พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 11|| (22/03/2559)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Be mine ที่ 01-11-2015 21:32:26

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 11|| (22/03/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 01-11-2015 21:32:26
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



ปรุกาศปรุกาศ!!! :z12: นิยายเรื่องนี้เคยแต่งเป็นเรื่องยาวมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะความขี้เกียจของคนแต่งเอง o19 แต่วันดีคืนดีลองกลับไปอ่าน และอยากแต่งต่อ เลยตัดสินใจแต่งต่อแล้วเอาลงมาให้ได้อ่านกัน
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องในความภูมิใจของเราไว้ในอ้อมอกอ้อมใจชอนไชเข้าไปในซอกรักแร้ของทุกคนด้วย ชอบไม่ชอบก็มาบอก มาใส่สีตีไข่กันด้วยนะ
สุดท้ายจริงๆไม่ติงนัง เราอยากจะบอกว่า รักคนอ่านทุกคนจากก้นบึ้งของหัวใจ จ๊วบ จ๊วบ :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 1 || (1/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 01-11-2015 21:48:29
ตอนที่ 1


“โรตีแผ่นใหญ่ๆ ไม่มีไข่และก็ไม่มีนม โรตีแผ่นกลมๆ ไม่มีนมและก็ไม่มีไข่” :z2:

“ไอ้เชี่ยนีซ! มึงอยากแดกตีนคนไม่มีนมอย่างกูไหม” :angry2:

ผม ไอ้ทีม และไอ้เพลย์ที่ร้องเพลงแซวไอ้มดเมื่อกี้หาได้กลัวเจ้าตัวที่กำลังชี้หน้าด่าผมอยู่ไม่ แต่ยิ่งหัวเราะชอบใจซะมากกว่า พวกผมไม่ได้โรคจิตนะ แค่ถือคติ กวนตีนวันละนิดเพื่อสุขภาพจิตที่ดี ก็เท่านั้นเอง

“ไม่ละคร้าบบบบ พวกเรากลัวจนไข่หดแล้วเนี่ย” :sad3:

คนผู้อ่านอย่าได้สงสัย ว่าผมนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ผมคือเด็กผู้ชายอายุ 17 วัยใสๆเหมือนหน้าตาของผม  :impress2: ผมไม่ใช่คนหล่อ แต่ผมหล่อมากๆ มากที่สุด ถ้ายังมโนไม่ได้ว่าผมจะหล่อขนาดไหน ก็เอาเป็นว่า ผมหล่อก็แล้วกัน ผมชื่อนีซ ไม่ใช่ ไอ้เชี่ยนีซ อย่างที่ไอ้มดมันเรียก ผมเป็นหนุ่มฮ็อตของโรงเรียน ไม่ใช่หนุ่มขี้ร้อนนะครับ ถึงแม้ว่าเหงื่อผมจะออกง่ายจนทำให้จักแร้เปียกบ้างเป็นบางวันก็เถอะ ปัญหาอย่างเดียวในชีวิตผมก็คือ หน้าตาของผมนี่แหละ ผมรู้ว่าผมหล่อ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาตกหลุมรักผมมากมายขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบนะที่มีคมมารุมล้อม แต่จะดีมากกว่าถ้ามีแต่สาวๆ ไม่ใช่ผู้ชายล้ำๆกล้ามใหญ่ๆเท่าท่อนซุงมาส่งเสียงแซว

“ไอ้นีซวันนี้ตอนเย็นอย่าลืมไปทำความสะอาดห้องนาฏศิลป์นะเว้ย เดี๋ยวมึงได้เจอฤทธิ์อาจารย์สมชายศิษย์เอกเซลามูนเข้าแล้วจะหนาว” o21

ไอ้ทีมเตือนผมที่กำลังกินก๋วยเตี๋ยวไก่แต่รสชาติอย่างกับน้ำล้างผักกาด

เนื่องจากผมตื่นหลังเพลงชาติเกือบทุกวันเป็นผลให้อาจารย์สมชาย อาจารย์ฝ่ายปกครองให้รางวัลการมาสายแห่งปีโดยการให้ผมได้เป็นซินเดอเรลล่าไปทำความสะอาดห้องนาฏศิลป์

“ไอ้ทีม ไอ้เพลย์ สนใจไป…”

“โทษทีว่ะไอ้นีซ วันนี้กูมีนัดกับแม่ว่าจะไปซื้อของน่ะ”<< เพลย์

“กูก็มีซ้อมบาสคงไปกับมึงไม่ได้เหมือนกันว่ะ”<<ทีม

ผมนี่ซึ้งเลยครับ พวกมันยังอุตส่าห์ส่งสายตาเสียใจมาให้ผมอีกนะ :m5: กลัวกูไม่เชื่อมึงหรือไง ถ้ากูเชื่อกูก็มีสี่ขากินหญ้าอยู่ที่ทุ่งนาแล้ว
“เออ กูไปคนเดียวก็ได้ มีเพื่อนก็เหมือนไม่มี กูจะได้จำไว้” :a14:

ผมพูดประชดมันให้ได้สำนึกและก็เปลี่ยนใจมาช่วยผม แต่ที่ได้กลับมาก็คือสายตาที่บ่งบอกว่าเสียใจสุดติ่งของพวกมันแทน



หลังเลิกเรียนผมก็ต้องไปทำความสะอาดห้องนาฏศิลป์คนเดียว ตอนเลิกเรียนว่าจะหลอกล่อไอ้เพื่อนสองตัวอีกครั้งแต่ผมยังไม่ทันได้แยกริมฝีปากล่างกับบนเลยพวกมันสองตัวก็ใส่เกียร์หมาวิ่งหูตั้งหนีผมกันไปทันทีทันใด  :hao7:

ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป กองทัพฝุ่นก็เข้าบุกโจมตีผมทันที สงสัยจะทำความสะอาดครั้งสุดท้ายตอนบางระจันค่ายแตกล่ะมั้ง ฝุ่นถึงได้หนาขนาดเอาไปปั้นควายได้สิบตัวซะขนาดนี้ หวังว่าผมจะไม่ถูกฝุ่นหล่นทับตายนะ มันคงเป็นอะไรที่อนาถจนไม่น่าดู

“ไอ้พวกนั้นนะ เห็นเพื่อนลำบากไม่คิดจะช่วยกันเลย นี้สินะที่เรียกว่าเพื่อนกิน”

แต่ตอนนี้ผมอยากให้มันเป็นเพื่อน ตาย มากกว่า คุยกับใครไม่ได้ก็คุยมันกับตัวเองนี่แหละ เย็นป่านนี้ใครจะมาได้ยิน

“ดมฝุ่นจนเพี้ยนเลยหรือไง”

ผมลืมได้ยังไงว่ามีผีปากหมาเฝ้าโรงเรียนอย่าง ไอ้เพิร์ด พี่ชายของไอ้เพลย์และเป็นกรรมการนักเรียนสุดเนียบ เนียบสำหรับคนอื่นนะ เพราะสำหรับผม มันก็คือไอ้ประธานขี้เก็ก แถมยังเกรียนสุดขั้วโลกเหนือยันขั้วโลกใต้อีกต่างหาก ผมโคตรเกลียดขี้หน้ามันเลย เจอทีไรรู้สึกคันเท้าทุกที

“เพี้ยนพ่อง!”

“กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ พูดให้ดีๆหน่อย”

ผมเลิกสนใจมันแล้วก้มหน้าก้มตากวาดพื้นต่อ ไอ้ฝุ่นนี่ก็จะเยอะไปไหนกวาดทีฟุ้งเป็นควันบนเวทีคอนเสิร์ตเลย

“ฮัด ฮัด ฮัดชิ้ว!!”

ไอ้เพิร์ดมันต้องกำลังนินทาผมอยู่แน่ๆเลย ผมไม่ได้เหนื่อยแล้วพาลนะ

“ให้กูช่วยไหม”

“ไม่ต้องเสือก กูทำเองได้”

ไอ้ผมมันเป็นคนปากไว พูดไปก่อนคิด ถ้าคิดสักนิดจะไม่ปฏิเสธมันหรอก มันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปไม่หันกลับมามองผมสักนิด คนอะไรว่ะใจร้ายใจดำ หน้าตาไม่ดีแล้วยังไม่มีน้ำใจอีก

จุ๊ จุ๊ จุ๊

เอาแล้วไง เสียงอะไรว่ะ คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกนะ จะใช่ไม่ใช่ผมก็ขอหลบก่อนแล้วกัน โบราณเขาสอนผมไว้ว่า รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นปลาหางนกยูง ผมรีบยืมเกียร์หมาจากไอ้เพื่อนสองตัวมาใส่แล้วรีบโกยออกจากห้องนั้นทันที ผมเข้าไปอยู่ในห้องนั้นนานเท่าไหร่ ทำไมออกมาข้างนอกแล้วมันถึงได้มืดอย่านี้ ไอ้ตึกนี้ก็จะเก่าไปไหน อย่างกับฉากในหนังสยองขวัญอย่างไงอย่างนั้น ผมรีบลงมาจากตึกแต่ไม่ได้วิ่งเพราะกลัวไปเหยียบไม้พุๆเข้าแล้วจะซวยไปใหญ่ :o

“เสร็จแล้วหรอ”

เสียงเรียบๆดังขึ้นข้างหลังผม ผมไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้เจอมันขนาดนี้มาก่อนเลย อย่างน้อยๆก็ยังมีคนอยู่ด้วยให้อุ่นใจ ผมหันไปหาไอ้เพิร์ด ก็เห็นกำลังกลั้นหัวเราะ

“มึงหัวเราะอะไร”

“ก็หัวเราะคนแถวนี้น่ะแหละ”:laugh:

จุ๊ จุ๊ จุ๊ จุ๊

เสียงมันยังตามมาถึงนี้อีกหรอ ไอ้เพิร์ดเมื่อได้ยินเสียงนั้นก็ยิ่งหัวเราะใหญ่

“มึงกลัวจิ้งจกหรอว่ะ”

“กูไม่ได้กลัว” :try2:

ผมตอบเสียงหนักแน่น

“ก็ดีที่มึงไม่กลัวเพราะถ้ามึงกลัวมึงคงตกใจแน่ๆที่รู้ว่ามันเกาะอยู่ที่หลัง”

ทันทีที่มันพูดจบ ผมก็แทบจะล้มทั้งยืน ตัวแข็ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

“มะ มะ มึง เอา มัน ออกไปที” :sad5:

ผมบอกคนที่ยืนหัวเราะอาการของผมอยู่ตรงหน้า

“จะช่วยดีไหมน้า คนที่เขาขอร้องคนอื่นเขาพูดจากันอย่างนี้หรอ”

มึงยังมีอารมณ์มากวนตีนกูอีกนะ จะเล่นอะไรช่วยดูหน้ากูหน่อย เดี๋ยวร้องไห้ใส่หน้าแม่ง

“เอา มัน ออก ไป ที”

มันยังยืนทำท่าคิด

“เพิร์ด เอาจิ้งจกออกให้หน่อย”

เพิ่มระดับความสุภาพขึ้นมาอีก 1%

“เห็นว่าขอร้องหรอกนะถึงยอมช่วย จะกลัวอะไรนักหนาก็แค่จิ้งจก ตัวนิดเดียวเอง”

มันยืนยันว่าจิ้งจกตัวเล็กจริงๆโดยการยื่นจิ้งจกมาตรงหน้าผม แล้วผมจะเป็นไงน่ะหรอ อย่าได้เดาเลย คุณเดาไม่ถูกหรอก และผมก็จะไม่บอกด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดในชีวิตผม :sad2:


   
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้นีซมึงกลัวจิ้งจกจนเป็นลมเลยหรอว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

หมดกัน ชื่อเสียงที่ผมเพียรสร้างมันขึ้นมา ต้องมาจบเพราะปากหมาๆของไอ้เพิร์ด

“มึงเงียบไปเลยไอ้มด มึงสองตัวด้วย ไอ้ทีมไอ้เพลย์” :o211:

เมื่อวานหลังจากที่ผมเป็นลม ไอ้เพิร์ดก็พาผมไปที่รถมัน แล้วก็เอายาดมยาอมยาหม่องมายัดรูจมูกผมจนผมฟื้นขึ้นมา แต่ยังดีนะที่มันไม่ได้หัวเราะเยาะผม ไม่งั้นผมได้เอาตีนอุดปากมันแน่ๆ แล้วมันก็ไถ่โทษโดยการไปส่งผมที่บ้าน ก่อนผมจะเข้าบ้านผมก็ได้ขอให้มันอย่าเอาเรื่องที่ผมกลัวจิ้งจกจนเป็นลมไปบอกใคร แต่คนอย่างไอ้เพิร์ดมีรึที่จะยอมทำตาม

ตอนเช้า ผมกับเพื่อนๆมานั่งรอเรียนคาบแรก จู่ๆไอ้เพิร์ดก็เดินเข้ามาแล้วก็

‘น้องนีซเป็นไงบ้างครับ พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้จริงๆว่านีซกลัวจิ้งจกมาก มากจนเป็นลม’

มันพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดสุดๆจนผมตีนกระตุกเลยทีเดียว

และก็เป็นอย่างที่ทุกคนได้เห็นนี่แหละครับ ไอ้มดที่รอโอกาสเอาคืนผมก็รีบทันทีที่ได้รับโอกาสนั้น

“ไอ้นีซ ไอ้ตุ้ด แค่จิ้งจก มึงกลัวจนเป็นลมเลยหรอ แถมยังมาลำบากสามี เอ้ย พี่เพิร์ดขอกูอีก”

ช่างกล้าพูดได้เต็มปากนะว่า ‘พี่เพิร์ดขอกู’ ไอ้มดมันชอบแอบมโนว่ามันได้เสียเป็นผัวเมียกับไอ้เพิร์ดไปแล้ว

“พี่ขอโทษอีกทีนะครับ” :m17:

“มึงไปไกลๆเลย ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”

“มึงกล้าไล่พี่เพิร์ดหรอว่ะไอ้นีซ”

ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าใครพูด ไอ้มดมันออกปากปกป้องสามีในมโนมันทันที

“พี่ไปก่อนดีกว่า ใกล้เวลาเรียนแล้ว เพลย์เย็นนี้รอกลับบ้านพร้อมกันด้วย พี่ไปก่อนนะครับน้องมด”

มันเดินออกไปจากห้องแล้ว แต่ไอ้มดยังยืนนิ่งเป็นมดถูกสต๊าฟ

“มึง พี่เขาเรียกชื่อกูด้วย” :m3:

ปล่อยมันไปเถอะครับ เพราะผู้หญิงสมัยนี้เขาถือคติที่ว่า มโนคือชนะ :mew5:



 เครียดๆแบบนี้ มาลงนิยายแก้เครียดดีกว่า :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 1 || (1/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lollita ที่ 03-11-2015 02:13:26
เปิดเรื่องมาก็ฮาเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 2 || (7/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 07-11-2015 19:14:39
ตอนที่ 2

-ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย…-

ผมลืมตาตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงที่เปรียบเสมือนนาฬิกาปลุกของผมในทุกๆวัน เวลาผมหลับไม่ว่าใครจะมาปลุกผมก็จะไม่ยอมตื่นง่ายๆ แต่เวลาที่ได้ยินเสียงเพลงชาติทีไรผมก็จะตื่นขึ้นมาทันที สงสัยผมคงต้องตั้งนาฬิกาปลุกเป็นเสียงเพลงชาติแล้วล่ะมั้ง
ดีนะที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่งั้นผมต้องแปลงร่างเป็นนางซินอีกแน่ๆ ผมจัดการลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำภารกิจที่ต้องทำเป็นประจำในทุกๆเช้า แน่ะ คิดอะไรกันอยู่ ผมก็แค่จะเข้าไปอาบน้ำ หรือพวกคุณไม่อาบน้ำตอนเช้ากันครับ :m12:

วันนี้ผมมีนัด ไม่ได้นัดกับสาวๆที่ไหนหรอก ผมนัดกับไอ้ทีมจะไปทำรายงานกันที่บ้านไอ้เพลย์ แต่จะดีมากถ้าพวกมันมาที่บ้านผมแทน ผมไปบ้านไอ้เพลย์ก็เหมือนว่าผมไปบ้านไอ้เพิร์ด และผมก็ต้องเจอหน้ามัน และก็จะไม่มีสมาธิทำรายงานเพราะผมจะต้องเอาสมาธิไปด่าไอ้เพิร์ดแทน

ผมหยิบรองเท้าคู่เก่ามาใส่ ถึงมันจะเก่าและโดนไอ้ตูบข้างบ้านคาบไปนอนหนุนมาสองคืน แต่มันก็เป็นรองเท้าที่ผมรักมากที่สุด ใส่รองเท้าเสร็จก็หันไปหาน้องถุงเน่าที่เป็นเมียของรองเท้าคู่เก่า ยิ้มให้มันกว้างๆหนึ่งครั้งแล้วก็ได้ฤกษ์ไปสักที

“กว่าจะเสด็จมาได้นะ กูกำลังจะไปจุดธูปเรียกมึงพอดี”

ไอ้เพลย์แขวะผมทันทีที่เห็นหน้า

“มาช้าดีกว่าไม่มานะเว้ย”

ผมเดินไปนั่งลงบนพื้นข้างๆไอ้ทีม แล้วมองหาคนที่ไม่อยากเห็นหน้า

“มึงไม่ต้องมองหาพี่เพิร์ดหรอก มันยังไม่กลับมาเลยตั้งแต่เมื่อคืน”

“อะไรของมึง กูไม่ได้มองหามันซะหน่อย กูมองหาแม่ต่างหาก”

“มึงเกลียดหรือมึงชอบไอ้พี่เพิร์ดกันแน่ว่ะ”

“มึงนี่ถามโง่ๆ กูก็ต้องเกลียดมันสิว่ะ โคตรเกลียดมันเลย”

ถ้าผมชอบมันจริงๆ ผมยอม ยอม ยอมกินข้าวแทนหญ้าเลย

“กูจะคอยดู หึ”

ไอ้เพลย์กับไอ้ทีนหันไปมองหน้ากัน ทำแบบมองตาก็รู้ใจ ในใจมันสองคนกำลังจับคู่ผมกับไอ้เพิร์ดแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็จะแช่งให้มันสองคนได้กันเองเหมือนกัน หึหึ

เราควรพักเรื่องไร้สาระแล้วมาจริงจังกับงานตรงหน้าดีกว่า

10 นาทีผ่านไป เริ่มควานหาหมอนที่อยู่บนโซฟามาวางไว้บนตัก

20 นาทีผ่านไป เปลี่ยนจากท่านั่งมาเป็นนอนแทน

30 นาทีผ่านไป เปลือกตาเริ่มหนักเพิ่มขึ้นมาอีกสองขีด :sleep2:

40 นาทีผ่านไป

“ไอ้นีซ ถ้ามึงจะง่วงขนาดนี้กูว่ามึงกลับบ้านไปนอนดีกว่าว่ะ”

ไอ้ทีมที่เห็นผมนั่งสัปหงกมานานเริ่มทนไม่ไหว

“กูกลับได้หรอ”

ผมถามมันด้วยแววตาใสซื่อเหมือนหน้าตาผม :impress:

“กูประชด”

“อ้าว กูก็นึกว่ามึงใจดี จะทำรายงานส่วนของกูแทนให้”

“ส่วนของกูยังเอาไม่รอดเลย”

“ถ้ามึงง่วงก็นอนไปก่อนก็ได้ ถ้าถึงส่วนของมึงเมื่อไหร่เดี๋ยวกูปลุก”

ผมหันไปหาไอ้เพลย์ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเทวดาตัวน้อยๆสำหรับผมไปแล้ว

“ขอบคุณว่ะไอ้เพลย์ มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู กูซาบซึ้งในความดีของมึงจริงๆ”

ผมทำหน้าว่าซึ้งสุดๆ แถมด้วยการปราดน้ำตาที่ผมพยายามรีดมันออกมาจากต่อมแต่มันเสือกไม่ไหล จากนั้นผมก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งเสียงด่าของไอ้ทีม :mew6:

สัมผัสอุ่นๆในอากาศหนาวๆจากเครื่องปรับอากาศยิ่งทำให้หลับสบาย ผมซุกตัวเข้าหาไอ้อุ่นนั้นมากขึ้น แล้วก็ต้องขัดใจเมื่อสิ่งนั้นจะผละออกไปและก็ยิ้มออกมาเมื่อสิ่งนั้นมาโอบรอบตัวแผ่ไออุ่นให้กับผมอีกครั้ง นอกจากสัมผัสอุ่นๆก็มีสิ่งที่เปียกชื้นมาแตะที่ริมฝีปากก่อนจะค่อยๆลากไปที่คางและคอ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม แต่ทำไมมันเหมือนจริงขนาดนี้ มือที่สอดผ่านชายเสื้อเข้ามาสัมผัสกับหน้าท้องให้ความรู้สึกวูบวาบ ผมสะดุ้งนิดนึงกับสัมผัสนั้น สิ่งที่นอนสงบเริ่มตื่นขึ้นมาทั้งที่เจ้าของยังหลับอยู่ ถ้ามันเป็นความฝันก็ขอให้อย่าเพิ่งตื่นเลย ผมขอถามอีกทีว่าผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ผมรู้สึกได้ถึงไอเย็นจากแอร์ที่ประทะตัวมากขึ้นเนื่องจากเสื้อที่ผมเคยสวมใส่อยู่ตอนนี้ได้ถูกถอดออกโดยมือปริศนา แรงดูดดึงที่ต้นคอยิ่งทำให้แรงปรารถนาของผมเพิ่มมากขึ้น ผมว่ามันเริ่มแปลกๆแล้วนะ ถ้ามันเป็นความฝันทำไมผมถึงไม่เห็นหน้าคนที่กำลังทำผมอยู่ตอนนี้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพที่ผมเห็นก็คือ ผู้ชายที่อยู่บนตัวผมและกำลังซุกไซร้อยู่ที่คอ เมื่อเห็นว่าผมดิ้น คนที่ทับผมอยู่ก็เงยหน้าจากคอมามองหน้าผม ทำให้ผมเห็นหน้าไอ้คนที่กำลังจะลักหลับผมชัดเจน ผมจัดการประเคนฝ่าเท้าอันสวยงามไปที่หน้าท้องที่มีกล้ามเป็นมัดๆของมันทันที

“ไอ้เหี้ยเพิร์ด!!”  :fire:

ผมลุกขึ้นมาเตรียมจะเอาเรื่องมัน แต่มันไวกว่ารีบมาจับผมกดลงกับที่นอน แล้วใช้ขามันล็อคขาผมเอาไว้

“มึงยั่วกูเองนะ จะให้กูหยุดแค่นี้หรอ”

มันก้มมากระซิบที่ข้างหูทำให้ขนอ่อนที่ต้นคอพร้อมใจกันลุกขึ้นมา ผมสะดุ้งทันทีที่มือของมันจับเข้ามาที่กลางลำตัวผม ทำให้น้องนีซที่เพิ่งจะนอนสงบตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“อะ อะ ไอ้เพิร์ด ปล่อย กู”

ผมเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากเมื่อมันแกล้งผมด้วยการลากมือผ่านไปผ่านมาเพื่อเพิ่มความต้องการของผมให้สูงขึ้น

“อยากให้กูปล่อยหรอ”

มันบอกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวผม ไอ้เพิร์ดกระตุกยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ชอบ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังเป็นต่ออยู่ มันก้มลงจากจัดการกับหัวนมผมที่กำลังชูชันตามอารมณ์ ผมตั้งสติให้ไม่หลงใหลไปกับสัมผัสของมัน ผมรวมรวบแรงที่มีทั้งหมดยันเข้าไปที่ห้องไอ้เพิร์ดเต็มแรงจนมันลงไปอยู่ที่พื้นเป็นที่เรียบร้อย

“ไอ้เหี้ย!!” :z6:

ผมด่ามันก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง แต่มันไม่เลิกครับ มันยังเดินตามผมมา พอผมหยุดมันก็หยุด พอผมหันไปมองมันยังเสือกยิ้มโชว์ฟันมาให้ผมอีก มันน่าเตะให้กลิ้งจริงๆ :t2:

“มึงจะเลิกตามกูได้หรือยัง”

“ใคร ใครตามมึง กูจะลงไปข้างล่างต่างหาก”

มันพูดจบก็เดินนำหน้าผมลงบันไดไป ไอ้เหี้ยนี่วอนตีนแล้วไหมล่ะ บังอาจมาทำให้กูอับอายขายหน้า

“เฮ้ย!!”

ผมที่นึกอะไรบางอย่างได้ก็รีบลงไปข้างล่างทันที แต่ก็โชคดีไปที่ไอ้เพิร์ดมันไม่ปากหมาเอาเรื่องที่เกิดในห้องไปบอกไอ้สองตัวนั้น มันแค่เดินผ่านพวกนั้นไปที่ครัว :เฮ้อ:

“ไงมึง หลับเป็นตายเลยนะ พวกกูทำเสร็จตั้งนานแล้ว”

“ไม่ต้องเลยนะพวกมึง ใครเป็นคนพากูขึ้นไปบนห้องไอ้เพิร์ด”

“ห้องมันก็ต้องเป็นมันสิที่พามึงขึ้นไป”

“แล้วพวกมึงก็ยอมให้มันพากูขึ้นไป”

“ทำไมว่ะ มึงก็เป็นผู้ชายเข้าห้องผู้ชายคงไม่เสียหายหรอก หรือว่ามึง เสียตัวให้ไอ้พี่เพิร์ดแล้ว”

มันพูดเล่นๆ แต่แม่งเกือบแทงใจดำกูเลยว่ะ

“มึงจะบ้าหรอ กูเนี่ยนะจะยอมมัน”

ผมพูดแล้วมองไปที่ห้องครัวเผื่อไอ้เพิร์ดมันจะออกมาได้ยินพอดี

“จริงด้วย มึงเนี่ยนะจะยอมพี่เพิร์ด”

ไอ้ทีมมันเห็นด้วยกับผม แต่ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าของมันทำให้ผมไม่แน่ใจว่ามันเห็นด้วยกับผมจริงๆหรือเปล่า

“พอ พอ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า มา ไหนงานส่วนของกู”

ใช่ เราควรจะเลิกพูดก่อนที่ไอ้เพิร์ดมันจะออกมาแล้วแฉเรื่องของผม

“ไม่มีแล้ว พี่เพิร์ดทำให้หมดแล้ว กูยังไม่เข้าใจเลย ทำไมมันถึงยอมทำงานส่วนของมึงให้ กูเป็นน้องแท้ๆมันยังไม่ทำให้กูเลย”

ไอ้เพิร์ดเนี่ยนะทำงานให้ผม มันคิดอะไรของมันกันแน่

“เพราะเป็นน้องไง พี่เลยไม่ทำให้ มีสมองก็ต้องใช้งานบ้าง”

ฟังดูแปลกๆนะ ที่มันทำให้ผมก็แสดงว่าผมไม่มีสมองสินะ ผมเข้าใจถูกใช่ไหม

“มึงว่ากูไม่มีสมองหรอ”

ผมหันไปโวยวายมันทันทีที่เข้าใจความหมาย

“กูพูดหรอ หรอว่ะไอ้น้องเพลย์ ไอ้ทีม”

พวกมันสองคนก็ส่ายหัวว่าไอ้เพิร์ดไม่ได้พูด ไอ้เพื่อนทรยศ ไอ้เพื่อนไม่รักเพื่อน ถ้ามึงมีอะไรกูจะไม่ยอมช่วยมึงเด็ดขาด นอกจากจะมีค่าตอบแทนที่น่าสนใจนะ

“มึงอย่าทำหน้าอย่างนั้นได้ไหมว่ะ อย่างกับตุ้ดตกมัน”

อ้าว ไอ้นี่วอนตีนแล้วไหมล่ะ มึงไม่ง้อกูก็ไม่เห็นต้องมาว่ากูเป็นตุ้ดเลยนี่หว่า ตุ้ดบ้านมึงหล่อขนาดกูหรือเปล่าถึงกล้ามาว่ากูเป็นตุ้ด :m19:

“กูจะกลับแล้ว”

ผมไม่ได้งอนมันหรอก แค่เบื่อขี้หน้าไอ้เพิร์ดมัน เห็นแล้วหมั่นไส้ แต่พวกมันคงจะคิดว่าผมงอนถึงได้ทำหน้าเหวอแล้วรีบขอโทษผมกันใหญ่ :m5:

“พวกกูขอโทษ กูแค่แกล้งมึงเล่น ไม่คิดว่ามึงจะโกรธจริงๆ”

ไอ้เพลย์เป็นคนพูดขอโทษผม

“กูไม่ได้โกรธ กูแค่ปวดขี้”

“มึงก็ขี้ที่นี้ก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ”

“กูขี้ที่อื่นแล้วขี้ไม่ออก ทีนี้มึงจะปล่อยกูได้หรือยัง เดี๋ยวกูก็ขี้ใส่หน้ามึงเลยนี่”

ไอ้เพลย์หน้าเสียรีบปล่อยผมทันที มันคงไม่คิดว่าผมจะขี้ใส่หน้ามันจริงๆหรอกนะ ถ้ามันคิดอย่างนั้นมันก็โคตรโง่เลย ใครจะไปกล้าขี้ใส่หน้าคนอื่นกัน

ผมรีบใส่รองเท้าคู่เก่าแล้วเดินกลับบ้านทันที ตอนแรกก็ไม่ได้ปวดขี้อย่างที่บอกพวกมันไปหรอกครับ แต่พูดไปพูดมาก็เริ่มจะปวดแล้ว ดีนะที่บ้านผมกับบ้านไอ้เพลย์ห่างกันไม่มาก เดินแปบเดียวก็ถึง ไม่งั้นผมได้ปล่อยกลางทางแน่ๆ



ลั้นล้าลั้นล้า :z2: สอบเสร็จเลยรีบเอามาลงให้ :katai4:
รักคนอ่านทุกคน จุ๊บ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 2 || (7/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lollita ที่ 10-11-2015 06:39:59
เดี๊ยะจะได้กินหญ้าแทนข้าวจริงๆอ่ะแน่ใจนะวันนึงจะไม่ชอบเขา รุกซะขนาดนี้ คนอ่านยังหวั่นไหวแืน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 2 || (7/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 12-11-2015 09:35:43
ติดตามค่าาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 19-11-2015 17:49:48
ตอนที่ 2


“ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย…”

เมื่อเพลงนี้ขึ้น คงจะคิดว่าผมสายอีกแล้วใช่ไหมครับ ครั้งนี้คุณคิดผิด เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงนาฬิกาปลุกของผมเอง  ผมเอื้อมมือไปหยิบไอโฟนมาเพื่อปิดนาฬิกาปลุกแล้วเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน

“ไอ้นีซซซซ เป็นไปได้ไงว่ะ มึงมาโรงเรียนเช้า”

“กูหล่อ จบป่ะ” :m19:

ไอ้ทีมทำหน้าเพลียขั้นสุด อิจฉาที่กูหน้าตาดีกว่ามึงใช่ป่ะล่ะ ใครไม่หล่ออย่างผมไม่มีวันเข้าใจหรอก ผมไม่ได้อยากให้ใครมาอิจฉาเลยจริงๆ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง :เฮ้อ:

“มึงอย่าลืมของขวัญวันเกิดไอ้เพลย์นะเว้ย”

ใช่แล้ว ถ้าไอ้ทีมไม่เตือนผมก็คงลืมไปแล้ว วันเสาร์ที่จะถึงเป็นวันเกิดไอ้เพลย์ ถ้าผมลืมมีหวังมันโกรธยันโดเรมอนสร้างกองทัพแมวมาครองโลกเลยล่ะ

“มึงจะซื้ออะไรให้มัน”

“ไม่รู้ว่ะ แล้วมึงล่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

ไอ้เพลย์มันเป็นคนเรื่องมาก เลือกเยอะ ถ้าผมซื้อของไม่ถูกใจ มันได้ปาของใส่หัวผมแน่ๆ ปีที่แล้วผมซื้อกระปุกออมสินให้มัน ด้วยความหวังดีอยากให้มันเก็บเงินไว้ใช้ยามแก่เถ้า แต่มันกลับขว้างใส่ผมจนหัวปูดเป็นลูกมะกรูดไป 3 วัน

“คุยอะไรกันอยู่ ดูเครียดเชียว”

“กูจำเป็นต้องบอกมึงด้วย”

“เออ กูไม่อยากรู้ก็ได้ วันนี้แม่กูทำคุ้กกี้นมสดมาให้ชิม”

ผมรีบแย่งถุงที่อยู่ในมือไอ้เพลย์มาทันที แม่ไอ้เพลย์ทำขนมส่งไปตามร้านต่างๆ และชอบคิดสูตรใหม่ๆเสมอ ถึงบางอย่างจะดูแปลกไปบ้างแต่รสชาติก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่กัดไปคำแรกก็รับรู้ถึงกลิ่นหอมหวานของแป้งกับนมสดที่ผสมกันได้อย่างลงตัว

“เป็นไงบ้างว่ะ”

“อารีดอย” o13

“อร่อยดี”

ไอ้เพลย์ยิ้มออกมาแล้วหยิบมาลองชิมบ้าง



“ใกล้จะสอบกลางภาคแล้ว ขอให้นักเรียนเตรียมตัวกันให้พร้อมด้วยนะคะ”

ครูประจำชั้นพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง

ช่วงสอบเป็นช่วงวิกฤตที่สุดสำหรับผม ไม่ใช่ว่าผมเรียนไม่เก่งหรอกนะครับ ผมแค่เรียนแย่ก็เท่านั้นเอง ผมก็ตั้งใจเรียนนะ แต่ก็ไม่เคยฟังครูรู้เรื่องซักที

“อย่าทำหน้าเป็นคุณป้าวัยทองสิว่ะ ยังไงพวกกูก็ต้องช่วยให้มึงสอบผ่านอยู่แล้ว”

ถ้าผมไม่ได้พวกมันสองคน ตอนนี้ผมอาจจะกำลังนั่งท่องแมวเอ่ยแมวเหมียวอยู่ ป.1ก็ได้

“กูรู้ว่ายังไงมึงก็ต้องช่วยกู แต่..” :mew2:

“เลิกๆๆๆ อย่าพูดเรื่องนี้กันดีกว่า วันเสาร์อย่าลืมนะ ที่บ้านกูพร้อมของขวัญ ไอ้นีซถ้ามึงซื้อกระปุกออมสินมาให้กูอีก กูจะจับมึงมัดแล้วเผารวมกับกระปุกออมสินเลยคอยดู”

มันไม่ทำจริงๆหรอก กระปุกออมสินปีที่แล้วที่มันปาใส่ผมมันก็ยังเก็บไว้ที่ห้องอยู่เลย

“เสียใจว่ะ ปีนี้กูจะซื้อนาฬิกาปลุกให้มึง” o3

“ไอ้นีซซซซ!!!!” :angry2:

ไอ้เพลย์วิ่งไล่ผมไปรอบห้อง

“พวกมึงนี่นะเล่นเป็นเด็กๆไปได้”

ไอ้ทีมยื่นน้ำมาให้ผม แล้วหันไปลูบหลังไอ้เพลย์ต่อ

“ไปแดกข้าวกันดีกว่า ก่อนที่น้ำย่อยจะกัดกระเพาะกูจนหมด”

“ไอ้สามลิง!! พวกมึงจะรีบไปไหน”

ไอ้มดเรียกพวกผมไว้ก่อนที่จะไป

“มีอะไรอีกว่ะ กูหิว”

“พวกมึงลืมไปแล้วหรอว่าอาทิตย์หน้าจะมีกีฬาสี”

“แล้วไง”

“พวกมึงต้องลงวอลเลย์ของสี ห้ามปฎิเสธ เพราะถ้าปฎิเสธกูจะจับเป็นเชียร์รีดเดอร์ให้หมด”

ผมหันไปมองไอ้ทีมและไอ้เพลย์ทำหน้าอย่างกับท้องผูกมาแปดชาติไม่ต่างจากผม

“เออ!!!”

กว่าจะลงมากินเข้าได้พวกผมก็ต้องฟังเสียงไอ้มดพล่ามโน่นพล่ามนี่ บอกตารางการซ้อมที่ผมต้องทำตามอย่างเคร่งครัด สั่งขนาดนี้มึงมาเป็นกูแทนกูเลยไหม งงล่ะสิ ผมก็งง

“กรี๊ดดดด แกๆ พี่เพิร์ดมากินข้าวที่โรงอาหารด้วยอ่ะ”

เป็นอะไรกันมากป่ะ ถ้ามันไปกินที่ห้องน้ำค่อยน่าตกใจกว่าอีก

“กูไปก่อนนะ”

ผมบอกไอ้ทีมและไอ้เพลย์ที่ยังกินข้าวไม่หมด

“มึงจะรีบไปไหนว่ะ”

“กูก็อยู่ในโรงเรียนนี่แหละ ไปละ”

ผมรีบลุกไปก่อนที่กลุ่มไอ้เพิร์ดจะมาถึง ตั้งแต่วันนั้น ผมก็หลบหน้ามันมาตลอด ผมไม่อยากให้ความรู้สึกนั้นมันชัดเจนมากขึ้น

“จะรีบไปไหน”

ไม่ทันแล้ว ผมแค่ก้าวขาออกจากโต๊ะมันก็มาถึงพอดี แถมยังจับข้อมือผมไว้อีก ผมรีบสบัดออก ไม่ใช่รังเกลียดมันหรอก แค่รู้สึกแปลกๆ

“เรื่องของกู”

ผมรีบเดินออกมา แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไอ้เพิร์ดมันเป็นคนยังไง

“มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกัน”

มันลากผมมาที่ห้องประธานนักเรียนแล้วล็อคประตู

“พากูมาที่นี่ทำไม”

“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ”

“ทีมึงยังพูดไม่เพราะกับกูได้เลย”

มันสูดหายใจเข้าลึกๆ มันคงกำลังข่มอารมณ์ไม่ให้เข้ามาซัดหน้ากวนๆของผม

“มึงเป็นอะไร ทำไมต้องหลบหน้ากูด้วย”

“ใครหลบหน้ามึง ไม่ใช่กูแน่ๆ”

“หรออออ”

“ก็ใช่น่ะสิ ทีนี่จะปล่อยกูไปได้หรือยัง”

“ถ้ามึงอยากไป มึงก็ต้องบอกมาก่อนว่ามึงคิดอย่างไงกับกู”

ผมใจเต้นแรงอย่างกับจังหวะเพลงร็อคเมื่อได้ยินคำถาม

“มะ มะ ไม่ได้คิดอะไร”

มันเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆส่วนผมก็เดินถอยหลังหนีมัน

“ไม่ได้คิดจริงหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ จะให้กูคิดอะไร”

ผมยังเดิมมาหาผมเรื่อยๆจนหลังผมติดกำแพง

“ถ้ากูทำอย่างนี้มึงก็คงไม่รู้สึกน่ะสิ”

ผมยังไม่ทันได้ถามว่ามันจะทำอะไร ริมฝีปากผมก็ถูกประกบลงมาอย่างรวดเร็ว ผมพยายามผลักมันออกแต่แรงไม่มากพอที่จะทำให้มันออกไปได้

“โอ้ย!!”

ไอ้เพิร์ดมันกัดปากผมแรงๆ จังหวะที่ผมร้องมันจึงสอดลิ้นของมันเข้ามา ลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผมอยู่ทำให้ผมไม่มีแรงแม้จะยืนถ้าหากไม่มีมือมารั้งเอวเอาไว้ เมื่อเห็นว่าผมเริ่มนิ่งไอ้เพิร์ดจึงถอนปากออกไป

“ไม่รู้สึกหรอกใช่ไหม”

ยังมีหน้ามาถามอีก เดี๋ยวมึงได้จูบฝาเท้าแทนปากกู เอ๊ะ นี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย จะยอมให้มันจูบอีกหรอ ไม่มีทางงงงง

“กู กู”

“กูชอบมึง”

แค่สามคำสั้นๆก็สามารถทำให้คนฟังเกิดอาการใบ้กินได้ ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ ตกตะลึงกับประโยคที่เพิ่งได้ยินจากปากที่ผมเพิ่งได้สัมผัสไปเมื่อกี้

“มึงว่าไงนะ”

“อยากฟังอีกรอบหรอ”

มันชี้นิ้วไปที่ริมฝีปาก คิดหรอว่าผมจะยอมทำตาม ผมไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายอย่างนั้นนะ แค่คำว่า ชอบ จากปากคนอย่างไอ้เพิร์ด จะให้ผมเชื่อง่ายๆหรอ

“กูไม่อยากรู้”

“แต่กูอยากบอก”

แล้วก็ต้องเสียจูบให้มันอีกรอบ ผมไม่ได้ยอมนะ แค่ไม่ได้ห้ามเท่านั้นเอง อย่ามองผมอย่างนั้นสิ ผมเขินนะ



ทำไมผมถึงซวยได้ขนาดนี้นะ ผมลืมไปได้ยังไงว่าหลังจากงานกีฬาสีก็ต้องสอบกลางภาค แล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือล่ะเนี่ย เวลาที่จะใช้อ่านหนังสือก็ต้องเอาไปซ้อมวอลเลย์ ชีวิตเด็ก ม.5 อย่างผมช่างน่าเศร้า ผมไม่เล่าดีกว่า เดี๋ยวคนอ่านจะร้องไห้ :serius2:

ตอนนี้ผมกำลังเดินเลือกซื้อของขวัญให้ไอ้เพลย์มันในห้าง ผมเดินเข้าไปดูรองเท้า แต่ดูท่าทางน่าจะแพง แต่ไม่เป็นไร เพื่อเพื่อนผมทุ่มไม่อั้น

“เชิญดูก่อนได้นะคะ”

พี่สาวหน้าหมวยที่เป็นพนักงานพูดกับผม

“คู่นี้ราคาเท่าไหร่ครับ”

“1,900 บาทค่ะ”

ถ้าผมต่อเหลือ 190 มันดูน่าเกลียดไหม ทำไมมันแพงขนาดนี้ว่ะ ใส่แล้วมันจะบินได้หรือวิ่งได้เร็วเหมือนตัวใน Temple run หรือไง ผมมองหาทางที่จะหนีจากตรงนี้

“ตกลงน้องจะเอาคู่นี้ใช่ไหมค่ะ”

ผมจึงเริ่มแผนการ จับที่กระเป๋ากางเกงแล้วทำหน้าตาตื่นตระหนกราวกับไฟไหม้ข้างบ้าน อย่าสงสัยว่าทำไมต้องเป็นข้างบ้าน เพราะคงไม่มีใครจะแช่งให้บ้านตัวเองไฟไหม้หรอกใช่ไหม

“เอ่อ พี่ครับ ผมลืมเอากระเป๋าตังค์มา เดี๋ยวผมกลับ…”

“ยืมกูก่อนก็ได้”

ผมกำลังจะบอกว่าเดี๋ยวกลับมาดูใหม่ก็ต้องหยุดลงเพราะมีคนใจดีเสนอจะให้ผมยืมเงิน

“นี่ครับพี่”

แถมมันยังยื่นเงินไปให้พี่พนักงานที่โชว์ยิ้มหวานหยดย้อย กูขอให้มดกัดปากมึง  :5555:

“กูไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะยืมเงินมึง”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า กูใจดี”

“มึงไม่เข้าใจกูเลยว่ะไอ้เพิร์ด จะทำอะไรช่วยดูหน้ากูหน่อย ซื้อรองเท้าให้ตัวเองคู่ละ 199 แต่ซื้อให้เพื่อนคู่ละ 1,900  แล้วเดือนนี้กูจะแดกอะไรว่ะเนี่ย นั้นมันค่ากินกูทั้งอาทิตย์เลยนะเว้ย”

ผมอยากจะอัดหน้าหล่อๆของมันสักที แม่งเสือกทำอะไรโดยไม่ถามความคิดกูก่อน

“อ้าวหรอ ก็กูไม่รู้ เห็นมึงมองดูตั้งนานก็คิดว่าอยากได้”

หน้าตากูดูปรารถนา very want and need ขนาดนั้นเลยหรอว่ะ :mew5:

“มึงรีบไปบอกพี่เขาเลยนะ”

“จะให้กูไปบอกว่าอะไร เอาอย่างนี้ เดี๋ยวคู่นี้กูซื้อให้มึงแล้วมึงก็ไปหาซื้ออย่างอื่นให้เพลย์แทน”

“มึงจะมาซื้อให้กูทำไม ไม่ใช่วันเกิดกูสักหน่อย”

“เนื่องในโอกาสที่กูอยากให้”

ผมอยากจะปฏิเสธมันนะ แต่ก็กลัวมันเสียน้ำใจ ขอรับไว้เป็นมารยาทก็แล้วกัน

“กูรับไว้ก็ได้ เห็นว่ามึงขอร้องหรอกนะ”

ผมพูดแล้วสะบัดหน้าหนีมัน มันรับของจากพี่พนักงานที่ยังไม่เลิกส่งยิ้มให้มัน เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด มองหน้ากันจนกูจะท้องแทนแล้ว

 “ป่ะ ไปได้แล้ว”

“ไปไหน มึงจะไปก็ไปสิ มาชวนกูทำไม”

“ก็ไปซื้อของขวัญให้ไอ้น้องเพลย์ไง มึงลืมเอากระเป๋าตังค์มาไม่ใช่หรอ เดี๋ยวกูออกให้ก่อน”

นี่มึงโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ว่ะ กูตั้งใจจะมาซื้อของกูก็คงไม่ลืมเอากระเป๋าตังค์มาหรอก

“กูหลอกพนักงาน มึงนี่มันโง่จริงๆ”

“แล้วใครจะไปรู้ล่ะ เห็นทำหน้าตกใจเหมือนกับไฟไหม้บ้านขนาดนั้นก็คิดว่าเรื่องจริง”

อ้าวไอ้นี่ กูอุตส่าห์โยนไปให้ข้างบ้านแล้วมึงยังโยนกลับมาที่บ้านกูได้อีกนะ

“มึงกลับไปได้แล้ว กูไปซื้อคนเดียวได้”

“ไม่เอา จะไปด้วย กูก็ยังไม่ได้ซื้อของขวัญให้เพลย์เหมือนกัน”

“มึงก็ไปซื้อของมึง กูก็จะไปซื้อของกู จบนะ”

ผมพูดเสร็จก็เดินหนีมันทันที แต่แปลก มันไม่เห็นจะตามมาเหมือนทุกครั้ง ก็ดีเหมือนกัน จะได้เดินเลือกของอย่างสบายใจ แต่มันจะไม่ตามมาจริงๆหรอ ไม่ตามก็อย่าตามตลอดนะมึง กูก็ไม่ได้อยากให้มึงตามสักหน่อย ใช่ไหมครับคุณผู้อ่าน

“เห้ย!!”

ผมที่ก้มหน้าก้มตาเดินเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้า แต่คนที่ควรจะร้องต้องเป็นกูมากกว่าป่ะ มึงยังยืนนิ่งออกรากแก้วรากฝอยอยู่เลย แต่กูล้ม กูเจ็บ ไม่ใช่มึง

ผมลุกแล้วจะเดินหนี ผมเจ็บ ไม่จำเป็นต้องขอโทษมัน

“ชนแล้วมึงจะหนีหรอว่ะ”

“แล้วพี่จะให้ผมเรียกประกันหรอครับ”

เอาสิ  หยาบคายมาผมก็สุภาพกลับ แม่ผมสอนมาดี

“นี่มึงกวนตีนกูหรอ”

“ถ้าผมตอบว่าไม่ก็คงจะโกหก งั้นผมตอบว่าใช่ดีกว่า ใช่ครับผมกวนตีนพี่ แล้วพี่มีกระทะให้ผมกวนไหมครับ” :m7:

ผมเห็นเส้นเลือดที่หัวมันปูดแล้วครับ มึงอยากมาหาเรื่องกูก่อนนะ ผมไม่ใช่คนที่จะยอมคนด้วย จัดมาผมก็จัดไป ต่อยมาผมหลบ หรือคุณจะปล่อยให้มันต่อย ผมไม่โง่หรอกนะครับ นอกจากจะหล่อแล้วยังฉลาดอีก คนอะไรสมบูรณ์แบบขนาดนี้

“มึงจะเอายังไง มึงเดินชนกู มึงก็ต้องขอโทษ”

“แล้วพี่ยืนยังไงให้ผมชนได้ละครับ แล้วที่พี่ยืนอยู่มันก็เป็นทางเดิน ไม่ใช่ทางให้ควายมายืนแช่ปลักนะครับ”

“มึง!!!!”

มันกระชากคอเสื้อผมจนผมเซไปตามแรง

“ไอ้บิ๊ก! ปล่อย!”

ไอ้คนที่กระชากคอเสื้อผมเมื่อกี้รีบหันไปมองบุคคลที่เดินมาใหม่แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผม

“แต่มันมาเดินชนกูนะไอ้เวฟ”

“กูบอกให้มึงปล่อยไง”

ไอ้คนที่ชื่อบิ๊กปล่อยผมอย่างไม่เต็มใจ

“พี่ต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ น้องไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”

ไอ้คนที่ชื่อเวฟขอโทษผมแทนเพื่อนแล้วยังส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ผมอีกทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคนผิดเลยสักนิด คนอะไรสุภาพแถมยังหล่ออีกต่างหาก หล่อพอๆกับไอ้เพิร์ดเลย แต่น้อยกว่าผม

“ไม่เป็นไรครับ”

ผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ตามเดิม

“นีซ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”

คนที่ผมเดินหนีมารีบเข้ามาทันทีที่เห็นผมอยู่ในวงล้อมของกลุ่มผู้ชาย 5-6 คน

“แค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว มึงสบายใจได้”

พี่เวฟพูดกับไอ้เพิร์ด สองคนนี้รู้จักกันด้วยหรอ คนอย่างพี่เวฟรู้จักคนอย่างไอ้เพิร์ดได้ยังไงกัน

“ไปกันเถอะ”

ไอ้เพิร์ดรีบลากผมออกมาจากกลุ่มนั้น

“ไม่คิดจะทักทายเพื่อน ‘เก่า’ หน่อยหรอ”

“กูไม่มีเพื่อนอย่างมึง”

ไอ้เพิร์ดหยุดแล้วหันไปพูดกับพี่เวฟ ระหว่างสองคนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของเด็กวัยผมเริ่มทำงานทันที

“แต่มึงก็ยังเป็น ‘เพื่อน’ ของกูอยู่นะ”

ไอ้เพิร์ดยังคงลากฝ่ากลุ่มคนที่มามุ่งดู

“แล้วพบกันใหม่นะครับน้องนีซ”

พี่เวฟตะโกนตามหลังผมมา



“มึงไปรู้จักกับมันตั้งแต่ตอนไหน”

ไอ้เพิร์ดที่จับผมยัดเข้ามาในรถสำเร็จถาม

“ตอนที่มึงเห็นน่ะแหละ”

“ตอบดีๆอย่ากวน”

“กูไม่ได้กวน กูก็เพิ่งรู้จักกับพี่เวฟตอนที่มึงเข้ามาน่ะแหละ”

“แล้วมึงไปรู้จักกับมันได้ไง”

“กูก็แค่เดินชนเพื่อนพี่เขา แล้วพี่เขาก็เข้ามาเคลียร์ให้”

“ต่อไปห้ามไปยุ่งกับมัน ห้ามเจอ ห้ามคุย ห้ามรู้จัก และก็ห้ามเรียกมันว่าพี่ด้วย”

“มึงไปคลอดกูออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงมาสั่งอย่างกับเป็นแม่กู”

ผมพยายามนึกว่าผมเคยไปอยู่ในโพรงมดลูกมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็นึกไม่ออก

“นี้เป็นคำสั่งที่มึงต้องทำตาม”

“กูไม่ทำ”

ผมเชิดหน้าใส่มันอย่างไม่ยอมแพ้ :a14:

“โอเค ไม่ทำก็ไม่ทำ”

อะไรของมันว่ะ บทจะยอมก็ยอมง่ายๆ

“งั้นกูขอถามมึงบ้าง มึงไปรู้จักกับพี่เวฟตั้งแต่ตอนไหน”

มันทำท่าโกรธตอนที่ผมพูดชื่อพี่เวฟออกมาก่อนจะปรับสีหน้าเป็นนิ่งๆ

“มึงไม่ต้องรู้หรอก”

“เล่าหน่อยนะ กูอยากรู้”

มันหันมายิ้มให้ผมอย่างเจ้าเล่ห์

“จูบกูก่อนสิ”

“กูไม่อยากรู้แล้ว”

“ก็ดี”

ผมนึกว่ามันจะใช้มุขเดิมอีกครั้งแต่ก็ผิดคาด มันคงจะไม่อยากเล่าให้ผมฟังจริงๆ แต่ยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ ไม่ใช่วันนี้ก็ต้องเป็นวันอื่น

ไอ้เพิร์ดพาผมมาที่ห้างอื่น เพื่อมาซื้อของขวัญให้ไอ้เพลย์ หวังว่าครั้งนี้ผมคงจะไม่ไปเดินชนใครแล้วนะ ไม่งั้นประกันผมหมดตัวแน่ๆ ผมใช้เวลาเลือกซื้อไม่นานก็ได้รองเท้าคู่ที่คล้ายๆกับที่ไอ้เพิร์ดซื้อให้ผม แต่ราคาต่างกันอย่างกับต้นมะม่วงกับต้นมะเขือ ส่วนไอ้เพิร์ดก็ได้นาฬิกาแบนด์เนมสุดหรูที่รูปร่างเหมือนกับนาฬิกาตามตลาดแต่ต่างกันที่เข็มนาฬิกาฝังเพรชเม็ดเล็กๆที่ต้องใช้แว่นขยายกำลังx1000ส่องถึงจะมองเห็น คงจะป้องกันโจรเห็นแล้วทุบหัวเจ้าของจี้เอานาฬิกาแน่ๆ

“จะกลับเลยไหม”

“กูจะกลับบ้าน จะไปทำไมเลย กูไม่มีญาติอยู่ที่นั่นสักหน่อย”

มันนิ่งครับมันนิ่ง ผมทำอะไรผิดหรอครับ ใครๆก็บอกคนหล่อทำอะไรก็ไม่เคยผิด เพราะฉะนั้นผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทำไมมันเงียบล่ะ แถมยังทำหน้าเอือมระอากับผมสุดเขตชายแดนภาคใต้เฉียงเหนืออีก คนหล่ออย่างผมไม่เข้าใจ

“มึงคิดว่ากูจะไปส่งมึงที่เลยจริงๆหรอ มันไกลนะ กูไม่ไปหรอกมันเปลืองน้ำมัน”

คุณเคยเห็นคนหล่อเงิบแดกไหมครับ ถ้าไม่เคยเห็นก็มองหน้าผมตอนนี้สิ

“…”

“…”

พวกเราสองคนกำลังเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหวก่อนที่จะระเบิดเสียหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน เขาว่ากันว่าคนหล่อมักจะบ้า ถามว่าเขาคือใคร เขาก็คือผมนี่แหละ :laugh: :laugh3:

ไอ้เพิร์ดมาส่งผมที่บ้านแล้วขับรถไป ผมเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่อารมณ์ดีหลังจากที่เจอกับไอ้เพิร์ด

“ไปไหนมา อารมณ์ดีกลับมาเลยนะ”

“ไปกับสาวๆมาชัวร์”

“พี่เนฟฟฟ กึดถึงจังฮู้”

“ยังไม่เปลี่ยนเลยนะเรา เมื่อก่อนตัวเท่านี้ตอนนี้ก็ยังตัวเท่านี้”

“โฮ อะไรอ่ะ ผมสูงขึ้นตั้งเยอะ พี่ต่างหากที่สูงแข่งกับต้นมะพร้าว”

พี่เนฟหรือพี่เนฟฟิวเป็นพี่ชายของผมที่ห่างกัน 2 ปี พี่เนฟไปอยู่กับพ่อที่ต่างประเทศนานๆทีจะกลับมาเยี่ยมผมกับแม่ พ่อกับแม่ผมไม่ได้เลิกกันหรอกนะครับเพราะท่านทั้งสองคนไม่เคยคบกันต่างหาก งงล่ะสิ เดี๋ยวคนหล่ออย่างผมจะอธิบายให้ฟัง
พ่อกับแม่เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยมปลายสนิทกันมากจนหลายคนคิดว่าเป็นแฟนกัน แต่ทั้งสองคนก็ให้กันได้เพียงเพื่อนสนิทเท่านั้น มีวันหนึ่งที่ทั้งสองคนพลาดจนมีพี่เนฟฟิว เรื่องเหมือนจะจบลงด้วยดีด้วยการที่ท่านทั้งสองคนแต่งงานกันและใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่เปล่าเลยมันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะความรู้สึกที่มีให้กันก็ยังคงเป็นความรู้สึกของเพื่อนสนิทเท่านั้น และทั้งสองคนก็พลาดอีกครั้งทำให้เกิดผมขึ้นมา  พ่อกับแม่ช่วยกันเลี้ยงดูผมกับพี่เนฟฟิวอย่างดี อาจจะดีมากกว่าครอบครัวที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างด้วยซ้ำ เมื่อพี่เนฟอายุได้ 5 ขวบ พ่อก็ย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศและพาพี่เนฟไปด้วย แต่ก็ยังติดต่อมาหาผมกับแม่เสมอ พ่อส่งเงินมาให้พวกเราทุกเดือน ถึงแม่จะบอกแล้วว่าไม่ต้องเพราะเงินจากการทำงานของแม่ก็เพียงพอสำหรับการดูแลผมให้สบายและก็มีเหมือนคนอื่นๆเขาแล้ว แต่ที่ผมยังแปลกใจก็คือ พ่อกับแม่ก็ยังไม่เคยคิดจะแต่งงานและก็ไม่เคยคิดจะคบกับใครตั้งแต่มีพี่เนฟฟิว ทุกคนว่ามันแปลกๆไหม แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ พวกเราก็มีความสุขดี ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไป

“แล้วพ่อไม่มาด้วยหรอ”

“พ่อยังเคลียร์งานไม่เสร็จ เดี๋ยวจะตามมาทีหลัง”

“แล้วไหนล่ะของฝาก”

พี่เนฟชี้นิ้วไปที่ถุงที่วางกองกันอยู่ข้างโซฟา แล้วผมก็หายไปในกองถุงทันที





จุใจกันไหมน้าาา อยากอ่านอีกหรือเปล่า การอัพนิยายของเราจะแปรผันตรงกับกระแสตอบรับจากคนอ่าน :hao3: ถ้าอยากให้อัพบ่อยๆอัพถี่ๆก็อ่านๆเม้นท์ๆน้า

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: หลิว ที่ 20-11-2015 08:59:53
คนเขียนมุกเยอะดี อ่านเพลิน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 20-11-2015 15:19:22
ตามๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-11-2015 15:40:00
 :L2:

ผิดคาด เขียนแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 20-11-2015 17:07:29
:L2:

ผิดคาด เขียนแบบนี้ค่ะ

จริงด้วยสิ   :m23: เรานี้ใช้ไม่ได้เลย แย่ๆๆ :serius2:
ยังไงก็ขอบคุณน้าาาา  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-11-2015 21:54:33
 :ling1:

คิดถึงงงงงงงงงงงงง


รอมานานมากกกกกกกกกกก


ชอบนีซ น้องน่ารักกกกกกกกกกกก น่าล่อลวงงง (55555555)

 :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 20-11-2015 22:17:49
:ling1:

คิดถึงงงงงงงงงงงงง


รอมานานมากกกกกกกกกกก


ชอบนีซ น้องน่ารักกกกกกกกกกกก น่าล่อลวงงง (55555555)

 :hao3:

กรี๊ดดดดดด เธอยังตามอ่านอยู่อีกหรอออ ซาบซึ้งๆ :monkeysad: (ยกมุมเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา)
ขอบคุณน้าาา เรารักเธอที่สุด ขอกอดที :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 3 || (19/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-11-2015 22:27:49
:ling1:

คิดถึงงงงงงงงงงงงง


รอมานานมากกกกกกกกกกก


ชอบนีซ น้องน่ารักกกกกกกกกกกก น่าล่อลวงงง (55555555)

 :hao3:

กรี๊ดดดดดด เธอยังตามอ่านอยู่อีกหรอออ ซาบซึ้งๆ :monkeysad: (ยกมุมเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา)
ขอบคุณน้าาา เรารักเธอที่สุด ขอกอดที :กอด1:


 :กอด1: มามะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 4 || (20/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 20-11-2015 22:45:57
ตอนที่ 4


“คืนนี้ทุ่มตรงรายงานตัวที่บ้านกูนะเว้ย แล้วก็อย่าลืมของขวัญของกูด้วย”

“มึงนี่มันขี้งกจริงๆ”

“แล้วพวกมึงก็ห้ามแต่งหล่อเกินกู ถ้าพวกมึงแต่งมาเกินหน้าเกินตากูจะเอาเค้กปาหน้าพวกมึง”

ก็ถูกของมัน วันเกิดใคร คนนั้นก็อยากจะดูดีที่สุดในงานอยู่แล้ว แต่ถึงจะแต่งตัวธรรมดายังไงคนหล่ออย่างผมก็ต้องหล่อที่สุดในงานอยู่แล้ว เสียใจด้วยนะไอ้เพลย์

“นีซ วันนี้กลับพร้อมกันไหม”

ไอ้เพลย์ที่เดินออกมาหน้าโรงเรียนพร้อมผมกับไอ้ทีมถามขึ้น

“ไม่อ่ะ วันนี้พี่เนฟมารับ”

“พี่เนฟมาหรอ งั้นมึงก็ชวนพี่เนฟไปงานด้วยดิ”

“เดี๋ยวกูลองชวนดู อ่ะ พี่เนฟมาพอดีเลย”

“หวัดดีครับน้องเพลย์น้องทีม”

“หวัดดีครับพี่เนฟฟิว”

ผมไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกชื่อเต็มๆของพี่เนฟเท่าไหร่ เพราะผมจะรู้สึกโกรธพ่อกับแม่ขึ้นมาทันทีที่ลำเอียง ทำไมตั้งชื่อพี่เนฟว่า เนฟฟิว (nephew) ที่แปลว่า หลานชาย แล้วทำไมต้องมาตั้งชื่อผมว่า นีซ (niece) ที่แปลว่าหลานสาวด้วย ผมเคยถามแม่กับพ่อ ทั้งสองคนก็บอกว่า เพราะพี่เนฟเกิดมาก่อนและปู่ย่าตายายก็เห่อพี่เนฟมาก พ่อกับแม่ก็เลยตั้งชื่อว่าเนฟฟิว และตอนที่แม่ท้องผม ปู่กับตาก็อยากได้หลานสาว แต่ผมดันเกิดมาเป็นผู้ชายแม่ก็เลยตั้งชื่อว่า นีซ ผมจะได้เป็นหลานสาวอย่างที่ปู่กับตาต้องการ สรุปก็คือผมผิดใช่ไหมที่เกิดมาทีหลังพี่เนฟและดันเกิดมาเป็นผู้ชาย o7

“กูไปก่อนนะ ทุ่มนึงเจอกัน”

ผมขึ้นรถแล้วบอกลาไอ้เพื่อนสองคน

“คืนนี้จะไปไหนกัน จะหนีเที่ยวหรอ”

“เปล่าสักหน่อย วันนี้วันเกิดไอ้เพลย์ มันจัดเลี้ยงที่บ้านตอนทุ่มนึง มันก็ฝากผมมาชวนพี่ด้วยนะ”

“พี่ก็อยากไปนะ แต่ต้องไปรับพ่อ เสียดายจัง”

“พ่อจะมาหรอ”

“ใช่ เห็นบอกว่าเคลียร์งานเสร็จเร็ว”



 :HBD2:
เสียงเพลงที่ดังอย่างกับคอนเสิร์ตเผือกใหญ่มากมายดังออกมาจากบ้านหลังใหญ่ คาดว่าชาวบ้านแถวนี้คงได้ให้พรเจ้าของวันเกิดจนมันรับไม่ไหวแล้วล่ะ

“ไอ้นีซ สายนะมึง ไหนๆของขวัญกู” o11

ผมยื่นถุงใส่รองเท้าไปให้มัน ผมไม่ได้ห่อใส่กล่องของขวัญแบบที่คนอื่นๆทำหรอก เพราะผมว่ามันเชย ถึงจะห่อสวยแค่ไหนยังไงมันก็ต้องแกะอยู่ดี

“ของขวัญปีนี้ถือว่าผ่าน”

มันเห็นของขวัญแล้วยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะกอดคอผมเดินเข้าไปในงาน ถ้าไม่พอใจผมจะเอาลองเท้ายัดปากมัน

“พี่เนฟฟิวไม่มาหรอ”

“พี่เนฟไปรับพ่อที่สนามบิน แล้วไอ้ทีมล่ะ”

“อยู่ในบ้าน เห็นมันบอกว่าข้างนอกเสียงดังเลยเข้าไปนั่งข้างในแทน”

ไอ้นี่มันเป็นพวกชอบปลีกวิเวก รักสงบ ผมคาดว่าถ้ามันเรียนจบมันอาจจะเข้าป่าไปหาสัจธรรมก็เป็นได้

“ไอ้นีซ มึงห้ามแดกเยอะเข้าใจไหม”

ไอ้เพลย์สั่งผมที่กำลังหยิบแก้วที่บรรจุน้ำสีฟ้าไว้ครึ่งแก้ว ดีนะที่วันนี้พ่อกับแม่ไอ้เพลย์ไปต่างจังหวัดตั้งแต่เช้า มันถึงได้สั่งเครื่องดื่มพวกนี้มาได้

“กูรู้น่า”

เหตุผลที่มันห้ามผมน่ะหรอ ผมไม่ใช่พวกคออ่อนหรอกนะครับ แต่อย่าให้ผมได้เมาเลย คุณคงไม่อยากเห็นหรอก ตอนปกติผมเป็นยังไง ตอนผมเมาผมก็จะเป็นอย่างนั้น 5 เท่า (แกเคยปกติด้วยหรอ)

“ไอ้ทีม มึงมานั่งทำไมคนเดียวว่ะ หรือมึงกำลังจะเข้าสู่นิพพาน”

“มึงแดกไปกี่แก้วแล้วว่ะ”

“แค่ 7 แก้วเอง”

“มึงควรหยุดได้แล้ว”

ไอ้ทีมพูดพร้อมกับดึงแก้วในมือผมไป พวกมันจะกลัวอะไรหนักหนา ผมไม่เมาง่ายๆหรอก ให้ดื่มอีก 5 แก้วก็ยังสบายๆ เดินตรงเป็นงูเลื้อยเป๊ะๆ

“ไม่เอาๆ กูยังไม่เมาง่ายๆหรอก”

ไอ้ทีมหันไปมองหน้ากับไอ้เพลย์แล้วส่ายหัวอย่างหน่ายๆ

“ไอ้เพลย์ พี่ชายมึงไปไหนว่ะ”

“มึงถามถึงมันอย่างนี้ มึงเมาชัวร์”

“กูไม่ได้เมา กูแค่มีเรื่องจะถามมันนีดส์นึง”

“มันก็อยู่แถวๆบ้านนี่แหละ”

“ช่างมันๆ กูไม่อยากเจอมันแล้ว”

ผมเปลี่ยนใจแล้วเดินไปนั่งแทรกกลางระหว่างไอ้เพลย์กับไอ้ทีม

“มึงพอได้แล้ว”

ไอ้เพลย์พยายามแย่งแก้วเหล้าในมือผมไป

“อย่าขี้งกหน่อยเลยน่า เอิ้ก”

ผมแย่งกลับมาแล้วกระดกรวดเดียวหมดแก้ว ผมควานหาขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะที่ตอนนี้ได้อันตธานหายไปแล้ว

“ไอ้เพลย์ มึงแดกขวดเหล้าไปหรือไงว่ะ คายออกมาเดี๋ยวนี้เลย”

ผมหันไปเขย่าคอเสื้อไอ้เพลย์ให้มันคายขวดเหล้าออกมา มึงมันใจร้ายไอ้เพลย์ กูขอให้ขวดเหล้าติดคอมึงตาย

“ไอ้ห่านี่ มึงเมาแล้ว ไปๆเดี๋ยวกูพามึงไปนอนเอง”

ไอ้ทีมกับไอ้เพลย์พยายามฉุดกระชากให้ผมลุกขึ้น

“ไม่เอาๆ กูเกลียดพวกมึงแล้ว อึก พวกมึงใจร้ายยย เอิ้ก”

ผมแหกปากโวยวาย เอาให้คนทั้งโลกรู้ไปเลยว่าเพื่อนผมมันใจร้ายกับผมแค่ไหน

“มันเมาหรอ”

ผมปรือตามองคนที่เดินเขามาถามไอ้เพลย์กับไอ้ทีม

“ไอ้เพิร์ดดดด มึงไปไหนมา อึก กูตามหามึงตั้งนาน”

ผมลุกแล้วเดินไปหาไอ้เพิร์ด ไม่เจอกันตั้งนานทำไมมันมีหัวเพิ่มมาอีกตั้งสามหัววะ มึงเป็นทศกัณฑ์กลับชาติมาเกิดใช่ไหม

“ใครปล่อยให้มันกินเยอะขนาดนี้ว่ะ”

ไอ้เพิร์ดสี่หัวที่โดนผมเกาะอยู่บ่นขึ้นมา ไอ้แก่ขี้บ่นเอ้ย

“เดี๋ยวพี่พานีซไปนอนเอง ออกไปดูเพื่อนข้างนอกเถอะ”

“จะพากูไปไหนนน ไม่ไป กูจะแดกเหล้าาาาาาาา” :ling1:

ผมเริ่มดิ้นเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองถูกพาไปที่ไหนสักแห่ง มึงจะพากูไปขายใช่ไหนไอ้เพิร์ด ไอ้คนใจบาป

“อยู่นิ่งๆ กูจะพามึงไปกินอยู่นี่ไง”

“จริงๆนะ ถ้ามึงหลอกกูขอให้มึงมีลูกเป็นตุ้ด”

ผมยอมให้มันพาไปแต่โดนดี ไอ้เพิร์ดพาผมมาที่ที่หนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าที่ไหน รู้แต่ว่ามันมืดๆ

“นีซ”

“เรียกกูทำไม”

ผมมองหาไอ้ต้นเสียงที่อยู่ในความมืดแต่ก็ไม่เจอ

“พี่รักนีซนะ”

“มึงมาบอกกูทำไมมม แล้วมึงอยู่ตรงไหน จะเล่นซ่อนแอบหรอ”

ผมยังมองหาไอ้เพิร์ดอยู่ ผมรู้สึกเหมือนมีมือมาเกี่ยวที่เอวแล้วดึงตัวผมเข้าไปจนชิดกับอะไรสักอย่าง

“ไอ้เพิร์ด ไหนเหล้ากูล่ะ มึงสัญญากับกูแล้วนะ”

“ครับๆ พี่ไม่ลืมหรอก”

ไอ้เพิร์ดบอกแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาจนชิดผม ทำไมตัวไอ้เพิร์ดหอมจัง นี่มันเป็นญาติกับยอพระกลิ่นหรือไง มันเลื่อนมาใกล้ๆจนปากมันชิดกับปากผม นอกจากมันจะเป็นญาติกับยอพระกลิ่นแล้ว มันยังเป็นญาติกับเจ้าหญิงพิกุลทองด้วยสินะ ปากมันถึงได้หวานดึงดูดผมขนาดนี้



-เพิร์ด-

ผมจัดการจับเด็กดื้อที่หลับคาปาก ใช่แล้วครับหลับคาปากผมนี่แหละ เล่นเอาซะผมไม่แน่ใจในการจูบของตัวเองไปเลย ผมจับนีซนอนลงที่เตียงของผมแล้วห่มผ้าให้เรียบร้อย :a12:

“งืม งืม งำ งำ กำ กำและก็แบ”

เวลาหลับแล้วดูเป็นลูกหมาน้อยแต่ทำไมตื่นมาแล้วปากกลายเป็นหมาไปได้นะ หน้าตากับการกระทำของมันช่างสวนทางกันเหลือเกิน

“เป็นไงบ้างพี่เพิร์ด”

“หลับอยู่บนเตียงนู่น”

“ผมห้ามมันแล้วนะ แต่มันฟังซะที่ไหน”

ดีแล้วที่ไม่ฟัง ถ้านีซฟังผมก็คงไม่มีโอกาสได้แกล้งมันอย่างนี้หรอก มีโอกาสทั้งทีต้องรีบตักตวงครับ เหมือนกับสำนวนที่เขาว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก

“คืนนี้ให้มันนอนที่นี่แล้วกัน เดี๋ยวผมโทรไปบอกที่บ้านมันให้ แล้วพี่จะนอนไหน”

“นอนห้องนี้แหละ”

“ผมฝากมันด้วยนะ ผมไปช่วยพี่พรเก็บข้างล่างก่อน เดี๋ยวแม่กลับมาแล้วจะบ่นเอา”

ผมเดินมามองคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงก่อนจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ผมออกมาคนที่หลับก็ยังคงหลับ คนหลับก็ต้องหลับสิครับ จะให้ตื่นขึ้นมาแร๊ปพร้อมกับเต้นบัลเล่ต์หรือไง จริงไหม

ผมลงนอนข้างๆนีซที่หันหน้าเข้าหาผมพอดี นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใกล้กับนีซขนาดนี้แล้วไม่โดนด่ากลับมา แต่ถึงจะโดนด่าผมก็ยอม ขอแค่ให้ได้ใกล้ชิดกับคนๆนี้ ผมไม่รู้ว่าผมชอบมันไปได้ไง ทั้งปากหมา กวนตีน แถมยังเกรียนตัวพ่ออีก แต่ผมก็ไม่เคยพยายามที่จะตามหาเหตุผล เพราะผมเชื่อว่า ความรักมันไม่มีเหตุผลเพียงพอที่คนอื่นจะเข้าใจนอกจากคนที่ได้รัก

“โอ้ย!!!”

ผมร้องออกมาเมื่อรู้สึกเมื่อร่างกายกระแทกกับพื้นอย่างแรง :z6:

“ไอ้เพิร์ด!! เมื่อคืนมึงทำอะไรกูฮะ!!!” :angry2:

สงสัยล่ะสิว่าผมลงมานอนกับพื้นได้ยังไง สิ่งที่คุณคิดน่ะแหละถูกแล้ว

“กูไม่ได้ทำอะไร” o16

“มึงคิดว่าเมื่อคืนกูจะจำอะไรไม่ได้หรือไง ถึงกูจะเมาแต่กูก็ไม่ได้ความจำเสื่อมนะ”

คนที่เมาเมื่อคืนมองผมหน้าผมตาเขียว คิดว่าผมจะกลัวหรอ ถ้าผมกลัวผมก็คงไม่วุ่นวายกับมันจนถึงตอนนี้หรอก

“แล้วกูทำอะไรมึงล่ะ”

ผมยิ้มกวนๆให้มันไปหนึ่งที :t2:

“อย่าให้กูมีโอกาสนะ กูจะเอาคืนมึงแน่”

นีซพูดจบก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที คงจะเขินผมล่ะสิ อย่างนี้ก็แสดงว่ามันเริ่มชอบผมแล้วใช่ไหม

“ไอ้นีซ มึงจะรีบไปไหนว่ะ”

ผมได้ยินเสียงเพลย์ถามคนที่เพิ่งออกจากห้องผมไป

“กลับบ้าน”

นีซตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“พี่ทำอะไรไอ้นีซหรือเปล่า ทำไมมันหงุดหงิดอย่างกับเป็นวันนั้นของเดือน”

“คิดว่าพี่จะกล้าทำอะไรมันหรือไง”

“แล้วมันหงุดหงิดเรื่องอะไร”

“คงเขินล่ะมั้ง”

“เขินผมหรอ มันจะเขินผมทำไม อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน” :m28:

ผมเคยคิดนะว่าน้องผมคงจะไม่ติดความเพี้ยนมากจากเพื่อนมันหรอก แต่ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด



-นีซ-

ผมมาแล้ว คิดถึงผมใช่ไหมล่ะ ไอ้เพิร์ดมันได้นินทาผมให้คุณฟังหรือเปล่าครับ ถ้ามันนินทาผมจะได้กลับไปเอาเรื่องมันที่บังอาจมานินทาคนหล่อ แค่เรื่องเมื่อคืนมันก็ทำให้ผมหงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว กล้าดีอย่างไรมาจูบผมจนปากเปื่อยเป็นโจ๊กไข่ใส่ขิงอยู่แล้ว

ระหว่างที่ผมกำลังถอดรองเท้าหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงคนในบ้านกำลังคุยกัน ผมลืมไปได้ไงว่าพ่อมา เมื่อนึกได้ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที

“พ่อออออ…!!!”  :z12:

เพิ่ม อ. อ่าง ไปอีกสามแสนตัวเพื่อให้รู้ว่าผมเรียกพ่อดังมาก

“ไงเรา เมื่อคืนหนักล่ะสิ”

ผมกอดพ่อแน่นเหมือนที่ผมเคยทำตอนเด็กๆ ตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่นะ ตราบใดที่ผมยังขอเงินจากพ่อแม่ ผมก็จะถือว่าผมยังเด็ก และคงจะเด็กไปจนถึงอายุ 30 โน่นแหนะ

“ไม่หนักสักหน่อย ผมเห็นว่ามันดึกแล้วก็เลยนอนที่โน่นเลย”

“เด็กขี้โม้ เมื่อคืนเพลย์โทรมาบอกว่าเราเมาจนหลับไปแล้ว”

พี่เนฟที่รู้ความจริงรีบแฉผมทันที ผมทำแก้มป่องแบบที่ทำแล้วน่ารักน่าเอ็นดูไปให้พี่เนฟ

“ขึ้นไปอาบน้ำไป จะได้ลงมากินข้าวเช้าพร้อมกัน”

“คร้าบบบ สุดสวย”

ผมรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเพราะรู้ว่าทุกคนรอผมตั้งนานแล้ว ผมใช้เวลาในการอาบน้ำเพียง 10 นาที ผมเป็นคนสะอาดไม่ต้องอาบมาก คนที่เขาอาบน้ำนานๆน่ะเป็นคนสกปรก

“ไม่ได้กินอาหารอร่อยๆแบบนี้มาแล้วเนอะเนฟ”

พ่อหันไปพูดกับพี่เนฟแต่ตากลับมองอยู่ที่แม่ :m12:

“ใช่ๆ กินอาหารแพงแค่ไหนแต่ก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่เลย”

คนที่ถูกพาดพิงถึงยิ้มกว้างจนริ้วรอยบนหน้าขึ้นจางๆ ตอนนี้แม่กับพ่อผมอายุ 38 แต่อายุก็ไม่สามารถบดบังความหล่อและความสวยได้หมด ผมคิดว่าตอนหนุ่มๆพ่อคงจะหล่อเหมือนกับผมตอนนี้นี่แหละ

“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ ถ้าไม่หมดห้ามหยุดกินนะ”

แม่พูดแล้วตักผัดผักไปใส่ในจานพ่อจนพูน พ่อทำหน้าเหมือนแม่ตักแมงกุดจี่ให้กินอย่างไรไงอย่างนั้น

“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย ผักน่ะมีประโยชน์จะตาย กินเข้าไปเยอะๆ”

พ่อผมเป็นคนที่ไม่กินผักเหมือนกับผม แต่พ่อจะหนักกว่าตรงที่ไม่กินเลยสักชนิด แต่ผมยังพอกินพวกแตงกว่า แครอท และก็พวกที่ไม่ขมได้

“ถ้ามีประโยชน์ทำไม่แกไม่กินเองล่ะ”

“นี่ฉันเสียสละให้แกเลยนะเนี่ย ยังไม่สำนึกอีก”

ท่าทางสงครามย่อยๆระหว่างพ่อกับแม่กำลังจะเกิดขึ้น คนเป็นเพื่อนสนิทกันก็อย่างนี้แหละครับ

“เอามาให้ผมกินก็ได้ ผมอยากแข็งแรง”

พี่เนฟตักผักในจานพ่อมาไว้ในจานตัวเองจนหมดเพื่อเป็นการยุติ

“นีซ อยากแข็งแรงไหม”

พี่เนฟหันมาถามผมด้วยความหวังดี แต่ตอนนี้ผมก็แข็งแรงดีอยู่แล้ว ให้วิ่งขึ้นเขาสิบรอบ ว่ายน้ำอีกร้อยกิโล คิดว่าผมจะไหวหรอ แค่เดิน 100 เมตรลิ้นผมก็ห้อยแถบลากพื้นอยู่แล้ว

“พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมปู่กับย่ากัน ลูกจะไปด้วยไหม”

 “ผมติดซ้อมกีฬาที่โรงเรียน คงไปด้วยไม่ได้”

“เสียดายจัง นานๆทีจะได้ไปเยี่ยม”

“จะไปกันกี่วันหรอครับ”

“5 วัน ลูกอยู่ได้ใช่ไหม”

แม่ถามผมด้วยความเป็นห่วง

“สบายมากแค่ 5 วันเอง”

คนแมนๆหล่อๆอย่างผม การอยู่บ้านคนเดียวไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า 5 วันนี้กูจะแดกอะไร ทั้งชีวิตทำเป็นแค่แกะซองมาม่า ปัญญาจะต้มยังไม่มีเลย ผมไม่ได้โง่นะที่ต้มมาม่าไม่เป็น แต่เพราะผมเคยโดนน้ำร้อนลวกตอนเด็กๆก็เลยไม่กล้าเสี่ยงต้มมันอีก



“ไอ้นีซ ตอนเย็นอยู่ซ้อมด้วยนะ”

เสียงแหลมๆของไอ้มดดังขึ้นทันทีที่เศษหนึ่งส่วนสามของตัวผมเข้าไปอยู่ในห้อง

“รู้แล้ว ไม่ลืมหรอกน่า”

“เอ่อๆ ฝากไปเตือนเพื่อนมึงด้วย ไม่รู้มันหายหัวไปไหนกัน”

นั่นสิ ตั้งแต่ผมมาถึงโรงเรียนก็ยังไม่เห็นมันเลย หรือมันจะแอบไปทำอะไรลับๆกันโดยไม่บอกผม

“ไอ้นีซ!!”

ไอ้เพลย์ที่โผล่มาจากไหมไม่รู้มาตะโกนใส่หูผม ถ้าผมตกใจจนหัวใจวายตาย โลกนี้ก็จะต้องเสียทรัพยากรมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบไปตั้งหนึ่งคนเลยนะ

“อะไรของมึงเนี่ย ตะโกนมาได้ หูคนนะเว้ยไม่ใช่โทรโข่ง”

“มึงไปรู้จักกับไอ้พี่เวฟได้ไง”

“มึงจะถามทำไม”

มันรู้จักกับพี่เวฟด้วยหรอว่ะ คงจะรู้จักผ่านทางไอ้เพิร์ดล่ะมั้ง

“กูถามมึงก็ตอบมาสิวะ”

“กูไปเดินชนเพื่อนพี่เขาแล้วพี่เขาก็มาช่วยเคลียร์ให้”

ทำไมมันต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นด้วย พี่เขาก็ดูเป็นคนดีจะตาย เผลอๆจะดีกว่าไอ้เพิร์ดพี่มันอีก

“มึงห้ามไปยุ่งกับมันนะ ”

ไอ้สองพี่น้องคู่นี้มันเป็นอะไรกับผมมากป่ะ มึงจะไม่ให้กูคบกับคนดีๆบ้างเลยหรือไง ที่จริงผมเป็นคนเรียบร้อยนะครับ แต่เป็นเพราะผมคบเพื่อนแบบนี้ไงผมก็เลยต้องปรับตัว และผมก็ปรับตัวได้เนียนมากเสียด้วย ขนาดคนอ่านยังจับไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ

“งั้นมึงลองบอกเหตุผลมาให้ฟังหน่อยว่าทำไมกูจะไปยุ่ง ไปคุย ไปรู้จักพี่เขาไม่ได้” :hao3:

ไอ้เพลย์มันทำท่าทางอึกอัก ผมยิ่งอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นอยู่ด้วยเลยอดสงสัยไม่ได้ ทั้งไอ้เพลย์ไอ้เพิร์ดต้องมีอะไรกับพี่เวฟที่บอกผมไม่ได้แน่ๆ ยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ คุณคงยังไม่รู้ว่าผมมีฉายาว่า นีซล็อคบ้าน ถ้าไม่ล็อคของก็หายสิครับ ถามว่าใครตั้งฉายาให้มึง ผมตอบเลยว่า ผมนี่แหละตั้งเอง และก็เพิ่งตั้งเมื่อกี้ด้วย ผมเป็นคนหัวไวอยู่แล้วไม่ต้องชมหรอก ผมรู้ตัว และปริศนาครั้งนี้ ผมก็ต้องรู้ให้ได้




วันนี้วันศุกร์ วันที่เราลอยคอ เอ้ย รอคอยก็มาถึง เพราะเราสามารถจะทำตัวขี้เกียจได้ตามเท่าที่เราต้องการ :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 4 || (20/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-11-2015 07:54:06
ปมชีวิตพี่เวฟมาละ


รอต่อไป~

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 5 || (6/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 06-12-2015 18:48:08
ตอนที่ 5


“ไอ้นีซ นั่นมึงวิ่งหรือมึงคลานกันแน่ว่ะ ให้มันไวไวหน่อย” :hao7:

ไอ้มดที่เป็นผู้แข่งขันวอลเล่ย์ฝ่ายหญิงและทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกตะโกนบอกผมที่วิ่งรอบสนามเป็นรอบที่ 3 นี่กูจะแข่งวอลเล่ย์นะ ไม่ได้แข่งวิ่งมินิมาราธอน ทำไมต้องมาซ้อมวิ่งด้วย

“แล้วทำไมมึงไม่ลงมาวิ่ง ยืนอืดเป็นพะยูนเกยขอบสนามอยู่ได้”

ผมตะโกนถามมันทั้งๆที่จะไม่มีแรงพูดอยู่แล้ว

“กูฟิตอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องวิ่ง” o16

ที่ฟิตคงจะหมายถึงเสื้อผ้ามึงสินะ สาบานว่าไม่ได้เอาชุดตอนม.ต้นมาใส่ กระดุมปริแทบจะกระเด็นไปเชียงรายอยู่แล้ว

“มึงเลิกด่ากูในใจแล้วตั้งหน้าตาตั้งวิ่งไป”

ผมกลั้นใจวิ่งจนครบ 5 รอบ แล้วลากขาที่ไร้เรี่ยวแรงมานั่งบนเก้าอี้ข้างๆไอ้เพลย์และไอ้ทีมที่วิ่งครบห้ารอบตั้งนานแล้ว

“ต่อไปกูจะให้พวกมึงเสิร์ฟลูก”

ผมยังหายใจไม่ทันถึงขั้วปอดไอ้มดก็เรียกให้ไปซ้อมเสิร์ฟลูกต่อ กูคนนะไม่ใช่รถแทกเตอร์จะได้ทนทานเหมือนกับควายเหล็ก

แปะ!

ที่ได้ยินไม่ใช่เสียงหมาฉี่ใส่สังกะสีที่ไหนหรอกแต่เป็นเสียงมือผมที่กระทบกับลูกวอลเลย์ต่างหาก ไอ้ลูกวอลเลย์นี่ก็จะแข็งไปไหน แข็งขนาดนี้มึงไปเกิดเป็นคอนกรีตเลยไหม

ผมปล่อยพลังจนจะกลายเป็นซุปเปอร์ไซย่าอยู่แล้ว ลูกก็ตกอยู่ห่างจากปลายนิ้วโป้งเท้าแค่ 3.5 เซนเอง หรือว่าผมจะต้องหาคนมาฟิวชั่นด้วย อย่าทำหน้างงสิ ไม่เคยดูดราก้อนบอลกันหรือไงครับ

“ทำไมมันยากอย่างนี้ว่ะ!!” :serius2:

ผมเริ่มจะโมโห เสิร์ฟเท่าไหร่ก็เสิร์ฟไม่ได้สักที

“มึงต้องเล็งที่ลูกให้ดี โยนขึ้นไปพอประมาณ เกร็งข้อมือแล้วใส่พลังตบไปที่ลูก”

ไอ้เพิร์ดมันบอก มันอยู่สีเขียวสีเดียวกับผมก็เลยมาช่วยฝึกพวกนักกีฬา

“กูรู้น่า มึงไม่ต้องมาบอกหรอก” :a14:

ผมตอบมันกลับไป แล้วหยิบลูกวอลเลย์ที่พื้นขึ้นมาเสิร์ฟตามที่มันบอก ได้ผลครับ ลูกวอลเลย์ที่ถูกตบด้วยพลังคลื่นเต่าไปตกอีกฝั่งอย่างสวยงาม

“ไอ้นีซ มึงเก่งมาก อย่างนี้สีเราชนะเห็นๆ”

ไอ้มดรีบเข้ามาชมผมทันทีที่เห็นลูกตบมหาประลัย ผมยืดอกรับคำชมราวกับได้เหรียญทองจากโอลิมปิก

“กูว่าเมื่อกี้ฟลุคชัวร์”

ไอ้ทีมมันไม่เชื่อผม ขนาดผมยังไม่เชื่อตัวเองเลย ถ้าให้เสิร์ฟอีกลูกไม่รู้จะได้หรือเปล่า

“ไอ้นีซมึงลองเสิร์ฟให้พวกกูดูอีกลูกดิ่”

ไอ้เพลย์มันหาเรื่องขายหน้าให้ผมอีกแล้ว ถ้าครั้งนี้กูเสิร์ฟไม่ได้กูอายยันลูกพี่ลูกน้องกูบวชเลยนะ

“เร็วสิ”

ไอ้มดเร่ง ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้เพิร์ดที่เป็นคนบอกวิธีเสิร์ฟให้กับผม มันทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น ผมตั้งสมาธิแล้วทำตามวิธีที่ไอ้เพิร์ดมันบอก ผมโยนลูกวอลเลย์ขึ้นกลางอากาศ เกร็งข้อมือแล้วตบไปที่ลูกวอลเลย์ด้วยพลังภายในอย่างสุดแรง ลูกวอลเลย์พุ่งไปด้วยความเร็วหมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมงไปตกอีกแดนหนึ่งอย่างแรง

“เชรดดดด ทำได้ไงว่ะ มึงแดกควายเป็นอาหารว่างหรือไง”

เสียงชื่นชมผมดังระงมอย่างกับเสียงกบ featuring กับอึ่งอ่าง มีคอรัสเป็นคางคก :m4:

“กูเชื่อแล้วว่ามึงเก่ง กูจะให้รางวัลมึงโดยการให้มึงกลับบ้านได้”

กูควรจะดีใจกับรางวัลมึงไหม ถึงมึงไม่ให้กูกลับกูก็จะกลับ เพราะตอนนี้กูจะกลั้นอาการเจ็บข้อมือไม่ไหวแล้ว ถ้าหลุดมานี่ที่กูเก็กไปเมื่อกี้เป็นอันล่มหมด

ผมลากสังขารที่อ่อนล้ามาเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ขนาดซ้อมวันแรกนะเนี่ย กว่าจะถึงวันแข่งจริงกูไม่ต้องนั่ง wheelchair มาแข่งเลยหรือไง   

ผมเดินออกมาหน้าโรงเรียนเพื่อมารอรถแท็กซี่ วันนี้ขอทำตัวหรูนั่งแท็กซี่กลับบ้านหน่อยก็แล้วกัน ในเมื่อสภาพไม่เอื้ออำนวยให้ขึ้นไปเบียดบนรถเมล์

“หวัดดีครับน้องนีซ”

ผมสะดุ้งนิดนึงเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่ เมื่อเห็นคนที่เข้ามาทักก็ต้องแปลกใจ

“หวัดดีครับพี่เวฟ พี่มาทำอะไรแถวนี้หรอครับ”

“พี่ขับรถผ่านมาทางนี้เห็นเรายืนอยู่ก็เลยลงมาทัก แล้วนี่มารอรถหรอ”

“ใช่ครับ”

“ให้พี่ไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไร ไอ้นีซมันจะกลับพร้อมผม”

ไอ้เพลย์ที่มาจากไหนไม่รู้ปฏิเสธแทนผมแล้วมองหน้าพี่เวฟนิ่งๆ

“ไม่มีมารยาทเลยนะครับน้องเพลย์ ไม่เห็นหรือไงว่าพี่พูดกับนีซ”

เป็นคำเหน็บแนบที่สุภาพมากที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา แต่แม่งเจ็บไปถึงลำไส้ใหญ่ ดูจากท่าทางไอ้เพลย์ก็น่าจะรู้แล้วว่าเจ็บแค่ไหน

“ผมจะมีมารยาทเฉพาะกับคนที่ควรมีมารยาทด้วยเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่ใช่พี่”

ไอ้เพลย์พูดจบก็ลากผมออกมาทันที ถ้าจะให้ดีมึงควรจะถะนุถนอมข้อมือกูหน่อยนะ

“มึงจะพากูไปไหน แล้วก็ปล่อยข้อมือกูด้วย กูเจ็บ”

มันมองที่ข้อมือผมที่เริ่มมีรอยแดงขึ้นมาแล้ว

“กูขอโทษ”

“เออๆ แล้วมึงจะลากกูไปไหนเนี่ย”

“ไปหาพี่เพิร์ด เดี๋ยวมันไปส่งมึงที่บ้าน”

ที่จริงมึงบอกดีๆกูก็ยอมไปแล้ว ไม่เห็นต้องลากกูเลย ผมเดินตามมันไปที่รถไอ้เพิร์ดที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงเรียน มันคงจะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เหมือนกัน และก็อาจจะเป็นมันที่ให้ไอ้เพลย์ไปลากผมมา

ผมขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ข้างหน้าเป็นไอ้เพลย์และก็ไอ้เพิร์ดที่เป็นคนขับ ไอ้เพิร์ดมันทำหน้างอยิ่งกว่าม้าหมากรุกตกตึก ผมเห็นแล้วยังเมื่อยแทนเลย ถ้ามึงจะไม่พอใจกูขนาดนั้นก็ปล่อยกูลงกลางถนนแล้วถอยรถทับกูเลยเอาไหม ผมก็แค่คุยกับพี่เวฟ ไอ้พี่น้องสองคนนี้มันจะมีปัญหาอะไรหนักหนา มึงมีปัญหากับพี่เวฟ แต่กูไม่มีไง

รถไอ้เพิร์ดมาจอดนิ่งสงบอยู่หน้าบ้านผมอย่างรวดเร็ว ถ้ารถมึงไม่มีสี่ล้อกูจะคิดว่ากูนั่งจรวดแล้วนะ ขับเร็วขนาดนี้จะรีบไปเยี่ยมยมบาลหรือไง

“ไม่มีคนอยู่บ้านหรอว่ะ”

ไอ้เพลย์ถามผมที่กำลังเปิดประตูจะลงจากรถ

“ไม่มี ไปต่างจังหวัดกันหมด”

“มึงไปอยู่กับกูก่อนก็ได้นะ”

“ไม่อ่ะ”

แต่ในใจผมนี้อยากจะไปสุดใจขาดดิ้น แต่ผมเป็นผู้ชายยังไงก็ต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ผมลงจากรถมันแล้วเดินเข้าบ้านด้วยแรงที่มีเหลืออยู่น้อยนิด

ผมอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมานั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ทำไมเปิดไปช่องไหนก็มีแต่รายการอาหารว่ะ คนยิ่งหิวๆอยู่ เดี๋ยวกูก็มุดทีวีเข้าไปแย่งมึงแดกเลยนี่ ทำไมชีวิตผมช่างรันทดขนาดนี้ ของสดในตู้เย็นก็เต็มจนจะทะลักออกมาท่วมบ้านอยู่แล้วแต่เสือกทำกินไม่เป็นสักอย่าง ผมเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบนมขึ้นมาดื่มประทังชีวิต กว่าแม่จะกลับมา ผมคงกินนมจนสูงถึงสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วล่ะมั้ง

“เฮ้ย!” :o

ผมที่เดินกลับเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นต้องตกใจ เพราะตอนนี้ในบนโซฟามีมนุษย์ที่นามว่าเพิร์ดนั่งส่งยิ้มมาให้ผม

“มึงเข้ามาได้ไง”

“เดินเข้ามา”

กูไม่ปัญญาอ่อนขนาดจะคิดว่ามึงหายตัวเข้ามาหรอกนะ

“กูหมายถึงว่าเข้ามาทางไหน”

“ทางประตูไง มึงไม่ได้ล็อค”

ผมลืมล็อคได้ไงว่ะ คงจะชินล่ะมั้ง เพราะปกติแม่จะเป็นคนล็อคประตู ดีนะที่เป็นไอ้เพิร์ด ถ้าเป็นโจรผมคงจะโดนฆ่าหมกเครื่องซักผ้าไปแล้ว

“แล้วมึงมาทำไม”

“เอานี่มาให้มึงไง”

มันชี้ไปที่กล่องใส่อาหารหลายชนิดที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมโยนทิฐิออกไปนอกบ้านแล้วขุดดินลึก 200 เมตร กลบมันแล้วเททับด้วยปูนซีเมนต์ทันที ในเมื่อตอนนี้เรื่องกระเพาะเป็นเรื่องสำคัญ ผมควรจะเป็นมิตรกับไอ้เพิร์ดไว้ก่อน :hao6:

ผมรีบเอาอาหารไปใส่จานทันที อาหารแต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น คงจะเป็นฝีมือแม่ไอ้เพิร์ดแน่ๆ เมื่อเอาอาหารใส่จานเสร็จผมก็เดินออกไปดูคนที่นั่งดูหนังอยู่

“มึงกินข้าวหรือยัง”

“นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว”

มันยิ้มกว้างแล้วรีบเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารทันที คือกูถามไปตามมารยาท มึงก็ควรจะปฏิเสธตามมารยาทสิ

ผมกับไอ้เพิร์ดจัดการอาหารที่เต็มโต๊ะเมื่อ 5 นาทีก่อนจนหมด ก็วันนี้ผมใช้พลังไปเยอะก็เลยต้องกินไปทดแทนสิครับ

“มึงควรจะกลับได้แล้วนะ”

ผมที่ล้างจานอยู่บอกมันที่เอาแต่นั่งมองผมอยู่ได้ คิดจะเข้าสิงกูหรือไง แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่ากูใส่พระ มึงไม่มีทางสิงกูได้แน่ ปกติผมก็ไม่ได้ใส่หรอก แต่พอรู้ว่าจะต้องอยู่คนเดียวก็เลยเอามาใส่ไว้ให้อุ่นใจ

“มันดึกแล้วนะ”

“ดึกแล้วมึงก็รีบกลับไปสิ”

“แต่กูง่วง ขับกลับไม่ไหว”

มันจะเอายังไงกับผม จะต้องให้กูขับรถไปส่งมึงที่บ้านแล้วกูก็เดินกลับหรือไง เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะกูขับรถไม่เป็น

“มึงจะเอายังไง”

“กูขอนอนที่นี่นะ เวลามีอะไรเกิดขึ้น กูก็จะได้ช่วยมึงทันไง”

เหตุผลน่าสนใจ ถ้ามันนอนที่นี่ผมก็จะอุ่นใจมากขึ้น ไม่ต้องระแวงอะไรด้วย และอีกอย่าง มันก็อุตส่าห์มีน้ำใจเอาอาหารมาให้ผม คนหล่อและมีน้ำใจอย่างผมก็ต้องตอบแทนจริงไหม

“ก็ได้ แต่มึงต้องนอนที่นี่นะ”

ผมชี้ให้มันดูที่นอนชั่วคราวของมัน นั่นก็คือโซฟาสุดหรูที่แม่ผมหวงแหนราวกับลูกชายคนที่สาม มึงได้นอนบนนั้นก็ถึงว่าเป็นบุญตูดมึงมากแล้วนะ ขนาดกูยังไม่เคยนอนเลย ก็แน่ล่ะสิ เตียงนอนผมก็มี จะมานอนบนโซฟาทำไม

ผมมองตามมันที่ลุกเดินออกไปนอกบ้าน หรือว่ามันจะกลับ ผมคิดผิดครับ ที่มันเดินออกไปเพราะมันไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่รถมัน

“มึงเอามาทำไม”

“กูก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนมึงจนกว่าแม่ของมึงจะกลับ”

มันเห็นบ้านผมเป็นโฮมสเตย์หรือไง เดี๋ยวกูก็เก็บเงินค่าที่พักซะเลยนี่ แต่ผมว่ามันมาอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกันนะ เพราะนั่นก็หมายความว่าผมก็ไม่ต้องกินนมประทังชีวิตแล้ว



 “นีซ นีซ”

เสียงเรียกและเสียงเคาะประตูทำให้ผมตื่น แต่ผมว่าเรียกว่าทุบจะดีกว่า ทุบขนาดนี้เอาประตูกูไปทุบเล่นที่บ้านมึงเลยไหม ห้องกูสะเทือน 7.5 ริกเตอร์เลยมั้ง ถ้าไม่ได้ยินเสียงมันเรียก ผมจะมุดไปอยู่ใต้เตียงแล้วนะ นึกว่าแผ่นดินไหว ผมค่อยๆเดินไปเปิดประตูให้มัน รู้สึกปวดไปทั้งตัวแถมยังเจ็บข้อมืออีก

“อะไรของมึง เรียกทำไม กูจะนอน”

“นี่มันจะ 7 โมงแล้วนะ”

“7 โมง”

ผมรีบลากสังขารอันโรยราราวกับเพิ่งไปช่วย Mr.Muscle ขัดห้องน้ำไปที่นาฬิกาปลุกที่ข้างเตียง และสาเหตุที่มันไม่ทำหน้าที่ปลุกผมก็เพราะว่า มันได้เสียชีวิตแล้วนั้นเอง ผมยืนสงบนิ่งหนึ่งนาทีเพื่อไว้อาลัยให้มัน เมื่อไว้อาลัยให้นาฬิกาปลุกที่แสนซื่อสัตย์เสร็จ ผมก็ไปดูที่ไอโฟนที่ตั้งปลุกไว้ด้วย แต่ก็พบว่ามันก็ได้สงบนิ่งไว้อาลัยให้นาฬิกาปลุกเหมือนกัน วันนี้ต้องเป็นวันซวยของผมแน่ๆ สายวันไหนไม่สายมาสายวันที่อาจารย์สมชายเป็นเวรด้วย

“จะยืนนิ่งอีกนานไหม ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก”

ผมเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำตามที่มันบอก ผมใช้เวลาอาบน้ำอย่างรวดเร็ว รีบแต่งตัวแล้วลงมาหาไอ้เพิร์ดที่นั่งดูดนมรอผมอยู่ที่โซฟา คิดไปถึงไหนกันครับ ผมหมายถึงนมกล่อง คนอ่านทะลึ่งนะเนี่ย

“มึงอาบน้ำหรือเปล่าว่ะ ทำไมเร็วจัง”

“ไม่ต้องถามมากหรอก รีบไปเถอะเดี๋ยวสาย”

มันหัวเราะครับ ทำไม ไม่เคยเห็นคนหล่อรีบหรือไง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะรีบไปทำไม” :laugh3:

ไอ้นี้ถามแปลกๆ ก็ตอนนี้มันสายแล้ว จะไม่ให้รีบได้ไง

“ก็ตอนนี้จะสายแล้ว รีบไปกันเถอะ กูไม่อยากโดนอาจารย์สมชายทำโทษ”

มันกลั้นหัวเราะแล้วชี้มือไปที่นาฬิกาที่ติดอยู่บนพนังบ้านที่เข็มยาวชี้อยู่ที่เลข 11 แต่เข็มย๊าวยาวชี้อยู่ที่เลข 6

“ไอ้เพิร์ด!!!!! มึงหลอกกูหรอ!!” :angry2:

“กูไม่ได้หลอก กูแค่ไม่ได้บอกความจริง”

ผมที่จะเข้าไปเอาเรื่องมันก็ทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษไปให้เพราะสำเหนียกได้ว่าร่างกายไม่เอื้ออำนวย

ผมนั่งลงที่โซฟาข้างๆมันที่เอาแต่หัวเราะผม ยังไม่หยุดนะมึง เดี๋ยวกูก็ดราม่าใส่หน้าแม่งเลย

“มึงอย่าหยุดหัวเราะนะ หยุดเมื่อไหร่กูจะ”

“จะอะไรหรอ”

มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเพื่อรอฟังคำตอบ

“จะ จะ จะไม่คุยกับมึง”

หมดกันกู ไปตอบมันอย่างนั้นได้ไงว่ะ ดูมันสิยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้ว

“เป็นคำขู่ที่น่ากลัวมาก มึงรู้ได้ไงว่าสิ่งที่กูกลัวมากที่สุดก็คือการที่ไม่ได้คุยกับมึง”

นิ่งสิครับ ผมจะตอบอะไรมันได้ หน้าผมคงไม่ได้กำลังแดงใช่ไหม ผมไม่ใช่สาวน้อยที่กำลังถูกบอกรักสักหน่อยจะมาเขินอะไร

“ไปโรงเรียนกันดีกว่า”

ผมลุกขึ้นแต่มันก็ดึงให้ผมลงไปนั่งตามเดิม

“เขินหรอ”

มันเอียงคอ 45.2องศาเซลเซียสถามผม ผมหันหน้าหนีภาพตรงหน้า ขนาดผมเป็นผู้ชายยังคิดเลยว่ามันเป็นผู้ชายที่หล่อมาก หล่อโคตรๆ หล่อจนน่าลากไส้ลากพุงออกมาเผา แต่ถึงจะหล่อยังไงก็น้อยกว่าผมอยู่ดี

“กูไม่ได้เขิน กูจะเขินอะไร เขินทำไม ถ้าเขินมึงยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ไม่มีทาง No Wayyyyy Impossible” :serius2:

ผมไม่ได้เขินนะ และไม่ได้ร้อนตัวด้วย ผมก็แค่อธิบายให้มันเข้าใจ ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่เพราะมันจ้องตาผมนิ่งๆ นิ่งมาก นิ่งเกินไปแล้วนะ มึงกลายเป็นรูปปั้นสฟิงซ์หน้าพีรามิดไปแล้วหรือไง

“มึงชอบกูบ้างไหม ไม่ใช่สิ ต้องถามว่า มึงเกลียดกูน้อยลงบ้างไหม”

ไอ้เพิร์ดถามผมนิ่งๆ แต่สายตามันวูบไหวจนผมไข่สั่น เฮ้ย ใจสั่น

“ใครบอกว่ากูเกลียดมึง”

ผมตอบมันไป นี่เป็นคำตอบเดียวที่ผมสามารถตอบตัวเองและตอบมันได้ มันยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ก็แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์

“ถึงมึงจะไม่ชอบกูวันนี้ แต่กูจะทำให้มึงชอบกูให้ได้”

“กูจะรอวันนั้นนะ”

ผมพูดจบก็เดินหนีมันทันที ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย ป่านนี้มันจะคิดว่าผมให้ท่ามันหรือเปล่า เป็นผู้ชายพูดอะไรแรดๆแบบนั้นไปได้ไงว่ะ คิดแล้วก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด

ผมมาโรงเรียนพร้อมกับไอ้เพิร์ด ตลอดทางเราสองคนก็เอาแต่เงียบจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

“ไอ้นีซซซซ!!!!” :z12:

ไอ้เพลย์ที่เห็นผมเดินเข้าโรงเรียนมาพร้อมกับพี่มันก็ตะโกนเรียกผมทันที ตะโกนขนาดนี้มึงแหวกรูหูกูแล้วเข้าไปพูดในนั้นเลยดีกว่า

“ตะโกนทำห่าอะไร หูจะแตก”

“พี่ยังสบายดีใช่ไหม ผมคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่อีกแล้วซะอีก”

มันทำท่าปาดน้ำตาทั้งๆที่ไม่มีสักหยด เห็นแล้วผมอยากจะช่วยใช้เท้าอันสวยงามของผมเช็ดน้ำตาให้มันเหลือเกิน พวกมันเห็นผมเป็นคนโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรอ คนหล่อเสียใจนะแต่ไม่แสดงออก

“เว่อร์ไปแล้วไอ้เพลย์ มันจะกล้าทำไรพี่ ใช่ไหมครับน้องนีซ”

มันยังมีหน้ามาถามความคิดเห็นผมอีกนะ

“มึงเขินหรอว่ะไอ้นีซ”

ไอ้ทีมถาม มึงช่วยดูหน้ากูหน่อย เห็นควันที่ออกจากหูกูไหม ดูคิ้วที่ขมวดติดกันกับมุมปากที่ตกลงของกูด้วย กูกำลังโกรธ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าโกรธ

“เขินป้ามึงดิ”

ผมเดินหนีพวกมันที่หัวเราะผมอยู่ได้หน้ากูเหมือนตัวจำอวดหรือไง หัวเราะกันไปเลยนะ กูขอให้ลิ้นติดคอตาย
ตลอดทั้งวันผมใช้เวลาในการเรียน เรียน ส่วนเวลาในช่วงพัก ผมต้องเอามาใช้ทำรายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ และตอนนี้ผมกำลังนั่งปั่นรายงานอยู่ที่หน้าตึก ส่วนเพื่อนผมน่ะหรอ พอพักปุ๊บมันก็รีบไปปั๊บ ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพผมสักคำ ผมรู้ว่าผมเป็นที่รักของเพื่อนๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะรักผมกันขนาดนี้

“เป็นไงบ้างว่ะไอ้นีซ เกือบเสร็จยัง”

ไอ้ทีมที่เดินเข้ามากับไอ้เพลย์ถามผมที่ยังคงหลังสู้ฟ้าหน้าสู้กระดาษ A4

“ใกล้เสร็จแล้ว อีกสองคำ”

กว่าผมจะเขียนสองคำสุดท้ายเสร็จก็แทบจะขาดใจ และผมก็เข้าสู่สภาวะทิ้งตัว บิดซ้ายบิดขวาไล่ความเมื่อยออกไป

“อ่ะนี่ มีคนฝากมาให้”

ผมรับถุงใส่ฮ็อตด็อกมาจากไอ้เพลย์ และรีบกินทันทีโดยไม่ถามว่าใครเป็นคนฝากมาให้

“พี่เพิร์ดฝากมาให้ มึงก็ควรจะไปขอบคุณมันด้วยนะ”

เห็นไหม ถึงผมไม่ถามมันก็บอกผมอยู่ดี ผมกินเสร็จก็ถึงเวลาเรียนคาบบ่ายพอดี เป็นไงครับ ชีวิตผมน่าหรรษาไหม เวลาจะพักยังไม่มีเลย

หลังเลิกเรียนผมและเพื่อนๆก็ต้องมาซ้อมกีฬาสำหรับงานกีฬาสีที่จะมาถึงในอีก 3 วัน

“วันนี้ให้จับคู่แล้วอันเดอร์ลูกส่งให้กัน”

พวกผมสามคนใช้วิธีที่สืบทอดกันมาน๊านนานในการจับคู่

“โอลาน้อยออก!!!”

คว่ำ<<เพลย์  คว่ำ<<ทีม หงาย<<ผม หงาย<<ไอ้เพิร์ด คุณอยากรู้ใช่ไหมว่ามันมาจากไหน ผมก็อยากรู้เหมือนกัน

“ตกลงตามนี้นะ”

จบคำพูดไอ้เพิร์ด ไอ้ทีมกับไอ้เพลย์ก็แยกไปซ้อม

“จะยื่นงงอีกนานไหม รีบมาซ้อมสิ”

ผมเดินไปซ้อมกับมันอย่างงงๆ

 “เอาแรงมาแค่นี้หรอ”

ไอ้เพิร์ดมันพูดเมื่อผมอันเดอร์ส่งลูกไปให้มัน พูดอย่างนี้มันหยามกันชัดๆ เมื่อมันโยนมาอีกลูกผมก็ใส่แรงที่มีทั้งหมดส่งลูกกลับไปให้มัน แต่มันก็โต้กลับมาได้อย่างสวยงาม คิดหรอว่าผมจะยอม ผมรีบไปรับลูกที่พุ่งมาทันที แต่รับพลาดไปนิดเดียว ลูกวอลเล่ย์กระทบลงบนหน้าของผมเต็มแรงก่อนที่จะตกพื้นไปตามแรงโน้มถ่วงโลก :m25:

ตอนนี้หน้าผมชาไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่เมื่อความชาหายไปความเจ็บก็เข้ามาแทน ผมนั่งลงแล้วกุมหน้าไว้ตัวเองไว้ ไอ้เพิร์ดมันกินอะไรไปว่ะ ทำไมแรงเยอะขนาดนี้ หน้าผมไม่หักไปแล้วหรอ ผมเจ็บจนพูดไม่ออก ได้แต่นั่งน้ำตาเล็ดเช็ดหัวเข่า
ไอ้เพิร์ดรีบวิ่งมาดูผม นี่มันชอบผมหรือเกลียดผมกันแน่ว่ะ ใส่มาขนาดนี้กะจะให้หัวกูหลุดเลยใช่ไหม

“นีซเป็นไงบ้าง กูขอโทษ”

“ไอ้นีซ เลือดกำเดามึงไหล”

ผมจับที่จมูกตามที่ไอ้มดบอก จริงด้วยครับ เลือดกำเดาผมไหล

“ไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า เดี๋ยวกูพาไป”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่พาไปเอง”

ไอ้เพิร์ดบอกไอ้เพลย์ที่เป็นคนอาสา มันเดินไปเอากระเป๋าผมและกระเป๋าตัวเองมาสะพายแล้วเดินมาหาผม

“เฮ้ย! ปล่อยกู”

ผมร้องออกมาเมื่อไอ้เพิร์ดมันอุ้มผมขึ้นแล้วพาเดินออกไปท่ามกลางสายตานับยี่สิบคู่

“อยู่เฉยๆเหอะน่า เห็นไหมเลือดกำเดาไหลใหญ่แล้ว”

ผมที่ได้ยินมันบอกก็หยุดดิ้นแล้วเงยหน้าให้เลือดกำเดาไหลกลับไปตามเดิม มันพาผมมาที่รถมันที่จอดอยู่ใกล้ๆ

“มึงจะพากูไปไหน”

“กลับบ้าน”

เมื่อได้ยินดังนั้นผมจึงยอมนั่งนิ่งๆให้มันขับรถพากลับบ้าน มันแวะซื้อน้ำแข็งแล้วห่อผ้าเช็ดหน้าเอามาให้ผมประคบที่จมูกที่ตอนนี้น่าจะเริ่มแดงแล้ว

“เดินไหวไหม”

“กูไม่ได้เป็นง่อยนะ”

ผมตอบมันแล้วเดินเข้าบ้านอย่างทุลักทุเลเฮเฮฮาฮา ผมทิ้งตัวลงที่โซฟาตัวเดิม ก็บ้านผมมีโซฟาอยู่ตัวเดียวจะให้ไปนั่งตัวไหนล่ะครับ

“กูขอโทษ”

“จะขอโทษทำไม ไม่ใช่ความผิดมึงสักหน่อย”

ถึงผมจะหล่อแต่ผมก็มีเหตุผล(เป็นบางครั้ง)นะครับ

“เจ็บมากไหม”

“มึงลองมาโดนไหมล่ะ”

ผมเงยหน้าพิงพนักโซฟาแล้วหลับตา ผมรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่แก้ม ผมไม่ได้ลืมตาขึ้นมาห้ามเพราะรู้สึกล้าเกินกว่าจะลืมตาได้ เมื่อผมรู้สึกเสถียรในตัวเอง ผมก็เริ่มไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง ผมรู้สึกเหมือนร่างกายผมถูกปรับให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้นก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนสบาย

ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าผมนอนอยู่บนโซฟาด้วยชุดนักเรียน ผมมองหาไอ้คนที่มาอาศัยกับผมชั่วคราวแต่ก็ไม่พบ หรือมันจะกลับบ้านไปแล้ว แต่กระเป๋าเสื้อผ้ามันยังอยู่ ผมเดินขึ้นมาบนห้องก็พบว่าประตูเปิดอยู่ และบนเตียงก็ปรากฏร่างของคนที่ผมมองหาเมื่อกี้นอนหลับอยู่ด้วยชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้น ผมเดินผ่านมันไปอาบน้ำโดยไม่ปลุก คงจะเหนื่อยล่ะสิ งานประธานนักเรียนก็หนักแล้วยังต้องมาซ้อมนักกีฬาอีก

ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินมานั่งลงข้างๆมัน มันก็แปลกนะ ทั้งๆที่ผมไม่เคยทำดีกับมันเลยแต่มันก็ยังมาชอบผม มาคอยดูแลผม แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้ผมหวั่นไหวได้อย่างไร

“ขอบคุณนะครับพี่เพิร์ด” o18




หายหน้าหายตาไปนานเลย คิดถึงทุกคนจิมจิม  :monkeysad: พอดีช่วงนี้ต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อแม่ หลานที่ดีของปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาด้วยการตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือจนตาแฉะเสียก่อน อาทิตย์หน้าของอาทิตย์หน้าก็จะสอบแล้ว แต่ตัดใจไม่อ่านหนังสือแล้วเอานิยายมาลงให้ได้อ่านกันดีกว่า เราน่ารักใช่ป่ะล่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 6 || (17/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 17-12-2015 18:37:55
ตอนที่ 6


เสียงกลองที่ดังระงมอย่างกับเสียงชนเผ่าซาไกมาทำพิธีบูชายัน ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆกำลังเดินดูรอบๆงานกีฬาสี ใช่แล้วครับ วันนี้เป็นวันกีฬาสีวันแรก และก็เป็นวันที่พวกผมจะต้องแข่งวอลเลย์ด้วย รอบๆงานก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นซุ้มของกิน และเสียงกลองที่ได้ยินอยู่ตอนนี้ก็มาจากการเชียร์บอลที่กลางสนามระหว่างสีแดงกับสีชมพู

“ไอ้นีซ ไอ้ทีม ไอ้เพลย์ อีก 20 นาทีเจอกันที่สนาม ห้ามสายเด็ดขาด”

ไอ้มดบอกก่อนจะแยกไปกับเพื่อนมัน คุณสงสัยล่ะสิว่าคนอย่างไอ้มดมันมีคนคบด้วยหรอ ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเจอมันที่ไหนฝากถามด้วยนะ เพราะถ้าผมถาม มันได้ถอดรองเท้ามาปาหัวผมแน่ๆ

“นีซ”

ผมหันไปตามเสียงเรียกก็พบพี่เวฟและเหล่าพ้องเพื่อนกำลังเดินตรงมาทางพวกผม กีฬาสีโรงเรียนผมจะให้โรงเรียนที่อยู่ในเครือเดียวกันเข้ามาดูได้

“มาทำไมไม่ทราบ”

“วันนี้นีซแข่งวอลเล่ย์ใช่ไหมครับ”

พี่เวฟไม่สนใจไอ้เพลย์แล้วหันมาถามผมแทน

“ใช่ครับ”

“พี่จะรอเชียร์นะ”

“ไม่จำเป็น ไปกันเถอะ”

ไอ้เพลย์รีบลากผมกับไอ้ทีมออกมา

“มึงเป็นอะไรวะ แล้วพี่คนนั้นเป็นใคร”

ไอ้ทีมถามไอ้เพลย์ที่เดินหน้าหงิกหน้างอนำพวกผมไปที่โรงยิม

“ไม่มีอะไรหรอก”

ในโรงยิมยังไม่มีคนเท่าไหร่เพราะการแข่งยังไม่เริ่ม ผมเห็นไอ้มดกับเพื่อนในทีมกำลังซ้อมกันอยู่ที่สนาม พวกผมก็เข้าไปรวมกับทีมเพื่อซ้อมเหมือนกัน อีก 10 นาทีก็จะใกล้แข่งแล้ว เมื่อคนเริ่มทยอยเข้ามาพวกผมจึงหยุดซ้อมแล้วเข้าไปพักที่ห้องพักนักกีฬา
ผมและเพื่อนๆมานั่งรอที่เก้าอี้ตัวยาว ตอนแรกว่าจะไม่ตื่นเต้นแล้วนะ แต่ยิ่งใกล้แข่งยิ่งรู้สึกตื่นเต้น 

“ตื่นเต้นหรอ”

ไอ้เพิร์ดนั่งลงข้างๆผมแล้วถาม

“ก็นิดหน่อย”

มันหัวเราะแล้วหันมามองผม

“ทำให้เต็มที่ก็พอ และก็อย่าเอาหน้าไปรับลูกอีกล่ะ”

ไม่มีทางหรอก ผมเป็นคนเจ็บแล้วจำ ดีนะที่ครั้งนั้นดั้งไม่หัก ฟันไม่หลอ ไม่งั้นผมหมดหล่อแน่ๆ

“รู้แล้วน่า กูไม่โง่ขนาดจะเอาหน้าไปรับลูกอีกครั้งหรอก”

“ขอให้นักกีฬาทุกคนมารวมตัวกันที่ข้างสนามตอนนี้”

เสียงประกาศเรียกนักกีฬาที่ดังขึ้นยิ่งทำให้ผมตื่นเต้น ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะปวดฉี่ด้วย ขออย่างเดียว อย่าไปปล่อยกลางสนามก็พอ

“ไปข้างนอกกันเถอะ”

ผมเดินตามคนอื่นๆออกไปข้างนอก บนอัฒจันทร์มีคนนั่งอยู่จนเต็ม มาทำไมกันเยอะแยะวะ ไม่เคยเห็นคนแข่งวอลเลย์กันหรือไง  ผมมองขึ้นไปก็เห็นพี่เวฟโบกมือมาให้ ผมยิ้มตอบไปตามมารยาท ไอ้เพิร์ดยืนกอดอกมองผมแล้วทำหน้าบึ้ง เหมือนกันเลยทั้งพี่ทั้งน้อง กูไปขโมยกางเกงในมึงมาใส่หรือไงถึงไม่พอใจขนาดนั้น

“เลิกทำหน้าอย่างนั้นเลยนะ กูเห็นแล้วเมื่อยว่ะ”

ผมเลิกสนใจมันแล้วฟังพี่ที่เป็นโค้ชอธิบายแผนการเล่น นี่ผมจะแข่งวอลเลย์นะครับ ไม่ได้จะไปทำสงครามครูเสด อธิบายยาวเหยียดซะขนาดนี้แล้วผมจะเอาไปเก็บไว้ส่วนไหนของสมองล่ะเนี่ย

ผมและเพื่อนๆเดินลงสนาม เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์ดังสนั่นจนหลังคาโรงยิมกระพือ  ผมเข้าประจำตำแหน่งรอสัญญาณจากกรรมการให้เริ่มเกม

ปรี๊ดดดดดดด!!

เสียงนกหวีดดังขึ้น สีแดงเสิร์ฟลูกข้ามมาฝั่งผม ไอ้เพลย์รับลูกไว้ได้แล้วส่งต่อให้ไอ้ทีมที่ตั้งขึ้นให้ผมที่รออยู่หน้าเนตกระโดดขึ้นไปตบ แต่ว่า

พรึบ!

โปรดอย่าสงสัยนั้นคือเสียงความบรรลัยของผม ทันทีที่ผมกลายเป็นปลาดุกติดอวนเสียงหัวเราะก็ดังระงมหอยขมไปทั้งสนาม ผมรีบออกมาตั้งหลังห่างจากเนตทันที ไอ้เนตบ้านี้ก็จะสูงไปถึงไหน มึงจะสูงให้ถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลยหรือไง

“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า”

ไอ้ทีมรีบมาดูผม มึงไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งเป็นห่วงกูเลย เมื่อกี้เสียงหัวเราะมึงดังไปเข้ารูหูเทพีเสรีภาพเลยมั้ง

“กูไม่เป็นไร เลยต่อๆ”

ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงคนรอบข้างแล้วแข่งต่อ ผม Spirit สูงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงผมก็ต้อง The show must go on ผมรู้นะว่าคุณกำลังว่าผมหน้าด้านอยู่ใช่ไหมล่ะ ผมไม่เถียงหรอกเพราะว่าผมหล่อ  :m19:

การแข่งเริ่มต้นอีกครั้งอย่างดุเดือด อีกฝ่ายรุกอีกฝ่ายรับ อีกฝ่ายรับอีกฝ่ายรุก ผมแข่งวอลเลย์นะครับ ไม่ใช่แทงสนุ๊ก เดี๋ยวจะเข้าใจผิด สงสัยล่ะสิว่าทำไมต้องไปเปรียบกับสนุ๊ก ไม่มีอะไรหรอก มันแค่คล้องดีเลยเอามาเปรียบเฉยๆ  เสียงเชียร์ยังคงดังเรื่อยๆไม่มีหยุด ยิ่งใกล้จบเซตสุดท้ายเกมก็ยิ่งสนุก

ปรี๊ดดดดด!!

เสียงเป่านกหวีดดังขึ้นเมื่อลูกวอลเลย์ตกลงที่สนามเพื่อทำแต้มสุดท้ายให้กับทีมที่ชนะ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่ทีมผม!! ก็น่าจะเดาได้ตั้งแต่ผมติดตาข่ายตั้งแต่ขึ้นตบลูกแรกแล้วนะ แต่ผมก็ไม่เสียใจหรอกนะ เพราะผมทำเต็มที่แล้ว และเพื่อนทุกคนก็คิดเหมือนกับผม

“ไม่เป็นไรเว้ย เดี๋ยวกูจะเอาที่หนึ่งมาแทนพวกมึงเอง”

ไอ้มดพูดก่อนจะไปเตรียมตัวแข่งทีมต่อไป ส่วนผม ไอ้เพลย์ และไอ้ทีมก็เดินออกมาเพื่อจะไปล้างหน้าล้างตา
“พี่คะๆ นี่น้ำค่ะ หนูชอบพี่มากๆเลยนะคะ โดยเฉพาะตอนที่พี่ติดตาข่าย พี่ดูดีมากเลยค่ะ หนูชื่อจิตนะคะ จิตตรา จำไว้นะคะ จิตตรา จิตตรา”

น้องผมเปียแว่นหนาเตอะพูดเสร็จก็รีบวิ่งไป พี่ว่าน้องน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นโรคจิตดีกว่า ดีนะที่น้องเขาไม่ได้อยู่โรงเรียนนี้ ถึงผมจะชอบให้มีคนมาชอบ แต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ

“มึงนี่มันเสน่ห์แรงจริงๆว่ะ”

ไอ้เพลย์พูดแล้วหันไปหัวเราะกับไอ้ทีม อิจฉากูล่ะสิ หาแฟนคลับได้แปลกไม่เท่ากูแล้วมาอิจฉา

“กูยกให้มึงเอาไหมล่ะ”

พวกมันรีบส่ายหน้าจนหัวจะกระเด็นหลุดไปสมุทรสงครามแล้วรีบเดินหนีผมทันที กูอุตส่าห์ใจดีมีเมตตากรุณายกให้มึงเลยนะ ยังไม่ยอมรักษาน้ำใจกูอีก

“อ้าว มึงยังอยู่อีกหรอ นึกว่าติดแหไปกับชาวประมงซะแล้ว”

ปากอย่างนี้น่าเอากีวี่ขัดจริงๆ กีวี่ขัดรองเท้านะครับไม่ใช่ผลไม้

“พูดอย่างนี้อยากโดนเพ็ดดีกรียัดปากใช่ไหม” :angry2:

“โห นั่นของโปรดกูเลยนะ” :m3:

เอากับมันสิครับ เล่นซะกูต่อไม่ได้เลย เมื่อตอบโต้มันไม่ได้ ทางเดียวก็คือเดินหนีสิครับ

“จะรีบไปไหนล่ะ คนเขาอุตส่าห์เอารางวัลปลอบใจมาให้”

ผมหันกลับไปหามันทันที ผมไม่ได้อยากรู้เลยนะว่ามันเอาอะไรมาให้ และก็ไม่อยากได้ด้วย

“ไหนล่ะ แต่กูบอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่หรอก”

ไอ้เพิร์ดล้วงไปหยิบของบางอย่างมาจากกระเป๋ากางเกง

“แบมือมาสิ”

ผมยื่นมือไปตามคำสั่งไอ้เพิร์ด มันวางของลงบนมือผม เป็นหินสีฟ้าก้อนเล็กๆที่ร้อยติดกับสร้อยสีดำ

“มันคือ”

“Tourmaline มันจะช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายและจิตใจ”

“แล้วมึงเอามาให้กูทำไม”

“กูให้เพราะอยากให้ และหินนี้ก็มีความสำคัญกับกูมาก มึงต้องดูแลให้ดี”

เป็นคำตอบที่คนรวยๆเขาตอบได้เท่านั้น และหินนี้ก็คงจะแพงน่าดู

“มึงเอาคืนไปเถอะ เก็บไว้กับกู เดี๋ยวกูก็เอาไปจำนำหรอก”

ผมไม่ทำหรอกครับ ก็แค่แกล้งมันเล่นๆ แต่ที่มันบอกว่าเป็นของสำคัญ ถ้าสำคัญจริงๆแล้วจะเอามาให้ผมทำไม

“กูรู้ว่ามึงไม่ทำหรอก กูให้แล้วมึงก็ต้องรับไว้ดิ ห้ามปฏิเสธ”

มันพูดจบก็เดินจากไปไม่ปล่อยโอกาสให้ผมได้ปฏิเสธอีก มันต้องคิดจะแกล้งผมแน่ๆ ถ้าผมทำหินหาย มันก็จะให้ผมชดใช้ เมื่อผมไม่มีเงินมันก็จะให้ผมชดใช้ด้วยร่างกาย โดยให้ผมไปเป็นทาสตัวน้อยๆในเรือนเบี้ยของมัน ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เพราะฉะนั้น ผมก็จะเก็บรักษาหินนี้ไว้ให้ดีที่สุด

“อ่ะ”

ผมหันไปมองคนที่ยื่นกระป๋องน้ำเป๊ปซี่มาให้ผมจากข้างหลัง

“ผมคิดว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก”

“กำลังจะกลับแล้วล่ะ แต่แวะเอาไอ้นี่มาให้เราก่อน”

พี่เวฟยื่นกระป๋องเป๊ปซี่มาให้ผมอีกที

“ขอบคุณครับ แล้วเพื่อนพี่ไปไหนกันหมด”

“พวกนั้นไปรอที่หน้าโรงเรียน แล้วนีซจะไปไหนต่อหรอ”

“ผมว่าจะกลับบ้านเลย”

“เอางี้ไหม วันนี้พี่จะไปหาอะไรกินกับเพื่อน ไปด้วยกันสิ”

ผมควรจะปฏิเสธใช่ไหมครับ ผมต้องเกรงใจสิ เราไม่ได้สนิทกันซะหน่อย

“แล้วเพื่อนพี่จะไม่ว่าหรอ”

“ก็คิดซะว่าไปเลี้ยงเพื่อมิตรภาพ”

ผมชอบประโยคนี้จัง ไปเลี้ยงเพื่อมิตรภาพ แล้วอย่างนี้ผมจะปฏิเสธลงได้ไงกันล่ะครับ



ผมกับกลุ่มพี่เวฟมาเลี้ยงกันที่ร้านๆหนึ่ง ผมเคยผ่านร้านนี้มาหลายครั้งแต่ไม่เคยคิดที่จะเข้าไป เพราะสภาพภายนอกอย่างกับไม่ได้ล้างมาเกือบล้านปี แต่พอเข้ามาข้างใน ผมบอกเลยว่า ไม่ค่อยจะต่างจากข้างนอกสักเท่าไหร่ กูเปลี่ยนใจกลับตอนนี้ยังทันไหมว่ะ นี่มันแหล่งมั่วสุมชัดๆ หน้าตาคนที่อยู่ข้างในก็ช่างเข้ากับสถานที่เหลือเกิน กูเชื่อเลยว่าพวกมึงเกิดมาเพื่อสิงอยู่ที่นี่จริงๆ

“อ้าวไอ้เวฟ ไอ้บิ๊ก ไอ้กี่ ไอ้เน หายไปนานเลยนะ แล้วนั้นพาใครมาด้วยว่ะ เด็กใหม่หรอ”

พี่ที่หน้าเหมือนขวดน้ำปลาเข้ามาทักพี่เวฟและเพื่อนๆ

“นี่นีซ เป็นรุ่นน้องผมเอง”

“น่ารักดีว่ะ”

มันพูดแล้วเอามือมาลูบแก้มผม เอามือเหม็นเค็มมึงออกไปเลยนะ เหม็นขนาดนี้มึงเกิดในนาเกลือหรือไงว่ะ ผมปัดมือมันออกแรงๆ แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปจัดการมันที่บังอาจเอามือสากๆอย่างกับหนังอีกัวน่ามาสัมผัสกับแก้มผมพี่เวฟก็พูดขึ้นมาก่อน

“คนนี้ไม่ได้ครับ”

คำพูดที่สุภาพแต่ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆทำให้คนฟังเกิดอาการกลัวขึ้นมาได้ ไอ้หน้าปลาลิ้นหมารีบขอโทษแล้วหายไปทันที

“พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะครับ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า”

พี่เวฟพาผมเดินเข้าไปข้างหลังร้านที่เป็นห้องๆหนึ่ง ภายในถูกตกแต่งอย่างดี มีโต๊ะสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ถูกล้อมด้วยโซฟาสีเบจ ผมนั่งลงอย่างเกร็งๆ ไม่ให้เกร็งได้ไง ก็ดูไอ้พี่บิ๊กมันจ้องผมสิ ไม่รู้ว่าจะเอาแจกันราชวงศ์หมิงที่ตั้งอยู่มุมห้องมาฟาดหัวผมตอนไหน มันคงโกรธเรื่องวันนั้นอยู่แน่ๆ ผมนั่งเกร็งได้สักพักก็มีคนเอาอาหารและเครื่องดื่มที่ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินL แอลกอฮอล์น่ะครับ บอกเลยว่างานนี้ผมขอผ่าน หลังจากนั่งคุยกันไปเรื่อยๆผมก็เริ่มสนิทกับเพื่อนพี่เวฟ พวกพี่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิด ผมเข้ากับพี่บิ๊กได้ดีที่สุด อาจจะเป็นเพราะนิสัยที่คล้ายๆกัน

“มึงไม่กินหน่อยหรอว่ะไอ้นีซ อย่างนี้มันจะสนุกอะไร”

พี่บิ๊กยื่นแก้วที่มีเหล้าอยู่เต็มมาให้ผม

“ไม่ดีกว่า”

“อะไรว่ะ อ่อนหรอมึง” :hao3:

คนที่เหลือก็หัวเราะเยาะผมกันใหญ่ ผมไม่ได้อ่อนนะครับ คนอ่านก็รู้เหตุผลของผมใช่ไหม แต่โดนหยามกันอย่านี้มีรึผมจะยอม คนอย่างไอ้นีซสุดหล่อไม่มีทางยอมอยู่แล้ว

“แก้วเดียวพอนะพี่”

ผมรับแก้วมาแล้วทำใจสักพักก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม แต่แอลกอฮอล์ยังไม่ทันออสโมซิสผ่านลิ้นแก้วที่อยู่ในมือผมก็ถูกกระชากออกไปโดยคนที่ผมไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ มันกระดกเหล้าในแก้วรวดเดียวหมด

“มึงมาได้ไง”

มันไม่ตอบแต่กระชากแขนผมให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามมันไป ผมฝืนตัวเองสุดแรงแล้วสะบัดแขนให้หลุดจากมือไอ้เพิร์ดแต่ก็ไม่เป็นผล มึงบีบแรงขนาดนี้เอารถสิบล้อมาทันแขนกูเลยดีกว่าไหม

“กูต้องถามมึงมากกว่าว่ามากับพวกมันได้ไง”

“นั่งรถมา”

ผมลอยหน้าลอยตาตอบมันไป ผมไม่ได้กวนนะ แค่ตอบตามความเป็นจริง

“มึงนี่นะ กูบอกอะไรทำไมไม่เชื่อบ้าง”

มันพูดอย่างหัวเสีย ผมทำอะไรผิด ผมจะไปไหนมาไหนกับใครแล้วไปหนักหัวเข่ามันหรือไง

“เราแค่พานีซมาเลี้ยงเพื่อทำความรู้จักกันเท่านั้น ไม่เห็นต้องเครียดเลย”

พี่เวฟบอกกับไอ้เพิร์ด แต่ยิ่งทำให้มันอารมณ์เสียมากขึ้น มันปล่อยแขนผมแล้วเดินเข้าไปหาพี่เวฟ

“กูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกัน”

แล้วพี่เวฟกับไอ้เพิร์ดก็เดินออกไปทิ้งให้ผมยื่นงงเป็นงูหารูไม่เจอ ผมรู้นะว่าคนอ่านอยากเปลี่ยนไปให้ไอ้เพิร์ดเล่าเรื่องแทน เสียใจด้วยนะครับตอนนี้ผมจอง และก็จองยาวจนเกือบจบเรื่องเลยล่ะ

“มึงเป็นอะไรกับไอ้เพิร์ดว่ะ” :m12:

พี่กี่ถามผม ตอนนี้ผมเปลี่ยนจากยื่นงงมาเป็นนั่งงงแทนแล้วครับ

“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่”

“กูไม่เชื่อหรอก แต่ถ้ามึงไม่อยากบอกกูก็จะไม่ถาม”

แล้วพวกพี่เขาก็นั่งดื่มสุราเมรัยกันต่อโดยไม่เป็นห่วงเพื่อนที่ออกไปข้างนอกเลยสักนิด

เกือบสิบนาทีไอ้เพิร์ดกับพี่เวฟก็เดินเข้าห้องมา พี่เวฟเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่นิ่งๆ ส่วนไอ้เพิร์ดก็ทำหน้าอย่างกับโดนพี่เวฟจับปล้ำหรือไม่ก็โดนบังคับให้ทำคลอดยุงก้นปล่องมา

“กลับกันเถอะ”

ไอ้เพิร์ดเดินมาบอกผมนิ่งๆ

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

ผมบอกลาทุกคน ไอ้เพิร์ดรีบจูงผมออกไป มึงจะสนตะพายกูด้วยเลยไหม

“ครั้งหน้าห้ามไปที่แบบนั้นอีกนะ มันอันตราย”

ไอ้เพิร์ดขับรถออกมาอย่างเร็วปานลมตดของกบตัวผู้

“เป็นห่วงกูล่ะซี่”

ผมแกล้งแซวเผื่อมันจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง และก็ได้ผลด้วยเมื่อไอ้เพิร์ดหันมายิ้มให้ผม ยิ้มซะหล่อเลยนะมึง หล่อเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะ เกรงใจคนหล่อไม่สร่างแบบกูบ้าง กูสร่างขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วมึงจะหนาว

“คิดไปเองนะมึง”

เพล้ง! อย่าเดินมาใกล้ผมนะครับ เดี๋ยวเศษหน้าผมบาดเอา :o11:

“ถ้ามึงไม่เป็นห่วงกูก็จอดรถเลย เดี๋ยวกูกลับเอง”

มันจอดจริงครับ ไอ้หอกเกือบหัก กูประชดมึงเว้ย เรื่องที่อยากให้ฉลาดนี่โง่จริงๆเลย

“ลงไปสิ”

เอาไงดีว่ะ นี่ก็จะมืดแล้ว แถวนี้ก็เปลี่ยวจิตเปลี่ยวใจอีกต่างหาก มึงไม่คิดจะง้อกูหน่อยหรอวะ มึงชอบกูไม่ใช่หรอ ผมค่อยๆเปิดประตู ก้าวเท้าซ้ายออกจากรถแล้วตามด้วยเท้าขวา

“กูล้อเล่น”

ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวาและประตูกลับเข้าสู่ที่เดิมทันที

“กูโกรธมึง และจะไม่พูดกับมึง 1 ชั่วโมง” o12

ในเมื่อมันบอกว่าสิ่งที่มันกลัวมากที่สุดคือการที่ไม่ได้คุยกับผม ผมก็จะลงโทษมันด้วยวิธีนี้นี่แหละ

“กูขอโทษ จะให้กูทำอะไรกูก็ยอม” :m5:

ผมหูกระดิกทันทีที่ได้ยินข้อเสนอจากมัน

“ทำทุกอย่างจริงหรอ” :interest:

“เปลี่ยนเป็นเกือบทุกอย่างได้ป่ะ”

“งั้นกูไม่คุยกับมึง 2 ชั่วโมง”

“โอเคๆ ทุกอย่างก็ทุกอย่าง”




 o21 :freeze:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 6 || (17/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-12-2015 23:35:43
นีซน่ารักเหมือนเดิม อิอิ

โกรธก็ยังน่ารัก (เพ้อ)


ตกลงพี่เวฟมีปมหลังอะไร??
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 7|| (20/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 20-12-2015 20:18:31
ตอนที่ 7


สวัสดีครับ ผม เพิร์ดเอง คนอ่านคงจะสงสัยเรื่องผมกับไอ้เวฟล่ะสิ วันนี้ผมจะเล่าให้ฟัง

(ไอ้เพิร์ด!  :angry2: กูบอกแล้วไงว่าตอนนี้กูจอง มึงอยากเล่าก็ไปเปิดเรื่องใหม่เล่าไป๊)

จบพาร์ทไอ้เพิร์ดครับ เรามาต่อเรื่องของผมกันดีกว่า น่าฟังกว่าเยอะเลย เนอะๆๆๆ

งานกีฬาสีจบต่อมาก็เป็นช่วงเวลาแห่งการสอบกลางภาค ตอนนี้ผมกำลังเอาเป็นเอาตายกับการอ่านเคมี ผมสงสัยจริงๆว่ารัชกาลที่ 5 เลิกทาสไปแล้วแต่ทำไมผมยังเจอมันอยู่ในหนังสือเคมีอยู่เลย

“หิวน้ำ”

ผมบอกคนที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ส่วนผมนั่งอยู่บนพรมหน้าโซฟาที่ไอ้เพิร์ดนั่งอยู่

“คร้าบบบ”

มันยื่นแก้วที่มีน้ำเย็นอยู่จนเต็มมาให้ผมแล้วมันก็สนใจทีวีต่อ

“อยากกินส้ม”

ไอ้เพิร์ดลุกไปหยิบตะกร้าส้มในครัวมาวางบนโต๊ะให้ผม

“ปอกให้หน่อยเดี๋ยวมือเลอะ”

“จะให้ป้อนด้วยไหม”

ผมพยักหน้าให้มันแล้วอ้าปากรับส้มที่มันจ่ออยู่ที่ปาก ผมเงยหน้ามองมันที่หัวเราะ

“หัวเราะอะไร”

“หัวเราะคนแถวนี้แหละ”

ผมเลิกสนใจมันแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ปากก็กินส้มที่ไอ้เพิร์ดป้อนให้ ใครจะสบายไปกว่าผมไม่มีอีกแล้ว

“พักก่อนเถอะ”

ไอ้เพิร์ดบอกผมที่นั่งอ่านหนังสือติดต่อกัน 6 ชั่วโมง ไม่หล่ออย่างผมทำไม่ได้นะเนี่ย

“อืม”

ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที แค่อ่านหนังสือเหมือนโดนสูบพลังงานไปห้าหมื่นสองพันกิโลจูน แค่แรงที่จะกลืนน้ำลายยังไม่มีเลย

“พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อก็ได้”

ผมส่ายหน้าทั้งที่ยังฟุบอยู่กับโต๊ะ

“เดี๋ยวอ่านไม่ทัน”

“ให้กูช่วยติวไหม”

“ได้หรอ”

ผมเงยหน้ามองมันที่ก้มตัวลงมามองผมอยู่

“ได้สิ แต่วันนี้มึงต้องพักก่อน”

“ก็ได้”

“หิวไหม”

เป็นคำถามที่ผมอยากได้ยินมากที่สุดตอนนี้

ผมนั่งมองข้าวผัดที่วางอยู่ตรงหน้าผม ถ้าไอ้เพิร์ดไม่บอกว่านี่คือข้าวผัดผมจะนึกว่ามันคือข้าวเปล่าโรยงาดำใส่หมู มันยังอุตส่าห์ทอดไข่ดาวโปะหน้ามาให้ด้วยนะ

“กูกินไปแล้วจะตายไหมวะ”

“คนเขาอุตส่าห์ทำให้กิน”

มันทำหน้างอนผม มึงงอนให้ตายกูก็ไม่กระเดือกมันลงคอไปหรอก

“ทำไมมีแค่จานเดียว แล้วของมึงล่ะ”

“เดี๋ยวกินมาม่า นี่กูเสียสละให้มึงเลยนะเนี่ย”

กูโครตซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลท่วมบ้าน o7

“งั้นกูเสียสละคืนให้มึงแล้วกัน”

ผมเลื่อนจานที่บรรจุสิ่งที่ไอ้เพิร์ดเรียกว่าข้าวผัดไปทางมัน แต่มันก็เลื่อนคืนมาให้ผม ผมก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ผ่านไปสักพักเราก็ตกลงกันว่า

“งั้นเดี๋ยวกูต้มมาม่าให้ละกัน”

แล้วผมก็ได้กินอาหารอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแป้ง แป้ง และก็แป้ง

“ล้างจานด้วย”

ผมเลื่อนถ้วยไปให้ไอ้เพิร์ดแล้วเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำทันที มีไอ้เพิร์ดอยู่ด้วยก็สบายดีนะ

ครืด ครืด ครืด

เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่โต๊ะดังขึ้นตอนที่ผมเดินออกจากห้องน้ำพอดี

“สวัสดีครับแม่”

‘เป็นไงบ้างลูก ยังไม่ได้พังบ้านแม่ใช่ไหม’

“แม่อ่ะ ผมโตแล้วนะ แล้วปู่กับย่าเป็นไงบ้าง”

‘บ่นคิดถึงแกใหญ่เลย บ่นวันละสามเวลาหลังอาหารเลยล่ะ’

“ผมฝากบอกปู่กับย่าด้วยนะครับว่าผมคิดถึง ถ้าว่างแล้วผมจะไปหา”

‘เดี๋ยวแม่บอกให้ ใกล้สอบแล้วใช่ไหม’

“ครับ อีกสองวัน”

‘ลูกก็ต้องพักผ่อนเยอะๆนะ อย่ามัวแต่อ่านหนังสือ’

“ครับ”

‘งั้นแค่นี้นะ อีกสองวันเจอกัน’

ผมล้มตัวนอนบนเตียงด้วยสมองที่อัดแน่นไปด้วยสูตรเคมี นี่ถ้าเอาสูตรเคมีไปต้ม ผมคงจะอิ่มไปอีกแปดชาติ

พรึบ!

ผมเด้งตัวนั่งทันที ไฟดับ! มาดับอะไรตอนนี้ ผมหยิบโทรศัพท์มาเปิดไฟฉายแล้วเดินลงไปข้างล่าง ทำไมเงียบจัง ไอ้เพิร์ดมันทำอะไรอยู่ หรือจะหลับไปแล้ว

“เพิร์ด”

ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

“ไอ้เพิร์ด”

เงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่

“เฮ้ย! แบตมาหมดอะไรตอนนี้วะ”

ผมคลำทางจนเดินไปถึงโซฟาก็เห็นไอ้เพิร์ดหลับอยู่ มึงจะหลับเร็วไปไหน ตื่นมาวังเวงเป็นเพื่อนกูก่อน ไฟดับแถมฝนก็ทำท่าจะตกอีก จะน่ากลัวไปถึงไหน ผมเบียดตัวนั่งบนโซฟาที่ไอ้เพิร์ดนอนอยู่

“เพิร์ด เพิร์ด”

ผมเขย่ามันแต่ก็ไร้วี่แววว่ามันจะแหกเปลือกตาตื่นขึ้นมา

“เพิร์ด ไอ้เพิร์ด”

ผมเขย่ามันแรงขึ้นแต่มันก็ยังไม่ตื่น มึงหลับหรือมึงตายกันแน่ กูเรียกมึงจนข้างบ้านจะตื่นมาขว้างกะละมังใส่หัวกูอยู่แล้ว
ผมก้มไปมองมันใกล้ๆเพื่อดูว่ามันแกล้งหลับหรือเปล่า ทั้งเรียกทั้งเขย่าก็ยังไม่ยอมตื่น

“เฮ้ย! มึงจะทำอะไร”

ไอ้เพิร์ดมันลืมตาแล้วดึงผมให้ล้มลงไปทับบนตัวมัน

“อยู่เฉยๆสิ กูหนักนะ”

“หนักก็ปล่อยกูสิวะ”

“ไม่ปล่อย

“ไอ้เพิร์ดปล่อย”

“ขออยู่อย่างนี้ 5 นาทีนะ”

มันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ผมต้องยอมอยู่เฉยๆตามคำขอร้องของมัน ผมมองมันที่มองผมกลับมาเหมือนกัน เรามองกันไปมองกันมา นี่ถ้ากูมีมดลูกคงจะท้องแฟดสามแล้วล่ะ

“มึงจะมองกูอีกนานไหม”

“ขอมองตลอดชีวิตได้ป่ะ”

เอาแล้วไง ไม่น่าเปิดปากถามมันเลย แล้วทีนี้จะตอบยังไงล่ะเนี่ย เงียบใส่แม่งเลยละกัน

“นีซ มึงเริ่มชอบกูบ้างหรือยัง”

“จะถามทำไม แค่กูไม่ไล่มึงไปยังไม่พออีกหรอ”

“ถ้ารำคาญเมื่อไหร่ก็บอกนะ แต่กูก็จะอยู่ให้มึงรำคาญต่อไป”

อีปลาดุกผัดฉ่า แล้วมึงจะให้กูบอกทำมะเขือเปราะทำไมวะ

“นี่กูคิดถูกหรือคิดผิดวะที่ชอบมึงจนได้”

“มึงพูดว่าอะไรนะ”

ไอ้เพิร์ดมันดันตัวผมให้มานั่งลงบนโซฟาทันทีที่ได้ยินผมพูด

“ไฟมาแล้ว ฮ้าววว ง่วงจัง ไปนอนก่อนนะ” :onion_asleep:



“นีซ ตื่นได้แล้ว”

ผมพลิกตัวหนีมือที่เขย่าตัวผมอยู่ตอนนี้

“นีซซซซ”

ถ้ามึงจะเขย่าแรงขนาดนั้นก็ถีบกูเลยเถอะ

“อะไรของมึงเนี่ย ไม่มีอะไรทำหรือไงถึงได้มากวนคนอื่นแต่เช้าเนี่ย”

ผมลุกขึ้นมาโวยวายใส่คนที่มากวนการนอน ส่วนคนที่โดนด่าน่ะหรอ คิดว่ามันจะสลดกับคำด่าของผมไหม การยิ้มจนเห็นฟันครบ33ซี่ของมันเป็นคำตอบได้ดี อย่าว่าผมโง่นะครับ ผมรู้ว่าคนเรามีฟัน32ซี่ แต่ที่ผมบอกว่า33ซี่ เพราะผมนับฟันคุดมันด้วย

“กูอยากได้ยินที่มึงพูดเมื่อวานอีกครั้ง”

มึงจะพูดขึ้นมาอีกทำไม กูอุตส่าห์แกล้งลืมแล้วนะ แกล้งหลับตอนนี้ทันไหมเนี่ย

“พูดอะไร กูไม่รู้กูเมา”

มันยิ้ม มึงคิดว่ายิ้มแล้วหล่อหรือไง เออ มึงคิดถูก แต่มึงจะยิ้มให้เปาบุ้นจิ้นหน้าขาวเลยหรือไง

“มึงหยุดยิ้มไปเลยนะ”

“ไม่หยุด”

มันไม่หยุดยิ้มแถมยังเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกครึ่งฟุต มึงยิ้มให้เหงือกแห้งไปเลยนะ

“หยุด”

“ไม่หยุด”

เข้ามาใกล้อีกครึ่งของครึ่งฟุต

“หยุด”

“ไม่หยุด”

เข้ามาใกล้อีกครึ่งของครึ่งของครึ่งฟุต งง งง งงล่ะสิ คนอ่านไม่งงได้ไง ผมยังงงเลย แล้วผมก็เชื่อว่าคนพิมพ์ก็งงเหมือนกัน
หน้าผมกับหน้ามันอยู่ห่างกันแค่หนึ่งคืบ ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของมัน แต่มันคงสัมผัสลมหายใจของผมไม่ได้เพราะผมกลั้นหายใจอยู่ แหม ตอนเช้าๆใครก็ไม่มั่นใจในกลิ่นปากตัวเองทั้งนั้นแหละ

“ออกไป”

“ไม่ออก จนกว่ามึงจะบอกว่าชอบกู”

ใกล้ไปแล้ว ใกล้ไปแล้ว มึงจะเข้าไปตั้งรกรากในโพรงจมูกกูเลยไหม กดดันกูมากๆเดี๋ยวกูก็สะบัดรังแคใส่เลยหนิ

“ไม่”

“ไม่หรอ”

“เออๆ!! กูชอบมึง พอใจหรือยัง!!”

ผมรีบตอบก่อนที่ปากบางๆอย่างกับกระดาษดับเบิ้ลเอของมันจะโดนปากผม

“งั้นเรามาเป็นแฟนกันนะ”

ผมอึ้งกับคำพูดของมัน มึงจะพูดอะไรช่วยปรึกษาหัวใจกูบ้าง ถ้ากูช็อกตายไปแล้วมึงจะเป็นแฟนกับใคร เฮ้ย! นี่ผมคิดอะไรเนี่ย ผมไม่ได้อยากเป็นแฟนกับมันนะ ไม่เลยจริงๆ

“ใคร ใครจะเป็นแฟนกับมึง มึงเป็นไปคนเดียวเถอะ”

ผมรีบลุกจากเตียง กะว่าจะเดินหนีเข้าห้องน้ำแล้วก็แกล้งนั่งขี้สักสองชั่วโมงแต่ไอ้เพิร์ดมันรู้ทันก็เลยดึงแขนผมไว้ ด้วยแรงควายธนูของมัน ทำให้ร่างอันบอบบางอย่างกับล้อยางรถยนต์ของผมปลิวไปตามแรงดึงปะทะเข้ากับตัวมันอย่างแรง

“ขอโทษ เจ็บไหม” :m5:

“กูไม่ใช่เสาหินเคลือบด้วยทองแดงแล้วก็โบกทับด้วยปูนซีเมนต์นะจะได้ไม่เจ็บ”

“งั้นกูจะไถ่โทษโดยการดูแลมึงตลอดชีวิต ดีไหม”

“ก็ดีเหมือนกัน เฮ้ย! ไม่ดีๆ มึงจะมาดูแลกูทำไม กูดูแลตัวเองได้”

พลาดแล้วกู ดูไอ้เพิร์ดมันยิ้มใหญ่เลย

“ปล่อย จะไปอาบน้ำ”

“ก็ได้ เดี๋ยวลงไปรอข้างล่างนะ”

ทันทีที่มันปล่อยผมก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ไอ้หัวใจบ้านี้ก็เต้นแรงเหลือเกิน กลัวกูไม่รู้หรือไงว่าหวั่นไหวกับไอ้เพิร์ด
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หอบหนังสือเดินลงไปข้างล่าง เห็นไอ้คนที่เป็นต้นเหตุให้ผมหัวใจเต้นแรงนอนดูทีวีอยู่บนโซฟา มึงทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเองเลยเนาะ ท่าทางจะสบายกว่าเจ้าของบ้านอย่างกูอีกนะ

“อ้าว มานั่งนี้สิ”

ดูมันยังมีหน้ามาเชิญผมนั่งอีกนะ ต้องให้กูตะโกนใส่หน้ามึงไหมว่านี่บ้านกู ผมก็ตะโกนได้แค่ในใจเท่านั้นแหละ เพราะสุดท้ายผมก็เดินไปนั่งตามที่มันบอก

“อ่ะ”

ผมยื่นหนังสือที่หอบมาไปให้ไอ้เพิร์ด มันมองหน้าผมเป็นเชิงถามว่า มึงจะเอามาให้กูทำไม ผมก็มองตอบมันไปว่า กูเอามาให้มึงแดกแทนข้าวล่ะมั้ง

“เมื่อวานมึงบอกว่าจะติวให้กู”

“หรอ” :m28:

ไอ้เพิร์ดมันทำหน้าทำตาชวนให้ผมอยากตีลังกาสองตลบแล้วก็หกกบไปตบหน้ามันเหลือเกิน

“ถ้ามึงจำไม่ได้ก็กลับบ้านไปเลย กูอ่านเองก็ได้”

“ล้อเล่นน่า ติวหนังสือให้แฟนแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้”

คำว่าแฟนออกจากปากไอ้เพิร์ดทีไรทำไมผมจะต้องรู้สึกร้อนๆที่หน้าทุกที ผมทำหน้าบึ้งใส่มัน ให้มันรู้ว่าผมไม่พอใจที่มันเรียกผมว่าแฟน แต่อย่าให้มันอ่านใจผมได้เลย คนอ่านก็อย่าไปบอกมันนะว่าผมคิดอะไร

1 ชั่วโมงผ่านไปแต่ความรู้สึกผมเหมือนเพิ่งผ่านไปแค่ 1 นาทีเท่านั้น ไอ้เพิร์ดมันจริงจังกับการติวให้ผมมาก มันนั่งทำหน้าเครียดกับการตรวจโจทย์เลขที่ผมทำเสร็จแล้วส่งไปให้มันตรวจ มึงไม่ต้องเครียดก็ได้ ขนาดกูยังไม่เครียดเลย
มันยื่นสมุดที่ตรวจเสร็จแล้วมาให้ผม หนึ่งเต็มสิบ!! นี่ผมโง่ขนาดนั้นเลยหรอวะ อยากจะcry ออกมาเป็นภาษาบาลีผสมด้วยสันสกฤต o2

“กูอยากรู้จริงๆว่ามึงจบ ป.6 มาได้ยังไง”

ถามแบบนี้มึงสักคำว่า โง่ บนหน้าผากกูเลยก็ได้นะ

“มึงไม่ต้องติวให้กูแล้ว ติวไปกูก็ทำได้แค่นี้แหละ”

ผมพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในความฉลาดอันน้อยนิดของตัวเอง

“ยังไงกูก็จะทำให้มึงสอบผ่านให้ได้ ไม่ใช่ชาตินี้ก็ชาติหน้า”

“กูควรจะซาบซึ้งใจดีไหมเนี่ย”

“มานั่งนี้สิ”

ไอ้เพิร์ดหัวเราะแล้วเรียกให้ผมไปนั่งบนโซฟาข้างๆมัน พอผมนั่งลงมันก็ล้มตัวนอนบนตักผม

“ลุกไป หนัก”

ผมพยายามผลักหัวมันออกแต่หัวมันที่หนักอย่างกับหลักกิโลไม่ขยับเขยินไปไหนเลย

“ขอนอนพักหน่อยนะ”

“ก็ได้”

มันขอร้องทีไรเป็นต้องใจอ่อนทุกที ที่ไหนมียาภูมิต้านทานไอ้เพิร์ดขายบ้าง ผมจะเหมามาให้หมดเลย

“นีซ Tourmaline ที่กูให้อยู่ไหน”

ผมลืมไปเลยนะเนี่ย เอาไปเก็บไว้ที่ไหนวะ

“กูเก็บไว้อย่างดี”

“เก็บไว้ที่ไหน”

“ในบ้านนี่แหละ”

“ส่วนไหนของบ้าน”

“กูเก็บไว้อย่างดีน่า ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม มึงอย่าถามมากสิ หิวไหม เดี๋ยวกูหาอะไรให้กิน”

ตอนนี้ต้องเอาใจมันไว้ก่อน เกิดมันอยากได้ Tourmaline คืนขึ้นมาแล้วผมจะซวย Double ซวยเอา

“มึงต้องรักษาไว้ให้ดีนะ มันเป็นของขวัญชิ้นแรกและชิ้นสุดท้ายที่ย่าให้กู”

เอาแล้วไงกู ของมันสำคัญขนาดนี้แล้วกูไปเก็บไว้ที่ไหนวะ ไอ้เพิร์ดก็นะ รู้ว่าของสำคัญยังจะฝากไว้ที่กูอีก คืนนี้คงต้องรื้อห้องซะแล้วสิ

“อืม กูจะรักษาอย่างดี”

ตราบที่มันยังอยู่ในบ้านกูนะ

“เราไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า”



หลังจากนั่งรถมาเกือบครึ่งชั่วโมงไอ้เพิร์ดก็จอดรถที่ร้านอาหารที่มีคนเต็มร้าน

“มึงจะไปนั่งกินบนหลังคาหรอ ไม่เห็นหรือไงว่าที่นั่งมันเต็มแล้ว”

“กูมีที่นั่งพิเศษ”

มันจูงมือผมเดินเข้าไปในร้านแซงคนที่ยืนต่อแถวรอโต๊ะที่มองผมกับมันแล้วด่าในใจ

“สวัสดีค่ะน้องเพิร์ด”

“สวัสดีครับพี่เชอร์รี่ ผมขอโต๊ะที่จองไว้ด้วยนะครับ”

ไอ้เพิร์ดพูดจบก็ยิ้มไปให้พี่เชอร์รี่ก่อนที่พี่เขาจะหันไปสั่งพนักงานไปเตรียมโต๊ะ

“รอแปบนึงนะคะ แล้ววันนี้พาเพื่อนมาด้วยหรอคะ”

“ไม่ใช่เพื่อนครับ คนนี้แฟนผม”

พี่เขามองผมกับไอ้เพิร์ดสลับกันด้วยสายตางงๆ

“อ้าว แล้วน้อง..”

“พนักงานน่าจะจัดโต๊ะเสร็จแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

ไอ้เพิร์ดพูดแซงพี่เชอร์รี่ที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแล้วลากผมไปที่โต๊ะที่จัดเสร็จพอดี

“เมื่อกี้พี่เชอร์รี่เขาจะพูดอะไรหรอ”

“อย่าไปสนใจเลย สั่งสิ ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยนะ”

ไอ้เพิร์ดยื่นเมนูให้ผมแล้วก้มลงอ่านเมนูในมือตัวเองเหมือนคนที่ทำความผิดแล้วกลัวจะถูกจับได้ แต่ผมไม่สนใจหรอกเพราะสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าอยู่ในมือผมแล้ว ผมจัดการสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะโดยไม่มีความเกรงใจคนจ่ายเงิน จะเกรงใจทำไมในเมื่อไอ้เพิร์ดมันแป็นคนจ่ายไม่ใช่ผม

“มึงสั่งขนาดนี้กะจะให้บ้านกูจนเลยหรือไง”

ไอ้เพิร์ดที่เพิ่งหายตะลึงกับอาหารที่วางบนโต๊ะพูดกับผม

“บ้านมึงรวยจะตายแค่นี้ยังไม่สะเทือนกระเป๋าตังมึงเลยมั้ง”

ผมพูดจบก็ก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจเสียงไอ้เพิร์ดบ่น

“สวัสดีครับ”

ผมเงยมองคนที่มาขัดการกินของผม

“พี่เวฟ สวัสดีครับ พี่มาคนเดียวหรอ”

“ใช่ครับ พอดีผ่านมาก็เลยแวะมาดูร้านสักหน่อย”

“นี่ร้านพี่หรอ”

“ร้านแม่พี่น่ะ แล้วเพิร์ดไม่ได้บอกหรอ เพราะแม่เพิร์ดก็เป็นเจ้าของที่นี่เหมือนกัน”

ผมผมส่ายหัวแล้วมองหน้าไอ้เพิร์ดที่พร้อมจะกระโดดกัดคอพี่เวฟอยู่ตลอดเวลา ท่าทางครอบครัวไอ้เพิร์ดกับพี่เวฟจะสนิทกันน่าดู แล้วทำไมไอ้เพิร์ดถึงไม่ชอบพี่เวฟนะ

“พี่มากินด้วยกันไหมครับ”

“กูไม่อนุญาต”

“ไม่ดีกว่าครับ พอดีพี่เพิ่งไปกินข้าวกับเพื่อนมา”

พี่เวฟไม่สนใจไอ้เพิร์ดแล้วตอบผมยิ่งทำให้ไอ้เพิร์ดมันโมโหมากขึ้น

“มึงเลิกคุยแล้วก็เลิกยุ่งกับแฟนกูได้แล้ว”

พี่เวฟมองผมอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะหัวเราะขึ้นมา

“ยินดีด้วยนะครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนละกัน ทานให้อร่อยนะครับน้องนีซ”

“กลับกันเถอะ”

“อะไรของมึงเนี่ย อาหารยังเต็มโต๊ะอยู่เลย”

ไอ้เพิร์ดไม่สนใจแล้วลากผมออกไปทันที ผมก็ทำได้แต่ส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ไปให้ปูผัดผงกระหรี่จานใหญ่และปลากะพงนึ่งมะนาวพูดกับผมทางสายตาว่า มึงไม่ได้แดกกูหรอก

ผมโวยวายตั้งแต่ออกจากร้านจนไอ้เพิร์ดรำคาญและบอกว่าจะให้พนักงานที่ร้านห่ออาหารที่เหลือแล้วมาส่งให้ที่บ้านผมจึงหยุดโวยวายได้ นี่ผมไม่ได้เห็นแก่กินเลยนะ

“ต่อไปนี้ห้ามไปยุ่งกับไอ้เวฟอีกนะ”

“บอกเหตุผมมาสิ ทำไมกูจะไปยุ่งกับพี่เวฟไม่ได้”

“กูหวง”

เหตุผลง่ายๆแต่ทำผมโครตเขินเลย




แวะมาลงก่อนจะหยุดปีใหม่ :katai4:
ปล.รักคนอ่านทุกคนเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความน่ารักของคนแต่ง  :m13: :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 7|| (20/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-12-2015 09:33:09
 :ling1:


น้องนีซจะมาขัดพี่เพิร์ดทำไมมมมมมมมม

เซงเลย นึกว่าจะรู้เรื่องเวฟแล้ว  :z3:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 8|| (9/01/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 09-01-2016 22:55:23
ตอนที่ 8


-เวฟ-

ผมเดินเข้าบ้านที่ไม่ได้มานานแล้ว เหตุผลน่ะหรอ ก็เจ้าของบ้านเขาไม่ต้อนรับน่ะสิ :m26:

“พี่มาทำไม ผมไม่ได้จุดธูปเชิญสักหน่อย”

นั่นไงครับ ผมบอกแล้วว่าเจ้าของบ้านเขาไม่ต้อนรับ

“เพลย์ไปพูดกับพี่เขาแบบนั้นได้ไง นิสัยไม่ดีเลย”

“สวัสดีครับคุณป้า คุณแม่ให้ผมเอาของฝากมาให้ครับ”

คุณป้ารับถุงที่ใส่ของฝากจากต่างจังหวัดไป

“ฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะจ๊ะ”

“เสร็จธุระก็แล้วก็รีบกลับไปสิ จะยืนรอเจ้าที่มาให้หวยหรือไง”

เหมือนกันเลยทั้งพี่ทั้งน้อง พวกนี้เป็นอะไรกับผมนักหนา เรื่องนั้นผู้ใหญ่เขาคุยกัน ผมไม่ได้รู้เรื่องเลย ถ้าจะโกรธก็ต้องไปโกรธพวกผู้ใหญ่สิ ไม่ใช่มาโกรธผม ผมเป็นผู้บริสุทธิ์นะครับ

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณป้า”

“จะรีบไปไหนล่ะ มาทานข้าวด้วยกันก่อน ป้าจัดโต๊ะเสร็จพอดี”

“ผมเพิ่งทานมาครับ”

“อ้าว หรอจ๊ะ เพลย์ ไปส่งพี่เขาหน่อยสิลูก”

ผมมองคนถูกใช้ที่ทำหน้าไม่พอใจมาให้ผม ท่าทางจะเกลียดผมจนเข้ากระดูกดำ ผมขอยืนยันอีกทีว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์

“เดินกลับเองไม่เป็นหรือไง ถึงต้องลำบากผมมาส่งด้วย”

คนที่เดินมาส่งผมที่บ้านบ่นมาตลอดทาง จริงๆส่งผมแค่หน้าบ้านตัวเองก็พอแล้ว แต่เพลย์ดันคิดว่าคุณป้าให้เดินมาส่งที่บ้านผม ในเมื่อเจ้าตัวคิดแบบนั้นผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก ดีซะอีก มีคนคุยด้วยระหว่าง

“เพลย์ เมื่อไหร่จะคุยดีๆกับพี่”

“ตราบใดที่พี่ไม่ยกเลิกงานนั้น ผมก็ไม่มีวันคุยดีกับพี่”

“พี่บอกไปเขาก็ไม่ฟังหรอก”

“งั้นผมก็จะไม่มีวันญาติดีกับพี่”

“แน่ใจนะ”

“แน่ใจ และก็มั่นใจด้วย”

“พี่จะคอยดู ถึงบ้านแล้ว เข้ามาก่อนสิ”

“ไม่ล่ะ”

เพลย์หันหลังเดินกลับ ถ้าเพลย์รู้ว่าตัวเองนั่นแหละคือคนที่ผู้ใหญ่หมายถึงจะเป็นแบบไหนนะ จะเกลียดผมมากกว่าเดิมหรือเปล่า



-นีซ-

และแล้ววันสอบกลางภาคก็มาถึง ผมเดินเข้าห้องสอบอย่างมั่นใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหินสีฟ้าที่ห้อยคออยู่หรือว่าคนที่มาส่งผมเข้าห้องสอบกันแน่

“ไอ้นีซ ไอ้เพื่อนเลว มึงเอาพี่เพิร์ดของกูไปทำผัวได้ไง”    :angry2:

อ้าว นั่นปากหรอ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจกูผิดหมดหรอก   

“มันมาเป็นผัวกูตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงอย่ามาพูดมั่วๆนะ”   

“กูไม่เชื่อ ก็พี่เพิร์ดบอกไอ้เพลย์และไอ้เพลย์ก็มาบอกกู ใช่ไหมไอ้เพลย์”

ไอ้เพลย์ยังมาทำไขสือว่ากูไม่รู้ กู innocence ผมมองไปที่ไอ้ทีมที่เลียนแบบหน้าไอ้เพลย์มาเด๊ะๆ :m13:

“เดี๋ยวพวกมึงมีเคลียร์กับกู”

ผมบอกพวกมันได้แค่นั่นเพราะอาจารย์มาพอดี ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ถ้ากูไม่ตายคาห้องสอบ มึงได้เคลียร์กับกูแน่ๆ
แค่เห็นข้อสอบผมก็รู้เลยว่า ที่เรียนมายากแค่ไหน ในข้องสอบยากกว่าเป็น 10 เท่า แล้วเวลาให้มาตั้ง 2 ชั่วโมง ผมคงทำได้แค่นั่งโง่อย่างสงบเท่านั้น ที่ไอ้เพิร์ดติวมาก็ตรงนะ แต่ไม่รู้ว่าที่จำมามันถูกหรือเปล่าน่ะสิ จำหลายวิชาจนเอามาปนกันมั่วไปหมดแล้ว
วิชาแรกผ่านไป วิชาต่อมาก็ตามมาติดๆ นี่กะจะไม่ให้ relax สมองเลยใช่ไหม ผมใช้สมองจนตะคริวจะกินอยู่แล้ว กว่าจะสอบเสร็จในตอนเช้าก็ทำเอาเกือบคลานออกจากห้องสอบ :katai5:

“ไอ้เพลย์ไอ้ทีม พวกมึงจะรีบไปไหน”

“รีบไปกินข้าวน่ะสิ”

“มาเคลียร์กันก่อน ไอ้เพิร์ดมันบอกอะไรมึง”

ผมคว้าคอเสื้อไอ้เพลย์ไม่ให้มันหนีไปได้

“ก็บอกว่ามึงเป็นแฟนกับมัน”

“กูไม่ได้เป็นแฟนกับมัน”

“ไอ้นีซแฟนมึงมารับแล้วน่ะ”

ผมหันไปมองตามที่ไอ้เพลย์บอก แต่ก็พบแต่ทางว่างเปล่า ส่วนไอ้คนที่หลอกผมก็วิ่งหางชี้หน้าด่าผมไปกับคู่หูเหาฉลามมันแล้ว หลงกลพวกมันจนได้ อย่างนี้มันก็เชื่อน่ะสิว่าผมเป็นแฟนกับไอ้เพิร์ด และผมมั่นใจว่า ถ้าไอ้มดมันรู้คนทั้งโรงเรียนก็ต้องรู้



“แกว่าพี่เพิร์ดกับพี่นีซเป็นแฟนกันจริงไหมอ่ะ” :m26:

“ฉันว่าจริงนะ ดูพี่เพิร์ดเหมือนจะสนใจพี่นีซมานานแล้วนะ”

“จริงหรอ ฉันไม่เคยสังเกตเลย”

แหม พูดดังขนาดนี้เดินมาถามพี่เลยไหมครับน้อง ตลอดทางที่ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารก็ต้องได้ยินเสียงกระซิบแบบนี้มาตลอด :mew5:

“ไอ้เพิร์ด แฟนมึงมาแล้ว”

ปากเหมือนกันทั้งกลุ่มเลยนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคณะประธานนักเรียนมากินข้าวที่โรงอาหารแล้วทำไมวันนี้ถึงมากันครบเลยวะ

“นีซ มานั่งนี่สิ”

ผมทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินผ่านมันไป แต่ความซวยของผมยังไม่หมดเมื่อไอ้เพลย์และไอ้ทีมดันเสนอหน้าไปนั่งโต๊ะเดียวกับพวกมันน่ะสิ ผมเลยจำใจเดินกลับไปนั่งลงตรงที่ว่างข้างไอ้เพิร์ด

“อยากกินอะไรเดี๋ยวกูไปซื้อให้”

“กูอยากกินเป็ดปักกิ่ง มึงหามาให้กูได้ป่ะล่ะ”

ผมไม่ได้กวนมันนะครับ ก็มันถามว่าอยากกินอะไรผมก็ตอบไปตามที่อยากกิน

“มึงทนหิวไปเถอะ”

มันพูดจบก็กินข้าวต่อ กูไปซื้อข้าวมันไก่กินเองก็ได้

“นีซ”

ไอ้เพิร์ดมันเรียกผมไว้ก่อนที่ผมจะไปซื้อข้าว มึงจะง้อกูล่ะสิ ผมตวัดสายตาไปให้มัน

“อะไร”

“ซื้อน้ำมาให้ด้วย”

พูดได้คำเดียวว่า ดีออกกกกก ไม่ง้อกูไม่ว่า ยังมาใช้ให้ซื้อน้ำให้อีก มึงสบายใจไทยแลนด์ดีจังเลยนะ ลืมไปแล้วหรือไงว่ามึงยังอยู่ในโควตาเป็นทาสกูอยู่นะ

“เงินล่ะ”   



“มึงฟังกูอยู่ไหมเนี่ย”

ก่อนเข้าห้องสอบ 20 นาทีไอ้เพิร์ดก็มายัดความรู้ใส่หัวผม สมองกูก็แค่นี้ มึงยัดอะไรมามันก็ล้นออกอยู่ดี

“ฟังอยู่”

“ไอ้เพลย์ไอ้ทีม ทำไมแถวนี้มดมันเยอะจังวะ”

ไอ้มดที่นั่งมองผมมานานแล้วพูดขึ้น ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้มึงเพิ่งด่ากูไปนะ และถ้ามันใช้ตาดูสักนิดมันจะไม่คิดว่าผมกับไอ้เพิร์ดกำลังแสดงความรักต่อกันจนหมดเดินขบวนมารบกวนมันแน่นอน

“มึงเงียบไปเลยไอ้มด เดียวมึงได้โดนรองเท้ากูกัด”

“เชอะ ระวังไว้เถอะ กูจะแย่งพี่เพิร์ดมาจากมึง”

มันกระซิบที่หูผมก่อนจะเดินสะบัดก้นอันแบนราบเหมือนกำแพงวัดเข้าห้องไป

“พวกกูเข้าห้องก่อนนะ”

ไอ้เพลย์ไอ้ทีมก็เดินตามไอ้มดไป

“จะเข้าห้องเลยไหม”

แหม มึงพูดซะกูคิดเลยนะ อะไรครับ ผมแค่คิดว่าจะเข้าห้องสอบเลยต่างหาก คนอ่านคิดไปถึงไหนกัน

“มึงจะให้กูนั่งจำศีลอยู่หน้าห้องหรือไง”

“ตั้งใจทำข้อสอบนะ แล้วก็อย่าไปนอนหลับน้ำลายยืดใส่กระดาษคำตอบล่ะ”

มันรู้ได้ไงว่าผมแอบน้ำลายยืดใส่กระดาษคำตอบ เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้นะเพราะก่อนส่งกระดาษผมจะเป่าให้แห้งก่อน ผมมั่นใจว่าไม่มีใครรู้แน่นอน

“ใครเขาจะไปทำอย่างนั้น”

“กูไปล่ะ สอบเสร็จเจอกัน”
   

   
แล้ววันสอบวันสุดท้ายก็มาถึง ผมจะไม่ต้องมานั่งหน้าโทรมเป็นผักตบตากแดดอยู่ที่กองหนังสืออีกต่อไป

“นีซ ไปเที่ยวกันไหม”

ไอ้เพิร์ดที่เกาะผมอย่างกับนกเอี้ยงตั้งแต่ออกจากห้องสอบถาม บอกไว้ก่อนเลยว่ากูไม่มีเห็บให้มึงกินหรอกนะ

“ไปกับมึงสองคนหรอ ไม่เอาอะ”

“เพลย์กับทีมก็ไปด้วย เพื่อนกูก็ไปด้วยนิดหน่อย”

“ขอคิดดูก่อน”

ขอเล่นตัวสักนิดแล้วกัน เดี๋ยวมันจะหาว่าผมใจง่าย

“กินฟรีอยู่ฟรีด้วยนะ”

“ตกลง กูจะไปกับมึง”

บอกแล้วว่าขอเล่นตัวนิดเดียว เล่นมากไม่ได้เดี๋ยวมันรำคาญแล้วไม่ให้ผมไปด้วย
   
   

โอ้ทะเลแสนงาม แสนง๊ามแสนงาม ผมอยากใส่กระโปรงเชือกฟางแล้วมาระบำชายเกาะที่หาดทรายเหลือเกิน ผมกับไอ้เพลย์รีบวิ่งไปที่ทะเลทันทีที่รถจอด ของเขิงไม่สนใจมันแล้ว ตอนนี้ขอลงทะเลไปจับปูดำขย้ำปูนาก่อนละกัน

“ไอ้นีซไอ้เพลย์ มึงรีบขึ้นมาเอาของเข้าไปเก็บที่บ้านก่อน”

“โฮ อะไรว่ะ มึงก็เอาไปเก็บให้พวกกูหน่อยไม่ได้หรือไง น้ำใจน่ะมีไหม”

ผมตะโกนกลับไปบอกไอ้เพื่อนไม่มีน้ำจิตน้ำใจ เห็นผมมีความสุขหน่อยไม่ได้ต้องขัดตลอด

“น้ำใจน่ะมี แต่กูไม่ใช้กับมึง”

มันตะโกนกลับมาแล้วเดินเอาของไปที่ห้องพักโดยทิ้งของผมกับของไอ้เพลย์ให้วางอยู่อย่างโดดเดี่ยวป่าวเปลี่ยวเอกาอยู่ที่พื้น

“พี่ ฝากเอาของไปเก็บให้ด้วย”

ไอ้เพลย์ตะโกนบอกพี่มันที่ยังไม่เข้าไปในบ้าน

“มาเก็บเอง”

แล้วมันก็เดินตามไอ้ทีมเข้าไป ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมทนคบกับพวกไม่มีน้ำใจอย่างนี้ไปได้อย่างไรนะ อย่าให้กูมีทางเลือกนะ กูจะเลิกคบให้หมด แต่ผมว่า ผมคงไปมีทางเลือกหรอกมั้ง

“ขึ้นกันเถอะมึง เดี๋ยวค่อยลงมาใหม่”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้เพลย์แล้วเดินไปเอาของอย่างเซ็งจนอยากจะคว่ำเข่งปลาทู พอเดินเข้าไปยังถูกไอ้ทีมส่งยิ้มกวนตีนมาให้อีก ยิ้มอย่างนี้มึงอยากโดนจระเข้ถวายแหวนสินะ

“ห้องพวกมึงอยู่ทางโน่นเลย เอาของไปเก็บแล้วอยากจะเสด็จไปไหนก็เชิญ”

ผมเดินเอาของไปเก็บพร้อมไอ้เพลย์ ห้องผมนอนด้วยกันสี่คนครับ ส่วนห้องอื่นๆเหลือไว้ให้เพื่อไอ้เพิร์ดที่กำลังมาแต่ยังไม่ถึง สงสัยจะแวะไปเยี่ยมญาติที่ดาวอาคารก่อนล่ะมั้ง

“มึงจะไปเล่นน้ำต่อป่ะ”

ผมถามไอ้เพลย์ที่นั่งเอาของออกจากกระเป๋าอยู่ข้างๆผม ไอ้เพลย์มันขนของมาอย่างกับจะมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่

“กินก่อนแล้วค่อยไปเล่น”

ตอนที่ผมเดินเข้ามาในบ้านเห็นไอ้เพิร์ดกำลังสวมวิญญาณพ่อครัวหัวป่าเถื่อนควงตะหลิวทำกับข้าวอยู่ในครัว

“งั้นลงไปกันเถอะกูจัดของเสร็จแล้ว”

ผมกับไอ้เพลย์เดินลงมาข้างล่างก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอย่างกับทัพหงสาวดีบุกมาถล่มบ้าน เพื่อนไอ้เพิร์ดนั่นเองครับไหนมันบอกว่าเพื่อนมันมาไม่เยอะไง แล้วที่ผมเห็นเดินอยู่ในบ้านเกือบสิบชีวิตคงเป็นผีห่าอโยธยากระมัง ผมยิ่งไม่ชอบคนเยอะๆอยู่เพราะมันไม่เป็นส่วนตัวเอาซะเลย ผมไม่ชอบๆ

“เฮ้ย พี่แอร์ ตาบอดหรือไง ไม่เห็นหรอว่ามันออกเส้นไปแล้ว”

ผมโวยวายใส่พี่แอร์ เพื่อนไอ้เพิร์ดที่วิ่งไปรับลูกที่ตกนอกเส้นไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังเล่นวอลเล่ย์ชายหาดกับเพื่อนไอ้เพิร์ดอยู่ครับ ผมว่ามาหลายๆคนก็สนุกดีเหมือนกันนะ

“โทษทีๆ เส้นมันกระตุก”

พวกเราแบ่งข้างละ 3 คน ทีมผมมี ผม พี่แอร์ และไอ้เพลย์ ส่วนอีกทีมมี พี่เก่ง พี่บอลและพี่ทรายซึ่งเป็นแฟนพี่แอร์

“มึงอ่อนว่ะไอ้แอร์”

พี่ทรายได้ทีรีบเข้ามาเยาะเย้ยไอ้พี่แอร์ เป็นไงครับโรงเรียนผม ผู้หญิงเรียบร้อยโรงเรียนวัดกันทุกคน ดูได้จากไอ้ฟ้าเป็นตัวอย่าง รายนั้นนะเรียบร้อยจนแถบจะตีลังการ้อยมาลัยกันเลยทีเดียว

“มึงรอดูตาต่อไปก็แล้วกัน”

พี่แอร์พูดแล้วเริ่มเล่นต่อทันที ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เขาเกลียดแค้นเคืองโกรธกันมาแต่ชาติปางไหนถึงได้ใส่กันไม่ยั้ง แต่ละลูกที่พุ่งมานี่บอกเลยว่าเล็งที่หน้ากันอย่างเดียว ดีนะที่เป็นลูกบอลยาง ไม่งั้นฟันผมได้บอกลาเหงือกแน่ๆ ระหว่างที่พวกผมกำลังเล่นกันอยู่ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่นอนเล่นบนเตียงผ้าใบเป็นคุณชายยายสำอางอยู่ใต้ร่ม ซึ่งในนั้นมีไอ้ทีมและไอ้เพิร์ดที่นอนสวมแว่นดำอยู่ด้วย ผมว่าไอ้เพิร์ดมันยังขาดแผงล็อตเตอรี่ไปนะ ถ้ามีนี่ใช่เลย

“กูบอกแล้วว่ามึงน่ะมันอ่อน”

เสียงพี่ทรายบอกกับพี่แอร์หลังจากเกมจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทีมผม ผมกับไอ้เพลย์สภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ ใจจริงผมอยากจะเลิกตั้งแต่เซตแรกแล้ว แต่ถ้าผมเลิกคงได้โดยพี่แอร์มันจับฆ่าหมกทราย

“เพราะไอ้นีซกับไอ้เพลย์หรอก ดูมันสิตัวเล็กอย่างกับไข่มดจะมาสู้แรงอย่างพวกมึงได้ไง”

ผมกับไอ้เพลย์ที่นั่งอยู่บนทรายพร้อมใจกันมองหน้าไอ้พี่แอร์ที่บังอาจมาว่าพวกผมตัวเล็ก

“ไรวะพี่ ผมไม่ได้ตัวเล็กซะหน่อย แค่ยังโตไม่เต็มที่”

ไอ้เพลย์เถียงกลับไป ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที

“กูจะรอดูพวกมึงตอนโตเต็มที่”

พี่แอร์ว่าก่อนจะกอดคอพี่ทรายเดินไปรวมกับไอ้พวกคุณชายทั้งหลาย ผมกับไอ้เพลย์นั่งพักสักพักก็เดินตามไป พอเดินไปถึงพวกพี่ผู้หญิงที่เข้าไปทำอาหารก็ออกมาตามพอดี

“มึง กินข้าวเสร็จแล้วไปเล่นน้ำกันไหม”

ผมชวนไอ้เพลย์ เพราะหลังจากเก็บของเสร็จพวกผมไปเล่นวอลเล่ย์แทนเลยไม่ได้ไปเล่นน้ำ

“ไม่ได้ กินเสร็จก็ไปอาบน้ำ นี่ก็เย็นแล้วเดี๋ยวไม่สบาย”

ไอ้เพิร์ดปากยื่นปากยาวข้ามโต๊ะมาบอก

“เป็นพ่อกูหรอ”

ผมพูดบอกมันแบบไม่มีเสียงเพราะเกรงใจพี่คนอื่นๆ ผมรู้สึกว่าเท้าผมโดนทำร้ายอยู่ พอก้มลงไปมองก็ชัดเลย ไอ้เพิร์ดมันยังมีหน้ามายักคิ้วให้ผมอีก ผมกับไอ้เพิร์ดทำสงครามเท้าอยู่สักพักจนผมทนไม่ไหว

“มึงจะเอายังไง ต่อยกับกูเลยไหม”

ผมลุกขึ้มมาโวยวาย ทุกคนบนโต๊ะมองผมกับไอ้เพิร์ดประมาณว่า มึงไปทะเลาะกันตอนไหน

“มึงเป็นอะไรเนี่ย อยู่ดีๆก็ลุกขึ้นมาโวยวาย”

ไอ้เพลย์เงยหน้ามาถามผม

“ไอ้เพิร์ดมันเตะขากูอะ”

ผมฟ้องไอ้เพลย์

“แล้วพี่ไปเตะขามันทำไม”

“มีหลักฐานหรอ” :hao3:

ดูหน้าไอ้เพิร์ดมันสิครับ กวนตีนได้โล่มาก ผมอยากจะพิมพ์ประกาศนียบัตรกวนตีนแห่งชาติแล้วใส่กรอบเหลี่ยมทองให้มันเหลือเกินแต่ติดที่ว่า กูไม่มีตัง

“มึงโดนกูเอาคืนแน่”

ผมชี้หน้าคาดโทษมันแล้วนั่งลงกินตามเดิมโดยมันก็ไม่แกล้งผมแล้วเหมือนกัน ลองมันแกล้งอีกดิ ผมจะเอาปูผัดผงกระหรี่ยีหัวมัน



หลังจากกินข้าวเสร็จ ผม ไอ้ทีมและไอ้เพลย์ชวนกันออกมาเดินเล่นแถวๆที่ไม่ค่อยมีคน

“ไอ้เพลย์ ไอ้ทีม มึงดูโน่นดิ”

ผมชี้ให้ไอ้เพลย์กับไอ้ทีมดูผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งที่ยืนจูบกันอย่างกับจะสูบวิญญาณ นี่ผมมาเที่ยวเกาะสวาทหาดสยิวหรือไงกัน

“ไปกันเถอะมึง”

ไอ้เพลย์สะกิดผมยิกๆแต่ตานี่จ้องจนแทบจะเข้าไปติดจออยู่แล้วถ้าไม่โดนไอ้ทีมลากมาก่อนผมว่าไอ้เพลย์ได้พุ่งหลาวไปเกาะขอบสนามแล้ว

“จะกลับหรือยัง”

ไอ้ทีมถามผมกับไอ้เพลย์ ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว แถมบริเวณที่ผมเดินกันก็ไม่ค่อยมีไฟด้วย

“กลับ”

ผมกลับมาถึงก็เข้าห้องไปอาบน้ำ ส่วนคนอื่นๆก็นั่งเล่นกันอยู่ข้างล่างรวมทั้งไอ้ทีมและไอ้เพลย์ด้วย สองคนนั้นพอกลับถึงบ้านก็กระโดดลงวงเหล้าทันที เห็นพวกมันแล้วเดาอนาคตมันได้เลยครับ ไม่ตับแข็งก็ไตวายเพราะกรองแอลกอฮอล์หนักไป

ผมอาบน้ำจนกลิ่นเค็มๆอย่างกับปลาเค็มหมื่นปีของทะเลหมดถึงจะออกมานอกห้องน้ำ ออกมาก็เห็นไอ้เพิร์ดนอนหลับผมจะไม่ว่าอะไรเลยถ้ามันไม่ได้นอนอยู่บนเตียงผม แถมมันยังกวาดเอากระเป๋าและของใช้ที่ผมเตรียมไว้ลงมากองบนพื้นหมด ไม่เกรงใจเจ้าของเตียงเลยสักนิด ถ้ามึงจะทำขนาดนี้ กูแนะนำให้โยนออกไปข้างนอกแล้วเผาทิ้งเลยก็ได้นะ

“ไอ้เพิร์ด!” :z6:

ผมเรียกและสะกิดมันเบาๆด้วยฝ่าเท้า ผมยังให้เกียรติมันอยู่นะ ถ้าไม่ให้เกียรติป่านนี้มันคงได้ลงไปนอนกองรวมกับของผมแล้ว

“มึงมาปลุกกูทำไม”

มันตื่นมาทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ผม แต่ผมนี่แหละจะเหวี่ยงมันออกหน้าต่าง

“เตียงมึงไม่มีหรือไง เสือกมานอนเตียงกู”

ที่จริงเตียงหนึ่งนอนได้สองคน แต่ผมนอนกับไอ้ทีม ส่วนไอ้เพิร์ดมันต้องไปนอนอีกเตียงหนึ่งที่นอนกับน้องชายมัน

“ก็กูอยากนอนเตียงนี้”

“งั้นมึงนอนไปเลยนะ อย่าให้กูเห็นว่ามึงลุกขึ้นมานะ”

ผมหยิบของบนพื้นไปวางอีกเตียงหนึ่งแล้วมองมันอย่างเอาเรื่อง

“มึงจะทำอะไรกู”

ไอ้เพิร์ดมันลุกนั่งแล้วมองผมอย่างท้าทาย คนอย่างผมฆ่าไม่ได้และหยามไม่ได้ด้วย ผมจัดการกระโดดทับมันไปทั้งตัว มันจุกจนอยากจะงอตัวแต่งอไม่ได้เพราะผมยังทับมันอยู่ ผมเอื้อมไปหยิบหมอนใบใหญ่มาปิดหน้ามันแล้วทุบลงอย่างแรง ไอ้เพิร์ดดิ้นใหญ่เลย แต่ผมไม่ปล่อยหรออก เอาให้สาสมที่มันกล้าลองดีกับคนอย่างไอ้นีซ บอกแล้วว่าอย่าให้กูปรี๊ด เพราะเดี๋ยวมึงจะหน้าซีดไม่รู้ตัว

“ปล่อย!!! ไอ้นีซปล่อย กูหายใจไม่ออก”

“ไม่ปล่อย! เอาให้ตายไปเลย มึงอยากกวนตีนกูเองนะ”

ผมเพิ่มแรงทับมันไปอีก

“เฮ้ย! มีอะไรกันวะ”

ผมหยุดการกระทำแล้วหันไปมองที่ประตูที่มีคนเกือบนับสิบชีวิตชะโงกหน้าเข้ามาดู

“พวกเราไปกันดีกว่า สงสัยจะเข้ามาผิดจังหวะ”

“เฮ้ย พี่ พวกเราไม่ได้…”

“ไม่เป็นไรๆ พวกกูจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร เชิญพวกมึงตามสบาย”

ไอ้พี่แอร์บอกแล้วดันไอ้พวกที่เหลือออกจากห้อง แถมมันยังมีล็อคประตูให้ด้วยนะ ช่างมีน้ำใจงดงามเสียเหลือเกิน ผมลงจากตัวไอ้เพิร์ดแล้วมองหน้ามันอย่าโกรธๆ

“เพราะมึงคนเดียวเลย ทำให้พวกนั้นเข้าใจกูผิด”

“อะไรๆ เพราะมึงต่างหาก ก็เห็นๆอยู่ว่าใครเป็นผู้ถูกกระทำ กูเป็นคนเสียหายนะคร้าบบบ”

มันลากเสียงยาวอย่างกวนๆ ผมนี่เปลือกตากระพือเลยครับ เดี่ยวมึงได้เจอฝ่าตีนอรหันซัมเมอร์

“ไอ้สัด”

ผมด่ามันแล้วเดินออกมาจากห้อง ปิดประตูแรงๆจนบ้านสะเทือน ไม่สนว่าผีบ้านผีเรือนจะตื่นหรือเปล่า แต่รู้ว่าตอนนี้หมั่นไส้ไอ้เพิร์ดมากถึงโคตรของโคตรมาก ไอ้ห่า! กวนตีนกูอยู่ได้ ไหนมึงบอกว่าชอบกูไง

“อ้าวมึง เสร็จแล้วหรอว่ะ”

ไอ้เพลย์ทักผมอย่างล้อๆ ล้อไปเถอะมึงเดี๋ยวมึงได้นอนใต้ล้อ

“ไอ้เพลย์ มึงหุบปากไปเลย กูกับมันไม่ได้มีอะไรเว้ย พวกพี่เข้าใจผิดไปเอง”

“หราาาาาาาาาาาา”

ทุกคนต่างส่งเสียงออกมาพร้อมกันอย่างไม่เชื่อ

“ไม่เชื่อก็ตามใจ”

ผมเดินสะบัดก้นออกมานั่งเล่นนอกบ้านให้หายหงุดหงิด บรรยากาศที่นี่ก็ดีนะ มีลมเย็นๆ ท้องฟ้าโปร่งจนเห็นดาวเต็มท้องฟ้า ไว้ครั้งหน้าผมจะชวนพ่อ แม่และก็พี่เนฟมาเที่ยวด้วยกัน

“มานั่งทำอารมณ์ศิลป์หรือไง”

เสียงมารดังขึ้นข้างหลังผม ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร ปากอย่างนี้หาอีกร้อยศตวรรษก็ไม่เจอ

“เมื่อไหร่กูจะหนีมึงพ้นสักทีเนี่ย”

“หนีไม่พ้นก็ไม่ต้องหนีสิ อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆก็ได้”

“ใครจะไปอยากอยู่กับมึง อยู่กับมึงนี่กูอารมณ์ขึ้นทุกที”

“อยู่กับกูแล้วมึงมีอารมณ์หรอ”

มันพูดอย่างเดียวไม่พอยังเอาหน้ายื่นมาใกล้ๆผมอีก

“มึงนี่คิดได้แต่เรื่องแบบนี้นะ”

ผมผลักหน้ามันออกแรงๆ

“ใครคิด ตัวเองน่ะแหละคิด”

“มึงเลิกเรียกกูอย่างนั้นเลยนะ จะอ้วก”

“ทำไมอะ กูว่าน่ารักดีออก คนเป็นแฟนกันเรียกแบบนี้ออกจะเยอะ”

“ใครเป็นแฟนใครฮะ!”

ผมมองหน้ามันอย่าเอาเรื่อง

“ก็ตัวเองไง เป็นแฟนเค้า”

“กูไม่ได้เป็นแฟนมึง และไม่อยากจะเป็นด้วย”

“มึงชอบกูและกูก็ชอบมึง คนชอบกันก็ต้องเป็นแฟนกันสิ”

ผมนี่อยากจะยืมไทม์แมกชีนของโดเรมอนย้อนเวลาไปห้ามตัวเองไม่ให้บอกชอบไอ้เพิร์ดจริงๆ แล้วผมจะหาข้อแก้ตัวอย่างไรดีละเนี่ย

“พูดไม่ออกเลยละสิ”

“เปล่าเว้ย กูกำลังด่ามึงในใจอยู่ต่างหาก”

“นีซ กูชอบมึงจริงๆนะ ทำอย่างไรมึงถึงจะเชื่อ”

ไอ้เพิร์ดที่นั่งข้างๆผมหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง มึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วจนกูแทบตามไม่ทันเลย

“ใครบอกมึงว่ากูไม่เชื่อ”

“แล้วทำไมมึงไม่ยอมเป็นแฟนกับกูสักทีล่ะ”

“กูหมั่นไส้มึง จบไหม”

“ก็ได้ๆ ต่อไปกูจะไม่กวน ไม่แกล้งมึง”

ไอ้เพิร์ดมันทำหน้าแบบว่ามุ่งมั่นสุดๆอะ ผมเห็นแล้วอยากจะหัวเราะให้ก้องโลก

“มึงไม่ต้องเปลี่ยนอะไรหรอก กูชอบมึงเพราะมึงเป็นมึง”

เพิร์ดจ้องตาผมนิ่งและนานมาก ผมไม่เข้าใจว่ามันจะนิ่งทำไม หรือมันกำลังพยายามติดต่อกับผมทางโทรจิตอยู่ บอกไว้เลยนะว่ากูเป็นมนุษยืไม่ใช่เอเลียนอย่างมึง

“ขอบคุณนะนีซที่ชอบพี่ พี่จะทำให้นีซเปลี่ยนจากชอบให้กลายเป็นรักพี่ให้ได้ แต่ตอนนี้สรุปว่า เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม”

พูดได้สักที กูนึกว่ามึงหลับในไปแล้ว และทำไมมึงต้องพูดดีกับกูด้วย กูหวั่นไหววว

“คิดเองไม่ได้ก็ไปลาหมาแก่ตายเถอะ”

ผมรีบเดินเข้ามาในบ้าน ทิ้งให้ไอ้เพิร์ดมันนั่งคิดอยู่คนเดียว แต่มันคงจะคิดออกแล้วเพราะมันรีบวิ่งตามผมเข้ามาในบ้าน

“ไปจู้จี้ที่ไหนกันมาวะ เดินเข้ามาหน้าแดงเชียวนะไอ้นีซ”

ปากอย่างนี้มันติดต่อจากเพื่อนไปสู่เพื่อนด้วยหรอวะ นี่ถ้าไม่บอกว่าไอ้พี่แอร์เป็นเพื่อนกับไอ้เพิร์ดผมก็เชื่อว่าเป็นเพื่อนกัน ถอดนิสัยกันมาเป๊ะๆยิ่งกว่าฝาแฝดขายปุ๋ยอีก ตอนนี้ที่ห้องนั่งเล่นมีศพนับไปถ้วนนอนระเกะระกะอยู่บนพื้นพรม ผมยืนไว้อาลัยหนึ่งนาทีก่อนจะเดินขึ้นห้อง ผมได้ยินไอ้เพิร์ดมันเรียกไอ้เพลย์และไอ้ทีมให้ไปนอนบนห้อง ผมนั่งเล่นโทรศัพท์บนเตียงไม่นานก็เห็นไอ้เพิร์ดกระเตงไอ้ขี้เมาสองตัวเดินเข้ามาในห้อง ผมผู้ซึ่งมีน้ำใจไฮโล่จึงส่งกำลังใจไปให้มันเงียบๆจนมันพาไอ้สองตัวไปนอนบนเตียงได้สำเร็จ มึงเก่งมากไอ้เพิร์ด แต่ว่าทำไมมันพาไอ้เพลย์กับไอ้ทีมไปนอนเตียงเดียวกันวะ แล้วมันจะไปนอนที่ไหน

“นอนด้วย”

มันตอบคำถามที่ผมถามในใจเรียบร้อย

“ไม่!”

ผมตอบกลับไปทันทีทันใดเร็วกว่าวัตถุไวไฟซะอีก กูยิ่งหวั่นไหวอยู่ ถ้าให้มึงมานอนด้วยกูไม่นอนใจสั่นทั้งคืนเลยหรือไง

“ใจร้าย คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง กลัวจะต้องนอนเหม็นกลิ่นเหล้าจากไอ้ทีมเลยมานอนแทนให้”

มึงทำหน้าได้น่าสงสารจนกูเชื่อเลยว่ามึงตอแหล ผมไม่ตอบอะไรมันแต่ยอมเขยิบไปชิดอีกฝั่งแล้วเอาหมอนข้างมากลั้นไว้ตรงกลาง

“ข้ามฝั่งมาเมื่อไหร่มึงได้นอนพื้นแน่”

ผมขู่ไอ้เพิร์ดที่ยืนยิ้มกว้างโชว์เหงือกแล้วนอนหันข้างแกล้งหลับ ผมรับรู้ได้ถึงเตียงที่ยวบลง รู้สึกถึงผ้าห่มที่ขยับเพราะมีคนสอดตัวเข้ามา ผมพยายามข่มตาหลับ นี่ผมเป็นไปได้ขนาดนี้เลยหรอ ทำไมถึงได้หวั่นไหวกับไอ้เพิร์ดได้วะ เสียฟอร์มชะมัด




สวัสดีปีใหม่นะทุกโคนนนนน มีความสุขมากๆ สมหวังในทุกๆเรื่อง :pig3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 9|| (3/02/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 03-02-2016 21:33:31
ตอนที่ 9   


“ไอ้นีซซซซ ไอ้นีซโว้ย ตื่นได้แล้วววว”

เสียงดังแปดหลอดของไอ้เพลย์มาตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างหูผมจนน่ารำคาญ พลิกตัวหนีแต่เสียงมันก็ยังตามมาจนผมต้องยอมตื่นแล้วมองมันอย่างหงุดหงิด

“มึงจะตะโกนหาพระถังซำจั๋งหรือไง”

“ก็มึงไม่ยอมตื่นนี่หว่า กูจะชวนมึงไปเล่นเจ็ทสกี”

“เออๆๆ มึงลงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”

ผมโบกมือไล่มันอย่างรำคาญ คนจะหลับจะนอนดันมาชวนไปเล่นเจ็ทสกี

“มึงห้ามนอนต่อนะ ไม่งั้นกูจะให้ไอ้เพิร์ดมาอุ้มมึงไปทิ้งทะเล”

ผมที่ตั้งใจจะทำอย่างที่มันต่อจำต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมไม่ได้กลัวอย่างที่ไอ้เพลย์ขู่นะ ผมแค่รำคาญฟังมันบ่นก็แค่นั้น

“ไอ้นีซทางนี้ๆ เร็วๆ”

มองเดินไปหาไอ้เพลย์ที่กวักมือผมรัวๆ มึงจะรีบไปไหนวะ กูเดินนะไม่ได้นั่งจรวดมา ผมหยุดยืนข้างๆไอ้เพลย์และไอ้ทีม ส่วนคนอื่นก็กำลังเดินไปจองเจ็ทสกีกัน

“ไอ้เพิร์ดอะ”

ผมมองหาไอ้เพิร์ดที่หายไปไหนก็ไม่รู้

“มันเดินตามฝรั่งหัวทองนมโตไปแล้ว”

ผมขมวดคิ้วแล้วมองหน้าไอ้เพลย์ที่ทำหน้าจริงจังใส่ผม ไอ้เพิร์ดมันวอนโดนตีนแล้วไหมล่ะ

“นีซซซ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมมองไอ้เพิร์ดที่เดินจากผู้หญิงฝรั่งมายืนข้างๆผมอย่างหงุดหงิด มึงไปกับคนอื่นมายังมีหน้ามาทำหน้าระรื่นใส่กูอีกหรอ เดี๋ยวกูก็อมทรายพ่นใส่หน้าซะเลยนี่

“เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”

ผมไม่ตอบแล้วเดินสะบัดก้นไปที่พี่แอร์ ไม่อยากจะเห็นหน้ามัน เห็นแล้วหงุดหงิดจนอยากจะกรี๊ดใส่หน้ามัน ผมเพิ่งคบกับมันไปแค่วันเดียว มันก็นอกใจผมแล้วหรอ

“นีซเป็นอะไร ทำไมไม่พูดฮะ”

ไอ้เพิร์ดจับแขนผมไว้ก่อนที่จะเดินไป มันทำหน้าเข้มใส่จนผมต้องยอมอยู่เฉยๆ ไม่งั้นมีหวังมันได้บีบจนแขนผมแหลกคามือมันแน่ๆ

“ไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่เป็นได้ไง ดูสิ คิ้วขมวดจนจะผูกติดกันอยู่แล้ว”

“เพราะมึงนั่นแหละ”

“เพราะกู กูทำอะไร หรือว่า”

มันเปลี่ยนจากหน้าเครียดเป็นหน้ากรุ้มกริ่มใส่ผมทันที

“มึงหึงกูใช่ไหม”

“ใครหึง ไม่ใช่กูแล้ว”

ผมหลบตามันที่พยายามจะจับผิด ผมยิ่งก้มมันก็ก้มตาม มึงจะให้หัวกูมุดไปใต้ทรายเลยใช่ไหมถึงจะหยุด

“อะไรของมึงเนี่ย ก็บอกว่าไม่ได้หึงๆ ไม่เข้าใจหรือไงวะ”

“กูกับฝรั่งคนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่มึงคิดนะ”

“ไม่เป็นได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าไปด้วยกันมา”

ผมรีบเงยหน้าขึ้นมาเถียงทันที หายไปด้วยกันตั้งนานแล้วยังจะบอกว่าไม่ได้มีอะไรอีกหรอ

“ไหนบอกว่าไม่ได้หึงไง”

ผมที่ถูกตอบกลับมาอย่างนั้นทำได้เพียงแค่อ้าปากค้างรอให้แมงหวี่แมงวันบินเข้าไปวางไข่เท่านั้น

“กูไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ กูก็แค่ช่วยพาเขาไปที่ห้องน้ำแทนเพลย์ที่มันขี้เกียจพาไป”

ผมมองไอ้คนที่ถูกพูดถึง ไอ้เพลย์ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ผมถูกมันหลอกอีกแล้วสินะ ผมไม่ได้โง่นะ ผมแค่อ่อนต่อโลกเท่านั้น



“กูจะขับเอง”

“ไม่ได้ มันอันตราย”

ผมกับไอ้เพิร์ดกำลังเถียงกันเรื่องที่มันจะไม่ยอมให้ผมขับเจ็ทสกี แต่ผมไม่ยอม เรื่องอะไรผมจะพลาดของสนุกๆแบบนี้กัน

“เรื่องของกูชีวิตกู”

“มึงขับเป็นหรือไง”

“เดี๋ยวกูก็เป็นเองแหละ”

ผมยังคงไม่ยอมแพ้ ไอ้เพิร์ดนี่ก็อะไรกับผมนักก็ไม่รู้ กูเป็นแฟนมึงนะไม่ใช่ลูก

“อย่าดื้อนะนีซ”

มันทำเสียงเข้มใส่ผม นึกว่ากูจะกลัวหรอ ไม่มีทาง แต่ว่า ผมก็เริ่มกลัวนิดๆแล้วเหมือนกัน ก็ดูมันสิ จ้องตาผมนิ่งเลย จ้องมากๆเดี๋ยวกูก็สิงแม่งเลย

“กูไม่ใช่เด็กแล้วนะไอ้เพิร์ด กูดูแลตัวเองได้”

ผมตอบมันเสียงเข้มเหมือนกัน อย่างไรมันก็ต้องเป็นฝ่ายยอม

“แต่กูอยากเป็นคนดูแลมึง”

นิ่งสิครับนิ่ง โดนอย่างนี้ก็จนมุมสิครับ

“กูไม่เป็นอะไรหรอกน่า มึงไม่ต้องห่วงหรอก”

“ถ้ามึงจะขับงั้นกูนั่งไปด้วย”

“มึงจะนั่งไปทำไมให้หนักว่ะ ตัวอย่างกับควายยังจะมานั่งเบียดกูอีก”

“เลือกเอาว่าจะให้กูไปด้วยหรือว่าจะไม่ต้องขับเลย”

“เออ!”

ผมกระแทกเสียงใส่มันแล้วเดินไปขึ้นเจ็ทสกี ไอ้เพิร์ดเดินยิ้มมานั่งซ้อนผม กูแช่งให้แดดเผาเหงือกมึงดำ ยิ้มบ้ายิ้มบออยู่ได้

“มึงนั่งดีๆดิ่ เดี๋ยวกูก็ถีบตกทะเล”

“กูก็นั่งดีๆแล้วเนี่ย มึงน่ะแหละขับไม่ดีเอง”

“ก็กูเพิ่งหัดขับ มึงอย่าพูดมากน่า คนจะใช้สมาธิ”

ผมตั้งใจจิตจดจ่อกับการขี่เจ็ทสกีจนไม่ทันสังเกตว่ามือไอ้เพิร์ดมันมาเกาะอยู่ที่เอวผมตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมมันยังเอาคางมาเกยไหล่ผมอีกต่างหาก คอมึงไม่มีกระดูกหรือให้ถึงต้องหาที่ค้ำ

“ไอ้เพิร์ด มึงอยากลงไปว่ายน้ำนักใช่ไหม”

“อะไรอะ ก็มึงขับน่ากลัว กูก็เลยต้องเกาะเอวมึงไว้กันตกไง”

“กูขับช้าจนเต่าว่ายแซงขนาดนี้มึงยังกลัวอีกหรือไง อย่ามาๆ เอามือมึงออกไปเลยก่อนที่มึงจะได้ไปผจญภัยใต้ท้องทะเล”

มันไม่ฟังผมแถมยังยื่นมือมันมาจับที่แฮนด์ทั้งสองข้างแทนผมอีกต่างหาก ตอนนี้เลยเหมือนผมถูกมันกอดทางอ้อม

“ไอ้เพิร์ด กูบอกแล้วไงว่ากูจะขับเอง”

“ถ้าให้มึงขับชาติหน้าก็ตามพวกมันไม่ทันหรอก”

ผมมองไปก็เห็นพวกไอ้เพลย์ ไอ้ทีมและก็เพื่อนๆไอ้เพิร์ดอยู่ไกลลิบๆ นี่กูขับช้าขนาดนั้นเลยหรอว่ะเนี่ย

“เออ งั้นเดี๋ยวกูจะไปนั่งข้างหลัง เฮ้ย!”

ผมที่กำลังจะลุกเลยต้องรีบนั่งลงอย่างเดิมเพราะไอ้เพิร์ดมันขับออกไปกะทันหันจนผมแทบจะตีลังกาสามตลบแล้วทำท่ากบตกลงทะเล มึงทำอะไรช่วยปรึกษากูก่อนได้ไหม ถ้าหน้ากูเสียโฉมหน้ามึงได้เบี้ยวเป็นดินน้ำมันถูกเหยียบแน่ ไอ้เพิร์ดขับแปบเดียวก็ตามพวกนั้นทัน มึงขับเร็วขนาดนี้มึงไปซื้อจรวดมาขับดีกว่าและก็เชิญมึงขับคนเดียวด้วยนะ เพราะกูยังอยากอยู่บนโลกนี้นานๆ หลังจากตามทันไอ้เพิร์ดก็ลดความเร็วลง ซึ่งเป็นผลผมดีต่อผมมาก

“กลัวหรือไง”

มันก้มหน้ามาถามผมที่ยังเกร็งไม่หาย มึงยังจะถามอีกหรอ หน้ากูโต้ลมจนจะบานแข่งกับดาวเทียมไทยคมได้แล้วมั้ง

“มึงลองให้กูขับแบบนี้มั้งไหมล่ะ”

“ไม่เอาอะ กูยังไม่อยากตาย”

“งั้นมึงก็ขับไปเงียบๆอย่าพูดมาก”

เจ็ทสกีเกือบสิบคันจอดเรียงกันอยู่ที่ฝั่ง นี่กะจะเหมาหมดไม่แบ่งคนอื่นเลยสินะ

“ลงมาสิ หรือจะรอให้กูอุ้ม”

ไอ้เพิร์ดเดินเข้ามาจะอุ้มผมจริงๆอย่างที่มันบอก ผมเลยรีบลงมาก่อนที่จะได้ขายหน้าคนอื่น

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวตามพวกมันไม่ทัน”

มันจับมือผมไว้แน่น

“ปล่อยเลย เดี๋ยวพวกนั้นเห็นจะมาล้อกูอีก รำคาญ”

“ก็เค้ากลัวหลงอะ ขอจับมือหน่อยนะ”

มันยังไม่ยอมปล่อยแถมยังบีบมือผมให้แน่นขึ้นอีกด้วย ไอ้เพิร์ดมันคงจะไม่มีรูหูถึงไม่เข้าใจประโยคที่ผมพูด

“มึงโตจนควายเรียกพ่อได้แล้วยังจะกลัวหลงอีก แล้วก็รีบไปสิเดี๋ยวก็ได้หลงจริงๆหรอก”

ไอ้เพิร์ดยิ้มกว้างเมื่อผมกระตุกมือให้มันเดินตามมา ส่วนผมก็ทำหน้าบึ้ง ขมวดคิ้วผูกกันห้าปมให้มันรู้ว่าผมกำลังหงุดหงิด แต่มีรึที่คนอย่างไอ้เพิร์ดมันจะรู้สึกรู้สาอะไรอย่างที่มนุษย์หน้าตาดีเช่นผมควรจะรู้สึก มันเดินนำจูงมือผมไปจนทันคนอื่นๆ

“เดินช้าจริงๆเลยนะคู่ข้าวใหม่ปลามัน”

“หู้ยยย มีจับไม้จับมือกันด้วยเว้ย”

ไอ้เพลย์มันปากยื่นทันทีและก็มีคู่หูปากหมาเป็นพี่แอร์

“เดี๋ยวมึงได้โดนปลาตีนกระทืบอย่างเมามัน”

ผมชี้หน้าไอ้เพลย์คาดโทษ ถึงทีผมเมื่อไหร่จะเหยียบมันให้จมไปชั้นหินพรุเลยคอยดู

พวกผมเดินเข้าป่ามาได้สักพักก็มาถึงปากถ้ำที่มืดสนิท ดูแล้วไม่น่าจะย่างเท้าเหยียบเข้าไปเลยสักนิด ไม่รู้ข้างในจะมีอะไรบ้าง ถึงคนนำทางจะบอกว่าไม่มีอันตรายอะไรแต่ผมก็ยังกลัวอยู่ดี

“กลัวหรอ”

“ไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากเข้าไป”

“งั้นกูอยู่เป็นเพื่อนมึงข้างนอกก็แล้วกัน”

“เฮ้ยไม่ต้อง มึงเข้าไปเถอะ กูอยู่คนเดียวได้”

“ไม่เอาอะ ถ้ามึงไม่เข้ากูก็ไม่เข้า”

ทำไมมันดื้อด้านอย่างนี้นะ นี่มันจะขัดทุกอย่างที่ผมบอกเลยสินะ

“งั้นกูเข้าก็ได้”

ผมเดินตามคนอื่นๆเข้าไป ข้างในมืดมาก มืดจนมองอะไรไม่เห็นแต่ยังดีที่มีแสงจากไฟฉายของพวกพี่ๆที่ส่องมาให้พอเห็นทาง

“เดินระวังนะ ตะไคร่มันเยอะ”

ไอ้เพิร์ดที่เพิ่งเดินมาถึงผมจับแขนผมแล้วส่องไฟให้มองเห็นทางมากขึ้น มีไอ้เพิร์ดอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยถ้ามีอะไรโผล่มาก็ใช่มันนี่แหละเป็นโล่กำบัง

“เพิร์ดดูนั่นดิ”

ผมชี้มือให้ไอ้เพิร์ดมองไปผมเพดานถ้ำที่เต็มไปด้วยหินย้อยที่มีหยดน้ำเกาะอยู่เต็ม พอมันกระทบกับแสงจากไฟฉายก็ระยิบระยับราวกับเพชรราคาแพง

“สวยใช่ไหมล่ะ”

“อืม ดีนะที่กูยอมเข้ามา ไม่งั้นต้องเสียดายมากๆแน่”

“เราออกกันเถอะครับ เพราะถ้าเดินลึกเข้าไปอีกออกซิเจนก็จะน้อยลง

คนนำทางบอกกับพวกผม ตอนนี้ผมก็รู้สึกถึงไอเย็นที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆแล้วเหมือนกัน ขากลับผมรู้สึกว่าใช้เวลาน้อยกว่าขาไปเป็นเท่าตัว ผมนั่งเจ็ทสกีแล้วให้ไอ้เพิร์ดขับเหมือนตอนขามา ตอนแรกก็ว่าจะไปนั่งกับไอ้ทีมแล้วให้ไอ้เพลย์มันมานั่งกับพี่มัน แต่พวกมันรู้ทันรีบบิดเจ็ทออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลมตดจนผมที่อ้าปากค้างจำต้องหุบปากแล้วเดินคอตกกลับไปหาไอ้เพิร์ดที่นั่งหน้าหล่อเชิญชวนบาทาของผมอย่างเสียมิได้ แต่โชคดีที่มันไม่ขับเร็วท้าทายยมบาลเหมือนขามา ผมเลยนั่งสบายๆไม่ต้องคอยลุ้นว่าจะได้ไปดื่มดำธรรมชาติใต้ท้องทะเลเมื่อไหร่

“ไปอาบได้แล้วไอ้น้องเพลย์”

ไอ้เพิร์ดห้ามน้องมันที่ทำท่าจะวิ่งลงทะเล   

“อะไรว่ะ นี่พี่เป็นพี่หรือเป็นพ่อกันแน่เนี่ย ชอบสั่งจัง”

ถึงปากมันจะบ่นแต่ก็ยอมบิดก้นกลับไปที่บ้านพักตามคำบัญชาของพี่ชายสุดที่รัก

“แล้วนั่นมึงจะไปไหน”

ไอ้เพิร์ดถามผมที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่ทะเลเช่นเดียวกับไอ้เพลย์ในตอนแรก

“นั่นมันเรื่องของกูป่ะ”

“มันเย็นแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“ตัวของกู”

“ทำไมดื้ออย่างนี้นะ อยากเล่นนักใช่ไหม”

“เฮ้ย! ไอ้เพิร์ดปล่อยยยย”

ไอ้เพิร์ดเดินมาอุ้มผมแล้วตรงไปที่ทะเลอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปล่อยผมลงสู่ทะเลอย่างแรง กูเป็นคนนะไม่ใช่ปลาไหลที่คิดจะปล่อยก็ปล่อย น้ำทะเลไหลเข้าหู เข้าจมูก เข้าปากผมจนรู้สึกแสบไปหมด เย็นนี้คงไม่ต้องกินข้าวแล้วมั้ง กูกินแพลงตอนจนอิ่มละ

“ไอ้เพิร์ด แคก แคก มึงเล่นห่าอะไรเนี่ย แคก ถ้ากูตายไปมึงรับผิดชอบได้ไหม”

ผมที่โผล่พ้นน้ำมาโวยวายใส่ไอ้เพิร์ดที่ยืนมองดูผมอย่างเลือดเย็น จิตใจมึงทำด้วยอะไรถึงมาทำร้ายคนบอบบางอย่างกูได้ลงคอ ประชากรที่เพอร์เฟคอย่างกูยิ่งหาอยากๆอยู่

“พอใจแล้วใช่ไหม งั้นก็ขึ้นได้แล้ว”

ผมอ้าปากค้างมองตามหลังไอ้เพิร์ดที่เดินจากไปอย่างสงบ นี่มันมาอารมณ์ไหนว่ะ ผมตามมันไม่ทันจริงๆ

“ไอ้เพิร์ด”

ผมวิ่งตามมันไป แต่มันก็ไม่สนใจเสียงเรียกผมสักนิด

“เป็นอะไรเนี่ย”

“เปล่า”

เสียงมึงเย็นชาได้อีก นี่กูหนาวจนขนตั้งแล้วเนี่ย

“งอนเป็นตุ้ดเลยนะมึง ไหนบอกมาสิเป็นอะไร”

ผมจับไอ้เพิร์ดให้หยุดเดินแล้วหันหน้ามาคุยกันดีๆ

“ไม่ได้เป็นอะไร”

“แล้วแต่มึงแล้วกัน”

ผมทำท่าจะเดินหนี แต่ไอ้เพิร์ดมันจับแขนผมไว้ก่อน

“กูก็แค่น้อยใจ”

“น้อยใจ เรื่องอะไร”

ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ตอนนี้ผมอยากจะขำมากกว่า ลองคิดดูสิครับ ผู้ชายตัวใหญ่อย่างไอ้เพิร์ดทำหน้างอนได้เหมือนกระเทยมาก

“ก็มึงไม่เคยเชื่อที่กูพูดเลย ที่กูพูดที่กูบอกก็เพราะเป็นห่วง แต่มึงกลับมาบอกว่าเรื่องของมึง อย่าทำเหมือนกูเป็นคนอื่นสำหรับมึงได้ไหม”

“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ฟังนะเพิร์ด กูเป็นผู้ชาย และกูก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ มึงก็รู้นี่ว่านิสัยกูเป็นอย่างไร แต่ถ้ามึงไม่สบายใจ งั้นต่อไปกูจะพยายามฟังที่มึงบอกแล้วกันนะ แต่กูแค่ฟังนะ ถ้าจะให้ทำตามก็คงต้องดูก่อนว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องอะไร”

ไอ้เพิร์ดมันเริ่มคลายกล้ามเนื้อที่หน้าลงเล็กน้อย ถ้ามันยังไม่เลิกทำหน้าบึ้งผมจะแช่งให้ตะคริวกินหน้ามันสามปี

“เลิกทำหน้าบึ้งได้แล้ว เห็นแล้วกูตลกว่ะ”

ผมจับแก้มทั้งสองข้างมันแล้วยืดออก

“เจ็บนะ”

ไอ้เพิร์ดจับมือผมออก ลอยแดงขึ้นที่แก้มมันทั้งสองข้าง ผมลูบที่ลอยแดงนั้นเบาๆเพื่อคลายความเจ็บให้มัน แต่พอผมจะชักมือกลับไอ้เพิร์ดก็จับมือผมแนบไว้กับแก้มมันตามเดิม

“นีซ พี่รักนีซนะ”

“รู้แล้วน่า”

“รักมากด้วย”

“อืม”

“รักที่สุด”

“เลิกพูดได้แล้ว”

เพราะกูเริ่มจะเขินแล้ว ถ้ากูเขินจนหน้ามืดแล้วจับมึงปล้ำตรงนี้จะทำไง

“เข้าบ้านกันดีกว่า ปากมึงเริ่มซีดแล้ว”

ผมมองสภาพตัวเองที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ถึงว่าทำไมลมเย็นๆ ผมเกือบนึกว่าตัวเองเป็นริดสีดวงแล้วนะเนี่ย



“รอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวกูไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้”

ไอ้เพิร์ดที่ตัวเปียกน้อยกว่าปล่อยให้ผมยืนตัวสั้น เอ้ย! ตัวสั่นอยู่หน้าบ้านพักแล้วเข้าไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้

“ไปไหนกันมาว่ะตัวเปียกมาเชียว”

“พาเด็กดื้อไปปล่อยน้ำมา”

ไอ้เพิร์ดปรายตามามองผมนิดนึงตอนตอบพี่แอร์

“รีบไปอาบน้ำไป จะได้มากินข้าวกัน”

พี่แอร์บอกแล้วเดินเข้าบ้านไป ส่วนผมรับผ้าเช็ดตัวมาจากไอ้เพิร์ดแล้วถอดเสื้อออก

“เดี๋ยว จะถอดตรงนี้เลยหรอ”

“ก็เออนะสิ ไม่ให้ถอดตรงนี้จะให้กูไปถอดที่เชียงใหม่หรือไง”

“กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น กูว่ามึงแค่ซับน้ำที่ตัวให้หมาดๆแล้วค่อยไปถอดในห้องก็ได้”

“เรื่องมากจริงๆเลยนะมึง”

“ก็กูไม่อยากให้คนอื่นเห็นมึงแก้ผ้านี่”

“กูก็ไม่ได้แก้หมดสักหน่อย ก็แค่ถอดเสื้อ”

“นั่นแหละ กูหวง”

ไอ้เพิร์ดแย่งผ้าเช็ดตัวจากมือผมไปแล้วซับน้ำให้พอหมาดๆแล้วเอาผ้ามาพันรอบตัวผมไว้

“เข้าไปได้แล้ว ยิ้มอะไร”

ไอ้เพิร์ดถามผมที่ยืนมองมันแล้วยิ้ม

“มึงนี่น่ารักดีนะ”

ผมบอกแล้วรีบเดินหนีเข้าบ้านทันที ในบ้านตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งกินข้างกันอยู่ ไม่คิดจะรอกันเลยสินะ

“อะไรอะพี่ ทีไอ้นีซได้เลยน้ำแล้วทำไมผมไม่ได้เล่นอะ”

ไอ้เพลย์ที่เห็นผมเดินตัวเปียกเข้ามารีบไปโวยวายกับพี่มันใหญ่เลย แต่มึงจะยอมโดยมันโยนลงน้ำแบบกูไหมล่ะ ผมเดินเข้าห้องไปเลยไม่ได้ยินว่าไอ้เพลย์พูดอะไรกับไอ้เพิร์ดอีก

ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาด้วยสภาพที่มีผ้าขนหนูผืนเดียวพันอยู่รอบเอวอย่างเคยชิน แต่ผมลืมไปได้ไงว่านี่ไม่ใช่ห้องส่วนตัว และยังมีมนุษย์อีกสามคนพักอยู่ในห้องนี้ด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือไอ้เพิร์ดที่ตอนนี้มันส่งยิ้มหน้าระรื่นชื่นทรวงมาให้แล้วมองผมอย่างมีเลศนัย

“มึงเลิกคิดอะไรก็ตามที่มึงกำลังคิดอยู่เลยนะ”

ผมรีบเดินจะไปหยิบเสื้อผ้า แต่ทางที่เดินมันต้องผ่านไอ้เพิร์ด และก็เป็นอย่างที่ผมคิด ไอ้เพิร์ดมันดึงผมให้ลงไปนั่งอยู่บนตักมัน ส่วนผมก็นะ เสือกมาแรงน้อยอะไรตอนนี้ โดนมันดึงเบาๆก็ไปตามแรงมันแล้ว

“ปล่อย จะไปแต่งตัว”

ไอ้เพิร์ดเอาแขนทั้งสองข้างรัดตัวผมแน่นไม่ให้ผมขยับหนีไปได้ ยิ่งผมดิ้นมากเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งใกล้ชิดกับมันมากขึ้น

“อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้นเท่าไหร่กูก็ยิ่งรู้สึกมากเท่านั้นนะ”

“มึงรู้สึกอะไร”

“อย่าถามในสิ่งที่ตัวเองรู้อยู่แล้วสิ”

ผมไม่รู้อะไรเลยนะ ผมออกจะใสใส

“ปล่อยสิกูหนาว”

“เดี๋ยวกูช่วยทำให้อุ่นไหม”

ไม่รอฟังคำตอบจากผม ไอ้เพิร์ดก็จับผมนอนราบลงกับเตียง

“มึงจะทำอะไร ปล่อยเลยนะ”

ผมบอกมันโดยไม่ดิ้น ถึงจะดิ้นไปก็สู้แรงมันไม่ได้อยู่ดี เหนื่อยเปล่าๆ

“ก็จะทำให้มึงอุ่นไง หนาวไม่ใช่หรอ”

“ไม่หนาวแล้ว ตอนนี้กูร้อนแล้วเนี่ย ร๊อนร้อน มึงดูเหงื่อกูสิ เห็นไหม”

ผมบอกให้มันดูเหงื่อปลอมๆของผมหรือก็คือหยดน้ำจากเส้นผมของผมนั่นเอง แต่ไอ้เพิร์ดมันคงไม่โง่เลยรู้ทันแถมยังส่งยิ้มพราวเสน่ห์ประจำตัวมาให้ผมอีก

“นีซครับ เอาตัวรอดได้ไม่เนียนเลยนะ”

แอ๊กกกก ทำไมมึงต้องพูดเพราะด้วย กูจะละเหยเป็นเนื้อเดียวกับออกซิเจน

“เพิร์ด ปล่อยกูเถอะนะ ถ้ามึงรักกูจริงมึงก็ต้องรอได้สิ หรือว่ามึงไม่ได้รักกูอย่างที่มึงบอก”

ผมแสร้งตีหน้าเศร้าแถลงความให้ดูน่าสงสารที่สุด และก็ได้ผล ไอ้เพิร์ดมันทำท่าคิดแล้วก็เริ่มคลายแรงที่ล็อกแขนผมไว้

“ก็ได้ กูจะไม่ทำอะไรมึงตอนนี้”

ไม่ทำตอนนี้หมายถึงอีกห้านาทีมันอาจจะทำก็ได้ใช่ไหม ผมที่เพิ่งได้รับอิสรภาพรีบลุกไปหยิบเสื้อผ้าแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว พอผมออกมาไอ้เพิร์ดก็ยังอยู่ในห้องเหมือนเดิม

“แต่งตัวนานชะมัด กูหนาวจะตายแล้วเนี่ย”

ผมลืมไปเลยว่าไอ้เพิร์ดก็ตัวเปียกเหมือนกัน มันนั่งตัวสั่น ปากเริ่มเขียวขึ้นมานิดๆ ยิ่งตอนหัวค่ำอากาศก็เริ่มเย็น ดีนะที่มีแต่ลมที่พัดมาจากหน้าต่างไม่ใช่ลมจากเครื่องปรับอากาศ ไม่งั้นไอ้เพิร์ดได้ป่วยแน่ๆ

“ สมน้ำหน้า”

ผมเดินผ่านไอ้เพิร์ดออกไปนอกห้อง ครั้งแรกกะจะหนีลงไปกินข้าวก่อน แต่ไอ้เพิร์ดมันคงได้งอนผมอีกแน่ ผมเลยเดินลงไปขอยาจากพี่ทรายเอามาให้ไอ้เพิร์ดกินแทน

“อะ”

ผมยื่นยาไปให้ไอ้เพิร์ดที่นั่งเช็ดผมอยู่บนเตียง

“อะไร”

“เกี๊ยวห่อไข่ล่ะมั้ง ก็เห็นอยู่ว่ายายังจะถามอีก”

“แล้วเอามาให้ทำไม”

“เดี๋ยวมึงไม่สบาย ก็ต้องมาลำบากกูดูแลอีก”

“อุตส่าห์คิดว่าเป็นห่วง ที่แท้ก็กลัวตัวเองจะต้องมาลำบากดูแลคนไม่สบาย โอ้ย!”

ผมจัดการเขกกะโหลกคนขี้งอน โตป่านนี้แล้วยังจะคิดไม่ได้อีก

“ทำไมจะโง่ก็โง่ได้โล่ขนาดนี้นะ ถ้ามึงยังคิดว่ากูไม่เป็นห่วง ไม่สนใจมึงอีกก็ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลย”

ผมบอกมันอย่างอารมณ์เสีย นี่มันคิดว่าที่ผมบอกว่าผมชอบมันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไง ผมมันเป็นคนที่ปากกับการกระทำไม่ค่อยจะตรงกันเท่าไหร่ อันนี้ไอ้เพิร์ดมันก็น่าจะรู้ดี

“ขอโทษ พี่รู้ว่านีซเป็นห่วง แต่พี่ก็แค่อยากให้นีซแสดงออกมาบ้าง ไม่ใช่ว่าพี่จะไม่เชื่อคำพูดนีซนะ ถึงนีซจะเคยบอกว่าชอบพี่แล้ว แต่พี่ก็ยังต้องการการกระทำเพื่อยืนยันคำพูดนั้นให้หนักแน่นขึ้น แต่ถ้านีซไม่เต็มใจทำก็ไม่เป็นไร”

ไอ้เพิร์ดบอกแล้วทำหน้าให้ดูน่าสงสารจนผมโกรธมันไม่ลงเลยทีเดียว ผมยิ่งเป็นผู้ชายอ่อนไหวง่ายอยู่

“เออๆ ต่อไปกูจะแสดงออกให้มากขึ้นแล้วกัน มึงจะได้สบายใจ”

ไอ้เพิร์ดมันยิ้มกว้างอย่างหน้าหมั่นไส้ จนผมคิดว่าไอ้ที่มันทำหน้าเศร้าเล่าเรื่องดราม่ามาม่าสองห่อให้ผมฟังเมื่อกี้มันกำลังทำเจ้าเล่ห์เพทุบายใส่ผมอยู่ ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆผมจะกระโดดฟันศอกต่อด้วยเข่าคู่ลอยฟ้าใส่มันแน่




คิดถึงฉันไหมคนดี (...) คิดถึงแค่ไหนขอฟัง (...) ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ :o11:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 9|| (3/02/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-02-2016 08:30:31
 :ling1:

เพิร์ดนี่เทคแคร์น้องนีซคงเส้นคงวาดีจริง ยกเว้นตอนกวนบาทา แทบอยากจะเตะให้หลุดจากตำแหน่งแฟน


เวฟหมั้นกับใครคะนั่น เพลย์?? ไม่มั้งงงงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 10|| (26/02/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 26-02-2016 15:55:16
ตอนที่ 10


“แม่ครับบบบ มีอะไรกินบ้าง”

ผมที่เพิ่งลงมาจากห้องตะโกนถามแม่ที่น่าจะทำอาหารอยู่ในครัว หลังจากกลับมาจากทะเลผมก็ไม่ได้เจอกับไอ้เพิร์ดเลย เพราะช่วงนี้มันกำลังยุ่งๆเรื่องสอบเข้ามหาลัย ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอยากจะเจอมันหรอก เพราะผมเข้าใจว่าอนาคตมันก็สำคัญ แต่ถึงแม้จะไม่ได้เจอหน้าแต่มันก็ยังอุตส่าห์โทรมากวนผมได้ทุกคืน ถึงจะคุยกันเพียงไม่กี่นาทีแต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ได้ลืมผม และอีกสองวันโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว เดี๋ยวก็ได้เจอหน้ากัน

“วันนี้มีข้าวต้มกุ้ง อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จ”

“มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

ผมเดินเข้าไปกอดแม่ทางด้านหลังแล้วชะโงกมองหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะหลั่งได้ดีขึ้น

“แม่ว่าลูกไปนั่งรอแม่ดีกว่านะ ถ้าให้ลูกช่วยแม่กลัวว่าจะไม่ได้กินกันวันนี้น่ะสิ”

“โหแม่อะ งอนแล้ว”

ผมแกล้งงอนเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารตามที่แม่บอก

“มาแล้วๆ ข้าวต้มร้อนๆ ทีนี้หายงอนแม่ได้หรือยัง”

“หายก็ได้ นี่เห็นว่าแม่ตักกุ้งมาให้ตั้งสามตัวนะเนี่ย”

แม่ยิ้มกว้างแล้วลงมือกินข้าวต้มพร้อมกับผม จะให้ผมงอนแม่ได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่อตอนนี้เราเหลือกันอยู่สองแม่ลูกเพราะพ่อกับพี่เนฟกลับไปแล้ว เสียดายที่ผมยังไม่ได้ใช่เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่เลย แต่ก่อนกลับพ่อก็ยังถามว่าผมกับแม่จะย้ายไปอยู่ที่นู่นด้วยกันไหม แต่แม่ไม่อยากจะทิ้งงานทิ้งบ้านไป และถ้าแม่อยู่ที่ไหนผมก็จะอยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่กับพ่อนะ และถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะมีครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนกับคนอื่นเขาเหมือนกัน

ติ๊ง ต๊อง ติ๊ง ต๊อง

“เดี๋ยวผมไปเปิดให้ครับแม่”

“ไง”

คำทักทายสั้นๆกับรอยยิ้มกว้างจากคนที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวัน หัวใจผมเต้นแรง มึงจะเต้นให้ทะลุอกกูออกมาเลยหรือไง เดี๋ยวไอ้คนตรงหน้าก็รู้หรอกว่ากูคิดถึงมันมากแค่ไหน

“มาทำไม”

ปากไวกว่าจะได้คิดคำพูด ทั้งๆที่อยากจะพูดประโยคที่ดีกว่านี้แท้ๆ ไอ้เพิร์ดมันทำหน้าเศร้าลงไปทันที โอ้ย ไอ้ปากไม่รักดีเอ้ย

“ก็แค่คิดถึง อยากมาหา ถ้ามึงไม่คิดถึงกู กูกลับก็ได้”

“เดี๋ยวสิ แล้วนั่นถืออะไรมาด้วย”

ผมรีบห้ามก่อนที่มันจะหันหลังกลับ

“ของฝากจากเชียงใหม่ แม่จะฝากไอ้เพลย์มา แต่กูอยากเจอมึงเลยอาสาเอามาให้แทน”

มึงร่ายยาวเป็นสุนทรพจน์เลยนะ อยากให้กูซาบซึ้งใจร้องไห้จนน้ำตาท่วมโลกเลยหรือไง

“เอามาสิ”

ผมแย่งของจากมือมันไปถือ

“งั้นกูกลับล่ะนะ”

“คิดถึงกูไม่ใช่หรือไง เจอกันแค่นี้หายคิดถึงแล้วหรอ”

อ้ากกก กูพูดอะไรออกปายยยย ไอ้เพิร์ดยิ้มกว้างทันที มันกางแขนเตรียมเข้ามากอดผมแต่ผมยกเท้าซ้ายสกัดดาวรุ่งมันได้ทันเสียก่อน

“โหใจร้ายว่ะ”

“กูไม่ถีบมึงก็บุญแค่ไหนแล้ว จะเข้ามาไหมในบ้านน่ะ หรือจะยืนตากแดดอยู่ข้างนอกก็ได้นะ”

ผมเดินนำมันเข้าไปในห้องครัวแม่นั่งอยู่

“สวัสดีครับแม่”

“แม่นี่เพิร์ด พี่ชายไอ้เพลย์”

“นั่งก่อนสิจ๊ะ แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง”

“ยังครับ”

“งั้นก็มาทานข้าวต้มด้วยกันก่อนสิ นีซพาพี่เขาไปนั่งสิ”

แหมแม่ เห็นคนหล่อไม่ได้เลยนะ ไอ้เพิร์ดนี่ก็โปรยเสน่ห์ไปทั่วเลย บอกไว้ก่อนเลยนะว่าคนนี้พ่อกูจองเว้ย

ไอ้เพิร์ดมันนั่งลงข้างๆผม แล้วผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่าคอยนั่งฟังแม่กับไอ้เพิร์ดคุยกันราวกับมันเป็นลูกชายที่พลัดพรากจากกันไปหลายสิบปี

“อย่างนี้เพิร์ดก็ต้องเรียนเก่งสิลูก”

“ไม่หรอกครับ ผมแค่ขยันมากกว่าคนอื่นก็เท่านั้นเอง”

มึงถ่อมตัวได้หน้าหมั่นไส้มาก แต่แม่ก็กลับไปชื่นชมมันออกหน้าออกตา

“แล้วเพิร์ดจะเรียนต่ออะไร”

“ผมอยากเรียนวิศวะครับ ตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัวสอบอยู่”

“เก่งๆอย่างเพิร์ดต้องทำได้อยู่แล้ว ใช่ไหมนีซ”

แม่หันมาถามความคิดเห็นผม นึกว่าลืมลูกชายสุดหล่อคนนี้ไปเสียแล้ว

“ครับ”

“แล้วนี่เพิร์ดมามีธุระอะไรหรอจ๊ะ”

“ผมเอาของฝากมาให้ครับ”

“แค่นั้นหรอ”

“ครับ”

แม่มองไอ้เพิร์ดอย่างไม่เชื่อ

“รีบๆกินเข้าสิจะได้รีบกลับบ้าน มึงต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือไม่ใช่หรอ”

ผมพูดขัดก่อนที่แม่จะจับผิดบางอย่างได้

“นีซ ทำไมพูดกับพี่เขาไม่เพราะเลยล่ะ”

แม่บอกกับผมดุๆ ร้อยวันพันปีแม่ไม่เคยดุกู เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้ดวกกกก

“พี่เพิร์ดครับ รีบๆรับประทานแล้วก็กลับบ้านได้แล้วนะครับ”

ผมพูดกับมันเพราะๆตามที่แม่บอกแถมด้วยฉีกยิ้มกว้างไปให้

“จริงๆเลยนะลูกคนนี้ อย่างไปถือสาน้องเลยนะเพิร์ด นีซก็เป็นอย่างนี้แหละ โตแต่ตัวแต่นิสัยยังเป็นเด็กๆ”

“ผมรู้ครับ”

อ้าวไอ้นี่ปล่อยให้แม่กูพูดคนเดียวมึงไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้ จากที่กูกลายไปหมาหัวเน่าตอนนี้กูเริ่มจะกลายเป็นหมาเน่าทั้งตัวแล้ว

“เพิร์ดไปนั่งเล่นก่อนก็ได้นะลูก เดี๋ยวแม่ขอตัวไปล้างจานก่อน”

“เดี๋ยวผมช่วยดีกว่าครับ”

“ไม่เป็นไรๆ เพิร์ดไปนั่งเล่นกับน้องเถอะ”

“ครับ”

ไอ้เพิร์ดมันเดินมานั่งลงบนโซฟาข้างๆผม แต่โซฟาก็ตั้งกว้าง มึงมานั่งเบียดกูเพื่อ

“ขาดความอบอุ่นหรือไง ขยับออกไปดิ่ กูอึดอัด”

“ก็อยากนั่งใกล้ มีไรป่ะ”

“กูไม่มี แต่ตีนกูมี จะลองเคลียร์กับมันไหมล่ะ”

“นีซ”

“อะไร”

“พรุ่งนี้กูจะไปสอบ”

“แล้ว”

“กูจะให้มึงไปด้วย”

“ไม่อะ ขี้เกียจ”

ผมปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด แดดก็ร้อนจะให้ไปนั่งรอจนกว่ามันจะสอบเสร็จไม่เอาด้วยหรอก สู้เอาเวลาไปนอนเอาแรงเตรียมตัวไปเรียนดีกว่า

“ไปเถอะนะ นะ นะ นะ ไปให้กำลังใจกูหน่อย”

“มึงเก่งอยู่แล้วไม่ใช่หรอ อย่างไรก็สอบได้อยู่แล้ว”

“อันนั้นมันก็ใช่ แต่กูอยากให้มึงไปด้วย”

“มึงจะให้กูไปนั่งป่าวเปลี่ยวอยู่คนเดียวหรือไง”

“เสียดายจัง กูว่าถ้าสอบเสร็จแล้วจะพาคนแถวนี้ไปเที่ยวสักหน่อย ถ้ามึงไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร กูไม่บังคับอยู่แล้ว”
มึงมาไม้นี้คิดหรอว่ากูจะหลงกล คนอย่างไอ้นีซไม่ได้โง่นะเว้ย”



“ไอ้นีซเร็วๆสิว่ะ เดี๋ยวกูก็ไปสอบสายหรอก”

ไอ้เพิร์ดกวักมือเรียกผมที่กำลังวิ่งหน้าตั้งไปหามันที่รถ มันจะรีบไปไหนว่ะ นี่เพิ่งจะ 6 โมงเองนะ แล้วมันก็สอบตั้ง 9 โมงไม่ใช่หรือไง

“เหนื่อยฉิบหาย รู้อย่างนี้กูนอนอยู่บ้านดีกว่า”

“บอกว่าให้ไปนอนบ้านกูก็ไม่เชื่อ”

“รีบขับไปเถอะน่าไม่ต้องพูดมาก”

แล้วทันทีที่รถเข้าใกล้เขตมหาลับผมก็รู้ทันทีเลยครับว่าทำไมมันต้องมาแต่เช้า ก็เพราะว่ารถติดโคตรๆเลย กว่าจะเข้าไปในตัวมหาลัยได้ก็ปาเข้าไป 8 โมงแล้ว ที่นี่เป็นมหาลัยชื่อดังที่ใครๆก็ใฝ่ฝันจะเข้ามาเรียน และผมก็เช่นกัน ไอ้เพิร์ดพาผมไปหาเพื่อนมันที่มาสอบด้วย

“ไอ้เพิร์ด พามาด้วยได้ไงว่ะ”

ไอ้พี่แอร์เองครับ

“กูแค่หลอกว่าจะพาไปเที่ยวก็โดดขึ้นรถกูมาแล้ว”

อ้าวไอ้เชรี่ยยยย มึงหลอกกูหรอ

“มึงหลอกกูหรอ งั้นกูกลับล่ะ”

“ถ้ามึงกลับถูกก็เชิญ”

ผมมองไปรอบๆก็เจอแต่สิ่งที่ไม่คุ้นตา แล้วอย่างนี้กูจะหาทางออกเจอไหมเนี่ย เมื่อหมดปัญญาผมก็ต้องหันกลับมาทางกลุ่มไอ้เพิร์ดตามเดิม

“เพิร์ดมานั่งรอกับพี่ก็ได้”

พี่ทรายที่คาดว่าคงจะถูกพี่แอร์บังคับมาบอกกับผม อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่คนเดียวล่ะวะ

“อย่างหนีไปเที่ยวกันนะเว้ย ไม่งั้นคืนนี้มึงโดนแน่”

ไอ้พี่แอร์บอกกับพี่ทรายที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะกลัวเลยสักนิด

“นีซมานี่ดิ่”

ผมเดินไปหามันอย่างว่าง่าย

“มีอะไร”

“ขอกำลังใจหน่อย”

“ยังไง”

“ยื่นหน้ามาสิ”

ผมก็ยื่นหน้าตามที่มันบอกงงๆ แต่ผมก็หายงงเมื่อ

“ฟอดดด”

“ไอ้เพิร์ด!!!”

“จ้าาาาาาาาา”

“ฮิ้วววว”

ตามด้วยเสียโห่แซวของเพื่อนไอ้เพิร์ดจนคนอื่นๆหันมามองว่าไอ้กลุ่มนี้มันเพี้ยนหรือเปล่าถึงได้มาแหกปากโวยวาย

“ไอ้นีซหน้ามึงแดงว่ะ”

ผมจับแก้มด้วยเองโดยอัตโนมัติ

“ไปสอบก่อนนะเดี๋ยวเจอกัน”

“เดี๋ยวเพิร์ด”

“หื้อ”

“สู้สู้นะ กูจะรอมึงอยู่ตรงนี้แหละ”

ไอ้เพิร์ดยิ้มให้ผม ผมเองก็ยิ้มตอบมันเหมือนกัน

“มึงจะยืนจนมดขึ้นไปทำรังเลยหรือไง”

“เออๆๆ นีซกูฝากกระเป๋าไว้หน่อย ขี้เกียจเอาไปด้วย”

“อื้อ”

ผมมองจนไอ้เพิร์ดขึ้นตึกไปแล้วจึงเดินไปนั่งกับพี่ทราย

“เป็นแฟนกันแล้วสินะ”

“ว่าไงนะครับ”

“นีซกับไอ้เพิร์ดน่ะ เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม”

“ครับ”

“ไอ้เพิร์ดน่ะมันชอบนีซมานานแล้วนะ”

“ผมไม่เห็นจะรู้เลย”

ไอ้เพิร์ดเนี่ยนะแอบชอบผม เจอหน้ากันที่ไรเป็นต้องปล่อยหมาในปากมากัดกันตลอด ไม่เห็นมันจะแสดงออกว่าชอบผมเลยสักนิด

“นีซจะไปรู้ได้ไง เจอกับมันทีไรก็เอาแต่ทะเลาะกับมัน แต่ถ้านีซลองสักเกตดีๆก็จะเห็นว่ามันคอยช่วยเหลือนีซมาตลอด”

ผมคิดตามที่พี่ทรายบอก วันที่ผมโดนทำความสะอาดห้องนาฎศิลป์ไอ้เพิร์ดก็อาสามาช่วย ทั้งๆที่มันก็เย็นมากแล้ว แถมมันยังยืนรอผมอีกต่างหาก และวันที่ผมทำรายงาน มันก็ช่วยทำส่วนของผมจนเสร็จ และเรื่องอื่นๆอีกที่ผมมัวแต่เอาทิฐิมาบังจนมองไม่เห็นความดีของมัน

“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง พี่ซื้อขนมมาเต็มเลย เดี๋ยวพอสอบเสร็จแล้วหมาในปากไอ้แอร์มันจะหิว”

“ยังเลยครับ เมื่อเช้าก็รีบจนไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”

“อะ เอานี่ไปกินรองท้องก่อน กว่าพวกนั้นจะสอบเสร็จก็เกือบเที่ยง เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ”

“ครับ”

กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงงง

เสียงโทรศัพท์ดังมาจากกระเป๋าไอ้เพิร์ด ผมเลยถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ไหนๆก็เป็นแฟนกันแล้วคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“ใครโทรมาหรอ”

พี่ทรายชะโงกหน้ามาดูชื่อคนโทรเข้า

“แยม”

“ยัยแยมย่นนี่เอง รับสิ”

พี่ทรายบอกให้ผมรับ

“จะดีหรอครับ”

“โถ่ รับไปเถอะ และถ้าจะให้ดี ก็บอกมันไปด้วยว่านีซเป็นแฟนไอ้เพิร์ด”

“ฮัลโหล”

(เพิร์ดดดด เพิร์ดอยู่ไหน ออกมาหาแยมหน่อยสิ)

“ขอโทษนะครับ ตอนนี้พี่เพิร์ดสอบอยู่”

(แกเป็นใคร แล้วมารับโทรศัพท์เพิร์ดได้ไง)

เสียงแวดๆอย่างกับนกหวีด 500 อันมาเป่าพร้อมกันทำให้ผมต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่ตอนนี้พี่เพิร์ดสอบอยู่มารับโทรศัพท์ไม่ได้ ถ้าพี่เพิร์ดสอบเสร็จแล้วผมจะบอกให้นะครับ”

ผมพูดเสร็จก็กดตัดสายทันที ไม่งั้นมีหวังหูผมได้ตึงยันชาติหน้าแน่ๆ

“เป็นไงบ้าง”

“หูจะแตกน่ะสิครับ ไม่รู้กินนกหวีดแทนข้าวหรือเปล่า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า อุปสรรคชิ้นโตกำลังจะมาเยือนแล้วล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะช่วยเราเต็มที่ พี่ก็ไม่ค่อยชอบยัยนั่นเท่าไหร่หรอก”

“พี่เขาเป็นใครครับ”

“อดีตคนควงของไอ้เพิร์ดน่ะสิ ไอ้เพิร์ดจบแต่มันไม่ยอมจบ”

ผมเห็นแววว่าจะมีเรื่องที่ทำให้ผมปวดหัวเร็วๆนี่แน่ๆ

“ไม่ต้องคิดมาก ไอ้เพิร์ดมันก็แค่ควง ไม่ได้มีอะไรกับมันสักหน่อย”

“พี่รู้ได้ไงว่าไอ้เพิร์ดไม่ได้มีอะไรกับพี่เขา”

“แหมน้องนีซค่ะ ถ้าไอ้เพิร์ดยอมมีอะไรกับมัน มันก็คงไม่มาตามตื้ออย่างนี้หรอก ป่านนี้มันไปบอกให้พ่อแม่ไอ้เพิร์ดมาสู่ขอไปนานแล้ว และอีกอย่างไอ้เพิร์ดมันก็ดูออกว่าผู้หญิงคนไหนคิดจะจับมันจริงๆ มันคงไม่หาภาระมาให้ตัวเองหรอก”

อย่างไรก็ต้องถามไอ้เพิร์ดเพื่อความแน่ใจ คนอย่างไอ้เพิร์ดยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่ และถ้ามันเสือกไปมีอะไรกับยัยนกหวีดแปดหลอดนั้นรับรองมันได้เห็นดีกับผมแน่



ตอนเกือบเที่ยงไอ้เพิร์ดกับเพื่อนๆก็เดินมาที่โต๊ะที่ผมกับพี่ทรายนั่งอยู่ มันเดินยิ้มร่ามาเลยแบบนี้แสดงว่าต้องทำได้ชัวร์ อย่างนี้คณะที่มันฝันคงไม่เกินเอื้อมแล้วล่ะ ไอ้เพิร์ดนั่งลงข้างๆผมแล้วซบหัวลงที่ไหล่โดยไม่ขออนุญาตเลยสักนิด

“คอไม่มีกระดูกหรือไง”

ผมผลักหัวมันออกไปแรงๆ

“กูทำข้อสอบจนหมดแรงแล้วเนี่ย ขอพิงหน่อยนะ”

“กูจะกลับแล้ว  เออไอ้เพิร์ด แฟนมึงโทรมาน่ะ เขาบอกว่าให้โทรกลับด้วย”

ผมบอกเสร็จแล้วจะลุกขึ้นหนี ไม่อยากได้ยินมันคุยอี๋อ๋อกับยัยนกหวัดนั่น แต่ไอ้เพิร์ดกลับดึงให้ผมนั่งลงไปที่เดิม

“ใคร”

“นี่มึงมีแฟนหลายคนจนไม่รู้เลยสินะว่าเป็นใคร”

“ไม่ใช่แบบนั้น กูก็มีแฟนแค่คนเดียว ก็คนที่นั่งทำหน้างอเป็นปลาทูแม่กองอยู่ข้างๆกูนี่ไง”

“ไหนๆ ใครหน้างอ”

ผมพยายามกลั้นยิ้ม ไม่งั้นเสียฟอร์มตายเลย

“แล้วตกลงใครโทรมา”

“มึงก็ลองดูเองสิ”

ไอ้เพิร์ดมันหยิบมิอถือขึ้นมาดูแต่ก็ไม่ได้โทรกลับ ผมเลยหายอารมณ์เสียไปได้นิดนึง

“ไปกันเถอะครับ จะง้อเมียก็ค่อยไปง้อกันทีหลัง พวกกูหิวแล้วครับ”

พี่เดียร์เพื่อนไอ้เพิร์ดอีกคนบอก แต่ว่าใครเป็นเมียไอ้เพิร์ด กูยังเป็นไทอยู่นะ ยังไม่ได้เสียเอกราชให้มัน

“ผมไม่ได้เป็นเมียไอ้เพิร์ดนะพี่เดียร์”

“เออๆๆ ใครจะเป็นผัวเป็นเมียก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้กูหิวแล้วไปหาอะไรแดกดีกว่า”

ดูกรรมการนักเรียนแต่ละคนสิครับ ช่างพูดจาไพเราะสมควรได้โล่บุคคลอนุลักษณ์ภาษาไทยแห่งปีเหลือเกิน

ผม ไอ้เพิร์ดและผองเพื่อนมากินอาหารกันที่ร้านที่ไกลมหาลัยพอสมควรเพราะร้านใกล้ๆเต็มหมด

“ถ้ามึงจะกินเกลี้ยงขนาดนี้ทำไม่ได้กินจานไปด้วยเลยล่ะ”

ผมมองไอ้เพิร์ดที่กินข้าวจานที่สองจนเกลี้ยง นี่มึงพกกระเพาะมาสองกระเพาะหรือไงว่ะ

“ก็อยากอยู่นะแต่กลัวมันไม่ย่อยว่ะ”

“พวกมึงจะไปไหนกันต่อป่ะว่ะ”

“กูอยากไปฉลองที่สอบเสร็จหน่อยว่ะ”

จะฉลองกันทั้งๆที่ผลสอบยังไม่ออกมาเลยเนี่ยนะ มั่นใจกันจริงๆ แต่ผมมั่นใจว่า อย่างไรไอ้เพิร์ดมันก็ต้องสอบติดอยู่แล้ว

“ไม่ต้องเลยนะมึง อาทิตย์นี้มึงหมดโควตาแดกเหล้าแล้ว”

พี่ทรายบอกขัดคอพี่แอร์ที่ทำได้แต่ยอมจำนนต่อฟ้าดิน ผมเห็นอนาคตพี่แอร์เลยล่ะครับว่าต้องเป็นคนกลัวเมียขั้นสุด นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งยังหงอได้ขนาดนี้

“กูก็ไม่ไปนะเว้ย พอดีต้องพาแฟนไปเที่ยว”

ไอ้เพิร์ดพูดอย่างเดียวไม่พอยังมีการเอามือมาโอบเอวผมอีกต่างหาก ผมพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่หลุด มือมึงทำด้วยหนังตุ๊กแกหรือไง

“พวกกูไปกันเองก็ได้ เบื่อไอ้พวกกลัวเมียจริงๆ”

“อย่างให้กูไปตามก้อยมานะไอ้บีมคนไม่กลัวเมีย”

“กลัวแล้วครับบบบ”



“มึงอยากไปเที่ยวไหน”

ไอ้เพิร์ดถามผมระหว่างที่เดินออกจากร้านอาหาร ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปตามทาง

“กูอยากดูหนังอะ”

“โอเค งั้นเราไปดูหนังกันนะ”

ผมกับไอ้เพิร์ดยืนดูตัวอย่างหนังระหว่างรอเวลาหนังฉาย

กริ๊งงงง กริ๊งงงงง

เสียงโทรศัพท์ไอ้เพิร์ดดังขึ้น มันลังเลเหมือนลำบากใจที่จะรับ ผมเลยทำเป็นหันไปสนใจตัวอย่างหนังที่กำลังฉายอยู่ แต่หารู้หรือไม่ว่าหูผมกำลังทำหน้าที่เป็นอย่างดี

“ว่าไงครับ……ครับ…..ใจเย็นๆก่อนนะแยม….”

แหมที่พูดกับผู้หญิงนี่ลื่นหูเชียวนะมึง

“แยมใจเย็นๆนะเดี๋ยวผมจะรีบไป…..ครับๆ”

เพิร์ดกดวางสายแล้วหันมามองผม

“มีอะไรหรือเปล่า”

“คือแม่ของแยมเขาเข้าโรงพยาบาลน่ะ”

“แล้วไง มึงไม่ใช่หมอสักหน่อย”

“ไม่ใช่อย่างนั้น คือกูต้อง…”

“ต้องไปปลอบใจ ‘เพื่อน’ สินะ ไปสิ เดี๋ยวเขาก็รอนานหรอก ป่านนี้ขาดใจไปแล้วมั้ง”

“นีซ”

ไอ้เพิร์ดมันมองผมอย่างตำหนิ มันยิ่งทำให้ผมทั้งจุกทั้งเจ็บ ตั้งแต่รู้จักกันมามันไม่เคยมองผมด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน ผมพยายามควบคุมอารมณ์ก่อนจะพูดออกไป

“ไปเถอะกูไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่ได้ มึงต้องไปกับกู”

ไอ้เพิร์ดมันลากผมไปกับมันจนได้ ทั้งๆที่ผมไม่อยากจะไปเจอผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ไอ้เพิร์ดให้ความสำคัญขนาดที่ต้องทิ้งการดูหนังกับผมเพื่อไปหา

ระหว่างที่เดินไปตามทางในโรงพยาบาลผมก็เอาแต่ก้มหน้าผมส้นเท้าของคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า พอมันเลี้ยวก็เลี้ยวตาม พอมันหยุดก็หยุดตาม

“เพิร์ดดดด”

เสียงผู้หญิงที่ผมได้ยินในโทรศัพท์ตรงมาที่ไอ้เพิร์ดพร้อมกับเรียวแขนเล็กที่โอบรอบคอไอ้เพิร์ดแน่นแล้วปล่อยน้ำตาออกมาอย่าดูน่าสงสารจนผมต้องเบือนหน้าหนี

“ใจเย็นๆนะแยม แม่ต้องไม่เป็นไรนะ”

ไอ้เพิร์ดลูบหลังผู้หญิงคนนั้นอย่างอ่อนโยนแบบที่มันไม่เคยทำให้ผม

“เพิร์ดต้องอยู่กับแยมนะ อย่าทิ้งแยมไปไหน”

“ครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว”

เพิร์ด อย่าใจดีกับคนอื่นต่อหน้ากูได้ไหม มึงรู้ไหมว่ากูเจ็บ





มาแว้ววววว :hao7: ขอกระซิบบอกว่า  :m26: ตอนหน้าจะปิดฉากตำนานรักเพิร์ดนีซกันแล้วนะคะ คิคิ แต่จะมาลงให้หลังวันที่ 6 ไปก่อนนะคะ เพราะต้องให้ผ่านการสอบระดับชาติหน้าของเราก่อน ช่วงนี้เศร้า เพราะกลัวจะไม่มีที่เรียนต่อ   :o12:ขอกำลังใจจากคนอ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะคะ :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 10|| (26/02/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-02-2016 23:14:36
แยมมันร้ายยยยยยย


ตอนหน้าจบแล้วเหรอคะ TvT
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 11|| (22/03/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 22-03-2016 20:34:40
ตอนที่ 11


“แม่คุณเป็นโรคหัวใจ ซึ่งต้องระมัดระวังอย่างให้มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ อย่าให้เครียดแค่นี้อาการก็จะไม่กำเริบแล้วครับ”

“ค่ะ แล้วแม่ต้องอยู่โรงพยาบาลอีกกี่วันคะ”

“พรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วครับ แต่คุณต้องดูแลอย่างใกล้ชิดนะครับ”

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

คุณหมอเดินออกจากห้องไปเหลือแต่ผม ไอ้เพิร์ด พี่แยม และแม่พี่แยมที่ยังคงหลับอยู่

“ไม่เป็นไรแล้วนะแยม”

“ขอบคุณมากนะเพิร์ด ขอบคุณที่ไม่ทิ้งแยม”

ผมเห็นว่าพี่แยมมองมาทางผมแค่แวบเดียวแล้วก็ทำเป็นว่าผมไม่ได้อยู่ในห้องนี้

“แยม”

คนที่หลับไม่ได้สติเมื่อกี้ลืมตาเรียกหาลูกสาวเพียงคนเดียว

“แม่ แม่เป็นไงบ้างค่ะ”

“แม่ไม่เป็นไรแล้วลูก อ้าวเพิร์ด”

“สวัสดีครับแม่”

“ขอบใจนะที่ช่วยดูแลแยมแทนแม่ แม่รู้ว่าแม่ไม่สามารถดูแลแยมได้ตลอดไป แต่แม่เชื่อว่าเพิร์ดจะสามารถดูแลแยมได้ดีเท่าแม่ แม่ฝากแยมด้วยนะเพิร์ด”

ไอ้เพิร์ดได้แต่ฟังอย่างเดียวไม่พูดอะไร แล้วผมล่ะ ผมเป็นใครถึงต้องมายืนไร้ตัวตนอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่ยังดีนะที่ไอ้เพิร์ดยังอุตส่าห์หันมามองผม ไม่ลืมว่าผมก็ยังอยู่ตรงนี้ แต่ที่มันไม่ปฎิเสธก็แปลว่ามันเลือกที่จะดูแลผู้หญิงคนนี้สินะ

ผมเดินออกมาจากห้องนั้นอย่างเงียบ ไม่มีเสียงเรียก ไม่มีมือที่จะรั้งแขนผมเอาไว้เหมือนทุกครั้ง
คุณคิดใช่ไหมว่าผมจะร้องไห้ฟูมฟาย ไม่ครับ ผมเข้มแข็งพอที่จะไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ดีนะที่เราเพิ่งคบกันได้ไม่นาน เพราะถ้านานกว่านี้ผมอาจจะรักไอ้เพิร์ดจนขาดมันไม่ได้



“อ้าวนีซ ทำไมกลับมาคนเดียวล่ะลูก แล้วเพิร์ดล่ะ”

แม่ที่นั่งดูซีรีย์เกาหลีอยู่ถามผมที่เดินเข้ามาในบ้านคนเดียวไร้วี่แววของคนที่มารับเมื่อเช้า

“อ้อ ไอ้เพิร์ดมันไปทำธุระต่อน่ะครับแม่ ไหนแม่ดูละครเรื่องอะไรอยู่”

ผมเดินไปนั่งกอดแม่บนโซฟาอย่างร่าเริง ผมไม่อย่างให้แม่เห็นผมเศร้า แต่คนเป็นแม่ก็ต้องสังเกตเห็นความผิดปกติของลูกตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ถามให้ผมไม่สบายใจ

“โห พระเอกไม่เห็นหล่อเลย ผมหล่อกว่าตั้งเยอะ”

“จ้าๆสุดหล่อของแม่ แล้วลูกกินอะไรมาหรือยัง”

“ยังเลยครับ แล้วแม่ล่ะ”

“ยังเลย ว่าจะหาหนุ่มๆไปดินเนอร์ด้วยซะหน่อย”

“งั้นผมขอไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะพาคนสวยไปดินเนอร์ด้วย”

ผมอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ นานๆทีจะได้ออกไปกินข้าวข้างนอกกับแม่ และยิ่งอยู่ในช่วงจิตใจไม่คงที่แบบนี้ การที่ได้อยู่กับแม่ก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย

ตื้ดดดด ตื้ดดดด

โทรศัพท์ผมสั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้า ไม่ใช่คนที่คุณคิดกันหรอกครับ

“ว่าไงไอ้ทีม”

“มึงอยู่ไหนเนี่ย”

“อยู่บ้าน กำลังจะออกไปกินข้าวกับแม่ข้างนอก มึงมีไร”

“กูไปด้วยยยยย”

“พ่อกับแม่ไม่อยู่สิท่า”

“เออ กูเหงานเนี่ยเลยโทรหามึง โทรหาไอ้เพลย์มันก็เป็นไรก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็ตัดสายไป”

“เออๆ เจอกันที่ร้าน ABC”

ผมเดินลงมาหาแม่ที่ไปเปลี่ยนชุดพร้อมที่จะออกไป

“แม่ครับ ไอ้ทีมขอไปด้วยนะครับ”

“โห วันนี้แม่ได้ควงหนุ่มหล่อสองคนออกเดทเลยหรอเนี่ย”

“เนื้อหอมนะเรา อย่างนี้ต้องฟ้องพ่อ”

ผมมาถึงร้านก็เห็นไอ้ทีมจองโต๊ะไว้ให้แล้ว มันกวักมือยิกๆจนผมกลัวว่ามือมันจะกระเด็นไปโดนกระบังลมคุณป้าโต๊ะข้างหน้ามันเหลือเกิน

“สวัสดีครับแม่ ไม่เจอกันนานยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“ปากหวานแบบนี้อยากกินของฟรีใช่ไหมเรา งั้นก็สั่งให้เต็มที่เลยนะ แม่เลี้ยงเอง”

“ใจปล้ำซะด้วย แม่ใครเนี่ย”

เรานั่งกินอาหารกันจนอิ่มหนำสำราญ พูดคุยกันจนผมลืมเรื่องไอ้เพิร์ดไปสนิทถ้าไอ้ทีมไม่ทักขึ้นมา

“นั่นพี่เพิร์ดหรือเปล่าว่ะไอ้นีซ มากับสาวที่ไหน สวยเชียว”

ไอ้ทีมชี้ไปที่ทางเข้าร้านที่ไอ้เพิร์ดกับยัยพี่แยมเดินเข้ามา ถึงหน้าไอ้เพิร์ดจะดูไม่พอใจที่ถูกพี่แยมควงแขนซะแน่น แต่การที่มันไม่ปฏิเสธก็ทำให้ผมกลับมาหงุดหงิดได้อีกครั้ง

“ผมว่าเรากลับกันดีกว่า พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่หรอ”

“เอางั้นก็ได้ ทีมไปนอนบ้านแม่ไหมจะได้ไม่เหงา”

“นั่นสิ”

มีไอ้ทีมไปนอนด้วยผมจะได้มีคนคุย จะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน

“เอางั้นก็ได้ครับ งั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ”

เราสามคนกลับมาถึงบ้านเวลาประมาณสามทุ่มก็แยกย้ายกันเข้าห้อง ไอ้ทีมนอนห้องผม

“มึงเป็นอะไรหรือเปล่าว่ะไอ้นีซ”

 “ไม่มีอะไรหรอก มึงไปอาบน้ำเถอะ”

“ไอ้นีซ กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย มีอะไรก็ปรึกษากูได้ อย่างไรกูก็ต้องช่วยมึงอยู่แล้ว”

“ขอบใจนะไอ้ทีม แต่กูยังไม่รู้เลยว่าที่กูเจออยู่เนี่ยมันเป็นปัญหาหรือเปล่า”

“ให้กูเดานะ เรื่องพี่เพิร์ดชัวร์”

“กูก็ไม่รู้นะว่ามันคิดอะไรอยู่ กูไม่เข้าใจมันเลยว่ะไอ้ทีม ทำไมต้องมาทำดีกับคนอื่นต่อหน้ากูด้วย ทำไมต้องเป็นห่วงคนอื่นมากกว่ากู ทำไมต้องทิ้งกูไปดูแลเขาด้วยว่ะ กูเป็นแฟนมันนะเว้ย”

“นี่มึงกับพี่เพิร์ดเป็นแฟนกันแล้วหรอว่ะ”

ผมลืมไปเลยว่าไอ้ทีมยังไม่รู้ว่าผมกับไอ้เพิร์ดคบกันแล้ว

“อืม”

“แล้วตอนนี้มึงก็กำลังหึงพี่เพิร์ดอยู่”

“ไม่รู้สิ แต่กูแค่ไม่พอใจมัน”

“นั่นแหละเขาเรียกว่าหึง แล้วมึงก็ยังไม่ได้คุยกับพี่เขา”

“กูทำตัวงี่เง่าไปหรือเปล่าว่ะ”

“ไหนมึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กูฟังหน่อย”

ผมเลยเล่าเรื่องที่โรงพยาบาลให้ไอ้ทีมฟัง พอมันฟังจบก็ทำท่าไม่พอใจทันที ปกติมันไม่ใช่คนที่จะโมโหอะไรง่ายๆ แต่เรื่องนี้มันต้องเป็นเรื่องที่มันรับไม่ได้จริงๆ

“ทำไมพี่เพิร์ดทำอย่างนี้ว่ะ แล้วนี้มึงบอกไอ้เพลย์หรือยัง”

“ยังเลย”

“มึงนี่นะมีอะไรไม่บอกเพื่อน”

“กูควรทำอย่างไรดีว่ะไอ้ทีม หรือกูควรจะเลิกกับไอ้เพิร์ด”

“เฮ้ย ใจเย็นๆก่อนดิ เอาโทรศัพท์มึงมาดิ”

“เอาไปทำไม”

“โทรหาเพลย์”

“แล้วโทรศัพท์มึงล่ะ”

“เปลืองตัง”

ไอ้ห่านี่ขี้งกจริง ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้ไอ้ทีม แล้วมันก็เดินออกไปคุยกับไอ้เพลย์นอกระเบียง ไม่รู้จะเดินออกไปคุยทำไมทั้งๆที่ผมก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว มันคุยอยู่สักพักก็เดินเข้ามา

“คุยอะไรทำไมนานจัง”

“มึงมากับกู”

“ไปไหนว่ะ”

“ไม่ต้องถามมากน่า”

ไอ้ทีมมันลากผมมาที่หน้าบ้านที่มีคนคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว

“มึงมาทำไม”

พลั้ว!

ไอ้ทีมมันตบหัวโผมมมม ตบมาได้หัวคนนะโว้ยไม่ใช่ลูกวอล์เล่ย์ มือมึงก็ใหญ่เท่าฝาบ้าน ตบทีหัวกูแทบหลุด

“มึงก็พูดกับพี่เขาให้ดีๆสิว่ะ ทำอย่างกับตุ้ดนะมึง”

“มึงโทรเรียกมันมาหรอ”

“ก็เออสิว่ะ มีอะไรก็เคลียร์กัน ถ้าเคลียร์ไม่ได้กูจะช่วยเคลียร์เอง กูไปนอนล่ะ ผมไปล่ะนะพี่ แล้วอย่าทำเพื่อนผมร้องไห้นะ ถ้ามันร้องไห้เมื่อไหร่ผมเอามันคืนแน่”

แววตาไอ้ทีมมันดูจริงจังจนผมดูออกว่ามันไม่ได้ล้อเล่นแน่

“กูขอโทษ”

ประโยคแรกที่มันพูดออกมาทำให้ผมแทบจะร้องไห้ มึงมาเพื่อมาขอโทษกูหรอวะ กูไม่เคยต้องการคำนี้เลย

“ขอโทษที่ไม่ได้ดูหนังด้วย”

กูบอกแล้วว่าไม่ต้องการ กูแค่ต้องการคำตอบ

“ขอโทษที่ปล่อยให้กลับคนเดียว”

“มึงกลับไปเถอะ”

นี่ผมพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ ไม่งั้นมีหวังผมได้กระโดดไปงับหูไอ้เพิร์ดแล้ว

“ขอโทษ…”

“ถ้ามึงยังไม่เลิกขอโทษก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก กูเบื่อคำนี้แล้วว่ะ กูอยากได้คำอธิบาย”

“กูไม่ได้คิดอะไรกับแยม เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”

“มึงไม่ได้คิดแต่เขาคิด มึงเป็นเพื่อนกับเขาแต่เขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกับมึง”

“กูรู้ แต่มึงจะให้กูทำไง กูไม่มีทางเลือก มึงก็เห็นไม่ใช่หรอว่าแม่แยมเขาเป็นโรคหัวใจ”

“นั่นสินะ ทำไมกูงี่เง่าอย่างนี้ว่ะ แต่กูว่ามึงมีทางเลือกนะเพิร์ด มึงก็เลิกกับกูไง ง่ายๆแค่นี้เอง”

ผมยิ้มให้มันอย่างยากลำบาก ทำไมกูยิ้มแต่น้ำตาไหลได้วะ แม่ง ทรมานว่ะ

“ไม่เอานีซ ห้ามพูดแบบนี้อีก มึงก็รู้ว่ากูรักมึง และไม่มีวันจะเลิกกับมึงด้วย”

“กูก็รักมึงนะเพิร์ด แต่กูยอมรับไม่ได้ว่ะที่จะต้องเห็นมึงไปดูแลคนอื่น เอาใจใส่คนอื่นมากกว่ากู กูมันเห็นแก่ตัวเอง”

“ขอแค่มึงอยู่ข้างๆกู นะนีซ กูจะทำให้มันดีกว่านี้”

“กูจะเชื่อมึงได้ไหมเพิร์ด”

“พี่จะทำให้นีซเห็น แต่วันนี้นีซต้องไปนอนก่อน ไม่ต้องคิดมากนะ พี่สัญญาว่าเราจะกลับมาเป็นแบบเดิม มีแค่เราสองคน”

“กูจะรอวันนั้นนะ”

“พี่รักนีซนะ รักที่สุด”

“อืม”

“เช็ดน้ำตาด้วย เดี๋ยวไอ้ทีมเห็นแล้วมันจะไม่ยอมให้นีซมาเจอพี่อีก”

ผมทำตามที่มันบอกแล้วเดินเข้าบ้านไป กูให้โอกาสมึงแล้วนะเพิร์ด มึงต้องใช้โอกาสนั้นให้คุ้ม เพราะโอกาสของกูมีแค่ครั้งเดียว กูไม่อยากเจ็บหลายครั้ง

“ไงมึง เคลียร์กันเรียบร้อยไหม หรือจะให้กูช่วย”

“ขอบใจนะที่มึงเป็นห่วงกู”

“ก็มึงเป็นเพื่อนรักกูนี่หว่า ไปๆนอนได้แล้ว แล้วมึงห้ามแอบร้องไห้ด้วย ไม่งั้นกูถีบ”

“ไม่ร้องหรอกน่า”

ไอ้ทีมโยกหัวผมเบาๆแล้วล้มตัวนอนผมก็นอนตามมัน หวังว่าพรุ่งนี้ปัญหาจะจบสักทีนะ



“ไอ้นีซซซซซ”

ไอ้เพลย์แหกปากโวยวายวิ่งเข้ามาในบ้านผมตั้งแต่เช้า

“อะไรของมึงเนี่ย”

“ไหนๆ มึงร้องไห้หรือเปล่า พี่กูทำอะไรมึง บอกกูมาเดี๋ยวกูไปจัดการให้”

พวกมันสองคนนี่รักผมกันจริงๆ ไอ้เพลย์มันจับหน้าผมพลิกซ้ายพลิกขวา

“กูไม่เป็นไรแล้ว”

“อีพี่แยมใช่ไหม เดี๋ยวกูจัดการให้ ไม่ชอบหน้ามันอยู่แล้ว”

โหไอ้เพลย์ นั่นมันผู้หญิงนะเว้ย

“เก่งจังนะมึงกับผู้หญิงเนี่ย”

ไอ้ทีมจัดการโบกหัวมันไปทีนึง

“ผู้หญิงก็ผู้หญิง บังอาจมาทำให้เพื่อนกูเสียใจ”

“แล้วนี่พี่มึงหายไปไหน”

“ไม่รู้ว่ะ กูอาบน้ำเสร็จก็รีบวิ่งมาบ้านมึงเลย”

ไม่บอกก็รู้ครับ เพราะผมมันยังเปียกอยู่เลย

“แล้วมึงจะทำไงต่อไป แต่มึงอย่าเลิกกับพี่เพิร์ดเลยนะ กูสงสารมัน”

ไหนเมื่อกี้มึงยังเข้าข้างกูอยู่เลยไหงไปเข้าข้างพี่ตัวเองได้

“กูก็รักมันนะไอ้เพลย์ แต่ถ้ามันไม่เคลียร์ตัวเองกูก็คงต้องทำใจ”

“นีซ”

“เพิร์ด”

“พี่เพิร์ด! ทำไมพี่ทำอย่างนี้เนี่ย ไปบอกยัยแยมให้เลิกยุ่งกับพี่เดี๋ยวนี้เลยนะ”

ไอ้เพลย์รีบตรงไปหาพี่มันทันทีแต่โดนพี่มันพลักหัวไว้

“พี่รู้น่า ก็กำลังจะทำอยู่นี่ไง”

“ดีมากพี่ ไปกันเลยไหม”

“อยู่นี่แหละไอ้น้องเพลย์ ป่ะนีซ”

ไอ้เพิร์ดขับรถพาผมมาที่บ้านหลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่และก็ไม่เล็ก คงจะเป็นบ้านพี่แยม

“ลงมาสิ”

“กูไม่ลงไปได้ไหม”

พอมาถึงจริงๆผมกลับกลัว กลัวว่าแม่พี่แยมจะรับไม่ได้จนหัวใจวาย กลัวพี่แยมจะไม่ยอมปล่อยไอ้เพิร์ด กลัวจะต้องเสียไอ้เพิร์ดไป

“มาเถอะ เราจะมาจบเรื่องนี้ด้วยกัน”

ไอ้เพิร์ดจูงมือผมเข้าไปข้างใน

“อ้าวเพิร์ด มาแต่เช้าเชียว”

พี่แยมทักไอ้เพิร์ดเสียงสดใส พอเห็นว่าผมมาด้วยพี่แกก็ทำหน้าไม่พอใจทันที

“สวัสดีครับแม่”

“สวัสดีจ๊ะ แล้วนี้มีอะไรหรือเปล่าถึงได้มากันแต่เช้าเชียว”

“ผมมีบางอย่างจะมาบอกแม่กับแยม”

ผมบีบมือไอ้เพิร์ดแน่น ตอนนี้ผมลุ้นไปหมด หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บอก

“คือผมไม่ได้รักแยมครับ ผมกับแยมเราเป็นแค่เพื่อนเท่านั้นครับ คนที่ผมรักคือคนนี้ครับ”

แม่พี่แยมและพี่แยมอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน

“ผมขอโทษนะครับที่ทำตามสิ่งที่แม่ขอไม่ได้”

“ไม่เอานะเพิร์ด แยมจะไม่ยอมเสียเพิร์ดไป แยมรักเพิร์ดนะ”

พี่แยมร้องไห้ออกมาแล้วพุ่งมาแกะผมออกจากไอ้เพิร์ด

“แยม ผมคิดกับแยมแค่เพื่อนจริงๆ”

“เพราะแก แกคนเดียว”

พี่แยมบีบแขนทั้งสองข้างของผมแน่นแล้วเขย่าจนผมรู้สึกเจ็บไปหมด

“พี่แยมหยุดเถอะนะครับ พี่ตัดใจจากพี่เพิร์ดซะเถอะ เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่มีวันเลิกกับพี่เพิร์ด คนดีๆยังรอพี่อยู่นะ ทำไมพี่ไม่ยอมเปิดใจอยู่บ้าง”

“แกก็พูดได้สิ ก็แกไม่ได้เป็นคนที่สูญเสีย ฮือ ฮือ ฮือ”

พี่แยมทรุดลงกับพื้นอย่างน่าสงสาร ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่เขานะว่าการที่จะต้องสูญเสียสิ่งที่รักไปนั้นมันทรมานแค่ไหน

“พอเถอะลูกแยม”

แม่พี่แยมลุกขึ้นมา ไอ้เพิร์ดจึงรีบเข้าไปประคองแล้วพาเดินมาหาพี่แยม

“แม่รักลูกนะแยม ความรักของแม่มันยังไม่เพียงพอสำหรับลูกหรอ ลูกต้องการอะไรก็บอกแม่สิ แม่จะหาให้ทุกอย่าง แต่ลูกอย่าเป็นแบบนี้เลยนะ”

“แม่ ฮือ หนูรักแม่นะ ฮือ ฮือ”

แล้วทั้งสองคนก็กอดกันแน่น เป็นภาพที่ชวนให้นึกถึงครอบครัวผมที่มีแต่แม่คอยดูแลเพียงคนเดียว แม่มักจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกขาดหาย ความรักของแม่นี่แหละ ที่ไม่มีอะไรเทียบได้

“เพิร์ด แยมขอโทษนะ น้องด้วย พี่ของโทษจริงๆ ต่อไปแยมจะไม่วุ่นวายกับเพิร์ดแล้ว ขอบคุณนะที่ทำให้แยมคิดได้ว่ายังมีคนที่รักแยมที่สุดอยู่ ขอบคุณจริงๆ”



“เป็นอะไรไป ทำไมนั่งเงียบ”

“มึงจะให้กูแหกปากร้องเพลงในรถหรือไง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นีซคนเดิมกลับมาแล้วสินะ”

“มึงนี่ท่าจะบ้า”

“ขอบคุณนะนีซ”

“เรื่อง”

“ขอบคุณที่รักพี่มากขนาดนี้ ขอบคุณที่ให้โอกาส ขอบคุณที่เชื่อใจ”

“ขอบคุณเหมือนกันนะ ที่ทำให้กลับมาเป็นเราอีกครั้ง”

ไอ้เพิร์ดมองผม เป็นไงล่ะมึง ซึ้งล่ะสิท่า บอกแล้วว่ากูมันหล่อ (เกี่ยวไรกัน)

“เราไปดูหนังกันนะ ชดเชยเมื่อวานที่เราไม่ได้ดูด้วยกัน”

หลังจากดูหนังจบ ไอ้เพิร์ดก็พาผมไปกิน MK แล้วก็เดินเล่นในห้างจนถึงเย็น

“นีซ วันนี้ไปนอนที่บ้านกูนะ”

“ไปทำไม บ้านกูก็มี”

“งั้นกูไปนอนบ้านมึง”

“ไม่ต้องเลย มึงมาบ้านกูกูก็กลายเป็นหมาหัวเน่าน่ะสิ”

“ขี้อิจฉานะเรา”

ไอ้เพิร์ดเอามือมาสะกิดคางผมเบาๆ นี่มึงจะสะกิดให้กูเคลิ้มเลยหรือไง ผมเบี่ยงตัวหลบมัน

“ไม่ได้อิจฉาเว้ย”

“ไปนอนบ้านพี่เถอะนะ น้า น้า น้า พี่คิดถึงนีซจะตาย หรือว่านีซไม่คิดถึงพี่เลย”

คำพูดเพราะๆกับท่าทางอ้อนๆของไอ้เพิร์ดยังคงทำให้ผมใจอ่อนได้เสมอ ผลสุดท้ายผมก็ยอมไปนอนบ้านไอ้เพิร์ดจนได้ ไอ้เพิร์ดจัดการโทรไปบอกแม่ผมให้เสร็จสรรพ หวังว่ามึงจะไม่ได้มีแผนการชั่วร้ายอยู่นะ ไม่งั้นกูจัดการทำหมันสดมึงแน่ แต่ทำไมการเข้ามาอยู่ในห้องกับไอ้เพิร์ดสองต่อสองถึงทำให้ผมตื่นเต้นได้ขนาดนี้นะ หรือเพราะสายตาของมันที่มองผมเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือเปล่า

“ไปอาบน้ำสิ ผ้าเช็ดตัวพับอยู่ในตู้ในห้องน้ำ”

ไอ้เพิร์ดที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จบอกผม ผมอาบน้ำโดยใช้เวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระหว่างที่อาบน้ำผมก็คิดว่าคืนนี้จะเอาตัวรอดอย่างไรดีหากไอ้เพิร์ดมันโดนกามตัณหาเข้าครอบงำอย่างกระทันหัน แต่อย่างไรผมก็ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำทั้งคืนไม่ได้ ผมเปิดประตูห้องน้ำออกไปก็เห็นไอ้เพิร์ดนอนเหยียดยาวเป็นปลาไหลทะเลบนโซฟาหน้าเตียงดูทีวีอย่างสบาย หรือว่ากูจะคิดไปเองว่ะ ตกลงนี่ผมหรือมันกันแน่ที่หมกมุ่นเรื่องนี้ ผมขึ้นเตียงเตรียมตัวนอน ไม่สนใจไอ้คนที่กำลังนั่งดูไอ้ลูกกลมๆที่โดนคน 22 คนวิ่งแย่งกัน ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้นมึงก็ซื้อไว้คนละลูกเลยสิจะได้ไปต้องแย่งกัน

“กูนอนก่อนนะ”

“อืม”

เอากับมันสิครับ บอกให้ผมมานอนกับมันแต่มันกลับไม่สนใจผม ไม่สนใจให้ตลอดนะมึง ผมปิดไฟที่หัวเตียงเหลือเพียงแสงจากทีวีแล้วหลับตาลงคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้จนเสียงทุกอย่างรอบตัวเริ่มแผ่วเบา แต่ก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสุขก็มีมือของใครบางคนมาลูบที่เอวไล้ลงมาจนถึงที่หน้าท้อง และจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากไอ้หน้าหล่อแฟนผมเองแหละครับ อย่างนี้ต้องแกล้งหลับ ดูสิมันจะทำอะไรผมได้

“นีซ หลับแล้วหรอครับ”

โห พูดเพราะเชียวนะมึง แล้วเสือกมากระซิบข้างหูกูอีกนะ เดี๋ยวพ่นขี้หูใส่เลยนี่ ผมไม่ตอบอะไรมันกลับ คิดว่ามันจะเลิกยุ่งกับผม แต่ที่ไหนได้ มือมันกลับล้วงเข้ามาในเสื้อผมแล้วค่อยๆลูบไล้ไปจนถึงหน้าอก ผมรู้สึกร้อนไปทุกที่ที่ไอ้เพิร์ดมันสัมผัส แล้วอย่างนี้กูจะทนได้อีกนานแค่ไหนว่ะเนี่ย มือไอ้เพิร์ดยังคงวนเวียนอยู่กับหัวนม มึงจะลูบให้จินนี่ออกมาให้พรเลยหรือไง กูเสียวนะโว้ยยย

“อ้ะ อืมมม”

แล้วผมก็หลุดเสียงออกมาจนได้ ผมลืมตามองไอ้คนที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้ผม

“ยิ้มห่าอะไร แล้วก็เอามือมึงออกไปเดี๋ยวนี้เลย”

ผมปัดมือมันออกแต่กลับโดนมืออีกข้างของมันจับเอาไว้

“พี่รักนีซนะครับ คืนนี้ขอให้พี่แสดงความรักกับนีซได้ไหม”

อย่าพูดเพราะกับกู เดี๋ยวกูยอมมมม ผมมองหน้ามันอย่างลังเล ใจนึงก็กลัวเจ็บ แต่อีกใจนึงก็กลัวมันจะเสียใจ

“กูกลัวเจ็บ”

มันยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแล้วเลื่อนปากเข้ามาจูบผมจากที่แค่ประกบปากเฉยๆมันก็เริ่มส่งลิ้นเข้ามาเกี่ยวกับลิ้นของผมเล่น มันค่อยๆเพิ่มเลเวลความร้อนแรงอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่มันจะได้เพิ่มเติมabilityเต็มพิกัด ผมก็ส่งเสียงประท้วงว่า ‘กูจะขาดใจตายแล้วมึงกรุณาเอาปากมึงออกไปที’ ถึงแม้ว่าผมอยากจะส่งเสียงออกมาเป็นประโยคข้างต้น แต่เสียงที่ออกมาก็มีเพียงเสียงคางอย่างแผ่วเบา แต่ดีนะที่ไอ้เพิร์ดมีไอคิวถึง 180 มันจึงรู้ว่าควรจะพักให้ผมได้หายใจบ้าง

 “พี่สัญญาว่าพี่จะทำอย่างอ่อนโยน”

ถึงไอ้เพิร์ดมันจะพูดดีแค่ไหนแต่ผมก็ไม่หายกลัว แต่ผมรู้ว่าจะห้ามมันตอนนี้ผมก็คงจะใจร้ายเกินไป เพราะตอนนี้ไอ้เพิร์ดน้อยมันเตรียมพร้อมจะบุกผมแล้วถึงแม้มันจะยังถูกกางเกงนอนของไอ้เพิร์ดขวางทางออกมันอยู่ก็ตาม

“ถ้ามึงทำกูเจ็บกูถีบนะ”

“ครับ”

ไอ้เพิร์ดถอดเสื้อของผมออกแล้วใช้ริมฝีปากสัมผัสกับร่างกายผมโดยไม่ถามสักคำว่าผมกลัวจะเป็นขี้กากไหม ระหว่างที่ผมกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนนั้น กางเกงของผมก็หลุดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้จนตอนนี้ทั้งตัวผมไม่มีอะไรอยู่เลย ยิ่งไอ้เพิร์ดมันเงยหน้าขึ้นมาสำรวจตัวผมทั้งตัวยิ่งทำให้ผมเขินจนทำอะไรไม่ถูก

“มองอะไร”

“ก็มองแฟนตัวเองน่ะสิ ดูสิ นีซของพี่น่ารักขนาดไหน”

ไอ้เพิร์ดมองที่ส่วนล่างของผมโดยไม่อาย แต่กูนี่อายจนแทบจะกลายเป็นไหมแล้วทอรวมไปกับผ้าปูที่นอนอยู่แล้ว

“ถ้ามึงยังไม่หยุดมอง กูจะ อื้อ”

ไอ้เพิร์ดรีบมาปิดปากผมก่อนที่ผมจะด่ามันออกมามากกว่านี้ มันจูบผมอย่างเดียวไม่พอยังเอามือมันมาจับนีซน้อยของผมจนมันตื่นตัวเต็มที่ ผมเริ่มขยับข้อมือเบาๆแล้วเริ่มแรงขึ้นตามอารมณ์ของผม ระหว่างที่มันกำลังช่วยผมอยู่มือมันอีกข้างก็จัดการถอดเสื้อผ้ามันออกจนหมดได้อย่างคล่องแคล่ว

“นีซจะทำอะไรพี่ครับ”

“เพิร์ด อ๊ะ กูไม่ไหวแล้ว”

“พูดไม่เพราะเลยนะครับ”

“เพิร์ด นีซไม่ไหวแล้ว เร็วกว่านี้อีก อ๊ะ”

ผมยังพูดไม่จบประโยคไอ้เพิร์ดก็เร่งมือจนผมปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มมือไอ้เพิร์ด

“นีซเสร็จแล้วแต่พี่ยังไม่เสร็จเลย พี่ขอนะครับคนดี”

ผมยังไม่ทันได้ถามไอ้เพิร์ด มันก็ส่งนิ้วที่เปื้อนน้ำที่ผมเพิ่งปล่อยออกมาเข้าไปทางประตูหลังของผม

“โอ้ย! ไอ้เพิร์ดกูเจ็บ”

ผมร้องออกมาเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอม ไอ้เพิร์ดมันหยุดนิ้วที่สองที่กำลังจะตามเข้าไปแล้วทำหน้าเสีย

“พี่ขอโทษ พี่หยุดก็ได้”

“ไม่เป็นไร กูไหว”

ผมอยากแสดงให้มันรู้ว่าผมก็รักมันเท่ากับที่มันรักผมเหมือนกัน ผมรู้ว่าไอ้เพิร์ดมันต้องทรมานมากๆ และอีกอย่างมันอุตส่าห์ช่วยผม

“แน่ใจนะ”

“อืม มึงก็รีบๆเถอะ เดี๋ยวกูก็เปลี่ยนใจซะเลยนี่ โอ้ย! ไอ้เหี้ยเพิร์ด ตูดกูฉีกหมดแล้วมั้ง”

ผมร้องแล้วด่ามันทันทีที่มันดันนิ้วอีกนิ้วเข้ามาจนสุดในครั้งเดี๋ยวโดยไม่ให้ผมได้ตั้งตัว

“คนพูดไม่เพราะก็ต้องโดนทำโทษแบบนี้แหละ”

จากตอนแรกที่เจ็บก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียวเมื่อไอ้เพิร์ดมันไปสะกิดโดนจุดๆหนึ่ง

“พี่จะเข้าไปแล้วนะครับ”

ไอ้เพิร์ดมันเอานิ้วออกแล้วจ่อสิ่งที่ใหญ่กว่ามาที่ทางเข้า หัวใจผมเต้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอกเมื่อมันเริ่มดันส่วนหัวเข้ามา ความเจ็บเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆแล่นเข้ามาทันที แต่ผมต้องอดทนไว้เพราะกลัวไอ้เพิร์ดมันจะไม่กล้าเอาเข้ามาในตัวผม และแล้วความพยายามของไอ้เพิร์ดก็ประสบความสำเร็จเมื่อมันเอาเข้ามาได้ทั้งหมด

“ยะ..อย่าเพิ่งขยับนะ”

“เจ็บมากไหม พี่ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร กูอยากให้มึงรู้ว่ากูก็รักมึงเหมือนกัน”

ไอ้เพิร์ดยิ้มให้ผมแล้วก้มมาจูบผมอย่างอ่อนโยนจนผมลืมความเจ็บที่ส่วนล่างไปเกือบหมดถ้าไอ้เพิร์ดไม่เริ่มขยับเสียก่อน จากจังหวะช้าๆเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนตอนนี้ทั้งตัวผมและไอ้เพิร์ดเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

“อ๊ะ เพิร์ด กูจะไม่ไหวแล้ว อ๊ะ”

“นีซ พี่รักนีซนะ ไปพร้อมกันนะครับที่รัก”

ผมปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องผมและไอ้เพิร์ด ส่วนไอ้เพิร์ดมันกระแทกอีกสองสามครั้งก็ปลดปล่อยเข้ามาในตัวผมจนรู้สึกได้ว่ามันไหลย้อนลงมาตามซอกขา

“ขอบคุณนะนีซที่เชื่อใจพี่”

ผมไม่พูดอะไรแต่คว้าคอไอ้เพิร์ดมาจูบแทน เราจูบกันนานขณะที่ส่วนล่างยังคงเชื่อมกันอยู่ ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างในเริ่มขยายตัวอีกครั้งจนคับแน่น

“พี่ขออีกครั้งนะ”

ผมยังไม่ทันได้ปฏิเสธไอ้เพิร์ดก็เริ่มขยับอีกครั้ง จากหนึ่งรอบ เป็นสอง เป็นสาม และคงจะเป็นสี่ถ้าผมด่าและขู่มันซะก่อน



อีกหนึ่งนาทีเท่านั้นผลการสอบของไอ้เพิร์ดก็จะประกาศแล้ว แต่กลับเป็นผมที่ลุ้นยิ่งว่ามันซะอีก ตอนนี้ไอ้เพิร์ดและเพื่อนมันต่างรีเฟรชหน้าเว็บแทบจะทุกวินาที

“มาแล้วๆๆๆๆ”

เสียพี่บีมดังขึ้น ทุกคนต่างจดจ้องไปที่หน้าจอคอมยกเว้นผมที่หลับตาปี๋ไม่กล้ามอง

“เฮ้ย!”

เสียงไอ้เพิร์ดอุทาน แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร

“เป็นไงเพิร์ด ติดไหม”

ผมถามมันไม่กล้าดูเอง

“เก่งอย่างกูไม่ติดได้ไง”

“เย้!!!”

ผมกอดไอ้เพิร์ดอย่างลืมตัว แต่ตอนนี้ไม่สนแล้วว่าใครจะมอง ใครจะแซว แต่ผมดีใจกับมันจริงๆนะ เพราะต่อไปผมก็จะไม่ต้องเห็นมันมานั่งทำหน้าเครียดอีกต่อไป

“หวานกันเห็นใจคนไร้คู่แบบกูบ้าง”

พี่เอกเพื่อนไอ้เพิร์ดอีกคนบอก พี่แกหล่อนะครับแต่ไม่ยอมมีแฟนสักที สงสัยล่ะสิว่าผมไปรู้มาได้อย่างไร ตั้งแต่ที่ผมกับไอ้เพิร์ดคบกับแบบเปิดตัวผมก็สนิทกับเพื่อนมันมากขึ้นจนรู้ตื้นลึกหนาบางพอสมควร และพี่เอกนี่แหละคือเหยื่อคนต่อไปขอไอ้มดมัน

“ไอ้นีซโว้ยยย”

นั่นไงตายยากจริงๆ นึกถึงก็มาเลย

“อะไรของมึงเนี่ย”

“มึงจะกอดพี่เพิร์ดก็ช่วยเกรงใจแฟนเก่าอย่างกูบ้าง เห็นแล้วมันเจ็บว่ะ ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายก็เป็นซาตานแบบแกที่ได้ครอบครองเทพบุตรของกู”

มึงช่างลำเอียงจริงๆนะไอ้มด หลังจากที่มันด่าผมเสร็จก็หันไปส่งสายตาอายๆไปให้พี่เอก กูบอกได้คำเดียวเลยว่า มึงตอแหลมากกกก

“ถ้ากูเป็นซาตานมึงก็เป็นผีเสื้อสมุทรล่ะวะ”

“แล้วนี้ไอ้เพลย์ไปไหนว่ะ พักนี้ชอบหายหัวไปเรื่อยเลย”

ผมถามไอ้ทีมที่มาพร้อมกับไอ้มดแต่ไร้วี่แววของเพื่อนอีกคน

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เห็นบอกว่ามีธุระให้กลับได้เลยไม่ต้องรอ”

“หึหึ”

ไอ้คนข้างๆผมมันหัวเราะเหมือนมันไปรู้อะไรมา

“ไอ้เพิร์ดมึงรู้ใช่ไหมว่าไอ้เพลย์มันไปไหน บอกกูมาเดี๋ยวนี้”

ไอ้นี่มันมีความลับกับผมอีกแล้ว ตั้งแต่เรื่องของพี่เวฟผมก็ยังไม่ได้คำตอบเลย ต้องลองถามมันอีกที

“อยากรู้หรอ”

“ก็เออสิว่ะ”

“คืนนี้มาเอาใจกูก่อนสิ”

มันกระซิบพอให้เราสองคนได้ยิน ถ้าคนอื่นได้ยินด้วยคงโดนล้อยันเหลนบวช

“ไอ้นีซ พี่เพิร์ดบอกว่าอะไรว่ะ”

ไอ้มดสะกิดเอวผมให้บอกมัน ต่อมเสือกทำงานดีจริงนะมึง ให้กูบอกยังไงว่ามันให้กูไปเอาใจมัน แต่ไอ้เอาใจที่ว่ามันทำให้ผมต้องเสียตัวให้มันน่ะสิ กูไม่รู้ก็ได้วะ แต่ก็อยากรู้อะ หรือจะยอมมันดี


*****THE END*****




หลังจากคะแนนโอเน็ตประกาศ เราก็แทบจะวิ่งออกไปให้รถชน แต่ไม่เอาดีกว่า กลัวตาย เลยเปลี่ยนใจมาลงนิยายตอนจบให้ซะเลย แต่ยังมีตอนพิเศษจ่อคิวอยู่น้า ไม่ว่าจะเป็นคู่หลักอย่างเพิร์ด+นีซ และคู่รองอย่างเพลย์+someone ที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่หรือบางคนอาจจะรู้แล้ว คิคิ รออ่านกันด้วยนะ อ่านๆเม้นท์ๆเป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตอย่างเราด้วย จุ๊บๆเยิฟๆคนอ่านทุกคนเหมือนเดิม

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ผู้ชายใสใส ขอพิเศษใส่ไข่เพื่อเธอ0.0 || ตอนที่ 11|| (22/03/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-03-2016 22:12:14
 :ling3:

จบลงแล้วววววววววว และ เพิร์ดในที่สุดก็ได้หม่ำๆน้องซะที นึกว่าจะรักระดับอนุบาลไปตลอดแล้ว 5555555555  :กอด1: