Line : 1
สยามตอนเย็นวันศุกร์...
สถานที่ที่คลาคล่ำไปด้วยวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน บางคนกำลังกลับบ้าน บางคนกำลังเดินเล่นหรือซื้อ
ของ หรือบางคนก็กำลังยืนเหม่อมองอะไรบางอย่าง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น...
นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบ6โมงเย็น ผมที่กำลังรอการมาของใครบางคนที่นัดเอาไว้ ใช่ครับ...ผมกำลังรอคู่ขาที่นัดกันไว้ทาง
ทวิตเตอร์หรือถ้าให้พูดแบบเพราะๆคงจะเรียกว่า “นัดยิ้ม” ล่ะมั้งครับ ผมที่อยู่ในชุดนักเรียนกางเกงดำพร้อมกับสัมภาระเล็กน้อย
กำลังยืนเหม่อมองการจราจรที่คราคร่ำในช่วงเย็นของวันศุกร์สุดสัปดาห์แบบนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่ไม่อยากให้คนอื่นรับรู้โดย
เฉพาะถ้าสิ่งเหล่านั้นมันผิดมาตรฐานศีลธรรมหรืออะไรก็ตามเทือกๆนั้นคนส่วนใหญ่อาจจะเรียกกันว่า “ด้านมืด” แต่สำหรับผม
กลับไม่ได้คิดว่ามันเป็นด้านมืดอะไรอย่างที่ใครคนอื่นว่าหรอกครับ ผมกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เรื่องธรรมชาติของมนุษย์
มนุษย์เรามีสัญชตญานในการสืบเผ่าพันธุ์และมีความต้องการทางเพศและในเมื่อสิ่งที่ผมทำผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
(ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมน่ะ safe sex ทุกครั้ง)
ก็แค่คนที่มี “ความต้องการ” เหมือนกันมาเจอกันและเริ่มดำเนินกิจกรรม พอสิ้นสุดกิจกรรมก็แยกย้ายกันไป ไม่มีข้อผูกมัดอะไร ผมว่า...มันก็เป็นสิทธิ์ของผมที่จะทำนะ...
บ่นอะไรมามากมาย ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยครับ ผมชื่อ บาส ตอนนี้เรียนอยู่ม.5 โรงเรียนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่ง
จริงๆบ้านผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรและจริงๆแล้วผมเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรแบบนี้ จริงๆแล้วผมมีแทบทุกอย่าง
แทบจะเกิดมาบนกองเงิน กองทอง ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรแบบที่พวกคุณคิดหรอก ส่วนพ่อแม่ของผม พวกท่านไม่มีเวลามา
สนใจลูกอย่างผมหรอกครับ วันๆเอาแต่ทำงาน เดือนๆนึงเจอกันและได้อยู่ด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาแทบจะนับวันได้... แต่
ผมก็ไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่นอะไรหรอกนะครับ ไม่ได้รู้สึกขาดอะไรจริงๆ.... แต่ไอ้การที่ผมมาทำอะไรแบบนี้ ผมพูดคำเดียวว่า
สนองนี้ดตัวเองล้วนๆหรือมันอาจจะเป็นกิจกรรมยามว่างที่ผมชอบทำก็ได้..
เสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงเริ่มแผดเสียงร้องแจ้งเตือนคงเป็นเมนชั่นจาก “คนคนนั้น” ที่นัดผมมาวันนี้ล่ะมั้ง ผมหยิบโทรศัพท์
มือถือเครื่องเหลี่ยมขึ้นมาแล้วก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
รูปอวาตาร์เป็นเด็กชายวัยรุ่นสวมชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินถ่ายแบบเน้นช่วงตัวและช่วงล่าง ชื่อแอคเคาท์พร้อมข้อความว่า
“ผมมาถึงแล้วนะครับ นายอยู่ตรงไหนอ่ะ” ผมไม่รอช้ารีบตอบไป “อยู่ตรงskywalkจากพารากอนมาเซนเวิล์ดอ่ะ นายอยู่ไหน”
ระหว่างรอเค้าตอบกลับมาผมก็เลื่อนtimeline ทวิตเตอร์ดูไปพลางๆ กดหัวใจบ้าง กดรีทวิตคลิปหรือรูปภาพพรรค์นั้นบ้าง เอาเข้า
จริง แรกๆผมก็ไม่ได้อยากจะมาทำอะไรแบบนี้หรอกนะครับ แต่..ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจจะเพราะเพื่อนชวนหรือตัวผมเองไป
บังเอิญเจอของพรรค์นี้เอาตอนใกล้ๆจะจบม.3 แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมขอเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ดีกว่า...
รอไม่นานนักก็เจอไอ้คนที่นัดผมไว้ แม่งหล่อใช้ได้เลยว่ะครับ ตี๋ ขาว สูง บุคลิกก็ดูดี กางเกงสีน้ำเงินไม่สั้นไม่ยาวเข้ารูปทำให้มันยิ่งดูดีขึ้นไปใหญ่...
“หวัดดี เอ่อ...บาสใช่ป่ะ กูกันนะ ที่นัดมึงมาอ่ะ....มองแบบนี้ แสดงว่ากูดีกว่าที่มึงคิดถูกมะ หึหึ” นี่ผมเผลอมองมันตาเป็นมันแบบนั้นเลยหรอวะ ทั้งๆที่ไอ้กันนี่ก็ไม่ใช่คนแรกของผมซะหน่อย
“อะ..เออ กูบาสเอง มาช้านะมึงอ่ะ กูนึกว่าจะไม่มาซะละ เกือบกลับแล้วเนี่ย” ผมพูดทีเล่นทีจริงกับมันไป มันก็ไม่ทำอะไร
นอกจากหัวเราะเบาๆแค่นั้น
“โทษทีว่ะ พอดีกูติดซ้อมกีฬาที่โรงเรียน แต่..กูก็มาแล้วนี้ไงค้าบบ” ไม่ว่าเปล่าพลางดึงมือผมไปจับ เอาจริงๆผมพอรู้แหละว่ามัน
อยากจับมือผมไปจับตรงส่วนของมันมากกว่า แต่นี้มันสยาม มันเลยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากจับมือผมเอาไว้เบาๆเท่านั้น
“เอออ ว่าแต่มึงอ่ะ เอามาป่าว”
“เอามาดิ๊ ไม่ต้องห่วง กูก็เซฟหน่า หึหึ..”
“เออ งั้นก็ไปกันได้แล้วเว้ย...”
สถานที่ที่ผมกับมันนัดมาทำกิจกรรมกัน ไม่ใช่ที่ไหนไกลเลยครับ ก็แค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆหรือห้องน้ำที่นึงแถวๆนั้นแหละครับ ไม่
ได้ไปไหนไกล.....
***********************************************
ผมเดินออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆด้วยสภาพที่ค่อนข้างเหมือนกับตอนเข้าไป ส่วนไอ้กันก็เดินตามผมออกมาติดๆ ทั้งผมและ
มันต่างกันง่วนอยู่กับการจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย คราวนี้เสื้อยับไปหน่อยแหะ แต่ก็ช่างเหอะ...
“ขอบคุณมากนะ กูโคตรชอบมึงเลยว่ะ สุดยอดชิบหาย” มันว่าพลางล้างมือ ล้างหน้าอยู่หน้ากระจก
“เออ มึงก็เหมือนกันนั้นแหละ หึหึ..” ผมว่าพลางล้างมือ และจัดแต่งเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยเช่นกัน
“เอองั้นน กูไปก่อนนะ โชคดีว่ะ ไว้โอกาสหน้า...นัดกันใหม่ หึหึ” มันเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งผมมองตัวเองอยู่หน้ากระจกสัก
แปปนึงแล้วเดินออกมา เหนื่อยมาทั้งวันแล้วโดยเฉพาะเมื่อกี้...พระอาทิตย์บอกลาขอบฟ้าไปนานพอสมควรแล้ว มันก็คงจะถึง
เวลาที่ผมจะต้องกลับห้องไปพักผ่อนบ้างแล้วล่ะ..
TBC
เรื่องราวยังไม่จบเท่านี้นะครับ เพราะพระเอกยังไม่โผล่มาเลย ยังมีต่ออีกนะคร้าบบบ รอติดตามอ่านตอนต่อไปกันได้เร็วๆนี้ครับ
Line : 2
เท้าของผมที่กำลังก้าวจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวๆนี้และกำลังมุ่งหน้าไปสู่สถานีสยามที่อยู่ติดๆกัน กลับหยุดชะงักลง
และเดินกลับเข้าไปในตัวอาคารอีกครั้งหนึ่ง ไหนๆก็มาถึงนี้แล้ว ถ่ายรูปเก็บผลงานเอาไว้ซักหน่อยดีกว่าแหะ ว่าแล้วก็ขึ้นไป
ยังห้องน้ำห้องเดิมที่ผมพิ่งเสร็จจากกิจกรรมเมื่อครู่นี้ ผมทำอะไรแบบนี้บ่อยครับ บ่อยจนรู้สึกว่าระยะหลังๆนี้มันคงไม่ใช่
งานอดิเรกหรือกิจกรรมยามว่างเฉยๆละมั้ง...
ภายในห้องน้ำห้องเดิม ห้องที่คุ้นเคยยังคงเงียบสงัดเหมือนเดิม แม้จะเป็นเย็นวันศุกร์ที่แสนพลุกพล่านเช่นนี้ ไม่รอช้าผม
จัดการปลุกไอ้น้องชายตัวดีให้ตื่นและเริ่มถ่ายภาพต่างๆหน้ากระจกโดยไม่ให้เห็นหน้า หลังจากนั้นผมจึงรูดซิปกางเกง
นักเรียนสีดำของตัวเองแล้วนำน้องชายตัวดีออกมาสู่โลกภายนอกเพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระทึก หึหึ
.
.
สถานีสยามในยามนี้ เวลาประมาณ3ทุ่ม คนเยอะเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะเป็นเย็นวันศุกร์ที่ค่อนไปทางสิ้นเดือนล่ะมั้ง จนที่สุดแล้วผมก็ฝ่าฝูงชนจำนวนมหาศาลมาถึงคอนโดอันเป็นที่รักของผมจนได้ เห้ออ เหนื่อยชิบหาย...
.
.
ผมแตะคีย์การ์ดเพื่อเข้าห้อง ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ภายในห้องมืดสนิท ผมจึงบรรจงเปิดไฟและ
เปิดแอร์ให้เย็นช่ำ ก่อนจะเดินไปเปิดผ้าม่าน..คอนโดอยู่กลางเมืองแบบนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือตึกสูงๆพวกนี้แหละครับ
ป่าคอนกรีตแบบนี้เป็นวิวที่คุ้นชินมาโดยตลอด เพราะผมอยู่แบบนี้มาตั้งแต่จบม.1แล้วล่ะครับ
หลังจากนั้นจึงเข้าไปในห้องนอนและล้มตัวลงบนที่นอนขนาดคิงไซส์
ในห้องก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ
ก็มีทีวี เฟอร์นิเจอร์ ชั้นวางหนังสือ iMac , Macbook บนโต๊ะทำงานในห้องนอน และหนังสือเรียนรวมถึงหนังสือประเภท
อื่นๆอีกเยอะแยะพอสมควร นอกจากนั้นก็ยังมีพวกเกียรติบัตรจากการแข่งขันรายการต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางวิชาการหรือกีฬา
หรือแม้กระทั่งเกียรติบัตรผลการเรียนดีเด่นของปีที่แล้วที่พิ่งติดบนฝาผนัง ระบุชื่อ “กณิฏฐ์ เศวตวชิรสกุล” ไม่ต้องตกใจ
ครับ นั้นชื่อจริง-นามสกุลจริงผมเอง แปลใจล่ะสิครับ คิดว่าผมทำอะไรแบบนี้แล้วผมจะเลวแหลกงั้นหรอ ถ้าพวกคุณคิด
แบบนั้น พวกคุณคิดผิดครับ..จริงๆแล้วใน ‘ด้านสว่าง’ ของผมน่ะ ผมก็เป็นเด็กนักเรียนม.ปลายธรรมดาๆคนนึงนั้นแหละ
ครับ ไม่ได้เป็นหัวโจก แต่ก็ไม่ได้เนิร์ดมากเสียจนเพื่อนไม่อยากจะคบ หึ...แต่เอาจริงๆแล้วผมก็เคยเนิร์ดมากขนาดเพื่อนไม่
อยากจะคบเหมือนกัน แต่นั้นมันก็ตั้งแต่ม.1โน้นแหละครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ผมก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นถึงมันซะเท่าไหร่
ที่ผมต้องทำอะไรแบบนี้ หมายถึง ลงแข่งขันอะไรต่างๆมากมาย มีความประพฤติดี เพื่ออะไรน่ะหรอครับ ก็เพื่ออยากให้ป๊า
กับม๊าสนใจผมบ้างไงครับ... ผมเป็นลูกคนสุดท้อง ลูกคนสุดท้องที่...พ่อแม่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เหมือนกัน ที่ผมเริ่ม ‘เรียกร้องความสนใจ’ แบบนี้เพื่อให้พวกท่านสนใจผมบ้าง แต่มันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างประสบ
ความสำเร็จนะครับ ตั้งแต่ผมไปสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนด้วยการเป็นตัวแทนนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนไปแข่ง
แล้วได้รับชัยชนะลำดับต้นๆของประเทศ... และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่ผมรู้สึกว่าพวกท่านให้ความสนใจพวกพี่ๆ
ผมมากกว่าผม ผมไม่ค่อยอยากจะนึกถึงมันเท่าไหร่หรอกครับ...
ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้น ก่อนจะเข้าแอพทวิตเตอร์บนโทรศัพท์iphone6s ของผม ทวิตเตอร์ด้านมืดของ
ผม มีคนติดตามหลายหมื่นคน ผมเลือกที่จะลงรูปที่พิ่งถ่ายไปจากที่สยามลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวของผม พร้อมแคปชั่น
ยั่วยวนให้คนเข้ามากดรีทวิตและกดหัวใจให้ผม นี่ไง...ไม่ทันไรก็มีคนมากดรีทวิตและกดหัวใจให้เพียบเลย เห็นไหม หึหึ
ผมตัดสินใจเปิดAirplane mode เสียบโทรศัพท์เข้ากับสายชาร์จและปลั๊กไฟก่อนจะเสียบเข้าเต้าเสียบอีกทีนึง และตัดสินใจ
ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายซักหน่อยก่อนจะเข้านอน รีบนอนหน่อยดีกว่าแหะ พรุ่งนี้มีเรียนพิเศษอีก...
**************************************************
เช้าวันเสาร์ผมโหนBTSไปเรียนพิเศษแถวๆสยามนั้นแหละครับ นี่ขนาดเช้าวันเสาร์ สยามคนยังเริ่มแน่นๆแล้วเลยครับ
เมื่อกี้
นั่งBTS มาจากสถานีใกล้ๆคอนโดนผมคนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่และเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้สยาม ผมที่เดินมึนๆออก
จากขบวนสู่ชานชาลาและเดินลงชานชาลาลงไปยังสถานี เมื่อคืนก็หลับเป็นตาย อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ หัวถึงหมอนก็หลับเลย
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าเช้านี้ถึงยังรู้สึกมึนๆแบบนี้อยู่ แต่ก็ช่างเถอะครับ เมื่อเดินออกจากสถานีสยามได้และเข้าไปที่ตึกที่มี
สถาบันติวเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆกัน สิ่งแรกที่ผมทำก็คือซื้อมอคค่าเย็นเพิ่มวิปแก้วใหญ่ๆหนึ่งแก้วถ้วนและเดินขึ้นไปยังที่เรียนพิเศษ
ระหว่างรอเรียนผมก็ดูดมอคค่าเย็นในมือพร้อมกับเช็คฟีดในเฟสบุ๊คหน่อยว่ามีอะไรเคลื่อนไหวบ้าง เพราะเมื่อคืนก็อย่างที่
บอกนั้นแหละครับ ส่วนเช้านี้ก็รีบออกมาโดยที่ยังไม่ได้ดูอะไรเลย แต่ให้ตายเถอะ ผมว่า3Gผมก็ยังไม่หมดโควตาการใช้งาน
นะ ทำไมมันช้าขนาดนี้วะ ! หงุดหงิดแต่เช้าเลยเว้ยยยย
หลังจากบ่นไปแปปเดียว หน้านิวฟีดผมก็ขึ้นมาครับ เห็นว่ามีเพื่อนในห้องแทคข้อความหาผม กดเข้าไปดูจึงพบว่าพวกแม่
งวางแผนกันไปหาเหล้ากระแทกปากคืนนี้ ร้านเดิม แถวทองหล่อเหมือนเดิม ผมน่ะหรอครับจะพลาด หึหึ Work hard Play
Harder ครับ ไม่รอช้าจึงรีบโผเข้าไปตอบสเตตัสนั้นโดยไว
Kanit Sawejwachirasakul คืนนี้เจอกันเว้ยยยยย กูเสี้ยนเหล้ามาหลายวันละ หึหึ คืนนี้พ่อจะแดกให้ล้มเลย
Oat Theera ไอ้สัส เอาอีกแล้วนะมึงง ไอ้บาส คราวที่แล้วไม่เข็ดรึไงวะ
Boom Thanakorn เห้ยยยย นานๆทีหน่า เอาให้เต็มที่เว้ยเพื่อน หึหึ
Nine Narongkorn เจอกันคืนนี้เว้ยเพื่อนนนน
ผมคอมเม้นและนั่งอ่านคอมเม้นเพื่อนๆผมไปก็อดขำไม่ได้ ‘คราวนั้น’ ที่ไอ้โอ้ตมันว่าน่ะ คือ ตอนฉลองปิดเทอมตอนม.4
ครับ ผมแม่งเมาแล้วเรื้อนชิบหายเลยว่ะ ก็ไอ้เชี่ยตัวไหนก็ไม่รู้ดิครับ สั่งวอดก้ามา ผมก็กินเอาๆๆ กินไปไม่กี่ช็อตเท่านั้น
แหละ ล้มครับ ฮ่าๆ ลำบากพวกแม่งอีกนั้นแหละที่ต้องมาเก็บศพผมเนี่ยย
ผมกับพวกแม่งคบกันมาแบบนี้ตั้งแต่ม.1แล้วล่ะครับ จะมีก็แต่ไอ้โอ้ตนั้นแหละที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยประถม เพราะบ้านเรา
อยู่ใกล้กัน เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอด เรียกได้ว่าเราโตมาด้วยกันเลยล่ะครับ และมันก็เป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่ล่วงรู้
ความลับเรื่องผมมีกิจกรรมยามว่างอะไรแบบนี้ เพราะอะไรน่ะหรอครับ..
พูดไปมันก็ทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่าโลกเรานี่แม่งโคตรกลม ตอนผมเริ่มเล่นอะไรแบบนี้ตอนประมาณปลายๆม.3 คนแรกที่ผม
นัดเจอได้ก็คือมันนั้นแหละครับ ไอ้เชี่ยยย บังเอิญชิบหายเลยว่าไหมครับ ตอนนั้นผมว่ามันก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยเหมือนกันแหละครับ
เพราะมันบอกว่าเรียนที่เดียวกับผม ผมเลยนัดมันว่า เจอกันที่โรงเรียนละกัน พอเจอกันเท่านั้นแหละ ต่างคนต่างอึ้ง ทำไรไม่ถูก
เป็นคุณคุณจะอึ้งไหมอ่ะครับ ถ้าเกิดนัดเจอใครซักคนเพื่อจะทำกิจกรรมอย่างว่า แล้วดันเจอเพื่อนตัวเอง เหอะๆ
และแทนที่จะได้ทำอะไรกันก็เลยกลายเป็นว่าครั้งแรกของเราสองคนไม่ได้ทำอะไรกัน นอกจาก...กลับมานั่งเล่นเกมกันที่
บ้านผมเหมือนเดิม... และก็นั้นแหละครับ มันทำให้เราสัญญากันว่าเราจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มันเลิกเล่นไปแล้วตั้งแต่
จบม.4 ส่วนผมยังเล่นต่อจนถึงทุกวันนี้แหละครับ...
นั่งอ่าน นั่งดูอะไรได้ไม่นาน ก็ใกล้ได้เวลาเรียน ผมเลยเปิดAirplane mode ไว้เพื่อไม่ให้อะไรมารบกวนเวลาเรียนขอผม
เสียงอาจารย์ในแผ่นดีวีดีที่ฉายอยู่บนทีวีจอแบนบอกเลิกเวลาเรียนพร้อมทั้งบอกให้ไปฝึกทำโจทย์มาล่วงหน้าด้วย เวลาเรียน
จะได้ไม่มีปัญหา จบลง ภาพบนทีวีก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพนิ่ง นั้นเป็นสัญญานที่บ่งบอกว่าหมดเวลาเรียนสำหรับวันนี้แล้ว
ผมยังมีเรียนตอนบ่ายอีกวิชานึง แต่อันนั้นเป็นการเรียนด้วยตัวเองกับคอมพิวเตอร์ครับ จองเวลาเอาไว้แล้ว 2 ชั่วโมง อืมมม
ยังพอมีเวลากลับไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่...
.
.
.
ค่ำวันนี้ผมกลับมาพร้อมกับเสื้อเชิร์ตสีดำเข้ารูปกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำอีกเช่นกัน ผมมาถึงก่อนเวลาที่พวกมันนัดกัน
เล็กน้อย ก่อนที่พวกมันจะทยอยกันมาจนครบองค์ประชุมนั้นแหละครับ
วันนี้เราสนุกกันมากจริงๆทั้งๆที่เราก็เจอกันทุกวันที่โรงเรียน แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงรู้สึกสนุกและมันส์ขนาดนี้เหมือนได้
ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกไปแบบนี้มานานแล้วเหมือนกันครับ บนโต๊ะมีซากอารยธรรมมากมาย ทั้งทาวเวอร์เบียร์เปล่าๆ แบ
ล็ค บลู ไอ้สัส พิ่งจะเห็น ใครแม่งสั่งบลูวะ ไอ้พวกเพื่อนเวร สั่งเอาๆ แถมยังมีซากกับแกล้มอีกเยอะแยะ แล้วใครมันมากดหัวกูไว้
วะ ทำไมรู้สึกหัวกูมันหนักๆ...
และนั้นก็เป็นความทรงจำสุดท้ายที่ผมมีสติพอจะรับรู้ ก่อนที่ภาพจะตัดไป....
TBC
น้องภีมพระเอกของเราจะปรากฏตัวออกมาในตอนหน้านะค้าบบบ ตอนนี้ส่วนใหญ่จะเน้นบรรยายถึงภูมิหลังของบาสและเพื่อนๆนะครับ ตอนนี้อยากจะบอกว่าผมปรับแก้หลายรอบมากครับ พิมพ์เสร็จแล้วต้องกลับมาแก้บางส่วนใหม่อีกหลายรอบเลย เพราะรู้สึกว่ามันแปล่งๆแปลกๆ แหะๆ ยังไงก็ฝากติชมและติดตามต่อไปด้วยนะค้าบบ ตอนต่อไปเร็วๆนี้เช่นเคยครับ
Line : 5
(ภีม)
ตอนรู้ว่ามันทำอะไรแบบนั้น ผมเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่เหมือนกัน ลึกๆแล้วผมไม่เชื่อเลยว่ามันจะทำอะไรแบบนั้น แต่ข่าวลือเกี่ยวกับมันก็หนาหูมากเหลือเกิน ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าเป็นมัน จนกระทั่ง...เมื่อคืนนี้
เจ็บ.....
ผมไม่ได้เจ็บ...เพราะมันทำตัวแบบนั้นหรอกนะครับ ถึงผมจะชอบมันก็จริง แต่ผมไม่เคยบอกมันไป ไม่มีโอกาสจะพูดออกไปด้วย
ซ้ำ ดังนั้นการจะไปหึงหวงอะไรมันคงเป็นไปไม่ได้ ที่ผมเจ็บ...เพราะสาเหตุที่เป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำของมันต่างหาก
เมื่อคืนมันร้องไห้ด้วยแหละครับ ผมไม่ชอบเลยเวลามันร้องไห้ แต่นั้นก็ทำให้ผมรู้แล้วว่าทำไมมันถึงทำอะไรแบบนั้นลงไป มัน
ต้องการจะประชดแฟนเก่าของมัน
มันเล่าให้ผมฟังหมดแหละครับ
นี่ล่ะมั้งประโยชน์ของแอลกอฮอลล์ ทำให้คนที่ไม่ค่อยเปิดปากเล่าอะไรให้ใครฟัง
พูดออกมาซะหมดเปลือก มันเล่าให้ผมฟังว่า มันเคยคบกับผู้ชายคนนึง แล้วผู้ชายคนนั้นก็ทิ้งมันไปหาคนอื่นด้วยเหตุผลที่ว่า ‘บาสมันinnocent’ มันไม่เคยหรอกครับ เนิร์ดแบบนั้นจะเคยเรื่องพรรค์นั้นได้ไง
ประกอบกับความอยากรู้อยากลองของวัยรุ่น ทำให้มันเลือกที่จะทำอะไรแบบนั้น อ้ออ แล้วผมก็พิ่งจะรู้ด้วยนะครับว่ามันเป็น ‘ไบ’
จริงๆแล้วผมว่าบาสมันน่าสงสารนะครับ พ่อแม่มันก็ไม่ค่อยจะสนใจหรือใส่ใจมันเท่าไหร่ มันเป็นลูกคนสุดท้องที่พ่อแม่ไม่ค่อย
เหลียวแลแต่กลับไปให้ความรักและความสนใจพี่ชายกับพี่สาวมากกว่า ถึงตอนนี้มันจะมีเพื่อนมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่เวลามัน
เครียดหรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ มันก็เลือกที่จะเก็บเอาไว้ที่ตัวเองคนเดียวอยู่ดี มันไม่ค่อยเล่าปัญหาอะไรของตัวเองให้คนอื่น
ฟังหรอกครับ จะมีก็แต่ผมนั้นแหละที่มันยังเล่าอะไรๆให้ผมฟังบ้าง ดังนั้นผมจึงรู้สึกไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่มันทำอะไรแบบนั้น
มันเลือกที่จะนัดใครต่อใครไปทั่ว เพื่อตอบสนองอะไรบางอย่างในใจของมัน
ผมเจ็บ..เพราะผมไม่สามารถเติมเต็มให้มันได้ต่างหาก ผมเจ็บ..ที่ไม่สามารถอยู่ข้างๆมันได้ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ทำอะไรแบบนี้
หรอก แต่ก็ยังรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยๆมันก็ยังรู้จักป้องกัน...
.
.
.
.
วันนี้ผมมานอนเป็นเพื่อนบาสครับ ไม่ได้เจอกันนานมาก มันไม่รู้หรอกว่าผมคิดถึงมันขนาดไหน ตอนนี้ผมนั่งอยู่ริมระเบียงของคอนโดมันครับ ผมออกมานั่งสูบบุหรี่ได้สักพักนึงแล้ว
“เห้ยย ภีมม ไอ้ภีมม !” ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็เห็นว่ามันมานั่งข้างๆผมแล้ว สงสัยจะเหม่อมากไปหน่อย ให้ตายสิ ผมพิ่งจะดูดไปไม่กี่ทีเองนะ จะหมดมวนแล้วหรอวะ ไม่คุ้มเลยว่ะ
“หื้มม ว่าไง” ผมหันไปตอบมันมือก็บี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ ทำไมห้องมึงมีอะไรแบบนี้ด้วยวะ
“เดี๋ยวนี้มึงดูดบุหรี่ด้วยหรอวะ..” มันถามหน้าสงสัย หึหึ มึงจะรู้ตัวไหมวะ ว่ามึงทำหน้าสงสัยได้น่ารักชิบหายเลยว่ะ
“เออ ก็นิดหน่อย ไม่ได้บ่อยหรอก ดูดเฉพาะตอนเครียดๆกับตอนกินเหล้า” มันมองผมด้วยสายตาหม่นๆ กูพูดอะไรผิดไปหรอวะ
“มึงมีเรื่องเครียดหรอวะ มีอะไรปรึกษากูได้นะเว้ย..” บาสมันก็เป็นแบบนี้เสมอแหละครับ มันไม่ค่อยชอบที่จะเล่าปัญหาหรือเรื่องราวของตัวเองให้คนอื่นฟัง แต่มันกลับเป็นผู้ฟังที่ดีและเป็นคนที่มีคำแนะนำดีๆให้คนอื่นอยู่เสมอ
“เห้ยย ไม่ได้เป็นไร ไม่มีอะไรจริงๆ หึหึ” ผมยิ้มและพูดคำที่ออกมาจากใจจริงๆ ผมไม่ได้โกรธที่มันทำแบบนั้นหรอก มันก็เป็นสิทธิ์ของมันที่จะทำ
“ไม่ได้เป็นไรแน่นะ ฮ่ะๆ”
“เออ ไม่ได้เป็นไรจริงๆ” ผมยกมือขึ้นไปหัวมัน “ว่าแต่..ทำไมห้องมึงมีไอ้นี่ด้วยวะ มึงไม่ดูดบุหรี่ไม่ใช่หรอ” ผมชี้ไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ที่
วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กริมระเบียง
“เออ กูไม่ได้ดูดบุหรี่หรอก แต่เพื่อนกูบางคนมันดูด แล้วบางทีมันก็ชอบมากินเหล้าอะไรที่ห้องกู ก็เลยต้องมีไว้”
“ไปๆ เข้าไปข้างในเหอะ อยู่ข้างนอกก็ร้อนน่ะ” ผมตัดสินใจลากมันเข้าไปข้างในห้อง ดูๆแล้ววันนี้มันดูมีความสุขมากนะครับ มัน
มีความสุขจริงๆโดยที่ไม่ได้ฝืนเลยแม้แต่น้อย บาส ถึงบางทีมันจะยิ้ม จะเฮฮา แต่ตามันเศร้าแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(บาส)
หลังจากวันนั้นที่ผมได้เจอภีมโดยบังเอิญ มันก็ผ่านมาเกือบจะสองอาทิตย์แล้วล่ะครับ คุณเชื่อไหมว่าการที่ผมได้เจอไอ้ภีมอีกครั้งมันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของผมมากๆ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน ที่ผมรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่มีมันอยู่ข้างๆ
ตอนผมย้ายโรงเรียน ผมกลัวการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในสถานที่แห่งใหม่มากๆ การที่จะต้องไปเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า
การที่จะต้องเริ่มต้นปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของโรงเรียนใหม่ มันเป็นอะไรที่ยากมากเหมือนกัน แต่ก็เพราะมันนั้นแหละครับ
เพราะ มัน ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ถึงผมจะไม่ได้เจอมันอีกในช่วงเวลาที่ผ่านมาจนวันนี้ แต่มันก็เป็นคนที่ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเรียนต่อในที่เรียนแห่งใหม่ ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีกับมัน รู้สึกอุ่นใจ รู้สึกหลายๆอย่างที่ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร มันมากกว่าความอุ่นใจ มากกว่าความรู้สึกสบายใจ
แต่หลังจากวันนั้นผมก็ยังเจอมันอีกบ่อยๆตามที่เรียนพิเศษบ้าง สยามบ้าง คืนนั้นเราก็แลกเฟส แลกไลน์ แลกไอจีกันเป็นที่
เรียบร้อยครับ การได้เจอมันอีกครั้ง ผมถือว่าเป็นสิ่งดีๆในชีวิตของผมสิ่งหนึ่งเลยล่ะครับ แม้ว่าชีวิตของผมมันจะไม่ค่อยมีอะไรดี
ก็ตาม เหอะๆ
อย่างวันนี้ไอ้ภีมมันก็นัดผมไปกินข้าวด้วยกัน ถึงเวลามันจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นภีม ภัคพล มหัทธน
เมธี คนเดิม มันยังยิ้มเก่ง กวนทีน
และยังเอาใจใส่ความรู้สึกของคนอื่นอยู่เสมอ ผมเคยบังเอิญเจอมันกับเพื่อนที่สยามด้วยนะครับ แม่งนี่กลุ่มเพื่อนหรือบอยแบนด์ไอดอลเกาหลีวะ เชี่ยย รัศมีความหล่อแม่งเด่นมาแต่ไกลมากบวกกับสีกางเกงนักเรียนที่มันใส่เป็นสีน้ำเงินมันยิ่งทำให้มันเด่นมากขึ้นเข้าไปอีก
อ๊ะ มันโทรมาแล้วครับ
“ฮัลโหล”
[ ฮัลโหล บาส มึงอยู่ตรงไหนเนี่ย ]
“กูอยู่คิโนะ พารากอนว่ะ พอดีมาดูหนังสือนิดหน่อย”
[ ซื้อหนังสืออีกแล้วหรอวะ ครั้งที่แล้วก็ซื้อไป ]
“เออหน่า หึหึ มึงก็ขึ้นมาดิ”
[ เออๆ รอกูแปปเดี๋ยวกูขึ้นไปหา ]
ผมกดวางสายแล้วดูหนังสือในมือต่อ อืม...เล่มนี้น่าสนใจแหะ ซื้อเก็บไว้อ่านซักเล่มดีกว่า
.
.
ผมจ่ายตังเสร็จเรียบร้อย ยืนรอไม่นานมันก็มาเดินมาถึง
“โทษทีว่ะ ช้านิดนึง พอดีกูลงไปซื้อน้ำมาให้มึง อ่ะ” มันยื่นแก้วTall Caramel Cookie Bar Frappuccino ให้ผม รู้ใจชิบหายเลยว่ะ หึหึ
“เห้ยยย Caramel Cookie Bar Frappuccino นี่หว่า ขอบใจว่ะมึง”
“เออ ไม่เป็นไร เล็กน้อยๆ หึหึ” เกลียดที่แม่งยิ้มแบบนี้ว่ะ ยิ้มแบบนี้ทีไรใจผมเต้นแรงทุกที สงสัยวันนี้เผลอซื้อกาแฟเซเว่นกินแน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ
“ไปกันยังอ่ะ..กูหิวแล้วว่ะ.” มันพูดพร้อมทำท่าประกอบ โห่ เออๆ ไปๆ หึหึ
_________________________________________________________________________________
ตอนนี้ผมกับมันกินข้าวเสร็จแล้วครับ กำลังจะกลับห้อง วันนี้ขอมานอนด้วย ซึ่งผมก็โอเคแหละครับ ไม่ได้ติดขัดอะไรอยู่แล้ว อ้อ ผมลืมบอกไป ตั้งแต่ผมเจอไอ้ภีมเมื่อวันนั้น ผมก็ไม่ได้เข้าทวิตเลยครับ ก็อย่างว่าแหละครับว่าผมรู้สึกเบื่อๆ มันคงถึงจุดอิ่มตัวแล้วมั้ง
พูดแล้วจะหาว่าคุย หล่อระดับเดือนโรงเรียนหรือเดือนคณะ เดือนมหาลัย ผมก็เคยกินมาแล้วนะครับ อิอิ
“เป็นเชี่ยไรวะ..ยิ้มไรหนักนา” มันถามผมด้วยท่าทีสบายๆ เอ้า ก็กูมีความสุขอ่ะ ยิ้มไม่ได้ไง๊
“หึหึ เปล่า ไม่มีไรหรอก ว่าแต่มึงอ่ะ อยากไปซื้ออะไรหรืออยากได้อะไรอีกป่ะ” เห็นมันเหมือนอยากจะซื้ออะไรอีกอยู่เหมือนกัน
“ไม่อ่ะ กูเห็นว่าวันนี้มึงดูเหนื่อยๆ เลยกะว่าจะกลับเลย” จะไม่ให้เหนื่อยได้ไงล่ะครับ ก็วันนี้ผมจัดหนัก เล่นบอลกับพวกไอ้โอ๊ต
ไอ้นายเช้า กลางวัน เย็น แถมวันนี้ยังมีสอบย่อยอีกตั้งหลายวิชา
“เอองั้นกลับเลยก็ได้” ผมว่าพลางเดินนำมันไป และผมคงออกไปถึงสถานีสยามเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ได้ไปเดินชนใครเข้าซะก่อน
“เจย์...”
TBC