พิมพ์หน้านี้ - JUST แค่คำสัญญา
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Parintarawach ที่ 02-06-2016 19:24:18
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
###########################################
แค่คำสัญญา
เสียงเครื่องปรับอากาศดังท่ามกลางความมืดสลัวในคอนโดหรู มีแสงจากพระจันทร์สาดทะลุม่านกระจกเข้ามารำไร พอเห็นสภาพเตียงที่ยับยู่เพราะบทรักอันเร่าร้อนเพิ่งจบลงหมาดๆทว่าไฟปรารถนาของใครคนหนึ่งยังถูกเติมเต็มไม่พอ ใบหน้าหล่อเหลาและเรือนร่างอันสมบูรณ์ของชายหนุ่มที่ดูเหมือนเยือกเย็นดุจน้ำแข็งคนนี้ปลุกความอยากในตัวดารินทร์ไม่จบสิ้น
เธอลุกขึ้นโอบกอดเขาจากด้านหลัง ดวงหน้าที่ถูกเคลือบด้วยเครื่องสำอางราคาแพงซุกลงที่ต้นคอแกร่งสูดดมกลิ่นกายของเขาที่เธอจะไม่มีวันลืมลงง่ายๆ
“เจอเธอทีแรกคิดว่าเป็นคนนิ่งๆซะอีก ไม่นึกว่าเวลาอยู่บนเตียงจะเร่าร้อนขนาดนี้”
ลิปดาเหม่อมองไปเบื้องหน้า ขบกรามแน่นเพื่อระงับความรู้สึก เขาผละออกจากร่างนุ่มนิ่มที่เต็มไปด้วยตัณหา...ดารินทร์นักการเมืองหญิงที่ครองตัวเป็นโสด ทั้งดูเก่งและเป็นเวิร์คกิ้งวูเมนตัวจริงนั่นคือภาพที่เขาเห็นในโทรทัศน์
“ค่าตัวเธอฉันโอนให้แม่เธอแล้วนะ”
สมเพชตัวเอง อยากจะอวก อาชีพของแม่ที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา สุดท้าย…
ลิปดาไม่มองคนบนเตียง มือแกร่งคว้าเสื้อเชิ้ตนักศึกษาขึ้นใส่ ติดกระดุมลวกๆ ความปวดหน่วงในใจก่อตัวจนทำให้แทบหายใจไม่ออก ตัวเขาตอนนี้อยากกลับบ้านไปหาคนที่เรียกตัวเองว่าแม่แล้วถามว่ากล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร
ไอ้กับข้าวมื้อเย็นที่เขาดีใจเพราะแม่อุตส่าห์ลงมือทำให้กินเป็นครั้งแรก มันก็แค่กับดัก
ชายหนุ่มเดินผ่านซากถุงยางอนามัยที่เกลื่อนกลาดบนพื้น ภาพที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ไหลย้อนเข้ามาในหัว
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ต่างไป
‘ไอ้ลูกกะหรี่’
------------------------------------------------
หน้าปัดนาฬิการาคาถูกบอกเวลาเกือบๆตีห้า
‘จวนจะได้เวลาเลิกงานแล้ว’ ชนะคิดอย่างดีใจพลางหยิบขนมขบเคี้ยวที่อยู่บนรถเข็นจัดวางบนชั้นสิ้นค้าตามคำสั่งของผู้จัดการร้าน เขาเข็นรถเข็นที่ว่างเปล่าเข้าไปเก็บในห้องสโตร์ จากนั้นจึงเดินออกมาลาเพื่อนร่วมงานอีกคนที่จำได้ว่าเรียนที่เดียวกับเขาที่เค้าท์เตอร์ ชายหนุ่มเดินไปไหว้เป้เจ้าของร้านที่เขาค่อนข้างสนิทด้วย
“ไปนะครับพี่เป้”
อีกฝ่ายละมือจากการจัดของส่งยิ้มละมุนให้เขาแบบปรกติ
“อื้ม กลับดีๆล่ะ ถึงแล้วไลน์มาด้วย”
ชนะรับคำ แล้วเดินออกมา ไม่ว่ากี่ปีเป้ยังเป็นเจ้านายที่ใจดีและคอยช่วยเหลือเขาเสมอ
เขาทำงานที่นี่ได้เกือบสามปีแล้วเพราะไม่อยากรบกวนแม่ที่ส่งเงินมาให้เขาเรียน มันก็เหนื่อยอยู่หรอก มีหลายๆครั้งที่เขาไปเรียนไม่ไหว ขาดเรียนจนเทอมที่แล้วเกรดร่วงจนเกือบถึงหนึ่ง แต่ทำอย่างไรได้...เราไม่มีสิทธ์ิเลือกนี่
ชนะไม่ใช่คนเก่งหรือฉลาดอะไรอาศัยความขยันเพียวๆเข้าสู้ ความสามารถหรือทักษะพิเศษด้านอื่นๆก็แทบหาไม่เจอ หน้าตาก็ธรรมดาจนจมหายไปในผู้คน ไม่คิดอาจหาญว่าจะมีใครมองมา... แต่ทำไมถึงต้องมีข้อยกเว้นด้วย
ทำไม?
ทำไมข้อยกเว้นมันช่างไกลตัวจนเขาไม่อยากนึกฝัน
คนแบบเขาทำไมถึงกล้าดีไปมองคนที่โดดเด่นไปทุกอย่างแบบนั้น
ไม่เจียมตัวเลย
ขาของเขาชะงักและก้าวต่อไม่ออกเมื่อตามองเห็นคนที่อยู่ในความคิดเมื่อครู่กระโดดออกมายืนหน้านิ่งอยู่หน้าประตูบ้าน ดวงตาดำขลับจับจ้องมาที่เขาเช่นกัน ชั่ววินาทีนั้นชนะบอกตัวเองให้ทำเหมือนทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
คนในชุดพนักงานเซเว่นเดินเข้ามาใกล้ในหัวมีคำถามปรากฏเด่นชัด ชนะไม่แปลกใจที่ลิปดารู้จักหอของเขาเพราะแฟนเก่าของลิปดาคือน้ำ เพื่อนของเขา แต่สิ่งที่ต้องถามคือ
“พี่ลิปมาที่นี่ทำไม...มีอะไรกับนะรึเปล่า”
ยิ่งใกล้ร่างสูงมากเท่าไหร่กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ยิ่งโชยมาแตะจมูกมากขึ้น
หัวใจเขาก็เต้นถี่ขึ้นเช่นกัน
“...”
ยังคงมีแต่ความเงียบปกคลุม ดวงตาคู่ดำสนิทจับจ้องมาที่ชนะดูแตกต่างออกไปจากทุกครั้ง
ในหัวของคนซื่อมีคำถามอย่างต่ำสี่ห้าคำถามในหัว ชนะอ่านใครไม่ออก ยิ่งเป็นลิปดาด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่กับคนที่นิ่งแล้วก็พูดน้อยหนำซ้ำแทบไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยแบบนั้น เขาจะไปรู้ใจได้อย่างไร
ลิปดามองคนตัวเล็กกว่าเขาที่ยังทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจตัวเอง...ถ้าชนะกำลังสงสัยว่าเขามาทำไม มันก็เป็นคำถามเดียวกับที่เขาสงสัย
เขามาที่นี่ทำไม...ชายหนุ่มตอบตัวเองไม่ได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดว่าตัวเองผ่านความเจ็บปวดมามากมาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรเขาก็แก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่เคยคิดว่าต้องการใครมาเข้าใจ
เขาคงจะลืมไปว่าไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น
แต่ทำไม ตอนเขาเสียใจ ภาพของคนคนหนึ่งกลับลอยเข้ามาในหัวอย่างประหลาด
ลิปดาตกใจตัวเองเช่นกัน
คนคนนั้นเป็นคนพูดน้อยและขี้เกรงใจ...เราได้รู้จักกันเมื่อปีที่แล้วตอนเขายังคบกับน้ำ แววตาเศร้าๆและรอยยิ้มที่ไม่ได้ทำให้โลกสดใสนั้นสะท้อนบางอย่างที่คล้ายๆกับเขาออกมา
“พี่ลิ…”
ฉับพลันที่ชนะจะถามซ้ำ ริมฝีปากคล้ำก็ฉกวูบเข้ามาที่ปากของเขา มันร้อนผ่าวจนเนื้อตัวสะท้านไปหมด เมื่อเรียวลิ้นร้อนทำงานอะไรที่เนิบช้าก็แปรเปลี่ยนจนตั้งตัวไม่ทัน
คนตัวเล็กใช้มือที่อ่อนแรงดันอกไว้แผ่วๆ ดวงตาจับจ้องเสี้ยวหน้าคมอย่างสงสัยระคนตกใจ
มือแกร่งไม่ได้จับมือที่ดันอกเขาไว้ออกแต่กลับสอดเข้าไปที่หลังคอแล้วกดเข้าหาให้แนบชิดกว่าเดิม
นานหลายนาทีกว่าความร้อนลุ่มจะผละออกจากปากแต่ไม่มีทีท่าจะผละออกจากตัว ชนะหอบหายใจ หน้าแดงก่ำ
ใบหน้าคมอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงไอความร้อน ชนะไม่เคยอยู่ใกล้คนตัวสูงเท่าวันนี้
ตอนนั้นแค่แอบมอง ดวงตาลึกล้ำคู่นี้ไม่ได้มองตอบ แต่เขาก็สั่นไปหมด
ตอนนี้ล่ะ...ดวงตาลึกล้ำคู่นี้จ้องมาที่เขา แต่เขาเองกลับไม่กล้ามองตอบตรงๆ
“มองพี่สิ”
เสียงทุ้มเอ่ยเหนือหัวเขา ฟังเหมือนเรียกร้อง
ชนะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองหันไปตอนไหน ไม่รู้ตัวว่าลิปดาหยิบกุญแจไปเปิดห้องตอนไหน รู้อีกทีตัวเขาก็ล้มลงบนเตียงและร่างสูงก็ตามลงมาคร่อมทับตัวเขา
ทุกอย่างตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้มันช่างคลุมเคลือ จับต้นชนปลายไม่ถูก
อย่างเดียวที่ชนะพอจะนึกออกคือ
“พี่เมา…หรือเปล่าครับ?”
คนตัวเล็กได้ยินเสียงสั้นห้วนคล้ายหัวเราะหลุดออกมาแบบไม่เปิดปาก ดวงตาคู่นั้นยังคงจ้องเขาแน่นิ่งจนเหมือนทุกอย่างบนโลกไม่เคลื่อนไหวไปกับพวกเรา
แวบหนึ่งที่ดวงตามหาสมุทรสั่นคลอน ชนะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่อัดแน่น มันไม่ได้แข็งกร้าวแบบเวลาปรกติ มันไม่ได้ลึกล้ำแบบเมื่อครู่
มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยเห็นจากลิปดา--คนสมบูรณ์แบบแบบนี้เนี่ยนะ
“พิสูจน์สิว่าพี่เมาหรือเปล่า”
ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้ชนะไม่ขัดขืน และตอนนี้เขาไม่อยากจะหาเหตุผล ดวงตาลึกล้ำกระชากเขาไปสู่ห้วงกระแสความรู้สึกที่ปั่นป่วน มอมเมาเขาและพาดำดิ่งจนแทบลืมว่าความคู่ควรคืออะไร ลืมว่าตัวเองเป็นใครเขาเป็นใคร คนธรรมดาเช่นเขาได้อภิสิทธิ์อยู่ในอ้อมกอดเจ้าชายผู้สง่างาม แค่นี้...แค่วันนี้แล้วจะไม่เพ้อฝันอีก คงไม่มีใครว่าเขาว่าใฝ่สูงเกินไปใช่ไหม?
หรือหลังจากนี้จะเป็นเขาเองที่ต้องเมา
-----------------------
“คบกันไหม?”
ลิปดาตัดสินใจพูดขึ้นหลังจากสั่งอาหารในร้านอาหารอิตาเลียนเล็กๆไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ทั้งคู่เรียน
แววตาของคนตัวเล็กมีแววสงสัยอย่างไม่ปิดบัง หัวคิ้วชนกันยุ่ง ทำให้ชนะในตอนนี้ดูแปลกตากว่าน้องนะที่เอาแต่เงียบไม่แสดงสีหน้าเวลาไปกินข้าวกับน้ำเป็นไหนๆ
“ทำไม?”คนตัวเล็กย้อนถามเขาสั้นๆไม่มองหน้าและก้มลงมองโต๊ะอาหาร หน้าแดงๆที่เจ้าตัวพยายามปกปิดนั้นลามขึ้นมาถึงใบหู ไม่พูดกับเขาสักคำตั้งแต่ตอนนั้น แต่เขาจะให้เวลาชนะในการปรับตัว เขารู้ว่าตัวเองก็ผิดที่รีบร้อนเกินไป
“...”ลิปดาเลือกที่จะเงียบ เขารู้ว่าชนะแตกต่างจากคนอื่นๆที่เคยเจอ แต่เขายังไม่รู้ว่าทำไม
ชนะตัดสินใจมองหน้าคนที่ไม่ตอบคำถามเขา แล้วถามออกไปตรงๆ “ทำไมถึงต้องเป็นผม…พี่น่ะทั้งเรียนเก่ง ทำงานก็เก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง. มีแต่คนอยากรู้จักมากมาย. แล้วก็ยัง...ยัง...”
“หล่อ?”ชนะมองคนที่บอกว่าตัวเองหล่อแล้วอ้าปากหวอ ไม่คิดว่าลิปดาจะมีมุมแบบนี้ คิ้วเข้มยกขึ้นเชิงถามมุมปากคล้ายกำลังหัวเราะ
“พี่ไม่ได้ดีขนาดนั้น”เสียงลิปดานิ่งลงเมื่อเอ่ยประโยคนี้
“บางทีพี่ก็ไม่ใช่คนรักที่ดีนัก แต่จะพยายาม”ลิปดาไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไร เรื่องระหว่างเรามันยังเต็มไปด้วยหมอกไม่ต่างอะไรกับเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้ว ดวงตาดำขลับคู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าใจและอ่านออกง่ายๆ
เขาเติบโตมาจากครอบครัวที่แตกหัก เรียนรู้ว่าพันธะสัญญามันไม่ใช่สิ่งที่จะดึงรั้งคนไว้ด้วยกัน
คำพูดไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งพูดมากยิ่งลดค่า เวลาต้องจากกัน
...มีแต่การกระทำเท่านั้นแหละ
“เราจะไปกันได้เหรอ”ชนะถามออกไปอีกครั้ง เขาไม่มั่นใจอะไรในตอนนี้สักอย่าง จะให้เชื่อก็คงแปลก
“พี่ก็ไม่รู้”
มันไม่เหมือนนิยายที่เขาเคยอ่านสักนิด ถึงตอนนี้ลิปดาต้องพูดว่า‘สัญญา’สิ แต่ก็ถูกแล้ว...ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป มีแต่เขากับลิปดาจะช่วยกันกำหนดวันพรุ่งนี้
“...”
“งั้น...พี่ลิปคบกับนะได้ไหม”
ลิปดาหัวเราะออกมาเบาๆ ชนะเล่นย้อนถามแบบที่เขาเคยถาม
“อืม คบสิ”
-
มาตามดราม่า
-
ติดตามตอนต่อไป :katai5:
-
.
.
.
.
.
2ปีผ่านไป
นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้คนที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่คนรักที่ดีก็ยังไม่เคยทำอะไรให้เขารู้สึกแบบนั้นสักครั้ง จะมีก็ตอนที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาและบอกว่าจะเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างนั่นแหละ ช่วงนั้นลิปดาเอาแต่มุงานหนักจนแทบหายหน้าหายตาไปเลย มีเพียงข้อความกับการคุยกันผ่านโทรศัพท์เท่านั้น ถึงตอนนี้อะไรๆจะเริ่มเข้าที่และได้เจอกันทุกวัน แต่แทบจะไม่ได้พูดกันเลย
ชนะมองไปรอบๆบ้านหลังใหญ่ด้วยความรู้สึกแปลกไป บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ลิปดาออกแบบและสร้างมันด้วยตัวเขาเอง
ชนะเดินเข้าไปในครัวเทโจ๊กที่ซื้อมาใส่ชามกระเบื้องที่เขาเป็นคนเลือก เดินเอาไปอุ่นในเตาไมโครเวฟ คนตัวเล็กถอดเน็กไทด์ออกพาดบ่า มือหยิบโจ๊กอีกถุงวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้สังเกตง่ายๆ เผื่อลิปดาจะหิว
คืนนี้ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายๆคืนที่เขาต้องนอนคนเดียว
หลังจากอาบน้ำเสร็จโจ๊กที่เอาออกมาใหม่ๆคงหายร้อน ชนะเดินถือชามไปห้องนั่งเล่น เขาเปิดโทรทัศน์ดูเกมส์โชว์ที่ชอบมาตอนดึกๆพลางตักโจ๊กเข้าปาก
ไม่นานก็ละเลียดจนหมดชาม ชนะเอนหลังพิงโซฟาตัวยาวก่อนหลับตาลงปล่อยโทรทัศน์เปิดค้างไว้แบบนั้นเป็นเพื่อนคลายเหงา
ตอนเด็กๆเขาฝันที่จะมีบ้านอบอุ่น แต่ก็ไม่มีวันได้มี พ่อแม่เขาเลิกกันก่อนเขาจะจำความได้ ชนะได้อยู่กับแม่ จากนั้นไม่นานแม่ก็พาพ่อเลี้ยงมาอยู่ด้วย แรกๆเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอแม่มีน้อง ความรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินก็เกิดขึ้นกับตัวอย่างช่วยไม่ได้ มันไม่ใช่ความอิจฉาเพียงแต่รู้สึกผิดที่ผิดทาง
ชนะไม่คิดว่าที่นั่นไม่ใช่ที่ของตัวเองอีกต่อไป...
แต่เมื่อไม่นานเขาก็มีความรู้สึกว่าพบบ้านจริงๆของตัวเองสักที เขาดีใจมากตอนที่ลิปดาชวนให้มาอยู่ด้วยกัน โอบกอดคนตัวสูงแน่น น้ำตาไหลพรากจนลิปดายังถามด้วยความเป็นห่วง
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น...
เสียงเครื่องยนต์จากรถดังขึ้นตามด้วยเสียงประตูรั้วเปิดและค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาในโรงจอดรถ เขาเด้งตัวขึ้นมาอัตโนมัติ รีบเข้าครัวไปอุ่นโจ๊กให้คนที่เพิ่งกลับ
พอเขาออกมาอีกทีพร้อมโจ๊กหอมกรุ่น ก็เห็นคนตัวสูงนอนสลบไสลบนโซฟาตัวเดียวกับที่เขานั่ง ใบหน้าหล่อเหลาหมองคล้ำลงไป หนวดเคราก็ถูกปล่อยจนดูแปลกตา ชนะย่อตัวนั่ง ขยับแขนแกร่งเบาๆ
“พี่ลิป”
อีกฝั่งคำรามในลำคอไม่ได้ศัพท์ ปรือตาขึ้นมองเขา แล้วยิ้มออกมาในแบบที่ใครๆไม่เคยเห็น
“โชคดีจัง ได้เจอกันตอนยังไม่หลับสักที”
ชนะยิ้มตอบมองคนที่ยันตัวนั่งอย่างเหนื่อยล้า นี่คือสาเหตุที่เขายังไม่พูดเรื่องนี้ออกไปตรงๆ ลิปดาทำงานหนัก กว่าจะกลับเข้าบ้านเขาก็นอนแล้ว หนำซ้ำตอนเช้ายังต้องรีบไปทำงานตั้งแต่เขายังไม่ตื่น เท่านี้คนตัวสูงก็เครียดมากพอแล้ว อย่าเอาเรื่องอะไรไปเพิ่มให้ต้องเครียดมากกว่านี้เลย
ชนะนั่งมองคนตัวสูงตักโจ๊กเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ปริปากอะไรออกมา ไม่นานโจ๊กในถ้วยกระเบื้องก็อันตธานหายไป
“พอดีพี่ไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เที่ยง...ขึ้นมานั่งตรงนี้สิ”
พอเขานั่งลงบนโซฟา ลิปดาก็ใช้ขาของเขาแทนหมอน คนตัวสูงหลับตาพริ้ม “ขอนอนหน่อยนะ”
นิ้วเรียวสอดเข้าไปเล่นกับกลุ่มผมนุ่มนิ่ม ชนะมองหน้าคนรักพรางระบายยิ้มออกมา เขายอมรับว่าไม่เคยเห็นด้านนี้ของลิปดา ไม่สิ ไม่ว่าด้านไหนๆเขาก็ยังไม่เคยเห็น
ลิปดาเสมอต้นเสมอปลายเสมอเวลาอยู่กับเขา ชนะนึกภาพเวลาลิปดาโกรธหรือเสียใจไม่ออก จะมีอะไรบ้างไหมที่กระทบกระเทือนเจ้าชายน้ำแข็งของเขาได้
ชนะหัวเราะเมื่อนึกถึงตรงนี้ เอื้อมมือไปจับจมูกโด่งๆเล่นอย่างหมันเขี้ยว
“ทำแบบนี้แปลว่าไม่อยากนอนใช่ไหม”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับตาคมที่จู่ๆก็ลืมขึ้น ฝ่ามือร้อนเอื้อมมาจับใบหน้าของเขาแล้วยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไร?พี่ลิป”
“ช่วงนี้ผอมไปนะ…”
“สงสัยคงทำงานหนักมั้งครับ”แล้วก็เครียดเรื่องพี่ด้วย
“พี่ว่าไม่น่าจะเกี่ยวนะ”มือแกร่งเปลี่ยนจากการจับหน้ามาลูบไล้ที่ต้นคอ อีกมือหนึ่งก็ยกจับที่ใบหู หน้าชนะร้อนเห่อขนลุกไปหมด ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งลิปดาก็ทำให้เขาไม่เป็นตัวเองเสมอ
“พี่เป็นหมอหรือไง”
ลิปดาหัวเราะกดคอคงตรงหน้าให้สัมผัสริมฝีปากตัวเอง เขาเองก็อยากให้คนตัวเล็กรู้ว่าตัวเองก็มีความสำคัญกับเขามากแค่ไหน ลิปดาพยายามเปิดปากคนขี้อายให้รับเขาเข้าไป มืออีกข้างสอดเข้าไปลูบไล้ใต้ชุดนอนสีเข้ม
“อื้อ”
ลิปดาถอนปากจากร่างเล็ก ได้ยินเสียงหอบหายใจแผ่ว
“ขอโทษครับ”ชนะพูดออกไปเห็นคิ้วเข้มเลิกขึ้น ดวงตาสีนิลจ้องมาเชิงถาม
“ขอโทษที่เอาแต่ใจ”น่าจะรู้ว่าคนคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อเขา เพื่ออนาคตของพวกเขา ไม่น่าคิดเล็กคิดน้อยไปไกล ลิปดาคือลิปดา ไม่ได้เปลี่ยนไป ดวงตาและริมฝีปากร้อนแรงเมื่อครู่ยืนยันหนักหน่วง
ลิปดายิ้มให้กับคนคิดมาก ชนะยังห่างไกลจากคำว่าเอาแต่ใจมากนัก ตั้งแต่ตกลงอยู่ด้วยกัน ชนะไม่เคยขออะไรจากเขา ตอนเขาพาไปเที่ยวห้างเมื่อเดือนก่อนก็เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป แต่ชนะกลับปฏิเสธทุกอย่างไปหมด อ้างว่ามันแพงบ้าง ไม่เหมาะกับคนตนบ้างจนในที่สุดก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมา
“งั้น...ได้เวลาหมอวินิจฉัย ร่างกายคุณต้องการน้ำ”
ให้ตายสิชนะไม่ชินกับน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แบบนี้เลย
ลิปดาแหงนมองคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุงที่เขาซื้อให้คุณดาวประดับ...มารดาของเขา หลังจากรบเร้าเท่าไหร่ผู้เป็นแม่ก็ไม่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยกัน
แม่ไม่ได้พูดอะไรตอนเขาบอกว่าชนะคือคนรักของเขา เพียงแต่พยักหน้าให้แล้วก็หันไปถามไถ่เรื่องทั่วไปของชนะ
นึกถึงตรงนี้ลิปดาก็ยิ้มออกมาบางๆ สองปีที่ผ่านมาเขาเหนื่อยกับการสร้างฐานะและความมั่นคง แต่กำลังใจที่ชนะให้เขานั้นไม่มีวันหมด คนตัวเล็กอยู่เคียงเขาไม่ว่าจะเจอปัญหาเรื่องงานหนักแค่ไหน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เข้าใจเขาเสมอ พวกเขาไม่ใช่คู่ที่หวานหรือพูดคุยกันตลอดเวลา ชนะไม่ชอบพูด เขาเองก็ไม่ต่างไป แต่เวลาอยู่ด้วยเขารู้สึกสบายใจแบบที่ไม่เคยเป็น สบายใจในความเรียบง่ายนั่นแหละ
ร่างสูงเดินเข้าไปในลิฟท์มือแกร่งเอื้อมไปกดหมายเลขชั้น ลิฟท์เคลื่อนตัวช้าๆจนหยุดนิ่ง ลิปดาก้าวออกมาหยุดยืนข้างหน้า
ลิปดาเดินไปหยุดอยู่เกือบสุดทางเดิน เขาใช้คีย์การ์ดแตะกับเครื่องสแกนหน้าห้องประตูเเง้มเปิดออกเบาๆ
เสียงครวญครางของชายหญิงคู่หนึ่งดังขึ้นกระทบหูลิปดาทำขาเขาแข็งชะงัก ความหวั่นใจก่อตัวรวมกันภายข้างในใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ที่เขาพูดไปทั้งหมดไม่มีความหมาย แม่ไม่เคยเข้าใจเขา ไม่เคยรับความห่วงใยของลูกคนนี้เลย
ภาพเบื้องหน้าทำให้ร่างสูงขบกรามออกมาอย่างเจ็บปวด
ความขมขื่นในอดีตแล่นริ้วครอบงำทั้งตัวจนกระดุกกระดิกไม่ได้ เขาแค่ไม่อยากให้แม่โดนสังคมตราหน้า พวกเขาโดนดูถูกเหยียดหยามมานับครั้งไม่ถ้วน เขาทำทุกอย่างเพื่อให้แม่หลุดออกมา แต่ที่เห็นตรงหน้าคือแม่จงใจเข้าไปเอง
ต้องทำร้ายเขาสักกี่ครั้งแม่ถึงจะหยุด
ลิปดาก้าวออกมาจากห้องช้าๆและเงียบเชียบ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากแบ่งความเจ็บปวดให้ใครสักคนฟัง
-
เอิ้บ
ปัญหาชีวิตของนะนี่หนักกว่าลิปตอนแรกซะอีก
ทำไมแม่ถึงไม่รู้จักพอนะ? ต้องจับเข่าคุยครั้งใหญ่แล้วไหม??
-
จะเป็นไงต่อไป :hao5:
-
ชนะกวาดเครื่องเขียนกับที่หนีบกระดาษลงรวมกันในลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานส่วนตัว สายตามองนาฬิกาจนแน่ใจว่าได้เวลาเลิกงาน คนหัวทึ่มก็คิดถึงมื้อดึกวันนี้ เขาอยากจะลองทำอาหารให้ลิปดาทานบ้างเพราะเมื่อคืนคนตัวสูงก็อุตสาห์กลับมา ใจจริงอยากทำสปาเกตตี้นะ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรเขาคงต้องแวะซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าหมู่บ้านสักหน่อย
แล้วถ้าลิปดาไม่กลับล่ะ?
ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วเขาก็ไลน์ไปหาตั้งหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายยังไม่ได้อ่าน หรือเขาจะโทรไปหาดี?
แต่ถ้าลิปดาทำงานอยู่คงไม่ว่างรับสายเขาหรอกมั้ง
เขาไม่ได้กำลังน้อยใจนะ...พวกเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่คบกันแล้ว ด้วยความที่ต่างคนต่างไม่ชอบคุยโทรศัพท์ การติดต่อกันด้านนี้จึงถือเอาความจำเป็นเข้าว่า
แต่เรื่องกินข้าวกับเขามันจำเป็นไหมนะ...สำหรับลิปดา
“นะ เย็นนี้ว่างไหม”เสียงกมลชนกดังขึ้นเรียกสัมปัชชัญญะของชนะกลับมา
“ครับ?”
“พี่ถามว่าว่างไหม?”หญิงสาวส่ายหน้าออกมายิ้มๆ ลูกน้องแผนกของเธอคนนี้ชอบเหม่อลอยประจำ ใบหน้าขาวๆในแว่นที่เจ้าตัวใส่เฉพาะตอนทำงานทำให้หล่อนนึกเอ็นดูคนตรงหน้า
“เอ่อ...ครับ. พี่มนมีอะไรหรือเปล่า”
“อยากจะชวนไปกินข้าวน่ะสิ”
ชนะมองกมลชนกอย่าสงสัย เย็นนี้เขาตั้งใจจะทำกับข้าวให้ลิปดาทานเสียด้วยสิ
“ไม่ตอบ งั้นถือว่าเราตกลงนะ”โดยไม่พูดเปล่ามือหนึ่งคว้าแขนของชนะอีกมือหนึ่งคว้ากระเป๋าก้าวพรวดออกจากห้อง เธอชอบชนะก็ตรงไม่ปฏิเสธคนนี่แหละ
ชนะกระชับแขนกอดตัวเองคลายความหนาว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีอ่อนแทบไม่ได้ช่วยอะไร เพิ่งออกจากที่ทำงานที่เปิดเครื่องปรับอากาศคล้ายอยู่ในตู้แช่เย็น กมลชนกก็ลากเขามานั่งบนรถใครอีกคนที่เย็นไม่ต่างกัน ชนะลอบมองชายหนุ่มหน้าขาวที่กำลังขับรถอยู่โดยมีกมลชนกนั่งข้างคนขับและเขานั่งเบาะหลัง
“หนาวเหรอ เสื้อคลุมอยู่ด้านหลัง ใส่ได้นะ”
ชนะพยักหน้าเอื้อมไปหยิบเสื้อแขนยาวสีดำที่สอดอยู่กระเป๋าหลังตรงเบาะที่นั่งคนขับขึ้นสวม ใช้หลังนิ้วซับน้ำมูกที่ออกมาทักทาย แม่เคยบอกเขาตอนเป็นเด็กว่าเขาขี้โรคมากแล้วก็แพ้เกือบทุกอย่างที่แพ้ได้ พอโตมาอาการบางอย่างก็หายไป เหลือเพียงแพ้อากาศนี่แหละที่ยังไม่หาย
“ไอ้กายแกก็หรี่แอร์ให้น้องหน่อยสิ”หัวหน้าแผนกของเขาพูดขึ้นใส่คนขับรถหน้าขาว ดูจากการแต่งตัว เสื้อผ้า นาฬิกา และรถหรูที่เขานั่งอยู่คนคนนี้คงรวยมาก
มือแกร่งเอื้อมมาหรี่แอร์ แล้วหัวเราะออกมาเมื่อบังเอิญสบตากับชนะที่มองเขาผ่านกระจกอย่างกล้าๆกลัวๆ
รอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ตรงกันข้ามกับลิปดาลิบลับ มันเต็มไปด้วยความขี้เล่น ดูวิบวับจนเขายังรับรู้ได้
“แฟนไอ้ลิปนี่ขี้อายนะ ไม่นึกว่าจะชอบคนอย่างมันจะชอบแนวนี้”ชนะเบิกตากว้าง คนคนนี้รู้จักลิปดาได้อย่างไร
“น้องออกจะน่ารัก แต่จะว่าไปก็ฉีกแนวจากน้องน้ำอะไรนั่นมาไกลเลยนะ”
ชนะหันไปมองใบหน้าสวยเนี้ยบตามแบบฉบับสาวออฟฟิส กมลชนกเองก็รู้จักลิปดา แถมรู้ด้วยว่าคนตัวสูงเคยเป็นกับเพื่อนของเขา เรื่องนี้มันยังไงกัน
“นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับ”ถามเพราะทางมันเป็นทางเดียวกันกับบ้าน
“บ้านนะไง…พวกเรายังไม่ได้บอกเหรอว่าเป็นเพื่อนไอ้ลิป”ชนะอึ้งไปอีกรอบ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้เรื่องส่วนตัวของลิปดา เพราะว่าคนตัวสูงไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้เขาฟังเลย ชนะมองไปทางกมลชนกอย่างเข้าใจบางอย่าง เหตุผลที่เขาได้งานโดยไม่มีการเรียกสัมภาษณ์คงไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยสำหรับเขาอีกต่อไป
ความเงียบปกคลุมรถทั้งคัน ชนะใช้เวลาจมจ่อมอยู่กับความคิดตัวเอง จนรถเลี้ยวเข้าไปจอดสนิทในซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าหมู่บ้าน
นี่เขารู้เรื่องอะไรของลิปดาบ้าง
ชนะรวบจานสปาเกตตี้สามจานไว้ฝั่งเดียวเพื่อให้จัดเก็บได้สะดวก ร่างเล็กนั่งทับขาตัวเองบนพื้นขณะกวาดเศษอาหารในจานบนโต๊ะไม้เตี้ยแบบญี่ปุ่น เขาทำตัวไม่ถูก เหนือเมฆพยายามจ้องหน้าราวมีคำถามเป็นร้อยที่ต้องถาม ชนะไม่ได้เขินแต่แค่ไม่ชิน เดิมทีด้วยหน้าสุดแสนจะธรรมดาก็แทบไม่มีใครจะให้ความสำคัญขนาดจ้องหน้าเขาเป็นชั่วโมงๆอยู่แล้ว
“ไอ้กาย มึงจะจ้องหน้าน้องเขาอีกนานไหม เป็นบ้าอะไร”กมลชนกหันไปเหวเหนือเมฆสลับกับมองคนที่นั่งเงียบมาตลอดมื้ออาหาร
“ถามอะไรหน่อยสิตรงๆเลยนะ...”ใบหน้าหล่อขาวแบบจีนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม น้ำเสียงที่ใช้ก็เปลี่ยนไปแบบเห็นได้ชัด
“เพื่อนฉันมาชอบนายได้ยังไง พวกนายดูต่างกันมาก”เหนือเมฆเลี่ยงคำถามที่ถามว่าคนตรงหน้าชอบเพื่อนของเขาตรงไหน ลิปดาน่ะทั้งเก่งและสมบูรณ์แบบ แต่นี่เป็นสิ่งที่เคลือบปิดบังลิปดาอีกคนไว้ มีแต่พวกเขาที่เป็นเพื่อนเท่านั้นที่รู้ดี
อีกฝั่งก้มหน้านิ่งไม่แม้จะสบตา ลมจากสระน้ำพัดเข้าผ่านประตูกระจกแบบเลื่อนที่เปิดค้างไว้ แสงจากดวงจันทร์ที่กระทบพื้นน้ำสาดเข้ามาในตัวบ้าน เขาเหลือบมองไปยังกมลชนก ทางนั้นก็จับจ้องไปที่แฟนของลิปดาเช่นกัน
ชนะกัดริมฝีปากตัวเอง ร้อยพันคำถามกรีดใจเขาจนปวดหน่วง ใช่ คำถามที่เหนือเมฆถามเขาอาจมีแค่คำถามเดียว แต่คำถามร้อยพันเหล่านั้นที่เขาเฝ้าถามตัวเองทุกวันๆมันพ่วงตามมาด้วย
แค่มีอะไรกัน เลยผูกพันกัน เลยรักกัน
งั้นเหรอ?
คำตอบที่เป็นรูปเป็นร่างที่สุดพุ่งเสียดเข้าหนักหนาสาหัสกว่ารอยช้ำอย่างอื่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอย่างสุดความสามารถ เขาสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น
“ผมไม่รู้ว่าพี่ลิปชอบผมตรงไหน เพราะผมไม่มีอะไรจะทำให้คนแบบเขามาสนใจผมได้เลย ผมไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเขา ในขณะที่เขารู้เรื่องของผมทุกอย่าง ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น…”ชนะกลืนน้ำลายลงคอหลังจากจบประโยคยาวเหยียดที่มีแต่ความคลุมเครือ เงยหน้าจ้องตอบเหนือเมฆ ถ้าเป็นคำตอบต่อไปนี้เขามั่นใจตัวเอง
“...ผมรู้แต่ว่าผมชอบพี่ลิปมาก ตอนแรกผมเองก็ยอมรับว่าไม่รู้เหมือนกัน พี่เขาเป็นแฟนของเพื่อนผมมาก่อน และตอนนั้นเรารู้จักกันแค่ผิวเผิน แต่ผมมาแน่ใจตัวเองตอนที่เราอยู่ด้วยกันแล้ว พี่ลิปเป็นเหมือนครอบครัวคนเดียวของผม เป็นบ้าน เป็นทุกอย่าง เป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ไร้ค่า ผมมีความสุขมากๆ...แต่นอกเหนือจากนี้ผมไม่รู้จริงๆ” ปลายประโยคน้ำเสียงคนพูดแผ่วลง เหนือเมฆจับจ้องคนรักของเพื่อนอย่างค้นหา ไม่มีอะไรที่บอกว่าโกหก
“เอาเป็นว่าฉันเข้าใจนายแล้วนะ”เหนือเมฆยิ้มออกมาไม่ใช่รอยยิ้มขี้เล่นแบบตอนเเรก “แล้วก็พอจะรู้แล้วว่าไอ้ลิปมันชอบนายตรงไหน”
ร่างสูงยันตัวขึ้นยืน ในความต่างมันยังมีความเหมือนที่ซ่อนอยู่ลึกจนคนอื่นอาจไม่เข้าใจ คนตรงหน้าคิดว่าลิปดาคือบ้าน มอบความจริงใจและคำว่าครอบครัวให้ลิปดาจนหมด เขาคิดว่าเพื่อนหน้านิ่งของเขาก็คงไม่ต่างออกไป คนโลกส่วนตัวสูงแบบนั้นยอมเปิดประตูให้อีกคนมาอยู่ด้วยกัน แถมลงทุนปลูกบ้านทั้งที่เพิ่งตั้งบริษัทได้ไม่นาน เป็นคำตอบให้เขาอย่างดี
ไม่ใช่แค่ชนะที่รักลิปดาจริงๆอย่างที่กมลชนกบอกจริงๆด้วยสินะ
“งั้นฉันจะไปเดินเล่นหน่อย มนเธออยู่คุยกับแฟนไอ้ลิปที”
ชนะมองตามร่างสูงเท่าๆลิปดาเดินผ่านห้องที่นั่งอยู่ออกไปสระว่ายน้ำ จู่ๆมือบางทาเล็บสีดำสนิทของกมลชนกก็เอื้อมมากุมเขาไว้ ชนะได้เสียงถอนหายใจของคนที่มักจะมั่นใจเสมอไม่ว่ากับเรื่องอะไร
“ขอโทษนะที่ต้องถามออกไปตรงๆ เราไม่อยากไอ้ลิปเสียใจอีก”
ลิปดาเคยเสียใจอะไร ชนะมองตอบหัวหน้าของเขานิ่ง
“ฉันอยากจะเล่าเรื่องอะไรบางอย่างให้ฟัง พระเอกของเรื่องนี้เหมือนกับพระเอกเรื่องอื่นๆนั่นแหละ ทั้งหล่อ เก่ง ฉลาด แต่ว่าพระเอกเรื่องนี้กลับน่าสงสาร...แม่ของพระเอกเป็นผู้หญิงขายบริการ เปิดบ้านตัวเองเป็นซ่อง ทำให้ตอนพระเอกเด็กๆพระเอกต้องเติบโตมากับสังคมที่ไม่ค่อยจะดีนัก โดนคนอื่นล้อจนมีเรื่องชกต่อยต้องย้ายโรงเรียนไปทั่ว พอโตขึ้นแม่พระเอกก็พยายามจะขายพระเอกให้ผู้หญิงมีบ้าตัณหา พระเอกไม่ยอมเลยทะเลาะกัน ตั้งแต่นั้นมาพระเอกก็เลยทำงานทุกอย่างเพื่อส่งตัวเองเรียนไม่ใช้เงินของแม่ นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ทำให้พระเอกของเราเข้มแข็ง ไม่ยอมใคร แล้วก็ไม่ง้อใคร”
ชนะหลับตาลงเบาๆ ลิปดาผ่านความเจ็บปวดในวัยเด็กมามากกว่าเขามากจนนึกสังสัยว่าคนตัวสูงผ่านมาด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร
“จนวันหนึ่งพระเอกของเรามีความรักและคิดว่าคนคนนั้นคือคู่แท้ คู่แท้ของพระเอกคนนั้นทั้งโดดเด่นทุกด้านไม่ต่างจากพระเอก คบกันสักพักพระเอกเลยตัดสินใจบอกความจริงๆเกี่ยวกับตัวเองออกไป แต่แล้วพระเอกของเราก็ต้องผิดหวัง คนคนนั้นรับไม่ได้เลยบอกเลิกพระเอกและตีตัวห่างไป ตั้งแต่วันนั้นพระเอกเลยไม่คิดรักใคร กลายเป็นคนปิดตัวเองและเย็นชา ไม่แยแสใครทั้งสิ้น”
“...ตอนนี้พวกเราคิดว่าพระเอกคงเจอคู่แท้จริงๆแล้วล่ะ”กมลชนกมองมาที่เขาแล้วยิ้มออกมา แต่ในหัวชนะตอนนี้มันโล่งไปหมด ทั้งที่บอกว่าตัวเองเป็นครอบครัวแต่กลับไม่รู้เรื่องของลิปดาเลย ไม่เคยเข้าใจความเจ็บปวดของลิปดาสักนิด
“...เป็นแฟนกับพระเอกต้องอดทนนะ บางทีพระเอกก็เข้าใจยากและทำอะไรที่เราคาดไม่ถึงได้เสมอ”
เพื่อนของลิปดากลับไปนานแล้วแต่ชนะนั่งอยู่ที่เดิม จานสปาเกตตี้ยังคงตั้งไว้ ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ราวกับทั้งบ้านไม่มีใครอยู่
ลิปดาเป็นคนที่ทั้งน่าทึ่งและเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งให้เขาได้เสมอ
มีเสียงรถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในโรงจอด ทำไมวันนี้ลิปดากลับมาเร็วมากกว่าทุกวัน ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ใบหน้าหล่อแลดูเศร้า ไม่มีรอยยิ้มหรือคำทักทายให้เขาอย่างเดิม ลิปดาเดินผ่านโต๊ะญี่ปุ่นที่เขานั่งอยู่และเดินผ่านเขาไปยังสระน้ำราวเขาไม่มีตัวตน
ชนะทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยเห็นคนรักเป็นแบบนี้มาก่อน ใบหน้าที่นิ่งเฉยวันนี้ต่างจากทุกวัน นิ่งจนน่ากลัว จนทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา ไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวด้วยซ้ำ
ร่างเล็กรวบรวมความกล้าลุกขึ้นเดินตามลิปดาไป เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องพูดกันจริงๆจังๆสักที เขาไม่อยากเห็นลิปดาแบกรับเรื่องทุกอย่าง ชนะรู้ว่าคนรักตัวเองเก่งกาจและจัดการปัญหาด้วยตัวเองได้ดีเสมอ แต่เขาแค่อยากจะแชร์อยากจะแบ่งความรู้สึกมาไว้บ้าง
ลิปดาจ้องมองผืนน้ำที่พลิ้วไหวกระทบแสงจันทร์ในฤดูหนาว ลมกลางคืนหอบเอากลิ่นดอกแก้วที่เขาสั่งให้คนมาลงไว้ตอนปลูกบ้านกระทบจมูก หอม...แต่ไม่อาจทำให้จิตใจที่รวดร้าวกับเหตุการณ์ตอนเย็นจางหายไป เขารักแม่แม้ใครจะว่ายังไง อาชีพของแม่ไม่ได้ทำให้เขาเกลียดแม่ตัวเองได้ลง เขาแค่อยากให้แม่เลิกทำแบบนั้น ใครต่อใครคงมาว่ามาว่าพวกเขาไม่ได้อีก...แต่ดูเหมือนแม่จะไม่เข้าใจ
ความเจ็บปวดตอนพ่อของน้ำมาด่าหาว่าหลอกลูกสาวตนและลามไปถึงด่าว่าแม่ของเขายังเจ็บปวดจนเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน
ลิปดาหลับตาลงเพื่อระงับความเจ็บปวดและความรู้สึกบางอย่างที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย เขากำลังจะร้องไห้หรือไร
เสียงเท้าของชนะหยุดลงด้านหลังของเขา
“พี่อยากอยู่คนเดียว”ลิปดาตัดสินใจพูดออกไปเพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กเห็นความอ่อนแอของตัวเอง เหนือกว่านั้นเขาไม่อยากให้ลิปดาต้องมาเครียดเพราะเรื่องของเขาอีก
ชนะชะงักเท้าไม่ขยับตัวแต่ไม่ได้เดินกลับ ยังคงมองแผ่นหลังกว้างอยู่แบบนั้น
“พี่บอกให้…”
สวบ
ชนะโผตัวกอดลิปดาจากด้านหลัง ใช้แขนทั้งสองโอบสะโพกแกร่งไว้แน่น ใบหน้าขาวซุกลงตรงกลางแผ่นหลังเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ลิปดาไปไม่เป็น
“นะรักพี่ลิป…”ชนะได้สูดดมกลิ่นของลิปดาเต็มปอด กระชับแขนให้แน่นหวังแบ่งความเจ็บปวดจากคนตัวสูงมาให้เขาบ้าง สักนิดก็ยังดี
“...รักมาก”ชนะพูดกับหลังของลิปดา เนิ่นนาน ไม่มีการเคลื่อนไหว สายลมหอบหยาดน้ำค้างเย็นซ่านกระทบแขน ไม่รู้ว่าลิปดาจะยอมรับความรู้สึกของเขาไว้ไหม แต่ชนะไม่เสียใจที่ได้พูดออกไปแม้ไม่มีคำพูดใดเอ่ยกลับมา
ชั่วนาทีผ่านไป กลับเป็นหยดน้ำอุ่นร้อนกระทบเข้าที่แขนของชนะแทบ ร่างเล็กชะงัก เม้มปากแน่นอย่างทำตัวไม่ถูก อยากจะร้องไห้ไปด้วย อยากเจ็บปวดไปด้วยแต่เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
หยดที่สองและสามตามมา
คนทั้งคู่ปล่อยความเสียใจให้ผูกโยงกันอย่างเงียบๆ ไม่มีการพูด แต่ถ่ายทอดความรู้สึกหากันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ลิปดานึกขำตัวเองเพราะปรกติหน้าที่สร้างความปั่นป่วนจะเป็นหน้าที่ของเขา แต่วันนี้เขาแพ้คนตัวเล็กอย่างหมดรูป ไม่คิดว่าแค่คำพูดที่ออกมาจากปากชนะจะทำให้ความเสียความเป็นตัวของตัวเองไปได้ขนาดนี้
“พูดอีกทีได้ไหม”
“นะรักพี่ลิป”ชนะกระซิบอย่างเขินอายเพราะรู้ว่าลิปดาไม่ได้ร้องไห้แล้ว
ครั้งแรกทำให้เขาร้องไห้ ครั้งนี้ทำให้เขาใจพองโตอย่างไม่เป็นเคยเป็นกลับใครมาก่อน ความรู้สึกหวงแหนอุ่นซ่านไปทั้งอก ลิปดากระชับมือนิ่มที่กอดเอวเขาไว้
ความรู้สึกที่อยากมีใครสักคนที่เข้าใจเขาและรับได้กับทุกเรื่องที่เขาเป็นเมื่อสองปีก่อนฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง
คนส่วนใหญ่ลุ่มหลงกับคำรักในวันแรกๆ ดีใจจนคิดว่าต่อจากนี้ไปจะต้องมีแต่เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นราวกับคำหวานที่พร่ำพรรณนาใส่กัน จะต้องมีความสุขในทุกวันคืน
น่าตลกความฝันของนักฝัน
เราเจอความทุกข์ เจอเรื่องมากมายทุกวัน วันหนึ่งมันอาจทำให้ใครบางคนเปลี่ยนไป
เขากับชนะผ่านความเจ็บปวดมามากมาย ต่างคนก็ต่างมีจุดแหว่งโหวภายในจิตใจ ที่ต้องเติมเต็มซึ่งกันและกัน พวกเราจึงเข้าใจดี…
คำพูดที่บอกว่าจะเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันนั้นฟังดูครั่นคร้าม... และไร้ความหมายราวฝุ่นผง
ชีวิตหลังจากตอนนั้นต่างห่างที่สำคัญ
:pig4: