Intro
ผมชอบที่จะแวะร้านกาแฟในตอนสายๆ
หากวันไหนไม่มีเรียน หรืองานค้างคาผมก็ชอบเอาแมคบุ๊คมานั่งขลุกอยู่ในร้านกาแฟ
ร้านกาแฟนั้นมีชื่อว่า "Enchanted Café" หรือที่นักศึกษาส่วนใหญ่เรียกกันว่า "ร้านกาแฟดอกไม้" ภายในร้านตกแต่งด้วย
วอลเปเปอร์และโต๊ะเก้าอี้สไตล์วินเทจ รอบๆร้านปลูกดอกไม้และต้นไม้หลายพันธุ์ เป็นที่มาของชื่อเล่นนั้น
พื้นที่ประมาณห้องแถว 3 ห้อง ถูกจัดสรรอย่างลงตัว
ที่ผมชอบไม่ได้แค่ร้านกาแฟหรอก
แต่รวมถึงคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยต่างหาก
คนที่ผมชอบเป็นบาร์เทนเดอร์ของร้าน Enchanted
-1-
[/b]
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ
เมื่อ 3 เดือนก่อน...
#
ผมโต้รุ่งทำโปรเจกต์ครั้งแรกในชีวิต หลังจากเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยหมาดๆ เรียกได้ว่าหมดสภาพเดือนวิทย์ฯ เลยทีเดียว ขอบตาคล้ำ อย่างกับหมีแพนด้า ยังดีที่ผมเซ็ตผม โกนหนวดแล้วไม่งั้นไม่กล้าออกจากคอนโดหรอกครับ สาวๆหายหมด...
เดี๋ยวต้องเช็คความเรียบร้อยอีก
เฮ้ออออ...
ณ จุดๆนี้ ผมก็ช่างแม่งไปเรียบร้อย มีเวลาอีกตั้งสองวัน รีบทำไมวะกู
ผมขับรถมาสด้า คันที่แม่ซื้อให้เป็นของขวัญเข้ามหาลัยออกมาจากคอนโด กะว่าจะมาหาอะไรกินให้ตาสว่างซักหน่อย เปลี่ยนบรรยากาศทำงานด้วย เมื่อขับรถผ่านหน้ามหาลัยก็เจอป้ายที่ยื่นออกมาสะดุดตา
'Enchanted Café'
น่าจะเป็นร้านกาแฟ น่าแปลกที่ผมไม่เคยสังเกตว่ามีมันอยู่ ทั้งๆที่อยู่หน้ามหาลัยแท้ๆ ผมเลียบรถเข้าไปจอดหน้าร้านที่โล่งเพราะเป็นตอนเช้า
ขณะนี้เวลา 7 โมงกว่า ร้านกาแฟปกติถ้าจำไม่ผิดน่าจะเปิดราวๆ 8-10 โมงกัน เขาน่าจะอนุโลมแหละ คิดได้แบบนั้น ผมก็ลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าตังค์และเเมคบุ๊ค มือข้างหนึ่งก็ปิดปากหาว
มองดีๆแล้วร้านนี้รสนิยมดีมาก ตกแต่งด้วยสีโทนสบาย รอบๆปลูกต้นไม้และดอกไม้จนร่มรื่น ผิดกับอากาศปกติของกรุงเทพที่ร้อนตับแตก ผมตาปรือ เปิดประตูกระจกออกไปอย่างไม่เกรงใจ กระดิ่งที่แขวนกับประตูดังกรุ๊งกริ๊ง ชวนให้สงบใจ
"อ๊ะ! เอ่อ..."
คนที่ยืนอยู่ในร้านที่ยังไม่ได้เปิดไฟดี คือ ผู้ชายร่างเพรียวบาง แต่ยังดูมีเนื้อหนังอย่างคนสุขภาพดี ผิวของเขาขาวกว่าผู้ชายทั่วๆไป จากมุมของผมเขาน่าจะเตี้ยกว่าผมซัก 10 เซ็นต์ได้ ผมของผู้ชายคนนั้นย้อมเป็นสีน้ำตาลแดง ดวงตากวางเบิกโตด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ
แต่ทำไมนะ ผมรู้สึกว่าเขาโคตรน่ารัก เห็นครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเจอรักแรกไม่มีผิด
ก็ว่าไปนั่น...น้ำเน่าว่ะกู
"เปิดร้านรึยังครับ" ผมถาม
"ร้านเราเปิด 9 โมงครับ แต่เข้ามานั่งก่อนก็ได้...รับอะไรดีครับ" เขาเชิญให้ผมนั่งลงบนโซฟาลายวินเทจของร้าน ก่อนจะเปิดไฟให้ร้านสว่างขึ้น ทำให้ผมสามารถเห็นสภาพร้านกับเมนูชัดขึ้น เมนูบนกระดานดำที่ใช้ชอล์กสีเขียน ราคาก็ไม่แพงมากจนเกินไป ถือว่าเป็นร้านกาแฟในอุดมคติดีๆนี่เอง
"งั้น...คาปูชิโน่เย็นแก้วหนึ่งครับ"
"อาจจะต้องรอซักหน่อยนะครับ พอดีร้านยังไม่เรียบร้อยดี" ผมพยักหน้ารับ อีกฝ่ายอยู่ในชุดเครื่องแบบร้านกาแฟสีน้ำตาลกำลังง่วนกับการเปิดร้านอย่างขะมักเขม้น จนผมสงสัยว่าแล้วพนักงานคนอื่นๆไปไหนกันหมด
"แล้วพนักงานคนอื่น..." ปากเจ้ากรรมก็ถามไปโดยไม่รู้ตัวอีก...นี่แหละ นิสัยเสียผม ปากไว
"อ้อ เดี๋ยวเขาจะมากันก่อนเปิดร้านครึ่งชั่วโมงครับ ส่วนผมเป็นผู้จัดการควบบาร์เทนเดอร์ก็เลยต้องมาเปิดร้าน" บอกว่าผู้จัดการ แต่เขาก็น่าจะอายุไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ ดูเผินๆเหมือนอายุเท่าผมด้วยซ้ำ ผมๆเออออไปตามเรื่อง ก่อนจะจัดการเองแมคบุ๊คออกมา พร้อมเสียบสายชาร์จเตรียมทำงานต่อ "เสียบปลั๊กชาร์จคิดเพิ่มชั่วโมงละ 30 บาทนะครับ"
"ครับ..."
ระหว่างที่ทำงานอยู่ก็มีเสียงไอน้ำกับกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟเป็นระยะๆ และแอร์เย็นๆ ทำเอาผมชักเคลิ้มหนัก ด้วยความที่ตรากตรำงานมาหลายสิบชั่วโมง ทำให้ทั้งสายตาและสมองเริ่มล้าเสียจนตาแทบเปิดไม่อยู่ จนในที่สุด...
ผมก็หลับคาโซฟา
รู้สึกตัวอีกที...ก็ได้ยินเสียงแหลมๆของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังขึ้นพร้อมเสียงกระดิ่ง ที่แขวนอยู่บนประตูนั่นแหละ
"โธ่! พี่ชาอ้ะ...จูนบอกกี่ครั้งแล้วคะว่าเดี๋ยวเมล็ดกาแฟน่ะ จูนคั่วเอง..."
"ช่างเถอะน่า ก็พี่ทำเสร็จแล้วไง ไปเปลี่ยนชุดหลังร้านไป รบกวนลูกค้า" ผมกะพริบตาถี่ๆปรับแสงจ้าที่แยงตา มือหนึ่งขยี้ตาเบาๆ พบว่าบนโต๊ะผมนอกจากจะมีแมคบุ๊คที่ชาร์จคาไว้อยู่ ยังมีคาปูชิโน่เย็นที่ใส่แก้วเก็บความเย็นเอาไว้วางอยู่ด้วย
แถมยังมีผ้าห่มสีครีมห่มคลุมตัวผมอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สงสัยผู้จัดการคนน้ันจะเป็นคนห่มให้แน่ๆ คนอะไรโคตรน่ารัก
"เอ่อ..." ผมเอ่ยขึ้นมา กะจะขอบคุณ แต่ว่า...
"กะ...กุมภ์นี่นา! พี่ชา คนที่เป็นเดือนวิทย์ไงคะ!!" ผู้หญิงผมลอนเขย่าแขนคนที่เธอเรียกว่า 'พี่ชา' พร้อมกับขี้ไม่ขี้มือมาที่ผม ซึ่งผมก็ชินกับปฏิกริยาทำนองนี้อยู่แล้ว
"เออน่า...เห็นไหม เธอเสียงดังจนเขาตื่นแล้วนั่นน่ะ" ผู้ชายที่น่าจะชื่อชา ดันหลังเธอเข้าไปหลังร้าน ก่อนจะหันมาทางผม
"ขอโทษนะครับที่ทำให้ตื่น จะพักผ่อนต่อก็ได้นะครับ เอ้อ! คาปูชิโน่เย็นได้แล้วนะครับ ขอโทษที่ให้รอ อีกครึ่งชั่วโมงร้านจะเปิดแล้วครับ"
"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับผ้าห่มนะครับ" ผมส่งผ้าห่มคืนให้เขา หลังจากลองดื่มกาแฟดู...อร่อยมาก หอมกำลังดี เรียกได้ว่าระดับสตาร์บัคส์ หรืออะไรทำนองนั้น อาจจะอร่อยกว่าด้วยซ้ำ เหมือนมีคนเสกมนต์ใส่กาแฟแก้วนี้ยังไงยังงั้น
"ผมชื่อกุมภ์นะครับ เรียนวิทย์ปี 1 มหาลัย..." ผมบอกชื่อมหาลัยตรงข้ามร้านไป
อีกฝ่ายชะงักไปเมื่อผมแนะนำตัว แต่ก็แนะนำตัวกลับพร้อมรอยยิ้ม "อ้อ อืม...พี่ชื่อชา เรียนอยู่ม.เดียวกันแหละ จิตกรรมฯปี3 ยินดีที่ได้รู้จัก" แก่กว่าเหรอเนี่ย หน้าอ่อนมาก... "ขอเรียกแบบตีซี้หน่อยไม่เป็นไรเนอะ?" เขาถามเมื่อเลิกใช้คำสุภาพ
ตึก ตัก ตึก ตัก...
หยุดเต้นแรงดิวะหัวใจกู!
"ไม่เป็นไรครับ กาแฟอร่อยมาก พี่ทำเองเหรอ" อีกฝ่ายยิ้มเมื่อได้ยินคำชม "อื้ม แต่สูตรเป็นของคุณอาน่ะ พี่ก็แค่ใส่อะไรเพิ่มนิดๆหน่อยๆเอง"
"งั้นคุณอาของพี่ก็เป็นเจ้าของร้าน?"
"ใช่ ร้านน้ีพี่ขออาเปิดน่ะ ขายดีใช้ได้เลยล่ะ...ถ้ากุมภ์จะมาอุดหนุน แนะนำว่าอย่ามาช่วงเที่ยงๆบ่ายๆนะ คนจะเยอะเป็นพิเศษน่ะ ถ้าจะมาเช้าๆแบบนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาดนะ เดี๋ยวเขาว่าลำเอียง" นิ้วเรียวจรดริมฝีปากของตัวเองอย่างน่ารัก ทำเอาผมหัวใจกระตุกไปหลายรอบ
"พี่ชา~ มีคนไลน์มาสั่งกาแฟค่ะ" จูนในชุดเครื่องแบบของร้านเดินมาพร้อมโทรศัพท์ในมือ "มีเอสเปรสโซ่ร้อน ลาเต้ปั่น แล้วก็อานแชนเทดเย็นค่ะ ของพี่หมอพี"
"อานแชนเทด?" ผมทวนคำที่ไม่คุ้นหู
"เมนูประจำร้านเราน่ะ" พี่ชาอธิบาย "เป็นสูตรที่พี่คิดเอง...แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นความลับ นอกจากบาร์เทนเดอร์ด้วยกันจะไม่มีใครรู้เด็ดขาด จริงไหมจูน"
"แหม ก็อย่างงั้นล่ะค่ะ แต่ถ้ากุมภ์อยากโทรสั่งกาแฟไลน์หาจูนได้นะ! ลืมแนะนำ จูนอยู่มนุษย์ญี่ปุ่นนะ ปี 1 เหมือนกัน...โอ๊ย!"เธอหยุดพูดเมื่อถูกพี่ชาเคาะหัวเบาๆ "ไปเรียงเค้กไป เขาเพิ่งมาส่งเมื่อเช้า งานเยอะแยะ แล้วโทรตามอีกสองคนด้วย"
"แง...ก็ได้ค่ะ พี่ชาใจร้าย"
จูนกลับไปหลังร้าน สงสัยจะไปเอาเค้กที่เพิ่งมาส่งมาเรียงใส่ตู้เค้ก พี่ชาถอนหายใจ ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้เคาน์เตอร์ "ถ้ากุมภ์อยากไลน์มาสั่งกาแฟเดี๋ยวพี่ให้นามบัตรไว้นะ"
"ไม่เป็นไรครับ" ผมตอบปัด ขณะที่เขากำลังเอื้อมไปหยิบนามบัตรที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์
"ขอเป็นไลน์ของพี่ได้ไหม ไลน์ส่วนตัวที่พี่ใช้ ไม่ใช่ไลน์ของร้านน่ะ"
พึ่ชาเงียบไป "มันก็ได้อยู่หรอก..." แล้วก็เอาปากกาเขียนเบอร์ไลน์หลังนามบัตรร้าน แล้วยื่นให้ผม...ให้ตาย พี่เขาเป็นคนซื่อชะมัด "เอาไปทำไมล่ะ"
"ก็..เผื่อคนสั่งเยอะ ผมจะได้อภิสิทธิ์พิเศษ ลัดคิวไรงี้" ผมแถไปตามเรื่อง แต่จุดประสงค์จริงๆน่ะเหรอ หึๆ...
"แผนสูงนะเรา เดี๋ยวพี่จะไปพลิกป้ายหน้าร้านเป็น Open แล้ว จะกลับเลยไหม พี่จะได้คิดเงินให้" ผมพับฝาแมคบุ๊ค ม้วนสายชาร์จเรียบร้อยแล้วก็พยักหน้า "คาปูฯเย็น 70 บาท บวกค่าชาร์จอีก 60 บาท แล้วก็ค่าเบอร์พี่..."
"เดี๋ยวๆ ค่าเบอร์พี่นี่อะไร"
"ล้อเล่น...ทั้งหมด 130 บาทครับ แก้วเก็บความเย็นพี่แถมให้" เขาหัวเราะเบาๆในลำคอเหมือนหยอกล้อผมเล่น ผมควักเงินจำนวนพอดีให้พี่ชาไป เจ้าของเสียงนุ่มยิ้มให้ผมอีกครั้ง "ขอบคุณที่มาอุดหนุนครับ โอกาสหน้าก็มาอุดหนุนอานแชนเทด คาเฟ่ อีกนะคร้าบ~"
โอ๊ย...อย่าให้ผมหัวใจวายได้ไหม ดาเมจพี่ทะลักมาก
ให้ตายเถอะ
ผมโดนพี่เขาร่ายมนตร์ใส่แล้ว
เป็นมนตร์ที่แก้ยากสุดๆด้วย
ผมตัดสินใจแล้ว
ผมจะจีบพี่เขา
ถึงเขาจะไม่รู้ตัวเลยก็เถอะ!
#
หลังจากถึงคอนโดตัวเองด้วยหัวใจชุ่มฉ่ำแล้ว ผมก็รีบหยิบนามบัตรกับไอโฟนขึ้นมา เซฟเบอร์ไลน์ใส่รายชื่อ แล้วแอพพลิเคชันยอดฮิตในเครื่องก็ส่งเสียงเตือนขึ้นมา
ติ๊ง!
[I'm Ch@ ได้เป็นเพื่อนกับคุณแล้ว]
[/b]