พิมพ์หน้านี้ - [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 6 กัดกิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 09-05-2016 16:35:24

หัวข้อ: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 6 กัดกิน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-05-2016 16:35:24
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

------------

เรื่องนี้ส่งประกวดเรื่องสั้นแล้วไม่ผ่านค่ะ 55555 เลยมาลงให้อ่าน  :katai5:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-05-2016 16:40:13
กล่าวกันกันว่านกนั้นเป็นสัตว์วิเศษ เสียงอันไพเราะของมันยามที่ขับขานอยู่บนท้องฟ้านับเป็นเรื่องอัศจรรย์คล้ายกับเป็นเพลงที่ตั้งใจสรรสร้างจากสวรรค์ แต่ก็มีอีกคำกล่าวเช่นกันที่พูดถึงนกเอาไว้

นกที่ไม่มีเสียงก็เป็นได้แค่สัตว์บินได้เท่านั้น


บ้านขนาดเล็กกะทะรัดมีสภาพกลางเก่ากลางใหม่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ข้างๆ กันเป็นบ้านกึ่งร้านค้าเรียงรายกันเป็นทิวแถวยาว ผู้คนเดินกันขวักไขว่เพื่อจับจ่ายซื้อของในยามเช้า เสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังขึ้นสลับกับเสียงดนตรีจากนักดนตรีพเนจร
ภายในบ้านหลังเล็กมีชายหนุ่มร่างโปร่งผมสีอ่อนเจือฟ้ากำลังใช้ดินสอที่ทำจากถ่านหินราคาถูกขีดเขียนบนแผ่นกระดาษ สัญลักษณ์ต่างๆ ทางดนตรีถูกวาดจนเต็มหน้ากระดาษซึ่งมันก็มีมากพอๆ กับรอยขีดฆ่า มืออีกข้างที่ว่างถูกเคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะเมื่อเริ่มขบคิดเนื้อเพลงในตอนท้ายไม่ออก

โครม

ประตูไม้แก่ถูกกระชากให้เปิดแรงจนบานพับส่งเสียงครวญ คนที่กระชากมันออกเป็นชายฉกรรจ์ร่างยักษ์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีสีดำไว้ชายและมีกุหลาบประดับอยู่บนอก เขามีสีหน้าถมึงทึงเพราะความไม่สบอารมณ์ขั้นรุนแรง " ลัวร์ !! เจ้าแต่งเพลงเสร็จรึยัง นี่มันก็เกิดกำหนดมาหลายวันแล้ว พวกข้าจะผลัดวันแสดงไม่ได้แล้วนะ  "

คนที่ถูกกล่าวถึงมีสีหน้าเจื่อนลงพยายามยิ้มประนีประนอม ชูกระดาษขึ้นให้เห็นว่าเหลือเพียงบรรทัดสุดท้ายเท่านั้น

ผู้บุกรุกถึงได้มีสีหน้าผ่อนคลายลง " ท่อนสุดท้ายแล้ว เจ้าก็รีบคิดให้มันไวๆ สิ "

ลัวร์พยักหน้าหงึกหงักก้มหน้าก้มตาเขียนเนื้อเพลงต่อและร้องทวนเนื้อเพลงที่ตัวเองแต่งออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาสะดุดที่บรรทัดสุดท้ายอีกครั้ง

กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยฟุ้งใกล้ๆ จนคนที่กำลังแต่งเพลงขมวดคิ้วเพราะความฉุนจมูกและขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อกระดาษในมือถูกฉกไปอ่านอย่างไร้มารยาท

" ยอดเยี่ยมๆ เจ้านี่มันแต่งเพลงเก่งชะมัด ลัวร์ ถ้าไม่ติดที่เจ้าพูดไม่ได้ ข้าคงจะเอาเจ้าเข้าร่วมวงดนตรีของข้าแล้ว " พูดจบก็แค่นเสียงหึ ส่งมันคืนให้กับเจ้าของกระดาษ

นักแต่งเพลงเม้มปากด้วยสีหน้าเศร้าๆ รับกระดาษคืนและเขียนเนื้อเพลงท่อนจบ

รอยยิ้มพอใจปรากฎบนใบหน้าของชายฉกรรจ์เมื่อในมือมีเนื้อเพลงที่แต่งจบแล้วและพร้อมที่จะนำมันไปบรรเลงต่อหน้าสาธารณชน บทเพลงของลัวร์ขึ้นชื่อเรื่องความละมุนละไมในเนื้อร้องหากแต่สะท้านในใจคนฟังด้วยทำนองสนุก ทำให้เป็นเรื่องง่ายที่คนจะสามารถจดจำเพลงของลัวร์ได้

แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ประพันธ์เพลงไพเราะพวกนี้

พอบรรลุเป้าหมายผู้ที่บุกรุกก็สืบเท้าออกจากบ้านทันทีไม่สนใจจะพูดคุยอะไรกับลัวร์อีก พวกเขาต้องซักซ้อมเพลงของลัวร์สักครั้งสองครั้งก่อนจะขึ้นแสดงบนเวทีใหญ่หลังจากนั้นก็รอกอบโกยเงินที่มากพอจะจับจ่ายใช้สอยอยู่ได้เป็นเดือนโดยไม่ต้องทำอะไร

แต่ฝีเท้าของเขาก็ถูกชะงักเอาไว้ด้วยแรงดึงที่ชายเสื้อ

" มีอะไรอีก "  พูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด

ลัวร์แบมือสั่นๆ ให้เห็น

" อ้อ เงินค่าจ้างสินะ " ชายฉกรรจ์ล้วงหยิบเหรียญทองที่พอเหลือๆ อยู่ในกระเป๋ากางเกงยัดมันใส่มือลัวร์และไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทักท้วงอะไรพาร่างของตัวเองออกจากบ้าน

นักแต่งเพลงนับเงินเหรียญทองในมือด้วยจิตใจหม่นหมอง

เก้า... สิบ

" สิบเหรียญ.. " พูดเสียงเบา

สิบเหรียญสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในเดือนนี้ มันไม่พอสำหรับอาทิตย์หนึ่งด้วยซ้ำไป นักแต่งเพลงถอนหายใจกับความขลาดกลัวของตัวเองที่ไม่กล้าทำอะไร ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพลงของเขามันทำเงินได้มากขนาดไหน สิ่งที่พวกมันให้เป็นแค่เศษเงินเท่านั้น
แต่รู้แล้วยังไงล่ะ ยังไงเขาก็ไม่อาจะไปเรียกร้องกับใครได้อยู่แล้ว สิ่งที่พอทำได้คือการปรับตัวกับเงินจำนวนเล็กๆ นี่หรือจนกว่าจะแต่งเพลงใหม่ได้อีกเพลงซึ่งนั่นก็เกือบเดือนเลยทีเดียว

ลัวร์หยิบกระดาษที่วางทับของในความทรงจำออกและกลิ้งมันเล่นในมือด้วยอารมณ์อาวรณ์

ไข่มุกสีดำเป็นประกายระยับเมื่อถูกแสงแดดยามเช้าโลมเลีย

เขาจากที่แห่งนั้นมานานแค่ไหนแล้วนะ ?  ที่ๆ เต็มไปด้วยเสียงดนตรีและเพลงขับขานแห่งนั้น.. ทันทีที่นึกถึงมันก็ปรากฎภาพหาดทรายสีขาวสะอาดกับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กำลังร้องเพลงที่ตัวเองเพิ่งแต่งกันอย่างสนุกสนาน

ใช่.. เขาเป็นเงือก

และเป็นเงือกที่พิการด้วยสิ

นอกจากมีหางเงือกเวลาที่อยู่ในน้ำกับแต่งเพลงได้ เขาก็ไม่มีอะไรที่เป็นเงือกสักนิด ผมสีฟ้าอ่อนเกือบจะขาวต่างจากเงือกคนอื่นๆ ที่มีสีน้ำเงินจัดไม่ก็สีเขียวไปเลยนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนนี้อีก นับได้ว่าเขาแทบจะเป็นแกะดำในเพื่อนๆ เลยก็ว่าได้

สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับเงือกพิการอย่างเขาคือการพูดคุยกับคนอื่นไม่ได้

แต่เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นใบ้ ในเวลาที่เขาพูดยังคงได้ยินเสียงตัวเองดังก้องในหัวหรือแม้แต่การตะโกนดังๆ ก็ยังได้ยินเสียงสะท้อนกลับมา มันเป็นเสียงที่ฟังเพราะและนุ่มหูอย่างบอกไม่ถูก

แม่ของเขาเชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นใบ้เช่นกัน แม่ของเขาบอกว่าเสียงของเขาอาจจะมีเพียงบางคนที่ได้ยินเท่านั้น
คำพูดของแม่ทำให้ลัวร์ตัดสินใจออกจากบ้านเกิดของตัวเอง คำหยอกล้อรุนแรงดังก้องในหูทั้งจากเพื่อนและผู้ใหญ่บางคนเป็นสิ่งที่ผลักดันเขาเช่นกัน

เขาอาจจะแตกต่างเมื่ออยู่ท่ามกลางเผ่าพันธุ์ของตัวเอง สิ่งที่เขาต้องทำคือการออกจากที่แห่งนั้นและมาอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ซึ่งที่เขาเลือกก็คึอเมืองมนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆ เขาปกปิดความลับเรื่องที่ตัวเองเป็นเงือกเพราะเผ่าพันธุ์เงือกเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหลือน้อยและมนุษย์ก็นิยมจับไปขังบังคับให้ทำสิ่งต่างๆ ตามอำเภอใจ

กลุ่มนักดนตรีเป็นสิ่งที่แรกที่เขาสนใจเมื่อเข้ามาในเมืองได้ เขาเสนอที่จะขายเนื้อเพลงที่ตัวเองแต่งซึ่งก็ได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างดีในช่วงแรกๆ เขาได้เงินมากจนสามารถซื้อบ้านหลังเล็กๆ ต่อจากชายชราที่ย้ายออกไปอยู่กับลูกอีกเมือง

แต่ในภายหลังผลตอบแทนกลับน้อยลงเรื่อยๆ เขาคิดว่ามันน่าจะแปรรูปไปเป็นเสื้อของกลุ่มนักดนตรีที่ดูหรูหราขึ้นทุกครั้งที่พบกัน พวกมันรู้ว่าเขาไม่กล้าขัดขืนอะไรจึงให้เงินตามที่พวกมันอยากจะให้และข่มขู่ไม่ให้เขาขายเพลงให้ใครอีกนอกจากพวกมัน ถ้าหากพวกมันรู้ว่าเขาขายก็จะเผาบ้านเล็กๆ หลังนี้ทันที

สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงมีสถานะเช่นเดิมคือการตกเป็นรองคนอื่น แน่นอนว่าเขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้สักนิด แต่มันเป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่อยากจะกลับไปและไม่อยากจะตกเป็นรองตลอดไปแบบนี้เช่นกัน
สิ่งที่เขารออยู่คือโอกาสดีๆ สักครั้ง

เขาจะทิ้งการแหวกว่ายในน้ำและโผบินขึ้นบนท้องฟ้า

เป็นนกตัวเล็กที่มีเสียงขับร้องให้ใครสักคนต้องหยุดฟังอย่างหลงใหล


เพียงแค่ก้าวขาออกจากบ้านลัวร์ก็ถูกดึงความสนใจไปทันที นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนสะท้อนภาพทหารรูปร่างบึกบึนข้างกายมีม้าน้ำตาล
สะบัดหูไปมาและส่งเสียงฟืดฟาด

ทหารขององค์ราชายืดอกด้วยท่าทีน่าเกรงขามกระชับกระดาษในมือและอ่านมันด้วยเสียงดังก้อง " ประกาศ ! องค์ราชามีความประสงค์จัดการแข่งขันประกวดแต่งเพลงและขับร้องเพื่อนำมาใช้ในงานวันเกิดของท่านในปีนี้ หากพวกเจ้าสนใจขอให้พวกเจ้ามาพร้อมกับเนื้อเพลงในมือที่ไม่ได้คัดลอกมาจากใครและจงมาองค์ราชา ระยะเวลาที่กำหนดคือหนึ่งเดือนพวกเจ้าสามารถเข้าไปหาองค์ราชาในวันใดก็ได้ช่วงเย็น หากองค์ราชาเลือกเพลงของพวกเจ้าก็เท่ากับว่าเป็นอันสิ้นสุดการแข่งขัน เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะคือหนึ่งหมื่นเหรียญทองกับเหยี่ยวหิมะ ! "

สิ้นเสียงก็เกิดเสียงฮือฮาลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ของรางวัลแต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล อย่างเหยี่ยวหิมะที่ขึ้นชื่อด้านความหายากและความเย่อหยิ่งหากแต่เมื่อมันตัดสินใจเลือกใครเป็นนายมันจะซื่อสัตย์จนถวายชีวิตให้ได้
ลัวร์เลิกคิ้วอย่างสนใจ

นี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขากำลังตามหา !

ทันทีที่คิดจบก็หมุนตัวกลับเข้าในบ้านของตัวเองทันที ทิ้งความคิดที่ว่าจะออกไปซื้อปลามาทำเป็นอาหารดีๆ สักมื้อให้กับตัวเองและกลับไปกินอาหารใกล้บูดเหมือนเดิม

เก้าอี้ที่เพิ่งผละออกไปยังไม่ทันหายอุ่นก็ถูกนักแต่งเพลงนั่งอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าลัวร์มากกว่าปกติอย่างผิดวิสัยแม้ในเวลาปกติเขาจะยิ้มอยู่เสมอในเวลาที่แต่งเพลงแต่ในตอนนี้กลับต่างออกไป หากว่าเขาสามารถสร้างสรรค์เพลงครั้งนี้ได้ดีพอ เขาอาจจะชนะได้เงินรางวัลและหลุดออกจากวังวนงี่เง่านี่ !

ยิ่งคิดลัวร์ก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข

หยิบกระดาษเก่าที่ส่งเสียงกรอบแกรบวางบนโต๊ะ

ลัวร์หลับตาพยายามจินตนาการในหัวว่าสิ่งที่เกี่ยวกับวันเกิดมีอะไรบ้างเมื่อคิดได้พอสมควรก็เขียนมันลงบนกระดาษเป็นคำๆ อยู่ห่างกันและใช้เส้นโยงเข้าหากัน เขียนความสัมพันธ์ที่น่าจะเป็นไปได้ระหว่างคำเพื่อหาแรงบรรดาลใจของเพลง

โครม !!

ประตูถูกกระแทกเปิดอีกครั้ง ลัวร์รีบซ่อนสิ่งที่ตัวเองกำลังถืออยู่ทันที สายตาจับจ้องไปยังผู้บุกรุกเป็นประกายความหวาดกลัวและกังวล

เป็นชายฉกรรจ์คนเดิม เขาย่างสามขุมเข้าไปใกล้ลัวร์ มืออันสั่นเทาน่าจะเป็นสิ่งที่บอกถึงความหวาดกลัวของนักแต่งเพลงในตอนนี้ได้ดี

" ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้ข่าวการประกวดแต่งเพลงแล้ว " เขาหัวเราะหึแสยะยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายเมื่อเห็นภาพตัวเองกำลังยืนท่ามกลางเหรียญทองจำนวนมหาศาล " คงจะรู้นะว่าเจ้าต้องทำยังไง "

นักแต่งเพลงส่ายหน้าเป็นพัลวันชูมือที่สื่อถึงหนึ่งเดือนพยายามให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าตนเองไม่สามารถแต่งได้ภายในหนึ่งเดือนแน่นอน

ผู้บุกรุกขมวดคิ้วตะคอกด้วยอารมณ์โมโหร้าย " ข้าให้เวลาเจ้าสามอาทิตย์ หากเจ้าไม่มีปัญญาแต่งก็รอถูกเผาไปพร้อมกับบ้านโทรมๆ นี้เลย ! "

ลัวร์แสร้งสะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือดและพยักหน้ายอมรับข้อเสนอด้วยท่าทีหวาดกลัว

ความรู้สึกพอใจปราฎในอกของชายฉกรรจ์ เวลาที่ทำให้คนอื่นหวาดกลัวมันทำให้มันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับเป็นราชายิ่งใหญ่ที่มีสามารถสั่งให้ไพร่พลไปตายแทนตัวเอง "  ดี ถ้าหากว่าข้าชนะการประกวดข้าจะแบ่งให้เจ้าสักนิดแล้วกัน "

คนถูกข่มขู่ก้มหน้านิ่งเพื่อซ่อนสีหน้าโกรธขึ้งของตัวเองจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูกระแทกเสียงดังอีกครั้งก็ใช้มือทุบโต๊ะจนเจ็บมือ ในหัวเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงของอารมณ์

เขาโกรธมัน ที่มันกำลังจะแย่งสิ่งที่เป็นของเขาไป

เขากลัว กลัวว่าตัวเองจะถูกมันซ้อมเหมือนครั้งที่เขาปฏิเสธที่จะแต่งเพลงให้พวกมันต่อ

สองสิ่งนี้ประทุสลับกันในหัว

แต่สิ่งที่แจ่มชัดที่สุดคือความรู้สึกอยากเอาชนะของเขา

เขาจะแต่งเพลงให้เสร็จก่อนถึงนัดของมัน !



" เข้าไป " เสียงทุ้มต่ำขององค์รักษ์หน้าประตูเอ่ยบอกกับลัวร์

ลัวร์พยักหน้าหงึกสูดหายใจลึกเรียกขวัญกำลังใจตัวเอง

สิ่งที่เขาพยายามมาตลอดสองสัปดาห์จะสัมฤทธิ์ผลในตอนนี้ แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าเนื้อเพลงก็คือการร้องเพลง เขาไม่รู้ว่าองค์ราชาจะได้ยินเสียงของเขารึเปล่า

เขากำลังจะเสี่ยงโชคกับคนที่ถือว่าเป็นเจ้าชีวิตของคนทั่วไป เขาคิดว่าหากคนปกติไม่ได้ยินเสียงของเขาแล้วองค์ราชาที่เป็นเจ้าดินแดนล่ะจะได้ยินไหม ?

เขาไม่รู้และไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น

นักแต่งเพลงสืบเท้าเข้าไปในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา เสียงฝีเท้าที่ควรจะมีก็ถูกพรมสีแดงก่ำราคาแพงระยับเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ตรงปลายสุดของทางเดินมีชายร่างสูงนั่งหลังเหยียดตรงสีหน้าไร้อารมณ์ ผมสีทองคลอเคลียต้นคอเข้ากันดีใบหน้าคม ตาสีทองลุกวาวราวกับกำลังสำรวจผู้ที่เข้ามาใหม่ เขาสวมเสื้อสีแดงขลิบทองบนศีรษะมีมงกุฎประดับด้วยอัญมณีส่องประกายวาววับ

ข้างกายของเจ้าดินแดนมีองค์รักษ์ยืนนิ่งสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเดียวกับผู้เป็นนายเพียงแต่ว่าองค์รักษ์ผู้นี้มีร่างกายที่บึกบึนยิ่งกว่าเพราะในเวลาปกติเขาจะรับหน้าที่เป็นแม่ทัพให้กับองค์ราชาแต่ในเวลานี้มีการประกวดจึงยอมปลีกตัวจากงาน มาคุ้มกันให้กับนายของตัวเอง การพบปะผู้คนแปลกหน้าไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยสำหรับคนเป็นราชา เขามีผมสีแดงเพลิงตัดสั้นรับกับใบหน้าคมคายและนัยน์ตาสีเพลิงที่บอกถึงสายเลือดแห่งไฟ

สายเลือดที่เกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้และปกปักษ์รักษาแผ่นดิน แต่ข้อเสียร้ายแรงของสายเลือดนี้คืออามณ์ที่แปรปรวนหากควบคุมไม่ดีพอก็แทบจะเผาผลาญคนอื่นจนเป็นจุล

ลัวร์กลืนน้ำลายดังเอื้อกค้อมตัวทำความเคารพด้วยท่วงท่าสง่างาม

" เริ่มร้องเลย ไม่ต้องเสียเวลากับเรื่องพวกนี้หรอก " คนเป็นเจ้าแผ่นดินพูดด้วยรอยยิ้มจางทำให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เมื่อได้รับคำอนุญาตลัวร์ก็หลับตาลงเริ่มร้องเพลงที่ตัวเองแต่งอย่างตั้งใจ เนื้อเพลงถูกร้องด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลในท่วงทำนอง
สนุกสนาน เนื้อเพลงที่ลัวร์แต่งนั้นกล่าวถึงชีวิตที่เกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคถ้าหากสามารถเอาชนะมันได้ก็จะประสบความสำเร็จไม่ว่าในเรื่องใดๆ

ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่เพลงจะจบลง ลัวร์ค้อมตัวทำเคารพอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังคงหลับตาและเงยหน้าขึ้นมาสบตาองค์ราชาด้วยนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

แต่คำพูดที่ตอบกลับมากลับทำให้หัวใจของนักแต่งเพลงแตกเป็นเสี่ยง

" ข้าไม่ได้มีเวลาว่างมาดูเจ้าเล่นละครใบ้หรอกนะ " สีหน้าเย็นชามาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นเยือก

ไหล่ที่ปกติมักจะตั้งอย่างสง่าผ่าเผยทรุดลงทันที ลัวร์ก้มหน้านิ่งห่อไหล่รู้สึกหน้าชาวาบ ในอกรู้สึกคล้ายกับมีน้ำตาท่วมอยู่จนหายใจไม่ออก

ความพยายามตลอดสองอาทิตย์ของเขาสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง

และกระดาษแผ่นนี้ก็ต้องกลายเป็นของพวกนั้น

ลัวร์คิดด้วยสีหน้าเศร้าหมองค้อมตัวทำความเคารพอีกครั้งเพื่อเป็นการขอโทษและพยายามก้าวไวๆ ออกจากห้อง

" เขาไม่ได้เป็นใบ้ "

ขาที่เกือบจะก้าวออกจากห้องชะงักทันทีและค่อยๆ หันกลับมามองเจ้าของเสียงด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า น้ำตาที่ตอนแรกเกือบจะไหลเพราะความเจ็บใจแต่ตอนนี้กลับไหลเพราะความดีใจ

" ข้าได้ยินเสียงของเขา " แม่ทัพที่มีสายเลือดแห่งไฟพูดด้วยสีหน้าเช่นเดิมแต่ตากลับเจ้านักแต่งเพลงไม่วางตา " เสียงของเขาเพราะมาก ข้าคิดว่าเขาควรจะได้เป็นผู้ชนะ "

ผู้เป็นนายเลิกคิ้วงุนงง " เจ้าได้ยินเสียง ? ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินล่ะ "

" ข้าไม่อาจทราบได้ " 

ลัวร์รู้สึกถึงตัวที่สั่นเทาด้วยความดีใจของตัวเอง " เจ้า เจ้าได้ยินเสียงของข้างั้นเหรอ.. " มองแม่ทัพด้วยสายตาคาดหวัง

" อืม " พยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ " ข้าชอบเสียงของเจ้า "

ความรู้สึกตื้นตันตีตื้นในอกของลัวร์ เขารู้สึกดีใจจนแทบบ้า เมื่อในการโผบินของเขาครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาปีกหักจนต้องกลับไปว่ายในน้ำ แต่เป็นการโผบินที่เจอกับสิ่งที่เขาตามหามาตลอด

คนที่ได้ยินเสียงของเขา

สุดท้ายเงือกหนุ่มก็ห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้ไหลพรากออกมาทันที

เจ้าของดินแดนขมวดคิ้วมุ่นหันไปสั่งองค์รักษ์อีกนายที่ยืนเฝ้าประตูให้ยกเลิกการประกวดสำหรับวันนี้ และกลับมาพูดคุยกับลัวร์ " ข้าไม่ได้ให้เจ้าชนะหรอกนะ แต่ถ้าหากเจ้าเอาเนื้อเพลงที่เจ้าร้องให้ข้าอ่านแล้วข้าชอบนั่นก็อีกเรื่อง อ้อ ถ้าเจ้าจะส่งก็ส่งมาพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน ฝากไว้กับองค์รักษ์หน้าประตูของข้า ส่วนตอนนี้เจ้าจะคุยอะไรกับแม่ทัพฟารอสก็เชิญ ข้าไปล่ะ ! " พูดจบก็หัวเราะ
ฮ่าๆ สาวเท้าออกไปบ่งบอกถึงนิสัยขี้เล่นของเจ้าตัว

ลัวร์กระพริบตาปริบงุนงงพยายามใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเองออก

ฟารอสก้าวเข้าไปใกล้และหยุดยืนตรงหน้าลัวร์ " เจ้าร้องไห้ทำไม ? "

เงือกหนุ่มยิ้มกว้าง " ข้าดีใจน่ะ เจ้าเป็นคนแรกที่ได้ยินเสียงของข้าทั้งๆ ที่คนอื่นคิดว่าข้าเป็นใบ้ด้วยซ้ำ "
 
แม่ทัพนิ่งเงียบไปสักพัก " น่าเสียดาย ถ้าหากคนอื่นได้ยินเสียงของเจ้าข้าคิดว่าพวกเขาคงต้องลุ่มหลงจนไม่อาจทำอะไรแน่ "
ทั้งๆ ที่กำลังชมคนอื่นแต่สีหน้าฟารอสก็ยังคงนิ่งเฉยเช่นเดิม

ลัวร์หน้าแดง

นี่ก็เท่ากับว่าสิ่งที่เขาฝันหาเป็นจริงหมดเลยงั้นสิ

ทั้งมีคนได้ยินเสียงและลุ่มหลง

" ท่านลุ่มหลงเสียงข้า ? "

นัยน์ตาสีเพลิงจดจ้องนักแต่งเพลงนิ่งราวกับกำลังยืนยันคำพูดของตัวเองทางสายตาแล้วจึงตอบรับในลำคอ " อืม "

ยิ่งฟังคำตอบของแม่ทัพหนุ่มก็ยิ่งทำให้ลัวร์รู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก

ลัวร์ไม่เคยถูกชมซึ่งๆ หน้ามาก่อน

" งะ งั้นข้าขอตัว "

ตัดสินใจพาตัวเองออกจากสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนที่มีเพียงคนเดียวที่รู้สึกประหม่าส่วนอีกคนสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่ในน้อยตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในห้อง

" ตำแหน่งนักดนตรีประจำบ้านของข้ายังว่าง "  ฟารอสยิ้มมุมปากเมื่อคำพูดลอยๆ ของตัวเองทำให้อีกคนชะงัก " คำตอบที่ข้าต้องการจากเจ้าคือตกลงเท่านั้น "

เงือกหนุ่มเบิกตากว้างไม่เชื่อหูตัวเองหันขวับกลับไปมองแม่ทัพ " ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม "  พูดเสียงสั่น
เขากำลังจะหลุดจากวังวนบ้าๆ ของไอ้พวกนั้นแล้ว !

" พรุ่งนี้หลังจากที่เจ้าส่งเนื้อเพลงก็รอข้าแถวนั้น ข้าจะไปรับเจ้าเอง "

" ขอบคุณ ขอบคุณท่านมาก " ลัวร์พูดอย่างดีใจ " งั้นข้าขอตัวไปเก็บของก่อนนะ  ! " วิ่งพรวดพราดออกจากห้อง ลืมความประหม่าไปหมดสิ้น เงือกหนุ่มกำลังรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น

ต่อให้เขาไม่ได้รางวัลจากองค์ราชาแต่อย่างน้อยเขาก็มีบ้านหลังใหม่อยู่ ยิ่งคนเป็นเจ้าของบ้านเป็นแม่ทัพอีก เขาแทบจะไม่อยากคิดชีวิตหลังจากนี้ของตัวเองว่าจะดีขนาดไหน

มันต้องดีมากแน่ๆ

ลัวร์ยิ้มอย่างมีความสุข



ทันทีที่ถึงบ้านลัวร์ก็จัดการเก็บสัมภาระของตัวเองใส่กระเป๋า เสียงฮัมเพลงเบาๆ ดังคลอแว่วไปในอากาศ สิ่งของของเงือกหนุ่มมีไม่มากนักนอกจากพวกกระดาษดินสอเสื้อผ้าก็แทบไม่มีอะไรอีกเพราะจำนวนเงินที่มีอยู่ไม่อำนวยต่อการซื้อของฟุ่มเฟือยสักเท่าไหร่ สิ่งที่ดูจะราคาแพงที่สุดในบ้านคงจะเป็นกระเป๋าที่กำลังใส่ของอยู่นี้

ใช้เวลาไม่นานก็เก็บของจนเสร็จสิ่งที่พอเหลือในบ้านเป็นแค่ของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น สามารถหาซื้อมาใหม่ได้ ลัวร์มองบ้านที่ตัวอยู่มาเกือบปีด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะขนไปด้วยได้และถ้าหากพวกมันรู้ว่าเขาไม่อยู่บ้านหลังนี้แล้วคงจะยึดบ้านนี้ไปแน่ๆ

สิ่งของของเขากำลังถูกฉกฉวยอีกครั้ง

ลัวร์ถอนหายใจสาวเท้าเข้าในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและปลดเปลื้องเสื้อผ้าเก่าๆ ของตัวเองออก ผมสีฟ้าอ่อนที่ปิดใบหน้าไปเกือบครึ่งหน้าถูกมัดรวบสูงเผยให้เห็นใบหน้าน่ามอง เขาค่อยๆ จุ่มขาทั้งสองข้างลงในอ่างอาบน้ำที่ถูกเปิดน้ำไว้จนเต็ม เพียงชั่วพริบตาขาของของนักแต่งเพลงก็กลับกลายเป็นหางเงือกเช่นเดิม เงือกหนุ่มทิ้งตัวลงในน้ำเย็นเยียบและหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
เวลาที่อยู่ในน้ำทำให้เขารู้สึกคล้ายกับกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดอีกครั้ง
เพลงหลายๆ เพลงที่เขาแต่งต่อไม่ได้ก็มักจะนึกออกในเวลานี้

แต่เขาก็ไม่ได้คืนร่างบ่อยนักเพราะมันเสี่ยงเกินไปเขาอาจจะถูกบุกรุกในเวลาค่ำคืน

ปัง !!

ฉับพลันประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างวิสาสะ

" ลัวร์ ! เจ้าตอบข้ามาว่าทำไมเจ้าถึงไปเข้าเฝ้าองค์ราชาได้ !!! " คำรามเสียงดังลั่นนัยน์ตาขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ ชายฉกรรจ์พุ่งตัวเข้าไปคว้าคอลัวร์และยกขึ้นมาก่อนที่มันจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นช่วงล่างของลัวร์

ลัวร์หน้าซีดเผือดพยายามแกะมือที่กำลังบีบคอตัวเองแน่น ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

มันรู้แล้วว่าเขาทรยศและยังรู้ความลับของเขาอีก

ผลั่ก

ร่างของลัวร์ถูกทุ่มลงไปบนพื้น ลัวร์คู้ตัวกอดตัวเองแน่นน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่

มันจบแล้ว..

โอกาสของเขา

" เจ้าเป็นเงือกงั้นเหรอ ทำไมข้าไม่ยักรู้ไม่ก่อน " มันหัวเราะเสียงต่ำจดจ้องลัวร์ด้วยสีหน้าหื่นกระหาย " ข้าเคยได้ยินว่าเงือกเป็นสัตว์หายาก ไม่คิดว่าข้าจะมีโอกาสได้ครอบครอง " ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ลัวร์อย่างรวดเร็ว

" ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ฮือ " ลัวร์พร่ำพูดพยายามพูดทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงมันก็ไม่ได้ยินเสียงของเขา ตัวสั่นเทาหนักกว่าเดิมเมื่อโดนมือหยาบลูบไล้ตามตัว " เอาไปเลย เจ้าจะเอาอะไรเอาไปเลย อย่าทำข้าเลย "

แต่สัตว์ร้ายก็ยังคงเป็นสัตว์ร้าย มันไม่ได้สนใจท่าทางหวาดกลัวของลัวร์แม้แต่น้อย

ลัวร์หลับตาแน่นสะอื้นฮักในหัวรู้สึกว่างเปล่า

หากว่ามันทำอะไรเขาจริงๆ

เขาคงไม่มีความคิดที่จะอยู่อีกต่อไป

ตึง !!

สัมผัสหยาบโลนบนตัวหายไปพร้อมกับเสียงของบางอย่างหนักๆ ลัวร์ลืมตาขึ้นจดจ้องด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนเข้ามาช่วย

แม่ทัพฟารอส

เสียงหมัดหนักๆ ดังลั่นห้องตามด้วยเสียงกระดูกหัก เจ้าของสายเลือดไฟกำลังโกรธจนคลุ้มคลั่ง นัยน์ตาเป็นประกายระริกราวกับมีพายุเพลิงแผดเผาข้างใน สีหน้าที่มักจะเย็นชาเป็นนิจกลับถมึงทึงผิดวิสัย

สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของชายฉกรรจ์ใช้ไปกับการอ้อนวอนขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิตตัวเอง มันรู้สึกร้าวไปทั้งตัวจนขยับตัวไม่ได้แต่สิ่งที่ทำให้มันหลุดเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดคือเท้าที่กระทืบลงบนตัวมันครั้งแล้วครั้งเล่า ความเจ็บปวดเจียนตายทำให้มันสลบไปไม่รู้ตัว

เมื่อกระทืบจนความรู้สึกคลุ้มคลั่งเบาบางลง ฟารอสก็สาวเท้าไปหาลัวร์ " เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า ? " ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ถามน้ำเสียงนุ่มนวลและเผยสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นช่วงล่างของลัวร์

" ข้าไม่เป็นไร " ลัวร์เช็ดน้ำตาของตัวเองออกยิ้มให้คนที่มาช่วยตัวเอง " ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือข้า "

" เจ้าเป็นเงือก ? "  แม่ทัพถามอึ้งๆ

ราคาค่างวดของเงือกในเวลานี้สูงมาก แม้แต่องค์ราชาที่บ่นว่าอยากได้ก็ไม่อาจซื้อได้เพราะราคาของมันอีกทั้งเงือกยังเป็นสัตว์ที่เก็บตัวไม่สุงสิงกับมนุษย์สักเท่าไหร่

เงือกหนุ่มยิ้มบางและพยักหน้าตอบ " อืม ข้าเป็นเงือก หวังว่าท่านจะรับนักดนตรีที่เป็นเงือกนะ "

แม่ทัพหนุ่มยิ้มมุมปาก

" ไว้ข้าจะสร้างบ่อน้ำในห้องด้วยแล้วกัน "

--------------------------

อืมม มันก็ดูขาดๆ งงๆ จริงๆ นั่นแหละ  :sad4:

 












 

หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-05-2016 17:46:05
ไม่งงงงงงงงงงง

คุณ Foggy Time งงตรงไหนค้า เราอ่านไม่งงนะ

ขออีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบคู่นี้อ้าาาาาาาาา  :ling1:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 09-05-2016 18:02:48
เขินน
อยากให้มีค่อจังค่า
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 09-05-2016 18:10:50
อยากอ่านแบบยาวๆ จังเลยอ่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-05-2016 18:23:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 09-05-2016 18:23:56
น่าจะมีตอนต่ออีกน้าา อยากอ่านตอนไปอยู่บ้านจัง
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 09-05-2016 18:57:13
ชอบๆๆๆๆ
สนุกดีนะคะ อยากให้มีตอนต่อจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: little_pig ที่ 09-05-2016 23:29:56
ไม่งงนะคะ. แต่ขอตอนต่อได้มั้ย :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 10-05-2016 00:18:00
ไม่งงนะคะ แต่มันเหมือนยังไม่จบน่ะค่ะ เหมือนแค่เปิดเรื่องเองค่ะ คนอ่านยังคาดหวังให้มีประเด็นอะไรมากกว่านั้นค่ะ เป็นเรื่องที่ให้บรรยากาศของนิยายแฟนตาซี ดีนะคะ ชอบค่ะ สัมผัสได้ว่า ลัวร์ต้องน่ารักมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-05-2016 01:09:34
จะเอาอีกง่าาา จะเอาๆ กำลังสนุกเลยยย
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-05-2016 15:21:06
ขออีกตอนนะคะ  :call:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: lovelycompass ที่ 10-05-2016 20:46:50
เรื่องสนุก แต่เฟลตอนจบ คือนี่จบแล้วจริงๆ ใช่มั้ยคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 11-05-2016 13:12:13
อ่านแล้วฟินมากกกกกก o13

อยากอ่านตอนที่เงือกน้อยไปอยู่กับแม่ทัพแล้วจัง :mew2:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 11-05-2016 16:56:31
ขอต่อค่ะ กำลังสนุกเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 11-05-2016 18:50:06
ต่ออีกเถอะค่าาาาา ไม่งงแต่ค้างค่าาาาา  :z3:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-05-2016 20:39:59
มันยังไม่จบเลยค่า ต้องต่อตอนไปอยู่ด้วยกันด้วยสิ กรีดร้อง  :z3:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 12-05-2016 22:23:59
อ่ะ จบแล้ว ? ............ เนื้อเรื่องน่ารักดีครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-05-2016 22:40:24
ต่อๆๆๆๆๆ น๊าาาา
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-05-2016 04:12:21
nc บ่อน้ำในห้องหล่ะ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 13-05-2016 06:37:37
น่ารักดีค่ะ แต่แอบสงสัยว่าทำไมน้องเงือกถึงรูปลักษณ์ต่างจากคนอื่น แล้วทำไมมีแม่ทัพคนเดียวที่ได้ยินเสียง น่าจะอธิบายเพิ่มนิดนึงน้า
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-05-2016 23:03:49
ตอนที่ 2
 
"ถ้าจะให้ข้าไปบ้านของฟารอส สู้ให้ข้านอนอยู่ในวังยังดีกว่า!" 

นั่นเป็นคำกล่าวองค์ราชาองค์ปัจจุบันให้นิยามกับบ้านหลังโตของแม่ทัพตัวเอง

เพราะถึงแม้บ้านของแม่ทัพฟารอสจะใหญ่โตก็จริง แต่ภายในบ้านกลับไม่มีอะไรที่พอจะเรียกว่าจรรโลงใจได้เลยแม้แต่น้อย การตกแต่งบ้านที่ดุดันและแข็งกร้าวตามวิสัยเจ้าของบ้าน สีที่เลือกใช้ส่วนใหญ่คือสีดำและสีแดง ของประดับตกแต่งยังเป็นรูปปั้นที่สร้างจากเหล็กกำลังถืออาวุธต่างๆ แม้แต่ภายในห้องนอนยังมีภาพที่มีรูปข้าศึกถูกแทงด้วยทวนของแม่ทัพสักคนของสายเลือดแห่งไฟ

เรียกได้ว่าหากเข้ามาในบ้านแม่ทัพแล้ว จะหาความบันเทิงใดๆ ไม่ได้เลย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นเยือกตลอดเวลา
ซึ่งสีหน้ากลัวๆ ของลัวร์น่าจะบ่งบอกของอารมณ์เจ้าตัวตอนนี้ได้ดี

"ท่านฟารอส ท่านจะให้ข้าอยู่ในห้องของท่านจริงๆ เหรอ" นักแต่งเพลงยิ้มแห้งๆ นั่งตัวลีบอยู่บนเตียงของแม่ทัพสายตาพยายามหาสิ่งที่พอจะเป็นมิตรกับความรู้สึกดูบ้างเพราะสิ่งของในห้องแต่ละอย่างล้วนส่งกลิ่นอายไม่น่าไว้วางใจสักนิด

ฟารอสที่กำลังถอดเสื้อตัวนอกอยู่เหลือบมองลัวร์ก่อนจะยิ้ม

"ข้าจ้างเจ้ามาสร้างความบันเทิงให้กับข้า เจ้าก็ต้องอยู่ในห้องของข้าสิ"

เพราะลัวร์ในเวลานี้เป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวของแม่ทัพฟารอส การเอาไว้ใกล้ๆ ตัวจึงเป็นเรื่องที่ท่านแม่ทัพคิดว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ

ลัวร์กลืนน้ำลายดังเอือกเมื่อเห็นรูปภาพที่ประดับในห้องนอนของท่านแม่ทัพ มือลูบขนแขนที่ตั้งชันอย่างไม่ทราบสาเหตุเบาๆ

"ท่านบอกว่าจะสร้างบ่อน้ำให้ข้า นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?"

"สายเลือดแห่งไฟไม่เคยผิดคำพูด ลัวร์" ราวกับยืนยันคำพูด นัยน์ตาสีเพลิงลุกวาวเมื่อสบตากับเงือกหนุ่ม 

ซึ่งคนมองกลับตีความไปอีกแบบคิดว่าอีกฝ่ายไม่พอใจในคำถามของตนเอง "ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ท่านฟารอส"

"เรียกข้าแค่ฟารอสก็พอ" กล่าวสั้นๆ ด้วยแววตาที่อ่อนลง "ไม่ต้องห่วง อีกสองวันจะมีเตียงสำหรับเจ้าเพิ่มขึ้นมาในห้อง"

"ไม่สิ เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น" เงือกหนุ่มสบถเบาๆ กับตัวเอง "แล้วคืนนี้ท่านจะให้ข้านอนเตียงเดียวกับท่าน?"

ฟารอสขมวดคิ้วมุ่น

"แน่สิ ข้าไม่ให้เจ้านอนพื้นหรอกนะ"

"ท่านไม่มีห้องพักสำหรับนักดนตรีเหรอ ฟารอส แล้วยังจะให้ยังจะให้ข้านอนเตียงเดียวกับท่านอีก อีกอย่างบุคคลที่ควรละร่วม

เตียงกับท่านต้องเป็นภรรยาท่านสิ ไม่ใช่ข้าที่เป็นนักดนตรีประจำบ้านท่าน!" ลัวร์สะดุ้งเฮือกรีบปิดปากที่เผลอพูดความในใจของตัวเองออกมาจนหมด

แม่ทัพหนุ่มได้ฟังก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม "ข้าไม่มีภรรยา"

คำตอบที่ได้ยังคงตอบไม่ตรงประเด็นเเช่นเดิมจนลัวร์เริ่มรู้สึกว่าเขาโชคดีจริงๆ งั้นเหรอที่มาอยู่บ้านแม่ทัพซื่อบื้อนี่

"อีกไม่นานท่านก็คงจะมีแล้วภรรยาท่านจะคิดยังไงถ้าท่านเคยมีชายนอนร่วมเตียง" ลัวร์ตอบด้วยสีหน้าเริ่มจะบูดบึ้ง ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่รั้นไม่น้อยไม่เช่นนั้นคงจะไม่กล้าออกมาอยู่ในเมืองมนุษย์คนเดียวแบบนี้

"คงจะคิดว่าข้าเป็นคนขี้เหงา" ฟารอสตอบย่างไม่ใส่ใจและทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างแต่ไม่กว้างพอสำหรับแม่ทัพร่างโตกับนักแต่ง
เพลงในวัยฉกรรจ์ ทำให้ลัวร์ต้องย้ายตัวเองไปนั่งขอบเตียงมองแม่ทัพด้วยแววตาขุ่นเคือง

"ข้ากำลังจะบอกท่านว่า ท่านควรจะมีห้องนอนให้ข้าไม่ใช่ให้ข้านอนเดียวกับท่าน"

เวลาที่ล่วงเลยไปเกือบค่อนคืนทำให้แม่ทัพหนุ่มหาวหวอดดึงผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเตียงมาห่มโดยไม่ลืมเหลือไว้ให้ครึ่งนึงให้กับเพื่อนร่วมเตียง

"ปัญหาเยอะจริง เจ้าก็เป็นภรรยาข้าไปเลยสิ"

เงือกหนุ่มสะดุ้งกับคำตอบหน้าแดงซ่าน

"ท่านจะบ้ารึไง ข้ามาสมัครเป็นนักดนตรีของท่านไม่ใช่ภรรยา หน้าที่ของข้าก็คือร้องเพลงแต่งเพลงให้ท่านฟังในเวลาว่างของท่าน"

เสียงที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจระคนประหม่าทำเอาเจ้าของห้องหัวเราะในลำคอเบาๆ 

"เจ้าน่าจะอยู่ในเมืองนี้ได้ไม่นาน น่าจะไม่รู้เรื่องของตระกูลข้า"

ลัวร์เลิกคิ้วอย่างสนใจ "เรื่องอะไร?" 

"เจ้าก็คงจะเห็นว่าในบ้านของข้ามันน่าเบื่อขนาดไหน"

เงือกหนุ่มพยักหน้าตามอย่างไม่ต้องคิด 

นอกจากน่าเบื่อแล้วยังน่ากลัวมากด้วย 

แอบเติมประโยคที่คิดไว้ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะเกรงว่าจะถูกเจ้าของบ้านบั่นคอเอา

"สายเลือดแห่งไฟเป็นตระกูลที่คอยปกปักษ์รักษาแผ่นดิน หากมีไม่มีพลังที่มากเพียงพอเกรงว่าแม้แต่เมืองสักเมืองยังปกป้องไว้ไม่ได้" ฟารอสยิ้มบางเมื่อรู้สึกคล้ายกับมีเสียงของบางสิ่งหัวเราะกับเรื่องที่เขากำลังจะเล่า "ตระกูลข้าจึงเลือกที่จะแลกเปลี่ยนพันธะสัญญากับปีศาจมังกรไฟตนหนึ่ง มันตกลงที่จะให้พลังของมันกับบุตรชายทุกคนที่เกิดขึ้นมาในตระกูลข้า แต่สิ่งที่พวกข้าต้องแลกคืออารมณ์ที่ควบคุมได้ยาก บ่อยครั้งที่ในตระกูลข้าเกิดเรื่องสลดจากการพลั้งมือฆ่ากันเอง เจ้าจะเห็นว่านอกจากคนรับใช้ในบ้านข้า เจ้าแทบจะไม่เห็นใครเลย นั่นแหละเป็นผลของการที่พ่อของข้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ โชคดีที่ข้ากับท่านแม่ไปทำธุระพอดี"

"ข้าเสียใจด้วย" ลัวร์กล่าวเบาๆ 

"ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เจ้าเบื่อ" แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึ "เอาเถอะ ที่ข้าพูดมานั่นก็แค่พูดให้เจ้าเข้าใจเท่านั้น ว่าสายเลือดของข้าจะควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก สาเหตุที่ท่านพ่อข้าพลั้งมือฆ่าคนก็เรื่องหึงหวงแม่ของข้าจนเกินเหตุ แค่วันนั้นแม่ของข้าไปช่วยประคองชายรับใช้ที่เป็นลมก็เท่านั้นเอง"

เงือกหนุุ่มไม่ได้พูดอะไรรับฟังเงียบๆ

"หลังจากนั้นบ้านของข้าก็ถูกทาสีใหม่เป็นสีดำกับสีแดงทับคราบเลือดที่ล้างไม่ออกพวกนั้น ของประดับตกแต่งที่พวกเจ้าเห็นก็มีแต่มรดกตกทอดที่เอามาตกแต่งพอเป็นพิธีเพราะในบ้านข้าแทบไม่เหลือคนรับใช้ที่คอยทำความสะอาดแล้ว หึหึ ใครล่ะ จะอยากรับใช้แม่ทัพที่ฆ่าคนในบ้าน?" 

คล้ายกับเป็นคำถามแต่ลัวร์รู้ดีว่าฟารอสไม่ได้ต้องการคำตอบ

"ไม่ต้องเห็นใจข้าเพราะข้าไม่ได้พูดอะไรยาวๆ ให้เจ้าสงสาร สิ่งที่ข้าอยากบอกก็แค่สายเลือดของข้าหากได้ลุ่มหลงในตัวใครแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้และเจ้าก็เป็นคนที่โชคดีคนนั้นพอดี"

"ท่านแค่ลุ่มหลงเสียงของข้าเท่านั้น" ลัวร์ทักท้วง

"รู้อะไรไหม ลัวร์ ทำไมข้าถึงทำให้บ้านหลังนี้ดูน่าเบื่อนัก" ฟารอสลืมตาขึ้นจ้องมองเงือกหนุ่มด้วยสายตาที่แทบจะแผดเผาเงือกหนุ่มให้ละลาย "ข้าก็แค่รอให้มีสิ่งที่ข้าถูกใจ ข้าจะได้ให้ความสำคัญกับมันที่สุด!" พูดจบก็แกล้งโถมตัวเข้าหาลัวร์

นักแต่งเพลงที่สติปัญญาความนึกคิดหายไปตั้งแต่คำว่าเจ้าเป็นคนที่โชคดีคนนั้นพอดีเพิ่งได้สติตอนถูกจับแขนก็สะดุ้งสุดตัวรีบแกะออกแต่ก็ทำไม่ได้

ข้าต้องฝันอยู่แน่ๆ มันไม่ใช่ความจริง!

ลัวร์คิดซ้ำไปซ้ำมาในหัว ทั้งๆ ที่หน้าแดงก่ำ

"ท่าน ท่านหมายความท่านลุ่มหลงข้า แล้วยังจะให้ข้าเป็นภรรยาท่านอีก!?"

อุทานออกมาเสียงดัง

แม่ทัพหนุ่มยอมปล่อยแขนลัวร์ออกแล้วหัวเราะกับท่าทีตกตะลึงจนเกินเหตุของลัวร์ นัยน์ตาที่ไม่ฉายแววอ่อนโยนกับใครมานานในเวลาปรากฎขึ้นกับลัวร์ "นอนเถอะ ข้าก็แค่แกล้งเจ้าเล่นเท่านั้น แต่ถ้าหากเจ้ายอมให้มันเป็นเรื่องจริง ก็คงทำให้ข้าดีใจไม่น้อย"

สมองของลัวร์คล้ายกับถูกทำลายทำเอาเจ้าตัวนั่งงุนงงกับคำพูดท่านแม่ทัพไปสักพักใหญ่ๆ "เดี๋ยวท่านแม่ทัพฟารอส ท่านกำลังเล่นอะไรอยู่!"

แต่น่าเสียดายที่ท่านแม่ทัพเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว....

เงือกหนุ่มยีหัวตัวเองหงุดหงิดสบถใส่หูฟารอส

"ข้าควรจะดีใจจริงๆ ใช่ไหม ที่ได้มาอยู่บ้านท่าน!"

--------------

ตอนแรกว่าจะไม่ต่อ  :ruready
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-05-2016 10:19:54
แหม่ ฟารอสนี่เคลมไว

ขอซํก 3-4 ตอนก็ได้ค่า พลีสสสสสสสสสสสสสสสส

อยากเห็นบ่อน้ำในบ้านจริงๆ

แต่คนรับใช้คนนั้น ถ้าเจอเงือกจะไปบอกใครไหมนะ?
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 16-05-2016 21:25:42
มาต่ออ่ะ น่ารักจังค่ะคนเขียน ขอกอดหน่อยยย
ขอสักสามสี่ตอน ตอนพิเศษอีกตอน สเปเชียลอีกตอน ตอนงานเทศกาล งานฉลอง งานแต่งงาน โมเม้ยน่ารักนิดหน่อย แค่นี้พอค่ะ /ยิ้มไสยๆ
รักคนเขียนน้าาาา เค้าล้อเล่น5555
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-05-2016 02:23:59
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 18-05-2016 23:03:06
ดีใจที่มาต่อน้า :man1:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Nam-Ing ที่ 20-05-2016 18:46:01
3-4 ตอนเถอะคะคนเขียน น้าๆๆๆๆ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 20-05-2016 20:32:22
เอ๋...รอค่ะ 555
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-05-2016 21:33:18
ขอบคุณที่มาต่อค่า
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-05-2016 00:30:11
ดีใจที่มาต่อ แลดูลัวร์น่าจะจัดการฟาคอสอยู่หมัด ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-05-2016 21:44:14
ต่อเลยๆๆๆๆ รออ่านต่อแล้วล่ะ//ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 28-05-2016 07:18:16
ต่อเถอะค่ะ เราชอบเรื่องนี้มาก plz  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-08-2016 23:36:23
ตอนที่ 3

สุดท้ายลัวร์ก็ต้องยอมนอนร่วมเตียงกับท่านแม่ทัพหน้ามึนด้วยความไม่เต็มใจนัก จะว่าเพราะเกรงใจก็ดีเพราะในตอนนี้ฟารอสก็กลายเป็นเจ้านายของเขาไปแล้ว อะไรที่พอจะทำใจทำได้ก็ทำๆ ไปเถอะ

เงือกหนุ่มคิดอย่างนั้นก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มและเผลอหลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว ลมหายใจที่ถี่กระชั้นเนื่องจากความประหม่าค่อยๆ กลับมาสม่ำเสมอพร้อมกับตัวที่หายเกร็ง

แต่สิ่งที่ลัวร์คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

ภายในความมืดมิดปรากฎรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของแม่ทัพหนุ่มผู้ชาญศึก ร่างนักรบค่อยๆ รวบตัวเงือกหนุ่มเข้ามาหาตัวเองอย่างเบามือ กระชับผ้าห่มขึ้นมาถึงอกและโอบเอวไว้หลวมๆ

"เจ้าอยู่ในบ้านข้าเจ้าก็ต้องเป็นของข้าสิ" ฟารอสหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะปล่อยให้ความเงียบโรยตัวปกคลุมและหลับจริงๆ ไปในที่สุด
 

จ๋อม

ลัวร์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังล่องลอยอยู่ในน้ำเย็นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเพราะถูกความง่วงเอาชนะได้ซะก่อน จึงนอนนิ่งๆ ไม่ใส่ใจ

จ๋อม

เสียงน้ำดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือหยาบๆ นวดหัวอย่างเบามือแต่อีกมือนั้นกลับกำลังลูบที่ไหล่จนรู้สึกจั๊กจี้จนต้องหลุดหัวเราะออกมา

"เจ้าบ้าจี้งั้นเหรอ" เสียงทุ้มต่ำกระซิบเย้าแหย่ข้างหูเงือกหนุ่มที่ยังกอดความง่วงไว้อย่างเหนียวแน่น

"..."

"ข้าอยากเห็นหางเจ้าอีก เอามันออกมาให้ดูหน่อยสิ"

"..."

"ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นแล้ว ลัวร์"

"ท่านก็รู้นี่ว่าข้าตื่นแล้ว ท่านก็ช่วยปล่อยมือท่านจากตัวข้าสักที!" ลัวร์เลิกแสร้งทำเป็นหลับถลึงตามองแม่ทัพที่ดูจะไม่ใช่คนน่าเกรงขามอย่างที่เคยคิดไว้

ฟารอสตีสีหน้าเฉยชาทำหูทวนลมขณะที่มือยังแกล้งลูบผ่านหน้าอกเปลือยๆ ของนักแต่งเพลง

ลัวร์ชะงักค้างหน้าแดงซ่าน อ้าปากคล้ายจะด่าแม่ทัพหนุ่มแต่ก็ด่าไม่ออก เพราะทั้งฐานะที่เป็นเจ้านายและเจ้าของบ้านยังค้ำคอเอาไว้ ได้แต่กระชากตัวแรงๆ ออกจากพันธนการท่านแม่ทัพมาตั้งหลักในอีกฟากของบ่อน้ำ

ซึ่งการกระทำของลัวร์นั้นก็น่าจะไปกระตุ้นบางสิ่งในตัวฟารอส

น้ำในบ่อที่เคยเย็นเฉียบค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิขึ้นมาฉับพลัน

"ข้าพาเจ้ามาอาบน้ำเพราะอยากเห็นหางเจ้าอีก" แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงหนัก สาวเท้าลุยน้ำเข้าไปหาลัวร์นั่งตัวลีบอยู่ริมห้อง

"หาง หางข้ามันก็เหมือนหางปลานั่นแหละ ท่านอยากเห็นก็ไปซื้อปลามาเลี้ยงไป" ลัวร์หน้าซีดเผือดเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกับแม่ทัพมีเพียงผ้าเช็ดตัวเป็นส่วนล่างของร่างกายและรู้สึกอยากตะกายหนีออกจากห้องให้รู้แล้วรู้รอดแต่ทำไม่ได้เพราะห้องนี้เหมือนจะเป็นห้องไว้สำหรับแช่น้ำโดยเฉพาะมีทางเข้าทางเดียวซึ่งตอนนี้ท่านแม่ทัพก็กำลังยืนบังมันมิด

ทำให้ลัวร์ได้แต่กู่ร้องในใจ

ท่านแม่ช่วยข้าด้วย ฮือๆ 

"ในเมื่อข้าก็เรื่องปลาอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องไปซื้อมันอีกล่ะ?" ฟารอสยิ้มมุมปากเจ้ามองลัวร์ตรงๆ แววตาพราวระยับแม้สีหน้ายังคงเฉยชา

ลัวร์รับรู้และเข้าใจถึงสายตาของฟารอส อายุอารามที่เกือบจะเบญจเพศทำให้รู้ในสิ่งที่ฟาคอสคิดกับตนเองทันที "ข้าเป็นเงือกและสมัครเป็นนักแต่งเพลงของท่าน ไม่ใช่ภรรยาท่าน" แต่ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงที่กล่าวออกไปนั้นเบาเหลือเกิน

ฟารอสแค่นเสียงขึ้นหึ

"ข้าชอบเจ้า"

"ท่านก็แค่ลุ่มหลงในเสียงของข้าเท่านั้น ท่านฟารอส งั้น งั้นท่านให้ข้าร้องเพลงสิ" เงือกหนุ่มพยายามหาข้ออ้างต่างๆ นานามาช่วยเหลือตนเอง

ฟารอสหน้าบูดบึ้งเมื่อคำหวานที่นานครั้งจะหลุดออกจากปากตัวเองถูกลัวร์ปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อไย

"เสียงเจ้าข้าก็ชอบ ตัวเจ้าข้าก็ชอบ เจ้าต้องการให้ข้าชอบอะไรเจ้าอีก"

ลัวร์อ้าปากค้างคาดไม่ถึงกับคำสารภาพของคนที่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงสองวันเต็ม

"ท่านบ้าไปแล้ว ท่านฟารอส แค่ฟังเสียงข้ากับใบหน้าข้า ท่านจะลุ่มหลงอะไรมากมายขนาดนั้น" นักแต่งเพลงพยายามก้าวถอยหลังก็พบว่าข้างหลังตนเองนั้นเป็นกำแพง

จึงได้แต่จำยอมเผชิญหน้ากับฟารอส ตัดสินใจคุยให้รู้เรื่องให้จบๆ ไป

"ท่านต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าท่านจะไม่ทำอะไรข้าถ้าข้าเอาหางออกมา" ลัวร์พยายามเสนอข้อตกลงแม้ว่าพยายามหดคอหนีฟารอสที่แกล้งก้มหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

"ทำไมข้าต้องสัญญาในเมื่อข้าเป็นนายของเจ้า?"  ฟารอสถามเสียงหยอกเย้าจนลัวร์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดไปว่าแม่ทัพฟารอสเป็นคนซื่อบื้อ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเป็นคนที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวขนาดนี้!

ไอ้ตอนที่อยู่ในห้องนั้นมันหลอกลวงข้าชัดๆ! 

ลัวร์คิดอย่างตื่นตระหนกมองฟารอสด้วยความหวาดระแวง 

ฟารอสเห็นสายตาหวาดระแวงก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กๆ ในอกจึงยอมตกลงกับข้อตกลงไร้สาระของนักแต่งเพลงหนุ่มที่ดูจะทำเขาขาดทุนซะเหลือเกิน สายตาเหลือบมองหน้าต่างช่องเล็กก็พบว่าเห็นแสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาแล้ว

ช่วงเที่ยงต้องเข้าวัง แต่.. ข้าไม่อยากไป

คิดประมวลผลเพียงไม่ถึงนาทีแม่ทัพก็ตัดสินใจได้ทันที

"ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าถ้าเจ้าเอาหางเจ้าออกมาให้ข้าดู"

แต่ถ้าเจ้าเก็บหางเมื่อไหร่ก็นับเป็นโอกาสของข้า...

แม่ทัพคิดเงียบๆ ในใจปั้นหน้าจริงจัง

ข้าตัดสินใจแล้ว วันนี้ต้องเป็นวันหยุดของข้าและใครก็ขวางข้าไม่ได้ทั้งนั้น!

"ท่านพูดแล้วนะ ฟารอส" ลัวร์พ่นลมหายใจออกมา ไม่ใช่เพราะความโล่งอกแต่เป็นความประหม่าที่อัดแน่นในตัว "แต่ท่านช่วยถอยออกไปได้ไหม? นี่มันใกล้เกินไปแล้ว"

ฟารอสพยักหน้าไม่พูดอะไร สายตาจับจ้องขาขาวๆ ของลัวร์ไม่วางตา
 
เงือกหนุ่มเมินสายตานั่น ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นบ่อที่ไม่ลึกนัก น้ำจมอยู่ในระดับอก และปล่อยให้ขาทั้งสองข้างแปรเปลี่ยนเป็นหางเงือกดังเดิมอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จก็ยกขึ้นมาและตีน้ำจนเบาๆ ให้ท่านแม่ทัพที่เคารพเห็น 

"พอใจท่านรึยัง?" ลัวร์ถามเบื่อๆ มองหางตัวเองด้วยความรู้สึกคิดถึง

ครั้งที่ตอนที่ยังอยู่ที่นั่น เขาแทบจะดำรงชีวิตด้วยหางเงือกนี่มาเกือบตลอดเวลา หากแต่ตอนที่ต้องเข้าเมืองไปอยู่ในเมืองมนุษย์นั้นต่างกันออกไป เขาแทบไม่ได้คืนร่างเป็นเงือกด้วยซ้ำนอกจากเวลาอยู่ในอ่างนั่น

คนเป็นแม่ทัพไม่ตอบทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และยกมือลูบมันอย่างเพลินมือ นัยน์ตาสะท้อนภาพลัวร์ที่หน้าแดงๆ เก้อเขินทำตัวไม่ถูก

"ท่านไม่เคยจับเกล็ดปลารึไง ถึงมานั่งลูบหางข้าแบบนี้" ลัวร์บ่นมองมือหนาๆ นั่นอย่างตำหนิ หากคนที่ลูบอยู่ไม่ใช่แม่ทัพที่เพิ่งกระทืบชายฉกรรจน์นั่นจนแทบกระอักเลือดตายเขาคงเอาหางฟาดหน้าสักรอบสองรอบ ข้อหาจับร่างกายของคนอื่นโดยพลการ

"ไม่เคยจับหางเงือก" ฟารอสยิ้ม "เจ้าจั๊กจี้งั้นเหรอ"

"ไม่ ข้าไม่จั๊กจี้หรือรู้สึกอะไรทั้งนั้น" เงือกหนุ่มกลอกตาเมื่อเจอคนคิดไปเอง "ข้อตกลงสำเร็จแล้ว ท่านเห็นหางข้าแล้วฉะนั้นท่านก็รีบๆ ขึ้นจากบ่อแล้วก็ไปทำงานสักที" 

ความเกรงใจในตัวแม่ทัพเริ่มหายไปทำให้ลัวร์พูดอย่างไม่เกรงกลัวอะไรอีก 

"วันนี้วันหยุด" ฟารอสพูดปดหน้าตาเฉยในหัวปรากฏภาพนายของตัวเองที่กำลังบ่นกระปอดกระแปดในห้องอาหารเพราะไม่มีเขาคอยอารักขาข้างกายเช่นทุกวัน 

"จะอะไรก็เถอะ ท่านช่วยขึ้นไปสักทีเถอะหรือไม่ก็เอามาชุดมาให้ข้าเปลี่ยนสักที ข้าเบื่อบ่อน้ำนี้แล้ว" 

แม่ทัพหนุ่มยิ้มกริ่ม "เจ้าจะอายอะไรข้าอีก คิดว่าอยู่ดีๆ เสื้อผ้าของเจ้ามันหายไปได้รึไง? หึ"

ลัวร์พ่นลมหายใจเซ็งๆ แก้มขึ้นสี "ท่านนี่มันจริงๆ เลย ข้าไม่ใช่หมานะที่จะมาจับอาบน้ำพร้อมเจ้าของ" 

"ข้าปลุกเจ้าแล้ว แต่เจ้าไม่ยอมตื่น"

"สรุป ข้าผิดใช่ไหม" ลัวร์หน้าบูดสะบัดหางออกจากมือฟารอส "อย่างที่ข้าบอก ข้าไม่ใช่ภรรยาท่าน แต่เป็นนักแต่งเพลง ถ้าท่านอยากได้เพลงประจำตัวท่านก็ขอเวลาข้าสักอาทิตย์ข้าจะแต่งให้ทั้งเนื้อทั้งทำนองเลย"

แต่ทันทีที่หางหลุดออกจากมือ แม่ทัพก็เปลี่ยนเป็นจับมือไว้แทน นัยน์ตาสีเพลิงจ้องเงือกหนุ่มคล้ายกับจะเผาผลาญให้เป็นจุลตรงหน้า "ข้าชอบเจ้า ลัวร์ เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าหาของถูกใจยากขนาดไหน.." 

หากแต่ไฟที่เผานั้นไม่ใช่ไฟแค้น...

"เจ้าไม่ชอบข้าบ้างเหรอ"

คำถามตอบยากมาตามการคาดการณ์ของลัวร์

เงือกหนุ่มกลืนน้ำลายเอือก มือสั่นน้อยๆ หัวคิดประมวลผลอย่างหนัก หนักกว่าการแต่งเนื้อเพลงยากๆ สักท่อนซะอีก!

"ข้า.. ข้า"

ในหัวคล้ายกับขาวโพลนหาคำตอบมาตอบไม่ได้

"ชอบข้าสินะ" ฟารอสยิ้มพอใจและดึงตัวลัวร์เข้าไปกอดแน่นทั้งที

ลัวร์สะดุ้งเฮือกพยายามดันตัวหนาๆ ของแม่ทัพออก หางทั้งเตะทั้งตีน้ำพยายามพาร่างตัวเองออกจากพันธนการจากพวกสายเลือดแห่งไฟ ตัวของฟารอสนั่นอุ่นมากจนทำเอาเงือกอย่างเขารู้สึกร้อนผ่าวๆ ไปทั้งตัวทั้งๆ ที่อยู่ในน้ำ

"ข้าไม่ได้ชอบท่าน ท่านเข้าใจผิดแล้ว" นักแต่งเพลงพยายามโวยวายในหัวก็ยังวกวนอยู่เรื่องเดิมว่าตนเองน่าจะชอบอะไรในตัวท่านแม่ทัพสายเลือดแห่งไฟนี่บ้าง

หน้าตาอาจจะดูหล่อก็จริงแต่เขาก็ไม่ใช่คนที่สนใจกันที่หน้าตาและแน่นอนว่าไม่ใช่ที่เสียงด้วย!

แต่ประเด็นใหญ่ๆ ที่สำคัญมากคือ

"ท่านแม่ทัพที่เคารพของข้า ข้ากับท่านเพิ่งเจอกันเองนะ! ท่านจะชอบข้ามันก็เรื่องของท่าน แต่ท่านจะมาทำเรื่องแบบนั้นทั้งๆ ที่ข้าไม่ยินยอมไม่ได้"

ลัวร์กระซิบหูแม่ทัพหนุ่มร่ายยาวเหยียวถึงสิ่งที่ตัวเองคิด

ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่ยอมโดนท่านแม่ทัพนี่กินแน่! ถ้าท่านแม่รู้ว่าข้าโดนมนุษย์จับกินตั้งแต่สองวันแรกที่รู้จักกันคงไม่วายเอ็ดข้าจนหูชา 

"เจ้าชอบข้า ข้ารู้" แม่ทัพกระซิบตอบ

ทำเอาเงือกหนุ่มอยากตะโกนใส่หน้าดังๆ ว่า บ้านท่านสิ!! แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดเพราะแขนฟารอสยังพันธนการไว้เหนียวแน่นมาก 

"แล้วแต่ท่านแล้วกัน ฟารอส แต่คำตอบของข้าก็คือ ข้ายังไม่ได้ชอบท่าน อาจจะรู้สึกดีด้วยบ้างก็จริง แต่นี่มันไวเกินไปสำหรับข้าที่จะต้องรักใครสักคน" 

โดยปกติสำหรับเงือกแล้วเวลาจะเลือกคู่ชีวิตค่อนข้างที่จะใช้เวลาดูใจกันนานเพราะในการตั้งท้องของเงือกนั้นไม่เหมือนมนุษย์ที่ใช้เวลาแค่ไม่ถึงปีแต่เป็นสองปีเต็มๆ

ไม่แน่ใจเพราะสายเลือดเงือกในตัวหรืออะไรที่ทำให้ลัวร์สามารถพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว

มือเหนียวๆ ปล่อยออกจากตัวลัวร์อย่างช้าๆ 

เงือกหนุ่มยิ้มออกทันทีแต่พอเห็นใบหน้าเหงาหงอยติดจะเสียดายของฟารอสก็ยิ้มมากกว่าเดิม

"เห็นแก่เจ้า"

สีหน้าแม่ทัพกล้ำกลืนฝืน

"หวังว่าข้าจะชอบท่านไวๆ แล้วกัน" ลัวร์ยิ้มจนตาหยีตอบ

แม่ทัพสายเลือดแห่งนี่อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด..
 

------------

 :m22:
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Bsky ที่ 05-08-2016 02:59:32
เข้าแถวรอด้วย
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-08-2016 06:19:13
รอตอนต่อไปค่ะ ลัวร์อย่าแกล้งท่านแม่ทัพนักเลย...
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-08-2016 15:14:18

"ในเมื่อข้าก็เรื่องปลาอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องไปซื้อมันอีกล่ะ?" ฟารอสยิ้มมุมปากเจ้ามองลัวร์ตรงๆ แววตาพราวระยับแม้สีหน้ายังคงเฉยชา

อันนี้ประหลาดๆ*


******

คิดถึงฟารอสสสสสสส คิดถึงหนูลัวร์ น่ารักจัง  :hao7: (เงือกตัวผู้ตั้งท้องได้เหรอคะ?? ลูกผสมระหว่างเงือกกับมนุษย์ธาตุไฟคืออะไร??)

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 07-08-2016 00:17:39
ท่านแม่ทัพต้องวางแผนอะไรไว้อีกแน่ โดนจับกินแน่ๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-09-2016 11:17:26
 :katai5:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 28-09-2016 00:07:43
ทำไมเราพึ่งจะมาเจอเรื่องเนนนนนน้
ชอบอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-09-2016 12:48:51
โอ้น่าสนใจมาก
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 26-10-2016 21:27:57
รอเวลาที่ปลาจะโดนกิน  :hao6:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 4 24/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 24-12-2016 23:25:34
ตอนที่ 4

"ร้องเพลงให้ข้าฟังหน่อยสิ"

แม่ทัพหนุ่มยิ้มขณะที่เท้าคางมองลัวร์ที่กำลังนั่งแต่งเพลงอย่างขะมักเขม้น 

"ข้าก็ร้องไปแล้วไง ท่านจะอยากฟังอะไรบ่อยๆ" เงือกหนุ่มหันมาจ้องตาเขียวใส่แม่ทัพหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ 

ข้าเคยอยากคุยกับคนที่ได้ยินเสียงข้านะ แต่ไม่ใช่กับแม่ทัพฟารอสบ้าบอคอแตกนี่!

"ร้องอีกสิ" ฟารอสยังคงดื้อดึง รู้สึกสนุกกับการหยอกใบหน้าน่ามองนั้นบูดบึ้ง นับเป็นความเพลิดเพลินที่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างในชีวิตอันน่าเบื่อของฟารอส ซึ่งเจ้าตัวก็รู้สึกชอบมันมากๆ ด้วย

"ข้าไม่ร้อง! ท่านอย่าเพิ่งชวนข้าคุยสิ ข้ากำลังเขียนเนื้อเพลงนั้นให้เจ้านายท่านอยู่นะ"

ลัวร์ยังไม่ลืมสิ่งที่ราชาสั่งไว้เรื่องการส่งเนื้อเพลงตอนเช้า แต่นี่มันจะเที่ยงแล้วด้วย!

ยิ่งคิดลัวร์ก็ยิ่งหงุดหงิดจนหน้าบูดบึ้ง

"เพราะท่านนั่นแหละที่มัวแต่อ้อยอิ่งอยูู่๋ในห้องน้ำ ข้าถึงส่งตอนเช้าไม่ได้!" ลัวร์ในตอนนี้ลนลานจนมือที่จับดินสอสั่นไปหมด   

"กลัวอะไรกับราชางี่เง่านั่น เจ้าอยู่กับข้าไม่ต้องกลัวเจ้านั่นหรอก" ฟารอสพูดเรียบๆ รับรู้ถึงความกลัวของลัวร์ดี ใบหน้าคมคายเริ่มขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์

"เจ้าไม่กลัวแต่ข้ากลัว" ลัวร์บ่นงึมงำกับตัวเองแต่น่าเสียดายที่ฟารอสได้ยิน

หมับ

มือที่จับดินสอถูกมือหนารวบจับแน่นจนรู้สึกเจ็บ ลัวร์สะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือด ในหัวนึกถึงเรื่องที่แม่ทัพหนุ่มเล่าให้ฟังเมื่อคืนก็ยิ่งทำให้ใบหน้าซีดเผือดมากขึ้นไปอีก 

นี่ข้ากำลังจะโดนฆ่าหมกบ้านใช่ไหม!

ลัวร์กู่ร้องในใจ

"เจ้าไม่ต้องส่งเนื้อเพลงแล้ว ให้ไอ้ราชาบัดซบนั่นไปหาเพลงเอาเอง!" สีหน้าของฟารอสถมึงทึง สิ่งที่ทำให้ฟารอสหงุดหงิดคือลัวร์ที่กำลังสนใจคนอื่นมาตนเองซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่สายเลือดแห่งไฟที่ขึ้นชื่อด้านความหึงหวงยอมไม่ได้!

ฟารอสรู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เลือดในกายร้อนผ่าวจนทำให้ร่างทั้งร่างร้อนระอุไปหมด

"กะ.. ก็ได้ ท่านคุยเองนะ ข้าไม่คุย" ลัวร์ยิ้มแหยเหงื่อแตกผลั่ก มือของฟารอสร้อนสมเป็นสายเลือดแห่งไฟจริงๆ 

นี่คือความรู้สึกของปลาที่กำลังถูกย่างใช่ไหม?

อารมณ์หึงของแม่ทัพหนุ่มยังคุกรุ่นและไม่มีทีท่าจะมอดลงง่ายๆ

"เอ่อ.. ท่านอยากฟังข้าร้องเพลงใช่ไหม เดี๋ยวข้าร้องให้ฟัง" อารมณ์หงุดหงิดของลัวร์หายไปทันตาเห็น พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพื่อให้แม่ทัพที่กำลงจะกลายเป็นกองไฟไหม้ทุกอย่างอารมณ์เย็นลง

"ไม่" ฟารอสสบนัยน์ตาที่โชติช่วงกับนัยน์ตาสีอ่อนของลัวร์ "ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าไม่ต้องมีเตียงของเจ้าแล้ว นอนกับข้าไปเนี่ยแหละ จะได้ไม่ต้องไปคิดเรื่องคนอื่นอีก!"

พูดไม่พอรวบตัวลัวร์ที่นั่งข้างๆ มานั่งบนตักตัวเองอย่างหึงหวง

จากหน้าซีดเผือดกลายเป็นแดงซ่าน

"ฟารอส ข้ามาสมัครเป็นนักดนตรีไม่ใช่ภรรยาท่าน!!!" ลัวร์พยายามขัดขืนสุดชีวิต

"มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ เป็นภรรยาข้ามันไม่ดีตรงไหน? ข้าเป็นแม่ทัพ ข้ามีสายเลือดแห่งไฟ ยังไงเจ้าก็มีแต่ได้กับได้ ขนาดราชางี่เง่านั่นที่เจ้าพูดถึงยังไม่กล้าด่าข้าตรงๆ ด้วยซ้ำ!" ฟารอสแทบจะกินหัวลัวร์ให้รู้แล้วรู้รอดเพราะรู้สึกว่าจะดื้อเหลือเกิน 

"ข้ารู้! ท่านให้เวลาข้าหน่อยสิ" ลัวร์หลับหูหลับตาตอบ 

ฟารอสยังคงหน้างอแต่จู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวจึงยิ้มออก

"ได้สิ"

เงือกหนุ่มกำลังจะโล่งอกถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดมาซะก่อน

"แต่เจ้าต้องให้ข้าจูบก่อน"

บัดซบ!!! 

"นี่มันให้เวลาข้าตรงไหน ท่านแม่ทัพฟารอส!" ลัวร์ดิ้นพล่านรับรู้ถึงสถานะความไม่ปลอดภัยของตัวเอง ในหัวคล้ายมีเสียงท่านแม่เอ็ดไม่หยุด "ลัวร์ ถ้าเจ้าไปอยู่เมืองมนุษย์ เจ้าต้องระวังพวกชายฉกรรจ์ให้ดีนะ มันชอบจับเงือกอย่างเราๆ ไปข่มเหง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม ยิ่งกับเจ้าที่มีใบหน้างดงามของข้าอีก" ในตอนนั้นลัวร์ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างขอไปทีเพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเอง!

จากความตื่นตระหนกเริ่มเปลี่ยนเป็นความกลัว

เงือกหนุ่มตัวสั่นเทาน้ำตาคลอ นี่เท่ากับว่าแม่ทัพฟารอสก็ไม่ต่างอะไรไปกับชายฉกรรจ์พวกนั้นเลยสิ!

ฟารอสขมวดคิ้วที่ร่างในอ้อมกอดตัวเองเงียบผิดปกติอีกทั้งยังนั่งนิ่งอย่างสงบเสงี่ยมด้วย มีแต่มือที่รวบไปจับที่สั่นเท่าจนรู้สึกได้

"ลัวร์.." แม่ทัพหนุ่มหมดอารมณ์แกล้งทันทีเช่นเดียวกับอารมณ์ขุ่นมัว

นี่ข้าแกล้งแรงเกินไปอย่างงั้นหรือ? ข้าก็แค่อยากทำอะไรที่มากกว่ากอดเท่านั้นเอง..

"…" ลัวร์ไม่ได้ตอบกอดตัวเองทั้งเนื้อตัวสั่นเทา ในหัวมีแต่ภาพที่ตัวเองถูกกดไว้บนพื้นกำลังจะถูกแม่ทัพหนุ่มย่ำยีไม่เป็นชิ้นดี

"ข้าพูดเล่น ข้าไม่ทำแล้ว" ฟารอสพูดเสียงเบาลูบผมสีฟ้าอ่อนนุ่มมือราวกับพยายามปลอบ "เจ้าไม่อยากจูบก็ไม่เป็นไร"

ลัวร์ยังคงนิ่งเงียบ การมาอยู่ในเมืองมนุษย์คนเดียวทำให้กลายเป็นคนที่ขี้กลัวมากกว่าที่ฟอรอสคิด ก่อนที่จะมาอยู่บ้านของฟารอสนั้นลัวร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหวาดระแวงว่าใครจะรู้ความลับของตัวเอง

แม่ทัพหนุ่มอาจจะสนุกกับแกล้งเงือกหนุ่มอย่างลัวร์แต่ลัวร์ไม่สนุกด้วย เพราะเงือกหนุ่มนั้นไม่สามารถต่อกรอะไรฟารอสได้แม้แต่นิดเดียวถ้าหากฟารอสคิดจะทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ

"เงือกอย่างพวกข้าก็เก่งแต่เรื่องร้องรำทำเพลงไปวันๆ" ลัวร์พูดขณะที่มองมือของตัวเองที่ถูกแม่ทัพหนุ่มจับไว้หลวมๆ "พวกเวทย์น้ำก็ใช้ได้ห่วยแตก ใช้ป้องกันตัวเองไม่ได้สักนิด ถ้าหากพวกข้าไม่อยู่ไกลจากพวกมนุษย์คงถูกจับไปทั้งเผ่าพันธุ์"

สีหน้าของฟารองเจื่อนลงทันตาเห็น รู้ถึงสิ่งที่ลัวร์พยายามจะสื่อกลายๆ

"ข้าขอโทษ"

"อืม" ลัวร์พยักหน้ารับเบาๆ "ปล่อยข้าสิ"

แม่ทัพหนุ่มทำตามอย่างว่าง่ายและเจี๋ยมเจี้ยมเพราะรู้ว่าครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายผิด ยอมปล่อยวงแขนออกจากเอวของลัวร์และมองตามลัวร์ที่ผลุดลุกขึ้นยืนอย่างเสียดาย

ให้ตายสิ ข้ายังกอดไม่หนำใจเลย

ฟารอสคิดเซ็งๆ เริ่มเข้าใจความรู้สึกของท่านพ่อที่ห่วงท่านแม่

ลัวร์หันหลับมายืนตรงหน้าแม่ทัพที่นั่งอยู่หนุ่มหน้าแดงซ่าน

"เห็นแก่ท่านที่ยอมปล่อยข้า"

เอื้อมมือไปดึงคอเสื้อฟารอสขึ้นส่วนตัวเองก็โน้มหน้าลงไปแนบริมฝีปากเข้ากับปากหนา 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าลัวร์ก็เริ่มรู้สึกดีกับฟารอสขึ้นมานิดๆ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยตัวเองง่ายดายขนาดนั้น เพียงเพราะเงียบและตัวสั่นเทา ฟารอสยังไม่ทันเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของเขาด้วยซ้ำไปเพราะเช็ดออกไปได้ทัน แต่อย่างไรก็ตามมันก็นับเป็นความประทับใจได้ไม่มากก็น้อย

มันเป็นจูบแรกของลัวร์ซึ่งลัวร์ก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจูบแรกของตัวเอง เขาจะเป็นคนเริ่มมัน

ทั้งความประสีประสาทั้งความนุ่มของริมฝีปากคล้ายกับฤทธิ์สุราสามารถมอมเมาให้ฟารอสลุ่มหลงจนตาพร่า พอเงือกหนุ่มจะรีบผละออกไปด้วยความเขินอาย ฟารอสก็รั้งคอเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเริ่มต้นสอนบทเรียนใหม่ให้กับลัวร์

การจูบแบบผู้ใหญ่..

ลัวร์อาจจะไม่ใช่จูบแรกของฟารอสแต่กลับเป็นคนแรกที่ทำให้ฟารอสใจเต้นกับจูบแบบเด็กๆ นั่น เมื่อเงือกหนุ่มยอมเผยอปากให้บุกรุกฟารอสก็ไม่รอช้าที่จะกวาดทุกอย่างข้างในอย่างกระหาย ทั้งๆ ที่ยังทำไปได้ไม่เท่าไหร่ลัวร์กลับเข่าอ่อนจนยืนไม่อยู่จนฟารอสต้องรวบเอวกลับมานั่งบนตักของตัวเองเป็นครั้งที่สอง

น่าแปลกที่ลัวร์กลับไม่ได้รู้สึกกลัวอย่างที่คิด

ฟารอสจูบต่อไปได้สักพักก็ผละออกมาแล้วยิ้ม

"ขอบใจ" 

"..?" ลัวร์ยังไม่ได้สติดีนัก ในหัวยังมึนๆ กับความหวานที่อวลในปาก 

แม่ทัพหนุ่มหัวเราะในลำคอ "นี่ลัวร์ เจ้ายังอยากได้บ่อน้ำอยู่รึเปล่า?"

ลัวร์กระพริบตาปริบส่ายหัว แทบไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าฟารอสพูดอะไร เห็นเพียงปากที่ขยับไปมาที่น่าจะพูดกับตัวเองอยู่ 

ฟารอสยิ้มจนปวดแก้มเมื่อเงือกหนุ่มที่แสนจะรั้นตอนนี้กลายเป็นปลาช็อคน้ำ เอาแต่นั่งนิ่งๆ งุนงงจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้สิ หน้าตาทั้งงุนงงทั้งเขินอายนั้นน่ารักเป็นบ้า จนฟารอสอดไม่ได้ที่จะแกล้งจูบเบาๆ อีกครั้ง

ได้ผล ลัวร์กลับมาได้สติหน้าแดงก่ำ

"จะ เจ้า!" ลัวร์ตัวสั่น

"ข้าเคยได้ยินว่าเงือกผู้ชายก็ตั้งท้องได้ นั้นจริงรึเปล่า?" คนเป็นแม่ทัพยังคงถามด้วยรอยยิ้ม ไม่แน่ใจเพราะอะไรจู่ๆ ก็นึกถึงนิทานปรัมปราสมัยเด็กที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเงือก เขาคิดว่ามันไม่มีจริงด้วยซ้ำจนกระทั่งมาเจอลัวร์ที่นั่งอยู่บนตักเนี่ยแหละ

ลัวร์หน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม

"จริงบ้าอะไร ไม่จริงสักนิด พวกมนุษย์ชอบคิดเป็นตุเป็นตะไปเองแบบนี้ทุกคนเลยรึไง พวกข้าก็เหมือนมนุษย์นั่นแหละเพียงแค่มีหางเป็นปลาเท่านั้นเอง"

อย่าบอกว่าไอ้แม่ทัพนี่คิดจะให้ข้าตั้งท้องให้!? บ้าไปแล้ว

เงือกหนุ่มคิดอย่างตื่นตระหนกแต่พอสบตากับฟารอสก็ยิ่งทำให้รู้สึกประหม่า

"ข้าหิวแล้ว เจ้าไม่หิวเหรอ" ลัวร์พยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่รู้จะรับมือยังไงกับสายตาที่มองมาอย่างเอ็นดูนั่น

"ก็หิว" ฟารอสยิ้ม "จะพาเจ้าไปกิน ถ้าเจ้าเอาหางปลาของเจ้าให้ข้าดูอีก"

ไม่แน่ใจเพราะอะไรเหมือนกัน ที่ทำให้ติดใจลัวร์ในร่างเงือกนักหนา 

ลัวร์แยกเขี้ยวใส่ "งั้นเจ้าก็แปลงเป็นมังกรบ้างสิ เจ้าทำพันธะสัญญากับมังกรไฟไม่ใช่เหรอ"

"สายเลือดข้าหยิบยืมแค่พลัง ไม่ได้รวมถึงร่างด้วย" ฟารอสยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าจนหนทางของลัวร์แต่พอกำลังจะพูดหยอกเย้าอีกคำสองคำ

ก็อก ก็อก

สีหน้าของฟารอสเหม็นเบื่อทันที

ไอ้ราชาบัดซบนั่น...

"ว่ามา!" ฟารอสตะโกนเสียงดังลั่นเป็นเชิงอนุญาต

"ท่านฟารอสขอรับ ท่านราชารับสั่งมาว่าให้ท่านไปอารักขาขอรับ!" 

ฟารอสกำลังจะรับปากว่าเดี๋ยวไปแต่พอมองเห็นสีหน้าเหมือนจะดีใจของลัวร์ก็เปลี่ยนใจทันควัน "บอกไปว่าวันนี้ข้าหยุดพักผ่อน! ถ้าหากไม่พอใจก็ไล่ข้าออก เพราะข้าไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว!"

"แต่ แต่ว่า"

"ถ้าเจ้าพูดอีกคำ อย่าหวังว่าจะออกจากที่นี้ได้" พูดไม่พอสะบัดมือเบาๆ ก่อให้เกิดไฟโลมเลียข้างเท้าคนสนิทของราชาทันที

"เหวอ!" ชายคนนั้นร้องลั่นมองไฟสีแดงก่ำที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาจากอากาศอันว่างเปล่าด้วยความหวาดกลัว ในหัวคิดประมวลชั่งใจระหว่างราชากับแม่ทัพว่าใครน่ากลัวกว่ากัน

ถ้าข้ากลับไปอย่างมากก็โดนด่าแล้วไล่ออก...

แต่ถ้าข้าตะโกนอีกคำ..

ฟู่ว..

เพลิงสีแดงก่ำลุกวาบแทบจะเผาเส้นผมคนสนิทของราชา

"จะราชาก็ราชาเถอะ ข้าไม่เอาด้วยแล้วโว้ย!!!" เขาร้องลั่นวิ่งออกจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ระหว่างโดนไล่ออกกับโดนเผาตายที่นี่แน่นอนว่าเขาเลือกอย่างแรกแน่นอน มิน่าตอนจะมาถึงได้มีคนมาตบไหล่แปะๆ ให้กำลังใจราวกับว่าเขากำลังจะไปรบในสงครามไม่กลับมายังไงยังงั้น!

ฟารอสกับลัวร์สบตากับแล้วหลุดหัวเราะกับเสียงอุทานไม่เป็นภาษา

"เจ้าทำอะไรเจ้านั่น?" ลัวร์มองดวงตาของฟารอสที่ดูแดงก่ำกว่าปกติ

"ก็เหมือนไล่ยุงนั่นแหละ" แม่ทัพหนุ่มเลิกคิ้วไหวไหล่ "เผารองเท้าเฉยๆ ข้อหาขัดจังหวะข้า"

ลัวร์ส่ายหน้าเล็กๆ "ขัดจังหวะอะไรของเจ้า มันไม่มีจังหวะมาตั้งแต่แรกแล้ว"

"แล้วจูบเมื่อกี้ล่ะ" มือที่ตอนนี้ร้อนผ่าวจากการใช้พลังลูบริมฝีปากของลัวร์

เงือกหนุ่มพยายามเบือนหน้าหนี ความรู้สึกกับบรรยากาศแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างเชื่องช้าซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเรียกมันว่าอะไรดี

"มือเจ้าจะร้อนเกินไปแล้ว"

ฟารอสอาจจะลืมว่าความจริงแล้วเขายังมีสายเลือดแห่งน้ำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสายเลือดของแม่ทัพหนุ่ม ถึงเขาจะใช้มันได้ห่วยแตกก็เถอะ แต่เวลาที่เผชิญกับไฟจริงๆ มันทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียเหมือนถูกหลอมละลาย

"ข้าอยากเห็นหางเจ้า" ฟารอสพูดเสียงทุ้มพร่าเลื่อนมือจากริมฝีปากไปที่ต้นขาขาวของลัวร์แทน "แปลงให้ดูหน่อยสิ"

"สร้างบ่อน้ำสิ แปลงตรงนี้มันก็เหมือนข้าเป็นปลาที่ตกมาได้นะ" ลัวร์พูดเรื่อยเปื่อยพยายามปัดมือที่จับต้นขาตัวเองออกและนึกเสียใจที่วันนี้ไม่น่าใส่กางเกงตัวนี้

ทำไมน่ะเหรอ? เพราะมันขากว้างที่สุดไงเล่า! ปกติเขามักจะแต่งเพลงอยู่ที่บ้าน เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่สวมใส่ก็จะเบาบางเน้นระบายความร้อนและสบายตัว เนื่องจากเมืองที่อาศัยอยู่เป็นเมืองเขตร้อน หากใส่เสื้อผ้าหนาๆ ทุกวันคงไม่วายกลายเป็นเงือกแดดเดียวเข้าสักวัน

ทำให้มันเหมือนกับเปิดโอกาสให้มือหนาเลิกกางเกงเพื่อจับต้นขาเขาได้อย่างง่ายดาย

"แล้วเมื่อกี้ส่ายหน้าทำไม หืม?" ฟารอสยังสนุกกับการทำให้ร่างในอ้อมกอดสะดุ้งเป็นพักๆ กับมือที่อุ่นร้อนของตัวเอง

"อย่าจับ!" ลัวร์มองฟารอสตึงๆ เอ็ดเสียงดุ "ถ้าขืนเจ้ายังจับอยู่ข้าจะเอาหางฟาดหน้าเจ้าจริงๆ ด้วย"

"ก็เอาสิ" แม่ทัพหนุ่มยิ้มยียวนท้าทาย พยายามลวงให้เงือกหนุ่มให้ติดเบ็ดตัวเองด้วยการหย่อนเหยื่อลงไป "ถ้าเจ้าแปลงจริงข้าจะยอมให้เจ้าตบครั้งนึงเลย"

"เจ้าพูดแล้วนะ" ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ลัวร์ก็ไม่เอะใจ "เจ้าปล่อยข้า ข้าต้องถอดกางเกง"

ฟารอสพยักหน้าหงึกๆ ลอบยิ้มยอมปล่อยลัวร์นั่งลงบนเก้าอี้ส่วนตัวเองก็หันหลังให้แต่ไม่วายแอบเหลือบมองอยู่ดี ซึ่งไม่ว่าเห็นกี่ครั้งฟารอสก็อดอัศจรรย์ใจไม่ได้ เวลาที่ขาขาวๆ สองข้างกลายเป็นหางเงือก มันเป็นเรื่องประหลาดที่ฟารอสคิดว่าตัวเองคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเข้าใจมัน เพราะในเมืองมนุษย์อย่างมากก็เป็นมนุษย์หมาป่าเท่านั้น ซึ่งอย่างเขาเองก็ดึงลักษณะเด่นของมังกรได้มาแค่เกล็ดบางๆ สีแดงก่ำตามแขนกับดวงตามังกรก็แค่นั้น

ซึ่งพอจะหันไปมองเต็มตาก็

แปะ

หน้าสะบัดกลับไปทางเดิม

ลัวร์หัวเราะเสียงดังลั่นน้ำตาไหลแต่พอจะตบอีกกลับถูกมืออุ่นร้อนฉวยไปจับซะอย่างงั้นและพอจะสลัดก็สลัดไม่หลุดซะด้วย "ปล่อยข้า ฟารอส!" เริ่มรู้ตัวและตื่นตระหนก

"ข้าบอกแค่ครั้งเดียว" ฟารอสพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแม้ว่าตรงแก้มจะรอยแดงจากการถูกตบด้วยครีบหางก็ตาม ซึ่งนั่นก็ทำให้ลัวร์หัวเราะหนักกว่าเดิมม

"อุ้บ ข้าอยากให้ทุกคนมาเห็นสภาพเจ้าตอนนี้ชะมัด" เงือกหนุ่มยกมือปิดปากตัวเอง หยุดหัวเราะไม่ได้เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เอาคืนแม่ทัพบ้าบอคอแตกนี่เหมือนกัน

ฟารอสไม่แน่ใจว่าตัวเองควรโกรธรึเปล่าแต่พอเห็นใบหน้าน่ามองนั้นยิ้มแย้มก็ทำเอาหัวขาวโพลนแต่มือก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีลูบหางลื่นๆ ของลัวร์ไม่หยุด

"พอแล้ว อย่าลูบ" ลัวร์เอ็ดไม่กล้าเปลี่ยนเป็นขาเหมือนเดิมเพราะนั่นก็เท่ากับว่าเขาจะเปลือยท่อนล่างต่อหน้าแม่ทัพสายเลือดแห่งไฟนี่แน่นอน! ซึ่งผลลัพธ์คงไม่จบที่การลูบขาแน่ๆ

"อยากกินข้าวที่ไหน? ที่บ้าน ข้างนอก ในวัง" ฟารอสเลิกลูบหางลัวร์เปลี่ยนเป็นรวบเจ้าตัวขึ้นอุ้มแทน

ลัวร์ดิ้นพล่านแต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด "ข้าอยากกินข้างนอกแต่ไม่ใช่ในร่างเงือกนี่!"

ฟารอสยังคงสีหน้าเคร่งขรึมเพื่อยียวน "อืมมม งั้นร้านที่ข้าไปกินแล้วกัน" ไม่ว่าเปล่าสาวเท้าเดินด้วย

"ไอ้แม่ทัพบัดซบ!!" ลัวร์กรีดร้องเสียงดังลั่น

 
"อืม ตามนั้นนั่นแหละ" แม่ทัพหนุ่มพูดเสียงเรียบขณะที่ใช้นัยน์ตาคมกริบมองบริกรของร้านอาหารที่ยืนตัวสั่นงั่นงก

อย่ามองของๆ ข้านานนักสิ 

นั่นคือความหมายที่บริกรหนุ่มตีความได้จึงรีบลนลานทวนรายการอาหารคร่าวๆ แล้ววิ่งหนีไปทันที

"ฟารอส ทำไมเจ้าต้องเอาข้ามากินร้านนี้ด้วยสภาพแบบนี้วะ!" ลัวร์สบถไม่หยุดพยายามก้มหน้าต่ำไม่มองใครเพราะผู้คนรอบกายต่างมองเขาอย่างสนใจ ทั้งผู้ที่อยู่ในร้านอาหารและนักเดินทางที่เดินผ่าน

ซึ่งจะไม่ให้สนใจก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะแม่ทัพหนุ่มฟารอสเลือกร้านดังของเมืองแต่ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีที่ที่นั่งของร้านทุกโต๊ะเต็มหมดเหลือเพียงโต๊ะหน้าร้านที่มีกระจกกั้นให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เห็นว่าเข้ามาในร้านนี้จะได้กินอะไรบ้าง

แม้จะหงุดหงิดที่ต้องทำให้ลัวร์กลายเป็นจุดสนใจ แต่ฟารอสก็ยังคงยืนยันที่จะนั่งที่ตรงนี้เพราะอาหารของที่นี้ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในเมืองและเขาก็อยากให้ลัวร์กินมัน

นัยน์ตาของแม่ทัพหนุ่มลอบสำรวจร่างผอมบางของลัวร์ด้วยความสงสารลึกๆ

ลัวร์นั้นผอมมากเวลาที่จับตัวไปแทบไม่เจอเนื้อด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าชีวิตที่ผ่านมาคงจะลำบากไม่น้อย ซึ่งพอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ลัวร์ต้องอดมื้อกินมื้อก็ยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มขบกรามกรอด นึกเสียดายที่ตัวเองไม่กระทืบไอ้เวรนั่นให้หนักกว่านี้

"เวลาที่เจ้าอยู่กับข้า ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องปิดบังตัวเองหรอก" 

กับแม่ทัพที่มีสายเลือดแห่งไฟอย่างเขาใครล่ะจะกล้ายุ่ง ไหนจะวีรกรรมด้านการฆ่าเพราะความหึงหวงของท่านพ่ออีก หากคนสติปัญญาดีทั่วไปคงไม่มีวันมายุ่งกับของๆ เขาแน่นอน

"เออข้ารู้ แต่ข้าก็ไม่ชอบเป็นจุดสนใจแบบนี้" เงือกหนุ่มโอดครวญฟุบหน้าลงกับโต๊ะราวกับไม่อยากรับรู้อะไรอีก

"ต่อให้เจ้าไม่เป็นเงือกแต่เป็นภรรยาคนก็สนใจกันอยู่ดี" ฟารอสพูดหน้าตาเฉย "มนุษย์น่ะสอดรู้สอดเห็นกันจะตาย"

เพราะยังฟุบหน้าอยู่ทำให้ฟารอสเห็นแค่หูแดงๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้กลุ่มผมสีฟ้าอ่อน

"จะให้ข้าบอกเจ้าอีกกี่ครั้งว่าข้ามาสมัครเป็นนักดนตรี" ลัวร์พูดงึมงำเหมือนกับพยายามย้ำเตือนตัวเองมากกว่าจะบอกกับฟารอส

ฟารอสยิ้มกริ่มเอื้อมมือไปลูบหัวลัวร์อย่างอดไม่ได้ สัมผัสผมสีสวยที่นุ่มมือเอามากๆ

"เดี๋ยว เดี๋ยวข้าขอขัดจังหวะหน่อยนะ ฟารอส"

สีหน้าของแม่ทัพถมึงทึงเมื่อได้ยินเสียงคนที่ตัวเองไม่อยากได้ยินที่สุด

"มีอะไร" ฟารอสใช้หางตาเหลือบมองร่างที่สวมชุดหรูหราด้วยหางตาซึ่งเบื้องหลังเขานั้นก็เต็มไปด้วยผู้ติดตามมากมายราวถึงชายคนสนิทที่เพิ่งถูกฟารอสไล่ไปเมื่อเช้าด้วย ซึ่งชายคนนั้นก็พยายามทำตัวให้ลีบที่สุดเพื่อไม่ให้ฟารอสเห็นตัวเอง

ลัวร์เงยหน้าขวับพอเห็นว่าเป็นใครก็สะดุ้งเฮือกทำท่าจะทำความเคารพแต่ก็ถูกฟารอสรั้งไว้

คนเป็นนายผิวปากหวิวจ้องลัวร์แล้วยิ้มเป็นมิตรแล้วหันไปถลึงตาใส่แม่ทัพหนุ่มที่เอาแต่กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย  "ฟารอส นี่เจ้าจะปล่อยให้ข้าตายคาปราสาทเลยรึไง! ตระกูลของเจ้าต้องมาปกป้องข้านะ"

ตำแหน่งราชาเป็นตำแหน่งที่มากไปด้วยอำนาจและอันตราย ไม่แปลกที่ราชาหนุ่มคนนี้จะหวาดกลัวและพยายามดึงองค์รักษ์ที่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจและซื่อสัตย์เป็นที่สุด

"ใครมันจะไปอยากได้ตำแหน่งไร้สาระของเจ้า? ล่าสุดที่เกิดการก่อกบฏก็รุ่นทวดของทวดเจ้าแล้ว" ฟารอสชักสีหน้าเหม็นเบื่อใส่อย่างไม่ปิดบัง "ข้าอยู่กับเจ้าตั้งแต่จำความได้ ให้ข้ามีเวลาชีวิตของข้าบ้างเถอะ"

คำพูดของฟารอสแทงใจดำจนราชาหนุ่มพูดอะไรไม่ออกไปสักพัก

"แต่ตระกูลของเจ้ารับปากว่าจะปกป้องสายเลือดแห่งราชาอย่างข้านะ" 

ฟารอสเหลือบมองชายฉกรรจ์ที่มีแผลเต็มตัวข้างกายนายของตัวเอง "พูดยังกับเจ้าไม่มีองค์รักษ์เก่งๆ อยู่ข้างกาย หึ มีแล้วก็หัดรักษาเขาไว้ซะบ้าง ไม่ใช่วิ่งโร่มาหาแต่ข้า เกิดวันไหนฆ่าตายขึ้นมาเจ้าไม่เรียกวิญญาณข้ามาปกป้องเลยรึไง"

ปากจัดชะมัด

ลัวร์ลอบคิดในใจ ขนาดเขาไม่ใช่คนถูกว่ายังรู้สึกเจ็บเลย

คนเป็นเจ้าแผ่นดินจิ้ปากเซ็งๆ "โว้ย นี่ข้าหรือเจ้านะ ที่เป็นเจ้านาย" ถอนหายใจแรงๆ แล้วกลอกตาใส่ฟารอส "หน้าที่ของเจ้าน่ะ ช่วยมาทำบ้างแล้วกัน" เดินกลับทางเดินอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะชะงักชั่วคร่าวหันมายิ้มให้ลัวร์ "เรื่องเพลงของเจ้า ข้ายังอยากฟังอยู่นะ รีบหน่อยล่ะ ข้าให้เวลาเจ้าอีกวันนึงเลย" รีบกระตุกหนวดมังกรไฟและหนีไปทันที

ฟารอสขบกรามกรอดกำลังจะตะโกนด่าแต่ร่างราชาก็หายไปแล้วเหลือเพียงผู้ที่ติดตามที่ลนลานตามกันไป

"สรุปว่าข้าต้องเขียนเนื้อเพลงต่อใช่ไหม" ลัวร์ถามเสียงเบา

"ไม่!!" ฟารอสคำรามตอบเสียงดังลั่น

--------------
นิยายรายปี 5555
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 4 24/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-12-2016 23:59:28
ไรต์กลับมาแล้ว หายไปนานมาก นึกว่าจะไม่แต่งต่อซะแล้ว
แม่ทัพขี้หึง น่ารักจัง  ตอนต่อไปนี่ ต้องรอนานมั้ยอ่า???    :ruready
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 4 24/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: 7lenzjibi ที่ 25-12-2016 01:29:15
เขาจูบกันแล้วววว :hao6:
แม่ทัพขี้หึง ลัวร์ก็เขินน่ารัก เอื้ออออออออ :jul1:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 4 24/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-12-2016 08:23:12
แม่ทัพโคตรเอาแต่ใจ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 4 24/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 31-12-2016 19:12:56
ลัวร์น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 4 24/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-12-2016 22:56:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 4 24/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 18-03-2017 15:21:20
กรี๊ด ติดตามเมื่อนานมามาแล้ว เข้ามาดูวันนี้ อัพแล้วเว่ย นิยายรายปีก็ไม่เป็นไร สนุกสะอย่าง รอได้แน่นอน

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 5 หลงใหล
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-04-2017 15:33:31
ตอนที่ 5

"ฟารอส ท่านว่าท่อนนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบนี้จะเพราะไหม" 

ลัวร์เงยหน้าขึ้นจากกระดาษหลังจากที่ร้องเพลงท่อนที่ว่าให้แม่ทัพหนุ่มฟังเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจเกี่ยวกับที่ตัวเองเขียนแน่ๆ  กับแม่ทัพหนุ่มที่วันๆ เอาแต่ใช้กำลังจะเอาเวลา่ไหนไปศึกษาเรื่องดนตรี

และใบหน้าน่ามองของเงือกหนุ่มก็กลายเป็นเหม็นเบื่อทันที เมื่อฟารอสไม่ตอบเพียงแค่เหลือบมองแล้วก้มหน้าก้มตาขัดดาบของตัวเองต่อ

"ฟารอส ท่านอย่างี่เง่าสิ ถ้าท่านอยากได้เพลงเดี๋ยวข้าแต่งให้ท่านด้วยก็ได้"

เพราะแม่ทัพหนุ่มเป็นคนสนิทของเจ้าวันเกิด ลัวร์จึงอยากได้ความเห็นแต่อีกฝ่ายก็เล่นตัวซะเหลือเกิน ถึงเขาจะเขียนเพลงจนจบไปแล้วแต่ก็อยากปรับให้มันดีขึ้นไปอีก ตอบแทนที่มอบแม่ทัพ.. ไม่สิ เจ้านายคนใหม่ที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างให้กับเขา

ใช่ ข้ายังยืนยันว่าตัวเองมาสมัครเป็นนักดนตรี...

ฟารอสขู่แง่งตาขวาง "เอาตามเดิมนั่นแหละ กับราชานั่นไม่ต้องใส่ใจมันมากหรอก น่ารำคาญจะตายชัก"

สำหรับฟารอสแล้ว ราชาคือสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญที่สุดเพราะใช้เขาตั้งแต่สักกะเบือยันเรือรบ ใช้ทุกอย่างที่จะคิดออกส่วนองค์รักษ์ข้างๆ ตัวไม่ใช้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรถึงไม่ใช้

พอนักแต่งเพลงหน้างอฟารอสก็มีสีหน้าอ่อนลง

"อืม ก็เพราะดีแต่ข้าชอบแบบเก่ามากกว่า"

ลัวร์ถึงได้ยิ้มพอใจแล้วลงมือเขียนเนื้อเพลงที่ใกล้จะเสร็จแล้วต่อซึ่งอีกไม่กี่บรรทัดก็จะเป็นอันเสร็จสมบูรณ์สามารถนำไปให้พวกนักดนตรีเอาไปเล่นกันได้ เพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบลัวร์จึงตกลงในภวังก์ของเสียงเพลงไม่รู้ตัว

ปากก็พึมพำร้องเสียงแผ่ว นิ้วก็เคาะโต๊ะตามจังหวะที่ดังก้องในหัว ร่างของเงือกหนุ่มโคลงไปมาเล็กๆ ด้วยรอยยิ้มระรื่นเต็มใบหน้า 

ลัวร์กำลังมีความสุขเพราะมันเป็นไม่กี่ครั้งที่สามารถแต่งเพลงได้เต็มที่โดยไม่มีคนคอยเอารัดเอาเปรียบ ยิ่งพอฟารอสชมว่ามันเพราะ เงือกหนุ่มแทบจะตัวลอยไปแล้วด้วยซ้ำแต่ก็ยังคงสำรวมท่าทีได้เป็นปกติ

"ลัวร์"

"หืม?" 

รอยยิ้มยังคงแตะเติมใบหน้าของลัวร์ในขณะที่ขานรับแม่ทัพเลือดร้อนในลำคอ

"..ข้า"

"..ข้า?" 

ลัวร์ทวนคำแต่ไม่ได้ใส่ใจ ยังคงมีสมาธิกับสิ่งที่ตัวเองทำ

หมับ!

ข้อมือขาวที่จับดินสอถูกคว้าออกมาจูบหนักๆ เงือกหนุ่มหน้าเหวออย่างตื่นตระหนก

"อะ อะไร"

ฟารอสหัวเราะกับสีหน้าตกใจจนน่าสงสารของลัวร์เลยแกล้งกดจูบลงบนหลังมือลัวร์

"ข้าอยากจูบเจ้า"

สีหน้ามีความสุขเมื่อกี้ของลัวร์ทำเอาฟารอสเผลอจ้องอย่างหลงใหลและในชั่วขณะหนึ่งความหึงหวงก็เข้าครอบงำจึงอยากดึงลัวร์กลับมาสนใจตัวเองอีกครั้ง

ลัวร์หน้าแดงก่ำ

"ฟารอส.. ข้ายังทำงานไม่เสร็จ"

แม่ทัพหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไล่จูบจากข้อมือขึ้นไปบนต้นแขนขึ้นเรื่อยๆ 

"ฟารอส! ข้าจะ จะลาออกนะ ถ้าขืนท่านไม่ยอมปล่อยข้า!"   

ลัวร์พูดอย่างตื่นตระหนกเมื่อรู้ตัวอีกทีจูบนั่นก็ถึงปลายคางตัวเองแล้ว

"แค่จูบเอง เจ้าไม่ได้บุบสลายสักหน่อย" ฟารอสยิ้มพรายและก้มลงจูบหนักๆ พยายามส่งลิ้นไปเข้าข้างในแต่เงือกหนุ่มก็ขัดขืนปิดปากแน่นและพยายามมือผลักแม่ทัพบัดซบออก

พอนานเข้าฟารอสก็ขมวดคิ้วตัดสินใจเอื้อมมืออ้อมไปลูบสะโพกลัวร์ซึ่งมันก็ได้ผล ลัวร์เบิกตากว้างเผลออุทานออกมาและมันก็เป็นโอกาสของแม่ทัพหนุ่มเลือดร้อน

"อืออออ"

ลัวร์คำรามในลำคอกำคอเสื้อฟารอสแน่นหวังว่ามันจะรัดๆ คอให้แม่ทัพลามกนี่ตายๆ ไปได้ซะก็ดี ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรในหัววันๆ ที่มีแต่เรื่องที่จับเงือกกิน ทำไมไม่คิดถึงเรื่องการตั้งใจทำงานบ้าง

นินทาในใจได้ไม่นาน ฟารอสก็เหมือนจะรู้เลยแกล้งขยำสะโพกไปครั้ง ลัวร์สะดุ้งเฮือกและใช้แรงทั้งหมดในการผลักฟารอสออกซึ่งก็เป็นโชคดีของลัวร์ ที่คราวนี้แม่ทัพให้ความร่วมมือ ยอมผละริมฝีปากออกแต่ก็ไม่วายแกล้งขยำสะโพกไปอีกรอบ

"ฟารอส!!" ลัวร์ถลึงตามองและใช้หลังมือเช็ดปาก "ข้าไม่ใช่ภรรยาท่านนะ!"

นี่มันข้ามขั้น ข้ามไปมากๆ !!

ฟารอสมองลัวร์เซ็งๆ แล้วถอนหายใจ

"งั้นเอาอย่างนี้ ข้าเลิกรับสมัครตำแหน่งนักแต่งเพลงแล้วเหลือแต่ตำแหน่งภรรยาซึ่งเจ้าก็ได้ตำแหน่งนั้น"

"...!?"

ฟารอสพยายามเก๊กขรึมได้ไม่นานก็หลุดหัวเราะกับสีหน้าเหวอๆ งุนงงของลัวร์ที่ดูน่าเอ็นดูจนอยากกินไปทั้งตัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือมันตลกมาก แม่ทัพหัวเราะจนท้องแข็งก็ยังไม่หยุดหัวเราะ

"ขำอะไรของท่าน" ลัวร์ลูบหน้าตัวเองที่ยังเหวออยู่แต่ก็เผลอหน้าแดงกับคำพูดไร้สาระของฟารอส "ทำไมท่านถึงต้องยัดเยียดตำแหน่งภรรยาให้ข้าด้วย"

"ก็ไม่มีใครเคยสมัครเลยและเจ้าก็สมัครเป็นคนแรก"

ลัวร์ถอนหายใจหนักๆ อย่างระอาแล้วสะบัดตัวเองเรียกสติกลับมาเขียนเนื้อเพลงให้ราชาต่อ 

ปลายดินสอลากบนกระดาษเป็นตัวโน๊ตของพวกมนุษย์อย่างบรรจงและอ่านง่าย ช่วงแรกที่มาอยู่ที่เมืองมนุษย์ลัวร์ใช้ความพยายามอย่างมากในการศึกษาเรื่องพวกนี่จนคล่องเพราะภาษาของเงือกและมนุษย์ไม่เหมือนกัน

เงือกหนุ่มตกอยู่ในภวังก์อีกครั้งแต่ฟารอสก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรอีก 

ทำเพียงลูบหัวเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูเสียงพร่า  "ข้าคงจะกลับมาดึกๆ ระหว่างนี้เจ้าก็ทำงานไปแล้วกัน" ฟารอสหัวเราะในลำคอเมื่อหูขาวๆ กลายเป็นหูแดงก่ำ

"อืม" ลัวร์รับคำงึมงำง่วนอยู่กับการลบเขียนตัวโน๊ตตัวนึงซ้ำๆ เพราะประหม่าจนเขียนต่อไม่ได้

"ห้ามออกไปไหนล่ะ"

ลัวร์พยักหน้าหงึกๆ 

ไปซะทีสิ!

"ถ้าเจ้าหิวก็สั่งคนรับใช้ข้างนอกได้"

"อืม"

ลัวร์เม้มปากรำคาญตัวเองที่เขียนไม่ถูกสักที

"แต่ถ้าเจ้าคิดถึงข้า.."

"ไปสักที! ข้าไม่คิดถึงท่านหรอก" 

สุดท้ายก็ทนไม่ไหวลัวร์สบถใส่ฟารอสอย่างดุร้าย

ฟารอสยิ้มขำเริ่มรู้สึกไม่อยากไปแต่ช่วงเย็นราชางี่เง่านั่นต้องออกไปข้างนอกขืนเขาไม่ไปตามอารักขา ไม่แน่ราชานั่นคงจะกลายเป็นซากอะไรสักอย่างอยู่ข้างทางได้

 "แล้วข้าจะรีบกลับมาแล้วกัน"

ครั้งนี้ไปจริง แม่ทัพร่างใหญ่ก้าวอาดๆ ออกจากห้องพร้อมดาบคู่ใจ

ลัวร์ลอบมองจนกระทั่งปิดประตูก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะถอนหายใจ

"นี่ข้าคิดถูกจริงๆ ใช่ไหม? ที่มาสมัครงานที่นี่"

แต่สิ่งที่ขัดแย้งกับคำพูดของเงือกหนุ่มก็คือกระดาษที่สอดไว้ใต้แผ่นเพลงที่จะให้ราชา

ลัวร์หน้าแดงนิดๆ เมื่อเลือกที่จะดึงเอาแผ่นล่างขึ้นมาแต่งต่อแทนเพลงที่ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาตัวรอดจากแม่ทัพหื่นบัดซบ พอไม่มีสิ่งกวนใจมือก็เขียนเนื้อเพลงต่ออย่างคล่องแคล่วหากแต่เต็มไปด้วยสีหน้าประหม่าและเขินอาย

เพราะมันเป็นเพลงที่แต่งให้กับฟารอส..
 
 



"เสร็จแล้วเหรอดีๆ งั้นเจ้าก็ฟังพร้อมข้าเลยแล้วกัน" 

ลัวร์ยิ้มอย่างประหม่าเมื่อยื่นบทเพลงไปให้คนเป็นราชาพิจารณาซึ่งอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะอ่านยื่นให้องค์รักษ์ข้างๆ ให้นำมันไปให้กับคณะนักดนตรีที่จัดวงกันอยู่ข้างห้อง ลัวร์กำมือแน่นรู้สึกเครียดนิดๆ กลัวว่าเพลงของตัวเองจะไม่เป็นที่ถูกใจและถูกตำหนิเอาได้

แน่นอนว่าฟารอสเห็นท่าทีกังวลของลัวร์จึงดึงตัวอีกฝ่ายมายืนข้างตัวเองโน้มหัวกระซิบ

"ไม่ต้องกลัว ข้าชอบเพลงเจ้า เจ้าราชาโง่นี่ก็ต้องชอบ"

"เป็นงั้นก็ดีสิ" ลัวร์ตอบเสียงงึมงำขณะที่จดจ้องนักดนตรีคนนึงที่ยืนขึ้นมาพร้อมเครื่องดนตรีในมือ มนุษย์คนนั้นเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งนางหันมายิ้มนิดๆ ให้ลัวร์ก่อนที่จะถวายความเคารพให้ราชาและเริ่มเล่นเพลง

เสียงดนตรีครวญแผ่วหากแต่ให้ความรู้สึกมีความสุข นางเล่นมันอย่างละมุนละไมอย่างที่ลัวร์ต้องการ ลัวร์เริ่มยิ้มออกเมื่อนางสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อในเพลงได้อย่างแจ่มแจ้ง จังหวะของดนตรีค่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ และนางก็เริ่มร้องเพลงคลอออกมาด้วยเสียงกระจ่างใส นางหยุดเล่นดนตรีในบางช่วงเพื่อให้คำร้องนั้นโดดเด่นกว่า ซึ่งคำร้องในดนตรีของลัวร์นั้นแฝงไปด้วยความเอาใจใส่เพราะส่วนใหญ่นั้นกล่าวถึงวัยเด็กอันสดใส วัยรุ่นอันเร่าร้อน และวัยผู้ใหญ่อันเคร่งขรึม ภาระมากมายที่อยู่บนบ่านั้นถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ทำให้ประชาชนมีความสุข

ลัวร์เผลอระบายยิ้มเต็มหน้าและฮัมเพลงในลำคอตาม

นางทำได้ดีกว่าที่ลัวร์คิดมาก.. มากเกินไปด้วยซ้ำ

หากแต่เมื่อเพลงจบความเครียดก็กลับมา ฟารอสจึงรวบมือลัวร์ไปจับและบีบเบาๆ เชิงให้กำลังใจ ลัวร์มองราชาที่นั่งนิ่งงันเหมือนตกอยู่ในภวังก์อะไรสักอย่างซึ่งมันก็นานมากพอที่จะให้ลัวร์จินตนาการความเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในหัว

'นี่มันเพลงบ้าอะไร! ไม่เพราะเลยสักนิด'

'ฟารอส นักแต่งเพลงเจ้านี่ไล่ออกได้เลยนะ แต่งเพลงได้บัดซบสิ้นดี'

ลัวร์หน้าซีดเผือดเขยิบตัวเข้าชิดกับฟารอสตัวสั่นเทา

ฟารอสลูบหัวเงือกหนุ่มอย่างอ่อนโยนแล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้านายตัวเอง "เหม่อบ้าอะไรของเจ้า! อย่าทำให้คนอื่นประสาทกินเพราะเจ้าได้ไหม แค่ข้าคนเดียวก็เบื่อแล้ว"

ราชาหนุ่มสะดุ้งเฮือกเกือบตกเก้าอี้ซึ่งองค์รักษ์ข้างๆ ก็พุ่งตัวเข้าไปประคองแทบจะทันทีจนกลับมานั่งได้เหมือนเดิม คนเป็นราชาจึงสามารถถลึงตามองฟารอสได้บ้าง

"หุบปากน่า ฟารอส" แล้วหันไปยิ้มให้ลัวร์ "เพลงเจ้าเพราะมาก ลัวร์ ถึงข้าจะไม่ได้ยินเสียงตอนที่เจ้าร้องแต่ข้าคิดว่ามันต้องเพราะมากแน่ๆ "

ลัวร์ชะงักไปสักพักและยิ้มจนตาหยี 

ถึงแม้จะอยากพูดอะไรมากมายแต่ความจริงที่ว่าคนอื่นไม่ได้ยินเสียงเขาก็ยังคงอยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจเพราะยังไงเขาก็ได้เจอคนที่ได้ยินเสียงของเขาแล้ว

ฟารอส..

"อย่าไปยิ้มให้ราชางี่เง่านี่เยอะ" ฟารอสพึมพำและดึงตัวลัวร์ไปยืนข้างหลังตัวเอง 

ราชาหนุ่มกลอกตาเบื่อๆ 

"เอาเถอะ ข้าเลือกเพลงเจ้าแล้วกันลัวร์ อ้อ แล้วจะรางวัลตอนนี้เลยไหม พอดีข้าให้คนไปจับเหยี่ยวหิมะมาแล้ว ส่วนเรื่องเงินก็" นัยน์ตาสีทองกลอกไปมองฟารอสข้างๆ "แค่เงินเดือนแม่ทัพก็คงสามารถเลี้ยงดูเจ้าได้อีกสิบคน"

ไม่วายเหน็บกับฟารอสเพื่อความสะใจส่วนตัว

ลัวร์ส่ายหน้าหวือ 

"ข้าไม่เอาเหยี่ยว พวกเหยี่ยวไม่ค่อยชอบเงือกเท่าไหร่"

ไม่ใช่ไม่ชอบแต่ชอบไล่จิกพยายามกินต่างหาก.. พวกมันคงจะคิดว่าเงือกคือปลาที่ตัวใหญ่มากๆ ตัวนึง

"แล้วเจ้าล่ะ ฟารอส จะเอาเหยี่ยวไหม"

ฟารอสหันไปยิ้มให้ลัวร์แล้วตอบอย่างหนักแน่น

"ไม่"

"ก็ดี ข้าจะเอาไปเลี้ยงเอง" ราชาหนุ่มไหวไหล่ไม่ใส่ใจแล้วหวาดหวอด "ถือว่าวันนี้เจ้าทำดี ข้าจะให้เจ้าหยุดงานก่อนเวลาแล้วจะพาเงือกของเจ้าไปฉลองต่อทีไหนก็เชิญ ข้าไม่ยุ่ง"

"มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว" ฟารอสแค่นเสียงหัวเราะ

ต่อให้ไม่หยุดให้เขาก็หยุดเองอยู่ดี โอกาสดีๆ แบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ

ราชาหนุ่มเดาะลิ้นหมั่นไส้เลยแกล้งมองลัวร์ "ลัวร์ถ้าเจ้าไม่เอาเหยี่ยว งั้นสนใจตำแหน่งนักแต่งเพลงประจำวังไหม"

ลัวร์ยังไม่ทันได้ให้ความเห็นอะไรก็โดนแม่ทัพหนุ่มอุ้มและก้าวจ้ำๆ ออกไปทันที ฟารอสหน้าบูดใส่ลัวร์ที่มีสีหน้าสนอกสนใจตำแหน่งที่ว่า

"ถ้าเจ้าไปสมัคร ข้าจะเผาปราสาทนั่นทิ้ง" ฟารอสขู่แง่งไม่จริงจัง

เงือกหนุ่มหัวเราะและหลับตาลงในหัวทบทวนเพลงที่แต่งจบอย่างรวดเร็วเมื่อเช้า "ไม่เอาหรอก ข้าไม่อยากพูดคนเดียว"

ฟารอสเลียริมฝีปาก "ดี" นัยน์ตาสีเพลิงฉายแววหยอกเย้า "แปลว่าเจ้าชอบตำแหน่งภรรยาข้ามากกว่าสินะ"

"... ไม่"

ลัวร์ตอบเสียงเบาหวิวเมื่อฟารอสยิ้มพอใจเอามากๆ จนพูดอะไรไม่ออก

ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ารู้ว่าเขาแต่งเพลงให้ แม่ทัพงี่เง่านี่จะเป็นถึงขนาดไหนกัน 
 
 
 

และมันก็เป็นอย่างที่ลัวร์คิด พอกลับถึงห้องและเขาบอกว่ามีอะไรจะให้ ฟารอสก็มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด นั่งรอฟังบนเก้าอี้อย่างสงบเสงี่ยมด้วยรอยยิ้มมุมปาก

"ข้าดีใจนะ ที่เจ้าชอบข้าขึ้นมาบ้าง" ฟารอสยิ้ม

มีไม่กี่คนหรอกที่สามารถทนความเลือดร้อนและเอาแต่ใจของเขาได้ ช่วยไม่ได้สายเลือดแห่งไฟก็พาให้อะไรๆ ในร่างกายนั้นร้อนไปหมดทั้งอารมณ์และจิตใจที่ฉุนเฉียว

"เงียบน่า" ลัวร์ตัดบทหน้าแดงๆ

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกประหม่าขนาดนี้ ถ้าเทียบกับตอนที่อยู่ต่อหน้าราชาแล้วนี่ถือว่าหนักกว่ามาก เพลงที่อยู่ในหัวตีกันไปหมดจนแทบจำเนื้อไม่ได้

"ฟารอส ท่านหันหลังได้ไหม"

ขืนยังมองด้วยแววตาหวานเชื่อมแบบนั้น ข้าคงได้ละลายติดเก้าอี้แน่ๆ

ฟารอสยิ้มแล้วทำตามอย่างว่าง่ายไม่อิดออด

พอไม่มีสายตาจับจ้องลัวร์ก็รู้สึกดีขึ้นถึงจะประหม่าอยู่แต่ก็สามารถร้องได้ปกติ สูดหายใจลึกอยู่สองสามครั้งก็ร้องเพลงนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงกระจ่างใสของตัวเอง

ลัวร์หลับตาร้องพยายามใส่ใจกับเสียงและเนื้อหาของเพลงที่ตัวเองแต่งให้มากที่สุด

สิ่งที่ลัวร์กำลังทำในตอนนี้หากเรียกตามพวกเงือกก็คงเป็นเพลงขับกล่อมเงือก พวกเงือกมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงก็จริงแต่ก็มีทักษะบางอย่างซ่อนในน้ำเสียงให้มนุษย์นั้นหลงใหลมากขึ้นไปอีก ปกติเสียงแบบนี้มักจะใช้ล่อลวงมนุษย์แต่กับลัวร์ที่ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงจึงไม่เคยใช้กับใครมาก่อน

และนี่ก็เป็นครั้งแรกของเจ้าตัว

จากเสียงที่กระจ่างใสอยู่แล้วนั้นยิ่งกระจ่างใสมากขึ้นไปอีก เสียงของลัวร์นั้นทุ้มนุ่มนวลแต่ไม่ได้แฝงความบังคับกดดันเพื่อบงการอย่างที่เงือกตัวอื่นนั้นทำ สิ่งที่ลัวร์ต้องการคือทำให้เพลงที่เขาร้องนั้นเพราะมากขึ้นเท่านั้น

ลัวร์ไม่เคยมีความรัก ตอนที่อยู่ที่นั่นเงือกส่วนใหญ่ก็ไม่ถูกกับเขาเท่าไหร่ ยิ่งกับพวกมนุษย์ยิ่งแล้วใหญ่ ลัวร์พยายามไม่สุงสิงกับใครเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ฟารอสคงจะนับเป็นคนแรกก็ได้ที่สามารถเข้าใกล้ลัวร์ได้ถึงขนาดนี้

หมับ

"..!" ลัวร์สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกรวบไปกอดอีกทั้งยังถูกจูบจนร้องต่อไม่ได้ด้วย

แต่น่าแปลกที่จูบครั้งนี้มันกลับเต็มไปด้วยความละมุนละไมและเอาใจใส่

ลัวร์ครางแผ่วเบารู้สึกแทบจะล่องลอยไปกับจูบของแม่ทัพเลือดร้อน

"ขอบคุณ.. ข้าชอบเพลงเจ้ามาก" ฟารอสกระซิบเสียงแหบพร่าและกัดเบาๆ ที่ต้นคอลัวร์ "เจ้ากำลังทำให้ข้าหลงใหลเสียงของเจ้าแทบคลั่งแล้ว.. รู้ตัวไหม"

ลัวร์ยิ้มแล้วหัวเราะ "รู้สิ"

ถึงเวลายอมรับความจริงแล้วสินะว่าเขายอมรับตำแหน่งบ้าๆ นั่นแล้ว

END

------------

จบแล้ว ๕๕๕๕

เดิมทีนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นส่งประกวด พลอตเรื่องเลยไม่ค่อยมีอะไรแตกประเด็นสักเท่าไหร่
นอกจากมุ้งมิ้งมิ้งมุ้งไปวันๆ @-@ แต่ก็น่าร้ากดี
ใครหวังฉากกินเงือก ไม่รู้สิ อาจจะมีหรือไม่มีก็ไม่รู้ว (?)
 
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  :o8: ตอนหน้าไม่รู้จะมีไหม  :katai5:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 5 หลงใหล
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-04-2017 18:59:53
ฉากกินเงือกมาเถอะขอร้อง....งงงงงงงงง        :z3:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 5 หลงใหล
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 02-04-2017 07:53:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 5 หลงใหล
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 04-04-2017 09:11:24
สนุกมาก เสียดายที่จบแล้วแต่ไม่เป็นไรคะ ด้วยจินตนาการอันล้ำเลิศ(?) ลัวร์กับท่านแม่ทับจะยังอยู่ในความทรงจำจองเราค่ะ

 :katai2-1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 5 หลงใหล
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 05-04-2017 11:33:39
น่ารัก รอฟารอสกินเงือก
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 5 หลงใหล
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 05-04-2017 12:18:05
อยากได้ncจังเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :hao5:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 6 กัดกิน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-04-2017 23:17:48
ตอนที่ 6

ข้าเคยจินตนาการเล่นๆ ว่าถ้าชีวิตข้ามันอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดมันจะมากขนาดไหนกัน?  แย่จนทนไม่ได้เลยรึเปล่า ข้าจะตายในเมืองมนุษย์ไหมหรือข้าอาจจะโดนจับได้ว่าเป็นเงือกแล้วถูกนำไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง

ข้ากลัว.. กลัวไปหมดทุกอย่าง 

"ลัวร์?"

เสียงทุ้มแหบพร่าเรียกเงือกหนุ่มอย่างตื่นตระหนกเมื่ออยู่ๆ ลัวร์ก็ซุกหน้าลงกับอกแล้วกอดแน่น

"อืม... ข้าแค่กลัวนิดหน่อย"

ลัวร์พูดเสียงเบาแล้วระบายยิ้มออกมา

แต่ข้าโชคดีกว่าที่ข้าคิด

ฟารอสขมวดคิ้วมุ่นลูบหัวลัวร์เบาๆ "เชื่อข้าสิ เดี๋ยวเจ้าก็ชิน" แล้วรวบตัวลัวร์ขึ้นมาและเดินดุ่มๆ ไปวางบนเตียงโดยไม่ปิดบังเจตนาที่ทำเลยสักนิด

เงือกหนุ่มหน้าแดงก่ำ

"ฟารอส!" สบถออกมาอย่างอดไม่ได้

ฟารอสยิ้มกับอารมณ์ฉุนเฉียวของเงือกหนุ่มขณะที่ปลดเสื้อของตัวเองออก "ข้าจะให้รางวัลนักแต่งเพลงของข้า ข้าผิดงั้นเหรอ?"
ลัวร์หน้างอแต่ความอายนั้นมีมากกว่าจึงเบือนหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าแม่ทัพที่ดูจะอารมณ์ร้อนซะเหลือเกิน

"ข้าไม่อยากได้ซะหน่อย"

น่าแปลกที่ลัวร์รู้สึกว่าเสียงตัวเองเบามากแทบจะกลืนไปกับอากาศ

"เจ้าไม่อยากได้แต่ข้าอยากให้"

โชคร้ายที่แม่ทัพหนุ่มได้ยินพอดีและจัดการขึ้นคร่อมลัวร์เพื่อแสดงความมีอันเหลือล้นน้ำใจของตัวเอง
ลัวร์หลับตาไม่กล้าสบตาฟารอสในใจกู่ร้องถึงท่านแม่ไม่หยุด

ท่านแม่ช่วยข้าด้วย.. ฮือ ข้ากำลังจะโดนมนุษย์กิน

ฟารอสยิ้มร้ายซุกใบหน้าตรงซอกคอลัวร์แล้วงับ

"ฟารอส.."

ลัวร์พูดเสียงพร่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

"ชู่ว.. ไม่ต้องกลัว" แม่ทัพพูดเสียงนุ่มแล้วล้วงมือเข้าไปในกางเกงแล้วนวดคลึงสะโพกลัวร์ "ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องชอบมันแน่ๆ"
หน้าของเงือกหนุ่มทะมึนขึ้นทันตาพยายามดึงมือฟารอสออกเพราะมันทำให้รู้สึกหวิวแปลกๆ

"..ถ้ามันเจ็บล่ะ"

ฟารอสก้มลงจูบลัวร์เพื่อหยุดการตั้งคำถามถ่วงเวลาพร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปสำรวจ

"อื้อ!" ลัวร์ขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็โดนแม่ทัพดึงความสนใจไปที่ยอดอกแทน ทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อแต่กลับรู้สึกได้ถึงความร้อนของปลายลิ้นที่กำลังเลียและกัดมันอยู่ 

"ฮื่ออ" 

เงือกหนุ่มที่ตกเป็นรองในสังเวียนรบบนเตียง ครางในลำคอด้วยสีหน้าแดงก่ำรู้สึกร้อนผ่าวเวลาที่ถูกมืออุ่นร้อนของฟารอสจับตามตัวราวกับว่ามือของฟารอสนั้นเป็นไฟร้อนๆ ยังไงยังงั้น

โดยเฉพาะตรงนั้น..

ลัวร์กัดปากแน่นเมื่อฟารอสเพิ่มนิ้วเป็นสามนิ้วแล้วกดย้ำข้างในราวกับกำลังแกล้งเขาเล่นสุดท้ายเงือกก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ครางเสียงแผ่วออกมา

"ลัวร์ข้าเพิ่งรู้ว่านอกจากเจ้าจะร้องเพลงเพราะแล้ว" ฟารอสกระซิบข้างหูลัวร์หยอกเย้า "เจ้ายังครางเสียงเพราะมากๆ ด้วย"
ลัวร์ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้

"เงียบน่า.. อึก"

พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกดึงกางเกงออกจากขาและนิ้วก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งนั้น

ลัวร์สะดุ้งเฮือกกับอุณหภูมิร้อนจัดถอยหนีโดยอัตโนมัติ

"ข้ารู้ว่าท่านเป็นมังกรไฟ แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะร้อนทุกส่วนมั้ง" 

ฟารอสหัวเราะในลำคอรับลูบใบหน้าของลัวร์ที่ค่อนข้างเย็นเฉียบแทบจะตลอดเวลา

"เจ้าตัวเย็นเกินไปต่างหาก"

แล้วขืนตัวเข้าไปข้างในอย่างเชื่องช้า

"อ้ะ ฟารอส!" ลัวร์สบถหอบหายใจหน้าแดงก่ำ "ข้า.. เจ็บ"

ฟารอสพยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้รุกหนักไปกว่านี้เพราะสีหน้าเมื่อกี้ของลัวร์นั้นมันน่าเอ็นดูเอามากๆ จนอยากกอดแน่นๆ อย่างมันเขี้ยว

"..ฟารอส" ลัวร์สบตาฟารอสพูดเสียงแผ่วสีหน้าเขินอาย

"ข้าขอโทษ" ฟารอสจูบลัวร์แล้วเสือกกายเข้าไปข้างในซึ่งลัวร์ก็ผวาเฮือกโผกอดร่างของแม่ทัพแน่นและจิกเล็บลงบนหลังของฟารอส

ลัวร์กัดฟันแน่นตัวสั่นเทาสับสนความรู้สึกระหว่างความเจ็บปวดและความรู้สึกดี

"เด็กดี.."

มือหนาลูบหัวลัวร์อย่างปลอบประโลมแม้ว่าสิ่งที่ตัวทำนั้นจะสวนทาง กระแทกร่างตัวเองเข้าในร่างเงือกหนุ่มไม่หยุดขณะเดียวกันก็เลียใบหูขาวๆ ที่ซ่อนไว้ใต้ผมสีฟ้า

"อื้อ"

ลัวร์กอดฟารอสแน่น หัวขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก

ความเจ็บนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงแต่ความสุขและความเสียวซ่านที่แม่ทัพลามกมอบให้

"เรียกชื่อข้าสิ ลัวร์" ฟารอสกระซิบและงับหูเบาๆ

น่าเสียดายที่สติของลัวร์นั้นไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวนักเลยไม่ได้ตอบรับอะไรเพราะแค่รับมือกับการรุกเร้ามาอย่างตะกละตะกลามของฟารอสก็ควบคุมตัวเองได้ยากแล้ว

"เรียกสิ" 

ฟารอสขมวดคิ้วมุ่นออกแรงมากกว่าเดิมจนลัวร์ตัวสั่นโคลน

"อึก อะไร"

ลัวร์พยายามลืมตาขึ้นมามองฟารอสแม้ว่ากำลังจะหอบหายใจและเหงื่อออกท่ามกาย

"ตัวท่าน.. ร้อนเป็นบ้า"

สบถออกมาแล้วหลุดครางออกมาเสียงดังเมื่อฟารอสจงใจกระแทกหนักในจุดที่สามารถทำให้เงือกหนุ่มตัวอ่อนยวบ

"พอ พอแล้ว"

ลัวร์พึมพำแขนที่เกาะเกี่ยวตัวฟารอสนั้นแทบจะไม่มีแรงอยู่แล้ว

"เรียกชื่อข้าก่อน"

"...ฟา อ้ะ"

เงือกหนุ่มพยายามที่จะพูดแต่ก็ถูกแม่ทัพแกล้งจนพูดได้ไม่ครบคำ ลัวร์กัดปากพยายามเรียกสติตัวเองถึงแม้ว่ากำลังสั่นเทาไปทั้งร่าง

เขารู้จักความรู้สึกนี้ดีและมันกำลังทำให้เขาอยากเอาอะไรมาบังหน้าด้วยความเขินอาย เพราะมือของเขาไม่ได้แตะโดนส่วนนั้นของเขาสักนิดแต่เขากลับรู้สึก

"ฟารอส อ๊า"

สุดท้ายก็สามารถแค่นเสียงเรียกออกมาได้อย่างยากลำบากแต่สิ่งที่น่าเขินอายกว่านั้นคือเขาเผลอปล่อยออกมาและทำมันเลอะเสื้อไปหมด 

"ลัวร์ ข้ารักเจ้านะ" 

ลัวร์ยกมือขึ้นปิดหน้าขณะที่พูด

"อืม"

แค่นี้ก็ถือว่ามากแล้วนะสำหรับเงือกอย่างเขา

"แล้วเจ้าล่ะ รักข้ารึเปล่า?"

ฟารอสน้ำเสียงหยอกเย้า

"อืม.. ก็รัก"

ลัวร์พูดด้วยสีหน้าเขินอายและผิดหวังในตัวเองนิดๆ

ท่านแม่ข้าขอโทษที่ไม่ได้ทำตามที่ท่านสอนไว้ คบกันสิบปีแล้วค่อยแต่งข้าว่ามันออกจะนานเกินไปหน่อย
คิดไปเรื่อยเปื่อยและต้องเบิกตากว้างกับความรู้สึกจุกๆ ในท้อง

ลัวร์มองหน้าฟารอสนิ่ง

ฟารอสเลิกคิ้วแล้วยิ้ม

"อย่างน้อยเจ้าก็ท้องไม่ได้นะ"

นั่นมันใช่ประเด็นซะที่ไหน

"ข้าจะไปสมัครงานที่อื่น"

"ข้าจะไปเผาที่นั่น"

ฟารอสยังคงยิ้มเหี้ยม

"และตำแหน่งภรรยาของเจ้าก็จะดำรงอยู่ตลอดกาลด้วย"

ลัวร์ตีหน้าขรึมได้ไม่นานก็หลุดหัวเราะ

"บ้าชะมัด"

ถึงแม้ว่าที่ผ่านๆ มาชีวิตข้ามันจะไม่ได้สวยงามนัก แต่ถ้าหากเพราะมันแล้วข้าถึงจะได้มีโอกาสได้เจอฟารอส ข้าก็คงไม่เสียใจหรอกที่จะต้องกลายเป็นแบบนั้น จะพิการในสายตาคนอื่นเอยหรืออะไรก็แล้วแต่

ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว

"ยิ้มอะไร?" 

ลัวร์ไหวไหล่แล้วโผกอดฟารอสแน่นอย่างหวงแหน

"เปล่า.."

ข้าแค่ดีใจที่มีเจ้า

มันก็เท่านั้น

-------------

ครั้งนี้ยุขึ้น 55555555 ไม่ต้องรอเป็นปี  :hao7:
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 6 กัดกิน
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-04-2017 23:32:27
อับดุลเอ๊ย..ขออะไร..ได้อย่างนั้น อิอิ แถมไม่ต้องรอนานด้วย กราบ...บบบบบบ  :pig4:
น่า-รัก-อย่าง-แรง   :L2:
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 6 กัดกิน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-04-2017 08:03:25
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ เรื่องสั้น ] ครวญเสียงจากวิหค ตอนที่ 6 กัดกิน
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-04-2017 15:50:46
โดนกินแล้วค่า  :m25: