พิมพ์หน้านี้ - กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Ranmaru ที่ 15-10-2015 11:47:07

หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 15-10-2015 11:47:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



================================



หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 15-10-2015 11:50:13
บทนำ


ณ ผับสุดหรูแห่งหนึ่ง

   ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาภายในร้าน เสียงเพลงดังสนั่นทักทายเขาทันที ใบหน้าหล่อเหลาปานสวรรค์สร้างหันมองและกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงขึ้นไปบนชั้นสองของร้าน

   สาวๆ และหนุ่มๆ ภายในร้านคอยส่งสายตาให้เขาตลอดทางที่เดิน แต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจจะเล่นด้วยเลยสักนิด

   ร่างหนาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องซึ่งเป็นห้องทำงานของเจ้าของผับแห่งนี้ มือหนาเปิดประตูเข้าไปโดยไม่มีการเคาะก่อน คนในห้องที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมา ขมวดคิ้วมุ่นใส่ก่อนจะเอ่ยถาม

   “มึงมาทำไม”

   “ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่แม่บ่น อยากให้มึงกลับบ้านบ้าง” จักรพรรดิพูดบอกกับเป็นใหญ่ผู้เป็นน้องชาย ใบหน้าหล่อเข้มและเอกลักษณ์แผลเป็นที่หางคิ้ว รูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้คนเป็นพี่ที่รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาที่ใครเห็นเป็นต้องมองค้าง ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นสวยชวนให้หลงใหล จมูกโด่งสวยได้รูป ริมฝีปากที่เวลาขยับยิ้มก็ชวนให้น่ามอง

   “ปล่อยแม่ไป แม่ก็บ่นอยู่ทุกวันนั่นแหละ”

   “นั่นแม่ ไอ้ใหญ่” จักรพรรดิปรามน้อง เป็นใหญ่ยักไหล่ไม่แคร์ก่อนจะก้มดูงานของตัวเองต่อ ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เลยเดินเข้าไปทิ้งตัวลงที่โซฟา ศีรษะเอนพิงพนักคล้ายหมดแรง นิ้วมือบีบนวดอยู่บริเวณหัวคิ้ว

   “นี่มึงทำงานเสร็จก็ตรงมาหากูเลยหรือไง ได้นอนบ้างยัง” เป็นใหญ่ถาม ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะคล้ายกับว่าถามไปอย่างนั้นก็ตาม แต่ก็มีแววของความห่วงใยอยู่

   “อืม โคตรง่วง” ครางตอบกลับไป

   “เฮอะ! แล้วเสือกมาเนอะ ไม่กลับบ้านนอน”

   “ไหนๆ ก็ผ่าน ก็เลยแวะเข้ามา”

   “เฮ้ยๆ อยากจะหลับก็กลับไปหลับที่บ้าน นี่มันห้องทำงานกู” เป็นใหญ่ร้องห้ามเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังหลับตาจะนอน จักรพรรดิลืมตาขึ้นมามองนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจ

   “งั้นกูกลับละ เข้ามาบอกแค่นี้แหละ ยังไงมึงก็กลับบ้านบ้าง ไอ้ทัพก็อีกคน” ร่างสูงลุกขึ้นยืน

   “เออน่า เดี๋ยวกูกลับไปเองแหละ บอกแม่อย่าบ่นมาก เดี๋ยวจะแก่ไปมากกว่านี้” คนเป็นพี่ส่ายหน้าให้กับนิสัยกวนๆ ของน้องชาย กำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง แต่น้องชายรั้งไหล่เขาไว้ซะก่อน

   “ไม่ต้องขับรถกลับ เดี๋ยวมึงได้ไปทักทายกับเสาไฟฟ้าข้างทาง เดี๋ยวกูเปิดห้องให้นอน พรุ่งนี้ค่อยกลับ ไป” ไม่รอให้จักรพรรดิได้ตอบตกลง เป็นใหญ่จัดการกอดคอแล้วพาเดินออกมาจากห้อง พอดีกับที่บับบี้ คนที่ทำงานอะไรหลายๆ อย่างในร้านผ่านมาพอดี

   “บับบี้น้อยครับ ห้องไหนว่าง เปิดให้ป๋าห้องนึง”

   “ห้อง 13 แล้วกันครับ เดี๋ยวผมไปจัดการให้” ร่างเล็กตอบกลับนิ่งๆ แล้วเดินแยกไป เป็นใหญ่หันมายักคิ้วให้พี่ชาย พร้อมกับตบแผ่นหลังแกร่งไม่เบาแรงนัก

   “ตามบับบี้ไป หลับให้สบายล่ะ”

   “ขอบใจ”


.


.


   “เฮ้ยมึง! ชนอีกๆ”

   อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง ใบหน้าออกไปทางสวย ผมยาวถูกรวบมัดไว้ลวกๆ ใบหน้าขาวเนียนน่ามอง ดวงตาเรียวสวย แต่ตอนนี้ติดจะหยาดเยิ้มจากน้ำเมา แก้มขาวแดงระเรื่อ แขนเรียวก็กอดคอคนเป็นเพื่อน

   “ไอ้เดล มึงเมาละ ยังจะมาชนอะไรอีก”

   “อีกนิดนะอีกนิด” โมเดลหัวเราะอารมณ์พร้อมกับชูแก้วใส่เพื่อน ลัคกี้ส่ายหน้า แต่ก็ยอมชนแก้วกลับไป

   “นี่ไอ้ห่ากิงแม่งหายไปนานละ ไม่ใช่แม่งหนีกลับหรอกนะ” ลัคกี้บ่นออกมา แต่ไม่ทันไร กิง…เพื่อนที่เขาเพิ่งจะบ่นไปแป๊บๆ ก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผลักศีรษะสวยของโมเดลไปหนึ่งที

   “สัดเดล กูหาหญิงให้มึงแล้ว รออยู่บนห้องแบบแจ่มๆ” ขยิบตาท่าทางขี้เล่นอีกหนึ่งที แต่ตอนนี้โมเดลไม่มีทางรับรู้หรอก เพราะตอนนี้เขาทั้งมึนทั้งเมาเต็มที่ แต่พอได้ยินที่พูดมาก็ยิ้มกลับไป

   “ห้องไหนว่ามา” ร้องถามแล้วกระดกเหล้าเข้าปากหมดแก้ว ปอยผมด้านข้างที่ตกลงมาคลอเคลียกับแก้มช่วยทำให้เขาดูน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น แต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่เขาทั้งหญิงและชาย

   “ห้อง 12 จัดไปอย่าได้เสีย”

   “โอเค ขอบใจมึงมาก” พูดจบก็เดินเซๆ ขึ้นมายังชั้นบน ภาพตรงหน้ามันหมุนๆ ชอบกล โมเดลสะบัดหัวไล่อาการเมานิดหน่อย แล้วพยายามเดินให้ตรงเพื่อไปยังห้องที่เพื่อนบอกเอาไว้

   ด้วยความดีใจ หลังจากเรียนจบมาหมาดๆ ก็ได้รับงานแรก โดยผู้จ้างงานเป็นคนรู้จักกับพ่อของเขา พ่อลองเสนอไปว่าให้เขาเป็นคนทำ ทางนั้นก็ตอบตกลงกลับมา เลยฉลองหนักไปหน่อยอย่างที่เห็น

   ร่างผอมเพรียวเดินมาถึงส่วนที่ทั้งสองฝั่งเป็นห้อง ดวงตาเรียวสวยพยายามเพ่งมองเลขตัวเล็กๆ ที่หน้าห้อง
   ไอ้กิงมันบอกว่าเลขห้องเท่าไหร่นะ? สิบกว่าๆ นี่แหละ แต่ว่า…มันห้องไหนล่ะ

   พยายามเค้นออกมาจากสมองแต่มันก็จำไม่ได้ มือเรียวเลยเปิดประตูเดาเอาจากห้องที่อยู่ตรงหน้านี่แหละ เลขนำหน้ามันเลขหนึ่งเหมือนกัน เขาปิดประตูแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหยุดอยู่ที่เตียง ที่ตอนนี้กำลังมีร่างของใครบ้างคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม

   คงเป็นห้องนี้แหละ หึ! นอนรอซะด้วย

   มือเรียวเสยผมขึ้นลวกๆ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อของตัวเองด้วยความลำบากนิดๆ หัวมันหนักไปหมด ถอดเสื้อออกจากร่างกายได้ก็ขยับขึ้นไปบนเตียง คร่อมทับร่างที่นอนอยู่ ก้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ กลิ่นสบู่อ่อนๆ โชยเข้าจมูก ริมฝีปากสวยขยับยิ้มก่อนจะประกบริมฝีปากเข้าหาริมฝีปากสวยของคนใต้ร่าง

   โดยไม่รู้เลยว่า…คนที่เขากำลังบดจูบลงไปนั่น…ไม่ใช่คนที่เพื่อนหามาให้




หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 15-10-2015 11:55:03
ตอนที่ 1





   โมเดลบดจูบใส่ร่างที่นอนอยู่อย่างหนักหน่วง มีความรู้สึกเล็ก ๆ ที่ว่าริมฝีปากของคนใต้ร่าง มันดูไม่เหมือนริมฝีปากของผู้หญิง แต่แล้วเขาก็สะบัดความคิดนั้นทิ้ง มือเรียวตวัดผ้าห่มผืนหนาออกไปอย่างไม่ใยดี

   ปลายลิ้นอุ่นชื้นตวัดเล็มเลียอยู่รอบ ๆ ริมฝีปาก ขัดใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าสาวน้อยที่นอนอยู่จะไม่รู้สึกตัวสักนิดว่ากำลังโดนทำอะไร ก่อนที่จะผละออกมาเพียงเล็กน้อย กระตุกยิ้มนิด ๆ เมื่อมีความคิดที่ว่า…จะใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาเนี่ยแหละเป็นตัวปลุกให้อีกคนตื่นขึ้นมา

   เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์มันทำให้โมเดลมึนหัว จนไม่มีเวลามานั่งสังเกตรูปร่างของอีกฝ่าย มือเรียวแนบลงบนแก้ม บังคับใบหน้าให้หันมารับจูบอีกครั้ง บดเบียดดูดดุนอย่างต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

   จักรพรรดิขมวดคิ้ว รู้สึกอึดอัดเล็ก ๆ เหมือนมีอะไรมาทับอยู่บนร่าง ที่จริงแล้วเขาเป็นคนตื่นง่าย อาจเป็นเพราะโหมทำงานจนแทบไม่ได้พักทำให้เขาหลับสนิทกว่าทุกครั้ง คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเมื่อรับรู้ได้ถึงรสชาติหวานปมขมของแอลกอฮอล์ที่เขาเองก็ชอบมันอยู่พอสมควร

   ร่างหนาลืมตาขึ้นมาเพื่อจะดูว่าอะไรเป็นตัวรบกวนการนอนของเขา และก็เจอใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ในระยะประชิด พร้อมกับริมฝีปากที่บดขยี้ปากของเขาอยู่อย่างเมามัน ปลายลิ้นเล็กสุดนุ่มก็กวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก

   คราวแรก…จักรพรรดิเกือบจะผลักอีกฝ่ายออกไปแล้ว แต่เพราะกลิ่นหอมที่ดูจะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของคนด้านบน บวกกับรสชาติของน้ำเมาที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นของอีกฝ่าย มันทำให้จูบนี้ดูหอมหวานมากยิ่งขึ้น

   “อะ…อื้อ” เสียงครางแผ่ว ๆ ดังลอดออกมาจากริมฝีปากบาง ทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นเสียงที่ติดจะแหบสักเล็กน้อยของผู้ชาย แต่ร่างหนากลับรู้สึกว่ามันช่างเซ็กซี่กระตุ้นอารมณ์

   หมับ

   มือหนายกขึ้นมาจับที่ต้นคอด้านหลังของโมเดล กดบังคับไม่ให้อีกฝ่ายได้ผละหนี แล้วเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกคนแทน

   โมเดลชะงักไปนิด ก่อนจะแทบลอยเมื่อปลายลิ้นร้อนตวัดรัวหยอกล้ออยู่กับปลายลิ้นของเขา มันทำให้เขาแทบจะหมดแรง

   “อาห์…”

   เสียงร้องหลุดออกมาเมื่อร่างหนาถอนริมฝีปากออก เขายังมองไม่เห็นหน้าคนที่บุกมาจู่โจมเขาด้วยซ้ำ รู้แต่ว่า…เป็นผู้ชาย
   และก็เป็นผู้ชายที่ผิวนุ่มลื่นมือซะด้วย ดวงตาคมวาววับเมื่อฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง โมเดลครางอื้ออึงในลำคอ พยายามบิดตัวหนีการบีบเค้นเนื้อตัว


   พรึ่บ

   จักรพรรดิพลิกร่างอีกฝ่ายให้มานอนใต้ล่างแทน ยื่นมือออกไปเปิดไฟที่หัวเตียง หันกลับมามองดูใบหน้าคนที่กล้าเข้ามาขัดการนอนของเขา

   ร่างแกร่งนิ่งไปนิด หรี่ตามองใบหน้าสวยที่ติดจะแดงก่ำด้วยดวงตาวาววับพร้อมจะขย้ำเหยื่อ ริมฝีปากสวยขยับขึ้นเพียงนิด ไล่ลงมาที่แผ่นอกบางขาวเนียน ร่างผอมบางส่งยิ้มเยิ้ม ๆ ให้กับเขาที่มองดูก็รู้ว่าสติของเจ้าตัวยังไม่กลับมา ค่อย ๆ ยื่นมือออกมาแตะที่ไหล่กว้าง และขยับเลื่อนลงมาถึงหน้าอกของเขาก็นิ่งไป

   !!!

   โมเดลชะงักค้าง ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ถึงแม้ว่าสติจะไม่ครบร้อยเต็ม แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าคนที่คร่อมทับเขาอยู่นั่น…ไม่มีหน้าอก

   ผู้ชาย!

   “อึก…ใครวะ” ร้องถามด้วยน้ำเสียงยานคราง จะยันกายลุกขึ้นแต่ก็โดนมือหนากดทับไม่ให้ขยับไปไหน ใบหน้าสวยส่ายไปมาหมายจะไล่ความมึนงงออกไป แต่มันกลับเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่าย ปอยผมยาวด้านหน้าคลอเคลียกับแก้มแดงก่ำ ดวงตาหยาดเยิ้มจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

   มีเสน่ห์แบบที่ละสายตาแทบไม่ได้




   “หึ!”

   จักรพรรดิกระตุกยิ้ม พอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว ดูเหมือนว่าคนหน้าสวยนี่จะเข้าห้องผิด คิดว่าเขาเป็นสาวน้อยสักคนล่ะมั้ง พอลูบมาถึงแผ่นอกถึงได้รู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิงก็ชะงักไปทันที

   ร่างผอมเพรียวพยายามจะยันตัวขึ้นมาอีกครั้ง หัวก็มึนแรงก็แทบจะไม่มี แถมยังเจ็บใจแบบสุด ๆ ที่ไปจูบผู้ชายก่อนแบบนั้น
   “ปล่อยสิวะ!” ร้องบอกเสียงดังแล้วจะสะบัดตัวหนี แต่จักรพรรดิไม่ยอมให้โมเดลได้ทำอย่างใจ กดร่างอีกฝ่ายลงกับเตียงอย่างแรง รวบแขนทั้งสองข้างขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะ กดล็อคไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

   แรงมันต่างกันเห็นๆ

   ก็หงุดหงิดอยู่ที่จู่ ๆ คน ๆ นี้ก็เข้ามาปลุกเขาจากการนอน แถมมาจูบไว้แบบนี้ คิดเหรอว่าเขาจะยอมปล่อยให้ออกไปง่ายๆ
   อยากโง่เข้าห้องผิดเอง มันช่วยไม่ได้

   และเขาก็ไม่มีวันปล่อยให้เหยื่อแสนน่ากินนี่ต้องหลุดมือไปแน่



   “ปล่อย…ไอ้เหี้ย!”

   โมเดลดิ้นจนหมดแรง แผ่นอกขยับขึ้นลงจากการหอบหายใจ ร่างหนาเพียงแค่มองดูอีกฝ่ายดีดดิ้นนิ่ง ๆ ด้วยความถูกใจ ใบหน้าสวยแดงก่ำ ริมฝีปากอ้าออกรับอากาศเข้าปอด

   ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงไปจนเกือบจะชิดใบหน้าคนใต้ร่าง ลมหายใจอุ่นปนกับกลิ่นน้ำเมาก็เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าร่างผอมเพรียวคงจะเมาอยู่ไม่น้อย แต่นั่นเขาไม่สนใจอยู่แล้ว เมา…แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รับรู้อะไร

   “อื้อ!”

   โมเดลร้องออกมาเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกริมฝีปากสวยฉกลงมาบดจูบให้อย่างหนักหน่วง พยายามจะเบี่ยงหน้าหนีแต่ก็ไม่พ้น มือหนาอีกข้างที่ยังว่างอยู่จับล็อคใบหน้าของเขาไม่ให้ขยับหนี

   โมเดลพยายามเม้มปากเอาไว้แน่น ในอกก็เกิดอาการหวาดหวั่น โดนจับล็อคอยู่แบบนี้ไม่ว่าจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด แรงของเราสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย แถมแรงจากมือหนาที่บีบล็อคใบหน้ามันก็ทำให้เขาเจ็บจนต้องเบ้หน้านิดๆ

   จักรพรรดิถอนริมฝีปากออกมา ดวงตาคมมองคนใต้ร่างฉายแววสนุก หึ…ก็ลองดู ว่าจะขัดขืนได้อีกนานมั้ย

   เฮือก!

   โมเดลผวาเฮือกเมื่อร่างหนาโน้มลงมาอีกครั้ง จัดการดูดเข้าที่ริมฝีปากล่างของเขาจนผวา มันเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที ใบหน้าสวยเบ้ลง หันหนีก็ทำไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้จักรพรรดิทั้งดูดทั้งดึงปากเขาเล่นอย่างพอใจ

   แต่สัมผัสจากปลายลิ้นมันทำให้เขาวูบวาบไปทั่วร่างกาย เหงื่อไหลซึมออกมาแม้ว่าภายในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ มือเรียวกำแน่นยามที่ริมฝีปากสวยเลื่อนลงไปพรมจูบที่คางเรียว ปลายลิ้นร้อนลากเลียลงมายังลำคอขาว ขนเขาลุกซู่ทั่วร่าง ใบหน้าสวยเชิดขึ้น

   “อาห์…อึก”

   พยายามกลั้นเสียงร้องเอาไว้เต็มที่ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน อีกฝ่ายดูดดึงผิวบริเวณลำคอของเขาเล่นจนทั่ว มันเจ็บจี๊ดอยู่หลายครั้ง โมเดลกัดปากแน่น ไม่อยากจะยอมรับ แต่ความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่อีกฝ่ายมอบให้มันกำลังทำให้เขามีอารมณ์

   “ร้องออกมาสิ” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบชิดใบหู โมเดลตัวสั่นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจเกินไป เพียงแค่เสียงก็ทำให้เขาสั่นไปหมด

   “ฮะ…ฮึก” กลั้นเสียงไว้เต็มที่ กัดริมฝีปากจนเจ็บไปหมด แต่ก็ยังดีกว่าหลุดเสียงน่าอายออกไปให้อีกฝ่ายชอบใจ จักรพรรดิตาวาววับ แลบลิ้นเลียใบหูนิ่ม ขบเม้มแรงๆ รับรู้ได้ว่าร่างกายคนหน้าสวยสั่นสะท้าน

   แรงดีดดิ้นจากร่างผอมเพรียวไม่มีอีกแล้ว มือเรียวกำแน่น ขบกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางสุดชีวิต แต่ถึงจะพยายามกลั้นยังไง สีหน้าก็บ่งบอกได้อย่างดีว่าโมเดลเองก็รู้สึกอยู่ไม่ใช่น้อย

   ร่างหนาเลื่อนริมฝีปากลงมา ขบกัดผิวขาวเนียนบริเวณไหล่อีกฝ่าย ดูดดึงจนแดงช้ำ เขาปล่อยข้อมือทั้งสองข้างที่กดทับไว้ออก ไม่มีแรงต่อต้าน มือเรียวพอเป็นอิสระก็เลื่อนไปกำหมอนใบนุ่มที่หนุนอยู่แทน

   “อึก!!” โมเดลผวาอีกครั้ง แผ่นอกแอ่นสูงขึ้นเมื่อฝ่ามือร้อน ๆ ของร่างหนาลากผ่าน ปลายนิ้วคลึงเล่นอยู่ที่ตุ่มไตเม็ดเล็กสีอ่อน โมเดลตัวสั่นระริก ใบหน้าคมโน้มลงไป ลมหายใจอุ่น ๆ รดรินลงบนแผ่นอกให้ร่างบางสะท้านไปทั้งตัว

   จักรพรรดิรู้สึกสนุกไม่น้อยที่ค่อย ๆ แกล้งให้อีกฝ่ายทนไม่ได้ ขาแกร่งที่กดทับร่างบางเอาไว้ รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ตื่นตัวขึ้นมา ริมฝีปากแสยะยิ้ม บดเบียดท่อนขาเข้ากับส่วนนั้น

   “อ๊า!!” ใบหน้าสวยแดงก่ำเชิดขึ้น น้ำใส ๆ คลอหน่วงอยู่ที่ดวงตาเรียว ริมฝีปากอ้าออก เสียงครางร้องดังลั่นห้อง ยิ่งเห็นว่าคนใต้ร่างบิดกายรับสัมผัสของเขามากเท่าไหร่ ขาแกร่งก็กดทับลงไปมากขึ้น ท่อนขาเรียวของอีกฝ่ายหนีบขาเขาเอาไว้แน่น ส่วนนั้นแนบชิดกับขาของเขา

   “อยะ…อย่าขยับ” ร้องห้ามอย่างอ่อนแรง แต่มีหรือที่คนอย่างจักรพรรดิจะทำตาม ร่างหนาดันร่างของตัวเองขึ้นมา ใช้หัวเข่าแตะเข้ากับส่วนนั้นผ่านกางเกงยีนส์ ก่อนจะขยับถูไถจนอีกฝ่ายบิดกายอย่างเสียวซ่าน

   “อะ…อื้ม…อาห์”

   ใบหน้าชื้นเหงื่อส่ายไปมาเป็นการบอกว่าไม่เอาแบบนี้ ปอยผมคลอเคลียแนบไปกับแก้มแดงก่ำช่างเป็นภาพที่น่าดูยิ่งนัก

   “ไม่…มัน พอแล้ว…อาห์…มัน…”

   “ร้องครางให้ดังกว่านี้อีกสิ” น้ำเสียงสั่งอย่างชัดเจน โมเดลกัดฟันกรอด อยากจะลุกมาซัดหน้าไอ้บ้าที่กำลังเล่นสนุกกับร่างกายเขาเป็นอย่างมาก แต่เพียงแค่ขยับนิดหน่อย ความเสียวก็พุ่งวาบเข้าใส่อย่างจัง

   “อย่าฝัน…ว่าจะสั่งกู…อึก…ได้”

   “ฉันมั่นใจ…ว่ายังไงคืนนี้…นายได้ร้องดังกว่านี้แน่”

   พูดจบก็โน้มลงไปบดจูบอย่างหนักหน่วง โมเดลเจ็บใจอย่างหนักที่ยอมอ้าปากให้อีกฝ่ายเก็บเกี่ยวความหอมหวานได้เต็มที่ เจ็บใจที่เขารู้สึกดีไปกับจูบของมัน

   ลิ้นหนากวาดต้อนไปทั่ว ก่อนจะเกร็งลิ้น สอดเข้าออกในช่องปากของเขา…เหมือนกับว่า…ลิ้นของมันเป็นส่วนนั้น และปากของเขาเป็นช่องทางสอดใส่!

   ท่าทางลามกที่ทำให้ความอายพุ่งเข้าใส่อย่างจัง โมเดลหลับตาแน่นอย่างรับไม่ได้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาหนี นิ้วมือหนาขยี้ยอดอกอย่างแรงจนโมเดลสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมา

   กึก!

   ชะงักค้างไปกับดวงตาร้อนแรงมีเสน่ห์ของอีกฝ่ายในระยะประชิด มันกำลังดึงดูดให้เขาคล้อยตาม ริมฝีปากบางค่อย ๆ ห่อเข้า ก่อนจะดูดดุนลิ้นของร่างหนาที่สอดเข้าออกในโพรงปาก

   มือหนาขยี้ยอดอกจนเขาสั่นสะท้าน ก่อนจะผละปากออกไป ลากลิ้นเลียตั้งแต่ปลายคางลงไปหาตุ่มไตสีอ่อน ตวัดปลายลิ้นรัว ๆ แผ่นอกบางแอ่นขึ้นสูง มือเรียวละออกจากหมอนมาจับศีรษะร่างหนาไว้แน่น กดให้ใบหน้าแนบชิดลงไปมากยิ่งขึ้น

   “ฮะฮา…อึก…ซี้ด”

   ฟันคมขบกัดแล้วดึงจนเจ็บทำให้เขาต้องแอ่นอกตามอย่างช่วยไม่ได้ ลิ้นของร่างหนาทำงานได้ดีเยี่ยม และดีเกินไป ทุกครั้งที่มันสัมผัสโดน ไม่ว่าจะส่วนไหนของร่างกาย มันก็ทำให้เขาร้อนรุ่มไปหมด

   มือหนาอีกข้างก็บีบขย้ำร่างกายโมเดลจนทั่ว ผิวขาว ๆ ขึ้นรอยมือชัดเจน จักรพรรดิลากมือลงไปด้านล่าง ปลดกางเกงยีนส์ ก่อนจะดึงทุกชิ้นออกไป จนร่างขาวเปลือยเปล่า

   สายตาคมกริบจ้องมองที่ส่วนชูชันก่อนจะแสยะยิ้ม ยื่นมือออกไปกำรอบ ร่างบางผวาเฮือกอีกครั้ง ฟันขาวขบกัดริมฝีปากที่เจ่อบวมของตัวเอง

   จักรพรรดิชอบมองใบหน้าสวย ๆ นั่นในเวลานี้ มันยั่วยวน มันเซ็กซี่ มันทำให้เขาอยากจะเห็นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

   “อะอื้มมมม!! อ๊า!”

   ร้องครางออกมาเมื่อมือหนาเริ่มขยับรูด นิ้วโป้งขยี้อยู่ที่ส่วนปลาย ร่างผอมเพรียวดีดดิ้นเพราะความเสียวซ่าน

   “ไม่…อาห์ มันเสียว…อึก…อย่าขยี้”

   ร้องขอแล้วดิ้นไม่หยุดเพราะร่างหนาเริ่มขยี้นิ้วรัวขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าสวยส่ายไปมากับหมอนใบใหญ่ เสียงร้องครางดังลั่นห้อง

   “ซี้ดดด! อึก…ไม่ พอแล้ว!”

   พรึ่บ

   “แฮกๆ…”

   จักรพรรดิผละออกมายืนข้างเตียง โมเดลทิ้งตัวลงกับเตียงอย่างเหนื่อยหอบ ส่วนปลายของแก่นกายมีน้ำใสๆ ไหลออกมา ร่างหนาถอดกางเกงของตัวเองออกไปแล้วขยับขึ้นไปคร่อมทับอีกรอบ

   “อุก!...อื้อ!”

   โมเดลร้องอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนด้านบนก็สอดนิ้วเข้ามาในโพรงปากเขาสองนิ้ว ขยับนิ้วเข้าออกเล่นกับช่องปาก
   ปลายนิ้วตวัดเล่นกับลิ้นเล็ก โมเดลจ้องหน้าคนด้านบน ก่อนจะกัดเข้าที่นิ้วของจักรพรรดิไปหนึ่งที ดวงตาคมวาววับ ก่อนจะจัดการกระแทกนิ้วเข้าลำคอคนหน้าสวยอย่างแรงจนสำลัก

   พรึ่บ

   จักรพรรดิดึงนิ้วออกมา ไม่สนใจคนที่นอนไอจนตัวโยน จับขาเรียวแยกออกกว้างจนเห็นช่องทางที่ปิดสนิท ใช้นิ้วข้างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายลูบไล้อยู่ที่ด้านนอก ก่อนจะกดเข้าไป

   “โอ้ย!! ไอ้เหี้ย…เจ็บ”

   “นิ่งๆ” บอกเสียงนิ่งแล้วกดนิ้วเข้าไปเรื่อย ๆ จนสุดทั้งสองนิ้ว แช่ค้างไว้ก่อนจะเหลือบตาขึ้นไปมองใบหน้าสวย โมเดลนอนน้ำตาไหลออกมาเพราะความเจ็บ มือเรียวยกขึ้นมาปิดปาก ใบหน้าแดงก่ำ

   จักรพรรดิดึงมือเรียวออกไป โน้มลงไปบดจูบหนักหน่วง ขบกัดจนริมฝีปากบางยิ่งเจ่อบวมเข้าไปอีก ก่อนจะเริ่มขยับนิ้วที่อยู่ภายในช่องทางคับแคบ โมเดลผวาเฮือกจับแขนแกร่งไว้แน่น

   “มัน…เสียด…อ๊า!!!” ร้องออกมาดังลั่นเมื่อโดนแกล้งกระแทกนิ้วเข้าไปแรงๆ

   “ฉันบอกแล้ว คืนนี้นายได้ร้องดังลั่นทั้งคืน”

   “หุบปาก…อาห์”

   ร่างหนาโน้มใบหน้าลงไปพรมจูบที่ต้นขาขาว ทิ้งรอยแดงไว้ให้เจ้าตัวดูเล่น นิ้วมือก็ขยับเข้าออกไม่หยุด ร่างบางดิ้นกายไปมาอย่างเสียวซ่าน เสียงครางเพราะ ๆ ไม่มีเก็บไว้อีกแล้ว

   มือหนาอีกข้างยื่นออกไปชักรูดแท่งเนื้อของโมเดลอีกครั้ง ความเสียวที่จู่โจมทั้งสองทางทำเอาร่างบางเบิกตากว้าง น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บ แต่เป็นเพราะความเสียวกระสันที่ได้รับ

   เฮือก!!!

   “อ๊า!!!! ไม่!!! ตรงนั้น…อย่า…” ร้องห้ามเสียงขาด ๆ หาย ๆ ขาเรียวสั่นระริกเมื่อนิ้วมือหนากระแทกโดนจุดบางจุดภายใน ร่างหนาแสยะยิ้ม ก่อนจะกระแทกนิ้วเข้ากับจุดเดิมซ้ำๆ รัวๆ

   “ฮึก…พอแล้ว!! มันเสียว…ไม่…อาห์…”

   ร่างหนาเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกนิ้วเป็นสามนิ้ว ขยี้เข้ากับจุดนั้นรัว ๆ ให้อีกฝ่ายบิดกายอย่างทรมาน ใบหน้าสวยเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียวกระสัน ดีดดิ้นและถอยหนีเพื่อหวังจะให้นิ้วที่บดขยี้เขาอยู่หลุดออกไป

   “อ๊าๆๆ!! ซี้ดดด ฮึก…”

   โมเดลดิ้นหนีได้สำเร็จ หอบหายใจจนตัวโยน พลิกตัวเพื่อจะขยับหนีร่างหนา แต่จักรพรรดิก็ไม่ได้นิ่งเฉยให้อีกฝ่ายหนีได้ง่าย ๆ คว้าร่างที่กำลังขยับหนี กดจับให้นอนคว่ำใบหน้าแนบสนิทไปกับพื้นเตียง สะโพกสวยลอยเด่น

   “อ๊า!!!”

   เจ้าตัวส่งเสียงร้องดังลั่นอีกครั้งเมื่อสามนิ้วถูกสอดใส่เข้ามา ขยี้โดนจุดเดิม กระแทกรุนแรงกว่าเดิม ขาเรียวสั่นระริกแทบจะชันตัวไว้ไม่อยู่ถ้าไม่ติดที่แขนแกร่งของอีกฝ่ายประคองสะโพกไว้

   “มันเสียว! ฮึก…พอ…อ๊า…พอ”

   เสียวซ่านจนหูอื้อตาลาย ร่างกายแทบจะไม่มีแรงยันตัวแก่นกายของเขาแขงชัน น้ำใส ๆ ไหลออกมาไม่หยุด เขารู้สึกเสียววูบตรงส่วนปลายยอดเป็นอย่างมาก และพอร่างหนากระแทกนิ้วเข้ามาอีกครั้ง…

   “อ๊า!!”

   ร่างกายกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาจนเลอะเตียง ขาสั่นระริกไม่หยุด พอแขนแกร่งละออกไปโมเดลก็ทรุดนอนกับเตียงอย่างหมดแรง ดวงตาเรียวปรือตามองอีกฝ่ายที่ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้

   “ฉันรู้…ว่านายชอบ”

   โมเดลกัดปากแน่นแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง อยากจะสวนกลับไปอยู่เหมือนกัน แต่ที่ร่างหนาพูดมามันคือเรื่องจริงที่เขาไม่อยากยอมรับ

   พรึ่บ

   “อะ”

   “อย่าคิดว่ามันจะจบเพียงแค่นี้” แขนแกร่งเกี่ยวเอวโมเดลขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าสวยแนบกับเตียงสะโพกลอยเด่น มือหนาบีบขย้ำก้นนุ่มอย่างมันมือ ก่อนจะจับอ้าออกจนเห็นช่องทางด้านหลังชัดเจน

   “อึก!”

   ร่างบางกัดฟันเมื่อสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วสามนิ้วมากนักมันกำลังดันเข้ามาภายในตัวของเข้า จะถอยหนีก็ทำไม่ได้ สะโพกถูกยึดไว้ไม่ให้ขยับ อีกฝ่ายดันเข้ามาไม่สนใจเท่าไหร่เลยว่าเขาจะเจ็บแค่ไหน มันอึดอัด มันคับแน่นไปหมด

   “เดี๋ยว…มันเจ็บ”

   จักรพรรดิไม่ได้ฟังสิ่งที่อีกคนบอกเลยสักนิด ดันกายตนเองเข้าไปเรื่อย ๆ จนสุด เสียงครางต่ำ ๆ ดังในลำคออย่างพึงพอใจกับความคับแน่นที่บีบรัดเขาอยู่

   มือหนาบีบขย้ำก้นนุ่มไม่หยุด โมเดลเบ้หน้าน้ำตาคลอ แก่นกายใหญ่โตที่สอดใส่เข้ามาก็เจ็บ แถมแรงที่บีบขย้ำก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากและลิ้นอุ่นชื้นพรมจูบลากเลียไปทั่วแผ่นหลังของเขา

   รู้สึกแปลก ๆ ที่มีอะไรมาคาอยู่ในตัว และอึดอัดสุดๆ

   “ดะ…เดี๋ยว อึก…อย่าเพิ่ง…ขยับ”

   ร้องบอกเสียงสั่นเมื่อจักรพรรดิเริ่มขยับตัว แก่นกายใหญ่โตถูกดึงออกมาแล้วกระแทกกลับด้วยแรงที่ไม่เบานัก โมเดลกัดปาก ร้องแทบไม่ออกกับความจุกเสียดที่ได้รับ

   พรึ่บ

   แต่แล้วร่างหนาก็จัดการพลิกให้เขากลับมานอนหงายอีกครั้ง จับขาเรียวอ้าออกกว้างแล้วขยับกายเข้าใส่

   “แบบนี้ดีกว่า ฉันอยากเห็นสีหน้าของนาย”

   ไม่รอให้โมเดลได้แสดงท่าทางไม่พอใจ จักรพรรดิก็สวนกายเข้าใส่ทันที จับสะโพกคนใต้ร่างแล้วกระแทกเข้าใส่รัว ๆ จนร่างบางตัวโยน อ้าปากร้องครางแทบไม่ออก และทุกครั้งที่อีกฝ่ายกระแทกเข้ามา มันโดนจุดนั้นของเขาทุกครั้ง

   รู้จักและจดจำร่างกายของเขาได้เร็วเกินไป

   “ช้า…ฮึก…ช้าหน่อย”

   “หึ” หัวเราะในลำคอแล้วขยับสะโพกเร็วขึ้นมากกว่าเดิม ถอนกายออกมาเกือบสุดและกระแทกเข้าไปอย่างแรง โน้มลงไปซุกไซ้ซอกคอชื้นเหงื่อ โมเดลผวากอดรัดร่างแกร่งไว้แน่น มือจิกเกร็งลงบนแผ่นหลังกว้าง

   “อ๊ะๆ…อื้อ”

   “ดี ครางดังๆ” เสียงเข้มว่าอย่างพอใจ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่เร้าอารมณ์ไม่ละไปไหน ยิ่งอีกฝ่ายแสดงท่าทางเสียวซ่านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสวนกายเข้าใส่แรงและเร็วขึ้นเท่านั้น

   “อาห์…อย่า…โดนตรง…อื้มมม…นั้น มัน…ไม่ไหว”

   โมเดลน่าจะเรียนรู้ได้แล้ว ว่าทุกสิ่งที่ร้องขอไปจักรพรรดิไม่ได้ทำให้เลย กลับโดนหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ มือหนาเลื่อนมาชักรูดแก่นกายที่ชูชันขึ้นมาอีกครั้ง ถูไถที่ส่วนปลายให้อีกฝ่ายดีดดิ้นบิดกายด้วยความเสียวกระสัน

   จับขาเรียวพาดบ่า พรมจูบทิ้งรอยแดงช้ำเอาไว้ทั่ว ช่องทางที่บีบรัดแน่นทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก ร่างบางเองก็ดูจะชอบใจกับรสรักที่เขามอบให้

   “อีกนิด…อะ ๆ แรง ๆ…อีกนิด” เสียงครางสั่น ๆ ร้องขอ ร่างหนาขยับสะโพกรุนแรงขึ้นจนตัวโมเดลสั่นคลอนไปหมด มือเรียวจิกเกร็งแผ่นหลังเขาจนเขาคิดว่ามันอาจจะได้แผล

   มือหนาขยับชักรูดรัว ๆ ให้ เพียงไม่นาน น้ำขาวข้นก็ถูกปล่อยออกมา จักรพรรดิขยับมือรีดน้ำออกมาให้จนหมด ก่อนจะปาดน้ำรักขึ้นมาแล้วส่งเข้าปากบางที่อ้าออกหอบหายใจ

   ดวงตาเรียวปรือมองเขาอย่างหยาดเยิ้มในอารมณ์ เขาจ้องกลับไปด้วยความที่ร้อนแรงและดึงดูดให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาต้องการ

   ปลายลิ้นค่อย ๆ ตวัดเลียไปตามนิ้วของเขา ร่างหนามองด้วยแววตาพึงพอใจ ก่อนจะชักนิ้วออกมา จับสะโพกคนใต้ร่างไว้แน่นแล้วกระแทกกายเข้าใส่รัว ๆ

   โมเดลได้แต่นอนร้องคราง หายใจแทบไม่ทันกับแรงกระแทกของร่างแกร่ง มันเสียวจนตัวเขาอ่อนระทวยไปหมด เสียงครางต่ำ ๆ ที่ดังอยู่ข้างหูทำให้เขารู้สึกวูบวาบทั้งตัวได้อย่างน่าประหลาดใจ

   “อา…”

   โมเดลนอนตัวเกร็ง รู้สึกสะโพกจะหักให้ได้ อีกฝ่ายไม่ออมแรงเลย แถมอึดจนเขาแทบจะทนไม่ไหว แก่นกายของเขามันแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง แต่อีกคนยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว

   “อึก…อาห์…”

   โมเดลถูกจับให้พลิกคว่ำอีกครั้ง มือเรียวพยายามยันตัวเองเอาไว้รับแรงกระแทกจากอีกคน ตั้งแต่ที่ทำกันมา น้ำตาเขาไหลไม่หยุด มันเสียวซ่านจนเขาเองก็ทนแทบไม่ไหว

   “อื้มมมม จะ…ออก”

   “ปล่อยออกมา” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูอีกครั้ง เพียงแค่ลมหายใจอุ่น ๆ รดรินที่ใบหู ร่างกายก็รู้สึกวูบวาบ ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ขาเขาแทบจะไม่มีแรงแล้ว

   “อา…”

   เสียงครางต่ำ ๆ ดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกอุ่นวาบในช่องทาง น้ำรักของอีกฝ่ายปลดปล่อยเข้ามาในร่างของเขา โมเดลทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง ต่างจากจักรพรรดิที่ถอนกายออกไปแล้วลุกไปยืนข้างเตียง

   ดวงตาคมกวาดมองร่างของคนหน้าสวยที่นอนหมดแรง ตามเนื้อตัวขาวเลอะไปด้วยน้ำของเจ้าตัวที่ปล่อยออกมา ร่างหนายื่นมือออกไปดึงตัวอีกฝ่ายขึ้นมา โมเดลเบิกตากว้าง เมื่อรับรู้ได้ว่า…มันยังไม่จบ

   “บอกแล้วว่านายจะได้ร้องทั้งคืน”

   พูดจบก็ลากคนที่ตัวเล็กกว่าเข้าห้องน้ำ ไม่สนแรงขัดขืนอันน้อยนิดนั่น

   และแน่นอน…เสียงครางในห้องนี้ไม่หยุดลงง่ายๆ





หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlackClover ที่ 15-10-2015 12:22:32
มาเร็ว เคลมเร็วดีแท้   อ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 15-10-2015 18:57:23
มาลงชื่อติดตาม :katai5:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-10-2015 19:17:11
โหห อึดสุดๆ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 15-10-2015 19:28:59
ไหนบอกเหนื่อย  :hao6:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 15-10-2015 22:23:19
อร๊ากกกกกก ชอบมว๊ากกกก มันถูกจริตฉันจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-10-2015 22:57:28
หมดวันแล้วจะลากกลับด้วยหรือจะทิ้งไว้นะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 15-10-2015 22:59:32
เห้อ เริ่มต้นแบบนี้ กลัวนายเอก ตกหลุมรักพระเอก แล้วมีดราม่าจัง ไม่ค่อยชอบดราม่าอะอะ มีนิดๆหน่อยๆ ก็พอเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 15-10-2015 23:05:07
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-10-2015 23:05:45
 :hao6:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-10-2015 06:34:29
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-10-2015 08:49:02
เพราะเมาจนเข้าห้องผิดแท้ๆ เลยได้สามีเลยอ่ะโมเดล
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 16-10-2015 10:21:43
ซวยยยยย
เข้าถ้ำเสือแล้ว อย่าหวังจะรอด!!!!

รีบมาต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 1] [15 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Nanook ที่ 17-10-2015 10:23:46
โมเดลเข้าผิดห้อง โดนเลยยย  :pighaun:
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 17-10-2015 13:17:10
ตอนที่ 2



   แกร๊ก

   ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตากวาดมองรอบ ๆ ห้องที่ตอนนี้เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่ทั่ว ๆ มือหนาคว้ากางเกงของตนเองขึ้นมาสวม ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงพาดไว้กับเก้าอี้

   ในขณะที่หยิบกางเกงยีนส์ขึ้นมา มือก็จับไปโดนกระเป๋าสตางค์ คิ้วเข้มเลิกขึ้น ก่อนจะล้วงออกมา หยิบบัตรประชาชนของกวางน้อยขึ้นมาดู

   ถึงจะรู้ว่ามันเสียมารยาท แต่ก็ไม่ผิดที่จะขอรู้จักคนที่นอนด้วยกันเมื่อคืนสักหน่อย

   นาย ฆนรุจ อธิพัฒน์เดชากร

   ดูอายุแล้วก็ยังน้อยกว่าเขา ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มนิด ๆ เก็บของเข้าที่เดิมแล้วพาดกางเกงไว้กับเก้าอี้ เดินไปคว้าไอแพดแล้วขยับขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง เช็กงานที่ค้างเอาไว้

   มือหนายกขึ้นบีบนวดต้นคอ ก่อนจะชะงักไปนิดเมื่อแตะโดนแผลเล็ก ๆ จากเล็บของกวางน้อยแสนสวยข้างกายที่จิกจากแรงอารมณ์เมื่อคืน ดวงตาคมวาววับ หันไปมองคนข้างกาย

   ร่างผอมเพรียวนอนคว่ำหน้า แผ่นหลังขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำที่เขาเป็นคนทิ้งมันเอาไว้อย่างตั้งใจ ผ้าห่มผืนหนาคลุมอยู่ที่สะโพกสวย และไม่ต้องคิดอะไร มือหนาจัดการกระชากออกทันที

   ยกยิ้มพอใจกับภาพที่น่ามอง แม้แต่ท่อนขาเรียวก็เจอเขาทิ้งรอยเอาไว้

   เจ้าตัวตื่นมา คงไม่พอใจแน่ๆ

   แต่ใครจะสนกันล่ะ เขาเป็นคนลากเด็กนี่เข้ามาเหรอ? ก็ไม่ อยากเมาเข้าห้องผิดเอง จะโทษใคร ถ้าจะโทษ…ก็โทษความโง่ของตัวเองเถอะ และเขาก็ไม่ใจดีพอที่จะปล่อยให้เหยื่อแสนน่ากินหลุดลอยออกไป

   ร่างแกร่งหันกลับมาดูงานอีกครั้ง มีงานใหม่เข้ามา เป็นของคุณอาที่รู้จักกับพ่อเขามานาน บ้านของเขาเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคุณอามีโปรแกรมที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศ เห็นเปรย ๆ เอาไว้หลายครั้งแล้ว บอกเอาไว้ว่าจะให้ลูกของเพื่อนมาเป็นสถาปนิกออกแบบเอง ซึ่งเขาก็โอเค จะใครก็ได้ ขอแค่ทำงานออกมาดีและไม่ทำให้งานเขาเสียก็พอแล้ว

   สายตาไล่อ่านรายละเอียดที่คุณอาส่งมา พร้อมกับชื่อของคนที่จะมาร่วมงานด้วย ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมาก คุณอาเพียงแค่บอกสิ่งที่ต้องการ ก่อนจะนัดวันคุย

   แต่ที่สะดุดตาของเขาอย่างจังเลยก็คือ…ชื่อของสถาปนิกที่เป็นลูกของเพื่อนคุณอา

   ฆนรุจ อธิพัฒน์เดชากร

   ดวงตาคมยิ่งวาววับขึ้น ดูท่าว่าเด็กคนนี้จะหนีเขาไม่พ้นเสียแล้ว




   “อื้อ…”

   เสียงครางแหบ ๆ ดังออกมาอย่างอ่อนแรง ร่างเพรียวค่อย ๆ ขยับตัว ก่อนที่ใบหน้าสวยจะเบ้ลงเพราะอาการปวดร้าวที่พุ่งเข้ามาจู่โจมทันที ทำให้ต้องงอตัวขดเข้าหากันอย่างเจ็บปวด

   ร่างแกร่งเลิกคิ้ว มองดูคนที่กำลังจะตื่นนิ่ง ๆ พอจะรู้อาการอยู่ว่าเป็นอะไร โดนไปซะขนาดนั้นเดินได้ปกติก็ถือว่าเทพเกินไปแล้ว

   ดวงตาเรียวสวยค่อย ๆ ปรือขึ้น ฟันคมขบกัดริมฝีปากล่าง กวาดมองไปทั่วห้องเหมือนกับว่าสติยังมาไม่ครบ ขมวดคิ้วกับเสื้อผ้าของตนที่วางพาดอยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะหันมาเจอเขา

   จ้องหน้าประมวลผลอยู่สักพัก ก่อนที่ใบหน้าสวยของคนท่าทางอ่อนแรงจะฉายแววโกรธแค้น นิ้วเรียวยกขึ้นมาชี้หน้าจักรพรรดิด้วยความโกรธ

   “มึง…”

   “อะไร” จักรพรรดิเลิกคิ้วกลับไป ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเด็กนี่เป็นอะไร ก็คงจะโมโหเขา โกรธเขาที่ทำแบบนั้นไปเมื่อคืน

   “ไอ้เหี้ยเอ้ย!” โมเดลสบถเสียงสั่นแล้วง้างหมัดขึ้นมา หมายจะซัดหน้าไอ้เวรที่นั่งสบายอารมณ์อยู่นี่ ด้วยการฝืนยันกายที่ปวดร้าวขึ้นมา แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างใจ มือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขาแล้วกำแน่นจนเจ็บ

   “จะต่อยฉัน…นายคิดดีแล้วเหรอ”

   น้ำเสียงราบเรียบบวกกับท่าทางเหมือนจะขู่กลาย ๆ ไม่ได้ทำให้โมเดลหวั่นใจเลยแม้แต่น้อย เพราะในอกตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเป็นผู้ชาย และมันก็เป็นผู้ชาย โดนทำแบบนี้ใครมันจะรับได้

   โมเดลสะบัดมือออกให้หลุดจากการจับของอีกฝ่าย ซึ่งจักรพรรดิก็ยอมปล่อยง่าย ๆ และทันทีที่ปล่อย โมเดลก็รวบรวมแรงทั้งหมด ปล่อยหมัดเข้าที่ใบหน้าของจักรพรรดิ ร่างแกร่งเพียงแค่หน้าหันเล็กน้อย

   แรงของคนที่เพิ่งตื่น…บวกกับโดนแบบนั้นไปทั้งคืน มันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บอะไรเลย

   “แรงเหมือนคนใกล้ตาย คิดว่าฉันจะเจ็บเหรอ”

   มือหนาลูบมุมปากที่โดนต่อยเมื่อสักครู่ และพูดเหยียดให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่น ๆ คนหน้าสวยกัดฟันกรอด มือเรียวกำแน่น อยากจะซัดเข้าให้อีกสักรอบ แต่ร่างกายมันไม่อำนวยจริงๆ

   แค่ขยับตัว…ก็ปวดร้าวไปทุกส่วน

   พรึ่บ


   ตุบ


   “โอ้ย…”

   และเพียงแค่ขยับลงไปยืนข้างเตียง ทันทีที่เท้าแตะพื้น ร่างของโมเดลก็ทรุดฮวบลงไป ฟันขาวกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นจนเจ็บ ร่างกายปวดร้าวเหมือนจะแหลกให้ได้ ร่างแกร่งบนเตียงมองโมเดลเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก ก่อนจะหัวเราะเยาะในลำคอ

   “หึๆ”

   “ไอ้…เหี้ย” เค้นเสียงด่าอีกฝ่าย

   จักรพรรดิยิ้มเยาะอีกครั้ง ก่อนจะหันไปคว้าแว่นที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาใส่ หันกลับไปมองร่างเพรียวที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่เขาเป็นคนเก็บและพาดไว้บนเก้าอี้

   “ไม่คิดจะอาบน้ำหน่อยเหรอ” ถามออกไป สายตาคมก็จ้องมองอยู่ที่หว่างขาขาวที่ตอนนี้เลอะไปด้วยน้ำบางอย่าง โมเดลหันขวับมาหา แทบจะหยิบของปาใส่

   “อย่าเสือก!”

   “ฉันก็ถามไปอย่างงั้น นายจะเดินออกไปด้วยสภาพแบบนี้ให้อายใครต่อใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว” แต่ละคำพูดมันช่างทำให้โมเดลรู้สึกโมโหยิ่งนัก แต่ก็ดีแล้ว ผิดพลาดแค่ครั้งเดียว และเขาก็ไม่ได้หวังให้ไอ้บ้านั่นมันมาแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอะไรทั้งนั้น

   โมเดลฝืนแต่งตัวทั้ง ๆ ที่อยากจะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่อยากจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย พอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย มือเรียวก็ต้องยันเก้าอี้ไว้เมื่อรู้สึกว่าขามันล้า ๆ จนเขาอยากจะทรุดลงกับพื้น

   “เดินไหวเหรอ” เสียงเข้มร้องถาม กอดอกมองด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ริมฝีปากขยับยิ้มเพียงเล็กน้อยเหมือนกำลังสนุกที่ได้เห็นโมเดลเป็นแบบนี้

   “ไม่ต้องมาห่วง…”

   “เปล่าเลย แค่ถาม ถ้าเดินไหวก็ไป แต่ถ้าเดินไม่ไหว…ก็คลานออกไป” คำพูดคำจาทำร้ายใจคนฟังอย่างร้ายกาจ ริมฝีปากที่ยิ้มเยาะนั่นมันน่าซัดให้คว่ำ โมเดลกัดฟันกรอด จ้องหน้าคนบนเตียงอย่างเคียดแค้น

   ใช่ อยากจะต่อย อยากจะทำให้มันเจ็บ แต่ร่างกายเขาตอนนี้มันไม่อำนวยอะไรทั้งนั้น


   ปัง!



   จักรพรรดิมองตามจนอีกคนเดินออกไปจากห้อง จะคว้าไอแพดขึ้นมาดูงานต่อ แต่ประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้ง คนที่เดินเข้ามาคือน้องชายเจ้าของผับแห่งนี้

   “มีอะไร”

   “เมื่อกี้กูเห็นคนเดินออกไป ใครวะ”

   “ลูกกวาง” ตอบเพียงแค่นั้นแล้วหันมาสนใจไอแพดในมือแทน ปล่อยให้เป็นใหญ่ยืนเอ๋อกับคำตอบ แทนที่จะตอบอะไรให้หายข้องใจ กลับตอบออกมาเพียงแค่นั้น

   “แล้วมาได้ไงวะ เมื่อคืนมึงได้นอนปะเนี่ย กูเห็นสภาพ…”

   “ไม่มีอะไร” จักรพรรดิตัดบท เป็นการบอกว่าจะไม่คุยเรื่องนี้ต่อ น้องชายที่รู้จักนิสัยของพี่ชายตนเองเป็นอย่างดีก็หงุดหงิด เดินบ่นออกจากห้องไป




…………………………………..




   สามวันต่อมา

   ในเวลาบ่ายกว่า ๆ ร่างผอมเพรียวของโมเดลกำลังเดินเข้ามาในตึกสำนักงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ผมยาวระต้นคอสีดำถูกรวบมัดไว้อย่างเรียบร้อย ชุดที่ใส่ดูสุภาพ ถึงแม้ว่างานที่จะมาคุยในวันนี้เป็นของคุณอาที่รู้จักกับพ่อของเขาก็ตาม แต่ก็เรียบร้อยไว้ก่อน

   ขาเรียวยาวก้าวเร็ว ๆ แต่พยายามไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปมากนัก เพราะมันทำให้สะเทือนถึงช่วงล่างของเขา

   ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์บ้า ๆ นั่นก็ยิ่งเจ็บใจ แค้นไอ้เวรนั่นจนอยากจะฆ่าให้ตาย

   ขออย่าให้ต้องเจอกับแม่งอีกเลยชาตินี้!

   “ขอโทษครับ ผมฆนรุจ มาติดต่อเรื่อง…” เขาแจ้งกับประชาสัมพันธ์สาวแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

   “อ๋อค่ะ คุณจักรพรรดิแจ้งเอาไว้แล้ว เชิญที่ชั้น 15 ห้องทางซ้ายมือเลยค่ะ” โมเดลก้มหัวขอบคุณ ขึ้นลิฟต์มายังชั้นที่หมาย เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ถึงแม้ว่าจะรู้จักกับคุณอาในระดับหนึ่ง แต่นี่คืองานแรกของเขา มันก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้

   โมเดลหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เรียกกำลังให้ตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเคาะประตูสองสามทีแล้วเปิดเข้าไป คุณอาปิยะหันมา แล้วยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเอง โมเดลยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม แต่พอหันไปหาร่างสูงใหญ่อีกคนที่นั่งอยู่ด้วยก็เป็นอันต้องชะงักค้าง ดวงตาเรียวเบิกกว้าง นิ้วมือยกขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่ายทันที


   “ไอ้เหี้ย! มึง…”

   “เดล!”

   กึก!

   เสียงเข้มของคุณอาร้องปราม โมเดลชะงักกึก ค่อย ๆ ลดมือลง จ้องมองร่างสูงที่นั่งยิ้มอ่อน ๆ ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นสวยไม่มีแววขุ่นเคืองเขาแต่อย่างใด

   “นี่คุณจักรพรรดิ รู้จักกันไว้ล่ะ เราจะต้องคุยงานกับเขาอีกเยอะ” คุณอาผายมือไปทางร่างแกร่ง จักรพรรดิกดหน้าลงนิด ๆ เป็นการทักทาย รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งออกมา ทำเอาโมเดลถึงกับนิ่งอยู่กับที่

   มันช่างต่างจากรอยยิ้มเยาะ ๆ ในวันนั้นยิ่งนัก

   เมื่อคิดถึงตรงนี้มือเรียวก็กดแน่น มันเป็นตัวบ่งบอกเลยว่าเขาไม่ลืมเรื่องในวันนั้นง่าย ๆ แถมเขายังจำสัมผัสของผู้ชายคนนี้ได้อยู่เลย มันเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเขาหงุดหงิดตลอดเวลาที่นึกถึง

   “ส่วนนี่ฆนรุจ ลูกชายเพื่อนอาเอง เพิ่งจบมาใหม่ ๆ เลย ประเดิมงานแรก” คุณอาแนะนำเขาแล้วหัวเราะชอบใจ โมเดลพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับอารมณ์ตัวเอง

   ไม่ได้! หลุดไม่ได้เด็ดขาด คุณอาไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับผู้ชายคนนี้ และจะให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด
   “ครับ เด็กใหม่ไฟแรง ผมยินดีและดีใจที่จะได้ร่วมงานกันนะครับ” จักรพรรดิหันมาพูดกับโมเดล แถมยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง ไม่เหลือท่าทีของผู้ชายแสนร้ายกาจคนนั้น ไม่เหมือนกับคนที่เคยพูดจาร้าย ๆ ใส่เขาในวันนั้น

   เฮอะ! เสแสร้ง!

   “ครับ ยินดีครับ” โมเดลกัดฟันตอบ จำใจเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ร่างแกร่ง บังคับตัวเองเป็นอย่างมากไม่ให้ลุกไปซัดหน้าไอ้เวรนี่

   ท่องไว้! งาน! งาน!

   “เมื่อกี้ผมเห็นคุณอาเรียกคุณฆนรุจว่าเดล…” เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังเอ่ยขึ้นมา ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับงานเลยแม้แต่น้อย โมเดลเผลอตวัดสายตาไม่พอใจใส่ แต่ร่างสูงไม่ถือสา เพียงแต่ยิ้มอ่อน ๆ กลับมาเท่านั้น

   “อ๋อ ชื่อเล่นน่ะ…โมเดล เราจะเรียกแบบนั้นก็ได้นะพรรดิ จะได้สนิทกัน เพราะยังไงก็ต้องเจอและคุยงานกันอีกนาน” ด้วยความที่สนิทกับทั้งสองฝ่าย คุณอาปิยะเลยไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ต้องเป็นทางการมากนัก

   “ครับ น้องเดล”

   หมับ!

   โมเดลกำหมัดแน่นเมื่อจักรพรรดิหันมาเรียกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู แววตาอ่อนโยนในแบบที่ใครเห็นก็พาลให้ตกหลุมรัก แต่มันไม่ใช่กับเขา! มันลบภาพผู้ชายปากเสียและทำเรื่องร้ายกาจกับเขาลงไปไม่ได้หรอก

   “เข้าเรื่องงานกันดีกว่านะครับ” โมเดลเอ่ยขัด พยายามไม่สนใจคนข้าง ๆ ถึงแม้ว่าวันนี้จะนัดกันเพื่อคุยรายละเอียดคร่าว ๆ ก็ตาม แต่เขาจะตั้งใจและทำให้เต็มที่ และมันต้องออกมาดีที่สุด

   จะให้ไอ้เวรแค่ตัวเดียว…ไอ้เวรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มาทำลายไม่ได้เด็ดขาด

   “วัยรุ่นใจร้อนจริง ๆ คืองี้ อาอยากจะได้ตัวบ้านแบบ…”

   โมเดลเปิดสมุด จดรายละเอียดทั้งหมดที่คุณอาต้องการ พร้อมเน้นไว้ด้วยว่าส่วนไหนสำคัญ มีเสียงของคนข้างตัวเอ่ยความเห็นออกมาบ้างเป็นครั้งคราว

   หมับ

   กึก!

   มือเรียวชะงักค้างและสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อมือหนาของคนข้างตัววางลงมาที่ต้นขาของเขา คุณอาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ ยังคงพูดต่อไป โมเดลค่อย ๆ ลดมือลงไปใต้โต๊ะ จับมือหนาที่วางอยู่ออก

   เหลือบมองจักรพรรดิด้วยแววตาโกรธเคือง ร่างแกร่งเพียงแค่กระตุกยิ้มนิด ๆ อย่างที่คุณอาที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่เห็น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเร็วจนน่าตกใจ กลับมาเป็นผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยนอีกครั้ง

   “เราสงสัยตรงไหนมั้ยเดล”

   “ออ…ครับ นิดหน่อยครับ เดี๋ยวขอผมทำสรุปแล้วจะแจ้งคุณอาอีกครั้งนะครับ ขอรบกวนด้วย” โมเดลละความสนใจจากคนข้างตัว ก้มหัวให้กับคุณอา ชายสูงวัยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี โบกมือไปมาเบาๆ

   “ไม่ต้องทางการขนาดนั้น อาไม่อยากให้เรากดดัน สงสัยอะไรก็ถามอาได้ หรือจะถามพรรดิเอาก็ได้” ในอกของเขาแทบจะระเบิด ทำไมต้องมีไอ้เวรนี่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เกลียดฉิบหายแต่จำต้องทนนั่งอยู่อย่างนี้เพราะมันคืองาน

   เขาจะไม่ยอมให้ใครมาด่าว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานเด็ดขาด

   “ยินดีครับ สงสัยอะไรถามผมได้ตลอด ผมยินดีช่วยเต็มที่”

   เฮอะ! เสแสร้งได้ดีนี่

   “งั้นเราอยู่คุยกันไปก่อนก็ได้ อามีธุระต้องไปอีก ยังไงก็เจอกันอีกทีตอนไปดูสถานที่เลยแล้วกัน ขอบใจมาก” คุณอาลุกขึ้นยืน โมเดลยืนขึ้นแล้วยกมือไหว้อีกครั้ง พอคุณอาเดินออกไป ภายในห้องก็ตกอยู่ภายในความเงียบ มันอึดอัดจนเขาแทบไม่อยากจะอยู่ อยากเดินออกไปเลยด้วยซ้ำ

   แต่เพราะงาน…มันยังมีส่วนที่เขาต้องคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่

   โมเดลนั่งลงอีกครั้ง ขีดเขียนบางส่วนที่เน้นไว้ไม่ให้ลืม เผลอหายใจติดขัดไปเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาคมที่จ้องมองมา ถ้ามองแบบปกติคงไม่เท่าไหร่

   แต่นี่…มองแบบที่เขารู้สึกเหมือนตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย

   “ผมคิดว่าในส่วนของตัวบ้านทางด้านหลัง เราน่าจะ…”

   หมับ

   “ที่โดนไปเมื่อวันนั้น หายดีแล้วเหรอ”

   !!!

   โมเดลหันขวับไปมองอย่างเอาเรื่อง เมื่อร่างแกร่งจู่ ๆ ก็ยื่นมือออกมาแตะแก้มเขา พร้อมกับถามในสิ่งที่เขาอยากจะซัดหน้าอีกฝ่ายให้หงาย น้ำเสียงที่ส่งออกมา ไม่ได้มีแววห่วงใยเลยแม้แต่น้อย ถามเหมือนกับว่ากำลังเยาะเย้ยอะไรแบบนั้น

   โมเดลปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างแรง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ

   “ช่วยคุยเรื่องงานกับผมด้วยครับ”

   “แข็งแรงดีหนิ โดนไปขนาดนั้นยังเดินได้ปกติ” ริมฝีปากสวยพ่นคำพูดกวน ๆ ออกมาอีกครั้ง โมเดลปิดสมุดอย่างแรง เห็นทีวันนี้คงจะคุยไม่รู้เรื่องซะแล้ว

   พรึ่บ

   หมับ! ตุบ!

   “ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู!” โมเดลโวยลั่นเมื่อพอเขาลุกขึ้น อีกฝ่ายก็กระชากตัวเขาอย่างแรงจนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน จ้องหน้าอีกฝ่ายในระยะใกล้ ก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขน

   หมับ

   “ปล่อยนะเว้ย! มึง…” โมเดลดิ้นหนักกว่าเดิม เมื่อมือหนาวางบนลงสะโพกของเขาก่อนจะออกแรงบีบ ร่างบางตัวสั่นออกมา เขาจดจำสัมผัสของผู้ชายคนนี้ได้ เพียงแค่แตะโดนเล็กน้อย มันก็ทำให้ตัวเขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่น ๆ รดรินอยู่ใกล้ใบหู

   “ตัวสั่นเชียวนะ กลัวหรือไง หึ”

   น้ำเสียงที่กระซิบใกล้ บวกกับริมฝีปากที่เวลาขยับพูดก็แตะโดนใบหูมันกำลังทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบอย่างน่าประหลาด โมเดลกัดฟันกรอดแล้วดิ้นอีกครั้ง

   “นายจำสัมผัสของฉันได้ และจะไม่มีทางลืมมันลง เชื่อฉันสิ” พูดอย่างมั่นใจแล้วลากมือไปตามกระดูกสันหลัง โมเดลเกร็งตัวขึ้นทันที ก่อนจะดิ้นอย่างแรง ร่างแกร่งยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นมันกำลังทำให้อารมณ์เสียหนักกว่าเดิม มือเรียวคว้าของ ๆ ตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องอย่างเร็วโดยมีสายตาคมมองตามไป




หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-10-2015 15:46:51
อื้อหือออ น่าหมั่นไส้ -*-
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 17-10-2015 15:50:14
 :jul1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-10-2015 16:27:32
 :mew1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 17-10-2015 18:31:59
 :hao6: :hao6: ดูเหมือนลูกกวางน้อยจะต้องจนมุมไวไวนี้แน่
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-10-2015 21:20:01
ชอบบบบบบบบบบบบบ เดลท่าทางพยศใช่เล่น  รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 17-10-2015 22:30:00
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:งานนี้น้องเดลยังงัยก็ไม่รอด :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 17-10-2015 22:40:06
เป็นเรื่องที่ชอบมากๆ

นี่ขนาดอ่านได้2ตอนเองนะ

เป็นแนวที่ชอบด้วยแหละ

ดูเหมือนนายเอกไม่งี่เง่า และสู้คนดี

เป็นกำลังใจใหจ้า

มาลงให้อ่านบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 17-10-2015 22:47:39
นี่อยากให้เดลต่อยจักรพรรดิแรงๆเหมือนกันนะ คนอะไรน่าหมั่นไส้!  :katai1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-10-2015 00:15:21
อ่านเจอบทแรกที่ตัวเอกมาเจอกันแล้วมีซัมติงมาหลายเรื่องแล้ว
เรื่องนี้ว่าเขียนได้ดีและน่าสนใจ
แคแร็คเตอร์ของจักรพรรดินี่ออกสีเทาเข้มๆมาเลย
อย่างการไม่ปล่อยให้ไก่หลงหลุดมือ
การตีสองหน้า อาการชืดชาที่มีต่อคนที่ตัวเองซั่มจนหมดแรง
การปฏิบัติต่อเดลทั้ง sexual และ emotional harassment
ส่วนเดลนี่รออ่านต่อแล้วค่อยเมนท์ค่ะ

ลงชื่อรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 18-10-2015 00:43:41
เด็ด!!!!!!! :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 18-10-2015 08:38:50
สนุกรอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: nutipkra ที่ 18-10-2015 13:20:04
สนุก รอตอนต่อไปจ้า :hao3:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 18-10-2015 15:47:41
คุณจักรพรรดิคะ คุณ..แซ่บมากค่ะ
มาดราชาสุดๆ โอ้ยยยยยยยยหลงรักอ่ะ!
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 2] [17 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Nanook ที่ 19-10-2015 09:08:48
รุกแรงจัง โมเดลอย่ายอมมม :pighaun:
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 20-10-2015 17:55:08
 

 

ตอนที่ 3

 

 

 

 

 

            เวลาสาย ๆ ในห้องนอนกว้าง ร่างผอมเพรียวกำลังยืนอยู่หน้ากระจก มือติดกระดุมเสื้อ สีหน้าดูติดจะเบื่อหน่าย วันนี้เป็นวันที่คุณอานัดดูสถานที่ ตัวเขาน่ะพร้อมจะทำงานเต็มที่ เรื่องงานเขาให้เต็มร้อย แต่ว่า…

 

            ผู้ชายปากร้ายนิสัยเสแสร้งคนนั้นแหละที่ทำให้เขาไม่อยากจะไปเจอหน้ามันเลย

 

            คราวที่แล้วมันก็ทำให้เขาปั่นป่วนไปหมด เดินออกจากห้องด้วยร่างกายที่รู้สึกร้อนวูบวาบ เพียงแค่ปลายนิ้วของอีกฝ่ายสัมผัสโดน มันก็ทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่

 

            ไม่อยากยอมรับ แต่ใช่…เขาจำสัมผัสของผู้ชายคนนั้นได้ และจำได้ดีเสียด้วย

 

            “เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจดังลอดออกมาจากริมฝีปาก โมเดลเช็คความเรียบร้อยของตัวเองอีกนิด ก่อนจะคว้าของใช้ที่จำเป็นติดมือออกมา

 

            มันทำใจได้ยากจริง ๆ โดยส่วนตัวแล้วโมเดลเองก็ใช่ว่าจะมีความอดทนสูงซะเท่าไหร่ กลัวเหลือเกินว่าถ้าไปเจอหน้าไอ้เวรนั่นอีกแล้วเขาจะซัดหน้ามันต่อหน้าคุณอา ถ้าเป็นแบบนั้นชีวิตเขาจบแน่ๆ

 

            โมเดลขับรถไปยังสถานที่ที่นัดหมายกันเอาไว้ คุณอาจะย้ำกับเขาเรื่อย ๆ ว่าไม่ต้องเกร็งอะไรมาก รู้ว่ามันเป็นงานแรก และยังไงก็รู้จักกัน แต่ตัวเขาไม่คิดแบบนั้น กับการทำงาน ไม่ว่าทำให้ใครมันก็ต้องเต็มที่ทุกครั้ง

 

            ที่ ๆ คุณอาบอก ต้องขับรถออกจากเมืองไปไกลพอสมควร เป็นที่ ๆ เงียบเหมาะแก่การพักผ่อน ต้นไม้เยอะ ล้อมรอบ มันโอเคอยู่นะกับบรรยากาศ แต่ต้องขับรถออกมาไกลเนี่ยแหละที่ตัวเขาไม่ชอบเอาเสียเลย

 

            และพอมาถึงที่ โมเดลก็เจอคุณอาปิยะกับไอ้บ้านิสัยเลวอยู่ก่อนแล้ว ร่างเพรียวเดินเข้าไปยกมือไหว้คุณอา แล้วหันไปก้มหัวทักทายร่างหนานิด ๆ ก่อนเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ หงุดหงิดในใจกับรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่าย

 

            เฮอะ! เสแสร้งได้ก็ทำไป อย่าให้มีโอกาส เพราะเขาจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันนิสัยยังไง

 

            “ขอโทษครับที่ผมมาช้า”

 

            “ไม่ ๆ ไม่ได้ช้าอะไร อากับพรรดิก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน”

 

            “รีบมาแบบนี้ทานอะไรมาหรือยังครับ หาอะไรทานก่อนได้นะ เดี๋ยวตรงนี้พี่คุยกับคุณอาแล้วเดี๋ยวสรุปให้เราฟังก็ได้” จักรพรรดิเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ที่ใครต่อใครฟังแล้วก็ต่างหลงใหลกับความอ่อนโยน ริมฝีปากสวยขยับยิ้มใจดีให้ แต่ของพวกนี้มันใช้กับโมเดลไม่ได้ผล ต่อให้ดีกว่านี้อีกสักกี่สิบเท่า ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงเป็นคนที่น่ารังเกียจและไม่น่าเข้าใกล้สำหรับโมเดลอยู่ดี

 

            “ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว”

 

            “ระวังเป็นลมเอานะ” เอ่ยเหมือนจะห่วงใย แต่โมเดลรู้ มันก็แค่การเสแสร้ง และแววตาที่เขารับรู้ได้ก็คือ…แววตาดูถูก

 

            “ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นครับ” ร่างบางกัดฟันตอบ ในใจอยากจะรีบ ๆ ทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้าน ไม่อยากจะยืนหายใจร่วมกับผู้ชายคนนี้นานเท่าไหร่นัก มันเสียทั้งอารมณ์และสุขภาพจิต

 

            “อ่า ครับ พี่รู้ว่าเราแข็งแรง”

 

            กึก!

 

            และในจังหวะที่คุณอาหันไปมองอีกด้าน จักรพรรดิก็กระตุกยิ้มร้ายให้กับโมเดล สบตาเป็นการสื่อให้รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแรง โมเดลสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ มือเรียวกำแน่น อยากจะเดินเข้าไปซัดหน้าอีกฝ่ายให้คว่ำ พร้อมกับตะโกนใส่หน้าว่าเลิกกวนประสาทเขาได้แล้ว

 

            เขารู้ อีกฝ่ายจงใจจะสื่อให้เขาคิดถึงคืนนั้น และตัวเขาก็ฝืนเดินออกมาทั้ง ๆ ที่ขามันปวดร้าวไปหมด และไหนจะคำพูดในตอนที่เจอกันครั้งที่แล้วอีก

 

            อีกฝ่ายจงใจย้ำกับเขาถึงเรื่องนั้น ย้ำให้เขาไม่มีวันลืมมัน!

 

            “แล้วนี่วันนั้นเราสองคนคุยรายละเอียดคร่าว ๆ เอาไว้หรือยัง พรรดิ เราเข้าใจที่เดลบอกหรือเปล่า”

 

            เสียงของคุณอาเป็นตัวทำให้สองสายตาที่จ้องมองกันเขม็งละออกจากกัน โมเดลสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว อีกนิดเขาต้องบ้าแน่ ๆ

 

            “เข้าใจครับ น้องอธิบายได้เข้าใจง่าย ไม่ได้ทำให้ผมงงตรงไหนเลย น้องเขาเก่งนะครับ ไม่เหมือนกับคนที่ทำงานเป็นครั้งแรกเลย” เสียงเอ่ยชมของร่างแกร่งทำเอาโมเดลถึงกับเบ้ปาก

 

            “เฮอะ! เสแสร้ง”

 

            “เดล”

 

            อึก!

 

            โมเดลถึงกับชะงักเมื่อคุณอาหันมาเรียกด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ร่างบางกัดปากแน่นหันหน้าไปอีกทาง เมื่อกี้อุตส่าห์พึมพำเบา ๆ แล้วนะ ยังจะได้ยินอีก สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการถูกดุถูกว่าต่อหน้าคนอื่นนี่แหละ

 

            “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ น้องเขาคงแค่แซวผมเล่นน่ะครับ”

 

            จักรพรรดิยิ้มไม่ถือสา แถมด้วยการพูดแก้ตัวให้เขาอีก โมเดลฮึดฮัด อึดอัดอยู่ในอก มันแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ว่า…ทำให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น ดูเป็นคนใจกว้าง มีน้ำใจ และตัวเขากลับกลายเป็นคนที่ถูกมองว่าปากไม่ดี นิสัยก็ไม่ดี เอาอารมณ์มาก่อน

 

            ผู้ชายคนนี้…ไม่น่าอยู่ใกล้เลยสักนิด

 

            “งี้อาก็เลือกคนไม่ผิดสินะ ฮ่าๆ”

 

            โมเดลยิ้มรับ พยายามมองผ่านร่างสูงไป ทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ก่อนจะขยับเข้าไปยืนข้างกายคุณอาแล้วเริ่มเอ่ยถึงรายละเอียดให้คุณอาได้ทราบ

 

            “อาอยากได้แบบต้นไม้เยอะ ๆ หน่อย”

 

            “พื้นที่พอที่จะลงได้อยู่หลายต้นนะครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้ตัดของเก่าออกไปเยอะ ยังไงเดี๋ยวได้แบบบ้านที่คุณอาโอเคเราค่อยมาดูตรงส่วนนี้กันอีกที” พูดไปด้วย มือก็หยิบสมุดขึ้นมาจดรายละเอียดสำคัญ ๆ ไว้กันลืม

 

            “ได้ๆ”

 

            “ผมขอเดินไปดูทางนู้นหน่อยนะครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นมา โมเดลร้องตะโกนอยู่ในใจเลยว่ารีบๆ ไปซะ ยืนอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้แล้วมันทำให้เขาหายใจลำบาก ทั้งอึดอัดไม่อยากอยู่ใกล้ และ…มันรู้สึกแปลก ๆ เวลาที่ดวงตาคมคู่นั้นจ้องมองมา

 

            “เอาสิ”

 

 

 

 

            พอจักรพรรดิเดินแยกออกไป โมเดลก็รู้สึกโอเคขึ้นมาก คุยงานกับคุณอาได้ไหลลื่น ภาวนาในใจว่าอย่าให้ผู้ชายคนนั้นเดินกลับมาเร็วนักเลย หรือถ้าเดินกลับมา ก็อย่าให้มันปากมากพูดไม่เข้าหูเขาอีกก็แล้วกัน

 

            “อารู้สึกว่าพื้นที่บริเวณรอบ ๆ น่าจะมีเยอะนะ หลานอาคงชอบ เจ้านั่นเอะอะก็ปาร์ตี้ ๆ ตลอด” คุณอาว่าขำ ๆ โมเดลเพียงแค่ยิ้มรับ ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดมองไปที่ร่างสูงใหญ่ที่ยืนพิงต้นไม้อยู่

 

            มือหนาถือโทรศัพท์ ก้มหน้าก้มตาไม่สนใจสิ่งรอบข้าง โมเดลเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ คน ๆ นี้ดูดีในทุก ๆ มุม เพียงแค่ยืนเฉย ๆ แบบนี้ยังน่ามอง แต่…เฮอะ!

 

            “มาทำงาน มันใช่เวลามาเล่นโทรศัพท์มั้ย” ร่างบางพึมพำ จำได้ว่าคุณอาเคยพูดเปรย ๆ ไว้ว่าคน ๆ นี้เก่งมาก ทำงานออกมาได้ดีเยี่ยมสุด ๆ เห็นทีคุณอาคงจะชมเกินไปแล้ว

 

            “ไม่เอาน่า เช็กงานทำทางโทรศัพท์ก็ได้นะเดล มองเขาในแง่ร้ายเกินไปแล้ว”

 

            และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พอเขาพูดถึงผู้ชายคนนั้นในทางที่ไม่ดีนิดหน่อย เขาก็โดนดุกลับมาอีกแล้ว โมเดลกัดฟันกรอด อยากจะพูดออกไปให้หมดว่าไอ้เวรนั่นมันทำอะไรกับเขาไว้บ้าง มันทำให้เขาเจ็บใจแค่ไหน แต่เพราะสิ่งที่มันทำไว้น่าอายเกินกว่าจะพูดออกมาได้

 

            และตอนนี้เขาก็ดูเป็นเด็กนิสัยแย่อีกแล้ว

 

            “ขอโทษครับ” จำใจต้องเอ่ยออกมา

 

            “ไม่เป็นไร ๆ อีกอย่างเจ้าพรรดิมันก็ไม่ถือสาหรอก เขาใจดีมาก เราก็อย่ามองเขาในแง่ร้ายมากเกินไปล่ะ เดี๋ยวอาขอตัวแป๊บหนึ่ง” พูดเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินแยกออกไป โมเดลมองตามก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

            ท่าทางไม่ว่าจะยังไง คุณอาก็มองจักรพรรดิเป็นผู้ชายที่แสนดีตลอด และเขาก็เอ่ยแขวะไม่ได้เสียด้วย เพียงเท่านี้คุณอาก็คงมองเขาไม่ดีแล้ว

 

            งานน่ะไม่ยากหรอก แต่มันยากตรงที่ต้องคอยควบคุมอารมณ์และปากของตัวเองนี่แหละ

 

            โมเดลเดินหลบมุมออกมา อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวเหมือนฝนจะตก ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม หยิบสมุดขึ้นมาก้มอ่านรายละเอียดอีกครั้ง มันมีบางส่วนที่เขาต้องถามความเห็นจากจักรพรรดิ แต่…ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเข้าไปคุยด้วยเลย

 

            “ที่นี่บรรยากาศดีนะ”

 

            เฮือก!

 

            โมเดลสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ คนที่เขาเห็นว่ายืนอยู่อีกฝั่งก็โผล่มายืนอยู่ข้างหลัง แถมยืนซะชิดกับแผ่นหลังของเขา โน้มลงมากระซิบที่ข้างหู กระซิบน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมต้องทำเสียงเหมือนกับในคืนนั้นด้วย

 

            น้ำเสียงติดจะแหบพร่า และลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดริน

 

            อึก!

 

            “คิดถึงคืนนั้นอยู่เหรอไง หน้านายแดงนะ”

 

            “เรื่องที่มันไม่ควรจะจำแบบนั้น ผมไม่คิดถึงมันให้รกสมองหรอกครับ” โมเดลแสยะยิ้มตอบกลับไป สายตาบ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้จำมันเลยสักนิด แต่จักรพรรดิเพียงแค่เลิกคิ้ว ขยับเข้าไปชิดกับร่างผอมเพรียวที่ขยับหนีไปเมื่อสักครู่ ดวงตาคมวาววับอย่างร้ายกาจ กระซิบคำที่ทำให้โมเดลต้องกัดฟันกรอด

 

            “ถ้านายไม่จำมัน แล้วนายรู้ได้ยังไง ว่าฉันหมายถึงคืนไหน และฉันหมายถึงเรื่องอะไร”

 

            “มึง!”

 

            “โวยวาย น่ารำคาญ” ว่าเขาด้วยรอยยิ้มเยาะ

 

            “ก็ดีกว่ามึงก็แล้วกัน เสแสร้งแบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอวะ เกลียดจริง ๆ ไอ้พวกสองหน้า” ตอกกลับไปอย่างเจ็บแสบไม่แพ้กัน แต่ร่างแกร่งไม่มีท่าทีโมโหกับคำพูดของโมเดลเลยแม้แต่น้อย มีเพียงดวงตาคมกริบที่จ้องมองไป และมันก็ทำให้คนที่เพิ่งปากเก่งไปเมื่อสักครู่รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ

 

            หมับ!

 

            “เฮ้ย! ไอ้เหี้ย!”

            และก็เป็นอีกครั้งที่ต้องร้องออกมาอย่างตกใจ ผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรตามใจตัวเองตลอด จู่ ๆ ก็เกี่ยวเอวเขาเข้าไปกอดแน่น สะบัดตัวยังไงก็ไม่หลุด อ้อมแขนแข็งแรงมันกำลังทำให้เขานึกถึงคืนนั้นอีกแล้ว


            “ดิ้นทำไม ยังไงก็คุ้นเคย”


            “คุ้นเคยบ้านมึงสิ! ปล่อยกู!!”


            “เฮ้ ๆ มีอะไรกันหรือเปล่า”


            กึก


            เสียงของคุณอาดังขึ้นด้านหลัง โมเดลชะงักอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย อยากจะดีดตัวออกไปให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ แต่ติดตรงที่ว่ามือหนาไม่ยอมปล่อยเขาออกสักที แถมมีการใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผิวของเขาเล่นผ่านเนื้อผ้าโดยไม่ให้คุณอาเห็นอีกต่างหาก


            “เปล่าครับ น้องเขาจะล้ม ผมเลยช่วยไว้น่ะครับ” หน้ากากผู้ชายที่แสนดีถูกยกขึ้นมาใส่ทันที รอยยิ้มอ่อนโยนมันทำให้โมเดลยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิม ดันแผ่นอกหนาออก และคราวนี้จักรพรรดิก็ยอมปล่อยโดยง่าย


            “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว”


            “ครับ”


            “อาฝากตรงนี้ด้วยนะพรรดิ อามีงานต้องรีบไปอีกที่”


            “ได้ครับ เดินทางดี ๆ นะครับ” บอกลาคุณอาเสร็จก็เหลือพวกเขายืนอยู่ด้วยกันสองคน โมเดลขยับออกห่างเหมือนรังเกียจทันที ร่างสูงยิ้มเยาะก่อนจะกอดอกแล้วมองไปรอบ ๆ


            “สำรวจและจดรายละเอียดให้หมดล่ะ ผมไม่อยากให้งานออกมาเสีย”


            “…”


            “และถ้ามีส่วนไหนที่ควรจะปรึกษาหรือถามฉันนายก็ควรพูดมันออกมา เงียบไว้แบบนี้และถ้างานมันออกมาไม่ดี มันความผิดนายนะ” เสียงของร่างสูงยังคงรบกวนเขาอยู่ตลอด โมเดลพยายามทำเป็นไม่สนใจ คิดซะว่าเสียงฟ้าเสียงฝนก็แล้วกัน


            และอย่างน้อยจักรพรรดิก็ยังพอมีหัวคิดอยู่บ้าง ไม่เข้ามารบกวนเวลางานของเขา เพียงแค่ยืนอยู่ห่าง ๆ และจ้องมองมาตลอดแค่นั้นเอง


            หึ! แค่นั้นเอง!



 

            “โมเดล” เวลาผ่านไปจักรพรรดิก็เดินเข้ามาเรียก โมเดลเพียงแค่ปลายตามองอย่างไม่สนใจ จักรพรรดิเห็นแบบนั้นก็ร้องหึในลำคอ ยังไงก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าโมเดลไม่มีทางยอมคุยกับเขาดี ๆ แน่


            “วันนี้พอแค่นี้แหละ ฝนจะตกแล้ว ถ้าเกิดมันตกหนักจะขับรถกลับลำบากนะ”


            พออีกฝ่ายบอกแบบนั้นโมเดลก็เงยหน้ามองฟ้า ใช่อยู่ที่ตอนนี้มันเป็นเวลาช่วงเย็น แต่ท้องฟ้ามันมืดเกินเวลาไปแล้ว และดูท่ายังไงฝนก็ตกแน่ ๆ และเขาก็คิดอย่างที่อีกคนบอก ถ้ามันตกหนักขับรถกลับลำบากแน่และที่สำคัญ ตอนที่ขับรถมา แถวนี้แทบจะไม่มีบ้านคนเลย รถที่วิ่งสวนกันก็มีน้อยจนแทบจนนับคันได้


            เมื่อคิดได้แบบนั้นขาเรียวก็ก้าวเดินออกมา ไม่แม้แต่จะร่ำลาคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จักรพรรดิมองตามแผ่นหลังบางไป และจงใจเอ่ยให้เจ้าตัวได้ยิน


          “ไร้มารยาท”


            ขาเรียวชะงักกึก มือกำหมัดแน่น ปากแบบนี้น่ะเหรอ สันดานแบบนี้น่ะเหรอที่คุณอาบอกว่ามันเป็นคนดี งั้นก็ขอเลยแล้วกัน ไอ้คนดี ๆ แบบนี้อย่าเข้ามาในชีวิตเลย น่ารังเกลียด


            โมเดลเมินเสียงนั่นแล้วเดินมาที่รถ เพิ่งสังเกตว่าเขาจอดรถอยู่ใกล้ ๆ กับรถของอีกฝ่าย บีเอ็มไอสามของอีกฝ่ายมันทำให้รถของเขาดูด้อยไปเลย แล้วอีกอย่างนะ…


            “ทั้งรถทั้งคน หน้าตาน่าหมั่นไส้พอกัน”


            โมเดลฮึดฮัดแล้วรีบขึ้นรถตัวเอง ไม่อยากจะเห็นหน้าไอ้คนที่เดิมตามมาข้างหลังอีกครั้ง ไม่สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะมองมาด้วยสายตาแบบไหน และไม่ว่าสายตาแบบไหนเขาก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ


            และก็เป็นอย่างที่คิด ขับรถออกไปได้เพียงนิด ฟ้าก็แลบอย่างน่ากลัว และอีกไม่นานฝนก็คงตก ถ้าตกหนักมากเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าจะขับกลับได้ไหวมั้ย มันอันตรายพอตัวเลยขับรถท่ามกลางสายฝน


            แต่แล้วโมเดลก็รู้สึกถึงความผิดปกติของรถที่ขับ ก้อนเนื้อในอกเต้นตึกตัก และในที่สุดรถของเขาก็นิ่งสนิท และในตอนนั้นเองที่โมเดลเข้าใจทุกอย่างในทันที


            “เหี้ย! น้ำมันหมด!”


            มือเรียวยกขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง โง่ถึงขนาดลืมเรื่องแบบนี้ได้ แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ เส้นทางแบบนี้หาปั๊มน้ำมันไม่ได้ง่าย ๆ ซะด้วย อย่าว่าแต่ปั๊มน้ำมันเลย เอาแค่รถวิ่งผ่านมาให้ได้ซะก่อนเหอะ


            จะโทรไปที่บ้านให้มาช่วย แล้วใครจะมาล่ะ พ่อกับแม่ก็ไม่ว่างชัวร์ ๆ พวกเพื่อนก็อย่าหวังเลย ไกลขนาดนี้พวกมันไม่มาแน่ ๆ


            ร่างบางเปิดประตูออกมายืนด้วยท่าทางหงุดหงิดสุด ๆ และต้องหงุดหงิดหนักกว่าเดิมเมื่อไอ้รถหน้าตากวนเบื้องล่างมันมาจอดอยู่ข้างหลัง เจ้าของรถร่างสูงใหญ่เปิดประตูลงมา หรี่ตามองเขาก่อนจะหัวเราะเยาะ


            “รถเป็นอะไรล่ะ”


            “เสือก!” ตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดเลย ใครจะให้อยากไอ้เวรนี่มันรู้กันล่ะว่าเขาลืมเติมน้ำมัน ถ้ามันรู้ล่ะก็ มันได้หัวเราะเยาะเขามากกว่านี้แน่


            “ท่าทางไม่ดีเลยนะ จะกลับบ้านได้มั้ยเนี่ย” จักรพรรดิกอดอกมองประเมินสถานการณ์ ถามเหมือนจะเป็นห่วง แต่แววตาของเขานั้นไม่ใช่เลย มันเหมือนกับว่าเรื่องตรงหน้านี้เป็นเรื่องสนุกให้เขาชมก่อนกลับบ้านก็แค่นั้น


            “บอกว่าอย่าเสือกไงวะ”


            โมเดลสวนกลับอีกครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาไล่หาเบอร์คนที่พอจะช่วยเขาได้บ้าง กดโทรออกหาหลาย ๆ คน แต่ก็ไม่มีใครว่างเลยสักคน แม้แต่เพื่อนสนิทมันก็ยังไม่ว่าง


            “ขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปส่ง”


            “กูไม่ไป!”


            โมเดลเสียงแข็งใส่ ตอบกลับแบบไม่ต้องคิด ใครจะอยากไปกับไอ้เวรนี่กัน ถ้าต้องไปกับมัน เขายอมอยู่ที่นี่ทั้งคืนยังจะดีซะกว่า


            “มันก็เรื่องของนาย นายจะอยู่ที่นี่ทั้งคืนหรือว่ายังไงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันฉันอยู่แล้ว ถ้างั้นก็ขอให้โชคดี ฉันรู้ว่านายคงจะกลัว หึ ๆ” จักรพรรดิยักไหล่ไม่แคร์ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากไปเขาก็ไม่บังคับ จะลำบากแค่ไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว และดูเหมือนว่าคำว่ากลัวจะกระแทกใจอีกฝ่ายอย่างแรง


            “ใครกลัวมึงวะ!”


            “ถ้าไม่กลัวก็ขึ้นรถสิ และช่วยหุบปากมาก ๆ ของนายด้วย ฉันรำคาญ”


            พูดจบก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ โมเดลกัดฟันอย่างหงุดหงิด แต่พอเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางเลือก ขยี้ศีรษะอย่างแรงก่อนจะฮึดฮัดขึ้นมานั่งข้างร่างสูงในรถ


            และดูเหมือนว่ากวางน้อยจะตกลงไปในหลุมของราชาเข้าซะแล้ว จักรพรรดิกระตุกยิ้มโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็น เหลือบมองใบหน้าสวย ๆ ของคนข้างตัวด้วยแววตาวาววับพร้อมจะขย้ำเหยื่อ


            ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้มีทางเลือกให้โมเดลนะ เขาก็ให้เลือกแล้ว ว่าจะไปกับเขา หรือจะอยู่ตรงนี้ต่อไป เพียงแต่ว่า…ทางเลือกมันบังคับมาแล้ว ว่ายังไงโมเดลก็ต้องเลือกอย่างแรก


            เดลขึ้นมานั่งก็ไม่ได้หันไปมองคนข้างตัวเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวมองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงแม้ว่ารอบข้างจะเต็มไปด้วยต้นไม้ทั้งนั้นก็เถอะ แต่ยังไงก็น่ามองกว่าผู้ชายข้าง ๆ เขาแน่


            และเพียงขับรถออกมาได้อีกนิดเดียวก็เป็นอย่างที่คาดไว้ สายฝนเทกระหน่ำลงมาทันที ตกหนักแบบชนิดที่ว่ามองทางข้างหน้าแทบไม่เห็น โมเดลถอนหายใจ พอมีอะไรให้สนใจมากกว่าคนข้างตัว แต่ก็ดันมีฝนมาบดบังซะได้


            “ถอนหายใจบ่อยไปนะ”


            “ก็เพราะต้องมาอยู่กับคนที่ไม่อยากจะอยู่ใกล้ไง”


            “อืม ไม่ต้องคิดอะไรให้มากหรอก เพราะยังไงนายก็หนีไปจากตรงนี้ไม่ได้ นอกจากว่านายจะเก่งขนาดที่ว่าเดินเท้ากลับบ้านล่ะนะ” จักรพรรดิสวนกลับนิ่ม ๆ แต่เจ็บแสบ โมเดลร้องเฮอะเบา ๆ ก่อนจะเมินหน้าหนี


            แต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้ว เมื่อจักรพรรดิขับรถเข้าข้างทาง ร่างผอมเพรียวหันขวับกลับไปหา หน้าตาหาเรื่อง ไม่สบอารมณ์ที่จู่ ๆ จักรพรรดิก็จอดรถซะงั้น


            “จอดทำไม เป็นบ้าอะไรอีก”


            “มีตาก็หัดมองซะบ้าง เห็นมั้ยว่าฝนมันตกหนักน่ะ” ร่างสูงใหญ่ปลายตามองด้วยความรำคาญ เหมือนกับจะด่าว่าเรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้ โมเดลหน้าชา ก่อนจะตะคอกกลับไป


            “ฝนแค่นี้มันจะอะไรนักหนาวะ!!”  หงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว เพราะถ้าเกิดว่ารอให้ฝนมันซาลง นั่นก็หมายความว่าเขาต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้นานขึ้นน่ะสิ ให้ตายก็ไม่เอาหรอก


            “ก็ถ้าอยากตายก็มาขับ แต่ฉันไม่ไปกับนายด้วยหรอกนะ ชีวิตฉันมีค่า และไม่อยากจะอายใครเขาถ้าต้องมาตายเพราะฝนตกมองไม่เห็นทาง มันดูไม่มีสมองเกินไป” จักรพรรดิยักไหล่ตอบ โมเดลถึงกับหน้าชาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าจะโดนหลอกด่าว่าไม่มีสมอง


            ร่างบางฮึดฮัด กอดอกด้วยความเซ็งและมองออกไปนอกกระจกอีกครั้ง พยายามทำใจรอให้ฝนซาลง แต่แล้วความรู้สึกอุ่นวาบที่ข้างแก้มก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ หันกลับไปก็เจอเข้ากับดวงตาแสนดึงดูดภายใต้กรอบแว่นสวย มันกำลังทำให้เขานิ่งค้าง และยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร ริมฝีปากของคนตรงหน้าก็กดลงมาทันที


            “อื้อ!”


            โมเดลร้องในลำคอ มือเรียวดันหน้าอกแกร่งเพื่อหวังจะให้ผละออกไป แต่แรงนั้นสู้แรงของจักรพรรดิไม่ได้เลย มือหนารวบข้อมือของอีกคนเอาไว้ แล้วดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ


            ความหอมหวานที่ได้ทำให้เขายิ่งกดริมฝีปากลงไปหนัก ๆ ขบเม้มจนรู้สึกได้ว่าโมเดลเกร็งตัวขึ้นมา ลิ้นร้อนสอดเข้าไปยิ่งทำให้ร่างบางตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่


            สัมผัสเดิม และความรู้สึกในคืนนั้นมันกำลังวิ่งเข้ามาในหัว


            แค่เพียงจูบของผู้ชายคนนี้ก็ทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบ โมเดลพยายามจะดิ้น แต่ดูเหมือนว่าร่างกายจะไม่มีแรงขึ้นมาดื้อ ๆ


            พรึ่บ


            “อะ…เฮ้ย!”


            ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ ๆ จักรพรรดิก็จับตัวขึ้นพาปีนข้ามมาที่เบาะหลังที่กว้างกว่า และดูเหมือนว่าจะทำอะไรได้สะดวกขึ้น


            “ระหว่างรอฝนหยุด เรามาดูกันดีกว่า…ว่านายลืมสัมผัสของฉันอย่างที่ปากว่า หรือว่านายจะจำมันได้และไม่มีทางลืมแบบที่ฉันพูดกัน”




หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 20-10-2015 19:33:47
โมเดลเจอคนแบบนี้น่าสงสารจริงๆ :ling3: :mew4:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 20-10-2015 20:56:40
ชอบพระเอกมากๆ

คนแบบนี้ละที่อยู่ในสังคมจริงๆ

บางครั้งต้องเสแสร้งบ้าง

ต้องถอดหน้ากากบ้าง อิอิ

ที่แน่ๆอ่านสนุกมากๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: nutipkra ที่ 20-10-2015 21:09:07
 :hao3:รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 20-10-2015 21:32:08
โมเดล ใช่แต่อารม ถ้ายังเป็นอย่างนี้ ก็เป็นของเล่นเขาไปเถอะ ดูเหมือนโชคจะไม่ะข้าข้างเลย แพ้ตลอด มันน่าเบื่อนะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-10-2015 22:07:56
เกลียดคนแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 20-10-2015 22:56:51
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 20-10-2015 23:51:13
ไม่น่ารอด.. มาต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 3] [20 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 21-10-2015 00:33:54
จักรพรรดิ เท่าที่อ่าน นิสัยโฉดสุดในบรรดาพี่น้อง คนล่ะฟีลกับ เป็นใหญ่  ทัพ เลยพวกนั้นมุ้งมิ้งหลงเมียรักเมียอ่านแล้วเบาๆ
นิสัยต้อนคนให้จนมุมสุดๆ แล้วเดลก็ดั๊นเป็นประเภทยั่วขึ้นซะด้วยซิ คาดว่าคงจะโดนจับกินตับไปอีกหลายรอบจนเดลติดในสัมผัสไปมีอะไรกับใครอื่นไม่ได้อีก เห็นชะตากรรมนายเอกผู้โดนกระทำปั่นหัวอยู่รำไร
อยากเห็นคนแบบพรรดิ เสียการควบคุมมั่งนะ เล่นกับความรู้สึก ศักดิ์ศรีคนอื่นแบบนี้
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 23-10-2015 16:00:17


ตอนที่ 4



 

 

                โมเดลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด หัวใจเต้นกระหน่ำรัว หวาดหวั่นไปก่อนแล้วล่วงหน้าทั้ง ๆ ที่จักรพรรดิยังไม่ได้ทำอะไรเขาไปมากกว่ากดให้นอนราบไปกับเบาะ ร่างบางรับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจ บ่งบอกเลยว่าเขารู้สึกกลัวมากแค่ไหน


                “กลัวเหรอ” น้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับแววตาท้าทายถูกส่งออกมา ริมฝีปากบางอ้าออก กำลังจะพ่นคำสวนกลับไป แต่แล้วโมเดลก็คิดได้ ว่าเขาไม่ควรพูดอะไรออกไป เพราะอาจจะทำให้เขาแย่กว่าเดิมก็ได้


                “ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ ตัวนายสั่น…มากด้วย”


                เฮือก!


                โมเดลสะดุ้งเมื่อนิ้วอุ่น ๆ ของจักรพรรดิเกลี่ยที่ท่อนแขน ความรู้สึกมันวิ่งพล่านไปทั่วร่างเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส โมเดลกัดริมฝีปากก่อนจะปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างแรง จักรพรรดิไม่ได้โกรธเคืองอะไร เพียงเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วเลียริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมยกยิ้ม ด้วยท่าทางน่ามองที่ทำให้โมเดลถึงกับต้องกลืนน้ำลาย เขาแทบไม่อยากจะละสายตาเลย ผู้ชายคนนี้ดูดีเกินไป


                “เงียบเกินไปนะ คนปากมากเมื่อกี้มันหายไปไหนซะแล้ว”


                “ส้นตีนเหอะ! แล้วก็ปล่อยกูด้วย กูไม่เล่นกับมึงหรอกนะ” โมเดลเสียงแข็งใส่ ข่มอารมณ์หวาดหวั่นในอกไว้ให้ลึกที่สุด เขาต้องไม่เผยให้อีกฝ่ายรู้ แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ เพราะดวงตาคมนั่นที่มองมาก็เหมือนกับว่าจักรพรรดิรับรู้ความรู้สึกของเขาทั้งหมดแล้ว


                “เปล่าเลย ฉันก็ไม่ได้เล่น ฉันเอาจริง”


                “อื้อ!”


                พูดจบก็ประกบริมฝีปากเข้าใส่คนปากเก่ง โมเดลร้องในลำคอด้วยความตกใจ มือเรียวยันเข้าที่หน้าอกหนาเพื่อหวังจะผลักร่างสูงใหญ่ออกไป แต่ว่า…แรงของเขาทำอะไรผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองก็เป็นผู้ชาย


                โมเดลยิ่งตัวสั่นมากขึ้นเมื่อลิ้นร้อนที่ไล้เลียสัมผัสอยู่ที่กลีบปากมันทำงานได้ดีเกินไป ความร้อนพุ่งเข้าจู่โจมร่างกาย ขนทั้งกายลุกชัน ภาพในคืนนั้นมันกำลังฉายเข้ามาในหัว


                ร่างผอมเพรียวสะบัดเพื่อหวังจะให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่จักรพรรดิไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ทำตามใจ ตวัดอ้อมแขนโอบกอดโมเดลไว้ เพียงแต่นี้คนที่ตัวเล็กกว่าก็แทบจะจมหายไปกับอกแกร่ง


                และโมเดลก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปาก


                จักรพรรดิไม่รอให้สติของอีกฝ่ายกลับมาเต็มร้อย เขาตวัดปลายลิ้นหยอกล้อกับลิ้นนุ่ม ๆ รับรู้ได้ถึงแรงที่ผ่อนลงของอีกฝ่าย ร่างสูงแสยะยิ้มในใจ


                กวางน้อย…หนีเขาไม่พ้นหรอก


                ฝ่ามือหนาขยับลูบท่อนแขนเรียว แล้วลากมายังลำคอขาวที่ดูเหมือนว่ารอยแดงจะจางหายไปหมดแล้ว ถอนริมฝีปากออกมา ปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ด แหวกคอเสื้อให้เห็นผิวขาว ๆ ด้านใน


                “แค่จูบแค่นี้ นายถึงกับนอนหน้าแดงยั่วฉันเลยเหรอ”


                “พ่อมึงดิ!!” สวนกลับไปแบบไม่ทันคิด แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อดวงตาคมที่ชอบมองเขาด้วยความเจ้าเล่ห์และเหมือนจะคุกคามอยู่ในที กลับกลายเป็นแววตาที่เขารู้สึกได้ว่ามัน…น่ากลัว


                โมเดลคิดที่จะถดตัวหนี แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อร่างแกร่งดึงเขาขึ้นมา จัดการจับตัวเขาให้นั่งคร่อมตัก ท่าทางน่าอายที่ทำให้โมเดลกัดริมฝีปาก แก้มขาวดูเหมือนจะแดงขึ้นหน่อย ๆ พยายามสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อจะหนี แต่มันติดอยู่ตรงที่ว่าแขนของอีกฝ่ายกอดเอวเขาไว้เนี่ยแหละ


                “รู้มั้ยว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาด่าหรือเอ่ยถึงพ่อฉัน นายพลาดแล้ว ระวัง…ครั้งนี้นายอาจจะต้องคลานกลับจริง ๆ” คำพูดร้ายกาจที่ทำเอาคนฟังถึงกับทนไม่ไหว โมเดลดันตัวออกมานิดหน่อย ก่อนจะปล่อยหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง


                ผัวะ!


 

                “อะ…โอ้ย!!”


                แล้วก็ต้องโดนเข้าคืนด้วยฟันคม ๆ ที่กัดลงมาเต็มที่บริเวณไหล่ ใบหน้าสวยเชิดขึ้น มือเรียวดันไหล่จักรพรรดิจะผลักออก แล้วก็เลยโดนรวบมือทั้งสองข้างไปด้านหลัง ทีนี้เลยเป็นการแอ่นอกเข้าหาเต็มที่


                ลิ้นร้อนลากเลียตั้งแต่ไหล่สวยไปยังลำคอ พอใจเป็นอย่างมากกับอาการสั่น ๆ ของอีกฝ่าย ดวงตาเรียวหลับแน่น ซึ่งดูเหมือนว่าพอจะรู้ตัวแล้วว่ายังไงก็หนีไม่พ้น ดิ้นไปมันก็เท่านั้น


                “อยะ…อย่าทำรอยที่คอ” เสียงสั่น ๆ ร้องขอ จักรพรรดิผละออกมามองหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าสวยหันหนีไปอีกทาง ขบกัดปากตัวเองแน่น และดูเหมือนว่าโมเดลจะทำใจแล้วว่ายังไงตอนนี้เขาก็เสร็จแน่ ๆ


                “แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอก”


                “มึง!” โมเดลหันขวับมามองหน้า เขาอุตส่าห์ร้องขอดี ๆ ทำใจแล้วว่ายังไงคืนนี้ก็ไม่รอดจากผู้ชายคนนี้ เขายอมขนาดนี้แล้ว เพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้จะให้เขาบ้างไม่ได้หรือไง ยังมีหน้ามาถามกลับด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้แบบนั้นอีก


                “หึ!” จักรพรรดิถอดแว่นตัวเองออกแล้วโยนไปที่เบาะหน้า ใบหน้าหล่อเหลาที่สะกดสายตาคนมองปรากฏให้เห็นชัด ๆ


                ร่างแกร่งกระตุกยิ้มนิด ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาซอกคอขาวอีกครั้ง โมเดลหวั่น ๆ ในใจว่าอีกฝ่ายจะทิ้งรอยเอาไว้ เขายังไม่อยากจะเดินคอแดงมาทำงานหรอกนะ และก็ต้องเบาใจลงไปได้หน่อยเมื่อจักรพรรดิไม่ได้ขบกัดอย่างรุนแรงเพื่อทิ้งรอย เพียงแค่ลากลิ้นหยอกล้อเบา ๆ


                แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ความรู้สึกมันพุ่งวาบเข้ามาที่กลางกาย


                อึก!


                ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเรียวงามฉายชัดถึงอารมณ์ที่มี มือของจักรพรรดิก็ทำงานดีมาก ปลดกระดุมเสื้อโมเดลออกอย่างเร็วก่อนจะถอดออกแล้วโยนไปที่เบาะหน้าอย่างไม่ใส่ใจ


                นิ้วมือบีบคลึงจุดเล็ก ๆ บนแผ่นอก โมเดลสะดุ้งเฮือกแอ่นอกเข้าหามือหนาทันที ริมฝีปากบางอ้าออกพร้อมกับปล่อยเสียงครางออกมาเบา ๆ จักรพรรดิตาวาววับ เขาชอบที่จะมองใบหน้าที่มีอารมณ์ของอีกฝ่าย มันเซ็กซี่และปลุกเร้าเขาได้เป็นอย่างดี


                อีกมือของจักรพรรดิก็เอือมไปด้านหลัง ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียน ริมฝีปากยิ่งยกยิ้มถูกใจ เคยได้สัมผัสมาครั้งหนึ่งแล้ว และก็รู้ด้วยว่ามันน่าลูบไล้ขนาดไหน


                ลากมือขึ้นไปถึงต้นคอ ปอยผมเล็ก ๆ หล่นลงมาคลอเคลีย เขาชอบนะที่อีกฝ่ายไว้ผมยาวแบบนี้ มันทำให้ใบหน้าสวย ๆ นั่นยิ่งดูสวยดึงดูดมากขึ้นไปอีก ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมออกก่อนจะลากนิ้วมายังใบหู


                โมเดลหน้าแดงและเอียงหน้าเข้าหาฝ่ามือใหญ่โดยอัตโนมัติ เหมือนจะหลงระทวยไปกับสัมผัสของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปาก ยิ่งทำให้จักรพรรดิตาวาววับพร้อมจะขย้ำเหยื่อเข้าไปอีก


                “นายเซ็กซี่มากรู้ตัวมั้ย” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างหู น้ำเสียงเซ็กซี่ที่โมเดลเคยได้ยินมาแล้ว และก็จำได้แม่นเลยด้วย เพราะมันเป็นน้ำเสียงที่ร้ายกาจ เพียงแค่ได้ยินก็ทำให้เขามีอารมณ์


                “หุบ…ปาก”


                ถึงแม้ว่าจะทำใจไปแล้วว่ายังไงก็ต้องโดน แต่เขาก็ไม่อยากที่จะได้ยินอะไรแบบนี้ระหว่างที่ทำหรอกนะ เพราะมันทำให้เขาอาย ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยให้ตาย


                จักรพรรดิไม่สนใจคำพูดโมเดล จับใบหน้าสวยให้เชิดขึ้น พร้อมกับลากลิ้นลงต่ำมาเรื่อย ๆ แผ่นอกบางก็แอ่นเข้าหาอย่างเชิญชวนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลย ริมฝีปากสวยขยับยิ้ม ก่อนจะตวัดปลายลิ้นลงบนตุ่มไตเม็ดเล็ก


                “อาห์…” มือเรียวยกขึ้นมาจับศีรษะร่างแกร่งทันที จิกทึ้งกลุ่มผมเพื่อระบายอารมณ์ ทุกครั้งที่ฟันคมขบกัดลงมามันทำให้ร่างกายของเขากระตุกทุกครั้ง รู้สึกปวดหนึบช่วงล่างเป็นอย่างมาก


                และเขาที่นั่งคร่อมแนบชิดอีกฝ่ายอยู่แบบนี้ ไม่มีทางที่จักรพรรดิจะไม่รู้ว่าเขารู้สึกมากขนาดไหน

 



                “รู้สึกไวแบบนี้แหละ ฉันชอบ”



 

                คำว่าชอบของอีกฝ่ายทำให้โมเดลเผลอหน้าแดงออกมา ก่อนจะสะบัดศีรษะไล่เรื่องแบบนั้นออกไป ชอบของผู้ชายคนนี้ก็หมายถึงเรื่องนี้แค่นั้นแหละ


                จักรพรรดิจัดการปลดกางเกงอีกฝ่าย แล้วล้วงเข้าไปภายใน  โมเดลกระตุกเฮือกเมื่อฝ่ามือร้อนกอบกุมส่วนนั้นของเขาเอาไว้พร้อมกับคลึงเบา ๆ เสียงครางหวานหูดังให้จักรพรรดิได้ยิน ริมฝีปากสวยพรมจูบที่ข้างแก้ม แล้ววนไปมอบจูบสุดร้อนแรงให้ร่างบาง


                พรึ่บ


                จักรพรรดิยกตัวอีกฝ่ายขึ้นอย่างง่ายดาย แล้วถอดทุกชิ้นส่วนด้านล่างออกไปจนหมด แล้วจับให้กลับมานั่งคร่อมตักอีกครั้ง ทำเหมือนกับว่าร่างกายของโมเดลนั้นเบาเป็นปุยนุ่นแบบนั้นเลย


                ร่างกายเปลือยเปล่าขาวเนียน ที่พอได้เห็นอีกครั้งก็เป็นที่น่าประทับใจ โมเดลรู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งร่างเพียงแค่จักรพรรดิกวาดสายตามองแค่นั้น ผู้ชายคนนี้ร้อนแรงแม้กระทั่งสายตา


                จักรพรรดิกระตุกยิ้ม เขาพอจะรับรู้ได้ว่าโมเดลรู้สึกยังไง ฝ่ามือหนาบีบขย้ำแผ่นอกบางจนขึ้นรอยมือ ก่อนจะลากมือไปด้านหลัง ลูบไล้แผ่นหลังเนียนก่อนจะเลื่อนลงไปด้านล่าง บีบคลึงก้นนุ่มอย่างมันมือ


                ริมฝีปากก็พรมจูบและทิ้งรอยแดงช้ำไว้ทั่วอกขาว ๆ โมเดลร้องครางอื้ออึงในลำคอ มือเรียวจิกที่ไหล่หนาแน่น แอ่นอกให้อีกฝ่ายสัมผัสได้อย่างเต็มที่


                พรึ่บ


                จักรพรรดิจับให้โมเดลนอนราบไปกับเบาะอีกครั้ง มือหนาปลดกางเกงของตัวเอง รูดซิปควักส่วนนั้นออกมา โมเดลกลืนน้ำลายอีกครั้ง ถึงจะเคยเห็นมาแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังไม่ชินกับมันอยู่ดี และไม่อยากจะเชื่อด้วยว่า…มันจะเข้ามาในตัวเขาได้


                ร่างสูงขยับมาคร่อมที่อกของโมเดล จ่อส่วนนั้นที่ริมฝีปากบาง โมเดลถึงกับตัวแข็งขืนเมื่อรู้ว่าจักรพรรดิต้องการให้เขาทำอะไร ใบหน้าสวยหันหนีทันที แต่ก็โดนฝ่ามือใหญ่ของอีกฝ่ายจับให้หันกลับมา ส่วนใหญ่โตที่ร้อนผ่าวแตะลงที่ริมฝีปาก โมเดลใจเต้นตึกตัก เห็นส่วนนั้นชัด ๆ ก็ยิ่งทำให้รู้ว่า…


                …มันน่ากลัวจริง ๆ


                “อ้าปาก” เสียงเข้มสั่ง


                “มะ…ไม่” โมเดลปฏิเสธเสียงอ่อนอ่อย แต่พอเจอดวงตาคมกริบที่มองลงมา มันก็ทำให้เขาชะงักกึก ก่อนจะค่อย ๆ อ้าปากออกตามที่อีกฝ่ายต้องการ และทันทีที่เขาอ้าปาก ส่วนที่ร้อนผ่าวก็ดันเข้ามาในโพรงปากทันที


                จักรพรรดิใช้สายตาเป็นตัวสั่งให้อีกฝ่ายทำ ไม่ต้องพูดออกมาก็น่าจะรู้ว่าต้องทำยังไง โมเดลตัวสั่นหน้าแดงก่ำ แต่ก็ต้องจำใจ ขยับปากรูดรั้งให้อีกฝ่าย


                “อืม…”


                เสียงครางทุ้มต่ำกระตุ้นให้ร่างกายโมเดลร้อนผ่าว ไม่ต้องไปแตะต้องส่วนนั้นของตัวเองก็รู้สึกได้ว่ามันสั่นระริก อารมณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้นเพียงเพราะเสียงครางเบา ๆ นี่


                ปลายลิ้นเล็กค่อย ๆ แลบลิ้นไปตามความยาวอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อช้อนตาขึ้นไปมอง สบเข้ากับดวงตาคมที่ฉายแววพอใจก็รู้สึกเหมือนจะมีแรงใจขึ้นมา ห่อปากดูดรั้งส่วนใหญ่โตนั่น


                จักรพรรดิมองคนใต้ร่างด้วยความพอใจ ใบหน้าสวยที่แดงก่ำ ดวงตาเรียวที่ฉายแววไม่มั่นใจและมีน้ำใส ๆ คลออยู่ มันช่างเป็นภาพที่น่ามองยิ่งนัก เขายื่นมือออกไปลูบแก้มนิ่มนั่น แล้วจับศีรษะอีกฝ่ายไว้ก่อนจะขยับสะโพกดันส่วนนั้นเข้าโพรงปากอุ่น


                “อึก…อื้อ”


                โมเดลร้องด้วยความอึดอัด จะหันหน้าหนีก็ไม่ได้เพราะถูกจับศีรษะไว้แบบนี้ ส่วนนั้นมันเข้าลึกจนทิ่มเข้าไปในลำคอของเขาแทบสำลัก แต่ดูเหมือนว่าร่างแกร่งจะไม่ได้เห็นใจเขาเลย ขยับสะโพกตามความพอใจของตนเอง


                พรึ่บ


                “แค่ก…”


                พอจักรพรรดิถอนตัวออกมา โมเดลก็ไอสำลักทันที ตวัดสายตามองหน้าอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง จักรพรรดิเพียงแค่ยิ้มเยาะ ก่อนจะขยับตัวลงไป จับขาเรียวอ้าออกกว้าง ช่องทางที่ปิดสนิทปรากฏแก่สายตา


                โมเดลหน้าร้อนวูบ ท่าทางน่าอายแบบนี้ให้ตายก็ไม่ชิน ยิ่งสายตาร้อนแรงนั่นจ้องมองมาความร้อนก็พุ่งวาบเข้ามาทันที หันหน้าหนีพร้อมยกแขนขึ้นมาปิดหน้า


                จักรพรรดิกระตุกยิ้มนิด ๆ กับท่าทางนั่น ก่อนจะส่งนิ้วไปลูบไล้อยู่ที่ปากทาง โมเดลสะดุ้งเฮือกแล้วจะหุบขาเข้าหากัน แต่ก็ทำไม่ได้ จักรพรรดิจับขาเรียวอ้าออกอีกครั้ง ก่อนจะกดนิ้วลงไป


                “อึก”


                เสียงครางหลุดออกมาให้ได้ยิน โมเดลเหงื่อแตกพลัก กัดริมฝีปากแน่นเมื่อนิ้วของอีกฝ่ายแทรกเข้ามา อยากจะถดตัวหนีแต่แน่นอนจักรพรรดิไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้น และถ้าเกิดเขาทำ จักรพรรดิได้เอาคืนหนักกว่านี้แน่ ๆ


                “นายรัดฉันแน่นเกินไป ผ่อนคลายหน่อย”


                “สัด! มึงเงียบปากไปเลย อาห์…ลองมาเป็น…อึก…กูดูมั้ย”


                สวนกลับเสียงสั่น ๆ แล้วก็ต้องร้องเสียงดังลั่นรถเมื่อจู่ ๆ ไอ้บ้านั่นก็แทรกอีกนิ้วเข้ามาพรวดเดียว ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอ้าปากค้าง เจ็บเสียดขึ้นมาทันที อยากจะด่าอยู่หรอก แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ ได้แต่นอนจิกมือลงบนเบาะนุ่ม


                พรึ่บ


                “อ๊า! เดี๋ยว!”


                จักรพรรดิไม่รอให้อีกฝ่ายได้ปรับตัวอะไรมาก เขาขยับนิ้วเข้าออกทันที โมเดลต้องหวีดร้องลั่นรถอีกครั้ง เพียงแค่ครั้งแรกที่นิ้วใหญ่นั่นกระแทกเข้ามา มันโดนจุด ๆ นั้นของเขาเลย


                โมเดลชักจะกลัวผู้ชายคนนี้ขึ้นมาซะแล้ว ดูเหมือนว่าจักรพรรดิจะจดจำร่างกายของเขาได้ดีเยี่ยม แบบนี้มันก็น่ากลัวเกินไป ขาเรียวสั่นระริก เสียววูบไปทั่วทั้งร่าง แล้วก็ต้องกระตุกเฮือกอีกครั้งเมื่อมือหนาเอื้อมมาจับส่วนนั้นของเขาเอาไว้แล้วขยับมือรูดรั้งมัน


                “อาห์…ซี้ด”


                “ครางซะหวานหูเลยนะ”


                “เหี้ย! หุบปาก! อ๊า!!”


                เมื่อเอ่ยด่าร่างสูง ก็โดนเอาคืนด้วยการกระแทกนิ้วเข้าใส่อย่างแรง โมเดลอยากจะดิ้นพล่าน แต่พื้นที่บนรถแบบนี้มันไม่อำนวย แต่…อย่าได้คิดถึงสถานที่อื่นเลย เพราะเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่ ๆ ครั้งนี้ต้องเป็นครั้งสุดท้าย


                พรึ่บ


                จักรพรรดิถอนนิ้วออกมา ก่อนจะขยับมาจ่อส่วนนั้นที่ช่องทางคับแน่น กดตัวลงไปทันที ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นพร้อมกับปล่อยเสียงครางออกมาเบา ๆ พึงพอใจกับแรงบีบรัดนี่


                “อึก…เดี๋ยว มันเจ็บ…มันเจ็บ” เบ้หน้าร้องขอ เพราะใช่ว่ามันจะเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่จักรพรรดิก็กดตัวลงมาไม่หยุด น้ำใส ๆ ไหลออกจากดวงตา


                “เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”


                พรึ่บ


                “ฮึก!!”


                โมเดลเบิกตากว้างเมื่อจักรพรรดิกดตัวลงเข้ามาทีเดียวจนสุด อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แถมเจ็บอีกต่างหาก ไม่มีแรงจะอ้าปากด่าให้หายเจ็บแค้น ร่างสูงก็จัดการขยับสะโพกเข้าออกทันที โน้มใบหน้าลงไปบดจูบที่ริมฝีปากบาง


                บังคับให้โมเดลยกแขนขึ้นกอดรอบลำคอ โมเดลก็ผวากอดรัดร่างสูงไว้แน่น จิกมือลงกับแผ่นหลังกว้าง ยื่นลิ้นให้อีกฝ่ายเกาะเกี่ยวตวัดเล่นเต็มที่ น้ำใส ๆ ไหลลงมาที่ขอบปาก


                “ฮา…มันจุก”


                “แต่ฉันรู้ว่านายชอบ” จักรพรรดิว่าอย่างมั่นใจ ก่อนจะกระแทกกายแบบเน้น ๆ ลงไป โมเดลผวาเฮือกอีกครั้ง กอดรัดร่างสูงใหญ่ไว้ไม่ปล่อย ซบหน้าลงกับท่อนแขนแกร่ง ปอยผมที่ตกลงมาคลอเคลียยิ่งทำให้คนหน้าสวยดูเซ็กซี่ขึ้น


                “กู…ไม่ได้ชอบ”


                จักรพรรดิเลิกคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะกระแทกกายรัวเร็วเข้าใส่จนร่างบางตัวโยน เสียงครางร้องดังลั่นรถ ส่วนล่างของโมเดลชูชันพร้อมจะปลดปล่อย เขาบีบขย้ำแผ่นอกขาวอย่างมันมือ แต่จู่ ๆ ก็หยุดสะโพก โมเดลหอบหายใจ มองหน้าจักรพรรดิอย่างไม่เข้าใจ


                “บอกสิว่านายชอบ แล้วฉันจะทำต่อ” จักรพรรดิพูดอย่างร้ายกาจ โมเดลได้ยินก็ถึงกับขมวดคิ้วกัดฟันใส่ ช่วงล่างร้อนผ่าวพร้อมปลดปล่อย แถมร่างสูงคาไว้แบบนี้มันก็อึดอัดสุด ๆ


                “เอาสิ พูดสิ” สายตาที่เหนือกว่าแบบนั้นมันทำให้โมเดลหมั่นไส้ อึดอัดทั้งด้านหลังและด้านหน้า คนสวยกัดฟันแล้วส่งมือลงไปเมื่อจะปลดปล่อยให้ตนเอง จักรพรรดิยิ้มร้าย ก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างของโมเดลเอาไว้ ร่างบางตาโต จะดึงมือออกแต่ก็ไม่หลุด


                “นายมันดื้อเกินไปแล้ว”


                “ปล่อย!” อึดอัดจนอยากจะร้องไห้ ใบหน้าสวยเริ่มเบ้ลง


                “นายรู้…ว่าต้องทำยังไง หรือจะไม่ทำก็ได้นะ ฉันยังทนได้อยู่”


                แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว!! โมเดลน้ำตาคลอหน้าแดงก่ำ ไม่อยากจะเอ่ยในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตามเถอะ


                เฮือก!


                “อะอ๊า!” บีบบังคับเขาเพิ่มขึ้นไปอีกด้วยการลูบเบา ๆ ที่ส่วนปลายที่มีน้ำใส ๆ ไหลออกมา สายตาที่มองลงมามันบอกว่า…ถ้าเขาไม่พูดมันออกไป เขาก็ต้องอยู่แบบนี้แหละ


                “ฮึก…กู…”


                “หืม?”


                “กู…ชอบ” โมเดลพึมพำเสียงเบา น้ำตาคลอท่าทางน่าสงสาร จักรพรรดิพอใจกับท่าทางแบบนั้น แต่ว่า…มันยังไม่สุด และยังมีที่เขาต้องการอีกเยอะ


                “พูดเพราะๆ” โมเดลกัดปากตัวเองอีกครั้ง ริมฝีปากบางเจ่อบวมจากการบดจูบและขบกัดของตนเอง เขาไม่มีทางเลือก เพราะเขารู้ ไม่ว่ายังไงผู้ชายคนนี้ก็ไม่อ่อนลงให้เขาแน่


                “ผม…ชอบ…ฮึก…ผมชอบ”


                จักรพรรดิยิ้มร้ายแล้วโน้มตัวลงไปจูบให้รางวัล ตวัดลิ้นพาให้โมเดลเคลิบเคลิ้ม ฝ่ามือหนาลูบไล้ทั่วแผ่นอก สะกิดนิ้วที่ตุ่มไตเล็ก ๆ หยอกล้อจนร่างบางบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน ถอนริมฝีปากออกมามองใบหน้าสวยที่ตาหยาดเยิ้ม


                “ทำไม…ไม่ขยับ” โมเดลร้องถามอย่างขัดใจ เขายอมทำตามอย่างที่อีกคนต้องการหมดแล้ว แต่จักรพรรดิก็ยังปล่อยให้เขาทรมานอยู่แบบนี้ ร่างสูงยิ้มร้าย โน้มใบหน้าลงมาจนเกือบชิด


                “เรียกฉันว่าพี่สิ”


                โมเดลชะงักไป แทบอยากจะกัดลิ้นตาย ไม่อยากจะเอ่ยเรียกอีกฝ่ายนำหน้าว่าพี่เลย ไม่อยากนับถือคนแบบนี้ แต่ดูยังไงเขาก็ต้องทำตามที่อีกคนต้องการ ใบหน้าสวยหันหนี ก่อนที่เสียงสั่น ๆ จะเอ่ยออกมา


                “พี่พรรดิ…”


                “หึ!”


                “อ๊า!! อื้มมม”


                หวีดร้องลั่นรถ เมื่อจักรพรรดิได้ในสิ่งที่เขาต้องการก็ขยับสะโพกกระแทกเข้าอย่างแรงและตรงจุด โมเดลผวากอดแขนหนาไว้แน่น จิกมือลงไประบายความเสียวซ่านที่ได้รับ


            พรึ่บ


                “อ๊ะ”


                “ขยับสิ” จักรพรรดิสั่งเมื่ออุ้มโมเดลขึ้นมานั่งคร่อมอีกครั้ง ใบหน้าสวยฉายแววไม่แน่ใจ แต่ก็ยกตัวขึ้นแล้วกดลงมา เชิดหน้าร้องคราง ท่านี้มันเข้าได้ลึกกว่าเมื่อกี้ซะอีก


                เมื่อจับจังหวะได้โมเดลก็ขย่มตัวลงไปเร็วยิ่งขึ้น ขาเรียวก็สั่นระริกทุกครั้งที่จักรพรรดิสวนสะโพกขึ้นมา มีบางครั้งที่ศีรษะโขกกับด้านบนของตัวรถ โมเดลขยับแบบนั้นสักพักก็ทิ้งตัวใส่ร่างสูง กอดรอบลำคอซบหน้าลงกับไหล่กว้าง


                “มะ…ไม่ไหว”


                “หึ ฉันเห็นหัวนายโขกหลายครั้งเลยนะ”


                “ก็ที่มันแคบสัด! อึก…” โมเดลโวยกลับ แล้วก็ต้องหลุดเสียงครางออกมาด้วย เพราะกอดจักรพรรดิไว้แบบนี้ทำให้ส่วนนั้นของเขามันถูไถกับหน้าท้องแข็ง ๆ ของอีกฝ่าย


                “งั้นเปลี่ยนสถานที่หน่อยเป็นไง”


                “ฮะ…เฮ้ย”


                โมเดลร้องเสียงหลง ตะโกนด่าอีกฝ่ายในใจที่ทำบ้าอะไรแบบนี้ จู่ ๆ ก็อุ้มเขาขึ้น เปิดประตูพาออกมานอกตัวรถ โมเดลหลับตาก้มหน้าหนีสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาจนเขาแสบผิวไปหมด ในใจก็กลัวแสนกลัวว่าใครจะผ่านมาเห็น


                “ทำบ้าอะไร!! ถ้าใคร…”


                “มีตาก็หัดดูไว้บ้าง ตั้งแต่ที่ฉันกับนายทำกันมา ยังไม่มีรถผ่านมาสักคัน” จักรพรรดิสวนกลับด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟังต้องเจ็บใจ อุ้มโมเดลมาจับให้นอนราบไปกับกระโปรงรถแล้วแทรกตัวเข้าไปอีกครั้ง โมเดลต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าจากสายฝน แค่ออกมาไม่ถึงสองนาทีก็แสบผิวไปหมดแล้ว


                และอีกอย่าง…โมเดลกลัวมาก ๆ แบบนี้มันน่าอายเกินไป จักรพรรดิน่ะไม่เท่าไหร่ กางเกงก็ใส่อยู่ แต่เขานี่! เปลือยเปล่าทั้งตัว ถ้าใครผ่านมาเห็นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พอยกแขนออกมองหน้าอีกฝ่าย เขาก็รู้ว่าเขาคิดผิดจริง ๆ มือหนาเสยผมด้านหน้าขึ้นด้วยท่าทางที่สะกดให้คนมองไม่อาจละสายตาได้


                จักรพรรดิเยาะ เด็กนี่รู้สึกยังไงก็สามารถรับรู้ได้โดยง่าย เขาตรึงร่างบางไว้กับกระโปรงรถแล้วกระแทกเข้าใส่รัว ๆ ใบหน้าสวยสะบัดไปมาด้วยความเสียวซ่านในอารมณ์


                “อาห์…อื้อ ๆๆ”


                มือหนาเลื้อยมาชักรูดส่วนนั้นให้ เพียงแค่แตะโดนโมเดลก็สะดุ้งเฮือก มันแข็งชันใกล้จะปลดปล่อยเต็มที่ เห็นแบบนั้นจักรพรรดิเลยเพิ่มแรงเข้าไปอีก กระแทกโดนจุดนั้นทุกครั้ง โมเดลร้องครางจนเสียงแหบแห้ง


                “อ๊า!!”


                หวีดร้องเสียงดัง ลืมไปเลยว่าไม่ได้อยู่ในรถ น้ำขาวขุ่นถูกปล่อยออกมาแล้วไหลไปกับน้ำฝน ร่างบางนอนแผ่หอบหายใจเหนื่อยอ่อน ขาเหมือนจะไร้แรง ปล่อยให้ร่างแกร่งจับขึ้นพาดบ่าอย่างไม่มีห้าม


                จักรพรรดิโน้มตัวลงไปบดจูบอีกครั้ง โมเดลกอดรัดเขาไว้แน่น พอจะรู้อยู่หรอก กอดเขาไว้แบบนี้เขาก็บังสายฝนให้ได้ เพราะตัวเขาใหญ่กว่าโมเดลอยู่มาก


                ร่างสูงผละออกมาแล้วจับขาเรียวไว้ ขยับสะโพกรัว ๆ จนคนหน้าสวยตัวโยนไปตามแรงกระแทก หายใจแทบไม่ทัน จักรพรรดิกัดฟัน แรงบีบรัดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันกำลังทำให้เขาหมดความอดทน ขย้ำเนื้อตัวขาว ๆ นั้นจนเป็นรอยมือ


                “อืม!”


                คำรามในลำคออย่างพึงพอใจ ปลดปล่อยเข้าไปในช่องทางของอีกฝ่าย เลื่อนสายตาไปมองใบหน้าสวยที่แดงก่ำ ผมยาวสีดำลู่อยู่ข้างแก้มกับลำคอขาว ภาพของคนที่แสนเซ็กซี่ทำให้เขากระตุกยิ้มได้อีกครั้ง ปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ ถอนตัวออกมา ร่างบางก็ไหลทรุดลงไปกองที่หน้ารถทันที


                “ขึ้นรถสิ” เอ่ยบอกพร้อมกับเก็บส่วนนั้นเข้ากางเกงเรียบร้อย โมเดลกัดฟันกรอด มือเรียวกำแน่น มันเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก พอตอนจะเอาก็มองเขาด้วยแววตาถูกใจ ยิ้มออกมาก็หลายครั้ง พอทำเสร็จก็ไร้เยื้อใยใส่ เพราะมันไม่ใช่หรือไงที่ทำให้ขาของเขาไม่มีแรงแบบนี้น่ะ


                “นั่งอยู่ตรงนั้นก่อนก็ได้นะ ฉันรอบนรถ” แสยะยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินกลับขึ้นรถไป โมเดลทุบพื้นด้วยความเจ็บใจ


                “ไอ้เหี้ยเอ้ย!!”





หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 23-10-2015 16:17:59
จิ้ม
ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 23-10-2015 16:26:58
เบื่อเดล นะ พูดเลย เดลเหมือน โสเภนี ระบายความใคร่เลย รำคานดีแต่ด่า โวยวาย อะไรไม่รู้อะ ให้เดล คะมเกมบ้างเถอะ นี่เหมือนเนื้อเรื่อง เป็นของพระเอกอย่างเดว เฮ้อ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 23-10-2015 16:34:52
เดลเหมือนคนไม่คุนค่าในตัวเลย โดนเขาเอาฟรีๆ แถมเสร็จเขายังไม่สนใจอีก นี่นายเอกทำไมดูไร้ค่า ไร้ราคาจัง ไปยอมเขาทำไม ตัวเอง ก็ไม่ได้จน จนสู้เขาไม่ได้ ดีแต่แหกปากเหมือนคนบ้า
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 23-10-2015 17:18:34
ถึงจะไม่มีความรักให้เดลก็เถอะนะ แต่หาความสุข ระบายความใคร่ใส่ร่างกายเขาเนี่ยะ ถนอมเขาบ้างเหอะ สักๆแต่เสียบไม่ไหว คนนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง

เดล สงบสติอารมณ์บ้าง นี่ก็ยั่วขึ้นตลอดคนขี้แกล้งอยากเอาชนะมันสนุกรู้ไหม เรื่องความต้องการทางเพศโดนเล้าโลมนิดๆหน่อยๆก็ขึ้นแล้ว ปฏิเสธความใคร่ไม่ได้แล้วทั้งที่ปากบอกเกลียด โดนจนพรุนแน่ค่ะคุณน้อง
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 23-10-2015 19:38:19
เป็นผู้ชายที่เลวจริงๆ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-10-2015 19:45:36
เป็นฉากNCที่ซี้ดซาดมากๆเลย

พระเอกมีเสน่ห์มากๆในตอนนี้

อยากให้เดลใจเย็นกว่านี้ นิ่งกว่านี้อีกได้ปะ

แบบนี้มันยุขึ้นง่ายไป
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-10-2015 20:43:57
แปลกใจนะมีแต่คนด่าเดลและชมจักรพรรดิ

โอเค นี่มันนิยาย

แต่เราคนนึงละสงสารเดล

และอยากเห็นจักรพรรดิดิ้นเป็นหนูติดจั่นบ้าง

หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: nutipkra ที่ 23-10-2015 21:05:54
เราว่าเดลนะ อยู่ในสภาวะจำยอมเกินไปนะ เข้าใจว่าสู้จักรพรรดิไม่ได้ จะว่าสงสารเดลก็นิดๆเราออกไปทางสมเพชมากกว่า ไม่รู้ว่าจะมีวันที่จักรพรรดิดิ้นเป็นปลาโดนน้ำร้อนตอนไหน 5555555 :katai1: :fire:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 23-10-2015 22:23:32
ตอนแรกอ่านๆไปนี่เราก็รู้สึกหงุดหงิดกับแคเร็คเตอร์ของจักรพรรดินะ
คือเป็นคนที่ที่ร้ายในแง่ของคนที่ไม่สนใจคนอื่น สองหน้า  ดูถูกคน
คุณ Ranmaru ดพสต์ไว้ว่า พระเอกไม่จำเป็นต้องเป็นคนดี ซึ่งเราก็โอเคนะ
คือคนแต่งมีจุดยืนชัดมาแล้วตั้งแต่ต้น
You've been warned.

แนวนี้นี่ขอออกความเห็นนิดว่า
ทำให้นึกถึงนิยายโรแมนซ์ ช-ญ ภาษาอังกฤษ ช่วงปี 80-90
พระเอกจะมาในแนวนี้ทั้งนั้น เป็น Alpha male
ดูถูกผู้หญิง รวย(สร้างตัวเองค่ะ แต่บางรายก็ชาติตระกูลผู้ดีเก่า)
แต่ผู้หญิงก็ตามติดยิ่งกว่ามดตามติดน้ำหวาน (เปรียบอย่างอื่นก็ได้นะ แต่มันไม่งาม)
ช่วงแรกๆคนเขียนหลายคนเป็นผู้ชายค่ะ
แล้วก็มีผู้หญิงหันมาเขียนกันมากขึ้น
บุคลิกของพระเอกก็เลยเริ่มเปลี่ยน
แต่ก็ยังมีอีกเยอะที่ยังคงรสชาติตามตำหรับเดิมไว้เพียงแต่ลดความเผ็ดลงมาหน่อย
ที่ยังหลงเหลือมาทุกวันนี้ก็คือ พระเอกแนวแบดบอย

้เดลเป็นนายเอกตามสูตรเลยค่ะ
เห็นก็พยายามสู้อยู่นะคะ
แต่ท่าจะโดนสิ่งแวดล้อมหลายอย่างบีบบังคับอยู่
ผู้ใหญ่ หน้าที่การงาน สังคม
จะไปหาเรื่องจักรพรรดิก็ใช่ที่เพราะอีกฝ่ายไม่เคยหลุดต่อหน้าผู้ใหญ่
เดลเสียอีกที่หลุดหลายรอบแล้ว
จะให้ไปบอกผู้ใหญ่ว่าไปเสียตัวมาก็ใช่ที่
จะให้งานมาล่มเพราะเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องก็ไม่สมควร
ุ้ถ้าเดลจะหลีกจริงๆก็คงต้องลาออกแล้วไปทำที่อื่นแต่ชื่อเสียงก็คงต้องทำใจ

เหมือนที่คนเขียนๆไว้ว่าพระเอกไม่จำเป็นต้องตบจูบหรือกักขัง
ที่จักรพรรดิทำก็คือการบีบบังคับโดยใช้แรงกดดัน (coercion)
เหมือนที่บอกให้เดลพูดว่า ชอบในสิ่งที่ทำ  ให้เดลเป็นคนทำเอง

คุณ Ranmaru เขียนได้น่าอ่าน+สนุกมากๆค่ะ
เราอยากรู้ว่าเดลจะแก้เกมส์ยังไง
จักรพรรดิเดินหมากแบบไหนต่อ

พล็อตแบบนี้แต่เขียนให้สนุกนั้นยากมากๆค่ะ
เรารออ่านต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 23-10-2015 22:46:44
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:ร้ายมากเลยอะ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 24-10-2015 08:56:03
สงสารเดลมากกกกกกกกกกก ที่ทำได้คือฝึกควบคุมอารมณ์นะหนู
แล้วเสร็จแล้วใจแข็ง พลิกเกมให้พี่พรรดิดิ้นตายไปเลย

ยิ่งอ่านตอนล่าสุดยิ่งสงสาร
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 4] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 25-10-2015 11:59:27
จักรพรรดิใจร้าย ทำเสร็จก็ทิ้งแม่งไว้ข้างนอกรถเลย ถึงจะแกล้งก็เหอะ
เจอทั้งแบบนั้น เจอทั้งฝนจะป่วยมั้ยนั่น
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 25-10-2015 17:06:24


ตอนที่ 5



 

 

                จักรพรรดิเหล่มองคนด้านข้าง ที่ตอนนี้นอนหลับไปด้วยความเพลีย ดีหน่อยที่ชุดของโมเดลนั้นไม่ได้เปียก ไม่งั้นเด็กน้อยคงได้นอนหนาวสั่นแน่ ส่วนตัวเขาสวมแค่กางเกงเปียก ๆ โมเดลยึดเสื้อสูทของเขาไปซะแล้ว


                ร่างสูงยกยิ้ม เด็กน้อยพอตอนหลับแบบนี้ก็เหมือนกวางน้อยดีอยู่หรอก แต่พอตอนตื่นนี่ปากมันน่าบดขยี้จริง ๆ ทำปากเก่งไปเรื่อย ทั้ง ๆ ที่ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเวลาอยู่ใกล้เขานั้นตัวเองสั่นมากแค่ไหน


                บรรยากาศรอบข้างมืดสนิททำให้รู้ว่าพวกเขาสองคนอยู่ตรงนี้กันนานมากแล้ว  ดีหน่อยที่ฝนซาลงไปบ้าง จักรพรรดิจึงขับรถออกมา เขาจัดการโทรบอกให้คนมาเอารถของโมเดลไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเขา…ก็ขับรถตรงไปที่คอนโดตัวเอง แทนที่จะเป็นบ้านของเขาหรือของเด็กน้อยนี่


                ปกติเขาก็กลับไปนอนที่บ้านตลอด แต่เห็นทีวันนี้จะกลับไม่ได้ ก็เล่นมีของติดไม้ติดมือมาด้วยแบบนี้ และเขาก็ไม่ใจดีถึงขนาดปลุกกวางน้อยขึ้นมาถามหรอกว่าบ้านอยู่ที่ไหน


                คนหน้าสวยเริ่มขดกายเข้าหากัน บ่งบอกให้รู้ว่าหนาวและยิ่งมีอาการสั่นเพิ่มด้วยเมื่อกระทบกับแอร์เย็น ๆ บนรถ ตัวก็เปียกแถมยังมาเจออะไรแบบนี้อีก จักรพรรดิส่ายหน้าเอือม ๆ แต่มือหนาก็จัดการปรับอุณหภูมิของแอร์ให้อีกคน และขยับเสื้อสูทห่มให้ดีขึ้น


                พอถึงที่หมายจักรพรรดิก็จัดการอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมา เห็นทีสายฝนที่กระหน่ำลงมาจะทำพิษใส่กวางน้อยของเขาซะแล้ว เนื้อตัวของร่างบางเริ่มร้อนขึ้น ใบหน้าสวยซบลงกับไหล่ของเขา ขยับศีรษะเขาหาอย่างน่ารักโดยที่ไม่รู้ตัว


                “หึ”


                พอถึงห้องเขาก็พาเด็กน้อยไปนอน ถอดกางเกงเปียก ๆ ของตัวเองออกมา คว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่งแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็ก ๆ ที่ใส่น้ำไว้ เปิดตู้หยิบผ้าผืนเล็กออกมา ขยับไปถอดชุดของโมเดลออกจนร่างกายเปลือยเปล่าพร้อมรอยรักแดงช้ำหลายจุดปรากฏให้ได้เห็น


                จักรพรรดิมองภาพนั้นอย่างเฉย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ ใบหน้าสวยเบ้ลงเล็กน้อยเมื่อมีอะไรมารบกวนการนอน เส้นผมนุ่มยังคงเปียกชื้นอยู่


                “อื้อ…” โมเดลร้องพร้อมกับมือเรียวที่ปัดมือของเขาออก


                “หลับแล้วยังจะดื้อ”


                ถึงปากจะบ่นแต่ก็เช็ดตัวให้อย่างเบาแรง จับมือเรียวขึ้นมาเช็ดเบา ๆ เขาทำความสะอาดให้เรียบร้อยรวมทั้งส่วนล่างนั่นด้วย แต่ก็คงต้องให้โมเดลตื่นขึ้นมาอาบน้ำเองอีกครั้งตอนเช้าล่ะนะ


                พอเช็ดตัวเสร็จแล้วก็คว้าผ้าอีกผืนจากในตู้มาเช็ดผมชื้น ๆ นั่น ถ้าโมเดลตื่นอยู่คงไม่อยากจะเชื่อเป็นแน่ว่าคนอย่างจักรพรรดิจะทำอะไรที่อ่อนโยนแบบนี้ให้


 

                “นายมันตัวปัญหาจริงๆ”


 

                ดวงตาคมจ้องมองร่างที่นอนหลับสนิทก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ถ้าโมเดลได้ยินคงเจ็บแค้นใจเป็นแน่ ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำจัดการกับตัวเอง ก่อนจะออกมาโทรสั่งอาหาร ส่วนเด็กน้อยที่หลับอยู่ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน


                พอเขากินข้าว ทำอะไรทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอน เด็กน้อยนอนหลับสบายอยู่บนเตียงของเขา รับรองได้ว่าถ้ารู้สึกตัวได้มีโวยวายแน่

 


                “ปากมากน่ารำคาญ”


 

                เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ แล้วสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม มองคนข้างตัวอีกนิดก่อนจะหลับตาลง เด็กน้อยที่เหมือนจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างตัวก็วาดแขนกอดหมับเข้าทันที จักรพรรดิลืมตาขึ้นมามอง ก่อนจะปล่อยให้อีกคนกอดไปแบบนั้น



.


.


                “อะ…อื้อ”


                พรึ่บ


                เสียงร้องอ่อนแรงพร้อมกับแรงขยับตัวทำให้คนที่ตื่นง่ายอย่างจักรพรรดิลืมตาขึ้นมา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ลุกขึ้นมานั่งมองคนข้างตัวที่เบ้หน้าไม่สบายตัวพร้อมกับดิ้นไปมาเบา ๆ จักรพรรดิถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียง พอมีแสงสว่างก็เห็นได้ชัดว่าใบหน้าสวยแดงก่ำและอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นเพราะพิษไข้


                “น่าจะให้กินยาตั้งแต่แรก” เอ่ยกับตัวเองเบา ๆ แล้วลุกออกไป กลับเข้ามาพร้อมกับยาลดไข้สองเม็ดและน้ำเปล่า เขาเขย่าตัวโมเดลเพื่อจะให้ตื่นขึ้นมากินยา


                “เดล ตื่นก่อน”


                “อื้อ…” นอกจากเด็กดื้อจะไม่ตื่นแล้ว ยังปัดมือเขาทิ้งอีกต่างหาก จักรพรรดิส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แต่ก็ต้องปลุกโมเดลอีกครั้ง เพิ่มแรงเรียกมากกว่าเมื่อกี้ ดวงตาเรียวค่อย ๆ ปรือขึ้นก่อนจะเบ้หน้าน้ำตาคลอ


                “ปวดหัว…”


                “ฉันรู้ กินยาซะ” ส่งยาให้ แต่อีกฝ่ายไม่รับแล้วทำท่าจะหลับอีกรอบ ท่าทางไม่ได้เหมือนคนกลัวการกินยา เพียงแค่ง่วงจัดเท่านั้นเอง ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะสะกิดเรียกอีกครั้ง


                “ลุกมากินยาแล้วค่อยนอน อย่าทำตัวมีปัญหา”


                โมเดลเบ้หน้าไม่สบอารมณ์ อยากจะสวนกลับแต่ไม่มีแรงเลย ศีรษะก็ปวดตุบ ๆ ยอมรับยามากินอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันหนีจักรพรรดิไปอีกทาง ร่างสูงเลิกคิ้วกับท่าทางแบบนั้น ก็ไม่อยากจะคิดว่าโมเดลงอนเขาหรอกนะ แต่ท่าทางแบบนี้จะให้คิดว่าอะไรล่ะ


                จักรพรรดิกระตุกยิ้มเล็กน้อย เอาแก้วออกไปเก็บแล้วกลับขึ้นมานอน แนบหลังมือลงกับหน้าผากของอีกคน โมเดลปรือตาขึ้นมามองก่อนจะปัดออกอย่างแรงแล้วจะขยับหนี แต่ก็โดนอ้อมแขนแกร่งรวบตัวเข้าไปกอด


                “ปล่อย”


                “ป่วยก็นอนเฉย ๆ อย่าเรื่องเยอะ มันน่าปวดหัว”


                “ที่กูเป็นแบบนี้มันเพราะใครวะ! แค่ก…” เผลอตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง สุดท้ายก็ต้องไอจนตัวโยน จักรพรรดิส่ายหน้า เด็กนี่ดื้อยังไงก็ยังคงดื้อแบบนั้นจริง ๆ


                “นอนได้แล้ว”


                “ก็ปล่อยกูสิวะ กอดทำเหี้ยอะไร” โมเดลว่าแล้วออกแรงดิ้น แต่แรงแค่นี้มันไม่มีทางหลุดออกไปจากอ้อมแขนแข็งแรงนี่ได้หรอก ทำได้แค่สร้างความรำคาญให้เท่านั้นแหละ


                “ถ้าอยากออกกำลังกายอีกครั้งก็ดิ้นไป ฉันพร้อม”


                กึก


                โมเดลชะงักกับน้ำเสียงที่ข่มขู่นั่น แต่เขารู้ คนอย่างจักรพรรดิไม่ใช่แค่ขู่เฉย ๆ แน่ บ้าขนาดพาเขาไปทำกลางสายฝนแบบนั้นเรื่องแค่นี้คงไม่ใช่แค่ขู่ ฟันคมขบกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเจ็บใจ จำต้องยอมนอนนิ่ง ๆ ในอ้อมแขนอุ่น ๆ นี่


                จะว่าไป…มันก็อุ่นจริง ๆ นะ


                “นอนซะ ถ้าขืนพูดอีกคำ…คืนนี้นายจะไม่มีโอกาสได้นอนอีก” โมเดลตะโกนด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ขู่ได้ขู่ดีไอ้เรื่องแบบนี้ ทำเขาไม่สบายขนาดนี้ยังคิดที่จะทำอีก


                พอนึก ๆ ไปแล้วก็อดที่จะอายไม่ได้ เกิดมาเพิ่งจะเคยทำอะไรน่าอายแบบนี้เป็นครั้งแรก กลัวก็กลัวว่าใครจะผ่านมาเห็น เล่นกันซะข้างทางแบบนั้นเลย แต่อีกความรู้สึกหนึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตื่นเต้นมาก มันทำให้เขาอารมณ์พุ่งสูงสุด ๆ


                แปลกใจตัวเองเหมือนกัน เขาไม่ชอบจักรพรรดิอันนี้เรื่องจริงแน่นอน แต่เขากลับ…ไม่รังเกียจเวลาที่อีกฝ่ายโอบกอด และไม่อยากจะยอมรับ…เขาชอบมัน


                “ฉันบอกให้นายนอนใช่มั้ย หรือว่าไม่ต้องการที่จะนอนแล้ว” จักรพรรดิเอ่ยเสียงเข้มขึ้นมา โมเดลสะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าร่างแกร่งจะสนใจและรู้ว่าเขายังไม่หลับและลืมตาอยู่ โมเดลรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบหนีทันที


                “นอนแล้ว สัด!”


                สักวัน…เขาจะเอาคืนมันด้วยการทำให้ทุกคนรู้นิสัยที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้



……………………………….



                โมเดลตื่นขึ้นมาในตอนสาย ๆ ของอีกวัน ทันทีที่ลืมตาตื่น อาการปวดหัวก็พุ่งเข้าจู่โจมทันที ใบหน้าสวยเบ้ลง มือเรียวกุมศีรษะตัวเอง แทบไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเลย แต่ท้องที่ร้องอยู่เนี่ยสิปัญหา


                ถึงแม้ว่าจะไม่สบาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หิว ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรเลย ทำงานทั้งวัน ตอนเย็นก็ต้องเจออะไรแบบนั้นอีก กลับมาที่นี่ก็นอนสลบอย่างเดียว จะเอาเวลาไหนไปกินกันล่ะ


                และพอขยับตัว สะโพกก็ปวดจี๊ดขึ้นมาด้วย เขาล่ะอยากจะร้องไห้ ทำไมมันต้องมาเป็นอะไรพร้อม ๆ กันด้วยนะ


                แกร๊ก


                “ตื่นแล้วก็ลุกมากินข้าว”


                โมเดลหันไปมองที่ประตู จักรพรรดิอยู่ในชุดสบาย ๆ แต่ความหล่อก็ยังไม่ได้ลดลง โมเดลถอนหายใจก่อนจะหันหน้าหนี ถึงแม้ว่าจะหิวจนแสบท้องไปหมดแล้วก็เถอะ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากลุกไปไหนเลย อยากนอนอยู่นิ่ง ๆ กับที่แบบนี้


                “รู้มั้ยว่านายน่ะมันตัวปัญหา ทำให้ฉันไม่ได้ไปทำงาน ต้องมานั่งดูแลคนป่วยแบบนาย แถมตลอดทั้งคืนนายยังดิ้นไปมา ตัวก็ร้อน ฉันต้องลุกขึ้นมาเช็ดตัวให้หลายครั้ง” จักรพรรดิเดินเข้ามายืนที่ข้างเตียง พร้อมกับพ่นคำพูดออกมา โมเดลเบ้ปาก ก็ถูกต้องที่สุดแล้วที่ดูแลน่ะ เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้


                “ลุกมากินข้าว”


                “ไม่เอา” โมเดลตอบกลับเสียงแหบ ๆ เข้าใจบ้างสิว่าคนไม่อยากขยับตัวน่ะ


                “วุ่นวาย”


                กึก


                น้ำเสียงเบื่อหน่ายทำเอาโมเดลชะงัก มีสิทธิ์พูดแบบนั้นหรือไง เพราะใครกันล่ะ เขาทำตัวเองมั้ง สะโพกที่ปวดอยู่นี่เขาก็ทำตัวเอง ไอ้คนที่ยืนอยู่น่ะไม่ผิดอะไรเลย พอหันกลับไปก็เจอสายตาเอือม ๆ ด้วยความหมั่นไส้ มือเรียวคว้าหมอนใบใหญ่ปาใส่หน้าหล่อ ๆ นั่นทันที


                ตุบ!


                “ฉันเคยถามนายไปแล้วว่าคิดดีแล้วเหรอที่จะต่อยฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอให้นายคิดไว้เลยแล้วกันว่าคิดดีแล้วเหรอที่ทำร้ายฉันน่ะ” ผู้ชายคนนี้ชอบข่มขู่เขาเป็นที่สุด โมเดลกัดฟันด้วยความไม่พอใจ ดวงตาเรียวก็คลอไปด้วยน้ำใส ๆ จากอาการปวดหัว


                “ทำไมไม่ลุก”


                “ก็มัน!!...ปวดเอว” คำหลังโมเดลพึมพำบอกเบา ๆ


                พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็หน้าร้อนขึ้นมา ทำไมจักรพรรดิชอบทำให้เขาคิดถึงเวลาที่ทำกันตลอดเลย เจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่โมโหอยู่คนเดียวแบบนี้


                “ฉันขอย้ำอีกครั้งว่านายมันวุ่นวาย”


                พรึ่บ


                “เฮ้ย!” ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ ๆ จักรพรรดิก็อุ้มตัวเขาขึ้น ด้วยความกลัวว่าจะตกลงไป ทำให้เขาต้องกอดคออีกฝ่ายแน่น อุ้มเขาเหมือนเขาเป็นเด็ก ๆ งั้นแหละ พออุ้มเขาได้ก็พาเดินผ่านประตูออกมาโมเดลก็ต้องก้มหัวลงไม่ให้ชนกับขอบประตู จักรพรรดิพาเขามาที่โต๊ะกินข้าว วางเขาลงอย่างเบา…จนไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายแบบนี้จะทำอะไรเบามือเป็นด้วย


                โมเดลมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ข้าวต้มกุ้งกับหมูสับที่แสนน่ากิน กลิ่นของมันหอมยั่วใจยั่วน้ำลายก็จริงอยู่หรอก และมันก็เหมาะสำหรับคนป่วยแบบเขาด้วย แต่ว่า…


                “อยากกินอะไรเผ็ด ๆ” โมเดลเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ แต่ก็นะ ตรงนี้นั่งกันอยู่สองคน ถ้าไม่ได้พูดกับจักรพรรดิก็คงพูดกับฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ล่ะนะ


                แต่ดูท่าทางห้องนี้จะไม่มีฝุ่น เนี้ยบเกิน ดูแลอย่างดีมากทีเดียว


                “ถ้าแบบนั้นก็ไปหากินเอง” จักรพรรดิเอ่ยออกมาอย่างไม่สนใจแล้วเริ่มลงมือทานส่วนของตัวเอง โมเดลหงุดหงิด อาจจะเป็นเพราะป่วยด้วยเลยทำให้หงุดหงิดง่ายกว่าเดิม เขาล่ะอยากจะเอาชามข้าวต้มนี่ฟาดหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามจริง ๆ


                แต่เรื่องมากไปยังไงก็ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ โมเดลก็เลยต้องยอมกินข้าวต้มนี่ ตักคำแรกเข้าปากก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ รสชาติอร่อยถูกปาก ขนาดว่าเขาไม่สบายอยู่นะเนี่ย


                “ซื้อที่ไหนเนี่ย” ร้องถามพร้อมกับตักอีกคำเข้าปาก


                “กินเงียบ ๆ ก็ดูมีมารยาทดีนะ”


                เป็นอีกครั้งที่คำพูดของจักรพรรดิทำให้โมเดลเจ็บใจ อยากจะซัดปากแบบนั้นอีกสักรอบ แต่พอลองคิดดูอีกที เขาอยู่เฉย ๆ น่าจะดีกว่า เพราะทุกครั้งที่ทำอะไรร่างสูงนี่ ก็จะโดนเอาคืนจนเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรผู้ชายคนนี้แล้ว


                โมเดลกินข้าวไปเรื่อย ๆ สายตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หม้อบนเตา คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน เดาได้ไม่ยากเลยว่าในหม้อนั่นคืออะไร ก็ข้าวที่เขากินอยู่นี่ไง


                ให้ตายก็ไม่อยากเชื่อ ว่าผู้ชายคนนี้น่ะนะจะเป็นคนทำ ถ้าบอกว่ามีแม่บ้านเข้ามาทำให้แล้วก็ออกไปยังจะน่าเชื่อซะกว่าเลย เขาควรจะดีใจมั้ยเนี่ยที่ผู้ชายคนนี้ทำข้าวให้กินเนี่ย


                “กินเสร็จนายต้องกินยา”


                “กูรู้น่า” โมเดลบอกอย่างรำคาญ เขาเองก็โตแล้ว เรื่องแค่นี้คิดได้อยู่แล้วว่าไม่สบายก็ต้องกินยา เขาไม่บ้าไร้สาระยาไม่กินหรอก งานการยังมีรอเขาอีกเยอะ ให้นอนซมอยู่บ้านหลายวันมันไม่ใช่เรื่อง


                พอกินข้าวเสร็จจักรพรรดิก็เก็บชามล้าง นี่ก็เป็นเรื่องให้แปลกใจอีกแล้ว คนแบบนี้น่าจะเป็นพวกที่ใช้คนอื่นทำให้ทั้งหมด ไม่น่าจะทำอะไรเองได้สักอย่าง


                โมเดลยืนมองแผ่นหลังกว้างนั่นสักพักก่อนจะเดินออกมานั่งลงที่โซฟานุ่ม อยากจะกลับบ้านใจจะขาด แต่เสื้อของเขาอยู่ไหนก็ไม่รู้ และชุดที่ใส่อยู่นี่ก็เป็นชุดนอนของจักรพรรดิ ที่ตัวใหญ่กว่าเขามาก


                “กูจะกลับบ้าน เสื้อผ้ากูอยู่ไหน” พอจักรพรรดิเดินออกมาจากครัวเขาก็ถามขึ้นทันที ร่างสูงเลิกคิ้ว ก่อนจะยักไหล่แล้วเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ โมเดลแทบจะเด้งตัวหนี อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้แล้วอันตราย ห่างได้เป็นดีที่สุด


                “กูถาม ไม่ได้ยินไงวะ”


                “ก็ได้ยิน”


                “งั้นก็ตอบกูสิวะ” พยายามไม่ตะคอกเสียงดัง ไม่งั้นคอของเขาได้พังแน่ โมเดลกำลังไม่พอใจกับท่าทีไม่สนใจของจักรพรรดิ ทำเหมือนว่าเสียงของเขามันเป็นเสียงของตัวอะไรบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้


                พรึ่บ


                “เฮ้ย ไอ้เหี้ย…” ร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็โดนดึงเข้าไปกอด


                “เมื่อคืนนี้…นายเรียกฉันว่าอะไร”


                กึก


                พออีกฝ่ายพูดจบ โมเดลก็นิ่งค้างไปเลย ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้ เขาจำได้ดีเลยล่ะ และจักรพรรดิก็ไม่ได้ถาม แต่ที่เอ่ยออกมาน่ะต้องการให้เขาเอ่ยเรียกแบบนั้นอีก แต่ว่า…ให้ตายก็ไม่เรียก ไม่เด็ดขาด


                “จะเงียบแบบนี้ก็ได้นะ”


                “…”


                “งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องกลับบ้านหรอก ยังไงฉันก็ลางานไปแล้ว อยู่กับนายได้ทั้งวันไม่ต้องห่วง” ทั้งวัน! ให้ตายเหอะ อกแตกตายกันพอดี แค่นี้ก็เบื่อเต็มทนแล้ว แต่ว่า…ทางที่จะทำให้เขารอดพ้นจากผู้ชายคนนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากทำมันเลยจริง ๆ มองหน้าหล่อ ๆ ภายใต้กรอบแว่นนั่นอย่างแค้นใจ


                “พี่พรรดิ…”


                “หืม?”


                “พี่พรรดิ…เสื้อผ้าผม…อยู่ไหน”


                เอ่ยออกไปแล้วก็หน้าร้อนวูบวาบ ก้มหน้าหนีไม่มองหน้าร่างสูง เลยไม่ได้เห็นว่าจักรพรรดินั้นกำลังยกยิ้มพอใจ มือหนายื่นออกมาแตะที่แก้มใส จากที่ตอนแรกตัวก็ร้อนอยู่แล้ว และยิ่งเพิ่มเข้าไปอีกกับอาการเขินของร่างบาง


                “อยู่นี่จนดีขึ้นแล้วฉันจะไปส่ง”


                “ไอ้…” โมเดลอ้าปากอยากจะด่าไอ้เจ้าเล่ห์ตรงหน้า มันหลอกให้เขาเอ่ยเรียกแบบนั้น รู้มั้ยว่ามันน่าอายแค่ไหน ดวงตาคมจ้องเขากลับ หงุดหงิดเหลือเกินกับแววตาวาววับนั่น


                ออดดดดดดด!


                ยังไม่ทันได้ด่าอะไรออกไป เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น จักรพรรดิเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะผละออกจากโมเดล ลุกขึ้นไปเปิดประตู พอเห็นหน้าของคนที่มากดออดจักรพรรดิก็ยิ้มอ่อนโยนให้ทันที ก้มหัวทักทายอย่างนอบน้อม


                “สวัสดีครับคุณยาย สบายดีนะครับ”


                “สบายดีจ้ะ ไม่ได้เจอเรานานเลย งานเยอะมั้ยหืม” คุณยายท่าทางอายุมากแล้วถามเสียงอ่อนโยน มองจักรพรรดิด้วยแววตาเอ็นดู โมเดลที่ชะเง้อมองอยู่ก็อดที่จะเบ้ปากไม่ได้


                เฮอะ! เสแสร้งอีกแล้ว ยิ้มนั่นน่ะไม่ใช่ของจริงหรอก ของจริงมันต้องเป็นแสยะยิ้มแบบที่เขาเคยได้รับบ่อย ๆ นั่นแหละ


                “ไม่เยอะครับ อาจจะเป็นเพราะผมรักงานที่ทำ มันเลยสนุกกับงานตลอด ไม่ได้รู้สึกว่ามันเยอะอะไรเลย แล้วคุณยายมีอะไรหรือเปล่าครับ” ร้อยทั้งร้อยมาเห็นจักรพรรดิในตอนนี้ก็ต้องมีอ่อนระทวยกับรอยยิ้มอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่ม ๆ สะกดใจคนฟัง


                แต่ไม่ใช่กับโมเดล เขาคันปากอยากจะแฉมาก คุณยายโดนมันหรอกแล้วครับ


                “พอดียายจะไปหาหมอน่ะ แล้วก็กลัวว่าจะรอคิวนาน กังวลว่าไม่มีใครดูแลมีมี่ พอเมื่อคืนนี้เห็นเรามาพอดี เลยจะเอามีมี่มาฝากสักหน่อย ยายจะรบกวนเกินไปมั้ย” คุณยายว่าอย่างเกรงใจพร้อมกับขยับมือที่ถือตะกร้าใบใหญ่เอาไว้ จักรพรรดิยิ้มรับทันที ยื่นมือออกไปดึงตะกร้ามาถือไว้


                “ผมยินดีครับ คุณยายไม่ต้องเกรงใจเลย ผมดูแลให้ครับ”


                “ขอบใจนะจ๊ะ แล้วยายจะรีบกลับมารับมีมี่นะ”


                “ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ ผมเป็นห่วง เดินทางดี ๆ นะครับ อย่ารีบนะ” ก้มหัวลาคุณยายอีกครั้ง ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เป็นการตบท้าย พอประตูปิดลงรอยยิ้มเหล่านั้นก็จางหายไปทันที โมเดลเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะ…


                “เฮอะ! เสแสร้งฉิบหาย”


                จักรพรรดิหรี่ตามองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ วางตะกร้าของคุณยายไว้ที่พื้นตรงหน้า โมเดลหันหนีอย่างรับไม่ได้ สงสารคุณยายคนเมื่อกี้จริง ๆ โดนไอ้บ้านี่หลอกซะอยู่หมัดเลย


                จักรพรรดิมองท่าทางของอีกคนก่อนกระตุกยิ้มอีกรอบ เปิดตะกร้าหยิบเจ้ามีมี่น้อยของคุณยายออกมา แล้วยื่นไปทางโมเดล


                “เดล”


                “อะไร…เฮ้ย!! เหี้ย!!” ร่างบางขยับถอยหนีชิดโซฟาหน้าตาตื่น มองสิ่งที่อยู่ในมือของร่างสูงอย่างหวาด ๆ จักรพรรดิเห็นปฏิกิริยาตอบรับของอีกคนก็ยิ่งยื่นเข้ามาใกล้ ๆ ใบหน้าสวย


                “น่ารักมั้ยล่ะ…น้องมีมี่”




หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-10-2015 18:14:03
ติดตามดูต่อไปว่าเดลจะมีพัฒนาการด้านควบคุมอารมณ์อย่างไร ไม่งั้นต่อกร พรรดิไม่ได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-10-2015 18:51:13
น้องมีมี่เป็นตัวอะไรอะ

เดลถึงตกใจขนาดนั้น

แล้วขอนะค่าเดล มองพระเอกในแง่ดีหน่อย

คนอ่านเห็นนะค่าว่าพระเอกคนนี้มีดีกว่าที่เดลเห็นแน่นอน

และไม่ได้เสแสร้งด้วย
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 25-10-2015 19:35:27
พระเอกซาดิสต์กับน้องเดลมากนะคะ
ระวังน้องเดลไม่รักหนีไปเลยนะ 55555
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 25-10-2015 21:30:40
ขอถรมตรงๆ เลยนะ เดล จะเอาคืน พรรดิ เมือไหร่ ตอนไหนที่เท่าไหร่ จะได้มาอ่านทีเดวเลย เพราะอ่านตอนนี้ไป เดลก็เป็นลูกไล่เขาตลอด โวยวายอย่างเดว โดนกระทำฝ่ายเดว มันน่าเบื่ออะ ช่วยบอกน่อยนะ เอาตอนที่ เดลควบคุมอารมได้ แล้วตอบโต ได้บ้างก็ยังดี
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 25-10-2015 21:40:46
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:น้องเดลคิดจะเอาคืนพี่พรรดินี่คิดใหม่ได้นะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-10-2015 22:44:57
สำหรับพระเอกคนนี้

ไม่ได้เกลียด  แต่หมั่นนนนนไส้

อันที่จริงก็ชอบอ่านแนวนี้แหละ

ไฟว้พี่เค้าให้ได้สักทีสิเดลลลลล
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 25-10-2015 23:27:47
น่าร้ากกกกกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 5] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-10-2015 08:18:52
มีมี่นี่ตัวอะไร
จักรพรรดินี่ทำนู่นนี่ให้ดูแล แต่ปากแต่ละคนนี่ดิ ตีกันตายไปข้าง ไม่สิ โมเดลสู้ไม่เคยได้สักที 555555
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 27-10-2015 19:05:25


ตอนที่ 6


 

 

                “น่ารักมั้ยล่ะ…น้องมีมี่”

                โมเดลตัวแข็งทื่อ เหงื่อแตกพลักทั้ง ๆ ที่ในห้องตอนนี้แอร์เย็นฉ่ำ ดวงตาเรียวสวยก็จ้องเขม็งอยู่กับเจ้ามีมี่ที่จักพรรดิยื่นเข้ามาใกล้ ๆ เหมือนกับว่าอยากจะให้เขาเห็นมันแบบชัด ๆ เต็ม ๆ ตา

                “ดูนายชอบนะ”


                เสียงทุ้มติดจะสนุกเอ่ยขึ้นมา โมเดลด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจไปหลายคำ อยากจะขยับแต่ก็ไม่กล้า แค่หายใจแรง ๆ ยังไม่กล้าเลย อาการขนลุกซู่แบบนี้เขาไม่ชอบเลยจริง ๆ แล้วขอโทษเถอะ ชอบอะไรกัน เห็นหน้าเขามั้ยว่ามันเป็นยังไง เหงื่อแตกพลักตัวเกร็งขนาดนี้เนี่ยนะชอบ

                “อะ…เอามัน…ออกไป”


                ยอมรับเลยว่ากลัว และเสียงสั่นแบบชัดเจนมาก แต่โมเดลพลาดแล้วล่ะ ยิ่งแสดงออกว่ากลัวมากเท่าไหร่ ผู้ชายที่ชื่อจักรพรรดิก็ดูเหมือนจะยิ่งชอบใจมากขึ้นเท่านั้น ขยับเจ้างูที่อยู่ในมือเข้าไปใกล้โมเดลมากขึ้น


                ใช่…มีมี่มันคืองู


                งูบอลสีขาวลายเหลืองตัวไม่ยาวมาก แต่ถึงจะเล็กจะใหญ่ยังไง สำหรับคนที่กลัวงูอย่างโมเดลก็ไม่มีทางแฮปปี้กับมันแน่ ใจของร่างบางเต้นรัวระด้วยความกลัว ตัวเกร็ง ถอยหนีจนชิดโฟซาแล้ว มันไม่มีที่ให้ขยับหนีได้อีก

                “ลองจับดูมั้ย”


                โมเดลสั่นหน้าทันทีที่ร่างสูงถามออกมา ดวงตาคมวาววับฉายแววสนุก มุมปากยกขึ้นบ่งบอกว่าเขากำลังอารมณ์ดี…อารมณ์ดีที่ได้แกล้งคนหน้าสวยตรงหน้านี้


                “กูไม่เล่น…เอามันออกไป” บอกอีกครั้ง อยากจะร้องไห้ซะจริง ถึงหัวมันจะเล็ก ๆ ต่างจากลำตัวของมันก็เถอะ แต่มันเล่นยื่นหน้าเลื้อยเข้ามาใกล้ ๆ แบบนี้ก็อยากจะบ้าตายเหมือนกัน ในหัวไม่ทันได้คิดแล้วว่ามันกัดหรือไม่กัด คิดอย่างเดียว…มันคืองู!


                “ฉันว่ามันน่ารักดีออก”


                “น่ารักกับผีสิ!”


                เฮือก!!


                โมเดลตกใจตัวแข็งทื่ออีกรอบ พอเผลอเสียงดังสวนกลับร่างสูงไป เจ้ามีมี่ก็ขยับตัวจะเลื้อยใส่หน้าเขาให้ได้ โมเดลอยากจะบ้าตาย คุณยายอายุเยอะแบบนั้นเลี้ยงเจ้าตัวนี้เนี่ยนะ!


                “กลัวมันใช่มั้ย”


                คราวนี้โมเดลกดหน้าลงแบบไม่มีเถียงเลย ตัวเขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรให้เขากลัวได้ตลอด แล้วดูรอยยิ้มนั่น สนุกมากสินะที่แกล้งเขาได้น่ะ


                “กูขอร้อง…กูกลัว”


                “น้ำเสียงหยิ่ง ๆ แบบนั้นน่ะเหรอคือขอร้อง ที่ไหนเขาสอนนายมา” คิ้วเข้มเลิกขึ้นประกอบการพูด ท่าทางน่าหมั่นไส้นั่นมันน่าซัดหน้าให้สักครั้งสองครั้ง แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ แค่ขยับก็กลัวงูแล้ว จักรพรรดิก็ขี้แกล้งเกินไป แทบจะวางเจ้ามีมี่ลงบนอกเขาอยู่แล้ว


                “พะ…พี่พรรดิ…”


                “หืม…”


                “พี่พรรดิ…เอามันออกไป ผม…กลัว” อยากจะกัดลิ้นตายกับน้ำเสียงของตัวเอง มันทั้งสั่นและเค้นออกมาอย่างยากลำบาก แต่ดูเหมือนว่าการที่บังคับตัวเองให้พูดอะไรแบบนี้จะได้ผลดีทีเดียว เพราะจักรพรรดิดึงมือกลับไป และวางเจ้างูมีมี่ลงไปที่เดิม โมเดลเลยค่อยหายใจได้โล่งขึ้นหน่อย


                “กลัวแม้กระทั้งงูตัวแค่นี้ ไม่ได้เรื่อง”


            แกล้งเสร็จก็ปากหมาใส่เลยนะ


                โมเดลนั่งกัดฟัน ไม่อยากจะตอบโต้อะไร มือเรียวยกขึ้นมาแตะที่หน้าอกตัวเอง รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวเร็วมาก ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่อยากจะนึกถึงหน้างูนั่นเลย แต่มันช่วยไม่ได้ มันติดตาไปซะแล้ว

                “หึ”


                หัวเราะไป อย่าให้ถึงทีของเขาบ้างก็แล้วกัน


                หลังจากที่แกล้งโมเดลจนพอใจ จักรพรรดิก็ปล่อยให้คนหน้าสวยได้พักผ่อน กินยาเข้าไปสักพักก็หลับคาอยู่ที่โซฟา ร่างสูงที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากโน้ตบุ๊คไปมอง ก่อนจะส่ายหน้า มุมปากขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย

                “ทั้ง ๆ ที่ปากบอกไม่ชอบฉัน แต่หลับในห้องฉันแบบไม่ระวังตัวเลยนะ”


                จักรพรรดิลุกขึ้น เดินไปอุ้มโมเดลขึ้นมาอย่างเบามือ พาเข้ามาในห้อง วางลงบนเตียงและดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ถึงคอ ยืนมองคนที่หลับสบายแวบหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไป


………………………………


                “อื้อ…”


                โมเดลขยับตัวพร้อมกับครางในลำคอเบา ๆ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นหลังจากหลับสบายไปหลายชั่วโมง ในห้องมืดสนิท และ…เขาไม่ได้รู้สึกปวดหลังอย่างที่ควรจะเป็น เพราะจำได้ว่าก่อนหลับเขานอนอยู่ที่โซฟา แต่ตอนนี้…เขานอนอยู่บนเตียง


                “ถึงในห้องจะมีแค่มันก็เหอะ ขอคิดว่ากูเดินละเมอมาเองแล้วกัน สยองสัดถ้าคิดว่ามึงอุ้มกูเข้ามา”


                โมเดลเบ้ปากพูด ลุกขึ้นมานั่ง อาการปวดหัวดีขึ้นพอสมควร มันไม่หนักเท่าตอนเช้า ในห้องมืดแบบนี้แสดงว่าเขาก็หลับไปนานเหมือนกันนะเนี่ย

                โมเดลเดินออกมาจากห้องปุ๊บก็ได้ยินเสียงดังมาจากในครัว พร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของอาหารลอยมาแตะจมูก เล่นเอาท้องร้องด้วยความหิวเลยทันที

                ขาเรียวก้าวตรงมาที่ห้องครัว แล้วหยุดยืนมองแผ่นหลังจากของจักรพรรดิที่กำลังผัดอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตา โมเดลเผลอยืนนิ่งค้างอยู่แวบหนึ่งกับท่าทางที่ดูมีเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ ดูเหมือนผู้ชายอบอุ่นทำกับข้าวเป็น

                แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ก็แค่ผู้ชายร้ายกาจ ปากหมาและชอบบีบบังคับเท่านั้นแหละ

                “ทำอะไรวะ”


                “ถ้านายเห็นอยู่ก็ไม่น่าถามนะ” ตอบกลับแบบไม่ได้หันกลับมา เป็นโอกาสที่โมเดลจะขยับปากด่าอีกฝ่ายแบบไม่ออกเสียงได้เต็มที่


                “งั้นมึงทำอะไรให้กูกิน”


                “ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าทำให้นาย ฉันทำกินของฉันเอง”


            กึก

                โมเดลชะงักเมื่อถูกสวนกลับมาแบบนั้น หน้าร้อนวูบวาบด้วยความอายเล็ก ๆ มือเรียวเผลอกำเข้าหากันแน่น จ้องเขม็งไปที่จักรพรรดิที่กำลังตักข้าวที่ผัดใส่จานและวางลงบนโต๊ะ โมเดลมองตาม ข้าวผัดขี้เมาทะเลหอม ๆ น่ากิน เห็นแล้วก็แอบเบะปาก ผู้ชายคนนี้ทำอะไรไม่เป็นบ้างเขาอยากจะรู้

 

                กึก

                และโมเดลก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อร่างสูงที่เอ่ยบอกว่าทำสำหรับตัวเองคนเดียวกำลังตักข้าวใส่จานที่สองก่อนจะนำมาวางบนโต๊ะ โมเดลเลิกคิ้วอย่างงง ๆ กับการกระทำของอีกฝ่าย

                “ไหนมึงบอกทำกินคนเดียว”


                “ก็ถ้านายจะทำหน้าเหมือนหมาขออาหารแบบนั้นฉันก็คงต้องให้ล่ะนะ” ยักไหล่ตอบอย่างไม่แคร์ หยิบช้อนส้อมมาวางบนจานให้แล้วเริ่มลงมือทานของตัวเองโดยไม่รอโมเดล ร่างบางส่งเสียงร้องในลำคอก่อนจะนั่งลงกินข้าวส่วนของตัวเอง


                ไม่อยากจะบอกว่าอร่อยอีกแล้ว

                ไม่อยากคิดอะไรน่าขนลุกอย่างเช่นจักรพรรดิทำให้ตามที่เขาอยากจะกิน แบบที่เรียกร้องไปเมื่อเช้าหรอกนะ ที่บอกว่าอยากกินอะไรเผ็ด ๆ ถึงอันนี้จะไม่ได้เผ็ดอะไรมาก แต่ก็โอเคเลยสำหรับตอนนี้

                พอกินข้าวเสร็จโมเดลก็ถามหาเสื้อผ้าตัวเองอีกครั้ง คราวนี้จักรพรรดิยอมเอามาให้โดยง่ายไม่ตีเนียนเหมือนอย่างเมื่อเช้านี้ โมเดลอาบน้ำเปลี่ยนชุดทันที เขาพร้อมกลับบ้านตอนนี้เลย

 

                “เดี๋ยวฉันไปส่ง”


                พอจะเดินออกจากห้องจักรพรรดิก็เอ่ยขึ้นมา มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันเหมือนเป็นคำที่พูดให้เขารับรู้ และห้ามปฏิเสธอย่างเด็ดขาด โมเดลตวัดสายตาไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ ผู้ชายคนนี้จะอะไรกับเขานักหนา


                “กูกลับเองได้”


                “ฉันถามนายเหรอว่ากลับเองได้หรือเปล่า ฉันบอกว่าจะไปส่ง” ร่างสูงหันกลับมามองด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนจะเดินไปที่ประตู โมเดลกำหมัดแน่น จะมีทางไหนที่เขาจะเอาคืนคน ๆ นี้ได้บ้าง ไม่สบอารมณ์สุด ๆ กับนิสัยและท่าทางแบบนั้น


                “ถ้าไม่ตามมาก็นอนที่นี่อีกคืน”


                และเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจ


                จักรพรรดิเหลือบมองคนที่เดินหน้ามุ่ยตามหลังเขามาก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก เรื่องไปส่งนั้นเขาเองก็ไม่ได้ใจดีอะไรขนาดนั้น ไม่ได้ห่วงอะไรด้วยเช่นกัน เวลาพักผ่อนของเขามีค่ามาก นาน ๆ จะได้หยุดสักที เขาก็อยากจะนอนให้เต็มที่ แต่ว่า…


                ไปส่งครั้งนี้…เขาจะได้รู้บ้านของเด็กน้อยนี่


                แน่นอนว่าเขาทำอะไรแล้วถ้ามันไม่ได้อะไรมาเขาก็จะไม่ทำ บอกแล้วว่ากวางน้อยตัวนี้หนีเขาไม่พ้นหรอก ไม่ว่ายังไง…ก็ไปไหนไม่ได้


 

                “พี่พรรดิครับ!”


                พรึ่บ

                จักรพรรดิเลิกคิ้วกับเสียงใส ๆ ที่เรียกเขา ก่อนจะหันไปตามเสียง ร่างเล็กของเด็กตัวเล็กวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ มือเล็ก ๆ นั่นจับมือหนาไว้แน่นอย่างกลัวว่าพี่ชายคนนี้จะหายไป


                จักรพรรดิเปลี่ยนสีหน้าจากหน้าเรียบเฉยเป็นยิ้มแย้มทันที ดวงตาคมมองเด็กน้อยตัวเล็กด้วยแววตาอ่อนโยน ย่อตัวลงให้เท่ากับเด็กน้อย มือหนาวางลงบนศีรษะ

                “ว่าไงครับคนเก่ง ไปไหนมาเนี่ย”


                “ไปซื้อของกับคุณแม่ครับ พี่พรรดิจะกลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ยครับ”


                เด็กน้อยถามอย่างมีความหวัง จักรพรรดิยิ้มอ่อนๆ มองเด็กผู้ชายอายุห้าขวบที่กำลังมองเขาตาเป็นประกาย เด็กคนนี้คือคนที่อยู่คอนโดเดียวกัน และเขาก็เคยให้ขนมเด็กน้อยอยู่หลายครั้ง เด็กน้อยก็วิ่งเข้ามาหาบ่อย ๆ เวลาเจอ ถ้าว่างเขาก็จะนั่งเล่นกับเด็กน้อยอยู่สักพัก จนเด็กน้อยติดเขาอย่างที่เห็นนี่แหละ


                “เปล่าครับ นาน ๆ ทีพี่จะเข้ามาเหมือนเดิมแหละ” จักรพรรดิบอกเสียงนุ่ม เด็กชายหน้ามุ่ยด้วยความขัดใจ ก่อนจะกลับมายิ้มกว้างเหมือนเดิมแบบไม่โกรธอะไรร่างสูง


                โมเดลอ้าปากค้างหน่อย ๆ กับท่าทางที่สุดแสนของอ่อนโยนของจักรพรรดิ แทบอยากจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองดูว่าตาฝาดไปหรือเปล่า ผู้ชายคนนี้เนี่ยนะ คุยกับเด็กด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ แบบนั้น

                ไหนจะแววตานั่นอีก เล่นได้เนียนจนดูแทบไม่ออกเลย แต่สำหรับโมเดลแล้ว คนที่เจอความร้ายกาจของผู้ชายคนนี้มาแบบเต็ม ๆ ไม่มีทางเชื่อในท่าทางแบบนั้นเด็ดขาด

                “เฮอะ! เสแสร้งเก่งว่ะ”


                เอ่ยออกไปแบบไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน แน่นอน เขาต้องการให้ได้ยินอยู่แล้ว เด็กน้อยหันมามองเขาแบบงง ๆ ไม่เข้าใจว่าหมายถึงใคร แต่ร่างสูงเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากเพียงแค่นั้น ไม่ตอบโต้อะไรกลับมา


                “ทั้งเด็กทั้งผู้หญิง ถามจริงมึงเหนื่อยบ้างมั้ยที่ต้องคอยมาปั้นหน้าเป็นคนดีอ่อนโยนใส่คนอื่นเขาแบบนี้” โมเดลถามออกไป มันทนไม่ไหวจริง ๆ เขาต้องทนดูมาหลายครั้งแล้ว บอกตรง ๆ เลยว่าเอียน และรังเกียจท่าทางแบบนี้มาก


                “พี่หมายถึงใครครับ” เด็กชายเอียงคอถามด้วยความสงสัย


                “คนที่น้องคุยด้วยไง มันไม่ได้ใจดีอย่างที่น้องคิดหรอก มันน่ะ…”


                “ขอโทษนะคะน้อง”


                ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน เธอเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของเต็มสองมือ โมเดลละสายตารังเกียจมาจากร่างสูงแล้วหันไปมองผู้หญิงคนนั้น เธอมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ


                “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเราไม่ชอบอะไรพรรดิเขาหรือเปล่า เพราะพี่เห็นที่เรามองมันดูไม่พอใจ แต่น้องไม่พอใจอะไรใครก็ไม่ควรที่จะพูดว่าเขาให้คนอื่นฟังนะคะ โดยเฉพาะเด็กที่อายุแค่นี้” น้ำเสียงดุ ๆ ของเธอที่เหมือนจะสั่งสอนทำเอาโมเดลหน้าชา ไม่ใช่เพราะโกรธที่ถูกเธอว่า แต่มันกระแทกใจ


                “แม่ครับ” เด็กชายเดินเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ แม่ตัวเองแทน มองจักรพรรดิทีมองโมเดลทีแบบตามไม่ทัน


                “ไม่เป็นไรครับ น้องเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดหรอก อาจจะเพราะยังหงุดหงิดอยู่น่ะครับ” จักรพรรดิเดินมาข้างหน้าพร้อมกับพูดแก้ตัวให้โมเดล ริมฝีปากสวยขยับยิ้มไม่ถือสาอะไร


                โมเดลกำหมัดแน่น บทแบบนี้มันคุ้น ๆ อีกแล้ว เขาดูเป็นตัวร้าย และผู้ชายคนนี้ก็จะเสนอหน้าออกมาทำตัวเป็นพระเอกให้ทุกคนชื่มชม และโยนคำด่าของทุกคนใส่ในตัวเขา

                “ลูกพี่ยังเด็ก เขาไม่พอใจอะไรก็น่าจะเก็บเอาไว้ มันไม่ดีเลยนะแบบนี้” เธอส่ายหน้า โมเดลกัดฟันกรอด พูดอะไรไม่ออก แต่ถึงแม้ว่าจะพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีใครฟังไม่มีใครเชื่อ เพราะทุกคนเจอแต่ด้านเสแสร้งของจักรพรรดิหนิ ไม่มีใครที่เจอแบบเขา


                “ผมขอโทษแทนด้วยครับ น้องเขาอาจจะยังโกรธผมอยู่ พอดีผมแกล้งน้องเขาแรงไปหน่อย อย่าโมโหไปเลยนะครับ”


                “พี่แค่ไม่อยากให้ลูกพี่สับสน เขาชอบพรรดิมาก บ่นหาอยู่บ่อย ๆ” เธอส่ายหน้าพูดเสียงอ่อน


                “ครับ ขอโทษอีกทีนะครับ ผมคงแกล้งน้องเขาแรงไปน่ะเลยโกรธผมมากแบบนี้ ก็น้องเขาน่าแกล้งนี่ครับ” พูดจบแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ด้วยท่าทางน่ามอง คุณแม่ลูกหนึ่งยิ้มไม่ถือสาก่อนจะเดินแยกออกไป เด็กชายตัวน้อยโบกมือลาจักรพรรดิอย่างร่าเริง ร่างสูงยิ้มอ่อน ๆ ส่งให้จนทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์ ใบหน้าเฉยชาก็กลับมาอีกครั้ง


                “เกลียดมึงฉิบหาย”


                “นายทำตัวนายเอง รู้จักห้ามปากก็ไม่เป็นแบบนี้ ไปได้แล้ว” จักรพรรดิยักไหล่ไม่ใส่ใจ โมเดลฮึดฮัด ไม่อยากจะกลับกับร่างสูง แต่พอเจอสายตาที่จ้องมาเหมือนจะบังคับก็ได้แต่ฟึดฟัดเดินตามหลังไป


 

                ขึ้นมานั่งบนรถ พอบอกที่อยู่บ้านเขาก็ไปก็นั่งเงียบมาตลอดทาง จักรพรรดิเองก็ไม่ใช่คนที่จะชวนคุยอะไรอยู่แล้ว โมเดลได้แต่มองออกไปนอกกระจก ไม่มีอะไรให้น่ามองสักเท่าไหร่ ฟ้ามืด ๆ มองเห็นอะไรก็ไม่ชัด

                แต่ก็ยังดีกว่าหน้าคนข้าง ๆ ล่ะนะ

 

                พอรถจอดที่หน้าบ้านของเขาปุ๊บ โมเดลก็เปิดประตูลงมาโดยไม่มีขอบคุณอีกฝ่ายที่มาส่งเลย ขณะเปิดประตูหน้าบ้านจะเข้าไป เจ้าลูกเป็ดสุนัขพันธุ์โกลเด้นตัวไม่ใหญ่มากที่กำลังวิ่งเล่นอยู่แถว ๆ นั้น พอเห็นเขามันก็วิ่งออกมาหาทันที

                โมเดลยิ้มกว้างให้กับสุนัขสุดรักของตัวเอง มองมันที่กำลังตะกายขาเขาอยู่

 

                ปัง

 

                “โกลเด้น…”


                โมเดลหันไปตามเสียงด้วยใบหน้าหงิก ๆ มองจักรพรรดิที่ลงมาจากรถทั้ง ๆ ที่ควรจะกลับไปได้แล้ว เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเหมือนกับพึมพำกับตัวเองมากกว่า ดวงตาคมจากมองไปที่หมาสุดรักของเขา


                โฮ่ง!


                ร่างสูงย่อตัวลงตรงหน้าหมาน้อย ยื่นมือออกไปหาด้วยดวงตาที่เป็นประกายระยับ โมเดลถึงกับยืนเหวอเลย ตกใจมากกับท่าทางแบบนี้ของจักรพรรดิ และลูกเป็ดของเขาที่เห็นท่าทางเป็นมิตรของร่างสูงก็ขยับเข้าไปหา ก่อนจะไถหัวเข้ากับมือของจักรพรรดิอย่างออดอ้อน


                หมากบฏ!


                โมเดลด่าสุนัขของตัวเองอยู่ในใจ หมั่นไส้อยากจะจิ้มหน้าผากมันแรง ๆ สักที แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อร่างสูงเผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาคมฉายแววอ่อนโยน…ที่มันดูอ่อนโยนจริง ๆ และรอยยิ้มนั่น…


                มันดูจริงใจกว่าที่เขาเคยเห็นมาก


                เหมือนกับว่า…ครั้งนี้จักรพรรดิยิ้มออกมาจากใจจริง ๆ งั้นแหละ


            ให้หมาเนี่ยนะ?

                “มันชื่ออะไรน่ะ” จักรพรรดิถามโดยไม่หันไปหาโมเดล มือหนาลูบหัวลูบคอหมาน้อยด้วยความเอ็นดู จับขาหน้าของมันขึ้นมาแบบจะหยอกล้อแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ


                “ชื่อจักรพรรดิ”


                “หืม? ชื่อดีนี่” จักรพรรดิเลิกคิ้ว ก่อนจะพูดกลับยิ้ม ๆ ไม่ได้เดือดไปกับคำพูดของคนหน้าสวย ปล่อยให้โมเดลฮึดฮัดเองอยู่คนเดียว แล้วเดินไปอุ้มสุนัขของตัวเองขึ้นมา และยังไม่ทันได้เดินเข้าบ้าน จักรพรรดิก็ตามมาฉวยลูกเป็ดออกไปจากอ้อมอกของเขา


                “เฮ้ย! เอาลูกเป็ดคืนมา”


                “ลูกเป็ด? น่ารักนี่” ยิ้มรับนิด ๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างบางเข้าไปข้างใน โมเดลอ้าปากค้างเหวอ ๆ ก่อนจะเรียกสติกลับมา สาวเท้าตามอีกฝ่ายเร็ว ๆ รั้งแขนแกร่งเอาไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวบ้าน


                จะบ้าหรือไง อยู่ ๆ ก็เดินเข้ามา ถามอะไรเขาสักคำก็ไม่มีเลย

            หน้าด้าน!


                “มึง...จะทำบ้าอะไรของมึง เอาหมากูคืนมาแล้วก็ไสหัวไปซะ!” โมเดลตะคอกใส่ หมั่นไส้ทั้งคนทั้งหมา ไอ้ลูกเป็ดของเขาก็ยอมให้อุ้มโดยไม่ดิ้นสักแอะ ตกลงมันหมาของใครกันแน่


                “ไหน ๆ ก็มาแล้ว พ่อแม่นายคงจะอยู่เพราะฉันเห็นรถจอด ตามมารยาทก็ต้องเข้าไปทักทายพวกท่านสักหน่อย และอีกอย่าง…” แสยะยิ้มกวนอารมณ์มาให้ เหตุผลฟังไม่ขึ้น จู่ๆ จะมาอยากทักทายพ่อกับแม่เขาทำไม ดวงตาเรียวจ้องมองจักรพรรดิด้วยความโมโห


                ร่างสูงอุ้มหมาน้อยน่ารักขึ้นมาในระดับสายตา

                “ลูกเป็ดน่ารัก หึ”


__________________________________________________

โอ้สสสสสสส สวัสดีค่าาา ไม่เคยทักทายอะไรเลยต้องกราบขออภัย ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่เข้ามาอ่าน นั่งลุ้นอยู่ตลอดว่าจะมีคนอ่านมั้ยจะมีคนชอบมั้ย แหะๆ เนื้อเรื่องตอนนี้แบบเบาๆ มากกกกกก (เหมือนหลอกให้ตายใจไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆ) เรื่องนี้ยากมากสำหรับเรา ปกติไม่ใช่แนวนี้เลย แต่จะแต่งให้ดีที่สุดครับ
แล้วก็ฝากติดตามอีกเรื่องของเค้าที่ลงที่นี่ด้วย เรื่อง จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love :mew1:



หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-10-2015 20:46:06
เห็นความจริงใจในตัวพระเอกไหมนายเอกจ้า

พระเอกออกจะดีขนาดนี้

เอาเวลาที่จะตั้งแง่กับพระเอก ทำให้พระเอกรัก หลง ดีกว่าไหม

ไหนๆก็ไม่น่าจะรอดอยู่แล้วหนิ อิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 27-10-2015 22:21:13
ถ้าเรา เป็น เดล เราก็ด่าแบบนี้แหละ เพราะเขาแสดงออกกับเราอีกอย่าง ต่อหน้าคนอื่นอีกอย่างนึง เป็นใครก็คิดว่าพรรดิ เสแสร้งทั้งนั้นแหละ ขอเปลี่ยนคาแรกเตอเดลได้ใหม ไม่ชอบนายเอกโง่ ไม่ทันคน เลย
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 27-10-2015 22:33:13
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 27-10-2015 23:13:48
เจอแบบนี้รับมือด้วยยากนะ
แต่เดลเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ดีกว่านี้
อย่างตอนที่พรรดิเอางูมาแกล้งเดลนั้นส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเรื่องที่หนักมากๆ
เพราะว่าสามารถทำให้คนที่มีปัญหาส่วนนี้เกิด Trauma ได้เลย
เรื่องนี้เราอ่านเพราะจุดบุคลิกของตัวละครน่าสนใจค่ะ 
น่าจะมีพัฒนาการ และมีการเปลี่ยนแปลงไปได้อีกมาก
จักรพรรดิเองก็ร้ายแบบฉลาดลึกๆ
มีตอนไหนบ้างที่คิดว่าเป็นตัวตนที่แท้จริงหรือเป็นจริงทั้งหมด?
จากที่จักรพรรดิไม่สนใจใยดีอะไรกับเดลมากไปกว่าได้แกล้ง
เป็นคู่นอนเราก็ยังไม่คิดว่าพรรดิสนใจเดลมากขนาดนั้นเลย
น่าจะมีจุดเปลี่ยนทางความรู้สึกแล้วคนเขียนก็ทำให้เราอยากรู้อยากอ่านมากๆค่ะว่า
คุณจะทำให้มันออกมายังไง

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: pattapong200320 ที่ 28-10-2015 00:25:25
น่าร้ากค่า. อยากเห็นจักรพรรดิในอีกหลายๆมุม ^^
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 28-10-2015 01:08:38
ขี้แกล้งเกินไปอ่ะ อย่างเรื่องงู หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เขากลัวอยู่แล้ว ยิ่งไปต้อนกดดันเขาให้จนมุมจนต้องอ้อนวอนขอร้อง นี่ไม่ดีเลย มันทำร้ายจิตใจอัตตาตัวตนกันมากไป  แต่ก็นะ จะปราบพยศเด็กดื้อก็ต้องไม้แข็ง เอาให้ศิโรราบ

เดล ถ้าพูดกับพรรดิเป็นผม-คุณ แล้วระงับปาก นิ่งๆ มีการคิดก่อนพูดขึ้นอีกนิดจะคูลกว่านะ  ตอนนี้บุคลิกเหมือนเด็กแว๊นซ์ อารมณ์เหนือเหตุผล หนูไม่มีทางเอาชนะเฮียพรรดิได้หรอก

ปกติเราอยู่ทีมนายเอกนะ แต่นิยายของคุณ ranmaru นี่อ่านแล้วมันอดไม่ได้ที่จะอวยพระเอก
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 6] [27 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-10-2015 09:01:01
ขนาดหมายังกบฎไปเล่นกับจักรพรรดิ
ที่เห็นๆอ่อนโยนนั่น ใช่จักรพรรดิจริงๆมั้ยนะ
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 02-11-2015 17:27:41




ตอนที่ 7



 

                โมเดลกัดฟัน หงุดหงิดร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่มีใครเชิญ เขาไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เขาปวดหัวและสับสนไปหมด


                ร่างบางขยี้ศีรษะอย่างแรงก่อนจะก้าวตามเข้าไปในตัวบ้าน พอดีกับที่แม่ของโมเดลเดินลงมาจากบันไดพอดี เธอขมวดคิ้วหน่อย ๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักจักรพรรดิ เพียงแต่ว่าแค่ไม่เข้าใจว่าจักรพรรดิมาทำอะไรที่บ้านของเขาก็เท่านั้นเอง


                “เดล”


                “แม่” โมเดลเรียกคนเป็นแม่และเดินเข้าไปหา เธอยิ้มอ่อน ๆ ให้ลูกชายก่อนจะเบนสายตาไปที่ร่างสูง จักรพรรดิขยับริมฝีปากส่งยิ้มสุภาพให้ ก้มศีรษะลงด้วยเป็นการสวัสดีแทน เพราะตอนนี้มือเขาไม่วางมีโกลเด้นตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอด


                “เอ่อ…”


                “สวัสดีครับ ผมมาส่งน้องน่ะครับ” จักรพรรดิบอกให้หายสงสัย เธอพยักหน้าเข้าใจแล้วยิ้มให้เป็นการขอบคุณ โมเดลพยายามไม่มองไปที่จักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นเขาได้หลุดด่าออกไปอีกแน่


                “ขอบคุณมากเลยค่ะ เมื่อวานก็มีคนเอารถของเดลมาส่งให้ที่บ้าน ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่จัดการให้” พอมารดาของเขาพูดออกไปเขาถึงกับหันขวับไปหาจักรพรรดิ เรื่องนี้เขาไม่เห็นรู้เลย และไม่คิดด้วยว่าคนอย่างหมอนี่จะมีน้ำใจขนาดนั้น


                เฮอะ! ก็คงแค่เอาหน้าแหละวะ


                “ไม่เป็นไรครับ ไม่ลำบากอะไรเลย”


                “ไหน ๆ ก็มาส่งเดลแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนมั้ยคะ”


                “แม่!!” โมเดลร้องเรียกเสียงดัง อาการปวดหัวแทบจะกลับมา มันใช่เรื่องที่ไหนที่จะให้ผู้ชายคนนี้มาร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย อยากเห็นเขาทานไม่ลงใช่มั้ย ใบหน้าสวยมุ่ยลงแบบไม่พอใจ จักรพรรดิที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นอะไรก็แอบแสยะยิ้มโดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนรอยยิ้มนั่นจะเลือนหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มแสนดี


                “งั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ”


                “บ้านไม่มีข้าวกินไงวะ!” เขาทนไม่ไหวแล้ว และตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น ที่นี่มันบ้านเขา จะพูดอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ดวงตาเรียวฉายแววไม่พอใจ คนเป็นแม่เห็นลูกชายทำนิสัยไม่น่ารักก็อดที่จะตีไปบนแขนขาว ๆ ของลูกไม่ได้


                “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเดล ไม่น่ารักเลย”


                โมเดลหน้างอ โดนดุอีกแล้ว จักรพรรดิยิ้มขำทำให้โมเดลต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่


                “งั้นเชิญเลยค่ะ ตอนนี้คุณพ่อของเดลรออยู่แล้ว” แม่เขาเชื้อเชิญร่างแกร่งด้วยรอยยิ้มกว้าง เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก จักรพรรดิก้มหัวรับคำ ปล่อยให้เธอเดินไปก่อน จากนั้นก็หมุนตัวมาหาร่างบาง


                “กูถามมึงจริง ๆ มึงต้องการอะไร”


                “อะไร” คิ้วเข้มสวยเลิกขึ้น แสดงท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ริมฝีปากขยับยิ้มกวนอารมณ์คนถาม โมเดลก้าวเข้าไปชิดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้มากเกินไปก็ก้าวถอยออกมาอย่างรวดเร็ว การกระทำที่ทำให้จักรพรรดิหัวเราะในลำคอ


                ขนาดหัวเราะยังดูเจ้าเล่ห์เลย


                “ฉันว่านายคงไม่อยากรู้หรอก” โมเดลชะงักกึกไปเพราะคำพูดที่เหมือนจะแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้ ดวงตาคมฉายแววถึงความอันตราย เขาลอบกลืนน้ำลายคงคอ…ตอนนี้เขารู้สึกอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริง ๆ แค่เห็นสีหน้าแบบนั้นเขาก็ไม่อยากรู้มันแล้ว


                “แล้ว…แล้วมึงจะเอาหมากูกลับบ้านเลยมั้ย อุ้มอยู่ได้” ร่างบางเปลี่ยนเรื่อง


                “ก็ดีนะ ถ้านายให้”


                “ฝันไปเหอะสัด! จะแดกข้าวก็รีบ ๆ ตามมา แดกเสร็จแล้วก็กลับไปซะ” สะบัดเสียงด้วยความไม่สบอารมณ์แล้วเดินนำไปที่ห้องอาหาร พ่อกับแม่ของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว และพอพ่อเขาเห็นร่างแกร่งก็ลุกขึ้นยิ้มให้


                “สวัสดีคุณจักรพรรดิ ไม่คิดว่าจะมากับเจ้าหนูนี่นะ”


                “มาส่งน่ะครับ รถน้องเขาเสีย”


                “ผมขอบคุณมากที่ให้คนเอารถเดลกลับมา แล้วเมื่อคืนทำไมเราไม่กลับบ้าน”


                กึก


                โมเดลชะงักนิ่งไปในจังหวะที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาเรียวฉายแววตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลือนหายไป เขาเผลอนึกกลัวไปว่าพ่อจะรู้เรื่องของเขากับจักรพรรดิ ก่อนที่เขาจะปัดความคิดนี้ออกจากหัว ไม่มีทาง พ่อเขาไม่มีทางรู้หรอก


                “พอดีน้องเขาไม่สบายน่ะครับ ให้รีบกลับบ้านก่อนที่ฝนจะตกก็ไม่เชื่อ สุดท้ายรถเสีย ขึ้นมานั่งบนรถผมก็เผลอหลับไป ผมเองก็ไม่รู้ว่าบ้านน้องเขาอยู่ที่ไหนก็เลยพากลับไปกับผมก่อน พอเขาดีขึ้นผมถึงมาส่งนี่แหละครับ” และก็เป็นจักรพรรดิเองที่เป็นคน…สร้างเรื่องขึ้นมา โมเดลรู้สึกไม่ชอบใจ ไอ้เรื่องที่พูดมาน่ะมันก็มีส่วนจริง แต่เกลียดที่อีกคนโกหกเพิ่มเข้าไปด้วย


                แต่ถ้าให้พูดความจริงเขาเองก็ไม่ต้องการเหมือนกัน


                “ขอบคุณที่ดูแลลูกชายผม”


                “เฮอะ! ก็ไม่ได้ต้องการให้ดูแลสักหน่อย” ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ปลายตามองร่างแกร่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แสดงท่าทางไม่พอใจ คนเป็นพ่อขมวดคิ้วตีหน้าดุใส่ลูกชาย


                “ไอ้ลูกคนนี้ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ แทนที่จะขอบคุณเขากลับพูดแบบนี้ซะงั้น”


                “ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ” จักรพรรดิเอ่ยบอกก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ร่างบาง ในจังหวะที่โมเดลหันไปสบตา จักรพรรดิก็กระตุกยิ้มเยาะนิด ๆ ทำเอาโมเดลแทบดิ้น


                เกลียดมัน!


                “แล้วนี่โมเดลทำงานโอเคหรือเปล่า เขาไม่ได้สร้างเรื่องให้ใช่มั้ย” ระหว่างที่ทานข้าว พ่อของเขาก็เอ่ยปากถามจักรพรรดิ ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ โมเดลกรอกตาไปมา แน่นอนล่ะ เขาได้ฟังคนข้าง ๆ นี่เสแสร้งอีกแล้ว


                “ไม่เลยครับ น้องน่ารัก ตั้งใจทำงานมากครับ”


                “ผมฝากเขาด้วยนะ งานแรกของเขาเลย”


                “ไม่จำเป็นหรอกพ่อ ผมดูแลตัวเองได้” ร่างบางปากไวสวนขึ้นมา แล้วก็ได้รับสายตาดุ ๆ จากทั้งทางแม่และทางพ่อ โดนตำหนิแบบนี้ก็สร้างความหงุดหงิดในใจให้เพิ่มขึ้นไปอีก ฟันคมขบกัดริมฝีปากบางของตัวเอง พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับอารมณ์ ไม่อย่างนั้นเขาได้โวยวายออกไปแน่


                “ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”


                ตลอดเวลาที่ทานข้าวโมเดลแทบอยากจะลุกออกไปตั้งแต่ที่กินเข้าไปได้ไม่กี่คำ แต่ถ้าทำแบบนั้นรับรองได้เลยว่าเขาต้องโดนพ่อดุอีกแน่ ๆ เลยต้องจำใจนั่งอยู่จนทานกันเสร็จ จักรพรรดิพูดคุยกับพ่อแม่เขาอีกนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกลับ โมเดลแทบจะร้องเยสออกมา


                “ว่าง ๆ ก็เข้ามาอีกได้นะ” พ่อของเขาเอ่ยปากบอก โมเดลร้องขัดในใจ จะให้มันมาอีกทำไม แค่นี้ก็เบื่อหน้าจะแย่อยู่แล้ว


                “ครับ”


                “เดล ไปส่งคุณจักรพรรดิเขาสิ” โดนบังคับมาแบบนี้จะทำอะไรได้นอกจากเดินออกมาส่งจักรพรรดิที่หน้าบ้าน และแทนที่ร่างแกร่งจะรีบ ๆ ขึ้นรถกลับบ้านไป กลับหมุนตัวกลับมาหาเขา ขายาวก้าวเข้ามาหา โมเดลผงะตกใจเผลอถอยหนีโดยอัตโนมัติ


                “มีอะไร! รีบ ๆ กลับไปสิวะ”


                “หึ! ฉันก็แค่มีอะไรอยากจะพูดกับนายนิดหน่อย”


                โมเดลมองคนตรงหน้าแบบไม่ไว้ใจ เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เขามั่นใจ


                “อะ…อะไร”


                “แล้วเจอกัน...โมเดล” จักรพรรดิพูดเพียงแค่นั้นแล้วขึ้นรถขับออกไป โมเดลยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ มันก็เป็นเพียงคำพูดธรรมดา ๆ ที่ฟังดูไม่น่ากลัวอะไร แต่ทำไมในใจของเขามันกำลังร้องเตือนว่าคำพูดนั่นมันแฝงอะไรบางอย่างไว้ มันไม่เหมือนจะบอกว่าเจอกันอีกในครั้งหน้า มันเหมือนกับ…ให้เขาเตรียมตัวที่จะเจออะไรสักอย่าง


                คิด ๆ ไปแล้วเขาก็เริ่มที่จะกลัวผู้ชายอย่างจักรพรรดิซะแล้ว ความคิดของคน ๆ นี้เดาไม่ออกเลยสักนิด




………………………………




                วันต่อมา


                ร่างบางเดินเข้ามาในบริษัทด้วยใบหน้านิ่งเฉย มีส่งยิ้มทักทายคนที่รู้จักบ้าง เวลาเดินผ่านสายตาหลายคู่ก็จ้องตรงมาที่เขา มองแบบไม่รักษามารยาท ส่วนหนึ่งจะบอกว่ารูปร่างภายนอกเขาน่ามองน่ะมันก็ใช่ แต่ส่วนใหญ่ที่มองก็เพราะ…


                …เขาเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทน่ะสิ


                ไม่แปลกที่จะถูกมองด้วยสายตาเหยียด ๆ หรือบางทีคำพูดไม่เข้าหูลอยมาให้ได้ยินก็ตาม แต่ก็ต้องทนรับมันไว้ให้ได้ เด็กเส้นคือคำที่ได้ยิน และใช่ เขาเป็นเด็กเส้น


                แต่คุณอาก็เป็นคนเลือกเขาเอง ไม่ใช่เพราะพ่อเขาเป็นคนจัดการให้ ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมคนในบริษัทถึงไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ เพิ่งจะเรียนจบเข้ามาทำงานก็ได้รับงานเลย แถมได้เป็นคนดูแลทั้งหมดเองด้วย เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะโดนมองแบบนั้น


                เด็กเส้นแล้วไง แต่ก็ได้งานมาแล้ว เขาก็พร้อมที่จะทำมันให้ออกมาดีที่สุด ยังไงมันก็เป็นโอกาส จะปล่อยให้หลุดเพียงเพราะเขายังใหม่งั้นเหรอ


                นั่นไม่ใช่ตัวเขา


                “น้องเดลลล เป็นไงจ๊ะ ไม่ค่อยเห็นเข้ามาเลย”


                เดินมาถึงโต๊ะของตัวเอง พี่แอ้ม…พี่ที่ทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งเขารู้จักและสนิทด้วยในระดับหนึ่ง เมื่อก่อนก็เคยเข้ามาที่นี่บ่อย ๆ พี่แอ้มเป็นผู้หญิงตัวสูงรูปร่างดี ออกแนวเซ็กซี่นิด ๆ เธอเดินเข้าไปทักโมเดลที่โต๊ะ ร่างบางนั่งลงแล้วเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้


                “ออกไปคุยงานกับคุณอาน่ะครับ”


                “หึ!”


                กึก


                โมเดลชะงักเพราะเสียงที่ดูเหมือนจะเยาะเขาดังมาจากด้านหลัง คนหน้าสวยเอี้ยวตัวกลับไปมองเล็กน้อย ก็เจอเข้ากับผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี และผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ทั้งคู่ต่างมองเขาด้วยสายตาไม่ชอบใจแบบโจ่งแจ้ง


                เอาจริง ๆ เขาพยายามทนแล้ว แต่สองคนนั่นไม่ใช่แค่ไม่พอใจ แต่มันเพิ่มความหมั่นไส้ ไม่ชอบหน้า และอยากจะหาเรื่องเข้ามาด้วย ตัวเขาน่ะอยากจะเคลียร์ให้มันจบ ๆ ไป แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้


                เพราะสองคนนั่นก็เป็นคนในทีมสำหรับงานที่เขารับผิดชอบอยู่ ถึงจะอยู่ในทีม โมเดลก็ไม่ค่อยได้คุยด้วยเท่าไหร่ เอาจริง ๆ สองคนนั่นก็ไม่ได้อยากคุยกับเขาอยู่แล้ว


            ไม่ได้อยากโชว์เก่งทำงานคนเดียว แต่คนในทีมเป็นซะแบบนี้เลยทำคนเดียวง่ายกว่า


                “แล้วเป็นไง ได้ข่าวว่าทำงานกับคุณจักรพรรดิด้วยหนิ” มือเรียวยื่นออกมาเขย่าไหล่บาง โมเดลชะงักไปนิดเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่อยากนึกถึง คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย


                “พี่แอ้มรู้จักเขาด้วยเหรอ”


                “โอ้ย ทำไมจะไม่รู้จัก ทางบริษัทเราก็เคยทำงานร่วมกับเขาบ่อย ๆ เขาเป็นคนเก่งมากเลยนะ แถมหล่อมาก ๆ อีกต่างหาก” หญิงสาวทำสีหน้าเพ้อฝัน โมเดลเบ้ปากออกมาทันที จักรพรรดิเป็นคนเก่งมั้ยอันนี้เขายังไม่รู้ แต่ก็คงจะเก่งอยู่หรอก ไม่งั้นคงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่องหล่อ…เขาจะไม่พูดถึงแล้วกัน


                “น่าอิจฉาเรานะเดล ได้เจอเขาบ่อย ๆ”


                “โชคร้ายมากกว่ามั้งพี่แอ้ม” โมเดลแค่นยิ้ม เป็นไปได้ขอไม่เจอผู้ชายคนนั้นเลยยังจะดีกว่า หญิงสาวเลิกคิ้วแปลกใจ


                “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ มีเรื่องอะไรเหรอ”


                “พี่อาจจะเจอด้านที่ดี ๆ ของผู้ชายคนนั้น แต่ไม่ใช่กับผม เขาเป็นพวกชอบเสแสร้ง ที่เห็นทำดีอะไรแบบนั้นน่ะไม่จริงเลยสักนิด เอาหน้ามากกว่า ลับหลังเขาไม่ใช่คนดีหรอกพี่” โมเดลพูดออกไป เพราะเห็นว่าเป็นคนที่พอจะสนิทด้วย คิดว่าพูดออกไปก็คงไม่เป็นอะไร


                แต่เขาคิดผิด เธอนิ่งไปหลังจากที่ฟังเขา สายตาที่มองมาเหมือนจะติดไม่พอใจ


                “เราอคติหรือเปล่าเดล ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าคุณจักรพรรดิสุภาพมากแค่ไหน มีน้ำใจด้วย ไม่ใช่ว่าเราไม่พอใจเขาถึงได้ว่าร้ายเขาหรอกนะ” เธอพูดออกมา แววตาฉายแววตำหนิ โมเดลนิ่งอึ้ง


                นี่ไม่เชื่อเขาเลยเหรอ


                “พี่แอ้ม มันไม่ใช่แบบนั้น ผมพูดเรื่องจริง”


                “พอเถอะเดล ทำงานแล้วนะ อย่าใช้นิสัยเด็ก ๆ สิ” เธอส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ร่างบางอ้าปากค้าง และพอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะที่ด้านหลังก็แทบจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ


                เขาพลาดอีกแล้ว ลืมไปเลยว่าใครมันนั่งอยู่ข้างหลัง แล้วพวกนั้นก็คงได้ยินที่เขาพูดทั้งหมด


                ตอนนี้เขารู้สึกตัวเองหน้าช้า ๆ แบบบอกไม่ถูก ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้ง สรุปจะมีแค่เขาคนเดียวใช่มั้ยที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นน่ะ จะไม่มีใครเชื่อที่เขาพูดเลยใช่มั้ย


                “เฮ้ยมึง เด็กเส้นแม่งนิสัยเด็กว่ะ”


                “ว่าคนที่ทำงานด้วยลับหลังแบบนี้ไม่น่าได้เป็นคนดูแลงานนะ”


                โมเดลนั่งนิ่ง มือเรียวกำเข้าหากันแน่นบ่งบอกอารมณ์โกรธ เขารู้ พวกนั้นจงใจพูดให้เขาได้ยิน งานนี้เขาผิดเองที่ไม่รู้จักห้ามปากห้ามใจ อยากพูดอะไรก็พูด ลืมไปเลยว่ามีใครนั่งฟังอยู่ด้วย


                “งี้แหละ มาด้วยเส้น ไม่ใช่ความสามารถ เฮอะ!” น้ำเสียงเยาะ ๆ จากผู้ชายคนนั้นยังไม่หยุด มีหลายคนเงยหน้าขึ้นมามอง และก็เพียงแค่นั้น แค่มองแล้วกลับไปนั่งทำงานของตัวเองต่อ ไม่รู้หรอกว่าคนที่ได้ยินรู้สึกยังไง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จะเข้าไปยุ่งทำไม


                ผู้ชายคนแรกที่พูดเยาะเขาคือธนา ส่วนอีกคนคือสิงหา สองคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเขา และครั้งนี้ก็ดูจะเริ่มหาเรื่องเขาแล้ว


                “เพิ่งเข้ามาแต่ได้งานเลย ไม่ใช่เส้นแล้วมันจะเรียกอะไรวะ” สิงหาเอ่ยออกมาก่อนจะหัวเราะอยู่กับธนา โมเดลกัดฟันกรอด ในใจโมโหอย่างหนัก อยากจะลุกขึ้นไปซัดหน้าพวกนั้นสักทีสองทีเอาให้หายแค้น


                เส้นแล้วไง แต่ก็ยังไม่เห็นสักหน่อยว่าเขามีฝีมือหรือเปล่า


 

            พรึ่บ!


                ร่างบางผุดลุกขึ้น เขาต้องออกไปสงบสติอารมณ์ตัวเอง นั่งอยู่ตรงนี้ต่อมีหวังได้มีเรื่องกับสองคนนั่นแน่ ๆ แล้วยังไม่ทันที่ขาเรียวจะได้ก้าวออกไปจากโต๊ะ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาที่เดินเข้ามา


                “มาทำเหี้ยไรวะ”


                โมเดลหลุดปากออกมาเสียงเบา แต่คนหูดีด้านหลังสองคนก็ยังได้ยินอยู่ดี มันแสยะยิ้มให้โมเดลเหมือนข่มขู่ ดวงตาสื่อผ่านมาว่าระวังมันเอาคำพูดของเขาไปแฉ


                “คุณจักรพรรดิ สวัสดีค่า แหม มาหาคุณรุจเหรอคะ” แอ้มที่เห็นร่างสูงที่ตัวเองปลื้มเดินมาก็รีบลุกไปหาทันที จักรพรรดิส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ พร้อมกับยื่นถุงที่ถือมาด้วยให้


                “ครับ มันอยู่ในห้องใช่มั้ย แล้วนี่ขนมครับ แบ่ง ๆ กันนะ”


                “อุ้ย หล่อแล้วยังใจดีอีกนะคะเนี่ย” เธอยิ้มแก้มแทบแตก โมเดลรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเลย รับไม่ได้อย่างแรง หมอนี่เนี่ยนะมีน้ำใจ ซื้อขนมมาฝากคนอื่นเขาน่ะ


                “น้องเดลก็ทานด้วยล่ะ” มีหันมายิ้มให้เขาอีก


                โมเดลยืนนิ่งอยู่กับที่ ร้องถามตัวเองในใจว่าผู้ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่ แต่เมื่อกี้…พี่แอ้มถามว่ามาหาพี่รุจเหรอ จะบอกว่าจักรพรรดิรู้จักกับพี่รุจงั้นเหรอ


                พี่รุจ หรือจารุวิทย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของเขาอีกที และก็สนิทกับเขาด้วย เคยไปนั่งเล่นด้วยบ่อย ๆ ในตอนที่เข้าบริษัทมาหาพ่อ พี่เขาเป็นกันเอง แต่ในเวลางานก็เด็ดขาด แต่ก็ยังใจดีกับเขาอยู่


                ไม่อยากจะเชื่อว่าจะคบคนแบบนี้


                โมเดลยืนมองจักรพรรดิทักทายกับพนักงานหลาย ๆ คน พอเสร็จร่างสูงก็ก้าวมาทางเขา จริ งๆ ไม่ใช่หรอก คงจะเดินไปที่ห้องของพี่รุจที่อยู่ด้านหลังไปอีกต่างหาก และในขณะที่จักรพรรดิเดินมาถึงตัว เขาก็เอ่ยปากกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน


                “เก็บขนมมึงไปเหอะ กูไม่ต้องการ”


                “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ไม่ได้ต้องการให้นายกินเช่นกัน” พูดจบก็ยักคิ้วให้เขาแบบเร็ว ๆ ไปหนึ่งที สร้างความหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ปิดท้ายด้วยยิ้มให้แบบอ่อนโยนนุ่มนวลอีกครั้งแล้วเดินหายเข้าไปในห้องพี่รุจ


                โมเดลสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเดินออกมา ขืนอยู่นานกว่านี้ได้บ้าตายแน่


                ทางด้านจักรพรรดิที่เดินเข้ามาในห้องของเพื่อนตัวเองก็ยิ้มทักทายจารุวิทย์ที่เงยหน้าขึ้นมา เขาสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ปกติก็จะเข้ามาหาบ่อย ๆ เจอกันข้างนอกบ้าง แต่ทุกครั้งเข้ามาก็ไม่เคยเจอโมเดลเลย


                “ไง ว่างเหรอคุณจักรพรรดิถึงได้เข้ามาได้”


                “ไม่หรอก พอมีเวลานิดหน่อย ผ่านพอดีเลยเข้ามา” ร่างสูงนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของเพื่อน ในหัวก็กำลังนึกไปถึงร่างบางหน้าสวยที่เขาติดใจ ป่านนี้คงกำลังบ้าอยู่ว่าเขามาทำอะไรแน่ ๆ


                “นายดูอารมณ์ดีนะ” จักรพรรดิเลิกคิ้วเมื่อโดนทักมาแบบนั้น แต่จะว่าอย่างนั้นก็ได้


                “ก็ดี เรื่อย ๆ แหละ”


                “เรื่องงานเป็นยังไง อยู่กับโมเดลนายโอเคนะ” จารุวิทย์ถามแบบเป็นห่วง เด็กคนนั้นสนิทกับเขาอยู่พอสมควร ก็ไม่แปลกที่เขาพอจะรู้ว่าเด็กน้อยอารมณ์ร้อนแค่ไหน มีอะไรก็พูดออกไปแบบไม่ค่อยคิด เขาก็เกรงว่าจะสร้างเรื่องให้จักรพรรดิมากกว่าที่จะสร้างงานดี ๆ


                “หืม? ทำไมนายถามแบบนั้น น้องเขาก็น่ารักดีนะ นิสัยดี เรื่องงานก็คุยกันง่าย” จักรพรรดิตีหน้าซื่อบอกออกไป แต่ภายในใจกำลังแสยะยิ้มเลวร้าย จารุวิทย์คิ้วขมวดด้วยสีหน้าแปลกใจ


                “เขาไม่ได้ดูอารมณ์ร้อนอะไรแบบนี้ใช่มั้ย” ถามเพื่อความแน่ใจ จักรพรรดิเห็นเพื่อนถามแบบนั้นก็เบนหน้าไปมองทางอื่น ริมฝีปากสวยขยับยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น


                “ไม่เลย”


                “งั้นก็ดีแล้ว ขอเตือนนายไว้ก่อนนะ เด็กคนนี้ตั้งใจทำงานมาก เรื่องงานเขาจริงจังตลอด แต่ก็มีข้อเสียคือเก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ จะชอบพูดอะไรโดยที่ไม่คิด” จารุวิทย์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่โมเดลไม่สร้างเรื่องอะไรไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท แต่ก็ยังเป็นลูกน้องเขา ถ้าทำงานไม่ดี ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังไงเขาก็ต้องเรียกมาดุ


                “นายมองน้องเขาแย่เกินไปนะ โมเดลไม่เด็กแบบนั้นหรอกน่า” จักรพรรดิแก้ตัวให้


                “นายไม่ต้องพูดให้น้องมันเลย รู้ว่าใจดี แต่ก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ร่างสูงยิ้มรับคำพูดนั่น คิดเหรอว่าคนอย่างเขาจะพูดแก้ตัวให้โดยที่ไม่ได้คิดอะไร


                ท่าทางจารุวิทย์ก็มองโมเดลเป็นเด็กที่นิสัยควบคุมยากอยู่พอควร และนั่นแหละ…มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการล่ะ


                มองโมเดลในแง่ที่ไม่ดีเข้าไปเยอะ ๆ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ


            นี่มันแค่เริ่มเท่านั้น



________________________________

โอ๊ะโอ้วววววว หายไปหลายวัน มีใครรอเรื่องนี้เค้ามั้ย *มองซ้ายมองขวา* ถถถถถ
อาจจะมาช้าแต่มาชัวร์นะ ไม่ทิ้งงงงงงง~
ปล. ขอบคุณมากเลยค่ะที่เข้ามาอ่าน  :mew1:




หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-11-2015 18:38:32
อ่านหลังๆก็เริ่มคิดละว่าเดลอคติเกินไปรึเปล่า ดูใครๆก็ชอบ มีคนคบหาเยอะแยะ แต่พอได้อ่านท้ายๆถึงได้รู้ว่าพรรดิมันนิสัยแย่จริงๆนั่นแหละ ไม่รู้ว่าอ่านพลาดอะไรไปไหม ถึงได้ไม่ค่อยแน่ใจว่าเดลน่าจะไม่เคยไปทำอะไรให้พรรดิมาก่อนแน่ๆ แต่พรรดิดูเหมือนคนโรคจิตอะลึกๆ เหมือนคนสองบุคลิก คนอื่นมักเห็นเขาในด้านดีๆยกเว้นเดลที่ได้เห็นด้านแย่ๆ  เริ่มคิดแล้วแหละว่าไม่ใช่แค่เดลหรอกที่ควรจะได้รับบทเรียนในชีวิตให้รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง เราว่าจักรพรรดิก็ควรมีจุดๆหนึ่งในชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไป 


อ้างถึง
มองโมเดลในแง่ที่ไม่ดีเข้าไปเยอะ ๆ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ

พรรดินี่มีปมอะไรในชีวิตรึเปล่าคะ อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนี้ เราอาจข้ามพลาดอะไรไปจริงๆนั่นแหละ ถึงได้คิดว่าเดลทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องทำกับน้องขนาดนี้
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 02-11-2015 18:50:04
รอคนเขียนดัดนิสัยเฮียพรรดิ์นะคะ
ดูๆแล้ว น้องเดลคงโดนคนอื่นมองไม่ดี อยู่ในภาวะอึมครึมไปอีกนาน
พรรดิ์คือจะบีบเดลให้ไม่มีที่ไป ไม่มีใครเอา ต้องซมซานมาหาตัวเองอย่างเดียวอะไรแบบนั้น?
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-11-2015 19:49:09
สงสารเดล สงสัยคงต้องไปนั่งสมาธิควบคุมอารมณ์
ถึงจะหลุดพ้นจากคนสองหน้า
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 02-11-2015 20:08:06
สารเดลนะกับเรื่องคนอื่นดูเดลไม่มีปัญหาอะไรเลยแต่กับพรรดิ์มันน่าหงุดหงิดจริงๆนั้นแหละ
ไม่เข้าใจหรอกนะว่าพรรดิ์ต้องการอะไรแต่ถ้าวันหนึ่งที่เดลทนความกดดันไม่ไหวแล้วเตลิดหายไปหวังว่าพรรดิ์คงไม่ต้องตามน้องนะ
เราอ่านมาหลายเรื่องเจอพระเอกเลวก็เยอะแต่พรรดิ์เป็นประเภทที่เราเกลียดที่สุดพวกตีสองหน้ากับหน้าไว้หลังหลอก
หวังว่าหลังๆคนเขียนจะให้เดลได้เอาคืนมั่งนะ
อินจัดและอยากมุดคอมไปฉุดมือต้องเดลพาหนีซะให้เข็ด
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-11-2015 20:37:33
ไม่รู้ว่าพระเอกเราตีสองหน้าอยู่หรือเปล่า

มันแปลกๆตอนบรรทัดสุดท้าย

ตอนแรกขัดใจนายเอกมากๆ

ที่มองคนอื่นในแง่ร้ายเกินไป

แต่อ่านถึงตอนนี้ คงต้องรอดูกันไป

ว่าพระเอกของเราเป็นอย่างที่นายเอกว่าหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 02-11-2015 22:52:21
ตกลงเดล จะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดวใช่มั้ย ตอบหน่อย จะได้ "ไม่อ่านต่อ" อ่านแล้วหงุดหงิด พระเอกเสแสร้ง แลเลวอะ นายเองโดนมองนิสัยเสียอยู่คนเดว พระเอกโดนเอาคืนตอนที่เท่าไหร่ จะกลับมาอ่าน
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 03-11-2015 00:20:15
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 03-11-2015 00:36:13
หมั่นไส้พระเอก ขัดใจ  :z6:
น้องเดลจ๋า ควบคุมอารมณ์แล้วเฟคใส่เลย เสแสร้งมาเสแสร้งกลับ ไม่โกง  :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 03-11-2015 01:28:10
ไม่เคยเกลียดพระเอกเรื่องไหนมากเท่านีัมาก่อน แบบปกติจะร้ายจะตบจะอะไรก็แสดงออกมา  แต่แบบอิจักรพรรดิคือรับมือยากมาก
เล่นใช่คนรอบข้างมากดดันใช้สังคมมาเป็นเครื่องมือเล่นด้านจิตใจ   คือแบบพ่อแม่ไม่รักหรอถึงเป็นคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-11-2015 02:16:04
ที่จริงคนที่จะต้องโดนดัดนิสัยก็หลายคนเลยแหละ

เดลนิสัยเสียปากพูดอะไรไม่คิด
คำพูดที่ออกจากปากไปแล้วนั้นมันเอาคืนไม่ได้
ตรงกันข้ามจะกลับมาเป็นนายตัวเอง
เพราะคนอื่นจะมองเราตัวตนเราจากคำพูดกับกริยาที่เราแสดงออกไป
นิสัยเสียของเดลท่าจะเป็นที่รู้ๆกันไปทั่วแล้ว
อยู่ยากหน่อยแหละในสังคม
เห็นข้อลบแล้วนะ มันทำให้เดลไม่สามารถทำงานเป็นกลุ่มได้

จักรพรรดินี่ยังมองโมทีฟไม่ออกว่าที่ทำไปเพื่อความสะใจเท่านั้นหรือว่ามีอย่างอื่นด้วย
บอกตรงๆว่ารับมือได้ด้วยยาก เพราะคนอื่นจะมองคนๆนี้ว่าดีครบพร้อมทุกอย่าง
มีเรื่องด้วยก็เหมือนกับฆ่าตัวตายนั่นแหละ
ยังอยากดูไปอีกนิดว่าพรรดิทำไปเพื่ออะไรก่อนเมนท์
แต่เท่าที่ผ่านๆมานาวก็ร้ายเสียจน....
เดลต้องเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะว่าพรรดิไม่ปกติจริงๆ

หัวหน้าของเดลก็เก็บคนแบบธนากับสิงหาไว้ทำงานเนอะ
มองแต่ความสะใจส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของบริษัท
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: code64 ที่ 08-11-2015 20:49:48
พระเอกไม่ปกติT^T//หมอ...หมออยู่ไหน? :hao5:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 7] [2 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-11-2015 23:49:02
ทำกันเกินไปไหมแก
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 11-11-2015 18:50:52




ตอนที่ 8



 

                โมเดลเดินออกมาหยุดอยู่ตรงบันไดหนีไฟ ร่างบางหน้าสวยสูดหายใจเข้าลึกๆ มือเรียวกำแน่น ทั้งๆ ที่พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ แล้ว แต่มันก็ทำไม่ได้ คำพูดของเพื่อนร่วมงานและสีหน้าของผู้ชายคนนั้นมันกำลังวนเวียนอยู่ในหัว


                เขารู้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่เก็บอารมณ์ได้เก่งอะไร ออกจะใจร้อนซะด้วยซ้ำ นิสัยที่มันแก้ไม่หาย แต่เมื่อกี้เขาก็ทำดีที่สุดแล้ว และถ้าไม่เดินออกมา เขาคงได้ซัดหน้าของธนาและสิงหาเป็นแน่


                มือเรียวยกขึ้นมาเสยผมด้านหน้า ดึงยางรัดผมจากข้อมือออกมา กำลังจะรวบผมยาวระดับไหล่ของตน แต่แรงจิ้มที่แก้มทำให้โมเดลหันขวับไปมองคนที่กล้ามายุ่งกับใบหน้าของเขา หันไปก็ต้องเจอเข้ากับรอยยิ้มกวนประสาทของร่างสูงใหญ่ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างหนึ่ง


                “ไง”


                คำทักทายสั้นๆ ที่คนฟังรู้สึกว่ามันกวนประสาทยิ่งนัก โมเดลปัดมือหนาออกอย่างแรง ชักสีหน้าไม่พอใจใส่ ณ ที่ตรงนี้มันไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว งั้นก็ขอเขาแสดงความรู้สึกตัวเองหน่อยเถอะ จะให้ทนเหมือนตอนที่อยู่ในห้องคงทำไม่ได้


                “มาทำไม แล้วรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ตรงนี้”


                “ไม่ใช่เรื่องยาก” เสียงเรียบตอบกลับมาพร้อมกับยักไหล่หน่อยๆ ท่าทางที่น่ามองทำเอาโมเดลเบ้ปากนิดๆ


                “จมูกดีจริงนะ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ริมฝีปากบางที่น่าบดขยี้ยกยิ้มมุมปาก คิดเอาไว้ว่าคำพูดของเขาต้องทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจบ้างล่ะ ไม่มากก็น้อย แต่เหมือนว่าเขาจะคิดผิด เพราะนอกจากจะไม่มีท่าทีโกรธเคืองอะไร จักรพรรดิยังยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สา


                เฮอะ! สงสัยจะชอบให้ด่า


                “มีธุระอะไรก็ไปทำ อย่ามายุ่งกับกู” โมเดลบอกด้วยท่าทีรำคาญ ขาเรียวกำลังจะก้าวเดินหนี แต่ติดตรงที่มือหนาคว้าแขนของเขาเอาไว้ รั้งไม่ให้เดินไปไหน ใบหน้าสวยหันขวับไปมอง


                “อะไรอีกวะ!”


                “หงุดหงิดอะไรของนาย ชอบโวยวายแบบนี้ รู้มั้ยมันหนวกหู” จักรพรรดิว่าออกมา คำพูดแบบนี้ทำให้คนฟังขึ้นนักแหละ และก็ลืมไปเลยว่าแขนของตนกำลังถูกจับเอาไว้อยู่


                จักรพรรดิลอบยิ้มในใจ เด็กน้อยของเขาเวลาโกรธ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นก็ลืมไปหมดเลย ลืมแม้กระทั่งมือของเขาที่เลื่อนลงมาจับที่ข้อมือบางแทน ดวงตาคมมองใบหน้าสวยที่ฉายแววไม่พอใจด้วยความสนุกสนาน


                “ดูเหมือนนายจะสนิทกับรุจมันอยู่พอสมควรเลยนะ”


                “แล้วทำไม” โมเดลถามกลับ แปลกใจนิดๆ ที่อยู่ๆ จักรพรรดิก็มาพูดอะไรแบบนี้ และเรียกพี่รุจด้วยชื่อเล่น แสดงว่าต้องสนิทกันแน่ๆ คิดแบบนี้แล้วก็อดจะไม่พอใจไม่ได้ พี่รุจของเขาคือพี่ชายที่ใจดี คุยเล่นได้ ถึงแม้ว่าเวลางานจะจริงใจแล้วดุอยู่ก็ตามเถอะ แต่ไม่ชอบเลยที่พี่เขามาคบกันคนแบบนี้


                “ก็ไม่มีอะไร และเผื่อนายสงสัย ฉันกับรุจเป็นเพื่อนกัน”


                “คนอย่างมึงไม่น่ามีเพื่อนนะ”


                “เสียใจด้วยที่ฉันมี” จักรพรรดิพูดกวนกลับมา โมเดลฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ กัดริมฝีปากตัวเองเป็นการห้าม ถ้าเกิดเขาเถียงอะไรไปมากกว่านี้รับรองได้ว่ายังไงก็ไม่จบ และตอนนี้เขาก็ควรจะกลับไปทำงานได้แล้ว


                กึก



                เมื่อคิดได้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัว ว่ามือหนาของจักรพรรดิกำลังจับข้อมือเขาอยู่ แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด โมเดลสะบัดออกเหมือนโดนของร้อน ดวงตาเรียวมองเหมือนรังเกียจ ขาเรียวก้าวเดินหนี


                หมับ


                “อะไรของมะ…!!” หันไปโวยใส่คนที่รั้งเขาไว้อีกครั้ง ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เสียงถูกกลืนหายไปในลำคอ


                “มันจะดีมากถ้านายไม่โวยวายน่ารำคาญแบบนี้ และจะดีมากกว่านี้อีกถ้านายรู้จักระงับอารมณ์ตัวเอง” จักรพรรดิ พูดเสียงเรียบ มือก็หยิบยางรัดผมที่ข้อมือเรียวออกมา จัดการรวบผมนุ่มสวยของร่างบางแล้วมัดให้ในแบบที่เขาเห็นร่างบางชอบทำ


                โมเดลยืนนิ่งค้าง เกิดอาการทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะ ความรู้สึกคือไม่อยากจะเชื่อ เกิดบ้าอะไร จู่ๆ ก็มาทำแบบนี้ โวยวายเถียงกับตัวเองในใจ และอีกความรู้สึกหนึ่งที่เขารับรู้คือ…


                …ใจเขามันกำลังเต้นแรง


                “เสร็จแล้ว” มัดให้เสร็จจักรพรรดิก็ลูบศีรษะเล็กอีกหนึ่งทีก่อนจะขยับถอยห่างออกมา โมเดลกะพริบตาถี่ๆ เรียกสติ ก้าวเดินออกมาโดยไม่เอ่ยอะไรอีก


                จักรพรรดิมองตามแผ่นหลังบางไปเงียบๆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา


                “หึ!”



……………………………….



                เย็น

                หลังจากเลิกงานโมเดลก็ตรงกลับบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปตามที่นัดไว้กับเพื่อน แน่นอนว่าทีแรกเพื่อนของเขานัดที่ร้านที่มันเป็นความฝังใจ เขาปฏิเสธทันที จนพวกนั้นต้องยอมเปลี่ยนร้าน


                พอเดินเข้ามาในร้านโมเดลก็ตรงไปที่โต๊ะตามที่เพื่อนบอกไว้ เดินไปถึงก็ยกมือผลักศีรษะของเพื่อนรักไปหนึ่งที กิงหันกลับมา ก่อนหลุดคำหยาบออกมาเบาๆ และถีบขาโมเดลเป็นการเอาคืน


                “ไงมึง”


                “เออ” โมเดลนั่งลง ลัคกี้ก็จัดการส่งแก้วเหล้าให้ทันที เขารับมาแล้ววางมันลงตรงหน้า ถ้าเป็นช่วงอารมณ์ปกติเขาก็จะยกขึ้นดื่มแบบไม่ต้องคิดอะไร แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่ มันมีเรื่องให้คิดเยอะ จนไม่มีอารมณ์ที่จะดื่มมัน


                “เป็นไรวะหน้าเครียดๆ”


                “เรื่องงานเหรอวะ” ลัคกี้ถามเพิ่ม โมเดลถอนหายใจมองหน้าเพื่อนทั้งสองของเขา พอจ้องมันนิ่งๆ แล้วก็อดที่จะคิดไปถึงคืนนั้นไม่ได้ เอาตามตรงเขาก็ไม่โทษเพื่อนหรอก มันน่ะบอกเลขห้องถูกต้อง แต่เขาเองนี่แหละที่เป็นฝ่ายเข้าห้องผิด ทำให้มันเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนั้น


                และยาวมาจนถึงตอนนี้


                “ก็นิดหน่อย” โมเดลตอบกลับอย่างอ่อนแรง เรื่องที่มันหน่วงอยู่ในอก ความรู้สึกหนักใจ อยากระบายให้ใครสักคนฟัง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกไปได้ ถ้าพูดมันก็ต้องพูดทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะมีใครเข้าใจเขา


                เพราะแค่นี้ทุกคนก็มองเขานิสัยไม่ดีกันหมดแล้ว


                “มึงไหวนะ เอาน่า ทนๆ ไป ยังไงก็งาน” กิงปลอบเพื่อน โมเดลพยักหน้ารับแกนๆ ใช่ เพราะงานไง เขาถึงแทบจะเป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้


                ไหนจะเพื่อนร่วมงานที่นิสัยดีโคตรๆ และยัง…ผู้ชายคนนั้นอีก


                ไม่อยากจะนึกถึงแต่มันก็อดไม่ได้ คำพูดที่ดูเหมือนจะปลอบ แต่ก็ยังมีบางคำที่กวนประสาทและจิกกัดเขาอยู่ การกระทำที่ไม่คิดว่าจะได้รับจากอีกฝ่ายนั่นอีก


                มันทำให้เขาสับสนและคิดมาก


                พอนึกมาถึงตรงนี้ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เขาไม่เข้าใจอะไรในตัวจักรพรรดิสักอย่าง ไม่รู้ว่านิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ด้วยว่า…จะอะไรกับเขากันแน่


                บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้าย ตกลงจะเอายังไง


                “หนักเหรอวะ ดูมึงเครียดมาก” ลัคกี้เริ่มเป็นห่วง โมเดลเห็นแบบนั้นเลยโบกมือปฏิเสธ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหมดแก้ว แต่ก็ขยาดที่จะเมา กลัวว่าเมาไปแล้วมันจะมีเรื่องบ้าๆ แบบนั้นเกิดขึ้นอีก


                “กูโอเค แค่เหนื่อยๆ นิดหน่อย”


                “งั้นก็ดีแล้ว มีอะไรบอกพวกกูได้” กิงตบไหล่บาง โมเดลเลิกคิ้วกวนอารมณ์เพื่อน


                “อย่างมึงช่วยอะไรกูได้วะ” และจากที่โดนตบไหล่ก็เปลี่ยนเป็นศีรษะแทน ริมฝีปากบางยกยิ้ม อย่างน้อยๆ มาเจอเพื่อนมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครที่สามารถรับฟังเขาได้ในตอนนี้ก็ตามเถอะ



…………………………………




                วันต่อมา

                ในขณะนี้ โมเดลที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะกำลังเถียงกับตัวเองในใจ หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกับว่าปัญหาในตอนนี้มันหนักหนาแบบแก้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันก็เพียงแค่…


                …เข้าไปปรึกษางานกับธนาแค่นั้นเอง


                แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องคิดหนักสำหรับเขา ก็รู้ว่ามันเป็นงาน แต่คนไม่ชอบหน้ากัน แถมฝั่งนั้นจ้องจะหาเรื่องเขาอยู่ตลอดเวลา ให้เดินเข้าไปคุยเหมือนไม่มีอะไรมันก็ทำใจได้ยาก


                ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบๆ ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงาน ไอ้เรื่องจะไปขอให้คนอื่นช่วยมันก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่ ทุกคนก็มีงานของตัวเอง และอีกอย่างมันจะดูเป็นการหักหน้าธนาเกินไป โมเดลลูบใบหน้าตัวเองหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้น


                พรึ่บ


                ขาเรียวเดินเข้าไปที่โต๊ะของธนา เจ้าของโต๊ะเพียงแค่ละสายตาจากงานที่กำลังทำมามองเพียงแวบเดียวเท่านั้น และกลับไปสนใจกับงานต่อ โมเดลกัดริมฝีปาก สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยปากบอก


                “ขอโทษนะครับ รบกวนพี่ช่วยดูตรงนี้หน่อย ผม…”


                “ด่วนมั้ย ถ้าไม่ด่วนก็รอก่อน” ธนาหันมามองพร้อมกับบอกเสียงเรียบ โดยส่วนตัวถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจโมเดลเอามากๆ เลยก็ตาม แต่ก็พอจะแยกแยะได้อยู่บ้าง ยังไงมันก็เป็นงาน รุ่นน้องมาถามก็ควรที่จะให้ความช่วยเหลือ เพียงแต่ว่างานที่เขากำลังทำอยู่มันก็ด่วนเช่นกัน เขาถึงได้ถามออกไปแบบนั้น


                โมเดลยืนชะงักกึกอยู่กับที่ คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ปากบางเม้มเข้า เขาตีความไปว่าคำพูดของธนาคือไม่อยากที่จะช่วยเขา ธนาพอเห็นว่าโมเดลไม่พูดอะไรต่อก็หันกลับไปนั่งทำงานของตนเอง ทิ้งให้โมเดลยืนคว้างอยู่อย่างนั้น


                มือเรียวกำเข้าหากันแน่นขึ้น ยอมรับเลยว่าไม่พอใจสุดๆ อยากจะโวยออกไป ทำงานด้วยกันไม่ช่วยกันแล้วงานมันจะออกมาดีมั้ย แต่แล้วก็ต้องนิ่งไปอีกครั้ง เมื่อคำพูดของจักรพรรดิมันแวบเข้ามาในหัว


                ‘…จะดีมากกว่านี้ถ้านายรู้จักระงับอารมณ์ตัวเอง’


                เมื่อเป็นแบบนี้โมเดลก็หมุนตัวเดินออกมา เปลี่ยนทิศทางไปที่ห้องของจารุวิทย์แทน


                ก๊อกๆ


                มือเรียวเคาะประตู และเมื่อเสียงเรียบๆ ของหัวหน้าเอ่ยอนุญาตโมเดลก็เดินเข้าไป จารุวิทย์เลิกคิ้วแปลกใจที่เห็นโมเดลหิ้วงานเข้ามาด้วย


                “มีอะไรเดล”


                “พี่รุจช่วยเดลดูตรงนี้หน่อย เดลไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าโอเคที่สุดแล้วนะ มาถามพี่อีกทีเพื่อความชัวร์” มือเรียววางงานลงบนโต๊ะ จารุวิทย์แปลกใจหน่อยๆ เรื่องแค่นี้ถามพวกข้างนอกเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเดินเข้ามาถามเขาด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา คว้างานขึ้นมาดูให้


                โมเดลนั่งรอ ระหว่างนี้ก็บ่นธนาในใจไปด้วย ก็รู้ว่าเกลียดขี้หน้ากัน แต่มันต้องถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ บ่นในใจไปสารพัด โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเข้าใจผิดไปไกลแล้ว


                “อะ เอาไป ก็ดีแล้ว แต่แก้ตรงนี้นิด พี่เขียนบอกกันเราลืมไปแล้ว” จารุวิทย์ส่งงานคืนร่างบาง โมเดลรับมาก่อนจะก้มหัวเป็นการขอบคุณ แต่ก็ยังไม่ลุกไปไหน อ้ำๆ อึ้งๆ แบบคิดไม่ตกว่าควรจะพูดดีมั้ย จารุวิทย์ที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็เลิกคิ้วเป็นการถาม


                “มีอะไรอีกหรือเปล่า”


                “เอ่อ…พี่รุจสนิทกับไอ้…เอ่อ…คุณจักรพรรดิเหรอครับ”


                “ก็ใช่ พี่กับพรรดิเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว มันก็เข้ามาที่นี่บ่อยๆ ทั้งคุยงานบ้างหรือบ้างครั้งมันก็เข้ามานั่งคุยกับพี่ ทำไม เรามีอะไรหรือเปล่า” หรี่ตามองจับสังเกต เขารู้สึกแปลกใจอยู่ก่อนแล้ว โมเดลไม่น่าใช่เด็กเรียบร้อยขนาดที่จักรพรรดิบอก แล้วนี่โมเดลยังมาถามแบบนี้อีก


                “เปล่าพี่ ผมแค่…ไม่รู้ดิ ไม่มีอะไรหรอก” จากเหตุการณ์ของพี่แอ้มทำเอาเขาไม่กล้าที่จะพูดเท่าไหร่ พี่รุจสนิทกับเขามากกว่าพี่แอ้มก็จริงอยู่ แต่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน ไม่แน่พูดไปพี่รุจอาจจะไม่พอใจเขาก็ได้


                “มีปัญหาอะไรเรื่องงานหรือเปล่า” จารุวิทย์กดเสียงเข้มถาม ท่าทางของหัวหน้าที่บ่งบอกว่ายังไงโมเดลก็ต้องตอบ ปากบางถูกขบกัดโดยเจ้าตัวอีกครั้ง แบบนี้มันบังคับให้พูดชัดๆ พอเวลาที่อยากพูด พอพูดออกไปก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเชื่อ แต่พอเวลาแบบนี้กลับโดนบังคับให้พูดซะงั้น


                “ผมแค่ไม่ชอบเขานิดหน่อยพี่ แต่ไม่มีปัญหาอะไร โอเคนะ” ต้องรีบบอกแบบนี้ไว้ก่อน กันว่าเขาจะโดนดุอีกรอบ จารุวิทย์หรี่ตามองใบหน้าสวย คำพูดที่ดูขัดๆ กับคำพูดของจักรพรรดิ งานนี้ต้องมีใครสักคนที่ไม่ได้พูดความจริงล่ะนะ


                จักรพรรดิไม่เห็นบอกเลยว่าโมเดลไม่ชอบตนเอง แต่โมเดลกลับพูดออกมา และเขาก็เทความเชื่อไปทางโมเดลเกือบครึ่งแล้ว เพราะรู้ว่าเด็กคนนี้นิสัยยังไงรู้สึกยังไงก็จะพูดออกมา แสดงอารมณ์และสีหน้าให้ได้เห็นชัดๆ ส่วนจักรพรรดิ รายนั้นเป็นคนดีแน่นอนอยู่แล้ว และชอบพูดช่วยคนอื่นไปทั่ว


                “โอเค ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว กลับไปทำงานได้แล้วโมเดล”


                “ครับ” ก้มหัวให้อีกครั้งก่อนจะหิ้วงานออกมา เดินผ่านโต๊ะของธนาก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังได้รับสายตาไม่พอใจจากธนา ใบหน้าสวยเชิดขึ้นไม่สนใจ เดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะ


                จะมาไม่พอใจเขาได้ยังไง ก็มันเองไม่ใช่เหรอที่ไม่ยอมช่วยน่ะ



……………………………………



                วันต่อมา

                ในบริษัท ณ เวลานี้ ธนา สิงหา แอ้ม และอีกสองสามคนกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ยังพอมีเวลานิดอีกก่อนจะถึงเวลางาน ประเด็นนู้นนี้ถูกยกขึ้นมาพูด และก็มาจบลงด้วยประเด็นของ…โมเดล


                “เมื่อวาน กูนั่งทำงานอยู่ ห่า รีบก็รีบ ถ้าไม่เสร็จกูก็โดนแดกหัว และโมเดลก็เข้ามา บอกให้กูช่วยดูงานให้หน่อย เอาตามตรงกูก็ไม่พอใจมันนะ แต่ก็เข้าใจว่ามันคืองาน แต่ของกูก็รีบไง เลยบอกไปว่าให้รอก่อน แม่งเสือกรอไม่ได้ เดินเข้าไปหาหัวหน้าซะงั้น” ธนาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่ทำให้คนที่นั่งอยู่แถวๆ นั้นหันมาให้ความสนใจ


                ก็นะ ประเด็นของลูกชายเจ้าของบริษัทเชียวนะ


                “แกก็ใจเย็นๆ ธนา น้องมันก็วัยรุ่นใจร้อน” แอ้มช่วยพูดให้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่พอใจร่างบางตอนที่ไปว่าจักรพรรดิแบบนั้นก็ตาม แต่ยังไงเขาก็รู้นิสัยโมเดลอยู่บ้าง และเรื่องใจร้อนก็เป็นเรื่องต้นๆ เลยที่เขารู้


                “ผมรู้พี่แอ้ม แต่ก็ควรจะไว้หน้ากันบ้างเปล่าวะ ทุกวันนี้มันก็ทำงานคนเดียวอยู่แล้ว อย่างนี้จะมีทีมไว้ทำไมวะ ปรึกษาอะไรก็ไม่มี แถมเวลาผมจะเข้าไปดูแม่งก็ทำหน้าเหมือนส้นตีน” ธนาว่าใส่อารมณ์ขึ้นไปอีก เฮอะ! คิดว่าเป็นเด็กเส้นแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง


                “มึงโมโหไปก็เท่านั้น ทำอะไรมันได้ เด็กเส้นเลยนะเว้ย” สิงหาว่าขำๆ


                “นิสัยแม่งโคตรของโคตรเลย วันนั้นที่คุณจักรพรรดิเดินเข้ามา ก็เห็นเลย และได้ยินด้วย ดูเหมือนว่ามันจะมีปัญหากับคุณเขานะ” ธนาแสยะยิ้ม คำพูดของโมเดลเขาได้ยินเต็มๆ สองหู


                “เออ จะว่าไปเดลเขาก็บ่นคุณจักรพรรดิอยู่นี่นา แถมเรื่องที่พูดมาก็ดูไม่น่าจะจริงสักเรื่อง” แอ้มออกความเห็น ธนาและสิงหาพยักหน้าเห็นด้วย


                “คุยอะไรกัน ไม่มีงานกันเหรอ”


                เฮือก!


                ทุกคนสะดุ้งและหันไปมองตามเสียงดุๆ ของจารุวิทย์ โดนหัวหน้าทำตาดุใส่แบบนี้ทุกคนก็พากันหลบตา จารุวิทย์ขมวดคิ้วมอง เมื่อกี้เขาได้ยินที่คุยกันอยู่ และมันก็เพิ่มความแปลกใจให้เขาขึ้นไปอีก


                “เมื่อกี้คุยอะไรกัน เห็นพูดถึงเดล”


                “ไม่มีอะไรมากครับหัวหน้า เพียงแค่พวกผมคุยกันถึงเรื่องที่โมเดลเขาว่าคุณจักรพรรดิน่ะครับ ดูโมเดลจะไม่ชอบคุณเขาเอามากๆ แถมตอนที่เจอหน้าก็หลุดด่าออกมาอีก” สิงหาได้ทีก็พูดเลย ลอบยิ้มในใจเมื่อจารุวิทย์ขมวดคิ้วมุ่น


                “มันไม่มีอะไรหรอก จักรพรรดิเองก็บอกว่าโมเดลโอเคทุกอย่าง พูดง่าย ไม่มีปัญหา พวกคุณก็เลิกคิดนู่นนี่เองสักที” ถึงแม้ว่าจะพอรู้แล้วว่าพวกนี้คิดอะไร แต่ยังไงก็ทำงานด้วยกัน เขาไม่อยากให้มีปัญหาอะไรภายใน


                “งี้ก็แสดงว่าโมเดลแกล้งทำดีเอาหน้าตอนอยู่กับคุณจักรพรรดิงั้นสิครับหัวหน้า ไม่งั้นคุณเขาจะพูดแบบนั้นได้ยังไง และที่พวกเราเห็นก็ต่างกันมากเลย” ธนาถามออกมาพร้อมกับลอบยิ้มในใจ


                “เลิกคุยกันแล้วก็ไปนั่งทำงานได้แล้ว มันไม่มีอะไรหรอก” จารุวิทย์เอ่ยเสียงเข้มก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง ไม่อยากปฏิเสธว่าเขาเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่จะให้พูดเห็นด้วยมันก็ไม่ดีเท่าไหร่ ได้แต่บอกให้เลิกคิดกันไปซะ


                และทางหน้าประตู ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามีร่างบางของโมเดลกำลังยืนกำหมัดแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ เขาโกรธจนแทบอยากจะเดินเข้าไปกระชากธนาและสิงหาออกมาต่อย โกรธจนน้ำใสๆ คลอหน่วงอยู่ที่ดวงตาเรียว ไม่ใช่ว่าเสียใจ แต่มันเป็นความโกรธที่ระบายออกมาไม่ได้ต่างหาก


                และห่างออกไปอีกนิดตรงมุมเสา ร่างสูงใหญ่ของจักรพรรดิกำลังยืนพิงผนังยกยิ้มพอใจ วันนี้เขากะจะเข้ามาคุยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ กับโมเดลซะหน่อย ใครจะคิดล่ะว่าจะได้ยินอะไรดีๆ


                และ…ทุกอย่างกำลังเป็นแบบที่เขาต้องการ


                โมเดล…ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของฉัน




หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 11-11-2015 18:53:46
ไม่อยากจะคุย

คนแรกเลย

อิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 11-11-2015 19:12:19
อ่านแล้วขัดใจทุกคน

ไหนโมเดลเป็นลูกเจ้าของบริษัท

ทำไมทุกคนถึงว่าเด็กเส้น(หรือเราอ่านพลาดไปตรงไหนหรือเปล่า)

หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 11-11-2015 19:35:19
อ่า......เป็นบริษัทที่ไม่น่าอยู่เลยนะ

หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 11-11-2015 19:57:48
เป็นพนักงานที่น่าจับมันไล่ออกไปรายตัวด้านความประพฤติ
ธนาถ้างานมันรีบก็บอกกันดีๆว่างานที่ทำด่วนอยู่เดี๋ยวจะดูให้ แล้วถ้างานเดลมันด่วต้องการคำปรึกษาเขาก็ต้องไปหาหัวหน้าแกไหมเพราะแกไม่ช่วยมัวแต่รองานจะเดินไหม ทำไมคะไม่พอใจเพราะปรึกษางานข้ามหัว
ไอคุณสิงหาถ้าจะทำงานบริษัทเขาแต่ไม่พอใจลูกเจ้าของบริษัทก็ลาออกไปซะเถอะเพราะยังไงพอเขาก็ต้องยกบริษัทให้ลูกอยู่แล้วไหม
นังคุณแอมนี่ก็หูเบาฟังความข้างเดียวแล้วไปขยาย ถามจริงจักรพรรดิ์นี่สามีหรอคะ เข้าข้างกันจัง
คนที่หนักสุดจักรพรรดิ์ ถามจริงแกโรคจิตรึไงชอบไล่ต้อนให้คนจนมุม ระวังเถอะต้อนเดลมันมากๆเดี๋ยวเด็กมันไม่สนหน้าไหนแผลงฤทธิ์ให้ สรุปอินมากอ่านแล้วอยากมุดคอมไปช่วยเดลตบหัวพวกพนักงานช่างเมาท์
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 11-11-2015 21:00:12
รู้สึกดีมากสำหรับตอนนี้ที่เดลรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง  ทุกคนเลือกที่จะเชื่ออย่างนั้นเพื่อสนับสนุนความคิดตัวเอง   ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยแท้ๆอะ ส่วนจักรพรรดิเราไม่มีอะไรจะพูดค่ะ  ทีมพระเอกทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้  ทำไมต้องให้คนๆนึงที่เขามีโลกของเขาอยู่แล้วแม้ว่ามันจะไม่ดีมากก็เถอะ ทำไมต้องดึงเขาให้เขาไปอยู่ในโลกที่บิดเบี้ยวของคุณด้วย  ขนาดว่าจารุวิทย์ยังแอบคิดแบบนั้นเลยอะ คือ.......
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-11-2015 02:11:34
จักรพรรดินี่เป็น Control Freak หรือเปล่า?
คือเหมือนกับว่าที่จักรพรรดิกำลังทำก็คือทำลายเดลไปทีละนิดทีละหน่อย
เพื่อที่เดลจะได้ไม่เหลือใครนอกจากตัวเอง
แล้วเมื่อนั้นเดลก็จะเป็นขี้ผึ้งในมือตัวเองจะปั้นเดลแบบไหนก็ได้
เดลก็จะเกาะอยุ่กับจักรพรรดิ จนกว่าจะเบื่อ
แต่บางทีเดลอาจจะพยศจนจักพรรดิเอาไม่อยุ่ก็ได้
เพราะเดลเองก็ไม่ใช่คนสิ้นไม้ไร้ตอก
สามารถหาทางหนีทีไล่ได้อยู่นะ

มาดูในบริษัทบ้าง
ปัญหาก็คืออยู่ที่ทั้งสองฝ่าย
คือไม่มีไดอะล็อกระหว่างกันเลย
เมื่อเดลไปหาธนาด้วยความอคติ
ทำให้ธนาแทนที่จะบอกว่าเดี๋ยวบ่ายๆค่อยดุได้ไหม 
ช่วงนี้ต้องเร่งงานที่ต้องส่งด่วนอยู่ หรือแค่ดูให้ก่อน
แต่ก็ไม่  ธนาเลือกที่จะปฏิเสธด้วยความสะใจ
เดลเองแทนที่จะอธิบายก็ถือดีเดินหน้าเข้าหารุจแทน

ในชีวิตการทำงานนี่จะเจอคนหลายแบบในบริษัท
เดลไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้เพราะความถือตัว
คนอื่นก็อคติกับเดลเพราะนิสัยเดลกับแบ็คกราวนด์ทางฐานะ
คืออิจฉานั่นแหละ
ถ้าเดลปรับตัวไม่ได้เดลก็ควรต้องหางานใหม่ที่เดลสามารถปรับตัวได้ดีกว่า
เช่นทำงานบริษัทฝรั่ง 
รับรองว่าเดลโดนฝรั่งบอกหน้าหงายกลับมาแน่ๆถ้าหากว่าเดลงี่เง่า
เพราะว่าฝรั่งจะตรงมากๆ

แต่บรรยากาศในบริษัทไม่ดีเลยค่ะ 
เหมือนกับเป็นการรังแกทางสังคมแบบหนึ่ง
อาจจะเพราะระบบอาวุโสด้วย
เรื่องนิสัยส่วนบุคคลนั้นอยากเตือนนิดหนึ่ง
คุณอาจจะมีโลกส่วนตัวสูง
แต่ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถทำงานเป็นทีมได้บริษัทก็ไม่เก็บคุณไว้หรอกค่ะ 
หัวหน้างานอย่างรุจก็คงต้องคิดหนัก ว่าจะใช้คนให้ถูกกับงานยังไง
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-11-2015 09:32:10
ไอ้โรคจิต
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-11-2015 11:15:05
มาต่ออีกน้าาาา

จะเป็นไงต่อเนี่ย โมเดล :katai1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 12-11-2015 13:53:55
เฮียเป็นพระเอกแนวเราที่เกลียดจริงๆ บีบไล่ต้อน ให้อับจนหนทาง ต้องศิโรราบด้วยความจำยอม = =
ีินายเอกแนวนี้ก็จะโดนปั่นหัวหมุนเป็นลูกข่างเลย พูดไรก็ไม่มีใครเชื่อ แถมอารมณ์ร้อนเสริมภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของตัวเองอีก
พระเอกชอบให้คู่ตัวเองเป็นทาสเป็นpetรึ น้องเขาก็เป็นมนุษย์มีศักดิ์ศรีนะไม่ใช่สัตว์เลี้ยง
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 12-11-2015 13:56:29
เดลต้องเปลี่ยนกรยุทธ์ใหม่ ไม่งั้นกวางน้อยตัวนี้โดนรุ่มทึ้งจนตายแน่
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-11-2015 01:08:19
คำนินทานี่มันแย่จริงๆ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tequila ที่ 16-11-2015 00:19:13
สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 8] [11 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 27-11-2015 11:36:41
ไม่มีวี่แววว่า นายเอกเรื่องนี้จะต่อกรกับพระเอกได้
ถ้าให้เปรียบง่ายๆ เหมือนเอาทารกไปสู้ผู้ใหญ่
ทารกยังเดินไม่ได้เลย จะเอาที่ไหนไปสู้
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 14-12-2015 16:32:25




ตอนที่ 9


 

 

            โมเดลยืนตัวสั่นมือกำแน่น ในใจกำลังเดือดพล่านกับคำพูดนินทาของเพื่อนร่วมงาน มันทำให้เขาตัวชาวาบ คล้ายกับว่าโดนน้ำเย็นจัดสาดใส่หน้า


            ดวงตาเรียวคลอหน่วงด้วยน้ำตา มันพร้อมจะไหลลงมาได้ทุกเมื่อ นัยน์ตาแดงก่ำ ที่เห็นมีน้ำตาไม่ใช่เพราะเขาเสียใจ แต่เป็นเพราะว่าเขากำลังโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โกรธจนแทบอยากจะเดินเข้าไปกระชากสิงหากับธนามาต่อยสักทีสองที


            ก็รู้ว่าสังคมตรงนี้มันเป็นอย่างนี้ แต่ไม่คิดว่ามันมากขนาดนี้ ถึงขนาดคิดเรื่องต่อกันไปเองได้แบบนี้


            ลูกเจ้าของแล้วไง เด็กเส้นแล้วไง แล้วไม่มีสิทธิ์ทำงานหรือไง งานที่เขาทำไม่ดีใช่มั้ย ทุกวันนี้ก็ต้องใจทำทุกอย่าง พยายามที่จะอยู่กับเพื่อนร่วมงานให้ได้ พยายามก็แล้ว อดทนก็แล้ว


            ไม่เข้าใจ เคยไปทำอะไรให้โกรธเกลียดกันขนาดนั้น  ถึงได้คอยจับผิดแล้วก็แขวะกันอยู่แบบนี้


            “เหี้ยเอ้ย!” โมเดลสบถคำหยาบออกมา เล็บมือจิกลงบนฝ่ามือจนเกือบจะได้เลือด ตวัดสายตาไปมองด้านในอีกครั้ง จารุวิทย์แยกไปที่ห้องของตัวเองแล้ว ส่วนที่เหลือก็ยังจับกลุ่มยืนคุยกันอยู่


 


            พรึ่บ


            โมเดลหมุนตัวเดินออกมา ขืนยืนอยู่ตรงนี้นานอีกนิดเขาได้ควบคุมตัวเองไม่อยู่แน่ๆ แต่มันก็ดีที่มาได้ยินอะไรแบบนี้ จะได้รู้ว่าทุกคนคิดยังไงกับเขา จะได้รู้ว่าความจริงใจมันใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ


            โมเดลเดินเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องชงกาแฟ ครั้งนี้เขาโกรธจนมือสั่น โกรธจนอยากจะร้องไห้ สาบานได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะคำว่างานแล้วล่ะก็ เขาเดินเข้าไปซัดพวกนั้นแน่


            “ปากดี ไอ้เหี้ยเอ้ย” ปากยังคงสบถไม่หยุด อารมณ์ในตอนนี้แน่นอนว่ามันไม่จางหายไปง่ายๆ แน่ แทบไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะนั่งทำงานอยู่ได้ยังไง ถ้าในหัวมันมีแต่เรื่องที่พวกนั้นพูดกันวนเวียนอยู่


            กึก


            แล้วเขาก็ต้องชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางนี้  โมเดลสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรับสีหน้าตัวเองใหม่ คงไม่ดีแน่ถ้าใครมาเห็นตอนที่เขากำลังโกรธแบบสุดๆ อยู่ตอนนี้


 

            “อะ…อ้าว”


            โมเดลหันไปมองตามเสียง แล้วก็ต้องชะงักไปอีกครั้ง สีหน้าที่พยายามปรับให้มันดีขึ้นกลับกลายมาเป็นอย่างเดิม ธนาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเหยียดยิ้มให้ เสียงที่ร้องออกมาในตอนแรกไม่ได้แสดงถึงว่าตกใจที่เห็นเขาเลย มันเป็นการร้องทักพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดๆ นั่นต่างหาก


            “มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะครับ คุณลูกเจ้าของบริษัท”


            “เรื่องของผมครับ”


            โมเดลกัดฟันตอบกลับไป คำพูดที่ได้ยินเมื่อสักครู่มันวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง มือเรียวกำแน่น ห้ามตัวเองอยู่ในใจไม่ให้ไปต่อยไอ้บ้าตรงหน้านี่ จิกเล็บลงไปจนคิดว่ามือเขาคงได้เลือดซิบๆ มาแล้วเป็นแน่


            “งานไปถึงไหนแล้วล่ะ” ธนาเลิกคิ้วถาม คล้ายกับว่าจะถามด้วยความเป็นห่วง แต่ขอโทษ ตัวเขาไม่ได้เด็กน้อยที่จะไม่รู้ว่าท่าทางแบบนั้นมันกำลังดูถูก


            “ก็ดีครับ” โมเดลตอบกลับไป พร้อมกับจะเดินหนีออกจากห้องนี้ อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมมันยังทำให้อารมณ์ของเขาติดลบลงไปเรื่อยๆ อีก แค่เห็นหน้าอีกฝ่ายก็อารมณ์ไม่ดีแล้ว ถ้าไม่อยากมีเรื่อง เขาควรออกไปจากตรงนี้ซะ


            “เดี๋ยวซิ จะรีบไปไหน เดินหนีทั้งๆ ที่กำลังคุยกันอยู่แบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะ”


            แต่แล้วธนาก็ขยับมาขวางทางเขาเอาไว้ โมเดลชักสีหน้าไม่พอใจใส่ทันที แบบนี้มันกำลังหาเรื่องกันชัดๆ ไม่มีมารยาทงั้นเหรอ แล้วที่ตัวเองทำล่ะ เย้ยเหยียดคนอื่นด้วยสายตาและน้ำเสียงแบบนั้น เขาเรียกมีมารยาทงั้นเหรอ


            “ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุย”


            “อ๋อ เป็นเด็กเส้นแล้วหยิ่งซะด้วย”


            “เลิกพูดว่าเด็กเส้นหรือลูกเจ้าของบริษัทสักทีเหอะ รำคาญ!” โมเดลโวยกลับ ตอนนี้เขาเก็บอารมณ์ไม่อยู่แล้ว มาหาเรื่องกันแบบนี้แสดงว่าก็ต้องพร้อมที่จะมีเรื่อง งั้นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทนมันต่อไป


            “เฮอะ! แล้วไม่ใช่เพราะลูกเจ้าของเหรอวะที่ทำให้ได้งานทำอยู่ตอนนี้น่ะ เป็นคนคุมงาน ทำงานไม่เห็นหัวคนอื่น”


            “แล้วไงวะ”


            “ต้องให้บอกมั้ยว่ามีคนไม่พอใจกี่คน ยังไม่รู้อีกเหรอวะแค่นี้น่ะ” สีหน้าท่าทางหาเรื่องมาเต็ม โมเดลจ้องหน้าธนาเขม็ง อีกฝ่ายก็เหมือนจะเริ่มเดือดไม่แพ้กัน


            “ขอโทษเหอะ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรแบบนั้น”


            “อ๋อ เพราะเอาเวลาไปคิดว่าจะประจบคนนู้นคนนี้อยู่เหรอไง ถึงไม่มีเวลาใส่ใจน่ะ” ธนาเลิกคิ้วหาเรื่อง ริมฝีปากแสยะยิ้มกวนอารมณ์ ต้องการยั่วให้โมเดลขึ้นอย่างชัดเจน ร่างบางชะงักไปนิด ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายพูดถูก แต่เพราะเขาไม่เข้าใจมากกว่าว่าที่พูดมาน่ะหมายความว่ายังไง


            “หมายความว่าไง”


            “เฮอะ! คิดว่าคนอื่นไม่รู้หรือไง ด่าคุณจักรพรรดิลับหลัง ทั้งๆ ที่ทำงานด้วยกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำหรือเปล่า แต่คุณจักรพรรดิกลับบอกว่านายทำงานได้ดี ว่าง่าย ไม่มีปัญหาอะไร ชมนายสารพัด แต่นายกลับด่าเขา แบบนี้จะให้คิดว่าไงได้ นอกจากเล่นละครประจบ ทำดีเวลาอยู่ต่อหน้า”


            “ไม่ใช่!”


            “เฮอะ! ปฏิเสธไปก็เท่านั้นว่ะ เพราะก็เห็นๆ กันอยู่ พวกหน้าไหว้หลังหลอก ทุเรศว่ะ” ธนาเหยียดยิ้มใส่โมเดล สายตารังเกียจฉายชัดให้คนถูกมองรู้สึกเหมือนโดนตบจนหน้าชา


            หน้าไหว้หลังหลอก? คนแบบเขาเนี่ยนะ


            “ไม่รู้เหี้ยไรอย่ามาพูดดีกว่า เอาเวลาไปทำงานดีกว่ามั้ง” ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นลง โมโหกับคนแบบนี้ไปก็เท่านั้น กดอารมณ์ในอกเต็มที่ ถึงจะทำขนาดนี้ก็ยังเก็บแววตาแข็งกร้าวของตัวเองไม่ได้


            “เออใช่ เอาเวลาไปทำงานดีกว่ามั้ย ไม่ใช่เอาเวลาไปเลียแข้งเลียขาคนอื่นเขา ให้เขาชอบให้เขาเอ็นดู” ธนาแสยะยิ้ม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้โมเดลอีกนิด ไล่มองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยสายตาดูถูก


            โมเดลยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวธนา ไม่ใช่เพราะว่าคำพูดเหล่านั้นมันจี้ใจเพราะเป็นเรื่องจริง แต่เป็นเพราะมันรุนแรงเกินไปต่างหาก ทั้งสายตาทั้งคำพูดมันบ่งบอกเลยว่าผู้ชายคนนี้เกลียดเขามากๆ


 

            พลั่ก!


            “พูดเหี้ยไรระวังปากไว้บ้าง ไม่ใช่เอาแต่สนุกแล้วจะพูดอะไรก็ได้” อารมณ์ที่กักเก็บมา ณ ตอนนี้มันเก็บไม่อยู่แล้ว มือเรียวผลักหน้าอกของธนาอย่างแรง สีหน้าพร้อมเอาเรื่องได้ตลอด


            “ทำไม โมโหแบบนี้แสดงว่าที่กูพูดไปทั้งหมดคือเรื่องจริงสินะ ก็พอจะรู้ว่าเด็กเส้นน่ะยังไงมันก็ต้องหาทางทำให้ตัวเองอยู่ตรงนี้ให้ได้นานที่สุด เลียแข้งเลียขาเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่รู้ว่าเลียกันท่าไหนนะ ยิ่งหน้าสวยๆ แบบนี้ด้วยแล้ว” คำพูดร้ายกาจออกมาจากปากของธนา ยกยิ้มอย่างดูถูก โมเดลยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ


            และเขาก็จะไม่ทนมันอีกต่อไปแล้ว


 

            พลั่ก!!


            หมัดหนักๆ ถูกปล่อยใส่หน้าธนาทันทีที่พูดจบ ใบหน้าหันไปตามแรงกระแทก ร่างเซถอยไป โมเดลโกรธจนเลือดขึ้นหน้าไม่รับรู้อะไรแล้ว ขาเรียวถีบเข้าที่ท้องของอีกฝ่าย ก่อนจะตามไปกระหน่ำปล่อยหมัดใส่หน้าอย่างไม่มีออมแรง


            “ปากดีนักนะไอ้เหี้ย!!”


            “สัด! ปล่อย!”


            ผัวะ!


            ธนาผลักร่างของโมเดลให้ถอยออกไป ก่อนจะสวนหมัดกลับไปเป็นการเอาคืน ใบหน้าสวยหันไปตามแรงกระแทก ก่อนจะเบนกลับ ดวงตาเรียวแข็งกร้าวมากกว่าเดิม มือเรียวกระชากคอเสื้อของธนาแล้วเหวี่ยงร่างของธนาไปชนกับตู้ใกล้ๆ


            “วันหลังถ้าไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรมึงก็ไม่ต้องสะเออะพูด!”


            พลั่ก!!


.


.


            ทางด้านของจักรพรรดิ เขาเห็นแล้วว่าโมเดลเดินหนีออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ มือกำแน่น ท่าทางแบบนั้นคงจะไปหาที่สงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ เขาก็ยืนรออยู่สักพัก ขืนเข้าไปหาตอนนี้ร่างบางก็ไม่ฟังอะไรหรอก


            แต่แล้วเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นมา ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นตวัดไปมองทางต้นเสียง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเพียงเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อจำเสียงของคนที่โวยขึ้นมาได้


 

            พรึ่บ


            ขายาวรีบก้าวเร็วๆ ไปทางนั้น ได้ยินแค่เสียงที่โวยวายแบบนี้ก็พอจะเดาได้แล้วว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ พนักงานที่ได้ยินเสียงก็ต่างเดินออกมาดู


            และเมื่อจักรพรรดิเดินไปถึง ขาของเขาก็ชะงักไปนิด ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเพียงเล็กน้อยกับเหตุการณ์ตรงหน้า ร่างบางของโมเดลกำลังคร่อมร่างของธนาเอาไว้ มือก็กระหน่ำปล่อยหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้งมือ ทุกคนที่มุงดูก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม เพราะในตอนนี้โมเดลดูน่ากลัวกว่าปกติมาก


 

            “โมเดล! หยุด!”


            จักรพรรดิพุ่งตัวเข้าไปห้าม มือหนารั้งแขนเรียวเอาไว้ แต่แล้วก็โดนสะบัดออกอย่างแรง โมเดลนั้นไม่สนใจแล้วในตอนนี้ว่าใครเป็นคนเข้ามาห้าม ที่รู้คือ…เขาต้องกระทืบไอ้คนปากดีนี่


            จักรพรรดิขมวดคิ้ว ดวงตาฉายแววเคร่งเครียดออกมาแวบหนึ่ง มันก็ใช่ที่เขาพอใจที่ทุกคนมีความรู้สึกแบบนั้นต่อโมเดล แต่เขาก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่ากวางน้อยของเขาจะถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบนี้


            นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คิดเอาไว้แต่แรก และถ้าปล่อยให้โมเดลอาละวาดมากไปกว่านี้เห็นทีจะไม่ใช่เรื่องดีแน่


            “โมเดล! พอได้แล้ว! เดล!”


ร่างสูงของจักรพรรดิเดินเข้าไปห้ามแล้วขั้นกลางระหว่างทั้งคู่ โมเดลเองก็เจ็บตัวไม่น้อย แต่ที่หนักกว่าดูจะเป็นด้านของธนา โมเดลนั้นอยู่ในอารมณ์ที่ใครก็ห้ามไม่อยู่ ก็ไม่แปลกที่ธนาจะโดนหนักขนาดนี้


            “เดล! พอ!...”


            ผัวะ!!


            !!


 

            ทุกคนต่างชะงักไปกันหมดรวมทั้งตัวโมเดลเองด้วย จักรพรรดิที่เดินเข้าไปขั้นกลางกันทั้งสองคนไว้กลับโดนคนที่กำลังโมโหอย่างโมเดลต่อยเข้าที่ใบหน้าไปเต็มๆ ทางด้านโมเดลที่พอรู้ว่าคนที่ตัวเองต่อยไปเมื่อสักครู่ไม่ใช่ธนาก็เกิดอาการชะงักไป


            “นะ…นาย” โมเดลพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมองรอบตัว หลายๆ คนที่ยืนมองอยู่ กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาตำหนิเล็กๆ ในใจคงกำลังคิดกันว่าเขาเป็นพวกควบคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วก็อาละวาทมั่วไปหมด…ถึงขนาดต่อยคนที่เข้าไปห้าม


            “โอ้ย…” เสียงร้องโอดครวญของธนาทำให้หลายๆ คนละสายตาไปจากเขา ก่อนจะเดินเข้าไปพยุงธนาขึ้นมา อีกฝ่ายจ้องหน้าเขาอย่างเครียดแค้น ถ้าร่างกายพร้อมรบคงจะเดินเข้ามาเอาเรื่องเป็นแน่


 

            “ถอย! มีเรื่องอะไรกัน”


            เสียงเข้มดังขึ้นทำให้ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมอง โมเดลหน้าซีดลงเมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองกำลังเดินเข้ามา ดวงตาดุๆ ของคนเป็นพ่อกวาดมองทุกคน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ลูกชายตัวเอง


            “พ่อ คือ…”


            “ไปคุยกันที่ห้อง นายด้วยธนา ส่วนคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องก็กลับไปทำงาน” สั่งเสียงเข้มแล้วเดินแยกออกไป โมเดลยืนกัดปากอย่างคิดหนัก ก็รู้ว่าครั้งนี้เขาผิดเต็มๆ แต่ใครใช้ให้ไอ้เวรนั่นมันปากหมาเห่าไม่เลือกเองล่ะ


            “โมเดล…”


            “ไม่ต้องมายุ่งกับกู”


            จักรพรรดิเอ่ยเรียกโมเดล แต่อีกฝ่ายก็สวนกลับไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด ขาเรียวก้าวเดินตามหลังคนเป็นพ่อ ส่วนธนาก็มีคนพยุงตามไป จักรพรรดิหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย…แต่ในใจเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง


            ภายในห้องทำงานของพ่อ โมเดลยืนก้มหน้านิ่ง รู้อยู่แล้วว่าเรียกเข้ามาในนี้ยังไงเขาก็ต้องโดนด่า แล้วจากสภาพ…ธนาเละกว่าเขาเยอะ แบบนี้ก็เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าใครที่ต้องโดนเยอะกว่า


            “จะมีใครบอกได้มั้ยว่ามันเพราะอะไร”


            สิ้นคำถามทั้งเขาและธนาก็ต่างยืนเงียบกัน แน่นอน ไม่ว่าใครก็พูดความจริงไม่ออกหรอก ทางด้านธนาเองก็กลัว เพราะคนที่ด่ายังไงก็เป็นลูกชายเจ้าของ ส่วนโมเดล…เขาก็ไม่อยากจะบอกเหมือนกันว่าโดนด่ามาว่าอะไรบ้าง


            “ฉันไม่รู้ว่าพวกนายมีเรื่องอะไรกันนะ แต่ที่นี่คือที่ทำงาน ไม่ใช่เวทีมวย คิดว่าถูกแล้วเหรอมีเรื่องกันที่นี่น่ะ” โมเดลยืนฟัง แล้วก็เถียงพ่อตัวเองไปในใจด้วย ก็ถ้ามันไม่มาปากหมาที่นี่ เขาก็ไม่ทำอะไรมันหรอก


            “จะไม่มีใครพูดอะไรใช่มั้ย”


            “…”


            “โอเค ในเมื่อไม่มีใครพูดอะไร ฉันก็จะถือซะว่าผิดทั้งคู่ อย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันคงต้องเชิญออก ไม่เว้นแม้กระทั่งเรานะโมเดล” สิ้นเสียงคนเป็นพ่อโมเดลก็เงยหน้าขึ้นมามองทันที ในใจรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา


            “ธนา นายเองก็เป็นคนทำงานดี ฉันก็ไม่อยากจะเสียคนแบบนาย อย่าให้มีอีกล่ะ” ธนารับคำเสียงเบา พอขยับปากแผลที่แตกก็เล่นเอาเจ็บๆ แสบๆ เหมือนกัน


            “นายออกไปก่อน” ธนาก้มศีรษะลาก่อนจะเดินออกไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ โมเดลเบือนหน้าหนีจากพ่อ ก็รู้ว่าที่พ่อพูดมาน่ะมันก็สมควรแล้ว แต่มันก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ ยังไงเขาก็ลูกนะ


            “เดล”


            “พ่อจะด่าอะไรผมอีกเหรอ”


            “เดล นี่แกรู้สึกผิดบ้างมั้ยเนี่ยที่ทำลงไป พ่อไม่รู้นะว่าแกมีเรื่องอะไรกัน แต่ที่นี่คือที่ทำงานนะเดล ต้องรู้จักห้ามอารมณ์ตัวเองบ้าง พ่อรู้ว่าแกอารมณ์ร้อน แต่อะไรเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง” คนเป็นพ่อพูดอย่างอ่อนใจ และดูจากท่าทางของลูกชายแล้ว ตอนนี้คงไม่ยอมฟังอะไรแน่ๆ


            “ทำไมพ่อต้องมาดุผมด้วย ทำไมพ่อไม่ถามผมก่อนว่า…”


            “แล้วเมื่อกี้ที่ถามแกพูดอะไรมั้ย ก็ไม่ แล้วจะให้พ่อถามอะไรแกอีก”


            โมเดลงับปากตัวเองทันทีเมื่อพ่อสวนออกมาแบบนั้น มันใช่อย่างที่บอกพ่อ แต่ความน้อยใจที่มีอยู่ตอนนี้มันก็ทำให้เขาไม่ได้คิดอะไร มันรู้แค่ว่าตอนนี้กำลังโดนดุอยู่อย่างเดียว


            “เดล ถ้าไม่รู้จักหักห้ามตัวเอง แกก็ทำงานไม่ได้หรอก” ยิ่งโดนพูดใส่แบบนี้โมเดลยิ่งรู้สึกแย่ ไม่ทันได้คิดให้ดีๆ ว่าที่คนเป็นพ่อพูดนั้นคือกำลังสอนอยู่ ไม่ใช่กำลังดุ ดวงตาเรียวเริ่มคลอไปด้วยน้ำใสๆ เจ้าตัวพยายามกลั้นสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้มันไหลลงมา


            “เฮ้อ…ไปทำงานเถอะ อย่าให้มีเรื่องอะไรอีกล่ะ”


            จบคำโมเดลก็หมุนตัวเดินออกมาโดยไม่พูดอะไร มือเรียวกำแน่น โมโหจากธนามาแล้ว ยังต้องมาเจอพ่อพูดแบบนี้ใส่อีก มันอึดอัด มันอยากโวยวาย แต่มันก็ทำไม่ได้


            โมเดลเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องทำงาน ข้างในทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง และที่เขาชะงักอยู่หน้าห้องก็เพราะไม่อยากจะเข้าไปเจอหน้าธนาตอนนี้ และเขาก็ไม่รู้ว่าจะห้ามใจตัวเองได้มากแค่ไหน

 


            หมับ


            “เฮ้ย” โมเดลร้องออกมาเบาๆ อย่างตกใจเมื่อจู่ๆ แขนก็ถูกใครบางคนจับ พอหันไปมองก็ต้องขมวดคิ้วไม่พอใจ จักพรรดิไม่สนว่าอีกฝ่ายจะทำหน้ายังไง เขาออกแรงดึงให้ร่างบางเดินตาม


            “มากับฉันมา”


            “จะไปไหน กูต้องทำงาน…”


            “อารมณ์แบบนี้นายทำงานไม่ได้หรอก” จักรพรรดิเอ่ยตอบกลับไปแล้วก็ยังไม่หยุดดึงอีกฝ่ายให้เดินตาม โมเดลก็ยื้อตัวเองไว้เต็มที่ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะสู้แรงจากไอ้บ้านี่ได้


            “เฮ้ย…”


            “เงียบน่า”


            “ตอนนี้กูไม่พร้อมที่จะด่าอะไรมึงหรอกนะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับกู” โมเดลว่าอย่างเหลืออด แค่เรื่องที่เพิ่งจะโดนมามันก็ทำให้เขาไม่มีใจจะไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว ถ้าต้องมานั่งปวดหัวกับผู้ชายคนนี้อีก เห็นทีเขาจะได้เป็นบ้า


            “ก็เพราะฉันรู้ไงว่านายไม่โอเค นายถึงต้องมากับฉัน” จักรพรรดิหันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ทำเอาโมเดลหยุดฟังนิ่งๆ มองหน้าร่างหนาอย่างไม่เข้าใจ แต่เพราะแววตาจริงใจไม่มีทีท่าว่าจะกวนโมโหอย่างเช่นทุกครั้ง เขาเลยปล่อยให้อีกฝ่ายลากไปง่ายๆ





หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-12-2015 16:58:27
งื้ออออ ไม่มีอีกหรอออออ
อ่านแล้วแค้นตามน้ำตาจะไหล :(
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-12-2015 18:46:53
ธนาน่าเกลียดมากๆ   คือในกมลสันดานนี่เลวจริงๆ  แต่ก็ยังดีกว่าคนอื่นที่อย่างน้อยก็ยังกล้าพอที่จะออกมาพูดใส่หน้า

ถ้าเราเป็นเดลนะ   เราจะไม่ทำต่อหรอกบริษัทพ่อนี่   เราจะออกไปหาทำงานที่อื่นที่เราเริ่มเหมือนคนอื่น   สร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับให้ได้

ความอิจฉานี่มันน่ารังเกียจจริงๆ   คือมันบดบังอะไรทุกอย่างไปหมด  แม้แต่ความจริง   ธนาไม่พอใจที่เดลได้รับการชม  เดลที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากตัวเอง จากคนอื่น   หัวหน้าและพ่อของเดลก็ถือว่าใช้ไม่ได้ที่มองไม่เห็นตรงนี้  สิ่งที่เดลเจอก็คือการ Mobbing จะบอกว่าเดลไม่ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรรมองค์กรก็ใช่   แต่วัฒนธรรมแบบนี้ที่มีแต่อคติ การกดดัน รังแกคนอื่น  ไม่สมควรเรียกว่าวัฒนธรรมที่ดีได้หรอก  ชมว่าธนาดี  แต่ไม่ได้มองเห็นปัญหาเลยว่าธนาทำอะไร?   เป็นเดลเองที่ผิดมั๊งที่เกิดมาต้นทุนดี  ธนาไม่ได้สังวรณ์เลยว่าวันหนึ่งเดลเข้ามารับช่วงต่อ   ตัวเองนั่นแหละที่จะอยุ่ยากเพราะว่าตัวเองตั้งแง่ไว้ตั้งแต่แรก   ท่าจะมีปมอยู่

จักรพรรดิก็รับผิดชอบไปแล้วกัน  มีปัญญาหรือเปล่า?  เพื่อความสะใจพอใจส่วนตัว พรรดิเลือกที่จะทำลายชีวิตคนๆหนึ่ง

เดลมีนิสัยที่ไม่ค่อยน่ารัก ใจร้อน  หุนหัน  ที่ดีที่สุดก็คือการไปเริ่มต้นจากที่ๆเดลไม่มีอะไรเกินหน้าคนอื่น เริ่มค้นเหมือนคนอื่น  เราว่าชีวิตเดลจะมีความสุขกว่านี้เยอะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 14-12-2015 19:14:21
บ้านธนาอยู่ไหนจะตามไปกระทืบให้แทนเดล คนแบบนี้น่ารังเกียจมากตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรดีไปกว่าเขายังจะมากระแนะกระแหนเขาอีก เดลเป็นลูกเจ้าของบริษัทก็หาว่าเป็นเด็กเส้นเห้ยคุณมึงคะบริษัทเป็นของเขาถ้าเขาไม่มาทำงานที่นี่แล้วจะไปทำที่ไหน
คิดไหมคะคิดเด็กมาฝึกงานคืออยากได้ความรู้ ถ้าทุกคนเริ่มจากที่ไม่มีอคติอะไรเลยเดลจะได้อะไรเยอะกว่านี้
ส่วนพ่อคะนั่นลูกเป็นเจ้าของที่ดีก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีด้วยลูกตัวเองน่าจะรู้นะว่าฟิลขาดขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ส่วนจักรพรรดิ์สะใจไหมที่ผลลัพทธ์มันเป็นแบบนี้สะใจไหมที่ต่อไปนี้เดลเหมือนจะเหลือตัวคนเดียว
กดดันน้องมากๆมันเหลือสองทางเลือกให้น้องนะไม่เตลิดหายไปเลย ก็เกลียดกันแบบกัดแบบไม่เผาผี
บางทีก็อยากให้โดนเหมือนกันนะถ้ามารู้ตัวเมื่อสายแล้วน้องมันเกลี่ยดถึงขั้นไม่ให้อภัยตอนนั้นจะทำยังไง
รีเควสช่วงน้องเอาคืนด้วยนะคะ ให้พรรดิมันโดนมากก็ดี อ่านตอนหลังๆแล้วอยากมุดคอมไปโอน้องเดลแล้วกระโดดถีบขาคู่ตาพรรดิกับกระทืบไอธนา
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-12-2015 19:17:19
ธนาน่าเกลียดมากๆ   คือในกมลสันดานนี่เลวจริงๆ  แต่ก็ยังดีกว่าคนอื่นที่อย่างน้อยก็ยังกล้าพอที่จะออกมาพูดใส่หน้า

ถ้าเราเป็นเดลนะ   เราจะไม่ทำต่อหรอกบริษัทพ่อนี่   เราจะออกไปหาทำงานที่อื่นที่เราเริ่มเหมือนคนอื่น   สร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับให้ได้

ความอิจฉานี่มันน่ารังเกียจจริงๆ   คือมันบดบังอะไรทุกอย่างไปหมด  แม้แต่ความจริง   ธนาไม่พอใจที่เดลได้รับการชม  เดลที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากตัวเอง จากคนอื่น   หัวหน้าและพ่อของเดลก็ถือว่าใช้ไม่ได้ที่มองไม่เห็นตรงนี้  สิ่งที่เดลเจอก็คือการ Mobbing จะบอกว่าเดลไม่ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรรมองค์กรก็ใช่   แต่วัฒนธรรมแบบนี้ที่มีแต่อคติ การกดดัน รังแกคนอื่น  ไม่สมควรเรียกว่าวัฒนธรรมที่ดีได้หรอก  ชมว่าธนาดี  แต่ไม่ได้มองเห็นปัญหาเลยว่าธนาทำอะไร?   เป็นเดลเองที่ผิดมั๊งที่เกิดมาต้นทุนดี  ธนาไม่ได้สังวรณ์เลยว่าวันหนึ่งเดลเข้ามารับช่วงต่อ   ตัวเองนั่นแหละที่จะอยุ่ยากเพราะว่าตัวเองตั้งแง่ไว้ตั้งแต่แรก   ท่าจะมีปมอยู่

จักรพรรดิก็รับผิดชอบไปแล้วกัน  มีปัญญาหรือเปล่า?  เพื่อความสะใจพอใจส่วนตัว พรรดิเลือกที่จะทำลายชีวิตคนๆหนึ่ง

เดลมีนิสัยที่ไม่ค่อยน่ารัก ใจร้อน  หุนหัน  ที่ดีที่สุดก็คือการไปเริ่มต้นจากที่ๆเดลไม่มีอะไรเกินหน้าคนอื่น เริ่มค้นเหมือนคนอื่น  เราว่าชีวิตเดลจะมีความสุขกว่านี้เยอะ


อย่างกับนั่งอยู่กลางใจเรา
คิดเหมือนกันเลย
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 14-12-2015 19:26:12
เดลนายทำดีแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-12-2015 20:00:01
ไม่ไหวอ่ะ พระเอกโรคจิตเกินไป สงสารเดล



เป็นเด็กใจร้อนก็ลำบากอยู่แล้ว มีคนจ้องหาเรื่องตลอดเวลาไม่เป็นบ้าไปก่อนเหรอ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 14-12-2015 20:32:33
เม้นท์ไปครึ่งนึงในเว็บโน้น อีกครึ่งมาต่อที่นี่
เรื่องการควบคุมอารมณ์ของเดลไม่มีอะไรดีขึ้น  คือถ้าไม่พัฒนาจุดนี้อนาคตไม่เจริญ แถมก็จะเป็นแค่ตัวตลกให้พระเอกมันแกล้งเล่นต่อไป
เดลเอ๊ยออกไปทำงานที่อื่นเหอะ ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วออกมาทำของตัวเองดีกว่า ภูมิใจกว่าด้วย ใครก็มาดูถูกไม่ได้

ส่วนอิพระเอก โคตรเกลียดที่มันยอมรับว่าพอใจที่เห็นเดลดูเลวดูแย่ในสายตาคนอื่น  ความคิดส่อสันดาน น้องไปทำอะไรให้ถึงวนเวียนมาทำลายชีวิตเขาขนาดนี้ เห็นมีแต่ตัวเองนั่นแหล่ะที่ข่มเหงเดลตลอด

ไอ้ความโกรธขนาดที่น๊อตหลุดกระหน่ำกระแทกกำปั้นใส่หน้า อยากให้เดลเอามาลงที่พรรดิมั่ง ทำไมกับพระเอกเดลตอบโต้ไรไม่ได้ซักอย่าง เป็นได้แค่ตัวตลกที่ดิ้นไปตามเกมประสาทของคนโรคจิต ...เพลีย
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 14-12-2015 22:07:27
ค้าง.... ทำไมรู้สึกเหมือนตอนนี้มันยังไม่จบ 5555
ก็เข้าใจอารมณ์ของพวกธนากับโมเดลนะ แต่คือตอนนี้เริ่มไม่ค่อยชอบพรรดิ์ละ เหมือนพี่แกวางแผนอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เพื่อจะฮุบตัวโมเดลเลย 5555
ส่วนโมเดลก็ใจร่มๆหน่อยจ้าาา เลือดร้อนเกินไปก็ไม่ดีน้าา สู้ๆ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 14-12-2015 22:57:46
สงสารเดล โกรดทั้งธนาและพระเอกมากๆ เจอแต่พวกดีแต่ปาก

ธนายังโดนน้อยไปต้องเจอเอาคืนให้เจ็บและอายคนอื่นๆด้วย

ส่วนพระเอกมันคงเกินคำว่าเกลียดไปแล้วแค่ความสะใจของตัวเอง

ทำลายชีวิตเดลได้เลือดเย็นจริงๆ เดลพ้นช่วงนี้ไปให้ได้นะ :hao5:

หลังจากนี้มันต้องมีวันของเราฝึกงานเสร็จเราจะทำอะไรที่ไหนก็ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 15-12-2015 00:02:51
ธนาก็สมควรโดนต่อยแล้วล่ะ  o18
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: diszalove_ ที่ 15-12-2015 02:23:40
เราว่า จักพรรดิจะทำลายชีวิตโมเดลมากไปแล้วนะ
การที่เราทำให้คนหนึ่งคนถูกตัดสินไปว่าเป็นคนยังไง
มันเป็นอะไรที่ยากมากนะ ที่จะเปลี่ยนความคิดคนได้
เพราะเขามีอคติกับเราไปแล้ว เขาก็จะเลือกมองแต่ในด้านที่เขาต้องการ
โมเดล ใจร้อนเกิน ถึงเวลาต้องใส่หน้ากากแล้วล่ะ จะตอบโต้แบบไหนก็เลือกเอา
แต่ต้องไม่ใช่วิธีนี้ ไม่ใช่ตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน มันต้องแยบยลกว่านี้
ถ้าคิดจะสู้กับจักรพรรดิ โมเดลต้องใจเย็น สุขุม เข้าไว้ ถ้าจักรพรรดิเป็นคนใจเย็น
โมเดลต้องเย็นกว่า ใครจะพูดไรก็ปล่อยไป อย่าไปอารมณ์ขึ้นง่ายๆ
อย่าหวั่นไหวกับการกระทำของจักพรรดิ คนอย่างนี้น่ากลัวกว่าที่คิดไว้
ทำทุกอย่างต้องมีผลตอบแทน เราไม่ชอบเวลาโมเดลสับสนเลย
มันทำให้เราเหมือนคนเข้าใจผิดอ่ะ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับได้รับความสนใจ
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ โดนทำอย่างไงบ้าง กลับไม่สนใจ ไม่จำ ทำเหมือนไม่เคยเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-12-2015 13:09:00
ทำไมตอนพ่อถามไม่พูด!!
เชื่อเลยว่าต้องมีคนพูดมัาวไปอีก
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 15-12-2015 14:26:43
ทุกคนรุมแต่โมเดลคนเดียว โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ ไม่คิดถามอะไรเลยบ้างหรือ เหี้ยกันทั้งบริษัท นัองโมเดลอย่าทนอยู่อีกต่อไปเลย ลาออกและตัดพ่อตัดลูกซะ พ่อเลวไมฟังลูกไม่สมควรเป็นครอบครัวเดียวกันอีก!!!  :fire:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 9] [14 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tequila ที่ 23-12-2015 00:06:06
เดลสู้ๆนะ เราเป็นกำลังใจให้  ตัวเราคิดว่ามันผิดทั้งสองฝ่านน้าคือธนาผิดที่ไปยั่วยุ แหนบแนม แต่ว่าถ้าเดลลดความใจร้อนลงอีกนิดมีสติขึ้นอีกนิดต่อให้มีสิบธนาร้อยจักรพรรดิก็ทำอะไรเดลไม่ได้หรอ ส่วนเรื่องนินทาอะไรเนี้ยที่เกิดขึ้นในบริษัทต่อให้ไปที่ไหนก็เจอเพราะมันเป็นเรื่องที่หยั่งรากเข้าไปในสังคมไทยแล้ว เราควรจะต้องปรับตัว แต่ตอนนี้เดลทำดีแล้วที่รู้จักไปปรับอารมณ์ข้างนอก :katai2-1:  :katai2-1:
ปล.สะใจอ่ะที่ธนาโดนต่อย สมควร :katai3: o18
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 06-01-2016 17:16:10




ตอนที่ 10



 

 

            โมเดลบอกตัวเองว่าคงเป็นเพราะอารมณ์ที่ยังไม่เย็นลงมันเลยทำให้เขายอมที่จะให้จักรพรรดิพาออกมาแบบง่ายดายโดยไม่ไม่พูดอะไรสักคำ นั่นก็เป็นเพราะโมเดลเหนื่อยที่จะต้องต่อปากต่อคำในตอนนี้


            ดวงตาเรียวมองออกไปนอกหน้าต่างในขณะที่รถติดไฟแดง ใบหน้าแม้จะเรียบเฉย แต่มือก็ยังคงกำแน่นอยู่ไม่เปลี่ยน นิสัยแย่ๆ ของเขาอีกอย่างหนึ่งก็คือถึงแม้ว่าจะพยายามสะบัดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นออกไปมากเท่าไหร่ เขากลับยิ่งนึกถึงมันมากเท่านั้น


            จักรพรรดิเหลือบมองคนที่นั่งนิ่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่เขาพาออกมา แล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แบบที่อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ เขาเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะไปถึงขั้นนี้


            แต่ก็ดี อะไรๆ มันก็เร็วขึ้น


            แต่ดูท่ากวางน้อยของเขาคงจะเสียศูนย์ไปมากทีเดียว เข้าไปในห้องของพ่อคงจะโดนมาไม่มากก็น้อย และจากที่รู้ โมเดลไม่ใช่เด็กที่จะเก็บอารมณ์อะไรได้ดีอยู่แล้ว ถ้าโดนว่ามาหน่อยไม่พ้นเถียงกลับไปแน่ๆ


 

            “โมเดล”


 

            เสียงเข้มเอ่ยเรียก แต่เจ้าของชื่อยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิม ราวกับว่าเสียงที่เรียกออกไปไม่อาจจะดึงโมเดลกลับมาจากความคิดได้เลย


            จักรพรรดิยักไหล่ ตอนนี้น่ะปล่อยให้นิ่งไปก่อน เพราะยังไงเขาก็มีเวลาทั้งวันอยู่แล้ว


            จักรพรรดิเลี้ยวรถเข้ามาในคอนโดของตนเอง ที่แห่งนี้เขาไม่ได้มาบ่อยนักหรอก ล่าสุดก็ตอนที่กวางน้อยแสนพยศของเขาไม่สบายนั่นแหละ


            แต่เห็นที คงได้มาบ่อยๆ แน่


            พอจอดรถเสร็จจักรพรรดิก็โคลงหัวหน่อยๆ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจที่โมเดลยอมลงจากรถแล้วเดินตามเขามาแบบว่าง่าย แต่พอมาถึงหน้าประตูนั่นแหละ กวางน้อยเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว ดวงตาเบิกกว้างขึ้น คิ้วสวยขมวดฉับจ้องหน้าเขาแบบไม่พอใจ


 

            “นี่มึง!! เหี้ยเอ้ย!” โมเดลสบถออกมาด้วยความหัวเสีย ขาเรียวหมุนกลับจะเดินหนี


            หมับ


            “ปล่อย!”


            “หึ! นายคิดว่ามาถึงหน้าห้องแบบนี้แล้วฉันจะยอมปล่อยนายกลับไปง่ายๆ งั้นเหรอ” จักรพรรดิรั้งแขนโมเดลเอาไว้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยท่าทีกวนอารมณ์ จากนั้นก็ลากร่างบางเข้ามาในห้อง ในแบบที่โมเดลพยายามยื้อตัวเองไว้สุดฤทธิ์


            “จักรพรรดิ กูไม่มีอารมณ์จะมาเถียงเหี้ยอะไรกับมึงหรอกนะ”


            “ใครว่าฉันจะเถียงกับนายกัน แบบนั้นมันไร้ประโยชน์ มีอะไรอย่างอื่น…ที่น่าทำกว่าเยอะ” โมเดลตัวยืนตัวสั่นเมื่อจักรพรรดิโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ สัญญาณอันตรายกำลังร้องเตือนเขาอยู่


            ที่แห่งนี้คือพื้นที่ของจักรพรรดิ และเขาก็โง่เองที่ยอมตามมาแบบไม่ทันคิดอะไร


          รู้ตัวตอนนี้ก็ดูจะสายเกินไปแล้ว


            ภาพเหตุการณ์ในผับคืนนั้น แหละบนรถของร่างหนาฉายแวบเข้ามาในหัว พามาที่ห้องแบบนี้จะให้คิดเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงล่ะ

 


            “กลัวเหรอ”


            “ไอ้เลว!”


            พลั่ก!!


            ต้องขอบคุณความโมโหที่ยังคงค้างอยู่ในใจ ทำให้เขาไม่ต้องบิ้วอารมณ์อะไรมาก โมเดลสะบัดมือจักรพรรดิหลุดออกไป ก่อนจะปล่อยหมัดใส่ใบหน้าหล่อๆ นั่นอีกครั้ง ไม่มีท่าทีระวังตัวจากร่างสูง ไม่มีท่าทีจะเอาคืน


            มือเรียวกระชากคอเสื้อร่างสูงเข้ามา แล้วซัดใบหน้าของจักรพรรดิไปอีกครั้ง ความโกรธทำให้ใบหน้าสวยแดงก่ำ จักรพรรดิเซถอยไปนิด แล้วก็ต้องชะงักเมื่อโมเดลหันไปคว้าหนังสือเล่มหนาแล้วขว้างใส่หน้าเขาเต็มแรง


            ปึก!!


            แว่นกรอบสวยที่ใส่อยู่ตกลงมาที่สันจมูก ความเจ็บที่ได้รับทำให้จักรพรรดิกำมือแน่น แววตาวาวโรจน์แบบที่โมเดลไม่มีทางได้เห็น มือหนายกขึ้นมาถอดแว่นตาของตัวเองแล้วโยนทิ้งไปด้านหลังแบบไม่ใส่ใจ


            โมเดลเห็นท่าทางที่ดูโกรธๆ นั่นก็ชะงักไปนิด แต่เพราะตัวเขาเองก็โมโหเหมือนกันจึงไม่สนใจอะไรมาก


            “เพราะมึง…เพราะมึงคนเดียว มึงมันเสแสร้ง ทำให้ทุกคนมองว่ามึงแม่งเป็นคนดี ส่วนเรื่องเหี้ยๆ ก็ตกมาอยู่ที่กูคนเดียว!” โมเดลตะคอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ น้ำใสๆ คลอหน่วงขึ้นมาที่ดวงตาอีกครั้ง


            จักรพรรดิเสยผมตัวเองก่อนจะถอนหายใจ เด็กน้อยโมโหร้าย แน่นอนว่าแบบนี้ไม่ฟังอะไรอยู่แล้ว ริมฝีปากสวยแสยะยิ้มร้ายกาจ ขายาวก้าวเข้าไปใกล้


            “ฉันเหรอ? หึ ไม่หรอก นายน่ะ…ทำตัวเองทั้งนั้น”


            กึก


            “มึงว่าไงนะ!”


            “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่านิสัยของนายที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะ มันแย่ และก็แย่มาก นายมันก็แค่เด็กไม่รู้จักโต” ขายาวขยับเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น โมเดลจ้องหน้าจักรพรรดิเขม็ง


            “เพราะนายควบคุมตัวเองไม่ได้เองหรือเปล่า เพราะนายมัวแต่เก็บคำพูดของคนพวกนั้นไปคิดเองไม่ใช่เหรอ แล้วนายก็หาทางแก้ตัวให้ตัวเอง ว่าตัวนายไม่ผิด โดยการโยนทุกอย่างมาให้ฉัน” โมเดลถอยหลังหนีคนที่เดินคุกคามเข้ามาจนแผ่นหลังชิดผนัง เขาเหลือบมองข้างตัวเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีทางให้ขยับหนีก็หันไปประชันหน้าสู้


 

            “แล้วมึงคิดว่าที่มึงทำอยู่นี่มันถูกแล้วหรือไง”


            “ฉันไม่เคยคิดว่าฉันทำอะไรผิด”


 

            คำตอบแสนร้ายกาจของจักรพรรดิทำให้โมเดลถึงกับเหวอไปชั่วขณะ ไม่เคยคิดว่าผิดงั้นเหรอ


            เฮอะ ก็งั้นมั้ง ก็ถ้ามีจิตสำนึกสักนิด คงไม่ทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายอย่างเช่นทุกวันนี้


            “ฉันขอย้ำอีกครั้ง นายทำตัวนายเองทั้งนั้น ที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นั่นก็นาย ที่ปากไม่ดี นั่นก็นาย” ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วอุ่นๆ ของร่างสูงเกลี่ยแผ่วเบาอยู่ที่กลีบปากบาง


            “นั่นไม่ใช่เพราะมึงเสแสร้งใส่ทุกคนก่อนเหรอ”


            “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ทุกอย่างที่นายเห็น…นั่นแหละคือนิสัยของฉัน”


            “เฮอะ!! ไร้สาระ”


            “แต่อย่างน้อยๆ ก็ทำให้นายลืมเรื่องเมื่อกี้ไปได้ล่ะนะ” จักรพรรดิยักไหล่พูด โมเดลชะงักกึก จริงอย่างที่ร่างหนาพูด เขาลืมมันไปแวบหนึ่งเลย จะบอกว่าที่จักรพรรดิทำอยู่นี่เพื่อต้องการให้เขาลืมมัน เพื่อช่วยเขางั้นเหรอ


            ให้ตายก็ไม่อยากจะเชื่อ


            “แล้วมึงพากูมาที่นี่ทำไม”


            “หึ พามาปลอบใจล่ะมั้ง” จักรพรรดิกระตุกยิ้ม ผู้ชายที่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะเป็นชายผู้อ่อนโยน แต่ในขณะนี้กำลังเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจและกวนโมโหเขามากที่สุด!


            “เฮอะ! ด้วยการพูดกวนตีนกูแบบนี้อะนะ”


            “เปล่า ด้วยริมฝีปากของฉันต่างหาก” จบคำมือหนาก็เชยคางโมเดลขึ้นมาแล้วประกบริมฝีปากลงไป ร่างบางสะดุ้งเฮือกในทีแรก ก่อนจะเริ่มออกแรงดิ้น แต่ก็ไม่อาจพ้นอ้อมแขนแข็งแรงที่กอดรัดตัวเขาไว้ได้


            จักรพรรดิบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างแนบแน่น กอดรัดร่างของโมเดลจนแทบจะจมหายไปกับอกแกร่ง ปลายลิ้นตวัดเลียทั่วกลีบปาก ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปข้างในโพรงปากอุ่น


            “อื้อ” เสียงร้องครางแผ่วๆ ในลำคอทำให้จักรพรรดิลอบยิ้มในใจ ขายาวก้าวถอยหลังพร้อมกับดึงร่างบางไปด้วย


            ตุบ


            ทั้งคู่ทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่ม รั้งร่างบางขึ้นมานั่งคร่อมบนตักแกร่ง โมเดลขมวดคิ้วฉับเมื่อรู้สึกว่าผู้ชายร้ายกาจคนนี้เริ่มจะเอาเปรียบเขามากเกินไปอีกแล้ว แต่เมื่อคิดแล้ว ขัดขืนไปก็เท่านั้น ยังไงเขาก็ไม่มีวันสู้แรงผู้ชายคนนี้ได้อยู่ดี


            ดวงตาเรียวปิดลงอย่างยอมรับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่แล้วจักรพรรดิก็ถอนริมฝีปากออกไป ยิ้มมุมปากส่งมาให้ ก่อนที่จะส่งปลายนิ้วมาเกลี่ยเช็ดน้ำใสๆ วาววับที่ริมฝีปาก


            “ฉันบอกแล้วไง ว่าปลอบด้วยริมฝีปากของฉัน”


            “สัด”


            หมับ


            จักรพรรดิเมินเสียงด่านั่นแล้วดึงตัวโมเดลเข้าไปกอด มือหนาวางอยู่บนศีรษะเล็ก ก่อนจะลูบๆ แล้วจับปลายผมยาวๆ ของโมเดลเล่นอย่างเพลินมือ โมเดลจะลุกหนีก็ทำไม่ได้ เพราะจักรพรรดิไม่ยอมให้เขาได้ขยับตัวเลย


            “ฉันกอดนายแบบนี้แล้วรู้สึกยังไง”


            “อึดอัด แล้วก็รังเกียจ”


            “นายรังเกียจฉันจริงๆ น่ะเหรอ” โมเดลชะงักไปกับคำถาม เขามองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเพราะถูกกอดเอาไว้แบบนี้ และเมื่อโดนถามมาแบบนี้ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน


            ร่างบางถอนหายใจ ฝังใบหน้าลงกับไหล่แกร่งอย่างคนหมดแรง ริมฝีปากยิ้มเยาะให้กับตัวเอง ตลกสิ้นดี คนที่ทำให้เขาเจอเรื่องแย่ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นที่ให้อ้อมกอดในตอนที่ไม่มีใครเข้าใจเขา


            “นายอาจจะเกลียดฉัน แต่รู้อะไรมั้ย”


            “อะไร”


            “ตอนที่รู้ว่านายมีเรื่อง ฉันเป็นห่วงนายจริงๆ นะ” แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่จักรพรรดิทำให้เขาเหวอแบบตั้งตัวไม่ทัน แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนๆ จะมาพูดอะไรแบบนี้ใส่ แต่เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูจริงใจมันทำให้เขาหลงเชื่อไปมากกว่าครึ่ง


            และเพราะว่ากอดอยู่แบบนี้ โมเดลเลยไม่มีทางเห็นรอยยิ้มร้ายกาจของร่างหนาที่เผยออกมาเพียงแวบเดียว


 

            สักพักใหญ่ๆ เลยล่ะกว่าที่จักรพรรดิจะยอมปล่อยให้โมเดลเป็นอิสระ จากที่นั่งอยู่บนตักก็ขยับมานั่งข้างๆ แทน แล้วก็ยังไม่พ้นมือหนาที่วางพาดพนักพิงเหมือนกับโอบกอดเขากลายๆ


            “มีอะไรอยากจะพูดมั้ย” เสียงนุ่มทุ้มถามขึ้นหลังจากที่เงียบกันไปนาน


            “ไม่มี” โมเดลก็ยังคงเป็นโมเดล ถึงแม้ว่าตอนนี้จักรพรรดิจะแสดงท่าทีที่เป็นมิตรมากขึ้น ดูไม่อันตรายอย่างเช่นทุกที แต่ว่า…เพราะไม่ชอบขี้หน้า จะให้มาพูดกันดีๆ ก็คงจะทำได้ยาก


            “จริงๆ นายระบายกับฉันได้นะ”


            “เพื่อให้มึงเอาไปเสแสร้งให้ตัวเองดูเป็นคนดีอีกน่ะเหรอ ฝันไปเหอะ” กวางน้อยขู่ฟ่อๆ ซะแล้ว จักรพรรดิโคลงหัวเบาๆ ก่อนจะส่งมือไปจับปลายผมนุ่มๆ นั่นเล่นอีกครั้ง


            “หึๆ พูดได้ ฉันรับรองว่าฉันจะเป็นผู้ฟังที่ดี” เห็นท่าทีที่อ่อนลงมากของโมเดลจักรพรรดิก็ลอบยิ้มในใจ แต่เด็กน้อยก็ยังคงดื้อ เบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่ก็ไม่ปัดมือเขาที่เล่นผมของตัวเองอยู่ออก


            “นายเกลียดธนาหรือเปล่า”


            “ตอนแรกกูก็ไม่ได้เกลียดหรอก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เหมือนว่าคำถามจะไปสะกิดโดนจุดเดือดอีกแล้ว โมเดลยังไงก็ละทิ้งจุดนี้ไปไม่ได้สินะ โมโหง่ายเหลือเกิน เพียงแค่เอ่ยถึงก็ดูหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว


            “นายเกลียดเขาได้ แต่นายแสดงออกไม่ได้หรอกนะ”


            “ทำไม!”


            “ถ้านายอยากจะโดนคนหาว่าเป็นเด็ก แยกแยะอะไรไม่ได้ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ นายก็ไม่ต้องฟังฉันหรอก แต่ถ้านายไม่อยาก นายต้องรู้จักควบคุมตัวเองให้มากกว่านี้ นายโตแล้วนะเดล” โมเดลหน้าร้อนขึ้นมา เหมือนกับว่าเขากำลังโดนผู้ใหญ่ดุอยู่แบบนั้นเลย


            “เรื่องของกู”


            “เพราะนายมันดื้อแบบนี้ไง”


            “มึงจะไปรู้อะไร มันด่ากูว่าอะไรบ้างมึงรู้มั้ย เด็กเส้น! ทำเหี้ยอะไรไม่เป็น ข้ามหน้าข้ามตา แถมยัง!...” แล้วโมเดลก็หยุดพูดไปดื้อๆ ฟันสวยขบกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ถึงไม่พูดออกมาจักรพรรดิก็พอจะเดาได้


            “ฉันรู้ มันไม่โอเค”


            “โคตรไม่โอเคเลย! ทำไมวะ! งานกูก็ทำได้ แล้วกูก็จะทำให้มันดีด้วย ข้ามหน้าข้ามตาเหี้ยอะไร เพราะพวกมันไม่สนใจต่างหาก มึงคิดดูดิ! แล้วแบบนี้จะให้กูทนได้ยังไง” จักรพรรดิพยักหน้าเบาๆ ริมฝีปากก็ยิ้มขำไปด้วย


            นี่น่ะเหรอที่บอกว่าไม่มีอะไรจะพูด


            “นายก็เอาคืนสิ”


            กึก


            โมเดลหันมองคนข้างตัว เขาถึงขั้นต้องหรี่ตามองร่างหนา จู่ๆ ก็พูดอะไรออกมาแบบนี้ อย่างกับว่ากำลังแสดงด้านร้ายๆ ออกมาเลย


            “ยังไง”


            “เอาคืนด้วยงานของนาย ทำให้พวกนั้นเห็นว่านายก็ทำได้ แล้วทำมันได้ดีด้วย ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยมันไป โมโหก็เก็บเอาไว้ แล้วทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น แล้วอีกอย่าง…ยังไงเขาก็เป็นรุ่นพี่ นายก็ควรเคารพเขาบ้าง ไม่ต้องมากมาย แต่ให้เขารู้ว่านายเองก็มีมารยาท”


            “นี่มึงจะด่ากูว่าไม่มีมารยาทเหรอ!” โมเดลปรี๊ดแตก กระชากคอเสื้อจักรพรรดิแล้วตะคอกถาม


            “ไอ้นิสัยแบบนี้นายก็ควรจะลดลงไปด้วย” ปลายนิ้วของจักรพรรดิแตะลงบนจมูกโด่งสวยของโมเดล


            “ฮึ่ย!”


            “เข้าใจมั้ย”


            “เออ!” โมเดลกลับมานั่งที่เดิม แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่อยู่กับไอ้บ้านี่ได้เป็นชั่วโมงๆ โดยไม่มีเรื่องงานหรืออะไรที่จำเป็นเข้ามาเกี่ยวข้อง


            “ไม่ต้องห่วงว่างานจะออกมาไม่ดีหรอก ยังไงนายก็ยังมีฉัน” จักรพรรดิยักคิ้วข้างหนึ่งด้วยท่าทางเจ้าเสน่ห์ ถึงมันจะน่ามองมากแค่ไหนแต่โมเดลกลับรู้สึกว่ามันกวนอารมณ์มากกว่า


            “แม่งเอ้ย!” สบถเสียงดังก่อนจะผุดลุกขึ้น เดินหนีเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นเพื่อที่จะหาอะไรกิน แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะในตู้เย็นไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากน้ำเปล่า


            “ฉันไม่ค่อยได้มาที่นี่ ไม่มีอะไรให้นายกินหรอกนะ” จักรพรรดิเดินตามมาแล้วยืนพิงขอบประตู มองดูกวางน้อยที่หัวฟัดฟัวเหวี่ยงเมื่อไม่ได้ของที่ต้องการ


            “แล้วมึงจะพากูมาทำไม”


            “ต้องการให้ฉันย้ำอีกครั้งงั้นเหรอ” จักรพรรดิถามขึ้นพร้อมกับดวงตาคมที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ ร่างหนามองไล่ลงมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบาง โมเดลเผลอตัวสั่นไปกับแววตานั่น


            “งั้นกูกลับ”


            หมับ


            “เดี๋ยวสิ หิวไม่ใช่เหรอ”


            เขาล่ะสงสัย ว่ามีใครที่เอาแต่ใจชอบบังคับแบบจักรพรรดิอีกมั้ยในโลกนี้ วันนี้คิดอยากจะลากเขาไปไหนก็ลากแบบไม่ถามความสมัครใจก่อนเลย และในตอนนี้ จักรพรรดิก็พาเขามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง


            “พากูมาทำไม”


            “ถ้านายใช้สมองนายก็น่าจะคิดได้ว่าที่นี่คือร้านอาหาร” จักรพรรดิปลายตามองคนข้างตัวแล้วเดินนำเข้าไปในร้าน โมเดลยืนกำมือแน่น เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังเป็นผู้ชายอบอุ่นดูเป็นผู้ใหญ่คอยให้กำลังใจเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้ไอ้ผู้ชายปากหมาที่มีคำพูดเจ็บแสบมันกลับมาอีกแล้ว


            ร่างสูงหันกลับมามอง ใช้สายตาสื่อให้รับรู้ว่าถ้าไม่เดินตามเข้าไป รับรองได้ว่าจะได้เจอกับเรื่องเซอร์ไพรส์แน่ๆ


            เข้ามานั่งในร้านก็เป็นอีกครั้งที่จักรพรรดิแสดงความเอาแต่ใจ นั่นคือการสั่งอาหารโดยไม่ถามเขาสักหน่อย และพอเขาจะสั่งของตัวเองบ้างจักรพรรดิก็ชิงบอกตัวหน้าว่าเอาเท่านี้


            “มึงจะกวนประสาทกูไปถึงไหน”


            “ฉันพานายมากินข้าว” ร่างหนายักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ


            “เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามึงกวนตีนกู”


            “มีใครเคยบอกมั้ยว่านายน่ะพูดมากและก็น่ารำคาญมากด้วย ช่วยเงียบปากสักพักคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกมั้ง” โมเดลแทบอยากจะคว่ำโต๊ะใส่ ไอ้บ้าตรงหน้าเขานี่ตกลงมันมีกี่นิสัย มีกี่บุคลิกกันแน่ เขาจะได้ตามมันได้ถูก


            “ว่าแต่…นายไม่ได้โดนพ่อดุอะไรมากใช่มั้ย”


            คนหน้าสวยถอนหายใจ จักรพรรดิวนกลับเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะอารมณ์เย็นลงแล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากจะพูดถึงมันอยู่ดี ทำเหมือนว่าหนี แต่ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอ ยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี


            “จริงๆ พ่อกูเขาไม่ได้ด่าอะไรหรอก กูโมโหไม่ฟังอะไรเอง”


            “หึ! ก็คิดได้เหมือนกันนี่” จักรพรรดิกระตุกยิ้มมุมปาก สาบานได้ว่าถ้าไม่ได้นั่งอยู่ในร้านที่มีคนเยอะๆ แบบนี้เขาจะฟาดหน้าหล่อๆ นั่นสักที


            “สัด!”


            “อารมณ์ร้อนตลอดเวลาไม่เหนื่อยบ้างหรือไง” จักรพรรดิเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ กอดอกมองมา พอถูกร่างหนามองแบบที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่แว่นแล้วมันก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ เพราะปกติจักรพรรดิจะใส่แว่นตลอดเวลาที่เจอกัน


            ยกเว้น…ตอนทำแบบนั้นล่ะนะ


            “แล้วมึงไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ที่ต้องคอยปั้นหน้าเป็นคนดีแบบนี้” โมเดลได้ทีก็กอดอกด้วยท่าทางเดียวกันแล้วถามกลับไป แต่แทนที่จะทำให้จักรพรรดิรู้สึกขุ่นเคือง เขากลับยิ้มแบบไม่คิดอะไรออกมา


            “ฉันเคยบอกนายไปแล้วไง ว่าทุกอย่างที่นายเห็น นั่นแหละคือนิสัยของฉัน ฉันไม่ได้แกล้งทำ”


            “อ๋อ จะบอกว่าเลวแบบนี้อยู่แล้วสินะ”


            “จิตใจของนายทำด้วยอะไร ถึงได้คิดแต่ว่าคนนู้นคนนี้เลวไปซะหมดแบบนี้” จบคำโมเดลก็ผุดลุกขึ้น เขาทนนั่งอยู่กับไอ้ปากหมานี่ต่อไม่ได้แล้ว ไม่อย่างงั้นเขาได้ระเบิดกลางร้านแน่ๆ


            “นั่งลงโมเดล ยังไม่ได้กินข้าวเลย” จักรพรรดิเองก็ดูสนุกสนานกับการที่ได้แกล้งกวางน้อย


            “มึง…”


            “จะหงุดหงิดไปทำไม อย่างน้อยๆ มื้อนี้ฉันก็เลี้ยงนาย” พูดจบแล้วก็ยักคิ้ว


            โมเดลกระแทกตัวนั่งลง จ้องหน้าอีกฝ่ายแบบเครียดแค้น เฮอะ! กวนตีน!!



หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-01-2016 17:50:23
อ่านแล้วหงุดหงิดแทนเลย
รู้สึกอารมณ์เสีย55555
 
รอตอนต่อไปนะ : )
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-01-2016 18:01:15
จักรพรรดินี่ยังไง กวนไปกวนมาอยู่ได้

รอตอนต่อไปปปป :mew1:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 06-01-2016 18:02:21
เป็นวิธีดัดสันดานเด็กดื้ออารมณ์ร้อนในแบบของเฮียพรรดิซินะ
สอนด้วยประสบการณ์ตรง ให้โดนรุมเร้าไล่ต้อน เอาให้จนตรอก แล้วก็ลูบหัวปลอบแถมตบด้วยถ้ายังดื้อยังเถียงไม่เลิก

พรรดิมันจะกวนตีนเสแสร้งสองหน้าอะไรก็เอาเหอะ แต่อยากให้เดลใจเย็นกว่านี้ เป็นผู้ใหญ่ทางอารมณ์อยู่ในสังคมไม่ว่าใครก็ต้องใส่หัวโขนทั้งนั้น  อ่านแล้วมันจะสนุกกว่านี้ถ้าพระนายรู้ทันกัน ไม่วิ่งเต้นไปตามเกม ข่มกันไม่ลง

สะใจเล็กๆกับหมัดที่เหวี่ยงไปกระแทกหน้าเฮียค่ะน้องเดล ปรบมือรัวๆ แล้วก็อย่าไหลตามไปกับการจู่โจมเล้าโลมของพรรดินัก เพราะเขาจะว่าได้ว่าเรา"ง่าย" จะเอาที่ไหนเมื่อไหรก็ได้
ปล. เรียกเดลว่ากวางน้อย เราแอบคิดไปถึงพวกเพจพ่อบ้านใจกล้า  คิดตามแล้วมันไม่ใช่อ่ะ 555
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tequila ที่ 06-01-2016 18:56:49
เป็นวิธีดัดสันดานเด็กดื้ออารมณ์ร้อนในแบบของเฮียพรรดิซินะ
สอนด้วยประสบการณ์ตรง ให้โดนรุมเร้าไล่ต้อน เอาให้จนตรอก แล้วก็ลูบหัวปลอบแถมตบด้วยถ้ายังดื้อยังเถียงไม่เลิก

พรรดิมันจะกวนตีนเสแสร้งสองหน้าอะไรก็เอาเหอะ แต่อยากให้เดลใจเย็นกว่านี้ เป็นผู้ใหญ่ทางอารมณ์อยู่ในสังคมไม่ว่าใครก็ต้องใส่หัวโขนทั้งนั้น  อ่านแล้วมันจะสนุกกว่านี้ถ้าพระนายรู้ทันกัน ไม่วิ่งเต้นไปตามเกม ข่มกันไม่ลง

สะใจเล็กๆกับหมัดที่เหวี่ยงไปกระแทกหน้าเฮียค่ะน้องเดล ปรบมือรัวๆ แล้วก็อย่าไหลตามไปกับการจู่โจมเล้าโลมของพรรดินัก เพราะเขาจะว่าได้ว่าเรา"ง่าย" จะเอาที่ไหนเมื่อไหรก็ได้
ปล. เรียกเดลว่ากวางน้อย เราแอบคิดไปถึงพวกเพจพ่อบ้านใจกล้า  คิดตามแล้วมันไม่ใช่อ่ะ 555

คิดเหมือกันเลย เพจพ่อบ้านใจกล้า  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 06-01-2016 19:11:25
ขอตอนต่อไปเลยได้มั้ยยย  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 06-01-2016 19:32:54
สนุกมากจ้ารอตอนต่อไปน๊า  :hao7:
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2016 20:00:08
หืมมมม สรุปว่าจักพรรดิ ดีหรือไม่ดีอะ คิดร้ายอะไรกับเดลรึป่าว สงสารเดลนะ ไม่ได้ทำไรผิดเลยยย แค่อามรมณ์ร้อน
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-01-2016 22:37:42
ทั้งรำคาญแล้วก็สงสารเดลอ่ะ

หึ อยากให้เฮียพรรดิ์ต้องจนตรอกเพราะเดลสักครั้งจัง หึๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 10] [6 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 02-04-2016 21:29:19
ยังรออยู่น่ะ
หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 16-04-2016 18:01:57
 

 

ตอนที่ 11

 

 

 

 

            หลังจากที่จักรพรรดิลากโมเดลไปนู่นไปนี่จนเวลาผ่านไป ณ ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า บีเอ็มไอสามของจักรพรรดิก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของโมเดล ในจังหวะที่มือเรียวกำลังจะเปิดประตู มือหนาของจักรพรรดิคว้าแขนโมเดลไว้ซะก่อน

 

            “อะไรอีก กูจะเข้าบ้าน”

 

            “ไม่คิดจะขอบคุณฉันหน่อยเหรอไง”

 

            “เรื่องอะไร”

 

            “นี่ฉันหลงคิดไปเองเหรอว่าคนแบบนายน่าจะคิดเรื่องง่ายๆ แค่นี้ออก” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างกวนอารมณ์ โมเดลรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าเข้าไปทุกที วันนี้ทั้งวันก็ถูกผู้ชายคนนี้ลากไปแบบที่ปฏิเสธไม่ได้ พอถึงบ้านก็ดีใจขึ้นมาหน่อยที่จะได้แยกจากกันซะที

 

            เล็กๆ น้อยๆ ก่อนจากจักรพรรดิก็ไม่ปล่อยผ่าน

 

            “งั้นกูต้องขอบคุณมึงด้วยมั้ยที่กวนประสาทกูทั้งวันน่ะ”

 

            “นายคิดไปเองหรือเปล่าโมเดล” จักรพรรดิยักไหล่ แต่มือก็ยังจับแขนเรียวไว้ไม่ปล่อย โมเดลกัดฟันกรอด ดึงแขนตัวเองกลับมาสุดแรง จักรพรรดิที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็ปล่อยมือโดยง่าย ทำให้มือของโมเดลไปชนเข้ากับประตูรถเสียงดัง

 

            “โอ๊ย!”

 

            “หึ โง่” คำพูดที่ทำให้คนฟังเดือดได้ง่ายๆ ถูกส่งออกมา โมเดลตวัดสายตากลับไปหาแบบโกรธๆ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อจักรพรรดิดึงมือข้างที่เจ็บไปจับไว้ แล้วลูบเบาๆ

 

            “บอกแล้วอย่าใจร้อน” จักรพรรดิว่าขำๆ มือก็ลูบตรงรอยแดง โมเดลนั่งนิ่ง หรี่ตามองอีกฝ่ายว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ และคงเป็นเพราะจักรพรรดิไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าที่เห็น เลยไม่มีอาการต่อต้านใดๆ จักรพรรดิที่เห็นว่าเด็กน้อยของเขายอมนั่งนิ่งๆ ไม่ดื้ออย่างเช่นทุกครั้งก็ลอบยิ้มในใจ จากที่ลูบมือก็เลื่อนขึ้นไปที่แก้มขาว

 

            กึก

 

            “รู้มั้ยว่าตอนที่นายอยู่เฉยๆ แบบนี้น่ะ น่ารักกว่าตอนพูดมากซะอีก” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเกือบจะชิดกัน โมเดลคิ้วกระตุกเมื่อโดนพูดแบบนี้ใส่

 

            มันดูเหมือนจะเป็นคำชมนะ แต่มันก็แฝงคำด่าไว้ด้วยเหมือนกัน

 

            “แล้วมึงรู้มั้ย มึงน่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรกูก็มองว่ามึงเลวอยู่ดี เรื่องที่มึงพยายามทำตัวเป็นคนดีใส่กู มันไม่ช่วยอะไรหรอกนะ” ร่างบางก็สวนกลับไปด้วยคำพูดที่เจ็บแสบ แต่จักรพรรดิไม่สะทกสะท้าน ริมฝีปากสวยขยับยิ้มบางๆ

 

            “ถ้านายพอใจ นายจะคิดแบบนั้นก็ได้”

 

            “เฮอะ!”

 

            “พรุ่งนี้ตอนเช้าเดี๋ยวฉันมารับ แต่งตัวรอไว้ด้วยล่ะ” จักรพรรดิผละถอยออกไป โมเดลเผลอถอนหายใจด้วยความโล่งออกที่ไม่โดนทำอะไรไปมากกว่านี้ จากนั้นก็หันไปขมวดคิ้วใส่ร่างสูงที่กลับไปนั่งดีๆ มือหนาเคาะพวงมาลัยด้วยท่าทางสุดเท่ เห็นแล้วก็อดที่จะเบ้ปากใส่ไม่ได้

 

            “กูจำเป็นต้องทำตามที่มึงพูดด้วยหรือไง แล้วอีกอย่าง กูต้องทำงาน”

 

            “สถาปนิกน่ะอยู่ที่ไหนเข้าก็ทำงานได้ ถ้านายเอาสมองไปด้วยล่ะนะ แต่ถ้านายอยากจะทำงานจริงๆ ก็เอาโน้ตบุ้คไปด้วยก็ได้ หึ! ไม่คิดว่านายจะขยันนะ” ไม่วายแอบกัดร่างบางไปด้วยเล็กๆ โมเดลกัดฟันเหล่คนข้างตัว ก่อนจะถอนหายใจเฮือกเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ต่อปากต่อคำไปก็ไม่เคยชนะผู้ชายคนนี้หรอก

 

            “ทำตามที่ฉันบอกซะ นายน่ะยังเข้าไปทำงานตอนนี้ไม่ไหวหรอก เชื่อฉันสิ”

 

            โมเดลนั่งนิ่ง ใช่ เป็นอย่างที่จักรพรรดิพูด เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีความอดทนมากพอเวลาไปเจอหน้าของธนา หรือต้องเจอกับสายตาของคนในบริษัท

 

            โมเดลเปิดประตูลงไป ไม่ได้พูดตอบอะไรจักรพรรดิ แต่ร่างสูงก็รู้ ว่ายังไงโมเดลก็ทำตามที่เขาบอกแน่ๆ

 

 

            หลังจากส่งโมเดลเสร็จแล้ว เขาก็ตรงกลับบ้าน พอก้าวลงจากรถก็ชะงักไปนิดเมื่อเหลือบไปเห็นรถของคนที่ไม่ค่อยจะกลับมาที่บ้านจอดอยู่ จากนั้นริมฝีปากก็ขยับยิ้มบางๆ ขายาวเดินเข้าไปในบ้าน

 

            เสียงที่ดังออกมาจากห้องนั่งเล่นเป็นตัวบอกได้ดีว่าตอนนี้ทุกคนในบ้านอาจจะรวมตัวกันอยู่ในห้องนั้น จักรพรรดิก้าวตรงไป แล้วก็เป็นอย่างที่คิด อยู่กันเกือบครบเลย

 

            พ่อกับแม่ที่อยู่คู่กัน ถัดไปเป็นเป็นน้องชายตัวแสบที่นานๆ จะกลับมาสักที แล้วก็น้องเล็กฝาแฝดที่นั่งทำการบ้านกันอยู่

 

            “กลับซะดึกเลยนะ”

 

            “มีธุระนิดหน่อยครับ” จักรพรรดิตอบกลับผู้เป็นพ่อ มือหนาปลดกระดุมเสื้อช่วงบนออกเพื่อคลายความอึดอัดแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เป็นใหญ่ที่มองหน้าเขาตั้งแต่เดินเข้ามาด้วยสายตาที่ไม่ได้แสดงถึงความเคารพสักนิด

 

            “ปากมึงไปโดนตีนใครเขามาวะ” เป็นใหญ่เอ่ยถาม

 

            จักรพรรดิเลื่อนมือขึ้นมาแตะที่รอยช้ำที่มุมปากซึ่งเกิดจากการถูกเด็กดื้อต่อยมา เขาแสยะยิ้มนิดๆ เมื่อคิดว่าโดนแค่นี้แต่เพื่ออะไรๆ ข้างหน้ามันก็ออกจะคุ้มอยู่

 

          แล้วไว้ค่อยเอาคืนก็ยังไม่สาย

 

            “เอาจริงๆ มึงก็เหี้ยนะเนี่ย” เป็นใหญ่วาดแขนกอดไหล่พี่ชาย เอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เกรงกลัวสายตาดุๆ ของจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย

 

            “หึ แล้วทำไมวันนี้นายถึงกลับมาบ้านได้ ปกติถ้าไม่ลากก็ไม่กลับไม่ใช่หรือไง”

 

            “เรื่องของกูอีกนั่นแหละ” เป็นใหญ่ยักไหล่ไม่ตอบ

 

            “ไม่ใช่ว่าเด็กของนายไม่ว่างหรือไงคืนนี้”

 

            “มึงนี่ก็ขี้เสือกเนอะ”

 

            “พรรดิ วันนี้มีเรื่องใช่มั้ย ทางนู้นถึงได้โทรมาขอโทษแกกับฉัน แถมกลับบ้านมาปากแกยังช้ำแบบนี้อีก ไม่คิดจะเล่าหรือไง” คราวนี้ผู้เป็นพ่อเอ่ยพูด จักรพรรดินั่งนิ่ง แต่คนที่ดูจะสนใจกว่าใครก็ไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เนี่ยแหละ

 

            “อย่างมึงนี่มีเรื่องกะใครเขาเป็นด้วยเหรอวะ” เป็นใหญ่แกล้งทำสีหน้าตกใจใส่ จักรพรรดิโคลงหัวเบาๆ ก่อนจะตอบคำถามพ่อ

 

            “มันเป็นอุบัติเหตุครับ ไม่ร้ายแรงอะไร และผมก็ไม่ได้โกรธด้วย”

 

            “คนตีปากมึงนี่คือใครวะ ทำไมมึงถึงไม่โกรธ หรือว่ามึงจะไปตามฆ่ามันทีหลังแบบไม่ให้รู้ตัว เฮ้ยๆ อย่ามองกูแบบนั้น กูรู้สันดานมึงดีน่า” เป็นใหญ่ยักคิ้วกวนอารมณ์ พอเห็นว่าจักรพรรดิยังนั่งเฉยไม่ยอมพูดอะไรก็ส่งมือออกไปแกล้งเกาปลายคางร่างสูง

 

            “อะแน่ะ ไม่พูด สาดด เขินๆ” เกาปลายคางพร้อมกับยิ้มล้อเลียนไปด้วย

 

            “หึ…” จักรพรรดิหลุดยิ้มให้กับน้องชาย ก่อนจะปัดมือหนาออกไป

 

            “พี่พรรดิไม่ใช่คนชอบใช้กำลังแบบพี่นะพี่ใหญ่” คิง น้องชายคนเล็กของบ้านที่มีใบหน้าน่ารัก ดวงตาโตสวย แน่นอนว่าน้องเล็กของบ้านเป็นที่รักของทุกคน…โดยเฉพาะจักรพรรดิ ละสายตาจากการบ้านตรงหน้าขึ้นมาพูด

 

            “นั่งเงียบๆ ก็ได้คิงพี่ไม่ว่า ชอบใช้กำลังใช่ว่าจะผิดนะหนู ถ้ามันคุยกันไม่รู้เรื่องก็ตีแม่งเลย ได้เรื่องแน่ๆ คราวนี้” จักรพรรดิส่ายหน้ากับคำพูดของน้องชาย มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะของน้องคนเล็ก

 

            “อย่าเอาตามแล้วกันนะคิง”

 

            “คิงไม่ทำหรอกพี่พรรดิ เชื่อควีนสิ คิงมีสมองพอ” คราวนี้น้องสาวที่เป็นฝาแฝดกับคิงก็เงยหน้าขึ้นมาพูดแทน

 

            “ทำไมเหมือนกูโดนด่าว่าโง่เลยวะ” เป็นใหญ่พึมพำหน้าบึ้ง

 

            “หึๆ”







…………………………….







            เช้า



            พอตอนเช้าจักรพรรดิก็ขับรถมาที่บ้านของโมเดลตามที่บอกเอาไว้เมื่อคืน ร่างสูงมั่นใจเกินร้อยว่ายังไงโมเดลก็ทำตามที่บอกไปแน่ๆ และเพียงเขาเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน ร่างบางของโมเดลก็เดินออกมาพอดี



            ขาเรียวชะงักไปนิด ไม่คิดว่าเดินออกมาแล้วจะเจอจักรพรรดิทันที แก้มขาวแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยอย่างกลัวว่าจักรพรรดิจะจับได้ ว่าตัวเขายอมทำตามที่ร่างสูงพูดเอาไว้เมื่อคืน



            จักรพรรดิก้าวลงมาจากรถ ยืนพิงรถตัวเองกอดอกมองตรงไปที่โมเดลจนอีกฝ่ายรู้สึกทำตัวไม่ถูก จากนั้นจักรพรรดิก็ยิ้มนิดๆ คล้ายจะหยอกล้อคนที่ถามว่าทำไมต้องทำตาม



            “มึงยิ้มอะไร”



            “เปล่า ขึ้นรถสิ อย่าให้ฉันพูดดีกว่า นายอาจจะเขินไปมากกว่านี้” ร่างสูงไม่รอให้อีกฝ่ายพ่นคำด่าออกมา ชิงขึ้นมานั่งบนรถก่อน โมเดลส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ดวงตาเรียวมองจักรพรรดิอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาชูนิ้วกลางส่งให้คนที่นั่งรออยู่บนรถ



            ปึก



            “เหมือนนายจะไม่มีสมองเลยนะ ด่าฉันที่นอกรถแบบนั้นแล้วคิดว่าดีเหรอ เพราะยังไงนายก็ต้องขึ้นมานั่งข้างๆ ฉันอยู่ดี” ทันทีที่โมเดลก้าวขึ้นมาบนรถแล้วปิดประตู จักรพรรดิก็เปิดปากกวนประสาทอีกครั้ง



            “ถ้ามึงอยากปากช้ำอีกข้างก็ลองดูสิ” ร่างบางหันไปพูดขู่



            “โอะ น่ากลัวจังเลยนะ” ร่างสูงยักคิ้ว ไม่ได้ทีท่าทีของคนที่หวาดกลัวอย่างที่ปากว่าเลยสักนิด



            โมเดลเบือนหน้าหนีรอยยิ้มที่ทำให้ไม่สบอารมณ์นั่นไปอีกทาง เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยอมทำตามอย่างที่อีกฝ่ายต้องการง่ายๆ มันก็เป็นเพียงความรู้สึกเล็กๆ ข้างในที่ว่า…อย่างน้อยผู้ชายปากร้ายคนนี้ก็อยู่กับเขาในวันที่เขาแย่ที่สุด



            และถ้ามันไม่กวนประสาท ปากร้าย และชอบยั่วโมโหแบบนี้จะดีมาก



 

            โมเดลกลับมานอนคิดแล้วเมื่อคืน มันก็มีส่วนจริงอย่างที่จักรพรรดิว่า ถ้าเขารู้จักห้ามอารมณ์ตัวเองมากกว่านี้เรื่องแย่ๆ คงไม่เกิดขึ้น ถ้ารู้จักห้ามปากตัวเองไม่ให้พูดอะไรออกไปแบบไม่ทันคิด



            แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังนับว่าเป็นความผิดของจักรพรรดิด้วยอยู่ดี ใช่ เขาเองแหละที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก็เพราะจักรพรรดิไม่ใช่หรือไง ที่แสดงนิสัยแย่ๆ ใส่เขา แต่ต่อหน้าคนอื่นกลับกลายเป็นคนละคน



            ถึงร่างสูงจะบอกว่าทั้งหมดคือนิสัยของเจ้าตัวก็เถอะ แต่เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี



            “นายกินอะไรหรือยัง”



            “ยัง”



            “งั้นแวะหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน” จักรพรรดิว่าแล้วขับรถออกมาจากบ้านของโมเดล ร่างบางยักไหล่แบบยังไงก็ได้ แต่พอนึกขึ้นมาได้ก็หันไปถาม



            “แล้วตกลงมึงจะพากูไปไหน”



            “นั่งเงียบๆ ไปเถอะ พอถึงแล้วนายก็รู้เอง ออ…ทางที่ดีไม่ต้องพูดก็ได้นะ ถ้าแต่ละคำของนายมันไม่ได้มีอะไรนอกไปจากคำที่จะด่าฉัน” ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นสวยมองตรงไปด้านหน้า ไม่ได้หันไปมองคนที่มีอาการเดือดพล่านในอก สาบานได้ว่าถ้าไม่กลัวตัวเองตายไปด้วยเขาจะจิกหัวจักรพรรดิเอาไปโขกกับพวงมาลัยแน่นอน



            จักรพรรดิแวะร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของโมเดลเท่าไหร่นัก ร่างสูงปลายตามองคนที่เดินตามหลังมาด้วยความพอใจ ว่าง่ายแบบนี้ล่ะเขาชอบ



            “นายไม่เอาโน้ตบุ้คมาด้วยเหรอ” เข้ามานั่งในร้าน หลังจากสั่งอาหารเสร็จจักรพรรดิก็เอ่ยถาม โมเดลที่กวาดสายตามองไปรอบๆ ก็หันมาเลิกคิ้วกวนอารมณ์ อย่างที่หวังว่าจักรพรรดิจะรู้สึกเดือดบ้าง



            “มึงเห็นว่ากูเอามามั้ยล่ะ อย่าโง่ดิ”



            “อืม ฉันก็นึกว่านายจะขยัน ที่แท้ก็ไม่หนิ”



            “สัด!”



            และก็ไม่ต่างอะไรจากเมื่อวานที่นั่งกินข้าวด้วยกันไป แล้วก็ต้องเถียงกันไป แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นโมเดลฝ่ายเดียวที่คิดว่าเถียง เพราะจักรพรรดิคิดว่าที่เขาทำไปคือการแกล้งล้อเล่นกับเด็กน้อยมากกว่า



            พอกินข้าวเสร็จร่างสูงก็ลากโมเดลขึ้นรถแล้วขับออกมา พอถามว่าจะไปไหนก็ไม่ได้คำตอบ โมเดลก็เลยนั่งนิ่งๆ พอสักพักก็หลับคาเบาะ



            จักรพรรดิหันมองเด็กน้อยที่พอกินเสร็จก็หลับ ใบหน้าสวยนั่นไม่ว่าจะมองกี่ครั้งเขาก็ยอมรับเลยว่าถูกใจเป็นอย่างมาก มือหนายื่นออกไปเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าโมเดลออกไป



            “หลับเป็นเด็กๆ” พูดเพียงแค่นั้นแล้วหันกลับไปมองถนนข้างหน้าต่อ



 

            โมเดลหลับมาตลอดทาง พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ดวงตาเรียวปรือขึ้นมองเพดานด้านบน ก่อนจะเด้งตัวลุกพรวดขึ้นมา มองซ้ายมองขวาอย่างรวดเร็วพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาจับเสื้อตัวเองไว้ อยู่ๆ เหงื่อก็แตกพลั่กออกมา



            และเมื่อไม่เห็นร่างสูงที่มาด้วยกันอยู่ในห้องก็ต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเองก็พบว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบ



            ร่างบางหันไปมองอีกทาง คิ้วสวยขมวดเป็นปม ยันตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินออกมาดูข้างนอกชัดๆ



            ทะเล?



            โมเดลกวาดสายตามองไปรอบๆ ตอนนี้เขาอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งติดกับทะเล แน่นอนจักรพรรดิเป็นคนจัดการทุกอย่าง รีสอร์ทสวยๆ ซี่งพอเดินออกมาก็เป็นสระว่ายน้ำเลย และโชคดีที่ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงที่คนเขามาเที่ยวกันเท่าไหร่ เลยได้บรรยากาศเงียบสงบด้วย

 



            “ตื่นแล้วเหรอ”



            เสียงนุ่มดังขึ้น โมเดลหันไปมองร่างสูงของจักรพรรดิที่เดินเข้ามา มือหนาถือขวดน้ำมาด้วย



            “พากูมาทะเลเนี่ยนะ?”



            “ใช่”



            “เฮอะ! พอถามไม่ตอบ กูก็นึกว่าจะเป็นที่ๆ ดีกว่านี้ซะอีก” โมเดลเบือนหน้าหันไปอีกทาง มือเรียวยกขึ้นมารวบผมยาวปะบ่าของตัวเองแล้วกำลังจะมัด แต่จักรพรรดิเดินเข้ามาซ้อนด้านหลัง ยัดขวดน้ำใส่มือเขาแล้วรวบผมเขาแทน



            “ยุ่งอะ…”



            “เฉยๆ น่า” จักรพรรดิว่าด้วยเสียงที่เข้มขึ้นอีกนิด แล้วก็ต้องยอมรับว่าต้นคอขาวๆ นั่นมันก็ยั่วยวนชวนให้เขาก้มลงไปฝากรอยไว้จริงๆ ดวงตาคมละสายตาออกจากสิ่งยั่วยวน มือหนารวบผมนุ่มขึ้นมาแบบที่เจ้าตัวชอบมัด



            “ไหนยาง”



            โมเดลชูแขนขึ้นให้จักรพรรดิดึงยางรัดผมที่ข้อมือออกไป นิ้วมือของร่างสูงพอแตะโดนที่ต้นคอก็ทำให้เขาอดที่จะยืนตัวเกร็งไม่ได้ มันแย่จริงๆ ที่พอผู้ชายคนนี้ถูกตัวเขานิดๆ หน่อยๆ มันก็รู้สึกวูบวาบไปหมด



            “เสร็จแล้ว”



            “ไม่ขอบคุณ เพราะมึงเสือกเอง” โมเดลหันกลับไปหาจักรพรรดิ กลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองด้วยการด่าอีกฝ่าย จักรพรรดิยักไหล่ไม่สนใจ เพราะยังไงเขาก็รู้ว่าเด็กดื้อตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรดีๆ อย่างการขอบคุณเป็นแน่



            “หึ เอาจริงๆ ตอนที่มาฉันก็อดคิดไม่ได้นะว่านายหลับหรือนายตาย ขนาดฉันอุ้มนายเข้าไปนอนข้างในนายยังไม่รู้สึกตัวเลย แล้วถ้าเกิด…” เสียงนุ่มทุ้มหยุดลง พร้อมกับดวงตาคมที่กวาดมองร่างบาง โมเดลเผลอก้าวถอยหลังไปแบบไม่รู้ตัว



            “คิดเหี้ยไรมึงเนี่ย”



            “ฉันยังคิดไม่ออกเลยถึงได้หยุดพูด นายล่ะ คิดไปถึงไหน” จักรพรรดิยิ้มล้ออีกฝ่าย โมเดลหน้าแดงก่ำที่โดนสวนกลับมาแบบนั้น ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าจักรพรรดิไม่ได้คิดอะไร



            “แล้วพากูมาที่นี่ทำไม” โมเดลรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่มันจะเข้าเรื่องที่ทำให้เขาต้องเสียเปรียบซะก่อน มือเรียวเปิดฝาขวดน้ำที่ถือขึ้นดื่มเพื่อหวังจะเลี่ยงสายตาของจักรพรรดิ แต่แล้วพอดื่มเข้าไปได้เพียงเล็กน้อยก็ต้องชะงัก



            น้ำที่หายไปมากกว่าครึ่งขวดก็เป็นตัวบอกได้ดีว่าเจ้าของได้ดื่มมันไปแล้ว คงไม่ใช่เอาไปเททิ้งข้างทางหรอก และเขาก็ดื่มต่อจากจักรพรรดิ



            โมเดลหน้าร้อนขึ้นมา จริงๆ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งคิดอะไรด้วยซ้ำ แต่ว่า…มันก็อดไม่ได้



            “หึๆ”



            “เอาของมึงคืนไป” โมเดลปิดฝาขวดแล้วส่งคืนจักรพรรดิ มือเรียวยกขึ้นมาเช็ดน้ำที่เลอะริมฝีปาก ร่างสูงรับขวดน้ำคืนมาก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ



            เขามองโมเดลก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แค่สีหน้าก็บอกได้หมดแล้ว จริงๆ ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้คิดอะไรแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอเห็นแก้มขาวๆ นั่นแดงก่ำริมฝีปากเขาก็กระตุกยิ้มโดยอัตโนมัติ



            “คิดว่ากำลังจูบกับฉันทางอ้อมงั้นเหรอ”



            “ใครจะคิดอะไรเหี้ยๆ แบบนั้นวะ!” และนี่ก็เป็นอีกนิสัยที่มองได้ง่ายของโมเดล ถ้าไม่ใช่เจ้าตัวจะไม่โวยวายกลบเกลื่อนเสียงดังแบบนี้หรอก ร่างบางแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ หันหลังเดินหนีเพราะถ้าขืนอยู่ตรงนี้ต่อก็โดนจักรพรรดิปั่นหัวอีกนั่นแหละ



            “เดี๋ยวสิ”



            หมับ



            “เฮ้ย! ปล่อย!”



            โมเดลร้องลั่นเมื่อจักรพรรดิดึงตัวเขาเข้าไปกอดไว้แน่น พอมองหน้าอีกฝ่ายในระยะประชิดแบบนี้ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังไม่ปลอดภัย ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้าหา



            “จริงๆ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่พอเห็นท่าทางของนายแล้ว…ฉันก็อยากจะบอกว่า จะไปคิดมันทำไม ทำจริงๆ เลยดีกว่า” จักรพรรดิแสยะยิ้ม ดวงตาคมเลื่อนไปมองที่ริมฝีปากบาง โมเดลเผลอตัวสั่นออกมาวูบหนึ่ง



            “ไม่…อุ้บ!” ไม่ทันเสียแล้ว จักรพรรดิโน้มลงไปปิดปากที่ชอบพูดมากนั่น รุกอีกฝ่ายด้วยเทคนิคที่อีกฝ่ายตามไม่ทัน ด้วยความตกใจโมเดลเผลอเปิดปากออกให้อีกฝ่ายเข้ามาทักทายลิ้นของเขาได้โดยง่าย จักรพรรดิตวัดปลายลิ้นเข้าหาลิ้นของโมเดล จากนั้นก็กวาดต้อนไปทั่วโพรงปากอุ่น



            มือหนากอดรัดเอวโมเดลเอาไว้ ลูบแผ่นหลังบางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะสอดมือเข้าไปในเสื้อ



            เฮือก!



            พลั่ก!



            ตูม!!



            ด้วยความตกใจที่ฝ่ามืออุ่นร้อนของจักรพรรดิโดนผิวกาย ทำให้โมเดลรู้สึกตัวแล้วผลักร่างสูงออกด้วยแรงทั้งหมด แต่แทนที่จักรพรรดิจะเซถอยไป กลายเป็นว่าเขาเองที่เซแล้วถอยหลังร่วงลงไปในสระว่ายน้ำ โมเดลเผลอสำลักน้ำเข้าไป ร่างบางรีบดีดตัวขึ้นมาผิวน้ำ



            “แค่กๆ…”



            “โอว นายอยากเล่นน้ำก็ไม่บอก”


_______________________________________________


ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกกนะคะ ยังกลัวอยู่ว่าจะมีคนอ่านอยู่มั้ย
เรื่องนี้ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ มาช้าแต่ก็ยังไงมาน้า
และตอนต่อไปคงยังไม่มาเร็วๆ นี้แน่อันนี้ต้องขอบอกไว้ก่อน ป๊าเราเพิ่งเสีย จิตใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อยู่บ้านเงียบๆ คนเดียวแล้วมันเหงาเลยโผล่มาอััพนิยายดีกว่า
อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ







หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 16-04-2016 19:15:37
ขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียของคุณด้วยค่ะ

นิสัยเดลเด็กมากๆเลยค่ะ  เทียบกับอายุแล้ว
ไม่รู้จักคิดก็รังแต่จะเสียเปรียบพรรดิตลอดไป
ถ้าหากว่าไม่รู้จักคิดยั้งปากยั้งใจก่อนพูดก่อนทำอะไรนะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 17-04-2016 23:54:20
รอ...
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 18-04-2016 00:17:31
เสียใจด้วยนะคะ


ดีใจมากที่เรื่องนี้มาต่อ รอตลอด มาช้าดีกว่าไม่มาเนาะ. ถ้าจะทิ้งไปเฉยๆจะเสียใจมาก. เราชอบเรื่องนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 18-04-2016 17:19:33
จักพรรดิแผนเยอะจริงนะ
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Moonoii ที่ 28-09-2019 00:24:34
รีบกลับมาแต่งต่อนะคะไรท์ ก่อนที่นิยายจะถูกลบ เสียดายเนื้อเรื่องดีๆคร่าาา
หัวข้อ: Re: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-07-2021 22:00:40
 :call: :call: :call: