจะเพราะมีพี่สาวเลี้ยงดูมา นิสัยอาจจะไม่ได้โหวกเหวกโวยวายเหมือนผู้ชายห่าม ๆ ทั่วไป แต่ก็ไม่ได้ดูเรียบร้อยนัก คงจะยังติดความเป็นผู้ชายอยู่บ้างบางที

 

ซึ่งในบางครั้งชายหนุ่มก็ไม่ได้หัวอ่อนเกินไปนัก มีความคิดเป็นของตัวเอง แม้ในบางครั้งออกจะดื้อไปหน่อยก็เหอะ ถ้าไม่พอใจเถียงได้ก็เป็นเถียงออกมาเหมือนกัน

 

“เดี๋ยวทานเสร็จแล้วนายเดินไปสั่งให้นริศชุดนึงนะ เอานี่เงิน เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปก่อน” ผมยื่นเงินให้กับกันตพิชย์เพื่อให้ซื้อกาแฟไปฝากเลขาสาวที่นั่งทำงานอยู่ข้างบน

 

“ครับ แล้วคุณภูจะขึ้นไปทำงานเลยหรือเปล่าครับ”

 

“อืม มีเอกสารอีกหลายแฟ้มต้องดู นายก็ตามขึ้นไปเร็ว ๆ อย่าอู้ล่ะ”

 

“ผมไม่ได้อู้สักหน่อย นั่งทำงานอยู่ดี ๆ คุณนั่นแหล่ะเป็นคนชวนลงมา ปกติผมงานยุ่งจะตายอยู่แล้วขนาดไม่ได้ลุกไปไหนงานยังไม่อยากจะหมด แต่นี่ออกมาตั้งครึ่งชั่วโมง สงสัยต้องทำงานต่ออีกครึ่งชั่วโมงแน่เลย ชิส์” บ่นออกมาพร้อมถลึงตาส่งมาให้ผม

 

“ก็ชวนมายืดเส้นยืดสายเท่านั้นเอง เห็นทำงานหน้าดำคร่ำเครียดกลัวจะเส้นเลือดในสมองแตกเสียก่อน อย่าหักโหมมากนัก จะได้อยู่ทำงานที่นี่นาน ๆ “ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ผมต้องลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์แล้วออกเดินไปข้างนอกร้าน

 

เป็นโทรศัพท์จากพนักงานที่ผมให้เข้าไปติดต่อเรื่องซื้อที่ดิน ในจังหวัดน่านเพื่อจะสร้างโรงแรม และรีสอร์ทแห่งใหม่ ซึ่งผลที่ได้ก็น่าเป็นที่พอใจ ที่ผืนนี้ผมติดต่อขอซื้อมานานแล้วแต่เจ้าของยังไม่ขาย คุยกันได้ไม่นานก็วางสาย ซึ่งปลายสายบอกว่าเจ้าของที่ดินตกลงที่จะขายให้เราแล้ว อาทิตย์หน้าให้ให้ทนายเข้าไปเซ็นต์สัญญาซื้อขายได้เลย

 

เป็นข่าวดีเพราะที่ผืนนั้นผมชอบมาก เคยไปเที่ยวแล้วธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ อากาศดี ผู้คนน่ารัก ซึ่งโครงการนี้ผมคิดเอาไว้คร่าว ๆ ว่าจะทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือวิถึชีวิตของคนที่อยู่มาก่อน คงไม่สร้างใหญ่ แต่จะสร้างแบบอิงธรรมชาติให้เหมาะสำหรับที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

 

ผมวางสายจากลูกน้องเสร็จแล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน  เพียงแค่ก้าวเข้าไปด้านใน สายตาที่มองไปทางโต๊ะที่กันตพิชย์นั่งอยู่ ตอนนี้กลับมีร่างชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ใกล้ ๆ ขาที่ก้าวไปชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อกันตพิชย์รับรู้ว่ามีคนมายืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าเรียวนั้นก็เงยหน้ามองพร้อมส่งรอยยิ้มกว้าง ให้กับชายหนุ่มคนนั้น

 

ร่างโปร่งลุกขึ้นพร้อมกับร่างของชายอีกคนก็ยิ้มให้อย่างยินดี มือเรียวยาวของชายหนุ่มร่างสูงอีกคนเอื้อมมาตบไหล่กันตพิชย์เบา ๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมก้าวเท้ายาว ๆ และเร็วไปทางที่สองคนนั้นยืนอยู่ทันที  เมื่อเข้าไปใกล้ได้ยินเสียงพูดคุยอย่างดีใจที่พบอีกฝ่าย  ผมจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังกันตพิชย์ ร่างโปร่งคงรับรู้การกลับมาของผมจึงได้เอี้ยวตัวหันกลับมามอง

 

“คุณภู เสร็จแล้วเหรอครับ  แล้วจะขึ้นไปข้างบนเลยหรือเปล่า” เสียงของกันตพิชย์ถามออกมา

 

“อืม เสร็จแล้ว นายเสร็จธุระหรือยังจะได้ไปสั่งกาแฟให้นริศ” ผมตอบอีกคนแต่สายตามองชายหนุ่มอีกคนอยู่ ผมว่าผมคุ้นหน้าตาชายหนุ่มร่างสูงนี้นะ

 

“สวัสดีครับท่านประธาน  เพทายครับ ทำงานอยู่ไซท์งานครับ วันนี้มีอบรมที่ออฟฟิศเลยต้องเข้ามา พอดีเห็นกันต์เลยเข้ามาทักน่ะครับ” ร่างสูงแนะนำตัว ผมนึกออกแล้วว่าเคยเจอที่ไหน ก็วันนั้นที่ไปไซท์งานคอนโดริมน้ำ วิศวกรที่เข้ามาคุยกับกันตพิชย์นี่เอง

 

“อืม สวัสดี แล้วนี่อบรมเสร็จแล้วเหรอถึงได้เดินออกมาจากห้องประชุมได้”

 

“ยังครับพอดีเบรคช่วงเช้า แล้วผมเลยลงมาหาอะไรทาน แล้วก็คุยเรื่องงานไปด้วย เจอกันต์เลยแวะทักทาย ก็ไม่คิดว่าจะเจอหรอกครับ”

 

“ผมขออยู่คุยกับพี่ทายสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปทำงานนะ” กันตพิชย์หันมาขออนุญาตเพื่อที่จะได้อยู่คุยกับวิศวกรหนุ่มต่อ ผมได้แต่มองหน้าทั้งสองคน ด้านเพทายก็ดูเหมือนจะดีใจที่ได้เจอเลขาผม ส่วนด้านเลขาผมก็ดูเหมือนจะอยากคุยกับอีกคนเหลือเกิน  มีเรื่องอะไรต้องคุยกันนักหนา

 

“งานเยอะไม่ใช่หรือไง มีแต่งานรีบ ๆ ไหนจะต้องซื้อกาแฟไปให้นริศอีก แล้วคุณเพทายจะไม่เข้าอบรมเหรอ เราจัดอบรมเพื่อให้ความรู้ ก็เพื่อประโยชน์ของพนักงาน ถ้ามัวแต่มานั่งคุยกันมันจะไปได้ความรู้ยังไงกัน” ผมออกจะไม่ชอบใจนิดหน่อย ซึ่งก็ทำให้ผมหงุดหงิด คันในหัวใจยิบ ๆ จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางหน้าตาอะไร แค่ทำสีหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงเคร่งเครียดเล็กน้อย แค่นั้นก็พอแล้ว เพราะเวลาที่ผมทำสีหน้าเรียบตึงพนักงานมักจะกลัวเสียส่วนใหญ่

 

“แค่แป๊บเดียวเอง ไม่เกิน 10 นาทีหรอกครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปทำงานต่อให้เสร็จทันอยู่แล้ว หรือจะให้อยู่เลยเวลาให้ด้วยก็ได้” ร่างโปร่งยังไม่ยอมแพ้ นี่ยังไงก็จะคุยกันให้ได้ใช่ไหม  ทำไมชอบทำอะไรขัดใจผมอยู่เรื่อยเลยนะ

 

สายตาเหมือนรอคอยการอนุญาตของผม ทำให้ทั้งสองคนมองมาแต่มันก็ทำให้ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าทั้งสองคนนั้นมีท่าทางสนิทสนมกันมาก่อน  ยอมรับเลยว่าตอนนี้อยากจะรู้ว่ากันตพิชย์มีความสัมพันธ์กับร่างสูงของหนุ่มวิศวกรยังไง

 

“ตามใจ อยากจะคุยกันนานเท่าไรก็ได้ แต่ว่าถ้าฉันเรียกหางาน งานต้องเสร็จเรียบร้อย  ส่วนคุณเพทาย ความรู้ในการอบรมครั้งนี้คุณก็พยายามศึกษา จดจำเอาไว้ให้มากที่สุดแล้วกัน ผมไปก่อนล่ะ” ในเมื่ออยากคุยกันผมจะไปห้ามอะไรได้ครับนอกจากต้องอนุญาตให้ทั้งสองคนพูดคุยธุระกันเป็นการส่วนตัว ถึงแม้ว่าอยากจะนั่งอยู่ด้วยแค่ไหน แต่ก็ต้องทำใจให้สงบ

 

“ขอบคุณครับ ผมรับรองว่างานเสร็จทันแน่นอน คุณภูไม่ต้องห่วง แล้วก็ไม่เกิน 10 นาที จริง ๆ ครับ” กันตพิชย์หันมากล่าวขอบคุณแล้วส่งยิ้มมาให้ผม แล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มอีกคนทั้ง ๆ ที่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้าเรียวนั้น คิดแล้วมันน่าหมั่นไส้พิกล

 

ได้แต่เดินหันหลังออกจากร้านเพื่อจะขึ้นไปทำงานต่อข้างบน เดินมาหยุดหน้าลิฟท์ก็หันไปมองที่ร้านนั้นอีกครั้ง ครานี้ทั้งสองคนนั่งลงที่เก้าอี้โดยที่ร่างสูงของวิศวกรหนุ่มนั่งลงแทนที่ตำแหน่งที่ผมเคยนั่ง แล้วลิฟท์เมื่อไรจะมาสักทีเนี่ย นี่ขนาดลิฟท์ส่วนตัวยังช้าได้ขนาดนี้ทำให้ผมมีเวลามองดูทั้งสองคนยิ้ม หัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน  มือไม้ของอีกคนก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ  เอื้อมมือยาว ๆ นั้นมาลูบศรีษะร่างโปร่ง  แล้วอีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีจะปัดทิ้งเลย กลับหัวเราะชอบใจเสียอีก  ทีเวลาอยู่กับผมไม่เห็นจะหัวเราะแบบนี้บ้างเลย ยิ้มก็ไม่บ่อย แต่เวลานี้ทำไมทั้งสองคนถึงได้ดูมีความสุขกันนัก ผมได้แต่หันกลับมา ไม่อยากสนใจพี่น้องร่วมโลกคู่นั้นแล้ว

 

ผมก้าวเข้าไปในลิฟท์ที่ตอนนี้มาจอดอยู่ที่ชั้นหนึ่ง กดลิฟท์ขึ้นไปชั้นที่ห้องทำงานตั้งอยู่ พลางอดคิดเกี่ยวกับชายหนุ่มทั้งสองคนไม่ได้  เมื่อลิฟท์มาจอดชั้นสูงสุดผมก็ก้าวออกมาจากลิฟท์เดินไปทางห้องทำงาน

 

 

“อ้าว ทำไมคุณภูกลับขึ้นมาคนเดียวล่ะคะ น้องกันต์ไปไหนเสียล่ะ” เสียงนริศราเอ่ยทักขึ้นมา คำถามนั้นจึงได้เข้ามากวนความคิดให้ขุ่นขึ้นมาอีกรอบ ว่าจะไม่คิดแล้วเชียว

 

“ยังอยู่ที่ร้านกาแฟ เห็นมีผู้ชายเข้ามาทัก คงสนิทกันมั้ง เลยขออยู่คุยธุระกันสักครู่ แต่ถ้านานเกินกว่า ครึ่งชั่วโมง นริศก็โทรไปลงตามให้ขึ้นมาทำงานได้เลยนะ เดี๋ยวงานไม่เสร็จ วันนี้ก็วันศุกร์แล้ว วันจันทร์จะได้ส่งต่องานไปแผนกอื่น ๆ ได้เลย” รู้เลยว่าเสียงที่ออกจากปากของผมมันดูเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก น้ำเสียงแบบนี้ผมใช้ในเวลาที่งานมีปัญหาหรือเวลาที่ไม่พอใจเรื่องต่าง ๆ  พูดจบก็เดินเข้าห้องปล่อยให้นริศรามองตามตาปริบ ๆ

 

ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาเหลือเวลาทำงานอีก 2 ชั่วโมง ผมจึงได้แต่ถอนหายใจปรับสภาพความคิดของตัวเองแล้วนั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพื่อจัดการเอกสารต่าง ๆ ให้เสร็จ เพราะเหลืองานที่ต้องจัดการอยูหลายอย่าง พลางนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรไปบอกให้ทนายประจำบริษัทไปติดต่อเรื่องการซื้อขายที่ดินที่จังหวัดน่าน  จึงจัดการยกโทรศัพท์ภายในถึงนริศรา

 

“นริศ โทรไปหาคุณพิภพนะบอกว่า ให้เตรียมเอกสารไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่น่านด้วยวันไหนให้ติดต่อกันเอาเอง”รอให้เลขารับคำสั่งเรียบร้อยจึงวางโทรศัพท์ลงตำแหน่งเดิม พร้อมกับหยิบแฟ้มที่อ่านค้างไว้ก่อนที่จะลงไปร้านกาแฟมานั่งอ่านต่อ พลิกอ่านไปมาอยู่สองสามหน้า ก็ทำให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีสมาธิในการทำงานเลยหลังจากขึ้นมาจากร้านกาแฟ

 

ได้แต่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้หันหน้าไปเปิดม่านเพื่อดูบรรยากาศและรวบรวมสมาธิให้กลับมาอยู่กับตัวมากขึ้น เสียงถอนหายใจยาว ๆ ดังออกมาหลายครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องคิดถึงกันตพิชย์เวลาที่อยู่กับคนอื่นมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจะให้ความสนใจกับใครมาก่อน ใครจะคุยอะไรกับใครไม่เคยเก็บเอามาคิด แต่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั้นทำให้จิตใจผมไม่สงบเหมือนที่ผ่านมา เป็นเพราะกันตพิชย์หรือเพราะวิศกรร่างสูงกันแน่

 

 

คิดเล่น ๆ ว่าถ้าโทรไปถามทนายว่า การไล่พนักงานออกหนึ่งคนเนี่ยผิดกฏหมายหรือเปล่า หรือว่าต้องจ่ายค่าชดเชยเท่าไร จะเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับผมไหม

 

****************************************************************************************************

 

ผิดไหมที่เอาเวลางานมาแอบปั่นนิยายส่งให้อ่าน  ..........อิอิ อ่านให้สนุกกันนะคะ

ฝากไลค์ฝากถูกใจเพจ @มารน้อยเจ้าสำนัก ด้วยนะคะ



https://www.facebook.com/YAOI.rak/

 

ขอบคุณที่ติดตามอ่านกัน อย่าเพิ่งหนีหายไปไหนอยู่เป็นเพื่อนกันไปจนจบนะคะ ทุกคน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมาย.@12-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-09-2016 18:35:14
 :pigha2:


ตลกคุณพ่อ นี่จะไล่ใครออก หื้มมมมม

ที่ดินที่น่านนี่คงเป็นบ้านตากอากาศในอนาคตป่ะคะ??
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมาย.@12-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 12-09-2016 20:42:29
โอ๊ะ โอ จะไล่ใครออกค่ะ คุณภู
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมาย.@12-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: devilpoo ที่ 12-09-2016 23:35:20
 :mew2: :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมาย.@12-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 13-09-2016 00:24:56
หรือว่าเพทายจะคู่กับเพื่อนคุณภูอะ น่าสน :katai4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมาย.@12-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 14-09-2016 19:05:51
 :z13: :z13:

กำลังปั่นอย่างต่อเนื่อง งานเขียนแบบก้อมารุมเร้า อะไรกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมาย.@12-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-09-2016 19:10:06
คนเขียนสู้ๆค่ะ ขอบคุณค่ะ.  :katai2-1:
ไล่ออกน่ะไม่ผิดค่ะ แต่นายจ้างต้องมีเหตุผลและชดเชยอย่างเป็นธรรม. ก็จ้างเป็นพี่เลี้ยงน้องฟ้าแทนไงคะ
 ยัดงานใส่มือไปเลยอีกตำแหน่ง แล้วเดี๋ยวค่อยแถมตำแหน่งแม่บ้านให้ในอนาคต คิคิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 15-09-2016 18:47:41
ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย

ลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างของอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าหลากหลายที่มาเช่าสถานที่ของตึกสำนักงานใหญ่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้  ร่างสูงของคุณภูเดินนำหน้าไปยังร้านกาแฟ มือใหญ่ผลักบานประตูกระจกเข้าไปในร้านที่มีพนักงานให้การบริการอยู่  เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์สำหรับสั่งเครื่องดื่ม

“คุณภูจะดื่มอะไรครับผมจะได้สั่งพนักงานให้ คุณไปนั่งรอที่โต๊ะด้านโน้นก็ได้ครับ แล้วจะรับขนมมาทานด้วยเลยไหม”  ผมถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน

“ขออเมริกาโน่เย็นแก้วนึง กับเค้กกาแฟเจนัว นายจะดื่มอะไร”  ไม่ใช่เสียงตอบผมกลับมาหรอกนะครับแต่เป็นเสียงสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานโดยตรงต่างหาก เมื่อสั่งเองผมก็ไม่ว่าอะไรตามใจสิ

“ขอโกโก้เย็น กับเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนครับ” สั่งให้ด้วยละกันไหน ๆ ก็สั่งแล้ว พนักงานรับออร์เดอร์จากนั้นก็บอกให้เราไปนั่งที่โต๊ะจะนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟให้ในอีกสักครู่ ผมเลยมองหาโต๊ะที่ว่าง แต่คุณภูเดินนำไปแล้วผมเลยต้องเดินตามไปด้วย ได้โต๊ะที่ห่างผู้คนพอสมควร แล้วตอนนี้ลูกค้าก็ไม่มาก อาจจะเพราะว่ายังเป็นเวลาทำงานอยู่เลยไม่ค่อยมีใครมาใช้บริการ

 ผมจึงได้แต่นั่งมองออกไปภายนอกร้านดูผู้คนเล่น ๆ จนกระทั่งได้ยินคำถามดังออกมาจากคนที่นั่งตรงข้าม มันเป็นคำถามแสดงความห่วงใย แต่หน้าตาคนถามมันก็ยังเรียบเฉยอยู่เหมือนเดิม เหอะ จะทำหน้าปกติเหมือนชาวบ้านเขาก็ไม่ทำ คนอะไรจะเก็กทำเข้มไปไหน ตรงนี้ไม่มีลูกน้องอยู่ด้วยสักหน่อย อ้อ ลืมอะไรไปอย่างผมก็เป็นลูกน้องนี่หว่า เมื่อได้ของที่สั่งมาแล้วเรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไปได้สักพัก เสียงทุ้มก็บอกออกมาอีกประโยคให้ไปซื้อกาแฟให้นริศราด้วย

 “เดี๋ยวทานเสร็จแล้วนายเดินไปสั่งให้นริศชุดนึงนะ เอานี่เงิน เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปก่อน” คุณภูยื่นเงินที่หยิบออกมาจากกระเป๋าส่งให้

“ครับ แล้วคุณภูจะขึ้นไปทำงานเลยหรือเปล่าครับ”

“อืม มีเอกสารอีกหลายแฟ้มต้องดู นายก็ตามขึ้นไปเร็ว ๆ อย่าอู้ล่ะ” นี่ว่าผมได้ไงคนชวนมันคุณนะ ปากก็ไวเท่าความคิดเถียงกลับไปด้วยความเร็ว

“ผมไม่ได้อู้สักหน่อย นั่งทำงานอยู่ดี ๆ คุณนั่นแหล่ะเป็นคนชวนลงมา ปกติผมงานยุ่งจะตายอยู่แล้วขนาดไม่ได้ลุกไปไหนงานยังไม่อยากจะหมด แต่นี่ออกมาตั้งครึ่งชั่วโมง สงสัยต้องทำงานต่ออีกครึ่งชั่วโมงแน่เลย ชิส์”

“ก็ชวนมายืดเส้นยืดสายเท่านั้นเอง เห็นทำงานหน้าดำคร่ำเครียดกลัวจะเส้นเลือดในสมองแตกเสียก่อน อย่าหักโหมมากนัก จะได้อยู่ทำงานที่นี่นาน ๆ “ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบกลับคุณภู  ร่างสูงตรงข้ามก็ต้องลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์แล้วออกเดินไปข้างนอกร้าน

ผมมองตามจึงได้เห็นว่าคุณภูดิสเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวไม่ขาวมากแต่ก็ไม่ได้ผิวแทนหรือผิวสองสีอาจจะเพราะผมเคยได้ยินว่าร่างสูงเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬา ไม่เคยเห็นหรอกนะว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตที่อีกคนสวมใส่นั้นมีกล้ามเนื้อประมาณไหน แต่คาดว่าน่าจะเป็นคนที่มีซิคแพคอยู่บ้าง ดวงตาสีดำเข้มวาววับอยู่ตลอดเวลา แถมยังเป็นคนตาดุเสียด้วย แค่จ้องถ้าเป็นเด็กคงร้องไห้ไปแล้ว ผิดกับเวลาที่อยู่กับลูกชาย ดวงตาที่ฉายแววออกมามีความอ่อนโยน ริมฝีปากได้รูป คิดไปคิดมา เจ้านายเราก็เข้าขั้นหล่อเลยหรอเนี่ย

แล้วผมจะไปชมผู้ชายทำไมกันจริงอยู่ว่าผมอยากได้รูปร่างแบบนั้น แต่ทำยังไงก็ไม่มีทางได้มา ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยกีฬาไม่ว่าจะเป็นบาสเก็ตบอล เทนนิสผมก็เล่นนะ อยากจะมีซิคแพคเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ได้มาแค่กล้ามเนื้อนิดหน่อย ไม่ได้มีเรียงกันสวยงาม ตามที่อยากได้

หันกลับมาที่เดิมเพื่อจัดการกับเค้กที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ เค้กน่าตาน่าทานมาก กลิ่นหอมของใบเตยรวมถึงมะพร้าวอ่อน 

“อืม อร่อยแฮะ ไม่นึกว่าร้านนี้จะมีเค้กอร่อยวันหลังซื้อไปฝากไอ้อ้วนดีกว่า คงชอบ” ผมตักเค้กมาชิมแล้วถึงกับยิ้มกับรสชาติที่หอมละมุนลิ้น ไม่หวานเกินไป เนื้อเค้กก็นุ่มจนเหมือนจะลายไปในปาก อร่อยจนตักกินหมดแล้วตบท้ายด้วยโกโก้เย็น

“กันต์” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง จึงได้หันไปหาต้นเสียงว่าเป็นใครที่เรียก

“อ้าว พี่ทาย หวัดดีครับ มาได้ยังไงเนี่ย” เมื่อหันมาจึงพบว่าเป็นร่างสูงของเพทายรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยส่งเสียงเรียกพร้อมกับร่างนั้นรีบเดินไว ๆ มาทางโต๊ะที่ผมนั่ง

“หวัดดีกันต์ ไม่นึกว่าจะเจอนะเนี่ย” ผมลุกขึ้นยืนคุยกับพี่ทาย คนตรงหน้าส่งยิ้มให้อย่างยินดี

“ปกติก็ไม่ได้ลงมาข้างล่างเวลาทำงานหรอกครับ แต่เผอิญวันนี้คุณภูชวนลงมาซื้อกาแฟ เลยต้องลงมาด้วยเผื่อว่ามีอะไรต้องช่วย”

“วันนี้พี่มาอบรมที่ชั้น 25 ก็ว่าจะโทรหากันต์เหมือนกันแต่ก็กลัวว่างานจะยุ่งเลยไม่ได้โทร” เสียงตอบกลับมาพลางเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบา ๆ

“เฮ้ย นี่ผอมกว่าสมัยเรียนมหาลัยป่ะเนี่ย ทานข้าวเยอะ ๆ หน่อยสิ”

“ก็ผอมแหล่ะ แต่ทานเยอะนะ เพราะมีตุลย์ทานเป็นเพื่อน ทำไมมีแต่คนทักว่าผมผอมอ่ะ ทั้งที่มันก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไรนะพี่ทาย” ผมก้มลงสำรวจตัวเอง ก็ไม่ได้ผอมมากนี่นา

“เมื่อก่อนดูแล้วมันหนากว่านี้  เอางี้แล้วกันวันหยุดวันไหน พี่จะไปรับที่บ้านไปเล่นเทนนิสกันดีกว่า พี่ก็ยุ่งไม่ค่อยได้เล่น มีเพื่อนเล่นด้วยก็ดีเลย”

“ได้เลยพี่ทาย ไม่ได้เล่นเหมือนกันยุ่ง ๆ กับหลายเรื่องอยู่ จะได้หัดให้ตุลย์เล่นด้วย รายนั้นอยากเล่นกีฬาทุกอย่าง เอาไว้หลีสาว แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป้าหมายแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมนึกถึงตุลย์ที่ชอบมาขอให้ผมสอนให้เล่นเทนนิสเป็นประจำแต่ผมก็ยังไม่มีเวลาว่างสอนให้หลานชาย

“พี่สอนให้ก็ได้ แล้วกันต์ย้ายมาอยู่แถวไหน พี่จะได้รู้ไว้”

“หมู่บ้านฟรอเรสต์วิว ที่แถวเกษตรตัดใหม่นะพี่พาย รู้จักไหม”

“จะไม่รู้จักได้ไงล่ะ โครงการนี้มันของบริษัทเรานี่ บ้านท่านประธานก็อยู่ในโครงการนี้แหล่ะ” ร่างสูงหัวเราะออกมาพร้อมเฉลยว่ามีอีกคนนะที่อาศัยอยู่ที่โครงการนี้ด้วย

“เออ ว่ะ ผมลืมไปได้ไงเนอะ ว่าเป็นโครงการของบริษัทเรา” ผมก็เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าบ้านที่อยู่เป็นโครงการของอุตตมโภคินกรุ๊ป

“เดี๋ยววันไหนว่างพี่จะโทรไปหานะ เราเหอะทำตัวให้ว่างไว้ด้วย”

“ครับ ๆ รู้แล้วน่า”

สักพักผมก็รับรู้ได้ว่ามีเงาของร่างสูงใหญ่ของใครบางคนมาหยุดยืนข้างหลังซึ่งพอมองตามสายตาของเพื่อนรุ่นพี่ก็เจอเข้ากับดวงตาคมกริบของคุณภูนั่นเอง สงสัยคุยธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“คุณภู เสร็จแล้วเหรอครับ  แล้วจะขึ้นไปข้างบนเลยหรือเปล่า” ผมถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผม

“อืม เสร็จแล้ว นายเสร็จธุระหรือยังจะได้ไปสั่งกาแฟให้นริศ” คุณภูส่งเสียงเรียบ ๆ ถามออกมาพร้อมมองหน้าเพทายไปด้วย ถามผมมองหน้าผมสิครับแล้วนั่นไปจ้องเขาทำไมเขม็งขนาดนั้นเล่า

“สวัสดีครับท่านประธาน  เพทายครับ ทำงานอยู่ไซท์งานครับ วันนี้มีอบรมที่ออฟฟิศเลยต้องเข้ามา พอดีเห็นกันต์เลยเข้ามาทักน่ะครับ” เสียงอีกคนแนะนำตัวเองให้คุณภูรู้จัก

ด้านร่างสูงของคุณภูก็ตอบรับ พร้อมกับน้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิดเมื่อได้ยินว่าผมขอคุยธุระกับพี่ทายก่อนแล้วจะตามขึ้นไปทำงานทีหลังไม่ทำให้เสียงานหรอก แต่ถึงอย่างนั้นคุณภูก็อนุญาตให้ผมอยู่ต่อได้แต่ก็ไม่วายกำชับอย่างเคร่งเครียด งานมันเสร็จทันอยู่แล้วล่ะน่าไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย ผมมีความรับผิดชอบพอ

สั่งทุกอย่างเสร็จร่างสูงของคุณภูก็หันหลังเดินออกไปเพื่อขึ้นห้องทำงานชั้นบนสุด  ผมเลยให้พี่ทายนั่งตรงเก้าอี้ตรงข้ามผม

“พี่ทายทำงานที่นี่นานหรือยังครับ แล้วนี่มีแฟนกับเขาบ้างไหมเนี่ยหรือยังบ้างานเหมือนเดิม”

“ก็ทำมาตั้งแต่จบนั่นแหล่ะ ใครจะไปเหมือนเราล่ะ เรียนจบเล่นทิ้งเมืองกรุง หนีกลับไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมกันบ้างเลย”

“อ้าว จบแล้วนี่ครับจะอยู่ทำไมกรุงเทพ บ้านอยู่ต่างจังหวัดนี่นา แล้วก็ไม่มีใครช่วยงานพี่สาว ผมเป็นน้องชายก็ต้องช่วยสิ แต่ตอนนี้พี่เสียแล้วเลยต้องหางานทำเลี้ยงหลานเนี่ยแหล่ะ” ผมตอบพี่ทายออกไปตามความจริงเพราะว่าเรียนจบแล้วก็อยากจะช่วยพี่ที่หาเงินส่งเสียผมเรียนมหาวิทยาลัยเลยไม่หางานทำที่กรุงเทพ

“เรื่องพี่สาวกับพี่เขย พี่เสียใจด้วยนะ แต่ถ้ากันต์มีอะไรจะให้พี่ช่วยก็บอกมานะ อย่าเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ แล้วถ้ามีอะไรจะให้ช่วยจะโทรไปหาแล้วกัน แล้วไงสรุปว่าตอนนี้มีแฟนไหมเนี่ย” ทวงอีกคำถามที่ยังไม่ได้ตอบผม

“เพิ่งโดนเทมาเดือนที่แล้วนี่สิ บอกว่าพี่ไม่มีเวลาให้ จะไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งทีก็ไม่ว่าง เห็นงานสำคัญกว่าก็อยู่กับงานไปเลย แค่นั้นแหล่ะก็เก็บของออกไปจากคอนโด สรุปตอนนี้....โสด” อธิบายมาซะยาวเหยียดที่แท้ก็โดนทิ้งมานี่เอง แต่ดูท่าทางก็ไม่เห็นเดือดเนื้อร้อนใจ

“ไม่เห็นเหมือนคนเพิ่งโดนหักอกมาเลยนี่ เป็นยังไงก็เคยบอกแล้วว่าผู้หญิงน่ะต้องการเวลา อย่าไปทิ้งให้เขาต้องอยู่คนเดียวบ่อย ๆ สิ หัดทำตัวเป็นแฟนที่ดีมั่ง อย่ามัวอ้างแต่งานยุ่ง”

“ก็มันยุ่งจริง ๆ ไม่มาเป็นวิศวกรเองไม่รู้หรอกว่ามันงานรุมขนาดไหน  แล้วเราล่ะ มีแฟนหรือยัง” จะถามผมก็ได้คำตอบเดิมเหมือนตอนเรียนนั่นแหล่ะ

“โสดเหมือนเดิม ก็ไม่รู้จะไปจีบใครไม่มีใครที่เข้ามาพอจะทำให้รู้สึกชอบนี่นา แล้วตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะว่าต้องเลี้ยงตุลย์คงอยู่เป็นโสดอีกนานอ่ะพี่ทาย ไม่อยากให้ตุลย์คิดว่าผมทิ้งหลาน กลัวคนเข้ามาไม่รักหลานผมอ่ะพี่” ผมนึกภาพที่ถ้ามีแฟนแล้วคนนั้นไม่รักหลานผม ผมก็คงไม่คบหรอกครับ คงอยู่เป็นโสดไปเนี่ยแหล่ะจนกว่าหลานจะโตหรือไม่ก็เจอคนที่รักทั้งผมทั้งหลานจริง ๆ

“เดี๋ยวพี่แนะนำให้เอาป่ะ เนี่ยสวย น่ารัก นิสัยดี แต่ห้าว ๆไปหน่อย เป็นเพื่อนพี่เอง สนป่ะ ๆ”

“เดี๋ยวนี้หัดเป็นพ่อสื่อตั้งแต่เมื่อไร แล้วก็ไม่ต้องเลยนะ ไม่เอาหรอก ตอนนี้อยู่แบบนี้แหล่ะดีแล้ว สบายตัวดีไหนจะหลาน ไหนจะงานที่เพิ่งทำ” ผมบอกปฏิเสธไปพลางส่ายหน้าไม่เอาเด็ดขาด

“ไรว้า จะแนะนำสาวให้ก็ไม่เอา เออ ตามใจแต่ยังไงก็โทรมาหาพี่บ่อย ๆ ล่ะ วันหลังไปเล่นเทนนิสกันจะโทรนัดอีกที พี่ต้องขึ้นห้องประชุมแล้ว กันต์ก็ขึ้นไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวจะโดนดุคุยกับพี่นานงานไม่เสร็จ เมื่อกี้พี่ยังกลัวสายตาคุณภูอยู่เลย คนอะไรตาดุชะมัด” เสียงบ่นออกมาแต่ตอนท้ายกลับนินทาเจ้านายซะได้ แต่เป็นใครก็คงกลัวแหล่ะ ทำหน้าตาแบบนั้นยังกับจะไปทะเลาะกับใครเขา

“ก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ แรก ๆ ผมก็เกรงนะทำอะไรไม่ค่อยถูกหรอก โดนดุบ่อยจะตายเรื่องงาน คุณภูเป็นคนเจ้าระเบียบ ละเอียดรอบคอบมาก อะไรก็จะเอาให้ได้ดั่งใจ เกือบถอดใจลาออกไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็อดทนผ่านมาได้ บางทีก็ดูใจดีผิดปกตินะ”

“หือ คนอย่างคุณภูเนี่ยนะใจดี ตรงไหนที่เรียกว่าใจดี เข้าไซท์ไปทีไรเรียกหางานมาดูแล้วจากนั้นนะ ทั้งคำถามเอย คำติเอย รวมถึงให้แก้ไขงานตามมาจนบางทีพี่ก็อยากจะกระโดดตึกที่ตัวเองทำเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ”

“หลัง ๆ ใจดีขึ้นเยอะแล้วนะ เอาเหอะไปทำงานดีกว่าเดี๋ยวจะโดนเรียกหาวันนี้วันศุกร์ด้วย ต้องเสร็จไม่งั้นผมเนี่ยแหล่ะจะเสร็จก่อนงาน เฮ้อ.....” ถอนใจออกมาพร้อมยิ้มเหนื่อย ๆ

“โอเค งั้นพี่ไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวจะโทรหา ฝากบอกตุลย์ด้วยนะว่า จะมีลุงไปเยี่ยมแล้วจะซื้อของฝากไปให้” ร่างสูงใหญ่ของเพทายลุกขึ้นยืนพร้อมกับผม

“เดี๋ยวผมไปสั่งกาแฟให้พี่นริศแป๊บ พี่ทายไปก่อนก็ได้นะไม่ต้องรอ” ผมบอกให้พี่ทายไปก่อนได้เลยเพราะต้องไปซื้อกาแฟขึ้นไปข้างบนอีก จากนั้นร่างสูงจึงได้เดินออกไปเพื่อขึ้นไปอบรมต่อแต่ผมต้องมารอซื้อกาแฟอีกรอบก่อนจะขึ้นไปทำงานให้เสร็จ

ลิฟท์เปิดออกที่ชั้นบนสุด ผมเดินถือแก้วกาแฟและขนมเค้กไปยื่นให้นริศรา หญิงสาวรุ่นพี่เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย

“ซื้อมาฝากเหรอ ขอบใจจ๊ะน้องกันต์”

“ซื้อมาฝากแต่เงินเจ้านายนะครับพี่นริศ หึหึ”

“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหล่ะ ถ้าเงินน้องกันต์พี่นริศไม่กล้าทานฟรีหรอกจ้า” เสียงหญิงสาวตอบกลับมาอย่างทะเล้น นริศราเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ใจดี เป็นกันเอง เธอช่วยสอนงานผมทุกอย่างจนเดี๋ยวนี้เริ่มจะเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้นแล้วต้องขอบคุณที่ทำให้ผมไม่ต้องโดนดุบ่อย ๆ ด้วย

“แล้วคุยกับเพื่อนเสร็จแล้วเหรอ พี่ถามคุณภูไปว่าทำไมไม่ขึ้นมาเขาบอกว่าน้องกันต์ขอคุยกับเพื่อนอยู่ข้างล่างก่อน”

“ครับพี่นริศ เคยเจอกันมาแล้วที่ไซท์งาน พี่ทาย ชื่อเพทายครับเป็นวิศวกรคุมงาน แต่วันนี้มาอบรมที่ออฟฟิศ บังเอิญเจอกันเลยทักทายกันนิดหน่อย วันที่เจอครั้งที่แล้วก็รีบเพราะค่ำได้แต่ขอเบอร์ติดต่อกันไม่ได้คุยกัน วันนี้เจอเลยคุยกัน” ผมตอบนริศราออกไปตามตรง

“แล้วทำไมคุณภูถึงดูเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นมา ตอนลงไปก็ลงไปดี ๆ นี่นา มีอะไรหรือเปล่า” คำถามที่ถูกส่งมาให้ผมทำให้ผมนึกว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คุณภูอารมณ์ไม่ดีตามที่หญิงสาวบอกแต่ก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรหรือไปพูดอะไรไม่เข้าหูร่างสูงหรือเปล่า  อ้อ หรือว่ะเป็นโทรศัพท์ที่ออกไปรับ

“ไม่แน่ใจนะครับ ก็ไม่น่าจะมีอะไรทำให้อารมณ์เสียเลย อ้อแต่มีโทรศัพท์เข้ามา แล้วคุณภูก็ออกไปรับสายข้างนอก จากนั้นเข้ามาเจอผมกับพี่ทายก็เลยดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดี อาจเป็นสายนั้นที่โทรเข้ามาก็ได้นะครับพี่นริศ” ผมตั้งข้อสังเกตไปด้วย แล้วจึงเดินกลับมานั่งโต๊ะทำงานตัวเองต่อ แต่นริศรากลับหันมามองหน้าผม

“ไม่น่าจะใช่นะเพราะเมื่อกี้ก่อนที่น้องกันต์จะมา คุณภูโทรมาบอกเรื่องที่ดิน แต่นั่นคือเรื่องดีนะเพราะว่าเจ้าของที่ดินยอมขายที่ให้เราแล้ว ที่ดินนี้คุณภูอยากได้มากเลยนะ ติดต่อขอซื้อมาเป็นปี ๆ ก็ไม่ยอมขายสักที”

“อ้าว แล้วถ้าอย่างนั้นมันเรื่องอะไรกันล่ะ แต่ผมก็เห็นว่าคุณภูก็ชอบอารมณ์ไม่ดีอยู่เรื่อย ๆ นะครับ แต่ช่างเหอะทำงานดีกว่า เดี๋ยวโดนดุกว่าเดิมอีก ตอนแรกที่ผมขออยู่ต่อเหมือนจะไม่ให้ด้วยล่ะ แต่ไม่รู้ยังไงถึงอนุญาต ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่บ้างน้ำเสียงไม่เต็มใจเท่าไร” ได้ทีก็บ่นให้คนข้างในห้องไปกับนริศราบ้าง อีกฝ่ายก็จ้องหน้าผมอีกครั้งแล้วหัวเราะเบา ๆ  แล้วก็หันไปทำงานของตัวเองต่อไม่สนใจผมอีกเลย

เห็นอย่างนั้นผมก็เลยต้องก้มหน้าทำงานของตัวเองให้เสร็จ งานที่เหลือวันนี้ไม่เยอะเท่าไร คงได้กลับบ้านตรงเวลาไม่ต้องอยู่ทำโอที  นั่งทำงานไปจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ได้ยินโทรศัพท์ดังขึ้นเล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัวเลยทีเดียวเพราะกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ

“ครับ คุณภูมีอะไรครับ ... ครับ สักครู่นะครับ” รับสายตอบรับการสนทนากับคนข้างในห้อง เพราะโทรมาเรียกให้ผมเข้าไปพบ อย่ามามีงานเร่งตอนห้าโมงแบบนี้นะ พลางลุกขึ้นเดินไปทางประตูบานใหญ่ของห้องท่านประธาน  จากนั้นเคาะประตูรอจนมีเสียงอนุญาตจึงได้ผลักบานประตูนั้นเข้าไป

“มาแล้วครับ คุณภูมีอะไรจะใช้ผมเหรอ” ผมส่งเสียงถามออกไปทำให้ร่างสูงละจากเอกสารที่อ่านอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมา

“วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านด้วย” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับสบตาผม

“ห๊ะ !!!! ทานข้าวที่บ้าน บ้านไหนนะครับ” ผมร้องเสียงหลง ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ฉันบอกว่าเย็นนี้ให้นายกับหลานชายของนาย ไปทานข้าวที่บ้านฉันด้วย น้องฟ้าชวน ทีนี้เข้าใจหรือยัง” ร่างสูงพูดย้ำออกมาอีกครั้งพร้อมสีหน้าท่าทางที่ยังดูอารมณ์ไม่ดีหลงเหลืออยู่

“ทำไมครับ ไม่ไปได้ไหมวันนี้ผมว่าจะทำกับข้าวให้ตุลย์ทาน ตุลย์อยากทานสปาเก็ตตี้” ผมเอ่ยถามออกไปยิ่งทำให้ร่างสูงตรงหน้าทำสีหน้าเรียบตึงยิ่งขึ้นไปอีก

“น้องฟ้าชวน จะไม่ไปให้น้องฟ้าเสียใจรึยังไง แล้วสปาเก็ตตี้ ถ้าอยากทานเดี๋ยวจะโทรไปบอกให้ที่บ้านทำไว้ให้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำเอง กว่าจะกลับถึงก็มืดค่ำแล้ว ยังต้องเสียเวลามาทำอาหารเย็นอีก” น้ำเสียงเพิ่มระดับความหงุดหงิดออกมาอีกเลเวล

“แต่ว่าผมอยากทำให้ตุลย์ทานเองนี่นา” ผมยังคงต่อรองอีกไม่ได้อยากไปสักหน่อยถึงจะอยากเจอน้องฟ้าก็เหอะแต่ถ้าเจ้าของบ้านที่จะนั่งทานข้าวด้วยหน้าเป็นยักษ์แบบนี้ใครมันจะไปเจริญอาหารกันล่ะ

“อย่าดื้อนักได้ไหม เมื่อกี้ก็ครั้งนึงแล้วนะ ชอบทำอะไรให้ฉันหงุดหงิด บอกอะไรก็ทำตามที่บอกก็พอ เอาตามนี้แล้วกันเลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้าน” พูดจบก็ก้มหน้าลงทำงานต่อปล่อยให้ผมยืนคิดอะไรคนเดียว นี่ผมดื้อตรงไหนกัน คุณภูนั่นแหล่ะเอาแต่ใจตัวเองเกินไปแล้ว คิดได้แค่นั้นก็หันหลังออกจากห้องทำงานของผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบริษัทนี้ไป  ถ้าได้หันกลับไปมองสักนิดคงเห็นว่า สายตาร่างสูงเงยหน้าจากแฟ้มงานที่อ่านแล้วมองตาแผ่นหลังของร่างโปร่งนั้นไปจนประตูปิดสนิท



*************************************************************************************



แอบมาตอนมืด ๆ อาศัยนั่งเน็ตออฟฟิศช่วงชุลมุนวุ่ยวาย



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ คำติชม ของทุกคนนะคะ ดีใจที่มีคนติดตาม



ฝากเพจ @มารน้อย เจ้าสำนัก ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-09-2016 18:51:25
 :really2:   อิอิ ให้มันได้อย่างนี้สิ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-09-2016 20:14:02
ตอนมันสั้นลงหรือเปล่าาาา
  ><

หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 16-09-2016 08:46:22
ตอนมันสั้นลงหรือเปล่าาาา
  ><

ขอโทษอย่างแรงส์ นี่แอบปั่นในเวลางานด้วยนะ มันเลยสั้นลง ๆ   ตอนหน้าแก้ตัวใหม่เนอะ  5555
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 16-09-2016 09:59:05
ไปๆมาๆ น้องฟ้าจะได้แม่ก่อนน้องตุลยจีบน้องฟ้าติดละแน่อ่ะ

 :-[ :o8: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 16-09-2016 10:32:07
คุณภูต์รักน้องกันต์โดยไม่รู้ตัวเเล้วสิ  หึงหวงน้องกันต์ซะขนาดนั้น   :mew1: :mew1:แต่เอ พี่เพทายคู่กับหนุ่มลูกเสี้ยวอย่างไตรทศ หรือเปล่านะอยากให้คู่นี้ได้กันคู่กันรักกัน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-09-2016 17:02:31
 o13
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-09-2016 20:04:30
คุณภู่เริ่มออกตัวแรงแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 16-09-2016 21:08:49
ชิ คุณภูนี้เอาแต่ใจน่าดู
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 16-09-2016 21:22:29
สนุกมากๆ ครับ ตอนหน้าขอยาวๆนะครับ อิอิ

ที่ชวนไปทานข้าวที่บ้าน นี่น้องฟ้าชวนจริงหรออออ 555+
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย @15-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: johari317 ที่ 17-09-2016 00:39:42
 :-[(ว่าที่)คุณแม่ เหนื่อยหน่อยนะคะะะ คุณพ่อเอาแต่ใจเหลือเกินนนนนน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน @17-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 17-09-2016 19:32:26
ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน

              เช้าวันเสาร์ที่พระอาทิตย์เพิ่งจะส่องแสงโผล่มาให้มนุษย์โลกทั้งหลายได้รับรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องตื่นแล้วแต่ผมยังนอนเล่นบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ของเครื่องปรับอากาศที่ทำงานมาทั้งคืน  เช้าวันเสาร์แบบนี้อยากนอนตื่นสาย ๆ บ้าง เพราะวันธรรมดาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวทั้งไปโรงเรียนของตุลย์กับการไปทำงานของตัวเอง

                มองดูนาฬิกาแล้วได้แต่มุดศรีษะลงไปในผ้าห่มผืนหนาเพื่อซุกหาความอบอุ่น ซึ่งปกติเช้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ เป็นวันที่ผมอนุญาตให้ตัวเองตื่นสายกว่าวันทำงานได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะถ้ามากกว่านี้ตุลย์จะมาโวยวายเรื่องอาหารเช้า แต่ถ้าผมตื่นแล้วแค่นอนเล่นไปมาไม่กี่นาทีก็ต้องลุกขึ้นมาแล้วล่ะ ก็เพราะมันเป็นนิสัยแล้วนะสิที่ว่าตื่นแล้วมันจะนอนต่อไม่ได้อีก

                นี่ก็นอนพลิกตัวได้สามรอบถ้วน ก็ลุกขึ้นมาเก็บผ้าห่มและเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวจากนั้นเดินลงไปหน้าบ้านออกมายืดเส้นยืดสายเสียหน่อย เดินไปที่ก็อกน้ำที่มีม้วนสายยางอยู่ก็จัดการดึงสายยางออกมา กดหัวฉีดให้เป็นละอองฝอย เพื่อรดน้ำต้นไม้กับหญ้าที่สนามไม่ให้มันเหี่ยวเฉาไปมากกว่านี้

                พลางมองดูรอบ ๆ บ้าน สังเกตว่าต้นไม้ที่โครงการปลูกให้มีบางต้นที่เริ่มเหี่ยวแห้งตายไปบ้าง คงต้องถึงเวลาสะสางแล้วหามาปลูกเพิ่มเติมแล้วมั้งงานนี้ ฉีดน้ำไปที่สนามหน้าบ้าน ก็สูดเอาอากาศยามเช้าเข้าปอดไปด้วย นาน ๆ ตื่นมาเจออากาศดี ๆ แบบนี้ก็สดชื่นไปอีกแบบ

                เสียงตึงตังดังออกมาจากตัวบ้านพร้อมเสียงตะโกนเรียกหาผมลั่น แต่ผมก็ไม่ได้ขานรับหรอก ให้วิ่งออกมาหานั่นแหล่ะดีแล้ว จะได้ออกมาข้างนอกบ้านตอนเช้า ๆ มั่ง

                “น้ากันต์ ๆ ๆ อยู่ไหนค้าบบบบ” เสียงเรียกยังดังต่อเรื่อย ๆ

                “แฮ่ก ๆ ๆ อยู่นี่เอง ตุลย์เรียกก็ไม่ขานตอบอ่ะ” ร่างอวบกลม วิ่งมาหยุดอยู่ข้างผม ผมทำเพียงแต่หันไปมองแล้วหันมารดน้ำต้นไม้ต่อเท่านั้นเอง

                “ว่าไง แล้วจะเรียกทำไมเสียงดัง น้าได้ยินอยู่แล้ว แต่อยากให้ตุลย์มาหาตรงนี้เองแหล่ะ”

       “น้ากันต์ทำอะไร รดน้ำต้นไม้เหรอ มันจะตายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นสวยเหมือนที่บ้านเก่าเราเลยเนอะ ที่นั่นนะดอกไม้ที่แม่ปลูกสวยกว่านี้ตั้งเยอะ หอมกว่าด้วย” สายตาของตุลย์มองไปรอบ ๆ พร้อมกับบ่นออกมา

“แล้วตุลย์อยากปลูกเหมือนที่บ้านเก่าเราไหมล่ะ” ผมหันไปถามเจ้าตัวอ้วน

“อืม อยากปลูกให้เหมือนที่แม่ปลูกเลยนะ บ้านเราจะได้หอม ๆ สวย ๆ น้ากันต์ส่งสายยางมาตุลย์ช่วยรดน้ำให้” มืออ้วน ๆ ยื่นมาขอสายยางกับผม ซึ่งผมก็ยื่นให้

“งั้นวันไหนว่าง ๆ เราไปซื้อต้นไม้มาปลูกกันใหม่แล้วกัน วันนี้รดน้ำแล้วเดี๋ยวค่อยถอนเอาต้นที่ตาย หรือใกล้ตายทิ้งไปก่อน” ผมยกหน้าที่รดน้ำต้นไม้ไปให้ตุลย์ส่วนตัวเองก็เดินไปหาอะไรมาขุดดินเพื่อเอาต้นไม้ที่ตายออกมากองรวมกันไว้ แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนจะทำงานเราควรต้องทานอาหารเช้ากันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหมดแรงกันไปก่อนงานจะเสร็จ

“ว่าแต่หิวหรือยัง น้าว่าไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวหมดแรง”

“ดีเหมือนกัน ตุลย์เริ่มหิวแล้ว วันนี้กินข้าวผัดกุ้งได้ไหม ขอไส้กรอกกับไข่ดาวด้วยนะน้ากันต์ เพิ่มพลังเยอะ ๆ จะได้ช่วยน้ากันต์ทำสวนให้สวย ๆ” เสียงตอบกลับมาพร้อมวางสายยางที่ฉีดน้ำรดต้นไม้ลงบนพื้น

“ได้ ตุลย์ไปล้างมือแล้วนั่งดูการ์ตูนรอก่อนไปเดี๋ยวน้าไปทำข้าวผัดให้เสร็จแล้วจะเรียก” ผมเดินเข้าบ้านพร้อมกับหลานชายตัวอ้วนกลมซึ่งวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ ส่วนตัวผมล้างมือในอ่างเรียบร้อยจึงเปิดตู้เย็นหยิบเอาวัตถุดิบต่าง ๆ ที่จะต้องเป็นส่วนประกอบของอาหารมื้อเช้ามาวางบนโต๊ะ

สักพักได้ยินเสียงตุลย์เดินมาเปิดตู้เย็นหยิบเอานมสดออกมาเทใส่แก้ว แล้วถือเดินไปนั่งหน้าโทรทัศน์ดูการ์ตูนหรืออะไรที่เจ้าตัวอยากดูระหว่างรอมื้อเช้า  ใช้เวลาไม่นานในการจัดการทำข้าวผัด ทอดไส้กรอกและไข่ดาวสำหรับเราสองคนน้าหลาน

“ตุลย์มากินได้แล้ว ข้าวผัดเสร็จแล้ว” ผมเรียกตุลย์ให้มาทานอาหารเช้าที่ทำเสร็จแล้วและกำลังส่งกลิ่นหอมออกมาทั่วห้องครัว

“มาแล้ว ๆ หือออออออ หอมมากน้ากันต์ ขอบคุณมากครับ” ตุลย์ยกมือไหว้เมื่อผมยื่นจานข้าวผัดส่งให้เจ้าตัว พร้อมรินน้ำเปล่าใส่แก้วมาวางไว้ให้ จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามเพื่อทานข้าวเช้าด้วยกัน

“อย่ารีบ เดี๋ยวสำลักข้าว เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนด้วย” ไม่ลืมที่จะเตือนตุลย์เพราะกลัวว่าไอ้ท่าทางที่รีบกินจะทำให้เจ้าตัวสำลักอาหารได้

“รู้แล้วครับ  ก็มันอร่อยนี่นา ตอนแรกตุลย์ก็ว่าตุลย์ไม่หิวนะน้ากันต์ แต่พอได้กลิ่นข้าวผัดเท่านั้นแหล่ะ ถึงได้รู้ว่าหิวมากกกก” เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พร้อมคำตอบ

“ก็มันจะ 8 โมง อยู่แล้วก็ต้องหิวเป็นธรรมดา ปกติตุลย์กินตอน 6 โมงครึ่งนี่  วันหยุดตื่นสายแถมยังออกไปรดน้ำต้นไม้ใช้แรงไปนิดหน่อย ไม่หิวสิแปลก ผิดปกติสำหรับตุลย์เลยล่ะ กินให้หมดวันนี้เราต้องเป็นคนใช้แรงงาน ต้องเหนื่อยอีกเยอะ” จากนั้นเราสองคนน้าหลานก็นั่งทานข้าวจนหมดจานทั้งสองคน อิ่มมากครับบอกเลย

“เฮ้ออออออ อิ่มมากน้ากันต์ พุงตุลย์จะแตกไหมเนี่ย” ว่าพลางลูบพุงกะทิน้อย ๆ ของตัวเองไปด้วย

“เก็บจานมาน้าจะล้าง ตุลย์ไปนั่งย่อยอาหารก่อนสักครึ่งชั่วโมงนะ แล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาตัวที่ไม่ค่อยได้ใส่เพราะเดี๋ยวลุยแล้วจะสกปรกซักยาก” ผมลุกเดินไปล้างจานที่อ่างล้างจานแล้วบอกให้ตุลย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใส่ตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะงานทำสวนคงเป็นอะไรที่มอมแมมน่าดู

ล้างจานเสร็จผมเลยเดินขึ้นไปเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกันสวนกับตุลย์ที่เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว คงเดินไปนั่งดูทีวีเพื่อรอผมแหล่ะ ผมเดินเข้าห้องไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือก ๆ ดูได้เสื้อยืดคอกลมสีกรมท่าลายกราฟฟิกมาตัวนึง ส่วนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้นเลยเข่ามานิดหน่อยสีเทา  เสร็จแล้วจึงเดินลงมาข้างล่าง

“ย่อยหมดยังตุลย์จะได้เริ่มงานเป็นคนสวน” ผมเดินมาหยุดหลังโซฟาที่ตุลย์นั่งอยู่แล้วส่งเสียงทักออกไป ตุลย์หันหลังกลับมามองแล้วยิ้มให้

“พร้อมนานแล้วน้ากันต์ ป่ะไปกันดีกว่า” แล้วเจ้าตัวก็หยิบรีโมทมากดปิดทีวีแล้วเดินนำหน้าผมออกไปที่สวนหน้าบ้าน

“เราจะเริ่มตรงไหนกันก่อนอ่ะ มันเหมือนจะตายตั้งหลายต้นนะ ดูสิน้ากันต์เหี่ยวหมดแล้วเนี่ย ต้นอะไรก็ไม่รู้ดอกก็ไม่มี”

“ริมรั้วก่อนแล้วกัน ตรงนั้นไม่ร้อน เดี๋ยวน้ากันต์ไปหาอะไรที่พอจะขุดต้นที่มันตายออกมากองไว้” ผมเดินไปทางหลังบ้านที่มีห้องเก็บของแล้วไปรื้อ ๆ ค้น ๆ ก็ได้เสียมอันเล็ก ๆ ที่เอามาจากบ้านหลังเดิมพร้อมเจอถุงมือไหมพรมพอที่จะใส่ไม่ให้มือเจ็บได้ด้วย ดีเลยนึกว่าไม่มีซะแล้ว

“เอานี่ใส่ถุงมือก่อนเดี๋ยวมือเจ็บ น้าจะขุดรอบ ๆ แล้วตุลย์ค่อยเป็นคนถอนต้นที่มันตายมากองไว้นะ” ผมยื่นถุงมือให้ตุลย์คู่นึง ส่วนตัวใส่ไว้ด้วย

“น้ากันต์ถอนออกหมด  แล้วค่อยไปหาต้นไม้ที่มีดอกกับหอม ๆ มาปลูกไม่ได้หรอ ต้นพวกนี้ตุลย์ไม่เห็นว่ามันจะสวยตรงไหน มีแต่ใบ” ตุลย์ส่งเสียงถามขึ้นมาคงอยากได้ดอกไม้สวย ๆ

“จะว่าได้ก็ได้นะ แล้วแต่ตุลย์เลย อยากได้ต้นอะไรล่ะ  งั้นริมรั้วฝั่งนี้เราปลูกมะลิดีไหม หอมด้วยเหมือนที่แม่ปลูกไว้ที่บ้านเก่าไง” ผมคิดว่าจะปลูกอะไรดี นึกถึงว่าเราเคยปลูกมะลิไว้ที่บ้านเพราะพี่สาวผมชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้ โดยเฉพาะดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม มะลินี่ชอบเป็นพิเศษวันพระไหนมะลิออกดอกเยอะพี่ก็จะเด็ดมาร้อยมาลัยถวายพระ

“ดี ๆ ตุลย์ชอบ ตกลงเอามะลิมาปลูกตรงนี้แล้วกัน ปลูกยาวไปถึงหลังบ้านเลยนะ เวลาออกดอกเยอะ ๆ จะได้หอม เผื่อแม่จะได้กลิ่นด้วย แม่ชอบ” ผมยิ้มให้กับความคิดหลานชาย ที่ว่าจะปลูกมะลิให้แม่

“โอเค ตามนั้นเลยตุลย์ งั้นน้ารื้อต้นไม้เล็ก ๆ แถวนี้ออกหมดเลยนะ  ตุลย์มาคอยลากไปรวมกันไว้ก็แล้วกัน” จากนั้นเราสองน้าหลานก็สวมหน้าที่คนสวนเต็มตัว ผมขุดตุลย์ลากไปรวมกันไว้กลางสนามหญ้า ขุดต้นไม้มันเหนื่อยเหมือนกันนะครับเนี่ย แค่ต้นเล็ก ๆ ทำไมมันใช้แรงเยอะขนาดนั้นด้วย

“เหนื่อยแล้วอ่ะตุลย์ ไม่คิดว่าจะใช้แรงเยอะแบบนี้ต้นก็เล็ก ๆ เอง” ผมบ่นไปพลางใช้ไหล่เช็ดเหงื่อที่ไหลมาตามใบหน้าออกอย่างไม่สนใจเท่าไรนัก

“เฮ้อ  ตุลย์ก็เหนื่อย อ่ะน้ากันต์ ยังไม่ถึงไหนเลย ได้แค่ครึ่งเดียวเองแล้ววันนี้มันจะเสร็จไหม” สายตาผมเลื่อนตามแปลงต้นไม้ที่อยู่ริมรั้วไปก็พบว่าเราขุดมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง ทำไมมันยาวอย่างนี้ตอนซื้อบ้าน บ้านมันก็หลังเล็ก ๆ เองนี่ แต่พอมาลงแรงอะไรแบบนี้ทำไมกำแพงบ้านมันถึงได้ยาว

“ตุลย์ไปพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าทำต่อเอง แค่นี้สบายมากเดี๋ยวก็เสร็จ เหลืออีกครึ่งเดียวเอง แดดก็เริ่มร้อนแล้วเดี๋ยวตุลย์ไม่สบาย” ผมไล่ให้ตุลย์ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ที่พอจะมีร่มเงาบังแดด

“เดี๋ยวตุลย์ไปเอาน้ำมาให้นะ ร้อนหิวน้ำแล้วด้วย” พูดจบก็วิ่งพาร่างอวบอ้วนเข้าบ้านไป ผมเลยต้องหันมาขุดต้นไม้ออกเพื่อจะได้ให้เสร็จก่อนที่แดดจะแรงไปกว่านี้ แต่ดีนะที่ตำแหน่งที่นั่งขุดต้นไม้อยู่ตรงนี้ ตัวบ้านที่บังแสงแดดได้ดีทำให้สามารถนั่งทำงานได้จนกว่าจะเที่ยงกันเลยทีเดียว แต่ผมไม่ทำถึงเที่ยงหรอกนะครับมันร้อน

“น้ากันต์ ดื่มน้ำก่อนตุลย์เอามาให้แล้ว” ร่างของตุลย์เดินมาพร้อมกับขวดน้ำกับแก้วน้ำในมือ ผมจึงลุกขึ้นถอดถุงมือแล้วคว้าเอาขวดน้ำมารินใส่แก้ว พลางยกขึ้นดื่ม

“ขอบใจมากตุลย์ อ่ะ เอาไปวางไว้ที่โต๊ะนั้นก่อน” ได้น้ำเย็น ๆ แก้วนึงนี่มันชื่นใจเสียจริง ๆ เลย

หันไปมองกองต้นไม้ที่ถอนออกมาแล้วตุลย์ลากไปกองรวมกันไว้ก็เห็นว่ามันเยอะเหมือนกันนะ  จะเก็บไปทิ้งที่ไหนคงต้องไปถาม รปภ.หน้าหมู่บ้านเพราะอย่างนี้มันใส่ถังขยะไม่ได้ซะด้วย

“น้ากันต์  เราจะไปซื้อต้นไม้กันที่ไหน แล้วไปวันไหน ตุลย์จะไปช่วยเลือกต้นมะลิ เอาอย่างอื่นด้วยได้ไหมน้ากันต์แต่ตุลย์ไม่รู้ว่าต้นไหนหอม ต้นไหนดอกมันจะออกมาแล้วสวย แม่จะได้ชอบดอกไม้ที่ตุลย์ปลูก” เสียงของตุลย์ทำให้ผมต้องหันไปมองหลานชายก็พบว่าตุลย์นั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ เอามือท้าวคางไว้บนหัวเข่าไว้ แต่ใบหน้าตุลย์มีแต่รอยยิ้ม ผมจึงได้ยิ้มตามไปด้วย ไม่คิดว่าตุลย์จะจริงจังขนาดนี้

“ไปจตุจักรแล้วกัน เผื่อเราอยากได้อย่างอื่นด้วยเพราะมันขายของหลายอย่างเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปกัน วันนี้ทำแค่ตรงนี้ให้เสร็จก่อนต้องเตรียมพื้นที่ ที่จะเอาต้นไม้มาลง”

“มันไกลไหมน้ากันต์ จตุจักรเนี่ย” พลางทำท่าคิดไปด้วย เหมือนจะรู้จักเนอะอ้วนเนอะ

“ไม่ไกลเท่าไรถ้ารถไม่ติดนะ แต่เราไปเช้า ๆ แดดไม่ร้อนคงไม่ติดเท่าไรหรอก” ผมตอบข้อสงสัยให้ตุลย์

นั่งถอนต้นเกือบเสร็จหมดแล้วเหลืออีกเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้นที่หน้าบ้าน เราสองคนมองหน้ากัน ตุลย์ยักไหล่เบะปากใส่ ประมาณว่าไม่รู้ใครมาน้ากันต์ไปดูเอาเองละกัน ผมเลยได้แต่ชะโงกหน้าไปมองก็ไม่เห็นจึงต้องลุกเดินไปทางประตูหน้าบ้าน  คนมาเยือนส่งเสียงออกมาทักก่อนที่ผมจะเดินถึงประตูเสียอีก

“น้ากันต์ครับ ๆ เปิดประตูให้ฟ้าเข้าไปหน่อย” เสียงเล็ก ๆ เรียกผมให้เร่งมาเปิดประตูให้เจ้าตัวที่ยืนเกาะประตูเล็กอยู่หน้าบ้านผม

“อ้าว น้องฟ้า มาได้ยังไงครับ แล้วมากับใคร” ผมเอื้อมมือไปบิดตัวล็อกประตูเพื่อเปิดให้น้องฟ้าเข้ามาข้างในบ้านพร้อมกับส่งคำถามไปให้

“มากับคุณพ่อครับ คุณพ่อพาไปขี่จักรยานที่สวนหย่อมในหมู่บ้าน แล้วฟ้าอยากมาหาน้ากันต์กับตุลย์เลยให้คุณพ่อพามา” เสียงของน้องฟ้าดังขึ้นอย่างรื่นเริง แล้วไหนคุณพ่อของน้องฟ้าละครับน้ากันต์ไม่เห็น แต่พอมองไปด้านข้างจึงพบกับร่างสูงของคุณภูยืนจูงจักรยานแอบอยู่อีกด้านหนึ่ง เสาประตูรั้วบ้านมันบังอยู่นี่เอง มิน่าตอนแรกถึงมองไม่เห็นแล้วจะยืนแอบทำไม

“อ้อ สวัสดีครับคุณภู เข้าบ้านก่อนครับ” ผมเปิดประตูให้กว้างสุดเพื่อให้ทั้งสองพ่อลูกจูงจักรยานของตัวเองเข้ามาจอดไว้ในบ้าน ทั้งสองคนเดินเข้ามาข้างในบ้านพร้อมกับจักรยาน คุณภูอยู่ในชุดเสื้อยืด กับกางเกงขาสั้นเลยเข่า เนื้อผ้าบางเบาดูสบาย ๆ เห็นอย่างนี้แล้วผมว่าดูน่าเข้าหามากกว่าวันทำงานเสียอีก ส่วนน้องฟ้า ชุดที่ใส่เป็นกางเกงขาสามส่วนสีขาวสวมเสื้อสีฟ้า ลายการ์ตูนน่ารัก

“น้ากันต์ทำอะไรกันอยู่ครับ” น้องฟ้าถามขึ้นมา ผมเดินตามสองพ่อลูกเข้ามาหลังจากปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว

“กำลังขุดต้นไม้ออกครับ ว่าจะปลูกต้นไม้ใหม่ เพราะต้นที่โครงการปลูกไว้ให้บางต้นมันตาย บางต้นมันก็เริ่มเหี่ยวแล้วอีกไม่นานมันน่าจะตายเหมือนกัน” ผมอธิบายให้น้องฟ้าฟัง แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะฟังไปด้วย ทางด้านตุลย์ที่มองเห็นว่าใครมากดออดหน้าบ้าน ก็วิ่งดีใจยิ้มแป้นเข้ามาหาน้องฟ้าด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล่ป

“ช้า ๆ ตุลย์เดี๋ยวล้ม ไม่ต้องรีบก็ได้น้องฟ้าไม่ได้จะรีบไปไหนเสียหน่อย” ผมต้องส่งเสียงห้ามไม่ให้ไอ้อ้วนของผมวิ่งเร็วเกินไปเพราะกลัวว่าจะสะดุดล้มไปเสียก่อน

น้องฟ้ายิ้มรับรอยยิ้มของตุลย์ที่ส่งมาให้พร้อมเดินเข้าไปหา ผมหันไปมองหน้าคุณภูก็ไม่พบอะไร  พบแต่ใบหน้าที่ดูจะร้อนเหงื่อซึมออกมานิดหน่อยตามไรผม

“คุณภูนั่งที่เก้าอี้นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม” พูดจบผมก็เดินหายเข้าไปในบ้านทันทีไม่รอให้ร่างสูงตอบรับหรือปฏิเสธ เมื่อได้น้ำดื่มกและแก้วสำหรับสองพ่อลูกแล้วผมก็เดินออกมา แต่พบว่าร่างสูงเดินไปหยุดที่กองต้นไม้ที่ผมถอนออกมากองรวมกันไว้ที่สนามหญ้า พลางกอดอกมองนิ่ง ๆ

“น้ำได้แล้วครับ น้องฟ้ามาดื่มน้ำก่อนเพิ่งขี่จักรยานมาเหนื่อย ๆ แต่ค่อย ๆ จิบนะครับเดียวจะจุกเอาได้ นี่ของคุณภูครับ” ผมจัดการยื่นแก้วน้ำที่รินไว้ให้ทั้งสองคน ซึ่งน้องฟ้านั่งอยู่ข้างกับตุลย์ที่ม้านั่งยาว

“นี่นายทำไมต้องถอนออกหมด แค่ถอนต้นที่มันตายแค่นั้นก็พอไม่ใช่หรือไง” เสียงทุ้มถามออกมาพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“ผมกะว่าจะปลูกต้นไม้ใหม่นะครับคุณภู ตุลย์เค้าอยากได้ดอกมะลิที่เหมือนกับบ้านหลังเดิมของพวกเรา แล้วคงหาอย่างอื่นมาลงด้วยแต่คงเป็นพวกไม้หอม ไม้ดอกมากกว่าไม้ใบน่ะครับ” ผมอธิบายถึงเรื่องที่ต้องถอนต้นไม้ออกมาทั้งหมดแถวริมแนวกำแพงบ้านเช่นนี้

“ใกล้เสร็จแล้วนี่  เหลืออีกนิดเดียว ฉันช่วยจะได้เสร็จไว ๆ” ภูดิสว่าพลางวางแก้วแล้วเดินไปที่แถวต้นไม้ที่รอคิวถอนอยู่ซึ่งมันก็เหลือไม่เยอะแล้ว

“ไม่ต้องหรอกครับเหลืออีกนิดเดียวเองผมทำเองได้ เดี๋ยวชุดคุณเปื้อน” ผมบอกปฏิเสธไป แต่อีกคนดูเหมือนจะไม่ฟังอะไรผมเลยสักนิดกลับเดินไปหยิบเสียมมาเพื่อลงมือขุดดินรอบ ๆ ต้นไม้นั้นออก

“ฉันบอกว่าจะช่วยนะดีแล้ว แล้วก็ถอดถุงมือนายมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ส่วนนายคอยเก็บต้นไม้พวกนี้ไปกองรวมกันก็พอ” ร่างสูงหันมาทำตาดุใส่ผมพร้อมกับบังคับให้ผมถอดถุงมือให้เจ้าตัว ซึ่งผมจ้องตากลับไม่ยอมทำตามที่สั่ง จนร่างสูงทนไม่ไหวคว้ามือผมได้ก็ใช้มือใหญ่ของเจ้าตัวแหล่ะบังคับถอดถุงมือแล้วเอาไปใส่เสียเอง

“น้องฟ้านั่งรอพ่ออยู่ตรงนี้นะครับ พ่อจะขุดต้นไม้ ตรงนั้นมันร้อนไม่ต้องออกไปนะ” คุณภูหันไปสั่งให้น้องฟ้านัน่งอยู่กับที่ แต่กับที่นั้นคือข้าง ๆ ตุลย์นะครับ สงสัยจะลืมว่าเคยหวงลูกชายจนไม่ให้ใครเข้าใกล้

“งั้นน้องฟ้าเข้าไปดูการ์ตูนข้างในบ้านรอก่อนก็ได้นะครับ ตุลย์ด้วยเข้าไปล้างหน้าล้างมือ พาน้องฟ้าไปด้วยเหงื่อออกเต็มตัวแล้วก็หาขนมในตู้เย็นมากินรอได้เลยนะ”

“ครับน้ากันต์ ไปกันเถอะน้องฟ้า เดี๋ยวตุลย์พาไปดูการ์ตูนกับกินขนมอร่อย ๆ กันดีกว่า ตรงนี้ร้อนน้องฟ้าจะไม่สบาย” เฮ้ย ๆ น้อย ๆ หน่อยไอ้อ้วน  นั่นไปจูงมือลูกชายเขาอีกเดี๋ยวพ่อเขาก็หันมากัดเอาหรอก ยิ่งดุ ๆ อยู่ด้วย

“ส่วนนายมาช่วยฉันขนต้นไม้นี่ไปได้แล้ว” หันกลับมาเจอกับต้นไม้ที่ถูกขุดออกมาหลายต้นแล้ว ทำไมไวจังวะ ทีผมขุดตั้งนานกว่าจะได้แต่ละต้น แต่นี่อะไรคุณภูขุดแป๊บเดียวได้เยอะแล้ว ความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน หรือดินตรงนี้มันจะขุดง่ายกว่าตรงที่ผมขุด

“อ้าว ยืนเหม่อทำอะไรอีก มาเร็ว ๆ สิ ชักช้าอืออาด เมื่อไรมันจะเสร็จ” เสียงทุ้มเร่งให้ผมเดินเข้าไปช่วยพร้อมกับเหน็บผมกลับมาอีก

“ครับ ๆ รู้แล้ว ขนเดี๋ยวนี้แหล่ะครับ”

“แล้วนายรู้เหรอว่าจะเอาต้นไม้พวกนี้ไปทิ้งที่ไหน”

“ไม่รู้หรอกครับ เดี๋ยวค่อยไปถามรปภ.เอาก็ได้” ผมตอบร่างสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาขุด ส่วนผมก็หอบเอาต้นที่ขุดแล้วไปกองไว้

“เฮ้อ ฉันคิดไว้แล้วว่านายต้องไม่รู้ ช่างมันเหอะ เดี๋ยวจะให้คนสวนที่บ้านมาขนออกไปทิ้งให้แล้วกันจะได้ไม่เปื้อนรถนายด้วย” โอ๊ะ ใจดีผิดปกติ แต่น้ำเสียงติดจะรำคาญนะนั่นน่ะ

“ขอบคุณครับ ดีเลยผมก็ไม่รู้จะเอาไปทิ้งยังไงเหมือนกัน นึกว่าจะต้องขนใส่ท้ายรถไปทิ้งหลายรอบเสียแล้ว”

“จะไปซื้อต้นไม้ที่ไหนมาปลูกแทนต้นพวกนี้” ถามสั้นได้อีกนะครับคุณ

“ก็ว่าจะไปจตุจักรแหล่ะครับ ง่ายดีไม่ไกลด้วย เผื่อออยากได้อะไรเพิ่มเดินหาเอาก็พอมีเพราะมันขายหลายอย่าง อีกอย่างผมก็ไม่ได้ไปจตุจักรนานแล้วไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปเยอะไหม” ผมตอบอีกคนไปพลางก้มลงไปหอบต้นไม้อีก 2-3 ต้นที่อีกฝ่ายขุดมากองไว้ข้างตัว

“อืม จะซื้อเยอะไหม”

“ไม่แน่ใจ ก็ว่าจะปลูกมะลิให้ตลอดริมกำแพงฝั่งนี้ เพราะปลูกเยอะ ๆ เวลาออกดอกมันหอมดี ตุลย์ชอบ”

“งั้นเดี๋ยวขุดเสร็จแล้วไปอาบน้ำเตรียมตัวฉันจะมารับไปซื้อต้นไม้”

“ห๊ะ!!! ว่าอะไรนะครับไปซื้อต้นไม้ คุณภูจะไปด้วยเหรอ” ผมตกใจถามออกไปพร้อมกับทำหน้าแหย ๆ

“ทำไมไปกับฉันไม่ได้หรือยังไง หรือว่ามีใครไปด้วยแล้ว” เสียงที่ตอบกลับมาดูหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ผมถามกลับไปว่าจะไปด้วยกันเหรอ

“ไม่มีใครไปด้วยหรอกครับเพราะว่าไม่ได้นัดใครไว้ แต่ที่ถามเพราะว่าคุณภูจะไปจริงเหรอ จตุจักรมันร้อนนะไม่น่าจะเหมาะกับคุณภูเท่าไร”

“นายรู้ได้ไงว่ามันไม่เหมาะ แล้วฉันเดินจตุจักรไม่ได้รึไง” ทีนี้หันมาจ้องหน้าผมเต็ม ๆ เลยครับ

“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าอย่างคุณภูเดินตลาดนัดเหมือนกับคนอื่นเขาได้ด้วย นึกว่าเดินช็อปอยู่แต่ในห้างอย่างเดียวนี่ครับ” ผมตอบอย่างหวาด ๆ นิดหน่อย

“สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยมาเดินกับพวกเพื่อน  ๆ แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอก เพราะส่วนมากก็อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะ ซื้อของในห้างเพราะมันใช้ทนกว่ากัน” อธิบายมาให้ผมเข้าใจว่าเจ้าตัวก็เคยเดินตลาดนัดเหมือนกัน

“งั้นก็ตามใจเลย อยากไปก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกันนะครับ”

ผ่านไปเกือบชั่วโมงต้นไม้ตลอดแนวกำแพงบ้านก็ถูกร่างสูงของคุณภูถอนออกมาจนหมด ซึ่งผมมีแค่หน้าที่หอบไปกองไว้เท่านั้นเอง แดดเริ่มแรงขึ้น อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นตามเวลาที่สายขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งยอง ๆ ขุดต้นไม้เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลมาตามไรผมลงมาถึงคาง หยดลงสู่พื้นดิน

เห็นแบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปในบ้านหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วเดินกลับออกมาที่ตำแหน่งของร่างสูงนั่งอยู่  ผมเอื้อมมือที่มีผ้าอยู่ในมือไปซับเหงื่อที่ไหลลงมาอย่างเบา ๆ แต่ใบหน้าคมเข้มก็กันมาเสียก่อน สายตาดุจ้องมองผมที่กำลังเช็ดหน้าให้ แต่ผมก็ไม่ได้หยุดมือที่ทำอยู่ ใบหน้าของคุณภูสีแดงระเรื่อเพราะร้อนและเต็มไปด้วยเหงื่อ

“ร้อนมากเลยล่ะสิ เหงื่อเต็มหน้าเลย อยู่นิ่ง ๆ นะผมจะเช็ดให้ ”

ผมเช็ดจากแก้มซีกซ้ายแล้วจึงย้ายไปด้านขวา จากนั้นจึงเลื่อนมือไปซับเหงื่อที่หน้าผากให้ คุณภูหลับตาเพื่อให้ผมเช็ดเหงื่อให้สะดวกและกันไม่ให้เหงื่อไหลเข้าตา เช็ดจนหมดแล้ว ดวงตาที่หลับอยู่ก็ลืมมาสบเข้ากับดวงตาของผมที่มองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลานั้นอยู่ก่อนแล้ว

ร่างสูงยกยิ้มออกมาน้อย ๆ  ดวงตาดุดูมีประกายแปลก ๆ จากนั้นมือใหญ่ของคุณภูจึงยื่นมาแย่งเอาผ้าผืนเล็กนั้นมาแล้วเอื้อมมือมาเช็ดหน้าผม

“นายก็มีเหงื่อเหมือนกัน แถมยังมีรอยเปื้อนดินด้วย” มือใหญ่ไล่เช็ดไปตามแก้มผมอย่างเบามือ ไม่นึกว่าผู้ชายที่ดูดุ เงียบขรึมเช่นนี้จะทำแบบนี้ได้ ผมไม่ได้หลับตาเหมือนคุณภูตอนที่ผมเช็ดหน้าให้หรอกนะครับ แต่ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของร่างสูงตรงหน้าผม ดวงตาดุเข้มนั้นตอนนี้ทำไมมันไม่ได้ดูน่ากลัวสักนิดกลับดูเหมือนกับว่าผมถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดให้เข้าไปหา

ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้กว่าที่มือใหญ่จะละออกจากใบหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเมื่อสักครู่ ซึ่งนั้นทำให้ใบหน้าผมเริ่มร้อนขึ้นมา เอ ....อากาศมันร้อนขึ้นมากระทันหันหรือเปล่าวะ ทำไมหน้ามันดูเหมือนจะร้อนผ่าวพิกล

“เสร็จแล้ว นายไปเรียกตุลย์ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเดี๋ยวฉันมารับไปซื้อต้นไม้ด้วยกัน” เสียงทุ้มปลุกให้ผมออกจากห้วงความคิดบางอย่าง

“ครับ” ผมตอบรับคำเดียวอย่างสมองเบลอ ๆ พลางนึกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับผม เลยได้แต่ลุกตามแรงฉุดของร่างสูง ปล่อยให้มือใหญ่จับจูงมือผมเดินเข้าไปข้างในบ้าน

“น้องฟ้า กลับบ้านกันได้แล้วลูก” เสียงคุณภูเรียกให้น้องฟ้าที่กำลังนั่งดูการ์ตูนกับตุลย์ให้ลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน

“นายอาบน้ำรอเลยเดี๋ยวฉันมารับ ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง แค่นั้นคงพอนะ” สั่งอีกทีแล้วหันหลังเดินออกไปพร้อมกับลูกชายของตนเอง

“ตุลย์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปซื้อต้นไม้กันเลย” ผมเรียกให้ตุลย์ไปจัดการตัวเอง ร่างอ้วนดีใจรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งผิดกับผมที่เดินขึ้นบันไดไปอย่างเชื่องช้า

ตึก ตึก ตึก เสียงอะไรดังขึ้นข้างในอกผม อาบน้ำไปก็คิดถึงดวงตาคู่นั้นที่เผลอจ้องไปเสียนาน เหมือนจะถูกดูดให้เข้าไปในดวงตาดุคู่นั้น ได้แต่สะบัดศรีษะไล่ความคิดสับสนออกไปจากหัว แล้วอาบน้ำแต่งตัวลงมานั่งรออยู่ข้างล่าง ซึ่งพอลงมาก็พบกับร่างของตุลย์ที่อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกไปข้างนอกนนั่งรอเรียบร้อยมาก

“เสร็จแล้วไปกันเลยน้ากันต์ ตุลย์พร้อมแล้ว” ร่างอ้วนกลมลุกขึ้นมาจูงมือผมให้ออกเดินแต่ผมยื้อไว้

“เดี๋ยวก่อน รอน้องฟ้ากับพ่อน้องฟ้าก่อน บ้านนั้นเขาจะไปกับเราด้วย” ผมบอกตุลย์แล้วจึงนั่งลง ฝ่ายตุลย์ได้ยินก็ดีใจ

 

“น้องฟ้าไปกับเราด้วยเหรอน้ากันต์ ดีจัง งั้นนั่งรอก่อนก็ได้เนอะ จะได้ไปเดทกับน้องฟ้าด้วย โชคดีอะไรอย่างนี้พี่ตุลย์เนี่ย อิอิ” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะไอ้อ้วน แล้วการที่เขาไปซื้อต้นไม้ด้วยเนี่ยเรียกว่าเดทเหรอ

 

 

*******************************************************************

 

ตอนใหม่มาแล้วจ้าาาา ตอนนี้แอบใส่ความหวานเข้าไปนิดนึงเรียกน้ำย่อย เฉย ๆ  เพราะกลัวว่าถ้าหวานกว่านี้จะผิดคอนเซ็ปของคุณภูที่ต้องออกแนวดุ เก็ก ๆ ขรึม ๆ

 

ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ รักทุกคนค่ะ

 

พูดคุยผ่านเพจกันได้นะคะ

 

https://www.facebook.com/YAOI.rak/


 :mew1: :mew1: :mew3: :mew3:

 :o8: :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน @17-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-09-2016 20:09:51
อื้อหือ นางเอกเช็ดเหงื่อให้ สายตาปิ๊งๆ

 :fire:

อยากได้ดราม่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน @17-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-09-2016 20:38:56
สปาร์คกันกลางแดดเบาๆ
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน @17-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 17-09-2016 23:34:22
คุณภูเนียนมากเลยจริงๆเล๊ย :mew2: :mew2: :mew5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน @17-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 19-09-2016 07:55:28
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฟิน เบา ๆ ค่อย ๆ มีอีกฝ่ายเข้ามาในใจ

คงไม่หวือหวามากมาย แล้วอาจจะไม่มีดราม่า 555++

ก้อติดตามกันต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกคนค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน @17-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-09-2016 17:10:04
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน @17-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-09-2016 17:50:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 19อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้ง @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 22-09-2016 16:09:28
ปี๊น ปี๊น เสียงแตรรถดังมาสองครั้งเรียกความสนใจของเราสองคนน้าหลานให้ส่งสายตาไปที่หน้าบ้าน ตุลย์รีบวิ่งออกไปที่หน้าประตูบ้านโดยที่ไม่ได้รอผมเลย  ผมเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินออกจากบ้าน จัดการล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามหลานชายออกไป




แทนที่จะเห็นรถคันที่คุณภูใช้เป็นประจำวันนี้กลับเห็นรถเอสยูวีคันใหญ่จอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เดินไปเปิดประตูหลังเพื่อจะขึ้นไปกลับกลายเป็นว่ามีร่างน้อย ๆ ของน้องฟ้านั่งยิ้มแฉ่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเท่านั้นแหล่ะไอ้อ้วนก็กระโดดขึ้นไปนั่งข้าง  ๆ กัน ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากปิดประตูหลังแล้วเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่งแทน



“น้ากันต์จะซื้อต้นอะไรครับ ฟ้าถามคุณพ่อแล้วแต่คุณพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน” น้องฟ้ายื่นหน้ามาถามระหว่างช่องว่างของเบาะคนขับกับคนนั่งข้าง ๆ คือผม



“ก็คงจะซื้อต้นมะลิแหล่ะ เพราะตุลย์อยากได้เวลาออกดอกแล้วหอมดี อย่างอื่นก็ไม่รู้เดี๋ยวค่อยไปดูเอาว่าที่ร้านมีอะไรมั่ง”



“ฟ้าเลือกด้วยได้ไหม ฟ้าจะเอาไปปลูกที่บ้าน”



“อ้าว แล้วที่บ้านไม่มีดอกไม้หรอ บ้านออกจะกว้างนี่ครับ” ผมหันไปถามเด็กน้อยช่างพูด



“มีแต่ต้นไม้ครับ ดอกไม้ไม่เห็นจะมีเลย คุณพ่อให้คุณลุงที่ทำสวนปลูกดอกไม้ที่ฟ้าจะซื้อด้วยนะครับ” หันหน้ามาตอบผม แล้วก็หันไปหาคุณภูที่กำลังขับรถอยู่



“ครับ เดี๋ยวน้องฟ้าอยากได้ต้นอะไรก็ชี้เอาเลย เดี๋ยวพ่อให้ลุงสมมาช่วยหนูปลูกดีไหม” ตามองถนนแต่ก็ยังส่งเสียงตอบลูกชาย



“นี่ ๆ น้องฟ้า เดี๋ยวตุลย์บอกให้ว่าต้นไหนหอม ต้นไหนสวย แล้วตุลย์จะไปช่วยปลูกให้ก็ยังได้เลย ตอนอยู่บ้านหลังเก่า ตุลย์ช่วยแม่ประจำ เนอะน้ากันต์เนอะ” ไอ้อ้วนของผมออกตัวล้อฟรีเลยงานนี้



“ครับ ๆ ตุลย์เก่ง” ผมตอบรับคำถามแล้วหันไปยิ้มให้ทั้งสองคน



เสียงเด็กทั้งสองคนคุยกันดังอยู่ด้านหลังซึ่งตอนนี้ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง  นานแล้วตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้เข้ากรุงเทพมาอีกเลย ตอนแรกก็คิดไว้ว่าจะมาเดินหาต้นไม้กันสองคนกับตุลย์ แต่ตอนนี้มีสมาชิกมาเพิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องขับรถให้เมื่อย




ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ คุณภูขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของตลาดจากนั้นเราจึงเดินมาดูร้านขายต้นไม้ที่มีอยู่ตลอดแนวถนน มีดอกไม้ ต้นไม้หลากหลายสายพันธ์รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลูก บำรุงรักษาต้นไม้ขายด้วย



คุณภูจูงมือน้องฟ้าเพราะน้องฟ้าไม่ยอมให้อุ้มซึ่งตอนแรกมันก็ทำให้คุณภูต้องคิ้วขมวดแต่เมื่อน้องฟ้ายืนยันว่าจะเดินเองก็ทำได้แค่จูงมือเล็ก ๆ นั้น ส่วนตุลย์นะเหรอ รายนั้นไม่ต้องห่วงเดินอยู่ข้าง ๆ น้องฟ้าเรียบร้อย แม้ว่ามือของน้องฟ้าจะมีมือใหญ่อีกมือจับจูงอยู่ก็ตาม



“นายจะซื้อต้นอะไรบ้าง คิดไว้หรือยัง” ร่างสูงของคุณภูหันมาถามผมที่เดินตามมาข้างหลัง



“ก็ต้นมะลิ อันดับแรก ส่วนอย่างอื่นก็เดี๋ยวเดินดูไปเรื่อย ๆ ครับ”



“งั้นเข้าไปหลาย ๆ ร้านแล้วกันเผื่อว่ามีต้นไม้ที่อยากได้”



“คุณภูกับน้องฟ้าทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ นี่ก็เที่ยงแล้วนะถ้ายังก็ไปทานกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวเด็ก ๆ จะหิว” ผมเอ่ยปากชวนร่างสูงไปทานข้าว



“ยัง น้องฟ้าหิวหรือยังครับ พ่อก็ลืมดูเวลาไปเลยว่านี่มันเลยเที่ยงแล้ว” พลางก้มลงไปถามลูกชาย



“เริ่มหิวเหมือนกันครับ แต่ได้ทานขนมไปที่บ้านน้ากันต์หน่อยนึงแล้ว”



“งั้นเราไปทานข้าวกันก่อนเนอะ” นิสัยผมอย่างนึงคือถ้าถึงเวลาอาหารต้องทานก่อนเพราะไม่อยากให้โรคกระเพาะถามหาเหมือนสมัยเรียนที่ไม่ค่อยได้ทานข้าวเป็นเวลา ยิ่งเดี๋ยวนี้อยู่กับตุลย์ยิ่งต้องเป็นเวลามากขึ้นเพื่อหลานได้ติดเป็นนิสัย



เราทานอาหารในร้านที่อยู่แถว ๆ นั้นเพื่อความสะดวก เด็ก ๆ ท่าทางตื่นเต้นที่ได้มาเดินตลาดนัดแบบนี้ ตุลย์นะไม่เคยมาแน่นอน แต่น้องฟ้านั่นพ่อคงหวงอีกตามเคยคงไม่ยอมให้ลูกชายมาเดินตากแดดแบบนี้หรอก แล้วนี่คิดยังไงถึงตามมาซื้อต้นไม้ท่ามกลางอากาศร้อนมหาโหดแบบนี้



“น้องฟ้าเคยมาที่นี่ไหมครับ” ลองถามสักหน่อยแต่คงไม่ผิดไปจากที่คาดไว้หรอก



“ไม่เคยหรอกครับน้ากันต์ คุณพ่อไม่ว่างพามาเที่ยวเท่าไรหรอกครับ นาน ๆจะได้ไปเดินห้างด้วยกัน เท่านั้นฟ้าก็ดีใจมากแล้วล่ะ”



“คุณพ่อเขากลัวน้องฟ้าจะไม่สบายไงครับ เพราะอากาศที่นี่มันร้อนมาก น้องฟ้าเป็นเด็กก็กลัวว่าจะไม่สบายง่ายกว่าผู้ใหญ่ไงครับ”




“คงอย่างนั้นแหล่ะ แต่ฟ้าก็อยากไปที่อื่นที่ไม่ใช่ห้างด้วยนี่นา” ทำแก้มป่องออกมาซะน่ารักเชียว



ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงในการทานอาหารกลางวันซึ่งทุกเมนูก็หมดเกลี้ยงไปด้วยเด็กน้อยสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทานกัน ส่วนร่างสูงของคุณภูแค่นั่งทานไปเงียบ ๆ คอยดูน้องฟ้าเป็นระยะเท่านั้นเอง



ผมเดินเข้าออกร้านขายต้นไม้เพื่อถามราคาและดูว่ามีพอจะให้เราปลูกหรือเปล่า โดยมีร่างสูงของคุณภูเดินข้าง ๆ แต่เด็กทั้งสองคนเดินไปดูดอกไม้อื่น ๆ ใกล้ ๆ กันแต่ก็ยังอยู่ในสายตาเราทั้งสองคนเสมอ




“มะลิพวกนี้มีเยอะไหมครับ ผมอยากได้สัก 50 ต้น” ผมหันไปถามจำนวนของต้นมะลิจากเจ้าของร่าง ซึ่งเป็นชายร่างท้วมดูท่าทางใจดี



“มีเยอะเลยละคุณ พอที่ต้องการอยู่ครับ แล้วอยากได้มะลิอย่างเดียวหรือครับ สนใจดูต้นอื่นด้วยไหม ร้านเรามีต้นไม้หลายพันธ์มากเลยนะ”  เจ้าของร้านตอบกลับคำถามของผม แล้วแนะนำต้นไม้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในร้านไปด้วย



“ผมอยากได้พวกไม้ดอกกลิ่นหอมน่ะครับ พอจะมีอะไรบ้าง”



“ทางนี้มีพวก โมก ดอกแก้ว จำปี จำปา กุหลาบ  ดอกปีบ ประมาณนี้แหล่ะครับแล้วแต่ชอบ”



“นายอยากได้พวกต้นเตี้ย ต้นสูงหรือไม้เลื้อยล่ะ” เสียงทุ้มของคุณภูหันมาถามผม ทำให้ผมคิดว่าผมจะปลูกแบบไหนดี เพราะมะลิก็เป็นพุ่มเตี้ย


“อืม เอาไหนดีล่ะครับ ช่วยคิดหน่อยสิ ผมนึกไม่ออกว่าจะทำแบบไหนดี”



“นายเนี่ยนะ นี่ไม่ได้คิดอะไรมาก่อนเลยรึไง แล้วถ้าออกมากันแค่สองคนน้าหลานจะทำยังไง ซื้อไปก่อนแล้วค่อยคิดเหรอ” เสียงบ่นดังออกมาจากปากของคุณภู



“ก็คนมันไม่มีความรู้ด้านนี้นี่นา ก็คิดว่ามาถามเอากับคนขายก็คงได้นี่ครับ”



“เฮ้อ ... เอาเหอะ ๆ  งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เอาต้นปีบไปสัก 3 ต้น ต้นมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกแต่ดอกมันหอม ส่วนพวกต้นเตี้ย ๆ ก็เอาดอกแก้ว  ต้นหอมเจ็ดชั้น ไปสักอย่างละ 10 ต้นก็น่าจะพอแล้ว บ้านยิ่งแคบ ๆ อยู่ด้วย”



“ดอกแก้วผมรู้จักแต่ หอมเจ็ดชั้นเนี่ยเป็นยังไงแล้วร้านเขาจะมีไหมล่ะ” ต้นไม้ที่ร่างสูงเอ่ยมาผมรู้จักหมดนะครับยกเว้นไอ้ต้นหอมเจ็ดชั้นเนี่ยแหล่ะ มันจะหอมไปไหนตั้งเจ็ดชั้น



“มันก็เป็นพวกไม้พุ่มนี่แหล่ะ แต่ดอกมันหอมอ่อน ๆ ดอกคล้าย ๆ ดอกเข็มสีขาว ตอนแรกดอกสีขาวแต่บานสัก 2 -3 วันจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง แล้วก็สีส้มจากนั้นก็โรย” คุณภูอธิบายเสียจนผมอยากเห็นแล้วล่ะครับ



“ที่นี่มีต้นหอมเจ็ดชั้นไหมครับ” พูดกับผมไม่ทันจบดีก็หันไปหาเจ้าของร้านทันทีเลย



“อ้อ มีครับแต่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่เท่าไรเดี๋ยวผมให้ลูกน้องไปนับมาให้สักครู่นะครับ เดินดูรอบ ๆ ร้านก่อนก็ได้” ว่าแล้วก็หายลับไปอีกด้าน ปล่อยให้พวกเรายืนอยู่กับที่



ผมก็เดินดูต้นไม้รอบ ๆ จนกระทั้งได้ยินเสียงของเด็ก ๆ ดังขึ้นข้าง ๆ




“น้ากันต์ ๆ ปลูกคุณนายตื่นสายได้ไหม ดอกมันสวยมากกกกก”




“หือ ..คุณตุลย์ตื่นสายยังไม่พอหรอ ต้องให้คุณนายตื่นสายตามไปด้วยหรือตุลย์”




“ง่ะ น้ากันต์อ่า....นะ นะ นะ มันสวย แม่เคยปลูกตุลย์จำได้ น้องฟ้าก็บอกว่าสวยจะปลูกเหมือนกัน “ ตุลย์ยื่นถุงคุณนายตื่นสายมาตรงหน้า ผมมองสีสันในมือป้อม ๆ




“ก็ได้ แต่ตุลย์ปลูกเองนะ น้าไม่ช่วยหรอก ใครอยากปลูกต้องดูแล รักษา ให้ปุ๋ยให้น้ำกันเอาเองล่ะ เข้าใจไหม”



“ครับ งั้นเอาไปเยอะ ๆ ได้ไหมคุณนายจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยกัน”



“ได้แค่ 10 ถุงพอนะตุลย์เดี๋ยวไม่มีที่ปลูกอย่างอื่น บ้านเราที่น้อย”



“ 10 ก็ 10 ไปกันเถอะน้องฟ้าไปเลือกคุณนายตื่นสายกัน” แล้วก็จูงมือน้องฟ้าไปทางที่ต้นคุณนายตื่นสายเรียงรายกันเป็นแถว คุณภูเดินตามน้องฟ้าไปด้วยคงไปดูเด็ก ๆ ผมเลยเดินดูอย่างอื่นไปพลาง ๆ



“คุณพ่อ ฟ้าเอาไปได้กี่ต้นครับ”




“น้องฟ้าอยากได้เยอะไหมล่ะ แต่เดี๋ยวคุณนายก็ขยายออกมาเอง เอาไปแค่พอประมาณก็พอ ปลูกแปลงไม่ต้องใหญ่หรอก” คุณภูตอบคำถามน้องฟ้า พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายตัวน้อยเพื่อช่วยเลือกต้นคุณนายตื่นสาย



หลังจากที่เจ้าของร้านกลับออกมาเพื่อบอกจำนวนต้นไม้ที่เราต้องการว่ามีเพียงพอ ผมก็จัดการซื้อแล้วจ่ายเงินแต่ปัญหาคือจะขนกลับไปยังไงนี่สิ ลืมไปเลย



“ทางร้านมีบริการส่งใช่ไหมครับ” ร่างสูงถามออกมาอย่างกับจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่



“ครับ ถ้าไม่ไกลเราส่งให้ฟรี แต่ไกลกว่านั้นก็ขอค่าน้ำมันนิดหน่อยพอครับ ว่าแต่จะให้ส่งที่ไหนครับ”



“แถวเกษตรตัดใหม่ครับ” ผมหันไปตอบแทนคุณภู



“อ้อ ถ้าแถวนั้นไม่ไกลเท่าไร ผมส่งให้ฟรีได้ครับ” โอ๊ะ....ไม่ต้องเสียเงินค่าส่งด้วยดีจัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า เปล่างกนะแต่ว่าอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัดผมไม่ได้รวยนี่ครับ พนักงานกินเงินเดือนไม่กี่หมื่นเอง



                เจ้าของร้านถามที่อยู่เพื่อที่จะไปส่งต้นไม้ ซึ่งคุณภูก็เป็นคนจัดการให้หมด ผมเลยไม่ต้องทำอะไรได้แต่ยืนเฉย ๆ ข้าง ๆ ร่างสูงนั่นเอง

                “น้ากันต์ เสร็จแล้วกลับบ้านเลยหรอ ยังไม่ค่ำเลยอ่ะ” เสียงตุลย์ถามเหมือนจะอยากเดินเล่นต่อนะอ้วน



      “แล้วตุลย์จะไปไหน ไปเดินเล่นในตลาดนัดไหมล่ะ แต่ร้อนนะทนไหวหรอ ดูน้องฟ้าสิ ตอนนี้หน้าแดงเหงื่อเต็มหน้าแล้ว” ผมหันไปมองหน้าเด็กชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเจ้าตัว



“ฟ้าอยากไปเดินเล่นต่อ เราไปได้ไหมครับคุณพ่อ” ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อหันไปอ้อนพ่อขอให้พาไปเดินเล่นก่อนเพราะไม่อยากกลับแล้วก็ไม่เคยมาที่นี่



“งั้นก็ได้ครับ ไปก็ไป” เสียงทุ้มตอบตกลงจะที่จะพาลูกชายไปตะลุยตลาดนัดแล้ว ผมได้แต่นึกในใจจะไปรอดไหมเนี่ย เคยมาสมัยเรียนแต่ตอนนี้มันไม่ได้เหมือนสมัยยังวัยรุ่นนะครับคุณ



“เย้ๆ ได้ไปเที่ยวตลาดแล้ว” ยิ้มแก้มปริเชียวน้องฟ้า



“งั้นไปกันเลย” เสียงจากตุลย์ดังตามมาเป็นลูกคู่ด้วยคน จากนั้นขบวนหนุ่ม ๆ ก็เริ่มเดินออกไปทางตลาดที่มีผู้คนเดินอยู่อย่างคับคั่งสมกับที่เป็นวันหยุด



ร้านแรกที่เราเจออยู่ในโซนด้านหลังสวน ซึ่งมีบรรดาร้านขายของตกแต่งบ้าน ร้านหนังสือเก่า รวมถึงเสื้อผ้าแฟชั่นต่าง ๆ ผู้คนที่มาเดินส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น รวมถึงวัยทำงาน แต่ผมสังเกตว่าชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจกับสินค้าที่นี่เหมือนกัน อาจเพราะว่าราคาถูกและงานฝีมือต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ



“น้ากันต์ ๆ ร้านนี้มีเสื้อนกโกรธด้วย ซื้อให้ตุลย์หน่อยได้ไหมอ่า” เสียงที่สะกิดให้ผมสนใจคือเสียงของตุลย์ที่หยุดที่ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งภายในร้านมีเสื้อกางเกง ลายการ์ตูนลิขสิทธิ์อยู่หลากหลาย



“อยากได้เหรอ ที่บ้านมีหลายตัวแล้วนะ”




“ครับ ก็พวกนั้นไม่มีลายนี้นี่นา นะ นะ นะ ซื้อให้ตุลย์หน่อยนะ อยากได้จริง ๆ”




“โอเค ๆ อยากได้ก็จะซื้อให้ ไหนมาดูสิว่าอยากได้ตัวไหน  น้องฟ้าอยากได้ไหมครับ น้ากันต์ซื้อให้ไปเลือกกัน” ผมหันไปถามน้องฟ้าอีกคนเผื่อว่าน้องอยากได้



“อืม ฟ้าขอดูก่อนนะครับ ไม่รู้ว่ามีแบบที่อยากได้หรือเปล่า” น้องฟ้าทำท่าคิดแล้วเดินวนดูเสื้อ



“น้ากันต์ ตุลย์เอาตัวนี้นะ เสื้อกับกางเกง พอล่ะ เดี๋ยวเจอร้านอื่นอีก อิอิ”




“อ้าว ๆ จะซื้ออีกเหรอ มากไปไหมตุลย์ ให้ชุดเดียวพอแล้วมั้ง เนี่ยน้องฟ้ายังไม่ได้ของเลย ตัวเองคิดจะซื้อร้านอื่นซะล่ะ”




“โห ก็ถ้าเจอไง น้ากันต์ถ้าเจอไม่เจอก็แล้วไปสิ” แล้วดูพูดเข้าแต่ดีนะซื้อที่ตลาดนัดถ้าไปเจอในห้างแพงกว่านี้แน่นอน ซวยได้อีกไอ้กันต์



“คุณพ่อฟ้าซื้อตัวนี้ได้ไหมครับ” เสียงน้องฟ้าเรียกให้ผมมองมือเล็ก ๆ ที่ชี้ไปที่เสื้อยืดสีฟ้าตัวหนึ่งซึ่งเป็นลายหมีพูห์กับเสือทิกเกอร์



“ไหนครับขอพ่อดูเนื้อผ้าหน่อยนะ ว่าใส่สบายหรือเปล่า” หือ.....ละเอียดกว่าที่คิดนะเนี่ย




“อืม ได้ครับ เนื้อผ้าน่าจะใส่สบายงั้นน้องฟ้าเอาสีนี้นะ  คิดเงินทั้งหมดรวมกันเลย” ใบหน้าเข้มที่พลิกเสื้อดูเนื้อผ้าอย่างตั้งใจ  คิ้วที่ขมวดเวลาทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ถ้าเรื่องของลูกชายแล้วคุณภูตั้งใจใส่ใจทุกรายละเอียด



“เดี๋ยวผมจ่ายให้เองคุณภู คุณอุตส่าห์พาผมมาซื้อต้นไม้” ผมแย้งขึ้นทันทีที่คุณภูให้คนขายคิดเงินรวมกันแล้วมือใหญ่ก็กำลังหยิบกระเป๋าเงินออกมา



“ไม่ต้องฉันจ่ายให้น้องฟ้ากับตุลย์ได้ นายเก็บเงินของนายไว้เถอะ” เสียงเข้มเอ่ยออกมาเรียบ ๆ แล้วส่งเงินให้เจ้าของร้านซึ่งยินดีรับไปพร้อมกับส่งถุงใส่เสื้อผ้าให้สองใบ มือใหญ่ของคุณภูก็ยื่นไปรับมาถือไว้



“งั้นส่งมาให้ผม ผมถือให้” ผมพยายามยื่นมือไปเอาถุงทั้งสองมาถือไว้ แต่ไม่ทันมือใหญ่ที่วาดมือไปไว้ด้านหลังของตัวเอง



“ฉันถือได้ นายเดินไปได้แล้ว เดี๋ยวเด็กจะไปก่อน เดินดูเด็ก ๆ ด้วยล่ะ”



“ตามใจ อยากถือก็เชิญครับ” ผมยกหน้าที่เด็กถือของให้ร่างสูงไปเลยละกันดีล่ะ พ่อจะช็อปให้หนักเลย ถือแล้วอย่าบ่นนะ



“เด็ก ๆ อยากซื้ออะไรอีกบอกน้ากันต์เลยนะ น้ากันต์จะซื้อให้ เดินนำไปเลย”  จากนั้นผมก็พาเด็ก ๆ เดินเข้าเดินออกร้านต่าง ๆ เป็นว่าเล่น ได้ของมาคนละถุงสองถุงเป็นทีสนุกสนาน แต่หันไปมองร่างสูงที่คงจะเริ่มไม่สนุกเท่าไรแล้วเพราะถุงในแต่ละมือมีไม่ต่ำกว่า 5 ใบ



“หนักไหมครับ ผมช่วยถือเอาเปล่า”




“ไม่ต้อง นายอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ ฉันถือได้เก็บแรงนายไว้เดินก็พอ” พูดดี ๆ งั้นจัดเต็มไปเลยละกัน



เราเดินกันประมาณเกือบสองชั่วโมงผมสังเกตว่าเด็ก ๆ เริ่มจะเมื่อยกันแล้ว และตอนนี้เวลาก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วกำลังจะชวนหาที่นั่งพักเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ดื่มน้ำทานขนมรองท้องกันสักหน่อย



“ตุลย์ น้องฟ้า ไปนั่งร้านไอศกรีมกันก่อนนะครับ พักเหนื่อยกันก่อน” ผมมองเห็นร้านไอศกรีมข้างอยู่ข้างหน้าจึงได้ชวนเด็ก ๆ ให้เข้าไปในร้าน



ร่างสูงของคุณภูเดินตามมานั่งโต๊ะที่พวกผมนั่งจับจองกันไว้ มือใหญ่วางถุงทั้งหมดเลงบนโต๊ะ สายตาคมเข้มคู่นั้นมองหน้าพวกผมเป็นรายคนเลย เริ่มจากผม ตุลย์ แล้วไปจบที่น้องฟ้า จากนั้นถอนใจยาวออกมาเฮือกใหญ่



“หนักเหรอครับคุณ บอกว่าจะช่วยถือก็ไม่ยอมเป็นไงล่ะ” ผมยื่นขวดน้ำเปล่าที่เปิดฝาแล้วส่งไปให้คนตรงหน้า มือใหญ่ยื่นออกมารับแล้วยกขึ้นดูดเกือบครึ่งขวด



“ช็อปอย่างกับไม่เคยได้ซื้อของ อะไรมั่งก็ไม่รู้ซื้อไม่คิดหรือเปล่า”




“ก็เพิ่งได้มีโอกาสซื้อนี่แหล่ะ ตั้งแต่มากรุงเทพยังไม่ได้ซื้อของแบบนี้เลยนะครับ” ผมตอบกลับอย่างไม่รู้สึกอะไรกับการซื้อของอย่างบ้าดีเดือดของตัวเอง แค่ไม่กี่สิบถุงเองบ่นไปได้ ชิส์...



เราได้ไอศกรีมมะพร้าวอ่อนกันคนละถ้วย กลิ่นกะทิหอมมากมาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวอ่อน กำลังดีทำให้ผมชักจะติดใจเสียแล้ว กำลังจะสั่งเพิ่มแต่กลับมีมือใหญ่ที่ยื่นถ้วยไอศกรีมอีกหนึ่งถ้วยมาตรงหน้าผม มองดูจึงเห็นว่าเป็นของคุณภูที่ไอศกรีมมันเริ่มจะละลายแล้ว



“ถ้านายจะสั่งเพิ่ม เอาถ้วยนี้ไปทานฉันไม่ค่อยทานของหวาน”




“ไม่ลองสักหน่อยเหรอครับอร่อยนะไม่หวานมากหรอก ลองดูคำเดียวก็ได้อ่ะ” ผมใช้ช้อนตักไอศกรีมขึ้นมาคำนึงแล้วยื่นช้อนไปตรงปากของร่างสูง คุณภูชะงักนิดนึงแล้วมองหน้าผมนิ่ง



“อ้าว เร็วสิครับอ้าปากสิ คำเดียวเอง รับรองไม่หวานจริง ๆ แล้วอย่าติดใจขอถ้วยนี้คืนล่ะ” ผมเร่งให้ร่างสูงอ้าปากเพื่อรับไอศกรีมที่ผมยื่นส่งไปให้  คุณภูถอนใจเฮือกใหญ่แบบจำใจแล้วจึงได้ยื่นใบหน้าเข้มนั้นเข้ามาใกล้กับช้อนที่ผมส่งไปให้



“ดีมาก ๆ อร่อยป่ะล่ะ ผมบอกแล้วเห็นไหม เด็ก ๆ มีใครอยากสั่งเพิ่มไหมให้คนละลูกเท่านั้นนะ”



“โอย.....ลูกเดียวไม่พออ่ะน้ากันต์ ขอสองลูกได้ป่ะ เนอะน้องฟ้าเนอะ สองลูก” เสียงตุลย์ร้องโอดครวญออกมา



“ไม่ได้ทานเยอะมันเปลืองน้ากันต์หมดตัวแล้ว ลูกเดียวเท่านั้น” เสียงตุลย์ยังร้องโวยวายออกมา  แต่ผมหัวเราะอย่างสะใจที่แกล้งหลาน ๆ ได้สำเร็จ หันไปสั่งมาให้อีกคนละสองลูกเล็ก ๆ




“อย่าทานเยอะเดี๋ยวปวดท้องกันหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่นั่นแหล่ะ” แล้วก็มีเสียงเข้มส่งเข้ามาในวงสนทนาของพวกเราสามคน



“ลูกนิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอกครับ คุณภูไม่ทานก็อยู่เฉย ๆ ไปเลย นั่งดื่มแต่น้ำเปล่าก็พอ ส่วนพวกผมขอทานของอร่อยก่อนแล้วกันนะ” จากนั้นเราสามคนก็ลงมือจัดการกับของที่สั่งมา หมดแล้วนั่งพักกันต่ออีกสิบนาทีเราก็เริ่มเดินดูของอย่างอื่นอีก



“ไปดูโซนของแต่งบ้านหน่อยได้ไหมครับ เผื่อมีของอยากได้” เสียงของผมเรียกให้อีกคนหันขวับมาเลยทีเดียว




“ยังจะซื้ออีกเหรอ เยอะไปแล้วมั้งวันหลังค่อยมากันใหม่ นี่ใกล้เย็นแล้วฝนก็ทำท่าจะตกแล้วด้วยกลับกันเลยดีกว่า ค่ำกว่านี้จะรถติด” 



ผมมองดูของในมืออีกฝ่าย กลับก็ได้วันหลังมากับตุลย์ดีกว่าจะได้ไม่ต้องมีคนคอยเบรคให้หัวทิ่มเวลาจะซื้ออะไร มารขวางคอชะมัดเลย



“กลับก็ได้ครับ งั้นเรากลับกันดีกว่านะเด็ก ๆ วันหลังค่อยมาใหม่เนอะ”




เริ่มเดินมาได้ไม่ไกลเท่าไร เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างแล่ปไปทั่วบริเวณ ท่าทางฝนจะตกหนักแน่เลย เราได้แต่เร่งเดินให้ถึงที่ลานจอดรถให้ไวที่สุดแต่ดูเหมือนว่าฟ้าฝนจะไม่เข้าข้างเราเท่าไรนัก  เพราะฝนเริ่มลงเม็ดอย่างหนักจนเราต้องพยายามมองหาที่หลบฝนแต่คนก็เยอะ แถมที่หลบฝนก็มีน้อยถึงตอนนี้เราจะอยู่ในโครงการที่มีหลังคาก็เถอะ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะว่ามันรั่ว




ร่างสูงของคุณภูรวมของไว้ที่มือเดียวแล้วอีกมือก็คว้าเอาร่างของน้องฟ้าเข้ามาอุ้มไว้แล้วสั่งให้ผมเดินตามไปให้ไว ผมได้แต่จูงมือตุลย์แล้วเดินตามให้ไวที่สุด อุ้มไม่ได้หรอกครับเพราะน้ำหนักตุลย์เยอะเกินกว่าที่ผมจะอุ้มได้แล้ว



ลัดเลาะตามร้านค้ามาได้เราก็มาเจอชายคาเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาบังสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้ที่สำคัญคือตรงนี้ยังไม่คนจับจองเพื่อที่จะหลบฝนอีกด้วย ร่างสูงของคุณภูจึงเดินมาหยุดตรงนี้ ผมดันตุลย์เข้าไปติดผนังด้านในแล้วเอาตัวเองบังสายฝนให้หลาน




“นายเข้าไปยืนข้างในติดผนังกับตุลย์” เสียงทุ้มสั่งให้ผมทำตาม ที่ก็มีอยู่นิดเดียวแค่นี้เองแล้วจะหลบกันหมดเหรอเนี่ย ยังไม่ทันสิ้นความคิด  ร่างสูงของคุณภูที่ตอนนี้มีน้องฟ้าอยู่ในอ้อมแขน ดันให้ผมเข้าไปยืนชิดผนังให้มากที่สุดส่วนตัวของคุณภูก็ยืนหันหลังให้ภายนอกเหมือนจะยืนบังฝนให้พวกเรา




ผมจึงได้แต่เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้ซึ่งมีเพียงน้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมแขนร่างสูงที่กั้นระหว่างเราสองคน ระยะห่างแค่นี้ทำให้ผมเกิดอาการชะงักนิ่งไปชั่วครู่ สายตาคมเข้มที่มองส่งมาสบตากับผมทำให้ไม่อาจจะละสายตาไปจากดวงตาคู่คมดวงนั้นได้เลย



“เอ่อ...ขะ ขยับมาใกล้มากเกินไปแล้วคุณภู เดี๋ยวน้องฟ้าอึดอัดนะครับ”เสียงที่ออกจากปากผมทำไมมันตะกุกตะกักไม่เป็นคำอย่างนี้ล่ะ



“ไม่ขยับเข้าไปใกล้ได้ยังไง ไม่งั้นฉันก็เปียกฝนนะสิ หรือนายจะปล่อยให้ฉันเปียกคนเดียว แล้วน้องฟ้าก็จะได้อุ่นด้วย ฝนตกอากาศเย็น” ทำไมเวลาพูดต้องอมยิ้มด้วยพูดเฉย ๆ เรียบ ๆ เหมือนทุกทีไม่ได้หรือไงเล่า



“น้องฟ้าอึดอัดไหมให้คุณพ่อขยับออกไปหน่อยดีไหมครับ” ในเมื่อบอกให้ขยับออกไปไม่ได้ผมก็มองหาตัวช่วยนั่นคือน้องฟ้านั่นเอง



“ไม่หรอกครับอย่างนี้ดีแล้วอุ่นดี แล้วเดี๋ยวถ้าถอยออกไปคุณพ่อจะเปียกแล้วไม่สบาย ขยับเข้ามาใกล้กว่านี้ก็ได้น้องฟ้าชอบ เร็วสิครับคุณพ่อขยับมาอีกหน่อยเดี๋ยวเปียกนะ” เสียงเล็ก ๆ เร่งให้คุณภูขยับเข้ามาอีกซึ่งร่างสูงก็ทำตามที่ลูกชายสั่งอย่างไม่บิดพริ้ว พร้อมมุมปากที่กระตุกยิ้มนิด ๆ ให้เป็นที่หมั่นไส้น้อย ๆ




“เห็นไหมน้องฟ้ายังให้ขยับอีกเลย นายก็อย่าบ่นนักเลย ไม่กลัวฉันโดนฝนแล้วไม่สบายรึไง”




“อย่างคุณภูโดนฝนแค่นี้ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกครับ หนาอย่างกับอะไรดี” บ่นออกไปเพราะว่าสั่งให้ร่างสูงทำตามคำสั่งไม่ได้แถมน้องฟ้ายังไม่ยอมเป็นพวกเสียอีกด้วย



“เอาน่าอยู่อย่างนี้รอให้ฝนซาก่อนแล้วกัน  ทำไมนายไม่ชอบเหรอ”



“ไม่ชอบอัดอัด” ผมตอบกลับไวกว่าที่คิดไว้แถมเสียงยังหงุดหงิดเสียอีกด้วยแต่ทำอะไรไม่ได้



“นายไม่ชอบแต่ว่าฉันว่าฉันชักจะชอบแล้วสิ” ใบหน้าหล่อก้มลงมากระซิบข้างหูพร้อมลมหายใจร้อนที่ออกมาจากร่างสูงทำให้ผมยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง



                แต่ถ้าจะมีใครสักคนฉุกคิดขึ้นมาได้และมองลงไปข้าง ๆ ก็จะเห็นเด็กชายตัวอวบอ้วนคนนึงเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนคุยกันโดยที่มีเด็กน้อยร่างเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่ในอ้อมระหว่างทั้งสองคน ใบหน้านั้นทำสีหน้าเบื่อหน่ายพร้อมทั้งสายตาระอาส่งไปให้ นี่ลืมกันใช่ไหมว่ายังมีตุลย์ยืนอยู่ข้าง ๆ อีกคน



**************************************************************************



หายไปหลายวันเลยอย่าทิ้งกันนะคะ  วันนี้มาลงเพิ่มความหวานลงไปนิดหน่อย



หวังว่าคงพอทดแทนกันได้  แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ^_^



ฝากไลค์เพจ มารน้อย เจ้าสำนัก ด้วยนะคะ ติดตามทวงงานกันได้ หรือพูดคุยได้ทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-09-2016 16:32:46
หมูอ้วนโดนลืมซะแล้ว อิอิ

แต่ผู้ใหญ่คืบหน้าไปติ้ดนึงเองงงงง

ปลูกต้นไม้กันเถอะ~
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-09-2016 16:33:16
 :L2: 
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-09-2016 17:50:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: devilpoo ที่ 22-09-2016 18:30:41
 :mew1: :mew2: :mew3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: johari317 ที่ 22-09-2016 19:06:06
มันบังเอิญหรือตั้งใจคะคุณภู.......
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-09-2016 21:22:45
 :mew3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-09-2016 21:39:52
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ภาพบรรยากาศติดฝน ^_^ @23-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 23-09-2016 17:49:33
วันนี้ไม่มีอะไรจะให้นอกจาก ภาพสเก็ตลายเส้นน่ารัก กับบรรยากาศฝนตก

เห็นรูปนี้เมื่อกี้เลย น้องจอมใจดีทำเซอร์ไพรส์

น้องบอกว่าเส้นยังยุ่งเหยิง อาย แต่แบบนี้พี่ยอม

รักเลย

ฝากกดถูกใจเพจให้น้องด้วยนะคะ เป็นกำลังใจสำคัญเลย

Iarladiel

https://www.facebook.com/Iarladiel/
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 23-09-2016 18:20:42
คุณภูเหลี่ยนจัดอยากกอดน้ากันต์ก็บอกมาสิไม่ต้องเอาน้องฟ้ามาอ้างเลย  ถ้าคุณภู น้ากันต์ รักกันแล้ว เป็นแฟนกันแล้ว ขอ NC 18 +++ แบบ จะจะ เลยนะ อยากเห็นเขาได้กัน ชอบๆๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 19อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้ง @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-09-2016 20:38:13
“เฮ้อ ... เอาเหอะ ๆ  งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เอาต้นปีบไปสัก 3 ต้น ต้นมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกแต่ดอกมันหอม ส่วนพวกต้นเตี้ย ๆ ก็เอาดอกแก้ว  ต้นหอมเจ็ดชั้น ไปสักอย่างละ 10 ต้นก็น่าจะพอแล้ว บ้านยิ่งแคบ ๆ อยู่ด้วย”

คุณภูทำเนียนนะ  :man1:
ว่าแต่คนเขียนจ๊ะ  ต้นปีบเป็นต้นไม้ยืนต้นที่สูงใหญ่นะจ๊ะ
สูงเท่าๆ กับชมพูพันธ์ทิพ ที่บ้านคุณยายต่างจังหวัด
ปลูกข้างบ้านสูงท่วมหลังคา ชอบตอนเช้าดอกร่วงลงมา
กลิ่นหอมมาก ๆ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอนที่ 19อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้ง @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 24-09-2016 08:38:17
“เฮ้อ ... เอาเหอะ ๆ  งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เอาต้นปีบไปสัก 3 ต้น ต้นมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกแต่ดอกมันหอม ส่วนพวกต้นเตี้ย ๆ ก็เอาดอกแก้ว  ต้นหอมเจ็ดชั้น ไปสักอย่างละ 10 ต้นก็น่าจะพอแล้ว บ้านยิ่งแคบ ๆ อยู่ด้วย”

คุณภูทำเนียนนะ  :man1:
ว่าแต่คนเขียนจ๊ะ  ต้นปีบเป็นต้นไม้ยืนต้นที่สูงใหญ่นะจ๊ะ
สูงเท่าๆ กับชมพูพันธ์ทิพ ที่บ้านคุณยายต่างจังหวัด
ปลูกข้างบ้านสูงท่วมหลังคา ชอบตอนเช้าดอกร่วงลงมา
กลิ่นหอมมาก ๆ

 :mew1: :mew1:
ขอบคุณมากค่ะที่ให้ข้อมูลเดี๋ยวเราไปแก้ไขให้ถูกต้องนะคะเผอิญเรานึกถึงต้นที่มันเพิ่งปลูก ลืมไปว่าถ้าปลูกนานก็โตมากเหมือนกัน

ขอบคุณที่อ่านทุกรายละเอียดค่ะ น้อมรับคำแนะนำด้วยความยินดียิ่งค่ะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-09-2016 19:47:12
555 นู๋ตุลผู้ถูกลืม
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-09-2016 00:17:13
เนียนเนอะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 25-09-2016 15:41:33
 :-[
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 เยี่ยมชมการเรียนการสอน @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 29-09-2016 20:28:40
ตอน 20 เยี่ยมชมการเรียนการสอน


   วันเสาร์ผมกับน้องฟ้าไปขี่จักรยานออกกำลังในตอนเช้าเรียบร้อยแล้วจึงได้แวะไปหาคนข้างบ้านเพราะน้องฟ้าอยากไป ซึ่งพอไปก็พบสองคนน้าหลานช่วยกันถอนต้นไม้กันใหญ่  ร่างสูงโปร่งของกันตพิชย์ดูจะแปลกใจกับการที่ผมมายืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง แต่ก็เปิดประตูให้ผมกับลูกเข้าไปข้างใน  ตุลย์หลานตัวอวบอ้วนวิ่งเข้ามาหาน้องฟ้าอย่างระริกระรี้เลยทีเดียว ผมได้แต่มองเพราะน้องฟ้าดูจะชอบเพื่อนตัวอ้วน ๆ คนนี้ไม่น้อย น้องฟ้ามีความสุขคนเป็นพ่อแบบผมก็มีความสุขไปด้วย

มองดูสภาพต้นไม้ริมรั้วแล้วเหลืออีกเยอะพอควรผมจึงสั่งให้กันตพิชย์ขยับหนีไปแล้วนั่งลงแทนที่ เพื่อจัดการต้นไม้เหล่านั้น  พลางสั่งให้อีกคนลากต้นไม้ที่ผมถอนไปกองไว้บนสนามหญ้า

ส่วนน้องฟ้ากับเด็กตุลย์ โดนไล่ให้ไปอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว  เพราะว่าสาย ๆ อากาศเริ่มร้อนขึ้นมาโดยที่กันตพิชย์เป็นคนเดินไปหาขนมให้เด็กทานกันพร้อมดูทีวี

ผมไล่สายตาไปยังต้นไม้ที่เหลืออยู่เกือบครึ่งของแปลง มือก็คว้าเอาเสียมที่อีกฝ่ายวางทิ้งไว้ตั้งหน้าตั้งตาขุดดินดีนะที่ดินไม่แน่นมาก ทำให้ผมใช้เวลาไม่นานในการรื้อแปลงต้นไม้ 

อยู่ ๆ ก็มีมือขาวยื่นผ้าขนหนูมาเพื่อที่จะเช้ดเหงื่อให้ผม ผมเลยหันไปจ้องสบตากับอีกคน

“ร้อนมากเลยล่ะสิ เหงื่อเต็มหน้าเลย อยู่นิ่ง ๆ นะผมจะเช็ดให้ ” เสียงสั่งให้ผมทำตามที่เจ้าตัวต้องการ ผมจึงได้แต่หลับตาเพื่อให้กันตพิชย์เช็ดหน้าให้  รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายถอนมือออกไป ผมจึงลืมตามาจ้องมองร่างตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ เวลาที่สายตาของผมมองเข้าไปในดวงตาของอีกคน

 “นายก็มีเหงื่อเหมือนกัน แถมยังมีรอยเปื้อนดินด้วย” มองเห็นว่าใบหน้าเรียวก็มีรอยเปื้อนของดินอยู่เหมือนกันจึงได้คว้าเอาผ้าผืนเดียวกันมาเช็ดตามแก้มให้กันตพิชย์ ท่าทางเหมือนจะเบลอ ๆ บางครั้งก็ทำให้ผมอดที่จะแกล้งไม่ได้

 “เสร็จแล้ว นายไปเรียกตุลย์ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเดี๋ยวฉันมารับไปซื้อต้นไม้ด้วยกัน” ผมบอกให้กันตพิชย์ไปตามคำสั่งที่ผมคิดไว้แล้วว่าจะพาไปซื้อต้นไม้

เราซื้อต้นไม้และสั่งให้ที่ร้านไปส่งไว้ที่บ้าน แต่เด็ก ๆ รบเร้าว่าจะขอเดินตลาดนัดทำให้ผมต้องตามใจลูกชายปกติผมไม่ค่อยได้พาลูกไปเดินซื้อของเท่าไร ถ้าจะไปก็ไปตามห้างสรรพสินค้ามากกว่าเพราะมีทุกอย่างและไม่ร้อนอีกด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่น้องฟ้ามาตลาดนัด ลูกชายจึงดูจะดีใจเป็นพิเศษ

   ของที่ซื้อเต็มทั้งสองมือของผมซึ่งผมก็อาสาถือเอง มันไม่ได้หนักมากมายอะไรปล่อยให้ทั้งสามคนเดินตัวปลิวอยู่ข้างหน้า

สักพักก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างแล่ปไปทั่วบริเวณ ฝนเริ่มลงเม็ดอย่างหนักจนผมมองหาที่หลบฝนแต่ตามร่มหน้าร้านต่าง ๆ ก็มีคนยืนจับจองเพื่อจะหลบฝนเช่นเดียวกับพวกเรา ผมเลยต้องอุ้มน้องฟ้าไว้ในมือเดียวแล้วอีกมือก็รวมสารพัดถุงเอาไว้ พยายามเดินให้ไวที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่เปียกไปมากกว่านี้

หันไปมองก็พบกันตพิชย์จูงมือตุลย์เดินแกมวิ่งตามผมมาติด ๆ จนถึงที่ที่พอจะอาศัยหลบฝนได้ ผมก็ดันร่างโปร่งของกันตพิชย์ให้เข้าไปพิงกับผนังด้านใน  ใบหน้าเรียวของชายหนุ่มได้แต่แหงนขึ้นมาจ้องหน้าผม 

 “นายเข้าไปยืนข้างในติดผนังกับตุลย์” แกล้งเล่นสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

 “เอ่อ...ขะ ขยับมาใกล้มากเกินไปแล้วคุณภู เดี๋ยวน้องฟ้าอึดอัดนะครับ”

“ไม่ขยับเข้าไปใกล้ได้ยังไง ไม่งั้นฉันก็เปียกฝนนะสิ หรือนายจะปล่อยให้ฉันเปียกคนเดียว แล้วน้องฟ้าก็จะได้อุ่นด้วย ฝนตกอากาศเย็น”  จบประโยคที่ผมพูดออกไปตาโต ๆ ก็จ้องกลับมาแต่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก มันจริงนี่ครับขยับออกไปก็เปียกสิใครจะไปถอยออกล่ะ

เมื่อไล่ผมไม่ได้ก็หันไปหาตัวช่วยแต่น้องฟ้ากลับบอกให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาอีกซึ่งเข้าทางผมพอดีเลยเดินเข้าไปใกล้อีกนิด

 “เห็นไหมน้องฟ้ายังให้ขยับอีกเลย นายก็อย่าบ่นนักเลย ไม่กลัวฉันโดนฝนแล้วไม่สบายรึไง”

“อย่างคุณภูโดนฝนแค่นี้ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกครับ หนาอย่างกับอะไรดี”

“เอาน่าอยู่อย่างนี้รอให้ฝนซาก่อนแล้วกัน  ทำไมนายไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ชอบอัดอัด” เสียงที่ตอบกลับมามีแววหงุดหงิดเล็กน้อย

“นายไม่ชอบแต่ว่าฉันว่าฉันชักจะชอบแล้วสิ” ผมก้มลงไปใกล้ ๆ ใบหน้าของร่างตรงหน้าแล้วกระซิบที่หูพร้อมเป่าลมอุ่น ๆ เบา ๆ อืม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่สัมผัสได้ทำให้ผมยิ้มค้างอยู่ท่านั้นนานทีเดียวกว่าจะผละออกมา ดูผลงานที่ตัวเองได้แกล้งให้อีกคนตกใจเล่น ๆ ใบหน้าของอีกคนดูซับสีเลือดจาง ๆ ซึ่งก็ทำให้ผมยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีผิดกับสภาพอากาศในตอนนี้

เย็นวันพุธกลางสัปดาห์อย่างนี้เป็นวันที่ผมเลิกงานเร็ว ช่วงนี้งานเยอะจนไม่ค่อยได้กลับมาทานข้าวเย็นกับน้องฟ้าเท่าไร วันนี้จึงเป็นวันแรกในสัปดาห์ที่ตั้งใจว่าจะกลับมาให้ทันมื้อเย็นกับลูกชาย

เสร็จจากมื้อเย็นแล้วผมกับน้องฟ้าจึงย้ายมานั่งดูทีวีพร้อมผลไม้จานโต โดยน้องฟ้าเอาการบ้านมานั่งทำที๋โต๊ะเล็กตรงหน้าทีวีด้วย
“คุณพ่อครับ วันศุกร์คุณพ่อว่างไหม ที่โรงเรียนมีกิจกรรมเยื่ยมชมการเรียนการสอน” น้องฟ้าเงยหน้าจากสมุดการบ้านแล้วถามออกมา

“อ้าว ถึงวันไปเยี่ยมโรงเรียนอีกแล้วเหรอ เหมือนว่าพ่อเพิ่งจะไปมาเองนะ”

“นั่นมันปีที่แล้วครับ ผ่านมาปีนึงแล้วด้วย”

“อืม เดี๋ยวพ่อเช็คกับเลขาก่อนนะว่าว่างหรือเปล่าแต่คิดว่าไปได้ ถึงมีงานพ่อก็ต้องไปอยู่แล้วนี่ครับ ก็น้องฟ้าเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อนี่เนอะ” ผมเลื่อนตัวลงจากโซฟามานั่งข้าง ๆ น้องฟ้า

“ประมาณ 10 โมงเช้านะครับ เสร็จแล้วทางโรงเรียนมีข้าวกลางวันให้ทานพร้อมกันแล้วกลับบ้านได้เลยไม่ต้องรอตอนเย็น”

“ได้ครับ รับทราบสุดหล่อ แล้วนี่ทำการบ้านใกล้เสร็จหรือยัง”

“ใกล้แล้วครับ เหลืออีกไม่กี่ข้อเอง” แล้วก็หันไปทำการบ้านของตัวเองต่อ

************************************************************************************

เช้าวันศุกร์ซึ่งเป็นวันที่ต้องไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนของน้องฟ้า  ผมขับรถมาส่งน้องฟ้าเหมือนทุกวันขับรถผ่านหน้าบ้านหลังเล็กข้าง ๆ กัน เห็นสองคนน้าหลานกำลังจะขึ้นรถ ผมจึงหยุดรถแล้วเปิดประตูเดินไปที่หน้าบ้านเพื่อเรียกให้กันตพิชย์หันมา มือที่กำลังเปิดประตูรถชะงักแล้วใบหน้าเรียวก็มองมาทางผม

“วันนี้นายไม่ต้องขับรถไปเอง ไปกับฉันเพราะเดี๋ยวต้องออกมาพร้อมกันตอนมาเยี่ยมโรงเรียนอีก”

“อ้าว แล้วทำไมไม่โทรมาบอกตั้งแต่เมื่อวาน นี่เกือบจะออกไปแล้วนะครับ”

“เพิ่งนึกได้ เอ้า ปิดประตูรถล็อคบ้านแล้วมาขึ้นรถได้แล้วเดี๋ยวสาย” ผมเร่งให้อีกฝ่ายทำตามที่บอกให้ไว

“ครับ ๆ รอสักครู่นะครับคุณภู” เสียงกันตพิชย์ตอบกลับมา

ร่างโปร่งเดินมาพร้อมกับร่างอวบอ้วนของตุลย์ ผมว่าเด็กนี่ต้องลดน้ำหนักได้แล้ว ถ้าขืนมากกว่านี้แย่แน่ จะกลายเป็นเด็กอ้วนสุขภาพไม่ได้ไปซะเปล่า

น้องฟ้ายิ้มพร้อมกับปีนไปนั่งด้านหลังกับตุลย์ส่วนชายหนุ่มก็ต้องนั่งหน้าตามระเบียบ เมื่อเข้ามานั่งกันเรียบร้อยแล้วผมก็ออกรถเพื่อไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียน แต่ดูท่าทางตุลย์จะตื่นเต้นมากกว่าทุกวัน

เมื่อถึงโรงเรียน ผมกับกันตพิชย์เดินมาส่งเด็ก ๆ ที่ห้องเรียน วันนี้ดูโรงเรียนจะคึกคักเป็นพิเศษคงจะมีเพราะกิจกรรมประจำปี ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผมต้องมาทุกปี และทุกครั้งผมจะพยายามมาให้ได้ให้เลื่อนการประชุมหรือเลื่อนนัดก็ต้องมา

“พ่อไปทำงานก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวพ่อกลับมานะ” ผมนั่งลงพร้อมยกมือลูบศรีษะน้องฟ้าและพูดกับลูกชาย

“ครับ คุณพ่ออย่ามาสายนะ น้องฟ้าจะรอ น้ากันต์ด้วยนะครับรีบมาไว ๆ ด้วย”

“ครับผม น้ากันต์จะรีบมาให้ไวที่สุดที่เคลียร์งานช่วงเช้าได้” ร่างโปร่งรับคำน้องฟ้า จากนั้นทั้งผมทั้งกันตพิชย์ก็เดินออกมาจากห้องเรียน เพื่อที่จะไปทำงานในช่วงเช้าก่อน

เมื่อมาถึงตึกออฟฟิศ ลิฟท์พาเราสองคนขึ้นไปยังชั้นบนสุด ผมก้าวออกจากลิฟท์และเดินเข้าไปในห้องทำงาน แฟ้มเอกสารมากมายวางอยู่รอผมพิจารณา  นั่งลงที่เก้าอี้จึงเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มที่เรียงตามความด่วนออกมาดูคร่าว ๆ ก่อนว่าเรื่องไหนควรอนุมัตก่อน

เสียงเคาะประตูตามมาด้วยร่างของกันตพิชย์ที่ในมือมีแก้วกาแฟ พร้อมขนมชิ้นเล็ก ๆ มาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน

“นายมีงานเยอะหรือเปล่า มาช่วยฉันอ่านก่อนว่าเรื่องไหนต้องอนุมัติก่อนหลัง เอาเฉพาะที่รีบ ๆ ก่อนนะ เดี๋ยวไม่ทันไปงานโรงเรียน” ผมสั่งให้ร่างโปร่งมาช่วยคัดแยกเอกสารเพื่อให้ผมได้อนุมัติได้ไวขึ้น เพราะช่วงหลัง ๆ มานี้ชายหนุ่มช่วยงานผมได้เยอะทีเดียว ซึ่งมันทำให้ผมทำงานได้ไวขึ้นแล้วก็ไม่เหนื่อยเหมือนช่วงที่ก่อนจะรับคนตรงหน้าเข้ามาทำงาน

“ไม่เยอะครับ แค่พิมพ์เอกสาร 2-3 ฉบับเอง”
 
“นั่งตรงนี้แหล่ะ แล้วเอากองนี้ก่อน ไปอ่านมาก่อน อ่านคร่าว ๆ พอนะ”

“สองชั่วโมงเอง คุณภูจะเสร็จกองนี้หรอกครับ” เสียงจากคนตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองนิดนึงแล้วก้มลงไปอ่านเอกสารต่อ

“ก็รีบ ๆ อ่านแล้วยื่นมาสิจะได้เซ็นต์จะได้เสร็จ”  เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า กันตพิชย์เลื่อนแฟ้มเล่มสุดท้ายมาให้ผม

“หมดนี้พอนะครับใกล้เวลาที่จะไปโรงเรียนแล้ว ผมจะไปรอข้างนอกนะคุณภูตามออกมาเร็ว ๆละกัน” พูดจบไม่รอให้ผมเอ่ยปากร่างโปร่งก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วทิ้งให้ผมมองตามหลัง จะทำยังไงได้นอกจากอ่านเอกสารเล่มสุดท้ายแล้วรีบเซ็นต์
ผมปิดแฟ้มลงพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหยิบสูทที่แขวนอยู่มาใส่ เดินออกมาเปิดประตูก็พบว่ากันตพิชย์ยืนรออยู่ทีโต๊ะทำงานพร้อมที่จะเดินทางไปกันแล้ว  มาถึงโรงเรียนเมื่อเวลาเลยสิบโมงเช้าไปกว่าสิบนาที เพราะรถที่ติดเนื่องจากมีอุบัติเหตุก่อนถึงโรงเรียนเล็กน้อย ทำให้ผมต้องรีบก้าวเท้าเร็ว ๆ เพื่อไปห้องเรียนของลูกชาย ไม่อยากให้น้องฟ้าชะเง้อรอ ผมมาหยุดหน้าห้องเรียนน้องฟ้าซึ่งทำให้คนด้านหลังชนเข้ากับแผ่นหลังผมเต็ม ๆ ผมที่ได้รับแรงกระแทกหันไปมองกันตพิขย์

“โอ้ย!!! จะหยุดทำไมไม่บอกกันล่ะครับ อยู่ ๆ ก็หยุดแบบนี้ใครจะไปเบรคทันกันเล่า ดั้งหักแล้วมั้งเนี่ย”เสียงบ่นหลุดออกมาจากปากบางพร้อมมือเรียวยกขึ้นกุมจมูกตัวเอง

“เจ็บหรอ ทีหลังเวลาเดินก็อย่าใจลอยสิ ดูข้างหน้าบ้างเผื่อคนอื่นเขาหยุดตัวเองจะได้หยุดทันไม่ชนแบบนี้อีก”

สิ้นเสียงของผมมือเรียวก็ทุบลงมากลางหลังผมดังอัก ทำเอาผมสะดุ้งไปเลยทีเดียว เห็นมือเล็กแค่นั้นมือหนักใช่เล่นเหมือนกัน แล้วนี่กล้าตีผมเลยเหรอ

“แล้วนายมาตีฉันทำไม ตัวเองเดินไม่ดูเองแล้วพาล เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวจะโดน” ผมขู่ออกไปพร้อมทั้งก้มลงไปจ้องตากับร่างโปร่งอีกด้วย

“เข้าไปได้แล้วครับเด็ก ๆ รอกันแล้ว มาสายไปตั้งหลายนาที”

เสียงเร่งให้ผมเปิดประตูเข้าไปข้างใน ผมจึ่งต้องยื่นมือไปเปิดประตู ข้างในกำลังมีกิจกรรมบางอย่างคงเริ่มกันไปแล้ว ผมมองไปทางโต๊ะที่น้องฟ้านั่งอยู่ ข้างกันคือตุลย์ ด้านหลังห้องมีเก้าอี้เพื่อให้ผู้ปกครองที่มาเยี่ยมกิจกรรมโรงเรียนในวันนี้ได้นั่งดูบุตรหลายของตัวเอง  ผมจึงเดินไปหาที่นั่งพร้อมกับอีกคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ

น้องฟ้าหันมาเจอผมก็ยิ้มกว้างออกมา แล้วหันไปสะกิดให้ตุลย์หันมามองด้วย หน้าชั้นเรียนครูที่รับผิดชอบกำลังบอกรายละเอียดของงานวันนี้ว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นจึงเริ่มจากกิจกรรมวาดรูปที่ให้ผู้ปกครองมานั่งรวมกลุ่มกับเด็ก ๆ ได้ ผมเดินมาจัดโต๊ะให้หันมาชนกัน ซึ่งจัดกลุ่มละ 4 คน รวมผู้ปกครองเข้าไปด้วย ทำให้กลายเป็นกลุ่มใหญ่เลยทีเดียว

รูปวาดที่กำหนดหัวข้อคือ บ้านของหนู ดูเหมือนเป็นหัวข้อง่าย ๆ แต่ผมว่าเด็ก ๆ ชอบที่จะวาดรูปครอบครัวของตัวเองนะ น้องฟ้าหยิบกล่องสีออกมาจากกระเป๋า กระดาษวาดเขียนใบใหญ่ซึ่งถูกแจกจ่ายมาให้ครบทุกคนวางอยู่ตรงหน้า

ข้างน้องฟ้าคือตุลย์ ส่วนด้านตรงข้ามมีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามตุลย์ ทุกคนลงมือวาดภาพพร้อมกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของผู้ปกครอง

ผมนั่งมองลูกน้องฟ้าใช้ดินสอร่างแบบ ส่วนกันตพิชย์ที่นั่งอยู่อีกด้านก็ก้มลงไปมองหลานของตัวเองวาดรูปไปเรื่อย ๆ  เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ามีผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าเรียวของอีกคนอยู่ สายตาที่จ้องทำให้ผมหรี่ตามอง

“คุณกันต์ทำงานที่ไหนครับ” เสียงทุ้มเบา ๆ ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มที่นั่งมองหน้ากันตพิชย์ ใบหน้าคนถูกถามจึงได้เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มที่ส่งให้คู่สนทนาที่ไม่แน่ใจว่าไปทำความรู้จักกันตอนไหนถึงได้รู้จักชื่อกันไวขนาดนี้

“ทำอยู่โภคิน เรียลเอสเตรท ครับ” กันจพิชย์ตอบกลับคำถามที่อีกฝ่ายอยากรู้

“หือ...บริษัทใหญ่มากเลยนี่ครับ รับคนยากมากด้วย ได้ข่าวว่าประธานบริษัทนั้นยังหนุ่มอยู่เลยแต่ว่าเก่งมาก” ได้ยินคำชมแต่ไม่ได้ดีใจหรอกนะครับ เพราะตอนนี้กำลังแอบฟังว่าทังสองคนคุยอะไรกันอยู่

“อย่างนั้นเหรอครับ คงเป็นโชคดีมากกว่าที่ได้เข้าไปทำที่นั่น” รอยยิ้มถูกส่งไปให้อีกครั้ง

“ผมมาแทนพี่สาวครับ วันนี้เขาติดธุระมาไม่ได้ เลยต้องมาดูหลานสาวแทน”

ผมมองดูทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อย ๆ คิ้วก็เริ่มขมวดขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องคิดหาวิธีว่าจะเข้าไปในวงสนทนาของทั้งสองคนยังไงดี พอดีกับน้องฟ้ามองหาอะไรบางอย่าง

“น้องฟ้ามองหาอะไรครับ”

“สีฟ้าครับคุณพ่อ นั่นไงอยู่ที่ตุลย์” น้องฟ้าหันไปทางตุลย์จึงพบว่าแท่งสีฟ้ากลิ้งไปอยู่ข้าง ๆ ตุลย์

“นายหยิบสีฟ้าให้น้องหน่อย” ผมได้ทีเรียกให้ร่างโปร่งหันมาสนใจทางนี้เพื่อหยุดการสนทนากับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น ซึ่งก็ได้ผลเพราะกันตพิชย์หันมาหยิบสีส่งให้น้องฟ้าทันที

“นายมานั่งข้าง ๆ น้องฟ้าตรงนี้เผื่อจะได้ช่วยดูน้องฟ้าด้วย”

“ตรงนี้ก็ดูได้นี่ ทำไมต้องขยับไปนั่งตรงนั้นด้วยมันแคบ”

“บอกให้มาก็มาสิ อย่าดื้อ” ทำไมผมบอกอะไรต้องเถียงออกมาก่อนทุกครั้งด้วยนะ

“ก็ได้  ๆ อย่าบ่นขี้เกียจฟัง” จากนั้นร่างโปร่งจึงขยับเก้าอี้เพื่อมานั่งข้างน้องฟ้า ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ากันตพิชย์นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างน้องฟ้ากับตุลย์

ผมสังเกตว่าตอนที่ผมเรียกให้กันตพิชย์มานั่งตรงนี้สายตาของชายหนุ่มอีกคนดูจะจับจ้องมาที่ผมด้วยความไม่เป็นมิตรสักเท่าไร แล้วคิดว่าผมสนหรือครับ จ้องมาก็จ้องกลับสิ

“น้องฟ้าวาดเสร็จแล้ว ตุลย์เสร็จหรือยัง” เสียงของน้องฟ้าเรียกให้ผมกลับในสนใจลูกชายอีกครั้ง

“เสร็จแล้วเหมือนกัน นี่ไงของตุลย์ สวยไหม ไหนของน้องฟ้าตุลย์ดูหน่อย” ตุลย์โชว์รูปที่ตัวเองวาดให้ดู ในนั้นมีบ้านหลังเล็กสีขาวพร้อมแปลงต้นไม้ที่เราเพิ่งจะปลูกมันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

“นี่ของน้องฟ้า นี่บ้านของเรา คุณพ่อกับน้องฟ้า” น้องฟ้าโชว์ผลงานตัวเองมั่ง

เสียงครูประจำชั้นดังขึ้นเพื่อถามนักเรียนว่าวาดรูปเสร็จกันหมดทุกคนหรือยัง จากนั้นจึงให้เด็กๆนำรูปที่วาดไปพรีเซ็นต์หน้าห้องสร้างรอยยิ้มให้กับทั้งนักเรียนและผู้ปกครองกัน ถึงคิวน้องฟ้า น้องเดินออกไปพร้อมกับกระดาษที่ตั้งใจวาดขึ้นมา

“นี่บ้านของน้องฟ้าครับ บ้านนี้มีคุณพ่อ มีน้องฟ้า มีป้านิ่ม มีพี่พลอย เราอยู่กันหลายคน ขาดแค่คุณแม่เพราะคุณพ่อบอกน้องฟ้าว่าคุณแม่อยู่บนสวรรค์ มองน้องฟ้าอยู่แต่ลงมาอยู่กับน้องฟ้าไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรน้องฟ้าไม่เหงาเลยเพราะคุณพ่อเป็นทั้งพ่อและแม่ให้น้องฟ้า” เสียงเล็ก ๆ ของน้องฟ้าทำเอาผมยิ้มบาง ๆส่งไปให้ลูกชายที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน จากนั้นผมจึงเห็นตุลย์วิ่งไปหาน้องฟ้าพร้อมกับกระดาษวาดเขียนของตัวเอง

ตุลย์ยื่นมือไปดึงเอากระดาษของน้องฟ้ามาวางไว้บนโต๊ะข้างหน้า ส่วนของตัวเองก็เอาต่อกันแล้วกันไปหยิบเทปใสที่วางอยู่ใกล้ ๆ กันมาติด

“นี่บ้านตุลย์ครับ บ้านเราสองคนอยู่ติดกัน ตุลย์อยู่กับน้ากันต์สองคน คุณพ่อกับคุณแม่ก็อยู่บนสวรรค์เหมือนกับคุณแม่น้องฟ้า ไม่แน่นะว่าทั้งสามคนอาจจะเจอกันแล้วมองพวกเราจากบนนั้นก็ได้ เหมือนกันที่ตุลย์ได้เจอน้องฟ้าและเป็นเพื่อนของน้องฟ้า” เสียงดังฟังชัดออกจากปากตุลย์ ซึ่งมันทำให้ผมเห็นน้องฟ้าหันไปยิ้มกว้างส่งให้ตุลย์ และที่ตุลย์ทำแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าการดูแลหลานชายของกันตพิชย์ทำให้เด็กคนนึงที่ขาดพ่อกับแม่โตมาอย่างดีที่สุดได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่
มองไปรอบ ๆ เห็นผู้ปกครองของนักเรียนหลายคนยิ้มออกมาอย่างยินดี


ต่อข้างล่างนะคะ.......
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 19 อย่างนี้เรียกว่าเดทอีกครั้งได้ไหม @22-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 29-09-2016 20:30:13
เมื่อหมดกิจกรรมในห้องเรียนแล้ว ครูประจำชั้นพาเดินออกไปที่สนามหญ้าข้าง ๆ อาคารเรียนซึ่งตรงนี้มีเต๊นท์กางอยู่เพื่อบังแดดอยู่หลายหลัง แต่สนามนี้รอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทำให้มีร่มเงาทอดผ่านและลมเย็นสบาย

กิจกรรมต่อไปเป็นการวิ่งวิบากของเด็กซึ่งรายการนี้ผู้ปกครองต้องร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งด่านมีทั้งหมด 4 ด่าน แต่ผู้ปกครองที่เล่นต้องผูกขาติดกันแล้วอุ้มลูกของตนเองไว้พร้อมกับวิ่งไปเคลียร์ด่าน โดยด่านแรกจะเป็นด่านป้อนสปาเก็ตตี้แต่ใช้ตะเกียบในการคีบเส้นสปาเก็ตตี้และต้องสลับกันป้อนระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง ด่านที่สองเป็นด่านตักกระดาษใส่กล่อง ซึ่งต้องใช้ช้อนกาแฟในการตักกระดาษทิชชู่ใส่กล่องที่เตรียมไว้ ด่านที่สามเป่าแป้งหาเหรียญ ด่านที่สี่ง่ายที่สุดกินขนมแต่ว่าเป็นการกินที่ต่างฝ่ายต่างต้องป้อนกันโดยที่ให้เด็ก ๆ เป็นฝ่ายกัดอีกฝั่งแล้วให้ส่งให้ผู้ปกครองกัดอีกฝั่งจากนั้นก็กินขนมนั้นจนหมด

สิ้นเสียงอธิบายจากครูประจำชั้นแล้ว กลุ่มผู้ปกครองก็จับคู่กันเพื่อทำกิจกรรม โดยที่พี่เลี้ยงเดินมาส่งผ้าเพื่อจะผูกขาของผู้ปกครองไว้ด้วยกัน

ผมยืนมองหน้าเหวอๆ ของกันตพิชย์ก็สงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงทำหน้า แบบนั้น

“ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นเป็นอะไร”

“เฮ้อ...ก็จะอะไรละครับเกมส์นี่ไงที่ทำให้ผมทำหน้าเซ็งอยู่เนี่ย” เสียงตอบกลับมาพร้อมเสียงถอนหายใจเฮีอกใหญ่แล้วสายตาก็มองไปที่หลานชายตัวเอง

“แล้วมันยังไงก็ไม่เห็นมีอะไร แค่เกมส์ให้เด็ก ๆ สนุกกันเท่านั้น” ผมก็ไม่เห็นปัญหาอะไรสักหน่อย

“คุณภูดูตัวตุลย์ก่อนสิ จะให้ผมอุ้มไปด้วยวิ่งไปด้วยนะไม่ไหวหรอกนะ ต่างกับน้องฟ้าลิบลับเห็นไหมเนี่ย น้องฟ้าตัวออกจะบอบบางขนาดนั้นคุณภูก็สบายสิ แต่ผมเนี่ยตายแน่” เสียงบ่นให้หลานตัวเอง

“บอกให้ลดน้ำหนัก ๆ แล้วไงล่ะทีนี้น้าอุ้มตุลย์ไม่ไหวชัวร์”

“โอ้ย..น้ากันต์อ่ะ ตุลย์ไม่หนักมากหรอกน่าลองดูก่อนนะ”

“ไหนมาลองหน่อยสิว่าพอไหวไหม”สองแขนเรียวเอื้อมไปอุ้มเอาหลานชายตัวอ้วนกลม ซึ่งผมก็ดูแล้วว่าท่าทางคงไม่รอด

“อึบ ๆ โอ้ย!!! ไม่ไหวตุลย์หนักไปแล้วนะ อย่าว่าแต่วิ่งเลยเอาแค่อุ้มแล้วเดินแค่ 10 ก้าวก็ไม่รอดแล้ว” เสียงนุ่ม ๆ ยังบ่นออกมาไม่เลิกทำให้ร่างอ้วน ๆ นั้นทำปากยื่นใส่น้าชายตัวเอง ผมหันไปมองน้องฟ้าที่ยืนให้กำลังใจชายหนุ่มอีกคนเพื่อให้อุ้มตุลย์ได้สำเร็จแต่ดูท่าว่าอุ้มไม่ได้หรอก

“น้ากันต์นั่นแหล่ะ แรงน้อยเองทีหลังหัดกินอะไรให้มันเยอะ ๆ ออกกำลังกายมาก ๆ จะได้มีแข็งแรงรู้ไหมแล้วทีงี้ทำยังไงกัน ถ้าน้ากันต์อุ้มไม่ไหวแล้วใครจะอุ้มตุลย์ล่ะ” ผมยืนมองสองคนน้าหลานเถียงกัน  แล้วส่ายหัวให้เบา ๆ

“นายมาอุ้มน้องฟ้าเดี๋ยวฉันอุ้มตุลย์แทน” ผมสั่งให้อีกคนมาอุ้มน้องฟ้าส่วนผมคงต้องรับผิดชอบเด็กอ้วนนี่แทน

“คุณภูแน่ใจนะว่าอุ้มตุลย์ไหว หนักนะครับ”

“ฉันแข็งแรงกว่านายแล้วกัน มาผูกขาได้แล้วจะได้เริ่ม” น้องฟ้าเดินไปหากันตพิชย์ส่วนตุลย์ก็เดินมาทางผม จากนั้นผมจึงจัดการใช้ผ้าที่ให้ผมมาผูกขาของเราไว้ด้วยกัน

ตอนนี้ทั้งเด็กและผู้ปกครองพร้อมกันหมดแล้ว เรามาเรียงแถวกันอยู่ที่จุดเริ่มต้น ข้าง ๆ กลุ่มผมอีกด้านที่ติดกับกันตพิชย์ผมมองเห็นชายหนุ่มอีกคนที่เป็นผู้ปกครองของเด็กหญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามร่างโปร่งข้างในห้องยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมส่งยิ้มมาให้กันด้วย

“เอาละค่ะ ตอนนี้เราจะเริ่มกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้กันแล้วนะคะ พร้อมนะคะ 1 2 3 เริ่มได้ค่ะ” สิ้นเสียงครูประจำชั้น ผู้ปกครองที่ถูกผูกขาด้วยผ้าก็ก้มตัวลงอุ้มบุตรหลานตัวเองพร้อมเดินไปทางด่านแรกเพื่อจะทำภารกิจ กันตพิชย์ที่ก้มลงไปอุ้มน้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม ชอบใจกับน้องฟ้าที่ใช้แขนเรียวเล็กเกี่ยวรอบลำคอนั้นไว้

ผมก็ต้องอุ้มตุลย์เหมือนกัน เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินพร้อมกัน มีเสียงเชียร์ของครูและของเด็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เล่นเกมส์ในครั้งนี้อยู่ข้าง ๆ สนาม

มาถึงโต๊ะที่มีจานสปาเก็ตตี้วางอยู่พร้อมตะเกียบ 4 คู่ เราหยิบตะเกียบออกมาจากซอง ผมเริ่มคีบเส้นสปาเก็ตตี้เพื่อที่จะป้อนร่างโปร่งแต่เส้นสปาเก็ตตี้นี้ดูเหมือนจะคลุกไว้ด้วยน้ำมันมะกอกทำให้มันลื่นคีบไปลื่นไปทำเอาผมถึงกับหงุดหงิดทีเดียว

“คุณภูคีบเร็ว ๆ สิ อย่าทำหลุดสิครับ มันจะยากอะไรนักหนากะแค่คีบเส้นสปาเก็ตตี้แค่นี้น่ะ” เสียงเร่งให้ผมคีบให้ไว

“มันลื่นนายเห็นไหมนี่ ฉันก็พยายามแล้วนะ ไหนนายลองทำสิ”

“นี่ไง ก็แค่นี้เอง อ้าปากเร็ว ๆ สิคนอื่นเขากินกันจนจะหมดจานแล้วนะ” ทำไมร่างโปร่งคีบดูง่ายจังแล้วทำไมเวลาผมคีบมันลื่นได้ลื่นดี

“งั้นนายก็ป้อนฉันกับลูกให้หมดเลยแล้วกัน” ผมจึงได้แต่อ้าปากให้ร่างโปร่งจับตะเกียบคีบเส้นสปาเก็ตตี้มาป้อนให้ แต่ว่าป้อนหรือยัดครับแรงและเร็วไปไหน

“ช้า ๆ หน่อย นี่นายป้อนหรือจับยัดเนี่ย”

“อย่าบ่นเร็ว ๆ” มือบางคีบใส่ปากด้วยสปีดเร็วแรงกว่านรกเลยทีเดียว จากนั้นจึงคีบเข้าปากตัวเองไปด้วยเพื่อช่วยให้หมดไวมากขึ้น  หมดจานแล้วพวกเราก็เดินไปด่านต่อไปทันที ด่านนี้เป็นให้เด็ก ๆ ใช้ช้อนกาแฟตักกระดาษทิชชูซึ่งมีน้ำหนักเบาโหวงไปใส่ในกล่องพลาสติกให้ได้ 10 แผ่น

หันไปมองทีมข้าง ๆ ก็มาถึงด่านนี้กันหมดแล้วต่างคนก็กำลังลุ้นให้ลูกของตัวเองทำสำเร็จ น้องฟ้ากับตุลย์ก็ตั้งใจตักกันน่าดู ลมพัดมาทีก็ปลิวกันที แต่ไม่ช้าก็ทำเสร็จกันด้วยดี

ด่านที่สามด่านนี้เป่าแป้งหาเหรียญ ซึ่งบนโต๊ะข้างหน้าเรามีจานแป้งอยู่ 4 จานครบคน ผมให้เด็ก ๆ เป่าก่อน เริ่มจากน้องฟ้า น้องฟ้าก็เป่าแป้งในจานเสียแก้มป่อง แป้งที่โดนเป่าพัดกระจายฟุ้งไปทั่ว ปลิวมาติดใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเต็มไปหมดสร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง เพราะดูแล้วเด็ก ๆ จะแกล้งกันมากกว่าโดยที่เป่าให้อีกทางให้โดนเพื่อนในทีม ตุลย์ก็ไม่น้อยหน้าเป่ามาโดนน้องฟ้าเต็ม ๆ แต่หน้าตัวเองก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน

เมื่อเด็ก ๆ เป่ากันไปหมดแล้ว ร่างโปร่งของกันตพิชย์ก็ก้มลงไปเป่าด้วย เสียงลมที่เป่าออกมาจากปากพร้อมกับแป้งปลิวกระจายไปทั่ว ไม่นานก็เจอเหรียญที่ซ่อนไว้ ใบหน้าเรียวของชายหนุ่มหันมาโดยมีแป้งติดไปทั่วหน้าทำให้หน้าขาววอก ผมอดที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้

“หัวเราะอะไรครับคุณภู ต่อไปตาคุณแล้วนะครับ ยังไงก็ต้องเปื้อนเหมือนกันนั่นแหล่ะ”

ผมมองจานแป้งอย่างหวาด ๆ เพราะขืนเป่าไปเนี่ยเต็มหน้าแน่นอน เลยยังรีรออยู่

“เป่าได้แล้วครับอย่าลีลา เห็นไหมว่าคนอื่นเขาก็เป่ากัน แค่นี้ไม่เสียลุคผู้บริหารใหญ่หรอก เพื่อน้องฟ้านะครับ หึหึ” เสียงเร่งออกมาจากปากบางที่มีคราบแป้งติดเต็มหน้า

ผมหันไปมองกลุ่มอื่น ๆ ก็พบว่าทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ตอนนี้ต่างมีแป้งติดเต็มหน้ากันหมดทุกคนแล้ว เห็นอย่างนั้นเลยต้องจำใจก้มลงไปเป่าแป้งเสียไม่ได้

ระหว่างที่เป่ายังได้ยินเสียงหัวเราะจากร่างโปร่งดังมาเป็นระยะ ๆ ด้วยนะ ได้แต่เก็บแต้มไว้ในใจเดี๋ยวเอาคืนทีหลังคอยดูเหอะ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็แค่นี้เองไม่เห็นจะยากอะไรเลย ทุกคนก็โดนเหมือนกันนั่นแหล่ะ” กันตพิชย์ยังไม่หยุดหัวเราะเพียงแต่กลั้นเสียงเอาไว้บ้าง

จากนั้นเราจึงเดินไปที่ด่านสุดท้าย บนโต๊ะมีกล่องขนมอยู่หนึ่งกล่อง ตามกติกาคือให้กินขนมวางอยู่โดยที่ให้เด็กเป็นคนส่งขนมแต่ไอ้กล่องขนมที่วางอยู่ดูยังไงมันก็คือป๊อกกี้ มือเรียวของกันตพิชย์ยื่นไปแกะกล่องป๊อกกี้แล้วฉีกซองออกมา ยื่นให้น้องฟ้า น้องฟ้าก็กัดอีกด้านพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ให้กับร่างโปร่งกัดอีกด้านพร้อม ๆ กัน

รอบต่อไปขนมก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผม ผมจัดการหยิบแท่งป๊อกกี้ออกแล้วส่งให้ตุลย์ จากนั้นก็ทำเหมือนกับที่อีกฝ่ายป้อนกัน มันเหลืออีกเยอะมั้ยเนี่ยกว่าจะหมดกล่อง ผมหันไปสังเกตกลุ่มใกล้ ๆ กัน ก็พบว่าเล่นป้อนกันอย่างสนุกสนาน ขนมหักบ้างหล่นบ้าง
มือป้อม ๆ ของตุลย์จับขนมใส่ปากตัวเองแต่คราวนี้ไม่ยื่นมาส่งให้ผมแล้วครับ ใบหน้าอ้วนกลมกลับหันไปหาน้องฟ้า แล้วใช้มือของตัวเองจับใบหน้าน้องฟ้าให้หันมาเพื่อรับขนมจากตัวเอง น้องฟ้าที่ไม่รู้อะไรเลยก็ยิ้มพร้อมกับอ้าปากรับขนมพร้อมกับกัดไปจนหมดแท่งทำเอาผมถึงกับตาโตมุมปากกระตุกขึ้นมาทันที แต่จะห้ามยังไงได้ล่ะครับ มันเร็วมากไม่คิดว่าเด็กตัวเท่านี้จะร้ายเอาเรื่อง

แต่เมื่อกันมามองกันตพิชย์ก็พบว่าร่างโปร่งยืนหัวเราะชอบใจกับสิ่งที่หลานชายตัวเองทำอยู่กับลูกชายผม เห็นอย่างนั้นผมก็คิดอะไรดี ๆ ได้เหมือนกันจึงเอื้อมมือไปดึงขนมออกมาจากซองแล้วคาบไว้ส่วนอีกด้านหรือครับ ตอนนี้มือของผมเอื้อมไปจับให้หน้าเรียวที่กำลังหัวเราะหันกลับมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับใช้มือบีบปากให้อ้าออกเพื่อรับป๊อกกี้อีกด้านไปเรียบร้อยท่ามกลางดวงตาเบิกกว้างของร่างโปร่ง

   เห็นว่าอีกฝ่ายตกใจตาโตก็บังคับให้งับขนมไว้แล้วผมก็ค่อย ๆ กัดปลายขนมทางด้านของผมให้สั้นไปเรื่อยๆ  จนตอนนี้มันเหลืออยู่นิดเดียวจะถึงริมฝีปากของอีกฝ่ายแล้ว แต่ชายหนุ่มคงยังไม่หายตกใจร่างนั้นยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นไปแล้ว ผมได้แต่ยิ้มทั้ง ๆ ที่ปากมีขนมอยู่

   หูได้ยินเสียงกรี๊ด เบา ๆ ไปทั่วบริเวณแต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องทำให้เสร็จไป ผมก้มลงเข้าใกล้กันขนาดเห็นขนตาของอีกฝ่ายงอนยาวออกมา ผมเอียงใบหน้าเพื่อที่จะได้ก้มลงไปให้ถนัดกว่านี้ แล้วตอนนี้ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้สติมาแล้วจึงพยายามจะถอยใบหน้าออกไป แต่มีหรือครับที่ผมจะยอม จึงเอื้อมฝ่ามือไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายจับกดไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ แล้วจึงก้มลงกัดขนมคำสุดท้ายให้หมดไป

   ริมฝีปากเราเฉียดกันนิดเดียว ซึ่งพอผมผละออกมาพร้อมกับใช้ลิ้นเลียไปรอบ ๆ ริมฝีปากตัวเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้ากับจ้องปากบาง ๆ ของคนตรงหน้าไปด้วย แต่ใบหน้าของร่างโปร่งตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อ หน้าจะระเบิดไหมเนี่ย

   ดวงตาโตจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ซึ่งผมไม่สนใจอยู่แล้วตัวแค่นี้จะทำอะไรผมได้ ผมละสายตากจากร่างโปร่งไปมองน้องฟ้าก็เห็นน้องฟ้าเอามือปิดปากไว้แต่ผมรู้ว่าภายใต้มือเล็ก ๆ นั้นคงต้องยิ้มแก้มแทบแตกแน่นอนเพราะดวงตาน้องฟ้าเป็นประกายขนาดนี้

   “ทีใครทีมันนะตุลย์ ตุลย์ทำแบบนั้นกับน้องฟ้าได้ ลุงก็ทำแบบนั้นกับน้ากันต์ของตุลย์ได้เหมือนกัน” ผมหันไปพูดกับตุลย์พร้อมส่งยิ้มกับยักคิ้วให้ด้วยท่าทางเป็นต่อ ซึ่งดูเหมือนตุลย์จะอึ้งไปไม่น้อยกับการกระทำของผมซึ่งตอนนี้เจ้าตัวยังคงตาโตอ้าปากค้าไม่หุบ


*************************************************

ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ เรารีบไปหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตรวจให้เน้อ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-09-2016 21:07:52
 :o8:    น่ารักมากๆค่ะ. ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-09-2016 21:13:42
 o13
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-09-2016 22:01:41
 :hao7:

อาไรอ้าาาาาาา เห็นตุลย์ทำแล้วมาล้างแค้นเหรอคะ แหม่ๆ ช่างเด็กอะไรเช่นนี้  :mew4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-09-2016 22:21:00
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 30-09-2016 00:55:41
กรี้ดดดดดด เขินแรงงง ชอบจังเลยยย เรื่อยๆนี่สนุกมาก รอค่าาา
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-09-2016 01:27:12
พอกันเลย ทั้งคุณภูทั้งตุลย์ เจ้าเล่ห์พอกัน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 30-09-2016 07:14:57
น่ารัก
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: devilpoo ที่ 30-09-2016 08:31:49
 :mew2: :mew3: :mew2: :mew3:

หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 30-09-2016 13:11:43
ฮร้า
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-10-2016 11:49:02
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-10-2016 20:26:42
 :really2: :really2:
แหม.. คุณภูนี่ร้ายใช่เล่น มีหวงคนมาคุยกับกันต์ด้วย
กันต์เอง เริ่มจะละลายโดยไม่รู้ตัวไปทุกวันแล้ว
มุ้งมิ้งจังตอนนี้ น่ารักมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 01-10-2016 22:53:27
น่ารักกกกกก คุณภูเจ้าเล่ห์ดีนะ อิอิ

รอลุ้นต่อไปจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 03-10-2016 18:36:08
คุณภูเจ้าเลห์วะ รักน้ากันต์แล้วก็บอกมาเหอะ คุณภูน้ากันต์ ถ้ารักกันแล้วขอเอาแบบมุ้งมิ้งหวานๆๆฟินๆๆเยอะๆนะ แล้วขอ nc 18+++แบบจัดเต็มด้วยนะ :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> ตอน 20 @29-09-59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-10-2016 21:58:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 07-10-2016 16:03:51
ตอน 21 แมลงมันมาเกาะ

“คุณภู!!! ทำอะไรเนี่ย” ผมผละออกจากร่างสูงของคุณภูเมื่ออีกฝ่ายปล่อยให้เป็นอิสระ

“ทำอะไรก็เล่นเกมส์ไง ใคร ๆ เขาก็เล่นกันไม่เห็นหรือไง” ร่างสูงตอบกลับมาอย่างด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ

“ตอนตุลย์ป้อนขนมน้องฟ้านายยังหัวเราะชอบใจเลย แล้วทำไมฉันจะป้อนนายด้วยไม่ได้ ถ้ารอแต่ให้เด็กป้อนเมื่อไรขนมมันจะหมดล่ะ เอาแต่เล่นไงฉันเลยช่วยให้มันหมดไวขึ้น”

“แต่กติกาเขาให้เด็กป้อนพ่อ แม่ ไม่ใช่ให้ผู้ปกครองมาป้อนกันเองแบบนี้” ใบหน้าที่เมื่อกี้ร้อนระอุไปด้วยเลือดที่สูบฉีดเริ่มจะถูกระบายความร้อนออกไปแล้ว ตอนนี้ผมเลยสามารถยืนเถียงร่างสูงขอคนตรงหน้าได้

ผมหันไปมองรอบ ๆ ก็มีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาทางพวกเราพร้อมรอยยิ้มที่บางคนก็กลั้นไว้ได้ บางคนก็หัวเราะออกมา ฮึ่ย!! มันน่าโมโหนักทำอะไรไม่รู้เรื่อง

“เอาล่ะ ๆ ตอนนี้ก็จบเกมส์แล้วไปนั่งเชียร์คนอื่นตรงโน้นกันเถอะ อ้อ...แล้วก็หน้านายแดงมากเลยนะตอนที่ฉันก้มลงไปกัดปากนายน่ะ หึหึ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาพูดเบาๆ  ระยะห่างเพียงไม่กี่เซ็นติเมตรปลายจมูกก็จะแตะกันอยู่แล้ว พูดจบก็หันหลังเดินไปพร้อมเด็ก ๆทั้งสองคนทิ้งให้ผมมองตามแผ่นหลังกว้าง อย่างฮึดฮัดไม่รู้จะจัดการร่างสูงนั้นอย่างไรดี แล้วอีกอย่าง ยังไม่ได้โดนกัดปากโว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!

“กิจกรรมการเยี่ยมชมการเรียนการสอนประจำปีนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีแล้วนะคะ เด็ก ๆ ดูสนุกแล้วก็มีความสุขกันมาก มื้อกลางวันทางโรงเรียนมีอาหารกลางวันให้รับประทานพร้อมกัน แล้วค่อยกลับบ้านกันนะคะ ขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านที่สละเวลามาร่วมกิจกรรมในวันนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ”

 เสียงของครูประจำชั้นกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งเชิญให้นักเรียนและผู้ปกครองร่วมทานอาหารกลางวัน จบประโยคดังกล่าวเสียงเด็ก ๆ ก็เริ่มดังขึ้นมาอีกพลางจับจูงมือผู้ปกครองไปที่ห้องอาหารที่จัดเตรียมไว้

“คุณกันต์ไปทานข้าวกับผมและหลานดีไหมครับ เราจะได้สนิทกันมากขึ้น เผื่อผมมารับหลานแล้วเจอคุณกันต์อีกจะได้ทักทายกันได้”  เสียงดังทักขึ้นมาทำให้ผมหันกลับไปตามเสียงเรียก

คุณป่านเป็นคนร่างสูงแต่ไม่มากไปกว่าผมเท่าไร ผิวเข้ม หน้าตาคมคาย ข้าง ๆ เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ยิ้มอยู่กับตุลย์

“อ้าว คุณป่านจะไปทานข้าวกันหรือครับ” ผมยิ้มรับคำทักทายของอีกฝ่าย

 “ครับ นี่ก็ตั้งใจมาชวนจะได้นั่งด้วยกัน”

“ได้ครับ นั่งด้วยกันหลายคนสนุกดี ไปกันเถอะครับ ป่ะ คุณภู น้องฟ้า ไปทานข้าวกันดีกว่าจะได้รีบกลับบ้าน วันนี้โชคดีได้เลิกงานไวด้วย” ผมหันไปชวนร่างสูงข้างตัว ที่ตอนนี้ทำหน้าเรียบตึงไปเรียบร้อยแล้ว อะไรวะ เมื่อกี้ยังหน้าระรื่นอยู่เลยทำไมเปลี่ยนหน้าได้ไวขนาดนี้

“ใครว่าจะให้นายเลิกงานเร็ว ไปส่งลูกเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ งานยังเหลืออีกเยอะ” เสียงทุ้มดังขัดผมขึ้นมา

“อ้าว ก็จะกลับไปทำไมให้วุ่นวายละครับ เนี่ยก็วันศุกร์แล้วให้ผมเลิกงานไววันนึงไม่ได้หรือไงเล่า” แค่บ่ายเดียวเองยังจะให้กลับไปทำงานอีกเรอะ ไหนจะขับรถไปกลับเสียเวลาจะตาย

“เอ...คุณเอ่อ เป็นเจ้านายคุณกันต์หรือครับ”

“คุณภูดิสครับ ประธานบริษัทที่ผมทำงานอยู่ นี่คุณปานเทพ เป็นน้าของน้องแนนครับคุณภู” ผมได้โอกาสแนะนำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนรู้จักกันไปด้วยเลย

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านประธานของอุตตมโภคิน กรุ๊ป ไม่นึกว่าจะยังหนุ่มขนาดนี้ ได้ยินชื่อเสียงมานาน แต่ไม่ค่อยได้เห็นออกงานต่าง ๆ เลยนะครับ”

“สวัสดีครับ ผมขอตัวก่อนเด็ก ๆ คงหิวกันแย่แล้ว นายก็ด้วยรีบตามมาเร็ว ๆ สิ น้องฟ้ากับตุลย์หิวกันแล้วมั้ง”

“งั้นผมไปก่อนนะครับ แล้วค่อยเจอกัน”  ร่างสูงของคุณภูเดินพร้อมกับจูงเด็ก ๆ ไปด้วย ผมเลยต้องหันไปยิ้มให้คุณป่านแล้วเดินตามให้ทันคุณภู

พอเข้าไปถึงห้องอาหารก็พบว่าร่างสูงนั่งลงเรียบร้อยแล้ว กำลังจัดจานเพื่อให้น้องฟ้าได้ทานข้าวกลางวัน ผมเลยต้องเดินไปนั่งข้างตุลย์ที่นั่งติดกับน้องฟ้า

มือใหญ่เอื้อมไปตักข้าวผัดมาใส่จานให้น้องฟ้าพร้อมกับไก่ทอดน่องโต ผมเลยต้องตักอาหารใส่จานให้ตุลย์พร้อมกับตักเผื่อให้ร่างสูงอีกด้วย เพราะอีกฝ่ายพอตักอาหารให้น้องฟ้าเสร็จก็ไม่ยอมตักใส่จานตัวเอง

“คุณภูทานข้าวด้วยนะครับ เดี๋ยวจะปวดท้องเมื่อเช้าก็ทานแค่กาแฟกับขนมไปนิดเดียวเอง”

“นายจะทานก็ทานไป ไม่ต้องมาสนใจฉันก็ได้ หรือจะไปนั่งทานกับคนอื่นก็ได้นะ” เสียงทุ้มที่สะบัดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบ น้ำเสียงที่ได้ยินทำให้ผมต้องแอบกลั้นยิ้มไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา ท่าทางแบบนี้เหมือนเด็ก ๆ กำลังงอนเลยนะคุณภู

“ผมจะไปสนใจใครละครับในเมื่อคุณภูเป็นเจ้านาย ผมก็ต้องสนใจเอาใจคุณภูสิถึงจะถูก” ผมตักผัดไก่พริกไทยดำให้คุณภู พร้อมส่งรอยยิ้มที่คิดว่าน่าจะทำให้อารมณ์ที่เหวี่ยงไปมาของร่างสูงให้กลับมาเหมือนเดิม

“อะไรนะ แค่เจ้านาย นี่นายเห็นฉันเป็นแค่เจ้านายแค่นั้นนะเหรอ” ร่างสูงหันมาจ้องตาผม พร้อมคำถาม

“อ้าว ก็เป็นเจ้านายจริง ๆ นี่นา จะให้เป็นอะไรมากกว่านี้รึไง”

“ใช่มากกว่าเจ้านายสิ” ร่างสูงดูเหมือนจะมีรอยยิ้มที่มุมปากนิด ๆ ทำให้ผมกระหยิ่มในใจว่าอย่างน้อยตอนนี้ก็ทำให้อีกคนอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว

“มากกว่าเจ้านายจะเป็นอะไรได้อีก คนข้างบ้านก็เป็นแล้ว พ่อน้องฟ้าก็เป็นแล้ว”

“นับฉันเป็นแค่คนข้างบ้านเนี่ยนะ!!!” จะโมโหทำไมล่ะก็มันจริงนิ

“เรื่องมากน่าคุณภู ทานข้าวได้แล้วครับจะได้กลับบ้านกัน”

ผมเลิกคุยกับร่างสูงแล้วหันมาทานข้าว ตักกับข้าวให้เด็ก ๆ ทานกัน แล้วยังเผื่อให้อีกคนด้วย แต่อีกคนก็ยังทำหน้าตึง ๆ อยู่แต่ใครสนล่ะ ไม่ทานก็ช่างสิท้องใครท้องมัน

ร่างสูงขับรถออกจากโรงเรียนเพื่อตรงกลับบ้านหลังเสร็จกิจกรรมในวันนี้  แต่พอมาถึงหน้าบ้านผมรถยนต์คันหรูก็ไม่จอดที่หน้าประตูบ้านกลับขับเลยไปยังประตูบานใหญ่ของบ้านหลังติดกันแทน ผมได้แต่มองหน้าร่างสูงที่ขับรถอย่างสบายอารมณ์

“คุณภู ทำไมไม่จอดให้ผมกับตุลย์ลงก่อนล่ะครับ แล้วนี่ผมไม่ต้องเดินออกมาอีกรอบหรือยังไง”

“จอดทำไมก็พากันไปเล่นที่บ้านฉันก่อนน้องฟ้าจะได้มีเพื่อนเพราะวันนี้เลิกเรียนเร็วกว่าปกติเดี๋ยวน้องฟ้าไม่มีเพื่อนเล่นด้วยจะเหงา” เสียงทุ้มตอบออกมาโดยที่ไม่หันมามองหน้าผม กลับตั้งอกตั้งใจขับรถเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ของเจ้าตัว

“น้ากันต์กับตุลย์ไปบ้านฟ้าก่อนนะครับ ไปเล่นกับฟ้าก่อน คุณพ่อกลับเร็วก็เท่านั้นแหล่ะ ไม่ได้เล่นกับฟ้าหรอก เอาแต่ทำงาน น่าเบื่อออก” น้องฟ้าคือฝ่ายสนับสนุนหรอกเรอะ แล้วยังตุลย์อีกคงจะชอบล่ะสิได้มาเที่ยวบ้านน้องฟ้า

“ก็ได้ครับ เพราะน้องฟ้าขอหรอกนะ น้ากันต์ถึงได้ยอมคนน่ารักอย่างนี้น่ะ” ผมหันไปยิ้มรับคำชวนของน้องฟ้า แต่พอหันกลับมาเจอหน้าคุณภูที่เอี้ยวตัวมามองทำให้ผมถลึงตาใส่ร่างสูงแล้วมองไปข้างหน้า

รถจอดสนิทในโรงจอดรถที่ข้างในนั้นมีรถจอดเรียงรายอยู่หลายคัน ซึ่งแต่ละคันหรูหราสมฐานะของนักธุรกิจอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยเลย ผมได้แต่มองอย่างสนใจ รถสวยใครจะไม่อยากสัมผัสอยากขับกันล่ะครับ เปิดประตูรถได้ผมวิ่งไปรอบ ๆ ซุปเปอร์คาร์คันงาม อย่าง  McLaren 570S  สัญชาติอังกฤษ สีดำสะท้อนตาที่ทำให้ผมอยากเข้าไปลูบคลำ ข้าง ๆ กันคือ  Lamborghini Huracan LP610-4 Spyder โอ้ย!! ไอ้กันต์จะละลายไปกับเหล่าน้อง ๆ คันงาม

หันไปมองเจ้าของตัวจริงซึ่งยืนงง อยู่ข้างประตูรถตัวเอง คงเพราะผมเปิดประตูรถกระโจนไปหาน้อง ๆ โดยที่ไม่ได้สนใจใครเลย

ร่างสูงเดินมาหาผมที่ตอนนี้ยังตาลุกวาวกับซุปเปอร์คาร์สองคันที่จอดนิ่งสนิทอยู่ตรงหน้า ผมได้แต่วิ่งไปรอบ ๆ แล้วหันไปมองคุณภูตาเป็นประกาย

“นายชอบซุปเปอร์คาร์เหรอ”

“ชอบ ๆ ผู้ชายที่ไหนก็ชอบรถกันทั้งนั้นแหล่ะครับ ยิ่งซุปเปอร์คาร์คันงามแบบนี้ เสียแต่ว่าอย่างผมไม่มีเงินไปสู่ขอน้อง ๆ มาเชยชมหรอก ได้แต่อาศัยงานที่โชว์ตัวน้อง ๆ เท่านั้นแหล่ะ นี่รถคุณภูทั้งสองคันเลยป่ะ”

“อืม ตอนนี้มีสองคัน อยากขับไหมล่ะ” สิ้นคำถามผมแทบจะคลานเข่าไปกอดขาร่างสูงที่ยืนกอดอกอมยิ้มอยู่

“อยากสิครับ ถ้าได้เข้าไปนั่งข้างในนะ โอ้ย!!!!!!  แค่คิดก็ฟินสุด ๆ แล้ว แต่ใครจะให้ผมลองขับกันล่ะ รถมันไม่ใช่ราคาถูก ๆ”

“ฉันไง ก็นี่รถฉัน ถ้าอยากขับก็ทำตัวดี ๆ อย่าดื้อแล้วจะคิดดูว่าจะให้ลองขับดีหรือเปล่า” ข้อเสนอที่บอกออกมาจากปากร่างสูงทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา แล้วไปเกาะแขนแน่น ๆ ด้วยท่าทางประจบออดอ้อน เผื่อว่าร่างสูงจะใจดีไปหยิบกุญแจมาให้ตอนนี้

“ใครดื้อไม่มี๊ ไม่มี ผมเนี่ยเป็นคนดีที่สุดแล้ว รับรองได้เลย แล้วจะให้ผมลองวันไหนครับ” เงยหน้าสบตาคมเข้มพลางทำหน้าตาที่คาดว่าตัวเองทำแล้วดูน่าเอ็นดูที่สุดให้ร่างสูงดู

“ยังก่อน รอดูว่าจะดีจริงหรือเปล่า ตอนนี้เข้าไปในบ้านก่อนได้แล้ว”

“โห คุณภูอ่ะ นิดเดียวเองนะ วันนี้ขอแค่ได้ยินเสียงก็พอ แค่นั้นผมก็นอนหลับฝันดีแล้ว” ลองอ้อนไปอีกหน่อยเผื่อจะใจอ่อนกับผม

“ไม่... ไปได้แล้ว” ปฏิเสธเสียงแข็งเกินไปป่ะ แล้วมือใหญ่ก็คว้าเอาข้อมือผมจูงให้ห่างจากน้องนางทั้งสองคัน ผมได้แต่มองตามตาละห้อย

“ใจร้ายเกินไปแล้วนะคุณภู ขี้งกว่ะ แค่เสียงของน้อง ๆ ก็ไม่ให้ได้ยิน” ผมบ่นให้ร่างสูงที่ตอนนี้เดินจูงผมออกมาห่างจากโรงรถจนจะถึงตัวบ้านอยู่แล้ว

“บ่นอะไร มาบ่อย ๆ สักวันก็จะได้ขับเองแหล่ะ แต่ตอนนี้เข้าไปดูเด็ก ๆ ได้แล้ว”

เข้าไปในบ้านที่ตอนนี้เด็ก ๆ นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่นเรียบร้อยแล้วพร้อมจานขนมกับผลไม้จานโต ผมเดินตามคุณภูเข้ามานั่งที่โซฟาอีกตัว

“ปล่อยมือได้แล้วครับ จะจับไปถึงไหนเนี่ยนั่งแล้วไม่หนีไปไหนแล้ว” ผมมองมือใหญ่ที่จับจูงข้อมือผมมาตั้งแต่โรงรถ ร่างสูงเลยเลื่อนสายตาตามผมมาหยุดที่มือตัวเองที่ยังไม่ปล่อยข้อมือผม

ร่างสูงของคุณภูนั่งลงที่โซฟา แล้วดึงให้ผมนั่งลงข้าง ๆ เด็กทั้งสองคนหันมามองเมื่อรู้ว่าผมกับเจ้าของบ้านเดินเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว ตุลย์จ้องมาที่มือใหญ่ที่ตอนนี้ก็ยังไม่ปล่อย ส่วนน้องฟ้าได้แต่ยิ้มกว้างให้ผม

มองตามสายตาของตุลย์แล้วผมเลยได้แต่กระแทกศอกใส่ข้างลำตัวของคุณภู ร่างสูงสะดุ้งนิดหน่อย มือใหญ่จึงคลายแรงที่จับมือผมไว้ ได้โอกาสจึงดึงมือตัวเองกลับมา ต้องให้เสียแรงก่อนที่จะปล่อย

“น้ากันต์อยู่เล่นกับฟ้าก่อนนะครับ อย่าเพิ่งกลับบ้านนะ”

“ให้ตุลย์อยู่เล่นกับน้องฟ้าก่อนก็ได้ แต่น้ามีงานบ้านต้องทำเดี๋ยวค่ำ ๆ จะมารับตุลย์นะครับ”

“อ้าว ไว้ทำวันพรุ่งนี้ไม่ได้หรอครับ พรุ่งนี้วันเสาร์นี่นา อยู่สอนการบ้านฟ้าก่อนสิ นะครับ นะครับ” เสียงใสๆ มาพร้อมใบหน้าขี้อ้อน  แถมมาด้วยสายตาเว้าวอนของน้องฟ้า ใครจะใจแข็งได้กันล่ะครับ ดูสิทำแล้วน่ารักน่าชัง น่าจับมาฟัดสักทีแต่เกรงใจตัวพ่อที่นั่งปั้นหน้าอยู่ตรงนี้  ผมเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาก็ไม่เห็นแสดงสีหน้าอะไร นอกจากนั่งไขว่ห้างดูผมนั่งเจรจากับลูกชายตัวเอง

“น้ากันต์ว่าน้องฟ้าอยู่กับตุลย์แล้วให้คุณพ่อสอนดีกว่านะครับ น้ากันต์อยู่ก็เกะกะเปล่าๆ”

“แต่อยู่กันสองคนดีกว่านี่ครับ แล้วคุณพ่อเดี๋ยวคงต้องไปทำงานต่อแน่ ๆ เลย ไม่มีเวลามานั่งสอนการบ้านฟ้าหรอก เป็นอย่างนี้ทุกทีด้วยล่ะ”

“แต่ว่า....”ผมกำลังจะอ้าปากพูดแต่ก็มีเสียงของอีกคนขัดขึ้นมาก่อน

“นายก็อยู่สอนน้องฟ้ากับตุลย์ที่นี่แหล่ะ ไอ้งานบ้านมันจะมีอะไรนักหนา ไว้ค่อยทำพรุ่งนี้” สั่งจบก็ลุกขึ้นเดินหนีผมขึ้นไปบนบ้านทันที  ผมทำยังไงต่อล่ะ ก็ต้องนั่งดูเด็ก ๆ ทำการบ้านเงียบ ๆ ไปสิ

“อยู่เป็นเพื่อนตุลย์ก่อนน้ากันต์ เดี๋ยวค่ำ ๆ ค่อยกลับ ทานข้าวกับน้องฟ้าก่อน” ตุลย์เงยหน้าขึ้นมาเพื่อชวนให้ผมอยู่บ้านนี้ต่อ

“เฮ้อ...ก็ได้ อยู่ก็อยู่ แล้วทานข้าว เจ้าของบ้านเขายังไม่ชวนเลยจะขอข้าวบ้านเขากินหรือไงตุลย์”

“น้องฟ้าชวนอยู่แล้วน่า เนอะน้องฟ้า เนอะ” มีหน้ากันไปขอข้าวเย็นคนอื่นเขาอีกไอ้อ้วนเอ้ย

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ฟ้าชวนเอง อิอิ”

“นั่นไงทีนี้ไม่มีข้ออ้างแล้วนะ น้ากันต์ อยู่ต่อได้ มานั่งนี่มา จะได้ช่วยสอนการบ้านไม่ใช่นั่งซะห่างเลยจะรู้ได้ไงว่าตุลย์กับน้องฟ้าทำถูกหรือผิด” สั่งได้สั่งดี ใครเป็นน้าเป็นหลานกันแน่วะเนี่ย

ผมเลยต้องเลื่อนไถลตัวลงมาจากโซฟาตัวนุ่มมานั่งบนเบาะข้างล่างที่มีสองหนุ่มน้อยนั่งอยู่ก่อนแล้ว พลางยื่นมือไปหยิบเอาผลไม้ในจานที่อยู่บนโต๊ะมาใส่ปากตัวเอง

เวลาผ่านไปนานจนได้ยินเสียงเดินลงบันไดมาจากข้างหลัง ร่างสูงของคุณภูกลับลงมาในชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เดินมานั่งลงบนโซฟาข้างหลังผม รู้สึกถึงว่ามีสายตาจ้องมาทางด้านหลังแต่ไม่ได้หันไปมอง

“คุณพ่อ ทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ” น้องฟ้าเงยหน้ามาส่งคำถามให้พ่อเจ้าตัวพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง

“เสร็จแล้วครับ แล้วนี่ทำการบ้านเสร็จกันหรือยัง ไหนให้พ่อดูหน่อยสิ”

เสียงดังขึ้นใกล้ ๆ หู พร้อมลมหายใจอุ่น ๆ เป่าลดต้นคอ ทำให้ผมต้องหันกลับไปดูคนพูด  แต่พอหันไปเท่านั้น  แหล่ะ แก้มผมรับรู้ได้ถึงปลายจมูกของร่างสูงที่ชะโงกหน้าลงมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

“เฮ้ย!!!!” ผมร้องเสียงหลง พร้อมกับเอามือกุมแก้มข้างที่มันโดนจมูกของอีกคน ทำให้เด็ก ๆ หันมามอง

“น้ากันต์เป็นอะไรครับ ร้องเสียงดังทำไม” น้องฟ้าถามพลางทำหน้าตกใจเพราะเสียงผมมันดังจริง ๆ

“ไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่รู้สึกเหมือนจะมีตัวอะไรมันมาเกาะที่แก้มเลยตกใจ”

“น้ากันต์น่าจะตีให้ตายนะครับเผื่อว่ามันยังอยู่แถวนี้เดี๋ยวมันมากัดฟ้าอ่ะ” น้องฟ้าให้คำแนะนำ อืม....ท่าจะดีนะตีให้ตายไปเลย

“นั่นสิ เดี๋ยวเจออีกทีน้ากันต์จะตีให้มันตายไปเลย ถ้ามันยังดื้อด้านไม่ตายอีก น้ากันต์จะเอาหนังสือฟาดให้เต็มแรงเลยดีไหมครับ”

“ดีครับ น้ากันต์อย่าปล่อยไว้มันอันตราย”

ผมยิ้มเหี้ยมเกรียมใส่ร่างสูงที่พอได้ฟังคำแนะนำของลูกตัวเองพร้อมกับคำอาฆาตของผม ใบหน้าหล่อเหลาได้แต่ทำหน้าแหย ๆ

“พ่อว่าเราปล่อยมันไปดีกว่านะครับ สงสารมันนะ ฆ่ามันเราจะมีบาปติดตัวนะครับ น้องฟ้าต้องมีใจเมตตานะครับ” อ้างไปเรื่อยเนอะคนเรา

“แต่ถ้ามันมากัดฟ้าคุณพ่อจะตีแมลงให้ตายหรือว่าปล่อยให้มันกัดฟ้าล่ะครับ” นั่นไงคำถามเด็ดผมล่ะอยากจะหัวเราะ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั่นสิครับ คุณภูจะไม่ตีแมลงให้ตายเหรอ ถ้ามันกัดน้องฟ้าเนี่ย น้องเป็นแผลได้เลยนะ”

“นายหยุดหัวเราะได้แล้ว เดี๋ยวโดนกัดอีกหรอก”

“ลองกัดอีกสิ ได้สวดศพกันไปข้างนึงแน่” ผมยกกำปั้นขึ้นมาชูตรงหน้าร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาผงะไปข้างหลังเล็กน้อย

“พอ ๆ เลิกคุยเรื่องแมลงกัดได้แล้ว ไปทานข้าวกันได้แล้ว” เสียงทุ้มเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย เร่งให้พวกเราไปทานข้าวเย็นกันแทน

เด็กทั้งสองได้ยินก็ปิดสมุด หนังสือ รีบลุกขึ้นไปที่โต๊ะอาหารในอีกห้องหนึ่งทันที ผมที่กำลังจะลุกขึ้นก็ต้องร้องเสียงหลงขึ้นมาอีกครั้งเพราะว่าตอนที่กำลังลุกขึ้นยืน ร่างทั้งร่างก็โดนมือดีดึงให้หงายหลัง ทำให้ผมเสียจังหวะสองมือไขว่คว้าเอาอากาศข้างหน้าซึ่งก็ไม่มีผลอะไร

ร่างผมที่เสียหลักล้มลงไปทันที แต่แทนที่จะได้สัมผัสกับเบาะหนังนุ่มของโซฟา กับพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนตักของร่างสูง มองดูเอวตัวเองก็พบว่าต้นเหตุที่ผมต้องเสียหลักล้มคือมือใหญ่สองมือของร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างหลัง

“เฮ้ย!!! คุณภูเล่นอะไรเนี่ย ปล่อยเลยนะ” ผมหันหน้าไปจ้องตาร่างสูงที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่องถ้าพลาดไปหัวร้างข้างแตกจะทำยังไง

สองมือผมก็แกะเอามือใหญ่ที่จับเอวอยู่แน่นให้ปล่อย แต่มือแกร่งก็เหนียวยังกะมือกาว แถมแกะตรงนี้ได้ไปจับตรงอื่นอีกมันน่าโมโหนัก

“โอ้ย!!! มือหรือหนวดปลาหมึกเนี่ย ฮึ้ย.....”

“นายจะตีใคร เดี๋ยวโดน” แรงกอดรัดเพิ่มขึ้นทำให้ตัวผมถึงกับชิดติดกับหน้าอกแกร่งของร่างสูง

“ตีแมลงมันดื้อด้าน กัดไม่ปล่อย” ผมลอยหน้าลอยตาตอบพร้อมกับมือผมที่พยายามแกะมืออีกฝ่ายออกให้ได้ หน้าผมเริ่มจะบูดบึ้ง โมโหแล้วนะแกะไม่ได้ตีเลยแล้วกัน

“โอ้ย!!!  ตีฉันเลยเหรอ กล้ามากนะ ระวังมันจะไม่กัดแค่แก้มแต่มันจะกัดตรงนี้ด้วย” ไม่ทันจบประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็ก้มลงมาหาพร้อมทั้งมือข้างขวาที่จับล็อคหน้าผมเอาไว้แน่น  ริมฝีปากบางเฉียบของอีกคนฉกวูบมาที่ริมฝีปากผม ทำให้ผมตกใจตาโตจ้องดวงตาคมเข้มไม่กระพริบ

รู้สึกได้ถึงฟันที่กัดและดึงเอารีมฝีปากล่างของผมเบา ๆ พร้อมกับดูดเล่นทั้งบนล่าง เล่นเอาสติผมตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวถึงกับเบลอ เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ได้แต่นั่งนิ่งให้อีกฝ่ายเลาะเล็มเล่นกับริมฝีปากผมไปเรื่อย ๆ นานเท่าไรไม่รู้กว่าอีกฝ่ายจะยกตัวผมลงนั่งกับโซฟา แล้วเดินหนีหายไปจากห้องนั่งเล่น

ผมที่ได้สติขึ้นมาตะโกนไล่หลังร่างสูงไปเพราะเสียรู้คุณภูไปเสียได้เจ็บใจนัก



*******************************************************************************************************************



ขอโทษที่หายไปหลายวันนะคะ ที่หายไปงานศพที่ต่างจังหวัดมาเพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพเช้านี้เอง



มาขอโทษพร้อม..โมเม้นต์น่ารัก ๆ นิดนึงเนอะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-10-2016 16:11:02
 :hao7:

ตกลงคุณภูจะจีบแล้วสินะคะ รู้ใจตัวเองแล้วเหรอ? ไม่ใช่มีโมเมนท์เดินตามชะนีเข้าโรงแรมไปนะ  :fire:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 07-10-2016 16:15:27
:hao7:

ตกลงคุณภูจะจีบแล้วสินะคะ รู้ใจตัวเองแล้วเหรอ? ไม่ใช่มีโมเมนท์เดินตามชะนีเข้าโรงแรมไปนะ  :fire:

ไม่มี๊ ไม่มี 5555 เชื่อเรา
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-10-2016 17:37:38
รุกจีบแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 07-10-2016 18:44:20
เริ่มรุกหนักแล้วนะ น้าของน้องตุลย์เตรียมรับมือ
พ่อของน้องฟ้า มือปลาหมึก ปากไว อิอิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-10-2016 18:52:35
อ้าว มจุ้บๆแล้วอย่าชิ่งสิคะ. กลับมาก่อน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-10-2016 22:43:16
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-10-2016 23:05:13
เริ่มหึง เริ่มหวง เริ่มลวนลาม
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-10-2016 23:13:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 07-10-2016 23:30:15
ใส่เกียร์เดินหน้าแล้วววว ไม่ให้ถอยหลังนะคุณภู

 :mew1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-10-2016 07:51:26
 :o8: :o8:
แมลงภู ตัวใหญ่พิษน่าจะเยอะ เอาหนังสือฟาดให้ตายเลยนะกันต์
แหม.. คุณภูมีหึง คนจะมาคุยกับกันต์ด้วย รู้ใจตัวเองแล้วสิว่าชอบ
น่ารักจังตอนนี้ อ่านไปยิ้มไป อิจฉาาอ่ะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 10-10-2016 10:23:35
คุณภูน่าจะเจ้าเล่ห์พอตัว แหล่ะเนอะ

แอบดอดนิด เนียน  ๆ ไปเรื่อย เดี๋ยวก้อได้เอง 555
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-10-2016 12:12:10
คืออาร๊าย คุณภู๊ แอร๊ย รายกาจที่สุด  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 10-10-2016 13:59:31
อยากอ่านพาร์ทเจ้าตัวเล็กทั้งสองตอนโตด้วยจัง ดูแววตุลย์ท่าจะขี้หึงซะด้วยซิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 10-10-2016 16:32:34
คุณภูเครื่องยนต์ติดแล้ว กำลังจะพุ่งเข้าเป้าหมายแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 21 @07-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-10-2016 21:09:25
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 12-10-2016 17:02:50
ตอนที่ 22 กำลังเสริม

“คุณภู!!!” ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังลั่นห้องนั่งเล่นที่ผมเดินจากมาหลังจากที่ได้กลายร่างเป็นแมลงกัดปากร่างโปร่งไปแล้ว ตอนกำลังเบลอ ๆ แก้มของกันตพิชย์แดงกล่ำ น่าก้มลงไปฟัดอีกรอบมาก แต่ต้องหักใจเดินหนีมาปล่อยให้อีกคนนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา ถ้าผมอยู่ท่านั้นนานกว่านี้อีกหน่อยผมก็ไม่รับรองนะว่าอีกฝ่ายจะเสียเปรียบผมอีกเท่าไร

“หึ หึ ไม่นึกว่าปากจะหวานเหมือนกันนะเนี่ย รู้งี้ลองตั้งนานแล้ว” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อมมือที่แตะอยู่ที่ริมฝีปาก

“คุณพ่อยิ้มอะไรครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับน้องฟ้า พ่อแค่คิดว่าทานของหวานก่อนทานข้าวเย็นก็ดีเหมือนกัน” น้องฟ้าทำท่างงกับคำพูดของผมแล้วหันไปสนใจกับอาหารเย็นบนโต๊ะ

“ของหวานที่ไหนกันคุณลุง ก็คุณลุงเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ตุลย์ก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากจานขนมที่ตุลย์กินหมดแล้วนี่นา”

“แล้วน้ากันต์ล่ะครับ ทำไมยังไม่มาอีก” น้องฟ้ายังสงสัย

“เดี๋ยวก็ตามมาครับ เราสองคนทานไปก่อนได้เลย” ผมเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งพร้อมมองออกไปทางห้องนั่งเล่นก็เห็นร่างโปร่งเดินออกมา

“น้ากันต์ช้า ตุลย์กินก่อนแล้วนะไม่รอหรอก หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว” เสียงหลานชายตัวอ้วนของกันตพิชย์บ่นให้น้าตัวเอง แต่อีกมือก็จับช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเองไปด้วย

“น้ากันต์ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดง ๆ” น้องฟ้าถามร่างโปร่งเมื่ออีกคนเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารด้านขวามือของผม

“เอ่อ ....น้าไม่ได้เป็นไรครับ อาจจะร้อนนิดหน่อยมั้ง” ตอบน้องฟ้าเสร็จแล้วก็หันมาถลึงตาใส่ผม

“ไหนมาดูสิว่าตัวร้อนจริงหรืออย่างที่น้องฟ้าสงสัยหรือเปล่า” ไม่ทันจบประโยคมือผมก็เอื้อมมือไปอังที่หน้าผากของกันตพิชย์

“เฮ้ย!!! คุณภูผมไม่ได้เป็นไข้ ไม่ต้องมาวัดไข้ด้วย ทานข้าวไปเลยครับ ฮึ” กันตพิชย์ขยับใบหน้าหนีมือใหญ่ของผม แล้วตักกับข้าวใส่ช้อนยื่นมาให้บังคับให้ผมต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้ นี่แก้เขินแบบนี้ก็ดีนะ

“ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับ ทานข้าวกันดีกว่าเนอะเด็ก ๆ”

บอกไปก็เท่านั้นแหล่ะ เด็ก ๆ ทานล่วงหน้ากันไปเกือบครึ่งจานแล้วผมกับร่างโปร่งมัวแต่ทะเลาะกันจนไม่ทันเด็กกันแล้ว  ระหว่างมื้ออาหารกันตพิชย์ก็เหมือนเดิม คือเอาใจใส่ในการทานอาหารของพวกเด็ก ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทานไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะระหว่างที่เรานั่งทานอาหารเย็นกันทำให้ผมมานึกว่า นานมากแล้วที่ห่างหายไปจากบรรยากาศแบบนี้ น้องฟ้าทานได้มากกว่าที่นั่งทานกับผมสองคนเสียอีก

“อย่าคุยกันมาก เดี๋ยวสำลักนะครับน้องฟ้า ตุลย์ก็เหมือนกันกินดี ๆ อย่าพูดไปด้วยกินไปด้วย ไม่ต้องรีบไม่มีใครแย่งหรอกนะ” เสียงเตือนหลานชายตัวดีที่รีบกินมากจนตอนนี้แก้มเต็มไปด้วยข้าวคำโต

“แล้วนี่ครับ ทานไปเยอะ ๆ นะครับคุณภู จะได้ไม่ว่างมาจ้องคนอื่นเวลาทาน เสียมารยาท” มือบางตักเอาพริกในต้มยำมาใส่จานข้าวของผมเต็มไปหมด

“มีแต่พริก ฉันจะกินลงไปได้ยังไง เผ็ดตายเลยแบบนี้ ขออย่างอื่นได้ไหม” ผมไม่กินเผ็ดมากนะครับมันแสบท้อง

“งั้นเอานี่ไป ทานได้แล้วครับนี่ผักมีประโยชน์ ถ้าไม่ทานน้องฟ้าจะมองไม่ดีนะครับที่คุณพ่อไม่ทานผัก” ครั้งนี้ผักทุกชนิดในจานผัดผักมาประดับบนจานข้าวของผม

“คุณพ่อ ทานกุ้งไหมเดี๋ยวฟ้าตักให้”

“ไม่เป็นไรครับ น้องฟ้าทานไปเลย เดี๋ยวพ่อให้น้ากันต์ตักให้”

“นายก็กินด้วยสิ ผักมีประโยชน์มากเหมือนที่บอกนะ” ผมตักผักทุกชนิดที่ร่างโปร่งตักมาใส่จานให้ในจานของอีกฝ่ายเหมือนกับที่กันตพิชย์ตักมาให้ผม

“ผมไม่กินแครอท ตักมาทำไมเนี่ย เอาคืนไปเลยนะ” แครอทสองสามชิ้นลอยกลับคืนมาในจานข้าวผมอีกรอบ

“ทำไมไม่กิน อร่อยออกน้องฟ้ายังกินได้เลย โตซะเปล่านายนี่”

“มันเหม็น กลิ่นมันแปลก ๆ อย่างอื่นกินได้ยกเว้นแต่แครอทนี่แหล่ะ”

“อร่อยออกน้ากันต์ ไม่เห็นว่ากลิ่นจะแปลกตรงไหนเลย ตุลย์ยังชอบกินเลย แล้วเมื่อไรน้ากันต์จะโต เลือกกินผักแบบนี้  ทีตุลย์น้ากันต์ยังให้กินทุกอย่างบอกว่ามีประโยชน์เลย” ตุลย์พูดขึ้นมาทำเอาร่างโปร่งส่งสายตาพิฆาตไปยังหลานชายตัวอ้วนทันที

“ตุลย์ก็กินทุกอย่างนั่นแหล่ะตัวถึงได้อ้วนกลมขนาดนี้ ต่อไปต้องลดอาหารแล้วนะ”

“รู้แล้ว ๆ วันหลังตุลย์จะกินให้น้อยกว่านี้ครับ”

สองน้าหลานนั่งทะเลาะกันเรื่องใครเลือกกินกว่าใครไปตลอดเวลาอาหารเย็นในวันนี้ มันทำให้ผมได้รับรู้ว่าการทานข้าวด้วยกันแบบนี้มันก็มีความสุขดีเหมือนกัน

หลังมื้ออาหารจบลง สองน้าหลานก็พากันกลับบ้านของตัวเอง โดยที่มีผมและน้องฟ้าเดินไปส่งถึงหน้ารั้วบ้านหลังเล็กข้าง ๆ กัน  เด็ก ๆ เดินนำหน้า ส่วนผมเดินอยู่ข้างหลังพร้อมกับร่างโปร่งของกันตพิชย์

“นายไม่ค้างที่บ้านฉันจริง ๆ เหรอ ตุลย์ยังไม่อยากกลับบ้านเลยนะดูสิ”ผมลองถามร่างโปร่งของกันตพิชย์ ตอนแรกคิดว่าชายหนุ่มจะยอมรับปากตั้งแต่ตอนที่น้องฟ้าขอให้ค้างที่บ้านด้วยกันแล้ว แต่ยังไงกันตพิชย์ก็ยืนยันว่าจะกลับมานอนบ้านของตัวเอง ผมก็เลยได้แต่เดินหน้าบึ้งตามมาส่งสองคนน้าหลานที่บ้านหลังข้าง ๆ

“ไม่ ผมจะกลับมานอนบ้านผม นี่คุณภูพูดไม่รู้เรื่องเลยนะ หลายรอบแล้วตั้งแต่ตอนอยู่ในบ้าน อย่าเยอะขอร้อง แล้วนี่ถึงบ้านแล้วกลับไปได้ ผมจะได้อาบน้ำนอนสักที วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว คุณภูก็เหมือนกันจะได้พาน้องฟ้ากลับไปพักผ่อน แล้วอีกอย่างนะผมบอกว่าจะเดินมาเองก็ไม่เชื่อ บ้านก็อยู่แค่นี้เอง ไม่รู้จะตามมาทำไมวุ่นวาย”

โห...เป็นชุดครับ  มีใครเลยบอกเจ้าตัวไหมครับว่าเป็นคนดื้อ เถียงเก่ง

“โอเค ๆ ไม่ค้างก็ไม่ค้าง ฉันก็แค่อยากให้น้องฟ้ามีเพื่อนนอนเล่นด้วยเท่านั้นเอง เพราะน้องฟ้าไม่เคยมีเพื่อนมานอนค้างที่บ้านเลย ถ้าตุลย์นอนด้วยคงดีใจมาก” เอาลูกชายมาอ้างหน่อยครับเผื่อว่าจะใจอ่อน

“อย่าเอาน้องฟ้ามาอ้าง วันหลังผมค่อยให้ตุลย์ไปค้างกับน้องฟ้าเอง แต่วันนี้ผมเหนื่อยอยากนอนบ้านตัวเอง” กันตพิชย์หันมาทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่ผมอีกด้วย

“ก็ได้ อย่าลืมแล้วกันว่าวันหลังนายต้องไปค้างบ้านฉันเป็นนอนเพื่อนน้องฟ้า”

“คุณภู ผมบอกว่าผมจะให้ตุลย์ไปนอนเป็นเพื่อนน้องฟ้าไม่ใช่ผมจะไปนอนบ้านโน้นเป็นเพื่อนน้องฟ้า อย่าโมเมแบบนี้” อุตส่าห์เนียนแล้วนะเนี่ยยังจับคำพูดได้ทุกคำอีก คนอะไรตีความเก่งจริง ๆ เฮ้อ ไม่ตื้อแล้วก็ได้เดี๋ยวโดดแว๊ดใส่    เดินมาจนถึงหน้าบ้าน ตุลย์ก็หันมาโบกมือลาผมกับน้องฟ้า ส่วนกันตพิชย์นะเหรอ ไขกุญแจบ้านแล้วเปิดประตูรอหลานชายร่ำลาผมกับน้องฟ้าอยู่นะสิ ไม่สนใจผมสักนิดเลยด้วย

“ขอบคุณครับคุณลุงที่วันนี้ให้ตุลย์ไปเล่นกับน้องฟ้าที่บ้าน” ตุลย์ไหว้ขอบคุณผมด้วยกริยาน่ารัก

“ครับ วันหลังก็ไปเล่นกับน้องฟ้าใหม่นะ น้องฟ้าจะได้ไม่เหงา”

ร่างอ้วนยิ้มแป้นแล้นมากเมื่อได้ยินว่าผมอนุญาตให้ไปเล่นที่บ้านได้ตลอดเวลา ผมว่าผมคงต้องทำอะไรให้มากกว่านี้แล้วล่ะครับแต่ก่อนอื่นคงต้องถามร่างเล็ก ๆ เจ้าของหัวใจผมก่อน

“ฝันดีนะครับน้องฟ้า” บอกแต่ลูกเหรอแล้วพ่ออย่างผมล่ะ

  น้องฟ้าโบกมือลาทั้งน้า ทั้งหลาน แล้วเราสองคนพ่อลูกก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน

กลับถึงบ้านผมเดินไปส่งน้องฟ้าขึ้นห้องเพื่อให้เจ้าตัวอาบน้ำเตรียมตัวนอน  ส่วนตัวผมก็เข้าห้องไปอาบน้ำเหมือนกัน พร้อมกับความคิด ๆ หนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว

ก็อก ๆ ๆ ผมเคาะประตูห้องน้องฟ้าเป็นสัญญาณแล้วจึงเปิดตามเข้าไป เห็นลูกชายตัวเล็กนั่งอยู่บนเตียงนอน พร้อมกับทีวีที่เปิดช่องการ์ตูนเอาไว้ ผมเดินไปนั่งลงที่เตียงข้าง ๆ ลูกชาย

“ดูอะไรอยู่ครับทำไมยังไม่นอนอีก” ผมยกตัวน้องฟ้าขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับก้มลงไปหอมเบา ๆ ที่ศรีษะน้อย ๆ นั่น

“โคนันครับคุณพ่อ เนี่ยตอนใหม่ที่เป็นเดอะมูฟวี่ จะเข้าโรงหนังแล้วด้วย คุณพ่อพาฟ้าไปดูด้วยนะครับ” น้องฟ้าแหงนหน้ามาพูดกับผมด้วยรอยยิ้มอ้อนพร้อมกับขอให้ผมพาไปดูเจ้าเด็กบ้านักสืบคนนึงที่ดูกี่ทีก็ยังไม่โต อยู่ป.1 ตั้งแต่ก่อนน้องฟ้าเกิดอีกนะครับ จนตอนนี้น้องฟ้าจะขึ้นป.1 ตามแล้ว ไอ้เด็กโคนันนี่ก็ยังซ้ำชั้นเหมือนเดิม

“ครับ เดี๋ยวพ่อเช็ครอบให้ว่าเข้าวันไหนแล้วเราไปดูกันเนอะ”

“ขอบคุณครับ” ตอบขอบคุณพร้อมกับยกตัวขึ้นมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ทำให้ผมก้มลงไปหอมแก้มนิ่มสองข้างเหมือนกัน กลิ่นแป้งเด็กที่ติดตัวน้องฟ้าหอมเหมือนกับกลิ่นที่ได้จากตัวของกันตพิชย์ หรือว่ากลิ่นกันตพิชย์เหมือนน้องฟ้ากันแน่นะ

ไอ้ที่คิดมาในหัวตอนที่อาบน้ำตั้งใจจะถามน้องฟ้า ไม่ได้กลัวว่าลูกจะไม่เห็นด้วยเพราะเท่าที่สังเกตดูก็น่าจะเข้ากันได้ดี

“น้องฟ้าพ่อถามอะไรหนูสักนิดได้ไหมครับ” ผมลองหยั่งเชิงลูกไปก่อน

“หือ เรื่องอะไรครับ”

“น้องฟ้าชอบน้ากันต์กับตุลย์ไหมครับ” คำถามที่หลุดออกจากปากผมทำให้น้องฟ้าหันหน้ามามองผมแล้วเอียงคอเล็ก ๆ เหมือนจะสงสัยว่าผมถามทำไม

“ชอบสิครับ น้ากันต์ใจดี ตุลย์ก็ด้วย ตุลย์เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดเพราะน้องฟ้าไม่เคยมีเพื่อนแบบตุลย์เลยสักคน คุณพ่อถามเรื่องนี้ทำไมครับ”

“ถ้าน้องฟ้าชอบก็ดีแล้วล่ะ พ่อแค่อยากจะรู้ว่าน้องฟ้ามีความสุขที่ได้มีเพื่อนอย่างตุลย์หรือเปล่า”

“ฟ้าว่าคุณพ่อห่วงฟ้ามากไปแล้วนะครับ ฟ้าสนุกนะที่ได้มีเพื่อนเล่น น้ากันต์ก็ใจดีให้ตุลย์มาเล่นกับฟ้า แต่ฟ้าว่าคุณพ่อเข้าประเด็นมาดีกว่าครับว่าถามทำไม” ห๊ะ!!! ลูกชายผมทำไมถึงถามผมกลับมาแบบนี้ ปกติน้องฟ้าจะไม่เคยเป็นแบบนี้นี่

“เอ่อ ...เอ่อ คือว่าพ่อ” ทำไมมันพูดไม่ออกวะ เวลางานยาก ๆ นี่ไม่เคยเป็นแบบนี้ ขนาดเตรียมตัวเตรียมใจมาถามลูกชายแล้วนะ

“พูดมาสิครับ อย่าอ้ำอึ้ง คุณพ่อสอนให้ฟ้าทำอะไรให้ชัดเจนจำได้ไหมครับ” ครับคุณลูกพ่อจำได้ เอาก็เอาวะพูดก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าสอนลูกแล้วตัวเองทำไม่ได้

“ถ้าน้องฟ้าชอบน้ากันต์กับตุลย์แล้ว น้องฟ้าคิดว่าพ่อจะชอบน้ากันต์ดีไหม” พูดไปแล้วก็โล่งอกพิลึกครับ

“ก็แค่นั้นแหล่ะครับคุณพ่อ ไม่รู้จะพูดยากอะไรนักหนา” อ้าว ไหงพูดงั้นละครับคุณลูก

“พ่อก็กลัวน้องฟ้าของพ่อไม่ชอบที่พ่อจะไปชอบน้ากันต์”

“ฟ้าชอบนะ ถ้าคุณพ่อชอบใครฟ้าก็ไม่ขัดหรอกแต่ต้องพามาให้ฟ้าดูตัวก่อน  อ้อ แต่ถ้าเป็นน้ากันต์ฟ้าตกลงครับ” พูดจบรอยยิ้มจากใบหน้าน่ารักก็ส่งมาให้ผม ทำให้ผมยิ้มแล้วกอดลูกชายแน่นกว่าเดิมพร้อมโยกตัวเล็ก ๆ นั่นเล่นไปมาอีกด้วย

“แล้วน้องฟ้าว่าน้ากันต์ของน้องฟ้าเขาชอบพ่อมั่งป่ะ” ใจมาเป็นกองครับทีนี้เปิดอกคุยกับลูกได้แล้ว

“ถ้าน้ากันต์ไม่ชอบคุณพ่อ ฟ้าว่าคุณพ่อโดนน้ากันต์ต่อยปากตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้วครับ ไม่มีให้คุณพ่อลวนลามน้ากันต์ได้ตั้งสองสามรอบแบบนี้หรอก”

“ห๊ะ!!! ลวนลาม น้องฟ้าเห็นที่พ่อทำกับน้ากันต์ด้วยเหรอ” ตายครับตาย นึกว่าไม่มีใครเห็นซะอีก

“เห็นสิครับ ใครก็เห็นทั้งนั้นแหล่ะ ทั้งที่โรงเรียนก็เห็นกันหมด แล้วก็เมื่อกี้ที่ห้องนั่งเล่น อย่าคิดว่าจะไม่มีคนเห็นสิครับ”

“เฮ้ย น้องฟ้าเห็นอะไรที่ห้องนั่งเล่น” เอาล่ะสิผม ผมว่าดูดีแล้วนะว่าเห็นเด็ก ๆ เดินออกมากันหมดแล้ว

“ก็คุณพ่อทำอะไรน้ากันต์ ฟ้ากับตุลย์ก็เห็นแบบนั้นแหล่ะครับ แต่อย่าแกล้งน้ากันต์บ่อยเกินไประวังตุลย์โมโหนะ นั่นเขารักของเขา แต่ตุลย์บอกว่านี่เห็นเป็นคุณพ่อหรอกนะเลยเปิดไฟเขียวให้ ไม่งั้นตุลย์ไม่ยอมให้เข้าใกล้น้ากันต์หรอก” น้องฟ้านั่งกอดอกพร้อมอธิบายให้ผมฟัง

“แล้วฟ้าคิดว่าไงครับ ถ้าพ่อจะลองจีบน้ากันต์  น้องฟ้าว่าน้ากันต์จะยอมให้พ่อจีบไหม” ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วสิครับ บริหารงานบริษัทใหญ่โตไม่เคยต้องมาขอความเห็นลูกชาย เรื่องจะจีบผู้ชายกลับทำให้ผมเกรง ๆ

“อืม ... ก็น่าจะได้นะครับ แต่ฟ้าว่าคุณพ่อต้องรีบหน่อยล่ะ เพราะฟ้าเห็นน้าของน้องแนนเพื่อนในห้องฟ้า เข้ามาคุยกับน้ากันต์ คงจะชอบน้ากันต์แน่เลย” ลูกชายครับอย่าบิ้วต์ เดี๋ยวพ่อเดินไปฉุดคนข้างบ้านมานอนด้วยซะเลยนี่ นึกแล้วก็เสียดายรู้งี้ไม่ปล่อยให้กลับบ้านหรอก น่าจะให้น้องฟ้าหลอกให้นอนค้างที่นี่ด้วยสักคืน เผื่อว่าอะไร ๆ จะได้คืบหน้ากว่านี้

“พ่อเห็นแล้ว หมั่นไส้อยู่เหมือนกัน ทำท่าทีเข้ามาสนิทสนมกับน้ากันต์ของพ่อ เดี๋ยวเจอกันอีกทีคอยดูพ่อจะทำให้รู้ซะเลยว่าใครเป็นของใคร”

“งั้นน้องฟ้าต้องช่วยพ่อแล้วล่ะ ถ้ามีคนเข้ามาจีบน้ากันต์น้องฟ้าต้องกันเอาไว้อย่าให้เข้าใกล้ได้เลยนะ ไม่งั้นน้องฟ้าอดมีแม่เลี้ยงเป็นน้ากันต์ พ่อไม่รู้ด้วยนะครับ” ยุลูกชายสักหน่อยให้เป็นมือขวากันผู้ชายที่พยายามเข้ามาเกาะแกะกันตพิชย์ เพราะบางเวลาผมไม่ได้อยู่ด้วยนี่ครับอาจจะมีพลาดไปบ้างก็ต้องมีผู้ช่วยมือดีไว้ก่อน

“ฟ้าช่วยคุณพ่อก็ได้ครับ เห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูก แล้วตุลย์ล่ะคุณพ่อจะทำยังไง ฟ้าว่าบอกให้ตุลย์รู้ไว้ดีกว่า บางทีตุลย์อาจจะช่วยเราได้นะครับ”

“ความคิดดีมากครับลูกชาย งั้นวันพรุ่งนี้เราเริ่มแผนให้ไส้ศึกกันดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะพาน้องฟ้าไปเล่นบ้านตุลย์วันพรุ่งนี้นะครับ ดีไหม”

“คุณพ่อครับ ทีเรื่องแบบนี้ล่ะไวมากเลยนะ แต่ก่อนไม่เห็นอยากให้ตุลย์มาเล่นกับฟ้าเลย ตอนนี้ทำไมยอมให้ฟ้าไปหาตุลย์ง่าย ๆ แบบนี้ คงไม่ใช่ส่งฟ้าไปเป็นทัพหน้าให้น้ากันต์ใจอ่อนหรอกนะ”

“น้องฟ้าฉลาดมากสมกับเป็นลูกพ่อ ก็น้ากันต์ของน้องฟ้าใจดีกับแค่น้องฟ้ากับตุลย์นี่นา ทีกับพ่อละดุเอ๊า ดุเอา บางทีพ่อยังสงสัยนะว่า พ่อเป็นเจ้านายหรือน้ากันต์ของลูกเป็นเจ้านายพ่อกันแน่” เรื่องจริงนะครับถึงแม้ว่าตอนอยู่ทำงานผมจะดูดุขนาดไหน แต่ว่าร่างโปร่งของกันตพิชย์ก็ดูเหมือนไม่กลัวผมสักนิด บางครั้งก็เถียงให้ผมได้หงุดหงิด แต่เวลาที่ชายหนุ่มจะดื้อ ก็จะเป็นช่วงที่อยู่กันแค่สองคนเท่านั้น ไม่มีครั้งไหนที่กันตพิชย์จะแสดงทีท่าไม่เคารพผมต่อหน้าพนักงานคนอื่นในบริษัท

แล้วยังท่าทีที่แสดงต่อน้องฟ้าอย่างรักใคร่เอาใจใส่ นั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมติดใจในตัวของกันตพิชย์จนบางครั้งก็คิดว่าถ้ามีคนที่รักผมแล้วก็รักลูกของผมแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แล้วตอนนี้ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าไม่ควรปล่อยให้กันตพิชย์หลุดมือไป คงต้องเริ่มทำอะไรบ้างแล้วอย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ผู้ช่วยมาสองคนแน่นอน

“น้องฟ้าว่าพ่อควรเริ่มจากอะไรก่อนดี  สำหรับการจีบน้ากันต์ของเรา”

“แหม ... ของเราเลยนะครับคุณพ่อ ฟ้าว่าจีบน้ากันต์ให้ได้ก่อนดีกว่าไหมครับ ถึงตอนนั้นฟ้าว่ายังไงน้ากันต์ก็ไม่ไปไหนหรอก”

“พูดดีมากครับลูกชาย เอาเป็นว่าตอนนี้พ่อเดินหน้าจีบน้ากันต์เลยแล้วกันนะ”

“ก็ตามนั้นเลยครับ ฟ้าจะคอยช่วยอีกแรง ถ้าคุณพ่อจีบน้ากันต์ไม่ได้แสดงว่า คุณพ่อไม่มีฝีมือ” แรงส์ครับลูก พ่อว่าสมัยก่อนพ่อจีบใครไม่เคยพลาดนะ ยกเว้นแต่ไม่เล่นด้วยเอง แต่ว่านั่นในกรณีผู้หญิงนะครับ  แต่นี่ครั้งแรกที่กำลังจะจีบผู้ชายให้มาเป็นแม่เลี้ยงน้องฟ้า

“งั้นน้องฟ้านอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้เช้าเราจะได้ไปเที่ยวบ้านโน้นแต่เช้า” ผมยกตัวลูกชายให้ลงจากตัวก่อนจะห่มผ้าให้ร่างเล็ก ๆ แล้วปิดทีวี ก่อนออกจากห้องผมก็มลงจูบหน้าผากน้องฟ้าก่อน

“กู๊ดไนท์ ฝันดีครับน้องฟ้า พ่อรักลูกนะครับ”

“กู๊ดไนท์ครับ ฟ้าก็รักคุณพ่อ” ผมเดินมาปิดไฟแล้วปิดประตูห้องนอนน้องฟ้า เดินกลับห้องตัวเองเพื่อที่จะได้พักผ่อน ผมว่าวันนี้ผมรู้สึกว่าเป็นวันที่ดีวันหนึ่งในชีวิตผม เพราะว่าความสุขที่มีเกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดกับผมคนเดียวมันยังทำให้น้องฟ้ามีความสุขไปด้วย ผมว่าผมคิดถูกนะครับที่ถามลูกชายก่อนเพราะอย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีกำลังเสริม แล้วดูท่าว่ากำลังเสริมคนนี้จะสำคัญเสียด้วย กันตพิชย์รักเด็กนี่ครับแล้วลูกผมก็น่ารักมาก ๆ ด้วย อะไร ๆ มันคงง่ายขึ้นถ้าผมจะเดินหน้าเข้าไปจีบคนข้างบ้าน



****************************************************************************************



ขอโทษที่หายไปหลายวันนะคะ เรายุ่ง ๆ เรื่องงานศพที่ต่างจังหวัดค่ะ



แต่มาลงตอนใหม่ให้แล้ว หวังว่ายังรอเราอยู่ไม่หนีหายกันไปไหนนะคะ



คิดถึงทุกคนค่ะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-10-2016 17:21:06
 :a5:

ห๊ะ นี่ขนาด"แอบ"ลวนลามกันต์แล้วคุณภูยังไม่เนียนพอเลยนะ ชาวบ้าน 360องศารู้เห็นกันหมด โธ่ๆๆๆ  :hao7:

แต่น้องฟ้าไฟเขียวแล้วอ่ะ ต้องจีบ จีบ จีบ อย่างเดียวแล้วนะคะ  :กอด1:

** (ตอนท้ายที่พ่อลูกคุยกัน ทำไมเหมือนว่าน้องฟ้าแก่เกินเด็ก ป.1แล้วล่ะนั่น  :mew3:)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: johari317 ที่ 12-10-2016 17:27:51
ยังรออยู่ค่ะะะ ฮือออ มาต่อแล้วววว :กอด1: :กอด1:

คุณภูออกตัวล้อฟรีเลยนะคะะ
งานนี้จะได้สายลับสองหน้ามาแทนมั้ยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 12-10-2016 17:36:29
:a5:

ห๊ะ นี่ขนาด"แอบ"ลวนลามกันต์แล้วคุณภูยังไม่เนียนพอเลยนะ ชาวบ้าน 360องศารู้เห็นกันหมด โธ่ๆๆๆ  :hao7:

แต่น้องฟ้าไฟเขียวแล้วอ่ะ ต้องจีบ จีบ จีบ อย่างเดียวแล้วนะคะ  :กอด1:

** (ตอนท้ายที่พ่อลูกคุยกัน ทำไมเหมือนว่าน้องฟ้าแก่เกินเด็ก ป.1แล้วล่ะนั่น  :mew3:)

เราก้อคิดนะว่าเกินเด็กไปหรือป่าว แต่ก้อตัดใจว่าเอาเหอะ ลองใส่แบบนี้ดูแล้วกัน เพราะก็ไม่รุ้ว่าจะให้คุณภูคุยกับใครดี 555
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 12-10-2016 17:37:32
ยังรออยู่ค่ะะะ ฮือออ มาต่อแล้วววว :กอด1: :กอด1:

คุณภูออกตัวล้อฟรีเลยนะคะะ
งานนี้จะได้สายลับสองหน้ามาแทนมั้ยเนี่ยยยย

ต่อค่ะ ต่อ ไม่หายแน่นอน แต่จะพยายามมาทุกอาทิตย์นะ  :mew1: :mew1: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-10-2016 18:21:08
เด็กมันรู้เรื่องขนาดนี้เลยหรือ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-10-2016 20:02:35
นึกว่าคุณพ่อปรึกษาด้านกฎหมายซะอีก
น้องฟ้าจ๊ะ ป.1 นะ ทำไมถึงเหมือนผ่าน
การมีแฟนมาแล้ว หมดเลยความใสๆ
ช่วงแรกๆ แต่ก็เอาใจช่วยคุณพ่อนะ
 o13
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-10-2016 20:33:28
ลูกฟ้า. ทำไมลูกดูเชี่ยวกว่าพ่ออีก 5555555
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-10-2016 23:16:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-10-2016 09:39:49
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 13-10-2016 11:00:37
คุณภู่จะติดปิดแล้วนะ ได้กำลังเสริม แล้ว น้านกันต์เตรียมตัวรับความรักและหัวใจจากคุณภูให้ดีๆนะ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-10-2016 11:13:00
คุณภู๊ นี่ขนาดแอบลวนลามแล้วนะ 555

เดินหน้าเต็มกำลังเลย น้ากันต์เตรียมตั้งรับนะ กำลังมีใส้ศึกในบ้าน 555
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-10-2016 02:40:04
ลูกไฟเขียวขนาดนี้ก็ลุยเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-10-2016 17:53:50
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 14-10-2016 20:16:56
 o13
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 22-10-2016 07:56:27
เราขอ งดอัพนิยายไปจนสิ้นเดือนนะคะ

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-10-2016 18:42:02
 :3123: :3123:
ไม่เป็นไรจ๊ะ รอได้น้าา ขออย่างเดียวอย่าหายไปเลย
คนอ่านต้องแดดิ้น รวดร้าวหัวใจแน่นอน
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 22 @12-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 29-10-2016 21:26:27
หายไปนานแว้วน้า  มาต่อได้แว้ว  เก๊ารออยู่
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 01-11-2016 08:26:08
ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน

เช้าวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่ผมคิดจะเริ่มแผนการในการจีบกันตพิชย์ ผมไปส่งน้องฟ้าตามปกติแต่ว่ากว่าผมกับลูกชายจะออกไปจากบ้านกัน ผมจอดรถรอให้กันตพิชย์ขับรถออกจากบ้านตัวเองเพื่อไปส่งหลานชายก่อนครับ เพราะว่าเมื่อชายหนุ่มส่งตุลย์เสร็จแล้วไปทำงาน ผมจะเข้าไปเจรจากับตุลย์ ไม่รู้ว่าตุลย์จะยอมช่วยหรือเปล่าแต่งานนี้ไม่ลองไม่รู้

เมื่อร่างโปร่งของกันตพิชย์ขับรถออกจากโรงเรียนหลังส่งหลานชายแล้ว ผมจึงเปิดประตูรถเพื่อจะพาน้องฟ้าไปห้องเรียนบ้าง ที่ห้องเรียนเห็นตุลย์นั่งอยู่ที่ประจำของตัวเองแล้วจึงเดินส่งน้องฟ้า ลูกชายผมเดินไปวางกระเป๋าพร้อมกับส่งเสียงทัก อีกฝ่ายก็หันมายิ้มรับ แล้วยกมือไหว้ผม

“อรุณสวัสดิ์ตุลย์”

“อรุณสวัสดิ์น้องฟ้า สวัสดีครับคุณลุง”

“สวัสดีตุลย์ ไงเรามาเช้าเชียวนะ” ผมส่งเสียงทักร่างอวบของเด็กชายออกไป

“ก็น้ากันต์ปลุกแต่เช้ามากครับ ตุลย์เลยต้องมาแต่เช้า นี่ยังง่วงอยู่เลย” พูดจบก็ปิดปากหาวไปด้วย

“คือว่าลุงมีเรื่องจะถามตุลย์สักหน่อย ตุลย์ออกไปคุยกับลุงข้างนอกก่อนได้ไหม” ผมเปิดประเด็นทันที ร่างอวบส่งสายตางงมาให้แต่ก็พยักหน้าให้ผมเป็นการตกลง ผมจึงได้เดินนำน้องฟ้าและตุลย์ออกมาข้างนอกที่มองหาโต๊ะที่ว่างพอจะนั่งคุยกันได้

“น้ากันต์ของตุลย์ตอนนี้คบกับใครอยู่หรือเปล่า” ตรงเกินไปไหมที่จะถามเด็กแบบนี้ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าถ้าเราอ้อมค้อมแล้วเราจะได้อะไร เอาแบบนี้แหล่ะ

“อืม....ไม่น่าจะมีนะครับ หรืออาจจะมีแต่ตุลย์ไม่รู้ คุณลุงถามทำไมเหรอ” ตุลย์ทำท่านึกอยู่สักครู่พลางมองหน้าผมแล้วตอบคำถามที่ผมถามออกไปกลับมา

“อ้าว ยังไงล่ะตุลย์ แล้วตุลย์เคยเห็นน้ากันต์ไปไหนกับใครหรือเปล่า หรือคุยโทรศัพท์นาน ๆ แบบอารมณ์ดี ยิ้มไปด้วยทำนองนี้อ่ะ”

“ถ้าเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ค่อยมีนะ อ้อ เคยมีคนโทรมาหาแล้วน้ากันต์คุยไปด้วยยิ้มกับหัวเราะออกมาด้วย แต่ตุลย์ไม่รู้หรอกนะว่าใครโทรหาไม่ได้ถามครับ แต่ถ้าเวลาที่น้ากันต์ทำงานตุลย์ไม่รู้หรอกนะ เพราะตุลย์มาโรงเรียน” เอาล่ะสิ แล้วกันตพิชย์คุยกับใคร แต่จะคุยกับใครก็ช่างสิ ผมว่าถ้าผมจะลองจีบชายหนุ่มดูผมก็น่าจะทำได้นะ ผมเริ่มคิดว่าจะเริ่มต้นคุยกับตุลย์ยังไงดีจึงได้แต่หันไปมองน้องฟ้าที่นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ ลูกชายจะไม่ช่วยพ่อสักหน่อยหรือไงครับ

“แล้วน้ากันต์เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า”

“ไม่เคยมีหรอก น้ากันต์อยู่ช่วยงานที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหนแล้วน้ากันต์ไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไรครับ แต่ตุลย์ก็ไม่เคยเห็นน้ากันต์จีบผู้หญิงที่ไหนด้วยนะ”

“งั้นถ้าลุงจีบน้ากันต์ของตุลย์ล่ะ ตุลย์จะว่ายังไง” ผมส่งคำถามเด็ดไปทันที่ที่ตุลย์พูดจบ ดวงกลมโตของตุลย์เบิกกว้างจ้องผมตาไม่กระพริบเลย แถมอ้าปากค้างด้วย

“อะ ...อะไรนะ คุณลุงบอกว่าจะจีบน้ากันต์ โอ มายก็อด” อ้าวไอ้เด็กอ้วนนี่ ตกใจอะไรแค่ผมบอกว่าจะจีบน้าชานตัวเองเท่านั้น

“ใช่ ลุงบอกว่าจะจีบน้ากันต์ของตุลย์ ฟังไม่ผิดหรอก แล้วลุงก็อยากให้ตุลย์ช่วยลุงด้วยได้หรือเปล่าครับ” ผมทวนคำถามให้ตุลย์ฟังอีกครั้ง ช้า ๆ ชัด ๆ คงฟังทันล่ะคราวนี้ ตาโต ๆ ยังไม่หายเบิกกว้าง เออ เด็กนี่หน้ากลมไม่พอยังทำท่าทางตลก ๆ ออกมาอีกด้วย

“จะดีเหรอคุณลุง น้ากันต์ดูจะไม่สนใจที่จะมีแฟนเลยนะครับ”

“เอาอย่างนี้ลุงถามตุลย์ว่า คิดยังไงกับลุง” ผมลองถามอีกคำถามให้ตุลย์คิดเกี่ยวกับผม แล้วผมก็นั่งกอดอกรอฟังคำตอบจากตุลย์

“หือ...คุณลุงนะเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ ตุลย์กลัวคุณลุงนะ ก็คุณลุงทำหน้าดุมาก ไม่ยอมให้ตุลย์เป็นเพื่อนกับน้องฟ้าด้วย” อ้าวผมเป็นแบบนั้นในสายตาเด็ก ๆ เหรอ ผมว่าผมก็ทำหน้าปกตินะไม่ได้ดุสักหน่อย

“ดุขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะเป็นยังไง”

“ตอนนี้ค่อยดีขึ้นหน่อยแล้ว ตุลย์ค่อยกล้าคุยด้วยนิดนึง คุณลุงทำไมจะจีบน้ากันต์ละครับ ชอบน้ากันต์เหรอ” ตุลย์ตอบมาพร้อมจบด้วยคำถามที่ถามผม

“ใช่ครับ ลุงว่าลุงเริ่มชอบน้ากันย์ของตุลย์ ลุงเลยอยากให้ตุลย์ช่วยลุงไง”

“ตุลย์รักน้ากันต์มากนะคุณลุงรู้ไหม เพราะว่าตุลย์ไม่มีใครแล้ว ตุลย์อยากให้น้ากันต์มีความสุขไม่อยากให้น้ากันต์ร้องไห้หรือเสียใจนะ”

“ลุงรู้ครับ แล้วลุงก็สัญญาว่าลุงจะรักน้ากันต์ไม่ให้น้อยไปว่าที่ตุลย์รักเลย” ผมยิ้มให้กับตุลย์ ตุลย์นั่งนิ่งไปสักพักใหญ่ ซึ่งนานทีเดียวกว่าที่  ตุลย์จะยื่นนิ้วก้อยป้อม ๆ มาให้ผม ผมมองดูแล้วก็ยื่นนิ้วของตัวเองไปเกี่ยวรัดกับนิ้วเล็ก ๆ นั้น รอยยิ้มของตุลย์ทำให้ผมยินดีว่าอย่างน้อยร่างเล็ก ๆ ชองหลานชายกันตพิชย์ก็ไม่ได้กีดกันผม

“แต่ตุลย์มีเงื่อนไข 3 ข้อนะครับ” เด็กตัวแค่นี้ยังจะมีเงื่อนไขอีก ไอ้ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากฟังเงื่อนไขของอีกฝ่าย

“ว่ามาได้เลยตุลย์”

“ข้อ 1 ต้องพาตุลย์ไปทานไอศกรีมทุกวันอาทิตย์ ข้อ 2 ให้ตุลย์ไปหาน้องฟ้าได้ตลอดเวลา และข้อ 3 อย่าทำน้ากันต์เสียใจ” เงื่อนไขไม่ได้ยากเกินความสามารถของผมเลยสักนิด แต่มีข้อ 2 เท่านั้นที่คิ้วผมกระตุกเล็กน้อย สมองของนักบริหารอย่างผมทำงานอย่างรวดเร็วในการจะตกลงกับตุลย์

“ข้อ 1 ได้แต่ถ้าอาทิตย์ไหนลุงติดงาน ยกยอดไปวันอื่นนะ ข้อ 2 ไปเล่นด้วยกันได้แต่ต้องให้น้ากันต์ไปด้วย และข้อ 3 มันจะไม่มีวันนั้นเลยตุลย์ เป็นอันว่าเราตกลงเป็นหุ้นส่วนกันแล้วนะ”

พอตุลย์ได้ฟังทุกข้อเสนอที่ตนเองบอกมาให้ผมพร้อมกับที่ผมมีต่อท้ายอีกเล็กน้อย ร่างอ้วนก็นิ่งไปก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม ผมจึงหันไปมองน้องฟ้าก็เห็นน้องฟ้าที่ส่งยิ้มมาให้ผม

“งั้นอย่างแรกเลยนะ ลุงอยากให้ตุลย์คอยดูว่าน้ากันต์มีใครโทรมาหาหรือเข้ามาจีบ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ตุลย์ต้องมาบอกลุงให้หมดแล้วเรื่องอื่น ๆ ค่อยเป็นหน้าที่ของลุงเอง” ผมบอกตุลย์ไปไม่อยากใช้งานเด็กมากครับแค่คอยเป็นหูเป็นตาให้ผมก็พอเพราะผมไม่ได้อยู่กับกันตพิชย์ตลอดเวลาไม่รู้หรอกว่ามีคนโทรหาหรือคุยกับใครบ้าง  แต่อย่างน้อยถ้าตุลย์ช่วยสืบมาให้ ผมจะได้วางแผนต่อไปถูกว่าจะต้องทำยังไง

“ได้ครับแล้วตุลย์จะคอยดูให้” ตุลย์รับปากอย่างขันแข็งแต่ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องแบบไหนนะคงต้องรอดูกันไปก่อนสักเรื่องนั่นแหล่ะ

“งั้นเราสองคนเข้าห้องเรียนไปได้แล้วครับ เดี๋ยวพ่อเดินไปส่ง” ผมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วจูงมือน้องฟ้าให้เดินไปทางห้องเรียน  หลังจากส่งเด็กทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินมาที่รถเพื่อจะขับไปทำงานต่อ ระหว่างที่เดินไปก็คิดไปพลางว่าอย่างน้อยตอนนี้ก็มีตุลย์เป็นพวก ส่วนเรื่องจะเดินหน้าจีบกันตพิชย์นั้นผมคงต้องคิดล่ะว่าจะเริ่มยังไงดี

 

ผมมาถึงที่ทำงานช้ากว่าปกติเล็กน้อยแต่ไม่ได้สายนะครับ เป็นเจ้านายถ้าจะมาสายก็คงไม่มีใครว่าหรอกแต่เพราะเป็นเจ้านายนี่แหล่ะเลยต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่มีนัดที่ไหนผมจะไม่มาสายเป็นอันขาด ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะทำงานของกันตพิชย์ชายหนุ่มเงยหน้ามองผมนิดนึงก่อนจะก้มลงทำงานของตัวเองต่อโดยไม่สนใจผมไปมากกว่านั้น นี่ผมเป็นเจ้านายนะจะทักทายสักคำก็ไม่มี ผมเลยได้แต่เดินเลยเข้าห้องทำงาน

เช้าวันนี้ผมจำได้ว่าไม่มีนัดที่ไหนเลยต้องนั่งอยู่ที่บริษัทตั้งแต่เช้าจนเลิกงาน  พอได้เวลาทำงานทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดเคร่งเครียดอีกครั้ง

RRRRRRR…. เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปรับ นริศราแจ้งว่าทีมทนายได้ส่งแฟ้มเอกสารเรื่องที่ดินที่จังหวัดน่านมาให้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวจะนำเข้ามาให้แล้วก็วางสายไป

เสียงเคาะประตูไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าไรนักคงมีใครนำเอกสารมาให้นั่นแหล่ะ พอเสียงเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ผมจึงได้เงยหน้ามองพบว่ากันตพิชย์หอบแฟ้มสองสามเล่มมาให้มือเรียววางลงในตำแหน่งที่ยังว่างแต่ต้องขยับแฟ้มอีกกองให้ชิดกันเพื่อให้มีพื้นที่วางแฟ้มในมือของเจ้าตัวลงแทนที่

“นี่แฟ้มเอกสารซื้อขายที่ดินที่น่านครับ” ร่างโปร่งบอกออกมาก

“อืม ขอบใจมาก แล้วตอนบ่ายนายช่วยเรียกหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมกับฝ่ายออกแบบมาประชุมด้วยนะ บอกว่าโปรเจ็คด่วน” ผมสั่งงานร่างโปร่งอีกฝ่ายก็ได้แต่รับคำแล้วขอตัวกลับไปทำงานต่อซึ่งผมก็ไม่ได้รั้งตัวเอาไว้ เพราะงานผมเต็มโต๊ะขนาดนี้ยังไม่มีเวลาที่จะจีบอีกฝ่ายหรอกนะครับ

เมื่อได้เวลาประชุมช่วงบ่ายผมก็เรียกกันตพิชย์เข้ามานำเอกสารไปที่ห้องประชุมเล็ก ร่างโปร่งเดินตามผมเข้าไปให้ห้องประชุม เมื่อเปิดเข้าไปก็พบหัวหน้าแผนกที่ผมเรียกให้เข้าประชุม พร้อมกับผู้ช่วยของแต่ละแผนกนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมจึงได้แต่เดินไปนั่งที่ตำแหน่งหัวโต๊ะด้านหน้า ส่วนกันตพิชย์นั่งอยู่ทางด้านขวามือของผม

“ที่ผมเรียกพวกคุณมา เพราะว่าผมมีโปรเจ็คใหม่ที่ค่อนข้างเร่ง เป็นโครงการรีสอร์ทที่จังหวัดน่าน ซึ่งผมได้ที่ดินผืนที่ต้องการมาแล้ว เดี๋ยวจะให้กันตพิชย์แจกเอกสารให้อ่าน นี่เป็นแค่เอกสารคร่าว ๆ โครงการนี้จะผมต้องการให้ออกแบบให้กลืนกับธรรมชาติมาที่สุด ไม่ทำลายต้นไม้ ถ้าจำเป็นให้ทำการย้ายต้นไม้แทนที่จะตัด ตัวโครงสร้างหลักจะมีอาคารหลักหลังใหญ่ แล้วก็มีบ้านพักหลังเล็กแต่ละหลังต้องห่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัว แล้วที่นี่ด้านหลังผมจะสร้างบ้านพักของผมหลังนึง บ้านหลังนี้รายละเอียดค่อยมาคุยกับผมทีหลังว่าผมต้องการแบบไหน”

“คุณภูมีเวลาให้พวกผมออกแบบนานเท่าไรครับ” หัวหน้าฝ่ายออกแบบถามขึ้นมาหลังจากที่ผมพูดจบ

“ทั้งหมดของโครงการผมให้เวลาพวกคุณออกแบบแค่ 5 เดือน รวมถึงการแก้ไขให้แล้วเสร็จด้วย จะให้คนเท่าไรก็โยกย้ายกันเอาเอง รายละเอียดของโครงการก็ตามที่เลขาผมแจกให้ไปนั่นแหล่ะ”

เสียงโอดครวญดังขึ้นมาทันทีที่ผมบอกระยะเวลาให้ทั้งสองทีม แต่ผมรู้ว่าพวกเขาทำได้ศักยภาพในการทำงานของลูกน้องผมว่ามีความสามารถ ไม่งั้นผมไม่กำหนดเวลาให้แบบนี้หรอก

“โห ... เวลากระชั้นมากเลยนะครับ พวกผมกินนอนอยู่ที่ออฟฟิศแน่แบบนี้” รองหัวหน้าฝ่ายออกแบบซึ่งทำงานที่นี่มานานพูดขึ้นมา ระดับหัวหน้ากับรองหัวหน้าแผนกที่นี่มีประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ได้ตามความต้องการของผมแต่ผมรู้ว่าขอให้ได้บ่นสักหน่อยก็พอ

“แค่นี้พวกคุณทำได้อยู่แล้ว ตอนนี้มีไซท์งานที่กำลังจะเสร็จแล้วพวกคุณโยกคนมาช่วยงานได้นี่นา ทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้เลย แล้วมีปัญหาอะไรมาบอกผมได้เสมอ งานจะได้เดินหน้าไว ๆ ไม่สะดุด”

“งั้นผมจะค่อย ๆ ถอนคนจากโครงการบางโครงการให้เข้ามาช่วยที่ออฟฟิศแล้วกันนะครับ จะได้มีคนช่วยดูหลาย ๆ คนเพราะว่ามีหลายส่วนด้วยกัน” หัวหน้าแผนกวิศวกรรมเอ่ยออกมาบ้าง

“ได้ แล้วแต่พวกคุณเลย ถ้ามีอะไรก็ฝากเรื่องไว้ที่กันตพิชย์เดี๋ยวเขาจะช่วยเรื่องการประสานงานต่าง ๆ ให้พวกคุณทั้งหมด” ผมบอกรายละเอียดเรื่องคนประสานงานโครงการนี้โดยให้กันตพิชย์ทำหน้าที่หลัก

จากนั้นก็เป็นการพูดคุยในรายละเอียดที่ผมต้องการสำหรับโครงการใหม่แห่งนี้ ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงการประชุมก็จบพร้อมกับทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคนต่อ ส่วนผมก็เดินกลับมายังห้องทำงานพร้อมกับกันตพิชย์ที่เดินตามมาด้วยเนื่องจากผมจะให้เจ้าตัวเป็นคนประสานงานโครงงานนี้เป็นหลัก

“เดี๋ยวโครงการนี้ฉันจะให้นายเป็นคนประสานงานทุกอย่างนะ มีความคืบหน้าก็ให้มารายงานฉัน รายละเอียดต่าง  ๆ ของโครงการนายเอาไปศึกษาให้ละเอียดนะ มีอะไรจะได้รู้เรื่อง”

“ครับ คุณภูมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมจะกลับไปทำงานที่เหลือต่อแล้ว” กันตพิชย์รับคำสั่งที่ผมบอกไปแล้วหอบเอาแฟ้มเอกสารที่เกี่ยวกับโครงการนี้มาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง

“อ้อ เย็นนี้เดี๋ยวนายไปรับตุลย์แล้วแวะไปทานข้าวเย็นที่บ้านนะ น้องฟ้าชวนตุลย์ไว้แล้ว” ตัดปัญหาที่ปากบางกำลังจะอ้าปากปฏิเสธผม ใช้น้องฟ้ามาอ้างก็หมดปัญหาแล้ว

“ไม่ไปครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว แต่ผมจะให้ตุลย์ไปทานมือเย็นที่บ้านคุณภูเป็นเพื่อนน้องฟ้าแล้วกัน”  กันตพิชย์บอกปัดไปอย่างไม่เหลือเยื่อใยแต่ยังจะส่งหลานชายไปที่บ้านผมคนเดียว

“ไปไหน กับใคร” ผมถามเสียงขุ่นเลยครับ รู้ว่าหน้าตาตอนนี้ของผมคงบึ้งตึง

“แล้วผมจะไปไหนเวลาหลังเลิกงาน ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมนะครับ ไม่เกี่ยวกับคุณภู”

“ชั้นแค่เป็นห่วงมืด ๆ ค่ำ ๆ จะออกไปข้างนอกทำไมกัน”

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมโตแล้วดูแลตัวเองได้ แล้วตอนเย็นผมจะไปส่งตุลย์นะครับ ขอตัวไปทำงานก่อน” จบประโยคกันตพิชย์ก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานของผมโดยที่ผมห้ามไม่ได้ จะไปห้ามอะไรได้ไม่เคยฟังผมหรอกเรื่องดื้อ เรื่องเถียงเนี่ย เขาแหล่ะ
 

ตอนเย็นเสียงออดดังขึ้นพร้อมกับรถยนต์ของกันตพิชย์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อประตูเปิดออกรถยนต์คันนั้นก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ผมเดินตามหลังน้องฟ้าที่วิ่งไปรับตุลย์เรียบร้อยแล้ว รถจอดสนิทประตูด้านข้างคนขับก็เปิดออกพร้อมร่างอวบของตุลย์เดินลงมา ส่วนอีกด้านของคนขับร่างโปร่งของกันตพิชย์ก็โผล่ออกมาเหมือนกัน

“สวัสดีครับน้ากันต์ ทำไมน้ากันต์ไม่อยู่ทานข้าวกับฟ้าล่ะครับวันนี้” น้องฟ้าวิ่งไปหากันตพิชย์พร้อมเงยหน้าออดอ้อน ทำดีมากลูกชายอ้อนให้เยอะเผื่อจะเปลี่ยนใจอยู่ทานข้าวกับเรา

“สวัสดีครับน้องฟ้า ไหนมาหอมแก้มสิ ฟอด อืมหอมชื่นใจ  น้ากันต์มีธุระครับ เอาไว้วันหลังเนอะ วันนี้ไม่ได้จริง ๆ น้ากันต์นัดไว้แล้ว” ร่างโปร่งของกันตพิชย์ย่อตัวลงมาหอมแก้มยุ้ย ๆ ของน้องฟ้า

“น้ากันต์สัญญาแล้วนะครับ ว่าจะมาทานข้าวกับฟ้าอีก”

“ครับ ๆ น้ากันต์สัญญา แต่วันนี้น้ากันต์ไปก่อนนะครับเดี๋ยวจะเลยเวลานัด” มือเรียวของกันตพิชย์ยื่นไปลูบแก้มน้องฟ้าเบา ๆ พร้อมกับลุกขึ้นแล้วดันร่างของน้องฟ้าให้มาหาผมที่ยืนรออยู่

“น้องฟ้ากับตุลย์เข้าไปในบ้านก่อนนะครับเดี๋ยวพ่อตามเข้าไปนะ” ผมหันไปบอกให้เด็ก ๆ เข้าไปข้างในบ้านแล้วก็หันมาหาร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างรถยนต์คันเล็ก กันตพิชย์ยืนมองมาทางผมที่เดินเข้าไปหา

“คุณภูมีอะไรครับ ผมจะรีบเดี๋ยวไปสายมันไม่ดี”

“นายจะไปที่ไหน บอกฉันให้รู้สักนิดไม่ได้หรือไง”

“ก็ไปทานอาหารธรรมดา ๆ แถวเลียบทางด่วนนี่แหล่ะ นัดกับรุ่นพี่ไว้ คงไม่กลับดึกหรอกครับ รบกวนฝากตุลย์ไว้หน่อยนะ เดี๋ยวผมกลับมารับน่าจะไม่เกิน 3 หรือ 4 ทุ่ม” กันตพิชย์ยอมบอกออกมาว่านัดกันไปที่ไหน

“ไปกับนายคนนั้นอีกแล้วเหรอ” เมื่อรู้ว่าไปกับใครผมก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที  ทำไมต้องไปกับหมอนั่นด้วย หรือมาคิดดูอีกทีกับใครก็ไม่อยากให้ไปทั้งนันแหล่ะ

“ก็รุ่นพี่ผมนัดทานข้าวก่อน คุณภูไม่บอกล่วงหน้านี่ครับ ไปก่อนนะเดี๋ยวรถติด” กันตพิชย์หันไปเปิดประตูรถยนต์ของตัวเอง

“ถ้าฉันบอกก่อนแล้วนายจะไม่รับนัดคนอื่นใช่ไหม” ผมรีบยื่นมือไปดันประตูที่อีกฝ่ายเปิดออกมาให้ปิดลงอีกครั้งทำให้ร่างโปร่งหันกลับมามองหน้าผม ผมจึงได้ขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ ก้มลงสบตากลมแล้วถามอย่างที่ใจนึก

“เฮ้อ..ถ้าเรานัดกันก่อนผมก็ไม่รับนัดคนอื่นหรอกนะครับ”

“งั้นรีบไปรีบกลับนะฉันจะรอนาย แล้วอย่าเถลไถลออกนอกทางล่ะรู้ไหม ค่ำมืดมันอันตราย ขับรถระวัง ๆด้วย ฉันเป็นห่วง” แล้วผมก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มเบา ๆ

“เฮ้ย.. เอาอีกแล้วนะคุณภู ทำอะไรเนี่ย นี่มันนอกบ้านนะ เดี๋ยวคนอื่นจะมาเห็นมันไม่ดี” กันตพิชย์ยกมือตัวเองขึ้นมาถูแก้มตัวเองบริเวณที่ผมขโมยหอมแก้มลงไปนั่นแหล่ะ ยิ่งถูยิ่งแดงจะถูทำไมกัน ผมจึงยื่นมือไปจับข้อมือเรียวเอาไว้ไม่ให้ถูแก้มตัวเองอีก

“งั้นถ้าเป็นในบ้านแล้วไม่มีคนอื่นฉันทำได้ใช่ไหม แล้วนี่อย่าถูมันเป็นรอยแดงเดี๋ยวนายจะเจ็บ” ผมยิ้มใส่ตาของคนตรงหน้าแล้วดึงมือเรียวที่จับไว้มากดจูบลงไปเบา ๆ

“ตรงไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหล่ะ แล้วก็ปล่อยได้แล้วผมจะไปแล้วเสียเวลามากแล้วนะ” กันตพิชย์ใช้แรงดึงมือตัวเองกลับซึ่งผมก็ไม่ยื้อไว้อีกเดี๋ยวจะเลยเวลานัดของอีกฝ่าย ถอยห่างออกมาให้อีกฝ่ายเปิดประตูรถแล้วขับออกไปจากบ้านของผม ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อนแล้วกันแต่อย่าหวังว่าจะมีครั้งต่อไปเลย

พอรถยนต์ของกันตพิชย์ลับสายตาผมก็เดินเข้าไปหาเด็ก ๆ ในห้องทานอาหาร น้องฟ้ากับตุลย์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทำให้ผมต้องเดินไปนั่งที่ประจำพร้อมกับบอกให้ตักข้าวเพื่อที่เราจะได้ทานข้าวกันได้แล้ว

เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จเราก็ย้ายมานั่งย่อยอาหารกันที่หน้าทีวีห้องนั่งเล่น โดยที่น้องฟ้ากับตุลย์นั่งอยู่กับพรมท่ามกลางกองหมอนมากมาย ทั้งสองคนนั่งวาดรูประบายสีจนหัวจะชนกันอยู่แล้ว ส่วนผมก็นั่งดูข่าวไปเรื่อย ๆ เพื่อรอเวลาที่กันตพิชย์จะกลับ ตอนแรกก็มีเสียงเด็ก ๆ คุยกันอยู่หรอก แต่พอผ่านไปสักชั่วโมงผมมองมาก็พบว่าทั้งสองคนนอนหลับคาสมุดวาดรูปของแต่ละคนเรียบร้อยไปแล้ว นอนท่านี้จะเมื่อยเอาได้นะครับลูก

เอื้อมมือไปหยิบรีโมทมาเพื่อปิดทีวีแล้วชั่งใจว่าจะอุ้มใครไปนอนที่ห้องก่อนดี มองดูหน้าลูกที่หลับตาพริ้มอย่งสบายอารมณ์ ก็ต้องช้อนตัวน้องฟ้าขึ้นมาแบนอก ปล่อยให้ตุลย์นอนอยู่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยลงมาจัดการกับอีกคน

ร่างเล็ก ๆ ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อผมสอดแขนเข้าไปอุ้มเจ้าตัว

“ชู่ว์ ๆๆ นอนครับลูก” ผมส่งเสียงเบา ๆ เป็นสัญญาณให้น้องฟ้านอนต่อในอ้อมแขนของผมพลางโยกเบา ๆ เพื่อกล่อมไม่ให้น้องตื่นขึ้นมา จากนั้นจึงเดินขึ้นไปยังห้องนอนน้องฟ้าชั้นบน เดินไปที่เตียงกว้างของลูกชายแล้ววางน้องฟ้าลงบนที่นอนเบา ๆ ไม่อยากให้น้องตื่นพลางหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างน้อย ๆ พร้อมกับก้มลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเล็ก ๆ นั่น

“ฝันดีครับลูกพ่อ”จากนั้นก็เดินลงมาเพื่ออุ้มอีกคนขึ้นไปนอน ตุลย์หนักกว่าน้องฟ้าแต่ผมก็ยังอุ้มได้แต่ถ้าเป็นกันตพิชย์ชายหนุ่มคงหนักน่าดู ผมจัดการวางร่างอวบลงข้าง ๆ ร่างน้อยของน้องฟ้าแล้วห่มผ้าให้ตุลย์ จากนั้นก้มลงจูบหน้าผากตุลย์เหมือนกับที่ทำกับน้องฟ้า ปิดไฟแล้วจึงเดินเข้าห้องตัวเองไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอกันตพิชย์กลับมาจากข้างนอก

นอนอ่านหนังสือเล่นไปพลาง ๆ ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าก็ดิยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้านจึงวางหนังสือแล้วเดินลงไปข้างล่างพบว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว

“กลับมาแล้วเหรอ  นึกว่าจะกลับดึกว่านี้ซะอีก” ผมทักกันตพิชย์พลางมองดูนาฬิกา 3 ทุ่มครึ่ง ก็ยังไม่ดึกเท่าไรแต่กลับมาเร็วก็ดีแล้วล่ะครับ

“ครับ ไม่อยากอยู่ดึกมาก กลัวว่าตุลย์จะรบกวนคุณภู แล้วนี่ตุลย์อยู่ไหนครับ” กันตพิชย์มองหาหลานชายร่างอวบของตนแต่จะคงไม่เห็นเลยถามหา

“เด็ก ๆ หลับกันหมดแล้วอยู่ข้างบนห้อง อย่าไปกวนเลยให้นอนที่นี่แหล่ะ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” กันตพิชย์ดูจะนิ่งไปกับคำตอบของผม

“ก็ได้ครับ งั้นผมกลับบ้านก่อนดีกว่าพรุ่งนี้จะมารับตุลย์แต่เช้าแล้วกัน” พูดจบก็หันหลังจะเดินออกไปทำให้ผมรีบเอื้อมมือไปฉุดแขนร่างโปร่งเอาไว้ กันตพิชย์หันมามองพลางทำหน้าสงสัย

“นอนนี่ได้ไหม ไม่ต้องกลับหรอกนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็ต้องตื่นแต่เช้ามารับตุลย์ วุ่นวายออก นอนนี่แหล่ะจะได้ไม่ต้องตื่นเช้า”

“จะนอนได้ยังไงครับ เสื้อผ้าผมก็ไม่มีเปลี่ยน ไปนอนที่บ้านแหล่ะดีแล้ว ตื่นเช้าไม่ลำบากหรอก” ยังไม่เลิกดื้อครับคนนี้

“เสื้อผ้าฉันเยอะแยะ เอาไปใส่ฉันไม่ว่าหรอก มานี่” ว่าแล้วก็จับแขนร่างโปร่งแน่นพลางเดินนำหน้ากึ่งลากกึ่งจูงขึ้นไปยังห้องนอนของผม กันตพิชย์ขืนตัวเอาไว้เล็กน้อย แต่สู้แรงผมไม่ได้หรอก ผมเดินมาจนถึงหน้าประตูห้องนอนของตัวเอง กันตพิชย์ขืนตัวไว้สุดตัวเมื่อผมเปิดประตูแล้วมืออีกข้างของร่างโปร่งกลับไปเกี่ยวเอาขอบประตูไว้แน่น

“คุณภูปล่อยผม ผมจะกลับไปนอนบ้าน ที่บ้านไม่มีคนอยู่” กันตพิชย์พยายามอย่างยิ่งที่จะคว้าขอบประตูเอาไว้ ซึ่งผมไม่ยอมอยู่แล้วหันกลับมาใช้มือแกะนิ้วทั้ง 5 ของชายหนุ่มออก

“อย่าเสียงดังสิลูกนอนอยู่ เดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาหรอก” ผมขู่ร่างโปร่งแล้วรวบตัวกันตพิชย์มาไว้ในอ้อมกอดแล้วปิดประตูห้องนอน ปากที่ตั้งท่าจะร้องปิดสนิทลงทันที

“ปล่อยก่อนสิครับ นอนนี่ก็ได้แต่ปล่อยผมก่อน” กันตพิชย์พูดเสียงเบาลงหน่อยคงกลัวเด็ก ๆ จะตื่นกันกลางดึก พอกันตพิชย์ไม่ได้ดิ้นผมก็เลยคลายอ้อมแขนแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูกับชุดนอนออกมา ชุดไหนก็เหมือนกันแหล่ะครับก็มันมีแต่ขนาดของผมใส่ทั้งนั้น ยังไงถ้าชายหนุ่มใส่มันก็ต้องหลวมอยู่แล้ว

“ไปอาบน้ำก่อน นี่ชุด แปรงสีฟันอันใหม่มีอยู่ในตู้ข้างกระจก” ยื่นทั้งหมดให้แล้วก็ดันร่างโปร่งให้เดินเข้าห้องน้ำไปส่วนผมเดินมานั่งอมยิ้มที่เตียง อารมณ์ดีขึ้นแล้วเพราะว่าหลอกล่อให้ชายหนุ่มนอนที่บ้านผมได้ แต่ก็ดื้อกว่าจะยอมต้องให้ใช้กำลังไม่น้อยนั่งรออยู่พักใหญ่กว่าที่กันตพิชย์จะออกมาจากห้องน้ำ ผมหันไปมองแล้วยิ้มเพราะดูชุดที่ใส่สิเหมือนเด็กเอาชุดพ่อมาใส่เลย

“ยิ้มอะไรครับ ตลกตรงไหน”

“หึหึ ..เปล่าตลกสักหน่อย นายใส่ชุดนี้ก็น่ารักดี ถึงกับต้องพับขากางเกงเลยเหรอ” ผมเลื่อนสายตาไปมองชายกางเกงที่โดนพับไว้

“ก็มันยาว คนบ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้ใครใส่ก็ต้องพับกันทั้งนั้นแหล่ะ”

“มานอนได้แล้วดึกแล้ว” ได้ยินเสียงถอนหายใจจากร่างโปร่งแต่ก็เดินมาที่เตียงนอนที่ผมนั่งพิงหัวเตียงรออยู่    หือ...เข้ามาใกล้ ๆ ได้กลิ่นครีมอาบน้ำหอม ๆ จากกันตพิชย์ลอยมาแตะจมูกจนผมเผลอสูดเข้าปอดไปเอือกใหญ่

“ทำไมหอมกว่าปกติ เวลาฉันใช้ครีมอาบน้ำไม่เห็นจะหอมแบบนี้เลย”

“ขวดเดียวกันมันก็ต้องหอมเหมือนกันนั่นแหล่ะ ผมใช้มันจะไปหอมกว่าคุณภูใช้ได้ยังไงกันล่ะ”

“ไม่เหมือนจริง ๆ นะ ไหนมาพิสูจน์ใกล้ ๆ สิ” ว่าแล้วก็ดึงแขนเรียว ๆ เข้ามาใกล้ กันตพิชย์ไม่ทันระวังตัวเลยถลามาตามแรงดึงของผม

“โอ้ย!!! เล่นอะไรเนี่ยเจ็บนะครับเกิดพลาดไปแขนหักทำยังไง” หันมาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับเสียงบ่นออกมาจากปากบางนั่น ผู้ชายอะไรบ่นดีจังวะ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกก้มลงไปดมใกล้ ๆ ซอกคอของกันตพิชย์

“หอมกว่าจริง ๆ ด้วย” พอผมก้มลงไปร่างโปร่งเกิดอาการตัวแข็งทันทีคงกลัวว่าถ้าดิ้นหรือขยับเพียงสักนิดเดียวจมูกของผมคงจะโดนตรงไหนของร่างกายตัวเองสักแห่งแน่นอน ซึ่งก็ทำให้ผมอมยิ้ม ก้มอยู่ท่านั้นนานทีเดียว ผมรู้สึกว่าที่บ่าผมมีสัมผัสจากมือบางอยู่แต่คงไม่กล้าผลักผมออกไปแค่ยั้ง ๆ ไม่ให้ผมได้ใกล้กว่านี้

“ไม่เล่นแบบนี้ครับถอยออกไปเลย ผมง่วงแล้วจะนอน” เสียงแหวดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผมนิ่งอยู่นาน

“โอเค ๆ นอนก็ได้” ผมเอื้อมมือไปปิดไฟที่โต๊ะข้าง ๆ หัวเตียง ร่างโปร่งล้มตัวลงนอนพลางดึงผ้าห่มมาถึงคอแล้วนอนหันหลังให้ผม ขยับหนีไปจนชิดขอบเตียงอีกฝั่ง จะตกไหมล่ะนั่น ตอนนี้ปล่อยให้เขานอนแบบนั้นไปก่อนครับเดียวหลับสนิทผมจะดึงให้มานอนซบผมนี่แหล่ะ ถ้าดึงมาตอนนี้นะมีหวังได้ตีกันตายก่อนจะได้นอน ก็เล่นดื้อขนาดนี้ดูก็รู้แล้วว่าไม่ยอมตามใจผมง่าย ๆ หรอกขอให้ได้เถียงไว้ก่อน

ผ่านไปไม่นานเกินรอ ผมก็ได้ยินเสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอจากร่างโปร่งของกันตพิชย์ ทำให้ผมขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วพาดแขนข้างหนึ่งลงไปกับหมอนแล้วใช้ทั้งสองมือกอดพร้อมดึงร่างโปร่ง เข้ามาในอ้อมแขนเบา ๆ กันตพิชย์ขยับตัวเล็กน้อยคงเมื่อยนั่นแหล่ะ แต่พอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผมเต็มตัวก็พลิกตัวหันหน้าซุกเข้ามาหาอกผม หน้าผากขาวเนียนอยู่ในตำแหน่งปลายคางผมพอดี ผมได้แต่ก้มมองใบหน้าเนียนใกล้ ๆ ขยับใบหน้าออกห่างนิดหน่อยแล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้วางให้หนุนเชยคางใบหน้าเนียนขึ้นมา ก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนกดแช่อยู่นานพร้อมสูดหายใจเข้าเต็มปอด

“ฝันดีครับน้ากันต์ของพี่” บอกกับร่างโปร่งพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ผมว่าวันนี้เป็นวันที่ผมคงนอนฝันดีในรอบหลายปีที่ผ่านมาแน่นอน พลางกระชับอ้อมแขนให้ชายหนุ่มเข้ามาให้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรับรู้ถึงวงแขนของอีกคนที่วาดมาที่เอวของผม จึงได้แต่ก้มลงไปหอมกลุ่มผมของกันตพิชย์อีกรอบแล้วหลับตาลงพร้อมกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในหัวใจ


*********************************************************

กลับมาแล้วค่ะหลังจากงดอัพนิยาย เพราะแสดงความไว้อาลัย จากนี้ไปก้อขอฝากตัวอีกครั้งนะคะ

 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-11-2016 12:02:48
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:   ร้ายนัก
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 01-11-2016 13:13:31
คุณภูนี่ร้ายนักนะ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2016 14:16:11
 :hao7:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-11-2016 14:56:59
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-11-2016 15:09:42
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-11-2016 15:44:43
ดูอบอุ่นจัง ว่าแต่คุณภู ปรึกษาเด็กอนุบาลนี่นะ
ชอบมาก จึงทำอย่างไรก็ได็งั้นเหรอ อิอิอิ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน @01-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-11-2016 00:19:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 เช้าแรกในบ้านคนอื่น @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 04-11-2016 18:22:25
ตอน 24 เช้าแรกในบ้านคนอื่น

แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งเข้ามายังห้องนอนในบ้านหลังใหญ่ ห้องที่มีร่างของผู้ชายสองคนนอนอยู่บนเตียงกว้าง ร่างโปร่งที่เล็กกว่าซุกหน้าลงกับซอกคอของร่างสูง โดยที่มีสายตาของร่างสูงมองด้วยดวงตาอ่อนโยน นิ้วมือเรียวไล่เกลี่ยเส้นผมที่ปกอยู่ตรงหน้าผากให้ออกไปเพื่อที่จะได้มองหน้าอีกคนให้ชัด ๆ รอยยิ้มปรากฏอยู่ไม่จางหาย

แพรขนตาของผมกระพริบเล็กน้อยเหมือนเริ่มรู้สึกตัวแต่ยังลืมตาไม่ขึ้น เพียงแต่ได้ยินเสียงคนคุยกันดังเข้ามาใสโสตประสาท

“เบา ๆ ลูกเดี๋ยวน้ากันต์ตื่น ปล่อยให้น้ากันต์นอนต่ออีกหน่อยนะ”

“คิก คิก น้ากันต์นอนน่ารักจังครับคุณพ่อ”

“กอดน้ากันต์อุ่นไหมครับคุณลุง” ทำไมเสียงพวกนี้คุ้นหูผมจัง แล้วทำไมต้องมาคุยกันตรงนี้ด้วยคนจะนอนยังไม่อยากตื่น ไปคุยกันที่อื่นไม่ได้หรือยังไงเล่า

“อือออ จะนอนไปคุยกันที่อื่นก่อนนะตุลย์”  แล้วผมก็ซุกตัวเข้าหาไออุ่นอีกครั้ง หมอนข้างวันนี้ทำไมอุ่นดีจังแฮะ แต่เอื้อมมือไปกอดกลับรู้สึกผิดปกติเหมือนมีอะไรมากอดเอวผม พอลืมตากลับพบปลายคางและซอกคอของใครคนนึง ใครกัน พร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนบ้านตัวเองนี่ว่า งั้นนี่ก็แสดงว่านอนอยู่บนเตียงคุณภู

“เฮ้ย!!!” ใบหน้าหล่อคมเข้ม ก้มลงมามองผมพร้อมกับยิ้มให้ เสียงเด็กหัวเราะดังมาข้าง ๆ ก็เจอกับน้องฟ้าที่นั่งเอามือปิดปาก ส่วนตุลย์ยิ้มกว้างนั่งชิดกับน้องฟ้า

“ขยับไปก่อนคุณภู ผมตื่นแล้ว” จัดการลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าเอาตัวน้องฟ้ามากอดแล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง

“อรุณสวัสดิ์ครับน้องฟ้า”

“อรุณสวัสดิ์ครับน้ากันต์ ตื่นแล้วเหรอครับฟ้ามารอตั้งนานเห็นนอนสบายฟ้าจะปลุกแต่คุณพ่อไม่ให้ปลุก” ผมเลื่อนสายตาไปมองร่างสูงที่ตอนนี้ขยับขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง

“ปลุกได้ครับ น้ากันต์ไม่อยากนอนตื่นสายในบ้านคนอื่น”

“น้องฟ้ากับตุลย์ลงไปข้างล่างก่อนครับ เดี๋ยวพ่อกับน้ากันต์ตามลงไป”

“นายไปอาบน้ำก่อน จะได้ลงไปทานข้าวเช้ากัน ว่าแต่เมื่อคืนหลับสบายไหม” คุณภูถามหน้านิ่ง ๆ แต่แววตาไม่ได้นิ่งตามไปด้วยมันดูพราวระยับแปลก ๆ

“ก็ดีครับ” ผมเลื่อนตัวลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว เสื้อผ้าคงต้องชุดเก่าไปก่อนแล้วค่อยไปเปลี่ยนที่บ้านเอาแล้วกัน
เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าร่างสูงนั่งอยู่ปลายเตียงพร้อมมองมาทางผมก่อนจะลุกขึ้นเดินมาเพื่อเข้าห้องน้ำแต่ระหว่างที่กำลังจะผ่านผมไป ใบหน้าของร่างสูงก็ก้มลงมาหอมแก้มผมด้วยความเร็วก่อนจะเดินหนีเข้าห้องน้ำปิดประตูทำให้ผมได้แต่ยืนหน้าร้อนอยู่คนเดียว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นแบบนี้ เดี๋ยวนี้ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยไปแล้วนะ ยังไม่เคยมีใครเข้าใกล้ผมแบบนี้มาก่อนเลย

“จะหอมอะไรนักหนา แก้มผู้ชายมันนิ่มเหมือนผู้หญิงทีไหนกัน” ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ

เดินลงไปข้างล่างเห็นสองหนุ่มน้อยของผมนั่งดูการ์ตูนอยู่พร้อมกับมีแก้วนมคนละแก้วอยู่ตรงหน้า ผมนั่งลงที่โซฟาอีกตัวมองน้องฟ้ากับตุลย์ที่นั่งจ้องทีวีตาไม่กระพริบ

“เดี๋ยวเรากลับบ้านกันเลยนะตุลย์” ผมบอกตุลย์ ทำให้หลานชายหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้ารับคำ

ร่างสูงของคุณภูเดินลงบันได เดินมาทางน้องฟ้าที่นัน่งดูการ์ตูนพร้อมก้มลงหอมแก้มลูกชายตัวเองดังฟอดใหญ่ แต่ยกมือขึ้นยีหัวตุลย์เบาๆ พร้อมโยกไปมา

“หิวกันหรือยังครับ ไปทานข้าวเช้ากันได้แล้ว เดี๋ยวค่อยมาดูกันต่อ” มือใหญ่เอื้อมไปหยิบรีโมทมาปิดทีวีพร้อมกับสั่งให้พวกเราไปทานข้าวเช้า เด็ก ๆ สองคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร เมื่อนั่งประจำที่กันทุกคนแล้ว เด็กในบ้านก็ยกถ้วยข้าวต้มมาให้ทุกคน

“เดี๋ยวผมกับตุลย์กลับบ้านหลังทานมื้อเช้านะครับคุณภู”

“จะรีบไปไหนอยู่เป็นเพื่อนก่อนไม่ได้เหรอ”

“อ้าวจะอยู่เป็นเพื่อนทำไมล่ะครับ ปกติวันหยุดคุณทำอะไรวันนี้ก็ทำอย่างนั้นแหล่ะ ผมก็มีธุระต้องจัดการมั่งสิ จะให้มาอยู่บ้านคุณภูอย่างนี้ทั้งวันไม่เอาหรอกนะครับ” ผมว่าให้ร่างสูงก่อนจะดื่มน้ำเมื่อข้าวต้มในถ้วยหมดไปแล้ว

“น้องฟ้าเหงา อยากมีเพื่อนจริงไหมครับลูก” นั่นมีหันไปหาน้องฟ้าอีก แนวร่วมแบบนี้ผมไม่ชอบครับ เพราะผมกลัวว่าผมจะใจอ่อน

“ครับ ฟ้าเหงาคุณพ่อเดี๋ยวก็ต้องทำงานไม่งั้นก็ออกไปข้างนอก ทิ้งฟ้าไว้คนเดียวอยู่ดี”

“แต่น้ากันต์ก็มีธุระครับ ไว้วันหลังแล้วกันนะ” ผมพยายามใจแข็งบอกปฎิเสธน้องฟ้าไป ใบหน้าน่ารักหงอยเชียวครับเมื่อได้ยินคำพูดของผม

“ไม่เป็นไรครับ ฟ้าอยู่ได้ ปกติฟ้าก็อยู่คนเดียว เหงาบ้างไม่เป็นไร” หือออ ทำเอารู้สึกผิดเลย

“น้ากันต์ขอโทษนะครับ”
 
“ไปกันได้แล้วตุลย์ รบกวนคุณภูมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมกลับเลยนะครับคุณภู” ผมหันไปบอกลาร่างสูงพร้อมกับพยักหน้าให้ตุลย์ ตุลย์ไหว้ลาก่อนจะเดินตามผมออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่โรงจอดรถ แล้วขับออกไปเพื่อกลับบ้าน

“ตุลย์ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาตะกร้าผ้าลงมาให้น้าที่ข้างล่างนะ” ผมร้องบอกตุลย์ที่เปิดประตูรถได้ก็วิ่งเข้าบ้านด้วยความรวดเร็ว คาดว่าคงไปเปิดทีวีแน่นอน

“คร้าบบบบบ” ได้ยินเสียงตะโกนรับคำออกมาแล้วก็หายไป ผมจึงเดินขึ้นห้องของตัวเองบ้างเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเตรียมตัวลงมาทำงานบ้านในวันหยุดอย่างนี้ ผ้าเต็มตะกร้าเลย ปกติผมจะซักอาทิตย์ละครั้งเท่านั้นครับเพราะว่าไม่มีเวลาแค่เวลาทำงานกับดูแลตุลย์ก็หมดไปทั้งวันแล้ว
เดินถือตะกร้าลงไปห้องซักล้างข้างหลังบ้าน สายตามองออกไปสนามหญ้า หญ้าเริ่มยาวอีกแล้วเฮ้อ ตัดหญ้ามันเหนื่อยจริง ๆ นะครับ จัดการยัดผ้าที่แยกไว้ลงไปในเครื่องซักผ้า กดปุ่มให้เครื่องทำงาน เห็นตุลย์เดินยกตะกร้าผ้าตัวเองเดินเอียงเข้ามา

“อ่ะ นี่ผ้าตุลย์ ตะกร้าหนักมากอ่ะน้ากันต์” บ่นครับไอ้อ้วนบ่น ทีเวลากินไม่ยักบ่น

“แค่นี้เองไม่เห็นจะหนัก ตัวก็ใหญ่ยกของนิดเดียวยังบ่นได้อีกนะ”

“ไม่บ่นก็ได้ แต่ว่าวันนี้เราต้องทำงานบ้านทั้งวันเลยเหรอน้ากันต์  ไม่ออกไปไหนเหรอ”

“ไม่ล่ะน้าขี้เกียจ เหนื่อย อยากพักอยู่บ้านเฉย ๆ ทำงานบ้านเสร็จแล้วจะนอนอ่านหนังสือ แล้วตุลย์จะไปไหน” ผมลองถามตุลย์ดูเผื่อว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

“ไม่ได้อยากไปไหน ถามดูแค่นั้นแหล่ะครับ”

“อืม งั้นตุลย์ไปรดน้ำต้นไม้ก่อนนะ เดี๋ยวน้าไปทำความสะอาดบ้านข้างใน” ผมยกงานรดน้ำต้นไม้ให้ตุลย์ งานง่าย ๆ แค่นี้ตุลย์ทำได้เพราะผมพยายามสอนให้ตุลย์ทำอะไรด้วยตัวเองหลาย ๆ อย่าง

“โอเค ตุลย์ทำให้ เสร็จแล้วตุลย์ดูทีวีนะ”

“ตามใจแล้วถ้ามีการบ้านอย่าลืมเอามาทำก่อนล่ะ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยดูทีวี”

“การบ้านเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวานที่บ้านน้องฟ้า นั่งทำกันสองคน คุณลุงช่วยสอนการบ้านด้วย”  หือ คุณภูเนี่ยนะ สอนการบ้านเด็ก นึกว่าจะนั่งทำงานเสียอีก

ผมเดินเข้าไปทำความสะอาดบ้านปล่อยให้ตุลย์รดน้ำต้นไม้ไปคนเดียว ทุกวันนี้อะไรก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ความเหงาที่เรามีกันแค่สองคนก็เริ่มรู้สึกชินกับมัน คิดไปทางที่ดีก็เหมือนว่าผมต้องเข้มแข็งขึ้น เพื่อหลานชาย
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงงานบ้านทั้งหมดก็เสร็จลงพร้อมกับแรงที่หมดไป ผมนั่งทิ้งตัวหมดแรงบนโซฟา ข้างตุลย์ที่เข้ามานั่งดูทีวีตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้ว

“เฮ้อ...เหนื่อย หมดแรง น้าขอน้ำเย็นสักแก้วสิตุลย์”

“ครับรอแป๊บ” ร่างอ้วนลุกขึ้นวิ่งไปในครัว รอไม่นานก็วิ่งกลับมาพร้อมแก้วน้ำเย็น ๆ แต่อีกมือมีถังไอศกรีมติดมาด้วย จะไปหาของกินล่ะสิไวมากอ้วน

“อ่ะ น้ำของน้ากันต์ ส่วนไอติมของตุลย์นะ” ยื่นแก้วน้ำให้ แล้วนั่งลงเปิดฝาถังไอศกรีมกินทันที

“อย่ากินเยอะเดี๋ยวกินข้าวเที่ยงไม่ได้กันพอดี ตอนเที่ยงตุลย์อยากกินอะไรน้ากันต์จะได้ทำให้กิน แต่ไม่รู้ว่าในตู้เย็นมีอะไรเหลือมั่งนะ เดี๋ยวขอพักก่อนแล้วจะไปเปิดดูว่ามีอะไรมั่ง”

“ราดหน้าทะเลได้ไหม ตุลย์อยากกินกุ้งตัวโต” ใบหน้าอ้วนกลมที่ตอนนี้แก้มป่องเพราะนั่งกินไอติมหันมาบอกความต้องการของตัวเอง

“น่าจะได้นะ เพราะจำได้ว่ากุ้งที่ซื้อมายังไม่ได้ทำอะไรกินกันเลย” หันไปมองนาฬิกา ตอนนี้เที่ยงแล้วแต่ยังไม่อยากทำ มันยังไม่หายเหนื่อยขออีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วกัน

“ตุลย์หิวหรือยัง ขอพักครึ่งชั่วโมงนะ เหนื่อยมาก”

“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไร น้ากันต์พักก่อนก็ได้ เดี๋ยวตุลย์กินไอติมรองท้อง” ไอติมมันรองท้องกันได้ด้วยเหรอเนี่ยไม่ยักรู้

นั่งดูทีวีกับตุลย์ไปเรื่อย ๆ พอได้เวลาเลยลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว เพื่อทำอาหารเที่ยงกินกันสองคน เปิดตู้เย็นหยิบของที่ต้องใช้ออกมาวางไว้บนโต๊ะ พลางสำรวจว่าอะไรหมดไปบ้างพรุ่งนี้จะได้ออกไปซื้อมาใส่ไว้ เตรียมของครบแล้วก็เริ่มผัดเส้นไว้ก่อน กินกันสองคนกะเอาแค่คนละจาน กำลังยืนทำน้ำราดหน้าเพลิน ๆ ถึงกับต้องสะดุ้งกับเสียงดังข้างหู

“ทำอะไรทาน หอมจัง” เสียงทุ้มพร้อมความรู้สึกว่ามีคนมายืนข้างหลัง ทำให้ผมหันกลับไปมองอย่างตกใจ แก้มเฉียดปลายจมูกโด่งเป็นสันไปนิดเดียว แต่รับรู้ได้ถึงความร้อนที่วิ่งขึ้นมาบนหน้าของตัวเอง

“เฮ้ย!!! คุณภู มาได้ยังไง ตกใจหมดเลย”
 
“ก็เข้ามาทางประตูบ้านเนี่ยแหล่ะ แล้วยังไม่ตอบเลยว่าทำอะไร” ร่างสูงถอยออกไปนิดนึงพร้อมกอดอกมองกะทะที่ผมกำลังทำน้ำราดหน้าอยู่

“ราดหน้าทะเลครับ ตุลย์อยากกิน”

“ฉันทานด้วยได้ไหม เนี่ยยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย”

“มันเที่ยงกว่าแล้วล่ะครับ ทำไมไม่ให้แม่บ้านที่บ้านทำให้ทาน ป่านนี้น้องฟ้าหิวจนปวดท้องไปแล้วมั้ง คุณนี่นิสัยไม่ดีเลยทำไมถึงปล่อยให้ลูกหิว” ผมหันไปดุคนตัวโตกว่าอย่างขัดใจ

“ก็ว่าจะมาขออาศัยข้าวเที่ยงด้วยนี่แหล่ะ แต่ว่าติดคุยงานนิดหน่อย เลยเกินเวลาเที่ยง แต่ดีนะที่นายยังไม่ได้ทานก่อน”

“นั่งรอเลยแต่ว่ายังไม่ได้ทานตอนนี้หรอกนะ ผมทำไว้แค่สองจาน เอาชุดนี้ไปให้เด็ก ๆ ก่อน ส่วนคุณภูรอรอหน้าแล้วกัน”

“รอนานแค่ไหนก็ได้ ถ้าได้ทานฝีมือนาย” หยอดมาครับ แล้วเวลาพูดไม่ต้องทำตาวิบวับก็ได้  ผมตักน้ำราดหน้าราดไปยังเส้นใหญ่ที่ผัดไว้รอเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปสั่งให้ร่างสูงยกไปให้เด็ก ๆ ทานกันที่หน้าทีวี

“คุณภูยกไปให้เด็ก ๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะทำให้ใหม่อันนี้ของเราสองคน”

“ได้ เดี๋ยวฉันมานะ” ร่างสูงของคุณภูเดินยกจานราดหน้าสองจาน ไปยังห้องนั่งเล่น ได้ยินเสียงร้องให้ลงมานั่งทานที่โต๊ะเตี้ยหน้าทีวี เสียงตุลย์กับน้องฟ้าดังขึ้น ผมได้แค่ต้องทำราดหน้าอีกรอบ

“ให้ฉันช่วยอะไรไหม”

“ไม่ต้องครับ ทางที่ด๊คุณภูนั่งอยู่เฉย ๆ ดีกว่า อย่ามาเดินเกะกะตรงนี้ผมไม่ถนัด”

“ฉันอยากดูใกล้ ๆ นี่ว่านายทำยังไง เผื่อว่าวันหลังจะได้หัดทำมั่ง”

“จะหัดทำไปทำไมครับอยากทานอะไรก็ให้แม่บ้านทำให้ทานก็สิ้นเรื่อง” คนระดับนี้อยากทานอะไรแค่สั่งก็ได้แล้วจะมาทำเองให้ยุ่งยากทำไมกัน
“ก็เผื่ออยากทำให้นายทานไง จะได้รู้ว่าฉันตั้งใจแค่ไหน” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอีกทีข้างหู ทำให้ผมไม่หันไปมองเพราะรู้ดีว่าอีกคนอยู่ใกล้แค่ไหน เดี๋ยวจะเสียเปรียบอีกรอบ ทำไมช่วงนี้ชอบเข้าใกล้ผมแบบแปลก ๆ ตลอดเลย แถมยังถึงเนื้อถึงตัวที่มีโอกาศด้วย

“ใครจะไปอยากกินฝีมือคุณภูกันล่ะ ผมทำกินเองได้”

“มันก็อาจจะมีวันที่ฉันทำกับข้าวให้นายทานสักวันล่ะน่า สอนแค่นี้เองมันจะเป็นไรไป”

“งั้นก็ขยับมาตรงนี้ครับ ทำเองเลยนะผมจะบอกว่าทำยังไง เผื่อวันไหนเกิดนึกสนุกอยากทำอะไรทานเองจะได้ทำได้ ไม่เผาครัวที่บ้านตัวเองไปก่อน” ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังกับท่าทางที่อยากทำอาหารมากของคนตัวสูงข้างหลังพลางขยับหลบถอยไปด้านข้างให้อีกคนขยับมาอยู่หน้าเตาแทน

“ได้ นายบอกนะว่าต้องทำยังไงบ้าง รอทานฝีมือฉันได้เลย” ไอ้ท่าทางแบบนี้คืออะไร เมื่อก่อนปั้นหน้ายักษ์ใส่กันจะตายแล้วตอนนี้ทำไมหน้าตามันช่างต่างกับช่วงแรกยังกะฟ้ากับเหว

“ก่อนอื่นเอากะทะตั้งไฟ รอให้กะทะร้อน ใส่น้ำมันไปนิดหน่อย อ้อ อย่าลืมเปิดไฟที่เตาด้วย” ร่างสูงหันไปหยิบกะทะใบย่อมที่ผมเตรียมไว้แล้วมาตั้งบนเตาไฟ ใบหน้าหล่อเหลา ก้ม ๆ เงย ๆ ที่ปุ่มเปิดแก๊ส ผมเห็นแล้วก็ส่ายหัวพร้อมยิ้ม ขำ ๆ จะรอดไหมครับ เปิดแก๊สยังไม่เป็น

“ตรงนี้ครับแล้วหมุนแบบนี้” ผมเอื้อมมือไปทับมือใหญ่ที่จับอยู่ที่ปุ่มเปิดก่อนแล้ว แล้วหมุนปุ่มที่เตาให้ติด แล้วหันไปมองหน้าคุณภู  ดวงตาเข้มของคุณภูจ้องมาที่หน้าผมแบบอึ้ง ๆ จ้องทำไมล่ะ

“มองอะไรครับ ทำต่อไปสิตามที่บอกอ่ะ” ผมมองตามสายตาของร่างสูงที่มองมือตัวเองที่ยังไม่ปล่อยจากปุ่มเปิดแก๊ส เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้ทำอะไรไปไอ้กันต์ ไปจับมือคุณภูเปิดแก๊สได้ไงวะ พอนึกขึ้นมาได้ เลือดลมสูบฉีดขึ้นมาทันที ร้อนไปทั้งหน้าเลยครับคุณ  เหลือบมองร่างสูงก็เห็นว่ากำลังยิ้มที่มุมปากเล็ก ๆ แต่ตาเนี่ยเป็นประกายเชียว

“เอ่อ.. กะทะร้อนแล้วครับ ใส่น้ำมันได้แล้วเดี๋ยวกะทะไหม้” หันหน้าหนีเพื่อหลบสายตาคมคู่นั้น

มือใหญ่เลยคว้าเอาขวดน้ำมันพืชมาเทใส่กะทะ ท่าทางตั้งอกตั้งใจทำตามที่ผมบอกทุกอย่างเนี่ยดู ๆ ไปก็น่ารักดีนะครับ ที่ผู้ชายตัวใหญ่มาใส่ผ้ากันเปื้อนทำอาหารแบบนี้  ไม่นานน้ำราดหน้าทะเลก็เสร็จด้วยความทุลักทุเลของร่างสูง

“คุณภูตักมาราดเส้นในจานเลยครับ”

“เสร็จแล้ว เป็นไงบ้างฝีมือฉัน ไปทานกันดีกว่า” ท่าทางกระตือรือร้นชะมัดกะอีแค่ทำราดหน้าครั้งแรกก็ตื่นเต้นแล้วเนี่ยคนเรา
ผมเดินหยิบจานราดหน้าทั้งสองจานมาวางที่โต๊ะกินข้าว ร่างสูงนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับมองมาที่ผมอย่างมีความหวัง ผมเลยต้องหยิบช้อนขึ้นมาตักราดหน้าจานนั้นเข้าปากเพื่อชิม

“เป็นไงมั่ง” คำถามสั้นแต่จ้องอะไรขนาดนั้นเล่า  ถ้าบอกไปว่าไม่อร่อยจะโกรธกันไหมวะ

“อืม ก็อร่อยดีครับคุณภูลองชิมดูสิ” พอได้ยินก็ยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วตักราดหน้าที่ตัวเองทำเข้าปาก

“นี่นายเรียกอร่อยดีงั้นหรอ อย่างนี้เขาเรียกว่าอร่อยมากต่างหากล่ะ” เหอะชมตัวเองก็ได้เนอะคนเรา

“มันเพราะผมเตรียมของไว้แล้วและบอกให้คุณภูทำตามแค่นั้นแหล่ะครับ ถ้าคุณภูทำเองหมดตั้งแต่แรกมันจะรสชาติแบบนี้ป่ะล่ะ อย่าหลงตัวเองให้มากนักเลย”

“ก็ฉันเพิ่งหัดทำครั้งแรกนี่นา ทำได้แค่นี้ก็ดีแล้วต่อไปสอนอย่างอื่นอีกนะ เดี๋ยวจะมาที่นี่ทุกวันหยุด”

“เฮ้ย!!! ไม่เอา ไม่สอน ใครจะอยากให้มาบ้านทุกวันหยุดกันล่ะ ผมไม่ได้ทำอาหารกินทุกวันหยุดหรอกนะ มีขี้เกียจบ้างไรบ้างสิ ถ้าอยากทำให้แม่บ้านที่บ้านคุณสอนเหอะ”

“ไม่ ฉันอยากให้นายสอนคนเดียว คนอื่นฉันไม่ต้องการ เพราะงั้นตามใจฉันด้วย” สั่งเอาแต่ใจได้อีกนะ คนอะไรนิสัยไม่ดี

“เอาไว้วันไหนว่าง ๆ แล้วกันนะครับ แต่ตอนนี้รีบทานเข้าไปได้แล้ว” ได้ยินเสียงเดินเข้ามาในห้องครัวหันไปก็พบกับตุลย์และน้องฟ้าเดินถือจานมาคนละใบ คงกินกันหมดแล้ว

“น้ากันต์จานเอาวางไว้ที่ไหนครับ” เสียงน้องฟ้าร้องถาม

“เอาไว้ในซิงค์เลยครับเดี๋ยวน้ากันต์จัดการเอง แล้วเป็นไง อิ่มไหมครับ”

“อิ่มมากครับ แล้วก็อร่อยมากด้วย ขอบคุณครับน้ากันต์” น้องฟ้าเดินเอาจานไปวางแล้วหันมายิ้มขอบคุณพร้อมยกมือไหว้ น่ารักได้อีกลูกใครวะเนี่ย ไม่เห็นจะเหมือนตัวพ่อสักนิด เสร็จแล้วเด็กทั้งสองคนก็เดินไปดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม

“คุณภูทานหมดแล้วก็เอาจานไปวางไว้ในซิงค์นะครับ เดี๋ยวผมล้างเอง” ผมบอกร่างสูงเมื่อเห็นว่าราดหน้าในจานหมดไปแล้ว ส่วนของผมยังเหลืออีกนิดหน่อย กินให้หมดครับเดี๋ยวคนทำเสียกำลังใจ

“ขยับออกไปเลย เห็นไหมเนี่ยผมล้างจานอยู่ เดี๋ยวก็เปียกกันหมดพอดี” ผมบ่นพลางใช้ศอกดัน ๆ อีกคนให้ถอยห่างออกไป มาเกะกะอยู่ได้คนจะทำงาน

“ไม่เห็นจะเกะกะเลย นายก็ล้างจานไปสิ ฉันแค่ยืนเฉย ๆ” ไม่ถอยแถมยังจะขยับเข้ามาอีก อะไรหนักหนาเนี่ย

“อยากล้างหรือไง งั้นมาล้างเลย” ผมชักจะหงุดหงิดร่างสูงขึ้นมาบ้างแล้ว ใกล้ ๆ แบบนี้ไม่ดีต่อใจครับ พักนี้เป็นอะไรไม่รู้ถ้าร่างสูงมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยกล้าสบตาแล้วก็หน้าร้อนเป็นประจำ  แต่อย่าหวังว่าอีกคนจะทำตามนะครับ

“กันต์” เสียงทุ้มเรียกเบา ๆ ข้างหู

“กันต์”

“กันต์” 

“เรียกอะไรกันครับ เรียกแล้วไม่พูดเนี่ย” ผมล้างจานใบสุดท้ายเสร็จแล้วเช็ดมือกับผ้าจึงได้หันมาเผชิญหน้ากับร่างสูงที่ยืนพิงตู้เย็นอยู่

“ก็นายไม่สนใจฉันเลย เรียกก็ไม่ขาน” เอ้ากลายเป็นว่าผมผิดอีก อะไรล่ะเนี่ย

“เรียกแล้วอยากพูดอะไรก็พูดออกมาสิครับ” ผมยืนพิงเคาน์เตอร์กอดอก หน้ามุ่ยมองอีกคนที่ตอนนี้ก็ยังไม่พูดอะไรออกมานอกจากเรียกชื่อ

“น้องฟ้าน่ารักไหม” คำถามอะไรเนี่ย

“น่ารักสิครับ”

“แล้วชอบไหม” มามุกไหนอีกล่ะ

“ก็ชอบสิครับ”

ร่างสูงของคุณภูก้าวมาชิดกับผมที่ยืนอยู่ แล้วใช้สองมือท้าวไปที่เคาน์เตอร์ ทำให้ผมต้องยื่นมือออกไปดันบ่ากว้างเอาไว้  ใบหน้าหล่อเหลา ก้มลงต่ำมาจนกระทั่งสายตาของคุณภูอยู่ในระดับเดียวกับสายตาของผม ปลายจมูกเราห่างกันนิดเดียว แค่นิดเดียวจริง ๆ ครับ

“คะ... คุณภู จะทำอะไรครับถอยออกไปเลยนะเดี๋ยวเด็ก ๆ จะเข้ามาเห็น” ผมเริ่มพูดไม่เป็นคำแล้วล่ะครับตอนนี้แถมสายตาคมเข้มที่จับจ้องมาที่ดวงตาผม มันเหมือนกับเสือจ้องจับเหยื่อยังไงยังงั้นเลย

“ไม่มีใครเข้ามาหรอก เด็ก ๆ ดูทีวีกัน”

“แล้วจะขยับมาทำไมครับคุยกันห่าง ๆ ก็ได้ยินนี่” ผมเริ่มหลบสายตาที่จ้องมองมาหันหน้าหนีแล้วครับไม่ไหว ตอนนี้หัวใจเริ่มเต้นแรง กลัวว่าถ้าคุณภูเข้ามาใกล้กว่านี้คงจะได้ยินแน่เลย

มือใหญ่ละจากเคาน์เตอร์มาจับปลายคางผมให้หันกลับมาจ้องตาเหมือนเดิม ผมเลยต้องกลับมาสบตาร่างสูงอีกครั้งและมันทำให้ผมมองเห็นแววตาที่อ่อนโยนเป็นครั้งแรกของคุณภู

“ขอบใจสำหรับอาหารมื้อนี้นะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ทานฝีมือนาย”  พูดเฉย ๆ พอครับอย่าก้มมามากกว่านี้หัวใจจะวาย

จบประโยคจมูกโด่งเป็นสันก็เลื่อนเข้ามาใกล้ที่ข้างแก้มด้านขวา พร้อมกับสัมผัสบางเบาลากไล้ลงมาจนถึงมุมปาก ลมหายใจร้อนที่มากระทบทำให้ผมตัวแข็งรับรู้ได้เพียงแค่ริมฝีปากได้รูปขบเม้มอยู่ริมฝีปากล่างของผม มือได้แต่กำเสื้อแน่นอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีใครได้เข้าใกล้แบบนี้มาก่อนเลย ไม่คิดว่าคนแรกที่ทำแบบนี้จะเป็นผู้ชาย ที่สำคัญคือผมก็ไม่รังเกียจเสียด้วย

สัมผัสสุดท้ายที่รับรู้คือแรงดูดปากผมเบา ๆ แล้วใบหน้าคมเข้มก็ถอยห่างไปแค่นิดเดียวพร้อมรอยยิ้มมุมปากอีกแล้ว

*************************************************************

มาต่ออีกตอนแล้วนะคะ ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ

เริ่มรู้สึกว่าคุณภูจะพยายามหาทางลวนลามน้ากันต์มากขึ้นทุกทีแล้ว


หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2016 19:20:48
รุกหนักเลย
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-11-2016 20:15:56
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-11-2016 21:03:11
มีตบของหวานด้วย
ร้ายจริงนะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-11-2016 22:20:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-11-2016 23:28:32
 :o8:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 05-11-2016 07:58:21
 :o8: :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-11-2016 13:12:31
น่ารักกกกกก
คุณภูนี่เนียนนนะ
เผลอแปปเดียวทั้งหอมทั้งจูบไปกี่รอบไม่รู้แล้ว
มีหน่วยสนับสนุนคุณภาพดีอีก2คน555
เส้ยชัยอยู่ไม่ไกลเพราะ กันต์เขินแรงมาก ไม่ขัดขืนเลยค่ะ
รอค่าา
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 05-11-2016 19:45:02
เพิ่งเข้ามาอ่าน  สนุกมากกกกกกกกก
คุณภูเจ้าเล่ห์มากอ่ะ แต่ควรบอกกันต์ให้เตรียมสักนิดนะ ดูนางยังงงๆกับคุณภู
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 07-11-2016 16:58:55
คุณภูรีบรวบหัวรัวบหางน้ากันต์เลย ก่อนที่จะมีอีกหนุ่มโปรไฟล์ดี มาจีบน้ากันต์มาเป็นคู่แข่งคุณภูนะ  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 08-11-2016 11:31:37
ตอน 25 พบเจอ (ทศ xทาย)

วันนี้เป็นวันที่ผมโดนเรียกตัวให้เข้ามาที่ตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัท แต่กว่าจะออกมาได้ก็ต้องเคลียร์งานให้ลูกน้องที่ไซท์ให้เสร็จก่อนจึงทำให้เสียเวลาช่วงเช้าไปหลายชั่วโมงทีเดียว แถมที่ตั้งของบริษัทยังเป็นย่านที่รถติดเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพ กว่าจะมาถึงแล้วยังต้องวนหาที่จอดรถเพราะมาตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าที่จอดรถหายากมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวอาคารมีที่จอดหลายชั้นมากแต่ก็ไม่เพียงพอกับบุคคลากรหรือพนักงานในตึกนี้

ขับวนหาที่จอดสำหรับพนักงานไปทุกชั้นแล้ว สรุปว่าเต็มครับมันน่าโมโหนัก ที่เหลือเป็นที่จอดรถของผู้ที่มาติดต่อ เอาวะ จอดมันนี่แหล่ะวนหาที่สำหรับผู้มาติดต่อโดยที่นึกในใจว่ากูก็มาติดต่อนะ เพราะโดนเรียกตัวเข้ามาไม่ผิด ๆ สอดส่ายสายตามองหาช่องที่ยังว่างอยู่ก็ไม่ค่อยจะมี

“ใครมาติดต่อที่บริษัทนักหนาวะ ที่จอดรถแม่งหายากยิ่งกว่าหาแฟนอีก” ผมได้แต่บ่นกับตัวเองพอดีกับสายตามองเห็นไกล ๆ ว่ามีช่องว่างเลยรีบที่จะเลี้ยวไปอีกล็อคเพื่อจอด แต่พอเลี้ยวไปกลับเห็นรถคันหนึ่งกำลังถอยเข้าช่องที่เขาเล็งเอาไว้

“เฮ้ย!! ไรวะคนอุตส่าห์มองเห็นที่ว่างแล้วเชียว แล้วไอ้คันนี้มันมาจากไหนอยู่ดี ๆ มาแย่งที่จอดรถกูเฉยเลย”

บ่นพลางกัดฟันเข่นเขี้ยวแช่งชักหักกระดูก ถ้าเป็นผู้หญิงผมจะให้อภัยแต่ถ้าเป็นผู้ชายนะจะแช่งให้มันเสียตัวให้ผู้ชายเลยคอยดู แค้นหนักมากมาย

สายตาแค้นเคืองถูกส่งไปให้รถยนต์คันหรูที่ดันแย่งที่จอดรถของเขา ได้แต่จำใจวนขึ้นไปอีกล็อคหนึ่ง ดีนะที่เจอเหลือช่องสุดท้ายไม่งั้นได้ขึ้นไปอีกชั้นแน่นอน เหนื่อยจริง ๆ กับการหาที่จอดรถในกรุงเทพเนี่ย ดับเครื่องลงจากรถได้ก็เดินไปทางเข้าอาคารแต่ทางที่เดินผ่านไม่วายต้องผ่านไอ้รถคันนี้อีกแล้ว รถสปอร์ตหรูเสียด้วย เลขทะเบียนนี้จะจำให้ขึ้นใจเลยคอยดูสิ
ขึ้นลิฟท์ไปยังแผนกวิศวกรรม ผ่านเลขาสาวสวยของแผนกที่ยิ้มรับตั้งแต่เห็นหน้าผมผลักประตูเดินเข้ามาข้างใน

“อ้าว พี่ทายมาแล้วเหรอคะ  พลอยว่าจะโทรตามแล้วนะคะเนี่ย พี่พลบ่นหลายรอบแล้วว่าเมื่อไรพี่จะมา”  หญิงสาวที่เป็นหน้าเป็นตาของแผนกทักทายพร้อมกับบ่นเล็กน้อย

“โห..นี่กว่าพี่จะสั่งงานลูกน้องครบ แล้วไหนจะฝ่ารถติดมาอีก แทบจะฝ่าไฟแดงมาทุกไฟแดงเลยนะครับน้องพลอย ว่าแต่มีเรื่องอะไรถึงได้เร่งให้พี่เข้าออฟฟิศได้ล่ะวันนี้”

“น่าจะเป็นโครงการใหม่ที่น่านค่ะพี่ทาย พลอยว่าพี่เข้าไปหาพี่พลข้างในดีกว่าเดี๋ยวพลอยโทรตามอีก 3 คนที่ยังมาไม่ถึง”

“อ้าว ยังมีคนมาไม่ถึงแล้วจะมาบ่นพี่ทำไมครับคนสวย” หยอดไว้ก่อนครับ น้องเขาน่ารัก นิสัยดี แฟนไม่มีแต่พี่ชายหวงมาก ไม่ใช่คนอื่นคนไกลด้วย พี่ชายก็พี่กองพลที่เป็นหัวหน้าแผนกวิศกรรมที่นี่แหล่ะครับ

“ไอ้ทายมาแล้วอย่ามัวแต่คุยเล่นกับพลอย เข้ามาหากูเลยห้องประชุมเล็ก เดี๋ยวรอพวกนั้นอีกแป๊บเดียว มันว่าใกล้ถึงกันแล้ว พวกมึงเนี่ยช้าชะมัดปล่อยให้กูหัวหมุนอยู่ได้คนเดียว” พี่พลเปิดประตูห้องทำงานออกมา แล้วตามมาเสียงตะโกนข้ามโต๊ะหลายตัวส่งมายังผมที่ยังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานน้องสาวเจ้าตัว

“โห ... พี่ ผมก็ยังไม่ได้คุยนานสักหน่อย เพิ่งมาเองทักทายน้องพลอยนิดเดียว พี่ก็เปิดประตูมาด่าผมเนี่ยแหล่ะ ทีคนอื่นยังมาไม่ถึง ก็ไม่ด่าพวกมัน ไม่น่ามาก่อนเลยกู” ประโยคสุดท้ายผมบ่นเบา ๆ

“มึงอย่าบ่น กูได้ยิน ตามมาเร็ว ๆ” จากนั้นผมก็เดินตามร่างสูงของพี่พลเข้าไปในห้องประชุมเล็กของแผนก มันเป็นห้องที่มีโต๊ะตัวยาวต่อเป็นรูปตัวยู เก้าอี้ประมาณ 15 ตัว ในมือของพี่พลหอบเอาแฟ้มหลายเล่มมาด้วย

“เออ ลืมไป มึงเดินไปหยิบแบบในห้องทำงานกูมาหน่อยสิ ที่วางอยู่บนสุดเขียนว่าโครงการรีสอร์ทน่านนะ” อ้าวแล้วทำไมเมื่อกี้ไม่สั่งให้เรียบร้อย นี่เดินจะนั่งอยู่แล้วนะ แต่จะให้เถียงออกไปเดี๋ยวโดนด่าครับ จึงต้องหันหลังกลับไปในห้องทำงานเพื่อไปหอบแบบที่ว่ามาให้

เดินกลับมาพร้อมแบบแผ่นใหญ่หลายสิบใบ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไปก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาโฉดจำนวน 6คนนั่งคุยกันเสียงดัง

“อ่ะ นี่ครับพี่พล วางตรงนี้นะ” ผมวางกองแบบทั้งหมดพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่หันไปยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“มึงก็โดนเรียกมาเหรอทาย” หนุ่มร่างสูง ผิวเข้ม หนึ่งในนั้นถามผมพร้อมพยักหน้าส่งมาให้เป็นการทักทาย

“เออ เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เป็นไงมึงไซท์ที่ทำใกล้เสร็จเหมือนกันล่ะสิ”

“ใกล้แล้ว ถึงได้โดนเรียกมาทำงานใหม่นี่ไง ให้ว่างสบาย ๆ สักเดือนก็ไม่ได้โหดชะมัดพี่พลเนี่ย” เสียงบ่นดังขึ้นแกล้งให้เจ้าของชื่อได้ยิน

“พวกมึงเงียบ จะบ่นกันไปทำไมแล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน มาคุยเรื่องงานกันก่อนไอ้พวกนี้นี่ เจอหน้ากันไม่ได้เลยนะทำยังกะว่ากูได้หยุด นี่ก็เตรียมงานล่วงหน้าไว้ให้พวกคุณมึงทั้งหลายนี่แหล่ะ เอาไปอ่านดู” พี่พลยื่นเอกสารมาให้คนละปึก ผมเปิดดูแล้วไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ มันเป็นโครงการรีสอร์ทแห่งใหม่ที่อยู่จังหวัดน่าน 

“คุณภูบอกว่างานนี้ให้ช่วยเร่งให้ท่านหน่อย แต่งานต้องดีที่สุดเพราะโครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกที่เราจะเปิดตัวในภาคเหนือ ฝ่ายออกแบบร่างแบบมาให้แล้วและจะทยอยตามมาอีกภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งช่วงเวลาที่เตรียมแบบให้พร้อมคุณภูให้เวลาทั้งหมด 5 เดือนว่ะ” สิ้นประโยคที่กำหนดเวลาทำเอาพวกผมโอดครวญกันใหญ่ 5 เดือนกับงานแบบนี้ถือว่าน้อยมากที่จะทำมิน่าถึงได้เรียกกันมาหลายคน

“โอย....พี่พล  5 เดือน น้อยไปไหม ใครมันจะไปเสร็จ คุณภูนะคุณภู อะไรจะเร่งปานนั้น” เสียงวิศวกรอีกคนที่เป็นรุ่นพี่ผม

“ทันไม่ทันก็ต้องทัน เนี่ยพี่ก็เร่งทำจนกลับบ้านดึกมาหลายอาทิตย์แล้ว พวกมึงก็อย่าบ่นกันนักเลย มาอยู่ดึกเป็นเพื่อนกูซะดี ๆ หึหึ “

“แล้วงานที่ไซท์ล่ะพี่ ถ้าพวกผมมาแล้วใครจะดู” ไอ้ต้นมันถามพี่พลให้แน่ใจซึ่งถ้าพวกผมมาช่วยตรงนี้แล้วส่วนที่แต่ละคนดูอยู่จะส่งให้ใครไปดูแลแทน

“เออ เดี๋ยวเรื่องนั้นพี่จัดการแทน ที่เรียกพวกมึงมาก็มีแต่คนงานใกล้จะเสร็จกันทั้งนั้น คงไม่มีผลกระทบมากนักหรอกฝากไอ้พวกที่อยู่ช่วยกันไปก็ไม่ได้หนักหนาเท่าไร”

“เดี๋ยวพี่แบ่งงานให้พวกมึงเลยแล้วกัน ไอ้ทายไอ้ต้น ดูงานโครงสร้างอาคารหลัก เป็นตึกห้องพักมี 5 ชั้น ไม่สูงแล้วก็ห้องพักไม่เยอะ  ไอ้เก่งไอ้เอกมึงดูบังกะโลทุกหลัง ไอ้หินมึงดูงานแลนสเคปทั้งหมด ส่วนน้องกฤษนั่งให้กำลังพี่ก็พอครับ” จบประโยคนั้นพวกผมพร้อมใจกันโห่พี่พลกันทั้งห้องเลยครับ

“อะไร ๆ พี่พล สองมาตรฐานว่ะ ทำไมให้พวกผมทำงานกันทุกคนแต่ให้ไอ้กฤษมันนั่งเฉย ๆ เอาเปรียบกันชัด ๆ พวกผมไม่ยอมนะ” ไอ้หินมันพูดออกมาพร้อมกับเสียงพวกผมที่ช่วยกันสนับสนุน ส่วนไอ้กฤษนั่งหัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว ทำไมพี่พลถึงสั่งแบบนี้นะเหรอก็เพราะว่า น้องกฤษของพี่พลหรือ ไอ้กฤษของพวกผมน่ะ ชื่อจริงมันชื่อกฤษกร เป็นวิศวกรรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยของพี่พลนั่นแหล่ะ แต่เป็นรุ่นหลานที่ไกลหลายปีแสง แต่ไม่รู้ยังไงพี่พลถึงได้เรียกมันอย่างนิ่มนวลว่าน้องกฤษทั้ง ๆ ที่ รูปร่างก็ไม่เล็ก ไม่บอบบางให้เหมาะสมกับการที่ต้องเรียกมันว่าน้องสักนิด เพียงแต่มันหน้าตาดูอ่อนกว่าอายุจริง ตัวบางผิวค่อนข้างขาวเพราะมันเป็นคนเหนือ และที่บอกว่ามันไม่เหมาะกับคำว่าน้องนำหน้าชื่อเพราะว่ามันเป็นคนที่กวนอวัยวะเบื้องล่างมาก

“อ้าว พี่หิน มาว่าผมไม่ได้นะ ผมไม่ได้ไปสั่งพี่พลให้งานพวกพี่สักหน่อย พี่พลเขาสั่งเองต่างหาก” มันว่าพลางลอยหน้าลอยตาพูด ยักคิ้วหลิ่วตาให้น่าหมั่นไส้ขึ้นมา ไอ้เอกที่อยู่ใกล้ ๆ เลยสงเคราะห์ยื่นมือไปตบหัวมันเบา ๆ ทีนึงเป็นการหยอกล้อ ทำเอามันหน้าคว่ำไปเพราะไม่ทันตั้งตัว

“โอ้ย พี่เอกตบหัวผมทำไมเนี่ย เจ็ยนะโว้ย” มันเอามือลูบหัวมันแล้วหันไปโวยวายจะกระโจนเข้าหาไอ้เอก แต่โดนไอ้หินเอามือดึงคอเสื้อไว้ก่อนที่จะถึงตัวไอ้เอก มึงไม่ดูขนาดตัวมึงเลยนะกฤษ ขืนโผเข้าไป ไอ้เอกจับล็อคมึงตายแน่ ก็ไอ้เอกมันเป็นคนร่างสูงแถมยังเป็นนักมวยในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วย 

“หยุด!!!! พวกมึงนี่ยังไง หยุดกัดกันได้แล้ว กูพูดเล่น คิดจริงจังไปได้ น้องกฤษไปช่วยไอ้หินดูงานนะครับ แต่กูดูภาพรวมเหมือนเดิม ใครมีปัญหาอะไรโทรหาได้ 24 ชม. ไม่เว้นเวลาราชการ เพราะกูบอกแล้วว่างานเร่ง พวกมึงจะทำข้ามวันข้ามคืนกูก็ไม่มีปัญหา เข้าใจไหมครับ” พี่พลส่งยิ้มเหี้ยมเกรียมไปรอบ ๆ

“พี่พล แล้วพวกเราต้องไปน่านกันด้วยไหมเนี่ย” ผมถามเพื่อความแน่ใจครับ เพราะว่าส่วนมากถ้างานอยู่ในมือใครที่รับผิดชอบคนนั้นต้องดูงานที่ไซท์ด้วยเพราะถือว่ารู้เรื่องงานมาตั้งแต่ครั้งแรก

“พี่ว่าต้องไปว่ะ พวกมึงก็เตรียมตัวเตรียมใจกันตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วกัน ใครมีแฟนก็ร่ำลากันซะให้พอใจ เดี๋ยวถ้าพวกมึงได้ขึ้นไปน่าน คงไม่ค่อยได้ลงมากรุงเทพจนกว่าโครงการจะจบ” พี่พลตอบคำถามผมออกมาให้กระจ่างกันทุกคน สรุปเคลียร์ครับต้องไปน่าน ไปหาสาวเหนือแถวนั้นเอาก็ได้โว้ย ก็สาวเมืองกรุงเขาทิ้งไปแล้วนี่

“แฟนผมด่าตายเลย แค่กลับบ้านดึกยังคอยแต่จะไล่ออกมานอนนอกห้อง นี่ไปเป็นปี จะกลับทีละเดือนคงยาก” ไอ้เก่งมันถอนใจพร้อมแนบหน้าลงกับโต๊ะ

“คนไม่มีแฟนแบบมึงสบายไปเลยสิ ค่อยไปหาสาวเอาข้างหน้ายังได้เลย” ไอ้ต้นมันหันมาแซวผม ซึ่งผมก็ยักคิ้วแถมยิ้มมุมปากให้มันไปด้วย

“เที่ยงแล้ว ลงไปกินข้าวกันได้แล้ว บ่ายพวกมึงค่อยขึ้นมาเอาเอกสารทั้งหมดกับแบบไปศึกษาดูรายละเอียด แล้วจันทร์หน้าค่อยเข้าออฟฟิศมาประจำที่นี่”

พวกผมพากันลุกขึ้นเดินออกนอกห้องประชุมพร้อมเสียงคุยกันดังสนั่น นาน ๆ ได้เจอกันทีนี่ครับ พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานถึงแม้ว่าทุกคนจะอายุไม่มากแต่ประสบการณ์การทำงานของแต่ละคนก็ถือว่ามีมากพอ และแต่ละคนก็เป็นหัวกะทิของแต่ละมหาวิทยาลัยกันทั้งนั้น

“กูไปหารุ่นน้องอีกคนที่ชั้นบนก่อนนะ จะชวนมากินข้าวด้วยกัน พวกมึงไปจองโต๊ะที่แคนทีนก่อนได้เลยเดี๋ยวกูตามไปหา” ผมหันไปบอกพวกมันที่กอดคอกันเดินออกไปยืนรอลิฟท์ ผมยื่นมือไปกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปขั้นบนสุดที่เป็นชั้นที่กันต์ทำงานอยู่

“มึงจะไปหาใครข้างบน มีสาวหรือไงไอ้ทาย”เสียงพี่พลหันมาถาม

“สาวที่ไหนกันพี่ รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้มันเป็นเลขาคุณภู” พวกมันหันมามองหน้าผมกันทุกคนเลย มองทำไมวะ

“อ้อ คุณกันต์ พี่เคยเจอว่ะ ตอนไปหาคุณภู เพิ่งรู้นะว่าเป็นรุ่นน้องมึง หน้าตาดี นิสัยดี ไม่น่ามาคบมึงได้นะทาย”

“อ้าว พี่ผมเป็นยังไง สูงหล่อหน้าที่การงานดี มีรถขับ โทรศัพท์ถ่ายรูปได้นะคร้าบบบ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้ทายกล้ายกหางตัวเองนะมึง หล่อมากถึงโดนสาวทิ้ง”

“เจ็บปวดมากพี่พล อย่าเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น ผมขอร้องมันปวดใจ แผลยังสดใหม่เลือดยังซึมอยู่” ผมทำหน้าตาเจ็บปวดพร้อมกับเอามือกุมหน้าอก แอ็คติ้งผ่านไหมครับ

ลิฟท์มาพอดีผมเลยเดินเข้าลิฟท์ไปแล้วกดไปชั้นที่กันตพิชย์ทำงานอยู่  ไม่นานลิฟท์ก็มาหยุดที่ชั้นบนสุด เดินออกมามองเห็นกันตพิชย์นั่งก้มหน้าที่โต๊ะทำงานของเจ้าตัว ผมเลยเดินไปหยุดข้างหน้าแล้วเอามือเคาะโต๊ะอีกฝ่ายถึงได้เงยหน้ามามอง

“อ้าวพี่ทาย มาได้ไงครับ” กันตพิชย์ส่งเสียงทักทายแล้ววางมือจากปากกาที่กำลังจดงานเอกสารอะไรอยู่อย่างขมักเขม้น

“โดนเรียกให้เข้ามารับงานใหม่ เที่ยงแล้วเลยแวะมาชวนกันต์ไปกินข้าว เพื่อน ๆ ที่รออยู่แคนทีนให้พวกมันจองโต๊ะไว้ให้ ไปด้วยกันนะ”

“ได้ครับรอผมเก็บของแป๊บนึงนะ” กันตพิชย์ปิดแฟ้มที่ทำค้างอยู่เก็บเครื่องเขียนใส่กล่องแล้วเปิดลิ้นชักหยิบกระเป๋าเงินออกมาใส่กระเป๋ากางเกง กำลังจะเดินอ้อมออกมา ประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็เปิดออกมาพร้อมด้วยร่างสูงของคุณภูพร้อมชายหนุ่มอีกคนนึงดูแล้วไม่น่าจะใช่ไทยแท้เดินคู่กันออกมา ทั้งสองคนเดินมาทางผมกับกันต์ยืนอยู่ สายตาดุเข้มส่งมาทางพวกผมทำเอาผมเสียวสันหลังเลยทีเดียว แต่ท่าทางของกันต์จะไม่เกรงกลัวสักนิด ส่วนอีกคนที่เดินออกมาพร้อมกับคุณภูก็กอดอกยืนเฉย ๆ อยู่ข้าง ๆ
 
“นายจะไปไหน ฉันว่าจะให้นายไปทานข้าวเที่ยงเป็นเพื่อน” เสียงทุ้มดังออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบได้รูปก่อนจะมองหน้าผม

“สวัสดีครับคุณภู ผมมาชวนกันต์ไปทานข้าวเที่ยงที่แคนทีนด้วยกันน่ะครับ” ร่างสูงของคุณภูเพียงแค่พยักหน้ารับคำทักทายของผมเท่านั้นแล้วก็เบือนสายตาไปจ้องกันต์อีกรอบ

“ผมจะลงไปข้างล่างกับพี่ทาย คุณภูไปทานกับคุณทศแล้วกันนะครับ”

“ฉันจะไปด้วย แกไปกินที่แคนทีนได้ไหมทศ”

“ได้ ไม่มีปัญหา ฉันกินที่ไหนก็ได้ไม่ยากอยู่แล้ว” หนุ่มลูกครึ่งแต่พูดไทยชัดถ้อยชัดคำตอบรับคำถามของคุณภู จากนั้นร่างสูงของคุณภูก็เดินเลยมากดลิฟท์

“คุณภูจะไปทำไม พี่ทายเขามาชวนผมไปทานข้าว ที่แคนทีนนะครับคุณภูจะลงไปทานที่นั่นเหรอ ให้ผมซื้อขึ้นมาให้ดีกว่าไหม คุณภูกับคุณทศจะได้ไม่ต้องลำบากไปเบียดกับคนเยอะ”

“ทำไม ถ้าฉันจะลงไปด้วยนี่มันมีปัญหามากนักหรือไง หรือว่าฉันไปไม่ได้” เสียงเข้มเริ่มจะส่อแววว่าอารมณ์ไม่ดีแล้วเอาไงดีละครับทีนี้
“ผมกินได้ไม่เป็นไรกันต์ไปกันเหอะ เดี๋ยวคนแถวนี้มันจะโมโหเส้นเลือดในสมองแตกก่อนที่ลูกชายจะโต” ชายหนุ่มที่ชื่อทศพูดออกมาทำให้ผมนึกสงสัยอยู่ในที

“เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจเชิญคุณภูกับเพื่อนคุณภูไปทานด้วยกันก็ได้ครับ มีพี่พลกับพวกเพื่อนผมที่แผนกไม่กี่คน” ผมตัดปัญหาชวนคุณภูไปด้วยก่อนที่จะมีศึกท่านประธานกับเลขาฆ่ากันตายในออฟฟิศใหญ่กลางกรุง แล้วผมก็เดินตามร่างสูงของท่านประธานเข้าไปในลิฟท์ที่จอดรอโดยที่กันต์ทำหน้าบูดแล้วเดินตามเข้าไปด้วยอีกคน

“ไตรทศ เพื่อนสนิทฉัน” คุณภูแนะนำร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งให้รู้จัก

“เพทายครับ เป็นวิศวกรที่นี่” ผมแนะนำตัวเองบ้าง แต่อีกคนแค่พยักหน้าให้เท่านั้น จะเก็กไปไหนวะ ถือว่าหน้าตาดีหล่อ สูง อาจจะรวยด้วย แค่นั้นเองแล้วหยิ่งมากเรอะไอ้ลูกครึ่งนี่

เมื่อเดินมาถึงแคนทีนคุณภูหันมาบอกให้ผมเดินนำหน้าไปที่โต๊ะที่จองไว้ พอพนักงานหันมาเจอร่างสูงของคุณภูเสียงคุยที่ยังดังอยู่ค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ จนเกือบจะเงียบสนิท ทำเอาผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“อ้าว คุณภู มาทานข้าวด้วยเหรอครับ” พี่พลทักเจ้านายใหญ่พร้อมกับลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง

“อืม วันนี้ขอมานั่งทานด้วยคนคงไม่ว่าอะไรนะ”

“ใครจะกล้าว่าคุณภูกันล่ะครับ คุณภูจะทานอะไรเดี๋ยวผมให้พวกนี้ไปซื้อมาให้ กับข้าวที่นี่อร่อยทั้งนั้นครับ” พี่พลทำหน้าที่ทัพหน้าเจรจาได้อย่างดียิ่ง

“พวกคุณไม่ต้องลำบากเดี๋ยวผมให้เลขาผมไปซื้อมาให้ ตามสบายไม่ต้องเกรงใจผม” จบประโยคก็หันไปทางกันตพิชย์เพื่อบอกให้รุ่นน้องผมไปซื้อข้าวมาให้ทาน กันต์มันก็หน้าบูดแต่ยังไงก็ต้องเดินไปซื้อมาให้เจ้านายอยู่ดี แล้วจะลงมาทานข้างล่างให้พนักงานเกร็งกันทำไมวะ สั่งเลขาซื้อไปให้ข้างบนก็ได้นี่

เพื่อนตัวสูงนี่ก็เหมือนกันมานั่งเป็นพระราชาให้คนอื่นเขาเดือนร้อนหามาประเคนให้อยู่ได้ ถ้าไม่ถือว่าเป็นเพื่อนเจ้านายผมแขวะใส่ไปแล้ว ช่างเหอะไปซื้อข้าวดีกว่า

พวกผมเลยเดินไปซื้อข้าวกันทุกคนปล่อยให้ท่านประธานนั่งเฝ้าโต๊ะกับเพื่อนสนิท เป็นที่น่าสนใจของเหล่าพนักงานที่เข้ามาในแคนทีน ใครจะไม่อยากมองหนุ่มหล่อเจ้าของบริษัทกับเพื่อนอีกคนที่หล่อไม่แพ้กัน มานั่งให้เป็นอาหารตาของเหล่าสาว ๆ ที่นี่กันล่ะ

ตอนที่เดินกลับมายังโต๊ะสายตาผมก็พบกับคนสองคนนั่งเถียงกันโดยมีร่างสูงของคุณภูตักกับข้าวบางอย่างใส่จานข้าวของกันต์ แล้วกันต์ก็ใช้ช้อนเขี่ยมันไว้ที่ขอบจานข้าว ใกล้จนได้ยินเสียงบ่นงึมงำของหนุ่มรุ่นน้องประมาณว่าก็รู้ว่าไม่กินแครอทยังจะตักมาใส่จานทำไม เอ่อนี่ท่านประธานตักกับข้าวให้เลขา มันผิดคอนเซ็ปไปนิดหน่อยหรือเปล่าครับ ที่ถูกมันน่าจะเป็นเลขาคอยบริการเจ้านายไม่ใช่เหรอ
 
แต่สายตาของอีกคนนี่สิมองกันต์แล้วยิ้มน้อย ๆ ตลอดเวลา นี่อย่าบอกนะว่าคิดอะไรไม่ซื่อกับรุ่นน้องผม กันต์มันไม่ใช่เกย์นะโว้ย
ทุกคนเดินมาถึงพร้อมกัน ตลอดมื้อนี้ทุกคนคุยกันอย่างสุภาพผิดกับทุกครั้งที่ออกจะเสียงดังแล้วยังหลุดภาษาพ่อขุนออกมาตลอด คุณภูก็คุยเรื่องโครงการที่น่านกับพี่พลเป็นระยะจนทุกคนทานข้าวเสร็จ เราก็ลุกเดินออกจากแคนทีนเพื่อนที่จะไปทำงานต่อในภาคบ่าย

“กันต์พี่ไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวว่าง ๆ จะโทรหา ยังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ใช่ไหม” ผมหันไปทวงสัญญาว่าจะไปหาพร้อมกับชวนทั้งน้าหลานไปออกกำลังกาย

“จำได้ครับพี่ทายไม่ลืมหรอกน่า แล้วอย่าลืมโทรมานะ ผมจะรอ” แต่ผมรู้สึกว่าตลอดเวลาที่ผมคุยกับกันต์สายตาดุดันของคุณภูดูจะจ้องผมไม่วางตา จ้องแบบไม่ชอบใจเสียด้วย รีบไปดีกว่าดูท่าทางอากาศแถวนี้จะไม่ค่อยดีหายใจลำบาก แต่พอมองไปเห็นร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งก็ทำให้ผมมองตามสายตาที่มองไปที่กันต์ ทีนี้ชักจะแน่ใจแล้วว่าร่างสูงนี้คิดอะไรกับรุ่นน้องผมแน่นอน

หลังจากลงมาทำงานในช่วงบ่าย เลิกงานแล้วพวกผมก็นัดเจอกันอีกครั้งที่ผับประจำของกลุ่ม มันก็ต้องมีหาเรื่องกินเหล้ากันล่ะครับ นาน ๆ เจอกันแบบนี้ ร่ำลากันพอเป็นพิธีผมก็เดินเรื่อย ๆ มายังลิฟท์เพื่อไปยังที่จอดรถ

กลับคอนโดไปอาบน้ำเดี๋ยวเวลานัดค่อยออกมาเจอพวกมันใหม่ โสดมันก็ดีอย่างนี้แหล่ะ ไปไหนไม่ต้องรายงานใคร ไม่ต้องเอาใจใคร บางทีการตามง้อก็ทำให้ผมเบื่อเหมือนกัน เพราะงั้นโสดแต่เหงาเราทนได้

 
**************************************************************

ต่อข้างล่างค่ะ



หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 24 @04-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 08-11-2016 11:32:24
ต่อจากข้างบน....

เสียงเพลงดังอึกทึกเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปด้านใน พวกมันโทรมาตามตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วเพราะผมออกมาช้าเผลอหลับไปนิดเดียวเอง มองหาตำแหน่งที่พวกมันนั่งกันอยู่เมื่อเห็นแล้วจึงก้าวเท้ายาว ๆ ผ่านกลุ่มมากมายที่ยืนเต้น ยืนคุยกัน ตลอดทางมีคนหันมาส่งยิ้มให้พร้อมสายตาเชิญชวน แต่ผมก็แค่ยิ้มตอบยังคิดจะสานต่อใครตอนนี้ เพิ่งมาถึงเองครับยังมีตัวเลือกอีกเยอะอย่าได้รีบ

“มึงมาช้าไอ้ทาย พวกกูจะเมากันอยู่แล้วเนี่ย” พี่พลตะโดนทักพร้อมกับยื่นแก้วเหล้าส่งมาให้ทันทีที่ผมนั่งลงกับโซฟา

“ให้ผมนั่งก่อนก็ได้พี่ค่อยส่งแก้วเหล้ามาให้ ไม่ต้องรีบ ๆ” แต่ก็ยื่นมือไปรับแก้วมาดื่มก่อนวางลงบนโต๊ะข้างหน้า หันไปมองพวกมันก็เห็นว่ามีผู้หญิงมานั่งอยู่ด้วยคงจะหาได้แถว ๆ นี้แหล่ะ ไวไปป่ะวะ นี่เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง  พวกเราคุยกันไปหลายเรื่องรวมถึงเรื่องโครงการใหม่ครั้งนี้ด้วย พวกมันก็สลับกันเดินหายไป กลับมาอีกทีก็มีสาวสวยหุ่นดี มายืนเบียดอยู่ข้าง ๆ ส่วนผมนะเหรอ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะเดินออกไปหาเพื่อนนอนหรอกครับ ช่วงนี้ยังติดเบื่อ ๆ อยู่ปล่อยให้พวกมันลั่นล้าไปดีแล้ว

เหล้าก็ดื่มไปไม่เยอะแต่ทำไมวันนี้รู้สึกว่ามึน ๆ วะ ไปห้องน้ำก่อนดีกว่า คิดได้ก็ลุกขึ้นจากโซฟา ไอ้ต้น มองเห็นผมลุกจากที่นั่งจึงส่งเสียงถามออกมา

“มึงจะไปไหนไอ้ทาย”

“ไปห้องน้ำมึงจะไปกับกูป่ะล่ะ”

“ไม่ เชิญมึงไปคนเดียว” มันว่าแล้วส่ายหัวให้เชิงปฏิเสธ ผมเลยเดินมาตามทางแคบ ๆ ที่ไปห้องน้ำ ระหว่างทางก็มีนักเที่ยวทั้งหญิงชายอยู่เต็มทางเดิน บางคนใจกล้าหน่อยก็ยื่นมือมาลูบแขน ลูบอกระหว่างที่ผมเดินผ่านแล้วส่งสายตาเชิญชวนให้ แต่ผมก็ไม่ได้หยุดตอบรับคำเชิญนั้น เพียงแต่เดินตรงไปยังห้องน้ำตามเดิม

ก่อนถึงห้องน้ำเจอกับชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันได้ที่โดยที่ฝ่ายชายยืนพิงผนังหน้าห้องน้ำก้มหน้าซบอยู่กับซอกคอของหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งชุดเดรสสั้นรัดรูปสีน้ำเงิน โดยมีแขนเรียวขาวของหญิงสาวคล้องคอชายหนุ่มร่างสูงไว้ เรื่องอย่างนี้เห็นจนชินตาสำหรับสถานที่แบบนี้ จึงไม่ได้สนใจที่จะมองเป็นพิเศษแค่มองผ่านตาเท่านั้น ก็เล่นมายืนชิดประตูห้องน้ำแบบนี้เป็นใครใครก็มองทั้งนั้นแหล่ะ

กำลังจะเดินผ่านใบหน้าของร่างสูงก็เงยขึ้นมา สายตาคมเข้มหันมาสบกับตาผมพอดี เราจ้องตากันอยู่ชั่วครู่แล้วก็เป็นผมที่ละสายตาไปก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป จึงไม่ได้รับรู้ถึงสายตาที่จ้องมาเมื่อกี้มองตามร่างผมไปจนสุดสายตา

เปิดห้องน้ำมาถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นร่างสูงของผู้ชายมายืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่ผมเข้าไปทำธุระ

“ขอโทษครับขอทางให้ผมออกไปหน่อย”

“ไง ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่” อีกฝ่ายไม่ได้ถอยหนีตามคำขอร้องของผม แต่กลับทักออกมาอีกประโยคที่ไม่ได้คิดว่าจะได้ยิน
ผมเลยมองหน้าคนตรงหน้า ว่าเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าพลางทำหน้านึกอยู่นานจะว่าไปผมไม่เคยรู้จักกับพวกลูกครึ่งสักคน แล้วนี่เขาเข้ามาทักเหมือนกับรู้จักผมยังงั้นแหล่ะ

“จำฉันไม่ได้เหรอ อะไรกันเพิ่งเจอกันลืมกันเสียแล้ว” ไปเจอกันตอนไหนวะ หน้าอย่างนี้ไม่รู้จัก

“ผมจำได้ว่าไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน ขอทางผมด้วยครับจะรีบไป” ผมบอกปัดแล้วก้าวไปเพื่อให้ชายหนุ่มเปิดทางให้แต่อีกคนกลับยืนปักหลักอยู่กับที่จนผมต้องชะงักเท้าแล้วเลี่ยงไปทางซ้าย กำลังจะพ้นกลับรู้สึกถึงข้อศอกที่มีแรงดึงเอาไว้

“จะรีบไปไหน เพิ่งเจอกันที่บริษัทไอ้ภูเมื่อตอนบ่ายเอง ไม่น่าความจำสั้นนะ” พอได้ยินประโยครื้อฟื้นความจำผมจึงได้ย้อนคิดไปถึงเพื่อนของคุณภูที่มาทานข้าวเที่ยงด้วย  ที่สำคัญผมจำแววตาที่มองรุ่นน้องผมได้ว่าเป็นประกายอย่างไร

“อ้อ ครับ จำได้แต่กรุณาปล่อยผมด้วย เพื่อนผมรออยู่”  ผมว่าแล้วยื่นมืออีกข้างไปแกะเอามือที่ยึดข้อศอกผมไว้ให้ปล่อยสักที
“จะรีบไปไหนกันล่ะ ฉันมีเรื่องอยากถามนาย”

“เฮ้ย คุณปล่อยผมเลยนะ ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณหรือตอบคำถามคุณหรอก” ผมรีบปลดมืออีกคนโดยใช้แรงเพิ่มขึ้น เมื่อหลุดจากการเกาะกุมแล้วรีบเดินหนีร่างสูง  แต่อีกคนคงไม่ยอมให้ผมหลุดไปง่าย ๆ กลับกระชากผมอีกรอบแล้วเปิดประตูห้องน้ำลากผมที่โวยวายเสียงดัง มือผมก็ทั้งแกะทั้งตี แต่มือหนาก็แน่นเหลือเกิน

“หยุดดิ้นแล้วเดินมาดี ๆ อย่าโวยวายนักเลย ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก” ร่างสูงเดินเร็ว ๆ ไปอีกทางผมก็พบว่ามีประตูเล็ก ๆ สำหรับออกไปข้างหลังร้าน

“แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมต้องตามคุณมาด้วย”

“อ้าว เงียบได้แล้ว” ร่างสูงกระชากให้ผมหันหลังติดผนังแต่ยังจับข้อมือผมไว้ไม่ปล่อย ส่วนอีกมือท้าวลงที่ผนัง ทำให้ผมได้แต่ใช้มืออีกข้างกันเอาไว้ไม่ให้ร่างสูงเข้ามาใกล้มากกว่านี้

“มาขึ้นขั้นนี้แล้ว คุณมีอะไรก็ว่ามาเลย ผมจะได้รีบเข้าไปข้างใน แล้วถอยออกไปห่าง ๆ เลย” ผมเริ่มมีโมโหแล้วครับไม่อยากพูดดีด้วยถ้าไม่เห็นว่านี่คือเพื่อนสนิทของคุณภูนะ

“นายรู้จักกับกันตพิชย์มานานหรือยัง” ถามถึงกันต์ทำไมอย่าบอกนะว่าที่ผมคิดว่าอีกฝ่ายสนใจรุ่นน้องผมเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อกี้ยังเห็นคลุกวงในกับผู้หญิงอยู่เลยนี่

“คุณจะอยากรู้ไปทำไม รุ่นน้องผมเป็นผู้ชาย อ้อ แล้วอีกอย่างผมว่าคุณอย่าไปยุ่งกับกันต์ดีกว่า”

“ฉันรู้ว่ากันตพิชย์เป็นผู้ชาย เพราะงั้นฉันถึงได้ถามไง นายบอกที่ฉันถามมาก่อนสิ”

“เรื่องอะไรผมจะบอกคุณแล้วเลิกยุ่งกับผมกับกันต์ได้แล้ว” ผมรู้สึกว่าแรงที่จับข้อมือผมจะน้อยลงเลยถือโอกาสกระชากให้หลุดจากการจับกุมแล้วใช้มือทั้งสองผลักให้ร่างสูงของคนตรงหน้าหลีกไปให้พ้นทาง  ร่างสูงที่ไม่ทันระวังตัวเลยเสียจังหวะ ผมรีบเดินแกมวิ่งอ้อมไปทางด้านหน้าทันที หลังจากหลุดพ้นจากร่างสูงมาได้ผมก็เดินเข้าไปข้างในอีกครั้ง พอไปถึงโต๊ะก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม แล้ววางลงเสียงดัง ทำให้พวกเพื่อน ๆ มันหันมามองหน้า

“มึงไปเข้าห้องน้ำแล้วทำไมเดินกลับมาทางนี้” พี่พลถามพลางทำหน้าสงสัย

“ไม่มีอะไรพี่ เห็นว่ามีทางออกด้านหลังเลยออกไปสูดอากาศข้างนอกเฉย ๆ”

พูดจบก็คว้าเอาเหล้าแก้วใหม่มาดื่มอีก แล้วเบนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้พี่แกมาสนใจอะไรนัก แต่สายตาดันไปมองเห็นร่างสูงของไตรทศอีกด้านหนึ่งของโซนวีไอพี กำลังมองมาทางนี้เหมือนกันทั้ง ๆ ที่ข้างกายชายหนุ่มก็มีหญิงสาวที่ผมคาดว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ยืนกอดกันหน้าห้องน้ำเมื่อกี้นั่งอยู่จนแทบจะนั่งตักกัน

“มองอะไรวะ ไหน ๆ หือ..มองสาวโต๊ะนั้นเหรอไอ้ทาย สวยดีนี่หว่าแต่เขามีเจ้าของแล้วนะโว้ย ดูท่าจะเสร็จคนที่นั่งเกยกันอยู่นั่นแหล่ะ แต่ว่าทำไมผู้ชายถึงได้หน้าคุ้น ๆ วะ” ไอ้เอกมันมองตามสายตาผมแล้วไปหยุดอยู่ที่โต๊ะอีกฝั่ง ผมเห็นมันมองเลยเลิกสนใจแต่มันยังไม่ยอมหันกลับมาทำให้ทุกคนต้องให้ความสนใจกับโต๊ะนั้นอีกรอบ

“ไหนใครหน้าคุ้น ๆ  อ้าว..นั่นมันคุณไตรทศเพื่อนคุณภูไม่ใช่เหรอวะ โห สาวแจ่มฉิบเลยมึง มึงดู ๆ นมเป็นนม เอวเป็นเอว แต่อย่างว่าแหล่ะ นั่นหนุ่มหล่อ บ้านรวย  จะควงสาวสวยขนาดไหนก็คงมีมาให้เลือกเยอะแยะ” ไอ้เก่งพูดออกมาพลางจ้องไปที่ผู้หญิงตาแทบถลน

“อย่างพวกเราหาอีกกี่ชาติวะจะได้สาวสวยแบบนั้นมานอนข้าง” ไอ้เอกบ่นโดยที่ลืมมองว่ามือมันนะโอบเอวผู้หญิงที่มันไปคว้าเอามาได้จากโต๊ะข้าง ๆ โดนหญิงสาวมองค้อนพร้อมหยิกไปที่มือครั้งหนึ่งเสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมาทันที ผมได้แต่ส่ายหน้าระอาใจกับพวกมัน
“แล้วมึงว่าตอนนี้คุณทศมองมาทางโต๊ะเราป่ะวะ” เสียงพี่พลดังขึ้นทำเอาพวกมันถึงกับเอะใจขึ้นมาอีกรอบ

“ผมก็มีความรู้สึกว่าเขามองมาเหมือนกันนะพี่ เขาจำพวกเราได้หรือเปล่า” ไอ้หินตอบพี่พลพลางพยักหน้าขึ้นลงหงึก ๆ

“เลิกมองแล้วหันมากันได้แล้ว เดี๋ยวเขาก็ว่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเขาหรอก” ผมว่าเสียงหงุดหงิดแล้วยกแก้วขึ้นดื่มอีกรอบ พวกมันเลยเลิกสนใจชายหนุ่มแล้วกลับมาคุยกันโวยวายเหมือนเดิม ซึ่งหางตาผมก็แค่เหลือบไปมองว่าอีกคนเลิกจ้องมาทางโต๊ะของผมหรือยัง แต่ผมยังรู้สึกได้ว่ายังคงมีสายตาคมเข้มจ้องมาตลอดเวลาแม้ว่าจะได้เวลาที่พวกผมจะกลับกันแล้วก็ตาม[/size]

******************************************************************

พักเบรคกัน มาติดตามชีวิตของอีกคู่กันดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2016 13:42:18
Thx
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-11-2016 13:50:47
 :L1: 
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-11-2016 17:38:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-11-2016 18:37:46
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 08-11-2016 23:55:42
คู่นี้คู่กันจริงๆด้วยสินะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 09-11-2016 13:45:15
 :jul1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 10-11-2016 22:45:44
เพทายไตรทศคู่นี้เหมาะกันสุดๆๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 11-11-2016 08:38:16
พี่ทศน้องทาย น่าจะรักกันแบบฮาร์ดคอร์ 5555
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-11-2016 15:28:38
เรื่องนี้สนุก แต่นิสัยน้ากันต์ไม่ค่อยน่ารักสำหรับเราเลย พูดจาไม่ค่อยเกรงใจผู้ใหญ่อย่างพระเอก  :hao5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 25 @08-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-11-2016 20:30:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 26 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 12-11-2016 08:36:27
ตอน 26 มีความซวย (ทศ xทาย)

หลังจากที่ผมโดนชายหนุ่มลูกน้องของไอ้ภูผลักจนเกือบกระเด็นออกมาจึงทำให้อีกคนรีบเดินกึ่งวิ่งหนีผม ไปทางด้านหน้าผับก็ไม่ได้ทำให้ผมรีบเดินตามไปหรอกนะครับ แล้วอย่าถามว่าทำไมผมถึงได้ลากอีกคนให้ออกมาด้วยกัน ตอนแรกมันไม่ได้คิดอะไรหรอก จำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ตอนที่ผมกำลังกอดคลุกวงในกับหญิงสาวที่เดินตามผมมา จังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นจากซอกคอ จึงได้สบตากับชายหนุ่มคนนึงที่คาดว่าคงจะมองผมอยู่นานแล้ว ขนาดผมจ้องกลับก็ยังไม่ละสายตาไป

จ้องกันได้ไม่นานอีกฝ่ายก็หันหน้าหนีเดินเลยไปเข้าห้องน้ำ ใบหน้าของชายหนุ่มดูจะคุ้นอยู่ไม่น้อยจึงนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งเจอกันเมื่อตอนกลางวันนี่เอง ตอนที่อยู่บริษัทไอ้ภูผมสังเกตเห็นนะว่าชายหนุ่มดูจะสนิทสนมกับกันตพิชย์เป็นพิเศษ เพราะผมมองดูตลอดเวลา คงเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงสิท่า น่าจะแอบชอบรุ่นน้องของตัวเองแต่ไม่กล้าสารภาพแน่นอนจึงได้แต่แอบทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่แสนดีแบบนี้

เห็นอย่างนั้นผมเลยคิดว่าคงต้องหาทางช่วยเพื่อนผมให้ลงเอยกับเลขาหน้าใสก่อนอีกคนดีกว่า เพราะดูท่าว่าเพื่อนผมคงจะชอบเลขาตัวเองไม่น้อย ดูได้จากการที่ผมหยอดกันตพิชย์ ซึ่งก็ทำให้หน้าหล่อเหล่าของเพื่อนผมบึ้งตึงขึ้นมาทันที ไอ้ผมก็แอบแหย่ไปเรื่อยเพราะอยากแกล้งมันเล่นเท่านั้นแหละ

แต่กับคนเมื่อกี้ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแหล่ะ ได้แต่บอกให้หญิงสาวที่ผมกอดไปรอที่โต๊ะเดี๋ยวผมตามไปจากนั้นเลยเดินตามร่างสูงของอีกคนเข้าห้องน้ำไปทันได้เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าห้องไหนจึงไปยืนรอที่ข้างหน้าประตู พอประตูเปิดออกมาร่างสูงก็ผงะแล้วขอให้ผมหลีกทาง มีหรือผมจะเชื่อ เราเถียงกันจนผมรำคาญจึงลากเอาอีกคนตามมาด้านหลังผับ แต่อีกคนก็ไม่ยอมทำตามผมสักอย่างแถมยังหลุดออกไปได้ ทำเอาผมออกจะหงุดหงิดกลับมาถึงโต๊ะเลยมองหาว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่ตรงไหน เมื่อพบจึงมองไปทางนั้นความสนใจทั้งหมดของผมกลับอยู่ที่ร่างสูงที่นั่งหน้าเรียบเฉยท่ามกลางเพื่อนที่ดูเฮฮา

ดูเหมือนว่าสายตาทั้งโต๊ะนั้นจะหันมามองทางนี้ แต่ผมก็ยังไม่เลิกมอง เพียงสักพักคนทั้งหมดก็หันไปคุยกันเหมือนเดิมมีเพียงชายหนุ่มนั่งเงียบคนเดียว ตลอดเวลาที่ยังอยู่ในผับผมเห็นว่ามีหญิงสาวหลายคนพยายามแวะเวียนมาชนแก้วหรือชวนชายหนุ่มคุย แต่ก็ไม่เห็นว่าตอบรับใครเป็นพิเศษนอกจากจะชนแก้วกันแล้วหญิงสาวแต่ละคนก็เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง

ผมลอบสังเกตหน้าตาของอีกฝ่ายถึงแม้จะไกลแต่ก็จดจำได้ว่าเป็นคนที่รูปร่างสูง น่าจะสูงประมาณ 180  เซ็นติเมตร หน้าตาดีค่อนข้างไปทางพิมพ์นิยมเลยล่ะ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ  ผิวที่ไม่ได้ขาวออกจะสีแทนด้วยซ้ำคงเนื่องจากเป็นวิศวกรซึ่งต้องออกแดดเลยทำให้ผิวค่อนข้างคล้ำกว่าผม

ตลอดเวลาที่อยู่ในผับสายตาผมก็แวะเวียนไปที่โต๊ะนั้นเสมอ จนหญิงสาวที่ตามมานั่งที่โต๊ะด้วยคงอารมณ์เสียเลยเดินทิ้งผมไว้ ซึ่งผมก็ไม่ได้แคร์อยากไปก็ไป ของแบบนี้ผมหาเมื่อไรก็ได้ แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างสนใจคนอีกโต๊ะมากกว่า

จนเมื่อได้เวลาที่ผับปิดบรรดาชายหนุ่มอีกฝั่งของร้านกำลังลุกขึ้นต่างคนต่างก็ช่วยกันพยุ่งร่างของคนที่เมา คนที่มีผู้หญิงก็คงจะไปต่อแต่คนที่กลับมือเปล่าก็มีอยู่ อย่างเช่นร่างสูงของเพทายนั่นก็คาดว่าจะกลับคนเดียว

มองภาพคนกลุ่มใหญ่เดินออกไปจากสายตารอจนคนบางตาผมกับกลุ่มเพื่อนจึงจะออกจากร้านเพราะไม่อยากแย่งกันออกช่วงนี้รถคงออกกันเยอะแล้วช้า ผมไม่ชอบมันน่ารำคาญ ออกหลังนิดหน่อยให้กลับกันไปให้หมดแล้วยิ่งดี

“ไอ้ทศ จะกลับเลยหรือเปล่าแต่น่าแปลกว่ะที่วันนี้มึงไม่หิ้วสาวกลับไปด้วย” เสียงใครสักคนดังขึ้นมาจากกลุ่มเพื่อนของผมมันคงแปลกใจน่าดู

“ไม่มีอารมณ์”

“ขนาดมีสาวมาให้ถึงที่มึงก็ไม่สนใจเขาจนเขาต้องไปหาคนใหม่  แต่กูเห็นนะว่าสายตามึงมองไปทางไหน” มันมองผมพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดหรือว่าผมจะหลุดให้พวกมันจับได้ไม่มีเสียหรอกครับ

“ก็แค่มองไปเรื่อย ๆ วันนี้เบื่อไม่อยากได้” บอกปัดมันไปแล้วเดินไปที่รถโบกมือลาเพื่อน ๆ ตอนนี้รถในลานจอดเริ่มน้อยลงแล้ว เดี๋ยวรออีกแป๊บค่อยออกไปดีกว่าจึงนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อน รอเพียงไม่นานก็ตัดสินใจขับรถออกจากร้านเพื่อกลับคอนโดที่ไม่ไกลจากที่นี่นัก

RRRR!!!! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาสะดุ้งสุดตัว ใครมันโทรมาตอนนี้วะ รู้ไหมว่ามันดึกขนาดไหนแล้ว เอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์ที่วางอยู่เบาะด้านข้างกำลังจะกดรับสาย กลายเป็นว่าไอ้เครื่องมือสื่อสารดันลื่นหลุดหล่นไปอยู่ที่วางเท้าด้านล่าง ทำให้ผมมองมันอย่างชั่งใจอยู่ว่าจะรับดีไหม แต่สายนี้คงต้องรับเพราะโทรทางไกลมาจากอิตาลี เสียงโทรศัพท์ก็ยังดังต่อเนื่อง

ตามองถนนรถคันที่ขับอยู่ข้างหน้าก็เห็นว่าอยู่ห่างพอสมควร ถอนหายใจพร้อมกับก้มลงไปควานหาตำแหน่งที่หล่น ส่ายมือเปะปะไปมาก็เจอโทรศัพท์ตัวต้นเหตุแต่ว่าพอเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหล่ะ ไฟท้ายรถคันหน้าทำไมมันประชิดติดหน้ารถผมขนาดนี้ แต่ผมกดเบรคไปสุดตัว  เฮ้ย !!! เมื่อกี้มันอยู่ไกลกว่านี้นี่หว่า มันขับหรือมันจอดไว้วะเนี่ย

เอี๊ยด!!!!!...โครม เอ่อรู้สึกว่าจะไม่ทันแล้วครับ โดนไปเต็ม ๆ รถคันหน้าไถลไปตามแรงกระแทก ผมว่าก็ไม่ได้ขับเร็วนะครับแต่ว่าไม่รู้ว่ามีรถคันข้างหน้าอยู่ตั้งแต่เมื่อไร รถคันหน้าจอดสนิทแล้วประตูด้านคนขับเปิดออกมาตามด้วยร่างสูงของเจ้าของรถเดินลงมาหน้าตาบึ้งตึง เดินมามองท้ายรถตัวเองที่โดนชนพลางเสยผมอย่างหงุดหงิด

ผมเปิดประตูรถลงเดินไปหาร่างสูงที่ยังก้ม ๆ เงย ๆ ดูผลงานของผมอยู่ ผมหันมามองหน้ารถตัวเองสลับกับรถคู่กรณี ยับเยินไม่แพ้กันแต่ดูท่าว่าท้ายรถของอีกคนจะหนักกว่า เพราะรถผมค่อนข้างเชื่อถือได้ว่าแข็งแกร่งพอตัว แต่รถญี่ปุ่นคันข้างหน้ายุบไปเยอะ

“นี่คุณขับรถประสาอะไร เพิ่งขับรถเป็นหรือไง ดูสิรถผมเยินไปหมดแล้ว” ร่างสูงดูจะหงุดหงิดมากที่รถตัวเองโดนชน

“ขอโทษที่ชนแต่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ผมว่าคุณนั่นแหล่ะผิดอยู่ดี ๆ จอดรถทำไมผมเลยเบรคไม่ทันมันก็ชนเอาสิ” ผมเอ่ยขอโทษออกไปแต่ดูว่าอีกฝ่ายจะไม่รับคำขอโทษง่าย ๆ เลยทำท่าฟึดฟัดอยู่

“คุณ!!! นี่คุณเองเหรอ บ้าชะมัดทำไมซวยอย่างนี้วะ ตั้งแต่ผมเจอคุณนี่อะไร ๆ ก็มีแต่เรื่องที่ซวยเกี่ยวกับคุณ ตัวซวยจริง ๆ เลย แล้วคุจะให้ผมขับรถเหยียบหมาตายรึไง ก็เห็นอยู่ว่ามีหมาเดินข้ามถนน ผมก็ชะลอรถสิ คุณนั่นแหล่ะไม่มีตาดูไฟเบรค มัวแต่ทำอะไรช่วยตัวเองอยู่รึไง ชิส์” ร่างสูงคงเพิ่งเห็นหน้าผม แถมยกมือมาชี้หน้าผมอีกต่างหาก คงอยากจะด่าผมอีกแต่กลับหยุดตัวเองไว้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเรียกประกัน ผมก็เลยนึกได้ว่าต้องโทรเรียกมั่ง

ระหว่างที่รอประกันฝ่ายนั้นก็ได้แต่กัดฟันจ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วหันหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนไม่อยากคุยกับผม

“นี่นี่ ผมบอกไปแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวประกันผมมาจะเคลียร์ให้ทุกอย่างไม่หนีไปไหนหรอกน่า”

“ก็มันแน่อยู่แล้วว่าคุณต้องรับผิดชอบเพราะคุณมันขับรถห่วยแตก อยู่ดี ๆ มาชนรถชาวบ้านคนอื่นแบบนี้ใบขับขี่นี่ซื้อมาหรือยังไงไม่ทราบ”

“อ้าว ๆ อย่างผมเนี่ยสอบเองไม่ได้ใช้เงินซื้อหรอกนะ ฝีมือก็มี” อีกฝ่ายหันมายิ้มเยาะสบช่องให้ได้ด่าผมก็ทำทันที

“เหอะ ขับรถแบบนี้ทำคนอื่นเขาเดือดร้อนทีหลังอย่าขับดีกว่า เมาแล้วทีหลังอย่าขับกลับแท็กซี่”

“ผมไม่ได้เมาครับแค่มันมีสาเหตุนิดหน่อยเลยทำให้รถชน”ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ๆ จะเอาอะไรอีก เนี่ยก็รอประกันจะได้เคลียร์ให้เรียบร้อย

รอประกันเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมา อย่างว่าแหล่ะมันดึกแล้วอีกฝ่ายก็ได้แต่ยืนกอดอกพิงประตูรถหน้าบึ้ง เกือบลืมเลยว่าเมื่อกี้ยังไม่ได้รับสายของอีกซีกโลก

“ฮัลโหล อืม เกิดเรื่องนิดหน่อยไม่ได้รับ ไม่มีอะไรแล้ว แล้วโทรมาทำไม รู้แล้ว ๆ จะพยายามให้ทัน แค่เดือนเดียวจะบ้ารึไง ใครมันจะไปเคลียร์ทันวะ  ขอสองเดือน แล้วแกจะไปไหนก็ไปฉันจะไปดูให้เอง แต่ว่าไปช่วยได้แค่เดือนเดียวนะ งานฉันก็เยอะ แค่นั้นมิคาเอลแกอย่าเยอะ อืม แค่นี้นะ” วางสายจากน้องชายที่อยู่คนละทวีป มันโทรมาทวงเพราะมันจะขอพักร้อนไปฮันนีมูนกับคนของมัน ทำให้ผมต้องเข้าไปช่วยมันดูงานแทนให้

“ขอโทษที่มาช้าครับคุณทศ” ประกันมาพร้อมกับคำขอโทษซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรมากมายเข้าใจครับว่ามันดึกมากแล้วใครก็พักผ่อนกันทั้งนั้นเป็นผมเสียอีกที่หางานให้อีกฝ่ายต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ แล้วพนักงานประกันก็เดินไปจัดการกับเอกสารพร้อมถ่ายรูปรถทั้งสองคัน ประกันของอีกฝ่ายก็มาแล้วและกำลังเจรจากันอยู่

“เดี๋ยวผมให้อู่มาลากรถไปซ่อมเลยนะครับเพราะว่าคุณเขาต้องการใช้รถเร็ว ๆ ทางผมอาจจะต้องหารถมาให้คุณเขาใช้แทนเวลาที่รถเข้าอู่ ถ้าเร่งให้คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 2 อาทิตย์ครับ”

“อืม เร่งให้หน่อยแล้วกันเพราะดูท่าอีกฝ่ายจะโกรธน่าดู แล้วพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปเอารถที่คอนโด วันนี้ผมจะขับคันนี้ไปก่อนไม่อยากนั่งแท็กซี่” บอกพนักงานเสร็จ ผมหันไปมองเพทายที่ยังยืนหน้าบึ้งดูสภาพรถตัวเอง เลยเดินเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างรถเจ้าตัว

“คุณไปเก็บของในรถให้หมด เอาไปใส่รถผมเดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน” ผมบอกเพทายให้อีกฝ่ายรับรู้

“ไม่ต้องผมกลับแท็กซี่เองได้” พูดจบก็หันหลังไปเปิดประตู ร่างสูงของเพทายก้มลงไปเก็บของใส่กระเป๋าตัวเอง มีทั้งแฟ้มงานเอกสาร หนังสือหลายเล่ม

“ตอนนี้มันไม่มีแท็กซี่ผ่านมาคุณจะรอไปอีกเท่าไรถึงจะได้กลับบ้าน ผมแค่ไปส่งเพราะต้องรับผิดชอบที่ทำให้รถคุณโดนชน”

ร่างสูงของเพทายหันมองถนนที่ตอนนี้เริ่มว่าง ปกติมันก็มีรถวิ่งอยู่ประปรายแหล่ะ แต่วันนี้ทำไมรถมันน้อยแล้วแท็กซี่ก็ยังไม่ผ่านมาสักคันเลยด้วย คิ้วของเพทายขมวดย่นเข้ามาชิดกัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น แล้วในอ้อมแขนยังเต็มไปด้วยสัมภาระมากมายพร้อมกระเป๋าใบโต นี่อะไรมากมายขนาดนี้ของเขากันนะ

เสียงถอนหายใจดังออกมาจากร่างสูง

“เปิดประตูรถคุณได้แล้ว ผมหนัก” น้ำเสียงสั้นห้วน ติดจะหงุดหงิดดังออกมาจากปากของเพทาย  ผมเลยเดินไปเปิดประตูหลังเพื่อให้อีกฝ่ายวางเอกสารไว้ จากนั้นมือใหญ่จึงเอื้อมมาเปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วพาตัวเองเข้าไปนั่งพร้อมปิดประตูรถดังปัง เอาเลยครับให้มันหลุดเลยถ้าจะปิดดังขนาดนี้

ผมสั่งให้พนักงานประกันรอรถที่จะมาลากรถอีกคันไปอู่ ให้จัดการให้เรียบร้อยแล้วผมก็เดินไปเปิดประตูเข้าไปนั่งพร้อมออกรถเพื่อที่จะไปส่งอีกคนที่บ้าน

“บ้านคุณอยู่ไหน” หันไปถามอีกคนที่ยังนั่งกอดอกไม่พูดไม่จา

“รัชดาซอย19 รู้จักไหม” บอกแค่นั้นก็เงียบแล้วมองตรงไปข้างหน้า ทำให้ผมต้องขับรถไปตามเส้นทางใกล็ถึงแล้วค่อยถามอีกทีแล้วกัน

ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม ทำให้เห็นว่าใบหน้าเรียวนั้นมีสันจมูกที่โด่งรับกับดวงตาเรียวรี ริมฝีปากที่ได้รูปส่งผลให้คนข้าง ๆ เป็นชายหนุ่มที่หล่อมากคนหนึ่ง และด้วยส่วนสูงที่มากกว่าชายทั่วไปซึ่งส่งผลให้ร่างสูงนี้ดูดีขึ้นไปอีก

คิดแล้วก็เสียดายประชากรชายอีกหนึ่งคนเพราะว่าผมแอบมองก็รู้ว่าคนข้าง ๆ แอบมีใจให้หนุ่มรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่กล้าที่จะสารภาพออกไปจึงได้แต่แอบมองอย่างนั้น  แล้วกันตพิชย์ก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะเป็นเกย์เลยแค่เป็นผู้ชายที่ดูไม่โผงผาง แต่ท่าทางก็ยังเป็นผู้ชายเต็มตัว แล้วไอ้ภูเพื่อนผมมันจะจีบกันตพิชย์สำเร็จหรือเปล่า มันคงต้องพยายามอย่างมากแหล่ะ เพราะว่ามันก็ไม่เคยจีบผู้ชายมาก่อน มีแฟนก็มีแต่ผู้หญิงตลอด

ผมเลี้ยวเข้ามาในซอยขับไปเรื่อย ๆ โดยที่เพทายก็บอกทางไปจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง

“จอดหน้าบ้านรั้วสีขาวหลังนี้แหล่ะ”  พูดจบก็ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูลงไปเพื่อไปหยิบของที่เบาะหลัง เมื่อได้ของครบแล้วอีกฝ่ายก็เดินหนีไปทันทีไม่หันมาพูดอะไรกับผมสักคำ ผมเลยได้แต่นั่งมองดูร่างสูงเดินเข้าไปในบ้านอย่างมึน ๆ

 

*********************************************************************************************


 

นี่ผมตื่นเช้าเพื่อมาทำอะไรหน้าบ้านหลังเมื่อคืนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าวะเนี่ย ได้แต่นั่งหาวตาปรอยครึ่งหลับครึ่งตื่นแต่ตาก็ยังมองไปยังประตูบ้านที่ปิดสนิทอยู่เรื่อย ๆ รออยู่ไม่นานก็เห็นประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับร่างสูงเดินสะพายกระเป๋าใบใหญ่ออกมา

เพทายมองมาที่รถยนต์ผมนิดนึงคงสงสัยว่าทำไมมีรถมาจอดหน้าบ้านตัวเอง แต่ก็ไม่ได้สนใจจนร่างสูงก็เดินเลยผ่านรถผมไป จนผมต้องรีบเปิดประตูรถลงไปเรียก

“ผมมารับคุณไปส่งที่ทำงาน” เสียงเรียกทำให้ร่างสูงหันมามองหน้าผมนิดนึง

“มาทำไม ผมไปทำงานเองได้เดี๋ยววันนี้ก็ได้รถที่อู่จะส่งมาให้ใช้แล้วไม่รบกวน ลาล่ะ” สิ้นเยื่อใยอย่างสิ้นเชิงจนทำให้ผมรีบเดินไปดึงแขนของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เดินไปเรียกแท็กซี่

“เดี๋ยวก่อน ผมบอกยกเลิกไม่ให้อู่ส่งรถมาให้คุณใช้แล้ว แต่ต่อไปผมจะมารับมาส่งคุณเอง” เพทายคิ้วขมวดเหมือนไม่แน่ใจว่าที่ผมพูดออกไปนั่นคือเรื่องอะไร

“นี่คุณจะบ้าเหรอ ทำไมต้องบอกยกเลิกแล้วผมจะใช้รถที่ไหน บ้านคุณรวยมีรถหลายคันแต่ผมไม่ใช่นะ” เถียงกลับมาเสียงขุ่น สีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“ก็ผมเพิ่งบอกคุณไปไงว่าผมจะมารับคุณไปทำงานเองแล้วขากลับก็จะแวะมาส่งที่บ้านให้ด้วย”

“ไม่เอา ถ้ายังงั้นผมไปทำงานเองได้ ไม่ต้องให้คุณมารับ เห็นหน้าคุณแล้วมันอารมณ์เสีย ซวยจริง ๆ แล้วปล่อยด้วยทำไมชอบจับนักหนา” ด่าจบก็สะบัดหน้าหนีเดินไปทันที แต่ผมก็รีบคว้าแขนไว้อีกรอบ

“อย่าดื้อ บอกอะไรให้ฟังกันบ้าง ผมบอกว่าจะมารับก็มารับ แล้วผมก็ไม่ได้มีเวลามากนักนะ ไปขึ้นรถเร็ว ๆ เลย อย่าให้ต้องใช้กำลัง” แต่ว่าลากเลยละกัน เปิดประตูด้านข้างคนขับก็ดันร่างสูงเข้าไปแล้วปิดประตู จึงเดินอ้อมไปอีกฝั่งจากนั้นจึงออกรถทันที หันไปมองอีกคนที่นั่งเงียบ ไม่ยอมพูดจา

“ทำไมผมมารับมันจะเป็นอะไรไป ยังไงผมก็สั่งไม่ให้เอารถมาให้คุณใช้แล้ว หรือว่าไม่กล้าไปกับผม” ไอ้คำว่าไม่กล้าเนี่ยท้าใครคนคนนั้นไม่รอดหรอก อวดเก่งกันทั้งนั้นแหล่ะ

“แล้วมันมีความจำเป็นอะไรที่ผมต้องมานั่งรถไปทำงานกับคุณ แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับความกล้าหรือไม่กล้าทั้งนั้น”

“ผมแค่อยากรับผิดชอบไงที่เมื่อวานขับรถไม่ดีทำให้คุณไม่มีรถใช้ แล้วใคร ๆ  ก็อยากให้ผมไปรับไปส่งทั้งนั้น    แหล่ะมีแต่คุณเนี่ยขนาดมารับยังต้องบังคับกันเลย”

“ก็ไปรับคนที่อยากนั่งสิ ผมไม่ได้อยากนั่งรถคุณสักนิด เกรงว่าจะทำให้คุณเสียเวลา” น้ำเสียงประชดกระแทกแดกดันดังออกมาจากริมฝีปากเรียบ ปากร้ายจริงนะ

“ไม่นานหรอกน่าแค่รถคุณซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องนั่งรถไปทำงานกับผมแล้ว”

“ตามใจถ้าอยากทำก็ทำแต่ถ้าวันไหนคุณขาดแม้แต่รับหรือส่งสักวันผมจะถือว่าคุณไม่มีความรับผิดชอบ แล้วคนอย่างคุณคงไม่อยากให้คนอื่นรับรู้หรอกนะว่าทำอะไรหยิบโย่ง แค่ความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำไม่ได้” ตอบงี้แสดงว่ายอมให้ผมมารับแล้วสินะ เสียแต่ปากนี่สิ ปากดีจริง ๆ

“ก็แค่นั้น มันจะไปยากอะไรแค่นั่งรถมากับผมดี ๆ” ใบหน้าของเพทายยิ้มเยาะที่มุมปากบาง ๆ

อีกคนที่นั่งเงียบตามองไปข้างหน้า ผมเลยไม่อยากเซ้าซี้เดี๋ยวจะไปกระตุ้นต่อมโมโหให้ทำงานแต่เช้า ตอนเจอกันครั้งแรกก็ไม่ได้คิดอะไรแต่ไม่นึกว่าร่างสูงจะแอบชอบรุ่นน้องของตัวเองดูท่าทางก็เป็นผู้ชายเต็มร้อยทั้งสองคน ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าจะเป็นเกย์ แต่จากที่สังเกตดูสายตาที่มองกันตพิชย์บางครั้งมันมีแววห่วงใยปนอยู่ แล้วจะให้ผมคิดยังไงได้นอกเสียจากแอบชอบกันตพิชย์

จากบ้านของเพทายไปถึงตึกสำนักงานไม่ได้ไกลมากแต่ว่าการจราจรที่คับคั่งในตอนเช้าก็ทำเอาผมเบื่อได้เหมือนกัน ก็บ้านผมมันไม่ได้อยู่ทางนี้นี่ครับ ยังด่าตัวเองอยู่เลยเนี่ยว่าอยู่ ๆ ก็หาเรื่องให้ตัวเองลำบาก ทำไมไม่ให้อู่เอารถมาให้ร่างสูงใช้ระหว่างซ่อมก็ไม่รู้

ดันออกตัวไปแล้วด้วยว่าจะมารับส่งจนกว่ารถจะซ่อมเสร็จ นี่ถ้าไม่เห็นว่าจะกันร่างสูงออกจากกันตพิชย์เพื่อไอ้ภูแล้ว ผมไม่ทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้หรอก เสียเวลาตาย ไม่ได้ผลตอบแทนอะไรด้วย

รถขับมาจอดหน้าตึกสูงย่านธุรกิจกลางเมืองหลวง เพทายปลดเข็มขัดนิรภัยหันมามองหน้าผมนิดนึงก่อนละลงผมเลยรีบคว้าเอาแขนของอีกฝ่ายเอาไว้

“วันนี้เลิกงานกี่โมง”

“ปกติ 5 โมงเย็น แต่ว่าช่วงนี้คงเลิกดึก เพราะต้องทำโครงการใหม่ของคุณภูไม่รู้ว่าจะเลิกกี่โมง”

“งั้นเอาเบอร์โทรคุณมา เลิกงานแล้วโทรบอกเดี๋ยวผมมารับ” ผมยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้กับอีกคนเพื่อให้เมมเบอร์เอาไว้ มือเรียวยื่นมารับแล้วกดเบอร์ตัวเองไว้ เสร็จแล้วยื่นโทรศัพท์ส่งคืนมาให้ผม ผมมองดูแล้วพบเบอร์เพทายก็พอใจที่ว่าง่ายกว่าเมื่อกี้เยอะ

“ผมทำงานก็น่าจะดึกเหมือนกันแต่ถ้าวันไหนมารับไม่ได้จะโทรมาบอกก่อน”

“งั้นผมไปล่ะ” พูดจบก็เปิดประตูเดินลงรถเข้าไปในตึกโดยที่ไม่ได้หันมามองผมอีกเลย ช่วงที่ผมกำลังจะออกรถก็มีรถคันนึงมาจอดเทียบพร้อมลดกระจกลง แค่มาจอดข้าง ๆ กันก็รู้แล้วว่าเป็นรถใคร  อีกฝ่ายทำหน้าตางง ๆ คงไม่คิดว่าจะเจอผมตั้งแต่เช้า

“แกมาทำอะไรแต่เช้า มาหาฉันเหรอ” ภูดิสเอ่ยถามอย่างสงสัย

“เปล่า ฉันมาส่งคน” ยิ่งได้ฟังคำตอบเพื่อนผมมันยิ่งทำหน้างงไปกันใหญ่

“ส่งใครแกรู้จักใครนอกจากฉันในตึกนี้ด้วยเหรอวะ”

“เออน่า แค่คนเพิ่งรู้จักมีความจำเป็นนิดหน่อย เดี๋ยววันหลังเล่าให้ฟัง ฉันไปทำงานก่อนดีกว่า บายไอ้ภู” รีบหนีมันก่อนดีกว่ายังไม่อยากบอกมันตอนนี้ ผมเลยเหยียบคันเร่งขับหนีมันไปเกรงว่ามันจะเดินลงมาสอบสวนเอาความจริงที่ผมก็ยังไม่มีคำตอบให้มันตอนนี้หรอกว่าทำไมต้องทำอย่างนี้



*******************************************************************


คุณทศจะมาเป็นตัวกันพี่ทาย แล้วมันจะไปรอดเรอะ

ดูท่าพี่ทายก็ไม่สนใจคุณทศเหมือนกัน

คู่นี้มีซัมซิงแน่นอน ตามที่หลายคนคิดไว้เลย

บอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า เพราะซีนอารมณ์มันยากสำหรับเรา 555


ยังไงก็รบกวนฝากเพจด้วยนะคะ @มารน้อยเจ้าสำนัก

https://www.facebook.com/YAOI.rak/?fref=ts


หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 26 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-11-2016 10:11:46
แหม.. โทรศัพท์เป็นใจให้ทำความรู้จัก แต่.. ขอตินิดหนึ่งนะ ความเห็นส่วนตัว
เพทาย
 - หลังจากที่อ่านมา รู้สึกว่าแมนมากๆ แต่ทำไม ตอนนี้บรรยายออกสาว
มีงอน มีชิส์  มีสะบัดสบิ้ง ด้วย อยากให้บททายแมนๆ หน่อยนะ ไม่ต้องถึงกับโหด
เพราะตอนที่คุยกับกันต์นั้น เป็นบทพระเอกเต็มตัว
ทศ
- ที่ตามติดก็พอเข้าใจ แต่บทพูดแทนตัวว่า ฉัน นี่ออกจะมุ้งมิ้งไปหน่อยนะ
เพราะคนที่ไม่รู้จักกันดี ยังไงเขาก็แทนตัวเองว่าผมนะ อ่านไปบ่นไป อิอิอิ       

อยากได้แมนชนแมน ส่วนใครจะเป็นพระเอกนายเอกนั้น อยู่ที่ใครได้เปรียบก่อน
คนอ่านไม่เกี่ยงจ๊ะ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 26 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-11-2016 10:36:09
คู่นี้สนุกแน่ ทศพาย อิอิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 26 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 12-11-2016 11:42:07
แหม.. โทรศัพท์เป็นใจให้ทำความรู้จัก แต่.. ขอตินิดหนึ่งนะ ความเห็นส่วนตัว
เพทาย
 - หลังจากที่อ่านมา รู้สึกว่าแมนมากๆ แต่ทำไม ตอนนี้บรรยายออกสาว
มีงอน มีชิส์  มีสะบัดสบิ้ง ด้วย อยากให้บททายแมนๆ หน่อยนะ ไม่ต้องถึงกับโหด
เพราะตอนที่คุยกับกันต์นั้น เป็นบทพระเอกเต็มตัว
ทศ
- ที่ตามติดก็พอเข้าใจ แต่บทพูดแทนตัวว่า ฉัน นี่ออกจะมุ้งมิ้งไปหน่อยนะ
เพราะคนที่ไม่รู้จักกันดี ยังไงเขาก็แทนตัวเองว่าผมนะ อ่านไปบ่นไป อิอิอิ       

อยากได้แมนชนแมน ส่วนใครจะเป็นพระเอกนายเอกนั้น อยู่ที่ใครได้เปรียบก่อน
คนอ่านไม่เกี่ยงจ๊ะ
 :hao6: :hao6:

คือที่เราเลือกใช้ฉันเพราะว่ารู้สึกว่าทศอายุมากกว่า แต่พอมานึกดูแล้วก้อเห็นด้วยนะคะ

เดี๋ยวเราแก้ไขให้เนอะ

แล้วอาการของพี่ทาย มันแค่หงุดหงิด แบบระอา ๆ มั้ง เราก็ไม่แน่ใจว่าอาการที่ผู้ชายเบื่อเซ็งคนบางคนเป็นยังไง

แต่จะพยายามเขียนให้แมนกว่านี้คร้บบบ

ขอบคุณนะคะที่ติเรา จะปรับปรุงเพื่อคนอ่านที่รักมากทุกคน ^_^
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 12-11-2016 19:38:38
ตอน 27  เขินไปสิ

จากวันที่คุณภูกับน้องฟ้าไปทานข้าวเที่ยงด้วยวันนั้นกลับกลายเป็นว่าบ้านของเราสองคนสลับกันไปทานข้าวด้วยกันบ่อยมากขึ้น ท่าทีของคุณภูก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เมื่อก่อนไม่ว่ายังไงก็ดูดุ เคร่งขรึม แต่ช่วงนี้เวลาที่อยู่กันตามลำพังหรืออยู่กับเด็ก ๆ ร่างสูงก็แสดงความอ่อนโยนออกมาให้เห็นมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งมันทำให้ผมไม่ค่อยชินเท่าไร อย่างวันนั้นที่ยืนให้คุณภูจูบ มันทำให้หัวใจผมเต้นโครมครามเหมือนว่ามันจะหลุดทะลุออกมาจากอก

ไม่เคยมีใครที่เข้าใกล้แล้วทำให้ผมใจสั่นได้เท่านี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ผมไม่เคยมีแฟนเพราะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน มีเพื่อนสนิทไม่กี่คน แต่มาวันนี้คนที่ทำให้ผมจิตใจไม่ปกติกลับเป็นผู้ชายเสียได้

ผมนั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยจนไม่รู้ตัวเองว่านั่งจับปากกานิ่ง ๆ แต่สายตาผมกลับไปจ้องอยู่ที่ร่างสูงที่นั่งทำงานอยู่ข้างหน้าผม เวลาทำงานคุณภูก็ยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม  มองดูจมูกโด่งเป็นสันแล้วหน้าตัวเองชักจะร้อนขึ้นมา

“จ้องอะไร” เสียงทักทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว ถึงนึกขึ้นได้ว่านั่งเหม่อมองร่างสูงจนเจ้าตัวรู้สึก จะตอบว่าไงดีวะหาคำตอบไม่ทันซะด้วย

“เปล่าจ้องครับ แต่มองผ่าน ๆ”

“ก็ฉันเห็นว่านายจ้องอยู่ ยังจะมาปฏิเสธอีก”

“มองคุณภูนั่นแหล่ะ กำลังคิดว่าทำไมช่วงนี้คุณภูดูอารมณ์ดีกว่าปกติครับ” ผมถามในสิ่งที่สงสัยมาหลายวัน

“อ้าว นี่ฉันอารมณ์ดีเหรอ ไม่ยักรู้แฮะ” ร่างสูงวางปากกาแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมยกมือขึ้นกอดอก

“อ้อ วันนี้เดี๋ยวให้คนขับรถไปรับเด็ก ๆ มาที่ออฟฟิศนะ นายไม่ได้ไปรับหลาน ตอนเย็นจะพาไปทานข้าว”

“ทำไมไม่ทานข้าวที่บ้านกันล่ะครับ”

“อยากพาน้องฟ้ากับพวกนายไปเปลี่ยนบรรยากาศมั่ง ทานที่บ้านมาหลายวันแล้ว แล้วน้องฟ้าก็อยากไปทานข้าวริมแม่น้ำกับนาย” คุณภูตอบกลับมาไม่ให้ผมค้านได้เลยเล่นเอาน้องฟ้ามาอ้างด้วย

“ก็ได้ครับในเมื่อคุณตุลย์ตัดสินใจไปแล้วผมก็ไม่ได้ว่าอะไร”

จากนั้นจึงเลิกสนใจร่างสูงของอีกคน นั่งทำงานต่อไปเรื่อย ๆ ร่างสูงของคุณภูก็ไม่ได้คุยอะไรอีกต่างคนต่างทำงานของตัวเอง
ที่ผมต้องเข้ามานั่งทำงานตรงข้ามร่างสูงก็เพราะว่าคุณภูสั่งให้ผมเอาเอกสารที่เกี่ยวกับโครงการที่น่านมานั่งอ่านพร้อมทั้งสรุปอย่างย่อ ๆ โดยที่บอกว่าให้มานั่งทำตรงนี้มีอะไรไม่เข้าใจจะได้ถามได้ไม่เสียเวลา ไอ้ผมก็เลยต้องทำตามคำสั่งท่านประธานอย่างขัดไม่ได้ หอบเอาแฟ้มราคาวัสดุ ปริมาณวัสดุ มานั่งทำลิสต์รายชื่อและรวบรวมให้ง่ายเพื่อที่คุณภูอ่านเอกสารอีกรอบจะได้ไวขึ้น

ก้มมองดูนาฬิกาตัวเองพบว่าได้เวลาที่เด็ก ๆ เลิกเรียนแล้วตอนนี้น่าจะใกล้ถึงที่ออฟฟิศ นึกยังไม่ทันขาดคำดี ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดเข้ามาโดยนริศรา จากนั้นร่างเล็ก ๆ ของน้องฟ้าก็วิ่งปร๋อมาที่เก้าอี้ของคุณภูทันที  ส่วนตุลย์ก็วิ่งพาร่างอวบอั๋นมาตามหลังน้องฟ้าแต่มาหยุดอยู่ที่ข้างเก้าอี้ผม พร้อมยกมือไหว้ผมก่อนหันไปไหว้คุณภู

“คุณพ่อ” เสียงน้องฟ้าเรียกพ่อพร้อมยกมือไหว้ร่างสูง คุณภูวางปากกาลงแล้วเอื้อมมือแกร่งไปยกตัวน้องฟ้าขึ้นมานั่งตักพร้อมก้มลงหอมแก้มยุ้ยขาว ๆ นั้นฟอดใหญ่ทั้งสองข้าง

“หื้มมมม แก้มฟ้าช้ำแล้วครับคุณพ่ออย่าหอมแรง แล้วเจ็บด้วยหนวดตำแก้มฟ้าอ่ะ” น้องฟ้าเอามือดันหน้าคุณภูให้ออกห่าง พร้อมทำหน้ายู่ ทำเอาผมอมยิ้มกับท่าทางนั้น

“พ่อกำลังรออยู่เลยครับ น้องฟ้าหิวหรือยัง”

“หิวแล้วครับ ฟ้าอยากทานเค้กร้านข้างล่าง”

“งั้นเข้าไปล้างหน้าล้างมือกันทั้งสองคนเลย เดี๋ยวพ่อกับน้ากันต์พาลงไปทานเค้กกัน”

“ป่ะ น้ากันต์พาไปห้องน้ำดีกว่าครับ” ผมลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะพาเด็กไปห้องน้ำ

“เข้าห้องน้ำในห้องนี้แหล่ะ นั่นประตู” ร่างสูงยกมือขึ้นชี้ไปทางประตูบานหนึ่ง

น้องฟ้ากับตุลย์ปลดกระเป๋าเป้ของตัวเองลง แล้วกลับกลายเป็นน้องฟ้าเดินจูงมือตุลย์ไปที่ประตูบานนั้นก่อนผม และเมื่อเปิดประตูเข้าไป ผมก็พบเตียงนอนเล็ก ๆ อยู่ด้านในมีประตูบานเลื่อนอีกสองบาน ซึ่งผมเดาว่าคงเป็นประตูตู้เสื้อผ้ากับประตูห้องน้ำ

ผมเคยสงสัยว่ามันคือห้องอะไรวันนี้ได้คำตอบแล้ว มันคงเป็นห้องที่คุณภูเอาไว้พักผ่อนเวลาอยู่ออฟฟิศนั่นเอง รอเด็ก ๆ ล้างมือกันเรียบร้อย แล้วจึงเดินออกมานอกห้องก่อนออกมาผมมองไปที่เตียงเล็ก ๆ นั้นแล้วรู้สึกว่าแก้มมันร้อนนิด ๆ เมื่อนึกถึงวันที่ไปนอนค้างที่บ้านคุณภูแล้วยังตื่นมาในอ้อมกอดของร่างสูงอีกด้วย

“เสร็จแล้วเราไปกันเลยนะครับคุณพ่อ” น้องฟ้าเรียกคุณภูก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นยืนเดินอ้อมมาหาน้องฟ้าที่ยืนรออยู่คุณภูยื่นมือไปจับมือเล็ก ๆ ของน้องฟ้าแล้วเดินนำไปที่ประตูห้อง

ส่วนผมปล่อยให้ตุลย์เดินข้างน้องฟ้าไปแต่ผมก็เดินตามไปไม่ห่าง นริศรายกยิ้มเมื่อเราเดินผ่านโต๊ะทำงาน

“จะไปไหนกันหรือคุณภู”

“พาน้องฟ้าไปทานเค้กข้างล่าง”

“ทานให้อร่อยนะคะน้องฟ้า ทานเผื่อน้านริศด้วยนะ” พี่นริศโบกมือให้ร่างน้อย ๆ ที่ยิ้มตอบมาเช่นกัน

“ครับ เดี๋ยวฟ้าซื้อเค้กขึ้นมาฝากนะครับ”

ลิฟท์มาจอดพร้อมประตูที่เปิดออกเราเดินเข้าไปลิฟท์กดลงชั้นล่างที่มีร้านเค้กตั้งอยู่ เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกคุณภูกับน้องฟ้าเดินออกไปเป็นคู่แรกผมก้าวเท้าตามพร้อมกับตุลย์

“น้องฟ้าจะทานอะไรครับ แต่ตุลย์เลือกได้แค่อย่างเดียวนะ น้าให้กินแค่นั้น” ผมบอกน้องฟ้าแล้วจึงบอกกับตุลย์ ไอ้อ้วนทำหน้าตาเสียดาย ปากยื่นออกมาจนผมต้องเอามือไปบีบปากยื่นเป็นเป็ดนั้นไว้เบา ๆ แล้วหัวเราะ

“อื้อออออ อ้าอันอ่อยอุนอ่อน อุนเอ็บ” พยายามจะพูดแต่พูดไม่ได้ จึงได้แต่ส่งเสียงออกมา

“พูดอะไรตุลย์น้าฟังไม่รู้เรื่อง ฮ่าฮ่าฮ่า” แกล้งหลานนี่มันก็สนุกดีนะ แต่ก็ปล่อยมือออกจากปากตุลย์

“น้ากันต์อ่ะ งอนแล้ว” ใบหน้ากลมบูดเชียว  งอนหรออ้วนงอนหรอ

“ไม่ง้อนะอ้วน งอนเองหายเอง ถ้างอแงก็อดกิน” จบประโยคเท่านั้นแหล่ะ ใบหน้ากลมกลิ๊กหันมายิ้มแป้นเชียว เปลี่ยนสีไวมากอ้วน
“ใครงอน ไม่มี๊ ไม่มี ตุลย์ล้อเล่นเฉย ๆ หรอกน่า”

“ฟ้าเอาชิ้นนี้ครับคุณพ่อ” น้องฟ้าชี้ไปที่เจแปนนิสชีสเค้ก นุ่มฟูดูน่ากิน

“งั้นตุลย์เอาเค้กช็อคเหมือนเดิมครับ”

“โอเค คุณภูจะทานอะไรครับผมสั่งให้ แล้วคุณภูพาเด็ก ๆ ไปนั่งที่โต๊ะก่อนนะครับ” คุณภูสั่งกาแฟพร้อมเค้กที่ตัวเองจะทาน แล้วเดินจูงเด็ก ๆ ไปที่โต๊ะว่าง ผมจึงหันไปสั่งพนักงานแล้วจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มและเค้ก พนักงานบอกว่าเดี๋ยวจะนำไปส่งที่โต๊ะ ผมเลยเดินไปหาทุกคนที่นั่งเรียบร้อยแล้ว

น้องฟ้านั่งติดกับคุณภู ผมจึงเดินไปนั่งข้างตุลย์  รอกันไม่นานเครื่องดื่มและขนมก็มาเสริฟ เด็ก ๆ ยิ้มหน้าบายดีใจกันใหญ่ที่จะได้ทานขนม ส่วนคุณภูก็นั่งนิ่ง ๆ เหมือนเดิมแต่มีรอยยิ้มที่มุมปากนิด ๆ

เมื่อเด็ก ๆ ได้ขนมก็ตักทานกันอย่างอร่อย เผลอแป๊บเดียวขนมที่สั่งมาก็หายวับไปกับตา ปากน้องฟ้าเปื้อนขนมเค้กซึ่งมือแกร่งของคุณภูก็ยื่นทิชชู่มาเช็ดที่ริมฝีปากน้องฟ้าที่เลอะขนม น้องฟ้าเงยหน้ายิ้มตาเป็นสระอิให้กับคุณภู

ผมมองไปที่ตุลย์ก็พบว่ากินหมดแล้วเหมือนกันและกำลังยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่ม  ส่วนผมก็ตักขนมเข้าปากเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อนค่อย ๆ ละเลียดกินขนม อืมม ..อร่อยดีแฮะ กินกี่ทีก็ไม่เบื่อ

“ทานยังไงเลอะปากไปหมดแล้ว เด็กจริง ๆ เลยนายนี่” ผมได้ยินเสียงคุณภูเลยเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูง จากนั้นก็พบว่ามือใหญ่ของคุณภูยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับเลื่อนนิ้วโป้งไปตามริมฝีปากล่างของผมตั้งแต่มุมซ้ายลากไล้ไปตามมุมขวา ผมได้แต่นั่งตัวแข็งสบตากับตาคมเข้ม รู้สึกได้เลยว่าแก้มตัวเองร้อนขึ้น การที่คุณภูทำแบบนี้เรียกเลือดขึ้นสู่ผิวหน้าได้อย่างดี จากที่สบตาจึงเสมองไปทางอื่นก่อนจะหันมามองหน้าคุณภูอีกครั้ง จึงได้เห็นว่าคุณภูดึงมือตัวเองกลับไป

ผมนึกว่าคุณภูจะใช้ทิชชู่เช็ดคราบครีมที่เลอะนิ้วโป้งแต่ผิดคลาดคุณภูกลับยกนิ้วขึ้นดูดเลียแล้วมองสบตาผมพร้อมรอยยิ้มกับประกายตาที่วิบวับ ทำเอาผมนั่งเขินทีเดียว จะยิ้มใส่ตาผมทำไมครับรู้ไหมว่ามันทำให้ผมเขิน หน้าที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนขึ้นไปอีก แต่อีกคนก็ยังไม่วายส่งยิ้มมาใส่ตาผม

“คะ ... คุณภู ทีหลังยื่นทิชชู่มาให้ผมก็พอนะครับ” ผมส่งเสียงออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“มันช้าไม่ทันใจ เช็ดให้แหล่ะดีแล้วว่าอย่างนั้นไหม”

“มันจะไปดีได้ยังไงครับ เด็ก ๆ อยู่ แถมคนอื่นก็เยอะ อายคนอื่นเขามั่งนะครับ” ผมยังพยายามบอกให้ร่างสูงรับรู้ว่าผมอายแค่ไหนกับการกระทำแบบนั้นของตน

“อายทำไม ฉันอยากทำฉันก็จะทำ ไม่เห็นต้องสนใจใครเลย ส่วนเด็ก ๆ ก็ไม่เห็นหรอก มัวแต่ทานอยู่” คุณภูยังยืนยันคำเดิม

“ครับ ๆ ตามใจคุณภูเลย อยากทำอะไรผมจะไปว่าอะไรได้ล่ะครับ”

“ตามใจฉันจริงเหรอ พูดแล้วไม่คืนคำนะ ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”

“หือออ ตามใจบางเรื่องก็พอครับ” เกือบตกหลุมคุณภูอีกแล้ว เดี๋ยวนี้ยิ่งดูเหมือนจะเจ้าเล่ห์ขึ้นมากทีเดียว แล้วอีกอย่างช่วงนี้ร่างสูงถึงเนื้อถึงตัวผมตลอด  ยิ่งทำแบบนี้ผมยิ่งสับสนว่าตัวเองทำไมต้องยอมให้ร่างสูงทำอะไรแบบนั้นด้วย ไม่ว่าจะกอด จะหอม แล้วยิ่งไม่นึกรังเกลียดการกระทำเหล่านั้นอีกด้วย

น้องฟ้านั่งมองมาทางผมแล้วยิ้มแก้มป่อง

“น้ากันต์ครับคุณพ่อบอกว่าตอนเย็นจะพาไปทานข้าวที่ร้านอาหาร  วันนี้ไม่ต้องรอไปทานที่บ้านแล้ว น้ากันต์กับตุลย์ไปทานข้าวกับฟ้าแล้วก็คุณพ่อนะครับ”

ตุลย์หันมามองหน้าผมแบบอ้อน ๆ ตาโต ๆ จ้องอย่างมีความหวัง พร้อมกับเกาะแขนผมไปด้วย

“น้ากันต์ไปนะครับ ตุลย์อยากไปกินข้าวกับน้องฟ้า” พูดจบก็หันไปมองหน้าน้องฟ้าสลับกับคุณภู น้องฟ้านะยิ้มเสมอนั่นแหล่ะครับ แต่คุณภูคราวนี้ก็ยิ้มด้วยเหมือนกันพร้อมพยักหน้าให้ตุลย์

“ไปก็ได้ครับ” ผมตัดสินใจบอกออกไปพร้อมได้ยินเสียงเฮของเด็ก ๆ พร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของคุณภูที่ครั้งนี้ยิ้มกว้างออกมา

“น้องฟ้าทานแค่นี้พอนะครับเดี๋ยวตอนเย็นจะทานข้าวได้น้อยเนอะ” ผมหันไปบอกกับร่างเล็กของน้องฟ้า ร่างเล็กก็รับปาก

“น้ากันต์ครับฟ้าอยากนั่งกับตุลย์ น้ากันต์มานั่งข้างคุณพ่อได้ไหมครับ ฟ้าจะให้ตุลย์ดูอะไรในไอแพดด้วยครับ” น้องฟ้าขอร้องให้ผมย้ายที่นั่งสลับกับเจ้าตัว

“จะเล่นอะไรกันครับเด็ก ๆ”

“อ้อ มีเว็ปที่อาจารย์ให้มาดูเป็นเรื่องเกี่ยวกับนิทานภาษาอังกฤษเป็นการบ้านครับน้ากันต์” เสียงตอบกลับเป็นเสียงของหลานชายผมแทน ผมกำลังจะย้ายไปนั่งแทนที่น้องฟ้าแต่ร่างสูงของคุณภูกลับลุกขึ้นมาก่อน

“ตุลย์ลุกมานั่งแทนลุงแล้วกัน น้ากันต์จะได้ไม่ต้องลุกให้ลำบาก” เสียงคุณภูบอกให้ตุลย์ทำตามร่างอ้วนของตุลย์เลยลุกแล้วรีบวิ่งไปนั่งแทนที่ด้วยความรวดเร็ว

หึหึ ยังไวเหมือนเดิมนะเรื่องแบบนี้ ตุลย์จะพยายามอยู่ใกล้ชิดกับน้องฟ้าเสมอที่มีโอกาส ซึ่งน้องฟ้าเองผมก็คิด่าดีใจที่มีตุลย์อยู่ข้าง ๆ เหมือนกัน

คุณภูนั่งลงที่เก้าอี้แทนที่ตุลย์ที่ลุกไปแล้ว กลับลากเก้าอี้เข้ามาจนชิดกับเก้าอี้ของผม พร้อมใบหน้าคมเข้มหล่อเหลานั้นหันมามองหน้าผม

“ยิ้มอีกแล้วพักหลังนี่ชักยิ้มบ่อยไปแล้วนะครับ”

“หืม.. ยิ้มให้ก็ไม่ได้หรอ แล้วฉันยิ้มบ่อยขึ้นจริงๆ หรอ ไม่ยักรู้แฮะ” ร่างสูงที่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปก้มลงมากระซิบข้าง ๆ หูผม

“คุณภูครับ ใกล้เกินไปแล้ว” ผมบอกเสียงอ่อย ๆ เพราะว่าไม่อยากให้ร่างสูงเข้ามาใกล้กว่านี้เนื่องด้วยกลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวแข่งกันจนไม่รู้ว่าจังหวะที่เต้นจะทำให้หัวใจผมผิดปกติไปหรือเปล่า วันนี้หลายรอบแล้วนะครับ เกรงว่าสักวันคงหัวใจวายกันพอดี

“พูดเสียงดังเดี๋ยวจะรบกวนน้องฟ้า เห็นไหมว่ากำลังสนใจการบ้านอยู่” ยังครับยังไม่ยอมถอยห่างจากใบหน้าผม

“แล้วอีกอย่างฉันอยากเห็นนายหน้าแดงแบบนี้บ่อย ๆ น่ารักดี”

ยิ่งได้ยินคำพูดแบบนี้ยิ่งทำให้ผมร้อนไปทั่วทั้งหน้าคาดว่าคงหน้าแดงกล่ำแล้วล่ะตอนนี้ พอสบตากับสายตาคมเข้มยิ่งทำให้ผมเขินไปกันใหญ่ได้แต่หลบสายตาเป็นพัลวัน เสมองไปทางเด็กทั้งสองคนก็พบว่ากำลังสนใจอแพดที่อยุ่ในมือกันอย่างตั้งใจ

“ไม่แกล้งแล้วแต่ที่อยากเห็นนายหน้าแดงนะพูดจริง ๆ นะ”

“คุณภู....” เสียงเรียกร่างสูงดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับผมที่เงยหน้ามองร่างสูงของคุณภูอีกครั้ง ยังคงพบว่ารอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้จางหายไปไหนเลย

 *****************************************************************************************

“ไปรถฉันนะ ทิ้งรถไว้นี่แหล่ะพรุ่งนี้ฉันจะไปรับที่บ้าน” คุณภูเอ่ยออกมาเมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนเย็นและเราจะไปทานอาหารที่ร้านโปรดริมแม่น้ำของน้องฟ้ากัน

ร่างสูงของคุณภูขับรถเช่นเคยโดยที่ผมนั่งข้งคนขับส่วนด้านหลังเป็นที่นั่งของน้องฟ้ากับตุลย์ที่ดูเหมือนว่าตอนนี้เค้กที่ทานกันจะย่อยกันหมดแล้ว ระหว่างทางที่ขับรถสายตาของคุณภูมักจะหันมามองหน้าผมเสมอ ไม่ใช่ไม่รู้นะครับรู้ดีทีเดียวก็ใครบ้างจะไม่รับรู้ว่ามีคนอื่นจ้องหน้าตัวเองบ่อย ๆ

“ตั้งใจขับรถสิครับ อย่าหันมามองบ่อยนักสิครับ”

“รู้ได้ยังไงว่าฉันมองนาย”

“ต้องรู้สิครับในเมื่อผมมองทีไรก็เห็นคุณภูมองผมทุกครั้ง” ผมบอกออกไปเพราะไม่ว่าผมจะหันไปมองคุณภูตอนไหนก็จะเจอสายตามองกลับมาด้วยเหมือนกัน

“หึหึ แสดงว่านายก็แอบมองฉันเหมือนกันล่ะสิ” เย้ยยย หลุดปากแล้วไอ้กันต์

“เปล่าสักหน่อยครับ แค่บังเอิญหรอก”

“โอเค บังเอิญก็บังเอิญ แล้วก็บังเอิญว่าฉันชอบมองหน้านายด้วยก็เท่านั้นเอง” เสียงตอบกลับอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับใช้นิ้วเคาะพวงมาลัยรถไปด้วย

ทำผมเขินไปไม่เป็นอีกแล้วนะคุณภู ไม่ตอบแล้วเดี๋ยวเข้าตัว เมื่อผมเงียบร่างสูงก็ตั้งใจขับรถไปเรื่อย ๆ เราใช้เวลาไม่นานจนถึงร้านอาหาร จอดรถเรียบร้อยแล้วร่างสูงก็เดินมาอุ้มน้องฟ้าแล้วใช้อีกมือจับข้อมือผมให้เดินตามไปผมเลยต้องจูงมือตุลย์แล้วเดินตามร่างสูงเข้าไปในร้านอาหาร

พนักงานออกมาต้อนรับแล้วพาเดินไปทางโต๊ะที่คุณภูจองไว้ล่วงหน้า มีบางโต๊ะที่เวลาเราเดินผ่านก็มองตามแล้วยิ้ม ๆ ผมที่หันไปเห็นรอยยิ้มถึงกับเขินกับการที่ต้องถูกผู้ชายตัวสูงใยหน้าหล่อ เดินจับจูงแขนมาอย่างนี้

มาถึงโต๊ะพนักงานก็ถอยห่างอย่างรู้หน้าที่ รอจนเรานั่งกันครบทุกคนแล้วพนักงานจึงยื่นเมนูอาหารมาให้หลังจากสั่งอาหารไปหมดแล้ว  คุณภูก็มองหน้าผมแล้วคิ้วขมวดเล็กน้อย

“เป็นอะไรหน้าแดง ๆ มีไข้หรือเปล่า” พร้อมยื่นมือมาวัดไข้ที่หน้าผากของผม

“เปล่าครับไม่ได้เป็นไข้ แค่ เอ่อ..แค่”พูดไม่ออกครับไม่กล้าพูดออกไปว่ามีคนมองแล้วยิ้มให้แบบแปลก ๆ

“อ้าว ไม่เป็นไข้แล้วเป็นอะไรหน้าแดง ไหนบอกมาสิครับ  หืมมมมม” อื้ออออ..สิครับ.. ทำไมคำลงท้ายมันออดอ้อนแบบนี้แล้วผมจะทนไหวหรอครับ

“คือว่า ..เอ่อ..เมื่อกี้ตอนเดินผ่านโต๊ะข้างหน้ามีคนยิ้มให้ด้วยครับ”  พอจบประโยคที่บอกว่ามีคนยิ้มให้เท่านั้น   แหล่ะครับ ใบหน้าคุณภูกลับเหมือนมีเมฆหมอกคล้ำลอยมาปกคลุมทีเดียว

“ไหนโต๊ะไหน แล้วหันไปมองเขาทำไม ทีหลังเดินไม่ต้องมองคนอื่นนะ” น้ำเสียงหงุดหงิดเหมือนจะขัดใจส่งออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบที่เม้มแน่น พร้อมหันไปมองโต๊ะด้านหน้าที่เราเดินผ่านกันมา

“คือไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณภู”

“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วอย่างไหน” คุณภูยังคงไม่หายหงุดหงิดเพราะใบหน้ายังคงเรียบตึง

“คือว่าเขายิ้มออกมาประมาณว่ายิ้มแบบล้อเลียนหรือเหมือนแซว ๆ อ่ะครับ” ผมจึงได้แต่ต้องอาศัยความกล้าพูดออกไปก่อนที่คุณภูจะอารมณ์เสียมากกว่านี้

“ว่ายังไงนะ ล้อแบบไหน อย่าบอกนะว่ายิ้มที่เห็นฉันจูงมือนายเข้ามาในร้าน”

“น่าจะประมาณนั้นครับ” ผมว่าแล้วก้มมองโต๊ะไม่กล้าสบตาคมเข้มคู่นั้นที่พอได้ยินว่าผมอธิบายออกไปว่าลูกค้าโต๊ะนั้นยิ้มแบบไหนออกมาก็ทำให้คุณภูต้องยิ้มกว้างออกมาอย่างที่ผิดกับเมื่อกี้ลิบลับ

“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป นึกว่าจะมีคนยิ้มให้นายเพราะจะเข้ามาจีบเสียอีก”

“พูดอะไรแบบนั้นครับ ใครจะมาจีบผม แล้วผมก็เป็นผู้ชายนะ โต๊ะนั้นเขาก็เป็นผู้ชายทั้งสองคนด้วย” ผมเถียงออกไปเมื่อได้ยินว่าคุณภูพูดอะไร

“ทำไมจะจีบไม่ได้ ทีฉันยังจีบนายเลย”

“อะไรนะครับ คุณภูว่าอะไรนะ ใครจีบใครนะ” ผมหันไปถามคุณภูทันที แต่ว่าเด็ก ๆ ครับนั่งมองกันตาปริบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างของแต่ละคน ทำเอาผมต้องหน้าร้อนขึ้นอีกรอบ

“ก็ฉันไงนี่กำลังจีบนายอยู่ นายไม่รู้ตัวเลยหรือยังไง”

“พูดอะไรครับเด็ก ๆ นั่งฟังอยู่ด้วยเห็นไหม เลิกพูดเรื่องนี้ตอนนี้เลยนะครับ”

“ฟ้าไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่รู้เลยว่าคุณพ่อกำลังจีบน้ากันต์ด้วย เนอะตุลย์เนอะ” น้องฟ้าปิดปาดพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะคิดคักดังออกมาจากปากเล็ก ๆ น่ารัก ๆ นั่น ส่วนตุลย์นั่นเหรอ นั่งยิ้ม

“ตุลย์ก็ไม่เห็นหรอกครับ จีบกันได้ตามสบายไม่ต้องเกรงใจตุลย์กับน้องฟ้านะ เพราะตุลย์ก็จะจีบน้องฟ้าเหมือนกันกับคุณลุงครับ”

ใบหน้าของคุณภูหันไปมองหน้าตุลย์เลยทีเดียวครับ อาการแบบนี้หายไปนานจนนึกว่าคุณภูจะไม่หวงลูกชายเสียแล้วสิ ผมจึงได้แต่มองกิริยานั้นแล้วยิ้มออกมา

“คุณภูอย่าเพิ่งทำหน้าบึ้งสิครับตุลย์แค่ล้อเล่นเอง” ผมกลั้นยิ้ม แต่ร่างสูงของคุณภูหันกลับมาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ที่ฉันพูดไปฉันพูดจริงนะ แล้วจากนี้ไปก็อย่าหันไปมองคนอื่นอีกนะ ถึงจะแค่จีบแต่ฉันก็หวงรอยยิ้มของนาย ไม่อยากให้นายไปยิ้มให้ใครพร่ำเพรื่อ” คุณภูที่หันกลับมาแล้วบอกออกมา

“คุณภูทำผมไปไม่เป็นเลยนะครับ ไม่เคยมีใครมาพูดแบบนี้กับผมหรอกนะ เข้ามาจีบก็ไม่เคยมีด้วยครับ”

“แล้วนายเพทายอะไรนั่นล่ะ ไม่เคยจีบนายรึไง” เสียงทุ้มที่พอเอ่ยถึงเพทายกลับมามีอารมณ์อีกครั้ง

“พี่ทายเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยครับ ไม่เคยจีบผมสักหน่อย แล้วพี่ทายก็มีแฟนแล้วด้วยถึงจะเพิ่งเลิกกับแฟนก็เหอะนะ”

“นั่นไง คบหญิงบังหน้าหรือเปล่า แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมปล่อยนายให้คนอื่นหรอกนะ”

“คิดอะไรอย่างนั้นครับ พี่ทายแกชอบผู้หญิงจริง ๆ ครับไม่ใช่ผมหรอก”

“ถ้านายบอกแบบนั้นฉันก็จะเชื่อ แต่ยังไงก็ยังไม่วางใจหรอกนะ” น้ำเสียงร่างสูงเริ่มดีขึ้นหลังจากได้ฟังผมบอกออกไป

“แล้วนายล่ะจะยอมให้ฉันจีบหรือเปล่า” ยังครับยังไม่หยุด นี่ไม่เห็นว่ามีเด็กตั้งสองคนแอบฟังอยู่รึไงเนี่ย

“ค่อยคุยกันทีหลังนะครับ เด็ก ๆ อยู่ด้วย” พอคุณภูได้ยินก็ถอนใจออกมา

“ก็ได้ หลังจากนี้นะถ้าเด็ก ๆ ไม่อยู่แล้วอย่าหวังว่าฉันจะปล่อยนายไปล่ะ” น้ำเสียงมาดมั่นทำให้ผมชักจะหวั่น ๆ แล้วสิว่าที่ผลัดไปก่อนนะมันดีไหม แต่คงจะดีแหล่ะให้ผมได้มีเวลาหายใจหายคอก่อนสักนิด

จากนั้นอาหารทั้งหมดที่สั่งก็มาเสริฟ เราใช้เวลาในการทานอาหารกันไปคุยกันไป เด็ก ๆ คุยกันถึงเรื่องงานลอยกระทงในสัปดาห์หน้าที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น คงจะตื่นเต้นกันน่าดู

“คุณภูดิส” เสียงเรียกชื่อคุณภูดังออกมาจากร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินมายังโต๊ะที่เรานั่งทานอาหารกันอยู่ทำให้ทุกคนต้องหันไปตามเสียงเรียกนั้น  ร่างระหงเดินมาด้วยท่วงท่างดงาม พร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างยินดีที่ได้พบกับคุณภู

“อ้าว รรินทร์ มาทานข้าวเหรอครับ” เสียงคุณภูเอ่ยทักหญิงสาวออกไปพร้อมลุกขึ้นยืนเมื่อร่างบางนั้นเดินมาถึงตำแหน่งที่คุณภูนั่งอยู่
“ค่ะ นัดเพื่อนไว้แต่เพื่อนยกเลิกนัดไปแล้วเพราะมีธุระด่วน รินทร์เลยกะว่าต้องทานข้าวคนเดียวเสียแล้ว ดีนะที่มองมาเห็นภูอยู่พอดี” หญิงสาวพูดยาวเหยียดออกมา

“น่าเสียดายจังแต่เราทานกันเสร็จแล้วครับรินทร์” พอหญิงสาวได้ยินใบหน้าสวยนั้นก็เหวอไปนิดนึง

“อ้าวอิ่มกันแล้วเหรอ นึกว่ายังเพิ่งเริ่มทานกันเสียอีกนะคะ นั่นน้องฟ้าหรือเปล่าคุณภูไม่เจอกันนานโตขนาดนี้แล้วเหรอคะ” หญิงสาวหันมาทางน้องฟ้าแล้วยิ้มให้ร่างน้อย ๆ นั่น

“ครับ น้องฟ้าครับจำน้ารินทร์ได้ไหม เพื่อนคุณแม่ครับ”

“ฟ้าจำไม่ได้ครับ” น้องฟ้ายกมือไหว้ก่อนจะบอกออกไปทั้งที่ยังทำท่าเหมือนกำลังนึกว่าหญิงสาวคนนี้เคยพบกันมาก่อนหรือเปล่า
“จำไม่ได้ไม่แปลกหรอกค่ะ ก็น้ารินทร์เจอน้องฟ้าตั้งแต่ตัวน้องฟ้า 2 ขวบกว่า ๆมั้งก่อนที่น้ารินทร์จะไปต่างประเทศเพิ่งกลับมาไม่นานนี่เอง” รรินทร์ยิ้มให้พร้อมยกมือรับไว้น้องฟ้า

หญิงสาวมองมาทางผมแล้วกันไปมองคุภณภู ได้ยินเสียงคุณภูถอนหายใจพร้อมกับน้ำเสียงเนือย ๆ ในการแนะนำ

“นี่รริทร์เพื่อนฉันเอง เป็นเพื่อนสนิทของแม่น้องฟ้าด้วย ส่วนกันตพิชย์เป็นเลขา แล้วนั่นตุลย์หลานชายกันตพิชย์” แนะนำหมดทำให้ตุลย์กับผมต้องยกมือไหว้หญิงสาว เธอก็ยิ้มพร้อมยกมือรับไหว้ด้วย

“เดี๋ยวนี้มีเลขาเป็นผู้ชายด้วยเหรอนึกไม่ถึงเลยนะคะคุณภู” รอยยิ้มงดงามส่งให้ร่างสูงของคุณภูที่ทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างปิดไม่มิด แล้วรอยยิ้มนั่นก็ส่งเลยมายังผมด้วย

“อิ่มแล้วเดี๋ยวจะกลับบ้านกันแล้วครับ” คุณภูยังพูดต่อเหมือนจะบอกปัดไม่ให้หญิงสาวร่วมโต๊ะด้วย ทำเอาผมขมวดคิ้วสงสัยกันเลยทีเดียว

“คุณรินทร์นั่งก่อนดีกว่าไหมครับ สั่งอะไรมาทานก็ได้เรานั่งเป็นเพื่อนได้ครับ” ผมเชิญให้ร่างบางนั่งลงด้วยเพราะไม่เห็นคุณภูจะมีท่าทีชวนให้หญิงสาวนั่งเลยสักนิด

“ไม่ล่ะคะ ขอบคุณนะคะเดี๋ยวรินกลับไปทานที่บ้านดีกว่า ถ้านั่งทานคนเดียวแล้วคนอื่นนั่งมองมันจะดูไม่ดีเนอะ แต่ขอคุยด้วยนิดเดียวก็จะกลับค่ะ” รรินทร์ปฏิเสธคำชวนของผม

แต่ร่างบางของรรินทร์ที่นั่งลงพร้อมคุยกับร่างสูงของคุณภูอย่างสนิทสนมทำเอารอยยิ้มที่ผมมีมาทั้งวันหายไปจากใบหน้า เพียงเพราะทั้งสองคนยิ้มหัวเราะให้กัน อาจจะเพราะไม่ได้เจอกันมานานถึงได้มีเรื่องคุยกันมากมาย หรือเพราะว่ารรินทร์เป็นสาวสวยคนนึงผมก็ไม่รู้ ที่รับรู้ก็มีเพียงหัวใจที่มันเหมือนจะวูบโหวงไป กับอาการที่ใจหวิว ๆ มันมาพร้อมกับอีกอาการนึงคือมันเจ็บจี๊ด ๆที่หัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

กว่าที่รรินทร์กับคุณภูจะคุยกันเสร็จก็ประมาณ 10 นาที เป็น 10 นาทีที่ผมไม่อยากมองไปทางคนทั้งสองเลยเพราะมันทำให้ผมรู้ว่าคำว่าคู่ควรมันเป็นยังไง

ก่อนกลับหญิงสาวยังก้มลงกระซิบข้าง ๆ หูของคุณภูซึ่งคุณภูก็ยิ้มทั้งตาทั้งปากอย่างที่ไม่ค่อยจะมีใครได้เห็นเท่าไรนัก แต่ทำไมพอหญิงสาวคนนี้พูดกลับทำให้ร่างสูงมีรอยยิ้มเกือบตลอดเวลา และรอยยิ้มนั้นทำให้ผมกลับต้องกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้แต่เสมองไปทางอื่นเท่านั้น

หลังจากรรินทร์กลับไปแล้วเราทั้งหมดก็ออกจากร้านอาหารเพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างทางผมที่นั่งเงียบไม่ยอมมองหน้าคุณภูเลยทำให้ร่างสูงต้องถามขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบนั้น

“นายเป็นอะไร ปวดท้อง หรือไม่สบายตรงไหนทำไมหน้าซีด”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่ทานข้าวแล้วปวดท้องนิดหน่อย” ผมตอบคำถามโดยที่ไม่หันไปมองคนถาม

“งั้นพักก่อนก็ได้ถึงแล้วจะปลุก”

“กันต์ กันต์ ถึงบ้านแล้ว” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นพร้อมแรงเขย่าตัวผมเบา ๆ ทำให้ผมลืมตาขึ้นมามองก็พบว่ารถยนต์ได้มาจอดที่หน้าบ้านตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“ขอบคุณครับสำหรับอาหารเย็นแล้วก็ที่มาส่ง” ผมหันไปยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกับเรียกตุลย์ซึ่งตุลย์ก็ทำแบบเดียวกับผม

“เดี๋ยวกันต์ อย่าลืมกินยาด้วยนะหน้านายซีดมาก ฉันเป็นห่วง” น้ำเสียงแสดงความห่วงใยดังออกมาจากปากร่างสูงทำเอาผมกลืนน้ำลายอยากลำบาก

“ครับ คุณภูไม่ต้องห่วงผมหรอกครับผมดูแลตัวเองได้ ฝันดีครับคุณภู ฝันดีนะครับน้องฟ้า” ผมไม่ลืมที่จะบอกลาพร้อมยิ้มให้น้องฟ้าอย่างยากเย็นกว่าที่เคย

หันหลังเดินเข้าบ้านเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมองหน้าชายหนุ่มในรถที่ทำหน้านิ่ว แววตาสงสัยของร่างสูง ระหว่างเดินเข้าบ้านภาพที่ทั้งสอง

คนในร้านอาหารยังติดตาผมไม่หายไปไหน

ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกแบบนี้

ทำไมผมถึงได้ปวดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทำไมผมถึงไม่อยากให้คุณภูยิ้มให้ใครที่ไหนนอกจากตัวเอง

ทำไมผมถึงได้หวงรอยยิ้มของคุณภู

ทำไมผมถึงอยากเป็นคนที่ทำให้คุณภูยิ้ม

หลายคำถามที่เกิดขึ้นผมยังตอบตัวเองไม่ได้รู้เพียงแค่ว่าผมหวงคุณภูนั่นมันจะเหมือนกับที่คุณภูบอกว่าหวงรอยยิ้มของผมได้หรือเปล่านะ ถ้าครั้งหน้าคุณภูถาม ผมจะบอกไปแบบนี้ได้หรือเปล่า



**********************************************************************

วันนี้ลงให้สองตอนกันไปเลย ฉลองเสาร์หรรษา ทำงานถึง 20.30


หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-11-2016 20:03:34
น้ากันต์หวงไม่รู้ตัวซะแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 12-11-2016 23:06:43
เย้ๆ  ลงอีกๆ  หนุกดี
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 12-11-2016 23:14:26
ต่อๆๆๆๆๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-11-2016 23:23:35
รักเค้าไปไม่รู้ตัวเลยน้ากันต์
ใจนี่ให้เค้าไปหมดแล้วแน่ๆ อาการขนาดนี้
แต่เพื่อนคนนี้แปลกๆนะ รู้สึกได้เลยอะ
รอค่าา บทของนางคงไม่จบแค่นี้รุป่าวอะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-11-2016 00:23:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-11-2016 07:40:26
กันต์อารมณ์งอนก็มานะ หึงเขาแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 27 @12-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 13-11-2016 15:55:15
น้ากันต์รักคุณภูเข้าแล้วสินะ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 28 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 14-11-2016 08:39:11
ตอน 28 แขนเป็นฟอ


ร้านอาหารที่มาทานกันเป็นร้านอาหารริมน้ำร้านโปรดของน้องฟ้าผมจองโต๊ะเอาไว้แล้ว ระหว่างทางก็แกล้งมองหน้ากันตพิชย์ให้ร่างโปร่งได้เขินใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ามอง แต่แกล้งไปมากก็ไม่ดีเดี๋ยวจะพาลโกรธกลับมาผมจะแย่เอาได้ ส่วนเด็ก ๆ นั้นนั่งเล่นกันอยู่ข้างหลัง

เรื่องที่จะพามาทานอาหารวันนี้ผมได้คุยกับน้องฟ้าเอาไว้แล้วเมื่อเช้าว่าให้น้องฟ้าชวนน้ากันต์มาทานข้าวเย็นกับเรา น้องฟ้ารับปากแล้วจัดเต็มด้วยการออดอ้อน จนอีกฝ่ายใจอ่อน ผมรู้ว่าเขาใจอ่อนกับน้องฟ้าแล้วก็หลานชายตัวอ้วนเท่านั้นแหล่ะ กับผมไม่ค่อยใจอ่อนให้หรอก ต้องหาโอกาสฉวยเอาเองตอนที่กันตพิชย์เผลอตัว

วันนี้ผมได้เห็นว่ากันตพิชย์หน้าแดงหลายครั้งมันทำให้ผมเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าอาการเขินหน้าแดงนั้นเกิดจากการกระทำต่าง ๆ ของผม ยิ่งคิดก็ยิ่งทำเอาผมอมยิ้มกับตัวเอง

ตอนอยู่ที่ร้านอาหารกันตพิชย์บอกว่ามีคนยิ้มให้ซึ่งพอผมได้ยินก็ทำให้หงุดหงิดขึ้นมาแต่เมื่อร่างโปร่งอธิบายมาแบบอึกอัก ก็ทำให้ผมยิ้มให้กันตพิชย์ ยิ่งเมื่อผมบอกว่าที่ทำอยู่นี่ก็กำลังจีบเจ้าตัวทำอยู่ ทำเอากันตพิชย์หน้าซับสีเลือดขึ้นมาทันทีแต่อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงไม่อยากให้คุยกันต่อหน้าเด็ก ๆ ซึ่งเด็ก ๆ รับรู้แล้วว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไร

มีช่วงนึงที่ตุลย์เผลอหลุดออกมาว่ายังจะจีบน้องฟ้า ทำเอาผมต้องหันไปมองหลานชายของกันตพิชย์แต่หูยังได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายอยู่ด้วย ไม่ใช่ว่าจะกีดกันหรอกนะ แต่ว่าลูกใครใครก็หวงไหมครับ ยิ่งลูกชายผมน่ารักแบบนี้ ต่อให้ยังไงก็ยังหวงอยู่ดี เฮ้อ ไอ้ที่จะให้ตุลย์ช่วยผมคิดเหลือเกินว่า ข้อแลกเปลี่ยนอาจจะเป็นน้องฟ้าก็ได้

ลูกชายก็หวง น้าชายก็อยากได้

เรานั่งทานอาหารกันไปเรื่อย ๆ จนผมได้ยินเสียงทักดังมาหันไปมองก็พบกับรรินทร์เพื่อนสนิทของภรรยาเก่าของผม ใจจริงผมไม่ค่อยอยากแนะนำรรินทร์ให้รู้จักกับกันตพิชย์เท่าไร เพราะรอยยิ้มแถมมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์นั่นแหล่ะ ทำให้ผมอยากไล่ให้อีกฝ่ายกลับไปเร็ว ๆ แต่กันตพิชย์ก็ยังชวนหญิงสาวนั่ง ผมเลยได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่าย

ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันนาน เวลานี้ผมก็ไม่อยากคุยกับเธอหรอกนะ แต่ว่าเมื่อรรินทร์นั่งลงแล้วเธอก็คุยมาหลายเรื่องทำให้ผมต้องนั่งฟังนั่งตอบคำถามเธอไป ก่อนไปรรินทร์ก้มลงมากระซิบข้างหู ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา

หลังจากออกมาจากร้านอาหารผมสังเกตได้ว่ากันตพิชย์เงียบไป เมื่อถามก็ได้คำตอบที่ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไรสำหรับผมแต่ก็ยอมให้อีกคนพัก

“กันต์ กันต์ ถึงบ้านแล้ว” ผมเรียกอีกคนที่นั่งหลับตา พออีกฝ่ายรู้สึกตัวก็หันมาทางผมใบหน้ากันตพิชย์ดูซีดเซียวหรือว่าจะปวดท้องจริง ๆ ผมชักเป็นห่วงแล้วสิแล้วอยู่กันแค่สองคนน้าหลานด้วยเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง

“ขอบคุณครับสำหรับอาหารเย็นแล้วก็ที่มาส่งครับ” กันตพิชย์ยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกับบอกลา

“เดี๋ยวกันต์ อย่าลืมกินยาด้วยนะหน้านายซีดมาก ฉันเป็นห่วง”
 
ร่างโปร่งรับคำแล้วเดินลงจากรถไปพร้อมกับตุลย์ ทำให้ผมมองตามอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อีกฝ่ายแค่บอกความต้องการของตัวเองไปแล้วก็ได้แต่หวังว่าร่างโปร่งจะไม่เป็นอะไรมาก

“กลับบ้านเรากันนะครับลูก” ผมหันไปยิ้มให้น้องฟ้าที่นั่งอยู่เบาะหลัง

คืนนั้นผมนอนหลับไม่สนิทได้แต่คิดถึงกันตพิชย์ เพราะปกติร่างโปร่งจะไม่ค่อยนิ่งเฉยเท่าไรนักซึ่งอาการแบบนั้นมันทำให้ผมรับรู้ได้ว่ามันผิดปกติไปจากเดิม เฮ้อ..ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วก็พยายามข่มตาให้หลับ พรุ่งนี้คงต้องไปหาอีกคนที่บ้านหลังติดกันซะแล้ว

เห็นหน้าซีดอย่างนั้นได้แต่เป็นห่วง แล้วยังดวงตาที่ส่งมาให้มันสั่นระริก มีแววความเศร้าปะปนมาด้วย ไม่ทันได้นึกอะไรแต่ก็ยังอยากหาสาเหตุนั้นอยู่ดี เพราะว่ามันสำคัญถึงได้คิดวนเวียนอยู่อย่างนั้น

ตื่นเช้ามาด้วยอาการเพลียนิดหน่อย แต่ปกติผมก็เป็นคนนอนดึกเป็นประจำอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อคืนมีเรื่องที่ยังติดใจก็ยิ่งทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน ตั้งใจไว้ว่าสาย ๆ จะไปบ้านโน้น

เดินไปเปิดประตูห้องน้องฟ้า พบว่าร่างเล็กของลูกชายนอนหลับตาพริ้มอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ยื่นมือไปปัดปอยผมให้ออกจากหน้าผากเนียนของลูก แล้วก้มลงหอมที่หน้าผากเบาๆ แพรขนตากระพริบปริบ ๆ ก่อนที่น้องฟ้าจะลืมตากลมขึ้นมามองพร้อมกับรอยยิ้มแรกของวัน

“อรุณสวัสดิ์ครับลูก” ผมยิ้มให้น้องฟ้าพลางยื่นมือไปลูบแก้มลูกชายเบา ๆ

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อ ตื่นเช้าจังเลย ฟ้ายังง่วงอยู่เลยครับยังไม่อยากตื่น”

น้องฟ้ายื่นสองแขนเข้ามาหาผมเหมือนะให้ผมอุ้มตัวเองขึ้นมา ผมเห็นจึงหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้ก้มลงไปอุ้มหรอกนะครับ กลับกันผมกลับล้มตัวลงนอนข้าง ๆน้องฟ้า พลางตวัดผ้าห่มคลุมร่างตัวเองให้วาดแขนไปกอดน้องฟ้าให้เข้ามาซุกอยูในอ้อมอก

“งั้นนอนต่อนะครับ พ่อนอนกับฟ้าดีไหมครับ”

“ดีครับ” เสียงน้องฟ้าพูดพลางซุกตัวเข้าหาอกผม พร้อมยกแขนอ้อมไปกอดตัวผม แต่แขนเล็ก ๆ นั้นโอบไม่รอบตัวผมหรอกครับ  กดจมูกลงไปกับหน้าผากเนียนอีกรอบก่อนจะหลับตาลงไปพร้อมร่างน้อย ๆ ของลูกชายสุดที่รักอีกรอบ

ผมตื่นอีกครั้งประมาณ 8 โมงกว่า ๆ ขยับตัวลุกออกจากเตียงอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้น้องฟ้ารู้สึกตัวจากนั้นจึงเดินเข้าห้องตัวเองไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะลงมาข้างล่าง

“คุณภูจะรับอาหารเช้าเลยหรือเปล่าคะ” เสียงแม่บ้านถามขึ้นเมื่อพบว่าผมเดินมานั่งที่ห้องรับแขก

“ยังครับ เดี๋ยวรอน้องฟ้าตื่นก่อน ค่อยทานพร้อมกัน”

หยิบรีโมททีวีเปิดดูข่าวทั้งไทยทั้งต่างประเทศได้ประมาณครึ่งชั่วโมง น้องฟ้าก็เดินลงบันไดมาผมหันไปยิ้มรับ

“ตื่นแล้วเหรอครับ นอนพอไหมเนี่ย” น้อง้ฟาเดินมาข้างหน้าผม ผมเลยจัดการยกตัวลูกชายขึ้นมานั่งตักแล้วก้มลงไปหอมแก้มขาวสองข้าง

“ตื่นแล้วครับ นอนพอด้วย ทำไมคุณพ่อไม่ปลุกฟ้าละครับฟ้าจะได้ลงมาพร้อมกับคุณพ่อ” ใบหน้าเล็กของน้องฟ้าเงยหน้ามาถามผม ทำเอาผมหมั่นเขี้ยวอดที่จะหอมแก้มยุ้ย ๆ นั่นอีกรอบไม่ได้

“ก็พ่ออยากให้น้องฟ้าพักผ่อนเยอะ ๆ นี่ครับจะได้โตไว ๆ ไง ว่าแต่น้องฟ้าหิวหรือยังครับ นี่สายแล้วนะ”

“หิวแล้วครับ วันนี้มีอะไรทานครับ”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ งั้นไปทานเข้ากันดีกว่าเนอะ”

ผมอุ้มน้องฟ้าเดินมาทางห้องอาหารแขนเรียวเล็กก็โอบรอคอผม มาถึงผมก็วางน้องฟ้าที่เก้าอี้ประจำตัวของน้อง ส่วนตัวผมก็นั่งที่ประจำ แล้วแม่บ้านก็เดินมาเสริฟอาหารเช้า วันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งของโปรดน้องฟ้า  พร้อมนมสดอุ่นที่น้องฟ้าชอบให้ใส่เฮลบลูบอยสีแดงให้มีกลิ่นหอมนิดหน่อย

    
“คุณพ่อครับ วันจันทร์มีงานลอยกระทงที่โรงเรียนครับ แล้วคุณครูให้ทำกระทงด้วยครับ”

น้องฟ้าทานข้าวต้มหมดถ้วยก็หันมาทางผมแล้วบอกถึงเรื่องกิจกรรมที่โรงเรียน

“แล้วต้องให้ผู้ปกครองไปด้วยหรือเปล่าครับ” ผมถามน้องฟ้า

“คุณครูบอกว่าถ้าผู้ปกครองว่างก็ไปช่วยทำกระทงด้วยจะดีมากครับ ตอนเย็นจะมีงานด้วยเหมือนกันครับ เราจะลอยกันที่สระน้ำของโรงเรียน”

“ได้ครับงั้นวันนั้นพ่อจะไปทำกระทงกับน้องฟ้านะครับ” ผมรับปากแล้วยิ้มให้น้องฟ้าซึ่งน้องฟ้าก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างยินดี

“ขอบคุณครับคุณพ่อ ฟ้าดีใจจังที่คุณพ่อจะไปช่วยฟ้าทำกระทง”

“ต้องไปสิครับ ลูกพ่อชวนทั้งทีนี่นาเนอะ”

ปกติวันหยุดแบบนี้ปกติถ้าผมไม่มีงานด่วนหรือมีนัดกับลูกค้า ผมจะพยายามอยู่กับน้องฟ้า เราจะหากิจกรรมมาทำไม่ว่าจะเป็นดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกาย จะผลัดกันไปในทุก ๆ วันหยุด

วันนี้ก็เช่นกัน น้องฟ้าชวนผมให้นั่งเล่นเกมส์ต่อคำภาษาอังกฤษ เรานั่งอยู่บนพื้นพรมหน้าทีวี  พอช่วงบ่ายหลังอาหารกลางวัน ผมก็คิดว่าจะไปบ้านโน้นเพื่อไปหากันตพิชย์ ที่ไม่อยากไปช่วงเช้าเพราะเกรงว่าชายหนุ่มอาจจะต้องทำงานบ้านก่อน

“น้องฟ้าครับ เราไปบ้านน้ากันต์กันดีไหมครับ” น้องฟ้าเลยหน้าจากเกมส์มองหน้าผมยิ้ม ๆ

“ไปครับ ฟ้าอยากไปเล่นกับตุลย์ ฟ้าเอาเกมส์ไปด้วยได้ไหมครับ”

“ได้ครับ มาเดี๋ยวพ่อถือให้” ผมตอบรับน้องฟ้า มือเล็กเลยเก็บรวบเกมส์ทั้งหมดใส่กล่องแล้วยื่นให้ผมช่วยถือก่อนที่เราสองคนจะออกมานอกบ้าน ผมกับน้องฟ้าขี่จักรยานออกมาเพราะมันใกล้เดินกว่าจะเอารถออก แต่ถ้าเดินตอนนี้ก็ร้อนเกินไปอีกด้วย

ถึงหน้าบ้านหลังติดกัน ผมจอดจักรยานแล้วมองเข้าไปข้างในบ้านเห็นประตูบ้านเปิดอยู่จึงกดออดเรียก จากนั้นไม่นานจึงเห็นร่างโปร่งชะโงกหน้ามามอง พร้อมกับเดินออกมา

“สวัสดีครับคุณภู มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” กันตพิชย์เปิดประตูออกมาถามผมที่ยืนอยู่หน้าบ้าน พร้อมมองมาทางน้องฟ้าส่งยิ้มให้บาง ๆ
“พาน้องฟ้ามาเล่นกันตุลย์น่ะ ขอเข้าไปได้ไหม”

ประตูถูกเปิดจนกว้างพอที่ผมและน้องฟ้าจะจูงจักรยานเข้าไปข้างในบ้านได้ ร่างโปร่งจึงปิดประตูแล้วเดินตามผมเข้ามาจนเมื่อจอดจักรยานแล้วนั่นแหล่ะ จึงหันไปมองคนด้านหลัง

“สวัสดีครับน้ากันต์ ฟ้ามาชวนตุลย์เล่นเกมส์ครับ ฟ้าขอเข้าไปหาตุลย์นะครับ” น้องฟ้ายกมือไหว้ร่างโปร่ง ซึ่งร่างโปร่งก็ยกมือขึ้นรับไหว้ตอบเช่นกัน

   
“ครับผม ตุลย์อยู่ข้างในครับน้องฟ้าเข้าไปได้เลย” ผมจึงยื่นกล่องเกมส์ที่ถือมาด้วยให้น้องฟ้าไป ร่างเล็กของน้องฟ้าวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

ลับร่างน้องฟ้าผมก็มองหน้าใสของกันตพิชย์เห็นเพียงแต่ใบหน้าเรียบเฉย ออกจะซีดเซียวด้วยซ้ำ เหมือนใต้ตาจะคล้ำลงแบบคนอดนอนมาอย่างนั้นแหล่ะ

“ปวดท้องหายหรือยัง ทานยาหรือเปล่า หน้ายังดูซีดนะ” ผมถามกันตพิชย์ที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหน้า

“หายแล้วครับ ไม่เป็นอะไรแล้วที่หน้าซีดคงเพราะเพิ่งหาย”

“แล้วทำไมตอบคำถามไม่มองหน้าฉัน ไหนเงยหน้ามาแล้วบอกมาสิว่าเป็นอะไรไป”

ผมยื่นมือไปใช้ปลายนิ้วเชยคางมนชึ้นมาเพื่อให้ดวงตาเรียวมองสบตาผม เมื่อผมจ้องเข้าไปในดวงตาก็พบว่าดวงตาของร่างโปร่งสั่นระริก

“เป็นอะไรไปครับ ไหนบอกมาสิหืมม... อย่าเงียบแบบนี้ฉันใจคอไม่ดี ไหนว่าไม่ปวดท้องแล้วไง นี่ทำหน้ายังกับจะร้องไห้แล้วนะเนี่ย” ผมยื่นมืออีกข้างที่ว่างไปจับมือเรียวมากุมไว้พร้อมทั้งลูบที่ฝ่ามือเบาๆ

“เปล่าครับแต่เวลาที่ไม่ค่อยสบาย ผมก็เป็นแบบนี้ประจำ” เสียงที่เอ่ยออกมามันเบาหวิวแต่ผมก็ยังได้ยิน

“ไหนมาคุยกันก่อน” ผมเดินจูงมือร่างโปร่งให้ไปข้างในบ้านมองเห็นเด็ก ๆ นั่งเล่นเกมส์กันอยู่ก็เดินตรงเข้าไปที่ห้องครัวทันที

ผมดันร่างโปร่งให้นั่งลงไปบนเก้าอี้ส่วนตัวผมนั่งคุกเข่าลงข้างหน้า ทำให้ใบหน้าผมอยู่สูงกว่าใบหน้าของร่างโปร่งแค่นิดเดียวเท่านั้น  กันตพิชย์พร้อมใช้สองมือจับกุมมือเรียวบางเอาไว้ แต่ใบหน้าของกันตพิชย์ก็ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

“กันต์ครับ พี่ถามว่าเป็นอะไร เจ็บตรงไหนกันต์ก็ไม่บอกพี่ เอาแต่บอกว่าไม่เป็นไรแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เนี่ย พี่ไม่เชื่อนะครับ” ผมพยายามหลอกล่อถามร่างโปร่งตรงหน้าของผม
 
“กันต์เงียบตั้งแต่เมื่อคืนพี่รู้สึกได้ แต่พี่ไม่รู้ว่าอะไรทำให้กันต์มีอาการแบบนั้น กันต์บอกพี่ว่าปวดท้องพี่ก็เชื่อ แต่มาตอนเช้าพี่ยังเจอหน้ากันต์ที่เป็นแบบนี้แล้ว กันต์จะให้พี่เชื่อหรือครับว่ากันต์ยังไม่หายปวดท้อง ทั้งที่กันต์ก็บอกว่าไม่ปวดแล้ว บอกพี่มาเถอะครับ”
“เอ่อ ..คือว่า ผม ผม แค่คิดอะไรงี่เง่านิดหน่อยครับ”

“อะไรที่ว่างี่เง่าล่ะครับ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” พยายามตะล่อมเด็กแล้วครับตอนนี้  ยอมอดทนรอแม้ว่าร่างตรงหน้าจะเงียบไปนาน ก่อนที่จะมีเสียงออกจากปากของร่างโปร่ง

“คือผม ผมเป็นอะไรไม่รู้ แค่ไม่อยากให้คุณยิ้มให้ใคร” ร่างโปร่งของกันตพิชย์กัดริมฝีปากล่างของตัวเองทันทีที่พูดจบประโยคที่ทำเอาผมอึ้งไป พร้อมริมฝีปากที่ค่อย ๆ เผลอรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี
 
“ไหนกันต์ว่าอะไรนะครับ ไม่อยากให้พี่ยิ้มให้ใครจริงเหรอครับ แล้วใครที่ว่ามันใครกันล่ะครับ”

“ก็คุณรรินทร์ไงครับ เมื่อคืนคุณภูคุยกันสองคนไม่สนใจพวกเราเลย” ใบหน้าขาวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ ที่เอ่ยความในใจออกมาให้ผมได้ยิน

“พี่แค่คุยกับเพื่อนเท่านั้นเองครับ ไม่ได้ละเลยกันต์กับเด็ก ๆ เสียหน่อย”

“แต่ก็ยิ้มกับหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดีเกินไปนะครับ”

“กันต์หึงพี่เหรอ” ผมยิ้มใส่ตาคนข้างหน้า ที่ตอนนี้หน้าแดงไปแล้วหลังจากที่ได้ยินคำถามที่ผมถามออกไป คงเพิ่งนึกได้ว่าอาการที่ตัวเองเป็นนั้นเขาเรียกกันว่าหึง

“ผมเปล่าสักหน่อย ใครจะไปหึงคุณภูกันล่ะครับ” อ้าว ก้มหน้างุดลงไปอีกแล้วครับ คราวนี้ไม่ผมไม่ยอมหรอกนะ จึงใช้นิ้วเชยคางมนขึ้นมา

“อาการแบบนี้แหล่ะ เขาเรียกว่าหึงครับ เหมือนกับที่พี่หึงแล้วก็หวงรอยยิ้มของกันต์ ไม่อยากให้ยิ้มให้ใคร หรือแม้แต่ไม่อยากให้ใครมายิ้มให้กันต์ด้วย” ผมก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าเนียนอีกนิด ดวงตาที่จ้องกลับมาเบิกกว้างเหมือนตกใจกับคำพูดของผม

ใบหน้าน่ารักที่ขึ้นสีแดงจนทำให้ผมอดใจไม่ไหว ก้มลงไปหอมแก้มแดงนั้นเบา ๆ  ตอนนี้แค่หอมแก้มมันไม่พอสำหรับผมแล้วละครับ ใครใช้ให้คนตรงหน้าน่ารักแบบนี้กันเล่า เล่นหึงกันแบบไม่รู้ตัวแบบนี้ผมก็ยิ้มสิครับ

ลากไล้จมูกไปตามแก้มเนียนจนมาถึงปลายจมูกโด่งแล้วเลยมาถึงแก้มอีกด้าน สูดดมความหอมหวานของร่างโปร่ง เลื่อนริมฝีปากไปที่มุมปากบางของกันตพิชย์พร้อมดูดริมฝีปากล่างเบา ๆ ลิ้นร้อนของผมไล้เลียไปตามริมฝีปากบางทั้งขบเม้มแต่ยังไม่ได้รุกเร้าเข้าไปด้านใน

มือเรียวที่ตอนนี้ยกมาจับแน่นที่แขนเสื้อผมพร้อมเสียงครางในลำคอเบา ๆ ซึ่งพอได้ยินเสียงของร่างโปร่งยิ่งทำให้ผมจูบรุกเร้าขึ้นเรื่อย ๆ ลิ้นร้อนที่พยายามแทรกผ่านริมฝีปากบางยังทำหน้าที่มันอย่างไม่หยุด จนร่างบางยอมเปิดปากให้ผมได้รุกเข้าไปข้างใน ความหวานของกันตพิชย์ทำให้ผมยังใจไว้ไม่อยู่ นอกจากจะใช้ลิ้นควานหาลิ้นของอีกคน เพื่อดูดดึงเอาความหวานจากโพรงปากนั้น

ลิ้นร้อนรุกไล่ลิ้นของอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ กันตพิชย์หายใจแรงขึ้นยิ่งทำให้ผมต้องการความหวานมากกว่านี้จึงใช้มือข้างหนึ่งสอดไปที่ท้ายทอยร่างโปร่งแล้วหมุนปรับใบหน้าให้ได้องศาที่ถนัดมากยิ่งขึ้น แล้วเมื่อรับรู้ได้ว่าลิ้นเล็กที่ผมเกี่ยวกระหวัดเพื่อดูดเอาความหวานเอาไว้เริ่มจะขยับตอบรับการรุกไล่ของผม ซึ่งทำให้ผมใจพองฟูคับอกทีเดียว

จูบที่ตอบกลับมาอย่างคนไม่เคยจูบมาก่อน ลิ้นเล็ก ที่พยายามจะผลักดันลิ้นผมยิ่งทำให้อารมณ์ผมเตลิดมือที่จับปลายคางร่างโปร่งเอาไว้เลื่อนลงมาที่เอวสอดเข้าไปข้างในแล้วไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนนั้น ส่วนลิ้นที่ผมไล่จูบคนตรงหน้าอย่างหวังจะสูบพลังจากร่างโปร่งให้มากกว่านี้แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายใกล้หมดลมหายใจผมจึงละริมฝีปากออกมาจากริมฝีปากอ่อนนุ่มแล้วก้มไปไล่เลียติ่งหู กัดเม้มเบาๆ ให้ได้ยินเสียงครางอืออ ดังออกมาพร้อมเสียงหอบหายใจเพื่อกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด

ระหว่างที่ให้อีกคนสูดเอาลมหายใจเข้าปอดจมูกโด่งพร้อมลิ้นร้อนก็ดูดเลียเรื่อยลงมาตามซอกคอรับรู้ได้ว่าความหอมที่มาจากกลิ่นตัวของคนตรงหน้านี้ทำเอาผมยังสติไม่อยู่ คิดได้ดังนั้นก็ประกบจูบเอากับริมฝีปากของร่างโปร่งอีกรอบ รอบนี้ผมใช้ลิ้นเกี่ยวพันกับลิ้นของอีกคนอย่างไม่ลดละ ดูดเอาความหวานจากปากเล็กนั้นให้มากที่สุด พร้อมกับการจูบกลับมาของร่างโปร่ง มือที่เกาะเสื้อผมไว้แน่นกลับเลื่อนขึ้นไปคล้องคอผม

ลิ้นที่ตอบกลับมาทำเอาผมส่งเสียงในลำคอด้วยความพึงพอใจ จะว่าผมเอาเปรียบก็ได้นะครับใครใช้ปากนี้หวานอย่างนี้จนมันทำให้ผมต้องล่วงเกินชายหนุ่ม พอผมจูบจนร่างโปร่งแทบจะหมดลมหายใจไปอีกรอบก็ผละออกมาใช้ปลายจมูกแตะเข้ากับปลายจมูกของอีกคนพร้อมยิ้มใส่ตาคู่นั้น

กันตพิชย์ที่ตอนนี้คงได้สติได้แต่นั่งหน้าแดงจัดเหมือนว่าแก้มจะระเบิด ซึ่งก็ยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างมากขึ้น แต่ดูท่าว่าอีกคนจะเขินขึ้นสูงสุดได้แต่ก้มหน้าซุกกับอกผมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง ผมก็ได้แต่กอดร่างนั้นไว้แน่นพร้อมกดจมูกลงไปที่กลุ่มผมหอม

“กันต์ครับ เงยหน้ามามองหน้าพี่หน่อยสิครับ อายหรอไงหืมมมม”

“ฮึ่ยยย..ใครจะไม่อายกันล่ะครับ อยู่ ๆ ก็มาทำแบบนี้”

“ก็กันต์หึงน่ารักนี่ครับ จนพี่อดใจไม่ไหวต้องรังแกกันต์นี่”

ผมอมยิ้มพลางดันร่างโปร่งนั้นออกไปเพื่อที่จะได้มองหน้าได้อย่างชัดเจน พอเห็นใบหน้าแดงระเรื่อยิ่งทำให้ผมต้องใช้กำลังในการอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่รังแกอีกฝ่ายอีกรอบ

“นี่ห้องครัวนะครับ เดี๋ยวเด็ก ๆ เข้ามาเจอจะทำยังไง”

“เด็ก ๆ ไม่เข้ามาหรอกครับ เห็นนั่งเล่นเกมส์กันอยู่”

“นั่นแหล่ะ ต่อไปก็ห้ามทำอะไรแบบนี้ด้วยนะครับ”

“งั้นสรุปว่าตอนนี้กันต์ไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหม พี่ขอโทษนะคับที่ทำให้กันต์รู้สึกว่าพี่ละเลย แต่พี่ดีใจนะที่ทำให้กันต์หึงออกมาได้”
มือเรียวยกขึ้นตีทีไหล่ผมแรง ๆ ทีนึง

“โอ้ยยย พี่เจ็บนะครับตีพี่ทำไมเนี่ย”

“ก็คุณภูพูดอะไรล่ะครับ”

“หืมม อะไรครับ ที่ว่าพี่ดีใจนะหรอ ก็ดีใจจริง ๆ นี่นา งั้นยกเลิกเรื่องเมื่อคืนที่คุยกันเลยนะ ที่ว่าพี่จะจีบกันต์น่ะครับ” พอผมพูดจบใบหน้าเรียวก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมจ้องตาผมเขม็งเลยทีเดียว

“อ๋อ ได้จูบไปแล้วเลยไม่อยากจีบแล้วเหรอครับ” อ้าว ๆ เดี๋ยว ๆ ครับ

“ไม่ใช่ครับ ฟังพี่ก่อนสิ ที่พี่บอกว่าไม่จีบแล้วก็เพราะว่าพี่จะขอกันต์เป็นแฟนครับ”

“กันต์ครับ เป็นแฟนพี่ภูนะครับ มาเป็นคนสำคัญอีกคนของพี่นะครับ”

ผมใช้มือประคองใบหน้าเรียวให้มองตรงมาที่ผม   ใบหน้าของกันตพิชย์เงยขึ้นมาตาเรียวเบิกกว้าง ก่อนที่นิ่งไปทำเอาผมนิ่งรอฟังคำตอบจากปากบางอย่างใจจดจ่อ

“ให้พี่ได้ดูแลกันต์กับตุลย์นะครับ มาเป็นครอบครัว มาเติมเต็มหัวใจให้พี่นะครับ”

“ครับ” เสียงตอบตกลงที่แผ่วเบาพร้อมกับสายตาที่พยายามจะหลบตาผม ทำเอาผมยกยิ้มแล้วก้มลงจูบปากแดงที่บวมเจ่อจากการจูบของผมเมื่อกี้ แต่ครั้งนี้ผมเพียงแต่จูบเบา ๆ แล้วดึงร่างบางมากอดเอาให้แน่น รับรู้ได้ว่าอีกคนยกมือขึ้นมากอดตอบผมเช่นเดียวกัน
เมื่อผละออกจากกันตพิชย์ผมก็ลุกขึ้นจากท่านั่งคุกเข่า แล้วจูงมือกันต์ให้เดินออกมาจากห้องครัวเพื่อไปหาเด็ก ๆ ที่นั่งเล่นเกมส์กันอยู่หน้าทีวี

เสียงเดินของเราสองคนคงทำให้เด็กทั้งสองรู้ตัวและหันมามอง สายตาของเด็กทั้งสองมองไปที่มือที่ผมจับจูงมือของอีกคนให้เดินตามมา ทำให้เห็นรอยยิ้มของทั้งคู่ ผมเดินมานั่งที่โซฟาแล้วดึงให้ร่างโปร่งนั่งลงข้าง ๆ กันแต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

“เล่นอะไรกันครับ” กันตพิชย์ถามน้องฟ้าที่หันไปสนใจเกมส์ต่อ

“เกมส์ต่อคำครับ น้ากันต์เล่นไหมครับ”

“ไม่ล่ะ น้านั่งดูดีกว่าครับ”

“น้ากันต์ตุลย์หิวแล้วครับ วันนี้เรามีอะไรกินกันอ่ะ” เสียงตุลย์ที่บ่นหิวออกมา

“นี่เพิ่งเลยบ่ายมานิดเดียวเองนะ แล้วเพิ่งกินข้าวเที่ยงไปด้วยหิวไวไปไหมอ้วน”

“ก็มันย่อยไปหมดแล้วนี่ครับ น้ากันต์ก็รู้ว่าตุลย์กำลังโต ต้องกินเยอะ ๆ จะได้โตกว่าน้องฟ้าแล้วดูแลน้องฟ้าได้ไง”

“ครับ ๆ น้ารู้แล้ว อยากกินอะไรกันล่ะ”

“พิซซ่า ปีกไก่ เป๊ปซี่” ร่ายรายการมาเชียว

“แต่ว่าทำไมคุณลุงต้องจับมือน้ากันต์ไว้ด้วยครับ” ตุลย์ถามให้กับคำถามที่เล่นเอาร่างโปร่งหน้าขึ้นสีแดงอีกรอบพร้อมกับพยายามที่จะดึงมือตัวเองออกจากมือผมที่จับอยู่แน่นหนา

“ปล่อยก่อนสิครับคุณภู เด็ก ๆ เห็นกันหมดแล้ว”

“ลุงจับมือแฟนลุงไม่ได้หรือยังไงครับตุลย์”

“คุณภู!!!! พูดอะไรครับหยุดเลยนะ” เสียงดังของอีกคนดังขึ้นพลางใช้มืออีกข้างเอื้อมมาตีแขนผมเบา ๆ

“พูดเรื่องจริงนี่ ก็กันต์รับปากเป็นแฟนพี่แล้ว ทำไมพี่จะบอกน้องฟ้ากับตุลย์ไม่ได้ล่ะครับ”

“คุณพ่อบอกว่าน้ากันต์เป็นแฟนคุณพ่อหรอครับ” น้องฟ้าถามอีกรอบพร้อมทำตาโต ใบหน้าเล็ก ๆ ก็กลายเป็นสีแดงไปด้วย

“ครับน้องฟ้า ตอนนี้น้ากันต์ยอมตกลงเป็นแฟนพ่อแล้ว”

“อ้าว ไหนว่าคุณลุงจะจีบน้ากันต์ก่อนไง แล้วทำไมข้ามไปเป็นแฟนเลยล่ะครับ” ตุลย์ทำหน้างงกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป

“ก็ตอนแรกจะจีบไง แต่เปลี่ยนใจแล้วจีบมันช้าไม่ทันใจ”

“คุณภูเลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ มันน่าอายออก”ใบหน้าของคนที่นั่งข้าง ๆ ผมตอนนี้คงร้อนจนแทบจะระเบิดแล้วมั้งเนี่ย ที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา

“ถ้าอย่างนั้นตุลย์ขอน้องฟ้าเป็นแฟนเลยได้ไหม ตุลย์กลัวจีบแล้วช้าเสียเวลา”

“เฮ้ย!! ไม่ได้น้องฟ้ายังเด็ก ตุลย์ก็ยังเด็ก ยังเป็นแฟนกันไม่ได้”

ผมตกใจคำขอของตุลย์ อย่าคิดมาใช้แผนเดียวกันนะตุลย์ ผมไม่ยอมให้น้องฟ้าเป็นของคนอื่นง่าย ๆ หรอก แม้ว่าจะเป็นหลานชายกันตพิชย์ก็เหอะ

“อะไรกันอ่ะ ทีคุณลุงยังเป็นแฟนน้ากันต์ได้เลย แล้วทำไมตุลย์ถึงเป็นแฟนน้องฟ้าไม่ได้”ใบหน้าอ้วนกลมทำหน้าบูดปากยื่น ส่วนน้องฟ้านะนั่งหน้าแดงแข่งกับคนข้างผมไปเรียบร้อยแล้วครับ

“เอาไว้ตุลย์โตกว่านี้ แข็งแรงกว่านี้  พอจะปกป้องน้องฟ้าได้ก่อนนะครับ ตอนนั้นค่อยมาว่ากันอีกทีนะ”
ตุลย์พยักหน้ารับอย่างจำยอม คงเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองยังเด็กนั่นเองถึงได้ยอมง่าย ๆ

“แต่ถ้าตุลย์โตแล้วตุลย์จะจีบน้องฟ้า ตอนนั้นตุลย์จะไม่ให้ใครมาแย่งน้องฟ้าไปจากตุลย์นะครับคุณลุง”
“ได้ ลุงรับปากตุลย์” ผมรับคำตุลย์ที่กลับมายิ้มกว้างอีกรอบ

“น้ากันต์โทรไปสั่งพิซซ่าได้แล้วครับ เดี๋ยวเขามาส่งช้าน้องฟ้าจะหิว”

“อ้าว เอาน้องฟ้ามาอ้างอีกนะตุลย์” กันตพิชย์ร้องเสียงหลงกับการเปลี่ยนเรื่องของหลานชายเพราะกลับมาหาเรื่องกินได้ไวจริง ๆ

ผมนั่งมองบรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ รอยยิ้มของร่างโปร่งที่เข้ามาเพื่อเติมในส่วนที่ขาดหายไปให้ชีวิตผมกลับมาสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน ความสุขนี้ที่ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปคว้าเอามาไว้ข้างกาย และผมก็ยินดีที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อปกป้องความสุขเหล่านี้ให้นานเท่านาน

*******************************************************************************************

คุณภูตัดสินใจไม่จีบแล้วก็น้ากันต์เล่นหึงออกมาแบบนี้ ตามประสานักธุรกิจ ต้องคว้าเอาโอกาสดี ๆ แบบนี้ไว้ก่อน

รวบรัดขอเป็นแฟนเลย

ตอนตะล่อมถามน้ากันต์ก็ยอมแทนตัวเองว่าพี่ด้วย ลูกล่อลูกชนมาเต็ม
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 28 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-11-2016 10:18:07
4 จี เร็วแรง
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 28 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2016 11:37:56
รวดเร็วทันใจ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 28 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 14-11-2016 13:27:37
คุณภูน่ารักอะ แทนตัวเองว่าพี่ด้วย กรี๊ดๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 28 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-11-2016 15:32:11
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 28 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-11-2016 15:52:31
แล่วๆ ๆ ๆ ๆ  เขาขอเป็นแฟนกันแล้ว
กรี้ดๆ ๆ ๆ ๆ  อิจฉานะขอบอก
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 14-11-2016 18:41:56
ตอนที่ 29 อธิษฐาน

เช้าวันจันทร์วันนี้เป็นวันลอยกระทง ตุลย์บอกว่าวันนี้ที่โรงเรียนมีงานลอยกระทง แล้วให้เด็ก ๆ ทำกระทงร่วมกับผู้ปกครองด้วย คุณภูบอกเอาไว้แล้วว่าเช้านี้จะมารับที่บ้าน เราไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียนก่อนจะเข้าออฟฟิศไปเคลียร์งานช่วงเช้า ช่วงบ่ายเราสองคนถึงจะไปโรงเรียนเด็ก ๆ อีกรอบเพื่อที่จะไปทำกระทงร่วมกัน แต่ผมนึกถึงเมื่อวันเสาร์คุณภูมาที่บ้านพร้อมน้องฟ้า วันนั้นผมที่รู้สึกได้ว่าตัวเองสับสนในความคิดบางอย่างเกี่ยวกับร่างสูง

นั่งคิดนอนคิดก็ยังไม่สามารถที่จะหาคำตอบให้ตัวเองได้ เช้าในอีกวันผมจึงได้หน้าตาซีดเซียวเพราะนอนไม่หลับแต่ก็ยังฝืนตัวเองลุกขึ้นมาในเช้าวันเสาร์

หลังจากได้ยินเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ผมก็พบว่าคุณภูกับน้องฟ้ามายืนอยู่ที่หน้าบ้าน ร่างสูงบอกว่าพาน้องฟ้ามาเล่นกับตุลย์ซึ่งผมก็เปิดประตูให้สองพ่อลูกบ้านข้างเคียงเข้ามาข้างใน

ผมไม่กล้ามองหน้าร่างสูง ได้แต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น ได้ยินแต่เสียงทุ้มที่บอกออกมาว่าเราต้องคุยกันแล้วคุณภูก็จูงมือผมเดินเข้าไปที่ห้องครัว ดันผมให้นั่งลงที่เก้าอี้ส่วนตัวเองก็นั่งคุกเข่าลงข้างหน้าผม

ผมตกใจที่ร่างสูงนั่งท่านั้นแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา จนกระทั่งปลายวนิ้วจากมือใหญ่นั้นยื่นมาเชยคางผมขึ้นไปให้เห็นใบหน้าเคร่งเครียดของอีกคน ดวงตาผมมองสบกับดวงตาคมเข้มทำให้ผมหวั่นไหวไปอีกรอบกับการจ้องมองมา

“กันต์ครับ พี่ถามว่าเป็นอะไร เจ็บตรงไหนกันต์ก็ไม่บอกพี่ เอาแต่บอกว่าไม่เป็นไรแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เนี่ย พี่ไม่เชื่อนะครับ” ผมตกใจกับสรรพนามใหม่ที่คุณภูใช้เรียกตัวเองกับเรียกผม จึงได้แต่เบิกตากว้างแต่ยังกัดริมฝีปากไว้แน่น

คุณภูที่ยังเรียกแทนตัวเองว่าพี่ยังคงตะล่อมถามผม คำถามนั้นทำให้ผมเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าร่างสูงเป็นห่วงผมจริง ๆ เขาต้องการคำตอบแบบไหนถ้าผมตอบเขาไปตามที่ผมรู้สึกเขาจะโกรธจะเกลียดผมหรือเปล่า ความคิดนี้ยังตีกันวุ่นอยู่ในหัว

หลังจากที่ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่เมื่อวานมันกวนใจผมจนทำให้ผมสับสนวุ่นวายใจอยู่อย่างนี้ รอยยิ้มกว้างอย่างยินดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคุณภู ผมไม่รู้ว่าคุณภูยิ้มทำไม

“กันต์หึงพี่เหรอ” ร่างสูงของคุณภูที่ถามคำถามนี้ออกมาทำให้ผมตกใจอีกรอบ พลางคิดว่าไอ้ที่ผมเป็นอย่างนี้เขาเรียกว่าหึงเหรอ อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผม ผมเลยไม่รู้ว่านี่เรียกว่า การหึงหวง

ได้แต่ปฏิเสธไปแล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาไม่กล้ามองสบตาคมเข้มที่ตอนนี้ทอดมองอย่างเป็นประกายด้วยความยินดี

“อาการแบบนี้แหล่ะ เขาเรียกว่าหึงครับ เหมือนกับที่พี่หึงแล้วก็หวงรอยยิ้มของกันต์ ไม่อยากให้ยิ้มให้ใคร หรือแม้แต่ไม่อยากให้ใครมายิ้มให้กันต์ด้วย”

ยิ่งได้ยินคุณภูพูดมันก็ทำให้ผมหน้าร้อนแทบจะระเบิดออกมาด้วยความอาย ทำไมถึงได้แสดงอาการแบบนี้ออกไปนะ อายมั้ยล่ะนั่นไอ้กันต์

ผมรับรู้ว่าใบหน้าผมถูกดันให้เงยขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าหล่อก้มลงมาใกล้เรื่อย ๆ ผมได้แต่นิ่งจนกระทั่งริมฝีปากบางเฉียบของร่างสูงสัมผัสมาที่แก้มผมแล้วลากไล้ลงมาที่ริมฝีปาก ลิ้นร้อนทำหน้าที่ไล่เลียจนผมเผลอตัวเปิดริมฝีปากจากนั้นร่างสูงก็ส่งลิ้นเข้ามาข้างในโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นเล็กของผมอย่างเร่าร้อน

ผมที่ทำได้เพียงยกมือขึ้นมาเกาะแน่นที่ไหล่อีกคนพร้อมหลับตาให้ร่างสูงจูบอย่างดูดดื่ม ไม่รู้นานเท่าไรจนกระทั่งผมใกล้จะหมดลมริมฝีปากของคุณภูถึงได้ผละออกไป

ใบหน้าร้อนผ่าวได้แต่ก้มหน้าฝังตัวเองไปกับอกของอีกคนเท่านั้น  ตอนนี้ผมยอมรับแล้วว่าทำไมผมถึงอยากได้รอยยิ้มของคุณภู รอยยิ้มที่ผมไม่อยากให้ใครได้ไป หรือแม้แต่ไม่อยากให้ใครมายิ้มให้ร่างสูง จึงได้แต่ยิ้มออกมากับอกแกร่งนั้น แต่ประโยคที่ได้ยินแว่ว ๆ ว่าจะไม่จีบผมแล้วทำให้ผม เงยหน้าขึ้นไปจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง ใจหายวูปลงไปเรียบร้อยแล้ว หรือว่าที่ผมยอมให้เขาจูบง่าย ๆ มันจะทำให้เขานึกรังเกียจ

แต่คุณภูก็รีบบอกออกมาว่าที่ไม่อยากจีบแล้วเพราะไม่อยากรอแล้วจึงขอข้ามขั้นตอนไปเป็นการขอเป็นแฟนเลยดีกว่า เพราะว่ามันมีสิทธิ์อะไรมากกว่าเช่นการหวง หึง หรือแม้แต่การห่วงใย

ทำเอาผมได้แต่อึ้งไปไม่คิดว่าจะถูกขอเป็นแฟนจากผู้ชายร่างสูงคนนี้ แต่สุดท้ายความคิดที่ผมสับสนมันได้ให้คำตอบแล้วว่าผมคงจะชอบคุณภูนั่นเอง และคำตอบของผมทำให้ร่างสูงก้มลงมากดริมฝีปากเบา ๆ ทีนึงแล้วกอดผมแน่นจนจมไปกับอกกว้างซึ่งผมก็ยินดีที่จะโอบกอดร่างสูงของคุณภูเช่นกัน

เวลาประมาณบ่ายสองโมงเราก็มาถึงโรงเรียนเด็ก ๆ แล้วเดินไปที่ห้องเรียนทันที ร่างสูงของคุณภูที่เดินอยู่ข้าง ๆ ทำให้ผมเดินอมยิ้มไปตามทาง แม้ว่าคุณภูตอนที่อยู่ข้างนอกจะไม่เหมือนกันตอนที่อยู่กันสองคนแต่ผมก็เข้าใจว่าเพราะบุคลิกร่างสูงเป็นเช่นไรนั่นเอง ยังไงก็ยังคงไว้ซึ่งใบหน้าเรียบเฉย ต่างกับตอนที่อยู่กับน้องฟ้าหรือตอนที่อยู่กับผม ร่างสูงของคุณภูจะดูผ่อนคลายกว่าเวลาทำงาน

ภายในโรงเรียนมีการประดับตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลลอยกระทง ผมเดินไปหยุดที่ทางเข้าห้องเรียนภายในห้องเด็ก ๆ กำลังวุ่นวายกับกระทงของตัวเองกับบรรดาผู้ปกครองที่ช่วยกันทำ ผมเดินตามหลังร่างสูงของคุณภูไปที่โต๊ะเรียนของน้องฟ้ากับตุลย์

ตุลย์ที่หันมาเห็นก่อนจึงเรียกร้องอย่างดีใจ ตามมาด้วยน้องฟ้าที่หันมายิ้มกว้างให้กับร่างสูง

“เดี๋ยวผมเดินไปยกเก้าอี้มาให้นะครับคุณภู” ผมสะกิดแขนของคุณภู แล้วชี้ไปทางเก้าอี้ที่อยู่อีกผนังของห้อง

“ไม่ต้องกันต์อยู่ที่นี่แหล่ะ เดี๋ยวพี่ไปยกมาให้เอง” จากวันนั้นสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวผมกับแทนร่างสูงก็เปลี่ยนไป บอกแล้วก็เดินไปที่ริมผนังห้องที่มีเก้าอี้สำรองตั้งเรียงรายกันอยู่

ผมมองดูอุปกรณ์ที่อยู่บนโต๊ะ ที่มีทั้ง ใบตอง ต้นกล้วยที่ถูกตัดไว้เพื่อทำฐานของกระทง ดอกไม้ที่อยู่ในตะกร้าเล็ก อุปกรณ์ที่ทั้งหมดทางโรงเรียนเป็นผู้จัดเตรียมไว้ให้นักเรียนทุกคน

“ไหนทำกันไปถึงไหนแล้วครับให้น้ากันต์ดูหน่อยสิ” ผมนั่งลงที่เก้าอี้ที่คุณภูยกมาให้

“ตุลย์ยังไม่ได้เริ่มเลย คุณครูเพิ่งให้เราไปรับอุปกรณ์ทำกระทงกันครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงก็รอน้ากันต์มาก่อนไง”   ตุลย์บอกแล้วชี้ไปทางกองใบตอง

“น้องฟ้าอยากได้แบบไหนครับ  มาน้ากันต์สอนให้ครับ” ผมขยับมือไปหยิบเอาใบตองที่ว่างอยู่มาพลิก ๆ ดูว่าจะเริ่มทำกระทงแบบไหนกันดี ส่วนคุณภูนะเหรอครับ นั่งมองเฉย ๆ เท่านั้นแหล่ะ

“ฟ้าอยากได้กระทงอันเล็ก ๆ ก็พอครับ”

“ตุลย์อยากได้กระทงชนมปังอ่ะ” เสียงตุลย์ดังทันทีที่น้องฟ้าพูดจบ

“ไม่มีขนมปังหรอกตุลย์ เรามีแค่ใบตองกับดอกไม้เพราะงั้นทำได้แค่กระทงใบตอง”

“คุณภูทำกระทงเป็นหรือเปล่าครับ ถ้าไม่เป็นช่วยเช็ดใบตองให้หน่อยครับ” ผมหันไปถามร่างสูงที่ยังนั่งเฉยพลางมองของบนโต๊ะนิ่ง ๆ

“ไม่เคยทำมาก่อนนะ ปีที่ผ่าน ๆ มาก็พาน้องฟ้าไปซื้อแล้วก็ลอยแถว ๆ หมู่บ้านนั่นแหล่ะ งั้นเดี๋ยวช่วยเช็ดใบตองแล้วกัน”

ถึงใบตองที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้จะดูสะอาดแล้ว แต่ผมก็ยังจะเช็ดเองอีกรอบเพื่อให้เด็ก ๆ ได้หัดทำไปด้วย เริ่มจากตอนนี้ทุกคนนั่งเช็ดใบตองคนไม้คนละมือ ส่วนผมก็หยิบเอาต้นกล้วยที่ถูกตัดไว้มาพลิกดูว่าจะใช้ด้านไหนเป็นด้านบนด้านไหนเป็นด้านล่าง

“เสร็จแล้วครับสะอาดเอี่ยมอ่อง” เสียงตุลย์เรียกให้ผมเงยหน้ามามองทุกคนอีกครั้ง

“เสร็จแล้วเราจะฉีกใบตองเป็นแผ่นเล็กแล้วเอามาพับเพื่อทำกลีบกระทงนะครับ” ผมหยิบใบตองที่เช็ดทำความสะอาดแล้วมาฉีกเป็นตัวอย่างให้ทุกคนดู

“เริ่มจากฉีกใบตองให้มีขนาดกว้าง 1.5 - 2 นิ้วนะครับ แบบนี้” ผมฉีกใบตองให้ได้ขนาดตามที่ต้องการแล้วตัดหัวท้ายให้เท่ากัน เริ่มจากเอามือจับจุดกึ่งกลางของใบตองไว้ แล้วเริ่มจากพับลงโดยที่ปลายด้านหนึ่งพับลงมาประมาณ 3 รอบ ให้รอบที่สามของใบตองตรงที่มีรอยพับมาอยู่ตำแหน่งที่ตรงกลางที่ตั้งฉากพอดี แล้วทำอีกด้านให้เหมือนกัน จะได้ใบตองที่พับเป็นกลีบมีมุมด้านบนเป็นจุดแหลม ทำแบบนี้มาซ้อนกัน 3 ชั้น

เด็ก ๆพอเห็นตัวอย่างก็ลงมือทำตามรวมถึงร่างสูงของคุณภูด้วย ที่อยากจะลองทำเหมือนกัน ผมมองท่าทางการพับกลีบใบตองของทุกคนแล้วก็ได้แต่อมยิ้มบาง ๆ กับความตั้งใจนั้น ซึ่งมีบ้างที่ถูกรื้อออกมาเพื่อพับใหม่เพราะยังไม่พอใจกับมัน

“น้ากันต์ มันไม่สวยเหมือนน้ากันต์พับเลยอ่า” ตุลย์บ่นออกมาพลางทำปากยื่น

“ไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะว่าตุลย์ตั้งใจทำไงครับ พระแม่คงคาท่านจะได้รับรู้ว่าตุลย์ตั้งใจทำถวายท่าน”

“งั้นตุลย์ทำเอง” พอได้ครบ 3 กลับผมก็จับมาซ้อนแล้วเย็บให้เป็นชิ้นเดียวกันวางรวมกันไว้สำหรับชิ้นที่เสร็จแล้วเพื่อรอที่จะนำเอาติดที่ต้นกล้วยที่เป็นฐานกระทง

“น้ากันต์ครับ นี่ของฟ้า” น้องฟ้ายื่นกลับที่ตัวเองพับเสร็จแล้วให้ผม ซึ่งผมก็ยิ้มแล้วรับเอามาเย็บซ้อนกันไว้ให้

“น้องฟ้าพับสวยแล้วครับ” ผมมองดูกลีบที่น้องฟ้าพับแล้วเอ่ยชมทำให้แก้มของน้องขึ้นสีระเรื่อ พร้อมรอยยิ้มเขิน

“อันนี้ของพี่” นี่ก็เป็นอีกคนที่ยื่นกลีบใบตองมาให้แต่คำว่าพี่ที่ได้ยินทีไรก็ทำให้ผมเขินอายได้ทุกครั้ง

“คุณภูพับสวยครับ ไม่เคยทำจริง ๆ เหรอ”

“ไม่เคยหรอก ครั้งแรกที่มานั่งทำกระทงเลยล่ะ”

เราใช้เวลาพอสมควรกับการพับกลีบใบตองแล้วมาเย็บรอไว้ เมื่อได้ปริมาณมากพอแล้ว ผมก็หยิบเอาฐานกระทงมาอันนึงเพื่อจะประกอบกันเป็นกระทงใบตอง  โดยใช้กลีบที่เย็บเข้ากันไว้ 3 ชั้นมาติดที่ด้านข้างของฐานแล้วใช้ตะปูเข็มกดเพื่อยึดกลีบใบตองไว้กับฐาน

“อ่ะ ทีนี้น้องฟ้ากับตุลย์ลองทำดูนะครับ ไม่ยากหรอก เอากลับใบตองมาวางติดไว้ตรงด้านข้างแบบนี้เลยครับ”

เด็กทั้งสองคนรับเอากลีบใบตองมาติดที่ฐานกระทงของตัวเองส่วนผมกับคุณภูคอยนั่งมองดูทั้งสองคนทำพร้อมกับช่วยเหลือเล็กน้อย แต่อยากให้เด็ก ๆ ทำเองมากกว่า

“ระวังปลายตะปูด้วยนะครับมันแหลม” เสียงทุ้มของคุณภูเอ่ยเตือนขึ้นตอนที่น้องฟ้ากำลังจะหยิบเอาตะปูเข็มขึ้นมาปักยึดใบตองไว้

ขั้นตอนการประกอบกระทงใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้เพราะเด็ก ๆ ตั้งใจกันมาก จับพลิกจับหมุนให้มันได้ระยะห่างสำหรับการจะติดกลีบใบตองซึ่งผมก็ไม่ได้เร่งเพียงแค่รอดูเท่านั้น

“เย้ เสร็จแล้ว ของตุลย์เสร็จแล้วน้ากันต์ สวยมั้ยครับ” ตุลย์หันมาบอกพร้อมยิ้มแป้น โชว์ผลงานกระทงใบแรกของตัวเอง

“สวยครับ ไหนดูของน้องฟ้าสิ ใกล้เสร็จแล้วนี่ครับ” กระทงของน้องฟ้ายังไม่เสร็จเพราะน้องค่อย ๆ ทำ ซึ่งเราก็มรีบด้วย คุณภูก็ช่วยบางอย่างแต่ส่วนมากจะให้น้องฟ้าทำเองเสียมากกว่า

ซี่งตอนนี้เด็ก ๆ คนอื่นในห้องเรียนก็ทำกระทงเสร็จกันเกือบหมดแล้ว เสียงพูดคุยดังขึ้นสลับกับเสียงหัวเราะบรรยากาศมีความสนุกอย่างเห็นได้ชัด

“งั้นเดี๋ยวน้าปักธูปกับเทียนให้ แล้วตุลย์ใส่ดอกไม้ในกระทงนะ”

“ได้เลยน้ากันต์”

“แล้วเขาให้ลอยกันได้ตั้งแต่กี่โมงครับ”

“5 โมงเย็นครับครูบอกว่าไม่ให้มันมืดไป แต่มีประกอดหนูน้อยนพมาศด้วย ห้องเราส่งน้องฟ้าครับ”

“หืมมม มีประกวดด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็นบอกพ่อละครับน้องฟ้า” คุณภูหันไปถามน้องฟ้า

“ก็เขาเพิ่งเลือกกันเมื่อเช้าครับ คุณครูบอกว่าแค่ให้มาเดินโชว์พร้อมกระทงที่ทำ แล้วให้เพื่อน ๆ โหวตเท่านั้นเองครับ”

“น้องฟ้าน่ารักกระทงก็สวยต้องได้อยู่แล้วจริงมั้ยครับคุณลุง เนอะน้ากันต์เนอะ” ตุลย์เป็นฝ่ายสนับสนุนอย่างเป็นทางการในการประกวดครั้งนี้ หึหึ

สี่โมงเย็นเมื่อทุกคนทำกระทงกันเสร็จแล้วก็เป็นการประกวดหนูน้อยนพมาศ ซึ่งมีเวทีที่หอประชุมเป็นที่ประกวด ทั้งนักเรียนทั้งผู้ปกครองพากันเดินไปรวมกันตัวเพื่อดูการประกวดของเด็ก ๆ

คุณครูประจำชั้นมารับน้องฟ้าพร้อมกระทงไปเตรียมตัวที่หลังเวที ทำให้พวกเราต้องหาที่นั่งเพื่อคอยให้กำลังใจน้องฟ้าอยู่ข้างล่าง เมื่อได้เวลาคุณครูที่ทำหน้าที่พิธีกรก็เดินออกมาตรงกลางเวทีกล่าวต้อนรับและเริ่มการประกวด เสียงเรียกชื่อเด็กที่เข้าประกวดให้ออกมาเดินพร้อมกระทง ผ่านไปได้ 5 คน ชื่อที่เรียกต่อไปเป็นชื่อของน้องฟ้า พอสิ้นเสียงก็เห็นร่างเล็ก ๆเดินมาจากด้านข้างของเวทีพร้อมกับกระทงในมือ น้องฟ้ายิ้มอาย ๆ แล้วเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นที่เดินแล้วเพื่อรอผู้เข้าประกวดที่ยังไม่ได้ออกมา

เด็กที่เข้าประกวดมีทั้งหมด 10 คน แต่ละคนก็น่ารักน่าหยอกกันทั้งนั้น ผลการนับคะแนนจะนับจากการโหวตที่มีการแจกกระดาษให้โหวตตั้งแต่เริ่มงาน นักเรียน 1 ใบต่อ 1 คะแนน จากนั้นจึงรวบรวมเพื่อประกาศผล จะมีคนได้รางวัลสองคนคือเด็กผู้หญิงหนึ่งคนกับเด็กผู้ชายอีกหนึ่งคน

ใช้เวลารอนับคะแนนไม่นานผลออกมาปรากฏว่าฝ่ายหญิงเป็นเด็กจากห้อง 2 หน้าตาน่ารักเพราะเป็นลูกครึ่งไทยกับญี่ปุ่น ส่วนฝ่ายชายเป็นไปตามคาด น้องฟ้าของเราได้ไป แต่พอมายืนมองคู่กันแบบนี้ผมก็นึกว่าให้รางวัลเด็กผู้หญิงสองคนไปซะได้ก็ความน่ารักสูสีกันมากทั้งสองคน

น้องฟ้าเดินลงมาหาคุณภูพร้อมกับยิ้มให้ คุณภูก็ก้มลงยิ้มรับลูกชายพร้อมหอมแก้มฟอดใหญ่

“เก่งมากครับลูกได้รางวัลมาด้วย งั้นเราไปลอยกระทงกันดีกว่าครับเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน”

เราเดินออกจากหอประชุมมาที่สระน้ำที่ทางโรงเรียนจัดไว้เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองไว้ลอยกระทงร่วมกัน คุณภูเดินนำมาที่สะพานไม้ที่ทำยื่นเข้าไปในสระน้ำเพื่อให้สะดวกในการลงไปลอยกระทง คุณภูนั่งลงพร้อมกับน้องฟ้า

“น้องฟ้าถือกระทงดี ๆ ครับพ่อจะจุดเทียนกับธูปให้ ตุลย์ด้วยครับ”

“น้องฟ้ากับตุลย์อธิษฐานนะครับ ขอขมาและขอบคุณพระแม่คงคา ที่ทำให้เรามีน้ำใช้กับน้ำดื่ม อะไรที่ไม่ดีขอให้ลอยไปสายน้ำนี้ด้วยนะครับ” เมื่อกระทงทั้งสองถูกจุดไฟขึ้นผมก็บอกน้องฟ้ากับตุลย์ให้ตั้งใจในคำขอขมาและขอพร จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็ทำตาม

“คุณพ่อก็อธิษฐานด้วยสิครับ” น้องฟ้ายื่นกระทงให้คุณภู ซึ่งคุณภูก็ยิ้มแล้วรับเอามาอธิษฐาน

“นี่ของน้ากันต์ด้วยครับ” ตุลย์ก็ยื่นมาให้ผมเหมือนกัน ผมยิ้มแล้วรับเอากระทงมาหลับตาอธิษฐานรวมถึงขอพรอีกด้วย

เมื่อผมลืมตาขึ้นมาก็พบกับดวงตาของคุณภูที่มองมา “กันต์อธิษฐานอะไร”

“ก็ขอขมากับขอพรพระแม่คงคาปกตินี่แหล่ะครับคุณภู ว่าแต่ถามทำไมครับ” ผมทำหน้างงสงสัย

“ก็แค่อยากรู้ว่าคำอธิษฐานมีพี่ด้วยหรือเปล่าเท่านั้นแหล่ะ” ร่างสูงยิ้มให้ผมก่อนจะยื่นมือมาทางผม

“คุณภูจะเอาอะไรครับ” ผมยังทำหน้างง สงสัยจึงได้ถามออกไป

“กระทงอันนั้นไง ขอพี่อธิษฐานด้วยสิ อยากลอยใบเดียวกับกันต์” พอผมได้ยินก็ยิ้มอย่างเขินนิด ๆ แล้วยื่นกระทงใบน้อยให้ร่างสูงซึ่งคุณภูก็รับไป

“น้ากันต์ ตุลย์ลอยกระทงใบเดียวกับน้องฟ้าได้มั้ยครับ อันนี้ยกให้คุณลุงกับน้ากันต์ไปเลย” เสียงตุลย์ร้องขอทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าซึ่งตุลย์ก็ทำหน้าอ้อน พลางพยักหน้าขึ้นลงหงึก ๆ หวังให้ผมตอบรับ

“ได้ครับ ตุลย์ขยับมาใกล้น้องฟ้าแล้วลอยกันได้แล้วครับมา” เมื่อได้ยินคำอนุญาตของคุณภู มืออวบอ้วนของตุลย์ก็ยื่นไปจับกระทงของน้องฟ้าอีกข้าง ใบหน้าของน้องฟ้าหันมายิ้มตาหยีให้กับตุลย์แล้วทั้งสองก็ปล่อยกระทงให้ลอยไปพร้อมกับวิดน้ำใส่เบา ๆ แล้วเด็ก ๆ ก็ถอยออกไปยืนข้าง ๆ ร่างสูงที่นั่งคุกเข่า

“กันต์ขยับมาใกล้ ๆ สิครับมาลอยกระทงได้แล้ว” คุณภูเรียกผมให้ขยับเข้าไปใกล้เพื่อจะได้ลอยกระทงใบที่ตุลย์ยกให้ พอผมเอื้อมมือไปจับฐานกระทงคุณภูก็ปล่อยมือออกทำให้ผมหันไปมองหน้าหล่อเหลาของคุณภูว่าทำไมถึงปล่อยมือไม่อยากลอยกระทงกับเขาเหรอ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถาม ก็รับรู้ได้ถึงมือใหญ่จับซ้อนเข้ามาหลังมือของผม

รอยยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ผมทำให้ผมยิ้มรับ ผมปล่อยกระทงให้ลอยไปในสระใหญ่ มองดูกระทงสองใบลอยติดกันไปข้างหน้าไม่ห่างกัน

ร่างสูงลุกขึ้นหลังจากเราลอยกระทงเรียบร้อยแล้ว คุณภูก้มลงไปอุ้มน้องฟ้าแล้วอีกมือก็ยื่นมาหงายฝ่ามือไว้ข้างหน้าผม ผมมองมือใหญ่แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองรอยยิ้มของคุณภูที่ส่งมาให้แล้วก็ตัดสินใจยื่นมือไปวางไว้บนมือใหญ่ที่อบอุ่น คุณภูกระชับมือแน่นพร้อมกับเดินออกจากท่าน้ำ ส่วนมืออีกข้างของผมก็จับตุลย์ไว้อีกข้าง  วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขอีกวันนึง วันที่ยอมรับให้ใครอีกคนเข้ามาเพื่อดูแลกันและกัน

 
ต่อข้างล่างค่ะ

 

หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 14-11-2016 18:42:24
ต่อจากข้างบนค่ะ

RRRRRR…..  เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเมื่อเวลาหกโมงเย็น ผมหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายจากชายหนุ่มอีกคนที่ช่วงนี้คอยตามรับตามส่งผมเกือบทุกวัน ดังที่เจ้าตัวเคยรับปากเอาไว้ ซึ่งมีเพียงไม่กี่วันที่เจ้าตัวจะโทรมาบอกว่าติดธุระหรือติดงานอยู่จึงไม่ได้มารับ ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ใครมีงานก็ทำงานครับ ผมกลับเองได้อยู่แล้ว

“ครับ” ตอบรับสั้น ๆ กลับไป

“วันนี้คุณเลิกงานกี่โมง ผมจะได้ไปรับ” เสียงอีกฝั่งถามออกมาถึงเวลาที่ผมจะเลิกงาน ซึ่งผมก็เลิกไม่ตรงกันสักวันเพราะช่วงนี้ต้องเร่งทำโครงการใหม่

“น่าจะประมาณ 2 ทุ่ม คุณจะมากี่โมง”

“2 ทุ่มเหรอ โอเค รออยู่นั่นแหล่ะเดี๋ยวไปรับ” พูดจบก็วางสายไป ผมจึงได้สนใจกับงานข้างหน้าต่อเพราะยังติดพันไม่อยากทิ้งไว้เพราะอีกนิดเดียวแบบก็เสร็จแล้วเลยรีบทำ

นั่งทำงานจนได้ยินเสียงโทรศัพท์อีกรอบเงยหน้ามาดูนาฬิกาจึงพบว่าอีกฝ่ายน่าจะมาถึงแล้ว จึงเอื้อมมือไปกดรับสาย

“ถึงแล้วเหรอครับ คุณรอผมก่อนนะอีก 5 นาทีผมเก็บของก่อน” ผมบอกให้คนปลายสายรับรู้แล้ววางโทรศัพท์พร้อมกดปิดคอมพิวเตอร์กับเรียงแบบซ้อน ๆ กันไว้บนโต๊ะทำงานเสร็จแล้วคว้าเอากระเป๋าสะพายมา เดินผ่านโต๊ะพวกเพื่อน ๆ ผมที่ยังนั่งทำงานกันอยู่สองสามคน มันก็เงยหน้ามา

“ไงไอ้พายโทรศัพท์ดังแล้วรีบเลยนะมึง” ไอ้เอกร้องทักทำให้พวกที่นั่งอยู่เงยหน้ามาร้องแซวกันทั้งหมด

“แหม ๆ อกหักแค่ไม่กี่เดือนมึงก็มีสาวคนใหม่มาควงแล้วเหรอวะ แต่อย่างว่าแหล่ะเนอะ ไอ้คนหน้าตาดี คารมณ์ดีแบบมึงหายังไงก็ได้ ผิดกับไอ้หิน หน้าตาขี้เหร่เสือกจนอีก ชาตินี้ก็หาไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เสียงไอ้ต้นตะโกนออกมาแต่ท้ายประโยคหันไปกัดไอ้หินที่ตอนนี้ก็ยังไม่มีแฟน และไม่มีวี่แววว่าจะมีด้วย ไม่ใช่มันหน้าตาขี้เหร่อย่างที่ไอ้ต้นบอกหรอกนะครับ มันก็หน้าตาดีนั่นแหล่ะ แต่ว่ามันไม่สนใจจีบสาวเท่านั้นเอง แล้วเรื่องจนก็ไม่ใช่อีกเพราะบ้านมันขายวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัดเป็นร้านใหญ่ทีเดียว แต่มันยังไม่อยากไปทำงานที่บ้านเลยมาเป็นลูกจ้างแบบนี้แหล่ะ

“เออ  ๆ กูกลับก่อนพวกมึงก็กลับบ้านดี ๆ ละกัน ได้ข่าวว่าวันนี้ลอยกระทงเมียพวกมึงไม่งอแงกันเหรอวะ”

ผมที่ร้องทักเรื่องวันสำคัญอีกวันนึงของผู้หญิงออกไปครับ เทศกาลแบบนี้พวกเธอจะมาออดอ้อนให้บรรดาพวกผมที่เป็นคุณแฟนพาเธอไปลอยกระทง

“เออดิ มึงไม่รู้อะไรนี่โทรมาหลายรอบแล้วกูว่าเดี๋ยวจะออกไปเหมือนกัน เดี๋ยวเกิดงอนขึ้นมากูง้อยาวอีกขี้เกียจเดินตามตอนยอมเป็นเบ๊ถือของแม่งเหนื่อย ยอมใจเลยเดินได้ตั้ง 4-5 ชั่วโมง กูยอมออกไปตอนนี้ดีกว่า” ไอ้เอกนินทาแฟนมันแล้วลงมือเก็บของ

ผมจึงหัวเราะแล้วโบกมือลาพวกมัน ออกมาที่ลานจอดรถที่อีกคนจอดรอรับอยู่แล้ว มาถึงก็เห็นสปอร์ตสองที่นั่งคันดำหรูจอดอยู่ทีเดิมเป็นปนะจำที่มารอรับผม

ผมจึงเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ซึ่งก็คือคุณไตรทศหนุ่มหล่อ CEO บริษัทสายการบินผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของท่านประธาน หลังจากวันที่รถชนกันคุณทศซึ่งก็มัดมือชกผมด้วยการรับส่ง แทนที่จะให้อู่รถส่งรถมาให้ผมใช้แทนรถที่เข้าอู่

ซึ่งผมก็ยอมตกลงไปแบบไม่เต็มใจเท่าไรนัก แต่ก็ดีผมจะได้ไม่เหนื่อยขับรถเองแถมได้นั่งรถสปอร์ตอีกด้วยนะครับ

ชายหนุ่มหันมามองหน้าผมก่อนที่จะเลื่อนมือมาขยับเกียร์เพื่อขับรถออกจากลานจอด วันนี้ชายหนุ่มดูเหนื่อย ๆ คงงานยุ่ง

“วันนี้งานคุณเยอะเหรอ ถ้าเหนื่อยไม่ต้องมารับผมก็ได้นะผมกลับเองได้” ผมหันไปบอกกับร่างสูงที่นั่งหลังพวงมาลัย

“อืม งานเยอะแต่ไม่เหนื่อยเท่าไรหรอก เป็นเรื่องปกติบางวันดึกกว่านี้อีก”

“นั่นแหล่ะ ถ้าไม่ว่างก็แค่โทรมาบอก ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณมาเหนื่อยกับการต้องตามรับส่งผมหรอกนะครับ ถึงไม่มีรถใช้ผมก็มาทำงานได้”

“อืม วันไหนไม่ว่างจริง ๆ จะโทรมาบอกแล้วกัน คุณทานข้าวยัง ไปทานข้าวกันก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งที่บ้าน” ไตรทศเอ่ยชวนผมซึ่งผมก็เริ่มจะหิวจึงไม่ได้ปฏิเสธ ร้านอาหารที่เราแวะจึงเป็นร้านแถวทองหล่อ ร่างสูงบอกว่าร้านนี้อร่อย เพราะเป็นร้านประจำที่ชอบมาทาน

วันนี้เป็นวันเทศกาล ผู้คนต่างยิ้มแย้มกันถ้วนหน้า ร้านรวงเปิดไฟคึกคัก รถบนท้องถนนค่อยข้างติดคงเนื่องมาจากวันลอยกระทงผู้คนต่างพากันออกมาเพื่อดูบรรยากาศและลอยกระทงตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาจัดให้มีงาน ส่วนผมปีนี้คงไม่ได้ลอยกับใครเขาหรอกก็เพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่นาน แล้วก็ไม่ได้คิดจะชวนใครไปลอยด้วย

อ้อ มีอยู่คนนึงเมื่อเช้าโทรไปแล้วแต่กันต์บอกว่ามีงานที่โรงเรียนตุลย์ แต่ว่าเจ้าตัวจะไปกับคุณภูด้วยเพราะน้องฟ้าเรียนอยู่ที่เดียวกัน จะชวนไปสักหน่อเลยต้องชะงักแทบไม่ทัน

มาถึงร้านอาหารก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว และตอนเข้ามาที่จอดรถเต็มแต่ชายหนุ่มก็วนไปยังด้านหลังร้านที่มีช่องจอดรถที่เหมือนจะมีเว้นว่างไว้ให้เข้าไปจอดได้

คนภายในร้านเต็มทุกโต๊ะ บรรยากาศร้านอาหารน่านั่งเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนดูแล้วราคาคงจะแพง นี้ถ้าให้ผมเข้ามากินเองคงไม่มีวันเข้ามาร้านแบบนี้หรอกครับดูแล้วคงจะดูดเงินในกระเป๋าผมหมดตัวแน่

พนักงานเดินนำไปที่โต๊ะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เรานั่งกันเรียบร้อยพนักงานก็ยื่นเมนูมาให้ ผมรับมาเปิดอ่านดูราคาแล้วแทบกลืนน้ำลายไม่ลง ถ้าสั่งมานี่มีแววว่าจะต้องกินมาม่าทั้งเดือนแน่เลย

เอาวะไหน ๆ ก็มาแล้ววันนี้ไอ้ทายจะได้กินอาหารอิตาเลี่ยนร้านหรูก็วันนี้แหล่ะ  ทุกทีกินแต่ข้าวร้านตามสั่งกับอาหารร้านลาบ นึกถึงเงินในกระเป๋าจะพอมีจ่ายค่าอาหารวันนี้หรือเปล่า

“คุณจะทานอะไรก็สั่งเอาเองนะ” ร่างสูงหลังจากสั่งอาหารที่ตัวเองจะทานแล้วก็มองมาทางผมพร้อมกับบอกว่าให้สั่งเอง ผมจึงสั่งแค่  Fettuccine alfredo จานเดียวเผื่อไว้ก่อน คุณทศเงยหน้ามามองแค่แว่ปเดียว

“วันนี้คุณไม่ไปลอยกระทงกับแฟนคุณเหรอ” ผมเอ่ยปากถามคุณทศออกไป ซึ่งหลายวันที่ชายหนุ่มต้องขับรถรับส่งผมทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น ผมก็ไม่ได้โกรธอีกฝ่ายแล้ว แต่ช่วงนั้นมันโมโหนี่ครับ ใครก็ไม่รู้มาขับรถชนรถผมไอ้รถคันนี้ผมขับถนอมมากเพราะเก็บเงินซื้อเอง

“ไม่มีแฟนจะให้ไปลอยกับใครล่ะ แล้วคุณล่ะไม่มีคนไปลอยด้วยเลยทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ รึไง”

“ผมไม่เชื่อคุณหรอก แบบคุณน่าจะมีผู้หญิงมาชวนเยอะล่ะสิ แล้วผมโสดครับตอนนี้เพิ่งโดนทิ้งมา ยังไม่อยากหาห่วงมาผูกคออีกรอบ”

“ก็มีแต่ไม่ไป ขี้เกียจ เบื่อ ๆ ด้วย แค่เรื่องงานก็จะยุ่งตายแล้ว ต้องรีบเคลียร์งานเพราะจะไม่อยู่ไทยสักเดือน ต้องไปช่วยงานที่อิตาลี”

เมื่ออาหารมาเสริฟเราต่างคนต่างนั่งทานกันไปเงียบ ๆ จนอาหารหมดเราสองคนถึงกลับมาพูดคุยกันอีกรอบ ไม่ใช่ว่าอะไรหรอกนะครับนั่งเฉย ๆ มันเงียบซึ่งผมมันคนพูดมากถ้าอยู่กับเพื่อน แต่กับคนที่เพิ่งรู้จักก็ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยหรอกนะ แต่กรณีของไตรทศที่ต้องเจอกันอีกบ่อย ๆ ก็เลยอยากรู้เรื่องอีกฝ่ายด้วย

เนื่องจากยังสงสัยในสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองกันตพิชย์ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะถามในข้อข้องใจนั้น  แต่ว่าผมก็ยังไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายได้เจอกับกันตพิชย์อีกหรือเปล่านอกจากวันนั้น

ไตรทศเรียกพนักงานมาเช็คบิลค่าอาหารซึ่งผมก็หยิบกระเป๋าเงินมาเปิดแล้วยื่นแบงค์สีเทาให้ร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาในแบบลูกครึ่งเพียงแค่มองมาแล้วส่ายหัว

“ไม่ต้องผมเลี้ยงเอง เพราะผมเป็นคนชวนคุณแวะทานข้าว เอาไว้มื้อหน้าคุณค่อยเลี้ยงผมคืน” มือใหญ่ดันมือผมที่ยื่นเงินให้กลับคืนมา

“คุณรู้จักกันต์ตั้งแต่สมัยเรียนเหรอะ” ระหว่างนั่งรถออกจากร้านอาหารไตรทศก็เอ่ยถามขึ้นมาทำให้ผมต้องหันไปมองอีกคนอย่างชั่งใจ นี่คงจะเริ่มอยากรู้เรื่องของกันต์แล้วล่ะสิ

“ก็ตั้งแต่กันต์เข้าปีหนี่ง ถึงจะอยู่กันคนละคณะ แต่ก็อยู่ชมรมเดียวกัน ทำกิจกรรมด้วยกันมาตลอดเลยสนิทกันมากเป็นธรรมดา ว่าแต่คุณถามทำไม”

“แค่อยากรู้ แปลกใจว่ามารู้จักกันได้ยังไง เหมือนจะคนละไลฟ์สไตล์”

“แล้วตอนนี้กันตพิชย์มีแฟนที่คบกันอยู่หรือเปล่า”

“ก็คงจะมีคนจีบอยู่บ้างละมั้ง กันต์มันน่ารักเป็นผู้ชายที่รักครอบครัว นิสัยดี ใครได้เป็นแฟนก็คงจะโชคดี คุณสนใจกันต์รึไง”

“ถ้าบอกว่าสนใจ คุณคิดว่าไงล่ะ”

“ผมว่าคุณอย่าไปยุ่งกับกันต์ดีกว่าเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีคนที่ดีน่าจะสนใจกันต์ คุณไม่น่าจะใช่คู่แข่งของเขาหรอกนะ” ผมบอกให้ชายหนุ่มเลิกความคิดที่สนใจในตัวกันต์ซะดีกว่า เพราะผมก็มองเห็นว่าคุณภูเวลาที่มองกันต์สายตามีแววอ่อนโยนพาดผ่านในดวงตาคู่นั้น ซึ่งถ้าเป็นคุณภูผมก็จะยินดีมากกว่าผู้ชายที่ดูเป็นเพลย์บอยตัวพ่ออย่างไตรทศ ที่ควงสาวไม่ซ้ำหน้า

“ในเมื่อกันต์ยังไม่ได้ตกลงรับปากว่าจะเป็นแฟนใคร แล้วนายจะเดือดร้อนไปทำไม หรือว่านายจะหวงเอาไว้เอง”น้ำเสียงมีแววเย้ยหยันเล็ก ๆ ทำเอาผมฉุนขึ้นมานิดหน่อย

“ใช่ผมหวง ทั้งหวงทั้งห่วงกันต์ ใครจะไปอยากให้ผู้ชายอย่างคุณเข้ามาวุ่นวายกับน้องผมกันล่ะ”

“เฮ้ยๆ คุณพูดดี ๆ นะ ผู้ชายอย่างผมนี่มันยังไง ผมยังโสดอย่างน้อยจะไปกับใครที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าผมได้รักใครผมก็ไม่เคยนอกใจแฟนนะ แล้วที่บอกว่าน้องนะ ตัวเองอยากเป็นพี่ชายจริง ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะมาในรูปแบบแฝงตัวก็ได้ใครจะไปรู้จริงมั้ย”

“คุยกับคุณนี่มันจะคุยกันได้ไม่นานเพราะปากคุณเนี่ย  ขับรถไปเลยแล้วก็หยุดความคิดที่จะจีบกันต์ได้แล้ว”

“สรุปว่าที่คุณขวางผมนี่เพราะคุณแอบรักรุ่นน้องตัวเองว่างั้นเหอะ” ยังไม่จบ ๆ แล้วไอ้ประโยคที่หลุดออกมาจากปากมันหมายความว่ายังไง  ผมจึงหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่กำลังขับรถอยู่

“ถ้าใช่แล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง ผมว่าคุณอย่าเข้ามายุ่งดีกว่า”

“รอดูต่อไปแล้วกันว่าผมจะยุ่งหรือไม่ยุ่ง” จากนั้นในรถก็เงียบแต่เมื่อเส้นทางที่ขับผ่าน มีป้ายไฟสว่างไสวอยู่ริมทาง แล้วรถก็หันหัวเข้าสู่สถานที่แห่งหนึ่งที่ดูก็รู้ว่ามันคือวัด วัดที่มีงานลอยกระทง

“คุณเลี้ยวเข้ามาทำไมในวัด” ผมหันไปถามคุณทศซึ่งอีกฝ่ายก็หันมามองก่อนจะมองหาที่ว่างเพื่อจอดรถ

“อ้าว ก็วันนี้วันลอยกระทงนี่คุณ แวะมาลอยกระทงกันก่อนกลับบ้านมันจะเป็นไรไป ไหน ๆ ก็ไม่ได้ไปกับใครแล้ว วันนี้มาลอยกับคุณก็คงดีเหมือนกัน” เมื่อได้ที่จอดรถ ชายหนุ่มก็ดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงไป

“ลงมาได้แล้วเพทาย”

ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเปิดประตูลงไปด้านนอก มองดูรอบ ๆ เห็นผู้คนค่อนข้างมากเดินกันขวักไขว่แม้ว่าจะเกือบเที่ยงคืนแล้วตาม เพราะเราเสียเวลาแวะทานข้าวกับการจราจรที่ติดขัด ป่านนี้ก็ยังไม่ถึงบ้าน ดีเหมือนกันมาดูบรรยากาศงานวัดบ้างก็ดีไม่ได้มานานแล้ว

“ไปหากระทงลอยกันดีกว่าคุณ” เสียงทุ้มที่ดังออกมาจากร่างสูง แล้วก็เดินนำหน้าทำให้ผมต้องเดินตามอีกคนอย่างช่วยไม่ได้  ระหว่างทางมีร้านค้าตั้งอยู่เรียงรายซึ่งขายทั้งขนม เครื่องดื่ม เต็มไปหมด ถึงแม้จะต่างจากบรรยากาศเมื่อสมัยยังเด็ก แต่ก็ยังได้อารมณ์งานวัดบ้าง

“นี่คุณเคยมางานวัดแบบนี้เหรอ”ผมสงสัยจึงได้ถามออกไป

“เคยมาสมัยเรียนครั้งนึง พวกเพื่อน ๆ มันชวนกันไปงานลอยกระทงนี่แหล่ะ ก็สนุกดี”

“ผมนึกว่าคุณจะไปลอยในผับเสียอีก”

“อันนั้นก็ไปประจำอยู่แล้ว แต่ไม่เคยได้ลอยหรอก ได้อย่างอื่นมากกว่า หึหึ” ผมน่าจะรู้นะว่าเขาหมายความว่ายังไง

“ดึกแล้วกระทงจะหมดหรือยังเนี่ย คุณช่วยมองหาหน่อยสิว่ายังเหลืออีกหรือเปล่า” ใบหน้าหล่อเหลาพยายามมองหาร้านค้าที่ยังพอจะมีกระทงขาย

“ไม่น่าจะเหลือแล้วมั้งดึกแล้วนี่”

“นั่นไง ๆ อยู่ตรงนั้นมีกระทงอยู่” เสียงร้องขึ้นดังอย่างดีใจที่ยังพบว่ากระทงยังขายไม่หมด แต่เมื่อเดินไปถึงบนโต๊ะที่มีกระทงเหลืออยู่เพียงอันเดียว มองไปรอบ ๆ พบว่ามีสายตาของคนหลายคนมองมาทางร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งอย่างสนใจคงเพราะมีใบหน้าที่หล่อเหลาและส่วนสูงที่สูงเกินกว่าคนทั่วไปทำให้ร่างนั้นโดดเด่นขึ้นมา

“เหลือกระทงอยู่ใบเดียวเองเหรอครับ” เสียงทุ้มถามแม่ค้า ซึ่งน่าจะเป็นเด็กมัธยมมาช่วยผู้ปกครองขายของ

“ค่ะพี่เหลืออยู่ใบเดียวแล้ว ร้านอื่นก็หมดแล้วด้วยเพราะวันนี้คนมาเยอะเลยขายดี พี่สุดหล่อซื้อไปลอยใบเดียวกับแฟนพี่ก็ได้ค่ะ คนเป็นแฟนกันเขาไม่ลอยคนละใบหรอกเพราะถ้ามันแยกกันเขาว่ามันเป็นลางไม่ดีนะคะ”

เสียงเด็กสาวที่ขายกระทงอธิบายพร้อมรอยยิ้มกว้างส่งมาให้แต่ที่ทำผมตะหงิดคือ การที่เรียกผมว่าเป็นแฟนของอีกคนนั่นเอง

“พี่ไม่ได้เป็นแฟนกันครับ เป็นเพื่อนกัน” ผมเอ่ยปฏิเสธออกไปอย่างเร็ว

“เอ๋ จริงเหรอคะ หนูไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายมาลอยกระทงกันแค่สองคนเลยนะคะ จะมีก็แต่เป็นแฟนกัน” ยังย้ำอีกว่าแฟนกัน ใครมันจะไปเป็นแฟนผู้ชายด้วยกันเล่าครับ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

“ใบเดียวก็ใบเดียวลอยด้วยกันก็ได้ กี่บาทครับ” ไตรทศสอบถามราคาแล้วยื่นเงินตามจำนวนที่แม่ค้าวัยใสบอก

“ขอให้มีความสุขนะคะ พี่ผู้ชายก็ยอมรับว่าเป็นแฟนพี่ลูกครึ่งเหอะสงสารพี่เขาออกดูสิน่าหงอยไปหมดแล้วเนี่ย”

ดูยังไงหน้าอีกคนถึงได้หงอย นี่มันหน้าระรื่นต่างหากเล่า รอยยิ้มถูกส่งจากคนข้างกายผมทำเอาสาวเจ้าถึงกับยิ้มหน้าแดงไปเลย

“นี่ถ้าพวกพี่ไม่ได้เป็นแฟนกันนะหนูจะขอไลน์ไปจีบแล้ว”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอางั้นเลยเหรอครับ แต่ไม่ได้หรอกนะคนนี้เขาหวง” คุณทศหัวเราะพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ผมต้องหันขวับกลับไปมองแล้วทำตาดุใส่อีกคน ที่ตอนนี้เดินหนีไปพร้อมกับกระทงในมือทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปเดินตามแต่หูก็ยังได้ยินเสียงกรี๊ดเบา ๆ มาจากแม่ค้าขายกระทงแว่วมา

“คุณไปบอกน้องเขาแบบนั้นทำไม เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดกันพอดี” ผมที่ตามมาโวยเอากับคนทีเดินนำหน้า

“หืม..ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคุณจะไปคิดมากอะไร มา ๆ ลอยกระทงกันได้แล้ว”

“ว่าแต่คุณมีไฟแช็คมั้ย ผมไม่ได้เอามาไม่คิดว่าจะมาลอยกระทง” ใบหน้าหล่อเหลาหันมายิ้มพร้อมถามหาไฟเพื่อจุดเทียน

“ไม่มีแต่รอแป๊บเดี๋ยวไปยืมให้” หันไปมองเห็นคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังยืนจุดธูปเทียนกันอยู่ผมเลยเดินเข้าไปหาพร้อมทั้งส่งเสียงทักทายก่อนจะยืมไฟแช็คมา ซึ่งทั้งคู่ก็ยินดีให้ยืม

“อ่ะนี่ไฟ คุณรีบจุดเดี๋ยวผมจะเอาไปคืนน้องเขา”

มือใหญ่เริ่มจุดธูปเทียนในกระทง แสงเทียนที่ส่องสว่างกระทบใบหน้าหล่อเหลายิ่งทำให้คนตรงหน้าดูน่ามองมากยิ่งขึ้น เมื่อผมเดินไปคืนไฟแช็คแล้วเดินกลับมามือใหญ่ก็ยื่นกระทงใบน้อยมาตรงหน้า

“อธิษฐานขอขมากับขอพรสิ”

“ไม่อ่ะ คุณลอยไปเหอะ ไม่อยากแย่งพรคุณ” ผมปฏิเสธปล่อยให้ลอยคนเดียวไปดีกว่า

“อ้าว ไม่ได้สิคุณมาด้วยกัน ก็ต้องลอยด้วยกัน เร็ว ๆ สิ รีบอธิษฐานเร็ว” อีกฝ่ายไม่ยอมยังยื่นกระทงอยู่อย่างนั้น ทำให้ผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะยื่นมือไปแตะที่ฐานของกระทงเพื่ออธิษฐานแก่พระแม่คงคา โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าอีกคนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากกระทงใบน้อยเช่นกัน

หลับตาอธิษฐานก่อนที่จะลืมตามาก็ยังพบกับดวงตาสีแปลกของชายหนุ่มที่ยังคงส่งยิ้มมาให้ จ้องมองไปในน้ำเห็นเงาของพระจันทร์ดวงโตส่งกระทบผิวน้ำเป็นคลื่น เขาว่ากันว่าวันนี้ดวงจันทร์จะโคจรใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปี ถ้าพลาดดูปีนี้อาจจะต้องรออีก 18 ปีเลย

นึกขึ้นได้จึงเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าเห็นพระจันทร์ที่ว่าลอยเด่นส่องแสงสว่างดวงโตสมกับเป็นซุปเปอร์ฟลูมูนเลย เมื่ออีกคนมองเห็นผมแหงนหน้ามองฟ้า ก็มองตามพร้อมทั้งส่งเสียงออกมา

“ดวงโตจริง  ๆ เลยนะ คุณมาลอยกระทงกันก่อนเดี๋ยวค่อยดูใหม่”

เสียงเรียกทำให้ผมหันกลับมามองกระทงที่ยังอยู่ในมือแกร่งเหมือนจะรอให้ผมยื่นมือไปปล่อยกระทงด้วยกัน สายตากดดันนั้นทำให้ผมต้องถอนใจอีกรอบ เอาวะลอยก็ลอย จึงยื่นมือไปแตะที่ฐานกระทงพร้อมกับปล่อยกระทงลงไปใสสระน้ำขนาดใหญ่ มือใหญ่วิดน้ำไล่กระทงให้ลอยไปกลางสระ

ปีนี้เป็นปีที่ผมคิดเอาไว้ว่าจะไม่ลอยกระทงแต่ทำไมมันถึงได้มีเรื่องให้ต้องลอย แถมไอ้คนที่ลอยด้วยกันปีนี้ดันเป็นผู้ชายไปเสียได้ คิดว่าคงเป็นปีเดียวและปีสุดท้ายที่จะได้ลอยกระทงแบบนี้ ปีหน้าตั้งใจไว้เลยว่าจะหาผู้หญิงมาลอยกระทงด้วยให้ได้คอยดูสิ



************************************************************************************



นึกว่าจะไม่ทันลอยกระทงซะแล้ว นี่ปั่นแทบหูลูบ



แอบปั่นในเวลางานด้วยดีนะนายไม่เห็น 555
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 14-11-2016 20:02:10
ทศนางชอบทายแต่แรกใช่ไหมคะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-11-2016 23:42:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 15-11-2016 00:04:15
ทายปีหน้าทายจะไม่ได้ลอยกระทงกับผู้หญิงแล้วละเพราะทายจะได้ผัวแล้วละสิ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 15-11-2016 10:30:29
ชอบคู่รอง อิอิ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-11-2016 21:37:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-11-2016 17:09:30
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-11-2016 20:11:04
คู่รองกำลังมา เพราะคู่หลักเค้าแฮปปี้กันแล้วว
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 23-11-2016 22:26:31
 :katai5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 27-11-2016 12:39:47
ฮือๆ  นานแว้วน้าาาาา   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 29-11-2016 18:54:43
 :katai5:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: Qmulonimbus ที่ 05-12-2016 00:49:24
รักเรื่องนี้มาเลยยย อ่าน2วันรวดเลย
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 06-12-2016 22:43:40
ไม่มาต่อแล้วหร๋อ  นานแว้วนะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 06-12-2016 22:45:42
รออยู่นะ :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 14-12-2016 07:16:05
ไม่มาต่อแล้วหร๋อ   นานจัง :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 14-12-2016 14:05:29
 :katai5:รอๆๆ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 17-12-2016 00:52:53
นานไปและ   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 18-12-2016 20:08:08
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: มารน้อย เจ้าสำนัก ที่ 19-12-2016 08:29:36
ขอโทษที่ให้รอกันนานค่ะ

ชีวิตช่วงนี้วุ่นวายมากมาย

ย้ายออฟฟิศ

ขายคอนโด

แต่ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนค่ะ

หลังปีใหม่จะมาลงพี่ภูกับน้ากันต์ต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-12-2016 12:19:51
จัดการเรื่องต่างๆ ให้เสร็จก่อนก็ได้จ้า
แล้วค่อยมาต่อ รอได้น้าาาา
เป็นกำลังใจให้
 :L2:
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 07-01-2017 09:29:00
ไม่มาอีกรึ
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 07-01-2017 16:49:47
มาเถอะได้โปรด
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 12-01-2017 08:15:30
ึหายไปนานแว้วน้า
หัวข้อ: Re: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 17-02-2017 07:39:52
ไม่มีต่อละอ๋อ เก๊ารออยู่น้า