พิมพ์หน้านี้ - ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๒๐

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Undee ที่ 20-05-2016 22:49:17

หัวข้อ: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๒๐
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 20-05-2016 22:49:17
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๐


โอมปิด นะมิด พุทธคุ้ม เทวครอง !@#$%^&*(@#$%
“พ่อ!!!! หยุดสวดได้แล้วนะครับ มันดึกแล้ว ต๊ะ จะนอนนน”
“แกอย่ามายุ่งหน่า พ่อกำลังทำเพื่อแกอยู่นะ”
    เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆครับทุกคืนผมจะต้องมานั่งฟังพ่อผมสวดคาถา หยึกๆ หยักๆ ของพ่อ จนดึกดื่นทุกวัน เล่นเอาแทบไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือ แต่พอบ่นก็มักจะได้ยินเหตุผลข้างๆคูๆ ว่าทำเพื่อตัวผมตลอด อ้างเหตุผลแบบนี้ใครจะไปกล้าเถียงต่อหละครับ
“พ่อครับ”
“ว่า”
“อย่านอนดึกมากนะครับ ผมนอนแล้วนะครับ พรุ่งนี้ต้องไปลอกการบ้านแต่เช้า”
“ไอ้เด็กนี่!! ตั้งใจเรียนหน่อยไม่ได้หรือไงหา @#^@4^!$^#$%^!$%#^”
พูดกวนพ่อจบผมรีบวิ่งปรู๊ดขึ้นห้อง แต่ไม่วายมีเสียงบนลอยตามมาอีกยาวเหยียด อ่านหนังสือต่ออีกหน่อยดีกว่า ใกล้สอบทีไร ผมก็มักจะวุ่นวนอยู่กับการอ่านหนังสือทบทวนนี่หละครับ ถึงผมจะมีนิสัยค่อนข้างที่จะกวนบาทานิดๆน่ารักหน่อยๆ แต่ผมก็พยายามมากๆเรื่องเรียนเพื่อให้พ่อภูมิใจ ยังไงก็เหลือกันอยู่สองคนพ่อลูกนิครับ

“ต๊ะ!! ต๊ะ!! ต๊ะ!! ตื่น  ไปเข้าแถวได้แล้ว”
“เออๆ เดี๋ยวเก็บของแปปนึง”
“อะไรของมึงวะวันนี้หลับคาโต๊ะเรียนแต่เช้า”
“ก็พ่อกูเหมือนเดิมแหละ แม่ง!! ช่วงนี้ยิ่งใกล้สอบอยู่”
ผมบ่นให้ “ไอ้กร” เพื่อนคนเดียวในโรงเรียนของผม ฟังไม่ผิดหรอกครับ เพื่อนคนเดียวจริงๆ เหตุผลที่ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครคบกับผมหรอครับ ขอไล่ไปเป็นข้อๆเลย แล้วกันนะครับ
1.   โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีแต่ลูกคนรวยๆเรียนกันให้ยั้วเยี้ยไปหมด
2.   ผมมีฐานะ………… แน่นอนครับฐานะ “ยากจน”
3.   เข้ามาเรียนได้เพราะเส้นสายของ พ่อ
และข้อสุดท้าย

4.   พ่อผมเป็น  “ร่างทรง”


:heaven
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๐.๕.๒๕๕๙ }
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-05-2016 05:32:34
ต่ออีกนิดสิครับ ท่าทางน่าสนุก
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๐.๕.๒๕๕๙ }
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 21-05-2016 11:06:31
ท่าจะสนุกนะครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๐.๕.๒๕๕๙ }
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 21-05-2016 16:06:19
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑


“ มึงว่าโรงเรียนเราแปลกๆเปล่าวะ”
“ยังไง”
“ก็เป็นเอกชนแล้วยังต้องเข้าแถวอีก โรงเรียนคริสเตียนแถวบ้านกูไม่เห็นมีวะ”
“บ่นได้ตลอดนะมึงเนี่ย เดียวก็โดนจารย์ยรรยงจับยืนตากแห้งกลางสนามนะเว่ย”


ไอ้กรทำหน้าเอือมกับพฤติกรรมขี้บ่นของผม แต่มันคงชินแล้วหละครับ มันยังเคยแซวผมว่า นิสัยขี้บ่นคงถ่ายทอดผ่านกรรมพันธุ์จากพ่อสู่ลูกแบบเต็มๆ ไอ้นี่มันปากเสียพอๆกับผมแหละครับ แต่จะดีกว่าก็ตรงที่มันดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผม ก็มันเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวคนจีนนี่ครับ แต่แม่มันนี่อีสานขนานแท้ ล้านนนนน เปอร์เซ็นต์ ก็มันเล่นหน้าตี๋แต่ดันได้ผิวสีน้ำผึ้งของแม่มันสะเต็มๆ เล่นเอาสาวๆเสียดายกันเป็นแถว ถ้ามันขาวกว่านี้อีกหน่อยคงได้มีสาวๆรุมล้อมหน้าหลังไม่ต้องทำอะไรกันพอดี

นักเรียนเคารพ!!!

เชี่ย!!! สะดุ้งหมด เสียงประทานนักเรียนพูดผ่านไมโครโฟน เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง ก็กำลังคุยกับไอ้กรเพลินๆไม่ได้สนใจรอบข้างเลยนี่ครับ

"โหลๆ โหลๆ โหลๆ"
“สวัสดีนักเรียนทุกคน วันนี้ก็เป็นวันพฤหัสบดี ใกล้ช่วงสอบเข้าไปทุกที ขอให้ทุกคนได้ตั้งใจทบทวนบทเรียนอย่าได้ละเลยความตั้งใจ ที่จะเป็นผู้ที่ปัญญา ก้าวสู่ความตั้งใจ ที่จะเป็นผู้ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์ให้สังคมเจริญ!@#$%^&*()_)(*&^%$#W$ %^&)(*^@#$%^&**&^$”

โรงเรียนนี้มันเกินเยียวยาจริง นี่ผมอยู่ในโรงเรียนเอกชนหรูกลางเมืองจริงๆหรอครับเนี่ย เสียภาพพจน์ตั้งแต่เสียง โหลๆ ลองเสียงไมโครโฟนของ คุณหญิงแขไข ผู้ดำรงตำแหล่ง ผอ. และเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้ ( หลายคนคงสงสัยจากตอนที่แล้วว่า เฮ้ยพ่อมึงเป็นแค่ร่างทรง แล้วเอาเส้นสายมาจากไหนให้มึงเข้ามาเรียน ขอตอบตอนนี้เลยแร้วกันครับ ก็อาจารย์ส่วนใหญ่ในโรงเรียนผมเป็นท่านหญิง ท่านชาย ที่มีความเชื่อเรื่องผีๆสางๆกันเต็มองค์ และคุณพ่อของผมนั้นก็ได้เป็น “ปรึกษาทางจิตวิญญาณ”( เรียกสะหรูเชียว) ให้กับทุกๆท่าน ผมเลยได้โดนยัดเยียดให้เข้าเรียนที่นี่ได้หละครับ)

“และวันนี้ยังมีเรื่องให้พวกเธอทุกคนได้ร่วมยินดีกันอีกเรื่อง วันนี้โรงเรียนของเราได้มีครูใหม่เข้ามาสอนวันนี้เป็นวันแรก ขอให้ทุกคนปรบมือต้อนรับ ครูเพ็ญศรี   เชิญคะ ครูเพ็ญศรี”
“สวัสดีนักเรียนทุกคน นะคะ”

ตุบ!!

ต๊ะ!!! ต๊ะ!!! ต๊ะ!!! เป็นไรวะมึง ช่วยด้วยครับมีคนเป็นลม

ไอ้กรโวยวายอะไรของมันหวะ เสียงดังน่ารำคาญ คนยิ่งง่วงๆอยู่ แต่ทำไมผมหมดแรงอย่างนี่เนี่ย โอ้ย ปวดหัวชิบ ขอหลับสักงีบแล้วกันไม่ไหวแล้วครับ
 
ผมค่อยลืมตาตื่นขึ้นมา แต่เอ๊ะ ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนนี่หว่า ที่ไหนวะเนี่ย

“ตื่นแล้วหรอมึง”
“เออ กูอยู่ที่ไหนวะ”
“ห้องพยาบาล ก็มึงเล่นเป็นลมอยู่หน้าเสาธง กูแบกมาเนี่ยโคตรหนัก”

ไอ้นี่ติดเชื้อขี้บ่นมาจากกูหรือไงวะ สงสัยอยู่ด้วยกันมากเกินคงต้องปล่อยให้มันไปเจอสาวๆบ้างและ เดียวแก่ตัวไปให้มันมาเกาะติดแจ แบบนี้ก็ไม่ไหว  คิดแล้วแม่งปวดหัวชิบ

“มึงไหวเปล่าวะ จะไปเรียนเลยไหม”
“เออ ไปเลยก็ได้หวะ ไม่อยากอยู่ห้องพยาบาลด้วย แม่งหลอนนนนน”
“ได้ เดียวกูไปบอกจารย์ห้องพยาบาลแปป มึงพับผ้าจัดเตียงดีๆ แล้วหยิบกระเป๋าไปรอตรงทางออกนะ”

ห้องพยาบาลโรงเรียนอื่นอาจจะน่าหลบไปนอนเวลาอยากโดดเรียน แต่สำหรับโรงเรียนแห่งนี้แม่งไม่ควรทำอย่างยิ่งครับ ห้องพยาบาลอยู่ตึกท้ายสุดหลังโรงเรียน แถมยังอยู่ในอาคารเดียวกับกลุ่มวิชานาฏศิลป์อีก หลอนขั้นสุดไหมหละครับ

“อะ จารย์ห้องพยาบาลฝากวิตามินมาให้มึง”
“เออ ขอบใจ”

ผมรับซองยา ที่มีเม็ดยายาวรีสีส้มอยู่ด้านมาจากไอ้กร ก่อนจะพากันเดินลัดเลาะผ่านสวนหย่อมของตึกวิทย์มายังด้านหน้าโรงเรียน ที่ตอนนี้แทบจะไม่มีใครเดินไปเดินมาเพราะอยู่ในช่วงคาบเรียน หลังจากเดินไปเล่นไปถ่วงเวลาให้หมดคาบเรียนสุดท้ายของช่วงเช้า ผมสองคนก็มานั่งอยู่ที่โรงอาหารข้างตึกสังคม

“แดกไรมึง”
“ไม่รู้หวะ อะไรก็ได้มึงซื้อมาเหอะ”
“เค งั้นมึงนั่งรอกูแปป”

มันดูแลผมอย่างดีครับวันนี้ บริการทุกอย่าง ป่วยนี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ

“อ้าว!! อ้าว!! อ้าว!!  เข้าทรงแต่เช้าหน้าเสาธงเลยหรอวะ เล่นเอาสะเขากลัวตัวสั่นกันทั้งโรงเรียน”
“มึงนี่เจ๋งจริงวะ ฮ่าๆ”

พวกเชี่ย มาแล้วครับ หายนะของผมชัดๆ ดันมานั่งเป็นตัวเด่นคนเดียวอยู่กลางโรงอาหาร

“เอาไงจ๊ะ คราวนี้อะไรมาสิงอีกวะ”
“เฮ้ยมึง อย่าไปโดนตัวมัน เดี๋ยวก็โดนสิงหรอกสาสสสสสส”
ฮ่าฮ่าฮ่า

เอา เอาเลย หัวเราะกันเข้าไป หนึ่งในเหตุผลที่ผมเกลียดโรงเรียนนี้ก็ไอ้ พวกเชี่ย นี่แหละครับ ทุกคนก็รู้อยู่นะครับว่าผมไม่มีใครคบ แต่พวกที่ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน หรือทำเป็นขยะแขยงแล้วไม่เข้าใกล้ผม ยังดีกว่าไอ้พวกนี้เยอะ ได้แต่นั่งสงบสติ แล้วก็ทำใจครับ แต่คนอย่างผมหรอครับจะยอมใครง่าย ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะแบบชั่วร้ายสุด)

“หัวเราะเสียงดังมันรบกวนคนอื่นเขานะเว่ย พวกมึง”

อาวุธลับผมกลับมาแล้วครับ แน่นอนอย่างที่ทุกคนคิดเลยครับ ไอ้กร เพื่อนรักเพื่อนเลิฟ นั่นเอง ภาพไอ้กรค่อยแทรกตัวมาตรงกลางระหว่างไอ้สองตัวกวน ก่อนจะค่อยๆใช้มือทั้งสองข้างกดคอไอ้พวกตัวกวนจนหน้าพวกมันแนบชิดสนิทเป็นเนื้อเดียวกับพื้นโต๊ะเล่นเอาผมกลัวไปด้วย ไอ้นี่มันโหดจริงครับ ระดับนักมวยตัวแทนโรงเรียนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆครับ

“พวกมึงไม่เคยจำสิ่งที่กูบอกเลยใช่ไหม บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเพื่อนกู อยากตายหรือไงวะ”
“กร ใจเย็นๆนะมึง เดียวมันก็ตายหรอก”

เออ อันนี้เสียงผมเองครับ ไม่ได้เป็นคนดีหรือสงสารอะไรใครหรอกนะครับ แต่ผมกลัวไอ้สองคนนั้นมันตายจริงๆ ผมขอร้องไอ้กรอยู่นานกว่ามันจะยอมปล่อยตัวไอ้สองตัวแสบ ผมกลัวใจไอ้กรจริงๆครับสักวันมันจะไปฆ่าใครเขาตายเอา แค่คิดนี่ก็ขนลุกขนชันแล้ว

กริ๊งงงงงงงงงงง!!!!!!


หลังจากผ่านเหตุการณ์อันแล้วร้ายมาตลอดช่วงเช้า ผมก็มานั่งจุมปุก อยู่ห้องเรียนภาษาไทย ได้เรียนสักทีนะครับวันๆนี่เจออะไรเยอะจนปวดสมองไปหมด ว่าแต่ไอ้กรหายไปไหนของมันก็ไม่เนี่ย ทิ้งให้กูนั่งอยู่คนเดียว ยิ่งกลัวๆไอ้พวกเชี่ยนั่นจะกลับมาล้างแค้นอยู่

“อะ นักเรียนเปิดหนังสือหน้า ๑๗๑ นะคะ”

!!!ตกใจหมด  ( กูจะตกใจบ่อยไปไหนเนี่ย ) อาจารย์เข้าสอนแล้ว ไอ้กรยังไม่มาอีก ไปไหนของมันวะชักจะห่วงแล้วสิ

“หลักการแต่งโครงสี่สุภาพนะคะ นักเรียนเราจะเริ่มด้วย”

ก๊อก!! ก๊อก!!

“อนุญาตคะอาจารย์ คือว่าท่าน ผอ.ให้หนูพานักเรียนใหม่มาที่ห้องคะ”

เสียงเจื้อยแจ้วของเลขาสภานักเรียนพูดกับอาจารย์เล่นเอานักเรียนชายในห้องเคลิ้มไปตามๆกัน ก็คนอะไรไม่รู้ ตัวเล็ก น่ารัก ผมยาวสวย แถมด้วยความสารถอีกเพียบ ถ้าได้เป็นแฟนก็คงจะดี เฮ้อ แต่คงเป็นได้แค่ฝัน ก็ผมมันคือ ไอ้ คน ที่ ไม่ มี ใคร คบ นี่ ครับ

“ขอบใจจ๊ะ รติกาล เอ้า เด็กใหม่เข้ามาสิ”

กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

คราวนี้คงถึงคราวของนักเรียนหญิงโรงเรียนเราได้แสดงภาพลักษณ์อันงดงาม หลังจากนักเรียนชายเคลิบเคริ้มไปกับสาวน่ารักอย่าง รติกาล แต่เด็กใหม่นี่เล่นเอาสะกุลสตรีโรงเรียนผมนี่กรีดร้องกันลั่น ก็จะอะไรหละครับ เล่นเอาสะหล่อลากดินขนาดนี้ เล่นเอาอาจารย์มาลี ต้องกระแอมห้ามเป็นการใหญ่

“เงียบนะคะทุกคน  เด็กใหม่เชิญแนะนำตัวคะ”
“สวัสดีทุกคนนะครับ อธิพงศ์ เกียรติเจริญธรรม เก้า นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

เชี่ย!!!!

ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม หลังจากโพลงคำไม่สมควรออกไปดังลั่น

“อภิรักษ์ เธอเป็นอะไร”
“เปล่าครับอาจารย์ ขอโทษครับ”
“งันเด็กใหม่เธอไปนั่งกับ อภิรักษ์ แล้วกัน จะได้สนิทกันไว้”
“ครับผม”

เป็นการตัดสินใจที่ดีมากครับอาจารย์ ประชดโว้ย ให้เด็กใหม่ที่ผมพึ่งตะโกนคำว่า “เชี่ย" ใส่มันดังลั่นห้องมานั่งด้วยกัน เพื่อจะได้สนิทสนม เป็นตรรกะที่ดีมากครับ อาจารย์ เด็กใหม่เดินมาจากหน้าห้อง ตรงมายังเก้าอี้ข้างผมที่อยู่ท้ายห้องสุด ผ่านเสียงยินดียินร้ายต่างๆนาๆ

“หล่ออะแก”
“น่ารักเนอะ อยากได้เลยคร่า”
“ซวยชะมัดดันได้ไปนั่งกับไอ้ร่างทรง”

แต่มันกลับยิ้มไม่ได้สนใจอะไรเลย สงสัยจะเป็นพวกหน้าตาดีแต่ปัญญาอ่อน แต่เดียวก่อนนะครับได้ยินว่าช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบ แต่มีเด็กใหม่ย้ายเข้ามาได้ ไอ้นี่คงเส้นใหญ่ไม่เบา เป็นพวกลูกมาเฟีย ลูกเจ้าพ่ออะไรทำนองนั้นหรือเปล่าวะ แต่ดูจากท่าทางแอ๊บ สุภาพบุรุษหน้าชั้นเรียนขนาดนั้น นิสัยแม่งเกรียนชัวร์

“หวัดดี กูชื่อ เก้า นะ”

นั่นไงกูว่าแล้วว่าแม่งต้องเกรียนผิดจากทีทายไว้ไหมหละ มึงเป็นคนเดียวกับได้คุณชายที่อยู่หน้าชั้นเรียนเมื่อครู่จริงๆนะหรอครับ

“กูถามอะไรมึงหน่อยดิ”
“อือ”
“ทำไมตอนกูอยู่หน้าห้องมึงต้องร้อง เชี้ย ด้วยวะ”

ห่วงแต่วิเคราะห์ชาวบ้านเกือบลืมสิ่งที่ตัวเองทำไปแล้วไง ทำไมผมถึงร้องเชี้ยนะหรอครับ แน่นอนว่าสิ่งที่ผมได้รับถ่ายทอดจากพ่อ ไม่ใช่แค่นิสัยขี้บ่นอย่างเดียว ยังมีสิ่งอื่นอีกมากมายแต่ที่สำคัญที่สุดของผู้ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ แน่นอนผมรับถ่ายทอดจากพ่อมาเต็มๆ เห็นนะสิครับ ความสามารถที่ผมไม่ค่อยเต็มใจรับเท่าไหร่ “การมองเห็นวิญญาณ” สยองใช่ไหมหละครับ แต่ก็แปลกนะครับ ที่เหมือนกับว่าพวกมันจะมองไม่เห็นผม เฮ้อ ชีวิตผมนี่บัดซบจริงนะครับ ในโลกมนุษย์ก็ไม่มีตัวตน ขนาดโลกของผีก็เหมือนจะไม่มีตัวตนอีก น่าสงสารไหมหละครับ

“มึงเหม่อ อะไรวะ”
“เปล่า”
“แล้วที่กูถามอะ ตกลงว่าไง”
“ไม่มีไรหรอก กูแค่ตกใจอะ ไม่คิดว่าจะมีเด็กใหม่เข้ามาช่วงปลายเทอม”

จะให้ผมบอกมันได้ยังไงหละครับ ว่าผมเห็นผีติดตามมันอยู่ มันคงจะว่าผมบ้า หรือไม่ก็พลอยกลัวผมเหมือนกับทุกคนในโรงเรียน แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้นะครับที่ผมจะได้มีเพื่อนใหม่กับเขาสักที


...........................................................................................


แต่ละตอนอาจจะสั้นบ้างยาวบ้างตามที่คนเขียนคิดออกนะครับ เรื่องราวอาจจะอ่านแล้วไม่ค่อยเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไร แต่เพราะอยากลองเขียนนิยายดูสักเรื่อง ผิดพลาดตรงไหนช่วยแนะนำด้วยนะครับ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะครับ
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๑.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 21-05-2016 16:33:11
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๑.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 21-05-2016 17:43:32
รอให้เด็กใหม่จับต๊ะกด ฮิๆ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๑.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 21-05-2016 18:48:09
สนุกดีค่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๑.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 22-05-2016 17:46:48
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๒


“พ่อคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”

เย็นขนาดนี้แล้วพ่อไปไหน ยิ่งมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาอยู่  หรือว่า!!! เหมือนร่างกายทำงานสัมพันธ์กับสมองได้ดีไปชั่วขณะ ผมรีบวิ่งตรงจากบ้าน ไปที่สำนักของพ่อที่อยู่ท้ายซอย ที่สมองทำงานได้ดีไม่ใช่จับสัญญาณ หรือมีพรายมากระซิบบอกอะไรได้หรอกนะครับ แต่ดันเหลือบไปเห็นปฏิทินที่อยู่กลางบ้าน ว่าวันนี้ตรงกับวันที่ ๑๕ นะสิครับ จึงมั่นใจได้ว่าวันนี้พ่อต้องอยู่ที่สำนัก และคนต้องเต็มสำนักแน่นอน จะอะไรได้อีกหละครับชาวบ้านก็มาขอหวยกันตามเคย  ก็ช่วงเปิดสำนักใหม่พ่อตั่งใจจะทำเพื่อช่วยเหลือคนตามที่ย่าได้สั่งเสียไว้  แต่ดันมีชาวบ้านคิดว่าจะเปิดเพื่อหลอกเอาเงิน เลยท้าว่าถ้าแน่จริงใบ้หวยให้ถูก ๓ งวดติด แล้วพ่อผมใช่ขี้ๆที่ไหนหละครับ จัดไป ๓ งวด ๓ ตัวตรง เล่นเอาชื่อเสียงกระฉ่อน จนเสาสำนักสะเทือน ชาวบ้านแห่กันมาทะลักทลาย

“พ่อ!!  เป็นไงบ้าง”
“เอ็งเข้ามายังไงวะ”
“ข้ามาทางประตูหลังสำนักจ๊ะ”
“เออ เออ มาช่วยกันดันประตูเร็ว”

บอกไว้ก่อนเลยนะครับ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นประจำคืนก่อนวันหวยออก เพราะพ่อที่เป็นเจ้าทรงจะต้องมาทำพิธีไหว้องค์เทพ แต่วันไหว้องค์เทพมาตรงกับวันก่อนหวยออกมีหรอครับที่ชาวบ้านแถวนี้จะอยู่เฉย บุกมาจนประตูสำนักเปลี่ยนไปแล้วตั้ง ๓ บาน จนตอนนี้พ่อต้องไปปรึกษาสถาปนิกเป็นการใหญ่ “เอาประตูแบบที่รถถังชนก็ไม่พัง” เป็นคำที่พ่อพูดขึ้นกับสถาปนิกที่ไปปรึกษา เล่นเอาฮากันไปทั้งสำนักงาน

“ท่านเจ้าขา พวกเราเดือดร้อนจริงๆนะเจ้าคะ”
“เรื่องแบบนี้ข้าจะไม่ช่วยอีกแล้วนะ มันผิด มันมอมเมาชาวบ้าน พวกเอ็งกลับไปเถอะ”
“ไหนท่านบอกว่าจะช่วยพวกเราไงเจ้าคะ เรื่องเงินก็ถือเป็นเรื่องเดือดร้อนนะเจ้าคะ”
“ก็ไปทำงานทำการกัน สิโว้ยยยยยยยยยย!!!!!”

หลังจากเถียงกันมาเกือบชั่วโมง เหมือนท่านพ่อของข้าพเจ้านั้น จะเริ่มทนไม่ไหวแล้วหละขอรับ แถมตอนนี้พ่อของข้าพเจ้านั้น ได้หันหน้ามามองข้าพเจ้าที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสายตาอันมีเลศนัยแอบแฝงอะไรบางอย่าง

“ต๊ะ ใช้ไอ้นั่นสะ”
“ไม่นะพ่อ ผมไม่อยากใช้ไอ้นั่น”
“ข้าสั่ง เอ็งต้องไปทำ”

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดกำลังจะเกิด คำสั่งประกาศิตจากเทพผู้ครองสำนัก ทำเอาข้าพเจ้าที่เป็นเพียงข้ารับใช้หวาดกลัวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ข้าขออโหสิกรรมต่อป้าน้อยร้านขายข้าวแกง ลุงแดนมอไซต์วิน ป้าต้อยร้านขายผลไม และก็ลุงป้าๆทั้งหลายนะจ๊ะ ลาก่อนนนนนนนน

ซ่า!!!!

“ไอ้ต๊ะ ไอ้เด็กเปรตตตตตตตตต”
“ขอโทษจ๊ะป้า เขาขอโทดดดดดดดด”
เครื่องสูบน้ำขนาดสิบหกสูบประจำสำนัก พ่นน้ำด้วยความเร็วหกสิบน็อตต่อชั่วโมง (เครื่องสูบน้ำ หรือเครื่องบินรบวะ) สร้างความชุ่มช่ำให้ลุงๆป้าๆที่พยายามจะทำลายประตูสำนักกันถ้วนหน้า พร้อมเสียงก่นด่าสาปแช่งอีกเป็นชุด ก่อนจะทยอยกันออกจากสำนักเพราะเริ่มจะทนไม่ไหวกับความหนาวเย็น จากน้ำที่เปียกชุ่มตัวอยู่

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กลับกันได้สักที่”
“พ่อเป็นโรคจิตปะเนี่ย หัวเราะนี่สบายใจที่ชาวบ้านกลับไป หรือสะใจที่ลูกโดนรุมด่าเนี่ย”
“เอ็งนี่ขี้บ่นไปได้ ติดนิสัยมาจากใครกันนะ น่ารำคาญจริง”

เหมือนพวกขี้บ่นนี่จะไม่ค่อยรู้ตัวนะครับว่าตัวเองขี้บ่น (เหมือนด่าตัวเองยังไงไม่รู้) แต่ช่างเหอะ วันนี้ปล่อยไปวันนึงแล้วกัน ขี้เกียจเถียงกับคนแก่ขี้บ่น แบบตาลุงนี่ด้วย

“เอ็งกลับไปบ้านก่อนไป พ่อจะเริ่มพิธีแล้ว”
“จ๊ะ”

คนอุตส่าห์รีบมาช่วยดันไล่กลับบ้านอีก น่าเบื่อจริง กลับบ้านไปนะจะกินกับข้าวที่ป้าบัวทำไว้ให้แบบไม่เหลืออะไรให้สักอย่าง ปล่อยให้กินข้าวคลุกน้ำปลาสะให้เข็ด

“อย่าพึ่งกลับสิอยู่ที่นี่ก่อน เจ้ามีเรื่องจะให้ข้าช่วยมิใช่หรือ”

เสียงผู้หญิงที่ไหนดังมาจากไหนดังมาจากในสำนักนะ เมื่อกื๊พ่อก็อยู่ข้างในคนเดียวนี่นา เข้าไปดูหน่อยดีกว่า รีบไล่เรากลับนี่คงไม่ได้แอบซ่อนสาวที่ไหนไว้หรอกนะ ร้ายนะตาลุงขี้บ่น เดียวนี้มีซุกกงซุกกิ๊กแบบไม่ขออนุญาตจากลูกชายสุดที่รักด้วย

“มาแล้วหรอบุตรแห่งข้า”

พ่อ!! พ่อ!! พ่อ!! นี่หว่านั่งอยู่คนเดียวด้วย แล้วทำไมเสียงพ่อถึงเป็นแบบนั้น แล้วไอ้วิธิการพูดแปลกๆแบบนี้มันอะไรกัน

“สงสัยอะไรกันเล่าบุตรแห่งข้า นี่ข้าเอง ผู้ประทานเจ้าให้ชายผู้นี้เป็นผู้ดูแลไงเล่า”

ถึงผมจะพูดเสมอว่าตัวเองเป็นลูกชายของ ร่างทรง ก็เถอะ แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้พูดคุยกับองค์ต่างๆของพ่อแบบตัวต่อตัว เพราะปกติพ่อมักจะไล่ผมไม่ให้มาเข้าใกล้เวลาเข้าทรง หรือไปช่วยเหลือใคร ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ แต่ผมก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไรนัก เพราะคิดว่าพ่อคงกลัวผมจะอายที่ต้องมีพ่อทำอะไรแบบนี้ ทั้งที่จริงแล้วตัวผมจะไม่ได้คิดอะไรก็เถอะ แถมยังจะค่อนข้างภูมิใจด้วยซ้ำ เวลามีชาวบ้านหอบข้าวหอบของมาขอบคุณพ่อที่คอยช่วยเหลือให้พ้นทุกข์ แต่การเจอเหตุการณ์ต่อน่าต่อตา แถมยังพูดคุยใกล้ชิดแบบนี้คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมจะขนลุกขนาดไหน

“เจ้าเป็นอะไรไป กลัวข้างั้นหรือ”
“ปะ ปะ เปล่า ครับ แค่ตกใจมากกว่า”
“ผี สาง วิญญาณเจ้าก็มองเห็น แต่กับตกใจกับการเข้าทรง น่าขันสิ้นดิ”
“คะ ค ครับ”
“เจ้ามีปัญหาให้จะให้พ่อเจ้าช่วยไม่ใช่หรอ บอกข้ามาเลยสิ สุดท้ายพ่อของเจ้าก็ต้องให้ข้าเป็นคนช่วยอยู่ดี”

เกือบลืมไปแล้วสิ อยากด่าในความจำสั้นๆของตัวเองนัก แต่ทำไงได้หละ คนโง่ๆอย่างผม ถ้ามีไม่มีคนคอยเตือนเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็มักจะลืมจนกลายเป็นเรื่องปกติ

“คือ คือ เพื่อนที่โรงเรียนคนนึงนะครับ เขามีผีตามอยู่ แต่ผมว่ามันแปลกๆนะครับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉลาดสมเป็นลูกของข้าจริงๆ เล่าต่อสิที่ว่าแปลก มันแปลกยังไง”

ถึงผมจะเห็นวิญญาณลอยไปลอยมาในโลกของเรา หรือวิญญาณที่เกาะติดตามญาติ หรือคนรักเพราะยังไม่หมดห่วง หรือเพราะอะไรก็ตาม แต่ครั้งนี้มันดูแตกต่าง ปกติวิญญาณเหล่านั้นจะไม่ตอบสนองต่อการมองเห็นของผม จะลอยผ่าน หรือทำเหมือนผมไม่มีตัวตน นอกจากผมจะพยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย พวกเขาตกใจด้วยซ้ำที่ผมเข้าไปทัก แถมยังพยายามไล่ไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งด้วย แต่ครั้งนี้มันแปลก ทั้งที่ผมไม่ได้ทัก หรือเข้าไปยุ่งแต่เหมือนวิญญาณที่เกาะติด “เก้า” อยู่จะพยายามหลบผมแบบแปลกๆ และยังดูหวาดกลัวในตัวผมอีก หน้าของมันก็ดูทรมาน แววตาอาฆาตเหมือนโกรธแค้นทุกคน ผมยังจำดวงตานั้นได้ดี แววตาแห่งความทรมานนั้น

“โหงพราย ไงหละ”
“โหงพราย ???”

โหงพรายหรือวิญญาณคนตายที่เรียกมาด้วยอาคม แล้วผูกไว้ใช้งานด้วยอาคม มันก็เหมือนสัญญาทาส จะต้องจำใจทำบาป ร่วมคนเลี้ยง หน้าตาพวกมันถึงได้ดูทรมาน เพราะบางตัวก็ไม่เต็มใจจะทำ แต่เพราะอาคมที่ผูกไว้เลยไม่อาจขัดขืนได้ วิญญาณพวกนี้มักเป็นพวกตายโหงแล้วหมอผีต่างๆก็จะไปเรียกวิญญาณตรงจุดที่เกิดการตาย หรือที่เก็บศพ เรียกมาด้วยอาคม แล้วผูกไว้ด้วยอาคม เอาไว้ใช้ในงาน เวลาหมอผีพวกนี้ใช้มนตร์ดำ ปล่อยคุณไสย์ใส่ใคร ก็ต้องใช้ผีแฝงไปกับคุณไสยไปกระทำเหยื่อ ที่มีคนว่าจ้างให้ทำด้วย เล่นหนักเล่นหนักเบาก็ขึ้นอยู่กับคนจ้าง ว่าต้องการให้ทำอะไร เบาะๆ แค่สั่งสอน หรือจะให้เป็นบ้า หรือว่าจะเอาให้ตายกันทันที

“คุณพระ”

ถึงครอบครัวจะอยู่ในวงการผีสางก็เถอะ แต่การมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่คนอย่างผมจะรับไหวนะครับ ความน่ากลัว เรื่องร้ายๆ เหมือนจะเริ่มประเดประดังเข้ามาในชีวิตแล้วสิ เชี่ย ขอพูคำนี้อีกแสนครั้งให้ลั่นจนคอแตกไปเลย ถ้าไม่เพราะเราอยากได้ ไอ้เก้า มาเป็นเพื่อนคนใหม่ ก็คงไม่ต้องมารับรู้กับเรื่องน่ากลัวแบบนี้ กูนะกู คิดอะไรของกูกันนะ ชอบหาเหาใส่หัวเสียจริง โอ้ยยยยย!!!!

“พาเด็กนั่นมาที่นี่สิ”
“อะ อะ อะไรนะครับ”
“ข้าบอกให้พาเด็กหนุ่มนั่นมาที่นี่”

เชี่ยยยยยยยยยยยย  ให้พา ไอ้เก้า มาที่บ้านนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!


...


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ตอนที่สามเริ่มมีผีแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆๆ  แต่ตอนที่สี่กับภารกิจพา ผช กลับบ้านของต๊ะ อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๒.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 22-05-2016 20:10:45
น่าติดตามเป็นที่สุด
ท่าทางน้องต๊ะคงไม่อยากให้เพื่อนใหม่หน้าหล่อรู้ว่าที่บ้านทำอะไร
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๒.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 22-05-2016 22:14:53
พาหนุ่มเข้าบ้าน

คุณพ่อเปิดทางขนาดนี้ก็พามาเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๒.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 22-05-2016 22:42:36
เปิดมาแปปๆก็จะพาผู้ชายเข้าบ้านซะแล้วหรอเนี่ย //ไม่ใช่และ 55555
เปิดเรื่องมาได้น่าสนุกดี ติดตามนะคะ มาอัพตอนใหม่ต่ออีกไวๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๒.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 23-05-2016 16:32:30
ด้วยรัก และโหงพลาย
ตอนที่ ๓


“มึง  ไปบ้านกูเปล่า”
“เฮ้ย!!! ไปบ้านกูเดี๋ยวกับกูนี้”
“ไปบ้านกูหน่อยยยยนะ”

โอ้ยยยยยย!!! อยากจะบ้า  ทำไงดีวะกู สำหรับคนอื่นการแค่ชวนเพื่อนมาบ้านคงเป็นเรื่องปกติ และง่ายมากกกกกกกกก แต่สำหรับผมหรอคับ เคยทำที่ไหน สงสารตัวเองก็สงสารที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่จะปล่อยให้เพื่อน(ในอนาคต) ต้องมาเจอเรื่องร้ายที่อาจถึงชีวิต กูดันมาเป็นคนดีสะอีก  เฮ้ออออ เหนื่อยใจ หลับดีกว่า

ปัง!!!

“เชี่ยกร  ไอ้ห่ามึงจะทุบโต๊ะทำไมวะ”
“กูเจอมึงทีไรแม่งหลับอยู่ทุกที”
“เออ กูเครียดๆวะ นอนไม่ค่อยหลับ”
“เรื่องไรวะ บอกหน่อยดิ”
“ไม่มีไรหรอก ไปนั่งที่มึงได้แล้ว ไป ไป ไป”

ไอ้เชี่ยนี่รู้ทันตลอด มีผีคอยกระซิบหรือไงวะ เอ๊ะๆ  ได้ยินคนแอบด่าว่าไอ้กรก็เพื่อนมึง แล้วมึงจะไม่เคยชวนมันไปบ้านเลยหรอ แน่นอนครับไอ้กรต้องเคยไปบ้านผม แต่ผมเคยชวนมันไปที่ไหนหละ ก็ที่ได้สนิทกับมัน ก็เพราะแม่มันไปที่สำนักของพ่อผมบ่อยๆแล้วก็มีมันนี่และที่ติดสอยห้อยตามมากับแม่ ก็เลยเล่นกันมาตั่งแต่เด็กๆ สนิทกันอยู่สองคน เฮ้อออ ยิ่งเล่าก็ยิ่งเศร้าในชะตาชีวิตของตัวเอง

“ก็ที่กู อยู่ข้างมึง มึงจะให้กูไปไหน”
“เสียใจด้วยวะเพื่อน ที่มึงโดดเรียนคาบจารย์มาลี เมื่อวาน เจ๊แกได้จัดการย้ายที่นั่งมึงไปโน้นนนนนนนนนนนนนน  เรียบร้อยแล้วคับ”

ไอ้กรทำหน้าเหวอมองตามปลายนิ้วผมที่ชี้ไปที่เก้าอี้มุมห้องคนละด้านกับที่นั่งผม หน้าตามันตลกดีครับ อ้าปากกว้างจนตาหยีเป็นขีด ฮ่า สะใจก็สะใจสงสารก็สงสาร ที่มันเหวอไม่ใช่อะไรหรอกครับก็ที่ที่มันจะได้ไปนั่ง คนที่นั่งคู่กับมันคือ ไอ้สัน หัวหน้าห้องจอมเฮี้ยบ ที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะนั่งด้วย แต่เวลาทำงานกลุ่มนี่วิ่งแย่งกันไปจับกลุ่มยังกับฝูงอะไรสักอย่าง

“จริงดิมึง”
“อือ”
“แล้วมึงนั่งกับใคร”
“เด็กใหม่”
“มันโอเคเรื่องมึงนะ”

เฮ้ออออออ  วันนี้จะถอนหายใจอะไรกันนักหนา คำถามของไอ้กร เล่นเอาวันนี้ทั้งที่ยังเรียนไม่จบคาบแรกแต่ผมถอนหายใจเกินสิบครั้งไปแล้ว ก็ตั่งแต่เรียนจบคาบอาจารย์มาลี ครั้งที่แล้วมันก็หายตัวไปเลยครับ ผมว่าจะตีสนิทสักหน่อย ผมก็อยากพูดกับมันตรงๆนะครับเรื่องของตัวเอง ไม่อยากให้มันไปได้ยินเรื่องข่าวลือต่างๆของผมจากคนในโรงเรียน แต่ทำไงได้ ถ้ามันไม่โอเค ผมก็จะทำอะไรได้หละครับ แต่ยังไงก็ต้องลองดูแหละครับ เพื่อเพื่อนใหม่คนที่สองในชีวิต ฮ่า ฮ่ ฮ่า

“มันก็คงโอเคมั้ง เหมือนมันจะยังไม่รู้เรื่องกูหวะ”
“ถ้ามึงไม่โอเค กูไปบอกจารย์มาลีขอกลับมานั่งกับมึงก็ได้นะเว่ย”
“เออ กูโอเค มึงไม่ต้องห่วง”

เสียงมันเศร้าแปลกๆแฮะ มันคงเศร้าที่ต้องไปนั่งกับไอ้สัน แต่ช่างมันเหอะครับ ตอนนี้คงต้องห่วงตัวเองก่อน ท่านเทพนะท่านเทพ ทั้งที่เมื่อวานพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย แล้วยังสั่งให้หอบเอาคนนั้นคนนี้กลับบ้านไปด้วย แต่กลับไม่หาทางช่วยให้เรื่องมันง่ายขึ้นเลย น่าจะขอขอวิเศษ หรือให้ท่านเทพไปเข้าฝันดลใจให้ไอ้เก้าไปบ้านผมเองถ้าจะง่ายกว่าให้ผมมาลากมันไป 

“มึงทำไรอยู่วะ  หน้าเครียดเหมือนพ่องตาย”

ไอ้เชี่ย!!!! นี่คือคำทักทายคนที่กำลังนั่งเครียดเพราะหาทางช่วยมึงใช่ไหม ไอ้ตัวปัญหา โผล่มาแล้วยังปากหมาใส่กูอีก ปล่อยให้ผีสิงจนตายห่าไปเลยยยยย

“พ่องมึงสิตาย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

หัวเราะอะไรของมึงวะ กูด่ามึงอยู่นะเนี่ย

“หน้าตาค่อยดูมีอารมณ์ขึ้นมาหน่อย ดีกว่าหน้าเมื่อกี้เยอะเลย”

ไอ้นี่มันกวนจริงครับ แต่ปากเสียๆของมันก็ทำให้ผมคลายกังวลว่ามันยังคงไม่เกลียดผม เหมือนคนอื่นๆที่อยู่รอบตัว รีบหาเรื่องคุยตีสนิทมันดีกว่าครับ จะได้ทำตามแผนต่อ

“กูถามอะไรมึงได้เปล่าวะ”
“เออ ว่ามา”
“มึงทำไมย้ายมาช่วงปลายเทอมได้วะ”
“กูขอพ่อย้ายตามหญิงมาวะ”
“แล้วพ่อมึงก็ให้”
“เออ”

ผมถามมันไปเรื่อยเปื่อยครับ เรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เยอะแยะ มันตอบจริงบ้าง เล่นบ้าง แต่จากที่ดูมันก็เป็นคนดีนะครับ มันดูรักเพื่อนมันดี เล่าเรื่องที่โรงเรียนเก่า เล่าเรื่องแฟนมันที่ย้ายมาด้วยกัน ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ นี่คงเป็นการปลดปล่อยตัวผมจากเรื่องที่ผมเก็บกดมาตั่งแต่เด็ก การไม่มีเพื่อน การได้แลกเปลี่ยนเรื่องราว ความรู้สึกกับคนที่ไว้ใจได้ การได้พูดคุยกับใครสักคนในที่ที่โหดร้ายมาตลอดสำหรับผม ที่ที่สร้างแต่ความทรงจำไม่ดีให้กับผม ที่ที่ทุกคนเรียกว่า โรงเรียน การมีเพื่อนเยอะๆ มันคงดีอย่างที่ผมฝันมาตลอด คนตรงนี้นี้ยืนยันได้กับความรู้สึกของผมจริงๆครับ ว่าการมีเพื่อน มันดีจริงๆ

“มึงเป็นโจรปะเนี่ย มาหลอกถามข้อมูลกูแล้วก็ไปปล้นบ้าน”
“สัส สมองมึงปกติปะเนี่ย คิดเรื่องแบบนี้ได้”
“เอาฮาวะ มึงอย่าคิดมาก”
“งั้นคราวนี้ตากูสอบประวัติมึงบ้างเอาครามจริงนะเว่ย โกหกกูถีบตกเก้าอี้แน่”

นี่ไงครับเรื่องที่ผมกลัวมันเกิดขึ้นจนได้ ถ้ามันรับเรื่องของผมไม่ได้ ถ้ามันเกลียดผมเหมือนทุกคน ถ้ามันไม่ยอมไปกับผม มันจะตายไหมถ้าผมช่วยมันไม่ได้ คำถามมากมายผุดขึ้นมาวนไปวนมาไม่รู้จบสิ้น เอาวะ ยังไงมันก็ต้องรู้อยู่ดี ให้มันรู้จากตัวเราเองดีกว่าไปฟังที่คนอื่นใส่สี สู้โว้ยยย ยังไงเราก็เคยตรียมใจไว้พร้อมกับเรื่องแบบนี้มาตลอด ขอแค่ครั้งนี้ ขอแค่ครั้งนี้จริง ขอให้คนคนนี้รับสิ่งที่ผมจะพูดออกไปได้ก็พอ ขอร้องหละครับ

“บ้านกู เออ บ้านกู ทำ พ่อกูเป็นคนเข้าทรง เออ แบบ ประมาณหมอผีอะ แต่เป็นคนดีนะเว่ย”

หลังจากลั้นใจพูดอธิบายเรื่องพ่อของผมให้มันฟัง ถึงจะเป็นการบอกเล่าที่ไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะ แต่ผมก็พยายามสรรหาคำที่จะอธิบายให้มันเข้าใจได้ง่ายที่สุด ตอนนี้ก็ได้แต่คอยลุ้นสิ่งที่กำลังจะตอบรับกลับมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ถ้ามันรับได้ผมก็คงดีใจอย่างที่สุด แต่ถ้ามันรับไม่ได้ผมจะทำยังไงดีหละ ขอโทษมัน ร้องไห้ หรือทำไม่สนใจ ผมสงสารตัวเองจังครับที่ต้องมาเศร้ากับเรื่องแค่นี้ รู้สึกน้ำตาผมจะรื้นอยู่ตรงขอบตาแล้วครับ ไอ้คนตรงหน้าก็ได้แต่ทำหน้านิ่ง ไม่ตอบเชี่ยอะไรสักอย่าง โอ้ยกูอยากจะบ้า ถ้ามึงยังไม่ตอบอะไรกูจะร้องแล้วนะ T-T

“เล่าต่อดิ เงียบทำไมวะ”

เสียงตอบของมันทำเอาผมสับสน ตอนนี้ผมควรรู้สึกยังไงดี ควรดีจี่มันรับเรื่องครอบครัวขอผมได้ หรือผมไม่ควรรู้สึกอะไร เพราะมันอาจจะแกล้งแสดงว่ารับได้แต่ในใจอาจเกลียดผม แต่แสดงออกมาตรงๆตอนนี้ไม่ได้ บางครั้งผมโง่ๆอย่างผมก็ต้องการความชัดเจนนะครับ

“มึงคิดยังไงกับกูวะ”
“กูว่ากู ชอบมึง นะ”
“ชอ ชอบ กู”
“เออ แบบครอบครัวมึงดูแปลกๆดี น่าสนใจดีหวะ”

บทสนทนาแปลกๆเมื่อสักครู่เล่นเอาสาวที่นั่งรายรอบโต๊ะพวกผมสองคน หันมามองกันตาขวาง ผมก็ยังตะโกนบอกทุกคนเหมือนกันแหละครับ ว่ากูก็อึ้งกับคำตอบของไอ้หน้าหล่อนี่เหมือนกัน เล่นเอาหัวใจแทบวาย แต่ไอ้คนตอบสิครับกลับนั่งลอกการบ้านของผมหยิกๆ ไม่ได้สนใจสายตารอบข้างเลย ผมไม่กล้าคุยอะไรต่อ ปล่อยให้มันลอกการบ้านไป ส่วนผมก็ได้แต่นั่งเงียบ ตลอดทั้งวันจนช่วงเย็น เชี่ย!!! กูนี่ควรไปเกิดเป็นปลาทองจริงๆ ลืมเรื่องสำคัญไปจนได้ แล้วนี่ไอ้เก้า มันหายไปไหนวะ อยากจะทุบหัวตัวเองให้ขี้เลื่อยมันไหลออกมาทางหูจริงๆจะได้ไม่ลืมว่าต้องเอาไอ้เก้ากลับไปหาท่านเทพ กูนี่มันน่านัก ผมวิ่งวุ่นตามหาไอ้เก้าจนทั่วโรงเรียน แต่แปลกหายังไงก็หาไม่เจอ หรือว่ามันไปรอรถที่หน้าโรงเรียนวะ ผมวิ่งตรงไปที่หน้าประตูโรงเรียน แต่เหลียวซ้ายแลขวายังไงก็ไม่เจอมัน ช่างมันก่อนแล้วกัน ยังไงมันก็คงไม่รีบตายช่วงนี้หรอกมั้ง รีบกลับบ้านก่อนดีกว่า ผมเดินตามถนนมาเรื่อยๆจนเห็นหลังใครคุ้นๆ ไอ้กรนี่หว่า

“กร ไอ้กร ไอ้กรรรรรรรรร”

ไอ้นี่ หูหนวกหรือไงวะ เรียกตั้งหลายครั้งทำเป็นไม่ได้ยิน ได้จะเล่นกลับนักวิ่งหนีผีอย่างผมหรอ ฝันไปเถอะไอ้นักมวยว่าจะหนีกูพ้น ผมเร่งฝีเท้าวิ่งจนใกล้ถึงตัวมัน แต่เหมือนมันก็จะเร่งฝีเท้าหนีผมเหมือนกัน ได้เลยไอ้เพื่อนรัก มึงจะได้เห็นพลังของกู

“โอ้ยยยย  เจ็บบบบ”
“มึงเป็นไรมากเปล่าวะ แม่งก็เล่นวิ่งเชี่ยอะไรของมึงก็ไม่รู้”

ไอ้กรบ่นผมเป็นการณ์ใหญ่ หลังจากที่มันวิ่งกลับมาดูผมที่กุมข้อเท้านั่งกองอยู่กับพื้น แต่เสียใจด้วยนะเพื่อนมึงติดกับดักกูแล้ว

“ปล่อยเลยนะเว่ย เล่นเชี่ยอะไรของมึงวะ”

ไอ้กรร้องใหญ่ ตอนที่ผมอาศัยจังหวะที่มันกำลังดูข้อเท้าผมอยู่กระโดดขึ้นขี่หลังมัน และใช้แขนคล้องรัดไว้รอบคอมันจนแน่น ถึงผมจะเกาะแกะชาวบ้านเก่งขนาดไหน แต่โดนไอ้นักมวยนี่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาก็กลัวตกเหมือนกันนะครับ ขอรัดคอมันไว้แน่นๆก่อนแล้วกัน

“มึงไม่ต้องบ่นมา นี่คือการทำโทษ”
“ทำโทษ??”
“โทษฐานที่มึงเมินทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกู มึงต้องให้กูขี่หลังไปกินขนมฝีมือม๊ามึง”
“เออ”

มันตอบผมแค่นั้น แล้วก็แบกผมเดินตามทางต่อมาเรื่อย ปล่อยให้เสียงรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาช่วงตอนเย็นทำลายความเงียบระหว่างทาง โดยเราไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ มันแบบกผมจนมาถึงปากซอยทางเข้าบ้านมัน ก่อนมันจะปล่อยให้ผมลงจากหลังแล้วเดินเข้าซอยไปด้วยกัน

“กูคิดว่ามึงจะกลับบ้านกับเด็กใหม่”
“ทำไม่กูต้องกลับกับมันวะ”
“ก็กูเห็นมึงวิ่งตามหามันทั่วโรงเรียน”
“กูมีธุระกับมันนิดหน่อยวะ”

เราจบเรื่องที่คุยกันเท่านั้นจนเดินมาถึงหน้าบ้านไอ้กร

“กูกลับและ”
“อ้าว ไหนมึงบอกจะมากินขนมม๊ากู”
“ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้กูแค่อยากแกล้งมึงเฉยๆ ฝากหวัดดีป๊าม๊ามึงด้วยบอกว่าวันหลังกูจะมากินข้าวด้วย”
“เออ กลับดีๆนะมึง”

ไอ้นี่ทำงอนไปได้เล่นกูต้องใช้แผนแสดงละครที่ไม่ได้ใช้มานานตามง้อจนถึงบ้าน ทำเป็นเด็กไปได้ สงสัยกลัวผมจะรักเพื่อนใหม่มากกว่า ไอ้เด็กขี้งอนเอ้ย ยังไงมึงก็สำคัญกับกูเสมอนะเว่ย "ไอ้กร"

................

ตอนใหม่มาแล้วนะครับ เรื่องอาจจะค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ (ช้าตามสมองคนเขียน) อยากให้ความรักค่อยๆเกิด และให้มันค่อยๆชัดเชน ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๓.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-05-2016 16:44:44
ระหว่างเก้ากับกรใครเป็นพระเอกหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๓.๕.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 06-06-2016 18:34:17
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๔


“มึงไม่เบื่อหรอวะ นั่งมา ๓ ชั่วโมงแล้วนะเว่ย”
“เบื่อวะ”
 
ไอ้กรเริ่มบ่นหลังจากผมบังคับให้มันมานั่งเป็นเพื่อนแก้เซ็งอยู่ที่สระว่ายน้ำท้ายโรงยิมหลังจากที่พึ่งสอบวิชาคณิตของอาจารย์ยรรยงเสร็จเป็นวิชาสุดท้ายในช่วงบ่าย

“งั้นกลับบ้าน”
“ม่ายยย อาววว”
“ไปกินขนมบ้านกู”
“ม่ายยย อาววว”
“ไปหาไอ้เก้า”

ทางเลือกสุดท้ายนี่ทะแม่งๆเหมือนจะประชดประชันผมยังไงไม่รู้  แต่ช่างมันเถอะครับผมก็ชักจะเบื่อที่จะง้อมันแล้วด้วย นี่ก็สองอาทิตย์ผ่านมาแล้วมันก็ยังดูงอนๆเรื่องที่ผมตามติดไอ้เก้าแจ ก็อยากจะบอกเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่เพราะผมรู้นิสัยมันดี ว่ามันคงเอาตัวเองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน ยังไงผมก็ห่วงมันครับ ถึงเรื่องใช้กำลังมันจะเก่ง แต่เรื่องที่ต้องใช้สมองและความเชื่อในการแก้ปัญหาแบบนี้ มีหวังมันได้สติแตกก่อนเรื่องจะจบ ไหนก็พูดถึงไอ้ตัวปัญหาแล้ว ผมขอบ่นเลยแล้วกัน ไอ้ผมก็หวังจะตั้งแก็งค์ทรีโอ้เพื่อนซี้สามคนให้คนอื่นเขาอิจฉา ที่ไหนได้ ไอ้เก้าดันติดหนึบกับแฟนมันเหมือนกับตังเม คาบว่าง คาบพักเป็นไม่ได้ต้องรีบวิ่งแจ้นไปคลุกอยู่กับแฟนมัน แต่แปลกนะครับไม่เห็นเคยจะเอาแฟนมันมาให้เพื่อนได้เชยชมบ้าง ปกติผู้ชายเขาก็เป็นกันทั้งนั้นไม่ใช่หรอครับ ไอ้นิสัยชอบอวดแฟนเนี่ย
“ปะ ไปกัน”
“ไปไหนวะ”
“ไปหาไอ้เก้าไง”
“มึงนี่มัน........”
“โอ๋ๆ กูล้อเล่นไปกินขนมที่บ้านมึงกัน”

แหมๆล้อเล่นนิดเดียวทำเป็นของขึ้น ไอ้นี่น่ารำคาญมากขึ้นทุกวัน หลังจากง้อไอ้กรอยู่สักพักจนมันอารมณ์ดีขึ้นบ้าง ผมก็รีบชวนมันกลับก่อนที่มันจะงอแงเดียวผมจะอดกินขนม ผมเดินเรื่อยเปื่อยตามหลังไอ้กรทาเรื่อยๆจนใกล้ถึงหน้าประตูโรงเรียน อยู่ดีๆมันก็หยุดเดินสะงั้น เล่นเอาหน้าผากผมกระแทกเข้าเต็มไหล่มัน กำลังจะอ้าปากด่ามันแล้วเชียว แต่มันเล่นกระชากข้อมือให้ผมวิ่งตามไปอีกทาง เกือบล้มหัวฟาดพื้นแล้วไหมหละ ไอ้นี่เล่นอะไรอันตรายจริงๆ

“กลับทางประตูข้างดีกว่า ประตูหน้าแม่งคนเยอะ”
“เออ เออ”

ผมตอบไปแบบงงๆ มึงลากกูมาขนาดขี้แล้วกูจะทำอะไรได้ แต่ไอ้ประตูข้างที่มึงบอก??? นี่คือกรูต้องปีนออกแล้วใช่ไหม!!! ผมยังจำไอ้ประตูข้างมรณะนี่ได้ดีครับ มันเป็นประตูโครงเหล็กเก่าๆที่จะเปิดใช้เฉพาะช่วงที่โรงเรียนมีกิจกรรมสำคัญ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้ามาจอดรถ ไม่ค่อยมีใครมาแถวนี้หรอกครับ คงมีแค่พวกผมสองคนที่กล้าเสี่ยงชีวิตกับไอ้โครงเหล็กเก่าๆบานนี้ ด้วยการเอาร่างกายป่ายปีนข้ามมันไป แต่อย่าได้เป็นห่วงสวัสดิภาพการใช้ชีวิตของพวกผมสองคนเลยครับ เพราะเราใช้เส้นทางนี้ในการโดดเรียนอยู่บ่อย จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญว่าส่วนไหนของประตูโครงเหล็กเหยียบได้ หรือส่วนไหนควรก้าวข้ามไป วันนี้ก็ยังง่ายเหมือนเดิมครับ พวกเรากระโดดลงจากประดูโครงเหล็กลงมาได้อย่างหล่อ ตอนโดดลงผมยังแอบเห็นไอ้ก่อนแอบเสยผม ทำตาวิ้งๆ ให้สาวๆที่เดินผ่านทางผมพอดี บอกได้คำเดียวเลยครับว่า

“ไอ้สาสสสสส  โคตรสะเหล่อ”

ผมเดินกันมาสักพักใหญ่จนถึงบ้านไอ้กรครับ ผมรีบเดินนำไอ้กรเข้าบ้านมันมาทางประตูเล็กตรงเข้าบ้านก่อนจะรีบกระโจนเข้าไปอ้อนป๋ากับม๊ามันก่อนเลยครับ

“ป๊า ม๊า หวัดดีครับ”    พร้อมกระโดดกอด และหอมแก้มอีกฟอดใหญ่
“อ้าว ลูกต๊ะ มาได้ยังไงลูก ม๊ากำลังบ่นคิดถึงให้ป๊าฟังอยู่พอดี นั่งก่อนๆ เดียวม๊าให้แจนเอาขนมมาให้”
“ม๊าน่ารักที่รู้ใจที่สุดเลยครับ รู้ใจต๊ะจริงๆ”
“ม๊านี่โดนมันอ้อนทีไรใจอ่อนให้ทุกที ทีผมอ้อนบ้างไม่เห็นจะเคยได้”
“ก็ดูสภาพแกสิตัวโตๆ จะทาอ้อนน่ารักๆแบบลูกต๊ะได้ยังไง”

แม่ลูกคู่นี้จิกกัดกันได้น่ารักจริงๆครับ เห็นแล้วก็แอบอิจฉาเล็กๆ แต่ยังไงผมก็เหมือนลูกชายบ้านนี้อีกคนก็ดูเหมือนม๊าไอ้กรจะอยากได้ผมเป็นลูกจนออกนอกหน้า แถมยังดูจะเอ็นดูผมมากกว่าลูกในไส้ตัวเองอีก ฮ่าๆๆๆๆ คนเกิดมาน่ารักน่าเอ็นดูอย่างผมก็แบบนี้แหละครับ ช่วยไม่ได้นะเว่ยไอ้กร

“ม๊า ให้พี่แจนเอาขนมไปที่ห้องนะครับ ผมกับต๊ะจะติวหนังสือกันครับ”
“ได้ๆ เดี๋ยวม๊าเอาแปะก๊วยไปให้กินด้วยจะได้บำรุงสมอง”

หลังจากปลีกตัวจากการพูดคุยกับป๊าม๊ามาได้ ก็ต้องมาสู้กับความรู้กองพะเนินที่ไอ้กรพยายามจะยัดเอาความรู้อันมหาศาลเข้ามาในรูสมองเล็กๆของผม แต่น่าสงสารความรู้ที่เข้ามาใหม่ที่ต้องต้องไปเบียดเบียนพื้นที่กับขี้เลื่อยในหัวสมอง หลังจากพยายามอ่านหนังสืออยู่นานสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้มานั่งจิ้มๆ XBOX ไอ้กรอย่างเมามันพร้อมยัดขนมฝีมือม๊ามันอย่างเอร็ดอร่อย เพลินจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็เกือบสองทุ่ม ผมเลยรุกรี้รุกรนเก็บของเข้ากระเป๋า

“ไอ้กร ไปส่งกูบ้านหน่อยดิ”
“อ้าว วันนี้ไม่นอนบ้านกูหรอวะ”
“วันนี้ไม่ได้หวะ มีธุระ”
“เออๆ มึงรอกูหน้าบ้านนะ กูไปเอามอไซต์ที่โรงจอดรถก่อน”

ไอ้กรขี่MSXสีแดงคันโปรดของมันมาส่งผมที่หน้าบ้าน ก่อนจะรีบกลับบ้านเพราะม๊ามันกำชับให้กลับไปช่วยม๊ามันเคลียบัญชี หลังจากไอ้กรเสียงรถไอ้กรวิ่งออกไปไกลผมก็รีบวิ่งตรงไปที่สำนักที่ท้ายซอย เพราะตอนเล่นเกมอยู่ที่บ้านไอ้กรอยู่ดีๆก็รู้สึกกระวนกระวายใจจนอยู่ไม่สุข หลายคนอาจคิดว่าผมอาจจะคิดมากไปเอง แต่ลางสังหรณ์ของผมไม่เตยผิดพลาด ผมมักจะเชื่อในสังหรณ์ของตัวเองอยู่เสมอ และทุกครั้งมันมักจะมีเหตุการณ์หรือเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเสมอ วิ่งครู่เดียวผมก็มาถึงเขตสำนัก แต่แปลกแฮะ ไฟในสำนักก็ปิดแล้วแต่ประตูกลับเปิดอยู่ ผมรีบวิ่งเข้าไปดูข้างในด้วยใจนึงก็กลัวจะมีขโมยขโจรเข้ามาเอาของในสำนัก แต่ในใจกลับรู้ว่าไม่ใช่แบบนั้นแน่  มองไปรอบๆก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีเงาของคนหรืออะไรแปลกๆในสำนัก แต่กลับมีกระดาษแปลกๆวางอยู่บนพานหน้าแท่นบูชา ทั้งที่ปกติแล้วพ่อมักจะทำความสะอาดทุกเย็น ผมรีบคลานเข่าไปหน้าแท่นบูชาก่อนจะหยิบกระดาษแปลกๆที่วางอยู่บนพานมากางดู

จงอย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน     หากเกินกาลจะเกิดเรื่องไม่ดี
หากเจ้าอยากจะช่วยชายคนนี้    จงใช้ใจที่เจ้ามีแลกเขามา

.........................

ตอนนี้สั้นๆนะครับ ตอนนี้โน๊ตบุ๊คพัง แอบมาพิมพ์ตอนที่ ๔ อยู่ห้องสโมสรนักศึกษา แอบพิมพ์อยู่ ๓ วันกว่าจะจบตอน  ตอนต่อไปคงอีกสักพัก อ่านตอนนี้ให้สนุกนะครับ โน๊ตบุ๊คซ่อมเสร็จจะรีบพิมพ์ให้ได้หลายๆตอน
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๖.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-06-2016 22:19:32
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๖.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 07-06-2016 00:23:58
อู้วววถึงขนาดต้องใช้ใจเเลกเลยเรอะ?!! ง่อววววรอๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๖.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 07-06-2016 23:46:24
กรน่ารัก
เปลี่ยนจากเพื่อนเป็นสถานะอื่นก็เหมาะสมนะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๖.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-06-2016 04:51:29
เดี๋ยวจะไม่ทันการ ฉุดเข้าบ้านเลย แล้วค่อยใช้ใจแลกทีหลัง
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๖.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-06-2016 21:03:52
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๖.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 10-06-2016 21:52:23
ชอบเรื่องเเนวนี้จัง
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๖.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 22-06-2016 22:56:33
ด้วยรัก  และโหงพราย
ตอนที่ ๕
หลังจากอดตาหลับขับตานอนมาทั้งคืนเพราะห่วงคิดเรื่องข้อความบนกระดาษเมื่อคืน ผลกรรมเลยส่งให้ต้องมานั่งถ่างตาสู้กับความง่วงในคาบเรียน สภาพผมคงตลกแค่ไหนดูจากท่าทางไอ้คนที่นั่งข้างๆก็คงจะรู้ ก็มันเล่นนั่งแอบยิ้มคิกคัก เอานิ้วมาจิ้มๆดันหน้าผากผมไว้เวลาสับหงกจนหน้าผากเกือบจะกระแทกเข้ากับโต๊ะเรียนอยู่หลายครั้ง

“มึงไปทำอะไรมาวะ ท่าทางยังกับคนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน”
“ปล่าวววววว”
“บอกกูมาเหอะน่า หรือว่าเมื่อคืนมึงแอบจัดหนักวะ”
“ไอ้เชี่ย ทะลึ่งนะมึง”
“กูทะลึ่งตรงไหนวะ กูหมายถึงเล่นเกม”
“เออๆ กูขี้เกียจจะเถียงกับมึง”

อยากจะพูดจริงๆ ว่ามึงคือ ตัวปัญหา ที่ทำให้กูนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วยังจะมากวนประสาทกูอีกนะ โอ้ยยยยยยยยยยย มันจะเกินไปแล้วนะเว้ย

“เออ พักเที่ยงมึงไปกินข้าวกะกูปะ”
“ทำไมชวนกูวะ ปกติมึงไปกินกับแฟนมึงไม่ใช่หรอ”
“ขวัญเขาอยากเจอพวกมึงวะ”
“อยากเจอพวกกู”
“เออ เขาอยากเจอเพื่อนกู เลยให้ชวนมึงกับไอ้กรไปกินข้าวด้วย”
“กูไม่ไปได้เปล่าวะ ง่วงชิบ”

“มึงต้องไป”

อะไรของมันวะอยู่ดีๆก็มาทำเสียงแข็งใส่  มันบ้าหรือเมนส์มาวะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ  สงสัยเป็นพวกกลัวแฟน แฟนสั่งอะไรก็ต้องทำ น่ารำคาญชิบ

“ทำไมต้องเสียงดังด้วยวะ”
“ขวัญเขาอยากเจอพวกมึงจริงๆนะเว้ย  ไปเหอะนะ”
“เออๆ”

ผมตอบตกลงแบบขอไปที มันจะได้เลิกยุ่งกับผมสักที ตอนนี้ร่างกายผมไม่ไหวจริงๆแล้วครับ ขอโทษนะพ่อที่ต๊ะไม่ตั้งใจเรียน ขอโทษนะครับอาจารย์สวัสดิ์ที่ผมจะแอบหลับในห้องเรียน ผมค่อยฟุปหน้าลงกับโต๊ะเรียนที่มีพื้นผิวเย็นสบาย แล้วผล็อยหลับไป ตอนที่เปลือกตากำลังจะปิดสนิทก็ได้ยินเสียงแปลกๆจนต้องพยามถ่างตามาดู ถึงจะทำได้นิดเดียวก็เถอะ

ตึก!!!
เสียงขอบหนังสือเรียนที่ถูกกางออกกระแทกลงกับพื้นโต๊ะเรียนเพื่อใช้บังผมที่กำลังฟุบหลับอยู่

“ไม่ไหวก็นอนสะมึง เดี๋ยวกูคอยดูจารย์ให้”

เป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่ผมจะเข้าสู่ช่วงหลับลึกจนไม่สนใจอะไรรอบข้างตัวอีกแล้ว ผมจะเชื่อมันได้หรือเปล่าครับกับผมพูดของคนที่อารมณ์แปรปรวนแบบมัน แต่ก็ช่างเหอะ ผมหยุดคิดอะไรที่ทำให้ปวดหัวก่อนที่จะรีบใช้เวลากับการนอนให้มากี่สุด

“ต๊ะๆ  ตื่นดิมึง”
“ออือือือ”
“ลุกได้แล้ว ไปกินข้าว”
“อิอือิอือออื”

ผมค่อยลืมตา แล้วบิดขี้เกียจไปมาอยู่สักพัก การนอนในท่าแปลกๆทำเอาผมปวดไปทั้งตัว ก่อนจะมองไปรอบๆตัวก็เห็นว่าทุกคนออกไปจากห้องเรียนหมดแล้ว

“คนในห้องไปไหนกันหมดวะ”
“นี่มันเที่ยงครึ่งแล้วนะเว้ย”
“อ้าว แล้วทำไมมึงไม่ปลุกกูวะ”
“กูเห็นมึงกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุกวะ”
“เออๆ ขอบใจนะเว้ย”
“ปะ ไป”
“ไปไหน”

ช่วงนี้รู้สึกเหมือนจะโดนคนนั้นคนนี้ลากไปไหนมาไหนจนทั่วไปหมด เหนื่อยนะครับแบบนี้

“ไปกินข้าวกับแฟนกูไง”
“เออ เกือบลืม”
“แล้วไอ้กรอะ”
“โดนไอ้สันลากไปทำรายงานตั่งแต่หมดคาบ”
“เออๆ งั้นรีบไปเหอะกูหิววะ”

ผมกับไอ้เก้าเดินออกจากตึกเดินตรงไปที่โรงอาหารชั่วคราวที่ถูกย้ายมาตั้งอยู่ใต้ตึกคหกรรม เดินวนอยู่สักพักก็มีผู้หญิงตัวเล็กๆโบกไม้โบกมือจากโต๊ะที่ตั้งอยู่ช่วงท้ายสุดของตึก แถวๆร้านก๋วยเตี๋ยว ไอ้เก้าโบกมือรับก่อนจะรีบเดินนำไปนั่งที่โต๊ะ ผมเดินตามไปอย่างเชื่องช้าเพราะยังรู้สึกงัวเงียอยู่ เป็นครั้งแรกเลยครับที่ไอ้เก้าพาผมมาเจอกับแฟนมัน ขวัญเป็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักเชียวครับ ท่าทางเป็นคนสดใสเห็นแล้วพลอยสดชื่นไปด้วย  แต่แปลกตรงที่พอผมเดินมาใกล้เธอทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น

“ขวัญ นี่ไอ้ต๊ะเพื่อนที่ห้อง”
“หวะ หวัดดีจ๊ะ”
“หวัดดี”
“เป็นไรหรือเปล่าขวัญหน้าดูซีดๆนะ”
“เปล่าจ๊ะเก้า  สงสัยอากาศร้อนมั้ง”
“หรอ รอนานเปล่า ขอโทษนะ ไอ้ต๊ะมันไม่ค่อยสบาย  มันนอนพัก พึ่งตื่น”
“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าต๊ะ  กินยาหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อข้าวนะ มึงกับขวัญนั่งคุยกันไปก่อน”

ไอ้เก้ารีบวิ่งไปซื้อนั้นซื้อนี่ สักพักกลับมาก็วางของกินเต็มโต๊ะ ผมเลือกกินขนมปังที่มันซื้อมาเพราะยังรู้สึกพะอืดพะอมไม่อยากกินอะไรท้องจนเกินไป

“กินน้อยจังวะมึง”
“ยังไม่ค่อยหิววะ”
“แล้วมึงมียายัง”
“ยัง”
“เดี๋ยวกูไปเอาให้”
ไอ้เก้ารีบวิ่งออกจากโต๊ะไปทั้งที่ยังไม่คำห้ามของผมด้วยซ้ำ ไอ้นี่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจริงๆ

“เก้าดูจะเป็นห่วงต๊ะมากเลยนะ”
“เพื่อนกันนะ”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนขวัญคงคิดว่าเก้าชอบต๊ะแล้วหละ แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้”

ผมหัวเราะเบาๆกลบบรรยากาศแปลกๆเมื่อครู่ อะไรของเขาวะไอ้เก้าเมื่อก่อนกับไอ้เก้าเดี๋ยวนี้ งงไปหมด แล้วไอ้เก้าเนี่ยนะจะชอบผม แถมไอ้ท่าทางกับสายตาร้ายๆที่ส่งมาให้ผมนี่คือต้องการจะสื่ออะไร ผมเลือกที่จะเลี่ยงการสบตากับขวัญ ก้มน่าก้มตากินขนมปังในมือ สักพักไอ้เก้าก็กลับมาพร้อมยาในมือก่อนจะคะยั้นคะยอให้ผมรีบกิน แล้วให้ไปนอนพักที่ห้องพยาบาล จริงๆมันจะตามาส่งแล้วแต่ผมบอกให้มันอยู่กินข้าวกับขวัญ ผมไม่รู้สึกไม่ชอบจริงๆครับผู้หญิงคนนี้แปลกๆยังไงก็ไม่รู้

ผมเข้ามานอนอยู่ที่ห้องพยาบาลตลอดช่วงคาบบ่าย แต่สงสัยมีเรื่องให้คิดเยอะเลยนอนไม่จะหลับ ได้แต่นอนพลิกไปมา อยู่ๆก็เหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเพราะมีเสียงคนวุ่นวายไปหมดในห้องพยาบาล

“ครูเบิร์ดคะทำยังไงดีคะ แบบนี้ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่”
“อย่าพึ่งตีโพยตีพายไปสิครับ งั้นพี่มาลีไปบอก ผอ. ก่อนเดี๋ยวจะกันเด็กไม่ให้เข้าไป”
“ได้ๆ แล้วอย่าให้เด็กๆรู้นะว่ามีคนตายในโรงเรียน ไม่งั้นได้แห่กันไปมุงดูแน่”
“ครับ พี่มาลี”


..............................
เย้ๆๆๆ  ตอนใหม่มาแล้ว ขอบคุณทุกคนนะครับที่รออ่าน สนุกไม่สนุกยังไงบอกกันได้นะ เรื่องร้ายๆเริ่มก่อตัวแล้วเป็นกำลังใจให้ "ต๊ะ" กันด้วยนะครับ
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๒.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 23-06-2016 19:52:58
ง่ะ สั้นอะ เก้าตายใช่ไหม ไม่นะ ถ้าเป็นจริงจะโกรธต๊ะ :m31:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๒.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 23-06-2016 21:16:09
 :really2:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๒.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 25-06-2016 20:45:44
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๖
[/shadow]

“ ข่าวต่อไป เย็นวานนี้ พบศพเด็กหญิงอายุ ๑๕ ปี ที่อาคารท้ายโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยสภาพศพถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ท้ายทอย  ชิ้นส่วนหนังศีรษะถูกถลกหายไป  จากการคาดการของเจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า ๔ ชั่วโมง  โดยผู้เสียชีวิตเป็นเด็กสาวที่กำลังได้รับความนิยมทางสังคมออนไลน์ จากการถ่ายวีดีโอรีวิวผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม …………”

เสียงโทรทัศน์รายงานข่าวการเสียชีวิตของเด็กสาวผ่านรายการข่าวหลายช่องโทรทัศน์นับว่าเป็นข่าวใหญ่ของช่วงนี้เลยก็ว่าได้ เพราะจากสภาพศพนับเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ส่งผลให้ตำรวจต้องเร่งสืบหาคนร้ายกันยกใหญ่  และแน่นอนว่าต้องเป็นเหตุการณ์เดียวกับที่ผมแอบได้ยินมาเมื่อวาน ถึงครูหลายๆท่านจะพยายามช่วยกันปิดข่าวไม่ให้แพร่กระจายออกไป แต่สุดท้ายก็กลายเป็นข่าวใหญ่จนต้องประกาศหยุดเรียนไปหลายวัน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน

“หยุดเรียนต้องหลายวัน เอาแต่นั่งๆนอนๆเดียวก็เป็นง่อยตายหรอก”
“ถ้า  ต๊ะ  เป็นง่อยพ่อจะลำบากเอานะ”
“ไอ้เด็กนี่ เถียงคำไม่ตกฟาก”

ผมนั่งฟังพ่อบนมาเป็นวันที่สองแล้วครับหลังจากเมื่อวานกลับมาบอกว่าโรงเรียนประกาศหยุดเรียนไม่มีกำหนด มันใช่ความผิดผมไหมละครับเนี่ย  ผมก็ไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆสักหน่อย เช้ากลางวันยังคอยช่วยปัดกวาดเช็ดถู   เย็นก็ไปให้กรติวหนังสือให้ ผมกินๆนอนๆอยู่เฉยที่ไหน

“พ่อว่าคนร้านมันเอาหนังหัว กับเส้นผมไปทำไหม”
“ถามแปลกๆ ข้าจะรู้กับมันไหมหละ”
“ก็ถ้าเป็นในความคิดพ่อไง”
“ข้าไม่รู้หรอกโว้ย  แต่ถ้าเป็นพวกที่เล่นของหละก็คงเอาไปทำคุณไสย”
“ยังไงหรอพ่อ”
“เองก็น่าจะเคยเห็นที่เขาเอาเส้นผมไปเล่นของใส่กัน แต่นี่มันแปลกตรงที่เอาไปทั้งหนังหัวนี่สิ”
“แปลกจริงๆด้วย”
“โอ้ย  เลิกถามเรื่องแปลกๆได้แล้ว ข้าจะไปข้างนอก เองก็อยู่บ้านอย่าไปเถลไถลที่ไหนหละ”
“คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”
 
เรื่องที่พ่อพูมันก็แปลกจริงแหละ แต่แปลกกว่าตอนนี้สำหรับผมก็คือพ่อนี่แหละครับ ปกติช่วงกลางวันนี่แทบไม่ออกจากบ้าน วันนี้จะไหนของเขานะ หรือว่าจะไปหาสาว ไม่ใช่มั้ง ตาลุงหัวโบราณคงไม่มาใจแตกเอาตอนนี้หรอก ตามไปดูดีกว่าเพื่อจะเจออะไรดีๆ ฮ่าฮ่าฮ่า  พ่อออกจากบ้านไปได้สักครู่ผมก็รีบตามออกมาดีนะที่ตัดสินใจวิ่งไปหยิบจักรยานก่อนออกมาก ไม่งั้นคงได้วิ่งตามรถยนต์ที่มาจอดรับพ่อขึ้นไป  ผมขี่ตามอยู่สักพักรถก็วิ่งไปในเส้นทางที่ผมใช้อยู่แทบทุกวัน ใช่แล้วครับนี่มันทางไปโรงเรียนผมนี่ แล้วพ่อจะไปที่โรงเรียนทำไม แปลกยิ่งกว่านั้นคือรถคันนี้ไม่เข้าทางประตูหน้าแต่กลับอ้อมไปเข้าประตูหลัง จะไปที่ไหนกันนะ พ้นประตูทางเข้าด้านหลังรงเรียนมาได้นิดหน่อยรถสีดำก็เข้าจอดเทียบที่ตึกช่าง ซึ่งเป็นตึกเก่าที่ยกเลิกกรใช้งานเพราะโรงเรียนเปลี่ยนมาสอนในสายสามัญ กลุ่มวิชาสายอาชีพทั้งหมดจึงถูกยกเลิก

“เชิญคะ”
“ขอบคุณครับ”

ผมแอบอยู่หลังพุ่มไม้แถวๆนั้นหลังจากรออยู่สักพักก็มีผู้หญิงลงมาจากที่นั่งคนขับตรงมาที่ประตูหลังด้านซ้ายก่อนจะเปิดประตูให้พ่อผมลงมา และนำทางเข้าในตึก  ผมรอสักพักจนทั้งคู่เข้าไปในตัวอาคารจึงค่อยๆออกมาจากพุ่มไม้ แล้วตามทั้งคู่เข้าไปข้างใน เข้ามาข้างในแล้วบรรยากาศมันชวนสยองจริงๆครับ ตัวตึกที่เหมือนโรงงานเก่าๆ มีช่องระบายอากาศที่มีพัดลมกลมเหมือนลูกฟักทองสีเงินหมุนๆ ไหนจะเครื่องมือเก่าๆทั้งเครื่องเจียเหล็ก เครื่องตัด เครื่องขัด ก็ยังกองกันเกลื่อนห้อง  ทำไม ผอ. ยังปล่อยให้มีที่น่ากลัวแบบนี้ไว้อีกเนี่ยน่าจะรื้อทิ้งไปได้แล้วนะ

“ท่าอาจารย์คะ ดิฉันอยากจะให้ช่วยสื่อกับวิญญาณให้หน่อยคะ”
“ท่าน ผอ. อยากจะรู้อะไรหรอครับ”
“ดิฉันอยากให้รู้ตัวคนร้ายโดยเร็วคะ  ไม่งั้นโรงเรียนแย่แน่”

เดินตามทางมาเรื่อยๆจนได้ยินเสียงพ่อคุยอยู่กับ ผอ.แขไข ผมเลยได้ซุกตัวไปแอบอยู่ข้างโต๊ะเขียนแบบเก่าๆห่างจากตรงจุดที่พ่อ ผอ. และหญิงแปลกหน้าที่ไปรับพ่อเล็กน้อย ใกล้ตรงที่ทุกคนกำลังคุยกันคงเป็นจุดที่พบศพ เพราะบนพื้นมีลายพ่นสีขาวๆเป็นรูปคน

“ได้ครับ ผมจะลองดู”
“ขอบคุณคะ ท่านอาจารย์”
“โอมสักกาบูชาครู ข้าขออัญเชิญครูมาปกปัก อันตัวข้าจะเข้าทรง ให้ปกร้าง ปักวิญญาณอย่าหนีหาย อย่าให้ผีร้ายมาช่วงชิง………”

เสียงพ่อร่ายบทบูชาครูก่อนจะทำการขึงสายสิญจน์ รอบๆตัวกว้างสักวาคูณวา ให้ ผอ. กับหญิงแปลกหน้าเข้าไปนั่งด้านใน

“เกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกมานะครับ”

หลังจากพูดจบพ่อก็เดินตรงไปที่รอยสเปร์สีขาวที่พ่นลงที่พื้นก่อนจะนอนลงและทำท่าตามเส้นสีขาวที่วาดไว้  หลับตาพนมมือว่าคาถาตามที่ครูท่านได้สั่งสอนสักพักก็หลับลงเหมือนคนหมดสติ

“ท่านคะ  ท่านคะ  ท่านคะ”

เสียง ผอ. ร้องเรียกหลายครั้งแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากร่างที่นอนนิ่ง สักพักเหมือน ผอ. จะเริ่มห่วงจนทนไม่ไหว ทำท่าทางเหมือนจะก้าวออกจากเขตสายสิญจน์  แต่หญิงแปลกหน้ากระชากแขนไว้ทันเสียก่อน

“ไม่ได้นะคะ ผอ. ท่านสั่งไว้ว่าห้ามออก”
“แล้วเธจะให้ฉันทำยังไง นี่ท่านก็นิ่งไปนานแล้วนะ”
“อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

เสียง ผอ. เถียงกับหญิงแปลกหน้าไม่ทันจบ อยู่ดีๆร่างที่นิ่งงันของพ่อกลับลุกขึ้นมากรีดร้อง อย่างบ้าครั่ง เสียงแหลมเล็กจนบาดแก้วหู  นอนบีดร่างไปมาอย่างทรมาน  ภาพตรงหน้าสยดสยองจนหญิงทั้งสองต้องกอดกายกันด้วยความกลัว

“หนูยังไม่อยากตาย  หนูยังไม่อยากตาย  หนูยังไม่อยากตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

ร่างที่นอนอยู่ร่ำร้องวนซ้ำไปซ้ำมาอย่างเวทนา  สถานการณ์ตอนนี้ดูย่ำแย่ลงทุกนีจนผมแทบทนไม่ไหวจะลุกออกไปช่วยพ่อ แต่เหมือน ผอ. จะเริ่มตั้งสติได้และเริ่มถามสิ่งที่อยากรู้ ผมจึงได้กลับไปซ่อนอยู่ที่เดิม

“หนู หนูลูก  หนูใช่สายพิณไหมจ๊ะ  ถ้าใช่หนูบอกได้ไหมใครเป็นคนร้าย”
“ผอ. ผอ. หนูกลัว หนูกลัวววววววววววววว”

ร่างพ่อค่อยคลานมาที่เขตสายสิญจน์ตรงเข้าไปหาผอ.ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปหา แต่พอเข้าเขตอาคมกลับต้องถอยหนีด้วยแรงอาคมที่พ่อเป่าเสกไว้

“ผอ. หนูกลัว มันฆ่าหนูทำไม  มันฆ่าหนูทำไม”
“หนูไม่ต้องกลัวนะ  ผอ.จะช่วยหนูเอง แต่หนูบอผอ.ได้ไหมว่าใครทำหนู”
“หนูไม่รู้  หนูไม่รู้”
“ใจเย็นๆนะสายพิณ ค่อยๆคิด”
“หนูไม่รู้ หนู!! หนู!! หนูเจอ ผู้ชายคนนึง เขามาเป่าอะไรใสหน้าหนูก็ไม่รู้ รู้อีกทีหนูก็มาอยู่ทีนี่ หือ หือ หือออออ”

ร่างของพ่อกลับมาร้องไห้อย่างบ้าครั่งก่อนจะเกิดแสงสีอำพันคลุมรอบตัวพ่อ ร่างถึงได้สงบลง

“ขอสักกาบูชาครูบาผู้ปกปัก”
 
พ่อค่อยก้มลงกราบลงพื้น ท่องบทบูชาครูก่อนจะรีบตรงเข้าไปคุยกับ ผอ.

“ได้เรื่องไหมครับ”
“นิดหน่อยเองคะ เขาบอกแค่เจอผู้ชายเป่าอะไรใส่หน้าแล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย  ทำยังไงดีคะ ท่านอาจารย์”
“วันนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว เรารีบกลับกันก่อนเถอะครับ”

ผมซ่อนตัวอยู่อีกสักพักรอจนทั้งสามคนพยุงกันออกไปด้านนอก ได้ยินเสียงแว่วรถกำลังวิ่งออกไป ผมถึงได้ออกจากที่ซ่อน  ผมรีบไปที่หลังพุ่มไม้ที่ซ่อนจักรยานไว้ ต้องรีบแล้วครับถ้าพ่อเห็นว่าผมไม่อยู่ที่บ้านได้โดนซักแน่ว่าไปไหนมา  คิดได้อย่างนั้นผมรีบวิ่งตรงไปที่ประตูทางออก ก่อนจะชนเข้ากับใครบางคน

“โอ้ย”

เสียงเล็กๆของเด็กผู้หญิงร้องเมื่อชนเข้ากับผมจนล้ม

“ต๊ะ”
“ขวัญ”

ท่าทางขวัญดูจะตกใจมากที่เห็นผม เธอรีบลุกลี้ลุกลนยืนขึ้น ก่อนจะพยายามพูดบางอย่างกับผม

“ต๊ะมาทำอะไรที่นี่อะ

จุกสิครับเจอคำถามแบบนี้ จะตอบว่าอะไรดีหละครับ

“แล้วขวัญหละ มาทำอะไร”

เธอก็ดูอ้ำอึ้งเหมือนกันแหละครับที่ผมเลือกที่จะถามสวนกลับเธอไป
“เราอยากมาดูหนะว่าที่ข่าวออกมันจริงไหม”
“หรอ เราก็เหมือนกกัน ใจตรงกันเลยเนอะ”

ผมรีบชิงเอาคำตอบที่เธอตอบมาตอบแก้เก้อ  ถึงจริงๆมันจะแปลกที่ผู้หญิงไม่กลัวเรื่องแบบนี้ก็เถอะ  แต่ตอนนี้ผมต้องรีบกลับด้วยสิ  เอาไว้ค่อยสงสัยวันหลังแล้วกัน

“เออ งั้นเรากลับก่อนนะ ขวัญก็รีบกลับหละมาคนเดียวมันอันตราย”
“จ้า”

ผมล่ำลาเธอเสร็จก็รีบตรงกลับบ้าน  ถึงบ้านก็ได้แต่กลับมานั่งคิดนะครับว่าวันนี้เจอแต่เรื่องแปลกๆ  พ่อทำตัวแปลกๆ  ผู้หญิงที่มากับผอ.ก็แปลก  เจอเหตุการณแปลกๆ  แล้วยังเจอคนที่ไม่สมควรมาในที่ที่แปลกๆ  โอ้ยยยย  หรือจริงๆผมนี่แหละที่เป็นคนแปลก


.................................................
มาอีกตอนแล้วครับพยายามจะลงวันละตอนจริงๆครับแต่เขียนไม่ออกจริงๆ แถมช่วงนี้รู้สึกว่าเวลาแต่งชอบใช้ภาษาแปลกๆไม่เหมือนภาษาที่แต่งปกติ สมองไปหมดแล้วครับ สนุกไม่สนุกแปลกไปไหมยังไงบอกกันได้นะครับ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๕.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-06-2016 20:55:56
น่าสงสารอ่ะ ตายเลยแถมโดนถลกหนังหัวอีกด้วย :ling3: :ling3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๕.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 27-06-2016 11:22:04
ชอบนิยายแนวนี้มาก เป็นกำลังใจให้ครับผม
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๕.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-06-2016 19:06:29
 o22
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๕.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 28-06-2016 19:59:03
ด้วยรัก และโหงพลาย
ตอนที่ ๗


เพี๊ยะ!!!!
“โอ้ย  เชี่ยกรตีกูทำไมวะ”
“กูคิดถึงวะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“มึงแหละ ชอบไปคลุกอยู่กับไอ้สัน"

วันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าครับ โชคดีก็เลยมาเยือนโดนไอ้กรเจิมกลางหลังแต่เช้า  มันก็บ่นเรื่องที่ช่วงนี้ไม่ได้ค่อยคุยกัน หลังจากช่วงที่มันติวหนังสือให้เมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย หลังจากเหตุการณ์ข่าวเงียบลงสรุปโรงเรียนปิดไป ๕ วัน ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ แต่ทุกคนก็ทำตัวกันเหมือนปกติ มีบ้างที่แอบๆเข้าไปดูแถวตึกช่าง แต่นอกจากนั้นก็ดูไม่มีอะไรเปลี่ยนไป

“ไอ้เก้า ยังไม่มาหรอวะ”
“ไม่รู้วะ”
“ถามถึงมันทำไมวะ”
“ไม่มีไรหรอก”

ไอ้กรถ้าจะสติไม่ค่อยดีปกติไม่เห็นจะถามถึงไอ้เก้า พูดถึงทีไรก็ทำหน้าหงิกหน้างอ แต่วันนี้มาถามถึงไอ้เก้าแต่เช้า

“เออ  มึงทำการบ้านจารย์ยรรยงหรือยัง”
“เชี่ย ลืมวะ เอามาลอกหน่อย”
“ ได้ แต่เอาไปฟรีๆไม่ได้นะครับ”
“จะเอาอะไรครับ คุณกร”

ผมพูดอ้อนเป็นแมวน้อย ทำตาแป๊วใส่ ท้าไม้ตายครับ ไอ้กรแพ้แน่นอน

“ไม่ต้องมาทำท่าลูกแมว กูไปฝึกภูมิต้านทานมาแล้ว ทำไรกูไม่ได้หรอก”
“เออๆ  จะเอาอะไรว่ามา”
“เสาร์อาทิตย์นี้ว่างปะ”
“อือ ว่างนะทำไมวะ”
“ไปเที่ยวกับที่บ้านกู ม๊าฝากชวน”
“ไปไหนวะ”
“ไปทะเลมั้ง แต่ไม่รู้ที่ไหน”
“เชี่ย เจ๋งวะ บอกม๊ามึงเตรียมของกินไปเยอะนะเว้ย”
“เออ”

ไอ้กรหัวเราะเบาๆกับท่าทางตื่นเต้นของผม ก่อนมันจะเอาสมุดการบ้านออกมาให้ผมลอกแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะมัน ผมนั่งลอกการบ้านอยู่สักพักไอ้เก้าก็มานั่งที่โต๊ะมัน 

“ทำไรวะแต่เช้า”
“การบ้านจารย์ยรรยง มึงทำยัง”
“เรียบร้อยแล้ว ขวัญทำให้วะ”
“เชี่ย ดีวะ”

ไอ้เก้านั่งยิ้มหัวเราะแบบผู้กำชัยชนะที่ไม่ต้องมาร่วมชะตากรรมลอกการบ้านแบบผม เห็นแล้วหมั่นไส้

“เออ วันก่อนกูเจอขวัญด้วยนะเว้ย”
“ที่ไหนวะ”
“ตึกช่าง  ตอนเย็นๆ มึงดูแลแฟนดีๆหน่อยดิวะปล่อยให้เขามาที่อันตรายคนเดียว………..”

ผมบ่นไปเรื่อยครับไม่ได้มองหน้ามันด้วยซ้ำ ก็คนมันรีบปั่นการบ้าน เดี๋ยวก็เข้าเรียนแล้วรีบเอาตัวเองให้รอดดีกว่าครับ

“แล้วมึงรู้ไหม ว่าขวัญเขามาทำไร”
“ไม่รู้วะ กูทักเขาแปปเดียว พอดีกูรีบกลับ”

มันก็ไม่ได้ถามอะไรผมอีก จนเริ่มเรียนคาบเช้าถึงพักเที่ยงเราก็ไม่ได้คุยอะไรเลย  พอเที่ยงมันก็หายตัวไปกับขวัญ  ซึ่งก็ปกติอยู่แล้วผมเลยไม่ได้สนใจอะไร  แล้ววันนี้ยังโดนไอ้กร กับไอ้สัน ลากไปช่วยแบกเครื่องแก้วจากห้องเก็บอุปกรณ์หมวดวิทย์มาจัดที่ห้องทดลอง เพราะมีคาบเรียนช่วงบ่าย  นี่คงเป็นครั้งแรกๆที่ผมได้คุยกับไอ้สันแบบจริงจัง มันก็เป็นคนดีนะครับ มันบอกว่ามันก็ไม่ได้เกลียดผมเหมือนคนอื่นๆ แต่จะให้มันเข้าไปเสือกเสนอตัวเข้ากลุ่มกับผมมันก็คงไม่อยากทำ ผมชอบนะครับมันเป็นคนตรงๆดี

“ว่าแต่พวกนายรู้ปะ ว่าตอนนี้มีข่าวคนตายเพิ่มอีกแล้วนะ”
“จริงดิ”
“คนในโรงเรียนเราหรือเปล่าวะ”
“แล้วมึงรู้ได้ไงวะ”
“บอกพวกกูเร็ว”

ไอ้คนเปิดประเด็นโดยการพูดนายๆเราๆไม่ใช่ผมกับไอ้กรแน่นอนครับ แต่ไอ้การยิงคำถามกูๆมึงๆ ผมกับไอ้กรล้านเปอร์เซ็นต์  ก็มันยากรู้นี่ครับเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้มัวแต่พูดอ้ำอึ้งอยู่ได้

“ไม่ใช่คนในโรงเรียนเรา แต่เป็นเด็กโรงเรียนที่เด็กใหม่ห้องเราพึ่งย้ายมา  แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นพวกนายรู้ไหมคืออะไร”

เพี๊ยะ!!!

เออ อันนี้เสียงผมประทับมือลงบนกระบาลมันเองครับ ก็คนมันรำคาญนี่ครับถึงจะไม่สนิทกันก็เถอะ แต่ขอสักหน่อยแล้วกัน

“เฮ้ยขอโทษ มือไวไปหน่อยวะ”

มันดูอึ้งไปเลยครับผมคิดว่ามันจะโกรธสะอีก แต่มันกลับเล่าต่อหน้าตาเฉย

“ช่างมันเถอะ   แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ!!! ศพที่พบน่าจะตายมาได้เกือบ ๖ เดือนแล้ว เนื้อนี่แห้งจนติดกระดูก และที่สำคัญผิวหนังถูกถลกออกทั้งตัว ทำให้ตำรวจเชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนเราไง”

ไอ้นี่มันเกรียนน่าตายจริงๆครับ แทนที่ผมสองคนได้ฟังแล้วรู้สึกกลัวกลับต้องมานั่งกลั้นหัวเราะแทบตาย  ก็คนบ้าอะไรขนาดโดนเจิมกลางกระบาลไปแล้วยังกลับมาเล่นมุขบิลท์อารมณ์ได้หน้าตาเฉย

“พวกนายเป็นอะไรกัน  กลัวจนพูดไม่ออกกันเลยหรอ ผมไม่น่าเล่าให้ฟังเลยนะครับ”
“เปล่า  ช่างมันเหอะ  แล้วสันไปรู้มาได้ไง”
“น้องเราเรียนอยู่ที่นั่น”
“ครับ”

เดี๋ยวนะๆ ไอ้กรไม่พูดกูมึง แถมยังพูดครับ ไอ้นี่โดนล้างสมองหรือเปล่าวะ ไอ้สันกูชักจะกูมึงแล้วสิ

“เป็นไร เชี่ยต๊ะ”
“ปล๊าววววววว”
“เสียงมึงสูงไปและ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

  พวกผมคุยกันไปเตรียมอุปกรณ์กันไป เล่นกันไป กวนกันไปจนหมดช่วงพักกลางวัน ก็เตรียมเข้าเรียนในช่วงบ่าย แต่วันนี้ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆแล้วครับ ก็ปกติเรียนวิทยาศาสตร์จะต้องนั่งเป็นกลุ่มซึ่งแน่นอนว่าโต๊ะที่ผมนั่งก็คงไม่มีใครอยากจะมานั่งด้วย ก็มีแค่ผมกับไอ้กรที่นั่งด้วยกันสองคนมาตลอด  แต่ตอนนี้มีทั้งไอ้เก้าตัวสร้างปัญหา กับไอ้กรเจ้าระเบียบ รอบๆตัวผมเริ่มมีคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้วสิครับ ผมจะทำยังไงดีครับตอนนี้ผมโคตรจะมีความสุขเลยจากที่เคยโดดเดี่ยว ตอนนี้รอบตัวผมก็เริ่มมีคนที่ก้าวเข้ามาเยอะขึ้น ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป อย่าหายไปเลยใครแม้แต่คนเดียวอย่าหายไป ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ความสุขของผมในตอนนี้หายไป ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ยอม

.....................................................................
ตอนนี้สั้นๆ ตอนต่อไปน่าจะยาวขึ้นมั้ง
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๘.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๗
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 28-06-2016 21:14:26
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๘.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๗
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-06-2016 21:23:41
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๘.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๗
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 29-06-2016 15:02:51
เมื่อไรต๊ะจะใช้สัมผัสที่หกให้เป็นประโยชนน์สักที
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๘.๖.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 04-07-2016 02:40:57
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๘

“ฮาโหล ไอ้ต๊ะ”
“เออ ว่าไง”
“ม๊ากูบอกว่าจะไปหัวหินวะ”
“เจ๋ง แลัวตกลงไปวันไหน”
“น่าจะวันศุกร์ตอนเย็นๆวะ เดียวกูบอกอีกที่”
“เออ เดียวกูไปขอพ่อกูก่อนแล้วโทรบอก”

ว้าววว นานๆจะได้ไปเที่ยวทะเลสักทีครับ ดีชะมัด เพราะปกติแล้วผมกับพ่อไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับ ตั่งแต่เด็กเวลาจะไปเที่ยวต่างจังหวัดก็มักจะได้ไปกับครอบครัวของไอ้กรอยู่เสมอ เวลาชวนพ่อไปไหนก็มักจะโดนดุอยู่เสมอว่า “พ่อไปไหนไม่ได้พ่อต้องอยู่ที่สำนักลูกอย่าดื้อได้ไหม” จนช่วงที่ครอบครัวของผมกับไอ้กรได้รู้จักกันม๊ามันก็มักจะชวนผมไปไหนมาไหนด้วยเสมอ

“พ่อคร้าบบบบบบบบ”
“ว่าไง ไอ้ตัวแสบทำเป็นอ้อนแต่หัววันจะเอาอะไรอีกหละ”
“พ่อนี่เห็นลูกเป็นคนยังไง”
“รีบพูดมาไม่งั้นไม่ให้ไป”
“โอยยยย  พ่ออะ ก็ได้ๆ  ศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้ ต๊ะไปเที่ยวทะเลกับที่บ้านไอ้กรนะ”
“เออ ได้”
“รักพ่อที่สุดเลยครับ”
“เอ็งมันก็ดีแต่รักข้าตอนได้ผลประโยชน์นี่แหละ”
“ใครว่า ต๊ะ รักพ่อจะตาย”

เยส ได้ไปเที่ยวแล้ว แต่รู้สึกพ่อทำตัวไม่เหมือนทุกครั้ง ปกติจะต้องบ่นว่า ไปรบกวนบ้านไอ้กรเขาอีกแล้ว อย่าไปสร้างปัญหาให้เขาหละ และอีกเยอะแยะมากมาย แต่วันนี้กลับตกลงแบบไม่ปริปากบ่นสักคำ น่าเป็นห่วงแล้วสิ กลัวพ่อจะแอบไปแบบวันก่อนอีกถึงผมจะรู้ว่าพ่อเก่งก็เถอะแต่การที่ต้องไปเจอกับเหตุการณ์รุนแรงแบบนั้นบ่อยๆก็คงไม่ดีแน่  ผมอยากให้พ่อห่วงตัวเองบ้าง

“อย่าลืมนะมึง พรุ่งนี้เย็น”
“เออๆ แล้วมึงเอาไงจะไปรับกูที่บ้าน หรือให้กูเตรียมของมาเลย”
“ไปรับที่บ้านมึงก็ได้ จะไปหวัดดีพ่อมึงด้วย”

ไอ้กรมันมาเตือนแต่เช้าเลยครับ เรื่องที่ผมต้องไปเที่ยวกับมัน สงสัยมันก็คงจะตื่นเต้นไม่แพ้ผมเหมือนกัน

“ไปไหนกันวะ”
“ไปหัวหิน กับที่บ้านไอ้กรวะ”
“กูไปด้วยดิ”
“มึงก็ไปขอไอ้กรเองดิวะ”
“จำไว้”

ไอ้ตัวข้างๆนี่ก็งอนเป็นเด็กอีกแล้วครับ ผมนี่น่าจะไปเปิดเนอร์สเซอรี่รับเลี้ยงเด็กให้มันรู้แล้วรู้รอดน่าจะได้กำไรอยู่นะครับ

“เออๆ เดี๋ยวกูไปพูดกับไอ้กรให้”
“จริงนะ แท้งคิ้ววะ”
“ทำเป็นหน้าระรื่นเชียวนะมึง กูแค่บอกว่าจะคุยให้แต่ไม่รับรองผลนะเว้ย”

ผมบอกแล้วไงครับว่าเชี่ยวชาญในการจัดการไอ้พวกเด็กโข่งพวกนี้ แต่ละคนตัวโตยังกับควาย แต่ชอบทำเป็นใจเล็กใจน้อย ถ้าใครมาลองใช้ชีวิตกับไอ้พวกนี้แบบผมสักเดือนคงมีสติแตกกันบ้างแหละครับ

ตึง ตรึง ตึง ตรึ๊งงงงงงง!!!!
ประกาศจากงานประชาสัมพันธ์ขอให้ นายอภิรักษ์  เย็นอยู่ และนางสาวขวัญหทัย วัฒนาสกุล พบท่าผู้อำนวยการที่ห้องฝ่ายอำนวยการ ณ เวลานี้ด้วยคะ ขอบคุณคะ

“ผอ. เรียกพบมึงทำไมวะ”
“แล้วอีกคน ชื่อใครวะไม่คุ้นเลย”
“ชื่อขวัญวะ”
“คงไม่ใช่เรื่องที่กูกับขวัญแอบเข้าไปในตึกช่างหรอกนะ”
“แล้วมึงไปทำไรวะ เชี่ยต๊ะ”
“มันไปดูที่คนตาย”
“มึงก็รู้หรอวะเชี่ยเก้า ว่าเชี่ยต๊ะเข้าไป”
“เออ มันเล่าให้กูฟัง”
“แล้วมึงจะเรียกคนอื่นว่าเชี่ยไปถึงไหนไอ้กร”
“โทษวะกูตื่นเต้น”
“งั้นกูไปและ  กูฝากมึงสองคนทำงานกูส่งด้วย บายยยยยยย”

ผมเดินผ่านเสียงนินทาเบาๆของหลายกลุ่มในห้องแต่ผมไม่สนใจหรอกครับ หรือจะบอกตัวเองว่าชินแล้วดี ตลกนะครับคนเราชอบเอาความคิดของตนเองมาตัดสินคนอื่น ถ้าเขาเจอแบบผมบ้างเขาจะทนได้ครึ่งของผมหรือเปล่า เลิกคิดๆ เฮ้ออออ  ผมเดินไปคิดไปจนมาหยุดอยู่หน้าห้องอำนวยการ ถึงจะรู้ว่าโดนเรียกมาคุยเรื่องอะไรก็เถอะ แต่การเข้าห้องอำนวยการก็ยังทำให้ผมตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!

“ขออนุญาตครับ”
“เชิญ”

ผมเข้ามาในเขตห้องกว้างสีขาว เดินผ่านชุดโซฟาหรูที่ใช้สำหรับรับแขกสำคัญของโรงเรียน ตรงไปยังโต๊ะทำงานของผอ.แขไข ซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเคร่งขึมคุยอยู่กับเด็กสาวอีกคน

“เธอสองคนมาพร้อมกันแล้ว ครูขอเริ่มพูดเลยแล้วกัน”
“ครับ/ค่ะ”
“วันหยุดที่ผ่านมาพวกเธอแอบเข้าไปในเขตตึกช่างใช่ไหม”
“ครับ”
“อภิรักษ์ เธอเข้าไปทำอะไร”
“ผม แอบตามท่านผอ.กับพ่อครับ”
“แล้วเธอเห็นอะไรบ้าง”
“ทั้งหมด หมดทุกอย่างครับ”
“แล้วเธอหละ ขวัญหทัย”
“หนูไม่เห็นอะไรนะคะ หนูเข้าไปทีหลังไม่เจอใครสักคน”
“แล้วเธอเข้าไปทำอะไรที่นั้น”
“หนูอยากรู้ว่าข่ามันจริงไหมคะ เลยเข้าไปดู”
“ครูจะแจ้งผู้ปกครองของเธอสองคนเพราะจากการที่พวกเธอแอบเข้าไปในเขตอันตรายแบบนี้ถ้าเกิดอันตรายขึ้นใครจะรับผิดชอบ คนร้ายก็ยังจับไม่ได้!@#$%^&*()_

ผมกับขวัญโดนอบรมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะโดนปล่อยตัวออกมาเล่นเอาหูชา สมองเบลอกันทีเดียวเลยครับ

“นายเห็นอะไรหรอที่นายตามผอ.เข้าไปในตึกช่าง”
“ไม่รู้ขวัญจะเชื่อเราหรือเปล่านะ”
“เล่ามาเถอะนะ”
“คื คือ เราเห็น……..”

ผมเล่าสิ่งที่ได้เห็นทั้งหมดในวันนั้นให้ขวัญฟังระหว่างทางที่เดินกลับห้องเรียน ขวัญดูสนใจในสิ่งที่ผมกำลังพูด แต่จากสีหน้าของเธอผมยังไม่รู้ว่าเธอเชื่อมากน้อยแค่ไหน แต่คงไม่เป็นไรหรอกคับเพราะยังไงขวัญก็เป็นแฟนไอ้เก้ามันก็คงเล่าอะไรเกี่ยวกับผมให้ขวัญฟังอยู่บ้างแหละ ตอนคุยกันเธอถึงได้ไม่ทำหน้าแปลกใจเท่าไร

“ถึงห้องเราแล้ว เราขอตัวก่อนนะ”
“ได้ๆ เราก็ไปแล้วไม่รู้สองคนนั้นทำงานส่งอาจารย์ให้ยัง”

ขวัญเดินเข้าห้องไปแล้วผมก็รีบตรงกลับไปที่ห้องเรียน เพราะนี่ก็ใกล้หมดเวลาเรียนแล้ว ถ้าไอ้บ้าสองตัวนั้นไม่ทำงานส่งมีหวังผมต้องมานั่งปั่นอีกแน่ 

♫♪  For all the times that you rain on my parade
And all the clubs you get in using my name

ใครโทรมาตอนมาตอนนี้วะยิ่งรีบๆอยู่  อ้าวไอ้เชี่ยกรโทรมานี่หว่า

“เออ ว่าไงทำงานส่งให้กูยัง”
“เรียบร้อยแล้ว สันเป็นคนทำให้มึงรีบมาเลี้ยงหนมขอบคุณเลย”
“มึงนี่เลวจริงๆใช้ไอ้สันมัน  แล้วมึงอยู่ที่ห้องใช่ปะ”
“เปล่าเว้ยอยู่โหงอาหารตึกคหกรรมวะ กำลังกินข้าวอยู่”
“ยังไม่หมดคาบไม่ใช่หรอ มึงโดดไง”
“เปล่า จารย์ปล่อยก่อนเวลาวะ มึงรีบมาได้และ กูเอากระเป๋ามึงมาแล้ว”
“เออๆ”

♫♪  For all the times that you rain on my parade
And all the clubs you get in using my name

วางสายไอ้กรได้ไม่พอสามวิใครโทมาอีกวะ  ผมมองดูเบอร์โทรศัพท์แปลกที่โทรมาตอนนี้ ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย เพราะปกติแล้วผมจะไม่ชอบรับสายเบอร์ที่ไม่คุ้นแบบนี้

“สวัสดีครับ”
“กูเองเก้า  มึงมาหากูที่ตึกช่างหน่อยได้ไหม”
“ไม่ไปไม่ได้หรอวะ กูพึ่งโดนเรียกผู้ปกครองเรื่องแอบเข้าไปตึกช่างวะ”
“มึงมาให้ได้นะเว้ย”

ตุด!! ตุด!! ตุด!!

ไอ้เชี่ยคุยยังไม่ทันรู้เรื่องก็วางสายใส่กูอีก ไอ้เชี่ยกรก็รออยู่ เอาไงดีวะกู  ยังไงก็รีบไปลากไอ้เก้าออกจากแถวนั้นก่อนแล้วกัน ถ้ามันโดนอาจารย์เจอเข้าจะเดือดร้อน


.............................................................................................
มาแล้วครับสำหรับตอนใหม่ ตอนจะเป็นตอนที่เริ่มเข้าสู่เรื่องสำคัญๆของเรื่อง และก็พึ่งเขียนเสร็จหลังจากคนเขียนหนีไปเที่ยวเชียยงรายมาสองวัน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเข้ามาแสดงความคิดเห็น ขอบคุณครับ สำหรับคำถามที่ว่าทำไมต๊ะถึงไม่ใช้ความสามารถเห็นผีสักทีมันมีเหตุผลนะครับแต่เดียวคงโผล่มาในตอนไหนสักตอน สักตอนแหละ ๕๕๕
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๔.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๘
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 08-07-2016 14:19:01
เข้าสู้เรื่องหลักแล้ว เย้ๆ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๔.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 10-07-2016 12:30:32
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๙

“ไอ้เชี่ยเก้าอยู่ไหนของมันวะเนี่ย”

หลังจากที่ตัดสินใจจะมาลากไอ้ตัวแสบออกจากตึกช่าง เพราะกลัวมันจะซวยโดนอาจารย์จับได้ ผมก็มาวิ่งวนๆอยู่รอบตึกช่างจนแทบบ้าก็ยังหามันไม่เจอ มันไปอยู่ที่ไหนเนี่ยใครก็ได้ช่วยลากมันออกมาตรงหน้าผมที หรือว่ามันจะอยู่ข้างในตึกช่างวะโอยยย อยากจะบ้า คนยิ่งไม่อยากเข้าไปข้างในอยู่ เหตุการณ์วันนั้นมันยังติดตาผมอยู่นี่ครับ ทำยังไงดีวะกู เอาวะตายเป็นตายยังไงก็เอามันออกมาให้ได้ก่อนดีกว่า  หลังจากทำตัวบ้าบอด้วยการคุยกับตัวเองอยู่พักใหญ่ตอนนี้ผมก็ได้พาตัวเองเข้ามาในตึกช่างอีกครั้ง บรรยากาศยังสยองเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เครื่องมือระเกะระกะ แสงที่ลอดช่องระบายอากาศ ฝุ่นที่จับหนาไปทั่ว ยิ่งทำให้ที่นี่ดูน่าขนลุกทุกครั้งที่ได้เข้ามา

“ไอ้เก้า  ไอ้เก้า  มึงอยู่ไหนวะ”

ผมค่อยเดินไปเรื่อยพร้อมร้องเรียกไอ้เก้าด้วยเสียงเบาๆไปตลอดทาง

ตึก!! ตึก!! ตึก!!
เสียงยางของพื้นรองเท้าผ้าใบนักเรียนกระแทกพื้นดังอยู่ไกลๆ เรียกความสนใจจากผมให้ค่อยๆเดินตามเสียงนั้นจนใกล้มาทุกทีเสียงของมันค่อยแจ่มชัดขึ้น พร้อมๆกับที่ผมเห็นตัวเจ้าของเสียงนั้น ที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่ในห้อง

“มึงมาทำอะไรที่นี่วะ”
“กูมารอคนที่ชอบเสือกเรื่องของคนอื่นอยู่”
“เสียงมึงทำไมถึงแปลกๆวะ  แล้วมึงก็หันหน้ามาคุยกับกูดีๆด้วย”

ผมตะโกนถามมันอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะรู้สึกคนที่มันกำลังพูดถึงเหมือนจะเป็นตัวผมเอง อุตส่าห์เป็นห่วง แล้วแม่งยังต้องมาโดนด่าว่าเสือกอีก

“มึงออกจากที่นี่ได้แล้ว เดี๋ยวอาจารย์มาเจอมึงจะซวย”
“กูไม่ไป กูไม่ไป กูไม่ไป”

ไอ้เก้าค่อยๆหันตัวช้าๆมาทางผม ก่อนจะพูดคำว่า กูไม่ไป กุไม่ไป ซ้ำอยู่อย่างนั้น ผมว่ามันไม่ปกติแล้วครับ ทำไงดีวะ ดันมาเจอเรื่องแบบเดียวกันในที่เดียวกัน คงไม่ใช่ว่า ผีสายพิณ เข้าสิงมัน

“สายพิณ สายพิณ ใช่เธอไหม เธอออกจากร่างเพื่อนเราเหอะนะ สิงมันไปมันก็ช่วยอะไรมันไม่ได้หรอกนะ”
“เข้ามาใกล้เราสิ เข้ามาใกล้เราสิ”
“ได้ๆ แต่สายพิณต้องสัญญานะว่าจะออกจากร่างเพื่อนเรา”
“เข้ามาใกล้เราสิ เข้ามาใกล้เราสิ”

ผมค่อยก้าวเข้าไปใกล้ๆไอ้เก้าขึ้นเรื่อย ตอนนี้ถึงจะกลัวจนแทบจะก้าวขาไม่ออกก็เถอะ ทุกอย่างรอบตัวดูเงียบสงัดจนผิดปกติ บรรยากาศรอบๆดูมืดมน และเย็นเยือก ใบหน้าของไอ้เก้าที่มองตรงเข้ามาสบตากับผมยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมว่ามันดูสยองมากกว่า

อ็อก อิอื  อิอื อ็อก!!!!
“ปล่อยกูนะเว้ย”

จังหวะที่ผมก้าวเข้ามาใกล้ ร่างไอ้เก้าที่ยืนอยู่ก็ยื่นมือทั้งสองข้างเข้ามาบีบที่คอผมเต็มแรง แต่นี่มันไม่ใช่แรงของมนุษย์ มันรุนแรงจนผมสู้แรงมันไม่ได้แม้แต่น้อย ผมออกแรงดิ้นไปมาพยายามจะเหวี่ยงตัวเองให้ออกจากแรงบีบมหาสารของมือทั้งสองข้าง ตอนที่มันกำลังยกตัวผมให้ลอยขึ้นจากพื้น แต่ก็ทำได้เพียงแกว่งตัวเองมาในอากาศเท่านั้น

“มึงคิดว่ากูเป็นวิญญาณอีโง่นั่นหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ปล่อยกู กูหายใจไม่ออก”
“คนสอดรู้อย่างมึงตายไปก็สมควรแล้ว”

ร่างกายผมตอนนี้เหมือนจะค่อยๆหมดแรง เพราะอากาศที่เริ่มลดน้อยลงทุกที ผมได้แต่ดิ้นทุรนทุรายเหมือนปลาที่ถูกทุบอยู่ในกำมือของร่างไอ้เก้า ก่อนสติจะค่อยๆเลือนรางลงไปสายตาผมก็มองเห็นสิ่งที่สิงอยู่ในร่างไอ้เก้า วิญญาณดวงนั้นวิญญาณที่ผมเห็นตอนที่ได้เจอกับไอ้เก้าครั้งแรก วิญญาณพรายที่คอยตามเอาชีวิตไอ้เก้าตอนนี้ มันคอยควบคุมร่างของไอ้เก้าอยู่

“ปล่อยมันก่อน อย่าพึ่งให้มันตาย”

นี่เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่จะหมดสติไป เสียงมันคุ้นหูจนผมหวาดกลัวว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ในหัวจะกลายเป็นความจริง ขอร้องเถอะครับขอให้ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

“ตื่นแล้วหรอหรอจ๊ะ  ไอ้ต๊ะ”

ผมค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ รอบตัวตอนนี้มืดสนิทจนผมมองแทบจะไม่เห็นอะไรเลย ก่อนสายตาผมจะค่อยชินกับความมืดจนมองเห็นเงาของคนสองคนลางๆยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวผมนัก เสียงที่ผมได้ยินเป็นเสียงแรกหลังจากที่พึ่งฟื้นแม้ในประโยคแรกน้ำเสียงจะดูใสซื่อ แต่คำที่ใช้เรียกชื่อผมนั้นกลับดูเหยียดหยันเสียเหลือเกิน เงาของคนสองคนที่ผมเห็นลางๆในตอนแรกนั้น ตอนนี้กลับค่อยชัดเจนขึ้นทั้งในดวงตา สมอง และหัวใจของผม อันอยากเกินกว่าผมจะยอมรับกลับความจริงนี้ได้ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง ขอให้มันเป็นเพียงฝันไม่ได้หรอ

“นั่งนิ่งเชียว เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ หรืออยากให้แก้มัดให้ แต่ไม่ได้หรอกนะ เพราะเก้าเขาคงไม่ยอมแน่”
“ขวัญ ทำแบบนี้ทำไม”
“ขวัญไม่ได้เป็นคนทำนะ เก้าต่างหาก ขวัญไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย”
“ขวัญปล่อย เรากับเก้าไปเถอะนะ ขวัญทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ”
“ขวัญบอกแล้วไงว่าขวัญไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วต๊ะจะให้ขวัญปล่อยเก้าทำไม ขวัญไม่ได้ทำอะไรเก้าสักหน่อย เก้าเขาก็ทำของเขาเอง”

คนตรงหน้าที่เคยเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก นิสัยดีในสายตาผม  แต่กริยาของเธอตอนนี้ทุกอย่างกลับดูกวนประสาทผมไปเสียหมด ทั้งท่าทาง สีหน้า น้ำเสียง มันกลับตรงข้ามกับจิตใจข้างในของเธอ ถึงตอนนี้ผมยังจะยังปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ แต่คงเป็นเอแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

“เรารู้นะว่าขวัญ เล่นของใส่เก้า”
“ฮ่า ต๊ะเชื่อเรื่องแบบนั้นด้วยหรอ ตลกจังนะ”
“แล้วเราก็คิดว่าคนที่ตายในโรงเรียน เป็นฝีมือขวัญใช่ไหม”

พอผมพูดประโยคนั้นออกไปดูเหมือนเธอจะไม่เก็บซ่อนตัวตนของเธออีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างแสดงออกมาชัดเจน ทั้งสีหน้า และน้ำเสียงที่เกี้ยวกราด

“คนเขาถึงพูดกันว่า พวกชอบเสือกมักจะตายเร็ว มึงก็ด้วยสอดรู้สอดเห็นทั้งเรื่องเก้า แล้วก็เรื่องอีคนที่ตาย มึงถึงต้องมานั่งรอความตายอยู่อย่างนี้ไง”
“ขวัญพอเถอะนะ ทำฆ่าเราไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”
“ไม่ดีขึ้นหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ดีขึ้นสิ ดีขึ้นมากเลย”
“ดียังไงขวัญ ยังไงขวัญก็หนีไม่รอดหรอกทุกคนต้องตามจับขวัญแน่”
“ตามไปก็ไม่เจอหรอก เพราะกูกำลังจะได้สิ่งที่กูต้องการครบแล้ว ตอนแรกกูคิดว่าจะเลือกใครมาเป็นเหยื่อดี แต่มึงมันแส่หาที่ตายเอง กูก็เลยเลือกมึง กูก็จะได้สิ่งทีกูต้องการแล้วก็ได้ปิดปากมึงด้วย ดีใช่ไหมหละ ฮ่ ฮ่า ฮ่า”

เด็กผู้หญิงที่หัวเราะอยู่ตรงหน้าผมดูเป็นคนละคนกับที่ผมเคยรู้จัก เธอหัวเราะอย่าบ้าครั่งกับทุกคำพูดของตัวเอง เธอพูดถึงเรื่องการฆ่าคนออกมาได้อย่างสนุกปาก เธอไม่เหมือนคนที่ผมรู้จักเลยสักนิด คนเราแกล้งเป็นคนดีได้ขนาดนั้นได้ยังไง ทำดีกับทุกคนรอบตัว แต่จิตใจข้างในกลับคิดร้ายอะไรต้องมากมาย
“ถ้าขวัญจะฆ่าปิดปากเราได้ แต่เราขอให้ขวัญปล่อยไอ้เก้าไปเถอะนะ มันกำลังจะตายนะขวัญรู้ไหม”
“เก้าเนี่ยนะจะตาย  เก้าเขาไม่ตายหรอก เก้าเขาจะอยู่กับขวัญตลอดไป”
“ขวัญ จริงๆนะมันจะตายจริงๆ คนโดนของมันอยู่ได้ไม่นานหรอกนะขวัญ”
“เสือก!!!! ทำเป็นรู้ดี เก้าเขาไม่ตายหรอก ถ้ากูไม่สั่งให้ตายมันก็ไม่มีสิทธิตายหรอก”
“ขวัญ”

ผมตะหวาดร้องชื่อเธอจนสุดเสียง ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัด ก่อนที่ขวัญจะค่อยเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วใช้มือเล็กๆของเธอจิกถึ้งเส้นผมของผมจนต้องเงยหน้าขึ้นตามแรงของเธอ

“มึงเสือกอะไรด้วย มึงรู้ไหมกว่ากูจะได้มันมากูต้องทำอะไรบ้าง มึงคิดว่ามันง่ายหรอ แล้วพอมันเจอมึง มึงก้จะเอามันไปง่ายๆ กูไม่ยอม กูไม่ยอม กู!  ไม่!! ยอมมมมม!!!!”

ขวัญดูเหมือนคนที่คลุ้มคลั่ง เธอทั้งกรีดร้อง หัวเราะ ร้องไห้ ชีวิตผมตอนนี้อยู่ในกำมือของเธอ กำมือที่บ้าคลั่งและพร้อมจะพรากชีวิตของผมไปอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เธอพูดคืออะไรกันแน่ ผมไม่ได้แย่งไอ้เก้ามาจากเธอ มันกับผมเป็นเพื่อนกัน แล้วผมจะไปแย่งมันมาจากเธอทำไม
 
พ่อครับช่วยผมด้วย ผมกลัวเหลือเกินกลัวจะไม่ได้กลับไปเจอพ่ออีก
...
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 10-07-2016 15:06:57
คนร้ายเผยโฉมแล้วววววว :ling3:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-07-2016 15:59:06
เอาแล้ว
ขวัญเล่นของตามที่คาดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-07-2016 16:17:47
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

จะมีใครมาช่วยไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 10-07-2016 21:38:10
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-07-2016 22:35:00
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-07-2016 23:54:49
มารอ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 11-07-2016 10:01:52
นั่นไง ไม่รู้จักร่ำเรียนวิชาจากพ่อ หรือพ่่อไม่สอนหว่า พอจวนตัวแล้วเป็นไงล่ะ  :katai1:  รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 12-07-2016 14:41:49
เพิ่งมาอ่านสนุกมากๆคับ ชอบแนวนี้ด้วย
รอ รออ่านตอนใหม่คับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๐.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 16-07-2016 16:15:02
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๐

“มึงรู้ไหมว่ากูต้องทำอะไรมาบ้าง กว่ากูจะได้เก้ามา แล้วกูต้องทนทำเรื่องเลวร้ายขนาดไหน กูต้องยอมทำเรื่องชั่วๆกว่าเก้าเขาจะมารักกู มึงจะให้กูยอมปล่อยเขาไปง่ายๆหรอ”
“แต่ตอนนี้ขวัญยังหยุดทุกอย่างได้นะ อย่าให้มันเลวร้ายไปกว่านี้เลย”
“เลวร้ายหรอ ไม่เห็นจะมีอะไรเลวร้าย กูก็สวยขึ้น เก้าก็รักกู ไม่เห็นจะมีอะไรเลวร้าย มีแต่ตัวจัญไรอย่างมึง ที่เอาเรื่องชิบหายมาในชีวิตกู”
“ขวัญหยุดเถอะนะ เราขอร้อง”
“ขอร้องหรอ กูจะบอกอะไรให้มึงรู้นะ ทุกคนที่กูฆ่า พวกมันก็ร้องขอชีวิตกูแบบนี้แหละ แต่กูไม่เคยให้พวกมัน”

ผมพยายามเกลี้ยกล่อมให้ขวัญใจเย็นลง แต่ดูเหมือนทุกคำพูดที่ผมพูดไปจะกลับกลายเป็นคำยั่วยุให้ขวัญยิ่งคลุ้มคลั่งเสียยิ่งกว่าเก่า

“อีคนแรกที่กูฆ่ามึงรู้ไหมกูทำกับมันยังไง กูจับมันมัดกับเตียง แล้วมันก็ดิ้น ดิ้น ดิ้น กูเลยเอาไม้ทุบจนมันนิ่ง แล้วค่อยๆเอามีดเล็กเลาะเอาฟันมันออกจากปาก กูตัดออกมาทั้งเหงือกทั้งฟันมันเลย เลือดมันนี่นะเต็มปาก จนมันร้องไม่ได้แล้วมันก็สำลักเลือดตัวเองจนตาย หรือมันทนเจ็บไม่ไหวกูยังไม่รู้เลย  อีอีกคนกูหลอกมันไปที่ตึกร้าง ทุบ ทุบ ทุบ จนกระดูกขามันโผล่ออกมา แล้วกูก็ค่อยๆเฉือนเอาหนังมันออกทั้งเป็น มึงรู้ไหมมันยากขนาดไหน อีนั้นมันทั้งดิ้น ทั้งร้อง ดีนะที่ไม่มีใครมาเห็น ฮ่า ฮ่า”
“ขวัญพอแล้ว เราไม่อยากฟัง”
“ไม่อยากฟังหรอ แต่มีอีกหลายคนเลยนะที่กูอยากเล่าให้มึงฟัง”
“พอเถอะนะ เราขอร้อง”
“แล้วรู้ไหม คราวนี้กูจะเอาอะไรจากมึง”
“พอเถอะ เราขอร้อง หือ หือ อือ”

จิตใจผมเกินจะทนรับทุกอย่างไหว น้ำตาผมไหลอย่างห้ามไม่อยู่ ปากร่ำร้องขอให้ขวัญหยุดเล่าสิ่งน่าสยดสยองที่เคยทำมา

“หยุดร้อง มึงจะร้องทำไม เดียวตาสวยๆของมึงก็ช้ำหมด”
“ขวัญหยุดเถอะนะ เราขอร้อง”
“เราก็จะหยุดอยู่นี่ไงจ๊ะต๊ะ เราได้ตาเธอมาเราก็จะได้ทุกอย่างครบแล้ว เราก็จะหยุดไง”
“ขวัญ หืห หืหืหหืหืหท”

ผมได้เพียงแค่ร้องเรียกชื่อขวัญซ้ำไปซ้ำมา หวังว่ามันจะช่วยให้ขวัญคนที่ผมรู้จักกลับมา ขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงฝันร้ายในค่ำคืนหนึ่ง แต่เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้าผมจะคอยย้ำเตือนให้ผมยอมรับสิ่งเลวร้ายที่เกิดอยู่ตอนนี้

“แล้วมึงรู้ไหมทำไมกูถึงอยากได้ของพวกนี้”

ผมปิดปากเงียบไม่กล้าแม้แต่จะสบตาขวัญ

“กูถามทำไมไม่ตอบ”
“….”
“รู้ไหมทำไมกูต้องทำแบบนี้ เก้าไงหละ กูรักเขา กูรักเขาต้องแต่แรก แต่มึงรู้ไหม มึงรู้อะไรไหม สภาพกูแต่ก่อนเก้าไม่แลตามองด้วยซ้ำ กูทำทุกอย่างทุกทางให้กูสวย แต่มึงรู้ไหมเก้าบอกกูว่ายังไง เก้าบอกว่าเขาไม่ได้ชอบกู ตอนนั้นกูแทบบ้า กูจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว แต่ฟ้าคงเห็นใจคนอย่างกู ทำให้กูได้เจอครูเขา คนที่ช่วยให้กูได้รักกับเก้า แต่มึงรู้ไหมกูต้องเจอกับอะไรบ้าง ครูเขาบอกว่าถ้ากูทำอย่างที่เขาบอก เก้าจะมารักกู กูจะสวยแบบที่เก้าชอบ เก้าจะหลงกู แล้วกูก็ทำทุกอย่างตามที่ครูบอก ครูบอกให้กูฆ่าเอาของสวยทั้งเก้ามาให้ครู กูก็ทำ มึงรู้ไหมการฆ่าคนครั้งแรกมันรู้สึกยังไง กูทั้งอ้วก ทั้งหลอน กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นเดือน แต่กูก็ต้องฆ่าอีก กูหยุดไม่ได้ ทำไมรู้ไหม ก็พอกูฆ่าแล้วเอาของมาให้ครูเขา เก้าก็เริ่มมาสนใจกู  เขาทักทายกู เขาตามจีบกู เป็นอย่างที่ครูเขาพุดจริงๆ”

ขวัญพร่ำเพ้ออยู่ในโลกของเธอเพียงลำพัง พรั่งพรูเรื่องราวต่างๆของเธอออกมาไม่หยุดหย่อน จากความรู้สึกกลัวในตัวตนของขวัญในตอนแรก ตอนนี้ผมกลับสงสารเสียมากกว่า ที่ต้องมาเจอคนร้ายที่ถีบส่งให้ขวัญก้าวเข้าสู่อวิชชาเช่นนี้ คนที่มีวิชาอาคมก็เหมือนคนทั่วไปที่มีทั้งดีและเลวผสมปนเปกันไป ด้วยความที่มีอำนาจเหนือผู้อื่นหากก้าวพลาดเพียงน้อยไปสู่โลกแห่งความดำมืด หรือชักจูงผู้อื่นสู่ความโสมมย่อมไม่มีทางกลับสู่หนทางแห่งสิ่งดีงามได้

แอดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!

เสียงประตูบานเก่าที่อยู่ท้ายห้องค่อยๆเปิด มันเหมือนเสียงแห่งความหวังที่อาจจะนำพาผมออกไปจากเหตุการณ์เลวร้ายตรงหน้า ผมมองตามเงาเลือนรางที่ค่อยก้าวอย่างเชื่องช้าเข้ามาบริเวณกลางห้อง เมื่อเธอเข้ามาใกล้จนผมเห็นเค้าหน้าลางๆ ก็ยิ่งจุดความหวังของผมให้สว่างไสวขึ้นกว่าเก่า เธอคือผู้หญิงคนนั้น คนที่มารับพ่อในวันนั้น คนที่อยู่ข้างท่านผอ.ในวันที่พ่อมาที่ตึกช่าง

“คุณครับช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยครับ”

ผมร้องเรียกเธออยู่นาน แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับจากเธอแม้แต่น้อย สายตาเธอตอนนี้มองกวาดไปรอบๆบริเวณ ไม่จดจ่อกับสิ่งใด เหมือนกับว่าเธอจะมองไม่เห็นทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คงไม่ใช่ว่าขวัญใช้คาถาอาคมอำพรางทุกสิ่งไว้  ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงได้แต่นอนรอความตายอย่างไม่มีใครช่ยเหลือได้
 
“ไหนที่ทำพิธี ขวัญ”

คำพูดเพียงหนึ่งประโยคที่เธอนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ กลับทำลายความหวังทั้งหมดของผม ความหวังที่จะหลุดพ้นออกไปจากเหตุการณ์เลวร้าย กลับโดนตอกย้ำว่าทุกอย่างมันเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม

“ทางนี้คะครู”

กริยาที่ดูเคารพนพน้อมแตกต่างจากความบ้าครั่งของขวัญเมื่อก่อนหน้านี้อย่างกับคนละคน ขวัญเดินนำผู้หญิงคนนั้นไปที่ห้องมุมหนึ่งที่เก้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นตั่งแต่แรก ผู้หญิงที่ขวัญนั้นเรียกว่าครู เดินหยิบจับสำรวจดูโต๊ะ และสิ่งของอีกมากมายที่ถูกจัดเรียงไว้เหมือนเตรียมการสำหรับทำพิธีอะไรสักอย่าง แต่ที่แน่ชัดมันคงไม่ใช่พิธีอันเป็นมงคลแน่ เพราะสิ่งที่เป็นประธานบนโต๊ะเครื่องบูชาดูเหมือนจะเป็นกะโหลกครู พ่อเคยเล่าว่าการตั้งโต๊ะทำพิธีหากกลางมีพระพุทธรูปเป็นประธานเป็นพิธีมงคล แต่ถ้าเป็นของอัปมงคลอย่างอื่นให้ผมอย่าเข้าประยุ่ง เพราะของพวกนั้นล้วนได้มาจากการกระทำที่ไม่ดี หากเป็นหุ่นหรือเทวรูปล้วนสร้างมาจากของต่ำ หุ่นปั้นดินได้จาก ดินป่าช้า ดินใต้โลง ดินท้ายตลาด ดินใต้ตีนใต้รองเท้า  เถ้ากระดูก หนองจากศพ หุ่นโลหะได้จากตะปูโลง ตะแกรงเหล็กเชิงตะกอนเผาศพ และที่ร้ายและชั่วเกินมนุษย์จะทำได้คือโต๊ะบูชาที่ตั้งด้วยหัวกะโหลกครูเพราะคนทำพิธีจะต้องไปตัดเอาหัวของครูที่ร่ำสอนวิชาคุณไสยแก่ตนมาบูชา ผู้ที่จะคุมหัวครูนั้นย่อมมีอาคมที่ชั่วและรุนแรงที่สุด

“ครูลืมบอกอะไรไปอย่าง”
“อะไรหรอคะครู”
“ครูเจอคนมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้สองคน เป็นผู้ชาย แต่จัดการไปแล้ว ไปลากมันเข้ามาข้างในด้วยเดี๋ยวใครจะมาเจอเข้า”
“ได้คะ ครู”

ขวัญหันไปสั่งเก้าให้ออกไปจัดการตามคำสั่งของคนที่เรียกว่า ครู จากนั้นขวัญก็เดินไปลากกล่องเหล็กไปใหญ่ออกมาจากด้านหลังโต๊ะพิธี และกำลังท่าทีเหมือนกำลังจะเปิดมันออก

 “เดี๋ยวก่อนขวัญ อย่าพึ่งเปิด”
“ทำไมคะ ครู”
“ไม่ต้องสงสัย แล้วเธอก็ออกไปรอฉันข้างนอก”
“ได้คะ”

ขวัญได้เพียงทำตามคำสั่งของเธอคนนั้น อย่างไม่อาจมีข้อโต้เถียงจะด้วย ความเคารพ ความยำเกรง หรือความกลัว อะไรก็ตามที่ทำให้เธอเชื่อในผู้หญิงคนนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าผมกำลังเผชิญกับคนที่ไม่อาจคาดการณ์ถึงความน่ากลัวของเธอได้

“เราเจอกันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะ แต่เธอคงจำฉันไม่ได้”
“ผมเคยเจอคุณที่นี่ คุณมากับผอ.”
“ไม่ใช่หรอกเราเคยก่อนหน้านั้นอีก ที่หน้าเสาธงวันที่เธอเป็นลม”
“คุณคือ ครูที่ย้ายมาใหม่ ครูเพ็ญศรี “
“ไม่ใช่สิ ก่อนหน้านั้นอีก ตอนที่เธอยังเด็ก แต่ช่างมันเถอะเธอคงจำไม่ได้”
“ตอนผมเป็นเด็ก?”
“พ่อเธอสบายดีไหม”
“รู้จักพ่อผมด้วยหรอ”
“แต่ฉันก็ไม่หวังให้มันสบายดีหรอกนะ คนอย่างมันน่าจะตายไปตั่งแต่ตอนนั้น

.......
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-07-2016 16:53:17
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 16-07-2016 19:02:05
คนเขียนค่าาาาาาา กำลังสนุกเลย

อยากได้แบบยาวๆ :ruready
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 16-07-2016 19:08:14
ค้างละครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 16-07-2016 21:51:36
พึ่งได้เข้ามาอ่านค้างกันไปสิเธอ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-07-2016 22:01:03
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 24-07-2016 09:59:28
เกลียดที่ต๊ะอ่อนแอ ไม่ใสใจ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 24-07-2016 21:46:13
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๑

“บอกมาสิว่ารู้จักผม กับพ่อได้ยังไง”
“ขวัญ เข้ามาได้แล้ว”
“บอกมา บอกผมมาเดียวนี้”
“ขวัญรีบเข้ามา ครูจะเริ่มพิธีแล้ว”
“บอกมาสิโว้ย”

เพียะ!!!

“คนอย่างแกไม่มีสิทธิมาขึ้นเสียงกับครู”

ขวัญเข้ามาตบผมจนหน้าชา ตอนที่ผมกำลังหัวเสียจนขาดสติ ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่กับการที่มีใครมาพูดเรื่องร้ายๆให้กับคนที่ผมรักที่สุด ถึงแม้ผมจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เกลียดพ่อผมขนาดต้องแช่งให้ตาย แต่ผมก็ยังมั่นใจเสมอว่าพ่อผมไม่ทำอะไรไม่ดีแน่นอน

“ไปเตรียมของได้แล้วขวัญ ครูจะเริ่มแล้ว”
“คะครู”

ขวัญหยุดมือก่อนที่เธอจะได้เข้ามาตบผมเป็นครั้งที่สอง แล้วรีบทำตามคำสั่งของครูเพ็ญศรี ตรงใบที่หีบเหล็กใบใหญ่ที่เธอลากมาไว้หน้าโต๊ะทำพิธีก่อนที่จะถูกสั่งให้ออกไปรอนอกห้อง  ขวัญกุลีกุจอค้นหาอะไรสักอย่างในกระเป๋านักเรียนจนเจอเข้ากับลูกกุญแจสีเงินดอกหนึ่ง และนำกุญแจมาหยุดยืนอยู่หน้าตัวเมียบใบนั้นหยุดนิ่งสักพักเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง เธอถอนหายใจแรงก่อนจะค่อยไขกุญแจเปิดฝาหีบออก  กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ กลิ่นที่ผมได้สัมผัสทำเอาปวดหัวคลื่นไส้จนแทบจะอ้วกออกมา
 
“ครูจะให้หนูทำยังไงกับของพวกนี้คะ”
“เอาออกมาเรียงตรงหน้าโต๊ะให้เหมือนรูป คน เลยนะ”

ขวัญยื่นมือเข้าไปหยิบของที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นในหีบอย่างไม่รังเกียง เธอค่อยหยิบของพวกนั้นออกมาที่ละชิ้น มาเรียงเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนต่างทีเธอหามาได้  ชิ้นส่วนหนังของมนุษย์ที่ขวัญหยิบขึ้นมาวางเป็นชิ้นแรกกลางพื้นที่หน้าโต๊ะพิธีแล้วน้ำชิ้นส่วนอื่นๆวางตามตำแหน่งจนชิ้นส่วนพวกนั้นคล้ายกับรูปร่างของมนุษย์

 “ ชยะ ชยะ ชยะ ชยะ อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้าจะขอไหว้พระอิศวรเป็นเจ้า ซึ่งเสด็จลงมาเป็นประธาน บัดนี้ทรงเสด็จมาชุบเทวานพพระเคราะห์ทั้ง9พระองค์ไห้บังเกิดเป็นราชาเทวะ ท่องเที่ยวไปทั่วทิศาแล้ว ท่านจงเสด็จลงมายังเมืองอุตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป ปุพพวิเทหทวีป และชมพูทวีป แล้วท่านจึงเสด็จลงมาประทานพระพรตามยุบทแบบโบราณมีนานมา ทรงเสด็จมาประทาน ทรงพระกรุณาเชิญช่วยอภิบาลบริรักษ์แด่ข้าให้ ดังคำที่ข้านั้นได้ประกาศโองการบัดนี้เทอญ.......”

เสียงบริกรรมคาถาของครูเพ็ญศรีดังก้องไปทั่วบริเวณ ภาพตรงหน้าผมดูคล้ายกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เคยดู เรื่องราวเกี่ยวกับครูสาวคนหนึ่งที่โดนทำของใส่จนสุดท้ายเธอกลับมาแก้แค้นคนที่ทำของใส่เธอด้วยการเล่นของกลับคืน ภาพที่ถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์เรื่องนั้นดูสยดสยองสมจริงติดตาผมจนนอนฝันร้ายอยู่เป็นอาทิตย์ แล้วเหตุการณ์จริงที่อยู่ตรงหน้าหละจะทำให้ผมหวาดกลัวไปอีกนานเพียงใด

“ครูคะ แล้วลูกตาหละคะ จะให้หนูควักออกมาเลยไหม”

เพียงคำถามเดียวของขวัญทำเอาผมสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะสิ่งที่ขวัญต้องการในตอนนี้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่เธอต้องทำมันเพื่อพิธี แต่มันคือการทรมานตัวผมเพื่อระบายความคับแค้นใจดังที่เธอได้หวังไว้ตั่งแต่จับตัวผม

“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ ขวัญ”
“ทำไมคะครู”
“ครูรู้นะว่าเธอต้องการอะไร แต่ครูจะทำให้เธอสะใจยิ่งกว่าควักออกมาด้วยมือเธอสะอีก แต่ตอนนี้เธอต้องมารับสิ่งที่เธอได้ทำไว้ มันจะสำเร็จแล้วนะขวัญ”

เสียงบริกรรมคาถายังดังต่อไปเรื่อยเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้กลับทำให้ผมได้รู้ชัดเจนแล้วว่ากิเลสของมนุษย์สามารถเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่ไม่มีความอายได้ ขวัญปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกที่ละชิ้นอย่างไม่มีความอายใดๆ  ร่างกายอันเปลือยเปล่าค่อยก้าวลงนอนช้าๆบนซากชิ้นส่วนมนุษย์ที่ถูกจัดเรียงไว้

“หลับตาแล้วประนมมือขึ้น ฟังครู เธอจะหลับใหลไปยังโลกหน้าเพื่อเตรียมตัวกลับมาในร่างใหม่ ร่างที่งดงาม ร่างที่เธอต้องการ ร่างที่ทุกคนจะลุ่มหลง หลับขวัญ หลับไป”

ขวัญเหมือนต้องมนต์หลังจากได้ยินคำพูดของครูเพ็ญศรี เธอก็ค่อยๆหลับตาลง และร่างของเธอนิ่งสงัดเหมือนวิญญาณที่เคยใช้ร่างนี้ได้หลุดลอยไปแล้ว

“…เหล่าองค์เทวา อสุรา ที่เข้ามาชุมนุมดังบทโองการที่ข้าได้กล่าว บัดนี้ข้าขอถวายกุณโป (ซากศพ) เพื่อเป็นเครื่องเซ่นสรวงให้ก่อกำเนิดกายาใหม่ ผู้ทรงรูปโฉมงามตามลักษณะเครื่องเซ่นสรวงเหล่านี้ ฉวี (ผิวหนัง) ขาวผุดผ่องเรื่องรองนิรันด์กาล  อุณหิโส (ใบหน้า) งดงามไม่เปลี่ยนแปลง เกโส (เส้นผม) ดำมืดมิสิ้นสุด มุขํ(ปาก)แดงงามฉ่ำชื่น หฺตโถ(มือ) เรียวงามนิ่มนวลลออ ปาโท(เท้า) แกร่งกล้าหากแม้นดูนุ่มนวล ทฺนโต(ฟัน) เรียงงดงามขาว กนีนิกา อิต.(ลูกตา) ลึกล้ำดำสนิทคิดรัญจวนสืบเสน่หา ของงามน่าบูชาทั้งอัฎฐ(แปด) ผสานร่วมรวมกับร่างเป็นหนึ่งโดยโลหิตข้านี้เป็นตัวกลาง….”

 ครูเพ็ญศรี หยิบมิดอันเขื่องติดมือเดินมาร่ายรำรอบร่างของขวัญที่นอนอยู่ ก่อนจะจรดปลายมีดอันคมกรีดลงบนข้อมือของตัวเอง เธอส่ายข้อมือร่ายรำ เลือดหลั่งไหลอาบร่างของขวัญที่นอนอยู่ที่พื้น จนร่างขาวนวลของขวัญกลายเป็นสีแดงเลือดจนทั่ว ครูเพ็ญศรีใช้มือทั้งสองข้างลูบไล้น้ำเลือด และก้อนเลือดเล็กๆบนตัวขวัญให้มันอาบแนบชิดเคลือบทุกสัดส่วนของร่างกายเธอ ก่อนจะค่อยหยุดพิธีกรรมอันสนุกสนานของเธอ แล้วหยิบขันใบเล็กที่ใส่ผงขี้เถ้ามาโรยรอบเก้าอี้ที่มัดผมอยู่ ครูนั่งลงตรงหน้าก่อนเริ่มสวดคาถาอีกครั้ง

“กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต.”

บทสวดที่มีแต่คำบาลีที่หมายถึงลูกตาดังก้องในหัวผมมันทั้งดัง และทำให้ผมเจ็บไปทั่วบริเวณหัวก่อนจะค่อยๆแคบลง แคบลง มาเจ็บปวดเป็นการมากอยู่บริเวณรอบกระบอกตา ผมรู้สึกเหมือนลูกตามันจะหลุดออก มันทั้งเจ็บทั้งแสบทั้งทรมาน

“หลับตาแล้วฟังข้า ทำใจให้สงบ ข้าจะบอกเจ้าเพียงครั้งเดียว จงเอ่ยนามของข้าภายในใจเจ้า นนทลี ”

เสียงนุ่มละมุนที่คุ้นเคย เสียงที่คอยปลอบผมในยามร้องไห้ เสียงที่คอยคุ้มครองผมในวัยเด็ก เสียงที่ไม่ได้ยินมาเนินนาน แม้จะผ่านไปสักเท่าไรเสียงนี้ยังคอยปกป้องผมอยู่เสมอ ใจผมตอนนี้กลับมาสงบอีกครั้ง จากเสียงสวดคาถาชั่วร้ายที่เคยดังก้องอยู่ในหัว ตอนนี้กลับมีเพียงเสียงเดียง เสียงที่ผมคิดนึกอยู่ในใจ นนทลี นนทลี นนทลี ความเจ็บปวดคลายออกไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ความทรงจำ  ขี้เถ้าสีขุ่นมัวที่รายรอบเก้าอี้ลุกโชนขึ้นเป็นเปลวไฟก่อนที่จะสลายหายไปต่อหน้าของครูเพ็ญศรี

“เทวดาประจำตัวงั้นหรอ ปกติพวกมึงจะอ่อนแอจนทำอะไรไม่ได้ แต่นี่ถึงกับสลายมนต์ขี้เถ้าเผาศพได้ คงจะมีบุญมากสินะ”

ครูเพ็ญศรีพูดล่องลอยไปในอากาศเหมือนต้องการจะสื่อสารกับอะไรบางอย่าง สายตาสอดสายมองหาสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ แต่เหมือนหาอย่างไรก็คงไม่พบ เธอจึงกลับไปที่โต๊ะพิธีอีกครั้ง ก่อนจะหยิบหีบเก่าใบเล็กๆออกมา

“ขี้เถ้าเผาศพคงไม่แรงพอ  ลองใช้เถ้ากระดูกผีตายโหง กูก็อยากรู้บุญมึงจะมีมากขนาดไหน”

เสียงประกาศท้าทายของครูเพ็ญศรีดังไปทั่ว ก่อนเธอจะเริ่มทำซ้ำเดิมอีกครั้ง นำผงเถ้ากระดูกในมือโรยรอบเก้าอี้ที่ผมถูกมัดอยู่แล้วสวดคาถาดังเดิม แต่ทุกอย่างคงไม่เป็นดังใจเธอหวัง คราวนี้แม้ผมจะไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง แต่เถ้ากระดูที่โรยรอบตัวผมกลับลุกโชนขึ้นเป็นเปลวไฟก่อนจะสลายไปก่อนที่เธอจะสวดคาถาจบบทแรกเสียอีก

“เก่งนักนะมึง กูจะทำให้พวกมึงดูว่าบุญก็ช่วยมันไม่ได้ไม้ได้”

ครูเพ็ญศรีลุกขึ้นด้วยความโมโห มือหนึ่งจิกเข้าเส้นผมบริเวณท้ายทอยจนผมต้องเงยหน้าตามแรงดึง มืออีกข้างหยิบเอาผงกระดูกผีมาบริกรรมมนตร์ไสยเวทย์  พูดพร่ำทั้งคำด่า สาปแช่งมากมาย รวมถึงเหตุที่ต้องควักลูกตาผมด้วยมนต์

“มึงรู้ไหมทำไมกูไม่ใช่มีดควักลูกตามึงออกมา มึงมีใช่ไหมหละพลังนั้น พลังที่พ่อของมึงไม่ยอมให้มึงใช้  พลังที่พ่อมึงพยามยามปกปิด แต่พ่อมึงมันโง่มันไม่รู้ถึงอำนาจของพลัง มันห่วงแต่มึงมันถึงไม่ยอมให้มึงใช้ แต่มันก็ปิดไม่มิดทุกคนเขารู้กันหมด ต่อให้ไม่ใช่กูต่อไปก็ต้องมีคนมาทำแบบนี้กับมึงอีก”

ผมไม่เข้าใจสิ่งที่ครูเพ็ญศรีกำลังพูดอยู่ในตอนนี้ พ่อพยายามปกปิด พ่อไม่ให้ผมใช้อะไร ในเมื่อจะพูดถึงพลังของผม ก็แค่การเห็นวิญญาณได้เท่านั้น และก็ไม่ได้เห็นตลอดเวลาด้วย เห็นเป็นบางครั้ง เห็นแค่บางคน แล้วพ่อปกปิดอะไร

“และมึงคิดว่าทุกสิ่งที่กูให้อีเด็กนั่นทำกูทำเพื่อตัวมันงั้นหรอ เปล่าเลยกูแค่จะเอาร่างของมันมาเป็นของกู แล้วพลังทุกอย่างก็จะเป็นของกู”

มือที่กำผงเถ้ากระดูกอยู่นั้นถูกยืนมาตรงใบหน้าของผมเธอค่อยโรยฝุ่นผงเหล่านั้นลงบนดวงตาแต่เมื่อผงฝุ่นแรกสัมผัสกับเปลือกตา มันกลับลุกขึ้นเป็นเปลวไฟเหมือนทุกครั้ง และลุกไหม้ต่อกันเป็นทอดๆเหมือนกับไฟที่วิ่งเข้าหาเชื้อเพลิง มันลุกไหม้อยู่ในมือของครูเพ็ญศรีจนทั่วทั้งผ่ามือเหมือนทะเลเพลิงที่มีขี้เถ้าเหล่านั้นเป็นเชื้อ ครูเพ็ญศรีกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดวิ่งโร่ตรงไปที่ขั้นน้ำมนต์ที่โต๊ะพิธี ก่อนจะจุ่มมือลงไฟจนไฟทั้งหมดมอดดับลง

“อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

เธอกรีดร้องอย่างไม่พอใจ เหมือนคนที่คุ้มคลั่ง

ตุบ!!!

ปากทางเข้าประตูห้องร่างของชายสองคนถูกทิ้งลงกับพื้น ไอ้เก้าที่หายไปนานตามคำสั่งที่ให้ออกไปเก็บคนที่ครูเพ็ญศรีได้จัดการไว้เดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วกลับเข้าไปยืนที่มุมเดิมที่เข้ายืนอยู่ตอนแรก ไอ้เก้าในตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับหุ่นที่ถูกเชิด ที่รอฟังแต่คำสั่งของคนที่เชิดตัวมันเอง  ครูเพ็ญศรีที่คลุ้มคลั่งอยู่ในตอนแรก ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มหน้าสะอิดสะเอียนผุดขึ้นมาบนใบหน้า

“เก้า  ทำอะไรให้ครูหน่อยสิ”
“ครับครู”
“เอาผงขี้เถ้าไปโรยบนหน้ามันให้ครูหน่อย”
“ได้ครับครู”

.....
เขียนตอนแบบนี้แล้วเครียดครับ อยากกลับไปเขียนแบบรักใสใสแล้ว
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๔.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 24-07-2016 22:06:37
อ่านแล้วลุ้นมากกกกก เครียดมากด้วย :katai1:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๔.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 24-07-2016 22:33:42
 o22
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๔.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-07-2016 00:26:19
สนุกมากคับ ลุ้นมากตอนนนี้และก็ค้างอยากอ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๔.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 25-07-2016 10:49:29
เครียดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๔.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 26-07-2016 23:38:58
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๒


คู่สมพงศ์ร่วมรักสมัครสมาน  พรากพบพานอดีตกาลกลับมาสู่
คนสองคนเมื่อพบกันได้รับรู้  เราเป็นคู่แม้นสองร่างแต่ใจเดียว


มือข้างหนึ่งของไอ้เก้ากำผงขี้เถ้าเดินตรงเข้ามาด้านหน้าของผม เสียงทุกอย่างรอบตัวเงียบลงอีกครั้ง เงียบจนผมได้ยินเสียงฝีเท้าของมันก้าวเข้ามา เงียบสนิทจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัว น้ำตาผมเอ่อไหลแต่ภาพที่มองเห็นกลับชัดเจน ภาพของมันที่เข้ามาโรงเรียนนี้ในวันแรก ภาพของเด็กผู้ชายที่มีวันญาณติดตาม ถ้าผมช่วยมันได้ตั่งแต่วันนั้นผมกับมันก็คงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ แต่ตอนนี้ภาพนั้นกลับชัดเจนอยู่ตรงหน้ามือสีดำที่ควบคุมมันอยู่

“มึงหยุดนะเว้ย ไอ้เก้า มึงจะทำอะไรวะ”
“ไอ้กร หือ หื หือ ”

น้ำตาผมไหลออกมาไม่หยุดเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งดังขึ้นจากพื้น ไอ้กรคลานพาตัวเองจากประตูห้องมาถึงจุดที่ผมถูกมัดอยู่มือของมันกำอยู่รอบข้อเท้าของไอ้เก้า พยายามไม่ให้ไอ้เก้าเดินมาหาผมได้ ร่างการของมันตอนนี้ดูเหมือนคนที่ถูกทำร้ายมาอย่างรุนแรง แม้จะไม่มีเลือดให้เห็นแต่กลับมีรอยช้ำทั่วไปหมดทั้งตัว มันมองมาที่ผม มันยิ้ม มันยิ้มให้ผมเหมือนกับมันจะตองการจะบอกอะไรผมบางอย่าง

“มึงไม่ต้องกลัวนะ กูอยู่นี่แล้ว”
“ไอ้เหี้ย หื หือ  มึงจะมาทำไม มึงจะตามกูมาทำไม ทำไมมึงไม่หนีไป”

ผมได้แต่ด่ามันซ้ำไปซ้ำมา หวังว่าคำด่าของผมจะไล่มันให้พ้นจากตรงนี้ ทำไมผมต้องเป็นคนที่พาทุกคนมาเจอแต่เรื่องร้ายๆ ผมอยากให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวผมมีแต่ความสุข แล้วทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

“กูไม่เป็นอะไรหรอก มึงไม่ต้องห่วง”
“มึงมาทำไม หื หื หือ ทำไมไม่หนีไป

ตุบ!!!

ไอ้เก้าสะบัดขาข้างที่ไอ้กรกำอยู่สุดแรงจนมือไอ้กรคลายออก ก่อนที่มันจะเตะเข้ากลางลำตัวของไอ้กรจนปลิวไปกระแทกเข้ากับผนัง

“มึงหยุดนะเว้ย มึงทำมันได้ยังไงวะมันเป็นเพื่อนมึงนะ”
ถึงผมจะรับรู้ว่าไอ้เก้าในตอนนี้ ไม่ใช่ตัวตนของมันแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมได้แต่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ ถึงรู้ว่าด่า หรือขอร้องมันแค่ไหนมันก็คงไม่กลับมาเป็นคนเดิม แต่ผมก็ทำได้แค่นั้น คนอย่างผมคงทำได้แค่นั้น  ไอ้เก้ายังคงก้าวเข้ามา มันไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ มันไม่ได้ยินเสียงของผม

“พอเถอะ กูขอร้อง”

ไอ้เก้าใช้มือข้างที่กำผงขี้เถ้าอยู่ขึ้นมาบริกรรมคาถา ท่าทางของมันตอนนี้ดูไม่ต่างกับหุ่นที่ถูกครูเพ็ญศรีควบคุมอยู่ ท่าทางของมันเหมือนครูเพ็ญศรีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะพิธีทุกอย่าง

“กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต กนีนิกา อิต. กนีนิกา อิต.”

มนต์คาถาถูกร่าย มือข้างที่กำขี้เถ้าเลื่อนเข้ามาใกล้หน้าของผม ไอ้เก้าค่อยๆใช้ผงขี้เถ้าละเลงจนทั่วใบหน้าของผม แต่คราวนี้ขี้เถ้านั้นกลับไม่ลุกโชนหรือสลายไป มันติดแน่นทั่วใบหน้าผม ความร้อนจากผงขี้เถ้าเหล่านั้นวิ่งวนไปทั่วทั้งใบหน้า ก่อนที่พวกมันจะวิ่งมารวมกันที่เบ้าตา ความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนของเหลวร้อนแทรกเข้ามาที่เบ้าตา พวกมันพยายามดัน ดัน ดัน เอาลูกตาผมออกจากเบ้า ผมทรมานกรีดร้องดิ้นทุรนทุราย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คู่สมพงษ์กันงั้นหรอ  สะใจจริงโว้ย บุญที่ว่าแน่ยังยังแพ้ดวง พวกคู่เวรคู่กรรมสินะ สองร่างจิตเดียว ชาติที่แล้วคงสาบานว่าจะรักกันทุกชาติไปสินะ ฮ่า ฮ่า ตลกชิบหาย”

เสียงหัวเราะร่าอย่างสะใจของหญิงคนหนึ่งดังไปทั่วห้อง สะใจที่ทำให้ผมทรมาน สะใจที่ทำให้ผมเจ็บใจ สะใจที่เธอได้สิ่งที่ต้องการ สะใจที่เธอทำสำเร็จทุกอย่าง  ผมได้แต่ทรมานแค่ช่วยเหลือตัวเองยังทำไม่ได้

“โอ้ย ไม่ไหวหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว นี่ถ้าขวัญมันตื่นขึ้นมาได้แล้วเห็นภาพแบบนี้ไม่รู้มันจะเสียใจหรือสะใจกันแน่ แต่คงจะเสียใจที่พวกแกเป็นคู่กัน แต่ก็คงสะใจแบบสุดๆที่มันได้เห็นพวกมึงทำร้ายกันเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

รอบตัวผมตอนนี้มืดสนิทมองไม่เห็นสิ่งใด ผมโดนเอาไปแล้วตาของผม ผมจะทำยังไงดีถ้าผมตอนนี้ทำอะไรได้บ้างก็คงดี

“เก้าเอามาให้ครู เอาของสิ่งนั้นมาให้ครู”
“ครับครู”

เสียงฝีเท้าไอ้เก้าค่อยๆห่างออกไปจากตัวผมทุกที ตาผมในตอนนี่มองไม่เห็นอะไร แต่หูกลับได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจน เสียงฝีเท้าคน เสียงสวดคาถา  เสียงพิธีกรรมของครูเพ็ญศรีที่กำลังดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของไอ้เก้าที่ตอนนี้หายไปแล้ว เสียงหอบหายใจของไอ้กร เสียงโทรศัพท์
และเสียงพูดเบาๆที่ห่างออกไปจากที่ผมอยู่

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครครับ
“พ่อ พ่อ ต๊ะ ใช่ไหมครับ ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่ตึกช่าง ได้โปรดมาช่วยพวกเราด้วยเถอะครับ”

ไอ้สัน เสียงไอ้สัน ไอ้สันมันอยู่ที่นี่ หรือว่าคนที่โดนลากมากับไอ้กรจะเป็นไอ้สัน ไอ้สันโทรหาพ่อผมหรอ พ่อจะมาช่วยพวกเราใช่ไหม พ่อครับรีบมาช่วยพวกเรานะครับ มาช่วยพวกเราที ผมอยากให้ทุกคนปลอดภัย

อ้า!!! โอ้ยยยย!!!

“ เสือกไม่เข้าเรื่องนะมึง”

เสียงร้องเจ็บปวดของไอ้สันดังเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อย เสียงพูดในตอนแรกของมันก็เหมือนจะไม่มีแรงอยู่แล้ว  มันคงเจ็บมาหนักไม่น้อยกว่าไอ้กร ความพยายามที่มันจะช่วยพวกเราทุกคนทำให้มันกลับต้องโดนทำร้าย

“หยุดนะเว้ย หยุดอย่าทำเพื่อนกูนะเว้ย”
“จ้าๆ พ่อคนเก่ง ลุกมาช่วยเพื่อนสิ  ลุกมา   ออ อ๋อ อ๋อ ฉันลืมไปแกมองไม่เห็นนี่นา งั้นคลานมาสิคลานมา ออ อ๋อ ฉันลืมไปไปอีกแล้วแกถูกมัดอยู่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า “
“หยุดนะเว้ย หยุด”
“มึงอยากรู้ไหมกูทำอะไรเพื่อนมึง กูจะเล่าสงเคราะห์คนมองไม่เห็นอย่างมึงแล้วกัน เพื่อนมึงมันเสือกไงมันโทรให้คนมาช่วยกูเลยจัดการกับปากขี้เลือกของมันด้วยการเอา ตีน ปิดปากมันสะ แล้วกูยังจัดการกับมือขี้เสือกของมันด้วยนะ อยากรู้ไหมกูยังไง อยากรู้ ไหม อยากรู้ไหม….”

เสียงล้อเลียนกวนประสาท มันตอกย้ำในความอ่อนแอของผมที่ปกป้องใครไม่ได้สักคน ตอนนี้ผมแทบบ้าที่ทำอะไรไม่ได้เลย ผมจะทำยังไงดี ทำไงดี

“แกก็ได้ทุกอย่างแล้ว ทำไมแกไม่ยอมปล่อยทุกคนไป”

ทันที่ที่ผมตะโกนประโยคนี้ออกไปทุกอย่างเงียบลงในทันที ไม่มีเสียงร้องของไอ้สัน ไม่มีเสียงกวนประสาทของครูเพ็ญศรี ทุกอย่างเงียบลงจนดูน่ากลัว

“แกคิดว่าฉันจะปล่อยคนที่รู้เรื่องนี้ทุกคนไปงั้นหรอ ใสซื่อจริงนะพ่อหนุ่ม”

เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ทำเอาผมเดาไม่ถูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จิตใจของผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจนยากที่ผมจะคาดเดาได้ สิ่งที่เธอทำอยู่ สิ่งที่เธอทำอยู่ มันเกิดจากเหตุผลไหนกันแน่

“กูจะทำให้พ่อมึงเจ็บที่ต้องเสียคนที่รักไป เหมือนที่กูต้องเคยเสียไป”

........
อย่าทำร้ายกันด้วยคำว่า "ตอนนี้สั้นจังเลย" (ล้อเล่น บ่นได้นะ คนเขียนจะได้มีแรงกระตุ้น)
  แต่เริ่มเขียน งง งง สงสัยสมองเริ่มเบลอ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-07-2016 12:20:36
มันสั้นจริงแหละอ่านแปปเดียวจบล่ะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: PongPongpang ที่ 27-07-2016 15:57:15
มันค้างงงงง รีบมาต่อนะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 27-07-2016 18:13:56
ค้างแรงเลยครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-07-2016 18:46:34
มันสั้นไปไหม
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-07-2016 21:14:02
เพิ่่งเข้ามาอ่าน กำลังสนุกเลย รอๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 27-07-2016 22:11:03
แอบยืดนิดๆ นะ ลุ้นจนเลิกลุ้นละว่าต๊ะจะรอดไปได้ไง
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 12-08-2016 22:04:30
 :katai5:คนแต่งหายตัวไปอย่างลึกลับ  :m31:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๖.๗.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 29-08-2016 21:08:48
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๓

“ต๊ะ ลูกเป็นไงบ้าง ใครทำลูกแบบนี้”
“พ่อ พ่อ พ่อหรอครับ พ่อ ช่วยทุกคนด้วย”

พ่อเดินเข้ามาใช้มือทั้งสองข้างจับที่หน้าผม แม้ตอนนี้ผมจะมองไม่เห็นแต่ความรู้สึกรอบตัวกลับเปลี่ยนแปลงไป บรรยากาศที่เคยเย็นยะเยือก กลับอบอุ่น สัมผัสจากมือของพ่อทำให้ความกลัวของผมในตอนนี้ลดลงบ้าง

“ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ บอกพ่อมา”
“พ่อระวัง มันยังอยู่ในนี้แต่ผมไม่รู้ ผมมองไม่เห็นว่ามันอยู่ที่ไหน”
“ตาแก ตาแกเป็นอะไร”
“ซาบซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้ นี่สินะความรักของพ่อกับลูก
“แกเป็นใคร มาทำแบบนี้กับลูกข้าทำไม”
“จำชั้นไม่ได้หรอ ไอ้ชาติ”

ครูเพ็ญศรีค่อยก้าวออกมาตรงหน้าพ่อ เสียงของพ่อที่ตอนแรกที่ฟังดูก้าวร้าวเอาเรื่องกลับเงียบหายไป การที่ผมมองไม่เห็นเหตุการณ์ทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“พี่เพ็ญ”
“จำกูได้แล้วหรอ แต่ดูเหมือนมึงจะเก่งขึ้นนะ ทำลายมนต์บังตากูแล้วเข้ามาได้”
“พี่ทำแบบนี้ทำไม”
“มึงไม่รู้จริงๆ หรือมึงแกล้งลืม ว่าทำไมกูต้องทำแบบนี้”
“ทำไมพี่ไม่มาทำผม ลูกมันไม่ได้เกี่ยวด้วยเลยนะ”
“ไม่เกี่ยวหรอ ลูกแกมันก็เหมือนกับแกที่ชอบเสือกเรื่องของคนอื่น จนทำให้ตัวเองต้องชิบหาย”


เรื่องราวที่พ่อคุยกับครูเพ็ญศรี ยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น พ่อเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ พ่อทำไมต้องพูดเหมือนกับว่าตัวเองทำอะไรผิดไว้กับครูเพ็ญศรี แล้วทำไมพ่อต้องยอมให้คนนี้ทำร้ายพ่อด้วย

“พอเถอะนะ พี่ปล่อยทุกคนไป แล้วพี่จะทำอะไรผมก็ได้ แต่อย่าให้เรื่องในอดีตของพวกเราต้องทำร้ายเด็กที่มันมู้อิโหน่อิเหน่เลยนะ”
“มึงคิดว่ากูฆ่ามึงแล้วกูจะหายแค้นหรอ มึงคิดว่าชีวิตตัวเองมีค่าขนาดจะทดแทนสิ่งที่กูเสียไปได้หรอ”
“แล้วพี่จะทำให้ทุกอย่างมันยิ่งแล้วร้ายกว่าเดิมหรอ แค่เรื่องในอดีตมันก็ทำให้เราทุกคนเจ็บปวดพอแล้วนะพี่”
“เรื่องในอดีตหรอ ลูกแกมันรู้ไหมหละเรื่องในอดีตของแก เรื่องที่แก ฆ่าเมียตัวเอง”
“พี่เพ็ญ”
ผมพึ่งเคยได้ยินพ่อทำเสียงโกรธขนาดนี้เป็นครั้งแรก ถึงพ่อจะเป็นคนที่ชอบบ่น หรือดุผมตลอดเวลา แต่ผมก็ยังไม่เคยเห็นพ่อ ตวาด หรือทำน้ำเสียงเกี้ยวกราดใส่ใครมาก่อนักครั้งในชีวิต


“พี่ควรหยุดทุกเรื่อง พี่ทำร้ายแรม แล้วพี่ยังจะทำร้ายลูกของแรมอีกหรอ”
“มึงอย่ามาใส่ร้ายกู กูไม่ได้ทำร้ายแรม มึงมันไอ้ชั่ว ฆ่าแรม นอกใจแรม แล้วยังมาบอกว่ากูเป็นคนทำ มึงจะต้องให้กูบอกไหม ว่าไอ้เด็กนี่อาจจะไม่ใช่ลูกของน้องสาวกูด้วยซ้ำ”

ผมสับสนกับเรื่องทั้งหมดที่ได้ยินอยู่ในตอนนี้ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ไม่ใช่เรื่องที่ขวัญคิดแก้แค้นผม ไม่ใช่เรื่องที่ขวัญพยายามทำให้ไอ้เก้ารัก แต่เป็นเรื่องที่ถูกครูเพ็ญศรีบงการให้เกิดทุกอย่างขึ้น ครูเพ็ญศรีเข้ามาอยู่ในโรงเรียนนี้ เข้ามาอยู่ข้างๆผอ. เพื่อให้ได้เจอกับพ่อในสถานการณ์แบบนี้ เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวข้องกับครู พ่อ แล้วก็แม่ของผม

“พ่อ พ่อ ผมไม่ใช่ลุกแม่หรอ แล้วครูเขามาเกี่ยวอะไรกับครอบครัวเรา ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย”
“ไม่ต้องฟังนะ ไม่ต้องฟัง มันไม่ใช่เรื่องจริง เดี๋ยวพ่อจะพาแกออกจากที่นี่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะ”
“มึงคิดว่าจะพาทุกคนออกไปได้หรอไอ้ชาติ มึงคิดว่ากูหายไปตั้งหลายปี กูจะยังสู้มึงไม่ได้เหมือนแต่ก่อนงั้นหรอ กูได้มาแล้วสิ่งที่มึงหวงนักหวงหนา เพราะแบบนี้ไงลูกมึงถึงมองไม่เห็น”
“ผมไม่ได้หวงมันสักนิด ผมอยากให้มันหายไปจากชีวิตของลูกผม ไอ้ของที่ทำให้ลูกผมต้องเจอเรื่องไม่ดีมากมาย ผมจะอยากเก็บเอามันไว้ทำไม แต่ผมก็ทำลายมันไม่ได้ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของแรม ผมเลยได้แค่สวดภาวนาทุกคืนให้ลูกผมไม่ต้องใช้ความสามารถของมัน”

สิ่งที่พ่อพูดออกมา มันทำให้ผมแน่นอยู่ในอก การที่ผมบ่นพ่อทุกครั้งที่สวดมนต์จนดึกดื่นจนทำเอาผมแทบนอนไม่หลับ ทุกครั้งพ่อจะบอกว่าทำเพื่อผม ผมไม่เคยเชื่อเลย ได้แต่คิดว่าพ่อคงแค่อ้างเพื่อให้ผมหยุดบ่น

“พี่รู้ไหมถ้าผมไม่ปกป้องลูก มันไม่ได้แค่จะมองเห็นวิญญาณ มันจะมองเห็นว่าคนเป็นจะตายเมื่อไหร่ ตายยังไง มองเห็นถึงนรก เห็นทุกอย่างในโลกหลังความตาย พี่คิดว่าเด็กคนนึงจะรับไหวหรอ”
“ที่แท้ตามันก็วิเศษอย่างนี้คนพวกนั้นถึงได้คิดจะแย่งชิงกัน”
“แต่ต่อให้พี่ หรือใครเอาไปได้ก็ไม่มีใครใช้ได้หรอก เพราะมันมีเจ้าของที่ครอบครองอยู่”
  “มึงหมายถึงอะไร”

พ่อไม่ได้สนใจในสิ่งที่ครูเพ็ญศรีกำลังพูด แต่กลับหันมากระซิบที่ข้างหูผม แม้ทุกคำจะแผ่วเบา แต่เนื้อความกลับชัดเจนอยู่ในหัวของผม

“ต๊ะ ฟังพ่อนะลูก พ่อจะเอาตาคืนมาให้แก แต่ถ้าได้มันกลับมา แกจะต้องทนรับกับทุกสิ่งที่แกเห็น สัญญากับพ่อว่าแกจะตั้งสติ จะทนกับสิ่งที่เปลี่ยนไป “
“ครับพ่อ”
“ดีมาก พ่อเชื่อแกนะ พ่อรักลูก”

พ่อพูดจบก็เหมือนจะร่ายคาถาอะไรบางอย่างอยู่นานจนเหมือนครูเพ็ญศรีจะเริ่มรู้และพยายามจะทำให้พ่อหลุดจากการร่ายมนต์  เสียงหวีดหวิวของอากาศดังระงง  สิ่งของรอบสั่นไหวกระแทงพื้น เสียงสายลมปะทะกันเหมือนเวลาพายุมา ก่อนทุกอย่างค่อยเงียบสงบลง

“ลืมตา ลืมตาสิ”

เสียงพ่อสั่งให้ผมลืมตาขึ้น ผมค่อยๆขยับเปลือกตาช้าๆจากที่ตอนแรกทุกอย่างมืดสนิทตอนนี้ค่อยๆมีแสงลอดเข้ามา ผมหลับตาลงอีกครั้งด้วยสู้แสงไม่ไหว ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผมมองเห็นเหมือนเดิมแล้ว ผมมองไปรอบๆเห็นพ่อยืนอยู่หน้าผม ไอ้กร กับไอ้สันนอนกองอยู่ที่พื้น บรรยากาศตอนนี้ไม่มืดเหมือนตอนแรก แสงดานนอกที่ส่องเข้ามาบอกให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นๆ

“ไอ้ชาติ มึงทำอะไร ทำไมไอ้เด็กนั่นมันถึงได้ตาคืน”
“ผมรู้ว่าสักวันคงต้องเดเรื่องแบบนี้ ผมลงคาถาของคืนกายไว้ตั่งแต่ลูกผมยังเด็ก แต่สิ่งที่แลกกับการใช้คาถานี้ คือ มนต์คุ้มครองของผมจะเสื่อม ตอนนี้ลูกผมมองเห็นทุกอย่าง”

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ผมหวีดร้องกับสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้ น้ำตาผมไหลออกมาด้วยความหวาดกลัว ผมมองไปทางไหนก็เห็นแต่ศพ และวิญญาณ ทุกสิ่งดิ้นรนให้ตัวเองรอดพ้นจากความตาย ความเกลียดชัง ความทรมานทุกสิ่งถูกถ่ายทอดให้ดวงตาคู่นี้ได้มองเห็น มองไปที่ร่างขวัญเหล่าวิญญาณเจ้าของซากศพต่างรุมทำร้ายกัดกินวิญญาณของเธอ มองไปที่ไอ้เก้าวิญญาณผีพรายกัดกินวิญญาณจนแทบไม่เหลือความเป็นตัวตน มองไปทางไหนก็สร้างแต่ความหวาดหวั่นในความรู้สึก แม้แต่มองลงที่พื้นเห็นเปลวไฟลุกท่วมร่างผู้คนมากมายที่ดิ้นทุรนทุรายกายกองนับล้านนับแสน ผมรีบหลับตาลงด้วยไม่อยากเห็นอะไรไปมากกว่านี้

“ลืมตาขึ้นสะ แกจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่งั้นต่อไปแกจะช่วยใครไม่ได้สักคน”
“พ่อผมกลัว พ่อต๊ะกลัว ต๊ะจะทนได้ยังไง”
“แกจะต้องให้พ่อ กับแม่เสียสละช่วยแกไปอีกเท่าไร พ่อกับแม่ดูแลแกไม่ได้ตลอดหรอกนะ”

สิ่งที่ทำให้ผมสับสนในตอนนี้ มีทั้งความกลัวจากสิ่งที่มองเห็น ความคาดหวังและคำสัญญาจากพ่อ ถ้าผมทำมันด้วยตัวเองตอนนี้มันจะทำให้ทุกคนผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้ไหม ผมถามตัวเองวนอยู่อย่างนั้น  ซ้ำไปซ้ำมา

...........
มาแบบรีบๆ และสั้น ตอนนี้งงๆหน่อยนะ เพราะครึ่งตอนแรกเขียนก่อนหายตัวไป ครึ่งหลังพึ่งเขียนหลังจากกลับมา สัญญาว่าตอนต่อไปจะเข้ารูปเข้ารอยขึ้นนะครับ ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านและติชม สำหรับเรื่องนี้มันจะยืดและยาว และงงต่อไปเพราะมันไม่มีพล็อตเขียนตามสิ่งที่คิดออกตอนนั้น ขอโทษสำหรับเนื้อเรื่องงง และการหายตัวไปนะ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-08-2016 21:14:43
แค่เห็นผีก็น่ากลัวแล้วนะนี่ยังมีห็นว่าคนเป็นจะตายเมื่อไหร่ ตายยังไง
มองเห็นถึงนรก เห็นทุกอย่างในโลกหลังความตาย คือน่ากลัวมากนะแบบนี้
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-08-2016 22:10:11
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 29-08-2016 23:56:21
ตอนนี้สั้นแต่สนุกและค้างอยากอ่านต่อคับ รอลุ้นว่าต๊ะจะช่วยคนได้รึป่าว
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 30-08-2016 01:49:58
โอ้ย ลุ้นมากเลยตอนนี้ :serius2:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 30-08-2016 06:23:13
ค้างคามากเลย
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 30-08-2016 23:59:37
ชอบๆๆๆ นายเอกจะเทพแล้ว
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: Evangeline ที่ 31-08-2016 09:45:16
ชอบมากๆเลยค่ะ จริงๆไม่มีฉากโรแมนติก เราก็จะอ่านต่อค่ะ เปิดตัวแรงขนาดนี้ ปมปัญหาที่ตามมาอยากให้น่าลุ้นระทึกและก็แก้ยากๆหน่อย หรือจะเป็นแบบร่วมฝ่าฟันกันไปก็น่าสนใจค่ะ เบื่อแล้วกับดราม่าของตัวละครปกติ  :z3:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: Gear77 ที่ 31-08-2016 13:23:08
รอ รอ รอ รอ รอ รอ รอ รอออออ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 31-08-2016 18:55:04
ขอบคุณครับ มารออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 01-09-2016 07:27:08
ยินดีต้อนรับกลับเล้าครับ ตอนนี้ผมอ่านไปขนลุกไป สิ่งที่ต๊ะมองเห็นน่ากลัวมากนะสำหรับเด็ก ตอนนี้ถึงจะสั้นแต่คุ้มกับการรออ่านมากครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 01-09-2016 10:00:22
ช่วยพระเอกก่อนไหมมมม โดนกินวิญญาณจะตายแล้วไหมนั่น
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๙.๘.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 03-09-2016 20:32:13
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๔
(อดีตของครอบครัว)


“พี่ชาติ พี่ชาติ พี่อยู่ไหน”
“อย่าวิ่งสิจ๊ะแรม กำลังท้องกำลังไส้”
“พี่มานี่ก่อนเร็ว มาช่วยแรมดูนี่หน่อยสิ”
“ดูอะไร ค่อยเดินสิแรมระวังหน่อย ไม่ต้องวิ่ง”

ผมแต่งเข้ามาในตระกูลที่เป็นเจ้าของตำหนักร่างทรง ความรักของเราทั้งคู่ในช่วงแรกโดนคัดค้านอย่างหนักด้วยตามจารีตแล้วร่างทรงจะสืบตระกูลผ่านทางผู้หญิง ทำให้ครอบครัวของแรมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่หลังจากพี่เพ็ญพี่สาวของแรมรับองค์เพื่อสืบตระกูลแล้วทำให้ปัญหานี้ค่อยๆคลายลง

“พี่ดูนี่สิ  แรมว่าช่วงนี้พี่เพ็ญดูแปลกไปนะ”
“แปลกยังไง พี่เห็นพี่เพ็ญก็สวดมนตามปกติ”
“พี่ดูนั่นสิ นั่นอะ หนังสือเล่มเล็กๆนั่นอะ”
“มันทำไหมหรอแรม”
“ก็ฉันเห็นมันมีแสงแปลกๆออกมานะสิ แถมยังเหมือนจะมีวิญญาณคอยเฝ้าด้วยนะ”
“พี่ไม่รู้หรอกนะ เพราะพี่ไม่มีพลัง แถมยังมองไม่เห็นวิญญาณแบบแรมอีก แต่ถ้าแรมสงสัยพี่ก็จะช่วยแรมสืบนะ”
“พี่ชาติของแรมใจดีที่สุดเลยจ๊ะ”

แรมเป็นผู้หญิงน่ารัก นิสัยขี้เล่นของเธอมักจะเติมความแช่มชื่นให้กับหัวใจของผมเสมอ  แต่ดังคำที่พระท่านว่า ไม่มีสุขหรือทุกข์ใดที่อยู่ได้คงทนถาวร ด้วยสิ่งที่เธอสงสัยจนสืบเสาะหาความจริงว่าสิ่งนั้น คืออะไร กลับทำให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป

“พี่เพ็ญ ถ้าพี่ไม่เลิกยุ่งกับของแบบนี้ แรมจะไปบอกยาย”
“แรม แรมก็รู้ว่าที่บ้านเราต้องการเงิน แล้วไอ้การช่วยคน ดูดวงเงินมันไม่พอหรอกนะแรม”
“พี่ก็รู้ ว่าอวิชชาที่พี่เรียนอยู่ไม่มันใช่ของดี สุดท้ายมันจะกลับมาทำร้ายครอบครัวเรา”
“แต่ถ้าพี่รับงานพวกนี้เราจะมีเงินมากพอที่จะช่วยไม่ให้บ้านเราถูกยึดนะ”
“พี่ก็เลยรับงานเล่นของฆ่าคนแบบนี้นะหรอ พี่เลิกเถอะนะ แรมไม่อยากให้พี่ต้องเจอกับเรื่องไม่ดี”
“ได้แรม หลังจากงานนี้พี่จะเลิกทำ แต่พี่ขอทำงานนี้ก่อน ให้เราได้เงินมาจ่ายหนี้ก่อนนะ”

ผมจับตาดูพี่เพ็ญอยู่จนรู้ว่าเธอไม่ได้ทำตามสัญญาให้กับแรมไว้  พี่เพ็ญยังทำแบบนั้นอยู่นานจนคนในตระกูลเริ่มรู้เรื่องราวอันผิดแปลกจากปกติ

“อีเพ็ญ มึงทำแบบนี้ได้ยังไง มึงก็รู้ถ้ามึงทำแบบนี้ ความชิบหายจะมาสู่ครอบครัว มึงรู้ไหม”
“ยายจ๋าใจเย็นๆ พี่เพ็ญเขไม่ได้ตั้งใจหรอกจะ จริงไหมพี่บอกยายสิ”
“ยายรู้ไหมอีเพ็ญที่ยายด่าอยู่ฉอดๆเนี่ย มันเป็นคนไถ่บ้าน ไถ่ที่ ให้เรามีที่ซุกหัวนอน แล้วยายว่าอีเพ็ญคนนี้มันยังผิดอยู่ไหม”
“อีเพ็ญญญญญ  มึงไม่สำนึกเลยหรือว่า ตัวมึงกำลังทำชั่วอยู๋ มึงก็รู้คำสาบานต่อเทพยาฟ้าดินก่อนมึงรับองค์ ว่าหากมึงทำเรื่องอัปรีย์ ระยํา จัญไร เลวทราม ตํ่าช้า ไม่เป็นมงคล  สิ่งพวกนั้นจะกลับคืนมาสู่ตัวมึง”
“ฉันไม่สนหรอกนะยาย แล้วอีเทพที่ยายว่ามันเคยมาช่วยยายตอนที่ไม่มีที่ซุกหัวนอนไหม”
“อีเพ็ญ อีเพ็ญญ อีเพ็ญญญญญญญญญญญญญญญญ”
“ยาย ยาย ยายใจเย็นๆก่อนนะจ๊ะ  พี่ชาติช่วยด้วย พี่ชาติช่วยด้วย ยายเป็นลม”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นการมีปากเสียงกันในบ้านหลังนี้  มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะอีกมากมายที่ตามมา ยายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยความเครียด และซมเศร้าจากเหตการณ์ที่เกิดทำให้หลายโรคที่เป็นอยู่รุมเร้าหนักจนทรุด หลังจากนั้นไม่นานยายก็เสีย แรมเสียใจมากจนแทบจะตัดพี่ตัดน้องกับพี่เพ็ญ  แม้จะอยู่ในขอบรั้วบ้านเดียวกันแต่ลูกสาวทั้งสองของบ้านนี้ไม่ไปมาหาสู่กันอยู่เป็นเดือน จนถึงวันที่เกิดเหตุการณ์นั้น  ผมยังจำวันนั้นได้ดีวันที่ผมต้องเสียคนที่ผมรักที่สุดไป ผมสูญเสียแม้กระทั่งตัวตนของผมเอง

“โอ้ย พี่ชาติ แรมเจ็บท้องอะ โอ้ยพี่ แรมว่าลูกจะคลอดแล้วนะ”
“จริงหรอแรมใจเย็นๆนะ เดี๋ยวพี่ไปเอารถก่อน อดทนก่อนนะ เย้ เย้ พี่จะได้เจอลูกแล้ว”
“พี่ก็ ดีใจมากไปแล้วนะ”
“รอแปปเดี๋ยวนะแรม รอพี่ตรงนี้ก่อน พี่จะรีบไปเอารถมา”

ด้วยความดีใจผมรีบตรงดิ่งไปที่โรงจอดรถ เอารถยนต์คันเก๋าที่นานๆจะได้ใช้มาจอดตรงลานหน้าบ้าน 

“แรมจ๋ารถมาแล้ว เรารีบไปกันเถอะนะ พี่อยากเจอลูกเร็วๆแล้ว”

ผมเดินเข้ามาที่เก้าอี้ที่แรมนั่งรออยู่แต่กลับไม่เจอแรม จิตใจผมตอนนั้นกระวนกระวายไปหมดด้วยใจเป็นห่วงว่าแรมจะได้รับอันตราย  ผมเดินหาเธอจนทั่วบ้าน ทั้งในห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัว แต่ไม่มีแม้แต่เงาของแรมให้เห็นในทุกที่ของบ้าน

“แรมอย่าเล่นแบบนี้นะ พี่กลัวนะแรม ออกมาเถอะ”
“กริ๊ดดดดดดดดดด”

ผมออกเดินหาทั่วบริเวณพื้นที่รอบบ้าน จนได้ยินเสียงกรีดร้องจากบ้านพี่เพ็ญที่ตั้งอยู่ไม่ห่าง กับบ้านของพวกเรานัก  ผมตัดสินใจเดินเข้าไปดูด้วยห่วงว่าจะเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายกับพี่เพ็ญ

“พี่เพ็ญครับ พี่เพ็ญเป็นอะไรหรือเปล่า”

ผมค่อยๆเดินสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณห้องก็ไม่เห็นมีใครอยู่แม้แต่คนเดียว ผมเดินลึกเข้าไปในตัวบ้านเรื่อยๆจนถึงห้องที่ใช้เป็นสำนักที่อยู่ด้านท้ายสุดของตัวบ้าน ผมค่อยๆยื่นมือออกไปแหวกม่านลูกปัดผืนหนาที่บังประตูอยู่  แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมอ่อนแรงไปทั้งตัว

“แรม แรม เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเลือดเต็มไปหมดอย่างนี้”
“พี่ชาติ  แรมขอโทษ แรมดูแลลูกไม่ดี แรมขอโทษ”

ร่างของแรมนอนหายใจแผ่วอยู่กลางห้อง เลือดไหลท่วมตัวจนชุดคลุมท้องของแรมเปียกชุ่มไปหมด มีสายสิญจน์กางล้อมรอบตัว ขั้นน้ำมนต์มากมายวางรายล้อมเทียนและธูปถูกจุดจนขวัญฟุ้งทั่วห้อง

“แรม ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องขอโทษพี่ แรมแข็งใจไว้นะ แรมกับลูกต้องเข้มแข็งไว้ ไม่ต้องกลัวนะพี่อยู่ตรงนี้แล้ว”
“พี่ชาติระวัง!!!!”

ผมตื่นมาอีกครั้งก็ถูกจับมัดไว้ที่มุมห้อง  กลิ่นควัน และคาวเลือดยังคละคลุ้งทั่วห้อง พร้อมๆกับที่หูของผมเริ่มได้ยินเสียงสวดดั่งมาจากกลางห้องที่แรมนอนอยู่  ผมเห็นเงาลางๆของผู้หญิงคนหนึ่งนั่งทำพิธีอยู่

“พี่เพ็ญ พี่ทำอย่างนี้ทำไม ปล่อยผมกับแรมไปเถอะนะ”
“มึงอย่าพูดมากไอ้ชาติ อีแรมมันไม่ตายหรอก  กูแค่จะเอาของที่มันยายให้มันคืนมา”
“พี่ปล่อยแรมไปเถอะนะ หือห หื หือ”

ผมได้แต่นั่งร้องอยู่อย่างนั้นทำอะไรไม่ได้ ด้วยตัวผมเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้มีวิชาอาคมอะไร การที่จะเข้าไปช่วยแรมออกมายิ่งไม่ต้องคิดฝัน พี่เพ็ญยังคงสวดอยู่อย่างนั้น เหมือนเวลาผ่านไปนานพี่เพ็ญก็ยิ่งดูเกี้ยวกราดยิ่งขึ้น

“อีแรม มึงทำไมไม่ยอมกูดีๆ เมื่อมึงไม่คิดจะใช้ของที่ยายให้มาแล้วมึงจะเก็บไว้ทำไม”
“พี่เพ็ญน่าจะรู้ดีกว่าฉันว่าทำไมยายไม่ยกมันให้พี่”
“อีแรม มึงจะเอาแบบนี้ใช้ไหม กูอุตส่าห์จะไว้ชีวิตมึงกับลูก กูเลือกไม่ใช้วิธีรุนแรง”
“ต่อให้พี่ทำยังไงพี่ก็เอามันไปไม่ได้หรอก”
“กูจะทำให้มึงดูอีแรม ว่ากูเอามันมาได้”

พี่เพ็ญเริ่มสวดคาถาอีกครั้งแต่คราวนี้มันแตกต่างเชือกที่มัดตัวผมอยู่แน่นค่อยๆคลายออก ร่างของผมค่อยๆขยับ มือ แขน ขา มันขยับไปเองอย่างควบคุมไม่ได้ 

“ไอ้ชาติ ไปหยิบผงขี้เถ้ามา”
“พี่เพ็ญ พี่จะทำอะไรพี่ชาติหนะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“มึงจะโวยวายทำไมอีแรมมึงไม่ได้จะตายสักหน่อย กูรู้ว่ากูแตะต้องตัวมึงไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไอ้ชาติกูว่าไม่แน่”

ร่างกายผมขยับเดินตรงไปที่โต๊ะบูชา ก่อนจะค่อยเปิดเศียรครูออก ใต้เศียรครูนั้นซ่อนตลับกระเบื้องเคลือบเล็กๆที่ข้างในมีผงเถ้าอัดอยู่  มือผมหยิบมันขึ้นมากำไว้จนแน่น ก่อนที่ขาผมจะค่อยก้าวเดินตรงมาหาพี่เพ็ญ

“เปิดออกแล้วขี้เถ้าป้ายที่ตาอีแรม”

นิ้วผมค่อยๆขยับเปิดผาตลับออก นิ้วชี้และนิ่วกลางปาดลงไปบนผงขี้เถ้าจนสีดำของผงขี้เถ้าติดาเต็มสองนิ้ว  ปลายนิ้วทั้งสองค่อยๆยื่นออกไปจนถึงหน้าผากของแรม

“พี่ชาติ  พี่ต้องตั้งสติให้ได้นะ พี่อย่างไปกลัวมัน พี่อย่าไปเชื่อมัน พี่ต้องเข้มแข็งนะ พี่คิดถึงลูกของเราสิ พี่ชาติ”

เสียงของแรมก้องอยู่ในหัวของผมอยู่แบบนั้น จนผมได้สติถีบตัวเองออกมาจากตรงนั้นจนหลังของผมชนเข้าผนังเต็มๆ

“ไอ้ชาติ  ทำไมมึงไม่ฟังกู”
“พี่เพ็ญพี่ไม่มีทางทำสำเร็จหรอก ไม่ว่าพี่จะทำยังไงพี่ก็ไม่มีทางที่จะเอาอะไรไปจากฉันได้  ไม่ใช่เพราะว่าชั้นเก่ง หรือมีพรสวรรค์มากกว่าพี่ แต่เพราะความโลภโมโทสันในใจพี่มันจะกัดกินตัวพี่เอง”
“อีแรม อีแรม กูจะฆ่ามึง”

อาการของพี่เพ็ญตอนนี้ดูขาดสติ พี่เพ็ญวิ่งวนทำลายข้าวของไปทั่วห้อง ขนของทุกอย่างพังยับระเนระนาด  พี่เพ็ญหยิบมีดกำไว้แน่นจนมือโปนไปด้วยเส้นเลือด ตรงเข้าไปหาร่างของแรมที่นอนอยู่

“ตายซะ อีแรมมมมมมมมมมมมมมม”

ผมพุ่งตรงเข้าไปกอดร่างของแรมไว้  พี่เพ็ญแทงมีดเข้ากลางแผ่นหลังของผม ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่อาจบรรยายออกมาได้ ผมรู้แค่เพียงว่าถึงแม้ตอนนี้ผมจะตายก็ไม่เป็นไร แค่ผมได้ปกป้องลูกกับแรมผมก็มีความสุขแล้ว

“ไอ้ชาติ  มึงทำลายพิธีกู  ไอ้ชาติไอ้เลว มึงทำลายตระกูลกู มึงมันสารเลว”

พี่เพ็ญกรีดร้องด่าผมสารพัด เธอเริ่มคลั่งอีกครั้งวิ่งทำลายข้าวของ ปัดธูปเทียนล้มกองเต็มพื้น  เสาตะเกียงน้ำมันอันใหญ่ลมจนน้ำมันก๊าดที่อยู่ด้านในไหลนองพื้น

“ถ้าพวกมึงอยากตายก็ตายกันให้หมด ตายอยู่ในห้องนี้”

“พี่เพ็ญตะโกน ก่อนจะวิ่งไปที่ประตู พี่เพ็ญปิดประตูลงกลอนขังพวกเราทั้งคู่ไว้ในห้อง หวังให้เราทั้งคู่โดนไฟครอกตาย

“แรมเป็นไรไหม อดทนไว้นะ พี่จะพาแรมออกไป”
“พี่ชาติแรมรู้ตัวดีว่าแรมคงไม่รอด พี่หนีออกไปเถอะจ๊ะ”
“ไม่นะแรมพี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแรมนะ”
“พี่ชาติ แรมเชื่อว่าพี่อยู่ได้  พี่เก่งจะตายพี่เชื่อฉันสิ  พี่ไม่ต้องห่วงฉันกับลูกนะ”
“ไม่เอานะแรมไม่เอา แรมอย่าทิ้งพี่ไปนะ”
“พี่ชาติ พี่สัญญาอะไรกับฉันสักอย่างจะได้ไหมพี่”
“ได้สิแรม พี่สัญญาได้ทุกอย่างแต่แรมต้องอยู่กับพี่นะ”
“พี่ช่วยรับของต่อจากฉันได้ไหม ฉันไม่อยากให้พลังในการช่วยเหลือผู้คนต้องสูญสิ้นไป พี่ต้องรับมันไว้ และสาบานต่อท่านผู้นั้นว่าจะดูแลช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้อยาก แรมขอนะพี่ ได้ไหม”
“ได้ พี่สัญญาจ๊ะแรม”
“ขอบคุณจะ พี่ชาติ แรมรักพี่นะ”
“แรม แรมมมมม”

แรมหมดสติไป ผมค่อยช้อนร่างของเธอมาไว้ในอ้อมอก อุ้มแรมตรงมาที่ประตู ผมใช้หลังของตัวเองกระแทกจนพังประตูออกมาได้ ผมรีบวิ่งออกมาให้ไกลจากตัวบ้านที่สุดเพราะตอนนี้บ้านทั้งหลังลุกท่วมไปด้วยไฟ ผมทรุดเข้าลงกับพื้นและหมดสติไป  ผมมารู้หลังจากที่ฟื้นที่โรงพยาบาลว่า มีชาวบ้านเห็นควันไฟเลยโทรแจ้งหน่วยกูภัยให้เข้ามาดู และพาผมกับแรมมาที่โรงพยาบาล  ผมโชคดีที่แผลที่โดนแทงไม่ลึกมาก แต่แรมกลับโชคร้ายที่เสียเลือดมากจนร่างกายทนไม่ไหว  แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีชีวิตน้อยได้ถือกำเนิดขึ้นมา หมอได้ช่วยผ่าเอาเด็กออกมาก่อนที่เด็กจะตาย แรมได้ให้สมบัติล้ำค่าไว้ให้ผมดูแล ผมจะปกป้องเด็กคนนี้ให้ดีที่สุด จะไม่ให้ใครมาพรากเขาไปได้ ไม่ให้เหมือนที่ผมรักษาแรมไว้ไม่ได้


..................
ทีแรกคิดว่าจะเล่าถึงเรื่องครอบครัวของต๊ะแค่นิดเดียวแต่เขียนไปเขียนมายาวเป็นตอนสะงั้น
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: Evangeline ที่ 03-09-2016 22:09:06
เย้ๆๆๆ มาต่อแล้ว ดีใจมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-09-2016 22:23:25
อยากรู้ว่าพาร์ทปัจจุบันจะเป็นยังไงต่อไป (แต่การได้รู้เรื่องราวในอดีตก็ดีนะ หายข้องใจไปหลายส่วน)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 04-09-2016 00:15:50
อดีตเริ่มเปิดเผยแล้ว
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 04-09-2016 10:28:26
แวะมาตามอ่าน ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-09-2016 11:12:32
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 04-09-2016 11:24:12
ป้าเพ็ญนี่โลภมาก  ร้ายกาจที่สุด
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 04-09-2016 14:31:20
ดีงาม
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 04-09-2016 19:35:09
ป้าเพ็ญเล่นคุณไสย ทำให้ความมืดมันครอบงำ เพราะจิตไม่แข็งพอด้วย
ไม่ควรไปยุ่งเลยกับของพวกนี้  เพราะความโลภแท้ๆ เลยคนเรา......กำลังสนุกเลยค่ะ มาต่ออีกหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-09-2016 21:59:32
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 05-09-2016 03:02:53
ร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 12-09-2016 14:43:43
โอยยยย สนุก เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยมี รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๓.๙.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 18-10-2016 07:31:43
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๕

“แกจะต้องให้พ่อ กับแม่เสียสละช่วยแกไปอีกเท่าไร พ่อกับแม่ดูแลแกไม่ได้ตลอดหรอกนะ”

สิ่งที่ทำให้ผมสับสนในตอนนี้ มีทั้งความกลัวจากสิ่งที่มองเห็น ความคาดหวังและคำสัญญาจากพ่อ ถ้าผมทำมันด้วยตัวเองตอนนี้มันจะทำให้ทุกคนผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้ไหม ผมถามตัวเองวนอยู่อย่างนั้น  ซ้ำไปซ้ำมา  แม้จิตใจจะพยายามคิดว่าตัวเองเข้มแข็งสั่งให้เปลือกตาลืมขึ้นมา แต่สมองเองก็จดจำสิ่งที่มันได้เห็นก่อนหน้านี่ และพยายามปกป้องตัวมันเองจนถึงที่สุด ความร้อนรุ่ม แรงกดดัน อัดนั้นจนน้ำตาเอ่อไหลอาบแก้มอย่างไม่หยุดหย่อน รอบตัวว่างเปล่าสับสน ความรู้สึกในสมองตอนนี้ไม่ต่างกับต้องตัดสินใจว่าตัวผมเองจะอยู่ หรือจะตาย

“แกมัวทำอะไรอยู่ รีบลืมตาขึ้นมาสิ แกอยากช่วยทุกคนไม่ใช่หรอ”
“พ่อ  ถ้าต๊ะลืมตาขึ้นมันจะเปลี่ยนอะไรได้  ขนาดตัวต๊ะเองยัง ยัง.....”
“แกหยุดพูดได้แล้ว  พ่อไม่ได้สอนให้แกเป็นคนอ่อนแอแบบนี้นะ”
“พ่อ”

ผมไม่เข้าใจความคิดอะไรในตอนนี้ของพ่อ พ่อต้องการให้ผมทำอะไร ทำไม่พ่อต้องพยายามกดดัน ให้ตัวผมเองรู้สึกสิ้นหวัง ให้ผมรู้สึกผิด พ่อต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่

“แกจำเรื่องที่พ่อชอบเล่าให้แกฟังตอนเด็กๆ ได้ไหม  เรื่องที่ฉันชอบบอกว่าแกไม่ใช่ลูกของฉัน แต่เป็นลูกที่เทวดาส่งมาให้ เลยทำให้แกแตกต่างจากคนอื่น”

เรื่องตอนเด็กที่พ่อชอบเล่าให้ฟัง เรื่องราวที่เกือบถูกตัวผมลบเลือนไปจากความจำ เรื่องเล่าที่พ่อมักจะเล่าให้ผมฟังตอนที่ผมถามว่าแม่ไปไหน ตอนเป็นเด็กผมมักจะถามพ่อเสมอว่าแม่ไปไหนทำไมไม่เคยมารับผมที่โรงเรียน เวลาที่เห็นเด็กคนอื่นๆมีแม่กับพ่อมารับที่โรงเรียน แต่พ่อไปเคยพูดสักครั้งว่าแม่ผมตายไปแล้ว แต่กลับเล่าเรื่องราวของนางฟ้าองค์หนึ่งที่พยายามฝ่าฟันเรื่องราวเลวร้ายมากมายเพื่อนำผมมาส่งให้กับพ่อ ทุกครั้งที่พ่อเล่าพ่อจะยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมกับรู้สึกว่าน้ำเสียงของพ่อมันปนความเศร้า แต่ด้วยยังเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสาก็ได้แต่หลงเพ้อฝันไปกับความสุขที่พ่อเล่าให้ฟัง

“ที่ทุกคนทำเป็นเกลียดแกอาจจะไม่ใช่เพราะการที่แกเป็นลูกของฉันเพียงอย่างเดียว แต่เพราะแกแตกต่าง ตัวแกเองอาจจะไม่รู้ แต่ตัวแกเองมักจะดึงดูดคนอื่นเข้าหาตัวเองเสมอ คนที่ปรับตัวเข้ากับแกไม่ได้ก็จะอิจฉา แสร้งรังเกียจเพื่อข่มแก  ส่วนคนที่เข้ามาอยู่รอบตัวแกก็จะลุ่มหลงในตัวแก”
“พ่อต้องการจะบอกอะไรกันแน่ พ่อบอกผมให้เข้าใจง่ายๆได้ไหม”
“แกหนะ แกนะเป็น”

เสียงรอบตัวผมขาดหายไป ทุกอย่างเงียบสงบจนได้ยินเสียงแผ่วๆของสายลม แต่ทั้งที่เงียบสงัดจนดูเหมือนจะน่ากลัว แต่จิตใจผมกลับสงบต่างจากก่อนหน้านี้ ก่อนจะได้ยินเสียงเอื้อนเอ่ยที่คุ้นหู

“ลืมตาของเจ้าขึ้นเสีย บุตรแห่งข้า”
“ท่านเทพ ท่านเทพ ท่านมาช่วยทุกคนแล้ว”

ผมร้องลั่นด้วยความยินดีที่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า  ผมค่อยลืมตาขึ้น ที่นี่ไม่ใช่ในตึกช่าง นี่ผมอยู่ที่ไหนกันแน่  ทุ่งโล่งสีขาวโพลนคือที่ไหนกัน หรือว่าผมตายไปแล้ว

“เจ้ายังไม่ตาย บุตรแห่งข้า ข้าเพียงพาเจ้าเข้ามาดินแดนแห่งข้าเท่านั้น”
“ดินแดนของท่าน”
“ใช่แล้ว ดินแดนที่ข้าเป็นใหญ่ ดินแดนที่ข้าเป็นผู้บันดาลทุกสรรพสิ่ง รวมถึงตัวเจ้า”
“ตัวผม แล้วทำไมผมต้องมาที่นี่ ท่านไม่ได้มาช่วยทุกคนหรอครับ”
“ข้ามิอาจเข้าไปยุ่งกับลิขิตของฟ้าได้”
“แต่ก่อนหน้านี้ท่านก็เป็นคนมาช่วยข้าจากเถ้ามนต์ของผู้หญิงคนนั้นมิใช่หรือ”
“เด็กน้อย นั้นไม่ใช่ตัวข้า ผู้ที่ยอมสละแม้ดวงวิญญาณสุดท้ายของตัวเองเพื่อช่วยคนอันเป็นที่รักคือแม่ของเจ้า”
“แม่ของผม แล้วตอนนี้ทุกคนเป็นยังไงครับ”
“ข้ามิอาจจะบอกเรื่องที่ข้ารู้แก่เจ้าได้ ข้ามิอาจเผยเรื่องราวที่ฟ้าเป็นผู้ลิขิตได้ดอก”
“ถ้าอย่างนั้นท่านช่วยส่งผมกลับไปช่วยทุกคนทีเถอะครับ”
“เจ้ากลับไปก็มิอาจจะช่วยใครไว้ได้  แต่ทางเดียวที่เจ้าจะช่วยพวกเขาได้คือเจ้าต้องจากไปต่างหาก”

ทุกคำพูดของท่านเทพนั้นชัดเจน แต่อาจเพราะสมองของผมมันปิดกันที่จะรับรู้ ทำให้อาการของผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรนักกับคนที่อยู่ในอาการโคม่า  สมองโล่งเปล่า ร่างกายไร้การตอบสนองต่อทุกสิ่ง มีเพียงใจดวงนี้ของผมเท่านั้นที่มันยังทำงานด้วยการเร่งจังหวะการเต้นให้แรงขึ้น เหมือนจะพยายามเตือนให้ผมรับรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่

“ผมจะต้องตายหรอครับ”
“จะเรียกเช่นนั้นก็คงจะไม่ใช่  เจ้าเพียงต้องกลับคืนสู่ดินแดนที่เจ้ากำเนิด”
“นานเท่าไรหรอครับ แล้วที่นั่นคือที่ไหนหรอครับ”
“เจ้าอย่าได้กลัวไปไม่ว่าที่ไหนข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ส่วนนานเท่าไรนั้นข้าไม่รู้สุดแต่เวรแต่กรรมของเจ้าเถิด”

น้ำเสียงที่เคยหยอกล้อ และช่วยเหลือผมในทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ตอนนั้นกลับจริงจังเสียจนน่าใจหาย แววตาที่เคยขี้เล่นกลับแปรเปลี่ยนดูเศร้าสร้อย แต่เมื่อทุกอย่างถูกกำหนดให้เป็นเช่นนี้คนตัวเล็กๆเช่นผมจะทำอะไรได้  สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้คือยอมรับ และคิดในทางที่ดีว่าหากผมจากไป ทุกคนจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข

“ถ้าผมเลือกที่จะไปกับท่านทุกคนจะรอดใช่ไหมครับ”
“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้าจะถูกย้อนกลับ และลบเลือน ทุกสิ่งอย่างจะย้อนไปในวันก่อนที่เจ้ากำเนิด ทุกอณูความทรงจำที่มีเจ้าเข้าไปเกี่ยวข้องจะถูกลบเลือนจนหมดสิ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ทุกชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ ซึ่งมีเจ้าเป็นตัวเชื่อมจะมิต้องมาพบเจอกันอีก เพราะตัวเชื่อมเช่นเจ้าหายไป”
“ผมเลือกทางอื่นไม่ได้แล้วหรือครับ”
“ข้าช่วยเจ้าจนสุดกำลังแล้วบุตรแห่งข้าเอ๋ย แต่ข้าก็มิอาจขัดลิขิตของฟ้าได้เช่นกัน”
“ผมขออะไรอย่างนึงได้ไหมครับ”
“ว่าสิ่งที่เจ้าต้องการมาเถิด”
“ขอให้ผมได้บอกลาพ่อได้ไหมครับ”
“ข้าต้องพาเจ้าไปพบพ่อของเจ้าอยู่แล้ว เพราะตัวเขาเองก็ต้องรับกรรมของเขาเช่นกัน

น้ำตาผมไหลนองอาบแก้มทั้งสองข้าง ผมได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าครอบครัวเราทำบาปทำกรรมอะไรไว้หนักหนาถึงต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ ความอัดอั้นทั้งหมดของผมมันพรั่งพรูออกมาผ่านน้ำตาจนหมด ผมจะต้องไปเจอพ่อเป็นครั้งสุดท้าย แม้มันจะดูเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต แต่ถ้ามันทำให้ทุกคนผ่านเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นไปได้ ผมก็คงได้แต่ทำใจยอมรับ ผมไม่อยากให้พ่อเห็นผมร้องไห้ตอนที่ผมจากท่านไป ผมอยากให้ท่านจดจำแต่รอยยิ้มเล็กๆในครั้งสุดท้ายที่เราต้องเจอกัน แม้ผมจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วผมจะต้องหายไปจากความทรงจำของทุกคนก็ตาม

“เจ้าพร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้วครับ”
“เวลาที่เจ้าจะเจอพ่อของเจ้านั้นมันเพียงชั่วครู่เดียว เพราะฉะนั้นจงรีบทำสิ่งที่อยากทำเสีย”
“ครับ”

ผมตอบเพียงสั้นๆ ก่อนสติผมจะค่อยๆลบเลือนลงไปอีกครั้ง ผมค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพบว่าตัวเองถูกพ่อประคองไว้ในอ้อมอก

“ลูกพ่อเป็นไรมากไหม”

พ่อดูลนลานกว่าทุกครั้ง มือของพ่อช่างสั่นเทา ร่างของพ่อชุ่มไปด้วยเหงื่อ แววตาดูเศร้าหมอง ไม่ใช่ภาพของพ่อที่ดูเข้มแข็งเหมือนทุกครั้งที่ผมมอง

“ต๊ะ ไม่เป็นอะไรหรอกพ่อ พ่ออย่าร้องเลยนะ”
“ใครว่าข้าร้อง ข้าไม่ได้ร้อง”
“พ่อ พ่อต้องอยู่ต่อไปนะ พ่อ”
“เองไม่ต้องพูดแล้วข้ารำคาญจะฟัง เองไม่ต้องพูดมากกลับบ้านค่อยคุยให้ข้าฟัง”
“ผมคงไม่ได้กลับไปอยู่กลับพ่อแล้ว พ่อดูแลตัวเองดีๆนะครับ”
“เองพูดอะไรของเอง เองจะไม่อยู่กับพ่อแล้วพ่อจะอยู่ยังไง”

“หมดเวลาของเจ้าแล้ว บุตรแห่งข้าเอ๋ยจงกลับมายังเส้นทางที่เจ้าเลือกเดินเกิด”
เสียงท่านเทพดังกึกก้องไปทั่ว ทุกคนในพื้นที่นี้ต่างได้ยินเช่นเดียวกับผม

“พ่อ ต๊ะ ต้องไปแล้วนะครับ ต๊ะรักพ่อนะ”
“ไม่ ไม่ ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่มม่ม  ท่านได้โปรดอย่าเอาลูกผมไป ได้โปรด”

พ่อร้องคร่ำครวญทุรนทุราย ตีอกชกพื้น ร้องให้ผมกลับไปหาท่าน แต่ร่าง หรือวิญญาณของผมในตอนนี้ไม่ใช่ของผมอีกต่อมัน มันจะกลับคืนสู่ที่ที่มันเกิดขึ้นมา สิ่งสุดท้ายที่ผมเหลือไว้ให้พ่อคือรอยยิ้มเล็กๆที่ผมตั้งใจยิ้มให้ท่านเป็นครั้งสุดท้ายเพียงเท่านั้น ก่อนการรับรู้ทุกอย่างของผมจะลางเลือนจนหายไป

“เจ้าอย่าได้ร่ำร้องอีกเลย สุชาติ”
“ทำไม ทำไมท่านต้องเอาลูกของผมไป”
“นี่มิใช่สิ่งที่เราต้องการ แต่มันคือผลของสิ่งที่เจ้าพยายามจะทำ เจ้าคิดว่าเด็กผู้นี้จะช่วยเจ้าได้จากการที่เบิกเนตรพลังเขางั้นหรือ เจ้าหวังมากไปหรือเปล่า คนเราไม่อาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เปลี่ยนจากอ่อนแอเป็นเข้มแข็งได้ในเวลาอันฉับพลันหรอกนะ เจ้าน่าจะรู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นเช่นไร แต่ตัวเจ้าเองก็ยังคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเขา สร้างความมืดมนสับสนในจิตใจดวงเล็กข้าอยากให้เจ้าได้สำนึกไว้ว่า เจ้าจะทำทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการมิได้ ฟ้ามีลิขิตของมัน ใครก็มิอาจฝืน แต่เมื่อเลือกที่จะฝืนก็ต้องรับผลของการกระทำนั้น
“ท่านเทพ โปรดช่วยลูกด้วย ช่วยเอาลูกกลับคืนมาให้ผมที”
“ข้าช่วยเจ้ามิได้ดอก เพราะเจ้าก็ผิดสัญญาต่อข้าเช่นกัน ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้วอย่าได้แพร่งพรายเรื่องการถือกำเนิดของบุตรแห่งข้าทุกตน แต่เจ้าก็เลือกที่จะทำมัน สุชาติ นี่คือกรรมของผู้ที่รักมาก หรอความโง่เขลาของเจ้ากันแน่ ที่ดลให้เจ้าต้องมาเจ็บปวดจวนเจียนจะขาดใจเช่นนี้ ข้าเวทนาเจ้านัก ต่อแต่นี้ไปขอให้เจ้าจงอยู่กับทุกสิ่งที่จะเข้ามา และยอมรับในผลของมันเถิด”

“ข้าขอบันดาลให้ทุกสรรพชีวิตที่เป็นผู้เกี่ยวเวรเกี่ยวกรรมในเหตุการณ์นี้จงกลับคืนสู่ชะตาใหม่ที่มีผู้เสียสละช่วยพวกเจ้าเอาไว้ ให้รอดพ้นจากกงกรรมกงเกวียนแห่งความแค้นนี้ด้วยเถิด”

สิ้นสุดโองการของท่านเทพกาลเวลาย้อนกลับ และดำเนินเรื่องราวชีวิตของทุกคนต่อจนเวลาบรรจบกับปัจจุบัน กรและสันกลายเป็นเพื่อนสนิทที่สนิทกันมาต้องแต่เด็กแทนเรื่องราว และตัวตนของผม  ขวัญ และเก้าไม่ได้ย้ายเข้ามาที่โรงเรียนของพวกเรา  ครูเพ็ญศรีก็ไม่ได้เป็นครูอย่างปัจจุบัน แต่เป็นร่างทรงผู้สืบทอดพลังของยายอย่างเหมาะสม และอยู่ในศีลในธรรม  พ่อก็ไม่ได้มารู้จักกับแม่ หรือรักกับแม่เหมือนดังในอดีตจะเกิดขึ้นเพราะดวงวิญญาณของแม่ที่สิ้นสลายไปแล้วไม่อาจย้อนกลับมาตามโองการของท่านเทพ  หรือเพราะผลกรรมที่พ่อต้องรับก็ไม่มีใครอาจรู้ได้ 

...

หลายคนอาจจะคาดหวังให้ต๊ะลุกขึ้นมาต่อสู้ แต่ก็อย่างที่ผมแต่งไว้ครบผมไม่คิดว่าต๊ะจะลุกขึ้นมาจัดการกับใครได้ ผมอยากให้มันดูจริงที่สุดตามความคิดของผม อาจจะไม่ถูกใจใคร แต่ผมคิดว่ามันคือทางออกของต๊ะในตอนนี้ที่เขาทำได้  ติชมกันได้นะอยากฟังความเห็นของทุกคน ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านนะครับ ก็ยังอยากจะบอกอย่างเดิมว่าเรื่องนี้ไม่มีเส้นเรื่อง หรือตอนจบ เขียนตามอารมณ์ความรู้สึกของผมสดๆทุกตอนเลย เพราะฉะนั้นบางตอนก็เร็ว บางตอนก็นานจนคิดว่าคนเขียนตายไปแล้ว ๕๕๕ ขอบคุณที่ยังตามอ่านนะ รออ่าานตอนตอ่ไปด้วยนะ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑๐.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 18-10-2016 14:39:45
ดีใจที่ได้อ่านตอนใหม่ ผมว่ามันสมเหตุสมผลแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับต๊ะหรือที่ต๊ะได้ทำลงไป เห็นด้วยกับผู้แต่งว่าต๊ะจะเก่งขึ้นทันทีจากการเบิกเนตรได้ไง ในเมื่อไม่เคยได้รับการฝึกหรือการเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน ดีใจที่มันเป็นไปในทางนี้ รออ่านต่อไปว่าต๊ะจะเป็นอย่างไร จะจำทุกคนได้แต่ทุกคนจำต๊ะไม่ได้หรือไม รออ่านตอนต่อไปอยู่ครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑๐.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-10-2016 21:24:33
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑๐.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: Evangeline ที่ 03-01-2017 22:11:14
เรารอจนลืมไปว่ารอเรื่องนี้ พอกลับมาดูปรากฏว่าอัพตอนล่าสุดเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว 5555
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑๐.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-01-2017 02:52:42
เรื่องจริงที่มีเหตุและผล ขอยอมรับไม่ได้อ่านทุกบรรทัด เรื่องติเรื่องชมนั้นเท่าๆ กัน  อ่านอย่างเดียว เขียนไม่เป็น จะติจะชมก็บอกไม่ได้ จะบอกว่าดีก็เกินจริง จะบอกว่าไม่ดี ก็เสียกำลังใจ เรื่องราวแหวกแนว เคยอ่านแนวนี้แบบวาย วัยมัธยม นายเอกเห็นวิญญาณ แต่คนเขียนหยุดเล่าเรื่องราว ซะแล้ว เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑๐.๒๕๕๙ } ตอนที่ ๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 18-01-2017 21:43:24
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๖
ห้วงนิทราหลับใหลกลืนกินกาล  แสนเนิ่นนานผ่านห้วงมหรรณพ
วิญญาณเจ้าใช้กรรมให้มันจบ   ตื่นพานพบความสุขนิจนิรันดร์

“วิจิตรมาวรรณ เจ้าจะทำเรื่องแบบนี้ไปถึงเมื่อไร เจ้าก็รู้ว่ามันเกินกำลังของเจ้า”
“ท่านท้าวกุเวร ขอให้ข้าได้ช่วยเด็กคนนี้เถิดเจ้าคะ”
“ทำไมเจ้าถึงต้องฝืนกฎแห่งฟ้า นำผู้คนที่ควรจะถึงแก่ความตาย ให้รอดพ้นจากกรรมของตน”
“หม่อมฉันเพียงต้องการช่วยเหลือเด็กคนนี้”
“แม้เด็กคนนี้จะต้องรับเวรกรรมทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียวงั้นหรือ”
“นั้นถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เขายอมรับ หากเขาไม่มีความกล้าที่จะทำข้อแลกเปลี่ยนข้าก็คงมิอาจฝืน แต่ด้วยใจของเด็กคนนี้ช่างกล้าหาญนัก ข้าจึงเลือกใช้พลังที่มีเพื่อช่วยเขา”
“เจ้าก็รู้การฝืนความเป็นความตายมันจะมีผลอย่างไร เด็กคนนี้ไม่มีตัวตัวแม้ในโลกของวิญญาณด้วยซ้ำ”
“ข้าจะนำเขากลับสู่โลกมนุษย์เมื่อเขาได้ชดใช้ทุกสิ่งจนหมดสิ้น”
“ข้าไม่ห้ามเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าควรจะรู้ว่าการที่เด็กคนนี้ต้องกลับไปยังที่แต่เขาจากมา แต่กลับไม่มีมนุษย์ผู้ใดรอคอย หรือแม้แต่จดจำเขาได้เขาจะต้องเจ็บปวดถึงเพียงไหน และตัวเจ้าเองผู้ฝืนลิขิตเจ้าก็จะต้องใช้กรรมของเจ้าเช่นกัน ไม่ว่าจะมนุษย์ ยักษา เทวา ล้วนมีกรรมกันทั้งสิ้น ข้าเวทนาเจ้านัก วิจิตรมาวรรณ”

ท่านเท้ากุเวรผู้เป็นใหญ่ในโลกบาล จ้าวผู้ควบคุมความเป็นความตาย และการชดใช้กรรมของดวงวิญญาณทั้งปวง ได้เสด็จมายังดินแดนแห่ง นางวิจิตรมาวรรณ ยักษีผู้ทำหน้าที่ดูแลขวัญของเหล่าทารกที่กำเนิดในวันอาทิตย์ทุกผู้ทุกคน ท่านมิได้มาเพื่อพรากเอาดวงวิญญาณของเด็กน้อยที่วิจิตรมาวรรณได้ฝืนอามาจากความตาย ท่านเพียงมาเพื่อเตือนถึงกรรมที่จะส่งผลนับต่อแต่นี้ แม้ตัววิจิตรมาวรรณนั้นจะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังเลือกที่จะทำตามความตั้งใจแรกของนางที่จะช่วยเหลือเด็กหนุ่มผู้นี้ ด้วยใจที่นางรักและเอ็นดูเด็กผู้นี้มาแต่แรกกำเนิด

โอมศรีสิทธิเตโช นโมนมัสการ ข้าขออ่านโองการอัญเชิญเทพยดาผู้เจริญทั้งหลาย ครบสิบสององค์ทรงมเหศวร ขอยอกรประนมบังคมเหนือศิโรเพศ ขออัญเชิญประเวศมาสถิต ประดิษฐานเหนือเศียร สรรพธูปเทียนชวาลาปวารณาตามถวาย ข้าวตอกปลายปุบผาช่อคันธาอรชร ขอจงประสาทพรประสิทธิ์ ด้วยมนต์ฤทธิไสยเวท จงประสิทธิเพทแก่ข้าจะอาราธนารูปต่างตนแม่ซื้อเมืองบนเมืองล่าง แม่ซื้อแรงประจำวัน สมมตินามนั้นสืบกันมา คือแม่ซื้อกุมาราวันอาทิตย์ชื่อวิจิตรมาวรรณ…………………
บทบวงสรวงแม่ซื้อ
“ชื่อวิจิตรมาวรรณหรือ ข้าฝากดูแลลูกข้าด้วยนะ”
“มองเห็นข้าด้วยหรือเจ้ามนุษย์นี่”
“ข้าชื่อสุชาติ ลูกข้านั้นไม่มีแม่ ข้าบวงสรวงขอแม่ซื้อมาดูแลมัน ข้ามิใช่ผู้แก่กล้าอาคมขอเพียงวิงวอนท่านให้ดูแลลูกข้าหากข้าดูแลมันคนเดียวมันคงตายแน่”
“เจ้าจะให้ลูกเจ้าเป็นลูกผีลูกสางอย่างข้างั้นหรือ”
“ให้มันเป็นลูกผีลูกสางเสียยังจะดีกว่าต้องมาตายตั่งแต่ยังเล็ก”
“เจ้ากับเมียที่ตายไปที่ช่างเหมือนกันนัก ขออะไรไม่รู้จักคิดขอผีขอสาง ให้มาเลี้ยงลูกคน เด็กมันจะไม่เหมือนคนอื่นเขา”
“โปรดอย่าเรียกตนเองว่าผีสางเลย แม้ท่านจะเป็นยักษีอยู่ในโลกบาลแต่ก็เป็นผู้คุ้มครองวิญญาณให้เด็กได้มาเกิด นับเป็นเทพที่ดีมิใช่หรือ”
“ยกยอปอปั้นข้าเสียจริงเจ้ามนุษย์ ถูกใจข้านัก เด็กนี่ก็ใช่เด็กธรรมดาพ่อแม่มันคงมีบุญนักเด็กมันถึงมีพลังมากขนาดนี้ ข้าจะดูแลมันเอง”
“ขอบพระคุณ  ท่านเทพ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ามนุษย์ผู้นี้ข้ามิใช่คนบ้ายอดอกนะ”
“ครับ ครับ ท่านเทพ”
“ข้อแลกเปลี่ยนในการให้ข้ามาดูแลเด็กผู้นี้ เจ้าจะต้องให้คำสัตย์กับข้า  เจ้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่ข้าเป็นผู้คุ้มครองดวงวิญญาณดวงนี้ให้มาเกิดแก่ผู้ใด และเด็กคนนี้จะไม่ถือว่าเป็นลูกของเจ้าอีกต่อไป เขาจะมีสถานะเป็นผู้ที่ให้กำเนิดโดยข้า และได้รับพรศักสิทธิ์จากข้าที่จะเป็นผู้คุ้มครองเขาตลอดไป”
“ขอรับ ท่านเทพ”

นับแต่นั้นวิจิตรมาวรรณก็มักจะมายังโลกมนุษย์เพื่อเฝ้าดูเด็กน้อยค่อยเติบโต แต่แม้ว่าเด็กน้อยมีพลังในการมองเห็นวิญญาณ แต่กลับสัมผัสถึงตัวตนของนางไม่ได้ นางจึงมักจะเข้าสิงร่างของผู้เป็นพ่อ และคอยเลี้ยงดูเด็กน้อยจนเติบใหญ่ นางรู้ถึงชะตากรรมของเด็กน้อยผู้นี้มาเนินนาน แต่ก็มิอยากจะฝืนชะตาซึ่งฟ้าเป็นผู้ลิขิต แต่สุดท้ายด้วยรักที่นางมีแก่เด็กน้อยนางจึงยอมสละแม้พลังของตน

“บุตรแห่งข้าเจ้าจงลุกขึ้นเถิด ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราอันยาวนาน บัดนี้กรรมของเจ้าได้เบาบางลงแล้ว เจ้าจะกลับไปยังมนุษย์ภูมิเพื่อใช้ชีวิตไปตามที่กรรมได้ลิขิต เจ้าจงจำไว้ข้างจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”

นี่เป็นถ้อยคำที่ผมมักจะได้ยินยามที่หลับฝัน ทุกครั้งถ้อยคำเหล่านี้จะดังกึกก้องอยู่ในหัวแต่ผมกลับจำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใคร ผมรู้เพียงว่าผมได้หายตัวไปหลังจากเกิดเหตุการณ์แล้วร้ายในวันนั้น หายไปที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกล จนวันหนึ่งผมได้ยินเสียงแบบที่ผมมักจะฝันทุกคืน จนสะดุ้งตื่น และพบว่าตัวเองนั้นนอนสลบอยู่ในตึกช่างที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนั้นขึ้น  ผมค่อยลุกออกมาด้านนอกพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำของผม ภายในโรงเรียนดูพลุกพล่านกว่าที่มันเคยเป็น ผมค่อยก้าวเดินที่ละก้าวด้วยตอนนี้แทบจะไม่มีแรงจะประคับประคองตัวเอง แม้ทางที่ผมเดินอยู่ตอนนี้จะไม่ไกลนักแต่ผมกลับเหนื่อยล้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวผมเป็นอะไรกันนะทำไมถึงได้ไม่มีแรงขนาดนี้

“ขอน้ำหน่อย ใครก็ได้ขอน้ำกินหน่อย”

ผมตะโกนจนสุดเสียงขอความช่วยเหลือจากกลุ่มนักเรียนหญิงที่เดินผ่านา แต่เสียงที่ออกมากลับแหบแห้ง และเบาเหมือนกับเสียงกระซิบ ก่อนที่ผมจะฮึดเอาแรงก้อนสุดท้ายเปร่งออกไปสุดเสียง

“ช่วยด้วย”

กลุ่มนักเรียนหญิงหันมามองผมด้วยท่าทีตกใจ ตอนที่ร่างผมจะค่อยๆล้มลง เสียงฝีเท้าของกลุ่มเด็กผู้หญิงพวกนั้นที่วิ่งตรงเข้ามาที่ร่างผม ก่อนจะส่งเสียงจอแจให้ใครสักคนไปตามครูที่ห้องพยาบาล สติของผมตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีก่อนที่มันจะดับลงไป

“บุตรแห่งข้าเจ้าจงลุกขึ้นเถิด ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราอันยาวนาน บัดนี้กรรมของเจ้าได้เบาบางลงแล้ว เจ้าจะกลับไปยังมนุษย์ภูมิเพื่อใช้ชีวิตไปตามที่กรรมได้ลิขิต เจ้าจงจำไว้ข้างจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”

“ใคร เสียงใครนะ เสียงใคร”
“นักเรียน นักเรียนคะ ตื่นคะ ตื่น นี่ครูนะ ตื่นคะนักเรียน”

ผมได้สติฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

“รู้สึกยังไงบ้าง เธอรู้สึกปวดหัว หรือเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า ครูให้น้ำเกลือเธอไปแล้วนะ รู้สึกมีแรงขึ้นบ้างไหม”
“น้ำ ขอน้ำหน่อยครับ”
“ได้จ๊ะ เดี๋ยวครูไปหยิบให้นะ”

ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่ห้องพยาบาล ฟื้นขึ้นมาก็มีครูห้องพยาบาลเข้ามาคุยเรื่องอาการของผม ผมจำครูพยาบาลคนนี้ได้ถึงเธอจะดูมีอายุขึ้นก็ตามแต่ผมก็จำหน้าตาเธอได้อย่างแม่นยำ แต่เหมือนตัวตนของผมนั้นจะไม่ได้มีในเศษเสี้ยวความทรงจำของเธอ ผมพยายามจะลุกขึ้นเพื่อจะมองดูบริเวณรอบรอบ แต่ด้วยเรียวแรงในตอนนี้ผมทำได้เพียงหันหน้าไปมาเท่านั้น ถึงจะเป็นห้องพยาบาลที่มีครูคนเดิมดูแลอยู่แต่ตัวสถานที่กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ดูสะอาด แถมยังเหมือนจะมีอุปกรณ์อะไรเยอะแยะกว่าแต่ก่อน

“นี่จ๊ะน้ำ ค่อยๆลุกนะจ๊ะ”

ครูพยาบาลเข้ามาปรับเตียงด้านหัวผมให้สูงขึ้นพอที่จะทำให้ผมพยุงตัวเองขึ้นมานั่งได้ และส่งแก้วน้ำที่มีหลอดอันเล็กมาให้ผมดื่ม

“ค่อยๆดูดนะเดี๋ยวจะสำลักน้ำ”
“ครับ”
“รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
“ครับ รู้สึกมีแรงขึ้นแล้วครับ”
“แล้วเธอเป็นใครจ๊ะถึงได้มาสลบอยู่ในโรงเรียน จะว่าเป็นเด็กโรงเรียนอื่นก็ไม่น่าใช่เพราะเหมือนเธอจะใส่เครื่องแบบโรงเรียนนี้ ถึงจะเป็นแบบเก่าก็เถอะ”
“แบบเก่าหรอครับ”
“ใช่จ๊ะ ก็เมื่อ๕ปีที่แล้ว อยู่ดีผอ.ก็สั่งเปลี่ยนแปลงโรงเรียนครั้งใหญ่ ทำอาคารใหม่ ปรับปรุงสื่อการสอนทุกอย่าง เปลี่ยนแม้กระทั่งเครื่องแบบนักเรียน”
“ห้าปีที่แล้วหรอครับ งั้นปีนี้ปีอะไรหรอครับ”

คำตอบที่ผมได้ยิน ทำเอาผมสมองตื้อไปหมด ทำไมเวลาตั่งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นถึงได้ผ่านไปนานขนาดนี้  แล้วตัวผมหายไปอยู่ที่ไหนต้อง๕ปี แล้วทำไม่ตัวผมถึงได้กลับมาในตอนนี้

“ครูครับ ช่วยพาผมไปส่งที่บ้านได้ไหมครับ”
“บ้านเธอหรอได้สิ อยู่แถวไหนหรอจ๊ะ”
“ไม่ไกลหรอกครับ”
“งั้นเธอพักก่อนนะ รอน้ำเกลือหมดก่อนครูจะไปส่ง”

ผมหลับและตื่นขึ้นอีกที่ในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว ครูพยาบาลเข้ามาถอดสายน้ำเกลือออก และพาผมไปที่รถยนต์ของเธอ รถยนต์คันเล็กแล่นออกจากประตูโรงเรียนผ่านเส้นทางที่ผมเดินกลับพร้อมไอ้กรแทบทุกวัน ผ่านร้านที่ไอ้กรมักโดนผมอ้อนให้เลี้ยงขนม ผ่านซอยเข้าบ้านไอ้กร ยิ่งทางที่รถกำลังแล่นอยู่เข้าใกล้บ้านเท่าไร ความทรงจำมันก็ค่อยๆย้อนกลับมา แม้จะรู้สึกเศร้าแต่ตัวผมก็คงทำอะไรไม่ได้

“บ้านเธอมาทางนี้แน่นะ”
“ครับ ตรงไปอีก๒ซอย เลี้ยวซ้ายเข้าไปสุดซอยก็ถึงแล้วครับ”
“บ้านเธออยู่แถวนั้นจริงๆหรอ แต่แถวนั้นมันเป็นบ้านที่เคยเป็นสำนักทรงที่ไม่มีคนอยู่แล้วนิ”
“ครับ ผมเคยอยู่ที่นั่น และกำลังจะกลับไปอยู่ที่นั่นอีกครั้ง”

ผมนั่งมองข้างทาง และนึกย้อนถึงเรื่องเก่าก่อนหน้านี้ ผมจำเรื่องราวทุกอย่างทั้งหมดได้ ผมจำเรื่องราวของพ่อ  ไอ้กร ครอบครัวมัน จำไอ้สัน ขวัญ ครูเพ็ญศรี และไอ้เก้า ผมจำเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ผมจำไม่ได้ คือใครที่มาช่วยผมไว้ในวันนั้น และก่อนหน้านั้นเหมือนผมจะเคยได้รู้จักกับเขามาก่อน แต่สิ่งที่ผมจำได้แม่นยำ คือ คำสัญญาที่ผมทำไว้กับเขาเพื่อแลกกับการช่วยเหลือทุกคน

“ถึงแล้วจ๊ะ ให้ครูลงไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เธอโอเคนะ หน้าตาเธอดูไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่เป็นไรจริงครับ ขอบคุณครูมากนะครับที่มาส่ง”

ผมลงมาจากรถยืนรอจนครูพยาบาลขับรถออกไป ผมยืนมองบ้านตัวเองอยู่สักพักก่อนจะเดินไปที่ประตูคุณยายที่อยู่ละแวกนี้ก็เดินเข้ามาทักเสียก่อน

“มาหาใครหรอ บ้านนั้นไม่มีใครอยู่หรอกนะ”
“ผมจะมาอยู่ที่นี่นะครับ”
“พ่อหนุ่มจะอยู่ที่นี่จริงๆหรอ ไม่กลัวหรือไงเขาว่าที่นี่เป็นสำนักทรงเก่าเขาว่าเฮี้ยนนะ ถึงยายจะจำไม่ได้ก็เถอะว่าใครเคยอยู่ที่นี่”
“ผมอยู่ได้ครับ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“จ๊ะ มีอะไรก็ขอความช่วยเหลือคนแถวนี้ได้นะ”
“ครับ”

ผมก้าวเขามาในตัวบ้าน ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิมข้าวของทุกอย่างดูสะอาดเอี่ยมเหมือนมีคนมาทำความสะอาดไว้ ข้าวของทุกอย่างที่ผมจำเป็นต้องใช้ถูกเตรียมพร้อมอยู่อย่างเสร็จสรรพ แต่ของที่เป็นของพ่อกลับไม่เหลืออยู่สักอย่าง รูปถ่ายของผมกับพ่อที่เคยมีอยู่ในบ้านกลับไม่เหลือเลย ทุกอย่างที่เป็นความทรงจำของผม กับความจริงที่อยู่ตรงหน้ามันขัดแย้งกันไปหมด ผมค่อยเดินสำรวจไปในทุกห้อง ความทรงจำทุกอย่างมันจุกแน่นไปหมด ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่พ่อมักจะนั่งอยู่เสมอ ก่อนที่น้ำตาของผมจะค่อยไหลออกมาอย่างควบคมไม่ได้ ในสมองมันว่างเปล่าไปหมด มีแต่คำถามที่ไม่รู้จะไปถามใคร

“ผมจะทำยังไงดีครับพ่อ”

........
:hao4:
หายไปนานเหมือนเลิกเขียน แต่ยังไม่เลิกนะ แต่ก็จะหายนานแบบนี้เรื่อยๆ เพราะติดเรียน เนื้อเรื่องอาจจะดูโดดไหมไม่แน่ใจในรายละเอียด เพราะไม่ได้เขียนนานแล้ว ตอนนี้จะกลับมาเขียนเพราะเคลียงานได้จนเริ่มว่างบ้างแล้ว ขอให้อ่านให้สนุกนะ ติ ชม ด่ า สาปแช่งคนเขียนได้เลยครับ ที่หายไปนาน แต่คนเขียนก็ยังคงเหมือนเดิมครับ คือแต่ละตอนสั้นเหลือเกิน ๕๕๕
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 20-01-2017 21:00:55
 :sad11:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 20-01-2017 22:59:07
 ดีใจที่ได้อ่านต่อ เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะคับ  สละเวลามาอัพบ่อยๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-01-2017 23:25:38
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 22-01-2017 12:47:32
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๑๘.๑.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 09-03-2017 23:39:39
ด้วยรัก และโหงพลาย
ตอนที่ ๑๗
ร่างกายมักตอบสนองต่อความคิด และภาวะจิตใจของมัน ร่างกายของผมก็เช่นกันที่มันตอบสนองต่อความคิด และจิตใจอันว่างเปล่าได้อย่างดีเยี่ยม ผมนอนซมอยู่บนเตียงอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน ร่างกายมันไร้เรี่ยวแรงไปหมด มีแต่เพียงสมองเท่านั้นที่ทำหน้าที่ มันเอาแต่คิดทบทวน วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ขุดเรื่องเก่ามากรีดแทงหัวใจของตัวมันเอง เรื่องที่เด่นชัด และตอกย้ำผมในตอนนี้คือเรื่องราวในวัยเด็ก เป็นเวลาหลังจากกลับจากโรงเรียนผมมักจะงีบหลับอยู่บนโซฟา และมักจะตื่นมาในช่วงพลบค่ำ ช่วงที่แสงของวันนั้นกำลังจะลาลับไป พร้อมเรื่องในหัวที่ชอบคิดว่าพ่ออยู่ไหน ถ้าวันนี้พ่อหายไปผมจะทำยังไงดี ด้วยความเป็นเด็กในตอนนั้นทำได้เพียงร้องไห้ให้ดังที่สุดให้พ่อได้ยินเสียง และเกือบทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นพ่อก็วิ่งเขามากอดปลอบผมไว้ในอกของท่าน แต่จะด้วยวัย เวลา หรือการเตรียมใจที่ตัวผมมี ตอนนี้ร่างกายของผมมันไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด แต่ในใจกลับทรมานจนแทบจะฉีกออกมาเป็นชิ้นๆ ทุกคืนที่ผ่านมา ผมได้แต่พยายามข่มตาให้หลับ เมื่อทนกับความรู้สึกตัวเองไม่ไหวก็ใช้เล็บจิกที่กลางอกตัวเองหวังให้ความเจ็บปวดที่ร่างกายบรรเทาใจที่ทรมาน แต่ความจริงก็คอยฉุดรั้งผมไว้เสมอว่าไม่ให้ทำร้ายร่างกายตัวเอง แต่จงเยี่ยวยาหัวใจของตัวผมด้วย “เวลา”

“ป้าน้อย ป้าน้อย อยู่ไหม”
“อยู่ๆ มีอะไร นังพร”
“โอ้ย ป้าฉันทนไม่ไหวแล้วนะ นี่มันก็สามสี่คืนแล้วนะป้าที่บ้านหลังนั้นกลางคืนมีแต่เสียงร้องโหยหวน”
“อะไรของเอง บ้านข้าอยู่ชิดใช้รั้วเดียวกันไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไร”
“จริงหรอป้า แต่นี่เขาได้ยินกันทั้งซอยเลยนะ พอตกกลางคืนก็มีเสียงร้องไห้ สักพักก็กรีดร้องยังกับหมูโดนเชือด”
“บ้ากันไปใหญ่ ถ้ามีจริงข้าก็ต้องได้ยินสิ”
“จริงนะป้า”
“ไร้สาระกันไปใหญ่ วันก่อนข้ายังเห็นเด็กมายืนอยู่หน้าบ้าน มันยังบอกข้าว่าอยู่บ้านหลังนี้”
“จริงหรอป้า แต่บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มาห้าหกปีแล้วนะ”
“ข้าก็แปลกใจอยู่เหมือนกันแต่มันก็คลับคล้ายคลับคลาว่าข้าจะเคยเจอเด็กนั่นมาก่อน”
“ผีหรือเปล่าป้า”
“เองนี่ ปากไม่เป็นมงคล”
“ใครจะไปรู้ อาจจะเป็นอย่างที่ฉันว่าก็ได้นะป้า ถ้าเป็นคนแล้วมันเคยออกมาทักป้าไหมหละ”
“นังนี่ ข้าบอกว่าคนก็คนสิวะ แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นมันออกมาจากบ้านเลยหลังจากวันนั้น”
“เห็นไหมหละป้า อุ้ย แค่ฟังป้าเล่าฉันนี่ขนลุกไปหมด ฉันต้องไปแล้วนะป้า”
“เองจะรีบไปไหนวะ”
“ฉันก็ต้องรีบไปกระจายข่าวให้นังอี๊ด ป้าต้อย ยายเหมือน นังช้อย ต่อสิจ๊ะ เรื่องแบบนี้ใครเขาจะเก็บเอาไว้คนเดียว”
“เอาเขาไปเล่าเดี๋ยวเขาก็ตามไปหลอกเองหรอก”
“กลัวก็กลัวนะจ๊ะป้า แต่มันคันปากมากกว่า ฉันไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวตอนเย็นจะเอาแกงส้มมาฝาก”
“นังนี่ ปากไปเรื่อย”

หญิงชรามองสาวรุ่นลูกที่วิ่งแจ้นออกจากบ้าน ก่อนจะกลับมานั่งครุ่นคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นในวันนั้นมันผีหรือคนกันแน่ แล้วเสียงที่เขาเล่าลือกันไปทั้งซอยทำไมตัวแกเองที่อยู่บ้านข้างๆถึงไม่ได้ยิน

“เข้าไปดูสิ ไปที่บ้านนั้นสิ”

เสียงแผ่วเบากระซิบเข้าที่ข้างหู เล่นเอาหญิงชราขนคอลุกตั้งชัน แต่ใจกลับคิดแปลกเชื่อคำลมที่แล่นผ่านหูไป ป้าน้อย ค่อยลุกเดินออกจากบ้านตัวเองออกมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านข้างๆ ก่อนชั่งใจคิดอยู่สักพักจึงยื่นมือไปกดกริ่ง  แต่ไอ้กริ่งเก่าเก็บเจ้ากำดันเก่าแก่เกินจะใช้ได้ หญิงชราจึงตัดสินใจตะโกนถาม

“ไอ้หนู เองอยู่ไหมลูก มาเปิดประตูให้ป้าหน่อย”

ร้องเรียกอยู่หลายครั้งกลับไม่มีใครตอบกลับมา จนป้าน้อยตัดใจว่าคงไม่มีใครอยู่จึงหันหลังเตรียมจะเดินกลับบ้าน แต่หญิงชรากลับต้องสะดุ้งเสียงประตูรั้วที่ค่อยแง้มออกเบาๆ

“โอ้ยอกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก เจ้าที่เจ้าทางเจ้าขาเอ็นดูยายแก่ๆเถอะเจ้าค่ะจะทำอะไรก็อย่าให้พิสดารนักเลย หัวใจจะวายเอา ถ้าท่านอยากให้เข้าอีฉันก็จะเข้าเจ้าค่ะ”

แม้จะกล้าๆกลัวๆแต่เธอก็ยังเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเอง ว่าเทวดาดลทางให้ต้องเข้าไปในบ้านหลังนี้ ถึงจะหวั่นใจแค่ไหนแต่ขาก็ขยับก้าวไปเรื่อยๆผ่านประตูรั้ว ผ่านลานโล่ง ผ่านซุ้มต้นไม้ จนมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานเขื่อง ยืนกระวนกระวายอยู่หลายนาทีกว่าจะตัดสินใจร้องเรียกว่ามีใครอยู่ในบ้านหลังนี้หรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่หญิงชราคิด คือไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกมาแม้แต่น้อย และก็เป็นอีกครั้งที่เล่นเอาหัวใจของเธอแทบวาย เพราะประตูที่ขวางกั้นอยู่ตรงหน้านั้นค่อยเปิดออก หญิงชายได้แค่ยกมือไหว้ปลกๆพร่ำพูดอ้อนวอนลูกช้างลูกม้าไปทั่ว แต่ขากลับเดินตรงไปสำรวจจนทุกพื้นที่เหมือนกลับว่าตอนนี้มีเพียงมือและปากเท่านั้นที่เป็นของตัวเอง แต่ขากลับเดินไปของมันเองโดยไม่ต้องสั่งการ จนตอนนี้ขาที่เหมือนจะควบคุมไม่ได้ในตอนแรกกลับมายืนค้างหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง และมันก็ยังเหมือนเดิมทุกครั้งที่บานประตูตรงหน้าหญิงชราค่อยๆเปิดออกช้า ป้าน้อยได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าเพราะมันอาจจะเป็นร่างเงาดำทะมึน ร่างที่โชกไปด้วยเลือด หรือร่างที่เหวอะหวะไปด้วยแผลฉกรรจ์พุ่งเข้าใส่ ในความคิดตอนนี้มันฟุ้งซ่านไปหมด หญิงชราตระหนกอยู่ครู่ใหญ่แต่กลับไม่มีอะไรพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างที่ได้จินตนาการไว้ จึงค่อยเบือนหน้ากลับไปมองว่ามีอะไรอยู่ภายในห้องนั้น

“ไอ้หนู เองเป็นไรลูก”

ภาพที่เห็นตรงหน้าเล่นทำเอาใจหาย หญิงชรารีบเข้าไปตระกองร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาแนบออก พอได้มองสำรวจร่างใกล้ก็เกิดหวั่นใจอยู่สักพัก ด้วยรอยแผล รอยเลือดที่หน้าอก และอุณหภูมิของเจ้าของร่างตอนนี้ช่างร้อนรุ่มราวกับตัวคนที่ประคองร่างคิดว่าอุ้มถุงที่ใส่น้ำอุ่นจัดๆอยู่

“ทำไงดี ทำไงดี  โทร โทร ต้องโทรเรียกคนมาช่วย”

หญิงชราควานหาโทรศัพท์มือถืออย่างรีบร้อนก่อนจะคว้าจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมากดโทรหาคนมาช่วย

“พร พร”
“ป้าน้อย เป็นอะไรเสียงสั่นเชียว”
“ข้าอยู่ในบ้านข้างบ้านข้า เองตามคนมาช่วยข้าที ข้าเจอ”
“เจอ ผี หรอป้า”
“นังบ้า คนโว้ย คนป่วย เองรีบไปตามคนมาช่วยข้าพาเด็กไปหาหมอเร็ว”
“จะป้า เดี๋ยวฉันให้พี่เสน่ห์รีบเอารถไปรับเลย”

ระหว่างรอคนมาช่วย เธอวางร่างเด็กหนุ่มที่ประคองอยู่ให้นอนลงบนพื้นในท่าที่สบายขึ้น ก่อนจะวิ่งไปหาผ้า และน้ำขึ้นมาเช็ดตัวเผื่อลดอุณหภูมิของร่างเด็กหนุ่ม  ในใจก็คิดกังวลถึงอาการของเด็กตรงหน้าว่าทำไมตัวเองถึงเป็นห่วงเด็กคนนี้มากทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเวลาผ่านไปไม่นานนักป้าน้อย ก็ได้ยินเสียงตึงตังลั่นบ้าน ก่อนที่เธอจะตะโกนบอกให้สองผัวเมียรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องนี้

“นั่นคนจริงๆหรอป้า แล้วไอ้เลือดนั่นนะอะไร”
“เอ๊ะ นังนี่ ข้าบอกว่าคนก็คนสิวะ เสน่ห์มาอุ้มเด็กนี่เร็ว เดี๋ยวก็ได้ตายเสียก่อนจะถึงมือหรอ”
“ครับป้า”

เสน่ห์ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางสุขุม แต่กลับมาแต่งงานกับ พรแม่ค้านักกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ทำเอาหลายคนแตกตื่นโดยเฉพาะครอบครัวของเสน่ห์ที่ดูจะไม่ชอบพรเสียเท่าไหร่ แต่ก็ได้ป้าน้อยช่วยเหลือจนได้อยู่กินด้วยกัน ทั้งสองจึงเคารพ และมักจะมาหาพูดคุยกับป้าน้อยอยู่เสมอ

“เด็กตัวร้อนมากเลยนะครับป้า”
“ก็ใช่นะสิ อย่าช้ารีบไปโรงพยาบาลเร็ว”

ทั้งสามลุกลี้ลนวิ่งกันไปที่รถก่อนจะรีบออกรถตรงไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ค่อนข้างห่างจากหมู่บ้าน ตลอดทางเด็กที่อยู่ในอ้อมอกของป้าน้อยละเมอด้วยพิษไข่ยืนมือป่ายปีนไปทั่วหาไออุ่นไว้เกาะกุม ป้าน้อยจึงคว้ามือเล็กๆนั่นมากุมไว้ด้วยใจเป็นห่วง ทำไมถึงเป็นห่วงเด็กคนนี้ได้ขนาดนี้ ป้าน้อยได้แต่สงสัยในความรู้สึกของตัวเอง ผ่านมาครู่ใหญ่รถของเสน่ห์ก็แล่นมาจอดหน้าปากประตูห้องฉุกเฉิน พยาบาลกรูกันเข้ามาดูคนป่วยที่เข้ามารักษา

“เป็นอะไรมาครับ”
“เด็กคนนี้ตัวร้อนมากเลยคะ  แล้วก็เลือดออกเต็มไปหมด”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวทางเราจะรีบรักษา คุณป้าช่วยตามพยาบาลไปกรอกประวัติด้านโน้นด้วยนะครับ”

แม้ใจจะเป็นห่วงแต่ก็คิดว่าอยู่ไปคงช่วยอะไรไม่ได้ ป้าน้อยจึงรีบตามพยาบาลไปทำในสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้

“ฮะโหล หมอครับๆ คนไข้ฉุกเฉินครับ”
“อาการเป็นไง”
“มีไข้สูงครับ  แล้วก็มีบาดแผล น่าจะเกิดจากการทำร้ายตัวเองครับ”
“เด็กสมัยนี้นี่นะ  คิดอะไรกันตื้นๆ”
“ทำยังไงดีครับหมอ”
“ผมติดผ่าตัดอยู่ คุณโทรติดต่อ  หมอเก้า  มาให้เร็วที่สุด ลองไปเช็คที่ห้องพักหมอดูด้วย  เขาน่าจะพักอยู่”
“ครับหมอ”

.......................................................................
มาแบบสั้นๆเหมือนเคยครับ ทั้งสองคนกำลังจะกลับมาเจอกันแล้ว(แม้จะในทางแปลกๆ)  คนที่อ่านคนเริ่มหงุดหงิดที่ทั้งเรื่องมีแต่อะไรเครียดๆ  ตอนนี้จะกลับมาน่ารักสดใสแล้วนะ  ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๓.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: Mai.IcySakura ที่ 11-03-2017 17:30:13
อ่านเพลินๆลุ้นดีค่ะ แต่งงว่าต๊ะจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง ครอบครัวก็ไม่มีแล้ว
จะเข้าเรียนมัธยมต่อได้มั้ย หรือทำงานร่างทรงไม่ต้องใช้วุฒิ? หรือรอหมอเก้าพาไปเลี้ยง อิอิ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๓.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2017 20:59:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๓.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 11-03-2017 21:20:15
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๓.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 11-03-2017 23:26:51
  สั้นจริงๆคับผู้แต่ง แต่ก็อ่านเพลินดี อ่านไปก็คิดไปว่าไปทำร้ายตัวเองใช่มั้ย
  รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๓.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: calmkung ที่ 12-03-2017 15:41:20
ยาวบ้าง สั้นบ้าง แต่ก็ขอให้คนเขียนมาอัพเดตบ่อยๆนะคะ ถึงไม่บ่อยแต่ก็ขออย่าเทเรื่องนี้เลย เราติดตามอยู่ค่ะ สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๘.๐๕.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 28-05-2017 22:54:46
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๘

“ไอ้หนู เองไปโดนอะไรมานะถึงได้เจ็บมาขนาดนี้”

หญิงชรานั่งกุมมือของเด็กหนุ่มที่นอนหลับอย่างเงียบๆอยู่บนเตียงจนน่าใจหาย  หลังจากได้แต่คอยห่วงอยู่ห่างๆตอนที่หมอ และพยาบาลวิ่งวุ่นรักษาเด็กหนุ่ม หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงก็ได้มานอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงผู้ป่วย

“คุณยายเป็นคนที่พาเด็กคนนี้มาใช่หรือเปล่าคะ”
“ใช่จ๊ะ มีอะไรหรอคุณพยาบาล”
“พอดีคุณหมอเจ้าของไข้อยากพบญาติผู้ป่วย รบกวนคุณยายช่วยตามหนูไปพบคุณหมอได้ไหมคะ”
“ได้จ๊ะ งั้นยายขอห่มผ้าให้ไอ้หนูมันก่อนนะ”

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหญิงชราก็เดินตามพยาบาลออกมาจากห้องพักผู้ป่วยรวม เดินมาจนถึงเขตห้องพักของพวกหมอ พยาบาลที่เดินนำมาหยุดอยู่หน้าห้องด้านในสุดก่อนจะเปิดประตู ผายมือเชิญเธอเข้าไปด้านใน  หญิงชรามองสำรวจภายในห้องเห็นเอกสารวางกองระเกะระกะ ก่อนจะมองเห็นหมอหนุ่มนั่งง่วนทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

“คุณหมอคะ ญาติคนข้ามาแล้วคะ”
“อะ ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล เชิญนั่งเลยครับคุณยาย ขอโทษนะครับห้องหมอรกไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เห็นหมอหนุ่มๆขยันอย่างนี้ยายก็สบายใจ หวังฝากผีฝากไข้”
“ไม่ขนาดนั้นหรอครับคุณยาย”

แม้จะยังงงอยู่ว่าหมอเชิญเธอมาคุยเรื่องอะไรกันแน่ แต่ได้เห็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็งแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม

“คุณพยาบาลครับ เชิญข้างนอกก่อนนะครับหมอขอคุยกับญาติคนไข้ตามลำพัง”
“ได้คะ”

หลังจากสั่งให้พยาบาลออกไปด้านนอกหมอหนุ่มก็ทำหน้าตาเคร่งเครียดครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จนหญิงชราอดไม่ไหวต้องเอ่ยปากพูดก่อน

“หมอ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำหน้าเครียดไม่ยอมพูดอะไร”
“คือผม คือว่าผม อยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องคนไข้นะครับ”
“อั่มๆอึ้งๆอยู่นั่นหละหมอถามมาเถอะ คนแก่อย่างยายใจไม่ดี  หรือว่าไอ้หนูของยายมันจะเป็นโรคร้ายแรง”
“ไม่ใช่หรอกครับยายพอดีหมออยากจะถามเรื่องรอยแผลที่ตัวคนไข้นะครับ เพราะตอนแรกที่หมอเห็นคิดว่าคนไข้ทำร้ายตัวเองเพราะมีแต่รอยเล็บ แต่แผลมันลึกเกินไปคงไม่มีใครทนทำร้ายตัวเองได้ขนาดนั้น”
“ยายก็ไม่รู้หรอกหมอ ยายเจอได้หนูนั่นเมื่อหลายวันก่อน ที่บ้านข้างๆบ้านยาย เห็นหายเงียบไปหลายวันยายเลยเข้าไปดู”
“คนในครอบครัวทำร้ายเขาหรอครับ”
“ไม่ใช่หรอกหมอ บ้านนั้นมันไม่มีคนอยู่มาสี่ห้าปี วันที่ไอ้หนูบอกยายว่าอยู่บ้านนี้ยายก็ยังสงสัย”
“หรือว่าโดนใครทำร้ายครับ ยายพอจะสงสัยใครไหม”
“ยายไม่รู้หรอกหมอ ก็มีแต่ข่าวลือกันว่าบ้านหลังนั้นกลางคืนมีเสียงร้องโหยหวนอยู่หลายคืน ก่อนยายจะเข้าไปเจอไอ้หนูนี่”
“เสียงร้องโหยหวนหรอครับ”
“ก็บ้านหลังนั้นมันเป็นบ้านร่างทรงมาก่อนอยู่ดีอยู่ดายก็ร้างเอาเสียดื้อๆ”
“ยายจะบอกว่ามันเกี่ยวกับผีหรอครับ”
“ใครจะไปรู้หละคุณหมอ ยายก็แค่เล่าสิ่งที่ยายรู้”
“เอาหละครับ ยังไงมันก็เป็นเรื่องเด็กโดนทำร้ายร่างกาย ยายควรไปแจ้งตำรวจนะครับ”
“รอไอ้หนูมันฟื้นยายจะถามให้นะจ๊ะว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง”
“ครับ ขอบคุณนะครับคุณยายที่มาพบหมอ”

หญิงชราเดินออกมาอย่างเงียบๆ เธอสังเกตแววตาหมอดูก็รู้ว่าเขามองสิ่งที่เธอเล่าให้ฟังเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ แต่เธอก็คงทำอะไรไม่ได้รอแต่เพียงให้เด็กหนุ่มฟื้นขึ้นมาเล่าความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเดินกลับเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยรวม ก่อนจะมานั่งเฝ้าเด็กหนุ่มเหมือนเดิม นั่งคิดไปมาจนถึงเวลาเที่ยงพอดีที่พร กับเสน่ห์เข้ามาเยี่ยม

“สวัสดีจ๊ะป้าน้อย  ไอ้หนูน้อยนี่มันเป็นยังไงบ้าง”
“ดีแล้วหละ หมอเขารักษาให้แล้ว รอแต่ว่ามันจะฟื้นเมื่อไหร่”
“สงสารมันนะป้าน้อย เป็นเด็กแต่กลับต้องมามีสภาพแบบนี้”
“มันคงมีเวรมีกรรมมาก ข้าก็ได้แต่สงสารแบบเองหละวะ ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
“ห่วงแต่คนอื่นนะป้าน้อย แล้วนี่ป้าน้อยกินข้างหรือยัง”
“ยังเลย ข้าห่วงแต่นั่งเฝ้าลืมดูเวลา”
“ฉันคิดไว้แล้วเชียวดีนะบอกให้พี่เสน่ห์แวะซื้อข้าวก่อนเข้ามา”
“เออๆ ขอบใจเองมาก”

ทั้งสามคนออกมานั่งกินข้าวด้านนอกตึกผู้ป่วย แม้พรจะพยายามชวนป้าน้อยคุยไปกินไปเพื่อยื้อเวลาให้ป้าน้อยได้กินให้มากที่สุด แต่ด้วยใจของป้าน้อยตอนนี้เป็นห่วงแต่เด็กหนุ่มที่ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน จึงรีบกินเพราะอยากจะรีบกลับไปนั่งเฝ้ารอการตื่นของเด็กหนุ่ม

“ป้ากินอีกหน่อยสิ  เดี๋ยวป้าจะแย่ไปอีกคนนะ”
“ข้าอิ่มแล้ว ฝืนกินอีกข้าก็กินไม่ลงหรอก”
“พร อย่าไปเซ้าซี้ป้าน้อยเลย”
“โอ้ยพี่ ก็ฉันเป็นห่วงป้าแกนี่นา ดูสิป้าแกห่วงไอ้หนูนั่นจนไม่ห่วงตัวเองแล้ว”
“นังพร ข้ารู้หรอกนะว่าเองห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ”

แม้พรจะยังคลางแคลงใจว่าทำไมป้าน้อยถึงได้ห่วงเด็กหนุ่มนัก แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรต่อ ทั้งสามคนก็รีบกินข้าวกันจนเสร็จแล้วรีบกลับมาที่ห้องพักคนป่วย แต่กลับไม่พบเด็กหนุ่มนอนอยู่ที่เตียง ป้าน้อยมีท่าทีกังวลในขึ้นมาทันที

“ทำยังไงดี พร”
“ป้าใจเย็นๆก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปลองถามพยาบาลให้ หมอเขาอาจจะเอาไอ้หนูไปตรวจก็ได้”
“จริงครับป้า ใจเย็นๆก่อนนะ”
“พี่เสน่ห์อยู่กับป้าน้อยก่อนนะ ฉันจะไปถามพยาบาล”

พรรีบวิ่งไปหาพยาบาลเพื่อที่จะได้รู้ว่าเด็กหนุ่มอยู่ที่ไหน  แต่ยังไม่ทันวิ่งพ้นปากประตูก็เห็นพยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นเขามาหาเธอ

“พยาบาลหยุดก่อนคะ พอดีมีอะไรจะถามหน่อย”
“ขอโทษนะคะ พอดีมีเหตุฉุกเฉินต้องรีบไปตามญาติคนไข้ ขอตัวก่อนนะคะ”
“ฉันก็มีเรื่องจะถามด่วนเหมือนกันนะ คนป่วยหายคะ”
“คนป่วยหาย”
“เด็กที่เข้ามารักษาวันก่อน หายไปจากเตียง”
“เป็นญาติเด็กคนนั้นหรอคะ งั้นรีบตามพยาบาลมาเลย เกิดเรื่องด่วนแล้วคะ”
“ไอ้หนูเป็นอะไรหรอคะ”
“รีบตามมาเถอะคะอย่าพึ่งถาม”
“สักครู่นะคะ ขอไปตามยายของเด็กก่อน”

พรรีบวิ่งเข้าไปหาป้าน้อย กับเสน่ห์ให้รีบตามพยาบาลไป แต่พยาบาลไม่ได้พาทั้งสามคนวิ่งไปในส่วนของห้องตรวจ หรือห้องฉุกเฉิน แต่กลับพามาห้องพักของหมอ ทำเอาทั้งสามคนที่ตอนแรกวิ่งมาด้วยความกังวล กับมีความสงสัยเพิ่มเข้าไปอีก ก่อนประตูบานเดิมจะเปิดออก ประตูห้องที่ป้าน้อยเคยเข้ามาคุยกับคุณหมอ ป้าน้อยรีบพุ่งเข้าห้องและมองหาคนที่ตนเป็นห่วงอยู่ แต่ภาพที่เห็นนอกจากจะหายกังวลเป็นปลิดทิ้ง กลับต้องรีบเข้าไปห้ามศึกการโต้เถียงระหว่างผู้ป่วยตัวน้อยกับหมอหนุ่มผู้เกี้ยวกราด

“เด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้เข้าไปยุ่งกับการรักษาคนไข้ฮะ”
“ก็บอกไปแล้วนี่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ป่วยแต่ว่าโดนวิญญาณตามต่างหาก แล้วผมก็ไม่ได้เป็นเด็กด้วย กรุณาให้เกียรติกันด้วย”
“ให้เกียรติหรอ ดูยังไงก็เป็นไอ้เด็กไม่รู้ความ ที่มาวุ่นวายทำให้คนเกือบตาย”
“แล้วไปดูหรือยังว่าตายหรือเปล่า”
“ยังไม่สำนึกอีกนะ ทำคนป่วยสลบแบบนั้นยังจะปลอดภัยได้อีกหรอ”
“ก็แค่สลบเพราะหมดแรง ตอนผมไล่วิญญาณนั่นออกไปต่างหาก”
“ไอ้เด็กนี่”
“คุณหมอใจเย็นๆก่อนนะคะ หลานยายมันไปทำอะไรหรอคะ ถึงได้ทำคุณหมอโกรธ”
“คุณยายมาก็ดีแล้วครับ ช่วยอบรมหลานหน่อยนะครับ เข้ามามาก่อความวุ่นวายในการรักษาจนทำคนอื่นเดือดร้อนไปหมด”
“จริงหรอไอ้หนู”
“ไม่จริงครับ ก็ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ได้ป่วยแต่โดนวิญญาณตามต่างห่าง ผมก็แค่เข้าไปช่วย แถมหมอนี่ก็ไม่เชื่อผมอีก”
“แล้วใครเขาจะเชื่อเรื่องแบบนั้นกันเล่า”
“มันมีจริงโว้ย”
“ไม่มี”
“มี”
“ฉันเย็นกันก่อนนะคะ คุณหมอยายขอโทษแทนหลานด้วยนะคะ  เดี๋ยวยายจะจัดการให้เอง”
“ครับๆ ช่วยจัดการให้ด้วยนะครับ ขอโทษคุณยายด้วยนะครับที่ต้องมาฟังไร้สาระแบบนี้”
“คะๆ ไม่เป็นไรคะ  ไปเร็วไอ้หนูตามยายมาข้างนอกเร็ว”
“ครับ”

ป้าน้อยจูงมือเด็กหนุ่มออกมานอกห้องอย่างเงียบๆ บรรยากาศตอนนี้ดูแปลกหน่อยเพราะเธอถูกจ้องโดยเด็กหนุ่มที่เธอจูงมืออยู่ด้วยแววตาที่ดูเศร้า ไม่เหมือนกับเด็กจอมโวยวายที่เถียงกับหมอหนุ่มอยู่เมื่อครู่ ตอนที่เถียงกันอยู่นั้นแม้ปากจะเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่แววตาของเด็กหนุ่มที่เธอเห็นกลับเต็มไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก แต่ตอนนี้กลับดูเศร้าห่อเหี่ยวเหมือนแววตาของคนที่ต้องจากคนรักไป

“ขอโทษนะครับ ยายน้อย ช่วยปล่อยมือผมก่อนได้ไหมครับ”
“โทษทีจ๊ะ เอ๊ะหนูรู้จักชื่อยายด้วยหรอ”
“รู้สิครับ ก็ยายอยู่ข้างบ้านผมมาต้องนานแล้วนี่ครับ  ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ว่ามาสิจ๊ะ”
“ทำไมผมมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้หละครับ”
“ยายเป็นคนพามาเองแหละ ยายเข้าไปในบ้าน แล้วเจอเองนอนสลบ ตัวร้อนจี๋เลยรีบพามาหาหมอ”
“ขอบคุณนะครับ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำหน้าตาเศร้าๆตั่งแต่ออกมาจากห้องหมอ ทั้งที่ตอนเถียงกันหน้าเองดูมีความสุขดีแท้”
“หน้าผมดูมีความสุขหรอครับ”
“สุดๆเลยแหละไอ้หนู แต่พอตอนออกมาทำหน้าเศร้ายังกับลาแฟนไปรบชายแดนแล้วจะไม่ได้เจอกันอีก”
“งั้นหรอครับ ก็นั่นสิครับผมก็คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแต่พอกลับมาเจอก็ทะเลาะกันเลย”
“รู้จักกับหมอคนนั้นหรอ”
“นานแล้วหละครับ เขาคงจำไม่ได้”
“ใจร้ายจังนะ ถึงขนาดจำหน้ากันไม่ได้ ถึงจะไม่ได้เจอกันนานก็เถอะ”
“นั่นสินะครับ ใจร้ายจริงๆ”
“โอ๋ๆ ไม่เศร้านะไอ้หนู น้ำตาคลอแล้วเนี่ย ถ้าเขาลืมก็ไปทำให้เขาจำได้สิง่ายจะตาย”
“นั่นนะสิครับ คนใจร้ายแบบนั้น ต้องชกสักหมัดหรือเปล่าครับถึงจะจำได้”
“อย่าไปร้ายนักสิ เอาแบบนุ่มนวลๆหน่อยสิ”
“ครับๆ งั้นผมขอไปชกไอ้คนใจร้ายสักหมัด”
“จ้าๆ อย่ารุนแรงนักหละ”

แม้จะยังสงสัยในตัวเด็กหนุ่มในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องที่รู้ชื่อของเธอ เรื่องที่บอกว่าอยู่ข้างบ้านกันมานาน และอะไรอีหลายๆอย่าง  แต่เมื่อได้เห็นแววตาเศร้าๆนั้นเปลี่ยนเป็นแววตาที่ดูมีความหวังขึ้นมา เธอก็ทำได้แต่สนับสนุน แม้เรื่องนี้มันจะดูทะแม่งๆไปหน่อย แต่ด้วยความรู้สึกว่าอยากเห็นเด็กคนนี้มีความสุข ก็ยังทำให้มั่นใจได้ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องแล้ว

“ป้า ปล่อยไปยังงั้นจะดีหรอ ไอ้หนูมันพึ่งฟื้นนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพรเอ๋ย ดูหน้ามันสิ วิ่งไปยิ้มไปขนาดนั้น คงไม่เป็นไรแล้ว”

ผมวิ่งออกมาด้วยความรู้สึกที่ว่าอยากจะให้ใครสักคนจำผมได้ ถ้าทำได้หละก็ผมคงมีเหตุผลที่จะก้าวเดินต่อไป แม้แค่คนเดียว ขอแค่คนเดียว คนเดียวก็ได้ที่จะจำผมคนนี้ได้  คนที่ผมกำลังจะก้าวเข้าไปในชีวิตของมันอีกครั้ง และครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นอีกแน่

ปัง!!ปัง!!

“เชิญครับ ประตูไม่ได้ล็อก”
“ไอ้ อธิพงศ์ เกียรติเจริญธรรม จำชื่อของกูให้ดีกูชื่อ อภิรักษ์ กูจะกลับมาในชีวิตมึงอีกครั้ง”
“ไอ้เด็กบ้า  ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ยยยยยยยยยยย แกจะมาตะโกนชี้หน้ากันทำไม ไอ้บ้า”

.............................................................
ตอนใหม่มาแล้ว ขอให้สนุกนะ
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๘.๐๕.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 31-05-2017 00:37:26
สนุกมากๆ รอนานเลย มาบ่อยๆนะผู้แต่ง
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๒๘.๐๕.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 31-05-2017 14:22:38
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกค่ะชอบนิยายแนวนี้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๔.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 04-06-2017 17:05:36
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๙
“ไอ้หนู กินข้าว ”
“ไอ้หนู”
“ไอ้หนู”
“ฮะ ฮะ ครับยาย”
“เป็นอะไรนั่งเหม่อมาหลายวันแล้วนะ”

ผมออกจากโรงพยาบาลมาหลายวันแล้วครับ ตอนนี้ก็กลับมาพักอยู่ที่บ้านได้เกือบๆสองอาทิตย์ ช่วงที่กลับมาใหม่ๆยายน้อยก็บังคับขู่เข็ญให้ผมไปอยู่ด้วย ผมก็ปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่าผมจะต้องมากินข้าวกับแกทุกวัน

“นั่งเหม่อมาหลายวันแล้วนะ คิดอะไรอยู่”   ยายน้อยถามหน้ายู่เมื่อเห็นผมนั่งเหม่อเป็นรอบที่สามร้อยของวัน
“ตั่งแต่กลับบ้านมา ต๊ะก็ไปโรงพยาบาลเป็นร้อยรอบแล้วนะยาย แต่ไอ้หมอบ้านั่นไม่ยอมให้เจอเลย”
“ห่วงแต่เรื่องผู้ชายว่างั้น ไอ้หลานคนนี้”
“ห่วงสิครับยาย เพื่อนคนเดียวเลยนะ”
“เพื่อนแน่นะ”
“แน่สิยาย ถ้าแซวอีกจะกลับไปนอนแล้วนะ”
“เออๆ ข้าไม่พูดแล้ว”

ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละครับทุกอย่างในชีวิตผมเริ่มกลับมาปกติดีก็เพราะหลายๆคนเข้ามาช่วยเติมเต็ม แม้ผมจะเหงาบ้าง คิดมากบ้างเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ตอนที่อยู่กลับยายน้อยแกก็มักจะทำให้ผมคิดได้เสมอว่าชีวิตคนเรามันก็ต่อสู้ดินรนกันทั้งนั้น และตอนนี้ผมก็มีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องทรมานตัวเองอีกแล้ว

“ว่าแต่เรื่องเรียนจะเอายังไง เองนั่งๆนอนมาหลายวันแล้วนะ”
“ไม่รู้สิครับยาย ผมไม่มีเงิน ไม่มีเอกสาร หลายๆอย่างก็วุ่นไปหมด”
“ไอ้เด็กบ้า ทำไมไม่บอกยาย เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่หลอกนะ ยายช่วยได้”
“แต่ผมไม่อยากรบกวนนี่ครับ”
“แต่เอกสาร เราจะทำไงดีวะ”
“ยาย ต๊ะไม่อยากรบกวนนะครับ”
“เอาอย่างนี้ เองไปหาเอกสารดีๆว่าเจอไหม เรื่องเรียนเดี๋ยวยายขอคิดก่อน”
“ยายฟังต๊ะหรือเปล่าครับ ต๊ะไม่อยากรบกวนไง”
“เอ๊ะไอ้เด็กคนนี้พูดไม่ฟัง เองเป็นหลานยายมันจะกวนอะไรวะ ถ้าเกรงใจมากก็เรียนให้จบไวๆแล้วมาเลี้ยงดูปูเสื่อข้า”
“คือว่า คือ”
“อะ พูดมามีอะไรจะเถียยงก็พูดมา”
“แต่ถ้าไปเรียน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาไอ้หมอหละครับ”

ป้าน้อยดูอึ้งๆเหมือนกันตอนที่ผมพูดประโยคนี้ออกไป แต่สักครู่ก็เผยรอยยิ้มที่มีความเอ็นดูแฝงอยู่ออกมา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แปลกๆแฮะ

“เออ ที่เองพูดมามันก็มีเหตุผล แต่เองไปเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นหมอก็ยังไม่ให้เจอ ”
“ก็ใช่สิยายพูดแล้วโมโหชะมัด”
“แต่ที่เองไปสร้างเรื่องไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ พูดถึงแล้วข้าก็อายแทน”

เรื่องนี้แหละครับเล่นเอาผมต้องนั่งกุมขมับอยู่ตลอดเวลาสองวันก่อนออกจากโรงพยาบาล ทุกคนคงจำเรื่องที่ผมไปโวยวายใส่ไอ้หมอเก้าได้ พูดถึงแล้วยังอายไม่หาย ตอนนั้นพอเปิดประตูพรวดเข้าไปผมก็หลับหูหลับตาพูดประโยคประหลาดๆเหมือนสารภาพรักออกไปไม่ยั้ง โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนั้นในห้องมีอะไรอยู่บ้าง พอลืมตาเท่านั้นแหละครับทั้งหมอ ทั้งพยาบาลกำลังนั่งคุยงานกันอยู่เป็นสิบคน ผมนี่ยืนข้างตาเหลือก ส่วนไอ้หมอเก้าก็ทั้งโกรธทั้งอายมั้ง หน้ามันนี่แดงควันออกหูเลยครับ

“ยายขอระคมพลก่อน”

ยายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรเรียกใครสักคนให้มาหา สักพักผมได้ยินเสียงแว๊นมอเตอร์ไซต์มาตั่งแต่ปากซอยเลยครับจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้าพรปากสุดแซ่บ และสามีของเธอ มาถึงหน้าบ้านยาย น้าเสน่ห์ยังไม่ทันจอดรถดี น้าพรก็กระโดดพุ่งตรงมาที่โต๊ะที่ผมกับยายนั่งคุยกันอยู่

“มีอะไรจ๊ะยายโทรเรียกฉันมา”
“ข้ามีแผนจะช่วยไอ้หนูมัน แต่ข้าต้องการให้เองกับไอ้เสน่ห์ช่วย”
“ไม่มีปัญหายายสั่งมาได้เลยเรื่องสนุกแบบนี้ฉันพร้อม”

จากนั้นทั้งสองคนก็กระซิบกระซาบกันอย่างออกรสออกชาติ แต่ผมนี่สิรู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงไม่รู้ จนน้าเสน่ห์เดินเอามือมาตบไหล่เบาๆพร้อมหน้ากังวลแปลกๆ

“เตรียมตัวได้เลยไอ้หนู ถ้ายายน้อยเป็นคนวางแผนนะยังไงก็สำเร็จ แต่ก็ลำบากด้วย”

นี่สินะที่เขาเรียกกันว่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ผมได้ฟังแต่ละอย่างที่ยายกับน้าพรพูดออกมานี่อึ้งเลย คนพวกนี้ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่หรอ ไอ้เอกสารตรงหน้าที่น้าพรเอามากองบนโต๊ะนี่สิ เล่นเอาผมอึ้งไปเลย หลังจากวันที่ยายสั่งการน้าพรก็หายไปสองวันแล้วกลับมาพร้อมเอกสารข้อมูลครอบครัว ที่อยู่ รายได้ ตารางเวร เพื่อนร่วมงานของหมอเก้าอย่างละเอียดยิบ แล้วที่น่ากลัวที่สุดคือไดอารี่ไอ้หมอเก้าที่โดนถ่ายเอกสารพร้อมเข้าเล่มเข้ามาอย่างเรียบร้อย

“ยายครับ นี่มันไม่เกินไปหรอ”
“เอ้าไอ้นี่ จะเข้าไปหาเขาก็ต้องรู้เรื่องเขาสิวะ”
“แล้วน้าพรไปเอามายังไงเนี่ย เดี๋ยวก็โดนจับหรอก”
“ไอ้นี่ปากเสีย อย่ามาดูถูกหัวหน้าสมาคมขาเม้าประจำตำตลแบบข้านะโว้ย ของแค่นี้จิบๆเพื่อหลานเขยของข้านะ”
“หลานเขย?”
“นังพร ข้าบอกแล้วใช่ไหมอย่าพูดมาก”

ผมพึ่งรู้สึกถึงความหน้ากลัวของชาวบ้านแถวนี้ก็ตอนนี้แหละครับ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่ายายที่อยู่ข้างบ้านน่ากลัวขนาดนี้

“เอาหละวันนี้แค่นี้ก่อนพร เสน่ห์ ทำเรื่องที่ข้าขอเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ใช่จะยาย ตอนนี้ไอ้หนูเป็นลูกบุญธรรมของฉันเรียบร้อยแล้ว”
“ฮะ”
“โอเค พรุ่งนี้เองพาไอ้หนูไปสมัครเรียน กสน. ด้วย”
“ทำไมไม่ให้มันเรียนโรงเรียนปกติหละยาย”
“เอ๊ะนังพรนี่ ไอ้หนูมันไม่สะดวกถ้าไปเรียนโรงเรียนปกติเอกสารมันยุ่งยากกว่า แถมมันยังไม่มีเวลาไปหลานเขยข้าสิวะ”
“ยาย!!!!!!”

ผมเรียกยายเสียงดังกลบอาการเขิน ก็ไอ้การโดนล้อแบบนี้มันไม่ชินนะสิ แถมไอ้การที่เรียกไอ้เก้าว่าหลานเขยมันก็น่าอายสุดๆ ทั้งสามคนหัวเราะกันร่วนไม่สนใจหน้าแดงๆของผมเลย

“แล้วไอ้หนูหลังจากสมัครเรียนเสร็จพรุ่งนี้เตรียมตัวให้ดีหละ ข้าจะเริ่มแผนขั้นที่สองแล้ว”
“ขั้นสอง?”
“แผนอยากได้เสือต้องบุกเข้าถ้ำเสือ”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!

เสียงหัวเราะของทั้งสามคนยังดังติดหูผมเลย ผมว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การที่ผมมองเห็นวิญญาณแล้วหละ แต่เป็นแก๊งยายน้อยกับน้าพรมากกว่า การทำให้ผมที่ไม่มีตัวตนกลายเป็นบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายได้นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว

แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่ยายจัดการ ช่วงเช้าของวันนี้ผม น้าพร และน้าเสน่ห์ไปจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ และก็เรื่องสมัครเรียนตอนนี้ผมกลับมาเป็นเด็กมอปลายอย่างปกติแล้วครับ แม้ว่าจะต้องกลับมาเริ่มเรียนมอสี่ใหม่ก็เถอะ หลังจากนั้นน้าทั้งสองคนก็กลับมทส่งผมที่บ้าน และน้าเสน่ห์ก็ยังไม่ลืมเตือนผมเรื่องเย็นนี้ที่ต้องเริ่มแผนอยากได้เสือต้องบุกเข้าถ้ำเสือ และช่วงเย็นวันนี้ผมก็ได้รู้เหมือนกันว่าน้าเสน่ห์นี่ก็ร้ายไม่เบาไม่กว่าน้าพร หรือแม้แต่ยายน้อย

“เอาอย่างนี้จริงๆหรอน้า”
“เอาจริงสิวะ น้าอุตส่าห์ไปสมัครกับเองเลยนะ”
“เราจะไม่ไปสร้างปัญหาให้งานเขาหรอน้า”
“น้าเลือกแผนนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องช่วยเองอย่างเดียวนะ แต่น้าอยากทำงานช่วยคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว”
“ตกลงจะเอาแบบนี้จริงๆใช่ไหมน้า”
“เออสิวะ ว่าแต่เองเถอะ ไม่กลัวเลือดกลัวผีใช่ไหม”
“เรื่องผีนี่ไม่ต้องห่วงหรอกน้า ผมถนัดเรื่องนี้สุดๆไปเลยหละ”
“ดี งั้นลุยกันเลย”

หว๋อ หว๋อ หว๋อ!!!!!!!!

เสียงไซเลนดังสนั่นขณะที่ผมนั่งอยู่ด้านหน้ารถที่กำลังขนผู้ป่วยจากอุบัติเหตุรถชนไปส่งที่โรงพยาบาล ใช่แล้วครับ แผนของยายกับเดอะแก๊งคือให้ผมมาช่วยงานอาสาสมัคร และที่แยบยลไปกว่านั้นคือการที่ให้ผมมาเข้าเวรเฉพาะวันที่หมอเก้าอยู่เวรห้องฉุกเฉิน แต่เรื่องแบบนี้ก็อย่างที่น้าเสน่ห์พูดไว้นั่นแหละครับเราไม่ได้มากันเล่นๆ แต่เราช่วยงานอย่างเต็มที่ถึงแม้ว่าจะมีผลประโยชน์แอบแฝงก็เถอะ และดูเหมือนพลังของผมก็จะสร้างประโยชน์ได้เต็มที่ด้วย
“หัวหน้า น้ำหน่อยไหมครับ”
“เออ ขอบใจ”
“คืนนี้ขอบใจมากนะเว้ยไอ้ต๊ะ ถ้าไม่ได้มึงคงได้หาศพกันทั้งคืน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ค่อยได้ออกแรงช่วย ก็ขอช่วยเรื่องอื่นแล้วกันนะครับ”
“ก็จริงของมึง จะให้ยกนั่นยกนี่ก็คงทำไม่ไหวจริงๆแหละวะ ตัวเล็กหน่อมแน้มยังกับผู้หญิง ตอนไอ้เสน่ห์พามาช่วยงานครั้งแรกกูกะจะไม่รับ ดีนะมึงสู้งานดีกูเลยรับไว้”
“หัวหน้าก็ชมเกินไป ผมตัวลอยแล้วเนี่ย”
“แต่กูถามจริงๆเหอะหวะ วันนี้มึงรู้ได้ไงวะ ว่าศพลอยข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วตกไปในคูน้ำ”
“เขาเรียกนะครับ ขอให้ผมช่วย”
“เรียกหรอวะ แต่ศพเละขนาดนั้น น่าจะตายคาที่ไม่น่าร้องให้คนช่วยได้มั้ง”
“เออใช่ครับ ผมน่าจะหูแว่ว หรือลางสังหรณ์มั้งครับก็เลยเจอ”

ผมยังคงปิดทุกคนครับเรื่องพลังของผม ผมไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า ไม่อยากให้ตนรอบตัวต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบที่ผมเจอ แต่ผมก็ยังใช้พลังในการช่วยคน ถ้าผมใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตผมอาจจะมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนก็ได้ ผมคิดปลอบใจตัวเองแบบนั้น

“กู้ภัยข้างนอก ขอคนช่วยห้องฉุกเฉินหน่อยครับ คนไม่พอ”

ส่วนเรื่องไอ้หมอเก้าหรอครับ จะว่าคืบหน้าก็คืบหน้า จะว่าไม่ได้เรื่องก็งยังไงๆอยู่ ถึงผมจะได้เจอมัน แต่ก็ดูเหมือนมันพยายามจะเลี่ยงๆที่จะคุยกับผม ตอนมันเห็นผมครั้งแรกในชุดกู้ภัยผมดูหน้ามันก็รู้ว่าแทบอยากจะวิ่งมาขย้ำคอผม แต่ทำไงได้หละครับสถานการณ์บังคับให้ผมกับมันต้องทำงานด้วยกัน มันจะบ่นอะไรได้ และดูเหมือนผมก็ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในโรงพยาบาลนี้ด้วย จะด้วยข่าวเรื่องในห้องคราวนั้น หรือเรื่องที่ผมมานั่งเฝ้าขอเจอมัน ทำให้เวลาผมเดินเข้าโรงพยาบาลทีไรพยาบาลต้องกระซิบกระซาบนินทาผมอยู่เป็นระยะ

“พยาบาลช่วยย้ายคนป่วยที่รักษาเสร็จแล้วไปห้องพักฟื้นด้วยนะครับ”
“คะ หมอเก้า”
“กูภัยเอาผู้ป่วยที่รออยู่เข้ามาเลยครับ”
“ครับหมอ”

ทั้งที่แต่ก่อนมันเคยเป็นไอ้นักเลงหลังห้องแท้ๆ ตอนนี้กลับเป็นหมอหนุ่มอนาคตไกล ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยครับที่ตอนนั้นผมยอมให้ตัวเองเจ็บ มันคุ้มจริงๆครับที่ได้กลับมาเห็นภาพแบบนี้ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้นะครับเรื่องที่มันเป็นนักเลงหลังห้องเพราะตอนที่เรียนด้วยกันเวลาประกาศผลการเรียนมันก็ดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ หรือจริงๆมันเรียนเก่งมาต้องแต่แรกวะ รู้แบบนี้ตอนนั้นผมน่าจะใส่ใจมันมากกว่านี้นะครับ

กูจะเอาชีวิตพวกมันทุกคน ใครที่ช่วยพวกมันกูก็จะไม่เว้น!!!!

“เหี้ย เสียงใครวะ ชิบหายแล้วสิ”
“พยาบาลพลอยโทรตามหมอท่านอื่นด่วนเลย ตอนนี้หมอเก้าสลบไปแล้วคะ”

หลังจากที่ผมได้ยินเสียงแปลกๆ จู่ๆในห้องฉุกเฉินก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ผมได้ยินพยาบาลคุยกันว่าไอ้เก้าสลบไป หรือจะเกี่ยวกับเสียงที่ผมได้ยิน ผมควรจะเข้าไปช่วยมันหรือเปล่า

“พยาบาลครับเกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
“หมอในห้องฉุกเฉินสลบคะ เจอคนไข้คลุ้มคลั่งเหวี่ยงหัวเลยไปกระแทกขอบเตียงสลบไปเลยคะ”
“คนไข้คลั่งหรอครับ”
“ใช่คะเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชาย ขนาดกู้ภัยสี่คนช่วยกันจับก็ยังสู้แรงไม่ไหว หมอจะเข้าไปช่วยก็เลยโดนด้วยคะ”

เชี่ย เป็นอย่างที่ผมคิดเลยครับ เป็นเพราะไอ้เสียงที่ผมได้ยินจริงๆด้วย ทำไงดีวะ

“อ้าวต๊ะ มายืนทำไรอยู่นี้ไม่กลับหรอหวะ หัวหน้าตามหาอยู่”
“เกิดเรื่องแล้วสิน้า มีคนคลุ้มคลั่งทำร้ายหมอเก้า”
“ใครบังอาจมาทำร้ายหลานเขยวะ น้าจะเข้าไปจัดการมัน” ใช่เวลามาพูดแบบนี้ไหมหละเนี่ย
“โอ้ยเดี๋ยวก่อนน้า เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“ทำไมวะ เรื่องใช้แรงนี้น้าไม่แพ้ใครนะเว้ย”
“เรื่องนั้นรู้แล้วครับ แต่ต๊ะมีอะไรให้น้าช่วยก่อน”
“ว่ามาสิ ”
“น้าช่วยไปหาใบทับทิม กับไปหยิบสายสิญจน์หน้ารถกูภัยมาให้หน่อยนะครับ”
“โอเค แค่นี้ไม่มีปัญหา รอก่อนนะไอ้หลานเขยน้าจะรีบกลับมาช่วย”

ผมหละเหนื่อยใจจริงครับ ทั้งที่ปกติเวลาอยู่กับน้าพรน้าเสน่ห์ดูเป็นคนเรียบร้อยสุขุมแท้ๆ แต่พอมารวมกับกลุ่มเพื่อนหน่วยกู้ภัย กับกลายเป็นไอ้พวกบ้าดีเดือดเอาซะดื้อๆ แต่เรื่องที่ผมควรห่วงตอนนี้ไม่ใช่เรื่องบ้าๆของน้าเสน่ห์หรอกครับ แต่เป็นเรื่องไอ้ผีบ้าที่อยู่ในห้องนั้นต่างหาก ไอ้ผีเลวเอ้ย ทำให้ผมต้องกลับมาใช้พลังของตัวเองอีกแล้ว ถ้าคนเห็นได้กลายเป็นเรื่องแน่ แต่เอาไงเอากันวะ ขอช่วยคนให้ได้ก่อนแล้วกัน

“ได้แล้ว ดีนะหัวหน้าเชื่อเรื่องผีเลยเด็ดใบทับทิมติดรถไว้”
“เข้าไปกันเหอะน้า”

ผมเข้ามาในห้องฉุกเฉินแล้วก็เห็นจุดที่หน่วยกู้ภัยกำลังยืนงกๆเงิ่นๆล้อมใครสักคนไว้ ดูสถานนักการแล้วไม่สู้ดีเท่าไหร่ แถมไอ้หมอเก้าตัวดียังมานอนสลบเหมือดอยู่ตรงนั้นอีก ไอ้ผีชั่วเอ้ยคนมันก็สลบไปแล้วนะเว้ยยังยืนค่อมไว้ไม่ยอมให้ใครเข้าไปช่วยอีก ชักจะหยุดหงิดเข้าแล้วสิกู ไม่รู้จะทำได้เท่าพ่อแต่ก่อนหรือเปล่า ปกติก็ได้แต่มองเห็นวันนี้ต้องมาจัดการเองขอใส่แบบเต็มชุดใหญ่เลยแล้วกัน

“หลีกหน่อยครับ ขอทางให้หลานผมหน่อย”
“หลานมึงจะทำอะไรวะเสน่ห์ ถือแก้วน้ำเข้ามาจะให้ไอ้บ้านั่นกินหรือไง”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่หลาม แต่มันบอกว่าช่วยได้ ผมก็เลยให้มันมาเนี่ย”
“ไอ้บ่าเอ้ย รีบไปเอามันออกมา ขนาดพวกข้าสี่ห้าคนยังโดนถีบกระจายแล้วไอ้เด็กน้อยๆนั่นจะทำอะไรได้”
“รอดูก่อนพี่หลาม ผมว่าถ้ามันไม่มั่นใจมันไม่ขอผมเข้ามาหรอกพี่”

ตอนนี้ผมยืนประจันหน้าอยู่กับไอ้ผีชั่วตัวซวย แถมยังมีหน่วยกูภัยหลายคนยืนล้อมดูสถานการณ์อยู่ ถ้าผมเป็นอะไรไปก็ช่วยผมด้วยแล้วกันนะครับพี่ๆทั้งหลาย

“พี่ผีครับช่วยปล่อยหมอออกมาเถอะนะครับ ขอร้องหละ”
“กูไม่ปล่อย กูจะฆ่าพวกมันให้หมด” เอ้าไอ้ผีนี่ปากดีนะมึง
“ออกมาเถอะไอ้หนูมันอันตราย พวกข้าลองคุยกับมันแล้ว แต่มันคงเมายาคุยกับใครไม่รู้เรื่องหรอก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับลุงหลาม แค่นี้สบายมาก”

พ่อจ๋า แม่จ๋า ท่านเทพช่วยเป็นพลังให้ผมขจัดสิ่งชั่วร้ายนี้ด้วยนะครับ

มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนันภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ
คาถาขับไล่สิ่งชั่วร้าย

ผมร่ายคาถาใส่น้ำในแก้วที่ถือติดมือมา แล้วใช้ใบทับทิมในมือกวนในน้ำ พ่อเคยสอนคนโบราณเวลาไปงานศพจะพกใบทับทิมไปด้วย และยังต้องเตรียมน้ำใบทับทิมไว้ล้างหน้าหลังจากกลับจากงานศพ เพราะเชื่อกันว่าช่วยป้องกันและขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ ไอ้บ้าเอ้ยดูสายตาคนที่มองผมอยู่ตรงนี้คงคิดว่าผมเป็นไอ้บ้าแน่ๆ

“น้าเสน่ห์ ช่วยจับมันให้หน่อยดิ ต้องเอาน้ำกรอกปากมันอะมันจะได้สงบ”
“เรื่องแรงไว้ใจน้าเลยไอ้หลานชาย”
“ไม่ไหวมั้งคนเดียว ลุงหลามขอช่วยอีกแรงแล้วกัน”

ผมสาดน้ำมนใส่ให้มันลดเรี่ยวแรงของไอ้ผีห่าซาตานจนน้าเสน่ห์กับลุงหลามล็อคตัวมันได้ ผมก็รีบเอาน้ำมนต์ไปกรอกปาก จนไอ้ผีตัวนั้นกรีดร้องลั่นห้องฉุกเฉิน และวิญญาณของมันก็สลายไปในที่สุด ผมรีบบอกให้น้าเสน่ห์เอาสายสิญจ์คล้องคอวัยรุ่นคนนั้นไว้ แล้วรีบเข้าไปดูไอ้หมอเก้า

“ตื่นดิวะ อย่าเป็นไรนะเว้ย”
  ผมนั่งตบหน้าเบาๆเรียกสติมันอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะฟื้น จนหมอและพยาบาลรีบเข้ามาช่วยกันรักษาทั้งวัยรุ่นต้นเรื่อง และไอ้หมอที่สลบอยู่ ผมรีบปลีกตัวออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้นก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นๆ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูห้องฉุกเฉินเลยครับ ก็เจอ

“ไม่ต้องหนีเลยไอ้หนู อธิบายให้พวกน้าฟังเดี๋ยวนี้”
“อยู่กันครบเลยนะครับทั้ง หัวหน้า ลุงหลาม น้าเสน่ห์ แต่ยายโทรตามแล้วอะครับ ต๊ะขอกลับบ้านก่อนนนนนนนน อยู่ด้วยไม่ได้แล้วววววววว”


.....................................................................................
เราอยากกลับมาหวาน เราอยากกลับมาซึ้งเราอยากกลับมาตลก แต่ท้ายก็ตามมาด้วยดร่ามา และเรื่องผี ความเศร้าใจของคนเขียน
:hao4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๔.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-06-2017 21:24:25
สนุกมากๆ และขำหมอเก้า 555 โดนจนสลบ อดเห็นต๊ะกำหลาบผีเลย คนอื่นๆอึ้งเลยสิ
  รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๔.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2017 23:06:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๔.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: Undee ที่ 09-06-2017 00:40:24
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๒๐
- หมอเก้า –

“หมอเก้าสวัสดีคะ”
“อ้าว เก้า มาทำงานได้แล้วหรอ”
“หมอเก้า ยังหล่อเหมือนเดิมนะคะ”
“แฟนหมอเก้าน่ารัก ยังเด็กอยู่เลยนิ”

เสียงพยาบาลหมอทักทาย (ทั้งต่อหน้า และหลับหลัง) ระหว่างที่เดินเตรียมตัวไปตรวจคนไข้ หลังจากที่ได้หยุดมาสามวันเพราะเหตุวุ่นวายในห้องฉุกเฉินคราวที่แล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้กะว่าจะพักยาวขนาดนี้ แต่เพราะคุณดวงดาว หัวหน้าพยาบาลเจ้าระเบียบสั่งให้ผมหยุดด้วยประโยคเจ็บๆ “คนเป็นหมอถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ก็ไม่ต้องมาดูแลผู้ป่วย” ผมเลยต้องหยุดถึงสามวัน แต่เรื่องที่ผมหยุดงานยังไม่ทำให้หงุดหงิดเท่าเรื่องข่าวลือบ้าบอในตอนนี้ แต่ผมไม่ได้หงุดหงิดเรื่องที่โดนพยาบาลทั้งโรงพยาบาล ย้ำ ทั้งโรงพยาบาลนินทาเรื่องที่คบกับไอ้เด็กเปรตนั้นหรอกนะครับ แต่สิ่งที่หงุดหงิดที่สุดคือ ข่าวเหตุการณ์ในห้องฉุกเฉินวันนั้น แต่ช่างมันเถอะครับยังไงผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันอยู่แล้ว

“คุณหมอเก้ากลับมาทำงานได้แล้วหรอคะ”
“ครับผมหายดีเป็นปลิดทิ้ง ไม่สร้างภาระให้ใครแน่นอนครับคุณพยาบาลดวงดาว”
“ดีแล้วคะ” เธอพูดเสียงเรียบ แต่ผมเห็นนะครับว่าแอบยิ้มอยู่

ผมอยู่ที่นี่มาได้เกือบปีแล้วครับ ตั่งแต่ได้คำแนะนำจากพี่หมอว่าที่นี่น่าอยู่เลยตามมาสิงอยู่ด้วยกัน แต่ใครจะเชื่อละครับว่าอยู่ที่นี่แล้วจะเหนื่อยอย่างกับอยู่โรงงานนรก ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลขนาดกลางแต่คนป่วยกลับเยอะเป็นอันดับต้นๆของเขตนี้ บุคลากรก็มีน้อยจนบางครั้งต้องควงกะแล้วควงกะอีก เฮ้อ แต่บ่นไปก็ไม่ได้อะไรครับ ไปทำงานกันดีกว่า

“เบส เป็นไงครับพี่หมอไม่อยู่ดื้อหรือเปล่า” ผมทักเด็กน้อยแสนซนประจำห้องผู้ป่วยใน
“ไม่ครับ ทานยาตรงเวลา ไม่กวนพี่พยาบาลพลอยด้วยครับ”เด็กน้อยทำท่าเหมือน รด รายงานครูฝึก
“เก่ง มาก ครับ” ผมทำเลียนแบบจนเด็กน้อยหัวเราะไม่หยุด
“พี่หมอขอเจาะเลือดหน่อยนะครับ”
“เจาะอีกแย้วหรอครับ เบสไม่อยากเจาะเลยพี่หมอ” เด็กน้อยทำหน้าเศร้าๆอ้อน
“เจาะแล้วเดี๋ยวพี่หมอให้อมยิ้มนะ”
“เบสไม่กินอมยิ้มก็ได้ครับ”
“เจาะนะ ไหนจะไม่ดื้อกับพี่หมอไงครับ เป็นลูกผู้ชายต้องแข็งแกร่ง”
“ได้ครับเบสเป็นลูกผู้ชาย เบสจะไม่ดื้อ ไม่กลัวเจ็บด้วย”
“เก่งที่สุดเลย เบสของพี่หมอ”

เบสเข้ามารักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบสามเดือน เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น พอเข้าโรงพยาบาลตรวจก็ไม่พบว่าเป็นโรคอะไร พอกลับบ้านบางครั้งก็มีรอยช้ำขึ้นเต็มตัว หายใจไม่ออกบ้าง ชักบ้าง หนักเข้าถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นไปหลายนาทีก็มี พี่หมอเลยแนะนำให้แม่น้องพามาอยู่ประจำที่โรงพยาบาลให้มีคนดูแลตลอด๒๔ชั่วโมงเพราะไม่รู้อาการจะกำเริบตอนไหน

“คุณหมอเข้ากับเด็กเก่งจังเลยนะคะ” พยาบาลพลอยพูดระหว่างเดินกลับจากตรวจอาการเบส และคนไข้อื่นๆเสร็จ
“ไม่ต้องมาแซวเลยพลอย เดี๋ยวจะฟ้องคุณดวงดาวว่าวันนี้ไม่ตั้งใจทำงาน”
“อย่านะคะ คราวที่แล้วมาพลอยมาสายยังโดนดุเกือบครึ่งชั่วโมงถ้าคุณหมอไม่มาตามพลอยได้ตายคามือคุณดวงดาวแน่คะ”
“หมอเข้าใจดี หมอก็เจอดุบ่อย” ผมคุยเล่นกับพยาบาลจนเดินมาถึงห้องพัก
“พลอยไปทานข้าวก่อน ถ้าคุณหมอจะไปทานข้าวพลอยแนะนำอย่าไปประตูหน้านะคะ”
“ทำไม?”
“นักข่าวนะสิคะ สงสัยมาตามหาเด็กคนนั้น แล้วหน้าคุณหมอก็ชัดแจ๋วอยู่ในคลิปถ้าคุณหมอออกไปต้องโดนรุมแน่คะ”
“ครับ ขอบคุณนะ”

หลังจากพลอยออกไปผมก็ได้แต่นั่งกุมขมับเพราะไอ้เด็กบ้านั่นแท้ๆทำให้ผมต้องมาวุ่นวายกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ จะอะไรซะอีกหละก็ความวุ่นวายในห้องฉุกเฉินวันนั้นไม่ได้จบแค่ในห้องฉุกเฉิน เพราะมีคนถ่ายคลิปแล้วเอาไปลงในโลกออนไลน์ แล้วเดี๋ยวนี้เป็นยังไงก็รู้นะครับ เรื่องความเชื่อผีสางแบบนี้แพร่เร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง คนเข้ามาสาธุๆกันเป็นหมื่นเป็นแสน แถมสื่อหลักทางทีวียังประโคมข่าวหาตัวเด็กหนุ่มกู้ภัยกันให้จ้าละหวั่น คนอื่นๆที่อยู่ในคลิปก็โดนสัมภาษณ์ออกทีวีกันเป็นว่าเล่น แต่ไอ้เด็กต้นตอของปัญหากลับหายตัวเงียบ ผมเบื่อที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้าๆแบบนี้จริงๆ

ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!

“เชิญเลยครับ ประตูไม่ได้ล็อก” ผมพูดกับคนที่มาเคาะประตู แต่ยังไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใครที่มา
“มึง โอเคแล้วใช่ไหมวะ”
“ไอ้เด็กบ้า มาทำไรวะ ออกไปเลยไม่ต้องมาก่อกวน”
“กูไม่ได้มากวนนะเว้ย แค่อยากมาดูว่ามึงสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีไม่ได้เป็นอะไร ออกไปได้แล้ว”
“ทำไมต้องพูดกระแทกเสียงใส่กู ทำไมต้องไล่กูตลอดเวลาด้วยวะ เกลียดกูมากหรอ”
“เออ เด็กไม่มีมารยาทไม่อยากคุยด้วย”
“งั้นถ้ากูเรียกมึงว่า คุณหมอ มึงจะคุยกับกูดีๆได้ใช่ไหม”
“เลิกยุ่ง เลิกก่อกวนสักที เราไม่ได้รู้จักกัน เรียกว่าอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก”
“แต่มึงสำคัญกับกูนะเว้ย” มันทำหน้าเหมือนจะร้องให้ตอนพูดประโยคนี้

ผมไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคนนี้กันแน่ ตั่งแต่ครั้งแรกที่เจอตอนมันเข้ามารักษา เจอครั้งที่สองตอนมันมาวุ่นวายกับการรักษาคนไข้ ครั้งที่สามตอนที่ทะเลาะกัน ครั้งที่สี่ที่มันเปิดประตูเข้ามาพูดเรื่องบ้าๆต่อหน้าคนอื่น ครั้งที่ห้าที่มันมาทำงานกู้ภัย ทุกครั้งที่เจอหน้ามันให้ความรู้สึกเหงาๆ เหมือนมีอะไรวนๆอยู่ในหัว หน้ามันทำให้ผมหงุดหงิด ทำให้เศร้า และทำให้คิดถึง ความรู้สึกพวกนี้ผมไม่รู้จะจัดการมันยังไง ทางที่ผมเลือกคือไล่มันไปให้พ้น จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดอีก แต่มันก็ยังมาวนเวียนรอบๆตัวผม น่ารำคาญชะมัด

“พูดมาให้จบๆ ว่าต้องการอะไร แล้วก็ไปได้แล้ว” ผมพูดตัดรำคาญ
“แค่อยากมาเจอ ขอมาเจอมึ.. ขอมาเจอคุณหมอได้ไหม”
“คิดว่าผมว่างขนาดนั้นหรอ หรือคิดจะมาก่อกวนอะไรที่โรงพยาบาลอีก”
“เปล่า ก็แค่อยากเจอ”
“งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด เชิญกลับได้แล้..”
“คุณหมอคะ น้องเบส น้องเบส หายใจไม่ออกคะ”

ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคก็มีพยาบาลวิ่งเข้ามาแจ้งถึงอาการน่าเป็นห่วงของคนไข้ตัวน้อย ผมรีบวิ่งตามเธอไปโดยมีไอ้เด็กบ้าวิ่งตามมาติด

“ตามมาทำไม”
“ผมรู้จักกับเด็กคนนั้นครับ ขอผมไปด้วยนะ”
“ไม่ต้องมามันเกะกะ”
“ผมสัญญาจะไม่เข้าไปยุ่ง ผมแค่ห่วงน้องเขา ขอผมไปด้วยนะครับ”

ผมวิ่งไปเถียงกับไอ้เด็กบ้าไป มันเป็นเด็กบ้าจริงๆ ขนาดชื่อมันยังไม่เคยบอกผมเลยซักครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงกัน ผมต้องรีบไปดูเบสก่อน ผมปล่อยให้มันวิ่งตามมาจนถึงในห้องเบส ผมชี้ให้มันไปยืนอยู่มุมห้อง มันก็ดูเชื่อดีไม่เถียงอะไร อาการของเบสตอนนี้เหมือนคนที่กำลังขาดอากาศมือคว้าไปในอากาศเหมือนพยายามผลัก หรือดึงอะไรสักอย่าง

“เบสๆ มองหน้าพี่หมอนะ เบสค่อยๆหายใจนะ หายใจลึกๆตามพี่หมอนะ ฮีบ”
“พี พี่ เหอ พี่หมอ ฮือ ช่ว ช่วย เบสด้วย”  เสียงเบสเบาจนผมแทบจะไม่ได้ยิน
“ได้ครับพี่หมอจะช่วยนะ พี่หมอขอตรวจก่อนนะ”

ผมฟังเสียงปอดน้องมันไม่ปกติเลย ผมจะทำยังไงดี ผมคลำไปรอบตัวมองหาอาการที่จะบ่งชี้ว่าน้องเป็นอะไรกันแน่ ผมมองหาคิดถึงทุกย่างที่ผมเรียนมาแต่ก็ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าน้องเป็นอะไร จนผมเห็นรอยแดงที่คอของเบส

“นี่รอยอะไรครับ มีต้องแต่ตอนไหน” ผมเงยหน้าถามพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“ไม่ทราบคะคุณหมอ ตอนที่วิ่งไปตามคุณหมอก็ยังไม่มีมีรอยแบบนี้เลยนะคะ”
“ไปตามหมอพัฒหรือยัง”
“คุณหมอพัฒกำลังมาคะ”

เมื่อเหตุการณ์มันเกินความเข้าใจของผมแล้ว ผมเลยเลือกที่จะรอพี่หมอมาช่วย โดยผมพยายามจัดท่านอนของเบสให้หายใจได้คล่อง และคอยประคองอาการไว้ให้ดีที่สุด แต่เบสก็ยังดูทรมาน ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาดทั้งที่เรียนมาต้องหลายปีแต่ไอ้หมอบ้าๆอย่างผมกับช่วยอะไรไม่ได้ โคตรเจ็บใจ เจ็บใจโว้ยที่ทำอะไรไม่ได้

“ขอผมดูหน่อยครับพยาบาล”

อยู่ดีๆไอ้เด็กบ้านั่นก็เข้ามา มันผลักพยาบาลออกแล้วแทรกตัวมาจับตัวเบสก่อนจะทำท่าทีปัดไปในอากาศ มันทำเหมือนกับว่ากำลังผลักอะไรสักอย่างออกไป อารมณ์ผมในตอนนั้นโกรธจนแทบคลั่งทั้งที่ผมช่วยอะไรเบสไม่ได้ ทั้งที่ไอ้คนตรงหน้าเข้ามาวุ่นวายกับการรักษา และที่มันไม่รักษาสัญญา

“ออกไป” ผมตะโกนเสียงดังจนมันสะดุ้ง
“ขอเถอะหมอ ขอเวลาผมแปปเดียว”
“มึงออกไป” ผมกั้นอารมณ์โกรธไม่ไหวจนเผลอเรียกมันหยาบคาย
“ขอผมช่วยน้องก่อนแล้วจะออกไป”
“บอกให้ออกไป”

มันไม่เชื่อคำพูดผม มันแตะตัวเบส และพยายามทำเหมือนทุกครั้ง ทำเรื่องบ้าๆเหมือนทุกครั้งที่มันเคยทำ มันทำสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด มันคิดว่าการทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นจะช่วยให้คนอื่นรอดได้

“หยุด กูบอกให้หยุด มึงคิดว่าไอ้การท่องบ้าๆนั่นจะช่วยคนป่วยได้หรือไง” ผมแผดเสียงจนมันหน้าซีด
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องแต่ มึงออกไป กูบอกให้ออกไป” ผมรวบข้อมือมันที่กำลังแตะตัวเบสอยู่
“ปล่อยก่อน กูเจ็บ”

มันสะบัดมือออก และทำแบบเดิม ทำเรื่องบ้าๆแบบเดิมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เบสตอนนี้ดินแรงขึ้น มันพูดให้เด็กที่หายใจไม่ออกดินแรงขึ้น มันบอกให้เบสผลักออกไป มันบอกให้เบสสู้กับอะไรในอากาศ  พอดีกับพี่หมอเดินเข้ามา  อารมณ์ผมที่พยายามกดไว้ก็ระเบิดออกมา ผมฝากให้พี่หมอช่วยดูแลเบส แล้วกระชากไอ้เด็กมานั้น ลากมันออกมาจากตรงนั้น ผมออกแรงกระชากจนมันตัวปลิวตามออกมา

“ปล่อยนะเว้ย กูเจ็บ”
“ตามมาไม่ต้องพูดมาก”
“มันเจ็บ เดินเองได้ไม่ต้องลาก”

ถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ยังไม่ปล่อยมือผมยังลากมันอยู่แบบนั้น จนถึงหน้าห้องทำงานผมเปิดประตูแล้วเหวี่ยงมันเข้ามาข้างใน แล้วปิดประตูอย่างแรง ถ้าใครอยู่แถวนั้นคงได้ยินกันหมด

“มึงจะหยุดทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ได้ยัง เมื่อไหร่มึงจะหยุด” ผมตะโกนใส่หน้าแบบที่ตอนนี้ผมโคตรอารมณ์เสีย
“หยุดอะไร กูก็แค่ช่วยน้อง”
“ช่วย ช่วยหรอ ช่วยให้มันตายหรอวะ คิดว่าไอ้เรื่องเวทมนต์หมอผีแบบนั้นมันจะช่วยใครได้วะ มึงเชื่อจริงๆหรอว่าทำแบบนั้นแล้วจะช่วยใครได้ มึงเห็นตอนจะออกมาไหมว่าเด็กมันอาการแย่แค่ไหน”
“กูผิดหรอวะ กูก็แค่อยากช่วยแบบที่กูทำได้”
“สิ่งที่มึงทำได้ก็คือออกไป แล้วอย่ามาที่นี่อีก สิ่งที่มึงทำได้มันมีแค่นี้แหละ”
“กู...”
“ไป กูขอร้อง ออกไป”

พูดเสร็จผมดูมองมันที่ทำหน้าเศร้าเดินคอตกออกไป ก่อนที่จะมานั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะทำงาน ทำไมต้องเป็นแบบนี้ทั้งที่ผมไม่ได้เกลียดมันแท้ๆ ทั้งที่ผมมีความรู้สึกมากมายให้กับมัน ทำไมมันต้องทำสิ่งที่ผมไม่ชอบด้วย ทุกคนอาจจะมองว่าการที่ผมไม่ชอบ หรือเกลียดเรื่องไสยศาสตร์มันดูไร้เหตุผลเกินไป เรื่องความเชื่ออาจจะเป็นเรื่องที่คอยหล่อหลอมจิตใจ เป็นสิ่งที่ทำให้คนทั่วไปเชื่อมั่น และแข็งแกร่ง  แต่สำหรับผมมันคือจุดอ่อน มันคือความอ่อนไหวในส่วนลึกของจิตใจ ผมยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี วันที่ท้องฟ้าเป็นสีส้มผมทะเลาะกับที่บ้านเรื่องย้ายโรงเรียนผมขังตัวเองอยู่ในห้องแล้วหลับไป แต่เหมือนเวลามันไหลผ่านไปเนิ่นนาน ผมได้เจอกับเหตุการณ์ต่างๆมากมายทั้งร้าย และดีระหว่างที่หลับฝัน แต่สุดท้ายตอนที่ผมตื่นขึ้นมามันยังเป็นเวลาเดิมเวลาที่ท้องฟ้ายังเป็นสีส้มเหมือนเดิม เหมือนทุกอย่างถูกย้อนกลับมา แต่มันมีบางอย่างที่ย้อนกลับมาพร้อมกับเวลา มันคือความเศร้าที่ตกค้างอยู่ในใจ เศร้าเหมือนผมเสียอะไรบางอย่างไปแบบไม่มีทางที่จะได้มันคืนกลับมา อีกอย่างที่ติดค้างกลับมาด้วยคือความเกลียดชัง เกลียดชังต่อความเชื่อ เกลียดชังต่อสิ่งที่อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ ผมเกลียดชังมันเพราะมันทำให้ผมเสียอะไรบางสิ่งไป

“เก้า น้องเบสโอเคแล้วนะ น้องอยากเจอเก้า รีบไปหาน้องสิ”
“ครับพี่พัฒ” ผมใช้มือปาดน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนแก้ม
“เป็นไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ แค่ปวดหัวนิดหน่อยครับ”
“รีบไปหาน้อง แล้วกลับมาพักนะ ถ้ายังรู้สึกไม่สบายก็กลับก่อนได้เลยนะเดี๋ยวพี่จัดการที่เหลือให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”

ผมพูดกับพี่หมอแค่นั้น แล้วรีบตรงไปดูอาการเบส ผมเห็นเบสกำลังนอนอยู่ แม้แววตาจะไม่สดใสเหมือนที่ผมเข้าไปคุยด้วยเมื่อเช้า แต่ก็ดูสบายขึ้น และไม่ทรมานเหมือนเมื่อครู่ ผมพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุดก่อนจะเข้าไปคุยกับน้องเบส

“เป็นไงบ้างครับ คนเก่งของพี่หมอ” ผมนั่งข้างๆเตียง แล้วจับมือเล็กขึ้นมากุมไว้
“เบสไม่เป็นไรแล้วครับ”
“เก่งมากครับ ถ้าไม่เป็นไรแล้วยิ้มให้พี่หมอหน่อยสิครับ”
“เบสจะยิ้มให้พี่หมอดูก็ได้ครับ แต่พี่หมออย่าดุเบสแบบที่ดุพี่คนนั้นนะครับ เบสกลัว”
“เบสไม่ใช่เด็กดื้อ พี่หมอไปดุเบสหรอกครับ”
“พี่ชายเขาก็ไม่ใช่เด็กดื้อนะครับ เขามาช่วยเบสจากปีศาจสีดำ แล้วทำไมพี่หมอยังดุเขาหละครับ”
“ปีศาจสีดำ?”
“ใช่ครับ ปีศาจสีดำชอบมาแกล้งเบส วันนี้ก็มาบีบคอเบสจนเบสหายใจไม่ออก เบสบอกให้พี่หมอช่วย แต่พี่หมอมองไม่เห็นปีศาจสีดำเลยช่วยเบสไม่ได้”
“เบสโกรธไหมครับที่พี่หมอช่วยเบสไม่ได้”
“ไม่หรอกครับพี่หมอ พี่ชายเพื่อนพี่หมอช่วยเบสไล่ปีศาจสีดำ พี่หมอพาพี่ชายมาช่วยเบส เบสไม่โกรธพี่หมอ”
“ครับ”

 ผมตอบเบสแค่นั่นแล้วนั่งกุมมือเบสอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไร

“พี่หมอครับ แล้วเบสจะได้เจอพี่ชายอีกไหมครับ พี่หมอช่วยไปตามพี่ชายมาได้ไหม”
“พี่ชายกลับบ้านแล้วครับ เบสเบื่อพี่หมอแล้วหรอ คิดถึงแต่พี่ชายคนใหม่”
“เปล่านะๆ เบสรักพี่หมอที่สุด แต่เบสอยากให้พี่ชายมาช่วยเบสอีกเวลาปีศาจสีดำมา”
“พี่ชายโกรธพี่หมอแล้วครับ ไม่รู้พี่ชายจะมาอีกหรือเปล่า”
“พี่หมอก็ไปขอโทษพี่ชายสิครับ พี่ชายต้องยกโทษให้แน่ๆ แล้วพี่หมอก็จะได้พาพี่ชายมาหาเบสอีก”
“ครับ พี่หมอจะพยายามนะครับ”
“ครับเบสรักพี่หมอที่สุดเลย”

ผมอยู่กล่อมเบสจนหลับ แล้วกลับมาทำงานต่อที่ห้องจนดึก ตลอดเวลาผมนั่งทบทวนสิ่งที่ทำในวันนี้ ทบทวนกับคำพูดของเบส ทบทวนกับสิ่งที่ผมทำ “ทำเกินไปหรือเปล่าวะ” นี่คือสิ่งที่วนอยู่ในหัวผมตอนนี้ และมันก็วนอยู่อย่างนั้น เหมือนกับความรู้สึกของผมที่มีอยู่ตอนนี้กำลังสั่นไหวแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานาน

.....................................................................
จะไม่แตะพี่หมอเก้าอีกแล้ว เรื่องอาการ และการรักษาคนเขียนมั่วขึ้นเองผิดพลาดขออภัยแค่อยากให้มันเป็นจุดเชื่อมสุูดราม่า น้องเบสมาแล้วกามเทพน้อยๆจะช่วยแผลงศรรักหรือมาป่วน รอติดตามนะครับ ขอให้อ่านให้สนุก ขอบคุณนะครับที่มาอ่าน
 :hao4: