พิมพ์หน้านี้ - Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ก้อนหินข้างทาง ที่ 06-11-2006 17:24:43

หัวข้อ: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนหินข้างทาง ที่ 06-11-2006 17:24:43
เรื่องนี้ผมอ่านเจอมาเมื่อตอนผมอยู่ ม ต้น ได้มั้งครับถ้าผมจำไม่ผิด
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ  นร กลุ่มนึง  (ซึ่งผมคิดว่ามาจากเรื่องจริง)  นร กลุ่มนี้มีทั้งมิตรภาพและความรักที่ยิ่งใหญ่  ซึ่งทำให้ผมได้แนวคิดหลายอย่างแล้วคอยยึดถือจิตใจผมเสมอมา


ผมจะค่อยๆ ทยอยลงในกระทู้นี้ให้จบนะครับ  เยอะพอควรเลยทีเดียว  เมื่อหลายคนได้อ่านจะหลงรักพวกเขา


**************************************************************************************************

 :-[ 1. Storywa Hajimaru-เริ่มเรื่อง.

ในตอนสอบเข้า รร.ตอน ม.4 ถ้าใครเป็นคนที่มีความสามารถในการเรียนดีๆ ก็คงจะพอรู้ว่า รร.ที่เด็ก จะสอบเข้า ม.4 นั้นก็มักจะเป็น รร. อย่าง ต.อ. หรือไม่ก็ ส.ก. บดินฯ ต.อ.พ เป็นต้น และเด็กนักเรียนต่างๆจังหวัดที่เก่งๆ หรือ บ้านมีกะตังค์กัน ก็มักจะเข้ามาเรียน ม.4 ในตัวเมืองหลวงนี่ด้วยเช่นกัน

ผมก็เป็นหนึ่งในเด็กต่างจังหวัดที่ได้เข้ามาเรียนใน กทม.ตอน ม.4 ด้วยความหวังจะเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล และก็อยากเรียนใน รร.อันดับ 1 อย่าง ต.อ. เป็นต้น แต่สุดท้ายมก็ได้ไปเรียน ร.ร.อื่นแทนเนื่องจากไม่สามารถสอบได้นั่นเอง (กำลังงงอยู่เหมือนกัน เขาว่าเขารับ 2000 เราติด 1900 กว่าๆ แล้วทำไมไม่ได้ก็ไม่รู้อะดิ) ผมก็ได้ไปเรียนใน รร.เอกชน ชื่อดังแห่งหนึ่งใน กทม.นี่หละเป็น รร.ที่รวมเป็นสหศึกษา

ในวันที่ผมต้องเข้า รร. เรียนเป็นวันแรก ก็ คือวันปฐมนิเทศ ของ รร. ซึ่งก็จะมีการแนะนำ น.ร.ที่เข้าใหม่ในสังกัด ม.ปลายด้วย ตอนนั้นที่เข้าใหม่ด้วยกันถ้าผมจำไม่ผิดจะประมาณ 6 คนเท่านั้นเอง ก็ยังงงอยู่ แต่ดูๆไปก็ไม่น่าสงสัยว่าทำไมคนเข้าน้อยแต่สงสัยว่าทำไม ผมถึงเข้ามาได้มากกว่า เพราะเด็กที่นี่แทบไม่ออกจาก รร. กันเลย ห้องก็แน่นไปด้วยคนมากมายเต็มไปหมด กว่า 40 คน โอ้โห เบียดมาก ต่อดีกว่านอกเรื่องละ ใน 6 คนนั้นมี ผมคนเดียวเองที่เป็น น.ร.ชาย และสังกัดสาย วิทย์-คณิต แล้วก็มาจาก ต.จ.ว.อีกด้วย

ในวันไป เรียนวันแรก วันเปิดภาคเรียน ตอนแรกผมก็นึกว่ามันจะเหมือน รร.เก่าเราก็คือเรียนธรรมดา แต่ที่ไหนได้มันแข่งขันกันเองสูงมากไม่ใช่ว่าเพราะอยากเก่งกันอย่างเดียว แต่ดูๆๆแล้วมัน + ความหมั่นไส้เพื่อนๆที่ดีเกินหน้าด้วยมากว่าใน รร.นี่เป็นแบบนี้จริงๆแต่ก็ไม่ทุกคน ผมได้เข้าเรียนสายวิทย์ ห้อง1(4/1)สายวิทย์ส่วนสายอื่นๆก็มีกันเพียบเลย ทั้งศิลป์ญี่ปุ่น ศิลป์ฝรั่งเศษ ศิลป์เยอรมัน ศิลป์คำนวน ฯลฯ

ห้องเรียนผมเป็นห้องสายวิทย์ที่ถือครองตำแหน่งสูงสุดไว้ด้วย และก็มี น.ร.ที่เรียนได้คะแนนดีที่สุดด้วย(4.00) ส่วนห้องอื่นๆยังตามไม่ทัน อันนี่ที่รู้มาเพราะถามเพื่อนๆเอาถึงได้รู้ว่า อ้อ! ที่แท้เราหลงมาห้องสุดเก่ง!นี่เอง คงต้องทำตัวลำบากหน่อยแล้วเพราะธรรมดาเราไม่ค่อยยอมแพ้ใครเท่าไหร่อะนะ ทำไงได้อะเป็น 1 มานี่นาก็อยากเป็น 1 ต่อไป อิอิ.....

ผมก็ไปเลือกที่นั่งเรียน ผมเลือกที่นั่งเรียนใกล้ๆกับคนๆหนึ่งที่หน้าตาเขาก็ดี แต่ดูแล้วไม่น่าใช่คนไทยเลย อืม จริงๆด้วย ลูกครึ่งจริงๆ พอเพื่อนๆในห้องเป็นผมวางกระเป๋าลงแค่นั่นแหละ เขามองมากันใหญ่เลย ผมก็งงว่าทำไม จนกระทั่งซักพัก ก็เดินไปถามเพื่อนโต๊ะข้างๆว่าทำไมผมนั่งที่นี่ไม่ได้เหรอ เขาก็บอกว่า

"นายนี่ไม่รู้อะไรเลยรึ เขาน่ะชื่อ ทิวากร คนๆนี้นะคนที่ได้ที่ 1 ระดับหละ"
ผมก็งงแล้ว "แล้วไมอะ นั่งไม่ได้รึ" ผมถามกลับ
"ไม่หรอก จะนั่งก็นั่งไป แต่โดยปรกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบกันอะนะ กับพวกเรียนเก่ง" อ้อ...ที่แท้ก็คือ พอเก่งแล้วไม่มีคนคบนี่เอง ผมก็สงสัยอะดิ มันจะเก่งขนาดไหนกันหว่า สงสัยแบบฟ้าประทานเลยมั้ง ก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจประกอบกับ หมดเวลา HomeRoom แล้วก็เลยเรียนต่อ แล้วก็จากที่เพื่อนๆเล่ามากก็เลยยังไม่กล้าที่จะพูดกับหมอนี่เลย





หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนหินข้างทาง ที่ 06-11-2006 17:27:43
 :laugh:[ 2.Doozo yoroshiku-ยินดีที่ได้รู้จัก.

พอพักเที่ยง ผมก็ไปทานข้าว ผมเห็นนายทิวากรคนนี้เดินไปทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนๆของเขาอีก 2 คน อืม แปลกดี ไหนบอกไม่มีคนคบไง ไหงมีเพื่อนไปทานข้าวด้วยหละ เราดิไม่มีใครชวนไปทานข้าวเลย เออ ช่างเหอะ แต่ผมก็เพิ่งจะสังเกตว่า ทำไม โรงอาหารใช้ร่วมกันทั้ง หญิง ชาย อืม แปลกดี แต่ครูอาจารย์ก็ยังแยกต่างห่างเหมือนกับ รร.เก่า ผมก็ไปหาซื้ออาหารแล้วก็หาเดินซื้อของมาทานไปซักพัก ได้มาแล้ว ยากิโซบะ 1 จาน อ้อ เนาะ อาหารญี่ปุ่นด้วย อิอิ ของชอบเลย.......... ก็เดินหาที่นั่งต่อ ซักพัก ก็เดินวนไปวนมา ยังไม่ได้เลย แบบว่าไม่ค่อยรู้เรื่องอะนะว่าเขาต้องจองที่นั่งกันก่อนด้วย ก็เลยไม่ได้จองเอาไว้ อืมมม เอาตรงไหนดีกว่า เอ๊ะ! นั้นใครกวักมือเรียกเราเอ่ย เดินไปใกล้ๆ อ้อที่แท้ตานี่นี่เอง นายทิวากรที่สุดแทนจะน่ากลัวสำหรับเพื่อนๆ เขาก็เรียกให้เราไปนั่งอยู่กับพวกเขา อืม แปลกจริงๆอะนะ ธรรมดาแน่นมากแต่โต๊ะไอ้หมอนี่ มีแค่ 3 คน (โต๊ะ 1 ตัวจะนั่งได้ 6 คน) ดีๆๆชอบ พอไปนั่ง พวกเขาก็ถามผมก่อนเลยว่า

"คิดไง ถึงไปนั่งกับไอ้กรมัน"
ผมหันหน้าไปถามคนถาม ซึ่งหน้าตาก็ดูดีเอามากๆ พอจะเป็นนายแบบสบายๆเลย
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ คนเหมือนกัน อ้อถ้าเขาไม่ใช่คนก็ว่าไปอย่าง"
ผมตอบพลางม้วนเส้น ยากิโซบะ เข้าปาก (อร่อยมากจริงๆ) ผมสังเกตเห็น กร (นายทิวากร)เขาก็ยิ้มๆ ก็ไม่ได้ว่าไร
"แล้วนายไม่สงสัยหรอ ทำไมไม่มีใครนั่งใกล้ไอ้กร"
เพื่อนเขาอีกคนถาม ผมก็หันไปดูหน้าก่อน อืมม ไอ้หมอนี่มันหน้าออก ตี๋ๆๆๆๆจริงๆเลยนะเนี่ย โห....ตี๋สุดๆ
"ก็พอรู้อะนะ แต่เราคงไม่คิดมากหละ"

ก็ดีแล้ว ผมมารู้ชื่อเขา 2 คน ก็วันนี่หละ คนแรก ไอ้หนุ่มหล่อ มาดแมน หุ่นนายแบบเขาชื่อ พิเชษฐ์ แล้วก็หนุ่มหน้าตี๋ เขาชื่อ ประภากร แล้วก็เพิ่งจะรู้อะไรดีๆเกี่ยวกับพวกนี่อีกอย่าง ก็คือ นายทิวากรเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น (คุณแม่ไทย-พ่อญี่ปุ่น) เพื่อนเรียก กร แต่ชื่อเล่นนะ ริว (Ryu-Ryusuke) นายพิเชษฐ์ เป็นครึ่งด้วย มิหน้าละหล่อซะบาดใจเลย ไทย-ญี่ปุ่น แบบริวเลย เพื่อนๆเรียกไอ้ เชษฐ์ แต่ชื่อเล่นเขา โชจิ (Shoshi)
ส่วนนาย ประภากรนี่ ไทย-จีน (ก็แบบเราอะดิ) เพื่อนๆเขาจะเรียก ไอ้ กร เหมือนกัน (เพราะฉะนั้น เวลาคุยกะเพื่อนๆในห้อง เรียก กร ก็จะบอกเสมอว่า กรไหน) แต่ชื่อเล่นเขา เคลวิน(kelvin) เออแปลก ดันแดะไปใช้ชื่อฝรั่งอะนะ(เราก็เหมือนกันชื่อ Bank) อืมม นัมว่าเป็นการเริ่มการคบหาเพื่อนที่ไม่เลวเลย อิอิ ได้เพื่อนเป็นลูกครึ่งๆๆๆๆๆๆเต็มไปหมดเลย (หลังจากนี่ผมขอเรียกพวกเขาตามที่ผมถนัดเลยละกันนะคับ)
ผมนั่งทาน โซบะ ไปได้ซักครึ่งจาน พวกเขาก็ขอตัวเพื่อไปห้องสมุดกันก่อน (เขามาทานก่อนผมนี่ก็ต้องหมดก่อนอะดิ) ก็เลยไม่รู้จะว่าไง ก็ได้แต่ อืมๆๆๆ รับปากไปแล้ว ริวก็บอกว่า

"รีบทานแล้วตามมา"
อืมม เป็นไปได้แหะ โอ้โห เรามานั่งด้วยกว่า 20 นาทีแล้วนะ เพิ่งจะพูดสักคำนะเนี่ย โห.......ดีใจดิ ยอมพูดละ
"เออๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ผมรับคำเขา แล้วก็ก้มหน้าก้มตา ทานโซบะ อาหารพวกไอ้ยุ่นอันสุดแสนอร่อยไปคนเดียว ซักพัก ก็มี น.ร.หญิง ประมาณ 6 คน เดินเข้ามาหา
"นี่ๆนายนะ น.ร.ใหม่ที่ย้ายมาจาก เชียงใหม่ใช่ปะ" ผู้หญิงหนึ่งในนั้นถาม
"อืมมม"ผมตอบพร้อมกับ กลืนโซบะคำใหญ่ลงไป แล้วก็มองหน้าพวกหล่อนๆๆทั้งหลาย
"นายกล้ามากเลยนะ ที่ไปนั่งกับกลุ่มกลุ่มนี้"
ผมก็งงอะดิก็เลยถาม "ทำไมหรอ"
"พวกนี้เป็นเกย์อะดิ ถามได้"
ผมทำตาโตเลยจริงๆๆหรือถ้างั้นก็ อิอิ (^-^) หวานเลย...ม่าย.....ช่าย......
"รู้ได้ไง เขาบอกงั้นรึ" ผมย้อนถามเพื่อความ sure
"ไม่ต้องบอกก็รู้ พวกญี่ปุ่นอะนะมีแต่เกย์ๆๆๆๆทั้งนั้นแหละ" พวกสาวๆๆทั้งหลายตอบเกือบพร้อมๆๆกัน โธ่เอ๋ย เราก็นึกว่าจะจริง แต่ที่ไหนได้แค่คิดกันเองนี่หว่า จ๋อยเลย (แต่จริงๆๆก็เป็นหละนะ แต่แค่คนเดียว อุบไว้ก่อนละกันว่าใคร) หลังจากนั้นพวกหล่อนๆๆทั้งหลายก็หายไป แล้วผมก็นั่ง ทานต่อจนหมด แล้วก็รีบไปห้องเรียน ไม่ไปห้องสมุดเพราะ ดูแล้วมันหมดเวลาพักแล้ว

ตอนขึ้นไปเรียนภาคบ่าย ผมก็รีบขึ้นห้องไป แล้วก็นั่งรอพวกนั้น สักพัก พวกเขาก็ขึ้นมากัน ริว รีบเดินเข้ามาหา พร้อมกับนั่งข้าง (ก็ที่นั่งเขาอ่ะ จะให้ไปนั่งไหน) ผมเพิ่งสักเกตว่า โชจิ กับ เคลวิน นั่ง โต๊ะข้างหน้าเรานี่หว่า โต๊ะห้องผมจะจัดเป็นคู่ๆ แบ่งออกเป็น 4 คอลัมน์ แล้วก็ 5แถว รวมแล้ว 40 ตัวพอดีเด๊ะ ผมนั่ง คอลัมน์ที่ 2 แถวที่3 กลางๆห้อง จากที่ๆเคยร้างมานานไม่เคยมีใครกล้านั่ง วันนี้ผมได้มานั่งแล้ว ก็มีความรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ริวก็ถามผม

"ทำไมไม่ตามไป"
"ก็พอดีทานช้าไง หมดเวลาแล้วก็เลยขึ้นมาเลย" ผมตอบพลางมองหน้าเขา เออ ตานี่ตี่ๆแหะ น่ารักดี คิ้วหนาๆตาตี่ๆ แต่หน้าออกตี่ๆไม่ออกตี๋ๆนะคับ ตี่ๆๆแบบญี่ปุ่น ตลอดทั้งวันจะว่าไปยังไม่ได้เรียนเลยซักกะวิชานึง มีแต่จดจุดมุ่งหมายการเรียนเท่านั้นเอง เออ ก็ดียิ่งขี้เกียจทำอะไรมากๆๆอยู่แล้ว ตอนบ่ายนี้เรียนคณิตศาสตร์ ก็ดีอะนะ อ.ก็ดี ดูท่าแกจะสอนเก่ง อ.แนะนำตัวสักพักก็ให้ น.ร.นั่งคุยกัน เดี๋ยว อ.มา ขอตัวไปทานข้าว อ้อ ยังไม่ได้ทานอะดิ พอดีไปสอนแทนมา เราก็เลยได้นั่งคุยกับพวก ริว
"กร เราเรียกนายว่าริวได้เปล่า เรียกกรแล้วสับสนง่ายอะนะ" ผมถามเขา
"แล้วแต่นายชอบยังไงก็ได้" เขาตอบห้วนๆแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ แล้วผมก็เรียก 2 คนข้างหน้าให้หันมาคุยด้วย
"เชษฐ์ งั้นเราเรียกนาย โชจิ Okay ปะนายด้วยเคลวิน" ผมถามทั้ง 2 คน
"อืมตามใจ" เขาตอบออกมาพร้อมๆกัน ก็ดี อิอิ....เรียกเพื่อนแบบญี่ปุ่น แจ๋วเลยอะนะ "งั้นเราขอแนะนำตัวเราอีกทีนะ เรา นายวชิระ............... นะมาจาก จ.เชียงใหม่ เป็นคนไทย (ไทย-จีนไง) พวกนายก็เรียกเรา Bank ละกัน ยินดีที่ได้รู้จักกับพวกนายทั้ง 3 คน"
"อืมม Doozo yoroshiku (ยินดีที่ได้รู้จักคับ)" ผมก็พอรู้มาบ้าง ก็ยิ้มให้กับพวกเขา พวกเรา 4 คนก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ





หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนหินข้างทาง ที่ 06-11-2006 17:33:40
 :impress: [ 3.Gomen Kudasai-ขอรบกวนหน่อยนะคับ.

วันหนึ่งหลังจากเปิดเรียนไปประมาณ 1 เดือน พวกผมก็ได้รายงานมาทำ อาจารย์ที่สอนจะให้แบ่งกลุ่มเป็น 7 กลุ่ม ไม่เกิน 6 คน อืมมม แบ่งๆๆกันแล้วก็ปรากฎว่า ไปแล้ว 36 คน งั้นก็คือเหลือ พวกเรา 4 คนเองดิ ทำไงดีอะ ส่งอาทิตย์หน้า(วันนี้วันศุกร์ ส่งจันทร์) เนี่ย ไอ้รายงานเรื่องการทำสารให้บริสุทธิ์ การจำแนกสาร โห รายงานวิชาเคมีนี่โคตรยากเลย นึกก็มึนแล้ว วันนั้นก็เลยตัดสินใจกันว่าจะไปหาข้อมูลกันตอนเที่ยง แล้วก็เย็นวันนี้จะกลับไปทำที่บ้านริว อืมม ก็ดีแฮะ เราอยู่หอพักมันไม่ค่อยสะดวกหรอก แคบก็แคบ สรุปแล้วก็ต้องไปทำงานบ้านริว แล้วก็พักบ้านริวด้วยเลย เออก็ดีจะได้แบบ HomeVisit ด้วยอิอิ
ตอนเย็นพอเลิกเรียนแล้วพวกเราก็หอบข้อมูลทำรายงานอันหนักอึ้ง แล้วก็แบกกันขึ้น แท็กซี่ไปบ้านริว ถึงบ้านแล้วริวก็จ่ายตังค์ เออ สปอร์ตดี แล้วก็พากันเข้าบ้าน

"Tadaima(กลับมาแล้วคับ)" ริวพูดเสียงดังหน้าบ้าน แล้วก็มีคนมาเปิดประตู คุณแม่ริวนี่เอง เราก็สวัสดีอย่างคนไทย แต่ โชจิกลับบอกว่า
"Gomen Kudasai (ขอรบกวนหน่อยนะคับ)" เราก็เลยพูดบ้างดิ "Gomen Kudasai" เคลวินก็แบบเดียวกัน คุณแม่เขาก็หัวเราะเบาๆแล้วก็บอกว่า "Okaerinasai (กลับมาแล้วหรอ)" แล้วก็บอก "เชิญเข้ามาเลยคะไม่ต้องเกรงใจนะคะ ริวโทรมาบอกแม่แล้วหละ ลูกว่าลูกๆจะมาทำรายงานกันนะคะ"

เราก็งง ริวไปโทรตอนไหนหว่า ก็เดินตามพวกเขาเข้าบ้านไป

"แบงคุง (Bankun ริวเรียกเราแบบนี้ไง) ลูกแล้วจะทานข้าวกันตอนไหนคะลูก" คุณแม่ถามเรา เราก็งงอะดิ ไปรู้จักเราตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ตอบแบบงง
"ก็แล้วแต่ริวละกันคับ"
"งั้นก็เดี่ยวทานพร้อม โอโตซัง(คุณพ่อ) ละกัน" ริวบอก
"ริวจะทานพร้อมคุณพ่อใช่ไหม อืมม แม่ก็ว่าดีนะ ลูกจะได้แนะนำลูกแบงค์ให้คุณพ่อรู้จักด้วย"
"คับ" เราตอบพร้อมหัวเราะเบา คุณแม่ยิ้มแล้วก็เดินเข้าครัวไป เออแปลกดีเนอะ พูดแบบนี้ กิ๋บเก๋ ดีอะ ไทย ปน ญี่ปุ่น อิอิ เอาบ้างดิ........(^-^)

แล้วพวกเราก็พากันขึ้นไปบนห้องของริว เพื่อทำงาน พอเปิดประตูเข้าไป โอ้โห ห้องโคตรหรูเลย มี Com อยู่ 2 เครื่อง Scanner Printer Stereo TV21" VDO DVD JVC ทั้งเซตเลยด้วย หู........ห้องเราแทบไม่มีอะไรเลย ห้องมันเล็กไง ยัดไปมากๆๆไม่ได้อะนะ ทำใจ พวกเราก็นั่งเปิดคอมพ์กันเลย ก็มานั่งตกลงกันใครจะพิมพ์ ผมกับ โชจิ พิมพ์เร็วก็ได้พิมพ์ ส่วน ริวกับ เคลวิน ก็นั่งจัดเอกสารมาให้เราพิมพ์ ริวขนงานมาเป็นกะตัก เลย โอ้โห นั่งพิมพ์ไป ใส่รูป ใส่อะไรอีกมะรุมมะตุ้มเต็มไปหมด ตกแต่งภาพด้วย ออย...ทำไมทำรายงานมันต้องเริ่ดด้วย ไม่เข้าใจเลย ออกมายังกับหนังสือ ละเอียดยิบเลย

พอทำกันไปได้สักพัก (ผมว่าแป๊บเดียวเองนะ แต่ไมจากบ่าย 3ครึ่ง ถึงกลายเป็น 1ทุ่มครึ่งไปแล้ว) คุณแม่ก็เรียกไปทานข้าว ริวก็พาพวกเราไปหาคุณพ่อเขา อืมมม คุณพ่อเขาก็ใจดีอะนะ ยิ้มดี พูดไทยชัดด้วย อ้อ แจ๋วอีกแย้ว มีคนสอนภาษาญี่ปุ่นแล้วไง อิอิ ก็นั่งทานอาหารกัน ผมก็ได้รู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายๆอย่างเลย แต่คนอื่นๆเขาชินกันหมดแล้วอะ ช่วยไม่ได้ ก็เราเพิ่งเคยมาอะเนอะ

พอทานกันเสร็จก็พากันไปทำงานต่อ ผมนึกว่างานจะเสร็จแล้วแต่ริวกลับบอกว่า เดียวจะไปหาเพิ่มจาก Net โอ้โห พ่อคุณจะทำขายเลยรึเปล่าเนี่ย แต่สุดท้ายก็ยอมคับ ก็เลยนั่งทำกันไปได้ประมาณ เที่ยงคืนก็นอนกัน โดยคุณพ่อริวให้พวกเราไปนอนห้องพักสำหรับแขกที่มาเยี่ยมบ้าน เออ ห้องพักมันไม่พออะนะ เพราะมีห้องเดียวแล้วก็เตียงคู่ด้วย นอน 3 คนไม่ได้ ริวก็เลยเรียกเราไปนอนกะเค้าที่ห้อง เออ ดี อิอิ จะนั่งฟัง Stereo ให้สบายเลย

ในห้องริวจะหาเพลงไทยก็ยากมีแต่ J-pop แบบนี่ดิ ชอบเลย MorningMusume , V6 , Arashi , Lunasea อีกเพียบเลย เราก็บ้าดารานักร้อง ญี่ปุ่นพอควร สวรรค์ทรงโปรดเลย
 
"รีบๆนอนได้แล้ว มัวแต่นั่งฟังเพลง" ริวว่า
"ก็ไม่ค่อยมีตังค์ซื้ออะ แพง J-pop เราชอบฟังนี่นา" (จริงๆแล้วมีกะตังค์อะนะ แต่ไม่ค่อยอยากใช้ต้องประหยัดไว้)
"เปิดไว้แล้วก็มานอนซะ ตั้งเวลาไว้สิ" ริวบอก
"เออ ได้งั้นก็ได้" ผมก็เลยตั้งเวลา แล้วก็มานอนกะริว กะริวจริงๆเพราะเตียงริวเป็นเตียงคู่ (เตียงนอน 2 คน ไม่เหมือนห้องพักเป็นเตียงเดี่ยว 2 ตัว) ปิดไฟแล้วก็ถึงได้สักเกต เพดานห้องริวว่ามันมีดาวติดเต็มไปหมดเลย พวกดาวเรืองแสง เพียบเลย
"สวยไหม" ริวเขาถาม
"อืมมม สวยมากเลย" ผมตอบไป
"แบงคุง นายรู้ไหมว่าดาวนี่เราติดตามอะไร"
"ทำไมจะไม่รู้ ดูก็ออกแล้ว แผนที่ดาวไง" ผมตอบง่ายๆเพราะรู้เรื่องดาราศาสตร์มาดีพอควร
"ลองดู แถวๆดาวไถสิ" เขาบอก
"อืมทำไมหรอ" ผมถามพร้อมกับหันไปดู แล้วก็งงกับกลุ่มดาวใกล้ใกล้ๆ "นั่นมันกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini) ไม่ใช่หรอ แต่ธรรมดาจะมี 8 ดวงนี่ ทำไมมันเหลือแค่ครึ่งเดียว" ผมถาม
เขาก็หัวเราะ พร้อมกับพูดบอกว่า "นายเห็นด้วยหรอ อืมม สังเกตดีนะ เก่งจัง"

เขาบอกแล้วเขาก็บอกให้เรานอนได้แล้ว ไม่ต้องสนใจมากนักหรอก ผมก็คิดว่ามันก็คงจะหลุดไม่ก็อะไรซักอย่างนี่หละ ช่างมันเหอะ บรรยากาศสบายที่สุดเลย นอนในห้องนอน หรูๆ ข้างๆเพื่อนที่หล่อๆ แอร์เย็นๆ นอนใต้แสงดาว (ปลอม) พร้อมกับฟัง J-pop หลับสบายที่สุดเลย



*************************
เดี๋ยวจามาต่อเรื่อยๆ  นะครับ  หิวอะ

หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-11-2006 17:42:20
ค่อยๆต่อก็ได้ครับ เด่วเพื่อนๆจะอ่านกันไม่ทัน เยอะๆเลยพาลไม่อ่าน
แค่มาต่อทุกวัน เพื่อนก็ดีจายแล้วม้างครับ
(ตุ๊บๆๆ ใครตืบตรูเนี่ย)  :3125:
 นี่เป็นเรื่องยอดเยี่ยมของผมเหมือนกัน  :piglove2:
กะว่าจะลงต่อจากเรื่องที่4 ขอบคุณมากครับที่มาลงให้
จะติดตามอีกรอบนะครับ

มีแต่เรื่องให้น้ำตาร่วงแหะ พักนี้ 
 :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-11-2006 18:02:51
ตามอ่าน  ตามอ่าน  เรื่องนี้ดูอินเตอร์ดี  มีญี่ปุ่นอะไรด้วย  ชอบ ชอบ   :angellaugh2:

หึหึ  โย  ลูกครึ่งญี่ปุ่นเหรอ  ปนอย่างอื่นด้วยปะ  ตามตะเข็บชายแดนอะ  5555  ล้อเล่น ล้อเล่น  โยออกจาน่ารัก  เนอะ

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านนะคะ  ไว้จะตามอ่านนะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-11-2006 20:20:17
ต่อด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :like2:

ปล. ว่าแต่ โยกะ หรอ นึกว่าโยโกะ อิอิ :yeb:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 10:21:01
 :sad5: เนื่องจาอะไรก็ไม่ทราบได้ ผมไม่สามารถLogin ได้ในเว็บบอร์ดแห่งนี้   
แบบว่าถ้า Logout  ไปแล้วผมก็ Login ไม่ได้อีกเลย  -*-   ไม่รู้เพราะอะไรอะครับ 
Check ทั้ง ID  Pass แล้วก็ว่าถูก  Email ก็ถูก  -*-....... 
เอาเถอะครับเดี๋ยวถ้ามันยัง Login ไม่ได้ ผมก็คงหาทางเข้ามาเอง(อาจจะมาในชื่ออื่นๆ)


ต่อเลยหละกันครับ 
******************************************

 :-[ 4.Anata o Aishimasu - ผมรักคุณ.

เช้าตื่นขึ้นมา เพราะแสงส่องจากหน้าต่างเข้ามาในห้องโดนเตียงพอดี ก็เลยตื่นมา นี่มัน 7 โมงแล้วนี่นา อืมม หันไปหา ริว เขายังไม่ตื่นเลย เราก็เลยจ้องหน้าเขา อืมม คนอะไรนะน่ารักดี แต่โชจิ หล่อกว่าจริงๆ แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นมาเราก็ตกใจดิ กำลังจ้องหน้าเขาเลย ก็เลยหน้าแดงนิดหน่อยแล้วก็ลุกไปห้องน้ำตอนกำลังจะออกจากห้องได้ยินเสียงเขาหัวเราะด้วย

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วใส่เสื้อผ้า(ห้องริวมีห้องน้ำในตัว) เปลี่ยนชุดในห้องน้ำหละ(อายเป็นนะ) ใส่ชุดริวน่ะแหละ ก็ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเลยนี่นา ผมตัวเล็กกว่าริวพอควรเลยใส่เสื้อเขาไปนี่หลวมเลย แล้วก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาก็มองหน้าผมแปลกๆแล้วก็ทำหน้างง ผมก็จ้องหน้าเขา แล้วก็ถามว่าทำไม มีไรหรอ เขาก็หัวเราะเบาๆแล้วก็เข้าห้องน้ำไป เออ แปลกคน

ตอนเขาออกมานี่ เล่นเอาผมตกใจมากเลย เขาแก้ผ้าออกมาเลยเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องเลย เห็นหมดทุกส่วนเลย จนเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็มานั่งข้างๆผมแล้วก็บอกว่า "เดี่ยว ทานข้าวเช้าก่อนนะ แล้วงานค่อยทำต่อ" ผมก็พยักหน้ารับคำ แล้ว 2 คนนั้นก็มาเคาะประตูห้อง เขาก็ตื่นกันแล้ว มาเพื่อเอาชุดเสื้อผ้า แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำกัน

กว่าพวกเราจะทำกิจวัตรตอนเช้าเสร็จก็ปาเข้าไป 8 โมงแล้ว คุณแม่ก็เรียกพวกเราลงไปทานอาหารเช้ากัน ก็อาหารแบบญี่ปุ่นเลยหละ อร่อยมากๆ สงสัยที่เป็นอาหารญี่ปุ่น เพราะผมพูดกับคุณแม่ริวว่า ชอบมาก ท่านก็เลยทำให้ทาน หวานอีกแล้วของชอบเนี่ย อะไรก็ดีไปหมด ผมทานกันจนอิ่มก่อนคนอื่นๆเขาเลย แบบรีบทานมากๆ(ตะกละ เห็นของอร่อย) จนคนอื่นๆเขายังไปไม่ถึงไหนเลย ก็เลยขอตัวขึ้นมาพิมพ์งานก่อนเพราะงานยังค้างอีกมาก

ผมขึ้นมาทำงานได้สักพัก ริว ก็ขึ้นมาช่วยทำงานต่อ งานผมค่อนข้างไปได้เร็วกว่าพวก โชจิ กับเคลวิน เพราะผมพิมพ์เร็วกว่าโชจิ ส่วนของพวกผมก็ใกล้เสร็จแล้วด้วย (ขยันจัดไง)

"อาหารอร่อยไหม" ริวถามขึ้นมาทำลายความเงียบ
"อืมม อร่อยมากเลย เราชอบอาหารญี่ปุ่นไง ชอบทานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว" ผมตอบตามมารยาทแต่จริงๆก็อร่อยมากนะ
"ไว้ทีหลังก็มาค้างบ่อยๆสิจะให้ โอกาซัง (คุณแม่) ทำไห้อีก" ริวตอบพลางยิ้ม
"อืมม" ผมตอบง่ายๆเพราะสมาธิอยู่กับงานนะ ทำไปซักพัก ก็นึกเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมาได้ ก็หัวเราะออกมาเบาๆเขาก็ถามว่าหัวเราะอะไร
"ก็ริวอะดิ เมื่อเช้าอยู่ดีๆก็แก้ผ้าออกมา ไม่อายรึ" ผมถามเขา
"จะไปอายทำไม คนญี่ปุ่นน่ะไม่ถือเรื่องแบบนี้หรอก" เขาตอบลอยๆ
"แต่เราเป็นคนไทยนะ คนไทยค้องข้างถือ" ผมบอกเขา
"งั้นคราวหน้าจะระวัง" เขาตอบแบบง่ายๆ ก็ดีนะได้รู้รู้จักนิสัยคนญี่ปุ่นเพิ่มอีกละ ดีๆไว้ไปเรียนต่อ อิอิ
แล้ว 2 คนนั้นก็เข้ามาทำงานของเขาต่อเช่นกัน เรา 4 คนนั่งทำงานกันไปซักพักก็มีคนพูดทำลายความเงียบ
"เสร็จสักที...บันไซ" ริวพูดออกมาเสียงดัง
"ของพวกนายเสร็จหรือยัง โชจิ" ผมถาม งานของผมเสร็จแล้วนี่นา
"เกือบๆ" เขาตอบ
"น่าจะเสร็จก่อนเที่ยงนะ" เคลวินพูด
"งั้นเสร็จแล้วไปเที่ยวกัน" โชจิชวน
"ไปดิๆอยากไป นั่งอยู่หน้าเครื่องเบื่อจะตายไป" ผมบอก พวกเราก็เลยตกลงกันว่าจะไป เวิลเทรดกัน
พอพวกเขาทำงานกันเสร็จ พวกเราก็จะไปเวิลเทรดกัน
"แล้วจะไปกันยังไง" ผมถามก่อน
"ก็แล้วแต่นายดิ" โชจิตอบ พลางหันหน้าไปทางริว
"ไม่นะเราไม่อยาก....." เคลวินพูดเมื่อเห็นโชจิมองหน้าริว
"ทำไมต้องไม่เอาด้วยอะ งง" ผมถามด้วยความสงสัย
"นายเคยนั่งรถบนถนน แต่เสียวแบบรถไฟเหาะตีลังกาไหม" เคลวินถาม ผมมองหน้าเขาพลางส่ายหน้าว่าไม่เคย
"เดี่ยวก็ได้เจอเองหละ ....ไปกันได้แล้ว" ริวบอก
เขาพามาห้องใหญ่ๆข้างๆบ้าน พอดูออกว่าเป็นโรงรถ
"หา.....จะขับรถไปกันเองหรอ!" ผมรีบถาม ริวก็ยิ้มๆพลาง กดรีโมตเปิดประตูโรงรถที่ติดอยู่กับกุญแจ แล้วที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ รถสปอร์ตสีทองบรอนซ์เมทัลลิก ในรุ่น Toyota celica คันงามราคาหลายล้านก็ถูกขับออกมาด้วยเด็กหนุ่ม นามว่าริวสุเกะ ร่วมกับเพื่อนที่ไม่รู้ชะตากรรมอีก 3 คนกำลังมุ่งหน้าไปเวิลเทรดเซ็นเตอร์!

พอถึงเวิลเทรด หาที่จอดรถได้ลงรถกันแล้ว ก็มีบางคนวิ่งไปห้องน้ำก่อนเลย เคลวินเกิดอาการเมารถแบบหาที่เปรียบไม่ได้ ผมยังเกือบๆไป เพราะการขับของเขานี่สุดยอดเลย ถึงเซลิกาจะเป็น Auto แต่เขาก็ขับให้มันกระตุกเวลาเปลี่ยนเกียร์ได้เยี่ยมไปเลย (^-^!) หลังจากนั้นพวกเราเดินไปเดินมาใหญ่มากๆ ก็ไม่รู้จะไปไหน

"แบงคุง นายเคยเล่น ไอซ์สเก็ตไหม" ริวถาม ผมส่ายหน้าตอบ "งั้นเราไปเล่นกัน" เขาชวน
"เอาจริงเหรอาจารย์..." โชจิกับเคลวินท้วงขึ้นพร้อมๆกัน
"ทำไมหรอ" ผมถามด้วยความสงสัยอีกแล้ว
"พวกเรายังเล่นกันไม่เท่าไหร่เลยนะ" เคลวินตอบ
"เออ ก็ดีไง จะได้ฝึกไปด้วยกัน" ผมตอบ
"ตามใจ" โชจิตอบง่ายๆ

พอเปลี่ยนรองเท้าผมก็ลงไปที่ลานได้ซักพัก เออ มันหนาวมากๆเลยนะเนี่ย ก็จริงอะนะ ไม่งั้นน้ำแข็งจะอยู่ได้ไง แต่แล้วผมก็ต้องตกใจในความสามารถของตัวเองที่ลงไปแล้วก็สามารถยืนได้เลย!

"เก่งนี่มาถึงก็ยืนได้เลย" ริวบอก "ไปก่อนนะ" เขาร้องตะโกนบอกก่อนที่จะพุ่งออกไป วิ่งในลาน โอ้โห โคตรเก่งเลย
"มันเก่งจะตายไป นี่แหละ กีฬาถนัดของมัน" โชจิบอก เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่
"เหรอ"
"นายก็เก่งนี่ยืนได้เลย"
"เปล่าหรอก เคยเล่นโรลเลอเบลดมาไงก็คล้ายๆกัน"
"เหรอ งั้นเดี๋ยวจะต้องฝึกใหม่ เพราะมันไม่เหมือนกันหรอก"
"ไปเหอะโชจิ" เคลวินพูด แล้วพวกเขา 2 คนก็พุ่งออกไปกลางลาน อ้าว เหลือเราคนเดียว ไหนบอกไม่เก่งกันไงหละ แล้วเราหละ ปล่อยเลยหรอ ไม่ยอมแพ้หรอก ผมพยายามจะพุ่งออกไป แต่พยากฏว่ามันกับจะลื่นไถลออกไปแทน ทำให้ทรงตัวไม่ได้ ก็เลยนั่งพับลงบนพื้นน้ำแข็งเย็นเจี๊ยบ ผมกำลังพยายามลุกขึ้นแต่มันยืนไม่ได้เลย ลื่นมาก
"เอ้า จับไว้" มีคนยื่นมือมาให้ ริวนั้นเอง
"ขอบคุณ"ผมพูดพลางดึงมือเขาแล้วก็ลุกขึ้นยืน ผมพยายามยืนขึ้นแต่ไม่สำเร็จล้มลงไปเหมือนเดิมแต่คราวนี้หนักกว่าเดิมล้มลงไปข้างล่าง พลางฉุดเอามือริวที่จับอยู่ลงมาด้วยเขาก็เลยล้มตามผมลงมา ตัวมันโคตรหนักเลย ทับเรามิดเลย
"ขอโทษ แบงคุงเป็นไรเปล่า" เขาถามพลางฉุดผมขึ้นไปใหม่
"เออ ยังไม่ตาย"
"มาเดี่ยวสอนให้"

วันนี้ผมก็ได้เรียน ไอซ์สเก็ตจนกระทั่ง 6 โมงเย็นก็จะกลับบ้านกันแล้ว ผมเล่นไปได้หลายท่าแล้ว อิอิ เก่งงะช่วยม่ายได้ หัวไว อิอิ ตอนกลับริวจะขับรถไปส่งพวกโชจิ กับเคลวินที่บ้านทีละคน

"ริวขับนิ่มๆหน่อยดิ" ผมบอกเขาก่อนจะออกรถ
"Hi" เขาตอบ ก็คงแบบเดียวกับคำว่า ครับผม อะหละ ขากลับผมนั่งข้างหน้ากับริว ส่วนอีก 2 คนนั่งข้างหลัง ตอนแรกนั่งหลังไม่กล้านั่งหน้ากลัวตาย ตอนนี้กล้าละ หลังจากเขาไปส่ง 2 คนนั้นแล้วผมก็บอกทางเขาไปส่งที่หอพัก แต่เขาก็กลับไม่พาผมกลับบ้าน
"ทางนี้เราก็ไปหอไม่ได้ดิ"
"ก็ไม่ได้อยากให้กลับหอนี่นา" เขาตอบ "โอกาซังบอกให้พานายกลับมาพักที่บ้านด้วย"
"คุณแม่นะ เหรอทำไมหละ" ผมรีบถาม
"เขาบอกให้นายกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้าน"
"อ้าวหรอ แล้วไมไม่ชวนพวกนั้นด้วยหละ" ผมเริ่มถามด้วยความสงสัย เขาก็กลับไม่ยอมบอก
"หมายความว่าไง" ผมเริ่มขึ้นเสียง
"เอาน่า"เขาตอบพลางขึ้นเสียงดัง พาผมกลับบ้านเขา ผมว่ามันกะไรกะไรอยู่นะ พอกลับถึงบ้านผมกับริวก็พูดขึ้น "Tadaima(กลับมาแล้วคับ)" แต่ผมยังโกรธริวอยู่ อยู่ดีๆก็ขึ้นเสียงใส่ไม่ชอบอะนะ พอเข้าบ้านแล้วผมก็ขึ้นห้องเลยไม่ได้มาทานข้าว ริวก็ขึ้นมาตาม
"แบงคุงไปทานขาวกัน"
"ไม่อะยังไม่หิว" ผมพูดพลางใส่อารมณ์ไปด้วยให้เขารู้ว่ากำลังโกรธ เขาก็นั่งเงียบๆสักพัก คุณแม่ก็ขึ้นมาตาม ผมก็เลยยอมลงไปทานแต่โดยดี ไม่อยากให้เขารู้ว่ากำลังทะเลาะกับริวอยู่ แต่ลงมาก็ทานแต่ไม่คุยกับริวเลย พอทานเสร็จก็ขอตัวขึ้นไปนอนก่อน ริวก็ตามขึ้นมา พอเข้าห้องเขาแล้ว เขาก็รีบถามเลย
"เป็นอะไร"
"ไม่ได้เป็นไรนี่"
"นี่นะ ไม่เป็นไร โกรธอะไรเราหละ" ผมก็ไม่บอกพลางไม่หันหน้าไปหาเขา เขาก็โอบกอดเข้าข้างหลังผมเลยอะดิ ฉวยโอกาส แล้วเขาก็กระซิบข้างๆหู "ยกโทษให้เรานะ ไม่ตั้งใจหรอก แค่อยากให้แบงคุงมาอยู่ที่บ้านกับเราเอง"

เขาบอกสั้นๆแต่มันให้ความรู้สึกดีมาก เขาหันหน้าผมมาหาเขาแล้วเขาก็จูบลงบนหน้าผม ร้อนผ่าวเลยนอนอยู่บนเตียงแต่ไม่มีแรงเลยขยับตัวไม่ได้ แล้วเขาก็ลุกไปปิดไฟ พร้อมกับเปิดเพลงของ FF8 Eyes on me ให้ผมฟัง ผมเคยบอกเขาว่าผมชอบเพลงนี้มากๆ แล้วเขาก็กลับมาที่ผม ถึงจะมืดแต่ก็เห็นร่างเขาได้ชัดเจนเขาเริ่มกอดจูบผมแล้วก็บอกกับผมว่า Anata o Aishimasu (ผมรักคุณ)แล้วหลังจากนั้นเราก็...........................................
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 10:28:01
ตอนนี้เป็นตอนที่ผมน้ำตาซึมเอาได้ง่ายๆเลย  หลายคนดั้นด้นออกเดินทางเพื่อคนหาสิ่งนี้  แต่มีน้อยคนนักที่จะพบเจอ
และยิ่งมีน้อยคนนัก ที่จะรักษามันไว้ได้

**********************************
 :like2:5. The Lost Gemini-คนคู่อีกครึ่งที่หายไป.

ผมตื่นมาตอนเช้า ที่ห้องนี่เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมมันได้อีกต่อไป ตอนนี้ผมกับเขาเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของผมไปแล้ว ผมก็นอนจ้องหน้าเขาอยู่ซักพักเขาก็ตื่นขึ้นมา ผมก็อายหน้าแดง ร่างเปลือยกายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่โดยมีริวนอนอยู่ข้างๆในสภาพเดียวกัน

"รู้ไหม เรารักนายตรงไหน" เขาถามตรง ผมก็ส่ายหน้าไม่รู้หรอก
"เมื่อวานนี้ไงตอนที่นายจ้องหน้าเราก่อนจะตื่น แบงคุงน่ารักมาก เหมือนเด็กๆเลย"
"งั้นหรอ" ผมตอบแบบอายๆ
"นายรู้ไหมนายน่ารักมาก" เขาพูดพลางจ้องตา
"ไม่รู้ดิ........เราจะไปรู้ได้ไงหละ ไม่ได้มองนี่"
"งั้นก็ทีหลังลองไปมองกระจก แล้วก็ทำหน้าแบบตอนตื่นนอนนะ แล้วก็จ้องตาตัวเองในกระจก แล้วนายก็จะเห็นใบหน้าของคนที่เราหลงหละ"
"อืมม ......ไว้จะลองดู"
"ไป..ลุกขึ้นได้แล้ว............." ผมบอกริว
"Hai........."

ผมกับเขาก็ลุกกันไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ยังเปลี่ยนชุดในห้องน้ำตามเดิม พร้อมกับบอกให้เขาเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย ตอนแรกเขาไม่ยอมอีกด้วย แต่ผมก็บังคับจนเขาต้องเปลี่ยนในห้องน้ำ อิอิ........(^-^)................................
ผมกำลังเดินอยู่ในห้องเขา ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆเช็ดผมที่เปียกน้ำชุ่มไปหมด เดินเช็ดไปเรื่อยๆก็เหลือบไปมองบนเพดานฝ้า หันไปดูตรงแถวๆกลุ่มดาวไถ เอ๋ กลุ่มดาวคนคู่นี่ไม่ใช่มันหลุดนี่นา แต่ว่ามันไม่ได้ติด (เพราะดูแล้วถ้าหลุดคงไม่หลุดครึ่งหนึ่งพอดี แล้วก็ไม่มีร่องรอยว่าเคยติดกาวด้วย) ผมก็มองมันด้วยความสงสัย

"อีกครึ่งหนึ่งน่ะมันอยู่ตรงนี้ไง" ผมหันไปทางต้นกำเนิดเสียง
"ตรงไหนหละ" ผมถามเขา แล้วเขาก็เดินมาหาผมพร้อมกับเอานิ้วจิ้มมาที่หน้าอกผม
"ตรงนี้ไง....เราไม่ได้ติดคู่ เพราะรอคู่อยู่ ตอนนี้เราได้คู่แล้ว........เราติดอีกครึ่งหนึ่งได้แล้ว เป็นคู่ให้กับเรานะ"

.............ผมฟังเขาพูดแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง เขาเห็นอย่างนั้นเขาก็ดึงผมเข้าไปโอบในอ้อมกอดของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แต่ตัวเขาก็อบอุ่นมากจนรู้สึกได้ ผมไม่เห็นว่าริวน่ะน่ากลัว หรือไม่น่าคบอย่างที่ใครๆเขาเป็นกันเลย ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา (และตลอดมาจนบัดนี้) เขายังดีกับผมตลอดโดยไม่มีท่าที่จะตีออกห่าง



หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 10:32:16
 :try2:6. Shiken-การสอบ


หลังจากที่ผมเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ประมาณเกือบๆ3เดือน ผมก็ได้พบกับการสอบ การสอบเป็นกิจกรรมที่ผมหนักใจมากที่สุด ถึงแม้ผลการเรียนของผมจะดีมากๆก็ตาม แต่มันก็เป็นอุปสรรคเสมอมา แล้วก็อีก 3 คนที่ควรระวัง ผมได้รู้มาว่าการสอบในชั้น ม.ต้นของที่นี่ ริว กับ โชจิ 2 คนนี้ชิงที่ 1 ของระดับชั้นมาด้วยกันตลอด โดยมีริวเป็นฝ่ายชนะอย่างสวยงามเสมอ ตามมาด้วย เคลวิน แล้วก็คนอื่นๆ (โห เรามาอยู่ในดงคนเก่งเลยหรอเนี่ย มิน่าหละตอนทำรายงาน อาจารย์ถึงให้แค่ 4 คนก็ได้เพราะงี้เอง) ผมงี้พอรู้ก็ฝ่อเลย เกิดนึกกลัวขึ้นมา จนบางคนสังเกตได้

"เป็นไรรึเปล่าไม่สบายหรอ อีก 5 วันจะสอบแล้วนะ"
"บายดีไม่เป็นไรหรอก"
"งั้นก็ทำหน้าให้มันร่าเริงหน่อยสิ"
"Hai" ผมรับคำเลียบแบบเขา เขาก็หัวเราะผมเบาๆ
"งั้นเดี่ยวกลางวันพวกเราไปห้องสมุดกัน" โชจิชวน
"แบงคุงนายเคยใช้ห้องสมุดที่นี่ไหม" เคลวินถาม ผมก็ส่ายหน้า"งั้นเดี๋ยวพวกเราจะพานายไปเจออะไรที่มันเบียดเสียดยิ่งกว่ารังมด" เคลวินพูด
"หมายความว่าไง" ผมรีบถาม
"เดี่ยวก็รู้เองหละ" ริวบอก แล้วก็พากันไป ตอนที่ทำรายงานกันผมก็ไม่ได้ใช้ห้องสมุดรวมแต่ไปใช้ห้องสมุดหมวดวิชาวิทยาศาสตร์ ก็เลยไม่เคยเข้าห้องสมุดโรงเรียน
ตอนแรกก็แค่คิดว่ามีคนใช้เยอะ ซึ่งก็น่าจะเป็นปรกติ แต่ที่ไหนได้เมื่อผมไปเจอเข้า คนโคตรเยอะเลย แน่นมากห้องสมุดขนาด 8x45 เมตรจำนวน 2 ชั้นแน่นไปด้วยคนขนาดเข้าไปแล้วหาที่นั่งไม่ได้
"อืมม หนังสือหมวดวิทย์อยู่หมวด 400 อยู่ชั้น 2" ริวบอก
"อืมงั้นไปชั้น 2 กัน" เคลวินบอก

พอขึ้นมาก็พบว่าไม่ว่างเช่นกันคนเต็มไปหมดพวกเขาก็พากันเดินไปที่หมวด 400 ซึ่งเป็นหมวดทางวิทยาศาสตร์ สาขา Physics ซึ้งไม่ค่อยมีใครมาใช้ โดยมากเขาจะไปดูเคมี หมวดวิทยาศาสตร์ 500 กันมากกว่า แถวนี้เลยว่างแต่ก็ไม่มีที่นั่งอยู่ดี
พวกเราก็เลือกหนังสือกันสักพัก พอผมเลือกได้แล้ว ผมก็ตกใจนิดหน่อยที่พวกเขาหลังจากได้หนังสือแล้วก็แทนที่จะยืมกลับบ้านกลับยืนอ่านกันตรงนั้นเลย

"พวกนายเอาจริงหรอ" ผมถามด้วยความตกใจ
"ก็ใช่อะดิ ทำไมหรอ" ริวถาม
"ยืนอ่านแบบนี้อะนะ คนไทยไม่ทำกันหรอก"
"ก็เราญี่ปุ่นนี่ทำแบบนี้หละ"โชจิตอบ
"เออ นายคนญี่ปุ่น เราไม่ใช่นี่หว่า" ผมแย้ง
"แต่ก็มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น" ริวพูดขึ้นมา ผมเลยหน้าแดงก่ำเลย แล้วพวกโชจิกับเคลวินก็มองหน้าผมกันเป็นสายตาเดียวกัน
"ริว ไอ้ที่แกพูดหมายถึงใคร แฟนแบงคุงน่ะ" เคลวินถาม ทันได้นั้นผมก็ได้ความจริงบางอย่างว่าแถวๆนั้นคนห้องผมก็มี พอได้ยินเสียงพวกเรา พวกเขาก็มามุงดูกัน
"เฮ้ยไอ้ กร (หมายถึง เคลวิน) ที่แกว่าไอ้แบงค์มีแฟนนะใครกันวะ สาวคนไหน" เพื่อนในห้องคนหนึ่งที่มามุงกัน ประมาณ 10 คนถามขึ้นมา
"มีที่ไหนหละ เรานะไม่มีคนมาชอบหรอกนะ อย่าคิดมากมันแซวเล่นเฉยๆ" ผมรีบกลบเกลื่อน
"เห็นไอ้กร(หมายถึง ริว) บอกว่านายมีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น แล้วจะไม่มีได้ไง อย่ามาปิดเพื่อนฝูงหน่อยเลย" อีกคนถาม แหมพวกนี้หูดีจริงๆสงสัยมี หูทิพย์
"แล้วพวกนายเคยเห็นสาวๆญี่ปุ่นเรียนใน รร.ของเราด้วยหรอ" ผมแย้งถามเพื่อการเอาตัวรอด (แต่ไม่น่าเลย)
"เออ นั่นดิ รร.เรามีแต่หนุ่มยุ่นๆ........งั้นหมายความว่า.........นายมีแฟนเป็นหนุ่มญี่ปุ่นหรอ" พอเขาพูดจบผมถึงกับอึ้งเลย หน้าแดงก่ำเลย
"นั่นไง หน้าแดงแล้ว จริงๆด้วยดิ"
"ริว กลับบ้านเหอะ ไม่เอาแล้ว อยากกลับบ้าน" ผมพูดจบ
"ไหนอะริว คนไหนหละ" เพื่อนผมถาม
"หรือว่า ริว คือคนที่แบงค์ชอบ" เพื่อนอีกคนตอบ
ผมก็เลยเดินออกมาเลยออกมานอกห้องสมุดพวกนั้นก็ตามออกมาด้วย แล้วสักพัก พวกเรา 4 คนก็ขึ้นมานั่งในรถของริวเพื่อที่จะกลับบ้าน
"อะไรกันอะ แกล้งกันหรอ โชจิ เคลวิน" ผมถามแบบฉุนหน่อยๆ
"อ้าว ก็นายไม่เคยบอกพวกเรานี่หว่าว่าตกลงยอมเป็นแฟนกับ.........."
"พอแล้วนะ เลิกพูดเถอะ" ริวตัดบท
"แหม ร้ายไม่เบานะ เป็นแฟนกันโดยดูไม่ค่อยจะออกเลย เนอะ เนอะ เนอะ............อิอิ" เคลวินพูด ริวก็ทำหน้าแดงๆแล้ว น่ารักชะมัดเลย
"เขารู้กันตั้งนานแล้ว มีเหรอ พวกนาย 2 คนเล่นสนิทกันกว่าปรกติ ใครๆเขาก็รู้กันแล้ว" โชจิพูด "แต่เขาเรียกว่าเพื่อความชัวร์ไง เลยวางแผนกัน" เคลวินบอก
"งั้นพวกนาย.........." ผมพูดพลางหันกับไปมองหน้าพวกเขา
"ใช่.....อย่างที่คิดหละ แผนเราเอง" เคลวินบอก
"แล้วไม่ดีหรอ คนอื่นๆก็จะได้รู้สักทีว่าพวกนายเป็นแฟนกัน" โชจิถาม รถก็จอดไฟแดงพอดี
"ดีสิ คนอื่นเขาจะได้รู้ไง" ผมหันไปทางเจ้าของเสียง ริวพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปจูบต่อหน้าพวกนั้น 2 คน พวกนั้นก็ดูกันแบบตาค้าง หลังจากไปส่งคนอื่นๆเสร็จแล้วริวก็ถามว่า "วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านเขานะ ตกลงไหม"
"อืมม" ผมตอบสั้นๆ ผมไปทานข้าวบ้านเขาบ่อยจนเรียกว่าเกือบจะอยู่บ้านริวมากกว่าหอพักแล้ว ผมก็เลยตกลงเพราะจะได้ไปใช้ ห้องสมุดบ้านริวด้วยก็คงดีกว่า รร.แน่ๆ

พอมาถึงบ้านก็ไปสวัสดีคุณแม่ริวตามธรรมเนียมแล้วก็บอกว่าวันนี้จะมาค้างด้วยเพราะว่าวันนี้จะเตรียมอ่านหนังสือสอบกัน คุณแม่ริวก็ดูดีใจเอามากๆ

"แล้วแบงคุง ลูกจะทานอะไรดีคะเย็นนี้" คุณแม่ถามด้วยตามเคย
"อะไรก็ได้คับคุณแม่ อาหารคุณแม่ทำอร่อยอยู่แล้วคับ"

ผมตอบตามธรรมเนียม แล้วพวกเราก็ขอตัวไปเก็บของ อาบน้ำ ในห้องของริวนี้เดี๋ยวนี้มีเสื้อผ้าของผมอยู่ด้วยเต็มไปหมด ก็เวลาไปเที่ยวกับบ้านของริว คุณพ่อกับคุณแม่ของริวจะซื้อเสื้อผ้าของผมให้ด้วย จนที่นี่จะเป็นบ้านหลังที่ 2 ของผมอยู่แล้ว

พอพวกเราอาบน้ำกันเสร็จ ริวก็พาผมไปห้องสมุดของบ้านเขาซึ่งอยู่ชั้น 3 ของบ้าน บ้านของริวนี่นะเป็นบ้านเดี่ยว 4 ชั้นครึ่ง และก็มีดาดฟ้าด้วย เป็นทรงยุโรป ที่กลางบ้านจะโล่งตั้งแต่หลังคายันชั้น 1 เลย มีบันไดใหญ่อยู่กลางบ้านเลยด้วยเ หนือสุดตรงนี้ไม่เป็นหลังคาแต่เป็นโดมแก้วสีเขียว อืม ออกแบบได้ดีมาก เพราะคุณพ่อริวเป็นวิศวกร ออกแบบเอง มิน่าล่ะ สวยจริงๆเลย

สักพักผมก็ไปอยู่ตรงหน้าห้องสมุดบ้านริว ผมไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่บ่อยนัก แต่วันนี้จะต้องมาดูหนังสือก็เลยจำใจ ห้องสมุดบ้านริวแม้ว่าจะไม่ใหญ่ขนาดที่ รร.แต่ก็แน่นไปด้วยหนังสือในห้องขนาด 6x8 เมตรแล้วก็ตู้หนังสือ จำนวน 12 ตู้ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาญี่ปุ่นเกือบหมดเลย มีภาษาไทยเป็นบางเล่ม แล้วผมจะอ่านไงละนี่

ริวเลือกหนังสือออกมา จำนวน 8 เล่ม บอกว่าเกี่ยวกับ Physics ทั้งหมด

"เราอ่านไม่ออกนี่นา"
"ไม่เป็นไรเดี่ยวเราสอนนายเองได้" ริวพูดพลางยิ้ม แล้วเราก็ออกจากห้องสมุดของริว พร้อมกับพากันไปห้องนอนเพื่ออ่านหนังสือกัน
"เอ้าดูนี่....... นี่นะเป็นหลักในการคำนวนการเคลื่อนที่แบบโพรเจ็กไทล์"
"ดูไม่รู้เรื่องง่ะ ไม่เข้าใจภาษา"
"เออ เดี่ยวสิ เรากำลังจะอ่านให้ฟังนี่ไง" เขาก็ติวหนังสือให้ผมอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมก็รับฟังอย่างดีเลยทีเดียว ผมก็พยายามเต็มที่เลยพร้อมกับฟังที่อาจารย์สอนด้วยเพื่อที่จะเตรียมตัวสอบปลายภาค

และแล้วก็ผ่านวันสอบไปได้อย่างสวยงาม......รึเปล่าหว่า แต่ รร.ผมแบ่งสอบ 2 วัน วันนี้นะวันสุดท้ายแล้ว แล้วก็วิชาสุดท้ายแล้วด้วย แต่ผมเห็นโชจิสอบเสร็จด้วยหน้าตาเศร้าๆ

"เป็นไรรึเปล่าโชจิ" ผมทักเขาอย่างเป็นห่วง
"ก็นิดหน่อย ไม่รู้ว่าปีนี้จะแข่งกับริวได้รึเปล่า"
"เหรอ อย่าไปคิดมากนะ มีขึ้นก็มีลง"
"นายเห็นไอ้ประกิตหรือเปล่า" เขาหมายถึงเด็กห้อง 4/2ที่อยู่สายวิทย์เหมือนกัน ที่อยู่ดีๆก็มีข่าวมาว่า ไอ้คนนี้หละที่จะล้มตำแหน่งของริว "เราว่ามันต้องนำเราได้แน่ๆเลย"
"อย่าไปคิดมากนะ แค่ทำไม่ได้ข้อ - 2ข้อเอง คิดมากไปทำไม" ผมบอกให้เขาสงบลง
"มีหวังหลุดอันดับแหงเลย" เคลวินเดินออกมาพร้อมกับทำหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
"นายก็ด้วยเหรอ" ผมถามเขา
"หลุดละก็คงแย่ ยิ่งไอ้ประกิตมันคอยงาบอยู่" เขาพูด
"เรายังไม่คิดมากเลย ไม่เห็นเหรอ"ผมบอก "ก็ถ้าคนที่จะชิงเราไปถ้าเป็นนาย หรือว่าพวกเราก็พอว่า เรื่องไรให้คนอื่นๆหละ" เคลวินพูด โห พวกนี้หวงตำแหน่งกันมากเลยนะเนี่ย นี่แค่ปลายภาคเองนะ ทำไมต้องเครียดกันขนาดนี้ด้วย
"ทำกันได้ไหม" ริวเดินออกมาพร้อมกับถาม
"นิดหน่อยนะ" ผมตอบ
"ไม่ไหวหละ" ทั้ง 2 คนนั้นตอบ
"ทำไมหละ อย่าคิดมากดิ" ริวบอก
"เป็นไงพวกห้อง 1 เตรียมตกอันดับไปเลย" ผมหันไปทางต้นเสียง เสียงนายประกิตนั้นเอง
"นายนะแน่แค่ไหนกัน" ผมรีบตอบกลับ
"นี่ เด็กใหม่ นายน่ะไว้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของระดับก่อนเถอะ แล้วค่อยมาพูดกับเรา พวกเด็กบ้านนอกอย่างนายน่ะไม่มีปัญญาหรอก" เขาตอบกลับได้แสบมาก ผมก็เลยเงียบๆ
"ไว้คอยดูละกัน" ริวพูดพลางทำหน้าตาดุดัน ผมไม่เคยเห็นริวดุขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่นึกเลยใน รร.เอกชนแท้ๆทำไมมันแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตายอะไรขนาดนี้
"แล้วจะคอยดูที่ 1 ตกอันดับ" มันพูดเสร็จแล้วก็เดินไป พวกผมไม่ค่อยจะสบอารมณ์กันเท่าไหร่ คอยดูหลังจากสอบเสร็จ อีก 1 อาทิตย์ก็จะประกาศผลแล้ว
 
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 10:35:56
 :laugh:7. somersault walking-ตีลังกาเดิน.


หลังจากวันสอบไปแล้ว 6 วันพวกเราวันพรุ่งนี้ก็จะประกาศผลแล้ว พวกเราก็พากันไปเดินเที่ยวสยามกันไปกันประมาณเที่ยงๆ ก็ไปหาอะไรทานกัน แล้วก็ดูหนังกันอีกเรื่องด้วย แต่ดูแล้ว 3 คนนั้นยังไม่ค่อยจะสบายใจกันซักเท่าไหร่ ก็คงเรื่องสอบนั้นแหละ
ผมก็เดินกับพวกเขาที่ดูไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย ผมเดินนำหน้าพวกเขาไปซักพักก็หันกลับไปมองพวกเขาพร้อมกับเดินถอยหลัง

"นี่พวกนายเลิกห่อเหี่ยวกันได้แล้วนะ......เอ๊ย........อะไรวะ" ผมงงเมื่อเดินไปชนใครบางคนเข้า ผมรีบหันไปขอโทษเขา "ขอโทษนะคับ พอดีไม่ได้ดูทาง" ผมพูด
"ทีหลังก็ดูทางให้มันดีๆเถอะ พวกเด็กบ้านนอกไร้สมอง"

ผมรีบหันไปมองหน้ามัน เสียงนี่เสียงไอ้ เฮีย....ประกิตนี่หว่าผมนึกในใจ

"มากไปแล้วมั้ง" ริวพูด
"นายจะทำไม จะทำเก่งไปถึงไหน" ไอ้คนหน้าหม้อพูด
"ถึงเขาจะไม่เก่งอย่างนายก็อย่าดูถูกกันสิ" โชจิพูด "พวกนายน่ะเตรียมร่วงกันได้แล้ว อย่ามาอวดเบ่งกันนัก" ไอ้....เฮียนั้นพูดอีก
"โกรธเหรอ..........ว่าไง.....จะเจอกันซักทีไหม" ไอ้เฮียนั้นพูดท้า
"เอาดิ" ริวพูดพลางจะเดินเข้าไป เรารีบดึงมือเขาไว้
"อย่าริว ไม่เอากลับกันเหอะ" ผมบอก
"โธ่ๆ....เด็กบ้านนอกไม่ชอบใช้กำลัง"
"นี่แกจะมากไปแล้ว แกนึกว่าแกแน่แค่ไหน" ผมรีบถามกลับ
"ก็มากกว่าเด็กบ้านนอกอย่างแกไงหละ" มันก็สวนกลับ
"เหรอ งั้นฟังที่เราพูดนะ เรามาพนัน!กัน...... ถ้าพวกเราคนใดคนหนึ่งชนะแกได้เป็นอันว่าเราชนะพนัน"
"ตกลง.... เด็กๆ แต่ถ้าพวกแกแพ้หละ ว่าไง" มันยั่ว
"เราจะเดินตีลังกากลับหัวทั่ว โรงเรียน 3 รอบเลย"
"แบงคุง เอ๊ย เกินไปนะ นายจะไหวหรอ" ริวรีบห้าม
"เราเชื่อใจนายอยู่แล้วริว อีกอย่างนะ แค่นี้สบายมาก" แต่นึกในใจแล้วแม่งเอ๊ย พูดไปได้ไงวะเนี่ย
"เอ้า พูดเองนะ ตกลง" ไอ้หน้าหม้อรีบตอบรับ
"เออ แล้วจะเห็นดีกัน" ผมรีบสวนกลับแล้วก็เดินออกมาเลย รีบพาพวกนั้นออกจากแถวนั้นแล้วก็รีบกลับบ้าน พวกเราไม่ยอมกลับบ้านกันเลย ไปอยู่บ้านริวกันเลยหละ แถบไม่อยากรอแล้ว อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ

ตอนเช้าประมาณตี 5 ริวปลุกเรา
"ทำไมรีบปลุกจังเลย"
"เดี่ยวต้องไปส่ง เคลวินกับ โชจิให้เขาไปเปลี่ยนชุดที่บ้านอีกนะเร็ว" ริวบอกเหตุผล ผมรับคำแล้วก็รีบเปลี่ยนชุด พร้อมกับไปบ้านโชจิกับเคลวิน รอพวกเขาเปลี่ยนชุดแล้วก็มารับพวกเขาไป รร.ด้วยกัน มาถึง รร.ประมาณ 8 โมง เขาเข้า หอประชุมกันหมดแล้ว พอเข้าไป เขากำลังประกาศคะแนนของ ม.3 อยู่ พวกเราก็รีบวิ่งไปที่นั่งของห้องพวกเรา แล้วก็นั่งฟังคะแนนกันอย่างใจจดใจจ่อ หัวใจเต้นตึกตักเลย.........

"ต่อไปเป็นการประกาศ 10 อันดับต้นของระดับ ม.4นะคับ .......... อันดับที่ 4 นายประภากร ....... ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.89" อ้าวเคลวินมาอยู่อันดับที่ 4 งั้นแสดงว่ามีคนขึ้นมาแทรก 1 คนอะดิ แล้วก็ตั้งแต่อันดับที่ 10-5 ก็ไม่มีชื่อของ ผม โชจิ เคลวิน ริว แล้วก็ไอ้หน้าหม้อด้วย เคลวินอยู่ที่ 4 เคลวินก็วิ่งออกไปรับประกาศ แล้วก็กลับมาที่นั่ง
"อันดับที่ 3 นายพิเชษฐ์......ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.93" โชจิอยู่ที่3งั้นที่ 2 กับ 1 ก็คงมีแต่ ริว กับ ไอ้ประกิตแล้วหละระหว่างที่รอผลที่ 1 กับ2 ใจเต้นตุ๊บๆๆเลย ถ้าริวไม่ได้ที่ 1 เราก็ต้องเดินตีลังกาแน่นอน
"แบง คุงทำใจดีๆไว้นะ" ริวบอก "ถ้าพวกเราแพ้ พวกเราก็จะร่วมกันแก้ เราไม่ยอมให้นายรับกรรมคนเดียวหรอก" พลางกุมมือเราแน่นเลย
"อันดับที่ 2 นายทิวากร..............ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.98" อ้าวริวอยู่ที่ 2 งั้นแสดงว่าที่ 1 ก็ต้องเป็นไอ้ประกิตแน่นอน ผมรู้งี้ก็ร้องไห้โฮเลย ริวให้เคลวินออกไปรับแทนส่วนเขาพยุงผมอยู่ท่ามกลางความงงของเพื่อนๆที่ ริวตกอันดับ แล้วไมผมต้องร้องไห้ด้วย
"และคนที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับที่ 1 ของระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4............." ผมสลบไปแล้ว!

ด้วยความตกใจ มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียน ผมก็มองไปรอบๆเห็นริวกับเพื่อนๆในห้องยืนอยู่หน้าห้องพยาบาล ผมก็พยายามลุกขึ้นออกมานอกห้องพยาบาล พอพวกเขาเห็นผมก็รีบทัก

"ฟื้นแล้วหรอ" ริวรีบวิ่งเข้ามาหาแล้วก็ถามอาการ "เป็นไงบ้าง ยังมึนหัวอยู่ไหม" แต่ผมอยากรู้ผลมากกว่า
"พวกเราแพ้ใช่ไหม..ริว" ผมพูดขึ้น พลางจะร้องไห้แล้ว เขาโอบเราเข้าไปกอดในอ้อมกอดของเขา
"เด็กน้อย นายพยายามได้ดีมากเลย" ผมก็งง พลางผลักเขาออก
"ดูนี่" โชจิเรียก "เรายังไม่อยากจะเชื่อเลย" เคลวินพูด

ผมหันไปดู กระดาษแผ่นหนึ่งที่โชจิถือไว้ให้ผมดู ผมพยายามอ่านให้ชัดเจนตั้งแต่ บรรทัดบนจนกระทั่งถึงบรรทัดที่ 3 "ทางโรงเรียนขอแสดงความดีใจให้กับ นายวชิระ(ชื่อผม)............ที่ได้รับเป็นนักเรียนอับดับที่ 1 ด้วยด้วยเกรดเฉลี่ย 3.98 ขอแสดงความยินดีด้วยและขออวยพรให้ประสบความสุขความเจริญตลอดไป" ผมดีใจมากเลยที่อ่านประกาศแผ่นนั้นจบ โผเข้ากอด ริว อย่างเต็มแรงแล้วก็ร้องไห้ในอ้อมกอดของเขา ผมเพิ่งนึกออกว่ามีเพื่อนๆในห้องอยู่ด้วย

"อ้าว เฮกันหน่อยเร็ว" เสียงจากโชจิกับเคลวิน ผมตกอยู่ในสภาวะอายหน้าแดงอีกครั้ง ด้วยเสียงเฮ....จากเพื่อนๆ และก็เป็นอันรู้ว่าผมกับริวเป็นแฟนกันด้วย
ตอนกลับบ้านริวก็บอก "งั้นพวกเราไปฉลองกัน ไปบ้านเรานะ"
"เออ" โชจิรับคำ
"โอกาซังต้องดีใจแน่ๆ" ริวพูด
"ทำไมหละ คุณแม่ริวทำไมต้องดีใจด้วยในเมื่อริวไม่ได้ที่ 1"
"นายลืมดูรึเปล่าว่าเกรดเฉลี่ยของเรา 2 คนเท่ากัน เขาประกาศผิดตอบนายสลบเขาออกมาประกาศไหมเป็นอันว่า ที่ 1 มี 2คน" ริวบอก
"แล้วประกิตเขาได้เท่าไหร่หละ" ผมรีบถามเพราะลืมไปเลย
"เห็นว่าได้ 20 กว่าๆนี่หละ ผิดคาดเลยสมนำหน้า"โชจิบอกพลางหัวเราะ

พอกลับมาบ้านริว ก็ไปทักทายคุณแม่ พร้อมกับแจ้งผลให้คุณแม่ทราบ คุณแม่ตกใจมากเลย แล้วก็ดีใจมากๆเลย คุณแม่บอกว่าเขาเห็นเราเป็นลูกอีกคน ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา ผมงี้อายเลย แล้วพวกเราก็ไปหาฉลองกัน นั่งร้องคาราโอเกะ และก็นั่งดื่ม กินกันจนเวลาประมาณเที่ยงคืน ก็ไปนอนกันค้างบ้านริวกันหมด อ้อ ริวเล่าให้ฟังตอนไอ้ประกิตเดินตีลังการอบ โรงเรียนด้วย ตัวมันอ้วนใหญ่ๆก็เลยทำลำบาก อิอิ เสียดายไม่เห็นดันเป็นลมไปซะก่อน.......(^-^!)
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 10:41:50
ตอนนี้เป็นตอนที่ทำให้เห็นความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกจริงๆ  T_T  จามีใครมาเข้าใจเรารแบบนี้มั่งไหมน้อ

ผมขอลงแค่นี้ก่อนนะครับ

เดี๋ยวดึกๆ  จามาลงเพิ่ม  จา Login ได้เปล่าก็มะรู้ เฮ้อ  :try2:
*****************************************************************
 :impress:8. Becoming Ryu's family member - เป็นลูกของแม่นะ.


ตื่นเช้ามา หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รอคุณแม่ริวทำอาหารเช้าอยู่ ผมก็ไปโทรศัพท์บอกทางบ้านที่เชียงใหม่ทราบ แต่ผมก็ต้องตกใจกับบางสิ่งที่ผมเห็นที่โทรศัพท์ ใน List Number Memory ทำไมมีเบอร์บ้านผมที่เชียงใหม่อยู่ด้วยหละ ถ้าเป็นเบอร์ที่หอพักของผมมันก็ไม่แปลกแต่นี่เป็นเบอร์ของที่บ้านที่เชียงใหม่
"เร็วๆๆสิ จะรีบๆโทรไม่ใช่หรอ" เสียงริวท้วงเมื่อเห็นผมจ้องโทรศัพท์อยู่นาน ก็ดีวะ จะได้ไม่ต้องกดเอง
"สวัสดีคับ ไร่......................คับ" เสียงคุณพ่อของผม
"คุณพ่อนี่แบงค์พูดนะคับ"
"อืมม ว่าไงลูกผลสอบหละลูก สบายดีไหมลูก.............." ถามอีกสารพัดเลยจำไม่ได้ พอเราแจ้งผลสอบไปคุณพ่อดีใจเอามากๆ
"เก่งมาก ลูก อืม แล้วนี่ปิดเทอมแล้วไม่ใช่หรอลูก ไม่คิดจะกลับบ้านหรอ"
"ก็คงจะกลับอยู่อะคับ ไม่แน่ผมจะพาเพื่อนๆไปด้วยนะคับ"
"ก็พามาสิลูกบ้านเรากว้างขวาง ยังไงก็พามาได้อยู่แล้วนะลูก พามาหลายๆคนก็ได้ลูก"
"คับๆทราบแล้วคับ งั้นแค่นี้ก่อนนะคับ สวัสดีคับ"
"อืมม โชคดีลูก" อออออยยยยยยคุณพ่อเรานี่ก้อสุดๆเหมือนกัน
ผมก็หลังจากวางหูผมก็เริ่มคิดถึงคำว่าบ้านแล้ว อยากกลับบ้านที่ไม่ใช่ที่หอ ไม่ใช่บ้านริว แต่เป็นบ้านเกิดของตัวเอง
"ตกลงนายจะพาพวกเราไปด้วยหรอ" ริวถาม
"งั้นก็ไปเที่ยวสวนที่เชียงใหม่ น่าสนุกดีออก" โชจิบอก
"อืมแล้วพวกนายไปกันได้หรอ" ผมถาม
"ได้สิคับผม" พวกเขาตอบขึ้นพร้อมๆกัน
"มาทานข้าวเช้ากันได้แล้วคะ"เสียงคุณแม่เรียกแล้ว พวกเราก็ลงมาทานข้าวกัน
"เมื่อกี่แบงคุงโทรไปที่บ้านมา ทางบ้านเขาชวนพวกเราไปเที่ยวด้วย" ริวบอก
"งั้นก็ดีสิลูก จะไปกันเมื่อไหร่หละลูก พรุ่งนี้เลยเป็นไง" คุณแม่ถาม
"เมื่อไหร่ก็ได้คับ ที่บ้านผมพร้อมรับแขกอยู่แล้วคับ" ผมตอบ
"งั้นก็พรุ่งนี้นะดีแล้ว" โชจิบอก
"ตกลงไปกันพรุ่งนี้เลย" ริวตัดสิน
"บันไซ"พวกเราเฮขึ้นพร้อมๆกัน
พอพวกเราทานข้าวกันเสร็จแล้ว ผมก็ไปช่วยคุณแม่ เก็บล้างจาน บ้านริวแม้จะมีเงินแต่การดูแลบ้านทั้งหมด คุณแม่ทำเพียงคนเดียวไม่มีคนใช้เลยแม้แต่คนเดียว
"คุณแม่คับเดี่ยวผมช่วยเอง"
"แบงคุงลูกไม่ต้องทำหรอกลูก เดี๋ยวแม่ทำเองได้"
"ไม่เป็นไรคับ ผมช่วยนิดหน่อยเอง"
"งั้นเดี่ยวลูกขึ้นไปช่วยเก็บห้องแม่ดีกว่านะลูก"
"งั้นก็ได้คับ"
"ลูกขึ้นไปบนห้องของแม่ได้เลยนะ แต่ห้ามคนอื่นๆเข้าไปหละ"
"คับ" ผมรับคำแล้วก็เดินขึ้นห้องคุณแม่ไป
ห้องคุณแม่อยู่ชั้นบนสุดของบ้าน นอกนั้นชั้น 4ก็จะเป็นบันไดออกไปดาดฟ้าซึ่งริวเอาไว้ดูดาว ห้องใหญ่เอามากๆเลย ก็แน่หละ ทั้งชั้นเลยนี่นา ผมก็เดินเข้าไปข้างในห้อง ก็ไปนั่งรอคุณแม่ในห้อง ผมเห็น Diary อยู่เล่มหนึ่งวางอยู่ ด้วยความอยากรู้ก็เลยวิสาสะเปิดอ่านดู ในหน้าที่คุณแม่ขั้นไว้ด้วยปากกาสีน้ำเงินเข้ม ...............................................................
พอผมอ่านหน้านั้นจบน้ำตาผมก็ไหลพราก ผมจำข้อความนั้นได้ดี …
"เราเองก็รู้ว่าเกิดอะไรกับลูกของเรา ถึงแม้มันจะผิดแต่เราก็จะไม่ห้าม เพราะนั้นจะเป็นทั้งความสุขของลูกริวและลูกแบงค์ด้วยกันทั้งคู่ เรายินดีที่จะให้พวกเขามีความสุขมากกว่า เพราะความสุขของลูกคือสิ่งเดียวที่พ่อและแม่อย่างเราจะให้ได้"
ผมจำข้อความนี่ได้จนติดตาติดใจมาจนถึงบัดนี้เลย หลังจากที่ผมปิด Dairy แล้ววางไว้ที่เดิมคุณแม่ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี เราก็รีบเช็ดน้ำตาแล้วก็เดินไปหาคุณแม่
"เป็นอะไรไปลูก ร้องไห้ทำไม" คุณแม่ยังสังเกตเห็น
"ไม่เป็นไรคับพอดี......." ผมกำลังแก้ตัวอยู่
"ลูกคงได้อ่าน บันทึกของแม่แล้วใช่ไหมลูก" คุณแม่ถาม ผมก็พยักหน้าตอบพร้อมกับน้ำตานองหน้า "แม่ขอให้พวกลูกมีความสุขนะ แม่เชื่อว่าถ้าเป็นลูก จะทำให้ริวมีความสุขได้"
ผมก็ได้แต่กอดคุณแม่อยู่ คุณแม่พูดโดยไม่มีอาการร้องไห้เลยแม้แต่น้อย ต่างกับเราที่น้ำตานองหน้าแล้ว เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก
"แม่ก็มีอายุมากแล้ว ก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน โอโตซัง ก็เหมือนกันก็คงอยู่กับริวไม่นานแล้ว แม่เชื่อว่าแม่คงจะฝากริวไว้กับลูกได้นะ"
"คับ"ผมรับคำ
"ไปเถอะจ้ะ ที่แม่เรียกมาก็เรื่องนี้หละ ไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะนะ พรุ่งนี้แล้วนะ"
"คับ ขอบคุณคับคุณแม่" ผมตอบกลับคำพูดคุณแม่
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 07-11-2006 16:42:04
โหยยยย  คุณแม่น่ารักจังอะ  ริวก็น่ารัก แบงค์ก็น่ารัก  น่ารักไปโม๊ดดดดดดดดดดดดดดดด  ไม่ไหวแล้ว
มาต่อด่วนเรยยยย   ขอให้ login ได้นะคะ  อิอิ  :yeb:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 19:56:08
O_o โอ๊ว Login ได้แล้วๆๆๆ

แง่มๆๆ  นึกว่าจาไม่ได้ซะแล่ว 

ตอเลยหละกันนะครับ

************************************************
 :laugh:9.Uchi e kaierimasu-กลับบ้าน.



พอเช้าพวกเราก็เดินทางกลับบ้านของเราที่เชียงใหม่กันเราตกลงกันว่าจะขับรถไปกันเอง ว้าว......ไหนๆริวก็มีใบขับขี่แล้วนี่ ก็ดีเลย ริวสอบที่ญี่ปุ่นนะ สามารถสอบได้ตั้งแต่อายุ 15 ขึ้นไป celica สีทองบรอนซ์คันนี้ถูกขับออกมาอีกแล้ว แม้ว่าจะนั่งกันเกือบทุกวันก็ตาม แต่วันนี้ก็เห็นว่าคงต้องพึ่งมันมากหน่อย บ้านผมที่เชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่เท่าไหร่ ไปก็ง่ายๆตามทางหลวงแผ่นดินไปเลยก็สามารถไปได้แล้ว เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปเชียงใหม่ ผมนะจำทางได้ดีเพราะมากรุงเทพ แล้วก็กลับกับคุณพ่อบ่อยๆ ผมงี้ซีดเลย เพราะมาถึงเชียงใหม่เอาตอนบ่าย 3 โมงเย็น ที่ซีดไม่ใช่นั่งนานหรอก แต่ริวเล่นเหยียบด้วยความเร็วเกือบสูงสุดของรถสปอร์ตคันนี้เลย celica คันนี้ ติด Turbo วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเกือบ 400 Km/h เลยทีเดียว คุณริวสุเกะก็เหยียบไป 300+กว่าในทางที่ไม่มีรถ ถ้ามีก็เหลือแค่ 180 แค่นั้นเอง อิอิ.......ยังงงอยู่เลยว่ารอดตายกันมาได้ไงตอนแรกคิดว่าเอาชีวิตไปทิ้งซะแล้ว วิ่งอย่างกับ ชิงกันเซง(Shinkansen) แหนะ นึกแล้วไม่เอาอีกแล้ว

พอกลับมาถึงบ้าน ก็พาเพื่อนๆไปหาคุณพ่อคุณแม่ของผม แล้วก็ทักทายกันตามประเพณีแบบไทย อิอิ ไม่ใช้ญี่ปุ่นอะ เบื่อแล้ว แล้วก็พาพวกริวไปอยู่ที่ห้องของผม แล้วก็ห้องรับรองแขกด้วย แต่ริวขอนอนกะผม ก็ได้ไม่ว่ากัน เราก็รีบๆนอนกันเพราะพรุ่งนี้กะเที่ยวแต่วันเลย

พอเช้ามาวันนี้ผมก็พาพวกเขาไปขึ้นดอยสุเทพ ไปพาขึ้นบันไดหลายร้อยขั้น อิอิ เรามันคนเคยขึ้นมาแล้วบ่อยๆก็ไม่มีปัญหาแต่พวกนั้นอะดิ อิอิขำหละงานนี้

"โอ๊ย ยังไม่ถึงอีกหรอ" เคลวินถาม
"อีกนิดเดียว พวกนายนี่อึดกันพอดูเลยนะ"

พอขึ้นไปถึงข้างบน ก็ไปไหว้พระธาต ดอยสุเทพกัน

"แบงคุง อธิฐานว่าไร" ริวถาม
"อ้าว ถ้าบอกแล้วจะใช่อธิฐานหรอ" ผมถามกลับ
"ของเราขอให้พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป แบงคุงหละ" ริวพูด ผมส่ายหน้า
"ของเราก็อยากได้แฟนซักคนมั้ง" โชจิพูด
"ของเราก็คงคล้ายๆกันมั้ง" เคลวินบอก
"แล้วของแบงคุงหละ" ริวตื้อ
"ไม่บอกหรอก ถึงบอกก็ไม่ใช่อธิฐานนะสิ" ผมแย้ง
"แต่คนญี่ปุ่นเขาบอกกันนะ" ริวแย้ง
"เราก็ไม่ใช่คนญี่ปุ่นนี่ " ผมแย้ง
"แต่ก็มีแฟนคนญี่ปุ่นนะ ยังไงก็ต้องญี่ปุ่นแล้วหละ" ริวบอก ผมงี้หน้าแดงเลย แต่ก็ไม่ยอมบอก เขาก็คงเห็นว่าตื้อไม่มีประโยชน์มั้ง ก็เลยเลิกไป แล้วพวกเราก็ลงเขาเพื่อกลับบ้านเพราะเย็นมากแล้ว
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 20:00:09
T_T  อิจฉาจริงๆที่มีพ่อแม่ที่เข้าใจลูก แบบนี้

*******************************************************
 :impress:10.Otoosan no meirei-คำสั่งของพ่อ


หลังจากที่พวกเราได้มาอยู่เชียงใหม่กันกว่า 2 อาทิตย์พวกเราก็จะกลับ กทม.กันแล้วเพื่อไปเรียนพิเศษ เราจะกลับกันวันนี้หละ เราเตรียมตัวกันแต่ดึกๆ พอเช้าก็ออกบ้านเลย เราออกบ้านกันประมาณ 6 โมงก็คงถึง กทม.บ่าย 3 อิอิ...... พอผมกำลังจะกลับกำลังจะขึ้นรถ โชจิกับ เคลวินขึ้นรถไปกันหมดแล้ว เหลือแต่ผมกับริว ผมกำลังจะขึ้นรถ คุณพ่อ คุณแม่ก็ออกมาส่ง แล้วผมก็ทนไม่ไหว วิ่งไปกอดท่านทั้ง 2 แล้วก็ร้องไห้ ท่านก็บอก "ไปเถอะ พ่อกับแม่ยังแข็งแรงดีอยู่ คนช่วยเหลืองานก็มากมายไปเถอะ ไปเรียนเถอะนะ ไปสร้างอนาคตตัวเอง"
 
ผมมีความรู้สึกไม่ดีเลย คนอื่นๆเขาต้องปรนนิบัติคุณพ่อคุณแม่ ยิ่งเป็นลูกคนเดียวด้วยแล้วยิ่งน่าจะอยู่ปรนนิบัติ

"ไป เรากลับกันนะ"
ริวพูดพลางเดินมาจับไหล่เรา เขาก็พาเราขึ้นรถไปนั่งข้างหน้า ริวกำลังจะขึ้นรถ เราได้ยินเสียงคุณพ่อเรียก
"ริวเอ๊ย ออกมานี่หน่อยเร็ว"

แล้วริวก็ออกไป พร้อมกับสั่งว่าไม่ต้องตามมานะ ผมก็งง แล้วเขาก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่ของผมท่านก็มองมาทางผมบ่อยๆ ผมเห็นคุณแม่ร้องไห้ด้วย ทั้งที่เกิดมาไม่เคยเห็นเลยผมแทบจะกลับลงไปด้วย แต่แล้วริวก็ก้มโค้งแล้วก็ยิ้มวิ่งมาขึ้นรถ

"ริว เมื่อกี้คุณพ่อพูดไรกับริว" ผมถาม
"ไม่บอก...." เขาพูดพร้อมกับทำหน้าเหรอหรา ผมก็พยายามจะถามเขา แต่เขาก็ยังยืนยันไม่ยอมบอก

พอพวกเรากลับถึงกรุงเทพ คราวนี้ผมให้ริวขับช้าๆ แต่แหมเขาก็ยังเหยียบ 200+ ตลอดเรามาถึง กทม.เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ริวก็ไปส่งพวกเราแต่ละคนที่บ้านของตนเอง เว้นผมที่ต้องไปบ้านริว อีกแล้วหรอเนี่ย แล้วจะไปเช่าหอทำไมฟะ พอผมกลับเข้าบ้านก็ไปสวัสดีคุณแม่ คุณพ่อ แล้วก็นำของฝากจากทางบ้านไปให้ท่านทั้ง 2

"เป็นยังไงบ้างคะลูก สนุกไหมคะ" คุณแม่ถาม
"สนุกมากเลย ผมซื้อของมาฝากโอกาซัง กับ โอโตซังด้วย" ริวตอบด้วยสีหน้าบาน แม้จะเพลียด้วย
"คุณแม่คับ ริวนี่นะคับขับรถเร็วมากเลยคับ แบบหวาดเสียวมากเลย หน้าจะมืดเอา เนี่ย ผมบอกให้เขาเบาๆลงก็ไม่ยอม วิ่งซะ 200 กว่าๆกลับมา" ผมฟ้อง
"ก็แหม celica มันวิ่งได้ตั้ง 400 กว่าๆเลยนะ นายจะให้มันวิ่งแค่ 120 หรอไม่ดีหรอกมั้ง" ริวแย้ง
"พวกลูกน่าจะไปพักกันก่อนนะ ไหนๆก็เพิ่งจะกลับมากันนี่" โอโตซังบอกพวกผม อืมมดีเหมือนกันแฮะ ชักอยากอาบน้ำแล้วดิ แล้วผมก็ขอตัวไปอาบน้ำ

ผมนึกได้ว่าเครื่องใช้อยู่ในกระเป๋าชั้นล่าง ผมก็เลยลงไปข้างล่างบ้าน เพื่อที่จะไปเอากระเป๋าเครื่องใช้ ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตู โรบิ (ห้องนั่งเล่น) เพื่อไปเอาของผมก็ได้ยินเสียง ริว คุยกับคุณพ่อคุณแม่ของเขา

"โอกาซังเคยคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของแบงคุงหรอคับ" ริวถาม
"ก็เคยนะ ตอนโทรไปบอกเรื่องลูกแบงกับลูกไง" คุณแม่ริวตอบ
"แล้วเขาไม่วาเอาหรอคับ คนไทยยิ่งไม่ค่อยจะรับเรื่องนี้นะคับ" ริวรีบถามต่อ
"คุณพ่อคุณแม่เขาก็เข้าใจหละริว เขาก็เข้าใจในลูกเขา ที่เขาชวนลูกไปเชียงใหม่เพราะเขาอยากเจอ อยากเห็นหน้าคนรักของลูกเขาเท่านั้นเอง" คุณแม่ริวเผยความจริง มิน่าหละทำไมถึงมีเบอร์โทรบ้านเราใน List ด้วย
"ผมก็ว่าแล้ว ...ไม่งั้นคุณพ่อคุณแม่เขาก็คงไม่สั่งมาแบบนี้หรอก" ริวพูด
"แล้วคุณพ่อคุณแม่เขาสั่งอะไรมาหรอลูก" คุณแม่ ริวถาม
"เขาบอกให้ดูแลลูกเขาให้ดีๆเพราะเขาก็มีลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น แบงคุงเป็นทั้งชีวิต เป็นทั้งทุกสิ่งทุกอย่างของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ เพื่อความสุขของลูกยังไงเขาก็รับได้ เขาบอกแบบนี้" ริวพูดจบ "แล้วผมก็รับคำพวกท่านมาและพร้อมจะทำตามด้วยคับ" ริวบอกต่อ
ผมงี้หน้าชา+แดงเลย แล้วก็มีน้ำตาอาบบนหน้า คำพูดของคุณพ่อและคุณแม่ที่ผมไม่เคยรู้ ผมก็ได้รู้แล้ว ผมรู้แล้วว่าผมมีค่ามากต่อทั้งคุณแม่คุณพ่อของผม คุณแม่คุณพ่อของริว และก็ริว แล้วก็เพื่อนๆ แล้วผมก็เช็ดน้ำตาแล้วก็เดินเข้าไปเอาของในโรบิ ทุกอย่างเป็นปรกติดี วันนี้ผมมีความรู้สึกว่ามีความสุขที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-11-2006 20:04:43
ทำไมล็อคอินไม่ค่อยได้ละครับ เวปมันช้าหรือ
อิอิ เวปฟรีหง่ะทำจายหน่อย ปกติผมชอบลงตอนเที่ยงคืน ลงเสร็จนอนเลย
ถ้าลงไม่ได้ก็เจ็ดโมงเช้า เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 07-11-2006 20:06:23
 :try2:11.shoshi no tanyoobi - วันเกิดของโชจิ


หลังจากสอบเสร็จในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว แล้วก็ใกล้วันสำคัญอีกอย่างหนึ่งด้วย วันเกิดของโชจินั่นเอง โชจิเขาเกิดวันไหนนั้นตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกแต่พอดีคุณแม่ของริวเตือนก่อนประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนหน้าวันเกิด ว่าวันที่ 2 กันยายน วันเกิดโชจินะ พวกเรา 3 คนก็เลยวางแผนแกล้งโชจิกัน

5 วันก่อนวันเกิดวโชจิ โชจิโทรมาหาผมกับริวที่บ้าน

"Hello แบงคุงหรอ" โชจิทัก
"อืมมใช่ โชจิเหรอ ว่าไง" ผมถาม "เราจะต้องซื้อของนะ บอกริวให้มารับหน่อยสิ แล้วเดี่ยวไปซื้อของกันจะได้ไปเที่ยวด้วย" โชจิบอก
"เหรอ แล้วจะบอกริวให้นะ แล้วจะไปตอนไหน" ผมถามเรื่องเวลา
"10 โมงละกัน"
"งั้นแค่นี้นะแล้วเจอกันนะ โชจิ"
"ซาโยนาระ" แล้วโชจิก็วางหูลงไป ผมรีบทำตามแผน โดยผมกะทุกคนวางแผนกันไว้แล้วว่าจะแกล้งโชจิกันอย่างไรบ้าง อิอิ..หนุ่มนายแบบนายโดนดีแน่ อิอิ

ริวขับรถของเขาไปรับเคลวินมา แล้วก็ไปรับโชจิที่บ้าน พวกผมก็เริ่มแผนขั้นที่ 1 พอพวกเรามาถึงเซ็นทรัล ลาดพร้าว หลังจากริวจอดรถเรียบร้อยแล้วก็ เข้าไปชั้น G ของห้างเลย

"อืมม พวกนายว่าเราจะใช้เสื้อของอะไรดีหละระหว่าง U-FO กับ Hazard ตัวนี้" โชจิถามความเห็น ผมก็ส่ายหน้าไม่ตอบ
"ไม่รู้ดิแ ล้วแต่นาย" เคลวินพูด แล้วพวกเราก็เดินลง Super Market ไปเลยโดยปล่อยเขายืนงง มองพวกเราลง Super โดยไม่รอเขา ผมเห็นสักพักเขาก็เดินตามลงมาโดยไม่ได้เสื้อซักตัว แล้วก็เดินกันซักพักโดยที่พวกเราพูดกันเองแต่ไม่คุยกับโชจิ พอพวกเราเดินซักพักก็แอบหนีโชจิตอนที่เขากำลังดูพวกน้ำอัดลมอยู่ พวกเราก็แอบกลับบ้านกันเลย โชจิเขาคงจะต้องโกรธมากๆแน่ๆเลย อิอิ ถูกทิ้งเอาไว้

2 วันก่อนถึงวันเกิดโชจิ โชจิก็โทรมาหาผมกับริวอีก บอกว่าเขาอยากจะไปดูหนัง เราดูที่เวิลเทรดกัน พวกผมก็ตกลงไปกัน แต่โชจิบอกให้ไปที่ เวิลเทรดเลยเขาจะไปรอที่นั่น ผมก็เลยไปกับริวแล้วก็บอกเคลวินให้ไป โชจินัดพวกเราไว้ 11โมง พวกผมก็พากันไปเอาตอนบ่าย 2 พอไปถึง เขาก็นั่งรอพวกผมอยู่ ดูๆแล้วสงสารเขามากเลยแต่ก็ต้องทำตามแผน

"โทษทีนะ พอดีมาช้า จะไปดูอะไรกันหละ" ผมถามโชจิ "ไม่ดูแล้วพวกนายกลับไปเถอะ" เขาตอบแบบหมดอารมณ์
"อ้าวแล้วไม่ดูแล้วหรอ" เคลวินถาม
"ใครจะไปดูอีกหละ นัดไว้กี่โมง มากันกี่โมง ควรดูตัวเองได้แล้ว" โชจิว่าพวกเราอย่างแรง
"อืมงั้นจะกลับกันเลยไหม เดี่ยวไปส่ง" ริวพูดขึ้นมา
"งั้นกลับเลยก็ได้" ผมพูด แล้วพวกเราก็เดินไปลานจอดรถ ระหว่างทางพวกเราก็ไม่คุยกับโชจิเลย ก็คุยกันเองตลอด เขาคุยด้วยก็ไม่ค่อยจะตอบ อิอิ.............(จริงๆแล้วก็สงสารอะนะเพราะรู้ว่าทำเกินไป)

พอมาถึงรถพวกเราก็กำลังจะขึ้นรถ "พวกนายไปกันเถอะ เราเดี่ยวกลับเองได้" โชจิพูด
"ก็ตามใจ" เคลวินพูดขึ้นตอบ
"พวกนายเปลี่ยนไปนะ ทำไมทำอะไรแบบนี้ พวกนายทุกคนเลย ทำไมเป็นอะไรกันไปหมด" เขาพูดอย่างโกรธ พวกเราก็ได้แต่เงียบๆทำเป็นไม่สนใจ
"ตกลงจะไปด้วยกันเปล่า" ริวถาม
"เลิกเลย.......เลิกคบกันเลยนะ แล้วไม่ต้องมาพูดกันอีก" โชจิตวาดใส่ ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธใครขนาดนี้เลย พวกเราก็เลยพากันกลับบ้านโดยทิ้งโชจิเอาไว้อย่างนั้น....... ระหว่างทางผมยังนึกเลยว่าทำเกินไปหรือเปล่าเนี่ย

วันเกิดโชจิ ผมโทรไปหาเขาที่บ้านเขาแต่เช้า โอกาซังของโชจิ มารับ

"ขอสายโชจิคับ" ผมพูด
"โชจิหรอ ไม่ทราบใครพูดสายคะ" คุณแม่เขาถาม
"แบงค์พูดคับ" ผมตอบ
"เดี่ยวนะ" แล้วคุณแม่ก็เดินไปตามโชจิมา
"สวัสดีโชจิ........" ผมกำลังจะพูด
"บอกแล้วไง ไม่ต้องมาคุยกัน จะไปไหนก็ไป" เขาตอบกลับแบบเงียบๆแต่บาดใจมากเลย
"โชจิ วันนี้ว่างไหม มาที่นี่หน่อยสิ เดี่ยวไปเที่ยวกัน" ผมชวน
"บอกแล้วไง ไม่ต้องมาคุยกัน จะไปไหนก็ไป" เขาพูดประโยคเดิมซ้ำโดยไม่ฟังคำพูดผมเลย "อ้อ อีกอย่างนะ วันนี้เราไม่ว่าง ไม่อยู่บ้านด้วย แค่นี้นะ "แล้วเขาก็วางหูลงไปเลย ผมงี้อึ้งเมื่อโชจิไม่มา จะทำไงดีหว่า
"เป็นไงแผนนาย" ริวถาม
"ก็โชจิเขายังโกรธอยู่อะดิไม่ยอมมาเลย" ผมตอบ
"อืมมม งั้นจะทำไงดีหว่า ขอนึกก่อน" ริวพูดพลางหลับตา
"พวกลูกๆก็ไปจัดงานกันที่บ้านของลูกโชจิสิคะ ง่ายดีออก" คุณแม่ริวบอกใบ้ อืมมมใช่ ยังไงเขาก็ต้องกลับบ้าน ผมรีบโทรบอกเคลวิน แล้วก็คุณแม่ของโชจิ แล้วก็เล่าเรื่องให้ฟัง คุณแม่บอกว่า โชจิไปบ้านญาติเขา จะกลับมาตอนเย็นๆ ก็ตามแผนเลย

ผมกับริวก็ขับรถไปเอาเค้กที่สั่งกันเอาไว้ เป็นเค้กวนิลา + ใบเตย 12 ปอนด์ขนาดใหญ่มากๆเลยแล้วก็ถือคนเดียวไม่ได้ด้วย เป็นเค้ก ถึง 3 ชั้นแนะ โอ้โห ทำเพื่อเพื่อนแค่นี้เด็กๆ.......... แต่ผมก็กระเป๋าเบาเหมือนกันนะ ออกคนละครึ่งกับริว พอมาถึงบ้านโชจิก็ขอโอกาซังของโชจิ เขาให้ใช้ห้องนอนโชจิ พอพวกผมขึ้นไปก็พบกับห้องของหนุ่มนายแบบที่ โอ้โห ระเบียบแบบสุดยอด เก็บเป็นระเบียบดีมาก แล้วผมก็เอาเค้กไปเก็บในตู้เย็น แล้วก็ไปเอาของตกแต่งห้องที่ไปซื้อมากะริว มาช่วยจัดห้องให้โชจิ ผมกับเคลวินก็เก็บห้องจนเสร็จ ตกแต่งเรียบร้อยก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว

ตอนนี้ใกล้เวลาโชจิจะกลับบ้านแล้วหละ โอกาซังของโชจิบอกว่าทุกปีจะจัดวันเกิดให้เขา แต่ปีนี้เขาบอกเขาไม่อยากได้ ก็เลยไม่จัด พวกผมก็ปิดไฟในห้องนอนเขา แล้วก็เปิดไฟเฉพาะตามทางเดินในชั้น 3 ของบ้านเท่านั้นเอง ริวก็ขับรถออกไปรอบริเวณหน้าซอยบ้าน พอเขาเห็นโชจิเดินเข้าซอยบ้านมาเขาก็กดมือถือมาที่บ้านให้พวกผมปิดไฟ แล้วก็เตรียมตัว ผมงี้เหงื่อแตกเลย ตอนนี้พวกผมอยู่ในห้องไม่ไหวแล้วแอบย่องมาที่บันได ชะเง้อดู พอเขาตะโกน "ทาไดมะ" กลับมาแล้วรึ อิอิ ผมก็บอก เคลวินให้ไปในห้องเร็ว คุณแม่โชจิก็คงจะถามเรื่องทั่วๆไปตามปรกติเพื่อถ่วงเวลาแหละ

แล้วซักพักเขาก็ขึ้นมา ผมรู้เพราะพื้นบ้านโชจิเป็นพื้นปาเก้ แล้วก็ในบ้านโชจิจะใส่รองเท้าแตะเดินกันด้วย พอเขาเปิดประตูเข้ามา พวกผมก็ดึงไอ้ที่มันเป็นกรวยๆแล้วมีเส้นๆข้างใน ดึงแล้วระเบิดอะนะ พอดีเรียกไม่ถูก แล้วก็เปิดไฟในห้องเขา เขาก็ตกใจเล็กน้อย

"พวกนาย........" เขาพูดได้แค่นั้นแล้วก็ยืนนิ่ง
"สุขสันต์วันเกิดนะ โชจิ" ผมพูด เคลวินรีบหยิบกล้องมาถ่ายรูปโชจิตอนเด็กเอ๋อ เพราะธรรมดาหมอนี่เก๊ก 24 ชั่วโมง
"Happy BirthDayนะ" เคลวินพูด แล้วเคลวินกับผมก็ดึงเขาเข้ามาในห้อง เขางี้เงียบเลย ด้วยความงง คงจะต้องดีใจแน่ๆเลย ซักพักเขาเริ่มได้สติแล้ว
"เป็นไงชอบไหม" ผมถาม
"นิดหน่อยนะ" เขาตอบพลางยิ้มๆ
 
โชจินั่งอยู่ในโต๊ะแบบญี่ปุ่นกับพวกผม แล้วก็มีเสียงก๊อกๆ เคลวินก็เดินไปเปิดประตู โชจิก็หันไปมอง แล้วเคลวินก็เปิดประตูออกมา ริวเอาเค้กมาให้

"เอ้า สุขสันต์วันเกิดนะ" ริวพูดพลางเอาเค้ก 12 ปอนด์วางบนโต๊ะ
"โอ้โห ไม่เล็กเลยนะเนี่ย" เคลวินพูด
"แน่นอน 12 ปอนด์แน่ะ" ผมตอบ

โชจิถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เค้กนี่หน้าเค้กไม่ได้เขียนอะไรแต่เป็นเค้กที่เขาพิมพ์หน้าออกมา คือพิมพ์รูปของพวกผม 4 คนเข้าไว้ด้วยกันบนหน้าเค้ก (คงเคยเห็นกันนะคับ เค้กที่พิมพ์รูปไว้บนหน้าเค้ก) แล้วก็ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว(เป็นครีม)

"กี่ตังค์หละเนี่ย" เคลวินถาม
"2600 พอดี" ริวตอบ
"พวกนายนี่.........จริงๆเลย............." เขาพูดพลางเสียงสั่น แล้วพวกเราก็นั่งกินเค้กกัน แต่แน่นอนหละว่ามันต้องไม่หมดแน่ แต่โชจิก็เก่งนะ ทำให้มันหมดได้โดยการแจกเพื่อนบ้าน อิอิ ความคิดดีนี่นา เค้ก 12 ปอนด์หายเกลี้ยง แล้วก็ของกินอื่นๆที่ซื้อมากันด้วยหมดเลย ผมหันมาดูนาฬิกาอีกทีก็รู้ว่าเที่ยงคืนแล้ว

"อืมม พวกเรากลับกันได้แล้วมั้ง" ผมเสนอ
"ไม่ต้องกลับหรอก นอนกันที่นี่หละ" โชจิชวน
"ก็ได้นะ" ผมตอบ พลางหันไปดูอีกที เคลวินหลับไปแล้ว อิอิ ทำไงได้หละเนี่ย ผมกับโชจิก็เลยเก็บของในห้องนอนเขาแล้วพวกเราก็นอนด้วยกันในห้องของโชจิ
"เคลวิน .......แบงคุง........... ริว..........." โชจิพูดขึ้นมา
"ทำไมหรือ" ผมถาม
"พวกนายรู้ไหม เรานึกว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสอยู่ด้วยกันอีกแล้ว นึกว่าพวกนายเกิดเปลี่ยนไปจริงๆ..............ถ้าไม่มีพวกนายเราก็คง........" เขาพูด
"อืมม..พวกเราสัญญา จะอยู่ด้วยกันไปตลอดนะ........... ผมกับริวพูดด้วยกัน"
"เราเองก็ด้วย" เคลวินพูด ผมนึกว่าเขาหลับไปแล้ว แล้วพวกเราก็นอนหลับกันไป
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ramladun2 ที่ 08-11-2006 15:55:10
เด๋วตอนมืดๆ  จามารออ่านต่อน๊า
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 08-11-2006 16:46:55
มารอต่อด้วยคน  เรื่องนี้ทำไมชีวิตมันดูสมบูรณ์แบบขนาดนี้เนี่ย  ทั้งหน้าตาดี เรียนเก่ง รวย ครอบครัวดี  โหยยยยยย
เฟอร์เฟกเลย  แถมเพื่อนรักแต่ละคนก็ดีมาก ๆ เลย   อยากให้ความรักเค้าสมหวังจัง  ขออย่าให้เศร้าเลยน้า  ไม่อยากเศร้าเลยอะ

ยังไงก็ตามอ่านต่อไปนะค้า  อย่าหายไปนานน้า  รออยู่นะตะเอง  อิอิ   :impress:

หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 08-11-2006 17:57:51
แง่มๆ มาต่อให้นะครับ ใครมี Comment อะไรก็บอกกันได้นะครับ อยากรู้ว่าเพื่อนๆชอบกันไหม

*******************************************************************************************
 :-[12.watashi no tanyoobi - วันเกิดของผม



คราวนี้ก็มาถึงคิววันเกิดของของผมบ้างหละ วันเกิดผมอยู่ห่างจากโชจิไปทางใต้ 27 กม เอ๊ย ไม่ใช่แล้ว วันเกิดผมห่างจากโชจิประมาณ 27 วัน ผมเกิดวันที่ 29 กันยายน แต่วันเกิดผมก็ไม่เคยบอกริวหรือใครๆเลยเพราะผมไม่ต้องการให้เพื่อนมาลำบากกับวันเกิดของผม แบบโชจิ อิอิ............(^-^) วันเกิดของผม วันนี้พวกผมก็พากันไปเที่ยว แถวๆมาบุญครอง แล้วก็เลยต่อไปที่ ดิโอลด์สยาม

"อืมม นี่เราจะเอาอะไรให้ดู" โชจิพูด แล้วเขาก็หยิบรูปออกมาจากกระเป๋าสะพาย Nike ของเขา ผมก็เอามาดู มันเป็นรูปของพวกผม 4 คนในงานวันเกิด โชจิที่เคลวินถ่าย แต่อันสุดท้ายนี่มันเป็นรูปตอนที่พวกผม 4 คนนอนเรียงกันหมดเลย
"โชจิรูปสุดท้ายนี่มาไงอะ ใครถ่าย"
"อ๋อ รูปนั้นหรอ โอกาซังเราเองหละ........ เขาเข้ามาเห็นพอดีในตอนเช้า" โชจิตอบ
"ไหนดูมั่ง" เคลวินพูดพลางหยิบไปดู
"นี่รูปนี่นะเราชอบมากเลย เพราะดูแล้วเหมือนพวกเราเป็นพี่น้องกันงั้นหละ" โชจิพูด เออ วันนี้มาแปลกเนอะ ธรรมดาเขาไม่ใช่คนพูดอะไรหวานๆนี่นา

อืมพูดถึงรูปผมเห็นร้านถ่ายรูปอยู่แถวๆนี้ด้วย แต่เป็นร้านถ่ายแบบขาวดำ แล้วก็มีการแต่งตัวกันด้วย

"นี่ๆไปถ่ายรูปที่ร้านนั้นกันไหม" ผมเสนอ แล้วพวกนั้นก็มองไปที่ร้านนั้น แล้วพวกเขาก็งงกับความคิดของผม พอพวกเราเข้าไปติดต่อถ่ายรูป ก็ถึงได้รู้ว่าเป็นร้านที่เขาให้ถ่ายรูปแบบสมัยก่อนคือถ่ายขาวดำแล้วก็มีชุดให้ใส่ด้วยแบบไทยเดิมเลย
พวกผมก็ตกลงถ่ายกัน แล้วพวกเราก็เลือกใส่ชุดราชประแตนกัน อืม เข้าท่าดี แล้วก็ ผมใส่โจงกระเบนสีทอง ริวเลือกใส่โจงกระเบนสีม่วง โชจิเลือกสีขาว แล้วเคลวินก็ใส่สีน้ำเงิน หลังจากนั้นพวกผมก็ไปให้พี่เขาแต่งหน้ากันแล้วก็ไปนั่งถ่ายรูปในห้องแบบที่เขาจัดแบบบ้านทรงไทยสมัยก่อนเลย มีโต๊ะตัวเล็กต้องตรงกลางห้องข้างหลังเป็นรูปรัชกาลที่ 5 แขวงติดฝาผนัง บนโต๊ะมี กล้วย สับปะรด แล้วก็มังคุด (ที่จำได้ก็เพราะเห็นภาพถายนี่หละคับ ไม่งั้นก็ลืม) พวกผมก็นั่งเรียงกัน 4 คนเลยล้อมโต๊ะตัวเล็กนั่นแล้วก็ถ่ายในรูปแรก รูปที่สองก็คือถ่ายกันทีละคนๆ ก็ดีเข้าท่าดี แบบสุดท้ายเลยเป็นการใส่ Fx คับภาพซ้อนของพวกผม 4 คน พวกเราถ่ายกันทั้งหมด 3 แบบ 3 ชุด ขาวดำ 3ชุด สีเอาไปคนละ 2 ชุดคับ ผมยังเก็บไว้เป็นอย่างดีเพื่อระลึกถึงพวกเขาทุกๆคน

"อืมม นี่มาหาอะไรแปลกๆกันอีกเอาไหม" ริวถาม
"จะทำอะไรหละ" ผมรีบตอบ แล้วริวก็มองหน้าผมแบบยิ้มๆมีเลศนัย เขาก็ไปกระซิบกับโชจิ แล้วก็เคลวิน หลังจากนั้นพวกเขาก็ลากผมเข้าไปห้องแต่งตัว
"หลับตาแป๊บนึง" ริวบอกผม พอผมหลับตาเขาก็เอาผ้ามาปิดตาผมไว้ แล้วก็เริ่มถอดเสื้อผ้าผมออก
"จะทำอะไรอะ" ผมรีบท้วงจะดึงผ้าออกเขาดึงมือผมเอาไว้
"อย่าเพิ่งเปิดตา เราไม่ทำอะไรหรอกน่ะ.......เดี๋ยวดีเอง" ก็เลยยอม ซักพักประมาณ 15 นาที ริวก็ถอดผ้าปิดตาออกให้ ผมพบร่างของตัวเองอยู่ในชุดที่เรียกว่า ......เออ ....ชุดหญิงไทยทางเหนือ แต่เป็นแบบไทยใหญ่ เขาเอาวิกผมมาใส่ด้วย ผมดูแล้วแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าสวยอะไรขนาดนี้ (จะอาเจียรก็ได้นะ ไม่ว่ากันคับ........(^-^).........)

แล้วริวก็พาผมออกไปแต่งหน้า จากเดิมว่าสวยแล้วนะยิ่งเข้าไปใหญ่ (จะอาเจียรรอบ 2 ก็ได้นะไม่ว่ากันคับ........(^-^).........) แล้วริวก็ให้ผมไปปถ่ายรูปนี่เอาไว้ดู แล้วก็ถ่ายคู่กับเขา เออ ..ดูทำเข้าอย่างกับจะแต่งกะเรางั้นเถอะ ฝันไปก่อน............(^-^) ผมก็เลยได้รูปมาเพิ่มอีก 4 ใบ รูปนี้ผมเก็บเอาไว้แบบติดตัวเลยคับ แล้วก็รูปถ่ายรวมกลุ่มของผม 6 คนคับนี่ก็ติดตัวเหมือนกัน

"ทั้งหมด 1000 บาทพอดีค่ะ" เสียงแคชเชียร์ตอนเก็บตังค์
"เดี๋ยวเราออกเอง" ผมพูด
"เอางั้นเหรอ ไม่หารกันหรอ" โชจิถาม
"ไม่เป็นไรแค่นี้เราออกเองได้" ผมตอบกลับ
"อืมม ว่าไปแบงคุงถ่ายรูปผู้หญิงน่ารักนะ" โชจิพูด
"นายพูดงี้หมายความว่าไง.....จะแย่งกับเรารึ" ริวรีบพูดแทรก
"เปล่า.........ไม่เคยเลย แค่อยากชม หึงหละสิ" โชจิสวน
"งั้นเดี่ยวพวกเราก็กลับบ้านกันได้แล้วสิ เย็นแล้วนี่" ผมบอกกับริว
"ไปๆกลับบ้าน ฮิเมะ(Hime-องค์หญิง) สั่งแล้ว" โชจิพูด พวกเราก็พากันหัวเราะ ยิ่งตอนเห็นรูปถ่ายของผม ตอนนั้นผมก็ยังจำวันนั้นได้ดีเสมอ วันเกิดของผมรูปถ่ายที่ประทับใจมาก........

พวกผมก็อยู่บนรถของริวขณะกำลังจะไปส่ง เคลวินที่บ้าน พอจอดรถหน้าบ้านเคลวิน ซักพัก

"ไปลงกัน" ริวบอก
"ลงทำไมหละ" ผมถาม
"ไปเถอะน่ะ" เคลวินบอก ผมนึกแล้วในใจไม่ผิดแน่ๆ อิอิ...........เขาจัดงานให้ผมแน่ๆเลย แล้วก็จริงๆด้วยเขาไม่ได้จัดงานวันเกิดให้ผม แต่เขาก็มีของขวัญที่พวกเขาทั้ง 3 คนร่วมหุ้นกันซื้อให้ผม ก็ดีใจมากๆเลยที่เพื่อนๆยังอุตส่าห์ไปหามา
"ขอให้มีความสุขมากๆนะ" โชจิพูด
"Happy BirthDay" เคลวินบอก แต่เอะ ริวกลับไม่พูดอะไรเลย แงๆๆ ไม่ก็ไม่เป็นไร ช่างเหอะ ยังไงผมก็มีความสุขแล้ว แล้วหลังจากขนของขึ้นรถแล้วก็ไปส่งโชจิต่อ

ตอนอยู่บนรถผมก็ได้แกะของขวัญดู เป็นกระเป๋าสะพายใบใหญ่ของ Kipling สีดำทรง สี่เหลี่ยม น่ารักมากๆเลย ผมชอบมากเลย แล้วก็ส่งโชจิลงที่บ้าน หลังจากนั้นในรถก็เหลือแค่ผมกับริว

"ริว นายรู้ได้ไงว่าเราชอบกระเป๋าแบบไหน" ผมถาม
"ทำไมจะไม่รู้หละ ก็ของใช้นายก็มีแต่ของ Kipling นี่นา นายน่ะแค่มีตราวงกลมติดก็ชอบแล้วไม่ใช่รึ" เขาพูดตอบกลับพลางว่าผมบ้ายี่ห้อ
"พวกนายก็เหมือนกันหละ โชจิก็มีแต่ Nike ล้วนๆ เคลวินก็ Banana republic นายก็ Adidas บ้ายี่ห้อพอๆกันแหละ" แล้วผมก็หัวเราะกับริวในรถกัน 2 คน

พอมาถึงบ้าน ริวก็รีบลงรถพร้อมกับตะโกน ทาไดมะ ตามปรกติ ผมเองก็ด้วยแต่ปรากฏว่า โอกาซัง กับ โอโตซัง ไม่อยู่ มีโน๊ตติดไว้ว่า ออกไปซื้อของ เดี่ยวมา บ้านริวมีรถอยู่ 3 คันอะคับ มีใช้กันคนละคันเลย เป็น Honda 2 Toyota1 พวกผมก็เข้าไปในบ้านด้วยกุญแจของริว

"แบงคุง นายได้ของขวัญนั้นดีใจไหม" ริวถาม
"ก็ดีใจอะนะเราชอบมากด้วย" ผมตอบ
"ถ้ามีคนจะให้ของขวัญที่เล็กกว่านั้น นายจะชอบมากกว่ากระเป๋านั้นไหม"

ผมเริ่มมองหน้าริว

"ถ้าผมจะให้ของขวัญแบงคุง จะเอาไหม" เขาถามซ้ำ
"ถ้าเป็นริวให้ อะไรเราก็เอาหมดหละ" ผมตอบพลางยิ้ม
เขาก็วิ่งฉุดมือของผมวิ่งขึ้นห้องของเขา แล้วเขาก็ให้ผมยืนรอหน้าห้อง เขาก็วิ่งไปเอาของในห้อง ผมก็เดินตามเข้าไป
"นี่ไง................เจอแล้ว" เขาก็วิ่งเอามาหาผมที่เตียง เป็นกล่องของขวัญที่ผมได้รับจากแฟนคนแรกและคนสุดท้ายของผม เป็นของขวัญชิ้นแรกด้วย มันเป็นกล่องเล็กๆประมาณ 5x5x5 cm ข้างในเป็นกล่องสีแดง ถูกผูกด้วยกระดาษสาสีฟ้า แล้วก็มีริบบิ้นสีม่วง สีที่ผมชอบ (ไม่ได้ชอบเพราะเป็นเกย์นะ) ติดอยู่ ผมรับกล่องของขวัญมาจากริว

"สุขสันต์วันเกิดนะคับ" ริวพูด "ลองแกะดูซิคับ"

ผมก็ค่อยๆบรรจงแกะออกง่ายมากเพราะแค่เอาริบบิ้นออกก็ใช้ได้แล้ว เป็นกล่องสักหลาดสีแดง ผมก็ค่อยๆเปิดกล่องออก ก็มีเสียงเพลงดังขึ้น เป็นเพลง eyes on me มันเป็นกล่องเพลง แล้วก็มีตุ๊กตาคริสตอล เป็นรูปคนคู่ (ชายหญิงยืนคู่กัน) ในมือของตุ๊กตาทั้งสองถือแหวนทอง หัวเป็นพลอย สีฟ้า(ไพลิน) แสงของมันสว่างกว่าตุ๊กตาคริสตอลเสียอีก สวยมากเลย (ราคาก็แพงโคตรเลย) ผมงี้มองด้วยความอึ้ง น้ำตามันก็ไหลลงมา ริวเขาก็เอามือมาจับบ่าเราทั้ง 2 ข้าง

"ดีใจไหม"
"อืมมที่สุดเลย.............ไม่ใช่เพราะว่าแพง หรือว่าสวยมากหรอกนะ" ผมอึ้งไปซักพัก วางของลงบนโต๊ะข้างๆเตียง "แต่เป็นเพราะริว..........คน....ที่....เรา...รัก...เป็น....คน....ให้......." ผมพูดช้าๆพร้อมกับมองหน้าเขาไป หลังจากนั้นก็โผเข้ากอดเขา บทเพลง Eyes on me ของ FayeWong ก็ยังคงบรรเลงต่อไป....................................
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 08-11-2006 18:03:59
 :o13.วันเปิดเรียน


วันนี้วันเปิดภาคเรียนที่ 2 ของพวกผมก็ไม่รู้ดิ มันก็ดีใจหละนะที่ได้เจอเพื่อนๆแต่ก็เสียใจที่กลับเข้าวัฏจักรเดิมๆอีกแล้ว การแข่งขันที่มีมากขึ้น แต่ที่รู้สึกเปลี่ยนไปก็คือการมองผมจากคนรอบข้าง เขาก็ยังเห็นผมเหมือนเด็กบ้านนอกเหมือนเดิม คือยังพูดคุยกันดี ไม่เหมือนกับที่พวกเขาทำต่อริว....(^-^) แน่นอนคนน่ารักนี่ อิอิ...............................

แต่พวกเขาก็เริ่มคุยกับริวแล้ว ตอนนี้ทัศนะคติของพวกเขาเปลี่ยนไปบ้างแล้วหละ แต่นิสัยอยู่เป็นกลุ่มๆของพวกเราก็ยังคงเหมือนเดิม หลังจากผมเคารพธงชาติ ก็ขึ้นห้องเรียนของพวกเรา อืมม มันเต็มไปด้วยฝุ่น แล้วพวกเราก็เริ่มจัดกวาดกัน

"เออ แบงคุงรู้ยังนายต้องเลือกชุมนุมใหม่นะ แล้วก็ชมรมด้วย" ริวบอกให้ผมทราบ
"อ้าว เลือกใหม่ทุกเทอมหรอ" ผมถาม
"ใช่" เขาตอบง่ายๆพลางกวาดพื้นไป
"แล้วเราจะเข้าอะไรดีหละ" ผมเริ่มถามกลับแบบลอยๆ
"นี่ไง เข้าชุมนุมนักข่าวกับเราสิ.... แล้วก็เข้าชมรมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ด้วย" โชจิชวน

ผมก็กำลังงงอยู่ไม่รู้จะเข้าอะไรดี ชุมนุมก็มีตั้ง 58 ชุมนุม ในตอนนั้นชมรมอีกกว่าๆ 60 นึกแล้วมันน่าอยู่ไปหมดเลย อิอิ (^-^)

"เข้าเบสบอล กับเราไหม............ แล้วก็เข้าชมรมซอพต์บอล ด้วย" เคลวินถาม ผมยังคงทำหน้าเอ๋ออยู่เพราะไม่สนใจเท่าไหร่ (อ้อ ถ้ามีคนสงสัยนะคับ คือโรงเรียนผมเขามี ชุมนุม ที่ดำเนินงานโดยอาจารย์ แล้วก็ ชมรม ที่มีรุ่นพี่ ม.5+6 เป็นผู้ดำเนินการคับ แยกกัน นักเรียนทุกคนจะต้องมีทั้ง ชุมนุมและชมรมคับ ไม่งั้น ม.ผ.กิจกรรมคับ)
"แล้วแบงคุงเดิมนายอยู่ชุมนุมและก็ชมรมอะไรหละ" เคลวินถาม
"ชุมนุมคอม กับชมรม คอมพ์ไง" ผมตอบ
"เอางั้นเลยหรอ ไม่เบื่อหรอ" โชจิถาม
"ก็.........อะนะ" แล้วผมก็ยิ้มๆ
"นายชอบเล่นกีฬาอะไรบ้าง" ริวถามผม
"วอลเลย์บอล ว่ายน้ำ เทนนิส แบดมินตัน" ผมตอบ
"แล้วนายชอบงานอดิเรกอะไร" เขาถามต่อ
"ก็...มี...ดูดาว เลี้ยงสัตว์ เล่นเน็ต อ่านหนังสือ" ผมตอบเขา
"งั้นนายก็เข้า ชุมนุม วอลเลย์บอล แล้วก็เข้าชมรมดาราศาสตร์สิ" ริวบอก
"อืมม...ก็ดี" ผมตอบ ความคิดดี ตัดสินใจเร็วดีด้วย เข้าท่ามาก อิอิ........
"เอ๋ ริวก็อยู่ชุมนุมวอลเลย์ไม่ใช่หรอ ชมรมดาราศาสตร์ด้วยนิ" เคลวินท้วง ผมก็หันไปมองหน้าริว
"ก็ใช่ไง ทำไมหละ แฟนเขาจะอยู่ด้วยกันมันผิดนักหรอ" ริวถาม ผมงี้อายหน้าแดงสุดๆเลย แบบควันออกหู แล้วตกลงผมก็เลือกแบบนั้นจริงๆอะหละ อิอิ

พอถึงเวลา Home room ตอนเย็น อาจารย์ที่ปรึกษาก็มาให้พวกผมเขียนว่าจะเข้าชุมนุมอะไร ชมรมอะไรแล้ว อาจารย์ก็มาประกาศให้เพื่อนๆทราบ พอประการชุมนุมกับชมรมของผมแล้วก็ริวแล้ว เพื่อนๆก็ซุบซิบกันใหญ่เลย นินทากันเข้าไป เออ เออ ไอ้พวกนี้ โชจินั้นเลือกชุมนุมนักพูด แล้วก็ชมรมบาส (ชมรมไอ้พวกขี้เก๊ก) ส่วนเคลวินนั้นเลือกชุมนุมคอมพิวเตอร์ ชมรมบริหารจิต (พวกนั่งสมาธิไง) อืมม ก็ดีๆกันอะนะ เห็นริวบอกว่า ดาราศาตร์มีทัศนาจรด้วย อิอิงั้นก็น่าสนุกหละ

หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 08-11-2006 18:12:11
 :serius2:14.Computer Program Contest-การแข่งขันทักษะคอมพิวเตอร์


หลังจากเปิดเรียนไปซักพัก พวกผมกำลังเดินอยู่บนอาคาร 7 อันเป็นที่ตั้งของศูนย์คอมพิวเตอร์ โรงเรียน ผมเห็นมีป้ายประกาศ แล้วก็ใบรับสมัคร โครงการแข่งขันทักษะการใช้โปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ทั้งหมด 7 ลักษณะ ได้แก่ 1 โปรแกรมจัดการเอกสาร(Word Lotus-Wordpro) 2 โปรแกรมคำนวน (Excel Lotus 1-2-3) 3 โปรแกรมนำเสนอ (Powerpoint LotusFreelance) 4 โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล (Access) 5 โปรแกรมตกแต่งรูปภาพ (Photoshop Firework) 6 โปรแกรมจัดการด้านเว็บเพจ (Dreamweaver-Go live) 7 โปรแกรมจัดการด้านเสียง (Cool Edit) โดยจะใช้โปรแกรมตัวไหนก็ได้ทำผลงานตามข้ามต้นประกวดวันจันทร์นี้ (วันนี้วันศุกร์) พวกผมเห็นแล้วก็เกิดความคิดที่จะลงแข่งขึ้นมา

พวกเรา 4 คนตกลงจะส่งการตัดต่อภาพเข้าประกวดกัน โดยจะใช้ภาพที่พวกเราไปถ่ายกันที่ ดิโอลด์สยาม มาเป็นภาพที่จะตัดต่อ

"อืมมได้ภาพหลักมาแล้ว ต่อไปจะตกแต่งอะไรหละ" ผมเลือกเอาภาพที่เป็นภาพถ่าย Fx ของพวกเรามาเป็นภาพที่จะลงประกวด
"ก็ต้องหาภาพหลังมาใส่ดีกว่า" ริวเสนอ
"ทีนี้เราจะเอาภาพอะไรมาใส่หละ" โชจิถาม
"เราก็ไปดูตามร้านของจิกซอว์ดิ จะต้องมีภาพสวยๆดีๆแน่ๆเลย" เคลวินเสนอ พวกเราก็เลยนั่งรถออกไปหากันที่มาบุญครอง เดินกันจนเมื่อยแล้วก็ยังไม่ได้ภาพที่ถูกใจเลย ผมเริ่มท้อใจที่จะทำแล้วหละ ก็หามาตั้ง 2 วันแล้วนี่นา ก็ช่วยไม่ได้นี่นา มันเหนื่อยแล้วหละ ยังไม่คืบหน้าเลย ริวก็เลยตกลงไปส่งโชจิกับเคลวินที่บ้านก่อน แล้วพวกเราก็กลับบ้านกันโดยให้เขาไปส่งผมที่หอ วันพรุ่งนี้ก็จะประกวดแล้วยังไม่คืบหน้าเลย
ผมก็นั่งหมุนไปหมุนมาบนพื้นห้อง มองไปรอบๆ พลางนึกถึงของที่หมุนๆผมก็นึกถึงตุ๊กตาคริสตอล ที่อยู่ในกล่องเพลง ที่มันถือแหวนไพลิน (ก็วงที่ผมใส่อยู่นี่หละ) อยู่

"ใช่.......ใช่แล้ว......." ผมตะโกนออกมาโดนไม่มีใครฟังผมอยู่ในห้อง ผมรีบโทรศัพท์หาริว
"ริว เราได้ภาพที่จะมาเป็นพื้นหลังแล้ว"
"จริงหรอ งั้นรอเดี่ยวนะ เดี่ยวจะไปรับ" ริวบอก ผมก็หันไปดูนาฬิกา ไอ้หยา นี่มัน ตี 2 แล้วหรอ งั้นเหลือเวลาอีกก็แค่ 7 ชั่วโมงอะดิเนี่ย เพราะประกวดตอน 9 โมง ผมเองก็ยังงงอยู่ว่าทำไมถึงนั่งหมุนไปหมุนมาได้ตั้งหลายชั่วโมง

หลักจากวางหูลง ไม่ถึง 30 นาทีริวก็มาถึงหอผม แล้วเราก็รีบไปบ้านริวกัน โอกาซัง กับ โอโตซัง หลับกันหมดแล้ว ผมก็รีบขึ้นไปห้องริวเพื่อทำงานต่อ

"ริว นายนอนไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องช่วยเราหรอก"
"ทำไมหละ............อืมมได้" เขาตอบตกลงหลังจากที่คิดไม่นาน เพราะเขารู้ว่าถ้าให้ผมทำจะดีกว่า แล้วก็พรุ่งนี้ผมคงจะเอางานไปประกวดไม่ไหวแน่ๆเขาเลยจะต้องเอาไปเอง เขาก็เลยจะต้องพักผ่อน

ผมก็เริ่ม Scan ภาพโดยเอาแหวนไพลินที่เขาให้ผมมา scan ได้ภาพพลอยเม็ดโตที่สวยงามมากเลย วาววับ แล้วผมก็เริ่ม ตัดต่อโดยใส่ ภาพของพวกเราลงไปในเพชร ใส่กรอบเงา แล้วก็เล่นเงานิดหน่อย ก็เสร็จแล้ว สวยมากเลย ผมชอบใจกับภาพนี้มากเลย เพราะภาพนี้มีความหมายว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

พอผมสั่งให้ PrinterEpson StylusColor600 ของริวพิมพ์ภาพลงบนกลอสซี่จนเสร็จ งานผมก็เสร็จแล้ว ผมเริ่มหันหน้าดูนาฬิกาอีกครั้ง นี่มัน 6โมงครึ่งแล้วนี่นา ผมรีบปลุกริว แล้วก็รีบให้เขาไปอาบน้ำผมเอางานที่พิมพ์เสร็จแล้วให้ริวเอาไปส่ง แล้วผมก็เริ่มนอนในห้องนอนของริว

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอน โอกาซัง มาปลุกตอน 9 โมง โอกาซังบอกว่า "เดี๋ยวริวมารับหนะลูก"
ผมก็รีบไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักพักเขาก็มา ผมลงไปหา ตอนนี้พอมีแรงแล้วหละคับ

"ริว แล้วตอนนี้ใครอยู่ในงานประกวดหละ"
"โชจิกับเคลวิน กำลังนำภาพไปประกวดอยู่นะ พวกเรารีบไปเถอะ"
"อืมม" แล้วผมก็วิ่งขึ้นรถไป หลับบนรถด้วย

พอพวกเราถึงโรงเรียนกัน ก็รีบขึ้นหอประชุมใหญ่โรงเรียน ตอนนี้เขากำลังประกาศรางวัลกันอยู่ ส่วนภาพถ่ายจะเป็นอันสุดท้าย ผมรีบเข้าไปหาพวกโชจิกับเคลวิน

"มากันแล้วหรอ" โชจิถาม
"แล้วมาไหวเหรอ แบงคุงน่ะ" เคลวินถาม
"อืมม....มาแล้ว ก็อย่างที่เห็นนี่หละ" ผมตอบ
"ถ้าได้รางวัลนะ แบงคุง นายออกไปรับนะ" โชจิบอก
"ทำไมหละ" ผมถาม
"ก็นายไม่เคยอกไปรับรางวัลเลยไม่ใช่หรอ ตอนรับเกรดก็เป็นลม ตอนนี้ก็จะได้ออกไปบ้างไง" ริวบอก
"อืมมขอบคุณนะ...... แต่เราว่าพวกเราออกไปด้วยกันนะดีแล้ว" ผมบอก พวกเขาก็พยักหน้า ทำนองว่า งั้นก็ได้
"ผลการตัดสิน การประกวดโปรแกรมจัดแต่งรูปภาพ............... อันดับที่3 ผลงานของนาย สาโรจน์และนายธนนนฐ์ นักเรียนชั้น ม.6/1 อันดับที่2 ผลงานของ นางสาวนภา นางสาวหทัยชนก นางสาว บุญเพ็ง นางสาวอรทัย นักเรียนชั้น ม.5/4 อันดับที่ 1 ผลงานของ นายณรงค์ชัย นายวรพงศ์ นายสถาพร นักเรียนชั้นม.5/1.............."

ไม่มีของพวกเราเลยซักอัน ผมก็งงอะดิ น่าจะได้บ้างนะ

"และลำดับพิเศษของการแข่งขันครั้งนี้ ผลการตัดสินภาพถ่าย ชนะใจกรรมการนะคับ ภาพของ นายประภากร.................นายทิวากร...................นายพิเชษฐ์............นายวชิระ...................ห้อง ม.4/1คับ"

ผมงี้ดีใจสุดๆเลย อาจารย์ที่ตัดสินเขาบอกว่า เป็นภาพที่สวยที่สุด โดยที่ใช้ Fx น้อยที่สุดด้วย เนื่องจากเขาตัดสินกันที่จำนวน Fx ด้วยผมก็ไม่รู้นี่นา เอาเหอะ ได้รางวัลพิเศษมาก็น่าดีใจกว่าได้ที่ 1 เสียอีก


*******************************************************
เดี๋ยวมาต่อ  ตอนดึกๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 08-11-2006 18:14:02
โอ้ว ตามอ่านมะทัน เด่วทยอยอ่านก่อง งิงงงง
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 08-11-2006 21:46:23
โฮธๆๆ 

อ่านตาพร่าเลยผม

สนุกดีครับ 

มาต่อไวๆนะ  ผมรออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 08-11-2006 22:05:41
มาต่อให้แระครับ
*************************************************
 :laugh:15.ChristmasDay-วันคริสต์มาส


ช่วงเปิดเทอม 2 นี้มักจะมีแต่กิจกรรม เยอะมากเลยเพราะใกล้สิ้นปีด้วยของ ฝรั่งก็เพียบ ญี่ปุ่นก็อีกเพียบ ผมก็ชอบใจหละสิ สนุกนี่นาของมันๆแบบนี้หาได้แค่ที่นี่ที่เดียวคับที่โรงเรียนนี้เท่านั้น

ประมาณวันที่ 20 ธันวาคม (วันพุธ) ผมเดินผ่านหน้าห้องหมวดภาษาต่างประเทศ บนอาคาร 4 ผมเห็นติดประกาศ ตอนไปส่งงานวิชาภาษาอังกฤษ "ขอเชิญ นักเรียน ม.ต้น ม.ปลายเข้าร่วมแข่งขัน การร้องเพลงภาษาอังกฤษ ของหมวดภาษาต่างประเทศ มีรางวัลมากมายรออยู่รีบๆสมัคร ก่อนวันแข่งขัน แข่งขันวันที่ 25 ธันวาคมนี้

ผมอ่านประกาศจบแล้วผมก็เดินเข้าห้องเพื่อหาอาจารย์ที่คุมเรื่องนี้ แล้วก็ขอดูของรางวัล ผมเห็นเป็นเข็มกลัด สวยมากเลย

"อันนี้ไม่ใช่เงินของหมวดซื้อหรอก แต่เป็นของบริษัทข้างนอกเขาสนับสนุนมาน่ะนักเรียน ราคาก็หลายพันเลยหละคะ ยังไงถ้าอยากได้ก็สมัครได้เลยนะคะ"

ผมตกลงจะสมัครเลย เพราะกำลังหาของขวัญวันเกิดให้ใครบางคนอยู่

หลังจากนั้นผมก็เลยไม่ค่อยได้ไปอยู่บ้านริวซักระยะ เพราะผมต้องการเวลาซ้อมร้องเพลงบ้างแค่นั้นเอง ผมเลือกเพลง Heal The World ของไมเคิล แจ๊กสันลงประกวดคับ ผมชอบเพลงนี้มาแต่เด็กๆแล้ว ถึงมันจะยาวกว่า 5 นาที แต่เนื้อร้องทั้งหมดผมจำได้เป็นอย่างดี อีกอย่างนะคับ ที่ผมกล้าลงแข่งเพราะผมเองก็มั่นใจในเสียงตัวเองพอดู เพราะผมเคยเรียนร้องเพลงจากสยามกลการมาบ้างนิดหน่อยตอนเด็กที่ยังอยู่กรุงเทพ ก่อนจะไปอยู่ที่ไร่ต่างจังหวัดนะคับ ตอนอยู่ที่นู่นผมก็ไปเรียนกับอาจารย์สอนร้องเพลงก็มีบ้างคับแต่เป็นพักๆ คือแล้วแต่อารมณ์นะคับ ผมก็สามารถร้องเพลง 3-4 ท่อนลมได้สบายคับ

ริวเขาก็คงแแปลกใจที่พักนี้ผมอยากกลับไปบ้านทุกวัน ดูเขาไม่ค่อยสดชื่นเลย แต่เขาก็ยังมารับผมทุกเช้า แล้วก็มาส่งทุกเย็นเลย จนกระทั่งถึงวันคริสต์มาสอีฟที่คนอื่นๆเขามีความสุขกันแต่ผมกลับเป็นทุกข์ วันนี้ริวก็มาส่งที่บ้านผมตามเคย วันนี้ฝนตกอย่างหนักเลยระหว่างทางกลับบ้านผม

"นายจะกลับไปทำไมหละ หอของนายน่ะ ทำไมไม่ไปบ้านเราหละ" เขาถาม
"เราก็อยากอยู่บ้านเรามั่งสิ" ผมตอบ ผมยังไม่อยากบอกเขา
"บ้านเราก็คือบ้านนายเหมือนกันนี่นา" ริวตอบผม
"มันไม่เหมือนกันหรอก เราก็อยากมีเวลาส่วนตัวบ้างนะริว" ผมตอบเขาไป
"นายมีคนอื่นที่ชอบแล้วใช่ไหม" ริวถาม ผมงี้หน้าชาเลย เขาไปเอาที่ไหนมาพูด
"นายพูดอะไรนะ" ผมถามย้ำอีกที
"นายมีคนอื่นที่ชอบแล้วใช่ไหม" เขาพูดซ้ำ
"เปล่านะริว..........เราไม่เคย......แม้แต่จะคิด......" ผมพูดพลางน้ำตาไหลบนหน้า
"งั้นนายก็กลับมาอยู่บ้านเราเถอะนะ" ริวบอก
"ไม่หละ ยังไงวันนี้เราก็ต้องกลับบ้าน" ผมบอกย้ำพลางขึ้นเสียงนิดหน่อย
"ได้....งั้นเดี่ยวเราไปส่งนายที่บ้าน..นายรู้ไหม วันที่ 25 วันเกิดเราแล้ว เราก็อยากฉลอง เรายังมีงานอีกเยอะเลยที่ต้องเตรียม"
"ยังไงวันนี้เราก็ต้องกลับบ้าน" ผมยังย้ำคำเดิม
"งั้นก็ได้.........แล้วเราก็ลาขาดกันไปเลยละกัน" ริวว่าผม
"นายไม่เข้าใจเราเลยนะ.........ริว" ผมพูดพลางก้มหน้า
"ก็ใช่ไง เราก็ไม่เข้าใจนายจริงๆหละ" เขาก็พูดพลางเสียงสั่น "เราขอวันเดียวนะ ขอวันนี้อีกวันนึงที่เราจะอยู่บ้าน แล้วนาย.......แล้วนาย.............หลังจากวันเกิดนาย แล้วนายจะเลิกกับเราหรือไม่ก็แล้วแต่นายแล้วกัน"

ผมพูดจบพลาง ดึงล๊อคประตูออก แล้วเปิดประตูออกไปเลยโดยที่รถยังไม่หยุด เขารีบเหยียบเบรคเพื่อกันไม่ให้ผมไถล พอผมยืนได้แล้วผมก็วิ่งตากฝนออกไปเลย

ผมกลับมานั่งร้องไห้ในห้องอยู่นาน ซักประมาณ 6 โมงก็มีโทรศัพท์มาหาผม โอกาซังของริวนั้นเอง แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง

"งั้นลูกก็ทำต่อไปนะจ๊ะ ริวก็คงเข้าใจเอง"
"แต่ผมก็ไม่รู้ว่าริวจะหายโกรธผมไหม" ผมตอบ
"อย่ากังวลไปเลยจhะ เดี่ยวแม่จัดการให้" คุณแม่บอกให้ผมทำตามปรกติไปเลย ผมก็มั่นใจมากขึ้นผมก็เริ่มซ้อมต่อไป พอดึกๆหน่อยก็นอน แต่นอนไม่ค่อยหลับ

ตอนเช้าผมตื่นมา แล้วผมก็รีบโทรหาโชจิ แล้วก็ให้เขาไปส่งโรงเรียน วันนี้เป็นวันที่แปลกมากเพราะแทนที่ผมจะนั่ง celica ของริวสุเกะ แต่กับนั่ง Prelude สีทองบรอนซ์ของโชจิมาโรงเรียน แล้วผมก็รีบไปรายงานตัว ตอนแรกจะถึงคิวผมแล้วผมยังร้องไม่ค่อยจะออกเลย ไม่รู้เลยว่าทำไมมันไม่ค่อยมีอารมณ์เลย คนที่เรียนร้องเพลงมาก็คงพอทราบนะคับว่าอารมณ์นี่มีผลต่อเสียงอย่างมาก ผมก็ได้ฝากโชจิเรื่องริวด้วย
พวกเราแข่งกันที่ห้องโสตของโรงเรียน ฝนก็ดันมาตกอีก น่าเบื่อ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงคิวผมแข่งเข้าไปทุกทีแล้ว ผมก็ตื่นเต้นมากไม่รู้ว่าทำไม ผมก็เริ่มกลัวๆบ้างแล้ว เพราที่นี่มีนักเรียนที่เรียนร้องเพลงกับ อาจารย์มณีนุช มาก็มากเลยทีเดียว น่ากลัวจริงๆเลย แล้วพวกสยามกลการก็ไม่น้อยเลย

ตาผมแข่งแล้ว ผมก็กำลังไปเอาไมค์ ลอยของผมเองที่ได้มาจากตอนเรียนที่สยามกลการ ไมค์ลอยที่ผมชอบมากที่สุดมาใช้ แต่แล้วก็พบว่าผมลืมเอามันมาด้วย เพราะตอนเช้ารีบจัด + อาการตื่นเต้น แล้วก็ทะเลาะกับริวด้วย มันทำให้ความรอบคอบของผมหายไปเยอะเลยทีเดียว ผมก็เลยตกลงใจใช้ไมค์ของโรงเรียน แล้วก็เดินขึ้นเวที แต่อารมณ์ร้องเพลงมันก็ยังไม่มาเลย ไมค์ของผมก็ไม่ได้เอามา ตอนนี้มันมีแต่ความตื่นเต้นอย่างเดียวเอง พอผมขึ้นไปยืนบนเวที ประตูห้องโสตก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง แล้วก็มีคนๆหนึ่งวิ่งตากฝนมา เพราะตัวเปียกหยดเต็มไปหมด เดินเข้ามาในห้อง ทำท่าเหนื่อยหอบ ในมือถือไมค์ลอยของผมมาด้วย ริวสุเกะเดินถือกล่องไมค์ของผมขึ้นบนเวที แล้วก็ส่งมันให้ผม เขาก็เข้ามาพูดข้างๆหูผม ผมกำลังตกใจอย่างมากไม่นึกว่าเขาจะมาดู

"เราขอให้นายชนะนะ............ใช้ได้เลย Reciver(ไอ้ตัวรับคลื่นไมค์ลอย) เราให้โชจิไปติดแล้ว" แล้วเขาก็เดินลงจากเวที ผมโดน อาจารย์ที่เป็นพิธีกร แซวบนเวทีเลยหละคับว่ามีการใช้ไมค์ของตัวเองด้วย ตอนนี้ผมพร้อมแข่งแล้ว Heal The World ของผม ผมก็เริ่มร้องเพลงนี้จนจบ แล้วผมก็ไปนั่งรอกับพวกริว ธรรมดาคนแข่งขันต้องไปข้างหลังเวที แต่ผมกับลงมานั่งข้างๆผู้ชม อิอิ
"เราขอโทษนะ เราไม่ตั้งใจ" ริวบอกกับผม
"ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ เรารูhว่านายหึง " ผมพูดพลางหยอก เขาก็โอบผมเข้าไปในอ้อมกอดเขาทำให้เสื้อผ้าของผมที่แห้งเปียกหมดทั้งตัวตามเขาเลย

พอแข่งขันกันจบ พิธีกรก็เรียก ผู้เข้าแข่งขันไปบนเวทีเพื่อมอบรางวัล ผมงี้ใจเต้นตุ๊บๆเลย พอมีการประกาศรางวัล ก็เกิดเรื่องอีกแล้วคับคือ ไม่มีที่ 2 ได้ที่1 สองคน คือผมกับรุ่นพี่ ม.5ชื่อพี่กวาง คับคนๆนี่ผมรู้จักดี พี่เขาเป็นนักเรียนอาจารย์มณีนุชนะคับ โอโห เราก็ต้องแข่งกันใหม่ เพื่อเอารางวัลนะคับว่าใครจะได้รางวัลที่ 1 และ 2 แต่ได้อันดับที่ 1 เท่ากันอยู่แล้ว

กรรมการตัดสินให้ร้องใหม่โดยใช้เพลงคนละเพลงกับที่แข่งไปแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเอาเพลงอะไรดี พอดีพี่กวางเขาขึ้นไปร้องก่อน เขาร้องด้วยเพลง One Moment in time ของ วิตนี่ ฮิวส์ตัน ผมก็ลงมานั่งกับพวกริว พลางนึกเพลงที่จะใช้

"เรายังนึกไม่ออกเลยจะใช้เพลงอะไรดี" ผมพูดขึ้น
"ค่อยๆนึกสิ อย่ารีบ" เคลวินพูด
"เอานี่ไหม........Until time ของ Five" โชจิเสนอ ผมส่ายหน้า เนื้อร้องยังไม่ค่อยได้
"ใกล้จบแล้วหละ" เคลวินบอก
"จบแล้วด้วย"โชจิบอก ผมยังนึกไม่ออกเลย ริวเอามือเขามาจับมือผม พร้อมกับยกมือผมขึ้นมาแนบกับหน้าเขา
"เราเชื่อว่านายทำได้" ผมมองตาริว แล้วผมก็เห็นแสงสีฟ้า จากหัวแหวนที่ผมใส่ แหวนนำโชคที่ริวให้ผมมา แหวนนี้ หีบเพลง เพลง eyes on me เพลงที่ผมชอบที่สุด ทำไมลืมมันไปได้ ผมนึกขึ้นได้ แล้วผมก็ยิ้ม
"เรา... เราจะไปเดี่ยวนี้หละ" แล้วผมก็เดินขึ้นเวทีไปเลย ผมคิดจะร้องสดเลยไม่มี Backing Track(ดนตรีประกอบ) ด้วยเพราะไม่ได้บอก อาจารย์เอาไว้ แต่พอขึ้นเวทีไปแล้ว พวกริวก็วิ่งไปหาอาจารย์ที่เล่นดนตรีให้ แล้วดนตรีก็ขึ้น ผมงี้ตกใจเลยเขารู้ได้ไง หรือว่าเขาจงใจบอกผมกันแน่

ด้วยเวลากว่า 5 นาทีบนเวที ทำให้ผมถึงกับเหงื่อแตกเลยทีเดียวทั้งที่เป็นห้องแอร์ แต่แสงไฟมันก็ร้อนไม่ใช่เล่น หลังจากนั้นผมก็ลงมานั่งรอผล แล้วผลรางวัลก็ประกาศออกมา ผมกับพี่กวางยืนอยู่กลางเวที อาจารย์หัวหน้าหมวดต่างประเทศเดินขึ้นมาหาพี่กวาง

"ครูขอ แสดงความดีใจด้วย กับนางสาว เนตรชนกที่ได้ ตำแหน่งอันดับที่ 2 ของการประกวดครั้งนี้นะคะ......และครูก็ขอแสดงความดีใจด้วยที่ นายวชิระ..........ที่ได้รางวัลชนะเลิศ อันดับที่ 1 ไปครองนะคะ...... ครูขอให้พวกหนูทั้ง 2 มีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปค่ะ"
ผมงี้แทบจะคลั่ง ไม่คิดว่าจะได้จริงๆแต่ก็ได้มาแล้ว ผมรีบไปรับมาเลย เข็มกลัดอันที่ผมอยากเอามาให้คนที่ผมรัก
"เราให้นายนะ ริว........" ผมบอกพลางยื่นให้เขา
"ทำไมหละ นายก็พยายามมามากนะ ทำไมไม่เอาไว้เองหละ" เขาถามกลับพลางจะไม่รับของจากผม
"........เราอยากได้มันมาเพราะเราจะให้มันเป็นของขวัญวันเกิดให้กับนาย......." ผมพูดได้แค่นี้ เขาก็เอาผมเข้าไปกอดพลางพูดว่า
"อริกาโต โกไซมัส (ขอบคุณมากๆ)" เขาคงไม่คิดว่าที่ผมทำมาก็เพื่อเขาอะดิ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 08-11-2006 22:11:15
ขออภัยอย่างแรงกับการลืมตอนที่ 16  >_<
 มาแก้ให้แล้วครับ
*************************
 :o16.new tomodachi-เพื่อนคนใหม่


งานวันปีใหม่ได้ผ่านไปแล้ว เมื่อวานนี้พวกเราก็ไปฉลองกับพวกริว ที่บ้านเคลวิน ใช่แล้วไปบ้านเคลวิน เพราะที่บ้านริว วันนั้นต้องเลี้ยงรับรองแขกจำนวนมาก ก็เลยไม่จัดกันที่บ้านริว ไปบ้านเคลวิน ตอนนี้พวกผมก็ต้องไป รร.กันอีกแล้วหลังจากหยุดฉลองกันมาแล้ว
ตอนผมกำลัง Home room อยู่ในห้อง อาจารย์ประจำชั้นก็เดินมา ผมก็งง แกพาเด็กนักเรียนมาใหม่ด้วย 1 คนเป็นหญิง

"สวัสดีค่ะ นางสาวศศิธร...............มาจาก จังหวัดสมุทรปราการคะ จะขอมาเรียนที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะคะ" เขาแนะนำตัว อืมม ก็ดูใช้ได้นะ หน้าตาดีทีเดียว แต่ผมดูแล้วริวไม่ค่อยจะสนใจเธอคนนี้เท่าไหร่เลย ประมาณว่าเบื่อหน้า พวกโชจิก็ด้วย

"ศศิธร เธอชื่ออะไรหละ"ผมถาม
"เราเหรอ ก็ชื่อศศิธรไง" เธอตอบ
"แหม.....เธอ ชื่อเล่นน่ะ มีไหม" ผมถาม "เรานะชื่อ วชิระ......... เรียก แบงค์ก็ได้" ผมบอกต่อ อยากรู้จักไว้ไง
"อ้อ ถ้าชื่อเล่นเราก็ จันทร์ นายจะเรียกเราแบบนี้ก็ได้" หล่อนตอบ
"ทำอะไรอยู่ แบงคุง" ริวถามผมพลางเดินเข้ามาหา
"กำลังคุยกับจันทร์อยู่ ริวก็มาทักทายเขาหน่อยสิ จะได้รู้จักกันไว้" ผมรีบบอก
"แบงคุง" จันทร์พูดพลางทำหน้างง
"ก็ชื่อของเราอะนะ แต่พวกริวเขาเรียกกันแบบนี้" ผมอธิบาย
"นายนี่เห็นเพื่อนๆเรียก กร ไม่ใช่เหรอ" หล่อนถามอีก
"ก็ใช่ แต่เราชื่อริว" ริวตอบ
"พวกนายใช้ภาษาญี่ปุ่นคุยกันด้วยเหรอ" หล่อนถามอีก
"ใช่" โชจิตอบพลางเดินเข้ามาร่วมแจมกับเคลวิน
"มาเร็วๆ โชจิ เคลวิน แนะนำตัวกันหน่อยดิ เพื่อนๆเขาจะได้รู้จัก" ผมบอก 2 คนนั้นก็แนะนำตัว
"งั้นเราขอบอกชื่อเล่นของเราใหม่ละกัน พวกนายก็เรียกเราว่า ฮิโตะมิ(Hitomi) ก็ได้ เราก็ใช้ J-Lan ได้เพราะเราก็เรียนภาษานี่อะนะ แล้วชื่อนี้อาจารย์ที่เรียนด้วยแกเป็นคนตั้งให้" หล่อนอธิบาย
"งั้นก็ doozo yoroshiku ne hitomi" ผมพูด
"Hai doozo yoroshiku" หล่อนตอบ อืมใช้ได้ อิอิ

ตอนกลางวัน พวกผมก็ไปทานข้าวกัน ผมก็ลืมไป พวกเด็กใหม่มักจะสับสนเรื่องสถานที่ แล้วก็ไม่ค่อยจะชินกับสถานที่ด้วย ลืมนึกถึงตัวเองตอนมาแรกๆไปนะ แต่เผอิญโชจิทัก

"อ้าว แล้วเราจะไม่รอฮิโตะมิเหรอ" โชจิถาม
"เออ … ลืมไปเลย" ผมรีบตอบพลางมองหา
"อยู่นั่นไง" ริวบอก
"งั้นเดี๋ยวเราไปเรียกมานะ" โชจิเดินไปหาเธอ แล้วก็เรียกเธอมา
"นึกว่าจะไม่มีเพื่อนกินข้าวแล้ว" เธอพูด พวกเราก็หัวเราะกัน เธอคนนี้หละจะกลายมาเป็นแฟนของใครบางคนในกลุ่มของผม แล้วก็จะเป็นอีกคนในกลุ่มของผม ปัจจุบันกลุ่มของผมมีทั้งหมด 6 คน ตอนนี้กลุ่มของผมมีทั้งหมด 5 คนแล้วคับ
"พวกนายไปซื้อของกันก่อนนะ เดี่ยวเราจองที่ไว้ให้" ริวพูด
"เดี๋ยวเราอยู่ด้วยดิ งั้นหนะ" ผมตอบ
"ไปเหอะ ไปซื้อมาก่อนเลย" ริวพูดพลางไม่อยากให้ผมเสียเวลา
"ไม่เอา" ผมตอบ
"บอกให้ไปไง" เขาเริ่มขึ้นเสียง
"ก็........ได้..........เจ้าค่ะ" ผมตอบแบบยียวนก่อนจะเดินไปซื้ออาหารในโรงอาหาร รร. ผมเห็น ฮิโตะมิกำลังเดินงงอยู่ ตอนแรกกะจะเข้าไปชวนมากินร้านเดียวกัน ถ้าไม่มีอะไรจะกินอะนะ แต่เอะ! โชจิ......พาไปแย้ว อิอิ 2 คนนี้ต้องแบบว่า อิอิอิอิแน่ๆเลย คนนึงหล่อแบบสุดยอด อีกคนก็สวยแบบใช้ได้ ว้าว สูสี อิอิ ดูพวกเขาจะสนิทกันดี

ผมก็ซื้อของกินมาฝากริวด้วย จะได้ไม่ต้องไปซื้อเอง

"ริว มื้อนี้เราเลี้ยงเอง" ผมพูด
"โอ้โห สุกี้ทะเลชุดใหญ่" ริวพูดพลางทำตาโต ทั้งที่ตามธรรมดาตาปิดเป็นเส้นตรง ผมงี้ไม่เคยสงสัยเลยทำไมริวจะไม่เก่งเรื่องสมการคณิตศาตร์ ก็คิ้วกับตาเขาขนานกันเป็นเครื่องหมายเท่ากับ (Equation =) เลย อิอิ ว้า ว่าแฟนตัวเองทำไมกันหว่า สักพัก พวกเราก็มากันครบแล้วก็นั่งทานอาหารกันอย่างอร่อยเลย
"นี่ ฮิโตะมิจัง ชอบทานอะไรบ้าง" เคลวินถาม
"นายอยากรู้ไปทำไม" หล่อนถามกลับ
"บอกเขาไปเหอะ จะได้รู้ด้วย" โชจิบอก
"อืมม ก็ได้ ก็มี พิซซ่า หอยนางรม นัตโตะ" พอถึงนัตโตะทุกคนพากันปากค้างเลย ไอ้ถั่วเน่า ถั่วหมักของญี่ปุ่น เป็นอาหารที่ผมไม่มีวันกินได้ลงเลย
"ฮิโตะมิ เธอเรียนเก่งไหม" ผมถาม เพราะอยากรู้เหมือนกัน
"ก็นิดหน่อยนะ ไม่เท่าไหร่หรอก" เธอตอบแบบถ่อมตน (พอสอบปลายภาคเทอม 2 ดันติด Top ten ของระดับด้วย อิอิ)
"อีเดส เน(ii desu ne ดีแล้ว)" โชจิพูด
"อริกาโต" เธอตอบ
"โดอิตะชิมาชิเตะ(dooita shimashite ไม่เป็นไร)" โชจิตอบ นี่หละคับลักษณะการคุยของคนญี่ปุ่น อิอิเราก็เป็นมาเยอะนะ

ตอนเย็นพวกเราก็กำลังจะกลับบ้าน ผมก็เลยถามฮิโตะมิ

"บ้านเธออยู่ทางไหน" ผมถาม
"ก็อยู่แถวกิ่งเพชร ทำไมหรอ"
"dewa watashitashi to issho ni anata no uchi e kimasen ka (ถ้างั้น ไม่กลับบ้านกับพวกเราหรือคับ)" โชจิถาม
"sore wa ii desu ne (เป็นความคิดที่ดีนะ)" เธอตอบ แล้วพวกผมก็ไปนั่งอัดกันบนรถ ริว ธรรมดารถคันนี้นั่งกัน 4 คน ตอนนี้เบียด 5 อูยย .แทบแย่

ตอนเช้า พวกผมกำลังออกบ้าน แล้วก็ไปรับเคลวิน

"วันนี้ไม่ไปรับโชจินะ" ริวบอก
"ทำไมหละ" ผมรีบถามกลับ
"เขาบอกเดี่ยวเขาจะเอารถมาเอง" อ้องี้เอง อยากนั่งกะสาวสวย 2 คนน่ะสิ อิอิ เคลวินก็รู้เรื่องแล้ว ผมดิยังไม่รู้ เขาบอกแค่นี้ก็ดูไม่ออก โชจินะตกหลุมรักเข้าแล้ว อิอิ......งานนี้หนุกแน่เลย

จริงด้วย เช้านี้พอมาถึง รร.ผมก็เห็นรถ Honda prelude สีทองบรอนซ์ของโชจิ คันโปรดของเขา ขนาดไม่ค่อยจะยอมขับเลย ไม่เหมือน celica ริว ประจำทุกงานจนดูโทรมไปเยอะ แล้วพวกผมก็เดินหาโชจิกัน ซักพักผมก็เดินไปห้องสมุดที่ๆพวกเราจะสิงสถิตกันในตอนเช้าเพื่ออ่านหนังสือ ผมก็พบกับ ภาพ 2 คนนั้น นั่งติวหนังสือกัน โชจิน่ะเก่งระดับแนวหน้าโรงเรียนเลย ไม่มีทางสอนไม่ได้อยู่แล้ว อิอิ

"เป็นไงมากันแต่เช้าเลยนะ" ผมทัก
"ก็ดีนะ" โชจิตอบ
"ฮิโตะมิ นั่งรถใครมากันเอ่ย" ผมถาม เธอก็อายหน้าแดงเลย
"เมื่อเช้าโชจิโทรมาบอกว่าเดี่ยวมารับ เราก็นึกว่าพวกนายจะมาด้วย แต่โชจิมาคนเดียวเอง" เธอตอบพลางส่งค้อนอันเบ้อเริ่มให้กับโชจิ เขาก็รับส่งกันดี น่ารักดีด้วย อิอิ เราก็หวีดกะริวดีกว่า ผมแค่คิด ก็มีคนมาโอบร่างมาแล้วก็หอมแก้ม การกอดแบบนี้มีคนเดียวหละ ริวสุเกะ
"เอ๊ย ริว ทำอะไรอะ" ฮิโตะมิ ถาม
"ก็......แบงคุงเป็นแฟนเราน่ะ" เขาตอบแบบหน้าตาเฉย ผมงี้หน้าแดงก่ำเลย เธอเองก็งงเล็กน้อย แต่เธอก็เข้าใจอะนะ ก็ดีไป ตกลงกันว่าต่อไปฮิโตมิก็ให้โชจิดูแลไป อิอิ



 :impress:17.Hitomi's Tears-น้ำตาลูกผู้หญิง


วันต่อมา พวกเราก็ไปโรงเรียนกันตามเดิม พอเข้าคาบบ่ายหลังจากพักเที่ยง ฮิโตมิก็ไปห้องน้ำ พวกเราก็เรียนกันไปซักพัก ผมเห็นว่าทำไมเขาไม่กลับมาซักที ผมเองก็งงอยู่เหมือนกัน คนธรรมดามีหรือจะเข้าห้องน้ำถึง 45 นาที เพราะนีjมันหมดคาบแล้ว พวกเราก็บอกนักเรียนหญิงในห้อง พวกเขาก็ช่วยกันไปหา ซักพักก็เห็นฮิโตมิมา มีเพื่อนไปช่วยออกมา โดนขังในห้องน้ำนะคับ เห็นเพื่อนๆบอก

"ไปทำอะไรอยู่นjะ" โชจิถาม
"เรา.......เรา....ถูกแกล้ง" เธอตอบพลางจะร้องไห้
"อย่าร้องนะ นิดหน่อยเอง" เคลวินปลอบ
"ทำไม เราไปทำอะไรให้เขา เขาถึงบอกให้เราไปสำนึกตัวอยู่ในนั้น เรายังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ"เธอพูดพลางน้อยใจ
"เอาเหอะ ไปเรียนกันได้แล้ว" โชจิบอก วันนี้คาบสุดท้ายก็เป็นคาบพละ พวกผมก็เอาของไปเก็บในล็อกเกอร์ แล้วก็ไปห้องเปลี่ยนชุดกัน เอาอีกแล้ว เขาเรียนกันไปตั้งนานแล้วแต่ทำไมฮิโตมิไม่มาซักทีหละ จนหมดคาบ โชจิก็เลยวิ่งออกไปตามหา ผมก็เดินไปถามเพื่อนผู้หญิง
"ก็พอดี ฮิโตมิ ใช้ห้องเปลี่ยน คนสุดท้ายไง พวกเราก็มากันก่อนนะ เนี่ยเธอยังไม่มาเลยสงสัยโดนแกล้งแน่ๆ"
(หลังจากนี้เหตุการณ์นี้โชจิเล่าให้ฟังคับ) โชจิเดินไปหา แล้วก็ไปตามที่ห้องเปลี่ยนชุดธรรมดาแล้วเนี่ยไอ้ห้องนี้ ห้ามผู้ชายเข้าคับ คือเข้าไปรับรอง โดนสอบสวนยับเลย เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเข้าไปเจอ นร.หญิง 2 คนจากห้อง 4/2 กำลังหาเรื่อง ฮิโตมิอยู่ เขาได้ยินมาว่า "อ่อยเหยื่อนักหรอ เดี่ยวแม่ก็ตบหันเลย"

ผมหละเชื่อเลย สาวไทยใจกล้าหาญ (หน้าด้าน) กำลังรุมไม่น่าเชื่อ ก็บ้านเรามันแบบนี้จริงๆอะนะ คนหล่อๆก็ต้องทำใจ โชจิก็เข้าไปเอาตัวเธอออกมา (หลังจากนี้ผมเห็นแล้วหละ ตามเข้าไปดู)

"พิเชษฐ์ ทำแบบนี้กับแอ๋มได้ไง แอ๋มชอบพิเชษฐ์นานแล้วนะ" 1ใน 2 คนนั้นพูด
"ใช่ ยายนี่เป็นใคร มาแย่งผัวชาวบ้าน" อีกคนพูด ผมงี้เก๊กชงเลย เจอแบบนี้
"หน้าด้าน" โชจิพูดแล้วก็เมินพลางเดินไปดึงมือฮิโตมิออกมา พวกนั้นก็รุมกันหน้าดูเลย
"นายวชิระ เธอมาทำอะไรที่นี่" ผมงี้ซีดเลย เสียงอาจารย์สอนคณิตศาสตร์
"เออ…รอเพื่อนผมคับ" ผมตอบ
"พวกเธอไม่รู้จักอายบ้างรึไง เป็นสาวมาทำตัวเป็นโส...(คำนี้หยาบมาก)" โชจิ พูดใส่พวกนั้นเสียงดังมาก
"เสียงพิเชษฐ์ไม่ใช่หรอ" อาจารย์ถาม
"ไม่ใช่หรอกคับ อาจารย์เข้าใจผิดเปล่านี่ ห้องเปลี่ยนชุด น.ร.หญิง นะอาจารย์ เขาคงไม่เข้าไปหรอกคับ"ผมรีบกลบเกลือน
"เราขอพูดนะ อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก ไม่งั้นพวกเธอได้โดนดีแน่" โชจิพูดเสียงดังมาก
"ชัดเลย" อาจารย์พูดพลางเดินเข้าไป ไอ้หยาตายแน่ แล้วเรื่องก็ลงเอยด้วยดีคับ อาจารย์จัดการให้
"ครูรู้ว่าคนอย่างพิเชษฐ์เป็นยังไง ครูไม่คิดว่าเธอเป็นพวกโรคจิตหรอก" อาจารย์พูด แล้วก็เดินพายาย 2 คนนั้นไปเข้าห้องปกครอง อิอิ สมน้ำหน้า

โชจิพาฮิโตมิมานั่งที่ระเบียง

"ฮิโตมิ ผมขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อน" โชจิพูด ผมก็ได้ยินอะนะ
"ไม่เป็นไร แค่นี้เอง" เธอตอบแบบเรียบง่าย พวกเขาก็พลางจ้องหน้ากันแล้วโชจิก็กะฉวยโอกาสกำลังจะโอบเข้าไปจูบ อิอิ ลืมไปเหรอว่าเรายังอยู่ พวกริวก็ดูกันจากระยะไกล อิอิ ฮิโตมิก็ผลักเขาออก
"เรารอคนที่เราชอบอยู่นะ อย่าเลย มันไม่ดี" เธอตอบ "ไปกลับบ้านกันเหอะ" ฮิโตมิตะโกนเสียงดัง แล้วก็มองมาทางพวกผม ก็คงเห็นแล้ว พวกเราก็พากันกลับบ้าน

พอถึงบ้านผมยังงงกับคำว่า "เรารอคนที่เราชอบอยู่นะ" ผมก็รู้สึกว่าโชจิจะอาการไม่ค่อยดีด้วยเมื่อเธอปฎิเสธ อิอิ ผมก็เลยโทรไปหาโชจิ แล้วก็คุยกับเขาสักพัก ดูเหมือนเขายังคงคาใจอยู่ แล้วผมก็บอกให้เขารอสักพัก ผมก็จัดการโทรอีกหมายเลยหนึ่งเข้าหาฮิโตมิ แล้วก็เชื่อม 2 สายเข้าด้วยกัน ด้วย PAPX Box แล้วก็ถามเธอ "ที่พูดว่า เรารอคนที่เราชอบอยู่นะ หมายความว่าไง"

โชจิกับผมก็นั่งฟังเงียบๆ

"ก็ถ้าเขาชอบเรา เขาก็น่าจะบอกเรามากกว่านะ เราชอบให้เขาบอกเราก่อน เราชอบผู้ชายตรงไปมาแบบโชจินี่หละ แต่ถ้าเขาไม่บอกเราก่อน เราก็คงยังไม่.....แบงคุงคงเข้าใจนะ"
"อืมมก็เข้าใจหละนะ อยากให้เขาบอกรักใช่ไหมหละ แล้วคนที่รออยู่ก็คือ โชจิถูกไหม" ผมถาม
"ก็คงใช่ เขาเป็นคนดีมากๆเลยนะ เขาน่ารักมาก ที่มาช่วยเราถึง 2 ครั้ง ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันด้วยซ้ำ" เธอพูด
"เป็นไง โชจิ พอใจไหม" ผมถามโชจิ ตอนหลังฮิโตมิบอกว่าตอนนั้นเธอตกใจมากเลยที่โชจิฟังอยู่ด้วย แล้วผมก็บอกให้เขา 2 คนคุยกันโดยไปต่อสายกันเอาเอง อิอิ กามเทพเสร็จงานแล้วนี่นา ไร้ประโยชน์นะ เดี่ยวเป็น ก.ข.ค. แล้วเขา 2 คนก็เป็นแฟนกัน อิอิ โชจิให้เกียรติเธอมากเลย ไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากับเธอเลยด้วย แม้ว่าจะมีโอกาสอีกหลายครั้งก็ตาม เขาเคยบอกว่า จะรอจนพวกเขา 2 คนได้แต่งกัน อิอิ แหวะ.............(^-^) ทีนี้ก็เหลือพ่อหนุ่มสุดท้าย ที่ไม่ได้สมหวังในความรักเลย ได้แต่รักเขาข้างเดียว
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 08-11-2006 22:15:33
 :-[18.Valentine Day-วันวาเลนไทน์


วันนี้ทุกปีโรงเรียนของผมก็มีการจัด ให้เฉพาะ น.ร.หญิงเท่านั้นเอง แข่งขันจัดดอกกุหลาบ เข้าประกวดกัน ปีนี้ผมก็เสนอให้ฮิโตมิลงด้วย พวกเราก็อยากให้เธอทำผลงาน เพราะพวกน.ร.ทุกคนต้องทำ Portfolio สะสมผลงานไม่มีผลงานละก็ไม่ได้เลื่อนชั้นแน่ๆ

ฮิโตมิ เธอเรียนการจัดแจกันดอกไม้มาด้วย ก็ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือจะชนะหรือเปล่า พวกเราก็ไปหาของเตรียมมาจัดกัน ตามที่ฮิโตมิ ร่างแบบไว้

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พวกผมได้ สั่งกุหลาบมาแล้ว เป็นกุหลาบพลาสติก ก็สวยดีเหมือนจริงมาก แต่ดอกจะเล็กๆ ทีนี้ก็หาแจกันและของตกแต่งอื่นๆ พอลองทำออกมาแล้วก็ปรากฎว่าสวยคับ ใช้ได้เลย วันแข่งจริงเขาให้ทำโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่นี้ก็ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าเอง ก็ไม่มีปัญหาอะไร รับรองได้เข้าแข่งแน่ๆ ไม่แน่ก็ชนะเลิศด้วย อิอิ ถ้าไม่มีปัญหานั้นเข้ามา

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตอนเย็นของวันนี้ พวกผมก็ได้เรียนวิชาพละกันเป็นคาบสุดท้าย ซ้อมวอลเล่ย์บอล กันอยู่ พอเลิกก็มีคนตะโกนเรียก

"รีบพาจันทร์ ไปห้องพยาบาลเถอะ"

ผมก็หันไปดูมีอะไรกับฮิโตมิเหรอ โชจิวิ่งไปดูแล้วก็พาไปห้องพยาบาล ผมเห็นมีผ้าพันข้อมือด้วย ก็เลยงง ไปถามเพื่อนผู้หญิงดู เขาบอกว่า ฮิโตมิพุ่งเข้ารับลูก แต่มันไปชนกำแพงโรงยิมแทน ผมนึกแล้ว หวาดเสียวเลย ข้อมือไม่หักเอาก็บุญแล้ว
พอตามลงไป โชจิบอกว่า

"เห็นอาจารย์บอกว่าเอ็นฉีกขาด" เขา 2 คนก็คลอเคลียกันใหญ่เลย อิจฉาอะ
"แล้วพรุ่งนี้จะแข่งไงหละ" เคลวินถาม เออ ผมก็ลืมไป
"ไม่เป็นไร เราก็พอไหวนะ" ฮิโตมิตอบ
"งั้นก็ดีแล้ว พยายามเข้าหน่อยละกัน พรุ่งนี้ก็เอาอีลาสติก (ผ้ายืดๆคล้ายๆถุงเท้านะคับเอาไว้พันตามข้อกันช้ำ) พันเอาไว้ก่อนละกันแต่ยังไงวันนี้ก็ต้องไปหาหมอ" ริวบอก
"อืมม เดี่ยวเราพาไปเองนะ" โชจิพูดกับแฟนสุดที่เลิฟ
"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง" ฮิโตมิพูด
"ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง" โชจิพูด ผมหละนึกแล้วเชียวโชจิ ธรรมดาทำขรึมจริงๆแล้วก็โรแมนซ์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆเลยนะเนี่ยะ

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พวกเราก็มากันแต่เช้า มีงานแข่งตอน 9 โมงก็เลยรีบมาหาของเตรียมตัวกัน แต่ผมกับริว เคลวิน โดนรถติด มาถึงก็ 8 โมงแล้ว ก็รีบไปดูเพราะงานกำลังจะเริ่ม จัดงานแข่งในหอประชุม ข้างในหอเต็มไปด้วยกลิ่นกุหลาบสด แต่ของพวกเราไม่ได้ใช้กุหลาบสดอะนะ ก็เลยไม่มีกลิ่น พวกเราก็นั่งลุ้น แต่เห็นเลยว่าเธอทำงานได้ยากขึ้นเพราะมีมือข้างเดียว อีกข้างใช้ไม่ถนัด และดันเป็นมือขวาอีก แย่เลย

"แย่แล้ว ยังไม่เสร็จเลยจะหมดเวลาแล้ว" เคลวินพูด
"แล้วจะทันไหมนะ" ผมถาม
"ก็แล้วแต่ตัวเขาเองหละ" ริวบอก

ผมหันไปเห็นโชจิ เดินไปไหนก็ไม่รู้ มาอีกทีก็เอาชุดแปลกมา ชุด น.ร.หญิงแต่เอามาทำไมกัน

"เอาหละ ถึงเวลาปลอมตัวกันแล้ว" โชจิพูด ทุกคนก็มองมาทางผม หมายความว่า............(^-^!) แล้วผมก็ต้องเปลี่ยนชุดอีกแล้วคับ
เมื่อเรียบร้อยก็ตรวจดูความแน่นของวิก โอเค ได้ แล้วผมก็เดินไปช่วยฮิโตมิ ตอนแรกเธอตกใจมากเลย เพราะใครก็ไม่รู้ แต่ดูไปดูมาก็คงจะรู้หรอกมั้ง ผมก็จัดไม่ค่อยจะเป็นด้วย แต่ก็คอยตัดกิ่ง ดัดกิ่งให้เธอได้ งานพวกเราก็เสร็จทันจนได้ เหนื่อยแทบตายแนะ ฮิโตมิก็เอาไปส่ง แล้วผมก็รีบวิ่งหนีออกมาไม่งั้นก็ต้องขึ้นบนเวทีด้วย เปลี่ยนชุดกลับมาแล้ว ก็โวยวายใส่ ริวกับโชจิยกใหญ่เลยพวกเขาก็หัวเราะกันใหญ่เลย นี่ถ้ามีเพื่อนๆในห้องคนไหนจำได้นะ ผมละอายเขาตายเลย

".................ผลการตัดสิน รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1....................2....................3..............." ไม่ติดเลยซักอัน แย่จังเลยไม่มีชื่อด้วย
"เดี่ยวก่อนฟังนี่ก่อน" โชจิพูด
"รางวัลชมเชยนะคับ ได้แก่ผลงานของนางสาว ศศิธร............... " แล้วก็มีคนอื่นๆอีกนิดหน่อย แล้วฮิโตมิ ก็เดินมาหาพวกเรา
"ขอโทษนะ เราทำได้แค่นี้เอง" เธอพูด พลางเสียใจเล็กน้อย พวกผมก็อึ้งกันหมด ทั้งที่เธอตั้งใจกันมากเลย
"อย่าเสียใจเลยนะ ถึงกรรมการจะไม่ให้ที่ 1 แต่ดอกไม้แจกันนี้ก็ได้ที่ 1 จากใจผมไปแล้วหละ" โชจิพูดพลางปลอบเธอแล้วก็ โอบเธอไว้อะนะ เราก็อิจฉานะเนี่ย
"นายเองก็พยายามได้ดีแล้ว" ริวพูดแล้วก็กอดเราไว้

อ้อวันนี้ผมกับ ฮิโตมิได้ดอกไม้ช่อใหญ่จาก 2 หนุ่มมากันคนละช่อ ของผมกุหลาบแดง ส่วนฮิโตมิได้กุหลาบขาว อืมพวกผู้ชายนี่คิดอะไรโรแมนติกดีจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 08-11-2006 22:44:35
"........เราอยากได้มันมาเพราะเราจะให้มันเป็นของขวัญวันเกิดให้กับนาย......."

 :impress3:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 09-11-2006 10:04:38
แล้วตอนที่ 16 มันหายไปอ่า  :untrust:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: lui ที่ 09-11-2006 11:38:03
โอะ มีคนชอบเรื่องนี้ด้วย
เราก็ได้อ่านเหมือนกัน >_< หลายปีแล้วนะเนี่ย ที่ .... 
จำได้ว่าตอนอ่านจบนั้น ถึงกับไปฝึกเรียนภาษาญี่ปุ่นเลยนะ :P
ประทับใจ ^^
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 09-11-2006 14:31:40
อิอิ  เรื่องนี้น่ารัก น่ารัก  บรรยากาศเบา ๆ ดี  ชอบค่ะ  แบงก์นี่ชอบทำอะไรให้คนเซอร์ไพร์สเนอะ  แบบจนเค้างอนไปแล้วอะ ถึงจาได้รู้ความจริงอะ  แต่ก็ทำให้ซึ้งดีเนอะ "เราอยากได้มันมาเพื่อเป็นของขวัญให้กับนาย" น่ารักโครตตตตตต 

รออ่านต่อปายยยยยย  มาเร็ว ๆน้า อิอิ  ว่าแต่ตอนที่ 16 หายอย่างคุณ GoneOn ว่าจริง ๆ แหละ จับผิดมาสองเรื่องแล้วดิ  คุณ GoneOn อะ   :yeb:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 09-11-2006 18:24:42
แหม ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดซะหน่อย จริงก้ออ่าน แล้วก้อไม่ได้สนใจเลขตอนหรอกนะ

แต่พออ่านๆ ก้อ

อ้างถึง
วันต่อมา พวกเราก็ไปโรงเรียนกันตามเดิม พอเข้าคาบบ่ายหลังจากพักเที่ยง ฮิโตมิก็ไปห้องน้ำ พวกเราก็เรียนกันไปซักพัก ผมเห็นว่าทำไมเขาไม่กลับมาซักที


อ้าวว ฮิโตมิ!!    :o   ใครง่ะ  :confuse:

ยังงัยฝากคุณ Lonely Wind  ด้วยน๊า
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 09-11-2006 20:13:31
หุหุหุ..สนุกดีครับ

แต่ผมอ่านแค่เรื่องริวกับแบงคุงนะ

โชจิกับฮิโตมิผมข้ามไปอ่ะ  <<.....ผมไม่ชอบผู้หญิง !!~

แต่ถ้าเคลวินคู่กะผู้ชายผมจะรับไว้พิจารณา 555+
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 09-11-2006 21:02:24
 ขอโต๊ดก๊าบบบบ

มะวานเบลอ ปายหน่อย    >_< ขออภัยอย่างแรง  ตอนที่ 16 แก้ให้แล้ว น๊า
อน่าโกรธกันน๊า :impress:

*************************************************************
 :laugh:19.Sport Games-กีฬาภายในของโรงเรียน



หลังจากวันวาเลนไทน์ไปได้ ประมาณ อาทิตย์นึงละมั้งครับ โรงเรียนของพวกเราก็มีการแข่งขันกีฬาหลายประเภทครับ แยกแข่งทั้งในโรงยิม สนามเอกประสงค์ แล้วก็สระว่ายน้ำด้วย เรียกว่าใช้หมดพื้นที่เลยทีเดียวคับ อ้อโรงเรียนของผมแบ่งออกเป็นคณะสีคับ มีทั้งหมด 5 คณะสีคับ พวกผมทั้งห้องเลยอยู่คณะสีเขียวคับ

ผมก็ลงแข่งด้วยนะ ก็ผมก็ชอบเล่นกีฬานี้นา ผมเล่นวอลเล่ย์บอลคับ แล้วก็ได้เป็นตัวจริงนักกีฬาด้วย ริวก็ลงแข่งวอลเล่ย์บอลกับผมด้วยคับ โดยมากพวกลงแข่งก็จะอยู่ ชุมนุมวอลเล่ย์บอล แล้วก็อยู่ชมรมวอลเล่ย์บอลด้วย โชจิก็ลงแข่งคับ เขาลงแข่งบาสเก็ตบอลด้วยคับ เคลวินก็ลงเหมือนกันน่าจะเป็นเทนนิส ฮิโตมิลงแข่งยิมนาสติกลีลาใหม่ด้วย ว้าว น่าไปดู อิอิ

แต่แล้วพวกผมทุกคนก็ต้องแข่งรวมกันคือ เบสบอลคับ โรงเรียนผมมีแข่งกีฬาสารพัดอย่างเลย เลือกไม่หมดจริงๆเลยคับ กีฬาภายในที่จัดเป็นเวลาถึง 3 วัน วันแรกจะแข่งประเภท กรีฑา กันคับ วันที่ 2 ก็กีฬาประเทภต่างๆ ส่วนวันสุดท้าย ก็จะมีพิธีต่างๆ ขบวนพาเหรด แฟนซี เชียร์ + Leader ด้วยคับ อ้อผมกับ โชจิเป็น Lead ชายให้กับคณะด้วย แล้วก็จะมีกีฬาใหญ่ๆอย่าง ฟุตบอล แล้วก็เบสบอลคับ งานแข่งเริ่มตั้งแต่ 7 โมง และสิ้นสุดประมาณ 5 โมงเย็นคับ ตลอด 3 วัน

กีฬาสีวันแรก วันนี้ก็มีการแข่งกันแล้วคับ เพื่อนๆในห้องผมคนหนึ่งเขาลงแข่งขันกระโดดสูงด้วยคับ พวกเราก็ไปตามดูกันถึงขอบสนามแข่งเลยคับ โรงยิมที่ว่ากว้างก็เต็มไปด้วยผู้คนเลยหละคับ ก็รู้สึกว่าวันนี้พวกผมจะไม่มีใครได้แข่งอะไรกันเลยเพราะโดยมากจะแข่งประเภท กีฬากันมากกว่า กรีฑาคับ ผมดูได้ไม่นานก็มีคนมาเรียก

"แบงคุง ไปได้แล้ว" โชจิบอก
"ไปไหนอะ"
"ไปซ้อมนะสิ" เขาพูดพลางเดินไป
"อ้อใช่ ผมยังต้องไปซ้อมลีดด้วย ลืมไปเลย ยังไม่ได้ท่าตึกถล่มเลย ท่านี้สุดๆท่าทำได้น่าจะได้ที่ 1 เลยคับตึกถล่มเนี่ย หลังจากนั้น ผมก็ไปฟังริวเล่ามา ส่วนตัวผมก็ไปซ้อมลีดคับ

ตอนเย็น พวกเราก็มาดูพวกผมซ้อมกัน อายเป็นนะ ชุดก็สุดยอดเลย เซ็กซี่มากเลยอะ เป็นชุดแบบแขกคับ พวกคนเตรียมชุดนี้ก็เป็น ม.6 คับเรื่องสแตนเชียร์ กับลีดเดอร์ จะเป็นพวก ม.6 เตรียมกันนะคับ แต่พวกเราก็ต้องช่วยถ้าพี่เขาเรียกไม่งั้นโดนยำ อิอิ ก็นับว่าจัดลีดได้ดีอะคับ คณะผมมีลีด 4 ชุด แบ่งเป็นชุดใหญ่ 1ชุด (ชุดนี้เอาไว้ประกวดคับ ก็ไอ้ที่ผมลงนี้หละ) เป็นแบบแขกเลยคับมีทั้งหมด 20 คน ลำบากน่าดูเลยเวลาซ้อมก็ห้ามใครมาดูด้วย ชุดกลาง 1 ชุด ชุดนี้เอาไว้เชียร์ที่สแตนเชียร์คับ มีทั้งหมด 12 คน แล้วก็ชุดเล็ก 2 ชุด มีทั้งหมดชุดละ 8 คน ไว้ไปเชียร์ตามสนามแข่งคับ พวกนี้เหมือนมากเลย รุ่นน้องมาบ่น ผมก็สงสารนะแต่เราก็เหนื่อยพอกัน

"เอ้า นับ 3-4" เสียงหัวหน้าลีดรุ่นพี่สั่ง ในขณะที่พวกผมก็เริ่มแปรขบวนเตรียมตั้งตัวในท่าตึกถล่ม
"แปรขบวนเสร็จสิ้น พร้อม" พวกเราต้องรับพร้อมกันเวลาตั้งแถวเรียบร้อยแล้ว
"ตึกถล่มพร้อม 3-4 แปรขบวน" หัวหน้าลีดสั่งตั่งท่าตึกถล่ม อิอิ มันอีกแล้ว ผมกับโชจิเป็นฐานอะคับ ฐานใช้ลีดชาย 6 คน คุกเข่าแล้วก็ให้ ลีด.หญิง 5 คนขึ้นไปซ้อนทับคล้ายๆกับกำแพง แล้วก็มีอีก 4 คนขึ้นไปซ้อนรวมเป็น 3 ชั้น
"แปรขบวนเสร็จสิ้น ตึกถล่มพร้อม" พวกผมตะโกนรับเมื่อตั่งท่าเรียบร้อยแล้ว
"Count Down" เสียงพี่เขาสั่ง แล้วพวกผมที่เป็นฐานก็จะเอนตัวลงข้างหน้า แล้วก็นอนราบลงไปกับพื้น พวกข้างบนหละลำบาก ทรงตัวยาก ก็ต้องกันไม่ให้หน้าคว่ำหละคับ ผมหละชอบจริงๆเลย ออกซาดิสดี
"ใช่ได้นี่" ริวพูด ผมก็พลางเดินมาหาเขาเสร็จจากซ้อมแล้ว
"แหม โชจิแต่งตัวน่ารักจังเลย" ฮิโตมิพูดเสียงดังจนได้ยิน พวกเขาก็พากันเดินออกมาทางเดียวกัน
"โหชุดนี้ วาบหวิว มากเลยนะเนี่ย" เคลวินพูด
"ก็ใช่อะดิ เสื้อนะแถบไม่ปิดอะไรเลย" ผมตัดพ้อ มันก็จริงๆอะนะต้องโชว์ตัวหมดเลย
"รีบกลับบ้านเหอะ วันพรุ่งนี้จะต้องแข่งกีฬาแล้ว" โชจิพูด
"เราพร้อมกันแล้วหละจริงไหม ริว" ผมถามริว
"ใช่.....เราซ้อมกันทุกวัน" เขาตอบ
"ซ้อมกันทุกวัน ซ้อมบนสนาม หรือซ้อมบนเตียงหละ" โชจิพูดย้อน พวกผมถึงกับสะอึกเลย เดี่ยวนี้มันปากจัดมากเลยไอ้ขี้เก๊กเนี่ย แล้วพวกผมก็พากันกลับบ้าน

กีฬาสีวันที่ 2 วันนี้หละคับพวกผมจะต้องลงแข่งด้วย ว้าว.......ผมได้ตารางแข่ง มาแล้วก็มาดูกับคนอื่นๆ วอลเล่ย์บอล แข่งอันหลังสุดคือหลังจากเที่ยง ตอนเช้ามี แข่งยิมของฮิโตมิ ในโรงยิมตอน 8 โมงคับ 10โมงมีแข่งบาสของโชจิ แล้วตอนบ่ายก็ของผมกับริว แล้วก็เคลวินคับ แข่งเวลาเดียวกัน

"ประกาศ ขอให้นักเรียนที่ลงแข่งขัน ยิมนาสติกลีลาใหม่รายงานตัวภายใน 20 นาทีนี้ด้วยค่ะ"
เสียงประกาศในโรงยิม พวกเราก็ไปคอยดูกัน ฮิโตมิเล่นใส่ชุดของตัวเองมาเลย สุดยอดเลย โชจิเห็นแล้วเลือดกำเดาออกเลย อิอิ คิดอะไรในใจหละเนี่ย ผมก็ดูยิมไม่ค่อยจะรู้เรื่องแต่ก็มีคนพากษ์ให้ฟังเสมอว่า เสียคะแนน คนนี้ได้คะแนนอะไรทำนองนี้หละ ถ้าผมดูเป็นก็จะบรรยายให้ฟังได้หรอกแต่ดูไม่เป็นอะคับ

พอฮิโตมิแข่งจบ ก็มีประกาศดัง

"ขอให้นักเรียนที่ลงกีฬา เบสบอลให้มารายงานตัวภายใน 20 นาทีด้วยค่ะ"

ผมกำลังจะหันไปบอกโชจิ แต่เขาวิ่งไปแล้ว เปลี่ยนชุดแล้วด้วย อืมม จากเดิมที่เท่หุ่นดีอยู่แล้วใส่ชุดแบบนี้นะ น่าเข้าไปกอดที่สุดเลย น่ารักมาก หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง โชจิก็แข่ง พวกผมก็ไปดูกัน ฮิโตมิก็มาดูทั่งที่ใส่ชุดนั้นหละ เล่นเอาพวกนักบาสหันมาดูบ่อยๆเลย

"เข้าไปแล้วคับ ลูกชูต 3 คะแนนจากเบอร์ 7 ของสีเขียว นายพิเชษฐ์คับ" โอ้โห เก่งนี่
"พิเชษฐ์ ตัวบุกหลักของทีมคับ กำลังบุกเข้าฝ่ายสีแดง คับ" เสียงโฆษกบรรยาย โชจิก็เข้าไปชู้ตลูกใต้แป้น เขาโดนเบียดจนลูกระเด็นเลย แล้วก็ตอนลงก็เสียหลักด้วย ล้มลงไปกับพื้นไม่พอ ยังเอามารองด้วย ทำเอาต้องหยุดเล่นเลย หลังจากทำเต้มไป 24 แต้ม
"เป็นไงบ้างหละ" ผมถามขณะพาคนเจ็บไปห้องพยาบาล
"ก็นิดหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอก" เขาบอก
"ทีหลังระวังหน่อยนะ" ฮิโตมิพูดพลางพยุงเขาไป
"นี่เธอ เรานะแค่ข้อมือเจ็บนะ ไม่ต้องพยุงก็ได้ไม่ใช่ขาแพลง" เขาพูดพลางทำหน้าอายๆ ซึ่งผมก็กำลังจะถาม
"เอาน่า......."ฮิโตมิพูด .แล้วเขาสองคนก็พยุงกันไปห้องพยาบาล ผมหละงง จริงๆเลย
"ประกาศ นักเรียนที่ลงแข่งขันกีฬา วอลเล่ย์บอลให้ไปรายงานตัวภายใน 30 นาทีด้วยค่ะ"

อ้าวประกาศเรียกแล้ว ผมก็ไปเลยเพราะนัดกับริวไว้แล้ว ผมมาแล้วผมยังไม่เห็นริวเลย นี่ก็จะแข่งแล้วนะเขาหายไปไหนหละ ถ้าเขาไม่มาผมก็ไม่ลงด้วยหละ ไม่กล้าแข่งคนเดียว

"แข่งขันรอบแรกสีเขียวกับสี แดงนักกีฬาประจำที่ได้" เสียงกรรมการสนามประกาศ
ริวยังไม่มาเลย ทำไงดีหละ ผมก็คิดพร้อมกับมองหาอยู่ แล้วก็มีคนเอามือมาจับไหล่ผม
"มองหาอะไรอยู่ หนูน้อย ลงสนามได้แล้ว" ริวนั่นเอง แล้วเขาก็จูงมือผมลงสนามแข่ง กลางโรมยิม
"โห.....มีการจูงมือกันลงสนามด้วย" ผมหันไปมองต้นเสียง ไอ้โชจิกับฮิโตมินั่นเอง มาแล้วรึ ก็แสดงว่าไม่เป็นไรมาก

เสียงสัญญาณนกหวัดดังจากรรมการเริ่มได้ ผมอยู่ตำแหน่งกลางหลัง ส่วนริวอยู่ตำแหน่งกลางหน้า ฝ่ายผมเสิร์ฟก่อน พวกม.4เพื่อนผมเองชื่อบอยแต่คนละห้องกัน เขาตบได้แรงมากเลย เสิร์ฟมือบนนี้แบบ สตรีเหล็กเลย

"ปึง" เสียงเสิร์ฟไปแล้ว พวกผมก็เข้าท่าพร้อมรับกันแล้ว ฝ่ายนั้นรับได้แล้วเขาก็ส่งลูกกลับ มาตรงกลาง ผมก็จะเข้าไปรับ แต่ริว เอ๊ย ริวสุเกะ เขาก็ดันถอยมารับอีกทั้งที่มันเลยเขามาแล้ว เขาก็เลยชนผมเข้าเต็มๆ เลือดกำเดาออกท่วมเลย อาจารย์ก็เลยให้เปลี่ยนออกก่อน ผมก็ออกมาก่อน อาจารย์บอกไว้รอบุกแล้วค่อยเข้าไปใหม่

เกมส์ก็เริ่มไปเรื่อย ฝ่ายผมยังไม่ได้เสิร์ฟเป็นลูกที่ 2 เลยแต่คะแนนก็พอๆกัน 7 : 8 คับ ตามเขาอยู่ ตานี้หละผมได้ลงแล้ว ตำแหน่งผมก็คือตรงกลางหน้า ริวอยู่ข้างซ้ายผม รุ่นพี่ที่ชมรมอยู่ในตำแหน่งเสิร์ฟ พี่เขาเสิร์ฟไป ฝ่ายนั้นเขารับได้ ตบกลับมา ตรงกลาง มันเลยผมไปแล้ว รุ่นพี่ข้างหลังเขาก็รับ แล้วก็ส่งมาทางริว

"ตบ" ริวตะโกนบอกผม พร้อมกับตั้งลูกให้ผม ผมก็ตบมันลงไปคับ ว้าว.....ได้คะแนนแล้วคับ ผมทำได้หละ ลงพอดีเลยกลางๆสนามเลย อิอิ เสียงสัญญาณเป่าพักครึ่งก็ดังขึ้น

หลังจากพักแล้วพวกผมก็ลงต่อ มีการเปลี่ยนตำแหน่งกันนิดหน่อยด้วย คราวนี้ริวเสิร์ฟ ผมอยู่หน้าเขา เขาเสิร์ฟไป ฝ่ายนั้นก็รับได้อีก ริวเสิร์ฟเบาจะตายไป อิอิ อ่อนๆ เขาก็โต้กลับมาทางซ้าย เพื่อนผมก็เข้าไปรับคับ แล้วก็ส่งลอยมาทางผม

"หยอด เลย" ริวตะโกนบอก ได้เลย ผมก็หยอดลงไป อิอิ สำเร็จ หยอดหน้าเน็ตเลย ตอนนี้ 14 : 10 แล้วคับ ผมนำ อิอิ ทำได้ 2 ลูก ริวดิทำได้เพียบเลยวันนั้นพวกเราก็เลยชนะกันมาได้ อิอิ แต่ก็เข้ารอบแค่ได้เหรียญทองแดงเท่านั้นเอง ว้า แย่จังเลย

ผมแข่งเสร็จก็ บ่าย 4 โมงเย็นแล้ว รีบไปดูพวกเคลวินแข่ง ผมก็ไม่ได้ดูเพราะเขาแข่งเสร็จแล้ว ก่อนผมอีก ทุกคนไปรอกันหมดแล้วเหลือแต่ผมกับริวนี้หละ แข่งช้าสุด อิอิ ฮิโตมิเขาได้เหรียญเงินมา 1 อัน โชจิออกจากสนาม (รางวัลอะไรเนี่ย) ผมได้เหรียญทองแดง เคลวินได้เหรียญเงินมาคับ ก็นับว่าไม่เลวเลยกับการแข่งขันกีฬาภายในครั้งนี้.....สนุกจริงๆ ผมยังจำถ้าตบลูกแรกของผมได้ดีเลย พวกรุ่นพี่ๆที่ชุมนุม เขาเรียก ท่าตบใบไม้(ไม่)ไหว คือผมตบไม่มีเสียงเลยคับแต่มันแรงพอดูเลย....... (^-^!)

ส่วนวันสุดท้ายผมจำไม่ค่อยได้ ผมไปแค่แข่งลีดอย่างเดียวแล้วก็ลาพี่ๆเขากลับบ้านมาเลย เพราะไม่ค่อยสบายคับ หวัดแดด อาการหนักพอดูหละคับ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 10-11-2006 00:23:26
 :laugh:20.Summer-ปิดเทอมฤดูร้อน


หลังจากพวกผมสอบกันเสร็จหลังงานกีฬาสีประมาณ 3 อาทิตย์ พวกผมก็ปิดเทอมฤดูร้อนกัน พวกเราก็มาตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนอะไรกันบ้าง

"เราอยากไปต่างจังหวัด" ฮิโตมิบอก
"อ้าวแล้วคุณพ่อคุณแม่เธอไม่ว่าหรอ" โชจิถาม
"ไม่หละ เราบอกท่านแล้วว่าอาจจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่ไม่ได้บอกว่า ชาย หรือหญิงนะ ท่านก็เลยให้"เธอตอบ
"งั้นก็ดี พวกเรามันอิสระอยู่แล้ว ตกลงจะไปไหมกันหละ" โชจิถาม
"อ้าว เจ้าแม่จอมบงการบอกมาเลย" เคลวินพูดพลางมองมาทางผม
"นั่นดิ จะไปไหน........" ผมพูดขึ้นมาลอยๆ
"ไปบ้านพักตากอาการของบ้านเราไหม" ริวถาม
"ที่ไหนหละ" ฮิโตมิรีบถามเลยเพราะเธอสนใจอยู่มาก "ก็แถวๆชลบุรีไปทางฉะเชิงเทราน่ะ"ริวตอบ
"ก็ดีตกลงไปกันเลย"ผมพูดทุกคนก็พยักหน้าในที่สุดพวกเราก็มีที่เที่ยวกันแล้ว

พวกผมออกเดินทางไปกันตอน 9 โมงเช้าของวันศุกร์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงบ้านพักของริว เออ ใหญ่พอดูเลย แบบตกใจ อยู่ในหมู่บ้านฝรั่งที่ชื่อ แกรนด์วัลเล่ย์ หรืออะไรทำนองนี้หละ ผมก็ไม่แน่ใจ ที่บ้านนี้มีสระว่ายน้ำในตัวด้วย พอพวกผมไปถึง ก็งงนิดหน่อยคือ มีคนทำคามสะอาดบ้านให้ด้วย ผมนี่หละงง คนอื่นๆเขารู้กันหมดว่าบ้านแบบนี้มักจะมีพนักงานทำให้อยู่แล้วโดยจ่ายค่าเช่าเอา
พอพวกเราเก็บของเข้าที่กันแล้ว ผมก็เดินไปตู้เย็นเปิดออกมา ก็พบกับสภาพสุญญากาศ เอ๊ย ศูนย์ว่างเปล่า

"ริว ตู้เย็นไม่มีอะไรเลยหละ" ผมตะโกนบอกเขา
"งั้นเดี่ยวพวกเราออกไปซื้อกันที่ตลาดใกล้ๆนี้ก็ได้" เขาตะโกนบอกผมจากข้างบน
"งั้นเดี่ยวพวกเราไปซื้อให้ก็ได้" โชจิกับฮิโตมิเสนอตัวเข้ารับงาน
"งั้นก็ได้" ผมตอบ
"รีบไปรีบมานะ" เคลวินพูด
"ไม่ต้องเลย นายก็ต้องมากับพวกเรา" โชจิพูด "นายจะให้ฮิโตมิขนของหรอ" เขาถาม
"ก็ได้ๆ"แล้วพวกเขาก็พากันออกไป

เย็นวันนี้พวกเราก็ทำอาหารทานกันเอง ปรกติผมจะได้ทานอาหารฝีมือโอกาซัง แต่ตอนนี้เป็นฮิโตมิกับของตัวเอง เพราะพวกที่เหลือทำอะไรไม่เป็นเลย

"นี่ รู้เปล่าตอนไปซื้อของในตลาดน่ะ เคลวินเจอกับสาวด้วย" ฮิโตมิแซว
"จริงเปล่า" ผมรีบถาม
"อย่าพูดอีกได้เปล่าหละ เออ แค่ไปชนเขาเอง" เขารีบแก้ตัว
"แค่ชน แล้วทำไมต้องขอโทษเขามากมายด้วย แถมมีการขอเบอร์โทรไว้ด้วย" โชจิแซว
"ไอ้พวกบ้า......." เขาว่าแล้วก็ทำหน้าแดงๆ
"อายเป็นด้วยหรอ" ริวถามตรงๆ
"ใครจะหน้าด้านอย่างนายเล่า" เขาพูด พวกเราก็เลยหัวเราะ
แล้วหลังจากเก็บของกันเสร็จแล้ว พวกเราก็แยกไปนอนกัน ห้องนอนมี 3 ห้อง ผมไปนอนกะริว โชจิไปนอนกับ เคลวิน ฮิโตมิไปนอนแยกต่างหาก ก็ช่วยไม่ได้อะนะแทนที่จะนอนกะโชจิ มีโอกาสแล้วแท้ๆ อิอิ.......(^-^)
"ริว นี่เคลวินเขาน่าจะหาแฟนได้แล้วมั้ง" ผมถามเขา
"ก็คงงั้นหละ" เขาตอบสั้นๆ
"จะเป็นไงหนอ เคลวิน" ผมพูดลอยๆ
"เขาก็ต้องพยายามสิ หาคนรักทั้งคน"
"อืมม คงงั้นหละ" ผมตอบ
"ก็อย่างเราไง ลำบากแทบตายเลย"
"ลำบาก ลำบากตรงไหน" ผมถามเขา
"ก็ลำบากมาหลายปีกว่าจะหาคนน่ารักได้ไงหละ" เขาตอบพลางโอบกอดผมไว้แล้วก็............

ตอนเช้าพอพวกเราลงมาทานข้าวกัน โดยจะไปทานกันที่สโมสร เขามีห้องอาหารไว้ด้วย แล้วก็จะได้เล่นในสโมสรเลย พวกผมก็เดินกันมาจนถึงสโมสร เพราะในหมู่บ้านนี้ผมแทบไม่อยากใช้รถเลย มันน่าเดินไปหมด สวยจริงๆเลย ยิ่งสโมสรยิ่งสวยมากๆๆๆ
พวกผมก็มานั่งทานกันที่โต๊ะ โต๊ะนี้นั่งได้ 6 คนเป็นแบบวงกลม ก็ดีนะ

"เอ้า สั่งของกินกันได้แล้ว" โชจิพูดพลางหยิบเมนูให้ฮิโตมิ แล้วก็ของตัวเอง
"ดูสิ ส่งให้แต่แฟนตัวเอง" ผมท้วง
"เอ้า แฟนคุณเขาก็ส่งให้แล้วไม่ใช่เหรอ" โชจิถาม ริวก็ยื่นเมนูให้ผมพอดี
"ขอบคุณนะ" ผมพูด
"อ้าว เราเลยไม่มีใครส่งให้เลย" เคลวินท้วง
"นายก็ให้ผู้หญิงคนเมื่อวานมาส่งให้สิ" โชจิพูดดักคอ เขาอายหน้าแดงเลย

หลังจากสั่งรายการอาหารกันแล้วขณะที่พวกผมนั่งทานกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงแก้วแตกดังมา

"เสียงอะไรอะ" ผมถาม
"แก้วแตกมั้ง จากในครัวนะ" โชจิพูด
"เออ เมื่อคืนนี้ได้ยินเสียงอะไรไหมตอนนอนน่ะ" ฮิโตมิถาม
"ตอนไหน" ผมรีบถามเพราะอยากรู้
"ก็ราวๆ ครึ่งชั่วโมงหลังจากพวกเรานอนกันไปแล้วหนะ" เธอบอก ผมก็นั่งนึกเสียงอะไรหว่า หันไปทางริว เขาหน้าแดงเลย ผมก็งง
"ริวทำไมต้องหน้าแดงด้วยหละ" ผมถาม
"ก็เราไงต้นเหตุเสียง" เขาตอบแบบอายๆ
"ริวนะเหรอ แล้วทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย" ผมก็ยังคงซื่อบื่อต่อไป
"นายก็ต้นเหตุเสียงด้วยอะหละ" ริวพูดอีกครั้ง แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินมักกะโรนี ผมก็มองหน้าทุกคน เขาก็หัวเราะผมกันหมดเลย
"ตกลงเรื่องอะไรหละ" ผมถาม
"เมื่อคืนทำไรกันหละ ลั่นบ้านเลย" โชจิพูด ขึ้นมาตรงๆ ผมงี้รู้ตัวแล้วก็เกิดอาการอายดิคับ หน้าแดงมากเลย
"ใช่ เสียงดังมาก เล่นเอานอนไม่หลับเลย" เคลวินพูด ผมก็ยิ่งอายใหญ่
"แล้วนายจะหลับได้ไงก็นอนกับโชจิ ไมใช่สาวคนเมื่อวานนี้นี่นา" ริวพูด เขาอายยิ่งกว่าริวอีก ตลกดีนะพวกเราเนี่ย แล้วพวกผมก็นั่งเล่นในสโมสรกัน ผมเล่นแบดกับริว เคลวินด้วยส่วน โชจิไปเล่นเทนนิสกับ ฮิโตมิ ตอนเย็นพวกเราก็กลับบ้านกันหลังจากทานอาหารเย็นที่สโมสรกันแล้วก็กลับบ้าน

ระหว่างทางกลับบ้าน ผมเห็นสระว่ายน้ำ "ริว ที่นี่มีสระน้ำด้วยหละ" ผมบอก
"ดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยมานะ" เขาบอก แล้วเขาก็เดินกุมมือผมนำหน้าออกไป
"วู่ๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงจากพวกข้างหลัง แล้วพวกผมก็หันไปดู ก็พบภาพโชจิกับฮิโตมิแสดงละครเลียนแบบผมกัน
"ว้าว โชจิ เราเห็นสระว่ายน้ำด้วยหละ อยากลงเล่นจังเลย" ฮิโตมิพูดเลียนแบบผม
"นี่มันก็ดึกแล้วนะจ๊ะ เดี๋ยวคืนนี้ผมก็ไม่มีแรงมอบความรักให้คุณหรอก" โชจิพูดออกมา ผมงี้อายมากเลย
"ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคืนนี้ไม่สนุก" ฮิโตมิแสดงละครต่อ
"งั้นเอาไว้พรุ่งนี้นะจ๊ะที่รัก เรามาคลายกันในสระน้ำนะจ๊ะ คืนนี้ไว้ก่อนนะจ๊ะ" โชจิพูดจบ ริวก็วิ่งไล่เตะเขาไปจนถึงบ้านเลย
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-11-2006 08:55:29
แหม ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดซะหน่อย จริงก้ออ่าน แล้วก้อไม่ได้สนใจเลขตอนหรอกนะ

แต่พออ่านๆ ก้อ

อ้างถึง
วันต่อมา พวกเราก็ไปโรงเรียนกันตามเดิม พอเข้าคาบบ่ายหลังจากพักเที่ยง ฮิโตมิก็ไปห้องน้ำ พวกเราก็เรียนกันไปซักพัก ผมเห็นว่าทำไมเขาไม่กลับมาซักที


อ้าวว ฮิโตมิ!!    :o   ใครง่ะ  :confuse:

ยังงัยฝากคุณ Lonely Wind  ด้วยน๊า

แบบนี้เขาเรียกว่า อ่านได้ละเอียดละออ น่ายกย่องนะครับ
เวลาผมอ่านบางทียังจดจำรายละเอียดไม่ค่อยได้เลย คิกคิก
ปรบมือให้ครับ
แต่ระวังนะครับ เวลาสงสัยอะไรที่อาจกระทบต่อผู้เขียนโดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องเล่าอิงประสบการณ์
บางทีผู้เล่าก็แต่งเติมบ้าง ก็ไม่ต้องสงสัยมากนะครับ
 แค่ได้รับความสนุก ประทับใจในการอ่านก็โอเคแล้วนะสำหรับผม เอิ้กๆ

ว่าแต่รู้หรือยังครับว่าฮิโตมิเป็นคราย ผมก็อ่านนานหล่ะ จำ บ่ ได้  :pigha2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 12-11-2006 04:15:31
ถึงนี่แร้วววว  ไม่อยากบอกว่าเราก็ข้าม ๆ ฮิโตมิไปเหมือนกัน  5555  มองหาแต่ผู้ชาย อิอิ   :-[

มาต่อเลยน้า  อยากอ่านแล้วอะ รออยู่น้าตะเอง  :impress:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 13-11-2006 18:35:13
โทษทีนะครับที่มาต่อให้ช้า   พอดีคอมมันงอแง๊เลยต้องล้างบางมัน

ต่อเลยนะครับ
*******************************************************

 :laugh:21.News Tomodachi 2 - เพื่อนใหม่ 2.

ตอนเช้า พวกผมก็ออกไปเที่ยวกันในตลาด ไปหาของกินกัน ก็คงประมาณ 7 โมงนะคับ

"มองอะไรอยู่เคลวิน" โชจิทัก
"คงกำลังหาสาวเมื่อวันก่อนหละสิ" ฮิโตมิแซว
"พวกนายนี่นา จริงๆเลย" เขาพูด แล้วก็ชนกะใครบางคนเข้า ล้มลงทั้งคู่เลย
"เออ ขอโทษคับ" เขารีบพูด
"อ้าวเคลวิน คนเมื่อวันก่อนนี้นา" ฮิโตมิพูด
"จริงเหรอ" ผมถามแล้วก็รีบหันไปดู สาวคนที่เคลวินสนใจ เธอก็เป็นคนขาว สวยด้วยพอใช้เลยคับเรียกว่าแข่งกับฮิโตมิสบาย
"ขอโทษนะคะ เจอกันอีกแล้ว" เธอพูด
"เธอชื่ออะไรหรอ" ผมรีบถามเพื่อจะได้รู้จักเอาไว้เผื่อเพื่อนเรา อิอิ
"ชั้นหรอคะ ฟู ค่ะ" อืมม คนไทย sure เลยชื่อ ฟูๆ
"เออ ขอโทษนะที่เพื่อนผมเสียมารยาท ไปชนเธอเข้า 2 ครั้งแล้ว" ผมรีบพูดต่อ
"ไม่เป็นไรค่ะ" ฟูตอบ
"ฟู บ้านเธออยู่แถวนี้เหรอ" ผมรีบถาม พลางทำหน้าด้าน คิดในใจเพื่อเพื่อน ด้านไว้เพื่อเพื่อน
"ไม่ใช่หรอกคะ ชั้นเดินออกมาจากหมู่บ้านน่ะ มาซื้อของในตลาด ในหมู่บ้านมีแต่สโมสร ไม่มีตลาด" เธอตอบ
"งั้น เพื่อเป็นการขอโทษนะ พอดีพวกเราจะไปทานเข้าเช้ากัน จะไปด้วยกันไหม" ฮิโตมิถาม
"จะดีหรอคะ เพิ่งรู้จักกัน" ฟูฟู สาวน้อยยังปฏิเสธ
"ไปเหอะ จะได้คุยกันเยอะๆหน่อยนะ" ฮิโตมิเริ่มเข้ามาช่วยผมแล้ว ส่วน 3 หนุ่มยังคงไม่มีอาการอะไรเลย
"งั้นก็ตกลงค่ะ" สาวน้อย ฟูฟู ตกลงแล้ว อิอิ

พวกเราก็ไปนั่งทานอาหารทะเลเผาที่เขาจับมาเผา แบบสดๆเลยผมหละสงสารมัน ตายทั้งเป็นเลยสงสารมาก แต่ทำไงได้ก็ต้องกินอะนะ

"นี่ฟู เธออายุเท่าไหร่แล้ว น่าจะพอๆกับพวกเรานะ" ฮิโตมิถาม
"ชั้นเหรอคะ ปีนี้ก็ 16 แล้วค่ะ" เธอตอบ แล้วพวกเราก็คุย แนะนำตัวกันนิดหน่อย แล้วพวกเราก็ทานอาหารเช้ากันจนเสร็จ
"อืมม แล้วเธอไม่ไปทานอาหารเช้าที่บ้านหรอ" ผมถาม
"อ้อ พอดีเบื่ออาหารที่บ้านน่ะค่ะ ก็เลยออกมาทานข้างนอก คนอื่นๆเขาทานกันแล้วมั้งคะ" เธอตอบ

พวกเราก็ทานกันจนอิ่มแล้วก็ได้เวลากลับแล้วหละ

"อืมม เดียวพวกเราไปส่งเอาไหม" ฮิโตมิถาม
"จะดีหรอคะ" ฟูฟู เริ่มปฏิเสธอีกแล้ว
"บ้านอยู่แถวไหนหละเดี๋ยวพวกเราไปส่ง" ผมพูด
"บ้านฉันอยู่ในหมู่บ้าน แกรนวัลเล่ย์ น่ะค่ะ" เธอตอบ
"หมู่บ้านเดียวกันหรอ" ผมถาม
"งั้นเหรอคะ ดีเลย" ฟูพูด
"งั้นก็ไปกันเลย" เคลวินพูด ผมเพิ่งเห็นเขาพูด ตั้งแต่กล่าวคำขอโทษ แล้วก็หน้าตาสดชื่นมากขึ้นเยอะ

พอพวกเราไปส่งที่บ้านเธอ ถึงรู้ว่า โถ่เอ๊ย ที่แท้ใกล้กันแค่หยิบมือเอง บ้านตรงข้ามกันเลย เธอก็พาพวกเราเข้าไปทักทายกับคุณพ่อคุณแม่เธอ

"คุณพ่อคะ คุณแม่คะ หนูพาเพื่อนมาให้รู้จักค่ะ" เธอบอกคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอ
"ยินดีต้อนรับนะ บ้านหนูๆอยู่ไหนกันหละจ๊ะ" คุณแม่เธอถาม
"อยู่บ้านตรงข้ามนี่หละค่ะ พอดีมาพักปิดเทอมกันคะ" ฮิโตมิตอบ
"งั้นพวกหนูก็ไม่ได้อยู่บ้านนี้ตลอดนะสิจ๊ะ" คุณแม่เธอถาม
"ก็ใช่คับ พวกผมเรียนกันใน กทม.คับ นี่เป็นบ้านที่คุณพ่อผมซื้อเอาไว้มาเที่ยวนะคับ" ริวตอบคุณแม่ของฟูๆๆ
"อ้อ เด็ก กทม. งั้นฟูก็มีเพื่อนไปเรียนแล้วสิ" คุณแม่เธอพูด พวกผมก็งง
"พอดีชั้นปีหน้าชั้นจะย้ายเข้าไปเรียนในโรงเรียนในกรุงเทพน่ะค่ะ" เธอตอบ
"พวกเราเรียนกันที่ รร. ..............สายวิทย์คณิต มีปัญหาก็มาหาได้นะยินดีช่วยเหลือ" ฮิโตมิตอบ
"อ้าว ก็โรงเรียนที่ฟูจะย้ายเข้าไปนี่" คุณแม่เธอร้องทัก
"หนูสอบได้เข้าห้อง 5/1 ค่ะ แล้วพวกฮิโตมิละ" เธอย้อนถาม
"พวกเราก็ 4/1 เก่านี่หละ" ผมตอบ แล้วพวกเราก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ได้เพื่อนใหม่ รู้จักก่อนเพื่อนๆที่ห้องด้วย แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาเจอกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 13-11-2006 18:39:35
 :-[22.Fuuko Fuujan-ฟูโกะ ฟูจัง



วันต่อมาพวกผมก็ชวนฟู ไปสโมสรกัน เพื่อไปเล่นกีฬากันนิดหน่อย

"ริว ตกลงพวกเราจะได้ไปว่ายน้ำกันไหม" ผมถามเขา
"อ้าว ก็ไปสิ ทุกคนเขาก็เอาชุดว่ายน้ำมากันหมดแล้ว" ริวตอบ
"อ้าว แล้วไมไม่บอกหละ" ผมรีบถามเพราะไม่ได้เอามา
"ก็พวกเรานึกว่านายจะเอามาด้วยนะสิ ก็เห็นว่าอยากว่ายนัก" ริวพูด
"งั้นเรากลับบ้านไปเอากัน" ผมบอกริว แล้วเรา 2 คนก็เดินกลับบ้านกัน

ผมผมหยิบของเสร็จก็ไปที่สโมสรเลย ผมกับริวก็เห็นภาพของใครบางคนที่กำลังจะเป็นคู่หวานคู่ใหม่ของห้อง อิอิ

"เคลวินทำไร" ผมถาม
"ก็โชจิ กันไปเล่นเทนนิสกับฮิโตมิจัง เราก็เลยไม่อยากกวนไง" เขาตอบ
"ก็เลยมานั่งคุยกับฟูเหรอ" ผมถามต่อ
"ค่ะ พอดีชั้นว่าง เคลวินก็เลยมานั่งเป็นเพื่อน" ฟูรีบตอบ
"แบงคุงไปเร็วเหอะ อย่าไปขวางเขา" ริวบอก ผมก็เดินตามริวไปสระน้ำ
"ดูแลฟู ให้ดีๆหละ ไม่งั้นโดน" ผมพูด แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดลงสระกับริว ส่วน 2 คนนั้นเขาจะทำอะไรบ้างผมก็ไม่รู้หรอก ผมก็สนใจแต่เล่นน้ำกับ ริวแค่นั้นเอง ซักพัก ก็มีอีกคู่ตามเรามาลงน้ำ
"แบงคุงมาแล้วก็ไม่บอก" ฮิโตมิว่าพลางโดดลงน้ำ โชจิก็ตามาทันที

พวกเรา 4 คนก็อยู่ในสระน้ำเล่นกันจนกระทั่งเที่ยงเลย ผมน่ะคนเหนือก็ต้องขาว แต่ตอนนี้ออกคล้ำๆแล้ว ฮิโตมิเธอกลับไม่ดำลงเลย พวกเราก็ขึ้นจากน้ำมาทานข้าวก็โดยที่ชุดไม่ได้เปลี่ยนนั้นหละ

"นี่ฟูโกะ (Fuugo) จะทานอะไรหละ "เคลวินถาม ผมก็งงกับคำพูดเขา
"เคลวิน ไหงไปเรียกเขาอย่างนั้นละ" ผมถาม
"ก็ชื่อเขานี่" เคลวินตอบแบบสบายอารมณ์
"ทำไมหรอ ฟูเป็นลูกครึ่งหรอ เห็นคุณพ่อคุณแม่เธอก็คนไทยนี่นา" ผมรีบถาม "ออ พอดีคุณพ่อฉันจริงๆน่ะเป็นคนญี่ปุ่น ท่านเสียไปนานแล้ว แม่ฉันก็แต่งงานใหม่นี้แหละค่ะ" ฟูจังตอบ
"Dewa Fuujan Doozo yoroshiku (งั้นก็ ฟูจัง ยินดีที่รู้จักนะ)" ผมทักเธอ
"Hai onaji desu ne (ค่ะเช่นกัน)" เธอตอบ หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็เรียกเธอว่า ฟูโกะ ไม่ก็ฟูจัง (ใช้แทนกันได้) มาตลอด ตอนนี้กลุ่มของผมก็มีสมาชิกตัวจริงครบแล้ว ผมหละงง ทำไมผมไม่พ้นคนญี่ปุ่นเลยผมคงไม่พ้นคนชาตินี้ จนกระทั้งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นนะหละ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 13-11-2006 18:46:48
 :o23.ลาก่อนแล้วเจอกันใหม่วัน รร.เปิด(แน่ใจหรอ)


พวกผมตัดสินใจกันกลับบ้านหลังจากมาพักอยู่กันกว่าเดือนครึ่งแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 1 อาทิตย์ก็เปิดเรียนแล้ว

"แย่จังเลยนะ เดี๋ยวก็ต้องจากกันแล้ว" ฟูจังพูดขึ้นมา
"อืมม ก็ยังไงก็เจอกันอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เปิดเรียนแล้วหละ" เคลวินพูดปลอบเธอ แต่เขาไม่เคยกอดเธอเลยนะเนี่ยแล้วก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนกันด้วยหละ ว้า แย่จังเลย

ฟู ก็ช่วยพวกผม หรือว่าแค่เคลวินหว่า เก็บของกัน แล้วพวกเราก็ชวนกันไปเล่นทะเลก่อนกลับบ้าน เพราะจะกลับเย็นๆประมาณ 6 โมงเย็น พวกผมก็ไปเที่ยวทะเลกัน อิอิ คนเยอะ ฟูก็มาด้วยกัน แน่นอน เที่ยวกันวันสุดท้ายนี่นา ก็เล่นกันสนุกมากเลย ผมเล่นไอ้เจ็ตสกีด้วย ตอนแรกขับไม่เป็นริวก็ขึ้นมาซ้อนหลังแล้วก็หัดให้ผมขับ อะไรที่ขับไม่เป็นนะพึ่งริวได้ เขาเป็นหมดเลย เครื่องบินเล็กก็ยังขับเป็นเลย เรือยอชก็ด้วย ผมเลยมั่นใจในการขับรถของริวมาก ก็เพราะมั่นใจมากนี่หละ ถึงได้เกิดเรื่องนั้นขึ้น

ในที่สุดพวกผมก็ขับไอ้ม้าพยศ (เจ็ตสกี) กันคนละคู่ ฮิโตมิถึงกับเมาเลย ฟูนะขับเก่งมากเพราะเธอเล่นอยู่เกือบทุกวัน พวกเรายังขับแข่งกันเลย ผมจำได้เลย ริวกำลังตีโค้ง แล้วปรากฎว่าทรงตัวไม่อยู่ คว่ำดิคับ ทั้งผมทั้งริวเลย สนุกดี จริงแล้วคงไม่คว่ำ แต่ริวเขาคว้าตัวผมแล้วก็โดดลงไปเลยเขากลัวผมเป็นอันตรายมั้ง คนอะไรน่ารักดี

จนกระทั้ง 5 โมงเย็นพวกผมก็กลับบ้านอีกครั้งเพื่อขนสัมภาระกลับบ้าน พอถึงบ้านก็เข้าไปเปลี่ยนชุดกัน ฟูจังก็หายไปเลย ผมก็เข้าใจความคิดเค้าหละ ผมจัดของและก็เก็บของทุกคนเข้าท้ายรถของริว ขับมากันนี้ใช้รถ 3 คันนะคับ ก็มี prelude ของโชจิ celica ของริว แล้วก็ Mitsubishi Eclipse ของเคลวินคับ พวกเราก็กำลังจะกลับกัน ฟูก็ออกมาส่งพวกเราหน้าบ้าน ร่ำลากันแล้ว เคลวินก็ลาแล้ว พวกผมก็กำลังจะขึ้นรถ คุณพ่อคุณแม่ของฟูก็ออกมา

"เคลวิน จ๊ะมานี่หน่อย" คุณแม่ฟูเรียก
"คับ" เคลวินพูดแล้วก็วิ่งไปหา
"หนูจะว่าอะไรไหมจะ ถ้าแม่จะวานให้ไปส่งฟูด้วย ไปส่งเขาที่บ้านคุณน้าด้วยนะ นี่จะกระเป๋า" คุณแม่ฟูจังพูดพลางยื่นของให้ เคลวินรีบรับมาเลย หน้าตาสดชื่นหน้าบานสุดๆ
"คับ รับรองคับผมจะพาไปส่งอย่างปลอดภัยเลยคับ" เขารับคำก็ตลกดี
"onegai shimasu (ขอรบกวนด้วยนะ)" ฟูจังพูด
"Dooitashimashite (ไม่เป็นไรคับ)" เคลวินตอบพลางพาฟูจังขึ้นรถ
"ฟู บอกทางเคลวินคุงด้วยนะ เดี๋ยวเขาไปไม่ถูกนะจ๊ะ" คุณแม่ฟูจังย้ำก่อนนั่งไปบนรถ
"ค่ะ ถึงแล้วหนูจะโทรมาบอกนะคะ หนูไปหละคะ" ฟูบอกคุณพ่อคุณแม่ของเธอ
"โชคดีนะ" คุณพ่อคุณแม่ของฟูจังอวยพร แล้วพวกเราก็ขับกันมาเพื่อเข้ากรุงเทพ
"แบงคุง นายคิดว่าฟูเขาเป็นคนไทยหรอ" ริวถามผม
"อ้าวทำไมหละ ก็ ฟูๆๆๆ แบบขนมปังอะไรพวกนี้ไง" ผมตอบตามความคิดของผม ริวก็หัวเราะ
"ฟูน่ะเป็นภาษาญี่ปุ่นนะ คำว่า ฟู (Fuu) หมายถึงลมไงหละ" ริวอธิบาย
"อ้าว เหรอ ... นายรู้แล้วทำไมไม่บอกเราหละ" ผมถาม
"เราก็นึกว่านายรู้แล้วซะอีก คำง่ายๆนี้อะนะ" ริวพูด
"แล้ว ฮิโตมิหละ นายรู้ไหม" ริวถามผมต่อ
"ไม่รู้สิ ไม่เคยถามโอโตซังเลยนะ" ผมตอบ
"ฮิโตมิ (Hitomi) หมายถึงแก้วตาดวงใจไงหละ" ริวอธิบาย
"แล้วชื่อเรากับ โชจิหละ นายรู้ไหม" เขาถามผมอีก
"รู้ๆ ชื่อนายนะริวสุเกะ ริว(Ryu) หมายถึงมังกร" ผมตอบ
"อืมม เก่งนี่"
"ส่วนโชจิ(shoshi) หมายถึง ความตั้งใจ ถูกไหม" ผมตามเขาต่อด้วย
"เก่งนี่นา ใช้ได้เลย เป็นลูกสะใภ้คนญี่ปุ่นได้" เขาพูดพลางหัวเราะ ผมก็เลยหยิกเอวเขานิดหน่อย แก้เขินไปงั้นๆหละ
"ริว แล้วคำว่า สุเกะ กับ โกะ หมายถึงไรเห็นใช้กันบ่อยๆ" ผมถามเขาอีก
"คำว่าสุเกะ(suke-tsuke) ใช้ต่อกับชื่อเหมือนกับบอกว่าเป็นลูกชายไง ส่วนโกะ ก็คล้ายๆกัน ลูกสาวประมาณนี้หละ" เขาอธิบาย
"งั้นริวสุเกะ ก็ลูกชายมังกร ส่วนฟูโกะ ก็ลูกวายุหละสิ" ผมย้อนถามเขาแบบกวนๆ
"ก็คงใช่มั้ง" เขาตอบพลางหัวเราะ
"แล้วนายรู้ไหมชื่อเราแปลว่าอะไร" ผมย้อนถามริว
"ชื่อนายนะหรอ Bank ก็ธนาคารไง"
"ผิด"
"แล้วแปลว่าอะไรหละ"
"แบงคุง (Bankun) เราบัญญัติศัพท์ใหม่ไว้แล้ว แปลว่า........"
"แปลว่าอะไรก็บอกมาสิ" ริวรีบทวงถามต่อ "นายอยากรู้เหรอ........." ผมถามเขา
"ก็อยากรู้นะว่านายจะบัญญัติคำๆนี้ที่เราตั้งขึ้นว่าอะไร"
"เราจะให้มีความหมายว่า คนที่จะรักผู้ชายที่ชื่อริวสุเกะไปตลอดชีวิตไงหละ"

ผมพูดจบ (ก็ด้วยคำพูดนี้หละที่ทำให้ผมต้องทนทุขก์อยู่ทุกวันนี้) เขาก็ละมือขวาของเขามากุมมือผมเอาไว้ (celica เป็นรุ่นขายในญี่ปุ่นจึงเป็นพวงมาลัยซ้าย รถของโชจิกับเคลวินก็ด้วย เป็นพวกมาลัยซ้ายหมด) แล้วก็พาผมกลับเข้าบ้านเขา
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 13-11-2006 18:49:58
 :serius2:24.Openning Fuuko-เปิดตัวฟูโกะ


"ในที่สุดก็เปิดเรียยนแล้วๆ" ผมบอกคำๆนี้ให้ริวรู้ ในขณะที่เราตื่นกันมาในตอนเช้าของวันเปิดภาคเรียนใหม่ ผมอยู่ที่นี่ได้ 1 ปีแล้วหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลยเวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ
"พวกเราขึ้น ม.5 กันแล้วนะ" ริวบอกผมขณะกำลังแต่งตัวกัน
"นั่นนะสิ คงมีอะไรที่แตกต่างไปเยอะกับตอน ม.4 แน่เลย" ผมบอกเขา
"ก็คงใช่ ก็มีทั้งงานผู้ช่วย ชมรม (ม.5ทุกคนต้องเป็นผู้ช่วยชมรมของพี่ ม.6)งานคณะสีด้วยหละนะ" เขาบอกผม
"แต่นายรู้ไหมมีบางอย่างที่จะไม่เปลี่ยนแปลง" ริวเขาพูดให้ผมฟัง
"อะไรหละ" ผมรีบถาม
"ก็........ความรักที่เราจะมีให้กันไงหละ" เขาพูดจบแล้วก็โอบกอดผมเอาไว้
"นี่อย่านะ........เดี๋ยวต้องไป รร.แล้ว" ผมรีบห้ามความคิดของเขา "ไปได้แล้ว..............." ผมพูดอายๆ แล้วก็เริ่มใส่เสื้อผ้าให้เข้าที่ เตรียมของเข้างานปฐมนิเทศของโรงเรียนในวันนี้

ผมมาถึง โรงเรียน ในขณะที่ผมนั่งมาในรถ Toyota celica ของริวสุเกะ รถคันนี้มีความหลังกับพวกเรามากมาย ทั้งพาพวกเราไปเที่ยว ไปเชียงใหม่ และอื่นๆ มันเป็นรถที่รวมเหตุการณ์นั้นกับผมด้วย เหตุการณ์ที่ทำให้ผมเสียทุกอย่าง ผมสังเกตเห็นรถของใครบางคนตอนที่ริวนำรถคู่ใจของเขามาจอด

"ริวนั่นรถเคลวินใช่ไหม" ผมรีบถาม
"ก็คงใช่หละ" เขาตอบ รถที่ผมเห็นก็คือ คูเป สีบรอนเมทัลลิก Eclipse คันคู่ใจของเคลวินเขาหละ และไอ้ข้างๆเขาก็ Honda prelude ของโชจินั้นเอง ริวก็เลยจอดต่อจาก prelude ของโชจิ ผมเริ่มมีความรู้สึกคนอื่นๆเขามากันเช้าจังเลย

ผมก็รีบไปหาพวกเราที่ห้องสมุด เพราะพวกเราจะอยู่ห้องสมุดกันตลอดเวลาในตอนเช้า พอเห็นทุกคนก็รีบวิ่งเข้าไปหา

"Ohayoo gosaimasu (สวัสดีตอนเช้า)" ผมพูด
"Ohayoo..." พวกเขาทั้งหมดก็รับคำ เพื่อนๆของผมกลุ่มของพวกผม 6 คนนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดของผม และริวก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม
"ไปกันยัง" ริวพูดพลางเดินเข้ามา
"ไปสิ" พวกผมตอบเขาพร้อมๆกัน แล้วพวกเราก็พากันไปหอประชุมใหญ่ของโรงเรียน พวกผมก็ไปตรงป้าย ม.5/1 แล้วก็นั่งกันลงไป ผู้คนก็ทยอยเข้ามาเรื่อย เสียงคุยกันก็ดังสนั่นหอประชุมเลย สักพักคนก็เต็มหอประชุม แล้วพวก น.ร.ก็เริ่มเงียบกันแล้วเพราะใกล้เวลาประธานมา

ประธานมาแล้ว ท่าน ผอ.ของโรงเรียนเรา ผมค่อนข้างจะรักท่านมาก เพราะพวกผมจะสนิทกับท่านมากๆด้วย เวลามีงานสังคมต่างๆท่านก็จะพาพวกผมไปด้วยบ่อยๆ ผมก็งงเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นพวกเราด้วย แล้วสักพัก อาจารย์หัวหน้าระดับตั้งแต่ ม.1 ก็ขึ้นมาพูดจนกระทั่ง ม.5 ของพวกผม

"ครูก็ขอแสดงความดีใจกับนักเรียนทุกคนที่ต่อสู้กันมาจนถึงขั้นนี้นะ........แล้วตอนนี้ครูก็จะแสดงความยินดีให้กับ นายทิวากร............ด้วยที่ยังคงอันดับที่ 1 ได้นะครูดีใจด้วย" อืมม ผลการสอบครั้งที่ผ่านมา ริวได้ที่ 1 (4.00) โชจิได้รองลงมา(3.98) เคลวินได้เท่ากับผม(3.93) ฮิโตมิเธอก็ไม่ย่อยเลย (3.89) เรียกว่าแทบไม่ห่างกันเลย
หลังจากออกจากงานปฐมนิเทศก็ต้องเข้าเรียนในคาบที่ 3 ของวันนั้นเพราะงานกินเวลาเยอะทีเดียว
"เอาละ จะได้แนะนำ ฟูโกะหละ" ผมพูด
"ใช่แล้วหละ เมื่อกี้ชั้นนั่งอยู่ในหอประชุม ก็มีแต่คนมารุมถามหละว่าย้ายมาใหม่หรอ" ฟูจังพูดให้ฟัง
"เดี๋ยวเราแนะนำเธอให้เอง" เคลวินพูด เคลวินพยายามทำตัวเป็นเจ้าของ แต่ฟูจังก็ยังไม่ยอมรับเลย
"อืมว่าแต่พวกเรานี่ก็เก่งนะ ทำคะแนนได้ดีมากๆเลย" ฟูจังชมพวกผม
"งั้นเหรอ"ผมถาม
"ก็ใช่ ชั้นคงทำไม่ได้หรอก" ฟูจังพูด
"เอานะ ยังไงก็ต้องทำได้ พวกเรายังทำได้เลย" เคลวินพูด ฟูจังเธอก็เก่งมากๆ ด้านวิชาความรู้รอบตัวนี้หาใครเทียบยากมากเลย แล้วเธอก็เก่ง ชีววิทยาแบบสุดยอด คุณพ่อเธอ(คุณพ่อแท้ๆ) เคยทำงานด้านนี้มาก่อน ก็เหมือนกับริวที่ คุณพ่อเขาเป็นวิศวกร เขาก็เลยเอกฟิสิกส์ ผมก็เลยพาลถนัดไปด้วย อิอิ

พวกผมก็เข้าไปเรียนกันในห้องแลบของโรงเรียน แลบวิชาชีววิทยา

"เอ้า นี่ เพื่อนๆ เรามี น.ร.มาแนะนำทุกคนรู้จักกันเอาไว้นะ" แล้วทุกคนก็หันมามองเคลวิน แล้วเขาก็จูงมือฟูจังออกไปหน้าห้อง "นี่นะ ฟูจัง แนะนำตัวหน่อยนะ" เคลวินบอก
"เออ..สวัสดีนะคะ ชั้นเป็นนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาเรียนตอน ม.5นี่น่ะค่ะ นางสาวชลธิชา.....................ย้ายมาจาก จังหวัดชลบุรีคะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" ฟูจังแนะนำตัว
"แล้วชื่อเธอหละ" เพื่อนคนนึงในห้องถามออกมา
"ก็เรียกว่า ฟู.......ก็ได้ค่ะ" ฟูจังตอบ แต่ทุกคนเว้นพวกเราเขาก็ยังเรียก ชล น้องชล อย่างเนี่ยประจำ อาจารย์เข้ามาแล้ว พวกเราก็เลยสลายม๊อบ
"ฟูโกะ กลางวันจะไปทานอะไรกัน" ผมถาม
"นั่นดิ โรงเรียนก็มีอาหารแบบเดิมๆน่าเบื่อออก" เคลวินพูด
"งั้นก็ออกไปหาอะไรทานกันข้างนอกไหม" โชจิถาม
"แล้วออกไปได้เหรอ" ฮิโตมิจัง ผู้รอบคอบพูดห้าม
"ก็คงออกไม่ได้อะนะ" ริวพูด
"งั้นเราก็กินกันในโรงรียนนี่หละ" ผมเสนอ แม้หลายๆคนจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่สามารถออกไปทานข้างนอกได้นี่นา
"งั้นเดี๋ยวเราจองที่ให้" ริวพูดขณะที่พวกเราถึงโรงอาหาร ผมก็เดินไปหาซื้อของมาทานกันแล้วก็ของริวด้วย ผมก็ทำแบบนี้ประจำ
"ริว วันนี้ทานไอ้นี่กะเรานะ" ผมเอาขนมจีนน้ำยามาทาน ของริวก็ด้วย
"ขนมจีน" เขาพูดแบบหน้าตาตกใจ ผมก็งงเหมือนกัน แล้วพวกนั้นก็มากัน ผมไม่รู้ถ้า ผมรู้ก็คงไม่ให้เขากินขนมจีนหรอก

ตอนบ่ายๆหลังจากพักกันได้แล้วประมาณครึ่งชั่วโมง

"ริวเป็นไรหรือเปล่า เห็นทำท่าไม่สบายตั้งแต่เที่ยงๆแล้ว" ผมรีบถาม ฮิโตมิกับโชจิที่นั่งอยู่ข้างหน้า (เดี๋ยวนี้มานั่งกะโชจิ เคลวินกระเด็นมานั่งหลังผมกับฟูจัง) ก็หันมามอง
"สงสัยทานอะไรเข้าไปแล้วปวดท้องมั้ง" เธอบอก
"ไม่น่านะ ก็ริวนะทานขนมจีนกะเราไง" ผมรีบตอบ
"นั่นดิ แบงคุงกับไม่เป็นอะไรนี่นา" ฮิโติมิก็นั่งคิด ขนมจีนหรอ ไม่มั้ง
"ไม่ไหวแล้ว กลับบ้านเถอะ" ริวบอกผม
"เออ กลับบ้านก็ได้" แล้วพวกผมก็ขออนุญาต อาจารย์ผู้สอนกลับบ้าน อาจารย์ก็เห็นอาการป่วยของริวก็บอกงั้นก็กลับได้

เรา 2 คนก็เดินมาที่รถ ผมก็นึกแล้วจะกลับไงละเนี่ย ริวปวดท้องขนาดเดินไม่ได้เลย

"นายขับนะ" ริวบอกผม หา ให้ผมขับเนี่ยนะ
"ช่วยหน่อยนะ" ริวพูดพลางเข้าไปนั่งข้างหน้าแต่เป็นฝั่งขวาไม่ใช่ฝั่งซ้าย เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เราก็ขับเป็นนี่นา เขาก็สอนผมอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยขับในถนนที่มีรถซักทีเลย ก็ดีเหมือนกัน
"โอย.........." เสียงเขานี่บาดถึงใจผมเลย ตอนแรกๆเขาอาการไม่หนักขนาดนี้นี่นา ผมแทบจะร้องไห้ออกมาเลยเมื่อได้ยินเสียงร้องของเขา ผมเลยคิดจะไปส่งเขาที่โรงพยาบาลแทน ผมก็ขับรถออกมาจนถึงพญาไท ผมยังงงเลยขับมาได้ไงหละเนี่ย เก่งจริงๆ ว่าแล้วก็พาริวลงไปหาหมอ
ผมพาริวเข้าห้องผู้ป่วยฉุกเฉินเลย แบบหน้าตาตื่นมากๆ ไม่เคยตกใจอะไรขนาดนี้เลย หลังจากตรวจเสร็จคุณหมอบอกว่า เขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่เกิดอาการแพ้อาหารหมักดอง (ขนมจีน) ผมงี้ถึงบางอ้อเลย คุณหมอให้เขาฉีดยาเข้าไป 1 เข็มแล้วก็ให้กลับไปพักที่บ้านได้ ผมทำเอาโรงบาลแทบแตกเลยหละ พยาบาลเขาแซวผม

ผมก็เลยพาเขากลับมาบ้าน คุณแม่ริวก็มาดูอาการ
"ริวน่ะ ทานอาหารดองไม่ได้หรอกค่ะ ลูกทีหลังต้องระวังนะคะ" โอกาซังบอกแก่ผม
"คับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน" ผมตอบ
"งั้นเดี๋ยวผมพาเขาไปนอนก่อนละกันคับ" แล้วผมก็พาริวพ่อตัวหนักขึ้นไปบนห้องเขา แล้วก็นั่งเฝ้าเขาตั้งแต่ตอนนั้นเลย อาการเขาดูดีขึ้นมากเลย

พอเย็นๆพวกนั้นก็มาหาที่บ้าน

"เป็นไงบ้างหละ" โชจิถามผม
"ก็ตื่นแล้วหละ เพิ่งตื่นเมื่อกี้เอง อาการดีขึ้นแล้ว" ผมตอบเขา
"ริว แล้วทำไมไม่บอกแบงคุงหละว่าแพ้อาหารดอง" ฟูจังถาม
"ก็อยากบอกหละนะ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจหนะ" ริวตอบ
"ไม่เสียน้ำใจแต่ต้องมาป่วยแบบนี้หละก็ เขาเสียใจกว่าหลายเท่าเลยนะ" ฮิโตมิพูดสั่งสอน
"นั่นดิ ก็เล่นเกือบโรงบาลแตกเลย" ริวพูด แล้วเขาก็มองมาทางผมแล้วก็หัวเราะ
"สงสัยไปร้องไห้ที่โรงบาลจนหมอนึกว่าอาการหนักมากแน่ๆ" ฟูจังพูด
"ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง" ผมรีบแก้ตัว
"เอาเหอะ อย่ากวนคนป่วยนานนักเลยกลับบ้านกันดีกว่า" โชจิบอก
"งั้นพวกเรากลับแล้วนะ" เคลวินพูด แล้วพวกเขาก็แยกกันกลับโดยปล่อยให้ผมดูแลริวอยู่คนเดียว
"ทีหลังทำอะไรไม่ได้ก็หัดบอกมั่งสิ" ผมว่าเขา
"ก็......" เขาพูดได้แค่นี้ผมก็จูบเขาแล้ว แล้วผมก็ให้เขาพักผ่อน วันพรุ่งนี้ยังต้องไปเรียนต่อนะ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 14-11-2006 14:25:54
โอ๊ะ  มาแร้ววววว   ก็นึกว่ายังไม่มา  คุณ lonely wind หายไปนานเลยอะ  แง แง   :monkeysad:
แต่ก็ขอบคุณนะค้า  อุตส่าห์เอามาลงให้อีกหลายตอนเลย  ว่าแต่เรื่องนี้ทำไมมันจะไปเจอแต่คนลูกครึ่งญี่ปุ่นเนี่ย  ทีนี้ครบกลุ่มแล้วใช่ม้า  เรื่องราวจะเข้มข้นขึ้นละยังคะเนี่ย    รอตามอ่านนะคะ   :impress:

ปล  ริวน่ารักจัง  แบงค์ด้วย  โชจิอีก  เคลวินด้วย  ชอบแต่ผู้ชายยยยย
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 14-11-2006 16:48:19
 :-[25.Tanabata - วันทะนาบะตะ


"แบงคุง ใกล้วันทะนาบะตะแล้วนะ" ริวพูดบอกผมเป็นครั้งที่ 20 ของเช้านี้ วันนี้วันที่ 5 กรกฎาคม วันที่ 7 นี้ก็จะเป็นวันทะนาบะตะ
"อืมม รู้แล้วหละเจ้าค่ะ" ผมบอกเขา
"เดี๋ยวไปเตรียมต้นไผ่กันเอาไหม"
"ก็ดีนะ แต่ว่าไว้ตอนเย็นไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวก็จะไปโรงเรียนแล้ว รีบๆเข้าเถอะ" ผมรีบบอกแก่เขา แล้วพวกเราก็รีบขึ้นรถไปโรงเรียนกัน วันนี้สายด้วยหละ เพราะรถติด
"แล้วเราจะจัดงานทะนาบะตะที่ไหนหละ" โชจิถาม
"เอาบ้านเราไหม" ริวถาม
"ก็ดีนี่" ผมเสริม
"แต่ว่าพวกเราก็ไปกันบ่อยแล้วนะ" ฮิโตมิพูดค้าน
"บ้านคุณอาฉันไหมคะ" ฟูจังเสนอ
"นั่นสิ ยังไม่เคยไปกันด้วยหละ" เคลวินรีบเลย
"แล้วคุณอาเธอไม่ว่าหรอ" ผมถามกลับ
"ไม่ว่าหรอกค่ะ แล้วก็พอดีท่านไม่อยู่ด้วยนะคะ" ฟูจังอธิบาย
"งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ" ฮิโตมิสรุป

เย็นวันนี้พวกเราก็ตกลงจะไปป่าไผ่ใกล้กับวัดแห่งหนึ่งเพื่อไปขอต้นไผ่ แต่พอไปถึงแล้วกลับได้กิ่งไผ่มา กิ่งไผ่ก็ได้เพราะมีแขวนกันแค่ไม่กี่คนเอง แล้วพวกเราก็พากันเอาไปไว้บ้านของฟูจัง

"ไว้ตรงหน้าบ้านนี่หละ" โชจิบอก
"อืมม ตรงนี้ก็ดี" ฟูจังพูด
"คงทำให้บ้านคุณอาเธอดูสวยพิลึกเลย" ฮิโตมิพูดขึ้นมาเพราะดูแล้วมันไม่เข้ากับทรงบ้าน บ้านทรงยุโรป แต่ดันมีกิ่งไผ่ของวันทะนาบะตะมาติดอยู่ ก็คงไม่ค่อยเหมาะกันแต่ผมว่าก็สวยดี

เช้าวันทะนาบะตะ ผมกับริวก็ไปโรงเรียนกันแต่เช้า เรา 2 คนได้ตกลงจะทำแผ่นกระดาษเขียนอวยพรกัน เป็นกระดาษโปสเตอร์สีหลายๆสี ผมทำมา 6 แผ่นเพื่อแค่พวกเราเท่านั้นเอง ขนาดกว้าง 1 นิ้วยาว 5 นิ้ว แล้วก็เจาะรูป ผูกเชือกไว้แขวนแล้วด้วย พอผมมาถึงโรงเรียน พวกผมก็ถึงกับตกตะลึงกันใหญ่เลย เพราะทุกคนก็ต่างทำมาเผื่อกัน

"ริว พวกนายทำกระดาษอวยพรมาไหม" ฮิโตมิถามริว
"แบงคุงทำมาน่ะ 6 แผ่น" ริวตอบ ผมก็พยักหน้า
"โชจิ กับเราก็ทำมาคนละ 6 แผ่น" ฮิโตมิบอกให้ผมรู้
"แล้วชั้นกับเคลวินก็ทำมากันคนละ 6 แผ่นหละ" ฟูจังบอกกับพวกผม
"อ้าว งั้นก็เหลือเยอะเลยอะดิ" ผมถาม
"ก็ตอนนี้มีอยู่ 30 แผ่นแล้ว" ฮิโตมิ รีบคำนวณออกมาโดยที่ผมยังไม่ได้คิดซักกะติ๊ดเลย
"เอาของพวกเราออกไป 6 ใบก็เหลืออีก 24 ใบ จะทำไงดีหละ ทิ้งก็เสียดาย" ฟูจังพูด
"งั้นก็เอาไปให้เพื่อนๆที่สนิทนะ เขียนสิ" ริวหาทางออกให้
"sore wa ii desu ne (ความคิดดี)" ฟูจังพูด
"งั้นกลางวันพวกเราก็เอาไปแจกกันเถอะ" โชจิพูดสรุป

ตอนกลางวัน พวกผมก็แยกย้ายกันเอาไปให้คนที่สนิทด้วยในโรงเรียนเป็นคนเขียน ก็จะได้ไปคนละ 4 ใบ ผมก็ไปหากับ ริว

"นายคิดจะให้ใครมั่งหละ" ริวถามผม
"ก็คงเป็นพี่เบบวรพงษ์ พี่กวางเนตรชนก บอย แล้วอีกคนก็ไม่รู้ใครดี" ผมบอก
"ของเราหรอ ก็ให้โอกาซัง โอโตซัง แล้วที่เหลือก็คงจะให้นายน่ะ" แล้วเขาก็ยื่นให้ผม 2 ใบ
"อืมมม ก็ได้ จะได้ให้ได้เยอะๆ" ผมตอบเขา
"ทำตัวเหมือนเด็กๆเลยน้า ไม่รู้จักโตเลย" ริวพูดแล้วเขาก็หัวเราะ ก็เขาเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าชอบผมเพราะทำตัวเหมือนเด็กๆ แต่ผมจะเอาไปให้ใครหละ อ้อ นึกออกแล้ว พี่แบงค์ธนนนฐ์ แล้วก็พี่เดฟณรงค์ชัยด้วย ผมนึกในใจแต่อีกใบหละ ยังคงว่างอยู่หละ
ตอนเย็นพวกผมก็ไปบ้านของฟูจังกันหมดเลย

"ฟูจัง เธอไปให้ใครมาบ้างหละ" ฮิโตมิถาม
"แหม ใครจะไปบอกหละจ๊ะ" เธอรีบบอก แล้วก็รีบเอาไปแขวน แล้วก็มานั่งรอพวกผม
"เอ๋ ทำไมของริวมีแค่ 2 ใบหละ" ฮิโตมิถามริว
"ก็ริวมีแค่ โอกาซัง แล้วก็โอโตซังเขียนแค่นั้น ส่วนเพื่อนๆก็คือพวกเราทุกคนที่นี่ไง"เขาพูดออกมา
"ดีจังเลยนะ........ เราก็ไปให้คุณพ่อคุณแม่มาเหมือนกันหละ แล้วก็เพื่อนๆในห้องอีก 2 คนเขาเห็นก็เลยให้เขาเขียน" ฮิโตมิพูด แล้วเธอก็เอาไปแขวนแล้วก็มานั่งรอ ผมก็ต้องแขวนเยอะ เพราะตั้ง 6 ใบ แขวนเสร็จก็มานั่งรออีก เอ๊ะ นั้นรถ ผอ. นี่นา
"ริว นั้นรถท่าน ผอ. หรือเปล่า" ผมถาม เขาหันไปมอง
"ก็คงใช่มั้ง" เขาบอกผม "ใช่แล้วหละท่าน ผอ. อยู่บ้านใกล้ๆนี่เอง" ฟูจังบอก อ้าวเหรอ ผมก็เพิ่งรู้ สนิทกับท่านมานานแต่ไม่เคยรู้เลย แล้วพวกผมก็นั่งคุยเล่นกันที่บ้านฟูจัง ซักพักนึง
"อ้าว พวกเธอ มาทำอะไรกันจ๊ะ ทำไมไม่กลับบ้าน ครูเห็นอยู่กันก็เลยเดินมาดู" ท่าน ผอ. พูดกับพวกผม
"ก็พอดีมาฉลองวันทะนาบะตะกันครับ" ริวตอบ
"งั้นเหรอ ดีจังเลย ประเพณีของชาติไหนๆก็ดีทั้งนั้นหละ" ท่านพูด
"แล้วนี่ให้ครูร่วมด้วยได้ไหมคะ"
"ได้ค่ะ ....แต่ว่ากระดาษเขียนคำขอหมดแล้วหละค่ะ"ฟูจังตอบ
"ยัง...เรายังมีอีกแผ่น" ผมรีบหยิบออกมาจากกระเป๋าให้ท่าน ผอ. เขียน
"อืมม สีฟ้า ครูชอบมากเลย" แล้วท่านก็เขียนอะไรก็ไม่ทราบแล้วก็นำไปแขวน หลังจากนั้นท่านก็ขอตัวกลับบ้านของท่านแล้วพวกเราก็กลับบ้านกัน
"ริว เราอยากอ่านของท่าน ผอ. จังเลย"
ยังอ่านไม่ได้หรอก เพราะถ้าอ่านก่อนนะ มันจะไม่สมหวัง" เขาขู่ผม แต่ผมมารู้ทีหลังว่าอ่านได้ รู้งี้อ่านไปเลยก็ดีแล้ว
"แล้วริวเขียนไว้ว่าอะไรหละ" ผมถาม
"นายอยากรู้หรอ"
"ก็ใช่ อยากรู้บอกหน่อยนะ นะ นะ" ผมตื๊อ
"เราก็ขอให้ พวกเราได้อยู่ด้วยกันไปตลอดไง" เขาพูดจบ
"แล้วนายหละ"
"เราก็ขอ.......... ให้พวกเราไม่พรากจากกัน ไม่ห่างกัน อยู่ด้วยกันไปตลอด............." ผมพูดได้แค่นี้เขาก็จูบผมแล้วหละ แล้วเขาก็หันกลับไปขับรถต่อ อิอิ เดี๋ยวไม่งั้นเกิดเหตุการณ์มันๆแน่
วันต่อมา ฟูจังเธอก็เก็บต้นทะนาบะตะลงมาแล้วก็เอากระดาษเขียนคำอวยพรมาให้พวกผมอ่าน
"ว้าว ของพวกเรา 6 คนนะเขียนเหมือนกันหมดเลย" ผมรับมาดูแล้วก็ปลื้มใจ ไม่ใช่แค่ผมกับริว แต่ทุกคนก็เป็นแบบเดียวกัน ผมเห็นของโอกาซัง แล้วก็โอโตซัง แล้วผมก็เลยเก็บไว้เองเลยไม่ให้คนอื่นๆดู
"แบงคุง นี่ไงของพี่แบงค์ธนนนฐ์ พี่เขาเขียนว่า ขอให้ผมได้เป็นเศรษฐีด้วยคับ ของพี่เดฟณรงค์ชัย เขาเขียนไว้ว่า ขอให้ผม Ent ติดคณะแพทย์จุฬาด้วย ของพี่กวางเนตรชนก ขอให้หนูได้ออกเทปเร็วๆนี้ด้วยค่ะ แล้วก็ของบอยนะ ขอให้ผมได้แฟนสาวๆสักคนคับ" ริวอ่านให้ผมฟัง
"นี่ไงของท่าน ผอ." โชจิบอกพลางยกขึ้นมาผมเลยหยิบมาอ่าน
"ครูขอให้นักเรียนทุกคนมีความสุข" ว้าว ดีจังเลย ส่วนของโอกาซัง กับโอโตซัง ก็คือ ขอให้ลูกที่รักทั้ง 2 อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 14-11-2006 16:54:35
 :-[26.Sweet memory-รูปถ่ายแห่งความทรงจำ


"แบงคุง เดี๋ยวนายลงไปหาโอกาซังข้างล่างนะ แล้วก็เดี๋ยวเตรียมไปเก็บของจากหอพักด้วย" ริวบอกผมในเช้าวันหนึ่ง ผมตัดสินใจมาอยู่บ้านของริวแล้ว จริงๆก็อยู่นานแล้วคับแต่ก็ยังเช่าหอโดยไม่เข้าไปอยู่อะคับ โอกาซังของริวก็เลยบอกให้ผมไปย้ายของมาอยู่ด้วยกัน แล้วก็จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าหอด้วย

หลังจากที่ผมคุยกับโอกาซังเรียบร้อย ผมก็ไปหอของผมกับริว พร้อมกับบอกยกเลิกสัญญาเช่าด้วย พร้อมกับไปขนของกับริวซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้วก็แค่หลังสือกอง 2กองแล้วก็เสื้อผ้าบางตัวที่ไม่ได้เอาไปด้วยแค่นั้นเอง นอกนั้นไปอยู่บ้าน ริวหมดแล้วคับ

"ขนไหวไหม ให้เราช่วยดีกว่า" ริวพูดพลางยกกองหนังสือที่ผมแบกออกมา
"งั้นเราเข้าไปเอาเสื้อผ้านะ" ผมบอกเขาแล้วผมก็เข้าไปเอาเสื้อผ้าของผมออกมา ผมก็เห็นซองๆหนึ่งที่ผมใส่ไว้เป็นเอกสาร ผมก็รื้อมันดู มันเป็นรูปของผมที่ถ่ายกับพวกริว ตอนที่ไปถ่ายที่ดิโอลด์สยามกัน ผมนี่ก็สะเพร่าจริงๆเลย หามันตั้งนานที่แท้อยู่ในตู้เสื้อผ้านี่เอง ตอนนี้ก็ได้มาแล้ว พร้อมกับความคิดอะไรดีๆอีกอย่างด้วย

วันต่อมาพวกผมก็ไปโรงเรียนกัน ในตอนเช้าผมก็เอารูปที่ผมเจอมาให้ฟูจังกับฮิโตมิดู

"นี่พวกเราก็อยากถ่ายมั้งหนะ พาไปหน่อยนะ" ฟูจังพูดพลางอ้อนใครบางคน
"เราก็อยากไปนะ โชจิพาไปหน่อยนะ" ฮิโตมิก็อ้อน
"ริวจ๋า พาไปหน่อยสิ" ผมพูดกะริว จะได้เข้ากับบรรยากาศ
"พอแล้ว...นายก็ถ่ายแล้วนะ........... แต่เดี๋ยวพาไป" ริวพูด
"ไปก็ไปสิ"โชจิพูด
"งั้นก็นัดวันไปกันเลย" เคลวินบอก
"อืม.....เอาวันไหนดี" ผมพูดพลางคิดในใจ
"ไม่เห็นยากนี่ เย็นนี้เลยไง" ริวพูด
"จริงสินะ วันนี้เรียนแค่บ่าย 2 เอง" ฟูจังพูดสนับสนุน
"ตกลงไปกันเย็นนี้เลย" ฮิโตมิจังสรุป แล้วพวกเราก็บันไซกันอิอิ......

อ้าว....... เป็นการพูดในใจของผมที่เมื่อเห็นร้านที่ผมกำลังจะมาเขากำลังจะปิดกิจการ กำลังเก็บของออก

"เออ พี่คับ ทำอะไรคับ ย้ายร้านหรอคับ" ริวถาม
"อ้อ ไม่ใช่ค่ะ พอดีทำกำไรไม่ดีก็เลยจะปิดกิจการน่ะค่ะ"
"งั้นก็ถ่ายรูปไม่ได้สินะ" ฟูจังพูดแบบผิดหวังเล็กน้อย
"เออ… น้องคนนั้นหนะ มาถ่ายรูปกันหรอ" เสียงมาจากคนที่ถ่ายรูปให้พวกผม ผมจำพี่เขาได้ คนที่เป็นตากล้องถ่ายรูปกับพวกผม
"อ้าว พี่จำผมได้ด้วยหรอ" ผมรีบถามเขา
"ก็จำได้หละน้องๆนะ คนที่แต่งเป็นสาวเหนือมาถ่ายใช่ไหมหละ พี่จำได้" เออแสดงว่าเราสวยจริงอะดิ อิอิ
"พวกน้องจะมาถ่ายรูปกันใช่ไหม.... มา เดี๋ยวพี่จะถ่ายให้ในโอกาสฉลองปิดร้านละกัน" พี่ตากล้องเจ้าของร้านพูด
"ขอบคุณคับ"พวกผมพูดขึ้นพร้อมๆกัน
"งั้นก็เข้าไปเลือกชุดกันเลย" พี่เขาบอก พวกผมก็เข้าไปเลือกกัน เสื้อผู้ชายชุดไทยแน่นอนคับ ราชประแตนแบบเดียว ผมก็เลือกโจงกระเบนแบบเดิมออกมาคับสีทอง ริวเอาสีม่วง โชจิก็ใส่สีขาว เคลวินเอาสีน้ำเงินคับ ฮิโตมิจังเธอเลือกแบบ ตะเบงมานชุดสีน้ำเงินคับ สวยทีเดียว ส่วนฟูจังเลือกแบบสไบสีเขียวอ่อนคับ พวกผมก็ถ่ายกันมาหลายๆแบบ ถ่ายรวม ถ่ายเดี๋ยว ถ่ายคู่ด้วย แต่ตอนถ่ายผมได้ 2 แบบ แบบแต่งชาย กับแต่งหญิง อิอิ

พอเราถ่ายกันเสร็จก็กำลังจะเอาไปให้พี่เขาคิดเงิน "รวมทั้งหมด 30 ภาพนี่เท่าไหร่คับ"

"อืมม พี่คิดไป 500 ละกัน ทุนล้วนๆนะน้อง พี่ถ่ายให้พวกน้องๆเฉยๆหรอก เห็นว่าลูกค้าเก่า" พี่เขาบอก
"งั้นก็ขอบคุณมากคับ" ริวพูด
"งั้นเดี๋ยวเราออกเอง" ริวพูดอีกแล้ว
"หารกันดีกว่า" โชจิเสนอ
"งั้นเอางี้ ริว โชจิ แล้วก็เราออกกัน 3 คน ตกลงไหม" เคลวินถาม
"ก็ได้" 2 หนุ่มความคิดตกลงกันเอง
"แล้วพวกเราหละ" ผมฮิโตมิ ฟูจังถามพร้อมๆกัน
"ก็ไม่ต้องจ่ายดิ" เขาก็ตอบพร้อมๆกันอีก

วันนั้นผมก็ได้มาหลายรูป รูปคู่ริวกับผม โชจิกับฮิโตมิ เคลวินกับฟูจัง แล้วก็รูป 3 หนุ่มที่ถ่ายรวมกัน 3 คน แล้วก็รูป สาว 3 สาว อิอิ.........(^-^) ผมก็ชอบน่าดูเลยแต่ผมก็ชอบรูปถ่ายหมู่ของพวกผมคับ ผมเก็บรูปนี้ไว้กับตัวตลอดเลยคับ รูปนี้เมื่อผมมองก็จะพบกับความหลังอันไม่มีวันลืมเลยคับ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 14-11-2006 16:58:43
 :laugh:27.kelvin no tanyoobi-วันเกิดเคลวิน



พวกผมนี้เป็นเพื่อนที่ดีกันจริงๆๆเลย ไม่เคยลืมวันเกิดของเพื่อนคนไหนเลย จะไล่มาเล่าให้ฟังเรื่อยๆๆนะคับ คราวนี้สิคับ วันเกิดเคลวิน หลังจากทะนาบาตะไม่นานนักหรอกคับ วันที่ 20 กรกฎาคมนี้เอง ห่างกันมาหน่อยนึง ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกคับ แต่ริวบอกกับผมในเช้าวันนึง

"แบงคุง 20 นี้นะวันเกิดเคลวิน"
"เหรอ...อืมมม งั้นจะจัดงานให้เขาไหม"
"แน่นอน จัดสิ" ริวตอบ
"อืมมมมม...... แผนเราก็ไม่มีแล้วดิ แผนเด็ดก็ใช้กับงานโชจิแล้วนี่นา" ผมพูด
"อืมม....... งั้นเอาแบบนี้ไหม" ริวพูด
"แบบไหนหละ มีความคิดดีๆๆแล้วเหรอ" ผมรีบถาม
"มีแล้ว..อะดิ" ริวบอกกับผมพร้อมกับยิ้มเล็กๆๆ

ผมรีบจัดแจงนัดกับทุกๆๆคนเลยตามแผนของริวทุกอย่าง แต่ผมบอกเลยนะริวคิดแผนได้ไม่ Perfect เท่ากับผมหรอก แผนเขาน่ะเด็กๆๆ ตอนงานวันเกิด โชจิกับ ฮิโตมินะ แผนเด็ดของผมเลย สุดยอดๆๆๆๆๆๆ คอยอ่านเอานะคับ ตอนนี้ก็ปล่อยฝีมือริวไปก่อนนะ ริวแผนเขาเป็นงี้ ก็คือ พวกผมทุกคนจะแกล้งไม่ให้ของขวัญเขาเลย แต่จะเอากองไว้หน้าบ้านเขา อิอิ ให้เขาเสียใจเล็กๆๆๆๆน้อยๆๆๆๆ ไม่เหมือนตอนโชจิ มันส์มากๆๆๆๆ

พวกผมก็เริ่มหาของขวัญให้กับเคลวิน ผมกับริวซื้อด้วยกันเป็นนาฬิกา Alba Spool นะคับเห็นเขาอยากได้ คนอื่นๆๆผมก็ไม่หรอก มารู้เอาทีหลัง โชจิกับฮิโตมิไม่ได้ให้ แต่รับอาสาออกค่าจัดงานทั้งหมดเอง ธรรมดาผมกะริวจะออก ดีๆๆจะได้ประหยัดตังค์
วันเกิด เคลวิน พวกผมก็ไปงานเลี้ยงกันที่บ้านเขานี้หละ ก็สนุกสนานเฮฮากันดี

"เป็นไงเค้ก ใช่ได้ปะ เราทำเองเลยนะ" ฮิโตมิถามพวกผม
"อืมม อร่อย ทำใช้ได้" เคลวินรีบตอบ กลัวคนอื่นตัดหน้าหรือไงก็ไม่ทราบ
"แต่ทำไมทำมาเยอะนักหละ" ฟูจังถาม
"ก็แค่ 6 ปอนด์เอง" ฮิโตมิตอบ นั่นดิ น้อยกว่าวันเกิดโชจิอีกตอนนั้น ผมกะริวซื้อกันไป 12 ปอนด์แน่ะ(ผมซื้อปอนด์ 200 เองมั้ง)
"ก็บ้านฮิโตมิทำเบเกอรี่ขายไม่ใช่เหรอ ก็คงไม่ลำบากมั้ง" ริวถาม
"ใช่ เราทำเองเลย" ฮิโตมิพูดพลางอวดฝีมือบ้านเธอทำ เบเกอรี่ส่งขายตามโรงแรมต่างๆ ทำกันเป็นโรงงานเลยคับ ธรรมดาเธอเป็นผู้จัดการไม่น่าทำอร่อยเลย แต่อร่อยๆๆจริงๆผมยังชอบเลย มีวันเกิดผมกับริวนี้หละที่ไม่มีงาน คนอื่นๆเขามีกันหมด แย่จังเลย
พอพวกผมทานกันเสร็จ ก็กลับบ้านกันเลย จริงๆแล้วพวกเราก็เอาของขวัญมาด้วยนะ แต่ยังไม่ให้เขาหรอก อิอิ ตามแผนริวไง แล้วพวกผมก็พากันกลับบ้าน

"เคลวิน เดี๋ยวเรากลับบ้านกับ ริวก็ได้" ฟูจังบอก ไม่งั้นเขาจะต้องไปส่งฟูจัง แล้วแผนมันจะทำยาก
"เออ…เอางั้นหรอ" เคลวินถามเสียงอ่อยๆ
"งั้นพวกเรากลับกันก่อนนะ" ผมบอก แล้วพวกเราก็ขึ้นรถกลับออกมากันจริงๆๆแล้วขับเลยบ้านเขามาหน่อยนึง แล้วพวกเราก็ดับเครื่อง จอดรถกัน เคลวินก็เข้าบ้านไปแล้ว ดีหละตามแผน
"งั้นเดี๋ยวพวกเราเอาของขวัญไปวางกันได้เลย" ผมบอกกับทุกคน

ผมกับฟูจัง 2 คนก็เดินไปบ้านเคลวิน ย่องๆๆเข้าไป คุณแม่เคลวินก็ออกมารับพวกเราตามแผนเลย (พวกผู้ใหญ่นี้ก็ขี้เล่นไม่เบานะ ร่วมมือกันดีมากเลยคับ) พวกผมก็เอาของขวัญไปวางไว้หน้าห้องเคลวิน เขายังคงนอนอยู่ในห้องแน่ๆ แล้วพวกเราก็ลงมา แล้วก็พากันกลับบ้าน

ตอนเช้า ผมมาถึงโรงเรียนก็เห็น เคลวินเขามาคนแรกเลย ผมก็ยังงอยู่ เห็นที่แขนเขาใส่ Alba spool แทน G-Shock อันเดิมของเขา ผมกับริว ก็ถามเขา

"เป็นไงชอบไหม" เขาก็หันหน้ามามองทางผม
"ขอบคุณมากนะ" เขาพูดยิ้มๆ ผมเพิ่งเห็นของขวัญของฟูจังก็ตอนนี้หละ เป็น ล็อกเก็ต ทำจาก Platinum สวยมาก เขาเปิดให้พวกผมดู มันใส่รูปได้ 2 ฝั่งเลยที่ตัวกับฝา ที่ตัวมันใส่รูปเขาที่ถ่ายกับฟูจัง 2 คนที่ ดิโอลด์สยาม ส่วนฝาก็ใส่รูปพวกผม 6 คน ตอนที่ถ่ายกันที่ ดิโอลด์สยามนี้หละคับ ธรรมดาเขาจะไม่ใส่ของใส่คอกันเลย แต่นี้เขากลับพกติดตัวก็แหม ของคนรักให้หละนะ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 14-11-2006 17:02:15
 :-[28. The Wedding - งานแต่งงาน



นี้ก็ใกล้หมดเดือน 7 แล้ว ผมกับเพื่อนๆก็สนุกสนานกันตามเคย แต่คราวนี้มันสนุกกว่า เพราะมันสนุกกันทั้งห้องของผมเลย และก็มีอาจารย์รู้เห็นเป็นใจด้วย.........อิอิ..........(^-^)

ผมมี อาจารย์ที่สอน Eng ให้กับพวกผมตอนม.5อยู่ คนหนึ่ง แกเป็นผู้หญิง อายุไม่มากเท่าไหร่ ประมาณ 24-25 นี้เอง ขี้เล่นมาก พวกผมก็สนิทกับแกมากพอสมควร มีอยู่วันหนึ่งแกนึกพิเรนทร์อะไรของแกก็ไม่รู้ ถามหัวหน้าห้องผมว่า

"สิทธิๆ เธอมาหาครูหน่อย" อาจารย์เขาเรียก เพื่อนผมก็เดินไปหา แล้วเขาก็คุยกันซักพัก ผมเห็น อาจารย์กับไอ้หัวหน้าห้องผม เขามองมาทางผมกับริว โชจิกับฮิโตมิ เคลวินแล้วก็ฟูโกะ และเพื่อนๆบางคนในห้องที่เป็นแฟนกันอยู่ แล้วเขา 2 คนก็หัวเราะกัน แล้วอาจารย์ก็ออกมพูดหน้าห้อง
"เอาหละ นักเรียนนะเดี๋ยววันนี้ตอนเย็น ให้นักเรียนทุกคนไปพบครูที่ห้องแนะแนวนะ"
พวกผมก็งงกัน แต่ก็ตกลงรับคำแกไป
"แล้ว ริว โชจิ เคลวิน แบง ฮิโตมิ ฟู .......(รายชื่อเพื่อนผมที่เป็นแฟนกันในห้องอีก 2-3คู่) ตอนเย็นไปรอครูที่ห้องหมวดนะ"

พวกผมก็รับคำ ด้วยความงง (พวกผมทำงานให้ อาจารย์แกบ่อย เสาร์อาทิตย์บ้าง บางทีก็มาช่วยแกทำงานที่บ้านเลยก็มี ก็เลยสนิทกับแกมากด้วย)

เย็นวันนี้ ผมกับพวกเพื่อนๆที่ถูกเรียกมา รอที่ห้องหมวดก็รอแล้วรออีก อาจารย์ก็ยังไม่มา จนกระทั่งจะ 5 โมงแล้ว "ไง รอกันนานไหม" อาจารย์ถาม
"โห..อาจารย์ เย็นเลยนะเนี่ย" ผมตอบกลับภาษากันเอง
"เออ… ช่วยครูเก็บห้อง Sound lab หน่อยดิ พรุ่งนี้จะมีงานหนะ"
"งานอะไรคะ" ฟูจังถาม
"ก็มีงานแต่งงานกันนิดหน่อย" พวกผมถึงกับหูผึ่ง คิดว่าอาจารย์จะแต่งงานเหรอ หรือว่าอะไร ก็งงกันน่าดูเลย แต่ก็ไปช่วยอาจารย์เก็บห้องแล้วหละคับ เสร็จก็ปาเข้าไป 6 โมงกว่า
"เรากำลังงง ใครจะแต่งกันหว่า" ผมถามริว ขณะขับรถกลับบ้าน
"ใครก็ได้ ขอให้พวกเขามีความสุขละกัน" ริวพูด พลางยิ้มแล้วก็ขับรถไป ผมนึกขึ้นมาได้ พวกที่เหลือหละ อาจารย์สั่งอะไรหว่า ก็เลยหยิบเอามือถือในกระเป๋าออกมา พลางกดเบอร์ไอ้หัวหน้าห้องของผม
"ฮัลโหล ขอสายใครคับ"
"สิทธิหรอ แบงพูดนะ"
"อืมมว่าไง" เขาเริ่มถาม
"นี่ อาจารย์ ...... แกนัดไปคุยเรื่องไรกัน" ผมถามมันเผื่อจะได้รู้อะไรบ้าง
"ก็ไม่มีอะไรนิ แค่เรื่องคะแนนที่ไม่ค่อยดีน่ะ" มันตอบแต่ฟังไม่ค่อยขึ้น
"มีแค่นี้จริงหรอ" ผมถามย้ำ
"ก็เอออะดิ จะให้มีแค่ไหนหละ" มันตอบกลับแบบ.............
"เออ งั้นก็แค่นี้นะ" แล้วผมก็วางหูลงไป แล้วก็หันไปหาริวต่อ
"ได้ความว่าไงหละ" ริวถาม
"ไม่รู้อะไรเลย" ผมตอบแบบผิดหวังเล็กน้อย

วันต่อมาในคาบ Eng ของอาจารย์ วันนี้พวกผมเรียนกันในห้อง Sound lab มันเป็นห้องที่ปูพรมแดง แล้วก็ตรงกลางห้องพื้นจะยกสูงขึ้นหน่อยนึง จะแบ่งโต๊ะออกเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายกับขวา เป็นแถวๆลงไป แถวละ 5 คนคล้ายๆกับที่นั่งในโบสถ์เลย มีโต๊ะอาจารย์พร้อมกับ เครื่องควบคุมเสียงอยู่ข้างหน้าตรงกลางห้องต่อจากพื้นยกสูงพอดี
หลังจากอาจารย์เข้าห้องแล้วพวกผมเคารพ อาจารย์กันแล้ว ก็เริ่มตามแผนอาจารย์

"เอ้า ทุกคนออกมาข้างหน้าห้องแล้วทำตามที่ตกลงกันได้แล้วจ้ะ" อาจารย์สั่ง ผมก็งง
"แล้วพวกเราหละ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย"ผมถามเพื่อนๆ
"งั้นก็ไปอยู่หน้าห้องละกัน" แล้วพวกเขาก็วิ่งเข้าไปนั่งกัน พวกผมกับพวกที่ไปเก็บห้องเมื่อวานก็เลยเอ๋อ แดกกันอยู่หน้าห้อง
"เรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ เอาหละ เรามาเริ่มพิธีแต่งงานกัน" อาจารย์พูด ผมงี้เสียวไส้อย่างบอกไม่ถูกเลย งงด้วย
"พวกริวนะ ไปข้างหลังนู้นเลย" อาจารย์บอกพลางชี้ไปข้างหลัง พวกผมก็ไปกัน ช่องทางเดินที่ยกขึ้นมันกว้างพอจะเดินได้ 2 คนเอง พวกเราก็เลยเดินกันเข้าไปเป็น คู่ๆ โห..... อาจารย์ เรานี้ขี้เล่นชะมัด....
"เอาหละ ขอให้เจ้าบ่ายเจ้าสาวเดินเข้าพิธีด้วยค่ะ" อาจารย์พูดอย่างกับตัวเองเป็นพิธีกรงั้นหละ แล้วเพลงแต่งงานมันก็ดังขึ้น ผมงี้สั่นเลย อยู่หลังสุดด้วยคู่สุดท้ายเลย
"อะไรกันว่าเนี่ย" ผมพูดกะริว
"เอ็งก็เดินมาเข้าพิธีสิ" อาจารย์แกคงได้ยินแล้วแซวพวกเราเล่น

ก็ได้ ก็ได้ 2 คู่ก่อนหน้าพวกผม ไปกันแย้ว เหลือแต่พวกผมนี้หละ เอาไงดีฟะ โคตรอายเลย โชจิงี้ เดินจูงมือฮิโตมิไปเฉยเลย ไอ้พวกคู่ก่อนหน้าเราก็แค่เดินไปด้วยกัน นี่พวกเล่นซะจูงมือ พอไปถึงอาจารย์ก็ถาม(ทีคู่ก่อนหน้าไม่ยักกะถาม)

"นายโชจิ เอ๊ย นายพิเชษฐ์ (เรียกจนลืมชื่อจริงไปเลย อาจารย์เราเนี่ย) นางสาวศศิธร จะยอมเป็นสามีภรรยากันและกันหรือไม่" อาจารย์พูดต่อแบบในโบสถ์ เขาคิดว่าตัวเองเป็นนักบวชหรือไงเนี่ย (จริงๆแล้วอาจารย์คนนี้เจ้าบทบาทมากเลย พวกผมงี้แสดงเป็นอะไรแล้วบ้างก็ไม่รู้ ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลังนะคับ)

เขา 2 คนมองหน้ากันแล้วก็หันหน้าไปหาอาจารย์

"รับคับ-ค่ะ" สองคนนี้สุดยอด ก็จริงหละนะหลังจากนี้พวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย แล้วเพื่อนๆในห้องก็โห่กันแบบสุดๆเหมือนกัน ผมงี้ตื่นเต้นจนเหงื่อแตกไปหมดแล้ว แล้ว 2 คนนั้นก็เดินออกมาไปหลบอยู่ข้างขวา ไอ้คู่ก่อนหน้าเขาไปข้างซ้ายจนเต็มหมดแล้ว เคลวินกับฟูโกะก็เดินออกไปหาบ้าง

หมดแล้ว ตายแน่เลย ผมคิดในใจ เคลวินก็ไม่น้อยหน้าเดินออกไปกันเป็นคู่เลย จับมือกันออกไปด้วย ผมหละคงอายหน้าดูเลยถ้าไปแบบนี้

"นายประภากร นางสาวชลธิชา จะยอมเป็นสามีภรรยากันและกันหรือไม่" อาจารย์เริ่มถามคำถามบ้าๆนั่นอีกแล้ว เขา 2 คนก็มองหน้ากันแล้วก็ตอบพร้อมกันเลยว่า
"ยังไม่รับคับ-ค่ะ" พวกนี้ก็สุดๆอีก ตอบแบบตรงๆเลย จะว่าไปเคลวินเคยสารภาพรักไปหลายครั้งแล้ว แต่ฟูจังมักย้ำว่า เราเป็นเพื่อนกันไว้ดีกว่า ถ้ามีอะไรผิดผลาดจะได้ไม่เสียใจในภายหลังน่ะ ผมก็ว่าดีนะกับความคิดฟูจัง เพราะถ้าอย่างน้อยผมทำตามเธอบอก ผมก็อาจไม่ต้องเสียใจก็ได้

ต่อๆนอกเรื่องละ … พวกเพื่อนๆก็แทนที่จะโห่ร้องกันกลับหัวเพราะคิกๆคัก คงสมน้ำหน้าเคลวินมั้ง คราวนี้หละ ผมแล้ว อาจารย์แกก็ยิ้มๆหัวเราะเบาๆ ผมก็ไม่กล้าเดินออกไปเลย ขามันแข็งไปหมดเลยก้าวขาไม่ออก เพื่อนๆก็หันมามอง ใครบ้างไม่อายหละคับ ผู้ชาย 2 คนจะเข้าพิธีแต่งงานกันเอง แม้จะเป็นงานเล่นๆ และก็มีแต่เพื่อนๆ แต่ผมก็อายมากเลย

"แบงคุงเราไปกันนะ" ริวบอก
"อืมม" ผมตอบรับคำเขาแต่เขามันก็ยังไม่ขยับ ริวเดินจูงมือผมเข้าไป แต่ผมก็เดินไม่ได้ขาไม่ขยับเลย
"ริวเรา....เรา..ก้าวขาไม่ออก" ผมพูด ขามันไม่ขยับจริงๆนะ หัวใจงี้สั่นไปหมดเลย พวกเพื่อนๆผมก็หันมามองกันใหญ่
"งั้นก็ช่วยไม่ได้" ริวพูดแล้วเขาก็เดินมาข้างหลังผม เขาคล้องแขนกับคอผมแล้วก็อุ้มผมขึ้นไปเลย

กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียง จากเพื่อนๆ ผู้หญิง แล้วก็เสียงจากพวกผู้ชายโห่กันดังไปหมด ถึงผมจะคู่สุดท้ายแต่เสียงงี้ดังกว่าเพื่อนเลย

ริวก็อุ้มผมเดินเข้าไปยังหน้าห้อง ผมงี้ใจเต้นตึกๆ ขาไม่มีแรงเลย ไม่มีแรงทั้งตัวเลยมากกว่า พอมาถึงริวก็วางผมลงผมก็ลุกขึ้นยืนได้

"พวกเธอมันก็เจอแบบแปลกๆ" อาจารย์พูดเบาๆ "นายทิวากร จะยอมรับนายวชิระเป็นภรรยาหรือไม่" อาจารย์เริ่มคำพูดถามอันสุดแสนจะ.................. ผมงี้อายสุดๆเลย
"รับคับ" เขาตอบแบบไม่คิดมากเลย เพื่อนๆก็โห่กันทั้งห้อง
"นายวชิระ (ทำไมเป็นนายอะ ไม่ใช่นางสาวเหรอ อิอิ) จะรับนายทิวากร เป็นสามีหรือไม่" อาจารย์พูดจบผมก็ใจเต้นตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทีคนอื่นดันให้ตอบพร้อมกันทีเราให้ตอบแยก ฮือๆๆๆๆ
"รับ.....รับคับ" กว่าผมจะพูดออกได้นี้นะ นานเลยมันชาไปหมดเลย พอสิ้นเสียงผมเพื่อนก็โห่ร้อง กรี๊ดกร๊าดกันลั่นห้อง ดีว่า Sound lab มันเก็บเสียงได้อะนะ รอดไป ไม่งั้นข้างๆห้องคงเข้ามาดู แล้วริวก็จูบผมหน้าห้องนั้นเลย ต่อหน้าทุกคนเลย คราวนี้หละ อื้อฉาวแน่เลย............................................
"เอา พอได้แล้ว พวกเราก็สนุกกันมามากพอแล้ว ขอขอบคุณนะคะ ดาราจำเป็นทั้ง 10 คน แสดงบทบาทดีมาก" อาจารย์พูดไปหัวเราะไป "เอ้า พวกเราชอบคู่ไหน"
"คู่สุดท้าย............" เสียงนี้ผมหละโคตรอายเลย
"งั้นเดี๋ยวครูสั่งการบ้านเลยละกัน วันนี้จะให้ศัพท์ แล้วก็ประโยคต่างๆที่ใช้ในวันแต่งงานนะ" อาจารย์พูดพลางเขียนลงใน White board พวกผมก็ไปนั่งจดงานกัน ซักพักนึงเสียงออดก็ดังขึ้น ผมเขียนเสร็จพอดี แล้วก็เก็บของแล้วก็ออกจากห้องมาพร้อมกับเพื่อน
"ว่าไง เจ้าสาว........" เสียงรุ่นพี่ ม.6 เอ๊ยไอ้พวกนี้มัน 6/1 นี้หว่า ลืมไปเขามาต่อห้องของพวกผม
"แบงคุง จะรับผมเป็นสามีไหม" ไอ้พี่เดฟณรงค์ชัย พูดพลางทำบทกับพี่เบบวรพงศ์
"รับค่ะ...." พี่เบบวรพงศ์ตอบ แล้วเขาก็แกล้งจูบกัน แล้วก็หัวเราะผมกับริว
"สนุกเป็นบ้าเลย ดีที่มาทันดูคู่สุดท้าย" พี่เบบพูด ผมงี้ก็โมโหหน่อย วิ่งไล่เตะพวกมันไอ้พวก ม.6/1
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 14-11-2006 17:33:09
55555  ครูเล่นพิเรนทร์อะ  แต่ขำดี  น่ารัก ๆ   ต่อด้วยน้า  รออยู่นะตะเอง   :impress:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-11-2006 13:48:37
เอิ๊กๆๆๆๆ :kikkik:

อ่านจบแล้น :yeb:


ตาแแะเลยครับ :myeye:


ขอบคุณครับ ที่เอามาลงให้ :angellaugh2:


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 17-11-2006 13:48:57
 :laugh:29.Fuu no tanyoobi-วันเกิดของฟูจัง.



วันนี้หละคับคราวดี วันเกิดของฟูจังๆๆ เธอเกิดในวันที่ 23 สิงหาคมคับ ริวเตือนผมเกี่ยวกับวันเกิดของเธอคับ

"แล้วคราวนี้จะจัดงานให้ฟูจังยังไงหละ" ผมถาม
"นัjนดิ ความคิดเราก็ไม่ออกนะ" ริวพูด ผมคิดกับริวอยู่นานในเช้าวันหนึ่งที่ใกล้กับวันที่ 23 สิงหาแล้ว
"งั้นเดี๋ยวไปถามพวกนั้นดูเพื่อจะมีใครคิดออกนะ" ริวบอกผม ผมก็ตกลงแล้วผมก็ไปโรงเรียนอย่างเร็วเพราะสายแล้ว

ผมก็มาถึงโรงเรียนแบบใกล้เข้าแถวกันแล้ว แต่ก็ยังทันที่จะคุยกับเพื่อนๆ "เออ..มีเรื่องจะคุยด้วยแนjะ" ผมพูดกับทุกคนตอนที่ฟูจังไปห้องน้ำพอดี

"ว่ามาดิ" โชจิพูด
"นีjใกล้วันเกิด ฟูจัง แล้วนะจะจัดงานกันแบบไหน" ผมถามความเห็น
"นัjนดิ เอาไงดี" ริวพูด
"พวกเราคิดกันไม่ออกเลย" ผมกับริวพูดขึ้นพร้อมกัน
"อืมม......เรามีความคิดดีๆๆบ้างนิดหน่อยนะ สนไหม" โชจิเสนอ
"ว่ามาเลย" ฮิโตมิพูด แล้วพวกผมก็ฟังแผนอันแยบคายของโชจิ อืมมม มันออกจะโหดร้ายไปนิด แต่ก็เขย่าขวัญดีมากเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้โอกาสหรือเปล่านะคับ มันต้องอาศัยโอกาสด้วย
"คุยอะไรกันอยู่หรอ" ฟูจังเดินเข้ามาพอดี
"ก็กำลังคุยกันเรื่องเตรียมสอบไง ใกล้แล้วนะ" เคลวินพูดกลบเกลื่อน หน้าตาเฉยเลย
"อืมม งั้นหรอ" ฟูจังพูดพลางสงสัย "เออ....ฟู แล้ววันที่ 23 นี้คุณน้าเธออยู่ไหม" ฮิโตมิถาม
"ก็…คงไม่อยู่หรอก เห็นเขาบอกว่าจะไปหาคุณพ่อคุณแม่เรานะ" ฟูจังพูด
งั้นก็เข้าแผนเลย อิอิ..เข้าท่า เข้าแผนโชจิเลย แผนของโชจิก็คือ พวกผมจะไปจัดงานกันตอนกลางดึกของวันเกิดฟูจังคับ แบบให้เธอตื่นมาเจองานวันเกิดของตนเอง ถ้าผมเป็นเธอ คงตกใจนึกว่าโดนโจรปล้น ไม่ก็ผีหลอกอะไรทำนองนี้หละ

ในวันเกิดของฟูจัง พวกผมก็ไปหาซื้อของกัน วันนี้ก็วันเสาร์ด้วย สบายเราเลย ผมออกไปหาซื้อของกับริวตั้งแต่เช้า ของที่ต้องใช้ก็มี เตาย่างปิกนิก + แก๊สกระป๋อง (เพราะคราวนี้จะทำบาร์บีคิวกินกันด้วย) น้ำอัดลม (พวกผมเด็กดีไม่ดื่มเหล้า โอกาซังเคยขอไว้ว่าอย่าดื่มเลย มันไม่ดี ก็เลยไม่มีใครดื่มกัน) แล้วก็ขนมเค้กด้วย

พอตกเย็นพวกเราก็มากันที่บ้านริวเพื่อเตรียมของให้เรียบร้อยกันเพราะคงเตรียมที่บ้าน ฟูจังไม่ได้ (ให้เขารู้ได้ไง) แล้วพวกผมก็เสียบบาร์บีคิวกัน แล้วก็หาของขวัญกันมาด้วยนิดหน่อย ผมกับริวรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง โชจิกับฮิโตมิก็ไปเรื่องเค้กแล้ว ของขวัญก็ต้องพระเอกงานนี้ครับ กว่าพวกเราจะเตรียมของกันไปก็ดึกมาแล้ว ประมาณ 4 ทุ่มแล้ว พวกผมก็ไม่มีใครพูดถึงงานวันเกิดเธอเลยซักคนเธอคงนึกว่าไม่มีใครรู้มั้ง อิอิ.....ที่ไหนได้.......

หลังจากนั้นพวกผมก็ไปบ้านฟูจังกัน ก็เห็นแล้วว่าเธอนะหลับแน่ๆแล้ว พวกผมก็เอาของมาเตรียมของกันแล้วก็ปีน!....... ใช่คับ ปีนเข้าบ้านของฟูจังกัน แล้วก็เตรียมของตั้งโต๊ะเอย อะไรเอย พวกนี้หละที่ลานบ้านของเธอเลยคับ ผู้ใหญ่ไม่อยู่ก็สนุกง่ายๆๆแบบนี้หละคับ แล้วบ้านคุณอาเธอก็บ้านเดี่ยวด้วย ไม่ต้องรบกวนเพื่อนบ้านคับ (ไม่งั้นเดี๋ยวหาว่าพวกผมเป็นขโมย) พวกเราก็ตั้งโต๊ะเสร็จกันแล้วอะไรก็เรียบร้อยแล้ว เริ่มปิ้งบาร์บีคิวกันแล้วด้วยคับ

"เคลวิน ต่อไปตานายแล้ว" ฮิโตมิจังบอกแก่เคลวินว่าได้เวลาปลุกเจ้าของงานแล้ว เขาก็พยักหน้าแล้วก็ปีน! ปีนอีกแล้วคับ ปีนไปหน้าต่างห้องฟูจังแล้วเคาะหน้าต่าง (เคลวินเล่าให้ฟังคับ)
"ฟูจังๆๆๆ" เขาเรียก
"ใครอะ....ใครมาเรียกเรา" ฟูจังถามอย่างตกใจหน้าตาตื่นแบบเห็นผี
"เราเอง เคลวินไง มานี่สิ" เขาบอกเธอ
"ไม่ (กรี๊ด) อย่าเข้ามานะ ออกไป...." เสียงฟูจังดังออกมาลั่นบ้านเลย ขนาดห้องแอร์นะ
"เอาไงดี เขาไม่ยอมลงมา ตกใจใหญ่แล้ว" เคลวินตะโกนลงมา
"เออ เดี๋ยวทำให้" ริวก็วิ่ง(ปีน) ไปที่รถเขาซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน หยิบเอาสปอร์ตไลท์ส่องไปที่หน้าต่างห้องฟูจัง ซักพักก็เห็นฟูจังเดินออกมาจากประตู เคลวินก็ปีนลงมาแล้ว
"ทำเราตกใจ นึกว่าผีหลอก" เธอพูดพลางร้องไห้นิดหน่อย
"โอ๋......เงียบซะ" พระเอกเราก็เข้าไปปลอบตามภาษาคน.......
"สุขสันต์วันเกิดนะ" เคลวินพูด คราวนี้เธอยิ่งร้องไห้โฮ......เลย
"พวกนายนี่....." แล้วเธอก็ร้องไห้อยู่กับเคลวิน
"ผมมีของขวัญให้ฟูจังด้วยนะ" เขาก็พูดพลางประคองฟูในอ้อมกอดเขา "นี่ไง" แล้วเคลวินก็หยิบออกมาให้เธอ เป็นห่อสีชมพู เป็นสร้อยมรกตสีเขียวคับ สวยมากเลย ผมก็ชอบ แต่ผมชอบแหวนที่อยู่บนมือผมนี้มากกว่า แหวนนำโชคของผม ตัวแทนของริวคับ แล้วพวกผมก็มานั่งกินบาร์บีคิวกัน ตัดเค้กกันกลางแจ้งด้วยคับ โชคดีอย่างแถวนั้นไม่มีป่าก็เลยไม่ค่อยมียุงคับ ไม่งั้นสงครามกับแมลงแน่นอนเลย (งานนี้โชจิก็ไม่พลาดเก็บรูปไว้ด้วยคับ เยอะเลย ผมก็ยังขำกับเสียงกรีดของเธออยู่เลยคับ)
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 17-11-2006 13:51:08
 :laugh:30.Hitomi no tanyoobi-วันเกิดฮิโตมิ


คราวนี้คับวันเกิดฮิโตมิ เป็นช่วงเปิดเทอมแล้วคับหลังจากสอบเสร็จแล้ว แล้วก็หลังวันเกิดผมกับโชจิไปแล้วด้วย เธอเกิดวันที่ 13 พฤศจิกายน คับ (วันเกิดผมกับโชจิรอบ 2 ไม่ขอเล่าให้ฟังนะคับ) พวกเราก็เพิ่งจะฉลองวันเกิดให้เธอเป็นครั้งแรกหละคับหลังจากที่คบกันมานานปีแล้ว

"โชจิ ใกล้วันเกิดฮิโตมิแล้วไม่ใช่เหรอ เตรียมวางแผนกันไว้ยัง" ผมถามเขา
"ก็ยังหละ นายคงเตรียมแล้วสิ" เขาถามแบบรู้แกวผม
"เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเราต้องรวมหัวกันนะ" ผมพูดตอนกลางวันของวันที่ 10 คับเป็นวันจันทร์งั้นวันเกิดฮิโตมิก็วันพุธคับ คงจัดงานกันลำบอกแต่ฝีมือผมนะไม่เคยพลาด อิอิ......................

ผมพูดกะเขาในวิชาพละตอนเข้าห้องเปลี่ยนชุดนะคับ

"อืมม…แล้วเดี๋ยวค่อยบอกฟู" ผมอธิบายแผนแล้วก็กำชับพวกเขา ก็แน่นอน ทำตามโดยดี พวกเรานี้ช่างสรรหาทำกันจริงๆๆเลยคับ
ในวันเกิดฮิโตมิ พวกผมก็ตกลงกันว่าจะไปจัดงานกันตอนเย็น ก็ไม่มีปัญหาอะไรกันคับ ฮิโตมิบอกคุณพ่อกับคุณแม่เธอเรียบร้อยแล้ว พอตอนเย็นวันนี้เลิกเรียนเร็วหนะ แค่ บ่าย 2 พวกผมก็เดินซื้อของเข้าไปจัดงานให้ฮิโตมิกัน ซักพัก ผมกับริวก็เริ่มแผนกัน ผมก็บอกให้ริวไปโทรศัพท์เข้ามือถือของโชจิ ผมก็คอยสังเกตการณ์อยู่ ซักพักเสียงมือถือโชจิก็ดังขึ้น
"Hai shoshi desu (คับ ผมโชจิพูดคับ)" โชจิพูดหลังจากรับโทรศัพท์ เขาก็ทำตามแผนเช่นกัน แล้วเขาก็คุยกันซักพัก แล้วโชจิก็วางสายลง (ริวกับโชจิเล่นละครเก่ง ตีบทแตกกระจายเลย)
"ฮิโตมิ ผมขอโทษนะ พอดีโอกาซังโทรมาบอกว่าให้พอเขาไปหาหมอหนะ พอดีเขาไม่สบายขึ้นมา" โชจิพูด
"อืมมม งั้นเหรอ" เธอตอบเสียงอ่อยๆ พวกเราก็พลายเงียบๆๆไปด้วย พลางนึกในใจแม่งแสดงโคตรเก่งเลย
"ผมขอโทษนะ โอกาซังบอกให้ไปเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวฮิโตมิกลับบ้านไปกินกับพวกนี้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวผมกลับมาแล้วจะรีบตามไปนะคับ" โชจิอธิบายพลางมีลูกอ้อนด้วย อยากอาเจียนอะ บางที

แล้วโชจิก็ลาพวกผมกลับบ้านไปก่อน จริงๆๆแล้วไปบ้าน ริวตะหาก แล้วพวกผมหลังจากซื้อของจ่ายเงินกันแล้วก็พาฮิโตมิจังไปส่งบ้าน แล้วพวกเคลวินก็เริ่มจัดของเตรียมงานกัน ผมกับริวก็เริ่มแผนขั้นที่ 2

"ฮิโตมิ เดี๋ยวพวกเรามานะไปเอาของขวัญก่อน อยู่ที่บ้านหนะ" ผมบอกเธอ
"อืมม รีบไปรีบมาละกัน" เธอบอก ผมไม่เห็นเธอเศร้าเท่าไหร่นะ เธอเป็นคนเข้มแข็งมากนะ ฮิโตมิน่ะ ไม่เหมือนกับผมที่ขาดริวไปแล้วทำอะไรไม่ได้เลย

ผมก็รีบกลับบ้านกับริวเพราะเราไม่ได้ไปเอาของแต่จะไปทำของต่างหาก ผมก็มาถึงบ้าน แล้วก็โดนบ่นออกมาเลย

"มาช้าจังเลย พวกนายหนะ" โชจิเขามารอพวกผมนานแล้ว
"เอาเหอะ เร็ว" ผมรีบพูด เพื่อทำตามแผน โชจินี้ลงทุนทีเดียวคับ เขายอมลงทุนเป็นของขวัญหละ เขาเอาของขวัญของเขาใส่ลงในช่อดอกไม้ เขาซื้อนาฬิกาแบบของผู้หญิงของ casio ให้คับ แล้วเขาก็เอาของขวัญของเขาพร้อมกับตัวเขาลงไปในกล่อง! ใช่ ลงในกล่อง TV ขนาด 29 นิ้วเลย พวกผมนะกว่าจะคิดแผนนี้ได้แทบหัวแตกเลย หาของก็ยากด้วย

แล้วผมก็ปิดกล่องด้วยกระดาษห่อของขวัญคับ ปิดแน่นเลยคับ แต่ก็ยังมีอากาศพอให้เขาหายใจคับ แล้วก็ยังใส่คัตเตอร์เอาไว้ด้วย เผื่อไม่ไหวจริงๆ แต่ผมกลัวกล่องทะลุมากกว่า แม้โชจิจะหนักแค่ 52 กิโลก็เถอะแต่มันก็หนักพอดูเลยคับ เวลายกขึ้นรถเนี่ยผมกับริวเหนื่อยแทบตายแนะ แล้วพวกเราก็ซิ่งสุดฤทธิ์เลยเพราะอากาศข้างในมีน้อย แต่ผมก็มาดูเวลากว่าพวกเราจะห่อเสร็จก็ปาเข้าไป เกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว

พอพวกเรามาถึงงานก็เริ่มไปนานแล้วคับ พวกเขากินกันไม่รอเราเลย แต่ก็อย่างว่าหละ รอ 2 ชั่วโมงกว่าใครจะรอไหว

"เคลวิน ออกมาช่วยกันเอาของหน่อย" ผมตะโกนบอกเขาเมื่อเรามาถึงบ้านฮิโตมิ ผม ริว เคลวิน 3 คนแบกกล่องขนาดมหึมา หนักกว่า 52 กิโลกรัมเข้าไปกัน
"พวกนายเอาอะไรมาน่ะ ใหญ่ขนาดนั้น" ฮิโตมิถามด้วยความตกใจ
"พอดีแวะไปเอาของขวัญโชจิมาให้หนะ เนี่ย โชจิเป็นคนซื้อหละ" ผมบอกเธอ เธอก็ทำหน้าซึมไปเลย คงเสียดายมั้งที่น่าจะมางานด้วยกัน
"งั้นเดี๋ยวเราหาที่วางกันก่อนนะ หนักมากเลย" ผมบอก
"งั้นเอาไปวางข้างๆๆกำแพงนะ" ฮิโตมิจังบอก ผมก็เอาไปวางข้างๆกำแพงห้องเธอ แต่ผมไม่วางชิดนะ เพราะนึกขึ้นได้โชจิหมดอากาศหายใจแน่เลย ผมก็พูดกับเขาเบาๆพอได้ยิน
"โชจิ เดี๋ยวนายเจาะตรงนี้เอานะไม่งั้นนายตายแน่เลย" ผมบอกพลางเอามือเคาะกล่องด้านที่วางติดกับกำแพง เขาก็เอาคัดเตอร์เจาะออกมาไว้หายใจ ไม่น่าลำบากเลย อิอิ.....แต่สนุกมากเลยคับ
"พวกนายทำอะไรกัน" ฮิโตมิถาม พลางเห็นพวกผมยุ่งกับกล่องของขวัญ
"ก็กำลังอยากแกะหละ อยากรู้มันมีอะไรถึงได้หนักมาก" ผมพูดกลบเกลื่อน
"อืมม นั่นสิเราก็อยากรู้เขาจะให้อะไรเรา" เธอพูดพลางลูบบนกล่อง
"เอาไว้เปิดเองละกัน พวกเราไม่อยากดูหละ" ผมบอก
"อ้าว ไหนบอกอยากดูไง" ฮิโตมิเธอย้อนกลับ เธอเป็นคนฉลาดอะนะ หลอกไม่ได้ง่ายๆๆเลย
"ก็เอาไว้ฮิโตมิดูเองละกัน แล้วค่อยเอามาให้ดู" ผมบอก
"งั้นก็ได้" เธอบอก ผมงี้รีบเดินออกห่างจากกล่องเลย กลัวเธอรู้

พอดึกๆๆพวกเราก็ตัดเค้กกัน แล้วผมก็บอกริว กับเคลวินเริ่มแผนขั้นที่ 4 ริวออกมาหน้าบ้านแล้วก็โทรศัพท์เข้ามือถือเคลวิน

"Hai kelvin desu (คับเคลวินพูดคับ)" เขาพูดลงบนโทรศัพท์
"อ้อ โชจิหรอ ว่าไง.......... ตกลงมาไม่ทันใช่ไหม อืมม แล้วเดี๋ยวจะบอกฮิโตมิให้...อืมม.....แค่นี้ก่อนนะ"
เคลวินเล่นละครเก่งพอดูคับ........ ใช้ได้ พวกนี้หลอกลวงต้มตุ๋นคนได้เลย
"ฮิโตมิจัง........" เคลวินกำลังจะพูด
"เรารู้แล้วหละ เขาคงมาไม่ทันใช่ไหม.........." เธอพูดออกมาเลย
"งั้นเรามาตัดเค้กกันเลยดีกว่า" เธอชวนพวกผม แล้วเธอก็ตัดเค้กกินกัน หลังจากนั้นก็เก็บของแล้วพวกเราก็ลาเธอกลับบ้านกันคับ
(ต่อจากนี้โชจิกับฮิโตมิมาเล่าให้ผมฟังคับ) หลังจากพวกเรากลับกันไปแล้ว เธอก็ไปแกะของขวัญคับ กล่องใหญ่ที่โชจิให้แก่เธอ เมื่อเธอเปิดกล่องออกมา โชจิก็ลุกขึ้นพรวดออกมาเลยคับ โชจิบอกหน้าเธอตกใจเอามากๆๆ แบบซีดเลย
"สุขสันต์วันเกิดนะ" เขาพูดพลางเดินออกจากกล่องแล้วก็ส่งช่อดอกไม้แล้วก็ของขวัญให้กับเธอ
"โชจิ........." เธอพูดพลางร้องไห้ เขาก็เอาเธอเข้าไปกอดหละคับ ผมงี้อยากดูจริงๆๆเลย เสียดายไม่มีโอกาสฟังแต่ที่เขาเล่าแล้วก็เอามาเขียนนี้หละ คืนนั้นโชจิกลับบ้านไม่ได้คับ ไม่มีรถ ก็เลยต้องนอนค้างบ้านฮิโตมิจังคับ แต่รับรองว่าไม่มีอะไรกันแน่ๆคับ
ฮิโตมิเธอบอกว่า เธอเห็นโชจิหัวกระเซิงเลย เหงื่อแตกหน้าแดงไปหมดเลย แต่เธอก็ดีใจมากๆเลย โธ่ ไม่ดีใจไงหละคับ คนรักอุตส่าห์ยอมเป็นของขวัญมาประเคนเลยนะเนี่ย............ช่างน่ารักกันจริงๆเลยคู่นี้.........(^-^)
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 17-11-2006 13:54:05
 :-[31.Todai(tokyo-daigaku)-โตได(มหาวิทยาลัยโตเกียว)


ผมเดินผ่านหน้าห้องแนะแนวในวันหนึ่งของ ม.5 เทอม 2 คับใกล้ๆๆปิดเทอมแล้วด้วย ผมเห็นเกี่ยวกับการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แบ่งออกเป็นต่างประเทศกับในประเทศ ผมก็เห็นป้ายประกาศอันหนึ่ง เขียนไว้ว่า "มหาวิทยาลัยโตเกียว" ผมก็สนใจแล้วก็อยากเข้าที่นี้มานานแล้วก็เลยเข้าไปติดต่อกับอาจารย์ในการเข้าสมัครเรียนที่นี่

"พวกเราจะเอนท์ที่ไหนกันบ้างหละ" ผมถาม
"เราอยากเข้า โตได" ริว โชจิ เคลวินตอบ
"มหาวิทยาลัยโตเกียวน่ะเหรอ" ผมถาม
"มันเป็นไงหรอ" ฟูจังถามเธอไม่ค่อยรู้จัก มหาลัยต่างประเทศเท่าใดนัก
"เราก็อยากเข้านะ แต่ไม่รู่ว่าจะสอบเข้าได้ไหม" ฮิโตมิจังพูด
"ไม่ยากเกินไปหรอกนะ ถ้าพยายามนะ" ริวบอก งั้นตกลงพวกผมทั้งหมดก็จะลองสอบเข้าที่นี่ดูคับ แต่พอถึงเวลานั้นแล้วมีแค่ โชจิกับฮิโตมิ 2 คนที่เข้าไปเรียนที่นั้น ผมเรียน ม. ในประเทศเรา ริวไม่ได้เรียนต่อคับ ส่วนเคลวินกับฟูจังก็ไปออสเตรเลียกันคับ

พวกเราทุกคนอยากเข้าที่นี่กันมาก และตลอดปิดเทอมของม.5 เทอม2 พวกเราก็ทบทวนวิชาต่างๆที่เรียนกันมาตลอด 4 เทอมที่ผ่านมาเพราะเอนทรานซ์เข้าโตไดไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงเดือนกันยายน เขาจะให้นักเรียนในระดับ ม.6 สามารถสอบเข้าได้ในช่วงนี้แหละคับ พวกผมก็เรียนกันแบบเอาเป็นเอาตายเลย

พวกเราเหลือเวลากันอีกไม่มากแล้วคับ ตอนนี้มีแต่เรียนกับเรียน ผมยังงเลยผมไม่น่าทำได้ขนาดนั้นเลย แต่ผมก็ทำได้เพราะมีพวกเขาอยู่
ด้วยกันนี่หละคับ เราเรียนกันวันหนึ่งแทบไม่พักเลยทีเดียว GPA ของพวกผมก็สูงสุดของโรงเรียนแล้ว วิชาเรียนของผมไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นภาษาญี่ปุ่นเพราะผมยังไม่คล่องมากนัก (แต่เดี่ยวนี้เก่งแล้ว) แม้จะอยู่กับริวก็ตาม ส่วนคนอื่นๆเขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ผมก็ต้องติวภาษาญี่ปุ่นตลอดเวลาคับ

"เหนื่อยแล้วยัง" ริวถามผมขณะสอนภาษาญี่ปุ่นให้ผมอยู่
"ไม่เป็นไร เรายังไหวนะ" ผมตอบเขา พร้อมกับเรียนต่อแต่เขาก็อยากให้ผมพัก
"เอาเป็นว่าเรียนแค่วันนี้นะ แล้วพรุ่งนี้เราไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน" ริวบอกผม
"งั้นก็เรียกพวกเราไปด้วยกันนะ" ผมบอกเขา เพราะรู้แล้วผมก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
"ไม่ต้องหรอก นานๆจะไปกัน 2 คนซะที" เขาบอกผม ผมก็ตกลง ผมไม่น่าตกลงเลยเพราะมันทำให้ผมต้องเสียเขาไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมา



****************************************************************************************************************
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะครับเดี๋ยวดึกๆจะมาโพสต่อ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 17-11-2006 14:07:19
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอ  ลางไม่ดีอะ  ริวอย่าเป็นไรน้า   รออยู่นะค้า  :impress:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-11-2006 14:29:00
เพี้ยง :amen:

ขอให้อย่าเศร้าเลยนะครับ


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely Wind ที่ 17-11-2006 21:19:54
มาต่อตอนสุดท้ายให้ครับ
******************************************************************

 :impress:32.Sayoonara-ลาก่อน



ตอนสุดท้ายสำหรับเรื่องนี้แล้วนะคับ ตอนนี้ผมพยายามเขียนให้ออกทั้งที่ผมก็ทรมานใจมากพอดู เข้าเรื่องต่อเถอะคับ
เช้าวันนี้ วันที่ 4 สิงหาคม หลังจากที่พวกผมติวกันอย่างหนักเมื่อวันก่อน วันนี้ริวจะพาผมไปเที่ยว ผมจำได้ดี เขาใส่เชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ เป็นชุดสุดท้ายที่เขาใส่ให้ผมดูคับ ผมกับเขาตกลงจะไปพัทยากันเพราะผมอยากไปเที่ยวทะเลด้วย ริวก็พาผมไป ถ้าเขาไม่ตามใจผม เขาก็คง....... เราออกบ้านกันตอน 6 โมงไปถึงก็ราวๆ 9 โมงคับ

พวกผมก็ไปเที่ยวเล่นน้ำกัน ว่ายน้ำ พอผมขึ้นมาจากน้ำผมก็มองหาริว

"ริว....อยู่ไหน" ผมตะโกนหาเขา
"นี่ๆ..ทางนี้" เขาบอกผม ผมก็ไปดู เขากำลังนั่งก่อปราสาททรายอยู่ใหญ่มากเลย
"นายนี่เล่นเป็นเด็กๆๆเลยนะ" ผมบอกเขา
"ก็เราก็เด็กๆกันไม่ใช่เหรอ" เขาบอกผม
"เราก็โตกันแล้วนะ ปีหน้าก็ 19 แล้ว" ผมบอกริว
"งั้นหรอ อืมม ลืมไปเลยนะ พวกเราอยู่กันมา 3 ปีแล้วสิเนี่ย" เขาพูดพลางล้มลงนอนบนพื้นทราย ผมก็นอนลงไปข้างๆๆเขา
"ผมอยากสร้างบ้าน เอาไว้ให้พวกเราอยู่กัน ไว้พวกเราอยู่ด้วยกัน" ริวบอกแก่ผม
"เราอยากอยู่กับนายนะ" ผมบอกเขา
"ถ้านายเกิดชอบใครขึ้นมานะ เราก็ให้นายไปอยู่กับเขาได้เลย ไม่ต้องรอเราหรอก ไม่ต้องห่วงเราด้วย" เขาบอกแก่ผม ผมก็งงกับความคิดเขา แต่ก็พอเข้าใจ
"ริวก็เหมือนกัน ถ้านายสามารถหาคนที่นายจะรักได้มากกว่าเรา เราก็อยากให้นายไปอยู่กับเขา ไม่ต้องห่วงเราหรอกนะ" ผมบอกเขา
"เราจะไม่มีวันเลิกรักนายหรอก" ริวบอกแก่ผม
"เราก็เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะนายมีเงิน ไม่ใช่เพราะนายเรียนเก่ง ไม่ใช่เพราะนายหล่อ หรืออะไร แต่นายเป็นคนที่นำทางให้แก่เรา เป็นคนที่เรารักมาเสมอ" ผมบอกแก่เขา เขาก็เข้ามาจูบผม
"เดี๋ยวไปโรงแรมกันนะ" เขาบอก ผมก็รู้ว่าเขาต้องการอะไรก็ตามเขาไป

ผมกับเขาเริ่มกอดกันในห้อง เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้ร่วมรักกับเขา ผมจำลีลาของเขาได้หมด จำคำพูดของเขาได้ทุกคำ หลังจากนั้นพวกเราก็นอนหลับกันไป ตื่นมาอีกที ก็ 6 โมงเย็นแล้ว พวกผมก็เลยตัดสินใจกลับบ้านกันเลย เพราะพรุ่งนี้ยังมีโปรแกรมเรียนต่อ เขาก็ตามใจผม ถ้าเขาไม่กลับวันนี้เราก็ไม่เกิดเรื่องแล้ว ผมมานั่งเสียใจ

ผมนั่งรถออกไปกับเขา celica คันโปรดของเขา มันเข้าร่วมชะตากรรมกับพวกเราจนมันพังไปเกือบทั้งคัน มันช่วยชีวิตผมแต่มันไม่ยอมช่วยชีวิตเจ้านายมัน แต่ผมก็เกลียดมันไม่ลงเพราะมันเป็นรถคันโปรดของริว ทางมืดมาก พวกผมอยู่ระวางทาง ถนนออกจากตัวเมืองชลบุรี เข้า กทม.คับ มันมืดมากเลย ขนาดเปิดไฟสูงก็ยังมืดอยู่ดี ซักพักผมเห็นเงาดำๆรถบรรทุกคับ ผมรีบเตือนริว

"ริว รถบรรทุกนะ ระวังหน่อย ขับช้าลงนิดนึง" ผมเตือนเขา "อืมม ไม่เป็นไรหรอก" เขาบอกผม ผมก็เชื่อเขาเพราะเขาเป็นคนขับรถเก่งอยู่แล้ว พาผมไปไหนบ่อยๆแต่คราวนี้เมื่อรถบรรทุกมันขับเข้าใกล้พวกเรามากขึ้นเรื่อยๆผมก็สังเกตมันเริ่มวิ่งผิดเลน
"ริว ระวังนะรถมันผิดเลนแล้ว" ผมเตือนเขาแต่ช้าไปแล้ว ริวพยายามหักขวาออกเพื่อข้ามไปอีกเลน แต่ระยะแค่นั้นไม่พ้น รถสิบล้อคง เหยียบมา 100 กว่า ริวก็เหยียบมา 130 เลยคับ ชนกันเข้าทางด้านซ้ายของรถ แล้วผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ผมรู้ตัวอีกทีก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ผมเห็นโอกาซัง โอโตซัง คุณพ่อคุณแม่ของผม มาด้วย
"แบง รุ้ตัวแล้วหรอลูก" คุณแม่ผมรีบวิ่งมาถามอาการ
"เกิดอะไรขึ้น แล้วริวหละคับ" ผมรีบถาม เมื่อนึกขึ้นได้
"ลูกเกิดอุบัติเหตุ สลบไป 2 วันแล้ว ดีนะไม่เป็นอะไรมาก" คุณพ่อผมบอก
"แล้วริวหละคับ" ผมถามย้ำ ทุกคนก็เงียบกันหมด
"ทำไมเหรอ เกิดอะไรกับริวคับ" ผมถามผู้ปกครองของผม
"แบงคุงลูกทำใจดีๆๆไว้นะ" โอกาซังพูดพลางร้องไห้ ผมอยู่กับโอกาซังมานานแล้วแต่ไม่เคยเห็นเขาร้องไห้เลย "ริวเสียชีวิตแล้วลูก"

โอกาซังบอกผม ผมงี้ร้องไห้ออกมาทันทีพลางให้พวกเขาพาไปดูศพ ผมไม่เชื่อกันเรื่องที่เกิดขึ้นหรอก มันต้องไม่จริง
ผมเปิดห้องผู้ป่วยข้างๆเข้าไป ผมพบกับทุกคน

"แบงคุง รู้ตัวแล้วหรอ ปลอดภัยใช่ไหม" ฮิโตมิ ถามผม
"ริวหละ" ผมเดินเข้าไปพลางถามน้ำตาไหลเต็มหน้าไปหมด
"ริวเขา..ไปดีแล้วหละ" ฟูจังพูด แล้วก็พลางปลอบผมด้วยอาการคล้ายกันน้ำตาเต็มหน้า ผมเห็นร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบ ร่างของคนที่ผมรักมากที่สุด.........นอนอยู่บนเตียงมีรอยยิ้มบนหน้า....... พร้อมกับรอยเลือดที่เช็ดออกไม่หมด ผมเข้าไปกอดเขาร้องไห้อยู่อย่างนั้นทั้งวัน
"ริว ตื่นสิ ทำไมทำกับเราแบบนี้นายจะปล่อยเราอยู่คนเดียวเหรอ ริว............ริว...............ตื่นสิ" ผมตะโกนลั่นห้องคล้ายกับคนบ้า
ผมมารู้เอาทีหลัง ริวเสียชีวิตเพราะเขาทนพิษบาดแผลไม่ไหว ตอนชนกันเขาก็ยังปลอดภัยดีอยู่แต่เขาพยายามฝืนโทรศัพท์เข้าโรงพยาบาล แล้วก็จบชีวิตลงเมื่อเขาพาผมเข้าโรงพยาบาลได้แล้ว เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ผมอยู่รอดโดยไม่ห่วงตัวเองเลย แต่เขาลืมคิดไป ถ้าเขาไม่อยู่แล้วผมจะอยู่ยังไง ผมไม่เคยเข้าใจกับความคิดเขาเลย

หลังจากนั้นผมพยายามที่จะตายตามเขาไปให้ได้ ผมเอาผ้าห่มสีขาวพูกับราวเหล็กผ้าม่านบังเตียงนะคับ กะตายให้รุ้แล้วรู้รอดไปเลย พอดีโชจิเข้ามาในห้อง

"แบงคุงนะจะทำอะไรน่ะ" ผมรีบเข้ามาห้ามแล้วก็ล๊อกตัวผมไว้ พวกเราก็แห่กันเข้ามา
"หยุดนะ แบงคุง" ฮิโตมิพูด
"ปล่อยเราเหอะ ไม่มีริวแล้ว เราก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว" ผมบอกกับพวกเขา
"เราเสียริวไปแล้วนะ อย่าให้พวกเราต้องเสียเธอไปอีกคนเลย" ฟูจังพูดกับผม แล้วพวกผู้ใหญ่ก็วิ่งเข้ามากัน
"แบง หยุดนะลูก" คุณแม่คุณพ่อผมห้าม
"ไม่ ริวไม่อยู่ ผมอยู่ไปก็เท่านั้นไม่มีความหมายหรอก" ผมยังคงบ้าไม่เลิก
"แบงคุงลูก ฟังแม่พูดนะ" โอกาซังพูดพลางเดินเขามาหาผม ผมเริ่มหยุดเพราะผมเคารพโอกาซังมาก
"ลูกมองไปที่หน้าริวซิลูก" โอกาซังพูด "เขากำลังยิ้มใช่ไหมลูก" โอกาซังถามผม ผมพยักหน้า
"เขาดีใจที่ลูกปลอดภัย เขาไม่ต้องการให้ลูกเป็นอันตราย" โอกาซังบอก ผมก็เข้าไปกอดเขาพร้อมกับร้องไห้ "เขาอยากให้ลูกอยู่ต่อไปแม้ไม่มีเขา" โอกาซังบอกผม "ลูกต้องอยู่ต่อไปนะเพื่อริวนะลูก" โอกาซังพูดพลางร้องไห้..........ผมหยุดบ้าแล้ว

หลังจากงานศพริว ผมก็กลับมาอยู่กับโอกาซัง โอโตซังที่บ้านเขาตามเดิม เขาอยากให้ผมอยู่ อยู่กับเขา อยู่กับครอบครัวเขา ทุกคนดูแลผมเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เหมือนกับริว เหมือนเป็นลูกพวกเขา แม้ไม่มีริวก็ตาม

หลังจากนั้น พวกเราก็แยกกันไปตามทางของพวกเราคับ โชจิ กับฮิโตมิจัง สอบเข้า โตได ได้ก็ไปอยู่ญี่ปุ่น เคลวินกับฟูจังสอบโตไดไม่ได้แต่พวกเขาก็สอบเข้ามหาลัยใน วิกตอเรีย ในออสเตรเลียได้ก็เลยไปต่อออสเตรเลีย ผมก็จะไม่เรียนต่อแต่โอกาซังบอกให้ผมเรียนต่อ อยากให้ผมมีอนาคต ท่านทั้งสองรักผมมากพอกับลูกของท่าน ท่านบอกผมไว้ว่าพินัยกรรมของท่านทั้งหมดยกให้ริวกับผมหมด ผมก็รู้ แต่ผมก็ไม่เคยอยากได้ แต่ท่านก็ให้ผมมา ผมยอมให้ริวกลับมาจะยังดีกว่า

ผมคิดถึงเค้ามาก และผมไม่กล้าจะทำอะไรเลยเมื่อไม่มีเขาอยู่ ในใจของผมมันว่างเปล่า ถึงแม้เข้าอยากให้ผมอยู่ต่อ แต่มันก็ไม่มีความหมายเหมือนเดิม ผมทนอยู่โดยไม่มีริวต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมตัดสินใจจะไปจากบ้านของเขา ไปจากห้องของริว ไปจากชีวิตที่ไม่มีหวังนี้ ผมจะอยู่ที่นี้เป็นคืนสุดท้าย ในห้องของริว ในบ้านของริว กับโอกาซัง โอโตซัง ผมถอดแหวนของเขาออก เก็บใส่กล่องแล้วก็เอาไปวางไว้บนหัวเตียง ผมกะจะไม่เอาอะไรของเขาไปเลย ผมคิดจะลืมเขาไปให้หมด

ในคืนนี้เองผมก็ได้พบเขา ผมจำไม่ได้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ผมจำได้ถึงคำพูดของเขาทุกคำที่เขาพูดกับผม

"ริว เราคงจะไปแล้วหละ เราคงไม่อยู่ที่นี้อีก เราอยู่ต่อไม่ได้หรอก โดยไม่มีนาย" ผมบอกกับเขา เขาก็ยิ้มอย่างเคยแล้วเดินเข้ามาหาผม พร้อมกับช้อนตัวให้ผมลงนั่งในอ้อมกอดของเขา
"เราทนไม่ได้หรอกริว เราอยู่ต่อไม่ได้" ผมบอกกับเขาต่อ เขาก็ยังคงยิ้มให้อีก
"นายคิดว่าเราจากนายไปเหรอ" เขาถามผม
"ใช่ นายจากเราไป" ผมตอบเขา "เราต้องอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยวมาก นายรู้ไหม" ผมบอกกับเขา
"เราเคยบอกนายแล้วใช่ไหม เราจะไม่จากไปไหนไง" เขาบอกกับผม
"แต่นาย......" ผมกำลังจะว่าเขา
"เราไม่ได้ไปไหนเลย แต่นายต่างห่างที่จะทิ้งเราไป" ริวบอกกับผม
"หมายความว่าไง" ผมถามเขาพลางทำหน้างง
"นายลองคิดดูให้ดีๆนะ" เขาบอกผมพลางยิ้มให้อย่างที่เขาทำตลอดเวลา ผมก็ยังไม่เข้าใจในความคิดของเขา "นายยังจำได้ไหม เราจะไม่มีวันเลิกรักนาย คำพูดของเรา" เขาถามผม พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้ารอยยิ้มที่ผมต้องการจะเห็นอีก
"จำได้" ผมตอบเขา
"เราจะไม่เลิกรักนาย จะอยู่กับนายจนกว่านายจะไม่ต้องการเรา" เขาพูดต่อ ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแล้ว เขามาย้ำความรักที่มีต่อผม ผมรู้แล้วก็เข้าใจ ผมร้องไห้ทั้งที่ผมหลับอยู่

เมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมยังคงตกใจกับสิ่งที่เห็นคงเป็นแค่ฝัน ผมคิดแค่นั้น แต่!มันไม่ใช่ แหวนของผม ผมเก็บมันไว้ในกล่องก่อนนอน ตอนนี้มันอยู่ในนิ้วมือของผม กล่องเพลงเสียงก็คงมีเพลงดังอยู่ ห้องผมก็ล๊อกไว้นี่นา ไม่น่ามีคนเข้ามาได้ ผมกลับมานั่งทบทวนคำพูดของเขาอีกครั่ง ผมรู้แล้วควรทำอะไรต่อไป ผมหาทางเดินชีวิตของผมพบแล้ว...................

ตอนที่ผมเขียนเรื่องอยู่นี้ก็ใกล้ 4 ปีแล้วหลังจากริวเสียไป ทุกคนก็ใกล้กับมาอยู่ด้วยกันแล้ว แหวนตัวแทนของเขาบนมือของผม รูปถ่ายของเขาอะไรที่เกี่ยวกับเขายังคงอยู่กับผมตลอดเวลา มันทำให้ผมฝันถึงเขาทุกวัน เขายังคงอยู่กับผมเสมอไม่จากไปไหน ผมรู้ ใจของผมรู้ ร่างกายผมก็รู้ เวลานอนสัมผัสความอบอุ่นของเขาได้ตลอดเวลาเลย เขาไม่เคยจากผมไปไหนเลย ริวที่รักของผม ผมขอสาบาน ผมขอเกิดมาอยู่กับเขาทุกชาติไป ผมจะรักเขาตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนใจไม่มีวันนอกใจ สิ่งที่เขาให้ผมไม่มีวันที่ใครจะให้ผมได้อีกแล้วไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติหน้า ริวที่รักของผม


สุดท้าย
สุดท้ายนี้นะคับผมก็ขอขอบคุณ ทุกคนที่ติดตาม แล้วก็คอยแบ่งเบาความทุกข์ของผม ผมอยากขอขอบคุณ ...
- คุณพ่อคุณแม่ของผม ไม่มีท่าน ผมก็ไม่มีโอกาสเกิดมาคับ
- โอกาซังโอโตซังของผมและริว ขอบคุณที่ท่านสนับสนุนในความรักของเรา 2 คนคับ และขอบคุณที่ดูแลผมมาตลอด
- อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ (ไม่ขอเอ่ยนามคับ) ตอน ม.5ของผม ที่ได้ทำให้ผมเป็นเจ้าสาวของริวอย่างเต็มตัวคับ
- พี่ๆเพื่อนๆทุกคนที่ผมได้เอ่ยนามในเรื่อง ทุกคนมีตัวตนจริงๆหมดคับ คอยให้คำปรึกษาชีวิตแก่ผมคับ
- โรงเรียนของผมคับที่ทำให้ผมมีโอกาสได้เจอกับริว และทุกๆคน
- ท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ที่คอยเป็นห่วงพวกผมตลอดเวลาคับ
- celica รถที่ริวรักมันช่วยผมจนพังทั้งคัน แต่ตอนนี้ผมเป็นคนขับมันแทนเจ้าของมันแล้วคับ
- โชจิ เพื่อนที่ดีที่สุดคับ ยากที่จะหาใครแทนได้ มีน้ำใจกับผมและทุกคนมาก
- เคลวิน เพื่อนที่หาใครแทนไม่ได้คับ เป็นกำลังใจให้ผมและทุกคนตลอดมา
- ฮิโตมิ เพื่อนที่จริงใจ คอยเป็นห่วงเป็นใยผมและทุกคนเสมอ
- ฟูจัง เพื่อนที่เข้าใจ คอยปลอบใจผมและทุกคนเสมอมาคับ
- ริวสุเกะ คนที่รักผมเท่ากับชีวิตของเขา คนที่ต้องการให้ผมอยู่ต่อไป คนที่อยากให้ผมมีความสุขมากที่สุด และเป็นคนที่รักผมตลอดไปคับ



***************************************************************************
ผมคนนึงที่ไม่อยากให้เรื่องนี้มันเศร้า   ถึงแม้มันจะมีการสูญเสียเกิดขึ้น   แต่การสูญเสียนั้นคงไม่สูญเปล่า
ถ้าหากมันช่วยให้คนอีกหลายๆคนนั้น   ได้เป็นข้อคิดในเรื่องของความรัก   ที่มีแต่การให้อย่างจริงใจ
มิใช่เพียงฉาบฉวย   หรือเพียงแค่ระบายอารมณ์ของตัวเองออกมา


อยากให้ทุกคู่รักมีความรักอย่างแท้จริง    ก็เท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 18-11-2006 21:42:47
เศร้ามากเลย..... :monkeysad:
ร้องไห้เลยอะ ตอนสุดท้ายอะ  สงสารทั้งคู่เลย  สงสารแบงค์มาก ๆ ด้วย  ฮือ ฮือ  เรื่องจริงเหรอเนี่ย  ทำไมมันเศร้างี้อะ  ว่าแต่เรื่องนี้แต่ละคนดูมีฐานะกันจัง  ไปเรียนต่อต่างประเทศได้หมดเลย  เป็นเราจะไปได้คงหาทุนอย่างเดียวแหง่ ๆ  ไม่รู้ว่าตอนนี้คนเขียนจะเป็นยังไง  อยากเป็นกำลังใจให้ในทุกเรื่องคะ

ขอบคุณคุณ lonely wind ด้วยน้า  อุตส่าห์เอาเรื่องนี้มาลงให้อ่านอะคะ  น่ารักมากมาย ขอบคุณจริง ๆค่ะ  :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 26-11-2006 12:28:39
 :impress3: ฮืออ...... เศร้าจัง

ขอให้มีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขน๊า
เป็นกำลังใจให้ด้วยคน

หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 26-11-2006 14:02:58
ง่า...ไม่เอาแบบนี้อ่ะ :serius2: :serius2: :serius2:

ฮือๆ :monkeysad: ผมจิตหลุดอีกแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-12-2006 09:47:24
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะครับ
 :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-12-2006 06:51:01
ตามมาอ่านแล้วนะครับผม

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: box_breathe ที่ 07-01-2007 02:48:53
ร้องไห้อีกแล้วเรา... :monkeysad2:

ซึ้งในความรักที่ ริวกับแบงค์ มีให้ต่อกันมากเลยอ่ะ

เฮ้อ..ความรักก็เป็นอย่างงี้แหละน้า...

มีทั้งสุข มีทั้งเศร้า คละเคล้ากันไป

***************************
PS. เป็นกำลังใจให้ คุณแบงค์ เสมอนะค้าบบบบ
       
เพราะถ้าผมเป็นคุณแบงค์  ผมเองก็ไม่คิดจะคบใครใหม่เหมือนกัน

ถึงใครจะหาว่าผมจมอยู่กับอดีต แต่มันก็เป็นอดีตที่น่าจดจำสำหรับผม

                                      :impress:     
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: may_1223 ที่ 09-03-2007 13:30:30
ขอบคุณนะค่ะที่เอาเรื่องนี้มาให้อ่าน
อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความสุข เสียงหัวเราะ แล้วก้อแง่คิดหลายๆอย่างเลย
รวมทั้งน้ำตาด้วย ร้องไห้ไปร่วมชั่วโมง  เกือบไม่ได้นอน งึ่มๆ
ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 11-03-2007 22:28:23
อ่านจบแล้วมานเศร้าจังเลยครับ  :monkeycry4:

แต่ว่าทุกเรื่องราวที่ผ่านมามันเป็นความทรงจำที่ดีมากเลยครับ

อ่านแล้วยิ้ม  และก็มีความสุขไปกับเรื่องราวของแบงคุงกะริวมากเลยอะครับ

ประทับใจมากๆ เลย

ยากมากเลยนะครับที่เราจะมีคนที่เรารักได้สักคนเลย

แต่ที่ยากกว่านั้นก็คือคนที่เรารักเขาก็รักและห่วงใยเราด้วยสิ

สุดท้ายครับ  ผมขอที่จะเก็บเรื่องราวนี้ไว้ในใจด้วยนะครับ

ขอบคุนสำหรับเรื่องราวที่ดีนี้อีกครั้งนะครับ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 12-03-2007 18:20:47
 :monkeysad: :monkeysad:  ผมอ่านกี่รอบก็ยังเศร้า  ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องบางอย่างมันมะสามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีกแล้ว :monkeysad: :monkeysad:  หวังเปนอย่างยิ่งว่าคุณแบงจะยังคงดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข  แม้จะไม่มีคุณริว :monkeysad: :monkeysad:  แล้วก็ขอให้คุณริวไปสู่สุขคติ :monkeysad: :monkeysad:  ผมเชื่อใน Life after Death นะคับ  ต้องมีสักวันที่คุณแบงกับคุณริวได้กลับมาเจอกันแล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปคับผม :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: cookie201 ที่ 19-05-2007 00:47:42
 o7  เคยอ่านเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้วอะค่ะ

เศร้ามากๆเลย ขอบคุณที่เอามาให้อ่านอีกครั้งค่
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-06-2007 20:42:42
 o8

เศร้ามากครับ นั่งน้ำตาไหลเลย

เป็นกำลังใจให้กับคุณ lonely wind ด้วยนะครับ

และก็ขอบคุณด้วยครับ ที่นำเรื่องราวดี ๆ มาให้เราอ่าน

ขอบคุณคับ

 :impress:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: :+: MashiRo :+: ที่ 25-06-2007 21:59:30
อ้างถึง
ผมมีความรู้สึกไม่ดีเลย คนอื่นๆเขาต้องปรนนิบัติคุณพ่อคุณแม่ ยิ่งเป็นลูกคนเดียวด้วยแล้วยิ่งน่าจะอยู่ปรนนิบัติ

อ่านถึงตรงนี้แล้วสะอึก ความรู้สึกเดียวกันเลย เพราะชิโระก็เป็นคนนึงที่ต้องไปเรียนที่ไกลๆ ไม่ได้อยู่ใกล้ๆพ่อแม่ รู้สึกแย่เหลือเกินที่แม้แต่น้ำสักแก้วยังยื่นให้ท่านไม่ได้
แต่ท่านก็บอกกับเราว่า ไปเถอะลูก มีโอกาสแล้ว ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงป๊ากับแม่ ไปเรียนเพื่ออนาคต ป๊ากับแม่เชื่อใจเรานะ ถึงได้ให้ไป
ตอนนั้นฟังแล้วน้ำตาไหลเลย ฟังเค้าผ่านโทรศํพท์เพราะตอนนั้นยังอยู่อเมริกาอยู่ ตอนแรกไปแค่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ที่นี้มีโอกาสหลายๆอย่าง พ่อกับแม่เลยบอกให้ต่อที่นู่นเลยแล้วกัน
แต่พอจบม.ปลายชิโรคงย้ายมาแถวๆแคลเพราะว่าอย่างน้อยมันก็ใกล้ป๊ากับแม่มากกว่าจอร์เจีย อย่างน้อยมีอะไรจะบินกลับก็ใช้เวลาน้อยกว่า
แม้จะไม่มาก แต่เวลาสองสามชั่วโมงก็มีค่าหากมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งชิโระก็หวังว่ามันจะไม่มี และมันจะต้องไม่มีด้วย

ชิโระดีใจที่สุดท้ายคุณแบงไม่ได้ฆ่าตัวตายตามคุณริวไป เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคุณริวคงต้องเสียใจมากแน่ๆ
เพราะเค้าช่วยคุณอย่างสุดความสามารถโดยไม่ห่วงตัวเอง ถ้าคุณตายไป เค้าจะเสียใจแค่ไหน จริงไหม?
ชิโระก็ขอให้คุณแบงมีชีวิตอยู่ต่อไปแทนส่วนของคุณริวด้วย ชิโระเชื่อว่า สักวันหนึ่งคุณสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอกครั้งอย่างแน่นอน
ชิโระเชื่อว่าคุณริวยังคงรอคุณแบงอยู่แน่ๆ ที่ไหนสักที่ ใกล้ตัว แล้วพอถึงเวลา เค้าก็จะมารับคุณไปอยู่ด้วยกัน...
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Keisuke ที่ 05-08-2007 18:33:11
ขอบคุณมากครับ น่ารักและเศร้ามาก...เขียนไม่ออกเลย ยังไงก็ขอบคุณจริง ๆ นะครับ

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 06-08-2007 05:11:44
ขอบคุณมากครับ  :m15:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 07-08-2007 15:05:36
ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบนะ
แต่ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ
เศร้านะ  :sad2: :sad2: :sad2:

ปล. ทำไมนะเยอะจังหว่า  :m28:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: cargo ที่ 20-08-2007 18:12:31
รัก o7

                                                                 i am Mr.Cargo :a9: :a1:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 12-09-2007 18:01:58
เศร้า งะ :m15:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 12-09-2007 19:28:16
 :impress:

เรื่องนี้มันเคยเอามาลงในบอร์ดนี้แล้วม่ายช่ายเหรอ

น่าจะอยู่ในกระทู้ที่จบบริบูรณ์แล้วอ่า

หรือว่าเรามั่วว่ะ

 o15
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: tsuya ที่ 02-10-2007 17:45:14
ขอบคุณ Lonely Wind  มากเลยนะคะ
ที่เขียนเล่าให้อ่าน
เศร้ามากเลย อ่านแล้วร้องไห้เลยอ่ะ ตอนสุดท้าย :m15: :m15
:
แต่ทุกคู่น่ารักมากเลยอ่ะ โดยเฉพาะริวกะแบงคุง
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 07-10-2007 15:45:20
 :undecided:
อ่านจนเกือบจบก็ยังคิดว่านี่คือเรื่องแต่ง ชีวิตอะไรจะสมบูรณ์พร้อมไปขนาดนั้นนนนน.....
แต่ท้ายเรื่องยืนยันว่าเรื่องจริง....สิ่งเดียวที่พูดได้ก็คือ...ประทับใจ... :impress:
และนี่ละคือสมดุลของชีวิต จึงไม่แปลกใจเลยที่ทำไมชีวิตตั้งแต่เริ่มถึงพร้อมและสมบูรณ์เหลือเกิน
มีคนรักที่พร้อมจะปกป้องเสมอ ยอมรับเต็มภาคภูมิว่าผู้ชายคนนี้คือแฟนผมและทำทุกอย่างเพื่อคนคนนั้น
มีครอบครัวที่รักและเข้าใจทั้งสองฝ่าย  มีเพื่อนที่รัก ห่วงใยกันอย่างจริงใจ...นั่นละ...
ค่าตอบแทน...ที่คุณต้องเสียจึงแพงลิบลิ่ว...ริวคุง :m2:

เก็บความรู้สึกของการได้รักและถูกรักที่สมบูรณ์แบบนี้เอาไว้ เป็นกำลังต่อสู้ชีวิต...ดูแลพ่อและแม่แทนริว
อย่าคิดสั้น อย่าหมดหวัง เมื่อโชคชะตากำหนดมาเช่นนี้ ยอมรับและเดินต่อไป....ใช้ชีวิตให้มีความสุข :a1:
หัวใจที่ผูกพันธ์สักวันต้องกลับมาอยู่ร่วมกัน...:a2:

กำลังใจ ไม่มีใครสร้างให้กันได้  มันต้องสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง...แต่กระนั้นก็ขอส่งความปรารถนาดี
ถึงหัวใจรักที่สวยงามของคนทั้งสอง... :call:
ไม่ว่าเมื่อไรก็ขอให้ได้กลับมาพบกัน รักกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข....สู้ สู้.... :pigwrite:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: IO ที่ 16-10-2007 19:48:21
 :m2:
 o7
 o1 ขอบคุณมากคับ จากใจจริงๆ เลยคับ ผมได้ข้อคิด จากการอ่านเรื่องนี้ไปมากเลยคับ

อยากจะขอเปงกำลังใจให้ทั้ง คนเขียน และ คนโพส ตลอดไปเลยคับ

ขอบคุณมากคับ  o1  o13  o13  o13  :undecided:  :sad2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-10-2007 16:10:53
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วซึ้งมากจนร้องไห้อีกเรื่องนึง อ่านแล้วเศร้ามากๆเลย แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: sandlephone ที่ 08-11-2007 14:07:41

เรื่องนี้ผมก็ชอบมาก ๆ เลย
ช่วยสอนอะไรให้ผมตั้งมากมาย
อ่านกี่ครั้งน้ำตาก็ไหลทุกครั้ง
พออ่านจบเหมือนทุกอย่างจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ (ไม่รู้อินมากไปป่าว)
:m17:

ถ้าความเศร้าที่นำไปสู่น้ำตาคือหายนะ
เรื่องนี้ก็เป็นหายนะที่งดงามที่สุดของผมเลย
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: M@5teR I[K][K]I ที่ 10-11-2007 14:20:35
ป๋ม อิคนะงับ เพิ่งเริ่มอ่านในนี้ได้ม่ายถึงเดือนอ่างับ        :m23:

แต่เรื่องนี้ป๋มได้อ่านมาจากที่อื่นมานานแล้วอ่ะงับคือว่ามันเศร้ามาก  จนบรรยายไม่ถูกเลยอ่า       :m15:        :o12:

ถึงแม้มันจะดูเป็นนิยายมากไป  รวมทั้งความบังเอิญและชื่อตัวละครที่ดูจะเกินเจงไปบ้าง        o17

แต่ที่ทำให้ป๋มร้องไห้ไม่หยุดได้เนี่ย.......สุดยอดมาก........ช่วงนั้นนี้  ถ้านึกถึงชื่อของคนใดคนหนึ่งในเรื่องนี้ละก็น้ำตาพลั่งพรูแน่นอน

ปล. ขอให้ทุกคนที่มีความรักมีความสุขงับ.......แม้จาไม่สมหวังอ่า      :o12:      (เข้าตัวเองแฮะ)
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: YoOl ที่ 18-12-2007 12:48:30
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

หัวใจสลายไปเลย น้ำตาเล็ดอีกแล้วว

เม้นไม่ออกง่า

เศร้า

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 25-01-2008 15:40:56
เป็นเรื่องที่กระชากอารมณ์คนอ่านมากๆๆ

หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-01-2008 22:37:37
อ่านแล้วประทับใจมาก ชีวิตคนเรามันก็เท่านี้แหละ
เก็บภาพความสุขไว้ในใจ แล้วดำนินชีวิตต่อไป
คุณแบงค์ทำถูกแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 28-01-2008 13:11:11
โห้ยย..ผมอ่านตอนแรก ริวกับแบงค์คุงน่ารักมาก
แต่ตอนจบไหง๋เป็นงี้ ผมจิตตกกับตอนสุดท้ายที่เกิดขึ้น
ทำไมเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เกิดมาเพื่อกันแต่ทำไม..ถึงไม่ได้คู่กันสวรรค์ช่างโหดร้าย :m15:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 21-02-2008 00:21:48
 :sad2: :sad2: :sad2: เศร้ามากมาย ไม่รู้จะเขียนอะไรดี เสียน้ำตาอีกแล้ว  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: thaifriend ที่ 03-03-2008 08:11:45
UMMMMMMMMMMMM VERY SAD STORY. hOPE EVERYING WAS GOOD TO YOU NOW.
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: jeawsakon ที่ 23-05-2008 23:02:21
ผมก้อเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อตอน มอ สอง ในเว็บอ่ะไรซักอย่างจำไม่ได้แต่ ตอนนั้นมปริ้นเก็บไว้เลยน่ะั




อ่านแล้วยังเศร้าทุกที ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริงที่จบแบบนี้มันเศร้าเกินไป
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: tenjoin ที่ 25-05-2008 01:07:01
จบ เศร้ามาก

ทำใจไม่ได้

หือๆๆ

 :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: hasuzz ที่ 15-09-2008 02:57:01
อา...ประทับใจกับทุกคอมเมนท์นะคะ
อยากให้เจ้าของเรื่องได้มาอ่านจัง =w=

หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: zene ที่ 05-05-2009 21:05:59
เชื่อแล้วว่าไม่มีชีวิตใครจะสมบูรณ์แบบไปได้เสมอ.... :เฮ้อ:...
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-05-2009 02:32:59
น่าติดตามคับ
แต่ยังอ่านไม่ทันเลย
คืนนี้ง่วงแล้ว
ไปนอนดีก่า  :bye2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: tanutchai ที่ 11-05-2009 01:50:01
หากรื่องนี้คือความจิง ผมขอให้ริวไปอยู่ในที่ดีๆ ขออวยพรแด่ความรักของคนทังสอง :L1: ขอเป็นกำลังใจให้แบงค์สู้ต่อ ขอคำอธิฐานของแบงค์จงสำเร็จผล

ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆเหล่านี้ และหวังไว้สักวันผมคงได้พบรักแท้อย่างแบงคุง ผมจะขอบคุณสิ่งดีงามเหล่านั้นตลอดไป :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: masanobu ที่ 27-08-2009 17:09:14
 :bye2:

ชอบมั่กอ่าคับเรื่องนี้

โคดโรแมนติก

แต่ก้อโคดเศร้า

ไม่รู้ว่าแบงคุงเปนงัยบ้างตอนนี้

แต่ก้อขอเปนกะลังจัยหั้ยค้าบ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: lunarypop ที่ 30-08-2009 23:29:43
ขอบคุณ แบงค์คุง และ Lonely Wind คนโพสต์ค่ะ

เศร้าค่ะ แต่ไม่ถึงกับร้องไห้ออกมา
เพราะว่า แบงค์คุงเหมือนจะเกริ่นๆ ไว้แล้ว
แต่ไม่คิดว่า จะจบลงแบบนี้

ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แม้ไม่มีอุปสรรคอะไรเลย แต่สุดท้ายก็ต้องจากกัน

เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนในเรื่องนี้ค่ะ และริวคุง ขอให้ไปสู่สุขคตินะคะ


:L2:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: WindArrow ที่ 11-09-2009 23:23:27
อ่านจบแล้ว ด้วยความรู้สึก เศร้า ปนกับความซาบซึ้ง และความประทับใจ แม้จะอยู่คนละภพแต่ก็ยังรับรู้ถึงกันและกันได้ ก็ขอส่งความปรารถนาดี และกำลังใจให้แบงคุง

ขอบคุณที่มาเขียนเรื่องดีๆ ให้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: LEKU_W ที่ 10-01-2010 00:56:14
พึ่งได้เข้ามาอ่านตอนแรก ถึงตอนสุดท้ายต่อกันจนจบ

อยากจะบอกว่าเรื่องราวของคุณ มันดีมากๆๆๆๆ รู้สึกดีใจที่พ่อ และ แม่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น

เพื่อนๆ เข้าใจเช่นกัน ความรักจากพ่อ แม่ และ เพื่อน มันคือสิ่งสวยงาม

เหมือนกับความรัก ที่เรามอบให้คนที่เรารักเช่นกัน

อ่านมาตั้งแต่ตอนแรก ยิ้มในความน่ารักของทุกๆคน

แต่พอมาถึงตอนสุดท้าย อยากบอกว่า น้ำตาคลอ รู้สึกเสียใจมากๆๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ถึงแม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม

ขอให้คุณแบงค์ เข้มแข็ง และมีความสุขค่ะ เราเชื่อว่า ความรักของคุณ และ ริว ยังคงมีตลอดไป

แล้วเราขอภาวนาให้คุณได้พบ รัก และ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข อย่างที่คุณปรารถนาค่ะ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 02-02-2010 20:11:38
 :sad11:เศร้าจังเลย ให้คิดเสียว่าเกิดแก่เจ็บตายมันเป็นวัฏจักรของชีวิต

 
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 13-05-2011 23:59:39
เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในความทรงจำ

อ่านครั้งแรกพอตอนจบที่ น้ำตาร่วงเลย

เป็นบ้า+เพ้อ อยู่หลายวัน(อินมากไปหน่อย)

ช่วงนั้นแบบว่า เริ่มสนใจภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: Saint De Jupiter ที่ 15-05-2011 03:44:54
 :o12:
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: zaii_jj ที่ 22-08-2011 01:09:14
 :sad4: :m15: :monkeysad: :sad11:
 :serius2: แง้ เศร้าอ่ะเศร้ามาก
น้ำตาเล็ดเลย
อยากรู้ว่าตอนนี้แบงคุงเป็นยังไงบ้าง
 
คำพูดที่แบงคุงพูดไว้ตอนแรกว่า "เขาเป็นแฟนคนแรกและคนสุดท้ายของผม" คงจะจริง
เพราะว่าคงลืมคนๆๆนี้ไม่ได้จริงๆแหละ

เป็นเราก็คงลืมไม่ลงเหมือนกัน.................
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: airiiz ที่ 16-01-2012 11:42:05
ทำไมตอนจบ หักมุมแบบนี้ 

เศร้ามาก น้ำตาไหล :sad4: :o12:

หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoon217 ที่ 29-01-2012 01:54:27
จะเป็นหนึ่งในความทรงจำตลอกไป
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: ramgaythai ที่ 19-02-2012 08:54:16
เป็นนิยายที่มีทุกรสชาตินะครับ ตั้งแต่สนุก ขำขัน ตลก และเศร้า  :m15:
ผมคิดว่านิยายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ให้ข้อคิดอะไรได้หลายอย่าง
และต้องขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพส ที่ทำให้มีนิยายดีๆ แบบนี้ขึ้นมาครับ ^^  :L1:


ปล.อ่านจบไป 3 รอบแล้วแต่เพิ่งเม้น
หัวข้อ: Re: Ryu Story < เรื่องเก่าที่ผมประทับใจ และคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจผมอยู่บ่อยๆ>
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 05-08-2018 13:43:49
เป็นเรื่องแรกๆที่ผมอ่านตั้งแต่ผมยู่ มหาวิทยาลัย จนตอนนี้ผมทำงานมา 10 ปีก็ยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่