ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
------------------------------------------------
นิยายของ เข่งสะพานปลา
ปรสิต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45587.0) | HORROR THRILLER (จบแล้ว)
WRONG พื้นผิดเบอร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45629.0) | ROMANTIC COMEDY
ว ร ร ค (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45779.0) | ANGST DRAMA
HUMAN FARM (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46412.0) | DYSTOPIA DRAMA
DARK HORSE (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50457.0) | ROMANTIC DRAMA
(เรื่องสั้น) NOAH (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46235.0) | METAPHOR ROMANCE (จบแล้ว)
(เรื่องสั้น) BEDFAST (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46246.0) | ROMANCE (จบแล้ว)
(เรื่องสั้น) ก่อร่าง • สร้างตัว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50317.0) | THRILLER (จบแล้ว)
------------------------------------------------
(http://upic.me/i/uq/alone_island_by_vreckovka-d5golna.png)
NOAH
ME | HIM
- เข่งสะพานปลา -
ฝนตกลงมาอีกแล้ว นั่นทำให้ผมต้องวิ่งไปหลบใต้ทิวไม้ที่ใกล้ที่สุด
หลายวันที่ผ่านมานี้ ผมนึกแปลกใจว่าตัวเองไม่ได้หิวหรือหนาวตายไปเสียก่อน สองสิ่งที่ผมทำได้ก็คือการกอดกระเป๋าเป้คู่ใจเอาไว้ไม่ให้เปียก ส่วนอีกมือก็ยื่นขวดน้ำออกไปรองสายฝนพลางดึงกลับเข้ามาซดประทังความหิวไปด้วย ผมทำอย่างนี้อยู่นานนับสิบนาที จนเมื่อกระเพาะร้องว่าอิ่มน้ำมากแล้ว ถึงได้จัดการปิดฝาขวดน้ำแล้วนั่งหนาวสั่นอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้อีก
ผมทอดมองพื้นน้ำไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เชื่อเถอะว่านอกจากพื้นที่เหยียบอยู่นี่ ผมก็ไม่เห็นแผ่นดินไหนอีกแล้วในระยะสายตา เกาะใจกลางมหาสมุทรนี่มีขนาดแค่ราวเจ็ดหรือแปดสิบตารางเมตร มันเล็กเกินกว่าจะทำให้รู้สึกปลอดภัย แต่ก็ใหญ่เกินไปสำหรับการที่มีผมเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียว และถ้าคุณงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมแล้วล่ะก็ --
รู้จักตำนานน้ำท่วมโลกไหม?
ใช่ มันไม่ได้เกิดขึ้นกับผมคนเดียว แต่เป็นคนทั้งโลกต่างหาก
ทุกอย่างรอบตัวผมเงียบเคว้งคว้าง คลื่นลมสงบตั้งแต่วันที่สองของอุทกภัยครั้งใหญ่ มันพัดพาเอาชีวิตนับล้านจมหายไปใต้ผืนน้ำอย่างไม่ปรานี ผมตั้งหลักอยู่ที่นี่ มองดูเกลียวคลื่นพัดพาเพื่อนร่วมโลกหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง สิ่งที่ติดตัวผมมีแค่กระเป๋าเป้บรรจุหนังสือที่เพิ่งซื้อมา กับน้ำเปล่าหนึ่งขวดที่มักจะมีติดตัวไว้ ไม่มีแม้แต่ขนมขบเคี้ยวสักห่อ แล้วผมก็ช่วยอะไรใครไม่ได้ แม้แต่เพื่อนที่พลัดหลุดจากมือแล้วจมหายไป
ถ้าน้ำทะเลสูงขึ้นกว่านี้อีกสักสองเมตร ผมก็คงไม่มีที่ยืนหลงเหลืออยู่
ผมเคยกลั้นใจผ่านความคิดที่ว่าใต้นี้มีโลกทั้งใบถูกฝังอยู่ จะมีศพมากเท่าไรก็ช่าง ช่วงวันแรกๆผมลองชิมน้ำทะเล แล้วมันก็เป็นแค่ความคิดโง่ๆอย่างที่คาดไว้ ว่าน้ำจืดที่มีอยู่บนโลกมันไม่ได้ช่วยทำให้มหาสมุทรเค็มน้อยลงเลย เพราะอย่างนั้น แหล่งน้ำจืดเดียวที่ผมมีก็คือการรอมันตกลงมาจากฟ้า แล้วก็ใช้ขวดน้ำโง่ ๆ นี่ตักตวงมันไว้ให้ได้มากที่สุด
เป็นครั้งแรกที่ผมเกิดอยากสำอางขึ้นมา รีบถอดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ออกกองไว้ใต้ต้นไม้ แม้แต่ชั้นในก็ด้วย ผมตัดสินใจวิ่งออกไปกลางสายฝน ทั้งลูบหน้าลูบตา ถูผ่าน ๆ ตามเนื้อตัว แล้วก็อ้าปากกินน้ำทั้งที่เพิ่งรู้สึกอิ่มไปเมื่อครู่ อย่างน้อยการอาบน้ำก็น่าจะเป็นอะไรดี ๆ ที่ยังหลงเหลือให้ผมได้บ้าง
น่าแปลกดีที่พอฝนหยุดตก ผมก็เริ่มเหนียมอายร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองขึ้นมาเสียฉิบ ตลกออกนะว่าไหม ทั้งที่บนแผ่นดินเล็กๆนี้มีแค่ผมอยู่คนเดียวแท้ ๆ
ผมพับขากางเกงยีนส์ขึ้นจนเป็นสี่ส่วนเหมือนทีแรก วางรองเท้าผ้าใบทิ้งไว้ข้างกระเป๋าที่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม คุณคงแปลกใจใช่ไหมว่าลำพังมีแค่น้ำเปล่า ผมอยู่มาได้อย่างไรตั้งสองสัปดาห์ อันที่จริงพระเจ้าอาจจะยังปรานีผมอยู่บ้าง ถึงให้หนึ่งในพันธุ์ไม้ที่ขึ้นกันอยู่บนยอดเขาที่เหลือรอดนี้มีต้นพลับอยู่ด้วย ซึ่งไม่ค่อยอยู่ท้องนัก แล้วผมก็ต้องละเลียดกินแค่ทีละลูกเพราะกลัวมันจะหมดต้นเสียก่อน ถึงตอนนั้นผมคงแย่แน่ ๆ
อ๋อ ใช่สิ คุณบอกให้ผมไปหาจับปลา
ข้อแรกเลยนะ ผมไม่ใช่ชาวประมงมืออาชีพ ก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยที่วันๆจับแต่หนังสือกับสมาร์ทโฟน เพราะอย่างนั้น ไอ้เรื่องว่ายลงไปจับปลามือเปล่าน่ะลืมไปได้เลย นี่ยังไม่รวมข้อสอง ที่ผมเคยลองทำอย่างนั้นแล้วดันไปป๊ะเข้ากับศพขึ้นอืดใต้น้ำ เอาเป็นว่ามื้อนั้นผมอิ่ม แล้วก็ว่ายขึ้นมาอ้วกหมดตัวแทบไม่ทัน (และเสริมอีกนิดนะ เรื่องจับหนอนจับแมลงกินน่ะได้โปรดลืมคิดไปได้เลย)
เคยมีครั้งหนึ่งที่ฝนไม่ยอมตกลงมาถึงสามวัน วันที่สามผมอดอยากปากแห้ง แต่ก็ไม่กล้าดึงลูกพลับลงมาเป็นลูกที่สองเพียงเพื่อกระหายน้ำในผลมัน สิ่งที่ผมทำคือการพึ่งน้ำที่ออกมาตามซอกหิน ซึ่งมีน้อยมากเหลือเกิน
แล้วถ้าคุณไล่ให้ผมฆ่าตัวตายอีก
แน่สิ แน่นอนเลย! ผมคิด! คิดตั้งแต่วันแรกๆที่เกิดเรื่องขึ้น ติดก็แต่ธรรมชาติยังเหลือปัจจัยให้ผมพอมีชีวิตรอด และผมก็ไม่ใจแข็งพอที่จะหนีปัญหาโดยการไม่รับรู้มันตลอดกาล ใจหนึ่งผมเฝ้ารอว่าจะมีวันที่น้ำลดหรือไม่ แต่อีกใจผมก็กลัวผลลัพท์ที่จะเกิด มันคงทำใจได้ยากถ้าวันหนึ่งคุณเห็นยอดตึกโผล่พื้นผิวน้ำขึ้นมา หรือแม้แต่ร่างของคนนับล้านที่ไม่มีทางย่อยสลายได้หมดง่ายๆ
ผมก็แค่คิดเล่นๆน่ะนะ
น้ำล้นโลกขนาดนี้ทำให้ผมนึกไปถึงวิชาประวัติศาสตร์ที่เคยเรียน ยุคสร้างโลกน่ะใช้เวลาตั้งกี่ร้อยล้านปี ซึ่งก็ไม่แน่หรอก ผมอาจจะเป็นมนุษย์คนแรกบนพันเจียผืนใหม่ก็ได้ ส่วนจะมนุษย์คนที่สองจะมีไหม อันนี้ผมไม่รู้ ผมหวังให้พ่อ แม่ ครอบครัว หรือว่าเพื่อนของผมยังอยู่บนแผ่นดินผืนไหนสักแห่ง แต่ยิ่งชั่วโมงผ่านไปมากเท่าไร ความคิดที่ว่าผมอาจจะเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกก็ยิ่งเด่นชัดและบั่นทอนความหวังทั้งหมดอย่างร้ายกาจ
พอคิดอะไรไม่ออกแล้ว ผมจึงฝืนข่มตาให้ตัวเองนอนหลับ การนอนมากๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยเรื่องกินน้อยลง
แต่ความเบื่อหน่ายในชีวิตและการนอนมากเกินไป ทำให้ผมตื่นง่ายยังกับอะไรดี
ผมเด้งตัวลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงผิดไปจากคลื่นลม มันเป็นเสียงของบางอย่างกระทบน้ำ และสิ่งแปลกปลอมนี้เองที่ล่อความกระตือรือร้นของผมให้พุ่งสูง จากนั้นจึงเลียบหลบตามทิวไม้เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้น
และ --
นั่นไง!
พระเจ้า ผมมองผิดไปหรือเปล่า นั่นมันคน! คนเป็นๆที่กำลังลากเอาแพเรือขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล ผมไม่แน่ใจนักว่าควรจะลงไปช่วยเขาไหม ไม่สิ ผมหมายถึง -- ผมสามารถไว้ใจผู้รอดชีวิตคนอื่นได้ใช่ไหม ถึงแม้ผมจะดีใจมากแค่ไหนก็ตามที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนสุดท้ายบนโลก แต่พอได้ลองคิดในแง่ร้ายแล้ว ผมว่าเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าแทงผมให้ตาย แล้วยึดครองเกาะเหงา ๆ นี้ไว้คนเดียว
เขาดูไม่แก่กว่าผมมากนัก เราดูเหมือนรุ่นๆเดียวกันด้วยซ้ำ และเขาสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วนขาด ๆ เป็นโชคดีที่ทะเลไม่มีคลื่นมากนัก แต่นั่นก็หมายถึงว่าเขาลำบากมากกว่าเดิมนิดหน่อยถ้าไม่มีแรงซัดเข้าฝั่งช่วยเท่าที่ควร
ผมค่อยๆหลบไปตามแนวไม้ด้วยเท้าเปล่า ลอบมองการกระทำของผู้มาใหม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความดีใจสั่งให้ผมออกไปทักทาย แต่ก็ไม่ได้ทำจนกระทั่งอีกฝ่ายหันมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่บริเวณไม้ไหว และผมยืนอยู่ตรงนี้
“สวัสดี”
ในที่สุดผมก็โผล่หน้าออกไป ตลกดีที่ผมยังพูดคำว่าสวัสดีได้เต็มปากเต็มคำโดยไม่ลืมภาษาคนไปเสียก่อน เขาแสดงสีหน้าตระหนกตกใจ จากนั้นจึงพยายามตั้งสติ แล้วส่งเสียงทุ้มต่ำร้องทักตอบกลับมา “สวัสดี”
ผมได้แต่คิดว่าต่อให้ถูกฆ่ายึดที่จริง ๆ ก็ช่างมันเถอะ คิดเสียว่ามีคนมาสงเคราะห์ให้ถึงที่หลังจากตัวเองไม่ใจแข็งพอ แต่ชายคนนั้นเดินสะโหลสะเหลมาทางนี้ หนำซ้ำริมฝีปากยังค่อย ๆ เหยียดกว้างเป็นรอยยิ้ม หน้าเขาดูเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น
เนื้อตัวเขายังเปียกชุ่มไปด้วยฝนที่เพิ่งหยุดไปเมื่อพักใหญ่ที่ผ่านมา ตากลมโตมองไปรอบ ๆ ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นจนพาลให้ผมนึกสงสัยว่า ด้วยแพเรือหน้าตาเหมือนพาเลทโกดังกับไม้แท่งยาว ๆ ที่แทนไม้พายอันนั้น มันพาเขามาจากที่ไหนและถึงที่นี่ได้อย่างไร
เขาจามฮัดชิ้วต่อหน้าผม แต่เชื่อเถอะว่าเขาดูมีความสุขเท่าที่ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ล้างโลกจะยังมีได้
“นายชื่ออะไร” เขาถามขึ้นในตอนที่ผมมองดูเขาผึ่งเสื้อยืดสีดำของตัวเองลงบนโขดหิน และขอบคุณที่ไม่คิดจะถอดกางเกงออกด้วย เพราะผมคงไม่ชินเท่าไรที่ต้องอยู่กับผู้ชายใส่แค่ชั้นในสองต่อสองกลางแจ้ง
ผมตอบชื่อออกไป
“ดีจังเลยที่รู้ว่ามีคนรอดเพิ่มขึ้น” เขาพูดหลังจากแนะนำตัวให้ผมได้รู้ ในมือนั้นมีขวดน้ำแบบเดียวกับผมไม่ผิดเพี้ยน มันยังเต็มขวดอยู่ คิดว่าคงรองน้ำครั้งล่าสุดช่วงเดียวกันนั่นแหละ
เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินข้าง ๆ ที่ผึ่งเสื้อ แดดเริ่มจ้าขึ้นแล้ว ผมชั่งใจว่าจะพาเขาไปยังโอเอซิสที่ผมซ่อนกระเป๋าเป้กับรองเท้าเอาไว้ดีไหม แต่สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายที่คิดช้าเกินไป เลยปล่อยให้นายคนนี้เป็นฝ่ายออกปากชวนคุยเสียก่อน
“ที่นี่น่ะใหญ่กว่าตรงที่ฉันมาตั้งเท่าตัว อ้อ มีใครอยู่อีกหรือเปล่า”
“ไม่มีแล้ว”
“นายอยู่คนเดียวเหรอ ที่นี่?” เขาถามซ้ำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด และพอพยักหน้ายืนยัน คนตรงหน้าก็กลับดูเศร้าหมองลง เขาอาจจะอินกับการทนเหงาเหมือนกันล่ะมั้ง เพราะแค่จากระยะสายตาที่ผมมองเห็นได้ เขาก็คงต้องคว้างอยู่กลางทะเลนานพอสมควร “มันน่าทึ่งมากเลย”
ผมมองไรหนวดที่ปลายคางของเขา อันที่จริงของผมเองก็เริ่มขึ้นแล้วเหมือนกัน แต่จะทำไงได้ล่ะ เราไม่มีครีมโกนหนวด ไม่มีแม้แต่มีดโกนด้วยซ้ำ
“มีอะไรน่าทึ่งกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเหรอ”
ผมถาม แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่ได้ต้องการคำตอบเป็นเสียงหัวเราะขบขันแบบที่เขากำลังทำอยู่ “มีสิ ก็เรื่องที่เรายังรอดชีวิต และนายสามารถอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวได้มาจนถึงตอนนี้”
“อ้อ...”
“นายอยู่ได้ยังไง”
เอาแล้ว ยังกับเขากำลังหลอกถามว่าผมมีแหล่งอาหารที่ไหนอย่างนั้นแหละ ซึ่งมันน่าหงุดหงิดสิ้นดีที่ผมไม่เก่งอะไรสักอย่าง แม้แต่การโกหกอ้อมแอ้มเพื่อกลบเกลื่อนแหล่งโอเอซิสบนเกาะนี้ ความคิดที่ตีเกลียวกันวุ่นวายในหัวของผมก็คือ ผมจะไว้ใจเขาได้จริง ๆ หรือ จะเปิดใจให้เขาหมดทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่เพราะผมไม่มีใครแล้วอย่างนั้นใช่ไหม
แล้วก็คือใช่ ผมทำมัน
ต่อให้ความคิดแง่ร้ายในหัวจะขู่ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขาต้องแทงผมด้วยปากขวดแล้วถีบลงน้ำเพื่อครอบครองเกาะนี้แต่เพียงผู้เดียวแน่ๆ
(มีต่อ)
(ต่อ)
เราไม่มีไม้ให้ต่อแพอีก เว้นเสียแต่จะโค่นต้นไม้บังลมฝนพวกนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างอื่น แต่เราก็ไม่มีเลื่อย ความคิดนี้จึงถูกล้มเลิกไปท่ามกลางสีหน้าและท่าทางงุ่นง่านที่เขากักเก็บเอาไว้ไม่หมด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากออกไปเสี่ยงข้างหน้านั่นอีก เพราะต่อให้มีผืนกินที่ใหญ่กว่านี้ แต่ตราบใดที่ลูกพลับยังไม่หมดต้น ผมก็ไม่คิดไปไหน
หรือทางหนึ่ง ผมรู้ดีแก่ใจว่ามันมีเปอร์เซนต์มากเหลือเกินว่าถ้าเราออกไปแล้วจะกลับมาที่นี่ไม่ได้อีก ผมเชื่อว่าเรายังมองไม่เห็นอะไรนอกจากผืนทะเล ไม่มีจีพีเอสนำทาง เข็มทิศ หรือว่าเรด้าร์ที่ทำให้เชื่อว่าเรายังมีทางกลับลำถูกถ้าเกิดเจอทางตัน แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น ดวงตาเขาเป็นประกายและไม่หยุดนิ่ง ใจของเขาคงล่องลอยเหมือนกับนกนางนวลที่กำลังบินวนอยู่เหนือน่านน้ำ
คืนนั้นเรายังมีเซ็กส์และนอนกอดกันอย่างที่เป็นมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ ทว่าใจผมมีแต่ความกังวล ผมไม่อยากอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ซึ่งน่ากลัวว่าหัวใจเขาคงไม่รู้สึกอย่างนั้น
วันต่อมาเขาเดินวนไปวนมาเพื่อหาทางโค้นต้นไม้ใกล้ที่นอนของเราลงมาใช้ แต่พอเห็นผมทำสีหน้าปั้นยาก เขาก็จะแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและชวนผมนอนอ่านหนังสือเล่มเดิม ๆ เพื่อหลับกลางวันไปด้วยกันอีก แน่ล่ะ เขาทำได้ แต่ผมโมโหตัวเองชะมัดเลยที่แม้แต่ในโลกแบบนี้แล้วยังหลงเหลือความงี่เง่าอยู่อีก
ผมนึกอยากให้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น สูงขึ้นอย่างตอนที่เราเจอกันวันแรก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามเมื่อเราเริ่มเห็นยอดไม้และตึกสูงจากไกลสายตาลิบ ๆ ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดเพียงแค่เห็นว่าโลกกำลังจะกลับมาเป็นอย่างเก่า คนพวกนั้นคงตายหมดแล้ว! ไม่เหลือใครแล้วนอกจากเรา ผมต้องการอย่างนั้น
มันแย่ชะมัดเลยนะว่าไหม ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย
ในบ่ายวันหนึ่ง ผมยิ้มกว้างจนแก้มแทบฉีกเพราะเห็นยอดสีเขียว ๆ อันเป็นผลจากเมล็ดต้นพลับที่เราช่วยกันหว่านไว้ ตอนนี้ผมใส่เสื้อยืดสีดำตัวโคร่งของใครอีกคน แล้วก็วิ่งเท้าเปล่าลงไปตามแนวเขาเพื่อบอกข่าวดีข้อนี้ เราไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่เลย ผมจะพูดคำนี้ และสำทับซ้ำเข้าไปอีกว่าไม่มีอาหารอย่างอื่นที่ข้างนอกนั่นหรอก
แต่เขาก็ทำให้หัวใจของผมชาวาบด้วยการออกแรงลากท่อนไม้ขนาดต้นพลับสามต้นมัดรวมกันขึ้นมาจากน้ำ ชายกางเกงยีนส์สามส่วนเปียกชุ่ม นั่นทำให้เรื่องต้นพลับของผมกลืนหายลงไปในลำคอพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนกเล็กๆของเขาซึ่งมองสวนขึ้นมา จนได้สินะ ผมเกือบพูดออกไปอย่างนั้น แต่เขาก็ทำเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะไม้ที่เขาหามาได้มันยังไม่พอต่อแพสำหรับหนึ่งคนเลยด้วยซ้ำ
ระหว่างที่เดินหนีกลับขึ้นมาบนยอดเขา ผมก็รู้ได้ว่าไม่เคยรู้สึกโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ผมหาที่ระบายโดยการคิดพาลไปถึงทุกอย่างที่พัดพาเขามาที่นี่ ให้เขามาเจอเกาะนี้ ให้บรรยากาศทุกอย่างเป็นใจสำหรับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในคืนนั้น พอย้อนกลับไปมองแล้วมันเฮงซวยหมดทุกอย่างเลย
ผมเด็ดเอายอดต้นพลับเล็ก ๆ ที่เพิ่งขึ้นแล้วเหวี่ยงออกไป แต่มันก็ตกอยู่ใกล้ ๆ เพราะไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะลอยละลิ่วได้ไกลกว่านี้ ใช่ มันไม่มีสำคัญอะไรแล้ว ลำพังอยู่ตัวคนเดียวน่ะ แค่ลูกพลับต้นเดิมผมก็อยู่ได้ ไม่ต้องมีอะไรมาเพิ่ม ไม่ต้องให้ที่นี่ดูยิ่งใหญ่จนใครหน้าไหนนึกอยากจะมาก็มา
ผมโคตรงี่เง่าเลย แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว
เขาเดินตามขึ้นมาตัวเปล่า คงทิ้งท่อนไม้นั่นไว้ใกล้ ๆ ชายฝั่งด้านล่างตรงที่ผมเพิ่งเดินจากมาเมื่อครู่ ดวงตากลมโตไหววูบเมื่อเห็นยอดต้นพลับสีเขียวตัดกับสีดิน จากนั้นเขาก็ก้มลงกอดประโลมผมที่นั่งอยู่กับพื้นเอาไว้ กลิ่นเหงื่อของเขาทำเอาผมอยากร้องไห้ ยิ่งถูกวงแขนนั้นโอบรัดเอาไว้ ผมก็ยิ่งโกรธตัวเองจนไม่รู้จะให้อภัยได้อย่างไร
“ดึงมันทิ้งทำไม” เขากระซิบถาม แต่ผมไม่คิดว่าเขาอยากรู้จริง ๆ หรอกในเมื่อผมกำลังไร้สติขนาดนี้
ทั้งที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่ทั้งร่างของผมกลับสะอื้นตัวโยน แขนนั้นพยายามกอดผมแน่นขึ้น ปากก็พร่ำพูดให้ใจเย็นๆแล้วจะได้มาคุยกันดีๆ อ้อใช่ ใช่เลย เราไม่ได้เปิดใจคุยกันมานานมากแล้ว เขาทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในขณะที่ผมก็แกล้งทำเฉยทั้งที่รู้อยู่เต็มอก
คืนนั้นเรานอนกอดกันภายใต้ข้อตกลงที่ว่าจะพูดทุกอย่างในใจออกมาจนหมด ผมเริ่มระบายเกี่ยวกับความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เขาปล่อยให้มันเกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาเกือบเดือนนี้ ร่างกายของเราเปลือยเปล่า ผมห่มเสื้อของเขาแทนผ้าห่ม แล้วก็ปล่อยให้ปลายนิ้วโป้งลูบวนอยู่ที่หัวไหล่ซ้ำ ๆ ในขณะที่พรั่งพรูทุกอย่างออกไปเหมือนระเบิด
“ฉันหาไม้มาสร้างบ้านให้เรา” เขาบอก นั่นยิ่งทำให้ผมตกใจยิ่งขึ้นไปอีก “ไม้พวกนี้มันผุมากแล้ว ฝนตกมาที ความชื้นก็ทำให้ราขึ้น”
ทั้งที่ปากขยับเล่าถึงความในใจจนผมรู้สึกผิด ทว่าดวงตาคมกลับเหม่อมองไปทางต้นพลับที่เราใช้เป็นอาหารหลักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผมไม่เข้าใจสายตาของเขาในตอนนี้นัก แต่เอาเป็นว่าผมเข้าใจผิด ผมตีความหมายสิ่งที่เขาสร้างขึ้นระหว่างเราในแง่ลบเกินไป อาจด้วยเพราะความกังวล ยึดติด หรือผมคงเป็นโรควิตกจริตขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว
“คิดอะไรอยู่” ผมถามในตอนที่เขากำลังเคลื่อนตัวอย่างเนิบนาบอยู่ข้างบน ผู้ชายเมื่อเดือนก่อนคนนั้นหายไปจริง ๆ แน่แล้ว เพราะตอนนี้เหลือเพียงคนตรงหน้าที่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา เขาแค่อยากให้ผมเชื่อใจ หรือต้องการอะไรที่มากกว่านั้น
ซึ่งแน่นอน ผมเดาถูกว่าเขาคงไม่ยอมตอบ จากคนที่พูดเก่งและมักจะเปิดบทสนทนายามว่างเสมอกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ใบหน้าซูบตอบของเขาดูแก่ขึ้นอีกเป็นสิบปีเวลาที่ตีหน้าเครียดอย่างนี้ ผมไม่รู้ว่าเรายังต้องคิดอะไรนักหนา ในเมื่อที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว
“ขอโทษนะ”
ผมไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจว่าเขาพูดมันเป็นครั้งสุดท้าย
เช้าวันนั้นอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า เพียงแต่ครั้งนี้มันถาวร ผมรุดไปรอบ ๆ เกาะเพียงเพื่อดูว่าเขาอาจจะกำลังง่วนอยู่ตรงไหนสักที่ ยิ่งที่นี่กว้างขึ้น ผมก็ยิ่งต้องเหนื่อยและรู้สึกว่าเขาไกลออกไปมากเหลือเกิน
น้ำลดลงไปจากเมื่อวานอีก ที่สุดสายตามียอดตึกโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว ความรู้สึกไม่สู้ดีในใจผมบอกว่าเขาไม่อยู่ที่นี่ แต่ผมไม่เชื่อ แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกเมื่อพบแล้วว่าลางสังหรณ์นั้นไม่ค่อยโกหกกันเท่าไร ไม่มีท่อนไม้ที่เขาลากขึ้นมาเมื่อวันก่อน เขาสะสมมันไว้เป็นกองขนาดใหญ่ ไม้แท่งยาวต่างพายอันนั้น ทุกอย่างหายไปรวมถึงเชือกที่เคยเหลือจากการเลาะแพเมื่อนานมาแล้วก็หายไปด้วย
เขาโกหกผม หรือเขาคิดจะไปแต่แรกแล้ว
ทั้งที่สมองคิดอย่างนั้น แต่หัวใจของผมกลับท้วงเรียกให้มองขึ้นไปยังต้นพลับเพียงหนึ่งเดียว ผลลูกพลับเหลืออยู่น้อยมาก แต่ก็มากพอให้กินได้คนเดียวระหว่างรอมันออกผลใหม่เมื่ออากาศเย็นขึ้นกว่านี้ และนอกจากยอดสีเขียวที่ผมเพิ่งดึงทิ้งเพราะแรงโมโหเมื่อวานแล้ว พื้นดินรอบข้างก็ไม่มีวี่แววของอาหารใดเหลืออยู่เลย
น้ำในแอ่งผ้าใบยังคงเต็มจากฝนตกครั้งล่าสุด แต่ขวดน้ำหายไปหนึ่งอัน นี่เป็นคำตอบที่ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไรดี ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป ไม่รู้แม้กระทั่งว่าที่ดินผืนใหญ่ตรงนี้ถูกสร้างมาเพื่อผมคนเดียวหรือเปล่า แล้วข้างนอกนั้นเขาจะเป็นยังไง จะตายอยู่กลางผืนน้ำ หรือพบเจอใครคนอื่นอย่างที่เขาสวดภาวนาให้โลกนี้มาตลอด ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่บอกว่าที่นี่ดีที่สุด แต่เขาก็ยังละทิ้งเรือโนอาห์ด้วยเหตุผลสองข้อ
ข้อแรก เขาอาจต้องการสิ่งที่ดีกว่า อย่างที่เขาเคยทำมาก่อน
ส่วนข้อสอง เขาต้องการให้ผมอยู่รอด
ผมจิบกาแฟดำในแก้วหลังจากเช็กอีเมลในโทรศัพท์มือถือแล้วว่าสิ่งที่สั่งลูกน้องในสายงานไปนั้นเรียบร้อยดี ผมต้องอยู่บ้านจนลืมวันลืมคืนเพราะแค่ไอ้อาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในฤดูหนาว เดาว่าคนอื่นคงกลัวจะเอาเชื้อไข้ไปแพร่ใส่เสียมากกว่า
ผมกดรีโมทปิดภาพข่าวยามเช้าบนจอทีวี เอนตัวพิงเก้าอี้ไม้ทรงคันทรีที่เคยเอาเสี้ยวเงินจากน้ำพักน้ำแรงซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว มองเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามซึ่งว่างเปล่า สองสามปีมานี้ผมทำอะไรด้วยตัวคนเดียวมากพอสมควร นอกจากจะคุ้นชินกับมันได้แล้ว ผมกลับรู้สึกว่าบ้านกว้าง ๆ นี้ก็อิสระดีเหมือนกัน
ผมอยู่อย่างที่เคยอยู่ นอนดูบอลจนดึกแล้วตื่นมาปิ้งขนมปังกินทั้งที่ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวโดยไม่ต้องอายใคร ตั้งแต่ใครคนนั้นเก็บเสื้อผ้าออกไปจากที่นี่ ผมก็แน่ใจแล้วว่าคนอย่างผมคงเหมาะกับการอยู่ตัวคนเดียวเป็นที่สุด สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็ลืมมันไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว ถ้าคุณได้ลองมาอยู่ว่าง ๆ อ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำไปซ้ำมา คุณจะรู้เลยว่าเวลานั้นยาวนานเสียจนสร้างโลกใหม่ได้เลย
ผมเจียดเวลาไปรดน้ำต้นพลับที่สวนหลังบ้าน ดูแลฟูมฟักมันอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี ความเหม่อลอยทำให้ผมทอดมองไปยังดินโล่งเตียนส่วนอื่น ๆ ผมปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เว้นเสียแต่พลับต้นนี้ที่ยังอยู่มาได้เรื่อย ๆ จากความรู้ด้านเกษตรเท่าหางอึ่งของผม
เสียงออดดังลั่นภายในตัวบ้าน นั่นทำให้คิ้วขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจขึ้นมาทันทีที่มีใครมารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวได้ตั้งแต่เช้าตรู่ ผมแน่ใจว่าไม่มีธุระกับใครที่พร้อมตามมาถึงบ้าน ผมไม่ได้มีเจ้าหนี้ ไม่เหลือใครที่มีความผูกพันธ์พิเศษด้วยแล้วแม้แต่พ่อแม่หรือเครือญาติ
แล้วร่างทั้งร่างของผมก็หยุดนิ่งไปหลังจากเปิดประตูนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายใจไม่ออก มันขาดช่วงและจะล้มตึงลงไปเสียให้ได้เพียงแค่เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้มนั้นส่งมาให้ผม มือก็ลากกระเป๋าเดินทางผ่านพื้นหินกระเบื้องอย่างทุลักทุเล
“สวัสดี”
เขาพูดก่อน หลังจากลากกระเป๋าใบใหญ่นั้นมาหยุดอยู่หน้าประตูได้ ดูเขาจะยิ่งมีเวลาขบขันผมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเขามาอีก คิดจะไปไม่ลาแล้วยังมีหน้ากลับมาหรือไง ผมโกรธ โกรธอย่างวันที่เขาทำอมพะนำไม่พูดและทิ้งให้ผมอยู่ที่นี่เพียงลำพังด้วยความใจร้ายเหลือคณา
ใบหน้าเขาดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก ร่องรอยความเครียดที่เคยมีก็จางหายเสียจนเกือบจะเหมือนกับวันแรกที่เราเจอกัน เขาตั้งท่าจะเข้ามากอดผมแต่ดูยังไม่กล้า ก็ผมทำหน้าบึ้งตึงใส่เขาเต็มสูบเลยน่ะซี นั่น แล้วยังยิ้มไม่เลิกอีก จะเอายังไงกันแน่
“ดีจังที่หาทางกลับเจอ”
เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยออกจากปาก และก่อนที่จะจรดริมฝีปากมาฉาบฉวยความคิดถึงไปจากผม เขาก็แกล้งแบมือออกให้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่หยิบติดไม้ติดมือกลับมาด้วย มันคือเมล็ดพันธุ์มากมายที่เขาหามาได้ มากจนแน่ใจได้เลยว่าเราไม่ต้องออกไปดิ้นรนหรือพะวงหาสิ่งนอกสายตาอีก
เกินพอสำหรับเราสองคน
และตลอดไป
------------------------------------------------------------------------------
METAPHOR อีกแล้ว <3
ในเช้าวันที่นอนไม่หลับหลังจากทำงาน ทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาจนเขียนทีเดียวเสร็จ
ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหมกับเรื่องสั้นเรื่องนี้ แต่สำหรับเราที่เป็นคนเขียน เราชอบมากเลยค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกเป็นยังไงกันบ้าง มาแชร์กันนะคะ : )