พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] พินัยกรรมร้าย...พ่ายรัก <ฉัตรเกล้า&ตริณ> END .~*
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: gwaiplay ที่ 29-04-2015 17:05:31
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 :3125:
-
บทนำ
ร่างบางระหงส์กำลังเอนกายแช่น้ำอยู่ในอ่างจากุชชี่ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงอย่างสบายอารมณ์ภายใต้คฤหาสน์ "อัครวรัญกูรย์" อันเป็นตระกูลที่เรื่องชื่อด้านการนำเข้าส่งออกเครื่องเพชร กระเป๋า น้ำหอม อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมระดับท็อปไฟว์ของประเทศไทย มือเรียวบางที่ไม่เคยต้องทำงานหนักเบากำลังเกี่ยวก้านแก้วแชมเปญสีหวานอยู่ในมือ ครีมอาบน้ำราคาแพงกำลังทำงานของมันอย่างเต็มที่โดยการโอบอุ้มผิวนวลให้มีกลิ่นกุหลาบหอมจางๆชวนให้เคลิบเคลิ้มยามที่ได้สัมผัส "เกล้า" หรือ "ฉัตรเกล้า อัครวรัญกูรย์" หนุ่มน้อยหน้าหวานวัย 25 ปี เจ้าของเรือนร่างเพรียวบางและสีผิวที่ขาวอมชมพูระเรื่อจนสะกดทุกสายตาที่เพียงแค่มองก็เป็นอันต้องใจเต้นระส่ำไปเสียทุกราย ทั้งยังเครื่องหน้าที่ไร้ที่ติ ตั้งแต่เรียวคิ้วบาง ตาโตหวานใสดั่งลูกแก้วบริสุทธิ์ จมูกโด่งรั้นบ่งบอกถึงนิสัยที่ไม่ชอบให้ใครมาขัดใจ รวมไปถึงริมฝีปากบางสีพีชรูปกระจับ หากผู้ใดได้พบเห็นเป็นอันต้องบอกว่านี่แหละคือความสมบูรณ์แบบ
เช็ดเช็ดแล้วทิ้ง เช็ดเช็ดเช็ดแล้วต้องทิ้ง เก็บไว้ชิงโชคหรือไงใช้แล้วต้องทิ้งนะซิ
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ประดับประดาไปด้วยเพชรแท้จนดูรกแต่กระนั้นร่างบางก็ยังคงคิดว่ามันสวยและเต็มเปี่ยมไปด้วยมูลค่า ใครจะทำไม "ฉัตรเกล้า" คนนี้รวยซะอย่าง!! มือเรียวสวยวางแก้วแชมเปญไว้ขอบอ่างพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอสักพักแล้วจึงกดรับสาย
"ว่าไงครับคุณแม่ นึกว่าช็อปเพลินจนลืมลูกคนนี้ไปเสียแล้ว" น้ำเสียงหวานเสนาะหูไม่ต่างจากใบหน้าเอื้อนเอ่ยท่อยคำตัดพ้อแต่กลับไม่ได้ยี่หระอะไรมากตามประสาคนที่ต้องอ้อนมารดาเป็นประจำอยู่แล้ว
"โถ..ลูกเกล้าก็ แม่จะลืมหนูได้ยังไงกันจ๊ะ นี่คุณแม่กำลังเลือกกระเป๋าชาแนลคอนเล็คชั่นล่าสุดกับรองเท้าวาเลนติโนเอาไว้ให้หนูใส่เล่นอยู่เลยนะเนี่ย" คุณหญิงแพรวพลอยพรรณพูดเย้าลูกชายอย่างอารมณ์ดีเพราะรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนคลั่งไคล้เสียเหรอเกินกับของแบรนด์เนมราคาเป็นแสน แต่เพราะหล่อนมีคติเดียวกันกับลูกชายคือ "ไม่เป็นไร...เรารวย" จึงมักกว้านซื้อของโดยไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมเลยแม้แต่น้อย
"กรี๊ดดดด!! อุ๊บ!! จะ..จริงเหรอฮะคุณแม่ น่ารักที่สุดเลย" ฉัตรเกล้ากระเด้งตัวตั้งตรงเก้าสิบองศาพร้อมกับหลุดกรี๊ดออกมาดังลั่นห้องน้ำจนมารดาที่ถือสายคุยอยู่เอาโทรศัพท์ออกห่างหูแทบไม่ทัน
"จริงสิจ๊ะ นี่ใคร..นี่คุณหญิงแพรวพลอยพรรณนะค๊ะคุณลูกขา แล้วนี่ไอ้แก่..ชะอุ่ย!! เอ่อ..คุณพ่อเรืองรองกฤษณ์กลับคฤหาสน์หรือยังค๊ะ" ร่างบางแอบหลุดขำน้อยๆที่คุณแม่แอบหลุดศัพท์เฉพาะที่เรียกคุณพ่อของตน
"ยังเลยฮะ..เห็นคุณพ่อบอกว่ามีสัมมนากับลูกค้าน่ะครับ" ร่างบางพูดพลางเอามีอีกข้างวักน้ำลูบไล้เรียวไหล่ของตน
"สัมมนา!!..สัมมนาที่คันจิ๊อาบอบนวดน่ะสิไม่ว่า หนอย!! ไอ้แก่กลับไปคราวนี้จะจระเข้ฟาดหางให้หยอดน้ำข้าวต้มเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยคอยดูสิ!!" เหมือนจะรับรู้รังสีอาฆาตรอดมาตามสัญญาณโทรศัพท์พิกลแต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไรผู้เป็นมารดาก็ชิงตัดสายไปก่อนเสียแล้ว ร่างบางมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูอย่างงุนงงกับอารมณ์แปรปรวนของมารดาที่ประดุจดั่งช้างป่าตกมันก็ไม่ปาน
ร่างบางระหงส์หยัดกายลุกขึ้นจากอ่างจากุชชี่เดินมาหยิบชุดคลุมอาบน้าแล้วออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่แสนจะสดชื่น
"อาห์..ชาแนลงั้นเหรอ" ร่างบ้างเพ้อถึงกระเป๋าราคาแพงที่มารดากำลังเลือกซื้อให้อย่างเผลอไผล ขาเรียวงามก้าวมานั่งลงตรงเก้าอี้หลุยส์หน้าโต๊ะเครื่องแป้งบานใหญ่พร้อมกับหยิบครีมยี่ห้อดังมาประทินผิวหน้าจนหนาเหนอะแต่ถึงกระนั้นฉัตรเกล้าคนนี้ก็ไม่แคร์เพราะมีผงหอมสี(พระ)จันทร์ไว้โบกแก้เหนียวอยู่ดี โฮะๆๆ!!
เช็ดเช็ดแล้วทิ้ง เช็ดเช็ดเช็ดแล้วต้องทิ้ง เก็บไว้ชิงโชคหรือไงใช้แล้วต้องทิ้งนะซิ
เสียงริงโทนดังโหยหวนออกมาจากห้องน้ำ ฉัตรเกล้าจิ๊ปากอย่างขัดใจทันทีที่มีคนบังอาจมาขัดจังหวะนาทีความงามของตน เพราะความสวยมันรอได้ที่ไหนล่ะ!! ร่างบางเดินเข้ามาหยิบโทรศัพท์ในห้องน้ำที่ตนลืมเอาไว้พร้อมกลับเหลือบมองหน้าจอ
"คุณพ่อ??" หนุ่มรางบางพึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยความแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่เวลาปกติที่บิดาบังเกิดเกล้าของตนจะโทรมาแน่ๆแต่กระนั้นเรียวมืองามก็เลื่อนมือสำผัสหน้าจอทัชสกรีนเพื่อกดรับสาย
"ว่าไงฮะคุณพ่อ" คนตัวเล็กทักปลายสายเสียงใสแจ๋วเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
"ทักพ่อเสียงหวานเชียว ยังไม่นอนอีกเหรอเรา"
"ยังไม่นอนฮะ คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าโทรหาผมเสียดึกเชียว" ฉัตรเกล้าพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปที่เตียง หยิบโลชั่นที่สั่งทำพิเศษจากน้ำลายนกกระยางบนเทือกเขาแอลฟ์มาชะโลมผิวกาย
"หนูจำวันครบรอบที่คุณปู่เสียได้ไหมลูก"
"อา..จำได้ฮะ มีอะไรหรือเปล่าฮะเนี่ย ปกติทุกปีคุณพ่อก็ไม่เห็นโทรมาเตือนผมเลยนี่นา" หนุ่มหน้าหวานถามปลายสายเสียงฉงน อดแปลกใจกับพฤติกรรมของคนเป็นบิดาเสียไม่ได้
"ก็ปีนี้พิเศษตรงที่ครบรอบ 10 ปีน่ะสิลูก" คุณพ่อพยายามพูดใบ้ทีละประโยคซึ่งฉัตรเกล้าเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
"ครบรอบสิบปีแล้วทำไมเหรอฮะ"
"ก็วันเปิดพินัยกรรมไงลูก!!"
"โอ้มายลอร์ด มรดกเป็นพันๆล้านของคุณปู่ล่ะหรอฮะ!!" ร่างบางถึงกับหยุดการทาครีมแล้วหันมาประคองโทรศัพท์ทั้งสองมือพลันสมองก็นึกคิดถึงรถสปอร์ตคันใหม่ที่อยากได้ อร๊างค์ แค่คิดชีวิตก็ฟินแลนด์!!
วันครบรอบ 10 ปี/วันเปิดพินัยกรรม
ตอนนี้ที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์ อัครวรัญกูรย์ เต็มไปด้วยเหล่าเครือญาติที่ไม่สนิทชิดเชื้ออยู่เต็มเสียยิ่งกว่าหนอน ทั้งที่บางคนเปลี่ยนไปใช้กันคนละนามสกุลแล้วแท้ๆ
บางคนก็เป็นญาติฝ่ายไหนของใครบ้างก็ไม่อาจรู้ ยิ่งหน้าตาแต่ละคนนี้เหมือนพวกหิวเงินจนออกอาการชัดเจนเสียจนฉัตรเกล้านึกเพลีย
อะแฮ่ม!!
เมื่อได้ยินเสียงกระแอมกระไอเหมือนลูกกระเดือกกำลังเริงระบำ(?)เหล่าบรรดาเครือญาติจากทั่วทุกสารทิศก็พลันเงียบโดยพริบตาเดียว ตรงหน้าของพวกเขาคือทนายประจำตระกูลผู้เก่าแก่ ซึ่งถ้านับจากผมหงอกบนหัว ฉัตรเกล้าก็คิดว่านี่ล่ะเก่า'แก่'ขนานแท้
้ "เอาละครับ ตอนนี้ก็เป็นเวลาอันสมควรแล้วอีกทั้งตอนนี้เหล่าบรรดาเครือญาติก็มารวมตัวกันครบแล้ว กระผมซึ่งเป็นทนายประจำตระกูลจะทำการเปิดซองพี่นัยกรรมของท่านเทพธรรมกรณ์ อัครวรัญกูรย์เลยแล้วกันนะครับ" พร้อมใจกันเงียบจนได้ยินซาวน์จิ้งหรีด
"พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นเมื่อวันที่ XX เดือน XX ปี 25XX ณ คฤหาสน์อัครวรัญกูรย์แห่งนี้ ข้าพเจ้าท่านเทพธรรมกรณ์ อัครวรัญกูรย์ โดยข้าพเจ้าขอยกสมบัติพัสถานให้แก่ครอบครัวอัครวรัญกูรย์ทุกกิจการ อันได้แก่ บริษัทผลิตเครื่องเพชร บริษัทส่งออกกระเป๋า บริษัททำน้ำหอมรวมไปถึงกิจการโรงแรมให้แก่คนในอัครวรัญกูรย์ทั้งสิ้น..." เท่านั้นเองที่ฉัตรเกล้าต้องการ ร่างบางหันไปยิ้มสะใจใส่บรรดาญาติทั่วทุกสารทิศอย่างเป็นต่อ
"แต่..."
"..."
"คุณฉัตรเกล้า อัครวรัญกูรย์ต้องไปอยู่ไร่ชา 'จริญรัตนเกษม' เป็นเวลา 1 เดือนครับ"
" 1 เดือน!! โอ้วมายลอร์ด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย กรี๊ดดดดด!!" (T_T)
TBC.
-
ฉัตรเกล้าออกสาวมากมาย...
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
-
ตอนที่ 1
"ฮืออ..คุณแม่!! เกล้าไม่ยอมนะ จะให้ไปอยู่ไร่ชาบ้านนอกแบบนั้น เกล้ารับไม่ได้ ฮืออ..อึกๆๆๆ" ฉัตรเกล้าถึงกลับเป็นลมล้มพับหลังจากที่ทนายความประจำตระกูลอ่านพินัยกรรมวรรคสุดท้ายเสร็จพอฟื้นขึ้นมาหนุ่มน้อยร่างบางก็หวีดร้องเสียงแหลมลั่นบ้าน
"โถ..คุณลูก เดือนเดียวเองค่ะ อดทนนะค๊ะท่องไว้"
"ไม่ไปไม่ได้หรอฮะ เกล้าจะอยู่ที่นั่นได้ยังไง บ้านป่าเมืองเถื่อน ฮืออ..ฉันเกล้าจะไม่ทน อึกๆๆ" ร่างบางร้องไห้พลันโอบกอดคุณแม่ไว้แนบกาย นึกสภาพถ้าต้องไปอยู่ไร่ชาอันมีแต่ป่า แม่น้ำลำธาร แม้จะเป็นไร่องุ่นก็เถอะ มันไม่ได้สร้างความปราบปลื้มให้ฉัตรเกล้าคนนี้อยากจะไปสิงสถิตเลยสักนิด
"อดทนเพื่อคุณพ่อคุณแม่นะค๊ะลูกเกล้า แม่สัญญาว่าแม่จะไปเยี่ยมหนูบ่อยๆ มาค่ะ..จัดกระเป๋ากันนะลูก" หล่อนพูดพลางผละตัวออกจากบุตรชายเดินนวยนาดไปยังตู้เสื้อผ้าหลังโต กว้านเสื้อผ้าลงในกระเป๋าหลุยส์วิตตองให้คนเป็นลูกรวมกันทั้งสิ้น 8 ใบ ฉัตรเกล้าได้แต่พ่นลมหายใจด้วยความปลงตกพร้อมกับเดินไปหยิบเครื่องประดับอันได้แก่เครื่องเพชร ทับทิมลงกระเป๋าสะพายใบไม่ใหญ่ไม่เล็ก ถึงจะต้องไปอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน อย่างน้อยก็ขอดูดีไว้ก่อนแล้วกันนะ
ร่างบางนั่งอยู่บนรถปอร์เช่เคย์แมนสีขาวพลางขยับแว่นกันแดดสีชาเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำสนิทเนื่องจากเขานั้นเป็นคนเอเชียแท้กำลังมองป้ายชื่อตรงทางเข้าไร่ชา
"จริญรัตนเกษม" ริมฝีปากบางรูปกระจับสวยพึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อรู้ว่าตนเองนั้นถึงที่หมายแล้ว มือเรียวหักพวงมาลัยเข้าไปในไร่ทันที
ไร่ชาแห่งนี้มีพื้นที่มากมายเท่าไหร่ฉัตรเกล้าก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้ ร่างบางอดทึ่งกับความกว้างใหญ่ของไร่ที่นี่เสียไม่ได้ ้ไหนจะบ้านไม้ขัดเงาหลังงามและแสนจะใหญ่โตนี่อีก นึกว่าจะเป็นเพียงไร่กระจอกธรรมดาๆเสียอีก
คนในไร่เมื่อเห็นแขกผู้มาเยือนก็ถึงกับฉงนสงสัยเพราะปกติที่นี่เขาไม่นิยมขับรถสปอร์ตหรูๆกันหรอก ปกติเห็นก็แต่กระบะไม่ก็รถจิ๊ปเท่านั้น ฉัตรเกล้าเปิดประตูลงจากรถหลังจากจอดไว้หน้าบ้านไม้ขัดเงาหลังใหญ่ตรงหน้าพร้อมกับเดินมาหาคนไร่คนสวนที่กำลังเก็บผลองุ่นกันอยู่ระแวกนั้น
"สวัสดี ฉันฉัตรเกล้ามีธุระกับเจ้าของที่นี่ ไปตามตัวมาให้ฉันหน่อย ด่วนๆล่ะฉันร้อน" ร่างบางพูดพลางยกมือขึ้นมาพัดเบาๆบนใบหน้าดับร้อน นัยน์ตาสวยก็มองสำรวจพิจารณาคนงานตรงหน้าไปด้วย
'ทำไมตัวดำงี้อ่ะ ดูแขนสิล่ำใหญ่อย่างกับกรรมกร มือก็ดูหยาบกร้านเหมือนพวกแรงงานทำงานหนัก โอ้ย!! ฉัตรเกล้าเพลีย' พึมพำกับตัวเองสายตาก็มองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวจนคนถูกมองนึกเคืองใจ
"มีอะไรเหรอครับคุณ"
"นี่! ลดผ้าปิดหน้าออกหน่อยสิ ไม่เคยมีใครสอนมารยาทพื้นฐานให้นายได้รับรู้เลยหรือไง!"
"อะ..พอใจหรือยังครับ" คนงานตรงหน้ารั้งผ้าปิดหน้ามาไว้ที่คอพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ร้อนก็ร้อนยังต้องมาเจอพวกผู้ดีตีนแดงจากไหนก็ไม่รู้
"ฉันมาหาคุณตริณเจ้าของไร่ ไปตามมาสิยืนเป็นควายงงอยู่ได้"
"ถ้าผมควายคุณก็กระทิงป่าแล้วล่ะครับ ถึงได้พูดกันรู้เรื่อง ฮ่าๆๆ"
"ไอ้บ้า!! ต่ำ ต่ำที่สุด คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณตริณให้ไล่แกออก ไอ้ควายดำเมื่อม!" ฉัตรเกล้ากรีดร้องลั่น ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจัด
"โว๊ย! หยุดแหกปากได้แล้วคุณ คนอื่นเขาไม่พูดไม่ได้แปลว่าเขาไม่รำคาญนะครับ นี่เหรอผู้ดี ถุย! จับทำเมียแม่งซะดีไหม!!" ร่างแข็งแกร่งกำยำพูดพร้อมกับเดินเข้ามาประชิดตัวคนหน้าสวยตรงหน้า
"ถ่อย!! ถ่อยที่สุด คุณตริณอยู่ไหน ฉัตรเกล้าจะไม่ทน!!"
"มีอะไรกันครับนายหัว!!" คนงานอีกคนเดินเข้ามาถามคนร่างใหญ่ด้วยความตื่นตกใจ
'อี๊วส์!! การแต่งตัวไร้รสนิยมอย่างแรง กลิ่นเหงื่อฟุ้งกระจายมาก โอย..ไม่ไหวจะเคลียร์'
"ฉันมาหาคุณตริณ เจ้าของไร่แห่งนี้" เมื่อเห็นคนปากเสียเงียบไม่ยอมตอบเอาแต่มัวจ้องเขาไม่วางตา ฉัตรเกล้าเลยชิงตอบก่อนเพื่อตัดปัญหา ในใจก็อยากจะเข้าไปพักผ่อนเต็มแก่เพราะนี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว
"เอ่อ..คุณครับ.."
"ไปสิ ไปตามคุณตริณมา นี่คนงานไร่นี้มันยังไงกันนะ ใช้ไม่ได้เรื่องสักคน"
"ตรงหน้าของคุณนี่ล่ะครับคือคุณตริณ" เมื่อคนงานผู้มาใหม่ตอบกลับมาพร้อมกับผายมือไปทางไอ้ควายเมื่อมปากเสียที่ยืนตรงข้ามกับเขา ฉัตรเกล้าก็ถึงกลับนิ่งงงก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมาลั่นจนคนงานบางคนถึงกับต้องอุดหู
"ฮ่าๆๆ มุขนายนี่ตลกดีนะ แต่ฉันไม่มีเวลามาฟังเรื่องขำกลิ้งลิงกับหมาอะไรตอนนี้ ไปตามเขาให้ฉันบอกเขาด้วยว่าฉัน 'ฉัตรเกล้า' มาหา"
"คุณครับนี่คือคุณตริณจริงๆ" ฉัตรเกล้ามองคนงานตรงหน้าที่แสดงสีหน้าจริงจัง นัยน์ตานั้นไม่แสดงออกถึงความล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
อึก..!
ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังพร้อมกับเบนสายตาไปมองคนร่างกายกำยำตรงหน้าอย่างหวาดระแวง
"คะ..คุณตริณ"
"ใช่ครับ ผม 'ตริณ จริญรัตนเกษม' คนที่คุณเพิ่งจะด่าว่าควายเมื่อมไงครับ" ใบหน้าคมเข้มแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร มันช่างต่างจากแววตาเจ้าเล่ห์ กวนประสาทนั้นเสียจริงๆ
"ละ..แล้วทำไมคุณไม่บอกผมตั้งแต่แรกล่ะ มันความผิดคุณทั้งนั้นแหละ" ฉัตรเกล้าโบ้ยความผิดพลางเชิดหน้ากอดอกอย่างไม่ยี่หระ
"โว๊วๆ! พูดอย่างนี้ก็สวยสิครับคุณ มาถึงคุณก็โวยวายแหกปากลั่นอย่างกับวัวถูกเชือด ผมจะเอาเวลาไหนไปอธิบายให้คุณเข้าใจกันล่ะครับ"
"นี่!!"
"พอกันทั้งคู่นั่นแหละครับ" คนงานคนเดิมพยายามห้ามศึก "นายหัวเลิกแกล้งคุณเขาเถอะครับ ส่วนคุณคนสวยก็ไปพักเถอะครับเพิ่งเดินทางมาถึงคงจะเหนื่อย เดี๋ยวผมพาไปเองครับ"
"อ้าวไอ้ไม้ มึงพูดงี้ก็สวยสิวะ" นายตริณโพร่งขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ
"ดีมาก ชื่อไม้ใช่ไหม ปากหวานแบบนี้สิถึงจะอยู่กันยืด" ร่างบางส่งยิ้มพิมพ์ใจให้นายไม้จนเจ้าตัวหน้าแดงบิดตัวเขินอายยิ่งกว่าขนมทวิสโก้เสียอีก
"ไปสิ พาฉันไปพักหน่อย อ้อ! แล้วก็ให้คนไปแบกกระเป๋ามาให้ฉันด้วยนะ ขอบใจมาก" ฉัตรเกล้าพูดตัดบทเสร็จสับพร้อมกับเดินนำนายไม้เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ขัดเงาทิ้งให้เจ้าของบ้านยืนกัดฟันอย่างข่มอารมณ์
"ไม่ได้! คุณต้องไปพักบ้านพักคนงานเท่านั้น" ขาเรียวชะงักพร้อมกับหันกลับไปมองนายตริณที่ยืนจังก้ากอดอกทำหน้าถมึงทึงทื่อ
"ได้ยังไงครับนาย บ้านพักคนงานมัน..."
"มึงเงียบไปเลยไอ้ไม้ ส่วนคุณตามผมมาถ้าคืนนี้ไม่อยากนอนหน้าบ้านให้ยุงมันสูบเลือด ไป!!" กล่าวเสร็จก็เดินนำไปอีกทาง ฉัตรเกล้าได้แต่ทำหน้าฮึดฮัดอย่างขัดใจ อยากจะกรีดร้องเสียจริงๆ
บ้านตรงหน้าปรากฎสู่สายตาฉัตรเกล้า เขามองบ้านอย่างนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันยังสามารถเรียกว่า 'บ้าน' ได้อีกหรือ เกิดมาอยู่แต่คฤหาสน์หลังงามถ้าหากต้องไปพักทีอื่นอย่างน้อยก็ต้องได้พักโรงแรมระดับหกดาวอย่างต่ำ แต่บ้านหลังนี้ถ้าให้เขาประเมิณ แม้แต่ดาวสักดวงเขาก็ไม่อยากจะให้
"นี่คือที่พักของคุณตลอดหนึ่งเดือนที่ต้องอยู่ที่นี่ ส่วนนี่กุญแจ" ร่างบางรีบตะครุบกุญแจกลางอากาศเพราะร่างสูงโยนมาให้อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
"ทำไมมันทั้งเล็กทั้งเก่าเลยเนี่ย แอร์ล่ะมีไหม เครื่องปรับน้ำอุ่นล่ะ อ่างจากุชชี่ล่ะมีไหม ฉันต้องอาบน้ำแร่แช่น้ำนมนะผิวถึงจะเด้งจะนุ่มแล้ว.."
"หยุด! ที่นี่บ้านสวนบ้านไร่นะครับไม่ใช่คฤหาสน์หลังงามของคุณ เลิกเรื่องมากแล้วเข้าไปเสียที"
พูดจบคนแร้งน้ำใจก็เดินจากไป ฉัตรเกล้าได้แต่นิ่งค้างเติ่งอยู่หน้าบ้าน อดหวั่นใจไม่ได้ว่าถ้าหากข่มตาหลับขับตานอนอยู่หลังคาจะถล่มลงมาทับเขาหรือไม่
"อ้อ!...กลางค่ำกลางคืนก็อย่าลืมล็อคประตูหน้าต่างนะคุณ" คนตัวเล็กกำลังจะเดินเข้าบ้านเป็นอันต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนกวนประสาทตะโกนข้ามฟากมา
"ทะ..ทำไมหรอ" ฉัตรเกล้าเหมือนจะเห็นรอยยิ้มขบขันจากมุมปากจากอีกฝ่ายแต่แค่เพียงพริบตาเดียวรอยยิ้มนั้นก็หายไป
"ก็ลุงแช่มคนงานในไร่แกเพิ่งตายไปน่ะครับ บ้านที่คุณจะย้ายมาอยู่ก็เป็นบ้านลุงแช่มเค้า คืนนี้ก็อย่าลืมไหว้เจ้าที่เจ้าทางล่ะคุณ" พ่นคำพูดอันชวนขนแขนแสตนด์อัพจบ ตริณก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดีแตกต่างจากฉัตรเกล้าคนนี้เหลือเกินขนาดแรงจะยืนยังแทบไม่มี ขาแข้งมันอ่อนแรงยิ่งนัก
(-O- ) ฟู่ ! ( -O-) ฟู่ ! (-O- ) ฟู่ !
เป่าปากเพื่อเรียกกำลังใจแม้มันจะไม่ได้ช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาเลยสักนิดพลางหันซ้ายแลขวาดูบรรยากาศข้างนอกสักพักแล้วจึงก้าวเดินเข้าไปในบ้านที่แสนจะวังเวงท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะเงียบงัน
'ลุงแช่ม ผมมาอย่างสันติ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย ถ้าเกิดไม่มารบกวนผมจะสละกระเป๋าปราด้าให้เลยเอ้า!' ร่างบางติดสินบนผีในใจมือก็ทำหน้าที่ไขกุญแจด้วยความรนราน คืนนี้จะอยู่ยังไงกัน กระเป๋าเสื้อผ้าก็ยังอยู่ที่รถทั้งที่เขาบอกให้คนงานขนมาให้แล้วเชียว ทำงานไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย! โถชีวิต บรรลัยมันเข้าไป ตู้ม!! (เสียงทำลายล้างตนเอง+ใส่เอฟเฟกต์ระเบิด)
TBC.
อาโหยว' สวัสดีจ้า (>_/|\_<) ฉัตรเกล้าจะทำยังไงกับชีวิตนี้ต่อดีเน้อ ช่วยเป็นกำลังใจให้นายเอกของเราด้วยนา มีให้ฮาให้จิ้นอีกเยอะ ขอบคุณที่ติดตามจ้า (^3^)
-
เป็นอะไรมั้ยถ้าจะบอกว่า
ฉัตรเกล้า สาวออกมากไปหน่อย
แต่ช่างเถอะ เป็นเรื่องสั้นแถมยังสนุก ติดตามละกันเน้ออ
-
:ling2:
เป็นอะไรมั้ยถ้าจะบอกว่า
ฉัตรเกล้า สาวออกมากไปหน่อย
แต่ช่างเถอะ เป็นเรื่องสั้นแถมยังสนุก ติดตามละกันเน้ออ
เดี๋ยวเราจะลดดีกรีความสาวให้ละกันน้า พอดีคิดอยู่ว่าแต่งแล้วจะเวิร์คมั้ย ขอบคุณที่ติชมจ้า :pig4:
-
ตอนที่ 2
แอ๊ดดดดดด~
(-.- ) ฟึ่บ! ( -.-) ฟั่บ!
หลังจากที่ร่างบางไขกุญแจบ้านอยู่แต่กระนั้นก็ไม่ยอมที่จะย่างกรายเข้าไปในตัวบ้าน ได้แต่ยืนยื่นหัวเข้ามาส่องซ้ายแลขวาภายในตัวบ้านอยู่อย่างนั้นนานนับครึ่งชั่วโมง
"อืมน่า..บ้านน่าอยู่จะตาย..เนอะ!!" ฉัตรเกล้าได้แต่ยืนปลอบใจตัวเองทั้งที่บ้านหลังนี้สภาพก็ไม่ต่างจากข้างนอกเลย บ้านไม้สองชั้นธรรมดาที่คอยแต่จะส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด มันเป็นอะไรที่คนหน้าหวานคนนี้เกลียดเข้ากระดูกดำ
"สวิตช์ไฟ..ใช่!! ต้องหาสวิตช์ไฟ!!" คิดได้ดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องไปทางข้างหน้า คนตัวเล็กสอดส่ายสายตาหาก็พบว่าสวิตช์ไฟทั้งหมดอยู่หน้าห้องน้ำ ไม่รอช้าฉัตรเกล้าเดินปรี่ไปกดสวิตช์ทุกตัวจนไฟทั้งบ้านทั่วทั้งชั้นล่างสว่างวาบ
'นึกว่าไอ้คนใจดำจะให้เราอยู่บ้านที่ต้องจุดตะเกียงเจ้าพายุเสียแล้ว'
ภายในบ้านชั้นล่างหลังนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงเลย มีเพียงชุดรับแขกไม้เก่าๆไม่รู้ว่าถ้าหย่อนก้นลงนั่งมันจะพาหงายหลังหรือเปล่า ส่วนหลังบ้านนั้นก็เป็นห้องครัวที่รายล้อมไปด้วยป่ารกทึบถ้าหากทำกับข้าวตอนเย็นคงเสียวสันหลังหน้าดู ร่างบางก้าวเดินขึ้นบันไดไม้ที่ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดลั่นบ้านเพื่อขึ้นไปยังชั้นสอง ตรงหน้าฉันเกล้าคือประตูไม้สีน้ำตาลแก่ที่ลูกบิดนั้นถลอกเป็นด่างๆดวงๆ มือเรียวสวยทำการเปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมกับเปิดสวิตช์ไฟจนสว่างวาบทั่วทุกอาณาบริเวณ สิ่งที่ปรากฎสู่สายตากลมโตคือฟูกที่นอนผืนใหม่ที่รู้ได้ในทันทีว่าคงมีคนมาจัดเตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้ ทางซ้ายมือคือตู้เสื้อผ้าไม้เก่าๆที่เหมือนผ่านการใช้งานมานานมากซึ่งนั่นทำให้ฉัตรเกล้าอดยกมือขึ้นมาลูบแขนเสียไม่ได้
"หลอนชะมัด จะมีปลวกหรือเปล่าเนี่ย" ร่างบางบ่นงึมงำกับตัวเองเสียงแผ่ว พลันขาเรียวสวยเดินไปสำรวจห้องน้ำทางด้านขวามือ
"โถส้วมจะเป็นแบบคอห่านก็ไม่ได้ ฝักบัวก็ไม่มี มีก็แต่ถังพลาสติก เกิดมายังไม่เคยต้องใช้ขันอาบน้ำเลย โอ๊ย!! อารมณ์เสีย" บ่นเป็นหมีกินผึ้งพลางเดินปึงปังออกมาจากห้องน้ำ ทำใจก่อนหย่อนก้นนั่งบนฟูกที่นอนสีแดงแปร๊ด แม้มันจะใหม่แต่มันก็คงจะเทียบกับเตียงขนาดคิงไซส์ที่คฤหาสน์ไม่ได้อยู่ดี
"คุณเกล้าครับ!! คุณเกล้า!!"
"ใครมาเรียกตอนนี้เนี่ย คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ วุ๊!!" ร่างบางลุกขึ้นเดินตรงไปทางหน้าต่างก็พบกับนายไม้ที่ยืนข้างๆกันนั้นคือหญิงสาวร่างเล็กพ่วงด้วยเด็กผู้ชายตัวเล็กสองคนวัยกำลังซนที่กำลังหยอกล้อกัน อดขำของเด็กตัวน้อยทั้งสองเสียไม่ได้กับใบหน้าที่โปะแป้งซะหนาเตอะ เมื่อเห็นดังนั้นคนหน้าหวานจึงเดินลงมาข้างล่างเพื่อมาพบกับทั้งสี่
'อืม..ครอบครัวนายไม้สินะ'
"คุณเกล้าครับ นี่เมีย..เอ้ย! ภรรยากับลูกๆผมครับ" นายไม้พูดด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
"สวัสดีจ้ะคุณ ฉันชื่อเอื้องส่วนเด็กสองคนนี้ชื่อเจ้าแก้วกับเจ้ากลอนจ้ะ" เมียของนายไม้แนะนำตัวเสร็จก็หันไปเรียกลูกๆที่หลบอยู่ข้างหลังหล่อนให้มาไหว้ร่างบางซึ่งยืนมองการกระทำอันน่ารักของเด็กทั้งสองอยู่
"สวัสดี..ครับ" หางเสียงของทั้งสองเบาจนแทบไม่ได้ยินเพราะต้องจำใจพูดเนื่องด้วยเห็นสีหน้ามารดามองอย่างตำหนิ
'เด็กลูกกรอกทั้งสอง ท่าทางซนเอาเรื่อง' ฉัตรเกล้าได้แต่เปลี่ยนสัพนามเด็กทั้งสองในใจ
"ฉันชื่อฉัตรเกล้า จะเรียกเกล้าเฉยๆก็ได้นะ อืม..นายไม้มีธุระอะไรหรือเปล่า" ฉัตรเกล้าเลิกสนใจเด็กลูกกรอกรักยมทั้งสองแล้วหันมาสนใจหนุ่มคมเข้มตรงหน้าแทน
"กระเป๋าสัมภาระของคุณเกล้าผมกำลังให้คนงานขนมาให้ รอก่อนนะครับ แล้วก็เอ่อ..อาหารเย็น ถ้าหากคุณเกล้าหิวก็ไปทานกับพวกผมได้นะครับ ที่โรงครัวใหญ่มีแม่บ้านทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย" นายไม้ชวนคนตัวเล็กด้วยลอยยิ้มพาซื่อซึ่งหาดูได้ยากนักในเมืองกรุง
"โอเคร..งั้นฉันไปล็อคบ้านก่อนละกัน" จะปฏิเสธได้ยังไงในเมื่อตัวคนร่างบางเองก็หิวแล้วเช่นกัน แม้ว่าตอนอยู่กรุงเทพจะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเข้าคอร์สลดน้ำหนักราคาเหยียบแสน แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดเพราะอยู่ที่นี่คงต้องใช้แรงงานในการทำมาหากิน จะมานั่งทานผลไม้เพื่อสุขภาพอย่างเดียวคงไม่อยู่ท้องเสียแล้ว เฮ้อ! ตารางชีวิตฉัตรเกล้าคงจะรวนในสักวัน
โรงครัว
กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็เล่นเอาร่างบางแทบลมจับ ไม่ใช่เพราะระยะทางแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะระหว่างทางที่เดินผ่านก่อนจะมาถึงโรงครัวนั้นมีคอกหมูที่ส่งกลิ่นที่แสนจะไม่รัญจวนใจอย่างเหลือคณานับ ร่างบางนั้นต้องกลั้นหายใจจนเกือบจะช็อคตายเพราะขาดอากาศกว่าจะเดินผ่านพ้นมาได้ ยังดีที่โรงครัวแห่งนี้ไม่มีกลิ่นหมูจากคอกแต่อย่างใด ถ้าให้เขามานั่งกินข้าวไปดมกลิ่นสาบหมูไป ขออดข้าวอดน้ำยังจะดีเสียกว่า ผู้คนมากมายพากันคุยกันเสียงดังลั่นโรงครัวใหญ่ ซึ่งก็นับว่าใหญ่สมคำพูดของนายไม้จริงๆ ภายในนั้นเต็มไปด้วยโต๊ะไม้จำนวนมากโดยแต่ละโต๊ะสามารถบรรจุคนได้ประมาณหกคน
"คุณเกล้านั่งเถอะครับเดี๋ยวผมไปตักมาให้เอง ไอ้แก้วไอ้กลอนนั่งอยู่นี่แหละ เอ็งห้ามดื้อกับคุณเขานะ เข้าใจไหม" ไม้พูดกับร่างบางเสร็จก็หันไปกำชับลูกกรอกรักยมทั้งสองเสียงแข็งแล้วเดินไปพร้อมกับเอื้องเพื่อไปนำกับข้าวมาให้
"เด็กๆเรียนอยู่ชั้นไหนกันเอ่ย" ฉัตรเกล้าพยายามผูกมิตรกับเด็กทั้งสอง ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร
"ทำไมต้องบอกวะ พ่อแม่ก็ไม่ใช่เนอะไอ้กลอน" เด็กแก้วพูดพลางหันไปมองหน้าเด็กกลอนที่กำลังมองจ้องหน้าเขาไม่วางตา
"ทำไมขาวจังวะ อย่างกับผีจีน" เด็กกลอนนอกจากจะไม่รับมุขคนเป็นพี่แล้วยังพ่นคำเจ็บแสบออกมาหน้าตายซึ่งนั่นทำให้รอยยิ้มของฉัตรเกล้าเหี่ยวลงทันตา
'หนอย! เด็กผี!' ร่างบางได้แต่ก่นด่าสองพี่น้องนี้ในใจ ในเมื่อสานสัมผัสกับเด็กไม่สำเร็จ แผนยิ้มกระชับมิตรเลยต้องพับเก็บลงลิ้นชักไปก่อน พลันดวงตาสวยก็ไปสะดุดกับร่างกายกำยำผิวสีแทนเดินเข้ามาในโรงครัว พอเพ่งพิจารณาคนในสายตานั้นก็ดูดีใช่เล่น ผมสีดกดำยาวระต้นคอ ดวงตาเรียวช่างเข้ากับคิ้วหนาๆนั่นเสียจริง ไหนจะจมูกโด่นสันได้รูป ริมฝีปากรูปกระจับงามสีเข้มที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าสูบบุหรี่จัด ตามกรามนั้นมีตอหนวดตอเคราอยู่บางๆ ตามใบหน้าและลำตัวนั้นเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แม้ที่ตั้งของไร่สวนแห่งนี้จะอยู่ทางภาคเหนือของประเทศแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตัวใหญ่ตรงหน้านั้นรู้สึกเย็นขึ้นเลย ร่างกายกำยำนั้นดูเป็นคนเอาการเอางานเพราะดูจากลำตัวหนาๆที่แทบจะทะลุเสื้อยืดสีเทานั้นคงจะผ่านงานหนักเบามาไม่มากก็น้อย ถึงจะเป็นถึงผู้ว่าจ้างแต่ก็ยังทำงานตัวเป็นเกลียวและดูแลลูกน้องอย่างครอบครัว
'แม้จะซื้อใจคนงานได้ทั่วทั้งไร ่แต่ยกเว้นฉัตรเกล้าคนนี้ไว้สักคนด้วยละกัน' บ่นในใจ(อีกแล้ว)พร้อมกับจ้องมองใบหน้าคมคร้ามนั้นด้วยความเคืองขุ่น
( -.-) +++ (^_^) จ้องเข้าไป!
( -.-) +++ ( ^_^!) กดดันมันเข้าไป!
(-_- ) +++ (-.-! ) ขวับ!
เหมือนตริณจะรู้สึกถึงรังสีมาคุจากทิศทางใดทิศทางหนึ่งพลันเบนสายตามามองก็พบกับฉัตรเกล้าที่กำลังมองมาที่ตนเช่นกัน ร่างบางถึงกับหันหน้าหนีแทบไม่ทันเมื่อคนร่างกายกำยำหันกลับมามอง ไม่พอยังเดินแยกจากคนงานที่ยืนคุยกันเมื่อครู่ตรงปรี่มายังโต๊ะของเขาและเด็กสองพี่น้องรักยม
"นายหัว!/นายหัว!" แก้วกลอนตะโกนขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งมายืนอยู่ทางด้านหลังของฉัตรเกล้า
'แหม!..ทักเสียงใสเชียว ไอ้เด็กสองมาตรฐาน!'
"พ่อแม่ของพวกเอ็งไปไหนวะไอ้แก้วไอ้กลอน" ถามเด็กทั้งสองไม่พอยังตีเนียนนั่งลงข้างๆคนหน้าหวานอย่างถือดี ฉัตรเกล้าได้แต่ค้อนทางสายตาไปเสียวงใหญ่ จะทำอะไรได้ล่ะก็นี่มันไร่ของนายตริณนี่ เขามันผู้อาศัย ได้แต่คิดแล้วก็ปลงตก
"ไปเอาข้าวจ้ะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้นายหัวเองนะจ้ะ" เด็กกลอนพูดขึ้นพร้อมยิ้มโชว์ฟันหลอพลางฉุดกระชากเด็กแก้วไปด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงเขากับไอ้ตัวโตอยู่ที่โต๊ะเพียงสองคน
"เป็นไงคุณ" อยู่ๆคนข้างๆเขาก็พูดขึ้นมาเล่นเอาฉัตรเกล้าถึงกับสะดุ้งพลางเบนสายตาตัดสัมพันธ์ก่อนตอบ
"หมายถึงอะไร"
"ก็ที่อยู่ของคุณภายในหนึ่งเดือนนี้ไง" พูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"ก็ดี..มีผีเป็นเพื่อน ไม่เหงาด้วย" ประชดพร้อมกับกระเถิบตัวหนีอีกฝ่ายเล็กน้อย
"หึหึ พูดไปเถอะ ระวังจะเจอดีเข้าให้" ตริณพูดให้คนฟังถึงกับใจหายวูบ นึกอยากตบปากตัวเองที่ดันไปปากเสียไม่เข้าเรื่อง
"ฉัน..ฉันไม่กลัวหรอก" เสียงฉัตรเกล้าสั่นเครือจนตริณนึกขัน
"เหรอครับ" ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนเจ้าเล่ห์จนคนตัวบางนึกหวั่น "แต่ถ้าหากคุณกลัว.. ให้ผมไปนอนเป็นเพื่อนก็ได้นะ"
TBC.
เอ นอนด้วยกันมันก็อบอุ่นดีนา หุหุ :mew4:
-
ตอนที่ 3
กว่าจะได้กินข้าวไอ้คนตัวโตมันก็ไม่วายกวนประสาทเขาตลอดเวลาทั้งที่เขาเองนั้นก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า 'รำคาญ' แต่คนหน้ามึนมีหรือจะสนใจ ตักนั่นตักนี่ใส่จานฉัตรเกล้าเสียเต็มจนเกือบจะทานไม่หมด นี่ถ้าเขาอ้วนขึ้นมานะจะด่าให้หงอไม่กล้ามาสู้หน้าเลยคอยดู
"ว่ายังไงคุณ ให้ผมนอนเป็นเพื่อนไหม" ตอนนี้ฉัตรเกล้าอยู่ที่บ้านของลุงแช่มกับไอ้คุณตริณสองต่อสองซึ่งตอนนี้กระเป๋าสัมภาระต่างๆของฉัตรเกล้านั้นวางไว้อยู่กลางห้องแถวโต๊ะรับแขก มันคงจะโรแมนติกใช่ย่อยถ้าหากว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ไอ้ทมึนปากเสียคนนี้ ตริณยังไม่วายหยอดให้ร่างบางต้องจิ๊ปากกลบเกลื่อนอาการบางอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าคืออะไร มันรุ่มร้อนตรงแก้มแปลกๆ
"ไม่เป็นไร..ฉันนอนคนเดียวได้ ขืนนายมานอนด้วยฉันคงไม่เป็นอันต้องนอนกันพอดี"
"ไม่นอนแล้วจะทำอะไรกันล่ะครับ" ตริณพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ร่างบางจนเจ้าตัวผงะถอยไปสองก้าว
"ไอ้ทะลึ่ง!"
"อะไรกันคุณคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย ผมหมายถึงคุณจะไม่คุ้นสถานที่แล้วจะนอนไม่หลับ โห่..คนอะไรลามกชิบ" คนตัวโตพูดเหน็บร่างบางที่เผลอปล่อยไก่ไปจนหมดเล้า ตาก็มองคนตัวเล็กอย่างหวาดระแวง
"อะ..อะไรเล่า ออกไปเลยคนจะหลับจะนอน!!" ฉัตรเกล้าดุนหลังกว้างของคนตรงหน้าผลักไปที่บานประตูซึ่งคนตัวโตก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี
"อย่าลืมนะคุณ ถ้านอนไม่หลับไปเรียกผมมานอนเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ ยินดีรับใช้" หยุดนะ อย่ายิ้ม!!
"ไอ้บ้า!!"
22:00 ณ บ้านลุงแช่มแชมแวม
ฉัตรเกล้าที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ มือก็เช็ดผมที่ยาวเคลียไหปลาร้าไปด้วย ตอนนี้เขาอยู่ในชุดนอนนุ่มลื่นเนื้อผ้าซาตินอย่างดีสีขาวสะอาด ขาเรียวเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนฟูกที่นอนผืนหนาสีแดงแปร๊ดพร้อมกับหยิบกระเป๋าครีมเบารุงใบเป้งมาวางไว้ข้างตัว
โทนเนอร์/ทาๆ
เซรั่ม/ทาๆ
ครีมบำรุงเมือกก้นเม่น/ทาๆ
ครีมบำรุงพิษปะการังน้ำตื้น/ทาๆ
ผงหอมสีพระจันทร์/โปะๆ
"โอเคร..พร้อมนอน" ว่าพลางเก็บครีมเข้ากระเป๋า เดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอน นี่ก็สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ยิ่งอยู่บ้านไรบ้านสวนคนแถวนี้จึงพากันนอนเร็วกันเสียส่วนใหญ่ บรรยากาศหนาวยะเยือกจับใจแต่ยังดีที่ตอนนี้คนร่างบางนั้นมีผ้าห่มผืนหนาไว้ป้องกันความหนาวได้บ้าง อดปลื้มปลิ่มกับกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติเสียไม่ได้เลย มันให้ความสดชื่นเสียยิ่งกว่าอยู่ในห้องแอร์ราคาแพงที่คฤหาสน์ของเขาเป็นไหนๆ สักพักคนตัวเล็กก็ผลอยหลับไปในเวลาอันรวดเร็วเพราะเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน
TRIN PART
ตริณเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านลุงแช่ม ณ ตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ใบหน้าคมคร้ามแหงนมองไปบนบ้านชั้นสองที่ปิดไฟมืดสนิท รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้านั้นพร้อมกับขายาวที่ก้าวเดินเข้าไปในตัวบ้าน คนตัวเล็กนั้นทำตามที่เขาบอกทุกอย่างเช่นการล็อคประตูหน้าต่างเสร็จสรรพ แต่อย่าลืมว่าคนตัวโตเป็นเจ้าของไร่ เขานั้นย่อมมีกุญแจสำรองของบ้านพักคนงานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ตริณพยายามย่องเท้าให้เบาที่สุดขณะเดินขึ้นบันได นึกถึงใบหน้าหวานนั้นถ้าตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเขานอนอยู่ข้างๆจะเกิดปฎิกิริยาอะไรบ้าง แค่คิดเขาก็หลุดขำออกมาเบาๆ
แอดดดดดด ~
พยายามเปิดประตูเข้ามาในห้องให้เบาที่สุดแต่กระนั้นที่นี่ก็คือบ้านไม้ถึงจะเปิดเบาอย่างแมวผลัก ยังไงมันก็ต้องมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดบ้างล่ะ ตริณได้แต่ชะโงกหน้าไปดูร่างบางที่นอนหันหลังเอาหน้าเข้าผนังห้อง
'สงใสจะเหนื่อยจริงๆ'
ตริณคิดในใจพลางปิดประตู ขายาวเดินเข้าไปยืนใกล้ฟูกที่นอนที่มีร่างบอบบางนั้นนอนอยู่ ตริณหย่อนตัวลงนั่งบนฟูกที่นอนนั้นอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาคมเข้มเพ่งพินิจพิจารณาใบหน้าหวานใสที่ตอนนี้เปรอะไปด้วยแป้งหอมๆเต็มใบหน้าแต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าดูน่ารักน่าทะนุถนอมลดน้อยลงเลย หน้าผากเหม่งๆน่าจูบซับเสียเหลือเกิน เรียวคิ้วสวยโดยไม่ต้องเติมแต่ง จมูกโด่งรั้นน้อยๆดูรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับสวยสีพีชแลดูสุขภาพดี ไหนจะนวลแก้มปลั่งที่ดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัสนั้น ทุกอย่างในตัวของฉัตรเกล้านั้นทำให้เขาแทบคลั่ง ตริณจ้องมองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของตัวเขาเองกำลังขยับเข้าไปใกล้ใบหน้านวลขึ้นเรื่อยๆ
ฟอด ~
"อื้ออ.." กายบางขยับเล็กน้อยด้วยความรำคาญเมื่อมีสิ่งมารบกวนการหลับนอนของตน พลันริมฝีปากหนาของคนร่างกำยำก็กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ฝ่ามือหยาบกร้านยกขึ้นไปสัมผัสเอวบางที่ตอนนี้ชุดนอนเนื้อดีนั้นร่นขึ้นมาเล็กน้อยจนเห็นแอ่งสะดือนวล เขาลูบวนอยู่อย่างนั้นพลางสังเกตปฎิกิริยาของคนที่กำลังหลับไปด้วย ความต้องการที่กำลังดุนดันกางเกงยีนส์ทำให้เขาอดเบ้หน้าด้วยความทรมารเสียไม่ได้ เมื่อความต้องการพุ่งทะยานร่างกายกำยำนี้จึงไม่คิดจะหยุด ฝ่ามือหน้ารั้งไหล่คนที่นอนหันหน้าเข้ากำแพงนั้นให้หันมานอนหงาย เมื่อพลิกร่างนั้นกลับมาได้ตริณก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายด้วยความฝืดเคือง สายตาคมกริบจ้องมองหน้าท้องแบนราบขาวเนียน ทันความคิดมือของเขาก็ปลดกระดุมชุดนอนออกจนหมดจนตอนนี้ร่างการบอบบางนอนหายใจหลับพริ้มไม่รู้อิโหน่อิเหน่อวดตุ่มไตยอดอกสีชมพูระเรื่อจนคนเหนือร่างนั้นได้แต่แอบเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง ใบหน้าคมคร้ามก้มลงไปใกล้ยอดอกสีหวานพร้อมกับตวัดลิ้นเลียอย่างแผ่วเบา
"อืมมม..ห์" คนใต้ร่างถึงกับสั่นสะท้านเมื่อปลายลิ้นสากตวัดโลมเลียจนเม็ดยอดอกสีสวยฉ่ำน้ำเหนียวหนืดทั้งสองข้าง ตริณเปลี่ยนจากโลมเลียเป็นดูดเม้มเร่งอัตราการหายใจของร่างบางให้หอบกระเส่า
"อ๊ะ..อ๊าห์" ฉัตรเกล้าเริ่มบิดตัวไปมาด้วยความวาบหวามจนคนตัวใหญ่ต้องใช้มือทั้งสองข้างกดไหล่ของร่างบางให้นอนนิ่งอยู่กับที่พร้อมรับสัมผัสเล้าโลมจากเขา ดวงตาหวานใสของฉัตรเกล้าค่อยๆลืมขึ้นมาช้าๆอย่างปรือปรอย เจ้าของนัยน์ตากลมโตนั้นจะรู้หรือไม่ว่าสายตาที่ใช้มองมานั้นมันชั่งยั่วยวลเสียเหลือเกิน
"หยุดนะนายตริณ จะทำอะไรน่ะ" ปากบอกให้หยุดแต่มือเรียวกับรั้งไหล่หนาไว้เหมือนกลัวว่าคนตรงหน้านั้นจะหายไปไหน
"แน่ใจเหรอว่าคุณอยากให้ผมหยุด" ร่างหนาไม่ได้รับคำตอบเป็นคำพูด แต่กลับได้รับจุมพิตจากริมฝีปากสีสวยแทน นั่นยิ่งทำให้เขาย่ามใจและอยากที่จะดำเนินเกมส์รักต่อ ใบหน้าคมคร้ามก้มลงไปซุกไซร้ซอกคอขาวจนได้ยินเสียงครางผะแผ่ว เขาทั้งกัดและดูดเม้มเพื่อตรีตรางจองคนร่างเล็กตรงหน้าด้วยรอยรักสีกุหลาบ พอใจกลับซอกคอหอมเสร็จริมฝีปากหนาก็จูบซับไปที่แผ่นอกบางดูดเม้มหยอกเย้ากับยอดอกทั้งสองที่บวมแดงแล้วจึงถดกายลงมาที่หน้าท้องแบนราบ ใช้ลิ้นเลียวนรอบแอ่งสะดือด้วยความถูกใจในกลิ่นกายหอมของร่างบาง มือหนาเกี่ยวขอบกางเกงและชั้นในของฉัตรเกล้าออกจนพ้นตัว ดวงตาคมกริบจ้องมองแกนกายสีหวานขนาดพอดีตัวของคนตัวเล็กที่ประดับด้วยพงหญ้าบางๆอย่างหยาบโลนและหิวกระหาย
"จะ..จะทำอะไร..อื้อห์" ฝ่ามือหนาจับแกนกายเล็กที่เริ่มขยายตัวนั้นไว้จนมั่นแล้วจึงออกแรงสาวเบาๆเรียกเสียงครางอย่างสุขสมของคนใต้ร่างได้เป็นอย่างดี จากจังหวะช้าเนิบนาบแปรเปลี่ยนเป็นเร็วระรัวจนคนใต้ร่างถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว อกบางกระเพื่อมเพราะลมหายใจที่หอบถี่ ่ตริณรู้สึกถึงอาการเกร็งของฉัตรเกล้าจึงรู้ว่าในไม่ช้าร่างบางนั้นต้องเสร็จสมอารมณ์หมายเป็นแน่
เห็นดังนั้นเข้าจึงหยุดมือลงโดยฉับพลับ กายบางที่กำลังเกร็งตัวอยู่นั้นถึงกับดิ้นทุรนทุราย
"อื้อ!! ไอ้คุณตริณ อย่าเล่นแบบนี้ได้ไหม!!" มือบางพยายามที่จะสานฝันตัวเองให้หายทรมานแต่ก็โดนคนขี้แกล้งจับแขนเรียวไว้มั่นทั้งสองข้าง
"ตริณ ปล่อย!!"
"จะสบายไปหน่อยไหมคุณเกล้า"
"แล้วนายจะเอายังไง" กายบางเบ้หน้าด้วยความกระสันอันล้นปรี่แต่ดันถูกคนขี้แกล้งขัดขวางเสียได้
"ทำให้ผม" ไม่พูดเปล่าร่างกำยำสลับตำแหน่งกับฉัตรเกล้าโดยทันที ตอนนี้กายบางอยู่บนตัวของตริณโดยที่หน้าท้องขาวเนียนแนบกับเป้ากางเกงยีนส์ที่กำลังนูนโป่ง ลำคอขาวระหงลอบกลืนหายใจ ในหัวก็พยายามจินตนาการถึงแท่งรักของคนตรงหน้าที่ตอนนี้เหมือนจะทะลุออกมานอกกางเกงแล้วยังไงยังงั้น มือเรียวสวยปลดตะขอกางเกงพร้อมรูดซิบของตริณออกอย่างแผ่วเบาดึงรั้งกางเกงออกจนถึงเข่า ตอนนี้จึงเหลือเพียงชั้นในสีดำของร่างสูงที่กำลังนูนพร้อมกับกระดิกเล็กน้อย ใบหน้าหวานขยับใบหน้าลงไปใกล้สิ่งแข็งขึงนั้นจนได้กลิ่นสาบหนุ่มผสมกลิ่นเหงื่อและนั่นเหมือนเป็นสิ่งมัวเมาจนฉัตรเกล้านึกอยากลิ้มลอง จมูกโดนรั้นก้มลงไปสูดกลิ่นนั้นพร้อมกับพรมจูบแผ่วเบาผ่านเนื้อผ้าจนได้ยินเสียงคำรามต่ำอย่างพอใจจากร่างสูง ฝ่ามือเรียวเค้นคลึงแกนกายใหญ่จนรู้สึกถึงความหนืดเหนียวที่ซึมออกมาจากเนื้อผ้า ริมฝีปากสวยยกยิ้มอย่างความเจ้าเล่ห์แล้วจึงรั้งชั้นในสีดำลงมาจนถึงโคนขา ตากลมโตจ้องมองสิ่งใหญ่โตของคนตรงหน้าอย่างหลงใหล
"ทำไมมันผงกหัวแรงจังเลยล่ะนายตริณ"
"หึ..จะเอาคืนผมหรือไงครับ"
"งั้น..ฉันจะกินละนะ" ร่างบางจุมพิตบนหัวบานที่มีน้ำใสปริ่มอยู่ตวัดเลียชิมน้ำหวานแล้วจึงครอบครองส่วนแข็งขึงจนเต็มปาก แล้วบทรักแสนเร่าร้อนก็บรรเลงไปจนกระทั่งเกือบฟ้าสว่าง
TBC.
กลิ่นสาบหนุ่ม คือ เป็นกลิ่นแห่งความใคร่ ถ้าได้กลิ่นแล้วจะทําให้เพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันมีความสุข อยากเข้าใกล้
ตอนหน้าตอนจบพร้อมเปิดปมอดีตว่าเหตุใดฉัตรเกล้าจึงมีนิสัยเช่นนี้ ฝากติดตามด้วยนะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกอาจจะขาดๆเกินๆนิดนึงก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ (^_^) (กราบงามๆ)
-
ท่าทางการมาทำงานตามพินัยกรรมจะได้...กลับไปด้วยแหะ
แอบขำตรง
ทางซ้ายมือคือตู้เสื้อผ้าไม้เก่าๆที่เหมือนผ่านการใช้งานมานานมากซึ่งนั่นทำให้ฉัตรเกล้าอดยกมือขึ้นมาลูบแขนเสียไม่ได้
"หลอนชะมัด จะมีปลวกหรือเปล่าเนี่ย" ร่างบางบ่นงึมงำกับตัวเองเสียงแผ่ว
ตกลงฉัตรเกล้าหลอนปลวกใช่มั้ย นึกว่าหลอนผี :hao7:
-
เข้ามารอ
-
แค่คืนแรกก็ไม่รอดซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
ปล. สงสัย เขียนงี้นะจ๊ะ
-
รอตอนต่อปาย
แต่เราชอบสาวๆนะ ตลกดี เข้ากับเรื่อง5555
-
ตอนจบ
ร่างการเปลือยเปล่าของทั้งสองร่างนอนเกยกันโดยมีร่างเพรียวบางนอนหนุนแผงอกสีแทนที่มีกล้ามเนื้อล่ำสันบนฟูกนิ่มสีแดงสด มือเรียวสวยลูบไล้บนแพงอกของตริณเล่นอย่างเพลินมือ นึกระอาแก่ใจตนเองที่เผลอไผลจนเผลอสนองตัณหาตนเองกับคนที่เพิ่งเจอกันได้แค่วันเดียว
"ตื่นแล้วเหรอครับ..เกล้า" ร่างบางไม่ตอบกลับ เพียงยื่นหน้าขึ้นไปจุมพิตปลายคางสากนั้นเบาๆ หวั่นวิตกว่าถ้าหากผ่านพ้นเวลานี้ไป คนตรงหน้าจะยังต้องการคนใจง่ายอย่างเขาอีกหรือไม่ แค่คิดก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็ปวดหนึบ อาการวูบโหวงภายในใจทำให้ฉัตรเกล้านอนไม่ค่อยหลับแม้จะเพลียแสนเพลียจากบทรักรุนแรงนั้นทั้งคืนก็ตาม พลันน้ำใสก็ร่วงหล่นลงมาจากหางตาไหลรินรดอาบแก้มทั้งสองข้างจนคนที่มองอยู่อดสงสารจนต้องปาดน้ำตานั้นออกจากแก้มนวลปรั่งอย่างแผ่วเบาและทนุถนอม
"นายคงกำลังคิดว่าฉันมันใจง่ายอยู่ล่ะสิ"
"อะไรที่ทำให้คุณคิดอย่างนั้น"
"แล้วจะให้คิดยังไง คนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวดันไปมีอะไรกับเขาเสียได้"
"..."
"นายไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอก ฉันไม่ใช่หญิงสาวแรกรุ่นที่จะต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้ตอนที่เสียเวอร์จิ้นให้ใคร นายสบายใจได้" ทั้งที่เป็นฝ่ายตัดสัมพันธ์แต่ทำไมฉัตรเกล้าคนนี้ถึงได้ปวดใจนัก เปลือกตาก็ร้อนรุ่มจนตอนนี้เอ่อนองไปด้วยหยาดน้ำตาที่รอนาทีร่วงผล็อยลงมาอีกครา ตริณเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะกระชับกอดให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิมพร้อมจูบซับเรือนผมนุ่มหอมด้วยความรักใคร่
"คุณคงลืมไอ้ตริณคนนั้นไปแล้วจริงๆสินะ" ฉัตรเกล้าสบตาคนที่กอดตนอย่างไม่เข้าใจ
"ไอ้ตริณที่มันคอยแอบรักคุณเกล้าคนนั้นตั้งแต่แรกเห็นตอนที่คุณเกล้ามาเล่นบ้านไร่กับคุณปู่ ไอ้ตริณที่มันคอยทาแป้งทั่วตัวจนขาวโพลนเพราะคุณเกล้าของมันบอกว่าหอม ไอ้ตริณที่มันคอยตั้งใจเรียนแล้วให้คุณเกล้าชมว่ามันเก่ง ไอ้ตริณที่มันชอบโม้ว่ามันทำกับข้าวที่คุณเกล้าชอบด้วยตัวมันเอง"
"..."
"และไอ้ตริณคนนี้...ที่มันผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณเกล้า"
20 ปีก่อน
เด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบกำลังนอนลืมตาให้คุณปู่เล่านิทานเล่มโปรดของตนให้ฟัง แม้จะเป็นแค่บทเดิมๆแต่เด็กน้อยตาใสคนนี้กลับไม่มีอาการเบื่อเลย
"เกล้าลูก หนูอยากไปเที่ยวบ้านไร่ของเพื่อนปู่ไหมลูก ไร่องุ่นเชียวนา" ท่านวางนิทานไว้ข้างตัว เอื้อมมือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบเส้นผมนุ่มของหลานรักอย่างเบามือ
"ไร่องุ่น..หนูอยากไปจังเลยจ้ะตา หนูจะกินให้เกลี้ยงเลย คิคิ" คนเป็นปู่อดขำกับความคิดเด็กๆของหลานตัวน้อยนี้เสียไม่ได้พร้อมกับบีบจมูกน้อยๆของหลานรักด้วยความหมั่นเขี้ยวระคนเอ็นดู
@ไร่จริญรัตนเกษม
"โห..ปู่จ๋า องุ่นเยอะแยะเลยจ้ะปู่ มีคอกหมูด้วยนะจ๊ะ" ยังไม่ทันที่รถตู้ราคาแพงจะจอดดี เจ้าตัวป่วนแสนซนก็เปิดประตูรถลงไปก่อนเสียแล้ว ฉัตรเกล้าน้อยเข้าไปวิ่งเล่นในสวนองุ่น หัวเราะสนุกสนานเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียวจนคนงานแถวนั้นอดมองด้วยสายตาเอ็นดูเสียไม่ได้ที่มีเด็กตัวเล็กขาวจั๊ววิ่งวนไปวนมาในไร่ พลันหูน้อยๆอมชมพูก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายหัวเราะเสียงดังเล็ดลอดออกมาจากคอกหมูใกล้ๆนี้ ฉัตรเกล้าน้อยละความสนใจจากองุ่นพวงใหญ่วิ่งปรี่เข้าไปภายในคอกที่มีหมูส่งเสียงอู๊ดๆกับเสียงหัวเราะเริงร่านั้นทันที ตรงหน้าเขานั้นคือเด็กชายผิวสีแทนกล่ำแดดกำลังวิ่งเล่นกับหมูในคอกอย่างสนุกสนาน เนื้อตัวนั้นมอมแมมเต็มไปด้วยโคลนในคอกแต่กลับดูไม่ทุกข์เนืื้อร้อนใจใดๆเลยต่างจากฉัตรเกล้าหากแค่ตัวเลอะโคลนดินนิดหน่อยก็โดนคุณแม่เอ็ดเอาเสียหงอยซึม มุมปากสวยระบายยิ้มออกหน่อยๆเมื่อคิดได้ว่าตนมาบ้านไร่กับปู่แค่เพียงสองคนเท่านั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลใจ ตรงจุดที่ฉัตรเกล้าน้อยยืนอยู่ไกลจากระยะสายตาของเด็กในคอกนั้นพอสมควร ร่างบางชั่งใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่สักครู่ ก่อนที่ขาป้อมขาวจะย่องก้าวเข้าไปตามสัญชาตญาณของเด็กชอบเล่นสนุก
"นายตัวดำ ทำอะไรอยู่เหรอ" เด็กน้อยผิวสีแทนชะงักพร้อมหันหน้ากลับมาหาฉัตรเกล้าน้อย ตริณในตอนนั้นอดเคลิ้มไปกับผิวขาวๆกับนวลแก้มแดงๆนั้นเสียไม่ได้พลันแก้มก็เห่อร้อนเสียจนแทบระเบิด
"ฉันถามว่าทำอะไร ได้ยินหรือเปล่า"
"อะ..เอ่อ อาบน้ำให้หมูไง" ฉัตรเกล้ามองเด็กที่ตัวโตกว่าตนที่ตอนนี้กำลังยืนบิดไปมาอย่างไม่เข้าใจ
"ว้าว!..น่าสนุกจังเลย ขอฉันอาบให้ด้วยคนสิ อืม..ฉันฉัตรเกล้านะ เรียกน้องเกล้าก็ได้เพราะนายตัวโตกว่า นายต้องเป็นพี่" ตริณงงกับคำพูดไม่ค่อยสมเหตุสมผลของร่างบางแต่ก็ยอมเออออห่อหมกไม่ขัดใจร่างบางให้ต้องผิดใจกัน
"อะ..เอ่อ ฉัน ฉันตริณ"
"พี่ตริณ..เกล้าขออาบน้ำให้หมูด้วยคนได้หรือเปล่าจ๊ะ" พูดพร้อมยืนเกาะรั้วคอกยื่นหน้าเข้าใกล้เสียจนตริณน้อยผงะหงายหลังก้นจ้ำเบ้าสร้างเสียงหัวเราะสดใสให้กับร่างบางนั้น ตริณน้อยมองภาพนั้นอย่างเผลอไผลหลงไหลในความน่ารักน่าชังของคนตรงหน้า นี่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายคนอื่นมีวางมวยกันไปแล้ว แต่นี่คือน้องเกล้าผู้น่ารักของไอ้ตริณ มันจึงทำได้แค่เกาคอเขินแก้เก้อไป พอเห็นฉัตรเกล้าหัวเราะจนพอใจแล้วมันจึงเดินไปเปิดประตูคอกให้เด็กตัวขาวเดินเข้ามา ทั้งคู่เล่นกันสนุกสนานหัวเราะร่าเมื่อเจอเพื่อน(รัก)ใหม่ ทั้งคู่มัวแต่เล่นเพลินจนเวลาล่วงเลยหกโมงเย็น ปู่ของฉัตรเกล้าจึงเดินตามหาหลานรักมาถึงคอกหมูที่คนงานในระแวกนั้นบอกมา คนเป็นปู่มองภาพนั้นด้วยสายตาเอ็นดู มองภาพเด็กทั้งสองคนกำลังอุ้มหมูตัวน้อยคุยกันกระหนุงกระหนิง เนื้อตัวของทั้งคู่เลอะไปด้วยขี้โคลนในคอกหมู สองเท้าของชายสูงอายุเดินตรงเข้าไปหาเด็กทั้งสอง
"เกล้าลูก ไปอาบน้ำกินข้าวได้แล้วหลานปู่" สิ้นเสียงอบอุ่นเด็กทั้งสองหันหน้ามามองคนสูงวัยตรงหน้า รอยยิ้มของตริณจึงเริ่มหดหายเมื่อคิดว่านี่คงถึงเวลาที่ต้องจากกันเสียแล้ว
"เอ็งด้วยนะเจ้าหนู ไปอาบน้ำอาบท่าเสีย แล้วค่อยไปกินข้าวด้วยกัน" ตริณน้อยที่หงอยไปเมื่อครู่ยิ้มร่าโชว์ฟันขาวพร้อมกับรั้งมือป้อมน้อยของฉัตรเกล้าไปด้วย ตริณดีใจจนกระทั่งลืมว่าแขนอีกข้างของตนนั้นยังมีหมูตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอดอยู่เลย
@โรงครัวใหญ่
คนสูงอายุมองเด็กตัวน้อยทั้งสองที่กำลังนั่งป้อนกับข้าวกันไปมาพร้อมส่งยิ้มหวานฉ่ำให้กันไปด้วย เด็กตริณทาแป้งเสียจนขาวโพลนทั้งตัวแม้กระทั่งหัวก็ยังทา เพิ่งจะรู้ว่าเด็กที่นั่งตรงข้ามกับหลานของตนนั้นเป็นถึงหลานเจ้าของไร่นี้เมื่อตอนหัวค่ำตอนที่เด็กทั้งสองกำลังจะพากันไปอาบน้ำ เพื่อนซี๊ของเขาจึงบอกว่านี่แหละเจ้าตริณที่เคยเล่าให้ฟัง
"พี่ตริณกินผักแทนหนูหน่อยสิจ๊ะ มันขมอ่า~" เด็กตัวโตกว่ายิ้มรับพร้อมกับอ้าปากรับผักคะน้าเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆมองหน้าหวานไปด้วย ทั้งคู่ป้อนกันไปมาพอทานเสร็จจึงพาไปที่อ่างสำหรับล้างจาน ตริณน้อยเอื้อมมือไปหยิบจานของร่างบางมาล้างให้เพราะกลัวน้ำยาล้างจานจะกัดมือสวยๆนั้น ฉัตรเกล้ายิ้มอย่างขอบคุณพลางยื่นปากไปจุ๊บแก้มที่เต็มไปด้วยแป้งของตริณแผ่วเบา เล่นเอาคนที่ผิวเข้มหน้าแดงขึ้นจนเห็นชัดถนัดตา คนเป็นปู่ได้แต่มองภาพน่าเอ็นดูนั้นพลางยิ้มขันกับความน่ารักของทั้งคู่
ทั้งคู่สนิทกันเร็วจนกระทั่งวันแรกก็นอนกอดก่ายกันเสียกลม จะแยกให้นอนสบายๆก็ส่งเสียงอื้ออึงอย่างขัดใจแถมข้างกายยังมีหมูตัวน้อยนอนหายใจอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าขัดใจไปก็ไม่เป็นผลจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ผ่านไปหลายวันเด็กทั้งคู่สนิทกลมเกลียวกันยิ่งขึ้น ตัวติดกันไม่ห่างไม่ว่าจะ อาบน้ำ กินข้าว เข้านอนก็ยังตัวติดกัน จนกระทั่งถึงวันที่จะต้องจากลาเด็กทั้งคู่ก็เริ่มหงอย ไม่ค่อยหัวเราะดั่งวันแรกที่เจอกันเสียแล้ว
"พรุ้งนี้เช้าหนูต้องกลับแล้วนะพี่ตริณ" ตอนนี้ทั้งคู่นอนกอดกันอยู่ภายในห้องนอนของตริณน้อย คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะได้กอดร่างบอบบางนี้ไว้ทั้งคืน
"เกล้าจะมาอีกหรือเปล่า" ฉัตรเกล้ามองคนตรงหน้าที่น้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาของตริณนั้นเอ่อนองไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
"มาสิจ๊ะ แต่พรุ้งนี้พี่ต้องไปส่งหนูนะ" ทั้งคู่ยิ้มให้กันพร้อมกับเกี่ยวก้อยสัญญา ร่างเล็กกอดกันกลมแล้วจึงผล็อยหลับไปทั้งคู่
ตอนเช้านี้อากาศสดชื่นแจ่มใสต่างจากเด็ก
ทั้งคู่ที่หดหู่เข้าทุกวินาทีที่เข็มนาฬิกาเดินผ่านไปแล้วไปเล่าจนกระทั่งถึงบ่ายโมงก็มีโทรศัพท์ด่วนแจ้งมาจากโรงเรียนว่าวันนี้คือวันรับเกรดของตริณน้อย เขาลืมไปเสียสนิทเพราะมัวพะว้าพะวังกับเรื่องของน้องเกล้าจนลืมวันลืมคืน ตริณน้อยคำนวณเวลาว่าตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง น้องเกล้าของเขากลับตอนสี่โมงเย็น เขาคงกลับมาทันได้โชว์เกรดสวยๆให้น้องเกล้าเอ่ยชมมันเป็นแน่ ทันความคิดตริณวิ่งคว้าผ้าเช็ดตัวอาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปโรงเรียนด้วยความเร็วรี่
"รอพี่นะน้องเกล้า พี่จะรีบไปรีบกลับ" ก่อนไปก็ไม่วายกอดจูบร่ำลากันตามประสาเด็กจนพ่อของเจ้าตริณอดแซวมันเสียไม่ได้ เกล้าน้อยมองท้ายรถกระบะไปด้วยสายตายิ้มแย้ม ถึงจะต้องจากกันแต่ก็อยากจะให้เก็บความทรงจำดีๆไว้พบกันอีกครั้งในสักวัน นาฬิกาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ฉัตรเกล้าน้อยได้แต่ชะเง้อมองประตูทางเข้าไร่อย่างใจร้อนรน เพราะนี่ก็เลยเวลาออกรถของเจ้าตัวน้อยไปเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววของรถกระบะที่ตริณสุดที่รักของตนนั่งออกไปเลย
"เกล้าลูก ได้เวลากลับแล้วนะ ถ้าช้ากว่านี้จะดึกเอานะลูก" คุณปู่มองหลานตัวน้อยด้วยสายตาอบอุ่น รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนั้นรอใครแต่นี่ก็เลยเวลามาเกือบชั่วโมงแล้ว
"ตาจ๋าาาา..~" ฉัตรเกล้าโผเข้ากอดพร้อมกับซบลงกับบ่าของคนเป็นปู่ มือเหี่ยวย่นได้แต่ลูบปลอบใจหลานแล้วอุ้มพาไปขึ้นรถตู้ที่คนขับรถเตรียมไว้ให้แล้ว ขึ้นมาบนรถเด็กน้อยก็ไม่ยอมหยุดร้องให้เอาแต่กอดปู่จนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนพร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำ
"คนโกหก เกลียดพี่.." คนเป็นปู่ได้แต่ลูบผมนุ่มปลอบเมื่อหลานตัวเล็กนอนละเมอออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เคยเหือดแห้งไหลปลิ่มออกมาอย่างกับทำนบแตก
ทางด้านตริณที่ตอนนี้นั่งในห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียนที่รายล้อมไปด้วยเหล่าบรรดานักเรียนร่วมชั้น เขานั้นไม่รู้ว่าปีนี้จะต้องมีประชุมห่าเหวอะไรแบบนี้ ตริณนั้นนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เลย ใจมันหวิวๆเพราะนี่ก็เลยเวลาที่น้องน้อยเจ้าของดวงใจเขาต้องออกรถแล้ว จนกระทั่งสิ้นสุดการประชุม ตริณวิ่งออกจากห้องประชมก่อนใครเพื่อนพร้อมกับเร่งเร้าพ่อของตนให้ขับรถกลับบ้านด้วยใจที่เต้นระส่ำทั้งดีใจทั้งกลัว ดีใจที่ได้กลับเสียทีกับกลัวที่อาจจะไปไม่ทัน เขาได้แต่ถือใบเกรดที่ระบุเกรดอันงดงามของเขาไว้อย่างเบามือเพราะกลัวจะยับเอา ในใจก็ภาวนาขอให้น้องน้อยนั้นยังรอ รอที่จะพบกับเขา รอที่จะยินดีกับเขา แต่เหมือนเทพเทวดาไม่ได้ยินคำร้องขอของไอ้ตริณคนนี้เลย เพราะพอกลับมาถึงบ้านก็ได้รู้ข่าวว่ารถของน้องเกล้านั้นออกไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว น้ำตาเม็ดใสไหลรินรดข้างแก้ม มือน้อยกำบี้ใบเกรดอย่างเกลียดชัง หมดสิ้นแล้ว น้องน้อยคงเกลียดไอ้ตริณขี้โกหกคนนี้เสียแล้ว ยิ่งคิดใจมันก็ยิ่งปวดแต่มันก็ยังไม่ล้มความหวัง มันวิ่งกลับไปที่ห้อง อุ้มหมูที่มันกับน้องน้อยช่วยกันเลี้ยงแล้วเร่งเร้าให้พ่อพามันไปหาน้องเกล้าของมัน คนเป็นพ่อได้แต่มองหน้าลูกชายเพียงคนเดียวของตนพร้อมกับลูบศีรษะปลอบใจ ตริณน้อยร้องไห้ปานจะขาดใจกอดเจ้าหมูตัวน้อยเพื่อทดแทนอุ่นไอจากใครอีกคนที่อยู่ห่างไกลจากเขาไปทุกนาทีจนเผลอหลับไป วันแล้ววันเล่าที่ตริณนั่งชะเง้อมองทางเข้าไร่ รอการกลับมาของเจ้าของหัวใจมันจนเวลาร่วงเลยมา 20 ปี มันก็ยังคงมาชะเง้อรอทุกเช้า
ตริณเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบพร้อมกับมองหน้าน้องน้อยที่ตอนนี้ยิ่งน้อยลงถนัดตาถ้าเทียบกับร่างกำยำของเขา
"พี่ตริณ.." ร่างบางไม่รู้จะพูดคำไหน ที่เขาลืมสถานที่นี้ ลืมคนๆนี้ คงเป็นเพราะหัวใจอันเจ็บปวดที่เคยปิดตายกำลังเปิดออกอย่างช้าๆ ความทรงจำครั้งเก่าเริ่มไหลย้อนวนกลับมาจนฉัตรเกล้าจำเรื่องทุกอย่างได้ดั่งว่าเรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มือหนาของตริณเอื้อมไปหยิบกางเกงยีนส์ล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาที่มีรอยยับย่นปรากฎเต็มไปหมด ในใบนั้นระบุผมการเรียนของปีการศึกษาของ ด.ช.ตริณ จริญรัตนเกษม ที่ค่อนข้างดีสมที่จะได้รับคำชมของน้องน้อย
"พี่ขอโทษที่ผิดสัญญา" ร่างหนาพูดพลางจุมพิตที่หน้าผากเจ้าของหัวใจมันอย่างแผ่วเบา
"อึก..ไม่เป็นไรจ้ะ ยังไง..ตอนนี้พี่ก็ได้ทำตามสัญญาแล้วนี่จ้ะ" เสียงสะอื้นดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่พร้อมส่งรอยยิ้มเปี่ยมสุขให้ร่างหนา
"..."
"คนเก่งของหนูต้องได้รางวัล จริงไหมจ้ะ" ว่าพลางเช็ดน้ำตาออกลวกๆ มือก็ลูบไล้อกหนาสะกิดยอดอกสีคล้ำของตริณไปด้วย
"อืมมห์..น้องเกล้าของพี่"
"พินัยกรรมฉบับนี้ทําขึ้นเมื่อวันที่ XX เดือน XX ปี 25XX ณคฤหาสน์อัครวรัญกูรย์แห่งนี้ ข้าพเจ้าท่านเทพธรรมกรณ์ อัครวรัญกูรย์ โดย ข้าพเจ้าขอยกสมบัติพัสถานให้แก่ครอบครัวอัครวรัญกูรย์ทุกกิจการอันได้แก่ บริษัทผลิตเครื่องเพชร บริษัทส่งออกกระเป๋า บริษัททําน้ำหอมรวมไปถึงกิจการโรงแรมให้แก่คนในอัครวรัญกูรย์ทั้งสิ้น...แต่คุณฉัตรเกล้าอัครวรัญกูรย์ต้องไปอยู่ไรชา 'จริญรัตนเกษม' เป็นเวลาหนึ่งเดือน"
ปล. อย่าให้เขารู้ว่านี่คือแผนนะทนาย ถ้าทั้งสองตกร่องปล่องชิ้นกันเมื่อไหร่ คุณจะได้สิบล้านซึ่งถือว่าเป็นโบนัสที่ผมจะให้คุณละกันนะ ^_^
TBC.
คุณปู่ร้ายเวอร ์ขอบคุณที่คอยติดตามน้า จุ้บๆๆ :bye2:
-
แค่คืนแรกก็ไม่รอดซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
ปล. สงสัย เขียนงี้นะจ๊ะ
แต๊งกิ้วจ้า :mew1:
-
คุณปู่เป็นหนุ่มวายรึ :-[
-
ปู่วาย
-
ปู่ร้ายมาก
-
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ :กอด1: :pig4:
-
ต้องขอบคุณคุณปู่
-
คุณปู่เป็นกามเทพนี่เอง :pig4:
-
คุณปู่สุดยอดๆๆ ฮ่าๆๆ
-
:laugh:
-
:pig4: