Cheptre 3
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ เรียกแบบนั้นคงไม่ผิดนัก เพราะตอนแรกจากการตรวจสอบโดยดาวเทียม เราไม่พบสิ่งผิดปกใดๆเลย ที่เราเห็น มีเพียงแค่ต้นไม้เขียวขจี และธารน้ำหลายสายเท่านั้น
จนกระทั่งเราออกมาสำรวจนอกยาน และนั่นทำให้มิสะเห็นอะไรบางอย่าง ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ต้นไม้ธรรมดา ผมเองก็รู้สึกถึงอะไรที่ไม่ชอบมาพากล จึงคิดจะเรียกให้มิสะหยุดก่อน แต่ทว่ากลับมาเสียงบางอย่างดังขึ้น มันดังอยู่ในหัวของผม เป็นเสียงหวานๆนุ่มๆของอะไรซักอย่าง ที่คาดว่าน่าจะอยู่แถวๆนี้
‘หากท่านไม่คิดโจมตีเรา เราจะไม่โจมตีท่าน เราจะปรากฏกายให้ท่านเห็น หากท่านปรากฏกายให้เราเห็น’
ปรากฏกายอะไรกัน มีแต่พวกแกนั่นแหละที่ไม่เผยตัว ผมคิดในใจเท่านั้น แต่ทว่าดันมีคำตอบกลับมาให้ผมด้วย
‘เราหมายถึงให้ท่านถอดอาภรณ์นั้นออกเ รารู้นะว่าท่านรู้แล้วว่าที่นี่สามารถเป็นที่อยู่ของท่านได้ แปลว่าท่านต้องหายใจได้เช่นกันมิใช่หรือ?’
“หัวหน้าครับ เอาอย่างไรดี” นิโคลัสถามอย่างระแวดระวัง
“เจรจาก่อนดีกว่า”
‘เจรจาโดยที่ไม่เจอหน้ากันเลยอย่างนั้นหรือ แลดูจริงใจดีจริงๆ หึ’ เสียงที่ตอบกลับมาในครั้งนี้กลับไม่ใช่เสียงนุ่มๆเย็นเหมือนครั้งที่แล้ว แต่กลับเป็นเสียงทุ้มติดหวาน ที่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
ตอนแรก ผมคิดจะถามหัวหน้าอีกที แต่ทว่าสายตาผมดันเหลือบไปเห็นเจ้าตัวเล็กกำลังถอดชุดนิรภัยออก จึงเริ่มถอดชุดออกบ้าง ถึงจะไม่รู้ว่ามิสะจะทำอะไร แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้เสมอ พอพวกเราถอดชุดกันครบทุกคนแล้ว อยู่ๆบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไป
มิติที่ต้นไม้ต้นที่มิสะเคยบอกว่ามีอะไรอยู่เริ่มบิดเบี้ยว ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งตามพุ่มไม้ โขดหินสูงใหญ่ หรือแม้กระทั่งกลางอากาศตรงหน้าของผมก็เริ่มบิดไปมาจนผิดรูป ก่อนที่มันจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งและแตกออก
ใช่ แตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกับกระจก ก่อนจะสลายเป็นผงเล็กๆ ซึ่งนั่นเองที่ทำให้เราได้พบกับอะไรที่ประหลาดใจยิ่งกว่าเห็นมิติบิดเบี้ยวต่อหน้าต่อตาเสียอีก
ร่างเล็กๆของอะไรบางอย่างที่คล้ายมนุษย์ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าผม ร่างนั้นสูงแค่ระดับอกของผม ผมสีเขียวอ่อนถูกถักเป็นเปียเอาไว้หลวมๆยาวจนเกือบถึงพื้น ประดับด้วยดอกไม้น้อยใหญ่หลากสีสันสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ และเมื่อเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมพร้อมๆกับรอยยิ้มที่แสนจะสว่างไสวนั่นทำให้ผมแทบละลาย
ใบหน้าเรียวเล็กได้รูป ผิวขาวนวลละเอียดทั่วทั้งกายส่องประกายแสงสีทองอ่อนๆออกมา ดวงตากลมโตที่มีสองสีในข้างเดียวกันกับแพขนตาสีทองยาวๆนั่นสะกดผมได้อยู่หมัด ยังไม่รวมจมูกโด่งเรียวเล็กราวกับตุ๊กตาและริมฝีปากบางที่แย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรนั่นอีก นี่มันอะไร ตุ๊กตา??
“เอ๊ะ!”
เสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นมาจนทำให้ผมรีบหันขวับไปทางต้นเสียง ก่อนจะพบกับมิสะที่นั่งกองอยู่บนพื้น และเงยหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่า
“มิสะ!” ตอนแรกผมคิดว่าจะรีบวิ่งไปเอาตัวมิสะออกมาจากไอ้หัวแดงนั่นก่อนที่มันจะโจมตีเรา แต่ทว่าแขนของผมกลับถูกมือเล็กๆบางๆของคนตรงหน้าจับไว้อย่างๆหลวมๆ จนทำให้ผมอดหันกลับมามองไม่ได้
“วางใจเถิด เราไม่คิดจะโจมตีท่านหรอก น้องชายเราก็เช่นกัน
พูดจบเธอก็พยักหน้าให้ผมหันไปดูไอ้หัวแดงนั่นกำลังจับที่ต้นแขนของมิสะ แล้วดึงขึ้น มิสะที่โดนกระชากแขนจนตัวปลิวถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ จนผมรีบหันไปโวยวายใส่คนตรงหน้าทันที แต่พอหันกลับไป กลับเจอสีหน้าที่ตกใจพอๆกับผม ก่อนจะดุคนที่เป็นน้องชายลั่น
“ทำอะไรน่ะซินเนียร์!”
“เห้ยป่าวนะเว้ย แค่จะดึงให้ลุกเฉยๆ เห้ยๆๆ อย่าร้องนะเว้ย ฉันขอโทษ”
“พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย เดี๋ยวเค้าก็คิดว่าเราโจมตีเขากันพอดี”
“แรงความไบซันเหมือนเดิมนะแก หัดควบคุมแรงบ้างสิ อีกฝ่ายตัวเล็กนิดเดียวเองนะ”
เสียงแก้ตัวของคนที่กระชากแขนมิสะ ถูกกลบด้วยเสียงแจ้วๆของเด็กหญิงตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเป็นน้องของหมอนั่น ไม่พอ ยังโดนเจ้าคนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ ด่าเอาแถมไอ้คนนั้นยังถือขวดอะไรซักอย่างขึ้นซดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก
“โอ้ยย ก็ขอโทษแล้วเนี่ย หยุดร้องสิโว้ยย!!”
“ฮะ… อึก…” ตอนแรก ผมว่ามิสะคงแค่ตกใจจนน้ำตาคลอมากกว่า แต่พอโดนเจ้านั่นจับแขนสองข้างให้หันหน้าเข้าหากันแล้วตวาดเสียงดังลั่นนั่นหละ ที่ทำให้มิสะหลุดสะอื้นออกมา และในพริบตานั้นเอง ร่างเล็กๆของน้องสาวหมอนั่นก็กระโดถีบขาคู่ลงบนหัวหมอนั่นจนปลิวไปติดโขดหินทันที
“แกจะบ้าเหรอฮะ! ทำแบบนั้นเขาก็กลัวน่ะเซ่ ทำหน้าอย่างกับหมา เอ้ย มหาโจรป่าแบบนั้นอ่ะ โอ๋ๆๆ ไม่เอาไม่ร้องนะ อย่าใส่ใจเลย หมอนั่นก็เป็นแบบนี้แหละ ” เด็กคนนั้นว๊ากพี่ตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเปลี่ยนโหมดมาปลอบมิสะอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าไม่ทันไร คนที่จะปลอบชาวบ้านเขาก็พาลจะร้องไปด้วยอีกคน
“ฮืออ ท่านพี่ซินเธียร์ เค้าไม่ไหวแล้วอ่ะ เค้าเห็นคนน่ารักร้องไห้แล้วเค้าจะร้องตามอ้ะ ฮือ”
“โอ๋ๆๆ ไม่เอาไม่ร้องนะ ทั้งคู่เลย เงียบเร็วๆ จุ๊ๆๆ ซินเนียร์ อย่ามาสำออย ลุกขึ้นมาขอโทษเขาเลย นายทำเขาร้องไห้นะ”
“โอ้ย โดนถีบจังๆแบบนั้นก็คอเคล็ดเป็นนะเว้ย เออๆ ไปก็ได้วะ อย่าร้องงงง”
นี่มัน อะไรวะ??
“นั่นสิ อะไรเนี่ย มหกรรมปลอบเด็กหรือไงกัน”
พอผมหันไปหาต้นเสียงก็พบว่า มีใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนเสื่อที่มีขวดอะไรหลายๆขวดที่ผมคิดว่ามันคงเป็นเหล้าแน่ๆ เพราะตอนนี้เจ้านั่นเริ่มหน้าแดงๆแล้ว ไม่พอยังมีตะกร้าใส่ผลไม้ และสิ่งที่คาดว่าเป็นอาหารจัดเรียงอยู่ในถาดอย่างสวยงาม
“ เอามะ??” หมอนั่นหันมาถามผมทั้งๆที่ในปากยังคงคาบสิ่งที่คล้ายๆมาชเมลโล่ว์ หรืออะไรซักอย่างที่ดูนุ่มๆฟู่อยู่ในปาก
“เอ่อ…” ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วครับ ตรงหน้าก็มีมหกรรมร้องไห้แห่งชาติ ข้างๆกันก็มีกองเชียร์ที่ตอนนี้ทำท่าอย่างกับมาปิกนิคอยู่
“อ้าวๆพวกทหารลูกกระจ๊อกทั้งหลาย กลับวังไปไป๊ ไม่มีอะไรแล้ว แล้วพวกเจ้าไม่คิดจะร่วมวงจริงๆหรือ อร่อยนะ”
“คืออันที่จริงพวกเราจะกลับกันแล้วล่ะครับ เพราะอย่างไรเสีย ภารกิจของเราก็ล้มเหลวไปแล้ว”
“รีบไปมั้ง มาทานดินเนอร์กันก่อนแล้วพักที่นี่ซักวันสองวัน หรือไม่ก็เล่าเรื่องที่พวกท่านเดือดร้อนให้เราฟังก่อนก็ได้ เราอาจจะช่วยพวกท่านได้นะ”
เด็กสาวตัวเล็กคนเดียวกันกับที่ถีบพี่ชายตัวเองกระเด็น เดินมาพร้อมกับมิสะที่หยุดร้องไห้เรียบร้อยแล้ว พากันนั่งลงบนเสื่อ เอ่อ มันใช่ใช่เสื่อนี่หว่า หรือว่าเป็นผ้า อืม แต่ผ้าก็ไม่น่าใช่นะ ช่างเถอะ
“ถ้าไม่รังเกียจ ก็มาร่วมรับประทานอาหารด้วยกันได้นะ” ว่าแล้วคุณมนุษย์ตุ๊กตาก็ยิ้มหวานหยดอีกครั้ง
อย่ายิ้มบ่อยได้ไหมครับ หัวใจจะกระดอนออกมาข้างนอกแล้ว
“อ่า คือ..”
“อันนี้อร่อยมากเลย เหมือนไก่ทอดนะ แต่นุ่มกว่า แถมอร่อยกว่าจริงๆนะเนี่ย”
“ข้าบอกท่านแล้ว เหล้าซักแก้วไหมท่าน”
“จัดมาเลย ดูซิว่าจะแรงเท่าของดาวโลกเราหรือป่าว”
“พี่ชายลองชิมอันนี้ดูสิ อร่อยนา พี่ชายพูดได้รึเปล่าฮะ เงียบจัง นี่ๆ อันนี้ก็อร่อย”
“เห้ย เอ่อ คือ ไม่มีไร แค่จะบอกว่าอันนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเฉยๆ”
ตอนแรก ผมกะจะปฏิเสธไป หันไปอีกทีก็เห็นหัวหน้ากำลังร่วมวงสุรากับเจ้าคนที่เป็นหัวโจกตั้งแคมป์ปิกนิกไปแล้ว โดยมีสาวน้อยผมบรอนด์นั่งทับตัก และเด็กคนนั้นก็พยายามยัดเอาอาหารเข้าปากนิโคลัสอย่างสนุกสนานถัดมาเป็นมิสะที่มีของกินเต็มจานเพราะถูกเด็กแสบคนเดิมหยิบใส่ๆจนไม่รู้ว่าจะกินอะไรก่อนดี แต่ยังดีที่มีเจ้าหัวแดงนั่นยังคอยแนะนำอาหารให้
“ดูท่า ท่านคงไม่ปฏิเสธแล้วใช่ไหม??”
ผมหันกลับไปให้เจ้าของน้ำเสียงนุ่มนั่นก่อนจะนั่งลงตามที่เขาบอกและเริ่มรับประทานอาหาร และต้องบอกเลยว่ามันอร่อยจริงๆ อย่างกับของในภัตตาคารหรูๆเลย
“อ่า จริงสินะ เราลืมไปเลย ชื่อของเราคือ ซินเธียร์ เอลฟา ราฟาเอเลน คนผมสีแดงนั่นน้องชายคนรอง ชื่อ ซินเนียร์ วูฟฟา ราฟาเอเลน ส่วนเด็กคนนั้น ชื่อ ซินเซีย เซนทาร์ ราฟาเอเลน เป็นน้องชายคนสุดท้อง ส่วนเจ้าคนที่เมาแอ๋อยู่ เป็นญาติของเราชื่อ ดิเซีย กินารี มีคาเอเลน”
ซินธิอาร์เริ่มแนะนำตัวเองและพวกของตัวเองให้ฟัง ด้วยรอยยิ้มละมุน ทั้งที่บรรยากาศรอบข้างนั้นแสนจะวุ่นวาย มีทั้งคนเมา ทั้งเด็กที่ป่วนทั้งโต๊ะอาหาร หรือแม้กระทั่งนิโคลัสที่ตอนนี้โดนยัดเยียดเหล้าให้ดื่ม
“อ่า ผมคิดว่า ซินเซียร์เป็นเด็กผู้หญิงมาตลอดเลยนะ ผมชื่อ คริสโตเฟอร์ ริดชาร์จครับ คนที่นั่งเมากับญาติของคุณอยู่เป็นหัวหน้าของผม ชื่อ โรเบิร์ต ฮันเนส คนทั่วเล็กที่สุดชื่อ อาคาสึกิ มิสะ ส่วนคนที่ไม่เคยพูดอะไรเลยตั้งแต่มาถึง ชื่อ นิโคลัส คอนสเตตินครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“เช่นกันครับ”
แล้วผม ก็นั่งรับประทานอาหารไปโดยที่ไม่มีใครคุยอะไรกันต่อ มีเพียงความวุ่นวายจากคนเมาและเด็กเท่านั้น
ผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนนี้หัวหน้าผมเมาพับหลับกลางอากาศไปแล้ว และเพราะเหตุนั้น ตอนนี้ดิเซียเลยพุ่งเป้าไปหานิโคลัสแทน โดยที่หารู้ไม่ว่า ไอ้เจ้านั่น คออ่อนสุดๆ มิสะ กับ ซินเซียก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ผมกับซินเธียร์ และน้องชายของเขาเลยไปจัดที่นอนสำหรับทุกคนเอาไว้ก่อน เพราะยานของเราค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นการที่จะให้พวกเขาพักด้วยจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
พอแบกคนที่หลับอยู่เข้าห้องนอนกันหมด เราก็แยกย้ายกับไปนอน เพราะพรุ่งนี้ เห็นเขาบอกว่าจะคุยกันอีกทีว่าจะเอาอย่างไร ดูเหมือนว่าสันนี้คงต้องขอพอแค่นี้ก่อนสินะ แต่ก่อนที่ผมจะเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเอง กลับมีใครบางคนมาจับแขนผมเอาไว้ก่อน พอผมหันไปถึงได้เห็นซินเธียร์ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างๆ ผมจึงเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“น้องข้าบอกว่าอยากนอนกับเพื่อนท่านน่ะ ก็เลยมานอนห้องนี้ ส่วนท่านก็ไปนอนกับข้าละกัน”
“น้อง คนไหนครับ” ผมถามต่อ ไม่ใช่อะไรหรอก แต่ถ้าเกิดเป็นไอ้หัวแดงนั่นแล้วมันคิดจะทำอะไรมิสะขึ้นมาละก็ มิสะคงไม่รอดชัวร์
“ซินเซียร์น่ะ” เธอตอบพร้อมๆกับเดินนำหน้าผมไป
“แต่จะดีเหรอ คือ ผมเป็นผู้ชายนะ แล้วคุณ…”
“มันทำไมหรือ?? ท่านพูดเหมือนเราเป็นผู้หญิงไปได้” เธอพูดแล้วเปิดประตูเข้าห้องนอนไป
“เดี๋ยวนะคุณ คุณพูดเหมือนคุณไม่ใช่ผู้หญิงเลย”
ผมเดินตามเธอเข้าไปในห้องก่อนที่จะเห็นว่าเธอซุกตัวลงไปในผ้าห่มหนานุ่มนั่นเรียบร้อยแล้ว
“นี่คุณ”
ผมลองเรียกเธอดู เพราะผมคาใจมากๆ ทั้งๆที่น้องชายของเขาออกจะหล่อเหลา(ยอมรับก็ได้วะ) จึงเป็นไปไม่ได้ที่ดาวดวงนี้ผู้หญิงจะหล่อ หรือผู้ชายจะสวย อะไรแบบนั้น แต่เธอก็สวยขนาดนี้ต้องเป็นผู้หญิงสิ แต่ทำไมเธอพูดเหมือนว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้หญิงกันนะ
“คุณ…ซินเธียร์ ครับ” ไม่ได้ผล หลับยาวเลยแฮะ
เห้อ ช่วยไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ พักผ่อนบ้างดีกว่า วันนี้เจออะไรมาเยอะกเินไปแล้ว
แล้วคืนนี้ ผมก็ฝันแปลกๆอีกแล้ว
ขอโทษที่หายไปนานนะฮ๊าฟฟฟ คนที่อ่านเรื่อง ก็แค่เรื่องของตัวประกอบ จะรู้ทันทีว่าเราหายไปไหนมา เพราะเราระบายไว้เต็มเลย
ยังไงก็ ฝากติดตามคุณมะนาวต่อไปน้อววววว(ยังมีคนอ่านไหมเนี่ย) :hao5:
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามน้าาาาาาาาา :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ร๊ากกกทุกโคนนนนนนนนนนนนนน :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: