พิมพ์หน้านี้ - The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: nekozaa ที่ 24-10-2015 22:11:07

หัวข้อ: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 24-10-2015 22:11:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...............................................................


   สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ นี่เป็นเรื่องแรกของแมว ฝากฝังไว้ด้วยนะคะ 



บทนำ



  คุณรู้จักรุกและรับมั้ยถ้ารู้จักคุณก็ต้องรู้จัก King และ Queen ไม่ต้องสงสัยว่ามันต่างกันยังไงเพราะ King หมายถึงรุกและ Queen หมายถึงรับ แต่...มันพิเศษมากกว่านั้นเพราะกลุ่มคนทั้ง King และ Queen มีความพิเศษในแต่ละคนไม่เหมือนใครเป็นสิ่งที่โลกแห่งความเป็นจริงสัมผัสมันไม่ได้แต่คน 2 กลุ่มนี้กลับทำมันให้เป็นจริงได้

   หลายๆคนคงรู้จักตำนานล้านปีตลอดกาลของแวมไพร์ บุคคลที่มีเขี้ยวแหลมยาว 1 คู่เพื่อใช้ดูดเลือดที่แสนหอมหวานของมนุษย์ ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติไม่มีวันแก่ลงตามวัยไม่ว่าจะผ่านไปเป็นพันๆปีก็ยังคงความเยาว์วัยไว้ ผิวขาวซีดไร้ชีวิตชีวา หัวใจที่หยุดเต้นไร้ความรู้สึกใดๆ และพละกำลังที่แข็งแกร่งยากจะต้านทาน นี่แหละสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าแวมไพร์แต่ความอัศจรรย์นี้ถูกมนุษย์พากันรังเกียจและกลัวว่าแวมไพร์นั้นจะนำมาซึ่งการนองเลือด กลัวที่จะถูกบุคคลนี้กัดกิน สูบเลือดสูบเนื้อจนหมดสิ้น กลัวว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกกำจัดเพราะมนุษย์นั้นไม่มีพละกำลังจะต่อกรกับแวมไพร์ ดังนั้นมนุษย์จึงพากันเข่นฆ่าแวมไพร์ทุกตนเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์มีจำนวนประชากรลดลงเรื่อยๆจนหมดสิ้นไป

   ในปัจจุบันนี้ในโลกสมัยใหม่ เทคโนโลยีล้ำหน้ากระโดดไปได้ก้าวไกล สิ้นของมนต์ขลัง เวทย์มนต์ ไสยศาสตร์ ก็ได้กลายเป็นแค่ความเชื่อของคนภูมิปัญญาท้องถิ่นไปเพราะปัจจุบันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เหตุและผลทางวิทยาศาสตร์เพื่อคัดกรองความเป็นจริง อะไรที่ใช้หลักการทางวิทยาศาตร์ไม่ได้ก็เป็นแค่ความเชื่อลมๆแล้งๆแม้แต่แวมไพร์ที่สูญสิ้นไปจากโลกตั้งแต่ยุคโบราณกาลก็เป็นแค่ตำนานที่ปากเล่าต่อๆกันมา

   บางทีสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้และไม่มีอยู่จริงอาจจะมีอยู่จริงก็ได้ใครจะไปรู้...สิ่งมหัศจรรย์เหล่านั้นอาจจะหลบซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ดูธรรมดาทั่วไปแต่อาจจะซ่อนความลับบางอย่างไว้ก็เป็นได้ ถ้ามันไม่มหัศจรรย์จริงๆ คำๆนี้ คำว่า มหัศจรรย์ จะมีขึ้นมาไว้ทำไมกันละ? จริงมั้ย?
.
.
.
   เด็กชายตัวเล็กหน้าสวยดุจเทวดาตัวน้อยวิ่งร่าอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยเด็กน้อยวัยใสมากมายและผู้ปกครองที่มาดูแลลูกๆของตน สถานที่แห่งนี้เป็นที่เจาะจงสำหรับเด็กๆโดยเฉพาะเพราะสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ติดข้างๆนี้เอง ทำให้ตอนเย็นเด็กๆจะพากันมาวิ่งแถวนี้เพื่อรอพ่อแม่มารับกลับบ้าน

   "เอวา แม่มารับแล้วนะกลับกันเถอะจ้ะ"

   หญิงสาวหน้าอ่อนวัยยิ้มรับเมื่อลูกของตนหันมาหาเธอแล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้เห็นแม่ของตนที่นานๆทีจะว่างมารับต้องให้พี่ชายคนโตมารับเกือบทุกวันที่เธอมารับลูกคนสุดท้องไม่ได้เพราะส่วนใหญ่เธอเอาแต่ทำงานส่งเสียลูกทั้งสามให้ได้ร่ำเรียนด้วยตัวคนเดียวส่วนคนเป็นพ่อนั้นได้ลาลับไปจากโลกนี้ไปตั้งแต่เอวาเกิดได้เพียงสามเดือนด้วยโรคหัวใจระยะสุดท้ายทิ้งให้ภรรยาแบกรับหน้าที่ทั้งหมดอย่างยากลำบากแต่เธอก็ไมาเคยย่อท้อ

   "คุณแม่เหนื่อยมั้ยครับ"

   เด็กชายเอวากอดแม่แล้วถามไถ่อย่างนึกเป็นห่วง ตัวน้อยแค่นี้อยู่แค่อนุบาล 3 แต่สมองนั้นเกินวัยไปมากด้วยความฉลาดเหมือนเป็นดั่งพรสวรรค์ หากเป็นเด็กคนอื่นคงไม่ถามอะไรที่เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แต่อย่างน้อยเด็กชายตัวน้อยก็ยังคงความเป็นเด็กสมวัยมีความนึกคิดแบบเด็กๆอยู่ดี

   "เห็นหน้าลูกแม่ก็หายเหนื่อยแล้วจ้ะ"คุณแม่ยิ้มอ่อนแล้วจูงมือเด็กน้อยออกจากสวนสาธารณะหลังจากที่ร่ำลาเพื่อนวัยเดียวกันเสร็จ

   "งั้นพรุ่งนี้แม่ก็มารับเอวาอีกสิครับจะได้เห็นหน้าเอวาแล้วหายเหนื่อย"

   "ไม่ให้พี่อดัมมารับแล้วหรือไง"พูดพลางลูบหัวเด็กน้อยช่างพูดอย่างเอ็นดู

   "เห็นหน้าพี่อดัมเกือบทุกวันเอวาเบื่อจะแย่แล้ว"เด็กน้อยยู่หน้าเมื่อพูดถึงพี่ชายคนโตที่เรียนจบแล้วมีงานมีการทำแล้วอย่างอดัม

   "งั้นแม่ให้อีฟมารับดีไหมหนอ"

   "เห พี่อีฟกลับจากอเมริกาแล้วหรอครับ"เด็กชายตัวน้อยเบิกตาโพลงอย่างดีใจเมื่อนึกถึงพี่สาวคนรองที่ไปเรียนต่ออเมริกาได้ 3 ปีแล้ว

   "ยังจ้ะแต่แม่คาดว่าน่าจะกลับมาเร็วๆนี้แหละจ้ะ"

   "คิดถึงพี่อีฟจังเลย"หน้าสวยหวานซึมลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นรถไอติมอยู่ตรงหน้า

   "อยากกินหรอจ้ะ"คุณแม่แย้มยิ้มถามเมื่อเห็นแววตาวิบวับของเด็กน้อย เอวาพยักหน้าหัวสั่นจ้องไปที่รถไอติมไม่วางตา เธอเห็นดังนั้นก็หัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู

   เมื่อได้สิ่งที่ต้องการเอวาก็ตั้งใจกินอย่างเอร็ดอร่อย เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วยื่นไอติมรสสตอเบอรี่ให้ผู้เป็นแม่แต่เธอก็ส่ายหน้ายิ้มรับบางเบาจูงมือเด็กน้อยไปที่รถเพื่อกลับบ้าน

   "กินดีๆอย่าให้หกใส่รถนะลูกแล้วก็มารยาทที่ดีห้ามกินมูมมามนะจ้ะ"

   "ครับแม่"

   รถยนต์เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนผ่านตึกมากมายแล้วเข้ามาในเขตชนบทห่างไกลความวุ่นวายรอบข้างมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าให้ความร่มเย็นมีบ้านปลูกเป็นหลังๆเพียงน้อยนิดจนมาถึงบ้านเกือบท้ายซอยริมสุดที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมากมาย บ้านสองชั้นที่มีสวนอยู่หน้าบ้านมีต้นไม้เล็กใหญ่ให้ความร่มรื่นแก่คนอยู่อาศัย เมื่อรถจอดสนิทเด็กชายก็วิ่งลงจากรถแล้วเข้าไปหาน้ำหาท่าให้แม่ของตนอย่างที่ทำเป็นประจำ

   "กลับมาแล้วหรอคะคุณอิ้ง น้องเอวา ให้ป้าจัดสำรับอาหารขึ้นโต๊ะเลยมั้ยคะหรือรอคุณอดัมก่อน"

   หญิงวัยใหญ่อายุเยอะออกมาจากห้องครัวตามเด็กชายตัวน้อยมาติดๆมองเอวาวิ่งดุ๊กๆไปหาแม่ด้วยความเอ็นดูทุกครั้งที่มักจะทำตัวน่ารักเป็นเด็กดีอยู่เสมอ

   "รอเจ้าอดัมก่อนแล้วกันค่ะป้าจัน...แล้วนี่ลุงเทิ้มไปไหนหรือคะ"

   หญิงสาวรับแก้วน้ำจากลูกมาดื่มแล้วถามไถ่ถึงลุงเทิ้มสามีป้าจันที่ทำงานเป็นคนสวนและช่วยดูแลความปลอดภัยของบ้าน

   "เห็นว่าจะไปดูเมล็ดดอกไม้น่ะค่ะ ประเดี๋ยวคงกลับมา"

   "ดีจังค่ะ บ้านเราจะได้ดอกไม้หอมๆสวยๆเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ป้าจันคะ ฝากเอวาไปอาบน้ำหน่อยนะคะเดี๋ยวอิ้งจะเข้าห้องไปทำงานนิดหน่อย"

   "ได้ค่ะคุณอิ้ง...ไปกันน้องเอวา"ป้าจันรับคำก่อนจะจูงเด็กน้อยให้ขึ้นไปบนห้อง

   ถึงเวลาอาหารค่ำเด็กน้อยที่เล่นตุ๊กตาอยู่บนห้องก็ลงมาตามเสียงที่ป้าจันเรียกมีคุณแม่นั่งรออยู่แล้วที่หัวโต๊ะ ตอนนี้จึงเหลือแค่พี่ชายคนโตอย่างอดัม

   "เจ้าอดัมวันนี้กลับช้าจัง มัวแต่ไปเถลไถลที่ไหนอยู่กันเนี่ย...เห้อ"หญิงสาวบ่นด้วยความเป็นห่วงอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าเริ่มเย็น เด็กน้อยก็ได้แต่มองกับข้าวตรงหน้าตาละห้อยยังกินไม่ได้หากคนยังมาไม่ครบ

   "คุณอดัมมาแล้วค่ะคุณอิ้ง"ป้าจันวิ่งเข้ามาที่โต๊ะอาหารพร้อมชายที่เดินตามมาข้างหลังติดๆ

   "สวัสดีครับแม่อิ้ง ว่าไงตัวเล็ก"ชายหนุ่มนั่งตรงกันข้ามกับเอวา ใบหน้าหล่อคมคายยิ้มเริงร่าอย่างคนอารมณ์ดีแต่ร่าเริงกว่าปกติ

   "ทำไมวันนี้กลับช้าละพี่อดัม อารมณ์ดีกว่าปกติด้วย"เด็กน้อยเอวาถามแทนผู้เป็นแม่ที่ข้องใจเหมือนกัน

   "ช่างพูดเหมือนเดิมเลยนะตัวเล็ก...พี่กลับช้าก็เพราะไปเจอของถูกใจมาน่ะสิ หึหึ"

 "เห้อ ลูกคนนี้นี่นิสัยเสียจริง"หญิงสาวถอดถอนใจกับนิสัยเห็นคนอื่นเป็นของเล่นของลูกตนเองนึกหวังไว้ว่าจะมีใครสักคนมาสยบลูกตัวแสบให้อยู่หมัด

   "อย่าถอนหายใจบ่อยสิครับ เดี๋ยวแก่ไวน้า"อดัมยิ้มกริ่มจิ้มแขนแม่เพื่อไม่ให้เครียด เธอปรายสายตามองอย่างดุๆจนอดัมหน้าหงอยลงไปถนัดตา

   "เอวาหิว"

   เด็กน้อยงึมงำพร้อมเสียงโครกครากท้องร้อง เอวาหลุบตาต่ำหน้าแดงแจ๋จนทุกคนหัวเราะ หญิงสาวหัวโต๊ะพยักหน้าให้เริ่มลงมือทานกันได้เด็กน้อยก็รีบทานอย่างหิวโหยลืมมารยาทบนโต๊ะอาหารที่แม่สอนไปชั่วคราว

  จัดการอาหารตรงหน้าจนอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ครอบครัวก็คุยกันบนโต๊ะอาหารถึงเรื่องราวต่างๆนาๆให้หายคิดถึงกันโดยไม่ลืมสไกป์ไปหาอีกคนที่อยู่เมืองหนาวอย่างอเมริกา ลูกสาวคนรองสวยเฉี่ยวได้โคลงหน้ามาแบบคนเป็นพ่อเต็มๆ อีฟน้ำตาคลอคิดถึงครอบครัวที่อยู่เมืองไทย เธอเล่าถึงชีวิตที่อยู่อเมริกาที่ทั้งสุขและทุกข์ โหยหาที่จะกลับบ้านแต่ต้องอดทนอีกแค่ปีเดียวเธอก็จะได้กลับสักที ถึงเวลาเข้านอนทุกคนก็บอกรักและคิดถึงอีฟแล้วปิดสไกป์พากันแยกย้ายไปนอน ชั้น 2 มี 4 ห้องด้วยกัน ห้องแรกริมขวาสุดคือห้องของผู้เป็นแม่ ถัดมาก็ห้องของอดัมแล้วก็ห้องของอีฟห้องสุดท้ายริมซ้ายสุดคือห้องของเอวา อิ้งจะเข้าห้องเอวาไปอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังเสมอ วันนี้ก็ด้วย

   Next Reply


หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ บทนำ (ครึ่งหลัง) [24/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 24-10-2015 22:19:34
  "เอาละ วันนี้แม่ซื้อนิทานเรื่องใหม่มา...แวมไพร์ผู้กล้าหาญกับรักนิรันดร์ กาลครั้งนานมาแล้ว..."

   หญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องถึงแวมไพร์ที่เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่หาใครเปรียบ เขาเป็นท่านเคาท์แห่งปราสาทที่ไม่มีผู้ใดกล้าย่างเท้าเข้าไปแต่แล้ววันหนึ่งก็มีหญิงสาวสวยนางหนึ่งเข้าไปเพื่อหลบพายุฝนที่โหมกระหน่ำแล้วไปเจอเข้ากับแวมไพร์ตนหนึ่งที่กำลังกระหายเลือดอย่างรุนแรง นางตกใจวิ่งหนีแต่เมื่อหันกลับมามองก็เห็นท่านเคาท์ต่อสู้กับแวมไพร์ตนนั้นที่จะเข้ามาขย่ำคอของนาง ท่านเคาท์เสียหลักถูกตบจนเซล้มลงไป แวมไพร์ตนนั้นจึงพุ่งเข้าใส่หญิงสาวอย่างบ้าเลือด ตอนนั้นเองที่นางเกือบจะโดนกัดท่านเคาท์ก็เข้ามาบังตัวนางไว้แล้วหันไปจ้วงหัวใจของแวมไพร์เสียสติตนนั้นจนกลายเป็นขี้เถ้าลอยไป นางจึงหลงรักท่านเคาท์ที่ช่วยชีวิตนางไว้และยอมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแวมไพร์เพื่อจะอยู่กับท่านเคาท์ตลอดกาลปาวศาล...

   "แม่ครับ แวมไพร์คือคนไม่ดีหรอครับ"นั่นคือคำถามแรกหลังจากหญิงสาวเล่านิทานจบ

   "แม่คิดว่าแวมไพร์ก็มีทั้งดีและไม่ดีแหละจ้ะแต่ลูกก็รู้แล้วจากนิทานนี้ว่าแวมไพร์ที่ดีเขาจะปกป้องเราส่วนแวมไพร์ที่ไม่ดีเขาจะทำร้ายเราอย่างบ้าคลั่ง"

   "แวมไพร์ดูดเลือดคน เอวากลัว...มันน่ารังเกียจ"

   "ไม่ได้นะจ้ะ แวมไพร์ก็คนเหมือนกัน จำไว้นะถึงเขาจะกินเลือดเป็นอาหารดูไม่มีจิตใจแต่เขาก็มีความรู้สึกนึกคิด ลูกจะว่าเขาไม่ได้ ดูสิอย่างในนิทานเรื่องนี้ท่านเคาท์น่ะปกป้องหญิงสาวตัวเล็กๆยอมฆ่าพวกเดียวกันแถมยังมีความรักให้หญิงสาวอีก...อย่าดูถูกแวมไพร์เพียงเพราะเขากินเลือดเป็นอาหารสิจ้ะ คุณค่าของแวมไพร์ไม่ได้อยู่ที่การกินเลือดคนแต่มันอยู่ตรงนี้...ที่หัวใจ"หญิงสาวชี้นิ้วไปจิ้มตรงอกซ้ายของเด็กน้อย

   จากที่กลัวแวมไพร์จนหน้าซีดตัวสั่นเด็กน้อยก็ยิ้มกว้างประกายตาแพรวพราวสดใส

   "เอวาเข้าใจแล้วครับแม่ เอวาอยากเป็นแวมไพร์จังครับเอวาจะได้ปกป้องแม่จากคนไม่ดี"

   "ฮ่ะๆๆ นอนได้แล้วเจ้าตัวยุ่ง...ฝันดีจ้ะ"หญิงสาวก้มตัวลงจูบหน้าผากเด็กน้อยอย่างรักใคร่

   "ฝันดีครับแม่"ดวงตาสดใสปิดลงเรื่อยๆแล้วหลับใหลไปในที่สุด หญิงสาวปิดไฟแล้วค่อยๆปิดประตูอย่างเบามือเดินกลับห้องตัวเองไป




   "วันนี้แม่คงไปรับไม่ได้นะจ้ะ ให้พี่อดัมไปรับนะเอวา"ก่อนจะลงจากรถไปเข้าโรงเรียนหญิงสาวก็พูดอย่างเร่งรีบเมื่อนึกขึ้นได้

   "ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ"เด็กน้อยรับคำแล้วลงจากรถรอให้รถวิ่งผ่านลับสายตาไปก็เดินเข้าห้องเรียนไม่งอแงเหมือนเด็กทั่วไปที่ไม่อยากมาโรงเรียนหรืออยากจะให้แม่ไปส่งถึงที่

   เด็กๆอย่างเอวาก็เรียนอะไรไม่ได้นอกจากท่อง-เขียน-อ่าน ก ไก่ถึงฮนกฮูก A ถึง Z แต่สมองฉลาดหลักแหลมอย่างเอวาล้ำหน้าไปมาก การศึกษาของเอวาสมารถข้ามไปเรียนประถมตอนปลายได้เลยแต่ถึงเด็กชายจะเก่งแค่ไหนก็ต้องทบทวนและอ่อนน้อมถ่อมตนไม่อวดฉลาดเกินเด็กอนุบาลเกินไป

   ถึงเวลาเลิกเรียนเอวาก็ออกไปรอที่สวนสาธารณะเหมือนทุกครั้ง เล่นกับเพื่อนๆรอจนเพื่อนค่อยๆกลับไปทีละคนๆกระทั่งเหลือเอวาเป็นคนสุดท้าย ปกติเอวาจะต้องกลับก่อนใครเพื่อนแต่วันนี้รอจนแล้วจนรอดพี่ชายก็ไม่มารับสักที รอไปเรื่อยๆจนค่ำไร้ผู้คนและเด็กๆ เด็กน้อยนั่งไกวชิงช้าอยู่คนเดียวอย่างใจที่อดทนรอถึงแม้จะกลัวและอยากร้องไห้มากแค่ไหนแต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาไว้

   แซ่ก แซ่ก เสียงพุ่มไม้ขยับไหวทำให้เด็กน้อยตกใจสะดุ้งตัวโยนหันไปมองที่พุ่มไม้เมื่อกี้นี้ที่เหมือนมีอะไรอยู่ตรงนั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กทำให้ขาทั้งสองก้าวไปที่พุ่มไม้นั้น ทุกย่างก้าวที่เดินไปใจก็เต้นสั่นระรัวอย่างหวดกลัว เด็กน้อยหยุดขะงักกึกแล้วหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้นเพราะความกลัวมากกว่าความอยากรู้อยากเห็น

   "...เจ็บ...หิว...ละ เหลือเกิน"

   เด็กน้อยหยุดเท้าไว้แล้วหันเดินไปที่หลังพุ่มไม้นั่นอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงคนเหมือนต้องการความช่วยเหลือ

   "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เอ่อ...อึก"

   สภาพร่างของคนที่นอนขดตัวอยู่ทำให้เด็กน้อยผวา เลือดที่เปรอะตามเสื้อเชิ้ตสีขาว ใบหน้าก็ซีดเผือดและนัยต์ตาแดงก่ำอย่างกับสีเลือดจ้องมองเด็กน้อยอย่างหิวโหย เขี้ยวแหลมคมโผล่ออกมาจากปากเรียวนั้น

   "คะ คุณเป็น...แวมไพร์!!"

   จากนิทานที่แม่ของตนเล่าตรงตามผู้ชายตรงหน้าทุกอย่างที่สำคัญชายตรงหน้าเป็นแวมไพร์ที่กำลังหิวโหยเลือดอย่างบ้าคลั่ง เอวาเตรียมท่ากำลังจะวิ่งหนีจากตัวอันตรายคนนี้แต่ก็ถูกมือหนาจับข้อเท้าเล็กจนหกล้มหน้าคะมำ

   "ขอ...เลือด"ชายหนุ่มลากขาเด็กน้อยที่ขัดขืนสุดชีวิตให้มาอยู่ใต้ร่างหนาของตน

   "ไม่ ปล่อยผมนะ...ทะ ท่านเคาท์ช่วยเอวาด้วย...ท่านเคาท์ออกมาสิ"

   ด้วยความตกใจทำให้เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกคนที่อยู่ในนิทาน มือไม้ก็พยามผลักดันหนุ่มแวมไพร์ตรงหน้าออกแต่ไม่เป็นผลเลย

   "ข้านี่แหละ...ท่านเคาท์"

   เด็กชายชะงักนิ่งมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ ท่านเคาท์จะต้องปกป้องสิไม่ใช่บ้าคลั่งกระหายเลือดแบบนี้ เมื่อเห็นเด็กชายนิ่งไป ชายหนุ่มก็พุ่งจู่โจมเข้าที่ซอกคอเล็กของเอวาแล้วฝังเขี้ยวอย่างรุนแรง

   "ม่ายยยยย"

   เด็กชายกรีดร้องอย่างเจ็บปวด รู้สึกได้ถึงของเหลวในตัวถูกดูดดึงกลืนกิน ร่างกายที่พยายามต้านทานขัดขืนอ่อนแรงลงเหมือนเลือดถูกสูบไปจนหมด สติที่มีเริ่มพร่าเลือนจนชายหนุ่มดึงคมเขี้ยวที่ฝังคอออกแล้วมองเด็กชายอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรลงไป เด็กชายน้ำตาไหลพรากหอบหายใจรวยรินลมหายใจก็เริ่มติดขัดเหมือนหัวใจจะเต้นช้าลงๆ

   "ข้าให้เจ้าตายไม่ได้ เจ้าเป็นเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์และยังช่วยข้าไว้แม้ข้าจะทำผิด"

   ชายหนุ่มกัดข้อมือตัวเองจนเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาก่อนจะจ่อไปที่ปากของเด็กน้อยที่หายใจรวยริน เอวากลืนเลือดของชายตรงหน้าลงไปเพราะนึกว่าเป็นน้ำ

   "อ่ะ...อึก...แฮ่กๆ"

   ร่างกายของเด็กชายร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟแผดเผา ร่างเล็กเกร็งตาเหลือก สติพร่าเลือนจนดับวูบลงไปก่อนหลับเสียงทุ้มนุ่มก็บอกบางอย่างกับเด็กน้อย

   "แล้วเจอกัน...คู่หมั้น"

TBC.
หมดไป2ชั่วโมงกับการนั่งแต่งยังไม่ได้กินข้าวเลย แต่งเสร็จไปตอนหนึ่งก็ชงไชโยโห่ฮิ้วเลยค่ะ แมวฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ จะขยันมาต่อให้นะคะ ถ้าได้กำลังใจจากคนอ่านจะดีมากเลยค่ะ แมวจะได้ขยันปั่นเนอะ 555 ขอบคุณมากนะคะที่กดเข้ามาอ่านกัน ติชมได้นะคะมีอะไรขัดข้องก็บอกแมวได้เลยค่ะ...รักคนอ่าน ชอบคนบวกเป็ด รักมากคนคอมเม้น...
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ บทนำ [24/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: baipai_bamboo ที่ 25-10-2015 00:13:02
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ บทนำ [24/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-10-2015 11:18:28
คู่หมั้นนนนน
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ บทนำ [24/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 25-10-2015 13:47:31
โชตะค่อนใช้มั้ยท่านเคาท์ กินเด็กอนุบาลเลย >.,<
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่1[25/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 25-10-2015 14:59:13
ตอนที่ 1 กำเนิดราชินี


   11 ปีผ่านไปไวราวกับเรื่องโกหก ผมเติบโตใช้ชีวิตตามปกติแม้จะไม่ปกติขึ้นเรื่อยๆทุกวัน สงสัยเป็นเพราะผมไม่ได้กินยามานานหลังจากที่ผมหาย

   อืม...ผมเป็นอะไรน่ะหรอ ก็ตั้งแต่ 6 ขวบหลังจากฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งผมก็สติแตกกรีดร้องแล้วก็เอาแต่พูกว่าแวมไพร์ แวมไพร์ แม่ก็เลยจำเป็นต้องจับผมส่งไปที่โรงพยาบาลคนป่วยทางจิต หมอโรคจิตเขาทำอะไรกับผมไม่รู้ รู้แค่ว่าผมเกิดประสาทหลอนขึ้นมาคิดว่าสัตว์ป่าแถวนั้นเป็นแวมไพร์ที่ไม่มีจริง อีกอย่างแม่บอกผมว่าไปเจอผมสลบที่สวนสาธารณะไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ผมคงหลอนไปเองจริงๆ นับแต่นั้นผมก็เลยเกลียดแวมไพร์เข้าไส้ถึงแม้จะไม่มีจริงก็เถอะ

   "แม่ครับ อีกสองวันผมก็อายุสิบแปดแล้วผมจะโตเป็นหนุ่มแล้วนะครับ"ผมพูดแล้วมองรูปที่อยู่ในกรอบบนหัวเตียง แม่ที่กำลังคลี่ยิ้มสดใสมองผมเหมือนจะบอกแสดงความยินดี แม่ผมจากไปได้ 2 ปี ด้วยโรคทับถมเยอะๆมากเข้าจนทนไม่ไหว

   ผมคิดถึงแม่จัง ชีวิตผมเปลี่ยนไปมากเลยครับ แม่ก็ตายจาก ป้าจันกับลุงเทิ้มก็ชราภาพจนเดินไม่ไหวต้องให้ลูกหลานเลี้ยง พี่อดัมก็หมกมุ่นกับงานที่บริษัทเพราะได้เป็นรองประธาน พี่อีฟกลับมาจากอเมริกาแทนที่จะทำงานดีๆแต่ดันแปลสภาพเป็นนักเขียนนิยายทุกรูปแบบ

   และผมก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป หน้าตาตอนนี้ผมสวยขึ้นมากทั้งที่เป็นผู้ชาย บางคนเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นผู้หญิงเลยละครับผมเลยถูกโลกทางโซเชียลเน็ตเวิร์คโหวตให้เป็นผู้ชายที่สวยที่สุดในโลก ผมควรจะดีใจมั้ยเนี่ยผมอยากหล่อมากกว่านะ แล้วร่างกายผมก็เปลี่ยนไปเร็วมากช่วงนี้ทั้งพละกำลังที่แข็งแรงทั้งที่หุ่นผมบอบบางน่าถนุถนอม ฟีโรโมนที่มันพลุ่งพล่านเรียกเพศผู้และเพศหญิงทั้งหลายให้เข้ามารุมตรอม ผิวก็ซีดขึ้นเมื่อเจอแดดเป็นเวลานาน ผมโคตรเกลียดแดดเลยมันทำให้หงุดหงิดงุ่นง่านแต่ทั้งหมดนี้ผมก็คิดแค่ว่าเป็นเพราะผมกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
 "รุณหวัดจ้าเอวา"สาวสวยร่างอรชรใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหารเช้าให้พี่อดัมและผม

   "พี่อดัมละครับพี่อีฟ"

   "นั่งทำงานอยู่ข้างบนน่ะสิ ไปเรียกลงมาทานข้าวหน่อยสิเอวา"

   "ครับ"ผมรับคำแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของพี่ชายที่เมื่อ 6 ปีที่แล้วไปรับผมช้าทำให้ผมเกิดประสาทหลอนในวันนั้น

  ก๊อก ก๊อก
 
  "พี่อดัม"หลังจากเคาะประตูผมก็เรียกคนข้างใน

   "รู้แล้วๆเดี๋ยวตามลงไป ขอห้านาที"

   อีกแล้วครับ มาเรียกเวลาทำงานทีไรชอบขอต่อเวลาทุกทีต่อเวลาตามที่กำหนดน่ะไม่ว่าอะไรหรอกครับแต่พี่แกนี่ชอบเลยเวลาทุกทีครั้งนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้นอีก

   ก๊อกๆๆๆๆๆ

   ผมก็เคาะประตูรัวเลยครับขืนเออออห่อหมกตามเดี๋ยวจะเสียนิสัย ยิ่งพี่อดัมเป็นคนเอาแต่ใจด้วยเนี่ยต้องยิ่งดัดนิสัย

   "เคาะหาไรนักหนาวะไอ้เด็กบ้านี่"

   และแล้วการเคาะประตูรัวจังหวะกลองของผมก็สำเร็จเมื่อไอ้พี่บ้างานเปิดประตูออกมาอย่างหัวเสีย

   "จะแดกมั้ยอ่ะข้าว ไม่แดกจะเอาไปให้ชมพู่กิน"พูดจบผมก็เดินลงไปที่ห้องครัวพี่อดัมก็เดินตามมาติดๆกลัวว่าข้าวเช้าจะถูกชมพู่หมาพันธุํไซบีเรียฮัสกี้คาบไปกิน

   "อีฟ ได้ข่าวว่าร้านบาร์ของแกมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งท่าทางแปลกๆหรอวะ"

   นั่งกินข้าวไปได้สักพักพี่อดัมก็เปิดประเด็นขึ้นมาเกี่ยวกับร้านบาร์ที่พี่อีฟเป็นเจ้าของ

   "ก็ไม่เชิงว่าแปลกหรอกน่าจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนไม่ธรรมดามากกว่า"

   ระหว่างนั่งกินข้าวผมก็เงียบกินข้าวทำเป็นไม่สนใจแต่หูผึ่งฟังทั้งสองพี่น้องคุยกันอย่างสนอกสนใจ

   "ไม่ธรรมดายังไง"พี่อดัมถาม นั่นสิ ไม่ธรรมดายังไงพิเศษใส่ไข่หรือเปล่า

   "ก็กลุ่มนี้มีอยู่ห้าคนแต่ละคนแซ่บเว่อ หล่อมาก รวยมาก แซ่บมาก ที่สำคัญใหญ่มากกก"

   อา...ดูจากหน้าพี่อีฟที่ฟินเว่อขนาดนั้นคงจะแซ่บอย่างที่พี่แกบอก น่าสนเนอะ ว่างๆต้องไปนั่งส่องบ้างละ เกย์อย่างผมจะพลาดของดีแบบนี้ได้ไง คิคิ

   "หุบปากหน่อยเอวา น้ำลายหกหมดแล้ว"พี่อดัมพูดปุ๊บผมที่รู้ตัวว่าทำหน้าแบบไหนไปรีบหุบปากปั๊บแล้วหันไปสนใจกินข้าวต่อ

   "สนใจหรอน้องสาว คิคิ"

   ผมหันควับไปเขม่นตาใส่พี่อีฟทันที ผมเป็นผู้ชายนะจะเรียกน้องสาวทำไมถึงหน้าตาผมจะเหมาะกับการเป็นน้องสาวมากกว่าก็เหอะแต่ผมก็ยังไม่แต๋วแตกขนาดนั้นนะยังคงความเป็นชายไว้อยู่เฟ้ย

   "อีกสองวันวันเกิดเอวานี่ แกก็จัดให้มันหน่อยละกัน"

   พี่อดัมส่งเสริมยุแยง ขอบคุณครับพี่จัดมาเลยครับห้าคนเอวาคนนี้ก็รับไหว เอิ๊กๆ ล้อเล่นน่ะผมยังไม่เคยถูกช่วงชิงความบริสุทธิ์ไปเลยจะให้ถูกรุมห้าคนน่ะไม่ไหวหรอก คนเดียวก็เกินพอแต่ขอหล่อมากที่สุดนะ

   "เอาเป็นว่าอีกสองวันเจอกันที่ร้านพี่นะจ้ะ จะจัดปาร์ตี้วันเกิดใช่มั้ยละ"
   "ใช่ครับพี่อีฟก็เหมือนเดิมทุกปีแหละ"พูดเหมือนจัดวันเกิดที่บาร์มาตั้งแต่เกิดแต่เปล่าเลยครับเพิ่งเริ่มมาจัดตั้งแต่ผมอายุ 15 เอง

   หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยผมก็บึ่งมาโรงเรียนทันที ผมมีรถขับเองแล้วนะครับพี่อดัมซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อปีที่แล้วเจ้ารถออดี้สีแดงดุจเลือดคู่ใจไม่รู้ทำไมแหะชอบสีแดงมากซะจนอยาก...เอิ่ม ช่างมันเถอะครับ

   "หวัดดีเอวา"

   "วันนี้ก็สวยเหมือนเดิมเลยนะครับ"

   "น่ารักจังเอวา"

   "เป็นแฟนผมเถอะเอวา"

   เหล่าคำทักทายสารพัดมากมายที่ผมได้ยินเกือบทุกวันบวกกับแดดร้อนเปรี้ยงปร้างในยามเช้าทำให้ผมหงุดหงิด ผมเลยส่งสายตาปานเชือดเฉือนให้ไป ประมาณว่า มึงอย่าเข้ามาใกล้กูถ้าไม่อยากถูกกระโดดกัดคอ ช่วงนี้ผมเป็นอะไรไม่รู้ด้วยสิรู้สึกอยากไซร้คอแล้วฝังเขี้ยวลงไปแรงๆ หรือจะเป็น...ความต้องการทางเพศ?

   "เอวาทางนี้โว้ย"เสียงแหลมตะโกนมาแต่ไกลผมมองไปยังต้นเสียงที่คุ้นเคยกันดีมันนั่งอยู่กับเพื่อนผมอีก 3 คน

   ผมมองไปที่กลุ่มผมทีไรก็มีแต่ความแปลกให้เป็นคำจำกัดความทุกครั้งก็แปลกจริงอ่ะแหละสำหรับคนอื่นที่มองมาอ่านะแต่สำหรับผมมันคือสิ่งพิเศษและมหัศจรรย์พันลึกมีแต่ผมเท่านั้นที่ล่วงรู้ว่าพวกมันพิเศษใส่ไข่ยังไง

   "มองทีไรก็ไม่เคยเบื่อจริงๆกูชอบสีตามึงจังข้างซ้ายสีฟ้าข้างขวาสีเหลือง"ผมพูดพลาบลูบไล้ใบหูและหางที่มีขนปกคลุมเป็นสีขาวอ่อนนุ่ม

   แปลกงั้นหรอ อืม...ก็เจ้าผู้ชายประหลาดนี่ที่มีรูปร่างเหมือนแมวชื่อเปอร์เซียชื่อเหมือนสังกัดพันธุ์มันนั่นแหละ ตอนที่พบเปอร์เซียที่ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้มันเลยเพราะข่าวและช่องบันเทิงตามโทรทัศน์บอกว่าเปอร์เซียไม่ใช่สิ่งประหลาดอะไรทางวิทยาศาสตร์ได้ระบุแล้วว่าเป็นแค่เนื้องอก งอกพ่องงอกแม่งสิถึงงอกได้ขนาดนี้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่ทางวิทยาศาสตร์บอกเพราะมันมีเหตุผลแต่ผมไม่เชื่อตามเพราะเปอร์เซียมันพิเศษจริงๆมีแต่ผมและคนในกลุ่มที่รู้กัน

   "ลำบากชะมัด...เห้อ"อีกคนถอนหายใจ ดูเหม่อลอยคิดอะไรๆจนคนข้างๆที่นั่งเงียบหน้าเย็นชาอยู่ถึงกับต้องเอ่ยคำพูดสะดุดใจ

   "เมื่อวานข้าวหอมไปลากพี่ชายที่เอาแต่เมาไม่รู้เรื่องที่บาร์พี่ของเอวาแล้วเกือบโดนพวกผู้ชายในบาร์รุมข่มขืนแต่มีผู้ชายที่น่าสนใจคนหนึ่งช่วยเอาไว้ได้แต่ก็เกือบโดนผู้ชายคนนั้นข่มขืนซะเอง"ไอ้คนหน้าเย็นพูดเป็นต่อยหอยเลยครับแต่มันก็มีหน้าที่อ่านใจคนอย่างข้าวหอมที่ชอบเก็บความเครียดไว้กับตัวเอง

   "ดีนะที่รอดกลับมาได้ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยข้าวหอม"ผมพูดถามด้วยความเป็นห่วงเจ้ามดลูกน้อย มันก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้มให้ผมเหมือนเห็นผมเป็นพี่ชายที่ห่วงน้องชาย
   แปลกใช่มั้ยครับข้าวหอมผู้น่ารักมีฟีโรโมนต่อเพศผู้รุนแรงมากเป็นฟีโรโมนที่ดึงดูดให้มามีเพศสัมพันธ์กันและถ้าปล่อนในตัวข้าวหอมจะทำให้ท้องได้ในทันที ผมไปเจอข้าวหอมที่เกือบถูกพวกผู้ชายที่โรงเรียนจะข่มขืนผมเลยไปช่วยไว้และลากข้าวหอมมาให้อยู่ในกลุ่มพวกเราเพื่อความปลอดภัย

   ส่วนอาใจเพื่อนผู้นิ่งและเย็นชาที่สุดในสามโลกมีความสามารถที่น่าทึ่งคืออ่านใจคนได้ไม่รู้ทำได้ยังไงมันไม่ยอมบอกมันบอกสั้นๆง่ายๆเพียงว่า ไม่บอก กวนอวัยวะเบื้องล่างมากไอ้อาใจแข็ง

   "แล้วนี่เฌอแตมไปไหนอีกแล้ว"เมื่อกี้ยังเห็นนอนหลับอยู่บนโต๊ะอยู่เลย

   "นู่น ไปคุยกับสิงสาราสัตว์ญาติมันนู่น"ผมมองไปตามนิ้วที่เปอร์เซียชี้ไป เฌอแตมกำลังคุยสนุกร่าเริงกับนกทั้งสามตัวครับโดยมีผู้คนที่มองพลางซุบซิบนินทาเป็นแบล็คกราวพื้นหลัง

   ผมเลยต้องไปลากคอเฌอแตมกลับมานั่งที่โต๊ะก่อนจะถูกคนอื่นหาว่าบ้าไปมากกว่านี้ ก็มีแต่พวกผมที่รู้ว่ามันมีความพิเศษสื่อสารกับสัตว์ได้ตั้งแต่เกิดแต่ส่วนใหญ่สัตว์ที่มันเจอจะเป็นสัตว์ปีศาจที่มาจากนรกมาคอยคุ้มกันมัน กลุ่มผมนี่แฟนตาซีหลุดโลกได้อีก ยกเว้นแต่ผมที่ไม่มีอะไรเลยยกเว้นหน้าตาที่สวยเกินชายกับเสน่ห์มัดใจคนที่พบเห็นและเผลอมองสบเข้าไปนัยต์ตาสีรัตติกาลคู่นี้

      "เอวาอ่า คุณนกอุส่ามาบอกข่าวให้แตมยังไม่ทันบอกลาเลย...อ๊ะ บ๊ายบายคุณนก"เจ้าเตี้ยหน้าหวานหันมาต่อว่าผมก่อนจะโบกมือหยอยๆส่งให้คุณนกพิราบที่บินขึ้นฟ้าไป

   "กูว่าจะจัดวันเกิดวันนี้ว่ะจัดยันเที่ยงคืนก็วันเกิดกูพอดี"เมื่ออยู่กันครบหน้าผมก็เปิดประเด็นทันทีไม่ให้เสียเวลา

   "ก็ดีนะ จัดภายในใช่มั้ยจะได้ปลอดภัย"ข้าวหอมถามอย่างระแวง ปีที่แล้วจัดแบบใครมาก็ได้นี่ทำเอาวุ่นเลยข้าวหอมโดนลากเข้าม่านรูดดีนะพวกผมไปช่วยได้ทัน

   "ก็มีแค่พี่อดัม พี่อีฟ พวกมึงแล้วก็คนสนิทของพวกมึงก็ได้แล้วแต่เลย"

   "แล้วพี่พอชที่ตามจีบแกทุกวี่ทุกวันไม่ย่อท้อละ เจ้าพกไปด้วยมั้ย"

   แมวน้อยเปอร์เซียหรี่ตายกยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ คนที่พูดถึงคือพี่พอชที่เรียนมหา'ลัยปี3 แต่มาหาผมถึงที่โรงเรียนทุกวันเพื่อตามจีบ ผมนับถือพี่แกเป็นพี่ชายเฉยๆเพราะเห็นเป็นรุ่นน้องพี่อีฟ

   "ไม่รู้สิ แต่เดี๋ยวพี่แกก็มาได้เองแหละ"

   "ก็พี่อีฟเปิดประตูต้อนรับขนาดนั้นละเรอะ พี่พอชทั้งหล่อ รวย ใจดี น่ารัก เพอเฟคที่สุด"ตาเยิ้มน้ำลายหกเลยนะเฌอแตมระวังเถอะลูซิเฟอร์จะส่งสัตว์นรกมากระชากแกลงดิน

   "อยากได้ก็เอาไปสิ กูไม่ชอบยังไม่ที่สุดกูไม่เอา"ผู้ชายที่ผมจะเปิดใจยอมรับด้วยต้องที่สุดของที่สุดเท่านั้น...หรือผมกำลังรออะไรวะ?

   "นี่พวกมึงรู้อะไรมั้ยพวกเรามีชื่อกลุ่มกันแล้วนะ...พวกคนอื่นเขาเรียกกลุ่มเราว่า..."จู่ๆเปอร์เซียก็พูดขึ้นมาพวกผมก็ตั้งใจฟังอย่างลุ้นระทึก เอ จะถูกเรียกว่ากลุ่มแปลกประหลาดชาติเจริญเปล่านะ

   "The Queen!"เสียงเย็นๆของอาใจเอ่ยออกมาเรียบๆเมื่อเห็นว่าเปอร์เซียเว้นความระทึกไว้นานเกินไปจนน่ารำคาญ

   "เหมือนจะเคยได้ยินเหมือนกันนะ ข้าวหอมเป็น The Queen number three ละ"

   "The Queen number four"อาใจเอ่ยออกมาเรียบๆเป็นการบ่งบอกว่ากูนี่แหละนางสาวไทยหมายเลย 4

   "ของกู The Queen number two"เปอร์เซียพูดต่ออย่างภาคภูมิใจ มันมีอะไรให้น่าภูมิใจกันนะ

   "คุณกระรอกบอกข้าวหอมว่าข้าวเป็น The Queen number five แหะๆ"เหลือตำแหน่งเดียวสินะ ทุกคนถึงกับจ้องมองผมด้วยดวงตาอันเป็นประกาย ผมนี่นะ...

   "The Queen number one?"ผมชี้จิ้มอกตัวเองอย่างไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อเพราะพวกเพื่อนๆพยักหน้ารู้เห็นเป็นใจกันอย่างพร้อมเพียง 

  "อ่ะแฮ่ม คุณสมบัติของการเป็นเดอะควีนคือหน้าตาอันดับแรกความพิเศษอันดับสอง"เปอร์เซียเฉลยข้อข้องใจเมื่อเห็นผมทำหน้างงเป็นตูดหมา

   "ในกลุ่มเราเอวาสวยสุดและพิเศษสุดน่ะ"คำพูดคำชมของข้าวหอมทำให้ผมงงขึ้นไปอีก กูเนี่ยนะพิเศษใส่ไข่เยอะสุด

   "เอวาอาจจะไม่รู้ตัวว่าความพิเศษของเอวาน่ะสุดยอดมากเลยนะ แตมก็ไม่รู้หรอกว่าคืออะไรแต่เพื่อนๆของแตมบอกมาว่า...อุ๊บ"คำพูดของเฌอแตมหยุดชะงักเมื่อกระรอกโผล่มาตะปปปากจากไหนไม่รู้ สงสัยลูซิเฟอร์ไม่อยากให้บอกละมั้ง

   "ช่างมันเถอะ นี่ก็จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว"

   บทสนทนาจบลงผมกับเพื่อนๆพากันเข้าห้องเรียน พวกเราเป็นจุดเด่นมากนักเรียนและครูต่างเหลียวตากันมามองแทบทะลุ คำทักทายระหว่างเดินจากนักเรียนไม่มีขาดสายจนกระทั่งเข้าห้องเรียน ผมลืมบอกใช่มั้ยว่านี่คือโรงเรียนชายล้วน พวกผู้ชายที่เป็นเกย์ส่วนใหญ่เลยจับจ้องพวกเราเป็นพิเศษแต่คนที่ไม่ได้เป็นเกย์ยังมองเลยแหะ
 Next Reply
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 1 [25/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 25-10-2015 15:06:13
   "เอ่อ เอวา"

   เมื่อนั่งที่กันเรียบร้อยก็มีผู้ชายใจกล้านายหนึ่งเดินเข้ามาทักผมที่หันหน้าไปทางหน้าต่างชมวิวทิวทัศน์ ผมเหล่ตามองเล็กน้อยแล้วก็หันกลับไปสนใจวิวต่อ

   "เอวาครับคือ...พวกเราขอไปงานวันเกิดเอวาได้มั้ย"นานใจกล้าถามขึ้นมือไม้อยู่ไม่เป็นสุกบิดงออย่างขวยเขินช่างน่าขัดหูขัดตา

   "..."ผมก็เงียบสิครับ เรื่องอะไรจะให้ไปกันละมันวุ่นวายน่ารำคาญจะตาย

   "เอวา..."นายใจกล้าก็ยังคงเรียกขอร้องผมแต่ผมก็ไม่สนใจ

   "นี่นาย เอวาไม่อยากให้ไปก็ตามตื๊ออยู่ได้ เอาเวลาไปนั่งสนใจการเรียนไม่ดีกว่าหรอ"ปรี๊ดแตกแล้วครับเพื่อนผม เปอร์เซียมันไม่ชอบเสียงดังน่ะครับมันบอกกระทบกับประสาทการรับรู้ทางใบหูแมวของมัน

   "อย่าเสือกสิไอ้เนื้องอก"ผมหันควับไปมองนายใจกล้าทันควันมันว่าเพื่อนแมวน้อยที่น่ารักของผมงั้นหรอ!! ผมจะฆ่ามัน!!

   เพียะ! หน้าของนายใจกล้าหน้าด้านหันไปตามแรงตบของเฌอแตมผู้ใจดีและเรียบร้อย เอาล่ะสิวะ ขนาดเฌอแตมยังโกรธจนเผลอเผยอารมณ์ดิบออกมา ผมคงต้องห้ามไม่ให้เฌอแตมกระทืบมันจมดินตายจริงๆ

   "ไอ้สวะ ถ้าวันนี้นรกไม่ลากมึงลงนรกกูเนี่ยแหละจากส่งมึงไปเอง"โหดแท้เฌอแตมเอ๋ยนี่ถ้าฆ่ามันแล้วไม่ถูกโยนเข้าซังเต(คุก)นะ ผมจะร่วมด้วยช่วยกันเตะโด้งมันส่งนรก

   "สัส..."นายใจกล้าด่าและทำท่าจะเข้ามาทำร้ายเฌอแตม

   เพียะ! โดนเฌอแตมจัดไปอีกดอกจนเลือดกลบปากเลยมึง สมน้ำหน้า แต่กลิ่นเลือดมันโชยเตะจมูกผมเลือดสีแดงสดที่มุมปากของนายใจกล้าไหลลงมาเป็นภาพสโลว์โมชั่น ผมมองแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อกรู้สึกคอแห้งผาก ตาลายคล้ายจะเป็นลม รู้สึกถึงบางอย่างที่แหลมคมอยู่ในปากผม ระหว่างที่พวกนั้นกำลังทะเลาะกันผมก็เดินตัวลอยไปหากลิ่นเลือดนั้น ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของนายใจกล้า ดูมันจะชะงักและตกอยู่ในภวังค์เมื่อเห็นผม ผมใช้นิ้วโป้งปาดเลือดที่มุมปากออกแล้วดูดนิ้วโป้งตัวเองที่มีเลือดมันติดอยู่ อา...อย่างกินมากกว่านี้จัง

   "เอวา"คนที่ไม่ค่อยมีบทบาทอย่างอาใจกระชากแขนผมอย่างแรงให้รู้สึกตัว ผมมองเพื่อนๆและเหล่านักเรียนที่มองมาที่ผมอย่างหลงใหล โดยเฉพาะนายใจกล้า

   "กะ เกิดอะไรขึ้น"ผมหันไปถามเพื่อนของผมที่มองเหตุการณ์ที่ผมกระทำอย่างตกใจ

   "นี่พวกเธอนั่งที่ได้แล้ว"ยังไม่ทันได้รู้อะไรคุณครูประจำวิชาก็เข้ามาไล่เด็กนักเรียนให้กลับเข้าที่

   ส่วนนายใจกล้าและผองเพื่อนก็พากันเดินตัวลอยกลับห้องเรียนของตัวเองไป แล้วเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงไปกินเลือดมันอย่างนั้นละ?
   "วันนี้จะมีนักเรียนใหม่เข้ามานะ...เคาท์เข้ามาได้จ้ะ"เคาท์หรอชื่อคุ้นๆนะชื่อเหมือนในนิทานแวมไพร์ที่แม่เคยเล่าให้ฟังเลย

   ขายาวก้าวเข้ามาในห้องจากที่ห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยก็ต้องหยุดลงดั่งมนต์สะกดเมื่อชายหนุ่มที่เข้ามานั้น...หล่อโฮกกกกกกก ใบหน้าที่นิ่งเย็นราวกับเจ้าชายน้ำแข็ง ดวงตาที่เป็นสีรัตติกาลดำสนิทเหมือนของผม ริมฝีปากกระจับสีเลือดหมูน่าลิ้มลอง ผมสีดำเงายาวถึงกลางหลังมัดหลวมๆ ร่างกายกำยำสูงสง่าดุจราชสีห์ ผิวขาวผ่องดุจใยไหม คนๆนี้หล่อราวเทพบุตรซาตานซะจนสามารถฆ่าใครหลายๆคนได้เพียงตวัดตาสวยคู่นั้นมอง ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าเขามองจ้องมาที่ผมแล้วแสยะยิ้มนิดๆแหละ

   "แนะนำตัวสิจ้ะ"คุนครูเกวลินยิ้มส่งตาหวานเยิ้ม ครูครับนั่นลูกศิษย์นะครับอย่าเพิ่งคิดไม่ดีงาม นั่นน่ะของผม ผมจอง คิคิ

   "วิลเลี่ยม เคาท์ มองซิเอิร์ล เกรสัน"สาบานสิว่านั่นชื่อคน แม่งยาวเป็นหางว่าวเลยสงสัยจะมีเชื้อพระวงศ์ด้วยละมั้งนั่นทำไมตระกูลผู้ดีสุดติ่งถึงต้องมาเรียนที่นี่ด้วยละแทนที่จะเรียนอยู่ในวังอะไรเถือกนี้

   "จ้ะ เคาท์อยากนั่งตรงไหนจ้ะ"ครูเกวยังคงมองเคาท์ด้วยสายตาหวานเยิ้ม เคาท์ไม่ตอบครับเดินสง่างามมาทางผม อย่าบอกนะว่า

   "ผมจะนั่งตรงนี้"เคาท์เดินมาหยุดตรงโต๊ะที่เปอร์เซียนั่งแล้วกดดันเปอร์เซียทางสายตาว่า กูจะนั่งตรงนี้นะเพราะฉะนั้นมึงไสหัวแมวๆไปซะ

   "ดะได้สิ ตามสบายนะ"เจ้าแมวเปอร์เซียก็เป็นไปกับเขาด้วยแหะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันทำหน้าหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายกับเขาสักที คนๆนี้ต้องมีอะไรที่พิเศษแน่นอน

   เคาท์นั่งลงข้างๆผมส่วนเจ้าแมวน้อยไปนั่งกับเฌอแตม ผมปรายตามองคนข้างๆแวบหนึ่งก็เจอะเข้ากับนัยน์ตาลุ่มลึกชวนน่าหลงใหล ทำไมกันนะผมรู้สึกคุ้นหน้า ผูกพันและเกลียดไปในตัวกับคนๆนี้เหมือนเคยมีความหลังกันมาก่อน ผ่านไปหลายนาทีกว่าผมจะตั้งสติดึงตัวเองออกจากห้วงแปลกๆเมื่อสบกับตาสีมืดของคนตรงหน้า

   "ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง...เอวา"เสียงทรงเสน่ห์ของเคาท์เอ่ยทักทายผม อีกครั้งงั้นหรอ เราเคยพบกันหรือไงถ้าเคยผมก็ต้องจำได้สิคนหล่อลากกระชากน้ำขนาดนี้

   "เราเคยรู้จักกันหรอ"

   "นานแล้วละแต่เดี๋ยวเธอก็จำได้เอง"พูดจบเคาท์ก็ยิ้มมุมปากให้ผมทำไมมันเหมือนการแสยะยิ้มสยองขนมากกว่าวะ รู้สึกเกลียดขี้หน้ามันว่ะ

   ผมไม่ยิ้มตอบรับไมตรีอีกต่อไปหันกลับไปสนใจที่ครูเกวกำลังสอนแต่คนข้างๆเอาแต่มองผมจนรู้สึกสยองแปลกๆ ขนกูลุกชันหมดแล้วหยุดมองเหอะเหมือนมันจะรู้ว่าผมขนลุกกับการจ้องมองของมัน เคาท์เลยหันไปสนใจครูเกวพล่ามน้ำหมากหกแทน

   ระหว่างครูสอนผมก็ไม่มีสมาธิเลยเอาแต่คิดว่าเคยรู้จักมักคุ้นกับเคาท์ตอนไหนแล้วไอ้ความรู้สึกผูกพันแต่ก็เกลียดนี่มันคืออะไร ร่างกายผมก็ร้อนเหมือนโดนไฟราคะเผาเมื่อจ้องมองไปนัยน์ตาของเคาท์ ยิ่งมองยิ่งต้องการอะไรบางอย่าง ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน

วลาเดินผ่านไปไวจนกระทั่งเลิกเรียนเวลาเที่ยง อ่อ โรงเรียนผมพิเศษหน่อยคือเรียนตั้งแต่ 7โมงถึงเที่ยงครึ่ง ดีมั้ยละแต่เนื้อหาการเรียนเข้มข้นกว่าของโรงเรียนอื่นนี่สิดีนะที่ผมไอคิว 200 เลยไม่เป็นปัญหา

   "แล้วเจอกันตอนสี่ทุ่มนะเปอร์เซีย ข้าวหอม เฌอแตม อาใจ"ก่อนที่ผมจะได้เดินไปก็มีมือเล็กของอาใจยื้อไว้ (กลุ่มผมตัวเล็กทุกคนยกเว้นผมที่สูง 177 ที่เหลือ 170ลงไป)

   "เขามาตามทวงสัญญาแล้วนะ"

   คำพูดเรียบเชียบที่เอ่ยออกมาไม่บ่อยนักของอ่าใจเอ่ยขึ้น ผมก็งงสิวะ ใคร อะไร สัญญาตอนไหน แต่ก็งงได้แค่นั้นเพราะอาใจจะไม่ตอบอะไรอีกปล่อยให้เป็นปริศนาให้คนที่ถูกมันพูดกำกวมหาคำตอบเอง

   "เอวาเป็นคนที่พิเศษมากนะ"และตบด้วยคำชมของเฌอแตมให้ยิ่งคิดเข้าไปอีก อิสองตัวนี้นี่มันความลับเยอะเว้ย เอวาเซ้งเซง

   ผมก็นั่งขับออดี้และคิดตามที่เพื่อนทั้งสองพูดตลอดทางระหว่างกลับบ้านแต่ก็หยุดความคิดต่างๆนานาไปเมื่อคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกแถมทำให้ปวดกระบาลตุบๆ พอถึงบ้านผมก็ต้องสงสัยเมื่อเห็นรถแลมเบอกินี่สีดำทะมึนจอดอยู่ตรงที่จอดรถว่าง ใครมาเยี่ยมบ้านเรานะ ปกติไม่เคยเห็น

   "กลับมาแล้วหรอน้องรักพี่จะแนะนำคนคนหนึ่งให้รู้จักเขาจะมาอยู่กับเราในฐานะคู่หมั้นจ้ะ"หืม พี่อีฟมีคู่หมั้นตอนไหนทำไมกูไม่รู้เลยฟะ แอบกั๊กไม่ให้น้องรู้ได้ไง

   ผมเดินตามพี่อีฟไปห้องรับแขกต้อยๆนึกสนใจคนที่ทำให้ไอ้พี่บ้านิยายคนนี้สนใจได้

   "วิลเลี่ยม เคาท์ มองซิเอิร์ล เกรสัน"พี่อีฟผายมือไปทางคนที่นั่งไขวห้างจิบชาอยู่อย่างใจเย็น มันจะไม่แปลกเลยถ้าไอ้คู่หมั้นที่ว่าไม่ใช่เคาท์คนนี้

   "นี่พี่อีฟหมั้นกับเด็กมอปลายเนี่ยนะ"หน้าผมคงเหวอมากเจ้าบ้านเคาท์นี่ชอบทำให้แปลกใจอยู่เรื่อย

   "คู่หมั้นพี่ที่ไหน...คู่หมั้นแกต่างหาก เอวา"

   ห้ะ!!!! นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกแหกโลกอะไรกันวะเนี่ย


   TBC.
โอ๊ยตายแล้ว พอกลับมาท่านเคาท์ก็รุกเอาๆรุกไม่ทันให้เอวาของเราได้ทันตั้งตัว เขามาทวงคทนความเป็นคู่หมั้นแล้วนะจ้ะเอวา จะทำยังไงละเนี่ย คนเขียนยังตื่นเต้นแทน อยากอ่านตอนต่อไปก็คอมเม้นให้กำลังใจกันหน่อยเนอะ คิคิ ขอไปพักและจะมาปั้นให้ต่อนะคะ  :bye2: :-[
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 1 [25/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 25-10-2015 15:28:27
เอวางงเลย 5555 นางน่ารักดีนะ เชิดๆ ระวังตัวอย่าให้โดนจับกินล่ะเอวา อิ้อิ้
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 1 [25/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 25-10-2015 20:15:46
คู่หมั้นมาหา แต่อารมณ์เหมือนมีเจ้าหนี้มาตาม 555555
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 1 [25/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: s.mosis ที่ 25-10-2015 21:12:53
ชอบ ชอบ ชอบ
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 2 [26/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 26-10-2015 19:58:25
ตอนที่ 2 วันเกิดมาพร้อมกับความพิเศษ


   [Wiliame Count]

   ดวงตาที่แดงก่ำ เขี้ยวที่แหลมคม ผิวที่ซีดเผือด พละกำลังที่มีมากมายเป็นล้นพ้น และหัวใจที่หยุดเต้นมาพันกว่าปี ใช่แล้วครับผมคือ แวมไพร์ ที่เหลือรอดเป็นตนสุดท้ายด้วยความช่วยเหลือของญาติสนิทมิตรสหายอย่างลูซิเฟอร์ จ้าวแห่งภพภูมิโลกันย์

   พันกว่าปีแล้วที่ผมต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวตายไม่ได้ที่จริงผมจะตายเมื่อไรก็ได้แค่เอาเงินแท้มาตอกลิ่มที่หัวใจของผมแต่ที่ผมยังอยู่มาทุกวันนี้ก็เพราะผมอยากอยู่ใช้ชีวิตดูความหายนะจุดจบของมนุษย์ที่ไล่เข่นฆ่าพวกพ้องของผมและเหตุผลสำคัญที่ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนหัวใจผมกำลังรออะไร?

   ตลอดเวลาที่ผมใช้ชีวิตในวงสังคมโลกมนุษย์ผมต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมีความรัก ครอบครัว หรือเพื่อนไม่ได้เพราะผมเคยทำแบบนั้นมีความรัก มีครอบครัว มีเพื่อนแต่พวกเขาที่เป็นมนุษย์ก็ตายก่อนและทิ้งผมให้อยู่เดียวดายกับความเสียใจที่สูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป ผมจะต้องเปลี่ยนที่อยู่ทุก 50 ปี หากผมอยู่กับที่จนผ่านไปนานแล้วถูกสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่แก่เลยถ้าถูกล่วงรู้ว่าผมเป็นแวมไพร์พวกมนุษย์ก็จะฆ่าผม ผมอยากอยู่อย่างสงบ

   จนมาถึงตอนนั้นตอนที่ผมได้เจอกับนักล่าของแปลกมันรู้ว่าผมเป็นอะไรตอนที่ผมเผลอกินเลือดจากห้องบริจาคเลือดที่โรงพยาบาล(เพื่อความสะดวกในอาหารการกินเลยทำงานเป็นหมอ)ผมลืมล็อคประตูทำให้ไอ้นักล่านั่นอยากได้แวมไพร์อย่างผมไปเป็นของเก็บสะสม เราต่อสู้กันผมพลาดท่าถูกมันทำร้ายแต่โชคดีที่ผมหนีรอดมันมาได้หนีไปเรื่อยๆจนหมดแรงอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ผมเสียเลือดมากผมต้องการเลือดเพื่อช่วยในการฟื้นฟูบาดแผลแล้วจู่ๆเด็กหน้าตาสะสวยคนหนึ่งก็โผล่มาเด็กคนนั้นมีกลิ่นเลือดที่หอมหวานมากกว่ามนุษย์คนไหนมันทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เผลอดูดเลือดที่แสนอร่อยจนหมดเมื่อผมรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคร่าชีวิตน้อยๆที่สวยงามและบริสุทธิ์ผมก็ไม่มีเวลาตัดสินใจรีบให้เลือดตัวเองไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กคนนี้และผลลัพธ์ที่เด็กคนนี้จะได้หลังจากถูกผมกัดและให้ดื่มเลือดผม เด็กคนนั้นจะกลายเป็นแวมไพร์!

   ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นเป็นอมนุษย์ที่ไม่มีวันแก่ตายแบบผมแต่ผมไม่มีทางเลือก ผมฆ่าเด็กที่บริสุทธิ์คนนั้นไม่ได้และผมก็รู้สึกผูกพันแปลกๆเมื่อสบตาหวานสวยคู่นั้น หัวใจที่ตายไปนานแล้วกลับเต้นอีกครั้งความรู้สึกที่ห่างหายไปนานก็กลับมามีชีวิตชีวา

   และเพื่อเป็นการทดแทนที่เอวาจะต้องกลายเป็นแวมไพร์เมื่ออายุครบ 18 ถึงเวลานั้นผมจะมารับในฐานะ คนรักของผม...

   [Eva]

  "คู่หมั้นพี่ที่ไหน...คู่หมั้นแกต่างหาก เอวา"

   ห้ะ!!!! นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกแหกโลกอะไรกันวะเนี่ย

   "นี่มันเรื่องอะไรกัน เคาท์จะเป็นคู่หมั้นผมได้ไงเราเพิ่งรู้จักกันวันนี้แถมผมยังเป็นผู้ชาย"

   "พูดอะไรเจ้าเด็กโง่นายกับวิลเลี่ยมรู้จักกันตั้งแต่เด็กโตมาด้วยกันจนแม่ของวิลเลี่ยมมาขอหมั้นไว้แม่กับนายก็ตกลงที่จะหมั้นตอนนายอายุสิบแปดนี่...จำไม่ได้หรอ"

   ใช่ จำไม่ได้และไม่มีทางที่ผมกับเคาท์จะโตมาด้วยกันและแม่ก็ไม่เคยให้ผมไปหมั้นกับผู้ชายคนนี้ พี่อีฟสมองกลับไปแล้วรึไงหรือนี่เป็นเซอร์ไพรส์วันเกิด ผมไม่ขำเลยนะ

   "เอวาคงจำไม่ได้...แต่คืนนี้น้องจะจำได้เองแหละครับ"เคาท์เอ่ยและมองมาทางผมด้วยแววตากระหายอะไรบางอย่าง

   "เคาท์นายต้องการอะไร"เมื่อคุยกับพี่อีฟไม่รู้เรื่องผมก็เลยหันไปคาดคั้นเจ้าชายน้ำแข็งที่นั่งจิบชาไม่รู้ร้อนรู้หนาวแทน

   "บอกแล้วไงเดี๋ยวคืนนี้ก็รู้เอง"

   คำตอบเดิมๆทำให้ผมหงุดหงิดเดินปึงปังเข้าห้องนอนเพื่อเข้าไปสงบสติอารมณ์และคิดถึงเรื่องของเคาท์ที่จู่ๆก็ปรากฎตัวมาแบบฉุกละหุก คิดไปคิดมาผมก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

   ครืด~ ครืด~

   โทรศัพท์ที่ตั้งสั่นไว้ดังอยู่หัวเตียงผมลืมตาช้าๆมือก็ควานหาโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด หน้าจอแสดงชื่อเปอร์เซียผมเลยกดรับทันที

   [เห้ยเอวา เกิดเรื่องใหญ่แล้วว่ะ]

   "เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ"

   [ก็ปาร์ตี้วันเกิดมึงที่บาร์พี่มึงอ่ะคนมากันเต็มเลยว่ะ นักเรียนโรงเรียนเราก็มี]

   "ไอ้พี่เวร"ผมบ่นถึงพี่อีฟกับพี่อดัมที่ชอบเปิดตัวน้องชายอย่างผมเห็นแบบนี้พี่ผมน่ะโคตรเห่อน้องเลยยิ่งมีน้องหน้าตาสวยโดดเด่นแบบผมด้วยเนี่ยสิ

   [ยังไงมึงก็รีบมาหน่อยนะ พวกแม่งถามหาแต่มึงกูรำคาญ]

   "เออ มึงก็ไปบอกให้พี่อีฟเปิดห้องวีไอพีแล้วกันเสียงพวกนั้นจะได้ไม่กระทบหูมึง"

   [เออๆ...ติ๊ด]

   ไม่พูดพร่ำทำเพลงเอื่อยเฉื่อยอีกต่อไปผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแต่ก็นานอยู่ดีวันเกิดทั้งทีต้องให้หล่อหน่อย เอ่อ สวยก็ได้

   เมื่อมาถึงบาร์ของพี่อีฟผมก็ต้องตกใจเพราะคนเยอะจริงๆเยอะกว่าปีที่แล้วมาก ปีนี้ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษมันมีอะไรหรือเปล่าวะ

   "วันนี้สวยมากกว่าทุกวันเลยนะเอวา"เสียงทุ้มเข้มทักทายผมอย่างสนิทกันดีผมยิ้มทักทายเขาอย่างทุกครั้งที่เจอไม่ได้โปรยเสน่ห์แต่อย่างใด เชื่อผมสิ

   "พี่พอชมานานแล้วหรอครับ"

   "สักพักนั่นแหละมายืนรอเอวาให้เข้างานด้วยกัน...สุขสันต์วันเกิดนะครับ"

พี่พอชพูดพร้อมกับยื่นช่อดอกกุหลาบสีแดงให้ผม ผมก็รับมาชื่นชมแต่โดยดีผมไม่ชอบดอกไม้หรอกครับชอบสีของมันมากกว่า สดเหมือนเลือดดี อ๊ะ นี่ผมคิดอะไรเนี่ย

   "ขอบคุณครับ เข้างานกันดีกว่า"สะบัดหัวไล่ความคิดที่ชักจะแปลกขึ้นไปทุกทีและเชื้อเชิญแขกคนสำคัญสำหรับพี่อดัมให้เข้างาน

   ก้าวขามาถึงงานทุกคนก็หันมามองยังผมกันให้พรึ่บไม่มองก็แปลกแล้วล่ะครับก็เจ้าของงานวันเกิดนี่นา เที่ยงคืนนี้ผมก็อายุ 18 ละ เวลานี่ผ่านไปไวจริงๆ

   "สุขสันต์วันเกิดนะเอวา"

   "แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะเอวา"

   "สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่เอวา"

   "ยินดีด้วยอายุสิบแปดแล้วนะน้องเอวา"

   หลายเสียงต่างเซ็งแซ่พูดสุขสันต์วันเกิดให้ผม ผมก็ยิ้มหวานที่จะไม่ค่อยได้ยิ้มให้เป็นการตอบแทนแค่นั้นก็ทำให้ทุกคนไม่ว่าจะชายหญิงอ่อนระทวยละลายไปกองกับพื้นกันแล้วล่ะและจะได้สะดวกสบายในการเดินขึ้นชั้น2ไปห้องวีไอพีที่เพื่อนผมอยู่โดยไม่ต้องมีใครมาเดินชวนคุยให้เป็นการเสียเวลา ผมเดินผ่านคนพวกนั้นที่ทำหน้าตาเคลิ้มๆอย่างชิลชิลพลางเหลืองมองรอบงานที่ตกแต่งด้วยสีแดงที่ผมชอบ ลูกโป่งสีแดงบ้างสีดำบ้าง ป้ายแฮปปี้เบิร์ดเดย์ขนาดใหญ่ นักร้องชื่อดังที่มาร้องเพลงให้ ทุกคนใส่เสื้อสีแดง อืม ผมชอบนะคงเป็นความคิดพี่อีฟแน่นอน ให้บรรยากาศงานเลี้ยงสยองขวัญมากกว่างานวันเกิดอีก ฮ่าๆ

   "เอ่อ จะไม่อยู่ข้างล่างหรอครับพี่เอวา"

   พอจะก้าวขาขึ้นบันไดก็มีรุ่นน้องหน้าตาน่ารักคนหนึ่งถามผม ผมจำน้องคนนี้ได้นะชื่อนิลเป็นเอฟซีผมถึงกับตั้งเพจแฟนคลับเอวาให้ผมเลยล่ะน้องก็น่ารักดีนะ

   "เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหาพวกเพื่อนพี่ก่อนน่ะ ยังไงเดี๋ยวพี่จะลงมานะครับ รอพี่ได้มั้ยครับน้องนิล"ว่าแล้วก็โปรยรอยยิ้มหวานบาดตาไปให้เยอะๆ

   "ดะ...ได้...ได้ครับ...สะ...สำหรับพี่เอวา...พะ...พะ พวกเรารอได้"น้องนิลพูดกระตุกกระตักหน้าแดงแปร๊ดลามไปถึงหูถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นลมไปแล้วก็รอยยิ้มผมมันดาเมจแรงสูงขนาดนี้แต่เด็กนิลนี่ก็ภูมิต้านทานเยอะดี ผมชอบ

   "พี่พอช พี่พอชครับ"คนนี้ก็โดนดาเมจรอยยิ้มของผมไปด้วยยืนนิ่งตาเคลิ้มเลยครับ

   "คะ ครับ"
   แล้วผมก็ก้าวขาขึ้นบันไดปูพรหมแดงที่เลี้ยวคดจนไปถึงชั้น2บ่งบอกถึงความหรูหราของบาร์แห่งนี้ที่นี่ไม่ใช่บาร์ที่ใครจะเข้ามาก็ได้แต่ต้องเป็นคนที่มีฐานะและการวางตัวที่ดีพวกเซเลบ คุณชาย คุณหนูก็ชอบมาที่บาร์แห่งนี้เพราะความดูดีมีระดับที่พี่อีฟทุ่มแรงกายแรงใจสรรค์สร้างขึ้นมา ที่นี่จึงไม่มีการใช้ความรุนแรงของพวกป่าเถื่อน การแอบค้าขายสิ่งเสพติด การค้าขายประเวณี บาร์แห่งนี้ไม่มีอะไรแบบนั้นให้เกิดเป็นมลทินเลย

   "ปล่อยระเว้ยยย ไอ้เหี้ย"

   ยังไม่ทันถึงห้อง VIP ผมก็ได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดของเจ้าแมวเปอร์เซีย นี่มันมีเรื่องอะไรกันอีกนะเนี่ย

    "เงียบน่าแมวน้อย"

   ชายท่าทางดูดีมากๆคนหนึ่งอุ้มเปอร์เซียพาดบ่าแล้วเดินมาทางผม เมื่อเห็นหน้าเต็มๆบอกเลยว่าโคตรหล่อ ใบหน้าคมคายที่ดูเจ้าเล่ห์ ท่าทางเพลย์บอยไม่เบา ผมไม่ควรจะมายืนชื่นชมไอ้หล่อที่กำลังอุ้มแมวน้อยของผมสิ

   "นายจะพาเพื่อนฉันไปไหน"(ปกติเป็นคนพูดเพราะ พูดมึงกูเฉพาะกับเพื่อน)ไอ้หล่อก็หยุดกึกแล้วมองหน้าผมเหมือนถูกใจ เห้ยๆ อย่ามองมันสยิวไอ้นี่แม่งเพลย์บอยตัวจริง

   "นายก็ถูกใจฉันนะแต่วันนี้ขอฉันจัดการแมวน้อยก่อนแล้วกัน"

   "เอวา ช่วยกูด้วย"

   เจ้าแมวน้อยไม่พูดเปล่าแต่เล็บมือที่แหลมคมของมันก็ขีดข่วนหลังไอ้หล่อนี่แต่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลยกลับยิ่งยิ้มชอบซะอีก หล่อแล้วเสือกโรคจิตอีก

   "ปล่อยเปอร์เซียซะ อย่าให้ต้องใช้กำลัง"พี่พอชก้าวมายืนประจัญหน้ากับไอ้หล่อที่สูงกว่า ดูเตี้ยไปเลยนะครับพี่จะสู้เขาไหวหรอ

   "เสือก"

   "มึง!"พี่พอชโกรธหน้าดำหน้าแดงง้างมือขึ้นเตรียมจะตั๋นไอ้หน้าหล่อ

   "เห้ย มีเรื่องอะไรกัน"และแล้วเสียงนางฟ้าก็มาโปรดห้ามทัพระหว่างทศกัณฑ์หน้าหล่อกับหนุมานหน้าลิง(ก็ลิงป่ะวะ)

   "พี่อีฟช่วยเซียด้วย ไอ้เหี้ยนี่จะลากผมไปแร่เป็นเนื้อแมว"

   เปอร์เซียดิ้นกระแด่วๆบนบ่าของไอ้หล่อที่ทำหน้าหงุดหงิดเมื่อโดนมารหลายคนมาขัดความสุขที่จะได้ข่มขืนแมวน้อยของผม ถึงพี่อีฟไม่มาช่วยผมก็ไม่ยอมให้แมวที่น่ารักไปตกอยู่ในกำมือยักษ์หรอกนะ

   "แอรีสปล่อยน้องลงเถอะจ้ะถือว่าพี่ขอขอร้อง"คนอย่างพี่อีฟถึงกับเอ่ยปากขอร้องแสดงว่าไอ้หล่อนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ

   "ก็ได้ครับ"

   ก็เชื่อฟังดีนี่นาว่าแต่ชื่อแอรีสหรอชื่อเหมือนผู้หญิงแถมยังเหมือนชื่อเทพเจ้ากรีกแอรีสเทพแห่งสงครามอีกด้วยเข้ากับหน้าตาดีนะชอบทำสงคราม(ประสาท)

   "เอาละ เข้าห้องกันดีกว่าจ้ะจะได้แนะนำกันให้รู้จัก...พอช ไอ้อดัมให้ไปหาที่ห้องทอคชั้นสามแหนะ"

   ห้องทอค(Talk)คือห้องสำหรับคุยธุรกิจครับ บาร์พี่อีฟนี่เจ๋งเนอะมีหลายห้องหลายแบบไปถึงชั้น 10 ยังกับโรงแรมแหนะ

   "ครับ...เดี๋ยวพี่มานะเอวา"ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงรับไม่อยากยิ้มให้ครับเดี๋ยวพี่แกไม่เป็นอันทำอะไร

   พี่อีฟก็เริ่มต้อนพวกเราให้เข้าคอก เอ้ย เข้าห้อง VIP สายตานับ 8 คู่ก็หันมองผมเลยครับ เพื่อนผมทั้ง 4 คนผมก็รู้จักดีเลยยิ้มให้แต่อีก 4 คนที่เหลือ เองคือใครข้าไม่รู้จักแต่พอเห็นหน้าหล่อๆพอกับแอรีสแล้วอยากรู้จักมักจี้เลยครับยกเว้นไอ้คนที่นั่งหน้านิ่งแต่ตาแพรวพราวนี่ผมไม่อยากรู้จักเท่าไร เคาท์เจ้าเก่านั่นเองเห็นหน้ามันแล้วนึกถึงตอนบ่ายที่มันมาบ้านผมแล้วบอกว่าผมคือคู่หมั้นมัน
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 1 [25/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 26-10-2015 20:48:56
อยากอ่านต่อออออ สนุกกกกมากกก
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 2 [26/10/2015] Up! 100%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 26-10-2015 21:58:29
   "มากันครบแล้วนะ นี่คือเจ้าของวันเกิด ชื่อเอวาเป็นน้องสาวเอ้ยน้องชายพี่เอง"ผมก็ส่งยิ้มให้ฝั่งหนุ่มหน้าหล่อทั้งหลายยกเว้นเคาท์กับแอรีสเพราะผมไม่ชอบขี้หน้ามัน

   "เอ้า พวกนายแนะนำตัวให้พวกพี่ๆเขารู้จักสิจ้ะ"แล้วพี่อีฟก็หันไปพูดกับเพื่อนผมที่นั่งหน้าบูดอยู่ยกเว้นเจ้าชายหน้านิ่งอย่างอาใจ

   "อาใจครับ"ยกมือไหว้งามๆ

   "เฌอแตมครับ"ยกมือไหว้แล้วหันไปทำหน้าบูดใส่ไอ้คนหัวแดงที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม รู้จักกันหรอหรือนี่คือลูซิเฟอร์(ก็ว่าไปนั่น)

   "ข้าวหอมครับ"ไม่ไหว้แหะเอาแต่ก้มหน้าลงอย่างกลัวๆ ไม่แปลกครับข้าวหอมจะกลัวคนแปลกหน้าเพราะกลัวปล่อยฟีโรโมนจนถูกปล้ำ

   "หึ"สงสัยแมวน้อยจะโกรธแค้นมาก เชิดใส่ไม่ยอมบอกชื่อตัวเองอยากรู้จักผมพลาดอะไรไป

   "อ่ะแฮ่ม"พี่อีฟกระแอมพร้อมทำสายตาดุๆ เจ้าแมวหน้าจ๋อยลงเล็กน้อยก่อนจะเชิดขึ้นใหม่

   "เปอร์เซีย"พูดพร้อมกับแกว่งหางฟูนุ่มนั่นอย่างไม่พอใจ น่ารักอ่า

   "โอ๊ะ หางกับหูนั่นของจริงหรอนึกว่าคอสเพลย์ซะอีก"แอรีสพูดอย่างตื่นเต้นแล้วยิ้มระริกระรี้เหมือนเห็นของเล่นที่ถูกใจ

   "ไม่ใช่ของจริงหรอกจ้ะ นี่น่ะ..."

   "พี่อีฟครับ"เมื่อพี่อีฟกำลังจะพูดคำสะเทือนใจผมเลยเรียกชื่อพี่ปรามมห้หยุดพูดทางสายตา พี่อีฟก็ยิ้มแหยๆแล้วพยักหน้าเชิงขอโทษ

   "งั้นหนุ่มๆแนะนำตัวกันหน่อยสิจ้ะ"

   "พี่ชื่อวิลเลี่ย..."

   "ขอชื่อสั้นๆได้ป่ะ อย่าเยอะ"พอเคาท์จะพูดชื่อเต็มผมก็เลยรีบห้ามทันที ขี้เกียจฟังมันยาว

   "เพื่อน้องเอวาก็ได้ครับ พี่ชื่อเคาท์แต่อยากให้เรียกว่าวิลเลี่ยมมากกว่าเพราะชื่อเคาท์ให้คนพิเศษเรียกได้เท่านั้น"เคาท์พูดพลางมองหน้าผมและเน้นคำว่าคนพิเศษผมรีบผลุบตาลงกลั้นความรู้สึกบางอย่าง

"พี่ชื่อแอรีสนะครับน้องๆที่น่ารักโดยเฉพาะเปอร์เซีย"ยิ้มแพรวพราวส่งให้แมวน้อยที่เบ้หน้าหยะแหยง

   "พี่ชื่อไอริสครับ"พูดนิ่งๆแล้วมองข้าวหอมแวบหนึ่ง ว่าแต่พี่ไอริสหน้าตาเหมือนไอ้แอรีสเลย(เนื่องจากแอรีสจะกระทำชำเราแมวน้อยที่น่ารักของผม ผมเลยไม่นับถือมัน)

   "สองคนนี้เป็นฝาแฝดกันน่ะแอรีสเป็นพี่ไอริสเป็นน้อง"พี่อีฟไขข้อข้องใจให้ผมที่จ้องหน้าพี่ไอริสเขม็ง พ่อแม่ช่างตั้งชื่อเนาะ คนพี่แอรีสเทพแห่งสงครามคนน้องไอริสเทพแห่งความบาดหมาง(ตำนานกรีกแอรีสกับไอริสเป็นพี่น้องกัน)

   "เหนือฟ้าครับ"พี่คนนี้หน้าดีเลยครับหล่อแบบเทพบุตรของแท้แต่ทำไมต้องใส่แว่นตากรองแสงด้วยวะ ตาบอดหรอหรือกลัวความมืดในห้องวีไอพีรอยยิ้มประดับประดาอยู่บนใบหน้าก็หล่อเทพๆจะดีมากถ้าถอดไอ้แว่นนี่ออก ดูเหมือนอาใจจะสนใจพี่เหนือฟ้านะครับถึงหน้าจะนิ่งแต่ผมดูออก

   "พี่ชื่อลูซครับ"แล้วก็แสยะยิ้มให้เฌอแตม ทำไมหน้ากลัวงะเหมือนเห็นเขาจอมมารอยู่บนหัวเลย

   "รู้จักกันแล้วนะ พี่ว่าเดี๋ยวพี่ไปดูอดัมกับพอชก่อนดีกว่า อย่ากัดกันในนี้นะทำตัวดีๆเข้าใจมั้ย"พี่อีฟพูดส่งท้ายยิ้มๆแต่ตาไม่ยิ้มให้พวกผมก่อนจะออกไป

   "เอวาเราย้ายห้องกันเถอะ กูไม่อยากอยู่ใกล้เสนียด"ไอ้ตัวเสนียดที่ว่าลุกผึงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ พี่อีฟเพิ่งบอกแหมบๆว่าอย่าทะเลาะกัน เอวาคนนี้ก็ต้องเคลียร์ตลอด

   "อย่ามาจับนะ"อีกคู่ละครับพี่ลูซกับเฌอแตม

   "ทำไมผมถึงอ่านใจพี่เหนือฟ้าไม่ได้กันนะ"คู่นี้สงบนิ่งดีนะแต่เห้ยพี่เหนือเมฆจับก้นเองอยู่นะอาใจ เห็นหล่อๆเทพบุตรแต่ในใจนี่น้ำนิ่งไหลลึกใช่มั้ยเนี่ย

   "พี่อยากกินข้าวหอมจัง"
"พี่ไอริสก็เข้ามานั่งข้างๆข้าวหอมที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือ เห็นนิ่งๆแต่นิสัยหื่นกามก็เหมือนพี่ชายตัวเองเลยนะ

   เสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนผมหงุดหงิด แม่ง มาทะเลาะอะไรกันวันเกิดผมวะ

   แว้ดๆๆๆ

   "เงียบ"เงียบ 1

   แว้ดๆๆ

   "เงียบ"เงียบ 2

   แว้ดๆๆๆ
 
   "เงียบสิ"เงียบ 3

   แว้ดๆๆๆ

   "เงียบบบบบบ!!"เมื่อสุดจะทนผมเลยว้ากลั่นห้องทำเอาทุกคนเงียบกริบ อึ้งครับอึ้ง ผมคงตะโกนดังมากและหน้าผมตอนนี้คงเหมือนจะเข้าไปแดรกหัวใครที่มันบังอาจยังแว้ดต่อ

   "นั่งลงกับที่แล้วสงบสติซะ!!"ทุกคนปฏิบัติกันพรึบพรับ หงอลงกันไปเลยครับเจอผมมาดนี้เข้าไป

   "อ่ะ เอ่อ...สุขสันต์วันเกิดนะเอวา"ข้าวหอมที่ตั้งสติได้ดีที่สุดพูดกับผมพร้อมยื่นกล่องของขวัญให้ ผมก็รับมา อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่จึงเย็นลง

   "สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก"แล้วแมวน้อยก็ให้ของขวัญผมอีกคนผมนั่งลงแล้วเอาของขวัญวางไว้ที่ตัก

   "สุขสันต์วันเกิดเอวา"ข้าวหอมก็ยื่นกล่องของขวัญให้

   "สุขสันต์วันเกิดที่มาพร้อมกับสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตเอวาไปตลอดกาลนะ"คนสุดท้ายอย่างอาใจทำเอาผมขมวดคิ้ว เอาอีกแล้วชอบพูดกำกวมให้ผมปวดหัวอยู่เรื่อย พวกผู้ชายฝั่งนั้นมองอาใรกันให้พรึ่บเลย

   "อาใจอ่านใจคนได้สินะ"พี่เหนือฟ้ารู้หรอ เป็นไปได้ไงอาใจไม่เคยบอกใครนอกจากพวกเรา

   "ครับพี่เหนือฟ้า ผมจะไม่ถามว่าพี่รู้ได้ไงแต่ผมจะถามว่าพี่เป็นอะไร"

   "พี่จะบอกก็ต่อเมื่อรู้ว่าพวกนายมีสิ่งพิเศษอะไรอยู่ในตัว"

   "ไม่..."เปอร์เซียกำลังจะปฏิเสธแต่อาใจก็ขัดขึ้นมา

   "เปอร์เซียถูกสาปให้เป็นแมวกลายร่างเป็นแมวได้เมื่อต้องการ"เห้ย ทำไมผมไม่รู้ อาใจแม่งขายเพื่อนนี่หว่า เจ้าแมวน้อยอ้าปากเหวอก่อนจะมองอาใจอย่างโกรธๆ

   "เฌอแตมคุยกับสัตว์ได้และยังเป็นคนของลูซหรือลูซิเฟอร์จากนรก"พวกผมพร้อมใจกันมองหน้าเฌอแตมสหรับกับหน้าเหี้ยมๆของพี่ลูซ เหยดแหม่ ท่านจอมมารหน้าตาเป็นงี้หรอ ผมควรจะกลัวสินะ

   บอกเลยว่า นี่มันอเมซิ่งมหัศจรรย์พันลึก! สิ่งที่ไม่มีจริงไม่เป็นไปได้มันเป็นจริงแล้วเว้ย

   "ข้าวหอมมีฟีโรโมนเรียกเพศผู้ให้เข้ามาปล้ำและอสุจิของเพศผู้ทำให้ข้าวหอมท้องได้"เบาหน่อยอาใจจอมขายเพื่อนข้าวหอมจะร้องไห้แล้ววว

   "ส่วนเอวาคนนี้เป็น..."

   "โอ๊ยยยยยย"ยังไม่ทันที่อาใจพูดจบผมก็มีอาการแปลกๆมันร้อนไปทั้งตัว ร้อนเหมือนร่างกายจะถูกเผาให้ตายทั้งเป็น ผมกรีดร้องแล้วทรุดตัวลงกับพื้นตัวงอ มือก็กอดแขนตัวเองอย่างเจ็บปวด นี่มันอะไรกัน

"ถอยห่างออกจากเอวาก่อน"เสียงเคาท์เข้ามาในประสาทผม รอบตัวผมวุ่นวายเพื่อนๆพากันจะเข้ามาช่วยผมแต่ถูกเพื่อนของเคาท์กักตัวไว้

   "ปล่อยกู กูจะไปดูเพื่อนกู"เปอร์เซียโวยวาย


   "ทำตามที่วิลเลี่ยมบอกเถอะ"อาใจที่เหมือนจะรู้อะไรจับบ่าแมวน้อยห้ามไว้

   ตอนนี้ผมไม่สนเสียงรอบข้างอีกแล้วรู้สึกร้อนไปทั้งตัว คอแห้งผาก ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วสนแค่ต้องการ ต้องการเลือด เลือกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของคน

   "เอวา เอวาเป็นอะไร"สายตาพร่าเลือนผมเห็นพี่พอชวิ่งเข้ามาประคองตัวผมขึ้นแล้วผลักเคาท์ออก

   "เลือด"เสียงแหบพร่าของผมพูดออกมาผะแผ่วพี่พอชที่ไม่ได้ยินก็ก้มหน้าเข้ามาใกล้ผม

   "ว่าไงนะครับเอวาเป็นอะไร"ไม่พูดอะไรอีกผมรีบพุ่งตัวไปหาซอกคอของพี่พอชแต่ก็ถูกแขนแกร่งคว้าเอวไว้จนหลังผมชนกับอกของเคาท์

   "จงลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้แล้วหลับซะ"ผมเห็นลางๆว่าพี่เหนือเมฆถอดแว่นแล้วจ้องตากับพี่พอชก่อนที่พี่พอชจะฟุบหลับ

   "ฮึ่มม ปล่อย"เสียงเคาท์เข้ามาในประสาทผม รอบตัวผมวุ่นวายเพื่อนๆพากันจะเข้ามาช่วยผมแต่ถูกเพื่อนของเคาท์กักตัวไว้

   "ปล่อยกู กูจะไปดูเพื่อนกู"เปอร์เซียโวยวาย


   "ทำตามที่วิลเลี่ยมบอกเถอะ"อาใจที่เหมือนจะรู้อะไรจับบ่าแมวน้อยห้ามไว้

   ตอนนี้ผมไม่สนเสียงรอบข้างอีกแล้วรู้สึกร้อนไปทั้งตัว คอแห้งผาก ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วสนแค่ต้องการ ต้องการเลือด เลือกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของคน

   "ฮึ่มม ปล่อย"ผมสะบัดจนเคาท์ปลิวไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรงจนกำแพงร้าวแล้วพุ่งออกจากห้อง VIP ไปหาเหยื่อที่จะมาสังเวยเลือดให้ผม

   "เอวา"เพื่อนๆเรียกผมแต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ร่างกายผมมันเรียกร้องหาแต่เลือดเพื่อทำให้ความร้อนที่แผดเผาผมอยู่นี้หายไป

   ก่อนที่ผมจะได้ลงไปข้างล่างที่มีกลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งกันเต็มไปหมดผมก็ถูกบางอย่างล็อคตัวไว้ เมื่อมองดีๆมันคืองูยักษ์ 3 หัว ผมดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด

   "ดิ้นไปก็เท่านั้นนี่คืองูกากีนรกที่แข็งแกร่งมาก"พี่ลูซแสยะยิ้มหน้ากลัวอีกครั้งแต่ผมไม่กลัวอีกต่อไปผมใช้กำลังที่มีทั้งหมดดันเจ้างูน่าเกลียดออกจนร่างมันแตก พี่ลูซที่ยิ้มก็หน้านิ่วคิ้วขมวด

   "ลูซระวังเล็บ"แอรีสโผล่มาอีกคน

   "ไม่ทันแล้วล่ะ"สมทบด้วยไอริส

   สองพี่น้องฝาแฝดมองเห็นอนาคตได้งั้นหรอถึงรู้ว่าผมจะกรีดเนื้อพี่ลูซให้สมกับที่บังอาจมาหยุดยื้อผมที่กำลังกระหายเลือด

   "โอ๊ยยยยย"ผมร้องอีกครั้งเมื่อความร้อนมันกำลังรุมเร้าผมขึ้นอีก


   "กินซะ"กลิ่นเลือดที่หอมหวานจากแก้วไวน์ในมือเคาท์ทำให้ผมรีบตะครุบมาดื่ม

   เพล้ง

   แก้วไวน์ในมือร่วงลงพื้นเมื่อผมดื่มหมดพร้อมกับความทรงจำในวัยเด็กผมเผยออกมาในหัวเป็นฉากๆผมทรุดเข่าลงกับพื้นแล้วเอามือกุมหัว ผมกรีดร้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวูบหมดสติ

   "เอวาเป็นแวมไพร์หรอ"ข้าวหอมถามอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อออกมาเห็นเพื่อนตัวเองดื่มเลือดของวิลเลี่ยมที่รีดใส่แก้วไวน์ให้

   "อืม"อาใจตอบสั้นๆ

   "ฝากจัดการที่นี่ด้วยนะ"วิลเลี่ยมหันมาบอกแอรีสกับไอริสก่อนจะอุ้มเอวาที่นอนหมดสติไป

   "จะพาเพื่อนกูไปไหน"เปอร์เซียถามอย่างร้อนรน

   "วิลเลี่ยมเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับเอวาไม่ต้องห่วงเขาจะดูแลเอวาเป็นอย่างดี"เหนือฟ้าที่ใส่แว่นตาเหมือนเดิมบอกแทนเพื่อนตัวเอง

   ทุกคนมองแผ่นหลังของวิลเลี่ยมที่เดินจากไปช้าๆอย่างนึกเป็นห่วงเอวาที่ตื่นขึ้นมาแล้วจะทำใจรับได้ไหมกับสิ่งที่จะต้องเผชิญ




TBC.
งงกันไหมคะกับเรื่องราวชวนแฟนตาซีขนาดนี้น่ะ 555 เรื่องนี้แต่งเพื่อสนองนี้ดตัวเองด้วยค่ะ สนุกดีสำหรับคนแต่งไม่รู้คนอ่านจะสนุกหรือเปล่า 555 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่นะคะ :hao6: :call:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 2 [25/10/2015] Up! 100%
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 26-10-2015 22:26:58
ชอบบบบ เป็นอะไรที่รักมาก
เอวานางดูเป็นราชินีดี แบบว้ากที่หงอทั้งห้อง
สะใจ แอบชอบเปอร์เซียอ่ะ แบบว่านั้ลล๊ากกกกพอม่คู่กับแอรีสนี่แทบกรี้ดเลย คนอ้าร้ายย ดูเลวได้อีก5555
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 2 [25/10/2015] Up! 100%
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 26-10-2015 23:27:35
สนุกกกกกก ชอบมากด้วยค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ><

ปล. มีตรงที่ลงซ้ำนะคะ ตรง "เอวา เอวาเป็นอะไร" เห็นมีสองรอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 3 [27/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 27-10-2015 21:10:51
ตอนที่ 3 ราชินีแวมไพร์

   "อย่าเข้ามานะ"

   "เลือดดด"เสียงคำรามดังกึกก้องดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

   "ไม่"

   "เลือดดด"

   "ม่ายยยย"

   ผมสะดุ้งเฮือกดีดตัวขึ้นมาจากเตียง ความฝันนั้นช่างน่ากลัวแต่มันไม่ใช่ความฝันมันคือสิ่งที่ผมพบเจอเมื่อ 11 ปีก่อนตอนผมอายุ 6 ขวบ ผมเจอเคาท์ที่เป็นแวมไพร์แถมยังบอกว่าผมคือคู่หมั้นหลังจากสูบเลือดผมจนตาย

   "ตื่นแล้วหรอ"เสียงคุ้นเคยที่ผมจดจำได้ดีเอ่ยออกมาก่อนจะเดินเข้ามานั่งที่ขอบเตียง

   ผมถอยหลังกรูดอย่างหวาดกลัวคนตรงหน้าใครไม่กลัวสิแปลก แล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นทำไมผมถึงกระหายเลือดแบบนั้นมันเหมือนกับนิทานที่แม่เล่า ระ หรือว่าผมจะเป็น...

   "เธอกลายเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์แล้วนะ"

   ไม่จริง! ไม่ใช่แน่ นี่มันต้องเป็นเรื่องผิดพลาดอะไร ผมก็แค่หิวน้ำแดงเท่านั้นเองหิวจนควบคุมตัวเองไม่ได้

   "อย่ามาแตะ"ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาลูบไล้ใบหน้าผม ผมปัดออกอย่างแรงจนมือหนาถลอกเลือดซิบ

   กลิ่นเลือดลอยมาเตะจมูก เอาอีกแล้ว ผมต้องการเลือดของเคาท์

   "เอาสิ ทำตามใจเธออยากเลยเอวา"ใบหน้าหล่อเหลาเอียงเล็กน้อยเผยคอระหงอวดหราผม เส้นเลือดที่อยู่ตรงคอเต้นตุบๆเรียกร้องให้ผมเข้าไปใกล้

   ผมคลานไปนั่งบนตักแกร่งของเคาท์ผมก้มหน้าซุกคอขาวซีดใช้ลิ้นไล้เลียซอกคอเบาๆก่อนจะแยกเขี้ยวฝังเข้าไปในเส้นเลือดของเคาท์ที่ลูบบั้นท้ายผมอยู่ ผมเก็บเกี่ยวเลือดหวานทุกหยาดหยดให้ไหลรินเข้ามาในร่างกายผม ความหอมหวานของเลือดเคาท์ทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม

   ไม่รู้ว่ามือหนาเลื่อนเข้ามาในเสื้อผมตั้งแต่ตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายผมเปล่าเปลือยไปหมดไม่มีเสื้อผ้าปกปิดตัวสักชิ้น

   "อ๊ะ ทำอะไร...อื้ม"มือหนาลูบไล้หน้าอกผมพาดผ่านตุ่มไตจนมันแข็งขืนสู่มือ ผมดันไหล่กว้างแต่ก็สู่แรงไม่ได้

   ลิ้นร้อนก้มฉกเม็ดทับทิมสีชมพูสดของผม ผมกัดปากกลั้นเสียงครางจนปากแตก ความต้องการลุกฮือผงาดตั้งชันจนน่าอาย ผมกอบกุมส่วนอ่อนไหวปิดซ่อนไว้แต่มือหนาจับออกแล้วกดผมลงกับเตียง ใบหน้าหล่อเหลาของเคาท์ก้มลงมาใกล้หน้าผม รอยยิ้มนุ่มลึกแสยะยิ้มแล้วเลียเลือดที่ติดริมฝีปากของผม ตาคมส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มจ้องมองผมไปด้วย

   "ไม่เอา อื้ม"ปากหนาประกบริมฝีปากผมแล้วดูดดึงไล้เลียอย่างเอาแต่ใจ

   "เธอก็ต้องการขนาดนี้แล้วไม่ใช่หรอ"ไม่พูดเปล่ายังจับส่วนอ่อนไหวของผมแล้วชักมือขึ้นลงจนผมเผลอร้องครางออกมา ผมหันหน้าหนีเพื่อหลบหน้าแดงๆที่เห่อร้อนขึ้นมา

   "ผมเกลียดแวมไพร์อย่างคุณ"เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคาท์เคยทำกับผมไว้มันไม่น่าให้อภัย แวมไพร์จอมเจ้าเล่ห์อย่างคนคนนี้จะเชื่อได้ยังไง คงกำลังสนุกที่ได้เห็นผมเป็นแบบนี้

   "ฉันต่อชีวิตให้เธอ"

   "คุณฆ่าผมต่างหาก"

   "ก็จริงแต่ยังไงเอวาก็เป็นคู่หมั้นพี่แล้ว"

   "ผมรับไม่ได้หรอกนะที่ตัวเองเป็นแวมไพร์แถมยังเป็นคู่หมั้นบ้าบอของคุณอีก"

   "อยู่กันไปเดี๋ยวเธอก็จะยอมรับมันเอง"

   "ไม่มีทาง"ว่าแล้วก็สะบัดหน้าผลกอกคนข้างบน คราวนี้หลุดไปได้ง่ายๆผมเลยรีบคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาใส่
 
   "จะไปไหน"เสียงนิ่งๆของเคาท์พูดขึ้นมาหลังจากที่ผมกำลังจะออกจากห้องนอน คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นคฤหาสน์ของเคาท์นะเพราะขนาดห้องนอนยังดูหรูหรามีระดับอย่างกับพระราชวังแวซาย

   "กลับบ้านสิมีรถมั้ยยืมหน่อย"พูดพลางแบมือกวักหยอยๆพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ อุตส่าห์สงบความต้องการได้ พอผมมีอารมณ์ขึ้นมาผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกทีและไม่ใช่บ่อยๆที่ผมจะมีอารมณ์วาบหวามแบบนั้นดีที่ผมมีจิตใต้สำนึกว่าไม่ควรเสียประตูหลังให้ไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์นี่

   "ที่นี่คือบ้านของเธอ"เคาท์พูดแล้วยกยิ้มมุมปากแต่หน้านิ๊งนิ่งจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูก

   "นี่บ้านคุณไม่ใช่บ้านผม...ผมกลับเองก็ได้"เมื่อไอ้คนที่ทำหน้านิ่งยิ้มกริ่มอยู่ไม่ตอบสนองผมก็หมุนตัวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปจากสถานที่แห่งนี้

   พอมองรอบตัวดีๆ โอ้โห พระเจ้านี่มันพระราชวังยุคโบราณดีๆนี่เอง นี่คงเป็นชั้น 2 เพราะเดินยาวเป็นกิโลไปอีกหน่อยก็จะเป็นตัวบันไดพรหมสีแดงสด ตามผนังตรงราวบันไดก็มีรูปของเหล่าขุนนางยศฐาบรรดาศักดิ์สูงๆเรียงรายกันอยู่ ลูกตาที่มองตรงมาทำให้รู้สึกว่ามีคนจับจ้องอยู่ น่าขนลุกชะมัด แต่ละคนนี่หน้าซีดบ่งบอกถึงความเป็นแวมไพร์ได้ดีเลย ที่นี่หรูหรามากให้คุณลองนึกถึงพระราชวังปราสาทแบบหนังเก่าๆนะครับแบบนั้นเลยเพียงแต่ที่นี่มันดูเป็นปราสาทเขย่าขวัญมากกว่าปราสาทที่งดงามแบบการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ พอลงไปชั้นล่างก็จะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่เหมือนไว้ใช้เป็นที่จัดเลี้ยงงานเต้นรำอะไรเถือกนั้น

   ประตูเหล็กขนาดใหญ่ถูกมือบางของผมผลักออกเพื่อเปิดไปสู่โลกกว้าง ผมจะได้ออกไปจากที่ที่น่ากลัวนี่เสียที

   แอ๊ด

   สวัสดี...ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนทำไมธรรมชาติช่างสวยสดงดงามราวกับอยู่ในป่าหิมพานต์เยี่ยงนี้แล ดูนั่นสิไม่ว่าจะมองซ้ายมองขวาก็เห็นแต่ป่าไม้รกครึ้มอยู่เบื้องล่าง โอ้ นี่คงเป็นปราสาทที่อยู่บนเนินเขาสุดลูกหูลูกตา สวยงามจริงๆ

   ...

   นี่มันใช่เวลามาสูดดมความงามของธรรมชาติที่ไหนเล่า นี่มันที่ไหนกันเนี่ยยยยย เมืองหายไปไหน คนหายไปไหน บ้านกูอยู่หนายยยย

   "หึหึ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคู่หมั้น"เมื่อผมเดินปึงปังกระทืบส้นเท้ากลับเข้ามาหาไอ้แวมไพร์จอมเจ้าเล่ห์มันก็ยิ้มแป้นแล้นอยู่อย่างสดชื่น ไอ้สาสสส(ขอด่าแปป)

   "ที่นี่มันที่ไหนไอ้แวมไพร์กะล่อน"ผมกระชากเสียงอย่างหงุดหงิด ทำไมช่วงนี้ผมหงุดหงิดบ่อยจัง หรือว่าเมนส์ไม่มา

   "เรียกว่าพี่เคาท์ก่อนสิพี่ถึงจะบอก"

   "ไม่เรียก"เชิดหน้าแล้วเหล่ตามองอย่างเหยียดๆ

   ฟรึบ

   "จะเรียกไม่เรียก"

   เห้ย เมื่อกี้มันคืออะไร เคาท์ที่ยืนอยู่ห่างๆไปหลายเมตรเมื่อกี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วนรวบเอวไว้ สุดยอดอยากทำได้บ้างแต่ต้องเก็บความชื่นชมไว้ก่อนขอเจ้เคลียร์กับมันก่อน

   "คุณบังคับผมไม่ได้หรอก"ผมจ้องตาสีรัตติกาลกลับอย่างไม่เกรงกลัวแม้ใจลึกๆจะหวั่นกลัวมากก็เถอะ กลัวโดนฆ่าแต่เห้ยผมก็เป็นแวมไพร์แล้วนะจะกลัวทำไมล่ะเออ

   "งั้นเรามาสู้กันไหมใครชนะสามารถขออะไรก็ได้กับผู้ที่แพ้"น่าสนแต่มันไม่แฟร์อ่ะ

   "คุณเป็นแวมไพร์มาพันๆปีมีความสามารถเยอะกว่าผมที่เป็นแวมไพร์ได้เพียงวันเดียว โกงกันเห็นๆ"

   "งั้นพี่ต่อให้เอวา พี่จะอยู่เฉยๆไม่ตอบโต้กลับแต่เอวาสามารถสู้ได้เต็มที่ถ้าทำพี่บาดเจ็บได้เพียงนิดเดียวเอวาก็เป็นฝ่ายชนะไปพี่ให้เวลาก่อนตะวันจะตกดินเมื่อความสว่างลับฟ้าไปแล้วถือว่าพี่ชนะ"

   ไม่พูดพร่ำทำเพลงตอบตกลงผมก็ใช้โอกาสนี้เล่นงานเคาท์ไม่ให้ตั้งตัวแต่ดูเหมือนมันจะความรู้สึกไวมากไมาปล่อยเนื้อปล่อยตัวรีบหลบการโจมตีของผมที่ใช้เล็บแหลมคมยามตวัดใส่ด้วยสัญชาตญาณผมโจมตีเรื่อยๆไม่เว้นระยะให้พักหายใจพยายามใช้แรงและความเร็วที่มีฟาดฟันเคาท์แต่มันก็หลบได้ทุกครั้งด้วยหน้าตาที่สบายอารมณ์เหมือนกำลังหลบเต่าที่คลานมา

   "แฮ่กๆๆ...อ่า"เหนื่อย! โจมตีมาหลายชั่วโมงจนตะวันจะลับขอบฟ้าแล้วยังไม่โดนสักแอะ ไอ้ขี้โกง

   "ตะวันจะตกดินแล้วนะครับ ยอมแพ้แล้วหรอ"

   "ฮึ่ม ใครจะยอมกันละ"

   ผมรีบพุ่งตัวเข้าไปหาทันทีกะจะกอดไว้แล้วฝังเขี้ยวแม่งเลยแต่ดันถูกกอดไว้ซะเอง ผมดีดดิ้นอย่างแรงพยายามสะบัดอ้อมแขนออกเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าจะมืดแล้ว

   "ไม่ทันซะแล้ว"เสียงนุ่มลึกกระซิบอยู่ข้างหูผมจากที่ดิ้นแด่วๆอยู่ก็หยุดแล้วก้มหน้าลงอย่างพ่ายแพ้ บางทีผมก็อยากให้เวลาผ่านไปช้าๆนะ

   แคว่ก

   ผมหันไปตวัดเล็บขูดไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์จนเสื้อขาดไม่ใช่อะไร แพ้แล้วพาลเคาท์มองผมนิ่งๆไม่ได้ว่าอะไรแล้วรอยเล็บที่ผมกระทำเมื่อกี้ก็ค่อยๆจางหายไป เพิ่งรู้ว่าแวมไพร์มีพลังในการรักษาตัวด้วย อึ้งอีกครั้งวันนี้นี่อึ้งหลายรอบแล้วครับ

   "ขอมาเร็วสิ"หายอึ้งแล้วผมก็เร่งคนตรงหน้า

   "พี่จะขอ..."ผมรู้ว่าเคาท์จะขออะไร คงขอให้เรียกว่าท่านเคาท์ผมก็จะเรียกแล้วถามทางกลับบ้านแล้วชิ่งหนีซะเลย

   "พี่เคาท์ โอเค เรียกแล้วแล้วบอกทางกลับบ้านมาซะ"

   "พี่จะขอให้เอวาทำตามคำสั่งพี่ทุกคำสั่งต่างหาก"ผมรีบหันควับมองไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์ที่ยืนยิ้มอย่างผู้มีชัยผมก็หวอสิครับหน้าแตกแหกโค้งแถมยังขออะไรที่ขี้โกงอีก

   "ขี้โกง อย่างนี้ผมก็เสียเปรียบน่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก"

   "ถ้าเอวาทำตามคำสั่งพี่จนครบหนึ่งเดือนพี่จะปล่อยให้เอวากลับบ้านแต่ถ้าไม่พี่จะไม่ปล่อยเอวาไปจากที่นี่แน่"

   "ก็ได้แต่ต้องเป็นคำสั่งที่ผมทำได้นะ"วินาทีนี้ก็ยอมๆมันไปก่อนละกันขืนเล่นตัวคงไม่ได้กลับบ้านไปเจอหน้าพี่อดัม พี่อีฟและเพื่อนๆของผมอีก อย่าให้เผลอนะเคาท์กูเนี่ยแหละจะแทงข้างหลังมัน

   "คำสั่งแรกเรียกพี่ว่าพี่เคาท์"ผมก็พยักหน้าเออออรับ

   "แค่นี้ใช่มั้ย"

   "ยังมีอีกครับแต่เก็บไว้ก่อน"

   ผมก็พยักหน้ารับไม่อยากคุยด้วย เซง ตอนแรกก็เกลียดนะพอตอนนี้เกลียดมากกว่าเดิมเพราะเคาท์ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ผมรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากสงสัยเพราะใช้กำลังเยอะเลยอ่อนแรง

   "เสียเหงื่อเยอะเลยนะเอวา งั้น...อาบน้ำกันเถอะ"ไม่พูดเปล่าแต่อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง

   "หวอ ปล่อยนะไม่เอาไม่อาบ ง่วง"

   "ก็ได้ตามใจเอวา"ขาที่ก้าวจะไปห้องน้ำก็หันไปที่เตียงนอนแทน แบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางมันใหญ่สิ อัดอั้นมานานรึไงวะ หื่นอย่างเดียวเลย

   "ไม่ง่วงแล้วจะอาบน้ำ จะอาบเองคุณ...พี่เคาท์ก็อาบทีหลังสิ"

   "อาบด้วยกันนี่คือคำสั่ง"แล้วผมจะโต้ตอบอะไรได้ล่ะครับ ฮือออ

   พอเข้ามาในห้องน้ำแล้วผมนี่ตะลึงงันเลยครับ กว้างใหญ่มากโดยเฉพาะบ่ออาบน้ำที่เป็นน้ำแร่จากธรรมชาติ สุดยอดมากเห็นแล้วอยากจะปล่อยกายปล่อยใจลงไปแช่ในบัดดลแต่มีแวมไพร์หื่นกามอยู่ทำให้ผมระริกระรี้ไม่ได้

      เคาท์วางผมลงแล้วถอดเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนๆเรียงตัวกันสวยงาม ผิวกายขาวซีด ขนหน้าท้องรำไรนั่นทำใจผมสั่น เห็นแล้วน้ำลายสอเลย นี่ผมแค่อิจฉาจนน้ำลายหกหรอกนะอย่าเข้าใจผิด เจ้าตัวมองผมยิ้มๆก่อนจะถอดกางเกงออกผมนี่รีบหันหน้าหนีแทบไม่ทันแต่ก็ผู้ชายเหมือนกันมีไอ้นั่ยเหมือนกันจะกลัวทำไม ว่าแล้วก็เชิดหน้ามองเคาท์ที่ยังคงยิ้มอยู่ ปกติแวมไพร์ต้องเย็นชาหน้านิ่งเป็นคอนเซ็ปไม่ใช่หรอทำไมไอ้บ้านี่ไม่เป็นแวมไพร์แบบนั้นฟระ
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 3 [27/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 27-10-2015 22:22:29
   "ถอดสิครับ"

   "หันไป...อย่าแอบมองนะ"ใครจะมองว่าผมเป็นเด็กขี้อายก็ช่างลองมาถูกมองตอนที่ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดบ้างสิจะได้รู้ว่ามันน่าอายมากแค่ไหน

   เมื่อเคาท์หันหลังให้ผมก็รีบถอดเสื้อผ้าทันทีแล้วกระโจนลงน้ำดังตูม เคาท์หันหน้ามาแล้วเดินลงน้ำตามผมพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ขำไรวะ

   "หายกลัวพี่แล้วใช่มั้ย"เคาท์เอนหลังพิงกับขอบบ่อแล้วหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลาย

   "ผมไม่กลัวพี่เคาท์หรอกแม่ปกป้องผมอยู่พี่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก"ผมยิ้มเมื่อพูดถึงแม่ผู้เป็นฮีโร่

   "แม่ครับน้องเอวาดื้อให้ผมจัดการได้เลยใช่มั้ยครับ อ่อครับ ผมจะจัดการดูแลแทนแม่เอง"

   "อย่ามาขี้จุ๊นะ"คนอะไรพูดเองเออเอง

   "ยังไงพี่ก็ต้องดูแลปกป้องเอวาอยู่แล้วก็เอวาเป็นราชินีแวมไพร์ของพี่นี่นา"รอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวลส่งผ่านมาให้ผม เมื่อรู้ตัวว่าหน้าแดงสั่นไหวกับคำพูดนั้นผมก็ดำน้ำลงไปครึ่งหน้าแล้วว่ายน้ำไปอีกฟากของบ่อน้ำแร่

   "พี่เคาท์อายุเท่าไร"ผมตะโกนถาม

   "สิบแปดทุกวัน"ทางนั้นก็ตอบกลับมาเสียงเท่าเดิมแต่ผมได้ยิน สงสัยประสาทหูแวมไพร์ดีงั้นไม่ต้องตะโกนละ

   "ไม่ใช่สิ หมายถึงอยู่มาเท่าไรแล้ว"

   "พันหนึ่งร้อยสี่สิบหกปี"หู้ย โคตรแก่อ่ะแค่อายุนะแต่หน้าตายังคงหนุ่มอยู่เหมือนเดิมไม่มีริ้วรอยตีนกาหนังก็ไม่เหี่ยวย่นนี่สินะข้อดีแต่ข้อเสียคือความเป็นอมตะอยู่อย่างคนเหงาๆอยู่กับความเดียวดาย

   ผมได้ยินตำนานขานเล่าต่อๆกันมาว่าสมัยก่อนมีแวมไพร์อยู่ร่วมกับมนุษย์แต่เพราะความแข็งแกร่งและความเป็นอมตะของแวมไพร์ทำให้มนุษย์กลัวและหาทางกำจัดแวมไพร์ด้วยการตอกลิ่มเงินแท้ตรงหัวใจของแวมไพร์เหตุนี้จึงทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์สูญสลายไปจนเหลือเพียงแค่ตำนานที่เล่าขานต่อกันมาแต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าแวมไพร์มีอยู่จริงไม่ใช่เพียงตำนานเรื่องเล่า เหลือเพียงเขาที่ยังรอดมาได้คิดดูแล้วพี่เคาท์ก็ช่างน่าสงสารที่ต้องอยู่บนโลกนี้เพียงแต่ผู้เดียวมาตั้งพันกว่าปี ผมกำลังเกลียดพี่เคาท์ไม่ลง

   "ทำไมพี่เคาท์ยังมีชีวิตต่ออยู่อีกล่ะ เอ่อ คือแบบว่าพวกพ้องครอบครัวพี่ก็ถูกพวกมนุษย์ฆ่าพี่มีเหตุผลอะไรให้อยู่ต่อไปเป็นพันปีทั้งที่ก็ยอมตายดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ดีกว่าหรอ"หวังว่าคำถามนี้จะไม่จี้ใจดำพี่นะก็ผมอยากรู้อยากเสือก

   "ตอนแรกพี่ก็อยากตายตามพวกพ้องพี่นะแต่จิตใต้สำนึกพี่บอกให้อยู่ต่อเพราะคนคนหนึ่งคนที่จะทำให้ชีวิตอมตะของพี่มีความหมายคนที่ทำให้หัวใจที่ตายไปแล้วของพี่อบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...คนคนนั้นอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว"แล้วพี่เคาท์ก็วาบกายมาอยู่ตรงหน้าผมอย่างใกล้ชิดผมก็เริ่มชินแล้ว

   ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาปากสวยจุมพิตหน้าผากผมเบาๆแล้วไล้ลงมาเรื่อยๆ

   "เอ่อ ทำไมผมถึงเป็นแวมไพร์ได้เพราะถูกกัดงั้นหรอ"รีบหาเรื่องคุยเพื่อเวอร์จิ้นประตูหลังโดยเฉพาะ ผมยังไม่พร้อมจะพลีกายผมต้องเล่นตัวให้มีคุณค่ามากกว่านี้แม่สอนไว้

   "ถูกกัดอย่างเดียวกลายเป็นแวมไพร์ไม่ได้หรอกต้องดื่มเลือดของแวมไพร์ที่กัดด้วย"ได้ผล พี่เคาท์หยุดโลมเลียผมแล้วตอบคำถาม

   "แล้วทำไมผมถึงไมากลายเป็นแวมไพร์เลยล่ะ"ถามต่อซะเลย

   "คำตอบแลกกับหนึ่งจูบ"

   "เอ๊ะ...อื้ม"ไม่ทันจะท้วงแวมไพร์เจ้าเล่ห์ก็ฉวยโอกาสฉกชิมความหอมหวานจากปากผม

   "เป็นแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์การเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์จะต้องอายุครบสิบแปด"มิน่าล่ะผมถึงสวยวันสวยคืนแข็งแรงเกินคนเกลียดแดดเปรี้ยงปร้างและเสน่ห์เหลือล้นที่เกิดจากพลังบางอย่างของแวมไพร์

   ...

   อยากถามต่อแต่กลัวโดนลวนลาม

   "สอนผมให้เป็นแวมไพร์แบบพี่เคาท์หน่อยสิ"อันนี้ไม่ใช่คำถามคงไม่โดนจูบ

   "มีข้อแลกเปลี่ยน"มันต้องเป็นเรื่องใต้สะดือแน่เลยไอ้แวมไพร์นี่มันคิดแต่เรื่องหื่นๆเป็นอย่างเดียวแหละ

   "ไม่ต้องแล้วก็ได้"เรียนรู้เองก็ได้วะ

   "ข้อแลกเปลี่ยนคือนอนด้วยกันนะ...นอนเฉยๆ"

   "ถ้านอนเฉยๆไม่ทำอะไรแบบนั้นก็ตกลง...ถ้าทำอะไรมากกว่านอนผมจะตอกลิ่มตัวเองให้ตายเลย"พูดไปงั้นแหละไม่กล้าบ้าบิ่นขนาดฆ่าตัวตายหรอก

"ครับ"พูดยิ้มๆแล้วผละออกจากการลวนลามผมก่อนจะเอนกายผิงโขดหินใกล้ๆ

   ผมได้เวลาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง น้ำแร่ทำให้ผมผ่อนคลายมากหรือนี่จะเป็นน้ำแร่วิเศษสำหรับแวมไพร์เพราะดูพี่เคาท์ก็ผ่อนคลายสบายใจเหลือเกิน

   ผมเริ่มชินกับการรับรู้ว่าตัวเองเป็นแวมไพร์คงเพราะเป็นมาก่อนหน้านั้นแล้วความเป็นแวมไพร์มันอยู่ในจิตสำนึกลึกๆทำให้ตอนที่รู้ว่าผมกลายเป็นอะไรไม่ค่อยช๊อคเท่าไรและตอนนี้ผมกำลังรู้สึกสนุกที่ได้เป็นแบบนี้ร่างกายผมก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมากรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งในร่างกาย

   ไหนๆผมก็เป็นแวมไพร์ไปแล้วแทนที่จะเสียใจนั่งเป็นทุกข์ก็ทำให้มันเป็นเรื่องสนุกไปดีกว่า

   ...ผมจะเป็นราชินีแวมไพร์ที่แข็งแกร่งให้ก็ได้พี่เคาท์...

   ป่านนี้พวกนั้นจะเป็นไงบ้างนะ คงกระวนกระวายเรื่องผมอยู่แน่แล้วพี่อดัมกับพี่อีฟจะตามหาผมอยู่หรือเปล่า

   "ไม่ต้องห่วงเรื่องพี่ของเธอหรอก พี่บอกพวกเขาแล้วว่าจะพาเธอมาฮันนีมูน"

   "พี่รู้ได้ไงว่าผมกำลังคิดถึงพี่ผมอยู่ แวมไตอ่านใจได้ด้วยหรอ"

   "อ่านใจไม่ได้หรอกเพียงแต่ใจเราสื่อถึงกันน่ะเลยรู้ทุกความสงสัยและกังวลของเอวา"มีงี้ด้วยหรอ

   "อธิบายให้มันชัดๆหน่อยสิ"บอกเลยว่าขนาดไอคิว 200 อย่างผมยังงง

   "เรื่องแบบนี้มันใช้หลักการอะไรแบบนั้นอธิบายไม่ได้หรอกนะครับ"

   "แล้วทำไมผมถึงไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นของพี่เคาท์บ้างละ พี่ไม่มีความรู้สึกหรอ...เห้ย ไม่เอา ไม่อยากรู้แล้ว"ไม่น่าถามเลยพอถามนี่กะจะฉกปากผมอย่างเดียว ฮึ่ม

   "หึหึ"ยังจะมาหัวเราะกวนส้นอีกไอ้แก่พันปีเอ้ย

   เราแช่น้ำแร่กันอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรอีกจนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเปื่อยเลยออกมาแต่งตัวก่อน ท้องก็ร้องโครกครากแล้ว อ้าว แวมไพร์ต้องกินเลือดนี่นาว่าแต่กินข้าวไม่ได้หรอถ้าถามจะถูกจูบมั้ยวะ ไม่เสี่ยงจะดีกว่า

   ตัดสินใจแล้วยังไงข้าวก็ดีกว่าเลือด (มั้ง)

   เวลานี้ผมกำลังลั้ลลาปาท่องโก๋ทำอาหารอยู่ในห้องครัวหรูหราครับ เครื่องมือพร้อมทุกอย่างของสดก็มีพี่เคาท์ต้องทำกินเองบ้างแน่เลย พอนึกถึงคฤหาสน์แบบปราสาทแห่งนี้แล้วทำไมกันนะถึงดูยังใหม่สะอาดฝุ่นไม่เกาะแถวนี้ก็เป็นป่าเหมือนไม่มีคนอยู่เลยด้วยซ้ำหรือมีแต่ผมไม่เห็น ว่างๆลองไปสำรวจเส้นทางซะหน่อยแล้วกัน

   "ทำอะไรอยู่ครับเอวา"ทำอาหารไปเรื่อยพี่เคาท์สวมกอดผมจากด้านหลังเกือบหั่นนิ้วตัวเองเพราะตกใจ

   "ปล่อยก่อนครับผมทำอาหารไม่ถนัด"

   "หิวก็ดื่มเลือดพี่สิไม่ต้องกินข้าวหรอก"

   "แต่ก็กินได้นิข้าวน่ะ"แอบหลอกถามไปในตัว

   "กินได้ ทำเผื่อพี่ด้วยนะ"นั่นไงกินได้ด้วย

   "ไปนั่งรอเถอะครับ"บอกอีกนัยคือเกะกะครับผมมม

   อาหารเสร็จพร้อมเสิร์ฟผมยกกับข้าวสองสามอย่างไปไว้บนโต๊ะแล้วตักข้าวให้พี่เคาท์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ กับข้าวไทยๆตัดกับบรรยากาศและสถานที่โดยสิ้นเชิงผมเป็นคนไทยก็ต้องกินของไทย ใช้ของไทย เที่ยวในไทยสิครับ

   "อร่อยดีนะแต่ไม่อิ่มหรอก ใช่มั้ย"ก็จริงครับ เห้อ ยังไงก็ไม่พ้นต้องกินเลือดสินะ

   "ให้กินเลือดพี่เคาท์ทุกวันแบบนั้นไม่ไหวหรอกครับ"เสี่ยงต่อความบริสุทธิ์ที่ผมเก็บไว้มานานปีด้วย

   พี่เคาท์ไม่พูดอะไรเดินฉับๆไปเปิดตู้เย็นใหญ่ข้างในมีถุงสีแดงสดที่ดูท่าว่าจะเป็นเลือดอยู่เต็มหลายถุง ผมเห็นแล้วกลืนน้ำลายหลายอึกเลยทั้งที่กินข้าวไปเยอะแล้วแต่พอเห็นเลือดก็หิวขึ้นมาดื้อๆ

   แก้วไวน์ที่มีของเหลวสีแดงสดของเลือดยื่นมาให้ผม ผมก็รับมาดื่มกินอย่างหน้ามืดตาลายควบคุมตัวเองไม่อยู่แต่รสชาติมันไม่อร่อยหอมหวานเหมือนเลือดของพี่เคาท์เลย

   "ที่พี่ต้องบังคับให้เอวาอยู่ที่นี่ก็เพราะเธอจะควบคุมตัวเองไม่ได้หากได้กลิ่นเลือดเพราะฉะนั้นพี่เลยให้เธออยู่ที่นี่เรียนรู้การควบคุมตัวเอง"ผมก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วยเพราะเมื่อพอผมได้กลิ่นเลือดผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกที

   เลือดในแก้วไวน์หมดแล้วความหิวของผมก็ทุเลาลง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาสีดำแพรวระยับใกล้มาก มากขึ้นจนหน้าผากแตะกัน ถูกนัยน์ตาคู่นั้นสะกดเอาไว้อีกแล้ว ลิ้นร้อนไล้เลียริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออก

   "เลือดติดปากแหนะ"

   ทำไมแวมไพร์เจ้าเล่ห์นี่ชอบทำผมเขินทุกทีสิน่า น่ารักแบบนี้ยอมเป็นราชินีแวมไพร์ให้ก็ได้ เชอะ



TBC.
จันทร์ถึงศุกร์จะเอามาลงให้ช่วงกลางคืนนะคะ แต่งสดนานหน่อยเพราะคิดแล้วคิดอีก 555 เหนื่อยจังเลยแต่ก็ยอมเหนื่อยเพื่อคนที่ติดตามอ่านค่ะ ติชมได้นะคะ
เอวาจะเชิดก็ไม่เชิดนะคะแต่อย่าให้เอวาปรี๊ดนะนางจะแข็งแกร่งกว่าเคาท์อีก :fire: คอมเม้นต์เป็นกำลังใจหน่อยนะคะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 2 [25/10/2015] Up! 100%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 27-10-2015 22:38:51
สนุกกกกกก ชอบมากด้วยค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ><

ปล. มีตรงที่ลงซ้ำนะคะ ตรง "เอวา เอวาเป็นอะไร" เห็นมีสองรอบอ่ะ

อันนี้อารมณ์ประมาณว่าเรียกชื่อแบบตกใจค่ะ เอวา!! เอวาเป็นอะไร ค่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 3 [27/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: baipai_bamboo ที่ 27-10-2015 22:52:54
รออ่านนะคะ ชอบมากกกกกกกกก(ก ไก่ล้านตัว)
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 3 [27/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 27-10-2015 23:50:29
สนุกกกกกก ชอบมากด้วยค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ><

ปล. มีตรงที่ลงซ้ำนะคะ ตรง "เอวา เอวาเป็นอะไร" เห็นมีสองรอบอ่ะ

อันนี้อารมณ์ประมาณว่าเรียกชื่อแบบตกใจค่ะ เอวา!! เอวาเป็นอะไร ค่ะ ฮ่าๆ

เง้อออ เค้าไม่ได้หมายความ่ายังงั้นน ไม่ได้หมายความว่าพิมพ์ชื่อซ้ำนะ T^T
หมายถึงหลังจากนั้นคนเขียนลงซ้ำไปหลายประโยคเลยค่ะ ลองอ่านดูดีๆ

หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 3 [27/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 28-10-2015 14:03:13
ยอมเป็นง่ายจัง
ได้คู่หมั้นน่ารักขนาดนี้หาที่ไหนได้เอวา
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 3 [27/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 28-10-2015 18:38:59
อ่านแล้วสนุกดีค่าา
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 4 จิน [28/10/2015] อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 28-10-2015 20:10:27
ตอนที่ 4 จิน



   เมื่อคืนหลังจากกินข้าวกินเลือดเสร็จผมก็เข้านอนเลยแต่ไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์ก็ก่อกวนผม แทะเล็มลวนลามไม่เลิก

   'ไหนบอกว่าจะนอนเฉยๆ ห้ะ'

   'ก็ไม่ได้บอกว่าห้ามแตะต้องตัวเอวานิ'

   เถียงกลับมาหน้าด้านๆจนผมต้องใช้อำนาจมืดในการขู่พี่เคาท์ให้หยุดกระทำการลวนลาม

   'ถ้ายังไม่หยุดผมจะไม่พูดด้วยเลย'

   'ยังไงเอวาก็ต้องพูดกับพี่อยู่ดี'

   'ถ้าพี่เคาท์ยอมนอนอยู่เฉยๆ...ผมจะให้ดูดเลือดผม'เห็นว่าชอบเลือด

   'ข้อเสนอน่าสนใจ'

   'ตกลงมั้ยครับ'

   'ครับ'

   เท่านั้นแหละพี่เคาท์ก็ฝังเขี้ยวแหลมคมที่ซอกคอผม ตอนแรกที่กดเขี้ยวลงซอกคอผมเจ็บแปล๊บแต่สักพักก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกมันเหมือนกับล่องลอยอยู่ในห้วงอารมณ์ เสียงดูดเลือดจ๊วบจ๊าบดังอยู่ข้างหูผมยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบได้ดี มือหนาลูบไล้เข้าไปในสาบเสื้อของผมแต่ผมก็มีสติพอที่จะห้ามไว้ เกือบไปแล้ว!

   'นอนเถอะ ผมง่วงแล้ว'

   'น่าเสียดายจัง'

   แล้วคืนนั้นผมก็หลับสบายโดยไม่โดนก่อกวนอีกแต่ตกดึกผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบกอดผมอยู่ผมก็รู้ว่าถูกพี่เคาท์กอดแต่ก็ไม่ได้ผลักไสแต่อย่างใด น่าแปลกที่แวมไพร์ 2 ตนที่ปกติผิวกายจะเย็นเชียบ กอดกันแต่กลับอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
.
.
.   
   รอยกัดที่คอผมสมานกันแล้วจางหายไป แวมไพร์ใหม่ๆความสามารถทางการรักษาร่างกายตัวเองจะล่าช้า ผมนั่งมองคนข้างกายที่หลับตาพริ้มอยู่ตอนหลับดูน่ารักมากกว่าตอนตื่นแล้วทำหน้าตากรุ่มกริ่มเสียอีก

   เช้านี้ผมว่าจะสำรวจบริเวณพื้นป่าแถวนี้ก่อนแล้วก็ฝึกเคลื่อนที่ตัวเองเร็วๆผมพอจะรู้บ้างก็ผมเป็นแวมไพร์ก็ต้องมีสัณชาตญาณบ้างไรบ้าง

   ผมอาบน้ำแล้วเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุดที่มีเสื้อผ้าแขวนเรียงรายกันเป็นแนวยาวไปสุดลูกหูลูกตา รองเท้าก็อยู่ในตู้ขนาดใหญ่ เซตเครื่องประดับวางเด่นหราระยิบระยับอยู่ในตู้กระจกนี่มันห้องแต่งตัวในฝันของใครหลายๆคนเลยนะเนี่ย ผมเลือกชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกางเกงหนังสีน้ำตาลขาสั้นตบท้ายด้วยรองเท้าบูธสีน้ำตาลเข้มเพื่อลุยป่า

   ที่นี่น่าจะมีห้องเก็บอุปกรณ์ล่าสัตว์นะก็เป็นคฤหาสน์แบบปราสาทขนาดใหญ่แถมยังอยู่ท่ามกลางป่าไม้และสิงสาราสัตว์ ผมเลยเดินเปิดดูทุกห้องจนครบทุกห้องในชั้น 2 ส่วนใหญ่เป็นห้องนอน มีห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีบันไดขึ้นไปอีกด้วย หนังสือเยอะแยะมากมายผมต้องหาเวลามานั่งอ่านบ้างแล้วล่ะแต่ละเรื่องที่เห็นผ่านๆนี่เป็นหนังสือเก่าๆระดับมหายุคทั้งนั้น มีห้องซ้อมต่อสู้ด้วยแต่มีแต่ดาบซามูไร กระบอง อะไรต่างๆนานาที่ผมใช้ไม่เป็น ผมใช้เป็นแต่ธนู ปืน และมีดสั้นเท่านั้นซึ่งผมกำลังมองหาสิ่งเหล่านั้นอยู่

   ในเมื่อไม่มีสิ่งที่ผมต้องการผมก็เดินไปดูที่ชั้นล่างซึ่งมีแต่ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องดนตรีที่มีเครื่องดนตรีอยู่ทุกชนิดยกเว้นเปียโนที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ห้องโถงที่นี่มีอะไรให้ทำตั้งเยอะ เดี๋ยวมาเล่นเปียโนดีกว่า บางห้องผมก็เปิดไปดูไม่ได้เพราะมันล็อคอยู่แล้วผมก็ไปดูข้างนอกที่มีโกดังอยู่ข้างๆดูเหมือนจะเป็นห้องเก็บของ

   "แค่กๆ"เปิดประตูเข้าไปฝุ่นที่อยู่ข้างในก็กระจายตัวออกมาจนผมต้องปิดจมูก ข้างในไม่ถึงกับเก่าคร่ำครึแต่ก็ยังมีฝุ่นจับอยู่

   ห้องเก็บของเก่างั้นหรอแต่ละอย่างผมไม่เคยเห็นมาก่อนบ้างเคยเห็นแต่ในหนังสือบ้าง ผมมองสิ่งเหล่านั้นอย่างหลงใหลมันดูมีมนต์ขลังจนอยากใช้นิ้วมือสัมผัสลูบไล้แต่ไม่สามารถทำได้เพราะมันเหมือนของมีค่าที่กลัวว่าจับแล้วจะเสียหาย

   แล้วก็เดินมาเจอธนูคันหนึ่งแขวนอยู่บนผนังโดดเด่นกว่าใครเพื่อน มันดูใหม่แต่ก็เก่า อยากได้จังแต่มีเจ้าของแล้ว เสียดายอ่า (เป็นคนจำพวกไม่ใช้ของมือสอง)

   "อยากได้หรือ"เสียงทุ้มเอ่ยออกมาผมรีบหันไปมองคนแปลกหน้าอย่างตกใจ

   รูปร่างสูงใหญ่กำยำผิวสีแทนเข้มหน้าตาเข้มๆหล่อเหลาแบบชาวเอเชีย แต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมือง แถวนี้มีคนอยู่ด้วยหรอ

   "ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครหรอ...เอ่อ ผมชื่อเอวานะเป็นน้องของเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้"

   "ข้าชื่อจิน...ท่านเคาท์มีน้องด้วยหรือ"คนคนนี้รู้จักพี่เคาท์ด้วยแหะ เขารู้จักถึงขั้นไหนกันนะแล้วรู้หรือเปล่าว่าพี่เคาท์เป็นแวมไพร์

   "ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดคุณจินคงไม่รู้ว่าพี่เคาท์มีน้องชาย พี่ไม่ได้บอกคุณจินหรอครับ"

   แถเอาตัวรอดไปก่อนใครจะยอมรับล่ะว่าเป็นคู่หมั้นไอ้แวมไพร์หื่น เป็นราชินีแวมไพร์กับเป็นคู่หมั้นนี่มันต่างกันนะ สรุปคือผมไม่ยอมเป็นคู่หมั้นให้พี่เคาท์หรอก รอให้ผมแข็งแกร่งก่อนเถอะจะเชิดให้ดู

   "เรียกผมว่าจินเถอะครับ แล้วคุณหนูเอวามาทำอะไรที่นี่หรือครับ"หลังจากพี่จินรู้ว่าผมเปนใครการพูดการจาจากที่แข็งๆก็อ่อนนุ่มลง

   "ผมอยากไปสำรวจป่าแถวนี้หน่อยน่ะครับแล้วก็อยากได้ธนูหรือมีดเล่มเล็กไว้ป้องกันตัวครับ"

   "คุณหนูก็เลยสนใจธนูคันนี้สิน่ะครับ"

   "เอ่อ ใช่ครับ...มันดึงดูดใจมากเลย"พูดพลางมองธนูสีเงินเงางามวับอย่างหลงใหล

   "เป็นธนูที่สมกับประวัติแวมไพร์มากเลยล่ะครับ"

   "ประวัติอะไรหรอ"ว่าแล้วว่าธนูคันนี้ไม่ธรรมดา

   "ธนูคันนี้เป็นของตกทอดของตระกูลผมครับเป็นธนูที่สามารถใช้ฆ่าแวมไพร์ได้..."เอ้าเวร กูไปหลงใหลได้ปลื้มกับธนูที่สามารถฆ่าผมได้ไงเนี่ย

   "...ปู่ของผมเล่าว่าครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วนับพันปีมีหญิงสาวที่งดงามมากกว่าหญิงคนไหนๆ มีนามว่าแอนเดรียเป็นคนรักของแวมไพร์หนุ่มเธอปกป้องคนรักของเธอให้พ้นจากการถูกนักล่าแวมไพร์ตระกูลของผมฆ่า เธอเอาตัวเองมาบังร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสของคนรักจนธนูปักเข้าที่หัวใจเธอพุ่งเข้าใส่นักล่าแล้วดึงศรธนูมาแทงนักล่าจากนั้นเธอก็ตายจมกองเลือด เลือดของแอนเดรียไหลรินไปโดนคันธนูจนคันธนูกลายเป็นสีแดงฉาน"

   "แล้วรู้ได้ไงครับว่าเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้จริงๆในเมื่อนักล่าแวมไพร์ตระกูลพี่จินถูกแทง หรือว่ารอดมาได้"

   "รอดมาได้ครับเพราะมีคนมาช่วยไว้ทันและนำเอาธนูสีแดงคันนั้นไปด้วยส่วนคฤหาสน์ที่แอนเดรียและคนรักที่เป็นแวมไพร์อาศัยอยู่ก็ถูกชาวบ้านที่มาช่วยนักล่าเผาไปพร้อมกับแอนเดรียและแวมไพร์ของเธอ"ทำไมมนุษย์ใจร้ายใจดำอำมหิตแบบนี้วะ จิตใจทำด้วยอะไร

   "แล้วทำไมตอนนี้ธนูถึงเป็นสีเงินล่ะครับ"

   "ปู่บอกว่าใช้เงินแท้เคลือบไว้อีกทบครับแต่หลังจากนั้นธนูคันนี้ก็ไม่สามารถฆ่าแวมไพร์ตัวไหนได้อีก คงเป็นเพราะคำสาปจากเลือดของแอนเดรีย"

   ได้ยินแบบนี้ก็โล่งใจหายห่วงไม่น่าละผมถึงรู้สึกว่าธนูคันนี้เหมือนมีมนต์ขลังที่แท้ก็เป็นเพราะความบริสุทธิ์ของความรักที่แอนเดรียมีต่อแวมไพร์หนุ่มคนนั้นก่อนตายเธอคงขอให้ธนูคันนี้ไม่สามารถฆ่าแวมไพร์ตนไหนได้อีก

   "แล้วทำไมธนูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ"

   "ก็พี่ชายของคุณหนูขอซื้อมาจากตระกูลผมน่ะครับ"

   "อ๋อ"

   "คุณหนูอยากได้ธนูกับมีดสั้นใช่มั้ยครับ ที่บ้านผมทำขายอยู่สนใจไหมครับ"

   "สนใจสิ"ผมพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันควัน

   "ถ้างั้นเราเข้าหมู่บ้านกันเถอะครับบ้านผมอยู่ที่นั่น ผ่านป่าไปสี่ห้ากิโล"

   "แถวนี้มีหมู่บ้านด้วยหรอ"ทำไมผมไม่เห็นเลยนะต้นไม้คงบังหมูบ้านไว้มิด

   "ครับ"พี่จินพูดพลางผายมือให้ผมเดินก่อนจะเดินตามผมมาแล้วปิดประตูลงกลอนให้

   "พี่จินมาทำอะไรที่นี่หรอ"มาลักลอบแอบฆ่าพี่เคาท์หรือเปล่าแต่ดูจากลักษณะท่าทางเหมือนจะไม่รู้ว่าพี่เคาท์เป็นแวมไพร์เลยแคมยังเรียกว่าท่านเคาท์

   "พี่เอาสินค้ามาส่งน่ะ ท่านเคาท์เป็นลูกค้ารายใหญ่ของหมู่บ้านเราน่ะของที่จำเป็นท่านเคาท์จะสั่งซื้อแล้วให้เอามาส่งที่นี่ทุกเดือน ผมเป็นตัวแทนรวบรวมสินค้ามาส่งแล้วพอดีจะเข้ามาดูธนูก็เจอคุณหนูเอวานี่แหละครับ"ไม่น่าถึงมีของสดในตู้เต็มเพราะช่วยอุดหนุนหมู่บ้านให้มีรายได้นี่เอง ก็เป็นตาแก่ที่ดีนี่นา

   "อ๋อครับ ไปกันเถอะ"อะไรนะ หาว่าผมใจง่ายยอมไปกับคนแปลกหน้างั้นหรอ ผมว่าเขาดูไม่มีพิษสงอะไรนะครับออกจะเป็นคนดีขยันขันแข็งาุภาพบุรุษอ่อนน้อมถ่อมตนผิดกับไอ้แวมไพร์หื่นที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง(มั้ง)

   "เดี๋ยวผมไปเอาม้ามาให้นะครับ"ว่าแล้วพี่จินก็เดินไปหลังโกดังแล้วเดินกลับมาพร้อมกับม้าสีดำสวยสง่าตัวหนึ่ง

   "ม้าพี่จินสวยจังเลยนะครับ"

   พี่จินจูงมันมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมสบตาสีดำของมันก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปลูบหัวมันสะบัดหน้าหนีนิดนึงผมก็ตามไปลูบหัวมันจนสำเร็จผมลูบมือขึ้นลงเบาๆพร้อมสบตามันไปด้วยให้มันเชื่อใจผม(ทริคในการขึ้นขี่ม้าครั้งแรกโดยไม่โดนพยศใส่)

   "ไม่ใช่ม้าผมหรอก ม้าของท่านเคาท์น่ะ"

   "ครับ"ผมขานรับพี่จินแล้วพินิจม้าสีดำสวยตรงหน้า อืม ให้ชื่อนิลมังกรแล้วกัน อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยครับผม

   "ขึ้นเลยครับเดี๋ยวพี่จับให้"

   ผมพยักหน้าน้อยๆก่อนจะอ้อมไปข้างตัวนิลมังกร(ทางที่ดีต้องกระโดดขึ้นจากตูดม้านะครับถ้าอยากโดนดีด 555)ผมเหยียบที่เหยียบขึ้นคร่อมนิลมังกรสำเร็จแล้วครับจากที่ตอนแรกๆเงอะงะจะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ ก็ครั้งแรกนี่หว่า ม้าก็ไม่ใช่ตัวเตี้ยๆนะ

   "ขี่ม้าไม่เป็นสินะครับ ทำตามที่ผมบอกนะ"

   "อ่าครับ"ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเอวาหรอกฉลาดและเรียนรู้เร็วเชื่อสิสอนแปปเดียวผมก็จะขี่ม้าคล่องปรื๊อเลย

   "จับเชือกไว้เพื่อควบคุมม้านะครับตวัดเชือก..."

   ไหนตวัดซิ

   "เหี้ยยยยยยย"

   เพียงแค่ตวัดเชือกแรงๆม้านิลมังกรของผม(ตอนนี้)ก็กระโจนวิ่งทะยานสะท้านนรกลงเนินเขาไปอย่างเร็วแรงแซงทางโค้งยิ่งกว่าฟาสเจ็ดผมที่ตั้งตัวไม่ทันกับความเร็วไวแสงในการวิ่งควบกรับกรับของนิลมังกรเกือบหล่นไปคลุกขี้ดินดีที่ว่าผมคว้าอานมันได้ สภาพตอนนี้ของผมเลยอุบาว์ทเกินคำบรรยาจนต้องขอเซนเซอร์ภาพไว้ไม่ให้ออกอากาศ ผมกำลังห้อยหัวโตงเตงดมไข่เจ้านิลมังกรอยู่ครับ ฮือออออ

  พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย ไข่ม้ามันตีหน้าผมอยู่ ช่างอัปยศอดสูนัก :o12:
 
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 4 จิน [28/10/2015] อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 28-10-2015 22:36:39
   ผมได้ยินเสียงร้องตกใจของพี่จินเดาว่าพี่แกคงกำลังรีบควบม้าตามมาแต่คงต้องควบเบาๆเพราะพี่แกนั่งเกวียนไง ซวยล่ะสิ ผมคงต้องช่วยตัวเองไม่ใช่ช่วยตัวเองแบบนั้นนะครับใครจะบ้ามาช่วยตัวเองในสถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานขนาดนี้

   เคยอ่านหนังสือคู่มือการขี่ม้าอยู่ครับเขาให้กระตุกเชือกแต่มือผมไม่ว่างไงจับอานม้าประทังชีวิตอยู่ แล้วต้องทำไงละวะเนี่ยคู่มือก็ช่วยไรไม่ได้เลยแต่เอ๊ะ ผมเป็นแวมไพร์นี่หว่าเคยดูหนังเรื่องแดร๊กคิวล่าอยู่แล้วมันเหมือนแวมไพร์ป่ะวะ เออช่างมันเถอะ แวมไพร์ = ค้างคาว ผมจะแปลงร่างแล้วนะครับแต่ต้องแปรงบนด้วยเดี๋ยวฟันผุ ขำๆแก้เครียดเนอะ มันใช่เวลามานึกมุขตลกที่ไหนล่ะ

   อืม...หลับตาลงแล้วนึกถึงค้างคาว จงแปลงเป็นค้างคาวซะ!

   ผ่านไปสัก 3 วิ ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา โป๊ะเชะ! ไม่ได้ผลครับพี่น้องข้าน้อยยังห้อยหัวดมกลิ่นไข่ดำของเจ้านิลมังกรมันอยู่ ที่ไม่ได้ผลเพราะผมลืมท่องคาถาประจำตัวเวลาแปลงร่างงั้นสินะ เอาใหม่

   อืม...พลังแห่งแวมไพร์ จงสำแดงฤทธาเป็นค้างคาว ณ บัดนี้(ลิขสิทธิ์จากเซเลอร์มูน)

   ค่อยๆลืมตาอีกทีปรากฎว่าได้ผลแหละ

   ...

   ซะที่ไหน มันไม่ได้ผลเลยแสดงว่าหนังมันหลอกแวมไพร์แปลงร่างไม่ได้ งือ ทำไงดีละเนี่ยอุส่าห์ยอมทำตัวปัญญาอ่อนไปเมื่อกี้ ภาพพจน์ที่ดีงามในตอนแรกตอนนี้ทุกคนคงเห็นผมเป็นไอ้บักควายปัญญาอ่อนไปแล้วแน่

   แต่เห้ย เดี๋ยวนะผมเป็นแวมไพร์ที่สามารถรักษาตัวเองได้ทำไมไม่ยอมปล่อยมือให้ตกๆไปจะได้เจ็บตัวนิดเดียวจบเรื่องดีกว่าทนดมไข่ม้าแล้วถ้ามีแผลก็จะสมานเอง ทำไมผมถึงเพิ่งคิดได้วะ ผมไอคิว 200 นะเว้ย กะอีแค่เรื่องเล็กประจิ๋วหลิวดั๊นนนคิดไม่ได้

   พอผมจะปล่อยมือเท่านั้นแหละไอ้ม้านิลมังกรก็หยุดกึกแล้วเดินจ๊อกกิ้งไปเล็มหญ้ากิน อิม้าเลวววว อิม้าชั่วววว แล้วผมก็คลานดึ๊บๆออกมาจากไข่นิลมังกรพลางยืนขึ้นสูดอากาศสดชื่นเต็มปอดทดแทนมลพิษที่ผมสูดดมไข่ม้า

   ผมมองไปรอบตัวที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดแต่ละต้นสูงเสียดฟ้ากันทั้งนั้นบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์และไม่มีใครบุกป่าเข้ามาทำลายก็คงจะมีแต่ชาวบ้านที่บุกเข้ามาเก็บสมุนไพรเก็บผักผลไม้ไปทำมาหากิน ที่นี่จึงสวยยิ่งกว่าป่าไหนๆ (เพราะฉะนั้นเราควรอนุรักษ์ธรรมชาติกันไว้นะครับ)

    "คุณหนูเอวา"เสียงพี่จินตะโกนมาแต่ไกลพี่จินนั่งรถม้าลากเกวียนเร่งเครื่องมาหาผมแต่ก็เร่งได้แค่เต่าตงคลาน

   "เป็นอะไรมั้ยครับ"เป็นสิเป็นมากด้วย ลองมาดมไข่ม้าบ้างมั้ยล่ะ

   "ไม่เป็นอะไรครับ"โกหกเพื่อความสบายใจของพี่จินเพราะหน้าพี่แกก็เสียขวัญมากพอแล้ว

   "ทีหลังรอฟังผมพูดจบก่อนนะครับทำแบบนั้นมันอันตรายถ้าคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมาท่านเคาท์เอาผมตายแน่"ก็รู้นะว่าพี่เคาท์โหด(หื่น)แต่คงไม่ขนาดเอา(กัน)จนตายเลยมั้ง

   "ผมก็ไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง เราไปหมู่บ้านกันเถอะ"

   "ครับ"พี่จินคลายหน้าเครียดให้อ่อนลงผมจึงขี่ม้าอีกครั้ง คราวนี้จะไม่อวดเก่งแล้วครับ เข็ดแล้วเจ็บแล้วจำครับ คติใหม่ผมคือ เจ็บแล้วคลำคือคนเจ็บแล้วดมคือควายย

   "ต้องทำยังไงบ้างครับ"

   "จับเชือกไว้ให้มั่นแล้วแตะส้นเท้ากับท้องม้านะครับถ้าจะให้เลี้ยวกระตุกเชือกข้างนั้นเบาๆนะครับถ้าจะให้หยุดก็ดึงเชือกครับ"

   ผมก็ค่อยๆทำค่อยเป็นค่อยไป คราวนี้ผมทำได้ เย้ๆ นิลมังกรก็เดินกระย่องกระแย่งเรื่อยๆครับผมหยุดและรอให้พี่จินนำหน้าไปก่อนแล้วตีฝีเท้านิลมังกรให้เดินเหยาะๆเลียบข้างพี่จิน

   "เก่งมากเลยคุณหนู เรียนรู้ได้ไวมากเลยครับ"ผมก็ยิ้มรับคำชมอย่างภาคภูมิใจ

   "เอ่อ คุณหนูยิ้มสวยมากเลยนะครับตอนแรกที่เห็นผมนึกว่าคุณหนูเป็นผู้หญิงซะอีก

   "พี่จินเกาคอเก้อเขินเมียงมองใบหน้าของผมไปยันส้นเท้าแล้วกลับมามองหน้าผม ลวนลามทางสายตารึเปล่าเนี่ย

   "ฮ่ะๆ แล้วภรรยาพี่จินไม่มาด้วยกันหรอครับ"

   "ผมไม่มีเมียหรอกครับ"คงอยากมีผัวสินะครับ คิคิ

   "อ๋อครับ"

   "แต่ถ้าคุณหนูไม่ใช่น้องชายท่านเคาท์ผมก็คงจะจีบมาเป็นแม่ของลูก"

   "ถ้าเป็นพี่จินผมก็ยอมให้จีบนะครับ"ไม่ได้อ่อยนะครับแค่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ

   "แต่ผมก็ไม่คู่ควรกับคุณหนูหรอกครับ"แค่ร่างกายเราเข้ากันได้ก็พอ(อุ้ย แรงงงงส์)

   "มันไม่ได้อยู่ที่ชนชั้นหรือตัดสินไปเองว่าไม่คู่ควรหรอกครับพี่จินมันอยู่ที่ตรงนี้"แล้วผมก็ชี้ไปที่อกซ้ายของพี่จินที่มีหัวใจเท่าฝ่ามือเต้นตึกตักอยู่ อิจฉาพี่จินที่หัวใจยังเต้นแต่ของผมมันตายไปตั้งแต่คืนนั้นแล้ว

   "ผมขอเรียกคุณหนูว่าเอวาได้มั้ยครับ"

   "ได้อยู่แล้วครับ"

   "เอวานี่เป็นเด็กดีจังเลยนะครับ...พี่ชอบ"นี่คือคำสารภาพรักหรือเปล่า อะไรกันๆเจอแค่วันเดียวก็ชอบผมซะแล้ว ผมนี่เสน่ห์แรงดีไม่มีตก

   "แหะๆ"ไม่น่าอ่อยเล่นๆเลย ดูพี่จินจะรุกผมน่าดู

   แล้วเราก็คุยนั่นนี่กันตามประสาคนเพิ่งรู้จักกัน พี่จินถามผมไม่หยุดอยากรู้เรื่องของผมเกินหน้าเกินตาผมก็แถสิครับมีเรื่องจริงอยู่แค่ 1 ส่วน 100 % เท่านั้นที่เหลือกูด้นสดครับ

   ทั้งวันมานี้ผมเกือบลืมเจ้าแวมไพร์จอมเจ้าเล่ห์ไปเลย ป่านนี้จะตื่นแล้วรึยังถ้าตื่นมาแล้วไม่เห็นผมจะทำยังไง คงไม่เป็นอะไรหรอก
     

   


   TBC.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หักมุมแล้วหักมุมอีกนะคะ สปอยเท่านี้พอเนอะ
แมวเป็นอีกคนที่เกลียดมาม่ามาก อ่านนิยายที่มีมาม่าทีไรน้ำตาไหลพรากทุกที เรื่องนี้เลยจะไม่มีมาม่า
ปล.อย่าเชื่อคนแต่งมากค่ะเพราะเราจะหักมุม ก๊ากกกฮ่าๆๆๆ :laugh: 
ปล.2 ขออภัยอย่างแรงสูงต่อ nekodollzz นะคะ มันซ้ำจริงด้วย แฮร่ ขอบคุณนะคะ >< (ชื่อไอดีเราคล้ายกันเลย อิอิ) :ruready
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 4 จิน [29/10/2015] อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 29-10-2015 15:20:29
อิมเมจเคาท์ค่ะ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่ 4 จิน [29/10/2015] อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 29-10-2015 15:22:20
อิมเมจเอวาค่ะ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ อิมเมจตัวหลัก [29/10/2015] อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 29-10-2015 17:37:34
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ อิมเมจตัวหลัก [29/10/2015] อัพ
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 29-10-2015 23:58:05
เอวาาา ไปแกล้งอ่อยคนอื่นแบบนี้ระวังจะโดนหึงโหดนะ
จัดหนักๆเลยท่านเคาน์ 5555

ปล.แรงสูงเลยหรอคะ 555
ไม่เป็นไรค่ะคนเขียน เค้าแค่กลัวกลับมาอ่านแล้วงงๆอีก เลยอยากให้แก้ง่ะ
หัวข้อ: Re: The Queen number oneเพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่5 ข่มขืน [30/10/2015] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 30-10-2015 20:46:23
ตอนที่ 5 ข่มขืน



   และแล้วเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านของชาวพื้นเมืองที่อาศัยอนู่ในเกาะแห่งหนึ่ง หมู่บ้านจันทราเป็นหมู่บ้านเล็กมีชาวพื้นเมืองอยู่ไม่ถึง 100 คน บ้านปลูกตามข้างทางตรงกลางเป็นถนนดินขนาดเล็กให้เกวียนผ่านไปได้ ข้างทางมีร้านค้าต่างๆนานาเล็กน้อยผมควบม้าตามพี่จินระหว่างทางเหล่าชาวบ้านก็ทักทายปราศรัยกับพี่จินแล้วถามว่าผมเป็นใครพอพี่จินตอบว่าผมเป็นน้องพี่เคาท์เหล่าชาวบ้านก็มองผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนทักทายผมเล็กๆน้อยๆผมก็ยิ้มรับ

   ควบนิลมังกรมาเรื่อยๆจนถึงท้ายหมู่บ้านก็ถึงบ้านของพี่จินที่เป็นร้านขายอุปกรณ์ล่าสัตว์และร้านตีเหล็ก บ้านของพี่จินมี 2 ชั้นเป็นบ้านไม้ที่ดูเก่าแก่ไม่เหมือนบ้านของคนอื่นๆในที่นี้ที่จะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว

   "นิลมังกรแกอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันกลับมาหา"สั่งเสียกันเรียบร้อยผมก็เดินตามพี่จินเข้าบ้าน

   "นั่นใครกันหรือจิน"เสียงอ่อนหวานดังขึ้นเมื่อผมเข้ามาในห้องรับแขกที่มีเตาผิงให้ความอบอุ่น

   "นี่เอวา น้องชายท่านเคาท์ครับแม่"ผมโค้งตัวลงให้คนที่แก่กว่าที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของพี่จิน

   "หืม แล้วคุณเอวามากับเองได้ยังไง เองไปลักตัวคุณเขามารึเจ้าเด็กบ้านี่"มือบางฟาดไปที่หลังของพี่จินเบาๆ

   "โถ่แม่ เห็นผมเป็นคนยังไง...น้องเอวาอยากได้คันธนูไปล่าสัตว์ผมเลยพามาอุดหนุนร้านเราต่างหาก"ผมหัวเราะให้กับท่าทางออดอ้อนของพี่จิน มันดูน่ารักดีนะครับถ้าพี่เขาจะตัวเล็กน่ารักกว่านี้

   "เอ้า แล้วทำไมเองไม่รีบบอกข้าให้เร็วกว่านี้ เห็นมั้ยเจ็บตัวเลย...@#*$€฿๏€@&"แล้วคำพูดสมัยพ่อขุนรามที่ผมไม่รู้เรื่องก็พ่นออกมาจากปากของแม่พี่จิน ชาวพื้นเมืองที่นี่คงจะล้าสมัยมาก

   "เหมี่ยว เธอจะเสียมารยาทกับแขกกิตติมศักดิ์ของเราแบบนี้ไม่ได้นะ"

   ชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายพี่จินเดินออกมาจากประตูบานหนึ่งที่ข้างในน่าจะเป็นคลังเก็บอาวุธเพราะผมเห็นดาบวางประปรายอยู่ข้างใน

   "อ่ะจริงสิ ดิฉันของโทษคุณเอวาด้วยนะคะ"คุณแม่หน้าอ่อนหันมาขอโทษขอโพยผมที่ยืนเหรอหราอยู่

   "เรียกผมว่าเอวาอย่างเดียวเถอะครับ คุณแม่อายุเยอะกว่าผมอีก"สั้นๆง่ายๆคือแม่แก่อ่ะครับ

   "เอางั้นรึ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ประเดี๋ยวข้าไปเอาน้ำมาให้เองก่อนแล้วกัน เชิญเองนั่งเลย"

   ข้ามขั้นไปไกลแล้วนะครับแม่ เรียกผมซะสนิทสมนมอย่างกับคุยกับลูกชายตัวเอง เห็นหน้าตาอ่อนโยนแต่กลับเซี้ยวเอาเรื่อง ผมก็เดินไปนั่งตรงโซฟาหนังสัตว์ใกล้ๆเตาผิง อุ่นดีครับหลังจากหนาวมานานก็ไม่หนาวหรอกก็ผมเป็นแวมไพร์หนังหนานี่

   "ข้าชื่อเผ่าเป็นพ่อของไอ้จินมัน"พอแม่พี่จินเดินหายไปในห้องครัวหลังบ้านพ่อเผ่าก็แนะนำตัวเอง มองใกล้ๆแล้วหน้าตาคล้ายลูกชายตัวเองมาก ไม่สิ ต้องบอกว่าพี่จินได้รูปร่าง หน้าตาของพ่อมาหมดเลย

   "ผมชื่อเอวาเป็นน้องของพี่เคาท์ครับ"

   "ข้าได้ยินว่าเจ้าอยากได้ธนูไปล่าสัตว์สินะ"ก็ไม่เชิงล่าสัตว์หรอกครับแค่อยากได้ไว้ป้องกันตัวหากจะมีสัตว์ดุร้ายมาคุกคามอาจจะป้องกันตัวเองจากเจ้าแวมไพร์จอมหื่นด้วย

   "ใช่แล้วครับพ่อ"พี่จินตอบแทน

   "ข้าไม่ได้ถามเองไอ้จิน อย่าสอด"อุ้ย พี่จินโดนพ่อหาว่าเสือกหน้าพี่แกนี่แหยลงเลย

   "ครับ ผมอยากได้ธนูกับมีดสั้นน่ะครับ"แต่ผมต้องซื้อนิหว่าไม่ใช่ของฟรี ประเด็นคือผมไม่มีตังค์ครับลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย คงต้องชวดไปก่อนวันนี้ก็กลับไปขโมยเงินพี่เคาท์พรุ่งนี้ค่อยมาซื้อก็คงไม่เสีนหลาย

   "เจ้าไม่ต้องซื้อหรอกเอวา ข้าให้"พ่อท่านบอกอย่างใจดีของฟรีทั้งทีไม่รีบตะครุบไว้ก็โง่เต็มทรแล้วครับ ใครว่าของฟรีไม่มีในโลก มีอยู่นี่ไง

   "ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงใจไม่อยากรับของใครมาฟรีๆ"เล่นตัวหน่อยดีกว่าเดี๋ยวเขาจะหาว่าผมเห็นแก่ของฟรี

   "ฟรีคืออะไรหรือน้องเอวา"พี่จินถามพร้อมทำหน้างง

   "หมายความว่าของที่ให้โดยไม่รับสิ่งตอบแทนครับ"

   "อย่างนั้นเองหรือ เป็นคำที่แปลกดีนะครับว่ามั้ยพ่อ"หันไปขอแนวร่วมช่วยความแปลกของคำเล็กๆคำหนึ่ง

   "เออ"พ่อเผ่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

   เอ่อ...อยู่ที่นี่คงดักดานมากสินะก็อย่างว่าแหละที่นี่อย่างกับยุคสมัยก่อนที่ไม่มีเทคโนโลยี ไฟบ้านก็ไม่มีต้องใช้ตะเกียงจะพูดคุยกันไกลๆก็ใช้จดหมายเขียนถึงกันเอา ไฟฟ้าอะไรก็ไม่มี น้ำอาบก็ต้องตักมาจากแม่น้ำเอาแต่ผมก็ชอบอะไรแบบนี้นะครับที่นี่ไม่มีมลพิษเลยต่างจากที่ที่ผมอยู่มาก ผู้คนของชาวพื้นเมืองที่นี่ก็รักใคร่สามัคคีกันทำมาหากินอย่างขยันขันแข็ง

   "ที่ข้าอยากให้เพราะข้าอยากตอบแทนที่พี่ชายของเจ้าช่วยเหลือเกื้อกูลหมู่บ้านจันทราของเราไว้ต่างหาก"

   "แต่..."

   "หรือเจ้าจะปฏิเสธความหวังดีของข้า"ไม่ได้จะปฏิเสธซะหน่อยก็แค่เล่นตัวพอเป็นพิธีเท่านั้นเอง

   "ก็ได้ครับ"บารมีของพี่เคาท์นี่มันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย

   "ประเดี๋ยวข้าจะออกไปทำธุระ เจ้าอยู่รอก่อนได้ใช่ไหม"

   "ได้ครับ"

   พ่อเผ่าพนักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบถุงใบใหญ่แบกไว้บนบ่าเดินออกจากบ้านไป

   "พ่อน่ะชอบพูดไว้แบบนี้แล้วก็หายไปเลย ครั้งนี้ก็คงไม่กลับมาหรอกกว่าจะกลับก็ตีสองตีสามนั่นแหละ"พี่จินพูดกลั้วหัวเราะ

   "อ้าว แล้วงี้ผมจะทำยังไงอ่ะครับ"

   "อย่างนั้นอยู่ทานข้าวเย็นกับพี่ก่อนนะแล้วเดี๋ยวพี่พาไปดูอาวุธที่เอวาอยากได้"อยากจะอยู่ต่อสักหน่อยนะแต่นี่ก็จะมืดแล้ว ป่านนี้พี่เคาท์จะเป็นไงมั่งก็ไม่รู้ อ๊ะ นี่ผมไม่ได้ห่วงมันหรอกนะแค่คิดว่าจะแอบไปขโมยเงินมันยังไงก็แค่นั้น

   "คงไม่ได้หรอกครับเดี๋ยวพี่เคาท์เป็นห่วงผม"

   "นะครับ พี่ขอ"และผมจะขอยืนยันคำเดิมครับว่า...

   "ก็ได้ครับ"เห็นสายตาอ้อนวอนแบบนั้นแล้วใจอ่อนยวบครับผมแพ้สายตาแบบนี้ยกเว้นสายตาอ้อนวอนของจอมหื่นอย่างพี่เคาท์ขืนยอมให้ผมก็ถูกกินน่ะสิ

   "แม่แล้วน้ำที่จะต้องเอามาให้น้องเอวาล่ะครับ"พี่จินที่เห็นแม่เดินมาหาไม่มีแก้วน้ำในมือก็ถาทไถ่ไตร่สวน

   "ตายจริง ข้าลืมประเดี๋ยวข้าไปเอามาให้ใหม่"โถ่ถังกะละมังแตก คุณแม่เป็นอัลไซเมอร์ไปซะแล้วหน้าตาก็ยังไม่แก่ผมหงอกก็ยังไม่ขึ้นแต่ความจำปลาทองเหมือนคนวัยชรา

   "ไม่ต้องแล้ว ตั้งโต๊ะทานข้าวเย็นกันเถอะ พ่อไม่อยู่แต่มีคนมาแทนที่แล้ว"

   "ใครหรือ"เทพบุตรครับนั่งเปร่งออร่าอยู่นี่ไง

   "น้องเอวาครับ"

   "วิเศษ! มื้อนี้ข้าจะทำสุดฝีมือเลย"คุณแม่เหมี่ยวยิ้มอย่างดีใจทำหน้าตาหมายมั่นเอาจริงเอาจังซะผมอดขำไม่ได้

   "เดี๋ยวผมช่วย"ไม่ใช่เสียงผมอาสาหรอกครับ เสียงพี่จินนั่นแหละสงสัยกลัวแม่จะลืมอีกว่าต้องทำข้าวเย็นกินกัน

   "อย่ามาเกะกะข้าละกัน"

   "ครับๆ"มือหนาของพี่จินโอบแขนแม่แล้วพากันเดินไปที่ห้องครัว ลืมผมไปอีกคนด้วยหรอพี่จิน ไม่สนใจกันเลย ชิ

   เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงตะวันที่คอยให้แสงสว่างก็ตกลงสู่พื้นดินเปลี่ยนเป็นพระจันทร์สีนวลสว่างที่ขึ้นมาแทน ท้องฟ้ามืดครึ้มเห็นดาวระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้าได้ชัดเจนยิ่งกว่าอยู่ในเมือง ผมร้อนใจอยากกลับจะแย่แต่ก็เสียมารยาทไม่ได้หากจะกลับก่อนโดยไม่ร่วมกินมื้อเย็น(ที่กลายเป็นมื้อค่ำ)สัญญาไปแล้วด้วยว่าจะร่วมวงกินอาหารฝีมือตะหลิวปลายจวักของแม่เหมี่ยวด้วย

   "เสร็จแล้วน้องเอวา มาทานกัน"ใบหน้าหล่อเหลาของพี่จินโผล่มาจากขอบประตูห้องครัว ผมที่เหม่อลอยอยู่ก็ลุกขึ้นพรวดตามกลิ่นอาหารไปทันที ไม่ได้หิวหรอกครับมันหอมดี กินอาหารพวกนี้ไปก็ไม่อิ่มอยู่ดี ตอนนี้ผมก็ไม่ได้หิวอยากเลือดด้วย ดีแล้วล่ะ

   "ทานเยอะๆเลยนะ"เมื่อผมนั่งลงแม่เหมี่ยวก็ตักนู่นตักนี่ให้ผมอย่างเอาใจส่วนลูกแท้ๆก็นั่งทำหน้าตาบูดเบี้ยวงอนง้อไม่เข้ากับหนังหน้า

   "นี่ครับพี่จิน"ผมเลยเอาใจกับเขาบ้างเมื่อแม่เหมี่ยวไม่ตักอะไรให้ลูกจอมขี้น้อยใจบ้าง

   "ขอบคุณครับ"พูดแล้วก็ยิ้มกว้างยีฟันขาวๆโชว์ผม

   ระหว่างทานอาหารแม่เหมี่ยวกับพี่จินก็พูดคุยกันไปตามประสามีบ้างที่หันมาพูดคุยกับผมเป็นระยะๆแต่ส่วนใหญ่ผมก็เอาแต่ง่วนอยู่กับอาหารตรงหน้ารีบกินให้มันหมดๆถึงอาหารจะอร่อยถูกปากแต่ไม่ถูกใจ เลือดยังอร่อยกว่านี้อีก นี่ผมคงกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้วจริงๆสินะถึงคิดว่าเลือดคาวๆอร่อยกว่าอาหารหลากรส

   "ผมขอลาเลยแล้วกันครับ"เมื่อจัดการอาหารบนโต๊ะกันเสร็จผมก็เอ่ยปากเซกู๊ดบายทันที

   "บ้านข้าไม่มีลาหรอกนะมีแต่ม้ากับไก่เองจะเอาไหมละ

   "ไม่ใช่ลาครับแม่น้องหมายถึงจะกลับครับ"ขอบพระคุณที่แก้ข่าวให้นะครับพี่จิน พี่นี่เหมือนล่ามแปลความหมายดีๆนี่เอง

   "งั้นหรือ ข้าว่านี่ก็ดึกแล้วป่าข้างนอกยามค่ำคืนมันอันตรายสัตว์ป่าดุร้ายมักจะหากินยามค่ำคืน...ข้าว่าเองพักที่นี่ไปก่อนแล้วตอนเช้าตรู่ข้าจะให้ไอ้จินไปส่งเอ็งที่ปราสาทท่านเคาท์"

   ผมว่าสัตว์ป่าพวกนั้นต่างหากที่ต้องกลัวผมแต่ผมก็กลัวเจ็บอยู่ดี นอนที่นี่สักคืนเดียวคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้งยืดเวลาที่จะถูกพี่เคาท์งาบได้ไปอีกวันด้วย

   "ครับ"ผมพยักหน้าแอบเห็นพี่จินยกยิ้มอย่างพอใจ จะแอ้มผมหรอฝันไปเถอะลองย่องเข้ามาสิ พ่อจะกัดคอให้



   (เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะคะ ปวดหัวมากเลยไม่สบายค่ะ :katai4: :z3:)
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่5ข่มขืน [30/10/2015] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 30-10-2015 22:15:09
อ่านชื่อตอนแล้ว... ใครกับใครเนี่ยยย
คงไม่ใช่จินเอวาหรอกนะ = ="
ง่าา มาให้อยากแล้วจากไป
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่5ข่มขืน [30/10/2015] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-10-2015 23:48:19
หง่ะ ค้าง
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่5ข่มขืน [31/10/2015] Up
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 31-10-2015 15:57:52
   "นี่ห้องนอนว่าง น้องเอวาใช้ได้ตามสบายเลยนะครับ"พี่จินยื่นตะเกียงให้ผมไปถือ

   ผมถือตะเกียงที่มีไฟแสงสีนวลส่องเข้าไปในห้อง แสงจากดวงจันทน์สาดส่องเข้ามาในห้องทำให้เห็นสภาพข้างในห้องมากขึ้นแต่ความมืดก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับแวมไพร์อย่างผม ในห้องมีเตียงนอนไม้ขนาดเล็กให้พอนอนได้ 1 คน มีตู้เสื้อผ้าและห้องอาบน้ำในตัว

   "ระวังสัตว์ป่าเข้ามาทำร้ายนะครับให้พี่นอนด้วยไหม"ฮั่นแหน่ หน้าตาหื่นไม่ปกปิดเลยนะครับ

   "ไม่เป็นไรครับ พี่จินไปนอนเถอะ"

   "งั้นหรือ อย่างนั้นมีอะไรก็เรียกพี่แล้วกันพี่อยู่ห้องข้างๆนี้เอง"

   แอบเห็นสายตาผิดหวังของพี่จินด้วยแต่ก็แค่แวบหนึ่งแล้วก็ยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย เอ่อ เราเจอกันแค่วันเดียวพี่ก็คิดจะจับผมกินแล้วหรอ

   "ครับ ขอบคุณมาก"ประตูปิดผมก็เดินไปนั่งที่เตียงมองออกไปนอกหน้าต่าง

   ทำไมพี่เคาท์ไม่ตามหาผมเลย ทิ้งกันแล้วหรอ

   "ก็ดีไม่ใช่รึไงจะน้อยใจมันทำไม เห้ย ไม่ได้น้อยใจ คิดบ้าไรวะ"

   ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วเอนตัวลงนอนก่อนจะหลับลงไปในที่สุด



   "อืม"ผมปัดบางอย่างออกจากตัวที่เข้ามายุ่มย่ามกับร่างกายพลิกตัวนอนตะแคงข้างแต่ก็ขยับไม่ได้เพราะมือถูกรวบขึ้นเหนือหัวเตียงก่อนจะถูกผูกไว้

   เห้ย! อะไรวะ ผมลืมตาเบิดโพลงขึ้นแต่ก็ไม่เห็นอะไรทุกอย่างรอบตัวมันมืดไปหมด ผมถูกผ้าปิดตาไว้

   "อะไรวะ ปล่อยนะ...อุ๊บ"พอผมจะโวยวายปากก็ถูกผ้าอุดไว้จนเสียงผมหายไปในลำคอ

   พอผมจะใช้พลังของแวมไพร์ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเป็นเส้นเล็กๆมาสวมไว้ที่คอรู้สึกได้ถึงพลังที่ลดน้อยลงไปมากกลายเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ดิ้นและใช้ความแข็งแรงแค่ไหนก็หลุดออกจากพันธนาการได้

   "อื้อ อ่อยอ๊ะอายเอ็นไออ้องอานอะไอ(ปล่อยนะนายเป็นใครต้องการอะไร"ผมนี่พูดติดอ่างเลยครับเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ

   "..."ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก ตู๊ด ตู๊ด

   ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อลิ้นร้อนแยงเข้าไปในหูอย่างหยอกล้อ มือหนาหยาบก็ลูบไล้ผิวกายผมทั่วทั้งตัวผ่านเสื้อผ้าผืนบาง

   "ไอ้เอี้ย อ่อยอูอึงอ่ะอำเอี้ยอะไอ(ไอ้เหี้ย ปล่อยกูมึงจะทำเหี้ยอะไร)"ผมก่นด่ามันเสียงอู้อี้หวังว่ามันจะฟังออกแล้วตอบคำถามผมไม่ใช่เล่นบทละครไอ้ใบ้แล้วลวนลามร่างกายผม

   ไอ้หื่นปริศนาใช้ลิ้นสากๆของมันซุกไซ้ไล้เลียซอกคอผมจนขนตั้งชัน ขนลุกชิบ จั๊กจี้ด้วยผมเลยหัวเราะคิกคักก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อมันกัดคอผมอย่างแรง เหมือนเลือดจะไหลด้วย ไอ้พี่เคาท์หรือเปล่าวะ ไม่น่าใช่เพราะผมไม่รู้สึกถึงเขี้ยวที่ฝังคอเข้ามาเลย

   แคว่ก!

   แรงกระชากทำให้เสื้อผ้าผมขาดออกจากตัว ไอ้เหี้ยนี่มันกระชากเสื้อผ้าผมออกอย่างบ้าคลั่ง เล็บมันข่วนเนื้อกายผมจนแสบๆคันๆ ไอ้นี่มันแม่งซาดิสถ์ว่ะ ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆเพราะผมไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นปกปิดร่างกายบวกกับความรู้สึกที่เหมือนมีดวงตาจ้องร่างกายผมอยู่ ผมดิ้นขลุกขลักพยายามถีบไอ้คนที่คร่อมผมอยู่ออกแต่โดนขาหน้ามันกดไว้จนขยับไม่ได้

   "อ่อยยยย อ่วยอ้วยยยย"ผมแหกปากลั่นแต่ก็ไม่ได้ดังใจ ไอ้ผ้านี่มันอุดปากผมอยู่เสียงทุกเสียงที่ผมส่งออกไปก็อู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง

  ไอ้หื่นนิรนามก็ยังคงโลมเลียร่างกายผมต่อไปยิ่งผ้าที่ปิดตาผมอยู่ทำให้การรับรู้ทั้งหมดเด่นชัดขึ้น

   มันเลียตรงแผลที่เล็บมันข่วนโดนจนผมแสบ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดที่หน้าท้องผมหดเกร็งเพราะรู้สึกเสียวซ่าน ครางในลำคอเบาๆอย่างพอใจ มันจูบหน้าท้องผมแล้วไล้ลงมาเรื่อยๆจนถึงจุดอ่อนไหวที่ตั้งขึ้นมานิดหน่อย ผมดิ้นเมื่อรู้ว่ามันต้องการจะทำอะไร

   "อื้อ ไอ้(ไม่)"

   ไม่ทันแล้ว ปากอุ่นร้อนครอบครองแก่นกายของผมจนมิดมันรูดปากไล้เลียส่วนอ่อนไหวของผมจนมันตื่นเต็มตัว ผมบิดกายครางเสียงกระเส่าในลำคอด้วยความเสียวที่ถูกไอ้หื่นนิรนามมอบให้ มือหนาใหญ่ของมันก็เคล้นคลึงติ่งไตบดขยี้อย่างแรงจนผมนิ่วหน้าด้วยความเสียว

   เมื่อใกล้ถึงฝั่งผมก็เด้งสะโพกไปตามความต้องการของตัวเองแต่ไอ้หื่นนิรนามก็ถอนปากออกจนอารมณ์ที่ขึ้นสูงตกดิ่งวูบจนผมเสียอารมณ์ไม่ใช่น้อยที่ค้างคา

   "ถุย"เห้ย มึงมาถุยน้ำลายอะไรแถวนี้ สกปรกชิบหายแถมทำอารมณ์กูค้างอีก

   "อึก เอ็บ อำอะไออ๊ะ(เจ็บ ทำอะไรวะ)"

   ผมนิ่วหน้าเจ็บปวดกับช่องทางข้างหลังที่ถูกรุกล้ำ นิ้วมือของมันกวาดไปทั่วช่องทางที่บีบรัดแน่นช่วงแรกข้างในฝืดมากแต่เพราะน้ำลายที่มันถุยใช้เป็นสารหล่อลื่นให้ล่วงล้ำเข้ามาในช่องทางผมง่ายขึ้นจากหนึ่งนิ้วก็เพิ่มเป็นสองจนถึงสามนิ้ว อารมณ์ผมตอนนี้มันขึ้นสูงจนหยุดไม่อยู่ ความรู้สึกแปลกที่เพิ่งเคยรู้จักทำให้ผมกลัวแต่ก็รู้สึกดี

   "อึ๊"

   นิ้วทั้งสามถอนออกไปแต่ไม่ทันได้หายใจหายคอ สิ่งแปลกปลอมที่ใหญ่กว่านิ้วก็สอดแทรกดุนดันเข้ามา

   "เอ็บบบบบ อื้ออออ...ไอ้เอา เอาออกไอ(เจ็บ ไม่เอา เอาออกไป)"

   ผมเขยิบสะโพกหนีแต่ไอ้หื่นนิรนามก็ยึดสะโพกไว้ไม่ให้ดิ้นพลางค่อยๆกดแก่นกายอุ่นร้อนเข้าช่องทางที่ขมิบเกร็ง น้ำตาผมไหลพรากด้วยความเจ็บ

   ครั้งแรกของผมกำลังถูกใครก็ไม่รู้ข่มขืน

   "อึก เอ็บ...ออแอ้ว(เจ็บ...พอแล้ว)"

   ผมคร่ำครวญขอร้องแต่ไอ้หื่นนิรนามก็ยังพยายามดึงดันกระแทกกายเข้ามา มันเข้ามาได้เพียงส่วนหัวเพราะผมเกร็ง มันสูดปากด้วยความเสียวหอบอย่างแรงจนผมรู้สึกได้

   เมื่อพยายามเข้ามาเท่าไรผมก็ยิ่งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มือหนาจึงเล้าโลมส่วนอ่อนไหวที่ตอนนี้หดลงของผม ลิ้นร้อนก็ซุกไซ้ดูดดุนตุ่มไตสีชมพูสร้างความเสียวซ่านให้ผมจนลืมความเจ็บไปชั่วขณะ

   "อื้ออออออ"

   ผมสะดุ้งเมื่อแก่นกายใหญ่กระแทกกระทั้นเข้ามาจนสุดแล้วแช่ไว้ น้ำตาผมไหลรินอีกครั้งพลางกัดผ้าที่อุดไว้แน่นเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่แล่นริ้วถึงกระดูกสันหลัง

   สักพักผมก็รู้สึกเสียววูบเมื่อแก่นกายใหญ่อุ่นร้อนขยับเข้าออกช้าๆผมครางลั่นเมื่อมันกระแทกโดนจุดกระสันพอมันรู้ว่าตรงนั้นเป็นจุดอ่อนไหวมันก็กระแทกย้ำๆเน้นๆตรงจุดนั้น ตอนแรกที่เจ็บปวดแทบเป็นแทบตายตอนนี้ได้แทนที่เป็นความเสียวซ่านอย่างไม่เคยรู้สึกขนาดนี้มาก่อน ผมเสียวจนเผลอขมิบช่องทางหลังตอดแก่นกายไอ้หื่นนิรนามถี่รัว มันซี้ดปากครางจะถอนแก่นกายออก...

   "อื้ออออ อืออออ...เอี๋ยว(เสียว)"

   ผมคิดผิดไอ้หื่นนี่มันกลับกระแทกเข้ามาจนมิดด้ามแล้วสอบสะโพกเข้าออกช่องทางผมอย่างแรงถี่รัวจนร่างผมสั่นคลอนไปตามแรงกระแทกที่มันชักนำ ผมก็เผลอคล้อยตามเด้งสะโพกกลับด้วยความเสียวซ่าน

   พั่บๆๆ

   เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องอย่างหยาบโลนไปพร้อมกับเสียงครางระงมของคนทั้งสอง สมองผมขาวโพลนรับรู้แต่ความเสียวกระสัน

   ช่องทางผมตอดรัดแน่นขึ้นสวรรค์อยู่ใกล้แค่เอื้อมผมเด้งสะโพกรับอย่างเร็วเพราะใกล้ถึงฝั่ง คนที่กระแทกผมอยู่ข้างบนรู้จึงสอบสะโพกเข้าออกถี่รัวและแรงขึ้นเหมือนพายุโหมกระหน่ำที่ต้องการปลดปล่อย

   "อื้ออออ"ผมแอ่นกายปลดปล่อยของเหลวจนเปรอะเปรื้อนหน้าท้อง

   ไอ้หื่นนิรนามยังคงซอยสะโพกถี่ยิบแล้วมันก็กระตุกปล่อยของเหลวอุ่นร้อนเข้าช่องทางของผมจนเอ่อล้น ผมรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง...มันรู้สึกดีจัง

   แก่นกายใหญ่ของไอ้หื่นนิรนามยังคงคาอยู่ในตัวผมก่อนมันจะขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

   "ไอ้เอาแอ้ว ออแอ้ว(ไม่เอาแล้ว พอแล้ว)"

   เมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกผมก็ร้องปฏิเสธแต่มันก็ไม่ปราณีต่อคำขอของผม มันจับผมพลิกตัวชันเข่าแอ่นก้นขึ้นทั้งที่ยังเชื่อมกันอยู่จนผมเสียววูบ

   "อื้อ อึ๊"

   แล้วทั้งคืนเราก็เล่นเสียวกันไปหลายรอบ ผมสลบเหมือนไปตอนไหนก็ไม่รู้แต่ที่รู้ๆผมเสียตัวให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเมียมันไปแล้ว :o12:




TBC.
ใครกันที่ข่มขืนเอวาของเรา อยากรู้ก็เม้นเพื่อเฉลยในตอนต่อไปนะ หุหุหุ :oo1:
เนื่องจากแมวมีงานเยอะแยะเลย แมวจะมาลงให้วันเว้นวันนะคะ
คืนนี้มีตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนาา
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่5 P.2 [31/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 31-10-2015 16:15:49
ไม่นะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
เอวาทำไม
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่5 P.2 [31/10/2015] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 31-10-2015 17:46:35
จิน?
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนพิเศษฮาโลวีน [31/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 31-10-2015 21:40:57
ตอนพิเศษ วันฮาโลวีน


   "กรี๊ดดดดดด"

   "เห้ยยย ตกใจไอ้เหี้ยแม่ง"

   เสียงกรีดร้อง ตกใจของเหล่าผู้คนที่อกสั่นขวัญอ่อนพากันหลับหูหลับตาจับมือเดินกันไปตามบ้านร้างที่เป็นสถานที่จัดงานวันฮาโลวีน

   เนื่องจากวันนี้เป็นวันปล่อยผี พวกผมแก๊ง The Queen and The King และพวกรับจ้างแต่งผีพากันร่วมแรงร่วมใจจัดงานนี้ขึ้นโดยเฉพาะ

   ปาร์ตี้นี้จัดขึ้นที่ใจกลางเมืองที่ทีบ้านร้างที่ถูกปล่อยทิ้งขว้างเนื่องจากบ้านร้างนี้เคยมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามีคนตายตายกันยกครอบครัว

   บ้านร้างหลังนี้มีเรื่องเล่าว่าเคยเป็นบ้านที่อบอุ่นครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขมีกันครบทั้ง พ่อ แม่ ลูกน้อยทั้ง 2 เป็นโซ่คล้องใจแต่อยู่มาวันหนึ่งภรรยาเกิดนอกใจแอบคบชู้สามีที่รู้เข้าก็เกิดหึงหวงกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายภรรยาทำให้เธอกลายเป็นคนเก็บกดเกิดสติแตกฆ่าสามี ฆ่าลูกทั้งสองอย่างป่าเถื่อนเมื่อรู้ว่าตนเองทำอะไรลงไปก็ฆ่าตัวตายตามหลังจากนั้นก็มีคนมาซื้อบ้านพอเข้าไปอยู่ก็ถูกหลอกทุกรายจนกลายเป็นบ้านร้าง

   ที่แห่งนี้แหละเหมาะจะเป็นที่จัดปาร์ตี้สุดเฮี้ยนของพวกเรา

   ขอเชิญทุกท่านเข้าสู่ Party of Halloween in Ghost Houseland!

   ปาร์ตี้ครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คนที่รอเข้าไปล่าท้าผีอยู่หน้าบ้านร้างที่ในสวนจัดเป็นโซนอาหารและเครื่องดื่ม ทางเข้าบ้านร้างเป็นทางผ่านซื้อตั๋วเข้าบ้าน ผม เพื่อนๆ พี่เคาท์ และเพื่อนๆนองพี่เคาท์เป็นฝ่ายคอสตูมเมอร์แต่งผีแล้วหลอกผู้คน

   เปอร์เซียแต่งเป็นปีศาจผีแมว แอรีสแต่งเป็นผีพ่อมดซอมบี้ ข้าวหอมเป็นผีคนท้องไส้แตก(เหมาะสมกับคนท้องพอดี) ไอริสเป็นผีจับขา(มันบอกขี้เกียจ) อาใจเป็นผีจูออนที่รอโผล่อยู่ทางออกของบ้านร้าง เหนือฟ้าเป็นผีปากฉีก เฌอแตมเป็นผีเด็กผู้หญิงถือคอคนพร้อมมีดสั้น(ของปลอม) ลูซเป็นผีซาตานมีเขาแหลมคมยาวอยู่บนหัว 1 คู่(ของจริงตัวจริง) พี่เคาท์เป็นผีแวมไพร์ ส่วนผมเป็นผีนางพยาบาล ผมเถียงแทบตายว่าจะเป็นแวมไพร์แต่สุดท้ายก็โดนจับแต่งเป็นผีนางพยาบาลกระโปรงสั้นกุด เข็มฉีดยาขนาดใหญ่เป็นของคู่กาย

   ตอนนี้ผมกำลังไล่กวดจ้องจะแทงเข็มฉีดยาคู่รักคู่หนึ่งอยู่ ฝ่ายหญิงกรีดร้องตาเหลือกแล้ววิ่งแจ้นไปทางอื่นแต่ฝ่ายกลับยืนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาแพรวพราว

   "ฉันจะฆ่าแกกก"ผมก็เลยต้องแผดร้องเสียงแหลมพร้อมชูเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ให้ชายหนุ่มคนนี้กลัวแต่มันก็ยังยืนอยู่เฉยๆ

   "น่ารักจังครับ"เหี้ยไรวะ สภาพชุดนางพยาบาลหน้าเละ ขาเป๋ เลือดกระฉูดเต็มตัวเนี่ยนะน่ารัก ใช้ก้นดูรึไงวะ

   "ไม่กลัวก็รีบไปหาแฟนคุณสิครับ ป่านนี้ร้องไห้หาคุณแยาแล้วล่ะ"

   ในเมื่อหลอกไม่ได้ผลผมก็พูดเตรียมไปยืนประจำจุดหลอกแต่ถูกคว้าข้อมือไว้

   "ทำอะไรครับ ผมจะรีบไปหลอกคนอื่นต่อ"ผมชักสีหน้าเละๆไม่พอใจใส่ทันที

   "ถ้าเป็นน้องคนสวย พี่ยอมให้หลอกทั้งคืนเลยครับ"

   "พ่อมึงสิ ปล่อยกู"

   "ปากดีแบบนี้พี่ชอบ...เราไปสวรรค์กันเถอะครับ"ไอ้หน้าเหียกนี่ยังตื๊อไม่เลิกผมนี่ปรี๊ดแตกเลยครับ

   "มึงสิไปนรกไป ไอ้เหี้ย"ผมสะบัดมือออกอย่างแรง

   "เอาน่า ค่าตัวเท่าไรเดี๋ยวพี่จ่ายมากกว่าสิบเท่า"

  "ไปเอากับเมียมึงสิวะ มายุ่งกับกูทำไม"ผมพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้เผลอฆ่าไอ้หน้าเหียกนี่ท่องพุธโธในใจ พุธ...โธ ยุบหนอ...พองหนอ

   "เอากับน้องดีกว่า ท่าทางคงเจนจัดน่าดู"ไม่ยงไม่เย็นมันแล้วโว้ย

   "มีอะไรเอวา"เสียงทุ้มนุ่มมีเสน่ห์ที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังผมไม่ต้องหันให้เสียเวลาก็รู้ว่าเป็นใครไม่ได้นอกจากแวมไพร์ที่รักของผม มาช่วยแล้วสินะ

   "ชื่อเอวาหรอครับ...ไปกันเถอะน้องเอวาพี่อยากจะแย่อยู่แล้ว"พูดอะไรรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนน่ะ หึหึ

   "เมียกู"คำพูดสั้นๆได้ใจความพร้อมแรงกดดันมหาศาลทำให้ไอ้หน้าเหียกหน้าซีด

   "งะ งั้นหรอครับ...ผมขอตัวไปหาแฟน"ไอ้คนกล้าลองดีหงอยลงเตรียมหันหลังกลับ

   "เดี๋ยว"สุดที่รักของผมเรียกไว้เมื่อมันหันมาพี่เคาท์ก็ตวัดเล็บไปที่ปากมันจะเป็นรอยเล็บทั้ง 4 เลือดซิบเต็มปาก

   "โอ๊ยยยยยย"มันทรุดเข่าลงกับพื้นกุมปากแล้วร้องอย่างโหยหวน ผมมองมันเหยียดๆไม่รู้สึกสงสารแต่อย่างใด สมแล้วกับปากหมาไม่รับประทานอย่างมัน

   "เหนือฟ้า"พี่เคาท์เรียกให้พี่เหนือจัดการที่เหลือด้วยการสะจิตบิดเบือนความจริงที่เกิดในวันนี้

   "มึงจะลืมทุกอย่างในวันนี้รู้แค่ว่ามึงมาบ้านร้างกับแฟนมึงแล้วถูกผู้ชายรุมข่มขืนมึงเลยติดใจบอกเลิกกับแฟนมึง...อ่อ พอวันนี้มึงกลับไปหาแฟนมึงเจอ จงบอกกับแฟนมึงว่า อิชะนีหน้าวอกกูไม่ชอบนมเบี้ยวๆอย่างมึงหรอกกูชอบกินถั่วดำ"กล่าวสุนทรพจน์จบพี่เหนือก็เดินไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ

   ผมขำฮาแตกกับคำพูดสะกดจิตของพี่เหนือ นึกสงสารมันขึ้นมาไม่ได้จากนี้ไปชีวิตของมันคงชอบกินถั่วดำมากกว่านมจากเต้าแน่นอน

   "มันได้ทำอะไรมากกว่านี้มั้ย"พี่เคาท์เอ่ยถามผมด้วยความเป็นห่วง ผมยิ้มและส่ายหน้า

   "ขอบคุณนะครับ"

   "เอาไว้ตอบแทนคืนนี้นะครับคุณนางพยาบาล"ผมหน้าร้อนเห่อกับเสียงกระซิบแหบพร่าข้างหู
 
   "ไปได้แล้ว"ผมเบือนหน้าหนีอย่างอายๆปากก็ไล่แวมไพร์จอมหื่นตรงหน้า

   เมื่อปาร์ตี้จบลงแล้วพวกผมก็ช่วยกันจัดเก็บของ งานนี้เล่นเอาเหนื่อยเลยแต่ก็คุ้มเพราะงานนี้ทำให้ทุกคนมีความสุขและความหลอนติดตัวกลับไปได้สัมผัสบรรยากาศหลอนๆของบ้านหลังนี้ ได้ผูกพันกับเพื่อนและคนรักมากขึ้น ได้พิสูจน์ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความรักที่จะไม่ทิ้งกัน ผมชอบงานนี้นะมันเป็นเครื่องพิสูจน์รักแท้และความจริงใจได้ดีเลยล่ะ

   "น้องเอวาคะ พี่จัดการตรงนี้เองน้องช่วยเก็บของในห้องนอนใหญ่ชั้นสองให้หน่อยได้มั้ยคะ"พี่ผู้หญิงที่มาช่วยงานบอกผมที่กำลังเก็บแขนขาดปลอมเข้าลัง

   "ทำไมต้องเป็นผมอ่ะครับ"ไม่ใช่ไม่อยากทำตามคำขอร้องหรอกนะแต่คนอื่นที่ยังว่างๆก็มีอยู่เยอะแยะทำไมไม่เรียกใช้

   "คือพี่ลองขอแล้วแต่ไม่มีใครยอมขึ้นไปเลยค่ะ...พี่ก็ไม่อยากขึ้นไป...นะเอวา ช่วยพวกพี่หน่อย"สงสัยพวกพี่คงกลัวผีครอบครัวหลอกสินะ ผมก็กลัวนะแต่ไม่เคยเจอผีครอบครัวเลยตลอดที่อยู่ที่นี่

   "ก็ได้ครับ"ผมถอนหายใจรับปากอย่างช่วยไม่ได้

   "ขอบใจมากนะเอวา"พวกพี่ๆที่อยู่รอบๆเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ส่งสายตาขอบคุณสุดซึ้งมาให้

   สิ่งแรกที่ผมเห็นหลังจากเปิดประตูห้องนอนใหญ่เข้ามาคือความหลอนของห้องนอนและบรรยากาศชวนหดหู่ ขนแขนพร้อมกันสแตนอัพ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ขาสั่นน้อยๆยามก้าวเดินเข้าไปในห้อง

   ปัง!

   "เห้ยยยยย"ผมตาลีตาเหลือตกใจเสียงปิดประตู มันปิดเอง ประตูมันปิดเองได้ พ่อแก้วแมาแก้วช่วยลูกด้วยลูกโดนผีหลอก

   หมับ

   "ว้ากกกกกก ผีหลอก"ผมตกใจสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือซีดมากอดเอวผมไว้

   "ผีที่ไหนจะหล่อขนาดนี้...หืม"

   "พี่เคาท์"ที่แท้ก็ผีทะเลจอมลามกนี่เอง ตกใจหมด

   "ขวัญเอ้ยขวัญมา...ฟู่"พูดพร้อมเป่าลมรดหูผม มันต้องเพี้ยงไม่ใช่หรอ

   "เก็บของกันเถอะครับ"ผมเปลี่ยนเรื่องทำท่าจะไปเก็บของ

   "ขอรางวัลหน่อยสิครับ"พี่เคาท์กระชากตัวผมไปกอดไว้แน่นแล้วเริ่มคลอเคลียแถวซอกคอ

   "ที่นี่ไม่ได้นะครับ กลับบ้านก่อน"ผมดันแผ่นอกหนาแกร่งออก

   "เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไงครับ นะ เอวาของพี่เคาท์...นะครับ"

   "ไม่ครับ"ผมปฏิเสธเสียงแข็ง
.
.
.
   "อาาา พี่เคาท์...เข้ามาอีกสิครับ"

   สุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมเพราะทนลูกอ้อนบวกกับการเล้าโลมจากแวมไพร์จอมหื่นไม่ไหว ผมคือลงเอยแบบนี้แหละ

   "เอวา เอวาของพี่...ซี้ดดด"พี่เคาท์ครางเสียงกระเส่าข้างหูพลางแหย่ลิ้นเล่นจนผมต้องหดคอหนีด้วยความจั๊กจี้

   แรงกระแทกรัวเร็วและแรงที่ส่งมาทำให้ผมแทบทรงตัวยืนไม่อยู่มือทั้งสองพยายามเกาะผนังไว้แต่ขาสั่นจนแทบล้มทั้งยืนดีที่ได้แขนแกร่งโอบไว้ทำให้ไม่ต้องทรุดลงไปกองกับพื้น

   "อื้ออ...อ่าาๆ...จะ จูบผมหน่อย"ผมเอี้ยวตัวไปข้างหลังยื่นมือไปคว้าคอของพี่เคาท์ที่กำลังทำหน้าที่สอบสะโพกเป็นจังหวะ

   เราจูบกันดูดดื่มจนน้ำลายไหลเยิ้ม เสียงจ๊วบจ๊าบฟังแล้วยิ่งพาให้อารมณ์เตลิดไปมากขึ้น พี่เคาท์ดูดดุนลิ้นเก็บเกี่ยวความหวานในปากอย่างโหยหาจูบที่เร่าร้อนรุนแรงทำให้ผมคลางในลำคออย่างพอใจและจูบตอบกลับไม่ยอมแพ้เช่นกัน

   "พี่เคาท์ ระ...เร็ว...ผมจะไม่เสร็จ...อีก"

   สิ้นคำขอพี่เคาท์ก็กระแทกแก่นกายเข้ามาไม่ยั้งสะโพกผมแทบลอยถ้าไม่ได้มือหนาจับอยู่ ผมเด้งสะโพกรับอย่างรู้หน้าที่ ผมเชิดหน้าครางลั่นห้องโดยลืมไปว่าอาจจะทำให้คนอื่นได้ยิน

   "เอวา เอวา...ซี้ดดด...รักพี่ให้แน่นๆเลยนะครับ"

   "อื้อออ...อื้มม...อ่าๆๆ...พะ พี่ก็รักผมให้เยอะๆเลย...อื้อ...นะครับ"

   ไม่นานผมก็ปล่อยความต้องการออกมาจนเลอะผ้าปูสีแดงที่เป็นของประกอบฉากบ้านร้าง สะโพกหนากระแทกเข้าออกอีกสองสามครั้งก็ดึงแก่นกายออกจับผมนั่งลงไม่ต้องให้พูดอะไรผมก็อ้าปากรอรับความรักของพี่เคาท์ที่จะให้ผมกลืนกินมันลงไป

   "ซี้ดดดดด...อ่าาา"

   พี่เคาท์สาวแก่นกายปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้ามาในปากผม ผมกลืนกินจนหมดทุกหยาดหยดแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเก็บให้หมดไม่มีเหลือพลางจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของชายที่ผมรัก

   "คืนนี้พี่ไม่ให้เอวานอนทั้งคืนแน่...เมียพี่เซ็กซี่ขนาดนี้คงไม่จบแค่รอบสองรอบ"

   "ใครว่าผมอยากนอน ผมก็อยากอยู่เล่นเสียวกับพี่ทั้งคืนยันรุ่งสางเหมือนกัน...จุ๊บ"ผมยื่นหน้าไปจูบปากพี่เคาท์เบาๆพลางยิ้มยั่ว

   "หึหึ เด็กบ้าชอบยั่ว...จะทำให้ครางจนไม่มีเสียงเลย"

   "ทำได้ก็ลองดูสิครับ"

   "ไป รีบเก็บของแล้วรีบกลับบ้านเรากันเถอะ พี่ชักจะทนไม่ไหวอีกแล้ว"

   "ครับ"

   ผ่านไปสักพักผมกับพี่เคาท์ก็ช่วยกันเก็บของเสร็จแล้วถือเดินลงมารวมกองไว้กับของข้างล่าง ระหว่างทางที่เดินมาผมเห็นพวกพี่ๆมองผมกับพี่เคาท์แล้วหน้าแดงกันยกใหญ่

   "แหม สองคนนี้ทำอะไรก็เบาๆกันหน่อยสิ...รู้มั้ยดังมาถึงข้างล่างจนพวกพี่แทบมีอารมณ์ตามแหนะ"พอวางของเสร็จพี่ผู้ชายก็แซวผม

   "อะ อะไรครับ"ผมเหวอก่อนจะปรับสีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่หน้าที่แดงก่ำลามไปยันหูก็เป็นตัวฟ้องอย่างดี

   "ได้เอาไหมพวกมึง กูได้เว้ย"พี่แอรีสถามขึ้นเมื่อเดินมารวมตัวกันพร้อมกับเพื่อนผมและเพื่อนๆของเขา ว่าแต่เอาอะไรวะ

   "กูเพิ่งได้ไปเมื่อกี้"พี่เหนือฟ้า

   "เพิ่งเสร็จไปเมื่อกี้"พี่เคาท์อีกคน

   "กูได้เหมือนกัน"พี่ลูซ

   "กูสามรอบ"พวกพี่เคาท์พร้อมใจกันหันไปมองพี่ไอริสที่ทำหน้านิ่งรอบกาวเปล่งออร่าผ่องสดใส

   "พวกมึงพูดเรื่องอะไร"เปอร์เซียในชุดปีศาจแมวกัดฟันกรอดถามลอดไรฟัน สังเกตเห็นข้าวหอม อาใจ และเฌอแตมก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับมองพวกนั้น

   "ก็พวกกูนัดแนะกันว่าวันนี้ต้องเอาเมียตัวเองที่นี่ให้ได้ทุกคน"พี่แอรีสตอบหน้าตายียวนจนผมที่เห็นยังแอบหมั่นไส้แทน

   "นี่มันหมายความว่าไง"ผมหันไปถามพี่เคาท์ที่มองด้วยหน้าแหยๆ

   "ก็วันนี้วันฮาโลวีน...วันปล่อยผี...พวกพี่ก็แค่อยากปล่อยผีบ้าง...แต่ปล่อยในตัวนะ"

   สิ้นคำพูดกวนๆของพี่เคาท์เท่านั้นแหละผมก็เข้าไปหมายตะปบหน้าหล่อๆนั่นพร้อมกับเพื่อนๆผมที่ก็เข้าประชิดตัวสามีของตัวเองเพื่อแจกรอยมือรอยตีนในฐานะที่บังอาจมาปล่อยผีในบ้านร้าง



   สุขสันต์วันฮาโลวีนนะคะนักอ่านทุกคน :pig4:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนพิเศษฮาโลวีน [31/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 31-10-2015 22:07:42
อาจจะได้ความเป็นผีแถมไปทุกคนเลยนะ พวกคุณสามี55555
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนพิเศษฮาโลวีน [31/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 31-10-2015 22:41:19
ตอนอ่านไป
นึกว่าจะมีผีมาขัดจังหวะซะแล้ว
ลุ้นแทน
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนพิเศษฮาโลวีน [31/10/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-11-2015 00:58:58
ตอนพิเศษแจ่มดี
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่6 [2/11/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 02-11-2015 18:40:01
ตอนที่ 6 วิ่งไล่จับ


   "อืม"ผมปิดหน้าบังตาตัวเองจากสุริยาสาดแสงที่ส่องเข้ามา ผมขยับตัวเพื่อที่จะหันหลังให้กับยามเช้าแต่ก็ขยับไม่ได้เพราะอ้อมแขนอุ่นโอบกอดผม

   "ตื่นแล้วหรอ"ใบหน้าหล่อเหลาชวนลุ่มหลงเอ่ยถามขึ้นผมเพ่งมองคนตรงหน้าว่าไม่ใช่ความฝันแล้วก็ตกใจ

   "พี่เคาท์...นี่มันเรื่องอะไรกัน"ผมกระเด้งตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกมีอะไรไหลออกมาจากช่องทาง น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกเจ็บก้นหลังจากผ่านศึกหนักเมื่อคืน

   "เรื่องอะไร"พี่เคาท์ทำหน้างงจนผมหมั่นไส้

   "เมื่อคืนฝีมือพี่ใช่มั้ย...แล้วนี่พี่พาผมกลับมาตอนไหน"หันมองรอบตัวก็พบว่าผมอยู่ในห้องนอนสุดหรูในคฤหาสน์

   "หืม...เมื่อคืนอะไร พี่เพิ่งเห็นเอวากลับมาเมื่อเช้าตรู่แล้วมานอนที่เตียงต่อเองนะครับ"แวมไพร์จอมหื่นยังทำหน้าตางงงวยไร้เดียงสา

   "ไม่จริง ผมจำไม่เห็นได้ว่ากลับมาเอง"คิ้วขมวดยุ่งจนเป็นปมพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแต่ก็เป็นแค่ภาพลางๆว่าผมถูกผู้ชายข่มขืน

   "เกิดอะไรขึ้นหรอครับ พี่ได้ข่าวจากชาวบ้านว่าเมื่อวานเอวาไปที่หมู่บ้านแล้วนอนค้างที่บ้านของจิน"

   "เอ่อ..."แล้วผมก็เงียบ

   ไม่ใช่พี่เคาท์แล้วจะเป็นใครหรือว่าพี่จินที่ข่มขืนผมทำไมเขาต้องทำกับผมแบบนี้ล่ะ

   "เป็นอะไร บอกพี่ได้นะเอวา"

   "คือ...ผมถูก...อึก"ผมอึกอักเม้มปากเข้ากันถ้าบอกว่าถูกพี่จินข่มขืนผมที่เป็นคู่หมั้นของพี่เคาท์ มันน่าอาย

   "ที่ถูกพี่กระแทกใส่น่ะหรอ...ไม่รู้สึกดีรึไง ครางลั่นขนาดนั้น"

   "เอ๊ะ"

   ผมหันควับไปมองพี่เคาท์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธที่มัวแต่ปั้นหน้าปั้นตาข่มขืนผมจนผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนอื่น ทั้งเขินอายที่เมื่อคืนเราทำกันอย่างร้อนแรงแค่ไหนแต่มันมีความรู้สึกหนึ่งที่ยากจะบรรยายคือ ความโล่งใจ

   ผมคงโล่งอกที่คนที่ข่มขืนผมไม่ใช่พี่จินที่เพิ่งรู้จักกันหรือผู้ชายคนอื่นอย่างน้อยผมก็เสียตัวให้คนที่เป็นจ้าวชีวิตผม

   "ทำไมพี่ต้องเล่นอะไรแบบนั้น ไอ้โรคจิต"คำหลังผมแอบด่าเบาๆ

   "ทำโทษที่หนีออกไปโดยไม่บอกแถมยังไปนอนกับผู้ชายคนอื่น"

   "ครั้งนี้ถือว่าผมพลาดแต่มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก"ถึงแม้มันจะรู้สึกดีแต่มันก็ทำให้ผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะติดใจในรสรักจนโงหัวไม่ขึ้น

   "ถ้าเอวาสมยอมอันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งใช่มั้ย หึหึ"

   "ไม่มีทาง...ถ้าเข้ามาใกล้ผมผมจะหนี"

   "เอวาเป็นของพี่แล้ว ไม่มีทางหนีไปจากพี่พ้นหรอก"

   "หึ มั่นใจไปหน่อยมั้ย"

   "ถ้าหนีแล้วจับได้พี่จะกักขังเอวาไว้ที่นี่ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย"พูดพลางกระชากแขนผมมากอดหมับอย่างแน่น ดูเหมือนจะทำจริงซะด้วยสิแวมไพร์ตนนี้

   เอาน่าเอวา ทนอีกแค่เดือนเดียว

   "ปล่อยได้แล้วผมอึดอัด"ยอมปล่อยง่ายๆแต่ก็ไม่วายมาจูบเหม่งผม

   "ไปอาบน้ำกันเมียจ๋า"

   "ถ้าเรียกแบบนี้ผมจะไม่คุยด้วย"ผมมองพี่เคาท์ตาเขียวปั๊ดได้ผมแค่คืนเดียวก็ทำได้ใจใหญ่ไปแล้วนะ

   "งั้นที่รักครับ ไปอาบน้ำกัน"

   "ที่รักก็ไม่เอา...หวอ"ยังไม่ทันได้ตั้งตัวพี่เคาท์ก็อุ้มผมตัวลอยในท่าเจ้าหญิง

   "พูดอะไรอีก เดี๋ยวจูบนะ"เมื่อเห็รผมกำลังอ้าปากด่าแวมไพร์เจ้าเล่ห์ก็ดักคอผม หุบปากแทบไม่ทันแหนะ



   
   "ทำไมเมื่อคืนตอนที่...เอ่อ ทำแบบนั้นทำไมผมถึงใช้พลังแวมไพร์ไม่ได้...มันรู้สึกไร้เรี่ยวแรง"เข้ามานั่งแช่บ่อน้ำแร่ได้สักพักผมก็อดสงสัยเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาไม่ได้

   "อยากรู้หรอ"

   "ไม่อยากรู้แล้วผมจะถามทำไม"ยอกย้อนคนแก่แปป ฮ่าๆ

   "งั้นขอเอาสักสิบครั้งเดี๋ยวบอกให้หมดเปลือกเลย"ไม่น่าถามเลยจริงๆว่าแล้วว่าต้องเล่นลิ้นขออะไรหื่นๆอีกแน่

   "เออ ไม่อยากรู้แล้วก็ได้...วันนี้สอนผมเกี่ยวกับการใช้พลังแวมไพร์ด้วยล่ะ"พูดจบผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวบนโขดหินคลุมร่างกายออกจากบ่อน้ำแร่
.
.
.
   ตอนนี้ผมและพี่เคาท์อยู่ที่ป่าแถบหลังคฤหาสน์ที่เป็นลานกว้างรอบๆเป็นป่าไม้ พี่เคาท์อยู่ในชุดเปลือยท่อนบนอวดมัดกล้ามผมพยายามไม่มอง ร่างกายนั่นมันชวนให้ลูบไล้จริงๆ ทำเอาผมไขว้เขวไปไม่เป็น

   "วันนี้พี่จะสอนให้เอวาเคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่วว่องไว...พี่พูดก็มองมาที่พี่สิ"ก็ใส่เสื้อก่อนเส่ วิตถาร โรคจิตเอ๊ย

   "แล้วทำไมพี่เคาท์ต้องถอดเสื้อสอนด้วยล่ะ เป็นไอ้โรคจิตชอบโชว์รึไง"

   "เพื่อความคล่องตัว เอวาก็ถอดด้วยสิ"

   "ไม่"ปฏิเสธเสียงแข็งทันทีครับ

   "ถ้างั้นก็อย่าบ่นสิจ้ะที่รัก"

   "สอนมาเร็วสิ"แววตาหวานเยิ้มยามพูดว่าที่รักทำให้ผมกระดากอายเขินหน้าแดงจึงต้องรีบก้มหน้าลงแทบชิดอก

   "ที่จริงเรื่องแบบนี้มันสอนกันไม่ได้หรอกต้องใช้สัณชาตญานแวมไพร์"

   "อ้าว"เป็นงั้นไป ไหนบอกจะสอนกลายเป็นว่าผมต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองงั้นหรือ

   "แต่พี่มีวิธีปลุกสัณชาตญาณในตัวเอวานะ"

   "ยังไงครับ"แปลงร่างหรอ ฮ่าๆๆ

   "ก็วิ่งไล่จับกัน"เล่นเป็นเด็กๆไปได้วิธีนี้จะปลุกผมได้หรอ ปัญญาอ่อนชิบ

   "ไม่ใช่วิ่งไล่จับธรรมดานา...กติกามีอยู่ว่า พี่เป็นฝ่ายไล่จับส่วนเอวาเป็นฝ่ายวิ่งหนี ถ้าพี่จับเอวาได้ก่อนตะวันตกดินพี่จะได้กินเอวา"

   ว้อทเดอะฟาคคคค ทำไมมีแต่เรื่องให้เสียตัวฟระ ครั้งที่แล้วก็อีหรอบนี้ ผลเป็นไงละ ผมแพ้ครับยังไงๆพี่เคาท์มันก็ได้เปรียบ งานนี้มีแต่เสียกับเสีย เสียตัวไงครับ ฮืออออ

      "ไม่เอาแล้วเว้ย ฝึกเองก็ได้...พี่มันขี้โกง"

   "เกมนี้พี่ต่อให้เลยอ่ะ พี่จะไม่ใช้พลังแวมไพร์สักนิดเดียวใช้พลังขาล้วนๆ...แล้วถ้าเอวาชนะอยากได้อะไรพี่ทำให้หมด"

   "งั้นหันหลังนับหนึ่งถึงร้อยเดี๋ยวผมจะวิ่งก่อนผมไม่ไว้ใจพี่"

   "หนึ่งถึงร้อย เริ่มได้!"พี่เคาท์ตะโกนแล้วพุ่งตรงมาทางผม

   "เห้ยแม่ง ไอ้ขี้โกง"ผมก็จะอยู่ยืนนิ่งให้มันจับทำไมละครับ ไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์ ขี้โกง หื่น

   กรี๊ดดดดด(สาวแตกแปป)มันกำลังจะจับผมได้แล้ว ทำไงดีๆ

   ผมก้มหน้าก้มตาวิ่งแล้วก็ปิ๊งไอเดียก้มตัวลงหยิบทรายกำใหญ่ปาใส่ตามันแม่งเลย

   "โอ๊ะ"

   แล้วข้างหน้าผมก็มีกิ่งไม้ยื่นออกมาผมเลยวิ่งไปแล้วเกี่ยวกิ่งไม้ฟาดใส่พี่เคาท์จนมันเซเล็กน้อย

   เอาไรอีกดีวะ เห้ย! เจอแล้วของดีผมโฟกัสไปที่รังผึ้งที่อยู่บนกิ่งไม้ไม่สูงนัก เอี่ยวตัวมองหลังก็เห็นมันสะบัดหน้าเล็กน้อยแล้วรีบวิ่งตามผมมา หน้าพี่มันแม่งโคตรโหดเลย

   ใกล้ถึงรังผึ้งที่ผมหมายไว้ก็คว้ากิ่งไม้แถวนั้นมาแล้วฟาดไปที่รังผึ้งจิ้มรังมันแล้วโยนไปทางพี่เคาท์ พี่แกวิ่งหลบแต่ไม่ทันโดนดาเมจรังผึ้งไปเต็มๆ ผึ้งก็กรูกันออกมาจากรังแล้วรุมตรอมไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์(ไม่เท่าผม)

   "สมน้ำหน้า แบร่"แอบเห็นมันส่งสายตาอัมหิตมาก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทาง คงจะเป็นแม่น้ำแต่ยังวางใจไม่ได้ ไปหาที่ซ่อนก่อน ที่ไกลๆ...
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่6 [2/11/2015] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 02-11-2015 20:10:25
นึกว่าเป็นจินที่ข่มขืนเอวา
อยากรู้ว่าทำไมเอวาไม่มีแรงขัดขืน
เอวาลงทุนหน่อยก็ไม่ได้
พี่เคาท์จะบอกก็ไม่อยากรู้ซะงัน
แค่ยอมยอมพี่เคาท์เอง
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่6 [2/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 02-11-2015 21:57:44
   "เราแกล้งหนักเกินไปรึเปล่านะ"

   วิ่งมาได้ไม่ไกลผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถ้าพี่เคาท์เป็นอะไรขึ้นมาแล้วใครจะสอนผมล่ะ แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนผมไปอีกเป็นร้อยเป็นพันปี

   คิดได้ดังนั้นผมก็หมุนตัวกลับไปวิ่งซุ่มแถวหลังพุ่มไม้ไปตามทางที่พี่เคาท์วิ่งไป สังเกตรอยเท้าใหญ่พลางมองหน้าหลังซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง

   แซ่กๆ

   เสียงเคลื่อนไหวแถวพุ่มไม้ทำให้ผมกระโดดหลบไปซ่อนอยู่หลังต้นไม้หนาที่พอซ่อนร่างกายผมได้ เกือบเผลอร้องออกมาเพราะความตกใจแหนะ

   "หมูป่าเองหรอ"ตกใจหมด ที่แท้ก็หมูป่ากับลูกน้อยกรอยใจของมันอีกสองตัว

   แม่หมูป่าหันซ้ายแลขวาแล้วนั่งลงลูกน้อยก็นั่งลงด้วยเขยิบไปใกล้เต้านมแม่หมูแล้วดูดน้ำนมกิน ภาพนั้นที่ผมเห็นชวนให้คิดถึงแม่อิ้งของผมขึ้นมา แม่ที่แสนใจดี ห่วงใยผม ยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้ผมอุ่นใจทุกครั้ง อ้อมกอดที่ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาได้

   พอคิดถึงแม่น้ำตาก็พาลจะไหลเลยละจากภาพของแม่หมูป่ากับลูกแล้วค่อยๆย่องออกจากต้นไม้จ้ำอ้าวไปทางแม่น้ำ

   กลิ่นอายของแม่น้ำพัดโชยตามลมมาเสียงแม่น้ำที่ไหลกระทบตามหิน ผมยิ่งระมัดระวังมากขึ้นหลบซิกแซกตามที่กำบังแบบในหนังแอคชั่น

   ผมหลบตรงหลังพุ่มไม้ขนาดใหญ่ก้มคุกเข่าลงกับพื้นแล้วแหวกพุ่มไม้นิดนึงให้ส่องสายตาไปมาได้ ไม่นานก็พบร่างสูงใหญ่ของพี่เคาท์ยืนอยู่ในน้ำครึ่งตัว ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเย็นชาตอนนี้บูดบึ้งขวางโลก รอยบวมของเหล็กในผึ้งก็ไม่มีปรากฎให้เห็นคงเพราะใช้พลังแวมไพร์ในการรักษา

   เห็นพี่เคาท์หลุดแบบนี้แล้วอดจะขำไม่ได้แต่ละสายตาไปได้แปปเดียวพี่เคาท์ก็หายไปจากจุดที่เคยยืน

   เอาแล้วไง หายไปไหนแล้ววะจากการคาดเดาของผมที่เคยดูหนังมานับร้อยเรื่องพี่เคาท์คงจะโผล่มาจับผมจากด้านหลังอย่างเงียบๆ

   ไม่นั่งรอคิดอะไรอีกผมรีบกึ่งวิ่งกึ่งย่องออกจากพุ่มไม้กลับไปทางเดิมถ้าถูกไล่ตามมาผมก็มีแผนสำรองรอดักทางไว้แล้ว

   "จะหนีไปไหนที่รัก เล่นพี่ซะเจ็บแสบไว้เยอะเลยนะ"

   เดาผิดที่ไหน พี่เคาท์วิ่งตามผมมาแล้วครับหยดน้ำเกราะพราวตามใบหน้าและร่างกายทำให้มันดูเซ็กซี่เลดี้มากยิ่งใบหน้ามุ่งมั่นตั้งใจยิ่งทำให้ดูคมเข้มแต่เผอิญว่านี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมผมต้องวิ่งหนีเจ้าเสือตกมันนี่อีกครั้ง

   "ยอมๆผมไม่ได้บ้างรึไง...ไม่รักผมหรอ"คำพูดท่อนหลังผมพยายามกัดฟันพูดอย่างอ่อนหวาน

   "เพราะรักไงครับถึงต้องเอาชนะ"

   แล้วพี่เคาท์ก็ออกแรงวิ่งขึ้นมาอีกยังไงมันก็ได้เปรียบกว่าเรื่องกำลังของชายแกร่งประกอบกับขายาวอีกไม่กี่เมตรมันก็จะวิ่งตามผมทันอยู่แล้ว ผมก็ฮึดขึ้นมาบ้างวิ่งไปทางที่แม่หมูป่าและลูกมันนอนอยู่

   ใครกำลังคิดว่าผมกำลังใช้แม่หมูป่าเป็นแผนล่ะก็ คุณคิดถูกแล้วแหละ

   ระหว่างทางวิ่งผมแอบเก็บหินก้อนใหญ่ขนาดพอดีมือมาถือไว้วิ่งเลี้ยวไปมาอีกหน่อยก็เจอแม่หมูป่ายังนอนอยู่ที่เดิมผมกลิ้งตัวหลบไปทางพุ่มไม้แล้วขว้างหินไปทางลูกแม่ป่าได้อย่างแม่นยำ ใครจะว่าผมเลวก็ได้ที่ทำร้ายสัตว์ป่าที่ไม่มีทางสู้แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ขอโทษนะน้องหมูป่า อโหสิกรรมให้เอวาคนนี้ด้วยนะ

   "อี๊ด"

   แม่หมูป่าเกิดอาการพิโรจเมื่อเห็นลูกน้อยนองตัวเองถูกทำร้ายมันมองหาผู้ที่ทำร้ายลูกมันจนหันไปเจอพี่เคาท์วิ่งมาพอดี แม่หมูป่าสะบัดหัวไปมาเหมือนกระทิงเขี่ยเท้าสามครั้งแล้วพุ่งตรงไปยังพี่เคาท์ที่ยืนทำหน้างงอยู่เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเป้านิ่งจึงวิ่งหนีไปอีกทาง

   อันที่จริงพี่เคาท์จะจับมันฆ่าทิ้งก็ได้แต่ก็ไม่ทำคงเพราะเห็นว่ายังมีลูกน้อยที่ต้องการแม่หมูป่า

   สนุกดีแหะได้แกล้งพี่เคาท์ วางกับดักไว้ให้มาติดกับดีมั้ยนะ สมองระดับนี้แล้วเรื่องแค่นี้ผมก็ทำได้ เห็นด้วยกับผมไหม เรามาแกล้งพี่เคาท์ไปด้วยกันเถอะครับ

   วางกับดักหลุมลับ โหวต1

   เถาวัลย์ห้อยหัว โหวต2

   เถาวัลย์สกัดดาวรุ่ง โหวต3

   รังแตนมหาประลัย โหวต4

   งั้นเอาเป็นว่าเอาทุกอย่างมารวมกันเลยเป็นไง ความคิดเข้าท่ามากเลยเอวา

   ชักช้าอยู่ใยเริ่มเลยดีกว่า แม่สอนว่าทุกอย่างที่เราตั้งใจทำจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเริ่มทำ

   ปฏิบัติการภารกิจขุดหลุมฝังแวมไพร์โดยนายเอวาจะเริ่ม ณ บัดนี้ ก่อนอื่นต้องหารังแตนซะก่อนจะได้รู้จุดขึงเถาวัลย์สกัดดาวรุ่ง

   ผมเดินมองหารังแตนสักพักเห็นแวบๆว่าอยู่แถวนี้

   "อ๊ะ เจอแล้ว"รังแตนขนาดเท่าหัวเด็กแรกเกิดเกาะอยู่ที่กิ่งไม้ พอดีเลยแผนรังแตนมหาประลัยค่อยสะดวกขึ้นหน่อย อะไรจะเป็นใจให้เอวาขนาดนี้ ผมจะกระตุกเถาวัลย์ที่แอบผูกไว้กับรังแตนให้ครอบใส่หัวพี่เคาท์แต่กว่าจะผูกได้นี่เฉียดโดนต่อยไปหลายครั้งเหมือนกัน

   ต่อไปก็ไปหาเถาวัลย์สักสองสามต้นเพื่อมาขึงไว้กับต้นไม้สองต้นผมไม่โง่ที่จะขึงกันจะๆเลยเอาใบไม้ดอกหญ้ามาสุมๆกันไว้ถึงเวลาค่อยดึงสกัด เวลามีไม่มากนัก พี่เคาท์คงจัดการหลบจากแม่หมูป่าได้แล้วและคงกำลังตามรอยผมมา

   ผมใช้เวลามากกว่า 30 นาที ในการขุดหลุมฝังแวมไพร์ที่อยู่ถัดไปจากเถาวัลย์สกัดดาวรุ่งเวลามันกลิ้งจะได้ตกหลุมพอดี ผมกะระยะทางและคำนวณโดยทฤษฎี...&$€฿%*#@~^& เรียบร้อยแล้ว แผนสำรองคือเถาวัลย์ห้อยหัวถ้าพี่เคาท์ขึ้นมาได้รอบๆก็จะเป็นเถาวัลย์วางไว้แบบในหนังพอเท้าเหยียบโดนเถาวัลย์จะกระตุกขึ้น

   บางทีผมก็คิดนะว่าผมดูหนังเยอะไป ฮ่าๆ

   เอาล่ะ ไปล่อแวมไพร์มาติดกับกันดีกว่า พี่เคาท์บอกว่าสามารถสื่อใจกันได้ วิธีนี้คงเรียกได้ง่ายกว่า

   โอ๊ยยยยย ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยที มันจะฆ่าผมไอ้นักล่าแวมไพร์ ไม่...เจ็บ!

   ผมคิดพลางนึกถึงใบหน้าของพี่เคาท์เหมือนกับว่าจะส่งกระแสจิตไปให้ ผมนั่งทรุดตัวกับผืนดินที่มีใบหญ้าปกคลุมห่างจากรังแตนเล็กน้อยในมือก็กุมเถาวัลช์เส้นเล็กไว้กระตุกรังแตนไว้อย่างแนบเนียน

   "เอวา"เสียงเรียกราวกับคำรามดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามาจังหวะนั้นเองผมก็กระตุกรังแตนจนรังมันหล่นไปตรงหัวของพี่เคาท์แต่มันไหวตัวทันฟาดหลังแตนไปไกลหลายเมตร

   "บ้าจริง"

   "ฮึ่ม"พี่เคาท์คำรามในลำคอ หน้าตาพี่แกดูตกมันมากจริงๆจนผมอดที่จะกลัวไม่ได้

   พลาดได้ไง ไม่เป็นไรมีแผนสำรองผมจึงรีบยืดตัววิ่งไปทางที่มีเถาวัลย์สกัดดาวรุ่งอยู่ เอี้ยวตัวหลบไปดึงเส้นเถาวัลย์ให้ขึงตึงขึ้นมาจนคนที่วิ่งตามมาติดๆเสียหลักสะดุดเถาวัลย์ล้มกลิ้งไปตามทางแล้วตกลงไปในหลุมที่ผมขุด

   สำเร็จ! แต่ยังดีใจไปได้ไม่เท่าไรหลุมที่ผมขุดไว้คงไม่ลึกมากพอ(ใช้หินแถวนั้นขุดอ่ะคิดดู)พี่เคาท์ตะกายขึ้นมาได้(คือหลุมมันลึกเท่าเอวพี่เคาท์)แต่ก็นั่นแหละเถาวัลย์ห้อยหัวที่ผมวางไว้รอบๆเป็นแผนสำรองได้ดี พอพี่เคาท์ก้าวขาไปโดนเถาวัลย์เส้นหนึ่งปุ๊บมันก็ดึงร่างพี่เคาท์ให้ห้อยหัวโตงเตงปั๊บ

   ผมยืนมองดูผลงานห่างๆอย่างห่วงๆแต่พอเห็นว่าพี่เคาท์ไม่เป็นอะไรมากก็เตรียมตัวหนีไปหาที่กบดานต่อ ใช้แรงมาทั้งวันเหนื่อยแล้วล่ะ

   "หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว พี่จะไม่ออมมือให้เอวาแล้วนะ"

   ผมสะดุ้งเฮือกรีบหันหลังไปก็พบว่าพี่เคาท์หลุดจากเถาวัลย์เรียบร้อยแล้ว

   "อะไร จะใช้พลังแวมไพร์หรอ...ผิดสัญญากันนี่"

   "พี่จะใช้พลังใจของพี่เนี่ยแหละจับเอวามาทำเมียอีกครั้ง"

   ตึกตัก ตึกตัก

   ไม่ใช่เสียงหัวใจที่มันเต้นเพราะคำพูดวาบหวิวนั้นหรอกครับเพราะว่าพี่เคาท์กำลังเดินเร็วมาถึงตัวผมต่างหาก อีกไม่กี่วิข้างหน้ามือของพี่เคาท์กำลังสัมผัสตัวผม

   ตึกตักๆๆๆ สิ้นเสียงหัวใจที่เต้นเร็วรัวราวกับตีกลองผมก็หลับตาแน่นแล้ววิ่งออกจากมือหนาที่กำลังมาถึงตัวผม

   ผมรู้สึกได้ถึงลมที่ปะทะหน้าผมอย่างแรงเหมือนพายุพัด ผมหยุดวิ่งและลืมตาโพลงทันทีพลางกวาดตามองรอบตัวเองก็ไม่เห็นพี่เคาท์และรอบๆก็ไม่ใช่พื้นที่ป่าเมื่อกี้นี้

   ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าผมทำสำเร็จ ผมเคลื่อนไหวตัวเองคล่องแคล่วว่องไวได้แล้ว ผมทำได้

   "ทำได้แล้วจริงๆ"แล้วผมก็ลองเคลื่อสไหวตัวเองอีกครั้งครั้งแล้วครั้งเล่าให้มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป

   ด้วยความที่ผมกำลังเห่อพลังใหม่ที่ฝึกสำเร็จทำให้ผมวิ่งร่าหน้าตีลมอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้ดูทางว่ากำลังเข้าป่าลึกไป

   "ที่นี่ที่ไหน"

   พอรู้สึกตัวเองอีกทีก็พบว่าผมกำลังยืนอยู่ในป่าทึบที่ไม่คุ้นตา มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ทึบเรียงกันแทบไม่เห็นแสงสว่าง บรรยากาศอึมครึมชวนวังเวง พอลองเดินกลับไปทางเก่าก็เหมือนจะยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเหมือนเดิมวนซ้ำๆ

  ...นี่ผมหลงทาง?




TBC.
เอวาแอบเป็นเด็กแสบเบาๆค่ะ ใครหมั่นไส้นายเอกเดี๋ยวเราจะจัดหนักจัดเต็มให้เนอะ เอวาเป็นคนค่อนข้างฐิถิสูงชอบเล่นตัว หวงตัวเองยิ่งกว่างูห่วงไข่ แต่ไม่นานนักหรอกนายเอกของเราจะว่านอนสอนง่ายในเรื่องแบบนั้น หุหุ
ปล.ครั้งแรกของนายเอกต้องท่านเคาท์เท่าน้านนเพราะจินมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่...?
แล้วพบกันใหม่ในอีก 2 วันนะคะ :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่6 [2/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 03-11-2015 22:26:11
หลงทางละเทอววววววววว พี่เคาท์อยู่ไหนหาน้องด่วนนน
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่6 [2/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-11-2015 07:15:05
ถ้าขอความช่วยเหลือพี่เขาจะเชื่อไหม
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่7 [5/11/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 05-11-2015 21:07:25
ตอนที่ 7 หลงป่า




   "ทำไมเดินวนอยู่ที่เดิมวะเนี่ย"

   ไม่คิดว่าพอวิ่งเล่นเพลินๆแล้วจะทำให้หลงทางขนาดที่ผมวิ่งไวเหมือนวาบแล้วยังหลงอยู่เลยตอนนี้ ยิ่งหาทางออกยิ่งหลงนี่มันจะอิงละครน้ำเน่าเกินไปแล้วนะ

   นี่ก็จวนจะค่ำแล้วด้วย จริงสิ เขาบอกว่าถ้าหลงป่าให้ดูที่พระอาทิตย์รีบเดินไปตามทางก่อนตะวันจะตกดินดีกว่า วิ่งเร็วไปเนี่ยแหละ

   แต่ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกว่าวิ่งไปไม่ถึงสักทีกลับยิ่งเข้าป่าลึกไปอีก ผมต้องยอมรับความเป็นจริงสินะ ว่าผมหลงป่า

   "แต่ถ้าเรียกให้พี่เคาท์มาช่วยคงถูกกัดแน่เลย แสบกับเขาไว้เยอะ"

   ถอนหายใจเบาๆก่อนจะนั่งลงตรงโขดหินแถวนั้นยังไงพี่เคาท์ก็ต้องตามหาผมอยู่แล้วแหละอยู่ที่ว่าช้าหรือเร็ว รอให้ตะวันตกดินก่อนแล้วกันค่อยเรียกให้มาช่วย

   เมื่อไรกันนะที่ผมปล่อยเลยเรื่องที่พี่เคาท์ทำไว้กับผมทั้งที่ผมควรจะโกรธเกลียดแต่ก็ทำไม่ได้ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยแล้วผมยังยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นแวมไพร์โดยไม่ทักท้วงหรือเสียใจเพราะน้อยคนงั้นหรอที่จะได้อยู่อย่างอมตะมีพลังที่แข็งแกร่งกลายเป็นผู้วิเศษวิโส

   ถ้าหากว่าผมต้องอยู่เป็นอมตะอย่างโดดเดี่ยวละก็ผมคงทนไม่ได้แต่พี่เคาท์กลับอยู่มาได้จนถึงวันนี้...เหงามากเลยสินะ



   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรผมหลับตาลงคิดอะไรหลายๆอย่างจนผล็อยหลับ ตื่นมาอีกทีท้องฟ้าก็มืดมิดพร่างพรายไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ บรรยากาศเย็นตัวลง รอบข้างก็มืดสนิทดีที่สายตาของแวมไพร์นั้นสามารถมองเห็นในที่มืดได้

   "อึก"

   จู่ๆ ร่างกายของผมก็ร้อนผ่าวลำคอแห้งผากรู้สึกหน้ามืดตาลาย อาการแบบนี้หรือว่าจะ...หิว?

   จะทำยังไงดีในเวลาแบบนี้ ผมจะหาเลือดได้ที่ไหน กัดแขนดูดเลือดตัวเองอย่างงั้นหรอ ไม่ได้สิผมต้องควบคุมตัวเองให้ได้ หากวันหนึ่งผมกลับไปอยู่ในเมืองแล้วผมเกิดหิวอาจจะเผลอทำร้ายคนรอบข้างก็ได้

   "อดทนไว้"เสียงแหบแห้งนั่นของผมหรอทำไมมันฟังดูเหมือนฆาตรกรโรคจิตเลยล่ะ

   เหมือนตอนนี้ผมจะไม่ได้อยู่คนเดียวซะแล้ว รู้สึกได้ถึงสายตาหลายสิบคู่กำลังจ้อมมองผมอยู่ ผมมองไปในความมืดที่อยู่รอบด้านก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างแวบๆเคลื่อนไหว ผมมั่นใจว่าไม่ใช่คนแน่

   กรรซ์

   แล้วที่ผมคิดไว้ก็จริง หมาป่าที่น่าจะเป็นหัวหน้าฝูงเดินออกมาพร้อมขู่คำรามลูกฝูงของมันที่เหลือก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากที่หลบซ่อนทีละตัว ฝูงหมาป่ารายล้อมอยู่รอบตัวผมพลางจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อซึ่งพวกมันคงตั้งใจจะกินผมอยู่แล้ว

   จ่าฝูงของพวกหมาป่าคำรามก้องอีกครั้งแล้วกระโจนทะยานตรงมาทางผมที่รอรับคมเขี้ยวแต่ผมไหวตัวทันหลบได้พ้นแล้วเจ้าหัวหน้าหมาป่าก็คำรามอีกครั้งฝูงหมาป่าก็เข้ามาฟัดผม

   สู้ๆหลบๆกันไปมาผมก็พลาดท่าถูกหมาป่าตัวหนึ่งกัดที่แขนก่อนสติผมจะขาดผึงเหมือนเส้นความอดทนถูกตัดจากนั้นผมก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรอีก รู้แค่ว่าต้องการ เลือด
.
.
.
   เวลาผ่านไปเนิ่นนานผมกำลังนั่งจมกองเลือดของซากหมาป่าที่กองอยู่รอบตัวผม เสื้อผ้าที่เคยสะอาดบัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด กลิ่นคาวเลือดของหมาป่าฟรุ้งกระจาย ที่นี่กลายเป็นสุสานหมาป่าจนน่าหดหู่ ฝีมือทั้งหมดเป็นผมเองที่ทำ ปลายลิ้นยังมีเลือดหมาป่าติดอยู่เลย

   ความบ้าคลั่งที่กระหายเลือดเหมือนในนิทานที่แม่อ่านให้ฟัง ขนาดผมฆ่าหมาป่านับสิบตัวตายยังเสียใจและขยะแขยงตัวเองขนาดนี้ถ้าผมฆ่าคนเพียงคนเดียวผมไม่แย่ไปกว่านี้หรอผมคงจะเอาลิ่มมาตอกหัวใจจนตัวตายตาม

   "ขอโทษ...ฮึก...ขอโทษๆๆๆๆ"

   ผมปิดหน้าตัวเองร้องไห้ไมาอยากรับรู้ว่าตัวเองคร่าชีวิตของหมาป่าหลายตัวไปแม้พวกมันพยายามฆ่าผมแต่ที่พวกมันทำเพราะเพื่อเอาตัวรอดต้องกินเพื่ออยู่แล้วผมเป็นตัวอะไร ตัวที่เอาแต่สูบเลือดสูบเนื้อเพื่อความเป็นอมตะงั้นหรือ

   ขยะแขยง รังเกียจตัวเองที่เป็นแบบนี้ที่ไม่สามารถควบคุมความต้องการของตัวเองได้

   "ฮึก...ฮือออ...พะ พี่เคาท์"

   คนที่ผมต้องการที่สุดในเวลานี้ทำไมไม่อยู่กับผมมัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่มาช่วยผม เกลียดผมแล้วใช่มั้ยจะทิ้งผมแล้วใช่มั้ย ไอ้แวมไพร์นิสัยไม่ดี

   "หาเจอซะที...นี่วิ่งเข้าป่ามาลึกซะสุดขอบโลกเลยนะ"

   "พี่เคาท์"ผมเงยหน้าจากมือค่อยๆลุกขึ้นยืนมองใบหน้าเฉยชาที่มองรอบๆอย่างนิ่งเงียบเหมือนเป็นเรื่องปกติ

   "คงกลัวมากเลยสินะ มานี่มา"พี่เคาท์อ้าแขนกว้างผมไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปหาไออุ่นนั้น

   แล้วผมก็ปล่อยโฮออกมาพร้อมคำด่าสารพัดที่มอบให้กับตัวเอง

   "ไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้วใช่มั้ย"มือหนาลูบหลังผมอย่างปลอบประโลมทำให้ผมสบายใจได้ไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยก็มีพี่เคาท์ที่อยู่ใกล้ๆผม

   "ครับ ผมไม่อยากฆ่าใครหรือตัวอะไรอีกแล้ว...ฮึก"

   "ถ้างั้นก็เชื่อฟังพี่...ตกลงมั้ย"

   "ครับ"ผมพยักหน้าหงึกหงักไม่เล่นตัวอะไรอีก

   "เอวาไม่ผิดหรอกที่เป็นแบบนี้เพราะแวมไพร์ใหม่ๆจะควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกตน...เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเองเลยนะเด็กดี"

   แค่คำพูดไม่กี่ประโยคกับอ้อมกอดอบอุ่นที่กระชับแน่นขึ้นทำให้ผมลืมสิ่งเลวร้ายไปได้ชั่วขณะ ผมหยุดสะอื้นร้องไห้รู้สึกสบายใจขึ้นแต่ก็ยังกังวลอยู่หน่อยกับความกระหายเลือดอย่างล้าคลั่งของตัวเอง

   "แถวนี้มีน้ำตกอยู่ ไปล้างตัวที่นั่นก่อนนะ"

   "ครับ"

   ตลอดทางเดินไปน้ำตกพี่เคาท์จับมือผมแน่นเหมือนกับว่าจะทำให้ผมมั่นใจได้ว่าจะไม่ปล่อยมือให้ผมต้องตกอยู่ในสภาพเลวร้ายอีก พี่เคาท์ในเวลาแบบนี้จะต่างจากทุกทีจะเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้เสมอเพราะแบบนี้สินะถึงทำให้ผมอุ่นใจเมื่ออยู่กับเขา

   "สวยจัง"

   น้ำตกที่ผมเห็นสวยมากกว่าน้ำตกที่ผมเคยไปอีกยิ่งแสงจันทน์นวลส่องสะท้อนกับผิวน้ำยิ่งสวยเหมือนเพชรส่องแสงระยิบระยับ กลิ่นของธรรมชาติตรงหน้ากลบกลิ่นคาวเลือดออกไปจนหมด

   "คงไม่มีสัตว์ป่ากล้ามาแล้วล่ะ อาบน้ำเถอะ"ผมค้อนตาใส่พี่เคาท์ จะบอกว่าผมเป็นตัวอันตรายก็บอกมาเถอะ เชอะ

   "หันหลังสิ"ผมสั่งเพราะจะถอดเสื้อผ้า

   "เห็นหมดแล้วจะอายอะไร"หน้าตาที่เคยนิ่งเงียบสงบตอนนี้กลับมาเป็นแวมไพร์เจ้าเล่ห์อีกครั้งจนผมอยากจะสต๊าฟหน้านิ่งๆของพี่มันไว้

   "ดูได้ก็ดูไป ขึ้นแล้วผมไม่ช่วยให้ลงหรอกนะ"สายตาผมหลุบต่ำไปมองเป้ากางเกงพี่เคาท์ก่อนจะถอดเสื้อผ้าต่อหน้ามัน

   นี่ผมกลายเป็นคนไร้ยางอายตั้งแต่เมื่อไรกันเพียงไม่กี่วันที่อยู่กับพี่เคาท์ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ

   "จงใจยั่วพี่ใช่มั้ย"

   "ถ้าใช่แล้วจะทำไม"ล้อเล่นสักหน่อยแต่ลืมไปว่าจะกลายเป็นยุอารมณ์พี่เคาท์ซะงั้น มันเดินดุ่มๆเข้ามาใกล้ก่อนจะ...

   "เหม็นคาวเลือดหมาป่า ไปล้างตัวได้แล้ว"ผมหน้าแดงผ่าวเมื่อคิดว่าจะถูกจูบแน่ๆทำไมผมต้องคิดอะไรน่าอายแบบนั้นด้วยหรือที่จริงแล้วใจผมต้องการแบบนั้น

   ไม่ต้องให้มันบอกแบบนั้นผมก็รีบกระโจนลงน้ำทันทีเพียงแค่เท้าสัมผัสกับผิวน้ำที่เย็นเยียบทำให้ผมขนลุกซู่แต่พอลงไปทั้งตัวก็ไม่รู้สึกหนาว เย็นสบายกำลังพอดี

   เสียงบางอย่างลงน้ำพร้อมแรงกระเพื่อมทำให้ผมหันไปมอง พี่เคาท์ในชุดวันเกิดแหวกว่ายผิวน้ำมาทางที่ผมยืนอยู่

   "ป่าแถบนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาหรอกเพราะที่นี่อันตรายแถมยังทึบแสงแดดเข้าไม่ถึง"

   "น่าแปลกนะครับ ที่ที่อันตรายแต่กลับมีสิ่งสวยงามอยู่...น้ำตกที่นี่สวยมากจริงๆ"

   "สวยมาก...ยิ่งแสงจันทน์กระทบผิวกายขาวผ่องยิ่งทำให้เธองดงามขึ้นไปอีก"

   ผมหน้าแดงนิ่งอึ้งกับคำพูดหวานเชื่อมของแวมไพร์ตรงหน้า นิยายที่ผมเคยอ่านว่าพระเอกพูดจาหวานเลี่ยนมันเทียบไม่ได้เลยกับคนตรงหน้าที่พูดออกมาด้วยแววตาสื่อความนัย ใครไม่หวั่นใจก็คงไม่มีหัวใจเกินไปแล้วล่ะ

   ไม่รู้ว่าผมนิ่งไปนานเท่าไรใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาก่อนจะประกบจูบอย่างแผ่วเบาผมรู้สึกตัวอีกทีตอนที่พี่เคาท์สอดลิ้นเข้ามาแล้วไล้เลียไรฟันบดจูบอย่างนุ่มนวลจนผมหลงเคลิ้มจูบตอบไปตามอัตโนมัติ มือถูกรวบขึ้นก่อนจะดึงให้กอดคอแวมไพร์เจ้าเล่ห์นี่ไว้ จากจูบที่นุ่มนวลเริ่มบดขยี้รุนแรงตามแรงอารมณ์แต่ในความร้อนแรงก็มีความอ่อนหวานประปรายอยู่จนผมแทบทรงตัวไม่อยู่ถ้าไม่ได้มือหนาประคองเอาไว้

   "กินพี่สิเอวา"คำชักชวนพร้อมเอียงคอหน่อยๆเผยให้เห็นถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบๆทำให้ผมคล้อยตามอย่างว่าง่าย
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่7 [5/11/2015]
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 05-11-2015 21:11:56
   "กินพี่สิเอวา"คำชักชวนพร้อมเอียงคอหน่อยๆเผยให้เห็นถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบๆทำให้ผมคล้อยตามอย่างว่าง่าย

   เขี้ยวแหลมคมเผยออกมาผมเลียต้นคอขาวซีดพอเป็นพิธีก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงไปดูดดื่มเลือดหวานอย่างสุขใจ

   "พี่ขอกินเอวาบ้างนะ"

   "อื้อ"ผมตอบรับในลำคอเบาๆอย่างเผลอไผลด้วยแรงอารมณ์และความหวานของเลือด

   เมื่อสูบเลือดจนอิ่มท้องแล้วผมก็ผละออกมาเลียหยดเลือดที่ไหลละต้นคอ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังผมก่อนจะลากผ่านขึ้นมาจับที่ต้นคอให้เอียงเล็กน้อย พอรู้ว่าจะถูกทำอะไรผมก็ผลักอกแกร่งออกแต่ก็ไม่เป็นผล พี่เคาท์จับมือผมทั้งสองข้างแน่นจนขยับไม่ได้

   "ไหนบอกจะให้กินยังไงล่ะ"เสียงทุ้มนุ่มกระซิบจรดอยู่ข้างหูพร้อมคลอเคลียจนผมต้องหดคอหนีเพราะจั๊กจี้

   "เมื่อกี้ผมตอบแบบไม่ค่อยมีสติเพราะงั้นปล่อนเถอะครับ"

   "พี่หิวมากเลย...นะครับ"สายตาอ้อนวอนเหมือนเด็กน้อยร้องขอของเล่นทำให้ใจผมอ่อนยวบ

   "มะ...อื้อ"ยังไม่ทันจะปฏิเสธพี่เคาท์ก็ประกบปากจูบทันที

   ความวาบหวามถูกส่งผ่านมายังลิ้นร้อนที่ดูดดุนอย่างเอาแต่ใจ เร่าร้อนรุนแรงแต่ก็นุ่มนวลอ่อนหวาน ผมเผลอไผลไปกับรสจูบนั่นอีกครั้ง ร่างกายของเราแนบชิดสนิทกันมากขึ้นแทบไม่มีอากาศผ่านไปได้ มือหนาเอียงหัวผมแล้วผละจูบมาหอมแก้มผมที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ก่อนจะลากริมฝีปากอุ่นลงเรื่อยถึงต้นคอ ลมหายใจเป่ารดที่ต้นคอแผ่วเบาพลางรู้สึกถึงลิ้นชื้นที่ดูดทำรอยรักเอาไว้

   รู้สึกดีได้ไม่นานก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจี๊ดเมื่อถูกเขี้ยวฝังลงที่ต้นคอแต่พอผ่านไปสักพักความเจ็บก็แปรเปลี่ยนความหฤหรรษ์ ร่างกายพลันวูบวาบไปทั่วทั้งตัว มือหนาลูบสะโพกของผมลามไปถึงก้นแล้วบีบเคล้นคลึงอย่างแรง

   "เบาๆหน่อยสิ...อา"ถึงแม้ปากจะบอกให้เบาแรงแต่ผมกลับครางออกมาด้วยความสุขสม กลัวใจตัวเองที่คิดลึกๆว่าผมชอบความรุนแรง

   "อร่อยมาก...อยากกินทั้งตัว"

   ริมฝีปากสีแดงคล้ำผละออกจากซอกคอผมอย่างอ้อยอิ่ง นัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องสบลึกเข้ามาในตาผมเหมือนจะอ้อนวอนในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งขอความรักจากผู้หญิง(ผู้ชาย)คนหนึ่ง

   "ถ้างั้นก็ช่วยกลืนกินผมให้หมดทั้งตัวด้วยนะครับ"

   สิ้นสุดคำพูดยั่วยวนพี่เคาท์ก็ก้มลงมาบดจูบริมฝีปากผมอย่างหื่นกระหาย ผมก็ตอบรับทุกสัมผัสที่พี่เคาท์มอบให้อย่างยินดีปรีดาเพราะตอนนี้ความต้องการมันไม่เข้าใครออกใคร ผมต้องการความอุ่นร้อนของชายตรงหน้า ต้องการให้กระแทกกายเข้ามาแรงๆจนลึกสุด ใครจะว่าผมง่ายก็ช่างก็ผมติดใจติดลมไปแล้ว

   แวมไพร์ก็เปรียบเสมือนสัตว์ป่าที่มีทั้งความหิวกระหาย ความบ้าคลั่ง ความต้องการสูง

   "กระแทกเข้ามาแรงๆเลยครับ...อ๊ะ อา"

   พี่เคาท์จัดให้ตามคำขอ กายแข็งกระแทกเข้ามาในช่องทางที่ตอดรัดตุบๆ ความแข็งขืนที่สอดแทรกเข้ามาโดยไม่เบิกทางทำให้ผมเจ็บเล็กน้อยเพราะน้ำช่วยบรรเทาความเจ็บลงได้มาก

   ทำในน้ำนี่รู้สึกดีจังยิ่งเสียงกระพือไหวของน้ำดังกระทบไปทั่วบริเวณช่องทางผมยิ่งตอดรัดแน่นขึ้น

   "ซี้ดดด อย่าตอดแรงขนาดนั้นสิ"พี่เคาท์เบ้หน้าเหยแกด้วยความเสียว

   ผมถูกจับให้ยืนหันหลังก่อนแก่นกายจะแทรกเข้ามาอีกครั้งจนโดนจุดกระสันเต็มๆทำเอาผมครางแทบไม่ได้ศัพท์ เสียววูบวาบไปถึงท้องน้อย

   "อ่า พี่มีแรงเท่านี้เองหรอ"

   "หึหึ"

   "อ๊าาาา อ่ะ...อาาาา...ซี้ด"

   ผมครางระงมเมื่อจู่ๆพี่เคาท์ก็ซอยสะโพกถี่ยิบโดนจุดกระสันทุกครั้งที่แทงเข้าออก มือหนายึดสะโพกของผมไว้ไม่ให้ถูกกระแทกจนหลุดช่วง

   เสียงน้ำกระทบกันเป็นจังหวะเฉอะแฉะอย่างหยาบโลนพร้อมเสียงครางของผมกับพี่เคาท์ดังสอดประสานกันทั่วบริเวณไม่กลัวว่าสัตส์กินเนื้อจะโผล่มาอีก

   "หันหน้ามา"

   ผมหันหน้าไปตามคำสั่งของพี่เคาท์ก่อนจะถูกบดจูบอย่างเร่าร้อนจนน้ำใสๆไหลที่มุมปาก เสียงจูบดังจ๊วบจ๊าบทำให้อารมณ์ที่มีอยู่ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นไป

   "เร็ว...อีก...อา"

   เมื่อใกล้ถึงฝั่งผมก็เด้งสะโพกสวนกลับรับกับแรงส่งของพี่เคาท์ยิ่งทำให้แก่นกายเข้าไปลึกกว่าเดิม สะโพกหนาสอบเข้ามาเร็วแรงขึ้นถี่ยิบจนผมแทบทรงตัวไม่อยู่ พี่เคาท์จึงถอนแก่นกายออก

   "อ๊ะ...ถอนออกทำไม"ผมทำสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิดที่อารมณ์ค้างเติ่ง

   "กอดไว้นะ...ต่อไปนี้จะเป็นของจริง"

   พี่เคาท์ยกขาผมพาดบ่าข้างหนึ่งก่อนจะกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม แท่งร้อนที่เต้นตุบๆอยู่ในตัวผมขยายใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจ ช่องทางผมคับแน่นไปหมดจนหายใจแทบไม่ออก

   "อั้ก...มะ ไม่...มันใหญ่เกิน...อ๊าาา"

   ผมกอดคอพี่เคาท์แน่นเมื่อแก่นกายขยับแทงกระหน่ำราวกับพายุที่บ้าคลั่ง รู้สึกว่าเจ็บร้าวไปหมดแต่น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกสุขสมและชอบมันมาก นี่ผมคงเป็นมาโซคิสถ์ไปแล้วใช่มั้ย

   ไม่นานผมก็เกร็งตัวกระตุกร่างปลดปล่อยของเหลวออกจากร่างกาย พี่เคาท์ยังคงซอยสะโพกอย่างเมามันส์จนผมเสียววูบทั้งที่เพิ่งเสร็จไปหมาดๆ แก่นกายใหญ่พองตัวก่อนสะโพกหนาจะซอยถี่ยิกเข้าออกรัวเร็วปลดปล่อยหยาดน้ำอุ่นเข้าช่องทางผม พี่เคาท์กระแทกสะโพกอีกสองสามครั้งรีดน้ำออกให้หมดก่อนจะถอนออก ผมค่อยหายใจหายคอได้สะดวกหน่อย ไม่คิดว่าพี่เคาท์จะอารมณ์ดิบขนาดนี้นี่ผมไปกดเปิดสวิชต์อะไรพี่แกหรือเปล่าถึงคึกอย่างกับกินยาม้า

   "ขึ้นกันเถอะ"

   "จะกลับแล้วหรือครับ"

   "เปล่า...จะต่อจากเมื่อกี้น่ะ"

   แวมไพร์เจ้าเล่ห์ยิ้มมุมปากพลางส่งสายตาหื่นกามสื่อความนัยให้ผมที่ยืนหน้าซีดอยู่

   ผมคงไปเปิดสวิชต์ความหื่นมันเข้าให้สินะครับ ฮือออออ




TBC.
หายไปสักพักขอโทษนะคะ เคลียร์งานจนหัวหมุนเลยทีเดียว แต่รับรองไม่หายไปแน่นอนค่ะ  :กอด1:
อยากแต่งเรื่องใหม่จังเลยมีเรื่องใหม่วนเวียนอยู่ในหัวค่ะ ฮ่าๆ แต่แต่งเรื่องนี้ให้จบก่อนดีกว่า งหรือจะตัดฉับจบดีนะ (น่าเกลียด) :z6:
เนื่องจากเราเกลียดมาม่าเพราะงั้นจะจบแบบพระเอกตายนายเอกถูกจับไปทดลองแล้วกันเนอะ (ฮา)
คิดถึงคนอ่านจังขอกำลังใจหน่อยเร้ววว คนเขียนจะแห้งตายอยู่แว้วว (บ่นๆๆๆๆๆ)
เดี๋ยววันเสาร์จะมาต่อให้นะคะ  :katai4: :pig4:
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่7 [5/11/2015] อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-11-2015 17:13:49
ดีงามมากอ่ะตอนสุดท้าย
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่7 [5/11/2015] อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-11-2015 21:08:49
ไม่หมดแรง คงไม่ได้กลับบ้าน
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่7 [5/11/2015] อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 07-11-2015 11:52:22
สงสัยจะหลงป่ากันทั้งคู่ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่8 [7/11/2015] อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 07-11-2015 22:07:35
ตอนที่ 8 ควบคุม



   เช้าวันใหม่ผมก็ตื้นขึ้นมาองจากการหลับใหล สายตากวาดมองไปทั่วพบว่าผมกลับมานอนที่คฤหาสน์เรียบร้อยแล้วหลังจากเมื่อคืนผ่านศึกหนักมา คนข้างกายยังคงนอนหลับสนิทอย่างสบายใจ

   "ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ"ผมเขย่าแขนพี่เคาท์แรงๆจนตัวสั่นคลอน

   "อื้อ"ครางรับเสียงแผ่วก่อนจะตะแคงข้างนอนไปอีกด้าน

   "ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ ไอ้แวมไพร์ตัณหากลับ"

   "ตอนเย็นค่อยคุยกันนะครับ ที่รัก"

   "ไม่ได้ ต้องคุยตอนนี้เลย"

   "แวมไพร์อย่างพี่ต้องนอนกลางวันนะครับ...อย่าให้พี่หงุดหงิดเชียวเดี๋ยวจะโดนกินแบบเมื่อคืน"พี่เคาท์หันมาพูดกับผมพร้อมมองด้วยความกระหายก่อนจะหันกลับไปนอนอีกครั้ง

   "ตื่นมาเมื่อไรเถอะ คอยดู"ผมกัดฟันพูดเบาๆแล้วลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำอย่างทุลักทุเล

   "อุหวา"เดินยังไม่ทันถึงห้องน้ำผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไหลมาตามหว่างขา พอก้มลงมองดีๆสิ่งนั้นก็คืออสุจิของพี่เคาท์นั่นเอง ทะลักออกมาจนหยดเปื้อนทางเดิน ผมเลยรีบจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำ

   ตอนที่ล้วงสิ่งนั้นออกมาเกือบทำอารมณ์ผมขึ้น แวมไพร์นี่ความต้องการสูงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่จริงๆ เห็นทีผมต้องฝึกควบคุมตัวเองให้ได้กว่านี้ไม่งั้นผมเสร็จพี่เคาท์วันละหลายๆรอบแน่

   ภาพคืนวันนั้นไหลย้อนกลับมาเข้าหัวผมเป็นฉากๆทั้งที่ไม่ตั้งใจจะคิดแต่ก็อดนึกถึงมันไม่ได้ ความอบอุ่นที่ถูกสอดแทรกเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่ายิ่งทำมห้ผมต้องการมันมากขึ้น ผมไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนั้น มันดูง่ายเกินไปใช่มั้ยที่ผมปล่อยตัวปล่อยใจ

   ถ้าให้พี่เคาท์ช่วยมันต้องหาอะไรมาเล่นเพื่อลวนลามผมอีกแน่ สมองมันคิดได้แค่นี้ใช่มั้ยเนี่ย เห็นผมเป็นที่ระบายความใคร่รึไง พึ่งตัวเองก็ได้วะ

   หากต้องการควบคุมความต้องการของตัวเองก็ต้องเริ่มจากความต้องการทางที่จะกินเลือดนี่แหละ

   ผมไปหยิบถุงเลือดในตู้เย็นมาถุงหนึ่งแล้วจัดการรินเลือดในแก้วไวน์แล้วก็นั่งจ้องอยู่อย่างงั้นโดยไม่แตะ จมูกที่เพียงแค่หายใจเข้าออกก็ได้กลิ่นคาวเลือดติดตามลมมาทำให้ท้องไส้ผมปั่นป่วนไม่ใช่น้อย

   ร่างกายผมเริ่มวูบวาบ คอแห้งผากหน้ามืดตาลายเมื่อจะทนไม่ไหวอีกต่อไปก็รีบเก็บแก้วเลือดไปแช่ในตู้เย็น

   วันนี้ทำได้ดีที่สุดแล้วอดทนได้ถึง 5 นาที พรุ่งนี้ก็ลองฝึกควบคุมใหม่ให้ได้นานกว่านี้ ผมจะต้องทำให้ได้!

      เมื่อคืนตอนที่ไอ้นั่นกับพี่เคาท์ ครางไปครางมาผมก็ถามนั่นนู่นนี่เกี่ยวกับแวมไพร์ด้วยซะเลย แวมไพร์จะหิวเลือดขึ้นมาเวลาที่ใช้กำลังเยอะหรือแวมไพร์ฝึกหัดอย่างผม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอยู่ๆทำไมผมถึงลงแดงขนาดนั้น อีกอย่างที่แวมไพร์จะหิวก็คือไม่ได้ดื่มกินเลือดถึง 2 เดือนแต่ถ้าอึดขั้นเทพเลยก็ 1 ปี ซึ่งพี่เคาท์อายุปูนนี้ก็ต้องอึดเป็นธรรมดาแต่ข้อเสียของการไม่ดื่มเลือดนานๆคือพละกำลังจะอ่อนลง

   ส่วนความต้องการทางด้านร่างกายของแวมไพร์จะมีมากกว่าในมนุษย์ธรรมดามีอารมณ์ได้ง่ายถ้าถูกปลุกเร้าและยิ่งได้ดื่มกินเลือดที่หอมหวานพร้อมทำอย่างว่าจะยิ่งมีอารมณ์ความต้องการจนฉุดไม่อยู่ซึ่งเมื่อคืนผมเจอมากับตัวแล้วและคืนนี้ผมก็ต้องเตรียมตัวรับศึกหนักไม่ให้พี่เคาท์ทำอะไรผมได้อีกต้องห้ามความต้องการของตัวเองควบคู่ไปด้วย

   "อ๊ะ ลืมติดต่อพี่จินเลยจะเป็นห่วงเรารึเปล่าที่หายตัวไป...ไปหาดีมั้ยนะ"

   ถ้าพี่จินเป็นห่วงป่านนี้คงต้องมาถามหาผมกับพี่เคาท์แล้วสิคงคิดว่าผมแอบกลับมาก่อนเลยโกรธหรือเปล่านะแต่ยังไงก็ต้องไปเอาธนูกับมีดสั้นที่พ่อพี่จินจะให้ล่ะนะ เอาเงินไปด้วยดีกว่าแอบเห็นถุงเงินวางไว้ที่โต๊ะทำงานด้วยสิ

   ดีที่เงินอยู่ในห้องทำงานแยกกับห้องนอนผมเลยจิ๊กไปได้สบายนี่ผมไม่ได้ขโมยนะผมเป็นคู่หมั้นพี่เคาท์ก็ต้องมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติสิ จริงมั้ย

   "ทำอะไรครับเอวา"

   "...!?"ตกใจครับ จู่ๆพี่เคาท์ก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงคนกำลังนับเงินในถุงอยู่เลย ไหนบอกจะนอนกลางวันไงฟะตื่นมาจับขโมยทำไม

   "ขโมยเงินพี่หรอ"หน้าตาเจ้าเล่ห์ยียวนยื่นหน้ามาใกล้จนผมต้องถดตัวหนีอัตโนมัติ

   "ปะ เปล่า...นึกว่าช็อกโกแลตเหรียญอ่ะของกินที่ขายตามเซเว่นไงตอนเด็กๆผมชอบกินมากเลยนะ"เสียงสั่นไปหน่อยแต่ก็พอแถไปได้แสดงให้เห็นว่าสมองผมยังใช้หารได้ดีอยู่

   ห้ะ เดี๋ยวนะผมลืมสิ่งสำคัญที่สุดไปผมยังเรียน ม.6 อยู่ไม่ใช่หรอผมมาโดยไม่ได้จัดการอะไรก่อนด้วยต้องอยู่ที่นี่อีก 28 วันเลยนะ

   "เอ่อ เรื่องโรงเรียนผมคงต้องกลับไปจัดการก่อน เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย"

   "อ่า เรื่องนั้นเหนือฟ้าจัดการให้แล้ว ไอคิวสองร้อยแบบเธอกลับไปแล้วสอบเข้ามหาลัยยังได้เลย"

   "ฮ่ะๆงั้นผมไปอ่านหนังสือดีกว่า มีนวนิยายที่ผมสนใจอยากอ่านอยู่ตั้งหลายเรื่อง"ผมวางถุงเงินไว้บนโต๊ะก่อนจะรีบจ้ำอ้าวผ่านพี่เคาท์ไป

   "เดี๋ยว ไม่อยากกินช็อกโกแลตที่ว่านั่นแล้วหรอ"

   "อ้าว ก็นี่มันเงินไม่ใช่หรอแล้วผมจะกินได้ยังไง"

   "ก็เธอบอกว่าเป็นช็อกโกแลตนี่"

   "ไม่ใช่ช็อกโกแลต ใครดูไม่ออกตั้งแต่แรกก็โง่แล้ว"ขึ้นครับขึ้น มาทงมาเถียง

   "งั้นเธอก็โง่สินะ"

   "ไม่โง่ว้อยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเงินถึงจะเอาไปใช้ไง...อุ๊บ"ตายล่ะหวา เผลอปล่อยไก่ไปเต็มๆตะครุบปากตอนนี้คงไม่ทันแล้วใช่มั้ย

   "หึหึ ยอมรับมาแล้วนะ...เด็กขี้ขโมย"ถ้าจะเกิดมาเป็นแวมไพร์อย่าเกิดมาเลยเกิดมาเป็นจิ้งจอกยังดูเข้าท่ากว่าอีก เจ้าเล่ห์ชิบหาย

   "ไม่ได้ขโมยจะขอยืมไปเท่านั้นแหละ ขี้งกไปได้"

   "จะเอาไปซื้ออะไรล่ะ"

   "ซื้อปลิงมาดูดเลือดพี่ไง...เผื่อจะดูดความเจ้าเล่ห์ออกจากร่างกายไปได้บ้าง"

   "ใช้ปลิงดูดก็เสียเวลาเปล่า เอวามาดูดน้ำพี่เองดีกว่าม่ะ"

   "เหอะ จะดูดให้หมดตัวเลย"

   "ดูดตอนนี้เลยนะครับ"แค่ดูดเลือดทำไมพี่เคาท์ต้องทำหน้าหื่นด้วยชอบถูกกัดหรือไง

   "อย่าท้านะ ผมเอาจริง"

   "อย่าช้านะ พี่รออยู่"

   "ฮึ่ม"อยากตายนักก็จัดให้ ผมเดินเร็วไปตรงหน้าพี่เคาท์พลางหรี่สายตายข่มศัตรู

   "อ๊ะๆ ไม่ใช่ที่คอ...ตรงนี้ต่างหาก"

   "ตรงไหน..."แล้วผมก็เลื่อนสายตาไปจับข้างล่างที่พี่เคาท์กำลังถอดกางเกงเอาไอ้นั่นออกมาโชว์หรา

   "ขอความกรุณาด้วยนะครับ...หวังว่าจะไม่คืนคำนะ"
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่8 [7/11/2015] อัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-11-2015 22:24:28
แวมหื่นนนนน
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่8 [8/11/2015] Up
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 08-11-2015 14:45:14

   "เห้ย หมายความว่าไงไม่ใช่ให้กินเลือดหรอกหรอ"ผมถอยกรูดออกห่างจากแวมไพร์จอมหื่นตรงหน้าทันที

   "พี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเลือดสักหน่อยที่เอวาจะดูด"

   "แล้วทำไมไม่บอกให้ชัดเจนกว่านี้ละ ยังไงผมก็ไม่ดูดตรงนั้นให้หรอกนะ"พูดจบผมก็หมุนตัวหนีวิ่งเร็วไปที่ห้องหนังสือแต่เหมือนพี่เคาท์จะวิ่งตามมา

   พอถึงห้องหนังสือผมก็ถูกสกินชิพจากด้านหลังทำเอาล้มกลิ้งไปตามพื้นห้อง

   "อ๊ะ"

   กลิ้งบนพื้นกันหนำใจแล้วร่างกายผมกำลังนอนทับอยู่บนตัวของพี่เคาท์ที่กอดเอวผมไว้อย่างแน่นหนา จะตามจองล้างจองผลาญผมไปถึงไหนก็ไม่รู้จะให้ผมดูดให้ได้เลยใช่มั้ย

   "คล่องขึ้นเยอะเลยนี่แต่ยังสู้พี่ไม่ได้นะ"

   "หึ อายุก็ปูนนี้แล้วก็ไม่เห็นแปลกที่จะมีประสบการณ์มากกว่าผม"มือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขทำให้ผมต้องดันแผ่นออกมันเพื่อที่จะลุกจากสถานการ์ที่วาบหวามนี่

   "เอาน่า ถ้าดูดให้คืนนี้พี่จะไม่ทำอะไรเอวาเลย"

   "ปล่อยก่อนสิ"มันก็ปล่อยแต่โดยดีผมจึงรีบหยัดตัวขึ้นยืยอยู่ห่างจากมันไป 1 เมตร

   "ตกลงแล้วใช่มั้ยครับ"

   "นี่พี่หวังแค่ร่างกายของผมใช่มั้ย"ผมเสหน้าหลบปิดบังแววตาน้อยใจเอาไว้

   [Count]

   "นี่พี่หวังแค่ร่างกายของผมใช่มั้ย"

   คำพูดที่แฝงไปด้วยความน้อยใจทำให้ผมรู้สึกวูบโหวงในอก นี่ผมดูเป็นคนแบบนั้นหรอผมต้องการอยากกอดคนรักผมผิดตรงไหน ผมคงคิดไปเองคนเดียวสินะว่าเราผูกพันกันแต่ที่ผมจะให้ เอ่อ เอวาดูดของผมก็เพราะอยากให้เอวาได้รู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับแวมไพร์ น้องบอกอยากให้ผมสอนผมก็กำลังสอนอยู่นี่ไง

   "พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ พี่หวังทั้งตัวและหัวใจเอวาเพราะเธอคือคู่หมั้นคนรักของพี่"เอวาที่เบือนหน้าหนีในตอนแรกหันกลับมาสบตาผมแต่ในแววตาคู่นั้นไม่มีความไว้ใจผมอยู่เลย

   "หึ"

   "ก็เธอบอกเองไม่ใช่หรอว่าให้สอนอะไรๆที่เกี่ยวกับแวมไพร์นี่พี่กำลังสอนอยู่นะครับ"

   "ด้วยการให้ดูดของของพี่เนี่ยนะ"

   "ถ้าเอวาอยากรู้ก็ต้องลองนะครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้น"...แต่ถ้าสมยอมเองก็อีกเรื่องหนึ่ง แอบดอดในใจเบาๆนี่ถ้าเอวาเรียนรู้สำเร็จเกี่ยวกับอ่านใจคู่หมั้นคู่หมายได้ผมคงถูกเดาทางได้หมดไส้หมดพุง

   "แล้วทำไมไม่บอกผมเลยล่ะครับว่าการดูดไอ้นั่นจะเกี่ยวโยงกับแวมไพร์อย่างไร"ฉลาดมากน้องเอ๊ยแต่ของแบบนี้ทำด้วยทฤษฎีไม่ได้ต้องปฏิบัติเท่านั้น

   "นี่จะสามารถฝึกการควบคุมทางความต้องการเรื่องเซ็กส์ได้ครับ"

   "ผมจะเชื่อพี่ได้ยังไง ไม่ใช่ว่านี่เป็นกลอุบายล่อลวงทะลวงตูดหรอกนะ"นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในตัวผมสุดขีดจนผมอดน้อยใจไม่ได้ เป็นเมียพี่มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนยังจะกลัวอะไรอีกนะหรือบทรักของพี่ไม่ถึงพริกถึงขิงพอ

   ในสายตาเอวาผมคงเป็นไอ้แวมไพร์หื่นกามมากเมื่อวานที่เอวาเล่นผมไว้เจ็บแสบแล้วปล่อยให้ตัวเองหลงทางนั่นยอมรับเลยว่าเป็นแผนของผม ผมรู้ว่าเอวาจะต้องหลงระเริงกับพลังใหม่จนวิ่งร่าหลงเข้าไปในทางที่ผมกะไว้แล้วและฝูงหมาป่าที่หิวโซนั่นผมก็ล่อให้พวกมันไปเจอเอวาที่กำลังหิว

   อย่าเพิ่งว่าผมเลวเลยครับผมแค่กำลังสร้างแรงบันดาลใจให้เอวาพยายามฝึกควบคุมตัวเองและเป็นแผนหลอกแอ้มเอวาอีกครั้งนี่ก็เป็นแผนซ้อนแผนของผมครับ ผมว่าคนอย่างเอวาเมื่อตื่นมารู้ว่าตัวเองเร่าร้อนต้องการมากขนาดไหนก็จะรู้สึกว่าตัวเองต้องพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นแบบเมื่อคืนอีก ผมว่าเมื่อคืนเอวาก็เร้าใจดีนะแต่ให้เป็นเอวาที่ชอบขัดขืนส่งสายตาไม่พอใจมายังดีกว่า ร้อยทั้งร้อยผู้ชายก็ชอบที่จะคุมเกมมากกว่าถูกคุม

  "อย่าเงียบสิ ตอบคำถามผมมา"

   "ในเมื่อเอวาไม่ไว้ใจพี่ พี่ก็คงสอนอะไรไม่ได้"ผมพูดแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องสมุดแอบเห็นท่าทียึกยักบวกกับนัยน์ตาสีรัตติกาลคู่สวยที่ฉายแววลังเลและสับสนอยู่เนืองๆ

   "ก็ได้"เสียงหวานทุ้มแผ่วเบามากซะจนผมไม่ได้ยินต้องถามอีกรอบให้แน่ใจพยายามควบคุมอาการระริกระรี้ของตัวเองที่จะตะครุบเหยื่อตัวน้อย

   "อะไรนะครับ"

   "ฮึ่ย เงียบแล้วหลับตาซะ"สิ้นสุดคำผมแทบจะไม่รีรอที่จะหลับตาลงเตรียมรับความสุขสมที่เอวาจะมอบให้

   "อย่าให้โดนฟันนะครับ"ผมเอ่ยพูดพร่ำสอนเมื่อเอวาถกกางเกงผมลง

   "รู้แล้วน่า เงียบๆแล้วเตรียมรับมือไว้เลยผมจะรีดให้ออกไม่ได้อีก คอยดู"แล้วพี่จะคอยดูนะแต่น้ำของพี่มันมีเยอะซะจนท้องของน้องคงอิ่มก่อนจะรีดหมดน่ะสิ

   และแล้วกางเกงในปราการสุดท้ายก็หลุดออกจนมังกรยักษ์เด้งออกมาชี้หน้าเอวา ผมเหลือบมองใบหน้าสีระเรื่อที่แดงก่ำแล้วแทบจะกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ไม่ได้อยากจะกระแทกเข้าไปในปากอุ่นนั้นเหลือเกินแต่ทำไม่ได้เดี๋ยวไก่ตื่น

   "พี่นี่หื่นจริงๆยังไม่ได้ทำอะไรก็ตั้งขนาดนี้แล้ว"ปากจิ้มลิ้มขยับบ่นอย่างแผ่วเบาแต่ก็เข้าหูผมก็เพราะเมียจะดูดให้ทั้งทีลูกผมมันก็เลยสั่นสู้น่ะสิ

   ลิ้นน้อยของเอวาแลบลิ้นเลียส่วนหัวมังกรยักษ์ของผมอย่างแผ่วเบาแล้วไล้ลิ้นเลียจากหัวไปยังปลายโคนเลียขึ้นลงเหมือนกินไอติม นี่คงกำลังนึกว่าเลียไอติมสินะน่ารักจริงๆแต่อย่าเพลินจนเผลอกัดมันเข้าล่ะเดี๋ยวจะไม่มีไว้แทงทำพันธุ์

   "อือ"ผมครางในลำคออย่างพอใจเมื่อปากอุ่นครอบแก่นกายของผมไปครึ่งหนึ่งแล้วดูดดุนเบาๆเล่นเอาผมเสียววาบกัดฟันข่มไม่ให้กระแทกสวนกลับ

   ดูเหมือนเสียงครางด้วยความพอใจของผมจะทำให้เอวาที่น่ารักได้ใจรูดรั้งแก่นกายใหญ่ของผมจนเกิดเสียงเฉอะแฉะอย่างหยาบโลน

   "ซี้ดดด"ผมสูดปากครางเมื่อปากอุ่นดูดส่วนหัวดังจ๊วบจ๊าบ เอวาของผมเรียนรู้ได้ไวจนน่าใจหายจริงๆ

   "เก่งมากเมียจ๋า"ผมลูบหัวทุยของเอวาพลางเอ่ยปากชมแต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อฟันแหลมขูดแก่นกายเบาๆพร้อมสีหน้าไม่พอใรของเอวาที่เหลือบตามองมาพร้อมกับดูดไอ้นั่นของผม

   แม่ง เร้าใจ!

   สติสตังผมขาดผึงจับหัวเอวาไว้มั่นก่อนจะสอบสะโพกเข้าออกตามความต้องการของตนเอง

   "อื้ออออ"เสียงอู้อี้ของเอวาที่ร้องประท้วงกับมือน้อยที่พยายามผลักต้นขาผมออกไม่ได้ทำให้ผมหยุดการกระทำอย่างจาบจ้วงนี่แม้แต่น้อย

   "ซี้ดดดด เสียวมากเลยเมียจ๋า"

   ผมกระแทกสะโพกถี่ขึ้นเมื่อกำลังถึงปลายทาง เอวาที่ทนไม่ไหวก็พยายามผลักต้นขาผมออก ผมเลยดันสะโพกตัวเองให้เอวาเอนตัวลงนอนทั้งที่แก่นกายผมยังซอยเข้าออกอย่างเมามันส์ เมื่อเอวานอนลงผมก็เอาแขนค้ำยันพื้นไม้อย่างดีไว้แล้วเร่งซอยสะโพก

   "อึก อื้อออ"

   "ซี้ดดด สุดยอด...อา"ผมกระตุกอีกสองสามทีก็ปล่อยน้ำรักเข้าปากคนใต้ล่างจนเอ่อล้นออกมาเล็กน้อยด้วยความคับแน่นทำให้เอวากลืนน้ำของผมลงไป นั่นแหละที่รักกลืยลงไปแล้วจะได้รู้เสียทีว่าทำไมผมถึงให้ดูด

   มือน้อยตีต้นขาผมเบาๆเป็นเชิงว่าให้ลุกออกไปผมก็ถอนแก่นกายออกจากความอุ่นร้อนแต่โดยดี นั่งมองคนน่ารักที่กำลังไอค่อกแค่กสำลักน้ำของผมหน้าดำหน้าแดง เห็นแล้วสงสารอยากต่ออีกรอบ(ไอ้หื่น)

   "จะฆ่ากันรึไง แค่กๆ"เอวามองผมตาเขียวปั๊ดอย่างไม่พอใจผมก็เลยส่งยิ้มหวานไปให้แต่ดูเหมือนจะทำให้ที่รักของผมไม่พอใจเขวี้ยงหนังสือแถวนั้นมาทางผม ผมก็เอนหน้าหลบทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่รับให้โง่สิ

   "ต่อไปนี้พี่จะอยู่เฉยๆเอวาก็ควบคุมให้ได้นะครับ"อีกไม่นานฤทธิ์คงจะออก

   "อะไร...อึก...อา"ผมมองคนตรงหน้าที่ทรุดตัวลงกอดร่างกายที่คงกำลังร้อนผ่าวเอาไว้ เหงื่อเริ่มออกจนเห็นได้ชัด

   "ที่พี่กำลังสอนคือ น้ำกามของแวมไพร์เมื่อกินเข้าไปแล้วจะเป็นยากำหนัดดีๆนี่เอง"

   "ทะ ทำไมไม่บอกก่อนล่ะวะ"ท่าทางทรมานของเอวาทำให้ผมอยากยื่นมือเข้าไปช่วยแต่นี่คือการฝีกควบคุมตัวเอง ก็ขึ้นอยู่กับเอวาแล้วหละ

   "หากบอกไปเอวาก็คงไม่ยอมง่ายๆหรอก"

   "แล้วมันจะหายเมื่อไร...งื้ออ"เอวาครางออกมาเล็กน้อยเงยหน้ามองผมด้วยสายตาหวานฉ่ำจนผมแทบกระโจนเข้าไปโลมเลีย

   "อย่างเร็วคือต้องปลดปล่อยอย่างช้าก็สองวัน"ที่จริงวันเดียวแต่เผื่อเอวาจะเลือกจะเลือกอย่างหลังมากกว่าอย่างหน้าก็ขอยืดไว้สักหน่อยให้เลือกแบบแลกแทน

   "งั้นผมเลือกแบบแรก..."ผมยิ้มกริ่มแล้วจะเดินเข้าไปให้ความอบอุ่น

   "...แต่ผมจะทำเอง"




TBC.
ยังไงดีตอนต่อไปให้พี่เคาท์ทำให้หรือเอวาจะทำเองดีนะ  :oo1:
พี่เคาท์ก็เจ้าเล่ห์จริงแต่เขารักจริงหวังแต่งนะเออแม้จะหื่นไปบ้างนิดหน่อย :z6:
เดินทางมาได้ถึงตอนที่ 8 มาได้ก็เพราะกำลังใจดี ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ปล.อาจจะมาอัพวันครึ่งตอนนะคะ ลองดูว่าเวิร์คมั้ยเผื่อคนอ่านรอนานไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่8 [8/11/2015] Up
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-11-2015 22:06:02
ตั้งใจจะสอนจริงๆหราาาา???
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [9/11/2015] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 09-11-2015 21:01:00
ตอนที่ 9 เปิดใจ



   2 วันผ่านไป

   ผมกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งและมั่นกว่าเก่า คงคาดหวังว่าผมจะโดนปู้ยี่ปู้ยำสินะ เสียใจด้วยครับผมสามารถอดทนผ่านมันมาได้เมื่อคิดดูอีกทีว่าในเมื่อพี่เคาท์มอบบทเรียนนี้ให้ผมก็ควรจะสนองมันด้วยการอดทนให้ถึง 2 วันแต่ฤทธิ์ยา(กาม)กำหนัดมันหมดตั้งแต่พ้นวันแรกไปแล้วครับ อีกวันผมก็ใช้เวลาในการพักฟื้นเพื่อเตรียมตัวรบ

   ออกจากจะสำเร็จวิชาอดทน อดกลั้นต่ออารมณ์แล้วยังทำให้ผมรู้ว่าไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์มันเชื่อใจไม่ได้จริงๆผมแทบตามเกมส์คนแก่พันปีอย่างมันไม่ทัน

   ตอนเช้าของวันนี้ผมก็ยังมานั่งจ้องและดมกลิ่นเลือด คราวนี้ผมทนได้ถึง 10 นาทีแหนะดูจะน้อยในสายตาคนอื่นแต่สำหรับผมที่เวลาได้กลิ่นเลือดก็แทบกระโจนเข้าใส่ก็ดีถมไปแล้ว

   ผมใช้เวลาที่เหลือไปกับการนั่งจ้องตัวหนังสือในห้องสมุดขนาดใหญ่หนังสือหลายประเภทหลายแนววางเรียงรายอัดแน่นเต็มชั้นผมว่าชาตินี้ก็อ่านไม่จบแต่ผมอยู่บนโลกนี้จวบจนจะมีคนมาตอกลิ่มที่หัวใจนี่นาเพราะงั้นสำหรับผมชาตินี้ก็อ่านจบ ฮ่าๆ

   หนังสือที่ผมอ่านอยู่เมื่อกี้จบไปแล้วผมจึงเดินมาเลือกหนังสือใหม่ที่อยู่ชั้นบน นิ้วไล่ไปตามตัวหนังสือก็พบหนังสือเก่าเล่มหนาที่หน้าสนใจไม่เบาเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับผมที่เป็นแวมไพร์

  "หืม...The Vampire"

   หน้าปกเป็นกระดาษสีน้ำตาลเก่าแก่ตัวหนังสือเขียนด้วยหมึกดำตวัดเป็นชื่อตัวอักษรว่า The Vampire ไม่มีชื่อผู้เขียนไม่มีรูปประกอบให้สะพรึงใจมีแต่ออร่าควาขลังที่แผ่ออกมาจนผมขนลุก

   ผมรีบวิ่งกลับมานั่งเพื่อที่จะได้เปิดอ่านมันแต่พอเปิดหน้าแรกสายตาผมก็มืดวูบเหมือนจมดิ่งไปองอีกโลกหนึ่งผมหลับตาลงเมื่อแสงสว่างเริ่มเข้าใกล้ผมเรื่อยๆ

   ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เห็นเหล่าชาวบ้านเดินกันขวักไขว่ บ้างจับจ่ายซื้อของที่แผงลอย บ้างก็เดินไปมาพบปะผู้คน แต่คนที่ผมให้ความสนใจอยู่ตอนนี้คือ หญิงสาวใบหน้าสะสวยคนหนึ่งเดินจูงมือเด็กชายที่หน้าตาเหมือนพี่เคาท์เป๊ะ เด็กน้อยคนนั้นยิ้มร่าพูดคุยกับหญิงสาวคนนั้นอย่างมีความสุข ถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นคงเป็นแม่ของเด็กคนนั้น

   ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินตามสองแม่ลูกไป ดูเหมือนคนรอบข้างจะไม่เห็นผมแถมยังเดินผ่านตัวผมไปเหมือนธาตุอากาศ นี่ผมคงเข้ามาอยู่ในอีกมิติหนึ่งเป็นพันหรือร้อยปีมาแล้วหนังสือเล่มนั้นมีเวทมนตร์จริงๆด้วยสินะ

   เวลาในนิมิตนี้ผ่านไปเร็วมากผมยังคงตามติดชีวิตสองแม่ลูก เด็กชายคนนั้นเป็นคนเดียวกับพี่เคาท์ของผม เอ๊ะ ไม่ใช่ของผมสิถือซะว่าเมื่อกี้ไก่กามันพูดแล้วกันเนอะ

   ตอนนี้สองคนนั้นกำลังจับจ่ายซื้อของสดในตลาด ผมอมยิ้มให้กับท่าทางของเคาท์น้อยที่ไร้เดียงสา น่ารักน่าชังผิดกับตอนโตมาก

   และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีกลุ่มชาวบ้านเดินมาพร้อมกับชายในชุดเสื้อคลุมสีดำที่มีอาวุธครบมือ หนึ่งในชาวบ้านที่ท่าจะเป็นผู้นำชี้ไปทางแม่ลูกที่ผมเฝ้ามองดูอยู่ตลอด แม่ของพี่เคาท์เห็นท่าไม่ดีก็อุ้มเคาท์น้อยขึ้นก่อนจะวิ่งหนีด้วยความเร็วที่เหนือกว่ามนุษย์เพราะเธอคือแวมไพร์นั่นเองแต่ก็ถูกธนูปักเข้าที่ขาจนทรุดตัวลงไป

   "วิ่งหนีไปเคาท์ลูกแม่"

   เธอคะยั้นคะยอเคาท์น้อยหน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดไปอีกเมื่อคนที่ท่าจะเป็นนักล่าเยื้องย่างเข้ามา

   "ผมไม่ไป ทำไมคนชั่วต้องทำร้ายแม่ด้วย"

   "แม่บอกให้...กรี๊ดดดด"

   พูดไม่ทันจบประโยคเธอก็ถูกธนูปักลงตรงกลางหลังอีกดอกผมวิ่งเข้าไปจะประทุษร้ายนักล่าแต่ก็ผ่านเลยไปเหมือนวิญณาน ผมใจเสียที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ในเมื่อเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้

  "ผมจะปกป้องแม่"

   เคาท์น้อยวิ่งไปทางนักล่าหมายจะยุดยั้งการกระทำที่ป่าเถื่อน

   นักล่ามองเด็กน้อยอย่างเฉยชาและเกลียดชังมันเงื้อมีดขึ้นจนพระอาทิตย์สะท้อนกับมีดแหลมแวววาว มีดฉวัดเฉวียดตรงมายังร่างเด็กน้อย ผมหลับตาปี๋เพราะทนเห็นภาพนั้นไม่ได้

  "อย่าทำร้ายลูกข้า"

   แม่ของพี่เคาท์พุ่งตัวข่วนปลายเล็บบนใบหน้าของนักล่าคนนั้นอย่างว่องไวมืออีกข้างของเธอก็จับมีดไว้แน่นปกป้องลูกน้อยอันเป็นที่รักของตน เลือดบนใบหน้าไหลเป็นรอยทางยาว มือหยาบชั่วของนักล่าแตะที่รอยข่วนพบางทำหน้าคับแค้นใจ

   "เจ้าคงไม่ตายดี ข้าจะทรมานเจ้านังปีศาจร้าย!"

   นักล่าตะโกนก้องก่อนจะยิงหน้าไม้ไปที่ร่างของเธอหลายจุดจนเลือดนองเต็มไปหมด เหล่าชาวบ้านพากันหลบอยู่ในบ้านแง้มหน้าต่างและประตูออกมาเพื่อดูสถานการณ์ นัยน์ตาของพวกคนเหล่านั้นไม่มีแม้แต่ความสงสารเห็นใจ มีแต่ความรังเกียจและกลัวเหมือนอยากให้เธอตายๆไปซะ ผมได้แต่ยืนมองภาพเหล่านั้นอย่างช่วยไม่ได้ ได้ยืนมองเด็กน้อยที่ร้องไห้กอดแม่ของตัวเองไว้ในอ้อมกอด ผมปล่อยให้น้ำตาไหลรินเพื่อระบายความทุกข์ใจนึกสงสารพี่เคาท์ที่เคยผ่านช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด

   เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนที่นักล่าอัมหิตคนนั้นจับแม่ลูกมาขังไว้ในห้องใต้ดินที่เหม็นอับไร้แสงสว่าง เธอไม่ได้ดื่มเลือดมานานทำให้ร่างกายอ่อนแอ ซ้ำร้ายเธอถูกทรมานตัดนั่นเฉือนนี่แทนลูกชายเพื่อให้ลูกของตนรอดจากการถูกทำร้าย เธอหิวมากจนเกือบกระโจนใส่เคาท์น้อยแต่จิตใต้สำนึกของคนเป็นแม่ก็รั้งตนไว้และดึงเขี้ยวของตัวเองออก

   "ไหนๆเจ้าก็จะตายอยู่แล้ว วันนี้ข้าอารมณ์ดีจะให้เจ้าตายอย่างสบายๆหน่อย"

   นักล่าลากร่างกายผอมซีดและเต็มไปด้วยเลือดของเธอ ร่างของเธอถูกขูดไปกับพื้นหินดินแดงเนื่องจากนักล่าชั่วช้านั่นใส่ปลอกคอให้เธอแล้วโซ่ตรวนลากเธอมาอย่างไร้เยื่อใย ผมอยากจะฆ่ามันให้ตาย นั่นหรือใจคนทำไมถึงได้ใจดำ อัมหิต ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์นรก แวมไพร์ยังมีค่ามากกว่าปีศาจอย่างมัน!

   "แม่ แม่...เอาแม่ผมคืนมา อย่าทำร้ายแม่ของผม แม่ของผมเป็นคนดี ฮือออออ"

   น้ำตาที่เหือดแห้งไปได้สักพักของผมก็ไหลลงมาอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางราวกับขาดใจของเคาท์น้อย หน้าตาที่เคยสะอาดเกลี้ยงเกลาเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและคราบเลือดของคนเป็นแม่ ผมเอามือกุมหัวใจที่มันเต้นแรงอย่างเจ็บปวดไปด้วย

   "หึหึ ไม่ต้องห่วง...ข้าจะส่งเจ้าตามนังปีศาจนี่ไป"

   มันแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจหน้าตาบิดเบี้ยวน่าเกลียด นักล่าชั่วช้าพยักหน้าให้ชาวบ้านคนหนึ่งจับเคาท์ตามไปด้วย

   ลานกว้างในหมู่บ้านจากที่เคยรื่นเริงไปด้วยผู้คนตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงลม เงียบสงบอย่างที่ไม่เคยเป็น ตรงกลางลานมีเสาต้นใหญ่ตั้งอยู่รอบๆเต็มไปด้วยกองฟางยกสูงขึ้นจนถึงช่วงเอว

   ร่างกายระโหยโรยแรงของเธอถูกจับขึงไว้บนเสาไม้ เคาท์น้อยพยายามสะบัดตัวออกจากการจับกุมของชายคนหนึ่ง ผมกัดฟันกรอดทันทีเมื่อเคาท์น้อยถูกไอ้ชายคนนั้นตบจนหน้าหัน

   "กรี๊ดดดดดดด"

   เสียงกรีดร้องดังไปทั่วลานจนผมต้องหันไปมอง ภาพตรงหน้าที่ร่างกายของเธอมอดไหม้ถูกเปลวไฟร้อนระอุเผาทั้งเป็นทำให้ผมทรุดตัวลงปิดปากร้องไห้ หัวใจผมบีบอัดแน่นจนเจ็บร้าวไปหมด เจ็บปวดยิ่งกว่าแม่อิ้งของผมจากโลกนี้ไปอย่างน้อยแม่อิ้งก็จากไปอย่างสงบกว่าแม่ของพี่เคาท์   

   "แม่!!!"

   เด็กน้อยใช้แรงทั้งหมดที่มีสะบัดตัวให้พ้นจากการเกาะกุมของชายใจบาป เคาท์น้อยวิ่งไปหาแม่จองตนด้วยดวงตาแดงก่ำ ปากของเธอเผยออกมาพูดคำบางคำบอกลูกรักของตนแล้วยิ้มให้น้อยๆก่อรที่ร่างนั้นจะสลายเป็นเถ้าผงธุลี

  'แม่ รัก ลูก'

   เคาท์น้อยทรุดตัวลงต่อหน้ากองไฟที่ว่างเปล่า เด็กน้อยกรีดร้องเรียกหาแม่อย่างบ้าคลั่ง น้ำตาผมคลอจนบดบังภาพเบื้องหน้าไปชั่วขณะ

   "พวกเจ้าฆ่าแม่ของข้า ข้าจะไม่ยกโทษให้...พวกเจ้าต้องตาย!"
.
.
.
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 13-11-2015 19:10:16
   "เอวา"

   แรงสะกิดเรียกและเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาจากความฝันที่เป็นความจริง ยังรู้สึกได้ถึงน้ำตรงหางตาที่แห้งเหือด ผมมองคนที่มาปลุกด้วยสายตาสื่อความหมาย

   "ทำไมไม่ไปหลับดีๆที่เตียงล่ะ หืม"ใบหน้าที่ไม่เคยเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาแย้มยิ้มให้ผม ภายใต้รอยยิ้มของพี่เคาท์ที่ดูเหมือนไม่เคยมีเรื่องร้ายๆอะไรแต่ที่จริงคงเศร้าเสียใจมากสินะ

   "นี่ พี่เคาท์...หนังสือเล่มนี้น่ะ"ผมชูหนังสือเล่มหนาเก่าแก่ให้ดู

   "สนุกมั้ยครับ"พี่เคาท์มีสีหน้าเศร้าเสียใจวูบหนึ่งก่อนจะยิ้มตามเดิม หรือจะไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมสามารถเข้าไปเห็นเหตุการณ์จริงๆได้

   "ไม่สนุกเลยครับ ผมว่าเรามาเริ่มฝึกกันต่อดีกว่า"ผมวิ่งเอาหนังสือไปวางไว้ที่เดิมก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่เคาท์

   "ตอนนี้พี่กำลังคิดอะไร"

   "อยากปล้ำผมหรอครับ"ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลมืดมิด

   "ผิด...การที่เราจะสื่อใจถึงกันได้ต้องเปิดใจ"

   พยักหน้าอย่างเข้าใจพลางหลับตาลงนึกถึงภาพในวัยเด็กของพี่เคาท์ที่น่าสงสาร อยากช่วย อยากกอด อยากปลอบใจอยู่ข้างๆ

   'แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่พี่ก็รักเอวาคนดีของพี่'

   ''อ๊ะ ได้ยินแล้ว''

   'จากนี้ไปพี่จะอยู่กับเอวาตลอดชั่วชีวิต'

   "ความในใจพี่โกหกใครไม่ได้หรอกนะครับ"มือหนาเชยคางผมให้สบตาที่เขาบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจนี่จริงสินะ

   ในสายตาของพี่เคาท์มีแต่ผม รู้สึกได้ทั้งหัวใจและการกระทำของคนตรงหน้าว่าเขารักผมจริงๆ ผมควรจะลองเชื่อใจ เปิดใจให้ปีศาจที่หน้าสงสารตนนี้มั้ย

   'เชื่อใจพี่นะครับ'

   "เล่าให้ผมฟังได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจาก...ที่แม่พี่ตาย"

   "มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอก"

   "แต่..."

   "เมื่อถึงเวลาเธอก็จะรู้เอง"

   'ขอให้รู้ไว้ว่าพี่ไม่มีวันทำร้ายเมียของพี่'

   "ผมจะไม่บังคับให้พี่บอกหรอกนะ เรื่องในอดีตปล่อยมันไปก็ดีแต่เราเจอกันแค่ไม่กี่วัน ผมยังวางใจไม่ได้"

   "พี่เข้าใจ..."ผมยิ้มหวานให้ทันทีเมื่อแวมไพร์เจ้าเล่ห์ตรงหน้ายอมศิโรราบ

   "...แต่ช่วยปลอบหน่อยได้มั้ย"

   "ยังไงหรอครับ"หากมีอะไรให้ช่วยได้ผมก็จะช่วยอย่างเต็มที่

   "จูบตรงนี้ให้หน่อย"พี่เคาท์ยกนิ้วมาชี้ที่หน้าผากมนของตน เรื่องแค่นี้เองเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการความรักจากคนคนหนึ่ง

   ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันเป็น 10 เซนต์ทำให้ผมต้องเขย่งเท้าจูบหน้าผากมงพี่เคาท์อย่างนุ่มนวล

   "ตรงนี้ด้วย"แล้วก็จูบตรงเปลือกตา

   "ตรงนี้"แล้วก็จูบที่จมูกโด่งสัน

   "ตรงนี้"จูบที่แก้มขาวซีด

   "ตรงนี้"ผมลังเลเล็กน้อยก่อนจะไล้ริมฝีปากลากผ่านแก้มไปจูบที่ปากอิ่ม รีบผละออกมาก่อนที่จะถูกทำอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้

   "ตรงนี้ด้วยสิเอวา"

   "อย่าเยอะนะพี่เคาท์"นิ้วเรียวยาวชี้ที่เป้ากางเกงของตัวเองผมยู่หน้าไม่ชอบใจแต่ในใจนี่อยากจะลงไปนอนแด้ดิ้นด้วยความเขินพี่เคาท์ก็ยิ้มแล้วหัวเราะพลางลูบหัวผมเบาๆ

   ทุกวันที่ผมตื่นเช้ามาก็จะเห็นใบหน้าราวกับรูปสลักของเทพีเทวดาที่กำลังหลับพริ้มมันทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูพี่เคาท์ขึ้นเรื่อยๆ ตอนเช้าผมจะทำแบบเดิมซ้ำๆคือการเอาแก้วไวน์ที่มีเลือดมานั่งจ้องและอดทนต่อกลิ่นของมัน ตอนเที่ยงจะเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดโดยไม่ได้หยิบหนังสือ The Vampire มาอ่านอีก ตอนเย็นพี่เคาท์จะสอนและฝีกฝนให้ผมเกี่ยวกับการเป็นแวมไพร์ที่สมบูรณ์แบบ ตอนกลางคืนผมก็โดนแวมไพร์หื่นแทะเล็มเล็กน้อยไม่ได้ล่วงล้ำอะไรไปมากกว่านั้น

   นี่ก็ผ่านไป 28 วันแล้ว ความรู้สึกที่ผมมีให้พี่เคาท์เริ่มมากขึ้น ผมเปิดใจตั้งแต่วันนั้นที่ผมได้รู้ความในใจของพี่เคาท์ มีความสุขที่ได้อยู่ใช้ชีวิตไปกับแวมไพร์ตนนี้

   อีกไม่กี่วันผมจะได้กลับบ้านสักที คิดถึงคนที่นู่นจะแย่แล้วกลับไปเมื่อไรผมจะบอกความในใจที่มี่ต่อพี่เคาท์ให้ได้รู้กันทั่วหน้าแน่นอนว่าจะต้องมีบทพิสูจน์ในความรัก ความจริงใจของพี่เคาท์ซะก่อนถึงผมจะยอมเป็นเมียของพี่เคาท์จริงๆและผมก็มั่นใจว่าเขาต้องผ่านมันไปได้แน่ แค่คิดถึงวันนั้นผมก็มีความสุขมากเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 05-12-2015 05:02:29
สงสารพี่เคาน์จัง ทำไมต้องทำร้ายแม่ของเขาขนาดนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 08-05-2018 10:26:05
อยากอ่านต่อไวๆ
หัวข้อ: Re: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 18-08-2018 12:27:18
เป็นกำลังใจให้นะ