ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ขอได้มั้ยรอยยิ้มของนาย?
เริ่มต้นการขอ
เคยรู้สึกไหม..?
เวลาที่ได้แอบชอบใครซักคน ต่อให้เขาจะไม่ได้สนใจหรือหันมามอง แต่เราก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษารอยยิ้มนั้นของเขา ได้มีความสุขกับการที่ได้แอบมองรอยยิ้มของเขาในทุกๆวัน
นั่นแหละครับ.. ที่ผมเรียกมันว่าความสุข
“เฮ้ย!! จะรีบไปไหนวะไอ้มิน รอกูด้วย” เสียงวิ่งตึกตักของเด็กหนุ่มรูปร่างโปร่งวิ่งตามเพื่อนรักที่สะพายกระเป๋าเดินลิ่วออกจากห้องเรียนทันทีที่เสียงออดครั้งสุดท้ายของวันสิ้นสุดลง มือคว้าไปยังไหล่ของอีกคนให้หันหน้ามาหา ใบหน้าขาวๆของคนที่โดนคว้าไว้หันมามองเพื่อนรักของตัวเองที่ยืนหอบอยู่ก็ได้แต่ทำหน้าเลิกลักก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยยกใหญ่
“อะ.. อ้าว เฟิร์สเองเหรอ เราขอโทษ เราไม่คิดว่าเฟิร์สจะตามเรามา ขอโทษจริงๆนะ เหนื่อยมากมั้ยเนี่ย เหงื่อออกเยอะมากเลย” พูดรัวเป็นพัลวันเมื่อเห็นสีหน้าหอบเหนื่อยของเพื่อน มือก็ควานหาทิชชู่ที่พกติดกระเป๋าสะพายของตัวเองและยื่นไปตรงหน้าอีกคนด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดสุดๆ
“เออๆ ช่างมันเถอะ แล้วมึงจะรีบไปไหนมิน จู่ๆก็เดินตัวปลิวออกจากห้องไม่รอกันเลย” น้ำเสียงของเพื่อนตัวโปร่งนั้นติดตัดพ้อเล็กๆมือก็ดึงเอาทิชชู่ที่อยู่ตรงหน้ามาซับเหงื่อตามกรอบหน้าแบบลวกๆถึงอย่างนั้นหน้าตาก็ยังแสดงออกว่าเจ้าตัวนั้นแอบงอนเพื่อนตัวขาวที่ทิ้งตัวเองไม่ยอมบอกกล่าวอะไรเลยซักนิด ทำให้อีกฝ่ายหลุดขำออกมาน้อยๆกับน้ำเสียงและท่าทางงอนเล็กๆนั่น
“พอดีเรามีธุระนิดหน่อยน่ะ เราว่าจะไปที่โรงเรียนสุธาวิทฯ..” มินตอบ ท้ายประโยคกลับเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แต่ถึงถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจรอดไปจากหูทิพย์ของเฟิร์สไปได้
“จะไปหาไอ้พีชอีกล่ะสิ”
“อะ.. อื้ม” มินมองหน้าเพื่อนรักพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ
“เฮ้อ มานี่ กูจะไปส่ง” เฟิร์สถอนหายใจพลางส่ายหน้ายิ้มๆให้กับเพื่อนรักของตัวเองก่อนจะคว้าแขนมินให้เดินตามตัวเองมายังโรงจอดรถของโรงเรียน เดินมาหยุดอยู่หน้ารถสกู๊ปปี้คันสีแดงคันเก่งของตัวเองและขึ้นคร่อมทันที หมวกกันน็อคสีเดียวกับรถถูกส่งไปให้ไอ้คนที่ยืนหน้างงงวยอยู่ข้างๆ
“เอ้า! เร็วๆสิวะ เดี๋ยวมันก็กลับก่อนหรอก โรงเรียนมันเลิกก่อนเราไม่ใช่รึไง?” เฟิร์สพูดยิ้มๆ เรียกรอยยิ้มกว้างจากอีกคน
“อื้อ! ขอบใจนะเฟิร์ส” มินกล่าวขอบคุณเสียงใสพร้อมกับขึ้นซ้อนท้ายอย่างคล่องแคล่ว ทันทีที่ก้นแตะเบาะได้ไม่เท่าไหร่เจ้าของรถก็ออกตัวทันที ทำเอาคนซ้อนถึงกับร้องเหวอออกมาเพราะเจ้าตัวนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยซักนิด
โรงเรียนสุธาวิทยา
ผมกระโดดลงจากรถของเฟิร์สหลังจากที่จอดเรียบร้อยตรงบริเวณจอดรถหน้าตึก 8 ของโรงเรียนสุธาวิทยา โรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในจังหวัด ถือได้ว่าเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ผมแหงนหน้าขึ้นมองตัวเลขที่ใช้เรียกแทนชื่อตัวอาคารนี้อีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เฟิร์สที่เห็นท่าทีผมจึงตบบ่าผมเบาๆและส่งยิ้มให้อย่างรู้กัน ผมยิ้มตอบกลับบางๆ ก้มมองถุงกระดาษสีฟ้าที่มีหนังสือการ์ตูนอยู่เกือบสิบเล่มที่เตรียมมาให้กับ ‘เนส’ เพื่อนที่บังเอิญไปสนิทด้วย เนสเป็นเพื่อนสนิทของ ‘พีช’ คนที่ผมนั้นดันไปแอบชอบ เป็นเพื่อนข้างห้องสมัยประถมที่ผมไม่เคยคุย ไม่เคยเล่น หรือทำความรู้จักด้วย รู้เพียงเด็กผู้ชายท่าทางกวนๆคนนั้น เป็นหัวโจกตัวแสบที่ชอบสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน พอช่วงขึ้นม.ต้นพีชก็ย้ายมาเรียนยังโรงเรียนนี้ซะแล้ว
ผ่านมาหลายปีล่วงเลยมาจนถึงม.ปลาย ผมไม่เคยมีเรื่องของคนคนนี้ในหัวเลยซักนิด แต่อยู่มาวันนึงชายหนุ่มคนนี้ก็ได้ทักแชทเฟสบุ๊คมาหาผม..
‘นาย! เราเคยเรียนประถมที่เดียวกับนาย นายจำได้รึเปล่า??’
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้พูดคุยกัน และนานวันเข้าสิ่งนี้ทำให้ผมแอบชอบพีชไปโดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เพื่อนๆในกลุ่มเริ่มจับผิดสังเกตเกี่ยวกับตัวผมได้ ผมก็ยอมรับแต่โดยดีครับว่าชอบพีชเข้าให้แล้วจริงๆ
“ไปกันเหอะมึง เดี๋ยวกูเดินไปเป็นเพื่อน” เฟิร์สเอ่ยขึ้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์หันไปมองหน้าเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดส่งยิ้มและพยักหน้าให้เป็นคำตอบ มือของเฟิร์สดันแผ่นหลังผมให้เดินไปพร้อมๆกัน
ผมกับเฟิร์สเดินลัดเลาะมาตามด้านข้างของตึก แม้ตอนนี้จะเลยเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนนี้มาชั่วโมงกว่าแล้ว(โรงเรียนนี้เขาเลิกเรียนบ่ายสามครับ ส่วนโรงเรียนผมเลิกสี่โมงเย็น)แต่คนก็ยังพลุกพล่านเหมือนกับเพิ่งเลิกโรงเรียนอย่างไงอย่างงั้น สายตาหลายคู่ที่หันมาสนใจพวกผมสองคนที่ใส่ยูนิฟอร์มสีเตะตาด้วยกางเกงสีน้ำเงินบ่งบอกว่าเป็นเด็กโรงเรียนเอกชน ช่วยเรียกความสนใจผู้คนรอบข้างได้มากทีเดียว ผมแอบเห็นสาวๆหลายคนแอบส่งสายตามาให้เฟิร์สกันเป็นพรวนเลยล่ะครับ ทำไงได้ล่ะ เพื่อนผมหน้าตาดีน้อยซะที่ไหน
“เฮ้!! ไอ้มิน ทางนี้” เดินมาได้ซักพักเกือบจะถึงท้ายตึกก็เจอเข้ากับเนส ชายหนุ่มตัวสูงชะลูด เจ้าของใบหน้าขี้เล่นกำลังยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม จึงยืนโบกไม้โบกมือเรียก ผมสะกิดเรียกเฟิร์สที่มัวแต่มองสาวให้รู้ว่าผมเจอกับเนสแล้ว เฟิร์สหันมองเนสนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าให้ผมแล้วเดินไปนั่งรอที่ม้านั่งแถวนั้นรอผม ผมเห็นดังนั้นจึงเดินตรงไปหาเนสทันที
“ขอโทษทีนะเนส ที่ทำให้ต้องรอนาน เราพยายามรีบมาแล้วแต่มีปัญหานิดหน่อย” ผมส่งยิ้มแหยๆให้เนสพร้อมคำขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกมิน เราถ่วงเวลาไอ้พีชไว้ให้แล้วล่ะ ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังกับเพื่อน แต่ถ้าต้องทำแบบนี้บ่อยๆเราก็รับปากมินไม่ได้หรอกนะว่าไอ้พีชจะไม่สงสัยน่ะ” เนสบอกพร้อมกับยกมือชี้ไปยังด้านหลัง ผมหันไปชะโงกมองข้ามไหล่ของเนสก็พบกับผู้ชายที่ผมแอบชอบกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อน รอยยิ้มนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาตามภาพที่เห็นโดยไม่รู้ตัว
“ขอบคุณจริงๆนะเนส นี่การ์ตูนที่เราให้ยืมตามสัญญาที่ช่วยเรา แล้วก็ขอบคุณมากนะที่ไม่รังเกียจเรา ทั้งๆที่เราเป็นผู้ชายแต่กลับมาชอบผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทของเนส” ผมยื่นถุงหนังสือในมือให้กับเนสและเอ่ยคำขอบคุณจากใจไปให้ การที่เพื่อนสนิทมาช่วยผู้ชายที่แอบชอบเพื่อนตัวเองที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแบบนี้ฟังดูยังไงก็หาความเป็นไปได้แทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่กับเนสนั้นไม่ใช่
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราเพื่อนกันนะมิน อย่าคิดมากเลย” เนสยกมือวางแปะบนหัวผมและโยกไปมา
“...” ผมเม้มปาก เงยหน้ามองคนที่สูงกว่าและพยักหน้ายอมตามคำพูดของอีกคน
“งั้นไปกันเถอะ ไปหาไอ้พีชกัน” เนสแตะข้อศอกผมให้เดินตามไปยังโต๊ะที่พีชกำลังนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่
ขาของผมก้าวไปใกล้โต๊ะนั้นเรื่อยๆเสียงหัวเราะของกลุ่มเด็กหนุ่มที่มีเด็กสาวปะปนอยู่บ้างดังขึ้นเป็นระลอก ยิ่งใกล้เท่าไหร่เสียงนั้นยิ่งดังชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังต้องแพ้เสียงหัวใจของผมที่กำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวใจดังไปทั้งโสตประสาท หูของผมอื้อไปหมด ยิ่งเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่ตัวเองหลงใหลยิ่งทำให้หัวใจนั้นเต้นกระหน่ำเหมือนกับจะทะลุออกมาซะให้ได้ นี่ผมเป็นเอามากจริงๆสินะ
“อ้าว มิน!! มาไงเนี่ย???” เสียงทุ่มนุ่มดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ เจ้าของเสียงลุกพรวดขึ้นมาเต็มความสูงและเดินตรงมาทางผมทันที มะ.. เมื่อกี้พีชว่าอะไรนะ ผมไม่ทันจะได้ฟัง ทำไงดีล่ะ ทำไงดี
“เอ่อ.. คะ คือ” ผมเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ขาก็ก้าวถอยหลังเมื่อเห็นพีชกำลังตรงเข้ามาหาผม ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นกำลังเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ อุณหภูมิรอบกายผมสูงขึ้นมาทันทีเมื่อสบตาเข้ากับดวงตาเรียวคู่นั้น กะ.. ใกล้ ใกล้เข้ามาแล้ว ผมหลับตาปี๋ทันทีที่พีชเข้ามาประชิดตัวและ..
หมับ!!
พีชคว้าคอผมเข้าไปกอด!!!!
มันไม่กอดที่แนบชิดกันทั้งตัวแบบนั้นนะครับ ถึงจะเป็นแค่การคว้าคอรั้งเข้าไปกอดชิดตัวธรรมดา แต่การที่โดนสัมผัสตัวแบบนี้มันไม่เคยอยู่ในความคิดของผมมาก่อนเลย ความรู้สึกเหมือนเลือดทั้งร่างกายกำลังสูบฉีดขึ้นมากองกันอยู่ที่ใบหน้านี่คืออะไรกัน แล้วไอ้หัวใจบ้านี่ช่วยเต้นให้เบากว่านี้ได้มั้ย ผมกลัวว่าพีชจะรู้ในสิ่งที่ผมคิดจริงๆ ให้ตายสิพระเจ้า!
“มินไม่สบายรึเปล่าทำไมหน้าแดงแบบนี้ล่ะ?” พีชก้มลงมองเห็นหน้าของผมร้องขึ้นด้วยความตกใจ มือใหญ่ยกขึ้นมาวางแปะที่หน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย
“เปล่า!!! เปล่าๆ เราไม่เป็นไร” ผมหดคอถอยหนีสัมผัสที่แสนใจดีของพีชทันที ยกไม้ยกมือขึ้นปฏิเสธพัลวัน ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมกลัวผมทนไม่ไหวแล้วผมจะระทวยเพราะความอ่อนโยนของคนตรงหน้าไปก่อนน่ะสิครับ
“งั้นเหรอ.. แต่เราว่าแก้มแดงๆของมินก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” พีชพูดกลั้วหัวเราะ หัวใจเจ้ากรรมของผมเต้นด้วยจังหวะแห่งความสุข แม้ความหมายของพีชจะไม่ได้ตรงกับผม แต่ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ย ผมคงไม่ผิดใช่มั้ยครับ?
“พูดอะไรน่ะพีช มินหล่อเถอะ” ผมแกล้งทำเป็นไม่พอใจกับคำว่า ‘น่ารัก’ ที่ได้ยินแต่ในใจกลับรู้สึกชอบใจในสิ่งที่คนตัวสูงพูด อยากจะได้ยินอีก อยากจะฟังมันจากปากของคนคนนี้
“ฮ้าๆๆ โอเค เรายอมแพ้ก็ได้ ไม่ได้เจอมินตั้งสองอาทิตย์แล้วนะเนี่ย ไหงวันนี้มาได้ล่ะ?”
“เรามาซื้อของที่ห้างแถวนี้ พอดีเอาของมาคืนเนสด้วยเลยแวะมา” ผมโกหก ใครจะกล้าบอกล่ะว่าตั้งใจมาหาน่ะ
“อะไรกัน มาหาไอ้เนสได้ แต่ไม่คิดจะมาหาเราเลยนะ” พีชพูด ผมหันขวับไปหาเจ้าของประโยคเมื่อครู่ทันที เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ยครับ พีชกำลังพูดเหมือนกับอยากจะให้ผม.. มาหา
“นี่ พีชอยากให้เรา.. มาหา?” ผมกลั้นใจถามในสิ่งที่คิดออกไป สายตาช้อนขึ้นมองคนตัวสูงที่ยังไม่ปล่อยคอผม รอคอยคำตอบที่มีความหวัง หวังว่าใจเราจะตรงกัน
พีชยิ้ม ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ผมแอบมองตลอดมา รอยยิ้มที่เราให้ผมหลวมตัวไปชอบคนคนนี้ด้วยความเต็มใจ และคำตอบที่พีชมอบให้ เหมือนกับน้ำฝนเย็นๆที่รดลงมายังหัวใจที่แห้งเหี่ยวมานานของผมให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง...
“อื้ม เราอยากเจอมินนะ”
********************************************************************************************
เรื่องสั้นเรื่องแรกเลย อยากให้อ่านกันเยอะๆ และติดตามกันเยอะๆนะคะ แล้วจะรีบมาอัพตอนต่อไปนะคะ ฮึบๆ
ขอบคุณเจ้าค่ะ
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ขอครั้งที่ 1
“สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้.. ขอให้พระเจ้าอวยพรลูกๆทุกคนค่ะ”
หลังจากสิ้นเสียงของซิสเตอร์ครูใหญ่ให้โอวาทในทุกๆเช้าของการเข้าแถว อย่างที่รู้ๆกันว่ากว่าจะจบก็ปาเข้าไปเกือบหมดคาบแรกในช่วงเช้าซะแล้ว ทั้งเด็กๆม.ต้นและพี่ม.ปลายต่างก็สัปหงกกันเป็นแถบ แต่พอได้ยินเสียงปล่อยแถวจากคุณครูที่เป็นเวรหน้าเสาธงเหล่าผู้หลับใหลทั้งหลายก็เด้งตัวตื่นขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ผมนั่งมองภาพพวกนั้นยิ้มๆก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่จากคนด้านหลังให้ลุกขึ้นเดินตามแถวขึ้นห้องเรียน
“เฮ้ย ไอ้มิน เมื่อวานเอ็งไปหาพีชมาเป็นไงบ้างวะ” เดินแถวเข้ามาถึงใต้อาคารได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกล็อกคอซะแล้ว ผมหันหน้าไปมอง ‘อุ้ย’ เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มที่ได้มารู้จักกันตอนขึ้นม.ปลาย
“อุ้ยรู้ได้ไง ว่าเราไปเจอพีชมา???” ผมเลิกคิ้วมองหน้าอีกคน ที่ตอนนี้พ่นลมหายใจยาวพลางกรอกตาใส่ผม
“พุ่งออกจากห้องด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นมีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ ดูไม่ออกก็บ้าละ” อุ้ยเดาะลิ้นตอบด้วยใบหน้าสุดเซ็ง ผมยิ้มขำกับท่าทางนั้น แต่ก่อนจะเปิดปากเล่าก็เดินมาถึงหน้าห้องเรียนซะแล้ว
ผมผลักบานประตูกระจกมองเข้ามาในห้องก็เจอเฟิร์สที่นอนฟุบรออยู่แล้ว ผมกับอุ้ยเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะของตัวเอง โดยโต๊ะของอุ้ยจะอยู่ด้านหน้าผม และคนที่นั่งข้างอุ้ยก็คือเฟิร์ส ส่วนผมนั่งกับ ‘นัท’ ที่ดูเหมือนตอนนี้เจ้าตัวจะไม่อยู่เห็นเพียงแค่กระเป๋าสะพายห้อยที่เก้าอี้ไว้ลวกๆบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาแล้ว
หลังจากผมวางกระเป๋าสะพาย ก้นแตะลงบนเก้าอี้ไม่ทันไร คนที่นั่งอยู่โต๊ะตรงหน้าผมจู่ๆก็หันขวับมาหาผมทันที เล่นเอาผมสะดุ้งเกือบร้องจ๊ากออกมาด้วยความตกใจแต่ยังดีที่คุมสติตัวเองได้ทัน
“เอ็งไม่ต้องมาแอ๊บเนียนเลยนะ เล่ามา!”
“คือเมื่อวานเรา....”
ผมตัดสินใจเล่าเรื่องเมื่อวานทั้งหมดให้กับอุ้ยฟัง เล่าไปก็หลบสายตาล้อเลียนของคนตรงหน้าไป จากที่จะไม่เขินกลับรู้สึกเขินขึ้นมาซะดื้อๆ และยังมีนัทที่กลับเข้าห้องมาตอนที่ผมเริ่มเล่าไปไม่เท่าไหร่มาผสมโรงกับอุ้ยทำเสียงล้อผมเป็นพักๆยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยากมุดดินหนีพวกนี้ไปให้ไกลๆ
“มิน เราพูดตรงๆนะ บอกพีชไปเถอะ” นัทพูดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าจบ
“เออ ข้าเห็นด้วยกับไอ้นัท เอ็งแอบชอบมันมาเกือบสองปีแล้วนะเว้ย นี่ก็ม.5แล้ว จะรอไปถึงเมื่อไหร่” อุ้ยสบตากับผม น้ำเสียงนั้นไม่มีความล้อเล่นเหมือนที่เจ้าตัวชอบทำ
“แต่.. แต่เราไม่กล้าบอกหรอกนะ คือเรา.. เราไม่กล้า เราอาย” ผมก้มหน้างุดๆหลบสายตาของเพื่อนทั้งสอง พลันก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แล่นขึ้นมาตามพวงแก้มทั้งสองข้าง
“งั้นข้าถามหน่อย”
“...”
“ถ้าวันนึงพีชมันมีคนของมัน เอ็งจะทำยังไง?”
“...เรา” ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับอุ้ยอีกครั้งกับคำถามที่เหมือนกับต้องการหยั่งเชิงกรายๆ แต่ความรู้สึกที่หัวใจกลับเหมือนถูกบีบจนอึกอัด ความกลัวที่จะสูญเสียของสำคัญบางอย่างฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิด
รอยยิ้ม.. ของพีช
“เอ็งจะรอจนถึงวันนั้นแล้วเก็บความรู้สึกนี้ไว้ต่อไปข้าก็จะไม่ว่า เพราะนั่นคือสิ่งที่เอ็งเลือก แต่ข้าไม่อยากให้เอ็งต้องเสียใจที่ไม่ได้บอกความรู้สึกนี้ออกไป ตอนนี้เอ็งยังมีเวลาก็จริงแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันเหมือนกันว่ามันจะไม่เกิดขึ้น เอ็งควรรีบบอกออกไปก่อนที่อะไรมันจะสายไป เข้าใจที่พูดใช่มั้ย... มิน” อุ้ยพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหันไปทางหน้าห้องเตรียมตัวเรียนวิชาแรกของเช้านี้ ประโยคสุดท้ายนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดทั้งคาบ สิ่งที่ครูกำลังบรรยายสอนอย่างตั้งใจนั้นไม่ได้เข้าในหัวผมซักนิด มีเพียงแค่ความรู้หน่วงในอกแปลกๆ ไม่ชอบเลย ความรู้สึกแบบนี้
“คิดให้ดีนะมิน ไม่ว่าผลของมันจะเป็นยังไง แกยังมีพวกเรา ยังมีเพื่อนอยู่ข้างๆนะ” นัทหันมาพูดกับผมระหว่างที่ครูสั่งงานเสร็จ รอยยิ้มบางและสายตานั้นเป็นสิ่งยืนยันคำพูดเมื่อครู่ให้ผมมั่นใจ
นั่นสินะ ผมยังมีพวกเขาอยู่
กริ๊งงงงง งง ง
เสียงออดส่งสัญญาณหมดเวลาของคาบสายสู่การพักเที่ยงรับประทานอาหาร นักเรียนในห้องม.5/1 เริ่มทยอยออกจากห้องเพื่อไปยังโรงอาหารกันเป็นกลุ่มๆ แต่ยังคงมีเด็กหนุ่มหน้าหวานผิวขาวจัดนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะสายตาจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่างไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน ดวงตากลมสีน้ำตาลสวยเหม่อลอยฉายแววเศร้า ทั้งที่ปกติมักจะฉายแววสดใสชวนให้มองอยู่เสมอ มือของคนที่นั่งโต๊ะเยื้องกับเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลยกขึ้นลูบผมเจ้าตัวอย่างเบามือ
“เฟิร์ส..”
“ถ้าความรู้สึกมันมากมายนักก็บอกออกไปให้หมดสิ จะเก็บไว้ทำไม?”
“มึงอย่ากลัวเลย เพราะทุกการเริ่มต้น ย่อมต้องมีการสูญเสียเป็นธรรมดา” ร่างโปร่งพูดจบก็หยัดกายยืนขึ้น ล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ของคนผิวขาวที่มักวางไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะและวางแปะลงตรงหน้าของเจ้าของ มินเอียงคอมองอีกคนด้วยสีหน้าสงสัย เฟิร์สทำเพียงแค่ยิ้มกวนๆให้และยักคิ้วเดินออกจากห้อง เสียงใสของมินหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง
ทั้งที่เป็นคนกันเขาออกจากเรื่องพีชมาตลอดแท้ๆ แต่ก็เป็นคนที่ช่วยเขาในเรื่องนี้ทุกอย่างเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะสารภาพความรู้สึกกับพีชตามคำแนะนำของเพื่อนๆ ผมจึงตัดสิ้นใจหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่วาอยู่บนโต๊ะตรงหน้า มือสไลด์ปลดล็อกและเลือกช่องทางที่ผมใช้ติดต่อกับพีชบ่อยที่สุด ‘Messenger’ ของเฟสบุ๊ค ผมกลั้นใจอยู่นานกว่าจะตัดสินใจทักไป แต่ยังไม่ทันไร ไอ้คนที่ทักไปก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
Minn Warut : พีช
Captain Peach : ครับ? ว่าไงมิน
Minn Warut : *ส่งลิ้งค์เพลง You belong with me*
เราอยากให้พีชฟัง ช่วยฟังให้จบด้วยนะ
มือไม้ผมสั่นด้วยความตื่นเต้น หลังจากส่งลิ้งค์เพลงที่ผมคิดว่าเป็นคำสารภาพกรายๆออกไป ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ยยยย!
Captain Peach : ไม่คิดว่าเราจะใจตรงกัน เราก็ชอบเพลงนี้เหมือนกัน
*ส่งสติกเกอร์หน้ายิ้ม*
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก..
หัวใจของผมเต้นรัวอย่างกับมีคนมารัวกลองกระหน่ำอยู่ภายในหัวใจดวงนี้ แค่คำว่าชอบ ‘ใจตรงกัน’ มันก็ทำให้ผมดีใจจนเนื้อเต้นไปหมด ถึงแม้มันจะหมายถึงเพลง ไม่ใช่ผมก็เถอะ ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองซักนิดแล้วกัน
Minn Warut : เรามีอะไรอยากจะบอกพีช
Captain Peach : ??
ผมพิมพ์คำสารภาพค้างไว้แต่ไม่ได้กดส่งไป นานพอตัว พีชพิมพ์กลับมาถามซ้ำอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับเวลานั้นมีคนพรวดเปิดประตูหลังห้องเข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สองของวันและ..
Minn Warut : เราชอบพีชนะ
นิ้วของผมมันดันกดโดนปุ่มส่งข้อความ!!!!!!!
ไม่ทันแล้วครับ หายใจเข้าออกยังไม่ครบหนึ่งครั้งด้วยซ้ำ สัญลักษณ์รูปโปรไฟล์ของพีชเลื่อนลงมาที่ข้อความล่าสุดของผม หมายความว่าเจ้าตัวได้อ่านข้อความนี้แล้ว ไม่นะ ม่ายยยยย ผมยังไม่พร้อม แล้วไอ้หัวใจไม่รักดีก็เอาแต่เต้นโครมครามอย่างกับเพิ่งวิ่งรอบสนามมาก็ไม่ปาน ผมคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ฝ่ามือสองข้างถูกยกขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆเพื่อสงบสติอารมณ์ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง หน้าจอนั้นยังไม่ดับ และข้อความที่ตอบกลับมานั้นชัดเจนต่อสายตาผมทุกคำ
Captain Peach : เราดีใจนะที่มินชอบเรา
แต่เราขอโทษจริงๆ เรายังลืมคนเก่าไม่ได้
เราไม่อยากเอาเปรียบมิน ถ้าเกิดว่าคบกันแล้วเรายังลืมคนเก่าไม่ได้
ความรู้สึกเหมือนโดนผลักลงเหว บรรยากาศรอบตัวเหมือนขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีน้ำตา แต่เจ็บชะมัด ฮะๆ อยากจะหัวเราตัวเองจัง แต่ผมทำได้แค่แค่นหัวเราะไร้เสียงออกมา
Minn Warut : อืม เราเข้าใจ
*ส่งสติกเกอร์ยิ้ม*
Captain Peach : มินดีเกินกว่าที่เราจะทำร้ายได้ลง
Minn Warut : เราไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกนะ
Captain Peach : แต่มินสำคัญกับเรามากนะ
Minn Warut : สำคัญยังไงล่ะ?
Captain Peach : สำคัญกว่าคำว่าเพื่อน เป็นคนพิเศษสำหรับเรา
เราพูดจริงๆนะ.. จะเชื่อหรือไม่เชื่อเราก็ได้
แต่เราอยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ขอแค่มินอย่าเปลี่ยนไป
ได้มั้ย?
Minn Warut : งั้นเราขอได้มั้ย
ถ้าพีชมีคนของพีชเมื่อไหร่ ช่วยบอกเราด้วยตัวเองได้รึเปล่า
Captain Peach : อื้ม ได้สิ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากการสารภาพรักผ่านมาได้ 2 วัน ความรู้สึกเฮิร์ตกลับไม่ได้มากอย่างที่คิด ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของผมกับพีชอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องตีตัวออกห่าง แต่เปล่าเลยครับ ผมรู้สึกเหมือนพีชพยายาม ’เข้าใกล้’ ผม ยิ่งพอรู้ว่าผมชอบเขายิ่งแกล้งผมบ่อยขึ้น เหย้าแหย่ให้ผมงอน หนักเข้าก็เล่นถึงขั้นทำให้ผมหึง ในส่วนที่ขยันทำที่สุดก็รู้สึกจะเป็นเรื่องทำให้ผมเขินเนี่ยแหละครับ อย่างเช่นเมื่อคืน..
ขอท้าให้คุณบอกความรู้สึกดีๆตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกับฉันบนหน้าวอลของฉัน แล้วส่งข้อความนี้ให้คนที่คุณรักหรือเพื่อนสนิท ถ้าคุณได้รับข้อความนี้จากเขา คุณเป็นคนสำคัญนะแล้วถ้าคุณไม่เล่นคนที่ส่งมาให้คุณคงเสียใจแย่
ข้อความนี้ถูกส่งมาให้ผม ดูยังไงก็เป็นแค่ข้อความลูกโซ่ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาตรงที่คนที่ส่งนั้นดันจริงจัง ทวงผมยิกๆ สุดท้ายแล้ว ผมก็ยอมให้พีช โพสต์เรื่องราวทุกอย่างลงบนหน้าวอลได้ไม่กี่นาที เจ้าตัวก็ส่งรู้ที่แคปโพสตืนั้นมาให้ผมดูและตามมาด้วยข้อความสั้นๆ ‘จะเก็บไว้เป็นอย่างดีเลยครับ’ ครับ.. ผมแพ้พีชอย่างหมดรูปเลย
“อ้าว เป็นไรมามิน ทำไมทำหน้างอเหมือนตูดแบบนั้นล่ะ” นักร้องทักผมที่เดินเข้าห้องมาด้วยอารมณ์บูดแต่เช้า
“โดนไอ้พีชแกล้งมาอีกล่ะสิ หึหึ” เฟิร์สพูด แต่สายตายังจ้องหนังสือการ์ตูนในมือ
“อือ เราว่าเราคิดผิดจริงๆแหละที่ดันบ้าจี้บอกชอบไป” ผมถอนหายใจพรืด ฟุบลงกับโต๊ะ
“มิน! วันนี้เวรหน้าใช่มั้ย มาเปลี่ยนวันที่ด้วย” หัวหน้าห้องที่ยืนเขียนบันทึกตารางเรียนประจำวันอยู่หน้าตะโกนเรียกผม มือเล็กๆชี้โบ้ยไปทางกระดานไวท์บอร์ด ผมพยักหน้าให้และเดินตรงไปหยิบปากกาไวท์บอร์ดกับแปรงลบขึ้นมาเตรียมเปลี่ยนวันที่และต้องชะงัก
เมื่อวาน 7 มกราคม งั้นวันนี้คือวันที่ 8 ……
เฮ้ย!!!
พรุ่งนี้วันเกิดพีช!!!!!