พิมพ์หน้านี้ - --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ChabaSri ที่ 01-06-2016 22:25:20

หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 01-06-2016 22:25:20
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้   

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว  ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************

                                                                         










                                                                         
แพ้ทาง 1


ทำไมเธอต้องยิ้มทุกทีที่เดินสวนกัน
   
                    ท่อนแรกของเพลงโปรดในช่วงนี้แว่บเข้ามาในหัวทันทีที่เดินสวนกับใครบางคนที่ผมใช้เวลาเกือบครึ่งนึงของชีวิตนักศึกษาปีสองเพื่อมองเขา รอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากพร้อมกิริยาค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายนั้นเป็นไปอย่างธรรมชาติของคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

              แต่มันเป็นเรื่องตลกตรงที่ว่าเราคุ้นหน้ากัน เจอหน้ากันบ่อยแถวๆหน้าลิฟต์ของคณะและเวลาที่ต้องร่วมกิจกรรมของคณะและมหาวิทยาลัย ข้อมูลเกี่ยวกับเขาที่ผมรู้คือเขาเรียนคณะเดียวกันกับผมชั้นปีเดียวกันแต่คนละสาขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเรียนสาขาอะไรไม่รุ้แม้กระทั่งชื่อของเขาด้วยซ้ำนะผมน่ะ เครซี่มาก

              แต่วันนี้ที่ที่ผมพบเขาทำเอาผมแปลกใจเพราะว่าเราเดินสวนกันที่ยิมเนเซี่ยมของมหาวิทยาลัยที่ซึ่งสาขาวิชาของผมใช้เรียนกันเป็นหลัก เรียนครูพละก็งี้แหละครับสิงอยู่ที่ยิมฯกันตลอด

         มาคนเดียวด้วย

            ถ้าให้ผมเดาผมว่าเขาคงจะมาเพราะธุระของสโมสรนักศึกษา เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์การแข่งขันกีฬาภายในของคณะก็จะเริ่มแล้วถ้าจำไม่ผิดเขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ทำงานเยี่ยงกรรมกรของสโมสรนักศึกษาของคณะที่เก่าแก่และกิจกรรมเยอะที่สุดในมหาวิทยาลัย

   ท่าทางกึ่งเดินกึ่งวิ่งนั้นทำให้ผมต้องหยุดฝีเท้าแล้วมองตาม

“มึงจะมองเขาให้แก่ตายตรงนี้เลยไหมไอ้หล่อ” เพื่อนผมที่เดินตามกันมาเอ่ยเเซว พวกมันรู้ครับว่าผมแอบมองเขามาตั้งแต่ต้นเทอมที่เริ่มกิจกรรมรับน้องแล้ว
“จะห้าเดือนแล้วได้แค่ทักกันหน้าลิฟต์ ไอ้กาก” เอ่อ..ผมมันกากยอมรับล่ะครับ
“คือแม้แต่ชื่อยังไม่รู้เลยไง” ซ้ำเติมกันเข้าไป ผมถอนหายใจแล้วละสายตาจากแผ่นหลังเล็กๆนั่น หันมองไอ้สามตัวข้างๆแล้วเดินหนีแม่ง

             ผมทรุดตัวลงนั่งที่ม้าหินอ่อนข้างยิมฯใต้ร่มไม้ที่ปลูกเรียงรายรอบๆ ไอ้พวกนั้นทรุดตัวลงนั่งล้อมโต๊ะกลมตรงกลางแล้วเริ่มทำการบ้าน

“ไอ้หล่อ เอาของมึงมาดูดิ๊” ผมเหลือบตามองไอ้หนึ่งที่ทำหน้าง่วงๆบวกโง่ๆอย่างตำหนิเล็กน้อยแต่ก็หยิบสมุดรายงานออกจากเป้ส่งให้มัน
“อย่าลอกนะพวกมึง เกริกศักดิ์อ่านทุกตัวมึงอย่าลืม” ผมพูดกับพวกนั้นที่ตอนนี้กำลังรุมทึ้งสมุดรายงานของผม

                  ผมส่ายหน้าอย่างระอาแต่พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ผมมองมาตลอดกำลังเดินออกจากยิมด้วยท่าทางเร่งรีบ ใจผมกระตุกเมื่อเขาคลี่ยิ้มออกมาแล้วเดินตรงมาทางพวกผม ไอ้สามทโมนนั่นดูเหมือนจะเห็นแล้วเหมือนกันเห็นสะกิดกันยิกๆ
“เอาแหล่วววว  เดินมาทางนี้ด้วยเหวยยยย”

                 คือกูเห็นแล้วครับมึง เต็มสองตาแบบโคลสอัพเลยด้วย

“หวัดดี” เขาเอ่ยทัก ผมพยักหน้าตอบรับ คือไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยครับตอนนี้ ได้แต่ทำหน้านิ่งๆแต่ในใจอยากจะคว้าตัวอีกคนมานั่งลงบนตักซะเดี๋ยวนั้น...ครับ ปล่อยผมเพ้อไปเถอะ
“งายย/ดี/อ่า” ไอ้สามตัวนั่นเอ่ยทักเขาพร้อมกับยิ้มกว้าง
“คือ..เราตามหาอาจารย์ไพรวุฒิ ไม่เจออ่ะมีเอกสารจะให้ท่านเซ็นพวกนายพอจะรู้ป่ะว่าอาจารย์อยู่ไหน?”  เขาพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
“น่าจะอยู่ข้างบนนะ ชั้นสองอ่ะพวกปีหนึ่งเรียนบาสกับแก” ไอ้นัทพูดบอกออกไป
“อ๋อ ขอบใจนะ” เขาพูดขอบใจแล้วทำท่าจะเดินออกไปแต่ไอ้โก้เรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวๆ นักศึกษาสาขาอื่นขึ้นชั้นสองไม่ได้นะครับ”
“อ้าว!!! แล้วทำไงอ่ะ” เขาหน้าเหวอเล็กน้อย
          
                ไอ้สามตัวนั่นหันมามองหน้าผมโดยพร้อมเพรียงกันเพราะตอนนี้ในพวกเรามีผมคนเดียวที่เคลียร์งานเสร็จหมดแล้ว
“เดี๋ยวเราพาไป” ผมเอ่ยในที่สุด
“อื้อ” เขาพยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง ตาหยีกันเลยทีเดียว หัวใจทำงานหนักมาก โคตรแพ้ทางเลยว่ะ
   
                 ผมลุกขึ้นแล้วเดินคู่ไปกับเขากลับเข้าไปในยิมฯอีกรอบ ในขณะที่เดินไปด้วยกันผมก็คิดว่าคงต้องชวนอีกฝ่ายคุยบ้างอย่างน้อยก็เป็นการไม่ตัดโอกาสตัวเอง เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมหยิ่ง
“เอาไรมาให้ ‘จารย์ เซ็นอ่ะ”
“อ่า..บันทึกข้อความขอรายชื่อและอนุมัติการส่งตัวผู้ตัดสินกีฬาคณะไง”
“เป็นคนเขียนโครงการ?”
“ป่าว แต่เราดูแลเรื่องผู้ตัดสินอ่ะ พวกสวัสดิการ ค่าตอบแทน อะไรพวกเนี้ย”
“อ๋อ งั้นก็แสดงว่าเป็นคนจ่ายค่าตัวพวกเราดิถ้างั้น” ผมเอ่ยแซว
“ก็ทำนองนั้นแหละ แบงค์ตัดสินด้วยหรอ ตัดสินไร?”   หืม? รู้จักชื่อผมด้วยแฮะ
“วอลเลย์ฯ แต่ปีนี้งบผู้ตัดสินน้อยนะเราว่า พอหักเข้าชมรมแล้วเหลือคนละไม่เท่าไหร่เอง  เดือนก่อนตัดสินคณะพยาบาลเราซื้อรองเท้าคู่ใหม่ได้เลยนะ”
“อย่าบ่นดิ เราไม่ได้เป็นคนเสนองบป่ะ กีฬาคณะตัวเองก็อย่าเขี้ยวนักเลยน่า” คนข้างๆยู่หน้าเล็กน้อย โอ้ยยยยไม่ไหวแล้วว่ะ โคตรแพ้เลย....ครับ...ปล่อยผมเพ้อไปครับทุกคน

“เอกสารอยู่ไหนอ่ะ เดี๋ยวเราเอาขึ้นไปให้อาจารย์เซ็นให้” ผมแบมือขอเอกสารที่ว่านั่นจากเขา

               ผมรับเอกสารมาแล้วพึมพำบอกให้เขารออยู่ตรงทางขึ้นตรงนั้น ผมจัดการธุระให้อีกคนจนเสร็จแล้วยื่นเอกสารคืนให้เขา

“อาจารย์บอกว่ารายชื่อให้มาเอาพรุ่งนี้นะ”
“อ่า..โอเค ขอบใจนะ”
             
               เขารับกระดาษแผ่นนั้นคืนไปแล้วจัดการเอาเข้าแฟ้มเรียบร้อย

“เสร็จนี่แล้วไปไหนต่อ?” ผมถาม
“เอาเอกสารไปให้นายกสโมฯ แล้วจะไปสอนพิเศษ”

              หืม?? สอนพิเศษผมยกนาฬิกาขึ้นดูพบว่าตอนนี้เวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ

“เพิ่งบ่ายสองเอง โรงเรียนที่ไหนเลิกบ่ายสอง”
“ก็ว่าจะไปเคลียร์งานที่สโมฯก่อน แล้วพวกแบงค์ล่ะ??”
“ก็คงสิงอยู่แถวๆนี้แล้วมืดๆค่อยไปฟิตเนส”
“อ่อ”
               แล้วเราก็เดินกันไปเงียบๆจนถึงประตูทางเข้า อีกคนหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งแล้วพึมพำขอบอกขอบใจอีกรอบก่อนจะแยกตัวไปทางลานจอดรถ ส่วนผมก็เดินกลับมาที่พวกสามลิงที่ตอนนี้ยังเคลียร์งานไม่เสร็จ ทันทีที่ผมนั่งลงมันก็เปิดฉากสอบสวนทันที

“หน้าฟินมาเลยนะมึง” ไอ้โก้
“ตกลงเขาชื่อไร?” ไอ้นัท
“มึงได้ขอไลน์เขาป่าว” ไอ้หนึ่ง
             
                ผมถอนหายใจก่อนจะตอบพวกมัน

“ไม่ได้ถามชื่อ แล้วก็ไม่ได้ขอไลน์ด้วย”
“ไอ้กาก” กากแบบสามประสานถูกส่งตรงมาที่ผมแบบโคตรสามัคคี ผมไม่สนใจพวกไก่กา หยิบไอโฟนออกจากเป้แล้วเข้าfacebook โพสเป็นเนื้อเพลงที่แว่บเข้ามาในหัว

Bank K.K.  ทุกอย่างดีเมื่อได้เจอเธอ เพราะมีเธอมันเลยพอดี
                         มันจะน้อยหรือมากก็ช่างมัน ฉันชอบอย่างนี้ (เพลงชอบตอนนี้ By.Friday)

                จะหาว่าผมเพ้อก็ยอมล่ะครับงานนี้ คือเพ้อจริงๆไงนึกไปถึงอีกคนที่พึ่งเจอกันเมื่อกี้แล้วก็เผลอยิ้มออกมา หน้าใสๆกับแว่นตาหนาๆนั่นทำให้เขาดูเนิร์ดๆ โคตรแพ้ทางเลยว่ะ

            ตึ่ง

เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นผมจึงกดเข้าไปเช็คดูปรากฏว่ามีคนเข้ามาเม้นโพสเพ้อๆนั่นของผม
      Money Mira-ra ถ้าจะขนาดนี้แท็กไปจีบเลยไหมพี่ชาย
นั่นจากน้องสาวผมครับ เสือกพอๆกับพวกสามลิง
      The Mooh  เพ้อมากไอ้หล่อ
นั่นพี่รหัสสุดกวนหน้าโหด แต่โคตรใจดี
      BoomBoom นานๆมาทีก็เพ้อเลยนะมึง
      สั้นสั้น ไม่ยาว  เฮียวันนี้ไปฟิตเนสป่าว
         ฯลฯ


                     อีกมากมายในคอมเม้นจากโพสของผม เลื่อนๆดูหน้าฟีตไปเรื่อยๆอ่านนู่นนี่ ดูคลิปที่เพื่อนแชร์มา เข้าไปดูว่าตอนนี้พ่อแม่ทำอะไรอยู่ที่ไหน ผมกำลังจะออกจากfacebook ก็ต้องชะงักเมื่อมีแจ้งเตือนเข้ามาว่ามีคนขอเข้ามาเป็นเพื่อน ผมกดเข้าไปดูแล้วก็ต้องชะงักอีกรอบกับชื่อของคนที่ส่งคำขอเข้ามา
      
Book PratchaYa  ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนกับคุณ   ยอมรับ      ปฏิเสธ

------------------------------------------------------------------2BC---------------------------------------------------------------

ดีครับ
เรื่องเเรกที่ลงเล้าเป็ด น้องใหม่ใสใสรายงานตัวครับผม เเรงบันดาลของเรื่องนี้มาจากเพลงที่ชอบ ^___^
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ...
ติ-ชม สั่งสอนกันได้ครับผม รักคนอ่านน้าาาาา
ปล. ลงยากสมคำร่ำลือจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง1 [2016/06/1]
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 01-06-2016 23:17:14
ติดตามค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง2 [2016/06/2]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 02-06-2016 19:23:13
แพ้ทาง2
   

         ผมกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของคุณ Book Pratchaya รูปโปรไฟล์เป็นภาพแจกันดอกไม้แห้งที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างกระจกที่มองดูเหมือนเป็นคาเฟ่อะไรสักอย่าง ผมปัดหน้าจดไปดูภาพประจำตัวก่อนหน้าของเขาแล้วต้องลมหายใจสะดุดกับใบหน้าเปื้อนสีที่ละเลงไปทั้งหน้าแต่ก็ไม่ได้บดบังรอยยิ้มสดใสนั้นเลย ‘เขา’ นั่นเอง


“มึง”

       
  ผมเงยหน้าจากหน้าจอมือถือแล้วเรียกสามลิงนั่น พวกมันเงยหน้ามามองผมโดยพร้อมเพรียงกัน


“เขา ชื่อบุ๊คว่ะ”


พวกมันมองหน้าผมแบบสงสัยสุดๆผมเลยยกหน้าจอมือถือที่ตอนนี้รูปเขายังค้างอยู่ให้พวกมันดู

“เหี้ยยยยยยย”

“จริงดิ”
   
“มึงหาเจอได้ไงสาดดดดด”


พวกมันจะแย่งมือถือผมไป ผมเลยโบกกะบาลมันไปคนล่ะที
   

“เขาแอดมา” ผมตอบไปแค่นั้นแล้วเลื่อนหน้าจอไปกดรับเขาเป็นเพื่อน


ผมเขี่ยๆหน้าจอดูโพสดูรูป เผลอกดไลค์ไปบ้าง ทำแบบนั้นอยู่สักพักพวกสามลิงนั่นก็ทำงานเสร็จ
   


“พึ่งบ่ายสามกว่าเองว่ะ ไปไหนกันดีวะ” ไอ้หนึ่งถามขึ้นมาหลังจากที่ทำงานกันเสร็จ

       
  แล้วก็เหมือนเป็นเรื่องปกติที่สามคนนั่นจะมองหน้าผมทันที อย่าคิดว่าเป็นสายตาที่ต้องการคำตอบใดใดคล้ายๆบังคับให้ผมต้องรู้ว่าจะไหนกัน
   
“เออๆ บ้านกู” ผมตอบรับ ยัดไอโฟนใส่กระเป๋ากางเกงแล้วคว้าเป้มาพายไว้
   

“รถมึงด้วย” โดยพร้อมเพรียง
   

“เออ!!!!”


“ฮ่าๆๆๆๆ”   สะใจพวกมันล่ะครับ


พอเริ่มเข้าฤดูฝนผมก็เอาน้องแมกซ์(D-MAX) ออกมาใช้แต่โดยปกติแล้วผมจะชอบขับมอ’ไซค์มากกว่าเพราะเบื่อรถติดและปัญหาโลกแตกของมหา’ลัยผมคือหาที่จอดรถยากมาก พอเอารถยนต์มาใช้พวกเพื่อนผมเลยได้อานิสงค์นี้มาด้วย อย่างน้อยก็ไม่ต้องเปียกฝนอ่ะนะ หลังจากที่ติดไฟแดงอยู่สองสามแยกพวกเราก็มาถึงบ้านผม



บ้านชั้นเดียวยกพื้นสูงราวหนึ่งเมตรขนาดไม่ใหญ่ สามห้องนอนสองห้องน้ำ กำลังดีหลังนี้ผมอยู่กับน้องสาวกันสองคน ส่วนพ่อกับแม่ท่านทำงานเป็นวิศวกรที่อเมริกานานๆกลับมาที แต่ผมกับน้องสาวก็ไม่ใช่เด็กขาดความอบอุ่นแต่อย่างใดเพราะรู้ว่างานที่ท่านทั้งสองทำท่านทำเพราะรักมันเหมือนกับที่ผมเรียนครูพละเพราะรักการเล่นกีฬาและน้องสาวที่กำลังเตรียมตัวอย่างหนักเพื่อเข้าเรียนพยาบาลแบบที่ฝัน



ผมจอดรถ ไขประตูบ้านแล้วเดินเข้าห้องนอนไปเอาของไปเก็บปล่อยให้เพื่อนสำรวจตู้เย็น เปิดแอร์เปิดทีวีเองที่ห้องนั่งเล่น คือมันมาบ่อยจนรู้หมดแล้วว่าอะไรอยู่ที่ไหนและใช้ชีวิตราวกับบ้านตัวเองไปแล้ว =,.=



ผมจัดการเปลี่ยนจากชุดนักศึกษาถูกระเบียบมาเป็นสวมกางเกงบอลทีมโปรดเพียงตัวเดียวแล้วออกมาสมทบกับสามลิงที่ห้องนั่งเล่นโดยหิ้วกีตาร์โปร่งตัวโปรดออกมาด้วย



ผมนั่งเกากีตาร์เป็นเพลงที่พึ่งโพสลงFacebook ไปไม่กี่ชั่วโมงก่อน  โดยมีเสียงทะเลาะกันบ้างกวนกันบ้างจากเพื่อนๆเป็นแบ็คกราวด์




แชะ!!




ผมเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง ปรากฏว่าเป็นไอ้โก้ที่ในมือมันตอนนี้ถือไอโฟนค้างไว้ คือ....
   

“มึงทำไร” ผมถามมัน
   

“ถ่ายรูปมึงไง ไอ้แฟงมันถามว่าพวกเราอยู่ไหน จะไปฟิตเนสป่าว กูเลยถ่ายรูปมึงส่งให้มันดู”
   

“ทำไมเสือก?” ผมว่าผมปากร้ายนะ



“เอาน่า แฟงมันFCมึง มึงก็เซอร์วิชแฟนๆมึงบ้าง”
   

“เซอร์วิสจวกไร ไร้สาระ”      ผมบ่นๆไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องรูป



ตอนนี้มองออกไปข้างนอกฝนตกลงมาอย่างหนักตามสภาพที่ควรจะเป็นของเดือนกันยายน
   

“หนึ่ง วันนี้มึงทำงานป่าว” ไอ้โก้ร้องถามไอ้หนึ่งที่กำลังเล่นเกมอยู่อีกฟากของห้อง
   

“ทำ”
   

“ที่ไหน”
   

“วันนี้ร้องที่ศูนย์.แปด.(0.8)”
   

“ร้านพี่โค้ชอ่ะนะ”
   

“อือ ไมอ่ะ มึงจะไปอ่อ”
   

“ก็ว่านะ ช่วงนี้กูว่างๆว่ะ ออกล่าซะหน่อยเผื่อได้สาวมาควงเล่น” ไอ้โก้ตอบพร้อมกับทำหน้าตาชั่วร้าย


งานของไอ้หนึ่งที่ไอ้โก้พูดถึงก็คือ หนึ่งมันร้องเพลงครับร้องตามผับ ร้านเหล้าหรือลานเบียร์กับพวกรุ่นพี่ที่ทำวงมาด้วยกันตั้งแต่สมัยมัธยม ก็ดังพอตัวล่ะครับ flower ในIG ประมาณสองหมื่นได้
   

“หน้าชั่วได้อีกนะมึง” ผมแขวะมันไปเล็กน้อย
   

“แล้วมึงสองตัวอ่ะ ไปป่าวถ้าไปเดี๋ยวกูบอกเขาจองโต๊ะต่างหาก” ไอ้หนึ่งถาม


ผมกับไอ้นัทมองหน้ากันผมพยักหน้า
   


“เคๆ”



นั่งเล่นนอนเล่นกันสักพักก็หกโมง ช่วงเวลาว่างๆนี่ผ่านไปเร็วเสมอในความรู้สึกผม ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากบ้านโดยไม่ลืมไลน์บอกน้องสาวว่าวันนี้จะกลับดึก


ผมส่งเพื่อนให้พวกมันไปเอารถแล้วก็ออกมาที่ฟิตเนสที่ตัวเองสมัครสมาชิกไว้



ไม่ใช่ว่าผมรักสุขภาพหรืออยากจะมีกล้ามใหญ่ๆหรืออะไร แต่ด้วยสาขาวิชาที่เรียนถ้าร่างกายไม่พร้อมรับกับสภาพการเล่นกีฬาที่ต้องเล่นทุกประเภททำให้ผมต้องออกกำลังกายอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ฟิตไว้ก่อนดีกว่าป่วยตอนสอบน่ะครับ


หลังจากออกกำลังกายเสร็จผมเข้าไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินง่ายๆกับกางเกงยีนส์ที่มีติดรถอยู่เสมอ  แล้วเข้าเซเว่นแถวนั้นหาอะไรรองท้องก่อนไปที่ร้านของรุ่นพี่ตามที่นัดไว้ตอนสองทุ่ม


ผมบอกไว้เลยครับว่าถ้าคุณคนอ่านท้องว่างแล้วไปนั่งดื่มเหล้าจะทำให้คุณเกิดอาการ ’วาร์ป’ ได้ง่ายเพราะฉะนั้นหาอะไรรองท้องก่อนจะดีที่สุดนะครับผม



ผมมาถึงร้านตอนสองทุ่มนิดๆเพราะต้องวนหาที่จอดรถ ที่ร้านมีคนนั่งประปรายอาจเพราะยังไม่ดึกมาก พวกเพื่อนๆผมก็มาถึงกันแล้วนั่งอยู่โต๊ะหน้าติดเวทีกับรุ่นพี่สองสามคนที่รู้จักกันดี



“อ้าวๆ มาแล้วไอ้หล่อ มาๆนั่งข้างพี่นี่ไอ้น้อง” พี่โค้ช พี่เทคของผมเอ่ยทักเสียงดัง



ผมโบกมือตอบรับแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆแก ยกมือไหว้พวกรุ่นพี่แล้วรับแก้วเหล้ามาจากไอ้โก้



“นี่ขนาดมึงแต่งตัวธรรมดาแม่งยังโคตรดูดี หมั่นไส้ว่ะ” พี่อาร์มที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะเอ่ยทักผม
   

“ก็มันเดือนสาขาเราป่ะพี่ก็ต้องหล่อดิ แต่ที่จริงรุ่นผมก็หล่อกันทุกคน”
   

“อ้วกแม่ง” พี่มันพูดแล้วผลักหัวไอ้นัทเบาๆเป็นเชิงหยอกที่มันไปคุยโวแบบนั้น



นั่งคุย ดื่ม เล่นหัวกันไปเรื่อยๆสักพักไอ้หนึ่งก็ขอตัวไปเตรียมร้องเพลง ผมที่ปกติเป็นคนคุยไม่เก่งอยู่แล้วเลยปล่อยหน้าที่เล่นมุกให้ไอ้โก้และไอ้นัทไป ส่วนตัวเองก็หยิบไอโฟนออกมาเช็คอิน แล้วก็เช็คความเคลี่อนไหวในโซเชี่ยลนิดหน่อย
   


ยัยน้องสาวตัวดีของผมไลน์มาบอกว่าถึงบ้านแล้วจะออกไปกินหมูกระทะกับเพื่อน ส่วนในกลุ่มไลน์ของ’เจอร์ก็คุยกันสรรพเพเหระ เรื่องสอบย่อยบ้าง รายงาน บอลตามประสา




“หวัดดีครับพี่โค้ช”


ผมเงยหน้ามองคนที่เข้ามาทักพี่ชายที่นั่งข้างๆ ปรากฏว่าเป็นนายกสโมสรนักศึกษาคณะผม จำได้ว่าปีเดียวกันแต่ผมจำชื่อมันไม่ได้ =,.=
   


“อ้าวนายกหนุ่ม มากะใครวะมึงมีโต๊ะยังมาๆนั่งกับพี่”
   

“มีแล้วพี่ อยู่ฝั่งนู้นอ่ะ มาทักเฉยๆเผื่อได้เหล้าฟรี”
   

“ค.ว.ย. ครับมึง”
   

“ฮ่าๆๆๆๆๆ ไปแล้วพี่เดี๋ยวมาคุยด้วย” มันยกมือไหว้พวกพี่ๆแล้วพยักหน้าทักทายพวกผมก่อนจะแยกตัวไป


 ผมมองตามมันไปที่โต๊ะแล้วก็ต้องใจกระตุกเพราะคนที่ผมแอบมองมาตลอดเกือบห้าเดือนแล้วนั่งร่วมวงอยู่โต๊ะนั้นด้วย สมาชิกในวงนั้นมีสิบกว่าคนได้แต่คนที่ผมมองอยู่เหมือนจะมีสปอร์ตไลท์ส่องไปที่เขาเลยครับ คือเด่นมากในใจผม...ครับ...ปล่อยผมน้ำเน่าไป
   


“หวานใจมึงมาด้วยนี่หว่า”




-----------------------------------------------2BC---------------------------------------------



ยะฮู้วววววววววว


ยังลงยากจริงๆครับยอมรับเลย T^T ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก เหมือนให้พวกเราค่อยๆทำความรู้จักกับพระเอกผู้เเสนจะเพ้อของเรา ฮ่าๆๆๆๆ  ติ-ชม สั่งสอนกันมาได้ครับผม

เด็กมหาลัยหลายคนตอนนี้กำลังสอบไฟนอลก็สู้ๆนะครับ แต่บางคนก็ปิดเทอมแล้วยินดีด้วยนะครับ คิดถึงชีวิตในมหาลัยจัง

เจอกันตอนหน้าครับ ^____^ :mew1:
[/b]
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง2 [2016/06/2]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 02-06-2016 19:41:52
เราก็แพ้ทางนะคะ แพ้นิยายแนวนี้นี่แหละค่ะ 55555555 เราชอบนะคะ อะไรที่มันเรื่อยๆค่อยเป็นค่อยไป ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่พ่อพระเอกนะคะที่รู้จักเขา ดูเหมือนเขาจะรู้จักพ่อพระเอกดดีเลยอ่ะ แน่ะๆ แอบส่องอยู่เหมือนกันล่ะสิ แล้วยังแอดเฟรนด์เขาไปก่อนอีกนะ อิอิ แต่เราอ่านแล้วมีความรู้สึกคล้ายๆยิ้มหวานของหมอ ไม่รู้แนวเดียวกันรึเปล่าาา รอติดตามต่อนะค้า  :mew3:
หัวข้อ: Re: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง2 [2016/06/2]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-06-2016 20:51:08
ดูเหมือนบุ๊คก็แอบเพ้อเหมือนแบงค์น่ะ แอดหาก่อนเลย อ่อยเบาๆๆ อิอิ น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง2 [2016/06/2]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-06-2016 09:21:13
ตอนนี้เขากำลัง แพ้ทาง เราจะรอวันเขา ร่วมทาง กันนะ  :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง3 [2016/06/6]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 06-06-2016 08:48:05
แพ้ทาง3







      
“หวานใจมึงมาด้วยนี่หว่า”



ไอ้โก้ที่นั่งข้างๆผมพูดพลางเพยิดหน้าไปทางโต๊ะนู้น ไอ้นัทที่นั่งฝั่งตรงข้ามเลยเอี้ยวตัวไปมองด้วย พี่โค้ชที่เห็นพวกผมทำท่าทางแบบนั้นเลยเอ่ยถาม




   “มีไรกันพวกมึง เจออริหรอ?”



   “เปล่าพี่ มองว่าที่มือวางอันดับหนึ่งไอ้แบงค์มัน” ไอ้โก้ตอบ



   “ใครวะ?”  พี่โค้ชทำหน้าสงสัยพลางมองไปที่โต๊ะใหญ่ฝั่งนู้น



   “ตาโตๆ ใส่แว่นอ่ะพี่”  พี่โค้ชมองตามแล้วขมวดคิ้ว



   “มึงชอบไอ้นุ่นหรอ? นั่นมันทอมนะมึง”



   “ไม่ใช่ไอ้นุ่นดิพี่ อีกคนนึง”



พี่โค้ชมองไปที่โต๊ะนั้นอีกแล้วเบิกตากว้าง





   “ไอ้บุ๊ค??”



ผมพยักหน้ารับแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ คือไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว



   “เอาจริงดิ?”



   “คนนี้แม่งแอบมองมาตั้งแต่เปิดเทอมอ่ะพี่ มองแบบงมงายเลยด้วย” ไอ้นัทเผาผมล่ะครับ



   “คืองี้นะเว่ย ไอ้บุ๊คอ่ะเป็นน้องโรงเรียนเก่ากูแล้วก็ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่านะ แต่ได้ยินเขาเล่ามาว่ามันเป็นพวกไม่จริงจัง ถ้ามึงคิดจะจริงจังก็เตรียมๆใจไว้บ้างก็ดี”



มาล่ะครับ คำพูดตัดกำลังใจเนี่ย



   “ก็ถ้าผมอยากได้ ผมก็ต้องได้นะครับพี่ชาย” ผมยักคิ้วกวนๆไปให้พี่โค้ชหนึ่งทีแบบมั่นหน้ามากๆ



แต่ในใจนี่คิดไปร้อยแปดล่ะครับ คือชอบจริงๆไงคนนี้ สเปคอ่ะ เวลาที่เราเจอใครที่ตรงสเปคมันก็อยากจะลองดูใช่ป่ะครับ ดีกว่าปล่อยเขาหลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรเลย



   ผมอาจเหม่อมองอีกคนนานไปหน่อยจนเขารู้ตัวดวงตาโตๆภายใต้กรอบแว่นนั่นเบิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจแต่ต่อมาก็ยิ้มกว้าง ผมยกแก้วเหล้าในมือขึ้นเป็นเชิงทักทายแล้วดื่มเข้าไปในขณะที่ยังมองเขาอยู่ เอาเป็นว่าคิดว่าคูลสุดๆล่ะครับ อีกฝ่ายเห็นผมทำแบบนั้นก็ทำตามบ้าง




   จนเพื่อนของเขาสะกิดก็เลยเบือนหน้าไปจากผมแล้วไปคุยกับเพื่อน ในขณะที่ผมก็คุยไปดื่มไปแล้วก็มองอีกฝ่ายไปด้วย มีหลายครั้งที่ผมกับเขาบังเอิญสบตากันคือ...มันก็รู้สึกหวานๆในอกอยู่น่ะครับ...ครับปล่อยผมเพ้อไป...หรือที่จริงผมแค่เมาก็ได้ เมารักน่ะครับ กริ้วววววว(เป็นเอามาก)




   จนกระทั่งวงไอ้หนึ่งขึ้นร้องเพลง ในร้านนั่งชิลล์เล็กๆที่คนแน่นแบบนี้ เพลงฮิตหลายเพลงที่ถูกถ่ายทอดออกมาทำให้คนในร้านร้องตามไปด้วยรวมถึงคนที่ผมนั่งมองเขาอยู่ตลอด สักพักผมเห็นเขาหยิบมือถือออกมาแล้วขมวดคิ้วหน้ามุ่ยก่อนจะหันไปคุยอะไรกับเพื่อนแล้วเดินออกจากร้านไป




   ไปไหนวะ




   ตามออกไปดีไหม




   โอ้ยยยยย หล่อเครียด





ผมนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะพลางชั่งใจ คือมันก็เป็นโอกาสป่ะวะ





   เอาวะ!!!




            ผมตัดสินใจเดินตามอีกคนไปโดยพึมพำบอกพวกนั้นว่าจะไปซื้อบุหรี่ที่เซเว่นใกล้ๆนี่ ก็เจอกับเขาตามที่คาดไว้เห็นเขาคุยโทรศัพท์ท่าทางหัวเสียเหมือนจะทะเลาะกับคนในสาย ผมแกล้งเดินผ่านไปข้างหลังเขาเพื่อจะไปซื้อของในร้านแล้วก็บังเอิญ บังเอิญจริงๆ นี่ไม่ได้ตั้งใจเสือกเลย ไปได้ยินบทสนทนาเล็กๆนั่น





   “ไม่ได้หรอก...เราอยู่กับเพื่อน”





   [……..]





   “เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เต้ต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้คบกันแล้ว”






   [………]





ตัวชาวาบเลยครับผม







ผมรีบจ้ำอ้าวเข้าไปซื้อบุหรี่แล้วก็ออกมา พบว่าอีกคนยังอยู่ที่เดิมผมเลยถือวิสาสะนั่งลงข้างเขา





   “นั่งด้วยนะ” ผมเอ่ยทักเขา อีกคนหันมามองผมตาโตแล้วพยักหน้าหงึกหงัก





   “อื้อได้ดิ”




ผมเหลือบมองอีกฝ่ายเห็นเขาเลื่อนหน้าจอtwitter ของตัวเองแบบเหม่อๆผมแกะซองบุหรี่แล้วสะกิดอีกคน





   “เราสูบนะ”




   “อ๋อ..เอาดิ”





             ผมหยิบซิปโป้ขึ้นมาจุดไฟก่อนจะอัดควันเข้าปอดลึกแล้วพ่นออกมา รสชาติไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้แย่ เรานั่งกันไปเงียบๆเสียงเพลงจากร้านเหล้าที่เราเดินออกมาคลอไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองใหญ่ก็ได้ฟิลหวานๆดีครับ...ตอนนี้อะไรก็หวานไปหมดนะครับสำหรับผม จนได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกของอีกคนที่นั่งข้างกัน





   “เป็นไรอ่ะ ถอนหายใจใหญ่เชียว” ผมเอ่ยถาม นี่หวังดีจริงๆนะไม่ได้หวังเสือกเลย




   “เปล่าหรอก...”  ผมฟังประโยคนั้นแล้วตีความเป็นความหมายว่าไม่ต้องเสือกจะได้ไหมนะ...



จากที่ได้ยินอีกฝ่ายคุยโทรศัพท์ผมฟันธงได้แน่ๆเลยว่าคุยกับแฟนเก่า...ประโยคจากรุ่นพี่คนสนิทที่พูดถึงเขาลอยเข้ามาในหัวผม





   “...ได้ยินเขาเล่ามาว่ามันเป็นพวกไม่จริงจัง ถ้ามึงคิดจะจริงจังก็เตรียมๆใจไว้บ้างก็ดี”






แต่จากสีหน้าของคนที่นั่งข้างๆกันตอนนี้ผมว่าเขาไม่ใช่คนที่ไม่จริงจังหรอกเพราะถ้าไม่จริงจังแล้วจะมานั่งกลุ้มทำไมกัน






   “...”



   “...”



   “โทษทีเรา...”



   “เฮ้ย เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ มันไม่รู้ว่าจะพูดยังไง”



   “เฮ้ย ไม่เป็นไรไม่ต้องเล่าก็ได้” ผมพูดแล้วอัดควันเข้าปอดอีกที



   “ไม่ดิ เฮ้อ คืองี้..เพื่อน..เอ่อ..จะว่าไงดี...”



   “...” รอครับ



   “...แฟนเก่า เราจะมาสัปดาห์หน้าคือ..มาหาเพื่อนอ่ะพอดีว่าจบจากที่เดียวกันแล้วเขาไม่มีที่พัก เลยจะมาขอพักกับเราแล้วคือ...เอาจริงๆเลยก็ไม่อยากให้พักด้วยอ่ะ ไม่รู้ดิ ไม่ชอบอ่ะ ก็เลิกกันแล้วป่ะวะ”




เขาพูดในขณะที่สายตาก็มองออกไปที่ถนนจากคำพูดและท่าทางดูท่าว่าคงไม่ชอบมากจริงๆแหละ




   “ก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่?”



   “ก็ไม่เชิงอ่ะ...ไม่ชอบคือไม่ชอบดิ เลิกกันแล้วจบแล้วลาขาด”




   “ครับๆ เชื่อแล้วครับว่าไม่ชอบจริงๆ แล้วทำไงล่ะทีนี้” เสือกต่อไปครับอย่าได้หยุดแม้บุหรี่จะหมดไปแล้วหนึ่งมวนก็ตาม




   “ก็ไม่ทำไง ไม่ให้พักด้วยอยู่แล้วอ่ะ คุณเพนนีก็ไม่ชอบคนแปลกหน้าด้วย”



   “คุณเพนนี? เพื่อน?”



   “เปล่า แมวน่ะ”



   “ฮื้อ..เลี้ยงแมวด้วย? เราก็เลี้ยงแมวนะเป็นไอ้เปอร์เซียจอมหยิ่งชื่อดอลลาร์”




   “รู้แล้ว เห็นอัพลงเฟซบ่อยๆ...”



   “ส่องเรา?” ผมเอ่ยถามแบบแซวๆ ก็อีกฝ่ายแอดมาก่อนผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเขาก็สนใจผมอ่ะ




   “ป่าวส่อง มันขึ้นเอง ก็เราส่งคำขอเป็นเพื่อนไปตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วแต่แบงค์ไม่รับสักทีมันก็ขึ้นติดตาม วันนี้เลยส่งไปใหม่ เป็นเดือนสาขาไม่ใช่หรอเผื่อไว้ให้สโมฯใช้งานไง”



ทำไมผมพลาดขนาดนี้..เมินแอดเฟรนด์ของเขาได้ไงวะ ถ้ารับเร็วกว่านี้ป่านนี้อาจสนิทกันแล้วก็ได้




   “อ่า โทษที”



   “ไม่เป็นไรหรอก” พูดเสร็จก็หันมายิ้มให้ผม



คือ...เหมือนใจหยุดเต้นไปแล้ววว โอ้ยยยอยากถามแม่เขาว่าบุ๊คทำมาจากอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้ งืออออ แพ้หนักมาก





   “อย่ายิ้มงี้ดิ” ผมพึมพำเบาๆ



   “ทำไมอ่ะ?” เขาถามผมตาโตเลยครับ!! โอยยยย แพ้อีกแล้ว พูดเบาขนาดนี้ยังจะมาได้ยินอีก



   “เปล่าหรอก...แล้ววันนี้มากับใครอ่ะ เห็นมากันเยอะแยะเลย” ผมนอกเรื่องไปก่อนครับเดี๋ยวใจจะวายตายตรงนี้เพราะแพ้ #ความบุ๊ค ไปซะก่อน



   “ก็พวกเพื่อนสโมฯอ่ะแหละ มาดื่มย้อมใจก่อนลุยงานหนักกัน พอดีนายกฯมันถูกหวยเลยขนกันมา”



   “นึกว่าพาแฟนมาด้วยนะเนี่ย” ผมพูดออกไปแบบนั้นในใจก็แกว่งๆนิดๆ เหมือนโยนหินถามทางล่ะครับ  อีกคนเหล่มองผมนิดๆ ผมแอบเห็นว่าเขาหูแดงด้วยครับ




   “ไม่มีหรอก”



   “จริงอ่ะ หน้าตาแบบนี้ไม่มีแฟนจริงอ่ะ?”



   “ก็มีแต่คนคิดแบบนี้ไง เลยไม่มีแฟน ก็ตั้งแต่เลิกไปคราวก่อนก็ยังไม่คุยใครจริงจังอ่ะ”



   “อืม...ก็คงจะจริงล่ะมั๊ง”



   “....”



   “แบบนี้เราก็จีบได้อ่ะดิ”



   “...” เขาเบือนหน้าหนีแล้วเม้มปากนิดๆ แล้วสักพักก็ขมวดคิ้ว



   “เอ่อ....” ผมเริ่มใจแป้วล่ะครับ



จู่โจมเร็วไปป่ะวะพอตอนจะปอดก็ปอดมาห้าเดือนพอจะกล้าก็ไม่เกินวันเลยผม อาจเพราะเริ่มเมาด้วยล่ะมั๊ง





   “เดี๋ยวๆ...เราว่ามันคนละประเด็นแล้วป่ะ”



   “ไม่เลยประเด็นเดียวกันนี่แหละ”



   “เออะ..ล้อเล่นป่ะเนี่ย” อีกฝ่ายถาม



ผมส่ายหน้า



“จะจีบเราเนี่ยนะ??”



“แล้วคิดไงอ่ะ”



“ก็...”



คนตาโตไม่ทันได้ตอบก็มีเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนในมือของเขา อีกฝ่ายเหลือบมองผมก่อนจะกดรับโทรศัพท์



   “เออ ว่า?”



   […..]



   “เออๆ เข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ”



เขากดวางก่อนจะหันมาทางผม




   “เราไปหาเพื่อนก่อนนะ”




                ผมพยักหน้าให้แล้วเขาก็เดินเข้าไปในร้านเหล้าร้านเดิม ผมนั่งนึกถึงโมเม้นเมื่อสักครู่แล้วก็ตัดสินใจบางอย่าง..ถ้าผมเดินกลับเข้าร้านไปทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไป ผมจะไม่ยอมเป็นไอ้แบงค์คนปอดให้พวกนั้นล้ออีกแล้ว อะไรที่เราต้องการเราก็ต้องพยายามจริงไหมครับ? ผมจะลองพยายามดูสักตั้งเผื่อว่าถ้าสวรรค์ไม่ใจร้ายผมจะได้คนน่ารักคนนั้นมาเป็นแฟน



                         
ผมจะจีบเขาครับ!!!!





-----------------------------------------2BC------------------------------------------
[/b]


ดีจ้าาาาาา(เสียงแบบรีบอร์น)

มาอัพตอนสามตอนเช้าๆ  วันนี้ฝนตก ตอนแต่งบทนี้ก็ฝนตก ฤดูฝนนี่ดีจริงๆเลย อากาศดี๊ดีน่านอน ฟิลมันได้ ฮ่าๆๆๆ

ตอนนี้พ่อพระเอกของเราก็ยังเพ้อ แอบเห็นว่ามีคนจับได้ว่าบุ๊คมาอ่อยแบงค์ คึคึ บุ๊คใสใสไม่มีจริงเราบอกเลย ฮ่าๆๆๆ

คือฟิลตัวละครในเรื่องจะออกแนวสีเทาๆ เป็นคนสีเทาๆ มีอดีตเล็กๆดาร์กหน่อยๆประมานนั้น

ส่วนเนื้อเรื่องก็ยังคงเรื่อยๆ ให้ตัวละครได้ค่อยๆทำความรู้จักกันไป ^____^

รักคนอ่านทุกคนเลยน้าาาา  เจอกันตอนหน้าครับผม

ปล.ช่วงนี้ติดการ์ตูนหนักมาก  o22
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง3 [2016/06/6]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 06-06-2016 09:20:20
เอ้า เธอเป็นคนจริงใจแต่ไม่จริงจังอีก ไม่หรอก ดูๆแล้วบุ๊คน่าจะเป็นคนจบคือจบมากกว่า แบบ ไปกันไม่รอดจะยื้อไปทำไมวะไรงี้ แล้วเขามีจุดร่วมนะคะ เลี้ยงแมวเหมือนกันอีกก เนี่ย ก็หาข้ออ้างไปค่ะ แมวเหงา มาให้เป็นเพื่อนกันดีไหม แล้วก็ไปบ้านเขา 55555 แต่นี่ตอน 3 เองนะคะ แฟนเก่ามาแล้วเหรออออ จะไม่ดราม่าใช่ไหมคะ ฮือออ เราไม่ถูกกับดราม่า ให้เขาจีบกันเบาๆไปได้ไหมคะะะะ แอร๊ยยย  :-[
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง3 [2016/06/6]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-06-2016 09:49:20
เอาล่ะเว้ย จะเลิกเพ้อแล้ว แบงค์ลุยแล้วอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
บุ๊คน่าจะจบคือจบไรงี้แระแบงค์
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง3 [2016/06/6]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 06-06-2016 11:52:32
มันต้องอย่างงี้ซิแบงค์
พุ่งชนเลยค่ะลูก
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง3 [2016/06/6]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-06-2016 13:31:06
เดินหน้าจีบให้เต็มที่นะแบงค์  :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง3 [2016/06/6]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 06-06-2016 16:10:41
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 07-06-2016 12:34:04
แพ้ทาง4










        ผมเดินกลับมานั่งที่เดิม ตอนนี้ไอ้โก้หายไปจากโต๊ะผมถามจากไอ้นัทมันก็ชี้ให้ดูปรากฏว่ามันไปเสนอหน้าอยู่กลุ่มสาวๆกลุ่มหนึ่งท่าทางคุยกันถูกคอ ตอนนี้ถึงช่วงที่ขอเพลงได้ล่ะครับหลายคนเขียนขอเพลงแนบพร้อมกับทิปเล็กๆน้อยๆขึ้นไปบนเวที


   ผมมองไปที่คนที่พึ่งแยกกันเมื่อกี้ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของร้านและบทสนทนาของเราเมื่อครู่ เพลงๆนึงที่ผมชอบฟังก็แวบเข้ามาในหัว ผมขอกระดาษกับปากกาจากพนักงานเสิร์ฟ แล้วเขียนเพลงนั้นลงไปพร้อมกับแนบทิปเป็นธนบัตรสีแดง



   ไอ้นัทที่นั่งมองการกระทำของผมโดยตลอดตั้งแต่ต้นเอาแก้วเหล้ามาชนกับแก้วผมแล้วเอ่ยขึ้นมาลอยๆ



   “สักทีนะมึง”



   “อะไรของมึง”



   “ก็ไอ้เพลงที่ขอ กับโน้ตเล็กๆนั่นไง ที่มึงเขียนก็หมายถึงว่าที่หวานใจมึงไม่ใช่ไง?”



   “...”



   “เมื่อกี้ที่ออกไปก็ไปคุยกันมาอ่ะดิ”



   “เออ!! กูจะเดินหน้าจีบจริงๆแล้ว”



   “สักทีๆ ห้าเดือนละสัส จนพวกกูเริ่มรำคาญมึงละเนี่ย”



   “...”



ผมไม่ตอบอะไรมัน ได้แต่นั่งมองไปที่คนที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะจีบ




   “อะแฮ่มๆ”



เสียงกระแอมที่ดังมาจากคนบนเวทีทำให้ผมหันไปสนใจ ไอ้หนึ่งยักคิ้วให้ผมหนึ่งทีก่อนจะพูดต่อ



   “เพลงต่อไปรีเควสจากเพื่อนผมเองครับมี ปล.เล็กๆมาว่า ‘ที่บอกว่าจะจีบน่ะพูดจริงๆนะครับ จากแบงค์ พลศึกษา’ แหมๆ ชัดเจนสักทีนะครับไอ้หล่อ”



   ประโยคสุดท้ายนั่นเรียกเสียงโห่ฮาจากคนในร้านก่อนที่อินโทรเพลงจะขึ้น หลายสายตามองมาที่ผมแต่สายตาของผมไปโฟกัสอยู่ที่คนคนเดียวที่ผมมองเขามาตลอด เป็นจังหวะที่เขามองผมแบบอึ้งๆอยู่ก่อนแล้วทำให้เราสบตากันเพียงไม่กี่วิ ก่อนที่อีกคนจะเบือนหน้าหนี ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเขากำลัง...เขินผม




ฉันรู้ว่าเธอกำลังกังวล เธอบอกทางสายตา
ฉันรู้ว่าเธอไม่กล้า ที่จะพูดจาเปิดหัวใจ
ฉันรู้ว่าเธอกำลังอยากรู้ ว่าฉันนั้นคิดอะไรอยู่


อาจเพราะเป็นเพียงเวลาไม่นาน ที่เราได้พบกัน
อาจเพราะว่ามีเพียงเธอคนเดียว ที่ดูฉันสนใจ
อาจเพราะฉันไม่มองใคร
อาจเพราะฉันมองเพียงเธอคนเดียว




จังหวะนั้นเราก็สบตากันอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจงใจถามคำถามผ่านสายตาคู่นั้นมาจริงๆ




หากอยากถามว่าฉันนั้นคิด อะไรไหม
ก็จะขอบอกเธอเลยว่าใช่ ฉันคิด

คิดว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยรึเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน





แววตาภายใต้กรอบแว่นนั่นฉายแววไม่แน่ใจชัดเจน




เพราะฉันนั้นเคยได้เจอกับคนที่ตรงกับหัวใจ
แต่ฉันก็คิดเบาเบา และไม่ได้บอกกับเขาไป
อาจเหมือนจะลืมกันไป
แต่ลึกลึก ฉันนั้นมันยังคงเสียใจ


หากอยากถามว่าฉันนั้นคิดอะไรไหม
ก็จะขอตอบเธอเลยว่าใช่ ฉันคิด





แต่ผมมั่นใจว่าในสักวันผมจะทำให้ความไม่แน่ใจนั้นกลายเป็นความแน่ใจที่ชัดเจนได้




คิดว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยรึเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน


รู้ไหมว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยรึเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน
ให้ดวงดาวหมดฟ้า จะยอมให้นอน






ที่มั่นใจแบบนั้นเพราะผมจะไม่เอาแต่มองอีกแล้ว






หลังจากเพลงนั้นจบไปไอ้หนึ่งก็ร้องอีกสองสามเพลงก่อนจะลงมาสมทบกับพวกผมที่โต๊ะเดิม มันกับรุ่นพี่ในวงเอ่ยแซวผมนิดหน่อย พี่ๆเขาก็ถามว่าคนที่ผมชอบคนนั้นเป็นใคร ไอ้ผมคนคูลๆอยู่แล้วก็เลยตอบไปแค่ว่า เดี๋ยวก็รู้ เพราะยังไงๆก็ตั้งใจว่าจะชัดเจนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ให้อีกคนเขาได้ตั้งตัวก่อนแล้วจะรุกให้ตั้งไม่ติดเลย หูยยยย ดูเหมือนจะกล้านะครับแต่ความจริงเป็นไงก็รอดูกันไป




   นั่งกันไปสักพักคนก็เริ่มกลับกันครับเพราะนี่เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้วร้านจะปิดแล้วตามนโยบายของรัฐ =,.=  โต๊ะใหญ่ฝั่งนู้นเขาก็เริ่มทยอยกลับกันแล้วเหมือนคนตาโตคนนั้นก็ด้วย กลับไม่ลากันเลย ฮือ...




   “กลับไหมมึง พรุ่งนี้เรียนแบตฯ กูไม่อยากเข้าสาย” ไอ้นัทเอ่ยชวนผมกลับ



คือตอนนี้เหลือแค่ผมกับไอ้นัทสองคน ไอ้หนึ่งกับพวกพี่ๆเขาชวนกันไปต่อผับในย่านเมืองเก่าส่วนไอ้โก้พอได้สาวก็เดินมาบอกให้ไอ้นัทกลับกับผมส่วนมันก็ไปต่ออีกผับนึงกับสาวๆกลุ่มนั้น ไอ้นัทที่มีแฟนแล้วกับผมผู้ที่กำลังจะมีแฟน(มโนไปอีก) ก็เลยต้องกลับด้วยกัน




   “อือ เอาดิ”



ผมหันไปบอกลาพวกพี่ๆแล้วก็กำชับไอ้หนึ่งว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้า ผมวนรถไปส่งไอ้นัทที่หอใน...แม่งปีนหอตลอด




จากนั้นค่อยวนรถกลับบ้าน มาถึงบ้านก็จัดการอาบน้ำแล้วโดดขึ้นเตียงไม่ลืมหยิบอวัยวะที่สามสิบสามติดมือมาด้วย ผมเขี่ยๆเช็คข่าวในทวิตอยู่สักพักก็ง่วง พอกำลังจะหลับเพลงที่ผมพึ่งขอให้ใครบางคนก็แว่บเข้ามาในหัว





อาจเพราะเป็นเพียงเวลาไม่นาน ที่เราได้พบกัน
อาจเพราะว่ามีเพียงเธอคนเดียว ที่ดูฉันสนใจ
อาจเพราะฉันไม่มองใคร
อาจเพราะฉันมองเพียงเธอคนเดียว




 
ผมตัดสินใจเข้าyoutube แล้วกดแชร์เพลงนี้ไปที่หน้าไทม์ไลน์ของเขา...พร้อมกับแคปชั่นที่เป็นเนื้อเพลงท่อนนั้น






Bank K.K. ได้แชร์ลิงก์ไปยังไทม์ไลน์ของ Book PratchaYa 1นาที .Youtube

อาจเพราะเป็นเพียงเวลาไม่นาน ที่เราได้พบกัน
อาจเพราะว่ามีเพียงเธอคนเดียว ที่ดูฉันสนใจ
อาจเพราะฉันไม่มองใคร
อาจเพราะฉันมองเพียงเธอคนเดียว


ฉันคิด - โตน โซฟา [Lyric VDO] [HD]



ผ่านไปสักพักไลค์ก็เริ่มเพิ่มขึ้นเร็วจนน่าตกใจ พอๆกับคอมเม้น



Money Mira-ra     อะไรยังไงคะพี่ชาย อรั๊ยยยยจิ้นๆแล้วนะ


Number ONE       หูยยยย ออกตัวแรง


Jon Snow            ยังไงคะมึง ยังไง...


คุณนาย สกุลอู๋      มาตอบค่ะนังบุ๊ค ชั้นรู้แกยังไม่นอน ไปมีซัมทิงกันตอนไหน

ฯลฯ




ตอนนี้ไลค์ปาไปห้าร้อยกว่ากับเม้นอีกเกือบร้อยแต่ไม่มีทั้งไลค์และเม้นจากเจ้าของไทม์ไลน์เลย...



ผมนอนไถๆหน้าจออยู่สักพักเจ้าแอพพลิเคชั่นสนทนาสีฟ้าๆก็เด้งขึ้นมา




Book PratchaYa ทำไรอ่ะ

พร้อมกับภาพหน้าจอที่ถูกแคปมา


Bank K.K ก็แชร์เพลงให้ฟังไง



Book PratchaYa  จะจีบ?


Bank K.K  ครับผม


Book PratchaYa  ชอบเรา?


Bank K.K   --สติ๊กเกอร์หน้ายิ้ม—





ที่ผมส่งไปแค่สติ๊กเกอร์นี่ไม่ใช่อะไรนะครับ....เขินแรงมาก โอยยยยมาถามงี้ได้ไงวะ


เขาอ่านแล้วแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่กลับมีแจ้งเตือนมาจากโพสหน้าไทม์ไลน์




Book PratchaYa และอีก 612 คนถูกใจลิงก์ของคุณ




Book PratchaYa  อ่อยเราหรอ?




เฮ้ย!!!!! เม้นด้วยเหวยยยยยย เอาล่ะครับเอาไงดี...ตอบเม้นไหมหรือแค่ไลค์




ผมเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ตีหนึ่งกว่าเข้าไปแล้ว...แล้วนี่มีเรียนแปดโมง...เอาวะ




Bank K.K   ไทม์ไลน์ใครก็อ่อยคนนั้นครับ










ผมตอบไปแค่นั้นแล้วออกจากแอพฯ คือแจ้งเตือนหลังจากคอมเม้นผมนี่ถล่มทลายมากครับ ปิดเสียงแม่ง!! ผมนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น สุขใจละ.







--เช้า--




ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะนอนดึก แต่วันนี้ผมก็ตื่นมาอย่างสดใส ผมฮัมเพลงไประหว่างที่ทำอาหารเช้าง่ายๆให้ตัวเองและน้องสาว



   “อารมณ์ดีนะคะมายบรา เพราะคนที่แชร์เพลงให้ฟังเมื่อคืนอ๊ะเปล่า” มันนี่น้องสาวผมเอ่ยแซวทันทีที่เข้ามาในเขตครัว




   “ยุ่งน่า”




   “ฮุฮุฮุ ก็น่ารักดีน้าคนนั้นอ่ะ เรียนปีเดียวกันอ่อ?”



   “บอกว่าอย่ายุ่งไง ถ้าไม่รีบกินจะไม่ไปส่งนะครับมายซิสซี่” ผมพูดพร้อมกับผลักจากใส่ไส้กรอกกับไข่ดาวไปให้ยัยน้องสาวสุดกวน



เช้านี้ฝนตกครับเลยต้องไปส่งน้องสาวที่โรงเรียน ผมมองไปด้านนอกฝนตกลงมาอย่างหนักอากาศหม่นๆในวันนี้ทำลายความสดใสในใจไม่ได้เลยจริงๆ อารมณ์ดีชะมัด จัดการให้อาหารน้องสาวเสร็จก็ต้องมาให้อาหารเจ้านายตัวจริงของบ้านนี้




   “คุณดอลลาร์ กินข้าวครับ”




 เจ้าเปอร์เซียตัวโตสีกระดำกระด่างเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นหลังจากที่ผมเอ่ยเรียกพร้อมกับเทข้าวคลุกปลาทูใส่ในถาดที่หนึ่งและเทอาหารเม็ดลงอีกถาด กินเยอะมากครับ



   “วันนี้ก็หล่อเหมือนเดิมเลยนะดอลลาร์” น้องสาวผมเอ่ยทักเจ้าแมวอ้วนจอมหยิ่ง



เจ้านั่นสะบัดหางน้อยๆเป็นการทักทายแล้วก็หันไปสนใจอาหารเช้าของตัวเองต่อ...เออ เอ็งมันหล่อไอ้แมวอ้วน




หลังจากฝ่ารถติดไปส่งน้องสาวที่โรงเรียนแล้วผมก็รีบบึ่งมาที่ยิมเนเซี่ยม เดินเข้าห้องเรียนไปนั่งที่ประจำด้านหลัง ทันเช็คชื่อแบบหวุดหวิด อาจารย์เริ่มสอนทันทีทำให้ไอ้พวกเพื่อนผมที่ตั้งท่าจะถามบางอย่างต้องหุบปากลงแล้วหันไปเล็กเชอร์อย่างตั้งใจ เพราะว่าทฤษฏีพวกนี้ออกสอบแน่นอน



หลังจากเรียนเสร็จอาจารย์ก็สั่งงานแบบมโหฬารมากเหมือนสั่งวันนี้ส่งวันจบ(อันนั้นก็เวอร์ไป) ผมที่เก็บของเสร็จแล้วกำลังจะลุกขึ้นก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆรอบตัว





ตอนนี้นักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษาชั้นปีที่สองกว่าครึ่งหันมามองผมเป็นตาเดียว แล้วก็มีวัตถุประหลาดผมหยอยๆหน้ายาวๆโผล่มาตรงหน้าผม ไอ้แฟง...





“อะไรของพวกมึงเนี่ย” ผมบ่นออกไป




“ไม่ต้องมาตอแหล เฉไฉ ไอ้หล่อ” เสียงนกกาที่1




“เฉไฉไร”



“มึงจะจีบบุ๊คสังคมอ่อ..” เสียงนกกาที่2 อ้อออ เรียนเอกสังคมหรอกหรอ




จากนั้นก็มีเสียงนกเสียงกาอีกมากมายที่ถาโถม คือก็พอเข้าใจนะครับว่าพวกนี้ชอบเรื่องแบบนี้แต่ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้ง





“ที่รักขา ที่รักจะจีบหนุ่มน้อยสังคมคนนั้นจริงๆหรอออ” มาแล้วครับไอ้คนที่เสนอหน้าคนแรก



“อืม” ผมตอบแค่นั้น
   


“หูยยยยยยยยย”
   



“หูยห่าไร ไปไหนก็ไปเลยพวกมึง” ผมโมโหกลบเกลื่อน หน้าหนาก็จริงแต่ก็เขินเป็นป่ะวะ โถ่ววววว





ผมที่กำลังจะลุกก็ต้องชะงักเพราะประธานชั้นปีเรียกเอาไว้ก่อน

   




“เดี๋ยวๆพวกมึงอย่าพึ่งไป มีข่าวด่วนจากอ.ไพรวุฒิมาแจ้ง”







แนนเป็นประธานชั้นปีพวกผมครับพวกงานกิจกรรมอะไรสาขาพลศึกษาที่ปลีกวิเวกเอกเทศอย่างพวกผมก็จะไม่ค่อยได้รู้ข่าวอะไรกับเขา ก็ได้ประธานรุ่นผู้ขยันขันแข็งที่จะคอยนำข่าวมาบอก
   




“อะไรอ่ะแนน หนูแฟงคนนี้อกหักอยู่นะ อ้ายแบงค์เพิ่นนอกใจไปจีบหนุ่ม”
   




“หุบปากน่าฟักแฟง มึงก็ อกหักทั้งปีอ่ะแหละ ว่ามาเลยแนนกูหิวข้าว” เพื่อนในห้องเริ่มโวยกันล่ะครับ
   




“เออๆ อย่าขัดดิวะ อาจารย์ฝากให้กูมาบอกกับพวกมึงว่าเช้านี้อาจารย์เขาเข้าประชุมเรื่องกีฬาสีคณะเรา แล้วปีนี้เขาให้ทั้งเก้าสาขาวิชายุบรวมกันเป็นสามคณะสี ก็สีละสามเอก ผลการจับฉลากจะออกตอนเที่ยงวันนี้เพราะฉะนั้นเย็นวันนี้ทางอาจารย์และสโมสรฯเลยให้ปีสองทั้งหมดเข้าประชุมหารือเตรียมการกับเพื่อนๆ ก็เอาสรุปๆก็เย็นนี้สี่โมงพวกมึงกรุณาเสนอหน้าไปที่จัตุรัสคณะเรากันด้วยนะคะ”
   



“เออๆ”
   


“อ้าวจะแข่งแล้วหรอ”
   


“ยุบรวมคือไร”



และ อื่นๆ






พวกผมสี่คนที่รับรู้ข่าวแล้วและไม่สนใจจะเสวนาต่อกับพวกนั้นเดินออกมาจากห้องเรียนที่ชั้นสองของยิมฯ ตั้งใจว่าจะไปหาไรกินที่โรงอาหารแล้วไปห้องสมุดเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายมาเมื่อสักครู่
   



พวกผมที่ทำงานอยู่ห้องสมุดจนเลยมาถึงช่วงบ่ายก็เปื่อยจนไม่ไหวกันแล้วครับ เผื่อไว้ทำวันหลังบ้างก็ได้เนอะ แหะๆ 
   




บ่ายสามกว่าๆพวกผมก็มาโผล่ที่จัตุรัสคณะที่จะใช้ประชุมกันวันนี้ ดูเหมือนว่าสาขาอื่นๆก็มากันแล้วเห็นจับกลุ่มกันอยู่แถวๆม้านั่ง ส่วนสาขาผมที่เป็นพวกปลีกวิเวกก็สุมหัวกันอยู่ใต้ร่มไม้ของอีกฝั่งหนึ่งของสนาม
   





ผมมองไปรอบๆหาคนที่ผมชอบมองหาเขาบ่อยๆ อยู่ไหนน้า แล้วผมก็เจอเขาจับกลุ่มอยู่กับกลุ่มสโมสรนักศึกษาท่าทางคุยกันเคร่งเครียด ผมสังเกตเห็นว่าในกลุ่มนั้นมีรุ่นพี่รวมอยู่ด้วย ดูท่าทางเคร่งเครียดพอกัน ต่อมเผือกกำเริบ
   





“ปีสองๆ มารวมกันทางนี้จ้า นั่งรวมๆกันเป็นเอกไว้นะ” กรรมการสโมสรฯคนนึงเรียกรวม





พวกผมเดินไปนั่งรวมๆกันเป็นกลุ่มอยู่ด้านหลังชาวบ้านเขา คือพวกผมไม่ค่อยได้มาร่วมอะไรแบบนี้กับเพื่อนสาขาอื่นๆกันเท่าไหร่เลยไม่สนิทกับเพื่อนสาขาอื่นกันเลยทั้งๆที่คนอื่นเขาก็ดูสนิทๆกันหมด เศร้าใจ 
   





พอนั่งรวมๆกันแล้วอาจารย์ท่านนึงก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า

   


“นักศึกษาทั้งหมดทำความเคารพ”
   


“สวัสดีครับ/ค่ะ อาจารย์”
   






“สวัสดีค่ะนักศึกษาวันนี้ที่อาจารย์เรียกมารวมกันเพราะจะชี้แจงแนวทางการจัดกีฬาภายในของคณะเราในปีนี้นะคะ เนื่องจากว่าแต่ละสาขามีจำนวนนักศึกษาน้อยลงทำให้การจัดการแข่งขันต่างๆซึ่งรวมมไปถึงสแตนเชียร์ด้วยเนี่ย ไม่สามารถจัดได้ทางสโมสรฯและคณาจารย์เลยปรึกษากันว่าจะรวมกันเป็นสามคณะสี โดยการจับฉลากซึ่งก็จับเรียบร้อยแล้วและผ่านมติเห็นชอบจากที่ประชุมคือจะมีสีละสามสาขา โดยสามสีที่แบ่งคือสีเหลืองประกอบด้วยสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษและสาขาคอมพิวเตอร์ฯ สีม่วงประกอบด้วยสาขาวิชาคณิตศาสตร์ สาขาการประถมศึกษาและสาขาการศึกษาปฐมวัย สีสุดท้ายคือสีฟ้าประกอบด้วยสาขาวิชาพลศึกษา สาขาวิชาสังคมศึกษาและสาขาวิชาการศึกษาพิเศษฯ ต่อไปก็จะให้แยกไปประชุมกันแต่ละคณะสีนะ วันพรุ่งนี้ครูขอรายชื่อประธานคณะสี เดี๋ยวต่อไปให้สโมฯมาชี้แจง”

   





หลังจากที่พูดไปยืดยาวนี่ต้องให้สโมฯมาพูดอะไรอีกครับ ผมที่ฟังแบบผ่านๆไม่ได้สนใจว่าจะอยู่กับใคร ได้อยู่กับใครก็อยู่ครับพวกผมสายแข่งกีฬาอยู่แล้ว เรื่องนี้เราไม่แพ้ใครครับ
   





ต่อมาก็เป็นกรรมการสโมฯที่มาพูดอะไรยืดยาวต่อจากอาจารย์แต่นี่ไม่ได้สนใจไง ผมสนใจคนที่นั่งรวมอยู่กับเพื่อนสาขาตัวเองที่ปรึกษากันเคร่งเครียด ถ้าได้เข้าใจไม่ผิดไอ้แฟงบอกว่าเขาเรียนสังคมฯ แล้วได้อยู่สีเดียวกันป่ะ? คือทำไมผมไม่ตั้งใจฟังล่ะ...ตกลงอยู่สีเดียวกันป่ะเนี่ย ผมไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำครับจัดการแชทหาอีกคนทันที

Bank K.K    โย่ๆ





ทักไปแล้วก็เงยหน้ามองอีกคนที่ไม่ได้สนใจมือถือเลย เพราะมัวแต่คุยกับเพื่อนแบบนี้ต้องเรียกร้องความสนใจครับ



 ผมหยิบกระดาษออกมาจากแฟ้มขยำๆให้เป็นก้อนๆแล้วเขวี้ยงไปที่อีกคน(นิสัยเสีย)...แต่ดันพลาดไปโดนเพื่อนเขาอีกคนที่นั่งข้างๆกันเป็นผู้หญิงท่าทางเอาเรื่อง ซวยละไง
   



“ใครโยนมาเนี่ย!!” เธอถามขึ้นมาเสียงดัง เรียกความสนใจจากพวกเพื่อนๆได้ดี ดีที่ส่วนใหญ่ยังสนใจที่กรรมการสโมฯคนสวยยังพล่ามอยู่




   
“เราเอง”


ผมยกมือขึ้นสารภาพ
   


“โยนมาไมอ่ะ”
   


“เราไม่ได้โยนใส่เธอ”
   


“อ้าวแล้ว??”
   


“เราโยนใส่บุ๊ค”
   


“ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว” เสียงโห่แซวมาเต็มมากครับอภินันทนาการจากพวกเพื่อนเหี้ยของผมเอง ฮิ้วห่าไรมึงแดกนกหวีดเข้าไปเรอะ





คนที่ผมตั้งใจจะเขวี้ยงก้อนกระดาษใส่เลิกคิ้วมองผมทำหน้าสงสัย ผมเลยยกมือถือขึ้นมาละชี้ๆเขาก็พยักหน้าแล้วค่อยหยิบมือถือมาอ่านแชทผม
   



Book PratchaYa   อะไร?

                      ทำอะไรเนี่ย เพื่อนแซวเลยเห็นไหมล่ะ



Bank K.K             ก็ทักไปไม่อ่านไงเลยใช้วิธีนี้
Book PratchaYa   แล้วทักมามีไรอ่ะ
Bank K.K             คิดถึง
Book PratchaYa   เดี๋ยวนะ =,.=
Bank K.K             ฮ่าๆๆ
                           เราจะถามว่าตกลงได้อยู่สีเดียวกันใช่ไหม
Book PratchaYa   อื้ม
                      นี่แสดงว่าไม่ได้ฟังเลยใช่ไหมเนี่ย
Bank K.K             ก็มัวแต่สนใจบุ๊คอยู่ไง
Book PratchaYa   =,.=
                      ทำไมขี้อ่อยงี้!!
Bank K.K             ฮ่าๆๆๆๆ    
                           จะอ่อยกลับก็ได้นะ เราไม่ว่าหรอก





 อีกคนอ่านแต่ไม่ตอบอะไรมา ผมเห็นเขาแลบลิ้นใส่มือถือด้วยครับตลกดี

   


“เฮ้ยมึง ไปได้แล้ว” ไอ้โก้ที่นั่งอยู่ข้างๆผมสะกิด



ไปไหนวะ??...



มันคงเห็นผมทำหน้าสงสัยเลยช่วยไขให้กระจ่าง



“เขาให้แยกไปประชุมกันเป็นคณะสี สีเราประชุมที่หน้าตึกกศพ. ไปได้แล้ว นั่งเพ้ออยู่ได้”





ผมทำหน้าเบื่อใส่มันแต่ก็ลุกตามไปแต่โดยดี ระหว่างที่เดินไปผมก็มองคนที่เดินอยู่เยื้องๆกันด้านหน้า เขาก็ตั้งใจฟังที่เพื่อนพูดโดยไม่ได้สนใจรอบข้างเหมือนเดิมเพื่อนผู้หญิงของเขาพูดเก่งชะมัดเลย





แล้วในหัวผมก็ผุดไอเดียดีดีขึ้นมา...คึคึ






----------------------2BC-------------------------


รับได้ไหมผู้ชายขี้อ่อย ฮ่าๆๆๆๆ

ตอนนี้เพลงฉันคิดของ โตน โซฟา ครับ เนื้อเพลงบรรยายถึงความไม่กล้าของพระเอกได้เป็นอย่างดี หลังจากอ่านตอนนี้จบก็ลองไปฟังและซึมซับเนื้อเพลงดูจะรู้เลยว่าเฮ้ย นี่มันไอ้แบงค์ ฮ่าๆๆๆ

สถานการณ์ต่อไปจะเป็นช่วงกิจกรรมกีฬาสี โดยส่วนตัวแล้วคนเขียนคิดว่าถ้าช่วงรับน้องเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ปีหนึ่ง ช่วงกีฬาสีก็จะเป็นช่วงที่โหดที่สุดของปีสองครับ คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นเลยอยากจะถ่ายทอดผ่านตัวละครออกมา ^___^

คนอ่านคนไหนประทับใจอะไรในช่วงกีฬาสีก็เเบ่งกันกันมาครับผม

รักคนอ่านครับ

ปล.ช่วงนี้อยู่ในโหมดติดซีรีย์อย่างหนัก มีใครติ่ง Game of Thrones เหมือนคนเขียนบ้าง ฮ่าๆๆๆ



หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-06-2016 13:25:58
พอมีความกล้านี่ ...... อื้อหือรู้กันทั้ง 2 คณะเลยไหมแบงค์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 07-06-2016 15:18:20
แพ้ทางแนวนี้ด้วยเช่นกัน 555 น่ารักจังเลย เวลาเรียกสองคนนี้แล้วนึกถึงสมุดบัญชี (Bookbank) เรื่องน่ารักค่ะ ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-06-2016 19:11:12
ขี้มโน้หมือนกันนัเนี่ย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2016 22:46:22
เปิดตัวได้เนี่ยเล่นใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 09-06-2016 06:00:37
น่ารักเชียวคู่นี้ :katai5:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-06-2016 10:41:45
อ่อยซะน่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 09-06-2016 21:15:52
น่ารักติดตามค้าาา :mew2:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง4 [2016/06/7]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 09-06-2016 23:43:41
พระเอกขี้อ่อยมาก :hao7:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-06-2016 19:53:50
แพ้ทาง 5





Book Part




   คุณเคยรู้สึกเหมือนถูกแอบมองอยู่ไหมครับ




นั่นคือปัญหาที่ผมประสบอยู่ตอนนี้ ในช่วงแรกที่เริ่มมีความรู้สึกแบบนี้คือช่วงรับน้อง มันเป็นความรู้สึกจี๊ดๆแปลกๆที่ท้ายทอย ผมพยายามมองหาสาเหตุจากอาการที่ว่าแต่ก็ไม่เจอเลยเอาตรงๆ ผมอยากรู้ว่าใครมองผม เป็นใครก็ต้องอยากรู้ทั้งนั้นจริงไหมครับจะมาดีมาร้ายก็ไม่รู้



ในระยะต่อมาผมเริ่มจับสังเกตได้เพราะทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาจะมีคนคนหนึ่งอยู่ร่วมในสถานการณ์ตลอด แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจนัก





จะใช่หรือเปล่า





คราวนี้ผมค่อนข้างมั่นใจแต่ก็ยังไม่ชัวร์ มันจะใช่แน่หรอ นั่นคือสิ่งที่ผมถามตัวเองคนแบบนั้นน่ะหรอจะมามองผม มันคงไม่ใช่หรอก แล้วผมก็ปล่อยให้ความสงสัยลอยผ่านไปกับฤดูร้อน...




จนเข้าฤดูฝน ความรู้สึกแบบนั้นก็ยังไม่หายไป น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าโดนคุกคามหรือรำคาญหรืออะไร





“กูว่าใช่แน่ๆว่ะมึง” จู่ๆเพื่อนผมก็โพล่งบางอย่างขึ้นมา



ตอนนี้เราอยู่ในสำนักงานสโมสรนักศึกษา ผมที่พึ่งกลับมาจากไปล่าลายเซ็นของอาจารย์สาขาพลศึกษาแล้วกำลังเคลียร์เอกสารให้นายกฯเงยหน้าขึ้นมองมัน



“อะไรของมึง”



“ก็เนี่ย แบงค์มันโพสเพลงชั่วโมงต้องมนต์ แทบจะทันทีที่แยกกับมึงเลยนะ กูว่ามันแน่ๆที่แอบมองมึงอ่ะ”


มันยื่นมือถือที่หน้าจอเป็นไทม์ไลน์เฟซบุ๊คของคนที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้มาจ่อหน้าผม



“เขาอาจหมายถึงคนอื่นก็ได้ป่ะ เลิกเพ้อเลิกมโนแล้วมาช่วยกูทำงานไหม”



“เขาแอดเฟซมึงมาบ้างป่าว?”



“กูเคยแอดไปแล้ว แต่ไม่รับ”



“แอดไปใหม่ดิ๊” 


น้ำเสียงออกคำสั่งนั่นมันอะไรกันแต่ผมก็ไม่ใส่ใจผมตัดรำคาญด้วยการโยนไอโฟนของผมลงไปบนตักมัน



“จะทำอะไรก็ทำ เสร็จแล้วก็มาช่วยกูเขียนรายชื่ออาจารย์ลงใบคำสั่งด้วย”



“ค่า..คุณเพื่อน อิบุ๊คคนหยิ่งที่จริงขี้อ่อย ความจริงมึงก็อยากให้เขารับแอดเหมือนกันแหละอีไม่สวย”



“...” ผมไม่ตอบอะไรมัน



เพราะที่มันพูดก็จริงครึ่งหนึ่งนะผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะรับแอดผมไหม เรื่องของเรื่องคือผมเคยแอดเขาไปแล้วตอนปีหนึ่ง แต่โดนเมินไง...ก็เข้าใจ..นายนั่นเป็นเดือนของสาขาคนก็follow เยอะเป็นธรรมดา ผมมันก็แค่เพื่อนร่วมคณะที่บังเอิญอยู่กลุ่มบัดดี้เดียวกันตอนปีหนึ่งซึ่งก็ไม่ได้สำคัญอะไร




“อิสวย วันนี้นายกฯถูกหวยมันชวนไปศูนย์แปด มึงไปป่าว มันเลี้ยง”



ชินละครับไอ้นี่มันเรียกผมแบบนี้มาตั้งแต่มอปลายละ




“เอาดิ”



ไอ้ศูนย์แปดที่ว่านี่เป็นร้านนั่งชิลล์ของรุ่นพี่ในคณะ คือ..พี่เขายังเรียนไม่จบนะแต่ก็หุ้นกับเพื่อนเปิดร้านเหล้าเพราะชอบกินเหล้า..เป็นเหตุผลที่คลาสสิคมาก



ส่วนตัวผมไม่ได้ชอบดื่มหรืออะไรแต่เพื่อนชวนก็ไป มันเป็นเรื่องแปลกที่เพลงที่ฟังในร้านเหล้าจะเพราะกว่าเพลงที่เปิดในยูทูป ผมว่านะ






   “กรี๊ดดดดดดดดดด”







ผมสะดุ้งตกใจเราพอยู่ดีดีเพื่อนผมมันก็กรี๊ดขึ้นมา



   
   “อะไรมึง เป็นไร”



   “อิเหี้ยยยยยยยยยยยย กูนิพพานได้ละมึง ฮือออออ ว่าที่ผัวมึงทำไมหล่อน่าลากแบบนี้วะ”



ผมขมวดคิ้ว อะไรของแม่งวะ


   “ก็เนี่ยๆๆๆ” แล้วผมก็เข้าใจ



อืม




ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอไอโฟนของเพื่อนผมตอนนี้เป็นภาพของผู้ชาคนหนึ่งที่นั่งถอดเสื้อใส่แค่กางเกงบอลสีแดงนั่งเล่นกีตาร์อยู่บนโซฟา แบงค์ คนนั้นนั่นเอง แล้วที่มันบอกว่าเขาเป็นว่าที่ผัวผมนี่คือ..=,.=





   “...” อะไรของมึงครับ





   “เพจดาว-เดือนของมหาลัยเอาลง...กูอยากรู้จักแอดมิน แม่งโคตรรรรรรส่วนตัวเลย”



   แล้วมันก็ทำหน้าเพ้อ...ผมมีเพื่อนที่สติดีอยู่ใช่ไหมครับ




ผมพยักหน้าให้มันแบบส่งๆแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อ อีกสองสามชั่วโมงผมต้องไปสอนพิเศษเวลาเป็นเงินเป็นทองครับ จะมานั่งเพ้อถึงผู้ชายอยู่ไม่ได้




   “มึงนี่ระดับความตื่นเต้นต่ำจริงๆ กูรู้หรอกว่าในใจมึงนี่ระริกระรี้ โถ่ววว”




   “โถ่ เหี้ยไรของมึง แล้วจะมาช่วยกูทำงานได้ยัง ฝนก็จะตกด้วยเนี่ยเพราะมัวแต่เพ้ออยู่นั่นไงเลยไม่มีผัวกับเขาสักที”



   “หยาบคาย นะคะคุณหนู”



ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มันก็มาช่วยผมทำงานอยู่ดี



นั่งขีดๆเขียนกันไปสักพักงานก็เสร็จ ผมจัดการเอาไปวางไว้ที่โต๊ะของนายกฯ เห็นไหมครับช่วยกันมันก็เสร็จเร็วขึ้น




   “มึงไปสอนตอนไหนเนี่ย”


   “สี่โมง”



   “แล้วไปไง



   “แท็กซี่แหละ ฝนลงหนักขนาดนี้”



   “งั้นเจอกันที่ร้านนะ”



พูดเสร็จมันก็เดินออกไป เลยเหลือผมกับรุ่นน้องปีหนึ่งอีกสองคนที่ยังเคลียร์งานส่วนของตัวเองไม่เสร็จ





ผมมาถึงโรงเรียนกวดวิชาสำหรับเด็กประถมที่ตัวเองทำงานอยู่ เงินที่ได้มาจากการหามาเองนี่มันใช้สบายใจดีนะครับ ^_^





หลังจากสอนเสร็จผมก็กลับมาเอารถที่คณะแล้วกลับหอ กลับมาก็ชื่นใจเลยคุณเพนนีมารอรับที่หน้าประตูด้วย




นี่คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ ฮ่าๆๆๆ




ผมอุ้มเจ้าเมนคูนเพศผู้ตัวอ้วนมาฟัดเล่นบนเตียง เห้ออออหอมชื่นใจ พุงนุ่มนิ่ม คุณเพนนีพยายามดิ้นหนีจากอุ้งมือมารแต่ก็ไม่เป็นผล หลังจากฟัดแมวจนหนำใจแล้วผมเดินไปเทอาหารเม็ดใส่ชามให้เป็นรางวัล



ผมคิดว่าผมโดนค้อนหน่อยๆด้วยนะ ฮ่าๆๆ




ผมออกจากหอตอนประมานสองทุ่มนิดๆ มาถึงร้านก็เจอพวกเพื่อนๆนั่งกันสลอนอยู่ที่โต๊ะใหญ่ๆคือเด่นมาก นี่ขนมากันทั้งสโมฯไหมเนี่ย





   “นั่งๆมึง เอาไรเหล้า? เบียร์?”



   “เหล้าโซดาน้ำ ใส่โซดานิดเดียวนะ” ผมบอกเพื่อนไปก่อนจะนั่งลง



   “หูยยยย สายแข็ง หมั่นไส้”




นั่งไปสักพักความรู้สึกแบบที่เกิดขึ้นบ่อยๆก็เกิดขึ้นอีก ไอ้ความรู้สึกจี๊ดๆที่ท้ายทอยน่ะครับ ผมมองหาสาเหตุของอาการนั้นของตัวเองด้วยความเคยชิน ผมพบกับดวงตาคู่หนึ่งที่มองมาอย่างเปิดเผยต่างจากทุกครั้ง เขายกแก้วของตัวเองขึ้นมาทำท่าทางเหมือนจะชนแก้วกับผม ผมเลยทำตามบ้าง แล้วไอ้สายตาแบบนั้นที่มองมานี่มันยังไง ขี้อ่อย นี่คือนิยามแรกที่ผมคิดได้สำหรับผู้ชายคนนั้น




   “ยังไงมึง ยังไง กูเห็นนะ” มาละครับเพื่อนผม ทำไมพวกมันรู้ลึกรู้เร็วกันขนาดนี้



   “เป็นห่าไร แค่ทักกัน” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจ




   “ค่า แค่ทักกัน ไปสนิทกันตอนไหนค้า” ยังจะมา



   “ตอนที่มึงไม่รู้นั่นแหละ”



   “กูรู้นะว่าแบงค์มันรับเฟซมึงแล้ว...อย่ามาเนียน”



   “ถ้าจะขนาดนี้มึงเอายูสเซอร์กับรหัสเฟซกูไปเลยไหม?”



   “เอามาดิ”



   “กูประชดไหมมึง แยกแยะด้วย”



   “ฮ่าๆๆ มึงแม่งจี้ว่ะ”





ผมนั่งคุยกับเพื่อนไปเรื่อยเปื่อย เรื่องเรียนบ้างงานบ้างตามประสา ไอโฟนในกระเป๋ากางเกงก็สั่น ผมหยิบขึ้นมาดูแล้วก็เกิดความรู้สึกขุ่นๆขึ้นมาในใจ อะไรอีกล่ะทีนี้



ผมบอกเพื่อนว่าจะออกไปรับโทรศัพท์แล้วเดินออกมาที่เซเว่นไม่ไกลจากร้าน



   “ฮัลโหล”


   [บุ๊ค ทำไรอยู่อ่ะ]


   “โทร.มามีไร”


   [เย็นชาจังนะ]


   “...”


   [เห็นในกรุ๊บไลน์รุ่นเรายัง อาทิตย์หน้ารวมรุ่นครั้งแรกอ่ะ]


   “เห็นแล้ว”


   [เราไปพักกับบุ๊คได้ป่ะ พวกไอ้แทนมันอยู่กับแฟนหมดเลยอ่ะ]


   “ไม่ได้หรอก เราอยู่กับเพื่อน” โกหกเต็มๆครับ ผมอยู่คนเดียวกับแมวหนึ่งตัวแค่นั้น



   [เรารู้หรอกว่าบุ๊คอยู่คนเดียว น่านะ ทำอย่างกับเราไม่เคยไปพักด้วยงั้นแหละ รังเกียจหรอ]



   “เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เต้ต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้คบกันแล้ว”


 ครับ ผมกับเต้เราเคยคบกันอยู่ช่วงนึง คบแบบแฟนน่ะครับ แต่ตอนนี้เลิกกันไปแล้วเรื่องมันยุ่งๆเพราะเราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันโรงเรียนเดียวกันนี่แหละครับเลยทำให้ยังต้องรับรู้ชีวิตอีกฝ่ายอยู่ เป็นเรื่องค่อนข้างลำบากใจนะครับว่าไหม?




   [งัดไม้ตายออกมาจนได้สินะ]


   “อย่ามารื้อฟื้นนะเต้ จบคือจบไม่คือไม่”



   [ก็ถ้าไม่ไปพักกับบุ๊คเราจะไปพักไหนอ่ะ]   ปลายสายทำเสียงอ้อนๆกลับมาอย่างที่รู้ว่าทำแบบนั้นแล้วผมจะแพ้ทาง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ครับ



   “อันนั้นมันเป็นปัญหาของเต้แล้วล่ะ แค่นี้นะเราอยู่กับเพื่อน”


   [เพื่อนหรือแฟน]


   “ไม่ใช่เรื่องของเต้ป่ะ” แล้วผมก็ตัดสาย อีกฝ่ายโทร.กลับมาอยู่หลายรอบแต่ผมไม่รับสาย




ผมทรุดตัวลงนั่งที่หน้าเซเว่นอย่างเซ็งๆ ไม่รู้ว่าเต้จะมาอะไรกับผมหนักหนา ผมคิดว่าตอนที่บอกเลิกเต้ผมก็ชัดเจนมากนะว่าไม่ได้อยากเป็นแฟนกับเขา คือความรู้สึกมันไม่ใช่น่ะครับต่อให้พยายามแค่ไหนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เพราะถ้ามันจะใช่ต่อให้ไม่พยายามอะไรเลยมันก็ใช่




   “นั่งด้วยนะ”



เสียงที่ดังมาจากข้างๆทำผมสะดุ้งหน่อยๆ พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นคนที่ควรจะนั่งอยู่กับเพื่อนในร้านมายืนอยู่ค้ำหัวกันอยู่แบบนี้




   “อื้อ ได้ดิ” 




ผมที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกยังไงดีได้แต่นั่งไถหน้าไทม์ไลน์twitter แบบเหม่อๆ แต่ก็ต้องละความสนใจจากมันเพราะแรงสะกิดจากคนข้างๆ



   “เราสูบนะ” เขายกซองบุหรี่ให้ดูเป็นเชิงขออนุญาต



   “อ๋อ..เอาดิ”




เขานั่งสูบบุหรี่ไปเงียบๆ แต่คงจับสัมผัสได้ว่าผมมีเรื่องวุ่นใจเลยถามออกมา ผมที่ไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องแบบนี้เท่าไหร่พยายามเลี่ยงแต่พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าแบบนั้นแล้วรู้สึกไม่ดีแปลกๆเลยตัดสินใจเล่าให้ฟัง น่าแปลกที่พอได้ระบายออกไปผมกับรู้สึกโล่งอย่างประหลาด เราคุยกันไปสักพักเขาก็ทำผมไปไม่เป็นกับประโยคง่ายๆ



   “แบบนี้เราก็จีบได้อ่ะดิ”




ทำเอาผมเหวอไปเลย คนแบบเขาเนี่ยนะจะมาจีบผม ผู้ชายที่ผู้หญิงครึ่งคณะประกาศตัวว่าเป็นแฟนคลับ ผู้ชายที่โคตรฮอตคนนั้นน่ะนะจะจีบผม!!



   ผมเหวออยู่ได้ไม่นานเพื่อนก็โทร.ตามให้กลับเข้าไปในร้านเพราะเห็นผมหายไปนานแล้ว นับเป็นบุญคุณอย่างมากที่มันสามารถทำให้ผมหลุดออกไปจากสถานการณ์แปลกๆนี่ ผมไม่ได้อึดอัดนะมันรู้สึกเหมือน...ช็อคล่ะมั๊ง






   “อะแฮ่มๆ”






เสียงกระแอมดังมาจากบนเวทีเล็กๆในร้าน หลังจากที่ผมเข้ามานั่งแล้ว



“เพลงต่อไปรีเควสจากเพื่อนผมเองครับมี ปล.เล็กๆมาว่า ‘ที่บอกว่าจะจีบน่ะพูดจริงๆนะครับ จากแบงค์ พลศึกษา’  แหมๆ ชัดเจนสักทีนะครับไอ้หล่อ”




   ผมมองเจ้าของโน้ตนั้นอย่างอึ้งๆ นี่เอาจริงดิ ทันทีที่อินโทรเพลงดังขึ้นเขาก็หันมาสบตากับผม ความหมายจากสายตาที่ส่งมาทำเอาผมรู้สึกเขินแปลกๆ เล่นงี้ใครไม่เขินวะ



ฉันรู้ว่าเธอกำลังกังวล เธอบอกทางสายตา
ฉันรู้ว่าเธอไม่กล้า ที่จะพูดจาเปิดหัวใจ
ฉันรู้ว่าเธอกำลังอยากรู้ ว่าฉันนั้นคิดอะไรอยู่

อาจเพราะเป็นเพียงเวลาไม่นาน ที่เราได้พบกัน
อาจเพราะว่ามีเพียงเธอคนเดียว ที่ดูฉันสนใจ
อาจเพราะฉันไม่มองใคร
อาจเพราะฉันมองเพียงเธอคนเดียว





ผมรู้จักเพลงนี้และผมก็กำลังรู้สึกเหมือนที่ในเพลงว่าอยู่ เขาคิดอะไรอยู่ เราสบตากันอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมไม่หลบตา





หากอยากถามว่าฉันนั้นคิด อะไรไหม
ก็จะขอบอกเธอเลยว่าใช่ ฉันคิด

คิดว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยรึเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน






แน่ใจแล้วหรอ?




เพราะฉันนั้นเคยได้เจอกับคนที่ตรงกับหัวใจ
แต่ฉันก็คิดเบาเบา และไม่ได้บอกกับเขาไป
อาจเหมือนจะลืมกันไป
แต่ลึกลึก ฉันนั้นมันยังคงเสียใจ

หากอยากถามว่าฉันนั้นคิดอะไรไหม
ก็จะขอตอบเธอเลยว่าใช่ ฉันคิด





ผมไม่ละสายตาไปจากดวงตาคู่นั้นที่ตอนนี้ฉายแววมุ่งมั่นชัดเจน





คิดว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยรึเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน


รู้ไหมว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยรึเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน
ให้ดวงดาวหมดฟ้า จะยอมให้นอน






ความหมายที่ส่งผ่านนัยน์ตานั้นมาทำให้ผมมั่นใจว่าคนที่ทำให้ผมรู้สึกจี๊ดๆที่ท้ายทอยนั้นต้องเป็นเขาแน่ๆ




นี่แอบมองกันอยู่เหมือนกันสินะ


-----------------------------------2BC--------------------------------


ดีจ้าาา

เอาน้องบุ๊คมาเสิร์ฟ เป็นความรู้สึกด้านบุ๊คบ้าง บางคนเดาถูกด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ


ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก(หรือไม่มีอะไรเลย)

เอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้านะครับ

ปล.รักคนอ่าน ^__^
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 16-06-2016 22:22:49
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-06-2016 22:29:15
อ่อยมาอ่อยกลับไม่โกงกันเนอะแบงค์บุ๊ค

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 16-06-2016 22:38:48
กรุบกริบให้อมยิ่ม ^^
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-06-2016 02:08:31
แอบๆมองเหมือนกันใช่ไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 17-06-2016 10:52:39
น่ารักดี :mew1:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: nabby ที่ 17-06-2016 11:43:21
 :z1:สนุกมากค่าาาา มาต่อเร็วๆ น่ะค่ะ รออ่านอยู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-06-2016 12:30:42
น่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 18-06-2016 00:38:29
แพ้กันไปแพ้กันมา
 :hao6:
บุ๊คก็คงสนใจแบงค์ตั้งแต่แรกอ่ะ
แต่คงคิดว่าแห้ว
ขนาดแอดเฟซไปยังไม่รับเลยนิเนอะ
มาตอนนี้นี่ก็คงหวั่นๆ
รอนะจ๊ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-06-2016 23:52:55
นี่คือสายอ่อยทั้งคู่ใช่ม่ะเนี่ย  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 19-06-2016 03:30:51
อ่อยเจออ่อย 5555555555555
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง5 [2016/06/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-06-2016 08:19:19
ฮ่าๆๆๆๆๆ อ่อยปะทะอ่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 20-06-2016 19:14:03
แพ้ทาง6








   จำได้ไหมครับที่ผมบอกว่าผมมีแผนที่จะจีบเขาอ่ะ..ทุกคนคงจำได้ แต่ตอนนี้เราต้องมาร่วมกันเซ็งแล้วล่ะครับ เพราะทันที่เข้าห้องประชุมที่อาคารการศึกษาพิเศษมาเราพวกเราก็ถูกจับให้นั่งแยกเป็นสาขา เดธแอร์และเซ็งมากครับจุดนี้




   “ทำหน้าเหมือนปวดขี้” ไอ้โก้



   “...”



   “เอ้า ทำหน้าเหมือนคนหมดปัญญา ได้ข่าวพึ่งเริ่มจีบมึงอย่ามาเยอะไอ้หล่อ”



   “...”



ผมไม่ตอบอะไรมันได้แต่นั่งทำหน้าเซ็งไม่รับรู้ในเรื่องที่เขากำลังประชุมกันเลย เห็นเพื่อนยกมือก็ยกตามก็แค่นั้น



   “โอเคงั้นวันนี้แค่นี้เนอะ พรุ่งนี้เจอกันจ้า”



เสียงจากผู้หญิงที่เป็นเพื่อนของบุ๊ค(คนที่ผมปากระดาษไปโดน)พูดสรุปในตอนท้ายและนัดแนะการประชุมครั้งต่อไป พวกผมก็เก็บของเพราะอยากกลับบ้านแล้ว วันนี้ไม่มีนัดไปที่ไหนผมจกลับไปนอนซุกพุงคุณดอลลาร์...ผมต้องการพลังงาน




เก็บของไปก็มองอีกคนที่อยู่อีกฟากห้องที่กำลังคุยกับเพื่อนหน้าเครียด..ดูท่าว่าวันนี้จะนกอีกแล้วครับ ในตอนที่กำลังจะเดินคอตกออกไปจากห้องนั้นเอง



   “แบงค์ๆ เดี๋ยวแปปนึงอย่าพึ่งไป”



คนที่เรียกผมไว้เป็นผู้หญิงคนนึงตัวเล็กๆขาวๆ ผมจำได้ว่าเธอเคยประกวดดาว-เดือนปีเดียวกัน  จำชื่อไม่ได้อีกแล้วครับ



   “เราเอิร์นนะ จำได้ไหม?”



ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไร




   “คืองี้นะ แบงค์มาเป็นหลีดให้สีเราได้ไหมอ่ะ”



   “ห๊ะ?” ตกใจครับ ตกใจแรงมาก



   “เราก็รู้นะเว่ยว่าแกเป็นผู้ตัดสินอ่ะ ก็คงเหนื่อยแต่ช่วยหน่อยได้รึเปล่า” เอิร์นดูหมดหนทางจริงๆนั่นแหละถึงได้มาคุยกับผม





คืองี้นะครับ พวกสาขาผมเนี่ยเป็นมนุษย์นิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งคือไม่เอากิจกรรมเลยนอกจากที่มันจะเกี่ยวกับกีฬา ความฝันของเพื่อนผมหลายคนคือการเล่นกีฬาจนเข้าติดทีมชาติ ถ้าเล่นบอลก็อยากเซ็นสัญญากับสโมสรสักแห่งหรืออย่างผมก็อยากจะมีรายชื่อเป็นตัวจริงของสมาคมในการเข้าตัดสินรายการใหญ่ๆ อะไรประมานนั้น การที่ให้ไปทำอะไรที่ออกนอกทางจากความฝัน พวกผมเลยเซย์โนซะส่วนใหญ่ทุกสาขาเขาก็รู้ๆกันอ่ะครับ เลยไม่ค่อยมีเพื่อนนอกสาขากันเท่าไหร่...แต่คราวนี้...เหมือนความรับผิดชอบจะมาจู่โจมแบบไม่ตั้งตัว ผมเหลือบมองไอ้พวกเพื่อนตัวดีก็ยืนมองเฉยๆไม่ได้พูดอะไร




   “เราขอคิดดูก่อนได้รึเปล่า” ผมตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ยังไงก็คงต้องคิดดูก่อนจริงๆ



   “อื้อ ได้ดิ เราขอคำตอบพรุ่งนี้นะ หวังว่าแบงค์จะมาเป็นครอบครัวหลีดด้วยกันนะ” เอิร์นพูดแค่นั้น เธอยิ้มให้ผมแล้วก็เดินไปหาเพื่อนๆซึ่งก็เป็นกลุ่มเดียวกับที่ยังนั่งคุยกันต่อ





ผมมองไปที่กลุ่มนั้นแล้วมองไปที่คนที่ตั้งใจว่าจะจีบแล้วคิดว่าขนาดเขาทำทั้งงานของสโมสรไปด้วยยังมาร่วมเป็นตัวหลักในสีตัวเองแบบนี้..คนแบบนี้ เจ๋งดี ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เลยบอกให้เพื่อนลงไปรอข้างล่างแล้วเดินไปที่เพื่อนๆกลุ่มนั้น





   “ขอคุยไรด้วยหน่อยดิ” ผมเดินไปสะกิดบุ๊ค เขาทำหน้างงๆเล็กน้อยแต่ก็เดินตามผมออกมาหน้าห้องประชุม



   “มีไรอ่ะ” เขาถาม




   “เมื่อกี้เอิร์นมาชวนเราไปเป็นหลีด”



   “อื้อ..แล้ว?”  อีกคนเอียงคอถามอย่างน่ารัก ฮื้ออออ แพ้อีกแล้ว แต่เดี๋ยวก่อนครับนี่ไม่ใช่เวลามาเพ้อ



   “คือแต่เรารับงานตัดสินด้วยไง ถ้ารับเป็นหลีดด้วยไม่แน่ใจว่าจะทำออกมาได้ดีหรือเปล่า อยากรู้ว่าถ้าเป็นบุ๊คจะทำยังไง”





พอผมพูดจบอีกฝ่ายก็ยิ้มออกมาน้อยๆ

   “แบงค์คิดอะไรซับซ้อนว่ะ”



   “ห่ะ?”




   “ก็จะไปคิดให้เยอะทำไมอ่ะ ก็เรื่องของทำดีไม่ดีหรือเปล่ามันยังมาไม่ถึงนี่จริงไหม? สำคัญตอนนี้คือแบงค์ได้ทำมันลงไปหรือยังแล้วทำสุดคามสามารถหรือเปล่าต่างหาก สำหรับเรานะถ้ามีโอกาสได้ทำอะไรใหม่ๆบ้างเราก็จะทำนะ ชีวิตมันก็แค่นี้เอง”





ผมนิ่งไปกับคำพูดของอีกฝ่าย มันก็จริงนะชีวิตมันก็แค่นี้เอง




   “อื้อ ขอบใจนะ”



   “ไม่ต้องขอบใจเลย เอาเป็นว่าแบงค์ติดหนี้เราครั้งนึงแล้วกันนะ”




   “ติดทั้งชีวิตเลยก็ได้”  หยอดครับ โอกาสมาถึงแล้วต้องหยอดบ้าง คึคึ




ผมเห็นเขาหน้าแดงๆด้วย หูยยยมีเขินมีเขิน




   “เสี่ยวว่ะ แค่นี้ใช่ไหมเราไปล่ะนะเพื่อนรอ” พูดจบเขาก็ไม่ยอมให้ผมได้ตอบอะไรเพราะเจ้าตัวรีบจ้ำอ้าวเข้าไปหาเพื่อน ผมเห็นอีกฝ่ายโดนเพื่อนแซวนิดหน่อย เอาน่าแค่นี้อารมณ์ที่เบื่อๆเมื่อครู่ใหญ่นั่นก็หายวับไปกับตา





ผมกลับมาถึงบ้านด้วยหัวใจที่ชุ่มฉ่ำ เพราะพอได้คำแนะนำดีดีจากเขาผมก็ตอบตกลงในใจไปแล้วว่าจะเป็นหลีดให้กับคณะสีในปีนี้ อย่างที่ใครบางคนบอก ถ้าไม่ทำดูแล้วจะรู้ได้ไงว่าทำได้หรือเปล่า




แล้วก็ฉุกใจคิดได้ นี่ผมโดนล่อลวงรึเปล่าวะ เพราะอีกคนเขาก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเอิร์น คงไม่หรอกมั๊ง เป็นผู้ชายแมนๆจะจีบเขาอย่าคิดเยอะครับ(ความรักทำให้คนตาบอด)




นั่งเล่นนอนเล่นอยู่บ้านไปครับนาทีนี้ แกล้งแมวไปด้วยสนุกดีครับผมชอบแกล้งคุณดอลลาร์โดยการเอาเทปใสแปะกับเศษกระดาษแล้วก็ไปแปะไว้บนหน้าผากให้คุณดอลลาร์รำคาญแล้วก็วิ่งไล่กระดาษไป(ทารุณสัตว์) แต่พอคุณดอลลาร์กำจัดเจ้ากระดาษนั่นไปได้ผมก็โดนคุณดอลลาร์จัดการด้วยการกระโดดขยุ้มหัวครับ..คือแมวเปอร์เซียนะครับ ตัวใหญ่เบิ้ม อ้วนด้วยเนี่ยมาโดดขยุ้มหัวมันไม่ตลกเลย แต่ก็สนุกดี นอนเล่นฟัดกับแมวไปเรื่อยเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น





   “สวัสดีครับ”



   “โหล ไอ้เหี้ยแบงค์ทำไมไม่รับโทสับกู” เสียงไอ้นัทตะโกนโหวกเหวกมาตามสาย คือฝั่งนั้นเสียงดังมาก



   “กูชาร์ตแบตไว้ มีไร เสียงดังชิบหาย”



   “กูมาขายของช่วยพี่แมนที่คนเดิน มึงมาป่าวจะบอกว่าว่าที่หวานใจมึงอยู่นี่ด้วยนะ”



   “จริงดิ เขาไปขายของด้วยหรอวันนี้”



   “มาเป็นพ่อค้าแซ่บมั๊ง คนรุมร้านเขาเยอะชิบหายเลย ว่าไง มาป่าว”




   “เออๆ เดี๋ยวกูออกไป”




ตามที่ผมส่องในเฟซบุ๊คและไอจีของบุ๊ค ผมพบว่านอกจากเขาจะสอนพิเศษเด็กประถมที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งแล้วเขายังมีร้านเล็กๆขายหมวกที่ถนนคนเดินอีกด้วย ขยันไปไหนคนเรา ว่าที่แม่ของลูกชัดๆ





ผมแต่งตัวง่ายๆกางเกงขาสั้นเท่าเข่ากับเสื้อบาส(ง่ายจริงๆ)คว้ากุญแจรถกับกุญแจบ้านแล้วก็ควบเจ้าฮอนด้าเวฟแดงคันโปรดออกมาจากบ้าน ที่ไม่เอารถยนต์ออกมาเพราะถนนคนเดินหาที่จอดรถยากมากครับและก็ออกยากด้วย




ผมมาถึงก็เดินไปหาเพื่อนที่ร้านของรุ่นพี่ก่อนเลยครับแต่กว่าจะฝ่ามวลชนทั้งหลายมาถึงนี่ก็ทำเอาเหงื่อตกเลยทีเดียว



   “หวีดดีครับพี่แมน” พี่แมนเป็นพี่รหัสไอ้นัทครับแล้วยังเป็นพี่สายที่หอในของมันด้วย



   “เออ ดีไอ้หล่อ วีคนี้มีไนกี้ตัวใหม่มามึงจะดูมะ” พี่แมนขายรองเท้ามือสองครับเป็นของลิขสิทธิ์แต่ขายมือสองไง งงไหม ไม่งงเนอะ



   “เอาไว้ก่อนพี่ วันนี้มาเรื่องอื่น”



   “มันมาจีบหนุ่มสังคม” ไอ้นัทเริ่มขั้นตอนการแฉผม



   “อ่อ..คนที่มึงไปโพสเพลงในเฟซเค้าอ่ะนะ ใช้ได้ๆ”



   “ครับพี่คนนั้นแหละ....แล้วเขาอยู่ไหนวะ” ผมรับคำรุ่นพี่แล้วหันไปถามหาคนที่ทำให้ผมต้องออกจากบ้านยามวิกาล(ปกติก็ไม่ค่อยอยู่หรอกครับ)



   “นู่นนน ขายหมวกอยู่อีกฝั่งนึง มึงเดินไปดิเดี๋ยวกูบอกพี่แมนเอง” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินออกมา





แล้วผมก็เจอครับร้านหมวกของเขาค่อนข้างขายดีและเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆมัธยมพอสมควรเลยแหละ เอาจริงๆดูแล้วก็ขายดีมาก ผมยืนมองพ่อค้าร้านหมวกที่นอกร้านแล้วก็เผลอยิ้มออกมา ท่าทางที่เป็นธรรมชาติเวลาคุยกับลูกค้า เวลาเชียร์ของหรืออาการหน้ามุ่ยเล็กๆเวลาโดนต่อราคาที่เป็นไปไม่ได้นั่น มองไม่เบื่อเลยว่ะ แพ้อีกแล้ว




   “พี่แบงค์ป่ะคะ” เด็กสาวมัธยมกลุ่มนึงเดินมาทักผมที่กอดอกมองพ่อค้าร้านหมวกอยู่



   “ครับผม” ผมตอบรับกลับพร้อมยิ้มให้บางๆ



   “เอ่อ...หนูขอถ่ายรูปพี่ได้ไหมคะ? คือหนูตามไอจีพี่มานานมากกกกก แล้วหนูก็รู้ด้วยว่าพี่เป็นพี่ชายของพี่มันนี่ หนูชอบพี่สองคนมากเลย”



   “อ่อ..ได้ครับได้”




น้องกลุ่มนั้นถ่ายรูปผมจนพอใจแล้วก็ขอตัวไปช้อปต่อโดยยัดเยียดข้าวเกรียบปากหม้อใส่มือผม บอกว่าฝากให้มันนี่...เอ่อ...นี่น้องสาวผมป็อปในหมู่เด็กผู้หญิงด้วยกันหรอเนี่ย




   “แบงค์!!” เสียงตะโกนเรียกดังมาจากร้านขายหมวกที่ผมตั้งใจมา ทำให้ผมที่งงๆกับข้าวเกรียบปากหม้ออยู่ได้สติ




คนที่เรียกผมไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนผู้หญิงของบุ๊ค ก็คนที่ผมปากระดาษไปโดนเธอวันนี้นั่นแหละครับ โบกไม้โบกมือหยอยๆให้ผมอยู่ในร้าน ส่วนเจ้าของร้านก็คุยกับลูกค้าอยู่...สนใจกันบ้างก็ได้แหม




ผมเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปที่หลังร้านได้สำเร็จมายืนอยู่ข้างๆเพื่อนของบุ๊ค(คือนี่ยังไม่รู้ชื่อเขา)




   “เดี๋ยวแบงค์นั่งรอแปปนึง เดี๋ยวไปเรียกไอ้บุ๊คให้” เธอพูดเสร็จก็เดินเข้าไปกระซิบกระซาบกับเจ้าของร้านแล้วหันหน้ามาทางผม ผมโบกมือให้หน่อยๆอีกฝ่ายทำตาโตตกใจด้วยอ่ะ น่ารัก อรั๊ยยย เพ้ออีกแล้วครับผม





ผมนั่งมองเขาขายของไปแบบนั้นโดยที่ไม่ได้รู้สึกเบื่อหรืออะไร เวลาที่คุณชอบอะไรมากๆแล้วได้มีเวลาร่วมกันแม้จะน้อยนิดมันก็เป็นความสุขนะผมว่า(ติ่งทั้งหลายจะเข้าใจดี) สักพักพ่อค้าสุดฮอตแห่งถนนคนเดินก็เดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม ผมเงยหน้ามองอีกฝ่าย




   “อะไรมองแบบนั้นหมายความว่าไงเนี่ย แล้วนี่มาได้ไงแล้วมาทำไม”



   “เอาทีล่ะคำถามดิ” ผมพูดขำๆ



   “ไม่ต้องมาขำเลย มาทำไม” เขาพูดแล้วก็เอื้อมมือมาหยิบถังน้ำเป็ปซี่ที่ตั้งอยู่ข้างผมไปดื่ม...อื้มมมมแก้มเขาเฉียดแขนผมด้วยแฮะ อ่อยป๊ะว้า..



   “ก็อยากมา ไม่ได้หรอ? นี่เอาปากหม้อมาให้ด้วย” ผมชูข้าวเกรียบปากหม้อในมือให้อีกฝ่ายดู...จะหาว่าผมตอแหลก็ได้อ่ะ จริงๆ คือจริงๆก็ตอแหลไงปากหม้อนี่ของผมที่ไหน




เขายังไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนเขาก็เดินมาหา



   “บุ๊ค กูไปหาไอ้นิ่มแปปนึงนะ มึงอยู่คนเดียวได้ช่ะ?”



   “เออ ไปดิ คนไม่เยอะแล้ว กูอยู่ได้มึงกลับเลยก็ได้เดี๋ยวกูเก็บร้านเอง” อีกคนบอกเพื่อนไปแบบนั้นแต่ท่าทางเพื่อนเขาก็ใช่ย่อยครับ จนเหลือบมาเห็นผมที่นั่งหัวโด่อยู่



   “งั้นเอางี้ แบงค์เราฝากแบงค์เก็บร้านช่วยมันหน่อยนะ สักสามทุ่มครึ่งก็เก็บเลยนะไอ้นี่มันชอบอยู่เก็บตกดึกๆ”



   “ไอ้ไนท์!!!” อ่อ..ชื่อไนท์นี่เอง



       “อ่า ได้ครับ” ผมรับคำแบบงงๆ





แล้วไนท์(ในที่สุดก็รู้ชื่อ)ก็เดินออกไปโดยไม่ได้สนใจเพื่อนตัวเอง คือท่าทางรีบจริงอะไรจริง เป็นผู้หญิงมีพลังแฝงที่น่ากลัวน่ะครับ




   “นี่” ผมสะกิดคนที่นั่งหน้าหงิกอยู่ข้างๆ




   “...” เงียบ



   “นี่”



   “...”



   “นี่”



   “ไม่ได้ชื่อนี่”



   “บุ๊คครับ”  โอ้โห ตกใจน้ำเสียงตัวเองตอนนี้มากครับ อ้อนไปไหน



   “อะไร” นี่ก็ยังเหวี่ยงอยู่ ตกลงโมโหเพื่อนหรือโมโหผมกันเนี่ย



   “เป็นไรอ่ะ คุยกับเรามั่งดิ โกรธไร?”



เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วก็หันมามองหน้าผม



   “ไม่ได้โกรธ แต่ไม่พอใจเพื่อนอยู่ เข้าใจป่ะ ไม่พอใจอ่ะ”



   “เรื่อง?”



   “ก็พวกมันรู้ไงว่าแบงค์มาจีบเรา แล้วดูมันดิ๊ เปิดทางให้แบงค์มากอ่ะ นี่เราเพื่อนมันนะแล้วแบงค์เป็นใครทำไมเพื่อนเราต้องช่วยขนาดนั้นด้วยอ่ะ เคือง งอนแม่ง”





ผมเดธแอร์อีกแล้วครับ ทำไมน่ารักขนาดนี้วะนี่คือเคืองเพื่อนที่เปิดทางให้ผมจีบเขาก็เลยเคือง แต่ผมว่าที่จริงเขินอ่ะก็ดูดิหน้าแดงเลยอ่ะ(เข้าข้างตัวเองมากว่าไม่ได้แดงเพราะโกรธ)





ผมเอานิ้วไปเขี่ยแก้มที่แดงๆนั่นอย่างเผลอตัวจนอีกฝ่ายเหมือนจะตัวแข็งไปแล้ว ตาโตๆใต้แว่นนั่นเบิกกว้างเลยครับ ตลกดี






   
“ก็น่ารักแบบนี้ไง เพื่อนเลยชอบแกล้ง”


---------------------------------2BC--------------------------------



ค่อยๆรักกันเบาๆ

ดีจ้าาาาา

มาต่อกันที่ตอนที่หก เห็นคอมเม้นแล้วดีใจคึกคัก

คนอ่านน่ารักมากเลย รัก >///<
 
นิยายนี่ตอนล่ะ115 บาทค่าอเมริกาโน่ ฮ่าๆๆๆๆ อยู่ห้องมันเข็นไม่ออกจริงๆครับไม่รู้ทำไม(หรือแค่หาเรื่องออกนอกบ้านไม่รู้) :z2:


เรื่อยๆไปด้วยกันนะครับ อย่าทิ้งกันไว้กลางทาง


ปล.คนอ่านอ่ะขี้อ่อยทำให้อยากมาอัพ ฮ่าๆๆๆ เจอกันตอนหน้าครับผม

สปอยล์ตอนต่อไป

"ไว้วันหลังก็พาเราไปเล่นกับคุณเพนนีบ้างดิ"
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-06-2016 19:25:45
พอได้เริ่มจีบแล้วรุกใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-06-2016 19:47:09
โอ้โห รุกหนักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 20-06-2016 21:07:57
เขินเลยยยนนน น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-06-2016 21:55:17
รุกเข้าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 20-06-2016 22:52:09
กรีดร้องงงง
ชอบเเกล้งคนน่ารักกก :katai5:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-06-2016 15:28:07
โอ้ย น่ารักอ่ะ มีความอ่อยด้วย ^^
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง6 [2016/06/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-06-2016 16:04:08
ยังไงต่อดีล่ะ. น่ารัก
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-06-2016 18:16:45
แพ้ทาง7












“ก็น่ารักแบบนี้ไงเพื่อนเลยชอบแกล้ง”




“น่ารักบ้าไร นั่นใช่คำพูดที่จะพูดชมผู้ชายไหม”



“ครูที่โรงเรียนไม่เคยสอนนี่ว่าต้องมีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะดูน่ารักอ่ะ น่ารักก็คือน่ารัก”




อีกคนทำปากพะงาบๆเหมือนพูดอะไรไม่ออกเลยตัดจบบทสนทนาด้วยการเดินไปนั่งเรียกลูกค้า ผมมองอาการแบบนั้นแล้วขำออกมา จะว่าผมรุกหนักก็ได้แหละแต่เอาจริงๆแล้วผมก็แอบมองแอบศึกษาเขามาเกือบห้าเดือนแล้วป่ะครับ




ผมเดินมานั่งข้างๆเขาที่ตอนนี้ง่วนอยู่กับมือถือเขี่ยๆไปสักพักกดๆจิ้มๆ แล้วก็จดอะไรลงสมุด เขาเหลือบมามองผมนิดหน่อยก็กลับไปทำแบบเดิมอีก พอตอนที่มีลูกค้าก็ลุกไปคุยกับลูกค้าที่หน้าร้าน ผมเห็นที่เห็นว่าเขาดูวุ่นวายแปลกๆเลยลุกไปสะกิดอีกคน




   “เดี๋ยวเราช่วยขาย”



   “เฮ้ย ไม่เป็นไร ไปนั่งเลยๆ”



   “ไม่เอาดิ เดี๋ยวเราช่วยขาย” ผมยืนยังหนักแน่น ดูเขาลังเลอยู่พักนึงแล้วสุดท้ายก็พยักหน้า



   “อื้ม ก็ได้ พวกทางขวามือที่เป็นงานปักราคาใบละ250 ลดได้สุดๆ220  ส่วนพวกที่เป็นงานสกรีน 200 อันนี้ลดได้ 180 เงินทอนอยู่ในกระเป๋าใบเล็กนี่ ถ้ามีลูกค้ามาถามหาอันที่สั่งไว้ก็เรียกเรานะ”



   “ครับผม”



แล้วอีกคนก็เดินไปนั่งที่เดิมไปเขี่ยๆ จดๆ ของเขาต่อ




ผมก็ขายได้เป็นพักๆล่ะครับมีแบบที่มาดูเฉยๆ แบบที่ตั้งใจมาซื้อหรือที่มาขอถ่ายรูปผมเฉยๆก็มี เวลาที่มีคนมาขอถ่ายรูปผมจะเหลือบมองไปที่คนที่นั่งอยู่หลังร้านนิดๆ คือก็เกรงใจเนาะ แหะๆ(ขนาดพึ่งจะจีบนะ)




ประมานสองทุ่มคนตาโตก็มานั่งข้างๆผม ดูเหมือนงานวุ่นวายนั่นจะเสร็จแล้ว



   “เป็นไงบ้าง” เขาพูดแล้วก็คว้าเอากระเป๋าน้อยไปนับเงิน



   “หื้อ ขายดีนี่ แบบนี้ต้องให้มาขายบ่อยๆ” พูดแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักอยู่คนเดียว...



   “มาตลอดเลยก็ได้”



   “ดีเลย มาให้เราใช้งาน” อีกคนพูดแบบหมายมั่นจะใช้ผมขายของเต็มที่



   “ป่าวหรอก จะมาจีบเจ้าของร้าน” ผมพูดหน้าตายแล้วหันไปมอง ‘เจ้าของร้าน’



   “เออะ...”



   “อะไร” ผมเลิกคิ้วถามแล้วก็อดขำหน้าเขาตอนนี้ไม่ได้



   “จีบกันซึ่งๆหน้าแบบหน้าด้านๆเลยนะ ดีเลย ดี มาเลยนะจะใช้ให้ขนของ ตั้งร้าน เก็บร้านด้วย”



   “ใช้งานกันเสร็จก็อย่าลืมพิจารณาเบ๊คนนี้ด้วยนะครับผม”




เขาไม่ตอบอะไรแต่ผมแอบเห็นว่าเขายิ้มมุมปากน้อยๆด้วยนะ เอ้ออออนี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองเลยนะจริงๆ




เราก็นั่งคุยเรื่องที่เขาขายของแล้วก็ทำงานสอนพิเศษ แล้วยังทำงานกับสโมสรนักศึกษาแถมแอบได้ยินมาอีกว่าเขาเกรดเฉลี่ยเกือบสามจุดแปด...นี่มียี่สิบมือหรือไงกันนะ คนคนเดียวทำทั้งหมดนี่ได้ไง ผมก็ถามเขาเรื่องแบ่งเวลาว่าทำยังไงถึงไม่กระทบการเรียนเลย




   “ที่จริงแรกๆมันก็ยากนะ” เขาตอบหลังจากที่นิ่งไปพักนึง



   “...”



   “คือตอนแรกที่ยังแบ่งเวลาไม่ได้มันก็วุ่นวายไปหมด แล้วก็ท้อด้วยอารมณ์แบบไม่อยากทำอะไรเลยตอนนั้นพึ่งเลิกกับแฟนเก่าด้วยเลยคิดแค่ว่าหาไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” เขาพูดแบบสบายๆแล้วก็เหมือนนึกได้ว่าพูดถึงแฟนเก่าแล้วก็คงกลัวผมไม่พอใจมั๊งเลยหันมามองเหมือนจะขอโทษ



   “เอ่อ..”



   “เห้ย ไม่เป็นไรดิ เล่าต่อๆ”  คือผมไม่ใช่พวกคิดมากกับอดีตอะไรพวกนี้อยู่แล้วครับ แฟนเก่าก็คือแฟนเก่าไม่ใช่แฟนคนต่อไปซะหน่อย



   “อ่อ อืม..แล้วตอนนั้นพออารมณ์มันคงที่ก็จัดการเวลาได้เอง ตอนแรกเรายังไม่ลงทุนขายของก็มีเวลาเยอะหน่อย ด้วยความที่พอเลิกเรียนมาก็ไม่มีอะไรทำก็เลยไปลองสอบเป็นครูสอนพิเศษเด็กประถมดู ก็คิดแค่หาเงินกินหนมเล่นๆกับหาไรทำฆ่าเวลาอ่ะ พอได้ทำแล้วก็ชอบ...พวกงานหรือโปรเจคก็ทำช่วงกลางวันเวลาเรียนเสร็จไรงี้ เรียนมหาลัยเวลาว่างเยอะจะตายไป พอทำงานไปหน่อยก็มีเงินเก็บแม่เลยให้ลองลงทุนค้าขายดู ก็เลยมาขายหมวก เพราะเราเป็นพวกบ้าหมวกอ่ะเรามีหมวกเยอะมาก แม่เลยบอกว่าถ้าชอบมากก็ขายเลยดีไหม ก็เลยมาทำเนี่ยแหละ”





   “แล้วงานสโมฯอ่ะ ไหนจะเวลาอ่านหนังสืออีก” ผมถามต่อ ฟังเขาพูดแล้วเพลินดีครับ



   “งานสโมฯมันก็ไม่มีไรมากนะ มันไม่เชิงเป็นงานที่ต้องออกแอ็คชั่นไรมากหรอกในส่วนของเราอ่ะแค่งานเอกสารง่ายๆ เวลาอ่านหนังสือก็ช่วงกลางคืน ส่วนใหญ่ถ้าเป็นช่วงสอบเราออกไปอ่านที่ร้านพี่สาวไอ้ไนท์มัน พี่มันเปิดร้านนมเลยไปสิงอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่” อีกคนพูดด้วยท่าทางสบายๆ แต่ผมบอกเลยว่าคนที่ทำแบบนี้ได้ทั้งหมดนี้แบบนี้โคตรเก่งเลย





พอได้ฟังแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกประทับใจอีกคนเข้าไปใหญ่ คนเรามีเวลาหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากันแต่เราใช้เวลาไม่เหมือนกัน โคตรเก่งเลยว่ะว่าที่แฟนใครเนี่ย



 
   “แล้วแบงค์อ่ะเวลาว่างทำไร” เขาหันมาถามผมบ้าง




ตอนนี้เริ่มดึกแล้วคนก็เริ่มน้อยครับ อากาศดีด้วยแหละฝนพึ่งตกเสร็จใหม่ๆ ฟิน




   “ก็ไปฟิตเนสบ้าง เตะบอล ไปวิ่ง นอนอยู่บ้านเล่นกับแมว กินเหล้ากับเพื่อน ดูหนัง อ่านหนังสือกินกาแฟ ก็ทั่วๆไปอ่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ”



   
เขาพยักหน้าเหมือนรับรู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะมีลูกค้าเข้าพอดี




   “มาเอาหมวกที่สั่งทำไว้อ่ะครับ”



   “อ๋อ..ครับ สั่งคำว่าอะไรไว้ครับ”



   “ฮิบ-สะเต้อ ครับ”



   “อ๋อ..ใบสีเขียวมะนาว รอแปปนึงนะครับ”



แล้วคุณเจ้าของร้านก็เดินไปหลังร้านคุ้ยๆในลังอยู่พักนึงก็เดินถือหมวกใบสวยที่ปักด้านหน้าว่า ‘ฮิบ-สะเต้อ’ บุ๊คยื่นหมวกให้ลูกค้า คุณเจ้าของร้านให้ลูกค้าใส่หมวกแล้วถ่ายรูปไว้ รับเงินมาแล้วก็จบ ผมมองการทำธุรกิจของอีกคนแล้วก็ทึ่งน้อยๆ ผมสังเกตว่าลูกค้าของร้านนี้จะเป็นแนวปากต่อปากแล้วก็กลุ่มลูกค้าประจำซะเยอะแล้วคุณเจ้าของร้านยังมีการตลาดเด็ดๆอย่างการลงรีวิวหมวกจากร้านตัวเอง ให้ลูกค้าใส่ถ่ายภาพแล้วแท็กภาพมาที่ไอจีของร้านแล้วจะได้ส่วนลดด้วยสิบเปอร์เซ็นต์ นี่ตกลงเรียนครูสังคมหรือเรียนการตลาดวะ




   “มีแบบสั่งทำด้วยหรอ?” ผมเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนนั่งลงข้างๆกันเรียบร้อยแล้ว



   “อื้อ...เป็นการเพิ่มกลุ่มลูกค้าไง เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากได้อะไรที่ตัวเองคิดเองหรือของที่มีชิ้นเดียวในโลกกันทั้งนั้นแหละ มันดูUnique(เป็นเอกลักษณ์)”



   “แหม...อยากUnique บ้างจัง”



   “เอาไหม..เดี๋ยวทำให้ฟรีเลย ตอบแทนที่มาช่วยขายของ” บุ๊คพูดยิ้มๆ



   “อื้ม เอาสิ”



พอผมพูดจบอีกคนก็วิ่งดุ๊กๆไปหยิบสมุดโน้ตที่เขาเอาไว้จดออเดอร์ลูกค้า แล้วก็วิ่งดุ๊กๆกลับมานั่งที่เดิม ท่าทางกระตือรือร้นนั่นทำเอาผมยิ้มกว้างออกมาอย่างเผลอตัว



   “เอาคำว่าไรดี BANK คนก็ทำกันเยอะนะ..” พูดไปทำท่าทางนึกไป ตลกดีครับแต่ก็น่ารักด้วย


ดูเหมือนว่าอีกคนทำอะไรก็จะดูน่ามองไปหมดในสายตาผม(ก็เอ็งหลงเขาแล้วหนิ)



   “ขอคำว่ารักได้ไหม...” พูดเองก็จะคลื่นไส้เอง



   “เออะ...”



   “...”  ผมยังเดธแอร์เองเลยครับ



   “นี่คิดบ้างป่ะว่ามันเสี่ยวอ่ะ”



   “ก็มานึกได้ตอนนี้แหละ”  ผมพูดหน้าตาย



   “..”



   “...”



   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”



   “ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ้ยยยย ขอโทษๆ ไม่ไหวแล้วอ่ะ”




เราก็นั่งคุยกันไปเรื่อย ผมที่ปกติไม่ค่อยพูดแต่พออยู่กับเขาแล้วเหมือนกลายเป็นคนพูดเก่งขึ้นมาเลยครับแต่นั่งชิลกันได้ไม่นานก็ต้องช่วยกันเก็บร้านเพราะลมฝนเริ่มมา พ่อค้าแม่ค้าทั้งตลาดก็เก็บของกันจ้าละหวั่น



ผมถามเจ้าของร้านคนเก่งว่าจะขนของกลับยังไง เขาก็บอกวันนี้เอารถยนต์มาผมทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยเพราะปกติเห็นเขาขี่ฮอนด้าคลิกคันเก่งตลอด แต่ก็สบายไปครับถ้าของเปียกไปนี่ไม่ใช่เรื่องตลก ผมยกลังของเดินไปส่งบุ๊คที่รถมาสด้าสองสีขาวของเจ้าตัว




   “ขอบใจนะที่มาช่วยวันนี้ เรื่องหมวกก็ไปคิดมาว่าจะเอาคำว่าอะไรแล้วก็มาบอกเรานะ” เขาพูดหลังจากที่ปิดท้ายรถแล้ว



   “ครับผม กลับบ้านดีดีนะ”



   “อื้อ เหมือนกันนะ ไปแล้ว” คนตาโตโบกมือให้ผมแล้วกดปลดล็อครถ แต่ผมเรียกไว้ก่อน



   
   “ว่า?”



   “คือ..” จะมาปอดอะไรตอนนี้วะ



   “คือ?”



   “เราขอไลน์บุ๊คไว้ได้ไหม?”



อีกคนนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมา



   “อื้อ ได้ดิ” เขาแบมือมาขอมือถือจากผม



ผมตบกระเป๋ากางเกงดูก็นึกได้ว่าชาร์ตแบตทิ้งไว้ที่บ้าน



   “เอ่อ..เราลืมมือถือไว้บ้านอ่ะ”



   “อ้อ...งั้นแปปนะ”




เขาก็หยิบสมุดโน้ตออกมาแล้วเขียนไอดีลงไปก่อนจะฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกจากสมุดแล้วส่งให้ผม



   “เราไปนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” อีกคนพูดก่อนจะสอดตัวเข้าไปในรถแล้วขับออกไป



ผมมองตามเขาไปจนมาสด้าสองคันนั้นกลืนไปกับรถรามากมายบนถนนแล้วก้มลงมองกระดาษแผ่นเล็กๆในมือ ที่ประกอบไปด้วยอักษรภาษาอังกฤษสั้นๆแถวนึงแล้วข้างล่างก็มีกลุ่มตัวเลขสิบตัว...




นี่ผมกำลังโดนอ่อยกลับรึเปล่า







ผมกลับมาถึงบ้านด้วยหัวใจล่องลอย ไปเคาะห้องน้องสาวแล้วยื่นข้าวเกรียบปากหม้อที่ลงทุนไปซื้อให้ใหม่แบบเหม่อๆงงๆเพราะถุงที่แฟนคลับน้องเอาให้นั้นผมกับบุ๊คกินหมดแล้ว อาบน้ำก็ยังเหม่อ นี่นอนลงบนเตียงแล้วอารมณ์เพ้อๆนี่ก็ยังไม่หายไปเลย นี่เป็นเอามากจริงๆ มาได้สติตอนที่คุณดอลลาร์โดดขึ้นมาบนเตียงแล้วปีนมานอนบนตัวผมนั่นล่ะครับ




   “คุณดอลลาร์ลงไปเลยหนัก”



   “...”  ผมได้รับการตอบรับเป็นเสียงครางครืดคราด แล้วคุณดอลลาร์ก็ยอมลุกออกจากตัวผมแต่โดยดีแล้วย้ายตัวเองมานอนบนหมอนของผม...คือ...แล้วคุณกูจะหนุนอะไรล่ะครับคุณแมว



   
   หนุนพุงแม่งเลย




ผมเลิกเปิดศึกกับแมวที่ผมไม่มีวันชนะแล้วลุกขึ้นมาหยิบไอโฟนที่ชาร์ตไว้ที่ชั้นหนังสือ มีสายเรียกเข้าห้าสายจากไอ้นัท สายล่าสุดเมื่อสิบนาทีก่อน แจ้งเตือนอื่นๆมีบ้างประปราย ผมกดโทร.หาไอ้นัทก่อนเลยเผื่อมันมีอะไรสำคัญ



   [ฮัลโหล ไอ้หล่อเป็นไงบ้างมึง]



   “น่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกูหลงเค้ามาก”



   [แสดงว่าคืบหน้า คึคึ กูจะเตรียมคอไว้แดกเหล้ารับขวัญเพื่อนสะไภ้นะครับ]



   “กวนตีน”



   [ฮ่าๆๆ เออๆ ดีแล้วๆ กูไปละ]



 แล้วมันก็วางสายไป...อะไรของมัน




ผมจัดการเมมเบอร์และแอดไลน์ไปตามไอดีที่อีกคนให้ไว้...หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องขอไลน์ แชทเฟซก็มีคือ...ต้องเข้าใจว่าไลน์เป็นอะไรที่ส่วนตัวกว่านะครับในความคิดผม



 
เอาล่ะแอดแล้ว แล้วจะทักว่าไงดี...




ในตอนที่ผมยังลังเลว่าจะทักไปว่าไงดี หน้าจอผมก็ขึ้นแจ้งเตือนว่ามีคนส่งไลน์มา




       แบงค์?




เชรี่ยยยยยยยยยย เกือบทำมือถือหล่นนี่ตกใจมาก



เกือบตกเตียง



เขาทักมาก่อนว่ะ



เขาทักไลน์ผมอ่ะครับมันแบบ




ฮื้ออออดีกับใจ




       ‘ครับผม นี่แบงค์ไงจะใครล่ะ’



ผมไม่ได้ตั้งใจกวนตีนนะ แค่ล้อเลียนชื่อบัญชีไลน์ที่อีกคนตั้งแค่นั้นเอง ก็บุ๊คไงจะใครล่ะ



       อย่าล้อดิ



      ถึงบ้านแล้วช่ะ?



       ‘ถึงแล้วครับผม’



ผมจัดการถ่ายรูปคุณดอลลาร์ที่นอนแผ่พุงอยู่บนหมอนของผมแล้วส่งให้อีกฝ่ายดู




       ‘โดนแย่งหมอน’



      งื้อออ น่ารัก



ครับน่ารัก ไม่ใช่คุณดอลลาร์นะผมว่าเค้าอ่ะน่ารัก



       เห็นแล้วอยากฟัดพุงเลย



แล้วอีกฝ่ายก็ส่งรูปแมวเมนคูนสีเทา-ขาวตัวโตที่นอนแผ่หลาเต็มเตียงมาให้...เพ้อเลยครับ



นี่ไม่ได้เพ้อแมว นี่เพ้อเตียง ฮืออออ เตียงของบุ๊คน่านอนจังเลยยย



       นี่คุณเพนนีนะ ^^



       ‘โห...ตัวโตมากอ่ะ’



       กินเยอะด้วย



       นี่หาเงินทุกวันนี้เอามาเลี้ยงแมวหมด



       ‘พอกันอ่ะ’



       ‘ไว้วันหลังก็พาเราไปเล่นกับคุณเพนนีบ้างดิ’



อ่อยไปครับ เราต้องอ่อย



       ทำไมขี้อ่อย =,.=



       ‘นี่พรุ่งนี้ก็ต้องพาไปตรวจสุขภาพตามนัด ค่าหมออีก’



       ‘บ่นได้ไหม ฮ่าๆๆๆ’



นอกเรื่องไปครับเดี๋ยวโดนต้อน



       เป็นทาส มีสิทธิ์บ่นหรอ



       มีหน้าที่รับใช้ก็ทำไป



       สติ้กเก้อสามก๊กฮากระจาย




       จะนอนยัง เรากวนป่ะเนี่ย



       ‘ก็จะนอนแหละ แต่ก็อยากคุย’



       พรุ่งนี้เรียนกี่โมง



       ‘แปดโมงครับ’



       ไปนอนเลย เดี๋ยวตื่นสาย



       ‘ครับผม’



       ‘บุ๊ค’



       ว่า?



       ‘บอกฝันดีหน่อยดิ’




เขาอ่านแล้วครับแต่ยังไม่ตอบกลับมา..



นี่ร้อนใจแล้วอ่ะ ไม่ใช่เซ้าซี้นะแต่...



เขาจะรู้สึกอึดอัดป่ะ...ผมรุกแรงไปไหม



เห้ยยยยย นี่คิดมาก



เงียบไปเลยอ่ะครับ ฮือออออ



ผมตัดใจว่ายังไงคืนนี้คงไม่ได้รับคำบอกฝันดีจากเขาแน่ๆ เดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆคุณดอลลาร์ ที่พอผมนอนลงก็เอามือ(เท้าหน้า) มาวางไว้ที่แก้มผมพร้อมส่งเสียงครืดคราด...เหมือนจะปลอบใจ




ผมที่ได้แต่นอนกำลังจะหลับก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแจ้งเตือนจากมือถือ...จากแอพลิเคชั่นไลน์



ผมผุดลุกขึ้นนั่งทันทีนั่นทำให้คุณดอลลาร์ตื่นไปด้วยแต่ก็แค่พลิกตัวไม่ได้ลุกไปไหน แต่ผมไม่สนใจแมวอ้วนตอนนี้ครับ...เป็นข้อความจากคนที่ผมพึ่งขอให้เขาบอกฝันดีเมื่อครู่นี้




      โทษที ไปอาบน้ำมา



       ฝันดีครับ



แล้วเขาก็แนบรูปภาพท้องฟ้าที่คงจะเป็นจากหน้าต่างห้องของตัวเอง มองไม่เห็นดาวหรอกครับแต่ผมรู้สึกว่ามันสวยยังไงชอบกล



       ‘ฝันดีเหมือนกันครับ’



ผมส่งไปแค่นั้นแล้วกดออกจากแอพพลิเคชั่น...หันไปเอาหน้าซุกพุงคุณดอลลาร์ คืนนี้ผมคงจะหลับฝันดีจริงๆแล้วล่ะ








--เย็นวันต่อมา--







พวกผมมารวมตัวกันที่ลานหน้าอาคารการศึกษาพิเศษตามที่ได้นัดกันเมื่อวาน เมื่อครู่นี้ผมเดินไปบอกเอิร์นแล้วว่าตกลงจะเป็นหลีดของคณะสี เธอดีใจจนถึงขั้นกรี๊ดออกมา..ผู้หญิงนี่น่ากลัวนะครับ



พอกรี๊ดเสร็จเธอก็บอกให้ผมรออยู่แถวๆนั้นก่อนเพราะเราต้องคัดน้องปีหนึ่งด้วย ผมก็เออๆออๆไปครับ ปล่อยให้เพื่อนๆคัดไปละกัน ส่วนผมตอนนี้หรอ...ยืนอย่างแนบเนียนในกลุ่มเด็กสังคมครับ


 แหม.... อย่ามองผมแบบนั้นผมลากไอ้หนึ่งมายืนตาปรือทำหน้าง่วงนอนอยู่ข้างๆด้วย


 
   “กูไม่เก็ทเลยว่ามึงจะลากกูมายืนด๋อยไรตรงนี้...คิดว่ากลมกลืนมากไหมชุดมึงกับกูกะชุดพวกเขาเนี่ย”


 
ผมมองตามที่ไอ้หนึ่งมันพูด คือพวกผมใส่ชุดพละกันไงแล้วที่เหลือเขาใส่ชุดนักศึกษากัน..เอาเป็นว่าเด่นมากตอนนี้ แล้วกลุ่มปีสองพลศึกษาก็ไปจับกลุ่มดูการแข่งขันวอลเลย์ฯกันอยู่มุมเสาอีกด้านของลานตรงที่มีWireless Router Wifi




...ลำบากมากไหมมึง




ผมเดินไปสะกิดบุ๊คที่ตอนนี้ยืนมองน้องๆปีหนึ่งกำลังจัดแถวแล้วก็นับจำนวนกันอยู่




   “หืมว่า?”



   “นี่นัดน้องมาทำไรอ่ะ?”



   “แสดงว่าเมือวานนี้ไม่ได้ฟังเลยช่ะ?”   



   “ก็..”



   “ไม่ต้องมาบอกว่า’ก็มัวแต่สนใจบุ๊คไง’ เลยนะ มุกเดิม”



   “แหะๆ”



 เขาส่ายหน้ากับอาการหมดหนทางของผมแต่ก็ยอมอธิบายให้ฟัง



   “วันนี้นัดปีหนึ่งมาให้หลีดคัดตัว แล้วก็นับจำนวนของคนที่จะขึ้นสะแตนเชียร์แล้วก็พวกนักกีฬา นักกีฬาเนี่ยพลศึกษาคงเหมาหมดแหละ แต่ก็ต้องมีเหลือๆที่ไม่ได้เล่นอะไรเลยด้วยใช่ไหมล่ะเลยจะจับมาขึ้นสะแตนให้หมด”



   “อ๋อ..”



   “แล้วนี่มายืนทำไมตรงนี้ ไม่ไปรวมกับเพื่อนที่เป็นหลีดอ่ะ จะด้วยช่วยเพื่อนคัดน้องไงนี่อีกแป้ปๆพวกปีสามเรียนเสร็จลงมาแล้วยังไม่ได้น้องจะโดนหนักกันนะ”



   “ก็...”



ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงสวรรค์จากสาวสวยชื่อเอิร์นก็ลอยมาเลยครับ



   “แบงค์ อย่าพึ่งไปจีบมันไอ้บุ๊คอ่ะ มาช่วยดูน้องสาขาหน่อยให้ดิว่าใครหน่วยก้านพอใช้ได้มั่ง”



   “ไอ้เอิร์น!!!!”



   “ไม่อยากให้จีบก็ฝากบอกเพื่อนด้วยว่ารีบๆใจอ่อน” ผมตะโกนกลับไป




   “แบงค์!!!”



   “ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว”



-------------------------------------2BC-----------------------------------



นั่งจิบอเมริกาโน่ มองคนจีบกันเบาเบา

อารมณ์ดีคนอ่านน่ารัก จอน สโนว์ไม่ตายเลย เอาตอนเจ็ดมาเสิร์ฟ ฮ่าๆๆๆ

รักคนอ่านนะครับ เจอกันตอนหน้า

สปอยล์ตอนหน้า


"ไม่อยากโดนจีบบ่อยๆ ก็จีบเรากลับบ้างก็ได้ นี่โอเคมากนี่ไม่เป็นไร"





หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-06-2016 20:24:53
โห ทั้งหยอด ทั้งอ่อย รุกหนักได้อีกนะ แบงค์ :hao7: o13 o13
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-06-2016 20:34:58
จีบกันน่ารักดี แบงค์เพ้อๆดี เสี่ยวมากมาย
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-06-2016 20:48:55
อ่อยกันหนักมาก :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-06-2016 21:08:48
จีบกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 21-06-2016 22:07:22
เพิ่งตามมาอ่านครับ เห็นชื่อเรื่องเลยเข้ามา
อ่านทีเดียวรวดเลย เรื่องน่ารักดีอ่ะ อ่อยกันแรงมากครับ คนอ่านยังเขิลแทน ฮ่าๆ




ปล. คนแต่งดู GOT  เหมือนกันหรอครับ
จอน สโนวไม่ตายยย อิอิ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-06-2016 22:17:01
อิจฉาจังเลย หยอดไปๆๆๆ

ปล. GOT ตอนล่าสุดมันส์มากกกกก
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง7 [2016/06/21]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-06-2016 22:35:42
จีบหนักจริงๆ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 22-06-2016 15:06:10
แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์)








พอดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
   ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ
   เธอมีเสน่ห์มากมาย จะน่ารักไปไหน
   อยากจะได้แอบอิง ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ (ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์...)






 ท่อนฮุคของเพลงฮิตที่ติดเทรนในทวิตเตอร์เป็นเวลาหลายวันดังมาจากเครื่องเล่นเสียงภายในห้องในเล่นของบ้าน


ผมที่นั่งทำรายงานอยู่กับพวกสามลิงวันนี้เป็นวันหยุด และเป็นวันดีมากเพราะนางมารในคราบนางฟ้าที่ชื่อเอิร์นไม่นัดซ้อมหลีด แต่ก็ไม่พ้นวิบากกรรมแต่อย่างใดเพราะถึงแม้จะเป็นช่วงกิจกรรมก็จริงแต่ท่านอาจารย์ที่รักทั้งหลายก็ไม่ได้ปราณีเรื่องรายงานและการบ้านของพวกผมเลย




แต่ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงคนน่ารักของผมขึ้นมาเลยครับ พูดแล้วคิดถึงนี่ไม่ได้เจอมาสองสามวันแล้วดูเหมือนว่าเขาจะวุ่นวายกับการเตรียมงานกีฬาสีในฐานะของกรรมการสโมฯอยู่ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน ฮือออ คิดถึงว่ะ





   “พี่ป้างโคตรเจ๋งเลยว่ะ เพลงนี้แม่งโดน” ไอ้หนึ่งที่นอนแผ่หลาไปบนพื้นพรมพูดขึ้นมา




มึงกำลังอู้งานอยู่ไอ้เพื่อนเลว




   “จริง MV ก็โดนเบลโคตรน่ารักเลย ตาโตๆ” ไอ้โก้ก็หยุดทำงานไปด้วยอีกคนแล้วก็ลงไปนอนแผ่ข้างๆกัน



ผมที่เห็นพวกมันเริ่มพักก็คิดว่าเบรกกันบ้างก็ดี เลยลุกไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำเอาขนมมาเสิร์ฟ



   “เฮ้ย ไหนๆก็พักละไอ้เจ้าของบ้านมึงไปเอากีตาร์มาดิ๊” ไอ้หนึ่งที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆคุณดอลลาร์หันมาสั่งผม



   “เออ ดีๆกูไม่ได้ฟังมึงเล่นมาสักพักละ” ไอ้นัทที่เล่นตะครุบหางคุณดอลลาร์อยู่หันมาสั่งผมด้วยอีกคน



=,.= ตกลงเป็นทั้งทาสแมว ทั้งทาสเพื่อนสินะกูเนี่ย





 ผมไม่พูดอะไรเพราะคิดว่าก็ดีเหมือนกัน พักบ้างก็ดี เลยเดินไปหยิบกีตาร์ลูกรักจากในห้องออกมาสมทบกับพวกนั้นที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่ในห้องนั่งเล่น




ผมนั่งลงที่โซฟาปรับสายนิดๆหน่อยๆ แหมไม่ได้จับนานครับ



   “เอาเพลงไร” ผมเงยหน้ามาถามซอมบี้สามตัวที่เกลือกอยู่ที่พื้น



   “เอาเพลงเมื่อกี้อ่ะ” ไอ้หนึ่ง



   “เพลงพี่ป้าง” ไอ้โก้ หยิบรีโมทมากดปิดเครื่องเสียง



   “เดี๋ยวกูอัดคลิปให้” ไอ้นัท หยิบมือถือขึ้นมาพร้อมอัด



   “แหง่วว” คุณดอลลาร์




เพลงเมื่อกี้ที่พวกมันว่าก็เพลง คนมีเสน่ห์ ของพี่ป้าง นครินทร์  ผมพยักหน้าให้พวกนั้นแล้วจิ้มๆหาคอร์ดเพลงในเนตจากไอแพด..อืม..อินโทรค่อนข้างยาก แต่พอไหว






คนมีเสน่ห์
ศิลปิน : ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์



เฮ เธอ ทำไมตัวเธอถึงด๊ำดำ
โอ้แม่งามขำ ดำเป็นดินสอขนาด 2B
หน้าอกหน้าใจ ก็ดูเหมือนจะไม่มี
จอแบนอย่างนี้ หมอเกาหลีคงไม่รับทำ




ท่อนแขนก็จัดว่าใหญ่ ผู้หญิงอะไรขาโต
ใครทำให้เธอโมโห ต้องคอหักตาย
ไม่รู้น้ำหนักเท่าไร กล้าชั่งให้ดูไหมนี่
ถ้าเอาเธอมาแยกมองแต่ละที่ ไม่เห็นจะมีอะไรสวยเลย




พอดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
 ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ
 เธอมีเสน่ห์มากมาย จะน่ารักไปไหน
 อยากจะได้แอบอิง ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ (ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์...)





เฮ เธอ ที่ฉันปากเสียเสมอมา
รู้ไว้เถอะหนา เพียงเรียกร้องให้เธอสนใจ
ก็ไม่รู้จะเริ่มจีบโดยคำพูดใด
ที่ล้อเลียนไป จริงๆแล้วมันคลั่งไคล้เธอ





น่ารักตอนเธอพูดจา ลึกซึ้งถ้าเป็นเรื่องใจ
เธอมองอะไร อะไร ด้วยความอ่อนโยน
ไม่สมบูรณ์แต่สมดุล เห็นภาพรวมเธอแล้วโดน
รู้ไหมใจฉันดวงนี้มันสับสน หลงใหลเธอจนหมดใจแล้วเอย





พอดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
 ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ
 เธอมีเสน่ห์มากมาย จะน่ารักไปไหน
 อยากจะได้แอบอิง ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ (ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์...)





พอถึงท่อนนี้เพื่อนผมสามคนเป็นคนร้องครับ   




มันทำไม มันทำไม

มันทำไม ด๊ำดำ ทำไม แบ๊นแบน
ทำไมแขนใหญ่ คนอะไรขาโต ( สามรอบ )

มันทำไม มันทำไม มันทำไม มันทำไม
แล้วทำไม แล้วทำไม





พอดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
 ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ
 เธอมีเสน่ห์มากมาย จะน่ารักไปไหน
อยากจะได้แอบอิง ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ (ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์...)



เนื้อร้อง / ทำนอง / เรียบเรียง : นครินทร์ กิ่งศักดิ์





   “ถ้ามึงทำวงนะ กูคงตกงานอ่ะ แม่งหล่อ รวย เล่นกีฬา เล่นกีตาร์ ร้องเพลงดี ไอ้เชี่ยเพอร์เฟคไปไหน” ไอ้หนึ่งบ่นออกมาไม่จริงจังนัก



   “เดี๋ยวกูอัพคลิปลงไลน์กลุ่มให้” ไอ้นัทพูดไปพลางง่วนอยู่กับมือถือไป



ส่วนไอ้โก้ก็ลงไปนอนเกลือกพื้นแล้วเล่นกับคุณดอลลาร์ต่อ ส่วนผมที่ได้คลิปเมื่อสักครู่มาจากไอ้นัทแล้วก็เปิดดู คือดูไปก็เขินตัวเองว่ะครับ ทำไมไอ้คนในคลิปมันขี้เก๊กแบบนี้ ฮ่าๆๆ นี่เขินอยู่



ผมจัดการอัพคลิปนั้นลงFacebookของตัวเอง โดยไม่ลืมแท็กไอ้พวกเพื่อซอมบี้ของผมด้วยแคปชั่นง่ายๆ




Bank K.K.  พอดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน



ไม่ถึงห้านาทีไลค์ปาไปเกือบสามร้อย นี่ตกใจ คือหลังๆมานี่เหมือนว่าทุกช่องทางโซเชี่ยลของผมจะมีคนติดตามเพิ่มมากขึ้น
แต่ในส่วนของคอมเม้นนั้น...




Number ONE กูรู้มึงไม่ได้อยากแท็กพวกกูหรอก ไอ้หล่อ ไอ้เพอเฟค เกลียดดด


SiCo  Man      กูไม่รู้ กูนอนนา


นัท หล่อ  มึงหมายถึงพวกกูสามคนรวมกันแล้วดูมีเสน่ห์ หรือหมายถึงตัวเองคนเดียว เอาดีดีไอ้หล่อ




   “สัส” ผมพูดกับพวกมันที่ตอนนี้ก้มหน้าเล่นมือถือ...




แล้วพวกมันก็หันมาเบะปากใส่ผมโดยพร้อมเพรียงกัน ขอบคุณครับเพื่อน




ผมเลิกสนใจพวกมันแล้วหันมาตามอ่านคอมเม้นแทน ส่วนใหญ่ก็เป็นสาวๆที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเยอะแยะที่เม้นกรีดร้อง เอ่อ...ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆครับ โดยเฉพาะพวกใกล้ๆตัวผมเนี่ย




E-noo E-arn     เอาไหมกูแท็กให้?



นั่นเอิร์นครับ แรกๆก็เราๆแบงค์ๆอยู่หรอก หลังๆมานี่ทาสแท้ก็เผยมาเต็มมากครับ


 
Money Mira-ra  นั่นพี่ชายใครทำไมหล่อจัง(เศษซากบนโต๊ะช่วยเก็บด้วยนะ)

น้องสาวยังไม่เว้นจะมากวนตีนคือ...มันยังไม่โผล่ออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อเช้า



คุณนาย สกุลอู๋  ถ้าจะเอ็งหล่อขนาดนี้นะแบงค์ เลิกจีบไอ้บุ๊คแล้วมาเป็นแฟนกูเถอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ



แล้วนี่ก็แม่ยกอันดับหนึ่งที่คอยช่วยเหลือผมเรื่องจีบบุ๊ค ไนท์นั่นเอง...ทำไมผู้หญิงพวกนี้กวนตีนกันจัง




ผมที่ไม่รู้จะตอบเม้นใครดีเลยทำแบบนี้แทน




Bank K.K  @Book PratChaYa[/i] น่ารักตอนเธอพูดจา ลึกซึ้งถ้าเป็นเรื่องใจ
                                                      เธอมองอะไร อะไร ด้วยความอ่อนโยน ไม่สมบูรณ์แต่สมดุล เห็นภาพรวมเธอแล้วโดน
                                                      รู้ไหมใจฉันดวงนี้มันสับสนหลงใหลเธอจนหมดใจแล้วเอย





อยากเชียร์กันดีนัก ไอ้ผมมันก็บ้ายุครับ หึหึ



 ผมหวังว่าบุ๊คจะเห็นที่ผมแท็กนะไม่ได้เจอมาหลายวันคิดถึงจะบ้าตาแล้วเนี่ย แล้วก็เหมือนสวรรค์จะเห็นใจ บุ๊คมาตอบคอมเม้นที่ผมแท็กหาเขาครับ




Book PratchaYa นี่หาว่าเราดำ แขนใหญ่ ขาใหญ่หรอ? ต่อยกันไหม?





นี่ก็ตั้งใจจะกวนแน่ๆอ่ะ ผมรู้ว่าเขารู้ว่าผมหมายความว่าไงที่แท็กหาแบบนั้นผมเลยตอบเม้นอย่างไว




Bank K.K  มองว่ามีเสน่ห์ต่างหาก อย่ากวนสิ อยู่ไหนอ่ะงานเสร็จยังตอบไลน์หน่อยดิ นี่คิดถึง






หูยยยยยยยยยยยยยยย




ผมแอบเห็นไอ้พวกซอมบี้ทั้งสามมันแอบทำท่าอ้วกใส่ผมด้วย





หลังจากนั้นก็มีคอมเม้นอื่นๆตามมาอีกมากมาย




Jenney Ja โอ้ยยยยยยยจีบหนักขนาดนี้เขินแทนพี่บุ๊คเลย งื้อออ >////<



Arya Stark   ฟินจนต้องร้องขอชีวิต ฮือ...พี่คะเป็นแฟนกันเถอะ



ชื่อเอเอ ไม่ได้ชื่อถ่าน จีบกันหนักมาก พี่แบงค์อ่อยหนักมากเอาไงล่ะพี่บุ๊คนี่เขาอ่อยมานะอ่อยกลับบ้างเลย




ผมไล่อ่านคอมเม้นที่ตามมาโดยส่วนใหญ่เป็นน้องๆสะแตนกับหลีด  ผมรอไม่นานคอมเม้นตอบจากคนที่ผมรอก็มา แต่ถ้ารู้ว่าถ้าอีกคนจะเม้นแบบนี้ผมคงไม่รอครับ มันฟินเกินไป




Book PratChaYa   คิดถึงก็มาหาสิครับ ไม่ใช่ลงคลิปมาอ่อยเล่นๆ แนบรูปภาพบุ๊คเซลฟี่ชูสองนิ้วอยู่ที่สำนักงาน สโมสรนักศึกษา



คิดถึงก็มาหาสิครับ



คิดถึงก็มาหาสิครับ



คิดถึงก็มาหาสิครับ



คิดถึงก็มาหาสิครับ







ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวผมดังก้องอยู่ไปมาคือ...ไม่ไหวแล้ว แล้วรูปที่แนบมานั่นอะไร คือ..อ่อยกลับใช่ไหม ฮือออออ แพ้หนักมาก ยกนี้ผมแพ้อีกคนราบคาบ ผมไม่สนใจคอมเม้นหรืออะไรต่อจากนั้น





   “เฮ้ย!!!!!!”  เสียงสามซอมบี้





มันคงตกใจที่อยู่ๆผมก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องไป ปิดประตูเสียงดังแล้วก็....



“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เหี้ยยยยยยย แม่งโคตรน่ารัก โอ้ยยยยยยยยยยย กูฟินนน”





ฝั่งบุ๊ค



   “กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้นะเนี่ย” ไนท์พูดขำๆหลังจากที่เห็นคอมเม้นตอบกลับของเพื่อนตัวเองในโพสของหนุ่มหล่อพลศึกษา



   “คนแบบไหนพูดดีๆ” บุ๊คพูดเสียงนิ่งๆ มองหน้าเพื่อน



   “เป็นคนขี้อ่อยไงคะ อิผี คิดถึงก็มาหาสิ แหม มึงก็คิดถึงเค้าเหอะ”



   “...”



   “แหนะ มีเงียบนะคะ นี่จะไม่เถียงไม่แก้ตัวเลยไง?”



   “เถียงทำไม...ก็เรื่องจริง”



   “จริงที่ว่า?? คิดถึงหรือจริงที่ว่ามึงขี้อ่อยคะ”



   “ตอบว่าทั้งสองอย่างเลยได้ไหมล่ะ”



แบงค์ไม่มีทางได้รู้เลยว่าคนที่ฟินยิ่งกว่าแบงค์ก็ไนท์นี่แหละ



------------------------------จบตอนพิเศษ--------------------------------


อารมณ์ชั่ววูบล้วนๆ นั่งฟังเพลงเฉยๆ แล้วฟิลลิ่งตอนพิเศษนี้ก็มา คำผิดยังไม่ได้ตรวจเลยครับรีบมาลง ฮ่าๆๆๆๆ

เอาล่ะ ใครเขินบ้าง นี่ก็เเต่งเองเขินเอง

รักคนอ่านครับ แล้วเจอกันตอนที่แปดนะ(พิมพ์ตอนแปดอย่างบ้าคลั่ง) :katai4: :katai4: :katai4:

ปล.สำหรับแฟนๆ Game of Thrones เรามาฉลองให้ Stark กันเถอะ  โบกธงหมาป่าอย่างบ้าคลั่ง :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 22-06-2016 15:25:10
โอ๊ยยยยยยยยยยย นี่พยายามเกร็งปากไม่ให้ยิ้ม น่ารักมากกกกก อ่อยกันมุ้งมิ้งเบาๆ (นี่คือเบาใช่ไหมมม)
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-06-2016 18:46:50
น่ารักทั้งคู่ คนขี้อ่อย
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-06-2016 18:56:26
น่ารักดีน้า~~
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-06-2016 19:51:27
ที่ฟินยิ่งกว่าไนท์ก็เราเนี่ยแหละ ฟินทั้งสองฝั่งเลย :m3: :m3: :m3: :m3:
ถ้าจะอ่อยกันขนาดนี้เบาหวานขึ้นตาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-06-2016 20:17:47
ต่างคนต่างอ่อย แต่คนอ่านฟินอ่ะ เพราะงั้น อ่อยกันเยอะนะะะะ :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: nabby ที่ 22-06-2016 21:51:27
อยากอ่านต่อแล้ววววว
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-06-2016 22:24:53
โอ้ยๆน่ารักอ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 22-06-2016 23:28:40
น่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-06-2016 11:01:26
ชอบคนขี้อ่อย มันทำให้ฟินนนนน
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 25-06-2016 12:04:35
 :hao6: ชอบๆ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทางพิเศษ(คนมีเสน่ห์) [2016/06/22]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 26-06-2016 01:33:44
คนที่ฟินยิ่งกว่าคือคนอ่านนนนนน ขี้อ่อยทั้งคู่อ่ะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 27-06-2016 19:29:08
แพ้ทาง8





“แบงค์ อย่าพึ่งไปจีบมันไอ้บุ๊คอ่ะ มาช่วยดูน้องสาขาหน่อยให้ดิว่าใครหน่วยก้านพอใช้ได้มั่ง”


   “ไอ้เอิร์น!!!!”


   “ไม่อยากให้จีบก็ฝากบอกเพื่อนด้วยว่ารีบๆใจอ่อน” ผมตะโกนกลับไป


   “แบงค์!!!”



   “ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว”





ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่สนับสนุนผมครับ ผมหันไปมองหน้าแดงๆของคนที่ยืนข้างๆ



       “เดี๋ยวไปช่วยเอิร์นก่อนนะ”



   “รีบไปเลย”




ผมรีบลากไอ้หนึ่งออกมาจากตรงนั้นอย่างไวมายืนรวมกับพวกเพื่อนหลีด ปีสอง อืม...รวมผมด้วยตอนนี้ก็ห้าคนครับไม่นับไอ้หนึ่งที่ยืนหาวอยู่ข้างๆ




   “เออ หนึ่งมาด้วยก็ดี”



   “หือ?” ผม



   “ฮ้าวววววววววว” ไอ้หนึ่ง



ถ้ามึงหาวกว้างขนาดนี้..ไปนอนไหม



   “ก็เมื่อเย็นวานเราทักแชทไปขอให้หนึ่งมาเป็นหลีดให้สี แล้วหนึ่งก็ไม่อ่านไม่ตอบไม่อะไรเลย” เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดานะครับแต่ผมสัมผัสไดถึงอำนาจแปลกๆในน้ำเสียง



   “หือ? เรา?” ไอ้หนึ่งชี้นิ้วหาตัวเองท่าทางยังเบลอๆ



   “ใช่ หนึ่งนั่นแหละ” เอิร์นยืนกอดอกมองผมสลับกับไอ้หนึ่ง



   “เอ่อ..” ไอ้หนึ่งดูเหมือนได้สติมานิดหน่อยยืนงงเกาหัวมองสาวสวยจิตสังหารตรงหน้า



   “แบงค์ก็ช่วยพูดด้วยสิ จะได้มีเพื่อนมาซ้อมไง หลีดที่เป็นผู้ชายจริงๆหายากจะตาย”



ผมพยักหน้าหงึกหงักแบบงงๆ  เอิร์นดูท่าทางพออกพอใจแต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อก็ถูกขัดจังหวะด้วยกลุ่มรุ่นพี่ปีสามที่เดินเข้ามาในลาน




พี่ๆเขาก็ถามว่าทำอะไรกันไปแล้วบ้าง พูดคุยนิดๆหน่อยๆก็ไป เออ...มาแค่นี้




ผมพยายามเดินเนียนๆไปแถวๆกลุ่มเด็กสังคมบ่อยๆ แต่เดินไปทีไรก็โดนแซวกลับมาทุกทีคนที่โดนแซวร่วมกับผมก็หน้ามุ่ยตลอด...โดนโกรธป่าววะเนี่ย




แม้จะรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยแต่ก็ต้องทำหน้าที่ตรงหน้านี้ก่อน หลังจากที่เลือกน้องปีหนึ่งเป็นผู้ชายสามคนและน้องผู้หญิงสามคนรวมพวกปีสองด้วยตอนนี้สีเรามีหลีดทั้งหมดสิบสองคนซึ่งเอิร์นบอกว่ายังไม่พอ



   “เราต้องได้สิบหกคน ถึงจะครบตามเกณฑ์ของมหาลัย”



   “ทำไมต้องเกณฑ์มหาลัย เอาแค่ตามเกณฑ์คณะก็ได้มั๊ง” ผมว่า



   “ไม่ได้หรอก ถ้าเราชนะเข้าไปแข่งในรอบมหาลัยแล้วคนไม่ครบตามเกณฑ์ก็จะโดนตัดสิทธิ์ได้”



 เอิร์นให้พวกผมที่ไม่เคยเป็นหลีดมาก่อนมาขึ้นมือตั้งการ์ด...เป็นการยืนกางแขนที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผม ไอ้หนึ่งที่โดนผมหว่านล้อมก็มายืนกางแขนอยู่ข้างๆกัน



   
         “กูว่านี่มันงี่เง่า” ไอ้หนึ่งเริ่ม



   “กูว่ามันออกจะปัญญาอ่อนนิดๆด้วย”



   “ไอ้สองตัวนั่นต้องล้อกูจนลูกบวชแน่”



วันนี้ไอ้นัทกับไอ้โก้ไม่ได้มาประชุม ไอ้นัทไปเดทกับแฟนส่วนไอ้โก้นอนอืดอยู่ห้อง



   
   “เอ้าๆ พอแล้วๆ เอาแขนลงได้”



เหมือนสวรรค์บัญชา



   
   “มารวมกันตรงนี้ๆ นั่งเป็นวงกลมนะ” เอิร์นเรียกสมาชิกเชียร์หลีดเดอร์ของสีที่คัดได้ทั้งหมดมารวมตัวกันที่มุมหนึ่งของลาน พวกผมนั่งรวมๆกับเพื่อนๆปีสองที่ดูเหมือนจะรู้จักผมกับไอ้หนึ่งดี ต่างที่เราทั้งสองคนไม่รู้จักใครเลยนอกจากสาวสวยที่ยืนอยู่




   “วันนี้เราได้สมาชิกมาเพิ่มตอนนี้รวมเป็นสิบสองคนแล้วเหลืออีกสี่คนก็ครบ ตอนนี้อยากให้ทุกคนแนะนำตัวกันก่อน บอกชื่อเล่น  ชั้นปีแล้วก็สาขานะ อ่า..เริ่มที่พี่ละกันนะคะ พี่ชื่อเอิร์น ปีสองสังคม...”





แล้วจากนั้นก็แนะนำตัวกัน ผมจำไม่ค่อยได้หรอกครับว่าใครชื่ออะไรบ้างแต่คิดว่าอยู่ๆไปสักพักก็คงจำได้เอง




   “ตอนนี้เราก็รู้จักกันหมดแล้วนะ ขอนัดหมายในวันพรุ่งนี้เรามาเจอกันที่นี่ก่อนแล้วก็รบกวนทุกคนวาดแผนที่จากบ้านหรือหอพักมาที่มหาลัยมาส่งพร้อมด้วยประวัติส่วนตัวคร่าวๆโรคประจำตัวแล้วก็ยาที่ต้องใช้ด้วยนะ ตอนนี้ปีหนึ่งก็แยกย้ายกลับได้จ้า”





ส่วนพวกปีสองยังต้องรอประชุมสรุปในตอนท้ายก่อนจะกลับครับ ไอ้หนึ่งพึมพำเบาเบาว่าจะไปซ้อมดนตรีมันเลยขอกลับก่อน สาขาพลศึกษาเลยเหลือแค่ผมกับแนน




ผมพยายามเนียนไปนั่งข้างๆบุ๊คแต่ก็โดนไอ้แนนที่ไม่อยากโดนทิ้งให้นั่งหัวเดียวกระเทียมลีบดึงไว้ให้นั่งข้างๆ ผมเลยได้แต่นั่งทำตาปรอยส่งไปให้คนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง(เรานั่งเป็นวงกลมครับ) แต่ดูเหมือนผมจะโดนเมินโดยสมบูรณ์แบบครับ..ทำไงดี...ช่วยคิดหน่อยดิ จะหันไปปรึกษาแนนก็ไม่ได้ อีกฝั่งก็เป็นเพื่อนหลีดผู้ชายสาขาการศึกษาพิเศษฯจำได้ว่าชื่อต่อนี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมนั่งคอตกฟังเพื่อนคุยกันไปล่ะครับ




   “ทางพลศึกษาล่ะว่าไงบ้าง” จู่ๆไนท์ก็หันมาถามผมกับแนน คือนี่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนคุยอะไรกัน




   “มึงว่าไงแบงค์” แนนหันมาถามผมทำเสียงจริงจังมาก



คือแล้วไอ้นี่ไม่ได้ฟังไง ทำไมผมเป็นแบบนี้ตลอดเลยวะ



มองซ้ายมองขวาทุกคนดูเหมือนคาดหวังคำตอบจากผม เอ่อ...



และใครบางคนคงจะรู้ว่าผมไม่ได้ฟังที่เพื่อนพูดกันเลย ก็เลยสงเคราะห์ถามคำถามเดิมซ้ำอีกรอบให้




   “คือเพื่อนถามว่า เรื่องนักกีฬาจะเอาของสาขาพลศึกษาหมดเลยไหมหรือว่าไงเพราะอาจมีพี่ปีอื่นของสาขาอื่นเขาก็อยากลงเล่นด้วย” บุ๊คถามสีหน้าจริงจังมาก




   “เอ่อ..คืองี้นะ” ผมเริ่ม



   “แข่งกีฬาภายในเสร็จก็จะไปกีฬามหาลัยใช่ไหม แล้วพอแข่งรอบมหาลัยคนชนะก็จะได้ไปแข่งยูนิตี้ต่ออีกแล้วมีโอกาสเป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งกีฬาแห่งชาติ คือนักกีฬาหลายคนเขาหวังตรงนี้ไงก็ไม่ใช่ว่าปิดโอกาสคนอื่นหรืออะไรแต่ว่ามันจำเป็นจริงๆ เพราะพอเอาจริงๆแล้วพอรอบมหาลัยทางคณะก็ให้นักศึกษาจากสาขาพลศึกษาเข้าไปแข่งอยู่ดี ถ้าถามความเห็นเราเราว่าให้ไปตั้งแต่รอบนี้เลยจะได้ประเมินฝีมือและเป็นการไม่เสียเปล่านะ”




พอผมพูดจบเพื่อนๆก็ออกความเห็นกัน หลังจากผ่านการโหวตไปผลออกมาก็คือ



   “ตกลงว่าฝ่ายกีฬาปีนี้พลศึกษารับไปเลยนะ เรื่องงบประมานค่อยมาว่ากันอีกที ฝากด้วยนะแนน” ไนท์สรุปการโหวตแล้วหันไปยิ้มแบบนางงามขนานแท้ให้แนน





หลังจากที่ได้ผลสรุปเรื่องปลีกย่อยต่างๆไปอีกสองสามเรื่อง ตอนนี้ตั้งใจฟังแล้วครับ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมที่โดนเอิร์นกักตัวไว้เพราะจะปรึกษาเรื่องสถานที่ในการซ้อมหลีด นี่ผมกลายเป็นตัวหลักไปแล้ว?



ในตอนนั้นเองหูผมก็ได้ยินบทสนทนาของไนท์กับบุ๊คเข้า เอาจริงๆก็ตั้งใจฟังมากครับ




   “เมือเช้ามึงมาไง” ไนท์ถาม




   “เมื่อเช้าฝนตกเลยนั่งแท็กซี่มา”




   “แล้วทำไมมึงไม่เอามาสด้ามา แล้วนี่จะไปสอนยังไงฝนตกแบบนี้เรียกแท็กซ่คงทันหรอก”




   “เออน่า กูหาทางได้แหละ”




ผมที่ฟังประโยคสนทนาพวกนั้นอยู่ตลอดก็เกิดความคิดดีดีขึ้นมา เลยขอตัวจากการฟังเอิร์นพล่ามออกมาหาคนที่ง่วนอยู่กับการเก็บของและถอนหายใจกับการบ่นของเพื่อนตัวเอง




ไนท์เห็นผมเดินเข้าไปหาอีกคนก็เหล่ตาไปมองบุ๊คแล้วเบ้ปากให้แบบหมั่นไส้นิดๆแล้วเดินออกไปเงียบๆ




   “ไม่ได้เอารถมาหรอ” ผมถามออกไป อีกคนสะดุ้งน้อยๆแล้วก็หันมาทำตาโตใส่ผม..นี่ตกลงจะน่ารักหรือจะโกรธหรือจะตกใจเอาสักอย่างสิ มาทำหน้าแบบนี้มันไม่ดีต่อภาวการณ์เต้นของหัวใจเลย





   “อ้อ อืม” เขาพยักหน้าแล้วกลับไปเก็บของต่อ



   “เราเอารถมา เดี๋ยวไปส่ง”




พอผมพูดแบบนั้นอีกคนก็ยืดตัวขึ้นมาแล้วหันมามองผมเต็มๆตา




   “เราจะไปสอนพิเศษ..”




   “ก็นั่นแหละได้ยินแล้ว เดี๋ยวจะไปส่ง”




   “นี่บังคับ??”



   “เปล่าครับ อยากไปส่ง นะครับ”  โอ้โห!! ไอ้แบงค์เสียงงุ้งงิ้งแบบนี้ไปเอามาจากไหน



   “...”



 
   “นะครับ”




แล้วในที่สุดบุ๊คก็พยักหน้า ผมแอบเห็นว่าอีกคนแก้มแดงๆนิดๆด้วยโอ้ยยยยยยแพ้ทาง ให้ตายเถอะซุส!!





ผมคว้ากระเป๋าเอกสารของอีกคนมาถือไว้ เขาทำท่าจะเข้ามาแย่งคืนไปผมเลยส่งสายตาดุๆไปให้เขาเลยยอมปล่อย ผมเดินไปบอกเอิร์นว่าจะกลับก่อนมีอะไรให้โทร.ไป แล้วเดินนำเขามาที่ลานจอดรถ





   “ว่าแต่ สอนที่ไหนเนี่ย”  ผมถามบุ๊คหลังจากที่เราขึ้นรถแล้วขับออกมาจากคณะ



   “ที่...”




   “อ๋อ โอเคครับ”




พอออกมาพ้นรั้วมหาลัยได้ไม่เท่าไหร่ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก มันจะโรแมนติกมากถ้าเราไม่ได้รีบไปน่ะครับ =,.=




   “ถ้าไปไม่ทันจะเป็นไรไหม?” ผมหันไปถามอย่างเป็นห่วง



   “อ๋อ ไม่ต้องรีบหรอกที่จริงเราสอนทุ่มนึงนะวันนี้ นี่พึ่งห้าโมงครึ่งเอง” บุ๊คบอกแบบท่าทางสบายๆมาก



ผมเหลือบไปมองคนที่นั่งข้างๆกันแล้วขมวดคิ้ว นั่งเล่นโทร.ศัพท์เฉยเลยอ่ะ สนใจเราบ้างสิครับโถ่วว




   “ทำไรอ่ะ” ผมถามออกไประหว่างที่รถติดไฟแดง



ติดไกลมากแบบที่ว่าไฟเขียวอีกสามรอบถึงจะพ้นแยกนี้ไปอ่ะครับ



   “เพื่อนไลน์มาถามการบ้านวิชาเอก ที่จริงเราก็พึ่งรู้นะว่ามีการบ้านด้วย” บุ๊คพูดขำๆแล้วหันมายิ้มให้ผม 




ไอ้เรานี่เอ๋อไปเลยครับ สว่างไสวมาก ฮอลลลลลล ยูคิลมีเบบี๋





   “อ๋อ” ไม่ใช่ไม่มีอะไรจะพูดนะครับ มันพูดไม่ออก ไม่เคยอยู่ใกล้กันแล้วได้ยิ้มกว้างๆมาแอทแท็คขนาดนี้



   
มือไม้แม่งเกะกะไปหมด ไม่รู้จะทำอะไรเลยโอ้ยยย



   “เราเปิดเพลงนะ”




 ผมที่ไม่รู้จะแก้อาการขัดเขินนี้ยังไงก็เลยหันไปขออีกคนเปิดเพลงซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่งี่เง่ามาก...ก็นี่มันรถผม โถ่วว




   “ไม่ต้องขอเราหรอก นี่รถแบงค์นะ” เอาอีกแล้วครับ พูดแบบท่าทางสบายๆแล้วเจือเสียงหัวเราะไปด้วยนี่




โอยยย ตายยยยหัวใจเต้นแรงมาก บ้าจริง!!




   
ผมเอื้อมมือไปเปิดวิทยุให้เสียงเพลงคลอเบาเบาไปกับเสียงฝนภายนอกที่ตกอย่างกับว่าทั้งปีนี้จะไม่ตกอีกแล้ว




เรานั่งกันไปเงียบๆ อีกคนก็ง่วนอยู่กับการตอบไลน์พื่อน ผมหยิบไอโฟนลูกรักออกมาแล้วแอบถ่ายภาพอีกคนจากด้านข้าง  ผมมองดูรูปนั้นแล้วคิดวิธีเรียกร้องความสนใจได้




ผมจัดการลงรูปเขาในอินสตาแกรมของตัวเองแล้วแท็กเขาไปด้วย พร้อมแคปชั่นง่ายๆอย่าง



รักจะเกิดขึ้นมันต้องมองตา ไม่ใช่มองจอ




ผลเหล่มองอีกคนตลอด นั่งรอสักพักเขาก็เปลี่ยนสีหน้าจากขมวดคิ้ว เป็นอ้าปากค้างแล้วก็หน้าแดง ฮู่ยยยยปริ่ม




   “ทำไรเนี่ยยยยย” น้ำเสียงโวยวายมากครับ เขินอ๊ะเด้ โด่วววว




   “ทำไร” ทำหน้าไขสือตอบไปครับ ยิ้มกับลมกับฝนไป



   “ก็เนี่ย รูปเราเนี่ย ในไอจีแบงค์แคปชั่นนี่อีก”



   “เอ้า ก็จริงอ่ะคุยกับเรามั่งดิ รักจะเกิดมันต้องมองตานะครับ” พูดจบผมก็หันไปมองตาอีกคนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ด้วย




ทำเหมือนกล้านะแต่ที่จริงใจผมอย่างกับเต้นแทงโก้อยู่เลย แท่บแท่บ แท่บ แทแด่บ




   “มองตาไรล่ะ ขับรถไปเลย” หูยยยยมีเสียงดังกลบเกลื่อนด้วยนะครับบางคน




แล้วเหมือนโชคชะตาฟ้าจะเป็นใจ เพลงที่ดังขึ้นมาในวิทยุตอนนี้เป็นเพลงที่โคตรตรงกับความรู้สึกผมเลยอย่างกับนิยายแหนะ(ก็มันนิยาน่ะแบงค์)





   “ขอมือเธอหน่อย ไว้คอยกระชับให้ชื่นใจ
ขอมองตาหน่อย ไว้คอยให้เตือนเมื่อเหงาใจ…
ขอใจเธอหน่อย ไว้คอยเป็นแรงผลักดันฝันอันยิ่งใหญ่
หากมีหัวใจของเธอ ก็สุขเกินพอ…



อยากจะจับมือกับเธอ จับมือกับเธอสักครั้ง
จับมือให้ฉันไม่เคว้งไม่คว้าง
และไม่เปล่าเปลี่ยวเกินไป”






ผมร้องเพลงไปพร้อมกับเสียงในวิทยุแล้วมองหน้าอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันไปด้วย ถามว่าเขินไหม..เขินมากครับ แต่ใจมันสั่งล้วนๆเลย เพลงมันโดน



   “อะ อะไร”




ความสำเร็จของผมวัดได้จากหน้าแดงๆแล้วก็อาการหันหน้าออกไปทางหน้าต่างรถ อยากสะกิดบอกจังเลยว่าผิวกระจกมันสะท้อนนะ




   “เห็นนะว่ายิ้มอ่ะ” ผมแซว  ปล่อยให้เพลงดังต่อไปครับ



เหลือบตามองไฟแดงก็ยังนับถอยหลังต่อไป เออติดนานๆเลยนะเอ็ง




เขาหัยมามองผมตาโต ทำปากพะงาบๆเป็นปลาทองเลย โอ้ยยยน่ารักว่ะ




   “จีบกันไม่หยุดพักเลยนะ คิดบ้างป่ะว่าเราจะเขินอ่ะ” ตรงมากครับ ว่าที่แฟนใครเนี่ยทำไมน่ารักโอ้ยยย โดนใจ




   “ก็อยากให้เขินไง เป็นไงหวั่นไหวบ้างป่ะ?”




   “หวั่นไหวไรล่ะ ขับรถไปเลยนะไม่ต้องฟังเพลงแล้วด้วย” หูยยโวยวายๆ





   “เขินก็บอกกเขินนะครับ ไม่ใช่บอกให้ขับรถไป” ผมยงไม่เลิกแซว




   “ถ้ายังไม่เลิก เราจะตีแบงค์แล้วนะ บอกให้ขับไปไงไม่ต้องมามองเลย!!” 



แหนะ มีออพชั่นเสริมเป็นหน้าแดงๆกับแก้มตุ่ยๆอมยิ้ม น่ารักหน้าฟัดมาก แต่ยังก่อนผมต้องปล่อยหมัดเด็ดก่อน





   “ถ้าไม่อยากให้เราจีบบ่อยๆ ก็จีบเรากลับมั่งสินี่ไม่ถือนะนี่โอเคมากไม่เป็นไร”







ตู้มมมม







เหมือนได้ยินเอฟเฟคนี้ดังมากจากหน้าของอีกคนเลยครับ แล้วก็ตามมาด้วยหมัดหนักๆที่ทุบมาบนแขน เจ็บแฮะ




   “บอกให้ขับรถไปไง!!!”




   “ฮ่ะๆๆ ครับผมๆ”




ผมหันหน้าไปตั้งใจขับรถ ฮัมเพลงในคอมเป็นเพลงที่ร้องให้อีกคนฟังเมื่อครู่ คิดไปแล้วเขินว่ะ บ้าเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ






เราติดอยู่บนถนนนานพอสมควรแต่ก็มาถึงโรงเรียนสอนพิเศษที่อีกคนทำงานอยู่ทันเวลาเหลือเฟือแบบที่เขาบอก



 ผมเดินถือกระเป๋าเอกสารเดินตามอีกคนเข้ามาภายในอาคาร





   “ขอบใจมากนะ แบงค์กลับเลยเปล่า?”



   “ถ้าเรากลับแล้วบุ๊คกลับไงอ่ะ”




   “ก็แท็กซี่มั๊ง”



อีกคนพูดด้วยท่าทางสบายๆในแบบของเจ้าตัว




   “งั้นเรานั่งรอละกัน เดี๋ยวไปส่ง”




   “เฮ้ย!! ไม่เป็นไร เรากลับเองได้”



   “ไม่เอาดิ เดี๋ยวเรารอ วันนี้ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว” ผมพูดแล้วยิ้มให้อีกคน




   “งั้นก็ตามใจ ถ้านานอย่ามาบ่นนะ”




   “ครับผม”



แล้วเขาก็เดินเข้าไปด้านใน ผมเลยเลือกโซฟาที่ตั้งอยู่ในส่วนด้านหน้าประชาสัมพันธ์นั่งเล่นมือถือรออีกคน ผมเข้าไปเช็คคอมเม้นในไอจีที่พึ่งโพสต์ไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ





Number_one นี่กูพลาดอะไรไปตอนไหนวะ


Nut_indy   น่ารักว่ะ จีบด้วยได้ไหม ฮ่าๆๆๆๆ


ไอ้นัท กวนตีนแล้วมึง


Sico_man   กูเริ่มหมั่นไส้มึงแล้วเนี่ยไอ้หล่อ



Money_nie  อรั๊ยยยยน่ารักอ่ะ สวัสดีค่ะว่าที่พี่สะใภ้


อืม มันนี่พูดดีเดี๋ยวเฮียให้ตังกินหนม





 และอื่นๆอีกมากมาย ผมตอบคอมเม้นไปบางคอมเม้นสำหรับคนที่ผมรู้จัก ไลน์ไปบอกมันนี่ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วก็ให้เอาอาหารให้คุณดอลลาร์ด้วย ไอ้พวกนั้นก็ไลน์มาถามผมกันใหญ่ว่าอะไรยังไงในไลน์กลุ่ม




ยังไงครับไอ้หล่อยังไง


โมเม้นดี


อะไรของพวกมึง



ไม่ต้องมาเนียน มึงไปทำไงถึงได้เขามาเป็นตุ๊กตาหน้ารถ



=,.=



ขยายมา



วันนี้เขาไม่ได้เอารถมา กูเห็นฝนจะตกก็เลยมาส่งเขาที่ทำงาน



หูยยยยเนียนไปสิครับ



ให้กูเดานะมึงต้องรอเขาเลิกงานด้วยแน่ๆ



แล้วก็ชวนไปกินข้าวสิแหม



เดี๋ยวก็ขอไปส่งบ้าน



เออ





ผมตอบไปแค่นั้นแล้วก็เลิกสนใจพวกมันที่คงโวยวายแน่ๆที่ผมไม่ไปตอบอะไรอีก


ผมเดินไปซื้อชาไข่มุกจากร้านเฟรนชายชื่อดังที่ตั้งอยู่ภายในสถาบันกวดวิชาแห่งนี้แล้วก็นั่งรอเขาต่อไป





หยิบหนังสือที่มีอยู่มากมายมาอ่านรอ เห็นแบบนี้ก็ชอบอ่านหนังสือนะครับมันเล็กแล้วก็พกพาสะดวก...








   “อ่านไรอ่ะ”




ผมเงยหน้ามองคุณครูคนเก่งที่ผมมานั่งรอแล้วก็แปลกใจ เหมือนแค่แปปเดียวจริงๆ แต่เหลือบดูนาฬิกาแล้วก็ตกใจสามทุ่มกว่าไปแล้วครับ น้ำในแก้วชาก็ละลายหมดแล้ว




   “เชอร์ล็อก โฮล์มส์ สอนเสร็จแล้วหรอ?”




   “อื้อ เสร็จแล้วล่ะ”



   “กลับเลยไหม?”



   “อื้อ”



ผมเดินเอาหนังสือไปเก็บแล้วเดินกลับมาหาอีกคนที่ยืนรออยู่ที่เดิม



แย่งเอากระเป๋าเอกสารของอีกคนมาถือไว้แล้วเดินนำออกไป แอบเห็นว่าเขาหน้ามุ่ยด้วยครับ





   “หิวป่ะ” ผมหันไปถามหลังจากที่เขาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว



   “หือ?? แบงค์หิวหรอ”




ที่จริงก็ไม่หิวหรอกครับ แค่อยากกินข้าวด้วย




   “ก็นิดหน่อย”



   “งั้นไปกินสเต๊กกัน เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”



   “โอเคครับ”




เรามาถึงร้านสเต๊กที่อีกคนบอกว่าอร่อยนักหนา สั่งอาหารเสร็จไม่นานก็มาเสิร์ฟ หน้าตาน่าทานมากครับเนื้อชิ้นใหญ่มากอ่ะ



แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทานบุ๊คก็เรียกผมไว้ก่อน และทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นเสียงชัตเตอร์จากกล้องไอโฟนก็ดังขึ้น





   “คึคึ หน้าเหวอมากอ่ะ” เขาหันจอไอโฟนที่เป็นรูปผมถือมีดกับส้อมแล้วเงยหน้ามองกล้องเขาพอดี



ผมว่า...ก็หล่อดีนะ ฮ่าๆๆๆ




   “เหวอที่ไหน หล่อจะตาย” ผมพูดลอยหน้าลอยตาเลยครับ  อีกคนเบ้ปากหมั่นไส้




แหมอยากเอื้อมมือไปหยิกปากยื่นๆนั่นจริงเชียว




   “เราอัพนะ”




   “อือ เอาดิ”



ใครก็อยากมีรูปตัวเองบนไอจีคนที่ชอบทั้งนั้นล่ะครับ ผมนั่งมองเขาที่ง่วนอยู่กับมือถือสักพักก็มีแจ้งเตือนดังเข้ามาที่มือถือผม ผมเลยกดเข้าไปดู





ปรากฏว่าเป็นรูปผมที่เขาถ่ายเมื่อครู่พร้อมกับแคปชั่นที่ทำเอาผมไปไม่เป็นเลย




อยู่อยู่ก็มาหวานใส่ เอาอกเอาใจกับฉัน มาออดมาอ้อนอย่างนั้น
         ฉันดูว่ามัน ยังไงยังไงอยู่นะ





“คิก”



เสียงหัวเราะที่ดังมาจากฝั่งตรงข้ามทำให้ผมเงยหน้ามามอง




   “อะไรนี่อ่อยเราหรอ”




   
“แล้วแบงค์ว่าไงล่ะ”





อีกคนพูดยิ้มๆแล้วเอามือท้าวคางสายตาที่มองมาที่ผมนั่นมันอะไรกัน!!!
   



-----------------------------------2bc-----------------------------------




สัมผัสได้ถึงพลังงานความอ่อย


ไม่แน่ใจว่าใครจีบใครแรงกว่ากันนะครับตอนนี้

ไม่รีบเนอะ ปล่อยให้เขาค่อยๆทำความรู้จักกับตัวตนของอีกฝ่ายไปเบาเบา จีบกันต่อไป

ขออภัยที่หายไปหลายวัน นะครับเอาตอนแปดมาง้อ อิอิ

ก็อยากมีโมเม้นแบบมาตอบเม้นคนอ่านไรงี้ แต่เอาตรงๆนะ เขิน ฮ่าๆๆๆๆ

เจอกันตอนหน้าครับผม  :katai4: :katai4:



ปล.รักคนอ่าน รักคนเม้นมากๆเลยครับ กำลังใจของคนเขียนคือพวกคุณทุกคนเลย


THE KING IN THE NORTH!!!  ปริ่มแรง


สปอยล์ตอนหน้า


"ถ้าไม่โอเคตรงไหนก็บอกนะ เราจีบบุ๊คไม่ใช่จะบังคับให้มาเป็นแฟนนะครับ"


หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-06-2016 19:46:17
น่ารัก เวลาบุ๊คอ่อยกลับมันได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-06-2016 19:50:10
อ่อยกันไปอ่อยกันมา เบาหวานขึ้นอ่ะ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-06-2016 20:32:43
ต่างคนต่างอ่อยเลยนะ  :-[
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 27-06-2016 20:53:02
อ๊อยยยยย แก้มแตก
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-07-2016 21:25:13
อ่อยกันเข้าไป คนอ่านจะเขินแทนแล้วน่ะ อิอิ
หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-07-2016 22:11:54
แพ้ทาง9







อยู่อยู่ก็มาหวานใส่ เอาอกเอาใจกับฉัน มาออดมาอ้อนอย่างนั้น
ฉันดูว่ามัน ยังไงยังไงอยู่นะ




“คิก”



เสียงหัวเราะที่ดังมาจากฝั่งตรงข้ามทำให้ผมเงยหน้ามามอง


   “อะไรนี่อ่อยเราหรอ”



   “แล้วแบงค์ว่าไงล่ะ”





อีกคนพูดยิ้มๆแล้วเอามือท้าวคางสายตาที่มองมาที่ผมนั่นมันอะไรกัน!!!

   




       “ไม่รู้สิ” ผมทำท่าทางเดียวกับที่เขาทำอยู่ก่อนแล้ว



อีกคนเห็นผมทำท่าทางแบบนั้นก็ตาโตแล้วเบือนหน้าหนีออกไปนอกร้าน



   “ใครจะไปขี้อ่อยเหมือนแบงค์กัน รีบกินเลยเราง่วงแล้ว” โถ่ววสู้ไม่ได้ก็โวยวาย



   “ครับๆ” ผมกินไปยิ้มไป อีกคนก็กินไปค้อนไป เสมอกันละกันเนาะยกนี้




หลังจากที่ทานเสร็จผมบอกเขาว่าจะแชร์ด้วยแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธและทำท่าจะโกรธเมื่อผมเอากระเป๋าเงินออกมา พอได้เห็นสายตาแบบนั้นผมเลยยอมแพ้




   “ก็แบงค์อุตส่าห์มาส่ง แล้วยังรอรับเรากลับอีกแค่นี้ก็เกรงใจแล้ว เราเลี้ยงอ่ะถูกแล้ว”



ผมเลยได้แต่จำยอมครับ




บุ๊คบอกทางที่จะไปอพาร์ตเมนท์ที่เจ้าตัวพักอยู่ ผมค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยเพราะเป็นทางผ่านไปบ้านผมพอดี พอผมบอกไปว่าเป็นทางเดียวกันเจ้าตัวก็หรี่ตามองผมเหมือนจะจับผิดอ่านจากสายตาได้ว่า ’จะมาเนียนอะไรอีก’



   “เอ้า ไม่เชื่ออีก”



   “ก็จะให้เชื่อได้ไง ไอ้มุกเนียนไปส่งนี่หาได้ตามแผงนิยายทั่วไปเลยนะ”



   “โหย เราไม่ใช้มุกแบบนั้นหรอก มันไม่ฮิป”



   “ไอ้มุกร้องเพลจีบนี่ฮิปมากว่างั้น? ร้องเพลงจีบงี้คิดว่าตัวเองเป็นพี่คล้าวรึไง”



   “แหม อยากเป็นน้องทองกวาวแห่งทุ่งบางกะปิก็ไม่บอกนะจ๊ะ น้องบุ๊ค



   “น้องเนิ้งอะไรเล่า ไอ้ทุ่งบางกะปินั่นมันเรื่องแผลเก่า ขับรถไปเลยนะไฟเขียวแล้ว”



   “ครับ ครับ”



ผมรับคำแล้วหันไปยิ้มกับไฟท้ายรถคันข้างหน้า



   “บอกแล้วว่าเขินก็บอกว่าเขิน ไม่ใช่บอกให้ขับรถไป”



คนโดนจีบไม่ตอบอะไรกลับมาได้แต่ค้อนปะหลังปะเหลือกให้ลมให้ฟ้าไป


 

คนข้างๆที่นั่งครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งไปตลอดทางจนมาถึงอพาร์ตเมนท์ที่เจ้าตัวพักอยู่ เป็นอพาร์ตเมนท์ค่อนข้างมีชื่อตั้งอยู่ในย่านห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัด จนรถจอดสนิทผู้ร่วมทางจึงหันมาพูดกับผม




   “ขอบใจมากนะ สำหรับวันนี้”



   “ยินดีมากครับ”



ผมส่งยิ้มกว้างไปให้



   “ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วยนะ ขับรถดีดีล่ะ บาย”




แล้วผู้โดยสารก็โดดลงจากรถไปยืนอยู่บนฟุตบาททางเข้าอพาร์ตเมนท์ เขาโบกมือให้ผมออกรถไป ผมเลยถอนสายตาจากอีกคนแล้วขับรถกลับบ้านตัวเอง










--หลายวันผ่านไป—





ผมกำลังรู้สึกเซ็งสุดขีด



อาการนั่งเขี่ยหน้าจอมือถือไปมาด้วยอารมณ์เลื่อนลอย ที่เป็นมาสองสามวันแล้ว



   ตอนนี้เรานั่งอยู่ในห้องเรียน หน้าห้องเพื่อนร่วมชั้นกำลังพรีเซนต์งานอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมที่ควรจะตั้งใจฟังและเลกเชอร์ตามอย่างที่เคยทำกลับไม่ทำ เรียกความสนใจจากเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ




   “เป็นเหี้ยไรมึง กูเห็นมึงทำหน้าเหมือนแมวป่วยลอยๆเป็นซอมบี้อยู่หลายวันแล้ว”



ผมหันไปมองหน้าไอ้โก้ที่กระซิบถาม ผมไม่ตอบคำถามนั้นของเพื่อน เบือนสายตาไปมองสไลด์พรีเซนต์ของเพื่อนหน้าห้อง



   สาเหตุของอาการลอยๆของผมมาจากเจ้าของแอคเคาท์ไลน์ที่ผมเปิดค้างไว้ตอนนี้ หลังจากวันนั้นที่ผมไปส่งเขาที่หอผมก็ไม่ได้เจออีกคนเลย ไลน์ไปก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ไม่เปิดอ่านด้วยซ้ำผมก็ไม่กล้าโทร.ไป ยังไม่ได้เป็นอะไรกันหรือสนิทจนถึงขั้นที่จะโทร.หาได้ ผมลองเลียบๆถามกับไนท์ดูเธอบอกว่าบุ๊คไม่มาเรียนสองวันแล้วแต่เขาโทร.มาบอกเพื่อนให้ลากิจให้ผมไม่ได้เซ้าซี้อะไร เลยได้แต่มานั่งเซ็งอยู่แบบนี้





   “กูว่าจนกว่าจะเลิกกีฬาสี กูจะลานแบบไม่มีกำหนดไม่งั้นกูได้ตายจริงๆแน่”



ไอ้หนึ่งเอ่ยขึ้นลอยๆสายตายังมองไปที่จอโปรเจคเตอร์หน้าห้องเรียน ที่มันบ่นออกมาแบบนั้นเพราะหลายวันมานี้เราเริ่มซ้อมกันจริงจังแล้วแต่ไอ้หนึ่งมันยังรับงานร้องเพลงอยู่ มันเลยมีสภาพย่ำแย่กว่าผมเสียอีก มันเหนื่อยกายแต่ผมนี่ขาดกำลังใจ




   “เออ กูว่าจะบอกมึงหลายทีแล้วให้เลือกเอาสักอย่าง” ไอ้นัทพูดขึ้นมาไม่มองหน้าใคร สายตาและมือยังเลกเชอร์ตามที่เพื่อนพรีเซนต์อย่างตั้งใจ



      เฮ้อออออออ



ผมถอนหายใจแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ




   ผมฟุบหลับไผจนกระทั่งรู้สึกถึงแรงเขย่าแขน เงยหน้าขึ้นมองปรากฏว่าคอนนี้เลิกคลาสแล้วและเพื่อนๆกำลังทยอยออกจากห้องเรียน



   “พวกกูจะไปทำการบ้านที่ห้องชมรม มึงไปป่าว” ไอ้นัทเอ่ยถาม



ผมลุกขึ้นแล้วส่ายหน้า



   “กูทำเสร็จแล้ว ว่าจะกลับไปนอนสักงีบแล้วหกโมงจะไปซ้อม” ผมตอบเนือยๆ



   “ก่อนไปซ้อมมึงมารับกูที่หอด้วยนะ กูขี้เกียจขับรถ” ไอ้หนึ่งบอกมาเสียงเนือยๆพอกัน ผมพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป





--หกโมงกว่า—





ผมกับไอ้หนึ่งที่ท่าทางยังไม่ตื่นดีมาถึงสวนสาธารณะกลางเมืองที่เปิดตลอด24 ชม. หลังเวลานัดเล็กน้อยเพราะกว่าผมจะงัดไอ้หนึ่งออกจากเตียงได้ก็ใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ยังมาถึงเป็นคนแรกๆ




ตอนนี้เรามีสมาชิกครอบครัวหลีด(แบบที่เอิร์นเรียก)ทั้งหมด 16 คน การฝึกซ้อมก็เป็นแบบครอบครัวจริงๆ เพราะรุ่นพี่ปี3และ4เป็นคนซ้อมให้ การซ้อมในช่วงแรกเป็นการล็อคการ์ด ล็อคแขน ผมพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดแม้สองสามวันมานี้จะมีใจลอยและแอบขี้เกียจบ้างก็ตาม




พอมาถึงผมกับไอ้หนึ่งก็แยกย้ายกันไปจับคู่กับน้องๆปีหนึ่งเพื่อวอร์มร่างกายกัน



   “อ้าว มาแล้วหรอพวกมึง”



   “มาก็เห็น” เสียงไอ้หนึ่งดังขึ้นกวนๆ ผมหันไปมองมันแต่ปรากฏว่ามันไม่ได้มองมาทางนี้ เมื่อกี้มันคุยกับพวกผมป่ะวะ



   “มึงมานานแล้ว?” ผมถามไอ้ต่อ



   “ก็วิ่งรอบสนามได้สองรอบละ”



เราคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยในระหว่างที่วอร์มร่างกาย




พอรุ่นพี่มาถึงเราเลยแยกย้ายไปซ้อม วันนี้ต้องลงท่าในเพลงประจำสถาบันในบางท่อน





   “มาแล้วจ้าๆๆ” เสียงแหลมๆนั่นดังมาแต่ไกล เอิร์นไงจะใครล่ะ แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่ตัวหญิงสาวผู้เป็นเพื่อน ผมสนใจคนที่เดินหิ้วกระติกน้ำใบใหญ่ตามหลังเอิร์นมาต่างหาก พอได้เห็นแบบนี้แล้ว คิดถึงชะมัด




   “อ้าวๆ แบงค์อย่าอ้าปากกว้างมาก มาช่วยยกของที่ท้ายรถหน่อย”



อะไร ผมอ้าปากหรอ ไม่ม้างงงง




ผมเดินไปที่รถมาสด้าสองคุ้นตาสวนทางกับเจ้าของรถพอดี



   “เอาลงมาแค่ถังน้ำเปล่ากับน้ำแดงสองขวดนะ ตั้งอยู่ข้างๆกัน”




   “อื้อ”




ผมหิ้วของออกมาสมทบกับที่อีกคนเขายกมาก่อนแล้ว ผมช่วยบุ๊คจัดการข้าวของตรงหน้ามีทั้งขนมทั้งน้ำ เขาจัดการผสมน้ำแดงใส่กระติกน้ำพร้อมใส่น้ำแข็งเรียบร้อย ผมนั่งมองหน้าเขาอยู่แบบนั้น คนอะไรวะยิ่งมองก็ยิ่งดูดี มองไม่เบื่อเลย ดูเหมือนคนข้างๆเขาจะรู้แล้วว่าผมมองอยู่ แก้มขาวๆนั่นเป็นสีเรื่อขึ้นนิดๆอาการเม้มปากที่แสดงถึงความประหม่านั่นทำผมได้ใจ จากมองเฉยๆเป็นจ้องเลยทีเดียว




   “มองไรนักหนา” เขาบ่นพึมพำขึ้นมา




   “ก็ไม่เจอกันตั้งหลายวัน เลยมองให้หายคิดถึงไง”



   “...”



   “นี่?”



   “หือ?”



   “ถ้าเราถามอะไรหน่อยจะหาว่าเราเสือกป่ะ”



   “ก็ต้องลองถามดูอ่ะ”



   “หายไปไหนมาตั้งหลายวันหรอ? เราไลน์ไปก็ไม่อ่าน..ไม่ได้จะเซ้าซี้นะ คือมัน...”




ผมเริ่มคิดว่ามันควรจะถามหรือเปล่า ผมถามแบบนี้ได้ไหมนะ



แต่อีกคนกลับยิ้มนิดๆให้กับอาการเงอะๆนั้นของผม



   “เราไปงานแต่งงานญาติที่ต่างจังหวัดมา มันค่อนข้างอับสัญญานอ่ะเลยไม่ได้เปิดสี่จีใช้ ทำไม? นอยด์หรอ?”  ถามแล้วยิ้มล้อๆแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย




   “ก็นอยด์ได้ป่ะล่ะ เรานึกว่าบุ๊คอึดอัดไม่อยากคุยไรงี้ไปดิ”



   “ฮ่าๆๆ คิดมากว่ะ  เราเคยบอกหรอว่าไม่อยากคุยอ่ะ”



   “ก็ไม่ไง ถ้าให้บอกตรงๆก็คงไม่บอกใช่ป่ะล่ะ แต่คืองี้นะ ถ้าลำบากใจหรืออึดอัดที่เราทำอะไรก็บอกเลยนะ เคไหม? เราจีบบุ๊คนะไม่ได้มาบังคับให้มาเป็นแฟน”



   “อื้อ รู้แล้ว”



อีกคนตอบแล้วส่งยิ้มกว้างๆมาให้ผม ผมเลยเอื้อมมือไปดึงแก้มขาวๆนั่น



   “อื้ออออ อย่าดึงดิ”



อีกคนหน้ามุ่ยแต่ผมกลับยิ้มกว้าง รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แค่ได้เห็นหน้าได้คุยกันแค่นี้มันก็ดีกับใจมากๆเลยว่ะ จริงๆ




   “เฮ้ย พวกมึงอ่ะ เลิกจีบกันแล้วมาซ้อมไหม”



เอิร์นร้องเรียกมาจากกลุ่มน้องปีหนึ่งที่กำลังซ้อมท่าใหม่กันอยู่ และเสียงของเพื่อนสาวคนนี้ก็ทำให้สมาชิกทั้งหมดหันมามองผมกับบุ๊คเป็นตาเดียว



   “คือไม่มีใครมาจีบมึงก็อย่าโวยวายดิวะเอิร์น” ผมแขวะอีกคนกลับไป



   “กูไม่ได้อิจฉา กูหมั่นไส้” เธอร้องตอบกลับมา เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี




อีกคนพึมพำบอกให้ผมไปซ้อม ผมเลยผละไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี




เราซ้อมกันไปก็เล่นกันบ้างจริงจังบ้างพอให้ไม่เครียด สนุกสนานกันตามประสาจนสองทุ่มกว่าๆ รุ่นพี่ก็ให้พักได้ บุ๊คเลยอาสารวบรวมเงินไปซื้อข้าวให้ทุกคนเพราะคนขยันคนนี้รับหน้าที่สวัสดิการของหลีด




   “เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน”



ผมเดินไปบอกคนที่กำลังจะเดินไปซื้อข้าวที่ตลาดโต้รุ่งใกล้ๆกับสวนสาธารณะ



   “อื้อ”



   “ไปซื้อข้าวนะโว้ย ไม่ใช่ไปนั่งกินข้าวกันแล้วอัพรูปลงไอจี”




เสียงตะโกนที่ไล่หลังมาคราวนี้เป็นไอ้ต่อครับ  เรียกเสียงโห่ฮาจากเพื่อนๆรุ่นพี่รุ่นน้องได้เป็นอย่างดี




ผมหันมามองคนที่เดินข้างๆกันที่ตอนนี้แก้มขาวๆนั่นแดงเรื่อนิดๆ ขอบใจมากเว่ยไอ้ต่อ เดี๋ยวกูซื้อไวตามิลค์มาเซ่นนะมึง




เราเดินกันไปเงียบๆ สวนสาธารณะยามหัวค่ำแบบนี้ก็ยังมีคนมาใช้บริการอยู่ บรรยากาศจอแจเสียงรถรายังวิ่งขวักไขว่อยู่บนถนนภายนอก คนคุยกัน วิ่ง เล่นกีฬา เสียงจากรายละเอียดชีวิตในเมืองเล็กๆแห่งนี้กับคนที่เดินอยู่ข้างๆ นาทีนี้มีใครจะฟินกว่าผมไหมครับถามจริงๆ เพ้อจังเลยยยย ฮ่าๆๆๆ




จนไปถึงร้านข้าวบุ๊คยื่นใบรายการข้าวที่เพื่อนสั่งให้แม่ค้าไปแล้วเราก็มานั่งรอที่โต๊ะ


 
   “เราจะไปซื้อโรตี เอาไรป่าว?” คนที่นั่งตรงข้ามกันเอ่ยถามขึ้นมา



   “ไม่อ่ะ ให้ไปเป็นเพื่อนป่ะ?”



   “ไม่ๆ นั่งรอนี่แหละเดี๋ยวมา แปปเดียว”




   “ครับผม”




ระหว่างที่นั่งรอก็เอามือถือออกมาไลน์หาน้องสาวตัวแสบ ให้หาข้าวกินเองแล้วกำชับให้เอาอาหารให้คุณดอลลาร์ด้วย แล้วเข้าไปเช็คความเป็นไปของโลกในทวิตเตอร์ซะหน่อย




สัมผัสเย็นๆที่แขนทำผมสะดุ้งต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก็เจอรอยยิ้มโลกสว่างของบุ๊คกับน้ำสีเหลืองอ่อนในแก้วที่อยู่ในมือของคนขี้แกล้ง



   “อ่ะ น้ำเก๊กฮวย ของคนขี้เก๊ก” พูดแล้ววางแก้วน้ำลงตรงหน้าผมแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกัน ผมมองแก้วน้ำสลับกับคนที่ซื้อมาให้



   “อะไร ไม่กินน้ำเก๊กฮวย?”



   “ป่าว แต่งงอยู่ ไหนบอกไปซื้อโรตีไง”



   “ก็นี่ไง” พูดแล้วก็แกะกล่องโฟมในมือ เอาไม้จิ้มขนมหวานๆนั่นเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย




ผมนั่งมองแก้วเก๊กฮวยด้วยความรู้สึกหวานๆแปลกๆ คือมันดีใจอ่ะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจอารมณ์ที่คนที่เราชอบมาทำดีด้วยใช่ไหมครับ ที่จริงเขาก็ดีแบบนี้กับทุกคนแต่พอเขาดีกับเราเราก็ดีใจ อะไรแบบนั้น



   
ผมก้มลงดูดน้ำหวานๆเย็นๆนั่นเข้าไปอึกนึง มันหวานจริงๆแหละแต่กลิ่นหอมๆนี่ก็ช่วยได้เยอะนะรู้สึกหายเหนื่อย จะเพราะน้ำหรือเพราะคนให้อันนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ชัด



   “นี่ยืมโรตีแปปนึงดิ”



   “ยืม?”



   “อื้อ”



   “เอาไปทำไม อยากกินก็กินดิยืมทำไมอ่ะ”




ผมไม่ตอบอะไรแต่เลื่อนถาดโฟมเข้ามาหาตัวให้อยู่ข้างๆแก้วเก๊กฮวย กดถ่ายภาพนั้นแล้วเลื่อนคืนให้เจ้าของขนมไป



   “ทำไรอ่ะ” อีกคนถามเสียงดุๆ



   “อัพไอจี”



   “เดี๋ยวพวกนั้นก็แซวอีก” บุ๊คบ่นหน้ามุ่ย



   “เราอัพได้ไหม?” ผมถามเพื่อความแน่ใจ กลัวว่าอีกคนจะอึดอัดที่ผมทำแบบนี้



   “เฮ้ย เราไม่ได้ว่าอะไรจะอัพก็ได้ แต่ไม่ต้องแท็กเรานะ”



   “ทำไมอ่ะ?”



   “...”



   “อึดอัดหรอ?”



   “ป่าว?”



   “แล้ว?”



   “...”



   “...”



   “ก็เราขี้เกียจเขินแล้ว พอพวกนั้นแซวมันก็รู้สึกเขินๆไง” เสียงแข็งเลยครับแต่แก้มแดงนะ น่ารักว่ะ




   “เขินบ้างก็ได้ คนจีบจะได้มีกำลังใจไง”



   “กำลังใจไรล่ะ” คนตรงข้ามบ่นอุบอิบ



   “ถ้าอยากเอาคืนบ้างก็ได้นะจริงๆ”



   “เอาคืน?”




   
“ก็บุ๊คก็จีบเราคืนไง เดี๋ยวเราเขินแทนเอง”


--------------------------2BC-------------------------


สวัสดีครับ

ไม่ได้มาอัพนานเลย แหะๆ

ตอนนี้ก็ยังเรื่อยๆนะครับยังคงจะเรื่อยๆไปสักพัก อย่างที่เคยบอกคือนิยายเรื่องนี้ได้เเรงบันดาลใจจากเพลงที่คนเขียนชอบ เพลงในเรื่องก็อาจจะเยอะหน่อยนะครับ

น้องที่อ่านเรื่องนี้มาบอกว่าบางคนที่เข้ามาอ่านในเว็ปนี้ก็ไม่ได้เป็นเมมเบอร์ แต่คนเขียนอยากอ่านเม้นเลยคิดว่าถ้าใครไม่สะดวกจะเม้นตรงนี้ พูดคุยถึงนิยายเรื่องนี้ผ่านแท็ก
 #แพ้ทาง2B
แทนนะครับ ^^ ตามทวงนิยายได้ตามแท็กนี้เลย ฮ่าๆๆ

เจอกันตอนหน้าครับผม

ปล.รักคนอ่านเหมือนเดิมครับผม ^.^
   


หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-07-2016 22:27:23
แบงค์โรตีคงหวานสู้ไม่ได้ ฟิน
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง8 [2016/06/27]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-07-2016 22:38:05
ตอนนี้น่ารักมากกกกก
มาลงบ่อยๆ  นะครับ  รออ่านอยู่จ้า
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-07-2016 23:07:18
มาครบเลยนะ ทั้งอ่อย ทั้งหยอด เล่นซะเบาหวานจะขึ้นแล้ว งานนี้ใครเก่งกว่ากัน ต้องดูล่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 22-07-2016 00:59:02
เราไม่ไหวแล้ววน่ารักมากเลยยยยยยย :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 22-07-2016 01:02:29
คิดถึงเลย ได้ยิ้มๆความมุ้งมิ้งสองคนนี่
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-07-2016 09:17:42
จีบมาจีบกลับไม่โกงไรงี้!?
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-07-2016 09:32:29
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: chocolate_ness ที่ 22-07-2016 14:12:13
โอ้ยยยน่าร๊ากกกก ฟินยอ้มแก้มแตกแล้ววว >////<
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-07-2016 23:15:24
อ่อยมาอ่อยกลับเนอะ ไม่โกงงงงง

แพ้ทาง2B ด้วยแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-07-2016 06:49:38
โอ๊ยเขินน
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 24-07-2016 12:10:55
ผลัดกันอ่อยทั้งคู่เลยค่ะ
อ่อยแรงมาก แต่น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง9 [2016/07/21]
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 25-07-2016 16:11:30
ฟินๆๆๆ
หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 28-07-2016 03:19:33
แพ้ทาง10








       ในเย็นวันศุกร์แบบนี้ความยากลำบากของผู้ชายคนหนึ่งจะมีสักกี่อย่างกัน สำหรับผมมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับหลักๆเลยก็เป็นทาสแมวนี่แหละ แต่เป็นความยากลำบากที่เต็มใจล่ะครับ ยิ่งวันนี้ผมยิ่งเปรมเข้าไปใหญ่




   “คุณเพนนีค่ะ”



เสียงคุณพนักงานคนสวยที่อยู่หน้าเคาต์เตอร์เอ่ยเรียกชื่อคนไข้รายต่อไป



ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย วันนี้ถึงคิวตรวจสุขภาพของคุณดอลลาร์ผมเลยต้องพามาตรวจตามปกติแต่ที่แจ็คพ็อตมากๆก็คือดันมาเจอบุ๊คที่นี่ ถามกันคำสองคำก็ปรากฏว่าเจ้าเมนคูนตัวเบิ้มก็เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้เช่นกัน




บุ๊คอุ้มแมวตัวใหญ่ลุกขึ้นเดินเข้าไปภายในห้องตรวจ ตอนนี้คุณดอลลาร์ตรวจเสร็จแล้วผมรอรับใบนัดอยู่เลยกะว่าจะนั่งรอแล้วชวนอีกคนไปหาไรกินซะหน่อย ไม่ได้หรอกครับมีโอกาสเราก็ต้องหาโมเม้น










PART BOOK





ผมว่านี่มันจะบังเอิญมากไปหน่อยนะครับ




วันนี้ผมพาคุณเพนนีมาตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีน ที่ครบรอบต้องฉีดอีกครั้งแล้วก็บังเอิญเจอใครบางคนที่พักนี้ออกจะบังเอิญเจอบ่อยมากไปหน่อย แต่ก็ไม่ซีเรียสเจอก็ดีครับ ^^




   “เสร็จยัง”  คนที่นั่งข้างๆกันตอนนี้เอ่ยถามขึ้น ในอ้อมแขนนั้นมีแมวเปอร์เซียสีเทาหม่นๆนอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่ในนั้น มือใหญ่ๆก็เกาคางให้ไปพลาง สบายน่าดู



   “อื้อ เสร็จแล้ว”



   “กินไรยัง”



ผมขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย จะมาไม้ไหนอีก



   “ถ้าหมายถึงข้าวเย็นก็ยังไม่กิน”



   “งั้นกินข้าวกัน”



ว่าแล้วเชียว



   “แล้วแมวอ่ะ”



   “เอาไปด้วยไง คุณดอลลาร์ไม่ดื้อหรอก เนอะ”  คำสุดท้ายคนตรงหน้าผมก้มลงไปพยักเพยิดกับเจ้าขนฟูในอ้อมแขน




มีมุมแบบนี้ด้วยแฮะ





   “อื้อ ไปดิ” ผมตอบตกลง เพราะยังไงก็ยังไม่อยากกลับห้องตอนนี้หรอก นี่ก็กะว่าจะไปหาไรกินก่อนพอดี




   “คุณเพนนีโอเคนะครับ”



ผมถึงกับผงะไปนิดนึงเลยครับเมื่ออีกคนยื่นหน้าเข้ามาพูดกับแมวที่ผมอุ้มอยู่ ทำเสียงแบบนี้อีกแล้ว




เจ้าเมนคูนในอ้อมแขนก็ลืมตาขึ้นมามองหน้าครูพละหัวใจมิ๊ง แล้วครางครืดคราดเหมือนรับคำ ผมแปลกใจเล็กน้อยเพราะคุณเพนนีไม่ชินกับใครง่ายๆ




   “อ่ะ คุณเพนนีก็โอเคแล้ว”



   “ไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย”



ผมบ่นออกมาเบาเบา




   “เมื่อกี้นี้แหละ” เขาพูดออกมาอย่างร่าเริงยิ้มกว้างไม่ห่วงลุคเลยทีเดียว สาวๆในโรงพยาบาลนี่เคลิ้มกันเป็นแถว




ผมมองอีกคนก้มลงพยายามเอาแมวเข้าไปในตระกร้าแต่เหมือนจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่




   “มายังไง” ผมเอ่ยถามคนที่ก้มๆเงยๆอยู่ตรงหน้า



   “แว๊นซ์มา” อีกคนตอบทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากการสู้รบกับแมว




   “ไม่ต้องเอาเข้าก็ได้ เราเอารถยนต์มาเดี๋ยวให้นอนหลังรถ” ผมเสนอแนวทางให้อีกคน



   “หือ?” เขาเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



   “เดี๋ยวไปรถเราไง ให้คุณดอลลาร์นั่งข้างหลังก็ได้”  มันก็เป็นคำพูดแสดงไมตรีจิตรแบบธรรมดาๆนะครับ ทำไมต้องหน้าร้อนๆด้วยเนี่ย



   
แบงค์มองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปากนิดๆแบบที่เจ้าตัวชอบทำแล้วลุกขึ้น มือนึงก็อุ้มแมวตัวโตอีกมือก็หิ้วตระกร้าแมว




ผมเดินนำเขาออกมาที่ลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล จัดการเปิดรถแล้วเอาคุณเพนนีวางที่เบาะหลังตามปกติ ผมหันมามองคนที่เดินตามหลังมาแบงค์ยืนทำหน้างงๆ ผมมองอาการนั้นแล้วขำออกมาเบาเบา



   “ขำไร”



   “เปล่า”



ผมตอบปฏิเสธไปเอื้อมมือไปรับเอาตระกร้าจากมืออีกคนมาวางไว้ที่เบาะหลัง เขาไม่ได้พูดอะไรได้แต่ยืนนิ่งๆมองการกระทำของผม




   “เชิญขึ้นรถเลยครับผม เดี๋ยววันนี้เราขับเอง”  ผมหันมายิ้มกว้างบอกอีกคนแบบนั้น แล้วเปิดประตูรถฝั่งคนขับแต่อีกคนกลับยืนนิ่งอยู่แบบนั้น




   “แบงค์”



   “ห๊ะ ครับ อะไรนะ?”



อ้าวเหม่อเฉยเลย



   “ขึ้นรถดิ หรือไม่ไปแล้ว?”



   “อะ อ๋อๆ ไปๆ”



แบงค์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาขึ้นรถฝั่งข้างคนขับ แขนก็อุ้มแมวไปด้วยแอบสงสารแมวเบาเบา




   “เอาแมวไว้เบาะหลังไหม จะได้นั่งสบายๆ”



ผมเสนอขึ้นเมื่อเลี้ยวรถออกจากโรงพยาบาล แล้วมาติดไฟแดงเวลาแบบนี้รถติดชะมัดเลย




   “ไม่เป็นไร เราอุ้มได้ เดี๋ยวแมวทะเลาะกัน”



   “ไม่หรอกมั๊ง ดูคุณดอลลาร์ก็ไม่ดุนี่”



ผมพูดแล้วเหลือบมองกลุ่มขนสีเทาหม่นๆที่นอนอย่างสบายอารมณ์บนตักเจ้านายตัวเอง(หรือทาสนะ?)



   “ลองดูก็ได้ เผื่อจะได้เป็นเพื่อนกัน”



ว่าจบแบงค์จับคุณดอลลาร์เอื้อมไปเบาะหลังให้คุณดอลลาร์ดมๆ เจ้าเมนคูนตัวอ้วนของผมที่นอนตาปรืออยู่ คุณเพนนีเอาขาหน้ามาแตะๆที่จมูกเจ้าเปอร์เซียเบาๆแล้วนอนต่อ ผมมองการกระทำทั้งหมดนั้นผ่านกระจกมองหลัง




   “อื้อ เข้ากันได้นี่ งั้นอยู่ด้วยกันไปนะสนิทๆกันไว้แหละดี เดี๋ยวก็ได้ดองกันแล้ว”




ดองกัน?




ใครดองกับใคร?




   “ใครดองกับใคร?” ผมหลุดปากถามในสิ่งที่คิดออกไป



แต่ก็มาสำนึกได้ว่าไม่ควรถามให้คำตอบมันเข้าตัวเลยจริงๆ




   “ก็เราสองคน เดี๋ยวก็ได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว”




   “ใครจะไปเป็นทองแผ่นเดียวกับแบงค์กัน”



   “อ้าว นี่ไม่รู้จริงๆหรอ”



   “...”




   “ก็บุ๊คไง เดี๋ยวเราจีบบุ๊คติดเราก็ดองกันเลย”




   “...”




เงิบ อึ้ง กินจุดไปครับ นึกไม่ถึงว่าจะมามุกขี้จริงๆ ผมไม่ตอบอะไรคนข้างๆที่นั่งยิ้มฮัมเพลงไปตลอดทาง





แล้วไอ้แก้มบ้านี่ทำไมต้องร้อนๆด้วยเนี่ย!!!!





   “เออ แล้วจะไปกินไหนอ่ะ”




ผมถามออกมาเพราะนึกได้ว่ายังไม่ได้คุยกันเรื่องที่กินข้าวเลย นี่ก็ขับรถมาทางกลับหอตัวเองเลยเนี่ย




   “ไหนๆก็มาทางนี้แล้วไปร้านแถวบ้านเราก็ได้ มีอยู่ร้านนึงเขาให้เอาสัตว์เข้าร้านได้”   ผมพยักหน้ารับ แล้วขับรถไปตามทางที่อีกคนบอก




ร้านข้าวที่แบงค์บอกทางมานั้นเป็นร้านอาหารไทย-อีสานที่บรรยากาศร่มรื่นค่อนข้างเป็นที่รู้จักพอสมควร ในระหว่างที่เราทานอาหารกันแมวอ้วนสองตัวก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากทาสแมวดีกรีนักศึกษาครูพละในตระกร้าส่วนตัว ดูท่าเขาจะชอบแมวเอามากๆเลย เสียงงุ้งๆงิ้งๆนี่อยากจะอัดวีดิโอให้พวกแฟนคลับเจ้าตัวดูจริงๆ พี่แบงค์คนคูลหายไปแล้ว





ผมหยิบมือถือขึ้นมาตั้งท่าจะถ่ายภาพอีกคนแต่ก็มีสายเรียกเข้าซะก่อนจากเพื่อนสนิทผมเอง



   “เออ ว่าไงไนท์”



   [บุ๊ค มึงอยู่ไหนว่างป่ะ?] ไนท์ตอบกลับมาน้ำเสียงดูหงุดหงิดแต่ก็พยามระงับเอาไว้


   “กินข้าว มีไรมึงเสียงไม่ดีเลย”



   [มึงเข้ามาสะแตนหน่อยได้ป่ะ น้องเราไม่ตั้งใจเลยวันนี้กูไม่อยากดุน้อง]



   “เลยจะให้กูเข้าไปดุน้องว่างั้น?”



   [มึงเข้ามาดูช่วยกูหน่อย เพื่อนเราท้อกันหมดละมึงกูเริ่มมีอารมณ์แล้วเนี่ยไม่อยากระเบิดใส่น้อง]



   “ เออๆ เดี๋ยวกูเข้าไป”



   [รีบหน่อยนะมึง โทษทีแต่ช่วยหน่อยเหอะว่ะ]



   “เออ ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจอกัน”



แล้วไนท์ก็วางสายไป ดูท่าทางวันนี้เพื่อนผมจะจนแต้มเอาจริงๆ ที่ไนท์โทร.มาขอให้ช่วยแบบนั้นเพราะเดิมทีผมเป็นพี่ระเบียบของสาขา ผมก็งงนะครับว่าแบบผมนี่หรอน้องจะเกรงพอไปทำจริงๆน้องก็เกรงผมพอสมควรนะครับ เพื่อนๆบอกว่าเพราะท่าทางผมดูใจดีพอทำท่าทาจริงจังน้องเลยเกรงมากกว่า




   “มีไรป่าว” คนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถามผม



   “ไนท์โทร.มาตามให้เข้าไปช่วยดูน้องสแตนอ่ะ บอกว่าวันนี้น้องไม่ตั้งใจเลย สงสัยวันศุกร์ด้วยล่ะมั๊ง”



   “งั้นเดี๋ยวเราไปด้วย?”



   “หืม?”



อีกคนไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อไป



   “เดี๋ยวแบงค์ ที่บอกจะไปด้วยนี่คือ?”



   “ก็ไปสแตนไง ยังไงน้องสาขาเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสแตนสีเราด้วยอยู่แล้ว เผื่อช่วยอะไรได้บ้าง”



   “แล้วแมว?”



อีกคนมองไปที่เจ้าเปอร์เซียตัวอ้วนท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็หยิบมือถืออกมากดๆอะไรสักพักก็วางลง



   “เราไลน์บอกน้องเราแล้ว เดี๋ยวน้องเรามาเอาคุณดอลลาร์กลับบ้าน”



   “อ่าๆ”



ผมที่ทำอะไรไม่ได้เพราะอีกคนเขายืนยันแบบนั้น จากนั้นเราก็สั่งเช็คบิลมื้อนี้หารกันครับ เรายังเด็กอยู่ถึงจะพอหาเงินเองได้แต่ก็ต้องรู้จักประหยัด




สักพักเด็กผู้หญิงท่าทางเฮ้วๆคนนึงก็เดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ว่างข้างๆผม



   “สวัสดีค่ะพี่บุ๊ค  Hi!! Bro ” เธอยกมือไหว้ผม(รับไหว้แทบไม่ทัน) แล้วยกมือทักคนที่นั่งตรงข้ามผม



   “อือๆ บุ๊คนี่มันนี่นะน้องสาวเรา” เขาแนะนำเด็กสาวให้ผมรู้จัก



เด็กผู้หญิงที่นั่งข้างๆผมตอนนี้เป็นคนที่เรียกได้ว่าหน้าตาดีไม่ผิดกับพี่ชายของเธอเลยแต่ออกจะหวานกว่าตามเพศสภาพ แต่ท่าทางและบุคลิกออกจะตรงข้ามกับหน้าตาเล็กน้อย



   “พี่บุ๊คนี่ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะคะ”



   “Hey! Sister don’t be aggressive.” แบงค์เอ่ยเตือนน้องสาวตัวเอง



   “I don’t”



   “Remove the cat and then go home.”



   “Okay!!”



มันนี่ลุกไปคว้าตระกร้าแมวแล้วหันมาโบกมือลาผมแลบลิ้นใส่พี่ชายไปหนึ่งทีแล้วออกจากร้านไป หนุ่มๆในร้านหลายคนก็มองตามเธอไป




   “ไปกัน”  อีกคนเอ่ยพลางคว้าตระกร้าคุณเพนนีไปถือไว้ ผมเลยลุกตาม



   “เดี๋ยวเอาคุณเพนนีไปไว้หอก่อนนะ”



ผมเอ่ยบอกแบงค์หลังจากที่เราเลี้ยวรถออกมาจากร้านแล้วมุ่งหน้าไปตามถนนสายเล็กๆนั่น



   “ครับผม”




เสียงดังจากการร้องเพลงซ้อมทั้งจากรุ่นพี่รุ่นน้อง น้องปีหนึ่งนั่งอยู่บนสแตนเชียร์ส่วนรุ่นพี่ก็จับกลุ่มทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของตัวเอง บางกลุ่มฝึกทำท่าทางโบกไม้โบกมือตามโค้ดที่ได้มาเพื่อจะไปสอนน้อง อีกกลุ่มก็สุมหัวแยกออกไปเล็กน้อยกางกระดาษเปิดแลปท็อปออกแบบโค้ด อีกกลุ่มก็ทำพร็อบซ่อมพร็อบไป ดูไม่มีปัญหาอะไร ผมเดินเข้าหาเพื่อนสนิทที่ยืนคุยกับเพื่อนอีกสาขาที่ผมไม่รู้จัก พอเห็นผมไนท์ก็ทำท่าเหมือนมีพระมาโปรด แต่พอเหลือบมองคนที่เดินตามผมมาสายตานั้นก็เปลี่ยนเป็นล้อเลียน




   “อ้าวแบงค์ ไม่ซ้อมหลีดหรอวันนี้” ไนท์ถามน้ำเสียงล้อๆ



   “ไม่อ่ะ วันนี้เขาไปดูชุดกันเลยไม่นัดซ้อม”



   “อ่ออออออออออ”



ถ้าน้ำเสียงมึงจะลากยาวขนาดนี้นะไนท์ =,.=



   “เรียกกูมามีไร” ผมเอ่ยเรียบๆ



   “โอ้ย คุยด้วยแค่นี้ทำเป็นดุนะมึง”



   =,.=



   “เออๆ ไม่ล้อแล้วก็เห็นมาด้วยกันนี่หว่า คืองี้ วันนี้น้องไม่ตั้งใจเลยอ่ะพวกกูว่าจะลงท่าใหม่แต่จะเก็บโค้ดที่เคยปล่อยไปก่อนแต่น้องไม่ตั้งใจเลย ดูไม่มีกะจิตกะใจจะทำเลย กูไม่อยากดุน้องเลยจะให้มึงมาช่วยเก็บท่าน้องให้หน่อย”





ไนท์เอ่ยเสียงเรียบๆท่าทางจริงจังขึ้นมา ผมเหลือบมองไปทางน้องๆบนสแตนเชียร์ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงพักเบรก บางคนก็นั่งเล่นโทรศัพท์ บางคนก็จับกลุ่มคุยกัน ผมหันกลับไปมองกลุ่มเพื่อนๆที่ตั้งอกตั้งใจทำหน้าที่ตัวเองแล้วก็รู้สึกฉิวนิดๆ หันกลับมามองที่ไนท์ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนถึงโทร.ตามผมมา ไนท์คงไม่อยากดุน้อง ที่จริงแล้วไนท์เป็นเฮดระเบียบของสาขาผมแต่ด้วยเพราะชั้นปีของเราคนน้อยการทำหน้าที่หลายๆอย่างควบกันจึงเป็นความจำเป็น และยิ่งกับกิจกรรมที่ต้องร่วมกับสาขาอื่นๆแบบนี้เรายิ่งต้องตั้งใจ เพราะไม่ใช่แค่เราที่เหนื่อย เพื่อนเขาก็เหนื่อยเหมือนกัน




   “ช่วยหน่อยนะมึง น้องไม่ฟังกูเลยว่ะวันนี้”



   “แล้วทำไมไม่ดุไปเลย” แบงค์เอ่ยถามมานิ่งๆ ผมจับหงุดหงิดเล็กๆจากน้ำเสียงของเขาได้



   “ไม่อยากให้น้องใจเสีย เพราะเราต้องอยู่ตรงนี้ตลอดถ้าดุออกไปน้องก็จะกลัวไปเลยเราไม่อยากอยู่กับน้องด้วยความรู้สึกแบบนั้นไปตลอดเวลาสองเดือนที่เหลือ”



   “ไอ้กลุ่มเด็กผู้ชายสิบกว่าคนที่อยู่มุมข้างบนนั่นสาขาเราใช่ไหม?” แบงค์ถามมาอีกคราวนี้เหมือนจะหลุดเต็มที่แล้ว




ผมที่ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้ของเจ้าตัวเลยก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่กลัวว่าเขาจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นไปก็เลยเอื้อมมือไปจับแขนอีกคนไว้



   “ใจเย็นนะแบงค์” ผมเอ่ยปรามออกไป




เขาหันมามองหน้าผมแล้วเหมือนได้สติยิ้มน้อยๆแล้วพยักหน้าให้ผม





ผมหันกลับมาทางไนท์ที่ตั้งท่าจะล้อเลียนผมแต่พอเจอสายตาพิฆาตของผมเข้าไปเธอก็ยิ้มแหยๆแล้วก็ทำท่าทางจริงจัง ผมตกลงจะช่วยเลยถามเรื่องท่าที่ไนท์กับโอ้ต(เพื่อนอีกคนที่เป็นตัวหลักเรื่องโค้ด)จะให้ผมช่วยเก็บให้ ผมเหลือบมองคนที่มาด้วยอยู่เป็นพักๆก็เห็นเขาไลน์คุยอะไรไม่รู้ท่าทางจริงจังเหมือนจะถ่ายรูปน้องที่สแตนเชียร์ส่งไปในไลน์นั้นด้วย




ในระหว่างที่พวกผมกำลังปรึกษากันนั้นแบงค์ก็เดินเข้ามาในวงสนทนาที่เคร่งเครียดของพวกผม เราสามคนเลยหันไปมองเดือนสาขาพลศึกษาที่ตอนนี้ใบหน้าเคร่งเครียดของเขาทำให้ดูดีไปอีกแบบ แล้วนี่ผมจะเพ้อหน้าเขาทำไมเนี่ย




   “ขอเวลาพักนึงได้ไหม คือเดี๋ยวอีกสักห้านาทีเพื่อนสาขาเราจะมานี่กันนะ พวกเราจะขอคุยกับน้องสาขาหน่อย” แบงค์พูดเรียบๆเป็นการเป็นงาน ผมไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย



   “เฮ้ยแบงค์ ที่จริงมันก็ไม่ขนาดต้องลงน้องหรอกเว่ย” โอ้ตพูดท้วงขึ้นมา




   “ไม่ใช่ว่ามันต้องขนาดไหนถึงจะต้องลงหรอก หน้าที่ก็คือหน้าที่ถ้าน้องเราเพิกเฉยต่อหน้าที่ตัวเองก็ต้องเป็นรุ่นพี่แบบพวกเราที่ต้องบอกน้องเตือนน้อง การปล่อยไปเฉยๆจะทำให้น้องไม่คิดถึงความยากลำบากของคนอื่น การแข่งขันเป็นทีมมันก็ต้องเกิดจากความร่วมมือของคนในทีมทุกคน ต้องไม่เอาเปรียบกันเพราะทุกคนก็เหนื่อยเท่ากัน ไม่เป็นไรหรอก” พูดเสร็จก็ผละออกไปยืนมองน้องบนสแตนเชียร์นิ่งๆ




   “กูไม่เคยรู้เลยว่าพลศึกษาเขามีระบบรับน้องแบบไหน” โอ้ตพูดขึ้นมาเบาเบา



   “มึงจะได้รู้ก็วันนี้แหละ หวังว่าจะไม่ดราม่านะกูกลัวน้องดราม่า” ไนท์พูดเสริมออกมา




ผมไม่พูดอะไรได้แต่มองเหตุการณ์ตรงหน้านิ่งๆ มันคือเรื่องจริงที่พวกผมแทบจะไม่เคยรู้เลยว่าระบบพี่น้องหรือระบบปกครองภายในสาขาพลศึกษาเป็นแบบไหน เพราะสาขานี้เขาจะเรียนกันที่ยิมเนเซี่ยมของมหาลัยซึ่งจะอยู่คนละฝั่งกับตึกคณะเลยจะเจอกันก็แค่มีการเรียกรวมเท่านั้น




เพื่อนๆสาขาพลศึกษาที่กำลังเดินเข้ามาภายในบริเวณสนามในตอนนี้เรียกความสนใจจากเพื่อนที่กำลังทำงานอย่างขมักเขม้นรวมไปถึงสแตนข้างเคียงจากสาขาอื่นๆด้วย ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกครับที่เราจะเห็นปีสองพละศึกษารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงนอกเวลาเรียนแบบนี้




นักศึกษาสาขาพลศึกษาชั้นปีที่สองจำนวนประมานสามสิบกว่าคนเดินเข้ามาหาแบงค์ที่ยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว พูดคุยกันพึมพำๆสักพักแบงค์และแนนก็เดินแยกมาทางพวกผม




   “ไนท์เดี๋ยวพวกเราขอคุยกับน้องสาขาสักแปปนึงนะไม่นานหรอก ขอเวลาพักนึง” แนนพูดอย่างเป็นการเป็นงานหมดท่าทางเนือยๆเฉื่อยๆที่ชินตา




   “เฮ้ย!!มีไรวะไนท์” เพื่อนที่อยู่ทีมโค้ดคนนึงร้องถามมา



   “ไม่มีไรๆ พวกมึงทำงานไปเหอะ”



เพื่อนกลุ่มนั้นละความสนใจจากเหตุการณ์ตรงหน้า



   
   กลุ่มเพื่อนๆสาขาพลศึกษาเดินไปรวมตัวกันที่กลางสนามฟุตบอล ย้ำว่ากลางสนามฟุตบอลนะครับ มีเพื่อนคนนึงเดินไปที่สแตนเชียร์พูดอะไรกับน้องสองสามคำแล้วพวกปีหนึ่งพลศึกษาก็ตาโตกันเลย อะไรวะ





   “พลศึกษาปีหนึ่งฟังเรียกแถว พลศึกษาปีหนึ่งฟังเรียกแถว” เสียงห้าวๆเสียงหนึ่งดังมาจากกลางสนาม





เฮ้ย!!! เอางี้เลยหรอ






น้องปีหนึ่งพลศึกษาแทบจะกระโดดลงจากสแตนเลยอ่ะ





   “พลศึกษาปีหนึ่งฟังเรียกแถว พลศึกษาปีหนึ่งฟังเรียกแถว แถวตอนเรียงสี่ทั้งหมด จัดแถว!!!!”





   “เฮ้!!!!!”




พวกปีหนึ่งวิ่งแข่งกันไปรวมตัวกันตรงจุดที่เพื่อนๆปีสองยืนรวมๆกันอยู่ แล้วจากนั้นปีสองก็ยืนล้อมน้องเอาไว้ จนคนที่มองจากภายนอกแบบพวกผมมองไม่เห็นเลยว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้นและเขาพูดอะไรกันบ้าง






ผมก็เก็บท่าให้น้องที่เหลือบนสแตนเชียร์รอ น้องก็ดูเนือยๆจริงๆครับ แต่พอผมทำท่าทางว่านี่เอาจริงน้องก็เริ่มจริงจังขึ้นมา



ผ่านไปราวๆสิบนาทีน้องๆพลศึกษาก็เดินเรียงแถวกันกลับมาขึ้นไปนั่งประจำที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีอาการว่าโดนดุด่า ไม่มีใครร้องไห้หรือน้ำตาคลอทุกอย่างดูปกติ





กลุ่มปีสองพลศึกษาพากันกลับไปแล้วเหลือแค่แนนกับเดือนสาขาคนหล่อที่มากับผมเท่านั้นทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยืนคุยกับไนท์มองน้องซ้อมอยู่ห่างๆ ผมสังเกตได้ว่าน้องพลศึกษาดูตั้งใจมากตั้งใจฟังที่ผมพูดและบางทีก็หันไปช่วยเพื่อนสาขาอื่นที่นั่งอยู่ข้างเคียง ภาพแบบนั้นทำให้คนเป็นรุ่นพี่ยิ้มออกมาได้เลยล่ะครับน้องตั้งใจน้องรักกันเราก็ชื่นใจ จุดมุ่งหมายจริงๆของกิจกรรมพวกนี้ไม่ใช่ชัยชนะแต่มันคือภาพตรงหน้าผมนี่ต่างหาก ความสามัคคีและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน





เมื่อน้องปฏิบัติได้เป็นที่น่าพอใจผมก็ปล่อยน้องพักอีกรอบเพื่อที่ช่วงต่อไปไนท์และโอ้ตจะได้มาซ้อมน้องต่อไป




   “น้องโอเคแล้วแหละ มึงก็ซ้อมต่อเลย” ผมบอกไนท์รับแก้วน้ำแดงจากเดือนพละมาดื่มไม่ได้คิดอะไร




 เหนื่อยไงยืนแหงนคออยู่ตั้งนานสองนาน ไม่ได้จะอ่อยใครเลยนะ จริงๆ




ไอ้ไนท์ก็มองมาอย่างล้อเลียนผมยักไหล่ใส่มันแบบไม่แคร์




   “โอ้ยหมั่นไส้ กูไปคุยกับน้องดีกว่าอยู่แถวนี้แม่งมดเยอะชิปหายเลย แบงค์มึงอย่าไปหลงมันมากอินี่มันขี้อ่อย”




แล้วไอ้เพื่อนสนิทตัวดีก็เดินไปหาน้องที่สแตนเชียร์ตรงนั้นเลยเหลือแค่ผมกับเจ้าของแก้วน้ำแดง




   “เหนื่อยป่ะ?” คนข้างๆมองหน้าผมแล้วถามออกมา



   “ก็นิดหน่อย แล้วนี่ไปสนิทกับไอ้ไนท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงขั้นมึงกูกันแล้ว?”



   “ก็เมื่อกี้แหละ ไนท์ถามที่พวกเราคุยกับน้องเมื่อกี้ ทำไม? หึงหรอ?” พูดจบก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยห่างออกมานิดๆ



   “ใครหึง? ทำไมขี้มโนจัง เราแค่อยากรู้เฉยๆป่ะ”  วันนี้อากาศร้อนแปลกๆนะครับสงสัยฝนจะตกแน่ๆเลย



   “ครับๆ ไม่หึงก็ไม่หึง แล้วจะกลับยัง?”



   “รีบหรอ ไปดิๆ เดี๋ยวเราไปส่ง”



   “ไม่ได้รีบ แต่เป็นห่วงไงกลับดึกๆมืดๆ”



   “เราเอารถมา ไม่เป็นไรหรอกแบงค์ดิเดี๋ยวต้องไปเอารถมอไซค์ที่โรง’บาลอีกใช่ป่ะ กลับเลยไหม?”



   “ยังหรอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไอ้แนนมันหน่อย”



พูดเสร็จเขาก็ดึงเอาแก้วเปล่าในมือผมไปวางไว้ในตะกร้าวางแก้วข้างๆกระติกน้ำใบใหญ่



   
   “เมื่อกี้บุ๊คทำเราอึ้งเลยว่ะ”



   “ทำไร?”



   “ก็ที่คุมน้องเมื่อกี้ไง ดูโหดไปเลยเห็นยิ้มเก่งๆดูใจดีแบบนี้พอจะบทจะเอาจริงก็แอบน่ากลัวนะ”



เขาพูดออกมาเรื่อยๆสายตามองไปที่น้องบนสแตนเชียร์ที่กำลังฟังไอ้ไนท์พูดอะไรก็ไม่รู้หัวเราะกันยกใหญ่




   “ก็พอกันป่ะ ไอ้ท่าทางจริงจังดูเป็นผู้ใหญ่เมื่อกี้แบงค์ทำเราตกใจนิดๆ”



   “อ้าว แล้วปกติมองเราเป็นคนแบบไหนเนี่ย” อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ



   “เป็นคนขี้อ่อย ท่าทางดูเล่นๆแล้วก็ขี้เก๊ก”



   “โหยยยยยยย นั่นคือข้อดีใช่ไหมเนี่ย”



   “ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็เอาเลย” ผมพูดแล้วก็ยิ้มกว้างๆให้อีกคนก่อนจะเดินผละมาทรุดตัวลงนั่งบนสนามหญ้า



กอดเข่ามองดูน้องบนสแตนเชียร์ อีกคนก็เดินตามมานั่งลงข้างๆกัน เรานั่งข้างกันก็จริงแต่ก็ไม่ได้นั่งติดกัน แบงค์นั่งห่างออกไปนิดๆอย่างเว้นระยะ การกระทำแบบนั้นของอีกคนทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ ทั้งๆที่บอกว่าจีบแล้วก็รุกหนักขนาดนั้นแต่อีกคนก็ไม่ได้พยายามจะล้ำเส้นเข้ามา ยังคงรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสมซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดี




   “แล้วจริงๆแล้วแบงค์เป็นคนแบบไหนล่ะ?” ผมถามขึ้นลอยๆไม่ได้หันไปมองเขา



   “หืม? แบบไหน?” อีกคนถามกลับมาหันมามองผมคิ้วขมวดน้อยๆ(นี่ขนาดไม่ได้หันมามองนะ)




   “ก็เป็นคนยังไง เงียบๆไม่เข้าสังคม ร่าเริงคุยเก่ง อะไรแบบนั้น”




   “...”



   “...”



อาการเงียบของอีกคนทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าเขาแล้วก็พบกับสายตาคมกล้าคู่หนึ่งที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ผมจะทันได้ทำอะไรใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ยื่นเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นๆสายหนึ่งเป่ารดข้างแก้มพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาทว่าได้ยินชัดเจน





   
“ถ้าอยากรู้ก็ลองมาคบกันดูไหม? ถ้าไม่แน่ใจลองไปสักร้อยปีเลยก็ได้”






ผมว่าวันนี้อากาศมันร้อนจริงๆนั่นแหละครับ





-------------------------------------2BC------------------------------------


แอบเอาตอนสิบมาหย่อนตอนดึกๆ แล้วเราจะแอบย่องออกไปเงียบๆ


อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ
เพียงกระซิบบอก


คนละเพลงไหม ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ให้บุ๊คเป็นคนบรรยายบ้างให้เขาจีบกันเบาเบา ยอมรับว่าให้บุ๊คเป็นคนเล่าเรื่องนี่ออกจะยากอยู่สำหรับคนเขียนแต่เพื่อคนอ่านเราจะสู้!! เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไปในบรรยากาศของกิจกรรมกีฬาสี คนเขียนชอบกิจกรรมช่วงนี้ที่สุดเห็นน้องรักกันมันชื่นใจพี่จริงๆครับ ^^

ใครอยากเม้นอยากกรีดร้องหรืออยากทวงนิยายแต่ไม่ได้เป็นเมมเบอร์ก็พูดถึงนิยายเรื่องนี้ผ่านแท็ก #แพ้ทาง2B ได้นะครับ

รักคนอ่านรักคนเม้นครับ เจอกันตอนหน้าครับ ^^





หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-07-2016 06:53:21
แบงค์หยอดทุกทีที่มีโอกาส
อ่านไปก็เขินตามบุ๊คไป

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-07-2016 10:50:21
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2016 16:09:45
เขินนน~
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-07-2016 18:25:42
แบงค์นี่อ่อยเรี่ยราดตลอดเลยนะ

บุ๊คเขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้วมั้งนั่น ฮาาาา
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-07-2016 21:44:20
จะมีสักตอนมั้ยที่เฮียแบงค์ไม่หยอด ไม่อ่อยเนี่ย :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 28-07-2016 23:13:51
นี้จิกฟูกที่นอนขาดเลยหมอนไปแล้วคะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 29-07-2016 01:41:48
ชอบบบบบบบบ มาต่ออีกนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง10 [2016/07/28]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 29-07-2016 02:42:46
ยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/3]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 03-08-2016 17:37:19
แพ้ทาง11









ลมพัดเอากลิ่นฝนโชยมา กลิ่นไอดินช่างทำให้ใจเหงา
อากาศก็เริ่มเย็น กิ่งไม้กำลังไหวเอนเบาๆ



เสียงเพลงที่ดังมาจากวิทยุที่เปิดทิ้งไว้บวกกับบรรยากาศหม่นๆกับเสียงฝนที่พรำไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อคืน อากาศแบบนี้ในบ่ายวันอาทิตย์ถ้าเป็นคุณคนอ่านจะทำอะไรกันครับ




ผมนี่นอนเลยครับ






ไม่ได้นอนหลับหรืออะไรหรอกครับในวันว่างๆที่การบ้านและรายงานถูกเคลียร์หมดแล้วแบบนี้ ผมนอนไถไอแพดเช็คข่าวในเฟซในทวิตไปเรื่อย เห็นไอ้นัทเช็คอินโรงหนังพร้อมกับภาพถ่ายตั๋วหนังผีเรื่องดังสองใบ
แท็คแฟนตัวเอง




อยากมีโมเม้นแบบนี้บ้างเนอะ




ผมกดไลค์ภาพของเพื่อนสนิทแล้วเลื่อนไปเรื่อยๆก็สะดุดกับสเตตัสของเพื่อนอีกคน




คุณนาย สกุลอู๋ อยู่ที่ สำนักงานสโมสรนักศึกษา คณะครุศาสตร์ กับ Book Pratchaya และคนอื่นๆอีก 11 คน

เพื่อนทำการบ้าน เราทำงานกรรมกร




ผมกดไลค์โพสนั้นแล้วคอมเม้นกวนไปเบาเบา



เพื่อนบางคนก็ทำการบ้านเสร็จแล้ว




เม้นไปแล้วก็เลื่อนดูอย่างอื่นต่อ สักพักก็มีแจ้งเตือนว่ามีคนตอบคอมเม้นผม




คุณนาย สกุลอู๋    แต่ตอนนี้เพื่อนบางคนก็ง่วงนอนมาก  พร้อมกับแนบรูปใครบางคนที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารเป็นตั้งๆ ไม่ต้องเห็นหน้าผมก็รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร





ผมอมยิ้มกับภาพนั้นจำได้ว่าอีกคนบอกมาในไลน์เมื่อคืนว่าวันนี้จะโดนเพื่อนลากไปทำงาน ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะขายของกลับถึงหอก็ดึกแล้ว จากภาพที่ไนท์ถ่ายมาให้ดูคงจะง่วงมากจริงๆ 





อยากเจอว่ะ




ผมชั่งใจอยู่สักครู่ก่อนจะหยิบมือถือออกมากดโทร.หาบุ๊ค รอสายสักพัก






[สวัสดีครับ]   เสียงตอบรับที่ลอดผ่านสัญญาณทำเอาผมใจสั่นแปลกๆ นี่ครั้งแรกเลยที่ผมโทร.หาอีกคน




[ฮัลโหล] เสียงเดิมตอบกลับมาย้ำอีกหนเมื่อผมไม่ได้ตอบ





“ฮัลโหลบุ๊ค นี่แบงค์นะ”




[ห๊ะ!!] เสียงที่ตอบมาดูตกใจแล้วผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นโครมครามแล้วก็เสียงด่าทอของไนท์ลอดสายมา





[เอ่อ แบงค์หรอ มีไรเปล่า?]  อีกคนพูดเสียงแผ่วเบาเหมือนจะป้องปากกระซิบ



ผมหัวเราะออกไปเบาเบา



“อยู่สโมฯหรอ?”



[อื้อ ใช่ มาทำงานช่วยเพื่อน]




“เห็นไนท์บอกว่าง่วงหรอ? เอากาแฟไหมเดี๋ยวซื้อไปให้”




[แบงค์จะเข้าคณะหรอ?] บุ๊คพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย




จากนั้นก็เป็นเสียงไนท์พูดอะไรสักอย่างต่อมาก็เป็นเสีงโห่แซวของคนอื่นๆ





[ หยุดหอนเลยพวกมึงอ่ะ....ตกลงคือยังไงแบงค์จะเข้าคณะหรอ?]





“ก็ไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แค่อยากเจออ่ะ”




อีกฝ่ายเงียบเสียงไปอึดใจหนึ่งก่อนจะตอบมาเสียงแผ่ว




[อื้อ งั้นเอากาแฟก็ได้]




“โอเคครับ แล้วเพื่อนอ่ะเอา’ไรเปล่า”




[งั้นเดี๋ยวถามเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวส่งไปให้ในไลน์]




“ครับผม แล้วเจอกัน”




[อื้อ]






ผมกดตัดสาย เดินไปค้นตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อบอลทีมโปรดออกมาสวม เคาะห้องน้องสาวแล้วบอกว่าจะออกไปข้างนอกหยิบมือถือ กระเป๋าเงิน กุญแจรถแล้วออกจากบ้านมา











ผมจอดรถหน้าอาคารที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานสโมสรนักศึกษาก่อนจะกดมือถือหาเจ้าของออเดอร์กาแฟ





   [โหลแบงค์]



   “อื้อ เรามาถึงล่ะนะอยู่หน้าตึก”




   [อ๋อ เคๆ รอแป๊ปนะเดี๋ยวเราออกไป]





สายถูกตัดไปผมนั่งรอสักพักก็เห็นร่างสูงโปร่งคุ้นตาเดินกางร่มคันใหญ่มาที่รถผม




ผมรวบถุงที่บรรจุแก้วกาแฟเฟรนชายชื่อดังหลายถุงเปิดประตูรถ บุ๊คเอื้อมมือมารับถุงกาแฟบางถุงไปจากมือผมกว่าจะมายืนในร่มคันเดียวกันได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร กว่าจะเดินเข้ามาภายในอาคารได้ก็โดนฝนกันไปเล็กน้อย





บุ๊คเปิดประตูให้ผมเดินนำเข้าไปในสำนักงานสโมสรนักศึกษา ทุกสายตาจากบุคคลในห้องนั้นนมองมาที่ผมและคนที่เดินตามเข้ามาเป็นตาเดียว บุ๊คเดินชนไหล่ผมผ่านไปวางถุงบรรจุแก้วกาแฟลงบนโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องที่เพื่อนๆนั่งล้อมกันอยู่ ผมส่งถุงที่เหลือในมือให้แต่ยังถือไว้เองอีกสองถุง




   “อ้าวแล้วอันนั้นไม่ใช่หรอ?” บุ๊คถาม




   “ไม่ใช่ๆ อันนี้ของเรา




   “อ่อๆ” บุ๊คหันไปแจกจ่ายกาแฟให้เพื่อนตามออเดอร์ที่สั่งพร้อมกับเก็บเงินไปด้วย




ผมยืนมองอีกคนทำแบบนั้นอย่างไม่รู้ตัวจนอีกคนเอ่ยทักขึ้น




   “แบงค์ซื้อมาไม่ครบนะ ขาด’เมกาโน่ของเรา”



 
   “อ๋อๆ อยู่นี่”





ผมหยิบเอาแก้วกาแฟของตัวเองออกมาจากถุงกระดาษนั้นก่อนจะยื่นที่เหลือให้อีกคนไป เขาทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะรับถุงนั้นไปเปิดดูก่อนจะเงยหน้ามองผม





   “เราไม่ได้สั่งขนมนะ ไม่มีตังค์จ่ายด้วย” แหนะ พูดแล้วทำปากยื่นๆด้วย น่ารักไปไหนคนเรา




   “ก็ไม่ได้สั่งไง เราซื้อให้ กลัวหิว”



เขาเลิกคิ้วมองหน้าผมก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้




   “ใจดีอ่ะ ขอบใจนะ”




ด้วยความหมั่นเขี้ยวผมเลยยกแก้วกาแฟเย็นๆนั่นขึ้นไปแตะแก้มเขาเบาๆ




   “หูย!!เย็น เล่นไรเนี่ย” ยิ่งทำหน้ามุ่ยแบบนี้ยิ่งหมั่นเขี้ยวว่ะ


คนเราจะแพ้ทางใครมากๆได้แค่ไหนวะผมเหมือนจะแพ้อีกคนทุกทางเลย




   “เพื่อนบางคนก็ควรจะรู้ว่ามีเพื่อนอีกหลายคนอยู่ในห้องด้วยนะคะ”





เสียงของไนท์ดังขึ้นทำให้ผมรู้ตัวว่าบทสนทนาและการกระทำเมื่อสักครู่ตกอยู่ในสายตาของคนนับสิบ




เชี่ยมาก...โคตรเขิน





“มองไรพวกมึง ทำงานไปดิ๊” คนที่ยืนหน้าแดงอยู่ตรงหน้าผมหันไปแหวใส่เพื่อน




“มึงก็ต้องมาทำค่ะ อิสวย”  คนที่โดนเพื่อนเรียกว่าสวยทำได้แค่ค้อนปะหลับปะเหลือกใส่เพื่อนแถมยังเผื่อแผ่มาถึงผมด้วย





“แบงค์มึงมาก็ดี อย่าพึ่งกลับ” ไนท์พูดข้ามห้องมาอีกโบกมือเรียกผมไว้แล้วปราดเข้ามาลากแขนผมไปนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวนึง





 บุ๊คถอนหายใจเสียงดังแล้วนั่งลงข้างๆกัน ตรงหน้าอีกคนเป็นแมคแอร์ที่เปิดหน้าทำงานเอาไว้ ข้างๆก็เป็นเอกสารอะไรเยอะแยะไปหมด





“มีไรวะ” ผมถามไนท์




“พวกกูต้องขอคำแนะนำเรื่องการแบ่งตารางการแข่งขันหน่อยว่ะ”




แล้วต่อจากนั้นผมก็ได้รู้จักชาวสโมฯทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ผมอธิบายเรื่องการแบ่งตารางการแข่งขันในกีฬาประเภทต่างๆ จนกลายเป็นว่าจะมาหาคนที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆเฉยๆก็เป็นมาช่วยงานเขาซะงั้น คุยงานกันไปเล่นกันไปก็สนุกดีครับ





ตอนนี้ข้างนอกฟ้ามืดลงแล้วฝนก็หยุดไปแล้วด้วย ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องปรากฏว่าหกโมงกว่าเข้าไปแล้ว





ผมแนบหน้าลงกับโต๊ะหันหน้าไปทางคนข้างๆที่นั่งพิมพ์รายชื่อนักกีฬาอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วก็ดูเหมือนว่าคนถูกมองจะรู้ตัวแล้วด้วย






   “มองอะไร” บุ๊คพูดขึ้นเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน




   “อะไรใครมอง มโนไปเองป่าวเหอะ”




   “ก็เห็นอยู่เนี่ยว่ามองยังจะมารวนอีก”





   “มอง~~เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง~” ผมร้องออกมาเป็นเพลงเลยครับ...รู้สึกว่าตัวเองโคตรเสี่ยวเลย





อีกคนหลุดขำกิ๊กออกมาจากคำตอบของผม





   “คือ ที่จริงจะถามว่าไปดูหนังกันไหม” ผมเอ่ยชวนคนที่นั่งข้างกันตาก็ยังมองหน้าเขาอยู่




   “หนัง? เรื่องไรล่ะ” ปากก็ถามผมแต่สายตาและมือยังทำงานอยู่




   “The conjuring”




   “อ๋อ หนังผี”




   “อื้ม กลัวป่ะ?”





   “ไม่อ่ะ วันไหนล่ะ?”




   “วันนี้แหละเราเช็ครอบตะกี้ มีรอบสามทุ่มซาวน์แทร็ค”




   “อ่า เอาดิ หาไรกินก่อนพอดี”




   “เค...งั้นเราจองเลยนะ”




   “อื้อ”




ผมหยิบมือถือออกเพื่อที่จะจองที่นั่งแต่เมื่อเหลือบมองรอบข้างก็พบกับสายตาหลายคู่ที่มองมาที่ผมและคนข้างๆ บุ๊คไม่รู้หรอกครับว่าโดนมองเพราะยังตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์งานอยู่





   “มองไรพวกมึง” ผมถามเสียงเย็นๆ




   “เพื่อนบางคนก็ชวนกันไปดูหนัง” นกกาที่1




   “เพื่อนบางคนก็จีบกันต่อหน้าเพื่อน” นกกาที่2




   “แล้วเพื่อนหลายคนก็เริ่มหมั่นไส้เพื่อนบางคนแล้วด้วย”  นกกาที่3




ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรเสียงจากคนข้างๆผมก็ดังขึ้นทั้งที่ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นนั่นยังจ้องมองหน้าจอคอมฯอยู่





   “เพื่อนหลายคนก็ขี้เสือก”




แล้วประโยคนั้นก็เรียกเสียงโห่จากทุกคนในห้องได้เป็นอย่างดี





   “หมั่นไส้” ไนท์พูดแล้วเบะปากใส่ทั้งผมและบุ๊ค ผมมองไปที่จำเลยร่วมเห็นเขาไม่สนใจเลยเฉยตาม




หยิบมือถือมากดจองตั๋วพร้อมชำระเงินผ่านบัตรเรียบร้อยก็มานั่งมองอีกคนเหมือนเดิม สักพักเพื่อนๆก็ทยอยกลับกัน จนกระทั่งเห็นบุ๊คทำงานในส่วนของตัวเองเสร็จเรียบร้อยเลยชวนกันออกมา





   “เมื่อเช้ามาไง?” ผมถามขึ้นในขณะที่เราเดินกันไปตามถนนมืดๆเพื่อไปที่บริเวณจอดรถ




   “ไอ้ไนท์ไปรับ” พูดจบก็หาวออกมา แล้วนั่นจะยีหัวตัวเองให้มันยุ่งทำไม ท่าทางแบบนั้นของเขาทำผมหลุดขำออกมา





   “ขำไรอ่ะ” แหนะ ยังจะมาทำตาใสถามแบบนี้อีก แถวนี้ยิ่งมืดๆอยู่ด้วย





   “ป่าวครับ” ตอบแบบนั้นแต่ก็ยังยิ้มกว้างอยู่



ท่าทางน่ารักๆนั่นทำให้ผมเผลอเอามือไปยีผมหน้าม้าของอีกคนให้มันยุ่งเข้าไปอีก แต่คนที่เดินข้างๆกันเหมือนจะตัวแข็งไปแล้ว ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปหรือไม่ได้ตาฝาดเพราะความสลัวรางของแสงไฟแล้วล่ะก็ผมว่าผมเห็นริ้วแดงๆบนแก้มขาวๆนั่นนะ





เรานิ่งกันไปแบบนั้นอยู่ราวอึดใจหนึ่งก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ของผม ผมละมือออกจากผมของคนข้างๆแล้วหยิบมือถือออกมา ปรากฏว่าเป็นไอ้นัทโทร.มา ถ้าเรื่องไร้สาระกูจะเผาบ้านมึง




       “เออว่า”






       [ไอ้หล่อ มึงอยู่ไหนวะ]






ผมเหลือบมองคนที่เดินข้างๆกันเล็กน้อยก่อนจะตอบเพื่อนไป





   “คณะ มีไร?”




   [ไปทำเหี้ยไรที่คณะวะ วันอาทิตย์]





   “เสือก มึงมีไรเนี่ย”





   [เออ กูจะบอกให้มึงเอาลูกเปตองไปให้ไอ้หนึ่งทีพรุ่งนี้มันจะไปอบรม กูลืมไว้บนรถมึงอ่ะ]




   “เออๆ พวกมึงนี่แม่งเห็นรถกูเป็นที่เก็บของรึไงวะ”




   [เอาน่า อย่าบ่นไปๆเอาไปให้มันด้วยมันอยู่หอนั่นแหละ] มันพูดแค่นั้นแล้วก็ตัดสายไป คือ...





   “บุ๊ค” ผมเรียกอีกคนหลังจากที่เรามาถึงรถแล้ว




   “หืม?” เขารับคำ




   “เดี๋ยวเอาของไปให้ไอ้หนึ่งที่หอในก่อนนะแล้วค่อยไปหาไรกินกัน”




   “อื้อ” เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้ก่อนจะอ้อมไปขึ้นรถ





ผมจอดรถที่ทางเข้าหอในชายก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อหาของที่เพื่อนลืมไว้ มันก็ซุกไว้ซะริมเลยไอ้หอกนี่




แต่ในตอนที่ผมกำลังจะเอี้ยวตัวกลับมานั่นเองผมถึงได้รู้ตัวว่าหน้าตัวเองอยู่ห่างจากแก้มใสใสของคนที่ก้มหน้าก้มตาเล่นทวิตอยู่ไม่กี่คืบ ขนาดแสงไม่ค่อยมียังเห็นเลยว่าใสขนาดไหน หอมด้วยเว่ย ถ้าได้กดจมูกลงไปนี่คงฟินน่าดูเลย แต่เสียงแจ้งเตือนไลน์จากมือถือของคนแก้มใสก็ดังขึ้นปลุกภวังค์ของผมก่อนที่เขาจะเสียแก้มหอมๆนั่นให้จมูกผม ใจเย็นไว้ไอ้หล่อ




   
ผมถอยออกมาสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนจะพึมพำบอกให้อีกคนรอในรถก่อนจะขึ้นไปหาเพื่อนข้างบน พอดีว่ามีคนจะเข้าข้างในพอดีผมเลยไม่ต้องโทร.บอกมันมาเปิดให้




ปึง ปึง ปึง





เงียบ




อะไรของมันวะ ไปอาบน้ำป่ะวะ




ผมยืนเคาะอยู่สองสามรอบก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากภายในห้องจนห้องข้างๆเปิดออกมาดู




   “เคาะไรนักหนาวะ”





ผมเพ่งมองเจ้าของห้องข้างๆที่หัวยุ่งออกมาด่า หน้าคุ้นๆ




   “อ้าว ไอ้แบงค์ มึงมายืนเคาะห่าไรเนี่ย”





ไอ้ต่อนั่นไงจะใครล่ะ




   “กูเอาของมาให้เชี่ยหนึ่ง เคาะนานละเนี่ยยังไม่โผล่ ตายไปยังไม่รู้”





   “มันไปหาไรแดกป่ะเหอะ”





ผมถอนหายใจกับความงี่เง่าของเพื่อนตัวเองก่อนจะตัดสินใจฝากของไว้ให้ไอ้ต่อเอาให้ไอ้หนึ่งมัน





   “ฝากให้มันด้วย พรุ่งนี้มันจะไปอบรม”





   “เออๆ”





ไอ้ต่อรับของไปก่อนจะผลุบเข้าห้องตัวเองตามเดิม






ผมกับบุ๊คเราตัดสินใจทานข้าวกันที่ร้านตามสั่งใกล้ๆห้างก่อนจะขึ้นไปดูหนังกัน




ผมไปติดต่อรับตั๋วที่จองไว้พอเดินกลับมาหาคนที่นั่งรออยู่อีกคนก็ยื่นธนบัตรสีแดงสองใบมาให้




   “อ่ะ ทอนด้วย”




ผมทำหน้างงก่อนจะตั้งใจเอ่ยปากปฏิเสธแต่ก็ถูกอีกคนดักไว้ก่อน




   “ไม่ต้องมาทำป๋าเลี้ยงเราเลยนะ! รู้หรอกว่าจีบไม่ต้องรีบเปย์” พูดจบก็ยัดเงินใส่มือผม




 ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ คือเงินพวกนี้ก็เป็นเงินที่ผมหาได้จากงานตัดสินบ้างโบนัสที่แด๊ดให้เพราะเกรดดีบ้าง คือเลี้ยงได้ไม่ได้เดือดร้อนอะไรแต่เห็นอีกคนทำแบบนี้แล้วรู้สึกว่า นี่แหละแม่ของลูก อิอิ





   “ยังจะมายิ้มอีก ทอนเราด้วยแปดสิบ เร็วเลย”




   “ครับๆ”




ผมหยิบกระเป๋าเงินออกมาก่อนจะหยิบแบงค์ยี่สิบสี่ใบให้คนที่แบมือยิกๆอยู่ตรงหน้า หลังจากได้เงินทอนไปเขาก็ทำหน้าพออกพอใจ




   “เรารู้ว่าแค่นี้แบงค์จ่ายได้ แต่เราก็จะบอกว่าเราก็จ่ายได้..คือก็ยังเด็กทั้งคู่อ่ะถ้าแบงค์จะเคยชินกับการเทคแคร์คนที่คุยด้วยหรืออะไรแบบนี้เราเข้าใจแต่เราจะไม่สบายใจมากๆถ้าจะต้องให้แบงค์จ่ายให้ตลอดวันนี้ก็ซื้อขนมเลี้ยงเราแล้วด้วย เข้าใจไหม?”





   “เข้าใจแล้วครับผม”




พูดจบก็เอามือไปยีๆหน้าม้าของคนที่นั่งแหงนหน้าคุยกับผม ท่าทางจริงจังนั่นโคตรน่ามองเลย นี่ผมจะแพ้เขาไปทุกทางเลยใช่ไหม ขนาดโดนดุยังอารมณ์ดีอ่ะคิดดู





   “อย่ายีได้ไหมเล่า”




พูดพร้อมกับปัดๆมือผมออกก่อนจะจัดผมตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง





พอได้เวลาหนังฉายเราก็เข้าไปดูหนังกัน หนังเรื่องนี้เป็นหนังภาคต่อซึ่งภาคแรกนั้นผมชอบมากตัวหนังเน้นดราม่าแต่ก็มีจังหวะให้กระตุกเป็นระยะๆ บุ๊คก็ดูไปปิดตาไปตลกดีครับบางทีก็กลัวมากๆเข้าก็อุทานด่าออกมาเบาๆ 






พอหนังจบเดินออกมาจากโรงหนังจนกระทั่งขึ้นมาบนรถผมจึงเห็นว่าอีกคนหน้าซีดเล็กน้อย แน่ล่ะช่วงพีคของหนังนี่ค่อนข้างน่ากลัวแต่ก็น่าดูไปด้วยเหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ค้างๆจากตัวหนัง




   “เป็นไร หน้าซีดกลัวแม่ชีรึไง” ผมเอาศอกกระทุ้งเขาเบาๆพลางเอ่ยแซว




      “อย่าแซวดิ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เหมือนอีกคนจะยังไม่หายกลัว





   “นอนคนเดียวด้วยนี่นา...” ผมก็ยังแกล้งไม่เลิกเหมือนกัน คนที่เหมือนจะเก่งไปทุกเรื่องดันมาตกม้าตายเอากับหนังผี





   “งื้อออออ” ทำเสียงแบบนั้นพร้อมกับท่าทางเหมือนจะร้องไห้นี่มัน....น่าแกล้งชะมัด ผมเลยก้มไปกระซิบที่ข้างหูอีกคนว่า





   “วาเลค” เท่านั้นล่ะครับผมก็ได้รับกำปั้นหนักๆทุบมาที่อกดังปั่กใหญ่ๆ คือวาเลคนี่มันเป็นชื่อของปีศาจแม่ชีในหนังน่ะครับ แต่กำปั้นเมื่อกี้หนักชะมัดเลย




   “อย่าแกล้งดิ นี่กลัวจริงๆนะเว่ย”  พอกลัวนี่คำสบทต่างๆนานาก็หลุดออกมาหมดล่ะครับคนเรา





   “ให้ไปนอนเป็นเพื่อนป่ะ?” ผมเอ่ยถามขำๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้คนข้างๆไม่อยากให้เขากลัวมากเดี๋ยวนอนไม่หลับ




   “เดี๋ยวนะ...เนียนละๆ”






         “เอ้า พูดจริงๆ”






   “ไม่เป็นไร เราเกรงใจ” พูดจบก็ทำหน้าบึ้งใส่ ปากยื่นๆนี่มัน ฮึ่ยยยย เย็นไว้ไอ้แบงค์





   “งั้นไปนอนบ้านเราไหมล่ะ”





   “ห๊ะ” แหม ห๊ะซะเสียงดังเลยนะครับ




ในจังหวะที่รถติดไฟแดงพอดีผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าใสใสนั่นก่อนจะบอกข้อดีของการไปนอนบ้านผม






   
“บ้านเรามีแอร์ ทีวี ฟรีwifi แถมคนนอนกอดด้วยหนึ่งอัตรา สนใจไหมครับ”







แหมผมว่าโปรฯนอนบ้านของผมนี่ได้ผลนะ วัดผลกำไรจากริ้วแดงๆบนแก้มใสใสนั่นไง ^^





-------------------------------------------------2BC------------------------------------------



มาแล้ววววเอาหนุ่มครูพละกับครูสังคมมาเสิร์ฟฮะ ^^


ตอนไปดู The Conjuring คนเขียนนี่ฟิลนี้เลยครับด่าผีทั้งเรื่อง ฮ่าๆๆ


ทำไมเรื่องนี้ฉากมันวนๆอยู่แค่นี้ไม่รู้ ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอกชีวิตปีสอง


ให้เขาจีบกันไปเรื่อยๆ เราต่างก็มีช่วงเวลาที่ประทับใจคนคนหนึ่งแตกต่างกันจริงไหมครับ
ให้สองคนเขาค่อยๆประทับใจและปรับตัวในแง่มุมต่างๆของอีกคนไปเรื่อยๆ ไม่ปุบปับเนอะ ^^


รักคนอ่านรักคนเม้นครับ เจอกันตอนหน้า

หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 03-08-2016 18:40:43
น่ารัก:)
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 03-08-2016 18:50:14
รุกแรงแบบไม่แคร์สื่อ น่ารัก อ่านแล้วยิ้มมม
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-08-2016 19:52:42
โปรดีจริงๆด้วย


ปล.ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป
ถ้าอัพตอนใหม่
ใส่หน้า ด้วยได้มั้ยคะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-08-2016 20:06:39
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-08-2016 21:30:18
อื้อหืออออ โปรฯดีขนาดนี้ก็น่าสนใจไหมล่ะ ฮาาาาาา
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-08-2016 22:12:16
น่ารักมากกกก  น่ารักที่สุด
รออ่านตอนหน้านะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-08-2016 22:17:48
โหหหหห แบงค์นายอย่างเนียนจริงๆ  o13 o13
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-08-2016 01:03:37
ข้อเสนอหนุ่มพละน่าสนใจตรงแถมคนกอดฟรีนี่แหละ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง11 [2016/08/03]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-08-2016 11:13:33
จีบหนักเกินไปล่ะ!!
หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 20-08-2016 00:47:30
แพ้ทาง 12








      ไฟนอล




1 คำ 2 พยางค์




      FINAL




   ฤดูกาลสอบและการเคลียร์งานแบบวินาสสันตโรได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นี่ขนาดผมเป็นคนที่ไม่ชอบดองงานยังมีงานค้างเยอะขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึงพวกเพื่อนจอมขี้เกียจของผมเลย งานก็ต้องเคลียร์หนังสือก็ต้องอ่านไหนจะสอบภาคปฏิบัติอีกแล้วยังต้องซ้อมหลีดด้วยนะ ถ้าแบ่งเวลาไม่ดีมีเข้าน้ำเกลือกันบ้างล่ะผมว่า ดีหน่อยที่สับดาห์สอบรุ่นพี่ให้พักเบรกซ้อมไว้ก่อน




   “กูกำลังจะตาย” ไอ้หนึ่งพูดน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ




ตอนนี้พวกเรานั่งกันอยู่ที่ห้องสมุดคณะพยายามเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จ



   “ตอนนี้ไม่ตายหรอก แต่ถ้ามึงไม่ทำตอนเกรดออกมึงได้สู่ปรโลกของจริงแน่” ไอ้โก้ที่มือก็จดงานเป็นระวิงมองหน้าไอ้หนึ่งแบบสงสารปนสมเพส มือก็ยังเขียนอยู่วิชาเทพ



   “ตอนมอหกทำไมเขาไม่บอกเราวะว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ในชีวิตมหาลัย ทำไมไม่บอกเราว่าต้องเจอสงครามปีล่ะสี่ครั้ง” ไอ้หนึ่งยังคงคร่ำครวญไม่เลิก



แต่อยู่ดีดีมันก็เด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรงมองไปที่กลุ่มนักศึกษาที่เดินเข้ามาภายในห้องสมุด ผมมองตามสายตามันไปก็เจอเพื่อนปีสองการศึกษาพิเศษฯ หลายคนโบกมือให้พวกผมตามประสาคนคุ้นหน้าตากัน คงจะมีแต่ไอ้ต่อที่เดินผละจากกลุ่มเพื่อนมาที่โต๊ะพวกผม



   “ไงมึง” ผมเอ่ยทักไอ้ต่อ



   “เออ” มันรับคำก่อนจะกวาดตามองไปที่โต๊ะ คือ...รกมาก ฮ่าๆๆ




   “มาติว?” ผมถาม




   “เปล่า มาหาวิจัยไปใส่อ้างอิงรายงาน”




   “อ่อ..”




   “เออ เทอมนี้พวกมึงเรียนการจัดการชั้นเรียนกับใคร?”


ไอ้ต่อถามแบบนั้นผมก็ขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเพื่อนคือ..ผมจำชื่ออาจารย์ไม่ได้ครับ แหะๆ




   “กับดร.ชินกร ทำไมวะมีไรหรอ?” ไอ้นัทเป็นคนตอบตามประสาเด็กเรียนล่ะครับ




   “อ๋อ คนเดียวกัน คือเย็นนี้พวกปีสามเขาจะมาติววิชานี้ของอาจารย์ท่านนี้ให้ ถ้าพวกมึงสนใจก็มาดิใต้ตึกบัณฑิตสองทุ่ม”



   “เออๆ ดีเลยมึง กูไม่ค่อยเข้าใจบทที่สี่เรื่องกระบวนการเรียนรู้...”




บลาๆๆ แล้วไอ้นัทกับไอ้ต่อก็จ้อกันไม่หยุดเลยเถิดไปจนถึงแลกไลน์กันไว้ เออ..เอากับพวกมันสิ





พอตกลงเรื่องติวกันได้ไอ้ต่อก็ขอตัวไปทางห้องเก็บเอกสารอ้างอิงที่มีหนังสือวิจัยเรียงเป็นตับดำพรืด




   “สรุปคือมึงจะไปติวกับเขาเย็นนี้” ไอ้โก้ถามขึ้น




   “ไม่ใช่แค่กูครับ แต่พวกมึงทุกผู้ทุกตัวจักต้องไปเช่นกัน” ไอ้นัทพูดเสียงเข้มๆ ยังกับจะออกรบ




   “งืออออ พี่นัทครับน้องหนึ่งไม่อยากไป” ไอ้หนึ่งพูดเสียงอ้อนๆหงายการ์ดน้องหนึ่ง น่ารักตายแหละไอ้ควาย ฮ่าๆๆๆๆ





   “มึงไม่ต้องมาอ้อนครับไอ้น้องหนึ่ง มึงอ่ะตัวดีเลยตอนมิดเทอมก็ได้แค่มีน” ไอ้นัทชี้หน้าคาดโทษไอ้หนึ่งทำหน้าจ๋อยสนิทไปแล้ว ผมไม่อะไรหรอกครับติวก็ติว ดีซะอีกจะได้ทวนไปด้วย





พวกผมนั่งทำงานกันไปเงียบๆมีแค่เสียงถอนหายใจและเสียงพลิกหน้ากระดาษเป็นระยะเท่านั้น จนค่ำมืดได้ที่พวกผมเลยตัดสินใจว่าจะหาข้าวกินแถวๆข้างคณะแทนจะออกไปไกลๆ





   “กูไม่อยากไปจริงๆนะนัท” ไอ้หนึ่งยังโอดครวญไม่เลิก




   “มึงก็ไม่ต้องไปสนใจก็จบป่ะวะ”




งงกันไหมครับ ผมก็งง มันคุยกันเรื่องอะไรวะ ผมกับไอ้โก้มองหน้ากันแล้วมองหน้าไอ้นัท




   “เออพวกมึงไม่รู้นี่เนอะ คืองี้...” ไอ้นัทกำลังจะเล่าแต่ไอ้น้องหนึ่งคว้าแขนไว้แต่ไอ้โก้ขัดขึ้นก่อน




   “มึงไม่ต้องเลยเชี่ยหนึ่ง อย่ามากระตุ้นต่อมเสือกกูให้อยากแล้วจากไป”




แล้วมันก็ปัดหน้าผากไอ้หนึ่งที่ทำหน้างอนๆใส่อยู่ โอ้ยยยกูขำพวกมึงมุ้งมิ้งมากสัส




   “เออๆ คืองี้พวกมึงก็รู้ช่ะว่ากูกับเชี่ยหนึ่งจบจากโรงเรียนเดียวกันแล้วคนที่จบมาจากที่เดียวกันอีกคนคือไอ้ต่อ เอาสั้นๆก็พวกมันสองคนเคยมีเรื่องกันมาก่อน”




   “เรื่อง?” ผมกับไอ้โก้ประสานเสียงกันด้วยความเสือกล้วนๆ...เป็นผู้ชายก็ขี้เสือกครับ




   “ช่างมันเถอะน่าพวกมึงนี่ แค่เรื่องเหี้ยๆ”  ไอ้หนึ่งบ่นหน้ามุ่ยแล้วออกเดินนำไปก่อนใคร





พวกผมมองหน้ากันก่อนไอ้นัทจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินตามไอ้หนึ่งไป









เวลาสองทุ่มโดยประมานพวกผมก็มานั่งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางนักศึกษาปีสองสาขาอื่นๆร่วมๆห้าสิบชีวิต



เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตชุดพละอยู่ 4 หน่อเท่านั้น




พวกผมมานั่งรวมกลุ่มกับกลุ่มของไอ้ต่อ ผมเหลือบตามองไอ้หนึ่งเห็นมันทำเฉยไม่สนใจ กลุ่มของไอ้ต่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงมีเพื่อนที่เป็นผู้พิการทางการได้ยินหนึ่งคน มองพวกมันคุยกันแล้วอึ้งครับ มือเป็นระวิงกันเลย เทพสัสๆ พวกผมมีความพยายามที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆมากครับก็ให้เขาสอนภาษามือง่ายๆให้ ฆ่าเวลารอรุ่นพี่มา





สักพักเสียงเอะอะที่ดังมาจากทางขึ้นตึกก็เรียกความสนใจจากทุกคนที่นั่งอยู่ เป็นกลุ่มรุ่นพี่ปีสามที่ผมจำได้ว่าเป็นพี่ๆสาขาคณิตศาสตร์กับกลุ่มปีสองสังคมที่คุ้นหน้ากันดี ผมเห็นไนท์พูดคุยกับรุ่นพี่อย่างสนิมสนมแต่กลับไม่เห็นเพื่อนสนิทของไนท์ ไปไหนหว่า





ไนท์เหมือนจะมองเห็นกลุ่มของผม เธอเลยหันไปพึมพำอะไรสักอย่างกับรุ่นพี่แล้วก็เดินมาที่โต๊ะพวกผม




   “ไง” ผมเอ่ยทัก




   “เออ..ไม่เห็นรู้ว่าพวกมึงเรียนกับดร.ชินด้วย” เธอพูดด้วยท่าทางสบายๆ มือนึงเท้าลงกับโต๊ะอีกมือก็เหนี่ยวสายเป้ที่อยู่บนไหล่ไว้ คิดว่าคูลมากงี้





   “ก็ตามนั้นแหละ แล้ว...” ผมพูดยังไม่ทันจบไนท์ก็ตบป้าปเข้าที่ไหล่ผมแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงติดหมั่นไส้




   “บุ๊คมันแวะซื้อขนมที่เซเว่น เดี๋ยวก็มา”




ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วไนท์ก็ขอตัวไปช่วยรุ่นพี่แจกเอกสารที่ใช้ประกอบการติวนี้





ก่อนหน้านี้ไอ้ต่อบอกว่าการติวในวันนี้เกิดได้เพราะรุ่นพี่ปีสามมีความคิดที่จะจัดติวน้องอยู่แล้วเขาเลยทำโครงการนี้ขึ้นมา คือเขามีแบบนี้กันตลอดแต่พวกผมก็พึ่งรู้นี่แหละ รู้งี้มาติวตั้งแต่แรกหรอก





   “เห้ยไนท์ วันนี้มาคนเดียวหรอ”  เสียงร้องถามนั้นดังมาจากอีกฟากของโถงตึก ผมเหลือบไปมองไนท์ก็เห็นมันทำหน้ามุ่ยขมุบขมิบปากบ่นอะไรอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไป ฝั่งทางคนถามก็ดูเหมือนไม่ใส่ใจจะเอาคำตอบได้แต่มองตามคนที่ง่วนกับการแยกเอกสาร



ผมเลิกสนใจเหตุการณ์นั้นแล้วหยิบมือถือขึ้นมาไลน์หาคนที่อยู่เซเว่น





เหมาเซเว่นอยู่หรอครับ




รอสักครู่หน้าจอก็ขึ้นตัวอักษรเล็กๆว่าอีกคนอ่านแล้ว




รู้ได้ไงว่าอยู่เซเว่น




ไนท์บอก




อ๋อ




ไปติวด้วยหรอ?




เอาไรป่าวเดี๋ยวซื้อไปให้





อยากได้สแน็คแจ็ค




ขนมดีของคนดี





=,.=




ฮ่าๆๆๆ




แล้วเพื่อนอ่ะ เอาไรป่าว





ผมหันไปถามไอ้นัทที่นั่งข้างกันมันเบ้ปากใส่ก่อนจะส่ายหัว เออหมั่นไส้ก็ช่างมึง





ไม่อ่ะ




รีบมาๆ





อะไรล่ะ




รอคิดตังค์อยู่





ผมส่งสติ้กเก้อไอ้ผมทองทำหน้าหล่อไปให้อีกคน เขาอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับมาคงจะกำลังจ่ายเงินอยู่




ผมเงยหน้ามองไปรอบๆก็เห็นพวกรุ่นพี่กำลังคุยกันที่โต๊ะตรงกลางโถง พวกเพื่อนโต๊ะเดียวกันก็สอนภาษามือกันไป ด้วยความค้างคาใจผมเลยเอาปากกาสะกิดไอ้ต่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน



   “What?”




ผมมองไปที่ไอ้หนึ่งเห็นมันไม่ได้สนใจมองมาทางนี้ผมเลยถามสิ่งที่คาอยู่ในใจ




   “นัทมันบอกกูว่าพวกมึงจบมาจากที่เดียวกัน?” ผมเอ่ถามเบาๆจนแทบเป็นกระซิบ




   “Yeb”




   “แล้วมันยังบอกอีกว่ามึงกับไอ้หนึ่งเคยมีเรื่องไม่ถูกกันมาก่อน?”




   “that's right”




   “เรื่อง?”




   “Why don’t you ask him?”




   “ถ้ามันบอกกูคงไม่มาถามมึงป่ะ” ผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่มัน





ผมเลิกสนใจไอ้ต่อที่ทำหน้านิ่งๆก้มหน้าอ่านชีทในมือ ผลการเผือกครั้งนี้มิชชั่นไม่คอมพลีทครับ       




สนใจเจ้าของรสมาสด้าที่ขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหน้าตึกดีกว่า





ผมเห็นตั้งแต่รถคันนั้นเลี้ยวเข้ามาภายในบริเวณคณะแล้วครับ ตอนนี้ก็กำลังมองเจ้าของรถที่หอบหิ้วของกินเต็มไม้เต็มมือ



จนเขาก้าวขึ้นบันไดมา ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองลุกขึ้นยืนตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงใครสักคนร้องแซวมา





   “โอ้ย กลัวจะมองเห็นเขาไม่ชัดหรือกลัวเขาจะมองไม่เห็นคะเดือนพละ”





เชี่ย เขินว่ะหูแดงแน่ๆเลย...แต่เรื่องอะไรจะยอมเขินคนเดียว




 ผมจ้องหน้าคนที่หยุดยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุดนั่นไม่วางตาก่อนจะเอ่ยประโยคที่เรียกริ้วแดงๆให้เกิดบนแก้มใสใสของเขา




   “ชัดเจนในใจเสมอครับ” โอ้ยยยเชี่ยยยยยพูดเองเขินเอง ไอ้บ้าเอ้ยยยยย




ทั้งโถงนั้นเงียบไปอึดใจนึงก่อนจะมีเสียงโห่แซวดังขึ้นทั่วทั้งโถง



"โหยยยยยยยย/โอ้ยยยยยยยยยยยยย/โห่ววววววววววววววว/ฮิ้ววววววววววววว"




ไอ้นัทเอาชีทตบที่หัวผมเบาเบาแบบหมั่นไส้ คนที่เป็นจำเลยร่วมกับผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินเขินๆไปที่โต๊ะของกลุ่มเพื่อนตัวเอง




ผมนั่งลงตั้งใจจะหยิบมือถือขึ้นมาไลน์ทวงขนมแต่ก็เหลือบเห็นพวกเพื่อนๆที่นั่งร่วมโต๊ะมองผมเป็นตาเดียว




   “เกลียดดดดดด”




โดยพร้อมเพรียงกัน




ผมยักไหล่แบบไม่สนใจ แล้วไงใครแคร์ ฮ่าๆๆๆ




ขอสแน็คแจ็คด้วยครับคุณ




ผมรอสักพักจนขึ้นว่าปลายทางของข้อความได้รับการอ่านเรียบร้อย แต่เขาไม่ตอบอะไรกลับมา เอาละไง...




ผมนั่งจ้องมือถืออยู่แบบนั้นจนรุ่นพี่เริ่มติวแล้วผมเลยละความสนใจมาที่บทเรียน ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีสมาธิจะเรียนเท่าไหร่เลย





ฮือ...ทำไมไม่ตอบล่ะ




โกรธหรอ




ฮือออ




คิดมากจัง




โอ้ยยยยย ฟุ้งซ่าน




ไม่ไหวแล้ววววววว





ผมพึมพำบอกเพื่อนว่าจะไปเข้าห้องน้ำแต่คว้าเอาซองบุหรี่กับซิบโป้ออกมาด้วย




ผมเหลือบมองคนตาโตแว่นใสก็พบว่าเขากำลังตั้งใจฟังที่รุ่นพี่พูดอยู่ ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินออกมาที่โซนที่เขาจัดไว้ให้สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ในสถานศึกษาถือเป็นเรื่องไม่ดีนะครับแต่ผมก็มาสูบในที่ที่เขาจัดไว้ให้ ความเซ็งในตอนนี้กลบความรู้สึกผิดชอบไปหมด ลืมเรื่องตราสถาบันที่ประทับอยู่บนกระเป๋าเสื้อ ลืมเรื่องการเรียนที่คร่ำเคร่ง





ผมทรุดตัวลงนั่งที่ฟุตบาทก่อนจะจุดบุหรี่ นั่งสูบไปเงียบๆปล่อยให้สมองลื่นไหลไปตามปริมานนิโคตินที่เข้าไปทำงานตามหน้าที่ของมัน มะเร็งทั้งนั้น เอาเถอะก็ไม่ได้สูบบ่อยอะไร




จนบุหรี่มวนที่สองเผาไหม้ไปได้กึ่งหนึ่งผมสัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่ก้าวเข้ามาใกล้ คงเป็นไอ้พวกเพื่อนผมที่ออกมาตามให้กลับเข้าไป ผมถอนหายใจก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบ




   “เดี๋ยวหมดมวนนี้ก็เข้าไปแล้ว”





   “แสดงว่าสูบไปหลายมวนแล้ว” เสียงที่ตอบกลับมานั้นไม่ใช่เสียงของเพื่อนสนิทของผม แต่เป็นสำเนียงจากคนที่เป็นสาเหตุให้ผมต้องมานั่งทำร้ายปอดตัวเองอยู่แบบนี้





ผมหันขวับไปมองเบื้องหลังก็พบอีกคนที่ยืนทำหน้านิ่งๆ ในมือกำหูของถุงเซเว่นเสียแน่นราวกับกลัวมันหลุดหายไป ผมดับบุหรี่ที่ยังเผาไม่หมดนั่นก่อนจะยืนขึ้นแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขา




เรายืนมองหน้ากันนิ่งๆอยู่แบบนั้นระยะห่างจากกันไม่ถึงเมตรแสงสลัวรัวรางจากสีส้มของไฟถนน ลมเย็นๆจากบรรยากาศยามเย็นของช่วงปลายเดือนกันยายนพัดมากระทบผิวให้รู้สึกสบาย สายลมพัดมาทำให้เส้นผมของคนตรงหน้ายุ่งเหยิงไปหมดบางส่วนถูกพัดให้ปิดแก้มใส ผมเอื้อมมือไปปัดปอยผมนั่นออกอย่างเผลอไผล เจ้าของเส้นผมนุ่มมือไม่ได้ผละห่างออกไป ยังคงยืนนิ่งๆมองหน้าผมอยู่แบบนั้น เมื่อเจ้าของเส้นผมไม่ได้กล่าวว่าอะไรผมเลยลูบเล่นอยู่แบบนั้นจนเจ้าตัวเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว




   “แบงค์เป็นไร?”




ผมเลิกคิ้วมองสบตาคนที่มีส่วนสูงด้อยกว่าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป




   “ไม่ได้เป็นอะไรครับ”




เขาหน้ามุ่ยกับคำตอบของผมสะบัดหน้าไปอีกทางแล้วเอ่ยออกมาหางเสียงหวัดน้อยๆ




   “ไม่ได้เป็นไรแล้วทำไมต้องออกมาสูบบุหรี่ด้วยล่ะ”




   “...”




ผมไม่ตอบอะไรจนอีกคนหันหน้ากลับมาแล้วเอ่ยต่อไป




   “แล้วยังทำหน้าเหมือนแบกท้องฟ้าเอาไว้นี่อีก”




ผมยิ้มน้อยๆกับกิริยาแบบนั้นของเขา รู้สึกว่าความหนักใจและอารมณ์นอยด์ๆเมื่อครู่หายไปหมดเหลือไว้แต่ความรู้สึกอุ่นซ่านในอก ผมเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหมว่าเขาเป็นห่วงความรู้สึกของผม ความเป็นห่วงเป็นพื้นฐานของความรัก จริงไหมครับ? เหลือบมองที่มือที่กำไว้แน่นของเขาแล้วรอยยิ้มของผมก็กว้างกว่าเดิมอีกครับ




   “แล้วถุงนี่ของเราป่ะ?”




   “ก็ใช่อ่ะดิ แต่ไม่ให้ตอนนี้หรอกต้องบอกมาก่อนว่าเป็นอะไร”




ว่าจบก็เอาถุงขนมมากอดไว้ โอ้ยยยน่ารักไปไหนวะคนเรา




   “ก็นอยด์อ่ะ มีคนอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ”




   “หือ?”




   “คือ...มันก็ไม่ใช่ว่าเราเซ้าซี้นะแต่แบบตอนนั้นพึ่งโดนแซวไปใช่ไหมล่ะ แล้วพอเราไลน์หาก็อ่านแล้วไม่ตอบอีก เราก็คิดมากอ่ะดิ นึกว่าโดนโกรธซะแล้ว อะไรแบบนั้น”





พอได้ยินแบบนั้นเขาก็ก้มหน้าลงแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มมาให้...โฮ่ยยยเข่าแทบทรุด สว่างไสวไปไหน




   “ไม่ได้โกรธหรอก ก็ตอนนั้นพวกพี่เขาก็จะติวแล้ว แล้วก็...”




พูดแล้วก็เว้นวรรคไป ก้มหน้างุดคางชิดอก ผมก้มหน้าลงไปพยายามจะมองหน้าอีกคน




   “ก็??”




   “ไม่คุยแล้ว เอาขนมไปเลย”




ว่าจบก็ยัดถุงขนมใส่มือผมแล้วทำท่าจะเดินออกไป





ผมฉุดแขนเขาไว้แล้วดึงเข้าหาตัวเองให้ไหล่ของเขาข้างนั้นกระทบกับอกผมเบาเบาก่อนจะก้มลงกระซิบชิดกับหูของคนแก้มใสกลิ่นกายหอมๆกรุ่นกลิ่นอยู่เพียงปลายจมูก
   







“จะเขินก็ได้เราไม่ว่าอะไรหรอก...บุ๊คเขินแล้วน่ารัก”






----------------------------------2BC------------------------------------



ดีฮับ

ทำไมมาลงตอนดึกๆตลอดเลย แหะๆ

จีบกันต่อไปวัยรุ่น จีบกันไปหวานกันไปให้คนอ่านชะล่าใจ วะฮ่าๆๆๆ

ความจริงคือคนเขียนเครียดกลัวกดบัตรคอนไม่ทัน T^T

คนเขียนมาลงนิยายแล้วนะเราทำความดีเราต้องไม่นก แหะๆ


รักคนอ่าน รักคนเม้นทุกคนเลยยยยย

เจอกันตอนหน้าครับ ^^

ปล.ตอนที่แล้วมีคอมเม้นให้ลงว่านิยายอยู่หน้าไหนด้วย แปะแว้วน้าาา


สปอยตอนหน้า "แบงค์ ไปงานรวมรุ่นกับเราป่ะ?"


ไปแว้ววววว ฝันดีครับ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-08-2016 06:42:48
จีบกันวนไป น่ารัก
งานเลี้ยงรุ่นจะเกิดอะไรขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-08-2016 06:52:48
เขินแรง!!!!!!
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 20-08-2016 06:54:38
น่ารัก สนุกมากมาย ชอบที่สุด

นี่คือเพิ่งอ่านไปได้เพียงครึ่งตอนแรก(ต้องออกไปทำธุระ)
จะกลับมาอ่านอย่างตั้งใจแล้วจะเม้นท์เพิ่มให้อีกนะคะ^^ :กอด1:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-08-2016 08:43:08
กรี๊ดเขิน
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-08-2016 08:47:59
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-08-2016 08:53:11
เขินแทน

 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-08-2016 10:34:43
น่ารักมาก  เป็นห่วงกัน  หวานตลอด
รออ่านตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 20-08-2016 14:11:55
โอ๊ยยยย พ่อสายหยอด สายอ่อย มาหมดเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 20-08-2016 14:33:48
โอยขนาดนี้แล้ววววคนอ่านจะตาย ♡♡♡
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-08-2016 20:05:41
หวาน...หวานเกินไปแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 20-08-2016 20:47:49
จ้า...ตอนหน้า~
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-08-2016 21:23:43
 :-[
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง12 P.99 [2016/08/20]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-11-2016 20:27:03
พึ่งเจอเรื่องนี้อะ
คือเขินมากกก
รอค่าา
หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง13 Up[2016/11/04]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-11-2016 00:10:43
แพ้ทาง13










เช้าวันนี้ผมถูกปลุกด้วยเสียงฝน




   เช้าวันแรกของการปิดเทอมแทนที่จะได้นอนตื่นสายแต่กลับถูกปลุกด้วยเสียงสายฝนที่เทกระหน่ำซัดหน้าต่างห้องนอนดังกราวๆไม่หยุดกับเสียงฟ้าร้องที่ดังครืนครันอยู่ไกลๆ



ผมเดินสลึมสลือออกมาจากห้องนอนก็ได้กลิ่นอาหารโชยมาจากครัวแสดงว่าน้องสาวตัวแสบของผมตื่นแล้ว ผมอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เคลื่อนตัวเองมาที่ครัว มันนี่กำลังตักข้าวผัดคำโตค้างเติ่งอยู่ระหว่างจานกับปากสายตาก็จ้องไอเเพดที่กางเอาไว้ ผมเขกหัวน้องสาวตัวดี





   “รีบกินรีบไปโรงเรียนเลย ดูการ์ตูนอยู่ได้”


ยัยแสบทำปากยู่ใส่ผมแต่ก็ยอมปิดการ์ตูนแล้วทานข้าวดีๆ ผมเดินไปตักข้าวผัดที่ยังเหลือในกระทะใส่จานให้ตัวเองแล้วนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวตรงข้ามกับน้องสาว เหลือบมองถาดอาหารของเจ้าแมวอ้วนก็พบว่ามันเต็มเปี่ยมดี สายตาผมทอดไปเรื่อยมองสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ


   “วันนี้เอารถไปเลยนะ พี่ไม่ไปส่ง” ผมเอ่ยบอกกับน้องสาวเรียบๆ เธอเลิกคิ้วมองก่อนจะพยักหน้าแล้วยิ้มแป้นออกมา



   “เงินว่าจะขอพี่อยู่พอดีเลย”



เวลาพูดกับคนในครอบครัวน้องสาวผมจะแทนตัวเองว่าเงิน เธอบอกว่าจะได้ดูแมนๆ =,.= เอาที่สบายใจ


ผมนั่งทานไปเรื่อยๆสายตาก็มองสายฝนที่ตกอยู่ด้านนอกพลางคิดถึงใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันที่ไปติววันนั้น คิดแล้วก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว คนบางคนไม่ต้องมายืนอยู่ตรงหน้าแค่คิดถึงก็ทำให้เรายิ้มได้นี่ต้องพิเศษขนาดไหนกันนะ  แต่ความคิดเพ้อๆของผมก็ต้องสะดุดลงเพราะมือขาวๆที่แบมาตรงหน้าผม


   “อะไร?” ผมมองหน้าเจ้าของมือแล้วขมวดคิ้ว


   “สมทบทุนค่าน้ำมันด้วยค่ะ”



ผมส่ายหน้าเอือมๆก่อนจะบอกให้ไปหยิบเองที่กระเป๋าเงินที่อยู่ในห้องนอน



ยัยน้องสาวโดดสวอนเลคจากไป สักพักก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป บ้านตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งจะมีก็แต่เสียงฝนที่กระหน่ำซัดหน้าต่างดังกราวๆไม่หยุด




หลังจากจัดการกับปากท้องตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมเหลียวมองไปรอบๆบ้าน”รกได้ที่” เลยทีเดียว




 ผมลงมือทำความสะอาดบ้านคลอไปกับเพลงลูกทุ่งอีสานจากอัลบั้มรวมเพลงจากปลายปากกาของปราชญ์ดนตรีท่านหนึ่งที่ผมซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่ได้ฟัง เคล้าไปกับเสียงฝน ก็ฟินดีนะครับฮ่าๆๆๆ




   ในระหว่างที่ผมกำลังจัดการกับปลอกหมอนอิงในห้องนั่งเล่นเพื่อจะเอาไปซัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังออกมาจากในห้องนอนทำให้ผมต้องพักงานในมือเดินไปรับโทรศัพท์





หน้าจอแสดงเบอร์มือถือของคนที่ผมนั่งคิดถึงเขาอยู่เมื่อเช้า





‘BooK’





   “ครับผม” ผมรับโทรศัพท์พลางใจก็เต้นตึกตัก เป็นเอามาก


   [โหลแบงค์ นี่ไนท์นะ]   


   “เออ ว่า?” ผมเปิดสปีกเกอร์โฟนวางไว้ใกล้ๆระหว่างที่มือก็ทำงานไปด้วย


   [มีเรื่องรบกวนนิดหน่อยอ่ะ] ไนท์พูดเสียงแผ่วเชิงเกรงใจ


   “เออ มีไรก็ว่ามา”


   [คือ..พวกกูจะประชุมลับกันเรื่องกีฬาสีกันอ่ะ แล้วพอดีว่าคนหลายคนแล้วยังมีพวกอุปกรณ์อีก พวกกูไปบ้านมึงได้ไหม] พูดรวดเดียวแล้วจบด้วยคำว่าได้ไหมเชิงเกรงอกเกรงใจสุดๆ คำพูดแผ่วๆแบบไม่มั่นใจของเพื่อนทำให้ผมหลุดขำออกมาน้อยๆ


   “เออจะมาก็มาดิ แล้วมึงมาถูกป่ะเนี่ย”


   [เออว่ะ]




ผมได้ยินเสียงสนทนาจากปลายสายเป็นเสียงของคนหลายคนตอบกัน ก่อนที่เสียงของเจ้าของเบอร์โทรศัพท์จะดังขึ้นกลบ



   [โหลแบงค์ นี่บุ๊คนะ]


   “ครับโผมมมมม” ผมเผลอยิ้มกว้างออกมา ใจเต้นแรงมาก


   [เดี๋ยวแบงค์แชร์โลเคชั่นบ้านแบงค์มาทางไลน์ให้เรานะ จะได้ไปถูก]


   “โอเคครับ”


   [โอเค  แล้วเจอกัน]


   “อื้ม ขับรถดีดี”



แล้วสายก็ตัดไป คำว่าแล้วเจอกันของอีกคนทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นไปอีก รู้สึกเขินๆยังไงบอกไม่ถูก



ผมจัดการส่งโลเคชั่นไปให้บุ๊คทางไลน์แล้วรวบรวมปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนไปซัก จัดการตั้งเวลาซักเรียบร้อยแล้วเอาชุดผ้าปูและปลอกหมอนสำรองออกมาแล้วใส่มันเข้าไปให้ถูกที่ถูกทางจัดการงานในห้องเรียบร้อยก็หอบเอาบรรดาชุดปลอกหมอนอิงออกมาที่ห้องนั่งเล่น กำลังจะนั่งลงทำงานเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีก




   “อื้อว่าไง” บุ๊คโทรมาครับ คงจะโทรมาถามทาง



   [เราว่าเรามาถึงหน้าบ้านแบงค์แล้วแต่ไม่รู้จะใช่ป่าวอ่ะ]




พอได้ยินแบบนั้นผมเลยแทบจะวิ่งออกไปดูหน้าบ้าน เปิดประตูออกไปก็พบมาสด้าสองสีขาวคุ้นตาจอดติดเครื่องอยู่หน้าบ้าน



   “อื้อ ถูกแล้วเดี๋ยวเราไปเปิดประตูให้ รอแป๊ปนะ”



ผมวางสาย แล้วเดินกางร่มออกไปเปิดประตูให้รถเข้ามาจอดที่โรงรถ นอกจากมาสด้าคันนั้นแล้วก็ยังมีวีออสสีดำอีกคันที่ขับตามกันมา โชคดีที่วันนี้น้องสาวผมเอารถไปเรียนเลยทำให้มีที่จอด




ผมเดินไปหาเจ้าของรถมาสด้าสีขาวที่ก้าวลงมาจากที่นั่งข้างคนขับก่อนใครเพื่อน



   “มายากไหม” ผมเอ่ยถามก่อนจะแย่งเอาถุงในมืออีกฝ่ายมาถือ


   “นิดหน่อย พวกเราแวะซื้อของกินเข้ามาด้วยจะได้ไม่ลำบากแบงค์”


   “ไม่ลำบากหรอก”  ว่าจบก็เหลือบมองเพื่อนๆที่ทยอยลงจากรถบางคนก็เดินไปเอาของที่ท้ายรถ

 
   “เข้าบ้านกัน”  ผมเอ่ยกับเพื่อนๆก่อนจะแตะเบาเบาที่ข้อศอกของคนที่ยืนอยู่ข้างกันเอื้อเฟื้อร่มให้แล้วเดินไปพร้อมกัน




ผมเดินนำเพื่อนๆเข้ามาในบ้านนำทางไปที่โซนห้องนั่งเล่น




   “นั่งเลยๆ โทษทีนะบ้านไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ตามสบายเลยนะ” 


   “พวกกูซื้อของกินมาด้วยให้เอาไปไว้ไหน”  ไนท์เอ่ยก่อนจะชูถุงที่เธอถืออยู่เต็มสองมือ 



ผมเดินไปรับมาก่อนจะพึมพำบอกว่าจะเอาไปเก็บ  ผมจัดการเอาน้ำเอาขนมออกมาบริการเพื่อนๆที่ตอนนี้เริ่มกางงานขึ้นมา หลายคนก็กางแลปท็อปขึ้น ส่วนตัวผมก็ปล่อยให้เพื่อนคุยกันไปตัวเองก็นั่งลงกับพื้น ทำงานของตัวเองต่อให้เสร็จ
ในตอนที่ผมยัดหมอนใส่ปลอกใบแรกเสร็จก็รับรู้ถึงสายตาหลายคู่ที่มองมา


   “อะไร” ผมเงยหน้าขึ้นถาม


   “เปล่า” พวกมันว่าขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันไปคุยงานกันต่อ



เหลือบมองบุ๊คที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟากางแม็คแอร์อยู่บนตักข้างๆผม ผมส่งหมอนอิงใบที่พึ่งใส่ปลอกเสร็จให้อีกคน



   “เอาอันนี้รอง จะได้ไม่ร้อน”




เขาเลิกคิ้วมองผม ยิ้มให้ ก่อนจะรับหมอนไปแล้วพึมพำขอบใจ  ใส่ปลอกหมอนอิงเสร็จก็ส่งให้เพื่อนๆก่อนจะเดินออกมาดูผ้าที่ตั้งเวลาซักไว้ คงต้องตากในร่มไปก่อน หลังจากจัดการตากผ้าเรียบร้อยแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเช้านี้ยังไม่เห็นแมวอ้วนจอมขี้เกียจของผมเลย



   เหลือบไปมองจานข้าว...ก็กินแล้ว



เดินเข้าไปในห้องนอนสอดส่ายสายตามองไปทั่วก็เจอเจ้าก้อนขนสีกระดำกระด่างขดตัวอยู่ใต้โต๊ะเขียนหนังสือ จัดการเอานิ้วจิ้มพุงไปทีนึงตาสีเหลืองๆนั่นก็ลืมขึ้นมามอง



   “ไปนั่งเล่นข้างนอกกัน”



คุณดอลลาร์บิดขี้เกียจ เป็นอันว่าตกลง ผมอุ้มเอาเจ้าแมวอ้วนขึ้นมาคว้าเอากีตาร์มาด้วยแล้วออกมาสมทบกับเพื่อนๆที่ด้านนอก ผมนั่งลงที่พรมตรงโซฟาข้างๆบุ๊คคุณดอลลาร์ก็นอนลงข้างๆกัน ศีรษะผมชนเข้ากับเข่าของคนที่นั่งอยู่ด้านบนเล็กน้อยดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ว่าอะไรยังคุยกับเพื่อนปกติ



   “ไงคุณดอลลาร์” เสียงเบาๆดังขึ้นจากคนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างผม ก่อนที่มือขาวๆนั่นจะเอื้อมมาขยี้ขนด่างๆของเจ้าแมวอ้วน แก้มเขาเฉียดแก้มผมด้วยอ่ะ อืม...หอม



   ทักทายเจ้าแมวอ้วนเสร็จก็กลับไปนั่งตามเดิม ผมแหงนหน้ามองตามทำให้หัวผมไปดันๆที่เข่าของเขา บุ๊คก้มลงมองแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม


   “ทักแต่แมวอ้วน ไม่ทักเจ้าของแมวบ้างอ่ะ”


   “ก็ทักไปแล้วไง”


   “ไม่เอาดิ ทักแบบแมวไงแบบขยี้ๆหัวงี้” พูดจบผมก็เอาหัวถูๆเข้าที่ขาเขาเป็นเชิงหยอก


   “ชื่อคุณดอลลาร์หรอ? จะได้อยากให้ทักแบบแมว”


   “เปล่าครับ ชื่อแบงค์ กอปรกานต์  อยากเป็นแฟนคุณปรัชญาครับ” พูดจบก็ยักคิ้วให้อีกคนไปทีนึง


คือแหงนหน้ามองแบบกลับหัวแบบนี้ก็แปลกๆดีนะครับ แต่คนน่ารักมองมุมไหนก็น่ารักเหมือนเดิมจริงไหม อิอิ


   “มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย” ว่าจบเขาก็ละสายตาไปที่หน้าจอแลปท็อปของตัวเอง ผมก็กลับมานั่งดีดี หยิบมือถือขึ้นมาว่าจะเช็คความเคลื่อนไหวในโซเชี่ยลซะหน่อย





   คุณนาย สกุลอู๋  มาทำงานไหมล่ะไม่ใช่มานั่งจีบกัน หมั่นไส้   just now





โพสนั้นของไนท์แนบรูปภาพที่ผมแหงนหน้าคุยกับบุ๊คเมื่อครู่นี้ ผมยิ้มแล้วส่ายหัวเบาเบากับความช่างแซวของเพื่อน แล้วกดเข้าไปอ่านคอมเม้น




   Tor Alone  มีความไม่แคร์สื่อไปอีก

   Sico Man  กูไปตอนนี้ยังเผือกทันไหม สตาร์ทรถแล้วนะ

   Nut Indy   มารับกูด้วย Sico Man

   Jon Snow   กูหมั่นอิสวยได้ไหม ยิ้มอะไรเบอนั้น

   คุณนาย สกุลอู๋  หมั่นได้เพราะกูก็หมั่นเหมือนกัน Jon Snow

   Book PratchaYa   ทำงานไหมล่ะพวกเหี้ย คุณนาย สกุลอู๋  Jon Snow




ผมหัวเราะออกมาเบาเบากับคอมเม้นล่าสุด ก่อนจะแหงนหน้าไปมองเจ้าของเม้นอีกครั้ง บุ๊คตวัดสายตามามองผม



   “เลิกมองเลย เดี๋ยวพวกแม่งก็แซวอีก”




ก่อนที่ผมจะตอบอะไรกลับไปเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นปรากฏว่าเป็นแจ้งเตือนจากไลน์กลุ่ม



เดี๋ยวนี้ไปหากันถึงบ้านแล้วหราครับเดือนพละ


มีความคืบหน้าสินะ


เขามาคุยงานกัน


ตอบไปแบบนั้นแล้วกดถ่ายภาพเพื่อนๆที่นั่งกระจายในห้องนั่งเล่นไปให้พวกมันดู


พูดถึงคุยงานพวกมึงลงชื่อไปค่ายกับพวกพี่รามยังวะ


ค่ายไรวะ


ไอ้หนึ่งพึ่งจะโผล่มาครับ


เออ ค่ายไรทำไมกูไม่รู้


ค่ายสร้างฝายที่เขาทำร่วมกับอีกสองมหาลัย พี่รามบอกกูเมื่อวาน


ไอ้นัทเป็นคนไขความกระจ่างนี้ นอกจากมันจะเด็กเรียนแล้วมันยังรู้จักคนเขาทั่วไปหมด พี่ราม ที่ว่านี่เป็นนายกองค์การนักศึกษาที่เป็นสายรหัสของมัน


เออไปก็ไปดิ เมื่อไหร่อ่ะถ้าชนกีฬาสีไปไม่ได้นะเว่ย


เดี๋ยวกูบอกอีกทีกูกับไอ้โก้จะถึงบ้านมึงแล้ว มาเปิดประตูด้วย


อ้าวนี่มาจริงๆหรอวะเนี่ย


อ้าวแล้วกูอ่ะ


ไอ้หนึ่งเริ่มโวยละครับ เมื่อวานหลังจากที่สอบเสร็จมันก็หายหัวไปเลย


ไม่มีใครตอบอะไรไอ้หนึ่ง คือถ้าจะมาก็หาทางดิ้นรนมาเองนะครับเพื่อน ผมเลิกใส่ใจพวกมันแล้วกดเข้าไปเช็คข่าวในทวิตเตอร์ เขี่ยๆไปสักพักก็ได้ยินเสียงแตรรถมาจากหน้าบ้าน เลยลุกขึ้นไปเปิดประตูรั้วบ้าน ไอ้นัทกับไอ้โก้แว้นกันมา ทั้งๆที่ฝนยังตกปรอยๆอยู่ ลงทุนมากพวกมึง



   “กูซื้อของเหลวบำรุงตับมาด้วย” ไอ้นัทว่าขึ้นหลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว




ผมหรี่ตามองไอ้นัทที่ถือถุงเครื่องดื่มที่มีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ประจำชาติไทยสองตัวกำลังหันหน้าชนกัน




   “หาที่แดกก็บอกหาที่แดกไม่ใช่บอกจะมาคุยงาน” ผมแขวะมันไปนิดนึงก่อนจะเดินนำเข้าบ้านมา ปล่อยให้พวกนั้นเดินเข้าไปทักทายเพื่อนๆที่ห้องนั่งเล่น ส่วนตัวเองก็ไปเอาแก้วกับกระติกน้ำแข็งครับ ฮ่าๆๆ แหม ไหนๆมันก็ซื้อมาแล้ว แค่นั่งจิบๆที่บ้านตัวเองไม่เป็นไรหรอกเนอะ   



มีต่อครับ --->





หัวข้อ: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-11-2016 00:15:33
ต่อ --->




ผมส่งของที่ยกเข้ามาให้ไอ้โก้ไป ตัวเองก็ไปนั่งลงที่เดิม เพื่อนสนิทผมทั้งสองคนก็จัดการรินบริการเพื่อนที่ต้องการน้องแอลเข้าเลือด ส่วนผมน่ะหรอ...จิบเบียร์วันฝนตกนี่ก็ฟินไม่หยอกนะครับ แหะๆ




   “ด่ากูสุดท้ายก็แดก” ไอ้โก้แขวะผม




ผมยักไหล่แบบไม่ใส่ใจก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบอีกรอบ ไอ้นัทคงหมั่นไส้ท่าทางของผมมากมันเลยปาขนมใส่




คือ...ปามาทั้งถุง ไอ้!!!




แต่คือ...มันไม่โดนผมไงผมหลบทันแต่ดันไปโดนคนที่นั่งอยู่บนโซฟาแทน




   “มึงแม่ง ปามาไมวะ!!” ผมหันไปด่าไอ้เพื่อนตัวดี


   “ก็ไม่โดนมึงป่ะวะ”  ไนท์ถามกลับมา คือตอนนี้มันไปนั่งรวมกับไอ้เพื่อนสนิทผมเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวนะ..ได้ข่าวว่ามาคุยงาน


   “ก็เพราะมันไม่โดนกูไง” ผมชี้หน้าไอ้นัท


   “แม่งปาขนมโดนแค่นี้ทำมาหวง อิบุ๊คอ่ะกูนอนด้วยหลายครั้งแล้วมึงไม่รู้หรอ” 


   “นอนเชี่ยไรไนท์ เป็นผู้หญิงพูดดีดีหน่อย” บุ๊คแย้งมาจากบนโซฟา แล้วยื่นถุงขนมคืนให้ผม


   “เอ้าก็นอนจริงๆ กูกับมึงออกค่ายด้วยกันบ่อยจะตาย”




ผมเลิกสนใจพวกไก่กาหันมาแกะถุงขนมที่ถูกใช้เป็นอาวุธ แกะเสร็จก็ยื่นให้คนที่โดนปาใส่




   “ไม่กินอ่ะ แบงค์กินเลย”


   “ไมอ่ะ ไม่อ้วนหรอก”


   “ไม่ได้กลัวอ้วนซะหน่อย”


   “เออ อย่างอิบุ๊คอ่ะแดกแค่นี้มันไม่อ้วนหรอก เห็นบวมๆนั่นน่ะบวมเบียร์พวกมึงอย่าไปเชื่อหน้าใสใสของมัน ที่ใสใสอ่ะวอดก้าไม่ใช้น้ำเปล่า”  ไนท์ที่ถือแก้วเบียร์กลับไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่คุยงานกันเอ่ยท้วงมา




ผมยิ้มเงยหน้ามองคนที่โดนเพื่อนเผายิ้มๆแล้วเอ่ยถามเบาเบาพอให้ได้ยินแค่สองคน



   “จริงอ่ะ?”


   “อะไร”


   “ก็ที่ไนท์มันพูด ไม่ใสจริงหรอ?”


   “ชอบใสใสก็ไปจีบคนอื่น” บุ๊คพูดจบก็ตวัดสายตามองค้อนนิดนึงแล้วเมินไปสนใจงานของตัวเอง


   “ไม่ได้ชอบคนใสใส ชอบบุ๊คครับ”




ผมเห็นแก้มของคนที่บอกว่าตัวเองไม่ใสขึ้นสีเรื่อๆนิดๆ ฮ้า...ดีกับใจจริงๆ




ผมก็นั่งจิบเบียร์ไปพลาง เกลากีตาร์เล่นไปตามเพลงที่ชอบ





   
แชะ






ผมเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียงนั้นก็พบไอ้นัทคนเดิมเพิ่มเติมคือมือถือในมือ ผมหรี่ตามองมันแต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรมันก็เฉลยออกมาซะก่อน




   “ไอ้น้องหนึ่ง มันถามว่ากูอยู่ไหน”


   “มันจะมา?”



ไอ้นัทพยักหน้ารับ



   “มาไง มันไม่มีรถ”


   “เดี๋ยวให้มันมากับไอ้ต่อ”




ผมพยักหน้ารับแล้วก็หันมาสนใจกีตาร์ในมือ




เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนเพื่อนๆสาขาการศึกษาพิเศษฯขอตัวกลับไปก่อนเพราะรุ่นพี่เขานัดเข้าเชียร์ ตอนนี้เลยเหลือสมาชิกแค่เพื่อนๆสังคมศึกษาห้าคนแล้วก็พวกผมสามแล้วก็แมวอีกหนึ่ง




   “จะเที่ยงแล้ว ไปทำไรกินเหอะกูหิวละ” ไนท์ชวนเพื่อน


   “ของที่ซื้อมาอ่ะนะ” ผมถาม


   "อือ ขอใช้ครัวหน่อยนะ” เพื่อนผู้หญิงคนนึงพูดขึ้นแล้วยิ้มให้


   “ทำไรกินอ่ะ ทำช่วยไหม?” ผมเสนอตัวเพราะตัวเองก็พอทำเป็นอยู่บ้าง


   “ไม่ต้องมึง เดี๋ยวพวกกูทำเอง” ไนท์พูดแล้วชวนเพื่อนๆผู้หญิงเดินไปทางครัว เหลือแต่กลุ่มผู้ชาย




   “ทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ?” คนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆผมเอ่ยขึ้น บุ๊ควางแมคแอร์ลงที่โต๊ะเล็กแล้วโน้มตัวลงมาอุ้มคุณดอลลาร์ที่นอนเหยียดอยู่ข้างผมขึ้นไปเกาคางเล่น แหม หน้าเคลิ้มเลยนะไอ้แมวอ้วน


   “เป็น เพราะต้องอยู่กับน้องแค่สองคน ถ้าทำไม่เป็นเลยจะอยู่กันได้ไง แล้วยังเลี้ยงแมวอ้วนๆนี่อีก” พูดจบก็เอานิ้วจิ้มๆหน้าผากขนๆนั่น  เพราะว่าเพื่อนๆส่วนใหญ่ไปอยู่ในครัวกันโซฟาตัวยาวที่คนตาโตนั่งอยู่ก็เลยว่าง เจ้าตัวเลยนอนเหยียดยาวโดยหันหัวมาทางผมแล้วพาดหัวอยู่กับที่วางแขน พร้อมกับเอาเจ้าแมวอ้วนมานอนบนอก โอ้ยยยย อิจฉาแมว



   “ไม่อ้วนซะหน่อย เนอะคุณดอลลาร์เนอะ”  คนน่ารักที่นอนคุยกับแมวงุ้งๆงิ้งๆ แหนะ มีเอาจมูกชนกันด้วย...




ผมที่ทนอิจฉาไอ้แมวอ้วนที่นอนทำหน้าเคลิ้มนอนให้บุ๊คเกาคางให้ไม่ไหวเลยเอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้แมวตอแหลไปอีกที แต่กลับโดนคนที่นอนเป็นเตียงให้แมวดีดมือกลับมา





   “อย่าแกล้งน้องนะ”






...บ้าจริง...







ใจเต้นแรงมาก






   “แบงค์พวกมึงไปเล่นกันในห้องนอนไหม...เห็นหัวดำๆของพวกกูที่นั่งมองพวกมึงจีบกันบ้างก็ได้แหม”  ไอ้โก้ร้องทักมา
ผมหันวับไปมองมันตาขวาง



   “แดกไปเงียบๆไหม หรือไม่ก็หลับตาไว้”



ไอ้เพื่อนตัวดีของผมสองคนได้แต่หัวเราะคิกคักกันแล้วชนแก้วเหมือนพอใจอะไรสักอย่าง ผมหันกลับมามองคนที่ตกเป็นเชลยด้วยกันก็พบว่าคนที่นอนเป็นที่นอนให้แมวอยู่ตอนนี้เอาหน้าซุกพุงแมว ผมมองเห็นหูเขาแดงๆ



   "เป็นไร แล้วเอาหน้าไปซุกแบบนั้นขนเข้าปากหมด”



ผมพยายามจะอุ้มเอาเจ้าแมวอ้วนออกมาแต่เขาก็กอดมันเอาไว้แน่น คุณดอลลาร์ดีดดิ้นอยู่ผมกลัวว่าเขาจะโดนข่วนเอาเลยขู่ไป เจ้าตัวยอมปล่อยแต่โดยดีส่วนเจ้าแมวพอหลุดออกมากได้ก็โดดแผลวแล้ววิ่งหายไปในห้องนอนผม



พอปล่อยแมวแล้วก็เอาหมอนอิงมาซุกแทน เป็นไรวะ



   “เป็นไร” ผมสะกิดเรียก


   “ป่าว” เสียงอู้อี้นั้นดังมาจากเบื้องหลังหมอนอิงใบเล็ก





ดูจากกิริยาของคนตรงหน้าผมก็สรุปเอาแบบเข้าข้างตัวเองเต็มที่เลยว่าเขาเขินที่เพื่อนผมแซว




   “เขินหรอ” ผมแกล้งกระซิบถามใกล้กับหูแดงๆที่โผล่ออกมาพ้นหมอน





ตุ่บ





เสียงหมอนอิงฟาดเข้าข้างกกหูเต็มๆ



   “โอ้ย” ไม่เจ็บหรอกครับ แอ็คติ้งไปงั้นแหละ


   “เฮ้ย แบงค์เราขอโทษ”



คนที่ทำร้ายร่างกายกันเมื่อครู่ผุดลุกขึ้นนั่งเอามือแตะเบาเบาที่หลังมือผมที่แกล้งเอากุมตาข้างซ้ายเอาไว้ ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ไม่ระวังตัวเอาหน้าเข้ามาใกล้กัน  เนียนจับมือเขาไว้ก่อนจะตอบออกไป


   “ไม่เจ็บหรอก”


ว่าจบก็ส่งยิ้มกว้างๆไปให้ คนที่ตอนแรกหน้าแดงแล้วเปลี่ยนมาซีดเมื่อครู่ตอนนี้ก็กลับมาแดงอีกรอบ เจ้าของมือขาวๆชักมือกลับก่อนจะชกเข้าที่ไหล่ผมเต็มๆ  อันนี้เจ็บแฮะ




   “คราวนี้เจ็บยัง”


   “เจ็บแล้วครับ ไม่แกล้งแล้วๆ”



ผมยกมือยอมแพ้ แต่คนโดนแกล้งยังหน้ามุ่ยไม่เลิก


   “ที่จริงเราไม่ได้แกล้งนะ ไอ้พวกนั้นต่างหากไปชกมันด้วยดิ”



   “ไม่ต้องมาบุ้ยให้เพื่อนเลย”



   “เออ ไม่ต้องมาหาเรื่องให้กูเลย มึงแกล้งเขาแล้วมาว่าพวกกูนิสัยไม่ดีเลยนะครับคุณครู”  ไอ้โก้ว่ามา




มึงก็ครูไหมล่ะไอ้หอยหลอด



ผมหันมามองคนที่ตอนแรกเป็นจำเลยร่วมกันแต่ตอนนี้กลายเป็นโจทก์ของผมไปแล้ว


   “งอน?”



   “ใครงอน ไม่อ่อนเหอะ” แหน่ะมีเหวี่ยงๆ



พูดแค่นั้นเจ้าตัวก็เอามือถือออกมาเล่น เหมือนจะทำเป็นไม่สนใจผม 



   “ไม่งอนก็คุยกันหน่อยดิ”



   “...”



   “ขอโทษครับ ไม่แกล้งแล้วครับ” 




คนที่ตอนแรกบอกว่าไม่งอนตอนนี้ส่งยิ้มกว้างมาให้ผม โฮลลี่ชิท!!! ตาพร่าเลยทีเดียว




   “ก็แค่นั้นแหละ”


   “รู้ป่าว เขาว่ายิ่งผู้ชายแกล้งอ่ะแปลว่าเขายิ่งชอบนะ แกล้งมากๆก็แปลว่าชอบมากๆไง”




ผมยิ้มกว้างๆตอบกลับไป   อ่อยมาอ่อยกลับ ไม่โกงครับ




   “แล้วคุณดอลลาร์ไปไหนแล้ว” ว่าจบเขาก็กวาดตาหาเจ้าแมวอ้วนที่วิ่งหนีไปกบดานในห้องนอนผม กลบเกลื่อนริ้วแดงๆที่แก้มนั่น




แต่ยังไม่ทันได้ตอบก็มีเสียงแตรรถจากหน้าบ้านมาขัดซะก่อน



   “คงเป็นไอ้น้องหนึ่งมา เดี๋ยวไปเปิดบ้านให้มันก่อน คุณดอลลาร์วิ่งไปในห้องอ่ะไปจับเอาดิ”



ว่าจบผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วให้เพื่อน แปลกใจนิดหน่อยที่ไอ้หนึ่งมากับไอ้ต่อ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป



ไอ้หนึ่งเดินหน้ามุ่ยนำเข้าบ้านมาก่อนที่รถจะเข้ามาจอดซะอีก เห็นมันหอบถุงอะไรเยอะแยะส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง คงเป็นไอ้สองคนนั่นที่บอกให้ซื้อมาเพิ่ม ที่มีอยู่ก็แดกให้หมดไหม ทักทายกันเล็กน้อยกับไอ้ต่อแล้วเดินเข้าบ้านมาด้วยกัน



ได้ยินเสียงคนคุยกับแมวดังแว่วออกมาจากห้องนอนเลยแอบย่องไปดูซะหน่อย ภาพที่เห็นทำเอาผมรู้สึกอุ่นซ่านแปลกๆ  คนที่บอกว่าจะจับแมวอ้วนตอนนี้กำลังนอนคว่ำหน้าคุยเสียงงุ้งๆงิ้งๆกับเจ้าแมวที่งอนเข้าไปแอบอยู่ใต้ตู้หนังสือ




   “ออกมาเถอะน้า นะๆๆ เดี๋ยวให้กินหนมนะครับเด็กดี”



ผมเดินมานั่งลงที่เตียง มองคนที่ง้อแมวไปยิ้มไป  จนเจ้าแมวอ้วนยอมให้คนง้อจับตัวออกมา หยากไย่ติดหัวแป้นๆนั่นนิดนึง คนง้อเลยปัดออกให้ ท่าทางการเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงของผมนั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกหลุมรักอีกคนเข้าอีกครั้ง อ่อนโยนไปไหนวะ




   “ดูสิเห็นไหม ฉกปกเยยย” ว่าจบแล้วก็หอมหัวขนๆนั่นอีกที คือบับ....ดีกับใจ


    “จะขโมยแมวเรากลับบ้านด้วยป่ะเนี่ย”




จบคำผมทั้งคนทั้งแมวก็สะดุ้งโหยง 




   “ขะ เข้ามาตอนไหน!!”


   “ก็เข้ามาตอน...ออกมานะครับเด็กดี เดี๋ยวให้กินหนม” ว่าจบก็ยักคิ้วให้สองจึ้ก


   “แล้วทำไมไม่เรียกล่ะ”


   “ก็ เห็นง้อกันน่ารักดี”



บุ๊คหรี่ตามองผมแป๊ปนึงแล้วก็ก้มลงไปเล่นกับคุณดอลลาร์ต่อ ไปค้นเอาไม้แหย่แมวมาจากไหนไม่รู้มาหลอกล่อกันอยู่ ไอ้ไม่นี้ปกติเจ้าแมวอ้วนของผมมันไม่เล่นหรอกครับนี่คงติดอกติดใจกันเข้าจริงๆ



   “แบงค์”


   “หือ?”


   “...”


ท่าทางของบุ๊คเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เหมือนจะไม่มั่นใจ


   “มีไรรึเปล่า”


   “คือ...จะว่ามีมันก็มีอ่ะ”


   “???”


   “อ่า...เสาร์หน้าพวกเรามีนัดเลี้ยงรุ่นกันอ่ะ”


   “อ่าฮะแล้ว?”


   “คือก็ไม่ใช่งานเป็นทางการอะไร พอดีว่าอาจารย์ที่ปรึกษาท่านกลับมาจากต่างประเทศเลยอยากเจอลูกศิษย์ เลยนัดรวมๆกันมา”


   “...”


   “แล้วมันนัดกันร้านเหล้าไง ก็เลย”


   “เลย?”


   “โอ๊ะ โว้ยยยยย จะถามว่าแบงค์จะไปด้วยกันได้ไหม?”


   “ห๊ะ” นี่ไม่ได้กวนตีนนะ นี่อึ้งจริงๆ


   “ไม่ถามแล้ว”




ว่าจบคนถามก็อุ้มแมวอ้วนเดินออกจากห้องไป  ผมทิ้งตัวลงนอนกับเตียงพลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้  ทำไมเขาถึงมาชวนผมล่ะ ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนอยู่เยอะจะไปลากมาถามให้รู้เรื่อง ทำไมถึงมาชวน อีกนิดนึงผมจะคิดเข้าข้างตัวเองแล้วนะ คิดได้ไหมว่า พิเศษ




   “แบงค์ แบงค์โว้ยยยยยออกมากินเร็ว เสร็จแล้ว”  เสียงตะโกนเรียกของไนท์ดังขึ้นหน้าประตูห้อง




   “เออๆ เดี๋ยวออกไป”




ผมนอนคิดอะไรอยู่สักพักก็เดินตามเสียงเรียกไปที่ห้องนั่งเล่น ที่ตอนนี้พวกไอ้โก้คงจัดการเคลียร์ของที่อยู่กลางห้องไปไว้ที่มุมนึงให้มีที่ว่างตรงกลาง  ไอ้ที่บอกทำอะไรกินกันนี่คือ...ซื้อของมาต้มสุกี้ เนี่ยนะ!!!



   “ก็นึกว่าทำอะไรกิน”


   “อย่าเยอะๆ นั่งๆ เอ้าพวกมึงเขยิบหน่อยดิ๊”



ผมทรุดตัวลงนั่งตรงที่ว่างระหว่างบุ๊คกับไอ้น้องหนึ่ง  ผมรับเอาอุปกรณ์การกินที่แจกจ่ายกันมาจากเพื่อนเหลือบตามองคนข้างๆเป็นระยะ




   “อย่าพึ่งกินๆ ถ่ายรูปก่อน” เสียงไนท์เรียกมาจากฝั่งตรงข้าม พลางชูมือถือในมือขึ้น ตามธรรมเนียมสินะ=,.=




ทุกคนพร้อมใจกันเสนอหน้าเข้าไปในกล้อง เพราะคนเยอะผมเลยต้องเขยิบไปเบียดคนข้างๆด้วย ไหล่เรากระทบกันผมเอียงหัวไปทางเขาด้วยเล็กน้อย แต่เพื่อนฝั่งเขาเบียดเข้ามาอีกทำให้ตอนนี้ไหล่เขาเกยอยู่บนอกผมมาตั้งครึ่ง  บ้าจริง!!! ใจเต้นแรงมาก เส้นผมหอมๆอยู่แค่ปลายจมูกนี้เอง ผมเลยฉวยโอกาสนี้ฝังจมูกลงบนผมนิ่มๆของเขา รับรู้ได้ว่าอีกคนเกร็งตัวขึ้นมาทันที




   “หึ”


ผมหัวเราะในลำคอให้แค่คนที่โดนฉวยโอกาสได้ยิน  พอไนท์ลดกล้องลงผมเลยโดนศอกแหลมๆทิ่มพุงเข้าให้  เจ็บอ่ะ



นั่งกินไปเรื่อยๆพอเริ่มอิ่ม ผมเลยถามถึงเรื่องที่ไอ้นัทมันเกริ่นก่อนจะมา




   “นัท เรื่องค่ายอะไรของมึงน่ะวันไหน?” ผมถามในระหว่างที่รอแก้วเบียร์จากไอ้โก้




   “สัปดาห์หน้า ที่ท่าล้ง ค่าย ‘สี่คณะสามสถาบัน’ ปีนี้เราเป็นเจ้าภาพ”




   “แล้วคือลงชื่อได้ไม่จำกัดงี้หรอ?”  คราวนี้ไอ้ต่อเป็นคนถามบ้าง




   “ลงๆไปเหอะ เขาจะพาไปทำฝายกับสร้างบ้านดิน ใช้แรงล้วนๆงานนี้งบเยอะ”




   “กูอยากให้ฝ่ายกิจการเราทุ่มกับงานคณะแบบที่ทุ่มกับงานแบบนี้บ้าง” ไอ้ไนท์พูดเสียงอ่อยๆมาจากฝั่งตรงข้าม




   “ว่าไงล่ะใครจะไปบ้าง”




   “ไปกันหมดนี่แหละ พวกกูไปด้วย” ไนท์พูดสรุปเสร็จสรรพ




   “โอ้ยยยยยยกิจกรรมเยอะสัส กูจะไม่ไหวแล้ววววว” เสียงไอ้น้องหนึ่งที่ร้องโวยลั่นขึ้นทำเอาฮาทั้งวง




พอกินเสร็จก็เก็บล้างกันผมอาสาจะไปช่วยแต่สาวๆเขาบอกจะทำเอง ก็ปล่อยให้ทำไปครับ ผมเดินออกมาสูบบุหรี่หน้าบ้านก็เห็นไนท์ที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่ม้านั่งก่อนแล้วเลยเดินไปนั่งด้วย




   “มีเรื่องจะคุยด้วย” ผมพูดเสียงเบาเบา คนฟังพยักหน้ารับก่อนจะหันไปคุยกับคนในสายต่ออีกสองสามคำ ผมก็จุดบุหรี่รอจนเพื่อนวางสาย




   “อ่ะ ว่ามามีไร”  ไนท์พูดเสียงจริงจัง ในขณะที่มือก็ตอบไลน์ไปด้วย เออ ชีวิตยุ่งดีนะมึง




   “วันนี้บุ๊คมาชวนกูไปปาร์ตี้รวมรุ่น”




พอผมพูดจบไนท์ก็ตาโตอ้าปากค้าง ก่อนจะยิ้มแซว




   “มึงก็ไปดิ กูก็ไป”




   “จะให้กูไปในฐานะไรวะ”




   “ก็...เพื่อนไง”




   “...”



ผมไม่ตอบอะไรเพื่อน ได้แต่นั่งสูบบุหรี่ไปเงียบๆ จนในที่สุดไนท์ก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา



   “บุ๊คน่ะนะ มันก็เป็นแบบนี้แหละมันจะแคร์แค่คนที่มันแคร์จริงๆ กูว่ามึงน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาบ้างแหละ”



ผมไม่ตอบอะไรได้แต่นั่งมองสูบบุหรี่ไป



   “กูก็ตลกนะมีคนบอกว่ามันเป็นพวกไม่จริงจัง แต่มึงเชื่อมะตั้งแต่กูเป็นเพื่อนกับมันมากูยังเคยเห็นมันไม่จริงจังสักเรื่องเลย ถ้ามันถึงขนาดชวนมึงไปด้วย กูว่ามันก็จริงจังแหละ”



ผมหันขวับเลยครับ



   “มึงไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม”  ถามเพื่อความแน่ใจ



   “ใช่เรื่องพูดเล่นหรอ? กูเดาว่ามึงยังไม่ได้ให้คำตอบมันช่ะ? มึงก็ควรคิดนะว่าตัวมึงเองรึเปล่าที่ไม่จริงจัง มึงเองนั่นแหละที่จริงจังกับเพื่อนกูแค่ไหน”





ว่าจบไนท์ก็ลุกเข้าบ้านไป  ผมมองกลุ่มควันที่ลอยวนอยู่รอบๆตัว แล้วก็รับรู้ว่ามีคนเดินมาทางเบื้องหลังเลยหันไปมอง ก็เจอคนที่ตกเป็นประเด็นสนทนาเมื่อครู่ยืนอยู่ใกล้ๆ


   “แบงค์มีไรอ่ะ”



   “ห๊ะ?”  งงไหมครับ ผมก็งง



   “ก็ไนท์มันบอกแบงค์มีเรื่องคุยด้วย”



   “อ่อ”



ผมดับบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดก่อนก่อนจะยื่นมือไปหาคนที่ยืนอยู่  เขาดูตกใจที่ผมทำแบบนั้นอีกคนไม่ได้ส่งมือมา



   “แบงค์...”  มีแค่แววตาสงสัยสั่นไหวระริก



ผมยกมือค้างไว้แบบนั้นก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป บางอย่างที่ผมหวังเอาไว้ว่าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของเราสองคน



   “เราเคยบอกไว้ว่าจะไม่บังคับ วันนี้เรายังยืนยันคำเดิม ยังไม่ขอให้มาเป็นแฟนกันถึงจะอยากเป็นมากก็ตาม เราแค่อยากถาม...เราขอให้เราสองคนเป็นคนพิเศษของกันและกันได้ไหม...”





พูดไปแล้ว





เหมือนขอคบ แต่ก็ไม่ใช่




ผมยังยกมือค้างอยู่แบบนั้น จ้องมองคนที่โดนโยนโจทย์ยากใส่ แววตาสีสวยคู่นั้นสั่นไหวเหมือนจะแน่ใจ...แต่ก็ไม่




แล้วคนตรงหน้าก็ขยับตัว มือข้างนั้นสั่นระริกแต่ก็วางลงบนมือใหญ่ๆสากๆของผม กุมกระชับมั่น




   “เราไม่รู้หรอกนะว่าคำว่า ‘คนพิเศษ’ ของแบงค์จะแค่ไหน แต่ถ้าแบงค์คิดว่ามันจะโอเคกับเราทั้งคู่ เราจะให้แบงค์เป็นคนคนนั้นของเราก็ได้”  ว่าจบก็ส่งยิ้มกว้างๆมาให้




อากาศหม่นๆของวันนี้ทำให้อารมณ์ผมหม่นไม่ได้เลยครับจริงๆ




   “แล้วตกลงไปปาร์ตี้กันป่ะเนี่ย?”



   “ไปดิ ต้องไปอยู่แล้ว”




   “??”





   “ต้องไปเฝ้าว่าที่แฟน”


--------------------------------------2BC----------------------------------



ให้ความสัมพันธ์ขยับเข้าไปใกล้กันอีกนิด แต่ยังไม่ใช่แฟน งงไหม? ไม่งงเนอะ


เจอกันตอนหน้าครับ


ปล.รักคนอ่านรักคนเม้นทุกคนเลย ทุกคนคือกำลังใจที่ดีของเราเสมอ^^

ปล.2 เราเขียนเรื่องสั้นด้วย แหะๆ แปะไว้เผื่อคนไหนใจดีสนใจไปอ่านไปเม้น http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56322.0
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-11-2016 07:08:48
ดีต่อใจ  ขยับเข้าใกล้ไปอีกนิด
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-11-2016 07:17:17
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
ได้เป็นว่าที่แฟนก็ได้ รอขยับเป็นแฟนเร็ว ๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 05-11-2016 09:50:33
แงงงงง น่ารัก♡♡♡ ชอบมากค่ะ ว่าที่แฟน
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-11-2016 10:49:18
ขนาดยังไม่เป็นแฟนยังหวานขนาดนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2016 11:01:29
พัฒนาแล้ว
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-11-2016 14:49:45
ขนาดนี้ยังไม่ใช่แฟนกันอีก!?
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-11-2016 16:45:21
 พัฒนาความสัมพันธ์ดีขึ้นไปเรื่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-11-2016 16:57:18
โอ้......ความสัมพันธ์คืบหน้าแล้ววุ้ยยยย
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-11-2016 17:15:55
เขินนน
ใกล้เข้ามาอีกนิด
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-11-2016 20:09:46
หวานละมุนอีกแล้ว  มาลงให้อ่านอีกนะ  คิดถึงเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 05-11-2016 21:21:26
ฮุยยยยยยยย เค้าเป็นคนพิเศษกันแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 05-11-2016 22:04:31
ขนาดชวนไปงานเลี้ยงของตัวเองนี่ก็ต้องพิเศษระดับนึงอ่ะนะ
ความสัมพันธ์กำลังคืบหน้าไปด้วยดี
ขอให้แบงค์จงตั้งใจจีบต่อไปค่ะ ไม่รอดมือแน่ๆ
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-11-2016 18:55:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-01-2017 01:51:34
รอตอนต่อไป  :hao5:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-02-2017 13:43:10
สายอ่อย
บ่อยแรง

หนุกมาก
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 13-02-2017 18:50:38
ทำไมไม่เป็นแฟนไปเลย
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-02-2017 21:26:04
งือออออ ไรท์หายยยย :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: PloySupawadee ที่ 13-02-2017 22:38:57
ชอบน้องหนึ่ง มีความรู้สึกว่าน่าเอ็นดู จะมีเรื่องของ ต่อหนึ่งมั้ย นี่เชียร์ รักกกกก  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: --แพ้ทาง-- แพ้ทาง 13 Up[2016/11/5]
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 01-09-2017 23:45:08
ชอบมากกก งื้อน่ารักมาเลยยยย คนเขียนสู้ๆนะคะ เรารออ่านอยู่นะ จริงๆตามมาจากพี่โพซน้องจูน อ่านแล้วชอบเลยมาดูว่ามีผลงานอะไรบ้างเลยมาเจอเรื่องนี้ ชอบๆๆ