ตอนที่๑เด็กปีศาจ
"sometimes I wonderWhere these thoughts spawn from...?"
- some part from song Monster -
(http://www.uppic.org/image-EEFC_55D71996.jpg) (http://www.uppic.org/share-EEFC_55D71996.html)
ดลกลับมาที่ห้องด้วยอาการอ่อนเพลีย รู้สึกเกลียดที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ หลังจากที่ได้ดื่มยาจองหมออาคมไปแล้ว อาการปวดบิดมวนก็ค่อยๆบรรเทาลงไปมากพอสมควร ความคิดร้ายกาจในหัววิ่งวุ่นไปหมด เขาอยากตาย...แต่คำถามต่อมาก็ทำให้เขากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
'กล้าทำเหรอ' เพราะเขาเองก็กลัวเจ็บเหมือนกัน
'อ่อนหัดจริงๆ'
ไม่รู้ว่าถ้อยคำเหล่านี้มาจากความคิดของเขาหรือจากอีกคนที่อยู่ในร่างนี้กันแน่
“ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ”เขานอนพึมพำอยู่บนเตียง ไม่มีอาการปวดแล้วก็จริงแต่เขาก็นอนไม่หลับเพราะเครียด เขาจะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกได้ยังไงในสภาพน่าเกลียดแบบนี้ เมื่อร่างกายอ่อนเพลียเขาถึงนอนหลับได้ ...หลับพร้อมกับฝันประหลาดเห็นผู้ชายคนหนึ่ง...ซึ่งเขามองไม่เห็นหน้า แต่เขากำลังฮัมเพลงกล่อมเด็กเบาๆ เสียงนุ่มนวลนั้นเหมือนกับกำลังกล่อมให้ดลหลับ เขาง่วงงุ่นและอ่อนเพลียแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นอนได้แล้ว”เสียงนุ่มนวลนั้นกระซิบอยู่ข้างหู เขาค่อยๆปรือตาขึ้นมอง แต่ภาพใบหน้าที่เห็นก็ทำให้เขาผงะพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว เป็นใบหน้าที่น่าเกลียดแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาขยะแขยงมันเหลือเกิน ชายหนุ่มจ้องมองณดลด้วยสายตาเศร้าหมอง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก”
เฮือก!
ดลสะดุ้งตื่นอีกครั้ง ภายในท้องบิดมวนจนเขาครางออกมาเบาๆ แต่สักพักก็หายไป ความฝันประหลาดๆนี่มันอะไรกัน ดลมองท้องที่โตกว่าเมื่อวานด้วยแววตาสงสัย หรือผู้ชายในฝันนั่น...คือมันอย่างนั้นเหรอ หึ อุบาทว์จริงๆ เขาหวังอย่างสุดซึ้งว่ามันจะไม่ออกมาหน้าตาน่าเกลียดแบบในความฝันนั่น เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง ตีสองกว่าแล้ว นอนไม่หลับแล้วด้วย เขาจึงค่อยๆเลื่อนตัวลงจากเตียง เปิดข่าวทิ้งไว้ ก่อนจะหาอะไรกินรองท้อง
'เมื่อต้นชั่วโมงที่ผ่านมาพบเด็กทารกหนึ่งเดือนถูกทิ้งที่ถังขยะข้าง....'
ความคิดชั่วร้ายแล่นเข้ามา...เขาไม่ต้องการมัน ถ้าหากว่าเขาเอามันไปทิ้งล่ะ...
'กล้าเหรอ' ความคิดในหัวแวบขึ้นมา ดลยกยิ้มดุดันก่อนจะพูดกับตัวเอง
“กล้าสิ”เขากล้าแน่ๆ...เพราะมันไม่ใช่ลูกของเขา มันก็แค่ภูตผีปีศาจที่หนีมาเกิด มันต้องหยาบช้ามากแน่ๆถึงได้หนีออกมาจากนรก หึ เขานี่ล่ะจะส่งมันกลับไปเอง ผ่านไปสามวันท้องของเขาโตเสียจนเห็นได้ชัดจนเขาต้องลาป่วย ไอ้ภพก็มาหาอยู่บ่อยๆ วันนี้ก็เช่นกัน
“มองอะไรนักหนาวะ”ดลถามอย่างหงุดหงิดเมื่อหันไปเจอกับสายตาของเพื่อนที่จ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ภพถอนหายใจเมื่อเห็นใบหน้าไม่สดชื่นของเพื่อน พลางนึกไปถึงถ้อยคำที่หมออาคมฝากมา
“หมออาคมเขามีข้อความฝากมาถึงมึง”ภพมองไอ้ดลที่ขยับตัวขึ้นมาเหมือนสนใจ
“ข้อความอะไรวะ”เขาถามด้วยเสียงตื่นเต้น
“ฟังดีๆนะ หมอเขาบอกว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่เด็กกำลังเจริญเติบโต เอ่อ…หมอบอกว่าเด็กในท้องมึงน่ะ ไม่เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปเพราะฉะนั้น มึงต้องทำตัวให้สดใสแช่มชื่น เลิกคิดอะไรที่มันแย่ๆ เพราะมันจะส่งผลต่อเด็ก”ณดลได้ฟังข้อความถึงกับถอนหายใจ ใช่ สองสามวันมานี้เขาเอาแต่คิดเรื่องที่จะกำจัดมันยังไงดี เขารู้ดีว่าไอ้เด็กที่กำลังทรมานเขาอยู่นั้นรับรู้ด้วยว่าเขากำลังคิดอะไร เพราะทุกครั้งที่เขานึกถึงวิธีกำจัดมัน ไอ้เด็กบ้านี่ก็จะดิ้นและทำให้เขาเจ็บปวดเสียทุกครั้ง หึ เป็นตัวมารของแท้ ถ้าเขาให้มันอยู่ด้วย ชีวิตของเขาไม่ฉิบหายวายวอดหมดเหรอ
ภพมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง เขาเองก็ไม่ค่อยสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับไอ้ดลมากนัก แต่ในเมื่อมันแก้ไขอะไรไม่ได้ เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
“กูไม่สนหรอกว่าไอ้เด็กนรกนี่จะเป็นยังไง”แล้วเขาก็ต้องกัดฟันแน่นเพราะแรงดิ้นในท้อง ไอ้ภพทอดมองเขาด้วยสายตา…สงสาร จนเขาเองรู้สึกเกลียดมันขึ้นมาจับใจ
“กูอยากอยู่คนเดียว”เขาพูดเสียงห้วน
“เออ ๆก็ได้ แต่มึงทำใจให้สบายนะเว้ย หมออาคมบอกว่าอีกไม่นาน…มึงจะไม่ต้องเจ็บท้องแล้ว”ดลหันขวับมองเพื่อนทันที
“หมายความว่า กูจะ…”เขาหาคำพูดมาอธิบายไม่ถูก จะใช้คำว่าคลอดมันก็…แย่เกินไปสำหรับเขา
“เออ ใกล้แล้ว นี่ยาสมุนไพร หมั่นกินบ่อยๆแล้วก็สวดมนต์ก่อนนอนทำจิตให้สงบด้วยนะเพื่อน กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย เพราะฉะนั้น…มึงอย่าคิดอะไรบ้าๆ”ไอ้ภพตบบ่าเขาเบาๆ ก่อนที่มันจะออกไป ใจจริงก็อยากเดินไปส่ง แต่เขาไม่ค่อยอยากจะขยับตัวมาก เพราะไม่สะดวก ทำอะไรเชื่องช้าไปหมด วันไหนที่เขาทานน้อย จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมดเพราะไอ้เด็กในท้องแย่งสารอาหารไปหมด
ฌดลค่อยๆพยุงตัวเองไปที่นอกระเบียง แสงแดดอ่อนๆเริ่มลาลับ เขาทอดมองการจลาจรเบื้องล่าง มองเห็นกลุ่มคนที่เดินไปมาแล้วรู้สึกแปลกแยก เขารู้สึกแปลกแยกจากผู้คน ให้ตายเถอะ…เขาไม่อยากจะอยู่ในสภาพแบบนี้เลย เขาวางมือลงบนท้องที่บวมโตรับรู้ถึงอีกชีวิตที่อยู่ในตัวเขา สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้า แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย เขารู้ว่าช่วงนี้เขาจิตใจไม่เป็นสุข เหมือนเข้าสู่โรคซึมเศร้าเข้าไปทุกที ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง วันๆเอาแต่กินกับนอน แถมอารมณ์ก็แปรปรวนง่ายเหมือนยัยป้าแก่ๆในตลาด เมื่อไหร่เขาจะหลุดพ้นเสียที
‘กระโดดไปเลยสิ’
เสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง เขามองไปเบื้องล่างอีกครั้งความสูงแค่สี่ชั้นคงทำให้เขาบาดเจ็บหนักได้ แต่คงไม่ถึงตาย
‘นึกดูสิว่าจะเป็นยังไง กระดูกหัก ท้องแตก สมองไหล…’
เขาสะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดความคิดน่ากลัวพวกนี้ออกไปเขาสะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดความคิดน่ากลัวพวกนี้ออกไป คิดจะทำให้เขาเป็นบ้าเหรอ
'ถ้าอยากตายจริงๆก็เอาหัวลงนะ รับรองไม่ฟื้นแน่ๆ ...'
“กูบอกให้เงียบ!”เขาตะคอกเสียงดัง เห็นมีคนมองขึ้นมาสองสามคนด้วยความตกใจ เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างทุกข์ทน ความรู้สึกที่อัดอั้นถาโถมเข้ามาจนเขาต้องปล่อยออกมาเป็นน้ำตา สายลมพัดผ่านมาเบาๆคล้ายจะปลอบประโลม ดลปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่นานจนความรู้สึกขุ่นมัวเริ่มหายไป เขาค่อยๆถอยห่างออกมาจากระเบียง ความกลัวจากจิตใต้สำนึกทำให้เขาเนื้อตัวสั่น ภาพน่ากลัวในหัวเริ่มหายไป
เขาทำตามที่หมออาคมบอกสวดมนต์นั่งสมาธิก่อนนอนแต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะอาการปวดหลัง โทรศัพท์ที่ปราศจากคนติดต่อมาสามวันนอนอยู่ในลิ้นชัก เขาอยากกินยานอนหลับแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหมออาคมสั่งห้าม ณดลนอนมองโป๊ะไฟบนเพดานห้อง แสงสลัวมัวๆมืดๆหม่นๆทำให้เขาเริ่มเคลิ้มหลับ ในหัวได้ยินเสียงเพลงขับกล่อมเบาๆ ชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์โผล่มาอีกครั้ง เขามุ่นคิ้วปรือตามองอีกครั้ง ฝามือเลื่อนไปที่ท้องของตนเอง...น่าแปลกที่มันแบนราบเหมือนปกติ ในอกเริ่มเต้นระรัว หรือที่ผ่านมาคือความฝัน ...
“ลองหยิกตัวเองสิ”เสียงจากชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มเยาะ เขาเม้มปากแต่ก็ยอมทำตาม ...ไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด...นี่เป็นความฝันอย่างนั้นเหรอ
“มึงเป็นใคร”เขาถามเสียงห้วน
“คนที่มึงเกลียดไง”พูดพลางยิ้มร้ายกาจแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด คนที่เขาเกลียดน่ะเหรอ...
“มึงคือไอ้เด็กนรกนั่นน่ะเหรอ เหอะ มึงอัปลักษณ์ขนาดนี้เลยเหรอวะ”เขาจ้องมองอย่างรังเกียจ จนกล้ามเนื้อบนใบหน้านั้นกระตุก
“ใช่ กูคือเด็กในท้องในโลกความจริงอันแสนทรมานของมึงไง รูปกายของกูสะท้อนมาจากความคิดของมึงเองนั่นแหละ”มันแย้มยิ้ม ปรายตามองณดล เขาพ่นลมหายใจออกมา ความคิดของเขาน่าเกลียดอย่างนั้นเหรอ เหอะ เพราะว่ามีมันไง
“กูอยากให้มึงตาย มึงรู้ใช่ไหม”เขากระซิบเบาๆ ดลเห็นปีกจมูกของมันขยับ สีหน้าที่อัปลักษณ์นั้นทำให้เดาไม่ออกว่ามันรู้สึกแบบไหน
“ถ้าตาย มึงก็ต้องตายด้วย”มันขยับเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว สองมือกอบกุมที่ลำคอของเขาเเน่นราวกับกรงเล็บของสัตว์ร้าย ดลปัดป่ายมือที่แข็งแกร่งนั้นให้พ้นจากลำคอ เมื่อความอึดอัดทรมานกัดกิน
“ยังอยากตายอยู่ไหม”มันกระซิบ ลิ้นอุ่นร้อนลากไล้ไปตามลำคอของเขา ดลเริ่มหายใจติดขัด เหลือกตามองมันที่จ้องมองมาด้วยสายตาวาวโรจน์ ภาพน่าขยะแขยงฉายเข้ามาทำให้ทั่วทั้งร่างขนลุกไปหมด
“นับหนึ่ง...”มันกดน้ำหนักลงมามากขึ้นจนเขาทำเสียงขลุกขลักน่าเกลียด
“ป...ปล่อย”เขาจิกเล็บลงบนหลังมือนั้น เสียงหัวเราะสะท้อนก้องไปทั่วก่อนที่มือจะคลายออกและเขาตะเกียกตะกายหอบหายใจ
“ขี้ขลาด”มันกระซิบ ใบหน้าดูน่าเกลียดมากขึ้นจนไม่น่าเข้าใกล้ และดูราวกับมันล่วงรู้ความคิดของเขาเพราะมันขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะรวบเอวมันล่วงรู้ความคิดของเขาเพราะมันขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงตัวของณดลเข้าไปหาพร้อมกับสองแขนที่โอบแน่น แน่นอนว่าเขาดิ้นหนี ความรู้สึกเกลียดชังตีเข้ามาจนเขาต้องข่วนไปตามร่างกายของมัน
“ขยะแขยงกันขนาดนั้นเลยเหรอ”มันกระซิบเสียงขุ่นเคืองริมฝีปากแนบชิดกับแก้มของเขา
“ปล่อยกู”เขาขยับหนีแต่มันก็ยิ่งโอบรัดแน่นจนเขาแทบหายใจไม่ออก มันฝังจูบไปตามลำคอและใบหน้าของเขาที่ดิ้นขลุกขลัก แรงเสียดสีจากร่างกายอีกฝ่ายสร้างความรู้สึกทรมานแปลกๆ
“ปล่อย”เขาเริ่มหอบจากการออกแรง เมื่อแรงกอดรัดยังไม่หายไป แต่ร่างนั้นเบียดแทรกลำตัวเข้ามาแทนที่จนณดลนึกอยากให้ความฝันนี้จบลงเสียที ใครก็ได้ช่วยปลดปล่อยเขาออกจากพันธนาการร้อนรุ่มนี่ทีเถอะ เสียงครางเครือแผ่วเบาจากอีกฝ่ายทำให้เขารังเกียจมันมากขึ้น เป็นความฝันที่ชวนสับสนและล่องลอย
จู่ๆก็เป็นเขาที่กำลังโยกขย่มบทรักอย่างดุเดือดบนร่างกายของมัน จนร่างกายร้อนรุ่มจนถึงขีดสุดก็สับเปลี่ยนมาเป็นมันที่กำลังตักตวงความสุขจากร่างกายของเขา มันช่างบ้าและสับสน เขาอยากออกไปจากความฝันบ้าๆนี่ แต่สิ่งที่เชื่อมเขากับมันไว้กลับไม่ยอมหยุดทำงานจนเขาบิดพล่านเพราะแรงอารมณ์ดิบเถื่อน เขาเห็นใบหน้าอัปลักษณ์แย้มยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นสีขาวโพลน
เฮือก! ณดลสะดุ้งตื่นจากฝันที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขา เขากลืนน้ำลายก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือไปยังบริเวณหน้าท้องของตน ...ก่อนส่งเสียงครางอย่างสิ้นหวัง มันยังอยู่! เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่ตอนนอนหลับเขายังต้องเจอกับความทรมานอีกหรือ เขาซบหน้าลงกับท่อนแขน เนื้อตัวยังคงสั่นเทิ่มราวกับเหตุการณ์ในฝันนั้นเกิดขึ้นจริง เขาคงให้มันเกิดมาไม่ได้แล้วจริงๆ!
เขากำลังบ้าคลั่ง ในอกเดือดไปด้วยความโกรธแค้น เขาพยุงตัวเองออกไปที่นอกห้อง ท้องไส้บิดมวนอีกครั้ง เขาเหนื่อยที่จะก้าวเดินแต่ก็มุ่งมั่นกัดฟันใช้มือยันผนังห้องไว้ก่อนจะเดินไปยังขั้นบันได ถ้าเขากลิ้งตกลงไปมันจะตายหรือเปล่า หึ ก็ต้องลองดู ณดลเดินลากขาไปที่บันได แต่จู่ๆเขาก็หมดแรงขยับขาไม่ได้เสียดื้อๆ
“ใครกันแน่วะ ที่ขี้ขลาด”เขาพึมพำ เหงื่อไหลมาตามหน้าผาก
“พ่อหนุ่มเป็นอะไรหรือเปล่า”เขาสะดุ้งเมื่อพบว่าป้าที่อยู่ชั้นเดียวกับเขามองมาด้วยสายตาตกใจ
“เปล่าครับ”
“แล้ว...นั่นเป็นอะไร”ป้าเดินมาดูเขาใกล้ๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ท้องบวมโตของดลด้วยสายตาสงสัย
“คือ...ผมมีเนื้องอกน่ะครับ แต่ใกล้จะผ่าเอาออกแล้ว”ชายหนุ่มตอบเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆยันตัวเองมาจากพื้น มีป้าเข้ามาช่วยพยุง
“งั้นเหรอ แต่แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรท้องพ่อหนุ่มโตมากเลย อย่างกับคนท้องแหน่ะ”ดลใจกระตุกวูบ...ก่อนจะแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน บอกขอบคุณป้าก่อนจะปิดประตูห้อง
“กลัวตายสินะ”เขาพึมพำกับท้องโตๆของตัวเอง ก่อนจะพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง
'ตายง่ายๆก็ไม่สนุกน่ะสิ'
เสียงไอ้อัปลักษณ์ดังขึ้นมาอีกแล้ว พระเจ้าช่วยเขาด้วย!เขาอยากตื่นแต่ก็ลืมตาขึ้นมาไม่ได้ ในห้วงความฝันเขาร่วงหล่นลงไปในความมืดที่ไม่รู้จบตกลงไปยังก้นบึ้งก่อนจะขึ้นมาใหม่ วนลูปซ้ำๆจนเขายกมือปัดป่ายในความเวิ้งว้างอย่างทรมาน ความเจ็บปวดกัดกินอยู่ภายใน ปวดเหลือเกินจนเขาต้องร้องครางเหมือนเด็กๆ
“ทำใจดีๆไว้พ่อหนุ่ม”เสียงแว่วของหมออาคมดังขึ้น
“ผมปวดท้องมากเลยครับ”แล้วเขาก็ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเหมือนเด็กๆ เขาโหยหาอ้อมกอดของแม่ เขาอยากกลับไปหาท่าน อ้อมกอดเย็นชืดจากใครสักคนโอบรอบตัวเขาอยู่
“ได้แล้วครับ”เสียงของไอ้ภพดังมาแว่วๆ ก่อนที่อะไรบางอย่างเย็นจะแผ่คลุมที่หน้าท้องของเขา
“เอ็งช่วยซับเหงื่อให้เพื่อนทีซิ ข้าจะเริ่มทำงานแล้ว”เสียงพึมพำเหล่านั้นฟังดูเลือนลาง ณดลรับรู้ถึงแรงเต้นระรัวในอก ก่อนที่อะไรบางอย่างที่แหลมคมจะกรีดผ่านผิวเนื้อของเขา แปลก...ที่มันไม่เจ็บเลย
ภพมองเพื่อนที่นอนเหงื่อแตกซิกเต็มตัว ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวราวกับกำลังต่อสู้กับอะไรสักอย่าง มือของเขาสั่นเมื่อเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของเพื่อน เป็นเพราะภาพการผ่าคลอดของเพื่อนเขาที่ทำให้เขารู้สึกวิงเวียนขึ้นมา ภพเหลือบมองหน้าท้องที่ถูกผ่าแยกออก ภายในสีแดงสดนั้นเขาเห็นเด็กทารกตัวโตกว่าปกติคดคู้อยู่ในถุงรก นี่จะเป็นภาพที่เขาจดจำไปทั้งชีวิตแน่
ณดลครางออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกแต่ความเจ็บปวดกลับถาโถมเข้ามาแทนที่ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไป...
.........................................................
ดลลืมตาขึ้นมาในเช้าวันต่อมาที่บ้านของหมออาคม อาการปวดหน่วงที่ท้องน้อยนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่อาการเจ็บแปลบเวลาขยับตัวเท่านั้น เขามองไปรอบๆพบว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยมอับๆแคบๆแหวนที่เคยได้มาเย็นเฉียบเมื่อเขาใช้นิ้วมือลูบเล่น
“ฟื้นแล้วเหรอวะ”เสียงของไอ้ภพดังอยู่ที่หน้าประตู สีหน้าของมันดูโล่งอกเป็นล้นพ้นก่อนที่มันจะหายออกไปจากกรอบประตูและกลับมาอีกครั้งในมือถือขันน้ำมาด้วย
“เอ้านี่ ยาสมุนไพร”มันส่งขันน้ำที่มีน้ำสีเขียวหม่นๆมาให้ ดลฝืนดื่มจนหมดก่อนจะเอนพิงหัวเตียงเบาๆ
“มึงสลบไปตั้งสองวันแหน่ะ”สองวันเลยหรือ...เขามองไปรอบๆอย่างหวั่นใจ หมออาคมเอาไอ้เด็กนั่นออกมาจากท้องของเขาแล้ว ให้ตายเถอะ รู้สึกดีอะไรอย่างนี้
“ไอ้ดล พูดอะไรหน่อยสิวะ”ภพเขย่าแขนเพื่อนเบาๆเมื่อเห็นว่ามันดูเหม่อๆชอบกล
“กูสบายดี แต่...”เขาอยากรู้ว่าไอ้เด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง
“เด็กนั่นตายหรือยัง”เขาได้ยินไอ้ภพถอนหายใจ
“แข็งแรงดี ตัวใหญ่น่าชังเชียวว่ะ”ไอ้ภพหัวเราะเหมือนเห็นเป็นเรื่องน่ายินดี เขาถอนหายใจ
“มันเป็นเด็กปีศาจ”
“ไอ้ดล...ถึงกูคิดว่ามันจะแปลกๆก็เถอะ แต่ยังไงนั่นก็ลูกมึงนะ”
“ไอ้ภพ!”ดลตวาดลั่นก่อนจะร้องโอดโอยเพราะเจ็บแผล เมื่อความเจ็บทุเลาลงเขาก็มองเพื่อนด้วยสายตาผิดหวังอย่างรุนแรง เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้มาจากปากมันเลยด้วยซ้ำ ลูกเขาน่ะเหรอ? เหอะ เด็กปีศาจนั่นไม่ใช่ลูกของเขาแน่ๆ
“กูรู้ว่ามันทำใจยาก แต่ในเมื่อเด็กคลอดแล้วมึงก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”ดลพ่นลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะคว้าหมอนโยนใส่เพื่อนอย่างหงุดหงิด
“มึงเอามันไปเป็นลูกแทนเลยไหมล่ะ มึงไม่ใช่กูมึงไม่รู้หรอกว่ากูรู้สึกยังไง”วินาทีนี้เขาอยากเป็นบ้าจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องบ้าๆนี่ ดูเหมือนเสียงตะโกนของเขาจะทำให้อีกหนึ่งชีวิตตื่นเพราะได้ยินเสียงเด็กแรกเกิดร้องกระจองอแงแว่วมา ณดลจุกเสียดในอกทันที ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด ภพมองเพื่อนด้วยสายตาเห็นใจก่อนจะปล่อยให้ไอ้ดลอยู่คนเดียว พอออกมาก็เจอกับหมออาคมที่กำลังเอากำไลเงินใส่ข้อเท้าของหนูน้อยเพศชาย ถ้าไม่นับการเกิดที่แปลกประหลาด ที่เขามองดูก็เหมือนเด็กทารกทั่วไป แถมมองไปมองมาในความเห็นของเขานั้นเด็กคนนี้ก็มีส่วนคล้ายไอ้ดลเหมือนกัน
“เพื่อนเอ็งไม่ยอมรับง่ายๆหรอก...เพราะเด็กคนนี้ก็แสบเอาเรื่องเหมือนกัน”ปลายเสียงดูอ่อนล้า ภพมองหมออาคมที่อุ้มเด็กที่ร้องเสียงดัง
“คือ...ผมว่ามันแปลกดีนะครับ ผมหมายถึงว่าเด็กคนนี้ก็ดูเหมือนเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง”ภพมองสีหน้าแปลกๆที่ฉายอยู่บนหน้าของหมออาคม
“หึ ธรรมดาหรือ...มันโชคดีนะที่เกิดมาครบสามสิบสอง ส่วนใหญ่พวกที่หนีมาเกิดเขาว่ามีกรรม กรรมแต่ชาติปางก่อนถ้าอโหสิกรรมให้แก่กันก็คงจบ แต่ดูๆแล้วคงจบยาก เขาว่ากันว่าคู่แท้มักจะหน้าคล้ายๆกัน ไม่รู้ว่าคู่กรรมจะใช้ทฤษฏีเดียวกันได้ไหม”ภพขมวดคิ้วคิดตามคำพูดของหมออาคม แต่หมอแค่ยิ้มก่อนจะพึมพำเบาๆ
“ต่อจากนี้คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะนะ ยุ่งมากไปข้าจะเดือดร้อน กรรมใครก็กรรมมัน...”หมอพึมพำก่อนจะพาเจ้าเด็กนั่นเข้าไปหาณดล ภพได้แต่หวังว่าเพื่อนของเขาจะไม่สติแตกไปเสียก่อน
“เฮ้อ...ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมอะไรมา ไอ้ดลเอ้ย...”เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆสีหน้ากลัดกลุ้ม
ณดลมองเด็กทารกในอ้อมแขนของหมอตรงหน้าด้วยสายตาชิงชัง เขาไม่มีหรอกไอ้สายสัมพันธ์บ้าบออะไรนั่น มันแค่หนีมาเกิดอาศัยท้องของเขาเพื่อเติบโตเหมือนกาฝากตัวหนึ่ง
“หมอช่วยเอามันออกไปก่อนได้ไหม”เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ไม่ได้ บ้านข้าไม่ใช่ที่พักฟื้นคนป่วย อีกไม่นานข้าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว”ดลหันขวับไปทางหมอทันที เขารู้สึกเหมือนคนที่พลาดรถเที่ยวสำคัญ
“ไม่ได้นะครับ แล้วผมล่ะ ผม...หมอจะไม่ช่วยผมแล้วเหรอ”เขาอ้าปากค้างอยากต่อว่าแต่ความสิ้นหวังก็โจมตีเข้ามาจนเขาจุกไปหมด
“เอ็งต้องแก้ด้วยตัวเอง เลี้ยงเขาให้ดีล่ะ อย่าทำร้ายเขาอย่างที่แล้วๆมา”ดลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจ เขาเนี่ยนะทำร้ายมัน ไอ้เด็กนี่ต่างหากที่ทำร้ายเขา
“ผมไม่ต้องการมัน”และทันใดนั้นเจ้าเด็กปีศาจก็ร้องอ้อแอ้ออกมาราวกับฟังที่เขาพูดออก หมอส่งเด็กทารกให้เขา แต่เมื่อณดลไม่รับ หมอก็จำต้องวางเด็กน้อยลงบนเตียง
“บอกเอ็งให้รู้ไว้นะ เด็กคนนี้...เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเอ็ง เขามาเกิด...ไม่สิ เขาหนีมาเกิดเพราะถูกกังขังไว้ยาวนาน”ดลหันหน้าหนีถ้อยคำจากหมอก็แค่ผ่านหูของเขาไป
“เพราะมันหยาบช้ำถึงต้องหนีมาใช่ไหม”เขาก้มมองเด็กทารกนี่เป็นครั้งแรก...ใบหน้าดูสมบูรณ์ไม่ได้อัปลักษณ์แบบที่เขาเคยเห็นในห้วงความฝัน แววตาดำขลับราวลูกปัดจับจ้องอยู่ที่เขา
“เปล่าเลย...”หมออาคมมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาเห็นใจ เมื่ออีกฝ่ายหันมามองตน เขาจึงบอกสิ่งที่ได้รู้มา
“ตัวเอ็งในชาติก่อนเป็นคนกักดวงวิญญาณของเด็กคนนี้ไว้”ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดวงวิญญาณนี้หลุดหนีมาจากบ้านหมอผีอีกคนได้ ช่างน่าประหลาดจริงๆ
“หมอพูดอะไร ผมไม่เห็นเข้าใจ”ดลขมวดคิ้วมุ่น
“ดูแลเขาดีๆล่ะ อย่าพลาดอีก...ถ้าฟื้นตัวแล้วก็กลับบ้านได้เพราะข้ามีลูกค้ารออยู่”หมอก้มมองเด็กทารก ฉับพลันนั้นเขาก็มองเห็นมากมาย...มากเกินกว่าที่ควรรู้ เพราะแบบนี้เขาจึงมอบแหวนให้ชายหนุ่มผู้น่าเวทนาคนนี้ แหวนที่จะช่วยเยียวยาจิตใจของเขา...สิ่งที่เขาได้เห็น...เขาไม่สามารถออกปากเตือนได้ ขอเพียงแต่...อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆเลย เพราะมันจะยิ่งผูกติดสองคนนี้มากขึ้น จนยากเยียวยา
...ลูกเอย...ขอให้หลุดพ้นเร็วๆล่ะ พ่อคงอยู่ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว...
หมออาคมทอดมองเด็กทารกที่ครั้งนึง...เคยเกิดเป็นลูกของเขามาก่อน...อดีตช่างหมองเศร้านัก...เขาวางมือลงบนบ่าชายหนุ่มอีกคน
“ดูแลเขาให้ดีๆ”หมอย้ำอีกรอบจนเขาต้องแอบย่นคิ้ว เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือเพียงเขาและเด็กปีศาจนี่ เขาก็ก้มมองสำรวจมองมันอีกครั้ง ให้ตาย เขาแทบทนไม่ได้ที่เห็นเค้าโครงบางอย่างที่เหมือนกับใบหน้าของเขา แต่ถึงยังไงเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกของเขา ไม่มีทางใช่
…………………………………...............
ผ่านไปสามอาทิตย์ที่เขาต้องทนทุกข์ ต้องตื่นมาดึกๆดื่นเพื่อเอานมให้มันกิน ถ้าเขาไม่สนใจมันก็จะร้องเสียงดังจนเพื่อนข้างห้องมาด่าเขา เจ้าเด็กนี่โตวัยกว่าเด็กทั่วไปมาก บอกแล้วไงว่ามันเป็นเด็กปีศาจ
“ร้องอะไรนักหนาวะ ฮะ”ดลตะคอกใส่อย่างหงุดหงิดระหว่างที่แตะดูว่านมในขวดร้อนไปหรือเปล่า เขาเคยคิดอยากโยนมันลงจากชั้นสี่ด้วยซ้ำ แต่ก็ใจไม่แข็งพอ นับตั้งแต่มีมันมาอยู่ด้วยเขาไม่ค่อยอุ้มมันเหมือนเด็กคนอื่น คิดจะจ้างพี่เลี้ยงก็ไม่มีเงินมากพอ ตอนนี้เขาคิดจะทิ้งมัน...เหมือนในข่าว ถึงจะดูใจร้ายไปหน่อยก็เถอะ แต่เขาทนอยู่กับมันไม่ได้จริงๆ เขาฝันร้ายทุกวัน เหมือนคนที่ตายทั้งเป็น ถ้าเขาโหดเหี้ยมมากพอเขาคงเอาหมอนอุดปากอุดจมูกมันแน่ๆเวลาที่มันร้องกระจองอแงทุกครั้งที่เขาทิ้งมันไว้คนเดียว
“หลับได้แล้ว”ดลมองตาเด็กน้อยที่จ้องมองมาที่เขา ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะคิดตั้งชื่อหรือว่ากันตามตรงหมอบอกว่ามันมีชื่อของมันอยู่แล้วชื่อ สิงห์ เขาก็ไม่รู้ว้าหมอเข้าฌานไปถามยมบาลหรืออะไรก็แล้วแต่ ดลไม่สนใจ
“แอ้ๆ”มันขยับตัวไปมาเหมือนต้องการอะไรสักอย่าง เชี่ยเถอะ กูจะนอนโว้ยย เขามองมันด้วยสายตาหงุดหงิด ส่วนหนึ่งที่เขาไม่กล้าฆ่ามันคือมันหน้าตามีส่วนคล้ายเขา และนัยน์ตาคู่สวยเหมือนลูกปัด เเต่เขาก็เกลียดมันมากอยู่ดีทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาถึงเกลียดมันมากขนาดนี้ ความรู้สึกมันเหมือนมีไฟมาสุมอกตลอดเวลา ดลขยับตัวไปนอนบนเตียงแต่มันก็ส่งเสียงร้องอีกครั้ง มือและเท้าน้อยๆปัดป่ายไปมา
“แอ้ๆ”มันมองหน้าดลอยู่นาน
“อะไวะ ต้องการอะไรอีก”ตัวมารของแท้เลย เขามองมันจากบนเตียง มันก็ขยับตัวอยู่แบบนั้น ให้ตายเถอะครับ เขาจำต้องลงไปหามันอีกครั้ง มันจงใจกวนประสาทเขาหรือเปล่าวะ เพราะเมื่อเขาลงไปนั่งใกล้ๆมันก็เงียบ เขาถอนหายใจเหนื่อยๆ ทั้งกายและใจ เขาจะทำยังไงกับมันดีนะ ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือเล็กๆเย็นๆยื่นมาแตะมือของเขา ดลมองเด็กน้อยที่นอนคว่ำมองหน้าเขาอยู่ เขาชักมือออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกอดอก
“นอนซะ”มันจะฟังเขารู้เรื่องไหม ต้องรู้สิในเมื่อตอนที่มันอยู่ในตัวเขามันยังรู้เรื่องเลย
“ถ้ายังไม่นอนกูฆ่ามึงแน่”เขาขู่ แววตาของมันวาววับอยู่ครู่หนึ่ง เขาจับตัวมันให้นอนอีกครั้ง
'หัวมันเล็กแค่นี้ บิดทีเดียวก็หักแล้ว'
เสียงในหัวดังขึ้น เจ้าเด็กนั่นยื่นมือออกมาคว้านิ้วมือของเขาไปจับ ณดลถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกบางอย่างอื้ออึงอยู่ในอก เขาพ่นลมหายใจออกมาทางปากช้าๆ ก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งดึงผ้าผืนเล็กมาคลุมร่างของมัน
'เอาผ้าอุดจมูกเลยสิ ง่ายนิดเดียว แป๊บเดียวมันก็ตาย...'
เขาสะบัดศีรษะไปมา ทำไมความคิดของเขาช่างน่ากลัวแบบนี้ แต่วันนี้เขาเหนื่อยจริงๆจะยอมนอนข้างๆมันก็แล้วกัน เพราะพรุ่งนี้...มันจะไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว!
-03:30 น.
ณดลตื่นขึ้นมาราวกับตั้งนาฬิกาปลุกไว้ อันที่จริงเป็นเพราะว่าเขาฝันร้ายและสะดุ้งตื่นมาเวลานี้พอดี เขาหยิบตะกร้าหูหิ้วที่มีผ้าขนหนูนุ่มๆรองไว้มาวางใกล้ๆเจ้าหนูน้อยก่อนจะอุ้มมันอย่างเบามือ ชิบ...มันตื่นอีกแล้ว นัยน์ตาดำขลับจ้องมองเขานิ่ง เขาถลึงตาใส่ก่อนจะวางมันในตะกร้า มันตั้งท่าร้องแต่เขาคว้าจุกนมมายัดใส่ปากมันได้ทันก่อนจะเอาผ้าคลุมตะกร้าอีกที
ดลมีจุดหมายตามที่ดูลาดเลาเอาไว้ เด็กนี่แหกปากร้องตลอดทางที่เขาขับรถ ไม่รู้ว่ามีใครได้ยินบ้างแต่ใครสนล่ะ มันคงไม่มีแรงร้องไปได้ตลอดทางหรอก เขาหาข้อมูลมาแล้วว่าอีกฝากของจังหวัดมีห้องแถวเป็นคนจีนร่ำรวยมากเพราะความขี้งก ลูกหลานไม่ค่อยมี เมื่อมาถึงที่หมายเจ้าเด็กปีศาจก็เงียบไปแล้ว หน้าบ้านหลังใหญ่ปราศจากกล้องวงจรปิด เขาก็วางตะกร้าลงที่รั้วบ้าน
“กูใจดีกับมึงมากนะ ที่เอามึงมาทิ้งไว้ที่บ้านรวยๆ”น่าแปลกที่มันลืมตามองเขาเงียบๆ มันอาจจะคิดอะไรอยู่ก็ได้เพราะนัยน์ตาดำขลับนั้นดูวาวโรจน์ เขาส่งยิ้มให้ก่อนจะขี่รถออกไป เหลียวมองตะกร้าเล็กๆนั่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันไปมองมันอีก เขาทำถูกแล้ว มันไม่ใช่ลูกของเขา...เขาเลี้ยงมันไว้ไม่ได้ เพราะลึกๆแล้ว...ความฝันครั้งนั้นตามมาหลอกหลอนเขาจนแทบนอนไม่ได้ มึงทำถูกแล้วไอ้ดล! ท้องฟ้าสีหมึกเบื้องหน้าเหมือนดูปั่นป่วนแปลกๆ เขาใจหายเล็ดน้อยเมื่อสายฟ้าแลบแปรบปราบลงมาเหมือนลางร้าย...คำพูดของหมออาคมแวบเข้ามาในหัว
'เลี้ยงเขาให้ดี'
“ช่างเถอะ เพราะต่อจากนี้ณดลคนเดิมจะกลับมาแล้ว”เขาจะได้ชีวิตของเขาคืนมาแล้ว!...แต่ใครจะรู้ว่านี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น
TBC.
มาอัพแล้ว ติดตามกันต่อไปว่าดลจะหนีพ้นไหม จะมีตัวละครเพิ่มมาอีก สองตัวค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามและรอค่ะ :กอด1:
I'm friends with the monster that's under my bed
Get along with the voices inside of my head
From :song Monster
ตอนที่๒
ณดลรีบขี่รถกลับมาที่หอ ในอกเต้นถี่รัวเขากังวลไปหมด กังวลว่าจะหนีเจ้าเด็กปีศาจนั่นไม่พ้น เขารู้สึกไม่ค่อยดีแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร เขาเองก็ไม่ได้ใจร้ายเสียหน่อยบ้านคนจีนหลังนั้นก็ออกจะใหญ่โต เขาเชื่อว่าเจ้าเด็กนั่นจะเติบโตอย่างสุขสบายแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาไม่สบายใจอยู่ดี ดลกลับมาถึงห้องก่อนจะล้มตัวลงบนเตียง กลิ่นนมเด็กยังคงอวลอยู่ใกล้ๆ คงเป็นเพราะขวดนมที่หกอยู่บนพื้น แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ ก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
…หมอกสีขาวบดบังการมองเห็น ดลไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ราวกับสถานที่แห่งนี้เวิ้งว้างไม่มีที่สิ้นสุด
“หมออาคม?”เขาเปล่งเสียงออกมาเบาๆ เมื่อเห็นร่างที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของอีกคนเรียบเฉยจนยากจะคาดเดา มีเพียงริ้วรอยบนใบหน้าที่บ่งบอกว่าหมออาคมดูเปลี่ยนไป
“รู้ไหม…ว่าเอ็งน่ะโง่”น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เจือไปด้วยความกังวล เขาขมวดคิ้วอย่างงุนงง หมายความว่าไง
“หมอหมายถึงอะไร”
“ข้าบอกให้เอ็งดูแลเขาให้ดีไม่ใช่เหรอ เฮ้อ ยิ่งแก้ก็เหมือนยิ่งผูก คราวนี้ข้าช่วยเอ็งไม่ได้แล้ว”ดลขมวดคิ้วเขาที่ว่านั่นหมายถึงไอ้เด็กปีศาจนั่นน่ะเหรอ
“มันไม่ใช่ลูกของผม…ผมดูแลมันไม่ได้หรอก”เขาพูดเสียงดัง
“ทุกอย่างยังไม่จบหรอกนะ ณดล…”น้ำเสียงที่อ่อนลงของหมออาคมทำให้เขาชะงัก ความรู้สึกอดกลั้นแล่นริ้วผ่านเข้ามาในอก
“หมอบอกผมได้ไหมว่าผมทำเวรทำกรรมอะไรหนักหนา ทำไมมันถึงไม่จบ”ชายหนุ่มทรุดตัวร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจ แค่นี้ยังทรมานเขาไม่พออีกเหรอ หมออาคมทอดสายตามองมายังชายหนุ่มที่ดูทุกข์ใจเหลือแสน ก่อนจะตัดสินใจพาชายหนุ่มตรงหน้าท่องไปยังความทรงจำที่ถูกฝังไว้ลึกสุดของจิตใต้สำนึก ภายนอกดูเหมือนดลแค่นอนหลับตาอย่างสงบ แต่ความจริงนั้นต้องตั้งจิตให้มั่นถึงจะสามารถเข้าไปในห้วงทรงจำของอดีตชาติได้
.....เสียงจิ้งหรีดร้องระงมดังเข้ามาในหู เป็นค่ำคืนที่เงียยสงัดปราศจากเค้ารางของความชั่วร้าย ชายฉกรรจ์แฝงตัวอยู่ใต้เงาพุ่มไม้ ในมือถือมีดเล่มใหญ่ไว้มั่น มันถูกจ้างให้มา'ฆ่า'ไอ้สิงห์หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้าน มันไม่แปลกใจนักที่มีคนสั่งมาเพราะเจ้าของคำสั่งนั้นเป็นชายหนุ่มรูปหล่อไม่แพ้กัน แต่เพราะว่าทั้งคู่ต่างหมายปองหญิงคนเดียวกันถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
มันกระชับมีดในมือเมื่อได้ยินเสียงย่ำเท้าของไอ้สิงห์ดังอยู่ไกลๆ
สิงห์เพิ่งกลับมาจากในเมืองเขาซื้อผ้าเนื้อดีมาด้วย ไม่ใช่สำหรับหญิงสาวแต่เป็นสำหรับชายหนุ่ม เขาซื้อมันมาเพื่อไอ้ดล ที่เห็นเขาเป็นศัตรูหัวใจทั้งๆที่เขากับมันเคยสนิทเล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก แปลกเหลือเกินที่ตัวเขารู้สึกกับเพื่อนคนนี้มากกว่าเพื่อนคนอื่น
สิงห์เองไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ความรู้สึกนี้เป็นเหตุที่ทำให้เขาลงมือเกี้ยวแม่ศรีสาวงามประจำหมู่บ้าน เขารู้ว่าหล่อนเองชอบพอเขาอยู่และคงเป็นการดีที่จะดึงหญิงสาวออกมาจากไอ้ดล เขาไม่ต้องการให้มันคบกับศรีเลย หรือนี่คืออาการหวงเพื่อนกัน แต่การกระทำของเขากลับไปขัดใจมันเข้า ไม่คิดว่ามันจะหลงหล่อนมากขนาดนั้น มากถึงขั้นตัดเพื่อนกับเขา เพื่อนที่เคียงข้างมันเสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะเจ็บปวดหัวใจกับการกระทำของดล แต่ความรู้สึกของเขาก็ยังมากเหมือนเดิม..
สิงห์เป็นคนค่อนข้างระวังตัวเพราะฉะนั้นเขาจึงได้ยินเสียงเคลื่อนกายในพุ่มไม้ตรงหน้า เขาล้วงเข้าไปในย่ามเมื่อเดินเข้าใกล้สมทบพุ่มไม้มากขึ้น และทันใดนั้นร่างกำยำก็โผล่มาจากเงามืด พร้อมกับเงื้อแขนขึ้นสูง สิงห์เอี้ยวตัวหลบแต่ก็ไม่พ้นคมมีด เขาโดนฟันที่แขน แผลไม่ลึกมากแต่ก็ทำให้เขาเลือดอาบ สิงห์คว้ามีดในย่ามออกมาได้ทันระหว่างที่พลิกตัวหลบอีกครั้ง เขาจ้วงแทงเข้าที่หน้าท้องของมือมีด ร่างของมันทรุดลงและเขากดด้ามมีดไว้เพื่อเพิ่มความเจ็บปวดให้แก่มัน
“บอกกูมา ใครสั่งให้มึงมาทำร้ายกู”เขากระซิบเสียงเหี้ยม
“พ...พี่ดล”มันรีบตอบอย่างกลัวตาย เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่กัดกินอยู่ภายในตัว นี่มันถึงขั้นอยากฆ่าเขาเลยเหรอ หึ สิงห์ก้มลงไปหาคนที่นอนกุมท้องอยู่
“กูจ้างมึงสองเท่า ไปลากตัวไอ้ดลมาให้กูที่กระท่อมท้ายป่า ถ้ามึงพามันมาได้กูจะไม่เอาเรื่องมึง”สิงห์เองก็มีพรรคพวกอยู่บ้าง มือมีดพยักหน้าอย่างกลัวตายก่อนจะค่อยๆพยุงร่างบาดเจ็บของมันหายไปยังทิศตรงกันข้าม
...ไอ้ดล กูผิดหวังในตัวมึงจริงๆ ระหว่างที่สิงห์เดินไปที่กระท่อมท้ายป่านั้น อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา เขาเช็ดมันออกลวกๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกแสนทรมานที่เกิดขึ้นนี้มาจากไหนมากมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็บอกได้ว่าไอ้ดลมันรักแม่ศรีจนยอมสั่งฆ่าเขา!
สิงห์จะไม่ปรานีมันแน่ ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้โกรธมากมายขนาดนี้ เขาได้แต่นั่งรอเวลา เอาผ้าพันแผลที่โดนฟันไว้เพื่อห้ามเลือด จนได้ยินเสียงย่ำฝีเท้าหนักๆหลายคู่ดังเข้ามาใกล้ ประตูกระท่อมเปิดออกพร้อมกับร่างสั่นเทาของไอ้ดล มันถูกผ้ามัดปากไว้ คนที่ลากมันเข้ามาคือชายร่างกำยำสองคนและที่ยืนเผือดซีดอยู่ด้วยคือไอ้มือมีด สิงห์ล้วงหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่งก่อนจะส่งให้อีกฝ่าย
“ไปได้แล้ว เก็บเรื่องนี้ไว้จนตัวตายล่ะ”เขาไล่สายตามองทีล่ะคนก่อนจะโบกมือไล่พวกมันออกไปจนหมด ก่อนจะก้มมองเพื่อนรักที่นั่งตัวสั่นเป็นลูกหมาอยู่ที่พื้น เขารู้ดีกว่าใครว่ามันน่ะแสนขี้ขลาด
“มึงทำกูเจ็บใจเหลือเกินว่ะ ไอ้ดล”เขามองมันด้วยสายตาเสียใจ มันพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่สนใจฟังเพราะเวลานั้นความโกรธได้ครอบงำเขาไว้แล้ว เขากระชากมันเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบเบาๆ
“มึงจำได้ไหมตอนเด็กๆ กูกับมึงเล่นสนุกกันยังไง”ไอ้ดลส่ายหน้าไปมาสุดแรง แววตาฉายถึงความหวาดกลัว สิงห์โถมตัวเข้าหาเพื่อนก่อนจะฉีกกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวมัน เขาไม่รู้ว่าเรื่องหลังจากนั้นเป็นยังไง แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ลงมือทำร้ายมันไปอย่างที่มันไม่มีวันให้อภัยเขาแน่ มันนอนคุดคู้ตัวสั่นงันงกและน้ำตานองหน้า และที่เหมือนมีดกรีดลงมากลางใจเขาคือสายตาชิงชังของมัน
“กู...กูขอโทษ”สิงห์เว้าวอนเสียงสั่นเครือ ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าเนื้อดีที่ซื้อมาจากในเมืองมาสวมให้ไอ้ดลด้วยมือที่สั่นระริก มันไม่พูดไม่จาอะไรสักคำจนเขากลัวจนมือไม้สั่น
“กูขอโทษ แต่กู...กู...รักมึงนะ”
“แต่กู...เกลียด”แล้วมันก็พยุงร่างกายอันบอบช้ำออกจากกระท่อมไป เขาไม่ได้ร้องห้ามเพราะรู้สึกว่าหมดเรี่ยวแรงเพราะคำพูดแสนเย็นชาของดล สิงห์ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจจนเผลอหลับไป และสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้...และความร้อนรอบตัวที่โหมเข้ามา เขากระโจนลงจากแคร่ไม้เมื่อเห็นเปลวเพลิงล้อมเขาไว้ทุกทิศทาง
เขาตะเกียกตะกายหาทางออกอย่างหมดหวัง ...ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยโผล่มาให้เห็นจากกรอบหน้าต่าง คนที่ยืนมองด้วยสายตาเจ็บปวด...ไอ้ดล เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ตะโกนคำขอโทษมากมาย แต่คำพูดของเขาก็ไปไม่ถึงคนที่ยืนมองเขาตายทั้งเป็นที่นอกกระท่อม...
ภาพทรงจำตัดไปที่ดลกำลังคุยกับหญิงสาวรูปงามอย่างมีความสุข เขาได้แต่งงานอยู่กินกับแม่ศรีแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้รักเขาจริงๆก็ตาม เขาดูมีความสุข...ดูเหมือนว่าแบบนั้น แต่เมื่อยามที่เขาอยู่คนเดียวเขาจะหวาดกลัวต่อเรื่องที่ได้ทำลงไป...ใบหน้าอ้อนวอนขอชีวิตของไอ้สิงห์นั้นฝังใจเขามาจนถึงทุกวันนี้ เขาไม่สามารถลืมได้เลย
...น่าแปลกที่เขาปวดแปลบในอกถึงขนาดนี้ น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว...ในห้วงความฝันดลเห็นไอ้สิงห์มันดูรูปหล่อตามเดิม มันมาหาเขาเพื่อขอโอกาส โอกาสสำหรับการไถ่โทษ มันบอกว่าอยากชดใช้ในสิ่งที่มันทำพลาดไป บอกอีกส่าไม่โกรธเลยสักนิดที่เขาเผามันทั้งเป็น ดลรับปากแค่เพราะอยากให้ดวงวิญญาณของมันจากไปอย่างสงบสุข...
ไม่นานนักเมียเขาก็ตั้งท้อง ดลดีใจมาก ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่ลูกของเขาจะเกิดมา แต่แล้ว...!เมื่อเจ้าเด็กนั่นคลอด เขาก็โกรธจนแทบบ้าเพราะใบหน้านั้นเหมือนไอ้สิงห์ราวกับแกะ ความโกรธกัดกินสติของเขาไปหมดสิ้นเมื่อคิดว่าเมียของตนเล่นชู้ มันตั้งท้องกับไอ้สิงห์แน่ คิดได้ดังนั้นเขาก็คว้ามีดมาแทงเมียจนตาย เมื่อปล่อยมีดเปื้อนเลือดทิ้ง...
คำพูดของไอ้สิงห์ที่บอกว่าจะกลับมาขอโอกาส กลับมาไถ่โทษเขา...อย่าบอกนะว่าเด็กนี่คือไอ้สิงห์ที่มาเกิดใหม่ นี่เขาทำอะไรลงไป แต่เพราะความเสียใจ ความรู้สึกผิดที่ตีรวนอยู่ในอกเขาจึงโทษว่าเป็นความผิดของมัน
“มึงจะเกิดมาทำไมวะ ไอ้สิงห์”มันแค่มองหน้าเขาด้วยดวงตาใสซื่อ
“เพราะมึง...เพราะมึงทำให้เมียกูต้องตาย!”จู่ๆมันก็ร้องกระจองอแงจนเขาต้องเอาผ้ามาอุดปากมัน เขาเหมือนคนคลุ้มคลั่ง เมื่อหาทางออกไม่ได้ เขาจึงใช้มีดผ่าท้องเมียตัวเองก่อนจะจับไอ้เด็กนั่นยัดกลับไปในท้องที่มันเกิดมา เขาหยิบเข็มและด้ายมาเย็บปากแผลให้สนิท เท่านี้ ปัญหาทุกอย่างก็จบ ดลลากศพภรรยาไปที่แม่น้ำก่อนจะโยนลงไป ...
ภาพตัดไปที่หมออาคมที่มาตามหาลูกชาย...เขาได้ทราบจากความฝันว่ามันถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของคนที่มันรักถึงสองครั้ง ...ลูกพ่อคงทรมานสินะ...พ่อจะช่วยเจ้าเอง ...หมออาคมทำพิธีเอาดวงวิญญาณลูกชายกลับไปด้วย ดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและโกรธเคือง หมออาคมจำต้องปล่อยให้ลูกชายไปเกิด เพราะเขาไม่อยากให้ลูกชายทรมานนานนัก แต่สิงห์ไม่ได้ไปเกิด เขาวนเวียนอยู่ใกล้ๆดล คอยย้ำเตือนว่าเขาจะตามติดมันไปทุกชาติ จะแก้แค้น
“ทำไมมึงต้องฆ่ากูด้วย”ไอ้สิงห์ที่มีใบหน้าอัปลักษณ์เพราะถูกไฟครอกตะโกนตัดพ้อเขาในห้วงฝัน
“มึงทำร้ายกู...”
“ฆ่ากูทำไม”เด็กทารกตัวเขียวคล้ำนัยน์ตาฝ่าฟางเหมือนน้ำข้าวจ้องมองมา ดลเนื้อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“มึงเป็นสาเหตุให้เมียกูต้องตาย”
“มึงไม่เคยโทษตัวเองเลย กูจะตามติดมึงไปทุกชาติเพราะกูรักมึง กูรักมึง ฮ่าๆ”เด็กทารกอ้าปากดูน่ากลัวมันพุ่งตรงมาหาเขา และจากนั่นเขาก็สะดุ้งตื่น...และพบว่าเขากำลังจะบ้า ทุกๆวันเขาจมอยู่กับความฝันแนวๆนี้ เขาร้องห่มร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เขาต้องทำอะไรสักอย่าง มีข่าวลือว่ามีหมอผีรูปหล่อที่หมู่บ้านถัดไป เขาไปขอความช่วยเหลือ เล่าทุกอย่างให้ฟัง ต้องจ่ายไปจนเกือบหมดตัวแต่ดลก็ยอมเพราะอยากพ้นความทรมานนี้เสียที หมอผีทำพิธีกักขังดวงวิญญาณของไอ้สิงห์ไว้ตลอดกาล มันจะมาป่วนชีวิตเขาไม่ได้อีกแล้ว...ไม่มีวัน...
...และช่วงสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่เขาจะหมดลม เขาเห็นมัน...ไอ้สิงห์..มันบอกว่าจะหาทางมาหาเขาให้ได้...
ณดลสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากห้วงความทรงจำที่ได้เห็น น้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าเป็นทาง เขาปวดแสบในอกเหมือนความรู้สึกเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง ดลพลิกตัวนอนตะแคงคดคู้ตัวเหมือนเด็กทารก ..ภาพเหล่านั้นน่ากลัวเหลือเกิน โดยเฉพาะฉากเด็กทารกนั่น...เขาตัวสั่นขึ้นมา นึดถึงคำพูดของหมออาคมขึ้นมาว่ามันยังไม่จบ ถ้าเขา...ถ้าเขาแค่เลี้ยงมันต่อ
...เรื่องทุกอย่างจะจบไหมนะ ดลน้ำตาไหลออกมาดื้อๆ ภาพความทรงจำเหล่านั้นทำร้ายเขาเกินไป ไม่รู้ว่าความผิดของเขากับไอ้สิงห์ของใครมีมากกว่ากัน...แต่ที่แน่ๆ มันตั้งใจตามรังควานเขาตามที่พูดแน่ๆ จะมีใครช่วยเขาให้หลุดพ้นวังวนนี้ไหมนะ
...พระเจ้าครับ โปรดช่วยลูกด้วย...
ผ่านไปสามปี…ชีวิตของณดลกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เขาเรียนจนจบได้อย่างยากลำบากเพราะทำตัวเหลวไหล จบมาก็ยังไม่ยอมหางานทำ แต่เขาก็มีความสุข มีความสุข…จนลืมไปแล้วว่าเขาเคยยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่เคยอยู่ในร่างกายของเขา เรื่องของสิงห์หายไปจากห้วงความคิดราวกับถูกลบความทรงจำส่วนนั้นไป ในช่วงอาทิตย์แรกๆ เขาแทบนอนไม่หลับเพราะอาการหวาดผวา แต่พอนานไปเข้าความหวาดกลัวก็ค่อยๆจางหายไปเหมือนมีสายน้ำฝนมาชำระล้าง
และวันนี้เป็นอีกวันที่เขาออกมากินเลี้ยงกับเพื่อนๆ เป็นข่าวดีของไอ้ภพ มันกำลังจะแต่งงานแล้วครับ น่าอิจฉาจริงๆ ส่วนดลก็เป็นหนุ่มปาร์ตี้เต็มตัว ก็เลยไม่ได้คบกับสาวคนไหนจริงจังนัก ยิ่งดึกพวกเขายิ่งคึก ชายหนุ่มเริ่มมึนหัว รู้สึกอยากอ้วกขึ้นมา เขาจึงโซเซออกไปนอกร้านก่อนจะโก่งคออ้วกแบบไม่อายใคร
“แค่กๆ”เขาสำลักอยู่นานก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปาก แต่อยู่ๆก็มีมือหนึ่งยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้เขา ดลนิ่วหน้า ก่อนจะค่อยๆไล่สายตาเจ้าของขวดน้ำก่อนจะผงะถอยหลังล้มลงเหมือนคนเข่าอ่อน เพราะเด็กหนุ่มอายุราวๆสิบเจ็ดนั้นมีใบหน้าที่เหมือน....เหมือนไอ้สิงห์ เขาจำดวงตาสีดำสวยเหมือนลูกปัดคู่นั้นได้...แต่ไม่น่าใช่เพราะนี่มันเพิ่งจะสามปีเอง มันจะโตเร็วแบบนี้ได้ยังไง
มันคือเด็กปีศาจยังไงล่ะ...เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัว เขากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้ายกยิ้มมองเขาด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าดู
“เป็นอะไร เข่าอ่อนเหรอ อ่อนแอจังนะ ไม่เหมือนผมเลย ตายยาก”มันนั่งยองๆลงตรงหน้าดล ที่รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกร่างกายสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“...แกเป็นใคร”เขาถามเสียงสั่นเครือเพราะความหวาดกลัว
“จะใครล่ะ ก็คนที่มึงเกลียดไง”มันหัวเราะเบาๆก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของชายหนุ่มตรงหน้า
“เคยอยู่ในตัวมึงด้วย”
“...”ดลเหมือนคนที่ช็อคจนพูดไม่ออก เป็นไปไม่ได้ ...ทำไมล่ะ ทำไมมันโตเร็วขนาดนี้
“จำได้หรือยัง”สิงห์ยื่นหน้าไปใกล้ๆอีกคนที่ดูเหมือนช็อคจนเอ๋อ ท่าทางแบบนี้ทำให้เขาหัวเราะออกมา
“ต่างคนต่างอยู่สิ”ดลรวบรวมคำพูด ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ สิงห์หัวเราะทันที
“ไม่ได้หรอก เราต้องอยู่ด้วยกัน เป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้ดล”มันยื่นมือมาแตะใบหน้าของเขาแผ่วเบา ก่อนจะโน้มตัวมาใกล้ ตัวของมันเย็น...เหมือนคนที่ตายไปแล้ว
“สงสัยใช่ไหมว่าทำไมถึงโตไวขนาดนี้”มันฉีกยิ้มกว้าง นั่นทำให้เขาไม่อยากรู้
“เพราะ...”สิงห์ยื่นหน้ามาใกล้ ก่อนจะแตะริมฝีปากลงที่ลำคอของดลเบาๆจนเขาสะดุ้งโหยงเมื่อปลายลิ้นเย็นลากไล้เบาๆ
“ไอ้คนจีนพวกนั้น...เนื้ออร่อยดี”มันยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะ เขาไม่รู้ว่าทำสีหน้าแบบไหนออกมา แต่รู้แค่ว่าร่างกายเย็นเฉียบด้วยความกลัวขึ้นมาทันที...แสดงว่ามันกินคน มันฆ่าคนสินะ...พระเจ้า ดลเหมือนคนหายใจไม่ออกจะขยับถอยห่างก็กลัวเกินกว่าจะทำได้เพราะร่างกายอ่อนเปลี้ยไปหมด
“แต่ไม่ต้องกลัวหรอก กูไม่กินมึงหรอกนะ...เพราะกูรักมึง”สิงห์มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงหา จนเขานึกกลัว เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่ที่แจ่มชัดในตอนนี้คือกลัว...ไอ้สิงห์มันคือปีศาจชัดๆ
“กลับบ้านกัน”มันยิ้มให้ผม บ้านเหรอ...ดลส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อมือเย็นๆสัมผัสเข้ากับข้อมือของเขา เขาก็ลุกตามอย่างว่าง่ายทั้งๆที่สั่นกลัว มันจะพาเขาไปที่ไหน ดลได้แต่นั่งเงียบอยู่ในรถเก่าๆเหม็นอับของมัน รถคันนั้นหยุดลงที่บ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยว ท้ายซอยเปลี่ยวๆ มองยังไงนี่มันก็บ้านร้างชัดๆ
มันพาเขาเข้าไปในบ้าน ด้านในถูกแบ่งเป็นสัดส่วน เขาเห็นเหมือนมีห้องใต้ดินด้วย ไอ้สิงห์มันเอาไว้ทำอะไร เขากลัวคำตอบจึงมองข้ามไป ฝามือเย็นพาเขาเข้ามาในห้องนอนแคบๆ ห้องนี้เป็นห้องเดียวที่ไม่เหม็น แต่มันหอมแบบแปลกๆ ทำให้ดลเหมือนลอยล่องอยู่ในม่านหมอกบางเบา ลืมตาขึ้นอีกที ก็พบว่ามันกำลังถอดเสื้อผ้าของเขาออก
“จะ...ทำอะไร”ดลถามเสียงหวาดๆ แต่สิงห์ยกนิ้วแตะปากของเขาเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู
“เล่นกัน...”เขาขนลุกวูบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อร่างกายเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ก็เหมือนว่าความร้อนจากร่างกายของดล ส่งต่อไปยังอีกคน เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง รู้แค่ว่าเหมือนตัวเองถูกดึงดูดเข้าหามันอย่างประหลาด
ริมฝีปากเย็นชื้นสัมผัสไปทั่วร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย อารมณ์รุนแรงพุ่งขึ้นมาจนเขาต้องโถมตัวเข้าหาร่างที่นอนกอดเขาอยู่ด้วยอ้อมแขนอุ่น
ดลหลับตาลงเมื่อลิ้นเย็นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก พร้อมกับกดจูบหนักหน่วงรุนแรงจนเขาครางฮืมในลำคอ บางอย่างที่รุกล้ำเข้ามาในตัวทำให้เขาวูบวาบร้อนผ่าวจนต้องร้องขออีกไม่รู้จบ เหมือนตัวเขาตกอยู่ในวังวนที่หาทางออกไม่เจอ เป็นสุขทั้งๆที่ในอกทุกข์ตรม ทุกวันเขาเติมเต็มให้มันและมันก็ตักตวงจากเขา จะมีใครรู้ไหมว่าเขาหายตัวไปอย่างลึกลับแบบนี้ แต่คิดได้ครู่เดียวมันก็หายไปราวกับโดนเป่าทิ้ง
“ดล...กูรักมึงนะ”สิงห์บอกเบาๆหลังจากที่ถอนตัวออกมาจากร่างอีกคนที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ใต้ร่างเขา ...ในหัวของเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เหมือนกับรับรู้แค่ดล และกิน การตักตวงจากณดลไม่เหมือนกับการที่เขากินมนุษย์คนอื่น กับดลเหมือนเขาได้มีชีวิตจริงๆ ไม่ใช่ครึ่งคนครึ่งผีแบบนี้
“ฮื่อ...”อีกฝ่ายครางกลับมา จนเขาต้องระบายรอยยิ้มออกมา เลื่อนมือสัมผัสใบหน้าอีกคน ดีใจอยู่ลึกๆที่ไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในนั้น มีแต่ความสงบ...สงบจนสิงห์นึกกลัว...โอ...มันช่างเหมือนแววตาในวันนั้น วันที่มันมองเขาโดนเผาทั้งเป็น ไม่ อย่าไปคิด ถึงจะแปลกใจที่จู่ๆสมองเน่าๆของเขาดันมาจำช่วงเวลานี้ได้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“กูทำข้าวเย็นให้แล้วนะ เดี๋ยวยกมาให้”
“ขอบใจ”มันตอบเบาๆก่อนจะยกตัวมาจูบแก้มสิงห์เบาๆ ทำให้เขายิ้มออกมา ในอกเต้นระรัวด้วยความยินดี เขาเข้าไปในครัวแคบๆ ก่อนจะยกสำรับข้าวไปให้คนในห้อง
“กินเยอะๆนะ เดี๋ยวกูมา”เขามองไอ้ดลตักข้าวเข้าปากด้วยสายตารักใคร่ เขารักมันจริงๆ จะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะอยู่แบบนี้กับมันตลอดไป...เขาเคยถามพ่อแล้ว...แต่เขาก็อยู่ได้ไม่นาน ยกเว้นจะกลับไปหาคนที่ชุบเลี้ยงเขาเมื่อตอนที่ช่วยเขาออกมาจากการถูกกักขัง แบบนั้นเขาก็เป็นปีศาจภูติผีเต็มตัวแน่ๆ...ซึ่งเขาไม่ชอบเพราะรู้ว่าดลมันเกลียด
เขากลัวสายตาเกลียดชังของมันเหลือเกิน กลัวพอๆกับความคิดของมัน ร้ายกาจมาแต่ไหนแต่ไร
สิงห์ลงมาที่ห้องใต้ดิน เปิดประตูเข้าไปมองศพที่เริ่มเหม็นที่กองอยู่ตรงพื้นห้อง ที่อ่างอาบน้ำแบบพิเศษมีของเหลวสีใสกลิ่นฉุนอยู่เกือบครึ่ง เขาเองก็ต้องจัดการซากกระดูกที่เหลือนี่นา...และเขาก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอดเหมือนกัน...ระหว่างที่จัดการกับอาหารเย็น ความรู้สึกเจ็บเสียดที่หลังก็แล่นเข้ามา สิงห์เหลียวมองช้าๆ...
“ดล..”ความเจ็บปวดแล่นเข้ามา เมื่อมันดึงมีดยาวๆออกจากแผ่นหลังของเขาก่อนจะแทงเข้ามาอีกครั้งจนเขาทรุดกองกับพื้น แววตาแบบเดียวกับวันนั้น...ทำไมทั้งๆที่เขาใจดีกับมันถึงขนาดนี้แล้ว...
“กูทรมาน...ขอโทษนะ”น้ำเสียงเย็นชาพอๆกับสีหน้า สิงห์รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา บาดแผลนี้ใหญ่เกินไป...เขาต้อง..ร่างเขากระตุกเกร็งอีกครั้งเมื่อคมมีดเสียดแทงเข้ามาอีกครั้ง...หรือว่าชะตากรรมของเขาจะต้องวนเวียนอยู่แบบนี้หรือ
ณดล ยืนมองร่างที่หมดสติไปด้วยความหวาดกลัว ความกลัวเป็นตัวผลักดันทำให้เขาบ้าบิ่นขึ้นมา เขาลากร่างไร้สติมาที่ขอบอ่างอาบน้ำ...สลายไปเถอะนะ สิงห์จะได้หมดเรื่องเสียที เขาหลับตาก่อนจะดันร่างนั้นลงไปในอ่างก่อนจะรีบออกมาจากห้องใต้ดินเหม็นเน่านั่น ล็อคกุญแจเสร็จ ดลก็รีบออกมาจากบ้านหลังนั้น...พระเจ้ามาช่วยเขาทันเวลาแล้ว...
ดลกลับมาที่หอมืดๆเงียบๆของตัวเอง มีกระดาษแปะอยู่หน้าห้อง เหมือนเพิ่งแปะไม่นานเพราะหมึกยังเปื้อนมือดลอยู่เลย
'ติดต่อดลไม่ได้เลย แนนมีเรื่องสำคัญมากจริงๆ แนนท้อง โทรกลับด้วย'
ดลเบิกตามองข้อความนั้นด้วยสายตาตกใจ แนนเป็นคู่ขาของเขา นอนด้วยกันบ่อยมากๆ นี่เขาจะเป็นพ่อคนแล้วเหรอ...ไม่ดีใจเลยสักนิด เขาเกลียดเด็ก...
TBC.
ใกล้จบแล้วนะคะ มีใครเดาตอนต่อไปได้บ้าง 55
ขอให้มีความสุข(?)กับการอ่านน้า :a5:
I don't know what's driving me to put this in my head.
Maybe I wish I could die, maybe I am dead
ตอนที่๓ สู่จุดเริ่มต้น
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าขุ่นมัวราวกับว่ามีเรื่องขุ่นเคืองใจ ดลยืนมองจากระเบียงห้องด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก หลายๆเรื่องประดังเข้ามา ทั้งเรื่อง…ที่เขาฆ่าคน ไม่สิ…มันไม่ใช่คนด้วยซ้ำ เขากัดริมฝีปากจนช้ำ มันจะตายหรือยัง? จู่ๆริ้วความกลัวก็เข้ามาเกาะกุมจิตใจจนร่างสั่นสะท้าน จะเกิดอะไรขึ้น หากว่ามันตามมาจองเวรเขาอีก ฉับพลันนั้นเขานึกไปถึงเด็กในท้องของแนน…เมื่อชั่วโมงก่อน เขาติดต่อคู่ขาไปแล้ว
‘แนนท้องเหรอ’
‘ใช่ ดลจะรับผิดชอบแนนรึเปล่า…’
‘รับสิ ถ้าเป็นลูกของดลจริงๆ’
‘พี่หาว่าแนนโกหกเหรอ แนนนอนกับดลแค่คนเดียว…ได้ งั้นก็รอจนกว่าเด็กจะคลอด จะได้รู้กัน’
ส่วนลึกในใจเขารู้ดีว่านั่นเป็นลูกของเขาแน่ๆ ความจริงแล้วดลอยากให้แนนไปเอาเด็กออก แต่กลับกลัวขึ้นมา เด็กนั่น…เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เลือดเนื้อจริงๆ ไม่ใช่กาฝากแบบสิงห์ เขาจะทำได้ลงจริงๆหรือ?
เขากลับเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกหนักหน่วง ชีวิตของเขา…เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน เขานอนขดตัวอยู่บนเตียง จมหายไปในห้วงความฝัน…เป็นฝันที่แปลกประหลาด…เขาได้พบกับ…เด็กคนหนึ่งที่นั่งคู้ตัวอยู่ในความมืด ไหล่สั่นสะท้าน เนื้อตัวสกรกมอมแมม…จากเลือด ดลหายใจติดขัดกับภาพที่เห็น
“ไอ้หนู…”เขาเรียก แต่มันกลับส่งเสียงฮือๆออกมาเหมือนกับทรมาน
“เฮ้…”เขาเดินเข้าไปใกล้ พอดีกับที่เด็กคนนั้นหันหน้ามา เขาผงะถอยหลังทันที เพราะใบหน้าเน่าเฟะ บอบช้ำจนดูไม่ออก
“ผมทรมาน…”เสียงนั้นพึมพำ ดลขยับเข้าไปใกล้เมื่อตั้งสติได้แล้ว
“ทรมาน…เหลือเกิน”แล้วมันก็กอดตัวเองแน่นโยกตัวไปมา ส่งเสียงฮือๆ ดลมองไม่เห็นใบหน้า แต่เขากลับรู้สึกทรมานไปด้วย ทรมานจนต้องทรุดตัวนั่งลง
“อย่า”เขาพึมพำเมื่อเด็กนั่นคลานเข้ามาใกล้ น้ำเลือดน้ำหนองไหลเปรอะเป็นทาง
“ต้องการอะไร”เขาล่ะลำล่ะลักถาม
“หลุดพ้น”มันตอบกลับมาเบาๆ เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบิดลำไส้ในท้องจนเขาปวดแปลบ หายใจไม่ค่อยออก หัวสมองตื้อตันไปหมด
“หลุดพ้นจากอะไร…”เด็กนั่นไม่ตอบ เพียงแต่ส่ายหน้าไปมา กอดตัวเองอีกครั้ง สีหน้าบิดเบี้ยวดูทรมานจับใจ ผมจ้องมองอย่างหวาดกลัว เสียงร้องไห้ของเด็กตรงหน้าราวกับบาดลึกลงไปในใจของเขา ทำให้ปวดแปลบในอก เมื่อเด็กคนนั้นเงยหน้ามามอง ดลถึงกับผงะอีกครั้ง เพราะใบหน้านั้น…เหมือนใบหน้าของเขาเมื่อตอนเด็กไม่มีผิด
“ผมทรมาน…พี่…หยุด…”เกิดเสียงติดขัดในลำคอ ก่อนที่เจ้าเด็กนั่นจะบิดตัวไปมาเหมือนมีตัวประหลาดที่มองไม่เห็นมาบีบรัด ผมถอยหลังอย่างหวาดผวา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
‘อย่าทำร้ายสิงห์ไปมากกว่านี้เลย’
เสียงของหมออาคมดังแว่วมากับสายลมก่อนที่ภาพตรงหน้าจะเปลี่ยนไป เป็นภาพที่เขาทำร้ายสิงห์อย่างโหดร้าย ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบัน และเขาร่วงหล่นลงมาในความเวิ้งว้างแสนทรมาน จับต้นสายปลายเหตุไม่ถูก ตายังคงปิดแน่น น้ำตาไหลนองหน้าอย่างไม่รู้ตัว รับรู้ได้ว่าร่างกายสั่นเทา แต่…ที่ชัดกว่านั้น เขากลับรับรู้ว่ามีบางอย่างอยู่บนเตียงเดียวกับเขา เพียงแค่ได้กลิ่นเหม็นเน่าก็ทำให้เขาแทบอ้วก เขาหวาดกลัวที่จะลืมตาขึ้นมองเหลือเกิน
“…”เสียงลมหายใจหนักหน่วง ฟืดฟาดราวกับหายใจยากลำบากดังอยู่ใกล้ๆ ดลใจเต้นถี่รัว ความหวาดกลัวเกาะกินจนไม่กล้าขยับ
“…ลืมตา”
คำสั่งดุดันไม่ทำให้เขาตกใจได้เท่าน้ำเสียงคุ้นเคย เสียงแบบนี้…ไอ้สิงห์ชัดๆ ดลตัวสั่นเหมือนลูกหมา โอ พระเจ้า! มันยังไม่ตาย มีความดีใจอยู่แค่น้อยนิดเท่านั้น เพราะความหวาดกลัวได้ยึดพื้นที่ไปหมด
“กูบอกให้ลืมตา”มันคำรามเสียงดังมากขึ้น ดลเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะจิกเล็บลงบนฝามือที่กำแน่นของตน …เขาฝันอยู่หรือ? ดลค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น
“…!”เขาไม่เคยเห็นอะไรที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เขาอยากตะโกนออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก ชายตรงหน้าคือสิงห์แน่นอน ร่างกายที่ถูกแทงนั้นดูเหมือนแผลเน่าเปื่อย และใบหน้า….ใบหน้าของมันเหมือนกับในความฝันเมื่อนานมาแล้ว ใบหน้าที่อัปลักษณ์น่าเกลียดจนเขาไม่อยากมอง
“ดีใจไหม ที่เห็นกู”มันคำรามต่ำ ยกมือเน่าๆเขียวคล้ำขึ้นมาลูบใบหน้าฟอนเฟะของตัวเอง
“ทะ ทำไม…”
“ทำไมกูไม่ตายน่ะเหรอ…อย่าลืมสิ ว่ากูเป็นปีศาจ ครึ่งนึงกูเป็นปีศาจ…แบบที่มึงเกียดไง”มันแย้มยิ้มโหดเหี้ยม ดลได้แต่นอนตัวเย็นเฉียบ มันจะตามมาฆ่าเขาหรือเปล่า?
“ไม่หรอก”มันตอบขึ้นมาเหมือนได้ยินความคิดของเขา
“กูไม่ฆ่ามึงหรอก…เรื่องของกูกับมึง ต้องจบแค่ในชาตินี้ กูเหนื่อยแล้ว…”หางเสียงฟังดูเศร้าสร้อย
“กู…อภัยให้มึงก็ได้ทุกอย่าง กูไม่โกรธแค้นแล้ว เราหายกัน”ดลพูดตะกุกตะกักขึ้นมา สิงห์หัวเราะเบาๆ
“แล้วที่มึงทำกับกูล่ะ จะชดใช้ยังไง”
“ขอโทษ”พูดพลางเลียริมฝีปากที่แห้งผาก
“นั่นไม่พอหรอก ดล”
“มึงต้องการอะไร”เขาหวาดกลัวคำตอบของมันจริงๆ
“มึง…”มันยกยิ้มขึ้นมา
“แต่กูไม่เคยโกรธมึงเลยนะ”ไอ้สิงห์พูดต่อไป
“ถึงจะเกลียดมึงมาก แต่ก็เกลียดได้ไม่นาน ขนาดมึงทำกูเจ็บมาไม่รู้เท่าไหร่กูก็ยังอยากอยู่กับมึง เพราะอะไรวะ”มันฉีกยิ้มกว้างเหมือนคนวิกลจริต มันเลื่อนมือมาวางตรงหน้าท้องของเขา ฉับพลันเขาก็ปวดหน่วงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาบิดตัวไปมา ก่อนจะขดคู้ตัวแน่นเมื่อความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น
เฮือก!
เขาหอบหายใจเหมือนกับว่าออกวิ่งมานาน ความเจ็บปวดหายไปแล้ว
“มึงมันปีศาจ”เขาพึมพำ แต่ปวดหน่วงในท้องขึ้นมาอีก ดลยันตัวมานั่ง ก่อนจะซุกหน้าลงกับฝามือ เหงื่อผุดเต็มใบหน้า อะไรบางอย่าง…ย้ำเตือนเขา ความรู้สึกแบบเดิม…แบบเดียวกับเมื่อตอนนั้น ตอนที่เขามีอีกคนอาศัยอยู่ในตัว เขาสะบัดหน้าไปมา ไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่
ดลขยับตัวลุกจากเตียง ขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาก้าวไปยังห้องน้ำ เลิกเสื้อยืดเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อขึ้นมา จ้องมองเงาสะท้อนในกระจก มองไปที่หน้าท้องของตน…ที่ขยายใหญ่ต่อหน้าต่อตาของเขา ดลอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง ทรุดตัวนั่งกับพื้นอย่างเจ็บปวด
มันอยู่ในตัวเขางั้นเหรอ!?
“ไอ้สิงห์…”เขาลองเรียก มือวางลงบนหน้าท้องที่พองโต
“ไอ้…”เหมือนโลกใหม่ของตนพังทลายลงในพริบตา เขาสะอึกสะอื้นจนตัวสั่น อ้าปากหอบหายใจเพื่อรวบรวมสติ ครั้งนี้…เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดมาแน่ๆ
‘อย่าทำร้ายสิงห์ไปมากกว่านี้เลย’
เสียงของหมออาคมดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขากลับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น
“ได้…มึงบอกจบในชาตินี้ใช่ไหม…”ถ้าต้องจบ ก็ตายๆมันไปพร้อมๆกันนี่ล่ะ ดลตะเกียกตะกายออกจากห้องน้ำอย่างยากลำบาก จู่ๆเขาก็นึกถึงแนนขึ้นมา เด็กในท้องของแนน ที่เป็นเลือดเนื้อจริงๆของเขา
เด็กคนนั้นอยู่ในตัวกู หรือความจริงแล้วกูก็คือเด็กคนนั้น
เสียงดังขึ้น ไม่รู้จากที่ไหน ในตัวหรือในหัว หรือแค่เขาคิดไปเอง เขาก็ไม่ทราบได้
“มึงหมายความว่าไง”ดลตะคอก รู้แบบนี้เขาน่าจะให้แนนเอาเด็กออก ดลยกมือลูบหน้าที่มีเหงื่อผุด
มึงนั่นแหละปีศาจ ไม่ใช่กูหรอกดล จิตใจมึงมันดำมืด
“ไม่!มึงนั่นแหละปีศาจ”เขาพึมพำตอบกลับเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ ดลรวบรวมกำลังทั้งหมดคลานออกจากห้องน้ำ
“อา…”เจ็บแปลบปลาบไปทั่วท้อง น้ำตาไหลออกมาเพราะความเจ็บปวด ตอนนี้…ไม่มีใครอยู่ช่วยเขาแล้ว หมออาคมก็ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
“หมอ…หมออยู่ที่ไหน”เขาเรียกหาราวกับหวังว่าเจ้าของชื่อจะได้ยิน ดลกัดฟันแน่น ระหว่างที่พาตัวเองไปที่ห้องครัว เขาต้องการมีด…
ดลทรุดลงกับพื้นเมื่อขยับตัวต่อไปไม่ไหว ร่างกายปวดร้าวไปหมด เขากลอกตามองไปรอบตัว ท้องที่โตขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน จู่ๆเขาก็นึกถึงสิ่งหนึ่ง…ของที่หมออาคมเคยให้เขาเมื่อนานมาแล้ว แหวน…มันอยู่ที่ไหน ดลจำไม่ได้ เขาขว้างทิ้งไปตอนไหนก็ไม่รู้ เขาก่นด่าตัวเองอย่างบ้าคลั่ง จะทำยังไง เขาไม่อยากให้มันเกิดมา แต่ก็ไม่อยากทำร้ายมันอีกแล้ว เพราะเขากลัวว่ามันจะกลับมาเอาคืน
มึงหนีกูไม่พ้นหรอก
พ้นสิ มันต้องพ้น!
เขารวบแรงอีกครั้ง ก่อนจะคลานไปยังห้องครัว ใช้มือยึดกรอบประตูก่อนจะดึงร่างหนักๆของตัวเองให้เคลื่อนที่ ทุกสัมผัส…นั้นเจ็บปวดจนเนื้อตัวสั่น เขากำลังต่อสู้กับไอ้สิงห์ ดลหอบหายใจโซซัดโซเซใช้มือยึดโต๊ะไว้ได้ เขายกกำปั้นทุบลงที่หน้าท้องของตน ถึงเขาจะเจ็บ มันก็เจ็บเหมือนกัน ดลคว้ามีดปลายแหลมมาได้
ภาพน่ากลัวต่างๆนาๆทำเอาดลประสาทหลอนไปพักใหญ่ มือไม้สั่นด้วยความกลัว เขากำด้ามมีดด้วยมือทั้งสองข้างที่สั่นเทา ตาเบิกกว้างเพราะภาพต่างๆที่ยังคงฉายเข้ามาในหัว
“มึงกับกูตายไปพร้อมๆกันนี่แหละ จะได้จบๆเรื่องไปซะ”ดลสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดมีดปลายแหลมลงมาบนหน้าท้องของตนเต็มแรง
เขาดิ้นพล่านด้วยเจ็บปวด มีดปลายแหลมยังคงปักคาอยู่ที่หน้าท้อง เลือดไหลทักออกมาจากปากแผล ดลมือไม้สั่น ปากสั่นคอสั่นไปหมด
“อา..”เขาหอบหายใจ รู้สึกอ่อนเปลี้ย หัวใจยังคงกระหน่ำเต้นแรง มันตายหรือยัง ไอ้สิงห์มันตายหรือยัง
กูตายยาก
เขาดึงมีดออกจากหน้าท้อง ปวดเสียวแปลบปลาบจนต้องร้องครางออกมา ก่อนจะรวบแรงแทงลงมาที่หน้าท้องของตัวเองอีกครั้ง ร่างกายเกร็งกระตุกขึ้นมาทันที ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง เขาทิ้งมือเปื้อนเลือดอย่างอ่อนแรง ในหัวขาวโพลน น้ำตาไหลนองหน้า
ทรมาน….
ภาพตรงหน้าเบลอไปหมด…แยกไม่ออกว่าความจริงหรือความฝัน เขาเห็นไอ้สิงห์ยืนมองเขาอยู่ ร่างกายของมันเหมือนกับในฝัน ฟอนเฟะและเน่าเหม็น ใบหน้าอัปลักษณ์ไม่น่ามอง แต่เขาก็ไร้เรี่ยวแรงเบนหน้าหนี…อะไร?…มันไม่ได้อยู่ในท้องเขาหรอกเหรอ?
กูจะรอมึงนะ ดล
รอ…รออะไร มันพูดถึงอะไร
ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ
มันพูดอะไรของมัน
อย่างที่เคยบอก…ครึ่งหนึ่งกูเป็นของมึง
“กู…”ดลหายใจติดขัด ภาพตรงหน้าเริ่มขาวโพลน อา…เขาหายใจไม่ออก ตะเกียกตะกายกอบโกยแค่ไหน ก็ทำไม่ได้
กูไม่เข้าใจที่มึงพูดเลย
...อึก…ทำไมทุกอย่างถึงเป็นสีขาว แล้วทำไมเขาหายใจไม่ออก ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถขยับได้เหลือเพียงลมหายใจรวยริน วูบสุดท้ายเขานึกถึงเด็กในท้องของแนนอีกครั้ง…
เด็กคนนั้นอยู่ในตัวกู หรือความจริงแล้วกูก็คือเด็กคนนั้น
ไอ้สิงห์ที่เคยอยู่ตรงหน้าเขาหายไปแล้ว…แต่เขาก็ทันเห็น…รอยยิ้มอบอุ่นของมัน …ทำไมล่ะ? ทำไมมันไม่เกลียดเขา…
BTC.
ตอนหน้าคาดว่าคงจบแล้วค่ะ มีใครเดาเรื่องได้บ้างไหม o22