-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เซตนี้มีสามเรื่องย่อย คือ บอด ใบ้ หนวก เป็นเรื่องราวความรักของคนที่ไม่คิดว่ารักแท้จะเกิดขึ้นจริงกับพวกเขา
เรื่องราวจะเป็นยังไงอย่าลืมติดตามกันนะ
ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านทุกท่านด้วย
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5::hao5:
สารบัญ
บอด
ผมแค่มองไม่เห็น:1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3138275#msg3138275) แรกสัมผัส:2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3140442#msg3140442) คำตอบของคำถาม:3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3142046#msg3142046) คำสัญญา:ตอนจบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3142840#msg3142840)
ใบ้
ตอนเเรก : เเชะ เเชะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3321355#msg3321355) ตอนสอง : ไอ้โรคจิต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3322278#msg3322278) ตอนสาม : ทริปปี้ทริป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3324985#msg3324985) ตอนสี่ : ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองถ้าหากคุณ…. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3346327#msg3346327) ตอนจบ : รับเเล้วห้ามคืน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3424531#msg3424531) ตอนพิเศษ : รักไม่ต้องพูด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46936.msg3424543#msg3424543)
-
อื้มมม. รอค่ะ.
-
รอร๊อรอ
-
ติดตามนะค้าา.. :L2: รอจ้า~
-
ผมแค่มองไม่เห็น
คุณคิดว่าโลกที่ไร้แสงสว่างนั้นเหงาแค่ไหนกัน บางคนอาจจะนึกภาพไม่ออกถ้าไม่ได้ ‘ตาบอด’ ตั้งแต่เกิดอย่างผม ความรู้สึกนี้ผมรู้ซึ้งมันดีเรียกได้ว่าเพื่อนสนิทยามอยู่คนเดียวเพียงลำพัง
การที่เราไม่สามารถมองเห็นได้อาจทำให้ใช้ชีวิตแตกต่างจากคนอื่นไปบ้างแต่ผมชินแล้วโชคดีที่ผมมีครอบครัวที่เข้าใจและเอาใจใส่เป็นอย่างดี ความรักความเข้าใจที่เติมเต็มให้กันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะอยู่ในสังคมด้วยตัวของตัวเอง
ความกลัวเคยอยู่กับผมช่วงหนึ่งตอนที่คิดว่าหากอยู่คนเดียวแล้วชีวิตนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ เราจะอยู่คนเดียวในโลกมืดๆอย่างนี้ท่ามกลางผู้คนมากมายในโลกข้างนอกนั่นได้เหรอ ที่สุดแล้วผมได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าพ่อแม่ไม่ได้สอนตัวเองให้อ่อนแอ ท่านสอนให้เราสู้กับความกลัวในใจและเชื่อใจในตัวเองว่าจะผ่านสิ่งต่างๆไปได้ด้วยความกล้าที่เรามี
ตอนนี้ผมใช้ชีวิตได้อย่างคนทั่วไปอย่างกล้าหาญเหมือนที่พ่อแม่สอน ทุกสิ่งที่เข้ามามีทั้งดีและร้ายปะปนกันเข้ามาให้ได้เจอ คนก็เช่นเดียวกันยิ่งผมเป็นอย่างนี้คนเห็นแก่ประโยชน์มักเข้ามามากกว่าคนที่หวังดีเป็นเรื่องธรรมดาอาจเป็นเพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวของ ‘ตระกูลเจ้าสัวอัน’ เจ้าของโรงสีข้าวอันดับหนึ่งของประเทศด้วยละมั้ง
“อาตี๋น้อย ลื้ออยู่หนายมาหาป๊าที่ห้องทำงานที” เจ้าสัวอันกดวอสื่อสารในมือเรียกลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียว
“ ‘ตะวัน’ อยู่หลังบ้านอ่ะป๋า”
เด็กหนุ่มร่างเล็กตัวขาวฉบับลูกคนจีนแผ่นดินใหญ่ นั่งกดวอสื่อสารตอบป๋าบนสนามหญ้าหลังบ้านข้าง ‘เจ้าไม้’ หมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เพื่อนแสนรู้ที่เป็นเหมือนไม้เท้าให้ตะวันเวลาเดินไปไหน
‘เจ้าไม้’ เป็นสุนัขที่ถูกฝึกให้เป็นหมานำทางตั้งแต่เด็กและกลายมาเป็นเพื่อนของตะวันเพราะเจ้าสัวอันให้เป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 15 ปี ซึ่งตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว
“ไม้ ไปหาป๋าที่ห้องทำงานกัน” ผมบอกเจ้าไม้ก่อนกระตุกเชือกในมือให้พาไปที่จุดหมาย
เจ้าไม้ลุกก่อนจะเดินนำทางเจ้านายตัวเล็กไปหาเจ้าสัวจนมาหยุดที่ประตูกระจกบานเลื่อนหลังบ้านก่อนจะใช้ขาหน้าเคาะประตูกระจกให้สัญญาณตะวันเปิดประตูเลื่อนแล้วก้าวเข้ามานั่งรออีกด้านของประตูเพื่อให้ตะวันก้าวตามเข้ามาแล้วเลื่อนประตูปิดอย่างเดิม เมื่อมันเห็นว่าประตูถูกปิดสนิทแล้วจึงเดินต่อไปที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นล่างติดกับกับห้องรับแขกผ่านโถงทางเดินของ ‘คฤหาสน์หงส์หยก’ ที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหราแต่เรียบง่ายด้วยกลิ่นอายของแผ่นดินเลือดมังกร
เด็กหนุ่มเดินตามเจ้าไม้จนมาถึงห้องทำงานเจ้าสัวอันก่อนที่จะเลื่อนประตูเปิดเดินตามมันจนขาไปชนกระทบกับขอบโซฟาชุดแล้วปล่อยสายจูงให้เจ้าไม้วิ่งเข้าไปหานายใหญ่ของบ้านที่นั่งรออยู่ แล้วค่อยคลำโซฟาเพื่อนั่งลง
“อาตี๋ ป๋ามีเรื่องจะบอก” เด็กหนุ่มหันหน้าไปทิศทางเสียงของเจ้าสัวที่ฟังจากน้ำเสียงจะรู้ว่าเคร่งเครียดผิดปกติ
เด็กหนุ่มนั่งเหม่อลอยบนสนามหญ้าใต้ต้นมะม่วงที่ปลูกเรียงตามแนวรั้วบ้านพลางคิดถึงเรื่องที่ป๊าบอกกับตัวเอง
‘อาหมอเขาบอกว่าการผ่าตัดตาแทบไม่มีโอกาสสำเร็จเลย ยิ่งลื้อตาบอดตั้งแต่เกิดอย่างนี้ ป๋าขอโทษนะอาตี๋ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยแต่ไม่ว่ายังไงป๋ากับอาม๊ารักลื้อเสมอนะ’
‘ป๋าอย่าโทษตัวเองเลย มันไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น’ เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการผ่าตัดไม่ได้ช่วยอะไรเลยสำหรับคนตาบอดตั้งแต่กำเนิดอย่างตัวเอง อยู่โลกมืดใบเดิมมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างว่าแสงสว่างคงไม่เหมาะกับคนอย่างเขานั่นแหละ
‘ตุ้บ’
“เฮ้ย เปี๊ยกโยนลูกมะม่วงขึ้นมาให้หน่อยดิ” เสียงใครที่ไหนตะโกนลงมา
เด็กหนุ่มท่าทางรุ่นเดียวกันกับลูกเจ้าสัวแต่ขนาดรูปร่างผิดกันมากนักกำลังนั่งบนกิ่งต้นมะม่วงมองไอ้เปี๊ยกที่นั่งอยู่พื้นข้างล่างหันหน้าไปมาราวกับหาเจ้าของเสียงตะโกนเมื่อกี้
“เปี๊ยกหันหาไรว่ะ รีบโยนขึ้นมาดิ” เด็กหนุ่มบนต้นไม้ตะโกนลงไปบอกอีกครั้งหลังจากมองไอ้เปี๊ยกนั่งหันหน้าไปมาเหมือนเดิมไม่มีที่ท่าว่าจะทำตามอย่างที่ตัวเองสั่ง
“นายเป็นใคร”
หลังจากจับทิศทางเสียงได้แล้วตะวันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองแต่น่าเศร้าที่ถึงแม้เขาจะพยายามมองแต่คงไม่เห็นอยู่ดี
“โจรขโมยมะม่วง ถ้ารู้แล้วก็ส่งมาซะดี ๆ ” เด็กหนุ่มลึกลับแกล้งทำเสียงขู่คนข้างล่างอย่างนึกสนุก
ตะวันยื่นมืออกไปคลำพื้นเพื่อหาลูกมะม่วงที่คนแปลกหน้าต้องการ โชคดีที่มันตกอยู่ข้างลำตัวของเขาพอดีจึงหยิบขึ้นมาก่อนจะโยนขึ้นไปตามทิศทางเสียงเมื่อครู่ เล่นเอาคนบนกิ่งไม้หลบแทบไม่ทันเสียหลักหล่นลงมากระแทกพื้นสนามหญ้าข้างล่างใกล้กับนักปาของมือสมัครเล่น
“โอ้ยไอ้เปี๊ยกแกล้งแค่นี้ ทำไมต้องเอาคืนกันแรงด้วยว่ะหะ” คนเจ็บหันไปโวยอีกคนที่ทำหน้าจะร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกผิด
“ผมขอโทษ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าเดี๊ยวผมเรียกคนมาช่วยนะ” ตะวันรีบพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนเจ็บตัวทั้งที่เขาไม่ได้เจตนา มือเล็กคว้านหาวอเพื่อเรียกให้พี่เลี้ยงมาช่วยคนเจ็บ
“เฮ้ยไม่ต้อง ไม่ได้เจ็บไรมากแค่จุก” คนเจ็บ รีบพูดห้ามก่อนจะลุกขึ้นมานั่งขัดสมาสข้างไอ้เปี๊ยกเจ้าของบ้าน
“นี่ไอ้เปี๊ยก กูพึ่งย้ายมาอยู่ข้างบ้านมึงชื่อไร”
“ผมชื่อ ‘ตะวัน’ จะเรียกว่า ‘ซัน’ ก็ได้” ตะวันหันหน้าไปทิศของเสียงเพื่อนบ้านใหม่
“กูชื่อ ‘เมฆ’ จำไว้ล่ะแล้วจะมาหาใหม่ ”
“นายจะกลับบ้านยังไง” ตะวันถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนข้างตัวลุกขึ้นยืน
“ทางเดิมดิ” คำตอบสุดท้ายของเพื่อนใหม่ที่กระโดดข้ามกำแพงของเขากลับบ้านไปแล้ว
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
กราบขอโทษนักอ่านทุกคนเลยที่มาเปิดเรื่องไว้เเล้วหายต๋อม จริงๆก็อยู่ในเล้านี่เเหละแต่แแต่งไปแล้วนึกพล็อตไม่ออกเพราะด้นสด พึ่งได้เเรงกระตุ้นมาต่อคิดว่าจะให้จบก่อนย้ายเข้าหอ 2 สิงหานี้ ซึ่งมันไกลมากเราก็พึ่งรู้แต่ดีใจที่แอดติด ฮิ้วววววว
