เหตุเกิดเพราะเรารักกัน เธอรักฉัน และฉันก็รักเธอ
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้ากระทบพื้นของผมเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองแล้วหันกลับไปซุบซิบกับเพื่อนๆ
“ฉันอิจฉาพี่เฟิร์ทจังตกเย็นก็มีพี่ไนท์มารับทุกวัน ทำไมคนหน้าตาดีทั้งสองคนต้องมาได้กันเองด้วยอ่ะ คนสวยอย่างฉันไม่เข้าใจ”
ผมเดินผ่านเสียงนั้นไปอย่างเคยชินตั้งแต่ผมกับเฟิร์ทคบกันก็ได้ยินเสียงพวกนี้ไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งเสียงที่พูดไปในทางที่ดีและเสียงที่พูดไปในทางที่เสียหาย ตัวผมไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ห่วงก็แต่ความรู้สึกของเฟิร์ท
“เฟิร์ท”
ผมเดินไปแตะที่บ่าเล็กเบาๆแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเฟิร์ท
“อ้าวไนท์ ทำไมวันนี้มาไวจัง”
ทุกเย็นผมจะมารับเฟิร์ทที่คณะนิเทศซึ่งคณะนิเทศกับคณะวิศวะที่ผมเรียนอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก และช่วงนี้เป็นช่วงปีสุดท้ายของเราทั้งสองคนทำให้เรามีเวลาให้กันน้อยลง แม้จะอยู่คอนโดเดียวกัน แต่ช่วงกลางคืนพวกเราก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลยเพราะต่างคนก็ต่างต้องทำงาน แต่งานของผมจะมากกว่าเฟิร์ทอยู่สักหน่อย ทำให้เฟิร์ทต้องเป็นฝ่ายที่หลับก่อนผมเป็นประจำ
“วันนี้เราไปห้างกันไหม พรุ่งนี้วันหยุดจะได้หาซื้อของสดมาไว้ที่ห้องเราด้วย”
“ไนท์ว่างหรอ”
“ว่างสิ เฟิร์ททำงานเสร็จหรือยังจะได้ไปกันเลย”
“อืม เสร็จแล้ว”
ผมคว้ากระเป๋าเป้ของเฟิร์ทมาสะพายไว้ที่ไหล่ซ้ายแล้วจูงมือเฟิร์ทให้เดินตามไปที่รถ
“หวานกันจังเลยนะคู่นี้ ระวังมดจะขึ้นนะจ๊ะน้องเฟิร์ท”
เสียงแซวดังขึ้นตลอดทางที่ผมกับเฟิร์ทเดินผ่าน ผมรู้ว่าเฟิร์ทพยายามจะกลบเกลื่อนความอายนั้นด้วยใบหน้านิ่งๆแต่ด้วยหน้าที่แดงไปถึงหูนั้นก็ไม่สามารถกลบอาการเขินได้
“ไนท์จะจับมือเราทำไมก็ไม่รู้ ดูสิโดนแซวตลอดทางเลย แล้วเราจะกล้ามองหน้าคนอื่นได้ไงเนี่ย”
คนตัวเล็กโวยวายใส่ผมเมื่อเราเดินมาถึงรถแล้ว
“คนอื่นจะได้รู้ไงว่าเฟิร์ทมีเจ้าของแล้ว”
“ป่านนี้เขารู้ไปทั้งมหาลัยแล้วล่ะมั้ง”
“งั้นก็ดีสิ จะได้ไม่มีใครกล้ามาจีบเฟิร์ท หรือว่ามี”
ผมแกล้งมองเฟิร์ทอย่างจับผิด แต่ท่าทางร้อนรนของเฟิร์ททำให้ผมสงสัย
“ไม่มี จะมีได้ไงล่ะ”
เฟิร์ทพูดจบก็เดินขึ้นรถไป นั่นยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้น ระหว่างที่เฟิร์ทอยู่ที่คณะ ต้องมีอะไรที่ผมไม่รู้แน่ๆ ทำไมเฟิร์ทถึงไม่ยอมบอกผม ทั้งๆที่เราก็ไม่เคยมีเรื่องปิดบังผมอยู่แล้ว
ผมกับเฟิร์ทเดินดูของในห้างไปเรื่อยๆ แต่เฟิร์ทเงียบและดูใจลอยผิดปกติ
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”
ผมหยุดเข็นรถ แล้วเอื้อมมือไปแตะหน้าผากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เราแค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก”
“แน่ใจนะว่าคิดเรื่องงาน”
“ก็ใช่น่ะสิ เราหิวแล้วอะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“ก็ได้ งั้นเราไปจ่ายเงินก่อน เฟิร์ทรอเราอยู่ตรงนี้นะ จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น”
ผมเดินไปจ่ายเงินทิ้งให้เฟิร์ทยืนรออยู่บริเวณที่มีคนน้อยและผมสามารถมองเห็นเฟิร์ทได้
ระหว่าที่รอจ่ายเงินผมก็มองไปทางเฟิร์ทเป็นระยะๆ และผมก็ต้องแปลกใจที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินไปคุยกับเฟิร์ทอย่างสนิทสนม แต่ท่าทางคนนั้นจะสนิทกับเฟิร์ทอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า ผมเข้าแถวรอจ่ายเงินอย่างร้อนรนอยากจะเข้าไปหาเฟิร์ทไปแสดงตัวให้คนนั้นรู้ว่าเฟิร์ทมีเจ้าของแล้ว แต่ยิ่งผมรีบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ว่าพนักงานคิดเงินยิ่งคิดช้ามากเท่านั้น และทันทีที่ผมจ่ายเงินเสร็จผมก็รีบตรงไปที่เฟิร์ทกับผู้ชายคนนั้นทันที
“คุยอะไรอยู่หรอครับ”
ผมเอามือที่ว่างเกี่ยวเอวเฟิร์ทให้มาชิดตัวผมมากขึ้น และผมก็ต้องกลั้นอารมณ์ไว้แล้วส่งยิ้มไปให้ฝ่ายตรงข้าม ผมสัมผัสได้ว่าเฟิร์ทดูตกใจมากที่ผมมาอยู่ตรงนี้
“ไนท์”
“นี่สินะ ไนท์”
“ใช่ครับ ผมไนท์ ‘แฟน’ของเฟิร์ท”
ผมย้ำคำว่าแฟนให้คนนั้นได้ยินชัดๆ เพราะจากที่ผมดูแล้ว ไอ้หมอนี่มันต้องคิดอะไรกับเฟิร์ทแน่ๆ
“ไนท์ นี่ พัทร์ ‘เพื่อน’เราที่คณะ”
และถ้าผมได้ยินไม่ผิด เหมือนเฟิร์ทก็จงใจที่จะเน้นคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษ และนั่นก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมานิดนึงว่าเฟิร์ทไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายคนนั้นนอกจากเพื่อน
“เราไปกันดีกว่า เฟิร์ทหิวแล้วไม่ใช่หรอ งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
ผมกอดคอเฟิร์ทแล้วรีบพาออกจากตรงนั้นทันทีก่อนที่ผมจะเข้าไปซัดหน้าหมอนั่น
“ไนท์”
ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่รบกวนการกินข้าวของผมกับแฟนสุดที่รัก
“อ้าวครีม มาคนเดียวหรอ”
“ใช่ ก็ครีมโสดนี่หน่า ไม่ได้มีแฟนมากินข้าวด้วยเหมือนไนท์”
ครีมมองไปที่เฟิร์ทที่หน้าแดงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ครีมมานั่งกับพวกเราก็ได้นะ”
“จะดีหรอ ไนท์มากับแฟนนะ”
“ไม่เป็นไรครับ มานั่งด้วยกันก็ได้”
เป็นเฟิร์ทที่ตอบแทนผมแล้วก็ขยับที่ว่างข้างๆตัวเองให้ครีม แต่ครีมเลือกที่จะนั่งเบียดฝั่งผมทำให้ผมมองหน้าเฟิร์ทอย่างลำบากใจ จะบอกให้ครีมไปนั่งอีกฝั่งก็กลัวเสียมารยาท แต่ครีมทำอย่างนี้จะทำให้เฟิร์ทรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ”
ครีมมองหน้าผมกับเฟิร์ทที่เงียบไป
“ไม่มีอะไรครับ รีบทานกันเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
และก็เป็นเฟิร์ทที่ตอบอีกครั้ง
“ครีมจำได้ว่าไนท์ชอบกินปูผัดผงกระหรี่”
ครีมตักปูตัวใหญ่มาวางในจานผม ผมเงยหน้ามองเฟิร์ทที่มองมาทางผมเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตากินอาหารที่อยู่ในจานตัวเอง
“เฟิร์ทลองกินนี่สิ อร่อยนะ”
ผมตักเนื้อทอดไปใส่จานเฟิร์ท
“เราขอตัวก่อนนะ พอดีนึกได้ว่าลืมไปส่งงาน เจอกันที่ห้องนะไนท์”
เฟิร์ทเดินออกไปจากร้านแต่ผมยังงงๆอยู่ว่าเฟิร์ทเป็นอะไร
“เรามาทานต่อกันดีกว่านะคะ อันนี้ไนท์ก็ชอบใช่ไหม”
“ครีม ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ผมวางเงินไว้ที่โต๊ะแล้วรีบตามเฟิร์ทออกไป เมื่อผมออกมานอกร้านก็ไม่เห็นเฟิร์ทแล้ว
“ไปไหนของเขานะ”
ผมมองซ้ายมองขวาก็เห็นคนที่กำลังตามหาอยู่ แต่ก็เห็นบุคคลไม่พึงประสงค์อยู่กับเฟิร์ทด้วย ที่รีบออกมาก็คงจะรีบมาหามันสินะ
ผมหันหลังกลับไปที่ทางออกด้วยอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น ผมขับรถกลับมาถึงคอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีรถก็จอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้คอนโดแล้ว ผมเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนที่โซฟา เปิดทีวีดังๆเผื่อมันจะช่วยดับความคิดที่ฟุ้งซ่านของตัวเองได้ แต่มันคงจะไม่ช่วยอะไรถ้าหากคนที่เป็นต้นเหตุยังไม่กลับมาถึงห้อง
แอดดดด
ผมเด้งตัวขึ้นจากโซฟาเมื่อได้ยินเสียงเปิดห้อง
“กลับมานานแล้วหรอ”
เฟิร์ทถามผมเสียงเรียบ
“ไปไหนมา”
“ก็บอกแล้วไงว่าเอางานไปส่ง”
“เอางานไปส่งหรือว่าไปกับไอ้พัทร์”
ผมเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อย เฟิร์ทมองผมอย่างตกใจ น้ำตาคลอเบ้า
“เราไม่ได้ไปกับพัทร์ เราไปกับนิดหน่อย”
“จะให้เราเชื่อหรอ ก็ที่เราเห็นมันไม่ใช่”
“ไนท์เห็นอะไร ไนท์เห็นว่าเราไปกับพัทร์หรอ เราต่างหากที่เห็น เห็นว่าไนท์สนใจคนอื่นมากกว่าเรา และคนอื่นก็รู้ใจไนท์ดีกว่าเรา เราคงไม่มีค่าแล้วสินะ”
เฟิร์ทก็เริ่มขึ้นเสียงเหมือนกัน ตอนนี้เราทั้งสองคนเริ่มใช้อารมณ์คุยกัน
“มันคนละเรื่องแล้วนะเฟิร์ท”
“มันเรื่องเดียวกันไนท์ มันเรื่องเดียวกัน เมื่อก่อนเราเคยมั่นใจนะว่าไนท์คือคนที่เราจะฝากชีวิตไว้ได้ แต่ตอนนี้เราต้องคิดใหม่แล้วล่ะ ไนท์รู้ไหมว่าพัทร์มาบอกว่าชอบเรา เขาบอกว่าเขาสามารถดูแลเราได้ดีกว่าไนท์ และขอให้เราเลิกกับไนท์ เราว่าตอนนี้มันคงถึงเวลาที่เราสองคนต้องห่างกันสักพักแล้วล่ะ ห่างเพื่อให้เราคิดว่าถ้าเราไม่มีกันเราจะอยู่ได้ไหม มันจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า”
“เฟิร์ท เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย เราจะลืมมันไปก็ได้ แต่เราอย่าห่างกันเลยนะ เราอยู่ไม่ได้หรอก”
“ไนท์เคยอยู่คนเดียวแล้วหรอถึงบอกว่าอยู่ไม่ได้ ไนท์ต้องพยายามสิเพราะเราก็จะพยายามเหมือนกัน”
เฟิร์ทพูดจบก็เดินออกจากห้องไป เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆกับผมที่ล้มลงบนพื้นอย่างหมดแรง แค่วินาทีเดียวที่ต้องห่างกันผมก็แทบจะหยุดหายใจอยู่แล้ว แล้วถ้าเฟิร์ทสามารถอยู่ได้โดยไม่มีผมล่ะ แล้วผมจะอยู่ได้ยังไงโดยไม่มีเฟิร์ท
สามวันผ่านไปด้วยร่างกายที่อ่อนล้า ผมลากร่างกายโทรมๆของตัวเองมาเข้าคลาสเรียนวิชาบังคับ เพราะถ้าเป็นวิชาเลือกผมลงโดดไปแล้ว
“ไอ้ไนท์ มึงไปทำอะไรมาว่ะ โทรมสัดๆ หรือว่าข่าวลือที่ว่ามึงเลิกกับเฟิร์ทเป็นเรื่องจริง เห้ย! จริงหรอว่ะ พวกมึงรักกันดีไม่ใช่หรอ แล้วเลิกกันได้ยังไง”
เมื่อเห็นผมไม่ตอบ ไอ้เดย์ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกพี่ลูกน้องของผมจึงสรุปเอาเองว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง
“ปากเสีย กูยังไม่ได้เลิกกับเฟิร์ทเว้ย เราแค่ห่างกันสักพัก”
ผมจัดการตบกระบาลไอ้เดย์ไปหนึ่งทีโทษฐานปากไม่ดี
“โห ขนาดสภาพอย่างกับซากศพทำไมแรงยังเยอะอยู่ว่ะ แล้วหมายความว่าไงที่ว่าห่างกันสักพัก”
“ก็หมายความตามนั้นแหละ ในฐานะที่มึงเป็นญาติกู ช่วยไปบอกเฟิร์ทให้หน่อยว่ากูขอโทษ กูรู้ความจริงหมดทุกอย่างแล้ว”
ใช่ ผมรู้ความจริงแล้วว่าที่เฟิร์ทพูดเป็นเรื่องจริง ทั้งเรื่องที่ไอ้พัทร์มันมาจีบเฟิร์ทแต่เฟิร์ทไม่สนใจและเรื่องที่ห้างวันนั้น เฟิร์ทไม่ได้ไปกับไอ้พัทร์ แต่ไปกับนิดหน่อยที่บังเอิญเจอกันที่ห้างและลืมส่งงานเหมือนกัน ผมนี่มันโง่จริงๆ ทั้งโง่ทั้งงี่เง่าเลย ทั้งๆที่เฟิร์ทพูดความจริงแต่ผมกลับไม่เชื่อ
“แล้วทำไมมึงไม่ไปบอกเองว่ะ”
“คำว่าห่างของเฟิร์ทคือห่างจริงๆเว้ย ห่างจนกูไม่สามารถเข้าใกล้ได้ในระยะ 300 เมตร”
“เมียมึงโหดจริงว่ะ ถ้าเป็นกูก็คงไม่เข้าใกล้มึงเหมือนกัน ดูสภาพตัวเองมั้งสิ น่าเข้าใกล้ตาย กูนึกออกแล้ว!!”
“มึงนึกอะไรออกว่ะ”
“กูรู้แล้วว่าจะมีวิธีไหนที่ทำให้มึงได้เข้าใกล้เฟิร์ท”
ไอ้เดย์มันกวักมือเรียกผมไปใกล้ๆแล้วกระซิบบอกแผนการกับผม
ผมแกล้งนอนซมอยู่บนเตียงในห้องนอน เอาผ้าห่มห่มจนหนาเตอะ เปิดแอร์จนเย็นเฉียบ แล้วทำสภาพตัวเองให้ดูใกล้ตายและน่าสงสารมากที่สุดตามแผนการของไอ้เดย์ ส่วนมันจะไปบอกเฟิร์ทว่าผมป่วยหนักเป็นไข้ใจ นอนซมใกล้ตาย กินไม่ได้ นอนไม่หลับอยู่ที่ห้องให้เฟิร์ทมาดูใจผม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดัง ผมรู้ทันทีว่าต้องเป็นเฟิร์ทจึงแกล้งหลับตา เฟิร์ทเปิดประตูเดินมาข้างๆเตียงแล้วเอามือแตะที่หน้าผากผม
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่หน่า สงสัยจะเป็นไข้ใจเหมือนที่เดย์บอกจริงๆ แล้วทำไมเปิดแอร์ซะเย็นขนาดนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ชอบทำตัวให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ”
ผมกลั้นยิ้มไว้ทั้งที่ในใจดีใจจนอยากจะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเมื่อรู้ว่าเฟิร์ทยังเป็นห่วงผมอยู่
“เฟิร์ท เฟิร์ท เราขอโทษนะ”
ผมแกล้งละเมอได้อย่างแนบเนียน
“หนาว หนาวจัง เฟิร์ทกอดเราหน่อยนะ”
ผมทำตัวสั่นเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริงมากขึ้น
“ฮึ”
ผมได้ยินเสียงเฟิร์ทแค่นั้นก่อนนิ้วมือนิ่มๆจะบีบลงมาที่จมูกผมอย่างแรง
“โอ้ยยยย!!!”
“คิดว่าเราจะเชื่อหรือไงฮะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าไนท์โกหกไม่เก่ง”
ผมลูบจมูกตัวเองปอยๆแล้วมองหน้าคนทำอย่างเคืองๆนิดๆ
“เฟิร์ทใจร้าย เราป่วยอยู่นะยังไม่เป็นห่วงเราอีก”
“ถ้าไม่เป็นห่วงเราคงไม่มาหรอก”
“เราขอโทษนะ เรารู้แล้วว่าเฟิร์ทพูดความจริง แต่เฟิร์ทก็น่าจะบอกเราตั้งแต่ที่แรกว่าไอ้พัทร์มันมาจีบเฟิร์ท”
ผมดึงเฟิร์ทให้ลงมานั่งบนเตียงด้วยกัน
“เราก็แค่ไม่อยากให้ไนท์คิดมาก เราเห็นว่าช่วงนี้ไนท์ทำงานหนักเลยไม่อยกเอาเรื่องไร้สาระมาให้คิดอีก”
“ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเฟิร์ท เราไม่เคยคิดว่ามันไร้สาระ ต่อไปนี้ถ้าเฟิร์ทมีเรื่องอะไรก็บอกเราได้เลย เราจะได้แก้ปัญหาไปด้วยกันไง”
“แต่ตอนนี้เรายังอยู่ในช่วงห่างกันอยู่”
“ไม่เอานะ เราไม่อยากห่างกับเฟิร์ทแล้ว เราอยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ แค่ห่างกันสามวัน เราก็แทบจะตายอยู่แล้ว เฟิร์ทกลับมาอยู่กับเราเถอะนะ”
“ไนท์อยู่คนเดียวไม่ได้ทำไมไม่ชวนครีมมาอยู่ด้วยล่ะ”
“เรากับครีมไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”
“แน่ใจหรอ”
“แค่เคยเป็นน่ะ แต่เราไม่ได้ติดต่อกับครีมมานานแล้ว แล้ววันนั้นที่ห้างเราก็แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้น เฟิร์ทก็เห็นนี่ว่าเราไม่ได้สนใจครีมเลย”
“ใช่เราเห็น เราก็แค่รู้สึกว่าเราไม่เคยรู้ว่าไนท์ชอบอะไรไม่ชอบอะไรทั้งๆที่คนอื่นรู้ใจไนท์ดีกว่าเรา หรือว่าเรารักไนท์ไม่มากพอ เราไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากไนท์”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ เรารักเฟิร์ทนะ รักเฟิร์ทที่สุด และเราก็รู้ว่าเฟิร์ทรักเรา และคงไม่มีใครรักเราได้เท่าเฟิร์ทอีกแล้ว”
ผมดึงตัวเฟิร์ทเข้ามากอดไว้ ผมรักเฟิร์ท ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้และอีก 100 ปีข้างหน้า ผมก็จะยังรักเฟิร์ทอยู่
“เรารักไนท์นะ”
“งั้นเรากลับมาอยู่ด้วยกันนะ”
“อืม”
ผมค่อยๆสัมผัสริมฝีปากบางของเฟิร์ทด้วยริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา จากความอ่อนโยนเริ่มร้อนแรงขึ้นตามอารมณ์ของผมและเฟิร์ท ลิ้นของผมเกี่ยวรัดลิ้นเล็กๆพร้อมดังดูดดึงความหวานจากปากคนตัวเล็กอย่างเต็มอิ่ม
“อื้อ”
เสียงประท้วงดังออกมาจากลำคอเฟิร์ทเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก ผมจึงค่อยๆผละออกจากขนมหวานตรงหน้าอย่างเสียดาย
“เราขอได้ไหม”
ผมถามเฟิร์ทอย่างอ้อนวอน เมื่อเฟิร์ทพยักหน้าผมก็เริ่มบรรเลงบทเพลงรักของเราสองคนอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอมคนที่ผมรักมากที่สุด
ชีวิตคู่ของผมกับเฟิร์ทไม่ได้พิเศษไปกว่าคู่รักอื่นๆ แค่เรารักกันมันก็มากพอที่จะทำให้ทุกวันของเราพิเศษที่สุดแล้ว ผมไม่ใช่คนที่ดีที่สุดที่จะทำให้เฟิร์ทมีความสุข แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เฟิร์ทไม่ทุกข์ใจ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและอ่านเรื่องนี้จนจบนะคะ :pig4: รักคนอ่านทุกคนจ๊ะ :L1: