พิมพ์หน้านี้ - 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: bevobova ที่ 06-03-2016 20:44:48

หัวข้อ: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 06-03-2016 20:44:48
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายขอ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 06-03-2016 20:58:45
บทนำ .....



เมื่อยังแบเบาะเขาถูกเรียกว่า ‘น้องกระต่าย’
น้องกระต่ายที่ใครๆต่างก็ชมว่าน่ารักน่าเอ็นดู ไหนจะแก้มกลมๆอย่างกับลูกซาลาเปา ไหนจะผิวขาวอมชมพู แก้มก็มีเลือดฝาด  มีคนคอยโอ๋ คอยตามใจ ทำอะไรก็ดูน่ารักไปซะทุกอย่าง จะทำผิดแค่ไหน แม่ก็จะบอกว่า "เด็กซนคือเด็กฉลาดเสมอ" 


...... แต่พอโตขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ......


ผิวที่เคยขาวอมชมพู ก็ถูกแสงแดดจากไทยแลนด์แดนมอดไหม้ทำลายล้างซะเหลือเป็นผิวสีแทน  แก้มที่กลมป๊อกมลายหายไปกลายเป็นโครงหน้าเรียว  ที่สำคัญ เวลาทำผิดหรือแย้งอะไรขึ้นมา ก็โดนด่าประหนึ่งไปฆ่าใครตาย  และชื่อที่เคยเรียกกันว่าน้องกระต่ายอย่างนู่นน้องกระต่ายอย่างนี้เหลือสั้นๆแต่เพียง 'ต่าย' เท่านั้น ….


อันตัวเขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร  เพราะโตมา หน้าตาก็ไม่ได้น่ารักเหมือนตอนเด็ก ออกจะหล่อคมสาวเห็นแล้วกรี๊ด(ร้อง)?!  จะให้ชื่อกระต่ายก็ยังไงๆอยู่ เพราะฉะนั้น  พอขึ้นมัธยมเขาจึงใช้ชื่อ ต่าย มาจนถึง ณ ตอนนี้  ขึ้นปี 3 แล้ว   ต่ายก็ยังคงเป็นต่าย 
ซึ่งตอนนี้ใครมาเรียกเขากระต่าย ถ้าไม่สนิทจริงมีโบก หน้าเขาดูมุ้งมิ้งจนเรียกกระต่ายรึไงกัน!!

๑۩ﺴ ﺴ۩๑
 

 “กริส นายจะนอนไปถึงไหน นี่มันจะหกโมงเย็นแล้วอยู่แล้วนะ"
“กริส อย่ากินไปเล่นคอมไปสิ จะทำอะไรก็เลือกซักอย่าง"
“กริส กินเสร็จแล้วอย่าเพิ่งนอนนะ เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อนไม่รู้ด้วยนะ"
“กริส นายไม่คิดจะออกไปไหนบ้างรึไง"
“กริส อย่าวางชีทเกลื่อนกลาดแบบนี้ได้ไหม"
“กริส....
“กริส.......
“ไทกริส............. !!!


“กระต่ายบ่นมากชะมัด!!"  โป๊กก!!  (เสียงผู้เคราห์ร้ายโดนโบกด้วยฝ่ามือ...)

 
ผมชื่อ ศศินทร์ ชื่อเล่น (กระ)ต่าย  เพศผู้  เพศชาย  อายุ 21 ปี และไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆกับนายกริสเรียกยาวๆไทกริส

ผมเป็นเพียง พี่ชายที่เคยอยู่ข้างบ้านสมัยตอนเป็นเด็กน้อยเท่านั้น!!!!! 

ส่วนเรื่อง ที่ต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไชไอ้น้องชายนี่น่ะหรอ   



ก็เพราะว่า ...



Beva talk : เพราะว่าอะไร อุบไว้ก่อน   :hao7:
ออกมาแล้ววว เรื่องใหม่ ฮรืออออ กว่าจะปั่นออกมาได้ แก้ไปหลายรอบเลย ในที่สุดก็ออกมาเป็นตอนๆให้ทุกท่านได้อ่าน ฮาาา  หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักคนเขียน  (เอ็งเพิ่งเขียนนิยายมาเรื่องเดียว ใครจะรู้จักแกกัน) เอาเป็นว่า ถ้าใครเคยอ่าน เรื่องสั้น Slow love  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50982.0) ก็คงจะรู้จักกันบ้างแล้วเนอะ (โฆษณานิยายตัวเองไปในตัว)   สุดท้ายนี้ ขอฝากนิยายจากนักเขียนมือใหม่คนนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ  :mew1: > <

หลังจากนี้ขอตัวลาไปสอบ 1 สัปดาห์เลยค่ะ แห่ะๆ    :mew6:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 07-03-2016 12:36:28
 บทที่ 1  เดจาวู


เสียงพูดคุยกันไม่เบารวมถึงเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณนายบ้านนี้ ทำเอาร่างสูงที่นอนอยู่ในห้องนอนชั้นสองของบ้านสะดุ้งตื่น ก่อนโผล่หน้าอันแสนงัวเงียออกจากหน้าต่างเพื่อดูต้นต่อของเสียง

พอหรี่ตามองไปที่ชั้นล่าง เห็นร่างมารดาของเขาคุยกันอย่างออกรสกับผู้หญิงที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าจะรู้จัก แต่ก็นึกไม่ออก

แต่เมื่อนาถลดาสังเกตเห็นลูกชายของตนที่โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างก็ชิงตะโกนเรียก

“เจ้าต่าย!!  สายโด่งขนาดนี้เพิ่งตื่นรึไง  ลงมาหวัดดี ‘น้านี’เดี๋ยวนี้เลย”  น้ำเสียงเสียงแปดหลอดของนาถลดาทำให้เจ้าลูกชายเบ้หน้าใส่ ก่อนจะมาครุ่นคิด

น้านี  ชื่อคุ้นๆ แฮะ 

‘น้านี’ที่ว่า  ส่งยิ้มกว้างมาให้ ก่อนจะเรียกชื่อที่ต่ายสาบานได้ว่าไม่ได้ยินมาหลายชาติเศษ

“ว้ายย  น้องกระต่ายหรอลูก โตเป็นหนุ่มซะน้าจำไม่ได้เลย”  นีรดายกมือทาบอบมองร่างสูงที่เคยเห็นเมื่อยังแบเบาะ หน้าตาจิ้มลิ้ม  แต่บัดนี้เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าหล่อเหลาขึ้น  ตัวก็สูงขึ้น

ต่ายกระพริบตาปริบๆ  สมองประมวลผล ใบหน้าที่คุ้นเคย น้ำเสียงก็คุ้นเคย ชื่อน้านี  ….

น้านี .....  น้าคนสวยแสนใจดีที่เคยอยู่ข้างบ้านเขาสมัยก่อน!!

“น้านี! สวัสดีครับ” ด้วยตัวชั้นสองซึ่งไม่สูงมากนัก ทำให้ต่ายพูดสวัสดี พลางยกมือไหว้ให้คนที่นั่งอยู่ข้างล่างอย่างไม่ลำบากอะไร  จะมีก็แต่ ......

“ต๊ายย เจ้าต่าย ทำแบบนี้ได้ไง ไปจัดการตัวเองแล้วลงมาดีๆ  ฮึ่ยย เด็กคนนี้นี่” เสียงเข่นเขี้ยวอย่างไม่จริงจังของนาถลดา เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากนีรดา 

“คร้าบบบบบ” ต่ายร้องบอก ก่อนจะดีดตัวขึ้นเพื่อไปจัดการตัวเองตามที่มารดาสั่ง


พอลงมาข้างล่าง  ต่ายก็ได้เห็นน้านีอย่างเต็มๆตา จะบอกว่าจริงๆแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากความทรงจำในวัยเยาว์ของเขาซักเท่าไหร่ 

“สวัสดีครับน้านี  ไม่ได้เจอกันนาน ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“แหมม น้องกระต่ายก็ พูดแบบนี้น้าก็เขินแย่สิ” นีรดาหัวเราะเบาๆ  ดูจากแก้มที่ปริขนาดนั้น คงจะเขินของจริง
“แต่น้องกระต่ายนี่เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ดูสิดู ตอนก่อนยังสูงเท่าเอวน้าอยู่เลย ดูตอนนี้สิ เลยหัวน้าไปเป็นสิบยี่สิบเซ็นแล้วเนี่ย”
“เจ้าต่ายก็เหมือนพ่อเขาแหล่ะน้องนี สูงแต่ดำ” นาถลดาพูดขึ้น ปรายตามองลูกชายตัวเอง

 คิ้วของต่ายกระตุกยิกๆกับคำว่าดำ   อยากจะแย้งว่า มันแค่สีแทนเฉยๆ  แต่ก็ได้แต่ยิ้มแกนๆให้น้านีที่มองเขาอย่างชื่นชม

“ตรงข้ามกับลูกชายน้า รายนั้นสูงนะแต่ขาว ขาวจนน้ากลัวว่าจะเป็นโรคอะไรรึเปล่า”
“ต่ายจำน้องไทก์ได้ไหม” นาถลดาถามลูกชายของตน  ต่ายพยักหน้าตอบทันที 
“จำได้สิแม่ ใครจะไปลืม”

ไม่รู้ว่าเพราะความผูกพันหรือเพราะวีรกรรมชวนปวดหัวของเด็กชายนามว่าไทกริส ทำให้ประสบการณ์ในวัยเด็กของต่ายเป็นอะไรลืมไม่ลงทีเดียว

“เนี่ย น้องไทก์เพิ่งกลับมาจากฮังการี น้าให้น้องมาเรียนมหาลัยที่นี่  แต่ก็เป็นห่วง ไม่รู้จะอยู่ได้รึเปล่า”

ต่ายพอจำได้คร่าวๆว่า  หลังจากที่เขาย้ายออกจากบ้านหลังเก่าได้ 2 ปี ไทกริสก็ถูกส่งไปที่ฮังการี ให้ฝั่งปู่ย่า คอยดูแลแทน  เพราะด้วยเศรษฐกิจทำให้น้านีกับลุงอาเทอร์ต้องไปๆมาๆระหว่างฮังการีกับไทย จึงไม่มีเวลาที่ดูแลลูกชายคนเล็ก

“อ้อครับ  แล้วกริส เข้ามหาลัยไหนเหรอครับ”
“ม.เดียวกับลูกนั่นแหล่ะ คณะอะไรนะน้องนี บริหารใช่มั๊ย” นีรดาพยักหน้าให้นาถลดา

ส่วนต่ายก็รู้สึกเค้าลางแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนเดจาวู ยังไงอย่างงั้น

“เนี่ย พอน้ารู้ว่าน้องไทก์อยู่ม.เดียวกับน้องกระต่าย น้าก็เลยอยากจะรบกวนหนูให้ช่วยดูแลน้องหน่อย ซักเทอมหนึ่งก็ยังดี น้ากลัวน้องจะปรับตัวไม่ได้น่ะ” 

ต่ายมองสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของผู้เป็นแม่ของนีรดา  สายตาที่ทำให้เขาปฎิเสธไม่ลง   รู้สึกกระอีกกระอ่วนใจนิดๆ แต่ก็ ตอบรับคำไป

“ได้ครับ น้านี”  พอได้ยินอย่างนั้น นีรดาก็น้ำตาซึมออกมา  ร้อนไปจนถึงนาลดาถลาต้องคอยปลอบยกใหญ่

“น้ากังวลมากเลย น้องไทก์ไม่อยากจะเรียนที่ไทย ตอนแรกนี่ไม่ยอมคุยกับน้าเลย จนปู่กับย่าเขาช่วยพูดให้นี่แหล่ะ ถึงยอม เฮ้ออ” นีรดาพูดไปก็เอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาตัวเองไป  ต่ายได้แต่บีบมือให้อย่างเป็นกำลังใจ

“ยังไงน้าก็ขอบใจน้องกระต่ายจริงๆนะลูก ค่อยโล่งใจหน่อย จะให้รีนกับริชช่วยดูแล ก็ว่าจะไม่ไหว สองคนนั้นแค่ทำงานก็ยุ่งแล้ว”

ไอรีนและไอริช สองสาวฝาแฝดพี่สาวของไทกริสที่อายุห่างกันถึง 10 ปี   ต่ายเองก็ไม่ค่อยได้เจอพี่รีนและพี่ริชเท่าไหร่ เพราะก็ช่วงอายุที่ห่างกันเยอะ  ในตอนที่เขาอยู่ป.1  สองสาวก็เป็นเด็กม.ปลายกันแล้ว
 
“อ๊ะ ว่าแต่ว่า หนูรีนหนูริชทำงานอะไรล่ะเนี่ย” นาถลดาพูดขึ้น
“รีนน่ะทำร้านกาแฟอะไรของเค้านี่แหล่ะ  ส่วนริชนี่เป็นมัณฑนากรค่ะ  วุ่นพอกันเลย”   

หลังจากนั้นไม่นานนัก นีรดาก็ขอตัวกลับ ก่อนกลับก็ขอเบอร์ของต่ายเอาไว้

“ไง  เป็นอะไรอีก” นาถลดาทัก เมื่อเห็นลูกชายตัวดีของตนทำหน้าเหมือนอมยาขม
“เฮ้ออ แค่รู้สึกงานจะเข้าอ่ะแม่” ต่ายเดินเข้าไปกอดเอวมารดา
“ทีตอนก่อน เผลอไม่ได้ชอบดอดไปหาน้องอยู่เรื่อย  ทำไมตอนนี้ทำเป็นบ่น”  นาถลดาตีแขนต่ายเบาๆ ได้เสียงโอดโอยอันโอเว่อร์ตอบกลับมา
“โอยย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้วนะแม่ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ต่ายปรารภออกมา

นี่สินะ เดจาวูที่เขารู้สึก
ยังไงก็ขอให้ เจ้าเด็กไทกริสในตอนนั้น เปลี่ยนมาเป็นเด็กดีด้วยเถอะ



ก่อนเปิดเทอม 1 สัปดาห์  -

ต่ายถูกปลุกด้วยน้ำเสียงอันศักดิ์สิทธิ์จากมารดา พอลืมตาตื่นมาได้ นาถลดาก็ยัดผ้าขนหนูใส่มือเขา แล้วสั่งเขาทันที
“ไปอาบน้ำ แล้วรีบลงมาข้างซะ” ด้วยน้ำเสียงอันเด็ดขาดและหน้าตาที่บ่งบอกว่าถ้าไม่ทำตามเอ็งจะถึงคาด 
ทำให้ต่ายกระวีกระวาดลุกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำทันที 

พอลงมาก็พบว่า ห้องรับแขกอบอวลไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะอันคุ้นเคย(อีกแล้ว)  คราวนี้ต่ายรู้ทันทีเลยว่าใครมา  แต่ก็ชะงักกึกเหมือนข้างๆน้านี มีมนุษย์ร่างสูง  ทำหน้าเบื่อโลก ตัวขาวอย่างกับนีออน ผมสีน้ำตาลอ่อนรับกับใบหน้าคมเข้มแบบลูกครึ่ง คลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเป็น ........

“กริส?” ต่ายเรียกชื่ออย่างไม่แน่ใจ  ก็แน่สิ  ไทกริสในความทรงจำเขามัน เด็กตัวกระเปี๊ยก หน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหลาระดับนายแบบขนาดนี้ และผิวมันก็ไม่ได้ขาว  แต่ตอนนี้มันขาวแบบไม่เกรงใจคนที่ดำเพราะแดด(อย่างเขาเลย)เลย ตอนไปอยู่ฮังการี มันได้เจอกับแสงแดดบ้างไหม หรือมันใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำ  ให้ตายเถอะ!

ไทกริสที่นั่งอยู่มองผู้มาใหม่ด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ 
ใบหน้าที่เปลี่ยนจากเค้าเดิม  ผิวสีแทน ตัวสูงแต่ไม่หนา  แถมยังเรียกชื่อเขา ชื่อที่มีคนเดียวที่เรียก …..

“กระต่าย”  ปากพูดแต่ใบหน้าไม่ขยับ 
ต่ายกระพริบตาปริบๆใส่ ก่อนจะสะดุ้งเบาๆ เมื่อน้านีเอ็ดลูกชาย
“น้องไทก์ เรียกพี่เขาแบบนั้นได้ยังไงคะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับน้านี กริสก็เรียกผมแบบนี้อยู่แล้ว” ต่ายเอ่ยขึ้น 

ก็ไม่รู้ทำไม ไอ้เด็กไทกริสถึงไม่ยอมเรียกเขาว่า พี่  ในตอนแรกก็ปรี๊ดอยู่หรอก  เพราะอารมณ์เหมือนโดนหยาม แต่หลังๆชักชิน เพราะนอกจากพี่สาวฝาแฝดแล้ว ต่ายก็ไม่เคยเห็นไทกริสเรียกใครว่าพี่เลยซักคน


เมื่อต่ายทรุดตัวลงนั่งข้างมารดา   นีรดาก็พูดขึ้น
“พรุ่งนี้เป็นวันปฐมนิเทศของมหาลัยน่ะ น้าดันไม่ว่างช่วงสายซะด้วย น้าฝากให้น้องกระต่ายไปกับน้องไทก์ได้ไหมจ๊ะ” 
จบประโยค ต่ายแทบจะเอาเท้าขึ้นก่ายหน้าผาก ติดที่เกรงใจผู้ใหญ่ทั้งสอง 

“อ่า ได้ครับ”  ต่ายตอบรับคำ  แน่นอนต้องตกลงเท่านั้น ถ้าปฏิเสธน่ะหรอ .....  คนข้างๆเขาตัดเขาออกจากมรดกแน่ๆ
“ขอบใจนะจ้ะ” นีรดายิ้มให้ต่าย ก่อนจะสะกิดลูกชายที่นั่งนิ่งให้ยิ้มบ้าง แต่เหมือนคุยกับรูปปั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนนีรดาถอนหายใจออกมา

“ยังไงน้องไทก์คุยกับพี่ต่ายไปก่อนนะ เดี๋ยวป้าขอพาแม่เราไปดูสวนกล้วยไม้หลังบ้านก่อน” คุณนายนาถลดาเอ่ยเสียงหวาน
ไทกริสมองที่แม่ของตนที่ส่งสายตามาแบบกดดัน ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“ครับ”

หลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองเดินออกไป  ต่ายก็นั่งมองไอ้เด็กที่ทำหน้าหน้านิ่งมาได้ซักพัก ซักสี่ห้าพักแล้วด้วยซ้ำไป ...

คือ........  ไอ้หุ่นยนต์ตรงหน้านี้ทำงานยังไงถึงจะยอมพูด หรือต้องให้เขาเปิดฉากก่อน

“เฮ้ หวัดดี”
“.....”
“จำกันได้ไหมเนี่ย”
“อือ”
“ได้ข่าวว่าไม่อยากเรียนที่ไทย ทำไมล่ะ”
“............” ไทกริสมองหน้าต่ายที่พูดจ้ออย่างไม่ใส่ใจ
“ก็ไม่อยากเรียน”
“อ้ออ เป็นเหตุผลที่ดีนี่” ต่ายทำหน้าเหลือเชื่อ พยายามต่อบทสนทนาที่ส่อแววว่าจะล่มอย่างไม่เป็นชิ้นดี 

ต่ายยอมรับว่า คนที่เคยสนิทๆกันในสมัยเด็ก แต่ห่างกันมาเป็นเวลานาน  ตั้งแต่เขาอยู่ ป.6  ก็เป็นเวลาสิบปีได้   เดือนสองเดือนแรกก็มีติดต่อกันไทกริสบ้าง แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ล่วงเลยจนมาถึงตอนนี้ ก็รู้ว่าตัวเองก็ผิดแหล่ะ แต่ฝ่ายนู่นก็ผิดที่ไม่ยอมติดต่อเขามาเหมือนกันแหล่ะน่า   
แม่บอกเขาว่า ไทกริสอาจจะงอน เพราะเป็นเพื่อนเล่นในสมัยเด็ก เรียกได้ว่าเป็นคู่หู พอเขาไปก็เหมือนชิ้นส่วนที่ขาดหายไป   ช่างเป็นเด็กที่ละเอียดอ่อนจริงๆ


“กริส” ต่ายลองเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง   ซึ่งก็ได้ผล เพราะเจ้าเด็กตัวขาวหันมองเขา
“นายโกรธพี่รึเปล่า” ดวงตาสีน้ำตาลของไทกริสขยับไปมาคล้ายกำลังครุ่นคิด  ต่ายเองก็ลุ้นกับคำตอบที่ได้

“.....ไม่ได้โกรธ” พอได้ยินอย่างนั้น ต่ายก็ยิ้มกว้าง   คนอายุน้อยกว่าจึงรีบหลุบตาต่ำทันที
“อืมม แล้วเป็นอะไร” กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนส่ายไปมา ท่าทางที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู  ทำเอาต่ายหลุดขำออกมา

“ดูทำเข้า  กินขนมไหม” ต่ายพูดชวน พลางเดินไปทางครัว เพื่อหาขนมยัดปาก(ตัวเอง) แต่ถูกมือขาวรั้งไว้ 
ต่ายที่กำลังก้าวขาเดินชะงักกึก มองผู้กระทำอย่างงุนงง
“......”
“หืม? มีอะไรรึเปล่า?”

“อยากกินไอติม” จบคำพูดของไทกริส  อีกฝ่ายก็หัวเราะลั่นอย่างเก็บอาการไม่อยู่
“โธ่ นี่ก็ลุ้นว่าจะพูดอะไร ป่ะๆ เดี๋ยวพาไป” ต่ายพูดพลางฉุดคนที่นั่งอยู่ที่โซฟา  พอไทกริสยืนก็ผงะทันที 

เขาว่า ส่วนสูงของเขา 176 นี่ว่าสูงแล้ว แต่คนตรงหน้าเขาสูงมาก ซัก 180 ได้ นี่ขนาดอายุแค่ 18 เองนะเนี่ย   แต่อย่างว่าลูกครึ่งนี่นา

ก่อนออกจากบ้าน ต่ายต้องเดินไปบอกคุณนายแม่และน้านีเพื่อจะพาเด็กโค่งตัวขาวไปกินไอติม  ซึ่งทั้งสองก็อนุญาตแถมยังดูไล่ส่งกันแปลกๆ

พอขับรถกันมาถึงห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของต่ายเท่าไหร่ ก็พาไทกริสไปที่ไอติมฮาเก้นดาซ (ตามคำประสงค์ของไทกริส)  ที่มองราคาแล้ว กระเป๋าตังค์ในมือก็สั่นราว 7.8 ริกเตอร์ได้
ว่ากันตามตรงถ้าไทกิรสไม่บอกว่าจะเข้าร้านนี้ เขาก็กะจะพาไปสเว่นเซ่นแล้วแท้ๆ

หลังจากสั่งเมนู เสร็จสรรพ ต่ายก็นั่งมองนู่นนี่ได้ซักพัก(เพราะไม่รู้จะคุยอะไร)   สายตาก็บรรจบที่คนตรงหน้า  พอรู้สึกว่ารังสีสีม่วงมันลอยมาแปลกๆ
สาวเสิร์ฟคนสวยก็ยกไอติมมาก็มาเสิร์ฟ
“มาแล้วค่า ได้ครบตามรายการนะคะ” ต่ายพยักหน้ารับ ก่อนน้องคนสวยก็ฉีกยิ้มแล้วเดินออกไป

ทั้งสองต่างคนต่างกิน  ด้วยเพราะต่ายเองก็ยังไม่ได้ทานข้าว ส่วนอีกคนที่เป็นของโปรดอยู่แล้ว กลายเป็นโต๊ะหนึ่งของร้านที่มีคนสองคนก้มหน้าก้มตากิน โดยปราศจากเสียงพูดคุยใดๆ

พออิ่มหนำสำราญ พอใจคนอยากแล้ว ครั้นจะเดินทางกลับ  คุณนายของบ้านก็โทรมาสั่งให้เขาซื้อเป็ดย่าง MK พร้อมด้วยเครื่องบรรณาการอันได้แก่ ดังกิ้นโดนัทและของจุกจิกมากมาย ทำให้ต่ายและไทกริสต้องเดินวกกลับเพื่อไปซื้อของตามคำบัญชาของนายหญิงทันที




TBC .....



Beva talk : มาแล้ววววว  สอบเสร็จเร็วเลยมาลงให้ก่อนเลย   มาแบบน้ำจิ้มๆก่อนเนอะ  ความป่วงของพี่น้องคู่นี้ยังมีอีกเยอะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ  น้อมรับคำติชมจากผู้อ่านทุกท่านค่ะ  :pig4: 
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】:: up! บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: synsyn. ที่ 07-03-2016 14:09:53
กระต่ายจะถูกจับกินมั้ยเนี่ย ;-) คึคึคึคึคึคึ
น่ารักจังเลยยย
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】:: up! บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 07-03-2016 15:05:19
 :o8: :o8: น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】:: up! บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-03-2016 15:29:33
เรื่องราวน่าติดตามคะ มาต่อบ่อยๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】:: up! บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-03-2016 15:31:48
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ... คนเขียนเขียนได้น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】:: up! บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nattiz ที่ 07-03-2016 15:38:13
ทำไมกริสต้องนิ่ง หื้อออ?
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】:: up! บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 07-03-2016 20:10:21
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】:: up! บทที่ 1 7/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 08-03-2016 22:36:37
คนที่เรียกกระต่ายได้มีคนเดียวใช่มะ   :hao3:

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 2+สอบถาม 10/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 10-03-2016 23:44:15
 บทที่ 2 น่าเป็นห่วง..


   วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศของไทกริส ซึ่งพิธีรีตองก็ไม่มีอะไรมาก แค่เข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ของคณะบริหาร (ที่หรูกว่าห้องประชุมคณะของต่ายหลายเท่า) นั่งฟังคณบดีพล่าม แนะนำอาจารย์แต่ละสาขาวิชา มีวีดีทัศน์ให้ดู และต่ายก็ทำสถิติหลับตั้งแต่ต้นจนจบ (ก็แอร์มันเย็น~) ปล่อยให้ไอ้เด็กตัวขาวนั่งฟังไป


   หลังจากการปฐมนิเทศน์เสร็จสิ้นก็แยกกันคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาในแต่ละภาควิชา  ตอนแรกเกือบดีใจที่จะได้กลับแล้ว แต่เปล่าเลย  พอหมดนี่ก็ต้องมานั่งรอไทกริสคุยกับรุ่นพี่เรื่องรับน้องอีก 

เฮ้อออออ ~
ต่ายถอนหายใจ นี่เขาต้องมานั่งแหงกอยู่ที่มหาลัยมาเกือบจะ 5 ชั่วโมงได้  พอมองไปที่กลุ่มเด็กปี 1 ที่นั่งฟังรุ่นพี่พูด อารมณ์แบบเด็กฟังคุณครูเล่านิทาน คือตั้งใจกันมาก มองรุ่นพี่กันตาแป๋ว  ถ้าเป็นคณะเขานี่ต้องมีบทโหดซักรอบสองรอบกว่าจะตั้งใจฟังกันได้   มองไปดีๆ ก็จะเห็นเด็กโค่งตัวสูงไม่พอทั้งสีผมและสีผิวเด่นมาก


จริงๆ ต่ายแอบเห็นรุ่นพี่(ผู้ชาย)เขม่นกริสเหมือนกัน  อาจจะเพราะท่าทางเอื่อยๆเฉื่อยๆด้วยล่ะมั้ง   ส่วนรุ่นพี่ผู้หญิงน่ะเหรอ เห็นกรี๊ดกันตั้งแต่กริสยังไม่เข้ามา

พอเบื่อๆก็นั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาไป ระหว่างนั้นก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาเป็นระยะๆ ซึ่งหัวข้อก็หนีไม่พ้นไอ้เด็กในความดูแลของเขานี่แหล่ะ 

เริ่มหมั่นไส้ไอ้เด็กนี่ตะหงิดๆแฮะ !


กว่ารุ่นพี่จะพูดจบ ก็บ่ายสองโมงเป๊ะพอดี อากาศกำลังร้อนได้ที่  ต่ายน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไทกริสที่ผิวขาวเป็นทุนเดิม พอมาเจอแดดเปรี้ยงๆให้ผิวก็ออกสีชมพูทันที   พอเห็นไทกริสที่ท่าทางเหมือนกัปปะขาดน้ำ  ต่ายเห็นท่าไม่ดี จึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งพาไปที่รถ พาเด็กโข่งตัวขาวเข้าสู่ที่เย็นทันที



“กระต่าย” ในขณะที่รอสัญญาณไฟแดงอยู่ คนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ขึ้นรถก็ส่งเสียงขึ้นมา   

ชื่อที่คุ้นเคยในสมัยเด็ก แต่นี่มันผ่านเกือบสิบปีแล้ว ก็เลยรู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ

“หืม?” ต่ายหันไปมองร่างสูงที่ดูสดชื่นขึ้น หลังจากที่ดูจะหมดแรงเพราะแดดอันร้อนระอุ

“ไม่อยากรับน้อง”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ไม่อยากไป”
“ซะงั้น  สนุกดีออกนะ” ต่ายว่า

เขายังจำบรรยากาศรับน้องของคณะวิศวะนี้ได้ อารมณ์เถื่อนนิดๆ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่ล่ำลือ  มีว๊ากอยู่วันเดียว พออีกวันต่อมา  รุ่นพี่ที่เคยว๊ากใส่ก็มาเต้นสันธนาการเฉย  ทำเอาพวกเขาเหวอกันไปตามๆกัน   แต่กับคณะอื่นเขาไม่รู้ยังไง ไม่รู้ว่ากริสนี่ไปโดนไซโคอะไรมารึเปล่า

“กระต่าย..” ไทกริสทำหน้านิ่งใส่  ต่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เดี๋ยวก็ไม่มีเพื่อนหรอก” ว่าแล้วก็ใช้มือที่ว่าง ยีผมสีน้ำตาลอ่อนนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว  เห็นแล้วก็หมายมั่นว่าจะยีให้ได้ พอได้สัมผัสจริง ก็อดทึ่งกับความนุ่มที่เหมือนขนแมวนี้ไม่ได้  เลยลืมตัวเผลอลูบไปซะงั้น  เด็กโค่งก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมเอียงหัวมาให้พอดีกับมือเขาด้วย

“มีกระต่ายก็พอแล้ว” พออีกฝ่ายพูดแบบนี้ เป็นต่ายเองที่สะอึกซะแทน
“เฮ้ๆ พี่อยู่กับนายไม่ได้ตลอดหรอกนะ”
 

ในตอนเด็กๆ ไทกริสติดต่ายมาก ไม่ค่อยมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน  ยิ่งอนุบาลยันประถมเรียนที่เดียวกัน ทำให้ทั้งสองสนิทกันเป็นพิเศษเรียกได้ว่าเป็นคุู่หูกัน  แต่นั่นเป็นกรณีตอนเด็กๆ  แต่นี่อยู่มหาลัยกันแล้ว  มันคงจะเป็นเหมือนแต่ก่อนก็คงไม่ได้ ทั้งเขาและไทกริสต่างก็ต้องมีเพื่อนฝูง มีสังคมที่กว้างขึ้น


“.........” ไทกริสไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่มองไปข้างหน้า ใบหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ไม่รู้ว่าเรียกว่าข้อดีหรือข้อเสียกับนิสัยหน้านิ่งแบบนี้

“เฮ้อ  ไม่ไปรับน้องน่ะได้ แต่นายจะทำตัวติดกับพี่แบบเมื่อตอนเราเด็กๆไม่ได้หรอกนะ” ต่ายว่าด้วยเหตุผล 

เพราะตัวเขาอยากให้ไทกริสนั่นมีสังคม มีเพื่อน ไม่ใช่ยึดติดกับเขา ยิ่งในชีวิตมหาลัยด้วยแล้ว การไม่มีกลุ่มเพื่อน เขาคิดว่าอาจจจะเกิดปัญหาในภายหลังได้

“อือ” ไทกริสพูดแค่นั้น ก่อนจะหลับตาลง  ต่ายกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยใจ 

คุยกันยังไม่ทันจะรู้เรื่อง ก็ชิงหลับไปซะแล้ว  นี่มันอะไรกัน   เอาเด็กน้อยไทกริสคนเดิมกลับคืนมา !!!!!


ต่ายขับรถจนมาถึงทางเข้าหมู่บ้านของไทกริส  ส่งยิ้มให้ยามหน้าหมู่บ้านที่ขยันขันแข็ง(ในการดูละครจากโทรทัศน์เล็กๆในป้อม จนเขาอยากมอบรางวัลดีเด่นให้จริงๆ)

ขับมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านไทกริส  คนดูแลวิ่งมาเปิดประตูบ้านให้ ต่ายก็ทำการเลี้ยวรถเข้าซอง  หันมามองเด็กโค่งที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แม้เขาจะดับเครื่องยนต์แล้วก็ตาม

“กริส ตื่นได้แล้ว” จับแขนขาวแล้วเขย่าเบาๆ  ยังโชคดีที่ไทกริสตื่นง่าย เลยไม่ต้องปลุกให้เหนื่อย 
แต่ให้ตายสิ ต่ายว่าเขาจับเบาๆแล้วนะ แต่รอยแดงจางๆที่แขนไทกริสเนี่ย ขึ้นมาง่ายไปไหม

ไทกริสทำหน้ามึนงงใส่ หันมองรอบๆ  พอรู้ว่าถึงบ้านแล้วก็ปลดเซฟตี้เบลล์ แล้วลงจากรถไป

“กลับมาแล้วหรอน้องไทก์ น้องกระต่าย เป็นยังไงกันบ้างคะ” น้านีที่นั่งถักโครเชต์อยู่ ร้องทักทันทีที่พวกเขาเข้ามาในตัวบ้าน
“ก็ไม่มีอะไรมากครับน้านี แค่แนะนำคณะนิดหน่อยกับพบอาจารย์ที่ปรึกษาเท่านั้นเอง” ต่ายบอกพลางยื่นเอกสารที่เขาได้มาให้นีรดา
“จ้า ขอบใจมากเลยนะ  นี่กินอะไรกันมารึยัง”
“ได้กินของว่างเมื่อตอนอยู่ในหอประชุมเองครับ” ต่ายว่าเสียงอ่อย เพราะตอนนี้ก็รู้สึกหิวมาก กะว่าจะแวะกินข้างทาง แต่กว่าจะฝ่าดงรถมาได้ แทบจะบ้าตาย

“ตายแล้ว งั้นรอน้าแปปนึงนะ เดี๋ยวน้าไปอุ่นกับข้าวให้ น้องไทก์ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเร็ว แล้วมากินข้าวพร้อมพี่เขา” ไทกริสพยักหน้ารับ  ส่วนต่ายที่ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยตรงเข้าไปในครัวกับน้านี
“งั้นผมคดข้าวรอนะครับ”
“จ้า คดเผื่อน้องไทก์ด้วยนะลูก”
“ได้ครับ น้านี”

ไม่ถึงสิบนาที อาหารอันหอมกรุ่นยั่วน้ำย่อยในกระเพาะของต่ายก็ถูกวางบนโต๊ะ พอดีกับไทกริสที่เหมือนจะไปอาบน้ำ (หลักฐานคือผมที่เปียกหมาดๆ) เดินเข้าห้องครัวมา

“น้องไทก์มาพอดีเลย แม่อุ่นกับข้าวให้แล้ว มากินเร็วครับ” ไทกริสพยักหน้ารับเช่นเคย  ก่อนจะทรุดตัวนั่งเก้าอี้ข้างๆต่าย
 ได้ยินเสียงพึมพำขอบคุณเบาๆ ตอนที่ต่ายยื่นจานข้าวมาให้   

พูดก็เป็นนี่….    ต่ายคิด

ไทกริสมองกับข้าวตรงหน้า มีแต่กับข้าวที่มีควันลอยฉุย ทั้งต้มฟักกระดูกหมูอ่อน ทั้งแกงส้มชะอมไข่  ไหนจะปลาทอดที่เพิ่งถูกเอาออกจากไมโครเวฟนั่นอีก   
เหลือบไปมองคนข้างๆที่ตักข้าวที ตักกับข้าวที กินอย่างไม่สนใจอะไร ก็ต้องหันมามองจานตัวเอง  เขาหิวก็ใช่ แต่อาหารร้อนๆ เขาไม่ชอบเอาซะเลย อากาศที่ร้อนๆกับอาหารที่ร้อนอีก ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างเสียไม่ได้

“เป็นอะไรไป” ต่ายหันไปมองไทกริสที่ถือช้อนค้างอยู่นาน แต่ไม่ยักจะตักอะไรซะที
“มันร้อน” พูดไป ก็จ้องไปที่อาหารราวกับสะกดจิตให้มันหายเย็น
“ก็เป่าเอาสิ ดูนะ” ว่าแล้วต่ายก็จ้วงช้อนกลางไปที่น้ำแกงส้ม ก่อนจะราดลงช้อนตัวเอง เป่าให้พอน้ำโคลงเคลงในช้อน ก่อนจะเอาเข้าปาก
“ซู้ดดด ฮ่าห์ อร่อย~”  เผลอทำหน้าฟินอย่างไม่รู้ตัว กับข้าวน้านีนี่ยังอร่อยเหมือนเดิม 

ฝั่งไทกริสที่ได้ดูการสาธิตการกินอาหารร้อนจากคนที่อายุมากกว่า แม้การสาธิตจะดูโอเว่อร์แอคติ้งมากไปหน่อยก็ตาม  แต่ก็ทำตามไป(แน่นอน แค่เป่าแล้วเอาเข้าปาก ไม่มีรีแอคชั่นเพิ่มเติม) เรียกสีหน้าปลื้มปริ่มจากคนข้างๆ

ไม่ใช่ว่าไทกริสกินไม่เป็น  แต่เขาก็ชอบให้พี่ชายคนนี้สนใจเขาบ้างมากกว่า........ พี่ชายที่หายไปเกือบสิบปี....

หลังฝากท้องกับมื้อที่ค่อนไปทางมื้อเย็นที่บ้านของไทกริสแล้ว  ต่ายก็ขอตัวกลับ บอกลาเจ้าของบ้านอย่างน้านีแล้วก็มาบอกลาลูกเจ้าของบ้าน

“ไปแล้วนะ แล้วเจอกันตอนเปิดเทอม” ต่ายบอกไทกริสที่ยืนส่งอยู่หน้าประตู
“ฝันดีนะ” ไทกริสบอก ทำเอาต่ายชะงักกับคำบอกลานี้ 
“อะไร จะนอนแล้วรึไง”  เขาว่าขำๆ แต่คำตอบที่ได้มาจะพาเงิบไปหน่อย
“อือ ง่วงแล้ว”  ไทกริสว่า พลางกระพริบตาอย่างเชื่องช้า เป็นเชิงว่าง่วงแล้วจริงๆ
“ฮ่าๆ พี่ว่าพี่ต้องบอกมากกว่า  ฝันดีนะไอ้น้อง” ว่าแล้วก็ลูบกลุ่มผมนุ่มนั่นอีกครั้ง แอบเห็นรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ (ถ้าตาไม่ฝาดล่ะก็นะ)



มือเรียวบังคับพวงมาลัยไป  ปากก็ฮัมเพลงที่เปิดจากวิทยุไป

การที่ได้มาเจอกับไทกริสในวันนี้ก็รู้สึกว่า........น่าเป็นห่วงกว่าตอนเด็กๆอีก !

อย่างแรกคือ ไทกริสเซ้นสิทีฟกับแสงแดดจริงๆ ออกแดดนิดนึงก็แดงแล้ว อย่างงี้จะไปทำงานกลางแจ้งไหวไหม 

อ้อ ลืมไป เรียนบริหาร คงอยู่แต่ในห้องแอร์

อย่างที่สอง คือ มันไม่ถนัดกินกับข้าวร้อนๆ  อันนี้เป็นนิสัยเดิม เวลากินก๋วยเตี๋ยวอะไรงี้ ตอนเด็กๆก็จะคอยมีผู้ใหญ่คอยเป่าให้แหล่ะ แต่ถ้าอยู่กับเขา เรียกได้ว่าต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น  ไทกริสก็จะคนจนกว่าใช้ได้นี่แหล่ะ แต่กว่าจะกินได้ของไทกริส เส้นก็อืดกันไปก่อน  (แต่เด็กนั่นก็กินอยู่ดีนะ)

นึกแล้วก็คำท่าทางเก้ๆกังๆตอนที่เป่าอาหารไม่ได้  ทำอย่างกับไม่เคยงั้นแหล่ะ

ต่ายเชื่อว่า พออยู่ไปนานๆเข้าก็จะมีอย่างที่สามสี่ห้า อย่างที่ตามมาเป็นแน่แท้ ...


ครืด ครืด ครืด~

 เสียงสั่นของโทรศัพท์พร้อมริงโทนอันคุ้นหูที่ถูกตั้งไว้เฉพาะบุคคล ทำให้ต่ายหลุดจากความคิด หยิบโทรศัพท์เครื่องเก่งขึ้นมาดู พอเห็นชื่อคนโทรมาก็ยิ้มกริ่ม

- แชม เพื่อนเลิฟ in comming -

“ว่าไง เพื่อน”
    ‘ไงมึง ปิดเทอมที่หายเงียบเลยนะ’
“ได้ข่าวกูเพิ่งเจอมึงเมื่อสัปดาห์ก่อน”
   ‘มันต่างกันโว้ยย ไอ้เอกนัดเปิดตัวกิ๊กว่ะ ไปจอยกัน’
“เห้ยย อีกแล้วเหรอวะ”
   ‘ ไง สนไหมล่ะ’
“สนมันน่ะสน แต่นายแม่กูนี่ดิ คราวที่แล้วแทบไล่กูออกจากบ้าน”
   ‘คืนนั้นมึงก็เมาแอ๋เกินไป ฮ่าๆๆ’
“เผอิญมีหมามอมกูไง”
   ‘มันผ่านไปแล้วน่า  คราวนี้ถ้าเมากูลากมึงกลับคอนโดกูก็ได้ จะได้รอดจากนายแม่   อยากให้มานะเว้ย ไอ้เอกบอกมีของเด็ดนะเว้ยยย’
“เออๆ กูลองขอนายแม่ก่อน  ได้ไม่ได้ ยังไง............กูก็จะไป ฮ่าาา”
ปลายสายโห่ให้อย่างรู้กัน ก่อนจะนัดแน่สถานที่และเวลาแล้ววางสายไป 


ต่ายเลี้ยวรถเข้ามาส่วนของที่จอดรถ แต่ก็ชะงักกึกกับรถโฟร์วีลสีดำคันคุ้นตาที่จอดอยู่ก่อนหน้า ทำให้ต่ายต้องจอดต่อท้ายแทน
พอเดินเข้าบ้านมาก็ส่งเสียงทักคนที่นอนเอกเขนกดูทีวีอยู่ที่โซฟาทันที

“ไงพ่อ จำทางกลับบ้านได้แล้วหรอ” ต่ายเอ่ยทักพ่อด้วยน้ำเสียงกวนๆ  พ่อของเขาเป็นวิศวกรปิโตรเลียม
 นานๆจะกลับบ้านมาที แต่ก็ดีหน่อยที่กลับมาทีก็อยู่เดือนสองเดือน
 
“หัวใจมันร่ำร้องเว้ย” ทศธีร์ว่าก่อนจะยกเบียร์กระป๋องขึ้นจิบ  แล้วพยักเพยิดชวนให้ลูกชายให้มานั่งกินด้วยกัน
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวจะไปกินกับเพื่อน แล้วแม่อ่ะ”
“ทำกับแกล้มให้อยู่” ต่ายพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว

“แม่~” ต่ายเรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนจะโผเข้าไปเกาะไหล่นาถลดา
“ว๊าย  เจ้าต่ายยย ตกใจหมด” นาถลดาที่กำลังทำพล่ากุ้งให้สามีสะดุ้งสุดตัว ดุเจ้าลูกชายตัวดีที่เข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
“แห่ะๆ คืนนี้ขอไปกินเหล้ากับเพื่อนได้รึเปล่า”  ส่งสายตาปริบๆให้  นาถลดาหรี่ตาจ้องอย่างจับผิด ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ๆ คราวที่แล้ว ยังไม่เข็ดรึไง เมาจนกอดไอ้ถุงทองนอนอยู่กลางบ้านเนี่ย” แม่เขาพูดถึงเหตุการณ์ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เขาโดนพวกเพื่อนมอมเหล้า  เขาก็ไม่ได้คอแข็งอะไร อย่างเก่ง 2-3 แก้วก็ได้ที่แล้ว  นี่ล่อไปเกือบ 10 แก้วได้  ไม่เมาก็ไม่รู้ยังไงแล้ว ไอ้ตอนกลับมา เท้าดันไปโดนเจ้าแมวถุงทองที่นอนอยู่ที่พื้น  ไอ้เขาก็นึกว่าหมอนตก เลยหยิบ(อุ้ม)มันมานอนใน(ที่ที่เขาคิดว่าเป็น)ห้องนอน   

พอตื่นเช้ามาก็ได้ยินร้องลั่นจากมารดา   พอสร่างเมาได้นิดนึง มองไปรอบๆพบว่าที่ที่เขาคิดว่าเป็นห้องนอน มันกลับกลายเป็น
กลางบ้าน ก่อนแงะตัวเองจากกพื้นแล้วเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นสอง  โดยมีเสียงแม่บ่นให้กำลังใจมาเป็นระยะๆ

“โห คราวนั้นผมโดนไอ้แชมมันมอมนี่” ต่ายรีบแก้ตัว
“แล้วคราวนี้จะไม่โดนรึไง” นายแม่ว่าเสียงสะบัด  หืมมมม นี่มันอารมณ์กำลังขอเมีย(ของพ่อ)ไปร้องคาราโอเกะรึเปล่าเนี่ย
“ไม่โดนหรอกน่า ผมไม่ให้มอมแล้วน่า  นะนะ”  ส่งสายตาน่าสงสารไปให้ แถมออฟชั่นเสริมเป็นเขย่าแขน  ไม่ระทวยก็ให้รู้กันไป
“ให้ตายสิ  น่าตีจังเลย” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นตีเขาดังป้าบ จนต้องร้องจ๊ากก
“ว๊ากกก แม่อ่ะ ผมเจ็บนะ”
“เจ็บสิดี จะได้จำ เหล้าน่ะกินทำไมนักก็ไม่รู้”  ต่ายรีบเข้าไปกอดอ้อนมารดาอย่างรู้งาน  ก็รู้ว่าเป็นห่วง  แต่เขาก็ไม่ได้ไปบ่อยอะไรขนาดนั้น แล้วไอ้เหตุการณ์อย่างนั้นก็เกิดขึ้นครั้งแรกเองด้วย
“อะไรๆ เสียงดังไปถึงหน้าบ้าน” พ่อเขาเดินเข้ามาสบทบ
“ก็ดูลูกคุณสิ  คราวก่อนเมาเละ ยังจะขอไปกินอีก”  ต่ายยักคิ้วจึกๆให้พ่อ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยักตอบอย่างรู้กัน
“ก็ปล่อยให้มันกินสิ  ลูกผู้ชายต้องอย่างนี้  ฮ่าๆๆ” ทศธีร์เดินเข้าไปกอดคอลูกชายแน่น  นาถลดาส่ายหัวอย่างปลงๆ  ก่อนจะปล่อยให้สองพ่อลูกแสดงความรักกันไป ส่วนตนก็ทำกับข้าวต่อ


ตกกลางคืน ต่ายแต่งตัวที่คิดว่าดูดี  ออกจากบ้านเพื่อไปร้านเหล้าที่แชมเพื่อนรักนัดไว้

เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ออกมาจากภายนอกผับ  บ่งบอกให้ต่ายรู้ว่าเขาไม่ได้ผิดที่แน่   

เดินเข้าประตูไป การ์ดหน้าประตูแอบเหล่เขานิดหน่อย  ต่ายยักไหล่แบบไม่ยี่หร่ะอะไร  อายุเขาผ่านเกณฑ์แล้วนี่

มองหากลุ่มเพื่อน ไม่นานก็เห็นพวกมันชูไม้ชูมือ ให้อารมณ์แบบผีมาขอส่วนบุญ

“เด็กชายศศินทร์มาแล้วคร้าบบบบ”  เอก ยกแก้วชูต้อนรับให้กับเพื่อนรัก พลางเอ่ยต้อนรับด้วยวาจากวนบาทา แต่ก็เรียกเสียงฮาลั่นจากเพื่อนในกลุ่ม ไอ้แชมกับเอกไม่เท่าไหร่มันถ่อยอยู่แล้ว แต่แกนที่ท่าทางเรียบร้อยกว่าพวกเขา  ยังเอากับเค้าด้วย

“พ่องง” ต่ายอวยพรให้เอก ก่อนจะรับแก้วจากแชม
“นึกว่าจะมาไม่ได้” แชมว่า
“กูบอกแล้วว่า จะมานี่หว่า  แล้วไหนกิ๊กมึง” ต่ายหันไปถามเอกที่นั่งจิบเหล้า

เห็นว่าจะเปิดตัวกิ๊ก ไม่เห็นมีซักคน

“เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้นี้เองว่ะ”  ต่ายพยักหน้าอย่างขอไปที  จุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ได้มาเพื่อดูกิ๊กไอ้เอก แต่มากินเหล้าต่างหาก


ไม่นานนัก สาวเจ้าของตำแหน่งกิ๊กไอ้เอกก็เข้ามา
เรียกได้ว่า  ของดีจริงๆครับ

ก็นี่มัน ดาวคณะบริหารปีที่แล้วนี่นา   ไอ้เอกมันทำอีท่าไหนให้สาวสวยมาติดเนี่ย

“กวาง นี่ไอ้ต่ายเรียกมันว่ากระต่ายก็ได้นะ  ส่วนนี้กวาง แฟนกูเอง ” เอกแนะนำ แต่ไอ้ชื่อหลังต่ายแทบจะเอาเท้าถีบเป็นของแถม สาวเจ้าหัวเราะคิกคักด้วยท่าทางน่ารัก เห็นแล้วเสียดายไม่น่ามาหลงกลไอ้เอกเลย

“แหม ชื่อน่ารักจังนะคะ ทำเอาชื่อกวางดูแมนไปเลย” กวางว่า เขายิ้มแกนๆไปหา พอลับหลังก็ชูนิ้วกลางไปให้เอก

“เรียกต่ายก็พอครับ  ส่วนกระต่ายเนี่ย ลืมมันไปเถอะครับ” ต่ายว่า  เพื่อนข้างๆอย่างแชมขำก๊าก

“นี่พวกพี่อยู่วิศวะกันหมดเลยหรอคะ” กวางถาม  พวกเขาพยักหน้ารับ คุยอะไรกันนิดหน่อย ก่อนจะปล่อยให้คู่รักเขาหวาน(ท่ามกลางความหมั่นไส้ของพวกเขา)


คืนนี้ เป็นไอ้แชมที่เมา (จากการล้างแค้นของต่ายและฟิลความไร้คู่) มันเมาเพ้อพกจนต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ   เป็นแกนและต่ายต้องแบกเพื่อนขี้เมาออกมาจากร้านเหล้า ส่วนเอกต้องไปส่งน้องกวาง
 
“ทิ้งมันไว้หน้าร้านนี่ได้ไหมเนี่ย ตัวหนักชิบหาย” แกนว่า ตัวแกนนั่นบางกว่าต่ายและแชมเกือบเท่าตัว 

ถ้าพูดถึงรูปร่างนั้นเขากับแชมน่าจะสูสีกัน ไม่บึกไม่บางพอดีๆ  ส่วนไอ้เอกนี่กล้ามปูของแท้  เอกมีพ่อเป็นนักมวยเก่า ซึ่งก็ผันตัวเองมาทำค่ายมวย ฝึกเด็กๆแทน เอกเลยได้อานิสงส์มา   ต่ายเองก็เคยไปฝึกอยู่ช่วงนึง เรียกได้ว่าพอมีวิชาบ้างแหล่ะ

“มึงกลับไปเหอะ เดี๋ยวกูไปส่งมันเอง” ต่ายตอบ   แกนทำหน้าลังเล   แต่ก็ช่วยเขาพยุงแชมจนมาถึงที่รถของเขา
“งั้นกูไปแล้วนะ”
“เออ ขับรถดีๆนะเว้ย”
“มึงก็ด้วยไอ้ต่าย พาเพื่อนกลับให้ดีนะ” แกนย้ำ  ต่ายหัวเราะในลำคอ


สุดท้ายปลายทางของต่ายก็เลยกลายเป็นคอนโดของแชมแทนที่จะเป็นบ้าน

เขาลากเพื่อนจนมาถึงหน้าห้องของมัน  ใช้คีย์การ์ดแตะที่หน้าจอก่อนจะใช้กุญแจไข  แต่ด้วยความที่ไม่ถนัดเอามากๆ เพราะเพื่อนตัวยุ่งของเขาชักเลื้อย ทำเอาหวิดจะล้มอยู่ร่อมร่อ

แกร๊ก!

ยังไม่ทันที่ต่ายไขประตูสำเร็จ  ห้องที่ไม่ควรจะมีใครอยู่ก็เปิดผ่างออกมา
 
“เห้ย!” ต่ายร้อง ก่อนมองหน้าคนที่เปิดประตูเพื่อนเขา

ร่างเล็กกว่าเขาซักคืบ ใบหน้าน่ารักถูกบดบังด้วยแว่นกรอบดำอันใหญ่  สวมเสื้อยืดตัวใหญ่สีดำ

“อ้าว ต่าย” คนตรงหน้าเรียก 

ต่ายที่เพิ่งประมวลผลเสร็จก็ร้องทัก

“พี่ไวน์”  คนตรงหน้าคือ พี่ชายของแชมหรือแชมเปญ  พี่ไวน์เรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์  อนาคตครูวิทยาศาสตร์
“รีบเอาเข้าห้องก่อนๆ” พี่ไวน์ว่า ก่อนจะช่วยต่ายพยุงน้องชายตัวดีเข้าห้องนอน

“โอ้ย เหนื่อย!  อ่ะ ขอบคุณครับ” ต่ายบ่นออกมา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อพี่ไวน์ยื่นขวดน้ำมาให้
“ไปเมามาอีกสิเนี่ย” พี่ไวน์ยิ้มล้อ
“ฮ่าๆ นิดหน่อยครับ ว่าแต่พี่ไวน์ไปมายังไงถึงมาอยู่ห้องไอ้แชมล่ะเนี่ย”
“พี่เอาของฝากมาให้แชมน่ะ ขี้เกียจขับรถกลับเลยว่าจะนอนนี่  เอ้อ ของฝากต่ายก็มีนะ ไปหยิบเอาได้” พี่ไวน์ยิ้มให้ ต่ายก็ยิ้มตอบ

“ไปอาบน้ำเถอะ  ดูท่าจะเริ่มไม่ไหวแล้ว คืนนี้ก็ค้างนี้แล้วกัน” ไวน์พูด พลางมองไปที่เพื่อนของน้องชายที่ตาปรือๆเยิ้มๆ

ต่ายพยักหน้าอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพาตัวเองไปห้องน้ำอย่างชำนาญทางเพราะเข้าออกคอนโดนี้มาเป็นร้อยๆครั้ง

น้ำเย็นๆทำเอาให้ต่ายรู้สึกสร่างเมาขึ้นเยอะ  พอออกจากห้องน้ำมา ก็เห็นพี่ชายเพื่อนรักนั่งดึงแก้มน้องชายที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยย่างเมามัน ดูแล้วเจ็บแทน  แต่ก็น่ารักไม่หยอก

ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกันมา  สองพี่น้องก็น่ารักแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร คนน้องดูแลพี่ ส่วนคนพี่ชอบแกล้งน้อง(ตอนเมา) แต่ถ้าไม่เมาก็ชอบง้องแง้งใส่น้อง

 
พอย้อนกลับมาที่เขากับไทกริส ....

บรื๋อ  ขนลุกพิลึก~


Beva talk :  มะมะมะมาแล้วค่าาาาา  เกือบหานิยายตัวเองไม่เจอ ตกมาอยู่หน้า 3 แหน่ะ  :a5:  แห่ะๆ เนื้อเรื่องยังดูไปไม่ถึงไหนเลย  ใจเย็นๆกันน๊า เพิ่งตอนสองเองงง   
พี่ต่ายทำมาเป็นขนลุกก :hao7: เดี๋ยวเจอน้องอ้อยใส่แล้วจะหนาว

มีเรื่องจะสอบถามค่ะ คือเพื่อนของคนเขียนบอกว่าชื่อเรื่องดูไม่ดึงดูด  คนอ่านว่าจริงไหมคะ   :mew6:  ควรจะเปลี่ยนดีไหม  แต่ๆๆสกิลการตั้งชื่อเรื่องของคนเขียนก็ต่ำมากอ่า  :hao5:  เลยอยากจะถามคนอ่านว่า ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องไหม หรือว่า อันเดิมดีอยู่แล้ว  :mew2: ถ้าเปลี่ยนก็คงอารมณ์ เด็กโค่งจอมดื้อ กับ พี่เลี้ยงจำเป็นอะไรเทือกๆนี้   (สิ้นคิดมาก ) ยังไงก็ช่วยเสนอมาได้เลยนะคะ > <
 
รักชอบอยากติชมอะไร เม้นเลยค่ะเม้นนนนน  ชอบอ่านน รู้สึกมีกำลังใจในการแต่ง  :mew1:
สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และมาเม้นนะคะ  :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 2 +สอบถาม 10/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 11-03-2016 04:25:24
หืมมมม นี่เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลยล่ะค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 2 +สอบถาม 10/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 11-03-2016 08:42:29
ชอบอ่ะ ไม่ใช่พี่ไวน์มาอ่อยกระต่ายนะ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 2 +สอบถาม 10/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 11-03-2016 08:50:35
ชอบมากค่ะ มาต่อบ่อยๆนะคะ  :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 2 +สอบถาม 10/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 11-03-2016 19:03:00
สนุกดีค่ะ รอติดตามต่อนะคะ

ปล.เราเข้ามาเพราะชื่อเรื่องอ่ะค่ะ เราก็ว่ามันก็น่าสนใจดีน้า แต่ดูเหมือนจะดราม่าอ้ะ ถ้าดูจากชื่ออ่ะนะ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 2 +สอบถาม 10/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 11-03-2016 19:37:27
เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเหมือนคนอื่นๆเลยค่ะ

อยากอ่านต่อแล้วววว  :o8:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 2 +สอบถาม 10/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 11-03-2016 19:38:16
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 3 12/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 12-03-2016 15:37:57
บทที่ 3 เปิดเทอม

 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตของต่ายก็จะเริ่มเปลี่ยนไป..... 

เอ่อ ... จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอก  แค่ดูแลนิดๆหน่อยๆเท่านั้น


 “ไง ไอ้ลูกชาย เปิดเทอมแล้วเหรอวะ” ทศธีร์ผู้เป็นพ่อเอ่ยทัก
“ยังพ่อ นี่ซ้อมใส่” ต่ายตอบไป เรียกสายตาทิ่มแทงจากแม่ที่ยืนจัดโต๊ะอยู่ไม่ไกล แต่พ่อกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“รีบๆกินเข้า เดี๋ยวน้านีมารับ”  ต่ายชะงักมือจากที่กำลังตักข้าวต้ม
“หืม”
“ยังมาหงมาหืมอีก  เราต้องดูแลน้องจำไม่ได้รึไง”
“อ่ะ  อ้ออ ” ต่ายลากเสียงยาว ก่อนจะลงมือกิน 


ไม่นานก็มีเสียงแตรรถดังจากหน้าบ้าน
“สงสัยจะมาแล้ว”  ต่ายพยักหน้ารับ ก่อนจะสะพายกระเป๋าแล้วลุกออกไป
“แม่หวัดดี พ่อหวัดดี”


“น้านี สวัสดีครับ”
“จ้า”
ต่ายยิ้มกว้างก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่ง 


ระหว่างทางไปมหาลัย นีรดาก็ชวนคุยไม่หยุด ต่ายก็พอตอบบ้าง หัวเราะบ้าง แต่กลับลูกชายตัวจริงนั่น นั่งเงียบกริบ   

ครั้นเอ่ยปากพูด....

“แม่ครับ”
“ว่าไงครับน้องไทก์” นีรดารีบขานรับ
“ไทก์อยากอยู่คอนโด”
กริบ~...  เป็นฝ่ายนีรดาที่เงียบกริบซะเอง
“ทำไมล่ะคะ  ไม่อยากอยู่บ้านหรอ”
“.....มันไกล”

นีรดาส่งสายตามาทางกระจกมองหลังมาที่ต่ายที่กำลังประมวลผลคำพูดของไทกริสอยู่

“เอ่อ กริส  นายอยู่คนเดียวได้รึไง”
“...... ขับรถไกล เดี๋ยวแม่เหนื่อย” โธ่ เด็กน้อย เป็นห่วงแม่สินะ ....

“แม่ไม่เหนื่อยหรอกนะคะน้องไทก์ มากกว่านี้แม่ก็ทำให้ได้  แต่ถ้าน้องไทก์ว่าแบบนั้น แม่จะไปคุยกับแด๊ดดู คุยกับแกรนด์ฟาแกรนด์มาด้วย  ถ้าโอเค แม่จะหาให้ เข้าใจไหมครับ” นีรดาพูด
“ครับ” ไทกริสรับคำ ก่อนจะยิ้มให้แม่น้อยๆ (น้อยจริงๆ ซึ่งในความรู้สึกต่าย เหมือนกระตุกมุมปากขึ้นมา)

แต่สำหรับของนีรดานั้น รอยยิ้มเล็กๆนั้นเป็นดั่งโอเอซิสท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ  การที่ทำให้ลูกชายที่แสนเย็นชาแสดงความรู้สึกซักอย่างให้เธอได้รับรู้ ก็เหมือนเป็นการเปิดใจยอมรับ "แม่" ที่ไม่ได้ใส่ใจลูกตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
.
.
.
.

“เออ ถึงแล้ว รีบมาแล้วกัน   น้านีจอดตรงนี้ก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องไปวนรถออก”  ต่ายกรอกเสียงให้คนปลายสายรู้ ก่อนจะหันไปบอกนีรดาที่มองซ้ายขวาหาที่จอดให้

 “บ๊ายบายค่ะ กู๊ดบอย” ต่ายยิ้มให้ ก่อนจะบอกขอบคุณ
 
ต่ายพาเด็กโค่งตัวขาวมาตามทางที่ไปคณะบริหาร  ด้วยอาคารที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่  ต่ายจึงเลือกเดินไปส่ง แทนการนั่งรถรางของมหาลัย

 ตลอดทางมาเขารู้สึกเหมือนถูกมองตลอดเวลา แต่พอคิดไปคิดมา  คนที่โดนมองน่าจะเป็นคนข้างๆมากกว่า
ให้ตายเถอะ  เสียเรตติ้งจริงๆ

“นี่กินอะไรมารึยัง” ต่ายถาม  พออีกฝ่ายส่ายหัว ก็เผลอย่นคิ้วอย่างแปลกใจ
”กินไม่ทัน”  ไทกริสตอบ ราวกับว่าอ่านใจเขาออกงั้นแหล่ะ
“อ้าว  งั้นแวะกินก่อนแล้วกัน” ต่ายเปลี่ยนเส้นทาง มาเป็นพาอีกคนไปที่โรงอาหารกลางแทน



โรงอาหารในยามเช้าเปิดเทอมนั้น  ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะมันยังไม่ถึงเวลาด้วย 

“อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้”
“เดี๋ยวไปด้วย” ไทกริสปฏิเสธ ก่อนจะจูงคนอายุมากกว่าไปที่โซนขายอาหาร 

ในระหว่างที่ไทกิรสกำลังสั่งอาหาร คนโดยรอบข้างก็ให้ความสนใจไอ้เด็กตัวขาวนี้มาก ทั้งแอบถ่ายรูป ทั้งซุบซิบ  จนเขาแอบหวั่นๆว่าเจ้าตัวจะโมโหไหม

“กระต่าย”
“ห๊ะ”
“ไม่กินหรอ”
“ไม่ๆ พี่กินแล้ว” ไทกริสมองต่ายนิ่ง ก่อนจะยื่นกล่องแซนวิชมาให้   ต่ายก็รับมาอย่างงๆ
“เผื่อหิว” ว่าแล้วก็ยกจานข้าวตัวเองไปนั่งกินที่โต๊ะ ปล่อยให้ต่ายยืนงงอยู่ซักพัก
“ขอบใจนะ” ต่ายเปิดกล่องแซนวิชแบบพอดีคำ 4 ชิ้น หยิบมากินชึ้นนึง แล้วก็ปิดกล่องไว้อย่างเดิม
“จำทางมาโรงอาหารได้รึเปล่า” ต่ายเอ่ยปากทาง เผื่อตอนเที่ยงไทกริสจะมากินที่โรงอาหารนี้
“....มั้งนะ” ไทกริสตอบมาอย่างไม่แน่ใจ   
“หึหึ เลิกเรียนก็โทรหาพี่แล้วกัน” พูดพลางจัดการขยี้กลุ่มผมที่นุ่มเหมือนก้อนขนไอ้ถุงทองแมวที่บ้าน


กรี๊ดด~
เขาชะงักมือ เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆจากสาวๆที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ก่อนจะหันไปยิ้มบางๆให้ เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหันมองมาทางนี้

“ไปห้องเรียนถูกใช่ไหมเนี่ย  ห้องที่เราเคยเข้าน่ะ”
“อืม ชั้น 9 ห้องที่ 14”
“โอเค เก่งมาก”

ต่ายที่ได้ตารางเรียนของไทกริส หลังจากที่ตรวจดูคาบและวิชา พบว่ายังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มีเรียนทุกวัน ห้องเรียนส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ตึกคณะ มีเพียงวันศุกร์ที่ต้องไปเรียนอาคารบรรยายรวม

พอไทกริสกินข้าวเสร็จ ต่ายก็พาไปส่งที่ตึกคณะบริหาร

แอบเหล่สาวๆคณะนี้ซะหน่อย เพราะเขาว่าเด็ด
แต่ต้องแห้วเพราะสาวเจ้าไม่มองเขา มองแต่เด็กโค่งตัวขาวแทน

“มีอะไรก็โทรหาพี่ โอเคนะ?” ต่ายถาม 

เขาชักจะเข้าใจความรู้สึกของน้านีแล้วสิ  ไทกริสไม่ใช่พวกเด็กเอ๋อนะ แต่อารมณ์แบบเฉื่อยชา ถ้าไม่อยู่อารมณ์ใครก็บังคับไม่ได้  แต่โชคดีในชีวิตนิดหน่อย ที่ไทกริสไม่ค่อยพยศเท่าไหร่ในรั้วมหาลัย  ยกเว้นตอนรับน้องน่ะนะ     
ที่เป็นอย่างนี้ก็คงเป็นเพราะ ไทกริสเป็นลูกหลง อายุห่างกับพี่สาวตั้ง 10 ปี ด้วยช่วงอายุที่ต่างกันทำให้ไทกริสกับเหล่าพี่สาวไม่ค่อยสนิทกัน  อีกทั้งพ่อหรือลุงอาเทอร์ที่ไม่ค่อยได้ดูแลไปมาระหว่างฮังการีและไทย เลยมีแต่น้านีที่คอยดูแล  ซึ่งก็คงพยายามเต็มที่ให้ไทกริสไม่รู้สึกตัวเองขาดความอบอุ่น   แต่ก็โชคดีที่มีต่ายที่อายุไล่เลี่ยกัน เลยมาเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก แต่พอต่ายย้ายไป ไทกริสก็ต้องโดนย้ายไปฮังการี  ทำให้ชีวิตดูไม่มีความคงที่ การแสดงออกก็เลยกลายเป็นแบบนี้

“อืม ไปนะ” ต่ายพยักหน้ารับ  มองเด็กโค่งที่เดินเข้าลิฟต์ไป  แล้วค่อยเดินออกมา

“ไง เพื่อนร๊ากกกก”  แชมรีบคว้าคอเพื่อนตัวสูงผิวแทนทันทีที่เห็น
“อึดอัดโว้ยย” ต่ายบ่น แชมหัวเราะก่อนแต่ก็ไม่ยอมปล่อย เพียงแต่ผ่อนแรงให้เบาลง
“ไหนว่ามานานแล้ว” เอกถาม
“ไปส่งเด็กมา”
“อ๊ะ ฮันแน่!!!~” ต่ายปัดมือเอกทิ้ง เมื่อโดนชี้หน้า
“แน่ พ่อง”
“เด็กที่ไหน  ขาวปะ” แกนที่เพิ่งโผล่หัวจากโทรศัพท์ถาม  รายนี้ชอบเด็กขาวใสสไตล์ญี่ปุ่นเกาหลี  ซึ่งเขาอยากจะไล่ให้มันออกนอกประเทศ เพราะไม่ได้ดูแสงแดดประเทศไทยเลย  ใครมันจะขาวใสได้กัน!

“หึ โคตรรรรรขาวเลย”  ต่ายเน้นคำว่าโคตร จนเพื่อนร้องอู้หูวตาม
“สูง สวย โนตม?” แชมถาม
“สูงน่ะใช่  แต่ขอโทษที ผู้ว่ะ” เขาตอบ  เรียกสีหน้าเงิบจากเพื่อนไปตามๆกัน
“โหย ไอ้ต่าย มึงนะมึง”  แชมโบกหัวเขาเบาๆ ก่อนจะนั่งลงอย่างหัวเสีย 

คงจะจินตนาการไปไกลแล้วสิท่า ~

“เออๆ  นี่กูได้ยินจากพี่ดาบอกว่า เห็นเด็กปีหนึ่งคนนึง หล่อลากสูงยาวเข่าดี เป็นลูกครึ่งด้วย  ผิวขาวมาก ตัวเกร็งเดือนแน่ๆ”
ต่ายรู้สึกทะแม่งๆกับคำว่า ลูกครึ่ง ผิวขาวนี่แหล่ะ   แต่มาคิดๆดู  เด็กปีหนึ่งลุคอินเตอร์มีตั้งมากมาย คงไม่น่าใช่ไทกริส

“ทำไมมึงสน? แค่ดาวบริหารไม่พอ” แกนถาม แต่ก็โดนเพื่อนตัวใหญ่ดีดปลายจมูกรั้นๆ
“นานแล้วที่ไม่เห็นพี่ดากรี๊ดกร๊าดผู้ชายนี่หว่า” เอกว่า เพราะพี่รหัสของเขาออกจะเป็นผู้หญิงที่ดูแมนแมนคุยกัน  จนบางครั้งเขาก็ลืมไปว่าพี่รหัสคนนี้นั้นเป็นผู้หญิง

“แปลว่าเด็ดจริง”
“เออ  อยากเห็นว่ะ เดี๋ยวให้พี่ดาส่งรูปมาให้ดูด้วยดีกว่า”
.
.
.

หลังการบรรยายในช่วงแรกเสร็จสิ้น นักศึกษาเกือบร้อยชีวิต แทบจะหมดแรง เพราะอาจารย์เล่นจัดหนักตั้งแต่วันแรกคาบแรกของวันเปิดเทอม

“นี่ถ้า ‘จารย์ไม่บอกว่าเป็นเนื้อหาที่เรียนตอนปีสองนี่กูคงนั่งงมอยู่นานว่าอ่ะ” แกนว่า ในสมุดเลคเชอร์มีเส้นโยงนู่นนี่สับสนไปหมด   จากพวกเขาในหลุ่ม แกนนี่เด็กเรียนที่สุดแล้ว

“กูก็ว่างั้น นี่ขนาดกูงีบ เสียงอาจารย์ยังลอยเข้ามาในหู” แชมว่าต่อ 

ต่ายหัวเราะ เมื่อได้ยินเพื่อนๆบ่นกันอย่างหัวเสีย ส่วนเขานะหรอ พระอินทร์เรียกตั้งแต่อ.เปิดสไลด์แรก 
ก่อนจะสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมา

กริส incoming call

“อ่า ว่าไง เลิกเรียนแล้วหรอ”
  ‘อือ กระต่ายมารับหน่อย’
“อ้าว โอเค ออกมารอหน้าตึกเลย เดี๋ยวไปหา” ปลายสายอือออ ก่อนจะกดวางสายไป

“ไงพวก จะไปส่องสาวบริหารหน่อยมะ กูจะไปรับเด็ก” สหายทั้งสหายผิวปากหวือ (ขนาดไอ้เอกที่มีน้องกวางแล้วยังไม่เว้น ) ก่อนจะตอบตกลงกันอย่างไม่ลังเล

“ทำไมมึงต้องดูแลเด็กขนาดนั้นเลยวะ” แชมถามขึ้น ระหว่างที่เขาและเพื่อนเดินไปที่คณะบริหาร
“ก็แม่เขาขอมาอีกอย่างกูก็รู้จักมาตั้งแต่เล็กๆแล้วด้วย” ต่ายยักไหล่ตอบ
“อ้าว กวางนี่หว่า ” เอกพยักเพยิดไปที่สาวๆที่ยืนอยู่หน้าตึกคณะกับไทกริสที่ทำหน้าตายกับบุคคลที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนของไทกริสอีกสองคน
พอต่ายเดินเข้าไป ก็ได้ยินบทสนทนาขึ้น
“นะ น้องไทกริส เป็นเดือนให้คณะเราเถอะนะ”  ไทกริสกลอกตาไปมา ใบหน้าหล่อส่ายดิ๊กอย่างเดียว
“เห่ยย ยูเอาเถอะน่า  ไอว่ามันดีนะ” คนที่ยืนอยู่ข้างๆไทกริสเอ่ยขึ้ย  ต่ายเพิ่งสังเกตว่า เพื่อนของไทกริสนั่น หน้าฝรั่งกันทุกคน! งี้ไอ้ที่เอกพูดเมื่อเช้าคงไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง
ไทรกิสคงจะเจอพวกเดียวกันแล้วสินะ

"เห้ยมึง นั่นไงเด็กคนนั้นที่พี่ดาบอก" ไอ้เอกรีบสะกิดต่ายยิกๆ ชี้ไม้ชี้มือไปที่พวกไทกริส
"หา!"
“กระต่าย” พอไทกริสเห็นเขาเดินเข้ามาก็เรียกทันที   แต่ต้องชะงักกึกเมื่อสหายทั้งสามของต่ายที่ทำหน้าหวอ แล้วหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไริทราบพวกมึง” ต่ายพูดลอดฟันออกมา  พวกเพื่อนเหมือนจะกลัวแต่ก็ไม่วายกลั้นขำจนไหล่สั่น
“อ๊ะ พี่เอก!  สวัสดีค่ะพี่ๆ” น้องกวางปรี่เข้ามาเอกเป็นอันดับแรก แต่ก็ยังใจดีเผื่อแผ่คำทักทายมาที่พวกเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างกันด้วย

“เกิดอะไรขึ้นหรอ” ต่ายออกปากถามขึ้น เมื่อดูสถานการณ์วาจะไม่ค่อยสู้ดี (ในสายตาของเขา) 
“เอ่อ คือกวางอยากให้น้องไทกริสประกวดเดือนของคณะน่ะค่ะ”  คนสวยพูดเสียงอ่อย  โดยมีเพื่อนอีกคนช่วยพยักหน้าหงึกๆอยู่ข้างๆ
“ไม่สนหรอ กริส” มองจากสีหน้าแล้ว คงจะไม่สินะ
“พี่ให้ใบสมัครไว้ก่อนก็ได้ ให้สามคนนี้เลย ถ้าเปลี่ยนใจมาบอกพี่ได้ตลอดเลยนะ” กวางจัดการยัดกระดาษเอสี่สีขาวยื่นให้ไทกริส และผองเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม?!
“เฮ้ๆ ไอไม่เกี่ยวนะคนสวย” หนึ่งในเด็กฝรั่งหัวดำพูดขึ้น
“ช่วยพี่หน่อยนะ เนี่ยพวกน้องๆถูกใจพวกพี่มาตั้งแต่วันปฐมนิเทศแล้ว” เพื่อนน้องกวางอีกคนพูดขึ้น

ไทกริสย่นคิ้วให้ แต่ก็เก็บใบสมัครลงกระเป๋าหนังยี่ห้อหรู
“ลองไปถามน้านีดูสิ  เผื่ออยากได้ลูกชายเป็นเดือนนะ”  ต่ายว่าขำๆ  แต่ผลที่ได้คือสีหน้าเรียบตึง 
 ไม่น่าเล่นเลยแฮะ!
“ดูทำหน้าเข้า ปะ ไปกินข้าวๆ  นี่จะไปด้วยกันมั๊ย” ประโยคแรกคุยกับเด็กโค่ง ส่วนประโยคหลังก็กันไปถามผองเพื่อนฝรั่ง
“ไปครับ”  หน้าฝรั่ง แต่พูดไทยชัดแจ๋วเลยแฮะ

และแล้วพวกเขาทั้ง 6  (อันได้แก่ ต่ายและผองเพื่อน ไทกริสและสหายฝรั่ง ส่วนเอกและน้องกวางขอไปกินกันสองคน)ก็พากันไปที่โรงอาหาร

ระหว่างทางก็อีหรอบเดิม สาวๆมองกันคอแทบหลุด

ก็แหม ลำพังพวกเขาก็หน้าตา(เกือบ)ดีอยู่แล้ว
ยิ่งพอพ่วงคนอื่นๆมาด้วยอีก   โรงอาหารจะแตกก็คราวนี้

พวกเขาเลือกนั่งหน้าร้านอาหารตามสั่งเจ้าเด็ด โชคดีที่คนยังไม่มากเท่าไหร่ เลยไม่ต้องรอคิวนาน   
เขียนเมนูใส่กระดาษเสร็จ ก็มานั่งรอกันที่โต๊ะ รอให้แม่ค้าเรียกแล้วค่อยไปเอา 

“มาแนะนำก่อนดีกว่า  นี่พวกมึง  นั่นไทกริส น้องกู  ส่วนกริส ไอ้หัวตั้งๆนั่นชื่อแชม ส่วนไอ้เตี้ยนี่ชื่อแกน” ไทกริสพยักหน้ารับเบาๆ  แต่พวกเพื่อนเขานี่แทบจะบีบคอเขา โทษฐานที่แนะนำไม่ดี

“แล้วนั่นเพื่อนใหม่ใช่ไหม” ต่ายชี้ไปที่เด็กฝรั่งผมดำทั้งสอง
“อือ โจกับฟราน” ต่ายยิ้มให้ให้กับเพื่อนใหม่ของกริสที่ยกมือทัก

“กูไม่คิดว่ายังมีคนเรียกมึงว่ากระต่าย” แชมว่า 

แชมเป็นเพื่อนกับต่ายตั้งแต่สมัยมัธยม (ตั้งแต่ที่เขาย้ายมา) ซึ่งตอนนั้นเขาก็แนะนำตัวไปว่า ชื่อต่าย แล้ว  แต่มันเสือกปีนเกลียวมาเรียกเขาว่ากระต่าย  ก็เลยโดนตีนกระต่ายไปกิน  จ๋อยไปเลยพักนึง  จากนั้นมันก็มาทำตัวสนิทกับเขา  จนกลายเป็นเพื่อนรักของต่ายจนถึงทุกวันนี้   ส่วนเอกและแกนรู้จักตอนรับน้อง เพราะอยู่กลุ่มเดียวกัน ไปๆมาๆ ก็เลยเป็นแก๊งค์พวกเขาสี่คน

“ก็เรียกกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วอ่ะนะ”
 “พอมีคนมามึงเรียกแบบนี้ กูว่ากูไม่ชิน ฮ่าๆๆ” แกนว่า ก่อนจะหัวเราะลั่น เมื่อนึกถึง กระต่ายที่เป็นสัตว์กับเพื่อนของเขาที่ถูกเรียกว่ากระต่าย  มุ้งมิ้งไหมล่ะ 

“เดี๋ยวมึงได้โดน” ต่ายชี้หน้าคาดโทษ   ครั้นมองไปที่ไทกริสที่คุยหงุงหงิงเบาๆกับเพื่อนฝรั่ง ก็อดยิ้มไม่ได้  เขาคิดว่าไทกริสจะหาเพื่อนไม่ได้ซักอีก

โฟ่วกันไม่นาน แม่ค้าก็เรียกให้ไปเอาข้าว

“สรุปไม่สนกันหรอ” ต่ายถามไทกริสอีกรอบ เมื่อนึกถึงใบสมัครที่ยังนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าของอีดฝ่าย 
ไทกริสส่ายหัวให้อีกครั้ง  ส่วนเพื่อนก็ยิ้มแกนๆมาให้
“ผมขี้อายอ่ะ  ให้ไทกริสยังจะดีซะหว่า” คนที่ชื่อ โจ ว่า รายนี้ก็หน้าตาดูไปทางคนเอเชียกว่าอีกคน  ไม่ได้หล่อเด่น แต่ก็ดูมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเวลายิ้ม  เห็นแล้วเหมือนหมาพันธุ์โกลเด้น ลาบาร์ดอร์ เทือกๆนั้น

“ไอก็ว่างั้น ยูลงไปเลย สาวตรึมแน่คราวนี้”  ฟรานว่า รายนี้หล่อแบบเลวๆ เวลายิ้มแล้วนึกถึงตัวร้ายในหนังตลอด 

ต่ายแย่งในใจว่า ไม่ต้องสมัครเดือนแค่นี้ก็ตรึมอยู่แล้ว !
“พี่ตามใจนายแหล่ะ  ไม่ได้ว่าอะไรหรอก”

หมดคาบเรียนตอนบ่าย ต่ายก็ต้องมานั่งรอไทกริสอยู่ที่ใต้อาคารคณะบริหาร  ยังดีที่มีลมเย็นๆให้พอเป่าเหงื่อแห้งบ้าง 

ส่วนเพื่อนๆเขาน่ะหรอ รีบชิ่งตั้งแต่อาจารย์ยังไม่ทันเก็บของออกจากห้อง   ไอ้เอกนี่ไปรับแฟนมัน ส่วนสองตัวที่เหลือคงไม่พ้นไปเล่นเกม

นั่งไถเฟสบุ๊ค ทวิต ไอจีไป 5 รอบเศษ   ไทกริสและผองเพื่อนก็เดินลงมา
“กระต่าย”
“หืม”
“โจกับฟราน ใครหล่อ” ต่ายอ้าปากเหวอกับคำถามนี้  คือเจ้าตัวก็ยืนอยู่ตรงนี้  จะให้เขาตอบ
นี่ถ้าเขาตอบไม่ถูกใจใคร เขาคงไม่โดนยำตีนใช่ไหมนี่

“ตอบมาเลยครับพี่  พวกเรากำลังเลือกไม่ถูกว่าใครจะลงดี” โจว่าอย่างขำๆ  พลางชูกระดาษเจ้าปัญหาเมื่อตอนกลางวัน

เอาจริงๆ คนที่สะดุดตาใครๆ น่าจะเป็นฟราน แต่โจเวลายิ้มก็ดูดีด้วยสิ แถมยังมีลักยิ้มด้วย 
 
ในขณะที่ต่ายกำลังคิดหนักราวกับเป็นข้อสอบระดับชาติ ร่างสูงของไทกริสก็เดินกระซิบข้างหู ทำเอาสมาธิของต่ายแตกกระเจิง

“ทำไมคิดนาน”
“หะเห้ย!!  ตกใจหมด”
“โธ่พี่ ไม่ต้องเครียดหรอก พวกเราชิลๆ เมื่อกี้เราก็เป่ายิงฉุบกันแล้ว ฟรานชนะ แต่หมอนี่ไม่ยอมซะงั้น  ไทกริสเลยบอกให้พี่เลือกดีกว่า”  โจบุ้ยปากไปที่ฟรานที่ยืนผิวปากชมนกชมไม้ ทำเหมือนตัวเองไม่ผิด

 ต่ายรู้สึกเหมือนคนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก ถ้าคนอื่นรู้ว่าสาขานี้เลือกเดือนมาด้วยวิธีนี้ คงมีเงิบแน่ๆ
“................พี่เลือก ”

:pig4: :pig4:
ฺBeva talk :  เลือกใครดี~   อิอิ   ขอบคุณที่ตอบกันมาน๊าา สรุปไม่เปลี่ยนแล้วล่ะ เอาอันนี้แหล่ะ  :katai2-1: 
เรื่องนี้บีว่าแต่งไปเรื่อยๆอ่าค่ะ แต่เป็นคนที่แต่งดราม่าอะไรไม่เก่ง คงจะแนวใสๆมุ้งมิ้งๆเกรียนๆมึนๆต๊องๆมากกว่า  :katai4:   ช่วงแรกๆจะเอื่อยๆหน่อยนะคะ อยากเก็บรายละเอียดก่อน ประมาณตอนที่ 5 น่าจะเริ่มเข้าสู่พล๊อตหลักๆแล้ว จะได้รู้ว่าไทกริสเป็นคนยังไง  :o8:
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ  รุ้สึกมีพลังในการแต่งต่อ  นี่กลัวแป๊กมากเลย 
แอบตกใจห้องนี้ นิยายร่วงไปไวมาก  :mew5:
แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังมีคนมาเม้นอยู่ เราก็จะแต่งต่อไป อิอิ  :hao7: :hao7: :hao7:

สุดท้ายนี้ อยากบอกอะไรกับคนแต่งเม้นได้เลยค่าาาา รักคนอ่านทุกคนนนน   :L1: :L2:

 



หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 3 12/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 12-03-2016 16:39:05
น่ารักดีค่ะ เนื้อเรื่องเรื่อยๆยังไม่ค่อยมีฉากมุ้งมิ้งเข้าพระนางเท่าไร (ก็เพิ่งตอนสามย่ะ)5555 รอนะคะมาต่อบ่อยๆน้า :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 3 12/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-03-2016 16:57:20
ไทกริสกับกระต่ายมีความมุ้งมิ้ง(ที่เราคิดไปเอง) ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 3 12/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 12-03-2016 18:36:05
น่ารักอ่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 3 12/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 12-03-2016 19:04:25
มันมุ้งมิ้งแบบสัมผัสได้

เวลาเรียกว่า กระต่าย กระต่าย กระต่าย

น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 3 12/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 13-03-2016 19:33:11
ค้างเลยยย พี่ต่ายจะเลือกใครรรรรรร  :z3:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 3 12/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-03-2016 22:35:24
น้องกริสดูร้ายนะเนี่ย ขี้อ่อยเชียว แล้วพี่กระต่ายจะไปไหนพ้น
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 14-03-2016 22:00:14
บทที่ 4  ว่าแล้วไง!


“พี่เลือก นายแล้วกัน ฟราน”
“Oh no!! Whyyyyyyy!!” 
“ไหนๆนายก็เป่ายิงฉุบชนะแล้วนี่” ฟรานทำหน้าตาเหมือนกินยาขม ทำอิดออดเล่นตัวอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ยอมเขียนชื่อลงในใบสมัคร
“จากนั้นนายก็แค่เอาใบสมัครไปให้พี่สาวคนสวยคนนั้น”  โจพูด ฟรานกลอกตาขึ้นพลางถอนใจเฮือก

“เอาล่ะ  แม่นายมารึยังเนี่ย กริส” ต่ายหันถามคนตัวขาวที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่
“กำลังมา”  ตอบต่ายทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าจากโทรศัพท์
“โอเค” ต่ายพยักหน้า ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นบ้าง 

ซักพัก ฟรานที่เอาใบสมัครไปส่งเดินกลับมาบอกลาพวกเขา

“เฮ้ ยู ไอกลับแล้วนะ” ต่ายหันไปพยักหน้าพลางโบกมือให้พอเป็นพิธี  ส่วนไทกริสก็ตอบรับในลำคอ ก่อนจะสนใจมือถือของตัวเองต่อ  ฟรานยักไหล่ให้คู่หูอย่างโจที่มองมาที่เพื่อนใหม่อย่างปลงๆ  ก่อนจะกอดคอกันเดินออกจากตึกไป



“กระต่าย”
“หืม?”
“ถ้าอยู่คอนโดได้ กระต่ายจะมาอยู่ด้วยไหม” ไทกริสถาม แววตาไม่ไร้อารมณ์เหมือนปกติ  แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ รู้แต่เพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลตอนโดนแสงนั้นช่างประกายคล้ายกับสีของทองแดง

“ไม่เอาหรอก บ้านพี่ก็มี” ต่ายละสายตาจากนัยน์ตาชวนฝันนั่น ก่อนจะตอบ
“อยากให้อยู่”

ลมหายใจต่ายสะดุดไปกับคำพูดที่ดูเอาแต่ใจ 
ให้ตายเถอะ ไทกริสตอนโตนี่  ขั้นแอดวานซ์มาก


“ไปขอแม่ให้ได้ แล้วค่อยมาคุยกัน  โอเค๊” ต่ายตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ  ได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดแว่วๆ
“นี่”  ต่ายเรียก
“?” ไทกริสหันมาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ดูพูดน้อยเนอะ” ต่ายยิ้มล้อ   

เขาสังเกตตั้งแต่เจอกันแล้ว ไทกริสเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ตอนเด็กออกถึงแม้จะไม่ใช่เด็กช่างพูดแต่ก็ไม่ได้เงียบอะไรขนาดนี้  รวมถึงท่าทางเอื่อยๆเฉื่อยๆเหมือนคนไม่อยากทำอะไรนี่ด้วย

 เกิดอะไรขึ้นกับเด็กโค่งในช่วง 10 ปีก่อนนะ

“ทำไม”
“ห๊ะ   อืมม  ก็แบบ  เปลี่ยนไปนะ”

ครืน ~ 
ไทกริสอ้าปากเหมือนจะพูด แต่โทรศัพท์ที่ถือไว้อยู่ก็ขัดจังหวะซะก่อน

“ครับ ...อยู่ครับ .........ครับ” ต่ายมองคนที่คุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ หน้าตาไม่บอกอารมณ์ไหน 

แต่ก็แปลกที่เขากลับรู้สึกชอบ มันเหมือนรูปปั้นในยุคโรมันยังไม่รู้ 

“แม่มาแล้ว” ก่อนที่ต่ายจะตกอยู่ในภวังค์ ไทกริสก็วางสาย แล้วหันมาพูด
“อ่า  โอเค กลับกัน”

เดินออกมา บริเวณเดิมที่เขาลงจากรถเมื่อเช้า ก็พบรถคันคุ้นตาจอดอยู่

“น้านี สวัสดีครับ”  ต่ายยกมือไหว้นีรดา ซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มหวานรับ 
แต่พอหันไปมองลูกชายของตนที่เพียงแค่ยกมือไหว้พร้อมเสียงเบาๆในลำคอ ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก


“เป็นไงกันบ้างคะ เรียนวันแรก” นีรดาเอ่ยถาม ขณะขับรถออกจากรั้วมหาลัย 

ต่ายยิ้มแกนๆพลางนึกไปถึงบทเรียนที่ได้เรียนมาในวันนี้ เรียกได้ว่าลากเลือดเลยทีเดียว  ทั้งที่เพิ่งเปิดเทอมแท้ๆ

“ก็ดีครับ” ไทกริสตอบ
“งั้นเหรอ อยู่ได้ใช่ไหม” นีรดาถามลูกชายอย่างเป็นห่วง
“...ครับ  กระต่ายก็อยู่” พอไทกริสพูดถึง  ต่ายก็เกิดสำลักน้ำลายอย่างไม่รู้สาเหตุ  คำพูดมันกำกวมชะมัด
“ฮ่าๆ  งั้นน้องไทก์ก็อย่าดื้อกับพี่กระต่ายนะ เข้าใจไหม” นีระดาสอนลูกชาย

ซึ่งในมุมมองของต่าย ก็รู้สึกอบอุ่นเล็กๆ  แม้คำว่า ’อย่าดื้อ’นี้มันดูจะเกินอายุของอีกคนไปแล้วก็ตาม

“อ๋าา จะว่าไป แม่มีอะไรจะบอกด้วยล่ะ” นีรดาร้องขึ้น เมื่อนึกอะไรได้
ไทกริสเลิกคิ้วใส่อย่างงุนงง
“แม่คุยกับ แด๊ดแล้วก็แกรนด์ฟาแกรนด์มาแล้วนะ .... เขาบอกว่าจะยังไม่ตอบอะไร จนกว่าจะได้เจอกับน้องไทก์ก่อน”

ไทกริสหยุดนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ไปซักพัก ก่อนจะพยักหน้ารับ

“น้องไทก์ต้องเข้าใจแม่แล้วก็ทุกคนนะคะ  ที่ต้องทำแบบนี้เพราะทุกคนเป็นห่วงน้องไทก์กันทั้งนั้น”
“ผมเข้าใจครับ”
“เฮ้ออ เรื่องนั้นไว้ก่อนเนอะ   หิวกันรึยังน้องกระต่าย  น้าว่าจะพาไปกินชาบูเจ้าอร่อย”
“เอ่อ งั้นผมขอถามแม---”
“ไม่ต้องหรอกจ้า เพราะน้าเพิ่งแวะไปหาแม่น้องกระต่ายมา เห็นว่าจะชวนพ่อเราไปเดินเล่นแถวจตุจักร ให้พาเราไปได้เลย” ต่ายอ้าปากหวอทันทีเมื่อนีรดาว่าจบ

แม่กับพ่อหนีเขาไปเดทรึไงกัน !!!!

“ให้ตายสิ ทั้งคู่เลย” ต่ายสบถออกมาเบาๆ  แต่เหมือนนีรดาจะได้ยิน
“นานๆทีจะเจอกัน ก็ให้เวลาเขาหน่อยเนอะ”

แล้วเขาล่ะแม่  ???

แต่พอมานึกๆดู แม่คงจะคิดถึงพ่อมากแหล่ะ เพราะเห็นชอบเอาอัลบัมรูปสมัยยังจีบกันใหม่มาดูตอนว่างๆอยู่เรื่อย

น้านีพาเขากับไทกริสมาที่ร้านชาบูไม่ไกลจากหมู่บ้านของไทกริส  เห็นจำนวนคนในร้านก็แอบอึ้ง แต่ก็โชคดีที่พวกเขามากันสามคนเลยยังพอมีที่ให้นั่งอยู่  ลูกค้าที่นี่มีตั้งแต่พนักงานออฟฟิศยันเด็กมัธยม  คงเพราะราคาไม่แพงเลยเข้าถึงลูกค้ามากกว่าด้วย

“สั่งเลยจ่ะ ไม่ต้องเกรงใจ” น้านียื่นเมนูอาหารมาให้ต่าย  ด้วยความที่เขากินได้ทุกอย่าง เลยให้เป็นหน้าที่ของไทกริสกับน้านีไป

ของที่สั่งไปส่วนใหญ่จะหนักไปทางเนื้อสัตว์มากกว่า 
อันที่จริง ต่ายคิดว่าน้านีจะออกแนวเฮลตี้เน้นผักซะอีก แต่พอถาม หญิงสาวกลับหัวเราะ  แล้วบอกเขาว่า
“กินผักก็ไม่คุ้มสิคะน้องกระต่าย”

ซักพักหม้อชาบูก็มาตั้งหน้าพวกเขา เหลือบมองเด็กโค่งที่เริ่มขมวดคิ้วแล้ว 
นั่นไง ไม่ถูกกับของร้อนสิท่า เป็นแมวสินะ
จนพนักงานเซ็ตความร้อนอะไรเสร็จก็ออกไป  ไม่นานของที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟ  ถ้าเป็นต่ายกับเพื่อนนี่มีอะไรก็จับโยนลงหม้อ แต่พอมาทานกับน้านีแล้ว ..
“เนี่ย เนื้ออันนี้  มันบางเราแกว่งซัก 10 วิก็สุกแล้ว  อย่านานนะน้องกระต่าย น้องไทก์ เดี๋ยวมันจะแข็ง ไม่อร่อย”
“ส่วนอันนี้เขาแช่แข็งมา น้าว่าต้มให้นานๆหน่อยดีกว่า”
“ผักอันนี้ต้มแล้วก็กินเลยนะ เดี๋ยวมันจะเละไม่อร่อย”
“กุ้งต้องปลอกแบบนี้ ดูนี่นะคะ  ชึบ ชึบ ไงล่ะง่ายมั๊ย”
เรียกได้ว่าเหมือนกูรูอาหารมาเอง!


“น้องไทก์ไม่ทานหรอคะ ”  นีรดาว่าพลางมองกองเนื้อสัตว์ในถ้วยลูกชาย ที่เธอตักให้
“มันร้อนครับ”
“อ้ออ แม่ก็ลืมไปค่ะ แต่ว่านะ ของแบบนี้ต้องทานร้อนๆถึงจะอร่อยน๊า ใช่ไหมน้องกระต่าย” ต่ายที่กำลังสวาปามเนื้อวากิว สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ทั้งๆที่เคี้ยวเนื้อเต็มปาก

เห็นเด็กในความดูแลยังขาดความเชี่ยวชาญ?!   ต่ายเลยต้องโชว์เคล็ดลับความอร่อยที่สั่งสมมาตั้งแต่ปี1
คีบเนื้อร้อนๆเป่าเบาๆ 2 ที  จิ้มในไข่ดิบ จิ้มน้ำจิ้ม เอาเข้าปาก

ฮรืออ ฟินสิครับรออะไรอยู่

เด็กโค่งมองต่ายที่ทำหน้าฟินแล้วก็หัวเราะหึออกมา  ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อในถ้วยเข้าปากบ้าง
 
จนครบชั่วโมงของทางร้านกำหนด  พนักงานก็เข้ามาพร้อมบิลค่าอาหาร  คุณแม่ของไทกริสยิ้มหวานก่อนจะหยิบบัตรเครดิตให้ไป 

“เป็นไงคะ อิ่มไหมน้องกระต่าย”
“อิ่มครับ  ขอบคุณน้านีมากเลยครับที่พามาเลี้ยง” ต่ายยกมือไหว้ขอบคุณนีรดา
“โอ้ยย ไม่ต้องขอบคุณน้าหรอกลูก  น้าต่างหากที่ต้องขอบคุณน้องกระต่ายที่ช่วยดูแลลูกชายของน้า” นีรดาว่า พลางลูบหัวไทกริสที่นั่งอยู่ข้างๆ 

 ภาพอันแสนอบอุ่น เรียกรอยยิ้มจากต่ายที่นั่งตรงข้ามไม่ยาก

.
.
.
.
.

ในที่สุดก็วันศุกร์!  ต่ายอยากจะกรีดร้องให้ก้องโลกว่าเขาโหยหาวันหยุดแค่ไหน  ต่ายไม่คิดว่าปี3 การเรียนจะหนักหน่วงขนาดนี้   นี่เปิดเทอมแค่สัปดาห์เดียว ต่ายและผองเพื่อนก็ได้โปรเจ็คเบาๆ 2  โปรเจ็ค ไม่รวมงานยิบย่อยอีก 

เขาอยากทิ้งตัวกับทุ่งหญ้าสะวันนารึเกิน


วันนี้เขามีเรียนตอนบ่าย แต่ไทกริสมีเรียนแค่เช้าอย่างเดียว เลยไม่ได้มาด้วยกัน  ฉะนั้นวันนี้เขาเลยต้องขับรถมาเอง


แต่ไหงพอเขาลงมาจากตึกคณะ  ถึงได้เห็นเด็กโค่งตัวขาวยืนล้วงกระเป๋าอยู่ใต้ถุนอาคารล่ะเนี่ย

“กริส!”  ต่ายร้องเรียก ไทกริสที่ยืนอยู่ก็เดินตรงเข้ามา
“กระต่าย กลับบ้านกัน” ต่ายส่งสายตาให้ผองเพื่อนที่เดินตามหลังมา

ซึ่งเจ้าพวกนั้นก็เข้าใจดี โบกมือบ๊ายบายเขาและไทกริสเสร็จสรรพ ก่อนจะเดินออกไปอย่างกับบอยแบนด์

“นี่นายรอพี่งั้นหรอ” ต่ายถามอย่างไม่แน่ใจ

เกิดหน้าแตกขึ้นมา ก็แย่สิ


“อือ อยากกลับกับกระต่าย” ไทกริสว่า แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์

 แต่ในความคิดของต่ายนั้น เหมือนกับไทกริสกำลังอ้อนเขาอยู่?!

“อ่า โอเค  ร้อนไหมเนี่ย” ไทกริสส่ายหน้า  แต่ต่ายเห็นเหงื่อที่ซึมอยู่ตามไรผม  เลยยื่นกระดาษทิชชู่ให้ 

พออีกคนทำหน้างงใส่ก็จัดการ ใช้ทิชชู่แผ่นนั้นซับให้แทนเสีย

แม้บรรยายกาศจะดูออกม่วงๆก็ตาม  แต่สำหรับต่ายกลับรู้สึกดีแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาเคยทำในสมัยเด็กด้วยมั้ง
 
“รีบไปดีกว่าเนอะ” พอเห็นสายตาคนอื่นๆ ที่มองมาที่เขาอย่างสนใจใคร่รู้แล้วต่ายเลยต้องรีบพาอีกคนขึ้นรถทันที

“จะรอก็ไม่บอกพี่  แล้วนั่งรอคนเดียวรึเปล่า” ต่ายซักถาม
“โจกับฟรานเพิ่งกลับไปเมื่อตอนบ่ายสาม”   ไทกริสชี้แจง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต่ายรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ 
ก็นี่มัน ห้าโมงกว่าแล้วนี่นา  เพราะเขาต้องเข้าช๊อป กว่าจะผ่าน ต้องแก้อยู่หลายรอบ
“เฮ้อ ให้ตายสิ ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย” ไทกริสหันขวับมา ต่ายแอบสะดุ้งเบาเมื่อมือขาวตบปุๆที่ผมของเขา
“อย่าโมโหเลยน่า  เดี๋ยวเลี้ยงไอติม”

ใครสั่งใครสอนให้พูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงโมโนโทนกันฮะ !

ให้ตาย แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกปวดแก้มชะมัด



สุดท้าย เด็กโค่งก็พาต่ายมาเลี้ยงไอติมตามที่ตัวเองพูดจริงๆ 

อยู่กับไทกริสนี่ ต่ายรู้สึกว่าตัวเองอุดมสมบูรณ์ขึ้นเยอะ   

“อืม จะว่าไป พ่อนายจะมาหานายวันไหนเหรอ” ต่ายถาม
“พรุ่งนี้” ไทกริสตอบ มือขาวตักไอติมเข้าปากอย่างอร่อย   

ทีอย่างนี้ไม่ลังเลเลยนะ  ไม่รู้ว่าไม่จี๊ดสมองบ้างรึไง ถึงได้ตักเอาตักเอา  พอไปเทียบกับอาหารร้อนแล้วปฏิกิริยาคนละแบบจริงๆ

“ยังไงก็อย่างอแงล่ะ  จะอยู่คอนโดทำไมก็ไม่รู้ พี่ว่าอยู่บ้านก็ดีออก”

สำหรับต่ายที่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ แถมไม่ได้ไกลจากสถานศึกษา ยังได้กินกับข้าวฝีมือนายแม่อีก  แม้จะต้องไปต่อสู้กับการจราจรยามเช้าและยามเย็นก็ตาม เขาว่านี่มันดีกว่าการต้องไปอยู่ตัวคนเดียวด้วยซ้ำ

“ไม่อยากให้แม่ขับรถไกล”
“งั้นนายก็หัดขับรถสิ”
“ขับเป็นแล้วต่างหาก”
“อ้าว แล้วทำไมไม่ขับมาเอง”
“แม่บอกให้สอบใบขับขี่ที่นี่ให้ได้ก่อน”
“โว๊ะ ก็สอบซะทีสิ จะได้ไม่เป็นภาระของน้านีเข้าใจมั๊ย” ดีดหน้าผากขาวใสไร้รอยสิวนั้นเบาๆ 

ได้ยินอีกคนพ่นลมหายใจใส่ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าตักไอติมเข้าปาก ปฏิกริยานั้นทำให้ต่ายรู้สึกได้ใจ

จากดีดหน้าผากก็เลื่อนมาที่จมูกโด่งๆ

ป๊อก!!!
.
.
.
.
อ่ะ  กะแรงผิดไป

“เห้ย ขอโทษๆ”  ต่ายรีบยกมือขอโทษขอโพย

เขาดันดีดแรงไปหน่อย ปลายจมูกโด่งขึ้นแดงสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด  ขนาดเขายังรู้สึกเจ็บนิ้วเลย 

จากเสือกลายมาเป็นกวางเรนเดียร์เลย

ไทกริสสบถอะไรไม่รู้เป็นภาษาต่างด้าว?!  พลางลูบปลายจมูกตัวเองไป ต่ายเห็นความรู้สึกผิดก็ทิ่มแทงหัวใจ

“ไหนๆดูหน่อย” ใช้สองมือจับใบหน้าอีกคนไว้ ซึ่งไทกริสก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“เพี๊ยง ความเจ็บจงหายไป” ต่ายค่อยๆยื่นหน้าตัวเองเข้าไป ใช้ปากเป่าเบาๆที่ปลายจมูกโด่งเป็นสันนั้น

ต่ายไม่รู้ว่ามุกที่เคยใช้เมื่อตอนเด็กๆนั้นยังจะได้ผลเหมือนเดิมรึเปล่า  แต่ในตอนนั้นเด็กชายไทกริสก็ไม่เคยร้องไห้เพราะความเจ็บอีกนะ   

ส่วนปัจจุบัน...
ใบหน้าหล่อเหลาที่ต่ายมองเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกชินซักที ไหนจะความวิบวับในนัยน์ตาสีน้ำตาลดั่งทองแดงนั้นอีก

ไทกริสนิ่งงันในทันใด

หยุดนิ่งแล้วสินะ ......
แปลว่าคาถานี้ยังได้ผลอยู่


TBC...



Beva talk :  มาแล้วค่าาาาา เคลียร์งานเสร็จก็มาลงเลยยย  :katai4:   คุณเห็นอะไรม๊ายยยยย!!!!  ถ้าไม่เห็นอ่านอีกรอบซะนะ อิอิ
 
เริ่มเข้าสู่พล๊อตที่วางไว้นิดนึงแล้วค่ะ  ตอนหน้าล่ะรู้เรื่องเลย(มั้ง) :mew3: 

เห็นบางคนสัมผัสถึงความมุ้งมิ้ง  ใช่แล้วค่ะ ไทกริสก็อ่อยพี่ต่ายตลอดแหล่ะ  ไม่รู้ว่าใครจะกินใคร  หึหึ  :katai2-1:
ไหนใครอยู่ทีมไหน  #ทีมกริสต่าย  #ทีมต่ายกริส   :hao7: :hao7: :hao7:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นค่าาาา  :pig4: 
 
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 15-03-2016 01:58:20
งื้ออออนิ่งเลยน้องไทกริส
คาถาพี่กระต่ายน่ารักจังงื้อออ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 15-03-2016 02:49:47
น่ารักกกกกกกกก :heaven
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 15-03-2016 11:50:32
แค่พี่น้องจริงจริ๊งงงงงงงงงง =.,=
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-03-2016 13:14:54
(แอบ)หวังว่าจะไม่มีดราม่านะครับ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 15-03-2016 20:07:42
ฉากสุดท้ายฟินไปอีกกกกก  :-[ :-[ :-[

#ทีมกริสต่ายรัวๆๆๆ   อยากเห็นพี่ต่ายโดนกินค่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 15-03-2016 22:48:01
ติดตามค่ะะะะะ น้องกริสเงียบๆนี่่รอกินกระต่ายเพียบแน่นอน
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 4 14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-03-2016 23:18:39
ขอเดาว่าน้องกริสกินกระต่ายแน่นอน ฟันเฟิร์มค่ะ
หัวข้อ: Re: 【เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 16-03-2016 22:45:01
บทที่ 5  นี่คือสถาน....แห่งคอนโดของไทกริส~





 ต่ายไม่รู้ว่า ตัวเองจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร .......



เมื่อช่วงบ่าย ครอบครัวของไทกริสมาหาเขาที่บ้าน

ซึ่งนั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก…..
 
แต่ไทกริส!! นายจะขนโคตรตระกูลแบบนี้ไม่ได้!!


ถ้าเขาจำไม่ผิด เมื่อวานไทกริสบอกกับเขาว่า พ่อจะหาวันนี้
 
แล้ว..... ทำไมต้องมาที่บ้านเขาด้วยล่ะ  ทำอย่างกับมาสู่ข-------- เห้ย ไม่ใช่แล้ว !!
.
.
.
.
.

ณ เวลานี้ ห้องรับแขกของบ้านต่ายนั้นแคบถนัดตา เมื่อต้องรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ของไทกริส  อันประกอบไปด้วย น้านี ลุงอาเธอร์ ปู่ ย่า พี่สาวฝาแฝดอย่างไอรีนและไอริช และสุดท้ายไทกริส

ลุงอาเธอร์ ที่ตอนเด็กๆต่ายนั้นแสนกลัว ด้วยความที่ตัวใหญ่ หน้าดุ ไว้หนวดอีก  ชอบพูดภาษาต่างด้าวให้ฟัง พอเขาทำหน้างงใส่ก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี เหมือนได้แกล้งเด็ก?  นั้นทำให้ต่ายได้รู้ว่าแท้จริงแล้วลุงอาเธอร์นั้นก็ใจดีไม่แพ้น้านี เพียงแต่ต่ายไม่ค่อยได้มีโอกาสได้สัมผัสมันพอๆกับไทกริส เพราะหน้าที่การงาน

และยิ่งไปกว่านั้น ปู่กับย่าของไทกริสนั้นสปอยล์หลานขั้นสุด! เอ่อ จริงๆก็พอๆกับน้านีกับลุงอาเธอร์นั่นแหล่ะ 
ด้วยพลังของลูกหลงสินะ ...

ณ เวลานี้ ต่ายแทบจะออสโมซิสตัวเองให้มลายไปเป็นมวลอากาศให้รู้แล้วรู้รอดไป

เสียงพูดคุยของทุกคนที่ดูได้อรรถรสไม่ได้เข้าหูของต่ายเลยซักนิด 

แม้ทุกคนจะยิ้มแย้มแจ่มใส หัวใจเบิกบานแต่ความกดดันเหมือนตอนโดนอาจารย์จ้องตอนทำข้อสอบนี่คืออะไรกัน ?


ซึ่งหัวข้อบทสนทนาจากที่ฟังคร่าวๆ ก็คือ
ลุงอาเธอร์ตัดสินใจจะย้ายฐานการผลิตจากฮังการีมาไทย ซึ่งก็เตรียมมาได้ซักพักแล้ว ครั้นจะดำเนินการจริงๆ ก็ดันเกิดปัญหาหลายๆอย่างซึ่งต้องคอยแก้ไม่หวั่นไม่ไหว  ขนาดคุณปู่เดโน่ที่วางมือเรื่องธุรกิจไปนานแล้ว ยังต้องมาช่วย 

แม้จะผ่านจุดที่เรียกว่าวิกฤตไปแล้ว  แต่ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เลยต้องให้น้านีไปช่วยเสริมอีกแรง 

แต่น้านียังไม่สามารถไปได้ เพราะติดเป็นห่วงลูกชายคนเล็ก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายไทกริสซึ่งเคยออกปากขอไปอยู่คอนโด เลยเป็นโอกาสเหมาะที่นีรดาจะปลีกตัวไปช่วยสามีของเธอดูแลโรงงาน

และด้วยเหตุฉะนี้….

“น้าเลยต้องไปช่วยลุงอาเธอร์ จนกว่าอะไรจะเรียบร้อย”

ต่ายกระพริบตาปริบๆ  เมื่อน้านีหันมายิ้มหวานเจี๊ยบให้เขา

“เนี่ย ลุงเอธก็ซื้อคอนโดให้แล้ว  ของของไทกริสก็ย้ายไปเรียบร้อย”  ต่ายพยักหน้าเข้าใจ

ช่างเป็นครอบครัวที่เตรียมการได้พร้อมและฉับไวจริงๆ

“แต่ว่าน้องไทก์ไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนเลย  น้องต่ายช่วยดูแลแทนน้าทีได้ไหมคะ” 

ต่ายประมวลผลตามคำพูด ปกติเขาก็ดูแลอยู่แล้วนี่นา

“เรื่องนั้นน้านีไม่ต้องเป็นห่วงครับ” ยิ้มให้เป็นการยืนยันว่า ต่ายเอาอยู่!

“ที่น้าให้ดูแล...หมายถึง  ไปอยู่กับน้องไทก์ได้ไหมคะ น้าให้อยู่ฟรีกินฟรีเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนน้องกระต่าย พี่นาถ พี่ธีเกินไปรึเปล่า”  นีรดาพูดเสียงอ่อน  ดวงตามองไปที่เจ้าของบ้านอย่างลังเล  แม้จะเคยสนิทชิดเชื้อกันในสมัยสาวๆ แต่เธอก็เป็นห่วงลูกชายเกินกว่าที่จะคิดเกรงใจรุ่นพี่คนนี้ สู้แบกหน้าไปถามตรงๆจะดีกว่า แต่ถ้าไม่ได้ยังไงก็ค่อยคิดแก้ปัญหาทีหลัง

ห๊ะ!!!!!!!

“แหม เรื่องแค่นี้เองน้องนี” คุณนายแม่ว่า

ว่าอะไรนะ  เรื่องแค่นี้???

ต่ายหันขวับไปมองนายแม่ด้วยสายตาตกตะลึง

“ดีซะอีก พี่จะได้ไล่ลูกเจ้าปัญหาออกซะที”
“แม๊!!!!!!!”

ต่ายเรียกแม่ของตนเสียงหลง  มีอย่างที่ไหน ไล่ลูกตัวเองให้ไปอยู่กับคนอื่น

ส่งสัญญาณไปมองผู้เป็นพ่อให้ช่วยอะไรหน่อย  แต่ปฏิกิริยาผิวปากเบาๆนี่ มันคืออะไร

พอทุกสายตาจ้องมาที่เขา  ต่ายก็ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ

“เอ่ออ”
“มีน้องกระต่ายอยู่ด้วยน้าก็เบาใจขึ้นเยอะ” 

อย่ามาบิ้วเขาให้ยาก เขาไม่อยากหาเหาใส่หัวหรอกนะ

“เจ้าต่ายก็ดูแลมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่”

แม่เขาก็อีกคน แทบจะยกข้าวสารแถมลูกไปด้วยแล้ว

“ต่ายไม่ห่วงน้องรึไง”

เวลานี้ พ่อควรจะเข้าข้างเขาไม่ใช่รึไงกัน

“ต่า--”

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!

“ครับ  ผมตกลงครับ” ต่ายกลอกตามองเพดานอย่างปลงชีวิต 

มองหน้าทุกคนที่มีสีหน้าที่แช่มชื่น ก็เวทนาตัวเอง

นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย

“น้าไม่รู้จะขอบใจน้องกระต่ายยังไงแล้ว  น้องไทก์พี่เขาตอบตกลงแล้วนะคะ” น้านีหันไปหาลูกชายตัวเองอย่างยินดี


ใบหน้านิ่งนั้น ขยับน้อยๆ ดวงตาคมหรี่ลงนิดหน่อย ริมฝีปากหนาจะขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม แม้จะไม่มาก แต่ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นรู้ดี ว่าเสือยิ้มยากนามว่าไทกริสคนนี้ กำลังดีใจแค่ไหน

.....อ่า  ก็นะ ถือว่าเป็นค่ามัดจำแล้วกัน


.
.
.
.
พอหมดปัญหา พวกเขาก็พากันมากินเลี้ยงที่ร้านอาหารไทยชื่อดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตามรีเควสของคนทางฝั่งฮังการี
ค่ำคืนที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป พร้อมกับความหนักหน่วงในภาระที่เพิ่มขึ้นของต่าย


ถ้าถามความรู้สึกในแว่บแรก แน่นอนเขาก็คงเซย์โน  อยู่บ้านสบายกว่าเยอะ ได้อยู่กับพ่อกับแม่  แต่สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับไทกริส ทำให้ต่ายรู้สึกว่า คนคนนี้ไม่ว่ายังไงก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้แน่ๆ  แต่ว่าเพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
.
.
.
.
.
.
.

เช้าวันอาทิตย์ จากที่คิดว่าจะนอนตีพุง (ท่ามกลางงานที่ยังไม่แตะ) เขาเลยต้องไปช่วยเด็กโค่งจัดของเข้าคอนโด
 
เด็กนี่ก็ไม่มีอะไรมาก แค่หนังสือ 5 กล่องใหญ่ (เยอะกว่าต่ายที่เรียนมา2ปี)  เสื้อผ้า 2 กระเป๋าลาก ของใช้อีก 1 กระเป๋า และของอื่นๆอีก 1 กล่อง  ส่วนข้าวของของเขา เอามาแค่กระเป๋าเดียว ...


คอนโดสุดหรู (ที่เขาได้ยินราคาก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ) ขนาด 155 ตรม.

เปิดเข้ามาก็เจอห้องนั่งเล่นที่โทนสีน้ำตาลอ่อนกับสีครีม มีทางเดินที่เชื่อมกับห้องครัว ส่วนห้องนอนนั้นมี 2 ห้อง ห้องแรกนั้นเปิดมาก็รู้เลยว่าเป็นของใคร เพราะถูกตกแต่งด้วยสีโทนมืด แต่ก็แฝงไปด้วยความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว  ห้องนอนอีกห้องมีขนาดเล็กกว่าห้องแรกนิดหน่อย  แต่ก็ยังใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านต่ายอยู่ดี ห้องนี้ตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทน คล้ายๆกับห้องนั่งเล่น

แต่ที่ต่ายรู้สึกข้องใจก็คือ ทำไมห้องนอนต้องเชื่อมกันด้วย   มาคิดๆดูที่หลังว่าข้องใจไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ก็เลิกคิดไป

น้านีพร้อมด้วยพี่รีนและพี่ริชมาหาพวกเขาในช่วงเที่ยงพร้อมกับอาหารอันแสนอร่อยไม่รู้ลืม
แถมยังอยู่พูดคุย ดูหนัง ลูบหัวลูบหางไทกริสอย่างแสนคะนึงหา จนเวลาล่วงเลยไปถึงบ่าย 4 ก็พากันกลับ

ต่ายและไทกริสก็เดินมาส่งสาวๆที่ข้างล่างคอนโด

"น้องกระต่ายคะ" ก่อนจะขึ้นรถไป น้านีก็เรียกเขาไว้ ในขณะที่ไทกริสยังคุยอยู่กับพี่สาว
"ครับ"

“น้าฝากลูกชายสุดที่รักของน้าด้วยนะคะ”
“ครับผม น้านีไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ที่นี่ น้าให้แม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวันนะคะ ส่วนอาหารเนี่ยน้าสั่งให้เอามาเพิ่มทุกอาทิตย์”
“อ่าครับ”
“อ่า.. น้ารู้สึกผิดจัง....”
“ครับ??”
“ทั้งๆที่น้าตั้งใจว่าจะดูแลเขาให้ดีแท้ๆ สุดท้ายก็ต้องห่างเขาเหมือนเดิม”  น้านีพูดเสียงเศร้า
“ผมว่าไทกริสต้องเข้าใจครับ” ต่ายบีบมือเบาๆให้กำลังใจน้านี  หญิงสาวยิ้มทั้งที่ใบหน้าเศร้าหมอง
“น้าก็หวังอย่างนั้นค่ะ”

จากนั้นน้านีก็กลับไป  ไทกริสมองมาทางเขาอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร


“ชอบไหม” ไทกริสถาม
“ห๊า  ถามพี่หรอ”
“อือ”
“พี่ว่าพี่ควรจะถามนายมากกว่านะ”
“ถ้ากระต่ายชอบ เราก็ชอบ”
“เอิ่ม... ก็นะ สวยดี”
“อืม  ..... กระต่าย.... ขอบคุณนะ”

“ห้ะ!!” เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจและแปลกใจ
“ขอบคุณที่มาอยู่ด้วยกัน” 

ไอ้สายตาระยิบระยับนั่นอีกแล้ว ให้ตายเถอะ

“เอ่อ หิวรึยัง”  ต่ายทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง
ไทกริสหัวเราะในลำคอ  “นิดหน่อย กระต่ายล่ะ”   
“เหมือนกัน  ดูซิว่าแม่นายซื้ออะไรมาให้บ้าง” ต่ายเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นเครื่องใหม่เงาวิ้ง 

ผงะเล็กน้อย กับจำนวนของกินที่อัดแน่นอยู่ในนั้น  ทั้งอาหารแช่แข็ง ของสด ผัก ผลไม้ นม ซุปไก่สกัด

สายตาเลื่อนขึ้นไปมองช่องฟรีซ 

แอบเดาๆเอาไว้ ตอนเปิด
ชะแว้บ! 

นั่นไง ฮาร์เก้นดาซเป็นกระปุก!


“มีอะไรให้กินบ้าง” เสียงงุงงิ้งของไทกริสดังข้างหูต่าย จนสะดุ้งโหยง
“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง” ลูบอกปลอบขวัญตัวเองได้ ก็มองหาของสดมาทำกับข้าว
“อยากกินอะไร” หันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แทบสิงกัน
“สปา--”
“หยุด อาหารฝรั่งทำไม่เป็น” ต่ายรีบเบรกก่อนที่เด็กโค่งจะร่ายเมนูอาหารฝรั่งมา

เขาทำเป็นแค่พวกอาหารง่ายๆที่ทำเพื่อให้มีชีวิตรอดเท่านั้นแหล่ะ 

อีกคนทำหน้าสลดลง เพราะไม่ได้กินในสิ่งที่อยากกิน

“ตอนนี้ยังทำไม่เป็น   ไว้คราวหน้านะ  เย็นนี้กินพวกข้าวกล่องไปก่อนแล้วกัน”  ต่ายลูบผมไทกริสที่ไม่ว่าจะลูบกี่ครั้งๆก็ยังคงนิ่มชวนให้นึกถึงขนของแมวที่บ้านเสียจริง

พอไทกริสตอบรับในลำคอ ก็หยิบเอาอาหารกล่องแช่แข็งมาเวฟ
รอไม่เกิน 5 นาที  ข้าวกล่องร้อนๆก็ส่งกลิ่นหอมมายั่วน้ำย่อยของพวกเขาทั้งสอง

เจ้าเด็กโค่งคนเดิมทำคิ้วขมวดให้กับกลุ่มควันที่ลอยออกมาเบาๆจากข้าวกล่อง

ต้องมีปัญหาอีกสิน่า  เดี๋ยวคราวหลังไม่ต้องเวฟซะดีไหมเนี่ย

ต่ายนึกขำในใจ  นี่เขาคงไม่ต้องเป่าให้แถมป้อนใช่ไหม
.
.
.

จัดการข้าวกล่องไปเรียบร้อยโรงเรียนไทกริสและกระต่าย  พวกเขาก็มาจัดของกันต่อ

เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่เพียบพร้อม ทำให้เขาไม่ต้องจัดการอะไรมากนัก แค่รื้อของออกจากกล่องยัดเข้าที่ของมันก็เป็นอันเสร็จสิ้น

ทีแรกวันนี้ทางน้านีและพี่สาวฝาแฝด ดึงดันจะช่วยเขาจัดของให้ได้ แต่ก็ต้องยอมล่าถอยออกไป เมื่อไทกริสออกปากว่า อยากทำเอง

อันที่จริงๆคำพูดนี้ไม่ได้มีดาเมจอะไรหรอก  คำพูดถัดมาต่างหาก 

‘แม่กับพี่ริน พี่ริชพักผ่อนเถอะครับ ไทก์จัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ’

เท่านั้นแหล่ะ สาวๆก็ทำสีหน้าปลื้มปริ่มเหมือนกับ คนตรงหน้าเพิ่งหัดพูดได้งั้นแหล่ะ
.
.
.
.

พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง  พวกเขาก็มานั่งจุ้มปุ๊กกันที่โซฟาหน้าทีวี   
ไทกริสเปิดทีวี ก่อนจะกดไปหาช่องภาพยนตร์ ซึ่งตอนนี้กำลังฉายหนังแอคชั่นชื่อดังเรื่องหนึ่ง 

แรกๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาดูแหล่ะ  พอได้ครึ่งเรื่อง หัวทุยๆก็ซบลงที่ไหล่ของต่าย

เสียงหายใจเป็นจังหวะทำให้ต่ายรู้ว่าคนข้างตัวได้หลับเป็นที่เรียบร้อย 

เหลือบมองดูเวลา .... เพิ่งจะ 3 ทุ่มจะหลับไวไปไหนกัน

ต่ายนั่งนิ่ง จะลุกก็ลุกไม่ได้ จะขยับก็กลัวอีกคนตื่น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่ายก็เลือกที่จะปล่อยให้อีกคนหลับไป กะว่าหนังจบแล้วค่อยว่ากันอีกที


แต่ .................

หนังจบแล้ว  อีกคนก็ไม่มีวี่แววจะตื่น หลับเหมือนหุ่นยนต์แบตหมด

สุดท้ายก็เลยต้องปลุก
“กริส” ส่งเสียงเรียกพร้อมแรงสะกิดที่แขนขาวๆ 

ไทกริสก็ยังคงนิ่ง

“เฮ้ กริส” เพิ่มระดับเป็นเขย่าแขน  แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม

ทั้งที่เมื่อคราวก่อนปลุกง่ายออกแท้ๆ

ไหล่ขวาต่ายเริ่มชาวาบ เพราะอีกคนเล่นทิ้งน้ำหนักมาทางนี้

“ตื่นนนนนน”  ตบแก้มเนียนเบาๆ

เปลือกตาขาว เริ่มขยับ ก่อนจะเปิดออก เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่เริ่มแดง

ไทกริสมองอีกฝ่ายนิ่ง   นิ่งทั้งสายตาและร่างกาย  จนคนถูกมองคิดว่าละเมอ

 
ซักพักไทกริสก็กระพริบตาถี่ๆพลางสะบัดหัวไปมา

“อ่ะ ง่วงก็ไปอาบน้ำนอน” ต่ายว่า  ร่างสูงพยักหน้า ก่อนจะเดินสะโหลสะเหล่เข้าห้องตัวเองไป

เฮ้ออออ ~

ต่ายทิ้งตัวนอนราบกับโซฟา เหยียดแขนบิดขี้เกียจ หลังจากที่นั่งท่าเดียวมาเป็นเวลานาน

หยิบโทรศัพท์ไถเฟสบุ๊ค เช็คนู่นนี่นั่น ก่อกวนผองเพื่อนจนพอใจ  เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึง 5 ทุ่มพอดี 

มองไปที่ประตูห้องนอนอีกห้องไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แปลว่าเจ้าของห้องได้นอนหลับเป็นที่เรียบร้อย

ต่ายคิดได้ จึงเข้าไปห้องตัวเองแล้วจัดการอาบน้ำ แล้วไปนอนบ้าง

TBC... 

Beva talk : รู้สึกตอนนี้มันแหม่งๆ เอาไว้จะรีไรท์อีกครั้งนะคะ TT  เขามาอยู่ด้วยกันแล้วนะตัวเองงงงงงง  :hao6: หลังจากนี้ก็จะมีโมเม้นท์คู่นี้อยู่ด้วยกันเยอะมาก  จนตัวประกอบทั้งหลายอาจจะมาน้อยหน่อย  (งบหมด)

อ่านเม้นแล้วแบบ  ไม่มีคิดว่าต่ายกินไทกริสบ้างหรอคะ :a5:
พี่ต่ายนี่คนแมนนะ ต่อยมวยเป็นด้วยนะเออ   :hao3:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ  :mew1:   รักคนอ่านมากๆเลยเน้อออ  :กอด1: อย่าลืมเม้น+เป็ดเป็นกำลังใจเค้าด้วยน๊า  :hao5: :hao5:

ปล. เรื่องนี้ดราม่าไหม ตอบเลยว่า คงไม่ได้ดราม่าหนักถึงขั้นน้ำตานองนะคะ  อาจจะมีบ้างพอเป็นอรรถรสเนอะ   o18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 16-03-2016 23:05:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 16-03-2016 23:17:44
เด็กโข่ง เขียนอย่างนี้นะคะ  o18

มาต่อบ่อยๆนะคะชอบมาก  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-03-2016 23:43:41
เปลี่ยนสีตัวอักษรหน่อยก็ดีนะคะ ใช้สีเข้มกว่านี้อีก สีนี้สวยจริงแต่อ่านยากไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-03-2016 00:19:38
กลอกตาเขียนแบบนี้นะคะ กรอกนั่นพวกกรอกน้ำค่ะ

เรื่องนี้สนุก รอน้องกรีสกับพี่ต่าย
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-03-2016 00:25:04
กระต่ายจะโดนจับกินวันไหนเนี่ยะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 17-03-2016 00:35:04
น่าร๊ากกกก ไทก์นี่เอาแต่ใจน่าดู :laugh:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 17-03-2016 01:32:22
ไทกริสน่าร้าก :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-03-2016 05:14:50
 :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 17-03-2016 05:29:12
งึ้ยยทางสะดวกเอ้ย55555
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 17-03-2016 16:28:23
ชอบไทก์ มึนๆอึนๆได้ใจ 555

รีบมาต่อน้าา  :katai3:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 17-03-2016 19:25:56
วรั้ยๆ เขาอยู่ด้วยกันล้าววว
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 17-03-2016 19:33:42
น้องไทก์คิดอะไรอยู่กับพี่ต่ายรึเปล่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 17-03-2016 22:15:54
กระต่ายระวังโดนจับกินนะ ฮุๆ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 18-03-2016 10:51:02
มุ้งมิ้งจัง  :o8:

จุดๆนี้เชียร์ไทกริสกินพี่ต่ายโดยไว
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 5 16/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-03-2016 13:59:49
พี่กระต่ายจะโดนไทกริสจับกินวันไหนเนี่ย ตัวติดกันขนาดนี้ ^^
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 19-03-2016 14:55:55
ก่อนอื่น ขอขอบคุณคุณ cheezett  ที่ชี้แจงเรื่องเด็กโข่งนะคะ  แต่บีว่าขอชี้แจงกลับว่า บีว่ายึดตาม ราชบัณฑิตยสถาน (http://www.royin.go.th/dictionary/search.php) ค่ะ
โค่ง ๑    ว. โตหรืออายุมากกว่าเพื่อน. ในที่นี้พูดถึงไทกริสที่ตัวโต(ที่สุดในเรื่อง)
ตอนแรกก็ใช้โข่ง แต่นึกขึ้นได้ว่า เคยเขียนงานส่งอาจารย์ แต่โดนตีกลับให้ไปหาความหมายของคำ  เข็ดเลย 

-ขอบคุณคุณ sirin_chadada  ที่เตือนเรื่องสีนะคะ  วันนั้นรีบไปนิด เลยไม่ได้เช็คให้ดี แก้เรียบร้อยแล้วน๊า
-ขอขอบคุณ JustWait ที่ช่วยเตือนเรื่องคำนะคะ  พอดีชินมือกับคำว่ากรอก  แต่เปลี่ยนเรียบร้อยแล้วค่า
-และสุดท้ายขอบคุณทุกคนที่เม้นท์+เป็ดเป็นกำลังใจบีว่าน๊าาาา  แบบว่าปลื้มปริ่มมากกกก
  :mew4:



บทที่ 6  ปรับตัว



ต่ายรู้สึกตัวตื่น เมื่อรู้สึกเหมือนมีใครจ้องอยู่ 



พอลืมตาเท่านั้นแหล่ะ ต้องสะดุ้งเฮือก !



ก็เด็กโค่งในความดูแลของเขานี่สิ มานั่งยองๆเกาะขอบเตียง จ้องหน้าเขาในระยะประชิด

“เข้ามาได้ไง” ต่ายถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ประตู”  ไทกริสตอบหน้าตายพลางลุกขึ้นยืน  เอียงคอมองต่ายที่กำลังมึนงงอยู่บนเตียง
“กระต่าย ตื่น” เสียงทุ้มนุ่มหู  ไม่ได้ทำให้ต่ายรู้สึกตื่น แต่กลับทำให้รู้สึกเคลิ้มอยากจะหลับต่อ


จนไทกริสดึงมือต่ายแล้วลากเขาออกจากเตียงนี้แหล่ะ  สติสัมปชัญญะถึงได้กลับเข้าตัว


“เห้ยยยย” ต่ายร้องลั่น เขาว่าเขาก็ตัวใหญ่นะ แต่แรงอีกคนไม่ได้น้อยๆเลย ลากเขาง่ายดาย อย่างกับลากหมอน

จนมาถึงขอบเตียงอีกฝั่ง ไทกริสถึงได้ปล่อย   ต่ายมองค้อนให้อีกคนก่อนจะลงจากเตียง

ต่ายเพิ่งสังเกตว่าไทกริสนั้น อยู่ในชุดนักศึกษาเต็มยศแล้ว

“จะรีบทำไมเนี่ย เพิ่ง 6 โมงครึ่งเอง”  ต่ายพูดไปหาวไป


มหาลัยก็อยู่ใกล้แค่นี้ นั่งรถไป ต่อให้รถติดก็ไม่เกินชั่วโมง แต่เด็กโค่งนี่ตื่นไวอย่างกับบ้านอยู่ไกลงั้นแหล่ะ


“หิวแล้ว ทำกับข้าวให้หน่อย” พูดด้วยเสียงโมโนโทน แต่แววตามีความอ้อนอยู่กลายๆ (ถ้าต่ายไม่ได้คิดไปเอง)

ต่ายถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะให้อีกคนไปรอที่ห้องครัว ส่วนตัวเองขอไปอาบน้ำแต่งตัว
.
.
.
.
.


ต่ายเลือกทำขนมปังปิ้งกับนมสด บวกด้วยผลไม้ที่ทางน้านีได้หั่นใส่กล่องให้เรียบร้อย

วันนี้เขามอบหน้าที่ขับรถให้กับไทกริส โดยต่ายเลือกเป็นเนวิเกเตอร์ให้ 
แม้ว่าเขาจะพาเซอร์เวย์ไปแล้วสองรอบก็ตาม
จริงๆ มันก็ไม่ได้ยากนักหรอก แค่เลี้ยวออกจากคอนโด ขับตรงไปตามทาง จนเจอป้ายมหาลัยถึงเลี้ยว


เป็นธรรมดาที่เส้นทางนี้รถจะติด  แต่ก็ไม่ได้รู้สึกวุ่นวายใจอะไร พวกเขามีเรียนเก้าโมง แต่นี่เพิ่งเจ็ดโมงกว่า ถือว่ายังมีเหลือเฟือ
รถชักจะติดนาน จนต่ายที่รู้สึกง่วงงุนเพราะตื่นเช้า  แอร์เย็นๆกับเบาะนุ่มๆของรถใหม่ที่ลุงอาเธอร์ซื้อให้ลูกชายพร้อมกับคอนโด
 
ชวนให้ต่ายต้องลาออกจากทำหน้าที่เนวิกเกเตอร์ไปเป็นเด็กเฝ้าพระอินทร์แทน ....



ไทกริสมองไฟเขียวที่ขึ้น ก่อนจะเหยียบคันเร่ง ไม่นานก็ถึงมหาลัยของเขา

“กระต่---” ไทกริสที่กำลังเอ่ยถามคนข้างๆชะงักกึก เมื่อร่างผิวสีแทนของต่ายกำลังหลับซบเบาะอย่างสบาย

จากที่จะถามเส้นทางเพื่อความชัวร์ เลยต้องตัดทิ้งไป เพราะไม่อยากรบกวนคนที่กำลังหลับ



จนกระทั่งถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์อันเป็นจุดหมายของอีกคน

เด็กหนุ่มกดยิ้มลึก พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกโด่งเฉียดผิวแก้ม จนได้กลิ่นกายอ่อนๆจากคนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

ไทกริสคิดว่า
เขาสามารถอยู่ตรงนี้ได้นาน โดยไม่ขยับไปไหน ถ้าตรงหน้าของเขานั้นเป็นคนคนนี้
ดวงตาคมมองไปทั่วเครื่องหน้าเรียวของต่าย 

กระต่ายในตอนนั้นกับตอนนี้เปลี่ยนไปมาก แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลย ก็คือความใจดีนี้แหล่ะ 

 “อือ”
ไทกริสผงะเล็กน้อย เพราะต่ายเริ่มขยุกขยิก ทำให้ใบหน้าเรียวปะทะกับจมูกของไทกริสอย่างจัง และร่างกายของเขาก็เผลอตอบสนองด้วยการสูดกลิ่นจากแก้มซะเต็มปอดเลยนี่สิ …….


ต่ายรู้สึกตัวตื่น  ดวงตากระพริบปริบๆไล่ความง่วงงุน  ก่อนจะเบนสายตาไปที่คนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซะจนตกใจ


“ทำอะไร” ต่ายโพล่งถามไป
“กำลังจะปลุก” ไทกริสตอบหน้าตาย  ใบหน้ายังคงอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน


เป็นต่ายเองที่เอนตัวหลบซะแทบจะสิงประตูรถอยู่ร่อมร่อ


“ละ..แล้ว ทำไมต้องมายื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยล่ะ”
“ก็.....กระต่ายนอนน้ำลายยืด”  ต่ายตาโต ก่อนจะใช้มือปาดแก้มตัวเองอย่างลวกๆ
“หึ  ล้อเล่นน่ะ”
“เดี๋ยวจะโดน”  ต่ายจิ๊ปากอย่างเคืองๆ  เด็กนี่จะลามปามแล้ว



ต่ายมองไปรอบๆพบว่า รถนั่นจอดที่หน้าคณะของเขาพอดิบพอดี   
ผู้คนข้างนอกเริ่มเดินพลุ่นพล่าน เพราะใกล้เวลาเข้าเรียน  บ้างก็มองมาทางรถที่ต่ายนั่งอย่างสนใจ 

ต่ายก็ไม่ได้อยากยืดตัวเองหรอกนะ  แต่วันนี้รถที่เขานั่งมา เป็น BMW รุ่นใหม่ล่าสุดเลยน่ะสิ
ได้นั่งรถหรูเป็นครั้งแรก รู้สึกเป็นบุญก้นยังไงไม่รู้


“ไปเรียนละ   ขอบใจนะที่มาส่ง” หันไปบอกคนขับ แล้วใช้ข้อนิ้วชี้เคาะเบาๆที่หน้าผากอีกคน  ไทกริสครางฮือในลำคอ ก่อนจะกุมมือสีแทนนั่นเอาไว้

ต่ายเลิกคิ้วมองการกระทำของคนอายุน้อยกว่าแต่เสือกสูงกว่าเขาหลายเซ็น

ไทกริสไม่ได้ทำอะไรนอกจากกุมมือกับสบตากับอีกคนที่เลิกคิ้วใส่อย่างงุนงง


“กริส ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก” ต่ายบอก กระตุกมือตัวเองจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย

ไทกริสปล่อยอย่างง่ายดาย  ก่อนจะย้ายกลับไปนั่งดังเดิม

“บาย”  ต่ายโบกมือให้แล้วเปิดประตูลงจากรถไป    ไทกริสพยักหน้าให้ ก่อนจะออกรถแล้วขับไปที่หน้าตึกคณะของตน


หลังจากที่ต่ายลงมาจากรถของไทกริส ผองเพื่อนที่นั่งกันอยู่ม้าหินอ่อนที่ประจำ ก็มองมาที่เขาอย่างกับตัวประหลาด

“เฮ้ย” เอกร้องอุทานออกมา
“เฮ้ย” แกนร้องตาม
“เฮ้ยยยย” ส่วนแชมนี่ ออกแนวกวนตีนมากกว่า


ต่ายทำหน้าเอือมใส่


“เป็นเหี้ยไรกัน”  ต่ายบ่น พลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่าง
“มีเรื่องจะบอก” แชมพูดขึ้น
“ไรวะ”
“อ.นุชยกคลาสว่ะ”
“เหยดแหม่! ไมไม่บอกกูวะ”
“แหม่ พวกกูก็เพิ่งรู้ก่อนมึงมาแค่สิบนาที  นั่งปุ๊บเจ๊แกแจ้งไลน์มาปั๊บ แล้วมึงไม่ได้อ่านไลน์?”
“กูเพิ่งตื่น”  ผองเพื่อนร่วมใจกลอกตาใส่ตายอย่างหมดคำพูด
“ว่าแต่ เมื่อกี้ใครมาส่ง” แกนถามขึ้น
“อ้อ กริสอ่ะ”
“โหหห รูปหล่อพ่อรวย  สเป๊กสาว” เอกผิวปากล้อ
“แล้วที่มึงบอกไปอยู่กับน้องนี่ยังไง” แชมถามอย่างสงสัย  เพราะเพื่อนของเขาบอกว่าย้ายไปอยู่กับรุ่นน้องตัวขาวคนนั้น
“ก็ไม่ไง ก็ไปอยู่เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นเบ๊”
“ขาดเป็นเมียนะมึง” แกนว่า   ต่ายยกนิ้วกลางเกาคิ้วตัวเองอย่างกวนๆ
“เห้ย ระดับพี่ต่ายต้องผัวดิวะ   เสียชื่อแชมป์หมด” เอกแย้งขึ้นอย่างขำๆ 


ช่วงที่ต่ายไปฝึกมวอยู่ที่ค่ายพ่อของเอก เขาเคยแข่งกับเด็กฝึกเพื่อลองวิชา  ปรากฏว่าชนะไป 3 กับเสมอ1 เลยได้แชมป์แบบไม่เป็นทางการมา


“พอๆ ออกทะเลละสัด” ต่ายเอ่ยขัดก่อนที่จะมากความไปมากกว่านี้  ผองเพื่อนหัวเราะเสียงลั่นจนคนละแวกนั้นหันมามอง
“กูไม่อยากจะเชื่อว่ามึงจะเลี้ยงเด็กเป็น” แชมทำหน้าเหลือเชื่อใส่  คนอื่นก็พยักหน้ายืนยันคำพูดของแชมอีกที

ต่ายย่นคิ้วใส่ พวกมันเห็นเขาเป็นคนยังไงกัน

“ขอโทษนะครับ เด็กที่มึงพูดนี่ อายุ 18 แล้วนะครับ พูดยังกับกูเลี้ยงเด็ก 8 ขวบไปได้”
“มึงเคยบอกว่าเคยดูแลแต่เล็กๆนี่หว่า”
“นั่นก็ใช่ กริสเป็นลูกหลงน่ะ  อายุห่างจากพี่ๆตั้ง 10 ปี  กูที่ดันอยู่ข้างบ้าน แถมอายุห่างกันแค่ 2 ปี เลยดูจะเข้ากันได้ดีกว่า ก็เลยเป็นเพื่อนเล่นกันไปแค่นั้น”

“หูยยยย พี่กระต่ายคนแมน”

“กระต่ายพ่องงงงง” ต่ายพูดเสียงดัง ผองเพื่อนตกใจไปแว่บนึง ก่อนเอกจะพูดเสียงอ่อยๆ

“ไรวะ ทีเด็กนั่นยังเรียกได้เลย”


ต่ายชะงักไปกับคำพูดนี้ 


ใช่ คนที่เรียกกระต่าย ถ้าไม่นับน้านี ก็มี ไทกริสนี่แหล่ะที่เรียกแบบนี้  แม้จะเป็นชื่อเล่นที่แท้จริงเมื่อสิบปีนั่นล่ะนะ 
จริงๆก็เคยบอกให้เรียกต่ายเหมือนชาวบ้านชาวเมืองล่ะนะ  แต่ปฏิกิริยาที่ได้นี้มัน……………………


-ย้อนไปเมื่อวันที่เขาไปกินไอติม (วันเดียวกับที่ดีดจมูกเด็กโค่งจนแดงนั่นแหล่ะ)
‘นี่ กระต่าย’
‘เรียกต่ายก็พอ’
‘ก็กระต่ายชื่อกระต่าย’
‘ก็ตอนนี้ชื่อต่ายแล้วโว้ย’

ไทกริสมองหน้าคนที่หัวเสียกับชื่อ เขาไม่เข้าใจว่า

กระต่าย กับ ต่าย นั้นต่างกันอย่างไร มันก็คือกระต่ายอยู่ดีไม่ใช่หรอ

‘...กระต่าย’
‘เออ ยอมแพ้’ ต่ายปล่อยช้อนไอติม แล้วยกมือทั้งสองขึ้นอย่างยอมแพ้


ไทกริสนี่มันไทกริสจริงๆ  เกรียนขึ้นเยอะ
.
.
.
.

“นั่นข้อยกเว้น มันเรียกกูมาแต่เด็กละ” ต่ายพูดอ้อมแอ้ม หลังจากที่ระลึกชาติไปซักพัก
“คนนี้พิเศษอ่ะดิ” แกนแซวเล่น
“งั้นมั้ง”

เขาเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ ต้องยอมกับคนคนนี้ไปเกือบทุกเรื่อง  รู้แค่ว่า.....


ถ้าเขาปล่อยมือจากกริสอีกครั้ง ทุกอย่างก็ไม่อาจหวนคืนกลับมาแล้ว ....


“ทำงานเหอะ  เสร็จของลุงชาติยัง” ต่ายถามขึ้น  เพื่อน 2 คนยิ้มเผล่ให้ มีคนเดียวที่พยักหน้าให้
 
เป็นใครไม่ได้นอกจาก…..


“เอาไป” แกนยื่นชีทมาให้  พวกเขาทำหน้าประหนึ่งคนตรงหน้าเป็นเทวดามาโปรด  แต่แกนกลับทำหน้ารังเกียจใส่แล้วหันไปสนใจหนังสือการ์ตูนแทน


ต่าย เอก และแชมก็เหมือนเป็นไฮยีน่ากำลังรุมทึ้งเหยื่อที่ในที่นี้คือชีทแบบฝึกหัด..

.
.
.
.
.

เด็กหนุ่มเดินตรงเข้ามาในอาคาร หลังจากที่จอดเข้าที่อย่างเรียบร้อย 

ผู้คนที่เห็นก็ปฏิกิริยาเดิมๆ ไม่กระซิบกระซาบกัน ก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขา
ถามว่าชอบไหม เขาตอบได้เลยว่า ไม่  แต่เขาก็ไม่อยากมีปัญหาอะไร ตราบใดที่คนพวกนั้นไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตของเขากับต่าย

“เฮ้ ไทก์” ไทกริสหันไปตามเสียงเรียก
“วันนี้ขับรถมาเองหรอ”  โจถามขึ้น  คนถูกถามตอบรับในลำคอ ก่อนจะพากันเดินขึ้นลิฟต์กันไป
“ฟรานล่ะ”  คนพูดน้อยถาม
“ตื่นสายมั้ง” โจสันนิฐาน เป็นเหตุผลเดียวสำหรับเพื่อนคนนี้ 


พวกเขาทั้งสอง เดินเข้าห้องเรียนที่เริ่มมีนักศึกษาอยู่เกือบเต็มห้อง 

เหลืออีก 10 นาที กว่าคาบเรียนจะเริ่ม 


ไทกริสจึงหยิบเท็กซ์บุ๊คขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา โจเหลือบมอง

“วันนี้มีควิซนี่หว่า” โจพูดขึ้นเหมือนนึกขึ้นได้
“อืม”
“งั้นต้องโทรตามฟรานแล้วล่ะ” ไทกริสพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เห้ย ฟราน ....อยู่ไหนแล้ว  ...........รีบมาเลย วันนี้มีควิซนะ” โจบอกคนปลายสาย พอจบก็วางสาย พลางถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่

“ฟรานตื่นสายจริงด้วย” ไทกริสส่งเสียงหึใส่


และฟรานก็มาทันก่อนที่อาจารย์จะแจกควิซ เรียกได้ว่า เส้นยาแดงผ่าแปด

สภาพการแต่งกาย ดูก็รู้ว่ารีบมากแค่ไหน เสื้อนักศึกษาก็ติดกระดุมไม่หมด เนคไทก็ไม่มี  ผมเผ้าชี้ฟูไม่เป็นทรง  แต่กระนั้นว่าที่เดือนคณะคนนี้ก็ยังคงดูดีในสายตาสาวๆ

ไทกริสมองแผ่นกระดาษตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์  มองโจทย์ที่ให้มาก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่เพิ่งเรียนไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง

 
สิบห้านาทีผ่านไป เสียงอาจารย์ก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศตึงเครียดของนักศึกษาหลายคน   

“หมดเวลาค่ะ ส่งมาให้คนข้างหน้าค่ะ” 

นักศึกษาหลายคนทำสีหน้าเสียดาย แต่ก็ทำตามคำสั่ง

“ไง พวกยูทำได้ไหม” ฟรานถามเพื่อนทั้งสอง โจยักไหล่ให้ แต่สีหน้าบ่งบอกว่าทำไม่ได้
“ก็พอได้” ไทกริสว่าเรียบๆ ก่อนเตรียมตัวเรียนต่อ
“เที่ยงนี้ ไปกินแกงกะหรี่แถวหน้ามอไหม” ฟรานถามขึ้น  ทั้งไทกริสและโจพยักหน้าอย่าเห็นด้วย


เพราะร้านนี้ พวกเขาตั้งตารอกินมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่ไปทีไรร้านต้องเต็ม ครั้นจะรอคิวก็จะพานไปเรียนคาบต่อไปสาย เลยต้องตัดใจไป

หมดคาบ พวกเขาก็รีบเก็บของเพื่อตรงไปร้านแกงกะหรี่หน้ามอเจ้าดัง




พอมาถึงร้าน ก็ต้องแปลกใจ เพราะต่ายและผองเพื่อนมานั่งที่ร้านนี้เหมือนกัน


“อ้าว” เพื่อนของต่ายร้องขึ้น ทำให้ต่ายที่ก้มหน้าก้มตากิน เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นว่าใครเดินเข้ามา ก็กวักมือเรียก

“ไง กริส โย่ว!! แฝดหัวดำ” ประโยคหลังทักฟรานกับโจ ที่ขมวดคิ้วมุ่นกับฉายาที่ได้รับ แต่ก็ยกมือทักทายรุ่นพี่รอบโต๊ะ


ที่เรียกแบบนั้น เพราะสองคนนี้ นอกจากส่วนสูงจะไล่เลี่ยกัน เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน ยังสีผมแบบเดียวกัน แม้วันนี้จะดูแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะการแต่งตัวของฟรานก็ตาม


“มากินร้านนี้ด้วยหรอ” ต่ายถามขึ้น
“อือ” ไทกริสตอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะใกล้ๆกับต่ายและผองเพื่อน

“นี่ๆ พวกยู อย่าลืมไปเชียร์ไอตอนประกวดดาวเดือนด้วยนะ” ฟรานพูดขึ้นอย่างระริกระรี้ บอกทั้งโต๊ะเพื่อนและรุ่นพี่
“ได้ วันไหนล่ะ” ต่ายถาม
“วันศุกร์นี้ งานเริ่ม 3 โมง”
“ถ้าไม่ติดอะไรอ่านะ” ต่ายว่า

วันศุกร์เขาต้องเข้าช๊อปด้วยสิ อาจจะเลิกช้าเหมือนเคย

“ดิล” ฟรานบอก


“เลือกได้ยัง” ต่ายถามคนตัวขาวที่นั่งเงียบมองเมนูอยู่นาน  พนักงานก็ยืนรอออเดอร์อย่างน่าสงสาร
“กระต่ายกินอะไร”
“กินแครอท” ต่ายเล่นมุก แต่พอเห็นหน้าอีกคน ก็แทบจะกลืนคำพูดนั้นลงคอไป

“กินอันที่เป็นหมูทอดอ่ะ” รีบตอบอย่างฉับไว เพราะหน้าอีกคนนอกจากจะไม่เล่นด้วยแล้วยังเพิ่มความมึนตึงมาด้วย
“อือ งั้นเอาอันนี้” บอกกับพนักงาน พนักงานรีบจดออเดอร์อย่างกับรอเวลานี้มานาน


“ไปก่อนนะ ตั้งใจเรียนล่ะพวกนาย”

เพราะต่ายกับเพื่อนกินกันเสร็จแล้ว เลยต้องออกมาก่อน นั่งแช่ไม่ได้ เพราะมีคิวต่ออีกเยอะ

“อือ //ซียู //แล้วเจอกันนะพี่ ”  สามหนุ่มประสานเสียงตอบลั่น

ต่ายกับผองเพื่อนต่างหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินออกจากร้านไป

พร้อมๆกับสายตาหนึ่งที่มองตามคนที่ผิวเข้มสุดจนสุดสายตา

TBC.


Beva talk :  อย่าเพิ่งโบยเค้าาาา  นี่รีบมาแล้ววว   :katai4: :katai4: :katai4:
นั่งพิมตั้งนาน พอจะกดโพสต์ เน็ตหลุดค่ะ  OMG! ระลึกชาติอยู่นาน กว่าจะได้  :katai1:
เนื้อเรื่องเอื่อยๆเฉื่อยๆเหมือนเดิม  อยากให้เห็นพัฒนาการของคู่นี้อ่าเนอะ จะให้อยู่ดีๆจับกดก็ไม่ได้  :z2:
ตอนที่ 5 เม้นพุ่งจนตกใจ  ดีใจมากค่ะ ที่ผลตอบรับเริ่มดีขึ้น > < 

อิอิ  ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่แวะมาอ่านเรื่องนี้  ขอบคุณที่เม้น+เป็ดให้เค้าด้วย

รักคนอ่านทุกคนน๊าาาา  :L1: 
 :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: nuwi ที่ 19-03-2016 15:19:01
น่ารักอ่า ชอบไทกริส :hao6:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 19-03-2016 18:20:57
น่าร๊ากกกก :-[
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 19-03-2016 19:06:09
รู้สึกว่ากริสน่าเอ็นดู้ววน่าเอ็นดู  :impress2:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 19-03-2016 19:22:06
ความรู้ใหม่เลยค่ะ ปกติไปที่ไหนก็เห็นแต่ใช้เด็กโข่ง ในหนังเอยในที่ต่างๆเอย ขอบคุณมากๆค่ะเปิดโลกให้อิชั้นเลยละก็ขอโทษที่แนะนำไปอย่างผิดๆค่ะ  :hao4: :mew6:
มาต่อบ่อยๆน้า ชอบมากค่ะฮี่ๆ  :hao6: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-03-2016 20:05:00
พึ่งมาอ่านจร้า (ตามมาเพราะชื่อเรื่องสะดุดตา เหมือนใครหลาบๆคน ><)
กริส มึนๆน่ารัก แต่ดูเจ้าเล่ห์ 5555555
รออ่านตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-03-2016 20:07:03
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 19-03-2016 22:11:46
น้องไทก์น่ารักอ้ะ โดยเฉพาะเวลาอยู่กะพี่กระต่าย
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 19-03-2016 22:26:46
ไทบุกกกกก
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 6 19/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 20-03-2016 14:28:50
 :o8: :-[ :o8:    เขินน
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP! บทที่ 7 21/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 21-03-2016 22:12:29
บทที่ 7   งานประกวดดาวเดือน




เช้าวันศุกร์   ต่ายที่มีเรียนบ่าย เลยลัลล้าเพราะว่าไม่ต้องตื่นเช้า  ส่วนข้าวเช้าของไทกริสเขาก็เตรียมเอาไว้แล้วเมื่อตอนกลางคืน
เป็นแซนวิชแพ็คใส่กล่องอย่างดี   



ด้วยความที่คอนโดไม่ไกล  นั่งมอเตอร์ไซด์ไปไม่เกิน 30 บาท  ตั้งใจว่าจะไปเอง
แต่…….

เด็กตัวขาวเจ้าของคอนโดก็ค้านหัวชนฝาว่าจะมารับเขาให้ได้
   
แล้วต่ายจะทำยังไงได้ล่ะ  ขัดใจได้หรอ????   


ตามตารางเรียนแล้ว ไทกริสเลิกเรียนตอน 11:20 น.  ถ้ารวมเวลาขามาและขาไป ก็คงใช้เวลาราวๆชั่วโมงครึ่งได้  น่าจะทันอยู่

แต่ ไม่น่าทำให้ตัวเองลำบากเลยนะ ...


แกร๊ก!

ต่ายที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โซฟา  หันไปมองคนที่เพิ่งเข้ามา

“อ้าว ทำไมมาเร็ว” 

ไทกริสทรุดตัวลงนั่งข้างต่าย  มือปลดเนคไทตัวเอง แล้ววางพาดไว้กับโซฟา 
แต่ก็โดนคนอายุมากว่าดุ

“กริส อย่าวางของไม่เป็นที่ เอาไปแขวนในห้อง” ต่ายดุเบาๆ  ไทกริสมองหน้าต่ายด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะยอมทำตามโดยดี

ไม่นานก็เดินก็ออกมา

“กินข้าวมารึยัง”

พอเห็นไทกริสส่ายหน้า  ต่ายก็ตั้งท่าจะลุกเพื่อไปทำกับข้าวมาให้  แต่อีกคนดึงมือเอาไว้

“เดี๋ยวออกไปกินข้างนอกก็ได้”

“เอางั้นหรอ  งั้นรอแปปนึง พี่เอาชามไปเก็บก่อน”



ไทกริสมาส่งต่ายถึงที่   เหมือนจะกลายเป็นกิจวัตรของเด็กโค่งไปแล้วด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวรอนะ  ไปดูฟรานด้วยกัน” 

พอไทกริสพูดอย่างนั้น  ต่ายก็นึกขึ้นได้ว่า  วันนี้เป็นวันประกวดดาว-เดือนมหาลัย 

นี่เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไทกริสไม่พูดออกมา


“พี่อาจจะไปสายนะ”

“อือ ไม่เป็นไร จะรอ” มองหน้าคนพูด ก่อนจะถอนหายใจออกมา 

ดื้อหน้าตายเหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด


“งั้นเลิกแล้วพี่จะโทรบอกนะ”
.
.
.
.
.

ถามว่า ต่ายและผองเพื่อนรวมถึงเพื่อนในภาค เงิบไหม?  บอกเลยว่ามาก !!!!!

เรื่องของเรื่องก็คือ ประธานภาคของเขา ได้ไปเกริ่นๆกับอาจารย์(แบบไม่ค่อยจริงจัง)ว่า  เพื่อนอยากไปดูประกวดดาวเดือนกัน อยากจะให้อาจารย์ปล่อยไวๆหน่อย   แต่ด้วยความที่วิชานี้ต้องเข้าช๊อป เป็นที่รู้กันว่า ถ้าไม่ผ่าน อย่าหวังจะได้กลับ  แถมอาจารย์เห็นหน้าดูใจดีแบบนี้ แต่โหดใช่ย่อย 

ทุกคนก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับคำตอบมากนัก

แต่อาจารย์ดันตอบกลับว่า ..
“วันนี้ไม่มีปฏิบัติ แต่......จะขอไปชดเชยทีหลัง”

สรุปวันนี้เลยมีทบทวนความรู้เก่า 1 ชั่วโมง แล้วก็ปล่อยกลับ

ไอ้พวกเขาก็ดีใจอยู่นะ แต่ก็ดีใจไม่สุด เพราะรู้ว่านรกรออยู่ข้างหน้า



พวกเขาก็เลยพากัน ออกมาจากช๊อป  เดินเข้าอาคารมาก็เห็นร่างขาวๆของไทกริสนอนฟุบอยู่โต๊ะใต้คณะ โดยมีโจนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ฝั่งตรงข้ามกัน

พวกเขาเดินตรงเข้าไปอย่างเงียบๆ  พอโจเห็นก็ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

“หลับหรอ”
“ครับพี่ บอกว่าง่วง แปปเดียวหลับสนิทเลย”  โจบอก พลางมองไปที่เพื่อนตัวเองอย่างขำๆ

ต่ายมองไทกริสที่ฟุบหลับ ท่าทางดูจะไม่ค่อยสบาย  ตัวก็สูง ต้องมานอนฟุบหลับ จะปวดตัวไหมนั่น

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อยากปลุก   

คิดได้ดังนั้นก็ถอดเสื้อช๊อปสีเข้มของตัวเองคุมร่างอีกคนไว้ เพราะแดดเริ่มส่องถึง

เพื่อนๆมองเขา อย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร 

จนกระทั่งต่ายหย่อนตัวนั่งใกล้ๆ ไทกริส ก็นั่งพากันนั่งตามอย่างเงียบๆ

ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร  เด็กโค่งก็รู้สึกตัวตื่น  ดวงตาคมหรี่จนสุดกับแสงสว่าง

“ฮือ กระต่าย?” เสียงแหบๆเอ่ยขึ้น ต่ายหันไปมอง

“ไง ตื่นละหรอ”  ต่ายช่วยปัดผมที่ปรกอยู่ข้างหน้าไทกริสออก


เด็กโค่งทำตาปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่

อืมมม ง่วงขนาดนี้ หลับต่อเถอะ...

“..ง่วง นอนตักหน่อย” ต่ายหน้าเหวอ  เด็กนี่อาจจะทำตัวเหมือนตอนตัวเองเป็นเด็ก  แต่สำหรับต่าย เขาไม่ชินนะโว้ย!

พออีกคนไม่ตอบ  ไทกริสก็ติ๊ต่างว่าอีกคนอนุญาต ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหนุนตักอีกคน

“เห้ยยย” ตกใจมันก็ตกใจ  ยิ่งสายตาพวกเพื่อนมองมาแล้วยิ่งแบบ ทำตัวไม่ถูก  ได้แต่กระแอมไอ แล้วปล่อยเลยตามเลย
แต่ก็แอบส่งสายตาดุๆไปให้ไอ้พวกที่อยากรู้อยากเห็นให้เลิกมองกัน

“มึงนี่ยอมน้องน่าดูเลยนะ  ไม่สมกับเป็นเพื่อนกูเลยว่ะ” เอกพูดขึ้นมา
“ลองมาเป็นกูแล้วมึงจะรู้สึก” ต่ายพูดแค่นั้นก่อนจะสนใจโน้ตบุ๊คที่พกมา เพื่อมาแก้ไขงาน
“ตรงไหนที่อาจารย์ให้แก้บ้างนะ” ถามแชมที่เป็นพาร์ทเนอร์ของโปรเจ็ค

แชมค้นในกระเป๋าอยู่พักหนึ่ง แล้วยื่นกระดาษที่เต็มไปด้วยปากกาแดง วงเต็มไปหมด

พูดได้ว่า ผิดทุกที่.....

“กูพิมพ์ใหม่แล้วกัน” ต่ายว่า มองกระดาษที่ตอนนี้เป็นเศษกระดาษเป็นที่เรียบร้อย

ทำไปได้ซักพักก็ถึงเวลาบ่ายสามนิดๆ ดูเหมือนงานประกวดจะเริ่มแล้ว

และยิ่งไปกว่านั้น..

ขาต่ายได้ชาไปเป็นที่เรียบร้อย

อันที่จริง ตัวไทกริสก็ไม่ได้หนักหรอก อาจเป็นเพราะต่ายพยายามเกร็งขาเพื่อให้อีกคนนอนสบายมากกว่า  ผลที่ตามมาคือ


ชาดิก ..

“รีบไปกันไหม เดี๋ยวคนจะเยอะ” แกนเอ่ยชวน  พวกเขารวมถึงโจเพื่อนไทกริส ต่างพยักหน้า
“กริส  3โมงแล้ว ไปกันเถอะ”

เด็กโค่งโงหัวขึ้นมามองทุกคน  นั่งนิ่งไม่ขยับแม้กระทั่งลูกตา  เหมือนคราวที่แล้วไม่มีผิด

คนอื่นๆก็มองมาที่ไทกริสแบบเกือบลืมหายใจ 

ก็หน้าของคนเพิ่งตื่น มันช่าง  เหมือนจะไปฆ่าคน ...

ซักพักเด็กโค่งก็สะบัดหัวไล่ความง่วง  ไทกริสจับเสื้อช๊อปที่คลุมตัวเองอยู่ พอมองไปที่ต่ายที่สวมเพียงเสื้อยืดสีแดง ก็เข้าใจ

ต่ายมองไทกริสที่เหมือนจะตื่นเต็มตา  พออีกฝ่ายยื่นเสื้อของเขามาคืน ก็รับมาสวมดังเดิม

“ไปเชียร์ฟรานกันเถอะ”

หอประชุมของมหาลัย ที่สามารถจุคนได้มากถึง 3,000 คน โดยแยกออกเป็น ที่นั่งชั้นล่าง 2,500 ที่นั่ง และชั้นบน 500 ที่นั่ง ที่บัดนี้เต็มไปด้วยนักศึกษา  ส่วนคนนอกไม่สามารถเข้าได้เพราะต้องใช้บัตรนักศึกษายื่นเพื่อขอเข้า

พวกเขาพากันเข้ามาที่โซนหน้าชั้นล่างของหอประชุม  จากตรงนี้ ไม่ไกลจากเวทีเท่าไหร่ ถือว่าเป็นโลเคชั่นที่ดี 

ซึ่งในส่วนนี้ต้องขอขอบคุณหน้าหล่อๆ(ที่เพิ่งตื่น)ของไทกริส   ทำให้สภานักศึกษาที่เป็นแฟนบอย?!พาพวกเขามายืนอยู่ตรงนี้ได้

“ไวน์มานี่เร็ว ตรงนี้เห็นชัดเลยนะ” ชื่อที่คุ้นเคย ทำให้ต่ายและแชมหันไปมองตามเสียง 

ร่างเล็กเดินแหวกฝูงชนมาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาแพทย์

“พี่ไวน์!” เป็นฝ่ายน้องชายที่ร้องเรียกพี่ชายของตนที่ตอนนี้ควรจะอยู่โรงเรียนฝึกสอน
“อ้าว แชม มาดูด้วยเหรอ” พี่ไวน์ส่งยิ้มมาให้พวกเขาอย่างน่ารัก
“อือ มาดูเพื่อนของน้องต่ายน่ะ”
 “หือ น้องของต่าย?”  ไวน์ขมวดคิ้วมุ่น

เพราะตั้งแต่ไวน์ได้รู้จัก เพื่อนของน้องชายเขาไม่มีน้อง มีแต่พี่สาว “พี่ใบเตย” ที่ตอนนี้เรียนอยู่เมืองนอก

“น้องชายคนรู้จักน่ะครับ  นี่ไง” ต่ายบอก พลางใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่ไทกริสที่ยืนอยู่ข้างๆ
“หืมม เด็กสมัยนี้ สู๊งสูงเนอะ”  พี่ไวน์มองไทกริสแทบตั้งบ่า เห็นแล้วก็น่ารักดี
“แล้วพี่ไวน์? .... ไม่สอนเหรอ”  แชมถาม พลางมองไปที่ร่างสูงที่มากับพี่ชายอย่างแปลกใจ   
“อ๋อ ครูพี่เลี้ยงอนุญาตให้มาน่ะ   ส่วนนี่เพื่อนพี่เอง  ‘ภู’ นี่น้องของเราเอง  ชื่อแชมเปญ ส่วนนี่พวกเพื่อนๆของน้อง”

เป็นการแนะนำท่ามกลางความตึงเครียดเล็กน้อย เพราะต่อมหวงพี่เริ่มของใครบางคนเริ่มทำงาน

“สวัสดีครับ” เสียงของแชมฟังก็รู้ว่า ไม่ได้มีความอยากจะรู้จักกับรุ่นพี่คนนี้

ส่วนพวกต่ายก็ผงกหัวทักทายกันอย่างเงอะงะๆ

แต่ก่อนที่จะมาคุไปมากกว่านี้  ก็ถูกขัดด้วยไฟในหอประชุมที่ถูกหรี่ในเหลือแต่เพียงแสงอ่อนๆ  ก่อนจะมีซาวน์เปิดตัวขึ้นมา
“อ่ะ เริ่มแล้ว” พี่ไวน์ร้อง ก่อนจะหันไปมองที่เวที  ที่ตอนนี้พิธีกรกำลังกล่าวเปิดงาน

พวกเขาจึงต้องหาที่นั่ง ก่อนที่คนอื่นๆจะมองแรงไปมากกว่านี้

 “มานั่งตรงนี้มา” ร่างสูงของภูจูงคนตัวเล็กมาอยู่ข้างๆตัวเอง

แต่ก็โดนขัดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจของน้องชายของไวน์อย่างแชมเปญ

“พี่ไวน์ มาตรงนี้”  ดวงตาของแชมฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองมือของภูที่จับกับมือของพี่ชายของเขา

ไวน์มองคนนู่นที คนนี้ที อีกฝั่งก็เพื่อน อีกฝั่งก็น้องชาย 


“นั่งตรงละกัน”   ไวน์เลือกที่จะนั่งตรงกลางระหว่างเพื่อนตัวเองและน้องชาย  ก่อนจะยิ้มให้ทั้งสอง

“ตรงนี้เห็นชัดแจ๋วเลย~”


ผ่านมาได้สองชั่วโมง พวกเขาก็รู้สึกหิว  บวกกับเป็นช่วงพักนับคะแนนในรอบที่สอง  คนในหอประชุมจึงเบาบางล

เพราะหอประชุม ห้ามไม่ให้เอาอะไรเข้ามานอกจากน้ำดื่ม  ผู้คนจึงออกไปหาอะไรกินกัน

พวกเขากลับมาในอีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง ที่ที่เดิมถูกแย่งไปแล้ว  แต่ที่ใหม่ที่ทางคนรู้จักของพี่ภูเป็นคนช่วยหาให้ก็ไม่เลว 

“กระต่าย” เพราะเสียงที่ดัง ทำให้ไทกริสต้องกระซิบข้างหูอีกคน   
“หือ”
“เมื่อไหร่จะจบ” ไทกริสถาม  ใบหน้าเริ่มมึนตึง 

ง่วงหรือไม่พอใจอะไรถึงได้หน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนั้น

เริ่มงอแงแล้วสิ

ต่ายมองหน้าเพื่อนๆ  อย่างขอความเห็น

“อีกซักพักแหล่ะ อยากกลับแล้วเหรอ”
“อือ แต่ยังไม่ประกาศเลย” พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้อยู่ข้างๆหูเขา
“จะกลับเลยไหมล่ะ หรือยังไง”
“....รอฟราน” 

เบื่อแต่ก็อยากอยู่เชียร์เพื่อนสินะ

ไม่คิดว่าไทกริสจะมีมุมที่น่ารักแบบนี้  อาจจะะเป็นเพราะตอนเด็กๆ ไทกริสเข้ากับเพื่อนวัยเดียวกันไม่ค่อยได้ โดยรังแกตลอด เลยต้องมาเกาะติดต่ายอยู่ร่ำไป ไปไหนก็ต้องมีเด็กชายไทกริสคอยพ่วงอยู่เรื่อย

การที่ต่ายได้มาเห็นไทกริสที่เข้ากันได้กับเพื่อนๆที่ดูแล้วจะเป็นพวกเดียวกัน  ทำให้ต่ายรู้สึกอดโล่งใจไม่ได้ เพราะกลัวว่าเด็กในความดูแลของเขาจะหาเพื่อนไม่ได้


การแสดงของฟราน ถูกใจคนดูเป็นอย่างมาก จากการร้องเพลงภาษาบ้านเกิดอย่างภาษาอิตาลี

แม้จะไม่รู้ความหมาย  แต่เสียงร้องของฟรานและฝีมือการดีดกีต้าร์โปร่ง ทำให้หอประชุมตกอยู่ในห้วงของบทเพลงไปชั่วขณะ


และด้วยน้ำเสียงทุ้มๆบวกกับหน้าตาที่ทะเล้นเจ้าเล่ห์  เลยทำให้ฟรานได้รางวัลขวัญใจมวลชนและรางวัลป๊อปปูล่าโหวต จากยอดไลค์สูงสุด พร้อมด้วยรางวัลที่สองของเดือนมหาลัยไปครอบครอง


ส่วนเดือนมหาลัยตกเป็นของน้องชายของพี่ภู ชื่อภัทรจากคณะรัฐศาสตร์

มองหน้าพี่ชาย ที่ดูปลื้มปริ่มออกหน้าออกตา 
จนได้ยินเสียงแชมบ่นว่า “หน้าบานเป็นกระด้ง”

อะไรจะพาลเบอร์นั้น…..

ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ  แชมเปญเนี่ย ระดับเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์นะ     


กว่างานจะจบ  เด็กโค่งก็งอแงอยู่หลายรอบ  แต่ก็พยายามอดทน เพราะอยากเจอเพื่อน

“เฮ้ พวกยู  มาเชียร์จริงๆด้วย” ฟรานส่งเสียงมาก่อนตัวจะมาเสียอีก 

“ขอบคุณนะครับ”  พูดพลางยิ้มให้  โบกมือที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ตุ๊กตา ถุงกระดาษหลายหลายสี 

นี่ก็ป๊อปใช่เล่น

“เฮ้ กริส  ไอได้รางวัลแล้วนะ อย่าลืมนะ เลี้ยงไอด้วย โอเค๊  อ้อ ส่วนนี่ มีคนฝากมาให้พวกยู” ฟรานหันไปพูดกับไทกริส ที่เลิกคิ้วแล้วกระตุกยิ้มมุมปากให้  ก่อนฟรานจะยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ที่สุดให้ไทกริส และถุงสีชมพูหวานแหววให้โจ

ต่ายอยากจะเบะปากมองบนให้กับเด็กพวกนี้เสียจริง

แต่ เอ๊ะ ไทกริสไปตกลงอะไรกันเนี่ย

ต่ายหันไปมองไทกริสแอนด์เดอะแก๊งค์ด้วยสายตาคาดคั้น

“ไทก์บอกว่า ถ้าได้รางวัลจะเลี้ยงเหล้าน่ะครับ” โจชี้แจง  ต่ายอ้าปากค้าง 

ไทกริสของต่ายเนี่ยนะ เลี้ยงเหล้า?!!!!

“โหยยย พ่อบุญทุ่ม  เลี้ยงพวกเราด้วยดิ” เอกว่าขำๆ  แต่ไทกริสกับพยักหน้าให้ซะงั้น

“เฮ้ย นี่พูดเล่น  เลี้ยงเพื่อนนายก็พอ แต่พวกพี่จ่ายเอง  พวกมึงก็อยากใช่ไหม  สารภาพมา”  ส่งสายตารู้ทันมาให้ผองเพื่อน

“กระต่ายจะไปไหม”  ไทกริสถามขึ้น
“เอ่อ  ถ้านายไปพี่ก็ต้องไป”  ต่ายว่าอย่างปลงๆ

เรื่องอะไรจะปล่อยให้เด็กในความดูแลโลดแล่นในราตรีคนเดียวกัน 
ยิ่งมึนๆแบบนี้  ใครฉุดไป เขาจะมีปัญญาชดใช้น้านีได้ยังไง

“ตามนั้น ไว้นัดกันอีกทีนะพวกยู” ฟรานพูดขึ้น  นัยน์ตายิ้มเป็นประกาย


ต่ายยังไม่อยากจะเชื่อ
เด็กอนามัยที่เข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มอย่างไทกริสนี่นะ  จะ ดื่มเหล้า
เป็น ไป ไม่ ได้ !!!!!


TBC.


BEVA TALK :  ไทกริสไม่เดียงสานะคะ  :hao7: :hao7: :hao7:
มาแล้วกับตอน 7   ช่วงนี้ไม่ค่อนว่างเลย ติดการ์ตูน งานเยอะมากค่ะ  ผลพวงมาจากนิสัยชอบหมกงาน  :katai5: ต่อจากนี้อาจจะไม่ได้มาบ่อยๆ

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับตอนนี้ อิอิ  ไทกริสเห็นนิ่งแต่อ้อยพี่ต่ายเยอะนะ  :o8:

ยังคงยืนยันคำเดิมว่า  เนื้อเรื่องจะเอื่อยๆแบบนี้ไปอีก 2-3 ตอนแหล่ะ  :hao3:
*********** อย่าเพิ่งทิ้งคนเขียนไปไหนนะคะ T^T *******
ขอบคุณทุกคอมเม้น+เป็ด นะคะ
รักคนอ่าน รักคนเม้นท์ รักคนให้เป็ด  รักทุกคนเลยยยยย  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 7 21/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 21-03-2016 22:36:31
น่าร๊าก :-[ พี่ต่ายอย่าห่วงไทก์ไปเลย ตอนนี้อาจจะเชี่ยวกว่าต่ายแล้วก็ได้55
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 7 21/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-03-2016 07:12:19
หืมมมม พี่ต่ายค่ะ ไทกริสอาจจิเปนเซียนทางด้านนี้ก้อเป็นไปได้นาาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 7 21/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-03-2016 08:05:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 7 21/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 22-03-2016 09:23:51
ติดตามค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 7 21/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 22-03-2016 19:36:06
กรี๊ด  นอนตักกกกกก  :impress2:

นี่คิดเหมือนคนอื่นๆเลยค่ะ   ไทกริสต้องเชี่ยวกว่าพี่ต่ายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 25-03-2016 00:28:03
บทที่ 8   เมา? ไม่เมา?

เค้าว่ากันว่า  สุราก็ คือน้ำเปลี่ยนนิสัย

แต่ถ้าถามต่าย  มันก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนนิสัยอะไรขนาดนี้

กับแชม  รายนี้กินแล้วขี้บ่น จากที่ปกติก็บ่นอยู่แล้ว  แต่ถ้าเมาหนักมากก็ หลับลูกเดียว

ส่วนเอก รายนี้คอทองแดง  ต่อให้กินมากแค่ไหน อย่างเก่งก็แค่พูดอ้อแอ้นิดนึง

ส่วนแกนนี่  เห็นหน้าติ๋มๆแต่ก็กินเหล้าเก่งกว่าต่ายอีก   แต่เมาแล้วเส้นตื้น 
จนบางครั้งเขากับเพื่อนก็ไม่แน่ใจว่าเมาเหล้าหรือเมาเห็ดกันแน่

และต่าย .... อย่างที่รู้ๆ  เมาเละ   เห็นแมวเป็นหมอน .... 
มันก็แค่สติขาดหายไปก็เท่านั้นแหล่ะน่า




ต่ายเคยคิดแบบนั้น
จนกระทั่ง....
.
.
.
.
.
.
.
.

ต่ายมองแก้วใสที่เต็มไปด้วยน้ำสีอำพัน 
รสชาติที่จืดจางจนกระทั่งไม่เหลือความเป็นเหล้า  แม้ว่ามันจะไม่สะใจ แต่เขาต้องอดทน
เพราะต้องดูแลไทกริสให้ตลอดรอดฝั่ง
แม้จะยังสงสัยว่า เด็กโค่งในความดูแลของเขา กินเหล้าได้หรือไม่ ...

เอาจริงๆ เขายังนึกภาพตอนที่ไทกริสเมาไม่ออกเลย ...


ซึ่ง เรื่องของเรื่องก็คือ

ไทกริสผู้ที่รักษาสัญญาที่ให้กับเพื่อนอย่างฟรานยิ่งชีพ ว่าจะพาไปเลี้ยงเหล้าให้ได้

แต่จากคำให้การของโจ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า
คนที่เสนอให้เลี้ยงเหล้าจริงๆ คือฟรานต่างหาก


เขาไม่น่าโหวตให้ได้รางวัลเลย  ให้ตายเถอะ

ด้วยเหตุผลนั้น  ต่ายและผองเพื่อน เลยมาชุมนุมกันอยู่ที่ร้าน
'บอกเล่า'  ร้านประจำของพวกเขา   เพราะเจ้าของคือรุ่นพี่ในคณะคนสนิทที่จบไปแล้ว
เด็กโค่ง ผู้ไม่รู้ว่าควรจะพาเพื่อนไปที่ไหน  ต่ายเลยเสนอที่แห่งนี้ขึ้นมา
 

ต่ายมองเหล่าเพื่อนที่กระดกแก้ว อย่างกับอดอยากมานาน (แต่ก็นานจริงๆแหล่ะ  รู้สึกจะ 2 เดือนได้ที่ไม่ได้แตะเหล้า)

ถ้าเป็นปีหนึ่งปีสอง ยังพอมีเวลาว่างมาให้ก๊งเหล้า  แต่พอขึ้นปีสามแล้ว อย่าว่าแต่เวลาก๊งเลย เวลานอนยังแทบจะไม่มี

“โอ้ววว  คนนั้นเด็ด” เอกขยิบตาใส่ผู้หญิงคนนึง ที่ต้องบอก อกเป็นอก เอวเป็นเอวจริงๆ

มองเพื่อนๆของไทกริส อย่างฟรานและโจ ที่ดูเชี่ยวชาญกับสถานที่แบบนี้  แถมยังมีสาวๆมาขอชนแก้วอย่างไม่ขาดสาย 

มันก็เป็นธรรมดาผู้ชายที่หน้าตาดีล่ะนะ ...


ตัดภาพที่มาที่ไทกริส
ท่าทางที่ดูไม่สนใจอะไร แม้สาวๆจะพยายามใช้หน้าอกหน้าใจของตัวเองเบียดๆ เรียกร้องความสนใจ  แต่คนหน้านิ่งก็ไม่สนใจอะไร  แถมหันหน้าหนีอีกต่างหาก   สาวเจ้ามองอย่างเสียดายแล้วก็ลุกออกไป


ไทกริส  นายตายด้านรึเปล่านี่..

ต่ายส่ายหน้าเบาๆ  ก่อนจะเปลี่ยนที่นั่งข้างๆไทกริสแทน

“นายกินได้แน่ใช่มะ”  ต่ามถาม
“อือ”  ไทกริสตอบ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ  เหมือนจิบน้ำชา ...

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เหล้าที่อีกคนจิบอยู่นั้น
แรงกว่าต่ายเยอะ


รู้สึกเสียเซลฟ์เบาๆแฮะ 


แต่ก็นะ ไทกริสตอนนี้ไม่ใช่เด็กตัวเก้งก้างคอยเดินเกาะแขนเขาอีกต่อไปแล้ว

นายโตขึ้นแล้วจริงๆ



ก่อนจะได้ระลึกความหลังไปมากกว่านี้  เสียงหวานที่คุ้นเคยก็มาขัดจังหวะเขาเสียก่อน

“พี่ต่ายคะ”

ต่ายชะงักมือที่กำลังยกแก้วขึ้น แต่ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาอยู่ข้างๆเขา
 
เหลือบมองแชมกับแกน ที่นั่งตรงข้ามกับเขา มองมาทางนี้ด้วยสายตาเหมือนจะระแวงปนไม่ชอบใจ
ทำให้ต่ายพอรู้เลยว่าเป็นใคร  อันที่จริง มาแค่เสียงเขาก็พอเดาออกแล้ว

เมล่อน  สาวบัญชี รุ่นน้องเขา1ปี   ผู้หญิงที่ต่ายเคยคบหาด้วยเมื่อสมัยอยู่ปี2  แต่ก็ต้องเลิกกันเพราะเหตุผลบางอย่าง  ที่บางครั้งต่ายก็รู้สึกว่ามันไร้สาระสิ้นดี


“เม”  เมล่อนไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน  ใบหน้าจิ้มลิ้ม ลักยิ้มที่แม้แค่ขยับปากนิดหน่อยก็ขึ้น ดีกรีเชียร์ลีดเดอร์ประจำคณะ ผู้หญิงที่เขาเคยคิดที่จะ ใช้ชีวิตร่วมกัน ...

“ดีใจจังที่ได้เคยพี่ต่ายอีก” เมล่อนยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ไปข้างนอกกันเถอะ” หันไปบอกเมล่อน แต่ก็เหมือนบอกคนอื่นให้รู้ด้วย


ชั่วขณะที่เขาลุกขึ้น  สายตาไปปะทะกับดวงตาสีน้ำตาอ่อนของไทกริส ..
ดวงตาที่เว้าวอน เหมือนไม่อยากให้เขาไป


ต่ายพาเมล่อนออกมาสูดบรรยากาศด้านนอก  กว่าจะฝ่าฝูงชนมาได้ ร่างเล็กข้างตัวเขาก็ถูกมองจนแทบจะพรุน

“สบายดีไหมคะ”  เมล่อนเริ่มบทสนทนา สายตากวาดมองผู้ชายร่างสูงผิวแทน กลุ่มผมหนาสีดำสนิท กล้ามแขนที่อยู่ภายในเสื้อยืดแขนยาวนั่น  ล้วนเป็นสิ่งที่เธอเคยที่เธอเคยสัมผัสและหลงใหล .....

“อืม ก็สบายดี เมล่ะ”
“สบายดีค่ะ แต่เรียนหนักขึ้นนิดหน่อย” อีกคนหัวเราะแห้งๆ ให้
“แล้วยังคบกับมันอยู่รึเปล่า” ถามด้วยเสียงเรียบๆ  สายตากวาดมองไปข้างหน้า  ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ
“.....เลิกกันแล้วค่ะ”
“อืม” หลังจากที่ต่ายตอบ  ก็เกิดเดธแอร์ขึ้นระหว่างต่ายและเมล่อน  ทั้งสองไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองหน้ากัน

ก่อนที่ใบหน้าทั้งจะเคลื่อนเข้าหากัน จนเหลือช่องว่างเพียงเล็กน้อย

ต่ายหยุดอยู่เพียงแค่นั้น

เมล่อนมองคนตรงหน้าด้วยความสับสน   ริมฝีปากบางเม้มแน่น แล้วคลายออก

ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

“เมดีใจจริงๆนะคะ ที่ได้เจอพี่ต่ายอีกครั้ง”  แล้วก็เดินกลับเข้าร้านไป

ต่ายมองตามแผ่นหลังนั้น ก่อจะถอนหายใจออกมา

มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบซองบุหรี่ ที่เขาชอบพกเวลาที่มาสังสรรค์กับผองเพื่อน

ต่ายไม่ค่อยชอบสูบเท่าไหร่  แต่จะสูบเวลาเจอเรื่องที่มันรู้สึกหน่วงในใจ
เช่นเรื่องเมื่อกี้ เป็นต้น


เดินกลับเข้ามา หลังจากที่ออกไปแลกเปลี่ยนอากาศอยู่พักใหญ่

ที่โต๊ะเดิม  ผองเพื่อนกลับมานั่งชุมนุมกันใหม่  หลังจากที่แยกย้ายกันไปตอดสาวกันมา

แต่มีใครคนนึงหายไป

“ไทกริสล่ะ”
“ไปห้องน้ำ”  แชมตอบ
“เป็นไงบ้างวะ” เอกถาม ด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ก็ไม่อะไรแล้ว  จบคือจบ”
“ขนาดจบ ยังดูดบุหรี่”  แชมพูดลอยๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก

วิญญาณขี้บ่นเข้าร่างแล้ว

“เออน่า”
บอกปัดๆก่อนจะกระดกแก้วเหล้าตัวเอง  ก่อนจะจิ๊ปาก
จืดชืดสิ้นดี  …

ไม่นาน ไทกริสกลับมานั่งข้างๆ

ต่ายรู้สึกแปลกๆ กับสายตาของไทกริส  ที่มองมาที่เขาบ่อยเกินไป

“ทำไมยูไปนาน” ฟรานถามไทกริส
“คนเยอะ”  ไทกริสตอบก่อนจะกระดกแก้วเหล้าตัวเอง

ไม่จิบแล้วแฮะ..    ต่ายได้แต่คิดในใจ

หลังจากประมวลผลมองดูเพื่อนร่วมโต๊ะได้ซักพัก  ต่ายก็พบว่า ....

ไทกริสพูดมากขึ้น
ก็ไม่เชิง พูดแบบน้ำไหลไฟดับ แต่คือ พูดเป็นประโยคยาวขึ้น แสดงสีหน้าได้มากกว่าหนึ่ง  โดยเฉพาะเวลา 

พูดเรื่องผู้หญิง!!!

“น้องมึงนี่ เมาแล้วพูดเยอะขึ้นนะ” แชมหันมากระซิบบอก   ต่ายพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วย

เขาไม่เคยเจอไทกริสเวอร์ชั่นนี้มาก่อน

“ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ  ตอนแรกกูนึกว่ารูปปั้น  หน้าจะนิ่งไปไหน ให้ตาย” แชมยังคงบอก 
ต่ายหัวเราะในลำคอ  “เหมือนมึงไง  เมาแล้วขี้บ่นขึ้นเยอะ”
“สัด!”  ด่าคำเดียวเน้นๆ  แต่ต่ายหาได้สะทกสะท้านไม่ !

ที่โต๊ะของต่าย บรรยากาศดีขึ้นเยอะ เพราะต่างคนต่างพูดคุยกันสนุกสนาน ยิ่งไทกริสเวอร์ชั่นพูดเยอะขึ้นแล้ว ยิ่งเฮฮาเข้าไปใหญ่
.
.
.
.
.

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา   ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ค่าเหล้าทั้งหมด คุณชายไทกริสเป็นคนออกตังให้ทั้งหมด  แม้เหล่าบุคคลที่อายุมากกว่าจะห้ามปรามแล้ว  แต่ไทกริสก็ยังคงเป็นไทคริสคนเดิม เพิ่มเติมคือเมาแล้ว 


ต่ายที่แทบจะไม่ได้รู้สึกเมา เพราะตอนที่นั่งอยู่ เขานั่งจิบเหล้าที่รสชาติเหมือนน้ำเปล่า  จนเขาไม่แน่ใจว่า ที่แกนชงให้มันเป็นน้ำล้างแก้วเหล้ารึเปล่า

ส่วนเด็กโค่งนี่น่ะหรอ ..

เมื่อก่อนกลับ ผองเพื่อนของเขาและไทกริส มาสารภาพว่า พวกนั้นอยากจะเห็นไทกริสเมา  เลยจับมอม จริงๆก็ไม่คิดว่าอีกคนจะยอมหรอก แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  คนตัวขาวซีดที่มาแรกๆยังจิบๆ  กลับกระดกเอากระดกเอาราวกับน้ำเปล่า 

จนเป็นพวกนั่นเองที่ต้องคอยห้ามปราม

ได้ยินแบบนั้น ก็จ้องเขม็งแต่ละคน ที่ทำหน้าสำนึกผิดนิดนึง  แต่พอมาคิดตามคำพูดแล้ว…

ทำไมอยู่ดีๆที่ยอมดื่มพรวดๆขนาดนั้น
แล้วดันเป็นตอนที่เขาไม่อยู่ด้วยอีก
หรือว่า เขาอยู่ทำให้เด็กนี่ไม่กล้ากิน ?


ถึงจะบอกว่า เด็กโค่งตัวขาวนี่เมาแล้วก็เถอะ  แต่ต่ายมองไม่เห็นถึงท่าทางอาการที่คนเมาพึงมีซักอย่าง
มีแค่สายตาเยิ้มๆกับคำพูดที่มากขึ้นเท่านั้น

“กริส”
“หือ”
“เมายัง”
“เราดูเหมือนคนเมาหรอ”
“ก็ไม่เหมือนน่ะสิ ถึงถามไง เห็นว่ากินไปเยอะอยู่”  ต่ายส่ายหน้าเบาๆพลางยื่นแก้วน้ำมาให้ร่างสูง
“เรายังกินได้อีกเยอะ”  ไทกริสกระตุกมุมปากให้
“ว่าแต่ ไม่ง่วงเหรอ” ต่ายถามอย่างสงสัย

 
เพราะไทกริส เป็นประเภท ไมเกินสี่ทุ่มต้องเข้านอน  ถ้าเกินสี่ทุ่มไม่ได้นอนแล้ว ก็เหมือน หุ่นยนต์แบตหมด?!

ต่ายเคยเผชิญเหตุการณ์นี้อยู่ครั้งนึง  เขาวานไทกริสให้ช่วยมาพิมพ์งานภาษาอังกฤษ เพราะดูอีกคนจะชำนาญกว่า(และเขาขี้เกียจ)  ส่วนตัวเขาก็นั่งแก้งานอีกชิ้น 

หันไปอีกที  เด็กนี่ หลับคาโน้ตบุ๊ค  หลับนิ่งๆ ไม่มีสับผงกใดๆ   
ครั้นไปปลุก  ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น  จนเริ่มหวั่นใจว่าอีกคนเป็นอะไรรึเปล่า แต่เสียงหายใจที่สม่ำเสมอทำให้ต่ายเบาใจว่าอีกคนแค่หลับไป  แต่หลับลึกขนาดปลุกไม่ตื่นนี่ก็ไม่ไหว

สุดท้ายต่ายก็ต้องแบกเด็กโค่งที่ตัวสูงกว่าเขาหลายเซนแต่น้ำหนักกลับเบากว่าเขา เข้าห้องนอนไป


กลับมาปัจจุบัน ที่แม้จะเลยเที่ยงคืนไปแล้วเกือบ 20 นาทีก็ตาม อีกคนก็ไม่มีท่าทีง่วงนอนแต่อย่างใด

“ไม่ค่อยเท่าไหร่”
“นายเป็นแบบนี้เสมอรึเปล่า”
“กระต่ายหมายถึงอะไรเนี่ย”
“ปกตินายนอนสามทุ่มสี่ทุ่มตลอดนี่นา   พอกินเหล้าแล้วอยู่ได้นานขึ้นหรอ” พูดปนขำ
“ไม่รู้สิ” ไทกริสยักไหล่
“อ่า แต่ก็ดึกแล้ว  ไปอาบน้ำนอนเถอะ”  ต่ายบอก  อีกคนยังนั่งนิ่ง แต่มองต่ายด้วยสายตาที่ทำให้ตายรู้สึกแปลกๆ ซักพักก็ลุกขึ้นไป
.
.
.

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ต่ายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง   มือสีแทนไถหน้าจอเช็คโซเชียลก่อนนอน

แกร๊ก!

ต่ายเงยหน้ามองผู้มาเยือน ที่บัดนี้อยู่ในชุดนอนเต็มยศ

“กระต่าย  เรามานอนด้วย” พูดจบปุ๊บก็มาสร้างแลนด์มาร์คข้างๆต่าย
“อ้าว ไม่ไปนอนห้องตัวเองล่ะ”
“อยากนอนกับกระต่าย  ไม่ได้เหรอ” 

ไปต่อไม่ถูก เพราะอีกคนทำหน้าเหมือนลูกแมวหลงทาง


“ตามใจ  คอนโดนาย นายจะทำอะไรก็ได้~”

ไทกริส กดยิ้มลึกให้คนข้างๆ  ก่อนจะบอกฝันดี  ซึ่งอีกคนก็ตอบรับในลำคอ แล้วนั่งเล่นโทรศัพท์ของตัวเองต่อ
 

“กระต่าย”
“หืม?”
“กู๊ดไนท์คิสหน่อย”  ต่ายหันขวับไปหาอีกคนทันที
“ห๊ะ?!!”
“กู๊ดไนท์คิส แบบนี้กระต่ายเคยทำไง” 

ไทกริส นั่นหมายถึง จุ๊บเหม่งบอกฝันดี ที่ต่ายชอบทำให้อีกคนก่อนนอน 

ต่ายส่ายหน้าอย่างปลงๆ ก่อนจะก้มหน้าใช้ริมฝีปากทาบลงบนหน้าผากขาวใสของเด็กโค่งเบาๆ 

ในจังหวะที่ต่ายผละออก  มือขาวของเจ้าเสือไทกริสก็ล๊อคคอต่ายไว้ ก่อนจะใช้ริมฝีปากตัวเองแนบที่ปากของต่ายอย่างแผ่วเบา
“แบบนี้ต่างหาก กู๊ดไนท์คิส~”


ต่ายที่นิ่งค้างไป   ไทกริสหัวเราะในลำคอก่อนจะใช้ผ้าห่มคลุมร่างตัวเองแล้วนอนหลับ 
ทิ้งให้ต่ายที่กว่าสติจะกลับเข้าร่างโวยวายอยู่ข้างๆ

.
.
.
กว่าต่ายจะหลับลงก็กินเวลาไปมากโข  ทำเอาตื่นสายโด่ง จนเกือบจะเที่ยง

ตอนแรกคิดว่าตัวเองหลอนไป  แต่ความรู้สึกแผ่วๆที่ริมฝีปากกับร่างอุ่นๆจนร้อนของไทกริสที่นอนข้างๆตอกย้ำกับต่ายว่า ไม่ได้หลอนแน่นอน

หืม?  อุ่นๆจนร้อน?

ต่ายใช้มือชทาบที่หน้าผากของไทกริส   ความร้อนที่สูงกว่าปกติทำให้ต่ายตกใจ
“กริส!!!!!!!!” 

TBC



Beva talk : กริสสสสสสสส  :a5:

แห่ะๆ  มาแล้วกับตอน 8  เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับตอนนี้   :hao3:
เห็นงานแล้ว แต่งนิยายไม่ค่อยออกเลย  :mew2:

คนแต่งขอกำลังใจจากคนอ่านหน่อยน๊าาาาา > <   :mew3: :mew3:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาเม้นท์เช่นเคยค่ะ ขอบคุณจริงๆ  อ่านแล้วรู้สึกมีความสุขมากเลย  จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

รักเค้าชอบเค้า บวกเป็ด+เม้นท์นะก้ะ  :mew1:
 
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 25-03-2016 01:28:00
กริสแอบแต๊ะอั๋บเบาๆ55
กระต่ายในความคิดเราเปลี่ยนไปมากตอนแรกคิดว่าน่ารักๆแต่ตอนคุยกับแฟนเก่าดูหล่อมาก55
คนแต่งสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ :3123:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-03-2016 06:55:34
อ้าวน้องกริสกินเหล้าแล้วเป็นไข้ซะงั้น
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 25-03-2016 08:40:43
ทำไมเด็กมันอ้อนแบบนี้  :hao7:

ว่าแต่คำว่า 'เด็กโค่ง' ต้องเป็น 'เด็กโข่ง' หรือเปล่าคะ

หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-03-2016 09:50:40
ตอนกินเหล้าไม่เป็นไร พออีกวันกลับไข้ขึ้น
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-03-2016 16:53:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-03-2016 19:32:16
ไทกริสหึงจนกินเหล้าเปนน้ำเลย 5555555
ตอนกินไม่เมาเท่าไหร่ แต่ไหงเช้ามาเปนไข้เนี่ยพ่อคุณ~~~!!!
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 25-03-2016 21:02:00
เมื่อไหร่กระต่ายจะโดนเด็กกินละ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-03-2016 23:21:12
 :ling1: เหมือน รีข้างบน  รอคอยยย  :ling1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 26-03-2016 06:59:54
วรั้ยยยย กู้ดไนท์คิสสส :-[
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 8 25/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 26-03-2016 19:20:02
ไทกริสหึงพี่ต่ายชิมิ  :hao7:   จับกดแสดงความเป็นเจ้าของเลยเถอะะะ  ลุ้นนน
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 28-03-2016 23:31:36
บทที่ 9  ในวันที่เขาป่วย



หลังจากที่ต่ายร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายลั่น  ไทกริสก็เหมือนจะรู้สึกตัวแบบกึ่งกลับกึ่งตื่น


“นายตัวร้อนนะ ปวดหัวไหม” ต่ายถามด้วยความร้อนรน ใช้มือแนบไปทั่วร่างของอีกฝ่าย


ไทกริสที่สะลึมสะลือ  มองหน้าอีกคนที่ฉายแววเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

เขารู้สึกว่า ร่างกายของเขานั้นร้อนรุ่มรวมถึงลมหายใจเข้าออกนี่ด้วย 
แต่.....  เรี่ยวแรงในการขยับหรือแม้กระทั่งพูดนั่นกลับหายไปหมด


ต่ายมองคนป่วยที่เอาแต่มองหน้าต่ายด้วยสีหน้าอ่อนล้า ก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นเบาๆ
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาอะไรอุ่นๆมาให้กินนะ”




ต่ายกลับเข้ามาในห้องของเขาอีกครั้งหลังจากให้แม่บ้านช่วยทำโจ๊กมาให้

ไทกริสปรือตามองคนที่เพิ่งเข้ามา  ในมือนั้นถือชามข้าวที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่นน่ากิน

“กริส กินอะไรซักหน่อยนะ จะได้กินยาแล้วมานอนต่อ”  ร่างผิวสีแทนของต่ายนั่งลงที่ขอบเตียง  พลางวางถ้วยโจ๊กเอาไว้กับโต๊ะข้างๆ แล้วพยุงร่างของเด็กโค่ง(ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยความร่วมมือ)ให้ลุกขึ้นมา

เด็กโค่งของต่ายตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับสล๊อต ไม่ว่าจะขยับเขยื้อนอะไรก็เชื่องช้าไปหมด

"อ้าปากเร็ว” ต่ายตักโจ๊ก พลางเป่าเบาๆ แล้วยื่นไปจ่อปากให้อีกคน

“อ้า อ้ามม”  ต่ายยิ้มขัน 

นี่เขากำลังเลี้ยงเด็กอ่อนอยู่รึไงกัน
 

เด็กน้อยร่างยักษ์ของต่ายกินไปได้สี่ห้าคำ ก็เบือนหน้าหนี  ต่ายถอนหายใจกับโจ๊กที่พร่องไปไม่ถึงครึ่งถ้วย  แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร

ไทกริสในตอนนี้ เหมือนกับ โทรศัพท์ที่เหลือแบตเตอรี่ 1 เปอร์เซ็นต์

คือจะว่ายังไงดี  แต่หมอนี่พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ

ถ้าไม่ติดว่าไทกริสยังไม่ได้กินยา ต่ายก็อยากจะให้อีกคนหลับแหล่ะ

แต่ยังมีอีกสิ่งที่ต่ายต้องรับมือ

คือการบังคับให้ไทกริสกินยา

เพราะปัญหาสำหรับเด็กโค่งตัวขาวของต่ายนั้น
เกลียดการกลืนยาเม็ด


น้านีเคยพูดให้ต่ายฟังว่า  ตอนเด็กๆ ไทกริสเคยกินยาแล้วติดคอ  นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้ไทกริสไม่กล้ากลืนยาอีก

 
ดังนั้น ทางออกที่ง่ายที่สุดคือ ละลายยาในน้ำ

เป็นต่ายคงจะหยีกับความขมของมัน  แต่ไทกริสนั่น กลืนน้ำยาขมๆนั่นได้หน้าตาเฉย


“กริส” ต่ายใช้มือสะกิดคนป่วย  ตาปรือจะหลับอยู่รอมร่อ
“กินยาเร็ว จะได้นอน” ยื่นแก้วเล็กๆที่ละลายยาเอาไว้

คนป่วยมองถ้วยยานิ่ง เหมือนกำลังประมวลผล  ก่อนจะรับถ้วยนั้นมาดื่ม 

“เดี๋ยวอีกซักพักพี่มาเช็ดตัวให้นะ”  คำตอบคือ......  ความเงียบ เพราะอีกคนหลับไปเรียบร้อย

โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ยังมีเวลาให้คนป่วยได้นอนพัก


การเช็ดตัวเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยถนัดสำหรับต่ายเพราะเขาไม่ค่อยได้ดูแลคนป่วยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้นี่ อย่าได้หวัง


หลังจากสอบถามป้าแม่บ้านแล้ว ทำให้ต่ายพอจะได้เคล็ดลับอยู่บ้าง

มือของต่าย เลิกเสื้อนอนของเด็กโค่งขึ้น แอบตะลึงเบาๆกับสรีระที่เพอร์เฟ็คของไทกริส 


ในความคิดของต่ายนั้น ไทกริสเป็นคนสูงเพรียว ดูไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ แต่พอมาเห็นกับตาว่าดูไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อนั้นซ่อนรูปแค่ไหน

สีผิวนอกร่มผ้าว่าขาวแล้วในร่มผ้านั้นยิ่งขาวไปอีก   หรือว่า ...

ไทกริสนายเป็นแวมไพร์!! ....


กล้ามท้องที่เป็นลอน แม้จะไม่ค่อยชัดแบบหุ่นนักกีฬาอย่างเอก เพื่อนของต่าย  แต่ก็พอมีให้ลูบเป็นคลื่นอยู่บ้าง
ส่วนต่าย ต้องเรียกว่า เคยมี ล่ะนะ
หลังจากปล่อยปะละเลยไปนาน ซิกแพ็คก็หายไปจนตอนนี้กลายเป็นวันแพ็คสวยๆ


ต่ายเอี้ยวตัวไปบิดผ้าในกาละมัง ก่อนจะบรรจงเช็ดไปตามเนื้อตัวของคนป่วย

ใบหน้าซีดเซียวราวกับกระดาษของไทกริสทำให้ต่ายรู้สึกใจไม่ดี แต่คงต้องรอดูอีกซักพัก
 



แม้จะได้นอนพักเป็นเวลาค่อนวันแล้ว แต่ดูเหมือนอาการของคนป่วยจะไม่ดีขึ้นเลย
จนต่ายคิดว่าควรจะพาไปโรงพยาบาล


“กริส   ไข้นายไม่ลดเลย ไปโรงพยาบาลกันนะ”

คนป่วยพ่นลมหายใจใส่  ก่อนจะพลิกตัวหันหนีต่าย

“กริส อย่าดื้อได้ไหม”
“......”
“ถ้านายเป็นหนัก จะทำยังไง หืม?”  ใช้น้ำเสียงนุ่มให้กับอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไร” เสียงอู้อี้ตอบกลับมา

ต่ายใช้ปรอทวัดไข้อีกคน ตัวเลขอยู่ที่ 37.9 องศา  ถือว่าเป็นไข้ต่ำๆ  แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต่ายเบาใจลง

“เฮ้อ ถ้าพรุ่งนี้ไม่หาย พี่จะลากนายไปหาหมอ”  พูดขู่ไว้
เด็กโค่งอืออาในลำคอก่อนจะเงียบไป

หลับไปแล้ว....


เขาจะไม่มีวันอนุญาตให้เด็กในความดูแลของเขาต้องกินเหล้าอีก!!!



เช้าวันรุ่งขึ้น

ต่ายตื่นแต่เช้ามืดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะต้องพาไทกริสที่เรียกได้ว่าเป็นไข้อย่างจริงจัง

การแบกไทกริสขึ้นหลังนั้น ถือว่าเป็นอะไรที่เหนื่อยสัดรัสเซียมาก แม้จะเบากว่าเขาก็เถอะ 

พอมาถึงลานจอดรถ ก็เหยียบคันเร่งพารถหรูทะยานด้วยความเร็วบนท้องถนนที่โล่งชนิดนับจำนวนได้



และผลการวินิจฉัยของหมอก็คือ  ไข้หวัดใหญ่

เป็นไปได้ไงวะ?!   ต่ายแอบอุทานในใจ

หลังจากเล่าอาการให้หมอฟัง  หมอก็ทำหน้าครุ่นคิด แล้วก็อธิบายด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า 

‘มันเป็นไปได้ว่า อาจจะแพ้เหล้า แล้วทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำลง  พอภูมิต้านทานต่ำลงอะไรสารพัดเชื้อโรคหรือไวรัสก็เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย’

‘ยิ่งเข้าไปในที่ที่มีคนพลุ่นพล่านอยู่แล้ว ก็มีความเสี่ยงต่อเชื้อโรคอยู่’


ดังนั้น ไทกริส นายชลนาถ เคอดิส  ต้องลาป่วยเป็นเวลา ............ จนกว่าจะหาย 


ต่ายจึงไลน์บอกให้แฝดหัวดำ พอสองคนนั้นรู้ ก็รีบรุดเข้ามาดูเพื่อนทันที

แม้จะเป็นห่วงเพื่อนแค่ไหน  แต่เหตุผลหลักๆของสองคนนี้คือได้โดดเรียนดีๆนั้นเอง

ต่ายเลยมอบหมายภารกิจเฝ้าไข้คนป่วยให้กับแฝดคนละฝา  ที่ตะเบ๊ะรับหน้าระรื่น  จนน่าหมั่นไส้



ต่ายเข้าคลาสด้วยเวลาที่สายไป 1 ชั่วโมง 
อาจารย์สาวมองแรงกับนักศึกษาที่เพิ่งเข้ามา   แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเจ้าตัวได้แจ้งมาก่อนหน้านี้ว่า พาน้องชายไปหาหมอ

ผองเพื่อนมองต่ายที่นั่งลงที่นั่งด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน ก็รีบถาม
“เป็นไงบ้างวะ” 
พวกเขารู้ว่าไทกริส เด็กในความดูแลของเพื่อนคนนี้ป่วยตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ ได้แต่ส่งข้อความเป็นกำลังใจให้หายไวๆ

“ไข้ไหวัดใหญ่ว่ะ ไม่รู้เป็นไปได้ไง”  ต่ายตอบ
“แล้วตอนนี้.....”
“ให้ไอ้แฝดดูแล  แต่ว่าคาบบ่ายจะโดด  เฮ้อออ”  ถอนหายใจทิ้ง  แชมที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่ตบบ่าเบาๆ

“เดี๋ยวพวกกูโดดด้วย  กำลังขี้เกียจเลย” เอกเสนอ  แกนหันขวับ
“มึงเคยโดดไปครั้งนึงแล้วนะ”
“เอาน่า รวมครั้งนี้ก็เป็นสอง  อาจารย์ให้ขาด 3 นี่หว่า” คนตัวใหญ่ว่าอย่างขำๆ

“เอกภพ!! เธอตอบข้อนี้ละกัน” อาจารย์คนสวยใช้สายตาจิกมาทางต่าย  ก่อนจะให้เอกตอบคำถาม

เจ้าของชื่อทำหน้าตาเหรอหรา เพราะไม่ได้ฟังที่อาจารย์พูด ได้แต่ส่งซิกไปให้แกนเพื่อนรักที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้



เลิกเรียน พวกเขาก็รีบพากันไปที่โรงพยาบาลที่ไทกริสพักอยู่

“ห้องหรูชิบหาย” แชมอุทานออกมา
“น้านีแม่ไทกริสให้คนจัดการให้” ต่ายบอก พลางนึกไปถึง เมื่อตอนเช้าหลังจากที่ไทกริสกำลังเข้าห้องตรวจ

ต่ายตัดสินใจ โทรไปหาผู้ปกครองที่แท้จริงของเด็กโค่ง ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
ในใจก็เตรียมทำใจกับคำตำหนิติเตียนจากผู้ใหญ่


แต่ปรากฏว่า นีรดาไม่ได้ว่าอะไร  เพียงแต่แสดงความเป็นห่วงเพราะลูกชายของเธอนั้น เป็นที่รู้กันว่าดื้อ และเป็นคนที่ป่วยยากแต่พอเป็นก็จะหายยาก

จากนั้นก็ตัดสินใจ ให้คนรู้จักที่เป็นคนใหญ่คนโตของที่นี้ ช่วยจัดการเรื่องห้องพักให้



ไอรีนและไอริช มาเยี่ยมน้องชายของเธอในตอนเย็น หลังจากทราบข่าวจากต่าย

“ตัวเล็ก เป็นไงบ้าง” เหล่าเด็กๆต่างอึ้งกับสรรพนามที่ไอรีนเรียกน้องชาย
เพราะเจ้าของสรรพนามนั้น เกินคำว่าตัวเล็กมาก...
 
“ป่วยจนได้เนอะเรา” ไอริชใช้นิ้วบีบจมูกอีกฝ่าย


ต่ายกับเพื่อนปล่อยให้พี่น้องได้คุยกัน  ส่วนพวกเขาก็ออกมาหาอะไรกินข้างนอก


ไทกริสมีสีหน้าดีขึ้นกว่าตอนเช้า  แต่หมอให้ดูอาการอีกซักระยะ
 
เพราะงั้นคืนนี้พี่สาวทั้งสองของไทกริสจึงเป็นฝ่ายเฝ้าไข้น้องชายแทนต่าย

 
คนป่วยทำหน้าบูด เมื่อต่ายบอกว่าจะกลับคอนโด

ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจุ๊บหน้าผากของไทกริสเบาๆ  แต่คนป่วยนั้นมักมาก อยากได้มากกว่านี้

ปากซีดๆยื่นขึ้นมาเล็กน้อย พอให้ต่ายได้รู้ว่าเจ้าตัวต้องการอะไร
ต่ายกลอกตากับความเอาแต่ใจของเด็กโค่ง แต่ก็ตัดสินใจจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากเย็นชืดของไทกริส

“หายไวๆ แล้วเดี๋ยวจะทำสปาเก็ตตี้ให้กิน” บอกยิ้มๆ ก่อนจะผละออก 

ไม่นานพี่สาวฝาแฝดของไทกริสก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก

"ขอบใจน้องต่ายมากเลยนะ ที่ช่วยดูแลตัวเล็กให้" พี่ไอรีนพูด   ต่ายยิ้มรับน้อยๆก่อนจะขอตัวกลับ  แต่ก็ไม่วายหันมาโบกมือบ๊ายบายให้กับคนป่วย


TBC..

ปล.ในส่วนเรื่องเหล้ากับอาการป่วย คนแต่งเมคมาเองนะคะ  :z2:

Beva talk :  เอามาอัพแม้เน็ตที่หอจะเสีย  เราก็ต่อสามจีมาให้คุณผู้อ่านนนน   :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
ตอนนี้ดูจะเนิบๆ หลังจากนี้ของจริงแหล่ะ  เพราะจะมีตัวละครลับ?! มาด้วยแหละ  อิอิ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกเป็ดที่ให้กับเรื่องนี้นะคะ  :mew1:
อยากจะติชม ในส่วนของการบรรยายหรือเนื้อเรื่องต่างๆ  คนเขียนยินดีนะคะ เพื่อเป็นการพัฒนาผลงาน  :pig4:
สุดท้ายนี้ รักไทกริสเม้นท์ รักพี่ต่าย+เป็ด   รักทั้งสอง ทั้งเม้นทั้งเป็ด  เอิ๊กๆ :hao7:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-03-2016 23:37:23
ป่วยแล้วอ้อนจังนะไทกริส
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-03-2016 00:46:15
น่ารักจังน้าาา
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 29-03-2016 04:39:57
งิ้ออออ น่ารักกก :-[
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-03-2016 05:52:26
 :-[ ต่าย เข้าใจอารมณ์ของกริสตลอด
มีจุ๊บหน้าผาก จุ๊บปาก ทำให้เด็กน้อยอารมณ์ดีด้วย :mew1: :katai2-1:
เมื่อไร ต่ายจะเข้าใจความรู้สึกของกริสนะ  :heaven
เรื่องสนุกมาก ชอบ แต่สั้นมากน้า  ขอยาวๆ และมาต่อบ่อยๆ (รู้ตัว เอาแต่ใจคนอ่านนะ)
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 29-03-2016 13:36:39
รอกระต่ายถูกกิน กริสอ่อยแรงมาก
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-03-2016 23:03:53
กรี๊ดดดดดดดดด >\\\\\<
กระต่ายคือไม่คิดอะไรไง แต่ไทกริสคืออ่อยแรงงงง
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 9 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 30-03-2016 20:12:49
โอ้ยยยย  เด็กอ่อยแรงขนาดนี้ พี่ต่ายอยู่เฉยได้อย่างไรรรรรร  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 01-04-2016 14:12:51
บทที่ 10




สมคำร่ำลือที่ว่า

ป่วยยากและหายยากยิ่งกว่า



1 สัปดาห์กับอาการป่วยเป็นไข้หวัดของไทกริส ทำให้ต่ายรู้สึกเหมือนดูดพลังชีวิตไปมากโข

4 วันเต็มๆ ที่จะต้องไปมาระหว่างคอนโดกับโรงพยาบาล โรงพยาบาลกับมหาลัย มหาลัยกับคอนโด  ยังดีที่พี่รีนพี่ริชที่แม้งานจะรัดตัวแค่ไหนก็ยังผลัดกันมาเฝ้าไข้น้องชาย  ส่วนพ่อกับแม่ของต่ายมาเยี่ยมน้องอยู่ครั้งนึง  ก็ต้องรีบบินไปเชียงใหม่ เห็นว่ามีประชุมผู้ค้ากล้วยไม้แห่งประเทศไทย


แต่คนที่เหนื่อยก็ไม่ได้มีแค่ต่าย   คนป่วยเองก็เช่นกัน เพราะลาหยุดไปถึง 1 สัปดาห์เต็มๆ เลยต้องเจอกับงานที่ต้องคอยตามเก็บ ไหนจะมีเทสต์ย่อยต่างๆนานาอีก    โชคดีที่ฝาแฝดหัวดำเพื่อนที่แสนประเสริฐไม่คิดทิ้งเพื่อน เอางานมาให้วันต่อวัน แถมมีอัดเสียงอาจารย์ในแต่ละคาบ


ทำเอาต่ายรู้สึกปลาบปลื้มแทนไทกริสไม่ได้



มือขาวเคาะแป้นพิมพ์จนเกิดเสียงดัง  จนต่ายที่เดินออกจากครัวหันไปตามเสียง  ที่หลังมือมีรอยช้ำสีม่วงปนเขียวน่ากลัวจากการให้น้ำเกลือ  แต่ดูเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจกับสิ่งนั้นเท่าไหร่


“กดเบาๆก็ได้มั้ง คีย์บอร์ดน่ะ”

“กระต่าย” เด็กโค่งเรียกเสียงอ่อย  ใบหน้างอลงเพราะสาเหตุที่ต่ายก็ไม่รู้

“วางชีทเกลื่อนอีกแล้ว”  ต่ายบ่นพลางมองไปรอบๆตัวของไทกริสที่นั่งอยู่บนพรมขนนุ่ม บัดนี้รายล้อมด้วยแผ่นกระดาษเอสี่มากมาย

“งานเยอะ” เด็กโค่งบ่นหงุงหงิง ต่ายอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ค่อยๆทำไป  ไม่ไหวก็พักบ้าง  เดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก” ต่ายเตือนด้วยความหวังดี 

"หายแล้วน่า"เด็กโค่งงึมงำในลำคอ  ก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอแมคต่อ   ส่วนต่ายก็ต้องมาคอยเก็บกองชีทที่วางเกลื่อนกลาดอยู่



สามทุ่มเวลาเดิมของใครบางคนที่ต้องเข้านอน 

ซึ่งเจ้าตัวก็ตรงต่อเวลาดีเหลือเกิน....

ไทกริสเก็บชีทที่ต่ายวางเป็นตั้งให้เรียบร้อยเข้ากระเป๋า ก่อนจะหันไปหาคนอายุมากกว่าที่นั่งดูทีวีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“กระต่าย”

“หืม” ต่ายละสายจากหน้าจอทีวี

“ไปนอนกัน” 

“พี่ยังไม่ง่วงเลย”

“นะ”

“ไปนอนก่อน เดี๋ยวตามไป”  เด็กโค่งพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินของห้องไป

ต่ายนั่งดูหนังจนจบไปสองเรื่อง นาฬิกาก็ตีเวลาบอก เที่ยงคืนพอดี  จึงจัดการปิดทีวี ปิดไฟให้เรียบร้อย
แล้วเดินเข้าห้อง..
   

ของเจ้าเด็กในความดูแล


ตั้งแต่เด็กนี่มานอนกับต่าย    แน่นอนมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งสองสามสี่ห้าตามมา  เพราะหลังจากอีกคนออกจากโรงพยาบาลได้  คนที่เพิ่งหายป่วยก็งอแงอยากนอนด้วย  ด้วยเหตุผลที่ว่า

ไม่ได้นอนกับต่ายแล้วนอนไม่กลับ

ต่ายอยากจะตอกกลับว่า แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ?

แต่ก็ไม่อยากขัดใจเด็ก   



เข้าไปในห้องนอนของไทกริสที่นอนมาได้ 3 คืนติด   ห้องที่เข้าคิดว่าตัวเองหลงอยู่ในถ้ำหิมะ


เด็กนี่เปิดแอร์ 18 องศา   ในวันแรกที่รับรู้ มือคว้ารีโมตแทบไม่ทัน เพิ่งหายป่วยมาแท้ๆ ยังจะนอนในที่หนาวๆอีก


พอกดเพิ่งอุณหภูมิ เจ้าของห้องขมวดคิ้วมุ่นใส่
 
“มันหนาวไป นายเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเองนะ” ทำเสียงให้ดุๆ เด็กจะได้กลัว  ซึ่งก็ได้ผล คิ้วที่ขมวดคลายออก แต่กลายเป็นได้หน้ายู่ๆ มาแทน

ต่ายอดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วคีบปากนั่น
“อย่าดื้อกับพี่ เข้าใจ๊?”




กลับมาที่ปัจจุบัน  อุณหภูมิในห้องยังคงเหมือนเดิมกับที่ปรับไว้ 

แต่เพิ่มเติมคือ เจ้าเด็กโค่งถอดเสื้อนอนครั้งแรก


เด็กเมืองหนาว คงจะร้อน แต่ก็ไม่กล้าเพิ่มแอร์เพราะกลัวโดนดุ....


ต่ายส่ายหน้าให้กับคนที่เปลือยท่อนบน ผ้าห่มก็ร่นไปกองอยู่กับโคนขา   เลยต้องเข้ามากระชับผ้าห่มให้ ส่วนตัวเองก็สอดตัวลงไปนอนข้างๆ 

เตียงคิงไซส์ที่ต่ายสามารถกลิ้งได้หลายตลบ  ขนาดมีคนร่างยักษ์มานอนตั้งสองคน  ยังเหลือพื้นที่ให้นั่งเล่นไพ่เลยคิดดู



พอรู้สึกถึงไออุ่นที่คุ้นเคย ร่างขาวของไทกริสก็คว้าเอวต่ายแล้วซุกตัว

เหมือนอย่างเคย....


แรกๆต่ายนี่ถึงกับนอนเกร็งจนร่างชา จะแกะออก ก็โดนครางฮือใส่อย่างขัดใจ

แต่คิดไปคิดมา   มีคนมานอนกอด ก็

อุ่นดีเหมือนกัน.....



หลังจากนั้นเป็นต้นมา ต่ายก็เลยกลายเป็นหมอนข้างมีชีวิตให้กลับไทกริสไปโดยปริยาย



เช้าวันจันทร์  ต่ายตื่นมา เจ้าเด็กโค่งก็ไม่ได้อยู่บนเตียง  จากสัมผัสที่เย็นของพื้นที่ข้างตัว ทำให้ต่ายรู้ว่า ไทกริสลุกออกไปนานแล้ว

ออกมาจากห้องก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง  ซึ่งก็สันนิฐานได้อย่างเดียวคือ

ไปฟิตเนส


เรียกได้ว่า ตั้งแต่เด็กโค่งป่วย ก็เปลี่ยนอะไรหลายๆอย่าง  เช่น การเข้าฟิตเนสทุกเช้า  วันละ 2 ชั่วโมง

เป็นการออกกำลังกายแบบเบาๆ 


ต่ายเคยเสนอให้ไทกริสไปวิ่งออกกำลังกาย แต่เจ้าตัวปฏิเสธ เพราะไทกริสไม่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง


กำลังจะไปอาบน้ำแต่งตัว คนที่ตามหาก็กลับเข้ามาพอดี ในสภาพเหงื่อโชก แต่ใบหน้าดูไบร์ทยิ่งกว่ากินคอลลาเจน

การออกกำลังกายมันดีอย่างนี้นี่เอง


ไทกริสพอเห็นต่ายยืนอยู่ ก็ยีผมอีกคนเบาๆ

“มอร์นิ่ง”
 
ต่ายเอียงหัวหนี แล้วใช้มือดันเจ้าเด็กตัวสูงโย่งเอาไว้

“ไปอาบน้ำ”


ไทกริสคลี่ยิ้มให้  ก่อนจะเดินเข้าห้องไป


ต่ายโคลงหัวเบาๆ นั่นคือสิ่งที่เปลี่ยนไปที่สอง 


เขารู้สึกว่า พักนี้ไทกริสยิ้มบ่อยขึ้นมาก  ซึ่งนั้นมันก็ดี

แต่ที่ไม่ดีคือหัวใจของเขา นี่แหล่ะ ทำไมต้องใจเต้นทุกครั้งที่มันยิ้มด้วยนะ ......



ไทกริสพาต่ายมาส่งที่เดิม  คือที่ม้าหินอ่อนคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ก่อนจะวนไปจอดรถที่หน้าตึกคณะของตัวเอง

เดินออกมาจากรถ  สาวๆที่นั่งอยู่ก็มาอย่างสนใจเช่นเคย  ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคนที่สนใจ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น

โจกับฟรานที่ยืนรออยู่หน้าตึก โบกมือเรียกทันทีที่เห็นเพื่อนตัวขาวเข้ามา


“โย่ หายดีแล้วใช่ไหม” ฟรานเอ่ยทัก  จับเพื่อนพลิกซ้ายขวา
 
“อืม”  คนถูกถามตอบสั้นๆ   ฟรานขยิบตาพลางยกนิ้วโป้งให้

“จะได้ครบซะที  ไม่มียูเหมือนอะไรขาดหายไป” ไทกริสส่งเสียงหูในลำคอ ก่อนจะพากันเดินขึ้นลิฟต์เพื่อไปที่ห้องเรียน


ทั้งสามชะงักเท้าที่กำลงัเดิน เมื่อเห็นรุ่นพี่สาวสวย ที่เคยเจอเมื่อช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ  ยืนละล้าละลังอยู๋หน้าห้องเรียนของพวกเขา

“สวัสดีครับพี่กวาง” ฟรานทักในขณะที่โจและไทกริสผงกหัวให้เฉยๆ หญิงสาวที่กำลังยืนอยู่หันมายิ้มหวานออกมาทันที

“มาพอดีเลย น้องไทกริสหายป่วยแล้วใช่ไหมเนี่ย ซูบไปเยอะเลย ” กวางรีบปรี่เข้ามาหา

“ครับ”

“ดีแล้ว  พี่จะมาบอกว่าเย็นนี้ 5 โมง ไปเจอพี่ที่ลานหน้าคณะหน่อยนะ”

“ทำไมหรอครับ”

“เรื่องเดินขบวนงานกีฬาจ้า  แต่พี่ต้องไปคุยกับสภานักศึกษาก่อน  เอาไว้จะมาแจ้งตอนเย็นนะ”

ฝาแฝดหัวดำพยักหน้ารับ มีเพียงไทกริสที่ยังคงงุนงง เพราะไม่ได้มาเรียนตั้ง 1 สัปดาห์


“พี่เขาอยากให้พวกเราไปเดินขบวน  จริงๆก็มาคุยๆไว้หลายวันแล้วล่ะ แต่เราไม่ได้ตอบอะไรไป”  โจพูด

“แต่ไอนี่โดนเต็มๆ” ฟรานบ่น 

“โดนอะไร” ไทกริสถาม ด้วยสีหน้างุนงน

“ไอโดนให้ไปถือป้ายของคณะ”

ไทกริสนึกตาม 

“เหมือนกีฬาสีเหรอ” เขาจำได้เมื่อสมัยประถม เวลาถึงงานกีฬาสี ก็จะมารเดินขบวน มีคนถือป้าย ถือธง ดรัมเมเยอร์ ยั้วเยี้ยไปหมด

แต่พอย้ายไปเรียนที่ฮังการีก็ไม่มีได้มีบรรยากาศแบบนั้นอีก
 
“ใช่ๆ  แต่อันนี้เป็นระหว่างคณะไง” โจตอบ  ส่วนฟรานที่เรียนนานาชาติมาตั้งแต่เล็กยันโต ที่โรเรียนก็ไม่มีเช่นกันก็ได้แต่พยักหน้าเออออไป

“สนใจลงกีฬาอะไรไหม เรากับฟรานว่าจะลงฟุตบอล” โจว่า

ไทกริสส่ายหน้า

“ไม่ชอบเล่นกลางแจ้ง”

“หือ?”

“มันรู้สึกหงุดหงิดน่ะ” ไทกริสอธิบาย  เพื่อนทั้งสองสตั้นท์ไปซักพัก ก่อนจะหัวเราะออกมา

“ไม่รู้จะพูดยังไงเลย”

.
.
.
.
.
.
.
.






“เอ้าาาาา”  เสียงของต่ายร้องขึ้น ทำเอาสหายทั้งสามที่กินข้าวอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามอง พลางใช้สายตาถามว่า
 
มึงเป็นเหี้ยไร ???


เจ้าตัวดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว  ยังคงหน้ามุ่ยคิ้วขมวดกับโทรศัพท์


เรื่องของเรื่องคือ

หลังจากที่ต่าย ส่งไลน์ไปถามไทกริสว่า

‘กินยารึยัง’ แต่อีกคนกลับตอบมาว่า

“ต้องกินด้วยหรอ”


ต่ายแทบอยากจะเอาเท้ายกขึ้นมาก่ายหน้าผากให้รู้แล้วรู้รอด  ทั้งๆที่ตอนหมอให้ยามา เจ้าตัวก็อยู่ด้วยตรงนั้นแท้ๆ

หมอย้ำแล้วย้ำอีกว่า  กินติดต่อกันจนกว่าจะหมด

แต่พอเจอแบบนี้ ก็ได้แต่ถอนหายใจ

‘หมอบอกให้กินให้หมด จำไม่ได้รึไง’

‘หรอ  ไว้กลับไปค่อยกิน’

เมื่อเด็กว่างั้น ต่ายจะทำอะไรได้ แล้วดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็คงไม่ได้พกยามาด้วยแน่ๆ

“ปวดหัวว่ะเหี้ย” ต่ายบ่น

“อ้าว พอเด็กหายมึงเลยป่วยแทน”

“กูปวดเพราะเด็กนี่แหล่ะ  เฮ้ออ”  แทบจะเอาหัวโขกโต๊ะ ถ้าไม่ติดว่าจะเจ็บล่ะก็นะ

.
.
.
.
.




หลังจากไทกริสและผองเพื่อน เลิกเรียนแล้ว ก็พากันมาที่ลานกว้างหน้าคณะ ตามที่รุ่นพี่คนสวยได้บอกไว้  ลานกว้างหน้าคณะ เป็นเหมือนศูนย์รวมรุ่นพี่ทุกชั้นปี ทำให้พวกเขาไม่ค่อยอยากจะย่างกรายเข้ามาแถวนี้นัก

พอเดินเข้าไป  หลายๆคนก็หันมามอง  บางคนที่จำฟรานได้ก็ต่างร้องทักกัน

บางคนก็จ้องมาที่พวกเขาเขม็ง จนรู้สึกเกร็งๆ  และหนึ่งในนั้น โจและฟรานจำได้ว่า จะเป็นพี่ว๊ากในช่วงเขารับน้องนี่เอง
 
ทั้งสองยกมือไหว้กลุ่มทั้งรุ่นพี่ปีสองและปีสามที่แถมมา 3 คน 

ไทกริสที่เดินตามหลังมาไม่ได้ไหว้ เพราะเขาไม่รู้จัก


หนึ่งในรุ่นพี่ จ้องมาที่เด็กโค่งเขม็ง  เขาจำได้ว่ารุ่นน้องคนนี้เด่นมาก แล้วก็เป็นคนเดียวที่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมรับน้อง อ้างว่าติดธุระกับที่บ้าน
 

“น้อง” กานต์ ชาหนุ่มร่างสมส่วนร้องเรียกไทกริส แต่คนถูกเรียกกลับไม่รู้

“เห้ย น้องอ่ะ  ไอ้ขาว!”   พอเรียกแบบนั้น ฟรานกับโจก็รีบสะกิดไทกริส ที่ยืนแบบทองไม่รู้ร้อน

“ไทก์ พี่เรียก”  ไทกริสหันไปหา

“ครับ?” 

“เจอรุ่นพี่ไม่คิดจะสวัสดีเลยหรอครับ” กานต์ถามเสียงเย็น  พวกรุ่นน้องปีสองที่นั่งอยู่ด้วยกันมองหน้ากันเลิกลั่ก

ไทกริสยืนนิ่งอยากคนไม่เข้าใจ

ก็เขาไม่รู้จัก  ต้องสวัสดีด้วยหรอ


“หวัดดีพี่เขาดิไทก์ เดี๋ยวก็โดนหรอก”

“สวัสดีครับ”  ไทกริสพูด แต่ไม่ได้ยกมือไหว้  ทำเอากานต์รู้สึกโมโห

“เห้--” //////////  “น้องๆจ๋า”  แต่ก่อนจะได้เอ่ยอะไร กวาง สาวสวยเดินเข้ามาอย่างไม่รู้เรื่องอะไร พลางมองไปที่พวกรุ่นพี่ที่ยืนอยู่อย่างงงๆ

“มีอะไรรึเปล่าคะ พี่กานต์” กวางถาม

“เปล่า” บอกปัดๆ ก่อนจะกระแทกตัวนั่งลงที่เดิม แต่สายตายังคงจ้องเขม็งไปที่รุ่นน้องตัวขาวอย่างไม่วางตา


“อ่าาา  มานานกันยังเนี่ย”  กวางถาม พลางยกมือขึ้นพัดให้กัตัวเอง เพราะรีบเดินเข้ามา

“ไม่นานหรอกครับ” ฟรานตอบ  ส่วนคนอื่นๆที่รุ่นพี่สาวนัดมา ตามกรูเข้ามาฟัง

“เข้าเรื่องเลยนะ  คือทางมหาลัยจะมีการจัดกีฬามหาลัยรู้แล้วเนอะ  แล้วต้องหาพวกคนถือป้าย ถือธง เทพี เทพบุตรอะไรพวกนี้  ซึ่งบางคนก็โดนทางคณะซิวไปแล้ว อย่างเช่นน้องฟรานเป็นต้น   ทีนี้ พี่ไปประชุมมา มีคนนึงจำน้องไทกริสได้  เลยอยากให้น้องไทกริสมาถือป้ายมหาลัยน่ะ  ส่วนน้องโจ พี่ยึดไว้ ว่าจะให้เป็นคนถือธงคณะของเรา  อิอิ ส่วนน้อง... ---------------- ”หญิงสาวว่าเสียงใส พลางแจงรายละเอียดให้แต่ละคนฟัง


“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เดินรอบมอเอง” กวางพูดเสริม

“พวกผมอ่ะโอเคอยู่แล้ว  แต่คนที่พี่ต้องซีเรียสคือคนนี้”  โจพยักเพยิดไปที่ไทกริส ที่ทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา

“เขาบังคับหรอครับ” ไทกริสถาม

“เอ่ออ   ก็ไม่ได้บังคับหรอกจ้า มีคนเสนอชื่อมา  แล้วมาโหวตกันน่ะ”

“....ถามกระต่ายก่อน”  กวางชะงักไปเล็กน้อย พลันนึกไปถึงรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนกับพี่เอก คนที่เธอเคยคุยด้วย

“อ้อ ได้จ้า  พรุ่งนี้ค่อยมาให้คำตอบพี่ก็ได้ แต่ยังไงก็ อย่าปฏิเสธเลยน๊า”  รุ่นพี่คนสวยส่งสายตาปิ๊งๆมาให้  คนที่ยืนต่างละลายกับท่าทางน่ารักๆของกวาง


พอเสร็จธุระ ก็กำลังจะเตรียมตัวเดินออกจากลาน แต่ก็มีเสียงเข้มรั้งไว้

“อย่าเพิ่งไป”  พวกเขาสามคนหันไปหา

“สองคนนี้อ่ะไปได้  ส่วนนี้อยู่ก่อน” กานต์ชี้นิ้วมาที่ไทกริส

ฟรานและโจ มองหน้ากันเหรอหรา แต่ก็ไม่ได้เดินไปไหน

.
.
.
.
.




ต่ายรู้สึกแปลกใจกับข้อความของโจที่ส่งมา บอกว่า ไทกริสกำลังมีเรื่อง

ไม่รอช้า ต่ายและผองเพื่อนก็รีบรุดเข้าไปที่เกิดเหตุทันที

ลานกว้างของคณะบริหารธุรกิจ  ที่ตอนนี้เริ่มมีไทยมุงขนาดย่อม   ต่ายชะเง้อคอหาไทกริส 

โชคดีที่เจ้าเด็กนี่มันสูง เลยสังเกตเห็นง่าย

พอแทรกตัวเข้าไป ก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าของไทกริส คือ'โจทก์เก่า'ของต่าย


“เชี่ย นั่น ไอ้กานต์นี่หว่า”  แชมพูดขึ้น  ต่ายพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด เมื่อต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอขึ้นมา

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  มีแค่กานต์ตะคอกใส่เด็กโค่งอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ไทกริสยืนทำหน้านิ่งเหมือนรูปปั้น

 

ร่างสมส่วนของกานต์รู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นรุ่นน้องไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

เขารู้สึกเหมือนโดนหยาม ยิ่งต่อหน้ารุ่นน้องคนอื่นๆอีก เลยทำการกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย เตรียมง้างหมัดใส่อย่างบันดาลโทสะ

ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนและคนรอบข้าง


แต่ก็ต้องรู้สึกเจ็บที่อก เมื่อโดนใครบางคนผลักอย่างแรง  จนเซออกไปด้านหลัง

“มึงจะทำอะไรน้องกู” กานต์เบิกตากว้าง เมื่อเจอกับคนที่เป็นทั้ง'เพื่อนและคู่กรณีเก่า'   


ต่ายดันไทกริสให้อยู่ด้านหลัง  ก่อนจะเผชิญหน้ากับกานต์

“นี่มันเรื่องของรุ่นพี่รุ่นน้อง  มึงไม่เกี่ยว ต่าย”  กานต์ว่าเสียงเย็น
 
“น้องทำผิดอะไร มึงถึงจะต้องใช้กำลังขนาดนี้”

“หึ  มันไม่เคารพผู้ใหญ่ไง  ทั้งๆที่พวกกูนั่งหัวโด่ มันก็ไม่สนใจ”

“มึงกระหายความเคารพจากรุ่นน้องขนาดนี้เลยรึไง  มึงไปทำตัวให้น่าเคารพก่อนดีไหม”  ต่ายว่าเรียบๆ
 
“มึง!”

แชมและเอกรีบปาดมาช่วยเพื่อนทั้งทีที่กานต์จะพุ่งเข้าใส่ต่าย ประกอบกับเพื่อนของกานต์เองก็ยินขึ้นสแตนบายไว้เหมือนกัน


“มึงมาหาเรื่องกูเองนะ  อย่าหวังว่าจะรอด แค่มึงมาเหยียบตรงนี้มึงก็ผิดแล้ว”

“จ้างให้กูก็ไม่อยากมาเหยียบหรอก ถ้ามึงไม่ทำตัวเหี้ยๆกับน้องกู” ต่ายตะโกนลั่น ใบหน้าทะมึนทึง


ไทกริสที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง เดินเข้าไปชิดกับต่าย จนแผ่นหลังของต่ายแนบกับอกแกร่งของไทกริส  พลางกระซิบข้างหู

“กระต่าย ใจเย็นๆ”   

เหลือเชื่อว่า อารมณ์คุกรุ่นเมื่อกี้ หายวับ เมื่อได้ยินเสียงนุ่มๆของอีกคน


ฝ่ายวินและซันเพื่อนของกานต์ พยายามเตือนสติเพื่อนเพื่อไม่ให้ไปมีเรื่องกับพวกของต่าย

เพราะดูยังไง พวกเขาก็แพ้แน้ๆ  ทั้งต่ายทั้งเอกก็นักมวยทั้งคู่


กานต์สบถลั่นอย่างหัวเสีย ก็จะเดินตึงตังออกไปจากลาน ท่ามกลางความโล่งอกของใครหลายคน  วินกับซันรีบวิ่งตามเพื่อนไป


“โอยย กูนึกว่าจะวายมวยกันซะแล้ว” แชมว่า

“กริส ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ต่ายหันกลับมาถามเด็กโค่ง พลางใช้สายตาสำรวจร่างกายอีกคน  มีเพียงคอเสื้อที่ยับยู่ยี่จากแรงกระชาก


“เกิดอะไรขึ้น” ถามอย่างงงๆ

“พี่เขาคงโมโหที่ไทกริสไม่ได้สวัสดี”  ฟรานว่า

“ก็ไม่รู้จัก”  ไทกริสแย้งขึ้นมาดื้อๆ

“อ่า นายไม่ได้มารับน้องนี่เนอะ  คราวหลังถ้าเจอพวกนี้ก็ฝืนหวัดดีมันไปแล้วกัน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องแบบนี้อีก” ต่ายว่า

“จริงๆ อย่าไปเคารพเลย ไอ้เหี้ยนี่ ”  เอกพูด

“ทำไมหรอครับพี่” โจถาม

“ก็มัน!...” เอกเหมือนจะหลุดปากพูด แต่ดันไปเจอสายตาเหี้ยมจากต่าย




“พี่ต่าย เมื่อกี่มันเกิดอะไรขึ้น” เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้น
 
“เม...”   ต่ายพึมพำชื่ออีกคนเบาๆ


TBC


BEVA TALK : อะไรคือการกดตั้งกระทู้แล้วล๊อคเอ้าท์หลุด ฮรือออ ร้องห้ายแรงงงง   ต้องมาพิมพ์ใหม่อีกแล้ว  :katai1:

คุณเห็นอะไรม๊ายยยยย (คนอ่านตอบ ไม่เห็นโว้ยย) :ling3:

มีคนบอกวา่มันสั้น   คราวนี้เลยยาวขึ้นมากว่าเดิม(มั้ง)  อันที่จริงตอนก่อนๆมันก็ 7-9 หน้าง่า
เค้าไม่ถนัดพรรณา ได้แต่บรรยายสั้นกับบทพูด มันเลยดูสั้น  งุงิ  :monkeysad:

แต่จะพยายามนะคะ  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ขอบคุณคนอ่านและคนเม้นท์อีกเช่นเคยย ขอบคุณที่สนับสนุนพี่ต่ายกับน้องไทก์นะคะ  :katai2-1:

อยากติชม แนะนำอะไร หรือรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ ช่วยเม้นท์บอกคนแต่งด้วยน๊าา   ยินดีเสมอเลยงับ  :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 01-04-2016 16:41:18
อะไร ยังไง เอาอีกกกกก :a5:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-04-2016 18:10:33
อะไรยังไงงงง :hao4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2016 23:40:50
 :katai2-1: ชอบ เรื่องมุ้งมิ้ง ของ ไทกริส ต่าย  :-[
ตอนนี้ยาวจุใจเลย ชอบ :L1::pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
กานต์เคยมีเรื่องกับต่าย คงไม่ใช่ กานต์มาจีบแฟนเก่าต่ายนะ :m16:
ตามต่อ ชื่นชมไร้ทมาก  :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 02-04-2016 00:49:35
กานต์นี่แฟนเมปะ ที่เลิกกะต่่ายละไปคบกันอ่ะ
อยากเห็นต่ายบู๊
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 02-04-2016 01:38:47
ไทกริสน่ารักมากกก มึนๆแต่ออร่าความน่ารักนี่ พุ่งสุดๆ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-04-2016 03:38:50
มีความหลังกันสินะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 02-04-2016 16:30:05
โอ้ววววง รวมตัวละครทีาเกี่ยงข้องกับต่ายหรือนี่!!
ดูมีปมกันเบาๆ ทั้งคู่กรณีเก่า ทั้งแฟนเก่า..เหอๆ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 02-04-2016 19:40:14
อ่านรวดเดียวเลยยยยย สนุกมากค่ะ เดินเรื่องเรื่อยๆก็จริง แต่ก็ดูน่ารักมากๆเลยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-04-2016 22:51:36
สนุกและน่าติดตามมากๆ จ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่สิบ 1/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 03-04-2016 14:47:53
ฮรืออออ พี่ต่ายอยากกับพระเอกมาช่วยนางเอก  :hao7:  อยากเห็นฉากบู๊จุง 
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! สารจากคนแต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 05-04-2016 20:03:00
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านที่น่ารักของบีว่าทุกคน 

เนื่องจากงานที่รุมเร้า(และเดทไลน์ที่ใกล้เข้ามา :ling3: :ling3:) ทำให้ไม่สามารถปั่นนิยายให้เสร็จได้

ซึ่งที่แต่งไว้ตอนนี้มีอยู่ราวๆ 50 เปอร์  เกรงว่าจะขาดอรรถรสในการอ่านเลยคิดว่ายังไม่เอามาลง (แต่ถ้าคนอ่านอยากอ่านบอกได้น๊าจะได้เอามาลงไว้)

ส่วนจะแต่งต่อเมื่อไหร่นั้น ยังบอกไม่ได้จริงๆค่ะ  คาดว่าน่าจะเป็นช่วงสงกรานต์ (ถ้างานเสร็จ)  จะรีบเอามาลงให้ทันทีที่แต่งเสร็จ

สุดท้ายนี้ รอกันหน่อยน๊าาาาาาาา :mew6: :mew6:  อย่าเพิ่งลืมน้องกริสกับพี่ต่ายนะคะ  :mew1:

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:

ฺ...BEVA...
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! สารจากคนแต่ง 5/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-04-2016 21:07:24
ถ้าส่วนที่เหลือจะมาหลังสงกรานต์รอหลังสงกรานต์ทีเดียวเลยดีกว่าค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! สารจากคนแต่ง 5/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2016 22:12:39
ทำงานของไร้ท ให้เต็มที่เลย :L1:
งานเขียน รอได้ :3123:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! สารจากคนแต่ง 5/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 05-04-2016 22:17:18
รอนะค่ะ สู้ๆคร้าาาา
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! สารจากคนแต่ง 5/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-04-2016 23:16:39
ทำงานให้เต็มที่เลย
เรารอเก่งนะ!
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! สารจากคนแต่ง 5/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 06-04-2016 00:26:37
รอ  o18
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! สารจากคนแต่ง 5/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 11-04-2016 10:37:07
คิดถึงคนแต่ง คิดถึงไทกริส คิดถึงพี่ต่ายยยยย  :hao5: :hao5:  มาต่อไวๆน้าา 
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 15-04-2016 21:37:43
บทที่ 11 คำว่าเพื่อน




บรรยากาศวันเปิดเทอมของโรงเรียน  เด็กนักเรียนหญิงชายต่างเดินกันขวักไขว่  บ้างก็จับกลุ่มกันคุย บ้างก็นั่งล้อมกันกินข้าวเช้ากันอย่างหิวโหย 


ต่ายเดินเข้าโรงเรียนอย่างมึนๆ

เมื่อคืนเขาดันเล่นเกมส์ซะดึก รู้ตัวอีกทีก็ตีห้าแล้ว   ลืมไปสนิทว่าวันนี้เป็นวันเปิดเทอม
เลยตาค้างต้อนรับเปิดเทอมเป็นไงล่ะ !


โรงเรียนแห่งใหม่ที่เขาย้ายมา ดูจะเป็นโรงเรียนชั้นยอดของแถบนี้  ยิ่งมองคนรอบข้างแล้ว  น่าจะเป็นลูกคนมีตังค์ส่วนใหญ่


ต่ายรู้สึกโหวงเหวง  คิดถึงเจ้าเด็กข้างบ้าน
ถ้าเป็นเวลานี้มันคงเดินตามเขาเป็นลูกเป็ดตามแม่ 


แต่บัดนี้มีแค่เขาเดินอยู่เพียงคนเดียว 


ไม่รู้ว่าตอนนี้กริสจะเป็นยังไงบ้าง  จะยอมไปโรเรียนรึเปล่าไม่รู้


นึกแล้วก็อดขำไม่ได้  เจ้านี่ถ้าลองไปโรงเรียนคนเดียวละก็ จ้างให้ก็ไม่ยอมเด็ดขาด  แต่ถ้าไปกับต่ายถึงไหนถึงกัน
เพราะฉะนั้นวันไหนที่ต่ายไม่ได้ไปโรงเรียน เจ้านี่ก็ไม่ไปด้วยเหมือนกัน
ติดเขาอย่างกับอะไรดี
 


ห้องประจำของชั้น ม.1/12 หรือเรียกกันว่าห้องคิง   เห็นเพื่อนวัยเดียวกันจับจองที่นั่งกันเกือบครึ่งห้อง 
ต่ายหันซ้ายขวาหาที่นั่งเหมาะๆ  ก่อนจะเจอที่นั่งฝั่งริมหน้าต่าง  ถือว่าเป็นทำเลที่ดี
ว่าแล้วก็จัดการวางกระเป๋าสะพายแล้วนั่งลง


ด้วยการจัดที่นั่งแบบนั่งคู่ ทำให้ต่ายลุ้นเบาๆว่าจะได้ใครมานั่งด้วย
จนกระทั่ง….


ตุ๊บ!

เสียงกระเป๋ากระทบกับโต๊ะอย่างแรงทำให้ต่ายสะดุ้งสุดตัว  ก็มันเป็นโต๊ะข้างๆเขานี่เอง
หันไปมองผู้กระทำ  ก็ต้องแดกจุดเข้าไปใหญ่


คนตรงหน้าเขานั้นเป็นเด็กนักเรียนหญิงใบหน้าอาหมวยจ๋า  สวมเสื้อไซส์ใหญ่กว่าตัว กระโปรงยาวครึ่งแข้ง ท่าทางทะมักทะแมง   นี่ถ้าถือไม้เบสบอลมาด้วย เขาคงนึกว่าพวกหัวหน้าแก๊งค์แล้ว


“มองไร”  ยังไม่ทันจะได้สำรวจเพื่อนข้างๆ  ก็โดนเจ้าตัวตอกกลับ ทำเอาต่ายหันหน้ากลับแทบไม่ทัน

“ชื่ออ้อน  แกอ่ะชื่อไร” เสียงเล็กที่ออกห้าวๆเอ่ยถาม

“ต่าย” ต่ายตอบ พลางหลบสายตาเพราะคุณเธอจ้องกวาดตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เออ หวัดดี” พูดจบก็ทิ้งตัวนั่ง ถกกระโปรงยกขาพาดกับเข่าอีกข้าง พลางเท้าคางมองคนข้างๆ

“มาจากไหนอ่ะ”

“โรงเรียนxxxx”

“เอ้า ก็ดีอยู่ แล้วย้ายมาไมเนี่ย หรือว่า..สอบไม่ติด” 

“เราย้ายบ้านมาน่ะ” อ้อนพยักหน้าเอื่อยๆ   ก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือแทน


และในวันนั้น  ต่ายก็ได้เพื่อน 1 คน

คบกับอ้อนก็ดีไปอย่าง เพราะเธอคนนี้ เป็นมนุษย์เพศหญิง แต่หาความเป็นหญิงไม่ได้ซักอย่าง   ดูเถื่อนกว่าเขาที่เป็นผู้ชายซะอีก     

ถือว่าเป็นเพื่อนชายล่ะนะ

การปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ ที่แห่งใหม่ ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี



แต่........................

สิ่งที่เขาไม่พึงประสงค์ที่สุดคือ


การที่มาเรียกเขาว่า  ....


“กระต่าย” ต่ายหันขวับตามเสียง  เป็นเพื่อนร่วมห้องของเขา  ที่คุ้นๆว่าจะชื่อ แชมเปญ กับอีกคน ชื่อ กานต์ สองคนนี้สนิทกันอย่างกับปาท่องโก๋ แถมยังเป็นหัวหน้าห้องและรองหัวหน้าอีกต่างหาก

“ไม่ได้ชื่อกระต่าย”

“แล้วหันมาไมอ่ะ” แชมพูดอย่างล้อๆ

ต่ายทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นเก็บไม้กวาดเข้าตู้


ไม่น่าไปตกหลุมพรางเลย บ้าจริง


“น้องกระต่าย อย่าเดินหนีพี่สิครับบบ” ไอ้หัวหน้าห้อง ยังคงปีนเกลียวเรียกเขาอย่างนั้น


แต่นั่นก็ทำให้เส้นความอดทนที่บางเฉียบของต่ายขาดผึ่ง

ต่ายหมุนตัวด้วยความเร็วสูง ชนิดไอ้สองหน่อที่ตามหลังมาต้องตกใจ และจะตกใจยิ่งกว่า เมื่อต่ายยกเท้าเบอร์ 40 ยันเต็มๆกลางท้อง จนมันล้มทั้งยืน 

ยิ้มกระหยิ่มอย่างพอใจ  เมื่อเห็นรอยรองเท้านันยางเบอร์ 40 ชัดแจ๋วที่เสื้อของแชมเปญ

“โทษที  เท้ามันกระตุกว่ะ”


ท่ามกลางสีหน้าอึ้งทึ่งของเพื่อนร่วมห้อง  แต่โชคดีที่เป็นเวลาใกล้เลิกเรียนกันแล้ว ที่อยู่ในห้องก็มีเพียงพวกที่ต้องทำเวรเท่านั้น
ซึ่งแน่นอน ต่ายเป็นเวรวันนี้พอดี เหมือนกับเจ้าสองตัวนั่นด้วย

รองหัวหน้าอย่างกานต์ รีบเข้าไปพยุงเพื่อน ก่อนจะชี้หน้าต่อว่า

“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วยวะ”

“ใครเริ่มก่อน?” ยักไหล่ให้อย่างไม่แคร์ ก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้องไป



หลังจากนั้น ผ่านไป 1 เดือนเขาก็เหมือนได้ลูกกระจ๊อกมาเพิ่ม เป็นใครไม่ได้นอกจากแชม  ที่หลังจากโดนตีนกระต่ายเบอร์40 จนจ๋อยไป

แต่ก็นึกตลกที่มันและเพื่อนชอบเอาขนมมาให้เขาเสมอ แม้จะไม่ได้ต้องการก็ตาม

ทั้งๆที่โดนยันไปเต็มๆแล้วแท้ๆ  ทั้งที่ควรจะถูกเกลียด มันกลับอยากจะเป็นเพื่อนกับเขาซะงั้น


นี่เป็นวิธีการหาเพื่อนแบบใหม่รึยังไงกัน?


นับตั้งแต่นั้นมา ต่ายและผองเพื่อน ประกอบด้วย อ้อน แชม และกานต์ก็กลายมาเป็นเพื่อนรักกันจนถึงทุกวันนี้


จนกระทั่งจบม.6  อ้อนสอบติดไปเป็นสาวหล่อสถาปัตย์ที่เชียงใหม่  ส่วนต่ายและแชมติดวิศวะ และกานต์ติดบริหาร มหาลัยเดียวกันแต่โอกาสที่จะเจอกันมีไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่
 

เอกกับแกน เป็นเพื่อนที่ได้รู้จักตอน ปี 1 ช่วงรับน้อง  เนื่องจากถูกจับพลัดจับผลูมาอยู่ในสีเดียวกัน  ได้ทำกิจกรรมด้วยกัน ไปๆมาๆ เลยสนิทกันแบบไม่รู้ตัว

กานต์ที่อยู่คณะบริหาร  คณะใกล้เคียงกับวิศวะก็จริง  แต่ก็ไม่ได้เจอกันบ่อย  แต่ก็ได้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างไลน์  เลยสามารถตามตัวได้ไม่ยาก

บ่อยครั้งที่กานต์ชอบมาก๊งเหล้ากับกลุ่มของต่ายบ่อยๆ 






เปิดเทอมขึ้นปี 2 ของต่าย.... 

ต่ายรู้สึกสะดุดตากับน้องปีหนึ่งคนนึงที่กำลังซ้อมเชียร์ลีดเดอร์อยู่ที่ยิม1 ใกล้กับสนามฟุตบอลที่เขากำลังเล่นอยู่พอดี
สืบไปสืบมา เธอมีชื่อว่า เมล่อน  น้องใหม่จากคณะบัญชี 


และเช่นเดียวกับ  กานต์ ที่สารภาพว่าชอบน้องคนนี้เหมือนกัน

ตอนรู้ก็มีเขม่นกันบ้างตามประสา แต่หลังจากนั้นก็ตกลงกันอย่างลูกผู้ชายว่า  ใครจีบติด คนนั้นก็ได้ไป


ผลสรุป เป็นต่ายที่จีบเมล่อนติดก่อน    อาจจะเป็นเพราะเขาไม่รุกหนักอย่างกานต์ ที่ชนิดที่ว่าเช้ามาเย็นมา ส่วนต่ายเน้นให้ความประทับใจมากกว่า





5 เดือนแรก คู่ต่ายและเมล่อน เรียกได้ว่าเป็นคู่ที่น่าอิจฉาในหมู่เพื่อนๆที่สุด
 
กานต์แม้จะผิดหวังจากเมล่อน  แต่ก็ยังไม่วายหายาใจมาคบแก้ช้ำได้อีก


แต่จุดพลิกผันนั้น  มาจากที่ต่ายต้องทำค่ายของคณะ  ส่วนเมล่อนมีซ้อมเชียร์ลีดเดอร์เพื่อเตรียมไปแข่ง  ทำให้ทั้งเขาและเมล่อนไม่มีเวลาให้กัน  แม้จะได้คุยกันในไลน์  แต่มันก็ไม่เท่ากับที่ได้พบหน้ากัน

ต่ายไปเข้าค่ายบนดอยเป็นเวลา 1 สัปดาห์  เป็นเขตที่ไม่มีสัญญาณ     ซึ่งทำให้ตลอดสัปดาห์ เขาไม่ได้ติดต่อกับเมล่อน   ถึงแม้จะเป็นห่วงและคิดถึงอีกฝ่าย  แต่ก็ได้แต่ปลอบตัวเองให้อดทน




หลังจากกลับมา ต่ายก็ได้เจอเซอร์ไพร์สสุดพิเศษจากแฟนสาวและ ...

เพื่อนสนิท  อย่างกานต์


เขาพยายามทั้งโทรหาและไลน์ไปหาเมล่อนหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีมีสัญญาณตอบกลับใดๆ  ในคราที่รู้สึกว่าท้อแท้

มันจะไม่ได้อะไรเลย  ถ้า กานต์ไม่ได้ส่งข้อความมาว่า ...


‘ถ้าดูแลไม่ได้  ก็ปล่อยให้กูดูแทนดีกว่า’


ในตอนนั้น ต่ายทำได้แต่นิ่งอึ้ง หัวสมองโล่ง ว่างเปล่าไปวูบหนึ่ง   ความรู้สึกวูบๆทำให้ต่ายรู้สึกถึงเค้าลางไม่ดี


แม้จะพยายามไม่สนใจข้อความของกานต์  ต่ายเดินหน้าง้อแฟนสาวอย่างเต็มความสามารถที่คนอย่างต่ายจะทำให้ได้  หลังจากเพียรให้ดอกไม้ ขนมนมเนยทุกวัน ความพยายามของต่ายก็สำเร็จ ในปฏิบัติการง้อแฟนวันที่ 4 

เมล่อนยอมคุยกับเขา  แถมยังตอบตกลงไปกินข้าวอีก

นั่นเป็นสัญญาณสินะ  ในคราแรกต่ายคิดอย่างนั้น

แต่เปล่าเลย ....


หลังจากวันนั้น เขาก็เจอภาพบาดตาบาดใจเข้าอีก   ร่างเล็กที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเขาอยู่กับคนที่เป็นเพื่อนของเขา กำลังสวีทหวานกันอยู่ที่ร้านเค้กหน้ามอ
 
ต่ายสบถในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือดในกายเดือดพล่าน  ถ้าไม่ติดว่าเอกและแชมยึดเขาไว้   เขาว่าจะไปพังร้านเล็กๆนั่นไปพร้อมๆกับสองคนนั้นเลยด้วยซ้ำ

‘ใจเย็นๆก่อนสิวะ’  เอกเอ่ยปลอบ แม้สีหน้าในเพื่อนตอนนี้เหมือนจะฆ่าคนได้แล้วก็ตาม  ดูจะจริงจังกว่าตอนแข่งมวยที่ค่ายอีก

‘ทำไมวะ’  ต่ายพึมพำออกมา สองสมุนซ้ายขวามองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ถูก

‘ไปที่ห้องกูก่อนดีกว่า’  แกนผู้ที่ใจเย็นสุดพูดขึ้น  คอนโดของแกนอยู่ตรงข้ามกับมหาลัยนี่เอง

ต่ายนั่งนิ่งอยู่กับโซฟา ไม่พูดไม่คุยกับใครเป็นชั่วโมง จนผองเพื่อนทนไม่ไหว

‘ไปกินเหล้ากันดีกว่าเพื่อน’ 


สิ่งที่จะปลอบใจได้ คงจะมีแต่เหล้า


ต่ายไม่รู้ว่าตัวเองดื่มไปเท่าไหร่   รู้แต่ว่าแกนส่งมาให้เขาแค่ไหนเขาก็รับมากินเท่านั้น
 
‘อย่าไปสนผู้หญิงคนนั้นเลยมึง’
‘มึงก็พูดได้ ไม่ใช่มึงนี่เอก’
‘มึงรักเขาขนาดนั้นเลยเหรอวะ’
‘…..อืม’
‘แน่ใจนะว่ารัก?’
‘…..’

สิ้นคำพูดนั้น ต่ายชะงักมือที่กำลังจะกระดกแก้ว ก่อนจะใช้มือทั้งสองกุมแก้วใสอย่างครุ่นคิด 


ถ้าเป็นช่วงที่ยังไม่ได้ห่างกัน เขาอาจจะพูดได้เต็มปากว่า แน่ใจสิ ว่ารัก
แต่พอมาเป็นตอนนี้  เขาเองก็ไม่แน่ใจตัวเองว่ารักหรือความรู้สึกอื่นกันแน่


ใช่ เขารู้สึก เจ็บที่เห็นว่า เมล่อนตีตัวออกห่าง
ใช่ ในใจเขาเจ็บปวด เหมือนโดนหักหลัง  ที่เห็นเมล่อนอยู่กับกานต์ 
และดูเหมือนอีกฝ่ายจะดูมีความสุขกว่าอยู่กับเขาเสียอีก 


‘อ้าว!’ แกนอุทาน  ในขณะที่มองกลุ่มคนที่นั่งกันอยู่ไม่ไกลจากที่นั้น
กลุ่มจากคณะบริหาร  และหนึ่งในนั้นคือ กานต์  ส่วนที่นั่งข้างๆกันคือ  เมล่อน


เหนือกว่าความคิด ร่ายกายของต่ายขยับลุกขึ้นแล้วเดินไปทางโต๊ะนั้นอย่างนิ่งๆ  จนเจ้าตัวเองก็ยังงง   และท่ามกลางความงุนงนของตัวเองและเพื่อนเขา  เท้าก็มาหยุดที่สองคนนั้นนั่งอยู่

ทั้งสองมองมาที่ต่ายด้วยความตกใจ  คนที่ดูจะตกใจสุด ก็คงไม่พ้นเมล่อนที่สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด


อารมณ์เหมือนจับได้ว่าแฟนมีชู้ไม่มีผิด


‘พี่ต่าย’  เสียงหวานร้องเรียกต่ายอย่างแผ่วเบา

ต่ายมองคนทั้งสอง  กานต์มีท่าทางหวงเมล่อนจนออกนอกหน้า ทำให้ต่ายกระตุกยิ้มเย็นอย่างไม่รู้ตัว

‘มาคุยกันหน่อยดีกว่า’  เขาเห็นเพื่อนร่วมโต๊ะของกานต์ทำสีหน้าตื่นตะหนก เหมือนกลัวว่าจะมีเรื่อง  แต่ต่ายก็พยักเพยิดไปที่ข้างนอก

กานต์และเมล่อนลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า  ต่ายพยายามหายใจเข้าออก ท่องขันติซ้ำๆในใจ  ก่อนจะพากันเดินออกไปที่ลานจอดรถ

‘หมายความว่ายังไงกัน’  ต่ายเปิดประเด็น

‘ทำไมเมไปอยู่กับมัน’  เมื่อไม่มีใครตอบ ต่ายจึงหันไปถามเมล่อนแทน

หญิงสาวเม้มปากแน่น ตาคู่สวยกลอกไปมา ไม่ยอมสบตากับต่าย 

‘พี่ถาม ทำไมไม่ตอบ!!! ’  ตะคอกเสียงลั่นจนอีกคนตัวสั่น   
‘ไอ้ต่าย!’  กานต์กระชากต่ายให้ออกห่างจากเมล่อน   
‘ทำไม!  กูถามทำไมไม่มีใครตอบ!!’
‘มึงเมาแล้ว ไอ้ต่าย’ กานต์ยืนประจันหน้ากับต่าย  ความสูงที่ไล่เลี่ยกัน ถ้าสู้กันคงจะสูสี แต่คนที่ได้เปรียบกว่าคือคนที่เรียนมวยอย่างต่าย

‘กูยังมีสติพอแล้วกัน  บอกมา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!’
‘ก็เพราะมึงนั่นแหล่ะ’
‘ทั้งๆที่มึงเคยบอกกับกูว่า มึงจะดูแลเมให้ดีที่สุด แล้วดูที่มึงทำสิ นี่หรอที่บอกว่าดีที่สุด! มึงปัญญาทำได้แค่นี้ใช่ไหมวะ!!!’   
ต่ายรู้สึกจุกทันทีกับคำพูดนี้ 

‘แล้วมึงมายุ่งอะไรด้วย’

‘ไอ้เหี้ย!’
พลั่ก!   หมัดลุ่นๆของกานต์ซัดเข้าที่แก้มซีกขวาของต่าย จนรู้สึกเบลอ

ต่ายมองอย่างเกรี้ยวกราด แม้จะไม่เจ็บเท่าที่ซ้อมมวย แต่ก็เรียกได้ว่าชาไปครึ่งหน้า

‘มึงเป็นแบบนี้ไง  ดีแต่พูด  กูไม่น่าปล่อยให้เม--- อั๊ก’

ไม่ปล่อยให้อีกคนพูดยืดยาว หมัดฮุกขวาของต่ายก็เข้าจังๆ ร่างของกานต์ล้มลงไปกับพื้น  เสียงร้องของเมล่อน บวกกับเสียงเพื่อนๆของพวกเขาที่ตามกันมา  ช่วยกันปราม


ร่างของต่ายถูกล๊อคด้วยใครบางคนที่ตัวใหญ่กว่า  เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอก


‘จริงๆแล้ว เมไม่เชื่อใจพี่เลยสินะ’

แม้จะถูกล๊อคจากร่างหมีๆของเอก แต่ก็สะบัดจนหลุดมาคุยกับเมล่อนได้

‘ฮืออ เมไม่ไหวแล้วค่ะพี่ต่าย    เราห่างกันมาเกือบเดือนแล้วนะพี่ต่าย  ฮึกก พี่ต่ายรู้บ้างไหม ตั้งแต่พี่ต่ายเริ่มทำค่าย ฮึก. เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลย  พี่เคยสนใจเมไหมว่า ฮึกก. เมซ้อมเหนื่อยแค่ไหน  คิดถึงพี่แค่ไหน  เคยมาดูเมซ้อมบ้างไหม’ เมล่อนพูดพลางสะอื้นตัวโยน

‘มีแค่พี่กานต์ ที่มาดูเมซ้อมทุกวัน พาเมไปส่งที่หอ ดูแลยิ่งกว่าคนที่เป็นแฟนอย่างพี่ต่ายอีก!!’  เมล่อนตะคอกใส่เขาทั้งน้ำตา  มือเล็กๆทุบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

‘บางทีเมก็คิดว่า ตัวเองตัดสินใจผิดที่เลือกพี่ต่าย.......... 


.......... เราเลิกกันเถอะนะคะ’  มาถึงท่อนนี้ต่ายเบิกตากว้างกับคำพูดนี้


ต่ายกวาดตามองทุกคนที่ร่วมเหตุการณ์ ทั้งแชมและแกนที่ยืนอยู่ข้างๆ เอกที่อยู่ข้างหลังเขา  เพื่อนของกานต์ที่ประคองกานต์อยู่  ส่วนเมล่อน หญิงสาวเพียงคนเดียว ที่ยืนร้องไห้จนน่าสงสาร  จนกานต์ต้องผละออกจากเพื่อนแล้วเข้ามากอดปลอบร่างเล็กไว้


ต่ายเงยหน้ามองขึ้นมองท้องฟ้า กะพริบตาเร็วๆไล่ความรู้สึกร้อนที่หัวตา


‘สุดท้าย เมก็เลือกมันสินะ’ ต่ายถาม  อีกคนหลบสายตา แต่ก็พยักหน้าให้


‘งั้นก็โชคดีแล้วกัน’  พูดจบก็หันหลังเดินกลับ เอกแกนและแชม รีบเดินประกบทันที

เดินไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลมาอย่างไม่หยุด ผองเพื่อนทั้งสามต่างรุมกอดเขา  โดยเฉพาะหุ่นหมีอย่างเอกที่เสียสละอกแน่นอาสาเป็นที่ซับน้ำตาให้ต่าย

'น้ำตาพอนะ ไม่เอาน้ำมูก' เอกพูดอย่างขำๆ พยายามทำให้บรรยากาศที่หมองหม่นดีขึ้น แต่ก็ได้ผล หัวทุยๆของคนที่ซบอยู่กับอกเขาสั่นออกมาเล็กน้อย




‘ขอบุหรี่หน่อย’  หลังจากพากันมาส่งที่คอนโดของแชม  เพราะดูจากสภาพต่ายแล้ว คงให้กลับบ้านคงไม่น่าไหว   

แชมปกติไม่ค่อยได้สูบ นานๆทีจะสูบเพราะพี่ชายดุมันบ่อยๆ ดุไม่พอเอาไปโยนทิ้งถังขยะอีก

ส่วนที่มีก็เป็นของที่ต่ายลืมทิ้งไว้


ต่ายมองซองบุหรี่ที่ยังพอมีบุหรี่เหลืออยู่ห้ามวนด้วยสายตาว่างเปล่า


แชมทำเพียงแค่เมี่ยงๆมองๆ แบบห่วงอยู่ห่างๆ  จนกระทั่ง มวนสุดท้าย.....



ต่ายจุดไฟที่ปลายบุหรี่ ก่อนจะเกิดประกายไฟขึ้น  แต่ยังไม่ทันจะได้ดูดเข้าปอด  ก็มีมือปริศนาดึงมันออกไป


‘เหม็นโว้ย สูบเยอะไปแล้ว’  แชมบ่น  ต่ายปรายตามองเพื่อนที่บี้บุหรี่กับพื้นระเบียง  ใกล้ๆกันมีเศษบุหรี่ที่ต่ายสูบทิ้งไว้

แชมทำสียงจิ๊แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างเขา   เมื่อบุหรี่ถูกเพื่อนตัวดีโยนทิ้งไป สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ เอนหัวซบกับไหล่แข็งๆของแชม
 
‘เหนื่อยว่ะ’ ต่ายบ่นออกมา  แชมหัวเราะขึ้นจนร่างสั่น

‘เหนื่อยก็พักสิวะ กูก็อยู่เป็นเพื่อนมึงตรงนี้แล้วไง’   

'ขอบใจ'

'เออ'


สำหรับต่าย คำว่าเพื่อน ไม่จำเป็นต้องมีคำปลอบโยนดีๆ  ขอเพียงแค่ เพื่อน ไม่ได้ทิ้งเราไปไหน อยู่กับเราตอนที่เราอ่อนแอก็พอ



end..  เห้ยยยย TBC   ...

-------------------------------------------------------------------------------------

Beva talk : กลับมาแล้วค่ะ คนอ่านที่น่ารักทุกคน  :katai4: :katai4: :katai4:  ตอนนี้เป็นยังไงบ้างเอ่ย มันอาจจะแปลกๆไปนิดนึงน๊า  คือมันแบบต่ออารมณ์ไม่ถูกอ่ะ   :hao5: 

จริงๆเรื่องอดีตของต่ายจะเอาไปเป็นตอน side story นะคะ แต่พอดี มันตัน  คิดว่าเอามาใส่ในเรื่องหลักจะเข้าใจเรื่องราวมากกว่า  อิอิ

ขอบคุณที่ยังรอคอย ไทกริสกับพี่ต่ายนะคะ  แม้ตอนนี้ไทกริสจะไม่ออกมาเลยก็ตาม  555555 
 
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:










 
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 16-04-2016 00:41:29
กานต์ไม่แมนเลย ตอนจีบตกลงกันแล้วแท้ๆใครจีบติดก็ได้คบไป นี่อะไรยังตัดใจไม่ได้แล้วมาแทงข้างหลังเพื่อนตัวเองแบบนี้นี่โคตรแย่ ส่วนผู้หญิงก็นะอ้างว่าไม่มีเวลาถ้ารักกันจริงเรื่องแค่นี้ไม่ใช่ข้ออ้างหรอก เฮ้อมมม สงสารหนูต่ายจุงงง เป็นของเด็กโข่งอะดีแล้วหนูเอ้ยยย อิอิ ปล.อย่างที่เค้าบอกบางทีมิตรภาพดีๆก็พังเพราะคนเพียงคนเดียว /ขอบคุณที่มาต่อจ้า
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 16-04-2016 08:00:19
ดีแล้ว จะได้เห็นสันดานกันชัดๆ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-04-2016 08:42:46
คนนึงก็ไม่มีเวลา คนนึงก็ไม่มั่นคง อีกคนนึงก็ไม่นึกถึงมิตรภาพ แยกไป 3 ทางก็ถูกต้องแล้ว
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-04-2016 11:58:08
กานต์นี่แม่งหาคำบรรยายยังไงดี ไม่แมนน่าตัวเมียคงเหมาะ ส่วนเมลอนนี่ โลเล วันทอง 5555 เหมาะกันดีแล้ว  :ruready
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 16-04-2016 12:48:04
ดีแล้วจ่ะกระต่าย รอเจอเนื้อคู่ดีกว่านะค่ะ เนื้อคู่กลับมาหาแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 16-04-2016 19:03:54
ผู้หญิงแบบนี้เลิกไปเลยยยยยยยยย  มาหาไทกริสเถอะ เด็กเหมือนกัน   :hao7: :hao7:

เข้าใจที่พี่เอกกานต์เลวแล้วล่ะ   :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 16-04-2016 20:28:02
โหยสงสารต่าย เข้าใจอารมณ์เลยอ่ะเราก็เจอคล้ายๆเงี้ย เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 16-04-2016 20:38:42
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 17-04-2016 03:34:48
เจอเพื่อนหักหลังแบบนี้นี่สาปส่งยาวอะ แย่ว่ะ ไหนตกลงกันแล้วไง
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 11 15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 17-04-2016 05:35:22
ทับทางเเบบนี้ไม่โอเคว่ะกานต์
เมล่อนนี่ก็ไม่โอเคอะโอ้ยย
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 12 23/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 23-04-2016 22:06:00
บทที่ 12   พัฒนาการของ...?!!!!!!!



 
“เม..”  ต่ายหันไปมองร่างของเมล่อนที่ดูเหนื่อยหอบจากการวิ่งมา


ความรู้สึกที่หลากหลายต่างกรูเข้ามา

ทั้งที่คิดว่า ลืมได้แล้วเชียว ..... 



แต่ก่อนจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้  ทัศนียภาพตรงหน้าก็ถูกบดบังด้วยร่างของเจ้าเด็กโค่งนามว่าไทกริส

จากภาพสาวสวยน่ารักดีกรีเชียร์ลีดเดอร์กลายมาเป็นร่างขาวๆสูงอย่างกับเสาไฟฟ้า...


จากมุมนี้ ทำให้สายตาของต่ายปะทะเข้ากับลูกกระเดือก ที่ขยับไปมาตามจังหวะการกลืนน้ำลายของอีกฝ่าย


ยิ่งเหลือบสายตาขึ้นก็เจอกับโครงหน้าหล่อเหลา ไหนจะสันจมูกได้รูปตามพันธุกรรมชาวยุโรป


แต่มันจำเป็นต้องโด่งปานนี้ไหม นี่กะจะเอากั้นน้ำท่วมรึ?????  (พาล)


ไทกริสมองคนตรงหน้า ที่จ้องหน้าเขาพลางขมวดคิ้วยุ่ง ดูเหมือนเจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้ตัวเสียด้วย

นิ้วเรียวยาวเคาะที่หว่างคิ้ว ทำเอาต่ายสะดุ้งเบาๆ

“อะไร?”

“กระต่ายคิ้วยุ่ง” เด็กโค่งหน้านิ่งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่นัยน์ตาสั่นไหวเหมือนกำลังหัวเราะ

“กลับบ้านกัน” ว่าแล้วก็จูงมือคนอายุมากกว่าเดินออกมา
 
“พี่ต่ายคะ!”

“เอ่อ เดี๋ยวก่อนกริส” ต่ายยื้อตัวเองไว้ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินไปหาหญิงสาว

“มีอะไรหรอ? เม”

“เมื่อกี้... เมเห็น พี่ต่ายกับพี่กานต์ กำลัง..”  “ไม่มีอะไรหรอก”  ต่ายเอ่ยขัด

“พี่ก็แค่ ทักทาย’เพื่อนเก่า’น่ะ” เน้นเสียงที่เพื่อนเก่า  อีกฝ่ายหน้าเสีย

“แต่..”

“กระต่ายครับ~”

ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงอ้อนๆของเด็กโค่งหน้านิ่ง 


คิดว่าต่ายจะสนใจใครล่ะ??


ต่ายถอนหายใจพรู   ก่อนจะตัดสินใจจูงมือขาวของเด็กโค่งแล้วหันไปเอ่ยลาฝาแฝดหัวดำกับผองเพื่อน

โดยไม่สนใจ ผู้หญิงที่ยืนส่งสายตาเว้าวอนแม้แต่น้อย…...


เดินกันมาจนถึงที่จอดรถ

ถึงตอนนี้เจ้าเด็กโค่ง ทำการเปิดรถให้ต่ายพร้อมดันให้ขึ้นรถเสร็จสรรพ ก่อนจะเข้าที่ตำแหน่งคนขับ แล้วจึงพารถ BMWคันเก่งพุ่งทะยานออกจากมหาลัยไป
 
“ขับช้าๆหน่อย” ต่ายร้องเตือน เมื่อเห็นคนขับเหยียบคันเร่งจนเกือบแตะ 120 อยู่ร่อมร่อ


พอเด็กโค่งผ่อนความเร็วลง  ลมหายใจของต่ายก็เข้าที่  หลังจากที่รู้สึกเหมือนตัวเองแสดงอยู่ในฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส

ปกติไทกริสไม่ใช่พวกขับรถเร็ว แต่ก็ไม่ได้ขับช้าแบบเต่าคลาน   พอเห็นอีกคนขับเร็วก็รู้สึกประหลาดใจ


มาถึงคอนโด เด็กโค่งก็เดินดุ่มๆเข้าห้องตัวเองไป ท่ามกลางความสงสัยของต่าย


เป็นอะไรของเขา?

พอเปิดเข้าห้องไป ก็เจอซากเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้เป็นกองอยู่บนเตียง  ส่วนเจ้าของน่ะหรอ 


เสียงน้ำไหลในห้องน้ำไง คือคำตอบ

ต่ายส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะลงมือเก็บเสื้อผ้าอีกฝ่ายลงตะกร้าให้เรียบร้อย 




ไทกริสชะงัก เมื่อเห็นร่างของต่ายนอนตะแคงหันหลังให้เขาอยู่  เสื้อนักศึกษาที่เลิกขึ้น เผยให้เห็นเอวสีแทนวับๆแวบๆ

ร่างสูงโปร่งเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้น 

ก้มมองดูใบหน้าที่หลับตาพริ้ม โดยไม่รับรู้ถึงการมาของเขาด้วยซ้ำ ยกยิ้มอย่างถูกใจ
 
ก่อนจะขึ้นคร่อมอีกคน  ทั้งๆที่ยังใส่แค่ชุดคลุมอาบน้ำ



ต่ายรู้สึกคล้ายกับหยดน้ำโดนตัวกับกลิ่นหอมอ่อนๆใกล้จมูกเขาเหมือนกับกำลังดม…….

แชมพูสระผมของกริส


ความรู้สึกลอยๆ เหมือนกึ่งฝันกึ่งรู้สึกตัว  จนไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาตื่นอยู่รึเปล่า

จนกระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆแตะเข้าที่แก้มลากลงไปถึงซอกคอ

ก็ลืมตาโพลง !!!

“เห้ย!”

ไม่ให้ตกใจยังไงไหว ก็เจ้าเด็กในความดูแลที่ตอนนี้แปลงร่างเป็นเด็กหื่นคร่อมเขาอยู่ แถมใบหน้าก็ซุกอยู่ที่ซอกคอเขา

 “ทำบ้าไรเนี่ย” ได้แต่เอามือดันหน้าอีกฝ่ยออก จะลุกก็ลุกไม่ได้  ในเมื่ออีกคนคร่อมทับเขาทั้งๆที่ใส่เพียงแค่ชุดคลุมโดยมีผมเปียกๆบวกกับหยดน้ำที่ไหลติ๋งๆเป็นพร็อพเสริม

“กระต่ายขี้เซา” ใบหน้านิ่งผิดกับการกระทำโดยสิ้นเชิง

“กะกะ ก็ตื่นแล้วนี่ไง” 


โอยยยย หัวใจแทบจะวายตาย  นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยย!!

เด็กโค่งเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น  ไม่ตอบอะไร แต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนท่าทางที่ส่อแบบนี้ด้วย

“ลุกได้แล้ว เล่นอะไรเนี่ยย” ต่ายโวยวาย ดิ้นขลุกขลัก  มือก็ดันอีกคนให้ลุกออกจากตัวไป 


แต่ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงหายไปไหนหมด



ไทกริสมองหน้าคนใต้ร่าง  ก่อนจะผุดความคิดดีๆได้

“เฮ้ยยยยย  ไอ้เด็กบ้า”  ไทกริสสะบัดน้ำจากผมใส่ จนอีกคนร้องเสียงลั่น  พอสะใจแล้วก็ลุกออกจากตัวอีกคนไป

เหมือนหมาสลัดขนไม่มีผิด  ต่ายคิด

“หิวแล้ว”    ทำหน้าเหมือนไม่มีอะเกิดขึ้น

ให้อดข้าวซะดีไหมเนี่ย !!

“ไปแต่งตัวเช็ดผมให้ดีๆ  ให้ตาย นายทำพี่เปียกเลยเนี่ย”  บ่นอย่างหงุดหงิด มองตัวต้นเหตุที่ยืนอย่างไม่รู้สึกผิด

“เช็ดให้หน่อย”

“ให้มันน้อยๆหน่อย”  ว่าเสร็จก็ใช้มะเหงกเคาะที่หัวอีกคน อย่างไม่เบานัก

ด้วยความรักล้วนๆเลยล่ะ






หลังจากเลิกเรียนแล้วต่ายและผองเพื่อนก็พากันไปที่สนามบอลของมหาลัย เพื่อดูการซ้อมขบวนกีฬามหาลัยประจำปีที่จะจัดขึ้นในอีก 1 สัปดาห์

เพราะงานนี้ส่วนใหญ่จะให้พวกน้องใหม่อย่างปีหนึ่งปีสองทำ ส่วนพวกวัยใกล้ปลดเกษียณอย่างพวกปีสามปีสี่ก็เป็นรุ่นพี่ที่ดีคอยให้คำปรึกษาจากน้องๆ ไม่ก็ เดินเร่ร่อนไม่เป็นหลักเป็นแหล่งแบบนี้

เหตุผลหลักน่ะ มาดูของสวยๆงามๆ อย่างพวกดรัมเมเยอร์  พวกเทพีทั้งหลายแหล่ 


หลังจากที่โดนรุ่นพี่ทาบทามให้ไปถือป้ายมหาลัย เจ้าเด็กโค่งที่บอกว่าขอถามกระต่ายก็ทำตามคำพูดนั้น

ต่ายยังจำได้ว่า ตอนที่ไทกริสมาถามเขา ใบหน้าของอีกฝ่ายเหมือนกำลังจะขอพ่อแม่ออกไปเที่ยวงั้นแหล่ะ

ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องมาถามกับเขาเลยด้วยซ้ำ

หรือบางทีคงจะเห็นว่าเขาเหมือนผู้ปกครองอะไรทำนองนั้น

แต่พอเห็นหน้าตาอีกคน จะบ่นก็บ่นไม่ลง เลยพยักหน้าเป็นการตอบรับ
 
ซึ่งพอได้รับอนุญาต เจ้าตัวก็มีสีหน้าที่ดีใจ (ในความคิดต่าย) แต่ในความเป็นจริงก็หน้านิ่งไม่ต่างกับตอนปกติ


กลับมาปัจจุบัน  ในบริเวณลานกว้างเต็มไปด้วยนักศึกษาชายหญิงที่ต่างมาจับจองที่นั่งบนอัฒจันทร์กันเพื่อดูการซ้อมขบวน  แม้จะเป็นเวลา 4 โมงแล้วก็ตาม แต่แดดก็ยังคงสาดส่องจนต่ายรู้สึกเป็นห่วงไทกริสเด็กในความดูแล

เพราะรายนั้น ไม่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง  แถมโดนแดดแล้วก็เหมือนไอติมพร้อมจะละลายได้ทุกเมื่อ


วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มซ้อมเดินขบวน  กว่าคนจะครบก็เลทไปครึ่งชั่วโมง  เลยทำให้มีติดๆขัดๆ เห็นพวกองค์กรนักศึกษาจัดระเบียบแถวแต่ละส่วน

พอนึกย้อนไปปีของตัวเอง  ก็วุ่นวายประมาณนี้ล่ะ


การซ้อมครั้งแรกผ่านไปได้ด้วยดี  พอเห็นพวกขบวนแยกย้าย ต่ายก็พาตัวเองเดินลงไปหาเจ้าเด็กโค่ง 

หาไม่ยากหรอก นายคนนี้

เห็นหลังไหวๆเข้าไปในส่วนข้างในอัฒจันทร์ ในสภาพโดนประคองซ้ายขวา

ต่ายรีบวิ่งไปหาทันที  ทำเอาผองเพื่อนที่ตามมาซอยเท้าถี่ๆตามแทบไม่ทัน


“เกิดอะไรขึ้น” ต่ายร้องถาม เมื่อเห็นเด็กในปกครองถูกจัดให้นอนราบกับเก้าอี้ตัวยาวโดยมีผ้าขนหนูแปะอยู่ที่หน้าผาก

ไทกริสลืมตามองคนมาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ทำท่าจะลุก  แต่ก็โดนดันให้นอนเหมือนเดิม

“หน้ามืดน่ะครับ” โจที่นั่งยองๆอยู่ข้างๆเป็นคนตอบ พลางใช้กระดาษพัดให้เพื่อน

“จะไหวไหมเนี่ย” ต่ายรำพึงออกมา

นี่แค่วันแรกเองนะ..


“ไม่หรอกครับพี่ ไทก์มันยังไม่ได้กินข้าวกลางวันต่าง--- เห้ย!” ฟรานตอบ ก่อนจะโดนคนที่นอนอยู่ผลักเข้าให้

แต่คำตอบของฟรานทำให้ต่ายหันขวับไปที่เจ้าเด็กโค่งที่นอนหลับตาอยู่

“ทำไมไม่กินข้าวห๊ะ?”

“กินไม่ทัน” ต่ายเลิกคิ้ว ก่อนจะใช้สายตาถามสองแฝดหัวดำ  ในเมื่อถามเจ้าตัวไม่ได้ความ ก็ต้องถามคนรอบข้างนี่แหล่ะ

“วันนี้อาจารย์ปล่อยเลทอ่ะพี่  พอปล่อยปุ๊บ ก็โดนเรียกปั๊บ พวกผมอ่ะยังพอได้กินขนมของที่พวกพี่เขาเอามาให้  แต่ไทก์นี้โดนเรียกตัวไปตั้งนาน” โจอธิบายอย่างหวาดๆ 

ต่ายถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

“ไหวไหม” มือสีแทนยกทาบแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อจากอากาศของอีกฝ่าย
 
ไม่ใช่แค่ที่แก้ม แต่แดงตั้งหน้ายันลำคอ
 
“อือ  แต่หิว” ต่ายมองซ้ายขวา  กะว่าจะหาอะไรให้กินรองท้อง

“น้องไทก์” เสียงของกวางร้องเรียกขึ้น  ก่อนจะยื่นแก้วน้ำแดงพร้อมกับขนมปังมาให้

“พี่ขอโทษนะ  กวางขอโทษนะคะพี่ต่าย ที่ไม่ได้ดูแลน้องจนเป็นแบบนี้” กวางยกไหว้ต่าย    คนโดนไหว้ยกมือห้ามแทบไม่ทัน

คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นโดยมีสองแฝดช่วยพยุง ก่อนจะรับน้ำแดงมาดื่ม

“อ่า คราวหน้าก็ระวังหน่อยละกัน” ต่ายบอก  กวางพยักหน้ารับอย่างรัวเร็ว แล้วหันไปถามไถ่รุ่นน้อง

“วันนี้กินปิ้งย่างกันไหม” ต่ายหันถามไทกริส  คนถูกถามทำท่าลังเล ก่อนจะพยักหน้า

“พวกมึงไปปะ” หันไปถามผองเพื่อนและเผื่อแผ่ไปยังแฝดหัวดำ   

รายหลังนี่ตอบตกลงให้อย่างไม่คิดด้วยซ้ำ

“กูขอบาย” แกนตอบ  ส่วนพวกที่เหลือนั้นตอบตกลง



หลังจากที่เด็กโค่งเริ่มดีขึ้น ก็พากันไปที่ร้านปิ้งย่างที่พารากอน    เนื่องจากมากันในช่วงเย็น คนเลยแน่น แต่โชคดีที่โทรจองไว้แล้ว เลยไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา  ยิ่งมีเด็กหิวๆอยู่ด้วย

มาถึงก็สั่งของกันอย่างอดอยากมาสามชาติเศษ  พวกพนักงานถึงกับมองอย่างหวาดๆ
 
ก็นะ ชายฉกรรจ์ทั้ง 6   แต่ละคนก็ร่างไซส์บิ๊ก  ยิ่งเอกแล้ว กินขาดแน่นอน

ต่ายมองเด็กโค่งที่นั่งอยู่ข้างๆ คอยคีบนู่นคีบนี้ให้เขา  คือ....

มันก็ดีนะ
แต่ชิ้นนั้นมันยังไม่สุกนะเว้ยย
 
“กินของนายไปเถอะ”  ต่ายบอก พลางคีบเนื้อที่สุกแล้วใส่ชามอีกคน

ไทกริสผู้เกลียดความร้อน เลือกนั่งริมสุด เพราะโดนควันน้อยสุด แต่ก็พอมีไอร้อนอยู่บ้าง ถึงได้ขมวดคิ้วจนผูกเงื่อนพิรอดได้อยู่แล้ว

แชมรับหน้าที่แกะกุ้งให้กับทุกคน โดยให้เหตุผลว่า มือเลอะอยู่แล้ว เพราะรายนี้ได้กินกุ้งเป็นคนแรก


พอถล่มร้านปิ้งย่างเสร็จ ก็พากันเดินย่อย  ตามทางก็มีสาวๆส่งสายตาให้กัน โดยไม่แคร์ผู้ข้างตัวด้วยซ้ำ 

แต่ก็นะ ที่เดินกันมาเนี่ย เดือนคณะตั้งสองคนเชียว

“เออ ไวน์ฝากซื้อรอยซ์” แชมบอก

ดังนั้นพวกเขาเลยพากันลงลิฟต์เพื่อไปชั้นล่างที่ขายช๊อคโกแล็ตเจ้าอร่อย


ทั้งๆที่คิดว่าจะเดินย่อย  แต่พอย่อยแล้วก็ดันหิวอีก   เลยมาจบที่ร้านขนม

 
ดูท่า หลังจากนี้คงได้เบิร์นกันยกใหญ่ ......


TBC

-----------------------------------------------------

BEVA TALK :  อ๊ายยย  คลานเข่ามาอัพ  ฮรือออ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างอีกตามเคย หลังสงกรานต์ปั่นงานเสร็จก็มีงานใหม่ 
ตอนนี้เป็นตอนที่แต่งนานมาก  วันนึงแต่งได้หน้าเดียว  55555

ตอนนี้ที่กระแสกานต์+เมล่อน โดนแบนกันตรึม  ไม่คิดว่าจะขนาดนี้  :a5:  สะใจเล็กๆ  หลังจากนี้ก็มีปั่นป่วยอยู่เรื่อย แต่ไม่จบแค่นี้หรอกค่ะ  อุปสรรคต้องเยอะกว่านี้  :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:

สำหรับตอนนี้  พี่ต่ายเป็นพวกความรู้สึกช้าแอนด์ซึนเบาๆค่ะ  :hao7: โดนขนาดนี้  เป็นอิชั้นพลีกายยอมน้องกริสแน่นอนน  :hao6: :hao6:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และบวกเป็ดนะคะ   

ชอบไม่ชอบยังไง ติชมได้เลยนะคะ  ยินดีเสมอค่าาา  :pig2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 12 23/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 24-04-2016 05:26:37
ต่ายเหมือนคุณแม่ที่ดูแลคุณลูก55555 น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!! บทที่ 12 23/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 24-04-2016 20:13:32
พี่ต่ายสวดยอดดดดดดดดดด  o13

ไทกริสเหมือนเด็กน้อยที่ต้องให้แม่ดูแลอ่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 26-04-2016 23:12:01
บทที่ 13  งานกีฬามหาลัย





เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มจากอีกฝั่ง  เมื่อเด็กหนุ่มเตะลูกฟุตบอลเข้าประตู หลังจากหลบฝ่ายตรงข้ามถึง 3 คนรวด

ต่ายกัดก้อนน้ำแข็งดังกร้วมๆ อย่างเซงจิต  เพราะจากลูกนั้น ทำให้ฝ่ายนั้นตีเสมอขึ้นมา

วันนี้เป็นวันแข่งขันฟุตบอลรอบชิงที่ 3  ระหว่าง คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ คณะบริหาร

ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีได้ ที่คณะบริหารอันเป็นภาพลักษณ์ที่ดูคุณชายจะสามารถพาทีมมาได้ไกลขนาดนี้
ยิ่งเห็นไอ้เบอร์ 12 สกรีนชื่อว่า Joe   ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้เบาๆ


คนที่นั่งข้างๆต่ายอย่างไทกริสยิกยิ้มมุมปาก  แม้จะถูกต่ายลากให้มานั่งเชียร์ในฝั่งวิศวะ  ด้วยเหตุผลที่ว่า
“ฝั่งวิศวะเดินใกล้กว่า”

แต่ต่อให้ไม่โดนต่ายลากมา ไทกริสก็ไม่คิดที่จะไปนั่งอีกฝั่งหรอก 


เพราะตรงนั้นไม่มีกระต่าย


จวบจนเสียงนกหวีดดังขึ้น เป็นอันจบการแข่งขัน

วิศวะกรรมศาสตร์ ชนะ คณะบริหารไป 2-1   ได้ที่สามไปครอง


พวกโจและฟรานเดินออกมาในสภาพชุดบอลเหงื่อโทรมกาย แต่ก็ยังคงความดูดี แม้จะมีเศษหญ้าติดอยู่ตามแขนขาก็ตาม
 
แฝดหัวดำพอเห็นไทกริสก็เดินตรงเข้ามา พลางบ่นหงุงหงิงที่แพ้ให้กับคณะวิศวะ  แต่พอเจอกับพวกต่าย ...

“พี่แกนๆ  เห็นผมปะๆๆ  เตะเข้าประตูได้ตั้งหนึ่งลูก” โจรีบเข้าไปเกาะแขนแกนที่เดินตามสมทบ


ต่ายมองภาพตรงหน้า อย่างรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างซ้อนทับ

ภาพสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้กำลังสั่นหางพั่บๆ  อ้อนเจ้าของที่ในที่นี้คือแกนนี่คืออะไร ????????


ว่าแต่ ไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย


“ไปสนิทกันตอนไหนวะ”  เหมือนเอกจะสงสัยเหมือนต่าย จึงถามขึ้น

แกนยักไหล่ พลางยีกลุ่มผมสีดำของโจแรงๆ จนเจ้าของร้องประท้วง

“เพิ่งรู้ว่าอยู่คอนโดเดียวกัน”

“ไอไปก่อนนะ  แม่มารับอ่ะ บาย ” ฟรานที่มัวแต่วุ่นวายกับโทรศัพท์พูดขึ้น ก่อนจะเดินออกไป


พวกเขาแยกย้ายกันเมื่อถึงลานจอดรถ

เอกขี่มอเตอร์ไซด์มา

ส่วนแกนและโจเดินกลับด้วยกัน

เหลือสองคน คือต่ายและไทกริส  ซึ่งก็เดาไม่ยาก

หนึ่งคนทำหน้าที่ขับรถ  หนึ่งคนนั่งข้างคนขับ   ภายในรถBMW สีดำเงาคันหรู



เช้ามืดของวันใดซักวันนึง เสียงสั่นจากโทรศัพท์ของไทกริสดังขึ้น  ต่ายงัวเงียมองฝ่าความมืดสลัว เห็นคนข้างตัวยกโทรศัพท์มากดรับ ก่อนจะลุกจากเตียงเดินออกไปข้างนอก


แต่อนิจจา  เปลือกตาที่หนักอึ้ง ทำให้ต่ายไม่สามารถฝืนมันได้  ก่อนจะปิดลงในที่สุด

แต่ก่อนที่จะเข้าสู่นิทรา  สัมผัสเบาๆที่แตะลงที่แก้มและปากอย่างแผ่วเบา  ทำเอาคนที่นอนอยู่รู้สึกอบอุ่น พลางยิ้มจางๆออกมาในที่สุด

ร่างสูงมองผลตอบรับที่ออกมาอย่างน่าพอใจ ก็เดินผิวปากเดินเข้าห้องน้ำไป


“ว้าย น้องไทกริสมาแล้ว  อีเบลมาเอาตัวน้องไปเลยย” 

หลังจากก้าวย่างเข้ามาในพื้นที่เก็บตัวของฝ่ายองค์กรนักศึกษา  เสียงแหลมปรี๊ดของพี่เดนี่ รุ่นพี่สาว(เทียม)คนสวย ก็เรียกเพื่อนให้พาตัวไทกริสไป

เด็กหนุ่มหน้านิ่งมองอย่างงงๆ แม้จะถูกรุ่นพี่สาวหลายชีวิตรุมทึ้งทั้งหน้าทั้งผม

“ผิวน้องใสมากเลยอ่า” เบล ที่กำลังเติมแป้งให้ไทกริสพูดขึ้นอย่างอิจฉา

“ช่าย  นี่น้องไทก์แทบจะไม่ต้องแต่งเลยด้วยซ้ำ เนี่ยผิวก็ขาวไปอีก พี่ล่ะอิจฉ๊าอิจฉา”


ใช้เวลาไม่นาน ชายหนุ่มรูปงามราวกับเจ้าชายก็ปรากฏแก่สายตาคนในห้องเตรียมตัว  เสียงกรี๊ดบวกกับเสียงอุทานดังออกมา

“ฮรืออ น้องหล่อมาก  ของถ่ายรูปหน่อย” 

จากนั้นร่างสูงก็มาโดนรุมทึ้งถ่ายรูปกันต่อ  จนกระทั่งสาแก่ใจสาวแท้สาวเทียม  ไทกริสก็ถูกปล่อยออกมา


ท้องฟ้ายามเช้า ทอเป็นสีส้มหม่น  ยืนจากตรงนี้เห็นพระอาทิตย์ลูกโตโผล่ออกมาเห็นแค่ครึ่งเดียว
บรรยากาศของงานกีฬากำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ .....

“โย่ว ไทก์” ฟรานและโจที่ตั้งใจจะมาหาเพื่อน  พอเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ก็ทักขึ้น

ฟราน ในชุดเทพบุตรชุดสูทสีขาว  นัยน์ตาสีเขียวมรกตจากคอนแทคเลนส์  ผมเซ็ตเรียบแปล้ อย่างกับพวกขุนนาง

ส่วนโจ  ผู้ถือธงของคณะวิศวะ  ไม่ได้แต่งอะไรมาก เซ็ตผมกับหน้านิดหน่อย ส่วนชุดเป็นชุดนักศึกษาอยู่แล้ว 

ซึ่งเจ้าตัวก็โล่งใจที่ไม่ต้องแต่งชุดที่ดูร้อนชวนอึดอัดอย่างเพื่อนรักทั้งสอง


ไม่นานพวกรุ่นพี่ก็เรียกไปซักซ้อมคิว ก่อนจะพักเบรคทานขนมรองท้อง




ต่ายตื่นขึ้นม  สมองมึนงงเพราะนอนดึก  หันซ้ายขวาไม่พบเด็กโค่ง  ก็หาอย่างวุ่นวาย  ทั้งห้องน้ำ ห้องครัว ลงไปที่พิตเนสข้างล่าง

พอโทรไปหาก็ไม่มีคนรับ  ในใจสับสนวุ่นวายเดินวนอย่างหนูติดจั่น

และในความวุ่นวายนั้นก็เผื่อแผ่ไปถึงผองเพื่อนอย่างแชม  ที่ต้องแหกขี้ตามารับฟังเสียงร้องรนจากเพื่อน

ก่อนต่ายจะโดนถามกลับด้วยเสียงเนิบๆว่า

“วันนี้วันกีฬามหาลัยไม่ใช่หรอวะ  น้องมันต้องเดินขบมวนไม่ใช่?”  ต่ายชะงักกึก

ก่อนจะระลึกชาติได้ว่า  เมื่อคืน เด็กโค่งบอกกับเขาว่าต้องตื่นเช้าเพื่อไปเตรียมตัว  ตอนแรกหมายมั่นตั้งใจว่าจะไปส่งเด็กในความดูแล
แต่กว่าจะเคลียร์งานเสร็จก็ปาไปตีสาม  ซึ่งเจ้าเด็กโค่งต้องไปแต่ตีห้า   

ขนาดผู้ชายยังต้องตื่นเช้าขนาดนี้ แล้วผู้หญิงนี่คงไม่ต้องนอนแล้วมั้ง


“เออว่ะ” 

พอคนในสายได้ยินก็ด่าสรรเสริญกลับอย่างหงุดหงิด ก่อนจะวางสายไป


ต่ายส่ายหน้าให้กับตัวเอง


มึนแต่เช้า



ต่ายตั้งใจว่าจะไปดูเจ้าเด็กโค่งเดินขบวน เลยชวนผองเพื่อนไปดูด้วย  ซึ่งก็ไม่มีใครขัดศรัทธา เพราะต่างคนต่างอยากมาดูเหมือนกัน 

อัฒจันทร์ถูกจัดเป็นล๊อคๆเพื่อให้กองเชียร์แต่ละคณะได้เข้ามานั่ง  ส่วนนักศึกษาคนอื่นที่ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ก็ถูกจัดในยืนเกาะขอบสนามแทน


ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่า งานครั้งนี้จะเป็นธีม เหนือธรรมชาติ

ดังนั้น

การเดินเข้ามาในบริเวณนี้  แล้วจะเห็นคนตัวสีฟ้า เหมือนกับตัวละครในเรื่องอวตาร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


“ว่าเว้ย  นึกว่ากูกำลังฝัน”  เอกพูดออกมาพลางหัวเราะออกมา


ตามกำหนดการ ขบวนจะเริ่มตอนเก้าโมง  ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้เวลาเต็มที  ต่ายจึงชวนผองเพื่อนเดินเข้าไปส่วนของขอบสนาม ที่มีรั้วกั้นไว้อยู่ 

แดดยามเก้าโมง แม้จะไม่แรงแต่ก็ร้อนได้เหมือนกัน เห็นสาวๆ เอาร่มมากาง ก็ได้แต่มอง พลางนึกไปถึงเด็กขี้ร้อนที่ตอนนี้คงอยู่ในขบวน 

คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ...


ส่วนชายถึกๆอย่างพวกเขา แดดแค่นี้ไม่สะเทือนหรอก


พอถึงเวลา ก็มีซาวด์ประกอบก็ดังขึ้นมา ก่อนขบวนของมหาลัยจะออกมาก่อน ตามด้วยคณะต่างๆ

 เริ่มด้วยป้ายมหาลัย ที่ได้ไทกริสและน้องผู้หญิงหุ่นนางแบบคนนึง 

ได้ยินเสียงผองเพื่อนผิวปาก ทันทีที่ออกมา


ไทกริสตอนนี้ ไม่ได้ต่างจากตอนปกติเท่าไหร่  จะมีแค่ทรงผมที่ปกติปล่อยลวกๆ ถูกเซ็ตเสยขึ้นไปเผยในเห็นรูปหน้าที่เด่นชัด 

จนสาวข้างๆกรี๊ดพร้อมกับรัวกล้องไม่ยั้ง

ทุกอย่างดูลงตัวสุดทั้งเสื้อผ้าหน้าผม บวกกับหญิงสาวที่คู่ด้วย 

ยกเว้น ...............



ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเด็กโค่ง ผิดกับผู้หญิงที่ยิ้มแย้มสดใส


จนกระทั่งเดินขบวนจนครบรอบสนามเสร็จ ก็แยกย้ายกันไป ก่อนอธิการบดีจะเป็นผู้กล่าวเปิดงาน  เสร็จสรรพก็ถึงคิวเชียร์ลีดเดอร์ของมหาลัยที่มาวาดลวดลาย

ต่ายไม่ค่อยได้สนใจสิ่งที่ต่อจากนั้น    เหตุผลที่มาก็มีแค่มาดูเจ้าเด็กโค่งเท่านั้น


ครืน~ เสียงข้อความไลน์เข้าจึงทำให้ต่ายหยิบโทรศัพท์มาดู


เด็กโค่งเป็นคนส่งมา เพื่อบอกว่า



“หิว”





จ้ะ........


“กูไปโรงอาหารแปป”  ผองเพื่อนเลิกคิ้วเป็นคำถาม

“ไปหาอะไรให้เด็กกิน”

“ไปด้วย”


ดังนั้น เหล่าบอยแบนด์ทั้ง 4 ก็เดินเข้าโรงอาหารที่เริ่มร้าง เพราะผู้คนไปสนใจงานกีฬากันหมด


“จะว่าไป กูเริ่มอิจฉาไทกริสหน่อยๆแล้วว่ะ” แกนเปรยๆขึ้น  ในขณะที่นั่งรอต่ายไปซื้อข้าว

“ไมวะ”

“ดูต่ายดิ ดูแลซะขนาดนี้ ขนาดเพื่อนอย่างพวกเรามันยังไม่ทำขนาดนี้เลย”   

“อย่าว่าแต่เพื่อนเลย  แฟนมันก็ไม่ขนาดนี้” เอกเอ่ย  นึกไปถึงแฟนเก่าของเพื่อน อย่างเมล่อน  ที่ต้องเลิกกันเพราะเหตุผลว่า ไม่มีเวลาให้  พอมาดูตอนนี้ ต่ายเต็มที่กับการดูแลเด็กมาก

“จะว่าไป ตอนต่ายมันอยู่กับไทกริส กูว่ามันก็น่ารักดี” แชมพูด   คนอื่นๆนิ่งไป ก่อนพยักหน้ารับในเวลาถัดมา

พวกเขาสังเกตเห็นถึงความเป็นธรรมชาติของเพื่อนที่ดูแลไทกริสแบบไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะเคยบ่นกับความมึนของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เห็นจะเลิกทำซะที


“แต่เด็กไทกิรสมันก็ติดต่ายน่าดูเลยนะ”

“บางทีกูก็เห็นสายตามันแปลกๆด้วยนะ มึงยังจำตอนที่ไปกินเหล้าด้วยกันได้ปะ  มองต่ายอย่างกับโกโบริกับอังศุมาลิน”

“เด็กนั่นมันคงไม่ได้หวังเคลมเพื่อนเราใช่ไหมวะ”

“บ้าแล้ว .........  เพื่อนเราต้องเคลมสิวะ  เสียชาติเกิดนักมวยหมด”

“ไอ้ต่ายมาแล้วเห้ย”


ต่ายเดินกลับมาที่โต๊ะ   มองผองเพื่อนที่คุยกันโดยส่งสายตาแปลกๆมาทางเขา

“คุยไรกัน”

“นินทามึงอยู่”

“นินทาไวะ”

“นินทา ใครเขาจะให้เจ้าตัวรู้วะแม่งงง   ไปๆๆ ลุกๆ” เอกเอ่ยขัด


ไทกริสในชุดเสื้อกล้ามสีดำตัดกับผิวขาวโอโม่นั่งเล่นโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากสภาพอากาศ ข้างๆกันมีพัดลมขนาดเล็กเปิดให้อยู่



พอต่ายเดินเข้าไป  อีกฝ่ายก็ช้อนตามองอย่างอ้อนๆ (ในสายตาของต่าย) แก้มแดงๆทำให้เขานึกถึงเด็กม้งบนดอยที่เขาเคยเจอ

“ไง”  จิ้มแก้มแดงๆนั้นนึงที อย่างหมั่นไส้ ก่อนจะยื่นถุงกล่องข้าวพร้อมแก้วน้ำ

ไทกริสรับมาก่อนจะเปิดกล่องข้าวกินอย่างหิวโหย


“นี่ ไทกริส รู้มั๊ย เมื่อเช้าพี่นายเป็นบ้าอ่ะ” แชมหันไปถามไทกริส ที่ส่งสายตาสงสัยกับคำพูดเขา

“ก็มัน------- อื้อ” ยังไม่ทันจะเผาเพื่อนให้รุ่นน้องฟัง  ขนมปังก้อนใหญ่ก็ถูกยัดเข้ามา

“ไม่ต้องเล่าก็ได้มั้งงง  นี่ก็ไม่ต้องมาทำหน้าขัดใจเลยนะ” ต่ายเอ่ย ก่อนจะหันไปดุเด็กโค่งที่แสดงสีหน้าขัดใจ

“มันบ้าเพราะเราอยู่ๆก็หายไป  โทรศัพท์ก็ไม่รับ” แกนบอก  ตายสบถใส่ ก่อนจะหันหน้าหนี ไม่ยอมสบตา

แต่ก็ไม่วายเหลือบมองสีหน้าเด็กโค่ง ที่เลิกคิ้วให้พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก

เสียฟอร์มเว้ยยยยยยยย !!!!

TBC..


---------------------------

BEVA TALK :  ใครเคลมใครน้อออออ???   :hao7:

ผลตอบรับตอนที่แล้วน้อยจนน่าใจหาย    T^T   เก๊าเดินเรื่องน่าเบื่อใช่ไหม  :mew6:   
ที่คิดไว้คร่าวๆจะมี 20++ ตอน  เพราะฉะนั้น คิดว่าหลังจากนี้พี่ต่ายน้องกริสคงจะเริ่มรู้ใจกันมากขึ้นแล้ว

คิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้ บอกให้รู้กันหน่อยนะน๊าาา 
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 26-04-2016 23:40:46
โหยยยคนแต่งจ๋าาาอย่าน้อยใจ
สนุกๆๆนะ เราชอบความมึนของไทกริส อยากให้นางรุกต่ายเยอะๆอยากเห็นต่ายเขิน แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 26-04-2016 23:46:09
พี่กระต่ายน่ารักจังงงง
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-04-2016 01:14:28
เอาคืนกานต์กับเมล่อนสักครั้งเถ๊อะะะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 27-04-2016 01:28:39
น่าย้ากกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-04-2016 07:17:32
ต่ายคือหลงเด็กแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอย่างแท้จิง
555555555555
อีกไม่นานโดนเด็กกินเข้าไปแน่ หุหุ -.,-
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-04-2016 08:55:43
้สนุกมากจ้า
ชอบความเป็นธรรมชาติของทั้งคู่
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้ดื้อ ที่ 27-04-2016 10:48:42
เราชอบนะดูละมุนละไมดี
ตามตลอดๆ แอบเชียร์ให้กระต่ายโดนกินนะคะ อุ้ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-04-2016 12:29:01
ต่ายเริ่มห่วงน้องไทกริสแล้วสินะครับ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 27-04-2016 13:22:49
ไทคงไม่โดนเคลมใช่มะ นี่ก็เริ่มหวั่นๆกับนางแล้ว  :m29:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 27-04-2016 14:44:53
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 27-04-2016 15:00:54
ชอบความตีมึนของไทก์จริงๆ กระต่ายคงไม่รอด
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-04-2016 18:30:05
ชอบนะ เรื่องก็ดำเนินไปอย่างที่ควรเป็น ไม่น่าเบื่อ
ชอบต่ายดูแลไทกริส :mew1:
ไทกริสก็เนียนแอบจูบ แอบหอมต่าย ชอบ :o8:
โจ แกน เพื่อนๆเริ่มสังเกตความใกล้ชิดและ
มาต่อไวๆ เยอะๆ รอนะ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 27-04-2016 22:52:20
กรี๊ดดดด มาแล้ววว  :hao6:    น่ารักอีกแล้วว  :-[

แอบเห็นพลังงานบางอย่างจากโจและพี่แกน  ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมมม
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 28-04-2016 03:13:59
ไทก์เคลมต่ายแน่นอนค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-05-2016 12:32:19
พี่ต่ายคนเก่ง แพ้ทางน้องกริสอ่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 01-05-2016 15:45:30
 :-[
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 13 26/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 02-05-2016 21:36:42
บทที่ 14  มิดเทอม (นี้ฉันตาย)




หลังจากงานกีฬาของมหาลัยจบลง  นักศึกษาทั้งหลายนั้นก็มีเวลาลัลล๊าได้สัปดาห์เดียว เทศกาลสอบมิดเทอมก็เริ่มขึ้น

สำหรับต่ายมีสอบอยู่ 3 ตัว ส่วนตัวอื่นๆสอบนอกตารางกับสอบปฏิบัติไป (แต่สามตัวนั้นก็โหดใช่ย่อย)  ผิดกับเด็กโค่งที่เรียน 6 ตัว ก็สอบ 6 ตัว 

ต่ายอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า  เด็กอนามัยอย่างนายไทกริสจะจัดเวลาการนอนอย่างไร

เป็นที่รู้กันว่า ชีวิตเด็กมหาลัยนั้นโต้รุ่งกันเป็นกิจวัตร  โดยเฉพาะเวลาปั่นงานให้ทันส่ง  ต่ายยืนนอนนั่งยันเลยว่า


ถ้าใครไม่เคยมีชีวิตแบบนั้นถือว่าผิด

 
แต่พอหันกลับมามองเด็กในความปกครองตัวเองก็รู้สึกอยากจะกลับคำพูดอย่างเสียไม่ได้

เพราะคนที่ใช้ชีวิตนอนไม่เกิน 4 ทุ่มอย่างไทกริสนั้น   สามารถปรับแผนการใช้ชีวิตได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
แม้กระทั่งการอ่านหนังสือสอบ ...



ต่ายเงยหน้ามองร่างสูงของไทกริสที่ขนหนังสือบวกกับเท็กซ์บุ๊คเล่มโตเต็มอ้อมแขน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่พื้นพรม ข้างๆเขาที่กำลังนั่งจ้องเนื้อหาในโน้ตบุ๊คอยู่

เด็กหน้านิ่งยักคิ้วให้ ก่อนจะทำการเปิดตำราแล้วนั่งอ่านอย่างเงียบเฉียบ

จนถึงเวลา 6 โมงเย็นซึ่งเป็นเวลาอาหารเย็น  ต่ายก็ทำการพับหน้าจอโน็ตบุ๊ค ก่อนจะหันไปถามไทกริส

“กินอะไรดีเย็นนี้ ”  ไทกริสไม่ถึงกับเป็นเด็กเลือกกินหรือกินยาก  แต่แค่ไม่ชอบอะไรที่มันซ้ำๆจำเจ ไม่เว้นแม้แต่ของชอบอย่างสปาเก็ตตี้ ที่ถ้าให้กิน 3 วันติด เจ้าตัวก็ขอบาย  ต่างกับต่าย  ที่กินง่าย อะไรก็ได้
ยิ่งจากประสบการณ์ที่ต้องกินไข่พะโล้ เกือบทั้งสัปดาห์ เพระคุณนายนาถลดาหนีไปเที่ยวทิ้งไว้แค่ไข่พะโล้หม้อโต  ดังนั้น ต่ายต้องจำใจกิน  หลังจากนั้นก็ขยาดไข่พะโล้ไปเป็นเดือน


“กินกระต่าย”  เด็กโค่งตอบทั้งที่หน้ายังก้มอ่านหนังสือ

ต่ายเอียงหู เพราะได้ยินไม่ชัด

“อะไรนะ”

อีกฝ่ายเงียบไป

“เอาไข่น้ำ”

ต่ายคิดตาม 

ไข่น้ำที่เป็นไข่เจียวใส่ในน้ำต้มจืดหรือไข่ที่ทอดโดยใช้แต่น้ำกันแน่

“ไข่เจียวที่ใส่ในต้มจืดน่ะหรอ” พอถาม อีกคนก็ขมวดคิ้วยุ่ง

“ไม่ใช่  ที่กระต่ายทำให้กินคราวก่อนก่อน ที่ใส่กุ้งด้วย” เด็กโค่งตอบ

ต่ายระลึกชาติตาม   อาหารที่เขาทำเมื่อตอนก่อน  แล้วใส่กุ้งด้วย
......


..........



...............


อ่า หรือว่าจะเป็น.......



"ไข่ตุ๋น?”



อีกฝ่ายเหมือนจะสตั๊นท์ไปเพราเข้าใจผิดระหว่างไข่ตุ๋นกับไข่น้ำ

จะไปว่าตอนทำ เห็นเด็กโค่งมาป้วนเปี้ยนอยู่ซักพักนึง คงจะเห็นตอนที่เข้าใส่น้ำลงไปในไข่ล่ะมั้ง

“อืม” พอได้ยินอีกคนตอบแบบนั้น ก็พยายามกลั้นขำจนตัวสั่น
 
“โอเค  รอแปปนึงนะไอ้เสือ”  ยีผมนุ่มสีน้ำตาลอ่อนที่แสนจะติดใจ  เพราะยีทีไรก็นึกถึงขนนุ่มของเจ้าถุงทองแมวที่บ้านทุกที

ไทกริสพยักหน้าหงึกๆทั้งๆที่มือต่ายยังวางแหมะที่หัว   ต่ายยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป


เปิดตู้เย็นมาเจอไข่อยู่ 2 ฟอง  ซึ่งแน่นอน  แค่นี้ไม่เพียงพอกับกระเพาะพวกเขาสองคน จึงต้องทำกับข้าวอื่นเพิ่มเติม

คุ้ยตู้เย็นในช่องใส่ผัก พบผักกะหล่ำ 1 หัว กับแครอทครึ่งหัว  เลยตัดสินใจทำผัดผักซะ


ยืนผัดผักเพลินๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงาดำพร้อมกับไออุ่นมาจากทางด้านหลัง และที่สำคัญเงาดำๆนั้น พูดได้

ต่ายสะดุ้ง เกือบจะถองใส่ด้วยสัญชาติญาณ แต่ยั้งไว้ทันเพราะเสียงคุ้นหู
“หอม” พูดด้วยไม่พอ ยังสูดกลิ่นอาหารใกล้ๆหูของเขาอีก

ต่ายหันไปตามเสียง

ซึ่งถ้าเป็นละคร พออีกฝ่ายหันกลับไป ก็อาจจะไปปะกับแก้มของอีกฝ่ายเป็นแน่

แต่สำหรับต่ายนั้น พอหันไป ไหงมันไปประทะกับปากของที่ฝ่ายเต็มๆ เหมือนกับรออยู่อย่างนี้ล่ะ!?????


“เห้ย”  ต่ายผงะ  มองตัวการที่กระตุกยิ้มให้เช่นเคย

“มาดีๆไม่ได้รึไง”  บ่นกระปอดกระแปด ทำเป็นไม่สนใจเสียงหัวใจที่เต้นโครมคราม

“หิวแล้ว” เด็กหิวโซว่า พลางซุกซนเปิดหม้อที่ต่ายใช้นึ่งไข่ตุ๋นเอาไว้

กลุ่มควันร้อนๆจากน้ำที่กำลังเดือด ปะทะเข้าหน้าไทกริส  เด็กเกลียดความร้อนยิ่งชีพเบ้หน้าใส่ แล้วรีบปิดฝานั้นอย่างแรง
ก่อนจะเดินออกไปจากครัวอย่างรวดเร็ว


ต่ายกระพริบตาปริบๆ กับมาเร็วเคลมเร็วยิ่งกว่าสินมั่นคงประกันภัย


จนกระทั่งอาหารเย็นเสร็จสิ้น ต่ายจึงตะโกนเรียกเด็กโค่งที่ป่านนี้ไม่รู้จมกองหนังสือรึยัง

ซักพักร่างสูงก็เดินมา พร้อมกับหนีบหนังสือมาหนึ่งเล่ม

ขณะลงมือรับประทานอาหาร เจ้าเด็กโค่งก็ปากเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ ตาก็มองหนังสือ

จนต่ายทนไม่ได้ ต้องส่งเสียงดุ

“กริส  กินให้เสร็จก่อน”  อีกฝ่ายอืออาในลำคอ  แล้วก็ทำตามแต่โดนดี





ในขณะที่ต่ายนั่งอ่านสไลด์ ส่วนมือก็สรุปเนื้อหาลงในสมุด  อยู่ๆ ไทกริสที่ควรจะนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา ก็เขยิบลงมานั่งกับพื้นแทน 

เฮือก!

ต่านสะดุ้งทันทีเมื่อหัวหนักๆของเจ้าเด็กโค่งทิ้งลงมาที่ตักของต่าย  ในมือยังถือชีทเอาไว้

 “กริส?!”

“หนุนหน่อย”

“ไปนั่งที่โซฟาดีๆ” เขย่าขา ให้อีกคนลุก

“ฮื้ออ กระต่ายนั่งดีๆ”

“นายนั่นแหล่ะนั่งดีๆ” คีบจมูกโด่งๆนั่น   จนอีกฝ่ายร้องออกมานั่นแหล่ะ ถึงได้ปล่อย


หลังจากนั้น เจ้าเด็กโค่งก็งอแงเป็นระยะๆ  เผลอหน่อยก็นั่งพิงหลังให้ต่ายปวดหลังเล่น


จนนาฬิกาบอกเวลา 4 ทุ่มพอดีเป๊ะ

ร่างสูงก็รวบหนังสือที่กองอยู่ทั้งหมด ก่อนจะเดินกลับห้องไป

ทำอย่างกับหุ่นยนต์  ต่ายได้แต่คิด

ต่ายเข้าห้องตามไป หลังจากนั่งอ่านไปจนจบ  ตีหนึ่งกว่า ไม่รู้เจ้าเด็กโค่งคงจะหลับฝันดีไปถึงไหนต่อไหน


ต่ายสะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ  พอเข้าห้องน้ำเสร็จ กำลังจะล้มตัวนอน

แต่ก็เห็นความผิดปกติ  มองหาเจ้าเด็กโค่งที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆ กลับไม่เจอ ความรู้สึกเหมือนเดจาวูเบาๆ

พอเดินออกจากห้องไป  แสงสว่างจากโคมไฟในห้องนั่งเล่น ก็แยงตาซะจนต้องหลับตาเข้าสู้

พอลืมตาได้ ก็เห็นไทกริสนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา

ต่ายพอจะได้ยินในทฤษฏี อ่านหนังสือตอนเช้ามืดนั่นดี เพราะสมองกำลังปลอดโปร่ง
แต่สำหรับต่ายแล้ว  มันไม่ต่างกับยานอนหลับ


“กริส” เสียงแหบทุ้มเรียก  ไทกริสเงยหน้ามองคนที่ตาปรือ เดินมาหา
“นอนไม่หลับหรือยังไง”

“เปล่า  ตื่นมาอ่านหนังสือ”

“อ่านรู้เรื่องด้วยหรอ”

ไทกริสทำหน้าประหลาดใจในคำถาม เหมือนกับเขาถามคำถามผิด

“มาอ่านด้วยกันไหม”

“เอ่อ ตามสบาย” โบกมือหยอยๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไป



ต่ายนั่งไถโทรศัพท์ ระหว่างรอเด็กในความดูแลสอบเสร็จ   ไทกริสสอบช้ากว่าเขาชั่วโมงนึง เลยเลิกสอบช้ากว่า

กระแสสอบมิดเทอมในโซเชียลดุเดือดเผ็ดมัน โดยเฉพาะแฮชแท๊ก ยอดนิยมอย่าง #midtermcrisis กับ #มิดเทอมนี้ชั้นตาย 
ต่ายอยากจะหัวเราะ  เห็นโพสต์ชั้นตาย พอสอบเสร็จก็ไปเกิดใหม่ที่ร้านเหล้าตลอด  ไม่ต้องมองหาคนไกล  คนใกล้ๆตัวอย่างพวกผองเพื่อนเขานี้แหล่ะ


พูดถึงผองเพื่อน  พอสอบเสร็จ ก็เผ่นแน่บกันเป็นแถว จะมีก็แต่แกนที่อาสามานั่งรอเป็นเพื่อนเขา  เห็นบอกว่า รอโจ เพราะจะไปซื้อของด้วยกัน

ต่ายนึกสงสัย  ความอยากเสือกแทรกซึมทุกอณูผิว แต่ต้องทำเป็นไม่สนใจ  รออะไรอะไรให้มันชัดกว่านี้ก่อน แล้วค่อยถามทีเดียว
 
จวบจนได้ยินเสียงพูดกันเสียงดังจากทางบันได   ไม่นานก็เห็นเด็กโค่งหัวสีน้ำตาลอ่อนเดินลงมาพร้อมแฝดหัวดำที่ใบหน้าเหมือนโดนผู้คุมวิญญาณดูดไป

“ตายยัง?”  ต่ายพูดแซวโจกับฟราน  ทั้งสองเบะปากใส่  ก่อนที่โจจะหันไปงุ้งงิ้งกับแกนแทน


ขนลุกซู่....


อยากเสือกจริงจัง .....



มองคนข้างๆที่กำลังเช็คคำตอบสองคนกับฟราน  อีกคนหน้านิ่งตอบ อีกคนยิ่งพูดหน้ายิ่งซีด

ถ้าเป็นพวกเขานี่  พอสอบเสร็จ หนังสือเล่มนั้นคือ หนังสือต้องห้ามไปโดยปริยาย

ซักพักแกน โจและฟรานต่างแยกย้ายกันกลับก็เหลืออยู่สองหัว
 
“อยากกินสเต๊ก” อยู่ๆ ไทกริสพูดขึ้นมา ทั้งๆที่ปกติเขาจะเป็นคนถามก่อน


พวกเขาสองคนตัดสินใจไปกินสเต๊กที่ซอยข้างมหาวิทยาลัย  เห็นว่าเพิ่งเปิด  คนเลยไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่  ต่ายเห็นจากที่เพื่อนในเฟสเช็คอิน เลยว่าจะไปลอง

ข้างในร้านมีโต๊ะอยู่สิบกว่าโต๊ะ ถือว่าเป็นร้านที่ใหญ่อยู่  บรรยากาศชิลๆ มีเพลงเปิดคลอ 

พอเดินเข้าไป พนักงานก็ปรี่มาหา ก่อนจะพาไปที่โต๊ะ

“กินอะไรดี”  หันไปถามไทกริสที่ดูเมนูแผ่นเดียวกับเขาอยู่

“เอากระต่าย/ ครืดดดดดด”  เสียงขาเก้าอี้ขูดกับพื้นดังพอดีกับเด็กโค่ง  ทำให้ต่ายไมได้ยินที่อีกฝ่ายพูด

“เอาอะไรนะ”

“เอาเหมือนต่าย”  พูดดีๆก็ไม่ได้ ต้องมากระซิบข้างหู ให้คนอื่นเขามองกันแปลกๆอีก

“งั้นเอาคุโรบูตะซอสพริกไทยดำสอง  เพิ่มไส้กรอก 1 ครับ” สั่งเสร็จก็ยื่นเมนูคืนพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ


พนักงานสาวสวย ก็ต้องบริหารเสน่ห์กันบ้าง  แม้คุณเธอจะมองแต่ไทกริสก็ตาม 

เฮ้ออ ...



ไม่นาน สเต๊กหมูคุโรบูตะก็มาเสิร์ฟ กลิ่นหอมเครื่องเทศ เรียกพยาธิที่ก่อม๊อบอยู่ในกระเพาะต้องร้องประท้วงทีเดียว
ต่ายหยิบมีดหั่นเนื้อหมูนุ่ม ที่แค่กดปลายมีดน้ำจากเนื้อหมูก็ไหลออกมา   ส่วนเรื่องรสชาตินั้นก็ถือว่าเยี่ยม ยิ่งมองสีหน้าของคนข้างๆที่ดูมีความสุขด้วยแล้ว  แปลว่าร้านนี้ผ่าน




หลังจากเคลียร์งานที่ค้างเสร็จ  เดินไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอน  ก็อีหรอบเดิม   เข้ามานอนกับเด็กโค่งที่วันนี้งอแงอยากให้เขาเข้ามานอนไวๆ

แต่ขอโทษเถอะ กว่าจะนั่งเคลียร์งานให้เสร็จก็ปาไป เที่ยงคืนพอดี


“กู้ดไนท์คิสล่ะ” เสียงกระซิบเบาๆข้างหู ทำเอาต่ายที่กำลังหลับตาต้องลืมตาโพลง  หันไปมองคนที่กระทำอุกอาจ?! ที่หลับตาพริ้มเหมือนเรื่องเมื่อกี้เป็นเพียงแค่ต่ายอุปทานไปเอง

แต่พอเจ้าคนที่หลับ ไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการซักที ก็ลืมตาพลางมองไปที่คนข้างตัว ที่กระพริบตาปริบๆมาทางเขาพอดี
“กู้ดไนท์คิสล่ะ”  คำถามเดิม โทนเสียงเดิม แต่สายตาที่วาววับทำให้ต่ายรู้สึกขนลุก

จุ๊บ

หลับหูหลับตา  ใช้ปากแตะเบาๆปากอีกคน  ก่อนจะหันหลังให้แล้วคลุมโป่ง หลับตาแน่น


ในใจก็ท่องไปว่า 

ก็เหมือนจุ๊บปากเจ้าถุงทอง แมวที่บ้านนั่นแหล่ะ


TBC...

--------------------------------------------------------------------

BEVA TALK :  *ก้มลงกราบแบบไม่แบมือ*   ตอนที่แล้วเป็นอะไรที่คนเม้นท์เยอะที่สุด ยิ่งเทียบกับตอนที่แล้วนู่นเทียบไม่ติดเลย  ขอบคุณมากๆเลยนะคะ   มีกำลังใจในการแต่งนิยายต่อสุดๆเลยค่ะ  ปลื้มปริ่มมากกกกกกกกกกกก  :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่ไหวๆ เด็กร้องกินกระต่ายตลอด ต้องไปหาซื้อที่ไหนคะเนี่ย > <   

คนน้องก็มาแบบมึนๆ  คนพี่ก็ซื่อตลอด  :hao7:

ทีมไหนกันคะ กริสต่าย?   ต่ายกริส?


คิดเห็นยังไงกับตอนนี้ คอมเม้นท์กันเข้ามาน๊าาาา
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 14 2/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-05-2016 22:49:32
ทีม กริส-ต่าย  :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 14 2/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 02-05-2016 22:54:32
 o18 จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 14 2/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 02-05-2016 23:43:20
กรีดร้องงงง
เมื่อไหร่พี่ต่ายจะได้ยินที่น้องพูด5555555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 14 2/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 03-05-2016 00:25:46
กริสอ่อยเต็มที่อ่ะ แต่พี่ต่ายไม่ได้รับรู้เลย

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 14 2/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 03-05-2016 19:42:57
น้องอ่อยขนาดนี้  พี่ตายคนบ้าาาาา   :เฮ้อ:

ทีมกริสต่ายสิคะ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 14 2/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-05-2016 22:22:36
กรี๊ดดดดดดด >\\\\\\<
แล้วนอนจมกองเลือดอย่างสงบ...
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 14 2/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-05-2016 23:00:37
น่ารักอ่ะ น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m3: :m3:

ต่ายหลงกรีสสุดๆอ่ะ :m12:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 10-05-2016 23:09:27
บทที่ 15  ความรู้สึก





ไทกริสเป็นประเภทชอบถึงเนื้อถึงตัว  พูดง่ายๆคือชอบสกินชิพ


นั่นคือ.... สิ่งที่ต่ายได้รับรู้หลังจากอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาเกือบ 4 เดือนได้

ถ้าถามว่าชอบไหม คงตอบไม่ได้เป็นปากว่าชอบ  ก็นะ ถ้าเปลี่ยนจากผู้ชายตัวสูงโย่งมาเป็นสาวน้อยตัวนุ่มนิ่มมันคงจะดีกว่านี้
 
แต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่เคยจะได้ เพราะพอเจ้าเสือในร่างเด็กโค่งนี่มาถึงเนื้อถึงตัว  ความรู้สึกก็เหมือนเบลอๆ รู้ตัวอีกทีก็เสียรู้ให้จนได้ 

...ก็เข้าใจว่าไทกริสเป็นพวกหัวนอก
 

แต่มันก็เป็นในกรณีของไทกริสเท่านั้น  ลองจินตนาการให้ผองเพื่อนมาทำแบบนั้นบ้าง  แค่คิดต่ายก็ขนลุกตั้งแต่นิ้วก้อยเท้ายันขนคิ้ว  และคาดว่าอีกฝ่ายคงไม่ทำงั้นแน่นอน   

ฟ้าผ่าแน่!!!

 
จะว่าไป  เด็กน้อยไทกริสใน10 ปีก่อน กับตอนนี้ ช่างเปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า

ในสมัยเป็นเด็กอนุบาล ไทกริสเป็นเด็กที่ชอบโดนคนอื่นรังแก  ผอมแคระแกรนเหมือนขาวสารอาหาร  แต่ก็สุขภาพดีไม่ป่วยง่าย

 แต่บทจะป่วยก็ป่วยลืมหาย ถึงอย่างนั้นก็เป็นที่รักของเหล่าผู้ใหญ่ 

แต่พอขึ้นประถม ไทกริสกลายมาเป็นลัทธิต่ายลิสซึ่ม  สืบเนื่องมาจากต่ายถูกไหว้วานมาจากน้านีให้ช่วยดูแลน้อง   วันๆเด็กนี่ก็เกาะติดเขาอย่างกับลูกเป็ด  วันไหนที่ต่ายไม่สบาย ไปโรงเรียนไม่ได้  เด็กนี่ก็เนียนไม่ไปด้วย เพราะไม่อยากไปโรงเรียนคนเดียว    อาจจะดูสปอยล์ไทกริสมากไปหน่อย   เคยเห็นน้านีดุครั้งรุนแรง(ที่ต่ายคิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว) ไทกริสร้องไห้จ้า วิ่งออกจากบ้าน ... แล้วไปซ่อนอยู่หลังบ้านต่าย  ที่ตอนนั้นเป็นพุ่มหญ้าสูงท่วมหัวไทกริส ในสมัยนั้น

ผู้ใหญ่ก็หาไปเถอะ เด็กนี่ก็ไม่ส่งเสียงร้องซักแอะ   น้านีกับลุงอาธแทบจะใจสลาย  จนมาเจอว่าอยู่ในโพรงหญ้าในสภาพหลับคอพับคออ่อน  ก็โล่งใจไปตามๆกัน   ต่ายนี่แทบจะหายป่วย

แล้วหลังจากนั้น น้านีก็ไม่เคยดุไทกริส(แบบแรงๆ)เลยซักครั้ง   ส่วนใหญ่จะออกแนวตามใจ ตามประสาลูกหลงและลูกคนเล็ก




นั่นแหล่ะครับ คุณผู้ชม .....
-------------------------------------


วันนี้สอบมิดเทอมวันสุดท้ายของนักศึกษา   พอสอบเสร็จก็แทบโปรยชีทออกมา  แต่นึกขึ้นไ้ว่า อาจจะต้องใช้ต่อในไฟนอลก็เก็บพับใส่แฟ้มดังเดิม ..


ต่ายและผองเพื่อนมีนัดกันไปร้านเหล้า อันเป็นแหล่งจุติประจำของพวกที่สอบเสร็จ
 
พอสอบเสร็จอะไรเสร็จ  โทรบอกเจ้าเด็กโค่งที่สอบเสร็จไปก่อน เพราะมีสอบแค่ตอนเช้า    จากนั้นก็โดดซ้อนท้ายเอกเพื่อนรักกลับไปเปลี่ยนชุดที่หอเอกก่อนจะตรงดิ่งไปที่ร้านเหล้าทันที 


หลังจากที่ไทกริสป่วยเมื่อครั้งนั้น ต่ายก็ไม่ได้ย่างก้าวเจ้าร้านเหล้าอีกเลย 


“หนีเด็กมากินเหล้ารึไง หน้าตาโคตรมีพิรุธ” แชมทักขึ้น  หลังจากต่ายและเอกที่มาหลังสุดเดินเข้ามา
“พิรุธเชี่ยไร ”  ต่ายบอก  ความรู้สึกผิดตีตื้นเข้ามาอย่างไม่มีสาเหตุ  แต่จิตสำนึกก็บอกว่า เขาอยากปลดปล่อยบ้าง   ตั้งแต่อยู่กับเจ้าเด็กโค่งต่ายแทบจะไม่เคยได้มีเวลาเฮฮากับเพื่อนซักเท่าไหร่


นั่งก๊งกันไปพอกรึ่มๆ  คุยกันเพราะไม่ได้มีโอกาสมานั่งคุยแบบนี้มานาน
บอกเลยว่าตั้งแต่สาวโต๊ะแรกยันโต๊ะสุดท้ายนี่ เป็นหัวข้อแรกๆที่สนทนากันเลย

เจ้าเด็กโค่งไลน์มาเป็นพักๆว่าเป็นยังไงบ้าง  แรกๆก็ตอบอยู่หรอก แต่หลังๆเริ่มเบลอๆ ทำให้สติที่เริ่มหดหายไป พิมพ์ตอบอีกฝ่ายไปยังไงบ้างก็ไม่รู้



“เฮ้ย ไอ้ต่ายเมาแล้วเนี่ย  เรื้อนแล้ว” เอกที่นั่งอยู่ข้างๆต่ายพูด พลางใช้มือยันหัวเพื่อนที่โงนเงนไปมาอย่างนึกสนุก  เจ้าตัวร้องอื้ออา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

“เอาไงดี” แกนที่พอกรึ่มๆ แต่ไม่ได้ดื่มมากอย่างต่าย เพราะเน้นชงให้เพื่อนมากกว่า ถามเพื่อนที่เหลือ

แชมและเอกมองหน้ากัน  ต่างคนต่างส่งสายกันอย่างรู้กันเอง

“เรียกเด็กมันออกมาสิ” แชมพูด พลางหยิบมือถือของต่าย  ปลดล๊อคอย่างเชี่ยวชาญ ก่อนจะค้นหารายชื่อของไทกริส ซึ่งก็หาไม่ยาก เพราะเป็นรายชื่อที่โทรเข้าออกบ่อยที่สุด

‘กระต่าย’  เสียงปลายสายดังขึ้น  ชายหนุ่มผู้ถือโทรศัพท์ของต่ายยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เอ้อ  ไทกริสหรอ นี่พี่แชมเองนะ”  ปลายสายนิ่งเงียบไป จนแชมยิ้มค้าง
“ไทกริส?”

‘ครับ’
“เอิ่มม  คือจะบอกให้มารับไอ้ต่ายหน่อย  แบบว่ามัน.....  /// อาวคืนมาาา~” แชมปัดมือของต่ายที่ยื่นมาแย่งโทรศัพท์อย่างพัลวัน  ต่ายฮึดฮัดแต่ก็ยังคงส่งเสียงยานครางต่อไป

“เออ เข้าใจแล้วใช่ปะ  รีบๆมานะ ร้านเดิม”  แชมรีบกรอกเสียงไปก่อนจะกดวางสายไป ก่อนจะโยนโทรศัพท์คืนเจ้าของ ที่เริ่มเลื้อยไปหาเอกที่นั่งข้างๆ


ชายหนุ่มนึกไปถึงปลายสายที่คุยไปเมื่อสักครู่  ปฏิสัมพันธ์ของอีกฝ่ายเข้าขั้นติดลบอย่างมาก แต่ถึงจะเงียบซะส่วนใหญ่แต่เสียงกุกกักกับเสียงปิดประตูดังลั่น ก็ถือว่าเป็นคำตอบให้เขาได้


10 นาทีไม่ขาดไม่เกิน   ร่างสูงของไทกริสก็มาถึงร้าน ด้วยสภาพเสื้อกล้ามสีดำที่ใส่นอนกับกางเกงผ้ายืดสีเทา   การแต่งตัวที่ดูชิลๆ ขัดกับบรรยากาศ แต่ก็สามารถเรียกเสียงร้องจากสาวๆตั้งแต่หน้าประตูร้านได้


ไทกริสรีบเร่งฝีเท้าเข้ามาในร้าน ก็จะมองหาโต๊ะของรุ่นพี่  ซึ่งก็สังเกตไม่ยาก เพราะอีกฝ่ายโบกมือมาให้เขาเป็นสัญญาณอยู่แล้ว

ร่างสูงเดินเข้าไปหา ทันทีที่เห็นร่างของต่ายที่นั่งพิงไหล่ของเอก นัยน์ตาปรือเยิ้มตามแบบฉบับคนเมา

ร่างที่โงนเงน  พยายามจ้องผู้มาใหม่ แต่สายตาที่เลือนรางทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร เห็นเพียงเงาดำลางๆ

“กระต่าย” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น พลางใช้มือแตะเบาๆที่แก้มของต่าย

ต่ายพยายามเพ่งมองอีกฝ่าย แม้จะเลือนรางแต่เสียงที่คุ้นเคยนั้น 


ไม่ผิดแน่.....


“..กริส?”

“กลับบ้านกัน” ร่างสูงพูด พลางเข้าไปพยุงอีกฝ่าย โดยได้ความร่วมมือจากทั้งเจ้าตัวและเพื่อนๆของต่าย

“ฝากมันด้วยนะ พวกพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” แชมบอก ไทกริสพยักหน้ารับ  พลางใช้สายตามองไปที่เพื่อนของต่าย ที่ยังปกติดี  มีเพียงสายตาที่เริ่มเยิ้ม แต่ก็พูดรู้เรื่อง ไม่ยานครางเหมือนใครบางคน

“ถ้ามันร้องเพลง อย่าไปขัดมันล่ะ   ไอ้นี่เมาแล้วเดาไรไม่ค่อยถูกหรอก” เอกบอก

ไทกริสขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้ารับ  แม้จะรู้สึกขัดใจที่รุ่นพี่รู้ดีกว่าเขา


......บางทีเขาก็อยากรู้เรื่องของอีกฝ่ายให้มากกว่านี้



การพยุงร่างที่สูงใหญ่พอๆกับตัวเองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย  ยิ่งกับคนเมาที่ร้องเพลงโดเรมอนมาตลอดทาง   ตั้งแต่ยามยันพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ต่างมองมาทางเขาอย่างแปลกๆ   ก่อนที่พนักงานสาวแสนใจดีจะช่วยกดลิฟต์ให้

ไทกริสเอ่ยขอบคุณ ก่อนเธอจะเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มหวาน

ในขณะที่กล่องเหล็กสีเหลี่ยมทะยานขึ้นไป ต่ายที่ในตอนแรกให้ความร่วมมือมาเป็นอย่างดี ก็เริ่มยุกยิก  บ่นหงุงหงิงจับใจความไม่ได้

ไทกริสไม่เคยเห็นต่ายในตอนเมาเลย  ซึ่งมันต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง  คนที่มักจะบ่นว่าเบื่อ แต่ก็ยังคงดูแลเขามาตลอด แต่ตอนนี้สิ ...


ตุบ! 

เด็กหนุ่มปล่อยร่างอีกคนลงกับเตียง  จัดท่านอนคนที่หลับไปแล้วเรียบร้อยให้ดีๆ

แต่เสียงขยับพลิกตัวก็ดังขึ้นเป็นพักๆ   ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สบายตัว

จึงปลดกระดุมเสื้ออีกคน เผยให้เห็นอกสีแทนเรียบเนียน มีซิกแพ็คจางๆ กล้ามเนื้อแน่น  สมกับที่เรียนมวยมา

ไทกริสครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าควรจะทำอย่างไรกับคนตรงหน้า เพราะไม่เคยดูแลใครมาก่อน 

แต่พอเห็นสีหน้าของต่าย ก็คิดว่า อย่างน้อยก็ควรจะทำให้สบายตัว ..


กระพริบตาปริบๆอย่างจนปัญญา
สุดท้ายก็ต้องพึ่งเพื่อนอย่างฟรานและโจ


‘เช็ดตัวให้สิ’
นั่นคือสิ่งที่ฟรานบอกมา  ซึ่งโจก็ให้คำตอบแนวเดียวกัน


ไทกริสใช้ผ้าขนหนูที่ชุบน้ำ แต่ดูเหมือนจะบิดน้ำไม่หมาดนัก ทำให้น้ำจากผ้าหยดเป็นทาง รวมถึงบนตัวของต่ายด้วย
คนบนเตียงขยับตัวหนีกั[ความเย็นที่ได้รับ  แต่ซักพักก็นิ่งสงบ  จนเช็ดไปทั่วท่อนบน  ซึ่งทั้งตัวคนถูกเช็ดกับคนเช็ดให้ ก็เปียกพอๆกัน   โดยคนหลังไม่รู้ว่าเปียกได้อย่างไร


ไทกริสจิ๊ปากกับตัวเองเมื่อเห็นผลงานของตัวเอง   ที่นอนที่ชุ่มเพราะน้ำจากผ้ากับร่างของต่ายที่เปียกไม่ต่างจากเอาน้ำมาราดใส่

เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนหนาที่แขวนอยู่ มาซับน้ำให้แห้ง แล้วหยิบเสื้อยืดย้วยๆของต่ายมาสวมให้

เหล่มองท่อนล่างแล้วก็ตัดสินใจ ถอดกางเกงยีนส์ขาเดฟยอดฮิตของวัยรุ่น 


อยู่ๆก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าใส่บ๊อกเซอร์ไว้ด้วย  เพราะถ้าหากไม่มีล่ะก็ เขาอาจจะหน้ามืดตามัวไปมากกว่านี้ ...


ยามนิ่งสงบก็เหมือนกระต่ายตัวน้อยสิ้นฤทธิ์  แม้ตอนไม่หลับก็ไม่ได้มีฤทธิ์เดชอะไรมากนัก เพราะเขาทำอะไรก็ไม่เคยขัดซักครั้ง แถมยังตามใจจนเคยตัวไปแล้วอีกต่างหาก

ไม่ว่าจะเป็นหอมแก้มหรือจูบ


ตอนนี้ก็เช่นกัน .....

ร่างสูงกดจูบริมฝีปากคนใต้ร่างจนบวมสาแก่ใจตัวเอง ก็อดมองที่ซอกคออีกฝ่ายไม่ได้ 

ไม่รู้ทำไม มันเหมือนมีมนต์สะกดให้ไปสัมผัสตรงนั้น
 

ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา  จมูกโด่งของเด็กหนุ่ม สูดกลิ่นกายประจำตัวต่ายที่มีกลิ่นของแอลกอฮอลล์ปะปนมาด้วย 
คนถูกกระทำขยับอย่างรำคาญ แต่ก็ยิ่งทำให้อีกคนอยากสัมผัสมากขึ้น

ขบเม้มที่เนื้ออ่อนนั้น จนขึ้นสีแดงจางๆ  หากแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ผิวขาวเหมือนตน เลยเห็นไม่ชัด
ซึ่งนั้นก็ดีแล้วทั้งตัวไทกริสและต่าย ...



“อือออ”  ต่ายลืมตาขึ้นมาอย่างเบลอๆ หลังจากที่สติหลุดหายไปตั้งแต่มื่อไหร่ก็ไม่รู้  แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านม่านเป็นคำตอบให้เขาว่าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว

เสมองนาฬิกาที่บอกเวลา  8โมงเช้า

ในหัวของต่ายนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวาน  ซึ่งนึกเท่าไหร่ก็ถูกตัดจบลงที่แซวสาวคัพดีที่เดินมาทักทาย  ในส่วนของเหตุการณ์ต่อจากนั้น  ร่วงหายไปไหนแล้วไม่รู้


รู้สึกตัวโล่งๆ เลยเลิกผ้าห่มดูชุดของตัวเอง ที่ไม่ใช่ชุดเมื่อคืน 
เห็นร่างของไทกริสนอนอยู่ข้างๆ แถมยังพาดแขนมาที่ตัวเขาอีก

คงจะเป็นเด็กโค่งเปลี่ยนให้

จิ้มแก้มอีกคนเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ 


ต่ายขมวดคิ้วให้กับเงาตัวเองในกระจก ลูบรอยแดงๆที่ซอกคอเบาๆ
ถ้าเป็นตัวอะไรกัดก็น่าจะมีรอยนูนออกมา  แต่นี่มันดูเหมือนมันห้อเลือดเฉยๆ 
 จะว่าไปเมื่อคืนเหมือนจะฝันว่ามีบางอย่างที่หน้าตาเหมือนเสือในร่างคน?!! มาขย้ำคอ   แต่มันคงไม่เกี่ยวกันหรอก
คิดพลางส่ายหน้าไป


หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็มาต้มกาแฟดำแก้แฮงค์  ก่อนจะลงมือทำออมเล็ตสีเหลืองสวยตามสูตรที่ดูในยูทูป

กะจะแว่บไปดูเด็กโค่ง แต่ก็ดันโผล่มาด้านหลังให้สะดุ้งอีกจนได้

“กริส!”  ต่ายใช้หลังมือตีเบาๆที่อกของไทกริส  ข้อหาทำให้ตกใจ   คนหน้านิ่งก็ตีหน้ามึนใส่ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะกินข้าว

ต่ายยกจานออมเล็ตให้ไทกริส  อีกฝ่ายสูดดมฟุดฟิดๆ ก่อนจะหยิบช้อนส้อมมลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย 
ช่างเป็นภาพที่น่ารักในสายตาของต่าย


ความรู้สึกที่เหมือนได้เห็นเด็กตัวน้อยๆ  กินข้าวอย่างมีความสุขนี่มัน ...



ช่วงบ่ายของวันต่ายถูกผองเพื่อนเรียกออกมาให้ช่วยกันปั่นโปรเจ็คกลุ่มให้เสร็จ
แต่ด้วยความขี้เกียจเพราะเห็นแดดและความร้อนแล้ว  ให้พวกมันออกมาดีกว่า

ล่อให้พวกนั้นออกมา ไม่ต้องใช้อะไรมาก ...

“พิซซ่ามาส่งค้าบ”
“น้องต่าย น้ำที่สั่งไว้พี่เอาไปฝากให้เจ๊หมวยแล้วนา”

ต่ายกดตัดสายหลังจากรับโทรศัพท์สองสายซ้อน  ตะโกนบอกไทกริสว่าจะลงข้างล่าง ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าให้ก่อนจะหันไปสนใจหนังในจอทีวีต่อ

สองมือถือถุงพลาสติกที่บรรจุทั้งกล่องพิซซ่าและกล่องอาหาร อีกข้างก็หิ้วแก้วน้ำทั้งสี่ไว้
รอไม่นาน สามใบเถาก็โผล่หัวมา  พวกนั้นมองรอบๆอย่างตะลึงนิดๆกับการตกแต่งที่ดูลักเซอรี่ซะจนไม่เข้ากับเพื่อนของเขาซักนิด

“มาช่วยกันถือเลยพวกมึง”  ต่ายเร่ง พลางยื่นถุงที่ถือไว้ แจกจ่ายให้เพื่อนแต่ละคน

พอมาถึงห้อง ทั้งสามก็ได้อ้าปากข้างอีกรอบ
“โคตรหรูว่ะแม่ง” เอกครางออกมาอย่างอิจฉา  ไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะมีบุญวาสนาได้มาอยู่คอนโดหรูๆขนาดนี้
“รบกวนด้วยนะไทกริส” แกนบอกเจ้าของห้องที่นอนดูทีวี  เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ


ต่ายและผองเพื่อน นั่งจับกลุ่มกันอยู่ใกล้ๆประตูระเบียง  ก่อนจะลงมือกางโน้ตบุ๊คคนละตัว แล้วเริ่มทำงานกัน

แน่นอนกองทัพต้องเดินด้วยท้อง  ไม่นานพิซซ่า 2 ถาดก็หมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง  ซึ่งมีเจ้าของห้องมานั่งร่วมวงด้วย
อิ่มหน่ำแล้วก็หันมาทำงานอย่างจริงๆจังๆ   

โดยแบ่งกันเป็นส่วนๆ ทั้ง เขียนโค้ด  ทดสอบ เขียนรายงาน ตรวจทาน

ไทกริสที่นั่งมองห่างๆ มองมาทางทั้งสี่ด้วยความสนใจ  เขาไม่เคยเห็นต่ายและเพื่อนๆในลุคตั้งใจทำงานเท่าไหร่

จนกระทั่ง..




“เฮ้ เสร็จแล้วโว้ยยยยย” ต่ายร้อง   คนอื่นๆแทบไถไปกับพื้นห้องอย่างเกียจคร้าน หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งมา 7ชั่วโมงเต็ม

“ปวดหลังชิบหาย” เอกบ่น  พลางใช้มือทุบหลังตัวเอง  ก่อนจะมีผู้หวังดี?! ช่วยทุบจนเสียงลั่น

“เชี่ยแชม”  เสียงหัวเราะดังลั่น  ทำให้คนที่เผลอหลับไปกับโซฟางัวเงียตื่นขึ้น

“อ้าว กริส หลับหรอ ตื่นๆเดี๋ยวปวดหัว  ”  ตบแก้มขาวนั่นไป จนเกิดสีแดงระเรื่อ
“หิวไหมพวกมึง”

“จะเหลือเหรอ”

“จะโทรสั่งรึจะให้กูทำ กริสอยากกินไรไหม”  หันไปถามความเห็นเพื่อน ก่อนจะหันมาถามเด็กโค่งที่นั่งมึนอยู่

“ให้กระต่ายทำ”  ผองเพื่อนพยักหน้าตามคำพูดของไทกริส
เพื่อนของเขาทำอาหารอร่อยอยู่แล้ว


รอไม่นาน  ด้วยลูกมือมือใหม่ทั้ง 3   (ไทกริสและเอกนั่งดูซีรี่ย์อเมริกาอยู่ข้างนอก  #ทีมพังครัว)
ผัดผักรวมมิตร  ข้าวผัดทะเล และต้มจืดหมูสับก็เสร็จสิ้น

“ยังอร่อยเหมือนเดิมนะมึง” แชมบอก   เขาเคยกินกับข้าวฝีมือเพื่อนคนนี้นับไม่ถ้วน  เพราะอีกฝ่ายไปค้างด้วยบ่อยๆ

“กูพอเข้าใจแล้วว่าทำไทกริสติดมึง  ฮ่าๆ” เอกว่าอย่างขำๆ   ไทกริสที่เคี้ยวข้าวตุ่ยๆก็ยังกระตุกยิ้มทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก



”งั้นพวกกูกลับก่อนนะ” เอกพูด
“ไปละ บายนะไทกริส ขอบใจที่แบ่งห้องให้ทำงานนะ ” แกนบอกกับเด็กโค่ง
“เจอกันวันจันทร์เว้ย  พรุ่งนี้ปิดไลน์นะมึง พักยาว”  ต่ายบอก  เพื่อนยักคิ้วให้อย่างรู้กัน
ก่อนจะพากันออกจากห้องไป


ความสงบเข้ามาแทนที่ ไทกริสที่กลับมานั่งดูซีรี่ส์ตามเดิม   โดยมีต่ายนั่งเป็นเพื่อนข้างๆ

ซักพักเด็กโค่งก็กลายเป็นคนไม่มีกระดูก เริ่มเลื้อยลงไปนอนตักต่าย  ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะถูกต่ายใช้นิ้วดีดหู

“อย่าเพิ่งนอน  เพิ่งกินข้าวเอง เดี๋ยวกรดไหลย้อนหรอก”  ไทกริสหน้างอลูบหูที่แดงแปร๊ดจากแรงดีดที่ไม่เบานักของต่าย
“นั่งดีๆ” ต่ายพ่นลมหายใจเบาๆ   เมื่ออีกคน เริ่มจนเลื้อยอีกครั้ง

“ไปนอนมั๊ย?” 
ไทกริสสั่นหัว  เพราะยังไม่ถึงเวลานอน  เขาแค่รู้สึก

......อยากอ้อนคนข้างๆ   ก็เท่านั้นเอง


TBC..

-------------------------------------------------

BEVA TALK : ติดสอบค่ะ  ก่อนหน้านี้ก็ปั่นงานไม่มีเวลาแต่งนิยายเลย    แต่งได้วันนิดวันหน่อยอีกเช่นเคย  แต่ก็จบตอนลงได้ เย้!  :katai4: :katai4:

ตอนนี้ให้บทกับเด็กโค่งสุดหล่อซะส่วนใหญ่  หลังจากบทน้อยอยู่นาน  (ค่าตัวแพงไง :katai5:)

เด็กรุกหนักแล้ว  :hao6: :hao6: :hao6:  พี่ต่ายระวังตัวไว้  :hao7:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์เช่นเคยค่าาาา  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

คิดเห็นอย่างไร บอกกับคนแต่งหน่อยน๊าา เก๊าอยากอ่านและอยากรู้
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-05-2016 23:59:48
สกิลอ้อนกับสกิลเนียนของกรีสนี่สุดยอดขริงๆ 5555 o13
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-05-2016 00:35:22
ขยันอ้อนกันจริงๆ น๊า
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-05-2016 00:44:34
ไทกริสขี้อ้อนจริงๆ แต่ต่ายอย่าเผลอนะ ไม่งั้นโดนเสือจับกินแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-05-2016 10:29:30
กริส อ้อนต่ายมากๆ ชอบ :katai2-1:
เพื่อนๆ ต่ายจับสังเกตสองคนแล้ว
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 11-05-2016 15:21:49
ไทกริส เนียนนะเธอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 11-05-2016 16:16:36
 :interest: :interest: :interest: :interest: :interest:  พี่ต่ายเสร็จแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 11-05-2016 17:42:05
แกรรกริสน่ารักกกกก มีความเป็นเด็กขี้อ้อน ทำให้ต่ายอดดูแลเหมือนตอนเด็กๆไม่ได้
คนเขียนสู้ๆจ้าาา
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 11-05-2016 21:45:53
เรื่องน่ารัก อ่านเพลินรวดเดียวจบ ใช่ภาษาดี ชอบค่ะ
++ให้เลย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-05-2016 23:03:16
ตอนนี้ขอตั้งอีกชื่อว่า 'วันไทกริสอ้อน' เพราะจัดหนักจัดมารัวๆมาก 555555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 15 10/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 13-05-2016 21:11:37
คือน่ารัก คืออ้อยมาก  คือดี  อยากโดนบ้างง
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 18-05-2016 21:48:11
บทที่ 16   ความรู้สึกแปลกๆ


เย็นวันศุกร์อันแสนสุขสันต์   หลังจากเลิกเรียน สารถีสุดหล่อนามว่าไทกริสก็มารับต่ายถึงหน้าคณะ  เรียกสายตาแซวกลายๆจากผองเพื่อนทั้งสาม  ชวนอยากจะจิ้มลูกกระตานั่นเป็นรายตัว

ไทกริสที่จะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จากเสียงผิวปากเบาๆ  พอลองถามไปก็บอกว่า ทำวิชาของมหาลัยได้คะแนนท๊อป  ทำให้ต่ายได้นึกย้อนไปถึงวันที่ช่วยเจ้าตัวติววิชานี้ ในฐานะที่เคยผ่านมาก่อน

อีกคนนั่งฟังเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ก็พยักหน้ารับ  แต่พอถามก็ตอบได้หมด  ต่างจากวิชาเอกที่เจ้าตัวสุดแสนจะตั้งใจ
เห็นได้ชัดว่า เด็กโค่งไม่ชอบวิชานี้


ซึ่งก็คือ  “วิชาการพัฒนาตนเอง” 


ในสมัยที่ต่ายอยู่ปีหนึ่งนั้น  อาจารย์ผู้สอนที่มาจากคณะสังคมศาสตร์ มาถึงก็แจกชีทปึกเบ้อเริ่ม บอกให้ไปถ่ายเอกสารกันเอง  แต่พอในคาบก็มักจะเชิญวิทยากรจากคณะอื่นมาบ้าง มหาวิทยาลัยอื่นมาบ้าง ซึ่งเนื้อหาที่ได้ก็ไม่ได้ตรงตามเนื้อที่ต้องเรียนซักเท่าไหร่   อย่างการฝึกนั่งสมาธิ  รวมกลุ่มกันบำเพ็ญประโยชน์

แต่พอมาสอบ ดันเอาเนื้อหาจากในชีทที่เป็นทฤษฎีพวกมาสโลว์งี้ ซิกมันด์ ฟรอยด์งี้  คาร์ลงี้

อ่า  ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกล่ะนะ .....

แต่ ไอ้ได้คะแนนท็อปนี่มัน  แอบซุ่มสินะ



“จะไปไหนน่ะ” ต่ายร้องถามในทันที เมื่อเส้นทางตรงหน้าไม่ใช่ทางกลับคอนโด
“ไปหาเพื่อนกระต่าย”  คนขับตอบ  ต่ายอ้าปากพะงาบๆเมื่อได้ยินคำตอบ


ห้ะ?!!!!


ต่ายมองทางตรงหน้าสลับกับมองคนขับที่ดูจะคุ้นชินเส้นทางไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งมาเมืองไทยได้ไม่ถึงหนึ่งปี  ดูชำนาญทางยิ่งกว่าต่ายที่อยู่มาทั้งชีวิตอีก

จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาในซอยหนึ่ง  ก่อนรถจะดับลงเมื่อหาที่จอดเรียบร้อย

สถานที่ตรงหน้า เป็นเหมือนร้านแนวบ้านสวน  ตกแต่งคล้ายกับสวนอังกฤษ  ดูร่มรื่น บรรยากาศไม่เหมือนอยู่ในตัวเมืองด้วยซ้ำ

มองป้ายหน้าร้านรู้สึกตะหงิดๆในใจ 

เอ่อ  ไม่ใช่อะไรหรอก
แค่อ่านไม่ออก…….

Nyúl ház


หันไปหาเจ้าเด็กโค่ง พลางส่งสายตาแบบคนไม่เข้าใจ(เรียว่าคนโง่ก็ดูทำร้ายตัวเอง)  ซึ่งเจ้าเด็กโค่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เสียงทุ้มนุ่มเปล่งออกมา

“นีล ฮาส”

พอไทกริสไขข้อข้องใจให้แล้ว ต่ายจึงสาวเท้าเดินนำเข้าไปตามทางเดินที่ปูหินกรวดมน แต่ก็ต้องมาสะดุดกึกกับหน้าร้าน
สติกเกอร์หน้าร้านเป็นรูปตัวการ์ตูนกระต่ายดูน่ารักน่าฟัด  กับตัวหนังสือที่ขียนว่า Rabbit café ตัวโตๆ  ทำให้ต่ายพลันนึกไปถึงคำพูดของไทกริส


ไปหาเพื่อนกระต่าย 

ก็ต้องร้องอ๋อในใจ  เพื่อนที่ว่าไม่ใช่คน  แต่เป็นสัตว์สินะ


“กริส  เพื่อนของพี่ที่ว่า คือกระต่าย?” 
“อือ กระต่ายเป็นเพื่อนของกระต่ายไม่ถูกเหรอ”   เด็กโค่งหน้ามึนตอบ

ต่ายถอนหายใจพลางโคลงหัวไปมาอย่างนึกขัน



“อ้าว! ตัวเล็ก  น้องต่าย”   เสียงใสเอ่ยทัก พร้อมกับเสียงกรุ้งกริ้งของกระดิ่งยามที่ประตูถูกเปิดออก

“อ๊ะ! พี่รีน สวัสดีครับ” คนตรงหน้าคือ พี่ไอรีน หนึ่งในพี่สาวฝาแฝดของไทกริสที่ออกมาพร้อมผ้ากันเปื้อนสกรีนชื่อร้านสีหวานน่ารัก

“ดีจ้าาา  เข้าไปนั่งข้างในกันดีกว่า” 

แล้วเขาและไทกริสก็ถูกพี่สาวตัวเล็กถูกดันเข้าไปในร้าน

พอเข้าไปในร้าน ก็อดรู้สึกเขินๆไมได้ เพราะเกือบทุกสายตา หันมามองทางเขากันหมด
(แม้จะมั่นใจว่า ไม่ได้มาทางต่ายเลยก็ตาม) 


เดินกับไทกริสนี่ รัศมีของต่ายดับ ชนิดที่ว่าไม่เหลืออะไรเลย  ผิวก็ขาวผ่องมีออร่า  หน้าตาก็ลูกเสี้ยวยุโรป แถมสูงยาวเข่าดีอีกต่างหาก  สาวไม่เพ้อก็ให้มันรู้กันไป


ทั้งสองถูกไอรีนพี่สาวไทกริสพ่วงด้วยตำแหน่งเจ้าของร้าน เข้ามาที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน

ข้างในเป็นโต๊ะญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ก็มีส่วนที่เป็นนอกร้าน ที่เป็นโต๊ะสไตล์ผู้ดีอังกฤษ
ส่วนตัวร้านถูกจัดเป็นสองส่วน ส่วนที่เป็นคาเฟ่จิบชากาแฟกับส่วนที่เป็นห้องของกระต่าย


“เป็นไงบ้างฮึ  ไม่ได้ดื้อกับพี่ต่ายใช่ไหม” พี่ไอรีนยกมือขึ้นลูบเบาๆที่หัวของไทกริส

“ไม่ดื้อซะหน่อย” อีกฝ่ายตอบ แต่หน้าไอรีนเหมือนไม่เชื่อ จนต้องร้องหาพยานส่วนตัว
“ถามกระต่ายดู”  คนถูกโยนกระพริบตาปริบๆ พอเห็นสายตาคาดคั้นจากพี่ไอรีน ก็ต้องตอบ
“เป็นเด็กดีมากครับ” ยีกลุ่มผมนุ่มแรงๆด้วยความหมั่นไส้เป็นของแถม

พี่ไอรีนเปลี่ยนสีหน้าจริงจังเป็น ยิ้มหวานให้ จนคนอย่างต่ายต้องตาพร่าไปชั่วขณะ


นั่งคุยซักพักพี่ไอรีนก็ขอตัวไปดูร้าน พร้อมบอกให้พนักงานเอาของกินมาเสิร์ฟ

“มาที่นี่ทำไมเนี่ย”  มอบรอบๆร้านที่ตกแต่งด้วยสีพาสเทล คู่หนุ่มสาว ไม่ก็เด็กนักเรียนผู้หญิง 
หันกลับมามองตัวเอง ดูไม่เข้ากับที่นี้อย่างมาก

นึกถึงตอนที่สมัยก่อนที่โดนเจ้าเพื่อนตัวดีอย่างแชม ลากเข้าร้านเมดคาเฟ่ ต่ายต้องสตรองแค่ไหนที่ต้องทำท่าเนียวๆ ใส่พนักงานสาวที่ยิ้มขำกับท่าทางอันสุดจะกล้ำกลืนฝืนทนของเขา


“นั่นไงเพื่อนกระต่าย” เด็กหนุ่มชี้ให้อีกคนดู ในห้องกระจกที่มีกรงวางเรียงราย  พื้นปูด้วยพรมขนนุ่มทั้งหมด 
มีป้ายหน้าห้องเกี่ยวกับกฎต่างๆก่อนเข้าห้อง

ไม่นาน เครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟ ดูดแก้ร้อนไปสามปื๊ด  แต่ก็ต้องเบ้หน้า

เพราะมันขึ้นสมองจี๊ด  คนตัวขาวทำหน้านิ่ง แต่แววตาสั่นระริกเหมือนกำลังกลั้นขำอยู่

“มาแล้วจ้า  ป่ะไปกัน”  พี่ไอรีนเดินออกจากเคาท์เตอร์ ก่อนจะพาพวกเขาไปเข้าไปในโซนห้องกระต่าย

ข้างในมีลูกค้า 2-3 คนกำลังเล่นกับกระต่ายอยู่ โดยมีพนักงานคอยดูแลอยู่ใกล้ๆกัน 

ต่ายทรุดตัวลงนั่งข้างหมอนรูปแครอท ก่อนพี่ไอรีนจะอุ้มกระต่ายตัวสีน้ำตาลตัวนึงเข้ามา
ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นพันธุ์ฮอลแลนด์ ล็อป

“มาแล้ว   หนูชื่อมอลท์ค่ะ  ” พอเจ้ากระต่ายถูกวางกับพื้นพรม เจ้าขนฟูก็ทำจมูกฟุดฟิดๆไปทั่ว จนจะมาหยุดที่ไทกริส

เจ้ามอลท์ได้ทำการปีนขึ้นไปบนตักของเด็กโค่ง    พี่ไอรีนหัวเราะคิก ก่อนจะป้อนอาหารเม็ดเป็นรางวัล
“น่ารักมาก”  ชมกระต่ายตัวเอง ก่อนจะพากระต่ายตัวอื่นๆมา

ชื่อของกระต่ายนั้น สร้างสรรค์จนคนพื้นที่ความจำเหลือน้อยอย่างต่ายไม่สามารถจำไม่ได้ จะมีแต่ไอ้ตัวที่ชื่อมอลล์นี้แหล่ะเพราะพฤติกรรมออเซาะเจ้าเด็กโค่งจนเกินจะเป็นกระต่าย

จนต่ายรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ

“อ่ะ อ้าปาก” ปากบอกเจ้ามอลล์นะ  แต่มือยื่นหญ้าขนให้เจ้าเด็กโค่ง

อีกคนหันหน้าหนี  ต่ายรู้สึกได้ใจ พอไทกริสยิ่งหันหนีก็ยิ่งเอาหญ้าเข้าไปใกล้อีก

 ไปๆมาๆ  กลายมาเป็นตัวของต่ายแทบจะเกยขึ้นไปบนตัวของเด็กโค่ง 
โชคดีที่ไม่มีใครสนใจทางนี้  เพราเป็นมุมอับ แถมยังมีคอกเตี้ยๆกั้นไว้อีก 

ต่ายกระแอมไอก่อนจะดึงตัวเองกลับมานั่งที่เดิม

แต่อีกคนหาให้ความร่วมมือไม่  ดึงตัวของต่ายเข้ามาใกล้อีก

“เห้ย!!” เกือบยั้งตัวเองให้พูดเสียงดังไม่ทัน

ต่ายขึงตาใส่เจ้าคนหน้าตายแต่มือปลาหมึก

“เดี๋ยวจะโดน”  ปาต้นหญ้าใส่อย่างแรง  แต่เชื่อเถอะ ไม่สะเทือนอะไรเลย
“โดนอะไร  หืม?” ถามอย่างเดียวไม่ได้รึไงไม่รู้ ต้องเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ


ต่ายรีบยกมือดันหน้าอีกคนไว้  ก่อนจะรีบย้ายตัวเอง ออกห่างเจ้าเด็กโค่งนี่
ไม่รู้ว่า ความรู้สึกแก้มร้อนๆ  แถมปวดกรามจะค้างนี้เกิดขึ้นได้ยังไง

พวกเขานั่งเล่นกระต่าย จนเกือบสองทุ่ม ถึงเวลาที่พี่ไอรีนกำลังเก็บร้านพอดี

พี่ไอรีน ยื่นถุงใส่ขนมนมเนยมาให้หลายถุง บวกกับกล่องข้าวที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นของชอบไทกริส


ไอรีนบอกลาน้องชายด้วยใบหน้าที่รื่นด้วยน้ำตา  เพราะการงานและระยะห่าง(จากที่ไทกริสไปอยู่ฮังการี)ทำให้ไม่ได้ดูแลน้องชายเท่าที่ควร  ต้องลำบากให้น้องชายข้างบ้านช่วยดูแลให้  แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวเธอกับน้องชายคนเล็กก็ไม่ได้สนิทกันยอ่างที่ควรจะเป็น  เพราะอายุที่ห่างกันเป็น 10 ปี  บางทีก็อดรู้สึกอิจฉาต่ายไม่ได้  ที่สนิทกับน้องชายเธอมากกว่าเสียอีก และดูเหมือนเจ้าน้องชายตัวดีก็ติดพี่ต่ายคนนั้นกว่าพี่สาวแท้ๆของตัวเองอีก
 

“ดูแลตัวเองดีๆนะ ตัวเล็ก  น้องต่ายด้วย”
“ครับ” ทั้งสองขานรับหญิงสาว  ก่อนจะพากันกลับคอนโด

“เหยดดด” เสียงร้องของต่ายทำให้ไทกริสที่นอนเล่นโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมามอง  พลางเลิกคิ้วใส่

“โทษๆ ไอ้เอกมันเล่นพิเรนทร์นิดหน่อย” ต่ายบอกปัด มือสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ยิกๆ  แต่ก็ไม่อาจะรอดพ้นสายตานิ่งๆของไทกริสได้

“นั่น?”
“พวกสาวๆที่เคยคุยเมื่อคราวก่อน เขาแอดไลน์ไอ้เอกมา”  ต่ายพูดถึงสาวที่เคยเจอกันที่ร้านเหล้า
“นี่ไง” เปิดรูปโปรไฟล์ไลน์ให้อีกคนดู  อีกคนก็รับมาดูด้วยสายตาว่างเปล่า

“อืม” ส่งคืนต่ายที่ดูพราวทูพรีเซ้นท์จนออกนอกหน้า

“ดูทำหน้าสิ  นี่อย่างเด็ดเลยนะ คัพดีด้วย” ประโยคหลังพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ชอบแบบกระต่ายมากกว่า” อีกคนเถียง  คิ้วของคนอายุมากกว่ากระตุกถี่รัว   

“เดี๋ยวนะ เด็กน้อย นั่นมัน..”

“นอนได้แล้วกระต่าย”   อีกคนพูดตัดบท  พลางล้มตัวนอน ไม่สนต่ายที่กำลังเบลอขนาดหนัก
“เดี๋ยวสิ” เหวใส่อีกคนที่หลังตาไม่รับรู้อะไรใดๆ  แต่มือขาวกลับดึงแขนต่ายที่กึ่งนั่งกึ่งนอน ให้นอนลงเสียที
“นอนได้แล้วกระต่าย”  เปลือกตาที่ปิดลงไปแล้วกลับเปิดขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เริ่มปรือ
“กู้ดไนท์ครับ”ริมฝีปากสีอ่อน แนบบนหน้าผากกับริมฝีปากเบาๆ แล้วหลับตาลงเหมือนไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น

แต่คนที่โดนเด็กโค่งประทุษร้าย?!ด้วยริมฝีปากสีอ่อนนั้น  นิ่งค้างเป็นหิน

นี่เขาเสียรู้เจ้าเด็กโค่งนี่อีกจนได้!!!



พอสงบสติอารมณ์ที่แตกกระเจิงไป ก็นึกถึงคำพูดนั้นของไทกริส

นี่ไทกริสยังนับถือ ลัทธิต่ายลิซึ่ม อยู่รึ?!!!!

ด้วยช่วงเวลาที่ห่างกันไปถึง 10 ปี ทำให้ทั้งต่ายและไทกริสเหมือนมีกำแพงขวางกั้น มีหลายอย่างที่ต่ายไม่เข้าใจไทกริส เช่นเดียวกับไทกริสที่ไม่อาจเปิดเผยบางอย่างให้ต่ายได้รับรู้ได้  นั่นก็เป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทั้งสองรู้สึกได้ แต่ก็ไม่อาจจทำลายมันลงได้





ว่ากันว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว
ทุกคนมักคิดอย่างนั้น  ทั้งๆที่เวลาก็เดินเท่าเดิมมาตลอด เพียงแต่เพราะความสุข ทำให้ผู้คนหลงลืมบางสิ่ง บางสิ่งที่เป็นสิ่งที่แน่นอนของโลกใบนี้

“แปปๆจะไฟนอลแล้วหรอวะ  นี่กูยังรู้คะแนนมิดเทอมไม่ครบเลยนะ” เอกว่า พลางถอนหายใจเฮือก

ผ่านไปสองเดือน  เทศกาลสอบก็หวนคืนอีกครั้ง
“ถ้าไฟนอลมา ก็เท่ากับว่า เดดไลน์โปรเจ็คของอ.สุชาดานั้น กำลังจ่อคอหอยเราอยู่” แกนพูดด้วยน้ำเสียงเนิ่บๆ แต่ใจความประโยคนั้น ถือเป็นพลังทำลายล้างจิตใจเด็กปี3 คณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างพวกต่ายได้

ต่ายถอนหายใจตามเพื่อน พลางนึกไปถึง โปรเจ็คสุดท้ายของเทอมแรก ที่มีคะแนนถึง 50 คะแนน
เป็นวิชาที่ตอนเรียนว่าเครียดแล้ว ตอนทำงานส่งเครียดยิ่งกว่า

“กูยังไม่ได้พิมพ์ใหม่เลยอ่ะ” แชมครางออกมา  เมื่อพูดถึงดราฟที่ส่งไป แต่ถูกตีกลับมาพร้อมกับหมึกสีแดงที่ขีดเป็นรูปกากบาท  พร้อมกับคำว่า “แก้ใหม่ค่ะ”
 
“ต่ายคราวนี้มึงเอาไปส่งนะ” แชมบอก  เขากับต่ายเป็นพาร์ทเนอร์ของโปรเจ็คนี้
“เออ” ต่ายรับปากอย่างเบื่อๆ
“เป็นไรวะ” แชมถาม เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อน

“พวกมึง..”

“มีไรวะ? ”

“คือ มึงว่าไทกริสนี่..........  --  ช่างมันเถอะ”  ต่ายบอกปัด เพราะเริ่มต้นไม่ถูก

“อ้าว พูดให้อยากแล้วจากไป” เอกพูดอย่างเสียดาย

“พูดให้จบสิวะ”  แชมพูด  พลางใช้สายตากดดัน  ต่ายเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“ไว้กูแน่ใจอะไร ไว้ค่อยว่าอีกทีดีกว่า”

“ก็ได้วะ” ผองเพื่อนตบไหล่ต่ายเบาๆ  แม้จะไม่รู้ว่าคงตรงหน้าจะบอกอะไร  แต่ดูจากหน้าตาก็จะกลุ้มใจไม่น้อยเหมือนกัน


TBC....

--------------------------------------------------

BEVA TALK :   กะกะกลับมาแล้วค่ะะะ    ปัญหารุมเร้ามากค่ะ ช่วงนี้ ทั้งสอบ ทั้งฝนตกเน็ตเจ๊ง  พอมีเน็ตก็ไม่มีคอม จะอัพในโทรศัพท์ก็ไม่มีไฟล์ โฮฮฮฮฮฮฮฮ 

ตอนนี้ไม่พูดอะไรมาก   พบกันตอนหน้าน๊าา   ไม่นานแน่ค่ะ  อิอิ  :mew3:

ขอบคุณที่ยังติดตาม ขอบคุณที่มาเม้นท์ให้นะคะ  :mew1: :mew1:

คิดเห็นยังไงกับตอนนี้ ช่วยบอกกันหน่อยน๊าาาาา  บีว่าขออออออ  พลีสสสสสส


(http://www.mx7.com/i/1f2/zSgPel.jpg) (http://www.mx7.com/view2/z6YtQvQ0lXLD7vyc)

หนูชื่อมอลท์ค่ะ >w<   [จริงๆแล้วคือ พี่ต่ายในสายตาของน้องไทกริส]
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 18-05-2016 22:47:42
กระต่ายเริ่มรู้ตัวแล้วสินะๆ ความรู้สึกช้าจริงๆน้องหนู
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 18-05-2016 22:51:58
มาปูเสื่อรอ จองพื้นที่แป๊บ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 19-05-2016 00:57:00
รอจ้าาาาา ไทกริสรุกต่ายหนักๆนะ5555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 19-05-2016 18:39:44
น่าร๊ากกกกกกกกก  แต่คงไม่มีดราม่าใช่ไหมง่าาาาา  :o12:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-05-2016 19:28:33
โถ่ว กระต่ายคะแน่ใจเถอะค่ะ มาขนาดนี้แล้ว ชัวร์!!!
มอลท์ น่าร๊ากกกกกกก >\\\\<
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 19-05-2016 19:56:52
น่ารักกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-05-2016 20:28:14
ู่ถ้ากริสอยู่ลัทธิต่ายลิซึ่ม ต่ายก็(กำลังจะ)อยู่ลัทธิกริสลิซึ่มเหมือนกันล่ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 19-05-2016 20:32:18
พี่ต่ายน่ารักจุง
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 16 18/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-05-2016 20:46:24
แต่คนอ่านก็เข้าลัทธิ ต่ายลิสสึ้ม กับ กริสลิสสึ้ม สองลัทธิเลยเหมือนกัน :katai2-1:
รอ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 20-05-2016 21:05:48
บทที่ 17  (ไม่)เข้าใจ




การอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับไทกริสนั้นก็ไปได้สวย ไม่มีปัญหาใดๆ แถมยังมีความสุขดีด้วย 

คือจริงๆก็ไม่ต่างจากชีวิตในสมัยก่อนเท่าไหร่ เพราะพวกเขาก็เข้าออกบ้านของกันและกันอย่างกับเนบ้านหลังเดียวกันอยู่แล้ว



แต่สิ่งที่ต่างกันไปก็คือ .......

ไทกริสที่สูงกว่า ขาวกว่า พูดน้อยกว่าเดิม และ ชอบถึงเนื้อถึงตัวกว่าเดิม

โอเค  สำหรับต่ายมันก็ไม่ได้แย่อะไร

แต่สิ่งที่ทำให้ตะขิดตะขวงในใจ คือ ......


ความคิดของเจ้าตัวต่างหาก

ต่ายกลัว

กลัวความคิดของไทกริส


ซึ่งมันเป็นอะไรที่วนเวียนอยู่ในสมองของต่าย จนแทบจะไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ 


ซึ่งก็คิดไว้ว่า หลังจากสอบเสร็จ  จะเป็นเวลาจัดการมันเสียที
เพื่อตัวเขาเองและ...ไทกริส




เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเด็กโค่ง รู้สึกเหมือนกับว่า  คนที่อยู่ร่วมห้องอีกคนนั้น .....


กำลังทำตัวห่างเหินจากเขา  หากแต่พอมานึกคิดขึ้นสาเหตุนั้น  ก็จนปัญญา

อาจเพราะเครียดเรื่องสอบก็เป็นได้


เขาพยายามหาสิ่งที่พอจะช่วยอีกคนได้  เช่น


การชงโอวัลตินให้อีกคนดื่ม   วิเคราะห์จากอุปกรณ์แล้ว ไม่น่าจะยาก 

เขาก็เคยเห็นเวลาที่ต่ายชงให้เขา  แค่ใส่ผงนั่น แล้วกดน้ำร้อนใส่ก็เสร็จแล้ว


คิดได้ดังนั้น ก็ลองลงมือทำ

สายตาเพ่งไปที่กระติกน้ำร้อนราวกับบังคับให้ไฟขึ้นสีเขียวเสียที

เพราะผงโอวัลตินที่ตักใส่แก้วเตรียมไว้นั้นมันเริ่มจะแข็งเป็นก้อนแล้ว


ชะโงกไปมองคนอายุมากกว่าที่นั่งคิ้วขมวด ปากพึมพำเป็นสูตรคณิตที่เด็กบริหารยากที่จะเข้าใจ


ติ๊ง!!!
เสียงของกระติกน้ำร้อนดังขึ้น   ไทกริสยิ้มร่า รีบถือแก้วมากดน้ำร้อนใส่

หาไม่รู้ว่า  แก้วที่ตัวเองใช้นั้น เป็นแก้วสำหรับใส้น้ำเย็น ....

มือขาวใช้ช้อนคนจนเกิดเสียงกรุ้งกริ้ง ในยามที่ช้อนกระทบกับตัวแก้ว

พยักหน้าให้กับความเก่ง?!ของตัวเอง ก่อนจะถือแก้วไปให้อีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาทันที

หากแต่ยังไม่พ้นห้องครัว  แก้วที่ถืออยู่ก็เกิดเสียงเปรี๊ยะ  ส่วนหูจับกับตัวแก้วนั่นหลุดออกจากกัน  ก่อนที่ตัวแก้วจะกระทบลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
 
เพล้งงงงง!!




เฮือกก!   

ต่ายสะดุ้งเฮือก  เนื้อหาสอบพยายามท่องมาลอยหายไปหมด หันไปมองต้นตอของเสียง ก็พบกับ

ไทกริสกับเศษซากแก้ว

ชั่วแว่บนึง ที่สายตาของทั้งคู่ประสานกัน  ก่อนฝ่ายของต่ายจะหลุบตาลง
 
“ขอโทษ” เสียงทุ้มพูดแผ่ว  ก่อนจะรีบใช้มือเปล่าๆ กวาดเจ้าแก้วตัวปัญหา โดยไม่สนใจว่าเศษแก้วจะบาดตัวเอง

“เดี๋ยวสิกริส  ใช้มือกวาดได้ไง” ต่ายรีบสาวเท้าเข้าไป แล้วยึดมือของไทกริสไว้ มือขาวเต็มไปด้วยรอยบาด ค

ก่อนจะเดินข้ามไปหยิบไม้กวาดและที่โกยขยะมาจัดการ   โดยมีเด็กโค่งยืนนิ่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ


เศษแก้วผสมกับน้ำสีน้ำตาลกลิ่นเหมือนโอวัณตินถูกโกยลงถังขยะเป็นที่เรียบร้อย

ต่อไปก็เป็น 

ต่ายหันขวับมาที่เด็กโค่ง สำรวจไปทั่วร่าง ก็พบรอยแผลที่เท้าบวกกับรอยแดงที่น่าจะเกิดจากน้ำร้อน

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ ก่อนจะจูงเด็กโค่งตัวขาวเข้าห้องน้ำ  เพื่อไปล้างแผล

“ไปทำอีกท่าไหนเนี่ย” พอเริ่มทำแผล ปากก็เริ่มบ่น
 
“แก้วมันแตกเอง” เด็กหนุ่มเถียง  ต่ายพยักหน้าอย่างขอไปที

“จะบอกอะไรให้นะ  นั่นมันแก้วใส่น้ำเย็น  มันทนความร้อนไม่ได้หรอกนะ” ต่ายบอก  อีกคนทำหน้าฉงน

“แก้วใส่น้ำเย็นมันแก้วใสๆ  ส่วนที่ใส่น้ำร้อนมันจะเป็นแก้วลายๆนั่นไง”  ต่ายชี้แจง 

แก้วที่ใช้นั้นจะแยกแก้วน้ำร้อนกับแก้วน้ำเย็น  แก้วน้ำร้อนก็เป็นแก้วลายการ์ตูนที่น้านีขนซื้อมาให้ลูกชาย ส่วนแก้วสีใสที่ใส่น้ำเย็นก็จะบางๆ และทั้งสองถูกแยกไว้เป็นสองฝั่ง

แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าครัวอย่างไทกริสคงจะไม่รู้เรื่องนี้

หลังจากนี้คงต้องใช้ปากกาเมจิกเขียนแล้วมั้งว่าแก้วไหนสำหรับน้ำอะไร


“เฮ้ออ แบบนี้จะอยู่คนเดียวไหวไหมเนี่ย”  พอพูดประโยคนี้ออกมา มือขาวที่ถูกทำแผลอยู่ก็เกร็งแข็งขึ้น

“ทำไม ต่ายจะไปไหน” เสียงทุ้มนุ่ม เปลี่ยนเป็นเสียงแข็งขึ้นมา

“ก็ไม่ได้จะไปไหน  แต่พี่เคยบอกแล้วไง  พี่อยู่กับนายไม่ได้ตลอดหรอกนะ”

เขาเคยบอกไทกริสด้วยประโยคนี้ ตั้งแต่ตอนเจอกันแรกๆ

“ทั้งพี่แล้วก็นาย ก็ต้องมีแฟน มีลูก มีครอบครัวที่อบอุ่น...”

“อยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอ” ไทกริสพูดด้วยเสียงอ่อน 

“ไม่ได้หรอก”  ต่ายหลบสายตา   สายตาที่เว้าวอนของไทกริส ...

“แต่เราอยากให้กระต่ายอยู่ด้วย”

“ก็บอกว่าไม่ไง!!”  ต่ายเผลอตวาด  เด็กโค่งผงะไปชั่วขณะ

ต่ายเองก็ตกใจตัวเองที่ตวาดออกไปอย่างนั้น  สองมือยกมือขยุ้มผมของตัวเอง  แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะคำพูดต่อมาของไทกริส

“เรารักกระต่ายนะ” 

ต่ายเม้มปากแน่น   หลับตาพร้อมกับหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเปิดปากพูด

“กริส พี่ว่า นายอาจจะยังสับสน  เราทั้งสองไม่ใช่เด็กๆกันแล้วนะ มันเป็นไปไม่ได้  ถึงมันเป็นไปได้  พี่ก็คงยอมรับไม่ได้ หยุดเถอะนะ”   ต่ายไม่รู้เลยว่าตัวเองเสียงสั่นแค่ไหน 

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสอง  ก่อนคนอายุน้อยกว่าจะเป็นคนทำลายความเงียบนั้น

“..... วันนี้ไปห้องโจนะ” ร่างสูงลุกขึ้นยืน  มองต่ายที่นั่งก้มหน้าไม่สบตา  ก่อนจะหันตัวเดินออกจากห้องไป


“โธ่เว้ย!!”  ของใกล้ตัวอย่างขวดสบู่ล้างมือ กลายมาเป็นที่ระบายอามรณ์ที่ขุ่นมัวนี้

ปั่ก!!    ขวดพลาสติกสีขาวลอยลิ่วไปกระทบกับผนังห้องน้ำ 

“เหี้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” สบถซ้ำๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลมาอย่างห้ามไม่ได้ 

เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงทำร้ายไทกริส ทำไมถึงต้องร้องไห้ ......



เหล่าชายหนุ่มเพื่อนของต่าย ต่างมองหน้ากันที มองที่ต่ายที  ใบหน้าคมคายโทรมสภาพแบบไม่ได้นอนมาหลายคืน  บางทีก็เหม่อจนต้องคอยเรียกสติให้กลับมาเสมอ 

ไม่รู้ว่าสอบคราวนี้จะไหวรึเปล่า

“ไหวปะเนี่ยมึง”  เอกยื่นถุงเซเว่นที่ข้างในมีขวดเครื่องดื่มชูกำลังกับกาแฟกระป๋องในนั้น   ต่ายรับมาอย่างนิ่งๆ ก่อนจะหยิบกาแฟกระป๋องมากระดกดื่ม

“จะเอาเต็มก็ไม่บอกกู  ” เอ่ยแซวเล่นอย่างขำๆ  แต่อีกคนหาเล่นด้วยไม่  แค่มองหน้าก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือเงียบๆ

ที่จริงเงียบตั้งแต่มันเหยียบที่นี่ด้วยซ้ำ

ปากคันยุบยิบอยากจะถาม แต่เห็นสายตาของผองเพื่อนที่เหลือแล้ว เลยต้องเย็บปากตัวเองให้สนิท

“สู้เว้ย วันนี้วันสุดท้ายแล้ว จะได้ปิดเทอมซะที~” พูดพลางบิดขี้เกียจ พยายามทำบรรยากาศที่ดูขุ่นมัวให้สดใส  แม้จะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม


นับตั้งแต่ที่ทะเลาะกับไทกริสครั้งนั้น จนถึงวันนี้ก็ผ่านมา 2 วันแล้ว  เจ้าตัวที่บอกว่าไปห้องของโจนั้น ก็กลับมาอีกทีในเช้าวันรุ่งขึ้น 

เกิดความรู้สึกแปลกๆ ระหว่างเขาและไทกริส 

ไทกริสสอบเสร็จไปตั้งแต่เมื่อวาน  ก็เหลือแค่ต่ายที่เหลืออีกตัวที่สอบในวันนี้




“จบกันที อ.สุชาดา  ลาก่อนครับอาจารย์” เอกพูดออกมาปลงๆ หลังจากส่งโปรเจ็คสุดท้ายของเทอมไป
“ไม่ต้องลาก่อนหรอก  เทอมหน้าก็เจอ” แกนตบอกแน่นๆของเอก  อีกคนทำหน้าเหมือนวิญญาณจะลอยออกไปเป็นที่เรียบร้อย
“มึงอยากจะไปกินเหล้าอะไรพวกนี้ไหม” แชมถามต่าย ที่กำลังจุดไฟที่บุหรี่

 .. เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานานมาก ตั้งแต่เรื่องของเมล่อน ...

“อืม ก็ดี อยากแดกพอดี” ต่ายตอบ พลางพ่นควันออกมา เหล่าผองเพื่อนยิ้มแหยๆออกมา

ร้านที่มากันในวันนี้ ตามที่บอกต่อๆกันมาว่าเป็น  ร้านบรรยากาศดี ดนตรีสด  แถมสาวยังเด็ดอีก
 ซึ่งก็ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่  เพราะฉะนั้นจะเห็นหน้าตาเดิมๆ ก็คงไม่แปลก


“มึงทะเลาะกับไทกริส?” แชมถาม  ทำเอาต่ายที่กำลังกระดกแก้วชะงัก พลางส่งสายตาเนือยๆมาให้

“มั้ง” ตอบอย่างขอไปที  มือหนาหมุนแก้วเหล้า สายตาก็จ้องไปที่น้ำสีอำพันนั้น


“มันเกิดอะไรขึ้น?” แชมยังคงถามต่อ   ส่งสายตาคาดคั้น  จนต่ายพ่นลมหายใจหนักๆออกมา

หลังจากนั้น เรื่องราวในวันนั้นก็ถูกถ่ายทอดออกมา  เสียงสั่นเครือในยามที่เล่าถึงตอนที่ต่ายตะคอกใส่ไทกริส  ทำเอาผองเพื่อนต่างยิ้มจางๆออกมา

“กูทำอะไรไม่ถูก   กูไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง  แล้วน้านีอีกล่ะ  เขาฝากลูกไว้ให้กู  แต่ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้น ...”

“ใจเย็นก่อนมึง” แชมรีบปลอบ  เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มฟิวส์ขาด   

น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา  สามใบเถามองกันอย่างทำอะไรไม่ถูก
เพราะอารมณ์เพื่อนตอนนี้ยากที่จะรับมือ  ครั้งสุดท้ายที่เจอก็คือกับเมล่อน

แต่นี้มันออกจะ  ดูสับสน  ไม่ใช่สิ้นหวัง ..


“อันที่จริง พวกกูก็สังเกตไทกริสมาได้ซักพักแล้วล่ะ  น้องมันเห็นมึงสำคัญจริงๆแหล่ะนะ” เอกบอก พลางยกมือกอดคอเพื่อนไว้
“ทั้งสายตา ทั้งการกระทำ บอกเลย กูนี่อึ้งไปเลย  ฮ่าๆ”  เสียงหัวเราะของเอกเคล้าไปกับเสียงดนตรีสด  ต่ายมองหน้าเพื่อนไปทีละคน
“กู...”
“มึงจะลองเสี่ยงไหมล่ะ   อ่าาา  กูไม่รู้หรอกนะ เรื่องความรักอะไรนั่น  แต่ถ้าเป็นกู โดนปฎิเสธยังดีกว่าบอกให้เลิกรัก  ถ้าหากอยู่ดีๆ  แม่มึงบอกให้มึงเลิกทำในสิ่งที่มึงรักมาก  มึงจะทำได้เหรอ”  แชมพูด แววตาที่สับสนของเพื่อน ทำให้เขาอยากจะช่วย  ให้เพื่อนได้หลุดพ้นกับความสับสนนี้

“เอางี้ดีกว่า  มึงรักไทกริสไหม?”  แกนที่นั่งเงียบมานาน เอ่ยถาม  ต่ายมองหน้าคนพูด  ก่อนจะเริ่มอึกอัก

“กู..”
“แบบที่ไทกริสรักมึงนะ” แกนเอ่ยดัก
“คิดว่านะ”  ผองเพื่อนต่างใช้สายตาประณามเพื่อนตัวดีทันที   
“อย่ามามองกูแบบนั้นได้ไหม”  หยิบขนมขึ้นมาปาใส่เพื่อน ที่ส่งสายตาแบบไม่เชื่อในคำพูด

“ปากไม่ตรงกับใจ”
 “ไอ้คนปากแข็ง” 
“ไอ้เลี้ยงต้อย”


ต่ายแจกนิ้วกลางให้เพื่อนแต่ละคน 

แต่
“ไอ้เยงต้อยนี่ยังไงวะ ไอ้เอก”
“มึงไม่ได้เลี้ยงเด็กสามขวบอยู่หรอวะ”   
“สามขวบเชี่ยไร”
“โอยย เห็นดูแลซะขนาดนั้น  มึงไม่ต้องปากแข็ง นี่มันมากกว่าพี่น้องแล้วสัด   ตาสว่างซะที”
“พอๆ พูดไปก็ไม่ได้ประโยชน์หรอก ให้มันรู้ซึ้งเองเถอะ”  แชมพูด

“แล้ว พวกมึงคงไม่เกลียดพวก แบบนี้ใช่ไหม”  ต่ายเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ด๊อนวอรี่   จะเป็นยังไงก็เพื่อนกู  อีกอย่าง มึงก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มึงก็ยังคงเป็นมึง เป็นไอ้ต่ายคนเดิม  เพิ่มเติมคือมีแฟนเป็นผู้ชาย ฮ่าๆ”


“เออ ว่าแต่ สองคนมึงนี่ ใครอยู่บนอยู่ล่างวะ” ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“กูสิ กูต้องอยู่ข้างบน!   เชี่ยยยยย  มันยังไม่ถึงขั้นนั้นเว้ย” ต่ายโวยวาย เสียงเฮฮาพร้อมกับบรรยากาศกลับมาเป็นอย่างเดิม


ครืด~ ครืด~   โทรศัพท์ของต่ายที่วางบนโต๊ะสั่นขึ้น

คิ้วเข้มขมวดอย่างฉงน เมื่อเห็นรายชื่อคนโทรมา

-กานต์-




TBC...

---------------------------------------------------------------------
 
ฺBEVATALK :  วิ่งหนี  :z10: :z10: :z10: :z10:    สารภาพว่าอยากให้มีดราม่าค่ะ  (โรคจิต)  พออ่านเม้นท์ แทบอยากจะลบที่แต่งไว้เลยทีเดียว  แต่สุดท้ายก็เอามาลง  อิอิ   ดราม่าไม่เยอะน๊าาา พี่ต่ายแค่สับสน  จริงๆนางรู็แต่ไม่แสดงออกนะ  อิอิ  :z2: :z2:

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุกเม้นท์ค่าาาา  รักนะ จุ๊บๆ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
คิดเห็นยังไงกับตอนนี้ บอกกันด้วยน๊าา พลีสสสส



หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 20-05-2016 23:05:06
พี่ต่ายไม่ต้องกลัววว มีคนพร้อมจะก้าวไปพร้อมพี่ต่ายนะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 21-05-2016 00:46:06
ต่ายยยง้อน้องด้วย

น้องกำลังเสียใจแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 21-05-2016 10:06:49
สงสารกริสเลยอ่า 
กานต์โทรมาทำไม
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 21-05-2016 14:22:32
กานต์โทรมาทำไมมม 
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-05-2016 19:20:51
ต่ายทำร้ายกรีสสสสสส  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 21-05-2016 19:47:22
ไทกริส ปล้ำเลย กระต่ายคนปากแข็ง
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 17 20/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 22-05-2016 19:11:50
ฮืออ  ว่าแล้วต้องดราม่า    พี่ต่ายง้อน้องเลย

ว่าแต่   กานต์นายโทรมาไมมมม
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 18 23/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 23-05-2016 19:56:32
บทที่ 18  ปรับความเข้าใจ







ไทกริสรีบบึ่งรถจากคอนโด ออกมารับต่าย  เมื่อได้รับข้อความจากแชม ที่บอกให้มารับต่ายด้วย

จุดหมายนั้น เป็นร้านเหล้าร้านหนึ่งแถวสุขุมวิทที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย

เด็กหนุ่มลงจากรถอย่างเร่งรีบ เพราะอยากไปหาอีกคนอย่างเร็วที่สุด 


แต่ก็ต้องชะงักไป ..



กานต์ลงมาจากรถพร้อมกับเพื่อน วันนี้พวกเขากะจะซัดเหล้าหลังจากสอบเสร็จ เป็นเหมือนการปลดแอกตัวเอง หลังจากงมกับกองหนังสือมานาน



“โอ๊ะ นั่นน้องไอ้ต่ายนี่”   ซันสะกิดเพื่อน พลางชี้ไปอีกฝั่งของลาน ซึ่งไทกริสกำลังยืนอยู่กับผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดยาม

“อย่าบอกว่า ไอ้ต่ายก็มาด้วย” วินพูดเสริม

“แล้วไง” กานต์ถามเสียงเย็นอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนกับว่าสองคนนี้กำลังกลัว

“กูไม่อยากให้มึงไปมีเรื่องนี่หว่า ต่ายแม่งน่ากลัวจะตาย  แล้วยังไอ้เอกอีก กูขอบาย” วินพูดอย่างเกรงๆ

“เรื่องมันจบไปแล้ว  เข้าร้านได้แล้ว”

เอี๊ยดดดดดดดด !!

"หนวกหูว่ะ ไอ้พวกนี้" กานต์บ่นออกมาพลางเดินออกจากลาน

“เฮ้ย นั่น!!”   วินรีบชี้เพื่อนให้ดู






พลั่ก!

“อย่ามาแหยมกับกู”  ร่างของชายฉกรรจ์ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  ต่อยเข้าเต็มๆที่ใบหน้าหล่อของเด็กหนุ่ม



เรื่องของเรื่องก็คือ ......

หลังจากที่ไทกริสจอดรถเสร็จ  เนื่องจากที่จอดนั้นเต็มไปด้วยรถของลูกค้า   แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ ว่าที่ตรงนี้ยังว่างอยู่  พอลงจากรถ ก็มีชายที่คิดว่าน่าจะเป็นยามของที่นี้เดินเข้ามา


“ตรงนี้จอดไมได้นะครับ” ชายวัยกลางคนพูดอย่างหวาดๆ  ไทกริสทำหน้าสงสัย  อีกคนจึงขยายความ

“คือตรงนี้ เป็นที่จอดของคุณธรณินครับ”  เด็กโค่งยิ่งงหนักเข้าไปใหญ่ 

ใครคือ ธรณิน?  แต่ก็พอเข้าใจในสิ่งที่ลุงพยายามจะสื่อจึงหมุนตัวกลับเพื่อขยับรถ


ในขณะที่กำลังปลดล๊อครถ ก็มีรถสปอร์ตคันนึงเข้ามาปาดด้วยความเร็วสูง


เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด!

เสียงล้อเบียดกับถนนจดเกินเสียงดังสนั่น จนรู้สึกหูอื้อ


ชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าทะมึนทึง เดินลงมาจากรถ

“เห้ย! มึงเป็นใคร มาจอดในที่ของกู” อีกฝ่ายตะโกนลั่นด้วยโทสะ
 
“เอ่อ  ผมบอกเขาแล้วนะครับ”  ลุงยามรีบบอก  แต่ก็ถูกอีกฝ่ายผลักจนเซออกไป ไทกริสรีบเข้าไปจับไว้  ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่งๆ

“กำลังจะออก  ถอยรถออกไปก่อนสิ”


แทนที่จะทำตาม กลับถูกขยุ้มเข้าที่คอเสื้อ

เด็กหนุ่มมองไปรอบข้าง เห็นผู้ชายอีกหลายคนเดินเข้ามาล้อม หน้าตาพร้อมมีเรื่องเต็มที่

“ท่าทางมึงจะเพิ่งเคยมา เลยไม่รู้จักกูสินะ” ชายคนเดิมยังคงพล่าม  ไทกริสถอนหายใจ ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องแบบนี้


“อย่ามาแหยมกับกู” หมัดลุ่นๆจะกระทบที่ใบหน้าเขา จนเซไปด้านหลัง  สมองมึนเบลอ

“จับมันไว้  ขอเล่นกับมันหน่อย”

“ครับ นาย” ชายที่ถูกเรียกว่านาย จ้องมาที่ไทกริสด้วยท่าทางข่มเหงเต็มที่ 

แต่ก่อนลูกน้องจะได้เข้ามาจับตัว  หนึ่งในนั้นก็ถูกหลังมือของไทกริสฟาดไป

อีกฝ่ายเลือดขึ้นหน้า ควักมีดออกมาขู่ 


แม้จะเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาบ้าง แต่จำนวนคนที่มากขนาดนี้  ก็คงจะไม่ไหว

คงต้องป้องกันตัวเท่าที่ตัวเองจะทำได้   เดี๋ยวก็ต้องมีใครมาเห็นบ้างล่ะ

แต่คนแรก ที่เด็กหนุ่มกลับนึกถึง ก็คือ  คนที่เขาจะมารับ

พลั่ก! พลั่ก! ฟืบ!


เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มเมื่อเห็นลูกน้องของฝ่ายนั้นถูกเขาซัดจนร่วงไปถึงสองคน
 

แต่......


ฉึก!!

คมมีดฟันเข้าที่ต้นแขนของไทกริส จนเกิดรอยแผลเป็นทางยาว  โชคดีที่ไม่ลึกมากนั้น   แต่ความเจ็บนั้นแล่นริ้วจนต้องเบ้หน้า

ฝ่ายนั้นพอเห็นไทกริสชะงักก็ปรี่เข้ามาจับตัว  พยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้

ซ้ำนั้นหนึ่งในนั้นยังกดเข้าที่บาดแผล จนต้องร้องออกมา

“อ๊ากก”

“มึงก็เก่งใช่ย่อยนี่”  นายของฝ่ายนั้นแสยะยิ้ม พร้อมๆกับต่อยหมัดเข้าที่ท้องของไทกริส
“อั่ก!” 
“หึ สะใจว่--- อุก”

ไม่ทันไร ขวดเบียร์ปริศนาก็ลอยคว้างใส่ที่คนตรงหน้าเต็มๆ   ทั้งลูกน้องและคนโดนต่างมองหาตัวการกันยกใหญ่



“มึงทำอะไรของมึงงง”  ซันร้องลั่น หลังเห็นวินหยิบขวดเบียร์คว้างใส่คนร่างหมีนั่น

“ช่วยน้องมันไง มันจะตายนะเว้ย พวกคนอื่นไปไหนกันหมดวะ” พูดเสร็จก็เดินเฉิดฉายออกไป โดยไม่สนเพื่อนที่ร้องคร่ำครวญอยู่ข้างหลัง

“เอาไงล่ะทีนี้”  หันไปถามกานต์ที่ยืนหน้าเครียดไม่แพ้กัน  ก่อนที่จะควักมือถือมาให้

“โทรหาไอ้ต่าย  เรียกให้มันมา  กูไปช่วยไอ้วินก่อน”   ซันอ้าปากพะงาบๆ มองโทรศัพท์สลับกับเพื่อนที่เดินออกจากที่ซ่อนไปแล้ว


พอควบคุมสติได้ ก็ทำตามอย่างที่กานต์บอก  แต่กว่าอีกฝ่ายจะรับสายก็แทบจะใจแป้ว


“มีไร”

“ต่ายเหรอ นะ.นี่ซันเพื่อนกานต์  คือมึงอยู่ที่ร้านXXXXX ใช่ไหม”  ปลายสายนิ่งไปอึดใจก่อนจะตอบ

“ใช่”

“มึงรีบมาที่ลานBเลย  ตอนนี้น้องมึงกำลังจะแย่แล้ว เพื่อนกูด้วย” รัวคำพูดเสร็จก็กดตัดสายทันที  ก่อนจะมองหาอาวุธที่จะไปต่อกรกับพวกนั้น




“มึงรีบมาที่ลานBเลย  ตอนนี้น้องมึงกำลังจะแย่แล้ว  เพื่อนกูด้วย” 

แม้จะยังงงๆกับสถานการณ์  แต่คำว่าน้องมึง  คนที่นึกถึงอยู่คนเดียวก็คือ   ไทกริส 
แล้วมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงกัน!


“ไปลาน B เร็ว” หันเรียกผองเพื่อน  ที่กำลังดื่มด่ำกับแอลกอฮอล์ พวกมันหน้าเหวอ แต่ต่ายที่ไม่มีเวลามาอธิบายวิ่งนำไปก่อนแล้ว    แม้จะงงไม่ต่างกัน แต่ก็วิ่งตามเพื่อนไป


พอมาถึงที่ลานB ภาพตรงหน้าก็ทำให้ต่ายต้องเลือดขึ้นหน้า


เร็วกว่าความคิด ขาของเขาวิ่งเข้าไปกระโดดถีบไอ้หน้าโจรที่กำลังหันมีดไปที่ไทกริส  ก่อนจะยืนจังก้าบังไทกริสไว้

“พวกมึงเป็นใคร”  แววตาที่วาวโรจน์ไปด้วยความโมโห  ทำให้พวกนั้นชะงัก  แต่ก็ใจแข็ง ถ่มน้ำลายลงพื้น   ก่อนกระดิกนิ้วเรียกต่ายที่เตรียมตั้งหมัดพร้อม


และหลังจากนั้นวิชามวยที่ได้ร่ำเรียนมาก็ถูกใส่เข้าที่พวกนั้นจนสลบเหมือด
 

“ไอ้พวกนี้มันเป็นใครเนี่ย” เอกใช้ปลายเท้าเขี่ยๆที่ร่างชายคนนึงที่นอนสลบแทบเท้าเพราะโดนลูกเตะของเขาเต็มๆ

“หึ มัวแต่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนถึงไม่รู้จักนายน้อยธรณิน” เอกเลิกคิ้วใส่ ก่อนจะหันไปถามผองเพื่อนซึ่งก็ได้รับสายตาว่างเปล่า 

“รู้สึกมันจะเป็นหุ้นส่วนของร้านนี้กับลูกตำรวจชั้นผู้ใหญ่” กานต์บอก

ส่วนนายน้อยที่มันว่า  เผ่นแน่บไปตั้งแต่ต่ายกระโดดถีบลูกน้องจนกระเด็นไปแล้ว

ผลุบ!

ร่างของเด็กโค่งที่ยืนอยู่ข้างหลังต่ายนั้นล้มลง  โชคยังดีที่แกนที่อยู่ใกล้สุดรับไว้ก่อน  แต่ความต่างของร่างกายเลยทำให้ทุลักทุเลไปตามกัน


“กริส!!  ทำใจดีๆไว้” ต่ายรีบเข้าไปหา  พลางใช่มือตบเบาๆแก้มของเด็กโค่งที่เหมือนหมดสติไปแล้ว  ที่แขนเสื้อข้างซ้ายชุ่มไปด้วยเลือด จนคนมองรู้สึกใจไม่ดี

“รีบพาไปโรงพยาบาลดีกว่า” แกนที่ดูมีสติ รีบบอกเพื่อน   ต่ายพยักหน้าให้ ก่อนจะพยุงไทกริสขึ้นรถ
 
“พวกมึงก็มาด้วยล่ะ” ก่อนจะขึ้นรถไป ก็หันไปบอกกานต์และเพื่อน  ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยักไหล่ให้  เพราะพวกเขาก็อ่วมไม่น้อย ยิ่งอีกฝ่ายใช้มีดด้วยแล้ว  แต่ก็ไม่ได้หนักเท่าเด็กตัวขาวนั่น



ไทกริสถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน เพราะเสียเลือดไปไม่น้อย  ผิวกายที่ขาวจัดเป็นทุนเดิม ในตอนนี้ซีดราวกับศพ
 แถมรอยช้ำที่ใบหน้าและตามตัวเริ่มขึ้นสีเข้มจนต่ายต้องกำหมัดแน่น เพื่อไม่ให้ตามไปฆ่าไอ้พวกนั้น


ระหว่างนั่งรอไทกริส  กานต์ ซันและวินที่เข้าไปทำแผลก็ออกมาพอดี

“เป็นไงบ้าง” กานต์เอ่ยถาม

“ไม่รู้ ยังไม่ออกมาเลย” ต่ายตอบด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน

“ถึงมือหมอแล้วน่า”

“อืม ขอบใจพวกมึงด้วยนะ ที่ช่วยไทกริสไว้” ต่ายก้มหัวให้ทั้งสามอย่างสุดซึ้ง  เพราะถ้าไม่ได้สามคนนี้ ไม่รู้ว่าไทกริสจะเป็นอย่างไรบ้าง

“หึ  ตอนแรกก็ไม่อยากจะช่วยหรอก   บอกไอ้วินเถอะ ” พยักเพยิดไปที่วินที่ยิ้มแฉ่ง  มีผ้าก๊อซแปะที่แก้มไว้

“ฮ่าๆ เปลี่ยนเป็นเลี้ยงเหล้ากูก็พอ”  ต่ายตอบรับ ก่อนจะให้สัญญาอย่างลูกผู้ชาย

“นี่มึงจะกลับร้านรึเปล่า”   ต่ายหันไปถามกานต์

“อืม ไปเอารถ คงไม่มีอารมณ์กินละ”  ต่ายพยักหน้าให้  ก่อนทั้งสามจะเดินออกไป


ต่ายและผองเพื่อนนั่งสุมกับอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน  ซึ่งก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วที่ไทกริสถูกส่งเข้าไป

แอ๊ดดด
 
สี่หนุ่มหันขวับไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน  หมอเดินออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยอ่อน แต่ก็ยังยิ้มให้พวกเขา

 “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ  เดี๋ยวอีกซักพักพยาบาลจะย้ายมาห้องพักฟื้นนะครับ”   คุณหมอหนุ่มบอกอย่างใจเย็น 
แม้จะเห็นสภาพแต่ละคนแล้วที่ราวกับไปซัดกับใครมา     ก่อนจะขอตัวออกไป



มือสีแทนลูบเข้าที่ใบหน้าที่มีรอยช้ำของเด็กโค่งอย่างแผ่วเบา   พลางมองไปที่แขนซ้ายที่ถูกพันผ้าที่หัวไหล่ยาวไปถึงข้อศอก  แม้หมอจะบอกว่าแผลไม่ลึก แต่ก็เย็บไปถึง 18 เข็ม

เขายังรู้สึกใจหายกับเหตุการณ์แบบนี้  ยิ่งได้ยินเหตุผลแล้ว ยิ่งอารมณ์เดือด

‘รู้สึกว่าไทกริสจะจอดในที่ของมัน  มันเลยแสดงอำนาจ’ แชมบอก

‘แล้วก็เอ่อ...  กูขอโทษที่เรียกไทกริสออกมา  กูแค่อยากให้มาปรับเข้าใจกับมึงเท่านั้น’

แม้ในตอนแรกต่ายยอมรับว่า อยากจะตั๊นหน้าอดีตเดือนคณะนี่  แต่สุดท้ายก็ทำได้แต่พยักหน้าให้อย่างไม่ถือสา เพราะก็ไม่ใช่ความผิดของแชมซะทีเดียว


เพื่อนทั้งหมดกลับไปแล้ว  เหลือแต่เพียงต่ายและคนป่วยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

“เฮ้ออ  นายจะให้พี่อกแตกตายให้ได้ใช่เนี่ย” จิ้มจมูกโด่งๆนั่นอย่างหมั่นไส้

“เพราะแบบนี้ไง พี่ถึงปล่อยนายไปไม่ได้ซักที” 


ผ่านไป 2 วัน  คนป่วยก็ได้รับการอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้

ซึ่งก็เป็นสองวันที่สาหัสสำหรับต่าย หลังจากทำเรื่องโหดร้ายใส่ไทกริส  เพราะไทกริสแทบจะไม่คุยกับเขา แถมยังหลบหน้าตากันอีกด้วย  จะมีก็วันที่ยังมีคุยบ้าง


เรื่องที่เกิดขึ้น พ่อของเอกและแชมช่วยกันเคลียร์ให้  ก็ถือว่าน่าจะจบกันได้  และเรื่องนี้เขาไม่ได้บอกพ่อแม่ของไทกริส เพราะคนเจ็บห้ามไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากให้เป็นห่วง


พอถึงคอนโด เด็กโค่งก็เดินตรงเข้าห้องไป  โดนไม่ฟังเสียงเรียกของต่าย

“เดี๋ยว จะทำอะไร”  ต่ายถาม  ไทกริสที่กำลังถอดเสื้อชะงัก  คิ้วหนาย่นลง มองหน้าต่ายก่อนจะตอบ

“อาบน้ำ”

“เช็ดตัวก่อนดีไหม  แผลยังไม่หายดีเลย”

“อยากอาบแล้ว อยากสระผมด้วย” 

“เช็ดตัวก่อน เดี๋ยวพี่ทำให้”

เพราะหมอกำชับมาว่า ห้ามให้แผลโดนน้ำ ซึ่งมองอีกคนแล้ว คงไม่ทำตามชัวร์ๆ

คนเจ็บไม่พูดอะไร  แต่สีหน้าดูก็รู้ว่าไม่โอเค  แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเขา


เรียกได้ว่า เป็นครั้งที่สองที่ต่ายเช็ดตัวให้ไทกริส


แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะอีกคนมีสติแล้วก็มองตาแป๋วดูทุกการกระทำของต่าย

อันที่จริงก็ไม่เรียกเช็ดตัวซะทีเดียว  เพราะไทกริสดูจะงอแงเพราะไม่ได้อาบน้ำ  สุดท้ายต่ายเลยต้องเปิดน้ำใส่ค่อนอ่างเพื่อให้คนเจ็บได้สัมผัสน้ำบ้าง

พอพูดถึงก็มาพอดี   


ในสภาพ.....




เปลือยท่อนบน




และล่าง!!!!!! 

“เดี๋ยวววววววววววว  นายจะถอดทั้งหมดทำไมเนี่ย” ต่ายร้องลั่น หลังจากเห็นสภาพของอีกคนเกือบเต็มตา  โชคดีหันหนีกลับมาทัน

โอยยย  ขวัญเอ๋ย ขวัญมา


เด็กโค่งตีหน้ามึน ทำอย่างกับการล่อนจ้อนแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา


TBC...

------------------------------------------------------------------------

ฺBEVA TALK :  โฮกกกก เน็ตหอนี้ทำร้ายจิตใจบีว่าจริงจัง  ตอนเช้าลองเล่นดูปรากฏว่าเล่นได้ ในใจคิดว่าเย็นนี้จะอัพนิยาย  ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงนางเจ๊งค่ะ  :hao5: :hao5: :hao5:

สุดท้ายก็ต้องขอเน็ตคนอื่นมาอัพ แฮร่ๆ

ตอนนี้ตัดไปตัดมา ถ้างงก็ขอโทษด้วยนะคะ  :mew2:

ติดตาม  พี่ต่ายจะเสร็จไทกริสหรือไม่  หรือ ไทกริสจะเสร็จพี่ต่าย  แอร๊ววววว  :hao7:

เม้นท์กำลังใจให้คนเขียนด้วยน๊าาา  :hao5:   คิดเห็นอย่างไรกับตอนนี้ บอกกันด้วยน๊าาาา









หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 18 23/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 23-05-2016 22:03:48
โหห ต่ายโครตแมน ไทกริสไอ้ตัวดื้อ  หึยหมั่นไส้
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 18 23/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 23-05-2016 22:28:32
โฮๆๆๆ แขนน้องต่ายมีอผลเลยอ่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 18 23/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-05-2016 00:52:24
เด็กโข่งน่ารักอ่ะ รอต่อค่าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 18 23/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-05-2016 14:53:15
โถ่น้องกริสคนมึน
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 18 23/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 24-05-2016 23:11:50
เริ่มปรับความเข้าใจกันแล้ว ถึงแบบมึนๆ ปนเจ็บตัว แต่ก็ยังดีอ่ะ
อยู่ห่างๆ แบบเฮิร์ตๆ คนอ่านใจคอไม่ดี
++ ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 18 23/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 25-05-2016 20:00:33
พี่ต่ายโคตรเท่อ้ะ    :hao6: :hao6: :hao6: 

พี่ต่ายเสร็จน้องแน่นอนค่ะ !!!
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 26-05-2016 19:12:28
บทที่ 19  เหตุเกิดใน..ห้องน้ำ







ใช่!   มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา


แต่กับคนที่เขาเพิ่งพูดจาไม่ดีใส่  แถมตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่ได้คุยอะไรเลย  เพราะเหมือนอีกคนจะยังคงงอน?!เขาอยู่

กว่าจะเจรจากันสำเร็จ  น้ำลายแทบแห้ง

สุดท้ายไทกริสก็ยอมที่ใช้ผ้าขนหนูผืนจ้อย ปิดอาวุธลับไว้

และหลังจากนั้น ……..

สปาโดยต่าย ก็เริ่มขึ้นในห้องน้ำ

ตามร่างกายของเด็กโค่งยังคงมีรอยช้ำสีม่วงปนเขียวปรากฏให้เห็น   โดนเฉพาะตรงหน้าท้องที่เด่นชัดตัดกับผิวขาวจัดนั่น

“ยังเจ็บอยู่ไหม” ลูบเบาๆ ที่รอยช้ำนั่น 
“ไม่ แต่ถ้าก้มก็เจ็บ” ไทกริสตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ  ปล่อยตัวตามสบาย ให้ต่ายอาบน้ำให้

คนอายุมากกว่าใช้ฟองน้ำลูบไปตามตัว พยายามหลีกเลี่ยงรอยช้ำทั้งหลาย
แต่คนเจ็บดูไม่สนใจ  จับมือของต่ายไปที่ตรงรอยช้ำนั้น   เป็นการบอกกลายๆว่า ไม่ต้องสนใจ




ถึงจะใช้ผ้ามาปิดไว้ก็เถอะ ….

แต่ต่ายสาบานได้ ไอ้วับๆแวบๆนั้น ต่ายไม่ได้สนใจเลยซักติ๊กเดียว

จริงๆนะ

ไอ้ที่มันใหญ่เกินหน้าเกินตา   ไม่ได้มองเลยนะ ....

เชื่อสิ .....



“กระต่าย” เด็กหนุ่มที่นอนหลับตาพิงอ่างเอาไว้ เพื่อให้ต่ายที่นั่งอยู่ขอบอ่างได้สระผมให้อย่างถนัด

“หืม?” ต่ายใช้นิ้วมือนวดศรีษะเบาๆ  อย่างงที่ช่างชอบทำกัน   อีกฝ่ายหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ

“หายโกรธกันแล้วใช่ไหม”  ต่ายชะโงกหน้ามามองไทกริส ราวกับไม่แน่ใจคำถาม

ใครกันแน่ที่ควรคำถามนั้น


“เรื่องนั้น....  ขอโทษนะกริส ที่ตะคอกใส่แบบนั้น  คือมันแบบ....... ทำตัวไม่ถูกน่ะ”  ต่ายสารภาพเสียงแผ่ว  นิ้วมือสางผมไปพร้อมๆกับใช้ฝักบัวชะล้างฟองแชมพู

 “แต่ไม่ใช่ว่าเกลียดนายนะ แต่ว่-----  อื้ออ”

แขนแกร่งของไทกริสรั้งคอของต่าย ก่อนจะดึงเข้ามาประกบจูบ โดยไม่ให้ตั้งตัว

ควับ !

“เหวอ~!”

ไม่รีรอให้เสียเวลา ร่างโปร่งที่ดูจะตัวบางกว่ากลับจับตัวคนที่นั่งอยู่ขอบอ่างให้พลิกเข้ามาอยู่ใต้ร่างแทน

ต่ายเบิกตากว้าง   

เมื่อเจอกับแววตาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์จ้องมาจนอดขนลุกซู่ไม่ได้

ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอสายตาแบบนี้มาก่อน  แต่จะว่ายังไงดี 

ครั้งนี้ มันดู ...  ร้อนแรงกว่าทุกครั้ง


“กระต่าย~” น้ำเสียงทุ้มพร่าเอื้อนเอ่ย ร่างเปลือยเปล่าขยับมาแนบชิด  จนต่ายรู้สึกถึงอะไรบางอย่างดุนดันอยู่ที่หน้าท้อง
“ดะเดี๋ยว  กริส แผลนาย” พยายามร้องห้าม  แต่อีกคนหาได้สนใจไม่   สองมือประคองหน้าของต่ายไว้ แล้วแนบริมฝีปากลงซ้ำ 

มือที่พยายามดันอีกฝ่ายออกแปรเปลี่ยนมาเป็นคล้องคออีกฝ่ายไว้

ทำให้ริมฝีปากร้อนจัดแนบเข้าที่ปากของต่าย  บดคลึงจนทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน  ปลายลิ้นไล้เลียไปทั่วริมฝีปากจนถึงแนวฟัน  ราวกับขออนุญาต จากนั้น ค่อยสอดลึกเข้าไปภายในโพรงปาก  เกี่ยวตวัดกับลิ้นเจ้าของถิ่น  หยาดน้ำใสไหลออกมาจากมุมปาก

เสียงบดจูบดังก้องทั่วห้องน้ำ  อุณหภูมิห้องก็เพิ่มสูงขึ้นพอๆกับร่างกายของทั้งสองที่เบียดเสียดกันอยู่อย่างนี้
“อืออ” เสียงครางดังของต่าย ยามที่นิ้วเรียวของเด็กโค่ง ลูบไล้ทั่วแผ่นหลัง
“เดี๋ยวก่อน!”  ต่ายหอบสั่น    อีกฝ่ายชะงัก

“ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ”   ต่ายงึมงำ   

ทำไมเขาต้องมาอยู่ใต้ร่างไอ้เด็กโค่งนี่ล่ะ  มันต้องเป็นฝ่ายเขาที่อยู่บนไม่ใช่หรอ!

หากแต่พอตกอยู่ในสถานการณ์นี้  เรี่ยวแรงก็พาลหายไปหมด

เหมือนทุกครั้งที่ถูกไทกริสจูบ


ไทกริสใช้แขนยันกับขอบอ่างไว้เพื่อดันตัวเองขึ้น   ก่อนจะใช้หน้าผากพิงกับไหล่คนใต้ร่าง
“ขอโทษ” เสียงครางหอบในลำคอดังข้างๆหูต่าย


ต่ายทำอะไรไม่ถูก ยิ่งรู้สึกว่ามีบางสิ่งดันอยู่ที่ท้องเขา ยิ่งตัวแข็งทื่อ

ในเมื่อเป็นผู้ชายกัน ทำไมเขาจะไม่รู้ ....


“อ่า  แต่ถ้าให้ช่วยก็พอได้นะ”  นิ้วของต่ายชี้ไปที่ส่วนนั้นของไทกริสที่ผงาดแสดงแสนยานุภาพ
 
พอเห็นอย่างเต็มๆตา ก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล

ทำไมมันโลกนี้มันไม่ยุติธรรม??????????????


ร่างขาวจัดชะงักก่อนจะก้มมองในสิ่งที่ต่ายชี้ไป  รอยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นบนบนใบหน้าหล่อ
“เอาสิ”


บางทีต่ายก้คิดว่า ใบหน้านิ่งๆที่เห็นเป็นประจำนั้น เป็นเพียงหน้ากาก  ต้องใบหน้าตอนนี้สิ ของจริง!!


ร่างสูงโปร่งย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งบนขอบอ่างแทนที่ต่ายที่เคยนั่งตรงนั้น  ส่วนต่ายก็นั่งคุกเข่าอยู่ในอ่างในสภาพเสื้อผ้าเปียกมะล่อกมะแล่ก

แววตาของไทกริสนั้นเหมือนกำลังจ้องจับเหยื่อไม่มีผิด

ยิ่งจ้อง ร่างกายของต่ายก็ร้อนรุ่มตาม

ต่ายมองส่วนนั้นที่ผงาดชี้หน้าต้านทานแรงโน้มถ่วงโลก   อดกลืนน้ำลายดังเอือกไม่ได้

ใช้สองมือกอบกุมอย่างประหม่า


แน่สิ เขาไม่เคยทำให้ใครนี่นา



เงยหน้ามองร่างสูงที่มองลงมาด้วยสายตาแวววับ

ก่อนจะขยับมืออย่างช้าๆ  ได้ยินเสียงอีกคนครางฮือทันที   มือขาวสอดเข้าที่กลุ่มผมของต่ายสางมันออกอย่างเบามือ

สัมผัสที่อบอุ่นนั้น ทำให้ต่ายรู้สึกตื่นเต้นอย่างห้ามไม่ได้

มองส่วนนั้นที่ร้อนผ่าวในมืออย่างชั่งใจ
ก่อนจะใช้ลิ้นไล้เลียไปตามความยาวของมัน  มันกระตุกเบาๆ  ก่อนอ้าปากออกแล้วรับไปจนเกือบหมด 
แต่เพราะขนาดที่ใหญ่เกินกว่าที่ต่ายจะรับ ทำให้ต่ายรู้สึกสำลัก

เด็กโค่งครางออกมาอย่างพอใจ  แววตาเต็มไปด้วยความเร้าร้อนมองคนที่กำลังทำให้เขารู้สึกอยากจะเก็บไว้กอดคนเดียว ทั้งวันทั้งคืน

ยิ่งได้ยินเสียงคราง ต่ายยิ่งได้ใจ ใช้ลิ้นละเลงส่วนปลาย ทั้งดูดทั้งรัวลิ้น  จนไทกริสกัดฟันแน่น  พลางขยับกายสวน

“อึก” ต่ายแทบจะคายออก เพราะมันแทบจะทิ่มเข้าไปในลำคอ
ต้นขาขาวเกร็งแน่น พยายามยั้งแรงไม่ให้ขยับรุนแรง   ต่ายจึงต้องห่อปากตัวเองก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

เสียงหายใจหอบของไทกริส ทำให้รู้ว่าใกล้จะถึงแล้ว

ไม่นานก็

"อ่าส์~"

พรวด !

มือขาวรีบดันหน้าต่ายออก ก่อนที่น้ำขุ่นข้นสีขาวจะพุ่งพรวดออกมา

แต่ก็ไม่ทันการณ์ เพราะมีบางส่วนกระเด็นเข้าที่ใบหน้าของต่าย



ไทกริสมองภาพตรงหน้าอย่างพยายามหักห้ามใจ

ภาพของคนที่เขารัก ในสภาพหอบกระเส่า ใบหน้าเปื้อนจากน้ำของเขา

ต่ายกระพริบตาปริบๆ มองเจ้าเด็กโค่งที่หอบไม่ต่างกัน 

ก่อนอีกคนจะดึงตัวของเขาขึ้น แล้วกดจูบอย่างแนบแน่นแล้วผละออก 

หันไปเปิดฝักบัว กวักน้ำลูบใบหน้าที่เปื้อนอย่างเบามือ

“อ่า ขอบใจ”


ต่ายบอกตรงๆ ว่าโคตรจะอายจนไม่กล้าที่จะสบตาเลย

“เอ่อ  นายออกไปก่อนนะ” ต่ายรีบไล่อีกคน 
ปากพูดแต่สายตาจ้องแต่ช่วงอกขาวๆ

“ครับผม” ตอบรับด้วยเสียงน่ารักแถมด้วยรอยยิ้มกริ่มที่มองมาที่เป้าของต่ายอย่างเจ้าเล่ห์ 

เด็กโค่งยอมทำตามแต่โดยดี  แถมยังหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาให้ต่ายอย่างรู้งาน



พอไทกริสออกจากห้องน้ำไป ต่ายก็แทบจะเอาหันตัวเองโขกกับผนักห้องน้ำ

“กูทำอะไรลงไปวะเนี่ยยยยยยยยยย”  บ่นกับตัวเอง พลางมองไปส่วนล่างของตัวเอง

“แล้วมึงจะขึ้นมาด้วยทำไมมมม”   โวยวายเสร็จก็ต้องมาจัดการตัวเอง 

ก่อนจะออกจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกอยากจะฮาราคีรีตัวเอง เหมือนเขาทำให้ผ้าขาวต้องแปดเปื้อน (ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่คนเริ่ม)

พอหันมาเจอสายตากรุ้มกริ่มของต้นเหตุ  ขอเปลี่ยนจากฮาราคีรี มาเป็นขอมดำดินให้รู้แล้วรู้รอดไป

สุดท้ายก็ต้องทำใจดีสู้เสือ?! เดินไปหาเด็กโค่งที่นั่งเช็ดผมอยู่ที่ขอบเตียง

“ไหนดูแผลหน่อย” ต่ายพูดพลางหลบสายตาของไทกริสที่จ้องนักจ้องหนา


วันนี้คุณชายใส่เสื้อกล้ามสีดำตัดกับสีผิวขาวจัด  อวดรอยช้ำเป็นลายพร้อยกับผ้าผันแผล  ลองแตะๆที่ผ้าพันแผลดู เมื่อสัมผัสได้ว่ามันชื้น เลยต้องแกะออกแล้วจัดการทำเปลี่ยนใหม่


“ให้ตาย จะมีอารมณ์ทั้งทีช่วยคิดถึงสังขารตัวเองหน่อยเถอะ” บ่นงึมงำอย่างเสียไม่ได้  เจ็บขนาดนี้ยังไม่เจียมตัว

“อะไร มองแบบนี้หมายความว่ายังไง” เมื่อเงยหน้าขึ้นไป พบว่าถูกนัยน์ตาสีน้ำตาลทองแดงมองมาอยู่

“ถ้าหายแล้ว  ต่ายจะยอมไ— อือ”  ไม่ต้องรอให้พูดจบประโยค ต่ายก็จัดการเอาผ้าเช็ดผมอุดปากร้ายๆนั่นไว้

“โอยยย นี่นายโดนซ้อมซะสมองรวนไปหมดแล้วรึไงเนี่ย  เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้”

“หืม? คิดงั้นเหรอ” เด็กโค่งยกยิ้มมุมปาก   ต่ายนิ่งคิดไป

จะว่าไป ไอ้ที่ชอบมาถึงเนื้อถึงตัว ไม่ใช่ว่า .....

เพี๊ยะ!


ด้วยความหมั่นไส้ เลยตีไปตีต้นขาขาว จนเกิดรอยแดงทั้งห้านิ้วประทับไว้  ไทกริสโอดครวญอย่างโอเวอร์


“นายนี่มัน เด็กลามก”  พูดจบก็สะบัดหน้าหนี ข่มความรู้สึกจะระเบิดเป็นโกโก้ครั้นช์   

ทำไมต้องมารู้สึกเหมือนเป็นสาวแรกแย้มขนาดนี้ด้วยเนี่ยยยย!!!
 

TBC...
---------------------------------------------------

BEVA TALK :     :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:   อั๊ยย่ะ  พี่ต่ายคนเก่ง ช่างไม่รู้ตัวว่าถูกเจ้าเสื้อร้ายจ้องจับกินอยู่ทุกวัน

เอามาเสิร์ฟแล้วค่ะ    แอบขำเม้นท์ตอนที่แล้ว  ไทกริสโดนเรียกว่าเด็กดื้อด้วย  น่ารักกกกกก  :-[

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกบวกนะคะ  รักคนอ่านทุกคนค่ะ   :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

สุดท้ายนี้ คิดเห็นอย่างไรกับตอนนี้ เม้นท์บอกกันหน่อยน๊า  อยากติอยากชม อยากให้แก้ไขปรับปรุงช่วงไหน  บอกได้เลยค่ะ ^^   :L1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-05-2016 19:40:59
โถวววว~~. ต่ายตามใจน้องตลอดเลยเน้อะ :hao6:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 26-05-2016 19:58:15
ต่ายน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กริสเก็บหางหน่อย เดี๋ยวต่ายจะรู้ตัวนะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 26-05-2016 20:02:26
ต่ายใจง่ายยยยยยยยย  :katai5:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-05-2016 20:04:20
มาขนาดนี้ถ้ากระต่ายยังไม่รู้ตัว ก็สมยอมแล้วล่ะ 555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 26-05-2016 20:25:51
ใกล้ถึงวันที่จะส่งเนื้อกระต่ายเข้าปากเสือไทกริสแล้วซิ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-05-2016 20:28:57
อร้ายยยย พี่ต่าย :m25:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: thari ที่ 26-05-2016 20:55:21
พี่ต่ายยยยยย พี่ต่ายยยยยยยยย ฮืออออออ นึกว่าจะแค่โลกเขาสวยด้วยมือเรา แต่คือ อ๊าคคคคคคคคคคคคคคค


เด็กไทก์มันร้ายนะคะพี่ต่าย  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 26-05-2016 21:14:59
หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 26-05-2016 21:36:36
เด็กมันร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 26-05-2016 21:57:38
มุ้งมิ้ง
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 26-05-2016 22:43:03
เขาจะกินกันแล้ว....ว
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 27-05-2016 05:21:07
ต่ายก็เสียรู้ความฉวยโอกาสแบบเนียนๆของน้องมันมาตลอดนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 27-05-2016 10:27:58
ป้าจิกหมอนแตกคามือคะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 27-05-2016 10:45:50
อ่านทันแล้ว~~ พี่ต่ายกับไทกริส น่ารักกกกกกกไม่ไหวแล้วหลงรักเลย :mew2: o13
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-05-2016 15:46:29
โถ่ววววว ขนาดนี้แล้วต่าย
ยอมๆเด็กมันไปเห๊อะ 5555555555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 19 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 28-05-2016 12:06:26
ไทกริสนายแน่มากกกก  แต่จะแน่กว่านี้ถ้ากดพี่ต่ายซะ   :jul1: 
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 29-05-2016 21:23:30
บทที่ 20   ส่งท้ายปีเก่า 





“นายชอบแบบไหน??” 

- ในเช้าก่อนวันสิ้นปี -
 

อยู่ๆ ต่ายก็เกิดความสงสัยในรสนิยมของไทกริส จึงเป็นเหตุให้ต้องลงทุนไปซื้อนิตยสารมาสองเล่มจากร้านหนังสือข้างๆคอนโด

มือสีแทนยกนิตยสารที่หน้าปกเป็นสาวอกตู้ม กัดปากอย่างยั่วยวน  ส่วนมืออีกข้าง เป็นนิตยสารหนุ่มล่ำเปลือยท่อนบน  ใส่กางเกงเอวต่ำ อวดลอนกล้ามท้อง   (หุ่นในฝันของต่าย)

คิ้วเข้มของไทกริสย่นลง  ไล่สายตาไปที่ของในมือของอีกคน  ก่อนจะทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ไม่ชอบ”

ตุ๊บ!!

ทันใดนั้นนิตยสารเล่มหนาทั้งสองเล่มก็ตกสู่พื้นอย่างไร้ค่า


“แล้วนายชอบแบบไหนกัน”  เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัยขึ้นมา

ไทกริสจ้องหน้าอีกคน  นัยน์ตาแวววับ จนต่ายสามารถเห็นเงาตัวเองสะท้อนจากดวงตาของอีกฝ่าย

“เคยบอกแล้วไม่ใช่หรอ ว่าชอบแบบกระต่าย”

“งั้นนายก็ชอบผู้ชาย?” 


ต่ายไม่ได้คิดจะดูถูกอีกฝ่าย 
เขาก็แค่สงสัย เพราะจากที่เขาเคยเห็น ไทกริสไม่ค่อยสนใจในเรื่องเพศตรงข้ามเลย  ว่ากันตามตรง แทบจะไม่สนใจคนอื่นนอกจากเขาเลย


เด็กโค่งถอนหายใจใส่อีกครั้ง  ก่อนจะประคองหน้าของต่ายไว้


“คนเดียวที่ใจเต้นด้วยก็คือกระต่าย คนที่ทำให้รู้สึกอยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไปก็คือกระต่าย  และผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่เรารักคือกระต่าย”


ต่ายอยากจะดีใจที่ได้ยินประโยคยาวๆจากปากของเด็กโค่งนี่  แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก


ความหมายในประโยคนั้นต่างหาก...


ต่ายค่อยๆวาดแขนโอบล้อมไทกริส กอดโยกด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอย่างบอกไม่ถูก

“ขอบคุณนะ” กดจูบที่หน้าผากที่ยังเหลือรอยช้ำจางๆอย่างแผ่วเบา

แต่เด็กโค่งหาพอใจเช่นนั้นไม่


ต่ายไม่เคยอยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แม้ไทกริสจะมีร่างกายที่บางกว่า แต่เรี่ยวแรงกลับมีเยอะเหลือเชื่อ


รู้ตัวอีกที เด็กโค่งหน้ามึนนี่ ก็คร่อมทับต่ายอย่างทุกครั้ง


ริมฝีปากของต่ายถูกรุกรานจะคนอยู่เหนือกว่า ด้วยความที่เป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เลยกลายเป็นศึกนัวเนียทั้งริมฝีปากและลิ้น

เสียงจ๊วบจ๊าบดังเสียดหู  แต่ ณ วินาทีนี้ ใครเล่าจะสน 


....ถึงกระนั้นก็ตาม  ศึกนั้นย่อมมีผู้แพ้


มือขาวค่อยๆสอดเข้าไปที่เสื้อของคนใต้ร่าง  นั่นจึงทำให้อีกคนสะดุ้งเฮือก  ร้องอู้อี้แถมดิ้นขลุกขลัก จนไทกริสต้องผละออกมา

“ไอ้เด็กหื่น”
ไทกริสยู่หน้าใส่ ก่อนจะก้มลงขบเข้าที่เนื้ออ่อนตรงซอกคอ

“โอ้ย!”
“กระต่ายเป็นของเรา” น้ำเสียงภาคภูมิใจ ประหนึ่งได้ที่หนึ่งในการแข่งชิงแชมป์ระดับโลก


“ใครบอก  นายต่างหากเป็นของพี่” จับอีกคนพลิกให้ไปอยู่ใต้ร่างแทน  ซึ่งก็ง่ายดายหรืออาจเป็นเพราะอีกคนไม่ยอมขัดขืน
ต่ายยิ้มกว้าง  จุ๊บปากอีกฝ่ายซ้ำๆ จนริมฝีปากแดงเถือกกันทั้งคู่ 

“รักกระต่ายนะ” 
 

พอได้ยินประโยคชวนเลี่ยน   อยากจะทำเฉไฉตามนิสัย  แต่หากมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังจากคนตรงหน้า  ถ้าต่ายไม่ได้มองผิดไป  สายตานั้นเหมือนกับ ....


ลูกหมากำลังอ้อนขอความรักจากเจ้าของ !!

คนอายุมากกว่ายกยิ้มจางๆ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

“..เหมือนกัน”

เจ้าเสือในคราบลูกหมายิ้มกว้างจนตาหยี  ไล่จุ๊บใบหน้าอีกคน จนต่ายต้องหัวเราะเพราะความจั๊กจี๋ออกมา


ครืนน~ 

แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของต่ายก็ดังขัดจังหวะทั้งสอง

ไทกริสใช้แขนที่ยาวกว่า หยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะ ส่วนมืออีกข้างที่เจ็บก็เกี่ยวเอวของต่ายไว้ เพื่อล๊อคอีกคนไว้
 ต่ายฟึดฟัด แต่พอรู้ว่า ขัดขืนไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แถมดูจะขาดทุนกว่าด้วย 


“ฮัลโหล”

     ‘ไง มึงได้กันยังวะ’  นี่เป็นคำทักทายแรกของเอก หลังจากไม่ได้เจอกันมา 5 วันนับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น

“ปากเหรอมึง”  เสียงหัวเราะสะใจจากปลายสายดูเหมือนจะมากกว่าหนึ่ง ทำให้คิ้วของต่ายขมวดลง

“อยู่กับแชมกับแกนหรอ?  นี่อยู่ไหนกัน?”

    ‘บ้านกูเนี่ย  มึงไม่ยอมตอบไลน์ ไอ้เพื่อนชั่ว’

พอโดนอีกฝ่ายด่า ต่ายก็นึกขึ้นได้ว่า ช่วงนี้เขามัวแต่วุ่นวายกับเด็กโค่ง จนแทบจะไม่ได้เปิดไลน์ดูด้วยซ้ำ

“อ้าวเรอะ โทษทีว่ะ” 

   ‘น้องมึงเป็นไงบ้าง’ 

ต่ายเหลือบมองคนใต้ร่าง พลางนึกในใจ ต้องเรียกว่าดีจนอยากเอาเข้าโรงพยาบาลอีกรอบเลยล่ะ

“ก็ดีขึ้นแล้ว” 

   ‘อ่าฮะ  เออ พวกกูว่าจะไปตั้งแคมป์กันแถวกาญฯ  ไหนๆก็ไม่ได้ไปทะเลละ พวกมึงจะไปกันไหม’
 
ในตอนแรกพวกเขาตกลงกันตั้งแต่ก่อนสอบไฟนอลว่าจะไปทะเลกันหลังสอบเสร็จ  แต่พอเกิดเรื่องขึ้น เลยต้องพับแพลนเข้ากรุไปก่อน

“อยากไปมั๊ย”   เพราะอยู่ในสภาพที่แนบชิดกันแทบไม่มีอากาศไหลผ่าน  ดังนั้น เสียงจากโทรศัพท์จึงดังลอดออกมาให้อีกคนได้ยิน

“กระต่ายไป เราก็ไป” เสียงงึมงำ ในขณะที่ปากง่วนอยู่กับการซุกไซร้กับซอกคอต่าย

“ฮื้ออ!      พวกกูไป” เอ็ดเด็กซน ก่อนจะกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์

   ‘โอเค พรุ่งนี้เจอกัน หรือพวกมึงจะมาเลย แล้วไปพรุ่งนี้พร้อมกันตอนเช้า’

“เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้ดีกว่า”  ปลายสายตอบตกลง ก่อนจะวางสายไป




รถเชฟโรเลต แคปติวาสีดำเงาโลดแล่นท่ามกลางบรรยากาศรุ่งสางอันสงบบวกกับจราจรที่ค่อนข้างคล่องตัว 

การเดินทางของเหล่าชายหนุ่มทั้ง 5 ก็ได้เริ่มต้นขึ้น...


หน้าที่สารถีผลัดแรกเป็นแกน โดยมีแชมที่นั่งข้างกัน   ส่วนที่เหลือต่างนอนหลับเอาแรง

จะมีก็แต่เด็กหนุ่มนามว่าไทกริส ที่นั่งตาแป๋วมองไปตามทางที่รถผ่าน   ข้างๆกันมีร่างของต่ายนอนพิงไหล่อยู่

เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่เขาควรจะตื่น ถ้าเป็นปกติก็จะออกไปฟิตเนสใต้คอนโด


“กินนี่ไหม” แชมหันมาถาม พลางยื่นกล่องทัฟเพอร์แวร์ที่บรรจุแซนวิชที่ไว้   กระตุกมือเล็กน้อยเป็นการเร่งให้อีกคนหยิบไป

นัยน์ตาสีน้ำตาลทองแดงมองแว่บหนึ่งก่อนจะหยิบออกมาชิ้นนึงพลางพึมพำขอบคุณ

“กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ” 

แกนที่ขับรถอยู่ได้ยินหัวเราะเบาๆ  ทั้งๆที่  ถ้าพูดถึงเรื่องความสูงไทกริสดูจะได้เปรียบกว่าใครเขาเพื่อน แต่ที่เสียเปรียบก็เป็นเรื่องความหนาของร่างนี่แหล่ะ



เสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของเอกบวกกับเสียงพูดของแชม ทำให้ต่ายสะลึมสะลือขึ้นมา
 
“เดี๋ยวๆ กูจะเก็บไว้แบล็คเมลล์มัน” 

พอลืมตาขึ้นมา  สิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกคือ ไอโฟนสีทองคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นของเอก  ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะเจ้าของมือที่ถือก็คือ เอกนั่นเอง

“แบล็คเมล์ไร” น้ำเสียงที่ลอดไรฟันออกมา กับสายตาที่เพิ่งตื่นขวางเอาเรื่อง   ทำเอาเอกที่กำลังจะถ่ายรูปถึงกับยิ้มค้าง

“มึงกับเด็กกริสนั่งไง”  ไหนๆก็แถไม่ทันแล้ว  สู้บอกความจริงก็สิ้นเรื่อง

เอกรีบกดออกจากโหมดกล้องแล้วเก็บเข้ากระเป๋า 

“ไอ้เอ--”

“ชู่ววว์”  นิ้วของเอกแตะที่ปาก ก่อนชี้ไปที่ร่างที่นั่งอยู่ข้างต่าย

ต่ายชะงักกึกก่อนเหลือบมอง 

ก็ว่าทำไมหนักๆ  หัวของเด็กโค่งนี่เอง


“กินอิ่มนอนหลับ  เลี้ยงง่ายดีว่ะ” แชมพูดพลางกลั้วหัวเราะ 

 หลังจากที่ไทกริสกินแซนวิชไป  ไม่นานก็นอนหลับคอพับคออ่อนไปเสียแล้ว


ต่ายโคลงหัวอย่างอ่อนใจ ลูบหัวเด็กโค่งอย่างแผ่วเบา 

โดยไม่รู้ตัวเองเลยว่า แววตาที่ทอดมองอยู่นั่นเต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนแค่ไหน


แชมที่เอี้ยวตัวมามองถึงกับหัวเราะหึกับเอกที่ควักมือถือมาถ่ายอีกรอบ


พัฒนาขึ้นเยอะ..




TBC

-------------------------------------------------

BEVA TALK :  หวานน้อยระดับน้ำตาล 30 เปอร์  แอร๊ยยยยยยย    กระแสตอบรับของตอนที่แล้วดีมากตนไม่เชื่อสายตาตัวเอง  เป็นที่รุ้กันว่า คนอ่านรอคอยฉากนี้กันแค่ไหน   แต่ต้องให้เวลากับทั้งสองหน่อยนะคะ  ค่อยๆ :katai5:  น้องยังเด็ก?!  :hao6:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์  :o8:  ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะคะ  บีว่าจะพยายามแต่งให้ดีที่สุดค่ะ  :กอด1:

คิดอย่างไรกับตอนนี้ ติชม เสนอแนะ เม้นท์บอกกันซักหน่อยน๊าาาาาาาาาาา   *ส่งสายตาปิ๊งๆ*  :pig4: :pig4:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 29-05-2016 21:41:10
หวานอะ. กริสนี่สายมุ้งมิ้งสิน้าาา~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 29-05-2016 21:42:14
อ่อยยยยย มดกัด :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 29-05-2016 22:40:35
พัฒนาขึ้นเยอะจริงๆด้วย 5555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 30-05-2016 04:11:06
ชอบมากกกกกก ไทกริสน่ารักน่าเอ็นดู พี่ต่ายก็ตามใจน้องตลอดเวลา  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-05-2016 10:40:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-05-2016 12:24:09
กริสขี้อ้อนอ่ะ ต่ายก็ใจอ่อนกับกริสจริงๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-05-2016 13:39:13
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 30-05-2016 14:30:00
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 30-05-2016 16:38:57
คนที่น่าจะพูดประโยคนี้น่าจะเป็นกริสมากกว่ากระต่ายนะ "เพราะอย่างนี้ไงผมถึงทิ้งเขาไปไม่ได้" เนี่ย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 30-05-2016 22:29:25
พัฒนาไปมากกกกกก เจงงงงงงง >\\\\<
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 30-05-2016 23:12:08
เอ๊ะทำไมพอจะรักกันมันกระโดดข้ามขั้นยังงี้อ่ะ แหมไทกริสค่อยๆตะล่อมพี่ต่ายพอเขาตายใจหน่อยล่ะแปลงร่างเลยนะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 31-05-2016 13:09:09
กระต่ายน่ารักมากเลย~~~
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 31-05-2016 13:59:25
แต่งได้น่ารักดีนะ ชอบ  :mew1:

#กริสต่าย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 20 29/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 31-05-2016 21:14:53
ฟินไปอีกค่าาาาาาาาาาาาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 21 2/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 02-06-2016 22:31:32
บทที่ 21   ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่





จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ  โดยตั้งแพลนไว้คร่าวๆว่าจะไปนอนเต้นท์กันแถวจุดชมวิว

แต่พอไปถึงจริงๆ  ก็ต้องโบกมือลากับจุดชมวิวอันสวยงาม เพราะมวลมนุษย์ที่มีความคิดเหมือนกับพวกเขา ต่างมาจับจองที่นอนเรียงกันเป็นตับ

 
เอกสบสายตากับเพื่อน ก็ได้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า 

กูขอบาย 

 
รู้สึกพลาดที่เลือกมาในวันหยุดแบบนี้  แต่ก็ทำไงได้ กว่าพวกเขาจะสอบเสร็จ ส่งงานเสร็จก็ปาไปเกือบสิ้นปีจริงๆ

สุดท้ายก็เลยต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างแม่ของเอก 
ซึ่งได้คำตอบว่า..

“ไปนอนบ้านเก่าแม่กูแล้วกัน” เอกว่า ก่อนจะช่วยกันหามข้าวของที่กะจะมาตั้งเต้นท์ขึ้นรถ

เป็นความโชคดีที่บ้านเก่าที่ว่านั้น อยู่ไม่ไกลจากตัวอุทยานเท่าไหร่ นั่งชมวิวไปเพลินๆก็ถึง

บ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนขนาดย่อมปรากฏต่อสายตาของพวกเขา ดูจากสภาพแล้ว ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี  แม้จะไม่มีคนอยู่ก็ตาม

“แม่กูให้คนดูแลอ่ะ  มีคนมาขอซื้อนะ  แต่แกไม่ขาย หวงอะไรก็ไม่รู้” เอกอธิบาย พลางยืนรอให้คนมาเปิดประตูรั้ว

“มากันแล้วเหรอ  เราบอกกะทันหันไป ป้าเลยจัดเสร็จแค่ห้องเดียว  เดี๋ยวไปเรียกเด็กๆมาช่วยแล้วกันนะ”  หญิงสาววัยใกล้ปลดเกษียณ ท่าทางใจดี เดินออกจากตัวบ้าน  พอเห็นเอกยกมือสวัสดี  คนอื่นต่างยกมือไหว้แทบไม่ทัน

“หวัดดีครับป้าจู”

“ไหว้พระเถอะหลานๆ  ไปกินน้ำกินท่ากันก่อนไป”   

หลังจากพักดื่มน้ำกันเสร็จ  พวกเขาต่างขนสัมภาระที่จำเป็นเข้ามาในตัวบ้าน  พอดีกับป้าคนเดิมเพิ่มเติมคือมีลูกมือเป็นเด็กผู้หญิงวัยไม่เกิน 10 ขวบลงมาจากชั้นสองพอดี

“ป้าจัดห้องให้ 2 ห้อง  พอไหมลูก”

“พอแล้วครับป้า  ขอบคุณมากครับ” เหล่าชายหนุ่มต่างยกมือไหว้ขอบคุณป้า  และไม่ลืมให้ติ๊ปเด็กสาวแสนขยันที่ยิ้มแฉ่งให้เป็นการชอบคุณ

“ขาดเหลืออะไรบอกได้นะเอก ใกล้จะเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวที่บ้านป้าไหม?”

เอกกวาดตามองเหล่าผู้ร่วมเดิมทางทุกคน ก่อนจะพยักหน้ารับ
“รบกวนด้วยครับ”



หลังจากสอบถามแล้ว  ป้าคนนี้ชื่อ ป้าจู  เป็นผู้ดูแลบ้านให้  หลังจากที่แม่ของเอกแต่งงานแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในกรุงเทพ  นานๆทีจะกลับมาซักครั้ง

มื้อเที่ยงของวัน จบลงที่ไปฝากท้องที่บ้านป้าจูที่อยู่ใกล้ๆกัน  ต่ายรู้สึกชื่นชอบบรรยาศที่เป็นหมู่บ้านแบบร่วมด้วยช่วยกันแบบนี้จริงๆ  ต่างจากในกรุงเทพที่แม้จะเป็นหมู่บ้าน แต่ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มาพึ่งพาอาศัยกันแบบนี้ 

ตกบ่าย หลังจากอิ่มหน่ำสำราญกับอาหารฝีมือป้าแล้ว พวกเขาต่างนอนผึ่งลมกันอยู่ที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้าน
“เย็นนี้เอาไงดี” ต่ายพูดขึ้นมา  ว่าจะไปฉลองกัน แต่พอมาเป็นอีหรอบนี้ แพลนอื่นๆเลยล่มไปด้วย
“ซื้อของมาฉลองกินกันที่นี้ก็ได้  เอาไรดี  สุกี้ดีไหม ” แชมเสนอ  คนอื่นต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“เออ  สุกกี้ก็ดี แล้วมีหม้อเหรอวะ”

“กูเอามา” แกนพูดเรียบๆ

“ห้ะ!!!”  คนอื่นต่างร้องเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าจะมีคนแบบหม้อสุกี้มาด้วย

“ก็มันจำเป็นไม่ใช่เหรอวะ” 



ที่เหลือต่างกระพริบตาปริบๆ   

“เออ  เอามาก็ดี  กู้ดจ๊อบมากแกน” 

“งั้นที่เหลือก็ต้องไปซื้อของมา”



“อยู่นี่แหล่ะ  อยู่กับพี่แชมพี่แกนไง”   ต่ายพูดเสียงอ่อน เมื่อเห็นเด็กโค่งคิดจะตามเขาไปซื้อของด้วย

ไทกริสหน้ามุ่ยลง  แต่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งดูทีวีกับเพื่อนของต่าย

พอถึงห้าง เอกและต่ายต่างเข็นรถตรงไปทางซูเปอร์ มาร์เก็ต  หยิบผัก หยิบเนื้อสัตว์ที่เป็นถาดๆ จนเป็นกองพะเนิน  คิดว่าพอแล้วก็เดินเข็นไปเพื่อจะคิดเงิน  แต่เพื่อนที่มาด้วยกลับ กับหายไปดื้อๆ 
เดินเข็นวนไปวนมาซักพัก  คนตัวโตก็เดินมา
“โห กะจะเมาหัวทิ่มเลยใช่ไหมเนี่ย” ต่ายร้อง หลังเห็นเอกยกลังเบียร์ 2 ลังมาใส่รถเข็น
“แค่นี้ยังเบาๆเว้ย” ขยิบตาให้เพื่อน ก่อนจะเดินนำไป โดยทิ้งให้ต่ายเข็นตาม 
จ่ายค่าเสียหายเสร็จ ก็เดินทางกลับที่พัก


“สรุปพวกมึงเป็นแฟนกันแล้ว” อยู่ๆเอกก็พูดขึ้นมา  ต่ายที่กำลังเคลิ้มๆจะหลับ สะดุ้งเฮือกกับคำถาม
“ก็..... มั้ง”  ต่ายตอบหลังจากประมวลคำถามที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว
“มั้ง?”
“...”
“นี่ยังไม่ได้ขอเป็นแฟนอะไรงี้เหรอ”
“ทำไมวะ  ไม่เห็นจำเป็นเลย”

“พวกมึงนี่ เหมือนพวกเด็กใจแตกหนีอยู่ด้วยกันเลยเนอะ”
“สัด”
 “มึงไม่ลองขอไทกริสเป็นแฟนดูล่ะ” 
เขาคิดไม่ออกเลยว่า หนุ่มรุ่นน้องคนนั้นมาขอเพื่อนเขาเป็นแฟนแบบไหน
“อย่างกูนี่นะ” ต่ายพูดเสียงหลง
 “เอ้า  แล้วจะให้อยู่ในแบบสถานะที่คลุมเครือนี่นะ”
“ก็ไม่แย่อะไรขนาดนั้น”
“พวกมึงนี่แปลก  ใจตรงกันแท้ๆ แต่ไม่ทำอะไรให้มันจบๆ”
“......”

เอกเหลือบมองคนข้างๆ ที่หันหน้าเข้าหาประตู   แสร้งทำเป็นมองตามทางที่ผ่าน   
“แต่ถ้ามึงมีความสุขก็ดีแล้ว...” 


ตกเย็นพวกเขาก็จัดการตั้งหม้อสุกี้ที่บริเวณแคร่ใต้ถุนบ้านเช่นเดิม  โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่พอตอนกลางคืน ยุงและแมลงตัวเล็กๆก็จะมา   
ดังนั้นกลิ่นสุกี้ก็เลยทะแม่งๆเพราะปะปนกับกลิ่นยาจุดกันยุง

“ห้ามกินนะ” ต่ายร้องห้ามเด็กโค่งที่เตรียมกระดกแก้วเบียร์ 
ไปแอบเอามาตอนไหน ?!!

“ทำไมเล่า  ปล่อยๆน้องมันเถอะน่า จะปีใหม่แล้วนะเว้ย”  เอกบ่น  พลางยกเท้าเขี่ยๆที่สีข้างเพื่อนจอมเฮี๊ยบ

“เกิดไม่สบายอีกขึ้นมาจะเป็นยังไง แผลก็ยังไม่หายดีเลย” ต่ายว่าเสียงแข็ง  พร้อมดุเต็มที่

หัวเด็ดตีขาดยังไงก็จะไม่ให้ไทกริสกินอีกเด็ดขาด 

นัยน์ตาสีอ่อนจ้องมองแก้วของตัวเอง  (ถ้าต่ายไม่ได้คิดไปเอง สายตาเหมือนอาลัยอาวรณ์ชอบกล)  ก่อนจะวางลง   

พอต่ายเห็นเลยจัดการเทเป๊ปซี่ใส่แก้วแล้วยัดใส่มือให้แทน

“กินอันนี้ไป โอเค๊”  เด็กโค่งทำสีหน้าแบบขัดใจ แต่ไม่กล้าแย้งกับต่าย  เลยจำใจดื่มเป๊ปซี่เสียแทน

“เสียดายว่ะ เลยอดกินลม ชมวิวเลย” แชมบ่น 

“นี่ไงวิว”  เอกชี้ไปข้างหน้า  ซึ่งก็มี ….

รั้วเหล็กดัดสนิมเขรอะกับถนนลาดยาง ที่นานๆทีจะมีรถสวนกันให้ได้ยิน

“แต่แบบนี้ก็ดี บรรยากาศบ้านๆ เงียบๆดี” แกนบอก 

บรรยากาศยามดึกนั้นเย็นสบาย มีลมโชยเป็นพักๆ เสียงจักจั่นเรไรร้องกันระงม  กลิ่นดินกลิ่นทรายที่พื้นที่พวกเขานั่งกัน  นั้นเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ ถ้าอยู่ในกรุงเทพ  มันเป็นอะไรที่ผ่อนคลายจริงๆ

“อย่ารีบเมาก่อนนะเว้ย โต้รุ่งนะเว้ยรอบนี้” เอกกำชับกับคนอื่นๆ 


จริงๆแล้ว  จะเรียกว่ารีบเมาก็ไม่ถูก
เรียกว่าอย่าคออ่อนจะดีกว่า

ต่ายส่ายหัวอย่าเบลอๆ  หลังภาพตรงหน้าเริ่มเลือนๆ

“มึงเมาแล้วใช่ไหมเนี่ย ไอ้ต่าย”

“ใครมาว  ยังเว้ย”  ต่ายแก้ตัว  พลางโชว์กระดกเบียร์หมดแก้วให้ดู
 
“แบบนี้นี่แหล่ะเมา อย่างน้อยก็อยู่ในถึงเที่ยงคืนสิวะ” แชมโคลงหัวอย่างปลงๆกับความคออ่อนของเพื่อนคนนี้  ขนาดแค่เบียร์ กินไปไม่กี่แก้วก็เริ่มแล้ว

“กูอยู่ถึงอยู่แล้วน่า  จิ๊” 
 
เสียงหัวเราะกับมุขแป้กของเอก ยังคงฮอตฮิตในวงเหล้า(เบียร์) แม้จะผ่านการพูดมาเกือบทุกครั้งที่เมาก็ตาม   

“เฮ้ย ไอ้สองคนนั้นอ่ะ สงสารคนไร้คู่หน่อย” 

เอกที่กำลังกรึ่มๆ พอเห็นเพื่อนตัวเองกับไอ้รุ่นน้องที่นั่งเงียบมาตั้งนาน กำลังคลอเคลียกัน ก็รีบจับแยก 

ถึงตอนแรกจะอยากให้รู้ใจตัวเองซักที  แต่พอมาเห็นแบบนี้คนไร้คู่มันก็เหงาเป็นนะเว้ย 

“อะไรของมึงเนี่ย” ต่ายบ่น   
เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ  มีแต่เจ้าเด็กโค่งนี่ต่างหาก ที่เริ่มมานัวเนีย ไม่อายฟ้าอายดิน

“ว่าแต่ สรุปสองคนมึงนี่ยังไงกันเนี่ย  ถึงขั้นไหนแล้ว”   แกนถามขึ้นอย่างสงสัย

“ขั้นไหนไรวะ”  ต่ายเริ่มลุกลี้ลุกลน  คนอื่นๆต่างหรี่ตาใส่กับท่าทางน่าสงสัยนั้น

“กริส เป็นคนสำคัญของกู  พอใจยังวะ”  พูดอย่างเขินๆ 

“เหรอออออออ”  เอกลากเสียงยาว  ยิ่งเห็นท่าทางของเพื่อน ยิ่งนึกสนุก ดูท่าคนอื่นๆก็คิดไม่ต่างจากเขา  แม้กระทั่งโจทก์ร่วมอย่างไทกริส
“ไม่ใช่แฟนเหรอวะ”   แชมหันไปหาไทกริส  ที่ตีสีหน้านิ่งๆ แต่สายตาทอดมองมาทางต่าย

“..... พวกมึงเมาแล้ว”  คนเมาที่สุดพูด  แชมหลุดขำอย่างห้ามไม่ได้ 
สภาพของพวกเขาเรียกเมา  สภาพของเพื่อนคนเรียกว่าเมาเละ

“บอกให้เด็กมันชื่นใจหน่อยสิวะ  ดูหน้าไทกริสดิ” เอกไล่ต้อน  พลางส่งไม้ต่อให้ไทกริส

ต่ายสบตากับไทกริส      ซึ่งก็จริงอย่างที่เอกพูด  หน้าของไทกริสเหมือนกับครั้งนั้น  ลูกหมาขอความรักอีกแล้ว!!

“เกลียดพวกมึง”  ต่ายก้มหน้าซ่อนความเขินอาย   ไทกริสนี่ก็อีกคน ทั้งๆที่เป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ  แต่ทำไมเป็นเขาที่ต้องมารับผิดชอบด้วย

“ต่าย  มึงไม่แมนเลย” แชมจี้จุด   และดูเหมือนจะได้ผล  เมื่อจบประโยคนี้ คนที่ก้มหน้านิ่งกเงยหน้าพรวดขึ้นมา  มองหน้าเพื่อนๆอย่างขึงขัง

“มึงจะเอากับกูนักเนี่ย      ถ้าพวกมึงผูกพันกับใครจนมีความรู้สึกว่าปล่อยเขาไปไม่ได้ แปลว่าคนนั้นเป็นคนสำคัญของมึง  และนั่นก็คือความรู้สึกของกู นายก็ด้วยไทกริส  แฟนเฟินไม่จำเป็นหรอก  นายเป็นนายตอนนี้  อยู่ให้พี่ดูแลก็พอ อย่าทิ้งกันไปไหนก็แล้วกัน”  พูดหน้าดำหน้าแดง   ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของเพื่อน เริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่

“ว้าวว พี่ต่ายคนแมนนน ”
“หล่อเลย”
“ให้มันได้แบบนี้ดิ”
“..หึ”

“โอ๊ะ  กดไลค์เลย  อย่างนี้ต้องจด!”


“เอ้า  9”
“8”
“7”
“6”
 “5”
“4”
“3”
“2”
“1”
“0!!!”
“สวัสดีปีใหม่เว้ยยยยยยยย !!” เหล่าชายหนุ่มต่างประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพียง พร้อมๆกับชนแก้ว
เสียงเฮฮา ที่ได้ยินแว่วๆ กับพลุที่จุดกันสนั่น

“กระต่าย  Happy new year”  ไทกริสกระซิบข้างหูอีกคน  สำเนียงแบบเจ้าของภาษามาเอง ทำให้ต่ายรู้สึกจั๊กจี๋หูแปลกๆ
“อือ หวัดดีปีใหม่” 
 
“เอามันไปเก็บเลยก็ได้นะ” แชมบอก  พยักเพยิดให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องรีบเอาเพื่อนของเขาไปเข้านอนเสียที  จะให้นอนให้ยุงหามก็คงไม่ไหว

“เดี๋ยวพวกพี่จัดการเอง” แกนสมทบ   ไทกริสรับคำ  ก่อนจะค่อยพยุงต่ายที่ดูท่าจะไปต่อไม่ไหว
“งืออออออ  We Wish You a Merry Ch------ เอิ๊กก”   

พอเมานิสัยที่ชอบร้องเพลงก็กลับมา  คนที่รู้จักนิสัยนี่ดีต่างชินชากับเรื่องแบบนี้   ไทกริสเองแม้จะเคยเจอแค่ครั้งเดียว  แต่ก็รับมือได้

“กระต่ายเดินไหวไหม” เด็กโค่งถามเสียงนุ่ม  คนเป็นพี่หรี่ตามอง

“ไหวดิ  ไม่ได้เมาขนาดนั้น” คน(ไม่)เมาว่า  แต่รอบนี้ ก็ไม่หนักเท่ารอบที่แล้ว เพราะเป็นเบียร์  อีกทั้งต่ายเองก็ไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไหร  เพราะเมาเสียก่อน  อาจจะมีเดินเซบ้าง  แต่ถามอะไรก็ตอบได้อยู่

ต่ายเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไป  คนตัวขาวทำท่าจะเข้ามาด้วย  แต่ได้ยินเสียงขู่เสียก่อน เลยต้องเบรก
แต่ก็ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ อย่างกับบอดี้การ์ด

ไม่นานต่ายก็ออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เปียกโชกกับชุดนอน สีหน้าดีขึ้น

“โอยยยยย มึนหัว” บ่นออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอน   ครางฮือเพราะเหมือนมีอะไรมาทุบในหัว

“กระต่าย  กินน้ำก่อน”  เด็กโค่งยื่นแก้วน้ำมาให้  ต่ายปรือตาอันแสนหนักหน่วง ก่อนจะรับแก้วนั่นมา  ดื่มไปครึ่งแก้วก็คืน
“นายก็ไปอาบน้ำได้แล้ว”  โบกมือไล่ร่างโปร่งที่ยืนคิ้วขมวดกับสภาพของเขา   แถมพยายามดื้อดึงจะอยู่เฝ้าด้วยซ้ำ

แต่ก็ต้องยอมทำตาม เพราะคำพูดนี้ …….

“รีบๆไปอาบ  แล้วมากู้ดไนท์คิส  ง่วง”  ต่ายพูดเสียงยานคราง   

ไม่เกินสิบนาที  ร่างเปียกๆของไทกริสก็มาอวดเรือนร่างต่อหน้าต่าย ที่แม้สติจะหลุดหายไปบ้าง แต่ก็ยังพอรู้เรื่องว่าอะไรเป้นอะไร

“ไปแต่งตัวดีๆสิ  คิดว่าหุ่นดีไง!”    ไทกริสยักคิ้วให้ก่อนจะแต่งตัวตรงหน้ากระต่ายที่นอนคว่ำอยู่

ไม่นาน เตียงก็ยวบลง พร้อมกับวัตถุปริศนา?ที่มาล้มลงนอนข้างๆ เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งแขนทั้งมือ กอดก่ายคนที่นอนคว่ำอยู่อย่างเต็มที่

“เกินไปละ ไอ้เด็กบ้า”  ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ  ก่อนขาขาวจะยกออกไป  แต่แขนยังอยู่ที่เดิม  และเริ่มซนกว่าเดิม

“กระต่าย  กู้ดไนท์คิส” ไทกริสกระซิบบอก  มือลูบเบาๆที่หน้าท้องของต่าย

ต่ายพลิกตัวนอนหงาย มองไทกริสที่ยื่นหน้าเข้ามาพลางยิ้มกริ่ม

จุ๊บ!      จ๊วบบ !

ตอนแรกก็กะแค่จุ๊บ  แต่เจ้าเด็กโค่งโลภมาก  ได้คืบเอาศอกตลอด

.......TBC...

ฺBEVA TALK :  รู้สึกว่าตอนนี้ยังแต่งไม่ดีเท่าที่ควร  มีหลายๆเรื่องเข้ามารุมเร้า ต้องเดินทางด้วย  :sad4:
เจอกันตอนหน้านะคะ 

รักคนอ่าน รักคนเม้นท์   :pig4:  ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้มาตลอดนะคะ  :mew1:


หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 21 2/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 02-06-2016 22:58:26
หนูไท จับกินเลย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 21 2/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 02-06-2016 23:16:05
อ่านแล้วอิจฉาคนมีคู่ขึ้นมาเหมือนเอก แชม และแกนเลยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 21 2/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-06-2016 23:46:39
ไทกริส อย่าแค่จุ๊บนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 21 2/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 02-06-2016 23:58:47
น่ารักจังเยยย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 22 4/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 04-06-2016 22:47:09
บทที่ 22   วันแรกของปี





แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วพื้นที่ ความอุ่นค่อนไปทางร้อนแทรกผ่านมาตามบานเกล็ดที่เปิดกว้าง กระทบร่างทั้งสองที่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงขนาด 5 ฟุตนี่


จนกระทั่ง ร่างที่อยู่หันหน้าเข้ากับหน้าต่าง ขยับยุกยิก ก่อนจะเปิดเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งขึ้นมา  หากแต่พอเจอกับความสว่างจ้าอย่างกับมีคนเอาไฟฉายมาส่องหน้า  นัยน์ตาทั้งสองหรี่ลงจนแทบจะปิด

อันที่จริงแล้ว ความสว่างจ้านั้นไม่ได้หมายถึงแสงแดดที่สาดเข้ามาแต่อย่างใด  แต่เป็นแสงที่ตกกระทบกับผิวกายขาวๆของร่างที่นอนอยู่ด้วยกันต่างหากที่ทำให้แสบตา


ไทกริสถอดเสื้อนอนอีกแล้ว ....


ต่ายส่ายหัวอย่างอ่อนใจ  ก็เข้าใจอยู่ว่าเด็กคนนี้ไม่ชอบความร้อนเอามากๆ แถมในห้องนอนนี้ยังมีแต่พัดลมตัวเล็กแค่ตัวเดียว  ลำพังตัวต่ายเองไม่เท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่คนขี้ร้อน  แต่คนกับอีกคนนี้สิ  ระดับสูงสุดเลยล่ะ

ยิ่งมองซากผ้าห่มที่ถูกถีบไปกองอยู่ปลายเตียงแล้วก็ยิ่งนึกขำ  อันนี้คงเป็นทั้งเขาและไทกริส เพราะนอนผ้าห่มผืนเดียวกัน


ต่ายบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่น น้ำตาคลอ พอเข้าที่เข้าทาง  ก็หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา 


9 โมงกว่าแล้ว  ไม่รู้ว่า เจ้าพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง



เขาลุกขึ้นไปทำธุระในห้องน้ำจนเสร็จ  เด็กโค่งก็ยังไม่ตื่น ทั้งที่เป็นคนตื่นเช้าแท้ๆ  เลยปล่อยเลยตามเลย    ส่วนตัวเองก็แอบไปส่องห้องข้างๆ แต่ก็พบกับความว่างเปล่า


ไม่ต้องสืบให้ยาก  ถ้าไม่อยู่ที่ห้องข้างล่าง ก็คงจะเป็นที่แคร่ที่เดิมนั่นล่ะ


แล้วก็จริงอย่างที่เขาคิด  ซากของเพื่อนทั้งสามหน่อ มานอนเกยกันอยู่ข้างล่างนี่เอง 

ก็นับถือในการหอบสังขารเข้าบ้านล่ะนะ   มองสภาพระเกะระกะแล้วก็อนาถใจเบาๆ   เลยต้องทั้งเขี่ยทั้งลากเพื่อนตัวดีให้อยู่ในสภาพดีๆ 


ต่ายเปิดตู้เย็นดูของสดที่ซื้อไว้เมื่อวาน  โชคยังเข้าข้างที่ยังพอมีไข่กับผักเหลือ  ฉะนั้นมื้อเช้าเลยจัดการทำต้มจืดผักกาดกับไข่เจียวแทน

หม้อหุงข้าวที่ไม่ได้งานมาอย่างยาวนาน แต่น่าเหลือเชื่อที่ยังใช้การได้อยู่ หากแต่เขาไม่ได้ซื้อข้าวสารมานี่สิ ....

ต่ายขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าเขาควรไปซื้อข้าวเปล่ามา   เพราะถ้าซื้อข้าวสารคงจะเหลือแน่ๆ

ครั้นจะไปรบกวนป้าจู ก็คงจะดูไม่ดี เพราเมื่อวานก็ฝากมื้อใหญ่ๆไปแล้ว



ฉะนั้น.....

หมับ!


“เห้ย”  ร่างเย็นๆ โผล่เข้ากอดหมับเข้าเต็มรัก

“ตกใจหมด” หันไปแหวใส่เจ้าตัวดีที่ทำให้ตกใจเสียได้

หากอีกคนไม่ได้มีความรู้สึกผิดอะไรเลย  แถมยังทำหน้าระรื่นใส่อีกด้วย


“หอม” จมูกโด่งของไทกริสสูดกลิ่นอาหารซะเต็มปอด แต่ที่ต่ายไม่เข้าใจก็คือ

ทำไมต้องมาสูดข้างๆหูเขาด้วย?

“เราไม่มีข้าว  สงสัยต้องออกไปซื้อ” ต่ายบอก

“งั้นออกไปซื้อกัน” เจ้าเด็กโค่งที่หิวโซ รีบกระตุกมือพาอีกคนออกจากห้องครัวทันที

“เดี๋ยวๆ”  รีบหยุดอีกคนไว้ ก่อนต่ายจะเดินไปหาเอกที่นอนเกยตื้นอยู่  ตบๆที่กระเป๋ากางเกงอีกฝ่าย  จนเจอกุญแจรถก็หยิบออกไป


เส้นทางที่นี่ ไม่ได้ซับซ้อนเท่าไหร่ หากแต่มีป่ากับพื้นที่โล่งๆซะส่วนใหญ่ แต่ต่ายก็ยังพอจำได้ว่าเมื่อวานไปที่ไหนกัน


แต่ถึงจะหลงทางยังไง GPS ก็น่าจะช่วยเขาอยู่ดีแหล่ะ  มั้ง...




สุดท้ายก็ต้องพึ่งชาวบ้านข้างทาง  ซึ่งแต่ละคนก็ใจดีซะเหลือเกิน  บอกเส้นทางซะละเอียดยิบ จนคนความจำต่ำอย่างต่ายแทบจะเบลอ 

แต่.. ขาไม่ได้มาคนเดียวเสียหน่อย  เห็นเงียบๆอย่างนี้  จำได้ทุกคำพูดเลยล่ะ



ตลาดในเวลานี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะเป็นช่วงสายแล้ว  พวกอาหารก็เลยมีน้อยลง   


ต่ายเมี่ยงๆมองๆที่ร้านข้าวราดแกงร้านหนึ่ง เจ้าของร้านยิ้มรอ พลางนำเสนอเมนูทุกอย่างที่มีในร้าน
เขาเลือกอาหารเพิ่มไปสองสามอย่าง เพราะคาดการณ์ไว้ว่า หากสามหน่อนั้นตื่นขึ้นมา ต้องห่าลงแน่ๆ

แต่ครั้นที่จะสั่งข้าวเปล่านี่สิ   บอกตามตรงเขาแทบไม่เคยซื้อข้าวเปล่าเลยด้วยซ้ำ  เลยหลุดทำท่าเงอะๆงะๆออกไป
 
“ข้าวเปล่าขายยังไงเหรอครับ”  ยิ้มแหยๆให้   หากแต่คนป้าคนขายยิ้มแป้น

“เราจะเอาเท่าไหร่ล่ะ 5 บาท 10 บาท  ป้าตักให้หมด”

“งั้นเอา 50 บาทครับ”  ป้าตอบรับ ก่อนจะทำการตักข้าวใส่ถุงจนเต็มถุง ทั้งหมด 5 ถุง

“น่าจะพอเนอะ” หันไปถาม เด็กโค่งที่ยืนเงียบอยู่ 

อีกคนพยักหน้าให้

“คนกรุงเทพรึน่ะ?”

“ครับ”

“โหย  ผิวพรรณนี่ช่างดีจริง  ดีกว่าลูกสาวป้าเยอะเลย” แล้วป้าแกก็ชี้ชวน ป้าอีกคนที่ขายผักอยู่แผงข้างๆ

 “ยายอ้อยแกดูนี่สิ   อีกคนถึงจะผิวคล้ำแต่ก็เนียนสวย  อีกคนก็ขาวผ่องออร่า หน้าลูกครึ่งด้วยเนี่ย   รึว่า เราเป็นดารากันเนี่ย??” ป้ายกมือทาบอก

“เอ่อ  เปล่าครับ  เป็นคนธรรมดาครับ ฮ่าๆ”  ต่ายหัวเราะแห้งๆอย่างทำอะไรไม่ถูก  ยิ่งมีคนมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยเบาๆ


เขาจึงรีบจ่ายเงินให้ป้าที่ยังคงตื่นตาตื่นใจ  แล้วรีบลากเด็กโค่งออกจากร้านทันที

เดินออกมาจะพื้นที่เสี่ยงได้ก็โล่งใจ 

“กระต่าย”
“หืม”
“อยากกิน”

นิ้วเรียวชี้ไปทางแผงขนมไทย ที่เหลืองอร่ามของขนมตระกูลทองทั้งหลาย  แถมยังมีขนมอื่นๆอีก

ต่ายจึงพาไทกริสไปซื้อ  แม่ค้าสาวสวยทำหน้าเขินอาย ยามที่ไทกริสถามชื่อขนม 

“อันนี้ ขนมชั้น  ขนมเปียกปูน  ขนมน้ำดอกไม้ ตะโก้ ทองหยิบ ทองหยอด เผือกกวน ฝอยทอง  เม็ดขนุน ข้าวเหนียวแก้ว กาละแม  เอาอะไรดีจ๊ะ? ” แล้วหล่อนก็ร่ายขนมที่มีอยู่ในร้านจนหมดร้าน พลางส่งสายตาหยาดเยิ้มไปที่ไทกริสที่สนใจแต่ขนมตรงหน้า

“จะซื้อนี่ กินเป็นรึไง”

“เคยกินน่า”

“อันนี้ น่ากินดีนะ”  ต่ายชี้ไปที่ขนมน้ำดอกไม้ ที่มีสีสันน่าทาน
 
“น่ากินทุกอย่างเลยจ้ะ  คนขายก็ด้วย..”  สาวเจ้านำเสนอเต็มที่  ต่ายรู้สึกคันปากยิกๆอยากจะบอกว่า

เจ้าเด็กนี่มันไม่สนใจผู้หญิงหรอก
 
สุดท้าย พ่อคุณก็เลือกซะทุกอย่าง  แม่ค้าสาวได้ยินดังนั้นก็รีบหยิบใส่ถุงเตรียมประเคนให้เต็มที่

“อันนี้ฉันแถมให้นะจ๊ะ สุดหล่อ”  หล่อนว่า พยายามปรือตาที่กรีดอายไลนเนอร์หนาเตอะเต็มที่  แต่น่าเสียดายที่ไทกริสไม่ได้แม้แต่จะมองหล่อนด้วยซ้ำ   

อาเมน ...


“กลับกันเถอะ”  พอจ่ายเงินเสร็จก็พากันขึ้นรถ เตรียมกลับบ้าน

“เสน่ห์แรงจริงๆน๊า” ต่ายเปรยออกมา   ปรายตามองเด็กโค่งที่นั่งหน้านิ่ง ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวอะไร


เมื่อขับรถจนมาถึงบ้านพัก  เพื่อนทั้งสามของต่ายก็ยังคงนอนอืดไม่ฟื้น   ก็คงจัดไปเยอะ  หลักฐานก็ที่ใต้ถุน  ต็มไปด้วยขวดเปล่าวางเรียงกันจนต่ายนึกอยากจะเอาลูกโบวริ่งมาโยนเล่นเสียจริง 


สุดท้ายก็มานั่งกินข้าวเช้ากันสองคน 


พวกเขามานั่งอยู่ที่โต๊ะเตี้ยๆหน้าทีวี
ช่างเป็นภาพที่น่าขำ ที่ร่างสูงโย่งของเด็กโค่งกับร่างสมส่วนของต่าย ต่างนั่งขัดสมาธิล้อมโต๊ะตัวน้อยกินข้าวกัน


ช่องรายการในช่วงนี้นั้นน่าเบื่อ ไม่ค่อยน่านใจ  ดูจากน่าเบื่อโลกของเด็กโค่งข้างๆ ที่แม้จะเป็นหนังฝรั่ง  แต่ก็ไม่สนุกเท่าที่ควร   เพราะไม่สามารถรับช่องทีวีดาวเทียมได้    เพราะเป็นพียงแค่หนวดกุ้งรับสัญญาณธรรมดา เลยรับได้ไม่กี่ช่อง   




จนกระทั่งหนึ่งในสามซากศพฟื้นคืนชีพขึ้น ก็ปาไปเที่ยงกว่า

เอกสะลึมสะลือมองไปทั่วๆ  กายและแชมหลับอยู่ขนาบซ้ายขวา  ความร้อนอบอ้าวทำเอาเสื้อที่ใส่นั่นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้จะมีพัดลมเพดานเปิดไว้ให้ก็ตาม    สะบัดหัวอย่างมึนๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน  มองหาเพื่อนอีกคนที่น่าจะตื่นก่อนเขา

หากแต่ ท้องเจ้ากรรมดันครวญครางออกมาเสียก่อน  ภารกิจตามหาเพื่อนรักเลยต้องถูกทิ้งไป
 
“เห้ย  ตื่นได้แล้วเว้ย  นอนกินบ้านกินเมือง” นั่นคือคำพูดของคนที่เพิ่งตื่นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

เอกใช้เท้าสะกิดเอนทั้งสองที่นอนอยู่  คนถูกปลุกด้วยเท้าสบถ ก่อนจะด่าคนปลุกด้วยถ้อยคำรื่นหู

“ไอ้สัด!”  แชมลุกขึ้นนั่งอย่างมึนๆ  แกนที่ลุกตามทีหลังหาววอดๆ

“ไอ้ต่ายอ่ะ”

“ไม่รู้มัน  สงสัยอยู่ข้างบนมั้ง” 
“เค  กูหิวว่ะ”
“ไปกินกัน  ไอ้ต่ายมันทำไว้ให้แล้ว”
“อยากอาบน้ำก่อนว่ะ” แกนพูดขึ้น    เขาเหม็นตัวเองจะแย่อยู่แล้ว

“อ้าว  งั้นไปอาบด้วยกันเลยป่ะ จะได้มากินพร้อมกัน”  แชมบอกพลางยักคิ้ว 
เรื่องแบบนี้ พวกเขาชิวๆอยู่แล้ว

แต่ขนาดห้องน้ำที่คับแคบเกินกว่าจะให้ผู้ชายตัวใหญ่ทั้ง 3 คน อัดเข้าไปอยู่กันได้

“เดี๋ยวกูไปอาบห้องนู่นก็ได้”  แชมเสนอตัว ห้องที่ว่าก็คือห้องที่ต่ายและไทกริสอยู่นั่นเอง

“ไอ้ต่าย  กูขอเข้าห้องน้ำหน่อย”  เขายกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ   แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่งของประตู

“งั้นกูไม่เกรงใจแล้วนะ”  เพราะลองหมุนลูกบิดดู ปรากฏว่า ไม่ได้ล๊อค จึงเปิดไป

ก่อนจะผงะกับภาพตรงหน้า
สภาพของเพื่อนเขากับเด็กของมัน ที่นอนหนุนกัน ประหนึ่งกำลังเปิดห้องสวีทของโรงแรมห้าดาว  โดยมีพัดลมอีแก่เป็นพร็อพประกอบ 

และที่ผงะยิ่งขึ้นก็คือ 

มือของเจ้าเด็กนั่นล้วงเข้าไปในเสื้อของเพื่อนเขาอยู่น่ะสิ !!

ให้ตาย นี่เขาต้องทำตัวให้ชินกับเรื่องแบบนี้ใช่ไหมเนี่ย    ชายหนุ่มคิด

สะบัดหัวเบาๆ ก่อนจะค่อยๆเดินผ่านทั้งสองอย่างเบาเสียงที่สุด


พอออกมา ดูเหมือนไทกริสจะตื่นแล้ว  นัยน์ตาสีน้ำตาลทองแดงจ้องเขม็งมาทางเขา 

อย่างกับอยากจะเข้ามาขย้ำคอเขางั้นแหล่ะ

แชมยิ้มแห้งๆก่อนจะยกมือขึ้นทัก

“ตามสบายๆ แค่มายืมใช้ห้องน้ำ”   รีบบอก  ก่อนจะซอยเท้าออกจากห้องไป

พอพ้นตัวห้องมาได้ ก็ต้องถอนหายใจเฮือก 


“ไอ้ต่ายหลับอยู่หรอ”  แกนที่อาบน้ำเสร็จแล้ว เดินเข้ามาถาม
“อืม  แล้วไอ้เอกอ่ะ”
“เดี๋ยวมันก็มา” พูดยังไม่ทันจบ  ร่างสูงใหญ่ของเอกก็เปิดประตูห้องออกมาพอดี
“ไปแดกกัน หิวชิบหาย”  เอกว่าพลางลูบท้องตัวเองอย่างหิวโหย

พอเห็นอาหารตรงหน้า ก็คว้าชามข้าวขึ้นมาสวาปามทันที


“เอกมึงแดกอย่างกับหมา” ต่ายที่เพิ่งตื่น พอลงมาก็เจอเพื่อนตัวเองกำลังกินข้าวกันอยู่

“ก็กูหิว” ปากที่เต็มไปด้วยข้าวพูด  คนอื่นๆมองอย่างปลงๆ

“วันนี้จะไปไหนกันไหมวะ”

“ร้อนๆงี้  อยากไปเล่นน้ำตก ”   

“เออ แถวนี้มีอะไรบ้างอ่ะ” ต่ายถาม  คนถูกถามนิ่งคิด  ก่อนจะควักมือถือออกมา กดยุกยิกซักพักก็เงยหน้าขึ้นมา

“ไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่นมะ   แถวอุทยาน”

“ไปดิ  กูอยากไปถ่ายรูปพอดี”

“โอเค  งั้นรอกินนี่เสร็จ แล้วไปกันเลย”

“ว่าแต่ น้องมึงอ่ะ”

“ยังหลับอยู่  เดี๋ยวว่าจะไปปลุกแล้ว”

“เออดี  บอกมัน ให้น้อยๆลงหน่อย”  แชมพูด  ต่ายขมวดคิ้วอย่างงุนงง

“อะไรวะ”

 “เออน่า” พูดตัดบทเสร็จก็กวักมือไล่เพื่อนที่ยังคงงุนงงไม่หาย   


พอเดินพ้นจากห้องครัว เด็กโค่งหน้ามึนก็เดินลงจากบันไดพอดี

“กำลังจะไปปลุกพอดี  หิวไหม?”  เด็กโค่งส่ายหัว 


แน่ล่ะ  เมื่อตอนสายเล่นกินขนมไทยซะอิ่มแปล้เลย ทั้งเขาทั้งไทกริส  นี่ยังเหลืออีกหลายถุงนะเนี่ย 


พออิ่มท้อง  พวกเขาก็ออกเดินทางไปที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่นที่อยู่ไม่ไกลจากตัวอุทยาน  แต่จากที่พักของเขา ก็ถือว่าไกลสมควร
 
กว่าจะไปถึงตัวน้ำตกจริงๆ ก็กินเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง  เพราะใช้เวลาในการงมหาทางไปน้ำตกจาก GPS ของรถ  ไหนจะทางเข้าอีก  แต่ก็ถือว่าไม่เสียแรงที่ต้องทนร้อนทนเหนื่อย หลังจากที่ต้องจอดรถทิ้งไว้ แล้วเดินมาตามทางที่มีให้

พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีป้ายบอกทาง  คดว่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆก็คงจะเหมือนกัน  เพราะมีจำนวนไม่น้อยที่ร่วมเดินมากับพวกเขา
 
ระหว่างทางที่เดินมา เป็นลักษณะป่าดิบชื้น มีดอกไม้สวยๆข้างทางให้พอเชยชม  เดินไปได้ซักพักพวกเขาก็เจอลำธารที่มีขอนไม้ขนาดพอเหมาะวางพาดไว้ให้คนข้าม   นั่นเป็นสัญญาณว่า ใกล้จะถึงน้ำตกแล้ว ...


ตัวน้ำตกนั้นไม่ได้อลังการงานสร้างอย่างน้ำตกเอราวัณ แต่ความสวยงามของธรรมชาติก็น่าชื่นชมไม่แพ้กัน น้ำตกจากผาสูงประมาณ 30 เมตร ลงมากระทบกับพื้นด้านล่าง ยิ่งเข้าไปใกล้ๆแล้ว  น้ำที่ตกลงมาแล้วแตกกระจายออกก็จะมากลายเป็นกลุ่มไอน้ำลอยตัวขึ้นมาในอากาศ เป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ตากล้องอย่างแกนที่พกกล้องมาอย่างดี  หวังไว้ว่าจะมาถ่ายวิวที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ แต่สุดท้ายก็อดไป    มาคราวนี้เลยพกกล้องเพื่อจะถ่ายน้ำตก  ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง  เพราะความสวยงามของที่แห่งนี้เกินจะบรรยาย

เดินมาตามโขดหินที่ไม่ได้สูงชันพอปีนได้ ก็พบแอ่งน้ำใสขนาดใหญ่ สีออกครามๆ ยิ่งสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ยิ่งเกิดประกายเหมือนกับเพชรต้องแสง

พวกเขาหรือจะพลาด ลงเล่นน้ำกับลืมโตเลยทีเดียว


นักท่องเที่ยวที่นี่ ไม่ค่อยเยอะ  แต่นั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะพวกเขาจะได้ไม่ต้องแย่งกัน  อีกทั้งตัวน้ำตกก็ไม่ได้ใหญ่อะไร

พอเล่นจนสะใจแล้ว ก็ชวนกันขึ้น ตกลงกันไว้ว่าจะไปร้านอาหารที่มีรีวิวในพันทิปกัน 


ในระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางของน้ำตกนั้น  แกนที่ไม่ได้มองทาง  เพราะมัวแต่เช็ครูปในกล้อง ก็เกิดรองเท้าพลิก ทำให้ล้มลง ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนๆ ไม่เว้นม้แต่ไทกริส

“เชี่ย” สบถลั่น  พอเพื่อนๆเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปถามไถ่

“เฮ้ย เป็นไรเปล่าวะ!!!”

“ไม่อ่ะ  แต่กล้องกูนี่ดิ” บ่นปอดแปด  ไม่ได้ห่วงตัวเองเลย 

 “ก็มึงไม่ยอมดูทาง” แชมเอ็ด  แกนบ่นงุ้งงิ้งฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนจะหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนลุกขึ้น

“ขาพลิกแล้วไหมล่ะ”  ต่ายพูดออกมา เอกที่ยืนอยู่ใกล้สุด รีบเข้ามาดูอาการเพื่อน

“แค่เคล็ดอ่ะ  ขี่หลังกูเร็ว  ยังเดินอีกไกล” ว่าแล้ว ร่างสูงใหญ่ของเอกก็นั่งยองๆ

“เอ่อ ไม่เป็นไรๆ” แกนบอกปัดๆ

“มึงจะขี่หลังไอ้เอกดีๆ  หรือจะให้มันอุ้มพาดขึ้นบ่า”  คุณแม่ของกลุ่มอย่างแชม พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด 

พอเป็นอย่างนั้น แกนก็ยอมขึ้นหลังเอกแต่โดยดี


ต่ายหัวเราะให้กับท่าทางของเพื่อน  ก่อนจะหุบปากฉับ เมื่อเจ้าเด็กโค่งทำท่าทางเหมือนจะถามเขาว่า …

‘ขี่หลังไหม’

“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”  พูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคน ก่อนจะเดินเคียงข้างกันจนไปถึงที่รถ


“แล้วกล้องมึงเป็นไรมากปะ”  ต่ายถามขึ้น หลังเห็นแกนพลิกซ้านพลิกขวาสำรวจกล้องตัวเอง

“ก็ยังถ่ายได้อยู่  แต่จับโฟกัสนานมาก”
 
“เอาน่า อย่างน้อยก็ยังปลอดภัย ทั้งมึงทั้งกล้อง” ต่ายเอ่ยปลอบ ไอ้เขาก็ไม่มีความรู้เรื่องกล้องด้วยสิ จะช่วยเพื่อนมากกว่านี้ก็ไม่ได้


หลังจากกลับจากกินมื้อเย็นแล้ว พอถึงบ้านพักก็แทบจะวิ่งหาเตียง   แม้จะเหนื่อยแต่ก็สนุก

“เบียร์ไหม เหลืออยู่สามขวด” แชมถามขึ้น พลางกระดกดื่มทั้งขวด

“เอามาหน่อย” ต่ายแย่งเบียร์ออกจากปากเพื่อน จนเบียร์กระฉอกออกมา เลอะทั้งคนโดนแย่งและคนแย่ง

“ไอ้ต่ายแม่ง..” แชมบ่น พลางใช้มือปาดในส่วนที่เลอะออก  ความเหนียวเหนอะหนะทำให้ต้องใช้น้ำมาเช็ด
 
ส่วนคนแย่งนั้น กระดกเบียร์อย่างสบายใจเฉิบ แม้จะเลอะไม่ต่างกัน

กินจนสะใจแล้วก็หนีขึ้นไปบนห้อง

เจ้าเด็กโค่งยังคงคุยกับน้านี

ดูจากสีหน้าเจ้าเด็กที่ชอบทำหน้าตาย ไร้อารมณ์  แต่ในยามที่คุยกับน้านีแล้ว ก็เหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งคุยกับสาวครั้งแรก
ดูขัดเขินและพูดน้อย แต่ออร่าความสุขกระจายออกจนคนมองรู้สึกหมั่นไส้ยิกๆ


ต่ายยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู  ลังเลว่าจะกดโทรดี หรือไม่โทรดี


สุดท้ายก็ ..

ตืดดด  ตืดดดดด ตืดดด

         “ว่าไง ไอ้ตัวแสบ” ปลายสายรับ ก่อนจะทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“นี่โทรหาแม่นะ มารับไมอ่ะ” ปลายสายหัวเราะหึๆ ก่อนจะตอบกลับ

          “ทำไม แม่กับพ่อก็คนๆเดียวกัน” ต่ายทำเสียงแหวะกับถ้อยคำนั้น  ปลายสายได้ยินก็หัวเราะยกใหญ่

“จะโทรมาสวัสดีปีใหม่  มาขอตังค์ด้วย”
 
           “โห ไอ้ลูกธรพี ขนาดพี่แกอยู่เมืองนอก ยังโทรมาหาตอนเที่ยงคืน แถมยังส่งเงินมาให้อีก  แต่แกนี่---” ก่อนที่ทศธีร์จะบ่นยาวกว่านี้ ต่ายก็ตัดบทเสียก่อน

“นี่เมา กลับไปนอนได้ก็บุญละ  แหม่ แล้วแม่อ่ะ จะคุยกับแม่”

            “ว่าไง เจ้าต่าย”

“แม่ค้าบ  สวัสดีปีใหม่  ขอตังค์หน่อย” ดูเหมือนพ่อแม่ของเขาจะเปิดสปีคเกอร์เอาไว้ เพราะได้ยินเสียงพูดทั้งของพ่อและแม่

            “ย่ะๆ พรุ่งนี้จะโอนให้  แล้วนี่อยู่ไหน อยู่กับน้องไทก์รึเปล่า”  ถามหาลูกรักอีกคน

“อยู่ นี่มาเที่ยวกาญฯ กัน”

             “เออ ดูแลน้องดีๆล่ะ เกิดอะไรขึ้นมา เดี๋ยวไม่มีปัญญาใช้คืนนะ” ปลายสายว่า  ต่ายหัวเราะแห้งๆ  เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น .......


วางสายเสร็จ เหลือบมองเจ้าเด็กโค่งที่ยังคุยอยู่ เลยเดินเข้าไปบอกด้วยเสียงเบาๆว่า จะลงไปข้างล่าง
เจ้าตัวพยักหน้าให้  ก่อนจะกดจูบแรงๆ ทั้งๆที่ยังมือให้ถือโทรศัพท์คุยกับแม่  ถ้าเขาไม่ได้หูฝาดไป  แรงจนได้เสียงดังจ๊วบเลยล่ะ

ตีปากอีกคนเบาๆ ขึงตาใส่อีกคนคาดโทษเอาไว้   ก่อนจะรีบลีฟตัวออกจากห้อง  แต่ก็ได้ยินเสียงเจ้าเด็กโค่งพูดว่า แปปนึงนะ
แล้วเจ้าของร่างสูงโย่งของไทกริสก็ปรี่เข้ามาหาต่ายที่กำลังจะเปิดประตูออก

"แว๊กกกกก" ต่ายตกใจกับแขนทั้งสองของไทกริสที่ยกออกมาคร่อมเขาไม่ให้หนีไปไหน

สายตาวิบวับราวกับเจอเหยื่อของไทกริส ทำให้ต่ายขนลุกซู่  ก่อนที่ปากซุกซนจะพรมจูบไปทั่วใบหน้าของเขา จนมาหยุดอยู่ที่ปาก   นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องลึกเข้ามาดวงตาของต่าย  สายตาที่เหมือนถูกสะกดให้นิ่ง

ก่อนที่ริมฝีปากที่ไม่ค่อยได้เปิดออก ในตอนนี้กลับเผยอออก ก่อนจะขบเบาๆที่ริมฝีปากบนของอีกคน  พอสมใจด้านบนก็ต่อด้วยริมฝีปากล่างเพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน  ต่ายได้แต่ครางออกมาเบาๆ ความรู้สึกเบาเหมือนลอยได้เข้ามาแทนที่   นัยน์ตาหยาดเยิ้มไม่แพ้อีกคน

จนไทกริสผละออก แล้วยกยิ้มให้  ต่ายถึงได้สติกลับคืนมา

พลาดอีกจนได้  ฮ่วยยย !!!!!



ทึ้งหัวตัวเองเสร็จก็รีบลงมาข้างล่าง

ขวดเบียร์ที่ควรจะเหลือ 3 ขวด กลับมีเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว

“นี่มึงไปซื้อมา?” ต่ายถามขึ้น พยายามทำให้ตัวเองไม่หลุดอะไรแปลกๆออกไป

“เออ ไปซื้อยานวดให้แกน กูเลยซื้อแถมมาด้วย  ฮ่าๆ ” เอกบอก  พลางหรี่ตามองเขาอย่างสงสัย  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“น้องมึงอ่ะ?”

“อยู่ข้างบน คุยโทรศัพท์อยู่”

“ฮั่นแน่! คุยกับสาวอ่ะดิ”  ทำหน้าเจ้าเล่ห์  ต่ายพ่นลมหายใจใส่


“เออ  คุยกับแม่มันอ่ะ” ต่ายพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ  ก่อนจะรับแก้วมาจากแกนที่รินเบียร์ให้

“เออก็ดี  ตั้งแต่มานี่ กูแทบจะนับคำพูดมันได้เลย  ปกติมันเงียบขนาดนี้เลยเหรอวะ” เอกถามขึ้น

“ก็ไม่ได้เงียบอะไรขนาดนั้น  อารมณ์แบบ พูดในยามจำเป็นจริงๆ แต่พออยู่กับพวกมึงเลยไม่ค่อยกล้าพูดมั้ง”

“สงสัยต้องให้เมาว่ะ กูจำได้ คราวที่แล้วนู่น คุยกับพวกกูอย่างเยอะ”

“เออ อย่างกับรู้จักกันมาสามชาติแปดชาติ”


ซักพักเจ้าตัวก็เดินลงมา  พอเห็นพวกเขานั่งล้อมวงกันอยู่ เด็กโค่งก็มากระแซะนั่งข้างๆต่าย

“เห้ย คุยบ้างก็ได้นะเว้ย ไม่มีใครว่า” เอกพูดอย่างขำๆ  พลางยื่นเก้าเบียร์ให้เด็กหนุ่ม โดยไม่สนสายตาดุๆของเพื่อน

“น่า ให้เด็กมันกินบ้าง  กระชับมิตรไงมึง  แค่นี้ไม่เมาหรอก” แกนว่า

เบียร์ที่เหลืออีก 4 ขวด กับจำนวนคน 5 คน     คงไม่น่าจะทำให้ใครเมาได้



“ทำไมถึงรักมันวะ”  อยู่ๆ แชมก็เปิดคำถามชนิดที่ว่า ไม่ทำให้ใครตั้งตัว
 
“.....”  คนถูกถาม นั่งนิ่งเงียบ  ส่วนคนที่เหลือต่างจ้องเขม็งราวกับรอลุ้นหวย

“กระต่ายน่ารัก” เสียงทุ้มนุ่มเปล่งออกมา   คำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้เหล่าผองเพื่อนมองไปทางต่ายอย่างไม่เชื่อสายตา

ตรงไหนที่น่ารักกัน ดุอย่างกับหมา  โมโหทีอย่างกับร๊อคไวเลอร์

“กระต่ายใจดี”  อย่างกับกำลังบอกจุดเด่นแบบสั้นๆได้ใจความ  แต่ว่า เป็นคำตอบที่ไม่ถูกใจเหล่าคนอายุมากกว่าทั้ง 3

“โห่ววว เอาดีๆสิวะ  ขอแบบซึ้งกินใจหน่อย”

“ไอ้เหี้ย  ให้มันน้อยๆหน่อย” ต่ายโวยวาย 

“กระต่ายเป็นผู้ชายคนแรกที่ใจเต้นด้วย..........และไม่ว่ายังไง กระต่ายก็อยู่ข้างเราตลอด”  คำตอบที่อาจจะดูไม่เคลียร์ในหลายๆประเด็น แต่ดูเหมือนจะสมใจอยากเหล่าคนช่างอยากรู้อยากเห็นทั้งสาม


“ดีมาก ไอ้น้อง” เอกยกแขนขึ้นมากอดคอเด็กหนุ่ม พลางส่งแก้วมาให้อีก   ไทกริสก็ยกดื่มอย่างไม่เกรงใจ


“สำหรับไทกริสอาจะเป็นกระต่ายเลี้ยง แต่สำหรับพวกเรามึงคือกระต่ายป่าว่ะ ไอ้ต่าย” แชมบอก  ก่อนจะได้นิ้วกลางสวยๆมาเป็นรางวัล


และค่ำคืนวันแรกของปีก็ได้จบลง เหลือไว้แต่เพียงความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน ......


TBC...

------------------------------------------------

BEVA TALK :  มาแล้วค่าาาาาาาาา  อะไรเริ่มเข้าที่แล้วค่ะ สติของคนแต่งด้วย  :mew5:  ตอนนี้แต่งเยอะเป็นพิเศษ  ทดแทนกับตอนที่แล้วเน่ามาในความรู้สึกเรา  แต่จะไปแก้ก็รู้สึกแบบมันคนละอารมณ์กันแล้ว  เลยจัดกับตอนนี้ซะเลย

สงสารไทกริสบทน้อยมาก ตั้งแต่ตอนแรกยันตอนนี้ ไม่รู้พูดถึง ยี่สิบประโยครึเปล่า  :mew4: :mew4:

แฮร่ๆ  ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกท่านนะคะ  :mew1: :mew1:  รักคนอ่าน รักคนเม้นท์  จุ๊บๆ  :กอด1:

รู้สึกอย่างไรกับตอนนี้ ติชม/ด่า คนแต่งได้ค่ะ   :mew3: :mew3:

แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ


   
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 22 4/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 04-06-2016 23:44:19
ชอบไทกริสอ่ะ อึนๆมึนๆน่ารักดี :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 22 4/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 05-06-2016 09:52:31
เม้นรวดเดียว 2 ตอนน 

เฮือกกกกกกกกก   :hao7: :hao7:  ยิ่งอ่านยิ่งหลงไทกริส   :z2:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 22 4/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-06-2016 13:19:59
น้องกรีสน่ารักอ่ะ อ๊ายยยย ต่ายพลาดท่าน้องอีกแล้ววว ว๊ายๆๆๆๆๆๆ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 22 4/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-06-2016 13:26:46
ไทกริสขี้อ้อน กับพี่ต่ายคนแมนสินะ ฮา น่ารักดี
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!!! บทที่ 22 4/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 06-06-2016 10:21:34
ตามเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งมาสมัคร  อิอิ   :katai4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 06-06-2016 23:59:29
บทที่ 23    กันและกัน





ต่ายกดเปลี่ยนช่องทีวีเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็อาจทราบได้

วันสุดท้ายของการปิดเทอมนั้นช่างน่าเบื่อหน่าย หลังจากจบทริปเมืองกาญฯ ก็มานอนอืดอยู่กับห้อง ไม่ค่อยได้ออกไปไหน  ส่วนเจ้าเด็กโค่งนั้นออกไปไหนไม่รู้แต่เช้า    พอโทรไปถามก็บอกแค่ว่าออกมาทำธุระข้างนอก แล้วก็กดวางสายไป   

ต่ายมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปอย่างไม่เชื่อสายตา

อย่างไทกริสนี่นะ? จะตัดสายเขา  เหมือนกับไม่อยากจะคุยอย่างนั้นแหล่ะ  จะว่าตัวปลอมก็ไม่ใช่ เพราเสียงจากปลายสายก็ไทกริสตัวจริงไม่ทิงนองนอยแน่ๆ 


หรือว่า จะอยู่ในวัยต่อต้านซะแล้ว ..... !


ต่ายส่ายหัวให้กับความคิดที่ฟุ้งซ่านค่อนไปทางไร้สาระ ก่อนจะมานั่งกดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ๆ  แต่สุดท้ายก็กดปิดมันซะสิ้นเรื่อง

แล้งนอนเหยียดยาวบนโซฟาเบด


งีบหลับดีกว่า ..



ต่ายสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู  ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากไทกริส 

เจ้าเด็กโค่งดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขานอนอยู่บนโซฟา 

“กลับมาแล้วเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาที่ 12:10 น.


นี่เขานอนไปเกือบชั่วโมงเลยหรือเนี่ย...


เจ้าเด็กโค่งแว่บเข้าไปในห้องนอน  ก่อนจะออกในสภาพเปลือยท่อนบน   ซึ่งก็เป็นภาพที่เริ่มจะชินตาแล้วสำหรับต่าย 
จากที่รู้สึกแปลกๆเวลาที่เห็นเรือนร่างอีกคน ตอนนี้กลายเป็นเฉยๆแล้ว  เพราะอีกคนเล่นถอดเกือบทุกวัน
ยิ่งตอนนอนถ้าไม่ใส่เสื้อกล้ามบางๆก็จะถอดเสื้อ   ซึ่งต่ายก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะผิวกายเย็นๆเของไทกริส   


“หิวมั๊ย?” ถามอีกคน ขณะที่เขากำลังลุกไปในครัว

“อือ      อยากกินข้าวมันไก่” ต่ายกลอกตาทันที เมื่อได้ยินเมนูนั้น   ไม่อยากปฏิเสธ แต่ไอ้เมนูที่หากินได้ง่ายๆ แต่มันทำง่ายๆซะที่ไหนกัน

“ไว้คราวหน้าจะพาไปกินนะ  วันนี้กินข้าวผัดไก่ไปก่อน”   ยกยิ้มปลอบใจเด็กน้อย ก่อนจะลงมือทำกับข้าว

ไทกริสไม่ได้มีอาการงอแงแต่อย่างใด แม้จะได้กินข้าวมันไก่เก๊ๆ ฝีมือของต่าย 

แต่ผิดคาด  เพราะเด็กโค่งขอเบิ้ลสอง

เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นนัก ที่ไทกริสจะขอเพิ่ม  พอเห็นอีกคนเจริญอาหารแบบนี้ คนทำก็ปลื้มปริ่มจนน้ำตาจะไหลจนอยากจะแชร์


ความรู้สึกแม่เวลาที่เห็นเขากิน ก็คงจะเป็นแบบนี้สินะ 
แต่ว่าทำไมหลังๆชักเริ่มบ่นเขาว่า เขากินมากไปซะงั้น


ก็นะ ... เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ...



บ่ายแก่ๆ ต่ายกับไทกริสชวนกันออกมาซื้อของที่ห้าง  เพราะของในตู้เย็นเริ่มร่อยหรอ เพราะแอบจกกินทุกเวลาที่หิว

เขาเดินเข็นรถเข็น ตาก็มองตามเชลฟ์ ส่วนเจ้าเด็กโค่งก็เดินตามไม่ห่าง อย่างกับลูกเป็ดตามแม่ 

ต่ายเลือกซื้อของสดอย่างพวก เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ แล้วก็ผักที่เก็บไว้ได้นานๆ

บอกตามตรง ทั้งเขาและไทกริสเป็นพวกสัตว์กินเนื้อทั้งคู่  พวกผักเลยไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่

พอมาถึงแผนกขนมขบเคี้ยว พวกเขาแทบจะปรี่เข้าไปหา 


เขายังจำได้ว่าสมัยเด็กๆ ไทกริสมักจะถูกสั่งห้ามไม่ให้กินขนมแบบนี้ซักเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลที่กรอกหูบ่อยๆนั่นก็คือ

มันคืออาหารขยะ

เขายังเคยไปเถียงเลยว่า ขนมนี่ไม่ได้มาจากถังขยะซะหน่อย จะเป็นอาหารขยะได้ไง  ยิ่งไปกว่านั้น เขาแทบจะไปตามแม่ค้ามาช่วยยืนยันว่าซื้อขนมจากร้านนี้ด้วยซ้ำ   

นึกแล้วก็ขำ ..


ฉะนั้น เจ้าเด็กโค่งก็ไม่ค่อยจะได้ลิ้มรสขนมขบเคี้ยวที่อุดมไปด้วยผงชูรสเหล่านั้นซักเท่าไหร่

แต่พอโตมา ก็อย่างที่เห็น เหมือนจะขาดไม่ได้...


พอพ้นแผนกขนมไป ก็กะว่าจะไปคิดเงิน แต่ดันไปเจอกับร่างที่คุ้นตาซะก่อน
 
และถ้าตาไม่ได้ฝาดไป จะไม่ได้มาแค่คนเดียวเสียด้วย

ต่ายยักคิ้วจึกๆให้ไทกริส ที่สังเกตเห็นเหมือนเขา  ต่ายยิ้มเยาะในใจก็จะปล่อยให้ไทกริสเป็นฝ่ายเข็นแทน  ส่วนตัวเขาก็ปรี่เข้าไป

“เฮ้ย!”
“เฮ้ย!!!”  สองเสียงดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน  แต่คนละสาเหตุ

“ฮ่าๆๆๆ” พอเห็นอีกฝ่ายตกใจจนสะดุ้งโหยงก็หัวเราะสะใจ ก่อนจะเบาเสียงลงเมื่อคนรอบข้างมองด้วยสายตาประนามเบาๆ

“ไอ้ต่าย มึงนะมึง” แกนเข่นเขี้ยวใส่เพื่อนที่หัวเราะจนน้ำตาเล็ด พลางเผื่อไปให้คนข้างๆ ที่หัวเราะไม่แพ้กัน

“หัวเราะไร เดี๋ยวอดกินสุกี้นะ เย็นนี้” ขู่อีกคนไว้

และก็ได้ผล เพราะคนถูกขู่ ทำหน้าตาเหวอก่อนจะรีบเกาะแขน ส่งสายตาอ้อนๆ  นี่ถ้ามีหางด้วย คงส่ายไปส่ายมาแน่ๆ

“มาด้วยกันได้ไงเนี่ย” ต่ายถามขึ้น พลางมองไปที่ทั้งสองอย่างงงๆ 

“กูอยู่คอนโดเดียวกัน จำไม่ได้เหรอ” แกนตอบเนือบๆ   ต่ายร้องอ๋อ ก่อนจะหรี่ตามองรุ่นน้องอย่างจับผิด

“อะไรพี่ต่าย  มองผมแบบนั้นทำไม” โจร้องขึ้น เพราะเห็นสายตาเหมือนกับประเมินเขา 

นี่เขาทำอะไรไม่ถูกใจรึเปล่าเนี่ย

“ก็เปล๊า!”  พูดเสียงสูง ยิ่งทำให้โจรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ต้องมีบางอย่างในใจแน่ๆ

“โย่ว ไทกริส  ไม่ทักกันบ้างเลยนะ ” หันไปทักเพื่อนที่ยืนข้างรุ่นพี่อย่างกับบอดี้การ์ด

“หวัดดี”  คำพูดอย่างขอไปที  ถ้าเป็นคนอื่น คงจะคิดว่ากวนบาทา แต่สำหรับโจแล้ว  เพื่อนหน้านิ่งทักตอบกลับมาก็เป็นอะไรที่กรุณามากแล้ว

“กูไปจ่ายตังก่อนนะ  เย็นกว่านี้เดี๋ยวรถติด”  ต่ายบอก  แกนและโจพยักหน้าให้ก่อนจะโบกมือลาอย่างร่าเริง

“เจอกันพรุ่งนี้”

“เออ”


บอกลาเพื่อนและน้องเสร็จ ก็เดินตามไทกริสที่ทำหน้าเข็นรถแทน

“ทั้งหมดสองพันสี่ร้อยห้าสี่บาท ห้าสิบสตางค์ค่ะ  มีบัตรสมาชิกไหมคะ” แคชเชียร์สาวถามขึ้น

ต่ายควานหาบัตรสมาชิกของห้างนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจคนข้างๆ  มือขาวยื่นบัตรของตัวเองไป

“นี่ค่ะ ” เธอส่งบัตรกลับคืนมา  ต่ายที่กำลังจะยื่นแบงค์พันสามใบให้  มือขาวของคนข้างๆก็ยื่นบัตรเครดิตสีทองอร่ามเสียก่อน

แคชเชียร์ลังเลไปแวบนึง  ก่อนจะรับบัตรเครดิตนั่นไปรูด

"อะไรเนี่ย” ต่ายถามอย่างงงๆ  ปกติไทกริสจะไม่ค่อยมายุ่งกับเริ่มหยุมหยิมแบบนี้ซักเท่าไหร่

คนถูกถามมองกลับราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

ก่อนที่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ สาวแคชเชียร์ก็ยื่นใบมาให้เซ็นเสียก่อน


พอเสร็จ ก็หิ้วกันคนละไม้คนละมือจนไปถึงที่จอดรถ


เด็กโค่งเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ โดยให้ต่ายเป็นตุ๊กตายักษ์หน้ารถ เหมือนกับปกติ


“อืมมม  เย็นนี้กินอะไรดี”  ต่ายถาม 


ไทกริสมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตอบมาด้วยเมนูที่ต่ายอยากจะโขกกระจกรถตาย

เพราะมันยากมากกกกกกกกกก กอไก่พันล้านตัวเลยล่ะ

“อะไรก็ได้”


สุดท้ายก็มาจบลงที่ ไข่เจียวหมูสับกับหมูแดดเดียวที่ไปสอยมาจากห้าง


หลังจากอิ่มหน่ำสำราญกับมื้อเย็น ก็มาประจำที่เดิม เพื่อมาดูซีรี่ส์สุดโปรดของไทกริส

เป็นหนังแอคชั่นแนวสืบสวน  ยิ่งตอนที่ตัวเอกสืบหาคนร้ายเป็นอะไรที่ลุ้นที่สุด

พอเป็นช่วงพักโฆษณา ความรู้สึกหนังท้องตึงหนังตาหย่อยก็กำเริบ  ต่ายยืดตัวบิดขี้เกียจ

“โอยยย  พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วเหรอเนี่ยยยย”  ต่ายโอดครวญ เมื่อรู้สึกว่าวันหยุดกำลังจะหมดไป

จากที่นั่ง กลายเป็นต่ายที่เริ่มเลื้อยไปเกยตักคนตัวสูงเสียแทน    ดูท่าอีกฝ่ายจะสมยอมด้วยสิ ..

ต่ายเงยหน้าขึ้นก็ไปเจอกับสายตาคมที่จ้องมาทางนี้อยู่แล้ว

“นายมีเรียนวันไหนบ้างนะ” 

“จัน อังคารบ่าย พุธ พฤหัส ศุกเช้า”  อีกฝ่ายร่ายมา  ต่ายพยักหน้าก่อนจะนึกถึงตารางเรียนตัวเอง

“เออ พี่ไม่มีเรียนวันศุกแฮะ” ยิ้มแฉ่ง เพราะตัวเองจะได้หยุดยาวตั้งแต่ศุกร์ยันอาทิตย์  ส่วนอีกคนต้องไปเรียนช่วงเช้า

ไทกริสมองคนยิ้มแฉ่งอย่างเบิกบานใจ  เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงไปกดจูบปากนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

“อือ” คนถูกประทุษร้ายดิ้น แต่เหมือนยิ่งดิ้น อะไรๆก็เหมือนจะเข้าล๊อค เลยกลายเป็นเขาที่แหงนหน้ารับจูบอีกฝ่ายแต่โดยดี

ไทกริสผละออก แลบลิ้นเลียที่มุมปาก ไม่รู้ว่าน้ำลายใครเป็นน้ำลายใคร


ต่ายหน้าร้อนผ่าว  ดันตัวเองจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ถูกแขนขาวๆของไทกริสะกดไว้สุดท้าย ก็นอนตักดูหนังเหมือนเดิม


พอซีรี่ส์ก็จบลง ซึ่งก็เป็นเวลาที่เด็กอนามัยอย่างไทกริสต้องนอน  ซึ่งก็เหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกบันทึกโปรแกรมเอาไว้


ร่างสูงเดินตรงไปที่ห้องของตน ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ



ส่วนต่ายที่ยังไม่ง่วง ก็ไปจัดอาหารเช้าอย่างคลับแซนด์วิช ที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องอย่างไข่ แฮม ทูน่า และผักกรีนโอ๊ค

ใช้เวลาไม่นานคลับแซนวิชเกือบสิบชิ้นก็เรียงเป็นระเบียบอยู่ในกล่องทัพเพอร์แวร์  ก่อนจะเก็บเข้าตู้เย็นไป


กลับเข้าห้องมาอีกที กะไว้ว่าอยากจะนอนไว เพื่อที่จะได้สดชื่นรับวันเปิดเทอม ก็มาเจอเจ้าเด็กโค่งที่วันนี้ใส่เสื้อกล้ามตัวบางนอนกำลังนั่งใช้ไดร์เป่าผมอยู่

เขาเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหา  ก่อนจะแย่งไดร์จากมืออีกคน

“เดี๋ยวเป่าให้”  ไทกริสยอมแต่โดนดี 

ผมสีน้ำตาลอ่อนที่อ่อนนุ่มราวกับขนแมวปลิวไสวไปตามแรงลมของไดร์ 


ต่ายรวบผมของไทกริสที่มา 1 จุก  ชะโงกหน้าเข้าไปดูหน้าตาอีกคน  ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเสียไม่ได้

แบบนี้ก็ดูเหมือนพวกหนุ่มเซอร์เลย

“อยากตัดผมไหม?” ถามไป ใช้มือสางผมเส้นเล็กนั่นไปพลางๆ 

ไทกริสสั่นหัวดิ๊ก

“งั้นลองมัดผมมะ?  น่ารักดี”

“อยากให้เรามัดเหรอ” อีกฝ่ายถามขึ้น  ต่ายหัวเราะเบาๆ

“ก็แล้วแต่นายล่ะนะ  แต่พี่ว่านายมัดก็ดู  หล่อไปอีกแบบ”

“ถ้าต่ายอยากให้เรามัด เราก็จะมัด” 

“อ่ะๆ จะมัดก็มัด”  ยีผมนุ่มๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะจัดการเก็บไดร์ให้เข้าที่

“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”  บอกเสร็จก็คว้าผ้าขนหนูพาดบ่าเข้าห้องน้ำไป


กว่าจะเสร็จ เด็กโค่งก็ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย ในขณะที่ห้องยังสว่างโล่

ต่ายเอื้อมมือไปไปปรับโคมไฟให้สว่างน้อยสุด

ส่วนตัวเองก็กึ่งนั่งกึ่งนอนไถ่ไอโฟน รอให้ร่างกายง่วง

นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน
พร้อมกับ โทรศัพท์ของไทกริสสั่นดังครืดๆ  ต่ายหันไปมองอย่างตกใจเบาๆ  ซึ่งเจ้าตัวก็ลืมตาขึ้น แล้วเอื้อมมือไปกดปิดอย่างชำนาญ

“กระต่าย~” เสียงแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่นดังขึ้น

“หืม?”

“แฮปปี้ เบิร์ธเดย์นะครับ” ต่ายเบิกตากว้าง   มองใบหน้าหล่อที่ยังปรือๆ อย่างงงๆและตกใจ

วันนี้วันเกิดเขานี่หว่า

ครืดๆ ๆๆ ๆๆๆ  ๆๆๆๆ ๆๆ ๆ 


การแจ้งเตือนดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน  ก็คงไม่พ้นมาอวยพรวันเกิดนี่แหล่ะ


แต่ที่มากกว่านั้น  เจ้าเด็กโค่งนี่จำวันเกิดเขาได้
ในขณะที่เขาลืมวันเกิดตัวเองไปเสียสนิท



“อ้อ  ขอบคุณนะ  นี่ลืมไปเลยนะเนี่ย” ต่ายหัวเราะกับตัวเอง   


ไทกริสลุกขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามา  มอบจุมพิตที่แสนหวานและนุ่มนวล

ก้อนเนื้อที่อกซ้ายของเขาเต้นรัว ความรู้สึกหวานซ่าบซ่านอย่างที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน


ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ที่พวกเขาจูบอย่างกับโหยหากันและกัน.....

TBC......


------------------------------------------

BEVA TALK :  รู้สึกจะจูบบ่อยขึ้น  :hao7:   ระดับนี้ก็ได้แค่นี้แหล่ะ  จะให้ขึ้น :oo1:  คงจะไม่ใช่  ฮ่าาาาาาา
ตอนนี้คิดไม่ตกว่าจะแบ่งเป็นสองพาร์ทดี หรือสองตอนดี   สรุปสองตอนละกัน   :katai4:

ตอนหน้ายิ่งกว่านี้ค่ะ  บอกไว้ก่อนเลย    :hao3: 

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกบวกเป็ด  บีว่าอ่านทุกอันเลยค่ะ  รู้สึกมีกำลังใจในการแต่งมากๆ  ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ   :pig4:


ขอความกรุณาติชมนิยายเรื่องนี้หน่อยนะคะ  อยากรู้ฟีดแบคจริงๆ  o13

รักทุกคนน๊าาา  :กอด1:





 



 



หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-06-2016 00:21:22
กริสน่ารักกอ่ะ ต่ายเสร็จแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 07-06-2016 00:29:09
กินปากกันอีกละ
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-06-2016 00:44:12
กริสนี่เสพติดการจูบกระต่ายไปเสียแล้ววววว
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 07-06-2016 03:05:36
น่ารักกกกกกก ชอบมากเลน  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 07-06-2016 06:02:41
ว้าววว ไทต่ายน่ารัก
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-06-2016 07:23:32
กรี๊ดดดดดดดด มีโม้เมนต์จุ๊บสุขสันต์วันเกิดอ่ะ!!!
>\\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 07-06-2016 11:17:04
ไทกริสน่ารักอ้ะ มีโมเม้นหวานๆตลอดเลย
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 07-06-2016 13:21:19
เด็กน้อยกินแต่ปากพี่กระต่าย
แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้ฟิจเจอร์ริ่งกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 07-06-2016 15:33:41
นอกจากกินปาก ก็แบ่บอยากให้เค้าลองกินอย่างอื่นกันดูบ้างงงงงงง คุคุคุ
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 07-06-2016 21:21:44
อย่าเอาแต่จูบสิคะะะะะะะะะะะะะ   ขอมากกว่านี้หน่อยได้ม๊ายยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-06-2016 02:08:40
หวานๆ ชอบจังครับ
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 08-06-2016 20:13:33
หวานน้ำตาลหกแล้วค่าาา
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-06-2016 20:48:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: SuPeRDonGDanG ที่ 09-06-2016 11:24:59
พึ่งจะมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
เรื่องนี้อ่านไปยิ้มไป
น่ารักดีค่ะ ทั้งพี่และน้องเลย
 :mew1:

มาอัพเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 23 7/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 10-06-2016 21:03:54
โอยตาย เพราะชื่อเรื่องเลยนึกว่ามาม่า พออ่านแล้ว ต๊ายยยยยยย.....มีความน่าเอ็นดู มีความโชตะค่าา
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 10-06-2016 23:58:00
บทที่ 24   ป่วนๆ  ณ วันเกิด




วันเกิด สำหรับต่ายก็ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น  คงเป็นเพราะวัยขนาดนี้ จะให้มาลัลล๊ากับวันเกิดก็คงดูไม่ได้เท่าไหร่

อันที่จริงๆ ทุกครั้งที่ถึงวันเกิดของเขา คนรอบตัวเขากลับตื่นเต้นมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก  และทุกปี คุณแม่สุดที่รักก็จะมาปลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่  แล้วก็กระเตงกันสองแม่ลูก ฝ่ารถติดเพื่อไปวัดที่อยู่โคตรจะห่างจากบ้านไปหลายกิโล


แต่ในปีนี้  แทนที่จะมีเสียงปลุกของแม่หรือฟังเสียงพระสวด 
กลับเป็นเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะของคนที่นอนอยู่ข้างๆแทน  ...


น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาตื่นก่อนเจ้าเด็กโค่ง


คงเป็นเพราะเมื่อคืนตื่นมากลางดึกน่ะสิ ..



พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็อยากจะทึ้งหัวตัวเอง





หลังจากที่จูบดูดวิญญาณเสร็จ ด้วยอารมณ์ที่พลุ่นพล่านตามวัยคะนอง  ต่ายคิดในใจแล้วล่ะว่าอาจจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแน่ๆ  ขนาดเขายังรู้สึก เจ้าเด็กโค่งก็คงไม่ต่างกัน  ครั้นพอจะปลุกอารมณ์หื่นอีกครั้ง ก็สังเกตว่า  อีกคนก็นิ่งแปลกๆไป
จนได้มองหน้าเต็มๆ  เขาก็ต้องเงิบขนาดหนัก

เพราะอีกคนแบตหมดไปแล้วครับ ….

พาวเวอร์แบงค์อยู่ไหนนนนนนนนนนนนน  !!!!


ต่ายแทบจะจับอีกเขย่าๆให้ตื่น แล้วตะโกนใส่หน้าว่า ให้มารับผิดชอบกันหน่อย

มาให้อยากแล้วจากไป .... 

แล้วจะทำไงได้ล่ะ นอกเสียจาก   

โลกสวยด้วยมือเรา .....

ช่างเป็นวันเกิดที่น่าอนาถใจเสียจริง




ต่ายถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า


ทางฝั่งอีกหนึ่งชีวิตในห้องนอน

ร่างสูงโปร่ง พอได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำก็ลืมตาโพลง  แล้วลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะปรี่เข้าไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว


วันนี้วันเกิดของกระต่าย  เขาก็อยากจะเซอร์ไพร์สอะไรเล็กๆน้อยๆ อย่างทำมื้อเช้า ....


แม้จะไม่ถนัดเรื่องนี้ซักเท่าไหร่  แต่เพื่อคนคนนี้เขาจะพยายาม
หลังจากศึกษาการทำเมนูนี้อยู่ซักพักใหญ่ ก็เริ่มลงมือทำ

อันที่จริงตอนอยู่ฮังการีก็ใช่ว่าจะไม่เคยเข้าครัว มันก็พอหยิบจับอะไรได้บ้างแหล่ะ

มื้อเช้าวันนี้ เขาตั้งใจจะทำไข่คนกับขนมปังปิ้ง   อาหารเช้าสไตล์ยุโรป

ไทกริสตอกไข่ใส่ถ้วยก่อนจะผสมนมพริกไทยและเกลือลงไปใช้ส้อมคนๆให้เข้ากัน  ก่อนจะหันไปหยิบขนมปังแผ่นเข้าที่ปิ้งขนมปังให้เรียบร้อย


นัยน์ตาคมยืนจ้องหน้าเตาไฟฟ้าอย่างครุ่นคิด  มันทำงานอย่างไรกัน?..

กดปุ่ม ON แล้วแต่กลับไม่มีความร้อนใดๆ  แล้วอย่างนี้ไข่จะสุกได้อย่างไร   แถมยังส่งเสียงเตือนออกมาอย่างน่ารำคาญอีก   

แต่พอวางกระทะลงไปเสียงก็เงียบลง

ไทกริสถอนหายใจอย่างโล่งใจ  พลางเอามือแตะที่กระทะ ก็ต้องเฮือกเพราะความร้อน

สายตากวาดหาเนยอย่างเร่งรีบเพราะกลุ่มควันเริ่มออกมา  พอใส่เนยเท่านั้น เสียงซู่ก็ดังลั่น แถมด้วยกลิ่นไหม้จางๆอีกต่างหาก  จนต้องยกกระทะออกหนีทันที

พอเหตุการณ์เริ่มสงบลง เขาก็จัดการวางกระทะไว้ที่เดิม แล้วเทไข่ที่อยู่ในถ้วยลงไป ใช้ส้อมคนจนเริ่มเป็นก้อนๆ แล้วรีบกดปิดเตา 


“ทำอะไรน่ะ?”  ต่ายที่เอ่ยถามอย่างงุนงง  คนที่น่าจะนอนอยู่ที่เตียง ในตอนนี้กลับเข้าครัวทำกับข้าว


พระเจ้า นี่เขากำลังฝันอยู่ใช่ไหม ...


“ทำข้าวเช้า”  ไทกริสตอบพลางวางจานไข่คนกับขนมปังปิ้งไว้ให้พร้อม  พลางพยักเพยิดให้ต่ายที่ยังยืนงงอยู่มานั่งที่

“เอ่อ ขอบใจนะ” นั่งตัวเกร็ง ก่อนจะมองอาหารตรงหน้า


 ไข่คนรึเปล่า?   น่าตาก็หน้ากินอยู่ แต่รสชาตินี่สิ .....

ตักเข้าปากด้วยหัวใจที่เต้นอย่างลุ้นไปด้วย  พอเหลือบตาขึ้นมองเจ้าเด็กโค่งที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆโต๊ะด้วยสายตาลุ้นไม่แพ้กัน



อืมม

เค็มว่ะ....


แต่มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังสูงสุดจากเด็กโค่งหน้านิ่ง จึงทำได้แต่ยิ้มแกนๆ แล้วพูดว่า

“อร่อยดีนะ  แต่เค็ม(มาก)ไปหน่อย” แน่นอน คำว่ามาก  ต้องกลืนลงคอพร้อมกับไข่เค็มนั่น

“แล้วนายไม่กินเหรอ” 

อีกฝ่ายส่ายหน้า

“ไปอาบน้ำก่อน” ว่าแล้วก็ออกจากห้องครัวไป  ปล่อยให้คนอายุมากกว่านั่งอยู่กับจานไข่คนอันแสนอร่อย

ว่าแต่ ... แล้วคลับแซนวิสที่เขาอุตส่าห์ทำไว้ล่ะ ??


ไทกริสกลับเข้ามาทีด้วยสภาพชุดนักศึกษาเต็มยศ  ต่างจากต่ายที่ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์  ส่วนเสื้อช๊อปพาดบ่าไว้

เขาย่นคิ้วลง มองอีกคนที่นั่งกินข้าว แต่ปริมาณดูไม่พร่องลงไปเลย
 
“กระต่าย”

“หืม!”  คนนั่งเขี่ยเศษเปลือกไข่อยู่ เงยหน้าขึ้นทันใด

“ไม่อร่อยเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง   ต่ายรีบจ้วงไข่คน พลางกัดขนมปังปิ้งเต็มปาก

“อย่อยย”  ยิ้มแก้มปริ น้ำตาปริ่ม เพราะรสชาติอันแสนวิเศษ แถมยังเป็นฝีมือของไทกริส ที่ร้อยวันพันปีที่ไม่เคยทำแบบนี้ให้  อย่างน้อยต้องไม่ทำให้เสียกำลังใจ

ไทกริสมองอีกคนที่นั่งเคี้ยวจนแน่ใจแล้ว ก็เปิดตู้เย็น ก่อนจะสะดุดที่กล่องคัพเพอร์แวร์ ที่ข้างในมีแซนวิสเต็มกล่อง





“กระต่าย”

“อื๋อ?”

“อยากได้อะไรเป็นของขวัญเหรอ”  ในขณะที่รอไฟแดง  ไทกริสที่ละสายตาจากข้างหน้าหันมาถามต่าย ที่ยังคงอืดๆกับอาหารชุดพิเศษอยู่ 

เพราtหลังจากกินหมด เขาต้องกระดกน้ำไป 3 แก้วเต็มๆ

“อืมม  ไม่รู้สิ  ซื้ออะไรมาก็รับหมดแหล่ะ” ยิ้มกว้างแล้วตบปุๆลงที่กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนนั่นเบาๆ

“อือ”  ว่าแค่นั้น แล้วพ่อคุณก็เงียบไป  จนถึงหน้าคณะวิศวฯนั่นแหล่ะ

“กระต่าย  ตั้งใจเรียนนะ”  ต่ายหลุดขำทันที หลังจากได้ยินประโยคนี้

นี่ใครเป็นพี่เป็นน้องกันแน่นะ ???

“นายก็ด้วย  ไอ้เด็กบ้า” จุ๊บเหม่งขาวๆหนึ่งที เป็นการขอบคุณที่ขับรถมาส่ง 

แต่ถ้า ยอมแค่นั้น ก็ไม่ใช่ไทกริส

อีกคนชี้มาที่ปาก    ต่ายกลอกตากับเด็กโลภมากคนนี้ 

เพี๊ยะ !

ตีเบาๆที่ปากนั่น  ก่อนจะรีบลงจากรถ

“ติดไว้ก่อนแล้วกันเนอะ”  หัวเราะร่าแล้วก็รีบวิ่งหนี

ไทกริสมองอีกฝ่ายจนลับสายตา ก็ออกรถเพื่อที่คณะตัวเองบ้าง


“โอ๊ะๆๆ มันมาแล้วๆๆ”
เสียงมาก่อนที่ต่ายจะเดินไปถึงเสียอีก

“เป็นไรกัน” มองเหล่าผองเพื่อนที่ทำตัวลับๆล่อๆด้วยสายตาเหมือนเห็นสิ่งประหลาด 

“สุขสันต์วันเกิดนะมึงง อ่ะนี่  ของขวัญจากพวกกูรวมเงินซื้อกัน”  เอกยื่นถุงสีแดงชื่อห้างห้างหนึ่ง  ในถุงมีกล่องกระดาษ 1 กล่อง
ต่ายมองกล่องรองเท้ายี่ห้อนันXX

สัญญาณเตือนดังในหัวเขาอย่างรวดเร็ว 


ไอ้พวกนี้ไม่ได้มาดีๆแน่


พอเปิดเท่านั้นแหล่ะ ก็รู้ซึ้ง

เซ็กส์ทอย  เจลหล่อลื่น ถุงยาง 


“ไอ้เหี้ย”  ทั้งสามต่างหัวเราะลั่น แถมยังมีการเอามือไปโจ๊ะกันอีก

“สนุกมากมั้ง”   ต่ายรีบเก็บของใส่ถุง  มองเพื่อนที่เอาแต่หัวเราะอย่างไม่เกรงใจชาวบ้านชาวเมือง


เปิดเทอมวันแรก ต่ายก็เจอของยาก อย่างอ.สุชาดา เจ้าเก่า  โปรเจ็คเน้นๆ สั่งตั้งแต่ต้นเทอม  มีทั้งงานกลุ่มและงานคู่

แต่ดีหน่อย ที่วิชาตอนบ่าย อาจารย์เข้ามาเช็คชื่อ พูดคุยกันนิดหน่อยแล้วก็ปล่อยไป

พวกเขาแทบจะวิ่งออกมาอย่างกับเจอทุ่งหญ้าสะวันนา   

คุยไลน์กับไทกริส  อีกฝ่ายยังเหลืออีก 2 ชั่วโมงถึงจะปล่อย  พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะไปหาอะไรกินที่โรงอาหารกันก่อน
 
พอกินเสร็จ ก็ไปจับเจ่ากับอยู่ใต้คณะวิศวะกัน  คุยเรื่องงานกลุ่มกันนิดหน่อย


นิดหน่อยจริงๆ เพราะนอกนั้นออกทะเลล้วนๆ


จนกระทั่ง ...


“เฮ้ยยยย”  ป๊าบบบ!!!

 เสียงที่คุ้นหูในอดีตกับแรงตีที่หนักหน่วงจนไหล่แทบทรุด  ต่ายหันขวับมองผู้กระทำทันที

ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มแฉ่งรอ….

นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง มองคนตรงหน้าอย่างเหวอๆ

“อ้อน!!!!”

“ถั่วต้มมม” ร่างเล็ก หน้าหมวยในชุดเสื้อยืดกับกางเกงสกินนี่  ผมยาวสีเทาควันบุหรี่ ดูเข้ากับหน้าที่แต่งซะเฉี่ยว ชนิดดาราเกาหลีต้องชิดซ้ายให้เธอคนนี้

'อ้อน'  เพื่อนคนแรกในสมัยมัธยม ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขมา 6 ปีเต็ม เหมือนกับแชมและกานต์นั่นเอง

“เดี๋ยวววววว ไม่เจอกันนาน เปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ”  ต่ายมองตั้งแต่หัวจรดอย่างอึ้งๆ   ยัยทอมในสมัยมัธยม เป็นสาวเปรี้ยวในทันใด

“สวยใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆ” ถ้าเป็นอ้อนคนก่อน   คงไม่พูดคำนี้แน่ๆ  ต่ายพนันได้เลย

“นั่งก่อนๆ”  ต่ายตบลงตรงที่ว่าง  หญิงสาวรีบนั่งทันใด  ก่อนจะมองรอบโต๊ะด้วยสายตาระริกระรี้

“แชมมึงก็รู้เหรอ” ต่ายถามแชมที่ดูไม่ตกใจอะไรกับเพื่อนสาวคนนี้

“ฮ่าๆๆ กูนัดเจอกับมันเป็นสิบรอบแล้ว  แต่ไม่บอกมึงเอง”  อ้อนยักคิ้วให้จึกๆ

 “เออ อ้อน   นี่แกน  ส่วนนี่ เอก    พวกมึงนี่อ้อน  เพื่อนสมัยมัธยมของกูกับแชมแล้วก็กานต์ด้วย” เอกยิ้มทักทาย ส่วนแกนที่รับมือกับคนประเภทนี้ไม่ค่อยถูกแต่พยักหน้าให้

“แล้วกานต์ล่ะ ไปไหน?”  อ้อนหันซ้ายขวาถามหาเพื่อนอีกคน

“เรียนคนละคณะกัน จำไม่ได้เรอะ” ต่ายพูด

“อ้อ เออใช่ มันเรียนนิเทศนี่หว่า” 

“มันเรียนบริหารต่างหาก” แชมแก้ให้  อีกคนทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะหัวเราะดังลั่นอย่างกลบเกลื่อน

ถึงภายนอกจะเปลี่ยนไป  แต่นิสัยเดิมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

“กูจะเจอไอ้กานต์ไหมเนี่ย   กูจะแกล้งมัน  แชมมันเล่าให้กูฟังแล้ว เรื่องมึงอ่ะต่าย”  อ้อนพูดถึงเรื่องเมล่อน
แต่พวกเขาก็แทบไม่ได้ได้คิดอะไรแล้ว

“เดี๋ยวก็คงออกมามั้ง”

“หึหึ เสร็จแน่” อ้อนบอกอย่างหมายมั่น  เหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายิ้มแห้งๆให้ อย่างเป็นกำลังใจให้


สุดท้ายก็ต้องพาคุณเธอไปรอแถวคณะบริหาร  จากการติดต่อแล้วกานต์กำลังเลิกพอดี  ต่ายก็เลยถือโอกาสมารอไทกริสด้วยซะเลย

พวกเขามารอตรงแถวลานประจำคณะบริหาร

“มันออกมาละ” แชมพูด พลางพยักเพยิดไปทางกานต์ ที่เห็นลิบๆอยู่หน้าคณะ

“อีก๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!”  หญิงสาวเพียงคนเดียวแหกปากเรียกชื่อลั่น ก่อนจะมาหลบหลังเอกที่ตัวใหญ่ที่สุด   ซึ่งก็บังซะมิดจริงๆ


คนโดนเรียก พร้อมทั้งคนอื่นๆ ต่างสะดุ้งกับน้ำเสียงระดับแปดหลอดของอ้อน

กานต์หันซ้าย หันขวา ก่อนจะทำสีหน้างุนงงมาทางพวกเขา

พออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ๆ   ร่างเล็กที่หลบอยู่ข้างหลังเอก ก็โผล่พรวดออกมา

“แบร่!!”  แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ กานต์ที่มองอย่างตะลึงๆ

“ตกใจล่ะสิ”   หัวเราะคิกคัก ก่อนจะยืนเท้าสะเอว ภูมิใจกับผลที่ได้

“ใคร?” แต่แล้ว คำถามนี้ ก็ทำให้อ้อนตกเป็นฝ่ายตกใจเสียเอง

“นี่มึง ล้อกันเล่นใช่ปะ”

“นี่ใครวะ” หันไปถามคนอื่นๆ พลางชี้มาทางหญิงสาวตัวเล็กในวง

“อีกานนนนนนนนนนนนนน  ถ้ามึงเล่นงี้กู โกรธมึงแน่” อ้อนว่าเสียงแข็ง

“ผีอะไรเข้าสิงเนี่ยอ้อน” กานต์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันมาถาม

“ไม่มีผีตัวไหนหรอก  กูก็แค่อยากเปลี่ยนตัวเอง” อ้อนงึมงำ 

“ใครวะ มาเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอได้เนี่ย ฮ่าๆ”  ต่ายหัวเราะก๊าก ก่อนจะโดนหมัดเล็กๆซ้ำรอบที่โดนตีไหล่ไป

“ครบองค์แล้ว  จะไปเลี้ยงไหนปะ” อ้อนถามด้วยสายตาวิบวับ 

“น้ำลายย้อยแล้ว” แชมว่าอย่างหยอกๆ แต่อีกคนทำตาเหลือกใส่แล้วปาดมุมปากอย่างระมัดระวัง 

“ไม่เว้ย”

“ย----” ต่ายที่กำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็โดนขัดเสียก่อน

“ยังไม่ครบ รอเด็กต่ายมันก่อน”  เอกพูด ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์มาที่ต่าย   อ้อนสายตาวิบวับด้วยความอยากเสือกขั้นสูงสุด

“ห๊ะ เด็กม---  มึงงง ผู้ชายคนนั้นโคตรวิ้งค์อ่ะ”  อ้อนรีบชี้ไปที่ร่างสูงที่คุ้นตาคนนึง

นั่นก็คือไทกริสนี่เอง

“กานต์ๆ  นั่นใครอ่ะ เค้าออกมาจากคณะมึง  รู้จักไหมๆ” กานต์กลอกตาอย่างหมดคำพูด  ก่อนจะโยนไม้ต่ายรับ

“ถามต่ายมันดู”

“หา???  มึงรู้จักเหรอ”

“นี่แหล่ะ เด็กมัน” เอกขยิบตาให้    อ้อนเบิกตากว้าง  นิ้วเรียวสั่นๆชี้มาทางต่ายก่อนจะชี้ไปทางไทกริสที่กำลังเดินเข้ามา

“ฮรืออออ หล่ออ่ะ  คนข้างหลังก็หล่ออออ   อร๊ายยยย ><”  ทำจริตเขินอายม้วนอย่างเว่อร์วัง   ต่ายโคลงหัวอย่างเอือมๆ


ไทกริสและเพื่อน เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยสีหน้างุนงงขั้นสุด ซึ่งตัวการก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล

“น้องๆชื่ออะไรอ่ะ  พี่ชื่ออ้อนนะคะ ส่วนนี้ไลน์---  อื้อออ”  ก่อนจะได้แจกไลน์ให้เด็กหนุ่มทั้งสาม ก็ถูกกานต์หิ้วคอไปเสียก่อน

“น้องเขากลัวมึงหมดแล้ว”
 
“เอ่อ นี่อ้อน เพื่อนพี่เอง”  ต่ายพูดเนิบๆ

“อ้อ สวัสดีครับ” โจและฟรานต่ายก้มหัวทักทายอย่างมีมารยาท  ส่วนเจ้าเด็กโค่งของต่าย ที่ยังกั้นอาณาเขต ได้แต่ผงกหัวให้นิดๆ แล้วเดินมาต่าย

“เอ้อ พี่ต่าย  พวกผมไม่รู้ว่าวันนี้วันเกิดพี่  เลยซื้อของขวัญให้ไม่ทัน  แต่ผมเพิ่งกลับจากญี่ปุ่นมา  เอาขนมนี่ไปก่อนนะ”  โจยื่นกล่องขนมหน้าตาน่ากินมาให้

“ขอบใจ  ที่จริงของขวัญไม่ต้องก็ได้” 

“อยากมาอยู่ที่นี่จัง  มีแต่อาหารตา”  อ้อนพูดอย่างเพ้อๆ  ถ้าเป็นการ์ตูนตาคงขึ้นรูปหัวใจแน่ๆ

“กูเริ่มขนลุกกับเวอร์ชั่นนี้ของมึงนะ”  ต่ายลูบแขนตัวเอง มองเพื่อนตัวเองอย่างหวาดๆ

“พูดงี้ ไม่ต้องเอานะ ของขวัญอ่ะ”  อีกฝ่ายยึดถุงที่ถือมามากอดแน่น  อย่างกับเด็กหวงของเล่น

“แหม โทษๆ”



เนื่องด้วยทั้งต่ายและคนอื่นๆมีเรียนพรุ่งนี้กันหมด ดังนั้นงานเลี้ยงวันเกิดของต่ายเลยรวบยอดไปวันศุกร์แทน  คนมาไกลอย่างอ้อน เกิดอาการเสียดายอย่างเห็นได้ชัด  แต่เจ้าตัวจะเข้าใจอะไร  เพราะมหาวิทยาลัยของคุณเธอเปิดอาทิตย์หน้า 

พอให้ของขวัญกันเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

เด็กโค่งที่ปกติเป็นคนไม่ค่อยพูดอยุ๋แล้ว  พอมีอ้อนเข้ามา ไทกริสเลยกลายเป็นคนใบ้ไปโดยปริยาย  แม้จะรู้กันไม่นาน แต่เพราะความเฟรนลี่สุดๆ ของอ้อน ทำให้สนิทกับคนอื่นได้ง่าย   แม้หล่อนจะมาหยอดๆไทกริสบ้าง  แต่เจอความมึนบวกความเงียบเข้าไป ก็ต้องยอมถอยทัพ แล้วไปหยอดเพื่อนของไทกริสแทน



พอเปิดประตูเข้ามา บรรยากาศสลัวๆด้วยแสงเทียนเล่มน้อย   ความรู้สึกแว่บเข้ามาว่า เจ้าเด็กโค่งต้องคิดอะไรแผลงๆไว้แน่

ต่ายเดินไปตัวยังอักษรที่เรียงเป็นทางจนถึงห้องครัว รวมแล้วได้คำว่า

  HAPPY BIRTHDAY TO MY RABBIT

ต่ายรู้สึกร้อนๆที่แก้ม กับความว่า My rabbit มาก 


แต่ว่าเขาไม่ใช่ กระต่ายที่เป็นสัตว์ซะหน่อย 

แต่การถกเถียงเรื่องนี้ ก็เหมือนเป็นการ คุยเรื่อง ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนนั่นแหล่ะ


“นายทำเอง?”  ถามเสียงเบา เพราะยังตะลึงไม่หาย

ไทกริสที่เดินตามหลังมา ส่ายหัวดิ๊ก

“ให้พี่ริชช่วย”  ต่ายยิ้มให้ ก่อนจะลูบหัวของไทกริสเบาๆ  เป็นการขอบคุณเบาๆ

“ขอบใจมากนะ”

“อือ”

พอเดินไปที่โต๊ะกินข้าว บรรยากาศแบบภัตตาคารหรูก็แว่บเข้ามา 

ต่ายนั่งลงช้า อีกคนก็นั่งตาม ก่อนเด็กโค่งจะเป็นฝ่ายเปิดฝาครอบขึ้น  สเต็กเนื้ออะไรซักอย่าง กลิ่นหอมของเครื่องเทศ ยั่วยวนต่ายอย่างยิ่ง   


เหลือบมองไทกริสที่ลุกขึ้นไปหยิบไวน์ ที่แอบไว้อยู่ในตู้ออกมา  ต่ายผงะไปชั่วครู่  มองเจ้าเด็กโค่งที่รินไวน์ใส่แก้วให้อย่างชำนาญอย่างกับมือโปรมาเอง

รสชาติไวน์ที่หอมนุ่มลิ้น กลมกล่อม หวานนิดๆ   ตัดกับรสชาติของสเต็กเนื้อที่ชุ่มช่ำด้วยซอสเกรวี่ 

เอาจริงๆ ต่ายไม่เคยมีโอกาสได้ทานอาหารแบบนี้ซักเท่าไหร่ อับดับแรกคือ มันแพงเกิน
 
พอได้มาเห็นไทกริสทำให้แบบนี้ เขาชักรู้สึกเกรงใจน้านีและลุงอาธ   ไม่อยากให้ไทกริสต้องช่ายอะไรฟุ่มเฟือย


คงต้องสอนหน่อยแล้ว~

   


แต่คงต้องเป็นคราวหน้านะ ....


เพราะ ตอนนี้...



สเต็กมันอร่อยมากกกกกกกกก



TBC
-----------------------------

BEVA TALK :  ตอนพิมพ์ไป ท้องก็ร้องไปค่ะ  อยากกินเนื้อ  จริงๆ นิสัยหลายๆนิสัยของตัวละครก็มาจากบีว่านี่แหล่ะค่ะ 555555

เอามาเสิร์ฟแล้วนะคะกับตอนนี้  จะเที่ยงคืนอีกล้าว T^T  ใครจะมาเฝ้านิยายของบีว่าบ้างเนี่ยยยยย ????

ขอบคุณวำหรับทุกเม้นท์ ทุกบวกเป็ดนะคะ  รักทุกคนโลยยยยย  :pig4: :pig4: :pig4:


คิดเห็นอย่างไรกับตอนนี้ ติชม/ด่า คนแต่งได้ที่นี่   *พับเพียบรอ*


//// ตอนต่อไป  เอามาแปะไว้นิดนึง

“ขอบคุณมากๆเลยนะวันนี้  พี่มีความสุขมากเลยล่ะ”  รอยยิ้มสดใสเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ฉายชัดบนใบหน้าของต่าย   
แต่เหมือนจะเป็นการไปจุดปุ่มรีเซ็ตอะไรเข้า  เพราะเจ้าคนที่เอาแต่นอนนิ่งกลับพลิกตัวเขาให้ไปอยู่ข้างล่างแทน
ก่อนจะพรมจูบตั้งแต่ขมับไล่มาที่พวงแก้ม กกหู จนไปถึงซอกคอ  ขบเม้มแรงๆ จนต่ายสะดุ้งกับความเจ็บ  แต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำต่อไป

คงเป็นเพราะไวน์ที่กินไปแน่ๆ   
ความร้อนวูบวาบยามที่ไทกริสสัมผัส   ยิ่งทำให้ต่ายครางในลำคอ

นิ้วเรียวของไทกริสปลดกระดุมเสื้อนอนของคนใต้ร่างที่มองมาทางเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม 

ไม่รู้ว่าเพราะไวน์หรืออย่างอื่นกันแน่ .......

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

เผ่นค่ะะะะะะะะ



หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 11-06-2016 12:47:27
อย่าให้เจอตัวนะคะคนเขียน เดินตลาดก็ระวังๆนะ 55
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 11-06-2016 13:00:07
ชาร์ตแบตหรือยังจ๊ะ?อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: 【 ❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-06-2016 15:31:56
เปนงานวันเกิดแสนเรียบง่าย และอบอุ่น ^^
พับเพียบรอตอนหน้าเช่นกัน 55555
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 11-06-2016 16:02:48
น้องไทน่ารัก^^
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-06-2016 18:20:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-06-2016 22:55:27
ไรท์อย่าลืมชาร์ทแบตให้น้องกริสด้วยนะ จะได้ไม่แบตหมดระหว่างทาง แต่ถ้าให้ดีพกพาวเวอร์แบงค์ด้วยน่าจะดีกว่านะคะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-06-2016 10:21:55
พี่ต่ายอย่าลืมขอบคุณน้องไทกริสด้วยนะ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 12-06-2016 19:48:36
รอไม่ไหวแล้วว อ๊ากกกกกกก   :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 12-06-2016 22:11:11
หวานมากกก อิจเบาๆ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-06-2016 22:23:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 14-06-2016 01:35:05
ชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】:: UP !!! บทที่ 24 11/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 14-06-2016 09:29:04
 :z3:  :z3: :z3:  คนแต่งมาให้อยากแล้วจากไปปปปปป

หวานมากตอนนี้  ถึงจะไม่หวือหวา แต่แบบน่ารัก   :o8:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 14-06-2016 21:01:06
บทที่ 25  ชาร์จแบต




พอต่ายอาบน้ำเสร็จก็เจอเซอร์ไพร์สครั้งที่สามของวัน  นั่นก็คือ ..


ของขวัญจากไทกริส


เป็นรองเท้าผ้าใบรุ่นที่เขาอยากได้อยู่พอดี   แต่ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับไทกริสเลยซักครั้ง  แต่กลับซื้อมาให้เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจ  ไม่ก็มีสายบอกมา   ซึ่งเขาเชื่ออย่างหลังมากกว่า   


มองเจ้าเด็กโค่งที่เอาผ้าห่มคุมโปง  อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน   (เพราะเด็กมันขี้ร้อน)


เลยคิดไปว่า คงจะเขิน ไม่กล้าให้โต้งๆ


ทำตัวน่ารักๆก็เป็นนี่นา


ต่ายยกกล่องรองเท้าไปเก็บในตู้  แต่ก็สะดุ้งกับกล่องรองเท้าที่ได้เมื่อเช้า    ส่ายหัวปัดความคิดแปลกๆออกไป 

ว่าจะให้รางวัล เจ้าเด็กขี้อายนี่ซะหน่อย


ต่ายเดินย่องๆไปที่เตียง ก่อนจะตะครุบคนที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มนั่นไว้

“จับ ได้ แล้ว!”


คนที่อยู่ในผ้าห่มไม่ได้ดิ้นอย่างคนทั่วไปจะทำกัน  แต่นอนนิ่งอย่างกับท่อนไม้ 


ไม่ใช่ว่า หลับไปแล้วหรอกนะ


ความรู้สึกเดจาวูของต่าย ส่งสัญญาณเตือน

พอเลิกผ้าห่มออก ก็เจอเข้ากับนัยน์ตาสีอ่อนที่จ้องแป๋วมา แต่แก้มขาวๆนั่นขึ้นสีระเรื่อ


“เขินเหรอ”   ต่ายในสภาพนอนทับอีกคนถามขึ้น


“...เปล่า”  แต่สายตาล่อกแล่กไม่ยอมมองมาทางต่าย เป็นเครื่องยืนยันได้ดี ว่าเจ้าเด็กนี่ โกหกแน่ๆ

ต่ายไล่จุ๊บทั่วหน้า อย่างที่ไทกริสชอบทำ 


“ขอบคุณมากๆเลยนะ วันนี้  มีความสุขมากเลยล่ะ”  รอยยิ้มสดใสเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ฉายชัดบนใบหน้าของต่าย   

แต่เหมือนจะเป็นการไปจุดปุ่มรีเซ็ตอะไรเข้า  เพราะเจ้าคนที่เอาแต่นอนนิ่งกลับพลิกตัวเขาให้ไปอยู่ข้างล่างแทน  ก่อนจะพรมจูบตั้งแต่ขมับ พวงแก้ม กกหู จนไปถึงซอกคอ  ขบเม้มแรงๆ จนต่ายสะดุ้งกับความเจ็บ  แต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำต่อไป


คงเป็นเพราะไวน์ที่กินไปแน่ๆ   

ความร้อนวูบวาบยามที่ไทกริสสัมผัส   ยิ่งทำให้ต่ายครางในลำคอ


นิ้วเรียวของไทกริสปลดกระดุมเสื้อนอนของคนใต้ร่างที่มองมาทางเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม 

 
เด็กหนุ่มจัดการถอดเสื้อและกางเกงนอน จนเหลือแต่กางเกงใน  ก่อนจะลงมือถอดเสื้อผ้าตัวเองเช่นกัน


ต่ายกระพริบตาปริบๆ กับการถูกปอกเปลือกอย่างรวดเร็วปานนี้
 

ทำไมมาถึงขั้นนี้เร็วจังวะ...


แต่คำถามนี้ ไม่มีคำตอบให้  เพราะสายตาของตาประทะเข้ากับร่างของไทกริสที่อยู่เหนือตน


ต่ายมองผิวกายขาวเนียนที่หยอกล้อกับแสงไฟ  ยกมือลูบอย่างเผลอไผล


จิตใต้สำนึกที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด บอกกับต่ายว่า ''อย่า”

แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่า อย่า ในที่นี้ คือ 'อย่าทำ' หรือ 'อย่าช้า'


ใบหน้าหล่ออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ  ปลายจมูกโด่งสัมผัสหลอกล้อกับจมูกของต่ายอย่างกลั่นแกล้ง

ส่วนล่างของร่างกายเสียดสีกันจนรับรู้อารมณ์ของกันและกันได้ดี

ไทกริสคลี่ยิ้ม  มองคนใต้ร่างตน ก่อนจะใช้เข่าตัวเองดันเข้าแทรกระหว่างขาอีกคน

ต่ายแม้จะมึนๆเบลอๆไปบ้าง  แต่ก็ใช่ว่า จะไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร


พอเห็นอีกคนมาอยู่ตรงกลางหว่างขาตัวเอง


สัญญาณเตือนภัยก็ดังลั่นในหัว

เมย์เดย์ เมย์เดย์  ข้างหลังคุณไม่ปลอดภัย ย้ำอีกครั้ง ข้างหลังคุณไม่ปลอดภัย


เจ้าเด็กนี่ มันคิดจะเสียบเขาจริงเรอะ !!!


“กระต่าย~” เสียงกระซิบข้างหู พร้อมๆกับจมูกโด่งที่เริ่มซุกไซ้ซอกคอ ทำให้จิตใจของต่ายปั่นปวน เลือดในกายร้อนรุ่ม  ยิ่งริมฝีปากชื้นๆนั่นไล้เลียมาตั้งแต่ลำคอ ลากยาวไปถึงยอดอกทั้งสองข้าง


นัยน์ตาสีอ่อนจ้องที่จุดทั้งสองอย่างกับมันจะมีอะไรงอกขึ้นมา  จ้องจนเจ้าของรู้สึกอายปนหงุดหงิด

“จะจ้องอะไรนักหนา”  ต่ายพยายามพลิกตัวนอนตะแคง หลบสายตาที่น่าอายนั่น


ดวงตาของไทกริสแพรวพราว เข้าตำราผู้ชายเจ้าชู้  แต่ต่ายไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ดวงตาคู่นั่นมีเสน่ห์  จนไม่อาจละสายตาไปได้


 จนกระทั่งสัมผัสที่เปียกชื้นแตะลงที่ยอดอกทั้งสอง

ร่างของต่ายก็สะดุ้งเฮือกและสั่นสะท้านไปพร้อมๆกับจังหวะการเลีย


ท่อนแขนสีแทนพยายามดันอีกคนออก  แต่ก็ไม่อาจต้านทานสัมผัสที่รุกเร้านั่นได้  จากที่ดันออกก็กลายเป็นจิกเล็บลงบนไหล่อีกคนแทน


กางเกงในของพวกเขาถูกถอดออกด้วยน้ำมือของเจ้าเด็กหน้ามึน    ทั้งของต่ายและไทกริสต่างตื่นตัว โชว์ฤทธิ์เดชอย่างไม่ยอมแพ้กัน


มือขาวของไทกริสกำรวบแก่นกายทั้งสอง ก่อนจะทำการขยับขึ้นลง เร็วช้าประปนกันไป 


เป็นการกระทำที่เรียกเสียงครางทั้งตัวเองและอีกคนได้ไม่ยาก 


“อืออ อ้าห์~” เสียงคราง เสียงสูดลมหายใจดังคละเคล้ากันไปภายในห้องที่แม้จะเปิดแอร์เย็นเฉียบ  แต่ก็ไม่อาจบรรเทาความเร้าร้อนนี้ได้

จนกระทั่งร่างของทั้งคู่เกร็งแน่น  ก่อนจะกระตุก น้ำขุ่นสีขาวประทุออกมา  ท่ามกลางเสียงหอบครางดังระงม 


เด็กหนุ่มแนบริมฝีปากเข้าหา กดย้ำๆให้รู้สึกติดตราตรึงใจ ก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากที่เหมือนจะเปิดรอรับอาคันตุกะอยู่แล้ว  ปลายลิ้นของทั้งสองเเตะกันอย่างทักทาย ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดดึงรั้ง มอบความหวานให้กันและกัน

ส่วนมือก็ไม่น้อยหน้า ลูบไล้ไปทุกตารางนิ้วเท่าที่จะสัมผัสได้

อุณหภูมิของร่างกายทั้งคู่ หากมีใครสัมผัสตอนนี้ คงจะต้องร้อนรุ่มตามก็เป็นได้


ไทกริสเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน  นัยน์ตาสีน้ำตาลทองแดงที่ต่ายชอบนักชอบหนานั้น จ้องลึกเหมือนเป็นการสื่อความหมาย ของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

“กระต่าย~” เสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยอารมณ์กระซิบข้างหู

“หือ?”

“รักนะครับ”

“.....อือ”

“ให้เรา’ทำ’ได้ไหม?”   ต่ายอยากจะมอบรางวัลเด็กมารยาทดีเด่นให้กับเจ้าเด็กโค่งจริงๆ 


“จะทำอะไรก็ทำ  อย่าแบตหมดเหมือนเมื่อวานแล้วกัน” งึมงำตอบไปแบบเขินๆ 


ในที่สุดเขาก็เสียรู้ให้กับเข้าเด็กโค่งอย่างสมบูรณ์


มันน่าเจ็บใจนัก


แล้วก็น่าจะ เจ็บตูด เร็วๆ นี้ด้วย


ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจะต้องเสียประตูให้กับเจ้าเด็กข้างบ้าน ที่เคยดูแลมาตั้งแต่สมัยก่อนล่วงเลยมาจนทุกวันนี้   เจ้าเด็กที่แม้แต่ต้มมาม่ายังต้องมาถามเขา  แม้กระทั่งแก้วน้ำร้อน แก้วน้ำเย็นยังไม่รู้จัก  เจ้าเด็กที่เมื่อไม่นานเขาเพิ่งจะช่วยจากพวกอันตพาล  ไอ้เด็กที่คอยตามเขาอย่างกับลูกเป็ด
แต่กลับเรื่องบนเตียงกับเชี่ยวชาญอย่างกับผ่านศึกมานับไม่ถ้วนงี้ล่ะ?!

“แบตหมด?” ไทกริสทำหน้าฉงน 

“ไม่รู้เว้ย” ต่ายรีบยกมืขึ้อนปิดหน้า เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากเสือร้ายตรงหน้า 

ไทกริสพอจะเข้าใจคำพูดของอีกคน เพราเขาจำได้ว่า หลังจกาจูบอีกคนเสร็จ  ความง่วงงุนก็เข้ามา และทุกอย่างก็ดับมืด

“หึ  งั้นต้องชาร์จแบตก่อนสินะ” นิ้วที่เลอะน้ำรักของทั้งคู่แตะๆเข้าที่ช่องทางข้างหลังของต่าย

“อ่ะ!”  ต่ายกลืนน้ำลายดังเอือก เมื่อนึกถึงที่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น


แต่ก็เพระเป็นเจ้านี่ล่ะนะ เขาถึงได้ยอม


“อึก!”  นิ้วเรียวค่อยๆสอดแทรกเข้าไป สะโพกของต่ายกระตุกเล็กน้อย ลมหายใจถูกแบ่งจังหวะแปลกๆ  จนไทกริสกลัวว่าอีกคนจะหายใจไม่ทัน

“ใจเย็นๆนะ กระต่าย~”  เหมือนดั่งน้ำเย็นชโลมเข้าใส่  ต่ายพยายามหายใจอย่างคงที่

พอสังเกตว่าอีกคนเริ่มดีขึ้น นิ้วนั้นก็เคลื่อนไปจนสุด ก่อนนิ้วที่สองจะตามเข้ามา

หน้าท้องของต่ายหดเกร็ง จนขึ้นเป็นซิกแพ็คที่มีน้อยนิด

ความแน่น อึดอัด ทั้งเจ็บทั้งเสียด ทำเอาต่ายเบ้หน้าออกมา 

นี่แค่สองนิ้ว 

ถ้าเป็นไอ้นั่น .......



“กริส!!” ต่ายรีบเบรกนิ้วที่กำลังขยับอยู่ในตัวของเขา

“หืม?”

“ไปเปิดตู้พี่  หยิบกล่องที่อยู่ในถุงสีแดงออกมา” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่คนอายุมากกว่าบอก

ไทกริสถอนนิ้วออก  ต่ายครางออกมาอย่างรู้สึกแปลกๆ

จนไทกริสกลับมาอีกทีพร้อมกล่องรองเท้านั่น  ต่ายพยักหน้าให้อีกคนเปิดกล่อง

พอเห็นของในกล่อง  ชั่วแว่บนึงสีหน้าของไทกริสดูแปลกใจ


“ใช้เจลนั่นหน่อยเถอะ มันเจ็บ” ไทกริสทำตามคำพูดอย่างว่าง่าย  เจลกลิ่นกลิ่นสตรอเบอร์รี่จางๆไหลออกมาจนเกือบเต็มฝ่ามือ  ก่อนสองนิ้วเดิมจะสอดเข้าไปอีกครั้ง


ครั้งนี้ดูจะไหลลื่นกว่าเก่าเพราะมีตัวช่วยอย่างเจลหล่อลื่น


จนกระทั่งช่องทางนั้นอ่อนนุ่ม เป็นสัญญาณว่า พร้อมรับสิ่งที่ใหญ่กว่า


ไทกริสใช้ปากฉีกซองถุงยาง  ท่วงท่าอันเซ๊กซี่อย่างกับพระเอกในเอวีที่ต่ายเคยดู  ถุงยางสีสวยถูกสวมเข้าที่เจ้ามังกรยักษ์ที่ผงาดต้านแรงโน้มถ่วงของโลก  ช่างน่าอัศจรรย์ที่ไซส์นั้นพอดีจนน่าตกใจ   ขวดเจลถูกเปิดอีกครั้ง พอชโลมเข้าที่มังกรของตัวเองเสร็จ ก็เอาส่วนนั้นแตะลงที่ปากทาง  ค่อยๆกดลงไปช้าๆ  ความอึดอัดเพราะถูกช่องทางนุ่มนั้นบีบรัด จนไม่อาจขยับต่อได้อีก แม้จะเข้าไปเกือบครึ่งแล้วก็ตาม


ต่ายกัดปากแน่นเพราะความรู้สึกมากมายเข้าประเดประดัง  ทั้งเสียด ทั้งเจ็บ ทั้งอึดอัด  ทั้งเสียว

ไทกริสมองคนใต้ร่างที่แสดงสีหน้าอย่างกับคนทรมาน ความรู้สึกผิดเข้ามาแทนที่


“กระต่าย  เอาออกไหม?”  เพราะไม่อยากให้อีกคนต้องเจ็บไปมากกว่านี้   เขาอยากให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายนึง


“ไม่!  ทำต่อเถอะ” ต่ายพยายามถ่างขาตัวเองให้กว้างๆ เพื่อให้อีกคนเข้ามาให้สุด

“อ๊าา” ร่างของไทกริสกระแทกเข้ามาจนสุด แถมยังสัมผัสถูกจุดที่เกิดความรู้สึกเสียวซ่าน จนต้องครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

เด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม พึมพำว่าตรงนี้สินะ  ก่อนจะขยับกายกระแทกตรงจุดนั้นย้ำๆ

มือของต่ายไขว่คว้าคออีกคน ก่อนจะโน้มอีกคนมากดจูบ แถมยังงับไปทั่วร่างอีกคนจนเกิดสีระเรื่อเป็นจุดๆ

ร่างกายทั้งคู่เสียดสีกัน เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า ตามอารมณ์ของคนชักนำ  ยิ่งใกล้ จุดไคลแม็กซ์ บทรักบนเตียงเริ่มร้อนแรงขึ้น มือของต่ายก็ชักรูดของตัวเองตามจังหวะ  จนกระทั่งไทกริสได้ปลดปล่อยออกมา  โดยต่ายปลดปล่อยในเวลาถัดมา
ความรู้สึกซาบซ่านแล่นทั่วร่างกายของพวกเขาทั้งสอง  หัวใจเต้นตุบๆ ลมหายใจหอบถี่ เหมือนกับวิ่งมาราธอนมา

พอไทกริสถอดถอนร่างออกมา  ความวูบโหวงถาโถมที่ช่องทางนั้น   เพราะเมื่อไม่กี่วินาทีถูกเติมเต็มด้วยท่อนเนื้อร้อนระอุ

ท่ามกลางเสียงหอบหายใจของทั้งคู่  คนที่เหนื่อยสุดกลับเป็นคนที่อยู่แทบไม่ได้ทำอะไรเลย  อย่างต่าย


ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ ทั้งๆที่นอนให้อีกคนเสียบ แต่กลับเหนื่อยแบบไปวิ่งมาสิบกิโลงั้นแหล่ะ


เจ้าเด็กโค่งซุกเข้าที่ซอกคอต่าย  นาบริมฝีปากเข้าที่ไหปลาร้า ก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดเมื่อถูกงับ   ต่ายตีเบาๆเข้าที่ไหล่อีกคน 

ไทกริสหัวเราะเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างต่าย แล้วรวบตัวอีกคนมากอดไว้

 “ชาร์จแบตเสร็จแล้ว”  ว่าแล้วก็ยิ้มซะไม่เหลือเค้า เจ้าเสือร้ายบนเตียงเมื่อครู่

“ไปหัดมาจากไหนเนี่ย  ดูเชี่ยวจังนะ” บีบจมูกโด่งๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว

“เราไม่เคยทำกับใครนะ  กระต่ายเป็นคนแรก” ไทกริสรีบค้านเสียงแข็ง   กระชับกอดแน่นขึ้น



น้านีครับ ..  ผมขอโทษ    ผมทำให้ผ้าขาวของน้านีเปื้อนสีรุ้งแล้วครับ.....

ต่ายนึกขอโทษผู้ใหญ่ในใจ


เจ้าเด็กโค่งลุกขึ้นไปหยิบกระดาษทิชชู่ มาเช็ดตามเนื้อตัวต่ายที่เปื้อน  ในขณะที่ต่ายกำลังเบลอๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งตอนนี้และหลังจากนี้

รู้สึกเคลิ้มๆเพราะมีคนมาแต่งตัวให้ รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากปล่อยไปสองน้ำ 


พอตื่นมาอีกที ก็เช้าแล้ว …

ความรู้สึกหลังตื่นขึ้นมานั้นเฟรชอย่างเหลือเชื่อ แต่ที่แอบแฝงมาด้วย ก็คือปวดร้าวแถวๆสะโพก

แต่ก็ไม่ได้แย่กว่าที่คิด   อย่างน้อยก็พอเดินเหินได้แล้วกัน

เจ้าเด็กโค่งที่เวลาปกติจะออกไปฟิตเนสแต่เช้า แต่วันนี้กลับเดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยอก กับท่อนล่างใส่เพียงกางเกงผ้ายืด


แว่บแรก ต่ายนึกแปลกใจที่อีกคนไม่ได้แต่งตัวไปเรียน  แต่นึกขึ้นได้ว่า วันอังคาร  ไทกริสมีเรียนตอนบ่ายเท่านั้น


ไทกริสพอเห็นอีกคนลุกขึ้น ก็รีบปรี่เข้าไปหา จุ๊บปากอีกคนเบาๆ


“เป็นยังไงบ้าง”

“สบายมาก  แต่..เห้ย!”  ต่ายร้องลั่น  เมื่อกี้ไม่ทันได้สังเกต  แต่ได้เห็นเต็มตา  ได้แต่อุทานว่า

เชรี้ยยยยยยย !!

ท่อนบนของไทกริสที่มีผิวขาวเป็นทุนเดิม บัดนี้ถูกแต่งแต้มด้วยรอยแดงระเรื่อจากสมรภูมิรักเมื่อคืนอย่างชัดเจน

นี่เขาทำขนาดนี้เลยเหรอ

ทั้งรอยข่วน  รอยกัด รอยดูดประดับดาบนผิวกายขาวๆนั้น เป็นดั่งศิลปะชั้นยอด โดยจิตรกรผู้มากฝีมืออย่างต่าย


หันกลับมาสำรวจตัวเอง  แม้จะลายพร้อยไม่ต่างกัน  แต่เพราะผิวเขาไม่ได้ขาวเว่อร์อย่างกับกินกลูต้าอย่างไทกริส  ก็เลยไม่เห็นชัด  ถ้าไม่สังเกตดีๆล่ะนะ





รถ BMW คันหรูเลี้ยวเข้าซองที่จอดรถพร้อม   ต่ายที่ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย หันมองอีกคนอย่างงงๆ เมื่อเห็นไทกริสทำท่าจะลงไปด้วย

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่ต้องก็ได้  พี่ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”   ต่ายบอกด้วยความสัตย์จริง

ความเจ็บมันก็มีบ้างเวลาเดิน  แต่ก็ใช่ว่าจะต้องให้อีกคนมาคอยประคบประหงมขนาดนั้น   ยิ่งถ้าทำอะไรแปลกๆมีหวัง  เหล่าผองเพื่อนเตรียมรุมเขาแน่ๆ


พอมองสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม แปลได้อีกความหมายคือ  จะไปส่งให้ได้


ต่ายจึงต้องจำยอม ให้อีกคนเดินตามหลังมา  แต่ไทกริสก็ไม่ได้ทำตัวแปลกอย่างที่ต่ายคิดเอาไว้

เหล่าผองเพื่อนส่งเสียงทักทายกันยกใหญ่ 

ไทกริสยกยิ้มจางๆให้พวกเพื่อนๆของต่ายที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ที่ประจำ

“ไปนะ”

“อืม  ไปนี่จะไปหาโจเหรอ”

“อือ ไปนอนเล่น”  ต่ายหัวเราะเบาๆก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้


พอร่างของเด็กหนุ่มนามว่าไทกริสจากไป   เหล่าผองเพื่อนที่อยู่ๆก็นัดกันเงียบ ก็เปิดปากถามทันที

“ไอ้ต่าย  ไทกริสเสร็จมึงแล้วสินะ”  เอกกระซิบถาม  สายตาภาคภูมิใจในตัวเพื่อน

ต่ายเหวอไปแว่บนึง    ก่อนจะแลบลิ้นเลียปากตัวเองที่เริ่มแห้งผาก

กวาดตามองเหล่าผองเพื่อนที่พร้อม เสือก กันอย่างไม่เกรงใจ

“พวกมึงบ้าไปแล้ว  ไม่ได้ทำอย่างนั้นซะหน่อย”  ต่ายพูดเนิบๆ

“อย่ามาขี้จุ๊นะมึง  เมื่อกี้กูเห็น  รอยที่คอไทกริส เด่นหราเลย”

พอจบประโยคนั้น ต่ายก็เผลอกระชับเสื้อช๊อปตัวเอง  โดยไม่รับรู้ถึงสายตาชวนจับผิดของแกนและแชม

“จะว่า มึงก็มีนี่หว่า  นี่ไง” เอกใช้นิ้วจิ้มที่รอยตรงขอ  เพราะนั่งใกล้กันเลยสังเกตเห็น

“ชะ..ใช่ที่ไหนกัน  นี่มันยุงกัดเว้ย” เถียงข้างๆคูๆ   หลบสายตาจับผิดเพื่อนเป็นพัลวัน

“โห  ถ้ามึงยุงกัด  ไทกริสคงโดนห่ายุงแล้วล่ะ”  แชมพูด  สีหน้าไม่ได้มีความเชื่อคำพูดที่เพื่อนพูดมาซักนิด

“พวกมึงนี่”  ต่ายพูดลอดไรฟัน    กลอกตามองฟ้าอย่างสิ้นหวัง

“เออ พวกกูได้กันแล้ว พอใจยัง   .....แต่ หยุด!  ห้ามถามอะไรมากกว่านี้ กูไม่ตอบพวกมึงเด็ดขาด  เพราะแค่นี้กูก็จะบ้าแล้ว”

ต่ายรีบยกมือห้าม เมื่อเห็นปากทุกคนเริ่มขยับ


“กูถามคำถามเดียว” แกนที่เงียบมานาน  เอ่ยขึ้น

ต่ายหรี่ตามองเพื่อนอย่างประเมินว่า จะมาไม้ไหน   แต่คนในกลุ่ม แกนดูมีพิษภัยน้อยที่สุดแล้ว

“ว่า?” 

“มึงโดนเสียบใช่ไหม”

“เห้ย!” สองเสียงประสานพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดกันมาก่อน

เสียงหนึ่งจากเอก  ผู้มั่นใจว่าเพื่อนของเขาต้องเป็นฝ่ายเสียบคนอื่น  พอเจอคำถามนี้ ถึงกลับตกใจ

อีกเสียงหนึ่งจากต่าย  ที่ไม่คิดว่าเพื่อนจะถามคำถามจี้จุดขนาดนี้


TBC
...........................
BEVA TALK : และแล้วก็มีวันนี้ค่ะ  วันที่พี่ต่ายเป็นของไทกริสอย่างสมบูรณ์  วันที่เสือได้กินกระต่าย(ป่า)  อ๊ายย :-[ :-[
อาจจะดุว่าพี่ต่ายทำไมยอมง่ายจัง    เพราะเป็นพี่ต่ายไงคะ   :hao7:  แพ้เด็กตลอดอ่ะคนนี้

สำนวนอาจจะดูยังไม่ค่อยดี เพราะไม่ถนัดเท่าไหร่ เขียนเป็นแต่ฉากหวานๆ  :o8:

ทุกคนเป็นห่วงน้องกลัวแบตหมด  น้องชาร์จเต็มที่เลยค่ะ  :hao3:

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน  ที่เข้ามาบวกเป็ด ที่เข้ามาเม้นท์  ขอบคุณมากๆค่า  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

อยากติชม/ด่า ตอนนี้ยังไง  บอกกันได้เลยจ้ะ :katai4:

#เรื่องนี้เดินทางใกล้จะจบแล้วน้า  อีกประมาณ 4-5 ตอนได้ 
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 14-06-2016 21:15:02
เห็นควรว่าจริงๆ ควรให้ชาร์ตจนฟ้าสาง
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 14-06-2016 21:34:58
ไทกริสได้กินกระต่ายป่าแล้ว
หวานกรอบอร่อย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-06-2016 22:06:37
น่าจะชาร์ตหลายรอบนะ หุๆๆๆๆ :haun5: :haun5: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-06-2016 23:51:31
ในที่สุดกระต่ายก็โดนกินจนได้ แถมดูเหมือนจะเต็มใจให้กินซะด้วย 555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 15-06-2016 01:25:54
ชอบคำถามแกนนนน 5555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-06-2016 05:23:55
ไทกริส แบตเต็มและ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 15-06-2016 06:31:20
กระต้ายโดนเสือกินซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-06-2016 07:18:11
 :hao6: :hao6: :hao6:
ชอบบบบบบบ ชอบตอนเพื่อนต่ายถามจี้จุด ตรงใจมาก 55555555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-06-2016 08:36:38
เขินค่าาา :o8:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP !!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 15-06-2016 19:26:18
 :m25: :m25: :m25: :m25:

แนะนำให้ชาร์จบ่อยๆนะคะ  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!! บทที่ 25 14/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 16-06-2016 09:57:14
 :z1: :z1:   ถูกกินแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 17-06-2016 23:35:04
บทที่ 26    เซอร์ไพร์ส!??????




ต่ายกลืนน้ำลายกับคำถามของแกน  บางทีเขาอาจจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่ไปเจอกับสีหน้าราวกับโลกจะสลายของเอกเสียก่อน

หมีใหญ่กำลังเสียสติ บ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ 

“ก็นะ”  ยอมรับเสียงค่อย 


มันจะน่าภูมิใจไหมล่ะ ที่คนแมนอย่างต่าย ต้องมาเป็นฝ่ายโดนเสียบ  ถึงจะสมยอมก็เถอะนะ ....


แกนกับแชมหัวเราะในลำคอ สีหน้าราวกับผู้ชนะ  ทำเอาต่ายชักคันไม้คันมือ อย่ากจะโบกเจ้าพวกนี้ซะทีสองที

สุดท้ายก็ต้องทำเมิน เพราะถึงเวลาเข้าเรียนซะก่อน   ในขณะนั่งเรียน ยังไม่วายถูกล้อเลียนด้วยสายตาไม่หยุด


ต่ายได้ของขวัญจากสายรหัสมาสองสามชิ้น ส่วนใหญ่จะเป็นของกินมากกว่า  พอถึงมือปุ๊บ ไม่ถึงชั่วโมงก็หมดปั๊บ เพราะมีวิญาณมาขอส่วนบุญเยอะ


“เออ พวกมึงหาที่ฝึกงานได้ยัง รีบทำเรื่องนะมึง เดี๋ยวไม่ทัน” แชมเอ่ยเตือน  ต่ายที่กำลังดูดกาแฟเย็น ถึงกับสำลัก เพราะเขาเองลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท

“กูว่าจะไปแถวชลฯ นี่แหล่ะ”  แกนว่า พลางตีมือเอกที่กำลังคว้าขนมของเขา

“กูยังไม่รู้เลย  จะอยู่ออฟฟิศหรือไปไซต์งานดี”  เอกตอบ

“มึงอยากทำงานจริงๆ หรือนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานหน้าคอมล่ะ”

“กูอยากอยู่สบาย” ว่าแล้วก็ไถลหน้าไปกับพื้นโต๊ะ

“งั้นก็ไม่ต้องฝึก  แล้วก็ไม่ต้องจบ”

“แบบนั้นก็ไม่ด้ายยยยยย”  อีกคนว่าเสียงหลง

“อาจจะไปแถวๆที่แกนมันอยู่ก็ได้”

“อย่ามาหลอกหลอนกู ขอร้อง เหม็นหน้าจะแย่ละ”   แกนทำหน้าเหยียดๆ

“อะไรว้าาาา”

“แล้วมึงล่ะ?” แชมมองสองคนนั้นอย่างปลงๆ  ก่อนหันมาถามต่าย ที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด

“หา กูเหรอ ไม่รู้ดิ”  สั่นหัวดิ๊ก เพราะยังไม่ได้คิดเรื่องนี้

“มึงนี่ ลอยชายอยู่ได้ ยื่นเรื่องไม่ทันจะคอยดู”

“แล้วมึงอ่ะ”

“ฝึกที่บริษัทแม่นี่แหล่ะ”

“ดีอ่ะ กูไปด้วยได้ปะ”

“มาดิ แต่ก็เกณฑ์นักศึกษาฝึกงานนะเว้ย ไม่มีสิทธิพิเศษ”

“งั้นคิดดูก่อนแล้วกัน”   ช่องทางสบายถูกปิด  จริงๆ ถ้าทำงานกับคนรู้จัก มันน่าจะโอเคกว่า ในความรู้สึกเขาล่ะนะ  แต่เอาเข้าจริง ก็ที่ไหนก็ได้ เพราะในที่ฝึกงานจริงๆ อาจจะไม่ได้ทำงานในสิ่งที่หวัง  อาจจะต้องไปเป็นเบ๊ให้รุ่นพี่ เดินเอกสาร พิมพ์งานนู่นนี่นั่น   ซึ่งรุ่นพี่ชอบมาบ่นให้ฟังตลอด

“ยังไงก็ คิดดีๆ  ระวังคนทางนี้จะเหงานะ” แชมว่าอย่างขำๆ

ต่ายนึกถึงคนทางนี้ ที่ว่า ก็คงไม่พ้น เจ้าเด็กโค่งในความดูแลของเขานี่แหล่ะ

ถ้าเขาฝึกงานแล้ว ไทกริสจะเหงาไหมนะ ??? 


คิดแล้วก็ปวดหัวตุบๆ  สุดท้ายก็ฟุบหน้าลงไป  ไปๆมาๆ ก็กลายเป็นหลับยาว  จนเพื่อนสะกิดปลุกนี่แหล่ะ

“เมื่อคืนหนักรึไง”

“หนักไรวะ”  ถามอย่างมึนๆ  หรี่ตามองภาพตรงหน้าจนตาหยี

พลั่ก!!!
“ลุกๆ  เลิกเรียนแล้วโว้ย”   พอเจอแรงหมีของเอกเข้าไป ถึงกับตื่นเต็มตา  เล่นผลักจนหน้าแทบคว่ำอย่างนี้


พวกเขาเดินลงจากตึกด้วยสภาพอย่างกับบอยแบนด์ อย่าว่าอย่างนู่นอย่างนี้เลยนะ  พวกเขาก็มีแฟนคลับเหมือนกัน  แต่คนที่ดูจะฮอตสุดก็ค'ไม่พ้น เดือนคณะอย่างแชม  ซึ่งก็ไม่ได้อิจฉาอะไร 

แฟนคลับเพื่อนก็เหมือนแฟนคลับเรา

หึหึ

“กระต่าย”  ว่าแล้ว แฟนคลับหมายเลขหนึ่งของต่ายก็ปรากฏตัวขึ้น 

ต่ายแอบเหล่มองรอยแดงๆที่โผล่พ้นปกเสื้อขึ้นมา 

เจ้านี่ไม่รู้สึกอายรึยังไงนะ

“เลิกนานยัง”  ต่ายยกมือจัดทรงผมที่เริ่มยาวของไทกริส  ว่าจะมัดผมให้ก็ลืมทุกที

“เพิ่งเลิก”  แต่ดูจากสภาพของกินที่เกลื่อนเต็มโต๊ะนั่น  คงไม่น่าใช้คำว่าเพิ่งเลิก

สองแฝดหัวดำ พอเห็นพวกเขาก็เอ่ยทักเสียงใส ทั้งที่ปากของตัวเองยังเคี้ยวอยู่   แถมยื่นขนมมาสร้างมิตรไมตรีอีก

แกนที่ต่ายรู้สึกพักนี้ ดูจะสนิทสนมกับโจจนเกินคนร่วมคอนโด  แต่ต่ายก็ยังไม่ฟันธงอะไรใดๆ  แค่ว่า มันสนิทกับถึงเนื้อถึงตัว  กับแกนที่ดูเป็นคนนิ่งๆ แต่อย่าให้พูด คำพูดเชือดเฉือนเนื้อตัวจนเลือดซิบ  กับเจ้าโจ ที่ดูยังไงก็หมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ชัดๆ  ดูแล้วไม่น่าสนิทกับได้





ต่ายรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ลงจากรถ  รู้สึกมันหวิวๆ เหมือนกับกำลังจะเจอเรื่อง  แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจอะไร เพราะเจ้าเด็กโค่งจูงมือเขา ชนิดไม่แคร์สายตาใครที่เดินผ่านไปผ่านมาทั้งนั้น

พอกำลังจะเดินไปที่ลิฟต์   
สาเหตุของความรู้สึกของต่ายนั้นก็ โผล่มา


“แม่”คนข้างๆต่ายเรียกขึ้น  ก่อนจะรีบปรี่เข้าไปหา หญิงสาววัยกลางคนที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่โซฟาในส่วนของล๊อบบี้

“น้องไทก์ น้องต่าย มากันแล้วเหรอคะลูก” หล่อนเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มหวาน พลางโผกอดคนที่เดินนำหน้าต่ายไป   พอเห็นสองแม่ลูก พลัดกันหอมแก้ม ก็รู้สึกเขินๆ  เพราะที่บ้านเขาไม่เคยมีใครทำแบบนั้น  ส่วนใหญ่ต้อนรับกันด้วยลำแข้งมากกว่า

พอผละจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก็ถึงคราวคนที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรัก?!  ต่ายทำตัวแข็ง ยามที่น้านีเดินเข้ามากอด  หญิงสาวหัวเราะเบาๆ  ก่อนจะแซวว่าเขา ไม่ให้ความร่วมมือเสียเลย

ต่ายเกาแก้มอย่างเขินๆ

“น้านีมาถึงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะครับ  ไม่เห็นบอกกันเลย” ต่ายเอ่ยถามขึ้น

“น้าว่าจะมาเซอร์ไพร์สพวกเรากัน  แต่ไม่มีคีย์การ์ดเลยขึ้นไปไม่ได้  แถมโทรเจ้าที่ห้องก็ไม่มีใครรับ เลยมานั่งรอ”น้านีพูดไปก็ขำไปกับความเปิ่นๆของตัวเอง 

“เอ่อ งั้นขึ้นไปที่ห้องกันก่อนดีกว่านะครับ”  ต่ายรีบชวน 

พนักงานต้อนรับยิ้ม เมื่อเห็นน้านีโบกมือให้ 

“คนที่นี่ น่ารักนะลูก ตอนแรกแม่กลัวว่าจะโดนไล่ซะอีก  แต่เขาจำลูกได้ ก็เลยให้นั่งรอ แถมเอาน้ำเอาขนมมาให้แม่อีก”
 
คนเป็นลูกชายพยักหน้าให้ตามประสาคนพูดน้อย  พอถึงชั้นที่อยู่ ก็รีบคว้ากระเป๋าลากขนาดย่อมของน้านี  เดินตรงไปที่ห้อง  โดยมีต่ายเดินทิ้งท้าย

น้านีมองรอบๆห้อง พลางสำรวจนู่นนี้ 

ต่ายนึกในใจเขามีอะไรต้องห้าม ต้องรีบซ่อนรึเปล่า   แต่นอกจากของขวัญที่พวกนั้นให้มา ก็ไม่มีอะไรแล้ว 

มั้งนะ .....

“ต๊ายยย  คอโดนอะไรกัดน่ะลูก  แดงเชียว” น้านีร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นที่คอของลูกชายมีรอยแดง 

คนโดนทัก ลูบคออย่างมึนๆ  พลางมองมาที่ต่ายที่มองไปทางนั้นพอดี   

ต่ายลืมวิธีหายไปชั่วขณะ   หัวใจเต้นตึกๆ จนกลัวว่ามันจะเด้งออกมา  ราวกับอยู่ในสถานการณ์ที่แอบจับได้ว่าทำผิด

ต่ายยิ้มแห้งดั่งทะเลทรายที่ไม่มีโอเอซิส  เจ้าเด็กโค่งก็ไม่ตอบอะไร แต่ก็ลูบๆไป จนโดนน้านีตีมือเข้าให้

ต่อให้เป็นเด็กมัธยมก็รู้ว่ารอยนั้นมันเป็นอะไร  แล้วน้านีที่เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ขนาดนั้น มีหรือจะไม่รู้

“...เอ่ออ ขอโทษครับ ” ต่ายเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงหมดเรี่ยวแรง  ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดคำนั้นออกไป 

บางทีอาจจะอยากให้น้านีเข้าใจว่า เขาดูแลไทกริสไม่ดี

“เอ้า  น้องต่ายจะขอโทษน้าทำไมล่ะจ้ะ น้องต่ายไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย   อีกอย่าง  น้องไทก์ก็ผิวบางจะต่าย โดนนิดโดนหน่อยก็แดงแล้ว  เดี๋ยวหายาทาก็หายเนอะ”

ผิดเต็มๆครับน้านี  ไอ้ตัวการมันก็ยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าน้านีไงครับ
ในหัวของต่ายตอบดังก้อง


“ครับแม่”  ไทกริสยิ้มรับ พลางจูงมารดาให้ไปนั่งโซฟา

“แม่หิวไหมครับ กระต่ายทำกับข้าวอร่อยนะ”  ต่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจแต่ไม่สุด  เพราะในใจยังปั่นป่วน 

ตราบใดที่เขายังไม่บอกเรื่องที่คบกับไทกริส ก็ต้องเสียวไส้เสียวพุงแบบนี้ไปก่อน

“งั้นเหรอจ๊ะ   งี้แม่ก็อดโชว์ฝีมือน่ะซี่” หญิงสาวเอ่ยมาอย่างเสียดาย แต่สีหน้าร่าเริงเกินกว่าจะทำให้รู้สึกอย่างนั้น

“น้านีมาเหนื่อยๆ  นั่งพักดีกว่าครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมทำดีกว่า  แต่ว่า ฝีมือคงไม่เท่าน้านีหรอกนะครับ  ฮ่าๆ”

“แหม  น้องไทก์ชมว่าอร่อย ต้องอร่อยสิ   แล้วน้าจะรอจ้ะ” น้านียิ้มให้  ต่ายจึงขอตัวเข้าครัวไป  โดยมีผู้ช่วย(วุ่น)อย่างไทกริสเดินตามไปด้วย

“โอยยย เหมือนจะตาย”  ต่ายกุมหน้าอกตัวเองหลังจากลุ้นระทึกไปหลายเรื่อง  ไทกริสหัวเราะในลำคอ ก่อนจะลูบหัวต่ายเบาๆ
 
“ไม่ต้องกลัวนะต่าย  แม่เราไม่ดุหรอก” คลี่ยิ้มหล่อให้อย่างรับประกัน 
ต่ายหัวเราะอย่างหมดเรี่ยวแรง

แม้ตัวต้นเรื่องจะเป็นไทกริส  แต่ต่ายก็รู้สึกว่า ต้องรับผิดชอบเจ้าเด็กนี่ .....



“ไปนั่งกับแม่เลยป่ะ”  ต่ายไล่ตัววุ่น  ที่นอกจากจะทำให้เขาทำงานช้าลงแล้ว  เจ้าเด็กนี่ยังจับนู่นจับนี่ให้จั๊กจี๋เล่น จนเสี่ยงจะโดนน้านีจับได้อีก

คนโดนว่า ดื้อดึงไม่ยอมไป จนต่ายต้องชักสีหน้าใส่  อีกคนถึงล่าถอยไป

ได้ยินเสียงกระหนุงกระหนิงของสองแม่ลูก ซึ่งค่อนไปทางเสียงของแม่มากกว่า เพราอีกคนน่าจะสายเงียบ  ต่ายก็อดยิ้มท่ามกลางความรู้สึกผิดไม่ได้


จนกระทั่ง อาหารง่ายๆ อย่าง ไข่เจียวกุ้งสับ  กะเพรากุ้ง  และผัดผักรวมมิตร เสร็จสิ้น  ต่ายก็เดินออกไปเรียกทั้งสอง

“อาหารง่ายๆหน่อยนะครับ”

“ไม่เป็นอะไรหรอกจ้า  น้าทานอะไรก็ได้อยู่แล้ว  กลิ่นหอมเหมือนกันน๊าาา” 


ระหว่างมื้อนั้น น้านีก็ชมเรื่องกับข้าวไม่ขาดปากว่าทำอร่อย  จนคนโดนชมเหมือนจะลอยทะลุผนังให้ได้

“ว้าย เริ่มมืดแล้ว  น้ากลับก่อนดีกว่า”

“อ้าว ไม่ได้นอนนี่เหรอครับ”  ต่ายเอ่ยถาม

“น้าไม่รบกวนหรอกจ้า หนุ่มๆอยู่กัน ให้คนแก่อย่างน้าอยู่ด้วย เดี๋ยวจะเบื่อแย่”

“ไม่เลยนะครับน้านี  ผมกับกริสคิดถึงน้านีจะตาย  อีกอย่างดึกขนาดนี้แล้วด้วย มันอันตรายนะครับ”

“จริงเหรอจ๊ะ  น้าเขินนะเนี่ย”  น้านีเดินเข้ามาหยิกแก้มของต่ายที่ขึ้นสีน้อยๆ

“เดี๋ยวผมไปจัดที่นอนให้ดีกว่า”  ต่ายบอก พลางเดินไปที่หน้าห้องตัวเอง  ที่แทบจะไม่ค่อยได้ใช้เลย

“ให้น้านอนห้องน้องต่าย แล้วน้องต่ายจะไปนอนที่ไหนล่ะ”

ก็นอนกับลูกชายน้าไงครับ เอ่ยตอบในใจ
 
“เดี๋ยวผมมานอนโซฟาตรงนี้ก็ได้ครับ”

“ว๊าย  ไม่เอาหรอกจ้ะ  ลำบากจะแย่”

“ไม่หรอกครับน้านี  อีกอย่างผมเป็นแค่คนอาศัย นอนตรงไหนก็ได้อยู่แล้ว”  ต่ายยิ้มจางๆ  อย่างไม่ได้รู้สึกลำบากลำบนอะไร

ก่อนที่เรื่องจะยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้  คนที่ยืนเงียบมานาน อย่างไทกริส ก็เข้ามาไกล่เกลี่ย

“กระต่ายนอนกับไทก์ แม่นอนห้องกระต่ายนะ”

“ไม่อึดอัดเหรอลูก ฮึ?”

นอนจนเป็นห้องประจำไปแล้ว แถมยังฟีทเจอร์ริ่งกับแล้วอีก   

แต่เตียงห้องของเจ้าเด็กโค่งใหญ่จนต่ายกลิ้งได้หลายตลบ ให้น้านีมานอนอีกคนก็พอดีด้วยซ้ำ

"อ่า สบายมากครับ" ยิ้มแฉ่งรับประกัน  จนน้านีพยักหน้ารับ


ต่ายเดินเขาไปที่ห้องที่เคยเป็นห้องของตัวเอง  สภาพที่แทบจะไม่ได้ใช้งาน  มีเพียงโต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยกองหนังสือกับชีทเท่านั้นที่ถูกใช้งาน

“สะอาดจังเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชายอยู่  น้าคิดว่าจะรกกว่านี้ซะอีก”

“แห่ะๆ ครับ” 





“เดี๋ยวกลางๆปี เราก็จะได้มาอยู่ด้วยกันแล้วน๊า  ดีใจไหมครับ”เสียงพูดคุยกัน ทำให้ต่ายที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้าไป

“.....”  ต่ายไม่ได้ยินว่าไทกริสตอบว่าอะไร  เพราะมันงึมงำจนฟังไม่ออก


ต่ายกำลังเดินออกไปอย่างเงียบๆ  แต่ไทกริสก็เงยหน้าขึ้นมาเรียกซะก่อน

“กระต่าย” คนโดนเรียกสะดุ้งอย่างกับคนมีความผิด  ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย

คนมีชนักปักหลังก็อย่างนี้ ...


รอยยิ้มแห้งดั่งทะเลทราบปรากฏขึ้นมาบนหน้าของต่ายอีกครั้ง  ก่อนจะเดินเข้าไป

“แม่เอ้ยน้า   เรียกแม่ดีกว่าเนอะ เพราะแม่ก็เห็นว่าน้องต่ายเป็นลูกอีกคนเหมือนกัน” พูดเองเออเอง เป็นนิสัยเฉพาะของครอบครัวนี้หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ   ต่ายได้แต่พยักหน้าอย่างเบลอๆ   

“อ่าครับ  น้า เอ้ย แม่นี” เรียกผิดเรียกถูก จนหัวเราะออกมา

“เนี่ย  เดี๋ยวซักเดือนมิถุนา แม่กับพ่อก็ย้ายมาอยู่ที่นี้อย่างเป็นทางการแล้วนะ ”

“แล้วเรื่องฐานการผลิต?”

“จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วจ้ะ  เดิมทีที่เมืองไทยลุงก็ดูแลให้อยู่แล้ว  แต่ก็ให้ไปบริหารกันสองพี่น้อง  แม่ก็จะได้มาอยู่กับลูกๆอย่างเต็มที่ซะที”

“อ่าครับ”

“ส่วนบ้าน นี่ก็ซื้อไว้แล้วแถวXXX   แม่ว่าจะชวนน้องต่ายไปอยู่ด้วยกัน  เราก็ขึ้นปี 4 นี่ใช่ไหม”

แม้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเขากับครอบครัวไทกริสจะแน่นแฟ้นก็จริง แต่ต่ายก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจดี ถึงขนาดชวนเขาให้อยู่กันง่ายๆขนาดนี้

“เอ่อ เรื่องนั้น...”  ความเกรงใจค้ำคอต่ายเป็นอย่างมาก  ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ  พลางส่งสายตาไปที่ไทกริสที่มองมาทางต่าย
 
“คือ ปี 4 ผมก็ต้องฝึกงาน แล้วพอไปคุยกับพ่อ พ่อให้ผมไปที่เชียงใหม่น่ะครับ” ต่ายพูดขึ้น  เรื่องนี้เพิ่งไลน์ไปถามพ่อไป หลังตอนที่แชมทักเรื่องฝึกงาน

อีกฝ่ายก็ชักชวนให้ไปทำงานของเพื่อน ที่เพิ่งเปิดโรงงานใหม่ได้ไม่กี่ปี   เห็นบอกยังต้องมีการตรวจสอบ ปรับปรุง วางระบบอีก ให้ไปศึกษาดู 

“จริงเหรอจ๊ะ”  นีรดาหันไปมองปฏิกิริยาของลูกชาย ก่อนจะหันมาถามต่าย

“แล้วฝึกนานแค่ไหนล่ะ”

“สองเดือนครับ”

“หวา  งี้น้องไทก์เหงาแย่เลย”  นีรดาเอ่ยเย้า  ต่ายมองไทกริสอย่างหวาดๆ เพราะเขายังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

ไทกริสไม่ได้พูดอะไร แต่คิ้วเข้มๆที่ขมวดจนแทบจะผูกกันได้ ทำให้ต่ายรู้ว่า ไทกริสนั่นไม่สบอารมณ์อย่างแน่นอน

“แล้วถ้า กลับไปอยู่ที่บ้าน แล้วคอนโดนี่?”  ต่ายเอ่ยถามอย่างนึกเสียดาย  เพราะทำเลตรงนี้ก็ถือว่าสะดวกมาก ทั้งใกล้มหาวิทยาลัย ทั้งห้างและที่สำคัญ ร้านเหล้าด้วย  (อันนี้สำหรับต่าย)
 
“เอาไงดีครับน้องไทก์  ปล่อยทิ้งไว้แม่ก็เสียดายอยู่นะ  มันใกล้กับมหาลัยน้องไทก์ด้วย”

“...” ไทกริสไม่ตอบ เอาแต่นั่งก้มหน้า คิ้วขมวด

ต่ายและนีรดา ต่างมองหน้ากัน  ก็พอรู้นิสัยของอีกคนล่ะนะ

“เอาไว้ใกล้ๆแล้วค่อยคิดเนอะ”   นีรดาลูบหัวลูกชายเบาๆ

“อ่า นี่ก็ดึกแล้ว  น้าว่าน้าไปนอนดีกว่า” ต่ายพยักหน้ารับก่อนจะบอกลาหญิงสาว  ส่วนลูกชายอย่างไทกริสก็จุ๊บแก้มมารดาราตรีสวัสดิ์


ทีนี้ก็เหลือแต่เขากับไทกริส

 “อ่า เราก็ไปนอนกันเถอะ  จะ 4 ทุ่มแล้ว”  เอ่ยชวน   เอาจริงๆ ต่ายไม่ได้รู้สึกง่วงแต่อย่างใด  ก็คงนั่งไถโทรศัพท์ จนง่วงนั่นแหล่ะ

ไทกริสพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินตามต่ายอย่างว่าง่าย

หลังจากปิดประตูห้องเสร็จ  เจ้าเด็กโค่งก็เข้าประชิดตัวแล้วโถมกอดจากด้านหลัง จนต่ายสะดุ้งโหยง

“อ้ะ!???”



TBC
----------------------------------------

BEVA TALK : (ตัดฉับ)  เกิดอะไรขึ้นนกันนะะะะะะะะ   /// พี่ต่ายดูตื่นเต้นมาก  ในขณะที่น้องนิ่งมากก ทำไมกันนะ???? 55555 
ตอนนี้ค่อนข้างเวิ่นเวอร์ในความรู้สึกของพี่ต่าย แต่คนมันกังวลนี่เนอะ  ไปให้ลูกเขาเสียบ  ลูกเขาเสียหายอ่ะะะะ  :hao7: :hao7: :hao7:

ตอนที่แล้วน้องชาร์จแบตไป  หลายคนเสียดายที่น้องไม่ชาร์จทั้งคืน   แบบว่า ทดลองใช้งานอ่าเนอะ  ไว้เชี่ยวค่อยจัดเต็ม   :katai5:

ขอบคุณทุกบวก ทุกเม้นท์เช่นเคยค่าาาาา  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

รู้สึกอย่างไรกับตอนนี้ ติชมกันด้วยน๊าาาาาาาาาา  พลีสสสส   









หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-06-2016 00:06:03
กรีสจะยอมให้ต่ายไปหรอ?? :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 18-06-2016 08:00:29
สองเดือนเลยนะะะะะน้องไท ยอมหรออออ เหงานะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-06-2016 16:51:52
ต่าบจะรอดมือเสือไทกริสไหมเนี่ยยยยย
ทำอะไรก้อเบาเนอะ คุณแม่อยู่ด้วย 55555
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-06-2016 20:59:42
ไทกริส คงทำทุกวิธีไม่ให้ต่ายไปฝึกงานไกลๆแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 19-06-2016 18:51:24
ตัดฉับได้แบบ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 20-06-2016 02:13:29
จะห่างตั้งสองเดือน
น้องไทก์คงทนไม่ได้
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 20-06-2016 17:59:38
อย่าใจร้ายกับน้องเลยนะพี่ต่ายย  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-06-2016 08:33:56
เข้ามาเพราะชื่อเรื่อง และก็ฟินกันไปทู้กกกตอนนน
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 26 17/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-06-2016 14:17:36
เนื้อเรื่องน่ารักมาก อ่านสบายมาก ทำให้หายเครียดเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 22-06-2016 23:47:36
บทที่ 27   เดินหน้า





ริมฝีปากเย็นเฉียบงับเข้ากับหลังคอของต่าย ทำเอาต่ายสะดุ้งเบาๆกับสัมผัสนั้น


ไทกริสกำลังงอแง


นั่นคือสิ่งที่ต่ายคิด  ....


จนกระทั่งใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาซุกตรงซอกคอ พร้อมกับคำพูดงึมงำ ได้ใจความว่า...

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”   พูดจบก็เงียบลง ราวกับรอคำตอบ

ต่ายถอนหายใจออกมาเบาๆ  ก่อนจะตอบกลับ

“ไม่ได้หรอก ไม่ไปพี่ก็เรียนไม่จบน่ะสิ” ต่ายหันกลับไปหาไทกริสที่ยืนซ้อนหลังเขาอยู่


ตอนแรกก็นึกอยากแกล้งอีกคน   แต่พอเห็นสีหน้าของไทกริส คำพูดทั้งหมดก็จุกในลำคอ  ความรู้สึกอยากแกล้งถูกทำให้หายไปราวกับเวทมนตร์


สีหน้าที่เหมือนสุนัขถูกทิ้ง


อันที่จริง เขายังไม่ได้รับปากพ่อหรอก  แค่เอามาเป็นตัวเลือกยามไม่มีที่จะไปเท่านั้น   เขาเองก็ไม่อยากไปที่ไกลๆซักเท่าไหร่  แม้ที่นั่นจะมีพ่อกับแม่อยู่ก็ตาม  แต่ถ้าไปทำงานที่เชียงใหม่จริง  บางทีหัวใจเขาคงได้ทำงานหนักเพราะมัวแต่พะวงเรื่องของไทกริสแน่ๆ


“พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจหรอกว่าจะไปที่ไหน แต่กว่าจะถึงตอนนั้น  นายก็ต้องย้ายไปอยู่กับพ่อแม่แล้วนี่นา ” พูดไปก็รู้สึกโหวงๆอก   

นี่ใกล้จะหมดหน้าที่คอยดูแลเจ้าเด็กโค่งนี่แล้วสินะ


“ไม่มีต่ายเราไม่ไปหรอก”  ร่างสูงก้มหน้าลงต่ำ ผมที่เริ่มยาวตกลงปรกใบหน้าอีกคนไว้ ทำให้ต่ายไม่รู้ว่าอีกคนมีสีหน้าแบบไหน

“ถ้าน้านีได้ยินแบบนี้ คงร้องไห้แน่ๆ” ต่ายพ่นลมหายใจอย่างหมดคำพูด 


อาการต่ายลิซึ่มชักจะหนักเข้าทุกที


ต่ายจูงมืออีกคนให้ไปนั่งลงกับเตียง ส่วนตัวเองก็ทรุดตัวนั่งข้างๆกัน

“พ่อกับแม่นายอุตส่าห์วางมือจากที่ฮังการี เพื่อมาอยู่กับนายเลยนะ  นายจะทำให้ท่านต้องผิดหวัง เพราะลูกไม่อยากอยู่ด้วยงั้นเหรอ   พี่ดีใจนะ  ที่นายอยากอยู่กับพี่ แต่อย่างน้อยนายก็ต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง  พี่ไม่ถามหรอกนะ ว่า ครอบครัวกับพี่ใครสำคัญกว่า  เพราะมันเอาไปเทียบกันไม่ได้.... พี่ไม่หนีไปไหนหรอกน่า”

“เข้าใจที่พี่พูดไหม หืม?” ตบแก้มขาวเบาๆ เรียกสติ  ไทกริสพยักหน้าหงึกๆ  ต่ายอดหัวเราะในลำคอไมได้กับท่าทางที่เหมือนเด็กถูกดุของไทกริส 


เขาก็แค่พูดในสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก


“อาจจะไม่ได้ไปเชียงใหม่ก็ได้  ไม่ก็ไปทำงานกับแชม  ใกล้ดี ไม่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดด้วย”

“อย่าทิ้งเรานะ กระต่าย” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของไทกริส ราวกับกำลังขอร้อง 

แต่ให้ตายเถอะ!

อย่าดราม่าได้ไหมเนี่ย  เขาไม่มีความคิดจะทิ้งไอ้คนที่เสียบเขามารอบนึงแล้วหรอก


ฮึ่ยยย !!!!

ดึงแก้มอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว

“คิดไปถึงแล้วเนี่ยเจ้าบ้า ใครจะไปทิ้งนายกัน ”

อีกคนร้องอืออา แต่ก็ไม่ได้ปัดมือของต่ายทิ้งแต่อย่างใด

แกล้งจนสมดั่งใจแล้ว ต่ายก็หอมแก้มที่ขึ้นสีแดงจางๆ ราวกับปลอบประโลม


จากหอมแก้ม กลายเป็นริมฝีปากดึงดูดเข้าหากัน  แลกเปลี่ยนน้ำลายจนแทบจะหมดลมหายใจ ทั้งคู่ก็ผละออก

“นอนกันเถอะ”

จุ๊บ!

เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันไปแล้วกับกู้ดไนท์คิส   

จากที่ไม่ชิน ก็กลายมาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้



เช้าวันใหมา  ร่างทั้งสองนอนกอดก่ายอยู่บนเตียง  ก่อนที่ร่างสูงของไทกริสจะขยับตัวตื่นก่อน

กิจวัตรประจำวันในตอนเช้าของเขาก็คือ  ไปฟิตเนส

พอกลับเข้าห้องอีกครั้ง หากแต่เสียงดังในครัว ทำให้เขาต้องเดินไปดู

พอเห็นว่าเป็นใคร ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที

“แม่~”  คนถูกเรียกสะดุ้งตกใจ

“อ้าววว ตื่นแล้วเหรอลูก แล้วไปทำอะไรมา ทำไมถึงเปียกซ่กขนาดนี้” นีรดาทักขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นสภาพอีกคน

“ผมไปฟิตเนสมาครับ แล้วแม่..”

“แม่กำลังจะทำอาหารเช้าให้ลูกกับพี่ต่ายอยู่พอดี”

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อน แล้วจะลงมาช่วยนะครับ” เด็กหนุ่มหอมแก้มมารดาทั้งสองข้าง ก่อนจะเดินเข้าห้องไป  ทิ้งให้สายตากึ่งเป็นห่วงกึ่งอ่อนใจมองตาม


ต่ายรู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู พยายามถางตาที่จะปิดอยู่ร่อมร่อให้กว้างจนหนังตาแทบฉีก   

เขาเกลียดความรู้สึกถูกเตียงดูดจริงๆ


เพื่อไม่ให้ร่างกายกลับไปซบหมอนอีกครั้ง ต่ายจึงลุกขึ้น ด้วยท่าทางโซเซ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว เพื่อจะไปดื่มน้ำแก้ง่วง  แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกพร้อมกับตื่นเต็มตา เมื่อเห็นว่าใครอยู่ในครัว

“น้านี!”   กับไทกริสที่ยืนอยู่ข้างๆกัน

“เรียกแม่สิลูก” อีกคนหันมาแหวใส่

ต่ายลูบอกเรียกขวัญตัวเอง นี่เขาลืมไปเลยว่าแม่ของไทกริสค้างที่นี่

“แม่กับน้องทำกับข้าวใกล้เสร็จพอดี  มาทานเลยสิจ๊ะ กำลังร้อนๆเลย”  ต่ายมองไปทางร่างสูง ที่ถือจานก่อนจะวางบนโต๊ะ

“เอ่อ  ผมยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันเลย” หัวเราะแห้งๆใส่

“งั้นก็ไปอาบเร็ว  เดี๋ยวสายนะลูก”  พอโดนผู้ใหญ่ไล่ ต่ายก็ใส่ใส่เกียร์หมาเข้าห้อง แล้วตรงไปที่ห้องน้ำทันที


กลับเข้าห้องครัวอีกที หลังจากใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงสิบนาที   นีรดาส่งยิ้มอ่อนให้ลูกชายหมาดๆอีกคน


อาหารวันนี้เป็นเข้าผัดอเมริกาสีสันน่าทานเป็นที่สุด  นานแล้วที่ไม่ได้กินฝีมือของน้านี

ทางฝั่งไทกริสเองก็เช่นกัน  แม้กับข้าวฝีมือของต่ายจะอร่อยสำหรับเขาแค่ไหน  ฝีมือของแม่ยังไงก็ที่หนึ่ง


“น้— แม่จะอยู่ที่นี่กี่วันเหรอครับ” 

“น้องต่ายพูดเหมือนไม่อยากให้แม่อยู่”

“เย้ยย ไม่ใช่ครับ  ผมกลัวว่า.แม่จะเหงาน่ะครับ”

“คิกคิก จ้าๆ  เดี๋ยวแม่ว่าจะไปหาไอริช ไอรีนซะหน่อย  น้องไทก์ แม่ขอโทษนะคะ ที่อยู่กับลูกไม่ได้นาน  รอแม่อีกซักหน่อยนะ  เดี๋ยวเราจะได้อยู่กันเป็นครอบครัวแล้วน๊า” นีรดายิ้มกว้าง มือบางลูบผมลูกชายแสนรักอย่างเบามือ

“ครับ”  ไทกริสตอบรับ ก่อนจะหอมแก้มมารดาซ้ายขวาดังฟอด 

นีรดายิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก 

“ไปๆ รีบไปเรียนได้แล้ว” หล่อนไล่ลูกๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“แล้วแม่จะไปยังไงล่ะครับ” ต่ายถามอย่างเป็นห่วง

“แหม แค่นี้เอง แท็กซี่ไงจ๊ะ  ไม่ต้องห่วงแม่หรอกจ้ะ แค่นี้สบายมาก”

“อ่า  ถ้างั้นผมไปเรียนก่อนนะครับ”

“จ้า เป็นเด็กดีนะครับกู้ดบอย”  นีรดาไล่จุ๊บหน้าผากเด็กหนุ่มทั้งสอง  ก่อนจะเดินไปส่งถึงประตู




สารถีสุดหล่อ แม้จะหน้านิ่ง แต่ต่ายพนันได้เลยว่า ไทกริสกำลังอารมณ์ดี

“ไงล่ะ   คิดถึงแม่แล้วล่ะสิ” ต่ายยิ้มล้อ  ไทกริสเหล่ตามอง  ก่อนจะหันไปมองทางตามเดิม  หากแต่มือซ้ายที่เดิมจับกระปุกเกียร์เอาไว้ เลื่อนไปจับแก้มอีกคน

“หือ?”

“วันนี้ กระต่ายยังไม่ได้มัดผมให้เรา”  อีกคนบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


ต่ายกระพริบตาปริบๆ  ก่อนจะถึงบางอ้อในคำพูดในไทกริส


เขาเคยบอกว่าจะมัดผมให้สินะ


“ถึงมอแล้วจะมัดให้แล้วกัน” ต่ายบอก เพราตอนนี้เขาไม่มีทั้งหวีและยาง   


วันนี้มาเช้าไปหน่อย ผองเพื่อนยังมากันไม่ถึง จะมีแต่แกนและเจ้าโจที่ติดสอยห้อยตามอย่างกับเงา


“โย่” โจร้องทักไทกริส  ซึ่งอีกคนก็ยักคิ้วทักทาย

“นี่ๆ ไทกริส เช้านี้มีควิซ ติวให้หน่อยดิ” โจเข้าไปสะกิดไทกริส  กระพริบตาปริบๆอ้อนวอนให้เพื่อนคนเก่งช่วยติวให้

ไทกริสเหมือนจะนิ่งไป  ต่ายมองก่อนจะสบตากับคนอื่นๆ


ท่าทางแบบนี้   คงไมได้อ่านมาเหมือนกันล่ะสิ


“ก็นั่งอ่านกันไป อีกตั้งนานกว่าจะเข้าเรียน   เดี๋ยวพี่มานะ” ต่ายบอก ก่อนจะวิ่งไปสหกรณ์ของมหาลัย



ดวงตาคมมองของบนชั้นสีมียางมัดผมหลากสี แต่ไม่มีสีดำ พอไปถามพนักงานก็บอกว่า ของยังไม่เข้า  ก็ได้แต่เดินกลับมา
คุ้ยๆในกองยางมัดผมหลากสี ก่อนจะไปสะดุดเข้าที่ยางมัดผมรูปเสือน้อยสีส้ม  รอยยิ้มปรากฏเข้าที่มุมปาก  แล้วตัดสินใจ หยิบชิ้นนั้นไปจ่ายตังค์


พอไปถึง เด็กปีหนึ่งทั้งสองก็หน้าดำคร่ำเครียดกับตำราเล่มโต  แกนที่นั่งมองอยู่ พอเห็นว่าเนื้อหาในหนังสือนั้นล้วนมีแต่ภาอังกฤษ ก็เลิกที่จะมอง แล้วหันไปสนใจไอโฟนในมือแทน

พอเห็นว่าเพื่อนเดินกับมา พร้อมกับหวีสีน้ำตาลและยางมัดผม  คิ้วของแกนก็ขมวดขึ้นอย่างสงสัยทันที

ต่ายพอเห็นท่าทางของเพื่อนก็ยิ้มขำ  ก่อนจะยักคิ้วจึกๆ

เขาวางของทั้งสองไว้ข้างๆแขนของไทกริส  อีกฝ่ายดูจะตกใจเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ไม่สนใจอะไร

เขาสางผมนุ่มด้วยมือเบาๆ  ก่อนจะรวบผมเท่าที่จะรวบได้  สุดท้ายก็ได้แค่ครึ่งหัว 

ชะโงกหน้าไปมองใบหน้าอีกคน   ก่อนจะใช้สายตาถามความเห็นบุคคลร่วมเหตุการณ์ทั้งสอง  แม้จะส่งสายตาแปลกๆมา  แต่ก็พยักหน้าให้กับทรงผมนี้   

พอได้รับการยืนยันแล้ว ก็จัดการมัดยางรูปเสือน้อยอย่างเบามือ  ใช้หวีหวีปลายผมน้อยๆ  เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

 เขาชักอิจฉาผมของเจ้าเด็กโค่งแล้วแฮะ นุ่มกว่าผมผู้หญิงบางคนเสียอีก




มือขาวยกมือสัมผัสจุกของตัวเองอย่างไม่ชิน   แต่ก็ยกยิ้มออกมาจางๆ

กระต่ายอุตส่าห์ทำให้นี่นา  เขาจะไม่ถอดออกแน่ๆ

“หายากนะ   แต่ยูยิ้มแล้วยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่”  ฟรานที่นั่งอยู่ข้างๆบอก  ตอนแรกที่เห็นมัดผมมาก็ว่าแปลกตา  ยิ่งเห็นอีกคนเอาแต่จับอยู่นั่น แถมยิ้มออกมาอีกต่างหาก สาวๆรอบข้าง ก็รัวมือถือกันไม่หยุด

“พี่ต่ายมัดให้น่ะ” โจกระซิบบอก  ก่อนจะสบตากับแฝดคนละฝาคนละพ่อคนละแม่กันอย่างรู้กัน

เรื่องของเพื่อนเขากับรุ่นพี่คนนั้น  ไม่ต้องเดาให้ยาก  เด็กอนุบาลมองก็ยังรู้ ว่าสองคนนั้นรู้สึกยังไงกัน


ควิซวิชานี้ เป็นอะไรที่หินมาก  แม้กระทั่งคนหน้านิ่งอย่างไทกริส ก็ยังหลุดคิ้วขมวดออกมา


เพื่อนทั้งสองไปทัก กลับได้คำตอบมาว่า

“เรานึกคำภาษาไทยไม่ออก” ฝาแฝดหัวดำได้แต่หน้าเงิบไปตามๆกัน   อุตส่าห์หวังไว้ว่าเพื่อนคนนี้น่าจะพลาดกันบ้าง  เพราะเอาแต่ได้คะแนนสูงตลอด   แต่ที่ไหนได้ ...



ต่ายกดเบอร์ที่คุ้นเคย ก่อนจะรอสาย  จนกระทั่งปลายสายกดรับ

             “ว่าไง”

“พ่อ ผมไม่ไปเชียงใหม่ละนะ”

             “อ้าว ไมวะ”

“มันไกลอ่ะ ขี้เกียจ  ทำใกล้ๆดีกว่า”

             “แล้วจะทำที่ไหน  ไกนบ่นว่ายังหาที่ไมได้”

“ทำกับไอ้แชม  มันทำคนเดียว มันเหงา”


 พอถึงประโยคนี้  แชมที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับเหล่มองเพื่อนตัวดี ที่เอาชื่อเขาไปเอี่ยว


             “เป็นงั้นไป เออๆๆ แล้วแต่แกแล้วกัน  ยังไงก็มาหากันบ้างสิ”

“พ่อกับแม่ต่างหากที่ต้องกลับมา  บ้านอยู่กรุงเทพไม่ใช่เรอะ”

             “ทำไม นี่ก็กะจะย้ายสำมะโนครัวแล้วเนี่ย”

“ไหงเป็นงั้นอ่ะ”

              “เบื่อกรุงเทพแล้วเว้ย  น้ำท่วม วุ่นวาย  อยู่เชียงใหม่ปลูกกล้วยไม้ ปลูกกาแฟขายดีกว่าเยอะ”

“เฮ้ออ จะทำอะไรก็ตามใจครับ”

             “แล้วอยู่กับน้องเป็นไงบ้าง ทะเลาะกันบ้างรึเปล่า”

“ก็อยู่สุขสบายดี ส่วนทะเลาะ.. ก็มีบ้าง” 

             “ยังไงก็ใจเย็นๆหน่อยแล้วกัน น้องยังเด็ก  คงไม่ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกับน้องหรอกนะ”  ต่ายแทบจะหัวเราะลั่น แต่ยังดีที่กัดฟันไว้ทัน


น้องยังเด็ก   ต่ายขอค้านสุดใจ   ไอ้เด็กโค่งนี่ไม่เด็กแล้ว  ระดับนี่ต้องเรียก เติบโตอย่างสมบูรณ์!!!!! 

ส่วนลงไม้ลงมือ   ต่อให้ทะเลาะกันจริง  เขาก็ลงไม้ลงมือกับอีกฝ่ายไม่ลงหรอก ต่อให้เขาจะเป็นคนใจร้อนก็ตาม    พอเห็นสีหน้ามึนๆ แบบนั้น มันก็ทำไม่ลงจริงๆ


“รู้แล้วน่าา”

             “รู้ก็ดี  แค่นี้ก่อนแล้วกัน ลูกค้ามา”

ต่ายรับคำก่อนจะวางสาย


“สรุปว่า จะมาอยู่กับกูงั้นสิ”  แชมเปิดประเด็น

“เออ ก็เชียงใหม่มันไกลนี่หว่า”

“มันไม่น่าใช่ข้ออ้างนะเว้ย   ที่ไม่อยากไปเพราะคนทางนี้ใช่ไหมล่ะ”

ต่ายฮึดฮัดเพราะโดนเพื่อนรู้ทัน

“ก็ เออ มึงก็รู้ว่ากริสติดกูจะตาย”

“แล้วมึงล่ะ”


“....กูก็เหมือนกันมั้ง”  สิ้นคำตอบนี้ เหล่าผองเพื่อก็พร้อมกับโห่ให้อย่างสรรเสริญ

“โด่วววว”



TBC..
---------------------------------------------------


BEVA TALK : ฝนตกเกือบทุกวันเลย   บ้านใครน้ำท่วมบ้างไหมคะ  โชคดีที่กลับบ้านนอกมา เลยไม่ต้องเผชิญกับน้ำท่วม  ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะค๊าาา

เนื้อเรื่องเรื่อยๆเช่นเคย :katai1: :katai1: :katai1:  ไม่รู้ว่าน้องติดพี่หรือพี่ติดน้องมากกว่ากัน  อิอิ


มีนักอ่านใหม่หลงเข้ามาเพราะชื่อเรื่องหลายคนเลย  เราไม่ได้ดักน๊าา  แต่เรื่องนี้เน้นความมึนของไทรกริส  อิอิ ไม่ดราม่าแน่นวลลลลลลลลลล  :hao3:

ขอบคุณทุกเป็ด ทุกเม้นท์เช่นเคย ทุกคนเดาความคิดน้องถูกหมดเลย  ก็ของมันแน่อยู่แล้วเนอะ  :katai2-1:

รู้สึกอย่างไรกับตอนนี้+เรื่องนี้  เม้นท์บอกเค้าหน่อยนะคะคนดี~

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:       :L1:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-06-2016 23:55:46
น่ารักดี ฟิลลิ่งของต่ายกับกริส

อ้อนๆมึนๆ

 :impress2:  :impress2:  :impress2: :impress2:

....

หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-06-2016 00:25:26
ติดกันเอง พี่ต่ายใจอ่อนให้กริสตลอด
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-06-2016 00:28:04
 :-[
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-06-2016 12:08:29
อั๊ยยยยย น่ารักอ่ะ กริสก็อ้อนได้อ้อนดี ต่ายก็ตามใจทุกอย่างเลยน้าาาาา  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 23-06-2016 12:55:55
 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-06-2016 13:52:05
เจอท่าไม้ตายของไทกริสเข้าไป
ต่ายถึงกับเปลี่ยนที่ฝึกงานเลยนะครัช 55555555
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-06-2016 21:14:48
ต่ายตั้ลร้ากกกก
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-06-2016 22:14:31
ไทกริส ต่าย มุ้งมิ้ง หวานใส่กันดี
ชอบบ ไทกริส อ้อนต่าย
"ไม่มีกระต่าย เราอยู่ไม่ได้"
"อย่าทิ้งเรานะ กระต่าย" โอ้ย.....ถูกใจ
พี่ต่ายก็ เอาใจ ลูบหัว ลูบผม
มีมอร์นิ่งคิส ไนท์คิส
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 24-06-2016 18:55:55
 หวานๆอ้อนๆมึนๆ  แบบฟินเบาๆ  มันน่ารักกกกกกกก  ชอบเรื่องนี้เพราะแบบนี้แหล่ะ อ๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-06-2016 23:25:35
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: Abbeynggn ที่ 25-06-2016 17:49:36
ชอบเรื่องนี้ อ่านได้เรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 25-06-2016 19:50:36
น่ารักกันดีจัง  :hao3:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 26-06-2016 21:12:05
น่ารักตลอดดดดดด
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 26-06-2016 23:28:46
สรุปตัวเองก็ไม่อยากห่างเหมือนกันสินะต่าย
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่27 22/6/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-06-2016 03:01:57
ตั้ลล้ากเหล่อเกิน ผู้ใหญ่ก้อดูเป็นใจ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 03-07-2016 13:40:01
บทที่ 28   เลี้ยงวันเกิด ย้อนหลัง





เสียงดนตรีสดดังคลอเคล้ากับบรรยากาศชิลๆ ในร้านเหล้าเจ้าประจำ เรียกว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ได้มาร้านนี้   ส่วนร้านที่เคยมีเรื่องไปนั้น  ถึงจะดีแค่ไหน แต่ถ้ามีเจ้าถิ่นหวงที่ทางขนาดนั้น  คงไม่อยากเสี่ยงไปรอบสองหรอก


มาร้านนี้ดีกว่าเยอะ แม้จะต้องเจอพวกหน้าเดิมๆก็ตาม


การมาเยือนร้านครั้งนี้ ก็เนื่องในวันเกิด(ที่ผ่านมาแล้ว)ของต่าย  เพราะทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ ต่างว๊อนแอลกอฮอล์กัน  คนที่เมาง่ายแต่ก็ชอบกินอย่างต่าย


มีหรือจะพลาด...


แถมได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า   รอบนี้เจ้าของร้านเลี้ยงซะด้วย

ต้องไปขอบคุณพี่อั๋น รุ่นพี่พ่อพระคนนี้ซักสิบที


เหล่าผู้ร่วมสังสรรค์ ก็มี อ้อน  แชม แกน เอก ต่าย และไทกริส  ส่วนกานต์ตอนแรกจะมา แต่ก็กลับลำไม่มาซะงั้น 



ต่ายค่อยยิ้มหน้าบานหน่อย เมื่อได้ของขวัญที่เป็นของขวัญจริงๆ จากเพื่อน ส่วนข้างในจะเป็นอะไรนั่น คงต้องไปลุ้นกันอีกที



“น้องไทกริสไม่กินเหรอ” อ้อนถามขึ้นอย่างสงสัย หลังจากที่นั่งกินมาได้ซักพัก  เด็กหนุ่มสุดหล่อที่หล่อนได้แอบหลงนั่น เอาแต่นั่งมองคนนู่นคนนี้กิน บ้างก็ชงให้เพื่อนของหล่อนบ้าง ไม่ก็นั่งเคี้ยวกับแกล้ม  แต่ไม่ได้แตะแก้วเหล้าอย่างใครๆ

เจ้าของชื่อมองไปยังคนถาม  ก่อนจะปรายตามองคนข้างๆอย่างต่าย

“อย่าๆ อย่าให้กินเด็ดขาด  ได้ป่วยเข้าโรง’บาลอีก” ต่างร้องห้าม

“หา แพ้เหล้าเหรอ  แต่แบบนี้ก็เสียดายแย่  แล้วกินเบียร์ได้ไหม?”  หญิงสาวเพียงคนเดียวในวง ถามอย่างใคร่รู้

“ถ้าเบียร์ก็พอหยวนๆ แต่ห้ามกินมากนะ”  ต่ายตอบแทน

“ไอ้ต่าย กูก็พอรู้นะว่านี่น้องมึง แต่มึงไม่ต้องตอบแทนไปซะทุกเรื่องได้ไหมเนี่ย” อ้อนเริ่มโวยวาย รู้สึกตะหงิดๆกับท่าทางของทั้งสอง แต่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร

“เอ้า ก็กูเป็น---- คนดูแลนี่หว่า” เกือบจะหลุดคำว่าแฟนไป  แต่เพราะเสียงรอบข้าง เลยทำให้หญิงสาวไม่ได้สนใจซะเท่าไหร่

“งั้นกินเบียร์เนอะ”  ว่าแล้ว อ้อนก็เรียกพนักงาน แล้วสั่งเบียร์มาให้แทน



“นี่ถามจริงนาาา   สองคนนี้มันมากกว่าพี่น้องงงม๊ายย” สาวหมวยที่เริ่มเมาถามขึ้น   คนที่กำลังดื่มดำกับน้ำเมาอย่างต่าย ถึงกับสำลัก

“แค่กๆ--  มึงพูดอะไรเนี่ย”  ต่ายเผลอขึ้นเสียสูง  แก้มแดงแปร๊ด  เป็นโอกาสให้อ้อนได้จี้

“กูมองออกนาา แต่กูไม่พูดดด  กูไม่บอกหรอกว่ากูมองออกกก ฮ้ะๆ”  คนอื่นๆได้แต่กุมขมับ

 
ไม่ได้บอกเลย  เมื่อกี้ไม่ได้พูดเลย …



ไม่นานอ้อนก็ฟุบไป ท่ามกลางความงุนงงของคนรอบโต๊ะ  แต่หากยังไม่ทันได้ทำอะไร  คนที่เพิ่งฟุบหลับก็กระเด้งหัวขึ้นมา
จากงุนงงกกลายเป็นตกใจซะแทน


“บอกความจริงมาเลยนะ” ตาเรียวเล็กจ้องเขม็งราวกับกำลังสอบสวนผู้ต้องหา

ต่ายมองคนอื่นๆอย่างขอความช่วยเหลือ ในขณะนั้นอ้อนก็ยังคงรุกเร้าไม่เลิก ร่างเล็กแทบจะคร่อมเขาอยู่ร่อมร่อ

“พวกมึงงง  อ่ะะะ!”    ครั้นจะร้องเรียกคนอื่นที่ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย  ร่างทั้งร่างก็ถูกรวบไปด้วยแรงของใครซักคน

แต่กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคย ทำให้รู้ว่าเป็นใครโดยไม่ต้องเงยหน้ามอง  หนำซ้ำยังเผลอซุกอกแน่นๆภายใต้เสื้อนักศึกษาขาวผ่องนั่นอีก


 กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไร ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องจากเพื่อนตัวดี

“อ๊ายยยยยย  กูก็อยากอยู่ในอ้อมกอดนั้นบ้างงงง ”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็โถมตัวใส่  แต่ดีที่ผองเพื่อนรีบจับตัวหญิงสาวไว้ได้ทันท่วงที

“กูว่าพาไอ้อ้อนกลับเถอะ” แชมเสนอ  พลางมองเพื่อนสาวที่กำลังดิ้นอย่างแรง


“ปล่อยยยยยยยย ทายกรีสสสสสสส” เจ้าของชื่อกระพริบตาปริบๆอย่างทำอะไรไม่ถูก


จะว่าน่าสงสารก็ไม่เชิง คงจะไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้สินะ


“เออ  ว่าแต่ ตอนมา มันกับพวกเราไม่ใช่เหรอ” ต่ายบอก  พอเลิกเรียนเสร็จ พวกเขาก็เจออ้อนยืนดักรออยู่หน้าคณะแล้ว

“เออว่ะ  มันยังอยู่บ้านไหมวะ”

“เฮ้ออ เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงกินไปเถอะ   งั้นกูไปก่อนนะ  บาย” บอกลาผองเพื่อนที่โบกมือให้


สุดท้ายพวกเขาก็ต้องลากเพื่อนสาวตัวแสบที่เมามายไม่รู้เรื่องออกจากร้าน



ครั้นจะไปส่งบ้าน ....

“เลี้ยวไหนหว่า  ทางนี้มั้ง” สารถีสุดหล่อได้แต่ขับตามอย่างไม่มีปากเสียงใดๆ แม้เขาจะวนอยู่ซอยเดิมๆมาเกือบสิบรอบได้

“ทำไมมันไม่มีบ้านสีฟ้าๆเลยวะ” ต่ายบ่นอย่างหัวเสีย   



เรื่องของเรื่องคือ เขาจำทางไปบ้านของอ้อนไม่ได้  มันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นทางนี้เกือบทุกทาง


เขาเบื่อซอยที่กรุงเทพก็เพราะอย่างนี้  ...

พอโทรไปถามแชม  ก็ไม่ยอมรับสายซะงั้น


ก็เหลืออยู่ทางเดียว


“กลับคอนโดเถอะ” ไทกริสหันขวับทันที

“เอาน่า  หลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ คงไม่เป็นไรหรอก” พอคนอายุมากกว่าบอกอย่างนั้น เขาก็เชื่ออย่างไร้ข้อกังขา


สุดท้ายก็ตรงเลี้ยวรถกลับ แล้วตรงไปทางคอนโดทันที



พอไปถึงห้อง ต่ายแทบจะเหวี่ยงร่างของเพื่อนอย่างไม่ใยดี   แต่เพราะยังมีความปราณีเหลืออยู่บ้าง


พอแหมะไว้ที่เตียงเสร็จ  จัดท่าทางให้ดีๆ แล้วก็ออกจากห้องทันที


แม้จะมึนๆเบลอๆ แต่ก็ยังนับว่าดี ที่ไม่ถึงกับเมามายไม่ได้สติแบบอ้อน


เจ้าเด็กโค่งพออาบน้ำเสร็จ ก็มานั่งจ๋องอยู่บนเตียง  มองทุกกระทำของต่าย จนคนถูกมองชักเสียวสันหลังวาบ


“ง่วงก็นอนไปก่อนสิ” เพราะมัวแต่ง่วงกับการเก็บของขวัญที่ได้มาเข้าตู้

“ไม่ จะรอกระต่าย”เด็กโค่งบอก

 
“โอเคๆๆ อย่าหลับไปก่อนแล้วกัน” คนเคยทำผิด?!  ยิ้มมุมปากให้ ก่อนจะนั่งรออย่างสงบเสงี่ยม

จวบจนกระทั่งต่ายอาบน้ำเสร็จ พอมาเจอเจ้าเด็กโค่งที่นั่งรอตาปรือ ก็อดสงสารไม่ได้


ร่างสูงที่แม้จะง่วงงุนแค่ไหนแต่ก็อดทนรอ   พอหมอนข้างมีชีวิต?!มาก็รีบเข้ามากอดหมับ ส่งกู้ดไนท์ คิสอย่างที่ทำประจำ แล้วก็หลับไปในทันที

จนต่ายอดทึ่งไม่ได้


นิ้วมือลูบไปตามโครงหน้าหล่อเหลาของอีกคนอย่างแผ่วเบา  ยิ้มน้อยๆให้ตัวเอง


ไม่คิดว่าจะมากลายเป็นอีหรอบนี้

ในหัวก็คิดคำพูดดีๆ เอาไว้บอกกับผู้ใหญ่  พอคิดไปคิดมา  ความง่วงงุนก็โถมเข้ามา 





ร่างเล็กลืมตาขึ้นอย่างเบลอๆ จนปรับโฟกัสได้แล้วก็พบว่า ห้องที่เธออยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ห้องเดิมที่เคยนอน

เธอรีบลุกขึ้นพรวด  สำรวจตัวเอง  ก่อนจะโล่งใจเมือ่เสื้อผ้าและทุกอย่างยังอยู่ครบ

พอมองไปจรอบห้อง ห้องขนาดกลางๆ เฟอร์นิเจอร์ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เป็นสิ่งที่แปลกตาสำหรับเธอในตอนนี้

ก่อนจะพึมพำด้วยประโยคสุดคลาสสิคว่า


“ที่นี่ที่ไหนวะ” นึกย้อนไปถึงเมื่อคืน ที่ไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อน  จำได้แค่นั้น แล้วทุกอย่างก็หายไปอย่างกับฉากหนังถูกตัด


อ้อนรวบรวมความกล้า เปิดประตูออกไปอย่างระมัดระวัง เหลือบซ้ายมองขวา หัวใจตึกๆ เมื่อได้ทำตัวราวกับเป็นสายลับ

จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ดังมาจากอีกห้องนึง   ก็รีบเดินย่องเข้าไป

พอเห็นภาพตรงหน้า ก็เกือบอุทานลั่น


ภาพที่เพื่อนของเธอกับรุ่นน้องหน้าหล่อที่เธออยากเต๊าะ  กำลังดูดปากกันอย่างเมามัน ไม่สนโต๊ะ  ไม่สนหนังที่กำลังเปิด
มันอะไรกันนี่


เธอนึกในใจ   ในหัวตีกันจนรวน เรื่องราวหลั่งไหลจนเธอแทบรับไม่ทัน

พอชะโงกหน้าออกไปดูใหม่  ร่างทั้งสองที่พลอดรักกันอยู่ที่โซฟาก็หายวับ  แต่ความรู้สึกที่เหมือนจะเห็นโซฟาเคลื่อนไหว


ด้วยความอย่างรู้อยากเห็นมีมากกว่าความเกรงใจ  เธอจึงเดินย่องออกไป เพื่อไปดูที่โซฟาอีกทีก็พบว่า


ร่างของเพื่อนเธออยู่ใต้ร่างของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง

ด้วยความตกใจเธอจึงเผลออุทาน

“แว๊กก อีแม่!!”  ร่างที่อยู่บนโซฟา สะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันมองผู้เห็นเหตุการณ์ที่รีบเอามือปิดปาก   ดวงตาหรี่เล็กเบิกกว้างเท่าที่กว้างได้


ต่ายรีบดันไทกริสออก มาเพื่อนด้วยสายตาเหมือนกัน

“อ้อน~”

“พวกมึง.....เป็นนี่กันเหรอ” อ้อนเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาชิดกัน   


ต่ายกลืนน้ำลายดังเอือก  จะโกหกเพื่อนว่าไม่ใช่ก็คงจะดูทำร้ายไทกริส  และเขาก็ไม่อยากโกหกเพื่อนด้วย

“ก็............ อย่างที่มึงเห็นนั่นแหล่ะ”  พอจบประโยคนี้ ร่างเล็กของอ้อนก็สั่นเทิ้ม ด้วยสาเหตุใดต่ายก็ไม่ทราบ

 
“อ๊ากกกกกกกกกก กูนกอ๊าาาา”  แล้วเธอก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ด้วยท่าทางอ่อนแรง


“อ้อน” ต่ายยื่นมือไปจับไหล่อ้อนไว้

“คือกู..”

“ไอ้ต่ายไม่ต้องพูดเลย   ฮรือออออออ นกอีกแล้ววววววว”  ร่างเล็กแหกปากร้องลั่น

“มึงจะเกลียดกูไหม?”  ต่ายถามแผ่วเบา


อ้อนเงียบเสียง แล้วหันขวับมาทางเพื่อนทันที

“ถามอะไรของมึงเนี่ยยยย  กูจะไปเกลียดมึงทำไม  มึงเป็นเพื่อนกูนะ  อีกอย่าง แบบนี้ก็ก็เห็นเกลื่อนมอ   กูแค่รู้สึกเหมือนซื้อกระเป๋าแอร์เมสที่กำลังลดราคาไม่ทันอ้ะ” สาวเจ้าดีดดิ้นราวกับเด็กเล็ก

ต่ายถอนหายใจพรู

“แต่ไม่เป็นไร   กูขออะไรมึงอย่างนึงได้ไหม”

“ว่า?”

 “ขอเอามึงกับน้องไทกริส ไปแต่งนิยายได้ไหม?”


ต่ายอ้าปากเหวอ

“นิยาย?”

“เยสสสส  ตอนนี้กำลังอยากจะเปิดเรื่องใหม่พอดี   อ๊าา แต่งเป็นบอดี้การ์ดกับเจ้านายดีกว่า” แล้วหญิงสาวก็ตกอยู่ในห้วงแห่งการมโน

ทิ้งให้เจ้าของห้องทั้งสองได้แต่มองหน้ากัน


“แต่ตอนนี้.....” 

โครกกกกกกกกกกก~

ไม่ต้องบรรยายอะไรใดๆให้ลึกซึ้ง

 
“แห่ะๆ” อ้อนยิ้มแหยๆให้  ก่อนจะลูบท้องอันแสนแบนราบ

“มาๆ เดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน”

เพราะเป็นเวลาเที่ยงพอดี  ต่ายเลยถือโอกาส ทำมื้อเที่ยงให้ทั้งเขาและไทกริสด้วยซะเลย



ไม่นานผัดกะเพราร้อนๆ ก็ถูกเสิร์ฟ

“กินง่ายๆ ไปก่อนแล้วกัน”

“มึงทำอะไรก็อร่อยหมดแหล่ะ” อ้อนพูด ก่อนจะรีบทาน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง


ต่ายเห็นแบบนั้นก็ลงมือทานบ้าง  หากแต่เหลือตามองไทกริสที่นั่งมองควันที่ลอยมาจากกับข้าวร้อนๆด้วยสายตาว่างเปล่า

เขาส่ายหน้าให้น้อยๆ   ก่อนจะเปลี่ยนจานข้าวตัวเองกับของไทกริส

“อันนี้ทำเสร็จก่อน น่าจะหายร้อนแล้ว”

“น่ารักอ่ะ” อ้อนพูด พลางยิ้มมาให้พวกเขาทั้งสอง

“มึงกินไปเหอะ”  เธอหัวเราะคิกคักก็จะตั้งหน้าตั้งตากิน



“จะไม่ให้กูไปส่งจริงๆเหรอ” ต่ายถามอย่างเป็นห่วง  หลังจากที่อ้อนปฏิเสธที่จะให้เขาไปส่งที่บ้าน 

“ด๊อนวอรี่ มายเฟรน  มึงอยู่กับน้องไปเถอะ”

“ไปละ บ๊ายบาย ”  อ้อนโบกมือให้ ก่อนจะเดินออกไป



ต่ายกลับขึ้นมาบนห้อง หลังจากไปส่งเพื่อนที่หน้าลิฟต์มา


เจ้าเด็กโค่งกำลังนั่งดูหนังอยู่  เห็นดังนั้นจึงไปนั่งลงข้างๆ


พอเห็นอีกคนมา ไทกริสก็รีบกอดหมับเข้าที่ร่างของต่าย


 “มีอะไรที่กระต่ายยังไม่เคยทำให้เพื่อนกินบ้าง”
 
“หืม?”   ต่ายถามซ้ำ

“มีอะไรที่กระต่ายยังไม่เคยทำให้เพื่อนกินบ้าง”

“หมายถึงอาหารงั้นเหรอ”

“อือ”

“อืมมมม  ทำไมถามงี้ล่ะ? ”

“เราอยากเป็นคนแรกที่กินอาหารฝีมือต่าย”  คำพูดที่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ แต่ก็น่ารักน่าเอ็ดดูจนนต่ายอดกอดกลับไม่ได้


“มีสิ ตั้งหลายอย่าง” ต่ายพูด

“ทำให้เรากินด้วยนะ” ว่าแล้วเจ้าเสือน้อยก็คลอเคลียจนรู้สึกจั๊กจี๋

“แต่.. ก็มีอย่างนึงนะ ที่นายได้กินเป็นแรกเลย”   ต่ายพูดอ้อมแอ้ม ใบหน้าร้อนฉ่า


“...” มองหน้าอีกคนที่ดูจะยังไม่เก็ทกับคำพูดของเขา


กระตุกยิ้ม ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูอีกคน


ตัวพี่ไง



พูดเสร็จก็ซุกอยู่ที่บ่าอีกคน ไม่กล้าสู้หน้า


อารมณ์ไหน ที่ทำให้เขากล้าพูดออกไปเนี่ยยยยยยยยย !!!!!




ยังไม่ทันทึ้งหัวตัวเอง  เจ้าเด็กโค่งก็หัวเราะในลำคอ ก่อนจะจัดการปิดปากที่พูดคำพูดน่ารักๆนั่นออกมา

ทั้งปากทั้งลิ้นที่นัวเนียกันอย่างไม่มีใครยอมใคร  ไทกริสไม่ปล่อยให้ต่ายได้หายใจเลยด้วยซ้ำ

แต่มีหรือที่ต่ายจะยอม

นัวมาก็นัวกลับไม่โกง


มือของไทกริสยุกยิกอยู่ตรงชายเสื้อของต่าย จนรู้สึกสัมผัสเย็นๆของมือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ


เด็กโค่งสบตากับต่าย ราวกับบอกว่า ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

แม้จะแอบหวั่นว่า อีกคนจะปฏิเสธ  แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็ยอมแต่โดยดี

แต่อีกคนไม่ได้เป็นเช่นนั้น


พอเห็นสายตาอ้อนๆนั้น ต่ายก็รู้ได้เลยว่า ไม่พอแค่จูบแน่ๆ

ก็ผิดเองที่ไปยั่วด้วยคำพูด 

แต่ก็นะ   เขาตั้งใจนี่นา




หลังของต่ายสัมผัสความเย็นของผิวโซฟา  ไทกริสที่คร่อมอยู่บนร่าง สายตาที่จ้องมานั้น ปลุกเร้าอารมณ์ของต่ายเป็นอย่างดี


สายตาเหมือนกับล่าเหยื่อ

ดูร้อนแรงและพร้อมจะจู่โจมได้ทุกเมื่อ


จนกระทั่งร่างทั้งสองไร้อาภรณ์เหมือนกัน  บทรักบนโซฟาก็เริ่มขึ้น ...................




รู้ตัวอีกที  ก็มานอนหอบหายใจอยู่ในห้องนอน  สะโพกปวดตุบๆ  แขนขาอ่อนแรง

ไม่รู้ไปจุดไฟอะไรในตัวไทกริสเข้า เรียกว่า เครื่องฟิตชนิดไม่ต้องพึ่งไดเกียวเลย

เพราะพ่อคุณถึงได้เล่นจัดไปถึง 3 รอบ 



โซฟา
ห้องนอน
และห้องน้ำ




ต่ายอยากจะนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไป

ไม่น่าเลยกู!!!!

TBC..

--------------------------------------------------------------
BEVA TALK :  กะกะกลับมาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา  *หมอบกราบ*  หายไปนานมากเลย ฮรืออออ  ชีวิตมีปัญหาเล็กน้อย ตอนนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ  55555555

ใกล้จะจบแย้ววว ดีใจม๊ายยยยยยย  :hao7:

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกเป็ดมากๆเลยค่ะ  :mew1: :mew1: :mew1:

แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ทุกคนนนนนน

#รู้สึกอย่างไรกับตอนนี้บอกกันหน่อยน๊าาาา 

ด้วยรักและจุ๊บุค่ะ
  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 03-07-2016 14:09:25
น่าร้ากกกกกกกกกกกทั้งคู่เลย อย่าหายไปนานน้าา
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2016 15:20:44
โอ้ย!!!! เขิน
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-07-2016 16:35:34
อะว๊ากกกกก......
จัดไปถึง 3 รอบ 

โซฟา
ห้องนอน
และห้องน้ำ
เอ่อ....รบกวนไร้ทที่สุดแสนใจดี บรรยาย ให้อ่านหน่อย นะะะะ
มันมองไม่เห็นภาพอ่ะ  สงสารคนอ่าน นะะะะ
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 03-07-2016 16:40:48
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-07-2016 19:04:25
อ่แยน้องมันแล้ว ต้องรับสภาพช่วงล่างพัง อิอิ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-07-2016 23:09:26
55555 น่าสงสารต่ายอ่ะ กริสก็ไฟติดง่ายเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-07-2016 00:57:41
ข้าวใหม่ปลามันมาก เอะอะ฿&@เอะอะ&฿(฿&
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 04-07-2016 13:09:03
3 รอบ 3 ที่ไม่ซ้ำกันเลยยยยย
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 04-07-2016 13:31:54
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-07-2016 13:53:17
น่าจิมีในครัวน้ะ 55555
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-07-2016 22:58:24
กระต่ายยั่ววววววววววววววววววว กิ๊วๆๆๆ
ไทกริสเรยจัดหนักเลยอ่ะ -/////-
อ้อนไม่ร้องนะ โอ๋ๆ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-07-2016 23:47:58
อ่อยย!! อยากได้ลูกครึ่งบ้าง 55555
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 05-07-2016 17:58:10
ด่านเพื่อนครบหมดแล้ว งั้นคงเหลือแต่ด่านครอบครัวเท่านั้น สู้ๆ :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 06-07-2016 18:59:37
สะสะ สามที่~  :pighaun: :pighaun: :pighaun:

จริงๆแล้ว อ้อนนี่คือคนแต่งใช่ไหมคะ 5555555

หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่28 3/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 07-07-2016 20:22:31
เก็บกดหรอไทกริส   :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 14-07-2016 00:15:33
บทที่ 29   เซอร์ไพร์ส!





โรงงานที่จะได้ไปฝึกงานนั้น  เจ้าของเป็นเครือญาติของแม่เพื่อนรักของต่ายอย่างแชมเปญ หลังจากสัมภาษณ์เสร็จอะไรเสร็จ   ทำตัวไร้สาระไปได้ไม่กี่วัน ก็ได้รับตอบกลับมาว่าให้เข้าไปฝึกงานได้ ซึ่งไอ้แชมมากระซิบบอกว่า จริงๆก็ให้เข้าแน่ๆอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้มันเป็นขั้นเป็นตอน เพราะถ้าถูกตรวจสอบ จะซวยเอาได้
 
ตัวโรงงานตั้งแถบชานเมือง  ไม่ต้องวุ่นวายกับจราจรอันวุ่นวาย ในตอนแรกต่ายก็ลังเลว่า ตัวเขาควรจะอยู่บ้านเดิม ที่ใช้เวลาเดินทางราวๆ เกือบ 2 ชั่วโมง ถ้าออกแต่เช้ามืด แต่ไปคุยกับแชม ซึ่งรายนั้นจะเช่าห้องพัก ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงงานเท่าไหร่ พอได้รับคำเชิญชวนให้ไปอยู่ด้วยกันแล้ว เขาก็ตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรเลย  อย่างน้อยก็ประหยัดเวลาเดินทาง แถมไม่ต้องตื่นเช้าอีก


ดังนั้น ในเช้าวันอาทิตย์ที่ควรจะได้นอนพักผ่อนสบายๆ อยู่กับบ้าน  ต่ายและไทกริสที่ทำหน้าที่ขับรถมาส่ง กลับต้องมายืนอยู่หน้าที่พัก ที่คำนวณสภาพคร่าวๆแล้ว คงมากกว่าอายุเขาเป็นแน่ อันที่จริงไอ้แชมก็เสนอไว้หลายที่ แต่เพราะที่นี่ทั้งเดินทางสะดวกแถมใกล้โรงงานชนิดที่ว่าเดินเพลินๆ แปปเดียวก็ถึง  แม้สภาพดูเก่าไปหน่อย แต่ผู้ชายแบบเขาอยู่ได้สบายๆอยู่แล้ว


จะมีก็แต่ เจ้าเด็กโค่งที่มาด้วยกันนี่สิ

ทำหน้าอย่างกับเห็นบ้านผีสิงงั้นแหล่ะ  แม้จะสภาพข้างนอกอาจจะดูหลอนๆ  แต่ข้างในเจ้าแชมบอกว่ายังดูดีอยู่พอสมควร


พอได้รับกุญแจจากลุงแก่ๆข้างล่าง ก็พากันขนของที่มีไม่มากขึ้นข้างบน หอนี้มีทั้งหมด 5 ชั้น  มีแต่บันได ไม่มีลิฟต์และตัวเขาก็ได้ไปอยู่ชั้น 5 ซึ่งกว่าจะเดินไปถึง


ลูกผู้ชายที่(แต่ก่อน) ออกกำลังบ่อย ยังหอบแฮ่กอย่างกับหมา


ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัส  ถูกจัดเป็นห้องครัวเล็กๆ มีตู้เย็น กับที่โล่ง มีเพียงเตียงและฟูกเหี่ยวๆ และตัวห้องน้ำที่อยู่ที่ระเบียง แอร์คอนดิชั่น สภาพใหม่เอี่ยม ได้ยินมาว่า ห้องที่เปิดเช่าใหม่ เป็นห้องที่เพิ่งปรับปรุงเสร็จ


ต่ายเหลือบมองไทกริสที่ขนกระเป๋าใบโตที่ไม่ใช่ของเขา  ครั้นพอจะถาม ก็เห็นร่างสูงก็เปิดกระเป๋า แล้วยัดของที่มีอยู่ในนั้นเข้าตู้เย็น

อาหารแช่แข็ง เครื่องดื่ม พร้อมขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย ถูกบรรจุเข้าตู้เย็นขนาดกลาง จนแทบจะไม่เหลือช่องว่างใดๆ   


“ขนมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ได้แต่พูดอึ้งๆ มองอีกคนที่ปิดตู้เย็นด้วยท่าทางนิ่งตามสไตล์

“แม่ฝากเรามาให้ ” เขาได้แต่อมยิ้มขอบคุณให้กับน้านีที่แสนใจดีกับลูกชายที่น่ารัก

ส่วนพ่อกับแม่เขาน่ะเหรอ  สั่งซื้อของแห้งมาให้เขาเพียบ  จนแอบคิดไปว่า ตัวเองกำลังมาเข้าค่ายอะไรอยู่รึเปล่า



“มากันแล้วเหรอวะ  ฮ้าววว~” ต่ายหันไปหาเสียงงัวเงียนั้น  เจอเพื่อนตัวเองในสภาพเสื้อบอลเน่าๆ กับหน้าตาที่บ่งบอกว่าเพิ่งตื่น ที่เห็นแล้วอยากจะไล่ให้ไปนอนซะจริง

ซึ่งก็เป็นความโชคดีที่มีห้องว่างติดกันอยู่พอดี  เพราะผู้ชายที่โตเต็มวัยอย่างพวกเขา ไม่มีทางนอนอัดกันอยู่ในห้องเล็กรูหนูอย่างนี้แน่ๆ 


“โหหห  นี่กะจะอยู่ทั้งปีเลยปะวะ” แชมเปญพูดขึ้นอย่างตะลึง  หลังเห็นข้าวของที่เป็นของกินวางเรียงราย

“แม่ให้เอามาให้เผื่อด้วย” ว่าแล้วพ่อคุณก็คุ้ยๆรื้อๆ ในตู้เย็น เป็นอาหารทำสำเร็จแช่แข็ง หน้าตาน่าทานสี่ห้ากล่อง แล้วยื่นให้แชมที่ยืนรับงงๆ 

“หืม~  มีให้ด้วยเหรอ   เอาฝากไว้ที่นี่แหล่ะ  หิวแล้วจะมาขอกิน ฮ่าๆ  ฝากขอบคุณแม่นายด้วยละกัน”

“ค่าไฟกูไหมล่ะ ” ต่ายบ่นออกมา  ใช้เท้าเขี่ยเพื่อนที่ยืนขวางทาง

“แหม แค่นี้ทำบ่น”

“แล้วนี่มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“วันศุกร์  ว่างๆก็เลยเข้ามา” แชมยักไหล่ ก่อนจะเดินสำรวจรอบห้อง  จนต่ายต้องยัดของแห้งที่มี ถึงยอมหยุดกับที่ 

“ไง  จะอยู่ที่นี่ หรือกลับเลย”  ต่ายหันมาถามเด็กโค่งมองตาแป๋วอยู่ปลายเตียงที่ถูกปูผ้าไว้เรียบร้อย

คนถูกถามเหลือบมองต่ายที่ยืนค้ำหัวอยู่ กับแชมที่นั่งแกะถุงปลากรอบอย่างไม่สนใจ
 
“อยู่ที่นี่”  ต่ายยิ้มรับคำตอบนั้น ก่อนจะหันไปไล่เพื่อนรักที่กำลังกินขนมอย่างไม่เกรงใจด้วยสายตา   อีกฝ่ายพอรู้ว่าถูกมอง ก็ลุกขึ้นก่อนจะเบะปากใส่


“ใช่ซี่ มีผัวแล้วเพื่อนจะสำคัญอะไร” พูดจบก็รีบวิ่งออกมา  ก่อนที่จะโดนแม่ไม้มวยไทยของเจ้าของห้องซัดเสียก่อน
ต่ายอยากจะกรอกตาเป็นเลขแปดไทย


“ง่วงมั๊ย ฮ้าว~” ถามอีกคน แต่ตัวเองกลับหาว  เพราะวันนี้ออกมาตั้งแต่ตีห้า เพราะไม่อยากเจอรถติด  เลยต้องตื่นเช้ากัน แถมเมื่อคืนกว่าจะหลับจะนอนได้ ก็ล่อซะดึก


ไม่ต้องคิดไกล…..



ต่ายแค่เพิ่งเก็บของใส่กระเป๋า  ส่วนเจ้าไทกริสที่มาค้างด้วยนั้น  นาฬิกาตีบอกสี่ทุ่มปุ๊บก็ตาปรือ จนเขาต้องไล่ไปนอนนั่นแหล่ะ 


............................
..........................................



ครืด ครืด ~

ต่ายละมือจากกองกระดาษตรงหน้า ก่อนจะเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ส่งเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า

ซึ่งเป็นเชกเช่นทุกวัน ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกงาน 

ไทกริสมักจะส่งข้อความมาเสมอ เช่น

กินข้าวด้วยนะ

เหนื่อยมั๊ย

คิดถึง



ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนสาย ตอนพักเที่ยง  ตอนเย็น และก่อนนอน ข้อความพวกนี้มักจะส่งมาเสมอ จนรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยถึงกับแซวว่าแฟนติดเขาจริงๆ


มันก็จริงอย่างที่ว่า  แต่ก็ไม่ใช่ฝ่ายนั้นที่ติดเขาอย่างเดียว เขาเองก็ด้วย แม้มันจะไม่ได้เป็นคำหวานๆแต่ก็รู้สึกอบอุ่นที่หัวใจ 



เขาเคยแอบหวั่นว่า  ถ้าเขามาอยู่ที่นี่ตอนฝึกงานตลอด ไทกริสจะมีท่าทีอย่างไร

ซึ่งในตอนแรก ก็ยังมีอาการต่ายลิซึ่ม   แต่เพราะต่ายเพียรพยายามบอกด้วยเหตุผลต่างๆนานา แทบจะชักแม่น้ำทั้งโลกมาพูด  พร้อมทั้งผนึกกำลังกะเหล่าครอบครัวของไทกริสด้วย

 
สุดท้ายก็ยอมเข้าใจและไม่งอแง อย่างที่เขากังวล  แถมตามมาส่งเขาถึงหอพักอีกต่างหาก

ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็โตขึ้นกว่าแต่ก่อน






ต่ายอมยิ้มกับข้อความ ที่ขึ้นว่าอีกคนส่งรูปภาพมาให้

พอกดเข้าไปก็ต้องยิ้มจนปากแทบฉีก


ภาพใบคะแนนสอบ



เมื่อคืนอีกฝ่ายบอกว่า วันนี้จะมีเทสต์ย่อยแต่เช้า พร้อมทั้งบอกอีกว่าจะเอาคะแนนเต็มมาให้ดู เตรียมรางวัลไว้ได้เลย

พอเห็นคะแนนแล้วก็อดดีใจด้วยไม่ได้  คะแนนเต็ม  อย่างที่เจ้าตัวพูดไว้จริงๆ


ว่ากันตามตรง
ตั้งแต่เขาเรียนมา 3 ปี ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะเทสต์แล้วได้คะแนนเต็มเลย
แค่เกินครึ่งนี่เป็นอะไรที่สุดๆแล้ว

เขาส่งข้อความบอกว่า  เก่งมาก พร้อมด้วย ส่งสติกเกอร์หัวใจไป

เห็นความเป็นไปของอีกคนแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจทำงานมากขึ้น  เพราะวันนี้วิศวกรประจำโรงงานให้พวกเขาลองศึกษาเอกสารเครื่องจักรที่ได้มาใหม่ดู


มองเพื่อนรักที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่แพ้กัน


ไม่ใช่อะไรหรอก  เนื้อหาเอกสารเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ

 
ไอ้พวกเขาก็เก่งซะด้วย


รุ่นพี่ที่เคยฝึกงานที่นี้ แอบมาบ่นว่า  เคยได้เอกสารที่เป็นภาษาเยอรมันล้วนๆ   รีบหาดิกชันนารีมาเปิดแทบไม่ทัน



พอพักกลางวันก็มานั่งกินข้าวกันที่โรงอาหาร  เหล่าพนักงานออฟฟิศในโรงงานบวกกับเหล่าคนงานจำนวนไม่น้อย เลือกที่นี่เป็นอันดับแรก ด้วยเหตุผลหลักๆก็คือ

เพราะ 1.ให้เยอะ 2.ให้เยอะ สามให้เยอะ  ………… 10. ให้เยอะ


ซึ่งต่ายและแชมก็เป็นหนึ่งในนั้น  คนถูกใช้แรงงานอย่างพวกเขา จะให้กินข้าวทัพพีเดียวแบบที่ร้านตามสั่งชอบให้คงไม่ไหว  หมดแรงตายกันพอดี


ต่ายเลือกที่นั่งประจำ  ก่อนจะสไลด์โทรศัพท์รอเพื่อนรักไปซื้อข้าว


จนมาเจอภาพในอินสตาแกรม ของโจ เพื่อนไทกริส 

ที่เป็นภาพเหล่าสามทหารเสือชูใบคล้ายกับที่เพิ่งเห็นเมื่อตอนสาย
 
 
ใบหน้าของสามทหารเสือที่ชูใบข้อสอบ โดยมีคะแนนสอบถูกเขียนด้วยปากกามาร์กเกอร์สีแดง เส้นหนาได้ใจ สีหน้าดูยิ้มแย้ม เบิกบานรับกับคะแนนเต็มที่ได้รับ  จะเว้นแต่เจ้าเสือยิ้มยากอย่างไทกริส


ต่ายหัวเราะกับตัวเอง  เพราะคิดว่า

แค่อีกคนยอมร่วมเฟรมด้วย ก็เป็นบุญล้นพ้นอยู่แล้ว

ในรูปที่พวกเขาถ่ายด้วยกัน แทบไม่มีรูปที่ไทกริสยิ้มเลย


ยอดไลค์นับพัน ทั้งๆที่เพิ่งโพสต์ไปไม่กี่นาทีก่อน 

เจ้าพวกนี้มันศัตรูของเหล่าผู้ชายจริงๆ


นั่งอ่านคอมเม้นท์ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกสาวๆ ที่นิยมชมชอบสไตล์หนุ่มลูกครึ่ง มีทั้ง...

        lilylemonade หล่อทั้งหมดเลย   เหมาหมดเลยค๊า ♥♥♥♥♥

อ่าาาาา

        khunbevooo หนุ่มๆบริหารเก่งจังค่ะ มาบริหารรักกับเราหน่อยมั๊ยย   อิอิ

เอิ่มมมมมม

       kokokola ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ แบบนี้ พี่เห็นแล้วน้ำเดินเลยจ้าาาา  โดยเฉพาะคนริมซ้าย #ได้ซักทีจะตั้งใจเรียน 

หืมมมมมมมมมมมมมมม!!!


ต่ายได้แต่อุทานในใจ  ทำไมผู้หญิงสมัยนี้ช่างน่ากลัว   อยากจะแฮชแท็ค #โลกหมุนเร็วจนฉันตามไม่ทันแล้วพี่บัวลอย ใส่ทุกโซเชียลที่มีอยู่


แต่เดี๋ยวนะ ...


คนริมซ้าย



นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอขึ้นไปดูภาพ

คนริมซ้าย ก็คือไทกริสน่ะสิ


เหอะ!! ข้ามศพ เขาไปก่อนเถอะ !!!

ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว  ถ้าเขาพูดแบบนี้ คงวงแตกแน่ๆ


“ทำหน้าตาเหมือนจะฆ่าคนเลยนะมึง” ต่ายสะดุ้งเล็กน้อย   ก่อนจะมองค้อนเจ้าเพื่อนตัวดี ที่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง อีกคนไม่สะทกสะท้านใดๆ  แถมยังชะโงกหน้ามาดูจอมือถือของเขาอีก

“อ๊ะ หน้าสลอนกันดีจริงๆ พวกนี้” แชมว่าอย่างขำๆ  ก่อนจะลงมือกินก๋วยเตี๋ยว ทิ้งให้เพื่อนตัวเองทำหน้าตาแปลกๆกับโทรศัพท์ไป

จนกระทั่ง เจ้าของไอจีมาตอบกลับข้อความนั้น  ต่าย ก็รู้สึกหน้าร้อนฉ่า ชนิดที่ว่า เอาเนื้อมานาบคงสุกแน่ๆ



     jeojoe @kokokola  คนนั้นเขามีเจ้าของแล้วค้าบบบ  เจ้าของหวงหนักมากครับ 


ทำได้ดีมาก เจ้าโจ  วันหลังจะซื้อสมาร์ทฮาร์ทไปฝากนะ




อาทิตย์นี้มีวันหยุดติดกัน 4 วัน  ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ ซึ่งต่ายและแชมตัดสินใจว่าจะกลับบ้าน หลังจากไม่ได้กลับไปนาน เพราะปกติทุกอาทิตย์ ไทกริสจะเป็นฝ่ายมาหาเขาเสมอ  ครั้งนี้ต่ายคิดว่าน่าจะเป็นฝ่ายไปหาอีกคนบ้างก็เท่านั้น
 
เช้าวันศุกร์ ต่ายและแชมก็ออกจากชานเมืองที่สงบสุขเพื่อมุ่งสู่ตัวเมืองตัววุ่นวายที่เจอมาทั้งชีวิต


อันที่จริงแล้ว วันศุกร์ไม่ใช่วันหยุด แต่เพราะเจ้าของโรงงานที่แสนใจดี บอกว่าเป็นโบนัสที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาตลอด

ไอ้นักศึกษาฝึกงานอย่างพวกเขาก็พลอยได้ส่วนบุญไปด้วย
 

หยุดครั้งนี้ เขาไม่ได้บอกไทกริสว่าจะมา  กะว่าจะไปเซอร์ไพร์สที่มหาลัย 


น่าสนุกดี
อยากจะเห็นหน้าเจ้าเด็กโค่งเวลาตกใจนัก



วันศุกร์นั้น ไทกริสเรียนครึ่งวัน
 
ต่ายย้ำกับตัวเองในใจ


รึเปล่าวะ ...??


ชักไม่แน่ใจตัวเอง  เลยต้องนั่งคุ้ยประวัติแชท ที่ย้อนไปนานโขจนต้องถอดใจ  สุดท้ายก็นั่งรอแม่งมันตรงหน้าคณะนั่นแหล่ะ
 
แต่เพื่อความไม่พลาด

ลองถามดูก็สิ้นเรื่อง
 

     วันนี้มีเรียนครึ่งวันรึเปล่า


ห้านาทีผ่านไป
เงียบ ..



สิบนาทีผ่านไป
ยังเงียบกริบ...




ยี่สิบนาทีผ่านไป
ข้อความถูกอ่านแล้ว 


พร้อมกับข้อความที่คุ้มค่ากับการรอคอยของต่าย




        อือ



ต่ายแทบจะก้มไหว้สี่มุม แบบนักหมวย

พอได้รับการยืนยันจากเจ้าตัว มองดูเวลา เที่ยงตรงพอดี   อีกไม่นานก็เลิก




-จ๊อกแจ๊ก จอแจ-


ต่ายรีบไปหาที่หลบ เมื่อได้ยินเสียงพูดคุย  ถึงจะไม่รู้ว่าใช่เพื่อนเอกเดียวกับไทกริสรึเปล่าก็ตาม  หันซ้ายขวา เห็นรถ BMW คันคุ้นตาจอดอยู่ไม่ไกลจึงตัดสินใจไปแอบอยู่ท้ายรถ  รออีกคนมา

สายตาคอยสอดส่อง เพื่อมองหาเจ้าของรถ ที่ยังไม่มีวี่แววจะมาเลยซักนิด


ชายหนุ่มรู้สึกขำกับตัวเอง ที่มาทำแบบนี้  นี่ถ้าเป็นเขาสมัยก่อน คงไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ อย่างกับเด็กเล่นซ่อนหา

แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น หัวใจที่รัวเต้นอย่างกับจะหลุดออกมา ในขณะซ่อนตัว คงจะหมายความว่าเขากำลังสนุกกับมันสินะ


นั่งแอบไปได้ซักพัก เป้าหมายก็เดินตรงเข้ามา

หน้านิ่งๆ แต่ออร่าความหล่อที่แผ่กระจาย ยิ่งแสงแดดส่อง ผิวขาวๆของไทกริสยิ่งเปล่งประกาย ถ้าไม่ได้เป็นการอวยแฟนตัวเองนัก ต่ายเห็นแสงระยิบระยับออกจากตัวไทกริสด้วย


ต่ายเม้มปากแน่น เรียกกำลังใจตัวเอง


จนกระทั่งอีกคน  กำลังปลดล๊อครถ ต่ายก็พุ่งตัวเข้าประชิดจากทางด้านหลัง  จับแขนอีกคนไขว้หลังเอาไว้หลวมๆ

พลางกระซิบข้างหูอีกคนว่า


“หยุดนะ  นี่คือการปล้น”


ร่างที่เกร็งแข็งในตอนแรก คลายลง เมื่อได้ยินเสียงของเขา  ก่อนจะกลายมาเป็นยืนนิ่ง สบตาเขาพลางทางกระจกรถฟิล์มดำนั่นแทน

“ฮ่าๆ ตกใจมั๊ย” ต่ายคลายมือที่ล๊อคแขนขาวออก แล้วย้ายตัวเองมายืนข้างๆเด็กโค่ง

แต่อีกคนนิ่งจนเริ่มใจเสีย

ไม่ใช่ตกใจจนตัวแข็งไปแล้ว?


แต่ก่อนจะได้สำรวจอาการ ร่างของต่ายก็ถูกรวบเข้าไปกอดแน่น จนรู้สึกหายใจแทบไม่ออก ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของอีกคนข้างๆซอกคอของเขา ตัวต่ายเองก็เช่นเดียวกัน ซึมซับกลิ่นหอมจางๆอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวจนเต็มปอด


“อืออ ใจเย็นน  กอดแน่นไปแล้ว”  ทุบไหล่แข็งแรงดังปึก  ทั้งหายใจไม่ออก ทั้งอายประชาชี  แม้มันจะไม่ใช่ที่พลุ่นพล่าน แต่มันก็มีกล่องวงจรปิดนะเฮ้ย


คิดได้ดังนั้น ก็รีบดันเจ้ามือปลาหมึกออก ก่อนจะจับยัดเข้าไปในรถ ส่วนตัวเองก็เดินอ้อมมาอีกฝั่ง  ทำหน้าที่เดิม

ตุ๊กตา(ยักษ์)หน้ารถ



“ไปบ้านพี่นะ”  ต่ายบอกกับคนขับ  ไทกริสเลิกคิ้วกลับเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร 


จนกระทั่งรถคันหรูเลี้ยวเข้าทางเข้าหมู่บ้าน  ต่ายก็เอ่ยทักกับลุงยามคนเดิม ไม่มีเพิ่มเติมอะไรทั้งนั้น  ซึ่งรายนั้นพอเห็น ว่าเป็นใคร ก็ดีใจซะจนแทบทะลุป้อมออกมา แถมยังเอ่ยถามถึงพ่อแม่ของเขาอีก

พูดคุยพอเป็นพิธี ต่ายก็ขอตัว เพราะเริ่มจะหิว ลุงยามก็รีบกุลีกุจอกดปุ่มยกไม้กั้น พร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างจนตีนกาโผล่


บ้านเขาก็ยังคงเหมือนเดิมทุกระเบียดนิ้ว  สวนสวยๆที่คุณนายของบ้าน หวงนักหวงหนา ก็ยังคงเขียวชะอุ่ม สวยสดงดงาม ดอกกล้วยไม้พันธุ์ที่ชอบบ่นแพงหูฉี่ แต่ก็ซื้อมา ออกดอกบานสะพรั่งล่อตาล่อใจหัวขโมย คงต้องยกเครดิตให้ป้าแม่บ้านที่มาคอยดูแลทุกอาทิตย์นั่นแหล่ะ


เขาโทรบอกแม่บ้านแล้ว ว่าให้ซื้อของติดตู้เย็นมาซักสามสี่อย่าง แต่นี่ อย่างกับจะอยู่เป็นเดือน 
 
มื้อกลางวันจบลงด้วยข้าวผัดสูตรพิเศษ  เพราะใส่ใจลงไป


เอ่อ ….
เล่นเอง เลี่ยนเองแฮะ ...



ทุกครั้งที่ไทกริสมาหานั้น  ก็ปาไปเกือบเย็น ดังนั้น มื้อแรกที่เจอกันมักจะเป็นมื้อเย็นของวันศุกร์ตลอด
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เจอกันแล้วได้กินข้าวกลางวันด้วยกัน แถมเป็นฝีมือของเขา ไม่ใช่ ป้าร้านอาหารตามสั่งอีกต่างหาก


“อยากกินอะไรอีกไหม”  ต่ายถามคนข้างๆ ที่กำลังนั่งดูซีรี่ย์เรื่องโปรดอย่างใจจดใจจ่อ

อีกคนส่ายหัว  ก่อนจะค่อยๆเลื้อยลงมานอนตักเขา

นิ้วเรียวรีบดีดหูคนนอนอย่างเร็วไว  ไทกริสสะดุ้งผุดลุกขึ้น พลางมองเขาอย่างงงๆ


“เพิ่งกินอิ่ม อย่าเพิ่งนอนสิ  เตือนหลายรอบแล้วนะ”  เอ่ยเสียงขรึม เจ้าเด็กโค่งดูซึมไปถนัดตา


อะไรจะโอเวอร์แอคติ้งขนาดนั้น 


แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ..

ต่ายขยับตัวเองให้เข้าไปชิดกับไทกริส จนไหล่เกยกัน  ก่อนจะเอื้อมมือไปดันหัวให้มาซบกับไหล่ของเขา
ซึ่งอีกคนก็ว่าง่ายสอนง่าย ไม่ขัดขืนใดๆ
 


จนเมื่อซีรีย์จบ  ห้องนั่งเล่นก็ตกอยู่ในความเงียบ  ก่อนจะถูกทำลายเมื่อเสียงทุ้มนุ่มของเจ้าเด็กโค่ง

“ต่ายโดดงานมาเหรอ”  ได้ยินคำถามนี้  คนฟังถึงกับหัวเราะพรืดออกมา

นี่คิดได้ไง


“ฮ่าๆๆๆๆ จะบ้าเหรอ  วันนี้เขาให้หยุดต่างหาก  จะได้หยุดยาวเลยไง” พูดไป ก็ลูบผมนุ่มนั้นไปพลาง  ชวนเคลิ้มทั้งคนลูก และคนถูกลูบ


“คิดถึง” คำพูดเรียบๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง   แม้จะถูกพูดทุกครั้งที่เจอกัน ไม่ว่าจะทั้งเจอกันต่อหน้า  คุยทางโทรศัพท์ หรือจะเป็นทางข้อความก็ตาม
 

ต่ายก็ไม่มีเคยเบื่อมันเลย


“อืม เหมือนกัน” ยิ้มบางๆ ให้เด็กโค่ง   ก่อนจะถูกปิดด้วยฝีมือของอีกคน


“อือ~” เพราะไม่ทันตั้งตัว เลยเผลอดิ้นไป แต่พอเข้าที่เข้าทาง อะไรๆก็เกิดขึ้น
 

ร่างทั้งสองต่างค่อยๆนอนราบไปกับบพื้นโซฟา  โดยที่ปากของทั้งคู่ยังคงไล้เลียชิมกันอย่างโหยหา ด้วยตำแหน่งที่นั่งของต่าย ทำให้ไทกริสมาอยู่ใต้ร่างเขา  แต่มีหรือว่าไทกริสจะสน


มือขาวสอดเข้ามาใต้เสื้อของต่าย  ลูบไล้ตามแนวกระดูกสันหลัง  เรียกเสียงครางแผ่วๆออกมา


ในขณะที่กำลังมัวเมาในรสจูบนั้น


เสียงรถจอดที่หน้าบ้าน ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่สนใจได้  อาจจะะเป็นเพราะอามรมณ์ที่เริ่มพุ่งสูง


ต่ายชะงักเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงดังกริ๊ก   หัวใจหวิวๆ  รู้สึกเหมือนมีภัยกำลังมา


แต่เพราะความหื่นมันบังตา   ตอนนี้เขาไม่สนอะไรทั้งนั้น  ต่อให้ตำรวจบุกมาก็เถอะ


มือหนาขยุ้มกลุ่มผมสีอ่อนไว้  สัมผัสทีไรก็รู้สึกเหมือนขนแมวทุกครั้ง 


“ทำไมมันเงียบแบบนี้ล่ะเ-------  ว๊ายยย  อกอีกแป้นจะแตกกก   ไอ้ต่ายยยย แกทำไรน้องไทก์น่ะ!!!!!!!!!”



ต่ายรีบผละออก ทันทีที่ได้ยินเสียงแหลมชนิดแปดหลอด  จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก




“แม่!!!”
 


นี่มัน เดจาวู ชัดๆ


TBC
----------------------------------


BEVA TALK : หายไปนานอีกล้าวววว  คุกเข่าขอขมา  แบบว่า แต่งไม่ออก ฮรึกกกก  :hao5:    พยายามเข็นออกมาเท่าที่จะทำได้ 
ขุ่นแม่มาเจอแบบนี้    ทำยังไงล่ะเนี่ยยยยย   :katai1:  (แต่งเอง ลุ้นเอง)

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกบวกเป็ดนะคะ  บีว่ายังเป็นนักเขียนมือสมัครเล่นมากๆ สำนวนการแต่งยังไม่ดีพอ  แต่สัญญาว่าจะทำให้ดีขึ้นนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

รักคนอ่าน จุ๊บบบบ  :กอด1: :กอด1:

[/b]

คิดเห็นอย่างไรกับตอนนี้ บอกกันด้วยนะจ๊ะ   
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-07-2016 01:11:38
ดีใจที่มาต่อสักที
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 14-07-2016 06:02:12
ขำแม่ต่าย ขนาดตกใจยังอุทานเป็นต่ายกอะไรน้อง ทั้งๆที่ต่ายถูกกระทำนะฮะ
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-07-2016 20:02:45
แม่ทักผิดรึป่าวคะ น้องไทก์เป็นคนทำไม่ใช่เรอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-07-2016 21:31:52
คุณแม่จะว่ายังไงนะทีนี้
หัวข้อ: Re: 【 ❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤ 】::UP!!! บทที่ 29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-07-2016 22:18:18
เอาแล้วไงๆๆๆๆๆ ขุ่นแม่มาเจอ!!!
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 15-07-2016 22:13:14
โอยยยย  ค้างสิครัชชชชช  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 16-07-2016 08:19:33
ตอนต่อไปล่ะค่ะร่ำร้องงงงง อยากอ่านแล้วววว
คราวนี้ต่ายต้องรับผิดชอบน้องนะคึคึ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-07-2016 09:50:26
เอาแหล่วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 16-07-2016 20:44:28
ตายแน่  หว๋ายยยยยยยยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 18-07-2016 10:40:37
บรรดาคุณแม่นี่สีสันของเรื่องจริงๆ อกอีแป้นจะแตก!!!!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่29 14/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-07-2016 16:33:47
ตายหอง จะรอดไหมต่ายกริส เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】::UP!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 28-07-2016 23:07:34
บทที่ 30    ด่านสุดท้าย ?!!!






 “แม่!!!”  ต่ายร้องลั่น มองแม่ตัวเองที่ยืนจังก้าเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้าทีวีด้วยท่าทางขึงขัง  มือไม้ทำอะไรไม่ถูกคว้าสะเปะสะปะไปหมด   ยิ่งเห็นสายตาเยี่ยงนางมารร้าย หัวใจน้อยๆก็แทบจะวายตาย


ในหัวมีแต่คำว่า  ซวยแล้ว!! เต็มไปหมด
 

“บอกแม่มานะ  แกทำอะไรน้องไทก์ห๊ะ!!”

“ทะ-ทำอะไรแม่  เล่นกันเฉยๆ”  ต่ายที่ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หัวเราะแบบแห้งๆไป 


แต่มีหรือที่คนอย่างนาถลดาจะเชื่อ !!


“อย่ามาโกหก แม่เห็นอยู่ตำตา  แกขืนใจน้องใช่ไหม  นี่อะไร กลางวันแสกๆแท้ๆ แกยังกล้าทำแบบนี้อีก”

ต่ายอ้าปากเหวอกับคำพูดของคนตรงหน้า 

เมื่อกี้ ….


แม่บอกว่าเขา …


ขืนใจไทกริสงั้นเหรอ?!



“ชักจะไปกันใหญ่แล้ว แม๊!!!!!” ต่ายตะโกนลั่น    มองเจ้าเด็กโค่งที่ยืนอยู่ข้างๆ  ใบหน้ามึนๆ แต่รู้สึกแววตาเต้นระริก ราวกับสนุก
 

หน้าตาแบบนี้เหมือนคนโดนขืนใจตรงไหนกันเนี่ย !!!


“นี่แกตะโกนใส่แม่หรอ หาาา?”   สองแม่ลูกตะโกนใส่กัน อย่างกับอยู่ห่างกันเป็นวา  ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่โต๊ะเล็กๆกั้นไว้

“เปล่าซะหน่อย    ต่ายว่า.... แม่นั่งก่อนนะ  ทำใจดีๆก่อนนะแม่นะ”

“แม่ยังไม่ตายนะ มาทำใจดีๆอะไร”  อีกคนว่าเสียงสะบัด   ต่ายแทบอยากจะระเบิดตัวตายไปซะเดี๋ยวนั้น 

ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองมารดา ก่อนจะพาไปนั่งโซฟา ที่เดียวกับที่เพิ่งลุกไปเมื่อกี้

“แล้วนี่แกจะบอกได้ยัง ว่าทำอะไรน้องห๊ะ?”

“แม่ก็ใจเย็นๆก่อนได้ไหมเนี่ย  มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดหรอกน่าาา”   ชายหนุ่มมองหน้ามารดาตนที มองหน้าผู้ร่วมก่อเหตุ?!ที   แต่พออีกคนทำหน้าซื่อตาใสแล้ว  ได้แต่ใบ้กิน   

ทำไมไม่ช่วยกันทำมาหากินเล้ยยย


ในขณะที่กำลังเรียบเรียงคำพูด ราวกับคอมพิวเตอร์ที่กำลังประมวลภาษาจากตัวเลข0 1 อยู่นั้น ….


เจ้าเด็กโค่งที่เงียบมานาน ก็เอ่ยขึ้น


“ป้าดาครับ”

“จ๋า ว่าไงลูก”
 

ทีงี้รับเสียงหวานเชียว กับลูกแทบจะฆ่ากันให้ได้  ชายหนุ่มบ่นในใจ   

แต่ก็ได้แต่ลุ้นว่า เจ้าเด็กโค่งจะพูดอะไรออกมา

หวังว่าคงจะไม่พูดอะไรแปลกๆออกมานะ



“เราสองคนเป็นแฟนกันครับ”


โอ้ จอร์จจจจจจจจจจจจจจ

นี่มึงก็ตรงเกินไปแล้ววว  !!!



แม้จะตอบแบบไม่ตรงคำถาม แต่ก็อธิบายเรื่องราวได้ทั้งหมดภายในคำพูดเดียว .....


“หา???” สีหน้าของนาถลดาไม่เหลือเค้านางมารร้ายเมื่อสักครู่


ต่ายแทบอยากจะเอาหัวโขกกับกำแพงรัวๆ   แต่ก็ได้แต่คิดเพราะกลัวเจ็บ  ยิ่งเห็นสีหน้าแม่ตัวเองลางร้ายเริ่มส่งสัญญาณ 

เลยต้องรีบเข้าชาร์จแขนของหญิงสาวเอาไว้


“แม่  ต่ายขอโทษที่ไม่ได้บอกแม่เรื่องนี้  แต่ว่า...”  สายตาเหลือบมองคนข้างๆ


“คือเราก็เพิ่งคบกัน ไม่กี่เดือนนี้เอง  ที่ต่ายไม่ได้พูดเรื่องนี้ เพราะต่ายก็ไม่รู้จะพูดยังไง”

“ต่ายขอโทษที่ต่ายเลือกทางนี้  และก็อาจจะทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง  แต่ต่าย .....  ไม่ปึ๋งปั๋งกับผู้หญิงตั้งแต่อยู่กับไทกริสแล้วอ่ะ” ต่ายกลืนน้ำลาย  รอดูปฏิกิริยาของแม่ตน  ว่าจะเข้าโหมดไหน ..



นาถลดามองหน้าลูกชายตนกับคนที่เป็นเหมือนลูกชายอีกคน  พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ 


เด็กสองคนนี้ คนแรกก็คลอดเองก็มือกับอีกคนก็เห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
 
แม้เธอจะเคยแปลกใจ  ในครั้งแรกที่เจอกับไทกริส ก่อนที่จะได้รับฝากฝังจากรุ่นน้องสมัยเรียน   

เด็กในวัยนี้ น่าจะเริ่มเข้าสู่วัยต่อต้านแล้วแท้ๆ แต่กลับอยู่กับลูกชายของตนที่เป็นคนห่ามๆ ได้อย่างนี้



“...ถามว่าแม่ผิดหวังไหม  ก็นะ  แม่ก็อยากเห็นลูกได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักและรักเรา   แต่เหนือสิ่งอื่นใด  แม่อยากให้ลูกมีความสุขกับสิ่งที่ลูกเลือกมากกว่า แม่เองก็เคยสอนหลายครั้งแล้วว่าลูกรักใครซักคนมันไม่ผิดหรอก ตราบใดที่ลูกมีความสุขอย่างแท้จริง ไม่เดือดร้อนใคร  แม่ก็ยอมรับด้วย” ฝ่ามือนุ่มลูบหัวเด็กทั้งสองอย่างรักใคร่


“แม่ครับ..”  คำพูดหวานซึ้งที่ไม่ค่อยได้รับจากมารดา ทำเอาต่ายน้ำตาคลอ  มองหน้าแม่ตัวเองอย่างอึ้งๆ

“น้องไทก์  แน่ใจนะ ว่าจะเลือกลูกป้าน่ะ”

“แน่ใจครับ”

“เบื่อแล้วไม่รับคืนนะ  เดี๋ยวแถมข้าวสารไปให้ถังนึงด้วย”

“แม่!”

“โอ้ยย  อยู่ใกล้แค่นี้จะเรียกเสียงดังทำไม  ไม่ได้หูตึงนะยะ”

“นึกว่าตึงแล้ว!” 

 “เดี๋ยวเถอะ  แล้วนี่.. แม่เรารู้เรื่องงรึยัง  คงจะยังสินะ  นี่แม่ต้องเตรียมดอกไม้ไปขอขมาไหมเนี่ย เฮ้ออออ ”

เด็กหนุ่มทั้งสองได้แต่กระพริบตาปริบๆให้กับหญิงสาวตรงหน้าที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกสับสวิตซ์ได้



แบบนี้ แปลว่า ผ่าน แล้วใช่ไหม


ในความสับสนและมึนงง ที่อยู่ๆคุณนายของบ้านที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาชาติเศษ  จนคิดว่าไปปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่เชียงใหม่ไปแล้วด้วยซ้ำ กลับมาบ้าน โดยไม่บอกล่วงหน้าเลย

ไหนจะเรื่องที่ยอมรับพวกเขาได้ง่ายๆแบบนี้ 


 ซึ่งถามว่าดีใจไหม 

ทำไมจะไม่ดีใจกัน

แต่ …..


มันก็ง่ายเกิ๊นนนนนนนน   นี่เขาคิดมากจนเป็นตุเป็นตะ จนทะเลาะกับไทกริสไปเพื่ออะไร??


แม้ด่านแรกจะผ่านไปได้ด้วยดี  แต่พ่วงด้วยการโดนแม่บังเกิดเกล้าขัดขวางวันหยุดที่มีค่าของพวกเขา ด้วยการอยู่กับบ้านเฝ้าคอยเฝ้าระวัง

ด้วยเหตุผลที่ว่า

เพื่อไม่ให้กระต่ายป่าผู้หิวโหยกระโดดฟัดกับลูกเสือน้อยที่น่าสงสาร

พอได้ยิน ต่ายแทบฮาก๊าก 


นี่แม่เขาคิดว่า  ไทกริสนั้นเป็นเสือน้อยไร้เขี้ยวเล็บเรอะ

ขอบอกว่า

ผิดถนัดเลยเถอะ!



แต่ครั้นจะชี้แจงแถลงไขให้เข้าใจแบบถูกก็ป่วยการณ์ เพราะนายไทกริสในตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กชายไทกริสในวันวานสำหรับคุณนายนาถลดา






เช้าวันอาทิตย์อันสดใส  เด็กหนุ่มทั้งสองก็ถูกปลุกด้วยนาฬิกาเดินได้อย่างนาถลดา  เพื่อให้ทั้งคู่ไปช่วยกันหิ้วของสดจากตลาด

ตลาดสดยามเช้าผู้คนช่างคึกคัก พอๆกับกับกลิ่นคาวจากอาหารทะเล   ต่ายน่ะพอชิน  แต่เด็กโค่งตัวขาวที่เดินอยู่ข้างๆเขานี่สิ

หน้างี้มุ่ยเชียว  อย่างกับใครเอาขี้หมาทาจมูก


ก็นะ คุณหนูไทกริส ที่ครอบครัวแสนรักแสนหวงแสนสปอยล์  คงไม่เคยเดินตลาดสดแบบนี้แน่ๆ

เดินไปตามทางก็มีแต่แม่ค้าทักกัน ว่ามีลูกชายหล่อ  โดยเฉพาะเจ้าเด็กโค่งตัวขาว

คุณนายนาถลดาพอได้ยินก็ยิ้มหน้าบานอย่างกับจานดาวเทียมดำ ประหนึ่งเป็นคนคลอดออกมาเอง


ต่ายคิดว่า ที่ให้พวกเขามาสองคน คุณนายต้องซื้อของเยอะแน่ๆ
 
แต่ ......   ถ้าไม่นับข้าวของจากแม่ค้าปากหวาน  ก็มีแค่ปลานิลขนาดโลกว่าๆ 2 ตัว  กับ ฟอยล์ห่อปลา ที่หาซื้อในเซเว่นก็ได้

โถ่ เวลานอนอันมีค่า ....

พอบ่นออกมาให้ได้ยิน  ก็โดนตอกกลับด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ที่ดูยังไงก็เสแสร้งชัดๆ

“แกจะไม่คิดจะช่วยแม่ถือเลยรึไง  ถ้าเกิดแม่เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำยังไง”

ต่ายได้แต่กลอกตา   ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอ
ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยเห็นคนคนนี้ป่วยซะครั้ง  เชื่อเถอะ ผู้หญิงคนนี้แข็งแรง บึกบึน ขนาดล้มหมีมือเปล่าได้ง่ายๆ
(อ้างอิง : จากคำบอกเล่าของพ่อ)



พอกลับถึงบ้าน คุณนายท่านก็เดินตัวปลิว  ปล่อยให้ลูกในไส้กับนอกไส้  นั่งก่อเตาไฟหน้าดำหน้าแดง (คงจะรู้นะว่าใครหน้าอะไร)


สุดท้าย เมี่ยงปลาเผาสูตรคุณนายนาถลดา ก็กลายมาเป็นอาหารมื้อเช้า+เที่ยงของพวกเขาไป


การที่มีคุณนายนาถลดาอยู่ในบ้านหลังนี้ ! ฉะนั้นวันหยุดที่แสนโหยหาของต่าบและไทกริส ก็ผ่านไปด้วยกันแค่กินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกัน(โดยมีแม่ของต่ายนอนตรงกลาง!!) ที่ลงทุนปูฟูกหนานุ่มนอนแทนที่จะนอนเตียง

ก่อนนอน นาถลดาก็มอบจุมพิตแสนอบอุ่นให้เด็กหนุ่มที่รักทั้งสอง  พร้อมกับเล่าเรื่องในตอนที่ไปอยู่ที่เชียงใหม่มาราวกับเป็นนิทานก่อนนอนดั่งเช่นทุกคืน

แม้ต่ายจะรู้สึกอึดอัดปนขัดเขิน ที่โตป่านนี้แล้วแม่เขายังทำกับเขาเหมือนเด็กอนุบาล   


แต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่า 

มันอบอุ่นจริงๆ  เหมือนได้ย้อนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง





ต่ายมองกองเอกสารด้วยสายตาเหม่อลอย  จนกระทั่งเพื่อนรักอย่างแชมตบเข้าที่หน้าผาก จนแทบเห็นนกบินบนหัว
สติสัมปชัญญะได้กลับมา


“มึงอย่าเพิ่งชิงตายไปก่อนนะเว้ย  มาช่วยกันเขียนรายงานก่อนสิวะ” แชมบ่นออกมา  ปรายตามองเพื่อนที่มองเขาตาเขียวปั๊ด   


ใช่ว่าเขาเองจะไม่รู้สึกเหนื่อย ที่ต้องเขียนทั้งรายงานสรุปผลการฝึกงาน กับเขียนรายงานประจำวันส่งพี่เลี้ยง


สัปดาห์นี้ เป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ฝึกงานที่นี่  จะบอกว่าดีใจก็ดีใจ แต่ก็ใจหายเหมือนกัน เพราะผ่านทั้งความสุข ความเศร้า ความเหนื่อย  ความมึน มาตลอด 2 เดือน


ยังจำสัปดาห์แรกๆได้     พี่เลี้ยงให้เขาเดินตามคอยอธิบายส่วนต่างๆของโรงงาน  พร้อมกับบอกเรื่องเครื่องจักรว่าทำงานอย่างไร     ต่อมา ก็เริ่มตรวจเช็คสภาพระบบ และรายงานผลส่งหัวหน้า   หลังจากนั้นก็เป็นคิวอ่านเอกสารประกอบ ที่ไม่มีภาษาไทย  ยังจำวันเวลาที่หัวหมุน เพราะทั้งศัพท์เฉพาะกับศัพท์ธรรมดา ตีกันมั่ว


ส่วนสัปดาห์สุดท้าย  เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด  นี่คือสิ่งที่พี่เลี้ยงบอกมา
และนั้นทำให้เขาได้ลองปฏิบัติจริง ลองผิดลองถูกจริง โดยมีรุ่นพี่คอยให้คำนะนำ และคอยเตือนว่าตรงไหนผิด ตรงไหนถูก

เรียกว่า เลือกไม่ผิดเลย ที่มาที่นี่   


“โหยพี่คงคิดถึงต่ายกับแชมแย่เลย  ใครจะเป็นคนเอาขนมอร่อยๆมาฝากพี่อีกล่ะเนี่ย” พี่จอย  นักธุรการร่างท้วมน่ารัก บ่นออกมา

“โชคดีนะ ทั้งสองคน  หวังว่าที่นี่คงจะให้อะไรเราได้บ้างนะ”  พี่ทีม  พี่เลี้ยงของพวกเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม   พลางตบไหล่ให้กำลังจนแทบทรุด

“แล้วเจอกันนะ”  เหล่าผู้ร่วมงาน ที่ทั้งสนิทและเคยคุยกันบ้าง  ต่างก็พากันมาบอกลาเหล่านักศึกษาฝึกงาน ที่ไม่ได้แค่พวกเขา แต่ยังมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นอีกด้วย


“แล้วมึงจะกลับไง”  แชมถามขึ้น ขณะพาตัวเองมายังรถเชฟโรเลตคันคู่ใจ

“กริสมารับอ่ะ  กูว่าจะเอาของกลับเลย” ต่ายบอก พลางนึกไปถึงข้าวของที่ไม่ต่างจากที่ขนมาเท่าไหร่   

“อ่อ  กูว่าจะเอากลับอาทิตย์หน้า  วันนี้กูขอบาย”

“โอเค  ไว้เจอกันที่มอ”

“เออ”


ต่ายเดินกลับไปที่หอพัก ก่อนจะขนของลงมาไว้ข้างล่าง   จากนั้นก็จัดการคืนกุญแจให้ลุงแก่ๆข้างล่าง   แล้วก็มานั่งรอเจ้าเด็กโค่งอยู่หน้าหอ

“นั่งรอใครหรอต่าย” ใบบัว  นักศึกษาฝึกงานสาวที่ทำงานอยู่ฝ่ายออกแบบถามขึ้น พร้อมรอยยิ้มหวาน ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะละลายไปแล้ว


แต่ตอนนี้ ...

อย่างที่รู้ๆกัน



“รอ..คนมารับน่ะ”  อยากจะบอกว่าแฟน  แต่กลัวสาวเจ้าเห็นตัวจริงแล้วจะตกใจ  เพราะดูเหมือนใบบัวดูจะชอบมาคุยกับเขาบ่อยๆ  ทั้งๆที่ทำงานอยู่คนละฝ่ายแท้ๆ


“อ้อ งั้นให้ใบบัวรอเป็นเพื่อนไหม”  ไม่รอคำตอบ ร่างเล็กก็ทรุดนั่งข้างๆต่าง พลางยิ้มหวานให้อีกหนึ่งดอก

ต่ายยิ้มแห้งๆให้   จะปฏิเสธก็กลัวจะเสียน้ำใจ  แค่นั่งรอ  คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง


จะได้มีเพื่อนคุยด้วย


ใบบัวเป็นคนที่มีเรื่องมากมายมาเล่าเสมอ   จนบางที เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า คนตรงหน้าเป็นหนังสือภาพเคลื่อนที่รึเปล่า

“แล้วก็นะ เราก็--- ”  ปรี๊นน ปรี๊นนนนนน !!


ทั้งสองสะดุ้งกับเสียงแตรรถที่ดังลั่นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด  ต่ายหันไปมองทันที  พอเห็นว่าเป็นรถใคร ก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว  พลางลุกขึ้นตรงไปหาอย่างรวดเร็ว 


ไทกริสเดินลงจากรถ  ใบหน้าหล่อถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดอันใหญ่  เสื้อนักศึกษาที่ไร้เนคไท แขนเสื้อทั้งสองข้างพับขึ้นมาอย่างลวกๆ


ทำไมเห็นแล้ว ใจสั่นจังแฮะ


“ตกใจหมดเลย  รบกวนคนอื่นเขานะ”  ต่ายบ่นออกมา  พลางมองไปรอบๆ  ที่พอมีคนบ้าง แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจกับรถคันหรูที่ส่งเสียงซักเท่าไหร่

“กระต่ายชักช้า” เสียงทุ้มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของไทกริส เอ่ยออกมา

“ขอโทษ  คุยเพลินไปหน่อย”  ต่ายยิ้มแห้งๆใส่   พลางพาอีกคนมาหาใบบัวที่มองมาทางเขาอย่างงุนงงปนสนใจ

“ขอโทษนะใบบัว  แต่ผมไปก่อนนะ”  โบกมือบ๊ายบายให้ พลางยิ้มอ่อน  ก่อนจะขนข้าวของตัวเองขึ้นรถ  โดนมีเด็กโค่งตัวขาวเดินตามอยู่ข้างหลัง


คิดไปเองรึเปล่า ว่าอีกคนแผ่รังสีแปลกๆออกมานะ


พอขึ้นมาบนรถ ก็ได้รู้ว่า รังสีแปลกๆนั่นก็คือ

รังสีความหึงนั่นแล


 
ใบหน้าหล่อภายใต้แว่นกันแดด ถึงไม่ต้องถอดออกก็รู้ว่า หงุดหงิดแค่ไหน 

แต่ต่ายกลับรู้สึกอารมณ์ดี ที่ได้เห็นอีกคนหึงได้น่ารักขนาดนี้   


ไม่พูดไม่จาตั้งแต่ขึ้นรถ เอาแต่เหยียบคันเร่งท่าเดียว  แต่ด้วยความมหาศาลของรถรานั้น  ทำให้ไม่สามารถเร่งความเร็วของรถได้  เลยได้แต่ฟึดฟัดกับตัวเอง


หากแต่ทางข้างหน้าไม่ได้เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้  ต่ายเห็นท่าไม่ดี จึงต้องเอ่ยถามขึ้นมา


“จะไปไหนน่ะ”

“....”


พอเห็นอีกคนไม่ตอบ ก็ได้แต่ถอนหายใจ 

“กริส จอดรถก่อน”  อีกคนยังคงนิ่งเฉย   

ต่ายจึงกดเสียงตัวเองให้เข้มขึ้นกว่าเดิม

“กริส พี่บอกให้จอดก่อน”


ตามคำสั่ง รถหรูค่อยลดความเร็วลง ก่อนจะจอดในลานจอดรถของร้านอาหารร้านหนึ่ง


“เป็นอะไรไป หืม?”  ลูบแก้มอีกคนเบาๆ ก่อนจะถือวิสาสะถอดแว่นกันแดดออก


เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลไหม้ที่ดูไม่สบอารมณ์  พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

แต่อีกคนก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่เขาแต่อย่างใด


“เรื่องพี่กับใบบัวน่ะเหรอ” แม้จะรู้อยู่แล้ว  แต่ก็เลือกที่จะถาม 

“...”  คุยกับเจ้าเด็กโค่ง ต้องมีความสามารถพิเศษหน่อย  เพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยพูด   ยิ่งเวลาอารมณ์ไม่ดีแบบนี้

ก็เงียบ แทนที่จะระบายออกมา

แต่ถึงแบบนั้น  ต่ายก็ชินซะแล้ว  เพราะสีหน้าเจ้าเด็กนี่ มันอ่านง่ายจะตายไป

“ใบบัวกำลังเล่าเรื่องแมวที่บ้านน่ะ  พอฟังแล้วพี่ก็เลยนึกถึงนาย”

“..ทำไม”

“ก็แมวที่บ้าน ไม่ชอบของร้อน ชอบอยู่แต่ในห้องแอร์  ชอบกินน้ำแข็ง  ไม่ค่อยร้อง จะร้องก็แค่ตอนหิว แต่ก็ชอบมาอ้อน  ฮ่าๆ เหมือนนายดีใช่ไหมล่ะ”   


ไทกริสนิ่งไป เมื่อได้ยินประโยคนั่น  ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนใจกับคนๆนี้ 


“กระต่ายยิ้มเยอะเกินไป” ไทกริสพูดทั้งๆที่กำลังหลับตา

“ห๊ะ?”  ต่ายงุนงง   คือเขาไม่รู้ตัวว่าแสดงสีหน้าอย่างไร  เพียงแต่เรื่องเล่าของใบบัว ทำให้เขาหัวเราะออกมา แถมยังทำให้เขานึกถึงอีกคนอีก   คงจะเผลอยิ้มออกไปล่ะมั้ง


“หึ  ขอโทษแล้วกันนะ” ต่ายไถ่โทษด้วยการหอมแก้มเด็กโค่งดังฟอด   คนโดนหอมหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย  แต่ก็ทำให้ต่ายรู้ว่า อารมณ์หึงนั้น ถูกจัดการไปแล้ว



ต่ายขมวดคิ้วมุ่น เมื่อภาพตรงหน้าคือ บ้านสไตล์โมเดิร์นขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยเห็นประกาศจองตามหน้าหนังสือพิมพ์  เขาไม่เคยมีโอกาสได้มาบ้านใหม่ของไทกริสซักครั้ง เพราะติดฝึกงาน  ส่วนใหญ่ถ้าไทกริสไม่ไปหาเขา เขาก็จะไปหาไทกริสแต่เป็นที่คอนโดแทน


อย่างกับเด็กใจแตกหนีออกจากบ้าน


เคยเห็นแต่ในรูป พอได้มาเจอของจริงแล้ว  ได้อึ้งกับความอลังการกับตัวบ้านที่ไม่ค่อยได้เห็นในเมืองไทยซักเท่าไหร่

แต่ทำไมความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว  ใจเต้นแปลกๆ นี่มันอะไรกัน


“จะพามานี่ก็ไม่บอก” เด็กหนุ่มไม่พูดอะไร เพียงแต่ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะจูงมือคนอายุมากกว่าเข้าบ้าน

“มากันแล้วเหรอจ๊ะ  มาๆ  กับข้าวเสร็จพอดี” พอเข้าไปถึงตัวบ้าน ก็พบกับ

เหล่าคนตระกูลเคอดิส     …..


ต่ายได้แต่ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม  ผู้ใหญ่แต่ละท่านยิ้มรับ ก่อนจะชักชวนไปที่โต๊ะกินข้าว


ระหว่างทานอาหาร ไม่มีการพูดคุยอะไรใดๆ  ต่างคนต่างสนใจอาหารตรงหน้าของตัวเอง จะมีเพียงคำถามว่า ถูกปาก อร่อยไหม  จากนีรดาเท่านั้น

เมื่อทานอาหารเสร็จ ก็มานั่งล้อมกับที่ห้องนั่งเล่น   ต่ายรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นตุ๊กตา คอยให้เจ้าเด็กโค่งคอยลากไปโน่นไปนี่

“ฝึกงานเป็นยังไงบ้างคะ น้องต่าย” น้านีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ต่ายยิ้มรับ พลางนึกไปถึงตอนตัวเองฝึกงาน

“สนุกดีครับ  ต่างกับตอนเรียนจริงๆ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี  ตั้งใจไว้นะลูก”

จากนั้นพวกเราก็ต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์  ฝ่ายผู้ใหญ่ก็เล่าเรื่องตอนสมัยบริษัททเกิดปัญหา

“จำไว้นะ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  สติสำคัญที่สุด”


ต่ายรับคำ พร้อมด้วยรอยยิ้มราวกับขอบคุณเหล่าคำสอนดีๆที่ให้เขามา


แต่พอสบตากับเจ้าเด็กโค่งตัวขาวอยู่ข้างๆ

ความรู้สึกผิดก็ตีเข้ามาอย่างไม่รู้สาเหตุ 

“เอ่อคือ ทุกๆคนครับ   คือ.... ผมมีเรื่อง...อยากจะบอกกับทุกคนครับ”  ผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างจ้องมามาทางเขาด้วยรอยยิ้ม  แต่ถ้าต่ายไม่คิดไปเอง  ดวงตาของทุกคนแวววาว อย่างกับรู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร


“คือ.... ผม กับกริส  เรา................



กำลัง............


คบกันครับ!!”   พูดจบก็ก้มหน้า ไม่กล้าสบตาใครๆ 

มีเพียงเสียงสะท้อนเบาๆ เป็นเครื่องยินยันว่าเขาได้พูดออกไปแล้ว


ท่ามกลางหัวใจที่เต้นรัวเร็วอย่างลุ้นระทึก  มือขาวที่อบอุ่นก็เคลื่อนมากุมมือของเขาไว้   ต่ายลืมตาขึ้นมองคนข้างๆ ที่ยกยิ้มจนตาหยี


รอยยิ้มที่นานๆจะได้เห็น   ก่อนอีกคนจะพยักเพยิดไปข้างหน้า 


เหล่าคนตรงหน้า ต่างยิ้มรับ ประหนึ่งรอคำพูดนี้มานาน   

จะมีก็แต่ ...




ชั้นไม่ยอมยกให้หรอก!” ต่ายสะดุ้งเฮือกกับเสียงตวาดที่ไม่เคยได้ยินจากน้านี





“อุ้ย!   ตกใจเหรอ น้าก็อยากจะพูดคำนี้บ้างอ่ะ น้องต่ายอย่าเพิ่งทำหน้าตาแบบนั้นสิจ๊ะ”


“อ่ะ เอ่อ...” 


“จริงๆแล้ว   พวกเรารู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ   เจ้าลูกชายของน้าสารภาพจนหมดเปลือกเลยน๊าว่ารู้สึกกับเรายังไง  นี่น้าก็ลุ้นว่าน้องต่ายจะสนใจลูกชายน้าบ้านไหมน้อออ”


ต่ายหันขวับไปมองคนข้างกายทันที   คนถูกมองตีหน้ามึนใส่


“ละแล้ว น้านี...”

“แหม เรื่องพวกนี้ ยุโรปก็มีถมเถไป อีกอย่างครอบครัวนี้  เคารพความต้องการของทุกคนแหล่ะจ้ะ   ชีวิตเราเกิดมาทั้งที จะให้อยู่แต่ในกรอบที่เรียกว่า มันต้องเป็นอย่างนี้ มันถูกกำหนดมาอย่างนี้  ก็คงจะไม่ได้หรอก    ได้น้องต่ายมาก็ดีเหมือนกัน  จะได้ดูแลเจ้าลูกชายของน้า   ไม่มีใครเหมาะกับหน้าที่เท่ากับน้องต่ายแล้วล่ะ”

“ดูแลกันดีๆล่ะ  ฝากไทกี้ด้วยนะ” ลุงอาธที่นั่งเงียบฟังพวกเรามาตลอดเอ่ยด้วยเสียงสุขุม แต่แฝงไปด้วยความใจดี


ต่อจากนั้น ทุกๆคนก็พูดอะไร ต่ายก็จำไม่ได้  เพราะเขารู้สึกเบลอไปหมด   ได้แต่พยักหน้ารับคำเหล่านั้น   
 

มารู้สึกตัวอีกที ก็ถูกเจ้าเด็กโค่งลากมาที่ห้องนอนซะแล้ว


“กระต่ายร้องไห้ทำไม” เด็กหนุ่มใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่คลอหน่วงอย่างแผ่วเบา

ต่ายส่ายหัว พลางยิ้มให้อีกคน


“ใครร้อง  ไม่มีซะหน่อย”  ว่าแล้วก็สูดน้ำมูกนึงเฮือก ก่อนจะสบตากับเด็กโค่งตัวขาวตรงหน้า

อีกคนหัวเราะในลำคอ  ก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้ามาชิด จนปลายจมูกชนกัน

ริมฝีปากอุ่นแนบเข้ากับปากของต่ายอย่างพอดิบพอดี  จูบธรรมดาแต่รู้สึกอบอวลไปด้วยความรู้สึกของคนตรงหน้า



เพราะแบบนี้ไง เขาถึงปล่อยอีกฝ่ายไปไม่ได้

เพราะทำให้รักขนาดนี้ 

เพราะน่าให้รักขนาดนี้

เพราะเป็นคนคนนี้ไง  ถึงปล่อยให้คนอื่นมาดูแลแทนไม่ได้


ถ้าปล่อยไป  ผมคนเป็นที่โง่ที่สุดในโลกแล้วล่ะ ....






END ?!


----------------------------

BEVA TALK :  จะ--จบแล้วค่ะ  แต่ยังมีบทส่งท้าย กับตอนพิเศษที่ยังไม่ได้แต่งอีก     หายไปนานอีกแล้ว  เนื่องจากภาระหน้าที่108ที่ต้องจัดการ  กับสมองที่เริ่มตีบตันคิดอะไรไม่ออก 

เรื่องมันอาจจะดูเรียบง่าย  ที่ครอบครัวทั้งคู่ดูไม่ได้เคร่งครัดเรื่องแบบนี้  บีว่าอยากเสนอครอบครัวที่หัวสมัยใหม่ ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นมากกว่าค่ะ    จริงๆ แต่แบบมาม่าไม่ได้  มันปวดหัวใจ   อยากให้เรื่องนี้ใสๆ มากกว่า

อิอิ  พล่ามมาเยอะแล้ว   ขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องนึงที่ถูกใจคนอ่านนะคะ 

ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้น ทุกบวกเป็ด ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้  ขอบคุณจริงๆค่ะ

เจอกันใหม่ ตอนหน้าน๊าาา

คิดอย่างไรกับตอนนี้ บอกเค้าหน่อยน๊าา :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-07-2016 23:22:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 28-07-2016 23:23:04
เดียวนะ!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-07-2016 23:28:15
ง่าาาาาา จบแล้วหรอคะ โธ่ อยากอ่านต่ออีกอ่ะ  :mew2: :mew2:
รอตอนส่งท้ายกับตอนพิเศษนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-07-2016 01:01:43
งะ ลงตัวซะละ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-07-2016 02:29:43
 o13 น่ารัก ขอบคุณมากๆค่ะ ตัวละครไม่น่าเบื่อ มีสีสัน
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2016 02:52:57
ผ่านฉลุย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-07-2016 11:49:48
เริศ !!! รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 29-07-2016 18:57:20
ดีงามมากเลอออออ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-07-2016 19:45:34
กรี๊ดดดดดดด ชอบบบบบบบบ
ชอบทั้งไทก์ ทั้งต่ายเลยอ่ะ นางน่ารัก >\\\\\\\\<
จบแบบ happy ending จิงๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 29-07-2016 20:47:04
จบแล้วววววว ไวแท้ รออ่านบทสรุปกับตอนพิเศษน้าาาเราชอบๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-07-2016 21:04:20
ผ่านฉลุย เลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
กริส หึงต่าย  :mew1: :mew1: :mew1:
รอ ตอนพิเศษ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-07-2016 22:55:41
คือ...ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ!!!!
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 30-07-2016 11:43:19
น่ารักทั้งสองครอบครัว แล้วกระต่ายก็ต้องโดนกริสกินตลอดไป~~~ วะฮ่าฮ่า
กระต่ายอย่ายิ้มเยอะเกินไป มีคนหึง โหย น่ารัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 31-07-2016 19:08:23
ง่ายมากกกก  แต่ก็ไม่อยากให้ดราม่ากะพ่อแม่แหล่ะ  จบแบบนี้ก็ดีละ 5555
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-07-2016 19:40:27
เรื่องน่ารักดีค่ะ จบแบบนี้ก็โอเคอยู่ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไร
รอบทส่งท้ายกับตอนพิเศษนะคะ
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทที่ 30 28/7/59
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 02-08-2016 23:00:25
จะเอาตอนพิเศษ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!!!! บทส่งท้าย 9/8/59
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 09-08-2016 23:38:50
บทส่งท้าย




3 ปีผ่านไป


ใบหน้าหล่อเหลาของไทกริสเฉิดฉายอยู่กลางวงที่ล้อมรอบด้วยเหล่านักศึกษารุ่นน้อง  เสียงเซ็งแซ่ทั้งกลองที่รัวเป็นจังหวะและเสียงตะเบ็งร้องเพลงสันทนาการ  ไม่ไกลกันก็มีอีกวงที่กำลังทำการ ‘บูม’ ให้ด้วยความแข็งขัน


ต่ายและผองเพื่อนี่วันนี้นัดกันหยุดงานเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ 

งานรับปริญญาของเจ้าเด็กโค่งแอนด์ฝาแฝดหัวดำนั่นเอง


แต่กว่าจะเสร็จก็กินเวลาไปค่อนวัน เนื่องจากจำนวนนักศึกษาที่มาก แถมคณะของไทกริสยังอยู่สุดท้ายของรอบเช้า พอรับเสร็จก็ต้องเจอด่านบูมจากรุ่นน้องอีก


คนวัยทำงานอย่างพวกต่าย ขอโบกมือลาอากาศร้อนๆกับเสียงดังหนวกหู เข้ามาสุมหัวกันอยู่ในร้านเค้กเย็นๆและเงียบสงบแทน

มองทะลุกระจกไป ต้องขอชื่นชมกับสปิริตของเด็กพวกนี้จริงๆ ท่ามกลางอากาศร้อนๆกับผู้คนที่แสนแออัด แต่ก็ยังขยันขันแข็งในการบูมส่งท้ายให้พวกรุ่นพี่อีก  ตัวรุ่นพี่เองก็ไม่ต่างกัน  เหนื่อยแสนเหนื่อย ร้อนแสนร้อนแค่ไหน ก็ยังยอมให้รุ่นน้องมาบูมให้


“ผ่านมา 4 ปีแล้วเหรอวะ~” เอกพูดลอยๆ  คนอื่นต่างขมวดคิ้วอย่างสงสัยกึ่งถามว่า ..............

‘มึงจะพูดอะไรกันแน่’

“อย่ามามองกูงี้  กูแค่คิดว่ามันผ่านไปไว ตั้งแต่ไอ้ต่ายมันเลี้ยงเด็กไทกริสอ่ะดิ” ต่ายนิ่งคิดตาม  ส่วนคนอื่นพอเพื่อนเปิดประเด็นมา ก็เหมือนจุดประกายความเสือก

“จะว่าไป มึงยังไม่เคยเล่าเรื่องไทกริสให้พวกกูฟังเลยนี่หว่า”

“พวกมึงไม่ถามกูเอง” ต่ายยักไหล่ใส่ ก่อนจะหยิบถ้วยกาแฟยกดื่มโดยไม่สนใจสายตาอยากรู้ของ

“เล่าให้กูฟังหน่อยดิ”

ต่ายกลอกตาอย่างใช้ความคิด ว่าเขาควรจะเล่าอย่างไรดี


“ก็ตอนก่อน บ้านอยู่ใกล้กันเลยเล่นด้วยกันบ่อย  เพราะอายุไล่เลี่ยกันด้วย  ต่างกับพี่รีนพี่ริชที่อายุห่างกันเป็นสิบปี กริสมันก็เลยสนิทกับกูมากกว่า แต่พอจะขึ้นม.1 กูย้ายบ้าน ก็เลยห่างกัน มารู้อีกทีว่ากริสมันก็ย้ายไปเรียนที่ฮังการียันจบม.6 มาเจอกันอีกทีก็ตอนที่น้านี แม่กริสมาให้กูช่วยดูแลนี่แหล่ะ”  ต่ายเล่าฉบับรวบรัดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ


แต่ดูเหมือนจะผิดคาดไป เพราะพอเล่าจบเหล่าผองเพื่อนต่างทำหน้าเซ็งใส่เขาแทน

“เล่าไม่ได้อารมณ์เลยว่ะ” แชมบ่น ต่ายรู้สึกคิ้วกระตุกยิกๆ

“งั้นแบบ มึงเริ่มรักไทกริสตอนไหน”  แกนที่เงียบมาตลอด (แต่จริงๆแล้วหูมันกำลังกางเรดาห์อยากเสือกเต็มที่)ถามขึ้น

“ถามไรวะเนี่ย”

“ตอบมาเถอะน่า พวกกูอยากรู้” เหล่าผองเพื่อนพยักหน้าเสริมอย่างแข็งขัน

“ก็  เพราะดูแลจนรู้ตัวอีกทีว่าปล่อยไปไม่ได้” ต่ายเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว   เพื่อนๆที่มองอยู่ต่างนึกขำในใจกับโหมดที่ไม่ค่อยได้เห็นของเพื่อนคนนี้

“ทำไมวะ?”

“ก็คนอะไรไม่กินของร้อน เป็นแมวรึไง  อย่างน้อยก็ทำให้อุ่นหน่อยก็ดี นี่อะไรเอาข้าวที่ฟรีซไว้ มากินหน้าตาเฉย  แถมยังไม่รู้จักแก้วน้ำร้อนน้ำเย็นอีก ยังจะมีอีก---- ”  เอกรีบยกมือห้ามเพื่อน ก่อนที่จะยาวไปกว่านี้


ไม่รู้เก็บกดมาจากไหน


“กูว่า กูพอเข้าใจแล้วล่ะ ใจเย็นๆก่อนนะ”

“มึงไม่เป็นกู มึงไม่รู้หรอก”

“แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง”

“ก็ทำกับข้าวได้บ้าง แต่กูไม่ชอบให้ทำหรอก เห็นแล้วสงสาร”

“กูว่าจริงๆแล้ว เพระมึงล้วนๆเลยไอ้ต่าย ที่ไทกริสมันเป็นแบบนี้เนี่ย”

“ไรวะ?”

“ปล่อยให้โง่ไปเถอะ   นั่น!เด็กมึงมาแล้ว” แกนเอ่ยขัด ก่อนจะพยักเพยิดไปทางประตูร้านที่ถูกเปิด พร้อมกับร่างเด็กหนุ่มลูกครึ่งทั้งสองเดินเข้ามา ด้วยสภาพพะรุงพะรัง 


ยิ่งเจ้าเด็กโค่ง นึกว่าไปร้องเพลงมา พวงมาลัยเต็มไปหมด ไหนจะถุงกระดาษหลายใบนั้นอีก 


“พี่แกน ช่วยผมหน่อยย~” โจที่ตัวยังไม่ทันถึงโต๊ะ ก็แหกปากเรียกพี่ชาย‘คนสนิท’    คนถูกเรียกส่ายหัวให้ แต่ก็ยอมลุกไปช่วยแต่โดยดี  พอเจ้าของ?!มา โจก็หางกระดิก ยิ้มร่า ยื่นของที่ได้มาให้พี่ชายตัวเล็ก  นี่ถ้าแลบลิ้นใส่ด้วย  คนอื่นคงจะนึกว่าเอาหมาเข้าร้านมาด้วย


จริงๆ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ต่ายก็เคยเรียบๆเคียงๆถามอย่ แต่คำตอบก็แนวเดิม รุ่นพี่รุ่นน้องกัน
ต่ายอยากจะค้านสุดใจว่า  รุ่นพี่รุ่นน้องเขาไม่ไปนอนด้วยกันเตียงเดียวกันหรอก   ไม่ใส่เสื้อของอีกคนด้วย  ไม่ขับรถไปส่งถึงที่ด้วย  แล้วก็


ไม่จูบกันด้วย !!


อันสุดท้ายต่ายนี่เห็นเต็มๆตา ในวันนึงที่พวกเขาได้นัดกันไปร้านเหล้า ในขณะที่คนอื่นต่างสนใจที่สิ่งรอบข้าง  เจ้าสองคนนี้ก็ตีเนียน นั่งแทบจะเกยตักกัน เผลอไปแปปเดียวปากก็แนบติดกันไปละ  พอไม่กี่วิ ก็ผละออก  ต่ายที่ร่วมเป็นสักขีพยานโดยไม่รู้ตัว ก็ทำเป็นหลับซบหลังเจ้าเด็กโค่งที่นั่งฟังดนตรีสดอย่างเพลินๆ

และแน่นอน เรื่องที่เห็นในวันนั้น ถูกแชร์ให้เพื่อนที่เหลืออย่างไม่รอช้า  แต่พอเอาเข้าจริงๆ แม้จะอยากรู้อยากเห็นแค่ไหน ยิ่งเป็นแกนด้วยแล้วเอาอะไรมางัดก็ไม่ยอมบอกหรอก 


เหนื่อยจัง มีเพื่อนปากแข็งเนี่ย..

 
ไทกริสที่เดินเข้ามาหาอย่างหมดเรี่ยวแรง  แต่พอเจอหน้าอีกคนก็เหมือนได้พลังชีวิตกลับคืนมา

“ฟรานล่ะ?”  ถามถึงสหายร่วมรบอีกคน

“ไปกับแฟน” อีกคนตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“เป็นไงบ้าง”  เห็นสีหน้าชมพูแปร๊ดจากอากาศที่ร้อนๆ ก็อดที่ใช้มือพัดให้ไม่ได้ แถมด้วยใช้ทิชชู่ซับไปตามขมับอีกคน

“เหนื่อย” พูดจบก็ซบไหล่อีกคนไม่แคร์สายตาคนในร้าน  คนบนโต๊ะนี้น่ะชินแล้ว เลยไม่สนใจบรรยากาศชมพูอมม่วงนี้   แต่คนอื่นในร้านอาจจะดูตื่นตาตื่นใจซักหน่อย  เพราะพ่อหนุ่มหล่อนามว่าไทกริส ก็เป็นขวัญใจของคนในมหาลัยนี้  แถมยังมีเพจเอฟซีด้วย   บางคนพอเห็นถึงกับรัวภาพโดยไม่แคร์เสียงชัตเตอร์ที่ดังลั่นเลย


ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ ก่อนจะหันมาสนใจแฟนตัวเอง


“แล้วพวกน้านีล่ะ”

“ไปส่งป้าที่สนามบิน”    ต่ายพยักหน้ารับ  ครอบครัวนี้ขนมาทั้งโคตรทั้งอยู่ไทยและนอก แม้จะงานยุ่งสักแค่ไหน แต่วันสำคัญแบบนี้ก็ไม่พลาด  ขนมาเซอร์ไพร์สหลานชายคนโปรดกันแน่นเฟรม


“แล้ว ...เอาไงกันต่อ” ต่ายถามคนอื่นๆ  ยิ่งมองหน้าตาเหนื่อยอ่อนของบัณฑิตทั้งสอง  ก็อดสงสารไม่ได้

“กลับไปพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็ได้  กูขอนั่งกินขนมแปป” แชมว่า  ตักเค้กเข้าปากเคี้ยวแหย่บๆ

บอกลากับเพื่อนเสร็จ ต่ายจึงพาไทกริสออกจากร้าน 

"กูไปซื้อขนมนะ" แกนบอกเพื่อนก่อนจะลากตัวรุ่นน้อง'คนสนิท'ไปที่เคาท์เตอร์

ทิ้งให้เอกและแชมที่ขอนั่งดื่มด่ำบรรยากาศเก่าๆ มองตามจนลับสายตา แล้วจึงหันมาสุมหัวประหนึ่งประชุมลับ

“เอาจริงๆนะ  คู่นั้นมากกว่าพี่น้องแน่นอนฟันธง"

"เออ  แต่ปากแข็งชิบหายนี่ดิ"

"ส่วนอีกคู่ตอนแรกกูก็เห็นแค่ว่า ไทกริสติดไอ้ต่าย  แต่ตอนนี้กูว่า ไอ้ต่ายก็ติดไทกริสไม่ต่างกัน” เอกว่า พลางเสมองไปยังทางที่เพื่อนของตนที่เดินออกไป

“เหมือนกับแสงกับเงาล่ะมั้ง   ไม่มีอีกคน อีกคนก็อยู่ไม่ได้”   

“อ่านนิยายมารึไง” อีกคนขำหึหึ ไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะชอบอ่านนิยาย

“เปล่าเว้ย  ฟังเพลง  เพลงเก่าแล้ว”  แชมส่ายหวือ หนังสือทุกชนิดบนโลกก็เหมือนยานอนหลับสำหรับเขาแหล่ะ

“เพลงไหนวะ”   พอเพื่อนถาม แชมก็กระดิกนิ้วขอโทรศัพท์อีกคน ก่อนจะเปิดแอปฯ กรอกชื่อเพลง ‘แสงและเงา’ ลงไป แล้วส่งให้เพื่อน


เพราะมีเธออยู่ ชั้นจึงมีอยู่ ... ผูกพันต่อกันเรื่อยไป ดั่งแสงและเงา
เมื่อมีเธอ ก็ต้องมีตัวฉัน จะมีกันและกันไม่ทอดทิ้งไป
แสงและเงาคู่กันเสมอ เหมือนฉันและเธอคู่กัน
เมื่อมีฉันก็ต้องมีตัวเธอจะมีกันเสมอจะไม่ทิ้งกันไป ให้รักเราเป็นเช่นดั่งแสงและเงา


แสงและเงา - อู๋-โฟร์ท (https://youtu.be/jCzh90KN8IY)

------------------------


ต่ายที่หน้าที่เป็นสารถี พาเจ้าเด็กโค่งที่งีบหลับทันทีหลังก้นแตะเบาะ กลับคอนโด

พอถึงที่หมาย ก็ต้องจัดการปลุก โดยปลุกดีๆน่ะไม่เคยจะตื่นหรอก

แต่เห็นว่าคราวนี้ เหนื่อยมาทั้งวัน จะยอมปลุกแบบเอ็กซ์คลูซีฟแล้วกัน

ต่ายยกยิ้มให้กับใบหน้าไร้เดียงสาอย่างเอ็นดู  ตอนหลับก็น่ารักอยู่หรอก  แต่พอตื่นมานี่คนละคนจริงๆ

ริมฝีปากกดแนบเบาๆราวกับจุมพิตของเจ้าชายที่ปลุกเจ้าหญิงให้ตื่นจากนิทรา  หากแต่เจ้าหญิงองค์นี้ดูจะหลับลึก เลยต้องออกแรงจนแบนสนิทชนิดไม่มีอากาศได้ลอดผ่าน    ไม่นาน ใบหน้าหล่อก็ขยับเพื่อหามุมทั้งที่ยังหลับตา  ก่อนจะเป็นฝ่ายจูบตอบอย่างดูดดื่ม   พอหนำใจแล้วทั้งคู่ก็ผละออก  สบสายตาที่เริ่มหยาดเยิ้มไปด้วยอารมณ์ 

“ตื่นซะทีนะ เจ้าหญิง”

“กำลังฝันดี” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแห่บพร่า  นัยน์ตาแวววาว   แค่นี้ก็รู้ว่าฝันอะไร

“ขึ้นห้องกัน”

พอถึงห้องก็รีบไล่อีกคนให้ไปอาบน้ำ ส่วนต่ายก็พาตัวเองเข้าห้องครัว จัดการทำมื้อเย็น

กำลังยืนรอน้ำเดือดเพลินๆ  กลิ่นสบู่กลิ่นเดียวกับที่ตัวเองใช้ก็ลอยฟุ้ง พร้อมกับร่างเย็นๆเข้ามากอดจากทางด้านหลัง   ต่ายเกือบหลุดคำด่าไป แต่ดีที่ยั้งไว้ทัน   เลยต้องจัดการลงโทษข้อหาที่ทำให้ตกใจด้วยการตีแขนขาวๆไปหนึ่งที

แต่แขนขาวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหาได้ปล่อยไม่ แถมออกแรงกอดแน่น จนต่ายหลุดเสียงออกไป

“แอ่ก!”

“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะทุ้มข้างๆหู   อารมณ์ดีนักเชียว ตอนแรกแห้งเหี่ยวอย่างกับผัก

“ไปนั่งดีๆ    อื๋อ?” ต่ายชะงักไป เพราะน้ำที่หยดลงมาโดยตัว  พอเงยหน้าไปก็ต้องร้องอ๋อ  เพราะอีกคนมาสภาพผมเปียกโชก ผ้าขนหนูคล้องคอ ปล่อยให้น้ำหยดติ๋งๆ

“ไปเช็ดผมให้แห้งเลยนะ”

“ไม่  ให้กระต่ายเช็ด”

“พี่ทำกับข้าวอยู่  ไปเช็ดให้หมาดๆหน่อยก็ยังดี ” อีกคนเบ้ปากอย่างน่าตีปากซ้ำ แต่ก็ยอมถอยทัพ ไปเช็ดผมตัวเองที่ที่นั่งของตน

ต่ายรีบเร่งทำกับข้าวให้เสร็จ ก่อนที่เจ้าเด็กโค่งจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้




ต่ายใช้ผ้าขนหนูซับไปตามเรือนผมตรงหน้าอย่างเบามือ  ส่วนเจ้าของนั้นก็นั่งอยู่ตรงหว่างขาของเขาดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบ ทั้งที่กำลังบังชาวบ้านเขา 

“เสร็จแล้ว”  ตบปุๆที่กลุ่มผมนุ่มเบาๆ  อีกคนหันมาทางเขา ก่อนจะจุ๊บแก้มขอบคุณ แล้วย้ายตัวเองมานั่งข้างๆแทน พอต่ายกำลังจะลุกขึ้นไปตากผ้าขนหนู ก็ถูกเรี่ยวแรงมหาศาลเกี่ยวเอวเอาไว้  ออกแรงกระตุกอย่างไม่เบานัก ร่างของต่ายก็นั่งจุ้มปุ๊กลงบนตักของไทกริส

พอเข้าที่มือปลาหมึก ปากปลาซ็อคเกอร์ก็เริ่มทำงาน

จมูกโด่งไล้จากกกหูไปตามเรียวคอระหงก็ก่อนหยุดที่ลาดไหล่สีแทนน่ากัด

"หอมจัง"

"ก็กลิ่นเดียวกันแหล่ะ"

ต่ายร้สึกเสียววาบ เพราะดันใส่เสื้อกล้ามมา เป็นการเปิดโอกาสให้อีกคนได้ลวนลามถนัดเลย


โทรทัศน์ยังคงทำหน้าที่ฉายภาพเคลื่อนไหวดับพรึ่บ เพราะมือของคนใดคนนึงเผลอไปกดปุ่มปิด

ไทกริสปรายตามองโทรทัศน์ที่ปิดลง ก่อนจะจัดการอุ้มอีกคน ทั้งที่ปากยังคงนัวเนียไม่ผละจากกัน


พอหลังแตะพื้นเตียง ก็รู้ทันทีเลยว่า ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ....

เพราะผ่านอะไรมามากแล้ว ไม่มีการเหนียมอายหรือรีรออะไร  ยิ่งพอได้อยู่ด้วยกันยิ่งรู้ว่า ทั้งสองต่างเสพติดความถึงใจไม่ต่างกัน
 
ต่างคนต่างช่วยกันถอดเสื้อผ้า  ไม่นานก็อยู่ในร่างเปลือยเปล่าทั้งคู่  ร่างขาวจัดของไทกริสที่คร่อมเหนือร่างของต่ายยิ้มมุมปาก 
มองส่วนล่างอีกคนที่เริ่มออกอาการ  ก่อนจะยื่นมือของตนไปสัมผัสส่วนปลายเบาๆให้อีกคนสะดุ้งเบาๆ   ดวงตาสีทองแดงมองของในมือด้วยอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจ จนต่ายแอบหวั่นใจว่าเด็กโค่งจะทำอะไรแผลงๆขึ้นมา 

หากแต่ใบหน้าหล่อก้มลงต่ำ อ้าปากเข้าครอบครองส่วนนั้นอย่างไม่ลังเล

ได้แต่ส่งเสียงครางยามที่อีกคนแลบลิ้นไปไล้เลียที่ส่วนปลายจนได้ยินเสียงชื้นแฉะ 

“อ๊าาา” ต่ายถ่างขาออก เพื่อให้อีกคนได้ทำได้ถนัดขึ้น มืออีกข้างที่ว่างก็คอยขยุ้มกลุ่มผมนุ่มระบายอารมณ์  จนอีกคนเร่งความเร็วขึ้น

“อ่าาา” ......  แล้วก็เรียบร้อยโรงเรียนไทกริส   คนหล่อยิ้มพิฆาตใส่ ทั้งที่ใบหน้าเลอะ กำลังจะหยิบทิชชู่ส่งให้อีกคนก็จัดการเลียไปเสียแล้ว

“อื้ออออ” ไม่ปล่อยให้ต่ายได้เปิดปาก ไทกริสก็จัดการปิดปากที่ยังมีกลิ่นคาวจากของเหลวที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อซักครู่

มือขาวเอื้อมออกไปบนหัวเตียง ควานหาอยู่ไม่นาน ก็หยิบขวดเจลใสออกมา

แม้จะผ่านเรื่องพวกนี้มาหลายรอบแล้ว  แต่ใช่ว่าทางข้างหลังจะพร้อมใช้งานตลอด  จึงต้องมีการเบิกทางก่อน  ยามที่ปลายนิ้วสอดเข้ามา ต่ายนั้นกั้นหายใจ ปล่อยให้นิ้วทั้งสองขยับเข้าออก  จากที่รู้สึกเจ็บเสียดก็กลายเป็นรู้สึกเสียวซ่านแทน
 
พออีกคนดึงนิ้วออกไป ต่ายก็รั้งคออีกฝ่ายมาประกบจูบ เพราะอีกคนกำลังใช้แก่นกายมาถูไถที่ปากทาง   ก่อนจะค่อยๆดันเข้ามาอย่างเชื่องช้า 

เสียงที่ต่ายร้องออกมาถูกกลืนกับคอของไทกริสหมด   

“ขยับ..อึก ไวๆหน่อย” คนใต้ร่างร้องบอก เพราะตอนนี้ขยับเนิบนาบ  พอได้ยิน คนถูกขอก็สนองให้  กระแทกจ้วงเข้าไปอย่างร้อนแรงให้ถึงใจคนขอ

เสียงครางกระเส่าของทั้งสองดังลั่นห้องนอน พร้อมกับเสียงเนื้อที่กระทบกระแทกกัน   ผิวกายขาวจัดของไทกริสะบัดนี้ขึ้นแดงระเรื่อกับรอยกัดที่ต่ายชอบทำไว้ระบายอารมณ์

ตัวต่ายเองก็ไม่ต่างกัน บนร่างทุกตารางนิ้วถูกอีกคนพรมจูบและประทับรอยเอาไว้

จบยกแรกก็นอนหอบหายใจ มองหน้ากันและกัน    ก่อนต่ายจะเป็นฝ่ายยกตัวขึ้นคร่อมอีกคนไว้

“รู้นะ ว่ารอบแรกมันไม่พอ” ขยิบตาให้ ก่อนจะยกตัวขึ้น ปล่อยให้ของเหลวที่คนปล่อยไว้ไหลมาตามเรียวขา

ต่ายยิ้มขันเมื่ออีกคนดูจะลุ้นซะจนตัวเกร็ง กล้ามเนื้อท้องงี้ขึ้นเป็นลอนๆ

สูดหายใจลึกๆหนึ่งเฮือก  ก่อนจัดการกดกายลงช้าๆ รับส่วนนั้นของไทกริส  หลับตาแน่นเมื่อรับรู้ได้ถึงความอึดอัดและร้อนผ่าว

แม้จะเสร็จไปแล้วรอบนึงก็ตาม ก็ช่องทางถึงจะขยายไปแล้วก็ยังคงแน่น

“อ๊าา!!!!”

แต่ก็ร้องลั่นเมื่ออีกคนกระแทกสวนขึ้นมา จนเข้าไปมิดด้าม 

มันน่านัก !!!!!

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยังจุก จนเมื่อทุกอย่างเข้าที่ ก็เริ่มขยับชนิดที่ว่า มีเท่าไหร่ใส่มาให้หมด

“อ้ะๆๆ อ๊าาา”

ไทกริสมองแฟนที่กำลังควบอยู่บนร่างตัวเอง  ใบหน้าที่เขาแสนรักเชิดขึ้นอย่างเสียวซ่าน  จนอดไม่ได้ที่จะกระแทกสะโพกตอบให้ครางออกมาเล่นๆ

จนกระทั่งใกล้ถึงจุดสุดยอด ต่ายก็ถูกสลับตำแหน่ง ขาทั้งสองถูกแยกออกกว้าง พร้อมกับขยับรัวเร็วจนทั้งตัวโยกคลอน

รักกระต่ายนะ” ไทกริสกระซิบบอก ก่อนจะครางออกมา พร้อมกับปลดปล่อยเต็มช่องทางพร้อมกับต่าย
 
รัก..เหมือนกัน” ต่ายที่หอบหายใจจนตัวโยนกระซิบตอบ


ต่ายรู้สึกตัวเองเผลอหลับไปแว่บนึง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้สึกนิ้วที่สอดเข้ามา ควานรอบจนรู้สึกเหมือนอะไรไหลออกมา และนั่นพอเอาข้างหลังถูกปล่อยออก   ข้างหน้าก็ประท้วงให้เอาออกบ้าง แต่ไม่ใช่ของต่ายนะ  ของอีกคนต่างหาก.....


เฮ้ออ ก็กลายเป็นต่ายต้องปลดปล่อยให้อีกรอบ  เสร็จแล้วล้างเนื้อล้างตัว  แล้วพากันไปนอนกอดก่ายกันในสภาพไร้เสื้อผ้า


จุ๊บ!   ต่ายกดจูบลงบนหน้าผากไทกริส ! “กู้ดไนท์นะครับ เจ้าเสือหื่น~”

อีกคนก็จูบตอบกลับ “ฝันดีครับ ที่รัก~”






3 ปีที่ผ่านไปนั้น ถ้าถามในความรู้สึก ก็คงไม่มีอะไรต่างจากเดิมซักเท่าไหร่  ต่ายก็ยังคงต้องดูแลเจ้าเด็กโค่งตัวขาวนี้ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว


หลังจากที่ครอบครัวของเขาทั้งคู่ยอมรับเรื่องนี้ ก็เหมือนยกภูเขาพระสุเมรุออกจากอก  ทีนี้เขาก็จะได้ไม่รู้สึกเหมือนไปพรากลูกชายแสนรักแสนหวงจากอีกบ้านนึงมา (ทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบแท้ๆ )  พอเรียนจบก็รีบหางานทำ จะได้เป็นที่ไว้วางใจจากผู้ใหญ่ว่าจะสามารถดูแลลูกชายได้  ไปๆมาๆ เขาและผองเพื่อนก็รวมหัวกันเปิดบริษัททำงานเกี่ยวกับระบบภายในโรงงาน  ก็ถือว่าไปได้ด้วยดี แม้ตอนแรกจะล่มอยู่ร่อมร่อ แต่ก็ประคับประคองมาจนได้ นี่ก็ย่างเข้าปีที่ 2 แล้ว


ถามว่า เหนื่อยไหม ที่ต้องมาคอยดูแลไทกริส

เข้าตอบเต็มปากว่า เหนื่อย! 

แต่ทำไงได้
 
ก็เพราะว่ารักไง   ถึงปล่อยไปไม่ได้ 






----------------------------------------- END

BEVA TALK :  จบแล้วเย้ !!!  หลังๆมานี้อู้บ่อยมาก  ต้องคอยมากระตุ้นตัวเองให้แต่งต่อ 55555  ยังเหลือตอนพิเศษอีกเนอะ  โปรดติดตามกันต่อไปด้วยนะก๊ะ

รู้สึกผิดที่ตัวเองไม่ได้แต่งเผื่อไว้  หลังๆมานี้แต่งสดตลอด คิดอะไรได้ก็พิมพ์ไปเลย  บางทีก็ไม่ได้นึกถึงตอนต่อไปเลย 5555  จริงๆประโยคสรุปของตอนที่แล้วควรจะมาใส่ในตอนนี้  (เพิ่งคิดได้ T^T) เลยกลายมาอธิบายอีกทีเลย   :ling3:

ตอนพิเศษที่กำลังจะมา เป็นคล้ายๆ spin-off ของน้องไทกริสนะคะ  แฮร่ๆ (ขอไปเกลาเนื้อหาแปปปปปป)

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ  ร๊ากกกทุกคนเลยยยย   :L1:    :mew1:

หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-08-2016 23:56:54
ไทกริสเรียนจบแล้ว ก็หาเลี้ยงกระต่ายได้แล้วน้าาาา
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-08-2016 01:11:10
ยิ่งอยู่นานยิ่งหื่นตามวัย
 :hao6: :hao6:

หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-08-2016 08:51:22
ก็เพราะว่ารักไง   ถึงปล่อยไปไม่ได้ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ทั้งสองฝ่าย ต่างก็รักกัน
เลยไม่มีใครปล่อยมือจากกัน :mew1: :mew1: :mew1:
ขอตอนพิเศษ กริส ต่าย  :กอด1:
โจ แกน พี่น้องกัน :mew1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-08-2016 10:41:27
ต่ายยังตามใจกรีสเหมือนเดิม กรีสเองก็ยังคงหื่นและติดต่ายเหมือนเดิม
คู่นี้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-08-2016 11:29:22
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-08-2016 12:19:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-08-2016 12:22:46
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-08-2016 14:19:54
งือออออ ชอบบทส่งท้ายมากๆเลย
ดูเปนธรรมชาติ ดูเป็นครอบครัว และอบอุ่น >\\\\\\<
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-08-2016 15:10:13
ไทกริสก็ยังคงหื่นเสมอต้นเสมอปลายกับกระต่ายอยู่ดี ^^
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 11-08-2016 09:47:48
เพิ่งเห็นเรื่อง พอตามอ่านเห้ย สนุกมาก.......รออ่านตอนพิเศษนะ อยากเห็นโมเม้น ถ้าคุณแม่นาถลดาของกระต่ายรู้ว่าได้ลูกเขยไม่ใช่ลูกสะใภ้เหมือนอย่างที่เข้าใจ จะเป็นยังไงน้า หุ หุ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 11-08-2016 11:27:13
น่ารักมากเลยค่าาาา

ก็ปล่อยไปไม่ได้ทั้งคู่แหละเนอะ อบอุ่นอ่าาาา
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-08-2016 16:29:30
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 11-08-2016 17:08:53
น่าร้ากกกกกก และร้อนแรงเว่ออออ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 11-08-2016 21:29:22
น่ารักเสมอต้นเสมอปลายยยยย ไทกริส
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 12-08-2016 20:23:26
จบแล้วว ฟินไปอีกกกกกก  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-08-2016 17:45:17
จบแล้ววว น่ารักมากกเลยค่าา
โนดราม่า ฟิลกู๊ดสุดๆ
ไทกริส นางน่ารักอะชอบๆๆ พี่กระต่ายก้น่ารักนางฮาดี5555
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-08-2016 00:19:41
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 14-08-2016 04:45:26
นายหื่นอ่ะไทกริสสส
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 15-08-2016 20:32:10
ชอบบบบบบบบบบบ
อ่านตอนแรก ก็รู้สึกว่าใช่แล้ว พออ่านไปเรื่อยๆๆถึงตอนที่สามนี้ติดเลย ว่างไม่ลง
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ สนุกมากๆๆ

พี่ต่ายของเราโดนเสื้อหื่นจับกิน  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-08-2016 02:11:29
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ ชอบมากกกก
รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: shishy ที่ 16-08-2016 19:26:58
ฮรืออออ ชอบมากเรื่องนี้ แบบติดใจมากกกกก  ละมุนอ่ะ ไทกริสเห็นนิ่งๆมึนๆแต่หื่นได้อีกนะคะ   :hao7:

ไม่ทราบว่าคนแต่งจะมีรวมเล่มไหมคะ อยากเก็บไว้อ่านจัง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 17-08-2016 19:24:38
จบแล้ววววววว.  น่ารักดีคู่นี้ อิๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-08-2016 01:08:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 11-09-2016 20:34:21
ขอบคุณค่ะ สนุกมาก หวานมากด้วย รอตอนพิเศษของไทกริสค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! บทส่งท้าย 9/8/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 12-09-2016 21:00:44
 :pig4: คู่นี้น่ารักดีค่ะ จะมีตอนพิเศษให้อ่านมั๊ยนะ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 15-09-2016 22:59:32
(http://upic.me/i/z5/our-last-goodbye-was-never-said.jpg)



ตอนพิเศษ  First meet & Last Goodbye



“ฮึกๆๆ” เสียงสะอึกสะอื้นที่ข้างหู พร้อมกับแขนเล็กๆที่กอดรัดคอ ทำให้นีรดาต้องกระชับเจ้าตัวน้อยไว้แนบอก โยกไปมาเพื่อกล่อมให้หยุดร้องไห้ 


จนกระทั่งร่างน้อยเริ่มสงบลง ก็เดินตรงไปที่บ้านข้างๆ โดยเดินผ่านพุ่มชาดัดที่ถูกตัดแต่งเป็นกำแพงเตี้ยระดับเอว อันเป็นขอบเขตกั้นระหว่างบ้านทั้งสองหลัง


หล่อนและครอบครัวเพิ่งย้ายมาอยู่เมื่อไม่กี่วันก่อน  แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทักทายข้างบ้านเลย
อย่างน้อยก็ฝากเนื้อฝากตัวบ้างก็ยังดี เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน...



ร่างบางที่กำลังรดน้ำอยู่  พอเห็นร่างที่อยู่ตรงพุ่มไม้ข้างบ้าน  ก็นึกขึ้นได้ว่า มีคนเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวันก่อน

จนกระทั่งร่างนั้นโผล่พ้นแนวกำแพงพุ่มไม้นั่นออกมา  เธอก็ต้องตกใจ เมื่อได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายเต็มๆ



น้องนี!!!”  อีกฝ่ายก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
พี่นาถ!!”  ก่อนจะหัวเราะใส่กันอย่างคุ้นเคย


นาถหรือนาถลดานั้น เป็นรุ่นพี่ในมหาลัยของนีรดา เลยสนิทอยู่พอตัว  ต่างฝ่ายต่ายไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง

“เพื่อนบ้านพี่คือน้องนีเหรอเนี่ย” นาถลดาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“นีก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่นาถ  นีวุ่นๆอยู่กับบ้านใหม่ เลยไม่ได้มาแนะนำตัวเลย ฮ่าๆ”

“ไม่เป็นไรๆ  แล้วนี่ คนเก่ง เป็นอะไรไป หืม?” นาถลดาร้องเบาๆ  เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กน้อยที่รุ่นน้องเธออุ้มอยู่แดงก่ำ ดวงตากลมโตชุ่มแฉะไปด้วยน้ำตา  พอถูกทักเข้าใบหน้านั้นก็เข้าซุกเข้าที่ซอกคอของคนอุ้ม

“โดนพี่สาวตวาดมาน่ะค่ะ  คงไปกวนตอนที่เขากำลังอ่านหนังสือสอบพอดี”

“หืม สองสาวนั่นน่ะเหรอ  อยู่ชั้นไหนแล้วนะ”

“ขึ้นมัธยมพอดีค่ะ นี่เขาอยากเข้า โรงเรียน XXX ด้วย เลยต้องฟิตหนักเลย ”  ทั้งสองแต่ก่อนแม้จะไม่ได้เจอกัน แต่ก็มีโทรหากันบ้าง  ถามสารทุกข์สุขดิบกันบ้าง  ล่าสุดก็เป็นเรื่องที่รุ่นน้องที่ได้ลูกหลงมาหนึ่งคนนั้นแหล่ะ

 “นี่ปีหน้าพี่ก็จะให้ใบเตยเข้าเหมือนกัน  จะไหวรึเปล่าก็ไม่รู้    เอ้า เข้ามาในบ้านก่อนดีกว่า  มากินน้ำกินท่ากันก่อน” ยกมือลูบหัวทุยนั้นเบาๆ   เด็กน้อยยิ่งซุกหนักไม่รู้ว่าเขินหรืออะไร


พอเดินเข้าใปในบ้าน ก็พบกับเด็กชายวัย 6 ขวบ ที่กำลังนั่งเล่นตัวต่ออยู่

เด็กชายคนนั้นเห็นคนเข้ามา ก็ร้องทักเสียงแจ๋ว

“แม่ค้าบ กระต่ายหิว  อื๋อ?”  ‘กระต่าย’ ชะงักกึกเมื่อเห็นมารดาพาคนอื่นมาด้วย
 
“นี่ น้านี เป็นรุ่นน้องแม่ แล้วก็เป็นเพื่อนบ้านเราด้วย”  กระต่ายยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอ  ก่อนจะยกมือไหว้สวัสดี อย่างที่คุณครูสอนมา


“ว่าแต่ เจ้าตัวเล็กชื่ออะไรนะ” หันไปถามนีรดาที่ยังปลอบประโลมเด็กน้อยที่อุ้มอยู่ไม่หยุด

“’ไทกริส’ค่ะพี่นาถ เรียกสั้นๆก็น้องไทก์    เอ้า น้องไทก์สวัสดีป้านีก่อนสิครับ” เจ้าของชื่อช้อนตามองคนเป็นแม่  ก่อนจะมองคนทั้งสองด้วยสายตางุนงง  นีรดาส่ายหน้าเบาๆ กับความไม่หือไม่อือกับลูกชาย   ส่วยนาถลดาก็ยิ้มขำอย่างไม่ถือสา

“ดูตัวเล็กจัง   กินเยอะๆนะ เดี๋ยวสู้พี่กระต่ายไม่ได้น๊า” นีรดาหยอก จับแขนเล็กเบาๆราวกับกลัวจะแตกหัก แต่เพราะเด็กน้อยคนนี้ดูจะตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน  เมื่อเทียบกับกับสมัยที่ลูกชายเธออายุเท่านี้แล้ว เด็กคนนี้ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ด้วยซ้ำ

“กินก็กินปกตินะคะ บำรุงก็แล้วอะไรก็แล้ว ไม่โตเลย นี่นีว่าจะไปปรึกษาหมอแล้วเนี่ย” นีรดาตอบกลับอย่างปลงๆ 
บทสนทนาของผู้ใหญ่ก็ยังดำเนินต่อไป

ส่วนเด็กน้อย ที่อยู่ในวงสนทนา  ได้แต่มองคนนู่นคนนี้   จนกระทั่ง.....



“ไปเล่นกันเปล่า?” กระต่ายเอ่ยถามไทกริสที่นั่งเกาะแม่ตัวเองติดหนึบ

คนถูกถามสบตากับคนถามที่ยิ้มแฉ่งจนตาปิด

“...อื้อ”  และนั่นคือ จุดเริ่มต้นบทสนทนาและความทรงจำของทั้งคู่ .......



เด็กชายกระต่ายหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นใบหน้าคนตรงข้ามเต็มไปซอสมะเขือเทศ
“อย่ามัวแต่หัวเราะน้องสิ  เอาทิชชู่ไปเช็ดให้น้องก่อน” นาถลดาผู้เป็นแม่ร้องเตือน  หล่อนเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน  เพราะไทกริสร้องบอกว่าจะทานเอง  หล่อนเลยไม่ได้ป้อนให้ แต่พอให้ทานเองก็เลอะไปทั้งปากทั้งจมูก  ทั้งสงสารทั้งขำ

“กินแบบนี้  ดูพี่ๆ”  กระต่ายยิ้มฟันหลออวดให้น้องดู ก่อนจะทำท่าตักข้าวเข้าปากอย่างโชว์ภูมิ

เด็กชายไทกริสมองตาแป๋ว แต่ก็ทำตาม  กำช้อนพลาสติกสีขาวด้วยท่าทางขึงขัง ก่อนจะตักมักกะโรนีด้วยท่าทางเงอะๆงะๆ  แต่หนนี้ไม่เลอะเท่าทีแรก

“เก่งๆ  ฮี่ๆ” คนเป็นพี่ชม พลางปรบมือแปะๆ  แม้เด็กคนนี้จะดูพูดน้อย  ทำอะไรก็ตลกไปหมด แต่รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก

 


นั่นคือสิ่งที่เด็กชายคิด
โดยไม่รู้เลยว่า .......  เส้นทางข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่




- Last goodbye  -


“นี่ เดี๋ยวพี่ต้องย้ายบ้านแล้วนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นกับเจ้าตัวเล็กข้างกาย  ในขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน

แต่เหมือนกับสีสอให้ควายฟัง เพราะนอกจากที่อีกคนจะไม่ยอมฟังแล้ว  ยังเปลี่ยนเรื่องอีกต่างหาก

“กระต่าย อยากกินไอติม”

เจ้าของชื่อถอนหายใจดังฟู่  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงย้ายบ้าน   และทุกครั้งที่บอก ไทกริสก็มีปฏิกิริยาแบบนี้ทุกที


กระต่ายในวัย 12 ปี มองเจ้าเด็กที่เป็นยิ่งกว่าน้องชาย  ตลอดที่ผ่านมากระต่ายและไทกริสก็ติดหนึบยิ่งกว่าแฝดอินจัน ตัวเองแม้จะมีพี่  แต่อีกฝ่ายเหมือนจะทิ้งระยะห่าง เพราะอยู่ในช่วงวัยรุ่นและยังเป็นผู้หญิงอีก  ส่วนไทกริสเองก็เช่นกัน เกิดเป็นลูกหลงที่อายุห่างจากพวกพี่ๆ 10 ปี  ด้วยสาเหตุที่เหมือนจะคล้ายๆกันเลยทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันซะส่วนใหญ่
ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกผูกพัน และเข้ากันได้ด้วยดีกว่าคนในสายเลือด
 
ขี้คร้านจะพูดเรื่องนี้กับคนที่ไม่ยอมฟัง  สุดท้ายก็ยอมตามใจ เจ้าน้องชายคนนี้อย่างที่เคยทำมาตลอด

และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก จนล่วงเลยจนมาถึงวันที่ย้ายบ้านจริงๆ...


ทางฝั่งนีรดาและอาเธอร์ผู้เป็นสามี ก็รู้สึกใจหายไม่ต่างกัน  ส่วนเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน  เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมา


เป็นกระต่ายที่ต้องไปเคาะประตู แต่ก็ได้รับความเงียบตอบกลับมา
“กริส  พี่ไปแล้วนะ”  กระต่ายรู้ดี ความรู้สึกของไทกริส เมื่อต้องอยู่ห่างกันก็รู้สึกใจหาย ถ้าเลิกได้ก็ไม่อยากย้ายไปหรอก
 

”...........” ไม่มีเสียงตอบกลับมา เลยลองเงี่ยนหูฟัง

‘ซื๊ดด’
เสียงสูดน้ำมูกดังแว่วดังออกมาจากอีกฝั่งของประตู  คนฟังเบิกตากว้าง เพราะไม่คิดว่าอีกคนจะเป็นถึงขนาดนี้

“อย่าร้องไห้นะ  ไว้พี่จะมาหาบ่อยๆ” บอกทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปเพราะมารดาเรียก




สองเดือนมาแล้ว  ที่บ้านข้างๆได้ย้ายออกไป  นีรดาถอนหายใจ พลางไปที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน ที่กำลังเดินขึ้นรถ ด้วยท่าทางไร้อารมณ์  เหมือนกับหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่งมา  ผิดกับแต่ก่อน ที่จะมีคนพี่เดินมาคู่กัน แม้จะไม่ได้มีหน้ายิ้มแย้มอย่างที่เด็กควรจะเป็น แต่แววตาและท่าทาง ก็ทำให้เธอเชื่อว่า เด็กคนนี้กำลังมีความสุข


ในตอนที่รู้ว่า ตั้งครรภ์เด็กคนนี้ ยอมรับว่า เธอตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีอีกคน  เพราะหลังจากที่คลอดสองสาวฝาแฝด เธอก็มีแพลนว่าจะมีเพิ่มอีกซักคน  แต่เอาเข้าจริง กลับไม่ติด พอไปปรึกษาหมอก็พบว่า เธอมีความผิดปกติที่ฮอร์โมน 


หลังจากนั้นก็ล่วงเลยมาสิบกว่าปี จนเธอล้มเลิกเรื่องที่จะมีลูกอีกซักคน

แต่พอเด็กคนนี้เกิดขึ้นมา เธอก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก  คนในครอบครัวทุกคนก็รู้สึกไม่ต่างกัน พอได้ชื่อว่าเป็นลูกหลง ก็มีคนทั้งรักทั้งหลงจริงๆ

เลยเป็นสาเหตุให้ไทกริสถูกเอาอกเอาใจมากเป็นพิเศษ  ทั้งจากคนในครอบครัวและคนรอบข้าง

และน้องกระต่ายก็เป็นคนในนั้น  เธอมักจะอมยิ้มทุกครั้งที่เห็นลูกชายเธอเข้าไปอ้อนพี่ชายบ่อยๆ

นอกจากเธอแล้วก็มีเด็กคนนั้นที่โดนไทกริสอ้อนบ่อยๆ ...


“วันนี้เรียนเป็นไงบ้างคะน้องไทก์” ถามคำถามเดิมทุกวัน ถ้าเป็นแต่ก่อนจะมีคนพี่คอยเล่านู่นนี่ โดยมีคนน้องคอยแทรกขึ้นมาอยู่เรื่อย 

แต่ตอนนี้ ...... ถ้าเธอไม่ถาม อีกคนก็ไม่ยอมเอ่ยปาก


“วันนี้มีสอบวิชาภาษาไทยครับ”

“เหรอ แล้วน้องไทก์ทำได้ไหมครับ”

“....” เด็กน้อยเงียบไปซักพัก  ก่อนจะตอบด้วยเสียงงึมงำว่า “พอได้ครับ”

“คิกคิก  ดีมากครับ  เดี๋ยววันนี้แม่จะทำของโปรดให้น้องไทก์ทานดีกว่า”

ตกเย็น เด็กน้อยมานั่งเฝ้าโทรศัพท์ที่จะโทรมาในช่วงนี้  เป็นใครไม่ได้นอกจจาก พี่ชายข้างบ้านที่ย้ายออกไปนั่นเอง

บางทีก็เธอก็เป็นฝ่ายโทรไป

แต่ช่วงหลังๆมานี้ เหมือนอีกคนจะยุ่งอยู่กับโรงเรียนใหม่  เลยทำให้ห่างๆกันไปบ้าง   เธอเองก็ไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายไปมากกว่านี้  ดูเหมือนไทกริสจะติดพี่คนนี้มากเกินไป กลัวจะกลายเป็นรำคาญลูกชายเธอแทน
 
พอไม่ได้ติดต่อกับพี่ชาย ไทกริสก็เหมือนจะเก็บตัวมากขึ้น  จากที่ไม่ค่อยพูดก็กลายเป็นคนไม่พูดเลย ถามคำตอบคำ  คนในบ้านยิ่งร้อนใจ เพื่อเป็นการแก้ปัญหา เธอจึงตัดสินใจ ให้ลูกชายไปอยู่กับปู่และยายที่ฮังการีในช่วงปิดเทอม

 

แรกๆก็ตะกุกตะกักนิดหน่อย เพราะด้วยทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรม  ภาษาฮังการี แม้เธอจะไปอยู่มาเกือบ 8 ปี เธอเองยังไม่คล่อง อีกทั้งประเทศนี้ก็ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษซักเท่าไหร่ เลยต้องปรับพื้นฐานอยู่พักนึง 


ไปๆมาๆ ช่วงมัธยมก็กลายเป็นว่าย้ายมาอยู่ที่ฮังการีโดยถาวร
 
เด็กคนนี้ แม้จะดูมึนๆ แต่เรียนรู้ได้เร็ว ต่างจากเธอที่เหมือนจะแก่เกินการเรียนรู้  ถูกสอนอะไรมา ก็ไม่ค่อยจะจำ อาศัยความงูๆปลาๆและสามีเธอแทน

ปู่ของไทกริส เป็นชาวฮังการี ส่วนยาย เป็นคนไทยผสมออสเตรีย พอมีลูกออกมา ก็เป็นลูกครึ่ง ฮังการี-ไทย-ออสเตรีย

พอมาเป็นคราวหลานก็กลายมาเป็นลูกเสี้ยว  แต่เหมือนจะลูกชายคนเล็กจะได้เชื้อตะวันตกมาเยอะกว่าใครเขาเพื่อน เลยดูเหมือนได้เชื้อเป็นลูกครึ่งมากกว่าคนพ่อด้วยซ้ำ

ไทกริสในช่วงไฮสคูล ถูกยัดเยียดกิจกรรมหลายๆอย่าง ทั้งเรียนศิลปะป้องกันตัว ทั้งเรียนภาษาที่สามที่สี่เพิ่มเติม  วันเสาร์-อาทิตย์ก็ให้ศึกษางานกับพ่อ

 


มีอยู่ช่วงหนึ่งกระแสที่เรียกว่า Facebook กำลังมาแรง  ทั้งเพื่อนบ้านรวมถึงเพื่อนๆที่อยู่ที่ไทยของนีรดา ต่างไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า Facebook  แถมยังชวนให้เธอไปสมัครบ้าง  แต่เธอก็ต้องขอบาย เพราะมันดูยากเกินไปนั่นเอง

หากแต่ใครจะรู้ว่า  เจ้าบริการทางอินเทอร์เน็ตนี่ จะทำให้ ใครคนนึงได้พบกับอีกคนหลังจากที่จากกันเกือบสิบปี



เด็กหนุ่มลูกเสี้ยว นั่งหน้าอมยิ้มเบาบางกับหน้าจอไอแมค  ส่วนสาเหตุก็ไม่ใช่อะไร 

ถ้าไม่ใช่


‘คนในหน้าจอ’ ลงรูปอีกแล้วน่ะสิ

ทีนี้ เป็นรูปที่กำลังดูดน้ำ แต่ยกนิ้วกลางใส่กล้อง พร้อมแสยะยิ้ม

เหล่าคอมเม้นต์ ล้วนไปในทิศทางเดียวกันก็คือ กวนตีน

แต่สำหรับเขา

คนๆนี้

น่ารัก~

เขาเพิ่งสมัครเฟสบุ๊คได้ไม่นาน จากคำชักชวนของเพื่อนร่วมห้อง   เพื่อนในนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกัน 

จะมีก็แต่ เพื่อนที่อยู่ประเทศไทยคนนึง  ที่เขาได้แอบเข้าส่องทุกวัน   โดยที่ไม่ได้ขออีกฝ่ายเป็นเพื่อน

“Going  Sasin”  พร้อมกับโปรไฟล์ที่เป็นเด็กหนุ่มที่นั่งหันข้างให้กล้อง เลยเห็นแค่เพียงครึ่งหน้า  แต่ก็เดาไม่ยากว่าเป็นใคร
 
 เขาไม่รู้เหมือนกัน ว่า คนคนนี้ก็ปรากฏขึ้นในลิสต์ เพื่อนที่คุณอาจจะรู้จักได้อย่างไร   

สำหรับเขา มันเป็นเหมือนโชคชะตา กับคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี

ด้วยความที่อีกคนเป้นคนที่ออกจะเปิดเผย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแสดงให้เป็นสาธารณะที่คนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนก็สามารถดูได้
มันเป็นความสุขอย่างนึง ที่ได้ทำแบบนี้

กระต่าย เปลี่ยนไปมาก หลังจากที่จากกัน ทั้งดูตัวสูงและผิวเข้มขึ้น

เผลอตัวอีกที  คนคนนี้ ก็ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป .......
 


นีรดาคิดว่าไทกริสน่าจะลืมคนข้างบ้านไปแล้ว แต่เปล่าเลย ในวันหนึ่ง ขณะที่กำลังทำความสะอาดบ้าน  ในส่วนห้องของลูกชายเธอ ปกติเจ้าตัวจะเป็นคนรับผิดชอบทำความสะอาด และไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในห้อง  ซึ่งเธอก็เข้าใจเพราะลูกชายเธอก็เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว ....

แต่วันนี้แดดดี เป็นเหตุให้เธอขนหมอนทั้งหมดในบ้านไปตาก  รวมถึงของลูกชายเธอด้วย

.... นีรดายืนอยู่หน้าประตูของลูกชายที่ไม่ได้เข้ามานาน  เธอเพียงแค่ตั้งใจจะเอาหมอนและผ้าห่มไปตาก โดยไม่คิดจะยุ่งวุ่นวายอะไรในห้อง   หากแต่พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็ต้องผงะ เพราะห้องนอนที่ไม่มีของตกแต่งมากนัก แต่กลับเต็มไปด้วย รูปของคนๆนึง ที่เธอถึงกลับร้องเรียกชื่อนั้นได้ทันที

“อ้ะ  นี่มัน น้องกระต่ายนี่?!”

ความตกใจ ความสงสัย ความแปลก  ประเดประดังเข้ามา  แต่เหนือสิ่งอื่นใด
 
เธอรู้ ลูกชายของเธอทำอะไรมีเหตุผลเสมอและเป็นคนจริงจัง เหมือนสามีของเธอไม่มีผิด
 
ดังนั้น การที่ในห้องของเธอมีรูปเด็กผู้ชายที่เธอรู้จัก  มันต้องมีที่มาที่ไปแน่ๆ




ตกเย็นลูกชายกลับมาจากโรงเรียน

“น้องไทก์ ยังจำพี่กระต่ายได้ใช่ไหม”ไทกริสไม่ยอมตอบ สายตาล่อกแล่กไม่ยอมสบตา 

หากแต่ ...... ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็พอจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว

“เนี่ย เดี๋ยวพี่เขาจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว  เร็วจะเนอะ”  นีรดาพูดด้วยเสียงเนิบๆ คอยดูปฏิกิริยาของลูกชาย  ถ้าไม่นับสายตาที่ล่อกแล่ก เด็กชายคนนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกเลย

หรือเธอจะคิดไปเองกันนะ .....

“มีอะไรก็คุยกับแม่ได้นะครับ”  บอกด้วยเสียงอ่อนลง แววตาทอดมองเด็กน้อยที่ไม่ตัวน้อยแล้ว  ตั้งแต่มาอยู่ที่ฮังการี ไทกริสก็สูงพรวดพราด จนน่าตกใจ จนตอนนี้ก็ได้สูงเลยผู้เป็นแม่แล้ว

นายไทกริสในวัย 17 ปี สบตาผู้เป็นแม่ก่อนจะพยักหน้าลงอย่างช้าๆ

“แม่ครับ  ถ้าผมจะรักใครซักคน มันจะผิดไหมครับ” มือบางที่กำลังลูบกลุ่มผมนุ่มชะงักลง

“ความรู้สึกรัก มันก็เป็นธรรมชาติของคนเรา เพราะฉะนั้นที่ลูกรักใครซักคนน่ะไม่ผิดหรอกครับ”

“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเหรอครับ”

“ใช่ครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”

“ผม... อยากกินแพนเค้ก” นีรดากระพริบตาปริบๆ คิดว่าลูกชายจะพูดอะไรออกมา  ก่อนจะหัวเราะขึ้นแล้วรวบร่างโปร่งมาหอมไปหลายฟอด ก่อนจะเข้าครัวไปทำแพนเค้ก

 
 

หลังจากนั้นไทกริสก็จบชั้นไฮสคูลพอดี  ในช่วงที่ครอบครัวกำลังสับสนว่าจะให้ไปเรียนต่อออสเตรียหรือสวิตเซอร์แลนด์ดี
 
เธอก็ได้เสนอให้ลูกชายกับประเทศไทย


และอย่างที่คิด โดนคัดค้านจากทั้งสามีเธอและปู่กับย่า ด้วยเหตุผลเดียวกันว่า ไม่อยากให้ไปไกล  เดี๋ยวคนแก่จะคิดถึง
 
เพราะถ้ายังอยู่ในยุโรปก็ยังไปมาหาสู่กันได้

แต่นี่เป็นประเทศไทย ต้องเดินทางเกือบวันถึงจะได้เจอ

โรคคิดถึงไทกริสก็กำเริบทันที



พอได้มาเหยียบประเทศไทยครึ่งแรกในรอบ 6 ปี อาการคัลเจอร์ ช็อคทำอะไรไม่ถูก เงอะๆงะๆ ต่างจากตอนที่อยู่ฮังการีโดยสิ้นเชิง

เธอกลัวว่าลูกชายเธอจะอยู่ไม่ไหว เลยตัดสินใจ......


 ไปปรึกษาพี่นาถ 


ฝ่ายนั้นดีใจ ที่ไทกริสกลับมาเมืองไทย แถมยังมาเรียนต่อที่นี่อีก  จึงเสนอให้ลูกชายให้มาช่วยดูแลแทน โดยไม่ได้สอบถามเจ้าตัวเลยด้วยยซ้ำ 

“ก็เหมือนตอนเด็กๆไงน้องนี  พี่ว่าน่ารักออก  คิดถึงจังน๊า ตอนเดินตามเจ้าต่ายต้อยๆน่ะ”

“จะลำบากน้องกระต่ายรึเปล่า  อีกอย่างเป็นโตๆกันแล้ว แถมไม่ได้เจอกัน  คงไม่ตีกันน๊า”

“เดี๋ยวพี่จัดให้ ”



เธอตอบตกลงอย่างไม่คิด  เธอจะได้ พิสูจน์ตัวลูกชายของเธอด้วย ……..



  (มีสกู๊ปน้อยๆมาให้อ่านด้วยค่าาา อยู่ล่างสุดเลย)
[END]


/////////////////////////////////////////////////////////

BEVA TALK : กรี๊ดดดดดดดดดด  หายไปนานมากค่ะ รอบนี้เป็นเดือนเลยทีเดียว อันที่จริงแต่งตอนพิเศษเสร็จตั้งนานแล้วค่ะ แต่ไม่มีเวลาเอามาลงเลย ฮรือออ

/ขอโทษผู้อ่าน Three Times ...

ตอนนี้ทำให้รู้หลายๆอย่างเนอะ อาจจะเคลียร์ในหลายประเด็น (รึเปล่าหว่า) อาจจะยังไม่มีหวานเลิฟๆ  ติดตามตอนพิเศษที่ 2 ได้ หลังบีว่าสอบเสร็จนะคะ ><


เหมือนจะเห็นมีคนพูดถึงรวมเล่ม  ดีใจมากค่ะ ที่มีคนอยากเก็บไว้อ่าน แต่แบบ นิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของบีว่า มีความมือใหม่มากค่ะ ถ้าเป็นอะไรที่จะรวมเล่มจริงๆ ขอเป็นเรื่องที่มีการพัฒนามากกว่านี้อ่ะค่ะ   (อีกอย่างกลัวทำมาแล้วจะไม่มีใครซื้อด้วย ฮ่าๆ)   อ่านในนี้ไปก่อนเนอะ  :mew2:

ขอบคุณทั้งนักอ่านหน้าใหม่และหน้าเดิมด้วยนะคะ ที่ยังติดตามบีว่ามาตลอด  ขอบคุณมากจริงๆค่าา  :pig4: :pig4: :pig4:
-----------------------------------------------------------------------------------

สกู๊ปพิเศษ


บีว่า :  แนะนำตัวหน่อย (ยิ้มหวาน)

ไทกริส  : (ตีหน้านิ่ง มองไปที่พี่ต่าย อีกคนพยักหน้าเป็นเชิงให้แนะนำตัว) (บีว่ายิ้มแห้ง)  ชื่อไทกริสครับ

บีว่า  : เอ่อ ขอชื่อเต็มๆหน่อย

ไทกริส  : ............ (หน้านิ่วคิ้วขมวด) ไทกริส    (กระต่าย: ขำกร๊าก)

บีว่า : เอาชื่อ นามสกุลอ่ะจ้า (เหงื่อเริ่มตก)

ไทกริส : ชลนาถ เคอดิส...

บีว่า : งั้นก็แปลว่า ชื่อเล่นชื่อไทกริส   ว่าแต่ชื่อจริงเพราะจัง  มันแปลว่าอะไรเนี่ย

ไทกริส : (ไม่ฟัง เริ่มกระแซะกระต่าย)

บีว่า : ฟังเค้าหน่อยยย

ไทกริส : (มอง)   แม่บอกว่า แปลว่า เจ้าแห่งน้ำ

บีว่า : แล้วไทกริสล่ะ  ใช่มาจาก แม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสใช่ไหม

ไทกริส : Tiger ต่างหาก

เพล้ง!! เสียงหน้าแตกของบีว่า

บีว่า : เอ่อ แล้ว มีสิ่งที่ชอบไหมเอ่ย?  เผื่อแฟนคลับมาเห็นจะได้ซื้อมาฝาก

ไทกริส : .... กระต่าย 

บีว่า : อ๋อ กระต่ายนี่เอง  แล้วของกินล่ะ

ไทกริส : ... กระต่าย

บีว่า : เห้ยย กระต่ายไม่ใช่ของกินนะ ไทกริส!!

ไทกริส :  (มองนิ่ง) ทำไมจะกินไม่ได้ ก็กินอยู่บ่อยๆ (เสียงโมโนโทน  มองไปที่กระต่ายที่ว่า อีกคนแยกเขี้ยวใส่ )

แล้วก็งุ้งงิ้งกันอยู่สองคน...

บีว่า : เอ่อ จบเถอะเนอะ สำหรับคนนี้   


ส่วนของพี่ต่าย  ติดตามต่อหน้าฮับ ....
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-09-2016 08:45:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 17-09-2016 22:17:07
ตอนพิเศษมาแล้วววววว  ฮื้อออ   กินกระต่ายยย
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-09-2016 11:12:25
ไทกริส ก็คือ ไทกริส ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 25-09-2016 23:14:58
เรื่องนี้คือดีงาม พึ่งเคยอ่าน ขอบคุณมากๆค่ะ ชอบมาก  o13
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-09-2016 08:56:19
โอยน่ารัก
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-09-2016 12:20:43
กริสกินกระต่ายเป็นอาหารหลักล่ะสิ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 29-12-2016 15:28:58
อ่านจบแล้ว ว่าแต่ไทกริสมาจากไทเกอร์หรอ ภาษาอะไรอะ งง
หัวข้อ: Re: 【❤ เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้ ❤】:: UP!! ตอนพิเศษมาแล้ววว 15/9/59 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 30-12-2016 19:09:55
อ่านไปหลงรักไป งือ  :กอด1:
ขอบคุณสำหรับนิยายที่นำมาแบ่งปันครับ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 01-01-2017 00:58:00
ปีใหม่หรรษา ลัลล๊า ณ เดอะบีชชช





สองร่างบดเบียดกันจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน อุณหภูมิแอร์คอนดิชันเนอร์ระดับ 20 องศาก็ไม่อาจดับความอารมณ์ที่ร้อนแรงของทั้งคู่ลงได้ 
คนผิวเข้มที่อยู่ใต้ร่างคนผิวซีด พยายามกลั้นเสียงร้องแม้จะยากเต็มที  สุดท้ายก็ได้แต่กัดเข้าที่ไหล่อีกฝ่าย  ไม่แรงที่จะทำให้เลือดออก แต่ก็แรงพอที่จะจะขึ้นรอยฟัน  ยังไม่รวมรอยแดงประปรายไปทั่วร่างขาว ล้วนเกินจากฝีมือเขาทั้งสิ้น
 

พายุอันร้อนแรงเสร็จสิ้น ทั้งสองร่างต่างหอบหายใจ ซบหน้าลงกับหมอน ทั้งๆที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่

ต่ายสำรวจไปทั่วร่างอีกคน ได้แต่หัวเราะหึๆให้กับตัวเอง เด็กนี่ขึ้นรอยง่ายรึเกิน  ขบนิด งับหน่อยก็เป็นรอยแล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า

มันเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว ที่ชอบทำรอยให้กับร่างอีกคน

จะได้ไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัว โชว์เรือนร่างให้คนอื่นเห็น !


ฝ่ามือขาว ลูบแก้มเขาเบาๆ ทำให้คนที่มัวแค่คิดอะไรเพลินๆสะดุ้งขึ้น

“หืม?” ร้องถามอยากหยอกล้อ  หลังเจอสายตาหมาน้อย  อ่านออกได้ว่า ‘อยากจะขออีกรอบ’ 

แค่มองตาก็รู้ใจ
อันที่จริง ไม่ต้องมองตา ไอ้ที่อยู่ในตัวเขาก็บอกได้

เด็กนี่แข็งแรงรึเกิน เขารู้สึกตัวเองแก่ก็ตอนนี้นี่แหล่ะ  รอบแรกก็เริ่มหมดแรงแล้ว ...

ไทกริสในตอนนี้  หุ่นโคตรจะเพอร์เฟ็ค กล้ามไม่ใช่แนวกล้ามปู แต่ก็น่ากัดไม่แพ้กัน ส่วนกล้ามท้องน่ะเหรอ นอกจากหกแพ็คเป็นลูกๆนั่น ก็ยังมีวีเชฟเรียกน้ำลายอีก ไม่เสียแรงที่จ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาเทรน 

อันที่จริงไทกริสก็เป็นพวกออกกำลังกายอยู่แล้ว  เรื่องสร้างกล้ามเนื้อไม่มีปัญหา แต่ดันมีเอเจนซี่คนนึง มาติดต่อ ว่าอยากได้นายแบบลูกเสี้ยวฮังการี-ไทยคนนี้  ไปเป็นนายแบบให้กับนิตยสารเล่มนึง  โดยขอยื่นข้อเสนอว่า อยากได้หุ่นแบบเพอร์เฟ็ค ดูมีความเฮลตี้  เสนอเสร็จก็แนบนามบัตรของเทรนเนอร์คนนึงมา  หลังจากนั้นก็โดนทั้งเทรน ทั้งควบคุมอาหารไง

แรกๆก็ออกจะสงสาร เพราะว่าไทกริสติดของหวาน โดยเฉพาะไอศกรีม  พอเขาห้ามก็ได้แต่มองตาละห้อย เรียกคะแนนสงสาร จนไอศกรีมในมือต้องสั่นอยู่ร่ำไป  แต่พอปรับตัวได้ก็ค่อยว่านอนสอนง่ายหน่อย 

และแน่นอน พอเล่มแรกวางแผง  ความซวยก็มาถึง เหล่าโมเด็ล โฆษณาทั้งหลายก็ต่างติดต่อเข้ามา จนแทบจะปิดโทรศัพท์ทิ้ง  ร้อนจนถึงเขาต้องคอยช่วย ลำพังแค่งานที่ทำ เจ้าเด็กโค่งนี่ก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาปลีกตัวทำงานอะไรนี่อีก มีหวัง น้านีได้เอาเขาตาย

ต่ายก็ได้แต่คอยคัดงาน บางทีก็ปฏิเสธโดยทันทีก็มี โดยเฉพาะเคสที่ shirtless นี่แหล่ะ


ของของใคร ใครก็หวงนะเออ

ครืน ครืน ♪

เสียงสั่นของโทรศัพท์ต่ายที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น เรียกความสนใจของทั้งคู่ ต่ายชะเง้อมองคนโทรมา ก็จะตบที่แผ่นหลังแข็งแรงอีกคนเบาๆ ก่อนจะขยับตัวเองออก สิ่งที่ฝังข้างในตัว เสียดสีจนเรียกเสียงครางเบาๆพร้อมกับหน้าที่เบ้ออก

เด็กโค่งหน้ามุ่ยอย่างเห็นได้ชัด

แหม เขาก็พอเข้าใจอยู่หรอก แต่คนที่โทรมามันให้ความสนใจมากกว่านี่สิ ...


จุ๊บปากแดงๆนั่นเบาๆก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับ

“ว่าไง”

          “ฟาย กว่าจะรับ”

“นอกเวลางานปะวะ”

        “เหอะ จู๋จี๋กับไทกริสอยู่ล่ะสิ”

“เออ มีไรวะ”

        “ต่าย  มึงจำได้ญาติของไอ้กิตได้ปะวะ ที่เขาเคยให้เราไปวางระบบแถวบางนาอ่ะ”

“เออ จำได้ ทำไมอ่ะ”

        “เขาเคยให้กิฟ วอลเชอร์ที่พักกับกูมาเว้ย  กูก็ลืมไปละ แล้วที่นี้ไอ้กิตมันโทรมาถาม ว่าเราอยากไปพักที่รีสอร์ทญาติมันที่หัวหินไหม?”

“หา ช่วงนี้นี่นะ  คนเยอะจะตาย”
ต่ายร้องถามอย่างงงงวย นี่มันก็วันที่ 30 เข้าให้แล้ว อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว เขาไม่คิดว่ามันจะมีที่พักเหลือว่างแน่นอน

            “เออ ไอ้กิตมันจะจัดการให้ อีกอย่างรีสอร์ทนี้โคตรจะส่วนตัว ไม่มีเส้น ไม่มีเงิน เข้าไม่ได้หรอก”

“อวยจัง ถามจริง มึงได้ค่าคอมฯ  ไหมวะ?”

              “เปล่าเว้ย แต่ว่าพวกกูว่าจะไปไง  เลยมาชวนเนี่ย พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวมารับ ไป 3 วัน2คืน” 

“พวกกูนี่ใครมั้งวะ?”

                 “ก็ ... กู เอก ส่วนไอ้แชมมันนัดกับครอบครัวไปแล้ว”

“แค่นี้ ?”
                  ”.....มีโจด้วย”

“หึ กูว่าละ” 

                 “เออน่า ตกลงมึงเอาไง กูจะได้ไปโทรคอมเฟริม ชักช้าอดนะเว้ย”

“แปปๆ  พรุ่งนี้ไปเที่ยวทะเลกันไหม?”

บอกคนในสาย ก่อนหันไปถามเด็กโค่งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆกัน คนถูกถามเลิกคิ้ว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ

“ที่ไหน?”

“ที่หัวหิน  ไปกับพวกแกน  มีโจไปด้วยนะ”

เอ่ยชื่อเพื่อนของอีกคน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ไทกริสนิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปสนใจมือถือต่อ

ต่ายส่ายหัวกับท่าทางไม่สนโลกของคนรัก  ก่อนหันไปตอบตกลงกับเพื่อนในสาย  คุยกันอีกหน่อย ก่อนจะวางสายไป
 
เหล่มองคนข้างตัว ที่ดูไม่สนใจอะไร  มองเลยไปที่ส่วนที่เพิ่งออกจากตัวเขาเมื่อไม่กี่สิบนาที ตอนนี้สงบลงแล้ว

ใบหน้านิ่งๆ ดูง่วนกับการจ้องโทรศัพท์ จนต่ายต้องแกล้งเอามือไปวางทับหน้าจอไว้ เด็กโค่งหันขวับมาทันที แต่มีหรือที่คนอย่างต่ายจะกลัว ยักคิ้วจึกๆเป็นการท้าทาย


เด็กโค่งชักโทรศัพท์หนี พร้อมๆกับทาบทับคนข้างๆที่นอนคว่ำอย่างเต็มแรง เล่นเอาคนพี่จุกจนพูดไม่ออก

“อั่ก!” ส่งสายตาค้อนไปให้ อีกคนกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกตัวขึ้น  แทรกเข่าทั้งสองไปที่หว่างขาของอีกคน แล้วจัดการแยกออก

“อื้ออ ไม่เอาท่านี้” ต่ายดิ้น เพราะเขากำลังนอนคว่ำอยู่น่ะสิ แบบนี้มีแต่จุกกับจุก


อีกคนก็ใจดี จับตัวต่ายพลิกกลับ  ก่อนจะสอดแท่งเนื้อร้อนที่พร้อมใช้งานเต็มที่เข้าช่องทางสีแดงสดที่ชุ่มไปด้วยน้ำรักในยกแรก 

ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังนอนสงบอยู่เลย เครื่องฟิต สตาร์ทติดง่ายจริงๆ

“อ๊า”

 และยกที่สองก็เริ่มขึ้น …………………



ต่ายยิ้มขำกับเด็กโค่งที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น  หน้าหล่อๆดูลอยๆ  อยากจะสมน้ำหน้า เพราะเมื่อคืนพอจบยกสอง ต่ายก็เตรียมตัวจัดของให้ตัวเองและคนรัก  ส่วนไทกริสน่ะเหรอ เล่นเกมส์ในไอแพดอย่างเมามันส์

พอไล่ให้นอนก็ติดพัน ไม่ยอมเลิก ส่วนเขาพอจัดของเสร็จก็แทบหมดแรง เลยหลับไปก่อน  ส่วนเจ้านี้น่ะเหรอ ตีหนึ่งกว่านู่นกว่าจะนอน

ไหน เด็กอนามัยที่เคยต้องเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่มนะ .......


ตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางไปหัวหิน ด้วยรถตู้จากบ้านของโจ

เอก แกน และโจ อยู่ในสภาพเอเนอจี้เต็มร้อย ผิดกับไทกริสที่เหมือนถูกลากมาจากเตียงก็ปาน (จริงๆก็เกือบถูก  เพราะต้องออกเดินทางแต่เช้า คนที่นอนน้อยก็เลยต้องออกอาการง่วงงุน)

จริงๆไทกริสเป็นคนตื่นเช้าแหล่ะ แต่ช่วงนี้งานก็รุม ทั้งงานบริษัทที่ลุงอาเธอร์ให้ลูกชายไปช่วยงาน ทั้งงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ที่มาเป็นพักๆ   ที่จริงมีคนมาเสนอให้มันไปเล่นละครด้วย

แต่กลัวจะกลายเป็นละครใบ้ซะก่อน เลยต้องปฏิเสธเขาไป  เด็กนี่แสดงสีหน้าเก่งซะที่ไหน  คงได้เป็นท่อนไม้ให้คนเขาด่าเล่นอีก





เสียงพูดคุยงุ้งงิ้งจับใจความไม่ได้ เข้าที่โสตประสาท  ต่ายที่เผลอหลับไป ผงกหัวขึ้นมองข้างทางว่าถึงไหนแล้ว  ก่อนจะหันไปมองคนข้างตัว

 เสียงพูดคุยที่เขาได้ยินคงเป็นเสียงคุยของเจ้าเด็กลูกครึ่งอย่างโจกับลูกเสี้ยวอย่างเด็กโค่งของเขานี่แหล่ะ แต่ดูจากทรงแล้ว อีกไทกริสน่าจะเป็นฝ่ายฟังมากกว่าพูด
.
.
.
.
.
.
.
.


“ถึงแล้วโว้ยยยย” เอกร้องบอก พลางบิดขี้เกียจ หลังจากนั่งรถมาเป็นเวลานาน

รีสอร์ทที่ไปพักนั้น เป็นแนวห้องพักวิลล่า เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว อย่างที่แกนเคยบอกไว้จริงๆ   บ้านหลังขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมแต่ละหลังก็ไม่ติดกันเกินไป  มีแนวพุ่มไม้กั้นกับทางเดินที่ปูด้วยหินกรวดมนเป็นสีๆ


หลังจากไปเจรจาเรื่องห้องพัก พวกเขาก็พากันมาที่บ้านพักสไตล์บาหลี ที่เหมือนกับรู้สึกว่าได้มาเดินป่ามากกว่ามาทะเล  แต่แบบนี้ก็สดชื่นไปอีกแบบ หลังจากใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่แทบจะไม่ได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติเลย

พวกเขายกสัมภาระที่เอามา ก่อนจะตกลงเรื่องห้อง
 
“มันมี 2 ห้องนอนเอาไง” แกนถามขึ้น มองไปที่ผู้ร่วมเดินทางทั้ง 4 

“กูยังไงก็ได้” เอกว่าพลางยักไหล่
 
เพราะมี 5 คน กับห้องนอน 2 ห้องนอน แถมไซส์แต่ละคน  เตียงนึง 2 คนก็แทบจะไม่เหลือช่องว่างแล้ว

“ต่ายมึงว่าไง” เจ้าของชื่อหน้าเหวอ เมื่อถูกส่งไม้มาให้ ดวงตาดำขลับกระพริบปริบๆ

“เอางี้ พวกมึงสองคนก็ห้องนึง แกนกับโจก็ห้องนึง ส่วนกูนอนนี้” เอกชี้ไปที่โซฟาเบดขนาดนอนกลิ้งได้ ที่อยู่ในบริเวณห้องนั่งเล่น

“เห้ย ไม่ได้ดิ” ต่ายกับแกนร้องขึ้นมาทันที ที่เพื่อนพูดเช่นนั้น   

เสียเงินก็เท่ากัน จะให้เพื่อนมานอนข้างนอนได้ยังไง


“ได้สิวะ ก็บอกแล้วว่ากูยังไงก็ได้ ถึงแม้กูจะเซ็งตรงที่พวกมึงมีคู่กันหมด ส่วนกูนี่หัวเดียวกระเทียมลีบ รู้งี้จองตัวน้องน้ำหวานไว้ก่อนก็ดี” น้องน้ำหวานที่ว่า คือพนักงานต้อนรับที่ออฟฟิตที่เอกคอยตามจีบอยู่  อีกฝ่ายก็ดูเหมือนเขินๆ แต่จากที่ดูๆก็มีใจให้เกินครึ่งแล้วล่ะ แต่น่าเสียดายตรงที่ว่า สาวเจ้าหนีไปเที่ยวกับครอบครัวทันทีที่มีวันหยุด

“มึงโอเคแน่นะ” ต่ายถามย้ำ เอกส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตบบ่าเพื่อนแรงๆ จนไหล่แทบทรุด 

ป้าบๆ

“เออสิวะ รีบไปเก็บของได้แล้วพวกมึงอ่ะ กูอยากไปเล่นน้ำแล้ว” เพราะมาถึงตอนสาย บวกกับอากาศกำลังดี พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะไปเล่นน้ำทะเลกัน


หลังจากจัดการเก็บข้าวของแล้ว พวกเขาก็พากันมาชายหาดที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก โชคดีตรงที่ว่ามันเป็นหาดส่วนตัว ไม่ใช่สาธารณะ ไม่งั้นคนคงเยอะกว่านี้

ในระหว่างที่พวกเดินเข้ามา ผู้คนทั้งชาวต่างชาติทั้งชาวไทยด้วยกัน ต่างจับจ้องมาที่พวกเขากันหมด 

แหม่ ก็แต่ละคนหน้าตาใช่ย่อย แถมเดินมาอย่างกับบอยแบรนด์ต่อให้ไม่อยากหลงตัวเอง  แต่พวกเขาก็มั่นใจในระดับนึงว่าหน้าตาดี

ยิ่งเอกที่ใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว โชว์หุ่นล่ำตามแบบฉบับของลูกเจ้าของค่ายมวย แม้จะมีงานมีการทำก็ยังถูกพ่อเรียกให้ไปเป็นคู่ซ้อมให้เด็กๆบ่อย

“ทากันแดดมารึยัง” ต่ายเอ่ยถามเด็กโค่งที่กำลังถอดเสื้อฮู้ดออก 

ตอนมาเมืองไทยใหม่ๆ  ไทกริสเป็นคนที่แพ้แดดง่ายมาก แค่โดนแดดจัดๆไม่นาน ตัวก็เริ่มแดง ถ้าหนักมากจริงๆก็จะแสบจนผื่นขึ้น แต่หลังพอเริ่มชิน  อาการก็ไม่หนักเท่าแต่ก่อน แต่ผิวก็ยังคงแดงเวลาออกแดดดตามประสาคนผิวขาวจัด

“ทาให้หน่อย” บอกคนพี่ก่อนจะถอดเสื้อออก

“เห้ย!”  เสียงอุทานดังขึ้น ต่ายที่กำลังคุ้ยกันแดดในกระเป๋าถึงกับมองหน้าไปที่เพื่อนที่ร้องขึ้นมา

“ไรวะ?”

“ไอ้ต่ายย... กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้” เอกว่า พลางทำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้  ต่ายมองคนที่แสดงละครเก่งจนอยากจะมอบรางวัลอให้ ก่อนจะหันมามองไทกริสที่ยังคงนั่งหน้านิ่ง   คงจะงงกับอีกฝ่าย

แต่พอได้เห็นอะไรเต็มๆ ต่ายก็รู้สึกความร้อนสาดเข้าที่หน้า 

“ไม่เบานี่หว่าไอ้ต่าย ต้องตีตราจองเลยนะ  ไม่ต้องหวงหรอก แค่นี้ไทกริสก็ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ” แกนว่าพลางหัวเราะ


จะอะไรซะอีก  ก็รอยอารยธรรมของเมื่อคืนยังไงล่ะ มัวแต่ตื่นเต้นเพราะได้ไปทะเล เลยลืมเรื่องนี้ไปเลย  ตัวเขาก็ไม่ต่างกันหรอก แต่เพราะเป็นคนผิวเข้มมันเลยไม่ชัดเท่าไหร่


“สะสะ ใส่เสื้อเหมือนเดิมเถอะ” ต่ายรีบยัดเสื้อในมือของคนน้องไว้

“ไม่เอา” ไทกริสว่า สีหน้าดูพราวทูพรีเซ้นท์รอยบนตัวรึเกิน

“จะบ้าเหรอ คนเยอะแยะ ไม่อายรึไง?” ต่ายเผลอขึ้นเสียงไปโดยไม่รู้ตัว  เพราะอารมณ์เขิน แต่กลับทำให้อีกคนขมวดคิ้ว

“กระต่ายอายเหรอ?”  น้ำเสียงนิ่งๆตามแบบฉบับเจ้าตัว แต่ทำให้รรยากาศรอบตัวสงบราวกับถูกเปลี่ยนฉากไปดื้อๆ

 
พวกที่ไม่เกี่ยวข้อง ตบบ่าต่ายอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะพากันเดินออกไป เพื่อหลีกหนีสถานการณ์นี้ไป

“ไม่ใช่อย่างนั้น” บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกคนคลายโบที่คิ้วออกได้เลย

“คือแบบ ...  ก็คนมันหวง..”  ต่ายอุบอิบ  เขาอายก็จริงแต่อายกับเพื่อนตัวเองมากกว่า อย่างงี้มันได้ล้อเขาไปอีกหลายวัน 

แต่เอาจริงๆ ใครจะไปยอมให้แฟนตัวเอง เดินอวดเรือนร่าง ท่ามสายตาเสือ สิงห์ กระทิง แรดกันเล่า !!


อีกคนหัวเราะหึ ก่อนจะจูบปากเขาอย่างรวดเร็ว แล้วจัดการดึงเสื้อในมือต่ายมาสวมแต่โดยดี  ก่อนจะยื่นแขนให้อีกคนทากันแดดให้


“พี่ไทกริสคะ” เสียงใสเรียกขึ้น ทำเอาทั้งสองที่กำลังง่วนกับการทากันแดด  ต้องเงยหน้ามา เด็กสาวผู้อาจหาญกล้า ดวงตากลมสั่นระริก จะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ .... 

เหมือนหนูแฮมสเตอร์เลยแฮะ  ...

“อะ เอ่อ คือ หนูขอถ่ายรูปพี่ได้ไหมคะ” สาวน้อยมองมาทางต่ายอย่างเกรงใจ 

ไทกริสหันมาต่ายอย่างขออนุญาต ต่ายเองก็ได้แต่พยักหน้าให้

คนเขาอุตส่าห์รวบรวมความกล้ามาขอถ่ายรูป ถ้าไม่ให้ถ่ายรูปนี่คงได้ร้องไห้กลับไปแน่


แฮมเตอร์สาวมานั่งยองๆข้างๆไทกริสที่นั่งเปลชายหาดอยู่ ก่อนจะยึกยัก มองโทรศัพท์ตัวเองกับต่ายอย่างเกรงใจ

คงจะอยากให้ถ่ายรูปให้แต่ไม่กล้าสินะ .....

ต่ายว่าเขาไม่ได้ทำหน้าตาหน้ากลัวอะไรเลยนะ


“เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” เสนอตัวพลางยิ้มอย่างใจดี  อีกฝ่ายทำหน้าตื่น แต่รีบยื่นโทรศัพท์ให้ พลางโค้งให้งกๆ


ตลกดีแฮะ ...


พอได้ตามที่ต้องการ สาวน้อยก็ยกมือไหว้ขอบคุณพวกเขา ก่อนจะวิ่งดุ๊กๆไปหากลุ่มเพื่อนที่ยืนให้กำลังใจอยู่ไกลๆ

“ฮ๊อตจังน้า พี่ไทกริส~” เอ่ยขึ้นอย่างล้อๆ  เด็กโค่งกระตุกยิ้มมุมปาก

“ไปเล่นน้ำกัน” ลากคนตัวขาว ไปที่กลุ่มเพื่อนตัวเองอยู่



พอบ่ายแก่ๆ  ก็พากันไปเดินงานปีใหม่ที่จังหวัดประจวบฯเขาจัดขึ้น  เห็นว่างานนี้จัดทั้งวันทั้งคืน อยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่   บรรยากาศก็ไม่ต่างจากงานวัดนัก  บนเวทีก็มีศิลปินนักร้องชื่อดังร้องอยู่ แต่ว่าพวกเขาไม่สนหรอก  ... ที่สนน่ะก็คือ

ของกินต่างหาก!!!


ตลอดทางมีคนจำไทกริสได้หลายคน บ้างก็ทัก บ้างก็ขอถ่ายรูป  แม้แต่ชาวต่างชาติยังมาทัก แถมเซลฟี่  นี่ดังไปถึงเมืองนอกเมืองนาเลยรึไงกัน !!

เดินมาอีกหน่อย ก็เจอแฟนคลับยัดเยียดของกินมาให้

หลุดโหมดควบคมอาหารก็วันนี้แหล่ะ


“เห้ย อยากปาลูกโป่งว่ะ” เอกพูดขึ้น  ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านซุ้มปาลูกโป่ง

พอเพื่อนพูดขึ้น ก็เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง  ทั้ง 5 จึงเดินเข้าไปในร้าน


“โอ๊ะ ตุ๊กตาเสือ” ต่ายพูดยิ้มๆ พลางสะกิดให้เด็กโค่งมอง

ตุ๊กตาเสือที่หมอบอยู่บนชั้นสูงสุงของร้าน  ดูท่าจะได้ยากแฮะ 

แต่ก็น่าลอง..
 

ต่ายเดินไปบอกเจ้าของร้าน ก่อนจะได้ลูกดอกมา 5 ลูก

“ปาแตก 3ดอก ได้ตัวเล็ก แตก 5 ดอกเลือกได้ทั้งร้านครับ”  เจ้าของร้านบอก

นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ปา ...

จะแม่นไหมวะ..

โป๊ะ!

โป๊ะ!

โป๊ะ!

โป๊ะ!

โป๊ะ!

แอบทึ่งกับความแม่นปนฟลุ๊คของตัวเองไม่ได้  เจ้าของร้านยิ้มให้ก่อนจะให้เลือกตุ๊กตาในร้าน

“เอาเสือครับ” ชี้ตัวที่หมายตาเอาไว้

“เอ้า” ยื่นให้เด็กโค่งที่กระพริบตาปริบๆ

“เสือน้อย~”

รอยยิ้มมุมปากของเด็กโค่งทำให้ต่ายเกิดหมั่นไส้ ยีกลุ่มผมนุ่มแรงๆ

“ยิ้มเยอะๆหน่อยก็ได้”


เดินไปหาเอกที่ขะมักเขม้นในการปาลูกโป่ง  เหลือบกองตุ๊กตาสี่ห้าตัวทั้งเล็กใหญ่ อดแซวไม่ได้

“เอาไปแจกเด็กที่ไหน?”

“ให้พวกเด็กในค่ายนี่แหล่ะ”

คำตอบที่ไม่คาดคิด ทำเอาต่ายอ้าปากเหวอ ไม่คิดจะมีมุมนี้ ....


“มึงไม่สนเหรอ” ถามแกนที่ยืนรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มีเจ้าโจที่คอยคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

“หึ ไม่อ่ะ เด็กๆ” คำว่าเด็ก เรียกคิ้วกระตุกยิกๆจากต่าย

“มึงปาไม่แม่นล่ะสิ”

“อย่ามาท้ากูไอ้ต่าย ระดับนี้แล้ว”

“ไปโจ อย่าไปยอมแพ้ไอ้ต่ายมัน”  ว่าแล้วก็ดึงรุ่นน้อง ปรี่เข้าหาเจ้าของร้านที่ยิ้มรับทรัพย์

ทางด้านต่ายก็ไม่ยอมแพ้ ดึงไทกริสที่กอดตุ๊กตาเสือเข้าร้านอีกรอบ

ผลการดวลก็เรียกได้ว่าเสมอ เพราะทั้งต่ายและแกนได้ 3 ลูกพอดิบพอดี จึงได้ตุ๊กตาตัวเล็กไปปลอบใจแทน

สงสัยเมื่อกร้คงฟลุ๊คจริงๆล่ะ ต่ายคิด

“เอาตัวไหนดี” หันไปทางเด็กโค่งข้างตัว  ไทกริสมองดูตุ๊กตาในร้าน เขาไม่สนอะไรพวกนี้หรอก แต่ว่ากระต่ายของเขาอุตส่าห์พยายามขนาดนี้แล้ว..


แต่แล้ว สายตาก็สะดุดไปที่ ตุ๊กตากระต่ายหูตกสีน้ำตาลอ่อน  ลูกตาดำกลมใส ทำให้เขานึกถึงคนบางคนถึงมา

“เอากระต่าย”  ชี้ไปที่ตุ๊กตากระต่ายชั้นล่างที่แทบจะโดยตัวอื่นบดบัง เพราะตัวเล็กกว่า


ส่วนแกนก็ชี้ส่งๆไป ดันไปโดนตุ๊กตาหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ซะงั้น

พอได้มาก็จับยัดใส่มือให้รุ่นน้องข้างๆ   ท่ามกลางความงงๆของโจ แต่ไม่ถึง 2 วิ ก็ยิ้มร่าดีใจ ทำเอาคนให้อดยิ้มตามไม่ได้



ตกกลางคืน ทางรีสอร์ทจัดปาร์ตี้บุฟเฟ่ต์อาหารทะเล

และมีหรือที่พวกเขาจะพลาด  นั่งดื่มด่ำกับเบียร์เยอรมัน และอาหารทะเลสดๆ  รอคอยนับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่ 


เอก ชายหนุ่มไร้คู่หนึ่งเดียวในกลุ่มทำหน้าปุเลี่ยน ให้ชาวต่างชาติคู่นึงที่ดีฟคิสกันอย่างไม่แคร์สายตาชาวบ้าน

ก่อนจะมองไปที่ผองเพื่อนตัวเอง ที่แม้จะไม่เกินหน้าเกินตา ก็งุ้งงิ้งๆกันสองคน 


ก่อนจะถอนหายใจออกมา


คิดถึงน้องน้ำหวานโว้ย !!!   ว่าแล้วก็เดินหนีภาพบาดตานั้น  แล้วควักมือถือโทรหาน้องน้ำหวาน …

.
.
.
.
.



ฟากแกนและโจ-

“พี่แกน พี่เอกเขางอนไปนู้นแล้วอ่ะ”

“บอกทำไม จะไปง้อมันเหรอ”  อีกฝ่ายทำหน้าเหวอประหนึ่งเจอแมลงสาบ ส่ายหัวยิก

“เย้ย เปล่าซะหน่อย”  แกนหัวเราะเบาๆ  ยื่นขวดเบียร์ที่เพิ่งกระดกไปอยู่แตะปากอีกฝ่ายเบาๆ   โจยิ้มแป้นหูตั้งหางกระดิก จับมืออีกฝ่ายไว้แล้วยกขวดกระดกดังอึกๆ

นี่พี่แกนกำลังอ่อยเขาอยู่ใช่ไหม?????   

“เมาแล้วเหรอ พี่แกน” เอานิ้วจิ้มแก้มที่ดูตาเยิ้มๆ แต่ยังพูดรู้เรื่อง

“กินยังไม่ถึงครึ่งขวด จะเมาได้ไง” พูดปนหัวเราะ พลางเอามือไปยีผมอีกคน

“พี่แกนเมาง่ายจะตาย”

“ห่วงตัวเองเถอะ  กินไปกี่ขวดแล้วล่ะ”  เพราะโจเล่นกระดกเอาๆ ผิดกับแกนที่ค่อยๆจิบ  เพราะไม่อยากเมาเร็ว ยังไม่ถึงเที่ยงคืนเลย   


“โหห ของอย่างนี้ กินเป็นลัง ก็ยังไม่เมาหรอก” ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มกับดวงตาหยีเล็ก

เห็นหน้าเด็กนี่ทีไร นึกถึงหมาไซบีเรียนทุกที

แกนยิ้มขำ ปล่อยให้คนน้องกระแซะบ้าง หยอกบ้าง  เผลอๆก็โดนขโมยกับแกล้มจากปากเขาไปเฉย


ก็เหมือนอย่างเคย ผ่านมา 3 ปีกว่า ความสัมพันธ์เขา ถ้าให้พูดก็เหมือนรุ่นพี่รุ่นน้อง

แต่ก็เป็นแบบ รุ่นพี่ รุ่นน้องที่จูบกัน แล้วก็ ..... 'เอา'กันด้วยล่ะนะ ....


ก็เคยถามเด็กอยู่  ว่าต้องการแบบไหน แต่โจก็ยิ้มให้เหมือนเคย

“แบบไหนที่พี่สบายใจ ผมก็ชอบแหล่ะ  รุ่นพี่รุ่นน้องก็ดี  ใช่ไหมครับ  รุ่นพี่ที่รัก~” ว่าแล้วก็หอมแก้มรุ่นพี่หนึ่งที

เขาไม่เคยคิดว่า  ไอ้เจ้าเด็กที่บังเอิญเจอกันเพราะอยู่คอนโดเดียวกัน แถมห้องก็อยู่ตรงข้ามกันอีก จะมาคบกับเขาได้นานขนาดนี้  ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้ชัดเจน  แต่ก็ไม่ปิดกั้นตัวเอง  เด็กเสนอมา เขาก็สนองกลับ  วันไหนเบื่อๆก็ชวนมาเล่นเกมส์ในห้อง  ง่วงๆก็พากันนอนเตียงเดียวกัน   บางทีก็รู้สึกอยากจะปิดปากเจ้าเด็กพูดมากทั้งๆที่บอกว่าตัวเองเป็นคนขี้อาย   

มันก็แค่นั้น ชีวิตมันมีอะไรให้ลองอีกเยอะ  จนกว่าจะแน่ใจคำว่า รัก อย่างแท้จริง

เขาก็หวังว่า โจจะยังอยู่ข้างเขาล่ะนะ  ...

.
.
.
.



ฟากของต่ายและไทกริส


“กระต่าย”

“อื๋อ?”

“กระต่าย”

"หือ"

“...กระต่าย”

“...” 

คราวนี้เจ้าของชื่อไม่ได้ขานรับ แต่ละสายตาจากผืนน้ำ แล้วมาสบตาคนที่นั่งข้างๆแทน

“รัก” คำพูดสั้นๆ แต่นัยน์ตาที่พราวระยับ เหมือนกับดวงจันทร์ที่สะท้อนจากผิวน้ำ
 
“อืออ รักเหมือนกัน”  ยิ้มรับ ก่อนจะถูกปิดด้วยปากแดงๆ  จูบที่ทำให้ต้องวางแก้วเบียร์ในมือ  แล้วโอบรอบคอแข็งแกร่งเอาไว้



เสียงนับเลขถอยหลังดังขึ้น จากฝั่งของชายหาด ทำให้ทั้งสองผละออกจากกัน แต่ดวงตาทั้งสองคู่ยังคงสบกันอยู่


จนกระทั่งสิ้นเสียงว่า 0 พร้อมกับพลุที่ถูกจุดขึ้นหลายชุด


แต่นั่นไม่ได้ทำให้ทั้งสองสนใจลงได้ 


เพราะรู้ตัวอีกที ร่างของต่ายก็ถูกเจ้าเด็กโค่งยกขึ้นให้ไปนั่งตัก ก่อนจะมอบจูบรับวันใหม่และปีใหม่อย่างดูดดื่ม

โทรศัพท์ของพวกเขาเด้งรัวๆ จากข้อความสุขสันต์ปีใหม่จากเพื่อนพ้องน้องพี่
 
แต่คิดว่าสนใจเหรอ

คนตรงหน้าต่างหาก ที่น่าสนใจกว่า ...

-------------------------------------------

BEVA TALK :  แอร๊ยยย ลืมคนแต่งไปยังค๊าาาาาา  หายหัวไปนานจริงๆค่ะ เรียนหนักมว๊ากก แทบจะไม่มีเวลาแต่งเลย  นี่ปิดเทอมอยู่เลยแต่งซะเลย รู้สึกเกร็งๆ เพราะไม่ได้แต่งนาน  นี่ลืมเนื้อเรื่องหลักไปแล้วนะเนี่ย

สุขสันต์ปีใหม่นะคะคนอ่านทุกคน ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ทั้งเม้นท์ทั้งเป็ดเลย  :mew1: :mew1:


#ตอบคุณ Sorso นะคะ tigris บีว่าเอามาจากภาษาฮังการีค่ะ แต่จริงๆ tigris เป็นเหมือนชื่อวงศ์ตระกูลของเสือน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: Azuryngel ที่ 01-01-2017 09:57:09
Never let him go naaaa ~ :mew1: :mew3: Cute rabbit and tiger  :ruready :hao3:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-01-2017 11:53:53
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 02-01-2017 13:48:16
 :mew1:น่ารัก
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-01-2017 18:40:52
ยังสวีทไม่สนใจโลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความหื่น...สินะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-01-2017 19:00:57
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-01-2017 21:51:43
❤️ HAPPY NEW YEAR 2017 ❤️
สวัสดีปีไหม่ ๒๕๖๐
ขอให้ไรท์ มีความสุข มากกกกกกก
。◕‿◕。
ไทกริส กระต่าย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เรื่องหื่น ไทกริสหื่นก่อน กระต่ายก็หื่นตาม  :ling1: :ling1: :ling1:
มาต่ออีกนะ ชอบบบบบบบ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2017 00:39:32
หวานชื่นกันเหมือนเดิม
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 04-01-2017 22:49:29
น่ารักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: Dumzila047 ที่ 08-01-2017 10:14:07
 :o8: :o8: :o8: ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: mayomhwan ที่ 16-01-2017 21:55:01
คิดถึงคนแต่ง คิดถึงเรื่องนี้ > <  น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-09-2017 10:56:21
 :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-11-2017 05:51:11
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 11-11-2017 07:12:22
อยากบอกว่า หลงเข้ามาเพราะชื่อเรื่องเหมือนกัน
อ่านแล้วน่ารักดี ว่าแล้วต้องเป็น ไทก์ต่าย 555
ต่ายยอมน้องหมดแหละ
นี่ได้ลูกมาใช่มะ บอกตรง
5555
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 11-11-2017 07:39:43
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 12-11-2017 21:47:34
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 21-11-2017 10:14:10
น่ารักมากๆเลยค่า หวังว่าสักพักแกนกะโจจะคบกันจิงจังนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: ✪PATTY✪ ที่ 23-12-2017 13:38:47
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 13-01-2018 22:28:26
อยาากทราบว่า เด็กโค่ง  นี่เป็นชื่อที่ตั้งใจเขียนรึเปล่าคะ
เราแต่ตงิดใจว่ามันน่าจะเขียนอย่างนี้หรือเปล่า  เด็กโข่ง
หัวข้อ: Re: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-06-2018 15:02:06
เรื่องนี้น่ารักแล้วก็สนุกมากครับแอบพลาดที่ไม่ได้ตามตั้งแต่ต้นๆ