พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Dreams of Flowers ที่ 27-02-2016 15:47:25

หัวข้อ: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: Dreams of Flowers ที่ 27-02-2016 15:47:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


นิยายเรื่องอื่น
เรื่องสั้น จบแล้ว
เจ้าหญิงทรา END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52168.0)
 พบกันใหม่ 1/3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52154.0)
 พบกันใหม่ 2/3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52155.0)
 พบกันใหม่ 3/3 END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52156.0)
 หนีร้อนมาเจอ...รัก END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52160.0)
คุกเข่า END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52212.0)
 ชีวิตที่ขาดเธอ END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52185.0)



นิยายเรื่องยาว
DARK LOVE ต้องมองแค่ผมคนเดียวเท่านั้น!!!!!  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52161.0)






♥♥♥♥♥♥♥♥



เจ้าหญิงทรา END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52168.msg3318479#msg3318479)
 ตอนพิเศษ 1 END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52168.msg3318872#msg3318872)



หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
เริ่มหัวข้อโดย: Dreams of Flowers ที่ 27-02-2016 16:03:17







ตำนานเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ


ตำนานส่วนใหญ่มักสืบสานมาจาก ‘เรื่องจริง’ มีตำนานหนึ่งเรื่องลือกันมาของเหล่าราชวงศ์และประชาชนในอาณาจักรแห่งอรุณว่าด้วยสิ่งที่แรกมากับ ‘ความอุดมสมบูรณ์’


ในอดีตบ้านเมืองแห่งนี้แล้งแค้นเหล่าประชาอดอยากและยากจน หยาดฝนที่นานครั้งจะตกมาสักหนทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกสิ่งใดได้ แผ่นดินแตกระแหงจากพระอาทิตย์สาดแสงส่องอย่างไม่หยุดยั้งช่างสมชื่ออาณาจักรแห่งอรุณ ด้วยเพราะเหตุนี้แม่น้ำลำธารต่างพากันแห้งคอด เมื่อไม่มีน้ำ ไม่มีพืช ไม่มีอาหาร เหล่าประชาเจ็บป่วยล้มตายจนร่อยหรออาณาจักรเกือบล่มสลาย


ความยากแค้นซึ่งมีมาอย่างยาวนานนับวันยิ่งทวีคูณ ปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไปอาณาจักรได้ล่มสลายอย่างแน่แท้ องค์ราชาปัจจุบันในตอนนั้นไม่สามารถยอมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ต่อไปได้ จึงเสาะหากรรมวิธีต่าง ๆ ตำราไหนที่ว่าดี ตำราไหนที่ว่าเยี่ยมเขาลองพิสูจน์มาจนหมดเพื่อให้หลุดพ้น


ทว่าไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดสภาพบ้านเมืองไม่อาจจะกลับมาเป็นดังเดิมหรือฟื้นขึ้นอุดมสมบูรณ์ ในจังหวะที่องค์ราชากำลังท้อแท้ไม่รู้จะกระทำอย่างไรต่อนั้นก็เกิดได้ยินข่าวลืออย่างหนาหูจากอาณาจักรใกล้เคียง


ว่ามีพ่อมดตนหนึ่งซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ราวกับพระเจ้าสามารถดลบันดาลดั่งใจนึก ไม่ขอสิ่งใดเขากระทำได้ทุกอย่างหากมีข้อแลกเปลี่ยนอย่างสมน้ำสมเนื้อ ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง ทว่าในจิตใจที่หมดหนทางนั้นกับเหล่าประชาที่กำลังเฝ้ารออย่างมีหวัง องค์ราชาจึงได้ตัดสินใจลองดูสักตั้งล่ำลาภรรยาและลูกน้อยทั้งหลายเพื่อออกไปตามหาพ่อมดตามอาณาจักรใกล้เคียง


พ่อมดซึ่งมีที่อยู่อย่างไม่เป็นหลักแหล่งการตามหาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและหนทางมีแต่ความยากลำบาก ระยะเวลาอันยาวนานทำให้องครักษ์เจ็บป่วยล้มตายไปทีละคน จากผู้ติดตามนับสิบตอนนี้กลับเหลือเพียงราชาองค์เดียว เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นหากตนเองไม่เชื่อตามข่าวลือที่รู้ว่าจริงหรือไม่นั้น คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ความหวังลิบหรี่จนบั่นทอนสภาพจิตใจแทบอยากจะปริชีพของตัวเองหลายหน


ทว่าพอนึกถึงบุคคลสำคัญที่กำลังรอคอย จึงเกิดแรงฮึดขึ้นมาได้ชั่วคราว พอนานเข้าก็หมดไปวนเวียนซ้ำเล่า เขาร่อนเร่อย่างไร้จุดหมายปลายทางไล่ตามเงาของบุคคลซึ่งบางทีอาจไม่มีจริง


จนร่างกายย่ำแย่ ถูกโจรปล้นเงินทองโดนเอาไปหมดด้วยกำลังคนของอีกฝ่ายที่มากกว่า ต่อให้องค์ราชาจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ไม่อาจหลีบเลี่ยงการบาดเจ็บได้ ถึงสู้อย่างสุดชีวิตทว่าสภาพร่างถูกคมดาบกรีดลึกหลายบาดแผลของเหลวสีสดไหลนองย้อมเสื้อจนทำให้สีขาวยางสะอาดกลายเป็นสีแดงสดอย่างน่าสยดสยอง


เรี่ยวแรงถดถอยปนความเหนื่อยล้า ขาซึ่งเดินมาอย่างโซชัดโซเซได้หยุดลงหย่อยกายนั่งเอนหลังอิงพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมหายใจรวยริน นัยน์ตาพร่ามัวเหม่อมองไปยังน่านฟ้าสีสดใส ต่อให้ชีวิตต้องจบลงเพียงเท่านี้ก็จะไม่เสียใจอะไรกับสิ่งใด


เพราะเขาคิดว่าตนเองได้ทุ่มเททุกหยาดเหงื่อแรงกายไปอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแค่เสียดายที่ไม่สามารถทำให้ความปรารถนาของบุคคลที่รอคอยเป็นจริงได้ ผ่านมานานถึงขนาดไหน บางทีเหล่าลูกน้อยอาจจะเติบใหญ่จนเป็นหนุ่มสาว เสียดายที่อาจไม่ได้เห็นหน้าพวกเขาอีกเท่านั้น


‘ติดตามข้ามานานขนาดนี้ เก่งดีนี่ เจ้าประสงค์สิ่งใดรึ’


เสียงอันนิ่งนุ่มของชายที่องค์ราชาไม่รู้ว่าดังมาจากทางไหน หรืออาจจะเป็นเพียงแค่เสียงที่เขาคิดไปเองในระหว่างที่สติเลือนรางก็เป็นไปได้ นัยน์ตายังคงสะท้อนภาพท้องฟ้าอันกว้างไกล ทว่าแม้กระทั่งตัวเขาอีกไม่ทราบเพราะเหตุอันใดจึงได้ตอบกลับไปเช่นกัน


‘อาณาจักรของข้ากำลังแห้งแล้ง ประชาชนอดยาก ข้าอยากให้อาณาจักรของข้าอุดมสมบูรณ์ประชาชนสงบสุข’


‘เจ้าแปลกยิ่งนัก ทำไมถึงไม่ขอให้ข้ารักษาชีวิตของเจ้าเอง’


น้ำเสียงเอ่ยถามอย่างสงสัยของอีกฝ่าย ข้าคงแปลกอย่างที่ว่าเพียงแต่...รอยยิ้มซึ่งกระตุกขึ้นมาบนมุมปากอย่างเล็กน้อย

 
‘เพียงแต่..สิ่งที่ขอไปสำคัญกว่ายังไงล่ะ’


อีกฝ่ายนิ่งงันไปชั่วครู่ราวกับครุ่นคิด


‘อย่างนั้นเองรึ เอาเป็นว่าข้าจะทำตามในสิ่งที่เจ้าปรารถนา แต่ต้องแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเจ้าเองและชีวิตของราชทายาทหนึ่งองค์ของราชวงศ์ที่ขึ้นเป็นกษัตริย์ทุกรุ่น หากข้าประสงค์เช่นนี้ เจ้าจะตกลงหรือไม่’


ข้อเสนอไม่ได้ทำให้ตัดสินใจยากแต่อย่างใด ไหน ๆ ข้าเองก็จะต้องตายอยู่แล้ว หากสามารถทำให้บ้านเมืองคืนชีพได้อีกครั้ง ไม่ว่าสิ่งใดข้ายอมแลกได้ทุกอย่าง


‘ตกลง’


หารู้ไม่ว่าสิ่งที่องค์ราชาได้ตกลงไปนั้นได้เป็นชนวนให้เกิดเรื่องบางอย่างในอีกพันสองร้อยปีให้หลัง





และเมื่อได้ทราบข่าวซึ่งเขียนมาเป็นจดหมายไม่เห็นแม้แต่ศพความโศกเศร้าปกคลุมไปทั่วอาณาจักรบางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ พอเจ็ดวันให้หลังประจักษ์แก่ตาทำให้การกระทำขององค์ราชาถูกกล่าวขานไปอย่างแผ่หลายทางด้านดีและไม่ดี รวมถึงเรื่องความอัศจรรย์ของพ่อมดนั้นอีกด้วยที่สามารถทำให้อาณาจักรซึ่งเกือบสลายฟื้นกลับคืนเฟื้องฟูเขียวชอุ่มได้อีกครั้ง ราชาที่สละชีพเพื่อบ้านเมืองได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นวีรบุรุษและเป็นฆาตกรผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสูญเสียไปในเวลาเดียวกันในเหล่าราชวงศ์


บางทีมนุษย์เราส่วนมากประสงค์อยากจะได้ แต่ก็มักจะไม่อยากสูญเสียในสิ่งที่มีอยู่ พ่อแม่ซึ่งรักลูกเท่าดวงหทัยก็ย่อมไม่อยากเห็นเขาจากไปเช่นกัน หากผิดคำสัญญาความล้มสลายต้องมาเยือนอีกครั้ง ชีวิตของบุคคลเดียวแลกกับชาวประชาทั่วราชอาณาจักร ถึงไม่ประสงค์นัก ทว่าก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้



การเปลี่ยนกษัตริย์ใหม่จะมีขึ้นทุกห้าสิบปี บุคคลที่จะครองราชย์ต่อนั้นต้องมีอายุสามสิบเป็นธรรมเนียมซึ่งปฏิบัติอย่างยาวนานก่อนจะเกิดเรื่องนี้เสียอีก และเครื่องสังเวยนั้นจะเป็นชายหรือหญิงก็ได้สุดแล้วแต่จะนำพา กฎระเบียบต้องมีการส่งตัวไม่เกินสิบวันหลังจากที่ขึ้นครองราชย์ เนื้อกายต้องสะอาดบริสุทธิ์ เครื่องนุ่งห่มต้องสีขาวราวหิมะ


เดินทางไปในป่าด้านหลังราชวังที่จะมีหอซึ่งถูกขนานนามว่าหอแห่งวีรบุรุษประทับอยู่ ภายในหอนั้นจะมีเครื่องบันเทิงจิตใจอย่างดีสำหรับการผ่อนคลาย จะได้ไม่รู้สึกเหมือนว่าตนเองมาเพื่อสละชีพแต่อย่างใด คล้ายกับว่าเล่นสนุกและเผลอหลับไปเท่านั้น


การสังเวยใช่ว่าจะตายในทีเดียว เสมือนคำสาปที่กัดกินพลังชีวิตของผู้ประสบไปทีละน้อยและมีวิธีแก้ไข ทว่าสิ่งนั้นได้ถูกเลือนหายไปตามกาลเวลา คำพูดปากต่อปากย่อมผิดเพี้ยนจนในปัจจุบันไม่เหลือเคล้าความจริงให้เห็น จึงไม่มีองค์ใดสามารถถอนคำสาปได้ และสิ้นพระชนม์ไปในที่สุด


การสังเวยซึ่งถูกปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งคัดจนกระทั่งมาถึงรุ่นที่ยี่สิบสี่ราชทายาทองค์น้อยนั่งเหม่อมองมือเท้าคางไปยังนอกหน้าต่างหอทรงหกเหลี่ยมพลางนึกถึงตำนานซึ่งเล่าขาน นัยน์ตาสะท้อนภาพทุ่งดอกไม้อันกว้างไกลหลากสีสัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก แม้ภายในจิตใจจะกำลังว้าวุ่นก็ตาม ชายหนุ่มผมยาวสลวยสีเงิน ผิวขาวราวกับโปร่งใส หน้าตาสง่าลิ้มไม่แพ้เจ้าหญิงใด และเครื่องห่มกายสีหิมะแสนบริสุทธิ์


ภายในห้องอันเงียบเชียบการตกแต่งผนังสีฟ้าอ่อนสบายตามีหนังสือมากมายให้เลือกสรร มีอาหารมากมายให้เลือกทานไม่แพ้กัน ทว่าองค์ชายน้อยไม่ได้แตะต้องสิ่งใดแม้นสักนิดเลย เมื่อมาถึงเขาตรงดิ่งมายังบริเวณหน้าต่างทันที โลกที่เขาจะเห็นเป็นครั้งสุดท้าย อยากจะมองให้เต็มตา  เขาประสงค์ที่จะทำแบบนี้เอง หาใช่ใครบังคับ ใช่ว่าเขาเสียใจ ใช่ว่าเขาหวาดกลัวกับการตาย


แต่เหตุไฉนถึงต้องมานั่งซึมกระทื่อเยี่ยงนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน


อีกหลายสิ่งที่ยังไม่พบเห็น


อีกหลายสิ่งที่ยังไม่รู้จัก


อีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ลองสัมผัส


นัยน์ตาเริ่มง่วงซึม หากหลับไปเขารู้สึกว่าจะไม่ได้มีโอกาสตื่นขึ้นมาอีกแน่ คงถึงเวลาแล้วสินะ แค่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นตามธรรมชาติหากง่วงก็ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง


จนหลับไปที่สุดทั้งที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม


เมื่อเห็นเช่นนั้นชายสองคนซึ่งเฝ้าดูอยู่กลางไกลได้ย่ำเท้าเข้ามาใกล้


“นี่ข้าจะต้องเสียลูกหลานไปอีกนานเท่าไหร่ ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วรึ”


ชายหนึ่งคนได้เอ่ยถามในระหว่างเฝ้ามองใบหน้ายามนิทราขององค์ชาย นัยน์ตาสะท้อนถึงความเสียใจอยู่เบื้องลึก


“เจ้านี่เอาแต่ถามเหมือนเดิมอยู่ทุกครา ทั้งที่รู้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ตอบด้วยคำเดิม”


   คำเฉลยอย่างไม่พอใจของชายที่ยืนอยู่ข้างกัน ใช่เขารู้ ถึงกระนั้นก็ปรารถนาจะให้คำตอบเปลี่ยนแปลงในสักวัน เพื่อเหล่าราชวงศ์มีความสุขอย่างแท้จริงโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าขึ้นปกครองแผ่นดินแล้วจะทำให้บุตรของตนต้องตาย


“ข้าทำได้ แค่ให้สิ้นชีพช้าลงจนกลายเป็นคำสาปเฝ้ารอวันให้คนมาแก้ไข เท่านี้ยังดีไม่พออีกอย่างนั้นรึ”


ชายคนเดิมเอ่ยต่ออย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เขารู้ว่าชายผู้นี้พยายามเพื่อตนมามากมายแค่ไหนศึกษาอย่างหนักหน่วงเพื่อยืดชีวิตของเครื่องสังเวยให้ได้อยู่นานขึ้น ให้ความตายแล่นเข้ามาช้าลง เขารู้...


“ข้าเป็นฝ่ายไม่ดีเอง ข้าขอโทษ”


แววตาฉายความรู้สึกผิดอยู่เต็มเปี่ยมมองไปยังชายคนรัก


“ข้าไม่ได้โกรธ อย่าเสียเวลาอยู่เลยมาเริ่มทำพิธีกันเถิด”


ไม่เอ่ยเปล่าพลางย่างก้าวนำลิ่วไปทำพิธีอย่างไม่รีรอ วิธีทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากเพียงแค่วาดวงแหวนเวทย์และเลือดของผู้ร่างคาถาเท่านั้น อีกคนเดินไปยังร่างขององค์ชายใบหน้าอ่อนเยาว์วัยสิบกว่าก่อนจะช้อนร่างขึ้นมาโอบอุ้มไว้ ช่างเวทนายิ่งนักกำเนิดมายังไม่ได้ทันได้เห็นโลกอย่างทั่วถึงต้องมาอยู่ในสภาพระหว่างความเป็นกับความตาย เขารู้วิธีถอนคำสาปทว่าไม่อาจเอื้อยเอ่ยบอกใครได้ หากกระทำคำสาปนั้นจะคร่าชีวิตผู้ถูกสังเวยทันตา



เหตุที่หอวีรบุรุษมีดอกไม้อยู่ด้านข้างเคียง เนื่องจากต้องนำมาประดับไว้ในโลงกระจกสีใสถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ สามารถป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้ายได้  แต่ก็ใช่ว่าจะเสมอไปยิ่งถูกทำลายหลายหนความคงทนย่อมเสื่อมสลายดังนั้นหลายรุ่นเหล่าผู้ถูกสังเวยจึงโดนสัตว์ร้ายที่มีพลังอำนาจกัดกินก่อนจะถูกโลงดูดพลังชีวิตจนดับสูญ



ร่างขององค์ชายได้ถูกวางลง ณ ใจกลาง ฝาเลื่อนมาปิดอย่างเอื่อยเฉื่อย หากปิดไปแล้ว จะไม่สามารถเปิดได้อีกนอกเสียจากทำลายคำสาปและการป้องกัน ถ้าทำลายการป้องกันในขณะคำสาปยังไม่คลายสามารถนำร่างผู้สังเวยออกมาได้ ทว่าทำเช่นนั้นท่านจงเตรียมตัวรับการเผชิญหน้ากับอสูรอันน่าหวาดกลัวซึ่งจะไล่ล่าผู้สังเวยจนกว่าจะสิ้นชีพจึงเป็นทางเลือกที่ไม่ค่อยฉลาดนัก


หากกำจัดอสูรก็จะมีตนใหม่มาแถมยิ่งกำจัด ตนใหม่ที่มายิ่งแข็งแกร่งกว่าเวียนวนอย่างไม่จบสิ้น และสุดท้ายต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ


ฝาโลงซึ่งปิดสนิทแน่นและหายวับไปในชั่วพริบตา ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าไปอยู่แห่งหนใด ทว่าเพียงเท่านี้ภารกิจจึงเสร็จสิ้นที่เหลือคงแล้วแต่วาสนาเสี้ยววินาทีชายทั้งสองได้อันตรธานหายวับไปกับตาเช่นเดียวกัน


ในหุบเขาลึกเขียวขจีห่างไกลจากผู้คนและบ้านเมือง ต้นไม้หนาทึบสูงใหญ่กว่าปกติช่างดูไม่น่าเข้าใกล้ ผลหมากรากไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขตามวัฏจักรเป็นสถานที่ซึ่งวิเศษและงดงามอุดมไปด้วยทุกอย่าง แต่ในความงดงามก็ยังมีภัยอันตรายซ่อนอยู่ สัตว์แสนดุร้ายซึ่งเห็นเหยื่อผู้หยุดนิ่งไร้การป้องกันตัวและไหวติงเป็นอาหารมื้อโปรดรสชาติอันโอชะ ขาประจำในการสังหารเครื่องสังเวยแต่ละรุ่นก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย


โลงจะเป็นผู้สุ่มเลือกสถานที่สำหรับการประทับ และมักจะเลือกบริเวณที่ห่างไกลผู้คนเพื่อเลี่ยงการแก้คำสาป โลงปีศาจซึ่งถูกสร้างมาให้คงอยู่ด้วยการดูดพลังชีวิตมนุษย์ การป้องกันที่มีก็เพื่อไม่ให้ใครแย่งเหยื่อของตนไป เสมือนดาบสองคมได้อย่างเสียอย่าง


ปรารถนาให้ช่วยปกป้องจากสัตว์ร้ายก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของตัวเอง


แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้จะเลือกสถานที่ผิดเมื่อการป้องกันอาจจะถูกทำลายเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้ เนื่องจากดันมาในถิ่นของศัตรูผู้แย่งตัวฉกาจ หากไม่รีบแก้ไของค์ชายน้อยคงต้องจบชีวิตลงเป็นรายต่อไป แล้วใครสามารถช่วยเขาได้ เพราะในเมื่อไม่มีใครทราบถึงสถานที่ ไม่มีใครรู้ในวิธีนอกเสียจากชายสองคนนั้น  กฎอย่างบังคับสืบทอดมาอย่างช้านานว่าผู้ที่เคยถูก 'ถอน' คำสาปห้ามปริปากเรื่องวิธีนั้นกับใครหากยังต้องการจะยืดชีวิตเครื่องสังเวยเอาไว้อยู่


นี่องค์ชายผู้ทรงสง่าคงต้องจบชีวิตลงอย่างแน่แท้


ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน


ใจกลางป่าซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงามแฝงด้วยอันตรายและทางที่ซับซ้อนยากจะเข้าถึง แค่จะเอาชีวิตรอดมาได้ก็เต็มกลืน โชคชะตาช่างไม่เข้าข้างไม่ว่าจะมองมุมไหน อย่างไรองค์ชายไม่มีวี่แววว่าจะรอด ทันทีที่ประทับกลิ่นอันหอมหวนชักจูงให้สัตว์เหล่านั้นดิ่งเข้ามา จวนจะถึงในไม่ช้า


ปาฏิหาริย์หาใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ


บริเวณรอบข้างเริ่มเข้าสู่ภาวะเงียบสงัดมีเพียงเสียงของกิ่งไม้ซึ่งพลิ้วไสวไปกับสามลมเท่านั้น  สัญชาตญาณของสัตว์อ่อนแอ เมื่อรู้สึกถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้ต่างพากันหลบหนี เหลือแค่โลงสีใสกับบุคคลภายในตั้งเด่นตระหง่านไม่มีแม้สิ่งกำบัง หากรุมทำลายน่าจะไม่พ้นคืนนี้คงได้แตกเป็นเสี่ยง


เนื้อหนังกับลมหายใจที่มี...


อีกไม่นานคงเหลือเพียงแค่ ‘ซาก’


เมื่อผู้ล่าค้นพบเหยื่อจะรอช้าอยู่ทำไม ในที่สุดสัตว์ร้ายสี่ขาห้าหกตัวได้ปรี่รุมทำลายสิ่งป้องกันกระหน่ำใช้ศีรษะวิ่งชนไปยังโลงอย่างไม่หยุดยั้ง สภาพน่าสะพรึงยิ่งเห็นเหยื่อน้ำลายยิ่งย้อยไหลอย่างอยากกระหาย อาหารรสเลิศที่ห้าสิบปีจะได้มีโอกาสได้ลิ้มลองสักครั้ง คงไม่มีทางให้จังหวะนี้หลุดลอยไปแน่ อีกหลายตัวซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาสมทบทีหลัง


ความรุนแรงไม่นานนักจนทำให้เริ่มเกิดรอยร้าว ตัวโลงก็ปกป้องตัวเองและเหยื่ออย่างสุดกำลัง บาดเจ็บมากเท่าไหร่ยิ่งดูดพลังชีวิตเครื่องสังเวยมามากเท่านั้น ผู้ไร้สติยังคงแน่นิ่งอย่างไม่รู้ชะตากรรม


เสียงอึกละทึกฮึกโหมสนั่นป่า กลายเป็นจุดสนใจของสัตว์ที่มีอำนาจชนิดอื่นมารวมตัวดูสถานการณ์เสียยกใหญ่และบางตัวได้มีส่วนไปอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย


โลงซึ่งมีรอยร้าวมากขึ้น


และใกล้จะแตกเต็มทน


สัตว์อีกตนยืนสองขาขนกายยาวยุบยับสีเทาเกือบทมิฬกรงเล็บแหลมคมและเขี้ยวที่พร้อมจะสะบั้นเหยื่อให้ขาดเฝ้ามองแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจในการกระทำของสัตว์เหล่านั้น จึงได้ปีนขึ้นไปบนเนินหินที่อยู่ไม่ไกลกันระยะห่างสูงจากพื้นดินทำให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจน


เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาพอสมควร อาหารชั้นดีซึ่งอยู่ในของแข็งสีโปร่งหากได้ลองต้องติดใจ เป็นอะไรที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนแน่นอน จะมีเพียงแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น เหตุการณ์วุ่นวายด้านล่าง เขาจึงไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน


จนทำให้เกิดความสงสัย จึงกระโดดลงและเดินตรงเข้าไป เมื่อสัตว์ร้ายเห็นเขากำลังเดินเข้ามาใกล้ ได้หยุดการกระทำและค่อย ๆ เดินห่างถอยหนี ด้วยความแข็งแกร่งซึ่งค่อนข้างมีมากกว่าตนใด จึงกลายเป็นที่หวั่นเกรง


ยิ่งใกล้กลิ่นอันหอมหวานละมุนดันไปกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อย ความห่างเหลือน้อยยิ่งเด่นชัด จนแทบสะกดกลั้นความอยากกระหายเอาไว้ไม่ไหว ใบหน้าแสยะยิ้ม


หากไม่จัดการอย่างเร็วไวอย่าได้เรียกเขาว่า ‘นักล่า’ อีกเลย


นัยน์ตาคมกริบเหล่มองซ้ายขวาพลางแยกเขี้ยวขู่กรรโชกสร้างความหวาดกลัวให้กับสัตว์ที่มีพลังน้อยกว่าต่างพากันวิ่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ห่างไม่ไกลพลางเฝ้ามอง จนบริเวณใจกลางเหลือเพียงตัวเดียว เขาเดินเข้าไปในที่สุดได้มาถึงและหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าโลง ใบหน้าซึ่งอยู่ในห้วงนิทราของเหยื่อ กลิ่นฟุ้งกระจาย ไม่อาจหยุดความอยากนี้ได้อีกแล้ว กรงเล็บข้างหนึ่งชูขึ้นเหนือหัว


รวบรวมพละกำลังทั้งหมดส่งไปยัง ณ จุดเดียว สิ่งโปร่งใสซึ่งใกล้จะแตกสลายเต็มทน หากโดนการโจมตีหนนี้เข้าไปไม่อยากจะนึกถึงสภาพ นี่คงจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เครื่องสังเวยได้จบชีวิตลงเร็วขนาดนี้ วิธีที่จะทำให้หลุดพ้นแทบไม่มี เปอร์เซ็นรอดลงลดเหลือเพียงแค่ศูนย์


ต่อให้เครื่องสังเวยจบชีวิตลงพันธะสัญญายังคงอยู่ เพราะฉะนั้นจะรอดหรือตายก็มีค่าเท่ากัน


เมื่อรู้ว่าเป็นเช่นนั้นหยดน้ำรสชาติดุจเกลือของเหยื่อ ไหลรินออกมาจากดวงตาอาบแก้มอันขาวนวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความเป็นจริงเขาน่าจะไม่รู้ในสิ่งที่เผชิญอยู่ เพราะเหตุใดถึงได้ไหลมากัน อาจเป็นสัญชาตญาณบวกกับจิตใจซึ่งกำลังโศกเศร้า หมดสิ้นแล้วความหวัง จนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้


ร่างกายมือข้างลำตัวทุกอย่างยังคงสงบนิ่ง สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวมีเพียงน้ำตาซึ่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเท่านั้น


นัยน์ตาคมจ้องมองอย่างไม่มีความสงสาร


ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกนึกคิด


มีแต่ความหิวเข้าครอบงำ


กรงเล็บไร้ความปราณีกำลังจะฟาดลงมา


เพียงแค่คืบ


อีกในไม่ช้า


เสี้ยววินาทีเดียว...




ตุบ!!!!!!!!!




เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเร็วไวแทบจะมองไม่ทัน สัตว์รอบข้างพากันหันหน้าเข้าหาอย่างเลิ่กลั่ก โลงซึ่งควรจะแตกละเอียดกลับอยู่ในสภาพเดิม และร่างที่เคยยืนสองขาได้อันตรธานหายไป สัมผัสอันน่าหวาดหวั่นซึ่งมีเพิ่มอีกตน จนทำให้สัตว์ต่างวิ่งหนีออกห่างจากบริเวณไปเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างไกลริบแทน


อาหารชั้นดีย่อมมีผู้แย่งชิง


ร่างยืนสองขาได้ถูกสายพันธุ์เดียวกันพุ่งเข้าชนจนกายไปกระแทกกับเนินหินอย่างแรง ผู้กระทำจ้องมองด้วยแววตาอันดุดันตวาดเสียงราวกับขับไล่ หากเป็นชนิดอื่นคงเตลิดหนีไปไกล ทว่าไม่ใช่เขา พลังกำลังเทียบเคียงหรืออาจมากกว่า เหตุใดเขาต้องยอมปล่อยเหยื่อในครั้งนี้ไปเล่า


หากประสงค์จะปะทะฝีมือย่อมได้


หากต้องจบชีวิตไปก็อย่างมาโทษแล้วกัน


และแล้วฉากต่อสู้เพื่อแย่งชิงระหว่างขนสีเทาเกือบทมิฬกับขนสีเสมือนควันของเปลวเพลิงซึ่งกำลังมอดไหม้ ได้จุดชนวนขึ้นหากไม่ล้มลงไปข้างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ร่างสองขาทรงกายยืนพร้อมตะเบ็งขู่กลับไป ก่อนทั้งคู่จะวิ่งเข้าหาประจันหน้า ท่ามกลางการเฝ้ามองของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย การปะทะของผู้ปกครองดินแดนกับผู้หลบหนีออกจากฝูงไปอาศัยอยู่อย่างสันโดษนานครั้งจะมีสักหน หาใช่สิ่งที่พบเห็นกันบ่อย



ผู้รักสันโดษซึ่งมีขนสีเสมือนควันของเปลวเพลิงกำลังมอดไหม้นั้น โดยปกติทั่วไปเขาไม่ชอบการต่อสู้เสียเท่าไหร่ ฝูงล้วนมีแต่ความชิงดีชิงเด่นจึงสาเหตุที่หลบหนีออกมา และกลิ่นเป็นสิ่งนำพาเขามาที่นี่


ผ่านมาเนิ่นนานแดดที่เคยเปรี้ยงชักเบาบางจวนแทบจะหมดไป ท้องฟ้าเริ่มฉาบสีอัสดง แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขานัก การแกร่งแย่งกลับยิ่งทวีคูณความดุเดือด ต่างฝ่ายผลัดกันแลกหมัดอยางหนักหน่วงและบาดแผลตามร่างกายจากกรงเล็บซึ่งมีมากพอกัน นับเป็นเรื่องน่าจับตามอง หากผู้ปกครองแพ้ ต้องมีการคัดเลือกจ่าฝูงตนใหม่ หรือบางทีผู้ชนะอาจได้ก้าวขึ้นไปแทนที่ ความสูสีทำให้คาดเดาผลได้ยาก


ของเหลวสีเข้มตามกายไหลราวกับสายน้ำ ทว่าเขาทั้งคู่ได้หาสนใจไม่ กอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างไม่หยุดหย่อน สมาชิกเริ่มหวั่นเกรงว่าจ่าฝูงจะพ่ายแพ้ หากเข้าไปห้ามเท่ากับหยามศักดิ์ศรี จึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการที่จะช่วยเหลือของตนเอาไว้


อาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ยิ่งไม่ใช่ปัญหาสายตาของนักล่ายามราตรีมักมองเห็นได้ดีกว่าตอนกลางวัน ทว่าสิ่งที่เป็นปัญหาโดยแท้จริงนั่นคือความเหนื่อยและการบาดเจ็บสะสมหลังจากสู้ติดต่อกันมาหนึ่งชั่วยาม ส่งผลให้การเคลื่อนช้าลง เลือดซึ่งไหลออกมามากเกินไปกลายเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง สภาพสะบักสะบอม ทรงยืนแทบไม่ไหว แต่ใช่ว่าจะหยุด เหยื่ออันโอชะถึงจะรสเลิศเพียงไหน แต่ต้องแย่งถึงขนาดแลกกับชีวิตตัวเองเลยอย่างนั้นรึ


หรือความเป็นจริงอาจมีเหตุผลอะไรซึ่งมากมายกว่านั้น


ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้


อาการหอบแรงอย่างเห็นได้ชัดของทั้งคู่ต่างพาถอนหลังออกมาคนละสามก้าว ดูท่าฉากต่อสู้ใกล้ถึงจุดจบเข้าไปทุกที ใครจะแพ้หรือชนะ ยังไม่สามารถคาดคะเนได้เช่นเดิม เสียงกู่ก้องร้องเชียร์ดังขึ้นมาเป็นระยะ ราวกับว่าสัตว์ส่วนใหญ่สนใจการประชันมากกว่าเหยื่อ กลิ่นคาวกระจายฟุ้งกลบกลิ่นอันหอมหวานชวนกินเสียหมด



มือกำยำกำหมัดแน่นจนกรงเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ขู่ร้องอย่างสุดเสียงเรียกพลังใจรวบรวมพลังกายเฮือกสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้ทันที หมัดของผู้ที่มีขนสีเสมือนควันของเปลวเพลิงกำลังมอดไหม้ตรงไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย และโดนสวนกลับมาในเวลาไล่เลี่ยกัน จนล้มหงายหลังไปทั้งคู่เสียงดังพอที่จะทำให้การเชียร์หยุดชะงัก


เพียงชั่วครู่เห็นร่างทั้งสองไม่ขยับจึงระเบิดเสียงเฮมาอีกครั้ง เหล่าสมาชิกตรงดิ่งเข้ามาดูอาการจ่าฝูงของตน นัยน์ตาทอดยาวไปยังดวงราดา เขาไม่แววที่จะลุกไปไหน ท่าทางอีกฝ่ายก็เช่นกัน





ผลการแข่งขันสรุปคือ


‘เสมอ’


ก่อนเหล่าสมาชิกจะประคองร่างผู้เป็นจ่าฝูงยืนขึ้น น้ำเสียงอันแผ่วเบาของผู้ครอบครองขนสีเทาเกือบทมิฬแทบกลืนหายไปกับสายลมเอ่ยบอกคู่ต่อสู้ว่า 'เหยื่อครั้งนี้เขาจะเป็นฝ่ายลามือ และจะไม่เข้ามาย่ำกายอีก จงทำตามใจปรารถนาเถิดบุตรอันเป็นที่รักของข้า เจ้าเติบโตขึ้นแล้ว จนข้าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเรื่องของเจ้าอีก หากประสงค์จะกลับไปข้าและฝูงยินดีต้อนรับเจ้าเสมออย่างลืมเสียล่ะ'



ตามความจริงจ่าฝูงยังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ หากจะบอกว่าไม่ได้มีความสนใจเหยื่อเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่จุดประสงค์หลักของสิ่งที่เขาทำเพียงต้องการจะกระตุ้นการกระทำของอีกฝ่าย  เขามา ณ ที่แห่งนี้เพียงแค่มาตามกลิ่นของผู้เป็นบุตรชายเท่านั้น และได้เห็นแววตามองไปยังโลงสี่เหลี่ยมอย่างมีเลศนัยเป็นระยะเวลานาน ทั้งที่มาถึงเป็นอันดับแรก



แต่เหตุไฉนถึงไม่เข้าไปกัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ อีกทั้งยิ่งเห็นสิ่งโปร่งใสถูกทำร้ายเขายิ่งมีอาการเหมือนกำลังโกรธ จึงต้องทำการกระตุ้นเสียนิดหน่อย กลับได้ผลเกินคาด ยิ่งทำให้ผู้เป็นจ่าฝูงเบาใจว่าเด็กน้อยไม่จำเป็นต้องดูแลอีกต่อไป


สมาชิกขับไล่สัตว์สายพันธุ์อื่นให้ออกจากบริเวณ จ่าฝูงและพวกได้กลับไปยังถิ่นฐานของตน ก่อนจะหายไปในป่าเขาได้ยินเสียงอันแวดแว่วว่า ‘ข้าขอโทษที่ทำร้ายท่าน..ท่านพ่อ’ รอยยิ้มเผยขึ้นบนมุมปาก อาจจะเหงานิดหน่อยแต่เขาไม่จำเป็นต้องดูแลแล้วจริง ๆ


ในขณะนี้บริเวณนั้นเหลือเพียงผู้ซึ่งนอนแน่นิ่งในโลงกับสัตว์ที่เพิ่งผ่านสังเวียนมาหมาดหมาดกำลังพยายามคืบคลานบนพื้นหญ้าผสมลูกรังไปยังร่างอันงดงามประทับอยู่ ไม่ว่าจะเห็นสักกี่ครั้งช่างเป็นสิ่งที่สะกดสายตาไม่เปลี่ยน กายอันบริสุทธิ์สว่างไสวจนตาพร่าทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้ เนื่องจากกลัวร่างอันสกปรกของตนจะทำให้แปดเปื้อน


เขาพยายามทรงกายนั่งก่อนจะใช้เรียวนิ้วชุ่มเลือดสีเข้มแตะไปยังกระจกแก้ว เพียงแค่มองเล็กน้อยก็ทำให้ก้อนเนื้อที่อยู่ภายในสั่นไหว แสงจันทร์ซึ่งสาดส่องมายังร่างยิ่งดูสง่างามไปทุกส่วนจนไม่อาจสามารถหาสิ่งใดเปรียบเทียบได้ หยดน้ำตาราวกับหยาดเพชรน้ำหนึ่ง เขาโน้มศีรษะลงไปอิงกับสิ่งโปร่งใสระนาบเดียวกันกับใบหน้าขององค์ชาย ความเหนื่อยซึ่งถาโถมเข้ามาสายลมอ่อนเย็นชวนให้หนังตาเริ่มหนัก บาดแผลเหล่านี้พลังฟื้นฟูมีเหลือเฟือพักผ่อนคืนเดียว เดี๋ยวก็หาย





ความรู้สึกที่ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายบ่อเกิดขึ้นในจิตใจ





หากไม่เข้าใกล้คงไม่สามารถกระทำได้




จงอย่ากังวลสิ่งใดเขาจะคอยระวังภัยให้อยู่ตรงนี้เอง




จนกว่า....





หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
เริ่มหัวข้อโดย: Dreams of Flowers ที่ 27-02-2016 16:12:52





……………..



แสงทองอุไรอุ่นละไมจากพระอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงส่องไปทั่วทุกบริเวณ เสียงนกจิบจับซึ่งดังมาจากที่การไกล เสียงสัตว์ป่าเคลื่อนไหวเพื่อจะออกหากิน แต่สิ่งปลุกเขาจากการงีบหลับโดยแท้จริง คือเสียงฝีเท้าและจิตสังหารของสัตว์อื่นนับสิบซึ่งกำลังปรี่วิ่งเข้าใกล้ต่างหาก ชั่ววูบเขานึกว่าเหตุต่อสู้เมื่อคืนจะสามารถช่วยให้ผู้ล่าเหยื่อสังเวยเกิดความกลัวจนไม่กล้ากระทำสิ่งใดและเบาบางลงไปบ้าง ทว่าดูเหมือนคิดจะผิดอย่างมหันต์ 


ร่างซึ่งทรงกายยืนเต็มความสูงใบหูกระดิกเงียฟังเสียงสิ่งต่าง ๆ แววตาคมกริบพร้อมกับคิ้วซึ่งขมวด มองไปยังป่าลึกฝีเท้าที่ดังเกือบทุกทิศทาง กลับกลายเป็นเหมือนจะมากขึ้น หรืออาจจะมาสังหารผู้คุ้มกันอย่างเขาโดยเฉพาะเพื่อแย่งชิง ไม่ได้การขืนอยู่ที่แห่งนี้ต่อไป คงไม่ปลอดภัย แผลเพิ่งสมานตัวเพียงบางส่วน หลายจุดซึ่งหายช้ากว่าที่คาด หากฝืนเขาไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะต้านเอาไว้ได้นาน เผลอ ๆ อาจพลาดท่าจนเป็นอันตรายต่อร่างที่อยู่ในสิ่งโปร่งใสก็ได้ จะทำเยี่ยงไร เพื่อจะเป็นผลดีต่อร่างอันงดงาม


สมองอันน้อยนิดพลางก้มหน้าเล็กน้อยสายตามองไปยังพื้นแผ่นดินใช้นิ้วชี้ของมือข้างหนึ่งเกาคางครุ่นคิดหาวิธี


และการอาศัยอยู่ในที่สูง น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด


อย่างน้อยศัตรูบางส่วนไม่สามารถขึ้นมาได้


แล้วมันที่ไหนกัน ณ จุดนี้พอมีเนินหินสูงอยู่บ้าง ทว่าผู้ล่าส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันไปเสียหมด ต่อให้อำพรางอย่างไร คงไม่พ้น ฉะนั้นต้องหาแห่งที่ดีกว่า มัวแต่คิดอยู่ที่นี่คงจะไม่ได้ หากเมื่อก่อนต่อให้ศัตรูนับพันเขาก็ไม่เคยคิดจะหนีเลยสักครั้ง  ทว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ มันไม่เหมือนเดิมเพราะอันตรายไม่ได้ตกอยู่กับเขา..


แต่เพียง 'ผู้เดียว'


ไม่รอช้า เขาจัดการให้มือทั้งสองยกโลงกระจกขึ้นมาโอบอุ้มไว้ข้างลำตัวก่อนจะสาวก้าวถี่ระรัววิ่งเข้าไปในป่าใหญ่เพื่อออกห่างให้ไกลจากจุดนี้ เห็นภายนอกไม่ค่อยเท่าไหร่ พอเอาเข้าจริงหนักเอาเรื่องเหมือนกัน


ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเจอร่างอันสง่าผู้เคยแจ่มใสร่าเริงในสภาพที่แน่นิ่งไปเช่นนี้


ถึงจะปรารถนามากเพียงใด


ทว่าเขาก็ไม่สามารถช่วยให้องค์ชายหลุดพ้นจากคำสาปร้าย เขาไม่อาจเอื้อมเพราะรู้ว่าควรอยู่ตรงจุดไหน สัตว์ก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง แบบเขา ไม่คู่ควร ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ในสถานะของตัวเองดี เฉพาะในเวลานี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดองค์ชาย ชิดใกล้กว่าที่ผ่านมา แม้ถูกมองว่าฉวยโอกาสก็จะไม่สนใจ จะเฝ้าคอยระวังจนกว่าผู้ถอนคำสาปตัวจริงปรากฏกาย อย่ากังวลสิ่งใด ต่อให้แลกด้วยชีวิตก็ยอม


ความรู้สึกใคร่ครองต้องสะกดไว้ลึกในจิตใจ


อย่าให้ครอบงำจนกลายเป็นตัวเขาที่ทำร้ายองค์ชายมากที่สุด


ไม่รู้ว่าวิ่งมาไกลเท่าไหนคงเพราะตั้งหน้าตั้งตาสาวก้าวระรัวจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง บนพื้นสูงต่ำและขรุขระกับกิ่งไม้ที่เขาไม่ทันระวัง แรงสะเทือนก็มากพอที่จะทำให้บาดแผลเปิดของเหลวสีเข้มเริ่มไหลซึม ไม่วายแค่นั้น แรงฟาดจากกิ่งไม้บวกความเร็วจนบางครั้งหลบไม่ได้จนเกิดแผลใหม่ขึ้นมา


จากอุ้มไว้แนบข้างกลายเป็นแบกไว้บนหลัง เพื่อให้สิ่งโปร่งใสกระทบกับสิ่งรอบข้างเพียงเศษเสี้ยวที่เขาโดน เสียงฝีเท้าซึ่งยังคงไล่ตามอยู่ไม่ไกล


ตื้อเสียจริง ความหิวเริ่มย่างกรายเข้ามาเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเป็นเวลาหลายชั่วยาม ความหนักและกำลังกายร่อยหรอความเร็วช้าลง มีหวังอีกไม่นานคงถูกตามทันแน่ บางทีอยู่บนที่สูงคงไม่พอ ต้องเป็นสถานที่ซึ่งสามารถจะกลบกลิ่นอันหอมหวานนี้ได้ด้วย คงจะมีหรอกที่แบบนั้น


แสงรำไรซึ่งเห็นอยู่ปลายทาง


ขอเพียงอย่างเดียว อย่าให้เป็นพื้นที่โล่งกว้างเลย เพราะมันอาจจะทำให้สังเกตเห็นตัวได้ชัด


เข้าใกล้ไปเท่าไหร่ ความสว่างยิ่งจ้า


พาลทำให้แสบตาไปหมด


สัญชาตญาณบ่งบอกว่ากำลังจะถูกล้อม หากสภาพร่างกายพร้อมอาจชนะได้สบาย แต่นี่เรี่ยวแรงแทบจะไม่เหลือ


จะเบี่ยงไปทางซ้ายหรือขาว แม้กระทั่งถอยหลังก็ไม่ได้ ทางรอดสุดท้ายบีบบังคับให้ตรงไปเท่านั้น สายตาเหลียวมองไปยังใบหน้าซึ่งอยู่ในห้วงนิทราของคนเบื้องหลัง เสียงหอบระลอก หายใจไม่เป็นจังหวะ


หยุดเท่ากับตาย


ฉะนั้นจะยอมไม่ได้เด็ดขาด!! ต่อให้แรงไม่มีก็ต้องมี ต่อให้เหนื่อยแทบล้มอย่างไรก็ต้องไหว จงจำเอาไว้ว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียว!


ในบางคราวเขาก็อยากให้คำสาปไม่เสื่อมคลาย


เพื่อที่องค์ชายจะได้อยู่กับเขา..


ตลอดไป




แม้นจะรู้ดีว่าเป็นความคิดที่โง่เขลาแค่ไหนก็ตาม






ความเร็วซึ่งแผ่วลงหันสังเกตรอบข้างเริ่มมองเห็นตัวของผู้ล่าหน้าเดิมได้อย่างชัดแจ้ง ไม่ผิดแน่ พวกเดียวกันกับที่เคยเข้ามาทำร้ายองค์ชายเมื่อวาน เพราะว่าเขาบาดเจ็บจึงกล้าเข้ามาใกล้


ขอเตือนไว้สักอย่าง..


อย่านึกว่าเป็นเพียงสัตว์แล้วจะฉลาดน้อยดั่งที่มนุษย์คิด พวกเราก็มีกระบวนการวิเคราะห์เรื่องราวไม่แตกต่างอะไรกันมีแค่การสื่อสาร อีกทั้งภาษาของเราไปคนละทางเท่านั้น และยิ่งเห็นการกระทำของเขาจึงได้เข้าใจทันทีว่าเขาไม่ใช่ 'ผู้ล่า'


แต่เป็นผู้อุทิศตนเพื่อ 'ปกป้อง'


หากขจัดเขาออกไปได้ นับประสาอะไรกับอีแค่โลงที่กระแทกสองทีก็แตก ฉะนั้นอุปสรรคหนึ่งเดียวก็มีเพียงเขา เพราะเขารู้ว่าเป็นแบบนี้ เขาจึงต้องทุ่มกำลังให้เกินขีดจำกัดของตัวเอง แม้จะเกินขีดจำกัดไปแล้ว ก็ให้มันเกินเข้าไปอีก


ไม่ถึงสิบเมตรใกล้ถึงจุดที่มีแสงนั่นเต็มทน


อยากให้ความหวังของเขาเด่นสว่างเสมือนแสงนั่นบ้างเหลือเกิน


ยิ่งเข้าไปใกล้เพียงใด


สายลมอันเย็นยะเยือกจนน่าขนลุกยิ่งปะทะเข้าใบหน้า


ร่างโซเซแทบทรงเอาไว้ไม่ไหว ปรายมองด้านหลังเห็นศัตรูเกือบประชิดกาย รสชาติเลิศถึงต้องทุ่มเทไล่ตามมาจนขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ สัตว์อำนาจสูงส่วนมากมักมีอายุไขยืนยาวกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว บางทีอาจจะเคยลิ้มลองเครื่องสังเวยมาแล้วติดใจจึงรอเวลานี้มาตลอดก็มีโอกาสเป็นไปได้


ยิ่งไตร่ตรอง ชีวิตเครื่องสังเวยชักไม่ปลอดภัยเข้าไปทุกที สีหน้าเอาจริงเอาจังของผู้ล่า คงไม่มีทางปราณีแน่ หากพลาดเขาอาจกลายเป็นอาหารของพวกนั้นเช่นกัน


แล้ว..ความรู้สึกของเขาเองล่ะ


มีมากขนาดไหน เหตุใดต้องทุ่มพลังกายใจไปมากมายอย่างนี้ ใช่ว่าองค์ชายจะจำเขาได้ หากฟื้นขึ้นมาก็ใช่ว่าจะซึ้งน้ำใจ ใช่ว่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน เพียงเห็นก็คงจะมีแต่ความหวาดกลัว และวิ่งหนีไป


ดั่งที่มนุษย์ทั่วไปเขาทำกัน


ยิ่งใกล้รัศมีอันแจ่มจ้าสะท้อนเข้าดวงตาจนทำให้เขาเผลอหย่อยเปลือกตาลงตามสัญชาตญาณอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เท้าซึ่งยังเก้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เขาอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ ทว่ามันกว้างใหญ่เกินกว่าจะรู้จักสถานที่ได้ทั้งหมด และเขามักจะไม่ค่อยออกจากถ้ำในถิ่นฐานของตน เคยมาเป็นครั้งแรกย่อมไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้า


เสียงฝีเท้าของสัตว์อื่นหยุดชะงัก


กับเขาที่ไม่ได้นึกเอะใจ


คิดเพียงแค่ว่าสัตว์เหล่านั้นคงจะเหนื่อยแล้วถอดใจไปเท่านั้น


รอยยิ้มด้วยดีใจแฝงความอ่อนล้ากระตุกขึ้น


ก่อนจะหุบไปในทันควัน


พร้อมเปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นตระหนกแทน


เมื่อขาข้างหนึ่งก้าวออกไป...


กลายเป็นไม่มีพื้นแผ่นดินให้...


เหยียบยืน!!!!!!!!





กายเข้าโหมดปกป้องตัวเองชะงักทันควัน เปลือกตาซึ่งลืมขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติความรู้สึกหวิวบริเวณฝาเท้า ปรับภาพกะพริบถี่ พลางก้มมองไปยังเบื้องล่างและบริเวณรอบ ๆ ขาที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศน้ำหนักโลงทำให้ตัวเอียงไปด้านหน้า


ไม่น่ารอด


คงได้ตกลงไปแน่


   
ผาหินสูงต้นไม้ล้อมรอบกว้างเป็นทรงกลมเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะปรากฏขึ้นในป่าใหญ่ ก้มมองไม่เห็นพื้นด้านล่าง ซึ่งไล่ความสว่างจนกลายเป็นดำมืด ความหนักเทลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง จังหวะนี้ไม่มีเวลาให้ตรองคิดมากนัก ใช้แรงที่เหลือผลักโลงออกไปให้ห่างตัวเพื่อให้เขาตกลงไปคนเดียว


ทว่า


ทำเยี่ยงนั้น คิดว่าองค์ชายจะรอดแน่หรือ เพราะในเมื่อสัตว์ที่ไล่ตามมายังคงเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ไม่ไกล มีหวังแค่โลงสัมผัสพื้นเพียงครู่เดียวคงได้ถูกรุมกัดกิน หากไฉนก็ต้องตกลงไปอยู่แล้ว สู้ดิ่งสู่พื้นเบื้องล่างพร้อมกันทั้งคู่เลยดีกว่า อย่างน้อยสามารถหนีห่างจากผู้ล่าเหล่านี้ได้ แต่จะรอดหรือไม่นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง

 
ตัวเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เพียงองค์ชายเท่านั้นที่จะให้เป็นอะไรไปไม่ได้!


ไม่ได้เด็ดขาด!!!!


ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ จากแบกไว้บนหลัง กลายเป็นอุ้มไว้ด้านหน้า และทิ้งตัวลงไปโดยไม่ลังเล ในขณะที่อยู่กลางอากาศได้ยินเสียงของแรงลมพร้อมกับฝีเท้าของเหล่าผู้ล่าได้วิ่งเข้ามาสังเกตการณ์อยู่ขอบผาด้วยแววตาอันโกรธเกรี้ยวและยิ้มเยาะให้กับความโง่ของเขาที่ปกป้องจนยอมสละได้แม้นชีวิตของตัวเอง  ไม่นานก็ถอดใจโดยแท้จริงและล่าถอยไปในที่สุด


จังหวะกำลังดิ่งลง เขาพยายามพลิกตัวให้แผ่นลำตัวขนานนาบไปกับพื้นเพื่อให้ตนเป็นฝ่ายรับแรงกระแทกเสียเอง ร่างที่ใหญ่กว่ากระจกใสพอสมควร ขาและแขนเกี่ยวโอบรอบล้อมด้วยแรงทั้งหมดที่มี ใบหน้าไร้เดียงสา กายอันสง่ายังคงแน่นิ่งอยู่ในลักษณะเดิม


นัยน์ตาสีทองมองไปบนขอบฟ้าสีครามซึ่งเริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ 


มีก้อนเมฆปุกปุยประปราย


จิตใจขอวิงวอนภาวนา


ให้สิ่งเปราะบางได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยทีเทอญ   





ความสูงกว่าร้อยเมตร เมื่อถึงพื้นไม่มีทางเลยที่จะไม่บาดเจ็บ แรงกระแทกอันหนักหน่วงทำให้เผลอคลายขาแขนออกจากสิ่งโปร่งใสและได้กลิ้งไกลไปอีกทาง เลือดสีเข้มกระอักออกมาจากริมฝีปากนับจนไม่อาจนับครั้งได้ แขนที่พยายามยก ร่างที่พยายามจะลุก แม้นกายที่พยายามจะพลิกยังทำไม่ได้ ณ เวลานี้การขยับตัวกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเขา บริเวณรอบข้างเป็นเพียงพื้นหญ้าโล่งกว้าง มีโขดหินบ้างนิดหน่อย แววตาพลางเหล่จับจ้องเพียงร่างซึ่งอยู่ในกระจกใส

 
คำเอ่ยขอโทษที่เอ่ยออกมาจากดวงใจ


เขาอาจจะไม่สามารถปกป้องต่อไปได้แล้วจริง ๆ


หากมีปาฏิหาริย์ ก็อยากจะวอนขอให้เขาได้ลุกไหว


เผื่อหากจะต้องตาย เขาก็อยากสิ้นลมหายใจเคียงข้างร่างขององค์ชาย


ความเสน่หามักเกิดได้ทุกที่และทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ ไม่ต้องกระทำสิ่งใด ๆ สำหรับบางคนเพียงเห็นก็เกิดความรู้สึกว่า 'รัก' ได้


โดยไม่หวังแม้สิ่งตอบแทน


ยินดีที่จะให้ มากกว่าจะเป็นฝ่ายรับ


น้อยคนนักที่จะเป็นแบบนี้


หากนึกย้อน ความรู้สึกเหล่านั้นคงจะบ่อเกิดขึ้นในจิตใจนับตั้งแต่วันที่พบองค์ชายซึ่งยังเป็นเพียงแค่ทารกน้อยซึ่งถูกทิ้งในกลางป่าใหญ่ เสียงร่ำไห้โยเยเป็นสิ่งชักนำให้เขาเดินเข้าไปหา ร่างเล็กเท่าท่อนขาอยู่ห่อผ้าสีฟ้า มีเส้นผมเพิ่งขึ้นได้เล็กน้อยสีเงิน ดูใสสะอาด จนไม่อาจจะแตะต้อง มือข้างหนึ่งเปื้อนคาบเลือดแถมเปรอะแทบจะทั่วร่างกายเนื่องจากเพิ่งสังหารเหยื่อมนุษย์สามสี่ตนไปหมาด ๆ เขาวิ่งตามเหล่ามนุษย์ที่เหลือรอด แต่ได้มาพบกับสิ่งประหลาด


เขาจึงหยุดไล่ตามและเบนความสนใจไปให้สิ่งประหลาดที่เขาพบเจอแทน สิ่งนี้หากจำไม่ผิดคงจะเป็นลูกมนุษย์ ในความนึกคิดเพียงแค่อยากจะปลอบประโลมให้หยุดหยี่ตาร้องไห้เพียงเท่านั้น


จึงได้โอบอุ้มขึ้นมา


และโยกลำตัวไปมาอยู่เพียงสองสามครั้ง


อ้อมแขนอันอวยอุ่นได้คายความหนาวเหน็บ


ทำให้ทารกหยุดแน่นิ่งและลืมตา


เมื่อเห็น แทนที่ทารกน้อยจะร้องไห้อีกครั้งด้วยความน่ากลัวในใบหน้าของเขา แต่กลับหัวเราะร่าขึ้นมา พอยีเขี้ยวใส่ยิ่งทำให้ชอบใจเข้าไปใหญ่  ความสดใสไร้เดียงสา การกระทำที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา โดยไร้ซึ่งการหลอกลวง ได้ไปทำลายธารน้ำแข็งซึ่งสุดแสนจะเย็นชาในจิตใจ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจจะเก็บไว้ข้างกาย หากอยู่กับสัตว์อย่างเขาคงจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตดั่งมนุษย์ปกติ


จะเก็บภาพนี้ไว้ให้ลึกสุดหัวใจ จะไม่มีทางลืมมันไปอย่างแน่นอน


ใกล้บริเวณได้มีฐานทัพราชาของมนุษย์กำลังอาศัยอยู่ เพื่อตัวของทารกน้อยเอง ต้องไปอยู่กับบุคคลเหล่านี้ แล้วชีวิตจะสุขสบาย ปลอดภัย เขามั่นใจเช่นนั้น


เขาใช้เวลาสามวันในการเดินทางเมื่อมาถึงในเวลาค่ำคืนจึงย่องเท้าเข้าไปใกล้  สร้างเสียงประหลาดเพื่อให้ทหารยามวิ่งไปอีกทาง ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปยังหน้าที่ประทับ


วางทารกน้อยลงอย่างเบาแรง มองใบหน้าเพื่อจดจำอีกสักครั้ง


ก่อนจะกลับเข้าไปในป่าใหญ่  เพื่อแอบซุ่มดูสถานการณ์


สามวันที่ได้เลี้ยงดู เขาสนุกมาก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อทารกน้อยไม่เห็นใบหน้าของเขาเกิดร่ำไห้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากจะเข้าไปปลอบดั่งเคยได้แต่กำมือแน่นสกัดกั้นอารมณ์เอาไว้ และเฝ้ารอดูเหตุการณ์ต่อไป


ไม่นานนัก เสียงที่ร้องดังทำให้ผู้ที่เรียกตนว่าราชาได้ออกมาดู


เมื่อพบเห็นทำให้ราชาถึงกับหลั่งน้ำตา พร้อมรีบอุ้มขึ้นมาพลางเอ่ยว่า 'ลูกของพ่อ'


สัญชาตญาณเขาช่างแม่นยำ ราชาผู้นี้คงจะออกมาตามหาบุตรของเขา ซึ่งถูกขโมยไปในยามที่เดินรัดผ่านป่าไปยังอีกดินแดนหนึ่งแน่ เพียงเท่านี้ เขาเบาใจและรีบถอยห่างจากบริเวณ


   
หยาดฝนจากท้องฟ้าหล่นกระทบกับใบหน้าและร่างกายปลุกเขาให้ลืมตาและตื่นขึ้นมาจากความฝัน ซึ่งมักจะฝันเห็นเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง ตัวเขาที่ไม่อาจรู้ว่าหมดสติไปนานเท่าใด แต่บริเวณรอบข้างได้แปรเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกไม้อันแสนสวยงามแทน ร่างกายซึ่งเหมือนจะขยับได้ตามปกติ เมื่อสติสตางค์เริ่มคงที่




เขาได้รีบมองหาสิ่งโปร่งใสทันที








หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
เริ่มหัวข้อโดย: Dreams of Flowers ที่ 27-02-2016 16:16:08






นัยน์ตาสีทองเพ่งมองอย่างถ้วนถี่ทั่วทุกมุมท่ามกลางสายฝน จนไปสะดุดกับสิ่งโปร่งพ้นโผล่ออกมาจากมวลหมู่ดอกไม้เพียงแค่คืบ แม้ตอนนี้จะเป็นยามกลางวัน ทว่าท้องฟ้าอันมืดครึ้มปกคลุมไปจนสุดลูกหูลูกตา สร้างความรู้สึกห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก กายซึ่งทรงยืนอย่างสั่นสะท้านราวกับว่าไม่ได้ขยับร่างมานานหลายปีก้าวไปยังสถานที่โลงประทับ พอไปถึงเขาค่อย ๆ ใช้ทั้งสองมือแหวกลำต้นหลากชนิดออก

   
จิตใจวูบพร้อมกับดวงตาที่หย่อนลงด้วยความหวาดกลัว กลัวจะรับไม่ได้ในสิ่งที่จะเห็น เขาไม่รู้ว่าจะรับในสิ่งที่ไม่คาดฝันได้แค่ไหน หากพบกับข่าวร้าย เขาไม่มั่นใจว่ายังจะคุมสติไว้ได้อยู่  ถ้าต้องเสียไปแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวไปแล้วเขาจะมีชีวิตได้อย่างไร บุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเขาหวังว่าจะยังคงมีร่างอยู่ในสิ่งโปร่งใส
   

หากไม่มีจะสูดกลมกลิ่นที่ติดตรึง แม้จะน้อยนิด เขาก็ตามล่าและสังหารทิ้งซะ อย่าหวังว่าจะรอด! ไม่เพียงผู้กระทำ แต่สายพันธุ์นั้นจะต้องดับสิ้นด้วย!
   

ไม่มีทางให้อภัย!โทษทัณฑ์จะต้องตายสถานเดียว!
   

ลำต้นของดอกไม้ซึ่งแทบจะแหลกคามือ เมื่อรู้สึกตัวจมูกทมิฬจึงสูดอากาศรอบข้างเข้าไปอย่างเต็มปอด ข่มอารมณ์เกรี้ยวโกรธของตน ก่อนจะผ่อนออกอย่างเชื่องช้า ทำซ้ำหลายหน
   

ตั้งสติใหม่
   

ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น อย่างลุ้นระทึก
   

ก้อนเนื้อเต้นแรงระรัวไหวเสียดแทงจนเจ็บจี๊ด
    

ดวงตาสีทองเปิดทีละนิด
   

เห็นร่างนี่ยังคงนอนสงบนิ่ง ณ จุดเดิม เขาจึงได้ปลดลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก กายโน้มลงใบหน้าข้างหนึ่งแนบลงบนฝาโลง วงแขนซึ่งโอบเอื้อมไว้อย่างทะนุถนอมสัมผัสโลงอันเย็นเฉียบ ทว่าในใจกลับรู้สึกอบอุ่น บางทีไม่ต้องอยู่ในที่สูงก็ได้ อยู่ในหลุมลึกก็สามารถปลอดภัยได้เช่นกัน
   

หลังจากนั้น เขามักจะใช้เวลาส่วนมากนั่งอยู่เคียงข้างร่างขององค์ชาย พร้อมกับมือทั้งสองกำของแข็งตะไบโขดหินขนาดสูงประมาณสองคืบ ความยาวเทียบเท่าโลง เขาคัดสรรจากบริเวณรอบข้างเป็นอย่างดี เพื่อให้เป็นพื้นเรียบสามารถนำกระจกใสขึ้นไปประทับได้
   

เหตุผลที่เขากระทำ เพียงแค่คิดว่าไม่อยากจะให้ร่างขององค์ชายอยู่บนพื้นดินควรจะอยู่บนที่สูงกว่านี้เท่านั้น ไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ ผ่านมานานแค่ไหน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเขายังคงทำต่อไปเรื่อย เนื่องจากไม่มีเนื้อสัตว์ ร่างกายจึงปรับสภาพให้ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยการกินดอกไม้ที่อยู่รอบตัว
   

บาดแผลย่อมมีบ้างในระหว่างกระทำ ขนบริเวณสองข้อนิ้วได้ถูกเสียดสีไปกับพื้นแข็ง จนไม่มีเหลือสักเส้น แถมดันไม่มีขึ้นมาใหม่ เพราะรูขุมขนอาจจะตายด้านหลายหนเข้าจึงไม่อาจสร้างขึ้นมาอีกได้
   

ใช้ชีวิตแบบนี้สำหรับเขาก็มีความสุขดี ทว่าคงไม่ดีกับตัวองค์ชายแน่ โลงยังคงดูดกลืนพลังชีวิตอย่างไม่สามารถหยุดได้  ใจหนึ่งก็อยากให้ผู้ถอนคำสาปปรากฏกายอย่างเร็วไว
   

แต่อีกใจก็ไม่อยากจะให้ผู้ใดมาพรากช่วงเวลานี้ไปจากเขาเช่นกัน
   

วันคืนปีหมุนเวียนเปลี่ยนผันไม่รู้จักกี่รอบ ในที่สุดฐานรองโลงก็ทำเสร็จสิ้น ปาดเหงื่อบนใบหน้าออกเล็กน้อย ก่อนจะยกสิ่งโปร่งใสขึ้นมาประทับ พร้อมเด็ดดอกไม้หลากสีมาประดับอย่างประณีต นั่งพักขัดสะหมาดโดยใช้คางเท้าเทินไปยังโขดหิน แขนแนบอยู่ข้างลำตัว นัยน์ตาคมมองไปยังใบหน้าขององค์ชายไม่ว่าจะสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางเบื่อ ภารกิจต่อไปก็คงจะเป็นขุดอุโมงค์เพื่อเป็นประตูทางออกจากหุบเหวลึก เปิดช่องสำหรับผู้ที่จะมาถอนคำสาปให้เข้ามาได้
   

ในวันต่อมาเขาจัดการสร้างอุโมงค์ที่อยู่ไม่ไกลจากกระจกใสมากนักในทันที กรงเล็บนักล่าใช้แทนจอบเสียมจ้วงขุดอย่างรีบเร่ง เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าผิวร่างขององค์ชายซีดลงเล็กน้อย โชคดีที่ผนังของหุบเหวลึกเป็นดิน การขุดจึงไม่ใช่เรื่องยากเสียเท่าไหร่ อาจจะเร็วกว่าที่คาดก็ได้ แม้จะไม่รู้ว่าจะทะลุไปยังที่ใดก็เถิด
   

เขาเพิ่งจะคิดได้ว่า เหตุใดเขาถึงไม่ขุดอุโมงค์ตั้งแต่ทีแรก ไปมัวนั่งตะไบหินอยู่ทำไม ทั้งที่สิ่งสำคัญที่สุดคือชีวิตขององค์ชาย เรื่องกระจกใสจะถูกตั้งอยู่ในที่สูงต่ำสำคัญกว่าไฉนหรือเป็นเพราะความต้องการซึ่งซ่อนลึกอยู่ภายในใจ เขาอยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่กับองค์ชายออกไปกัน
   

แม้นจะพยายามสะกดไว้ แต่ก็เผลอเผยออกมา
   

ต่อให้รู้ตัวก็เกือบจะสายจนเกินไป
   

กรงเล็บจ้วงขุดอย่างไม่หยุดพัก คมเล็บเริ่มทู่ลงทีละเล็ก ทีละน้อย ทว่าเขาไม่มีวี่แววว่าจะใส่ใจ ยังคงทำต่อไปแม้นรู้ว่าจะเกิดผลเสียมากมายตามหลังก็ตาม
   

สิ่งแหลมคมสำคัญราวกับชีวิต ความแหลมคมเหลือชั้นกว่าสัตว์ชนิดอื่น จนทำให้เป็นที่เกรงกลัว หากเสียไปดุจสัตว์ร้ายซึ่งไร้คมเขี้ยว ไม่น่าเกรงขามเหมือนดั่งเคย บางชนิดที่มีความแค้นกับสายพันธุ์นี้ อาจฉวยโอกาสเข้ามาทำร้าย ทว่าเขาก็ยอมแลกสละไปโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
   

เพราะความรู้สึกมหาศาลในจิตใจ หากเพื่อองค์ชายสามารถทำให้เขายอมแลกได้ทุกอย่าง
   

ได้ทุกอย่างโดยแท้จริง


ผ่านมาเกือบอาทิตย์ สำเร็จไปกว่าครึ่ง ทว่ายังคงช้าอยู่ ร่างองค์ชายซีดลงทุกวัน เป็นสิ่งเตือนใจได้อย่างดีว่าเวลาชีวิตใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว เขาได้ตัดเวลานอนของตัวเองทิ้งไป เหลือเพียงเวลาที่ได้เห็นใบหน้าขององค์ชายเพียงเสี้ยวนาทีกับเวลากินเติมพลังเท่านั้น
   

เขาเร่งขุดไปทั้ง ๆ ที่ในใจเต็มไปด้วยคำคัดค้านและคำถกเถียง
   

เหตุใดเขาต้องสร้างหนทางเพื่อให้ผู้อื่นเอาตัวองค์ชายเป็นจากเขาด้วย
   

เพื่อให้องค์ชายมีชีวิตต่อไป
   

เหตุใดหากจะตายถึงไม่ตายไปพร้อมกัน
   

เพื่อให้องค์ชายจะได้อยู่มองโลกที่แสนจะกว้างใหญ่
   

เหตุใดคนที่ถอนคำสาปถึงไม่ใช่เขา
   

เพราะไม่คู่ควร
   

เหตุใดทุ่มเทไปมากมาย สุดท้ายก็มีเพียงเขาซึ่งเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว
   

เพราะให้ความรู้สึกไปโดยที่ไม่เจียมตัว ทำแบบนี้คือสิ่งที่ดีต่อชีวิตองค์ชาย แม้เขาจะต้องทรมานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหายก็ตาม ความรู้สึกนึกคิดซึ่งเห็นแก่ตัว จะถูกกลบไปด้วยความคิดที่อยากจะทำเพื่อองค์ชาย ไม่ว่าจะอย่างไรความสุขขององค์ชายก็ยังเหนือกว่าความต้องการของเขาเอง
   

หากคำสาปถอนก็คงจะเข้าพิธีแต่งงานอยู่กินกับบุคคลนั้นไปจนแก่เฒ่าเคียงคู่กัน ในขณะที่เขายังคงโดดเดี่ยว ความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน ทำไมเขาถึงเกิดเป็นสัตว์ ทำไมถึงไม่เกิดมามียศถาบรรดาศักดิ์เทียบเท่า
   

เพราะเหตุใด
   

เหตุใด
   

ควักหัวใจออกมาแล้วโยนทิ้งไป ความรู้สึกเหล่านี้จะจางหายหรือไม่ จะยังคงรู้สึกอยู่หรือเปล่า ยิ่งใกล้ทะลุไปเท่าไหร่ ความปรารถนาที่ไม่อยากสูญเสียไปยิ่งเพิ่มขึ้น จนแทบจะควบคุมไม่อยู่ หากผู้ถอนคำสาปปรากฏกายต้องพยายามหักห้ามเพื่อไม่ให้ลงมือฆ่า กลายเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน
   

ความสว่างเล็กน้อยที่เห็นหากลงแรงทำลายอีกเพียงครั้งเดียว คงได้ทะลุไปอีกฟาก เขากำลังทำเพื่อองค์ชาย เพราะฉะนั้น ความรู้สึกบ้าบอซึ่งต้องปาทิ้งไปซะ ไปพร้อม ๆ กับหมัดสุดท้ายนี้
   

ตูม!!
   

เศษดินกระจายตามแรงหมัดไปเกลื่อนบริเวณด้านนอก ทะลุมายังที่ซึ่งดีกว่าที่คาด ดีเกินไป เวลาจะได้อยู่กับองค์เหลือน้อยเต็มทน หมู่บ้านห่างออกไปไม่ถึงสองกิโล
   

คำสาปคงจะถูกคายในไม่ช้า เขาเดินกลับไปในเส้นทางเก่าด้วยความรู้สึกละเหี่ยใจและอ่อนแรง ไปทรุดตัวนั่งข้างโลงและมองจ้องโดยไม่เบนสายตาไปทางอื่น มองเพียงองค์ชายคนเดียวเท่านั้น ใบหน้าซึ่งเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีก องค์ชายในไม่ช้าก็คงจะกลายเป็นของคนอื่น
   

เขาไม่มีทางจะทำอะไรได้อีกแล้ว
   

เนิ่นนานที่เขายังคงนั่งนิ่งเหม่อมองอยู่อย่างนั้น ร่างไม่ไหวติง กรงเล็บซึ่งไร้ความแหลมคมแตะไปยังโลงบริเวณใบหน้าขององค์ชาย ก่อนจะตามด้วยศีรษะตัวเองเข้าไปถูไถ หย่อนตาหลับพริ้ม
   


ในใจร่ำร้องเรียก
   

องค์ชาย...
   


องค์ชาย......
   


องค์ชาย...........     
   


องค์ชาย.................
   


องค์ชาย.........................
   


อึก...
   


ความโศกเศร้าเจ็บระทมดั่งมีดนับสิบ หอกนับพัน พุ่งตรงเข้ามาในหัวใจของเขา ความรู้สึกที่รู้ว่าจากนี้ต่อไม่อาจจะมาพบหน้าองค์ชายได้อีก มันช่างทรมานเสียจนจะรับเอาไว้ไม่ไหว ความเสน่หาซึ่งถลำไปเกินกว่าจะตัดขาดได้อย่างง่ายดาย เขาไม่รู้จะขจัดออกไปได้อย่างไรเลยจริง ๆ
   


เสียงฝีเท้าหนักแน่น เดินมาอย่างมั่นคงของสองขา กลิ่นกายราวมนุษย์ ตรงมาจากทางเข้าที่เขาสร้างไว้ ผู้ถอนคำสาปกำลังจะมาถึง ไม่อยากจากแค่ไหน
   


ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้
   


ตัวประกอบอย่างเขา
   


ไม่ว่าอย่างก็ต้องแพ้พระเอกตัวจริงอยู่ดี
   


เสียงย่างก้าวใกล้เข้ามา เขาจึงทรงกายยืนอย่างเหนื่อยล้า นี่เป็นครั้งสุดท้าย สุดท้าย จะเก็บเอาไว้ให้อยู่ในส่วนลึกภายในใจ อยู่ในกล่องความทรงจำอันแสนล้ำค่า ครั้งสุดท้าย เพราะครั้งสุดท้ายเขาจึงขยับกายเข้าไปประชิดโลงอีกสักนิด จะโค้งกายก้มลงชิดใกล้
   



ก่อนจะประทับริมฝีปากของตัวเองลงไปอย่างแผ่วละมุนบนริมฝีปากขององค์ชาย โดยมีกระจกใสกั้นกลางระหว่างกัน หยดน้ำตาที่ไหลรินอย่างเอื่อยอ่อย ทั้งสองด้านถูกอ้อมแขนกำยำอันอ่อนโยนยกขึ้นมาโอบกอดเอาไว้
   



ไม่เคยคิดแม้อยากจะจาก
   



ทว่าในที่สุดได้ถึงคราวต้องอำลา
   


ลาก่อน...
   


ขอให้เจ้าจงพบแต่ความสุข
   


ดวงใจของข้า









-END-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-02-2016 20:13:39
ฮืออออ ไม่จบแบบนี้ได้มั้ยคะคนเขียน
ร้องไห :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
เริ่มหัวข้อโดย: Dreams of Flowers ที่ 27-02-2016 20:24:58
ฮืออออ ไม่จบแบบนี้ได้มั้ยคะคนเขียน
ร้องไห :mew4: :mew4:


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ความจริงยังมีตอนพิเศษเพิ่มอีกสองตอนค่ะ ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-02-2016 00:08:19
END
เจอคำนี้แล้วสตั้นนเลยค่ะ
อยากให้สมหวังจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา (ตอนพิเศษ 1) END 28/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dreams of Flowers ที่ 28-02-2016 00:38:10




เจ้าหญิงนิทรา
ตอนพิเศษ 1






   
ฝีเท้าของบุคคลหนึ่งผู้ครอบครองร่างอันองอาจผมซอยสั้นสีทองเข้ากับรูปหน้าทรงชุดสง่าดูผ่าเผยได้หยุดลงตรงหน้าโลง ในมือถือด้ามดาบน่านเกรงขามสีน้ำเงินแกะสลักลวดลายสวยงามย้อนยุคสมัยราวกับเป็นสิ่งตกทอดกันมาอย่างยาวนานของต้นตระกูลชั้นสูง แววตาปรายมองสิ่งรอบข้าง แม้นจะเงียบสงัดและไม่พบผู้ใดนอกเสียจากร่างขององค์ชาย

 
           
ทว่าสิ่งโปร่งซึ่งดูสะอ้านตาจนผิดสังเกตเหมือนกับถูกดูแลมาอย่างดีและมีร่องรอยคล้ายเคยมีผู้พักอาศัยอยู่ที่นี่ ก่อนเขาจะมาเพียงไม่กี่วินาทีและอาจจะเป็นคนเดียวกันที่สร้างอุโมงค์นำทางเขาเข้ามา

 
           
เศษดินด้านนอก รอยขุดซึ่งดูใหม่ อาจจะยังคงไปได้ไม่ไกล แต่น่าแปลกในระหว่างย่ำเท้าตามช่องทางเขาก็ไม่เห็นว่าจะได้เดินสวนทางกับผู้ใด หายไปได้อย่างไร ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทว่าหาใช่เวลาจะไปสงสัยไม่ นัยน์ตาวกกลับมาจับจ้องที่องค์ชาย ผิวกายซึ่งดูซีดลง

 
           
“จงวางหทัย ข้าจะปลดปล่อยเจ้าเอง”

 
           
น้ำเสียงกล่าวด้วยความมั่นใจ ไม่รอช้าชักสิ่งของที่อยู่ในมือออกมาทันที ดาบซึ่งทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีความแวววาวสามารถสะท้อนภาพได้ดั่งกระจกเงา ปลายแหลม และความคมดุจดั่งนำหอกนับพันมาหลอมรวมกันเป็นดาบด้ามเดียว สะบั้น ฟาดฟันได้เกือบทุกสิ่งอย่าง สิ่งโปร่งใสแสนจะบอบบางไม่อาจจะหลุดพ้นได้


           
เรียวแขนชูสิ่งของในมือขึ้นเหนือศีรษะ


           
ได้ยินมาว่าโลงมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง หากปรารถนาจะฟาดฟันให้แหลกสลากเพียงดาบเดียว คงต้องออกแรงกันเสียหน่อย

 
           
“ข้าตามหาเจ้ามาตลอด ในที่สุดก็ได้พบ”

 
           
น้ำเสียงเจือความดีใจและรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า แรงแขนซึ่งกำลังเหวี่ยงลงมากับหนึ่งสายตาเหม่อมองเหตุการณ์ จนกว่าจะเห็นองค์ชายฟื้นขึ้นมา เขาไม่สามารถจากไปได้อย่างสบายใจ คมเล็บแม้นจะทู่แต่ความกำแน่นของหมัดเพื่อสะกดกลั้นความต้องการก็ยังสามารถจะสร้างบาดแผลได้เหมือนกัน

 
           
เพียงแค่นิดเดียว
       
           
แต่ทว่า....

           
แรงเหวี่ยงซึ่งยังไม่ทันได้ถึงสิ่งโปร่งใส

           
ได้หยุดชะงัก


           
เนื่องจากเกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อโลงผละแยกจากกันทั้งสี่ด้านโดยที่ยังไม่ได้แตะต้องอันใด หล่นไปยังพื้นด้วยสภาพไร้การแตกหัก สร้างความงงงวยให้กับชายหนุ่มผมทองอายุรุ่นราวเดียวกันกับองค์ชายไม่ใช่น้อย ก่อนจะค่อย ๆ เก็บสิ่งแวววาวกลับลงไปในฝักดาบดั่งเดิม  กายขยับเข้าไปใกล้ เขาค้นหาวิธี รวบรวมมามากมาย เพื่อที่จะทลายคำสาปให้จงได้  การสละตนเพื่อบ้านเมืองเฉกเช่นนี้เขาได้คัดค้านมาตั้งแต่ต้น ทว่าองค์ชายไม่ฟังเขาเลย

 
           
ด้วยความผูกพันกันมาแต่วัยเยาว์ เมื่อไม่ฟัง เขาไม่อาจจะปล่อยให้องค์ชายจบชีวิตไปแบบนี้ เขาไม่มั่นใจว่าความรู้สึกของตนไปในทิศทางไหน เป็นความรักในรูปแบบใด ทว่าเขาไม่สามารถปล่อยวางเรื่ององค์ชายได้จากใจจริง

 
           
กายซึ่งทรุดลงนั่ง เข่าและขาจรดเท้าแนบไปกับพื้นหญ้า มือซึ่งลูบไล้ไปยังใบหน้า ไม่ว่าจะเหตุผลใด แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะรักษาสิ่งนั้นไว้อย่างมั่นคง มือซึ่งหยุดแน่นิ่งอยู่บริเวณโหนกแก้มสัมผัสละไม ก่อนจะโน้มกายลงอย่างเชื่องช้า

 
           
วิธีแรกซึ่งลือกันอย่างหนาหูเป็นอันดับหนึ่ง

 

ก็คือการ ‘จุมพิต’


           
การจุมพิตด้วยแรงปรารถนาทั้งหมดส่งผ่านไปยังริมฝีปากเพื่อปลุกให้เจ้าชายนิทราตื่นและหลุดพ้นจากคำสาปร้ายเพียงแค่สัมผัสบางเบาก็สามารถทำให้ฟื้นขึ้นมาได้ จริงหรือหลอกไม่อาจล่วงรู้ คงมีแต่ต้องลองพิสูจน์ดูเท่านั้น ไม่ว่าจะวิธีแบบไหน อันตรายอย่างไรหากหลุดพ้นได้เขายินดีที่จะทำ หากองค์ชายเป็นอะไรไปเขาไม่มีทางที่จะให้อภัยตัวเอง ผิวกายของเครื่องสังเวยที่เคยซีด ได้กลับมาเป็นเช่นเดิม


           
ใบหน้าซึ่งกำลังประชิด


           
นัยน์ตาหย่อนจนคล้อยหลับ

 
           
อีกหนึ่งสายตาซึ่งแทบจะสะกดความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้

 



           
“ช..ช้าก่อน!”

 

เสียงห้ามปรามซึ่งดังขึ้นอย่างตะกุกตะกักจากคนที่ไม่ควรจะพูดได้ มือสั่นไหวที่ยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ อีกข้างทาบไปยังอกอันผาดผึ่งของอีกฝ่ายเพื่อดันตัวให้ออกห่าง น้ำเสียงคุ้นหู สัมผัสที่คุ้นชิน เปลือกตาจากที่เคยนิ่งสนิทของหนุ่มผมทองได้เปิดออกอย่างเนิบนาบ จนลืมขึ้นมาเต็มดวง นัยน์ตาซึ่งประสานกันกับคนตรงหน้าอยู่นั้น


           
เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 
           
เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ดั่งกับอยู่ในความฝัน

 
         
ประหลาดยิ่งนัก

 
           
ทั้งที่เขายังไม่ได้กระทำสิ่งใดเลย เหตุไฉน เครื่องสังเวยถึงได้ฟื้นตื่นขึ้นมากัน ทำไมถึงช่างง่ายดายไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมา เป็นเรื่องซึ่งสร้างความแปลกใจให้เขาอีกครั้งและหนึ่งสายตาที่มองเหตุการณ์ก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน แต่ทว่าในความนึกคิดของเขา มนุษย์สีผมดุจแสงอาทิตย์สาดส่องตนนั้น คงจะเป็นผู้ถอนคำสาปตัวจริง เพราะยังไม่ได้ทำอะไร คำสาปก็สามารถหลุดออกได้อย่างไม่ยาก แทบจะไม่ลงแรงเสียด้วยซ้ำ

 
           
เวลาของเขาที่จะได้เห็นใบหน้าขององค์ชายจวนจะหมดลงเต็มที

 
           
ที่เหลือก็คงมีแต่ รอให้ทั้งคู่พากันเดินทางออกห่างจากบริเวณ

 
           
ผืนฝ้า บรรยากาศของวันนี้ช่างดูสดใส ดูสดใสจนเกินไป สายลมพัดเอื่อยอ่อย เสียงสัตว์น้อยใหญ่กำลังครื้นเครง ราวกับทุกอย่างส่งนำดลบันดาลให้องค์ชายจากเขาอย่างเร็วไว โดยไร้สิ้นอุปสรรค

           
แต่ต่อให้องค์ชายจากไป เขาก็ยังจะอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้

           
เพราะเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ

           
เพื่อต่อลมหายใจ

     
เป็นสถานที่...ซึ่งเขาเคยอาศัยอยู่กับองค์ชาย

         
อย่างมีความสุข

 

หนุ่มผมทองมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเลิ่กลั่ก มือสากที่ผ่านความลำบากมานับไม่ถ้วนสะท้านไหวค่อย ๆ ตรงเข้าไปสัมผัสเส้นผมก่อนจะลูบอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาซึ่งเริ่มคลอ องค์ชายจึงนำมือออกจากริมฝีปากของตนเอง หยดน้ำเริ่มหลั่งริน เมื่อเห็นเช่นนั้นทำให้ใบหน้าขององค์ชายเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับใช้หัวแม่มือเอื้อมเข้าไปเกลี่ยน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม


           
ภาพนี้สร้างความแสบทรวงให้กับอีกหนึ่งสายตาที่เฝ้ามองอยู่การณ์ไกลดั่งมีคนใช้คมมีดเฉือนกรีดก้อนเนื้อในอกของเขาให้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี!

 

“เจ้ายังขี้แยไม่เปลี่ยนเลยนะ”

           
ถ้อยคำที่องค์ชายเอื้อยเอ่ยราวกับรู้จักชิดสนมกันมาเป็นเวลานาน ยิ่งไปเพิ่มความเจ็บระบมให้กับดวงใจของเขา

         
ช่วยรีบออกไปจากที่นี่เสียทีจะได้ไหม ก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว จนเผลอกระทำอะไรตามสัญชาตญาณอย่างสิ้นคิด หมัดที่กำแน่นถึงจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่อาจเทียบเท่ากับหัวใจของสัตว์ดั่งเขาในตอนนี้ แขนซึ่งยกขึ้นมาแนบไว้กับโขดหิน ก่อนจะโน้มศีรษะเข้าไปใกล้

 
           
ข้าไม่อยากจะเห็นสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว..

 

อสูรร้ายนึกคิดในใจพร้อมกับปิดเปลือกตาลง ถึงจะไม่เห็น ทว่าหูก็ยังคงได้ยิน

           
เมื่อสติเริ่มเข้าที่เข้าทาง หนุ่มผมทองจึงใช้อ้อมแขนโอบพยุงร่างเจ้าชายลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวัง เนื่องจากองค์ชายเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน หากลุกพรวดพราดอาจจะทำให้เกิดอาการหน้ามืด ร่างกายที่ไม่เคยได้ขยับ อาจจะยังไม่ค่อยได้เป็นดั่งใจนัก กายซึ่งเขยื้อนอย่างช้าเนิบหันเข้าหายังร่างของหนุ่มผมทอง

           
ขาที่หย่อนลงทว่ายังไม่ทันได้แตะถึงพื้น เข่าข้างหนึ่งของอีกฝ่ายที่ตั้งชันขึ้นพร้อมกับมือซึ่งรวบขาอันเรียวเล็กทั้งสองขององค์ชายไปประทับไว้
 
           
ก่อนที่นิ้วแกร่งจะเคล้าคลึงบีบนวดลงไปอย่างเบาแรง ใบหน้าเปื้อนยิ้มซึ่งเงยขึ้นพร้อมมองสบตากับองค์ชายอยู่เป็นระยะ ความรู้สึกคิดถึงคะนึงหาถ่ายทอดออกมาทุกอณูที่สัมผัส

           
“จ..จะ.. เจ้าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ ..พะ พอได้แล้ว”

           
สีหน้าระเรื่อขององค์ชายพร้อมน้ำเสียงดูท่าจะเขรอะเขินกล่าวปราม อีกฝ่ายแสดงใบหน้าแคลงใจ

         
“ทำไม.. ข้าบีบแรงไปหรือ”

           
ก่อนจะเอ่ยด้วยความกังวล เมื่อเห็นเช่นนั้น องค์ชายจึงส่ายหัวไปมาบางเบา

           
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก เพียงแค่ข้า... เอ่อ..ข้า”

           
แววตาที่เบี่ยงหลบไปมองทางอื่นขององค์ชายพร้อมใบหน้าแดงจัดราวกับมะเขือเทศผลสุกงอม

           
“อุ๊บ! ฮ่า ฮ่า! ดูหน้าเจ้าสิ ฮ่า ฮ่า! เอาเป็นว่าข้าเข้าใจแล้ว”

           
มือซึ่งหยุดชะงัก สิ้นคำพลางขำออกมาชุดใหญ่ มือขององค์ชายนาบไปตรงแก้มของตัวเอง รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด การหยอกล้ออย่างกระหนุงกระหนิงยิ่งพุ่งทิ่มแทงในจิตใจดุจหอกนับแสนกระหน่ำตรงเข้ามาทะลวงอย่างไร้ความปราณีของอีกตนที่กำลังได้ยินทุกถ้อยคำ  ถึงแม้จะไม่อยากจะฟังแค่ไหนก็ตาม

         
   
“เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวข้าจะฟ้องท่านพี่ ว่าเจ้ารังแกข้า”


           
องค์ชายทำท่าทางขมึงตึงใส่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายได้เงียบงันทันควัน นัยน์ตาดูอ่อนลง ราวกับมีความรู้สึกในใจอะไรบางอย่าง           

           
“ข้าล้อเล่น..”  องค์ชายเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

           
“ข้ารู้”  อีกฝ่ายตอบออกมาในทันใด

           
เขารู้....องค์ชายได้แต่ตรึกตรองในใจ หากเขารู้แล้วเหตุไฉนถึงต้องทำหน้าเศร้าเยี่ยงนี้ เมื่อเอ่ยถึงท่านพี่ แววตาคู่นั้นได้สื่อบางสิ่งออกมา ในขณะที่เขาอยู่ในห้วงนิทรา ไม่รู้ว่าผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน ไม่รู้อีกว่าได้เกิดเหตุการณ์อะไร แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ใจคนย่อมเปลี่ยนแปลง

           
ชายหนุ่มผมทองได้ทรงกายยืนขึ้น และดูกลับมาเป็นปกติ มือซึ่งยื่นมาตรงหน้าองค์ชายโดยไม่สบตา

           
“กลับไปที่อาณาจักรกันเถิด ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่อย่างมีความหวัง หากรู้พบว่าจะหลุดพ้นได้คงต้องจัดงานฉลองครั้งใหญ่อย่างแน่แท้”

           
มือที่นิ่งสนิทอยู่ข้างลำตัวขององค์ชาย รอยยิ้มกระตุกขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย

           
“ข้ากลับไปไม่ได้หรอก”

           
ประโยคที่ได้ยินทำให้อีกฝ่ายหันกลับมาประจันหน้ากับองค์ชายทันทีด้วยความไม่เข้าใจ

           
“ท..ทำไม...เหตุผลของเจ้าคืออะไร ในเมื่อคำสาปเสื่อมคลาย แล้วเหตุใด เจ้ายังกลับบ้านเมืองไม่ได้”

           
เสียงเครือเอ่ยถามพร้อมดวงตาที่เริ่มคลออีกครั้ง

           
“ข้าขอโทษ”  องค์ชายเอ่ยด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างลึกล้ำ

           
“ข้าไม่อยากได้ยินคำนี้ สิ่งที่ข้าต้องการคือเหตุผล หรือคำสาปยังไม่ได้ถอนออกอย่างแท้จริงใช่ไหม.. ข้าว่าแล้ว ถึงว่าทำไมถึงช่างดูง่ายดายนัก”

           
เขาเอ่ยพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย พร้อมมือที่ชักกลับไปอยู่ข้างลำตัว ยิ่งเห็นชายหนุ่มผมทองเป็นเช่นนี้ ยิ่งสร้างความรู้สึกผิดจนล้นใจ


           
“ไม่ใช่!... คำสาปถอนแล้ว ถอนออกอย่างหมดสิ้น”

 
           
องค์ชายไม่นึกคิดอยากจะเอ่ยประโยคนี้ออกไป ทว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
 
           
“แต่ผู้ที่ถอนคำสาป...”

           
นัยน์ตาขององค์ชายเบี่ยงวูบลงมองพื้น ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยเสียงซึ่งแทบจะกลืนหายไปกับสิ่งรอบตัว

 




“ไม่ใช่เจ้า!”

 



“ฮะ ฮะ เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าไม่ใช่ข้า”



น้ำเสียงเปล่งหัวเราะอย่างฝืดฝืนสื่อถึงความเจ็บปวดจนปริ่มล้น ทวีคูนความรู้สึกผิดในจิตใจขององค์ชาย แม้นไม่อยากจะเอ่ยออกไปแม้แต่น้อย ทว่าความจริงอย่างไรก็คือความจริง ไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อองค์ชายรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ‘ใคร’ คือผู้ถอนคำสาป ‘ตัวจริง’

           
“ห..หมายความตามดั่งที่ข้าพูด”

           
คำกล่าวเฉลยอย่างติดขัดขององค์ชายราวไม่อยากจะเอ่ยออกมาสร้างความระทมให้กับชายหนุ่มผมทองอย่างมาก และเข้าใจได้ทันทีว่าต่อให้ถามย้ำอีกสักกี่รอบ คำตอบที่ได้กลับมาก็คงดังเดิม ยิ่งตอกซ้ำความรู้สึกซึ่งเป็นในตอนนี้ ช้าเกินไปอย่างนั้นรึ นี่เขาศึกษามาอย่างหนักเพื่ออะไร บทสรุปสุดท้ายคนที่ปลดปล่อยองค์ชายไม่ใช่ตัวเขา

 
           
ไม่ใช่เจ้า..

 
ไม่ใช่เจ้า..

           
สมองนำคำพูดขององค์ชายดังขึ้นมาวนเวียนซ้ำเล่า 


           
ไม่ใช่เขา.. ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

 
ทั้งที่..

 
ทั้งที่...

 
สัญญาไว้แล้วแท้ ๆ

           
เรียวนิ้วอันบอบบางซึ่งเอื้อมนาบลงมาบนแก้มของเขาพลางเกลี่ยอะไรบางอย่าง เป็นสิ่งที่ดึงสติของชายหนุ่มผมทองให้กลับมาและพบกับร่างขององค์ชายที่ทรงกายยืนอยู่ตรงหน้าแทบประชิดตั้งแต่เมื่อไหร่ตัวเขาไม่ทันได้รู้ตัว แววตาใสที่มองมาอย่างกังวลพร้อมน้ำตาซึม หัวแม่มือที่กำลังเกลี่ยหยาดน้ำตาซึ่งไหลออกมาจากความเศร้าสร้อยอย่างไม่สามารถห้ามได้

           
“ข้าขอโทษ ข้าโทษจริง ๆ เจ้าอย่าร่ำไห้ไปเลยนะ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ไม่สามารถกลับไปยังบ้านเมืองพร้อมเจ้าได้ อึก ข้า...ขอโทษ ข้า....ขอโทษ”

 
แม้นองค์ชายจะกล่าวบอกให้เขาหยุดร่ำไห้ ทว่าตัวเองดันมาร้องเสียเองแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน แต่คนที่ใช่ไม่ได้โดยแท้ ควรจะเป็นตัวเขามากกว่า

 
ทำไมข้าถึงไร้ประโยชน์อย่างนี้..

 
ชายหนุ่มผมทองสบถต่อว่าตัวเองในใจ พร้อมกับนำมือไปเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าขององค์ชายเช่นเดียวกัน เพียงชั่วครู่ได้รวบกายองค์ชายเข้าไปโอบกอดไว้แนบแน่นพร้อมกับใช้มือลูบแผ่นหลังขององค์ชายอย่างปลอบโยน องค์ชายซุกหน้าลงบนอกอันผาดพึงได้กลิ่นอันแสนคุ้นเคย เด็กขี้แยคนนั้นกลายเป็นชายที่พึ่งพาได้ไปเสียแล้ว

 
เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นชายผมทองตรงหน้า องค์ชายก็ทราบได้ในทันใดว่าเขายังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้อย่างแน่วแน่ ทว่าคำมั่นที่ให้ต่อกันไว้ดันกลายเป็นสิ่งผูกมัดทั้งตัวและหัวใจของเขา หักห้ามเพื่อไม่ทำในสิ่งที่ตนต้องการอย่างแท้จริง เพราะความเดียงสาในวัยเยาว์ยังไม่เข้าใจในความหมายของคำว่า ‘รัก’ อย่างลึกซึ้ง

 
เพราะคำมั่นที่ให้ไว้ต่อกันในตอนนั้น องค์ชายไม่เคยนึกคิด ว่าจะทำให้เขาเจ็บปวดใจถึงเพียงนี้ แม้ตัวของหนุ่มผมทองอาจจะไม่รู้ถึงความรู้สึกและเฝ้าหลอกตัวเองมาตลอดก็ตาม

 
คำที่องค์ชายเอื้อนเอ่ยว่าชายหนุ่มผมทองไม่ใช่ผู้ถอนคำสาป ทำให้อีกตนซึ่งกำลังฟังทุกอย่าง ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกตะลึงอย่างลุ้นระทึก หากไม่ใช่ชายหนุ่มผมทองแล้วจะเป็นผู้ใด เพราะในเมื่อเวลาที่ผ่านมา ยามอยู่ในห้วงนิทราเขาคือผู้เดียวซึ่งอยู่เคียงข้างองค์ชาย

 
ทว่า..คงไม่ใช่ อาจจะเป็นใครก็ได้ อาจจะเป็นใครคนสักคน ในจังหวะที่เขาเผลอ สมองเอ๋ยเจ้าอย่าจงคิดเข้าข้างตัวเองอีกเลย ไม่มีทาง เพราะสัตว์เยี่ยงเขา...

 
ไม่คู่ควร..

 
“เจ้าหยุดร่ำไห้ได้แล้ว ข้าหยุดแล้วเห็นไหม”

 
องค์ชายละใบหน้าออกห่างจากแผ่นอกเล็กน้อย พลางเงยใบหน้ามอง

 
“โกหก เจ้าไม่ได้หยุดร้องเสียหน่อย”

 
น้ำเสียงกล่าวงึมงำในลำคอพร้อมหน้ามุ่ย เมื่อเห็นเช่นนั้นหนุ่มผมทองถึงกับอมยิ้มเพราะความน่ารักน่าหยิกขององค์ชาย ก่อนจะคายวงแขนกอดร่างบอบบางไว้อย่างหลวม ๆ ศีรษะซึ่งโน้มลงอย่างเนิบนาบจนหน้าผากของทั้งสองแนบชิด นัยน์ตาประสานสักพักก่อนทั้งคู่จะปิดเปลือกตาลงและพร้อมแล้วสำหรับการเอ่ยความในใจ ดั่งวันเก่าที่เราเคยให้คำมั่นเมื่อครั้นเยาว์วัย

 
“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้น ข้าจะไม่บังคับเจ้า แต่บอกข้าหน่อยได้ไหม ว่าผู้ใดคือผู้ถอนคำสาปตัวจริง ข้าขออภัยจากก้นบึ้งในจิตใจที่ข้าไม่สามารถรักษาสัญญาข้อหนึ่งที่เคยให้ไวกับเจ้าได้ ข้าขอโทษ”

 
เขาเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยก่อนด้วยถ้อยคำจากความรู้สึกโดยไร้สิ้นการโป้ปด ความจริงเขาไม่เป็นจำต้องขอโทษขอโพยด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด และเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ชายหนุ่มผมทองรักษาสัญญาอย่างคงมั่น องค์ชายชักรู้สึกสงสารท่านพี่ขึ้นมาเสียแล้วสิ ท่านพี่ที่อยู่เคียงข้างชายหนุ่มผมทองมาตลอดคงจะปวดช้ำหทัยน่าดู

 
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก เพราะในส่วนหนึ่งเจ้ายังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับข้าได้อยู่นะ หากเจ้าไม่มาข้าอาจจะสิ้นชีพไปแล้วก็เป็นได้ เพราะคนที่อยู่กับข้ามาตลอดไม่รับรู้เลยสักนิดว่าคำสาปได้เสื่อมคลายมาเนิ่นนานแล้ว”

 
องค์ชายเอ่ยตอบพร้อมเฉลยข้อเท็จจริง ทว่าเพียงเท่านี้ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มผมทองหายสงสัยได้

 
“ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจ ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม”

 
อีกตนที่กำลังฟังทั้งคู่สนทนาอย่างตั้งใจ ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าที่จะมองเหตุการณ์อยู่ดี สัญชาตญาณร้องเตือนว่าเขาไม่ควรจะเงยขึ้นมองตอนนี้ องค์ชายได้ยินเช่นนั้น จึงนึกย้อน ตั้งแต่วันที่โลงกระจกล่วงหล่นกระทบพื้น นั่นก็คือวันที่คำสาปได้เสื่อมคลาย ทว่าด้วยฤทธิ์เดชของสิ่งโปร่งใสไม่ยอมเสียเหยื่อของตนไป จึงสะกดองค์ชายไว้ไม่ให้สามารถขยับกายหรือลืมตาขึ้นมาได้ หากไม่ทำลายโลงด้วยจิตใจอันแน่วแน่ องค์ชายก็จะไม่ถูกปลดปล่อยโดยแท้จริง วันคืนผันเปลี่ยนต่อจากนั้นองค์ชายรับรู้ทุกสิ่งอย่างรอบกายด้วยเสียง


 
จึงรับรู้ถึงการกระทำของบุคคลที่ดูแลเอาใจใส่องค์ชายอย่างดีด้วยความรักและความอ่อนโยนอยู่เสมอ องค์ชายกระตุกยิ้มบนมุมปากเล็กน้อย

 

“เอาเป็นว่าเพราะเจ้าทำลายโลงยังไงล่ะ ข้าจึงได้ถูกปลดปล่อย ฉะนั้นเจ้ารักษาสัญญาได้แล้วนะ ไม่ต้องกล่าวโทษตัวเอง หากไม่เป็นเพราะเจ้า ข้าคง..ไม่สามารถมายืนพูดคุยกับเจ้าได้เยี่ยงนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ”

 
องค์ชายกล่าวอย่างสุดซึ้งถ้อยคำเรียบง่าย ทว่าสามารถชะล้างความรู้สึกอันทรมานได้เบาบางลงไปบ้าง 

 

“เจ้ายังไม่ได้ตอบอีกคำถาม”

 
ชายหนุ่มผมทองเอ่ยทวงเมื่อคำตอบที่ตนอย่างจะทราบมากที่สุด ไม่ได้ถูกเอ่ยถึงขึ้นมาสักที

 
“ความจริงข้าเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน รอให้ขอมั่นใจกว่านี้ก่อน”

 
องค์ชายกล่าวเสียงเอื่อย เนื่องจากตนไม่รู้ถึงรูปร่างหน้าตาของผู้ที่ถอนคำสาปให้แม้แต่น้อย จึงทำให้องค์ชายรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก และชายหนุ่มผมทองไม่นึกคิดว่าองค์ชายจะตอบออกมาเช่นนี้ จึงไม่รู้จะกล่าวพูดอะไรต่อ

 
“จริงสิ!”

 

ดูเหมือนองค์ชายจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงโพล่งเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง จนทำให้ชายหนุ่มผมทองเผลอลืมตาขึ้นมามอง ก็พบว่าองค์ชายได้ลืมตาอยู่ก่อนแล้ว

 

“เจ้า เจ้า ในขณะที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าได้สวนทางกับผู้ใดหรือไม่”

 
องค์ชายเอ่ยถามอย่างหน้าตาตื่นด้วยน้ำเสียงรีบเร่ง

 
“เอ๊ะ...ไม่ ข้าไม่ได้สวนทางกับผู้ใด”

 
เขาตอบตามความเป็นจริง เมื่อได้ยินแบบนั้นองค์ชายได้ครุ่นคิดพลางแสดงท่าทางกระวนกระวายทันควันในบรรยากาศซึ่งมีเพียงเสียงสายลมพัดผ่าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อครู่ยังนิ่งสงบอยู่เลย มือที่พยายามดันกายของตนออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มผมทองและเขาเองก็ปล่อยโดยง่าย พลิกตัวกลับก่อนจะใช้สายตากวาดมองไปรอบบริเวณ สังเกตทุกอย่างแบบละเอียด

 
ไม่ผิดแน่

 
“เจ้ายังอยู่ที่นี่ใช่ไหม”

 
แววตาซึ่งกำลังมองหาอะไรบางอย่างขององค์ชายพลางเอ่ยกับผู้ใด ชายหนุ่มผมทองก็ไม่ทราบเช่นกัน ได้แต่มองเหตุการณ์อย่างงุนงง ทว่าสัตว์อีกตนจากบทสนทนาทั้งหมดจะเป็นตัวเขายังไม่แน่ชัดนัก ควรจะนิ่งไว้ก่อนดีกว่า

 
“อยู่ใช่ไหม ข้าได้ยินเสียงหายใจคำรามของเจ้า เวลาที่กำลังเจ็บปวดของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ายังอยู่ที่นี่”

 
เสียงหายใจคำราม ชายนุ่มผมทองได้เคลือบแคลงใจกับคำเอ่ยนี้ ปกติมนุษย์เรามีเสียงหายใจคำรามด้วยอย่างนั้นรึ

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์”

 
ชัดเจน ชายหนุ่มผมทองถึงกับตกใจในสิ่งที่ได้ยิน เดี๋ยวสิไม่ใช่มนุษย์ เรื่องอะไรกันเนี่ย และอีกตนที่กำลังได้ยินคำร้องเรียกขององค์ชายก็รู้สึกตกใจไม่แพ้กัน

 
องค์ชายนิ่งงันชั่วครู่ มองดูผลตอบรับ ทว่ายังคงไร้วี่แวว จึงสบโอกาสเอ่ยต่อ

 

“เจ้ามีขนสีเสมือนเปลวเพลิงกำลังมอดไหม้ รู้หรือเปล่าว่ามีเศษขนของเจ้าหล่นบริเวณรอบข้างข้ามีทั้งใหม่และเก่า จงแสดงตัวตนออกมาเถิด ข้าอยาบพบหน้าเจ้า”

 
น้ำเสียงที่กำลังอ้อนวอนขององค์ชายกำลังเรียกเขาให้ออกไปเผชิญหน้า ทำให้สัตว์อย่างเขาเผยรอยยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะผละศีรษะออกจากเรียวแขนเงยขึ้นอยู่ในระดับเดิมพลางสังเกตเหตุการณ์

 
องค์ชายกำลังเรียกเขา..

 
องค์ชายกำลังเรียกเขาอยู่

 
อดที่จะดีใจไม่ได้

 
ขาซึ่งเตรียมจะก้าวออกไปเพื่อเผยตัวตน

 
ทว่า..ได้หยุดชะงักกลางคันเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่า..ตนไม่คู่ควร หากอยู่ด้วยกันจะไม่สุขสบายเหมือนดั่งอยู่กับมนุษย์ แววตาซึ่งจ้องไปยังชายหนุ่มผมทอง ก่อนจะย้อนกลับมามองที่ตนเอง สภาพช่างต่างกันลิบลับ สัตว์ที่สกปรกมอมแมมไร้ยศฐาบรรดาศักดิ์ กับหนุ่มอีกคนที่เพียบพร้อมไปเสียทุกสิ่ง ไม่ว่าจะรูปลักษณ์การแต่งกาย ช่างเหมาะสมกันแตกต่างจากเขาซึ่งมีเพียงขนยาวยุบยับปกคลุมทั่วร่างมากมายเหลือเกิน ไม่มีอะไรที่สามารถสู้ได้สักอย่าง

 
องค์ชาย...


ควรจะกลับไปอยู่ในสถานที่ซึ่งควรจะอยู่

 
เขามั่นใจในฝีเท้าพอสมควร

 
แค่หลบหนีไปสักพัก รอให้ทั้งคู่ออกห่างจากบริเวณแล้วค่อยกลับมาใหม่

 
เมื่อตัดสินใจได้ เขาโกยอากาศเข้าปอด ฝีเท้าถอยไปสองสามก้าว เตรียมกาย..


 

แล้ว.....วิ่ง!!!!

 

รวดเดียวให้ถึงทางออก แบบที่องค์ชายกับชายหนุ่มผมทองจะไม่รู้สึกตัว

 

 

ตุบ ตับ ตุบ ตับ ตุบ ตับ


 
ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่เวลาวิ่งจึงเกิดเสียงเป็นจังหวะ และต่อให้วิ่งได้เร็วแค่ไหน ก็ยังไม่หลบซ่อนกายได้

 

“อ๊ะ เห็นแล้ว แต่เดี๋ยวสิ นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน”

 
แย่แน่ เขาพยายามเร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลัง เพื่อให้องค์ชายไม่สามารถวิ่งตามมาได้

 
“เดี๋ยวสิ รอข้าก่อน”

 
เสียงซึ่งดังตามหลัง ทว่าสัตว์ตนนั้นไม่มีท่าทางจะสนใจและหยุดวิ่งแต่อย่างใด องค์ชายจึงเตรียมกายจะวิ่งตามไปด้วย ทว่าก่อนจะวิ่งไป

 

“นั่นคือผู้ที่ถอนคำสาปให้ข้า.. ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้ และคำสัญญาข้อที่บอกว่าหากคำสาปจางหายจะแต่งงานกับเจ้า สุดท้าย ข้าขอโทษที่ไม่อาจรักษา ตอนนี้เจ้ากำลังเจ็บปวดใจ ลองตรึกตรองหาสาเหตุดูสิ แล้วเจ้าจะรู้ว่าไม่ใช่เป็นเพราะข้า”

 
ชายหนุ่มอึ้งกับสถานการณ์จึงได้ยืนฟังองค์ชายแน่นิ่ง ร่ายยาวอย่างรีบร้อนมาเป็นชุด และดูท่าจะไม่หมดแค่นี้

 
“อีกอย่างข้าฝากความคิดถึงให้ท่านพี่ด้วย เดินทางมาด้วยกันใช่ไหม ข้าได้กลิ่นเครื่องหอมที่ท่านพี่ใช่ประจำบนกายของเจ้า ฝากบอกท่านพ่อและท่านแม่ว่าข้าสบายดี ข้ากำลังจะไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง และสุดท้ายจริง ๆ ข้าขอบคุณเจ้ามาก ฮานิล.. สหายรักของข้า ลาก่อน..”

 

สิ้นคำซึ่งเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอันสดใสองค์ชายไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มผมทองได้เอ่ยพูดตอบอะไร ได้พุ่งกายวิ่งออกไปทันที หากองค์ชายประสงค์เช่นนั้นเขาก็ไม่ขัดข้อง บางประโยคที่เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่สักวันเขารู้สึกได้ว่าจะต้องเข้าใจได้แน่ อสูรร้ายในตำนานตนนี้เป็นผู้ถอนคำสาปอย่างนั้นรึ ไม่อยากจะเชื่อ แต่แปลกยิ่งนักจากสภาพสิ่งรอบกายที่เห็นเขารู้สึกได้ว่า..

 

มนุษย์หมาป่าตนนั้นถนอมองค์ชายราวกับสมบัติล้ำค่า ต้องปกป้ององค์ชายยิ่งกว่าชีวิตของตนแน่

 
“ข้าขอให้เจ้ามีความสุขในสิ่งที่เจ้าเลือก”

 
ชายหนุ่มผมเหม่อมองแผ่นหลังขององค์ชายยิ้มส่งพลางเอ่ยอย่างปลอดโปร่งราวกับแก้ไขในสิ่งกวนใจมาเป็นระยะเวลานานเสร็จสิ้น ทว่ายังคงเหลืออีกเรื่องก็หวังว่าคงจะเคลียร์ได้ในเร็ววัน

 

 
อีกหนึ่งตำนานซึ่งไม่เคยถูกเล่าขาน..

 
ด้วยเรื่องวิธีการถอนคำสาปหาใช่การจุมพิตหรืออื่นใดไม่

 
แต่เป็น ‘ความรัก’ ที่มาจากดวงใจอันแท้จริง

 

 

 

 

 
-END-




ว่าจะอัพวันอังคาร แต่เปลี่ยนใจอัพวันนี้รวดเดียวเลยดีกว่าค่ะ ยังเหลือตอนพิเศษอีก 1 ตอนนะคะ 


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 28-02-2016 04:50:12
อร้ายยย คุณคนเขียนน เอาน้ำตาที่เราเสียไปคืนมาา555
ท่านอสูรจะวิ่งหนีไปทำไมคะ ให้องค์ชายวิ่งตามได้ไง
องค์ชายรีบวิ่งจับให้กลับมาเลยเพคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 28-02-2016 09:40:55
สนุกๆๆๆชอบๆๆๆ
คือแบบองค์ชายโชคดีมากๆๆๆๆๆๆ
ที่มนุษย์หมาป่ารักขนาดนี้
ขอให้องค์ชาติวิ่งตามทันนะ ลุ้นๆๆๆ~~
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: JARKISREAL ที่ 28-02-2016 14:43:30
องค์ชายย กลับมาาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-02-2016 16:59:11
อยากอ่านตอนพิเศษที่เหลือเร็วจังค่ะ TT
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 29-02-2016 13:59:40
งื้อ รอตอนพิเศษอีกตอนนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 29-02-2016 16:10:21
รอตอนพิเศษอีกตอนนะฮับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 29-02-2016 18:15:36
กรี้ดดด แกจะวิ่งหนีทำม้ายยย แกเป็นคนแก้คำสาปนะเฮ้ยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-03-2016 01:44:28
น่ารักก รู้สึกตัวอยู่ตลอดเลยย
รอค่ะะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-03-2016 02:21:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-03-2016 16:38:38
 :ling1:

ขอตอนพิเศษอีกกกกกกกก สนุกมากเลยค่ะ น้ำตาซึมด้วย  :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 01-03-2016 22:27:49
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 04-03-2016 17:25:43
อ่านไปร้องไห้ไป บีบหัวใจกันสุดๆเลย องค์ชาย TTTOTTT
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 05-03-2016 05:15:34
น่ารักมากเลยค่าเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-03-2016 12:54:13
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ ชอบ  รอตอนพิเศษตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 06-03-2016 17:28:50
ขอให้หาเจอแต่ป่านนี้มนุษย์หมาป่าคงเหมือนมนุษย์ไปแล้วขนก็หลุดเล็บก็สั้น  มีลุ้นคู่องครักษ์กับท่านพี่ใช่มายย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: love noon ที่ 07-03-2016 00:50:26
อร๊ายยย รอๆ อยากเห็นตอนเค้าป๊ะกัน คุณหมาป่าน่าจะมุ้งมิ้งอยู่นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 07-03-2016 23:44:30
ชอบค่ะ รอออออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 09-03-2016 19:40:20
เอาใจช่วยให้องค์ชายได้อยู่กับพระเอกสักที  :ling3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: sinavalon ที่ 19-04-2016 17:29:50
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: love noon ที่ 26-04-2016 14:43:47
ไม่ได้ลืมกันน้าาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-04-2016 23:19:07
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากเลยจ้า แต่ค้างค่า องค์ชายจะตามทันรึเปล่าเนี่ย
ตอนพิเศษอีกตอนละคร้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 26-04-2016 23:26:44
ทำไมชื่อเรื่อง "เจ้าหญิงทรา" เหรอคะ? น่าจะเป็น "เจ้าชายนิทรา" มากกว่า 555

อ่านถึง END ตอนแรก สตั้น...แบบว่าเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไร? รักโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน???

ตอนพิเศษ 1 น่ารักดีค่ะ ยังเล่นซ่อนแอบกันไม่เลิก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-05-2016 10:20:28
ไรท์คะ เรายังรอตอยพิเศษที่เหลืออยู่นะคะ
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: You MakeMe ที่ 01-05-2016 16:28:40
น่ารักมาก เรื่องตอนพิเศษอีกหนึ่งตอนรีบมานะจ้ะ  o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: CChompu ที่ 04-07-2016 13:02:48
พี่รู้ไหม ฉันมารอตอนพิเศษอยู่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ

 :katai4: :katai4: :ling1: :ling1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 05-07-2016 11:33:52


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mmacchiato ที่ 08-10-2016 21:06:28
รอตอนพิเศษอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 12-10-2016 17:57:00
ยังรอตอนพิเศษอีกตอนอยู่น้าาา     :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: noonit ที่ 18-10-2016 09:26:29
หลงรักเรื่องนี้เลยค่ะ มีความละมุนนนน
เห็นถึงรักแท้ที่มีให้องค์ชายโดยไม่มีเงื่นนไขเลยจริงๆ
รอตอนพิเศษอีกตอนนะคะผู้แต่ง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 1 END 27/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 18-10-2016 19:22:53
รอตอนพิเศษสองนะคะะ
ชอบอ่ะ อะไรคือช่วยแก้คำสาปแล้วหนี 55
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: Dreams of Flowers ที่ 12-06-2019 16:31:28







"เจ้าไม่รีบตามไปหรือ น้องรักวิ่งเข้ามากอดอำลาข้า แล้วตามอสูรร้ายไปทางนั้น"

ชายผมสีเทายาวสลวยแผ่นหลังยืนอิงต้นไม้กล่าวบอกพลางชี้นิ้วไปทางป่าใหญ่ เมื่อเห็นชายผมทองย่างกายออกมาจากอุโมงค์

"ข้าเองก็อยากจะห้าม แต่เห็นแววตาอันแน่วแน่ ก็ไม่รู้จะห้ามได้เยี่ยงไร หากเป็นคู่หมั้นแบบเจ้า คงมีเหตุผลที่จะรั้งไว้"

รอยยิ้มกระตุกขึ้นบนมุมปากบาง เมื่อเห็นอาการเศร้าสร้อยขององค์ชายผู้น่าเกรงขามตรงหน้า ระหว่างที่กล่าวมาพยายามเบี่ยงหลบสายตา ราวกับแสดงออกมาว่ากำลังเอ่ยถึงเรื่องตรงข้ามหัวใจ เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลาถึงขนาดไม่รู้ว่าผู้ที่เดินร่วมทางมาด้วยกัน รู้สึกกับเขาอย่างไร

"หากข้าจะตามไปจริง ๆ หากข้ากับน้องของท่านอภิเษกสมรสกัน..."

มือใหญ่ของอีกฝ่ายกำหมัดแน่น เหมือนกำลังพยายามกดเก็บอารมณ์เอาไว้ หนุ่มผมทองจึงกล่าวต่อดั่งกับลองใจ

"ท่านจะสามารถแสดงยินดีจากหทัยจริงให้กับเราทั้งคู่ได้อย่างนั้นหรือ"

องค์ชายผมสีเทากลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ คำถามซึ่งจี้จุดหัวใจ ถามแบบนั้น ทั้งที่รู้ดีถึงความรู้สึกของเขา

หากเจ้ามองแต่น้องชายของข้ามาตลอด ข้าเองก็มองมาเจ้ามาตลอดเช่นกัน

"คนที่ข้ารักมีความสุข ไม่จำเป็นต้องสนความรู้สึกของข้า เจ้ารีบตามไปเถิด อย่ามามัวสนทนากับข้าอยู่เลย ประเดี๋ยวจะตามไม่ทัน"

เสียงฝีเท้าซึ่งควรจะเร่งรีบวิ่งเข้าไปในป่าใหญ่กลับเดินอ้อยอิ่งมาทางนี้แทน ทำให้องค์ชายผมสีเทาแปลกใจไม่ใช่น้อย

"ท่านนี่จะยอมเสียสละไปถึงไหนกัน ไม่ว่าน้องของท่าน ประสงค์สิ่งใด ท่านก็เสียสละให้เสมอมา คราวนี้แม้นกระทั่งคนที่ท่านรักเองก็ยังมอบให้ได้หรือ"

รอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนใบหน้า กับคำถามลองใจยังมาไม่ขาด สีหน้าเจ็บปวดขององค์ชายผู้ยิ่งใหญ่หาใช่สิ่งที่เห็นกันได้บ่อย และต้นเหตุก็เป็นเขาเยี่ยงนี้ อดปริ่มเปรมไม่ได้

"พวกเจ้าเกี่ยวก้อยสัญญากันมาตั้งแต่เยาว์วัย"

ถึงไม่อยาก แต่ข้าทำอะไรไม่ได้แล้วต่างหากล่ะ ถ้อยคำซึ่งองค์ชายไม่คิดจะพูดออกไป ไม่อยากให้คนที่ตนรัก มาเห็นสภาพซึ้งดูไม่ได้อย่างนี้อีกแล้ว

มือเล็กเอื้อมมาประสาน จึงทำให้องค์ชายหันมามองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เห็นรอยยิ้มอันสว่างสดใสส่งมอบมา

"กลับดินแดนกันเถิด"

พร้อมกับคำพูดที่แทนคำตอบของทุกสิ่ง ถึงไม่ต้องเอ่ยวาจาอะไรมากก็ทำให้องค์ชายรับรู้ทุกอย่างแล้ว

ไม่ว่าเมื่อไหร่เจ้าก็เป็นพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างในใจข้าเสมอ

หากเป็นเจ้า...ข้าจะยอมให้ถูกปั่นหัวเล่นก็ได้

องค์ชายเหม่อมองไปยังสุดสายทาง พลางภาวนาให้น้องรักของตนได้มีความสุขกับทางที่เลือก เหมือนกับเขาเองกำลังมีความสุขเช่นเดียวกัน

...........................



อสูรร้ายรับรู้ว่าองค์ชายกำลังวิ่งตามมาอยู่ห่าง ๆ ใบหูกระดิกคอยฟังเสียงฝีเท้าตลอดระยะทาง ภายในใจอดเป็นห่วงมิได้ ในป่าใหญ่อันตรายมากโข ทำไมถึงไม่กลับไปใช้ชีวิตสะดวกสบายในวังดั่งเดิม จะวิ่งตามสัตว์เดรัชฉานอย่างเขาด้วยสาเหตุอันใด ประสงค์สิ่งใดกันแน่

หนึ่งความคิดที่อยากจะวิ่งกลับไปหาองค์ชาย

และหนึ่งความคิดซึ่งอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลแสนไกล

ข่มใจให้ไม่คิดเข้าข้างตัวเองยากเต็มทน อย่ามาสร้างความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง

เท่านี้ หัวใจของสัตว์อย่างเขาก็เจ็บปวดเจียนตาย

ฝีเท้าชะลอก่อนจะค่อย ๆ หยุดชะงักลง แววตาดุดันมองย้อนไปในทางที่ตนวิ่งมาอย่างหัวใจเต้นระส่ำ เมื่อรู้ว่าฝีเท้าขององค์ชายได้หยุดไปได้สักพัก ความอันตรายในป่าผืนนี้ อสูรร้ายดั่งเขารับรู้เป็นอย่างดี

นัยน์ตาฉายแววเป็นห่วงอย่างเด่นชัด องค์ชายเป็นเพียงมนุษย์ หากไม่มีอาวุธคงไม่อาจสู้สัตว์ป่าอันดุร้ายได้

และองค์ชายเองบอบบางขนาดนั้น

เพียงออกแรงเล็กน้อย ร่างคงแหลกออกเป็นเสี่ยง

ขาซึ่งเร่งวิ่งก้าวกลับไปในทางเก่า เหตุผลร้อยแปดนับพัน ความกลัวที่จะไปเผชิญหน้า ความเท่าเทียม ไม่คู่ควร ณ ยามนี้ไม่ได้อยู่ในหัว ความเป็นกังวลเกรงว่าองค์ชายจะเป็นอะไรชนะทุกสิ่ง

ขออย่าให้เป็นอะไร

ขออย่าให้เลวร้ายอย่างที่เขาคิด

กลิ่นเลือดซึ่งลอยคละคลุ้งในอากาศ

ความเป็นห่วงอย่างปริ้มล้น ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายซึ่งแทบจะทะลุจากอก ไม่อยากจะคิดในสิ่งที่มันเลวร้าย ยิ่งใกล้กลิ่นคาวยิ่งแรงเป็นทวีคูณ ฝีเท้าเร่งวิ่งไปอย่างเต็มกำลัง

"แฮ่ก แฮ่ก"

เสียงหอบระลอกดังออกมาเป็นระยะ แววตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณในสถานที่ซึ่งมีกลิ่นคาวเลือดอย่างเด่นชัด แต่กลับไม่พบร่างขององค์ชาย หัวใจยิ่งคลุ้มคลั่ง จิตสังหารแผ่กระจายทำให้สัตว์น้อยใหญ่ต่างถอยหนี ใบหน้าอันเหี้ยมโหด

ความโกรธเดือดปะทุ

โกรธตัวเขาเองซึ่งปล่อยให้องค์ชายวิ่งตามมาทั้งที่รู้ว่าในป่านี้อันตรายเพียงใด

โกรธไอ้สัตว์ตนนั้นที่ทำให้องค์ชายบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หากเจอตัวอย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด!

เสียงขู่คำรามดังลั่นสนั่นป่า

อสูรร้ายเดินเสาะหาองค์ชายไปทั่วบริเวณ หนึ่งร่างมองเหตุการณ์จากที่ซ่อนตัวก่อนจะตัดสินใจวิ่งเข้าหาอย่างไร้ความหวาดกลัว แม้นใบหน้านั้นจะดูดุร้ายมากเพียงใด แต่ในเรื่องของแก่นแท้ข้างใน องค์ชายรู้เป็นอย่างดี

องค์ชายฝืนวิ่งเข้าไปกอดอสูรร้ายเพราะอาการบาดเจ็บที่ขาจึงทำให้วิ่งได้ไม่สะดวกนัก ด้วยกลิ่นอันคุ้นเคย ทำให้ร่างใหญ่นิ่งงัน ก่อนจะหันไปมองอ้อมแขนเล็กและร่างซึ่งอยู่ด้านหลังของตน

"ใจเย็น ๆ นะ"

องค์ชายพูดพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย

"เจ้าฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องไหม"

อสรูรร้ายพยักหน้าแทนคำตอบ

เมื่อเห็นร่างที่ตามหา แววตาคมหลั่งน้ำตาจนไม่อาจหักห้ามได้พลางเบี่ยงหลบไปอีกทางเพื่อปิดซ่อนความน่าอับอายเช่นนี้  โชคดีเสียจริง เรื่องไม่ได้เลวร้ายดั่งที่คิดไว้

"ดูท่าข้าจะทำให้เจ้าเป็นห่วงสินะ"

 ไม่พูดเปล่า องค์ชายเอื้อมไปจับมืออันหยาบกระด้าง แต่ด้วยความตกใจ ร่างใหญ่จึงสะบัดออกอย่างแรง ทำให้องค์ชายตกใจไปตาม ๆ กัน

"เจ้ารังเกียจข้าหรือ ข้าเพียงจะให้ดอกไม้ตอบแทนเจ้าที่ช่วยดูแลข้าเท่านั้น"

องค์ชายถามอย่างโศกเศร้า ไม่คิดว่าเขาจะปัดออกอย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้ ฝ่ายอสูรเองยิ่งเห็นองค์ชายเหมือนกับจะร้องไห้ก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก เครื่องนุ้งห่มซึ่งเลอะมอมแมมแต่กลับไม่อาจทำให้ความงดงามได้ลดลง แววตาคมมองดอกไม้หลากสี ก่อนมือใหญ่ยื่นออกไป เหมือนเป็นสัญญาณว่าจะรับดอกไม้ที่องค์ชายเก็บมา

รอยยิ้มอันหวานหยาดเยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าขององค์ชายอีกครั้ง สว่างจ้าจนทำให้ตาพร่า แววตาคมจึงลูบต่ำมองพื้นดิน พร้อมกับคิดวาตัวตนของเขา ไม่สมควรจะได้รับรอยยิ้มอันแสนจะอบอุ่นเช่นนี้

"ข้าคิดว่าวิ่งตามเจ้าไป โดยที่ไม่มีอะไรติดมือไปด้วยมันก็กระไรอยู่ บังเอิญเห็นดอกไม้พอดี"

องค์ชายพูดพลางสูดกลิ่นดอกไม้ในมือของตน

"ขอบคุณที่ดูแลข้า คอยอยู่เคียงข้างข้ามาตลอด หากไม่มีเจ้าข้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้"

ดอกไม้ถูกว่าอยู่บนมือใหญ่ แววตาคมเหม่อมองดอกไม้บนมือ ก่อนจะไปสะดุดกับเลือดสีแดงเข้มตรงบริเวณหัวเข่าขององค์ชาย อสูรร้ายทรุดลงและมองไปยังบาดแผลนั้น สลับกับมองหน้าขององค์ชาย ราวกับเฟ้นหาคำตอบว่าใครเป็นคนทำ

"ข้าสะดุดรากไม้ล้มน่ะ และเสียงวิ่งของเจ้าทำให้ข้าตกใจ จึงไปแอบซ่อนตัว"

องค์ชายตอบพร้อมกับยิ้มอย่างเขินอาย เมื่อประติประต่อเรื่องราว อสูรร้ายก็แทบอยากจะหายตัวออกไปจากจุดนี้ สรุปความได้ว่าองค์ชายเพียงหยุดวิ่งเนื่องจากสะดุดรากไม้เท่านั้น บังเอิญเห็นดอกไม้พอดีจึงตั้งใจจะเก็บเพื่อนำไปมอบให้เขา

เล่นทำเอาจะหัวใจวายตาย

"เดี๋ยวเจ้าจะทำอะไร"

เสียงร้องถามอย่างตกใจ พลางมองร่างใหญ่ซึ่งนั่งคุกเข่าบนพื้นดินพร้อมมืออันหยาบกร้านอีกข้างที่ว่างอยู่ตรงเข้าไปค่อย ๆ ดึงขากางเกงขององค์ชายขึ้น เพื่อดูบาดแผล

ก่อนลิ้นชื้นจะตรงเข้ามาประโลมเลีย

ในใจพลางกล่าวขออภัยที่เสียมารยาท และรู้ดีว่าตนไม่ควรจะมาแตะต้ององค์ชาย ทว่าวิธีนี้ ด้วยน้ำลายของเขาจะทำให้บาดแผลหายไวขึ้น

"อึก อือ"

องค์ชายร้องครางออกมาเนื่องจากเมื่อโดนสัมผัสจากลิ้นสากสร้างความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะเริ่มจางหายไปจนไม่รู้สึกอะไร หลงเหลือเพียงความรู้สึกวาบวามอย่างแปลกประหลาดแทน เมื่อก้มมองแผลของตนก็พบว่าหายสนิทแล้ว

ใบหน้าที่กำลังร้อนวูบวาบ

"ขะ ขอบคุณที่ช่วยรักษาแผลให้"

องค์ชายกล่าวขอบคุณอย่างไม่อาจซ่อนใบหน้าและความเขินอายได้

อสูรร้ายจึงปล่อยชายกางเกงลงมาดังเดิม พร้อมมองมือที่กำลังสั่นระริกด้วยความประหม่าของตัวเอง

เมื่อแผลองค์ชายหายแล้ว องค์ชายวิ่งตามมาเพื่อที่จะขอบคุณ และเขาก็ได้รับดอกไม้และคำขอบคุณแล้ว

ฉะนั้นองค์ชายควรจะกลับไปอยู่ในที่สมควรจะอยู่ กายใหญ่อ้อมไปด้านหลัง และผลักร่างขององค์ชายบางเบาอยู่สองสามครั้ง ฝีเท้าก้าวออกไปตามแรง

ทำให้องค์ชายรับรู้เป็นอย่างดี ว่ากำลังไล่ให้เขากลับไป

"ข้าจะไปกับเจ้า"

สิ่งที่อสูรร้ายไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง ได้หลุดออกมาจากปากขององค์ชาย มือได้หยุดชะงัก แววตาคมสั่นไหวด้วยความสับสน มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้เยี่ยงไร ตนอาจจะหูฝาดไปเท่านั้น

มือใหญ่ผลักออกไปอีกครั้ง

"ถึงเจ้าจะไล่ข้ายังไง ข้าก็จะไปกับเจ้า"

องค์ชายจึงเน้นย้ำคำเดิม

"ข้าเลือกแล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าบอกลาท่านพี่และสหายรักของข้าแล้ว ถึงเจ้าจะไล่ยังไงข้าจะไม่ยอมกลับไป ข้าตัดใจแล้วว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้า จะอยู่กับเจ้าไปทุกหนทุกแห่ง แค่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็ไม่กลัวสิ่งใด"

องค์ชายซึ่งหันกลับมาประจันอีกครั้ง

"เจ้าล่ะหวั่นเกรงสิ่งใดอยู่"

แววตาใสสื่อถึงความจริงใจและแน่วแน่ มือใหญ่ลดต่ำก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ข้างลำตัว ถ้อยคำที่ในชาตินี้ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน

"ข้ารู้ดีว่าไปกับเจ้าอาจจะไม่สะดวกสบายนัก"

"ข้ารู้ดีว่าไปกับเจ้าอาจจะไม่มีเครื่องนุ่งห่มสวย ๆ ให้ใส่"

"ข้ารู้ดีว่าไปกับเจ้าอาจจะไม่มีไม่อาหารรสเลิศให้ข้าได้ทาน"

"ข้ารู้ดีว่าไปกับเจ้าอาจจะไม่มีเตียงนุ่มและผ้าอุ่นให้ห่มยามข้าหนาวเหน็บ"

"ข้ารู้หมดทุกอย่าง..."

"ถึงกระนั้น...ขอให้ข้าได้อยู่เคียงข้างเจ้าได้ไหม"

กำแพงกั้นกลาง เหตุผลนับพันที่อสูรร้ายพยายามสร้างขึ้นมาได้มลายหายไป

มือใหญ่ยกร่างองค์ชายอุ้มขึ้นมาให้ลอยสูงจากพื้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในป่า องค์ชายนั่งอยู่บนแขนอันน่าเกรงขาม พลางนำมือหัวแม่ไปเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าของอสูรร้ายที่กำลังส่งเสียงร้องไห้ราวกับเด็กตัวน้อย

แม้นจะไม่ใช่มนุษย์ แม้นจะมีขนยาวยุบยับปกคลุมไปทั่วร่าง แม้นจะมีเขี้ยวอันน่าสะพรึง ถ้ากัดเข้ามาก็คงจะขาดในครั้งเดียว

แต่ทว่าองค์ชายไม่เคยนึกกลัว

ด้วยความอ่อนโยนที่มอบให้ ด้วยความห่วงใยที่มีมากกว่าชีวิตของตนเอง ยกให้องค์ชายอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง

เป็นเช่นนี้จะไม่ให้ข้ารักเจ้าได้เยี่ยงไร

หากข้ากลับไปใช้ชีวิตดั่งเดิม แล้วเจ้าไม่มีความสุข และข้าเองก็ไม่มีความสุขเพราะต้องมากังวลเรื่องของเจ้า มันจะเกิดประโยชน์อันใด เมื่อความสุขของเราคือการได้อยู่เคียงข้างกันและกัน  ในอาณาจักรก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ข้าได้ทำตามหน้าที่ของตนเองสำเร็จบรรลุล่วงทุกประการแล้ว

ต่อจากนี้ข้าจะได้ใช้ชีวิตตามใจปรารถนา

แค่ได้อยู่ด้วยกัน ดั่งที่ผ่านมา ข้าเองก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกต่อไป

อีกหนึ่งตำนานที่กำลังสืบสาน

เป็นเรื่องราวความรัก

ระหว่างองค์ชายกับอสูรกายที่สามารถทำลายคำสาปร้ายจนได้ครองรักกัน

ตราบนิรันดร





-END-



เพิ่งจำรหัสไอดีเก่าได้ค่ะ ขออภัยที่มาช้านะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 12-06-2019 18:11:01
งุย...เพิ่งได้อ่าน
สรุปว่าเราโชคดี อิอิ

เจ้าชายกับคำสาป
ทำให้ต่างรู้ใจตนเองมากขึ้น ดีจัง

ปล.นี่อยากรู้คู่พ่อ...ต้นตระกูลนู่น 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 12-06-2019 18:15:52
รู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-06-2019 21:33:00
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 13-06-2019 19:13:41
น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: janehsih ที่ 18-06-2019 08:59:31
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 21-06-2019 09:35:07
เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยค่ะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-01-2020 18:38:34
ซึ้งมากกกกกกกก องค์ชายกับเจ้าขน ฮ่าๆ สนุกกกก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 03-01-2020 21:09:14
งื้ออออ​ เจ้าหมาน้อย
ที่ทำมาไม่สูญเปล่า​แล้ว​นะ​

อยาก​ขอ​ตอนพิเศษ​ของ​พิเศษ​อีก​ได้​ไหม​คะ​
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 06-01-2020 01:00:43
ดีจังเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: GDNEE ที่ 16-01-2020 17:11:11
น่ารักมากค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-01-2020 10:08:22
สนุกมากเลยค่ะ ชอบแนวเทพนิยายแบบนี้มากกกกก