ฝากติดตามต่อด้วยน้าไม่ทิ้งหรอกคร้าบจะพยายามลากร่างมาต่อ
-
:กอด1:
ยินดีด้วยนะค้าที่แอดฯติด :D
แอบสงสารน้องนิดหน่อย ขนาดผ่าตัดยังไม่ได้เลย :hao5:
-
เมฆดูเป็นคนร่าเริงดีนะ... ถ้าเป็นเพื่อนกันต้องทำให้ตะวันไม่เหงาได้แน่
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ...รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ
ปล.ยินดีกับคนเขียนด้วยนะ ที่แอดฯติด
-
เมฆดูกวนๆดีเนอะ เป็นโจรขโมยมะม่วง 55555
รอติิดตามตอนต่อไปจ้าา
ยินดีด้วยที่แอดติดนะค้า
-
เมฆน่ารักดีนะ ร่าเริงดีจัง ตะวันหายเหงาแน่ๆมีเพื่อนเล่นแบบนี้ 55555 รอตอนต่อไปค่ะ
-
แรกสัมผัส
“อาตี๋วันนี้ตอนเย็นลุงสุรบถจะมาทานข้าวเย็นกับเรานะ ป๊าบอกให้อาม๊าเตรียมอาหารไว้ต้อนรับแล้ว” ภาษาไทยสำเนียงจีนแผ่นดินใหญ่จากเจ้าสัวดังขึ้นบอกตะวันที่กำลังอ่านหนังสืออักษรเบลด้วยการสัมผัสอยู่กลางห้องนั่งเล่น
“ทำไมลุงสุรบถถึงมาทานข้าวเย็นกับเราอ่ะป๊า”
“ลุงเค้าย้ายมาอยู่ข้างบ้านเราไงอาตี๋ เห็นว่าลูกชายกลับจากอเมริกามาอยู่ด้วย” เจ้าสัวตอบคำถามพลางอ่านรายงานบัญชีจากโรงสีในเครือหงส์หยก
“ลุงสุรบถมีลูกชายด้วยหรอป๊า ตะวันไม่เคยรู้เลยอ่ะ” ตะวันนึกถึงเสียงทุ้มชวนให้รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่คุยกัน หวังว่าลูกคุณลุงคงไม่ใช่โจรขโมยมะม่วงเมื่อตอนกลางวันหรอกนะ
“มีสิอาตี๋ น่าจะโตกว่าลื้อไม่กี่ปีแต่เห็นว่าจบปริญญาเอกการบริหารมานั่นแหละ คงกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านได้เยอะเลย” ลูกลุงสุรบถนี่เข้าขั้นอัจฉริยะเลยนะเนี่ยเพราะตอนนี้ผมพึ่ง 18 ไม่มีทางที่อายุมากกว่าผมไม่กี่ปีจะจบปริญญาเอกแน่ ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นนายเมฆชัวร์
“หนูซันโตขึ้นเยอะเลยนะ วันนี้ลุงเอาขนมเจ้าประจำมาฝาก” ตอนนี้ลุงสุรบถกับลูกชายพึ่งมาถึงที่บ้านพร้อมถุงขนมไทยร้านโปรดของตะวัน
“เข้าบ้านกันเถอะ อาหารเย็นเสร็จแล้ว” เจ้าสัวเชิญเพื่อนบ้านใหม่หน้าเก่าเข้าห้องอาหาร
เมื่อทุกคนเข้านั่งประจำที่ที่โต๊ะอาหารแล้วเรียบร้อยแล้ว เจ้าสัวจึงให้สัญญาณว่าเริ่มรับประทานอาหารเย็นได้
“สวัสดีครับคุณอา ผมเมฆครับ” เสียงทุ้มคุ้นหูเหมือนพึ่งได้ยินเมื่อตอนกลางวันทำให้ตะวันหันไปทิศเสียงแนะนำตัวและทำหน้าตกใจเพราะไม่คิดว่าลูกลุงสรบถจะเป็นนายเมฆจริงๆ
“ไหว้พระเถอะพ่อคุณ กินข้าวเยอะ ๆ นะลูก มื้อนี้อาตั้งใจทำสุดฝีมือเลย” เสียงอาม๊าตอบรับการแนะนำตัวของเมฆ
“อาเมฆ นี่อาตะวันลูกของอาเอง” เสียงเจ้าสัวอันแนะนำลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ผิดจากปกติที่ต้องส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“ผมรู้จักน้องแล้วครับ เมื่อตอนกลางวันผมแอบปีนกำแพงเก็บมะม่วงของคุณอาแล้วโดนเจ้าตัวเล็กส่งมะม่วงให้แรงไปหน่อยเลยร่วงหล่นลงมานะครับ” คำอธิบายของเมฆทำให้บรรยากาศหยุดชะงักไปสักครู่ ก่อนที่เจ้าสัวอันจะส่งหัวเราะอย่างถูกใจออกมา ส่วนคุณหญิงหัวเราะปนเอ็นดูเด็กหนุ่ม
“สมน้ำหน้า โตขนาดนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอีกนะตาเมฆ” ลุงสุรบถบ่นลูกชายตัวเองแต่หัวเราะไปด้วย
“แล้วตาเมฆเจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก ทำไมตะวันไม่บอกอาม๊าล่ะว่าพี่เค้าหล่นลงมาจากกำแพง” หลังจากที่คุณหญิงหัวเราะแล้วถึงถามอาการบาดเจ็บพ่อลิงตัวโตที่แอบปีนขึ้นไปเก็บมะม่วงแต่ร่วงลงมาไม่เป็นท่า ก่อนจะหันไปถามลูกชายตัวที่ตอนนี้ก้มหน้าตัวสั่นเพราะกลั้นขำ
“เค้าบอกว่าไม่เป็นไรนี่ครับ”
“ผมบอก ‘น้อง’ เองครับว่าไม่เป็นไร เนอะ” ท้ายประโยคเมฆหันไปบอกเจ้าตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามเค้า
“ดีแล้วที่รู้จักกัน ว่าง ๆ ก็มาเล่นกับน้องได้นะอาเมฆ” เจ้าสัวเอ่ยปากอนุญาตให้ลูกชายเพื่อนเข้ามาเล่นที่คฤหาสน์ได้ตามสบาย
“ด้วยความยินดีครับผม”
“อาตี๋ลื้อเดินไปส่งพี่เค้าหน่อยได้ไหม” เจ้าสัวบอกให้ลูกชายเดินไปส่งเพื่อนบ้านใหม่
“พ่อเดินกลับไปก่อนนะผมขอคุยกับน้องก่อน” เมฆหันไปบอกพ่อตนที่เดินนำหน้ากลับบ้านไปแล้ว
“เอาล่ะอยู่กันแค่สองคนสักที เนอะไอ้เปี๊ยก เฮ้ออึดอัดว่ะที่ต้องพูดเรียบร้อย” คนตัวโตเอ่ยบ่นกับตะวันที่ยืนจูงเจ้าไม้เอาไว้อยู่
“นายนี่แน่ใจหรอว่าเป็นลูกของลุงสุรบถจริง ทำไมต่างกันขนาดนี้”
“เรียกกูว่า ‘พี่เมฆ’ ไม่ใช่นายจำไว้ กูโตกว่าหลายปีแล้วอีกอย่างหน้ากูกับพ่ออย่างกับ ก๊อปปี้วางขนาดนี้ถ้าไม่ใช่พ่อลูกกันก็ไม่รู้จะพูดว่าไงละ”
“แล้วผมจะไปเห็นหน้าพี่ได้ไงเล่า”
“ พูดว่า ‘ซัน’ แทน ‘ผม’ ด้วยเข้าใจไหม” เมฆใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากเหม่งของตะวันให้ไปด้านหลังอย่างหมั่นเขี้ยว
“เรื่องมากจริง”
“บ่นหรอหะ ยื่นมือออกมาด้วย”
“ทำไมซันต้องยื่นด้วยอ่ะ” ถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมยื่นมือออกไปโดยดี
เมฆย่อขาให้ตัวต่ำลงก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของตะวันมาสัมผัสหน้าตัวเอง หน้าผากขนาดพอดี คิ้วเข้มทั้งสองข้าง ขนตายาวงอนกว่าผู้หญิง เปลือกตาเรียวใหญ่ที่คิดว่าต้องมีดวงตาสวยซ่อนอยู่แน่ จมูกโด่งเป็นสัน ก่อนจะเป็น ไรหนวดรอบปากกระจับแล้วคางเรียวได้รูป ไม่ต้องมองเห็นก็รู้ว่าคนนี้ต้องหน้าตาดีมากจนทำให้ผู้หญิงคลั่งไคล้ได้ไม่ยาก นี่ขนาดยังไม่รวมกับฐานะ การศึกษาของเจ้าตัว
“หล่ออ่ะดิ ตะลึงเลยไอ้เปี๊ยก” เสียงเมฆเอ่ยขัดจินตนาการใบหน้าของตะวันจนเจ้าเปี๊ยกสะดุ้งโหยง
“เปล่าสักหน่อย หลงตัวเองอ่ะพี่” ตะวันพยายามดึงมือออกจากการกอบกุมของเมฆที่ยังไม่ยอมปล่อยซักที
“ซัน ลองจับมือกูก่อนดิอย่าเพิ่งดิ้น”
“ทำไมพี่”
“กูอยากให้มึงจำได้ว่ามือคู่นี้เป็นของกู แม้มึงจะมองไม่เห็นกูอย่างน้อยมึงก็จำสัมผัสของกูได้” คำพูดของเมฆทำให้ตะวันนิ่งแล้วเริ่มสัมผัสมือของอีกฝ่าย
ขนาดมือที่ใหญ่กว่าของตน นิ้วที่เรียวยาว หนังมือหยาบแบบผู้ชายแต่ไม่ถึงกับสากพอลองจับแล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมือมาถึงตนได้แม้ไม่ต้องมีคำพูดได้ก็ทำให้รู้ว่าจะปลอดภัยถ้าจับมือคู่นี้ไว้
“มึงจำได้แล้วใช่ไหม งั้นกูกลับล่ะ ฝันถึงกูบ้างนะ” เมฆปล่อยมือก่อนจะบอกลาแล้วเดินกลับบ้านไปปล่อยให้เจ้าเปี๊ยกยืนพึมพำอยู่คนเดียว
.
.
.
.
“อือ” ตะวันไม่รู้ว่าคำตอบของตนนั้นตอบคำพูดไหนของเมฆหรือทั้งหมด ตะวันไม่รู้เลยจริง ๆ
:katai4: รีบปั่นมาส่งเลยพยายามนึกด้นสดมาเลยเจอคำผิดตรงไหนบอกเลยนะคร้าบเเล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ยินดีให้กับเขาด้วยนะ ฝากติดตามซีรีย์ชุดนี้ด้วยน้าไม่ทิ้งไม่ดองเเน่นอน สัญญา คาดว่าน่าจะอีกตอนสองตอนน่าจะจบเรื่องนี้ส่วนเรื่องต่อไปมีพล็อตเเล้วน่าจะปั่นจบเร็วเเน่นอนมั้งถ้าไม่ติดกิจกรรมรับน้องนะ กรี๊ดดตื่นเต้น :hao7: สุดท้ายอยากบอกว่าฉากจับมือมันมีที่มานะเอาไว้ตอนหน้าเราจะมาบอก :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
-
:pig4: :pig4:
รอตอนต่อไปอยู่นะ
-
ขอขยายไป 10 ตอนจบได้มะคะ
ชอบนายเอกตาบอดอ่ะ :katai4:
-
คือปั่นเสร็จเเล้วเเต่ลงอัพไม่ไหวเเล้วตอนสายจะมาลงให้นะค่ะ หมดเเรงจริงๆ
สำหรับตอนบอดจะอัพอีกสองตอนก็จะจบเเล้วนะค่ะ มันยืดไปสิบตอนมิได้จริงๆ :hao5: ฝันดีจร้า
-
คำตอบของคำถาม
“ทำไรอยู่เปี๊ยก” เสียงของเพื่อนบ้านใหม่ที่กระโดดลงมานั่งข้างตะวัน
“ประตูหน้าบ้านก็มีทำไมไม่เข้า” ไม่รู้จะกระโดดขึ้นต้นไม้ข้ามกำแพงมาทำไม
“ทางนี้มันเร็วกว่า” เมฆล้มตัวนอนบนสนามหญ้าข้างตัวตะวันอย่างสบายใจ
“อันตราย”
“เป็นห่วงหรือไง” เมฆหลับตาพูดกับคนข้างตัวที่ทำหน้าร้อนตัว
“ใครห่วงกัน” แค่กลัวว่าอาม๊าจะมาว่าต่างหากหรอก
“ไงเปี๊ยกกินข้าวเช้ายัง” เสียงของเมฆที่ดังมาจากบนต้นมะม่วงข้างบ้านต้นเดิมที่เจ้าตัวใช้เป็นประตูข้ามมาหาตะวันทุกวัน
“อื้อ”
“ตอบห้วนจัง ยังงี้ต้องโดนลงโทษเข้าใจไหมไอ้เปี๊ยก” เมฆดีดหน้าผากะวันจนเจ้าตัวเล็กเอนไปข้างหลังนิดนึง
‘โฮ่ง โฮ่ง’
“ไม้จัดการให้พี่เลย พี่โดนแกล้งอ่ะ” ตะวันฟ้องเจ้าไม้ที่เห่าเตือนคนแกล้งเจ้านายน้อยมัน
“อ่อนนี่หว่า ฟ้องไอ้ไม้มัน” เมฆพูดแหย่ตะวันที่นั่งทำปากยู่อย่างน่าจับมาจุ๊บปาก ?
“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานหรือไงพี่ถึงมากวนซันเนี่ย” เวลานี้พี่เมฆจะต้องเข้าบริษัทไปช่วยงานคุณลุงแล้วตอนเย็น
ถึงจะแวะมาแกล้งตน แต่ทำไมถึงมานั่งกวนได้
“เบื่อพวกตาแก่งี่เง่าเลยโดดประชุมมาหามึงดีกว่า”
“ นิสัยไม่ดีเลยหนีงานมา”
“ช่างมันเถอะ นายเมฆซะอย่างหนีงานมาแค่นี้บริษัทไม่เจ๊งหรอกน่า” คนตัวโตคุยโวแต่สมราคาคุยเขานั่นแหละถึงบุคลิกอย่างนี้แต่เมื่อถึงเวลางานจริงจังเหมือนคนละคนเลยทีเดียว
“พี่เมฆถามจริงทำไมชอบพูดกูมึงอ่ะ พวกที่จบด็อกเตอร์มาเขาไม่พูดอย่างงี้ไม่ใช่หรอ” คำถามที่ค้างคาใจมานานของตะวันอาจจะรวมผู้อ่านหลายท่านด้วย
“ทำไมจะพูดไม่ได้ว่ะ มีกฎข้อไหนห้ามแต่เวลาพูดมันก็ต้องดูด้วยว่าพูดกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ใช่ว่ากูจะพูดตลอดหนิ” เมฆอธิบายว่าการพูดของตนมันก็คำนึงถึงกาลเทศะเหมือนกัน
“แล้วทำไมถึงต้องพูดกูมึงกับซันแถมบังคับให้ซันพูดเพราะกับพี่ มันไม่ยุติธรรมเลย”
“กูชอบจบไหม”
“เผด็จการ”
“กูสบายใจเวลาอยู่กับมึงไงยังไม่เข้าใจอีกหรอว่ามึงเป็น ‘คนพิเศษ’ สำหรับกู” เมฆตอบคำถามพลางจ้องตาตะวันแม้อีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม
“เข้าใจแล้ว” ตะวันก้มหน้าตอบเพราะพยายามซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำด้วยคำพูดของเมฆ
“เปี๊ยกมึงคิดว่าตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกมันมีอยู่จริงไหมว่ะ” ตะวันที่กำลังกินขนมของฝากจากคนข้างบ้านเงยหน้าขึ้นมาตอบว่า
“ไม่รู้ดิพี่ ผมมองไม่เห็นเลยไม่เคยตกหลุมรักใครตั้งแต่แรก” พอตอบเสร็จเจ้าตัวก็ก้มลงไปกินขนมต่อปล่อยให้เพื่อนบ้านนั่งคิดอะไรในใจอยู่คนเดียว
“เปี๊ยกอยากฟังเพลงมะ” วันนี้เป็นวันหยุดเมฆถึงมานั่งเล่นกับตะวันตั้งแต่เช้าแบบนี้
“ร้องเพี้ยนเปล่าพี่” ตะวันแซวคนตัวโตที่กำลังนั่งปรับสายกีตาร์ที่หอบมาจากบ้านแบกข้ามกำแพงทางเก่า
“ระดับนี้แล้ว ระวังฟังแล้วจะหลงรักนะ”
“พี่พูดไรอ่ะ ผมผู้ชายนะพี่จะรักกันได้ไง” ตะวันรีบพูดปฏิเสธคำพูดของเมฆแม้ว่าจะแอบหน้าร้อนก็เหอะ
“อ้าวสมัยนี้ผู้ชายรักกันไม่เห็นแปลก พวกผู้หญิงชอบกันจะตายไม่ใช่อ่อว่ะ”
“มั่วแล้วพี่”
“เป็นร้อยเป็นพัน กี่นาที
ที่ฉันต้องฝันต้องคอยแบบนี้
นับเป็นปี อีกกี่วันไม่รู้ วันไหนจะได้เจอ
ฝันก็จบลงเมื่อตอน
ที่เธอเดินเข้ามาข้างในหัวใจ
บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึก ดีใจสักเท่าไร
มากแค่ไหนก็ไม่รู้ คนๆ เดียวที่ฉันเฝ้ารอ
กลับมาเห็นเขาอยู่ ข้าง ๆ ฉันใช่เธอจริง ๆ”
เสียงร้องคลอกีตาร์ชวนให้ใจเต้นแรงไปตามเสียงเพลงของด็อกเตอร์หนุ่มทำให้คนฟังรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจและถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ตะวันสัมผัสถึงสายตาจากคนตรงหน้าว่ากำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง
“ตกหลุมรักเสียงกูแล้วอ่ะดิ ทำหน้าซะเคลิ้มเชียว”
“งั้นๆ” ตะวันพยายามทำหน้าให้นิ่งจะได้สมจริงแม้ความจริงเสียงไอ้พี่เมฆเพราะมากก็ตาม
“ปากแข็งว่ะ”
“อยากไปเที่ยวไหม” เมฆกลับมาจากที่ทำงานแล้วแวะเข้ามาหาตะวันที่นั่งเล่นอยู่สนามหญ้าข้างบ้านที่เดิม
“อยากแต่กลัว” ตะวันทำหน้าเศร้าทั้งที่ใจอยากไปแต่ถ้าเกิดการพลัดหลงขึ้นมาจะเกิดเรื่องวุ่นวายถึงแม้จะมีเครื่องมือติดตามตำแหน่งแต่ตัวเองยังกลัวการอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมายที่ไม่รู้จักอยู่ดี
“กูอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัวว่าใครจะทำอะไรมึง”
“แล้วถ้าหลงกันละ” ตะวันยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี
“กูจะตามหามึงจนเจอ กูสัญญา” เมฆให้คำสัญญาต่อตะวันและย้ำตัวองว่าจะไม่ทิ้งไอ้เปี๊ยกให้เจออันตราย
“อื้อ ซันอยากไปเที่ยว”
“พรุ่งนี้เช้าจะมารับ”
ตื่นสายอ่าเเถมต้องเก็บของเลยมาอัพให้บ่ายเลย คืนนี้จะมาอัพตอนจบน้าอาจจะดึกมาก
ส่วนฉากจับมือมาจาก วันนั้นเค้าไปทำบุญเเล้วมีการมอบทุนให้เด็กนักเรียนผู้พิการซ้ำซ้อน ได้มีโอกาสเล่นกับน้อง ๆ เเล้วมีน้องผู้หญิงมาขอจับมือเพราะน้องจะจำเราจากสัมผัส ไม่คิดว่าน้องจะจำเราได้ทั้งที่ขอจับมือคนอื่นด้วย เค้ารู้สึกเลยว่าเรานี่โชคดีมากที่มีโอกาสมากกว่าใครหลายคนเราน่าจะใช้โอกาสนี้ทำประโยชน์เพื่อสังคมบ้าง ต้องตั้งใจเรียนเพราะมีหลายคนที่ขาดโอกาส :hao5: :hao5: เเล้วเจอกันตอนหน้าจ้า
-
พี่เมฆนั่นล่ะที่ตกหลุมรักน้องซันแล้วอ่ะดิ~ แถมเป็นการตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าด้วย >\\\< เทียวไล้เทียวขื่อน้องซันขนาดนี้ท่าทางจะไปไหนไม่รอดจริงๆ แล้วล่ะค่าา :-[ รอตอนต่อไปนะคะ ^^
-
คำสัญญา
“ถึงแล้ว” ด็อกเตอร์หนุ่มจอดรถเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
“ทะเลหรอพี่” ตะวันทำหน้าตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงคลื่นทะเลและสายลมที่พัดผ่านหน้าที่หอบกลิ่นความเค็มของทะเลมาด้วย
“ถูกต้อง ลงกันได้แล้ว” เมฆเอื้อมตัวมาปลดสายเข็มขัดนิรภัยให้ตะวันก่อนจะเดินลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูให้คนตัวเล็ก
“ยื่นมือมาให้กูเร็ว” เมฆสั่งตะวันให้ยื่นมือมาให้ตนจับไว้ก่อนจะจูงเดินไปที่ริมชายหาด
“พี่เมฆอย่าพาซันลงน้ำนะ ซันว่ายน้ำไม่เป็น” ตะวันรีบบอกเมื่อรู้สึกว่าเท้าเริ่มสัมผัสน้ำทะเล ความกลัวเริ่มก่อขึ้นเพราะเคยจมน้ำเป็นเรื่องที่ฝังใจตะวันมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นตะวันถูกเด็กรุ่นคราวเดียวกันแกล้งผลักตกลงสระว่ายน้ำ ด้วยความที่มองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่าขอบสระอยู่ตรงไหน โชคดีที่พี่เลี้ยงช่วยขึ้นมาทัน
“ไอ้เปี๊ยกเล่นแค่ชายฝั่งไม่ได้พาไปลึกซะหน่อยไม่ต้องกลัวหรอก” ชายหนุ่มบีบมือเล็กเพื่อให้ความมั่นใจ
“พี่ห้ามปล่อยมือซันนะ ไม่งั้นซันจะโกรธพี่”
“น่ารักขนาดนี้กูคงปล่อยให้หมาคาบไปหรอก นั่งลงดิ” เมฆฉุดให้คนตัวเล็กนั่งลงชายทะเลที่มีคลื่นสาดเข้ามาถึงเท้า
“แถวนี้มีปูลมไหมพี่” ตะวันที่เริ่มผ่อนคลายถามหาสิ่งที่ครูพี่เลี้ยงเคยบอกว่าถ้าทะเลที่สะอาดจะมีปูลมมากมายวิ่งขุดหลุมซ่อนตัวบนชายหาด
“อยากจับไหมล่ะ เดี๋ยวกูจับมาให้”
“ไม่ต้องหรอกพี่ เดี๋ยวมันตายพอดี” ตะวันส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีของคนข้างตัว
“ซัน มึงมีความสุขไหมที่มีกูอยู่ข้างมึงแบบนี้” เมฆหันหน้าไปถามตะวันที่นั่งก้มหน้าจ้องขาตัวเอง
“อื้อ”
“แค่นี้?”
“มีความสุข” เสียงเล็ก ๆ ตอบอย่างแผ่วเบาจนคนข้าง ๆ ต้องก้มเอาหน้าไปฟังใกล้ ๆ
“ว่าอะไรนะกูไม่ได้ยิน”
“ซันมีความสุขที่มีพี่อยู่ข้าง ๆ” ตะวันตอบด้วยเสียงที่ดังขึ้นแต่ไม่ยอมเงยหน้าเหมือนเดิม
“กูก็มีความสุขที่มีมึงอยู่ข้างกูแบบนี้” เมฆพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังต่างจากปกติ
“อื้อ” ตะวันพยายามซ่อนหน้าที่แดงก่ำแต่ก็ไม่พ้นสายตาคนตัวโตอยู่ดี
“ถามจริง”
“ว่าอะไรครับ” ตะวันหันหน้ามามองคนถาม
“ทั้งหยอดทั้งอ่อยยังไม่รักพี่อีกหรอ” พอฟังคำถามจบกลายเป็นว่าตะวันหน้าแดงกว่าเดิมจนเมฆอดใจไม่ไหว ก้มหอมแก้มตะวันทั้งสองข้างทำให้ตะวันสติหลุดไปอย่างสมบูรณ์
“พี่จะมาหอมซันทำไมเนี่ย ไม่อายคนอื่นหรือไงห๊า”
“อยากทำตัวน่ารักก่อนทำไมล่ะ”
“ผมต้องหล่อดิพี่” คนตัวเล็กพยายามเถียงแม้มันจะเป็นความจริง
“ตกลง รักพี่ยังครับ”
“ผมตาบอดนะ พี่ยอมรับได้หรอแถมผมเป็นผู้ชายอีก” แม้คำพูดจะบาดลึกในใจของตะวันแต่มันต้องพูดออกไปเพราะมันคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
“ใครสน ซันคนเดียวพี่ดูแลได้แล้วอีกอย่างมันเป็นเรื่องของเราสองคน พี่ไม่สนหรอกนะว่าใครจะพูดอะไร ที่พี่สนคือความรู้สึกของซันต่างหาก”
“ผมไม่เหมาะกับพี่หรอก พี่ทั้งหล่อ รวย เรียนเก่ง มีโอกาสที่จะหาผู้หญิงที่ดีสักคนมาสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้เหมือนคนทั่วไป”
“ซันตั้งใจฟังที่พี่พูดให้ดีนะ พี่มันพูดไม่เพราะ พ่อพี่ต่างหากที่รวย สักวันพี่ก็ต้องแก่ความหล่อมันก็แค่เปลือกนอก อีกอย่างพี่ไม่อยากมีลูกหรอกเพราะพี่ไม่ชอบเด็ก พี่มันแค่คนธรรมดาที่อยากรักใครสักคนที่ยอมรับสิ่งที่พี่เป็นพร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันและพี่อยากให้คนนั้นคือ ‘ซัน’ ให้โอกาสพี่ได้ดูแลเราได้ไหม เป็นแฟนกับพี่นะ”
คำพูดที่ออกมาจากใจของคนตรงหน้าทำให้ตะวันสัมผัสได้ว่าทุกคำพูดที่ออกมานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มีให้แก่ตน ไม่ใช่แค่การพูดเล่นแต่เมฆจริงจังทุกคำที่เอ่ยออกไป
ถ้าผมจะยอมรับความรู้สึกตัวเองและพี่เมฆมันจะผิดไหม ผู้ชายสามารถรักกันได้จริงหรอ ถึงแม้ว่าผมจะมองไม่เห็นพี่ก็ยังจะรักผมใช่ไหม ทุกคนจะว่าผมไหมถ้าผมจะทำตามความรู้สึกของตัวเองสักครั้ง
“เป็นแล้วห้ามทิ้งผมนะ” ตะวันโดนเมฆดึงเข้าไปกอดอย่างดีใจที่ไอ้เปี๊ยกยอมให้ตนได้เป็นคนรัก
“พี่สัญญา”
ตัดจบฉึบ 555555555555555 มาเเบบอึน มึน เร็ว กระโดดหลบเท้า ตอนบอดจบลงเเล้วน้าาส่วนตอน ใบ้ กับ หนวก จะตามมาทีหลังถ้าเราว่างจากมหาลัยมาอัพให้ก่อนไป ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ บวกเป็ดที่ให้เค้าน้าถึงเเม้มันจะไม่ค่อยสนุกแต่งเพื่อสนองความต้องการตัวเอง เเต่ขอบคุณมากจริงๆ เอาไว้อย่าลืมเเวะกดเข้ามาอ่านตอนหน้าด้วย ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ คงต้องลาเเล้วไว้เจอกันตอนหน้าบายยยย :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
-
เนื้อเรื่องน่ารักจัง รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
-
เพื่อความยุติธรรมน้องซันจะหอมแก้มพี่เมฆคืนเป็นอีกเท่าตัวหนึ่งเลยก็ได้นะคะ ^^ พี่เมฆเขายอม~ :-[ ในที่สุดก็สมหวังเสียทีนะคะพี่เมฆ..
-
น่ารัก ..... ขอบคุณครับ
-
น่ารักจัง รออีก2เรื่องและเรื่องต่อๆไปนะค่ะ
-
รอตอนต่อไป รอๆๆๆๆๆๆๆ
แต่งได้สนุกมาก. สัมผัสได้ด้วยใจจริงๆ
-
อยากอ่านใบ้กับหนวก
:call:
-
ตอนแรก : เเชะ เเชะ
ในที่สุดมิดเทอมโปรเจคเทอมนี้ของนักศึกษาวิศวะปีสามอย่างผมได้ผ่านพ้นไป แม้ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่แต่ก็ผ่านละวะ ถึงเวลาที่ผมจะออกโหยหาอิสระสักทีหลังจากอุดอู้อยู่แต่ในห้องเพื่อปั่นโปรเจคส่งอาจารย์เป็นอาทิตย์
“เหี้ยสมอล มึงกับบ้านเลยเปล่าวะ” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของผมตะโกนถามข้ามฝากตึก
“เออกลับ แล้วเลิกเรียกกูแบบนั้นได้แล้ว กูชื่อสมอ พ่อทุกสถาบัน”คนตัวเล็กตะโกนกลับอย่างอารมณ์เสียเพราะเพื่อนชอบเรียกชื่อผิด
พวกมันบอกรูปร่างอย่างผมเรียก ‘สมอล’ ถูกแล้ว สาเหตุมันมาจากความสูงของผมที่หยุดเพิ่มตั้งแต่ ม.ต้น จึงตัวเล็กต่างจากเพื่อนในกลุ่ม เวลาเดินไปไหนกันทั้งกลุ่มผมชอบถูกทักว่าหายไปไหนทุกที ก็เพราะพวกเพื่อนผมมันยืนบังซะมิดขนาดเขย่งเท้ามีแค่ลูกตาที่โผล่พ้นจากไหล่พวกมัน
หลังจากตะโกนบอกพวกมันแล้วผมเดินมาถึงทางเชื่อมตึกตอนนี้ที่ร้างผู้คนอาจเพราะเลยเวลาเลิกเรียนนานแล้ว บรรยากาศตอนนี้ให้ฟีลลิ่งเหมือนที่นี่เป็นของผมคนเดียว ลมเย็นพัดผ่านหน้า ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์กำลังร่วงหล่นบนพื้นถนน อะไรจะเจแปนขนาดนั้น
‘แชะ แชะ’
‘แชะ แชะ แชะ แชะแชะ แชะ แชะ แชะ ’
เสียงรัวชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง นี่ถ้าเป็นปืนร่างผมคงพรุนไปแล้ว ตอนแรกก็ไม่สงสัยแต่พอเสียงรัวกล้องถ่ายรูปมันเริ่มแปลกเหมือนโดนแอบถ่าย พอหันกลับไปดันจ๊ะเอ๋กับเลนส์กล้องขนาดใหญ่บนมือของใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก
‘แชะ แชะ แชะ แชะแชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะแชะ แชะ แชะ ’
“แชะหาพ่องหรอ ใครให้ถ่ายวะ” ไร้เสียงตอบกลับแต่กล้องถูกลดระดับลงแล้ว
“ลบรูปเลยนะเว้ย กูไม่อนุญาต” คนตัวเล็กก้าวเข้าหาคนแปลกหน้าที่ตอนนี้ชูกล้องในมือขึ้นสูงทำให้คนโดนแอบถ่ายเอื้อมไม่ถึง
“……..”
“เอาลงมาเลยนะ คิดว่ากูเตี้ยแล้วจะยอมแพ้หรือไง” สมอกระโดดเอื้อมมือไปมารอบคนแปลกหน้าที่สูงเหมือนยักษ์
“……..”
“โธ่เว้ย เหนื่อยแล้วนะลบรูปให้ดีดีสักที” คนแปลกหน้าล้วงหยิบมือถือตัวเองจากกระเป๋ากางเกงก่อนกดหน้าจอด้วยมือข้างเดียว โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่ยืนหอบอยู่ข้างหน้าตัว แล้วยื่นหน้าจอมือถือให้คนหอบอ่าน
“ไม่ลบได้ไหม”
“ไม่โว้ย มึงต้องลบ” เจ้าของมือถือดึงกลับไปพิมพ์ใหม่ก่อนจะให้อ่านอีกครั้ง
“ขอนะ คุณกลิ่นตัวเหมือนแม่ผม” สมอเงยหน้าไปมองคู่กรณีที่ตอนแรกหน้านิ่งมากเปลี่ยนมาเป็นหน้าเหมือนลูกหมาขอนมแถวหน้าปากซอยบ้านตัวเอง
“มึงโรคจิตป่ะเนี่ย มาดมกลิ่นกูทำไม” สมอยกแขนดมกลิ่นตัวเองแล้วทำหน้าขนลุก มันแอบมาดมผมตอนไหนว่ะ
“………”
“ไม่ตอบวะ เป็นใบ้ไง” คนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นหน้านิ่งเหมือนเดิมหลังจากได้ยินว่าใบ้ สมอรู้สึกผิดนิดหน่อยที่เหมือนพูดกระทบจิตใจอีกฝ่าย
“………”
“เออไม่ต้องลบก็ได้แต่อย่าเอาไปให้ใครดูล่ะไปหล่ะ” ผมรีบหันกลับเดินไปยังมอ’ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่ข้างตึกเรียนข้างหน้าเมื่อเห็นมันพยักหน้ารัวอย่างดีใจ แต่ยังไม่ทันก้าวไปไหนก็ต้องหยุดชะงักจากแรงดึงปลายเสื้อของผม
‘แล้วเจอกัน มินิมัม’ ประโยคสุดท้ายที่มันพิมพ์ให้ดูก่อนที่ผมหนีมันกลับบ้าน
อดใจไม่ไหวที่จะลงเเม้ว่าจะยังไม่อ่านหนังสอบก็ตาม พรุ่งนี้จะเอามาลงให้เพิ่มน้า
สำหรับคนที่รออยากบอกว่าขอโทษนะที่ปล่อยให้รอนานมากเเต่ต่อจากนี้จะกลับมาอัพละจ้า
รักและคิดถึง
-
มินิมัม ตัวเล็กแค่นี้แต่น่าจะแสบน่าดู รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
-
ตอนสอง : ไอ้โรคจิต
“เป็นเหี้ยไร หน้างอเป็นตะขอเลย” เสียงของไอ้สินหนึ่งในแก๊งค์ สอ พ่อทุกสถาบันของพวกผมเอ่ยทัก
“โดนโรคจิตตาม” ผมเอ่ยอย่างรำคาญ หลังจากวันนั้นที่โดนแอบถ่ายผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว แต่อย่าคิดว่ามันจะหายไปนะครับ
“แม่งตามกูมาสองอาทิตย์แล้ว” เอ่ยก่อนจะนอนฟุบหน้าบนโต๊ะไม้หน้าตึกเรียน
“เชี้ยยย” ไอ้ห่าสืบลูกสารวัตรใหญ่อุทานออกมาอย่างไพเราะเสนาะหูพวกผมเหลือเกิน
“ใครวะ” ไอ้เส็งลูกเจ้าของร้านทองชื่อดังย่านเยาวราชพูดด้วยใบหน้ากลั้นหัวเราะ
“ไม่รู้เหมือนกันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” อย่าถามว่าทำไมไม่ไล่มันไปปล่อยให้ตามตั้งหลายวัน ผมจะพาพวกคุณย้อนไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมา
.
.
.
.
.
.
.
“แชะ แชะ” เสียงถ่ายรูปหลอนหูผมมากหลังโดนแอบถ่าย แต่เดี๋ยวก่อนนี่ผมโดนแอบถ่ายอีกแล้วหรอ
‘ขวับ’ หันคอกลับหลังแบบทันที กะแล้วว่าลางสังหรณ์กูต้องไม่ผิด
“มึงคิดว่ายืนแอบหลังเสาไฟแล้วมิดหรือไง ตัวอย่างกะยักษ์”ไอ้โรคจิตคนเดิมที่ยืนแอบหลังเสาไฟฟ้าข้างถนนฝั่งตรงข้ามกับจุดที่ผมยืนอยู่
“……..” ไร้เสียงตอบกลับเช่นเคย
“เลิกถ่ายได้ แล้วไม่ต้องตามกูมาอีกนะ” นั่นคือเหตุการณ์แรกหลังตึกที่คณะเรียนของผม
.
.
.
.
.
.
“แชะ”
“มึงอีกแล้วหรอ” มันแอบถ่ายผมกำลังยืนต่อแถวซื้อน้ำเก็กฮวยอยู่หลังต้นชมพูพันธุ์ทิพย์
“……..” ใบหน้าที่เรียบเฉยเริ่มแดงเหมือนเขินที่ถูกจับได้
“กูบอกว่าอย่าถ่าย ทำไมไม่ฟังวะหรือหูหนวกอีก” ผมเดินตรงเข้าไปหามันที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
“ไม่ได้หนวกแค่เป็นใบ้” คราวนี้มันไม่ใช้มือถือแต่เป็นสมุดเล่มเล็กกับปากกาแทน
“เฮ้อออออ กูจะทำอย่างไงกับมึงดีวะ”
“……”
.
.
.
.
.
หนังสือมากมายกองเป็นตั้งบนโต๊ะในห้องสมุดถูกใช้เป็นเกาะกำบังหลบสายตาคนให้กับผม ตอนแรกเข้ามาหาหนังสือทำรายงานแต่อ่านมากไปตาลายเลยของีบสักหน่อย
‘ครืดด’ เสียงเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามหน้าเด็กหนุ่มที่นอนฟุบหลับบนโต๊ะดังขึ้น
เด็กหนุ่มร่างสูงที่คอยตามถ่ายรูปนั่งลงจ้องหน้าคนที่แอบหลับอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมา ก่อนจะหยิบมือถือไอโฟนล่าสุดขึ้นมาปิดเสียงแล้วกดปุ่มถ่ายรูปคนตัวเล็กเอาไว้ ถึงค่อยลุกออกจากโต๊ะไปปล่อยให้อีกฝ่ายหลับอย่างสงบ
“หาววว ทำไมรู้สึกเหมือนโดนแอบถ่ายวะ” แต่หมอนั่นก็ไม่เห็นอยู่แถวนี้นี่หว่า สงสัยจะระแวงมากไป
คุณอย่าคิดว่าเหตุการณ์มันจะหมดแค่นี้นะเพราะผมกลับเจอมันเกือบทุกที่ในมหาลัย ทุกคนคงไม่คิดว่าเป็น ‘พรหมลิขิต’ หรอกใช่ไหมแม้จะเป็นตอนนี้ ‘กูก็ไม่เชื่อโว้ย’
“นี่มึงจะตามไปถ่ายกูในส้วมด้วยหรอวะ” หลังจากเล่าให้ไอ้พวกสอ พ่อทุกสถาบันจบ ก็แยกตัวมาเข้าห้องน้ำก่อนไปเรียนกับไอ้สักที่เดินเข้าไปก่อนแต่ผมดันเหลือบเห็นไอ้ยักษ์ตัวเดิมชะโงกหน้าจากหลังเสาของตึก
“……”มันยืนส่ายหน้าก่อนจะแวบหายเข้าหลังเสา
“ยืนพูดห่าไรเสียงดัง ไม่ฉี่หรอวะ” ไอ้สักเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำหน้าตาสงสัยว่าผมพูดอยู่กับใคร
“ก็ไอ้โรคจิตที่แอบถ่ายกูอ่ะ แม่งหลบอยู่หลังเสานั่น” ผมชี้นิ้วไปเสาต้นที่มีคนแอบยืนหลบ
“กูขอดูหน้าหน่อยดิ”สักเดินไปที่เสาที่เพื่อนตัวเล็กของเขาชี้มา
“…….”
“มึงเองหรอวะ ไอ้ไท” คนที่ยืนหลบเดินออกมาไหว้สัก
“มึงรู้จักมันด้วย” ผมถามอย่างแปลกใจ
“เออดิ นี่รุ่นน้องในชมรมกูเองมันชื่อ ‘ไททัน’ เรียนอยู่บริหารปีหนึ่งแถมเป็นลูกเจ้าของมหาลัยอีกนะไอ้สมอล” ไอ้ประธานชมรมถ่ายรูปเอ่ยแนะนำตัวรุ่นน้องของมันอย่างภูมิใจแต่คนฟังกลับตกใจจนนิ่งไปพักใหญ่
“อ้าวไอ้สัดเงียบ ช็อกดิมึง โรคจิตที่มึงว่าเนี่ยโปรไฟล์ดีงามชิบหาย รูปหล่อ พ่อรวย ดีกรีเหนือเดือนด้วยนะเว้ย” เออกูช็อกอยู่ขอตั้งสติก่อน
“…….” ไททันยืนมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าเหวอหลังรู้จักตัวเขา
“ไอ้ท่าน นี่เพื่อนพี่มันชื่อ ‘สมอ’ แต่พวกพี่เรียก ‘สมอล’ แล้วมึงแอบถ่ายเพื่อนพี่ไมวะครับ” สักแนะนำเพื่อนเสร็จจึงหันไปถามรุ่นน้องที่ยืนหน้านิ่ง
“…..”
“เออกูลืมไป มึงค่อยเขียนมาเล่าให้กูฟังละกัน”
“……” พยักหน้าเป็นอันรู้กัน
“มึงเลิกหน้านิ่งสักทีกูกลัว ถึงมึงจะหน้านิ่งแล้วหล่อโคตรก็เถอะ” สักหันมาบ่นรุ่นน้องก่อนจะลากมือเพื่อนตัวเล็กที่ยืนนิ่งไปเข้าเรียน
“เพื่อน ๆ ครับ กูรู้แล้วว่าใครคือโรคจิตของไอ้สมอล” สักเอ่ยขึ้นกลางวงหลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องเรียนไป
“แถลงครับมึง” ไอ้พวกสามสอที่เหลือพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดแนะกันก่อน
“มึงจำไอ้ท่าน รุ่นน้องกูที่ชมรมได้ปะ”
“ลูกเจ้าของมหาลัยอ่ะนะ” เส็งนึกออกก่อนคนแรก
“ไอ้คนที่หน้านิ่งเหมือนกล้ามเนื้อบนใบหน้าตายใช่มะ” ไอ้สินมึงโม้แล้ววันนั้นกูยังเห็นมันยิ้มอยู่เลย
“คนที่ถ่ายรูปสวยกว่ามึงอ่ะหรอ” กูขอจับมือหน่อยไอ้สืบพูดแทงใจดำไอ้สักได้
“เออ นั่นแหละ” สักมันทำหน้างอนครับเพราะมันชอบหมั่นหน้ามั่นโหนกว่าถ่ายรูปสวยสุดในชมรมบ่อย ๆ
“แล้วมันมาตามถ่ายรูปไอ้สมอลไมวะ”
“เดะกูรอมันพิมพ์มาเล่าก่อนแล้วจะมาไขให้ฟังคราวหน้า แต่ตอนนี้หาไรแดกก่อน” จบประโยคพวกผมค่อยยก
พลพรรคไปโรงอาหารวิศวะ ถิ่นที่สาว ๆ คณะอื่นมาเยี่ยมเยียนพวกเราชาวฟันเฟืองถึงถิ่น
“ไอ้ท่านทางนี้” สักโบกไม้โบกมือเรียกลูกเจ้าของมหาลัยที่หาที่นั่งกินข้าวไม่ได้
“แล้วมาแดกไรที่นี่ว่ะ คณะบริหารแม่งก็มี” สมอบ่นเสร็จแล้วก้มหน้าก้มตากินไม่มองผู้ที่มาใหม่
“เออหวัดดี นั่งกับพวกกูนี่แหละ” สินบอกทันทีที่ไททันยกมือไหว้ทุกคนก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ คนตัวเล็กของกลุ่ม
“……” มันหันมามองหน้าผมก่อนจะก้มกินข้าวในจาน
“เห้ยพวกมึงดูหูไอ้ท่านดิ โคตรแดงเลยว่ะ”
“เชี้ยสักหุบปากแดกข้าวไปเลย”ผมเงยหน้าไปด่ามันก่อนจะมองไอ้คนข้างตัว
“จะเขินทำไม รีบกิน ๆ แล้วรีบไปซะ”
“ไอ้สมอล มึงจะไล่น้องมันทำไม”
“ไอ้สินลืมไปแล้วหรือไง ไอ้ห่าเนี่ยมันตามแอบถ่ายกูนะ น้อยใจนะพวกมึงไม่ห่วงกูเลย”
“พวกกูก็ไม่เห็นว่ามันจะโรคจิตตรงไหนเลย มึงคิดมาก”
“ไอ้เส็งมึงก็อีกคน เข้าข้างไอ้ยักษ์นี่หมดเลย” ผมขยับตัวจะลุกหนีพวกมันไปเก็บจานแต่คนข้าง ๆ ผมดึงแขนไว้แล้วลุกออกไปแทน
“ไอ้ห่าสมอ น้องมันน้อยใจเดินหนีไปแล้ว”
“พูดห่าไรถนอมน้ำใจน้องมันหน่อยดิวะ”
“เดี๋ยวพวกมึง นี่กูผิดหรอ” ผมเป็นฝ่ายโดนกระทำนะเว้ย พวกมึงเข้าใจผิดหรือเปล่า
“เออ” ประสานเสียงตอบเชียวนะพวกมึง
“ไปง้อน้องมันด้วย” สักอย่ามาสั่งสมอ มึงเป็นใครมากล้าสั่ง สมอ พ่อทุกสถาบันวะ
“แล้วกูจะไปหามันเจอได้ไง” นี่กูพูดอะไรออกไปวะ
“พรุ่งนี้พักเที่ยงไปห้องชมรมถ่ายรูปพร้อมกูละกัน” จบข่าว
-
น่ารักมากก
-
:o8: :o8: :กอด1: :กอด1:
-
สมอล อย่าดุนักสิ สนุกจัง ไอเดียดี รอค่ะ
-
เรื่องแรกก็น่ารัก เริ่องที่สองก็น่ารัก ชอบๆๆๆรออออออ
-
ขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องสั้นน่ารักๆนะคะ น่าอ่านมากเลย รอตอนต่อไปนะคะ
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
-
ตอนสาม : ทริปปี้ทริป
“ขอโทษ” เสียงห้วนจากคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้า
“…….” คนตัวใหญ่หันไปมองคนพูดก่อนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องเมื่อวาน กูขอโทษ”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ไททันล้วงหยิบสมุดกับปากกาเขียนตอบกลับ
“เออ งั้นช่างมันเถอะ” พูดจบก็เดินไปนั่งรวมกับบรรดากลุ่มสอ
“สำหรับการออกทริปถ่ายรูปชมรมอาทิตย์นี้ คือ อัมพวา สามวันสองคืน” สักมันประกาศเรื่องการออกไปถ่ายรูปนอกสถานที่ ความจริงมันหาเรื่องเที่ยวกันนั่นแหละ
“ส่วนเรื่องที่พักไม่ต้องห่วง พี่ให้ที่บ้านจองให้เรียบร้อยแล้ว” บ้านสินทำโรงแรมหลายที่ในประเทศ เวลาเที่ยวพวกผมประหยัดค่าที่พักก็เพราะมันจองให้
“เจอกันกี่โมงครับพี่” หนึ่งในสมาชิกชมรมถ่ายรูปยกมือถามไอ้ท่านประธาน
“ล้อหมุนตอนบ่ายสองหน้าชมรม มาช้าตามไปเองเว้ย”
ถ้าถามว่าพวกผมอยู่ชมรมเดียวกับไอ้สักไหมต้องตอบว่าไม่แล้วจะไปออกทริปด้วยไหมมันก็ต้องตอบว่าจะพลาดหรอ การเดินทางครั้งนี้ต้องขอบคุณพ่อไอ้ยักษ์ที่ให้รถตู้มาคันหนึ่งซึ่งพอดีกับผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 14 ชีวิต
“โย่วสัก คนมาครบยัง”
“โย่วพ่อง มาครบแล้วมึงรีบขึ้นรถเลย ห่ามาสายตลอด” แหมกูมาช้านิดหน่อยทำเป็นบ่น
“สวัสดีครับพี่สมอล”พวกเด็กในชมรมยกมือไหว้ผมเมื่อขึ้นรถตู้มา
“ลามปามนะพวกมึง กูชื่อสมอ” อย่าหาว่าผมหยาบคายนะครับ เพราะในรถคันนี้มีแต่ผู้ชายอีกอย่างเด็กวิศวะปากงี้เกือบทุกคน
“……..” ยกเว้นคนหนึ่งละกันที่ไม่ได้เอ่ยสวัสดีผมแต่ยังยกมือไหว้
“มึงนั่งข้างไอ้ท่านแล้วกัน” ถ้ามึงพูดขนาดนี้แล้วจะให้กูนั่งไหนได้ เล่นเหลือเบาะแถวหน้าให้กูนั่งกับไอ้ยักษ์สองคน
ผมนั่งลงอย่างจำใจแต่โชคดีที่เหลือเบาะว่างที่หนึ่งเลยเอากระเป๋าวางคั่นไว้ กันไม่ให้มันเข้ามาใกล้ผม (ตอนนี้มาอธิบายผังในการนั่งครั้งนี้กันเถอะ ไอ้สักขับรถโดยมีสินนั่งข้างคอยบอกทาง ถัดลงมาเป็นผมกับไอ้ยักษ์ ถัดลงไปเป็นไอ้เส็งกับสืบและเบาะข้างประตูเป็นรุ่นน้องในชมรมรวมทั้งไอ้พวกท้ายรถ // จบการอธิบาย)
“พวกมึงนอนกันไปเลย เดี๋ยวถึงกูจะปลุก” สินมันหันหน้ามาบอกทุกคนในรถ
“แม่งนอนก่อนมึงหันมาบอกอีก” ผมแอบเหน็บมันก่อนจะปิดตานอนบ้าง
‘เบาะรถบ้านไอ้ยักษ์มันนุ่มดีว่ะ นอนโคตรสบายเลย’
“ไอ้สัก เพื่อนมึงนอนหนุนตักผู้ชายด้วยว่ะ” สินเอ่ยกระซิบคนขับ
“จริงหรอวะ มึงถ่ายรูปดิ๊”
“เรียบร้อย ไอ้ท่านคงรำคาญ ไอ้ห่าสมอนี่ก็เอาหัวไปพิงไหล่น้องก่อนทั้งที่มันเว้นเบาะเอง” สินเห็นตั้งแต่สมอเอนหัวไปพิงไหล่ไททัน จนคนโดนพิงหยิบกระเป๋าไปวางที่พื้นแล้วจับหัวเพื่อนเขาลงมาหนุนบนขามันแทน
“กูว่าไม่ได้รำคาญหรอก ท่าทางยิ่งกว่าเต็มใจ” สินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะรอยยิ้มบนหน้าไททันยืนยันคำพูดของสักว่าถูกต้อง
“น้องมันก็ไม่ได้ดูโรคจิตอย่างที่สมอมันว่าเลยนะ”
“ห่าสมอคิดไปเอง ไอ้ไทมันพิมพ์มาเล่าให้กูฟังหมดแล้วความจริงคือน้องมันรู้สึกว่าสมอเหมือนแม่เลยอยากอยู่ใกล้ๆแต่ไม่รู้จะทำยังไง จะคุยด้วยก็ไม่ได้ ส่วนถ่ายรูปเห็นบอกว่าไอ้เตี้ยถ่ายขึ้นกล้อง ก็แค่นั้น”
“กูว่ามันชอบสมอ มึงคิดงั้นไหม” สินหันไปมองสองคนที่อยู่ในบทสนทนาที่กำลังหลับ
“กูคิด ตั้งแต่รู้จักไท มันไม่เคยแสดงอารมณ์เลย ปกติสันโดษจะตายห่า แล้ววันนั้นที่กูเห็นหูมันแดงยังตกใจไม่หาย นึกว่าตาฝาด”
“สงสัยงานนี้กูจะมีเพื่อนเขยเป็นลูกเจ้าของมหาลัยว่ะ”
“เป็นจริงคงดี”
“ถึงแล้วโว้ย” สินมันตะโกนปลุกคนในรถเมื่อถึงรีสอร์ตที่อัมพวา ก่อนที่มันลงไปไหว้พ่อแม่มัน แต่เดี๋ยว ‘ขาใครวะ’ ผมเงยหน้าขึ้นไปถึงรู้ว่าเจ้าของขาคือใคร
“ทำไมกูนอนหนุนตักมึงได้เนี่ย” ผมขยี้ตาให้หายง่วงขณะที่เอ่ยถามออกปากแม้จะรู้ว่าไม่มีเสียงตอบก็เถอะ
“……..”
“เอาเหอะ รีบลงมาได้ละ” ไททันขยับตัวลงจากรถเป็นคนสุดท้ายถึงได้เดินมารวมกลุ่ม
“สวัสดีครับ” ชาวคณะเอ่ยสวัสดีพ่อแม่ของไอ้สินที่ออกมายืนรอรับ
“สวัสดีจ้าตัวแสบ เดินทางมาสบายไหมลูก” คุณแม่ทักทายพวกผมด้วยรอยยิ้มข้าง ๆ คุณพ่อ
“สบายมากเลยครับ”
“แน่สิ พวกมึงเล่นหลับมาตลอดทาง” ไอ้สักมันบ่นขึ้นมาลอย ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
“เดี๋ยวเอาของเข้าห้องพักก่อนแล้วมากินข้าวเย็นพร้อมกันนะจ๊ะ” จากนั้นท่านทั้งสองจึงเดินแยกออกไป
“พวกมึงครับ กูจองบ้านไว้สองหลัง หลังใหญ่ให้พวกเด็กในชมรมนอนกันส่วนอีกหลังเป็นของพวกเรามีสามห้องแบ่งห้องละสอง เด็กชมรมส่งมานอนกับพวกพี่คนหนึ่ง”
“ไอ้คุณท่านครับพี่” น้องคนหนึ่งมันตะโกนบอก
“โอเค แยกย้ายได้พวกมึงมาเอากุญแจไปไขห้อง” สินมันยืนแจกจ่ายกุญแจห้อง
“กูนอนกับสืบนะ ส่วนสักมันจะนอนกับไอ้สิน” ไอ้เพื่อนชั่วทิ้งกูให้นอนกับไอ้โรคจิต
“ไม่ต้องเบะปาก อย่าเรื่องมาก” สืบมึงทำกับกูได้ไง
“ไปเข้าบ้าน”
“บอกไว้ก่อนถ้ามึงทำไรกู มึงตายแน่” ต้องขู่ไว้ก่อนครับ กันไว้ดีกว่าแก้
“……..” มันหันมามองผมนิดนึ่งก่อนจะจัดของของมันต่อ
“เก็บเสร็จยัง” มันพยักหน้าให้ผมแล้วหยิบบางอย่างมาห้อยคอ
“ห้อยนกหวีดทำไมวะ”
“เพื่อฉุกเฉิน” มันชูข้อความในสมุดให้ผมอ่าน
“รอบคอบดี”
“อาหารอร่อยไหมลูก” อาหารมากมายเต็มโต๊ะเพื่อต้อนรับคณะเด็กแสบ
“อร่อยเหาะเลยครับแม่”
“แล้วกินเสร็จพวกหนูจะไปไหนต่อล่ะ” คุณพ่อของสินถามขึ้นหลังพวกเรากินของหวานกัน
“ผมจะพาลงเรือไปตลาดก่อน แล้วค่อยไปถ่ายหิ่งห้อยครับ” สินเงยหน้าขึ้นตอบ
“งั้นระวังตัวกันด้วยนะ”
.
.
.
.
.
.
“มึง น้องคนนั้นโคตรแจ่มเลย”
“กูว่าคนนั้นเด็ดกว่า”
“ไอ้ห่าเงียบหน่อย กูไม่มีสมาธิ” สักมันพูดเตือนแต่คิดว่าพวกเราจะหยุดหรอ
“สักมึงดูฝรั่งคนนั้นดิ อกโคตรตูม” มึงไม่ต้องมามองแรงใส่กูเลย
“คุณชอบหน้าอกใหญ่ ?” ไททันกระตุกชายเสื้อสมอให้หันกลับไปอ่านข้อความในกระดาษสมุด
“เออ” ผู้ชายก็ต้องชอบผู้หญิงหน้าอกใหญ่
“ของผมก็ใหญ่นะ” แดกจุดเลยครับเจอประโยคนี้เข้าไป
“พ่องมึง กลับไปถ่ายรูปเลยไป”
.
.
.
.
.
.
“โหพี่ หิ่งห้อยโคตรเยอะ”
“เออ เสียงเบา ๆ ด้วยเดี๋ยวหิ่งห้อยหนีหมด” สินพูดเสียงเบาเตือนรุ่นน้องที่ทำหน้าตาตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็นหิ่งห้อยเยอะมากเท่านี้มาก่อน
“ยุงเยอะชิบ” ผมบ่นเสียงไม่ค่อยดังกลัวไปกวนสมาธิพวกมัน ที่จริงมันสวยมากแต่ยุงเยอะขนาดนี้ ผมทนไม่ไหวว่ะ
‘พึบ พึบ พึบ’ แรงลมเบาพัดไล่ยุงไม่ให้กัดผมเป็นฝีมือของผู้หวังดีประสงค์ร้ายหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้
“ไม่ถ่ายหรือไง” ไอ้ยักษ์มันส่ายหน้า หยิบกล้องมาเปิดรูปให้ผมดูว่ามันถ่ายไปเยอะแล้ว
“ถ้ากูมีรูปคู่หิ่งห้อยคงดี แต่มืดชิบหายเลย ถ่ายไปก็ไม่เห็นหน้ากูแน่” ระหว่างที่ผมพูดไปก็มีแสงแฟลตกระทบหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว
“หน้ากูเหวอแน่ มึงลบเลย” ผมพยายามจะแย่งกล้องมาลบแต่มันชักหนี
“ไอ้เตี้ยเลิกเล่นเดี๋ยวเรือล่ม” ฝากไว้ก่อนเถอะ
“แยกย้ายกันนอนครับ เจอกันพรุ่งนี้” เส็งไล่ทุกคนเข้านอนเมื่อพวกเราขึ้นจากเรือ
“งั้นกูอาบน้ำก่อน” ผมหยิบของเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะเห็นไอ้ยักษ์หยิบโน้ตบุ๊กมาต่อสายกับกล้อง
ไททันลงรูปถ่ายจากกล้องลงเครื่องก่อนจะอมยิ้มให้กับรูปของคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ ใบหน้าเหวอที่นั่งบนเรือหันหลังให้กับแสงหิ่งห้อย ความมืดไม่ได้ทำให้ใบหน้าเล็กนั้นมืดจนมองไม่เห็นอย่างที่เจ้าตัวกล่าว
“อาบน้ำได้แล้ว”
“……….” ไททันหยิบผ้าขนหนูเดินสวนสมอเข้าห้องอาบน้ำทันทีที่ตัวเล็กเรียก ใครมันจะทนอยู่ต่อไหวเมื่อเจ้าตัวน่าฟัดซะขนาดนั้น
ภาพที่คนพึ่งอาบน้ำเสร็จเห็นคือหัวกลมโผล่พ้นจากขอบผ้าห่มอย่างน่ารักโดยที่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าทำให้ใครบางคนหัวใจเต้นผิดจังหวะ เขาหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายคนหลับก่อนจะไปแต่งตัวมานอน
เขาปิดไฟในห้องแล้วเดินมาขึ้นเตียงนอนข้างคนตัวเล็กที่หลับสนิทแบบไม่ระวังตัว ทั้งที่ขู่คนอื่นแต่กลับนอนยั่วแบบนี้มันน่านัก มือใหญ่จับหัวเล็กวางไว้บนแขนตัวเองก่อนจะสอดตัวเข้าไปนอนกอดอีกคน
เขาคงโรคจิตอย่างที่สมอว่า ทั้งที่ตอนแรกสนใจเพราะกลิ่นเหมือนแม่แต่ตอนนี้มันมากกว่ากลิ่น ใบหน้าที่บูดบึ้งแต่ตลกในสายตาเขา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงด่าของเจ้าตัวทำให้เขาคนนี้หลงจนไม่อยากห่างไปไหนไกล
พวกคุณจะด่าผมว่าฉวยโอกาสหรือไอ้โรคจิต มันก็เรื่องของคุณเพราะถ้าให้ผมทำตัวสุภาพบุรุษกับสมอคงไม่ไหวหรอกน่ารักขนาดนี้และผมอยากให้คุณจำไว้ว่า ตัวเล็กเป็นของผม ห้ามแย่ง
การอัพตอนต่อไปขอยืดเวลาก่อนนะรู้สึกมรสุมกำลังเข้ามาเเต่จะถ้าว่างจะมาต่อทันทีเลยจ้า เห็นคอมเม้นเเล้วมีเเรงปั่นต่อเลย ขอบคุณนะ
-
สนุกมาก ๆ ครับ สมอ - ไททัน อย่าลืมมาต่อนะครับ รออ่านนะ
ขอบคุณครับ
-
สมอหนูจะรอดไหมเนี่ยลูก อิอิ
น้องท่านออกตัวแรงน่ะ ฮ่าๆๆ
น่ารักอ่ะ
-
พี่สมอน่าร๊ากกกก
-
:hao7:
ตามอ่านใบ้ทันละ
ไททันช่างมีความพยายาม รีบๆรุกพี่หมอสิคะ ฮาาาาา
-
:hao7: วรั๊ยยยยยย บอดก็น่ารัก ใบ้ก็ฟินมากกกกก
-
วรั้ยยยยยยยยยย น่ารักมากค่าาาาา :impress2:
-
:-[ น่ารักกกกกกกกกกก ไททันนนนนนนนนนน
-
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
-
เย้ยยยยยยย น่ารักง่าาา~ ห้ามแย่งด้วย55ใครเค้าจะแย่งก็เห็นอยู่ว่าอยู่กับใครแล้วฟิน อิอิ :katai2-1:
-
:o8: :L2: มาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
ทั้งบอดทั้งใบ้น่ารัก ละมุนหัววใจมากค่ะ
ไททันสู้เค้านะ
-
ตอนสี่ : ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองถ้าหากคุณ….
เวลาผ่านไปไวอย่างกับโกหก จากตอนที่แล้วพวกผมอยู่ที่อัมพวาแต่ขณะนี้รถตู้กำลังจอดหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อส่งทุกคนกลับบ้าน สภาพแต่ละคนเหมือนซอมบี้ลุกขึ้นจากหลุมศพ ผมเพ้ากระเซอะกระเซิง ดูไม่ได้สักคนเพราะเล่นนอนยาวตั้งแต่รีสอร์ตจนถึงหน้ารั้วมหาลัย
“ขอบคุณพวกพี่ๆมากนะครับ ถ้างั้นพวกผมขอตัวก่อน” รุ่นน้องในชมรมยกมือไหว้แล้วต่างแยกย้ายกลับบ้านเหลือแต่พวกผมกับไอ้เจ้าของรถตู้ที่ไม่รู้จะยืนรออะไร
“เดะกูกลับบ้านกับสิน มึงก็กลับดี ๆ” อิจฉาไอ้พวกบ้านอยู่ทางเดียวกันจริง ๆ ว่ะ
“ถึงแล้วโทรมาบอกกูด้วย”
“เออ กลับบ้านไปกกกันเลยไป๊” ผมละสงสัยว่าพวกมันสนิทเกินเพื่อนกันหรือเปล่า ตัวติดกันอย่างกับผัวเมีย
“ไอ้ห่าอย่ามาแซวพวกกู ใช่ไหมที่รัก” สักหันมาด่าสมอก่อนจะก้มหน้าลงไปพูดกับสินที่ยืนข้างกัน
“ที่รักเหี้ยไรของมึง ไอ้สมอลมึงก็อีกคนอย่าให้กูแฉ”
“แฉเรื่องอะไรวะ”
“หึหึ กูกลับล่ะ” ไอ้สินมึงจะมาหัวเราะแล้วเดินทิ้งกูไปกับผัวมึงแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย มันคาใจ
“ส่วนกระผมจะพาว่าที่เมียกลับบ้านก่อนนะขอรับ” ไอ้ลูกตำรวจพูดขึ้นมาด้วยท่าทางสุภาพจนน่าหมั่นไส้แล้วเดินโบกมือลาขึ้นรถเมล์ไปพร้อมกับเส็ง
“แล้วมึงจะยืนรออะไรเนี่ย ขึ้นรถไปได้แล้ว” แต่ไททันยังยืนอยู่ข้างๆไม่ยอมขึ้นรถ
“เอองั้นกูไปละ” คนตัวเล็กหันมาพูดแล้วเดินข้ามทางม้าลายโดยที่ไม่ทันมองถนนให้ดีว่ามีรถมอ’ไซค์คันหนึ่งที่ผ่าไฟแดงขึ้นมา
ไททันพยายามจะส่งเสียงเรียกแต่สมอไม่ได้ยิน เขาจึงหยิบนกหวีดที่ห้อยคอขึ้นมาเป่าเรียกให้คนตัวเล็กหยุดเดิน โชคดีที่สมอหยุดหันกลับมามองต้นเสียงนกหวีดจึงไม่ถูกมอ’ไซค์ชนอย่างที่ควรจะเกิด
‘หมับ’
อ้อมกอดจากคนตัวสูงที่มาแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีด จังหวะหัวใจเต้นรัวแข่งกันระหว่างทั้งสองคน คนตัวเล็กเหมือนจะได้สติก่อนจึงดันอีกคนออกแต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย สมอรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากคนที่วิ่งมากอดตนเอาไว้
“ปล่อยก่อนเดี๋ยวรถชน” ไททันยังไม่ขยับตัวไปไหนราวกับว่ากลัวคนในอ้อมกอดจะเป็นอะไรไป
“…….”
“กูปลอดภัยแล้ว ขอบใจมากนะที่เรียกกูไว้” ผมกอดมันตอบให้รู้ว่าผมยังยืนกับมันตรงนี้แต่ถ้าหากมันยังไม่ปล่อยอาจไม่แน่ พยายามแหงนหน้าขึ้นพูดขอบคุณที่มันช่วยผมเอาไว้
“…….” คนตัวสูงที่หยุดสั่นได้แล้ว ค่อย ๆ ปล่อยอีกคนออกก่อนจะจูงมือเดินขึ้นฟุตบาตไปยืนข้างรถตู้ที่จอดทิ้งไว้
“ปล่อยมือก่อนไหมมึง”
“……” ไททันส่ายหน้าแล้วดึงสมอเข้ามากอดอีกรอบ
“สั่นเป็นลูกนกเลยมึง กูยังอยู่ครบสามสิบสอง คนที่จะโดนชนคือกูนะไม่ใช่มึงตกใจซะโอเว่อเลย” ตอบแทนที่ช่วยไว้จะยืนให้กอดละกัน
“…….” คนตัวโตส่งสายตาเป็นห่วงผสมตำหนิมาให้
“ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” ผมยื่นมือสุดแขนไปลูบหัวมันหายตกใจพร้อมโยกตัวไปมาเหมือนปลอบเด็กตัวเล็ก ๆ ทั้งที่ขนาดตัวเด็กห่างจากคำว่า ‘เล็ก’ ไปมาก
“หายตกใจยัง ปล่อยกูสักที” เหมือนอีกฝ่ายเข้าใจแต่ส่ายหน้าแล้วเดินจูงมือคนตัวเล็กขึ้นรถก่อนจะวิ่งอ้อมรถไปขึ้นด้านฝั่งคนขับ
‘ทีหลังระวังให้มากกว่านี้นะ รู้ไหมผมตกใจแทบแย่’ ไททันเอื้อมไปหยิบสมุดจากด้านหลังเบาะมาเขียนแล้วยื่นให้สมออ่าน
“เออ”
‘ผมเกือบเรียกคุณไว้ไม่ทัน ถ้าคุณเป็นไรไป ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย’
“แต่มึงก็ช่วยทันไม่ใช่หรือไง”
‘ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ สัญญากันก่อน’ นิ้วก้อยจากคนตัวโตยื่นมาตรงหน้าเพื่อขอคำสัญญา
“เออ” นิ้วก้อยเล็กเอื้อมไปเกี่ยวเอาไว้
.
.
.
.
.
“พากูมาบ้านมึงทำไมเนี่ย” ผมแค่เผลอหลับระหว่างทางกลับบ้านหลังจากไอ้ยักษ์มันบอกจะไปส่ง แต่ทำไมกลายเป็นคฤหาสน์ของมันแทนก็ไม่รู้ ขนาดบ้านใหญ่โตสมกับเป็นเจ้าของมหาลัยเอกชนชื่อดังของเมืองไทย นั่นลานน้ำพุหน้าบ้านหรือหน้าห้างพาราง่อยวะ เว่อวังอลังการซะไม่มี ต้นไม้เยอะแยะถูกจัดตกแต่งให้ดูร่มรื่นน่าอยู่คล้ายสวนรถไฟ
“บ้านมึงมีสระว่ายน้ำด้วยหรอ น่าเล่นชิบหาย” หันไปถามมันทั้งที่ก็เห็นกับตาว่าขนาดสระว่ายน้ำบ้านไอ้ยักษ์ใหญ่เล็กกว่าของมหาลัยนิดนึง
‘ผมเห็นคุณหลับเลยไม่กล้าปลุกถามทาง’
“ถ้ามึงถึงบ้านแล้วงั้นกูกลับก่อนนะ”
‘คุณอยู่กินข้าวเย็นกับผมก่อนสิ’
“เลิกเหอะว่ะ คุณผมอะไรเนี่ย กูอ่านแล้วละอายใจเหลือเกินที่หยาบคายใส่มึง”
‘งั้นให้เรียกว่าอะไรดี’
“แล้วแต่มึงเลย”
‘ตัวเล็ก’
“มึงเรียกใครหะ ไอ้ยักษ์”
‘ไปกินข้าวกัน ไทหิวแล้ว’
“ก็ไปดิจะรอไร”
“คุณหนูรอทานอาหารเย็นพร้อมคุณชายกับคุณนายไหมคะ อีกประมาณชั่วโมงกว่า”
‘รอไหวไหม’
“เออ รอพ่อแม่มึงมาค่อยกิน”
‘ผมรอ ถ้าพร้อมไปเรียกผมด้วยละกัน’
“ระหว่างนี้ทำไรดี กูว่ายน้ำบ้านมึงได้ป่ะ”
‘งั้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องผม’
.
.
.
.
“สระบ้านมึงโคตรใหญ่ กูอยากมีแบบนี้บ้าง”คนตัวเล็กว่ายน้ำอยู่ในสระอย่างสบายใจโดยไม่ทันสังเกตอาการของเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ริมขอบสระว่ายน้ำ
‘ตัวเล็กคงไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังแทะโลมเจ้าตัวทางสายตา ขาวเหมือนหยวกกล้วย ตัวนิดเดียวอย่างกับลูกแมว ไหนจะยอดอกทั้งสองข้างที่สีชมพูอ่อนหาความคล้ำไม่เจอ ก่อนที่สายตาเขาจะหยุดตรงบั้นท้ายเล็ก ๆ นั่น มายั่วกันขนาดนี้ ตัวเขาเองไม่รู้จะทนได้อีกเท่าไหร่’
“มองห่าไร ทำหน้าโคตรโรคจิต” สมอหันมาแหวใส่เมื่อสีหน้าของไททันเคลิ้มแบบมีอารมณ์
“…….” ไททันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ต้องมาส่ายหน้า เป้ามึงตุงซะขนาดนั้น น่าเกลียดว่ะไอ้โรคจิต” ด่าเสร็จเจ้าตัวรีบว่ายเข้าฝั่งแต่ไม่ทันจะขึ้นจากสระก็โดนคนตัวโตกว่าลากไปกลางสระเหมือนเดิม
“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้ แล้วไม่ต้องเอาไอ้นั้นมาแทงตูดกูด้วย”
“……..” เจ้าของอ้อมกอดหัวเราะแบบไร้เสียงเมื่อคนตัวเล็กเริ่มอาละวาดทั้งที่หน้าแดง
“กูจะฟ้องพ่อแม่มึง รีบปล่อยเดี๋ยวนี้นะ อย่ามากอดกูโว้ย” สมอโดนจับให้หันไปเจอหน้าคนขี้แกล้งทั้งที่ลอยตัวอยู่ในน้ำ ขัดขืนก็ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายรัดเขาแน่นแทบจะรวมร่างกัน
‘จุ๊บ’
“……..” นิ่งทุกสรรพสิ่งแม้แต่ลมหายใจที่สะดุดขาดห้วงเพราะการกระทำใครบางคน
“จูบกูทำไม”
“……”
“ไอ้หอกหักเอ๊ย หักจนใช้งานไม่ได้ไปเลย” สมออาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่มันตั้งตัวกระแทกหัวเข่าเข้ากับไททัน(ไม่)น้อยจนอีกฝ่ายปล่อยมือไปกุมเอาไว้
“อ้าวเพื่อนตาท่านหรอ” ผมรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะวิ่งออกไปทางประตูหน้าบ้านแต่ดันเจอพ่อแม่ของไอ้โรคจิตซะก่อน
“สวัสดีครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อ้าวหนู หนู แหมคุณคะเด็กคนนั้นไม่น่ารีบไปเลย”
“ทำไมล่ะคุณ”
“ฉันอยากทำความรู้จักจัง หนูคนนั้นน่ารักมากเลยนะคะ”
“ผมสังหรณ์ว่าเด็กคนนั้นจะต้องมาบ้านเราอีกแน่”
“ฉันก็คิดเหมือนกันค่ะ รู้สึกถูกชะตายังไงไม่รู้”
“ไปกินข้าวกันเถอะคุณ ผมหิวแล้ว”
มาเเล้วจ้ารีบมาลงให้เเย้ว กระซิบก่อนว่าเหลืออีกสองตอนก็จะจบ
เเล้วจะเปิดเรื่องสั้นตอน หนวก สักที
-
น่ารักๆ :L2:
-
สมอลทำร้ายไททันน้อย เดี๋ยยวเกิดใช้งานไม่ได้ขึ้นมา จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ :z1:
-
ตอนจบ : รับเเล้วห้ามคืน
“ไอ้สมอ ช่วงนี้มึงหลบหน้าไอ้ท่านทำไมวะ” สักถามเพื่อนตัวเล็กสุดในกลุ่มที่หลังกลับมาจากอัมพวาคอยหลบหน้าหลบตาไททันโดยพยายามปลีกหนีไปก่อนที่คู่กรณีมาหา
“เออ นั่นดิ” สินพยักหน้าเห็นด้วยอย่างสงสัยพฤติกรรมที่แปลกไปของเพื่อน
“เปล่า”
“ไม่ต้องมาปฏิเสธ ช่วงนี้มึงรีบกลับห้องทันที่เลิกเรียนไม่ไปปาร์ตี้ต่อกับพวกกูเลย แถมไม่กินข้าวกลางวันแต่เสือกไปแอบหลับในห้องสมุดแทน” พฤติกรรมช่างสังเกตนี่มันถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือยังไง
“ช่างสังเกตเหลือเกินมึง เชี่ยสืบ”
“ไอ้สืบไม่ต้องสังเกตพวกกูก็รู้สึก” เส็งแย้งทันที
“ไม่มีไร พวกมึงเลิกสงสัยสักที ข้าวจะไปกินไหมมัวแต่นั่งถามเดี๋ยวเวลาแม่งหมดพอดี”
“เออ แดกข้าวกัน” สินตอบก่อนจะหันไปยักคิ้วให้สืบก่อนจะกระซิบไม่ให้สมอได้ยินว่า
“กูว่าเรื่องต้องมีเงี่ยนงำ”
‘ผัวะ’
“เงื่อนงำก็พอไอ้ห่า ทะลึ่งตึงตังนะมึงเนี่ย” สักยกมือขึ้นโบกเพื่อนตัวดี
ผมหลบหน้าไททันมาได้อาทิตย์กว่าแล้วอย่างที่โดนพวกสอมันกล่าวหาแต่ผมไม่ยอมรับหรอก ถ้าหากยอมรับนั่นเท่ากับว่าต้องยอมบอกเหตุผลว่าทำไมต้องพยายามไม่เจอหน้าไอ้ยักษ์ ใครมันจะไปกล้าบอกว่าโดนขโมยจูบแถมไอ้นั่นของมันแทงก้นตัวเองมา
พวกเพื่อนที่แสนจะหวังดี? เรียกให้ไปหามันที่ห้องชมรมถ่ายภาพ แล้วคิดหรอว่าผมจะไปถ้าหากมันไม่ขโมยกุญแจรถมอ’ไซค์ตอนผมเผลอเป็นตัวประกัน
“พวกมึงแม่งเล่นทีเผลอ เจอหน้ามึงโดนแน่” คนตัวเล็กยืนบ่นคาดโทษกับประตูทางเข้าชมรมที่ไม่ยอมเข้าสักที
“ถ้าพวกมึงแกล้งกูนะ…เฮ้ยยยย” ระหว่างที่เปิดประตูจู่ๆมีแรงผลักหลังผมให้เข้าไปข้างในห้องก่อนจะ
‘ปึง แกร็ก’ ประตูห้องถูกล็อค
“เชี้ยสักมึงจะขังกูทำไม เปิดเดี๋ยวนี้นะเว้ย”
‘ปึง ปึง ปึง’ เสียงทุบประตูรัวให้คนที่แกล้งขังให้เปิดประตู
“ศักดา เปิดประตู”
“ห่าเตี้ย นั่นพ่อกู” สักตะโกนบอกข้ามประตูห้องชมรม
“เออกูจะฟ้องพ่อมึง”
“รีบขี่ม้าก้านกล้วยไปฟ้องเลย” อีกฝั่งตะโกนเยาะเย้ย
“ฝากไว้ก่อนนะมึง”
‘จึก จึก’
แรงจิ้มด้านหลังทำให้คนตัวเล็กต้องหันกลับไปมองว่ามีใครอีกคนที่อยู่ในห้องเช่นเดียวกับตัวเอง
“สมอคุยกันก่อน” ไททันยกกระดาษขึ้นให้อีกคนอ่านทั้งที่อีกฝ่ายหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากคุย
“สมอ” เหมือนคนตัวโตไม่ยอมแพ้เช่นกันจึงเดินอ้อมไปทางด้านหน้าของอีกคนให้อ่านกระดาษที่เขียนใหม่
“นี่กูพี่มึงสองปีเลยนะ เรียกชื่อกันห้วนๆอย่างนี้ได้ไงวะ” สุดท้ายทนรำคาญสีหน้าที่เหมือนลูกหมาของอีกฝ่ายไม่ไหวจึงยอมพูดด้วย
“ไม่ได้อยากเป็นน้องแต่อยากเป็นแฟน” ผมจะเป็นลมเมื่ออ่านข้อความในกระดาษจบ
“กูไม่ใช่เกย์”
“เราก็ไม่ใช่” คนตัวโตก้มลงไปเขียนในกระดาษก่อนจะชูขึ้นมาใหม่
“ไอ้ห่า แล้วที่ผู้ชายจีบผู้ชายด้วยกันไม่ให้เรียกว่าเกย์แล้วจะเรียกว่าอะไร”
“ผู้ชายที่ผมชอบก็มีแต่ตัวเล็ก”
“อยากอยู่ใกล้ อยากดูแล อยากใช้เวลาด้วยกัน ไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน อยากเป็นคนรักของตัวเล็ก” สกิลความเร็วในการเขียนมึงเทพมากเอาซะกูอึ้งเลย
“พออออ ไปจีบคนอื่นนู่น” มึงจะรุกหนักเกินไปแล้ว กูตั้งตัวไม่ทัน
“ไม่ เพราะหลังจากนี้” ไททันส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเปิดกระดาษอีกหน้าที่คิดไว้ก่อนหน้าให้คนตัวเล็กอ่าน
“ไทจะจีบตัวเล็กอย่างเป็นทางการแล้วนะครับ”
.
.
.
.
.
.
“ไม่รู้โว้ยยยย”
“ช่วงนี้ชีวิตดี๊ดีเนอะมึง” สินหันหน้ามาแซวผมเมื่อเห็นว่าสมาชิกใหม่กำลังเดินถือจานข้าวมาสองจาน
“ห่าไร”
“ไม่ต้องด่ากลบเกลื่อนเลย หลังปรับความเข้าใจนี่หวานออกสื่อมากนะครับเพื่อน” เส็งมึงก้มหน้ากินข้าวต่อไปกูจะไม่ว่าเลยนะ
“หวานอะไรของพวกมึง” ผมบอกปัดแล้วก้มหน้าเล่นเกมส์ในมือถือต่อ
“มากินข้าวด้วยทุกวันแถมเดินไปซื้อมาให้ถึงที่ ส่วนขนมมีมาให้กินตลอด” สักมึงกินข้าวไปไม่ต้องมารุมถามกู
“ไม่รู้”
“หัดตอแหลนะมึง”
“สัส” เป็นอันจบบทสนทนาเพราะเจ้าตัวหัวข้อสนทนาเดินมาถึงโต๊ะพอดี พวกสอจึงได้ฤกษ์กินกันข้าว
“แล้วคืนนี้จะไปตื้ดกับพวกพี่ไหมครับ” สักเงยหน้ามาถามผมหลังจากฟาดข้าวในจานจนเกลี้ยง
“เออดิ งั้นกูกลับก่อนนะ” ตอบเสร็จกำลังจะลุกไปเก็บจานแต่โดนคนข้างตัวคว้าจานเดินไปเก็บให้แทน
“แล้วกลับไงวะ” นั่นไง
“มึงไม่เอาลูกรักขี่มามอ ไม่ใช่หรอ” ไม่ต้องมาแอ็บทำหน้าสงสัยใส่กูเลย เชี้ยสัก
“กูได้ข่าวว่าช่วงนี้มีสารถีขับรถบีเอ็มมารับมาส่งนี่หว่า” สามัคคีเหลือเกินนะพวกมึงเวลาทำงานให้มันได้อย่างนี้บ้างสิ
“ทะเบียนรถคุ้น ๆ เหมือนของลูกเจ้าของมหาลัย” ข้อมูลมึงแน่นมากไอ้สืบ
“เออ กูกลับกับมัน พวกมึงพอใจยัง”
“แค่นั้น ยืนอมพะนำอยู่ได้”
“งั้นกูไปละ” ยกนิ้วกลางเสร็จจึงเดินออกจากโรงอาหารคณะเมื่อเห็นว่าอีกคนยืนรอตรงทางออก
“คืนนี้มารับ” ทันที่รถหรูจอดหน้าหอพักของคนเบาะข้างคนขับ สารถีหยิบมือถือกดข้อความให้อีกฝ่ายอ่าน
“ไม่ต้องเดี๋ยวไปเอง”
“สองทุ่มเจอกัน” พิมพ์เองเออเอง ไม่ได้ถามแค่แจ้งให้กูทราบแค่นั้นใช่มะ
“เออ” ผมเดินลงจากรถแล้วตรงดิ่งขึ้นห้องทันที ไม่มีหรอกที่จะยืนส่งมันขับรถกลับหรือพูดบอกให้ขับกลับดี ๆ
อย่างที่ทุกคนอ่านหลังจากถูกขังวันนั้นไอ้ยักษ์ก็โผล่หน้ามารับ-ส่งผมที่หอทุกวัน กลางวันมานั่งกินข้าวด้วยแถมขนมที่ซื้อมาให้โดยที่ผมไม่ได้ขอ ชีวิตดี๊ดีเหมือนเพื่อนผมมันแซวละครับ รถไม่ต้องขี่ ข้าวไม่ต้องซื้อมีคนถือจานมาให้ถึงโต๊ะ
ตอนแรกก็มีไล่แต่ไอ้ยักษ์มันตีหน้ามึนไม่ฟังจนผมเลิกไล่ไปเอง เพราะสุดท้ายผมก็ได้ประโยชน์อยู่ดี ส่วนพฤติกรรมแอบถ่ายของเจ้าตัวยังทำอยู่แต่มักอาศัยช่วงที่ผมเผลอแต่ก็เลิกบ่นเพราะผมชิน ถ้าถามว่ารูปคู่มีไหม ตอบว่ามีคงได้เพราะรูปคู่ของเรามักเป็นหน้าผมตอนเหวอกับเสี้ยวหน้าของมัน ไม่มีหรอกครับที่แอคท่าถ่ายด้วยกัน จะว่าไปมารู้ตัวอีกทีผมก็ชินกับการที่มีมันอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อย่าแอบไปบอกมันล่ะ
“แหมมาสังสรรค์กับเพื่อนแค่นี้ต้องมีคนมาคุมด้วย” เสียงทักทายดังมาจากโต๊ะด้านในสุดของร้านประจำกลุ่มพวกผม
“แดกเหล้าไปมึง”
“แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้เลยนะครับ” เส็งที่นั่งข้างสืบหยิบแก้วเหล้าส่งมาให้ผมกับไททันเมื่อนั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อย
‘จึก จึก’ คนตัวใหญ่ที่นั่งข้างตัวสะกิดให้หันมามองว่าตัวเองจะออกไปโทรศัพท์ของแม่มัน ผมเลยพยักหน้าให้มันรีบไปรับสาย
“สมอ มึงกับไอ้ท่านเป็นแฟนกันยัง” พวกมึงจะมาสงสัยอะไรตอนนี้วะ
“เปล๊า”
“เสียงสูงนะมึง มีพิรุธ” ไม่เอา ไม่เล่นเกมจับผิดกันเวลานี้นะเพื่อน
“เริ่มใจอ่อนบ้างยังวะ”
“ไม่เลย” สืบจ้องหน้าเพื่อนตัวเล็กที่พยายามหลบสายตาเวลาตอบคำถาม
“สักนิด”
“ไม่มี๊”
“หัดโกหกนะมึง ไอ้เตี้ย” สักทนไม่ไหวที่เพื่อนตัวเองปากไม่ตรงกับใจ
“ถึงกูเตี้ยแต่ก็ทำให้เพลียได้นะเว้ย” ตอบอย่างนั้นออกไปได้ยังไง มั่นหน้ามั่นโหนกเหลือเกินกู
“วู้วววว บอกผัวมึงนู้น” บรรดาสอส่งเสียงชอบใจไปทางคนที่พึ่งเดินออกไปรับโทรศัพท์กลับมา
“เอ้า ว่ายังไงดีครับไอ้ท่าน” เจ้าตัวกระตุกยิ้มส่งสายตาวาววับมาให้สมอแล้วขยับปากว่า
“จะรอดู” ประโยคไร้เสียงเรียกเสียงแซวจากบรรดาสอ พ่อทุกสถาบันได้ดี
สมอยืนรอสารถีมารับหน้าตึกคณะเหมือนเคยแต่อีกฝ่ายยังไม่มาสักทีไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงยังไม่มา ขณะที่รอเขาเห็นรุ่นน้องผู้ชายมีท่าทีลุกลี้ลุกลนเดินตรงเข้ามาหาแล้วล้วงมือถือส่งมาให้
“ผมขอเบอร์มือถือพี่หน่อยได้ไหมครับ”
“เอ่อออ เห้ย” ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะตอบ แขนข้างซ้ายถูกสารถีฉุดให้เดินก้าวออกมาตามคนตัวสูงที่ก้าวยาวไม่รอคนตามหลังแต่คนถูกลากไม่ยอมเดินตามพยายามสะบัดมือออก
“กูเจ็บนะเว้ย” อีกฝ่ายเหมือนได้สติรีบคลายมือก่อนจะหันกลับมาดูข้อมือเล็กแต่โดนผลักออก
“เป็นบ้าอะไรวะ” ท่านพ่นลมออกแรงๆก่อนจะล้วงมือถือจากกางเกงขึ้นมากด
“ผมหึง”
“หึงไรของมึง”
“มีผู้ชายเข้ามาขอเบอร์คนที่ตัวเองชอบจะให้ยืนเฉยได้ไง”
“เราเป็นไรกัน กูจะให้หรือไม่ให้เบอร์มันสิทธิ์ของกูปะวะ แล้วมึงคิดว่าคนอย่างกูจะให้มันหรือไง” ผมจ้องหน้ามัน
“ผมมันบ้าเอง ที่ไปหึงคุณทั้งที่ไม่สิทธิ์อะไรเลยสักอย่าง”
“ขอโทษที่ขัดจังหวะและขอโทษที่ทำให้เจ็บ” ให้ดูข้อความเสร็จก็เดินหนีขึ้นรถแล้วขับออกไป
“อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป เห็นกูเป็นไรวะ” คนถูกทิ้งตะโกนตามหลังรถที่พึ่งขับออกไปก่อนจะนั่งยองลงกับพื้น
“มาทำให้กูรู้สึกดีแล้วจะมาทิ้งกันอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย มึงรีบกลับมารับผิดชอบกูเดี๋ยวนี้เลย ไอ้ห่ายักษ์”
“โหมดหงอยหรอมึง”
“ไม่มีไร”
“ไม่มีห่าไร เล่ามาเลยถ้าเห็นว่าพวกกูยังเป็นเพื่อน” เห็นสีหน้าจริงจังของพวกมัน ผมจึงต้องเล่าให้ฟังว่าเกิดไรขึ้น
“ห่าเตี้ยมึงไปบอกน้องมันอย่างนั้น เป็นกู กูก็ถอดใจ” สินส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“พูดห่าไรไม่ถนอมใจคนอื่นเลย” กูรู้เว้ยเส็งว่าพูดแรงไป
“หม้ายละมึง โดนผัวทิ้ง”
“เชี้ยยย เค้าดราม่ากันอยู่ เล่นดูเวลาด้วย” ขอบคุณสินที่ด่าไอ้สักให้
“ถ้างั้นกูขอถามมึงตรง ๆ นะสมอ” สืบจ้องหน้าผม
“มึงคิดยังไงกับไททันมันวะ ตอบให้ปากให้มันตรงกับใจด้วย”
“กูไม่รู้ว่ะ”
“ถ้ามึงไม่รู้แล้วพวกกูจะตรัสรู้กับมึงด้วยไหมห๊า”
“เมื่อก่อนกูคิดว่าอยู่ตัวคนเดียวมันสบาย แถมมีพวกมึงด้วยเลยไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก่อนจนไอ้ห่ายักษ์เข้ามาป้วนเปี้ยน
ในชีวิตจนกูชินที่จะมีมันอยู่ข้าง ๆ เข้ามาดูแลทั้งที่กูดูแลตัวเองได้ นั่งคอยมันมารับทั้งที่เมื่อก่อนกูก็กลับหอเอง ไม่ต้องไปยืนต่อแถวรอซื้อข้าวเหมือนคนอื่น รอข้อความมือถือจากมัน คอยด่าเวลามันแอบถ่ายแต่ไม่ได้รำคาญเหมือนเคย มันทำให้กูรู้สึกว่ากูไม่ได้พูดอยู่คนเดียวทั้งที่มันไม่ได้พูดสักคำ มาทำให้ใจกูเต้นแรงเวลาเข้าใกล้จนกลัวว่ามันจะได้ยินเสียงหัวใจ อย่างนี้มันแปลว่ากูชอบมันใช่ไหมวะ”
“เอออออ” ประสานเสียงเชียวนะ
“รู้ตอนนี้คงสายไปแล้ว”
“ทำไมจะไม่ทันวะ อย่าลืมว่าพวกเราคือ สอ พ่อทุกสถาบัน”
“งานนี้เพื่อนต้องได้ผัวอย่างแน่นอน”
“เออ กูต้องได้”
ไททันมายืนรอตามนัดของประธานชมรมถ่ายภาพตรงทางเชื่อมที่เจอสมอครั้งแรก ไม่คิดว่าตัวเขาเองจะตกหลุมรักผู้ชายตัวเล็กที่ปากจัดแถมห่ามไม่ตรงสเปคเลยสักอย่าง มีเพียงกลิ่นกับบรรยากาศรอบตัวที่คล้ายแม่ของเขาถึงทำให้สนใจคนตัวเล็กของกลุ่มสอได้
‘จึก จึก’ แรงสะกิดจากข้างหลังทำให้ต้องหันกลับไปมอง ก็พบคนที่คิดถึงกำลังยืนก้มหน้าอยู่
คนตัวเล็กยกฝ่ามือซ้ายขึ้นมาที่ระดับหัวใจ ใช้ปลายมือข้างขวาวนในทิศตามเข็มนาฬิกา เหนือฝ่ามือซ้ายอยู่ 3 รอบ ซึ่งไททันรู้ความหมายดีว่าคนตรงหน้าต้องการที่จะบอกว่าขอโทษ
สมอชี้นิ้วไปหาไททันก่อนจะกำมือหันเข้าหาตัว หมุนแขนเป็นวงกลมตามทิศทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ สื่อให้รู้ว่าที่ทำให้ไททันต้องเสียใจแต่คนตัวใหญ่หันหลังจะเดินหนี
“อย่าพึ่งไป ขอเวลาไม่นาน” ผมเดินอ้อมไปข้างหน้ามันก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองข้างถอดสร้อยที่ห้อยเกียร์ประจำรุ่นออกจากคอแล้วสวมให้คนตรงหน้าแทน
“ไม่รับคืนนะ” ผมยกมือขึ้นมากำแล้วเหยียดนิ้วชี้และนิ้วโป้งให้ตรง ก่อนหันมือเข้าหาลำตัว จากนั้นลากมือลงพร้อม ๆ กับขยับปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้งให้สัมผัสกัน ไททันมองที่ผมทำอย่างไม่อยากเชื่อก่อนจะล้วงปากกาออกมาเขียนที่มือตัวเองว่า
“ไม่หลอกกันใช่ไหม”
“เออ” คนตัวเล็กเขย่งเท้าแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับหน้าคนที่สูงกว่าไว้ให้มองที่ตัวเอง
“เป็นแฟนกันนะ” ท่านยิ้มกว้างก่อนจะกอดสมอไว้เต็มแรง
“คราวนี้มึงมีสิทธิ์เต็มที่แล้วนะ”
“ทุกอย่างเลยใช่ไหม”
“เออ ทุกอย่าง” ไททันดึงสมอเข้ามาจูบพร้อมดอกพันธ์ุทิพย์โปรยปรายอย่างเป็นใจ
// ตัดภาพไปที่แก๊งค์สอที่ยืนหลบมุมอยู่ข้างตึกเรียน
“ไม่น่าเชื่อเพื่อนกูจะได้ผัว” เส็งยืนเกาะไหล่สืบที่ชะโงกหน้าดูฉากเลิฟซีนของเพื่อน
“ทำดีสมสโลแกนประจำกลุ่มที่ว่า”
“ด้านได้อายอด”
“งานนี้มันต้องฉลองใช่ไหมที่รัก” สินหันหน้าไปหาประธานชมรมถ่ายภาพที่เป็นเจ้าของแผนการง้อคุณชายท่าน
“ใช่ครับเมีย”
“อ้วกกก” จบ.
-
ตอนพิเศษ : รักไม่ต้องพูด
พาร์ทไททัน
ผมเป็นใครพวกคุณคงรู้จักกันดี ถ้าลืมก็กลับไปอ่านใหม่เพราะจะไม่เล่าซ้ำแต่ที่อยากเล่ามีเรื่องหนึ่งคือ สมอเป็นแฟนของผม จะหาว่าผมอวดใช่ไหม คุณคิดถูกแล้วล่ะจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับคนของผม กว่าจะได้คนนี้มาเป็นแฟนเกือบถอดใจต้องขอบคุณพี่สักที่คิดแผนการคืนดีผมให้ตัวเล็ก
อันที่จริงวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเล็กซึ่งผมมีของขวัญจะมอบให้เขาในคืนนี้เลยนัดมาที่บ้านของผมเอง ลานกว้างข้างบ้านเต็มไปด้วยรูปเจ้าตัวที่ผมแอบถ่ายตั้งแต่วันแรกที่เจอจนปัจจุบันวางตั้งกระจายเต็มลานตกแต่งด้วยหลอดไฟตามต้นไม้และมีไฟสปอร์ตไลท์ตรงกลางหนึ่งดวงเพื่อให้ความสว่างทั่วลานยามค่ำคืน
“ทำไมต้องปิดตาด้วยวะ” ผมขับรถไปรับสมอที่บ้านของเขาแล้วเอาผ้าปิดตาไว้ตลอดทาง
“……”
“แกะผ้าออกได้ยั….” คนตัวเล็กพูดไม่ทันจบประโยคเมื่อผ้าที่ปิดตาถูกแกะออกไป ความมืดมิดถูกแทนที่ด้วยรูปภาพจำนวนมากท่ามกลางหลอดไฟที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
คนตัวใหญ่เดินก้าวถอยหลังไปก่อนจะยกฝ่ามือทั้งสองข้างแนบลงบนหน้าอกบริเวณหัวใจ พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วยิ้มให้คนตรงหน้าของเขา แล้วขยับปากว่า
“ไทรักตัวเล็กนะ”
“รักเหมือนกัน” สมอเดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายที่อ้าแขนรอรับ
“ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้ กูชอบมาก” สมอหันไปมองด้านข้างแล้วพบรูปภาพที่ตัวเองนอนหนุนตักไททันตอนไปอัมพวา
“รูปนั้นไปได้มาจากไหน” ชี้ไปทางที่รูปตั้งโชว์
“พี่สินส่งมาให้น่ะ” ข้อความในมือถือตอบคำถามคนขี้สงสัย ให้รู้แค่ที่มาของรูปก็พออย่าให้รู้เลยว่าตอนนั้นเขาเสียววาบแค่ไหนเมื่อเจ้าตัวนอนหันหน้าเข้าหาพุงของเขา ไม่อย่างนั้นอาจอดเข้าใกล้เป็นอาทิตย์แน่
คุณเชื่อเหมือนผมไหมว่าภาพแทนคำพูดได้เป็นล้านคำ แต่การกระทำก็สำคัญกว่าคำพูดเพราะฉะนั้นรักใครก็อย่ามัวแต่แอบมองรีบจีบซะเดี๋ยวหาว่าผมไม่เตือน.
มาสั้นๆเเค่นี้เเหละที่อยากแถม คนเขียนหมดห่วงเเล้วเหลือเเค่เรื่องหนวกที่ยังคิดพลอตไม่ออกแต่จะมาต่อแน่นอนค่ะ อาจจะช้านิดนึง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเเละทุกข้อความซึ่งเป็นกำลังใจสำหรับคนเขียนมาก ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
น่ารักมาก
-
น่ารักมากค่ะ ทั้งสองเรื่องเลยอ่ะ รอเรื่องต่อไปค่าาาาา :mew1: :mew1:
-
น่ารักกกกอ่าาาาาาาาาาาาาา
-
สนุกและน่ารักทั้งสองเรื่องเลยฮะ
บรรยายได้เข้าใจง่าย ไม่อึนมึน
ถึงจะมองไม่เห็น พูดไม่ได้ แต่ก็เจอรักแท้ได้จริงๆ
o13
-
:hao7:
-
ตอนเเรก
‘ แกร๊ง ๆ ๆ ๆ’ เสียงสั่นระฆังที่แขวนข้างตู้กระจกหน้าร้านข้าวต้มโต้รุ่ง
“ แกร๊ง ๆ ๆ ไอ้เหมาโว้ยมาเอาอาหารไปเสิร์ฟโต๊ะ 4 “ ลูกจ้างพ่วงตำแหน่งรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกับเจ้าของร้านรีบวิ่งมาหยิบจานอาหารไปเสิร์ฟทันที ขืนช้ามีหวังโดนเพ่นกบาลเพราะมัวแต่หลีลูกค้า
“มาแล้วเฮีย” ยิ้มประจบ ‘เฮียกำธร’ ผู้ที่เป็นเจ้าของร้านและพ่อครัวมือฉมังที่ยืนหน้าโหดถือตะบวยเตรียมเคาะกระโหลกคนขี้หลี
“รีบไป๊ ๆ ” สำเหนียงแปร่ง ๆ ออกจากปากร่างสูงใหญ่เหมือนผู้เป็นพ่อ สีผิวออกแทนเหมือนแม่ แต่ที่ไม่เหมือนใครคงเป็นหนวดเคราบนใบหน้าที่ทำให้เจ้าตัวดูเหมือนนักเลงมากกว่าพ่อครัว
‘บ้านกำธรโต้รุ่ง’ เป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งในตึกแถวสามชั้นโดยเปิดบริการในชั้นแรกตั้งแต่ 17:00-03:00น ทุกวัน ภายในร้านตกแต่งสไตล์มินิมอลร่วมสมัยโทนเหลือง ขาว ดำ ตามความชอบของเจ้าของร้าน ทั้งร้านมีเพียงแค่ 5 โต๊ะ เพราะ เจ้าของร้านไม่ชอบความวุ่นวาย ส่วนชั้นที่สองและสามเป็นที่พักอาศัยของหนุ่มโสดหน้าโหดแต่ใจไม่โฉดของกำธร แบ่งเป็นชั้นห้องนั่งเล่นรวมทั้งห้องน้ำและชั้นห้องนอน
“เฮียธร ปลากระพงได้แล้ว” เสียงห้าวของ ‘ไอ้เป็ด’ เด็กล้างจานควบตำแหน่งหยิบวัตถุดิบ เดินถือปลากะพงสดมาจากหลังร้านยื่นให้พ่อครัว
“เก็บโต่ะด๊วย” บอกเสร็จเขาหันหน้าเข้าเตาแก๊สเพื่อนึ่งปลากระพงเพิ่ม ผู้อ่านไม่ต้องตกใจ คนเขียนไม่ได้พิมพ์ผิดแต่อย่างใด เสียงเฮียมันพูดออกมาอย่างนั้นจริง ๆ
“จัดไปเฮีย”
“ไอ้เหมา เอาข้าวต้มหมูไม่ผักถุงหนึ่ง” เสียงสั่งอาหารจากเด็กเสิร์ฟผับฝั่งตรงข้ามขาประจำที่กินประจำหลังผับปิด แต่ไหงวันนี้มาตั้งแต่ยังไม่เลิกงาน
“ได้ แต่ปกติกินข้าวต้มปลาไม่ใช่อ่อวะ”
“ไม่ใช่ของกู ของเจ้านายกูนู่นนอนป่วยไม่สบายอยู่ชั้นบน” อ้อของคุณคนสวยฝั่งตรงข้ามนี่เอง
“เออ รอแปป”
“แค่ก แค่ก ซื้อจากไหนหรอต้น” เสียงพูดเบา ๆ ออกจากปากคุณเจ้าของผับตัวเล็กเหมือนลูกแมว ยินฟังเสียงพูดยิ่งเหมือนเข้าไปกันใหญ่ ต้องเอียงพูดฟังว่า ‘คุณกูณฑ์’ พูดว่าอะไร
“ร้านตรงข้ามกันนี่แหละครับ”
“อร่อยดีนะ ขอบใจมาก” รสชาติอร่อยถูกปากดี ไว้หายไม่สบายจะลองไปกินดู ขับรถผ่านทุกวันแต่ยังไม่เคยอุดหนุนสักที
กลับมาเเล้วครับผม หายไปชาติเศษได้เวลากลับมาเขียนต่อเเล้ว
ตอนนี้อาจจะสั้นสักหน่อย เเต่ตอนสองกำลังจะตามมาจ้า
ปล.งานเขียนเก่าเขากลับไปรีไรท์คำมาหมดเเล้วนะ เผื่อใครจะกลับไปอ่านอีกรอบ