พิมพ์หน้านี้ - Love@First Sight : Midnight Sinderella[23/01/2015]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: leGGyDan ที่ 16-01-2016 21:54:21
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
-
Midnight Sinderella [Part 1]
“ร้องไห้ทำไมครับ ให้ผมช่วยซับน้ำตาให้คุณไหม”
แค่คำเพียงคำเดียวจากปากของชายแปลกหน้าที่เข้ามาทักในขณะที่ ‘ภีม’ นั่งร้องไห้อยู่บนสะพานพุทธตอนเที่ยงคืนทำให้ทั้งสองมาจบลงบนเตียงในโรงแรม
มันเป็นค่ำคืนเมามายไปด้วยเซ็กร้อนแรงที่มอมเมาคนทั้งคู่ได้ยิ่งกว่าเหล้าดีกรีแรงที่เคยลองลิ้มชิมมาชั่วชีวิต
“เจ็บ” เสียงแตกพร่าเครือผ่านริมฝีปากที่กัดจนช้ำ
“ขอโทษ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างกำยำที่คร่อมอยู่เหนือตัวกระซิบข้างหูแล้วใช้ปลายลิ้นหยอกเย้าเนื้ออ่อนแล้วขบเม้มจนขึ้นสีเข้มจัดก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจูบซับน้ำที่หางตา “จะให้ผมหยุดไหมครับ”
ภีมปรือตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตามองเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้มลึกชวนมองที่สะท้อนอยู่ในแสงไฟก่อนจะกระซิบเสียงพร่า “ไม่... อย่าหยุด”
“งั้นผมจะทำเบาๆ นะครับ”
“ไม่... แรงกว่านี้ ได้โปรด ยิ่งแรงเท่าไหร่ยิ่งดี”
เจ้าของนัยน์ตาคมยั่วยิ้มมุมปาก “ได้สิครับ ผมจะกอดคุณจนกว่าคุณจะลืมเขาและเติมเต็มคุณจนไม่เหลือที่ว่างให้เขากลับมาอีกเลย”
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ” พร้อมกับตวัดแขนคล้องรอบคออย่างเต็มใจ ไม่ได้อยากให้เข้ามาแทนที่คนทิ้งไปแค่อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ โดยไม่ต้องอายใคร
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ภีมสบถกับตัวเองในเช้าวันรุ่งขึ้น
...ไม่สิ! นี่บ่ายแล้วต่างหาก เขากวาดตามองพื้นที่ข้างตัวซึ่งว่างเปล่าเพราะอีกฝ่ายลุกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ก่อนจะก้มลงมองสำรวจทั้งเรือนร่างเปลือยเปล่าของตนที่เต็มไปด้วยรอยปื้นกุหลาบเล็กบ้างใหญ่บ้างตามแต่อารมณ์ปรารถนา มันกระจายไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ข้างในข้อพับขาใกล้จุดอ่อนไหว
เพียงแค่คิดถึงพวงแก้มขาวก็ขึ้นสีเข้มจัดเมื่อรสสัมผัสของริมฝีปากนุ่มกับปลายลิ้นอุ่นซึ่งปรนเปรอเขาทั้งคืนจนสุขสมไปหลายต่อหลายครั้งยังกำซาบอยู่ในผิวกาย
ภีมใช้สองมือขยี้ผมด้วยความหงุดหงิดที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคนแปลกหน้าที่เข้ามาทักในตอนที่อ่อนไหวเพราะเพิ่งเลิกกับอตินต์คนรักที่คบกันมานานถึงหนึ่งปีเต็ม เขาซุกหน้าลงกับหัวเข่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นหงายหลังพิงหัวเตียงเหม่อมองฝ้าเพดาน มือข้างหนึ่งยังคงเสยผมที่ยาวปรกหน้าค้างไว้ เขาเหลือบตามองถังขยะข้างเตียงและถอนหายใจครั้งหนึ่ง
“เอาเหอะ! อย่างน้อยก็ใส่ถุงทุกครั้งแถมหมอนั่นก็ไม่เลวซะด้วย” แค่คิดแก้มก็แต้มสีเข้มจัดอีกครั้ง
...สูง ขาว กล้ามแน่น สะโพกฟิตแถมยังชอบเอาอกเอาใจ ให้ตายสิ! สเปคชัดๆ ไหนจะนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มชวนฝันนั่นอีกนี่ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งอกหักมาหมาดๆ คงได้ขอเบอร์ไว้สานต่อแล้ว...
ภีมหย่อนขาลงเตียงเพื่อเตรียมจะลุกไปอาบน้ำ “วันนี้โดดเรียนคาบเช้าไปแล้วแต่อย่าโดดคาบบ่ายเลยดีกว่าเดี๋ยวจะเสียประวัตินักเรียนดีเด่น” กวาดตามองหาเสื้อผ้าของตนที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นพลันเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นน้อยบนโต๊ะที่อีกฝ่ายใช้โทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ของเขาวางทับเอาไว้ ภีมเอื้อมมือไปหยิบมาอ่านก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น “ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”
ถ้าเหงาอีกเมื่อไหร่ก็โทรมานะครับ
081-23456789
ปล. ผมจ่ายค่าห้องให้แล้วนะคุณตื่นเมื่อไหร่ก็ออกไปได้เลย
“เฮ้ย! เป็นอะไรหรือเปล่าวะหายหัวไปทั้งคืนติดต่อไม่ได้ เขาลือกันให้แซ่ดว่าแกไปโดดเจ้าพระยาตายไปแล้ว” กฤษณ์เพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเพิ่งเริ่มหัดเดินพุ่งออกจากที่นั่งประจำเข้ามากอดคอเมื่อเห็นร่างโปร่งในชุดนักศึกษาเดินผ่านประตูเข้ามา
“เกือบล่ะ” ภีมบอกถึงปากจะหมาไม่รับประทานแค่ไหนแต่บนโลกใบนี้นอกจากพ่อกับแม่แล้วก็คงมีมันนี่แหละที่เป็นห่วงเขามากที่สุด
“โชคดีที่มีคนมาช่วยปลอบ เลยยาวไปหน่อย” กับคนที่รู้ไส้รู้พุง รู้แม้กระทั่งทั้งตัวมีไฝฝ้ากี่เม็ดไม่จำเป็นต้องปิดบัง
“เฮ้ย! อกหักก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายตัวเองหรือเปล่าวะ ทำไมแกไม่โทรหาฉัน” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อนรักไปมีวันไนท์สแตนด์กับคนอื่น ไม่ว่าจะรู้จักกันทางไลน์ เฟซบุ๊กหรือสบตากันระหว่างวงเหล้า แต่อย่างน้อยทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามาเขาจะได้เห็นหน้าก่อนเสมอไม่ตัวจริงหรือรูปถ่ายและนัดแนะทางหนีทีไล่ไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน
ทว่า ภีมก็ทำแบบนี้เฉพาะช่วงที่ถือสถานะโสด ยามใดที่มีคนรักภีมจะชัดเจนและเลิกนิสัยเที่ยวเตร่เด็ดขาด ซึ่งเขาเคยคิดว่าผู้ชายที่ชื่ออตินต์จะมาทำให้นิสัยเสียนั้นหายไปเป็นการถาวรเพราะพี่ตินเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่แค่อายุที่มากกว่าหลายปีหากรวมถึงวุฒิภาวะ มีการงานมั่นคงเป็นที่นับหน้าถือตาแถมยังหล่อและเป็นสุภาพบุรุษ
แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้กฤษณ์ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดผิด รักมากแค่ไหนถึงเวลาหมดใจก็ต้องจบ ภีมไม่ได้ไปเมาอันที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนรักหายไปไหนโดยติดต่อไม่ได้ ทีแรกก็คิดว่าแค่ไปเที่ยวแต่ไม่คิดว่าจะกล้าไปนอนกับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้า
“แล้วแกจะนอนกับฉันแทนมันป่ะล่ะ”
คำที่ย้อนทำเอาคนฟังเม้มปากสนิท
“แค่เป็นห่วง”
“รู้แล้ว” ภีมกระซิบพลางคล้องมือลงรอบคอและตบบ่าแรงๆ ครั้งหนึ่ง “ยังไงก็ไม่เป็นภาระให้แกพาไปรับยารักษาเอดส์หรอกน่า”
“ต่อให้เป็นฉันก็พาแกไปได้”
ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่นับเมื่อคืนนี้เพราะนั่นเป็นยิ้มในคนละความหมายและห้วงอารมณ์ แต่นี่เป็นรอยยิ้มซึ่งออกมาจากใจที่รับรู้ได้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีใครอีกคนที่รักและเป็นห่วงเขา
“ขอบคุณ”
“ยิ้มหวานแค่ไหนก็ไม่มีเลคเชอร์คาบเช้าให้หรอกนะ” กฤษณ์ว่าพลางผลักศีรษะคนช้ำรักที่วางคางเกยอยู่บนบ่าออกไปไกลๆ
“ไหงงั้น”
“แกก็รู้ถ้าคาบไหนฉันตื่นมาฟังอาจารย์บรรยายประเทศไทยก็เตรียมเข้าสู่กลียุคได้เลย”
ภีมหัวเราะชอบใจ “เออจริง”
“ไปนั่งที่กันเถอะอาจารย์จะมาแล้ว”
ถึงปากจะบอกกฤษณ์ว่ารู้สึกดีขึ้นมากแล้วและจะกลับห้องไปนอนแต่ตกเย็นวันนั้นภีมก็กลับมายืนที่เดิม หากด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง เมื่อคืนเขามาด้วยความรู้สึกโศกเศร้าและอยากฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ผืนน้ำเวิ้งว้างสีดำมืดตรงหน้าราวกับกำลังกวักมือชักชวนเขาให้กระโดดลงไป วันนี้ความเศร้ายังคงมีแต่เขาไม่รู้สึกอยากตายอีกแล้ว ผืนน้ำตรงหน้าก็เป็นแค่แม่น้ำสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยคลื่นจากเรือท้องแบน เสียงน้ำกระทบฝั่งกับเสียงจอแจของรถราบนท้องถนนซึ่งยังคงวิ่งขวักไขว่อึงอลอยู่รอบตัว แต่ต่อให้ดังแค่ไหนก็ไม่อาจกลบเสียงในห้วงความคิดที่ดังอยู่ข้างหูนี่ได้เลย
‘เป็นไงบ้างครับ’
‘รู้สึกดีไหม’
มันดังซ้ำๆ ทั้งวันจนเขาแทบไม่เป็นอันเรียนและต้องพาตัวเองมาที่นี่อีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมรู้แค่ว่าอยากเจอผู้ชายคนนั้นอีกสักครั้ง
แต่จวบจนอาทิตย์ลับขอบฟ้าและพระจันทร์ขึ้นตรงหัวภีมก็ยังไม่เห็นแม้เงาของคนที่มองหา เขาหยิบกระดาษโน้ตที่พับเก็บใส่กระเป๋าอย่างดีมาคลี่ออกดูก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
นิ้วเรียวกดจนถึงตัวเลขหลักสุดท้ายแล้วก่อนจะลบทิ้ง เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและแบมือออกปล่อยกระดาษโน้ตให้ลอยไปกับสายลม
เขาถอนหายใจยืดยาวเมื่อเห็นมันปลิวลงไปสัมผัสกับผิวน้ำเบื้องล่างก่อนจะโดนคลื่นซัดจมหายไป กำลังจะหันหลังเดินลงจากสะพานเมื่อเสียงทุ้มซึ่งเป็นต้นเหตุของการมาที่นี่อีกครั้งดังขึ้นข้างตัว
“มายืนทำอะไรมืดๆ คนเดียวอีกแล้วครับ” ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตทับเสื้อยืดคอกลม กางเกงยีนส์ขาขาดส่งยิ้มกว้างมาให้จากเสาต้นที่อยู่ถัดไป ขายาวๆ ก้าวช้าๆ ราวกับค่อยๆ ลอยมากับสายลมเข้ามายืนเท้าแขนลงบนขอบสะพานเคียงข้างเขา
ภีมแกล้งทำเป็นไม่สนใจและหันหน้ากลับไปมองแม่น้ำเจ้าพระยาที่เห็นเป็นเงาทอดยาวจนสุดสายตา “ยืนทำมิวสิคมั้ง”
“จริงเหรอ” ชายแปลกหน้าเป่าปากก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่ข้างแก้ม
ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก จุดที่มือใหญ่สัมผัสอุ่นวาบยิ่งเมื่อปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามขอบตาแล้วเลื่อนไปกุมข้างแก้มดึงให้หันมาสบตา
“เหงาก็บอกว่าเหงาสิครับ แล้วผมจะช่วยปลอบให้”
ภีมจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั้นอยู่อึดใจก่อนจะหลุดปากออกไป “เหงา”
มุมปากคนตรงหน้าหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ภีมได้เห็นรอยยิ้มของเขาในค่ำคืนนี้เพราะช่วงเวลาที่เหลือนัยน์ตาที่พร่าไปด้วยความลุ่มหลงก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย
และเป็นเช่นนี้อีกหลายต่อหลายคืน
“จะไปแล้วเหรอ” ภีมทักคนที่กำลังเก็บเสื้อผ้าซึ่งกองอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม
“อยู่นานไปก็คงจะไม่ดี” เจ้าของใบหน้าคมตอบพลางติดกระดุมเสื้อ
“ทำไมล่ะ”
“เพราะตอนที่แยกกันมันจะลำบากใจน่ะสิ” ทั้งที่ปากพูดแบบนั้นแต่กลับก้มหน้าลงฝากรอยจูบหนักๆ เข้าข้างขมับครั้งหนึ่ง “ถ้าเหงาเมื่อไหร่อย่าลืมนึกถึงผมนะครับ”
พวกเขาไม่ได้นัดแนะกันเป็นเรื่องเป็นราว แค่วันไหน ‘บังเอิญ’ มาเจอกันที่เดิมก็จะมาจบลงที่เดิม ‘ที่เตียง’ โดยไม่มีการถามไถ่ใดๆ
ภีมซบหน้าลงกับหมอน นอนด้วยกันมาเป็นครั้งที่ห้าแล้วแต่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยจูบเขาสักครั้ง ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกก็แค่จูบซับน้ำตา จูบแก้มหรือหน้าผากแม้ว่าอารมณ์จะเตลิดไปถึงไหนต่อไหนอย่างมากก็แค่จูบไซร้แรงๆ ที่ข้างซอกคอจนแดงช้ำ ทำเอาวันนั้นเขาต้องยอมทนอึดอัดติดกระดุมคอเสื้อจนถึงเม็ดบนสุดไปเรียนซึ่งของเก่ายังไม่ทันจะจางวันนี้ก็มาสร้างรอยใหม่ให้อีกแล้ว
แต่จูบแบบนี้มันกลับให้ความรู้สึกหวาบหวามยิ่งกว่าจูบตรงๆ เสียอีก
ภีมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินวนเก็บข้าวของรอบห้องจนไปถึงประตู ริมฝีปากเม้มซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายครั้งวันนี้เขาคิดว่าควรจะต้องทำสิ่งที่ควรจะทำตั้งแต่เจอกันวันแรกสักที
“เดี๋ยวสิ” ภีมดันตัวขึ้นจากเตียงมาเรียกคนที่กำลังจะปิดประตูไว้ได้ทันพอดี “นายชื่ออะไร”
ร่างสูงหันมาเอียงคอมองเล็กน้อยเพราะทุกๆ ครั้งที่เจอกันก็แค่นอนด้วยกันเช้ามาก็แยกย้ายไม่เคยพูดคุยอะไรมากไปกว่านั้น
“อย่างน้อยก็บอกชื่อหน่อยเผื่อเวลาใครถามว่าเมื่อคืนไปนอนกับใครมาหรือเคยนอนกับใครมาบ้างฉันจะได้บอกเขาถูก”
“คุณอยากเรียกผมว่าอะไรก็ตามใจเถอะ” ร่างสูงหมุนตัวกลับพลางโบกมือให้
“ซิน”
เจ้าของใบหน้าคมหันกลับมา “คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”
“ซิน” ภีมทวนคำก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า Sin สามารถแปลได้ว่าคนบาปจึงขยายความหมายของตนเพิ่ม “ก็ทุกครั้งที่เราเจอกัน มันเป็นเวลาเที่ยงคืนทุกครั้งนี่ ถึงจะไม่ใช่เที่ยงคืนตรงแต่ก็ยังเป็นช่วงเวลานั้นอยู่ดี”
“ซินเดอเรลล่า” ชายแปลกหน้ากระซิบคล้ายพูดกับตัวเองก่อนจะหันมาพูดด้วยเสียงปกติ “ตามบัญชาเลยครับ เจ้าชายของผม”
คำที่หยอดมาต่อให้หวานกว่านี้ก็ไม่เท่ารอยยิ้มกว้างบนเรียวปาก ภีมแทบจะกดหัวตัวเองให้จมหายไปในหมอน นี่เป็นครั้งแรกที่ชายแปลกหน้าส่งยิ้มแบบนี้มาให้เขา
“แล้วแกก็ปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนั้นน่ะนะ”
กฤษณ์แทบจะเอาหัวโขกเสาตายให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อได้ยินเพื่อนรักเล่าเรื่องราวของคนแปลกหน้าให้ฟัง “หัวดีซะเปล่าทำไมโดนเขาหลอกง่ายจังวะ”
“โดนหลอกตรงไหน ค่าโรงแรมเขาก็เป็นคนออก ถุงยางก็เตรียมมาเองแถมยังเอาใจฉันทุกอย่าง สรุปฉันมีแต่ได้กับได้นะ”
“ได้บ้านบิดาสับสนน่ะสิครับคุณเพื่อน” กฤษณ์ว่าเข้าให้ “ถามจริงแกไม่สงสัยบ้างเหรอวะว่าเขาเป็นใครมาจากไหน มีอย่างที่ไหนผู้ชายหน้าตาดี มีตัง สะอาดสะอ้านแถมยังลีลาเด็ดทำเสร็จก็กลับ ดีขนาดนี้ชาติก่อนแกทำบุญด้วยตุ๊กตายางหรือไงวะ”
“ไม่เห็นแปลกเลย บางทีอาจเป็นคนทำงานเลิกดึกมาหาอะไรทำแก้เครียด พวกหลบเมียหลวง หรือเศรษฐีขี้เหงาเบื่อสาวๆ ตามอ่าง แล้วก็มาติดใจฉันเหมือนที่ฉัดติดใจเขาไง”
“เอางี้” กฤษณ์พ่นลมออกจมูกหลังจากพยายามอ้อมจนถึงขอบโลกแล้วพบว่าไม่เข้าเรื่องที่ต้องการพูดสักที “ถามจริง แกหลงรักเขาหรือเปล่า”
“จะบ้าเรอะ! ฉันเพิ่งอกหักมานะเว้ย ยังเจ็บอยู่ไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น ทำไมแกถามแบบนี้วะ”
“ก็แค่ถาม” กฤษณ์ไหวไหล่ “ก็ดูแกตัดใจจากพี่ตินได้ง่ายจัง ฉันนึกว่าแกจะฟูมฟายมากกว่านี้ แถมวันๆ ยังเอาแต่พูดเรื่องผู้ชายที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าให้ฟัง”
“ก็...” ภีมนิ่งไปอึดใจเมื่อโดนจี้ใจดำ เขาไม่ได้ลืมอตินต์ ยังไม่ได้หายเศร้า มันเจ็บแต่กลับไม่ทรมานอย่างที่ควรจะเป็น “ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกนี้มันไม่ได้เรียกว่ารักหรอก”
“แล้วอะไร... หลง?”
ภีมไม่ตอบ เพราะไม่ว่าพยายามคิดแค่ไหน เขาก็ให้คำจำกัดความรู้สึกนี้ไม่ได้เลย
“เป็นอะไรครับ” ซินโพล่งขึ้นเมื่อจู่ๆ คนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็พลิกตัวกลับมาซุกอกพร้อมทั้งคล้องมือรอบแผ่นหลังตอนที่เขากำลังจะลุกออกไป
“เปล่า... ขอโทษที” ภีมบอกพลางชักแขนกลับและกระเถิบตัวออกห่าง “นายไปเถอะฉันจะนอนต่ออีกสักงีบ” นึกอายตัวเองจับใจที่เผลอไปอ้อนเข้าซะได้
แต่คนถูกกอดกลับรั้งลำแขนไว้และรวบตัวเข้าแนบอกเสียเอง “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ตกใจ คุณจะกอดผมนานแค่ไหนก็ได้แต่ถ้าเช้าเมื่อไหร่ผมต้องไปนะครับ” พลางลูบมือหนักๆ ไปตามเรือนผม กดจูบลงกลางหน้าผากแล้ววางคางเกยไว้แบบนั้น
“แบบนี้ไม่ใช่ซินเดอเรลล่าแล้ว ฉันว่านายเป็นแวมไพร์มากกว่า ไม่เห็นต้องรีบเลยออกไปพร้อมกันก็ได้นี่”
“จะดีเหรอครับให้ใครๆ มาเห็นว่าคุณอยู่กับผม”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
“เปล่า” ซินมีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็เฉไฉด้วยการขโมยหอมแก้มไปฟอดใหญ่ “ผมแค่คิดว่าเราเจอกันแบบนี้ก็ดีแล้ว ตื่นเต้นดีออก”
“เอางั้นก็ได้” ภีมหมดคำที่จะรั้ง “ แต่นายก็เลิกเรียกฉันคุณๆ สักทีเถอะ ก็บอกไปตั้งหลายทีแล้วไงว่าชื่ออะไร”
“ไม่ล่ะครับแบบนี้แหละดีแล้ว”
“ตรงไหนกัน”
“ก็ตรงที่เก็บไว้เรียกเฉพาะตอนนั้น มันฟังดูพิเศษดีออก”
แก้มขาวซับสีเลือดฝาดขึ้นทันที เพราะช่วงเวลาที่พูดถึงคือจุดที่อารมณ์หวามพุ่งถึงขีดสุด เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความปรารถนาที่พร่ำเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ข้างหูไม่หยุด “ลามกล่ะไม่ว่า”
“คุณต่างหากที่ลามก แบบนี้มันต้องเรียกอิโรติกสิครับ เอ๊ะ! หรือว่าโมเอะจะดีกว่าครับ หืมมมม ภีม”
ฉากรักที่เพิ่งจบไปฉายขึ้นในหัวพร้อมๆ กับความรู้สึกเสียววาบทั่วบริเวณท้องน้อยทั้งที่ไม่ถูกสัมผัส
“พอๆ ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว” ภีมรู้สึกใบหน้าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาซุกหน้าเข้าหาอกกว้างแน่นขึ้นจนแทบจะจมหายลงไป
“อ้าว ทีผมจะเรียกก็ไม่ยอมให้เรียกอีก” ซินก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหู เขาเป่าลมอุ่นใส่ครั้งหนึ่งจนมันขึ้นสีระเรื่อแล้วใช้ปลายลิ้นดุนไปรอบๆ ผิวเนื้ออ่อนก่อนจะขบเม้มเล่นจนเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด “พูดอะไรหน่อยสิ ผมอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของคุณนะครับ ภีม”
“...”
“ภีมครับ ตอบผมหน่อยสิ”
“นี่! มันจะมากไปแล้วนะ” ในที่สุดคนโดนแกล้งก็หมดความอดทน ร่างโปร่งดันตัวออกห่างพร้อมกับพลิกตัวขึ้นนั่งคร่อมบนหน้าอกและใช้มือทั้งสองข้างปิดปากคนช่างแกล้งไว้
แต่ซินไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แทนที่จะใช้กำลังเขากลับใช้ไม้อ่อนแค่ปลายลิ้นหยอกเย้าไปตามร่องรอยบนฝ่ามือพร้อมกับลูบมือทั้งสองไปตามเรียวขาขาวขึ้นไปจนถึงแนวสะโพก วนรอบเอวสอบครั้งหนึ่งแล้ววกกลับลงมาเฉียดใกล้จุดอ่อนไหวทำท่าเหมือนจะจับแต่ไม่ยอมสัมผัสแล้วลากลงไปจนถึงหัวเข่า ทำซ้ำไปซ้ำมาจนร่างโปร่งเริ่มสั่นสะท้าน
“หยุดนะ!”
แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ นอกจากจะไม่หยุดยังใช้ลิ้นดุนดันปลายนิ้วและขบเล่นเบาๆ สลับไปมาจนครบทุกนิ้ว
“บอกให้หยุดไง!”
นัยน์ตาเข้มลึกมองจ้องคนตรงหน้า ซินวางมือนิ่งบนแนวสะโพกแกล้งให้ตายใจก่อนจะเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลังแล้วกดปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าสู่ส่วนลึกของร่างกายที่ยังคงอ่อนนุ่ม
“ซิน!” เขามาถึงจุดที่ดึงอารมณ์กลับไม่ได้แล้ว ภีมถอนมือออกจากปากและคว้าหลังศีรษะเพื่อดึงขึ้นมาจูบ ริมฝีเกือบจะสัมผัสกันอยู่แล้วเมื่อซินยกมืออีกข้างขึ้นมาขวางไว้
“อย่าครับ” เขากระซิบ “ผมบอกแล้วไงว่าตอนจากกันมันจะลำบาก”
“เอางั้นก็ได้” ภีมเม้มริมฝีปากแน่นกับความใกล้ที่ได้กลิ่นไอร้อนจากลมหายใจที่รดลงเหนือริมฝีปาก เขาตัดใจจากความกระหายในรสจูบนั้นและยืดตัวขึ้นตรง “งั้นฉันจะทำให้นายเป็นฝ่ายต้องขอฉันจูบเองให้ได้” วางมือลงบนบ่าเพื่อช่วยยกตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกระแทกลงใส่นิ้วที่รอรับอยู่ด้านล่าง
เสียงสูดปากจากร่างโปร่งทำเอาคนที่อยู่ข้างล่างหัวใจเต้นระรัว “คุณจะทำให้ผมเหรอ” ซินแสยะยิ้มมุมปาก “ได้สิ ถ้าคุณทำให้ผมยอมศิโรราบได้ ผมจะจูบคุณ”
“อยากจะบ้าตายยกกำลังสอง” ภีมนั่งกุมขมับแน่นเมื่อนึกถึงวีรกรรมเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาของตน ไม่ว่าจะอ่อย จะยั่ว จะออนท๊อปแต่นั่นไม่เจ็บใจเท่าตอนที่โดนพลิกกลับง่ายดายแล้วจบด้วยการถูกทำให้เสร็จไปอีกสองรอบจนหมดแรงหลับคาอกไปก่อนอีกฝ่ายจะชิ่งหนีไปในตอนเช้ามืดเหมือนทุกครั้ง
นั่นยังไม่นับรวมถึงถ้อยคำที่ฝากไว้ก่อนจากพร้อมกับคว้ามือไปจูบหนักๆ นะ
‘เก็บจูบของคุณไว้ใช้กับคนรักดีกว่าครับ เจ้าชายของผม’
“ฝากไว้ก่อนเหอะ”
“เป็นอะไรวะ” กฤษณ์ที่เพิ่งมาถึงทักคนที่นั่งขยี้ผมตัวเองจนยุ่งพลางนั่งลงเคียงข้าง
“เปล่า”
กฤษณ์ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะกระซิบเสียงเครียด “เดี๋ยวอาจารย์จะเข้าแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ภีมก็ได้สติเลิกฟุ้งซ่านถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วกวาดหนังสือและอุปกรณ์การเรียนทั้งหมดเก็บใส่กระเป๋า “งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
“จะโดดอีกแล้วเหรอ”
“ฉันอ่านเองได้”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่ถ้าเวลาเรียนไม่พอแค่สอบแกก็จะไม่สิทธิ์น่ะสิ”
คำท้วงที่หาข้อแก้ต่างไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งยอมทรุดตัวลงนั่งตามเดิม เพียงอึดใจอาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีครับนักศึกษา” ร่างสูงสันทัดหน้าชั้นส่งยิ้มทักทายให้นักศึกษาในชั้นทุกคนโดยถ้วนหน้า
“สวัสดีครับ/ค่ะอาจารย์ติน”
ภีมกลั้นหายใจ ต่อให้พยายามหนีแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องเจอเมื่ออตินต์เป็นอาจารย์ประจำคณะที่เขาเรียน ทางเดียวที่จะหลบได้ชั่วชีวิตคือลาออก แต่ในเมื่อเขาทำไม่ได้และให้หนีไปตลอดอย่างที่กฤษณ์ว่าก็ไม่ได้ ดังนั้นเขาก็ต้องทนรับกับสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่นี้ไปจนกว่าจะตัดใจได้หรือถ้าไม่ได้เต็มที่ก็ทนไปอีกสองปี
อตินต์เริ่มต้นคาบเรียนโดยการเช็กชื่อเหมือนทุกครั้ง จนกระทั่งมาหยุดที่ชื่อหนึ่ง เขาเคาะปลายปากกาหลังนามสกุลพลางเงยหน้าขึ้นมองที่ตำแหน่งประจำก่อนจะเอ่ยออกมา
“ภีม... วันนี้มาไหมครับ”
“มาครับ”
เป็นกฤษณ์ที่ตะโกนตอบแทนเพราะคนข้างๆ เอาแต่นั่งนิ่ง
“ผมไม่ได้ถามคุณกฤษณ์ ตกลงภีมมาหรือเปล่า”
กฤษณ์ถองศอกใส่เบาๆ คนโดนเรียกชื่อซ้ำเหลือบมองทางหางตาก่อนจะยกมือขึ้น “มาครับ”
“ดีมาก”
ภีมหลับตาแน่นกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ เขาเปิดหนังสือและก้มหน้าก้มตาจดเลคเชอร์โดยไม่เงยหน้าขึ้นมองคนสอนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อออดหมดเวลาดังขึ้นภีมแทบกระโดดลุกจากเก้าอี้ เขารีบพุ่งไปที่ประตูก่อนคนอื่น อตินต์เป็นอาจารย์หนุ่มเนื้อหอม เขามักจะโดนห้อมล้อมด้วยนักศึกษาทั้งหญิงชายทุกครั้งที่หมดคาบ ชั่วระยะเวลาสั้นๆ นั้นเป็นโอกาสเดียวที่จะหลบออกไปได้โดยไม่สบตา
ทว่า เขาคิดผิด
“ภีม ขอผมคุยด้วยสักครู่ได้ไหมครับ”
เจ้าของชื่อหยุดที่หน้ากรอบประตูพอดี จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้เมื่อเพื่อนร่วมคณะหันมามองและสะกิดเรียกเขา
“อาจารย์เรียกแน่ะ”
ภีมแทบจะเหวี่ยงกระเป๋าทิ้งลงบนพื้น เขาเดินลากเท้าพาหัวใจที่หนักอึ้งเข้าไปยืนตรงหน้าอาจารย์อตินต์ หรือ... พี่ติน อดีตคนรักของเขา
“เย็นนี้ไปพบผมที่ภาควิชาด้วยนะ”
“คุยตรงนี้ก็ได้ครับอาจารย์”
“ผมมีสอนต่อไม่สะดวกคุย”
“แต่...”
“ถ้าคุณไม่แคร์ว่าต้องลงเรียนวิชาของผมซ้ำเนื่องจากติดร.เพราะเวลาเรียนไม่พอ แถมยังต้องชวดลุ้นเกียรตินิยมไปก็ตามใจ” อตินต์พูดช้าๆ ชัดๆ และมันไม่ใช่การขู่ “หกโมงตรง ห้ามสายนะครับ”
แล้วเขาก็เก็บเอกสารต่างๆ ที่ใช้ในการสอนเดินออกไป
“เขายังจะมีอะไรมาคุยให้ฉันช้ำใจอีกวะ” ภีมกระซิบกับกฤษณ์ที่เดินเข้ามาตบบ่าครั้งหนึ่ง
“เฮ้ย! ใจเย็นๆ เขาอาจจะแค่คุยเรื่องเรียนอย่างเดียวก็ได้”
“คบกันมาปีนึงแกคิดว่าฉันดูไม่ออกเหรอว่าเขาอยากพูดเรื่องอะไร”
“ฉันจะรออยู่หน้าห้องมีอะไรก็ตะโกนดังๆ โอเคนะ หรือถ้าแกเงียบหายไปเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะแกล้งเข้าไปถามการบ้าน”
“แล้วถ้าเขาล๊อกประตูล่ะ”
กฤษณ์พ่นลมออกจมูกพร้อมกับดึงซิปโปลายมังกรดำอันโปรดออกมาจากกระเป๋า “ฉันจะเผาตึก”
“มุกนี้ไม่ขำนะ”
“ใครว่า ฉันทำจริงนะ แกรีบๆ เข้าไปคุยให้จบๆ สักทีไป เสียเวลาชะมัด”
“เออ”
ภีมเคาะประตูก่อนจะผลักเข้าไปในห้องทำงาน อตินต์นั่งอยู่เพียงลำพังหลังโต๊ะรูปตัวแอล เขาเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบผุดลุกขึ้นเดินมาหา
“ฉันนึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว”
สรรพนามที่ต่างกันชัดเจนกับยามที่อยู่ในชั้นเรียนบอกให้รู้ว่าลางสังหรณ์ของเขาไม่ผิด
“มีอะไรจะคุยกับผมครับ” ภีมพยายามเข้าเรื่องให้เร็วที่สุดแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะต้องการแบบนั้นอยู่แล้วเมื่ออตินต์ยื่นสองมือออกมาข้างหน้าและรวบตัวเขาไปกอดแนบอก
“ฉันขอโทษ”
“พี่... คุณพูดเรื่องอะไร” พยายามไม่เรียกชื่อเพราะรู้ดีว่าถ้าเมื่อใดที่หลุดชื่อเขาออกไปใจจะไม่แข็งมากพอ
“เรากลับมาคบกันเถอะ... ฉันลืมนายไม่ได้ ฉันรักนายนะภีม”
“แต่คุณเป็นคนบอกเลิกผมก่อน”
“ฉันรู้ ฉันผิดเอง ไม่รู้ตอนนั้นฉันเป็นบ้าอะไร แต่พอนายไม่อยู่ แค่ไม่เห็นหน้านายในชั้นฉันแทบจะขาดใจตายให้ได้ ฉันขอโทษเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ”
“แต่ผม...”
“ทำไมถึงเรียกฉันเหินห่างแบบนั้นล่ะ ทำไมนายไม่เรียก ‘พี่ติน’ เหมือนเมื่อก่อน”
“ก็เพราะเรื่องของเรามันจบไปแล้วไงครับ!”
“และฉันก็กำลังจะเริ่มมันใหม่นี่ไง อภัยให้ฉันนะ”
“ไม่...” ภีมพยายามดิ้นให้หลุดจากอกแกร่งเขาไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพผีตายซากแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อมือใหญ่บีบเข้าที่กรามพร้อมกับริมฝีปากหยักลึกกดปิดลงมาแนบสนิท
“ฉันขอโทษ... ฉันรักนายนะ” กระซิบกับริมฝีปากแดงช้ำที่ยังขบเม้มไว้ครึ่งหนึ่ง มือซึ่งกำเป็นหมัดแน่นยังออกแรงดันที่หน้าอก อตินต์ไม่รีรอที่จะย้ำริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ด้วยความลุ่มลึกพร้อมกับบดเบียดสะโพกของตนเข้ากับอีกฝ่าย
“ไม่นะครับ อย่า...”
อตินต์กดจูบลงมาเป็นครั้งที่สาม รับรู้ได้ถึงแรงต่อต้านของฝ่ามือที่ลดลง เขาช้อนเข้าใต้สะโพกและยกตัวร่างโปร่งลอยไปนั่งลงบนขอบโต๊ะทำงาน สอดมือเข้าใต้สาบเสื้อที่หลุดลุ่ย ในขณะที่อีกมือจัดการกับหัวเข็มขัด
“อย่าครับ พี่ติน...”
คนอายุมากกว่าหยักยิ้มมุมปากพร้อมกับเร่งเร้าขึ้นอีก มือที่เคยกำแน่นค่อยคลายออกเลื่อนขึ้นคล้องรอบคอ อตินต์ กระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวโยนลงบนพื้นก่อนจะแทรกท่อนขาแข็งแรงเข้าตรงกลางแล้วยกสะโพกอีกฝ่ายขึ้นเตรียมรับความปรารถนาของตน
ข้างนอกห้องที่หน้าประตู กฤษณ์ยกข้อมือขึ้นดูเวลา ตอนนี้เวลาผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว เขาจุดซิปโปขึ้นตรงหน้า เปลวไปสีฟ้าอมส้มพวยพุ่งขึ้นในอากาศก่อนเขาจะตวัดฝาปิดแล้วเก็บใส่กระเป๋า
“มันไม่จำเป็นสินะ”
เขาเหลือบตามองบานประตูที่ยังคงปิดสนิทเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังให้และออกเดินไปตามทาง “เสียเวลาชะมัด”
****************************************************TBC**************************************
-
ปริศนาหลายอย่างเลย :hao7:
กฤษณ์นี่คงไม่ใช่ซินสินะ แล้วใครพระเอกกกกกกก :ling2:
-
ง่า ภีม ไมไม่วิ่งออกมาล่ะ ใจง่ายไปนะ
-
ซินชอบภีมรึเปล่า แต่เหมือนจะกันตัวเองไว้ไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะรู้เรื่องของภีมดี หรือยังไง
-
ซินคือใครกันนะ
-
ปริศนา
-
ซินคือใคร??
-
ค้างอย่างแรง
-
สนุก ซินไม่ใช่ผีใช่มั้ย กลัวจะหักมุมว่าซินเป็นผีมากๆ
ภีมอย่ากลับไปคบกับอ.นะ สงสารซินแย่
-
โอ๊ย.... ลุ้นอ่ะ
-
ซินต้องเป็นนคนที่แอบรักแน่ๆ
-
ไม่ใจอ่อนนะภีม
ไม่เอาๆๆๆ
-
Midnight Sinderella Part2 [จบ]
“เจ็บ”
เสียงที่เล็ดลอดผ่านริมฝีปากแดงช้ำออกมาทำให้คนซึ่งทาบทับอยู่ด้านบนหยุดเคลื่อนไหว
“ผมทำแรงไปเหรอครับ” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววตระหนก
“ปะ... เปล่าแค่มันไปโดนน่ะ...” ภีมดึงมือใหญ่ที่กำรอบข้อมือตัวเองตรึงไว้เหนิอหัวออก เห็นเป็นรอยฟกช้ำชัดเจน มันเกิดขึ้นตอนที่เขายื้อยุดกับอตินต์เมื่อช่วงเย็นแล้วจบด้วยการถีบจนอีกฝ่ายหงายหลังและหนีออกมา
“ขอโทษทีที่ผมไม่ทันระวัง” กระซิบอย่างรู้สึกผิดพลางประคองท่อนแขนขึ้นมาไล่จูบเบาๆ ตั้งแต่ข้อศอกไปจนถึงปลายนิ้ว
ภีมกัดริมริมปากแน่น ไม่ใช่เพราะเจ็บแต่มันเสียวซ่านและกระตุ้นอารมณ์เขาได้ดียิ่งกว่ามือที่กำอยู่รอบจุดอ่อนไหวของเขาเสียอีก ยิ่งเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั้นเหลือบขึ้นมองสบมา ถึงไม่ได้พูดอะไรแต่ทำไมรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจเขาและอยากปลอบเพียงแต่ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดไม่เป็นจึงใช้การแสดงออกทางกายเป็นสิ่งทดแทน
ซินย้ำจูบลงบนคอมือตรงแนวชีพจรอีกครั้ง ภีมรู้สึกได้เลยว่ามันร้อนผ่าวและเต้นตุบๆ ตามเสียงหัวใจ ก่อนซินจะดึงมือเขาไปวางพาดลงบนไหล่ “กอดคอผมไว้นะ”
ภีมตอบรับด้วยการคล้องมืออีกข้างรอบคอพร้อมทั้งดึงตัวขึ้นไปจูบที่ข้างแก้ม
“ตกลงคุณไม่คืนดีกับเขาจริงๆ เหรอ”
“จะถามย้ำทำไมเนี่ย” คนช้ำรักพลิกตัวลงจากหน้าอกกว้างไปนอนคว่ำลงบนหมอนอีกใบ “นี่ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกันนะ เขาอุตส่าห์มาง้อถึงขนาดนั้น เว้ยยยย!”
“ก็ไปขอโทษเขาสิครับ”
ภีมตะแคงหน้าขึ้นมอง ถึงจะเสียดายแต่ก็ไม่คิดจะคืนดีอยู่แล้ว คนนอนกับใครไม่เลือกอย่างเขายังไม่คิดจะนอกใจนี่จึงเป็นความผิดร้ายแรงที่เขาอภัยให้อตินต์ไม่ได้ ที่พูดแบบนั้นเพราะอยากลองใจคนที่เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน “นายไม่คิดจะห้ามฉันเลยเหรอ”
“แล้วผมจะใช้สิทธิ์ไหนไปห้ามคุณล่ะครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยนี่”
ภีมมองคนที่ปกติจะวางท่าเป็นผู้ใหญ่ดึงมือที่สอดไว้รอบเอวกลับไปประสานใต้ศีรษะ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องไปที่ดวงไฟบนฝ้าเพดาน ไม่ได้โกรธหรือต่อว่าแต่ดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังตัดพ้อเพราะต้องเสียของรักที่ยืมคนอื่นมา
“บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ยุ่งกับคนมีเจ้าของ ไม่อยากเป็นคนที่ทำลายความรักของใคร เอาเป็นว่าถ้าคุณเจ็บมาเพราะเขาอีกเมื่อไหร่ค่อยมาหาผมละกัน”
“พูดแบบนี้แสดงว่านายโสดเหรอ”
“ผมดูเหมือนพวกหนีเมียมาเหรอครับ”
ภีมไหวไหล่ “ก็คล่องซะขนาดนั้นแถมเช้ามาก็รีบกลับนึกว่าต้องไปกินข้าวกับแฟนน่ะสิ”
“เหตุผลผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วนี่ครับ” ซินว่า “ผมไม่นอกใจแฟนผมหรอกต่อให้หมดรักผมก็จะไปขอเลิกก่อนจะถูกจับได้ ไม่มีใครอยากโดนทิ้งหรือทิ้งใครก็จริง แต่ผมว่าคนโดนหลอกน่ะเจ็บที่สุด”
“อิจฉาแฟนนายจัง”
“ก็บอกแล้วไงว่าผมโสด”
“แค่พูดไว้ก่อน”
ซินย่นคิ้วพร้อมกับพ่นลมออกจมูก เถียงไปก็ไม่เห็นทางชนะ ดังนั้นถ้าอยากชนะเขาก็มีแค่ทางเดียว
ร่างสูงพลิกตัวขึ้นคร่อมคนข้างๆ แต่แทนที่จะหลบคนถูกคร่อมกลับยักคิ้วพร้อมกับยิ้มยั่วให้ซะอย่างนั้น
ซินระบายลมหายใจออกจมูกอีกครั้ง สรุปว่าหนนี้เขาแพ้จริงๆ สินะ
เพราะต่างคนต่างฉุดรั้งกันไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดพระจันทร์ก็ลับขอบฟ้าและปล่อยให้พระอาทิตย์รับช่วงต่อ
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มีโอกาสลุกออกจากเตียงมาเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมพร้อมกัน
“สายจนได้” ร่างสูงบ่นพลางยกมือขึ้นป้องแสงและรีบเดินนำไปก้าวหนึ่ง
“ก็ไม่ได้หายไปกับแสงอาทิตย์สักหน่อยจะกลัวอะไรนักหนา” ภีมแกล้งว่าเพราะคนตัวโตไม่ได้จะหลบหรือเดินหนีแต่ขยับเพื่อใช้สรีระที่สูงใหญ่กว่าบังแดดให้เขา หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางคว้าชายเสื้อคนข้างหน้าให้รู้ว่ากำลังเดินตามไป
“แต่ซินเดอเรลลาจะต้องกลับไปเป็นหญิงสาวมอซอที่เจ้าชายไม่มีวันมองน่ะสิครับ”
“ฉันจะไม่เห็นได้ยังไงก็นายยืนอยู่ตรงนี้นี่นา”
จู่ๆ ซินก็หยุดเดิน กำลังจะเอ่ยปากถามเมื่อเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้น
“นายมาทำอะไรที่นี่ ไม่ไปเรียนเหรอ”
ภีมชะเง้อมองข้ามไหล่เห็นอดีตคนรักยืนกอดอกอยู่ตรงหน้ “วันนี้...” กำลังจะพูดต่อว่าคาบเช้าว่างเมื่อสังเกตเห็นว่าแท้จริงแล้วอตินต์ไม่ได้พูดกับเขา
แต่พูดกับคนที่มากับเขาต่างหาก
“ผมกำลังจะไป”
“กำลังจะไปอะไรนี่มันจะสิบโมงแล้วนะซิน เดือนหน้าจะสอบแล้วอย่ามัวแต่เถลไถลสิ”
...ซิน...
ภีมขมวดคิ้ว ดูเหมือนอตินต์จะยังไม่เห็นเขา เรื่องที่ทั้งสองคนรู้จักกันนั่นน่าตกใจพอๆ กับเรื่องที่ผู้ชายคนนี้ชื่อ ‘ซิน’ จริงๆ
“แล้วนั่นมากับใคร จะไปนอนกับใครยังไงพี่ไม่ว่าหรอกแต่ไม่ใช่จะไปมั่วเอากับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหน”
“ผมไม่ได้มั่ว...”
ภีมฉุนกึกขึ้นมาทันที เขาปล่อยมือจากชายเสื้อและเดินออกมายืนเคียงข้าง “แล้วผมก็ไม่ใช่คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนด้วย”
อตินต์ดูตกใจไม่น้อยที่เห็นหน้าเขา “ภีม...นาย...”
“ทำไมครับ”
ก่อนที่สีหน้านั่นจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะ “นี่น่ะเหรอเหตุผลที่นายปฏิเสธฉัน ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรหรอกนะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเลือกคนไกลตัวกว่านี้หน่อย หรือที่ทำแบบนี้เพราะอยากแก้แค้นฉัน”
“แก้แค้น” ภีมทวนคำ ยิ่งไม่เข้าใจไปทุกที เขาเหลือบมองคนข้างตัวที่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำเมื่ออตินต์เฉลยความจริงออกมา
“ก็นายไม่ชอบเด็กไม่ใช่เรอะ แต่นี่ดันลดตัวมานอนกับเด็กม.ปลาย แถมยังเป็นหลานฉันซะด้วย”
“วันนี้ก็ไม่มาอีกแล้วเหรอ”
กระซิบกับสายลมที่พัดมาหวีดหวิว ร่วมสัปดาห์แล้วที่ภีมมายืนรอตรงที่เดิม โดยที่ปราศจากเงาของอีกฝ่าย
“นี่ตกลงนายหลอกฉันจริงๆ เหรอ”
วันนั้นซินไม่เพียงไม่แก้ตัวอะไรสักคำยังเดินหนีเขาไปเสียเฉยๆ โดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา เขาเองใช่ว่าจะรับได้เรื่องที่โดนหลอกแต่ไม่ไม่รู้ทำไมพอรู้สึกตัวอีกทีสองขาก็พาเดินมาที่นี่เสียแล้ว ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเสียใจได้หรือเปล่า จะบอกว่าโดนหลอกแต่เขาก็เป็นฝ่ายผิดเองที่ไม่เคยถามปล่อยให้ความลุ่มหลงนั้นบังตาแล้วทำผิดซ้ำๆ คืนแล้วคืนเล่า
ทอดสายตามองผืนน้ำเบื้องหน้าอีกอึดใจก่อนจะถอนหายใจยืดยาวแล้วหมุนตัวเดินลงจากสะพานไป
“เลิกทำตัวน่าสมเพชได้แล้วน่า” กฤษณ์บ่นเพื่อนรักที่เอาแต่นั่งซึมกะทือไม่พูดไม่จาทั้งที่อ้างมาห้องเขาเพื่อทำรายงาน
“มันก็เรื่องของฉัน” ภีมว่า “คนที่รับปากดิบดีว่าจะทำนู่นนี่นั่นแต่กลับชิ่งหนีไปไม่มีสิทธิ์พูดหรอกนะ”
“แล้วไง ตกลงนี่โดนเด็กหลอกจริงๆ เหรอ”
“เออ แม่งเซ็งชิบเป๋ง ไม่ได้ไปหาเมียแต่ดันต้องรีบไปให้ทันชั่วโมงโฮมรูมเช้า แล้วยังมาวางท่ามีตังออกค่าห้องให้อีกนะ โอ๊ยยย หงุดหงิดเว้ยคืนนี้ไปหาอะไรทำแก้เซ็งดีกว่า” ไม่พูดเปล่า ภีมคว้ากระเป๋าสะพายและลุกขึ้นยืน
“เฮ้ย!” กฤษณ์ลุกขึ้นคว้ามือไว้ได้ทันและกำเสียแน่น “ ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหม จะนอนกับใครไม่ว่าแต่ก็เลือกหน่อย”
“มันก็เรื่องของฉัน” ภีมสะบัดมือหลุด “คนที่นอนกับฉันไม่ได้อย่างแกไม่มีสิทธิ์พูด”
“จะเอาอย่างนั้นไหมล่ะ!” กฤษณ์กระชากตัวร่างโปร่งกลับมาแล้วผลักให้นอนลงกับพื้นก่อนจะก้าวขึ้นคร่อม เลิกชายเสื้อขึ้นจนถึงหน้าอกแล้วก้มหน้าลงไซร้ที่ซอกคอในขณะที่ใช้ปลายนิ้วเค้นคลึงรอบจุดอ่อนไหวจนเป็นไตแข็งก่อนจะพรมจูบสลับกับขบเม้มลงต่ำมาจนถึงจุดที่ปลายนิ้วหยอกเย้าแล้วใช้ริมฝีปากครอบครองแทน
ภีมไม่ได้มีท่าทีคล้อยตามหรือขัดขืน เขาเพียงแต่นอนนิ่งๆ และกระซิบขึ้นเบาๆ “ถ้านายทำเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้นะ”
กฤษณ์หายใจสะดุด เขาถอนริมฝีปากออกและเท้าแขนลงข้างศีรษะ “ฉันรู้ แต่ฉันไม่อยากให้แกไปทำแบบนั้น” น้ำเสียงไม่ได้สั่นนัยน์ตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดซึ่งภีมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เขายื่นมือออกไปประคองใบหน้านั้นให้เงยขึ้นสบตา “ไม่ต้องห่วง ฉันเลิกแล้ว”
ทั้งสองจ้องตากันอยู่อึดใจก่อนที่กฤษณ์จะพยักหน้าแล้วเบี่ยงตัวนั่งลงข้างๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ
“นายเอาจริงเหรอ” ถามคนที่กำลังจัดเสื้อให้เข้าที่และลุกเดินไปที่ประตูอีกครั้ง
ภีมหันมาตอบคำถามด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะเปิดประตูออกไป
ทันทีที่ประตูปิดลง กฤษณ์ก็ลุกขึ้นนั่งพิงขอบเตียง เปลือกกะพริบตาครั้งหนึ่งแล้วนัยน์ตาเจ็บปวดเมื่อครู่ก็หายไปกลายเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึก พลางล้วงเอาซองบุหรี่ออกมากระแทกแท่งนิโคตินใส่ปาก
“ไม่ได้ชิ่งสักหน่อย แค่อยากปล่อยให้แกโง่ให้ถึงที่สุดเพื่อจะได้คิดออกด้วยตัวเองว่าไม่ควรยอมเจ็บอีกเป็นครั้งที่สอง แต่เรื่องไอ้หนุ่มนั่นมันนอกเหนือความคาดหมายจริงๆ ว่ะ”
หยิบซิปโปอันโปรดขึ้นมากำลังจะจุดไฟเมื่อเสียงโทรศัพท์เข้า ชื่อบนหน้าจอทำให้หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ถ้าว่างก็ออกมาหาหน่อยสิ โดนทิ้งอีกแล้ว”
ปลายสายตอบอะไรบางกลับมา กฤษณ์ถ่มบุหรี่ที่ยังไม่ได้สูบทิ้ง เก็บซิปโปใส่กระเป๋าแล้วลุกเดินออกไปบ้าง
ร่างโปร่งในชุดนักศึกษายืนเก้ๆ กังอยู่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัด เด็กนักเรียนที่กำลังแยกย้ายกลับบ้าน แอบลอบมองคนแปลกหน้าและพากันกระซิบกระซาบด้วยความสงสัยเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดไปจนถึงเครื่องหมายบอกสถานที่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ภีมพยายามทำตัวให้เด่นน้อยที่สุดแต่ก็อยู่ในจุดที่ยังมองเห็นได้ ยังไงวันนี้เขาต้องได้เจอตัวต้นตอที่ทำให้เป็นบ้ากินไม่ได้นอนไม่หลับไม่งั้นคงไม่ลงทุนบากหน้าไปถามกับอตินต์ว่าซินอยู่ที่ไหน
เวลาล่วงไปไม่นานภีมก็เห็นคนที่มองหา ถึงจะสูงใหญ่โดดเด่นในกลุ่มเพื่อนแต่เมื่อสวมเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงขาสั้นเขาก็ดูสมวัยเหมือนเหมือนคนอื่นๆ และยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นอีกว่าทำไมถึงไม่เคยสงสัยว่าผมไถเกรียนติดหนังหัวนั้นมันคือทรงนักเรียนไม่ใช่ทรงแฟชั่น
“ซิน!” ภีมร้องเรียกพร้อมทั้งเดินเข้าไปหา แต่เจ้าของชื่อกลับไม่เหลียวมามองแม้หางตาและเดินห่างออกไป
“เขาเรียกแกไม่ใช่เหรอ” เพื่อนในกลุ่มที่มาด้วยกันว่า
“แค่คนชื่อเหมือนหรือเปล่า ฉันไม่รู้จักเขาสักหน่อย” บอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ภีมกำหมัดแน่น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจตั้งแต่วันแรกที่ได้มา
“สวัสดีครับ”
[ซิน หันมานี่หน่อยฉันมีเรื่องจะพูดด้วย]
ร่างสูงชะงักและหันไปสบตาเจ้าของเบอร์โทรเข้า
“อ้าวไหนว่าไม่รู้จักไง”
เขาไม่ตอบและกดวางสายก่อนจะหันไปบอกเพื่อน “พวกแกไปก่อนเดี๋ยวฉันตามไป”
“เออๆ แล้วรีบตามมานะ”
เขารอให้เพื่อนเดินห่างออกไปพอสมควรจึงเดินย้อนกลับไปหาคนที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูโรงเรียน
ภีมกวาดตามองคนที่เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “เป็นเด็กม.ปลายจริงๆ สินะ”
ซินไหวไหล่“ก็เห็นแล้วนี่ครับ”
“แล้วทำไมถึงไม่ไป”
“เพราะผม...”
“ถ้าอยากแก้ตัวคืนนี้เจอกันที่เดิม” ภีมตัดบทและหมุนตัวเดินจากไป
ร่างโปร่งยืนเท้าแขนลงบนราวสะพาน และนับถอยหลังรอเวลาด้วยใจจดจ่อ เขาไม่ได้วางเดิมพันอะไรไว้กับใครแม้แต่หัวใจของตัวเองแค่อยากจะฟังเหตุผลของคนที่จู่ๆ ก็เข้าแล้วก็จากไป
แต่เพิ่งจะเป็นเวลาห้าทุ่มเมื่อเขาเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้นที่เชิงสะพาน
ภีมไม่เดินเข้าไปหา เขายืนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินมาเรื่อยๆ ซินยังอยู่ในชุดนักเรียนซึ่งเขาก็ไม่แปลกใจเลยเพราะตัวเองก็ตั้งใจไม่เปลี่ยนชุดเหมือนกัน
“เพิ่งเลิกเรียนพิเศษ” ซินบอกเหตุผล และนั่นทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมถึงเจอกันเวลาประมาณนี้ บางวันที่มาช้าคงเพราะเสียเวลากลับบ้านไปเปลี่ยนชุด
“พูดมาสิ ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วฉันจะฟัง”
“จะให้ผมพูดอะไรครับ ในเมื่อคุณก็รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว ระหว่างเรามันก็น่าจะจบได้แล้วนี่ครับ”
“สรุปคือนายจะให้ฉันคิดเองว่างั้น”
“อยากคิดอะไรก็ตามใจคุณครับ”
“แสดงว่านายตั้งใจมาหลอกฉันสินะ”
“...”
“เป็นไง สนุกมากไหม ดีใจด้วยนะนายหลอกฉันได้เต็มๆ เลยว่ะ แล้วทำเป็นปากดีว่าสงสารคนที่โดนหลอกเพราะตอนนี้ฉันเจ็บกว่าตอนที่รู้ว่าพี่ตินนอกใจอีก” ภีมกลับหลังหันเตรียมลงจากสะพานเมื่อร่างสูงคว้าเข้าที่ต้นแขนแล้วรวบเอวมาสวมกอดจากทางด้านหลัง
“ผมไม่ได้ตั้งใจ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู และมันเป็นครั้งแรกที่เสียงนี้สั่น “ผมแค่เป็นห่วงคุณ วันนั้นพอผมรู้ว่าพี่ตินบอกเลิกคุณผมออกตามหาคุณไปทุกที่ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคุณเจอที่ไหน ผมมาที่นี่เพราะมันเป็นฉากหลังของรูปที่วางอยู่หัวเตียงพี่ติน”
ภีมเม้มปากแน่น รู้ทันทีว่าเป็นใบไหนในเมื่อตัวเองเป็นคนเอาไปวางไว้กับมือ รูปที่ถ่ายคู่กันในวันครบรอบเป็นแฟนกันหนึ่งปี
“ผมไม่ได้อยากนอนกับคุณแค่ไม่อยากเห็นคุณร้องไห้คนเดียว อยากกอดคุณไว้แน่นๆ แต่เรื่องมันดันไปจบที่เตียง คืนต่อมาผมก็แอบมาดูคุณอีก อยากรู้ว่าคุณโอเคไหมยังร้องไห้อยู่หรือเปล่า และเพราะแววตาเศร้าสร้อยของคุณทำให้ผมอดทักออกไปไม่ได้ แล้วเรื่องมันก็เลยเถิดมาคืนแล้วคืนเล่า”
“ตกลงว่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบกับอยากลองสินะ”
“ไม่ใช่!”
“แล้วมันเรื่องอะไร”
มือใหญ่กำเป็นหมัดแน่นก่อนคนตรงหน้าจะโพล่งออกมา “ผมรักคุณ”
คนฟังยืนนิ่งกับถ้อยคำที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน
“รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นคุณที่บ้านพี่ตินเมื่อปีก่อน แต่คุณคงจำผมไม่ได้หรอก”
“แล้วทำไมนายถึงไม่บอกฉันตั้งแต่แรก” ภีมยกมือยกมือขึ้นปิดปาก ยอมรับจนหมดใจว่าไม่มีความทรงจำของผู้ชายคนนี้อยู่ในสมองสักนิด แค่เหมือนคลับคล้ายคลับคราว่าอตินต์เคยแนะนำใครสักคนที่กำลังนั่งดูทีวีในห้องรับแขกให้รู้จัก เขาก้มลงมองที่โอบรอบเอวแน่นและมันสั่นเล็กน้อยเมื่อซินพูดต่อ
“เพราะคุณชอบคนอายุมากกว่า ดูเป็นผู้ใหญ่ อย่าว่าแต่มีอะไรที่ไปสู้เขาได้เลย ผมไม่เคยอยู่ในสายตาคุณด้วยซ้ำ... ผมถึงกอดคุณเพราะนั่นเป็นทางเดียวและเวลาเดียวที่คุณยอมมองมาที่ผม”
ไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่รู้จะสรรหาถ้อยคำไหนมาเรียกร้อง เมื่อตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะยกมือไหว้ ส่งสียงเรียก ชักชวนให้กินน้ำหรือขนม แต่ไม่เคยเลยที่เขาจะละสายตามาสนใจ
ซินคลายอ้อมแขนออกก่อนจะใช้สองมือประคองใบหน้าของเขาไว้แล้วก้มหน้าลงมา มันไม่ใช่จูบอย่างที่ฝัน ไม่ได้ลึกซึ้งหรือยาวนาน เพียงริมฝีปากแตะเบาๆ แล้วผละออกแต่มันกลับอุ่นไปถึงหัวใจ
“ลาก่อนครับ”
เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเที่ยงคืน พร้อมๆ กับที่ร่างสูงหมุนตัวเดินลงจากสะพานไป
เสียงลมพัดมาหวีดหวิว ภีมเกาะราวสะพานยืนดูผืนน้ำที่สะท้อนเงาแสงไฟและพระจันทร์วิบวับ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความรู้สึกที่มีมันคืออะไร น้ำหยดหนึ่งไหลจากหางตามาที่ปลายคางก่อนจะทิ้งตัวลงกลืนหายไปกับท้องน้ำเบื้องล่าง
แต่มันจะไปมีประโยชน์อะไรเมื่อได้รู้หัวใจตัวเองในวันที่สายเกินไป
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนนั่งเหม่ออยู่บนม้าหินในสวนของโรงเรียน วันนี้เป็นวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่เขากลับไม่มีสมาธิเอาเสียเลย เคยตั้งฝันไว้แน่วแน่ว่าอยากเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับภีมให้ได้ แม้ไม่ได้เป็นคนรักหรืออยู่ในสายตาแต่เขาก็มีความสุขที่ได้แอบมองอยู่ห่างๆ มาวันนี้ความฝันนั้นดูเลื่อนลอย จะมีประโยชน์อะไรที่จะฝืนตามต่อไป ภีมพูดถูกเขาคงเป็นซินเดอเรลลาเมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาเวทมนตร์ของนางฟ้าก็หมดลงและตอนนี้เขาก็กลับไปเป็นแค่เด็กที่คนๆ นั้นไม่มีวันหันมามอง
สมุดโน้ตตรงหน้าถูกเปิดกางทิ้งไว้แต่คนที่อ่านคงเป็นสายลมที่พัดพามันพลิกผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่าจนกระทั่งถึงหน้าสุดท้ายที่ลมตีจนสมุดปลิวตกจากโต๊ะ
ซินลุกขึ้นเดินไปเก็บ เขานั่งคุกเข่าลงและปัดเศษดินออก เมื่อมือเปิดไปเจอหน้าหนึ่งที่มุมกระดาษถูกฉีกขาดหายไป
ร่องรอยปากกาจางๆ บนหน้าถัดไปย้ำเตือนให้รู้ว่ามันถูกฉีกไปเพื่อทำอะไร
ซินเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับปิดสมุด กำลังจะลุกขึ้นยืนเมื่อรองเท้าของใครคนหนึ่งก้าวมายืนตรงหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเงยขึ้นมองคนที่กำลังก้มลงมองเขาอยู่เช่นกัน
“คุณมาที่นี่ทำไม มีธุระอะไรกับผมอีกครับ”
“วันนี้มีสอบใช่ไหม พยายามเข้านะ”
“ครับ” ซินรับคำ “ธุระคุณมีแค่นี้ใช่ไหมครับ”
ภีมยกมือขึ้นกอดอก “ฉันจะมาบอกว่า นายพูดถูกซิน ฉันชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจว่าคนอายุมากกว่าต้องการจะสื่ออะไร เมื่อภีมล้วงมือลงในกระเป๋าแล้วใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลาวคีบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วสอดมันลงในกระเป๋าเสื้อที่หน้าอกเขา
ซินรีบหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา มันหนักกว่าที่ตาเห็นและเหมือนจะมีอะไรเหน็บอยู่ข้างใน เขาคลี่อกดู นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลงพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่เจ้าของกระดาษก็เดินจากไปเสียแล้ว
“คุณ”
ภีมยกมือขึ้นโบกในอากาศครั้งหนึ่งโดยไม่หันมา “ถ้านายยังไม่เปลี่ยนใจ ก็รีบๆ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมาหาฉันนะ”
ริมฝีปากกรีดรอยยิ้มกว้างแล้วเปิดสมุดโน้ตอีกครั้ง เขาวางเศษกระดาษลงแทนที่มุมที่ถูกฉีกไป แน่นอนว่ารอยขาดไม่ได้แนบสนิท
เพราะมาจากหนังสือคนละเล่ม แต่มันกลับพอดีแล้วในที่ตรงนั้น
“มาช้าจัง” ภีมบ่นกับคนที่เพิ่งวิ่งมาถึงหน้าหอประชุมของคณะตอนที่จวนเจียนจะได้เวลาเริ่มแล้ว พลางกวาดตามองชุดนักศึกษาที่คนตรงหน้าสวมใส่ได้อย่างเหมาะเจาะจนพาให้หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ
ปกติก็ดูเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้วนี่ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนไว้ผมยาวมาหล่อขึ้นจนจำแทบไม่ได้
“ก็เมื่อคืนผมมัวแต่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับน่ะสิ ปฐมนิเทศวันแรกด้วยจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้ เขาว่าคณะนี้รับน้องโหดที่สุดนี่” ปากบ่นมือก็สาระวนจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่
“งั้นคืนนี้มาค้างที่ห้องฉันไหมล่ะตอนเช้าจะได้ช่วยปลุก” ภีมว่าทั้งที่ยังงอนไม่หายเรื่องที่อุตส่าห์ให้ทั้งชื่อหอเบอร์ห้องและกุญแจสำรองไป แต่อีกคนดันย้ายเข้าไปอยู่คนละห้องเสียนี่ พลางมองสำรวจคนที่ก้มหน้าก้มตาแต่งตัวก่อนจะอดใจไม่ไหวเอื้อมมือไปดึงสายเนกไทมาช่วยผูกให้เสียเอง
คนอายุน้อยกว่าอมยิ้มกรุ้มกริ่ม “แต่ตอนกลางคืนจะไม่ได้นอนน่ะสิครับ”
ภีมเหลือบตาขึ้นมอง “ฉันโอเคนะ แต่ถ้านายไม่โอเค มันก็เรื่องของนาย”
“ไปสิครับ ผมจะกล้าขัดคำสั่งรุ่นพี่เหรอครับ”
“มียอกย้อนนะเดี๋ยวนี้”
“ไม่ให้เรียกรุ่นพี่แล้วจะให้เรียกอะไรดีครับ เจ้าชาย”
“ชื่อฉันก็มี”
“ไม่เอาหรอก ให้เรียกพี่ภีมไม่ค่อยถนัด ผมขอเรียกว่าที่รักแทนได้ไหมครับ”
“คืนนี้สองทุ่ม” ภีมว่าพร้อมกับแกล้งดึงปมเนกไทจนรัดถึงลูกกระเดือกจนอีกฝ่ายสำลัก “ถ้ามาช้าฉันซ่อมแน่”
ซินคว้ามือคว้ามือที่กำลังจะผละไปทาบลงบนหน้าอกและก้มลงกระซิบที่ข้างหู “งั้นผมจะสายสักครึ่งชั่วโมง รบกวนภีมช่วยซ่อมให้หนักๆ ด้วยนะครับ” หยักยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องประชุมไป
ภีมยกมือขึ้นลูบแก้มที่ยังคงร้อนผ่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ทอแสงเจิดจ้า ริมฝีปากยกมุมขึ้นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกลับหลังหันเดินกลับไปยังคณะของตน ในที่สุดเขาก็เจอเจ้าหญิงของเขาในเวลากลางวันได้สักที และหวังว่ามันเป็นเช่นนี้ตลอดไป
***********************************************The End***************************************
แล้วทั้งคู่ก็ครองรักกันอย่างมีความสุข...
555 ขอจบแบบดิสนีย์นิดนึงค่ะ
-
ง่อวววววว แฮปปี้เอนดิ้งเย้เย้ :mew3:
-
กินเด็กเป็นอมตะนะภีม คึคึคึ
-
ตอนแรกนึกว่าภีมจะไปคืนดีกับตินซะแล้วววว
-
คู่กันแล้วภีมซิน สงสัยคืนนี้ภีมโดนซ่อมหนักแน่ อิอิ จะมีตอนพิเศษไหมน่ะ
เพื่อนซินเขาคุยกับใครน่ะอยากรู้
-
สนุกจังค่า ชอบซินแต่แอบสนใจตัวละครอย่างกฤษณ์ด้วยค่ะ
-
:katai2-1:
-
สูง ขาว กล้ามแน่น สะโพกฟิต แถมยังชอบเอาอกเอาใจ --- โถ พี่ภีม ไม่รักไม่หลงน้องก็ตาถั่วแล้วค้าาาา :hao6:
-
โอ๊ย อ่านแล้วทำไมจะน่ารัก อ่านแล้วยิ้มตามค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ
-
ดีจังเลยยย
มีความสุขกับภีมด้วย
น้องซินน่ารักขนาดนี้ ไม่หลุดมือพี่ภีมแน่นอน
ว่าแต่กฤษคืออะไรยังไงน่ะ สงสัย
-
สนุกดีค่ะ. อยากให้มาต่อคู่กฤษณ์ด้วย :L1:
-
:pig4: :pig4:
-
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
-
Cinderella boy and happy ending :mew1:
-
:really2: o13
-
:katai2-1: :hao7: :hao6:
เราชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่า ทำไมถึงเพิ่งมาเจอ คือดีมาก ชอบซิน ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ภีมก้น่ารัก โอยยยยเหมาะสมกันเข้ากันที่สุด :katai3:
-
ง่อวววววน้องซินน่าเอ็นกูจังลูก นึกว่าตะจบเศร้าซะแล้ว
-
มันแซ่บบบบ
แอบอยากรู้ว่ากฤษไปหาใครเลย แถมดูท่าจะแอบชอบภีมด้วยนะนั่น :hao5:
-
ซินน่ารักกก
อยากรู้เรื่องกฤษณ์ด้วยอ่ะ
-
น่ารักกก
-
เขินน้องซินมาก น้องซินดี๊ดี
-
ซินน่ารักจังเลย
:pig4: :pig4: :pig4:
-
โมเอะๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:
-
ดีมากเลย :pig4:
-
:a5: พีค พีคไปหมดเลยทั้งซิน ทั้งกฤษณ์ แต่ก็ดีใจที่จบแฮปปี้
-
ซินน่ารักจัง กร๊าวววใจพี่มากมาย555555
-
เด็กนี่มันกร้าวใจจริงๆ
-
ฮืออ น้องซินทำไมน่ารักขนาดนี้ พี่ภีมอย่าทำน้องเสียใจนะ ไม่งั้นจะจับมาตีให้ก้นลายเลย o18
-
ซินถอยห่างอย่างเดียวเลย สู้บ้างก็ได้ :hao4: :hao4: :hao4:
-
:-[
-
อัยยยสนุกกกกอ่ะ ดีใจที่ภีมรู้ใจยอมรับว่ารักเด็กซิน คนอกหักได้เด็กปลอบใจมันดีจริง :oo1: 555
-
เอ็นดูความต้องรับออกไปก่อนเพราะมีเรียนตอนเช้า55555555555 :katai2-1: