พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: jira ที่ 02-02-2015 15:29:58

หัวข้อ: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 02-02-2015 15:29:58
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




สารบัญ

รักเกิดในตลาดสด :: 1  เจ้าชายเขียงหมู {ตั้น ❤ ฟ่ง}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2951985#msg2951985)
รักเกิดในตลาดสด :: 2  คุณหนูมะเขือเทศ {ต๋อง ❤ หนุ่ม}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2954043#msg2954043)
รักเกิดในตลาดสด :: 3  Forget-Me-Not   สื่อรักภาษาดอกไม้ {โต้ง ❤ เนสต์}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2956161#msg2956161)
รักเกิดในตลาดสด :: 4  คุณชายขนมหวาน  {ติณณ์ ❤ เอก}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2959126#msg2959126)
รักเกิดในตลาดสด :: 5  พันธนาการหัวใจ ด้วยสายใยรัก จากแผงทุเรียน  {ต้อม ❤ โก๋}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2961169#msg2961169)
รักเกิดในตลาดสด :: 6  หลุมรักแกงเขียวหวาน  {ติ๊ก ❤ น๊อต}
 (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=45367.msg2962991#msg2962991)
ตอนพิเศษตามเทศกาล : วาเลนไทน์  {ตั้น ❤ ฟ่ง}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2963029#msg2963029)
รักเกิดในตลาดสด :: 7  สื่อรักผ่านเพลง  {ต่อ ❤ กานต์}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2966319#msg2966319)
รักเกิดในตลาดสด ::  8 น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก  {ตั้ม ❤  พล}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2969518#msg2969518)
รักเกิดในตลาดสด ::  9 โรมิโอร้านขายยากับจูเลียตร้านทอง {ตี๋ ❤  ภัทร} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2972823#msg2972823)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : เจ้าชายเขียงหมู 02/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 02-02-2015 15:35:22

เจ้าชายเขียงหมู


แดดแรงสาดส่องผ่านม่านหนาทิ่มลูกตาจนต้องพลิกตัวหนี  หูได้ยินเสียงดังแว่วมาจากชั้นล่าง  ผมนิ่วหน้าก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปงกั้นเสียง..แต่มันกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ   

“ตั้นนนนน  ขับรถพาแม่ไปตลาดหน่อยลูก”  เสียงสาปสวรรค์...จากชั้นล่างดังขัดการนอนกลางวันของผม  ถอนหายใจยาวใส่หมอนหนุนแล้วยันตัวลุกจากเตียง  เดินตุปัดตุเป๋  มือขวาล้วงเสื้อเกาหัวไหล่ซ้าย  ถอนหายใจทิ้งยาว ๆ เข้าห้องน้ำไปล้างหน้า  เสยผมลวก ๆ แล้วเดินลงไปหาต้นเสียงสาปสวรรค์   

“ตั้นนนน  ได้ยินแม่ไหม?!”  เดินลงบันไดขั้นแรกเสียงแม่ก็ลอยเข้ามากระแทกแก้วหู  ใจร้อนอะไรมากมาย  ตลาดมันไม่วายหนีแม่หรอก!

“มาแล้วครับ!  ตลาดนี้มันมีเวลาปิดด้วยเหรอแม่?  จำได้ว่าแม่ไปซื้อหมูตอน  2  ทุ่มยังได้มาเลยนี่  โอ้ยยยย”  เอี้ยวตัวหนีปลายนิ้วที่ดิ่งเข้ามาบิดหน้าท้อง  หลบไม่ทันสักครั้งครับ!

“เถียงคำไม่ตกฟาก  ไปเอารถออกเดี๋ยวนี้”  ดึงชายเสื้อขึ้นมาดูผลงานศิลปะที่หน้าท้องลอนงามของตัวเอง  โหววว  แดงแปร๊ด  ลูบเบา ๆ แล้วสูดปากไล่ความแสบ  สตาร์ทรถแล้วพาแม่ไปซื้อของที่ตลาด  ไอ้ต้นน้องชายผมมันฉลาดครับ  มันเรียนพิเศษเตรียมเอนท์  เลยรอดพ้นจากการช่วยแม่ถือของที่ตลาด  พี่เติ้ลก็มีโปรเจ็ค  ปิดเทอมเลยต้องอยู่ทำไม่ได้กลับบ้าน  ผมเลยรับหน้าที่เบ๊อยู่คนเดียว

ตลาดแถวบ้านผมดีตรงที่เจ้าของตลาดเขาทำถูกสุขลักษณะ  มีท่อระบายน้ำข้างหลังแผงทุกแผง  มีหลังคา  ทางเดินกว้าง  เดินไฟยาวตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย  มีถังขยะใบใหญ่ตรงมุมทุกซอยเพื่อสร้างนิสัยให้คนไม่มักง่าย  ใช้ตาชั่งกลาง  ที่สำคัญคือที่จอดรถสะดวก  แล้วก็ขายตลอดทั้งวัน เดินเข้าตลาดได้แม่ผมก็เริ่มซื้อทันที  ต่อนั่น  เหมานี่จนถุงพลาสติกที่อยู่ในมือผมเริ่มเพิ่มจำนวนและน้ำหนักมากขึ้น  แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้แม่ผมเลิกซื้อได้ 

“เดินเข้าซอยนี้ซื้อห่อหมกคุณยายให้แม่ที”  พยักหน้าและเดินเข้าซอยที่เดินมาซื้อบ่อย ๆ   แม่เล่าให้ฟังว่ายายคนนี้เขารวยครับ  ลูกหลานก็ได้ดิบได้ดีทุกคน  ไม่ใช่ว่าลูกหลานแกไม่เลี้ยงหรอกนะครับถึงได้มานั่งขายห่อหมก  แกเบื่ออยู่บ้านเลยทำห่อหมกมานั่งขายแก้เหงาเท่านั้นเอง  แกทำขายไม่กี่ชิ้นครับ  เครื่องเยอะแล้วก็อร่อยด้วย

“2  ห่อครับยาย”  นั่งยอง ๆ  ลงข้างหน้ายาย  มองมือเหี่ยวที่หยิบห่อหมกยื่นให้  2  ห่อ  รับมาใส่รวมกับถุงขนมใส่ไส้   ผมจะได้ไม่ต้องหิ้วถุงเพิ่ม  จ่ายตังค์แล้วช่วยยายเก็บร้าน  ยายเล่าให้ฟังว่าวันนี้ทำมาแค่  13  ห่อ   ส่วนที่ผมซื้อเป็นส่วนที่เก็บแยกไว้รอผม  เก็บไว้ให้ลูกค้าเจ้าประจำนั่นเอง

“แล้วถ้าผมไม่มาล่ะครับ?”  ยายยิ้มโชว์เหงือกแข็งแรง  ตอบแบบอารมณ์ดี  ‘ก็ไว้ให้หลานยายกินไงไอ้หนู’  ยิ้มตอบแล้วอุ้มกระจาดของยายเดินออกมาท้ายซอย  เสียงแม่ค้าแถวนั้นตะโกนทักทายยายกันเต็มไปหมด  สมกับเป็นตลาดจริง ๆ

“วางตรงนี้ล่ะไอ้หนู  เดี๋ยวหลานยายก็มา..ขอบใจมาก”  ยกมือไหว้ยายแล้วรวบถุงหิ้วติดมือออกมาหาแม่  ก้มหน้าก้มตาเดินมาตามทางก็ได้ยินเสียงเล็กเอ่ยถาม  ‘ขนมจีนไหมคะ?’  เงยหน้ามองหาต้นเสียง  สบตากับแม่ค้าขายขนมจีนแล้วส่ายหน้า  ยิ้มบางให้  หันกลับไปมองทางเดินและสังเกตรอบตัว  ช่วงนี้เด็กปิดเทอมเลยมีแม่ค้าหน้าใส ๆ มานั่งขายของกันเยอะ  เดินไปอีกนิดก็ทำแบบเดิมกับแม่ค้าหน้าสวยที่ขายปลาย่าง  อยากบอกสาว ๆ เหลือเกินว่า..

ผมเป็นเกย์ครับ  ข้างหน้ามีเอาไว้เสียบถ้ำ  ข้างหลังเก็บไว้ถ่ายของเสีย  ไม่เหลือไว้ให้สาว ๆ ได้ใช้บริการครับ  ยิ้ม ๆ ไปตามทาง  เข้าตามซอยโน้น  ออกซอยนี้จนเจอแม่  แม่ผมยืนอยู่วงล้อมด้านนอกรอคิวซื้อหมูอยู่  อดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้  ร้านขายหมูมีเป็น  10  ทำไมจะต้องมารอคิวร้านนี้ร้านเดียวด้วย

“แม่ซื้อร้านนี้ก็ได้..หมูเหมือนกัน”  ก้มกระซิบบอกแม่  แม่หันมาบอกผมว่า ‘ร้านนี้หมูเขาสด  ของมาลงใหม่ทุกชั่วโมง  รอพักเดียวตาตั้น’  หันมาบอกผมแล้วก็กลับไปสนใจคิวข้างหน้าตัวเองต่อ  ผมเดินผละออกมาจ้องคนขายผ่านหมู  3  ชั้นที่แขวนบังอยู่  เห็นแต่ผ้าที่โพกหัว  กับผมทรงแม่บ้านของคนที่รอซื้อ  ถอนหายใจกับคิวที่ดูจะไม่ลดลงเลยแล้วเดินเข้าไปหาแม่อีกรอบ

“ไปซื้อข้าวเหนียวมูนสังขยารอนะแม่”  แม่ผมพยักหน้ารับส่ง ๆ แล้วขยับเดินไปข้างหน้าตามคิว  เดินย้อนกลับมาซอยแรกแล้วกว้านซื้อขนมที่ชอบจนพอใจ  มืออีกข้างของผมตอนนี้มีถุงข้าวเหนียวหน้าสังขยา  5  ห่อ  ขนมเบื้องคละหน้า  สังขยาฟักทอง  1  ลูก  ลอดช่องสิงคโปร์ใส่มะพร้าวอ่อน  5  ถุง  ปิดท้ายที่มะม่วงน้ำปลาหวานของแม่  เงยหน้ามองนาฬิกากลางของตลาดและเดินกลับไปหาแม่...  ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

“แม่เอาถุงในมือมาให้ตั้น  เดี๋ยวไปรอที่รถ”  รับถุงมาถือไว้แล้วดิ่งกลับไปที่รถ  เปิดท้ายรถแล้วผูกปากถุงกันของหกเวลารถวิ่ง  เดินกลับมานั่งในรถ  กินขนมเบื้องรอแม่  กินได้ไม่ถึงครึ่งถุงก็เดินมาตามแม่  ถึงคิวแม่พอดี..

“สามชั้นโลนึงนะหนู  เอาชิ้นนี้..เนื้อตรงสะโพกนี่คิดเท่าไหร่จ๊ะ?”  เดินเข้าไปใกล้ทันได้ยินแม่ถามราคาพอดี 

“สามชั้นโลละ  100   ครับ  เนื้อสะโพก  130   ตับ 150   ไส้อ่อน  60  หัวหมู  200  ครับ..เนื้อสะโพกกี่โลดีครับ?”  เสียงทุ้มของคนขายตอบแม่  แถมด้วยราคาของที่แม่ไม่ได้ถาม  สมเป็นพ่อค้าจริง ๆ  มองกองเนื้อหมูที่วางเรียงรายจนเต็มแผง  เนื้อไม่แดงมาก  แล้วก็ดูสดเหมือนที่แม่บอก  แม่สั่งสามชั้นกับสะโพกหมูเสร็จก็หันมาสั่งให้ผมรอหมู  แม่จะเดินไปซื้อผักต่อ  พยักหน้าแล้วมองตามหลังแม่  พูดถึงผักก็อยากกินอยากกินแกงจืดตำลึงใส่หมูสับ   หันไปสั่งหมูสับกับคนขาย  หน้าคมที่โผล่เข้ามาแวบ ๆ เมื่อครู่ทำให้ต้องหันกลับไปมองหน้าคนขายซ้ำอีกครั้ง 

ดวงตาสีดำ  คิ้วเข้ม  จมูกโด่ง  ปากอิ่ม  จิวหูเม็ดกลมสีดำโดดเด่นอยู่บนติ่งหูซ้าย  ผ้าโพกผมครึ่งหัวซ่อนผมสไลด์สีดำสวยไว้ไม่มิด  ผิวขาวสุขภาพดี  ไม่ผอมแต่ก็ไม่ถึงกับล่ำ  ดูเหมือนจะเตี้ยกว่าผมนิด ๆ   มัดกล้ามแขนแข็งแรง  ทักษะการใช้มีดจัดอยู่ในขั้นดี  ไล่สายตากลับมามองใบหน้าหล่อติดจะน่ารัก  เจ้าของเขียงหมูก็กำลังจ้องหน้าผมอยู่เหมือนกัน  เผลอสบตาคู่นั้นด้วยความชื่นชม..ลูกใครเหล่าเต้า  ตั๋วแปะช่างปั้น 

‘แคร้ง!’  เสียงมีดปังตอที่ตบลงบนเขียงเรียกสติให้กลับมา  กระพริบตามองปลายปังตอที่กำลังชี้หน้าอยู่  ไล่สายตาไปตามสันปังตอ  สบตาดุเอาเรื่อง  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ

“โลนึงพอไหม?!”  เสียงทุ้มตะคอกถาม  ยิ้มเจื่อนแล้วพยักหน้า  มองตามมือเรียวจับเนื้อหมูมาเฉือน  วางชั่งน้ำหนักบนตาชั่ง  โยนลงบนเขียงลงมือสับละเอียด  เสียงปังตอสับเนื้อหมูดังลั่นซอย  ใบหน้าเครียดขมึง  ข้อมือสับรัว  ไม่นานหมูชิ้นก้อนโตก็กลายสภาพเป็นหมูสับเนื้อละเอียดอยู่บนเขียง  คนขายหน้าหล่อปาดหมูสับที่ผมสั่งใส่ถุงแล้วยื่นส่งให้พร้อมหมูที่แม่สั่งไว้ก่อนหน้า   รับถุงมาถือแล้วยื่นธนบัตรสีเทาส่งให้   คนขายรับไปแล้วล้วงมือลงในกระเป๋าหน้าของผ้ากันเปื้อนควานเงินมาทอนผม  มองทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าของร้านอย่างมีความสุข  จะทำอะไรก็ดูดีครับ  ดวงตาสีดำเงยขึ้นมาสบตาเคลิ้มของผม  หรี่ตามองเหมือนไม่พอใจ  ยื่นเงินทอนส่งให้..เหรียญแทบจะปลิวฟาดดั้ง

“..ขายทั้งวันรึเปล่าครับ?”  รับเงินทอนแล้วชวนคุย  เจ้าของเขียงหยิบปังตอมาชี้หน้าผมอีกครั้ง

“ไปได้แล้ว!”  สะดุ้งแล้วรีบขยับหนี  หันหลังเดินก็ได้ยินเสียงบ่นแว่วเข้าหู  ‘จ้องอยู่ได้..หน้ามันรึเปล่าก็ไม่รู้’  หยุดเดินแล้วขมวดคิ้วมุ่น  ที่ไล่เพราะไม่อยากให้เห็นตอนหน้ามันหรือเปล่า?  หันไปมองเจ้าของร้านช้า ๆ..เจ้าของเขียงหมูกำลังดึงเอาผ้ากันเปื้อนมาถูแถวแก้ม  ใช้ท้องแขนเช็ดแถวคาง  เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกค้าที่ยืนรอต่อจากผม ‘รับไรครับคุณน้า’  อมยิ้มแล้วเดินกลับไปยืนที่เดิม  เจ้าของเขียงหมูทำตาโตมองผม  กระพริบตาปริบกับแบงค์ร้อยที่ผมยื่นให้

“ขอเบอร์หน่อย”  คนขายหมูแก้มชมพูพองลมเข้าปากแก้เขิน  เบือนหน้าไปมองกองไส้หมูแทนหน้าผม  มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าผ้ากันเปื้อน  ที่เหลืออีกข้างคว้าแบงค์ร้อยไปเขียนหมายเลข  10  หลัก  บ่นอุบอิบว่า.. ‘จะเอาไปแทงหวยรึไง?..ไม่ออกโทษกันไม่ได้นะเว้ย!?’  เขี่ยแบงค์ร้อยคืนให้ผมแล้วเบือนหน้าไปมองหัวหมู  ยืนมองหน้าด้านข้างยิ่งน่ารัก  ริมฝีปากล่างเม้มแน่น  คิ้วขมวดมุ่น  ยืนมองพักใหญ่คนขายหมูแก้มชมพูก็หันมาแหวใส่

“จะขายหมู  ไปซะที!”  ยิ้มกว้างให้คนขายหมูที่แก้มกลายเป็นสีแดงอ่อน ๆ  ริมฝีปากเชิดเหมือนคนงอน  มือที่จับมีดยกมาปิดปากแล้วหันหลังให้ผมดื้อ ๆ 

“ผมจะโทรหานะ”  บอกกับแผ่นหลังแล้วหมุนตัวเดินออกจากซอย  ยกถุงหมูขึ้นมาจ้องแล้วส่งยิ้มหวานเผื่อแผ่ให้มัน

ผมเจอรักแท้ที่เขียงหมูในตลาดสดครับ  รักแท้ที่ผมเรียกเค้าว่า  ‘เจ้าชายเขียงหมู’  แล้วคุณล่ะ..เจอรักแท้ที่ไหน  ดูแลรักแท้ของคุณให้ดีเหมือนผมกับเจ้าชายเขียงหมูนะครับ
 
ใครจะคิดว่าในตลาดสดจะมีคนที่จะเข้ามาเติมเต็มชีวิต.. 

ใครจะคิดว่าเขียงหมูจะส่งคนมาวิ่งเล่นในหัวใจได้จนหมดอายุขัย..






มันคือ..รักแท้ในตลาดสดครับ

End.

...................................

สวัสดีค่ะ  ยินดีต้อนรับสู่ตลาด(วาย)ค่ะ
จิเคยนำเรื่องนี้ลงในเล้าแล้วครั้งหนึ่งค่ะ  แต่ถูกลบเพราะไม่มาต่อให้จบตามระยะเวลาที่เล้ากำหนดถึง  2  ครั้ง  พี่โมบอกแล้วค่ะว่าถ้าโดนลบไป  2  ครั้งจะกู้ไม่ได้อีกแล้ว  ตอนโดนครั้งแรกพี่กู้มาให้แล้วบอกให้จิมาแก้หัวเรื่องซะจะได้ไม่โดนลบ  จิก็เอ้อระเหย  ทำงานโน่นนี่  พอจะเข้ามาทำก็ลบไปแล้ว..สมควรมากค่ะ 
มีนักอ่านถามถึง  จิเลยค้นต้นฉบับเก่า ๆ มาลงให้อ่าน  เพิ่มเติมและตัดทอนเนื้อหาบางส่วนนิดหน่อยค่ะ  แต่มีไม่ครบเท่าของเดิมนะคะ  เคยแต่งลง  29  คู่  ที่มีในมือมีแค่  20 คู่  หายไปหลายคู่เลยค่ะ  แหะแหะ   
ถ้านักอ่านท่านไหนเซฟเก็บไว้อ่านเล่น  โปรดเมตตา..ส่งให้จิบ้างนะคะ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ขอบคุณที่ติดตาม  และเข้ามาอ่านนะคะ
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : เจ้าชายเขียงหมู 02/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 02-02-2015 16:27:23
อ๊าาาาาาาา
ฟ่งๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฟ่งของเค้าาาาาาา
 :hao7:
บวกเป็ดรัวๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : เจ้าชายเขียงหมู 02/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-02-2015 00:19:36
อยากอ่านเรื่องอื่นด้วยจัง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : เจ้าชายเขียงหมู 02/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 04-02-2015 12:31:30
คุณหนูมะเขือเทศ

ลมหนาวหลงฤดูหอบเอาความหนาวมาฝาก  ลมเย็นจนต้องกระชับเสื้อหนาวตัวนอกให้แน่นขึ้น  ถอนหายใจกับสภาพอากาศแปรปรวน  มองหยาดฝนโปรยปรายด้านนอกตลาดแล้วก็เบื่อ  ไม่ชอบอากาศร้อนก็จริง  แต่เย็นแบบนี้ก็ไม่ได้ต้องการแม้แต่น้อยว่ะ!
 
“มาเอาต้มจับฉ่าย”  เงยหน้ามองเจ้าของเสียง  ยิ้มแซวแล้วหยิบถุงต้มจับฉ่ายที่แม่ฝากไว้ให้ลุงไช้เจ้าของเขียงหมูเพื่อนสนิทพ่อ  เจ้าของแก้มชมพูอย่างไอ้ฟ่งยื่นมือมารับถุงแล้วทำท่าจะหันหลังกลับทันที

“..แล้วไม่มีเบอร์ให้บ้างเหรอ?..5555”  มองแก้มแดง  ปากเชิดของมันแล้วมีความสุขดีครับ  ไอ้ฟ่งมันมีคนมาขอเบอร์อีกแล้ว  มันหน้าตาน่ารัก  คนชอบมันเยอะ  แต่มันก็ไม่เคยสนใจหรือแจกเบอร์ใคร  มีเมื่อวานนี้นั่นล่ะ  มันมาป้วนเปี้ยนวนเวียนแล้วก็อ้อมแอ้มเล่าให้ฟังว่ามีคนมาขอเบอร์ที่แผง  ผมก็ฟังมันเล่ายิ้ม ๆ ฟังดูแล้วมันชอบพี่ตั้นก่อนด้วยซ้ำ  มันเห็นพี่ตั้นตั้งแต่เดินมาตามแม่พี่เค้าตอนรอคิว  แต่ก็ทำเฉย ๆ แอบมองอย่างเดียว  พอเค้าสนใจขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำยังไง  เขินโหดใส่ซะงั้น  ไอ้ฟ่ง..ฟอร์มจัด!

“กวนตีน!  ดีที่พี่ตั้นเจอกูก่อนมึง  ถ้าเค้าเห็นมึงก่อนเค้าคงขอเบอร์มึงแทนที่จะมาขอกูแน่ ๆ  ไอ้ต๋อง”  อมยิ้มแซวมันจนมันเขิน  จับต้นหอมมาฟาดแขนผมไม่ยั้ง  ปากก็บ่นหงุงหงิง  ‘หยุดยิ้มแบบนี้นะ!’  โอ้ยยยย  เขินโหด555 

“ไอ้ฟ่งมึงเอาต้นหอมกำนี้ไปด้วย!  ไอ้สัตว์ฟาดซะขายไม่ได้เลย555”  ตะโกนตามหลังมันไปแล้วก็หยุดขำกับท่าทางน่ารัก ๆ ของมันไม่ได้  มันก็ฮา  ยังอุตส่าห์เดินกลับมาจับต้นหอมกำนั้นยัดรวมกับถุงต้มจับฉ่าย  ทำหน้างอใส่แล้วสะบัดหนีจนผมปลิว  น่าแกล้งจริง ๆ

 ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วนั่งลงหน้าแลปทอปที่ออนเฟสทิ้งไว้ต่อ  หยิบแว่นสายตามาสวมแล้วมองความเคลื่อนไหวในเฟสตัวเอง  ผมไม่ชอบเล่นเกมส์  มันเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์  ครอบครัวผมเป็นครอบครัวนักวิชาการ  ป๊าเป็นนักวิชาการเกษตร  แม่เป็นนักพัฒนาชุมชน  ผมเรียนบัญชี  ชอบ..ก็เลยเรียน  ผักที่วางขายอยู่นี่เป็นผลผลิตที่ป๊ากับผมทดลองปลูกหลังบ้าน  ปลูกมันทุกอย่าง  ลองปุ๋ยหมัก  ทำอีเอ็ม  ผักงามมากจนกินไม่ทัน  แม่ก็เลยวานลุงไช้เช่าแผงให้ผมมานั่งขายผักปลอดสารพิษ  ปิดเทอมไม่มีอะไรทำ  มาลองนั่งขายผักมันก็สนุกดี 

“..กูจะรู้จักได้ยังไง  หน้าตาเป็นไงวะ?  มึงถามแม่กูทีว่าจะเอาผักอะไรเพิ่มอีก  ..จะกวนส้นตีนอะไรกูตอนนี้ไอ้ต้าร์!  เออมาช่วยแม่กูทำครัวก่อนไอ้เหี้ยยยย  แค่นี้!”  เงยหน้ามองผู้ชายตัวสูง  ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางซอยหลังจากคุยโทรศัพท์เสียงดังล้งเล้ง  อมยิ้มกับการก้มหัวขอโทษที่เสียงดังรบกวนแม่ค้าในซอย  ไม่อยากจะบอก..คนในตลาดเค้าคุยกันเสียงดังกว่าพี่เยอะ555

เท้าคางมองคนตัวสูงที่เดินยิ้มเข้าไปถามหาผักกาดหอมที่ร้านป้า  มองมือหนาที่มีโพยซื้อของอยู่ในมือ  เสียงนุ่มไล่รายการตามโพย  ได้ของบ้างไม่ได้บ้าง  ใจเต้นตึกตักเมื่อคนตัวสูงเดินถามหาผักที่ขาดมาจนเกือบจะถึงร้านตัวเอง  เสียงทุ้มดังขึ้นถามร้านข้าง ๆ ว่า  ‘มีกะหล่ำปลีสีม่วงหรือเปล่าครับ?  ผมขาดแค่กะหล่ำปลีอย่างเดียวก็ครบแล้ว’  น้าเบญเจ้าของของแผงก้มหยิบกะหล่ำสีม่วงส่งให้  มองตามมือหนาที่รับของ  หยิบเงินส่งให้แล้วก็แอบถอนหายใจ  อีกนิดเดียวก็จะถึงร้านเราแล้วแท้ ๆ  เหลือบมองใบหน้าคมเข้มที่ยิ้มน้อย ๆ กับของในมือ  ขยำโพยกระดาษใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันหลังเดินไปทางปากซอย

“เฮ้ออออ”  นั่งคอตกแล้วพ่นลมไล่ความเซ็ง  น่าจะมีอีกสัก  4-5  รายการต่อท้ายในโพย  อย่างน้อยจะได้มาถามที่แผงนี้บ้าง  จับแว่นสายตาออกแล้วถอนหายใจทิ้ง   ชัทดาวน์แลปทอปด้วยความเซ็ง  ก้มเก็บไว้ใต้แผง  ยืดตัวขึ้นแล้วเงยหน้ามองลูกค้าสวมเสื้อสีขาวหน้าแผงยืนรอซื้อผัก..

“..มีหอมหัวใหญ่ไหมครับ?”  มองลูกค้าตัวสูงที่คิดว่าเดินออกไปด้วยอาการตาค้าง  แล้วรีบเก็บริมฝีปากล่างที่อ้าออกอย่างรวดเร็ว  ขืนมัวอึ้งเดี๋ยวลูกค้าตัวสูงจะเดินเลยแผงไปเสียจริง ๆ  ก้มมองแผงผักของตัวเอง ในหัวก็คิดไปด้วย  ‘ไหนว่าได้ของครบแล้วไง..หอมหัวใหญ่เหรอ?  โอ้ยยยย มันไม่มีอ่ะพี่ ~’  รู้แล้วว่าหอมหัวใหญ่น่ะ..มันไม่มี  รู้ทั้งรู้ก็ยังทำท่ามองหา  จะไปมีได้ยังไง  ที่บ้านผมไม่ได้ปลูกอ่ะ  เท่าที่เอามาวางมันเป็นผักที่ทดลองปลูกเองทั้งหมด  ไอ้ที่ปลูกยากหรือเกินความจำเป็นในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ปลูก  ไอ้ถึงกับจะต้องลงทุนซื้อผักอย่างอื่นมาวางขายด้วยก็เกินไป  อยากจะเสกหอมหัวใหญ่ขึ้นมามันก็ทำไม่ได้อ่ะ

“..ไม่มีครับ”  พี่ตัวสูงมองแผงผักของผมแล้วทำคิ้วขมวด  รู้หรอกว่าร้านผักมันก็น่าจะมีผักหลายอย่าง  พี่ตัวสูงมันอ่านใจผมออกหรือเปล่าไม่แน่ใจ  แต่ไอ้การถามหาผักที่ร้านผมแล้วไม่เลยแม้แต่อย่างเดียวมันก็น่า..อายอยู่ไม่น้อยสำหรับเจ้าของแผงผักอย่างผม 

“แล้ว..มีหน่อไม้ฝรั่งไหมครับ?..เห็ดหอมสดล่ะ?..แครอท?”  ไล่สายตาจ้องผักบนแผงที่ไม่มีตามรายการของพี่ตัวสูง  ส่ายหน้าตอบมันทุกรายการเลยเหมือนกัน  เงยสบตาคมแล้วก็นึกอาย  พี่เขาคงนึกด่าเหมือนกัน
‘ร้านขายผักอะไรวะ?..ไม่มีผักอะไรเลยสักอย่าง!’  นึกในใจตอบเองเสร็จสรรพ  ‘ก็สั่งผักที่มันมีในร้านสิ!..หน้าตาก็ดี  ไม่น่ากวนตีน!’  พี่ตัวสูงยืนมองผักในร้านผมแล้วเงียบ  แอบเงยหน้ามองก็เห็นว่าพี่เขาจ้องผมอยู่  ตาคมคู่นั้นยิ้มใส่ตาผมพอดี  ริมฝีปากบางเฉียบคลี่ยิ้มแซว  จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้ม  มองหน้าพี่ตัวสูงตอนนี้แล้ว  ให้ตายเหอะ..อายว่ะ

แก้มร้อนขึ้นมาไม่มีสาเหตุ  ความร้อนนั้นลามไปถึงใบหู  คอ  พุ่งลงไปที่แขนอย่างห้ามไม่ได้  ก้มหลบตาแล้วเสหยิบแว่นสายตามาสวมแก้เขิน  ยื่นมือไปหยิบขวดน้ำมาสเปรย์น้ำเปล่าที่ผักของตัวเอง  พี่ตัวสูงมันไม่ขยับไปไหน  ผมก็ไม่อยากถามว่า  ‘ร้านผมพอจะมีผักที่คุณใช้บ้างหรือเปล่า?’  ให้ได้อายไปมากกว่านี้ 

เชื่อไหมว่า..ผมฉีดน้ำใส่ผักจนน้ำมันท่วมผักชี  พี่ตัวสูงมันก็ไม่ไปไหนสักที  จะไล่..ก็นึกถึงหน้าไอ้ฟ่ง  เข้าใจเลยว่าทำไมมันไล่พี่ตั้นให้ไปให้พ้นจากร้านมัน..อายอย่างนี้นี่เอง

“..เหมามะเขือเทศหมดกองครับ”  ไม่รู้ว่าพี่ตัวสูงอยากได้มะเขือเทศไปทำอะไร  แต่คิดเข้าข้างตัวเองแล้ว..มันอาจจะแซวที่ตอนนี้ผมตัวแดงเพราะเขินมันจน..เหมือนมะเขือเทศกองโตนี่ก็ได้  หยิบถุงพลาสติกขนาดใหญ่มาเก็บมะเขือเทศลูกโตลงถุงทีละลูก  กลัวมันช้ำน่ะครับ

มือหนาของพี่ตัวสูงยื่นออกมาช่วยผมหยิบมะเขือเทศลงถุง  ตาเผลอมองสำรวจมือหนา  ปลายนิ้วเรียวสวย  เล็บตัดสั้นเตียน  เสียงทุ้มบอกสรรพคุณของเจ้ามะเขือเทศสีแดงสวย  ผม..ไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าคมของพี่เขา  ยังไงซะผมก็ยังไม่ลืมว่าความร้อนที่หน้าผมยังไม่จางลง  ผม..ยังอายอยู่

“..มะเขือเทศช่วยต้านความดันโลหิตสูง  บำรุงสายตา   เหงือก  ฟัน  ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว  แล้วที่สำคัญ..”  มือหนาจับมะเขือเทศลูกสุดท้ายที่ผมกำลังจะหยิบ  ชะงักมือแล้วปล่อยให้พี่ตัวสูงส่งมะเขือเทศลงในถุง  ประโยคที่เอ่ยค้างไว้ทำให้ผมตัดใจมองสบตาคม..ทั้งที่หน้าก็ยังร้อนไม่หาย

“มีประโยชน์กับ..หัวใจ”  คำว่า  ‘หัวใจ’  ดังสะท้อนก้องในหูไปมา  ดวงตาคมกับหน้าหล่อเข้มมองผมนิ่ง  หน้าที่ร้อนอยู่แล้วทวีความร้อนจนต้องรีบยื่นถุงมะเขือเทศให้พี่ตัวสูง  กลัวเหมือนกันว่าความร้อนจากตัวเองจะทำให้พี่เขาร้อนไปด้วย  ขยับแว่นแล้วรีบบอกคนที่กำลังล้วงตังค์ตรงหน้า

“ไม่ต้องหรอก..ที่บ้านมีเยอะ  เอาไปเหอะ”  ไม่กล้าสบตา  ไม่กล้ามองหน้า  พูดแล้วก็หยิบถุงพลาสติกมาวางที่เดิม  จับผักชี  ต้นหอม  โหระพา  สะระแหน่มาเรียงใหม่  วางทับกันไปมาจนดูไม่น่าซื้อ  ไม่สนว่าพี่ตัวสูงจะมองด้วยสายตาแบบไหน  ช่างมัน..ไม่ยืนบิดเหมือนสาว ๆ ก็ดีถมไปละ!

พี่ตัวสูงหิ้วถุงมะเขือเทศสีแดงสดเดินกลับไปทางปากซอย  เงยหน้ามองส่งแผ่นหลังกว้าง  ใจหายที่พี่ตัวสูงไม่มีทีท่าจะคลิ๊กกันจนขอเบอร์เหมือนที่ไอ้ฟ่งถูกพี่ตั้นจีบ  ถอนหายใจยาวแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บร้าน  ไม่มีกะใจจะขายต่อแล้วครับ  กลับถึงบ้านก็นอนเลย  ตื่นป๊าก็ไล่ให้ไปตัดกะหล่ำปลีกับผักบุ้งจีนหลังบ้าน  แม่ขับไปส่งที่ตลาดแล้วไอ้ฟ่งก็มาช่วยจัดผัก  ถอนหายใจบ่อยจนมันถาม  พอจะเล่ามันก็ระริกระรี้รับโทรศัพท์  หันมาบอกหน้าตาสดใสว่าพี่ตั้นจะมาช่วยขายหมู  ต้องกลับร้านแล้ว  ยิ้มเซ็งส่งให้แล้วก้มหน้าก้มตาจัดผักต่อไป 

ขมวดคิ้วมองสีแดงเข้มของกุหลาบที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ตัดกับสีขาวของผักกาดขาวที่กำลังเรียงอยู่  มองไล่ไปถึงมือหนาที่คุ้นตา..ไม่สามารถมองเลยไปจนถึงหน้าคมของพี่ตัวสูงได้  เสียงทุ้มบอกผมเบา..

“ผมชื่อ ‘หนุ่ม’  ชอบกินผัก  ชอบดอกไม้  แล้วก็..ชอบคนแก้มแดง ๆ ครับ”  เบือนหน้าไปมองกองคะน้า  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น  หน้าร้อนผ่าวลามไปถึงแขน  ‘พูดอะไรวะ?..แล้วคนแก้มแดงนี่มัน..อะไรวะ?’  ทำหน้ามึนแล้วยื่นมือไปรับดอกไม้มากอด  ก้มมองดอกไม้ในอ้อมกอดแล้วก็อดเขินไม่ได้  กัดเนื้อในริมฝีปากล่างแน่น  เงยหน้าขอบคุณพี่หนุ่มตัวสูงแล้วก็ได้แต่ยืนเขิน..

ใครจะไปรู้ว่าที่ไม่ขอเบอร์เพราะจีบไม่เก่ง  แล้วใครจะไปรู้ว่าคนตัวสูงจะมาช่วยขายผักทุกวันจนเปิดเทอม  แล้วก็ต้องมาพร้อมขนม  ดอกไม้ที่เป็นสีแดงทุกครั้งด้วย  ก็พอจะรู้ว่าที่ชอบสีแดงน่ะไม่ใช่เพราะเป็น นปช.  แต่เพราะชอบที่เห็นผมเขินจนสีผิวเหมือนของที่ตัวเองเอามาฝากต่างหาก  ทั้งที่รู้ก็ทำหน้าเฉย ๆ  ทำเหมือนไม่รู้  ทั้งที่รู้ก็ยังทำตัวแดงหน้าแดงได้ทุกครั้งที่คนคนนี้มองมา  เขินน่ะ..คุณไม่เข้าใจหรอก555   

แล้วใครจะไปรู้..ว่าผมจะเป็นคนขี้อายที่มีผู้ชายตัวสูงอยู่ข้าง ๆ ไปจนแก่ตาย 

ผมเป็นคุณหนูมะเขือเทศของพี่หนุ่มครับ  แล้วคุณล่ะ?..เป็นคุณหนูมะเขือเทศของใครหรือยัง?







ขอให้เจอรักแท้ในเร็ววันนะครับ..


END.

..................................

พยายามจะมาวันเว้นวันให้ได้ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :pig4: :กอด1: :กอด1:

ปูลู. ยังรอนักอ่านใจดี ส่งนิยายตัวเต็มมาให้นะคะ  มั๊วะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณหนูมะเขือเทศ 04/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-02-2015 22:37:34
เสียดายจังไม่ได้เซฟเก็บไว้ชอบทุกคู่เลยชอบตอนพิเศษด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณหนูมะเขือเทศ 04/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 05-02-2015 09:05:20
เสียดายจังไม่ได้เซฟเก็บไว้ชอบทุกคู่เลยชอบตอนพิเศษด้วย

จิก็เสียดายค่ะ  มาอ่านเท่าที่มีแล้วเก็บเป็นความทรงจำกันเนอะ
กอดหมับหนุบหนับหนุงหนิงมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งจุ้งจิ้งงุ้งงิ้ง˷
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณหนูมะเขือเทศ 04/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 05-02-2015 10:40:53
หายไปนานเลยจิคิดถึง
เรื่องนี้ไม่ได้เซฟเก็บไว้อ่ะจิ
เสียดายเนอะ แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวจิ คงแต่งใหม่มาให้อ่านใช่มะ (กดดัน555+)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณหนูมะเขือเทศ 04/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: makampom_yun ที่ 05-02-2015 14:37:56
 :-[ :-[ :-[

งื้ออออออ ชอบทุกคู่เลยค่ะ
น่ารักมากกกกกกก   ฟินทุกคู่เลยยยยย  ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณหนูมะเขือเทศ 04/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 06-02-2015 11:38:28
ไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรก เห็นว่าน่าจะน่ารักดี ก็เลยเข้ามาอ่าน
น่ารักมากๆ บอกเลย อ่านไปก็บิดม้วนไปประหนึ่งว่าเป็นตัวเอง :-[
อ่านแล้วอยากไปตลาดสดทันใด จะรอติดตามคู่อื่นๆอีกนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Forget-Me-Not.. 06/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 06-02-2015 15:18:52
Forget-Me-Not   สื่อรักภาษาดอกไม้


“ขอดอกสีแดงนั่นกำนึงครับ”  พยักหน้าแล้วเดินไปแหวกกอดอกมัมสีแดง  เพ่งมองกลีบดอกสมบูรณ์ที่สุดออกมาห่อกระดาษหนังสือพิมพ์  ส่งให้ลูกค้าตัวสูงที่ช่วงนี้มาอุดหนุนดอกไม้ที่ร้านบ่อย ๆ  ไม่ลืมที่จะบอกความหมายของดอกไม้ให้ลูกค้ารู้..เป็นเทคนิคการขายน่ะ

“ดอกมัมสีแดง  ใช้แทนคำบอกรักได้ดี..  100  ครับ”  ผู้ชายตัวสูงยิ้มกว้างจนผมเผลอยิ้มตาม  ผมมีความสุขที่เห็นลูกค้ามีความสุขเสมอ  รับเงินแล้วเดินกลับมาเปิดลิ้นชักเก็บเงินและส่งมันลงไปรวมกับธนบัตรกองเบ้อเริ่มในนั้น  ผมก็เหมือนพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ของตลาดนี้  ปิดเทอมก็ต้องมาช่วยที่ร้าน  เดี๋ยวนี้ผู้ชายขายดอกไม้มันไม่แปลกแล้ว  กลับดูมีเสน่ห์ด้วยซ้ำ  นับรวมผมไปอยู่ในนั้นได้เลย

“ดอกดาวเรือง  2  กำ..พวงมาลัยข้อมือด้วยไอ้หนู”  หันไปมองลูกค้าที่ยืนเลือกดอกดาวเรืองหน้าร้าน  เดินมาที่ตู้แช่แล้วเปิดออก  หยิบพวงมาลัยข้อมือที่ใช้ดอกพุดร้อยแทนมะลิออกมา

“ตอนนี้มะลิแพงครับยาย  ร้านผมเลยใช้ดอกพุดมาร้อยแทน..”  พูดไม่ทันจบยายก็พยักหน้า  ‘เหมือนกันนั่นล่ะ..เอามาพวงหนึ่งลูก’  เดินไปพร้อมพวงมาลัยดอกพุด  รับดอกดาวเรืองที่ยายเลือกแล้วมาใส่ถุงรวมกัน 

“..ผมอนุโมทนาบุญกับยายด้วยครับ”  ไม่รับเงินเพราะอยากทำบุญกับยายด้วย  ยายยิ้มอ่อนโยนแล้วจับมือผมแน่น  มือข้างนั้นเลื่อนมาลูบหัวผมเบา ๆ

“..เด็กสมัยนี้ไว้ผมยังกับผู้หญิง”  ยิ้มส่งยายแล้วยกมือขึ้นลูบผมที่มัดรวบไว้ด้านหลัง  ผมเรียนวิจิตรศิลป์  ไม่แปลกหรอกยาย  ยิ้มให้ยายที่หิ้วถุงดอกไม้กับพวงมาลัยรวมกับถุงพวกขนม  กับข้าวถุงด้วยความสุข  ผมก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับวัด  ก็คอยร่วมบุญแปะเค้าไปตลอดเวลาล่ะผม  ยายเดินไปจนแผ่นหลังงุ้มพ้นจากซอยถึงมานึกขึ้นได้  ‘ดอกดาวเรือง  รุ่งเรืองก้าวหน้า  และอีกความหมายหนึ่งครับยาย..ฉันตกเป็นทาสของคุณแล้ว’  อืมมม  ออกจะติดเรทเกินไปนิดสำหรับคุณยาย
 
“ซื้อดอกกล้วยไม้..”  เหลือบมองปลายเท้าลูกค้าที่โผล่มาจากหน้าร้าน  เดินออกไปตาก็มองลอดโครงแขวนพวงมาลัยที่หมุนเพราะฝีมือลูกค้าที่อยากได้ดอกกล้วยไม้  ดอกจำปีที่ติดปลายพวงมาลัยปลิวบังหน้าลูกค้า  เห็นแต่ผมหนาสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น

“พี่โต้งปุ๋ยมารับกุหลาบ  ขอด่วนพี่..พ่อรอ!”  หันไปตามเสียงแสบแก้วหูของลูกพี่ลูกน้อง  กำลังจะบอกให้มันรอก่อน  ลูกค้ากล้วยไม้ก็ชิงบอกให้ผมจัดของให้ลูกพี่ลูกน้องก่อนเลย  ‘เชิญก่อนเลยครับ..ผมดูดอกไม้รอได้’  ไอ้ปุ๋ยยิ้มแฉ่งยกมือไหว้ลูกค้ากล้วยไม้ปลก ๆ สาบานได้ว่ามันคือผู้หญิง

“อย่างละ  100  ดอกหรือเอาแค่ครึ่ง?”  ถามมันไปจัดดอกไม้ไป  มันไม่ตอบผมก็จัดให้อย่างละ  50  ดอกเหมือนเดิม  กางบัญชีแล้วจดรายละเอียดดอกไม้ของไอ้ปุ๋ย  เหลือบตาดูไอ้ปุ๋ยที่มาสะกิดแขนอยู่ข้าง ๆ เงยหน้ามองไอ้ปุ๋ยที่มองไปหน้าร้าน

“พี่โต้ง..ลูกค้าพี่หน้าหล่อเกาหลีสุด ๆ อ่ะ  จีบได้ป่าววะพี่?  อุ้ย!  เค้ามองปุ๋ยด้วยพี่..”มองหน้าไอ้ปุ๋ยสลับกับโครงแขวนพวงมาลัย  ยิ้ม ๆ ให้กับความแรงของผู้หญิงแล้วพยักหน้าส่ง ๆ ไอ้ปุ๋ยยิ้มแก้มปริแล้ววิ่งออกไปหน้าร้าน  ก้มหน้าลงบัญชีเสร็จก็เก็บไว้ที่เดิม  หอบกุหลาบที่มันสั่งออกไปส่งหน้าซอย  ไม่ได้มองว่ามันยังจีบลูกค้ากล้วยไม้อยู่หรือเปล่า?

“อ้าวโต้ง..ไอ้ปุ๋ยล่ะ?”  ยกมือไหว้ลุงแล้วพยักพเยิดไปทางแผงตัวเอง  ช่วยคนงานยกดอกไม้ขึ้นรถเสร็จไอ้ปุ๋ยก็เดินหน้ามุ่ยออกมา  เลิกคิ้วมองหน้างอแล้วเดินเข้าไปลูบหัวเบา ๆ ‘ปุ๋ยจะปลูกไร่แห้วแล้วว่ะพี่โต้ง..’  ยิ้มแล้วโยกหัวมันไปมา  ‘อยากมีไปทำไม?..อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว’  มันถอนหายใจแล้วเดินหนีมือผมไปขึ้นรถ  โบกมือส่งแล้วรีบเดินกลับร้าน  นึกขึ้นมาได้ว่าไม่มีใครอยู่เฝ้าร้านเลยสักคน  ถ้าเงินหายขึ้นมาจะทำยังไง?!

สาวเท้ากลับร้านให้เร็วที่สุด  ตาก็เพ่งมองที่แผงของตัวเอง  นึกโมโหร้านอื่นที่ชอบตั้งถังดอกไม้ยื่นออกมานอกร้าน  เกะกะไม่พอ  ยังบังหน้าร้านคนอื่นด้วย!  พ่นลมหายใจไล่ความหงุดหงิดแล้วเดินผ่านลูกค้าที่ยังยืนดูดอกไม้ที่เดิม  ล้วงกุญแจออกมาไขดูเงินที่อยู่ข้างในลิ้นชัก  ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อจำนวนเงินยังคงกองเบ้อเริ่มเหมือนเดิม  เย็นนี้ต้องแวะเอาไปฝากแบงค์ซะบ้าง  แบ่งไว้ทอนแค่  1,000  เดียวก็พอ  เดินออกมาหาลูกค้ากล้วยไม้  หยุดอยู่ด้านหลังลูกค้าที่เอาแต่มองดอกไม้ในถังแล้วเอ่ยปากถาม

“อยากได้กล้วยไม้แบบไหนครับ?”  ลูกค้าที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่สะดุ้งกับเสียงผม  หันหน้ามาบอกเสียงตื่น  ‘คัทลียาครับ’  หน้าเกาหลีที่ไอ้ปุ๋ยบอกกระแทกตาผมอย่างจัง  ตาชั้นเดียวแต่กลับกลมเหมือนดอกบานไม่รู้โรย  แก้มมีเลือดฝาด  สีเหมือน..ดอกโบตั๋น  ผิวหน้าเนียนละเอียดเหมือนกลีบกุหลาบสีชมพูอ่อนที่อยู่หลังร้าน  ผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนดอกไม้แห้งที่วางบนโต๊ะ  เผลอยิ้มให้ความงามจากธรรมชาติตรงหน้าจนลูกค้ากล้วยไม้เดินหนีไปจ้องดอกไม้ในตู้แช่เย็น

“ขอ..ทิวลิปสีแดงด้วยครับ”  ยิ้มน้อย ๆ กับการจ้องดอกไม้อย่างเอาเป็นเอาตายของลูกค้า  เบือนหน้าไปยิ้มกว้างกับกระถางยิปโซ  ไอ้ปุ๋ย..เขาไม่สน  งั้นอย่างพี่ก็มีลุ้นว่ะ   ยกคัทลียาที่โชว์หน้าร้านมาใส่ถุง  เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ หนุ่มเกาหลีแล้วขอเปิดตู้แช่เอาทิวลิปออกมา  ส่งยิ้มให้ลูกค้าเกาหลีที่ยืนเกาคอแก้เขินกับสายตาจีบซึ่ง ๆ หน้าของผม  เดินเข้าไปในร้านแล้วเอากระถางดอกไม้สีน้ำเงินช่อสวยติดมือออกมาด้วย..ซ่อนไว้ข้างหลัง  ยื่นถุงดอกไม้ที่ลูกค้าซื้อ  ไม่ลืมบอกความหมายของมัน..

“คัทลียา เสน่ห์อย่างผู้ใหญ่..  ทิวลิปสีแดง  ใช้แทนคำสารภาพรัก ..ทั้งหมด  250  ครับ”  ลูกค้ากล้วยไม้มองตาผมเคลิ้ม  ฟังความหมายของดอกไม้ที่อยู่ในถุงเหมือนคนละเมอ  สบตาสีดำกลมเหมือนบานไม่รู้โรย  ไล่สายตาลงมามองโบตั๋นที่ดูสีเข้มขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย   อยากยื่นมือออกไปลองสัมผัสผิวเนียนดูสักครั้ง  อยากรู้ว่ากลีบกุหลาบสีชมพูจะเนียนลื่นมือสู้ผิวคนตรงหน้าได้หรือเปล่า? 

ไล่สายตามองไปตามลำคอระหง  ถ้าซุกจมูกลงไปจะหอมแค่ไหนนะ?  ลูกค้าหน้าหล่อกระพริบตาเรียกสติแล้วก้มหน้าหลบตาผม  ล้วงกระเป๋าออกมาจ่ายเงินค่าดอกไม้  รับเงินจำนวน  300  แล้วทวนจำนวนเงินเต็มที่รับมาเมื่อครู่

“รับมา  300  ..  ทอน  50  บาทครับ”  มือนุ่มยื่นรับเงินทอน  ผมดึงเงินทอนหลบ   เจ้าของคัทลียาเงยหน้ามามองผมงง ๆ ยิ้มบางส่งให้แล้วเอากระถางดอกไม้ที่ซ่อนไว้ออกมายื่นตรงหน้า   เสียบแบงค์  50  ไว้ที่ช่อดอกนั้น

“Forget Me Not  ฟอเก็ตมีน๊อต   ศรัทธาในรัก ด้วยความหวัง ความทรงจำ..”  เอ่ยความหมายให้ฟังแล้วมองบานไม่รู้โรยไม่กระพริบ  เจ้าของคัทลียาเสตาหลบมามองดอกไม้สีน้ำเงิน  เงยหน้ามองแล้วถามผม

“ให้เหรอ?..”  พยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง  เจ้าของคัทลียายิ้มบางตอบแล้วยื่นมืออกมาอุ้มกระถางฟอเก็ทมีน๊อต   ช่อดอกไม้สีน้ำเงินตัดกับความขาวอมชมพูของหนุ่มเกาหลี  เป็นคนที่เหมาะกับดอกไม้ทุกประเภทจริง ๆ   ยื่นหน้าไปกระซิบความหมายสุดท้ายของช่อดอกสีน้ำเงินใกล้หูนิ่ม

“มันแปลได้อีกอย่างว่า.. รักแท้”  หนุ่มเกาหลีย่นคอหลบแล้วเบี่ยงตัวหนีออกมายืนเกือบจะนอกร้าน  ยืนหันรีหันขวางแล้วก้มหัวขอบคุณ  เจ้าของคัทลียาส่งยิ้มอาย ๆ มาให้ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งออกไปจากซอย  ยิ้มให้แล้วกลับเข้ามานั่งมองดอกไม้ในร้าน  กลิ่นหอมของดอกไม้ที่อยู่รอบตัวมันหอมอบอวล  ความงดงามของมันเปล่งประกายจนผมต้องนั่งลงกับทางเท้าหน้าร้าน 

วันนี้..ผมพ่ายแพ้กับความงามของมันอย่างหมดรูป 

ปิดร้านแล้วดิ่งกลับบ้าน  แวะเอาเงินเข้าบัญชี  อารมณ์ดีจนแม่แปลกใจ  หลับก็ฝันดี  ตื่นมาเปิดร้านก็ขายดี  อารมณ์ดีถึงจุดพีคเมื่อถึงบ่าย  ลูกค้าหน้าเกาหลีมายืนหล่อน่ารักที่ร้านพร้อมกระถางฟอเก็ตมีน๊อต    ถามว่าดอกไม้ที่ผมให้ไปจะเลี้ยงมันยังไง?  ใส่ปุ๋ยอะไร?

ยิ้มบางกลบอาการใจเต้นตึกตักแล้วบอกให้หมั่นรดน้ำ  ปุ๋ยไม่ต้องใส่บ่อย  เก็บไว้ที่ร้านดีกว่าเพราะอากาศเหมาะกับการเจริญเติบโตของมัน  ไม่ลืมบอกเจ้าของฟอเก็ตมีน๊อต 

“คุณต้องมารดน้ำให้มันทุกวันนะ..เจ้านี่น่ะ  มันขาดความอบอุ่น”  มองเจ้าของกระถางที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา   ผมกอดอกมองโบตั๋นด้วยความสุข

ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของฟอเก็ตมีน๊อต  จะมีแก้มที่หอมยิ่งกว่ากระดังงา  ผมหลงใหลความงามและความหอมนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น

หนุ่มเกาหลีเหมาะกับดอกไม้ทุกอย่างที่อยู่บนโลกนี้  มีดวงตาที่ดึงดูดจนไม่สามารถมองใครได้อีก..ชั่วชีวิต

ดอกไม้นำความสุขมาให้มนุษย์  มีความหมายดี ๆ ที่ทำให้ต้องทึ่ง  สร้างความรักให้คนทั้งโลก  ดอกไม้ที่เชื่อมผมกับเขาไว้  ดอกฟอเก็ตมีน๊อต  มีความหมายหลายอย่าง  แต่สำหรับผมกับผู้ชายคนนี้  มีความหมายเดียวครับ.. 









..รักแท้..


END.

....................

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่สู่ตลาดสดแห่งรักค่ะ 
และที่สำคัญมาก  คุณจะไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ได้แบบวันนี้ถ้าไม่มีนักอ่านน่ารัก ๆ ที่คอยช่วยเหลือจิค่ะ
ขอบคุณอ้อม (rellachulla) ปอร์เช่(ZuuZuu)  น้องนุ่น(N.T.❁)  ฝน(Oo๐FosfoggY๐oO)  คุณนุ่น(anajulia)  จิกิจัง(jiki) ที่วิ่งถามเพื่อนๆพี่ๆน้องๆตามนิยายเรื่องนี้ให้
ขอบคุณพี่ฝน(love2y)ที่ส่งเรื่องนี้มาให้  14  ตอน  พร้อมตอนพิเศษ (กอดแน่น ๆ หอมเน้น ๆ 1 ที)
ขอบคุณคุณ @rnon ที่ส่งเรื่องนี้มาให้  10  ตอน พร้อมตอนพิเศษ (กระพุ่มมือไหว้สวยงาม..ดีใจที่ชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ)
และคนสุดท้ายที่จิอยากจะกระชากเข้ามาจูบแรง ๆ  คุณโอม (ΩPRESTOΩ ) ส่งนิยาย  24  ตอนพร้อมตอนพิเศษ  แถมแฟนฟิค..สุดยอดดดดดดด  โดดล็อคคอมาระดมจูบ  ขอบคุณค้าบบบบบบบบ
แต่จิเป็นคนโลภค่ะ  นักอ่านท่านไหนมี 5 ตอนท้าย ๆ บ้างคะ  ส่งให้จิด้วยนะคะ  เราจะได้อ่านไปด้วยกันค่ะ
ด้วยรักและขอบคุณในความเมตตาค่ะ
  :กอด1: :กอด1: :pig4:
ป๋อหล๋อ. เจอกันวันจันทร์นะคะ  มั๊วะๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณหนูมะเขือเทศ 04/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 06-02-2015 15:23:37
หายไปนานเลยจิคิดถึง
เรื่องนี้ไม่ได้เซฟเก็บไว้อ่ะจิ
เสียดายเนอะ แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวจิ คงแต่งใหม่มาให้อ่านใช่มะ (กดดัน555+)

กอดดดดดดดดเมย์  คิดถึงงงงงง
เขายุ่งมากค่ะเลยไม่ค่อยได้เข้ามาวิ่งเล่นในเล้า  ตอนนี้งานเบาลงก็เลยมาได้บ่อยหน่อย  ไม่ได้เก็บก็ไม่เป็นไรค่ะ  อ่านเท่าที่มีคนใจดีเก็บไว้ให้เราเนอะ  กอดๆๆๆๆๆ
(นั่นหมายถึงเขาไม่นั่งจิ้นแล้วค่ะ  จำพล็อตไม่ได้  มืดมนมากกก)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Forget-Me-Not.. 06/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: makampom_yun ที่ 06-02-2015 21:07:01
 :-[ :-[ :-[

ตามมาฟินที่ตลาดค่ะ ของจองพื้นที่ด้านหน้าด้วยอีกคน
ฟินมากกกก เขินมากกกกกก สงสัยต้องไปตลาดบ่อยๆ
เผื่อจะเจอเนื้อคู่กะเขาม้างงงงง อิจฉาตาร้อนสุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Forget-Me-Not.. 06/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 07-02-2015 12:14:51
งั้นเราก็มาตามอ่านกันใหม่ดีกว่าเนอะ อิอิ
น่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Forget-Me-Not.. 06/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 08-02-2015 08:46:04
เรื่องน่ารักมากๆๆ  :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Forget-Me-Not.. 06/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 09-02-2015 11:33:27
คุณชายขนมหวาน


ผมนั่งขัดสมาธิอยู่บนแผงขนมของแม่ในตลาด  มือข้างหนึ่งมีหนังสือนิยายระดับโลกภาค  6  วางไว้บนตัก  ตอนแรกก็ยังมีแรงเพ่งอ่านเพื่อความบันเทิงระหว่างการช่วยที่บ้านขายของ  แต่พอเห็นมนุษย์ที่จับจ่ายของในตลาดแล้ว..เวียนศีรษะขึ้นมาทันทีทันใด  มองผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาปวดตามึนหัว  ยิ่งไอร้อนแดดจากด้านนอกลามเข้ามาจนถึงแผงขนมหวานมากเท่าไหร่  ผมก็ยิ่งเบื่อโลกมากขึ้นเท่านั้น  อยากให้อากาศเย็นเหมือนเมื่อ  3  วันก่อน  เพราะอากาศแบบนี้ขนมที่มีส่วนผสมของกะทิมันเสียง่ายมาก 

ถอนหายใจกับความต้องการพื้นฐานของมนุษย์เรื่องอาหาร  มองเด็กสาวตาโตที่ยืนเลือกขนมหน้าร้านแล้วยิ่งอึ้ง  มันต้องกินเพื่ออยู่ไม่ใช่เหรอ?

“..เอานี่ด้วยค่ะ”  มองกองขนมกองพะเนินตรงหน้าน้องเขา  แล้วไหนจะนิ้วเรียวที่ชี้มาที่ตะโก้นี่อีก  มันไม่ใช่การกินละ..ยัดห่าเลยเหอะ!

“เอาไปทำบุญเหรอครับ?”  เงยหน้าสบตาโต  ยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยถามเผื่อว่าผมจะเข้าใจผิด  เดี๋ยวจะกลายเป็นใส่ร้ายหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ 

หน้ารูปไข่ส่ายหน้าตอบ  ยิ้มเอียงอายแล้วบอกเสียงมั่นใจ  ‘ปุ๋ยทานเองค่ะ..คุณชอบทำบุญเหรอคะ?  ใจดีจัง..’  ยิ้มรับคำชมนั้น  ผมใจดีจริงๆครับ  ชอบทำบุญด้วย  แต่คงจะทำทานให้ขนมน้องเขาฟรีไม่ไหวแน่..หมายถึงถ้าน้องเขาจะให้ผมใจดีทำบุญค่าขนมกองพะเนินตรงหน้าน่ะครับ

“ทั้งหมด  190  บาทครับ  อย่างอื่นแพคละ  10  บาท  ยกเว้นข้าวตังหมูหยอง  คิด  20  บาทครับ”  น้องตาโตยิ้มหวานให้แล้วยื่นแบงค์สีแดงให้ผม  2  ใบ  แต่ไม่ทันหยิบก็มีผู้ชายผมยาวดึงเงินในมือน้องตาโตหลบมือผมที่กำลังจะรับ 

“พี่จ่ายให้..เลิกงอนได้แล้วไอ้ปุ๋ย”  น้องตาโตทำหน้างอใส่ผู้ชายคนนั้น  ..แฟนกัน?

“ไม่ต้องทอนครับ”  ผู้ชายผมยาวคนนั้นวางเงินไว้แล้วรวบถุงขนมไปถือเอง  มือใหญ่ลูบผมน้องตาโตเบา ๆ  ‘..เนสต์เขาไม่รู้เรื่องด้วย  อย่าทำให้เขาลำบากใจสิปุ๋ย..ไม่ดีใจรึไงที่พี่ชายมีแฟนหล่อ’  อ้าว..นึกว่าเป็นแฟนกันซะอีก  งอนกันเรื่องพี่ชายมีแฟนหรอกเหรอ?  อิจฉาคนมีพี่น้องจัง  ผมลูกคนเดียวครับ  อยากมีพี่ชายบ้างเหมือนกันแฮะ  เบือนหน้ามาจัดขนมบนแผงให้สวย  ไม่สนใจ  2 พี่น้องหน้าแผงว่าจะง้อกันต่อไปยังไง..

“คุณคะ  โอ้ยยยย  เจ็บนะ..อยากมีซัมติงกับซัมวันแถวนี้บ้างป๊ะ?”  สะดุ้งเพราะน้องตาโตชะโงกหน้ามาซะชิด  ตกใจที่จู่ ๆ ก็โผล่มาน่ะ..เลยผลักหน้าน้องซะหงายหลัง

“ผมขอโทษษษษ  ถามว่าอะไรนะครับ”  ลงจากแผงแล้วรีบไปจับแขนน้องตาโตที่ปิดหน้าปิดตา  ใช้  2  มือปิดจมูกไว้  ค่อย ๆ ช้อนตามองผม 

“..เป็นแฟนกันนะ  ชอบอ่ะ”  ปล่อยมือจากแขนน้องตาโตทันทีที่ฟังประโยคนั้นจบ  หน้าชากับการถูกจีบ  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินกลับเข้าแผง  ขยับตัวนั่งท่าเดิม  หยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้มากางอ่านต่อเหมือนเดิม  ทิ้งให้เสียงตื้อของน้องตาโตมีความสำคัญเท่าเสียงผึ้งที่บินมาตอมของหวาน  พอผมไม่สนใจ  น้องตาโตก็เดินคอตกกลับไปทางปากซอย  เหลือบมองแล้วถอนหายใจยาว  ทำไมมันจีบกันง่ายฉิบหายเลยวะ?!

“เป็นอะไรเอก?”  หันมามองเสียงคุ้นเคยแล้วยิ้มกว้าง  ยกมือไหว้พี่ฟ่งกับพี่ตั้น  พี่ฟ่งเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมครับ  เรียนเก่ง  เล่นกีฬาก็เก่ง  ถ้าจะให้มีพี่ชาย..ผมก็อยากได้แบบนี้ล่ะครับ  ส่ายหน้าตอบแล้วยื่นถุงพลาสติกให้พี่ตั้น  พี่ฟ่งชวนผมคุย  มือก็หยิบขนมส่งให้พี่ตั้นเรียงใส่ถุง

“วุ้นบีทรูทสีแดงแจ๋ของพี่หนุ่มที่สั่งทำไว้ล่ะ?  หยิบมาด้วยเลย  เดี๋ยวพี่เอาไปให้เหยื่อพี่หนุ่มเอง”  พี่หนุ่มแฟนพี่ต๋องสั่งไว้เมื่อวานครับ  ดีเหมือนกัน  ผมจะได้ไม่ต้องไปเอง 

หยิบวุ้นที่แยกไว้มาใส่ถุงคนละสีแล้วยื่นให้พี่ฟ่ง  พี่ฟ่งปรายตาไปทางพี่ตั้น  ผมเลยยิ้ม ๆ แล้วส่งถุงให้พี่ตั้นถือ  พี่ตั้นก็ไม่ว่าอะไร  เอาแต่ยิ้มแล้วมองพี่ฟ่งอย่างเดียว  พี่ฟ่งจ่ายตังค์เสร็จก็ยื่นกระเป๋าตังค์ให้พี่ตั้นถือด้วย  พี่ตั้นยิ้มแล้วเอื้อมมือไปสะกิดไหล่พี่ฟ่ง  พอพี่ฟ่งหันหน้าไปทางที่ถูกสะกิดพี่ตั้นก็รีบชี้นิ้วรอ  พี่ฟ่งหันมาก็เจอนิ้วพี่ตั้นจิ้มแก้มพอดี  ผมขำก๊ากเพราะพี่ตั้นร้อง ‘อุ้ย!..นิ้มนิ่ม’  พี่ฟ่งทำแก้มชมพูใส่แล้วเตะหน้าแข้งพี่ตั้นเต็มข้อ  พี่ตั้นหัวเราะแล้ววิ่งหนีไปทางปากซอย  พี่ฟ่งหันมาชี้หน้าคาดโทษผม

“หยุดหัวเราะแบบนี้นะทองเอก!”  พอเห็นว่ายังไงผมก็ไม่หยุดหัวเราะแน่พี่ฟ่งก็ทำปากเชิดเดินตามพี่ตั้นไป  เล่นกันน่ารักจัง555+  นั่งขำส่งพี่ตั้นกับพี่ฟ่งแล้วหันหน้ามาขายขนมต่อ  ยิ้มค้างขายขนมให้คุณป้าแม่บ้านทหารบก  แกใส่เสื้อคลุมลายทหาร  ผมเลยยัดเยียดให้แกเป็นแม่บ้านทหารซะเลย555

“30  ครับ”  รับเงินมาใส่กระป๋องแล้วหยิบหนังสือเจ้ากรรมนายเวรที่ยิ่งอ่านยิ่งระทึกมาอ่านต่อ  นั่งขายสลับอ่านหนังสือจนตลาดใกล้วายเลยเริ่มเก็บของตามร้านอื่นบ้าง

“มีขนมเทียนแก้วไหมครับ?”  เงยหน้าจากกองขนมที่กำลังก้มเก็บ  ขมวดคิ้วกับชื่อขนมไทยที่หากินยาก  มันทำยากตรงที่ต้องอบด้วยควันเทียน  แล้วยังต้องใช้น้ำลอยดอกมะลินวดแป้งแทนน้ำธรรมดา  เวลากินมันถึงจะหอมกลิ่นควันเทียนกับมะลิอยู่ในเนื้อขนม  ผมส่ายหน้าตอบลูกค้าที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  ทำไมต้องทำหน้าย่นขนาดนั้นนะ?  มันทำให้หน้าตาดูไม่ดีนะพี่ลูกค้า  หันไปมองร้านข้าง ๆ ที่เขากำลังเก็บของใส่รถกลับบ้าน  ถามแทนให้ด้วยความหวังดี

“อาพิมพ์มีขนมเทียนแก้วไหมครับ?”  เจ้าของแผงข้าง ๆ เงยหน้ามายิ้มแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบให้ผมรู้แจ้ง  หันไปมองหน้าลูกค้าที่แสดงความสิ้นหวัง ท้อแท้เหมือนถูกน้ำป่าเข้าท่วม   ถอนหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์แม่

“แม่ทำขนมเทียนแก้วให้หน่อย..”  ยกมือปิดโทรศัพท์แล้วถามลูกค้าว่าจะสั่งเท่าไหร่  พรุ่งนี้เช้ามารับของได้เลย  ลูกค้าหน้านิ่ว  ม่านตาขยาย  ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ  ลักยิ้มบุ๋มที่แก้มขวาส่งให้ลูกค้าหน้านิ่วดูหล่อขึ้นฉับพลัน  น้ำป่าไหลบ่าเข้าทำลายความธรรมดาของลูกค้าคนนี้จนราบเรียบ 

พี่หล่อมากครับ!

“..30  ห่อครับแม่  พรุ่งนี้เช้าลูกค้าจะมาเอาขนมที่ร้านเอง  ครับ..เก็บร้านอยู่ครับ  หวัดดีครับ”  วางหูแล้วหันมามองหน้าลูกค้า  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสดใส  ริมฝีปากยิ้มแย้มเอ่ยขอบคุณผม  หนวดเขียวครึ้มตัดกับหน้าขาว  นึกถึงคางตัวเองแล้วอิจฉาพี่ลูกค้าเหลือเกิน  แมนโคตร!

“ผมมารับขนมได้กี่โมงครับ?”  ยิ้มมารยาทกลบเกลื่อนความคิดขี้อิจฉาแล้วบอกลูกค้าให้มารับได้ตั้งแต่ตี  3  เป็นต้นไป  ปกติแม่จะมานั่งขายตอนเปิดร้านครับ  ผมรับหน้าที่ขายตั้งแต่บ่ายไปแล้ว  พรุ่งนี้ผมจะเปลี่ยนเวลาครับ  เข้ากะเช้าบ้างมั่งดีกว่า555

“พรุ่งนี้ผมมารับขนมนะครับ”  พยักหน้าแล้วยิ้มตอบลูกค้าหน้าคมเข้มแมนโคตร  ตาสวย  จมูกโด่ง  แก้มบุ๋ม  หน้าโคตรคม..ต่างกับผมราวฟ้ากับเหว  ผมตาสีน้ำตาลเหมือนเขาแต่กลับกลมป๊อก  จมูกไม่โด่งเท่าเขาแต่ก็รับกับหน้าที่เล็กกว่าผู้ชายทั่วไป  ไม่มีลักยิ้มเหมือนเขาแต่มีเขี้ยวเล็ก ๆ ข้างขวา  ถ้าเขาหล่อแบบแมนโคตร  ผมก็เป็นประเภทหล่อน่ารักแบบคุณชายโคตรเลยเหมือนกัน!

“มีเบอร์ที่ร้านไหมครับ?  คุณยายผมตอนนี้ท่านไม่ค่อยสบาย  อยากทานขนมไทยสมัยก่อนมาก..เผื่อว่าผมอาจจะโทรถามเรื่องขนมอย่างอื่นน่ะครับ”  พยักหน้าเข้าใจและเห็นใจพี่ลูกค้ามาก  คุณยายผมท่านเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก  แต่ก็พอจะจำได้ว่าคุณยายชอบทำขนมอร่อย ๆ ให้กิน  มองหน้าหล่อที่ยิ้มโชว์แก้มบุ๋ม..พี่เขากตัญญูจัง

“02-......  มีคนรับตลอดเวลาครับ”  บอกเบอร์บ้านให้  แต่พี่ลูกค้าอยากได้เบอร์ผมเพราะเป็นคนที่อยู่ร้านตลอดเวลา  เลิกคิ้วแล้วเอียงคอคิดตาม..มันก็จริงนะ

“084-......”  พี่ลูกค้าเมมเบอร์เสร็จก็เงยหน้ามาถาม   ‘โทรได้ตลอดหรือเปล่าครับ?’  อืมมม  โทรได้ตลอดไหมเหรอ.. ถ้าผมคุยไปด้วยกินไปด้วยมันจะสุภาพเหรอ?  แล้วถ้าผมเข้าส้วมอยู่มันจะมีเสียงจ๋อมแจ๋มดังลอดออกไปให้ได้ยินรึเปล่านะ?  คิดในใจแล้วยิ้มบางส่งให้พี่แมนโคตร  จากบุคลิกภายนอกที่เหมือนผู้ดีมีอันจะกิน  ไม่เหมาะแน่ถ้าลูกค้าจะโทรมาตอนไหนก็ได้
 
“ผมไม่สะดวกช่วงเช้าครับ..ถ้าเลยเที่ยงไปแล้วคุยได้ตลอดครับ”  พี่ลูกค้ายิ้มกว้างแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง  แสดงน้ำใจช่วยผมเก็บขนม  แถมยังอาสาไปส่งผมที่บ้าน  ที่แม่บอกไม่ให้ไว้ใจใคร  คนเดี๋ยวนี้มันอันตราย..มันก็ไม่เสมอไปหรอกเนอะ

 “ขอบคุณครับ”  ยกมือไหว้พี่ลูกค้าที่มาส่งผมถึงบ้าน  แถมยังช่วยขนขนมไปเก็บหลังบ้านให้ด้วย  พ่อกับแม่ผมเห็นก็งง  พอพี่ลูกค้าบอกว่าเป็นคนที่สั่งขนมไว้ก็เข้าใจ  แม่ชวนพี่ลูกค้าเข้าบ้านแล้วถามว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  ผมเห็นแม่กับพี่ลูกค้าคุยกันถูกคอก็เลยเดินขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า  ลงมาก็เห็นพี่ลูกค้ายืนคุยกับพ่อที่สนามหน้าบ้าน  เดินไปคุยด้วยแป๊บเดียวพี่ลูกค้าก็ขอตัวกลับ  พ่อกับผมเดินไปส่งที่รถแล้วยกมือไหว้ลา 

พอเช้าพี่เขาก็มารับขนมถึงบ้าน  มาตี  3  ครับ..มาทำห่าอะไรแต่เช้า  ผมก็ไม่รู้จะตื่นมาทำห่าอะไรแต่เช้าเหมือนกัน  หึ..ตื่นตี  2  เหอะ  พี่ลูกค้ารับขนมแล้วก็ไปส่งผมจัดร้านก่อนแล้วค่อยเอาขนมไปให้ยาย  พี่ลูกค้าไปแป๊บเดียวก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนผมขายขนมหวาน  รู้ทีหลังว่าพี่ลูกค้ามีชื่อ  ชื่อพี่ ‘ติณณ์’   ..เป็นคนดีจัง

ใครจะไปรู้ว่าความติงต๊องของผมมันไม่สามารถกลบหน้าตากับบุคลิกคุณชายออกไปจากหัวของพี่เขาได้  กลายเป็น  ‘คุณชายขนมหวาน’  ของพี่ติณณ์ไปจนหัวหงอก 

ใครจะไปรู้ว่าที่พี่ติณณ์ขอเบอร์แล้วตามไปส่งถึงบ้าน..นั่นคือการจีบ 

แล้วก็..การเป็น  ‘ขนมหวาน’  ของใครสักคนมันก็ไม่ได้แย่เสมอไป  >///<




ลองดูสิครับ!


END.

…………………………


กอดกอดหอมหอม  ยินดีต้อนรับค่ะ
มานั่งอ่านไปยิ้มไปกันดีกว่าค่ะ  วันนี้คนแต่งเครียด  ยังไม่ทันหมดเดือน เงินในกระเป๋าก็เบาโหวง..เงินนี่ใช้ดีจังเล้ย˷
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณชายขนมหวาน 09/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 09-02-2015 14:11:36
ดีจังเอามาลงใหม่ เคยอ่านไปรอบนึงแล้วพอจะมาอ่านรอบสองหาไม่เจอ รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณชายขนมหวาน 09/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 09-02-2015 19:20:16
อ่านตอนนี้แล้วอยากไปหาขนมมากินเลย

คนแต่งอย่าเครียดจ่ะเงินไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมาจ่ะ :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณชายขนมหวาน 09/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 09-02-2015 21:29:59
ว้าวๆๆ ได้กลับมาอ่านอีกรอบ
 :กอด1:

เค้ามีเก็บไว้ถึงตอน  11.2 (~ ̄▽ ̄)~จากวังหลวงอีเรีย  ถึงแผงขายปลาตลาดสด {ภูริช ❤ โกสินทร์} เองอ่ะ
ช่วงนั้นติดภารกิจด้วยประการทั้งปวง เลยไม่ได้เข้าเล้าพักใหญ่ๆ
คราวนี้จะตามอ่านให้ครบเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณชายขนมหวาน 09/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-02-2015 12:09:01
น้องเอกโดนจีบยังไม่รู้ตัวอีก น่ารักจริง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณชายขนมหวาน 09/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 10-02-2015 16:26:49
อ่านแล้วก็เมื่อยแก้ม ยิ้มไม่หุบ น่าร้ากกกกทุกคู่เลย :-[
อยากจะไปตลาดนี้จังเลย ไปแอบส่องบรรดาหนุ่มๆ >////<
ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ พลาดไปได้ยังไงนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : คุณชายขนมหวาน 09/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 11-02-2015 12:59:44
พันธนาการหัวใจ  ด้วยสายใยรักจาก..แผงทุเรียน


แสงแดดแผดจ้าร้อนแรงแข่งกับกลิ่นฉุนจมูกของผลไม้หน้าร้อนที่วางเกลื่อนหน้าร้านของตัวเอง  หายใจเอากลิ่นที่ต้องเผชิญตลอดปิดเทอมนี้เข้าไปเต็มปอด  อย่าบอกผม..ว่าคุณเดาไม่ออกว่าผลไม้กลิ่นแรงพวกนี้คืออะไร

“..ขายยังไงจ๊ะ?”  ยิ้มให้ลูกค้าคนแรกของวันแล้วอ้าปากเอื้อนเอ่ยจำนรรจา..

“โลละ  20  ครับ  ร้านนี้ซื้อทุเรียนแถมมังคุดครับคุณน้า”  หุบปากฉับแล้วหันไปมองต้นเสียงกวนตีนจากร้านตรงข้าม  หน้าขาว  ปากแดง  วาจา  2  ล้านหาวบวกกับความไม่มีมารยาททางการค้าของแผงนั้นเกือบทำผมสติหลุด

“โลละ  25  ครับน้า  ร้านผมของสดครับ  เพื่อความแปลกใหม่เราเลยเปลี่ยนผลไม้ทุกสัปดาห์  อาทิตย์นี้ขายหมอนทองครับ  รับมาจากจันทบุรีครับเลยแพงกว่าร้านนั้นนิดหน่อย..ตัดสินใจก่อนได้นะครับ”  น้าผู้หญิงทำท่าคิดแล้วยิ้มแย้ม  ‘ไม่เป็นไรจ๊ะหนู..น้าอุดหนุนหนูจ๊ะ’  คุณน้าชี้ลูกทุเรียนที่วางอยู่ด้านล่างแผง  เดินออกมาหยิบแล้วจัดการสวมถุงมือหนา  กรีดมีดลงตามร่องพู  แล้วผ่าหลังพูอีกที  ค่อย ๆ แกะแล้วพันกระดาษส่งทุเรียนลงไปอยู่รวมกันในถุงพลาสติกสีใส  ปากก็คอยตอบคำถามของคุณน้าไปด้วย

“ผมปิดเทอมครับเลยมาช่วยที่บ้านขายผลไม้..”  คุณน้าชมว่าผมเก่ง  สำหรับเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยมีหรอกครับที่ปิดเทอมจะมาทำอะไรแบบลูกพ่อค้าแม่ขายอย่างพวกผม  เขาก็เดินห้าง  ติวมั่ง  เที่ยวมั่ง  แต่สำหรับเด็กตลาดอย่างพวกผม  จะหนีไปทำอะไรแบบนั้นมันก็..มันก็ทำได้นะ  แต่ผมไม่สบายใจแน่ถ้าบอกพ่อว่าปิดเทอมจะขอไปเที่ยว  ผมไม่ใช่พวกติดเพื่อนซะด้วย  เลยไม่ลำบากใจที่จะมานั่งหลังขดหลังแข็งขายทุเรียนช่วยพ่อหาค่าเทอมให้ตัวเอง

“75  บาทครับ..  70  ก็พอครับ”  คุณน้ายิ้มแล้วบอกขอบใจผม  ลดได้ก็ลดครับ  ทอนเงินเสร็จก็เดินกลับมานั่งตากพัดลมในแผง    นั่งพักได้แป๊บเดียวคนฝั่งตรงข้ามที่ตั้งป้อมกวนตีนผมมาตั้งแต่รู้จักกันก็เห่าใส่ทำลายความสุขทันที

“..ใจดีจังนะ”    น้ำเสียงส่อเสียดกับหน้าตากวนส้นตีนของแผงฝั่งตรงข้ามสร้างความหงุดหงิดให้ผมได้เสมอ  ถ้าเป็นคนอื่นคงวางมวยกันไปแล้ว  แต่ผมไม่ชอบการใช้กำลัง  มันไร้ประโยชน์  เลยใช้ความเงียบสงบสยบความรุนแรงมาตลอด    ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“..ไม่มีปากเหรอ?”  มันพาหน้าขาวปากแดงของมันมาเหยียบหน้าแผงผม  พอผมใช้วิธีเดิมมันก็เดินเข้ามาในแผง  ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  เท้าแขนคร่อม  หลิ่วตา  ยิ้มหยันใส่หน้าผมในระยะประชิด  ผมเฉยใส่มันก็เอื้อมมือไปปิดพัดลมให้กลิ่นทุเรียนลอยคละคลุ้งหนักกว่าเดิม  จ้องตาสีน้ำตาลอ่อนของมันนิ่ง  กัดกรามแน่น  สูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดข่มอารมณ์โมโห

“..ผมมาซื้อทุเรียนครับคุณโก๋”  เสียงเรียกจากหน้าแผงของผมดังขัดความกวนตีนของคนขายทุเรียนฝั่งตรงข้าม   คนขายทุเรียนกวนตีนหันไปมองเสียงนั้นทั้งที่ยังเท้าแขนคร่อมผมอยู่  เบี่ยงไปมองเจ้าของเสียงนั้นด้วยความอยากรู้..

ผู้ชายผิวขาวแดงสวมเสื้อโปโลสีขาว  ยืนหน้าใสคู่กับผู้ชายตัวสูง  หน้าคม  เพื่อนหน้าตาน่ารักของมันแย้มริมฝีปากยิ้มน้อย ๆ ให้ผมเป็นการทักทาย  ผมยิ้มตอบแล้วเผลอมองหน้าเรียวจนเพลิน  ปากนิดจมูกหน่อย..มองยังไงก็ไม่เบื่อ

“..กูไม่ว่าง!”  มันตอบเพื่อนตามสันดาน  คนหน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มล้อเลียนประมาณ  ‘เหรออออ?’  มันยิ้มมุมปากแล้วบอกให้คนตัวสูงที่ชื่อ ‘หนุ่ม’  ปอกให้แล้วหันมาจ้องหน้าผมต่อ  แววตากวนส้นของมันเริ่มทำให้ผมชินชา

 ผมรู้จักมันเพราะครอบครัวผมย้ายบ้านและต้องย้ายที่ทำกินมาเช่าแผงในตลาดแห่งนี้  แน่นอนว่าครอบครัวผมกับมันไม่เคยมีเรื่องหมางใจ   และครอบครัวผมกับมันก็มีแต่ความสัมพันธ์อันดีต่อกัน  แต่ผมก็ยากจะเข้าใจว่า..ทำไมมันถึงเกลียดผมนัก!

“งั้นผมซื้อทุเรียนลูกนี้ครับ  มึงไม่ขายแต่คนนี้เขาขาย..ใช่ไหมครับ?”  มันหันไปมองเพื่อนทันที..คอแทบจะหัก  ผมเบี่ยงตัวไปยิ้มมารยาทตอบเพื่อนน่ารักของมันแล้วลุกพรวด  ไหล่ผมกระแทกอกแข็งของมันจนมันผงะไปด้านหลัง    ไม่ได้หันไปมองว่ามันทำหน้ายังไง  คงตกใจที่ผมลุกพรวดไม่ใส่ใจมันล่ะมั้ง

เดินออกจากแผงหยิบทุเรียนลูกที่คนน่ารักเลือกมาลงมีด  ยื่นมือไปตั้งใจจะหยิบถุงพลาสติก  แต่ก็ไม่ทันคนที่ผมเพิ่งชนหงายหลัง  มองมือขาวที่คลี่ถุงพลาสติกรอ  เงยหน้าไปมองหน้าขาว  ตาสีน้ำตาลอ่อนมองผมอยู่ก่อนแล้ว  จ้องตาคู่นั้นแล้วก้มหน้าผ่าทุเรียนต่อ  ไม่อยากเข้าใจคนผีเข้าพระเสาร์แทรกธาตุไฟแตกหมาบ้าอย่างมัน

“พี่หนุ่มพาไอ้ต๋องไปดูหนังไม่ใช่เหรอ?  หรือมันชวนไปทำอย่างอื่นเลยต้องรีบกลับ”  เสียงแหบห้าวชวนเพื่อนคุย  ผมอดเหลือบมองเพื่อนมันไม่ได้  เป็นแฟนกับคนตัวสูงเหรอเนี่ย?  แกะทุเรียนไปหูก็ฟังคนคุยกันไปด้วย

“มึงสำรอกอะไรออกมาไอ้โก๋!  กูไปดูหนังกันเสร็จแล้วก็กลับมานี่แหละ  กล้าสำนึกอกุศลกับกูเหรอ?!”  เบือนหน้าไปมองเพื่อนมันแล้วก็ต้อง..อ้าปากค้างกับความน่ารัก  ผมเคยเห็นเด็กผู้หญิงที่เอาขนมมาให้ผมแล้วอายจนแก้มเป็นสีชมพู  แต่นี่มัน..นี่มันจะน่ารักเกินไปแล้ว

คนชื่อ  ‘ต๋อง’  ด่าเพื่อนตรงข้ามแผงแก้ขวย  มือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วห่อไหล่แก้เขิน  ปากด่าแต่หน้าเบือนไปจ้องกองทุเรียน  หูค่อย ๆ แดงแล้วลามไปทั้งตัวช้า ๆ   แก้มสีแดงเข้มเหมือนชมพู่ที่พี่หนุ่มเหมาแผงตรงข้ามไปหลายกิโลเมื่ออาทิตย์ก่อน  พี่หนุ่มก้มมองหน้าแดงของต๋องด้วยแววตาระยับ  ล้วงหยิบแว่นสายตาสวมให้  ต๋องสะดุ้งแต่ก็หันหน้ามาให้พี่หนุ่มสวมแว่นให้โดยดี 
   
“ช้า..หรือจะให้ช่วย?”  เสียงแหบดังข้างหู  สะดุ้งสุดตัวแล้วใช้ศอกดันอกมันออก   หันไปมองหน้าขาวที่คลี่ยิ้มบางแล้วรู้สึกแปลกในอก  หัวใจมันเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกอึดอัด  คงเป็นเพราะผมไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของมันล่ะมั้ง

“60  บาทครับ”  รีบแกะแล้วรีบขายให้ต๋องกับพี่หนุ่ม  พี่หนุ่มรับทุเรียนไปถือเองแล้วก้มหัวลาผม  ต๋องที่ยังไม่เลิกเขินเงยหน้าจากกองทุเรียนมายิ้มอาย ๆ ให้แล้วขยับแว่น  ก้มหน้าเดินนำพี่หนุ่มที่ผายมือไปด้านหน้า  พี่หนุ่มหันมายิ้มผ่านผมไปให้คนขายทุเรียนแผงตรงข้ามที่ยืนสิงทุเรียนอยู่ด้านหลัง

“เต็มที่นะโก๋..พี่เอาใจช่วย”  ขมวดคิ้วมองพี่หนุ่มแล้วเบือนหน้าไปมองหน้าขาวปากแดงที่กลายเป็นหน้าแดงแข่งปากเพราะสบตาสงสัยของผม  ‘อะไร?’  มันเอ่ยปากถามแต่กลับเดินเข้าไปในแผงผมเหมือนไม่ต้องการคำตอบ  รีบวิ่งไปขวางไม่ให้มันมาก่อกวนความสงบสุขทันที

“กลับไปได้แล้ว..แผงคุณอยู่โน่น”  มองหน้าขาวที่ยกยิ้มมุมปาก  มันเดินเข้ามาหาผมเลยต้องถอยหลัง  ไม่อยากใช้มือผลัก..ผมไม่เคยแตะตัวมัน  ผมไม่คุ้นเคยกับร่างกายคนอื่น

“หืม?..นึกว่าต้องซื้อทุเรียนก่อนถึงจะยอมคุยด้วย”  ขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าขาวยิ้มพราย  ดวงตาพราวระยับชวนใจเต้นขยับเข้ามาเรื่อย ๆ  หลังผมชนกับเก้าอี้พับ  เซล้มลงไปนั่งพร้อมกับคนแผงตรงข้ามนั่งยอง ๆ เท้าแขนคร่อมพนักจับ

“ทำไมถึงไม่เคยคุยกับผมสักครั้ง?”  มองปากแดงที่ห่างไม่ถึงคืบเอ่ยถาม  ในสมองมึนงงเมื่อคนถามขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ  ริมฝีปากเด่นชัด  ลมหายใจแทบจะผสานกัน..ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยย

“มากไปแล้วนะ!  เกลียดอะไรกันนักหนาถึงคอยแกล้งคอยว่ากันตลอดเวลาแบบนี้!  กูไปขโมยหวยถูกรางวัลแม่มึงมาขึ้นเงินรึไง?!”  ผมจะไม่เป็นคนมีสกุลกับมันอีกต่อไปแล้ว  ผลักอกมันเต็มแรงจนมันล้มก้นกระแทก  จับแขนที่มีแต่มัดกล้ามของมันเหวี่ยงออกมานอกร้านเต็มแรง  ผมหมดความอดทนกับการ  ‘แกล้งกันเล่น’  ของมันแล้ว! 

คนขายทุเรียนแผงตรงข้ามขืนตัวไว้แล้วทำท่าจะโผเข้ามาหาผมอีกครั้ง  เบี่ยงตัวหลบแขนแกร่งแล้วคว้าเปลือกทุเรียนที่ปอกแล้วมาขว้างมั่ว ๆ เขวี้ยงไปทางที่คิดว่ามันยืนอยู่ไม่ยั้งมือ   หนามทุเรียนตำมือจนเจ็บ  เสียงโวยวายของมันกับเสียงตกใจจากแผงอื่นดังมั่วไปหมด  จนความเคลื่อนไหวจากเป้าหมายเงียบผมถึงยอมหยุด 

“.........”  หันไปมองคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามที่ถูกเปลือกทุเรียนพุ่งเข้าทำลายยิ่งกว่า  M79  หน้าขาวมีรอยเหมือนถูกข่วนจนเลือดซิบที่โหนกแก้ม  แววตาที่ผมสบมันสื่อถึงความ..เจ็บปวด   เบือนหน้าหนีตาคู่นั้นแล้วไล่สายตาลงมาสำรวจร่างกายมัน   แขนข้างขวามีเลือดไหลหยดลงมาจากมือ  หน้าแข้งมีเลือดซึมอยู่ทั้ง  2  ข้าง  ผมก้มมองเปลือกทุเรียนเกลื่อนพื้นด้วยความรู้สึกสับสน..ว่าควรจะขอโทษ  หรือควรจะถือดีว่าตัวไม่ผิดต่อไป

แต่ความเป็นคนดีของผมมันมีมากกว่าความเป็นปีศาจ  ความผิดแล่นเข้าทำร้ายใจจนเจ็บไปหมด  ผมควรจะพูดคำว่าขอโทษ  แต่อีกใจก็ตะโกนแย้ง..มันก็สมควรแล้วนี่!  กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ  กำหมัดแน่น  ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม  เท้าคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามเดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดตรงหน้า  กัดฟันแน่นแล้วหลับตา..ทำใจรับผลจากการทำร้ายคนเลือดร้อน

“..ขอโทษที่เริ่มต้นได้ไม่ดี  ผมอยากให้คุณสนใจเลยทำตัวเหมือนเด็ก  ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการแซวแรง ๆ  ผมเสียใจที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น..คิดว่าผมเกลียดคุณแบบนั้น..”  ลืมตาขึ้นมองมือเปื้อนเลือด  ประโยคจริงใจของคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามดังก้องในหัว  เงยหน้ามองรอยยิ้มขื่น  ผมมองคนแผงตรงข้ามที่กำลังหันหลังแล้วเดินออกจากแผงผมไปช้า ๆ  มือที่เร็วกว่าความคิด..คว้าข้อมือมันไว้ทันที   เลือดเหนียวหนืดติดมือ  หน้าขาวที่มีเลือดซึมที่โหนกแก้มหันมองมือกับหน้าผมสลับกัน

“..ขอโทษ”  กลั้นใจพูดในสิ่งที่ควรจะพูดแล้วเงยสบตาสีน้ำตาลอ่อนด้วยความรู้สึกสำนึกผิดที่ทำให้เจ็บตัว  คนหน้าขาวยิ้มกว้างแล้วใช้มืออีกข้างที่อยู่ในสภาพปกติจับมือผม

“เจ็บตรงนี้..ตรงนี้  ตรงนี้ด้วย”  มองตามมือตัวเองที่ถูกมันยึดไว้แตะตรงซอกคอ  หัวไหล่หนา  และที่หัวใจ  เงยหน้ามองแล้วขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม  ผมคงต้องบอกมันให้เข้าใจก่อนจะเริ่มเป็นเพื่อนแผงที่ดีต่อกัน

“ถ้ายังไม่ปล่อยมือ..มึงโดนทุเรียนเจาะหน้าแบบเต็มสูบแน่..เชื่อมือกูได้เลย!”  บอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง  สายตาจริงจัง  โก๋ยิ้มกว้างก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วทำท่ายอมแพ้ 

ผมล้วงโทรศัพท์กดหาพ่อ  เล่าให้ฟังแล้วให้แม่มาเผ้าแผงแทน  วางหูแล้วบอกให้มันบอกที่บ้านมันให้มาเฝ้าแผงซะ  ผมจะพามันไปหาหมอ  มองเลือดชั่วที่ไหลไม่หยุดแล้วส่ายหน้าหน่าย  ‘เลือดชั่วมันไหลแรงจริง ๆ ’  หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่คอยเช็ดเหงื่อตัวเองมากดปิดปากแผล  เดินตีคู่มันออกจากตลาด  มันใช้สายตาทิ่มแทงว่า  ‘เพราะผม..มันเลยได้เลือด’  บังคับให้ผมต้องคอยประคองผ้าที่ปิดปากแผล  ข่มใจแล้วขับพามันไปส่งให้ถึงมือหมอที่คลินิกและเฝ้ามันจนมันทำแผลเสร็จ  เดินออกจากคลินิกมันก็ยื่นมือมาจับมือผมไว้มั่น  พอหงุดหงิดกับมือกาวมันก็พูดคำนี้ใส่หน้า 

“..เจ็บ”  กัดกรามแน่นแล้วปล่อยให้มันจับมือจนกว่ามันจะพอใจ  ขับไปส่งมันที่บ้านมันก็เอาแต่จ้องหน้า  อึดอัดก็อึดอัด  ใจแม่งก็เต้นแปลก ๆ ส่งมันถึงบ้านมันก็กวนตีน

“พรุ่งนี้หมอให้ไปทำแผล..นี่ใบนัด..ไม่ได้มั่วนะ”  มองกระดาษสีขาวในมือมันแล้วพยายามทำใจ  เอาเถอะ..มันเจ็บตัวก็เพราะผม  แต่ต้นเหตุของการนองเลือดก็เพราะมันกวนตีนผมก่อน!

“หัดรับผิดชอบตัวเองซะบ้าง  ความผิดครึ่งหนึ่งมันก็อยู่กับคุณเหมือนกัน!”   ผลักมือที่จับกระดาษออกแล้วหมุนตัวเดินออกมาจากบ้านมัน  แรงคว้าข้อมือให้กลับมาเผชิญหน้ากับหน้าขาวปากแดงมันมากพอจะทำให้ผมเสียหลัก..ล้มก้นจ้ำเบ้า

“โอ้ย!..มึงจะเอายังไง!”  เหลืออดกับมารยาททรามของมัน  ตะโกนใส่หน้าด้วยความโมโห  ลุกพรวดไปผลักอกจนเจ้าตัวล้มลงไปนั่งบ้าง 

‘..แรงเยอะชะมัด’  มันพูดเสียงเบา แต่ผมกลับได้ยินชัด  มันนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วยิ้มกว้าง 

นี่มัน..ตั้งใจกวนตีนนี่หว่า!   กัดฟันแน่นขึ้นแล้วหันหลังออกมาจากรั้วบ้านมัน  มันยังตามมากวนไม่เลิกไม่รา

“พรุ่งนี้..”  หันไปจ้องมือที่คว้าแขนสลับกับหน้าขาว  ปากแดงของมันบอกให้ผมมารับมันไปทำแผลจนกว่าจะหาย  พออ้าปากจะบอกมันว่าให้หาทางไปเอง..

“อะ..ไอ้เหี้ยโก๋!”  สุดจะทานทนกับความ..ความกวนตีนของมัน  ปลายจมูกเย็นชื้นของมันกดลงกับมุมปากผมเต็มที่  เสียงลมหายใจที่มันสูดกลิ่นเนื้อริมฝีปากผมเข้าไปเต็มปอดส่งให้แก้มผมร้อนวูบ  เบี่ยงตัวหลบการรุกที่กำลังจะลามไปที่ริมฝีปากแบบเต็ม ๆ แล้วเงื้อมือจะชก  มันยกแขนข้างที่มีผ้าพันแผลพันไว้ขึ้นมาทำบังเกอร์

“..เจ็บ”  ดวงตาระยิบกับยิ้มพรายของมันทำผมไปไม่เป็น  กัดฟันแน่นแล้วเอามือที่เงื้อค้างมาทึ้งผมตัวเองแทน  หมุนตัวเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้านมันด้วยความโมโห  มือไม้สั่นไปหมด  ไม่เคยมีใครนอกจากคนในครอบครัวได้ใกล้ผมมากเท่านี้มาก่อน  มุมปากที่ถูกคนอื่นสัมผัสร้อนจนต้องยกมือไปแตะ..

“ไอ้เชี่ย!”  นึกถึงต้นตอความร้อนแล้วก็หงุดหงิด  ขึ้นรถแล้วขับออกมาให้เร็วที่สุด  กลับมาอาบน้ำ  กินข้าวเสร็จก็ล้มตัวนอน  สมองไม่รักดีดันนึกถึงหน้าขาวปากแดงที่คอยกวนใจตลอดทั้งวัน  รู้สึกแปลกกับพฤติกรรมของมัน 

มันกล้า..กล้าหอมผมที่เป็นผู้ชายด้วยกันหน้าตาเฉย  กัดเนื้อริมฝีปากล่างจนห้อเลือดก็ยังมีหน้าขาวของมันลอยมาหลอกหลอน   ข่มตาหลับแล้วเตรียมรับการรุกของมัน  ทำใจยอมรับกับการเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิต  และที่สำคัญ..คงต้องทำความคุ้นเคยกับสัมผัสจากคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามที่ยังทิ้งไออุ่นไว้ที่ฝ่ามือและริมฝีปากไม่จางหาย

ใครจะไปคิดว่าการแกล้งกันเล่นของมันจะหมายถึง  ‘เริ่มทำการผูกมัด’  แล้วใครจะไปคิดว่าที่ผมเริ่มทำใจยอมรับการผูกมัดของมัน..ผมจะเสียหัวใจให้มันไปด้วย..

เสียแก้มให้มันไล่เลี่ยกับเสียจูบแรกในระยะเวลาแค่  2  อาทิตย์  และในเวลา  1  เดือนผมก็เสียหัวใจให้มันจนได้ 

โก๋เป็นครั้งแรกสำหรับผมทุกอย่าง  รวมไปถึง.. 




เป็นผู้ชายคนแรกที่ผมคิดจะขายทุเรียนไปทั้งปีครับ!


END.

...............................

กอดรวบ!  บวกๆค่า
มานั่งอ่าน   และอ่านใหม่อีกรอบกันเถอะค่ะ ^^
เมื่อวานช่วงบ่ายจิไปอบรมเรื่องโปรแกรมบริหารจัดการของหน่วยงานหนึ่งมาค่ะ  เขาใช้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาลัยแห่งหนึ่ง  แล้วจิไปวันธรรมดา..
เด็กผู้ชายหน้าขาว ๆ ท่าทางแบดบอยเยอะมวาก  มองเพลินมาก  อยากอยู่ที่นี่แม่งทั้งวัน(เคลิ้มมากมายค่ะ) 
เห็นแล้วต่อมจิ้นก็ร้อนผ่าว ๆ  เด็ก ๆ มหาลัยนี่มันน่าจิ้นจังเล้ย˷ 
 :กอด1: :pig4: :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พันธนาการหัวใจ.. 11/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 11-02-2015 20:57:38
เจ็บแต่ก็คุ้มนะคุณโก๋


 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พันธนาการหัวใจ.. 11/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 13-02-2015 12:20:27
หลุมรักแกงเขียวหวาน


เสียงอึกทึกของเพลงฮิบฮอปหนวกหูจนต้องหนีออกมานั่งหลังร้าน  จุดบุหรี่ขึ้นสูบแล้วพ่นทิ้ง  มวนต่อมวน  ในหัวคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่มีสาระจนเวลาล่วงเข้าตีสอง  เดินเข้าไปฟังเพลงเบา ๆ เป็นสัญญาณของผับที่ใกล้จะได้เวลาปิดทำการ  ทักทายแขกที่คุ้นเคย  หลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนแล้วปลีกมานั่งจมกับบัญชีรายรับ  ลูกค้าทยอยออกก็เปิดไฟสว่างเพื่อเก็บกวาดร้านเตรียมให้บริการในคืนต่อไป  ชีวิตผมเป็นแบบนี้เรื่อยมาตั้งแต่เรียนจบ  เบื่อ..แต่หนีไม่ได้  มันเป็นกิจการที่พ่อผมลงทุนให้  เพราะลูกชายชอบเที่ยวกลางคืน  เลยเปิดร้านให้ซะเลย

สั่งหัวหน้าเรื่องดื่มให้ลดเบียร์ขวดใหญ่ลงแล้วเพิ่มพวกน้ำไวน์ผลไม้ให้มากกว่าเดิม  เดินเข้ามานอนเอาแรงในห้องทำงานรอเวลาลูกพี่ลูกน้องมาปลุกให้ไปส่งตลาด  ผมเป็นพวกมนุษย์พักผ่อนน้อยน่ะ  แล้วก็กินกาแฟมากกว่าข้าว  ข้าวมื้อแรกของวันก็ไปกินรวมมื้อเที่ยงตลอด  แต่ผมกินข้าวที่บ้านทุกวันครับ  ซื้อกับข้าวถุงร้าน(เพิ่งจะ)ประจำมากินกลางวันกับแม่น่ะ 

“น็อต..ป่ะ”  แรงเขย่าแขนจากลูกพี่ลูกน้องปลุกให้ตื่นล้างหน้าล้างตา  เซ็ตผม  เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วบึ่งไปส่งมันที่ตลาด  ไม่ใช่มันไปเองไม่ได้  แต่แม่มันสั่งให้ผมดูแลมันจนกว่าลุงจะกลับมาจากนอก  ไอ้เนสต์ลูกพี่ลูกน้องผมมันเป็นพวกคุณหนูของจริงเลยล่ะ  หน้าตาดี..หล่อน่ารักแบบเกาหลี   แต่นิสัยก็..เอาแต่ใจบ้างเป็นบางครั้ง  อย่างอื่นน่ารักหมด  ยกเว้นเวลาที่ถูกใจใคร  เนสต์จะแย่งมาเป็นของตัวเองแทบจะทันที  ก่อนหน้านี้มันชอบพี่รหัสผม  แต่พี่รหัสผมมีแฟนหน้าตาน่ารักโคตรอยู่แล้ว  เลยไม่สนมัน  มันก็พยายามเรียกร้องความสนใจ  ตั้งใจจะแย่งน่ะ  แต่มันก็มีมุมน่ารักนะ  แย่งมาไม่ได้มันก็หยุด  ไม่งี่เง่าจนเกินไป  เหลือบไปมองหน้ามันก็อดยิ้มไม่ได้

“มองไรไอ้น็อต”  เลิกคิ้วแล้วขับต่อทำไม่สนใจ  ก็คนอย่างไอ้เนสต์ที่เพิ่งจะออกตัวแย่งพี่รหัสผมอย่างเอาเป็นเอาตายจะกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ  ที่ตกหลุมเสน่ห์คนขายดอกไม้เข้าเต็มรัก  จากคนร้ายกาจกลายเป็นลูกแมวตัวน้อยไปทันทีที่ได้ยินความหมายดี ๆ ของดอกไม้  เก็บมาเพ้อจนต้องพากลับไปส่งที่ตลาดแล้วไล่ให้มันเอาต้นห่าเหวของมันให้คนขายดอกไม้รับผิดชอบ  มันทำเหมือนอายแต่ก็กล้าทำหน้าด้านกลับไปหาพี่โต้ง 

แน่นอนว่า..มันมารู้ชื่อทีหลังว่าพี่เค้าชื่อ ‘โต้ง’  ผมก็หลงคิดว่ามันรู้จักเค้าแล้วถึงได้เก็บมาเพ้อขนาดนั้น  ไอ้เนสต์..บ้าไปแล้ว  ยกยิ้มมุมปากแล้วเลี้ยวรถเข้าตลาด  ลงไปหาสิ่งดึงดูดที่ทำให้ผมไม่เบื่อที่จะต้องคอยส่งไอ้เนสต์  ขากลับมันมีคนขายดอกไม้คอยส่งอยู่แล้วครับ 

ยืนกอดอกพิงมุมเสาแผงแรกของร้านข้าวแกง  มองสิ่งมีชีวิตผิวขาวหน้าใสที่ยืนอยู่ในแผงกับข้าวถุง  มือเรียวยาวจับทัพพีขึ้นมาจ้วงตักแกงเขียวหวานลงถุงคล่องแคล่ว  วางทัพพีเสียงดัง  ‘กริ๊ก’  หยิบยางรัดถุงแล้วยื่นให้ป้าส่งให้ลูกค้า  มือเหี่ยวรับเงินจากลูกค้าแล้วยื่นกลับมาให้มือเรียว  รับแล้วหยิบเงินทอนผ่านป้าให้ลูกค้าอีกที..

ดวงตาสีดำสนิทไม่เคยเงยสบตาใคร  ในรัศมีการมองเห็นจำกัดแค่  ‘ในแผง’ เท่านั้น  ลูกค้าที่มาอุดหนุนเป็นหนุ่มหล่อสาวสวย   แต่ไม่มีใครเคยได้รับการเหลียวแลแม้แต่คนเดียว 

ผมสะดุดตากับหน้าขาวใส  แก้มเนียน  ตาสวย  ที่เอาแต่สนใจแค่ของที่วางขายอย่างเดียวตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว  ผมบังเอิญต้องพาไอ้เนสต์มาส่งที่ตลาดก็เลยหาแกงถุงกลับไปกินข้าวกับแม่ด้วยเลย  หลังจากนั้นผมก็มาเป็นลูกค้าที่ซื้อแต่แกงถุงร้านนี้เหมือนคนอื่น ๆ และไม่เคยได้รับการเหลียวแลเหมือนกัน555   

“ไม่เข้าไปวะ?”  เหลือบมองปากดีที่คอยยุแล้วหันกลับไปมองหน้าตาที่ดึงดูดสายตาเหมือนเดิม  ไม่คิดจะตอบ  ไอ้เนสต์ยิ้มเยาะแล้วเดินหนีกลับไปทางซอยดอกไม้  ทิ้งผมให้ยืนมองความหล่อน่าห่อกลับบ้านของคนขายกับข้าวถุงแต่เพียงลำพัง  ผมเพิ่งด่าว่ามันบ้า  ผมก็คงจะบ้าพอ ๆ กับมัน  ที่ไม่รู้จักชื่อ  แต่ก็เก็บมาเพ้อเป็นวรรคเป็นเวร   ถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปที่แผง  ยืนรอคิวจนถึงคนสุดท้ายของตัวเองแล้วสั่งพะโล้  ผัดเปรี้ยวหวานไก่  และที่ต้องสั่งประจำคือ แกงเขียวหวานปลากราย  ผมว่าร้านเขาทำอร่อยดี  สั่งทุกอย่างมาอย่างละถุง  ยื่นเงินให้ป้าแล้วแอบมองหน้าตาน่ารักเก็บไว้ให้เต็มเมม..ฝันดีอีกแล้วผม

“หนูรอแป๊บนะลูก  ตังค์ป้าไม่พอทอนน่ะ”  หันไปมองป้าแล้วพยักหน้ารับกับแผ่นหลังที่เผ่นแน่บไปหาเงินทอนให้ผม  ไปหาตังค์ทอนแถวอังกฤษก็ได้ป้า  ปีหน้าค่อยกลับ..ผมไม่รีบ

ยืนนิ่งแล้วหันไปมองแผงข้าง ๆ  เหลือบมองแกงเขียวหวานในหม้อแล้วแอบมองหน้าคนขายแบบเนียน ๆ  ขนตาหนาเป็นแพ  สันจมูกโด่ง  ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน  ผมที่ยาวกว่าเด็กทั่วไปยาวระตามโครงหน้าบอกได้ถึงสถาบันที่เรียนอยู่  น่าจะเรียนพวกเอกชน  ยิ่งมองยิ่งน่ารัก..เสียดายที่เอาแต่ก้มหน้า  ผมมองเพลินจนเจ้าของใบหน้าขาวเนียนน่าหลงใหลเงยหน้ามามอง  สบตาสีดำเข้าเต็มเปา.. 

สบตาสีดำสนิทนิ่งนาน  เหมือนตกหลุมอากาศ  ในหัวผมคิดอะไรไม่ออก  มองได้แค่นัยน์ตาสีดำคู่นั้น..ถูกสายตาคู่นั้นตรึงให้อยู่กับที่  ไม่รู้ว่าตัวเองหายใจหรือเปล่า  ไม่รับรู้ว่าป้ากลับมาถึงร้านและยื่นเงินทอนให้ผมนานแล้ว

“..คิดตังค์เพิ่มนะ”  ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเอ่ยขึ้นก่อนจะก้มหลบตาผมไปมองหม้อแกงเขียวหวานต่อ  กะพริบตาเรียกสติแล้วมองเงินทอนในมือป้าที่ยื่นมาตรงหน้า  ยิ้มบางแก้เขินให้ป้าแล้วรวบเงินทอนในมือมาใส่กระเป๋ากางเกง  หันไปมองหน้าขาวใสที่ตอนนี้แก้มเป็นสีชมพูจางๆ แล้วถาม

“เท่าไหร่ครับ?”  รอคำตอบจากริมฝีปากสีชมพูอ่อน  ดวงตาสีดำสนิทเสมองแผงข้าง ๆ แล้วเม้มริมฝีปากล่างแน่น  นิ่งไปนานแล้วยื่นมือออกมา..

“..5  แสน  ค่ามอง..”  ผมเลิกคิ้วแล้วทำเสียงไม่เข้าใจกับราคาที่แพงเกินจริง  ผมแค่มองทำไมคิดผมแพงขนาดนี้

“โห~ ผมแค่มองเอง..ทำไมคิดแพงจัง?!”  เจ้าของแผงกับข้าวถุงพองลมเข้าปากจนแก้มป่องกลั้นยิ้ม  ห่อไหล่เล็ก  ย่นคอแล้วเบือนหน้ามามองหน้าผม  ดวงตาสีดำสนิทยิ้มเขินแล้วหลบไปมองหม้อพะโล  แก้มใสยังคงพองลมเพื่อกลั้นยิ้ม  พอกลั้นไม่ไหวก็ใช้ริมฝีปากล่างงับริมฝีปากบนเอาไว้แน่น  ปลายจมูกโด่งพ่นลมหายใจยาว  คลายแรงงับจากริมฝีปากล่างแล้วจ้องไข่ต้มที่ลอยอยู่ในหม้อพะโล้พักใหญ่  เงยหน้าขึ้นมามองตาผมนิ่ง

“คิดรวบยอดตั้งแต่วันแรกที่นายมอง..ไม่เห็นจะแพงตรงไหน?”  พูดเสร็จก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น  ปล่อยให้ผมหน้าแดงหูแดงอยู่คนเดียว  จริง ๆ ก็ไม่ได้ยืนคนเดียวครับ  ป้าเค้ายืนยิ้มเป็นเพื่อนผมด้วย  ป้าส่งยิ้มให้อีกทีก่อนจะขอตัวไปซื้อของสดไว้ทำกับข้าวพรุ่งนี้  ผมก้มหัวส่งป้าแล้วยืนรอคนข้างในแผงที่ยังไม่ยอมลุกมาเก็บค่าเสียหายที่โดนผมมองไปตั้งหลายวัน รู้ด้วยแฮะว่าผมแอบมอง..

“..ไว้ผมค่อยให้ทีหลังได้มั้ย?  จะให้แม่มาช่วยผ่อนด้วย..”   เสียงนุ่มที่บอกราคาค่าสึกหรอเงียบไปนานจนผมต้องชะโงกหน้าเข้าไปมองในแผง  อมยิ้มมองคนนั่งขัดสมาธิกับพื้น  ยกมือขึ้นมาปิดหูไว้ทั้ง  2  ข้างแถมก้มหน้าก้มตาไม่รับรู้อะไรอีกต่างหาก  เหลียวมองซ้ายขวาแล้วอ้อมไปข้างหลังแผง  นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้า  คนแก้มเนียนเลื่อนมือที่ปิดหูมาปิดหน้า 

“เห็นตั้งแต่เมื่อไหร่?”  ถามแล้วนั่งลงกับพื้นเพื่อรอคำตอบ  คนขายกับข้าวถุงไม่ยอมตอบเอาแต่ปิดหน้าปิดตาหนีผม  คลี่ยิ้มแล้วเท้าคางมองความน่ารักจนมีคนมาซื้อกับข้าว 

“ซื้อยำหมูยอหน่อยจ้า..”  คนขายกับข้าวถุงค่อย ๆ ลดมือลง  พอเห็นว่าผมยังเท้าคางมองก็ตกใจ  ตาสีดำสนิทกะพริบปริบเหมือนไม่รู้จะทำยังไง  หันรีหันขวางมองทางหนีทีไล่  หน้าเนียนหันมามองผมช้า ๆ  กัดริมฝีปากล่างนิดนึงแล้วบอกผมเสียงเบา

“..จะขายของ”  ผมยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า  ผายมือเชิญตามสบาย  เจ้าของแผงลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วหันหลังให้ผม  ตักยำหมูยอใส่ถุง  หยิบยางรัดแล้ววางไว้ข้างตัว  ผมรีบลุกมาหยิบถุงพลาสติกใสคลี่แล้วจับถุงยำหมูยอใส่ยื่นให้ลูกค้า

“เอาแกงเขียวหวานอีกถุง”  คนขายเหลือบมองป้าลูกค้าก่อนจะเม้มปากเมื่อหางตาเห็นว่าผมมองอยู่  มือเรียวจับทัพพีมาจ้วงแกงเขียวหวาน  มืออีกข้างที่จับถุงแกงกลับลืมคลี่ปากถุง  คนแก้มเนียนตักแกงเขียวหวานราดลงข้าง ๆ ถุงจนถุงเปรอะไปหมด

“เฮ้ย!..ขอโทษครับ  เดี๋ยวผมตักให้ใหม่”  รีบขอโทษป้าแล้ววางถุงที่เปรอะไว้ข้างตัว  หยิบใบใหม่มาคลี่ก่อนแล้วบรรจงตักใหม่  ปากบางสีชมพูเม้มแน่นขึ้นเมื่อผมยื่นหนังยางให้  จับขอบหนังยางแล้วดึงออกจากมือผม  อมยิ้มแล้วออกแรงดึงหนังยางไม่ยอมปล่อย  คนแก้มเนียนกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะหันมาดุผมทางสายตา  น่ารักชะมัด!

ปล่อยให้หนังยางเด้งตัวไปสู่มือเรียวดัง  ‘แป๊ะ’  คนขายกับข้าวถุงสะดุ้งปล่อยหนังยางแล้วหันมาจ้องหน้าผม  ยิ้มกว้างรอแล้วมองหน้าชมพูตาเชื่อม  คนขายกับข้าวถุงสูบลมเข้าปากแล้วเบือนหน้าไปมองหน้าป้าลูกค้า  เหมือนขอความช่วยเหลือ..

“ทั้งหมด..40  บาทครับ”  ก้มหน้าก้มตารัดปากถุงแกง  พึมพำบอกราคาแล้วส่งถุงแกงให้ผม  ยิ้มแล้วรับถุงมาใส่รวมกัน  ส่งให้ป้าลูกค้าแล้วรับเงินมาให้คนขาย

“วางไว้..”  บอกเสียงเบาแล้วเบือนหน้าหนี  จ้องไปทางปากซอยแทนที่จะมองหน้าหล่อ ๆ ของผม  อมยิ้มมองเสี้ยวหน้าชมพูก่อนจะขอตัวกลับ

“กลับนะ..ติดเรื่องค่าเสียหายไว้ก่อน  พรุ่งนี้มาเคลียร์ให้..นะ”   คนขายกับข้าวถุงไม่ตอบอะไร  ยกมือที่เกาะขอบโต๊ะมากอดอกแล้วเพ่งมองทางปากซอยอย่างเอาเป็นเอาตาย  ยิ้มแล้วเดินออกมาจากแผง  เดินไปทางปากซอยที่คนแก้มเนียนจ้องแล้วหันหลังโบกมือลา  เจ้าของร้านขายกับข้าวถุงทำตาโตแล้วพองลมเข้าปากแก้เขิน  เบือนหน้าหนีไปมองท้ายซอยซะอย่างนั้น  อมยิ้มแล้วมองกับข้าวในมือ..

“จะกินไม่ให้เหลือเลย”  เดินออกมาเกือบจะพ้นซอยก็เจอป้าคนช่วยขายแกง  ทักทายแล้วยืนคุยด้วยก็เลยรู้ว่าป้าเป็นคนที่แม่น้องติ๊กจ้างมาช่วยน้องขาย  แม่น้องขายอยู่ร้านใหญ่แต่เช่าแผงไว้เลยให้น้องมานั่งขายไม่ให้แผงว่าง  อาทิตย์หน้าป้าก็ไม่ได้มาแล้วเพราะน้องเริ่มขายคล่อง  ไม่ต้องมีคนช่วยแล้ว  พยักหน้ารับรู้แล้วตีหน้าเฉย

ผมมาช่วยน้องติ๊กทุกวันครับ  ป้าก็ไม่ว่าอะไร  พอเห็นผมมาป้าก็ไปจ่ายตลาดทุกครั้ง  เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ว่าอะไร  วันนึงคุยกันไม่ถึง  10  คำครับ  แต่ผมก็ไม่เคยเบื่อ  ถึงน้องติ๊กจะเอาแต่มองปากซอยแทนหน้าผมก็เถอะ

ใครจะรู้..ว่าผู้ชายแก้มเนียนขายข้าวแกงจะเป็นคนเปลี่ยนชีวิตประจำวันผมให้มีสีสันขึ้น  จากต้องทำงานกลางคืนก็ต้องมาทำงานกลางวันด้วย  จากคนไม่มีแก่นสารในชีวิต  เปลี่ยนเป็นเริ่มทำงานเพื่ออนาคตมากขึ้น..

ใครจะไปคิดว่าแก้มเนียนที่ผมเห็น  จะทั้งเนียนทั้งหอม..หอมยาวนานไปจนถึงวันที่ผมกลายเป็นคุณปู่ 

คุณชอบทำกับข้าวกินเองหรือชอบซื้อกับข้าวถุงครับ?  สำหรับผม.. 






..ผมตกหลุมรักแกงถุงครับ..

END.

…………………………

                     
กอด ๆ หอม ๆ บวก ๆ
คุ้มเนอะคะ ^^
วันนี้งานเข้าค่ะ  ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย  สั่งข้าวไว้ก็ยังไม่มาส่ง  หิวเหงือกสั่นแล้วนะคะร้านข้าวววววว
 :กอด1: :กอด1: :pig4: 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 13-02-2015 13:17:10
เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันแห่งความรัก(จริง ๆเข้ามาเปลี่ยนหัวเรื่องถึงเห็นว่าพรุ่งนี้วันที่  14  นี่หว่า) จิเลยเอาตอนพิเศษของคู่แรกเปิดตลาดมาให้อ่าน(ซ้ำ)ค่ะ ^^


{ตั้น ❤ ฟ่ง}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2951985#msg2951985)


ผมกับคนใกล้ตัวนั่งบนพื้นหญ้าอยู่ด้านในสุดของสนามเด็กเล่น  มองเครื่องเล่นหลายอย่างที่มีเด็กตัวเล็ก ๆ จับจองไว้จนเต็มทุกอย่าง  เท้าแขนไปข้างหลัง  หลับตารับลมอยู่ตรงสนามเด็กเล่นแถวบ้านฟ่ง  ข้างตัวผมมีฟ่งที่เสียบหูฟังโยกหัวเบา ๆ ตามจังหวะเพลง    ยิ้มบางให้แล้วดึงหูฟังข้างหนึ่งออกมาเสียบหูตัวเอง  เหลือบมองหน้าที่ยิ้มกว้างให้ผม  ฟ่งจับหูฟังที่เสียบอยู่ตรงหูผมขยับให้เข้าที่  นั่งฟังเพลงในมือถือฟ่งจนน้องกาย  หลานตัวเล็กของฟ่งวิ่งมานั่งตัก  หันไปมองฟ่งแล้วอุ้มน้องกายขึ้นมา  เดินกลับบ้านไปคู่กับฟ่ง 

“พี่ฟ่าง  ฟ่งกับตั้นพาน้องกายมาส่งแล้วนะ  พาไปอาบน้ำเลย  น้องกายไปเล่นอะไรมามั่งก็ไม่รู้”  พี่ฟ่างละมือจากผัดผักรวมมิตร  หันมาขมวดคิ้วแล้วดุฟ่งที่พาหลานไปเล่นแต่กลับไม่รู้ว่าหลานเล่นอะไรบ้าง  ฟ่งหัวเราะเสียงดังแล้วลากผมเข้าครัว  ตักข้าวส่งให้แล้วตักกับโน่นนี่ใส่จานให้ผม

“ขอบคุณครับ..กินจานเดียวกันนะ  ผมกินไม่หมดครับ”  ฟ่งมองผมแล้วเหลียวมองรอบตัว  พี่ฟ่างพาน้องกายไปอาบน้ำแล้วก็น่าจะเข้าบ้านใหญ่  ครอบครัวฟ่งต้องมากินข้าวเย็นบ้านพ่อครับ  แล้วจะกลับบ้านหรือนั่งคุยต่อก็ตามสะดวก  กินจานเดียวกันเสร็จฟ่งก็ลากผมเข้ามาคุยกับพ่อก่อนจะแยกย้ายกลับไปส่งฟ่งที่บ้านตามปกติ  คุยกันได้แป๊บเดียวเจ้าตัวก็ลากผมขึ้นมาบนห้องของตัวเอง  หยิบเสื้อที่ต๋องซื้อจากสิงคโปร์มาฝาก  ผมยิ้มแล้วมองเสื้อสีขาวที่มีลายมิคกี้เม้าส์จูงมือมินนี่เม้าส์อยู่ตรงหน้าอกเสื้อ  ฟ่งใส่แล้วน่ารักแน่ ๆ ครับ  แต่ถ้าผมใส่..คงเหมือนกะเทยสงคราม

มองฟ่งแล้วยิ้มให้กับความน่ารัก  ฟ่งก็ยิ้มให้ผมจนตาหยี  โดดขึ้นมานั่งตักผมแล้วเอามือมาเกาคางทีมีหนวดขึ้นเป็นตอของผมเล่น  ฟ่งชอบแกล้งผมเล่นครับ

“เมี้ยวๆๆๆๆๆ  น้องเหมียวตั้น555+”  ยิ้มบางตอบแล้วดึงมือที่เกาคางผมเล่นขึ้นมาหอม  ฟ่งสะดุ้งตัวแข็งแล้วมองผมเขิน ๆ ดึงมือแล้วกอดเอวบางเข้ามาให้ใกล้..ใกล้จนได้กลิ่นแชมพูจากผมนุ่มของฟ่ง  หอมผมนิ่มแล้วลากปลายจมูกมาที่ใบหูเล็ก  หอมเบา ๆ ที่จิวหูสีดำที่ติดหูฟ่งอยู่เสมอแล้วไล้ไปที่แก้มใส  เกลี่ยปลายจมูกกับแก้มนิ่ม  ผละออกมาสบตา  ฟ่งมองสบตาผมด้วยดวงตาเคลิ้มกับปลายจมูกผม  ก้มลงแตะริมฝีปากตัวเองที่ริมฝีปากชมพูเบา ๆ ผะแผ่ว  นิ่งรอปฏิกิริยาของฟ่งก่อนจะจรดริมฝีปากชิมเนื้อนิ่มตรงหน้าอีกครั้ง  จูบไล่จากริมฝีปากล่างไปสัมผัสริมฝีปากบนอย่างช้า ๆ  ลมหายใจของฟ่งกลมกลืนเหมือนเป็นลมหายใจเดียวกันกับตัวเอง 

โอบเอวเล็กเข้าหาตัวจนไม่มีช่องว่างให้แทรกได้   เอนหลังลงติดเตียงแล้วจับท้ายทอยให้ฟ่งจูบผมในองศาที่ฟ่งหายใจได้สะดวก  ปลายลิ้นที่ผมดึงเข้ามาให้อยู่ในปากผมไม่มีการตอบสนอง  ผมดีใจที่ฟ่งทำไม่เป็นครับ  ลมหายใจหอบของฟ่งทำให้ผมต้องพลิกให้เจ้าตัวนอนหงาย  ระจูบลงที่ซอกคอ  สูดความหอมให้เต็มปอด  สอดมือเข้าไปในเสื้อตัวเล็กแล้วโอบไว้ทั้งตัว  จับตะแคงตัวแล้วเลื่อนริมฝีปากขึ้นมาสัมผัสแก้มใส  ไล้ปลายจมูกหอมไปทั้งหน้า  มือไม้ไม่อยู่สุขลูบไปที่หน้าอกฟ่ง  เจ้าตัวบิดตัวหนีมือผม..

“อืออออ…ตั้น”  เลื่อนริมฝีปากมาจูบปิดเสียงที่เหมือนห้ามไม่ให้ผมได้สัมผัส  ไล้ปลายลิ้นดูดชิมริมฝีปากล่างแล้วดึงเสื้อฟ่งขึ้นมาถึงคอ  แทรกปลายลิ้นเข้าไปดูดปลายลิ้นแล้วเกี่ยวพันจนฟ่งหายใจหนักขึ้น  ลูบหน้าอกแล้วบีบยอดอกเบา ๆ ผละจากปลายลิ้นสีแดงมาจูบไซ้ตั้งแต่ซอกคอจนถึงตุ่มแข็งสีชมพูอ่อน  เลียเบา ๆ แล้วตวัดลิ้นจนฟ่งเผลอแอ่นตัวขึ้นมาตามหาปลายลิ้นผม  ลงลิ้นที่ตุ่มแข็งข้างซ้ายแล้วใช้ปลายนิ้วบีบอีกข้างดึงความสนใจ   บดเบียดความต้องการใส่ความร้อนของฟ่งที่เริ่มแข็งตัวดันกางเกงออกมาเบียดสู้ผม

“ไม่เอาแล้ว..ตั้น หยะ..”   ยันตัวขึ้นจูบริมฝีปากอิ่มแล้วทิ้งน้ำหนักตัวทับไว้  เลื่อนมือลงไปสัมผัสความร้อนของฟ่งผ่านกางเกงเนื้อหนา  รูดซิบออกรวดเร็วแล้วล้วงจับท่อนแข็งที่อยู่ในกางเกงใน  ฟ่งสะดุ้งแล้วดิ้นหนี  หัวทุยโขกกรามผมแถมด้วยแรงถีบไม่ยั้ง..ส่งให้ผมตกเตียงทันที

“ไอ้ตั้น!  บอกว่าไม่เอาไง!  กลับบ้านไปเลยนะ  แล้วอย่ามาให้เห็นหน้าอีก!  ฮึก..ไอ้บ้าตั้น..”  นั่งนวดก้นกบแล้วมองฟ่งโกรธจนตัวสั่นปากสั่น  ร้องไห้ไปด่าไปอยู่บนเตียง  ผมรู้ว่าฟ่งอาย  อย่างมากผมก็แค่จูบ  ไม่เคยทำถึงขนาดนี้  แต่..ผมรักฟ่ง  ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งอยากสัมผัส  อยากทำอะไรที่มันมากกว่าจูบ  ผมไม่อยากรอให้ฟ่งพร้อม  ฟ่งไม่มีความกล้ากับเรื่องแบบนี้  ถ้ารอให้เอ่ยปาก..ผมคงใช้มือช่วยจนไม่อยากได้ตัวฟ่งอีกแล้ว

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วขึ้นไปนั่งบนเตียง  ฟ่งทั้งถีบทั้งต่อย  หลบตีนได้หวุดหวิดแต่หลบหมัดไม่ทัน  เสยเข้าปลายคางจนหน้าหงาย  คว้าตัวไว้แล้วรัดแน่น  กดแก้มตัวเองเข้ากับใบหูเล็ก  กระซิบขอโทษและบอกว่าผมรักฟ่งซ้ำ ๆ จนฟ่งเริ่มสงบลง  ดันไหล่เล็กออกมามองฟ่งก็สะบัดตัวหนี  จับไว้แน่นขึ้นแล้วก้มมองหน้าเล็กที่เปื้อนน้ำตา  เช็ดให้เบา ๆ แล้วกอดไว้หลวม ๆ

“ผมรักฟ่ง..ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน  อยู่ใกล้คนที่รักก็อยากกอด  อยากจูบ  อยากเป็นเจ้าของ..”  ลูบหลังเบา ๆ แล้วดันไหล่ฟ่งออก  ประคองหน้าขึ้นมาสบตา

“ฟ่งกลัวอะไร?  รังเกียจที่ตั้นสัมผัสเหรอ?”  ดวงตาสีดำที่ผมมองอยู่เบือนหลบไปมองคอเสื้อผม..ฟ่งกำลังอายชัด ๆ  ก้มหอมแก้มแล้วผละออกมามองหน้าชมพู  ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อผมเลื่อนปลายจมูกหอมปลายคาง   จูบที่ซอกคอแล้วดึงเสื้อขึ้นมาจนถึงคอ  ลากลิ้นเลียลงมาจนถึงหน้าอก  จับเสื้อที่คาอยู่ที่คอฟ่งออกให้พ้นตัว  มือเล็กจับหมอนขึ้นมากอดแล้วพลิกหันข้างให้ผม  อมยิ้มแล้วถอดเสื้อผ้าออกจนเปล่าเปลือย  นอนกอดฟ่งจากด้านหลัง  เจ้าตัวเกร็งตัวเมื่อสัมผัสกับหน้าอกแกร่งและแท่งแข็งของผมที่ดุนดันก้นเล็ก  จูบเบา ๆ  ที่ท้ายทอยแล้วเลื่อนมือไปกอดฟ่งเต็มตัว  ดึงหมอนออกแล้วจับพลิกมามองตา  ฟ่งหลับตาหนีภาพศิลปะของผม  ประคองหน้าแล้วจูบอ่อนโยน 

“ให้เป็นไปตามธรรมชาติ..ฟ่ง”  กระซิบบอกที่ริมฝีปากอิ่มแล้วจูบแผ่วเบา  แทรกปลายลิ้นเข้าไปเกาะเกี่ยว  เลื่อนจูบลงประทับรอยรักทั่วหน้าอก  ระเรื่อยลงมาที่หน้าท้องไร้ไขมัน  เลียตามไรขนที่ผลุบหายเข้าไปในกางเกงเนื้อหนา  สัมผัสความนูนโป่งแถวเป้ากางเกง

“อึ๊ฮ์..”  เหลือบมองก็เห็นมือขาวกำลังปิดปากตัวเองแน่น  ปลดกระดุมแล้วรูดซิบกางเกง  ดึงออกพร้อมกางเกงในจนฟ่งอยู่ในสภาพเดียวกันกับผม  จับความแข็งขืนของฟ่งแล้วรูดรั้งข้อมือเบา ๆ ยันตัวขึ้นมาจูบหลังมือที่ปิดปาก  เลียไปตามนิ้วจนฟ่งยอมดึงมือออก  แตะปลายลิ้นที่ริมฝีปากอิ่มที่อ้าเผยอ  เสียงครางเบา ๆ ของฟ่งยิ่งทำให้ผมห้ามใจไม่อยู่  ก้มลงไปรูดรั้งความแข็งขืนสีชมพูเข้มของฟ่งด้วยริมฝีปากตัวเอง  ดูดเม้มจนฟ่งถึงฝั่งฝัน  คายของเหลวขาวข้นที่กลืนลงไปไม่หมดใส่ฝ่ามือตัวเอง  ป้ายเบา ๆ ที่ช่องทางสีเนื้อแล้วกดปลายนิ้วเข้าไปทักทาย

“อื้อออ  เจ็บ..”   ก้มลงเลียตุ่มไตแล้วจับความแข็งขืนของฟ่งขึ้นมาชักให้เบา ๆ ควานนิ้วหมุนจนฟ่งเริ่มให้ความร่วมมือ  ดันเข้าไปอีกนิ้วแล้วเลื่อนริมฝีปากลงมาครอบครองความแข็งขืนของฟ่งอีกครั้ง  ก้นที่ขยับรับนิ้วเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผม  ถอนนิ้วออกแล้วบดเบียดแท่งร้อนของตัวเองเข้าไปแทน  มือข้างหนึ่งไล้วนยอดอก  ริมฝีปากจูบแลกลิ้น  มือข้างที่เหลือรูดรั้งดึงความสนใจจากการบุกรุกช่องทาง  ฟ่งหายใจหอบถี่แล้วกัดริมฝีปากผมแรงขึ้น  ดันท่อนแข็งของตัวเองเข้าไปจนตัวชิดกัน  แช่ทิ้งไว้แล้วรูดรั้งความแข็งขืนของฟ่งให้กลับมาร้อนอีกครั้ง  ขยับสะโพกเข้าออกช้า ๆ แล้วเพิ่มความเร็วขึ้น  บดจูบร้อนแรงจนฟ่งกอดคอผมแน่น  ก่อนจะผวาเฮือกแล้วปล่อยน้ำรักใส่หน้าท้องผมเป็นทาง  แรงตอดรัดจากช่องทางที่ครอบครองท่อนแข็งของผมตอดรัดแน่นจนผมทนไม่ไหว  จับสะโพกแน่นดึงเข้าหาตัวสุดแรงแล้วปลดปล่อยน้ำรักเข้าไปในตัวฟ่ง..จนหมด

“รัก..รักฟ่ง”  ประคองหน้าเล็กมาจูบ  กระซิบบอกรักที่ริมฝีปากอิ่ม  ฟ่งลืมตาขึ้นมามองแล้วโน้มคอผมเข้ามาจูบตอบ  แลกลิ้นผสานลมหายใจจนน้องชายที่คาอยู่ในตัวฟ่งเริ่มอยากปลดปล่อยอีกครั้ง  ขาเรียวขยับแยกออกให้ผมได้รักฟ่งจนกว่า..จะพอใจ 

 ปล่อยให้ร่างกายกับหัวใจได้ทำงานพร้อมกันอีกครั้งจนขึ้นสวรรค์ด้วยกัน  ผมอุ้มฟ่งไปล้างตัวแล้วพากลับมานอนที่เตียงกว้าง  จูบหน้าผากส่งฟ่งให้ฝันดี

ฟ่งหลับไปแล้วครับ..ตัวรุม ๆ และหน้าแดงที่เหมือนเริ่มมีไข้ของฟ่งทิ้งให้ผมนั่งกุมขมับอยู่ข้าง ๆ

ผมจะบอกลุงไช้พ่อฟ่งว่ายังไงดีครับถ้าลุงไช้ถามหาฟ่งในวันพรุ่งนี้ที่เขียงหมู..






ช่วยผมคิดที!

END.

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 13-02-2015 13:19:35
ชอบจังเลย ให้อารมณ์ตลาดสดดีมาก ๆ ชอบชื่อตอนแต่ละตอนด้วยน่ารักจัง
ยังอ่านไม่ครบเลยค่ะ มาเม้นท์ให้กำลังใจคนเขียนก่อน
ต้องหาเวลา ไล่อ่านทีเดียวรวดเลย (ตอนนี้แอบเจ้านายอยู่ค่ะ จุ๊ ๆ )
อยากอ่านครบทั้ง 29 คู่ด้วย ใครมี ขอให้คนเขียนหน่อยนะคะ  :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 13-02-2015 16:23:54
บอกลุงไช้ว่า...
"เตี่ยครับ ฟ่งเป็นของตั้นแล้วครับ"
จากนั้นก็เตรียมตัวเป็นหมูบะช่อคาเขียงซะดีๆ 555
 :hao7:
บวกและเป็ดแบบเลือดสาดกระจายยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 13-02-2015 21:13:26
บอกความจริงจ่ะ เตรียมหลบปังตอลุงใช้ด้วย :hao7:

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: LovelySyruP ที่ 13-02-2015 23:01:02
เพิ่งมาอ่านตั้งแต่ตอนแรกค่ะ  อ่านไปบิดไป เขินนนน ><,,,,  :-[
น่ารักมากๆทุกคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 13-02-2015 23:40:03
น่ารักทุกคู่เลย อ่านไปยิ้มไป สงสัยต้องไปตลาดบ่อยๆบ้างแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 13-02-2015 23:53:10
เข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณจิ  :L2:

ปล.  (แอบกระซิบฝากความคิดถึงไปถึงเด็กญี่ปุ่นไทโยกับน้องพิสุดหล่อ ด้วยนะคะ) :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-02-2015 08:14:01
อยากอ่านตอนพิเศษทุกคู่เลย อิอิ
น่ารักทุกคู่จริงๆ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสุดๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : หลุมรักแกงเขียวหวาน และตอนพิเศษ13/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 16-02-2015 15:28:08
สื่อรักผ่านเพลง


เพลงเพราะกับแอร์เย็น ๆ ในร้านไอศกรีมไม่ทำให้คนตรงข้ามผมอารมณ์ดีขึ้น  ถอนหายใจกับความสัมพันธ์ที่เดินมาจนสุดทางแล้วเงยหน้าขึ้นมองดวงตากลมโต  คนเคยรักก็กำลังจ้องผมอยู่เหมือนกัน

“เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่า / เลิกกันเหอะ”  ผมตัดใจเอ่ยปากบอกก่อนเสียงนุ่มจะบอกเพียงเสี้ยววินาที  คนเคยรักยิ้มบางกับประโยคขอให้กลับมาเป็นเพื่อน  แต่ผม..กลับยิ้มขื่นกับการขอเลิก  ผมยังรู้สึกดีกับเขา  ถึงได้อยากกลับมาเป็นเพื่อน  แต่การขอเลิกของคนเคยรัก  มันหมายถึงหายไปจากชีวิต  หยุดยุ่งเกี่ยวกันในทุกทาง

“แล้วเราจะคุยกันได้เหมือนเดิมไหม?..อ้อน”  ดวงตาวูบไหวหลบตาผมเมื่อผมเอ่ยถาม  เบือนหน้ามองออกไปนอกร้าน  ถอนหายใจยาวแล้วหัวเราะเบา ๆ

“..ฮะๆ  ผมยังอยากเป็นเพื่อนอ้อนนะ  ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม”  จ้องมองใบหน้าด้านข้างที่ยังคงมองถนนด้านนอก  ถอนหายใจทิ้งแล้วหยิบเงินวางบนโต๊ะ  อ้อนหันมามองเงินที่ผมวางไว้กับโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมองผม 

“..ฉันคงเป็นเพื่อนคุณไม่ได้หรอกต่อ  ฉันทำเฉย ๆ กับคนที่เคยมีอะไรกันแล้วไม่ได้หรอก..”  สบตาสวยหม่นแสงของอ้อน  ยืนนิ่งค้างกับประโยคก่อนลาของอ้อน

“..ฉันขอให้คุณได้เจอกับคนที่ฉุดคุณให้ขึ้นมาจากความเย็นชาได้นะต่อ  ฉันขอให้คุณได้เจอเขาเร็ว ๆ ..”  มองตามอ้อนที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้  ใบหน้าเปื้อนน้ำตายังติดตา  นิ่งอยู่กับที่เพราะประโยคกระแทกใจ  กลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่ที่คอ    ออกมาจากร้านแล้วเดินเอื่อยไปตามถนน  ผมคบใครไม่เคยยืด  ไม่เกิน  2   เดือนก็โดนบอกเลิก  ไม่เคยมีใครได้ใช้เวลาร่วมกันนานเกินกว่านั้น  ไม่มีเลยสักคน..

โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนสั่น  ผมปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้นจนหยุดความเคลื่อนไหว  สองเท้าก้าวไปข้างหน้า  ดวงตาจ้องมองถนน  รถราวิ่งขวักไขว่  ผู้คนมากมายเดินจับมือกัน  คุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข  ในขณะที่ผมต้องอยู่กับความทุกข์จากสิ่งที่มนุษย์พวกนั้นบูชา  สิ่งที่เรียกว่า..‘ความรัก’  สิ่งยิ่งใหญ่นี้มันกำลังทำให้ผม..อยากอ้วก! 

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยุดเดิน  กัดกรามแน่นกับโทรศัพท์ที่สั่นเป็นครั้งที่  4  หลับตาแน่นข่มความโมโหก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมากดรับ

“..ปิดร้านซะไอ้ติณณ์  กูไม่มีอารมณ์ว่ะ  ทำไมต้องกู?!  ..มึงจะไปกี่โมง?  เออ..เดี๋ยวไป”  ทันทีที่นิ้วเลื่อนกดปุ่มรับปลายสายก็ร่ายยาวใส่หู  ไอ้ติณณ์เพื่อนผมมันให้ผมช่วยเฝ้าร้านขายของแทนมัน  เพราะมันมีธุระสำคัญต้องพาน้องเอกไปส่งขนมที่งานบวช  แล้วจะเลยไปเที่ยวกับครอบครัวน้องต่อ  วันนี้ร้านขนมของน้องเอกปิดเพราะเร่งทำขนมไปส่งงานบวชของลูกค้าขาประจำ  แต่ไอ้ติณณ์มันดันไปเช่าแผงขายของตรงตลาดทิ้งไว้  ตลาดนี้วันเสาร์-อาทิตย์จะให้รถจอดได้แค่ฝั่งขวา  ส่วนฝั่งซ้ายเคลียร์พื้นที่เป็นไนท์บาร์ซ่า  บอกให้มันปิดร้านมันก็ไม่ยอม  มันว่ามันเสียตังค์ไปแล้ว  พอผมเสียงขุ่นใส่มันก็ทวงบุญคุณที่มันคอยเป็นเพื่อนปลอบใจทุกครั้งที่ผมป่วยทางใจ  แลกกับการที่ผมมาช่วยมันขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่กี่ชั่วโมง  มันพล่ามมาอีกหลายคำเหมือนกัน  แต่ประโยคสุดท้ายที่มันบอกทำให้ผมยอมเปลี่ยนใจ..ช่วยมัน  ‘แค่นี้ทำให้เพื่อนไม่ได้รึไงไอ้สัตว์’  เพราะคำว่าเพื่อนนี่ล่ะถึงได้ยอมช่วยมัน

ยืนนิ่งมองหน้าจอที่มีรูปผมกับอ้อนถ่ายด้วยกันบนเตียงแล้วหลับตาลงช้า ๆ  กัดกรามแน่นแล้วตัดใจลบรูปนี้ทิ้ง  ผมไม่ชอบให้อดีตมันส่งผลให้ปัจจุบันของผมเลวร้าย  มันไม่ควรตามมาหลอกหลอนให้ผมจมจ่อมกับความรู้สึกอกหักได้อีก  ปวดที่อกซ้ายหนึบ ๆ  เก็บโทรศัพท์แล้วเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ  ซื้อนมกับแซนด์วิชมานั่งกินข้างทาง  กินเสร็จก็ถอนหายใจยาว  รวบทุกอย่างลงถังขยะแล้วเดินเข้าห้าง  ไปเอารถที่จอดไว้แล้วขับตรงไปตลาด  เลือกจะนั่งเงียบ ๆ ให้เวลากับตัวเองมากกว่าจะฟังเพลงรักหวานเลี่ยนที่คาเครื่องเล่นในรถ  เลี้ยวรถเข้าตลาดแล้วกดหาไอ้ติณณ์

“ถึงแล้ว”  บอกมันแล้ววางหู  ยืนกอดอกรอที่รถได้  10  นาทีมันก็โผล่หัวมา  มันยิ้มโชว์ลักยิ้มแล้วตบไหล่ผมเบา ๆ  ยกยิ้มมุมปากแล้วให้มันพาไปที่แผงมัน  เดินเข้าไปประมาณเกือบท้าย ๆ ถนนก็ถึงร้านมัน  มันยังไม่ได้ตั้งร้านเพราะรอให้ผมมาก่อน  เห็นของที่มันขายแล้วอยากกระชากคอมันมา  แล้วเอาหัวโขกหน้าผากให้หายมึน

“มึงขายเพลง..รัก  หมดทั้งร้านเลยเหรอไอ้ติณณ์”  หยิบซีดีในกล่องออกมาเพ่งแล้วปล่อยร่วง  กวาดตามองอีก  3  กล่องที่เหลือด้วยความเซ็งสุดตรีน  ปรายตามองหน้าระรื่นที่เอาแต่ยิ้มโชว์ลักยิ้มแล้วเบือนหน้าหนีข่มอารมณ์หงุดหงิด  จะโทษมันก็ไม่ได้  น้องเอกแฟนมันชอบฟังเพลงแบบนี้  เวลามันมานั่งขายพร้อมน้องมันก็มีแต่ความสุข  บรรยากาศก็มีแต่สีม่วงอมชมพูลอยอบอวล  แต่อารมณ์ของผมตอนนี้..

กูอยากฟังเพลงอินดี้มากกว่าเพลงเลี่ยนพวกนี้ไอ้สัตว์!

ยืนเท้าเอวหมุนตัวไปมาไล่ความเคือง  สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกช้า ๆ  ปรี่ไปเตะเก้าอี้พลาสติกที่อยู่ข้าง ๆ จนหัก  กำหมัดแล้วหลับตาแน่น  สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพ่นลมทิ้ง  หันไปบอกไอ้ติณณ์ที่ยืนมองผมนิ่ง

“โทษที..กูอารมณ์ไม่ดีน่ะ”  ไอ้ติณณ์มองผมด้วยแววตาเห็นใจ  มันเดินเข้าเก็บซากเก้าอี้พลาสติกแล้วตบไหล่ผมเบา ๆ

“สักวันมึงจะเจอคนของมึง..ไอ้ต่อ”  สบตาสีน้ำตาลจริงใจของมัน  นั่นสินะ  ซักวันผมก็คงได้เจอ  ยิ้มบางให้ก่อนจะช่วยมันจัดร้าน  ไม่มีอะไรมากครับ  แค่กางโต๊ะติดกัน  2  โต๊ะ  ตั้งคอมกับจูนเครื่องเสียงแค่นี้ก็เสร็จ  ผมเดินย้อนกลับมาเอารถปล่อยให้ไอ้ติณณ์จูนเครื่องเสียงต่อไป  เงยหน้ามองผู้หญิงผมยาวที่ยืนอยู่ในแผงน้ำปั่น  ยกยิ้มตอบรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้ก่อนจะเลี่ยงผู้หญิงอีกคนที่จงใจเดินชนไหล่  ก้มหน้าก้มตาเดิน  มองปลายเท้าของคนที่ยืนขวางแล้วเงยหน้าขึ้นมอง

“พี่ติณณ์ล่ะครับ?”  น้องเอกยืนขวาง  อมยิ้มที่ได้แกล้งผม  เอามือไขว้หลังถามหาไอ้ติณณ์  ผมยิ้มตอบรอยยิ้มน่ารักของน้องเอกแล้วชี้ไปท้ายถนน  เดินคู่น้องกลับไปทางเดิม  ส่งน้องจนถึงมือไอ้ติณณ์แล้วย้อนกลับมาเอารถ  ขับเข้ามาเส้นหลังแผงแล้วถอยหลังชนร้าน  ช่วยไอติณณ์ตั้งลำโพงแล้วยืนฟังระดับเสียง  ผมบอกมันให้ดังแค่พื้นที่เมตรครึ่งก็พอ  ไม่อยากเปิดแข่งกับร้านอื่น  ตั้งร้านเสร็จมันก็ไล่ผมให้ไปหาอะไรกินก่อน  เพราะถ้าคนเริ่มมาเดินผมจะปลีกไปไหนไม่ได้

เดินออกมาหาข้าวกินแถวนั้น  กินเสร็จก็ซื้อบุหรี่กับหมากฝรั่งติดมือเข้ามา  ตอนนี้แดดไม่มีแล้วครับ  ตลาดเปิดไฟที่ติดตามมุมถนนและตามต้นไม้ให้ดูไม่ค่อยสว่างมาก  บรรยากาศน่าเดินดูของมากครับ  เดินย้อนเข้ามาก็ดูของร้านอื่นไปด้วย  ซื้อโคมไฟที่ทำมาจากกะลา  แล้วก็จำใจแวะอุดหนุนน้ำปั่นของสาวยิ้มหวานเมื่อตอนขามาด้วย..

“อุดหนุนน้ำปั่นหน่อยดิ”  ยิ้มบางแล้วสั่งกาแฟปั่น  ไล่สายตามองขวดน้ำหวานหลากหลายกลิ่นที่วางเป็นระเบียบ  เสียงเครื่องปั่นหนวกหูจนต้องเบือนหน้าไปมองของแฮนด์เมดที่อยู่ร้านข้าง ๆ แก้ความหงุดหงิด  ผู้หญิงผมสั้นนั่งกับพื้น  ในมือถักเชือกแล้วก้มหยิบกระดิ่งเล็ก ๆ มาร้อยเข้าไปรวมอยู่ในเชือก  มองเพลินจนกาแฟปั่นยื่นมาให้ตรงหน้า  ควักแบงค์  50  ให้ รับเงินทอนแล้วยิ้มตอบคำถามที่ถามชื่อผม  เขาสวยนะ..แต่มันยังไม่โดน  ยิ้มบางให้อีกครั้งแล้วเดินมานั่งยอง ๆ หน้าร้านน้องผมสั้น

“อันนี้ข้อมือหรือข้อเท้า?”  หยิบเชือกสีน้ำตาลอ่อนที่มีกระพรวนเล็กร้อยตลอดเส้นมาจ้องแล้วเอ่ยปากถาม  เจ้าของแผงเงยหน้ามาตอบห้วน  ‘มือ’  ขมวดคิ้วแล้วคลี่ยิ้มให้เจ้าของร้าน  ควักแบงค์สีแดงให้แล้วยื่นเชือกเส้นนั้นให้เขาใส่ถุง  ผมไม่ได้จะใส่เอง  มันน่าจะเหมาะกับแฟนไอ้ติณณ์มากกว่า  รับเงินทอนแล้วเดินกลับมาที่ร้านไอ้ติณณ์  เสียงเพลงรักเบา ๆ ของมันเรียกลูกค้าคู่รักให้ยืนเลือกเพลงหน้าร้านมันได้หลายคนเลย  น้องเอกเดินเข้ามาหาแล้วคว้ามือผมเดินไปมองผลงานที่เจ้าตัวอุตส่าห์ทำ

“กลิ่นแบบนี้มันช่วยให้อารมณ์ดีนะพี่ต่อ..”  นิ้วเรียวแตะเทียนหอมรูปดอกไม้หลายแบบที่จุดเรียบร้อยลอยอยู่ในอ่างสีน้ำเงินสวย  กลิ่นหอมของมันทำให้ผมอารมณ์เย็นลง  คลี่ยิ้มแล้วยื่นถุงเชือกข้อมือให้น้องเอก

“ตอบแทนเทียนหอม..”  น้องเอกรับไปแล้ววิ่งไปให้ไอ้ติณณ์ผูกให้  ผมกับไอ้ติณณ์คุยเรื่องราคาของและเวลาปิดร้าน  ปล่อยให้น้องเอกเดินไปดูของรอก่อน  ผมขายของไปด้วยก็เช็คเงินทอนที่มันทิ้งให้ไปด้วย  มันเตรียมถุงมาวางไว้ให้แล้วตบไหล่ผมเบา ๆ

“มึงไม่ได้ขี้เหร่ไอ้ต่อ  เดี๋ยวก็มีมาให้เลือกเป็นสิบ  เชื่อกู”  ยกยิ้มกับประโยคปลอบใจแล้วพยักหน้าส่ง  มองส่งคู่นี้จนลับตาแล้วก้มหน้ามองแผงเพลงรักด้วยความหน่าย  กำลังจะหย่อนก้นนั่งก็ต้องหันไปตามแรงจับที่หัวไหล่  ขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าไอ้ติณณ์ที่วิ่งย้อนกลับมายืนยิ้มหยันตรงหน้า

“..แต่ถ้ามึงยังไม่เลิกนิสัยเหี้ย ๆ ชาตินี้ทั้งชาติ  คนของมึงก็คงไม่มีวันเกิด”  สบตาจริงจังของมันแล้วถอนหายใจยาว  ยกยิ้มมุมปาก  และพยักหน้ารับในตอนท้าย  ผมรู้ว่ามันเหี้ยมากที่คบกับใครก็ต้องได้ฟันเขา  ก่อนจะเลิกด้วยการ  ‘เข้ากันไม่ได้..แต่ก็ยังอยากเป็นเพื่อน’  ทุกครั้ง  ผมยอมรับว่ามันห้ามไม่ได้ที่จะรู้สึกอยาก..เมื่อมีเนื้อหนังอุ่น ๆ เข้ามาเบียด  ส่วนใหญ่ผมกับคนเคยรักจะรักกันเพราะอารมณ์ต่างกัน  เขารักเพราะรักผม  แต่ผมรักเขาเพราะ..ใคร่

บอกตามตรง..ผมไม่รู้จัก  ‘ความรัก’  ผมไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะอยากเจอใครสักคนจนทนไม่ไหว  ไม่เคยสนใจใครจนเข้าไปทำความรู้จักก่อน  ไม่เคย..กอดใครเพราะความรู้สึกอื่นนอกจากความใคร่  ผมคิดว่าการผูกพันกันทางกาย  สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็น่าจะเป็นความรัก..ไม่ใช่เหรอ?


ไม่มีกลิ่นเสียงคล้ายเพียงอากาศ

เท่านั้น

ล่องลอยเบากว่าละอองหมู่ควัน

ของเปลวไฟ

ให้ลองมองหาสักกี่ที

ไม่มีทางเห็นไม่ว่ายังไง

ถ้าอยากมองเห็นแค่เปิดใจ ที่เธอปิดตาย

คือแดดยามเช้าคือไออุ่น

คือสิ่งที่คุ้น..


ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเพลงอื่นดังแทรกกับเพลงรักกุ๊กกิ๊กอย่าง  เพิ่งรู้ว่า รัก รัก รัก ของ Mono Music  ของไอ้ติณณ์   เบาเสียงเพลงร้านตัวเองลงนิดหน่อยแล้วตั้งใจแยกโสตประสาทฟังว่าเพลงที่ดังแข่งนั้นมาจากไหน  มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  ของ  NOS  จากร้านตรงข้ามนี่เอง..

ความรักฉัน

มันอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ให้เอาหัวใจ สัมผัสจะเจอรักแท้

ที่ส่งไปให้เธอ..

ทั้งในดอกไม้และในดาวตก คืนนั้น

ฉันเคยได้ฝากให้มันเปิดใจ ของตัวเธอ

ได้ไหมแค่เปิดใจ ได้ไหม

เพ่งมองเจ้าของร้านตรงข้ามผ่านแผ่นซีดีที่ร้อยต่อกันเหมือนมู่ลี่   ผู้ชายผิวขาว  ผมสั้นสกินเฮด  หน้าตาหล่อแบบเกรียน  ตาคมคู่นั้นกำลังมองผมอยู่เหมือนกัน  รอยยิ้มเท่จากผู้ชายคนนั้นส่งมาให้ผม  หรี่ตามองแล้วยกยิ้มตอบ  ร้านตรงข้ามเร่งโวลลุ่มให้ดังขึ้นกว่าเดิมในท่อนฮุค..

   
ความรักฉัน..

มันอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ให้เอาหัวใจสัมผัส  จะเจอรักแท้ที่ส่งไป

ให้เธอ..


ตาคมของมันมองผมผ่านลูกค้าที่ยืนเลือกแผ่นหน้าร้าน  มันเป็นดวงตาของสัตว์ที่กำลังล่าเหยื่อ  มันอาจจะน่ากลัวสำหรับคนอื่น  แต่สำหรับคนอย่างผม  มัน..ท้าทายมาก

 
แค่อยากจะบอกให้รู้

ว่าในโลกนี้เธอไม่ได้อยู่ลำพัง

เธอยังมีฉัน เธอยังมีคนที่รักเธอหมดใจ

ความรักฉัน

มันอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ให้เอาหัวใจ สัมผัสจะเจอรักแท้

ที่ส่งไป

ความรักฉัน

มันอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ให้เอาหัวใจ สัมผัสจะเจอรักแท้

ที่ส่งไปให้เธอ


ดวงตาคมจ้องผม  ในขณะที่ริมฝีปากบางของมันก็ร้องคลอตามเพลงนั้นไปด้วย  เพลงกุ๊กกิ๊กของไอ้ติณณ์จบแล้วและกำลังเล่นเพลง  จักรวาล  ของ  Sixty Miles  อยู่  ผมละสายตาจากตาคู่นั้นมาเร่งเสียงเพลงร้านตัวเองให้ดังในระดับปกติ  ร้านตรงข้ามเบาเสียงแล้วตั้งใจฟังเพลงจากร้านผมทันที..


จักรวาลแห่งความอ้างว้าง ที่มันเคว้งคว้างหัวใจ

จักรวาลที่ไม่มีใคร ไม่มีแม้เสียงหัวใจ

แหละช่างเงียบเหงาไม่มีแม้เงา ที่มีก็เพียงแต่ความมืดของดาว…

แต่พอมีเธอเข้ามาในใจ เปลี่ยนแปลงหัวใจที่ว่างเปล่า

ที่เคยเงียบเหงาก็มีเรื่องราว ระยิบระยับพร่างพราว…ด้วยแสงดาว

* เธอนั้นเป็นดั่งลมหายใจ จะคอยดูแลและห่วงใย

ก็เป็นเพราะเธอผู้เดียวเท่านั้น ที่ทำให้ความเงียบงันมันหายไป

** จะเกิดอะไร จะรักเธอไป แค่เธอนั้นยืนอยู่ตรงนี้

ขอบคุณฟ้าที่ทำให้เธอและฉันพบเจอไม่ได้ฝันไป

จะนานเพียงใดผ่านพ้นอะไร ให้เราเดินคู่กันไปอย่างนั้น

ลบเลือนความมืดมนให้หายไป ทดแทนความเงียบงันในหัวใจ

ด้วยความรักของเรา …

ยืนกอดอกมองตาร้านตรงข้ามที่มองผมไม่ละสายตา  ไม่ใช่ไม่เคยถูกผู้ชายจีบ  ผมเคยกอดผู้ชายด้วยกันมาก็บ่อย  ผมมันประเภทผู้หญิงก็เอาได้  ผู้ชายก็ฟันได้เหมือนกัน  แต่จากลักษณะของฝั่งตรงข้ามที่กำลัง  ‘จีบ’  ผมอยู่..  มันเป็นประเภทเดียวกันกับผม  รุกเหมือนกัน..

ดึงเก้าอี้พลาสติกออกมานั่ง  คนฝั่งตรงข้ามก็นั่งลงบ้างเหมือนกัน  เพลงรักของร้านผมกับมันผ่านไปร่วม  10  เพลง  ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาซื้อแผ่นที่ร้านเยอะขึ้น  ขายของไปก็เหลือบมองตาคมที่มองอยู่ตลอด  ผมกับร้านตรงข้ามสื่อสารกันผ่านเพลง  เนิ่นนานจนเวลาเดินไนท์บาร์ซ่าใกล้จะวาย  คนเดินซื้อของเริ่มบางตา  ร้านอื่นทยอยเก็บของ  แต่ร้านผมกับฝั่งตรงข้ามเพิ่งจะเริ่ม  ‘เปิดทำการ’..   
   

มันช่างยากช่างเย็นเหลือเกิน

ที่ต้องใช้ชีวิตลำพัง

อีกคืนที่ฉันนั่งคุยกับความเหงา

ทั้งท้องฟ้าช่างดูมืดมน

เหมือนคนที่ใจว่างเปล่า

ฟ้าไม่มีดาว เหมือนที่แล้วมา

ไกล.. แต่ไม่ไกลเกินคิดถึง

ฉันจึง อยากส่งคำถามมาถามเธอ


ยกยิ้มมุมปากกับเพลงที่ฝั่งตรงข้ามตั้งใจเปิดให้ฟัง  เหงาเหมือนกันไหมในคืนนี้   ของพี่กบ  Taxi  มองตาคมแล้วเลิกคิ้วเมื่อท่อนกลางดังขึ้นกว่าเดิม..


เธอเหงาเหมือนกันไหมในคืนนี้

รู้ไหมว่าคนทางนี้ จวนจะทนไม่ไหว

อยากสบตากับเธอ อยากกอดเธอให้ใจใกล้ใจ

แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

ที่ใจคนไกลจะเห็นใจคนรอ..

ส่ายหน้ายิ้ม ๆ กับแววตาอ้อนจากตาคม   เบือนหน้าไปมองรอบข้างที่เก็บของและทยอยกลับ  หันไปมองแผงตรงข้ามที่ยกมือขึ้นมาแล้วลดนิ้วชี้  กลาง  นางลงแล้วเอามือมาแนบแถวแก้ม  ยกยิ้มร้ายแล้วยกนิ้วกลางส่งให้  คนฝั่งตรงข้ามหัวเราะหึลงคอแล้วลงมือเก็บร้าน  ตาคมคู่นั้นก็ยังมองหน้าผมเป็นระยะ  เพลงรักจากร้านผมกับมันก็ยังคงเปิดแข่งกันจนเก็บแผ่นลงกล่องหมด  ผมปิดคอมแล้วเดินไปเก็บลำโพงมากองรวมกันไว้  ร้านตรงข้ามยังคงเปิดเพลงให้ผมฟังจนใกล้เวลาที่ไอ้ติณณ์จะมาเก็บของ

ริมฝีปากบางของร้านตรงข้ามบอกผมเสียงดัง  ‘เพลงสุดท้ายนะ..’   เงยหน้ามองก่อนจะยิ้มมุมปาก  พิงท้ายรถตัวเองแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ  ฟังเสียงโดมส่งท้ายวันวุ่นวายที่ตลาด..   

ทุกคนมองฉันเป็นคนเข้มแข็งและไม่เคยต้องเสียใจ

แต่แท้จริงใจข้างใน ช่างเหน็บหนาวและเดียวดาย  ไม่มีใครที่รู้ …

มันทรมานที่ทุกนาทีผ่านไป

ดังเข็มเวลาทิ่มแทงใจ

อีกนานมั้ยที่ต้องทน …

จะเป็นเธอได้รึเปล่าที่ล้างคำสาบ

และเติมเต็มหัวใจ ที่ขาดหายมานับปี

จะเป็นเธอได้รึเปล่าที่ปลดปล่อยฉันคนนี้

จากความเหงาที่ฉันมี จะได้มั้ย

พบเธอได้รู้จักว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร

ขอสัญญาจากนี้ไป จะดูแลมอบหัวใจให้เธอนับจากนี้

มันทรมานที่ทุกนาทีผ่านไป

ดังเข็มเวลาทิ่มแทงใจ

อีกนานมั้ยที่ต้องทน …

จะเป็นเธอได้รึเปล่าที่ล้างคำสาบ

และเติมเต็มหัวใจ ที่ขาดหายมานับปี

จะเป็นเธอได้รึเปล่าที่ปลดปล่อยฉันคนนี้

จากความเหงาที่ฉันมี จะได้มั้ย

จะเป็นเธอได้รึเปล่าที่ล้างคำสาบ

และเติมเต็มหัวใจ ที่ขาดหายมานับปี

จะเป็นเธอได้รึเปล่าที่ปลดปล่อยฉันคนนี้

จากความเหงาที่ฉันมี จะได้มั้ย…

เด็กหล่อเกรียนยืนนิ่งมองตาผมตั้งแต่อินโทรขึ้นเพลงจนจบเพลง  ริมฝีปากบางนั้นร้องคลอตามไปจนจบเช่นกัน  ผมยอมรับว่าหวั่นไหวกับสายตาของคนฝั่งตรงข้าม  สูดควันเข้าปอดแล้วพ่นทิ้ง  โยนก้นบุหรี่ลงกับพื้นแล้วเดินเหยียบก้นบุหรี่  ตรงไปหาคนฝั่งตรงข้าม 

หยุดยืนนิ่ง  สบตาคมแล้วแบมือขอโทรศัพท์  มือเรียวหยิบโทรศัพท์ยื่นให้แล้วมองผมเหมือนไว้ใจ  รับโทรศัพท์แล้วยกยิ้มมุมปาก  เมมเบอร์ตัวเองแล้วกดโทรออก  ยื่นโทรศัพท์คืนให้แล้วล้วงโทรศัพท์ของตัวเองมาเมมชื่อ..

“ชื่ออะไร?”  เอ่ยถามแล้วเตรียมกดปุ่มพิมพ์  เงยหน้ามองเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากมัน  หน้าหล่อยิ้มกว้างให้ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบชื่อ  ‘กานต์’  เสียงนั้นอุ่นวาบลงไปถึงหัวใจ  หลับตารับกลิ่นแปลกที่ลอยมากระทบจมูก  กลิ่นตัวของกานต์มันก็เหมือนกลิ่นผู้ชายทั่วไป  แต่แปลกที่กลิ่นนั้น..มันทำให้ผมรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก

“ไอ้ต่อ!”  สะดุ้งและหันไปตามเสียงเรียก  ไอ้ติณณ์มาถึงแล้ว  หันกลับไปมองตาคมของกานต์ช้า ๆ แล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยน  หมุนตัวกลับร้านไปช่วยไอ้ติณณ์ขนของขึ้นรถมัน  เก็บของเสร็จก็เคลียร์เงิน  พอจัดการเรียบร้อยก็ยืนส่งไอ้ติณณ์ 

“มึงยังไม่กลับ?..”  พยักหน้าตอบคำถามแล้วบอกมัน  ‘กูยังไม่เสร็จธุระว่ะ..ไว้เจอกัน’  ตบไหล่มันแล้วหันหลังกลับไปร้านตรงข้าม   กานต์ยังคงง่วนกับการเก็บของขึ้นรถ  ผมวิ่งเข้าไปช่วยเก็บจนเสร็จ  พี่ชายกานต์เป็นคนขับรถกลับบ้าน  โดยที่..ไม่มีน้องชายนั่งกลับไปด้วย

“พี่โก๋กลับไปก่อน..เดี๋ยวผมกลับเอง”  พี่ชายขมวดคิ้วมองหน้ากานต์สลับกับผม  แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร  ส่งรถโก๋กลับผมก็หันไปชวนกานต์หาอะไรกิน  กานต์คุยสนุกแล้วก็เฟรนด์ลี่มาก  เราคุยกันหลายเรื่อง  มีหลายอย่างที่ชอบเหมือนกัน  แววตาล่าเหยื่อของกานต์ยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้นกว่าเดิม 

คืนนั้นไม่ได้จบแบบที่ผมคิด  เราแยกย้ายกลับไปนอนที่เตียงของตัวเอง  ก่อนจะกลับผมกอดส่งกานต์นานมาก  น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกอยากมีอะไรกับกานต์ทั้งที่เคมีเราเข้ากันได้ดีแบบนี้    ผมเพิ่งรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกมันเลยนอนไม่หลับ   ตาคมของกานต์ลอยวนเวียนในหัวจนผมหลับ..

ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่มีดวงตาคมเหมือนสัตว์ล่าเหยื่อ..จะเป็นคนฉุดผมขึ้นมาจากหลุมดำมืดที่ชื่อ ‘ความเย็นชา’

ใครจะคิดว่ารุกเหมือนกันจะประนีประนอมยอมผลัดกันเพื่อความยุติธรรม  โดยไม่รู้สึกว่าเสียเชิงเลยแม้แต่น้อย  แน่นอนว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้เล่าเรื่องแบบนี้ครับ..

กานต์กับผมช่วยกันสร้างความทรงจำที่ดีและสร้างความรู้สึกใหม่ทุกวัน  และความรู้สึกใหม่อีกอย่างที่ผมอยากจะบอกให้คุณรู้..







กินเด็ก  กับ  ถูกเด็กกิน  มันก็อร่อยดีเหมือนกันนะครับ.


END.

กอดค่า ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ค่ะ  ส่วนใครที่เคยอ่านแล้ว..ก็อ่านซ้ำเนอะ ^^ 
จิงานเยอะแล้วก็เลยพาลขี้เกียจหาเพลงใหม่ ๆ ให้เข้ากับปีนี้  ย้อนฟังเพลงเก่า ๆ ไปก่อนเนอะ  เพราะเหมือนกัน (ขี้เกียจตัวเป็นขนขึ้นทู้กวัน55)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ
และ  และ  และ...ขอ'ญาตเจาะไข่คุณ LovelySyruP นะคะ  (อาห์..มีความสุขมากมาย)

ปู๋ลู๋..กอดคุณ Pepor ให้หายใจไม่ออก  จิบอกเด็กญี่ปุ่นกับน้องพิแล้วนะคะว่าคุณ Pepor  คิดถึง  น้องมันก็คิดถึงค่ะ  แต่พี่(จิ)มันขี้เกียจ  เลยไม่มีโอกาสได้ออกมาวิ่งเล่น(เล่นดินเล่นทรายเลย) กร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สื่อรักผ่านเพลง 16/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-02-2015 20:13:31
นอกจากอร่อยแล้วยังเป็นอมตะนะพี่ต่อ :hao7:

 :กอด1: :L2: :pig4:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สื่อรักผ่านเพลง 16/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 16-02-2015 21:28:42
รุกปะทะรุก กินเด็กกับเอาตัวพร้อมเสริฟให้เด็กกิน พี่ต่อน้องกานต์ สุดยอดอ่ะ  :impress2:
ดีใจกับพี่ต่อ ที่ได้รู้จักความรักกับเขาเสียที ตอนส่งเพลงจีบกันไปมา น่ารักมากเลย
ขอบคุณมากเลยค่ะ คู่ต่อไปจะขายอะไรน้อ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สื่อรักผ่านเพลง 16/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-02-2015 18:53:27
อ่านเรื่องนี้แล้วมันกระชุ่มกระชวยจริงๆ แม้จะต้องนึกเกือบทุกครั้งที่มีชื่อโผล่มาว่าคนนี้ขายอะไรว้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก 20/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 20-02-2015 11:24:11
น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก

ผมถูกลากแขนเข้ามาเดินไนท์บาร์ซ่าของตลาดสดแถวบ้านโดยหญิงผู้ชุบชีวิตผมขึ้นมา  เหลียวมองซ้ายขวาแล้วอดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้  ทำไม่มาเดินตอนหัวค่ำล่ะแม่?  มาทำไมตอนเค้าเพิ่งจะเริ่มทยอยตั้งร้านครับ?  แม่ผมจูงมือผมเดินมาจนเกือบกลาง ๆ  ซอย  แล้วหยุดเดิน  หันมายิ้มกว้างให้ผม  ยิ้มกว้างคืนให้แม่แบบงง ๆ หันมองรอบตัวก็สะดุดตากับซุ้มชาไข่มุกสีสันสดใสตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า  ยืนนิ่งมองผงกลิ่นต่าง ๆ  และขวดน้ำผลไม้หลายรสที่วางเรียงรายในซุ้มสวย  กลืนน้ำลายเหนียวแล้วหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ลากผมออกจากหน้าคอมพ์เมื่อ 1  ชั่วโมงที่แล้ว..

“แม่..ให้ตั้มขายไอ้นี่น่ะเหรอ?”  รอยยิ้มปราณีของแม่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าที่มีร่องรอยประสบการณ์ตามวัยวุฒิ  อ้อนวอนแม่ด้วยสายตาและคำพูดของลูกชายคนเดียว

“ตั้มตกอังกฤษที่เป็นภาษาพ่อ..มันร้ายแรงก็จริง  แต่ทำไมไม่ให้ตั้มขายทุเรียนแบบพี่ต้อมล่ะ  แบบนี้ไม่แมนอ่ะแม่”  พาดพิงไปถึงพี่ต้อม  แฟนพี่โก๋  พี่โก๋เป็นญาติห่าง ๆ ของผมครับ  ขายทุเรียนอยู่ในตลาด  รักกันเพราะพี่โก๋ยอมโดนทุเรียนฟาดหน้า  พี่ต้อมเลยใจอ่อนยอมเป็นแฟน  โอเค..นอกเรื่องสินะครับ

ผมเป็นลูกเสี้ยวอังกฤษ  จีน  ไทย  ขี้เกียจสาธยายโคตรเหง้า  เอาเป็นว่า..ผมมันโง่ที่สุดในบ้านก็แล้วกัน  เทอมที่ผ่านมาผมตกวิชาที่เป็นภาษาหลักของโคตรทางพ่อ  แต่ก็ไม่ได้โศกสลด  แม่เลยทำโทษผมด้วยการให้ผมมาบำเพ็ญประโยชน์หาเงินเข้าบ้านด้วยการให้ผมมาขายของที่ขายง่ายและได้ทุนคืนเร็ว  ธรรมดาของวัยรุ่นที่พ่อแม่พูดอะไรก็เข้าหูซ้ายทะลุขวา  เออออรับคำแบบส่ง ๆ ให้ผ่านไปวัน ๆ  ถ้าผมมีจิตสัมผัสล่วงรู้เหตุการณ์ภายภาคหน้าได้..สาบานว่าผมจะไม่รับปากส่ง ๆ แบบนี้เด็ดขาด

“แม่ครับ..”  อ้อนวอนด้วยดวงตาพุดเดิ้ลทอย  แม่ยิ้มเย็นแล้วผลักเข้าไปในซุ้มชาไข่มุกที่เตรียมให้ผมทันที  เสียงอธิบายวิธีการชง  การปั่น  การใส่  เร็วจนผมจำไม่หมดจดไม่ทันได้แต่มองไอ้ขวดกลม ๆ ที่มีน้ำสีเขียวส้มแดงวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ แม่เทเหรียญและวางแบงค์ลงในลิ้นชักให้ผมแล้วชี้นิ้วไปที่กองผ้ากันเปื้อนที่พับไว้บนเก้าอี้  ยิ้มให้กำลังใจ  พร้อมประโยคสุดท้ายกระชากวิญญาณ

“ไปนะตั้ม..ดึก ๆ แม่มารับ”  ไม่ทันได้เอ่ยคำขอร้องให้เห็นใจอีกสักครั้ง  ยื่นมือคว้าเพียงลมพัดผ่าน  ยืนคว้างท่ามกลางขวดเยลลี่และถังน้ำแข็ง  กะพริบตาปริบ ๆ แล้วควักมือถือออกมาเสิร์ชหาวิธีการทำ  ‘ชาไข่มุก’  โอ้โห..ขึ้นมาเพียบเลยแฮะขอบคุณครับอากู๋  คัดลอกสูตรลง  A4  ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ  นึกเสียใจที่ผมไม่สามารถดึงเอาความมุ่งมั่นนี้มาใช้ตอนเรียน..ผมมันโง่ครับ~

เงยหน้าขึ้นจากกระดาษที่มีลายมือแพศยาของตัวเอง  มองหาพื้นที่ในการวางที่สามารถเห็นได้โดยไม่มีใครรู้ว่าผมปั่นเพราะมีสูตร  ไม่ใช่เพราะความชำนาญขั้นเทพ  อาห์..องศานั้นล่ะ  ช่างพอดีกับระยะในการมอง  หึหึ.. ผมกะให้พอ ๆ กับระยะที่ผมเคยลอกข้อสอบไอ้ภัทรตอนสอบน่ะ  ยกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะลงคอให้กับความง่ายดายเหล่านี้

“สตอรว์เบอร์รี่ปั่นคะ  ขอเยลลี่ฟรุตสลัดกับวุ้นเพิ่มด้วยนะคะ”  เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นหน้าร้าน  ผมยิ้มการค้าให้ก่อนจะเหลือบมองสูตรที่เขียนแปะไว้  หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม  แล้วยื่นมือจับเครื่องปั่นแน่น  เพ่งมองผงสีชมพูที่มีภาษาอังกฤษต้นตอความดำมืดของอนาคตแปะอยู่  เอื้อมมือเปิดฝาออก  แม่งจะปิดอะไรแน่นนักวะ?!   แงะออกอยู่นานก็ไม่ออก  หมุนอีกฝั่งดูถึงได้หน้าชา..มันต้องปลดสลักตรงนี้ออกก่อนนี่เอง >///<

กระแอมไล่ความอายทิ้งก่อนจะบรรจงหยิบช้อนที่แม่ใส่แก้วรวมไว้ข้างเครื่องปั่น  เหลือบมองสูตรอีกครั้งก่อนจะจ้วงตักผงสตรอเบอร์รี่ลงเครื่องปั่น  ตักน้ำที่แม่เตรียมใส่โหลใหญ่มุมสุดทางโน้น  แล้ว..มันต้องใส่น้ำเชื่อมไหมอ่ะ  ไม่ใส่แล้วจะหวานได้ไงวะ?  กะพริบตาปริบแล้วเหลือบมองโพยที่จดไว้อีกครั้ง  ไม่เห็นบอกอ่ะ  บอกแต่ถ้าปั่นน้ำผลไม้ให้ใส่เกลือด้วย  กลืนน้ำลายเหนียวเป็นรอบที่  2  แล้วหันไปเทน้ำเชื่อมใส่กระบวยเล็ก  2  หนแล้วจัดการคนให้เข้ากัน  ตักน้ำแข็งป่นใส่  เสียงลูกค้าบอกให้ปั่น  เงยหน้ายิ้มกว้างส่งให้แล้วจัดการกดปุ่มล่างสุดปั่นทันที..

“เย้ยยยยยย”  ร้องโหยหวนสิ้นแล้วซึ่งความมีชาติตระกูล  ผมเห็นที่อื่นเขาปั่นแบบไม่ต้องปิดฝามันก็ไม่เห็นจะกระฉอก  แต่เครื่องปั่นมูลีเน็กซ์ของแม่ผมมัน..

หลังจากรีบกดปุ่มกลับที่เดิมแล้วก็กวาดตามองรอบร้านตัวเอง  อาห์..น้ำสีชมพูที่อยู่ในเครื่องปั่นมันกระดอนกระเด็นกระเซ็นซ่านไปรอบร้านผมจนทั่ว  ไม่เว้นแม้แต่โพยชาไข่มุกที่ขโมยมาจากอากู๋   ลูกค้าที่ยืนรอขาแข็งถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นการปั่นชาของผม  ยิ้มแหยส่งให้ก่อนจะบอกลูกค้าให้สบายใจ..

“ไม่ต้องจ่ายตังค์ครับแก้วนี้..ผมเลี้ยง”  ลูกค้าหน้าใสยิ้มกว้างแล้วบอกผมว่าไม่เป็นไร  ผมยิ้มกว้างตอบแล้วเทน้ำสีชมพูที่เหลือน้อยนิดติดก้นเครื่องปั่นทิ้ง  จัดการตักส่วนผสมทุกอย่างลงไปปั่นใหม่  ปั่นเสร็จก็เทใส่แก้ว  ราดนมจืดที่แม่เปิดวางไว้แล้วยื่นให้ลูกค้าด้วยรอยยิ้มหล่อที่ปั้นมาเต็มสูบ

“ยัง..ไม่ได้ใส่มุกกับเยลลี่ฟรุ๊ตสลัด..ให้ค่ะ”  ยิ้มค้างก่อนจะดึงแก้วกลับมา  ถอยหลังมองขวดกลมที่มีลูกกลม ๆ ตั้งอยู่หลายใบ  มันมีแบบไอ้สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลาย สี  แล้วก็มีไอ้กลม ๆ สีดำ  สีขาว  แล้วก็เม็ดกลมหลายสีในเม็ดเดียว  สูดลมหายใจเข้าลึกยาว ๆ แล้วเปิดฝาชาไข่มุกของลูกค้าออก  ตักไอ้เม็ดกลม ๆ ที่อยู่ในขวดทุกใบใส่ให้จนพูน  น้ำกระฉกออกมาผมก็เอาผ้าสะอาด ๆ เช็ดรอบแก้ว  จับฝามาขืนใจปิดแล้วเอากระดาษทิชชู่พันรอบ  ดูความเรียบร้อยแล้วยื่นให้อีกรอบ

“..หลอด..มีไหมคะ?”  อาห์..หน้าชาจนถึงหลังหู  หยิบหลอดใหญ่กับหลอดเล็กยาวยื่นให้แล้วเกาท้ายทอยแก้เขิน  ลูกค้าผมหัวเราะคิกคักแล้วยื่นแบงค์สีเขียวส่งมาให้  ผมไม่รับเจ้าตัวก็โยนใส่เข้ามาในซุ้มให้แล้วบอกผมว่าไม่ต้องใช้แบบผง  ให้ใช้แบบขวดที่วางหน้าร้านจะอร่อยกว่า  และ..เดินหนีไป  ถอนหายใจยาวแล้วหยิบผ้ามาเช็ดน้ำสีชมพูที่พวยพุ่งทำลายความเทพของผมต่อหน้าลูกค้ารายแรก  ยื่นมือคว้าโพยที่มีหมึกเลอะเป็นดวง ๆ มาขยำลงถังขยะ  ต่อจากนี้ไป..คงต้องพึ่งความจำบวกกับประสบการณ์แล้วครับ

เทน้ำที่ปั่นสตรอเบอร์รี่ที่เหลือก้นเครื่องปั่นมาชิม  ต้องใส่สตรอเบอร์รี่เยอะกว่านี้อีกนิด  เทน้ำใส่แล้วล้างเครื่องปั่น  จัดการผสมโกโก้  ครีมเทียม  นมข้น  น้ำเชื่อม  และคนๆๆๆๆๆๆ  แล้วชิม  อืม..ใส่ครีมเทียมเพิ่มอีกช้อนแล้วคนใหม่  ใช้ได้แฮะ  ใส่น้ำแข็งแล้วปั่นละเอียด  ตักชิมแล้วก็ต้องเพิ่มส่วนผสมทั้งหมดอีกเท่าตัว  พอใส่น้ำแข็งแล้วจืดชะมัดอ่ะ  เทนมจืดราดลงไปอีกรอบ  อืม..หน้าตาดีขึ้นเยอะแฮะ  ชิมแล้วก็โอเค  เหมือนที่ซื้อตามร้านละ  พอลงตัวก็จดสูตรของตัวเองลงในโพยใหม่  ยืนลองผิดลองถูกลูกค้ารายที่  2  ก็โผล่มาเสี่ยงตาย

“โกโก้ปั่นค่ะ”  ยิ้มมั่นอกแล้วจัดการปั่นเจ้าโกโก้ด้วยความมั่นใจ  หันไปถามว่าจะเอาเยลลี่ฟรุ๊ตสลัดหรือมุกดี  อาห์..รู้สึกดีโคตรครับ

“20  ครับ”  รับเงินมาแล้วอดยิ้มแก้มปริไม่ได้ครับ  พักเดียวก็มีลูกค้ามายืนสั่งชาไข่มุกร้านผมกันเนืองแน่นหน้าร้านเลยครับ  โอ๊ะ!  สั่งพันช์เหรอ?  อืม..ทำเหมือนปั่นน้ำผลไม้ดีกว่า  เพราะมันน่าจะออกเปรี้ยว  ผมง่วนกับการปั่นน้ำผลไม้จนรอบตัวเริ่มมืด  ทางตลาดเปิดไฟตามจุดให้แสงสว่าง  ผมมองหาสวิชต์ไฟที่ร้าน  พอเปิดแล้วมันเป็นสีส้ม ๆ อ่ะครับ  ก็สวยดีเหมือนกันแฮะ  ผมนั่งพักขาได้ไม่ถึง  5  นาทีก็มีลูกค้ามาสั่งชาไข่มุกกินอีก 

มันก็..สนุกดีเหมือนกันครับ

ผมเพิ่งสังเกตว่าลูกค้าของผมเป็นผู้หญิงหมดเลยครับ  สาว ๆ ชอบกินชาไข่มุกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?  ผมปั่นองุ่นม่วงเสร็จก็ส่งคืนให้กลุ่มลูกค้าสาว ๆ ที่มายืนรอเป็นเพื่อนลูกค้าผม  เอาง่าย ๆ มากัน  10  แต่สั่งแก้วเดียว

“ขอถ่ายรูปร้านกับนายหน่อยได้ป่ะ?”  เลิกคิ้วสูงแล้วชี้นิ้วที่หน้าอกตัวเอง  สาว ๆ กรี๊ดกร๊าดกับท่าทางผมกันใหญ่  โอเค..ผมไม่ได้หล่ออะไรมาก  ติดจะน่ารัก ๆ ด้วยซ้ำ  แต่ผมก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ  ก็ลูกเสี้ยวอ่ะ  มันก็ดึงดูดสายตาคนได้เหมือนกัน  ยิ้มบางแล้วยื่นมือออกไปขอมือถือของลูกค้า  หยิบแก้วขึ้นมาแนบแก้มแล้วจัดการกดชัตเตอร์เก็บภาพด้วยตัวเอง  ยื่นโทรศัพท์คืนลูกค้าแล้วยิ้มกว้างเมื่อได้รับกระแสตอบรับอย่างดี..เกินคาด

“ถ่ายคู่ได้ไหมคะ?!”  ยิ้มบางแล้วส่ายหน้าตอบ  ลูกค้าทำหน้าเสียดายแต่ก็ยังชวนคุยต่อ  ผมตอบคำถามบ้างเลี่ยงตอบบ้าง  หันไปปั่นแคนตาลูปให้ลูกค้าที่มาใหม่  ลูกค้ากลุ่มเดิมถึงได้ยอมสลายตัว  ยืนขายน้ำไปก็ฟังเพลงแอบโยกหัวตามเพลงแล้วร้องตามหงุงหงิงด้วยครับ   เพราะดี..

เธอเป็นดั่งลมใต้ปีก

ที่พยุงฉันให้บินขึ้นไป

ไปสู่ฟ้าไกล อย่างไม่กังวล

ปัญหาที่มีรอบกาย

เธอคือเบื้องหลังทุกสิ่ง

ที่เรียกว่าความสุขในหัวใจ

ขอเอ่ยคำนี้ รักเธอจริงๆ ตอบแทนหนึ่งใจ

ที่เธอนั้นมีให้กัน

ร้านแถวเกือบท้ายแถวเลยมั้งครับ  เปิดเพลงเพราะดี  แล้วยังให้เกียรติกันด้วย  ถ้าร้านฝั่งนี้เปิด  อีกร้านก็เบาให้  ผมฟัง  ลมใต้ปีก ของ   ดิว THE STAR   อีกร้านก็เปิด  ให้ฉันดูแลเธอ  ของ หนึ่ง ณรงค์วิทย์  ต่อทันที..ถ้ามีคนเปิดเพลงแบบนี้ให้ผมฟังแบบจีบนะ  โอ้ยย ฆ่ากันยังยอมเลยเหอะ  เปิดเพลงน่ารักขนาดนี้

 
ก็เป็นคนธรรมดาไม่พิเศษ  ก็เป็นคนที่เดินดิน
อย่างคนทั่วไปไม่ได้ดี เกินกว่าคนไหน
มีแค่ใจดวงเดียวให้เธอ
ก็เป็นเพียงคนคนหนึ่ง ไม่เลิศเลอ
แค่บังเอิญมาเจอเธอ แต่ไม่รู้ทำไม
ยิ่งใกล้กัน  ก็ยิ่งหวั่นไหว
อยากค้นใจเธอดูสักครั้ง
หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร
หากวันใด ถ้าเธอนั้นอ่อนแอ
ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บ
อีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี
.
.
.
ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บ อีกเหมือนเคย
ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บ
อีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี


ยืนโยกตัวไปปั่นชาไป  รับเงินโยนลงลิ้นชักแล้วเงยหน้ามารับออเดอร์  ‘กาแฟปั่น  ไม่ใส่มุก’  ผู้ชายตัวสูง  ผมสั้นเซ็ทมาอย่างดี  ดวงตาเด่นมากครับ  ดำสนิทแล้วมีประกายโคตรสวยอ่ะ  มองแล้วเป็นคนทั้งเท่แล้วก็ดูร้ายนิด ๆ ด้วยรอยสักลายกราฟฟิคที่โผล่พ้นแขนเสื้อ  ล้างเครื่องปั่นแล้วตักผงกาแฟใส่  เหลือบมองหน้าลูกค้าแล้วรีบหลบตา  พอสบตาแล้วมันโคตรหล่อเลยครับ  มือสั่นเลยอ่ะ  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตักครีมเทียม  เสียงห้าวบอกผมว่าเอาไม่หวาน  เงยหน้าไปมองตาดำสนิทแล้วแล้วพยักหน้ารับ  ก้มหน้าก้มตาเทนมข้นและส่วนผสมอย่างอื่นลงเครื่องปั่น  เหลือบมองหน้าก็เจอดวงตาสีดำที่มองอยู่ตลอด..โอยยย  จะเป็นลม

...คิดถึงฉันสักครั้ง
เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร ทำตัวตามสบาย
แล้วเจอกันในความฝัน มีเวลาดีดีก็บอกให้ฉันได้ฟัง
ไม่มากเกินไปกว่านั้นก็คือรักกันเบาเบา….

ปั่นเสร็จก็ยื่นแก้วกาแฟปั่น  ไม่ใส่มุกแล้วรับเงินมาใส่ลิ้นชัก  ผู้ชายคนนั้นยืนดูดกาแฟปั่นอยู่หน้าร้าน  กินไปก็มองผมไปด้วย  ผมมองมันตลอดครับ  แม่งเท่อ่ะ.. 

คิดถึงฉันสักครั้ง
เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร ทำตัวตามสบาย
แล้วเจอกันในความฝัน มีเวลาดีดีก็บอกให้ฉันได้ฟัง
ไม่มากเกินไปกว่านั้นก็คือรักกันเบาเบา
บางเวลาไม่เป็นไรถ้าเธออยู่ไกล
บางเวลาฉันเข้าใจก็ลืมกันไป
บางเวลาไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
ปล่อยมันไปบ้างนะ คิดถึงฉันสักครั้ง
เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร ทำตัวตามสบาย
แล้วเจอกันในความฝัน มีเวลาดีดีก็บอกให้ฉันได้ฟัง
ไม่มากเกินไปกว่านั้นก็คือรักกันเบาเบา

เพลงโคตรเพราะเหอะ  ลูกค้าคนนั้นกินเข้าไปครึ่งแก้วแล้วยิ้มบางส่งให้ผม  ยิ้มตอบแบบอัตโนมัติแล้วมองส่งผู้ชายคนนั้น  มองส่งจนมันหายเข้าไปในกลุ่มคนเลยครับ  ประทับใจว่ะ

ยืนขายชาไข่มุกจนไนท์บาร์ซ่าเริ่มจะหมดคนเดินผมก็เริ่มนับเงิน  ฟังเพลงไปก็นับไป  ‘กิ๊งๆ’   เงยหน้ามองหน้าร้านว่าใครเอาเหรียญมาเคาะขวดน้ำผลไม้  อ้าปากค้างแล้วรีบวางเงินลง 

“มีอะไรครับ?”  ถามผู้ชายที่มีรอยสักว่ามีอะไร?  มันถือแก้วกาแฟปั่นร้านผมมาด้วยอ่ะ  ผมทำผิดสูตรหรือมันไม่อร่อยวะ?  ลูกค้ายิ้มกว้างแล้วยื่นน้ำแข็งใสที่อยู่ในถ้วยโฟมมาให้ผม  เลิกคิ้วสูงแล้วชี้นิ้วมาที่หน้าอกตัวเอง  รับน้ำแข็งใสหน้าตาน่ากินมาแบบงง ๆ  ผู้ชายคนนั้นยิ้มแล้วทำท่าให้ผมตักชิม  ฟันสวยจัง..

กะพริบตาปริบแล้วหยิบช้อนมาตักชิม  ก็ธรรมดาอ่ะ  ตักข้างล่างความหาขนมปังกับเครื่องอย่างอื่นมากิน  ยิ้มให้ผู้ชายคนนั้นแล้วยกนิ้วโป้งให้  เค้ายิ้มตอบแล้วตะโกนบอกว่า

“เอามาให้ชิม  ผมขายน้ำแข็งใสอยู่ร้านแถวทางเข้าน่ะ  เห็นลูกค้าถือแก้วร้านคุณมาหลายคน  ผมเลยเดินมาตามหาดู..อร่อยดีครับ”  ผงกหัวรับคำชมแล้วเกาท้ายทอยแก้เขิน  เขาหยิบขวดน้ำผลไม้ขึ้นมาดูแล้วเปิดออกดม  ชวนผมคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้  แล้วก็ทำเนียนมาช่วยผมเก็บร้าน

“..จีบผมเหรอ?”  ถามไปตรง ๆ เพราะผมไม่ใช่พวกไร้เดียงสา  ส่วนมากที่เข้ามามันก็จีบทั้งนั้น  ไม่อยากเก็บมาคิดเข้าข้างตัวเองไปไกลน่ะ  ผู้ชายคนนั้นทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วยิ้มเขิน ๆ พยักหน้าตอบแล้วถามย้อน

“มีหวังป่าว?”  ยิ้มบางแล้วพยักหน้า  ไม่มีอะไรต้องกั๊กนี่หว่า  ผู้ชายคนนั้นยิ้มตอบแล้วเอามือมายีหัวผมเล่น  เห็นรอยสักชัดเลยครับ  เท่ชิบบบบบ 

ผมเก็บร้านแล้วก็มาขายตามเวลาที่แม่เช่าแผงทุกวัน  แล้วก็ได้กินน้ำแข็งใสฟรีทุกวันเหมือนกัน

ผมเคยคิดว่าคนที่สักมักจะเป็นพวกหัวรุนแรง  แต่มัน..ใช้ไม่ได้กับทุกคนครับ..

คนที่ปั่นน้ำแข็งใสมาให้ผมกินทุกวันเป็นบรรทัดฐานที่ดีได้เลยครับ  แขนแกร่งที่มีรอยสักกลับสร้างความอบอุ่นทุกครั้งที่กอดผม  ไม่น่ากลัวเลยสักนิดอ่ะ >///<








เชื่อผมเถอะ.


END.

…………………………..

กอด ๆ หอม ๆ บวก ๆ ค่าาาาา
ขออภัยที่หายไปหลายวัน  งานเยอะได้โล่(แต่ค่าโต๋บ่ขึ้น เจี้ยก!)  ตอนหน้าเจอกันวันจันทร์นะคะ  อาตี๋ร้านทองโรมิโอตาชั้นเดียวค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :pig4: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก 20/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-02-2015 17:41:15
น่ารักทุกเรื่องเลย...
ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก 20/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-02-2015 18:19:15
อะไรเนี่ย!!!
เราไปเปิดร้านชาไข่มุกตอนนี้ทันไหมอ่ะ???
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก 20/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 20-02-2015 19:23:58
อยากไปหาชาไข่มุกกะน้ำแข็งใสกินจริงๆๆ :mew1:

คิดถึงน้องสอง พี่เรย์ :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก 20/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 21-02-2015 17:35:03
สนุกมากครับ ชอบทุกคู่เลย แต่คู่ที่ชอบที่สุดยังไม่ได้ลง (เคยอ่านรอบก่อน)  ผมชอบคู่ โอม กับ เต็ม มากที่สุด (ถ้าจำชื่อผิดขอโทษนะครับ)

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก 20/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 23-02-2015 11:53:47
โรมิโอร้านขายยา  กับจูเลียตร้านทอง


นั่งเหม่อมองความมืดมิดจากสองข้างทางผ่านกระจกสีทึม  ผมปิดเทอมนานแล้วแต่ไม่ได้กลับบ้าน  เที่ยวเล่นไปวัน ๆ ซุกหัวอยู่ที่หอในของโรงเรียน  เตี่ยเองก็ยุ่งกับการเปิดร้านขายยาใหม่ที่เช่าตัดหน้าคู่แข่งตลอดกาลอย่างตระกูลจักระ  พอแย่งมาได้ก็ต้องให้คนไปช่วยดูแลร้าน  พี่พลที่รับดูแลโรงงานน้ำแข็งจากเตี่ยก็เบื่อจนต้องหาอะไรทำแก้เซ็ง  พี่พลเล่าให้ฟังว่าเบื่อจัดเลยเช่าแผงตรงตลาดที่เตี่ยมาเช่าที่ตัดหน้าจักระ  ขายน้ำแข็งใสอยู่แถวทางเข้า  ขายดีสาวตรึม  แต่ดันได้หนุ่มมานอนกอดหน้าตาเฉย

“อาตี๋ลื้อนอนที่ร้านนะ  เตี่ยทำห้องไว้ให้ชั้นบน”  มองเตี่ยผ่านเงาสะท้อนจากกระจก  ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ  ผมเป็นลูกคนกลางค่อนไปเกือบท้าย  เตี่ยมีลูกหลายคน  ผู้ชาย  7  คน  ผู้หญิง  2  คน  พี่คนโตของผมอายุ  42  มีหลานให้เตี่ยอุ้ม  4  คน  ผู้ชายล้วน  แล้วหลานเตี่ยก็เพิ่งมีเหลนให้เตี่ยอุ้มต่ออีก  2  คน  ไหนจะลูกคนอื่นที่ผลิตหลานออกมาให้เตี่ยได้ชื่นใจอีกเป็นสิบ  ทั้งลูกและหลานที่เป็นผู้ชายเยอะ..จนเตี่ยปล่อย  ถ้าลูกคนไหนอยากจะมีเมียเป็นผู้ชายบ้าง

เลี้ยวรถเข้ามาในซอย   ตลาดสดใหญ่กินพื้นที่โดยรวมไป  70%  ด้านข้างและด้านหลังเป็นพื้นที่โล่ง ๆ น่าจะเป็นที่จอดรถ  ข้างหน้าเมื่อก่อนดูแล้วก็น่าจะเป็นที่จอดรถ  แต่ตอนนี้ให้จอดแค่ซีกขวา  ส่วนซีกซ้ายสร้างตึกแถวยาวประมาณ  20  คูหา  แบบหันหน้าเข้าหากันให้คนเช่าขายของ  ถอนหายใจมองตึกแถวเป้าหมายที่ผมต้องมาอยู่จนกว่าจะเปิดเทอม  เตี่ยรู้มาว่าจักระกำลังหาที่ขยายร้านขายยาที่อยู่ในตัวเมืองหลวงออกมาจังหวัดที่มีเศรษฐีข้าวเยอะ  เลยรีบตัดหน้าจองคูหาที่จักระเล็งไว้ทันที  เตี่ยพอใจกับการตัดหน้าครั้งนี้มาก  อารมณ์ดีไปทั้งวัน  ผมเบื่อกับการทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ของบ้านผมกับตระกูลนี้  ทะเลาะกันมาตั้งแต่รุ่นทวดของทวด  จับต้นชนปลายถึงสาเหตุการทะเลาะไม่ได้    ลูกหลานก็บ้าจี้  ทะเลาะตามกันมาจนถึงรุ่นเตี่ย  ทั้งที่เรื่องบางเรื่องมันไม่น่าเอามาเป็นชนวนเหตุทะเลาะได้   เรื่องนี้ก็เหมือนกัน  ถ้าเตี่ยไม่แย่งที่ก่อน  ผมคงไม่ต้องลำบากมาเฝ้าร้านขายยาที่ตัวเองไม่มีความรู้แบบนี้หรอก 

รถจอดหน้าร้าน  ก้าวเท้าลงมาพร้อมเตี่ย  คนขับรถดึงประตูเหล็กขึ้น  เตี่ยไขกุญแจและยื่นมันมาให้ผม  รับมาแล้วหย่อนลงก้นกระเป๋า  คนขับรถเดินไปเปิดไฟในร้าน  เดินเข้าร้านแล้วกวาดตามองรอบ ๆ  เตี่ยจัดร้านเรียบร้อยแล้ว  ตู้ขนาดใหญ่ที่วางปิดผนังมียาหลายขนานวางเรียงรายจนเต็มทุกชั้น  เคาน์เตอร์ยาที่มีกระจกใสมองเห็นตัวยาตีเป็นรูปตัวแอล  อีกฝั่งที่วางเป็นที่นั่งของผม..เคาน์เตอร์จ่ายเงิน  ซอกเล็กระหว่างเคาน์เตอร์ยากับโต๊ะจ่ายเงินมีทางให้เดินไปเข้าห้องน้ำ  เครื่องตอกบัตรลงเวลาติดอยู่ตรงผนังทางไปห้องน้ำ  ส่วนทางขึ้นชั้นสองห้องผม  เตี่ยทำประตูมีกุญแจล็อคแน่นหนา  ผมมีกุญแจพวงใหญ่ที่เตี่ยทิ้งไว้ให้  กับรายชื่อพนักงานที่เตี่ยแย่งตัวมาจากร้านยาใหญ่ ๆ ที่อื่นมาช่วยขายกับแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดร้านและหาข้าวให้กินอีก  2  คน
   
คนขับรถหิ้วกระเป๋าไปเก็บ  ผมยืนส่งเตี่ยเสร็จก็เดินเข้าร้าน  ปิดร้านเรียบร้อยก็ลากขาขึ้นชั้นสอง  อาบน้ำเสร็จล้มตัวลงนอน  หลับง่ายเพราะความเพลียจากการนั่งรถนาน ๆ  ตื่นแต่เช้าเพราะเตี่ยโทรมาปลุก  อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงมาเปิดร้านที่เวลา  06.00  น...เช้าเหี้ยเหี้ย  ถอนหายใจยาวแล้วหยิบไม้กวาดมากวาดพื้น  เปิดลิ้นชักเก็บเงินแล้วลงมือนับเงิน  นับเหรียญสิบได้  240  ก็เงยหน้ามองตามเสียงดึงประตูเหล็กเปิดของฝั่งตรงข้าม

ผู้ชายตัวเล็ก  ผิวขาวจั๊วะ  ขาวกว่าผมที่มีเชื้อจีนซะอีก ผิวขาวตัดกับดวงตาสีดำ  และริมฝีปากสีชมพูซีดดูโดดเด่น  ยืนหาวหวอดอยู่ในร้านขายทอง   เสื้อยืดสีขาวคอย้วยกับกางเกงผ้ายืด  เท้าเปล่าเดินไปมาเหมือนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดึงดูดสายตาผมให้นิ่งมอง  แขนเรียวยื่นมือจับไม้ขนไก่  ปัดไปมาที่ตู้โชว์ทอง  ผมนิ่งมองจนเด็กร้านทองเดินมาปัดกระจกหน้าร้าน  รีบก้มหน้านับเงินที่นับค้างไว้..เท่าไหร่แล้ววะ?

ถอนหายใจแล้วยิ้มให้เหรียญสิบที่ลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่นับไปได้เท่าไหร่แล้วลงมือนับใหม่ก่อนลูกจ้างจะมา  นับเงินในลิ้นชักครบแล้วจดลงสมุดบัญชีที่เตี่ยเตรียมไว้ให้  พักใหญ่แม่บ้านทำความสะอาดที่เตี่ยบอกไว้ก็มาทำความสะอาดร้าน  ปล่อยให้แม่บ้านทำความสะอาดและถามว่ามีอะไรมาให้กิน  กับข้าวที่อยู่ในถุงมันก็พอกินได้  ปล่อยแม่บ้านเตรียมข้าว  ปัดกวาดร้าน  ผมก็นั่งดูโน่นดูนี่  นึกขึ้นได้ว่าเด็กร้านทองน่ารักจะยังอยู่รึเปล่าก็รีบหันไปมองผ่านกระจกร้านทองทันที 

ป้าแก่ ๆ คนหนึ่งกับเด็กผู้หญิงนั่งหน้ามึนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้านทอง  มีตำรวจนั่งอยู่ตรงโซฟายาว  2  คน  เด็กน่ารักของผมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้  แม่บ้านเรียกให้ไปกินข้าวก็เดินไปกิน  ระหว่างกินพนักงานที่เตี่ยจ้างก็เดินเข้ามาตอกบัตรทำงาน  พนักงานแนะนำตัวกับผมแล้วขอไปทำงาน  ผมนั่งกินข้าวต่อจนอิ่ม  แปรงฟันแล้วเดินออกมาหน้าร้าน  นั่งมองลุกค้าที่ทยอยเข้าร้านมาซื้อยา  ผมชอบที่ไม่ต้องมานั่งฟังการต่อรองราคาของเหมือนขายอย่างอื่น  ลูกค้าบางคนก็มาซื้อแค่ยาแก้ปวดหัว  แต่เวลาจ่ายเงินกลับอยากเป็นโรคนั้นโรคนี้..เยอะนะ

“เมื่อเช้าปวดหัวมาก  ปวดทนไม่ไหวเลยต้องมาซื้อยา  แต่ตอนนี้ใจเต้นแรงแล้วก็หน้ามืดด้วย  กินยาอะไรดีอ่ะ”  เงยหน้าจากลิ้นชักเก็บเงิน  สบตากลมโตของผู้หญิงผมยาวแล้วยิ้มบาง

“ผมไม่ใช่หมอครับ  เดี่ยวผมถามคนที่รู้ให้..”  ชะโงกหน้าไปมองหนึ่งในพนักงานขายแล้วกำลังจะตะโกนบอกอาการ   ผู้หญิงคนนั้นรีบยื่นมือมาโบกตรงหน้า  ยิ้มกว้างให้ผมแล้วกระซิบว่าไม่ต้องถาม..หายแล้ว  ยกยิ้มมุมปากแล้วประสานมือวางบนโต๊ะ  จ้องตาผู้หญิงคนนั้นนิ่ง  ตากลมโตมองผมตอบนานก่อนเบือนหลบ  มองส่งแผ่นหลังผู้หญิงคนนั้นจนหายไปทางปากซอย  นั่งเปิดลิ้นชักเงินเข้าออกทอนเงินให้ลูกค้าจนบ่าย  ท้องร้องจ๊อก ๆ ประท้วงว่าหิว  แต่ผมกลับมองข้ามความหิว  สนใจแต่เรื่องเงินทองของร้านขายยาของตัวเอง

“คุณศศินไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันไหมคะ?”  ยิ้มบางให้พี่พนักงานแล้วส่ายหน้าตอบ  บอกพี่พนักงานให้ไปกินข้าวพร้อมกันได้เลย  ผมจะปิดร้านจนหมดเวลาพัก  เดินออกปิดร้าน  ไม่ลืมแขวนป้ายพนักงานพักกินข้าวไว้ที่ประตู  เข้ามานั่งกินข้าวหลังร้านแล้วเดินเอื่อยขึ้นชั้นบน  หิ้วแลปทอปลงมาเช็คเฟสพักเดียวพนักงานก็กลับมาทำงาน  ยิ้ม ๆ กับความเกรงใจผมของพี่พนักงาน

“พรุ่งนี้กินข้าวเที่ยงพร้อมผมที่ร้านก็ได้  พี่จะได้ไม่ต้องรีบไปรีบกลับ”  พี่พนักงานมองหน้ากันไปมาแล้วยิ้มตอบผม  สรุปพรุ่งนี้ผมมีเพื่อนกินข้าวเที่ยงแล้วครับ  นั่งที่เดิม  เล่นเฟส  ทอนเงินไปด้วย  เผลอแป๊บเดียวก็  5  โมงเย็น  พี่พนักงานตอกบัตรกลับบ้านและลาผมกลับบ้าน 

รับโทรศัพท์ที่มีชื่อพี่พลโชว์หน้าจอ..

“ครับ..คืนนี้เหรอพี่  ได้ครับ  ครับ”  คืนนี้พี่พลชวนผมไปเป็นเพื่อนอวยพรเปิดร้านใหม่ของเพื่อนแฟน  วางหูแล้วบอกแม่บ้านว่าเย็นนี้ผมจะไปเดินในตลาดหากับข้าวเย็นกินเอง  แม่บ้านเลยทำความสะอาดร้านและล้างจานแล้วก็กลับ  ผมล็อคร้านแล้วเดินมาดูข้าวกลับไปกินที่ร้าน  ออกมาก็เหลือบมองร้านทอง  ร้านปิดตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ครับ  เดินทอดน่องรับลมเย็น ๆ หาของกินในตลาด  ได้ขนมจีนมากินฟรีชุดใหญ่  คนเขามีน้ำใจผมก็รับไว้  ตอนแรกผมไม่รับ  เขาบอกเหลือขก็ต้องทิ้งอยู่แล้ว..ก็เลยต้องหิ้วกลับมากิน  ได้ซาหริ่มน้ำกะทิกับเป๊บซี่กระป๋องติดมือเข้าร้านมานั่งกิน  กินเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวรอพี่พล 

“ไอ้เสือ  หล่อขึ้นนี่หว่า  เป็นไงบ้าง..พี่ไม่เจอเรากี่ปีแล้ววะ?”  ยิ้มแล้วยกมือไหว้พี่พลแล้วคุยกันพักใหญ่  ผมอยู่โรงเรียนกินนอน  ไม่ค่อยได้เจอหน้าพี่น้องมากเท่าไหร่  เพ่งมองรอยสักลายดาว  5  แฉกที่ตีนผมหลังหูพี่พล  เจ้าตัวยิ้มมุมปาก  พับแขนเสื้อขึ้นโชว์รอยสักที่ไปสักมาก่อนเจ้าดาว  5  แฉกที่ผมจ้อง  ผมมองลายกราฟิกสวย ๆ แล้วเอ่ยชม  มันสวยแล้วก็เท่มากครับ

“ไปลบที่หลังออกแล้วมีแผลเป็นรึเปล่าไอ้เสือ?”  ยกยิ้มมุมปากตอบแล้วพยักหน้ารับ  ผมเคยสักเสือกลางหลังตอนอายุ  15  พี่พลเลยเรียกผมเล่น ๆ ว่าไอ้เสือ  พอเข้ามัธยมปลาย  เตี่ยก็ให้ย้ายไปเรียนอีกที่  โรงเรียนบังคับให้ลบรอยสักทิ้ง  ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว  เตี่ยพาไปลบแถวคลินิกเพื่อนเตี่ย  ลบเจ็บกว่าสักครับ  ตอนนี้ก็ยังมีแผลเป็นที่หลังหลงเหลืออยู่  ถ้าเรียนจบก็คงไปสักทับรอยแผลเป็นล่ะครับ

“เตี่ยให้อยู่จนถึงเปิดเทอมใช่มั้ย?  เย็น ๆ พี่มาอยู่เป็นเพื่อนนะ”  ยิ้มแล้วบอกไม่เป็นไร  พี่พลน่าจะอยากอยู่กับแฟนมากกว่าน้อง  ออกจากร้านก็ปิดให้เรียบร้อย  ไปรับแฟนพี่พลเสร็จก็ตรงไปที่ร้าน  แฟนพี่พลชื่อพี่ตั้ม  หน้าตาน่ารักดี  เหมือนมีเชื้อฝรั่งด้วย  เพราะนัยน์ตาสีน้ำตาลกับผิวขาว ๆ มันบ่งบอกชาติพันธุ์ที่ผสมอยู่ในตัว  แวะซื้อเหล้าติดมือไปอวยพรเพื่อนพี่ตั้ม  ขับตรงไปที่ร้านอาหารที่เหมาทั้งร้านเลี้ยงฉลองเปิดร้านวันแรกของเพื่อนพี่ตั้ม  จอดรถเสร็จพี่ตั้มก็โทรหาเพื่อน  แป๊บเดียวก็มีเพื่อนพี่ตั้มเดินออกมารับ  ยกมือไหว้แนะนำตัวเสร็จก็เดินเข้าไปในร้าน  เปิดประตูเข้าไปก็เจอเสียงเพลงอึกทึกต้อนรับพวกผมทันที  พี่ตั้มเดินจับมือพี่พลเข้าไปข้างใน  แขกเพื่อนพี่ตั้มเยอะมาก  ยืนเต้นจนเต็มทั้ง  2  ชั้น  เพื่อนพี่ตั้มพาเดินฝ่าคนไปหาเพื่อนเจ้าของงานเลี้ยงที่ชั้น  2  ผมโดนจับมือ  ลูบหลัง  แตะเอวจนมั่วไปหมด  คนเยอะผมก็ไม่อยากเอาเรื่อง  ดูแล้วก็คงจะเมากันแล้วทั้งนั้น

“ห้องนี้แหละ..กูไปกินต่อข้างล่างนะ  โต๊ะในสุดทางซ้ายนะไอ้ตั้ม  ให้เหล้าเสร็จก็ตามมานะเว้ย”  พี่ตั้มพยักหน้าแล้วหันมามองผมให้เข้าไปพร้อมกัน  ผมส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วยืนรอข้างนอกห้องใหญ่  พี่พลหยิบแก้วเหล้าจากพนักงานที่เดินผ่านมายื่นให้ผม  รับมาแล้วเดินไปยืนตรงทางลงชั้น  2  รอ  พี่พลกับพี่ตั้มเดินเข้าห้องไปก็หันไปมองแขกที่ยืนเต้นอยู่รอบร้าน  ยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก  ปลายลิ้นรับรสขมของบรั่นดี  หันมองคนที่เดินเข้ามาเบียด  ผู้หญิงหน้าเรียว  ตาคม  ผมยาวยืนชิดจนแขนผมสัมผัสกับหน้าอกนิ่ม  ก้มหน้าลงฟังเสียงกระซิบข้างหู..ชวนไปต่อหลังเลิกนี่เอง

“ผมมากับพี่..คงกลับกับคุณไม่ได้  ขอโทษครับ”  ตอบแล้วยิ้มบางส่งให้  เบือนหน้าไปมองคนที่เต้นข้างล่างแทนหน้าเรียว  พี่พลเดินออกมากอดคอให้ลงไปนั่งโต๊ะเพื่อนพี่ตั้มข้างล่าง 

“โดนจีบเหรอ?”  ยิ้มมุมปากตอบพี่พลแล้วฝ่าคนไปที่โต๊ะเพื่อนพี่ตั้ม  ถามหาพี่ตั้ม  พี่พลก็ตะโกนบอกว่าเดี๋ยวลงมาพร้อมเพื่อน  พยักหน้ารับแล้วรับแก้วเหล้าจากเพื่อนพี่ตั้ม  เพื่อนพี่ตั้มทุกคนน่ารักดีครับ  เข้ามาชนแก้วแล้วก็คุยกับผมทุกคน  ยืนโยกไปตามจังหวะเพลง  หันหลังไปมองคนที่เต้นมาชน  ก้มหัวรับคำขอโทษแล้วยิ้มบางให้  ผู้ชายคนนั้นยกแก้วเหล้าชนกับผม  ตะโกนถามว่าชื่ออะไร  พี่พลเดินเข้ามากอดคอผมให้หันกลับมาที่โต๊ะ  ชนเหล้ากับเพื่อนพี่พลจนลืมว่าผู้ชายคนนั้นถามชื่อผมค้างไว้  หันไปก็ไม่เจอแล้วครับ

“ไปห้องน้ำนะพี่”  พี่พลพยักหน้าแล้วกอดคอผมดึงเข้ามากระซิบให้ระวังคนจีบ  พยักหน้าแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ  เดินเบียดฝ่าคนไปเข้าห้องน้ำ  โชคดีที่ไปถึงก็มีโถว่างพอดี  ยืนทำธุระเสร็จก็มาล้างมือที่อ่างล้างหน้า  สะบัดมือแล้วเงยหน้ามองกระจกสำรวจหน้าตาตัวเอง  ตาสีน้ำตาลเข้มของตัวเองก็สบกับดวงตาสีดำที่เห็นในร้านทองเข้าพอดี  เด็กร้านทองกะพริบตาปริบแล้วก้มหน้าสะบัดมือที่อ่างล้างหน้า  ยืนนิ่งให้ผมมองหน้าด้านข้างแล้วหันหลังเดินไปทางประตูห้องน้ำ  ผมรีบวิ่งไปขวางแล้วมองหน้าเล็กนั่นให้เต็มตา

“..ผมเห็นคุณในร้านขายทองที่ตลาด  คุณทำงานที่นั่นเหรอ?”  เปิดประเด็นแล้วรอคำตอบ  เด็กร้านทองก้มหน้าลงจนคางชิดหน้าอก  พอผมก้มมองหน้าชัด ๆ เจ้าตัวก็ยกมือขึ้นมาถูปลายจมูก ตอบเสียงเบา.. 

“อืม..แล้ว..นายขายยาร้านนั้นเหรอ?”  ยิ้มกว้างที่อีกฝ่ายก็มองผมอยู่เหมือนกัน  กลิ่นฉุนจากห้องน้ำทำให้ผมกับเด็กร้านทองไม่สามารถทนคุยกันได้นานกว่านี้  เปิดประตูแล้วให้เด็กร้านทองเดินนำออกมา  ก้มกระซิบชวนไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะ  เดินฝ่าคนออกมาก็มีคนทักเด็กร้านทองกันเยอะไปหมด..

“เพื่อนเยอะจัง”  ก้มกระซิบข้างหูหลังจากเด็กร้านทองที่ชื่อ  ‘ภัทร’  รับแก้วเหล้าจากเพื่อนมาจิบ  ภัทรเงยหน้ามามองผมนิดหน่อย  ส่งแก้วเหล้าคืนเพื่อนแล้วหันมามองผมเต็มตัว  คนข้างหลังภัทรเต้นเบียดจนภัทรเซมาหาผม  จับแขนเล็กแล้วดึงเข้าหาตัว  พาเดินเลี่ยงมาอยู่ฝั่งใน  จับให้หันหลังชนผนังแล้วผมยืนกั้นคนให้  หยิบแก้วเหล้าที่เด็กเดินเสิร์ฟมาเผื่อภัทรด้วยแก้วหนึ่ง  ยื่นแก้วให้แล้วมองตาสวยนิ่ง

ภัทรยืนพิงผนัง  เงยหน้าสบตาผม รอยยิ้มน้อย ๆ ประดับใบหน้าเรียวเล็กตลอดเวลา  ทำให้คนมองอย่างผมอดยิ้มตามไม่ได้  ภัทรยิ้มกว้างตอบ  อวดรอยยิ้มเล็ก ๆ ข้างแก้มซ้าย  ผมก้มลงกระซิบถาม..

“ยิ้มอะไร?..”  ภัทรยิ่งยิ้มกว้างกว่าเก่า  ผมเอียงคอทำหน้าสงสัยเจ้าตัวก็หัวเราะชอบใจ  มองรอยยิ้มข้างแก้มแล้วยิ้มบางกับความน่ารักของภัทร  ผมมองหน้าภัทรนานจนเจ้าตัวเลิกขำ  ดวงตาสีดำเป็นประกายพราว  แก้มขาวซับสีชมพูแข่งกับริมฝีปาก  ยิ่งมองยิ่งอยากสัมผัส   ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม  อยากเห็นประกายจากดวงตาสวยใกล้ ๆ ..ใกล้กว่านี้  ภัทรหลับตาลงเมื่อผมยื่นปลายจมูกหอมที่แก้มใส  สูดกลิ่นแป้งเด็กที่ติดผิวแก้มเบา ๆ  เลื่อนปลายจมูกไปตามโครงหน้า   ริมฝีปากจูบเบาๆ ที่สันจมูกโด่ง  ลากลงมาช้า ๆ  แตะหน้าผากกับหน้าผากเนียน  สบตาสีดำก่อนดวงตาคู่นั้นจะหลับลงอีกครั้ง..

แตะริมฝีปากจูบริมฝีปากล่างช้า ๆ ไล้ริมฝีปากชิมจนถึงริมฝีปากบนของคนตรงหน้า  ค่อยๆ เลาะเล็มชิมกลีบปากนิ่ม  เก็บทุกความหวานซึมซับลงในใจ  ริมฝีปากสีชมพูซีดเผยอออกเมื่อผมจูบแรงขึ้น   แทรกปลายลิ้นแตะทักทายปลายลิ้นเล็กเบา ๆ  เกี่ยวขึ้นมาดูดชิมความหวานแล้วค่อย ๆ แทรกเข้าไป..ลึกมากขึ้น..เรื่อย ๆ

“อืออ..”  ภัทรเบี่ยงหน้าหนีขออากาศหายใจเมื่อผมจูบลึกและนานขึ้น  ผละออกมามองริมฝีปากสีชมพูที่เข้มขึ้นแล้วจูบเบา ๆ  ซับความชื้น  เกลี่ยริมฝีปากสวยด้วยปลายนิ้วแล้วยิ้มบางให้  ดวงตาสีดำหลุบมองคอเสื้อผมแล้วเอนตัวเข้ามากอดหลวม ๆ  กอดตอบอ่อนโยนแล้วก้มหอมขมับชื้นเหงื่อ  โทรศัพท์ในกางเกงภัทรสั่นจนผมรู้สึกได้  ก้มกระซิบถามข้างหู

“ไม่รับเหรอ?..”  ภัทรเงยหน้ามามองตาผมแล้วส่ายหน้าจนผมปลิว  ยิ้มให้แล้วกดปลายจมูกกับแก้มใส  กำลังจะจูบริมฝีปากสีชมพูที่ยิ้มรอ  โทรศัพท์ผมก็สั่นบ้าง  ล้วงออกมาขมวดคิ้วกับชื่อที่โทรเข้า  กดรับแล้วบอกว่าเดี๋ยวจะไปหาที่โต๊ะ  พี่พลตะโกนอะไรใส่หูบ้างก็ไม่รู้   เพลงมันดังผมฟังไม่รู้เรื่อง  วางหูแล้วหย่อนมือถือลงกระเป๋ากางเกง  ดึงภัทรเข้ามากอดแล้วกระซิบชวนไปนั่งที่โต๊ะด้วยกัน  ภัทรพยักหน้าแล้วกอดเอวผมเดินออกมาจากมุมมืด  ขายังก้าวไม่ถึงไหนไฟในร้านก็สว่างพรึ่บ  เบือนหน้าหลบแสงจ้าแล้วค่อย ๆ กะพริบตาปรับรับแสง  คนชุดดำหลายคนเดินตรงมาที่ผมกับภัทร  ดึงภัทรให้หลบข้างหลัง  ภัทรหัวเราะแล้วจับมือผมแน่นขึ้น  หันไปมองหน้าเล็กที่ก้มหน้าซ่อนยิ้มแบบงง ๆ

“คนของภัทรเอง”  เลิกคิ้วแล้วยิ้มตอบริมฝีปากสีชมพู  คนชุดดำเดินเข้ามาดึงภัทรออกจากข้างหลังผม  ภัทรทำหน้างงก่อนจะเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ

“อย่าเสียมารยาทกับแขกนะ”  คนชุดดำยืนนิ่งแล้วหันมามองผม..

“ที่นี่เป็นที่ของจักระ  ไม่ควรมีลมหายใจของ ‘เลาหเทวการ’ มาปะปน”  ผมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินนามสกุล ‘จักระ’  หันไปมองหน้าภัทรที่ไม่เข้าใจเหมือนผม  จักระเหรอ?  คนของภัทรกำลังพูดถึงเรื่องอะไร  อย่าให้เป็นเหมือนที่ผมกำลังคิด..ว่าภัทรเป็นคนของจักระ..  เดินเข้าไปจะคว้าแขนภัทรให้มากับผมก็โดนพี่พลมาขวางระหว่างผมกับชุดดำเอาไว้
.
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : น้ำแข็งใสกับชาไข่มุก 20/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 23-02-2015 11:55:12
.
.
.
.
.
“เรามาอวยพรเพื่อนของแฟนที่เพิ่งเปิดร้าน..ไม่นึกว่าจะเป็นจักระ  แต่ถึงเป็นจักระ  ระหว่างผมกับคุณภัทร  เราไม่เคยมีเรื่องหมางใจ  ใช่ไหม?..คุณภัทร  จักระ”  พี่พลเบี่ยงหน้ามากระซิบกับผมว่าภัทรเป็นคนสุดท้องของจักระ  ยืนนิ่งเหมือนเหมือนถูกสาป..เด็กร้านทองไม่ได้เป็นลูกจ้างที่ร้าน..แต่เป็นลูกชายคนเล็กของจักระต่างหาก  ดวงตาสีดำไหวระริกเมื่อรับรู้ว่าผมเองก็เป็นลูกชายเตี่ยเหมือนกัน  ผมกับภัทรยืนมองหน้ากันนาน..จนพี่พลลากแขนผมให้ออกมาจากร้าน  ขืนตัวไว้แล้วมองตาสีดำที่ตัดพ้อผม

เบือนหน้ากลับมามองพี่พลแล้วหันไปมองภัทรอีกครั้ง  ชุดดำเข้ามาบังจนมองไม่เห็นประกายความน้อยใจจากดวงตาสีดำที่ผมเพิ่ง..ตกหลุมรัก  พี่พลลากคอผมออกมาจากร้าน  ขับพาผมเข้าบ้านเตี่ย  พี่พลถามผมแค่สั้น ๆ

“เรากับภัทรเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้รึเปล่าตี๋..”  หันไปมองพี่พลที่จอดรถข้างทางรอคำตอบจากผม  เล่าให้ฟังทั้งหมดว่าผมเห็นภัทรเมื่อเช้าที่ร้านทองฝั่งตรงข้ามร้านเรา  ไม่เคยคุยกัน  ไม่เคยรู้จักกันมากกว่านั้น  มาเจอกันอีกทีก็ในร้านเมื่อกี้  แล้วผมก็ตกหลุมรักภัทรไปแล้ว..

“ผมจะทำยังไงพี่พล..ผม..ผมตกหลุมรักจักระคนเล็กเข้าเต็มเปาแล้วพี่...”  หลับตาแน่นหลังเอ่ยประโยคอัดอั้นจบ  เอนหัวซบกับกระจกรถ  ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้วะ?!  พี่พลนิ่งไปก่อนจะออกรถตรงเข้าบ้านเตี่ย  เตี่ยนั่งรออยู่แล้วที่โซฟาในห้องรับแขก  ผม  พี่พล  พี่ตั้มเดินเข้าไปยกมือไหว้เตี่ย  เตี่ยรับไหว้แล้วมองหน้าผมนิ่ง  ผมสบตาเตี่ยโดยไม่หลบ  เตี่ยให้พี่พลพาพี่ตั้มไปส่งบ้านก่อนแล้วให้ไปเฝ้าร้านขายยาแทนผม  คนขับรถของเตี่ยยื่นกุญแจสำรองอีกชุดให้พี่พลแล้วเดินดันหลังพี่พลออกไปที่รถ  เสียงรถของพี่พลแล่นออกจากบ้านไป  เตี่ยนั่งลงแล้วพยักหน้าให้ผมนั่งได้

“อาตี๋..เล่ามา..”  ผมสบตาเตี่ยแล้วเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น  เรื่องที่ผมรู้สึกดีกับภัทร..ผมก็ไม่คิดจะปิดเตี่ย  เล่าจบเตี่ยก็ถอนหายใจยาว  ผมหมดคำพูดและนั่งรอให้เตี่ยเป็นคนตัดสินใจเรื่องทั้งหมด  เตี่ยเอนหลังพิงพนักแล้วแหงนหน้ามองเพดาน  พักใหญ่ก็ละสายตาลงมามองหน้าผม  แล้วมองเลยผมที่รูปทวดที่ติดผนัง

“เลาหเทวการ  ทะเลาะกับ  จักระ  มานานกี่ชั่วอายุคนแล้วนะอาตี๋..เตี่ยเหนื่อยแล้วเหมือนกันว่ะ”  เตี่ยยิ้มหน่ายแล้วก้มมองมือตัวเอง  เงยหน้ามองผมก่อนจะยิ้มบาง  เอ่ยปากเล่าให้ฟังว่าเมื่อกลางวันเตี่ยพาอาม่าไปกินข้าวที่ภัตตาคารแถวเยาวราช  กินเสร็จก็กำลังจะกลับ  จักระคนพ่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนติดตาม  อาม่ายิ้มทักทายพ่อของภัทรแล้วขอบใจเรื่องที่พ่อของภัทรช่วยอาม่าตอนที่ล้มที่ลานออกกำลังกายแถวบ้าน  เตี่ยปั้นหน้าไม่ถูก  พอ ๆ กับพ่อของภัทรที่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้อาม่า  อาม่าไม่เคยสนใจเรื่องการทะเลาะกันของเลาหเทวการกับจักระ และไม่เคยรู้ว่าคนของจักระรุ่นพ่อ  หน้าตาเป็นอย่างไร   อาม่าชวนพ่อของภัทรไปออกกำลังกายพร้อมกัน  เมื่อเย็นเตี่ยกับจักระเลยต้องเล่นบทคนไม่เคยทะเลาะต่อหน้าอาม่า  แรก ๆ ก็ยังเก้ ๆ กัง ๆ  แต่พอเริ่มเปิดเผยแล้ว  เตี่ยก็รู้สึกว่า..การพูดจากันด้วยเหตุผล  มันดีกว่าการตั้งป้อมเป็นศัตรูกว่าหลายเท่า 

ผมได้แต่หวังว่า..ที่เตี่ยยอมเล่าให้ผมฟัง  มันจะมีนิมิตหมายที่ดีตามมาด้วย

คืนนั้นผมนอนที่บ้านเตี่ย  หลับไปตอนตี  5  ตื่นขึ้นมาเตี่ยก็ให้ผมแต่งตัวแล้วให้คนขับรถไปส่งที่ร้านขายยา  มาถึงตลาด  สายตาผมก็มองไปที่ร้านทองฝั่งตรงข้ามร้านผมทันที  มองร้านทองที่ติดป้ายขายห้องแล้วใจหาย  ภาพดวงตาสีดำกับหน้าตัดพ้อเมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัว  ปวดในอก..ลามมาถึงกระบอกตาจนต้องเงยหน้าขึ้น  ไล่น้ำตาให้ย้อนกลับทางเดิมก่อนผมจะกลายเป็นคนอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น  ลงจากรถเดินเข้าไปร้านขายยาของตัวเอง  พี่พนักงานยกมือไหว้ผมแล้วง่วนกับลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์   เดินตรงไปหาพี่พลที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทอนเงิน 

“พี่ผมขอคุยกับพี่ตั้มหน่อย”  พี่พลเงยหน้าจากลิ้นชักเงินมามองหน้าผม  ส่ายหน้าปรามแล้วเอ่ยเสียงเบา  ‘ภัทรหายตัวไป..ตั้มพยายามติดต่อแล้ว  เราทำอะไรไม่ได้แล้วไอ้เสือ’  เขม้นมองพี่พลแล้วส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ  พี่พลลุกขึ้นกอดแล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางออกให้อย่างเบามือ..

“ไม่เป็นไรไอ้เสือ..เดี๋ยวมันก็ผ่านไป  เราจะลืมมันได้เอง..”  กัดกรามแล้วหลับตาแน่น  กำหมัดข่มความเสียใจที่จะไม่มีวันได้กอดเจ้าของดวงตาสีดำอีกชั่วชีวิต  ความคิดก่อนนอนที่ว่า ‘เลาหเทวการ’  อาจจะญาติดีกับ ‘จักระ’  ได้ในรุ่นของเตี่ย..มันไม่มีวันเป็นจริง!

พี่พลไล่ให้ขึ้นมาสงบสติอารมณ์บนห้อง  ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้อง  ปล่อยน้ำตาให้ไหลไล่ความเสียใจออกให้หมด  ผมนั่งเหม่อปล่อยน้ำตารินนานจนแสงแดดจากภายนอกหายไป  ปาดน้ำตาทิ้งแล้วลุกไปล้างหน้าล้างตา  เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาข้างล่าง  พี่พลถือถาดข้าวเตรียมจะขึ้นไปหาผมที่ห้องพอดี  ยิ้มให้พี่พลจนตาปิดแล้วเดินลงมานั่งกินข้าวด้วยกัน  2  คน  กินข้าวเสร็จพี่พลก็ชวนผมคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ผมลืมเรื่องดวงตาสีดำของจักระคนสุดท้อง

คนที่ต่อให้ตาย..ผมก็ไม่มีทางลืม..

ผมไล่พี่พลให้กลับไปนอนที่โรงงานน้ำแข็ง  ผมอยู่คนเดียวได้  ถึงผมจะเป็นแค่เด็กอายุ  16  แต่ผมก็มีวิธีรักษาหัวใจตัวเอง  ไม่ปล่อยให้ตัวเองทำอะไรโง่ ๆ ให้พี่พลต้องกังวลใจ  ทุกวันที่ผ่านไป  ผมใช้มันอย่างเต็มที่ให้กับร้านขายยาของตัวเอง  ตื่นขึ้นมานับเงินและเช็คสต็อกยา  กินข้าวเที่ยงกับพี่พนักงาน  เย็นเดินตลาดหาอะไรกิน  หัวค่ำอยู่กับพี่พล  ดึกนั่งมองประตูเหล็กที่ปิดประกาศขายฝั่งตรงข้ามจนหลับ..ทุกวัน

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะนั่งทอนเงินที่โต๊ะ  พรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปรายงานตัวที่โรงเรียนและนั่นหมายถึง..ผมเปิดเทอมแล้ว  ไม่ต้องมานั่งขายยา  ไม่ต้องทอนเงินให้ลูกค้า  ไม่ต้อง..นั่งมองประตูเหล็กฝั่งตรงข้ามให้ปวดใจอีกต่อไป..

เงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนังแล้วลงบัญชีให้เรียบร้อย  ไหว้พี่พนักงานแล้วบอกเรื่องที่ผมจะมานั่งเป็นวันสุดท้าย  พรุ่งนี้และวันถัดไป   จะมีพี่พลสลับกับพี่น้ำ..พี่สาวคนรองมานั่งตรงนี้แทนผม  ปิดร้านแล้วเดินขึ้นมาเก็บของบนห้อง  ยกกระเป๋าลงมาข้างล่างรอเวลาที่พี่พลจะมารับไปบ้านเตี่ย 

วางกระเป๋าลงกับพื้นแล้วเดินออกมาหาอะไรกิน  รีบเดินกลับร้านเมื่อเห็นฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล  วิ่งกลับร้านแข่งกับฝนที่กำลังโปรยปราย  เปิดประตูร้านได้ก็ล็อคแน่นหนา  เปิดกระเป๋าค้นผ้าขนหนูมาเช็ดผม  เดินเข้าไปหยิบช้อนส้อมมากินข้าวผัดที่โต๊ะคิดเงินของตัวเอง  เปิดกล่องข้าวผัดทะเลกับเป๊บซี่กระป๋องกิน   เงยหน้ามองตามเสียงก๊อกแก๊กจากกระจกหน้าร้าน  ปล่อยช้อนร่วงจากมือเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าร้าน

สบตาสีดำที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกด้วยความรู้สึกหลากหลาย  ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตูเมื่อภัทรยกมือขึ้นกอดตัวเองเพราะฝนเริ่มตกหนักขึ้น  มองเท้าที่ซีดเพราะตากฝนนานของภัทรนิ่ง  ยื่นผ้าเช็ดตัวให้เช็ดตามเนื้อตัวแล้วเงยหน้ามองคนที่คิดถึงมาตลอด

ภัทรผอมลง  ขาวขึ้น  มือเล็กยื่นผ้าเช็ดตัวคืนผมหลังจากเช็ดหน้าแล้ว  รับมาแล้วมองหน้าภัทรเต็มตา  ริมฝีปากสีชมพูซีดเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยปากถามผมเสียงสั่น..

“ทำไมไม่ตามหา?..ทำไมคุณถึงอยู่ได้  คุณไม่เคยคิดถึง..ผมเลย”  สบตาสีดำที่รื้นน้ำตา  ไหล่เล็กสั่น  ใจผมปวดเมื่อเห็นภัทรเจ็บ  ก้าวเท้าออกไปหาแล้วยื่นมือไปจับมือเล็ก  มือเรียวปัดมือผมทิ้ง

“ทำไมผมต้องเป็นบ้าอยู่คนเดียวด้วย!”  ภัทรตะโกนใส่หน้าผม  น้ำตาไหลพราก  ผมกอดไว้แน่นเพราะภัทรดิ้น  ปวดแขนเพราะภัทรฝังเขี้ยวลงไปจมเขี้ยว  ยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งรัดให้แน่นขึ้น  ล้มลงไปนั่งกับพื้นทั้งคู่  ภัทรร้องไห้แล้วก็ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดผม  เจ็บแต่ต้องทน  ถ้าผมปล่อยมือ..คนคนนี้จะต้องหายไปจากผมตลอดกาล

“..ผมคิดถึงภัทร  ผมไม่รู้จะเริ่มตามหาภัทรจากตรงไหน  พี่ตั้มก็ติดต่อภัทรไม่ได้  ผมปวดในนี้ทุกครั้งที่คิดถึงภัทร..ถ้าภัทรบ้า  ผมคงบ้าก่อนภัทร  บ้าตั้งแต่วันที่เดินออกจากร้านนั้น..”  ภัทรหยุดดิ้นแล้วนั่งร้องไห้เงียบ ๆ ในอ้อมแขนผม  กอดคนตรงหน้าแล้วลูบหลังปลอบให้หยุดร้อง  กว่าภัทรจะหยุดร้องไห้ฝนก็หยุดตกพอดี

บิดไหล่เล็กให้หันมาเผชิญหน้า  เช็ดน้ำตาให้แล้วดึงชายเสื้อตัวเองมาให้ภัทรเช็ดน้ำมูก  ภัทรเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่แยกกับผมที่งานเลี้ยง  พ่อภัทรก็ส่งภัทรให้ไปอยู่กับป้าที่เชียงใหม่  ยึดโทรศัพท์  ตัดช่องทางการสื่อสารทั้งหมด  ให้อยู่บ้านพักตากอากาศบนดอยกับลูกน้องของพ่อที่คอยเฝ้าไว้ตลอดเวลา  นั่งกินข้าวก็ร้องไห้   นอนก็ร้องไห้  จนเช้าวันนี้  เตี่ยกับพ่อของภัทรขับรถมารับภัทรกลับมาส่งให้ผมที่ร้าน  ยิ่งมาเห็นผมนั่งกินข้าวไม่สะทกสะท้านก็ยิ่งอยากร้องไห้

“ทำไมอ่ะ..ทำไมเห็นผมแล้วไม่ดีใจ  ทำไมต้องทำหน้าเหมือนเห็นผี!”  ย่นคิ้วแล้วมองหน้าเล็กเปื้อนน้ำตาโวยวายใส่  ยิ้มบางแล้วดึงเข้ามากอดไว้หลวม ๆ ลูบหลังจนภัทรสงบอีกครั้ง

ก้มมองหน้างอแล้วประคองหน้าขึ้นมาสบตา  ยื่นปลายจมูกแตะที่ปลายคางมน  ไล่หอมหน้าจนทั่ว  ริมฝีปากกระซิบว่าผมรักภัทรแค่ไหน  คิดถึงมากเท่าไร  จูบผะแผ่วที่ริมฝีปากแล้วไล้ปลายลิ้นตามกลีบปากสีชมพูซีด  แทรกปลายลิ้นเข้าไปดูดความหวาน..ชิมจนเสียงเคาะกระจกหน้าร้านดัง  ผละออกมามองคนที่เคาะก่อนจะรีบเช็ดริมฝีปากให้ภัทรแล้วดึงมือให้ลุกขึ้นยืน

“..พ่อยอมให้คบ  แต่ไม่ได้หมายความว่าภัทรจะปล่อยให้เขาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าพ่อได้นะ  กลับบ้าน..พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยกันขายของ”  ผมยกมือไหว้พ่อภัทรและบอกว่าผมจะดูแลภัทรให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำให้ได้  พ่อภัทรมองหน้าผมแล้วยกยิ้มมุมปาก  หันไปปรายตามองเตี่ยที่ตีหน้าเฉยก่อนจะเดินออกจากร้านไปรอที่รถ  เตี่ยเข้ามาตบไหล่ผมแล้วยิ้มให้ภัทร  แล้วเดินกลับไปรอที่รถกับพ่อภัทร  ผมเดินไปส่งภัทรที่รถ  มองส่งจนลับตา  กลับเข้ามาในร้านก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะพรุ่งนี้ผมต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียนนี่หว่า..ช่างมันเถอะ

ขึ้นไปอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอน  หลับสนิทในเวลาไม่นานเพราะไม่มีเรื่องให้ต้องเครียดอีกแล้ว

ใครจะไปรู้ว่าที่พ่อภัทรยอมยกภัทรให้ผมเพราะเตี่ยรับปากว่าจะเลิกหาเรื่องจักระก่อน   

แล้วใครจะคิดว่าภัทรจะตามผมไปเรียนที่เดียวกัน  ใช้ชีวิต ม.ปลายด้วยกันจนเรียนจบ  ไม่มีโศกนาฏกรรมให้สูญเสียเหมือนบทประพันธ์เรื่องดังของเชคสเปียร์ที่มีต้นตอคล้ายผมกับภัทร  นวนิยายที่มีแต่ความสูญเสีย  เพราะความหมางใจของผู้ใหญ่ที่ส่งผลให้ลูกหลานต้องรับผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  แต่..มันใช้ไม่ได้กับชีวิตจริงของตระกูลผมกับภัทร 

ผมกับภัทรเป็นตำนานใหม่ของเรื่องนี้ครับ..







..โรมิโอร้านขายยากับจูเลียตร้านทอง..

END.


.................................


กอดรวบ! บวกเรียบ!
เกิน 20,000  อักษรเสียได้  เลยต้องหั่นครึ่งมาลงเป็น  2  ท่อน ^^
วันนี้ชิลมากค่ะ  ตอนแรกจะถูกส่งไปประชุม  บังเอิญมีงานด่วนเข้ามาก่อนเลยไม่ต้องไป  ได้นั่งหน้าคอมพ์สบาย ๆ คึคึคึ
คุณ sirin_chadada  ใช่ค่ะ  น่ารักทุกคู่เลย  จิแอบลำเอียงชอบบางคู่มากกว่านิด ๆ (มากกว่าเท่าปลายเล็บที่ตัดแล้ว)  ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเหมือนกันนะคะ ^^
คุณ seaz  ไปเปิดร้านชา..ไปด้วยกันค่ะ!  จิเพิ่งถูกหวยงวดที่แล้วได้เงินมาก้อนนึง(หักทุนแล้วเหลือ  1,500)  พอซื้อของอยู่นะคะ  แล้วงวดหน้าเราค่อยมาซื้อของเพิ่ม  จิกะจะถูกมันทุกงวดล่ะค่ะ555
คุณ nekko  ต้องลิ้นจี่ปั่นใส่ฟรุตสลัดค่ะ  ชื่นใจมั่กๆ  ส่วนพี่เรย์น้องสอง  จิยังไม่มีเวลานั่งเทียนจิ้นต่อจากของเดิมเลยค่ะ  สงสัยต้องเอาไฟมาลนขนตูดตัวเองก่อน  คึคึ
คุณ KKKwanGGG  จิก็ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ  จิชอบทุกคู่แต่ก็รักมากกว่านิด ๆ (เป็นหนึ่งในไม่กี่คู่ที่จิรักลำเอียง)  ชื่อตอน burn  เจ้าเต็มกับโอม คู่รัก SM  ถูกแล้วค่ะ ^^ 
 :pig4: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:โรมิโอร้านขายยากับจูเลียตร้านทอง 23/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 23-02-2015 19:12:08
ดีมากๆๆที่สมหวัง  :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:โรมิโอร้านขายยากับจูเลียตร้านทอง 23/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 24-02-2015 15:01:05
ขอบคุณคุณพ่อที่ยอมญาติดีกันเปิดทางให้เด็กๆ ได้รักกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:โรมิโอร้านขายยากับจูเลียตร้านทอง 23/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 01-03-2015 13:11:53
น่ารักดีค่ะ... จีบกันมุ้งมิ้งมากทุกคุ่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:โรมิโอร้านขายยากับจูเลียตร้านทอง 23/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 02-03-2015 15:44:47
แอบ..รัก


ฝนลงเม็ดโปรยปรายลงมาจากฟ้า  ไหลลู่ลงมาตามกระจกใสเป็นริ้วสวย  เหม่อมองความเหงาจากสายฝนที่ผืนฟ้าส่งมาให้ถึงบ้าน  นอนคุดอยู่ในผ้านวมผืนใหญ่  สองมือลูบแขนตัวเองให้คลายความเหงาที่เกาะกินหัวใจ  ผงกหัวขึ้นไปมองโทรศัพท์บ้านที่ส่งเสียงแผดลั่น   กระชับผ้านวมให้ห่อหุ้มตัวคลายหนาว  คลานเข่าไปรับโทรศัพท์เพราะไม่อยากได้ยินเสียงดังลั่นของมัน

“สวัสดีครับ..อือ  พรุ่งนี้กูต้องไปนั่งขายพริกแกงที่ตลาด  ถ้าวันนี้ก็ต้องตอนเย็น ๆ  หือ?  ฝนตกครับไอ้สัตว์!..เอ้ยยย จริงอ่ะ!  เต๊นท์..เต๊นท์!..”  วางหูโทรศัพท์แล้วรีบดึงผ้านวมที่ห่อตัวเหมือนข้าวห่อสาหร่ายมาพับ  วิ่งขึ้นห้องเอาไปโยนไว้บนเตียง  รวบกองเสื้อผ้า  กางเกงใน  ใส่ตะกร้าเสื้อผ้า   หมุนตัวมองรอบห้องแล้วเซ็งกับความมักง่ายของตัวเอง  ถอนหายใจทิ้งแล้วกลั้นใจเก็บกระดาษทิชชู่ที่มีคราบสีเหลือง ๆ ติดเป็นดวง ๆ ใส่ถังขยะ  เร่งมือเก็บซีดีหนังโป๊และเก็บกวาดห้องนอนให้ดูเรียบร้อย..ก็เท่าที่จะพอทำได้ล่ะนะ

หยิบมือถือที่สั่นตรงหัวเตียงมากดทิ้ง  วิ่งลงไปชั้นล่างเหมือนหนีไฟไหม้  ยิ้มกว้างต้อนรับเพื่อนที่บอกว่าจะมาหา  ตอนแรกมันจะให้ผมไปหามันตอนนี้  แต่ฝนมันตกหนักก็เลยบอกเชิงปฏิเสธกับมัน  มันที่อยากเจอผมมากก็เลยออกปากเองว่าเดี๋ยวจะฝ่าฝนกระหน่ำมาหาผมที่บ้าน  เพราะถ้ารอเจอผมในวันพรุ่งนี้ผมก็ไม่ว่าง  ต้องไปนั่งขายพริกแกงที่ตลาดแทนแม่  แม่ผมกับผมไม่ค่อยได้เจอหน้ากันครับ  แม่เป็นแม่ค้าที่ไม่ได้ขายพริกแกงเพียงอย่างเดียว  เล่นแชร์กับแผงพริกแกงและของแห้งในตลาดทั้งหมด  แน่นอนว่าแม่ผมต้องเป็นเท้าแชร์เองด้วย  ทำให้แม่ต้องทุ่มเทเวลาในการเก็บเงินลูกแชร์จนบางครั้งก็ลืมว่ามีลูกชายหล่อลากอยู่  1  คนอยู่ที่บ้าน  อ้อ..มีอีกคนเรียนที่ต่างจังหวัดอยู่กับพ่อด้วยครับ  พ่อกับแม่เลิกกันก็เลยแบ่งลูกกันไปเลี้ยงด้วย..ตามสูตรเป๊ะ! 

มองหน้าเรียว  ตา  2  ชั้นสีน้ำตาลอ่อน  จมูกนิด  ปากแดงหน่อย  และรอยยิ้มกว้างตอบของมันที่โผล่ออกมาจากเสื้อกันฝนด้วยความสุข  ยื่นมือรับเสื้อกันฝนเปียกน้ำทั้งตัวของมันมาผึ่งหลังบ้าน  หันไปมองเพื่อนรักที่นั่งลงกับธรณีประตูปล้ำถอดรองเท้ายางกันน้ำสีดำที่ไม่น่าจะใช่ของตัวเองแล้วรีบเดินย้อนไปช่วยดึงออกจากส้นตีนมัน

“ไม่ใส่แตะธรรมดาวะไอ้เต๊นท์..มึงเอาของใครมาใส่เนี่ย?!  ถอดยากฉิบหาย”  เพื่อนรักทำหน้าเบี้ยวเมื่อผมช่วยดึงรองเท้าออกเท้ามันสำเร็จ  มันนวดส้นเท้าไปด้วยแล้วบอกผมหงุงหงิง

“เราขอยืมของพี่ติ๊กมาใส่  แต่ตีนพี่ติ๊กเล็กกว่าเรา  มันก็เลย..”  มองตาสีน้ำตาลกับหน้าสำนึกผิดของมันแล้วพูดไม่ออกครับ  ส่ายหน้าปลงแล้วถอนหายใจยาว  เดินนำเข้าบ้าน  มันก็เดินตามเหมือนหมาตามเจ้าของ..

ถ้าเป็นงั้นจริงก็ดีสิ..ผมอยากเป็นเจ้าของมันจนจะคลั่งตายอยู่แล้ว!!!

มันไม่รู้หรอกว่าผมคิดไม่ซื่อกับมันมาตั้งแต่เนียนเป็นเพื่อนกับมันตอน  ม.4  แล้ว  มันซื่อแล้วก็โง่กับเรื่องพรรค์นี้ใส่ผมมาก..โง่จนผมจะทำโล่ให้ด้วยใจภักดิ์  ผมเอาใจ  ดูแล  เทคแคร์มันทุกอย่างจนเพื่อนในโรงเรียนรู้กันหมดว่าผมชอบมัน  แต่มัน..มันไม่รู้เหี้ยอะไรสักอย่าง!   

มันป๊อบมากในหมู่เกย์ครับ  ด้วยรูปร่าง  หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ไม่แปลกที่จะมีคนเข้าหามันยิ่งกว่าแมลงวันตอมขี้แมลงหวี่ตอมหน้า  เพื่อนในกลุ่มคอยกันให้ประจำ  มันน่ะรู้แล้วก็รับมือกับคนที่เข้ามาหาแบบแมนเต็มร้อย   ปฏิเสธหรือตอบรับชัดเจน 

แต่กับผม..มันยิ้ม  หัวเราะและฮากับการพยายามของผมทุกครั้ง 

แรกเริ่มตอนเนียนเทพมาเป็นเพื่อนผมก็พูดจาเสนาะหู  นานวันเข้าความเพราะพริ้งเพราเหล่านั้นผมก็โยนทิ้งไป  หลงเหลือเพียงความดิบหยาบถ่อยเถื่อน  แต่ก็ยังคงความอ่อนโยนให้มันเสมอต้นเสมอปลาย  ทุกวันนี้เพื่อนในกลุ่มมันกับผมก็ยังเชียร์ให้ผมกดมันอยู่นะครับ  แต่ก็นะ..ตบมือข้างเดียวมันก็มีแต่เสียง ‘วืด’  ตอบกลับมาเท่านั้น  ผมเห็นรอยยิ้มสดใสของมันที่ส่งมาให้แล้ว..อยากกู่ร้องตะโกนก้องว่ากูไม่ได้คิดเล่น ๆ กับมึงนะไอ้เหี้ยเต๊นท์!  กูชอบมึงงงงงงงงง~

ท้อก็ท้อ  เซ็งก็เซ็ง  แต่จะถอยมันก็ยากจะทำได้  มันน่ารักน่าหลงมากสำหรับผม  คอยมองหา  จองที่นั่งข้าง ๆ ให้  รอกลับบ้านกับผม(ถึงจะเพราะผมมีตัวประกันในการกลับบ้านพร้อมกันเป็นเกมส์ใหม่ให้มันก็เถอะ)  เฮ้อออ ผมกำลังป่วยทางใจขั้นโคม่าครับ

“เราขอผ้าเช็ดหน้าหน่อย”  เอามาเช็ดความหวานออกจากหน้าเหรอเต๊นท์?  ยกยิ้มมุมปากกับมุขเสี่ยวแต่หลุดออกมาจากใจของตัวเอง  หันหลังไปหยิบผ้าเช็ดหัวที่แขวนราวตากผ้าหลังบ้านมาให้มัน

“ของอาร์ตเหรอ?..”  มันยื่นมือรับผ้าเสร็จก็เพ่งพิศผ้าก่อนจะเงยหน้ามาถามผม  พยักหน้ารับแล้วเอามาเช็ดหัวให้มันดู  มันยิ้มบางหวานเยิ้มกลับมาให้แล้วคว้าผืนนี้มาซับหยดน้ำที่เกาะตามแก้มเนียน  ไรผม  แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวที่เคยไร้ค่าแต่บัดนี้ทรงคุณค่าเพราะเหงื่อไคลและกลิ่นผิวหน้าของมันมาให้ผม  ไม่อยากจะมือสั่นแต่มันห้ามไม่ได้..

“อาร์ต..ไม่สบายเหรอ?!  กินข้าวกินยายัง?  ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรออาร์ต”  หลับตารับสัมผัสจากมือนิ่มที่ยื่นมาวัดอุณหภูมิที่หน้าผาก  แก้มขวา  และซอกคอ  ลืมตามาสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่สื่อถึงความห่วงใยมาให้ผมคนเดียว..เลือดกำเดาจะไหล

“เฮ้ย!  เงยหน้าไว้อาร์ต!  กระดาษทิชชู่อยู่ไหนเนี่ย..ไหลใหญ่แล้วอาร์ต!”  ผมมันปากตรงกับใจครับ  เงยหน้าให้เพื่อนรักเอาน้ำแข้งใส่ผ้ามาอังหน้าผากให้  แป๊บเดียวเลือดก็หยุดไหลครับ  ผมตื่นเต้นไปหน่อยมันก็เลยไหลไม่ไว้หน้าแบบนี้ล่ะ

“ไปหาหมอไหม?  เราว่าอาร์ตต้องป่วยแน่ ๆ เลือดกำเดาไหลบ่อยขนาดนี้ไม่ธรรมดาแล้วนะ  เราเสิร์ชเน็ตดูแล้วมันเกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกบ่อย  หรือไม่ก็เกิดจากความกดอากาศ หรืออากาศเปลี่ยนแปลง  รวมถึงความดันโลหิตในแต่ละช่วงขณะเวลาที่ส่งผลต่อการปรับสมดุลของร่างกาย  ให้กินพวกผักแล้วก็พวกวิตามินซีเยอะ ๆ อย่าง  ส้ม  มะนาว  หรือพวกผลไม้เปรี้ยว ๆ อะไรแบบนี้อ่ะ  แต่มานั่งแก้เองมันไม่เหมือนไปหาหมอหรอกอาร์ต  ไปตรวจดูเหอะนะ..”  กูเลือดกำเดาไหลก็เพราะมึงต่างหากไอ้เต๊นท์  ถ้ากูไปหาหมอกูก็ต้องบอกหมอว่า  ‘หมอครับ..ทุกครั้งที่ผมโดนตัวผู้ชายคนนี้หรือผู้ชายคนแตะต้องตัวผม  ผมจะต้องเลือดกำเดาไหลทุกครั้งเลยครับ  หมอช่วยจ่ายยาหยุดไหลให้ผมด้วยครับ  เผื่อว่าตอนผมจะรักกันแบบโลกไม่ลืมกับเค้า  ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเลือดกำเดาผมจะไหลปนกับเลือดพรหมจรรย์เค้าน่ะครับ’  อุ้ก!  เสือกคิดตามแล้วมีภาพตอนเต๊นท์ทำตาปรือ  เผยอปากยั่วขึ้นมาในหัว   แม่งก็เลยไหลทะลักแทงกระดาษทิชชู่ที่ผมยัดห้ามเลือดที่จมูกไว้อีกรอบ   

เอาให้กูเลือดหมดตัวตายไปเลยเถอะ..

“เย้ยยยยย  อาร์ตเป็นไข้เลือดออกรึเปล่าเนี่ย?!  ไปหาหมอกันเถอะ  ไปตอนนี้เลย!”  ขืนแขนที่เต๊นท์จับไว้แล้วใช้มืออีกข้างโบกห้ามเป็นพัลวัน  สมเพชตัวเองฉิบหาย

“ไม่เป็นไร  มันไหลแบบนี้ประจำ  ไหลรับวันฝนตกน่ะ..มึงไม่เข้าใจร่างกายกูหรอกเต๊นท์”  เอาผ้าที่มันใส่น้ำแข็งมาเช็ดเลือดแล้วเงยหน้าเดินไปทางห้องน้ำ  เต๊นท์มันก็ช่วยจับมือให้เดินไปห้องน้ำ  มือนิ้มนิ่ม..เนื้อตัวมันล่ะ  คงจะนิ่มกว่ามือ  100  เท่า..ออกมาอีกสิ..แค่นี้มันยังไม่ถึงเสี้ยวของเลือดในกายกูหรอกไอ้นรก!

“ออกไปรอข้างนอกไป..จะได้ไม่เลอะเลือด”  บอกมันแล้วเงยหน้าขึ้นให้เลือดมันไหลกลับทางเดิม  ควานหากระดาษทิชชู่มายัดปิดทางออก  ถอดเสื้อออกแล้วโยนใส่ถังขยะ  ใครจะเอามาใส่ได้อีกครับ  เลอะทั้งตัว

“....”  ยืนจับอ่างล้างหน้าแล้วเงยหน้าห้ามเลือดกำเดา  เหลือบไปมองเต๊นท์ที่ยืนนิ่งมองมาที่ผมอยู่ตรงประตูห้องน้ำ  ขมวดคิ้วใส่มันก็ยังยืนเฉย  ไล่ตามสายตามัน..มองกล้ามท้องผมอยู่นี่หว่า  โบกมือไล่แล้วหันหลังให้มัน  นับ  1-200  จนในจมูกเริ่มแห้งก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง  ดึงกระดาษทิชชู่ทิ้งแล้วหันกลับมาล้างเลือดที่อ่างล้างหน้า  เงยหน้ามองกระจกแล้วเบี่ยงซ้ายย้ายขวา  ผมไม่ขี้เหร่..แค่ไอ้เต๊นท์ไม่เคยเหลียวมอง  ถอนหายใจกับความจริงข้อนี้แล้วหมุนตัวหันไปทางประตู 

เต๊นท์ยังอยู่..ยืนอยู่ที่เดิมเป๊ะ!



....................................



ผมเพ่งมองถนนแล้วเดินฝ่าฝนที่ตกกระหน่ำตรงไปบ้านที่อยู่ท้ายซอย  มือข้างหนึ่งบังฝน  อีกข้างกอดตัวเองกันหนาว  ช่วงนี้ปิดเทอมครับ  ผมอยู่บ้านก็เบื่อเลยออกมาหาเพื่อน  จริง ๆ บ้านข้างหน้านี่ก็เพื่อนครับ  แต่ผมไม่อยากแวะอ่ะ  ไปอีกหน่อยก็บ้านเพื่อนเหมือนกัน  แต่ผมไม่มีธุระอะไรกับมัน  เรื่องอะไรต้องแวะล่ะ  รีบเดินดีกว่า..ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แถมรองเท้าที่ยืมพี่ติ๊กมาก็เริ่มจะกัดแล้ว

วิ่งเข้ารั้วอัลลอยด์สีดำตัดสีทองแล้วล้วงโทรศัพท์โทรออกหาเจ้าของบ้าน  ปลายสายตัดทิ้งก่อนจะเงยหน้ายิ้มตอบรอยยิ้มกว้างหยุดโลกของเพื่อน  เพื่อนผมชื่ออาร์ตครับ  ถึงจะเป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเข้ากลุ่มมาได้ไม่กี่เดือน  ผมก็สนิทด้วยมากที่สุดครับ  ครั้งแรกที่ผมเจออาร์ตก็ตอน  ม.4   อาร์ตย้ายมาจากที่อื่นกลางเทอม  1  ครับ  เลยเข้ามาอยู่กับกลุ่มพวกผม  อาร์ตนิสัยดีเหมือนหน้าตาเลยครับ  แรก ๆ ก็พูดเพราะ  ผม - คุณ  แต่หลัง ๆ ก็เหมือนผู้ชายทั่วไปครับ  มึง – กู  ผมชอบแบบเมื่อก่อนมากกว่า..ออกจะน่ารักแท้ ๆ   เพราะความอ่อนโยนแล้วก็ใส่ใจกับผมทุกเรื่องนี่ล่ะมั้งครับ   มันก็เลยทำให้ผมติดอาร์ตแจยังกับเหาเจอหนังหัว  ก็อย่างเรื่องที่ผมไม่ชอบกินอะไรจากบ้านก่อนมาโรงเรียน..เบื่อข้าวแกงที่บ้านน่ะ  เลยมาหาอะไรกินที่โรงเรียนตลอด  แล้วทุกเช้าผมก็จะมีขนมปังสังขยากับน้ำเต้าหู้จากเพื่อนใหม่กินทุกวัน..จนเคยตัว  ขนาดปิดเทอมผมยังต้องหาเรื่องมาหา  เรียกมันออกมาเจออยู่ประจำครับ 

เพื่อนก็ชอบแซวให้ผมยอม ๆ ให้อาร์ตกดไปเหอะ  ผมก็ได้แต่ขำ  เจ้าตัวก็ชอบพูดเล่นเหมือนชอบผม  ถึงจะคิดเข้าข้างตัวเองบ่อย ๆ แต่ผมก็ไม่เคยยอมให้หัวใจผมคิดมากกว่าเพื่อนกับอาร์ตนะครับ  แม้ว่าลึก ๆ แล้วผมจะแอบชอบมันก็เถอะ 

อาร์ตจะมาคิดอะไรกับคนจืดชืดอย่างผมจริงจังล่ะ   ผิวก็ขาวจนซีด  ตาก็ตี่  จมูกก็ไม่โด่งเหมือนคนอื่น  ปากก็เล็กเกินไป  หน้านี่ไม่ต้องพูดถึงครับ  เอามืออาร์ตมาทาบแค่ข้างเดียวก็มิดละ  แต่รสนิยมคนเราไม่เหมือนกันครับ  ผมคิดว่าตัวเองจืดชืด  แต่ก็ยังมีคนมากมายที่ชอบผู้ชายจืดชืดอย่างผม  แต่ผมไม่เหมาะกับใครหรอกครับ  เรียนก็ไม่เก่ง  หน้าตาก็แย่  บ้านก็ไม่รวย  ขับรถก็ไม่เป็น  แถมยังที่บ้านขายข้าวแกงจนไม่มีเวลาให้อีกต่างหาก  ใครมันจะอยากมาเป็นแฟนล่ะครับ  ก็คงแค่อยากแกล้งผมสนุก ๆ กันเท่านั้นล่ะ

มองหน้าคมเข้มกับความสูงที่ผมต้องแหงนหน้าคุยด้วยแล้วนึกชื่นชมแทนพ่อแม่มันครับ  อาร์ตดึงเอาส่วนดีของพ่อแม่มารวมไว้ทั้งนั้น   แต่.. เห็นรูปร่างสูง  หุ่นเท่  เป็นนักบอลโรงเรียนแบบนี้   ใครจะรู้ครับว่าอาร์ตไม่ค่อยแข็งแรง   เลือดกำเดาไหลบ่อย  เมื่อก่อนไหลบ่อยกว่านี้  แต่ถึงตอนนี้จำนวนการไหลของเลือดกำเดาจะน้อยลงแล้ว   อาร์ตก็ไม่ควรวางใจนะครับ  น่าจะไปให้หมอตรวจดูบ้าง  อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน  มันไหลเยอะจนผมนึกกลัวเลยครับ  ห่วงมันอ่ะ 

“เย้ยยยยย  อาร์ตเป็นไข้เลือดออกรึเปล่าเนี่ย?!  ไปหาหมอกันเถอะ  ไปตอนนี้เลย!”  รีบจับแขนมันแล้วดึงมาทางประตูบ้าน  ยังไงวันนี้ผมก็ต้องให้มันถึงมือหมอครับ  มันส่ายหัวแล้วเงยหน้าห้ามเลือด  เดินสะเปะสะปะไปทางห้องน้ำ  ผมได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วจับมือพาไปห้องน้ำ   

“ออกไปรอข้างนอกไป..จะได้ไม่เลอะเลือด”  อาร์ตดึงกระดาษทิชชู่ห้ามเลือดแล้วไล่ผมให้ออกมาจากห้องน้ำ  ก่อนจะถอดเสื้อทิ้งถังขยะ ผมรู้ว่าผมควรจะเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วรีบหาน้ำอุ่นไว้ให้อาร์ต  แต่ผมก็ไม่ทำ 

ยืนเอนตัวพิงขอบประตูแล้วนิ่งมองแผ่นหลังกว้างที่มีมัดกล้ามเนื้อสวย    ผิวสีแทนเนียนตา  มือใหญ่เท้าเอว  เงยหน้าหันหลังห้ามเลือดกำเดาอยู่ในห้องน้ำ  ถ้าคนคนนี้ไม่ใช่เพื่อน  ผมคงยอมแหกกฎเอาเพื่อนมาเป็นแฟนไปแล้ว..

“....”  สะดุ้งกับดวงตาสีน้ำตาลของอาร์ตที่หันมาสบพอดี  ดีดตัวออกจากขอบประตูแล้วหันหลังเดินหนี  ออกมายืนหันรีหันขวางกลางห้องนั่งเล่นไม่รู้จะหยิบอะไรก่อน  กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำดัง  ‘ปัง’  กะพริบตาถี่แล้วกลั้นใจเดินมาทรุดตัวนั่งบนโซฟา  คว้ารีโมทที่วางข้างตัวมากดปุ่มเปิด  ไล่ดูช่องโน้นช่องนี้แก้เก้อ  หางตาเหลือบเห็นคนที่เลือดกำเดาชอบไหลยืนมองอยู่

“..นั่งไหม?”  ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วชวนอาร์ตนั่งดูทีวีด้วยกัน  อาร์ตส่ายหน้าตอบแล้วบอกผมให้รอแป๊บ  จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาหนังลงมาให้ดู  เสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไปทำให้ผมถอนหายใจแบบโล่งในปอด  ผมรู้ว่าไม่ควรตื่นตูมแบบนี้  กับแค่ยืนมองเพื่อนใคร ๆ ก็เคยทำ  แต่ยังไงผมก็รู้ว่าผมคิดอะไรตอนมองอาร์ต..จะให้มันรู้ไม่ได้ว่าผมแอบคิดกับมันมากกว่าเพื่อน 

ผมไม่อยากเสียมันไป..



................................


มือใหญ่เลือกแผ่นหนังมา  3-4  เรื่อง  เดินออกจากห้องแล้วปิดประตู  หยุดยืนหน้าห้องนอนแทนที่จะเดินลงข้างล่างทันที  เอนหลังพิงประตูแล้วนึกถึงสายตาที่สบก่อนจะออกจากห้องน้ำ  ดวงตาสีน้ำตาลที่หลงใหลแอบมองตัวเองอยู่นาน  ท่าทางสะดุ้งเหมือนถูกจับได้กับหน้าชมพูแบบนั้น..มันคืออะไร?

ถอนหายใจยาวแล้วเดินลงบันไดช้า ๆ ความอึดอัดในใจที่ระบายครั้งแล้วครั้งเล่าแต่กลับไม่ได้รับความสนใจอัดแน่นในอก  ยิ่งเห็นคนที่นั่งรอหนังบนโซฟาทิ้งตัวหลับตาพริ้มยิ่งอยากเข้าไปกระชากแขนให้ตื่นขึ้นมารับรู้ว่าข้างในมันจะระเบิดอยู่รอมร่อแล้ว!

“..ไปนานจัง..เรื่องอะไรบ้างอ่ะ”  คนนอนอยู่ลืมตาตื่น  ขยี้ตาไปมาแล้วถามเสียงเบา  อาร์ตหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปทรุดตัวนั่งข้าง ๆ  มือเรียวรับหนังมาดูแล้วยื่นเรื่องที่จะดูกลับให้มือใหญ่   อาร์ตรับหนังมาใส่เครื่องเล่น  ภาพนักแสดงที่สวมบทบาทอยู่ในจอโทรทัศน์ไม่ดึงความสนใจให้หนุ่มนักบอลสนใจได้แม้แต่น้อย  ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ทนกับความอึดอัดในใจแบบนี้ไม่ไหว

“..ในห้องน้ำ..เต๊นท์มองอะไร?”  คำถามลอยออกมาจากปากอาร์ตแผ่วเบา  แต่กลับดังอยู่ในหูเต๊นท์ชัดเจน  เสียงจากโทรทัศน์ดังต่อเนื่องจนแผ่นหนังเด้งออกมาจากเครื่องเมื่อเล่นไปจนหมดแผ่น  อาร์ตนั่งมองหน้าจอที่เป็นสีฟ้านิ่งรอคำตอบ  คนที่ต้องตอบก็นั่งเฉย  กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บแล้วหันหน้าบอกเพื่อนสนิท

“วันหลังค่อยมาดูอีกแผ่นนะ..ฝนหยุดแล้ว  เรากลับบ้านก่อนนะอาร์ต”  เลี่ยงที่จะตอบคำถามแล้วลุกพรวด  เดินดุ่มฝ่าละอองฝนไปที่ถนนหน้าบ้าน  คนฟังกัดฟันกรอดแล้ววิ่งไปหยิบเสื้อกันฝนของเต๊นท์  วิ่งตามจนถึงตัว  ยัดเสื้อกันฝนใส่มือ  ตามองหน้าเล็ก  ไล่สายตาตั้งแต่ผมหนาจนถึงริมฝีปากเล็กสีชมพูเรื่อ..ด้วยความน้อยใจ

“ใส่ซะ..”  เอ่ยปากบอกแล้วนิ่งมองอยู่อย่างนั้น  เต๊นท์ยืนก้มหน้า  กัดริมฝีปากล่าง  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  หลุบตามองพื้น  ท่าทางของเต๊นท์ที่เหมือนกำลังสับสนทำให้อาร์ตต้องถอนหายใจยาว  หยิบเสื้อกันฝนที่คาอยู่ในมือเล็กออกมาคลี่แล้วสวมให้ช้า ๆ  ในหัวก็ตัดสินใจย้ำเรื่องที่ตนรู้สึกออกไปอีกครั้ง  และตั้งแต่นี้จะทำทุกครั้งที่เจอกัน  จะไม่ปล่อยตัวเองต้องทนอึดอัดคนเดียวอีกแล้ว  ถ้าไม่ชอบตอบก็บอกมาตรง ๆ จะได้ตัดใจซะที..   

“จำที่เราบอกได้รึเปล่า.. ‘ผมชอบคุณนะเต๊นท์  คุณทำกับข้าวอร่อยมาก’  เราหมายความตามนั้นจริง ๆ เลิกเมินใส่ความชอบของเราเถอะเต๊นท์  มองเรานอกจากเพื่อนบ้าง..”  คนฟังใจเต้นแรงจนเกือบจะหลุดออกมานอกอก  เสียงนุ่ม  แววตาอ่อนโยน และเรื่องที่อาร์ตชอบตนก็เป็นเรื่องจริง  ยกมือลูบหน้าแล้วจิกเล็บที่แก้มเต็มแรง  ความเจ็บแปลบที่แก้มไม่ทำให้คนฟังรู้สึกรู้สา  กะพริบตาปริบไล่หยาดฝนที่ไหลเข้าตาแล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่จ้องอยู่ 

อาร์ตมองเพื่อนที่แอบหยิกแก้มตัวเองด้วยดวงตาอ่อนโยน  นึกดีใจที่เพื่อนเริ่มหันมาเก็บความชอบของตัวเองเอากลับบ้านไปคิดบ้าง  ทอดสายตามองหน้าเล็กที่ช้อนตาขึ้นมาสบ  ยกมือขึ้นเกลี่ยนิ้วโป้งปาดน้ำฝนที่ไหลระแก้มให้เบา ๆ  ยิ้มบางแล้วดึงแขนให้เดินไปพร้อมกัน

“ไม่ต้องส่งหรอก..ฝนตกแบบนี้อาร์ตเข้าบ้านเถอะ”  มือเล็กบิดออกจากการเกาะกุมช้า ๆ  คิ้วหนาของอาร์ตขมวดมองหน้าเรียวเล็ก  เต๊นท์ไม่สบตาแล้วหมุนตัวเดินวิ่งหนีกลับบ้าน  ทิ้งให้นักบอลยืนตากฝนมองแผ่นหลังเล็กที่ค่อย ๆ หายไปกับสายฝน..ที่ตกหนักขึ้นจนร่างกายเปียกปอน

“....อะไร  หมายความว่าไงวะ?!”  อาร์ตกำหมัดแน่นแล้วสบถใส่ตัวเองเต็มเสียง  บดกรามแน่นแล้วหลับตาลง  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  ลูบหน้าไล่น้ำฝนแรง ๆ แล้วเดินเข้าบ้าน  ปิดรั้วแล้วอาบน้ำ  หาข้าวและกินยา  เดินขึ้นมาบนห้องแล้วล้มตัวลงนอน  เปลือกตาปิดสนิทไม่เหมือนมโนสำนึกที่มีแต่เรื่องเพื่อนสนิทที่ชื่อ  ‘เต๊นท์’ 

กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทุ่มเททำมาให้เพื่อนสนิท  ไม่ว่าจะเรื่องต่อแถวซื้อขนมปังสังขยา  น้ำเต้าหู้เจ้าอร่อยตั้งแต่ตีห้ามาให้กินทุกเช้า  ตั้งใจเรียนเพื่อจะติวให้คนขี้เกียจที่คอยหลับในห้อง  เรียนให้ทันเพื่อนคนอื่น  กลับบ้านพร้อมกันทุกวันทั้งที่ตัวเองต้องโดดซ้อมบอลเพื่อให้คนที่ตัวเองแอบชอบไม่ต้องรอนาน  ทั้งที่ทำให้ถึงขนาดนี้..แต่กลับส่งไปไม่ถึงสักที

“พอ..เลิกคิด!”  พลิกตัวนอนคว่ำหน้า  กลืนก้อนแข็งลงคอแล้วข่มตาให้หลับ  เมื่อฤทธิ์ยาออกฤทธิ์เต็มที่  นักบอลก็เข้าสู่ภาวะที่ร่างกายต้องการพักผ่อน  หลับเพื่อลืมเรื่องบางเรื่อง..ชั่วคราว

ตื่นขึ้นมาก็พบว่า..ตัวเองก็ยังจำเรื่องเพื่อนสนิทได้อยู่ดี  แค่นหัวเราะลงคอแล้วลุกขึ้นอาบน้ำ  แต่งตัวแล้วขับมอเตอร์ไซค์ไปหาแม่ที่ตลาด  วันนี้ตนรับปากกับแม่ว่าจะมานั่งขายพริกแกงแทน  เพราะแม่ต้องไปอุ้มขันหมากงานแต่งลูกสาวเพื่อน  แม่ออกจากร้านไปตอน  ตี  5  ครึ่ง  รับเงินที่จะต้องทอนมาเก็บแล้วนั่งเหม่อต่อไปจนพระอาทิตย์ตอกบัตรทำงาน  คิดถึงหน้าตาจิ้มลิ้มที่มึนกับเรื่องความรู้สึกชอบของตนแล้วยกยิ้มขื่น  ฝากร้านกับร้านข้าง ๆ แล้วเดินออกไปหาอะไรกินรองท้อง  เห็นร้านน้ำเต้าหู้ที่ชอบมายืนต่อคิวแล้วเบือนหน้าหนี 

“ไอ้หนูวันนี้ไม่กินเหรอลูก?”  หันกลับมายิ้มบางแล้วส่ายหัวตอบลุงขายน้ำเต้าหู้  คนขายยิ้มตอบแล้วรัดถุงน้ำเต้าหู้ขายให้ลูกค้าคนอื่นต่อไป  ตัดสินใจซื้อแซนด์วิชกับนมมากินเป็นมื้อเช้า  ซื้อองุ่นกับน้ำเปล่าติดมือกลับมานั่งที่ร้าน  ขายพริกแกงสลับกับนั่งเหม่อจนถึงเที่ยง

“น้องอาร์ตไม่ต้องไปหาข้าวเที่ยงกินที่ไหนนะลูก  เดี่ยวเที่ยงจะมีเด็กเดินเอาข้าวกล่องมาขายให้จ๊ะ”  อาร์ตสะดุ้งกับเสียงของน้าร้านข้าง ๆ แล้วผงกหัวรับคำ  พักเดียวก็มีแม่ค้าหน้าใสเดินมาขายข้าวคลุกกะปิ  กับข้าวราดผัดกะเพรา  อาร์ตยิ้ม ๆ แต่ไม่ได้สั่งเพราะไม่ชอบกิน  ถัดมาไม่กี่นาทีก็มีพ่อค้าหน้าใสมาขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวนกับขนมจีบ  หนุ่มนักบอลยิ้มให้แล้วสั่งก๋วยเตี๋ยวลุยสวนมา  2  กล่อง  แล้วซื้อข้าวผัดทะเลกับแม่ค้ารุ่นเดียวกับแม่ที่มาทีหลังสุด  2  กล่อง  นั่งละเลียดกินข้าวและขายพริกแกงเผ็ดไป  3  ขีด  ยื่นเงินทอนให้ลูกค้าก็ต้องชะงักค้างกับใบหน้าเรียวซูบซีด  และหน้าตา  ‘จำเป็นต้องมา..เพราะถูกใครซักคนใช้ให้มา’  ยืนอยู่หน้าร้านรอคิวซื้อของ

“อาร์ต..เมื่อวานขอโทษที่ผลุนผลันวิ่งกลับบ้าน..”  หนุ่มนักบอลยิ้มบางตอบเพื่อนแล้วเอ่ยปากเปลี่ยนเรื่อง

“เอาอะไรเต๊นท์?..”  เพื่อนหน้าจิ้มลิ้มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเมื่อเห็นอาการเฉยชาของอาร์ต  ชี้นิ้วไปที่พริกแกงเขียวหวาน  เอ่ยเสียงเบาแหบแห้งเพราะไม่สบาย  ‘โลครึ่ง..”  มองมือใหญ่ตักพริกแกงใส่ถุงแล้ววางลงบนตาชั่ง  เหลือบมองหน้าเรียบสนิทแล้วใจหาย  นึกเสียใจที่เมื่อวานอายจนทำตัวไม่ถูก  วิ่งหนีกลับมาโดยที่ไม่บอกอะไรมากไปกว่าให้อีกฝ่ายรีบเข้าบ้านเพราะฝนตก

“คิดรวมกับคราวที่แล้วเลยนะ..ให้แม่เต๊นท์ไปเคลียร์กับแม่ผมเอง”  อาร์ตเงยหน้าจากตาชั่งแล้วมัดปากถุง  ยื่นส่งให้แล้วบอกเสียงเรียบ  ในเมื่ออีกฝ่ายลำบากใจกับความชอบที่มีให้..ก็จะเก็บเอาไว้เอง  จะไม่ทำให้ลำบากใจอีกต่อไป  คิดได้ดังนั้นก็ไม่มีอะไรให้หนักอกในการคุยกับเพื่อนสนิทคนนี้..แอบรักต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเรียนจบ  จนกว่า..จะแยกกันไป

“..เรามีเรื่องจะคุยกับอาร์ตนะ..เรา..คือ..มัน..”  หนุ่มนักบอลยิ้มบางแล้วส่ายหน้าบอกเพื่อนว่าไม่เป็นไร  ลืมซะ..ถือว่าไม่เคยพูดอะไรไป  ให้ฝนเมื่อวานล้างไปให้หมด..

เพื่อนจิ้มลิ้มยืนนิ่งฟังแล้วสบตาสีน้ำตาลของหนุ่มนักบอล  มองค้นลึกลงไปจนเพื่อนนักบอลต้องหลบตา  คนที่บอกให้ลืมกลับไม่สามารถยืนยันคำพูดหนักแน่นเหล่านั้นด้วยการสบตาได้  คนที่ถูกบอกให้ลืมมองหน้าด้านข้างของเพื่อนนิ่ง  ถอนหายใจไล่ความปอดทิ้ง  เดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ แล้วแตะมือที่ขาเพื่อน..

“ลืมไม่ได้หรอก..นอนคิดมาทั้งคืนจนไม่สบาย  จะให้ลืมง่าย ๆ ทำไม่ได้หรอก”  หนุ่มนักบอลหายใจไม่ทั่วท้อง  เบือนหน้ากลับไปก้มมองหน้าเต๊นท์ที่กำลังก้มหน้า   ตาสีน้ำตาลอ่อนของเต๊นท์จ้องมองมือตัวเองที่กำแน่นอยู่บนตัก  อีกข้างที่แตะอยู่ที่ขาตนก็เย็นเฉียบ  อาร์ตมองเพื่อนด้วยความเข้าใจ..

“ไม่เป็นไร..ผมชอบเต๊นท์นะ  ยังไงก็ได้  ผมรอได้..”  เลื่อนมือกุมมือเย็นแล้วกระชับเบา ๆ เต๊นท์เงยหน้าขึ้นมาสบตาสีน้ำตาลที่มองอยู่ก่อน  รอยยิ้มอ่อนโยนและฝ่ามืออุ่นที่จับทำให้ความกล้าเริ่มทำงาน  บีบมือกลับแล้วยิ้มกว้างตอบเพื่อนที่ตนนอนคิดถึงทั้งคืน..

“..รอไม่ไหวหรอก..คบกันเถอะ”  คนพูดยิ้มกว้างเหมือนยกภูเขาที่แบกไว้ตั้งแต่ออกจากบ้านทุ่มทิ้งไว้หน้าร้านขายพริกแกงแห่งนี้  คนฟังยิ้มกว้างกว่าเพราะความพยายามที่ทำมาทั้งหมดได้รับการมองเห็นและได้รับรักตอบกลับมา  สบตาสีน้ำตาลอ่อนแล้วเอ่ยขอบคุณซ้ำ ๆ เพราะที่นี่คือตลาดสด  จะทำอย่างอื่นนอกจากจับมือกันก็ไม่ได้  เลยต้องขอบคุณคนที่รับความรักแล้วลดมือที่กุมอยู่ลงกันสายตาคนอื่นจ้องมอง  อาร์ตเงยหน้ากันไม่ให้เลือดกำเดาไหลเพราะตอนนี้มันร้อนโพรงจมูกไปหมด  สูดลมเข้าปอดสั้น ๆ แล้วนึกถึงเรื่องอาหารการกิน  เรื่องแต่งรถ  และอีกจิปาถะที่จะดึงความสนใจจากความดีใจที่เต๊นท์รับรักในตอนนี้ 

หนุ่มนักบอลขายของไม่ได้ไปถึงเย็นเพราะมีมือว่างแค่ข้างเดียว  คนหน้าจิ้มลิ้มก็ช่วยขายไม่ได้เพราะมือไม่ว่างต้องให้อีกคนเกาะกุม  กลับบ้านก็ไปส่งก่อนแล้วค่อยเข้าบ้านมานั่งยิ้มเหมือนคนบ้าจนหลับ..หลับทั้งที่หน้ายังคงยิ้มอยู่

นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..









ความรักทำให้คน..เป็นบ้า


END.


………………………………………………………..



กอดหมับ บวกบวก!
ขออภัยที่ไม่ได้มาลงหลายวัน  จิตั้งใจจะลงให้ได้แบบวันเว้นวัน  แต่ก็..ทำไม่ได้  งานยุ่งมาก ๆ ค่ะ  เพิ่งจะได้นั่งหน้าคอมพ์อ่ะ  อาทิตย์ที่แล้วเป็นคนนิสัยไม่ดี  ถูกส่งไปอบรมติดกันหลายวันเลยค่ะ  (นี่คือข้อเท็จจริงค่ะไม่ได้แก้ตัว > < )
คุณ  nekko  เนอะคะ ^^ ถ้ามันไม่สมหวัง..จิโดนมันโดดเตะ  2  ขาคู่แน่ค่ะ
คุณ  gayraygirl   กอดเมย์  ผู้ใหญ่ที่ดีต้องแบบนี้ค่ะ  อย่าเป็นผู้ใหญ่แบบที่ทำงานจิ  รายนั้นกลั่นแกล้งจนจิจะกระอักเลือดตายอยู่แล้ววววววววว
คุณ  IMJokerz  เนอะคะ  น่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมาก  จิอยากเป็นเคะทุกตอนเลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ ^^
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
ปูลู. สีน้ำตาลแดงของอาร์ต  สีเขียวของเต๊นท์  สีดำของจิค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:โรมิโอร้านขายยากับจูเลียตร้านทอง 23/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 02-03-2015 16:17:28
ยินดีที่เรื่องนี้กลับมา ไมได้เข้าเล้ามานาน มาเจอเรื่องนี้แล้วโอ้ยดีใจ
โฮกกก มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องนี้
ชอบการเขียนคุณจิมาก น่ารักอบอุ่นทุกคู่เลยยย
อ่านทีไรอมยิ้มแก้มตุ่ยทุกที
ช่วงไหนเครียดๆกับงานเราชอบมาอ่านเรื่องสั้นของคุณค่ะ
คือใช้เวลาไม่มากเพราะจบในตอน แต่มันทำให้เราหายเครียดได้เป็นอย่างดี
ขอกอดหนึ่งทีค่ะ ดีใจที่กลับมา



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด: แอบ..รัก 02/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 02-03-2015 20:27:36
เจอแบบนี้คงต้องยอมเป็นคนบ้า :-[


 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด: แอบ..รัก 02/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 03-03-2015 14:46:18
บอกเล่าก่อนอ่าน
นิยายตอนนี้จิจินตนาการสถานะ  ประเพณี  และพิธีกรรมบางอย่างขึ้นมาทั้งหมด  อย่าไปอ้างอิงจากแบบเรียนหรือจากประวัติศาสตร์  ขอให้นักอ่าน  อ่านเพื่อความบันเทิงค่ะ


จากวังหลวงอีเรีย  ถึงแผงขายปลาตลาดสด  



ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองม่านเมฆผ่านกระจกใส  ขยับตัวให้นั่งในท่าทางสบาย  ยกมือเรียวเท้าคางมน  ปลายนิ้วชี้แตะคลึงหัวแม่โป้ง  หลับตาลงแล้วนึกถึงเรื่องที่ตนต้องมานั่งอยู่ตรงนี้   คิ้วเข้มขมวดมุ่นนึกถึงคำจากปากสุลต่านแห่งอีเรีย

“อีก  3  วันจะครบรอบวันตายของบรรพบุรุษเราที่ยู่เมืองไทย  เจ้าต้องไปอยุธยาแทนพ่อ”  เด็กหนุ่มผู้มีดวงตาแข็งกร้าวถอดแบบจากสุลต่านค้อมตัวรับคำสั่งนั้น  ก้าวถอยหลังออกมาด้วยจังหวะมั่นคง  เงยหน้าสบตาองค์สุลต่านผู้เป็นพ่อแล้วหันหลังออกจากห้อง  ชายเสื้อคลุมยาวสีขาวสะบัดไปตามจังหวะก้าวเดิน   คนติดตามที่องค์สุลต่านให้ติดตามมกุฎราชกุมารในการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการมีมากถึง  30  คน  และยังมีผู้ติดตามที่รัฐบาลไทยจัดหาไว้ให้หลังจากที่มกุฎราชกุมารแห่งอีเรียเสด็จถึง  เนื่องมาจากภายในอีเรียมีเหตุการณ์ไม่สงบเรื่องการช่วงชิงราชบัลลังก์ของน้องชายสายเลือดเดียวกับองค์สุลต่าน   การป้องกันภายในแน่นหนายากจะเข้าถึงตัวองค์สุลต่าน  คนพวกนี้ต้องหาเป้าหมายอื่นที่สั่นคลอนองค์สุลต่านได้  นั่นก็คือ  รัชทายาท..อย่างตน  ถอนหายใจพรูเมื่อคิดถึงข้อนี้.. 

กลิ่นของอำนาจ  มันหอมหวานยั่วยวนให้มนุษย์ลุ่มหลงมัวเมาจนลืมคำว่าพวกพ้อง..และสายเลือด

ทุกปีองค์สุลต่านจะต้องเสด็จด้วยทุกครั้ง  แต่จะไม่กราบไหว้เหมือนที่มกุฎราชกุมารกระทำ  เพราะองค์สุลต่านจะไม่กราบไหว้สิ่งใดนอกจากอัลเลาะห์  แต่องค์รัชทายาทซึ่งมีเชื้อสายเป็นชาวพุทธอยู่ครึ่งหนึ่งได้รับการยกเว้น  สุลต่านจึงมอบหน้าที่นี้เป็นของรัชทายาทมาตั้งแต่จำความได้    และหลังจากเสร็จภารกิจกราบบรรพบุรุษ  ตนก็จะอยู่ต่อเพื่อกราบอัฐิของแม่ที่อยู่จังหวัดใกล้ ๆ กับพระนครศรีอยุธยา..โดยไม่มีองค์สุลต่านอยู่ด้วย  แม่ที่เป็นคนไทยให้กำเนิดรัชทายาทคนแรกจึงทำให้ภรรยาคนอื่นของสุลต่านไม่พอใจ  ป้ายสีแม่ว่าคบชู้กับราชองค์รักษ์  องค์สุลต่านก็หูเบา  สั่งฆ่าแม่และราชองครักษ์โดยไม่ฟังความจากปากแม่..แม้แต่คำเดียว  สุดท้ายคนที่ตรอมใจก็หนีไม่พ้นคนสั่งฆ่า  กลับเมืองไทยเอาอัฐิแม่มาไว้ที่วัดบ้านแม่  และไม่กลับมาหาแม่อีกเพราะความผิดใหญ่หลวงที่ตนก่อ  ปล่อยความผิดนั้นทำร้ายหัวใจจนถึงทุกวันนี้..

ยกยิ้มเมื่อนึกถึงความเย็นชาขององค์สุลต่านที่มีต่อนางในฮาเร็ม  หญิงสาวที่รอถวายตนต่อองค์สุลต่านนับร้อยต่างคุ้มคลั่งเมื่อองค์สุลต่านสั่งให้คนสนิทนำตัวนางทั้งหมดคืนถิ่นเดิม  โดยไม่มีค่าน้ำใจใด ๆ ทั้งสิ้น  แค่นี้ยังน้อยนักกับสิ่งที่นางเหล่านี้ทำกับแม่!

“อีกกี่ชั่วโมงจะถึงไทย..มูฮัมหมัด”  ริมฝีปากสีชมพูออกแดงเอื้อนเอ่ยถามคนสนิท  พยักหน้ารับเมื่อคำตอบคืออีก  2  ชั่วโมงแล้วหลับตานิ่ง  พักสายตาจนถึงเวลาที่ต้องเหยียบแผ่นดินแม่   ในมโนสำนึกมีภาพซากปรักหักพังและโบราณสถานในเมืองเก่าอย่างกรุงศรีอยุธยา  และภาพวัดที่มีอัฐิของแม่อยู่  ลืมตาตื่นเมื่อล้อแตะกับรันเวย์  ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกไปสูดอากาศสบาย ๆ ในฤดูร้อนของเมืองไทย..เมืองของแม่

ก้าวเท้าแตะพื้นดินท่ามกลางวงล้อมของคนติดตาม  ทูตจากสถานทูตที่มารับไม่สามารถเข้าถึงตัวมกุฎราชกุมารแห่งอีเรีย  ส่งพวงมาลัยข้อมือสวยสดให้คนติดตาม  หลังตรวจสอบแล้วถึงได้วางลงบนมือเรียวนุ่มสมเป็นเจ้าชาย  พลิกพวงมาลัยข้อมือแล้วยกขึ้นมาสูดกลิ่นหอม  ยิ้มบางแล้วส่งให้คนสนิทรับไปถือ    ยกขวนออกจากสนามบินแล้วตรงไปเมืองเก่าตามคำสั่ง

“เจ้าชายจะพักที่เดิมหรือไม่ขอรับ”  เหม่อมองสองข้างทางที่มีแต่รถยนต์ติดอยู่บนท้องถนน  ตอบโดยไม่มองหน้าคนสนิท

“ไม่..เราจะพักที่บ้านแม่  เจ้าพาพวกนี้ไปพักที่เดิม  ให้อยู่กับเรา  3  คนก็พอ”  คนสนิทอ้าปากค้านก็ถูกมือเรียวยกห้ามก่อนจะโบกให้เลิกคุยเรื่องนี้  ยกหูโทรศัพท์สั่งการ์ดที่ตามมาให้ไปที่โรงแรมได้เลย  ส่วนคนที่สถานทูตจัดเตรียมให้ก็ขอบคุณและยกเลิกการอำนวยความสะดวก  เพราะเจ้าชายจะเดินทางกลับอีเรียในวันรุ่งขึ้น  ในรถเงียบสนิทจนถึงบ้านพักหลังใหญ่ของบรรพบุรุษ  รถจอดนิ่งคนสนิทก็ลงมาเปิดประตูให้คนนั่งด้านหลัง  ชายดิชดาชา(เสื้อคลุมยาวสีขาว)พลิ้วตามจังหวะก้าวที่มั่นคง  พระญาติที่มารอรับต่างยืนค้อมตัวต้อนรับรัชทายาทแห่งองค์สุลต่าน  รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดที่ริมฝีปากสีแดงธรรมชาติ  ดวงตาสีน้ำตาอ่อนทอประกายยินดี  คิ้วเข้มยาวเลยหางตา  ส่งให้ดวงตาคู่นั้นทั้งดุและหวานในเวลาเดียวกัน  จมูกโด่งแสดงถึงชาติพันธุ์  ลมร้อนพัดผ่านจนกุทตรา(ผ้าคลุมศีรษะ)พลิ้วโบก  แต่ไม่ปลิวหายเพราะอากอล(ที่ครอบศีรษะถักด้วยไหมสีทองแสดงความเป็นคนชนชั้นสูง)รัดอยู่  ถึงมกุฎราชกุมารจะไม่สวมบิชท์(เสื้อคลุมที่คลุมทับดิชดาชามีขลิบสีทองแสดงถึงสถานะ)  คนภายนอกก็รับรู้ถึงสายเลือดเชื้อพระวงศ์ได้เป็นอย่างดี

ทำพิธีเสร็จก็ออกมานั่งจิบน้ำชาและถามสารทุกข์ของทุกคน  ใบหน้ายิ้มน้อย ๆ และกิริยานุ่มนวลทำให้มกุฎราชกุมารเป็นที่รักใคร่ของทุกคน  คนสนิทกระซิบบอกให้เจ้าชายเตรียมตัวไปวัด  แย้มยิ้มแล้วเอ่ยลาก่อนจะนั่งรถหรูตรงไปวัดที่มีอัฐิของแม่อยู่  คนสนิทเตรียมปิ่นโตอาหารถวายพระไว้ท้ายรถ  พอถึงวัดก็ล้วงปืนพกที่เหน็บไว้ที่ซองสะพายไหล่ส่งให้คนสนิท  หันไปสั่งคนสนิทรอที่รถและลงไปพร้อมปิ่นโต

ถวายปิ่นโตและรับพรพระเสร็จก็เดินไปด้านหลังที่มีเจดีย์ใหญ่บรรจุอัฐิของแม่  มองยอดเจดีย์ไล่ลงมาจนถึงฐาน  กลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วถอดรองเท้าออก  คลานเข่าไปจุดธูปกราบที่รูปแล้วนั่งขัดสมาธิกับพื้น  มองภาพแม่ที่ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยดวงตารื้นน้ำตา  ความสุขสุดท้ายที่แม่ภูมิใจหนักหนาคือลูกชายคนเดียวได้รับอิสริยยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ผู้ที่จะสืบราชสันตติวงศ์ต่อไป 

มกุฎราชกุมาร  ตำแหน่งค้ำคอที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ  จำกัดการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในกรอบประเพณีของผู้สืบทอด  มีร่างกายและจิตใจแข็งแกร่ง  ตัดสินและเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ด้วยสติ  รับมือกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยความสงบ  ทำได้..และทำได้ดีเสมอมา  แต่ข้างในหัวใจเหมือนถูกแช่แข็ง  ทำทุกอย่างเพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำทั้งสิ้น  อยากใช้ชีวิตโดยไม่สนใจใคร..สักครั้ง

ถอนหายใจพรูแล้วก้มกราบภาพของแม่  ปลายนิ้วไล้ลงบนภาพตามโครงหน้าสวยของผู้เป็นมารดา  หรี่ตาเพื่อเก็บกลั้นความเสียใจที่กำลังก่อตัวขึ้น  กัดกรามแน่นแล้วลุกขึ้นยืน  หมุนตัวเดินออกมาจากหน้าเจดีย์  กราบลาหลวงพ่อเจ้าอาวาสแล้วเดินทางกลับ  ระหว่างทางมีรถยนต์สีดำติดฟิล์มทึบแล่นมาประกบ  ก่อนที่คนสนิทจะไหวตัวทันกระสุนปืนก็วิ่งเข้าเจาะกระจกด้านหลัง  3  นัดติด  คนขับรถเจ้าชายรีบเร่งความเร็วและสาดกระสุนคืนให้รถที่เข้ามาคุกคาม  เสียงปืนยิงตอบโต้กันดังสนั่นเหมือนนั่งชมภาพยนตร์ในโรง  รถที่เจ้าชายนั่งมาขับเข้าไปในเขตชุมชน  คันที่คุกคามขับตาม  แต่มีจิตสำนึกดีพอที่จะไม่สาดกระสุนใส่คนบริสุทธิ์  ขับเข้ามาจนถึงซอยที่จะต้องตัดสินใจว่าจะออกไปถนนเส้นหลักหรือเข้าเมือง  กระสุนปืนจากคนจ้องคุกคามก็เจาะเข้าที่ยางหลังทั้ง  2  เส้น  รถเจ้าชายประคองตัวเองและเลี้ยวเข้าไปจอดขวางทางเข้าตลาดสด  คนสนิทวิ่งลงจากรถและประคองเจ้าชายที่ถูกกระสุนปืนถากเข้าที่ต้นแขน  ดิชดาชาเปื้อนสีแดงสดของเลือด  มือเรียวกุมห้ามเลือดไว้แน่นก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในตลาดสดที่มีคนพลุกพล่าน 

คนสนิทประคองเจ้าชายพร้อมกับหาทางหนีทีไล่ให้เจ้าชายปลอดภัย  ชายชุดดำวิ่งฝ่าคนที่เดินในตลาดตามเจ้าชายและคนสนิท  เห็นจวนตัวก็ผลักคนสนิทให้ไปอีกทาง  ‘ระวังพระองค์ด้วย’  พยักหน้ารับแล้วหันหลังวิ่งไปในซอยของทะเล  เจ้าชายดึงอากอลและกุทตราออก  เบียดเสียดผู้คนจนเกือบจะถึงท้ายซอย  เหลือบเห็นชายชุดดำโผล่มาทางท้ายซอยแล้วหยุดเดิน  หันหลังกลับกะทันหัน  ชนเข้ากับเด็กเข็นปลาสดของร้านขายปลาที่ใหญ่ที่สุดในตลาด

“โอ๊ะ!  เดินยังไงของมึงห๊า!  เฮ้ยยย  ปลา!”  แรงจากการชนส่งให้ถังพลาสติกล้มคว่ำ  ปลาที่อยู่ในถังพลาสติกกระโดดออกมาดิ้นจนเต็มพื้นทางเดิน  คนแตกตื่นฮือฮา  บ้างช่วยจับคืน  บ้างก็จับใส่ถุงตัวเองกลับบ้าน  ชายชุดดำปรี่เข้ามาแทรกคนที่ก้ม ๆ เงยจับปลาอยู่ตามทางเดินจนเกือบถึงตัวมกุฎราชกุมารหนุ่ม  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตวัดมองก่อนจะล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบปืนพกในซองสะพายไหล่ ..

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกโพลงเมื่อปืนพกไม่อยู่ที่ซอง  คิ้วเข้มขมวดมุ่น  เหงื่อกาฬไหลท่วม  ดึงมือออกจากเสื้อแล้วกำหมัดแน่น  หันไปตามแรงกระชากจากมือแข็งที่ไหล่  หมุนตัวเข้าประชิดแล้วจับกระบอกปืนที่จ่อมาทางตนแน่น  บิดออกด้วยกำลังข้อมือเต็มแรง  ชายชุดดำบดกรามแน่น  ออกแรงดันปากกระบอกปืนให้หันไปทางเจ้าชาย  ดวงตาสีน้ำตาลจ้องผ่านแว่นดำจากคนคุกคามตรงหน้า  เสียงกัดฟันกรอดและแรงบิดมากขึ้นจนชายชุดดำขนหัวลุก  แต่ยังไม่ทันที่ชายชุดดำจะเหนี่ยวไก..ก็มีมือดีฉกเหยื่อที่ตามมาตั้งแต่สนามบินไปต่อหน้าต่อตา

“มึงใช่ไหมที่เดินมาชนเด็กกูจนปลากูเละเทะแบบนี้!”  เจ้าชายหันมามองคนที่กระชากไหล่เต็มแรง    เด็กหนุ่มหน้าใส  ดวงตาเอาเรื่องจ้องตานิ่ง  ด้านหลังมีเด็กวัยเดียวกันยืนกร่างเป็นแบ็ค  ถัดไปเป็นคนงานที่เข็นปลาเมื่อครู่  เหลือบมองชายชุดดำที่รีบเก็บปืน  เพราะคนที่ก้ม ๆ เงย ๆ จับปลาตามทางเดินเริ่มหันมาสนใจตรงนี้เป็นจุดเดียว         

ดวงตาสีดำสนิทมีประกายเหมือนลูกแก้วของคนที่จะเอาเรื่องจ้องดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเนิ่นนาน  จากที่โมโหเพราะของที่จะเอาไปส่งเสียหาย  กลับถูกดวงตาคู่สวยจ้องกลับจนลืมเรื่องที่ไม่พอใจ  ลูกน้องสะกิดไหล่ให้รู้สึกตัวก่อนจะกระแอมไล่ความอายทิ้ง 

“มึงกับเพื่อนมึงต้องจ่ายค่าเสียหายให้กู!”  ชายชุดดำเลิกคิ้วสูงก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาคนที่เป็นเพื่อนกับเจ้าชาย  เด็กหนุ่มเดินเข้าผลักอกแล้วชี้หน้าชายชุดดำ

“มึงอย่ามากวนตีนไอ้บอด!..กูหมายถึงมึงกับไอ้รุ่มร่ามนี่ล่ะ”  ชายชุดดำยืนนิ่ง  ใบหน้ากลั้นขำจนแดงก่ำเมื่อเด็กหนุ่มพูดถึงเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ว่า  ‘ไอ้รุ่มร่าม’  ส่วนคนถูกพาดพิงอย่างเจ้าชายยืนตัวแข็ง  กะพริบตาปริบไล่ความขุ่นใจที่ถูกเด็กหนุ่มว่าเรื่องการแต่งกาย  เบือนมาสบตาสีดำสนิทที่กำลังจ้องตนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างช้า ๆ สายตาที่กำลังมองอยู่ทำให้หน้าหล่อคมเข้มของเจ้าชายขึ้นสีเรื่อ  ยิ่งประโยคที่เด็กหนุ่มเอ่ยหลังจากมองหัวจรดเท้ายิ่งอยากเดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด

“..มึงเต็มรึเปล่า?  ร้อนจะตายห่ายังเสือกใส่ชุดคลุมถึงตีน  หึ!  ไอ้นี่บ้าแน่ว่ะไอ้บาส..”  เด็กหนุ่มหน้าใสยืนกอดอกวิจารณ์ดุเด็ดเผ็ดร้อนตามด้วยเสียงหัวเราะจากลูกน้องที่มาด้วยกัน  เจ้าชายสูดลมหายใจเต็มปอดแล้วไล่ลมออกช้า ๆ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำจนเด็กหนุ่มหยุดหัวเราะ

“เราเป็นมุสลิม”  เด็กหนุ่มหน้าใสหยุดยิ้มเยาะก่อนจะขมวดคิ้ว  มองไล่ตั้งแต่คอลงมาเท้าถึงใหม่  เจ้าชายผายมือไปข้าง ๆ ที่มีกุทตรากับอากอลที่ตกอยู่กับพื้น  เด็กหนุ่มมองของที่พื้นแล้วเบือนขึ้นมาสบตาสีน้ำตาลอ่อนทรงพลัง  กลืนน้ำลายเหนียวกับบรรยากาศกดดันที่มองไม่เห็นแล้วหันไปบอกลูกน้องตัวเองให้ขอโทษเจ้าชาย
 
“ขอโทษเขาสิ  มึงไม่เห็นเหรอว่าเขาเป็นมุสลิมอ่ะ”  เสียงขอโทษดังพึมพำจากด้านหลังเด็กหนุ่ม  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองรายตัวจนคนถูกมองก้มหน้าหลบตากันหมด  ชายชุดดำยกยิ้มร้ายก่อนจะล้วงมือหยิบธนบัตรสีเทาส่งให้เด็กหนุ่ม

“ค่าเสียหายของพี่กับเพื่อน”  เด็กหนุ่มยื่นมือรับเงินแล้วมองหน้าขาวแว่นดำด้วยความไม่เข้าใจ  ว่าทำไมถึงได้ให้เยอะขนาดนี้  เงยหน้ามองชายชุดดำที่เข้าประชิดด้านหลังของคนรุ่มร่ามแล้วขมวดคิ้วมุ่น

“ไปเถอะ..ผมจ่ายให้เด็กนี่แล้ว..”  เด็กหนุ่มมองมือของชายชุดดำคว้าแขนที่มีเลือดติดกรังของคนรุ่มร่ามไว้แน่น  ไล่สายตาขึ้นสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของคนรุ่มร่ามที่กำลังไหวระริก  เด็กหนุ่มยืนนิ่งมองก่อนจะตัดสินใจ..

“พี่ให้แต่ไอ้รุ่มร่ามนี่ยังไม่ได้ให้  แค่นี้มันไม่พอหรอก!..  มึงมากับกู  ไม่มีเงินให้ก็ต้องทำงานใช้หนี้!”  เด็กหนุ่มคว้าแขนเจ้าชายที่ว่างอีกข้างแล้วออกแรงดึงมาทางตน  ชายชุดดำขืนแขนที่จับไว้แล้วล้วงธนบัตรอีกปึกส่งให้เด็กหนุ่ม

“นี่ส่วนของเพื่อนพี่..รับไปซะ”  เด็กหนุ่มเหยียดยิ้มแล้วเมินเงินปึกนั้น  ดึงแขนเจ้าชายเต็มแรงจนหลุดจากการเกาะกุมของชายชุดดำ  ตวัดหางตาแล้วกอดอกบอกชายชุดดำ

“มันคนละคนกันพี่..ไปได้แล้วไอ้รุ่มร่าม”  บอกเสร็จก็หันไปทางเจ้าชาย  ผลักแผ่นหลังให้เดินนำ  ก่อนจะปรายตามองกวนชายชุดดำแล้วเดินตามเจ้าชายออกไปทางท้ายซอย  ชายชุดดำเดินตามก็ถูกลูกน้องเด็กหนุ่มยืนขวางไว้  ผลักอกเด็กหนุ่มให้หลีกทางก็ถูกหมัดที่หนักเกินตัวซัดเข้าปลายคาง  ล้มทั้งยืน..สลบอยู่ตรงนั้น  ลูกน้องเดินตามลูกพี่หลังจากเล่นงานคนพาลเสร็จ  ไม่หันกลับไปมองคนที่นอนหงายแผ่หลาอยู่กลางซอย

แม้หางตา..ก็ไม่แล


.....................................................




เดินไปพร้อมกันกับไอ้รุ่มร่ามก็อดเหลือบมองมันไม่ได้   ดูจากลักษณะกับบุคลิกของมันแล้วไม่น่าจะเป็นคนธรรมดา  ยิ่งไอ้คนที่ใส่แว่นดำเหมือนพวกมือปืนที่อยู่กับมันยิ่งทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า..

มันอาจจะเป็นพวก..มาเฟียค้ายา!  แต่หน้าตามันก็ยังเด็กอยู่  ไม่น่าจะอยู่องค์กรค้ายาใหญ่ ๆ จนถึงกับมีคนตามหาเรื่องแบบนี้ได้   เอ..หรือจะเป็น..ลูกเศรษฐีน้ำมันที่กำลังจะถูกลักพาตัว!  หื้อ?!  ลูกเศรษฐีต้องมีเงินสิวะ!  นี่แค่ค่าเสียหายไม่กี่บาทก็ไม่มีจะให้  หรือมีแล้วกั๊กวะ?  ไวเท่าความคิด  ผมดึงแขนที่มีกล้ามเนื้อแน่นใต้เสื้อคลุมแขนยาวของไอ้รุ่มร่ามไว้แล้วเอ่ยปากบอก

“เอาค่าเสียหายมาให้กู  3  พัน”  หน้าขาวคมเข้มของมันเบือนมามองผมแล้วหันมาหาผมเต็มตัว  ผมกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเป็นรอบที่..เท่าไหร่ไม่รู้  มองตามันแล้วแทบจะลมใส่เมื่อเห็นและได้ยินคำจากริมฝีปากสวยนั่น

“เราไม่มีเงินติดตัว  แต่ถ้าต้องการค่าเสียหาย..นี่คงพอจะช่วยได้”  มันถอดนาฬิกาข้อมือที่ดูเหมือนมีราคาส่งให้ผม  ยิ้มมุมปากกับของพรรค์นี้แล้วปัดทิ้ง  อารมณ์โกรธปะทุขึ้นมาเมื่อผมอุตส่าห์ช่วยให้มันรอดจากไอ้บอดแล้ว  มันกลับเอาของก๊อปมาให้ผมแทนเงิน  ดูแล้วน่าจะเป็นลูกผู้ดีมีอันจะกินแต่เอาเข้าจริงก็บ่อจี๊  เฮอะ!  นาฬิกาห่วยแบบนี้ขืนเอาไปให้พ่อดู..พ่อกูคงเตะทั้งกูทั้งมึงออกมาไม่ทันแน่ไอ้เหี้ย!

“กูไม่ตลกไอ้รุ่มร่าม!  ถ้าไม่มีเงินใช้คืนมึงต้องทำงานใช้จนกว่าหนี้มึงจะหมด  ไป!”  ผลักไหล่มันแล้วพยักพเยิดให้ไปทางขวา  มันมองไปทางนั้นแต่เสือกเดินไปทางซ้าย   วิ่งตามแล้วคว้าแขนมันให้เดินมาทางที่ถูก  อดด่ามันไม่ไหวจริง ๆ ครับ

“รถกูอยู่ทางนี้ไอ้แขกถังแตก!”  เหวี่ยงแขนมันเมื่อลากถูลู่ถูกังมันมาจนถึงรถ  มันเป็นคนตัวใหญ่  แล้วก็ดูแข็งแรง  เพราะแขนที่มีกล้ามเนื้อกับจังหวะการเดินที่หนักแน่นของมันทำให้ผมที่ออกกำลังกายอยู่ตลอดต้องออกแรงบังคับทั้งที่มันแทบไม่ขัดขืนอะไรเลย  ถ้าได้มันมายกลังปลาคงจะทุ่นค่าแรงจ้างพม่าไปหลายคน  ขึ้นรถได้มันก็ปรับเบาะเอนลงจนพนักพิงหัวติดกับเบาะหลัง  สงสัยจะกลัวพวกไอ้บอดมันตาม  ผมไม่สนหรอกว่ามันเป็นใครและจะอันตรายแค่ไหน..เพราะ..

กูก็ลูกพ่อเว้ย!

ขับออกมาจนถึงปากซอยก็สังเกตว่ามีรถขับตามมาตั้งแต่ตลาดสด  ยกยิ้มมุมปากแล้วหักพวงมาลัยเข้าทางลัด  เร่งความเร็วเต็มที่แล้วเปิดเพลงเสียงดังสนั่นรถ  ฮัมตามเพลงแล้วหมุนพวงมาลัยเข้าไปทางซอยส่วนบุคคล  หางตาเหลือบมองกระจกเห็นรถสีดำขับตามมา  ยกยิ้มแล้วบีบแตร  3  หนติดให้ยามรู้  ยามยกไม้กั้นรอแล้วยกปิดทันที  ผมผ่านเข้ามาได้ก็เลี้ยวเข้าหลังซอยแรกทันที  ขับทะลุถนนเส้นหลัก  คนที่นั่งมาด้วยกันไม่เอ่ยอะไรกับผมซักคำ  ได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ  คงจะอึ้งกับความเมพของผม

เบาเพลงลงเมื่อเข้าเขตบ้านตัวเอง  ทางเข้าบ้านผมมีเอกลักษณ์เพื่อให้ลูกค้ามารับปลาได้ถูกและง่ายครับ  เป็นถนนส่วนบุคคลที่ไม่ปรับปรุงภูมิทัศน์ข้างทางเลยแม้แต่ตารางวาเดียว  เหมือนซุ้มมือปืนสมัยก่อนน่ะ  ต้องอยู่แบบป่า ๆ หน่อยถึงจะเท่  เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโกดังปลาแล้วดับเครื่อง  ปรายตามองไอ้รุ่มร่ามที่ปรับเบาะเป็นปกติ  ตาสีน้ำตาลจ้องผมกลับจนผมแทบจะไปไม่เป็นเพราะแรงดึงดูดในดวงตามัน..

“..ชื่ออะไร?  กูจะได้บอกพ่อถูก”  เอ่ยถามมันเสร็จก็เบือนหน้าไปมองป่ารกชัฏตรงหน้า  รอคำตอบจากปากสีสวยของมันนิ่ง  ผมไม่โกหกว่ะว่าผมลุ้นอยู่..อยากรู้ว่าชื่อแบบอิสลาม  มุสลิม  มันจะเพราะแค่ไหน

“..เชค  ไมทา  บิน  โมฮัมเหม็ด  คาอิล  อัล  ฮาละฮ์..นั่นคือชื่อของเรา”  ขมวดคิ้วตั้งแต่คำว่า ‘เชค..’  เบือนหน้าไปมองมันช้า ๆ จนริมฝีปากสีแดงของมันบอกคำสุดท้ายของชื่อมันเอง  ยาวขนาดนี้..พ่อแม่มันตั้งเองแล้วจะจำได้หมดทุกคำมั้ยวะ?!  ถอนหายใจยาวแล้วเปิดประตูก้าวเท้าลงจากรถ  ลูกน้องผมก็วิ่งมารับพร้อมผ้าเย็นและน้ำเปล่า  ยื่นมือรับผ้าเย็นมาเช็ดแล้วโยนทิ้ง  ไอ้บาสวิ่งมารับทันพอดีก่อนจะร่วงถึงพื้น  รับน้ำเปล่ามาดื่มแล้วยื่นให้ไอ้บี๊กเอาไปเก็บ  ตวัดหางตามองไอ้รุ่มร่ามชื่อยาวให้มันเดินตามมา  เห็นมันมองสำรวจพื้นที่รอบบ้านผมแล้วก้าวเท้าเดินตามมา  เห็นแล้วก็หงุดหงิด..ไอ้ท่าเดินสง่าแบบนั้นมันทำไงวะ?!

เดินเข้าโกดังปลา  รับไหว้คนงานที่เดินผ่าน  ทุกคนมองมันเป็นตาเดียว  พามาหาพ่อแล้วเล่าให้มันฟังเรื่องปลาที่เอาไปส่งที่ตลาด  พ่อรับฟังแล้วจ้องตาไอ้รุ่มร่าม  ผมอดทึ่งกับการมองตาพ่อตอบของมันไม่ได้  แม่งกล้าดีว่ะ!  พ่อหันมาถามผมเรื่องตอนชนกันที่ตลาด  ใครจะไปรู้ล่ะว่าแผลที่แขนมันได้มายังไง   เด็กมันมาตามผมตอนปลามันหกเกลื่อนพื้นแล้ว  ส่ายหน้าตอบพ่อแล้วยืนรอคำสั่ง  พ่อเบือนตาจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของมันแล้วบอกให้ผมพามันไปนอนที่บ้านผมด้วย

“ครับ..ให้มันทำงานกี่วันดีพ่อ? ค่าเสียหายมันอยู่ที่  3,000  ครับ”  พ่อถอนหายใจแล้วลูบหัวผม  ‘จนกว่าเค้าจะกลับ’  ขมวดคิ้วมุ่นแล้วถอนหายใจยาว  คำสั่งพ่อผมคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว  ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะพ่อก็ถามชื่อจากมัน  ผมรีบบอกชื่อที่คิดให้มันตั้งแต่เดินลงจากรถกับพ่อ  ขืนให้พ่อฟังชื่อมันพ่อคงปวดหัว

“..‘ภูริช’  น่ะพ่อ”  พ่อมองหน้ามันแล้วยกยิ้ม  มันก้มหัวขอบคุณพ่อแล้วเดินตามผมออกมาจากโกดังปลา  พาเดินดูโน่นนี่เสร็จก็เดินเข้าบ้าน  ให้มันกินข้าวเย็นพร้อมกัน  ไอ้บาสก็แนะนำลูกน้องเพื่อนพ้องที่โตมาพร้อมกันกับผมให้มันรู้จัก  มันก็ยิ้มทักทายทุกคนดี

ผมเพิ่งเห็นว่าตอนมันยิ้ม..โลกสว่างพรึ่บเลยครับ

ก้มหน้ามองจานข้าวแล้วนั่งฟังมันตอบคำถามที่มันตอบบ้างไม่ตอบบ้าง  ดวงตาสีน้ำตาลของมันมองผมเป็นระยะ  มันยิ้มให้ผมก็เผลอยิ้มตอบ  ดูไปมันก็เป็นคนดี  ไม่น่าถูกพวกไอ้บอดมันตามเอาได้  ถอนหายใจแล้วสั่งลูกน้องตัวเองให้แยกย้ายไปพักผ่อน  พามันเดินมาห้องที่ว่างอยู่  สั่งให้ไอ้บาสขนที่นอนและจัดการเรื่องผ้าห่ม  ผ้าปูให้เรียบร้อย   เบือนหน้าไปสบตามันแล้วเสไปมองบันไดบ้าน  ทำหน้ายังกะลูกหมาถูกทิ้ง..

“ห้องน้ำมี  2  ห้อง  ข้างหลังบ้านห้องหนึ่ง  แล้วก็ชั้นบนห้องหนึ่ง  รออยู่นี่ล่ะจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้  ไอ้บาส..ภูริชอาบน้ำเสร็จก็ทำแผลให้มันด้วย”  หันหลังให้ไม่รับรอยยิ้มขอบคุณสว่างไสวจากมัน  เดินขึ้นบ้านแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าค้นเสื้อผ้าให้มัน  ดูจากไซส์มันไม่มีทางใส่ของผมได้แน่  แต่จะให้เบียดเบียนเสื้อผ้าคนอื่นผมก็ทำไม่ได้  ทุกคนที่อยู่โกดังไม่ใช่คนรวย  ทุกคนต้องทำมาหากินเลี้ยงตัวเองกับครอบครัว  ไม่มีเสื้อผ้าเหลือมาให้มันแน่  เออใช่!

“นี่เสื้อผ้าของมึง..”  มันรับเสื้อกับกางเกงจากมือผมโดยไม่พูดอะไร  ไอ้บาสหยิบออกจากมือมันแบบถือวิสาสะออกมาคลี่ดู  อะไร?!  มันก็แค่เสื้อลายสก๊อตสีแดงเข้มที่พวกโต๊ะจีนมันชอบใส่  แล้วก็กางเกงขาก้วยเอวย้วยตัวหนึ่ง   ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแล้วเบือนหลบตาตำหนิของไอ้บาส  ถอนหายใจทิ้งยาว ๆ แล้วหันมาบอกให้มันทั้งคู่สบายใจ             

 “พรุ่งนี้กูจะพาไปหาซื้อใหม่ก็แล้วกัน”  ไอ้บาสยิ้มออกมาแล้วตบหลังให้กำลังใจภูริช  มองแผ่นหลังไอ้บาสที่เดินเข้าหลังบ้านเพื่อหากล่องยาทำแผลให้มันแล้วเดินหันหลังขึ้นห้อง  ก้าวขึ้นบันไดขั้นที่  3  มันก็ถามคำถามเรื่องความหมายของชื่อมันกับผม..

ยกยิ้มร้ายกับตัวเองก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้  ‘ภูริช’  เจ้าตัวยิ้มกว้างรอฟังความหมายเพราะพริ้งจากชื่อที่ผมตั้งให้

ภูริช  แปลว่า  แผ่นดินครับ  เป็นชื่อที่ผมอยากเปลี่ยนมาใช้มาก  แต่ชื่อ  ‘โกสินทร์’  ที่หลวงปู่ตั้งให้มันก็ไม่ได้แย่อะไรมากกับชีวิต  ผมก็เลยยกชื่อนี้ให้มันชั่วคราว  สบตาสีน้ำตาลสวยของมันแล้วบอกความหมายให้มันรู้..

“  ‘ภูริช’  แปลว่า..







‘ผิดรู’..”   ตีหน้าเฉยประกอบด้วยแววตาจริงจัง  ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นห้อง  กลั้นขำจนปวดท้องเมื่อนึกถึงหน้าช็อคสุดขีดของมัน.. ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

โอ้ยยย ขำเหี้ย ๆ   ฝันดีแล้วผม555

.
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด: แอบ..รัก 02/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 03-03-2015 15:05:29
เสียงลมพัดใบไม้เบียดกันจากนอกหน้าต่างดังหวีดหวิว  ฟ้าร้องครืน  ลมแรงขึ้นจนผ้าม่านตรงหน้าต่างปลิวสะบัด  ฝืนลืมตาตื่นแล้วลุกมาปิดหน้าต่าง  ก่อนจะดึงหน้าต่างปิดก็มองสายฟ้าที่ผ่าลงตรงบ่อทรายท้ายบ้าน  ละอองฝนกระเซ็นโดนหน้าจนต้องหลับตารับความเย็นชื้นนั้น  เสียงฟ้าร้องดังกลบเสียงสายฝน  น้ำฝนที่สาดเข้ามาทำให้ต้องปิดหน้าต่างกันฝนสาด  แต่ความงามและบรรยากาศตอนนี้ก็ทำให้ผมตัดใจจากภาพตรงหน้าไม่ลง  ปิดหน้าต่างทางซ้ายแค่บานเดียว  ดึงเก้าอี้มานั่ง  เกยคางบนแขน  มองสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นเส้น  สวยจนละสายตาไปไหนไม่ได้..

นั่งมองอยู่อย่างนั้นจนฝนหยุดตก  หลับตารับลมเย็นหลังฝนตกจนแสงสว่างของวันใหม่เข้ามาทักทายถึงในห้อง  ยิ้มบางรับอรุณรุ่งแล้วลุกมาหยิบผ้าเช็ดตัวคาดทับกางเกงบอล  ไม่ต้องเสียเวลาถอดเสื้อ  เพราะเวลานอนผมไม่ใส่อยู่แล้ว  คว้าแปรงบีบยาสีฟันใส่แล้วยัดเข้ามาในปาก  เดินลงไปข้างล่างก็แปรงฟันไปด้วย  พยักหน้าทักไอ้บาสกับไอ้บิ๊กที่พาน้องสมศักดิ์  ไก่ชนเงินแสนของผมออกกำลังกายอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน  เดินเลียบไปทางท้ายบ้านไปดูว่าที่เห็นฟ้าลงหลังบ้าน  มันผ่าอะไรตรงไหนของบ่อทรายบ้าง  แปรงฟันไปด้วยสำรวจไปด้วย  ดูเหมือนจะผ่าลงกล้วยที่เป็นเป้าซ้อมยิงปืนผมอย่างเดียว..

“อรุณสวัสดิ์”  โดดเข้ากอกล้วยเพราะสะดุ้งกับเสียงแปร่งทักทายจากด้านหลัง  ร้องไม่ออกเพราะแปรงสีฟันคับปาก  ก้มมองหน้าแข้งเขียว ๆ ของตัวเองแล้วเงยหน้ามองหน้าคมของมัน  ลดสายตามองแผงอกแกร่งกับผิวขาวของมัน..ล่ำดีนี่หว่า  จับแปรงสีฟันออกจากปากแล้วบ้วนฟองทิ้งลงข้างต้นกล้วย  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วยิ้มบางทักทายมันกลับ

“มึงตื่นเร็วนะภูริช..หลับสนิทรึเปล่า?”  ทักมันแล้วจับผ้าเช็ดตัวมาคาดใหม่ไปด้วย  ทุลักทุเลพอควรเพราะมือข้างหนึ่งจับแปรงสีฟัน  ขมวดคิ้วกับปมที่ไม่ค่อยแข็งแรงแล้วจับแปรงยัดปากเหมือนเดิม

“เราหลับสบายมาก  อากาศที่นี่ดีนะ  ไม่ร้อนเหมือนบ้านเรา”  ขมวดปมเรียบร้อยก็เงยหน้ามองตามัน  พยักหน้ารับแล้วเดินเลี่ยงมันกลับเข้าบ้าน  มันเดินตามมาข้าง ๆ  ผมชะลอฝีเท้าแล้วชี้นิ้วไปที่ผืนนากว้างข้าง ๆ บ้าน  ปากก็พยายามอธิบายว่านี่เป็นเกษตรสาธิต  ไม่ได้ทำจริงจัง  เพราะหลังที่นาก็เป็นแปลงผัก  ถัดไปก็ปลูกถั่วฝักยาวกับข้าวโพด  เย็นนี้กะจะพาลูกน้องไปทำราวให้ถั่วฝักยาวได้เลื้อยด้วย 

“เราว่า..ไปล้างหน้าเสียก่อนเถอะ”  หยุดเดินแล้วมองมันตาขวาง  ถอนหายใจกับดวงตาจริงใจของมันแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้านไปล้างหน้าล้างตา  อาบน้ำเสร็จก็ลงมาชวนลูกน้องไปกินข้าว  รวมทั้งลุกน้องหน้าใหม่อย่างมันด้วย

“ไปโกดังหาข้าวกินกันพวกมึง..ไปภูริช”  ชวนพวกพ้องยกพลไปกินข้าวแล้วขมวดคิ้วกับเสื้อผ้าที่ไอ้แขกถังแตกมันใส่  รอให้มันเดินมาแล้วถามมันว่าเอาของใครมาใส่  มันยิ้มแล้วบอกว่าบาสหามาให้  พิศเสื้อยืดสีขาวมีกระทิงแดง  2  ตัวอยู่ตรงกลางแล้วพยักหน้ารับรู้  ไอ้บาสใส่แล้วลูกทุ่งกรรมกรมาก  แต่มึงใส่แล้ว..ยังกะเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มชูกำลัง55+

“เป็นอะไร?..”  ยิ้มค้างแล้วขมวดคิ้วมองหน้าคมเข้มของมัน  เสือกชะมัด55+  ยักไหล่ก่อนจะเดินนำมันเข้าโกดังปลา  ถามป้าอุ่นแม่ไอ้บาสว่าทำกับข้าวที่สั่งทำแยกให้ไอ้แขกถังแตกรึเปล่า?  ป้าอุ่นชี้นิ้วส่ง ๆ ไปที่กระบะท้ายรถโฟร์วีลของผมเอง  สาวเท้าไปหยิบจานปลาราดพริกกับเนื้อแดดเดียวมาวางลงตรงหน้ามัน  ทำเฉยกับรอยยิ้มขอบคุณของมันแล้วเดินมาตักข้าวราดแกงไปหาพ่อ  นั่งกินข้าวกับพ่อเสร็จก็เดินมาบอกให้ลูกน้องเตรียมยกลังปลาใส่รถเอาไปส่งให้ลูกค้าได้แล้ว  เหลือบมองภูริชที่ลุกตามไอ้บาส  ท่าทางตั้งอกตั้งใจกับการยกลังปลาทั้งที่ก็ไม่น่าจะถนัดของมันทำให้ผมขำไม่ออก  มันก็ดูเป็นคนใช้ได้เหมือนกัน..

“ต้น..วันนี้ไม่ต้องพาภูริชออกไปข้างนอกนะ  ถ้าอยากไปก็พาลูกน้องพ่อไปด้วย..ให้พวกบาสอยู่ที่โกดังกับพ่อ”  นิ่งมองตาพ่อแล้วพยักหน้ารับคำ  ไปกับลูกน้องพ่อผมอยู่บ้านดีกว่า  ลูกน้องพ่อไม่ฮาพาเครียดด้วย  ดีเหมือนกัน  พาไอ้แขกถังแตกไปยิงปืนที่บ่อทรายดีกว่า  เอาจานข้าวตัวเองไปเก็บแล้วเดินออกมาดูลูกน้องขนลังปลาใส่รถ  6  ล้อ  ภูริชมันขยันดีครับ  ช่วยขนขึ้น  6  ล้อเสร็จก็เดินไปช่วยไอ้บิ๊กขนขึ้นท้ายกระบะด้วย  เดินไปบอกพวกมันว่าวันนี้ผมไม่ออกไปส่งปลาด้วย  ให้ระวังด้วยเวลาขนย้ายลังปลา   มองเวลาแล้วสั่งให้พวกมันหาข้าวเที่ยงกินก่อนออกไปส่งปลา 

“พี่ต้นไม่ไปด้วยเหรอพี่?”  พยักหน้าให้ไอ้บิ๊กแล้วหันไปหาไอ้แขกถังแตก

“วันนี้มึงต้องอยู่ที่นี่  เดี๋ยวให้ไอ้บาสมันซื้อเสื้อผ้ามาให้  บาสมึงดูเสื้อผ้ามาให้มันด้วย  ตามกูมานี่ไอ้แขกถังแตก”  สั่งเสร็จก็หันหลังเดินมาทางบ้านตัวเอง  มันเดินตีคู่ขึ้นมาผมก็หันไปถามมันว่าเคยยิงปืนรึเปล่า?  มันยิ้มแทนคำตอบ..น่าจะเคย  พามากินข้าวที่บ้านแล้วให้มันขนปืนยาวอัดลมไปที่บ่อทรายหลังบ้าน  ผมเดินย้อนกลับไปที่รถแล้วหยิบ .357  ของตัวเองติดมือไป  กระบอกนี้ผมได้มาตอนอยู่  ม.4   ยืมมาจากลิ้นชักเก็บเงินของพ่อ  พ่อไม่ถามหาผมจะคืนทำไมล่ะ  เวลาผมยิงหมดแมกซ์ก็ไปหากระสุนในโกดัง  พ่อชอบวางไว้ปนกับพวกลังปลาน่ะ

“ปกติชอบมายิงปืนเล่นที่นี่เหรอ?”  พยักหน้าตอบมันแล้วง่วนกับการบรรจุกระสุนปืนอัดลม  ยกขึ้นเล็งมองหานกเป็ดน้ำกับพวกนกที่บินเหนือผืนนา  ภูริชก้มหลบเมื่อผมส่องหาเป้าหมาย  ยกยิ้มกับกล้องส่องที่ติดเหนือกระบอกปืน  ปืนลมกระบอกนี้ผมซื้อมาจากซีคอน  พ่อพาไปซื้อเพราะทนผมรบเร้าไม่ไหว  ที่บ้านผมมีแต่ปืนอัดลมแบบกระจอก ๆ  กับปืนของพ่อ  เห็นคนงานมันเอามายิงนกผมก็อยากมีแบบนั้นบ้าง  คนซวยก็คือพ่อ..ต้องหามาประเคนผม555+

“คุณมี .357  ด้วยเหรอ?”   เหนี่ยวไกใส่เป้าหมายแล้วลดปืนลง  เดินกึ่งวิ่งไปดูแถวปลายนา  นกอะไรก็ไม่รู้นอนตายอยู่  ถอนหายใจไล่ความเซ็งเพราะผมไม่ได้เล็งไอ้ตัวนี้  ผมเล็งนกเป็ดน้ำต่างหาก  หันไปมองภูริชแล้วพยักหน้า  มันขมวดคิ้วเหมือนงงผมเลยตอบคำถามมันแทนที่เป็นการพยักหน้าตอบ

“กูมี .357  มีนานแล้ว  ยืมพ่อมา..มึงถามกูเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?”  ภูริชยิ้มบางตอบแล้วพยักหน้ารับ  กูตอบช้า..ไม่ได้แปลว่ากูลืมว่ามึงถามอะไร  ผมบอกให้มันลองยิงได้  กระสุนผมมีอีกเป็นสิบ  หันมาบรรจุกระสุนลงในรังปืนอัดลม  เดินกลับมาที่บ่อทราย  กะระยะยืนให้อยู่ประมาณ  7-8  หลา  แล้วยกเล็งไปที่ต้นกล้วย  ภูริชเดินเข้ามาจับน่องผมให้ถ่างออกอีกนิด..

“ยืนแบบนี้ดีกว่า  น้ำหนักตัวจะได้เฉลี่ยบนเท้าเท่า ๆ กัน..”  ก้มมองแล้วขยับเท้าเหมือนที่มันบอก  ยกปืนขึ้นเล็งแล้วเหนี่ยวไก  อืม..รู้สึกเหมือนมันเสถียรกว่าเดิมแฮะ  เหลือบไปมองภูริชที่กำลังนั่งยอง ๆ พลิก .357  ของผมดู  มันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมพอดีก่อนจะยิ้มบางส่งมาให้ผม  ยิ้มคืนมันแบบเก้อ ๆ แล้วหยิบกระสุนมาบรรจุต่อ  แม่ง..เหมือนผมแอบมองมันเลยว่ะ  แต่ก็จริงล่ะ  ผมว่ามันเป็นคนแปลก  มันดูเก่งหลายเรื่อง  แล้วท่าทางที่รู้เรื่องปืนนั่นด้วย 

อยากรู้ว่ะ..มันเป็นใครวะ?

แต่ผมไม่ใช่คนชอบเสือก  มันอยากเล่ามันก็คงเล่าเองล่ะ  หันมาสนใจเป้าที่บินไปบินมาเหนือท้องนา  ส่ายปากกระบอกปืนไล่ล่านกโชคร้ายที่บินหนีออกมาจากฝูง  ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปที่ลำตัวที่มีขนสีเทาดำปกคลุมจนทั่ว  กำลังจะเหนี่ยวไกก็สะดุ้งสุดตัวกับเสียงลูกปืนดีดออกจากรังเพลิงของ .357   3  นัดติดซะก่อน  หันไปมองหน้าด้านข้างของมันแล้วถอนหายใจยาว  ภูริชมันรีบลดปากกระบอกปืนลงแล้วหันมาหาผม  ‘เราทำเสียสมาธิรึเปล่า?..ขอโทษด้วย’  สูดลมหายใจเข้าไปเลี้ยงปอดแล้วบอกมันว่าไม่เป็นไร  หันมองเป้าหมายที่บินหนีไปหมดแล้วกัดกรามแน่นข่มความหงุดหงิด  กูเล็งมาเกือบ  10  นาที  ถ้าไม่เพราะเสียงปืนของมัน  ผมสอยนกตัวนั้นได้อยู่แล้ว  ยกปืนขึ้นส่องใหม่อีกครั้ง  คราวนี้ปลายจมูกผมได้กลิ่นฝนลอยมาแต่ไกล  เงยหน้าขึ้นมองฟ้า  เมฆสีดำกำลังก่อตัวกันเป็นก้อนอยู่ทั่วทั้งบริเวณ  มึงตกไปแล้วยังจะตกเหี้ยอะไรอีก!

หันกลับมาส่องนกตัวใหม่ไม่สนใจสภาพอากาศรอบกาย  เสียงภูริชมันเก็บปืนกับกระสุนที่วางไว้  มันนิ่งมองผมที่เอาแต่ส่องนกก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจพรูจากมัน  ตามมาด้วยเสียงทุ้มเอ่ยบอกผมว่าให้กลับบ้านได้แล้ว

“กลับเถอะ”  อ้าปากจะบอกมันว่าผมต้องสอยไอ้ตัวนั้นให้ได้ก่อนมันก็ลากแขนผมเข้าบ้าน  ยื้อไว้มันก็หันมาคว้าปืนอัดลมในมือผมไปถือเองแล้วดึงให้เดินตามมัน  หงุดหงิดเพราะยังไม่ได้นกตัวที่ผมพอใจ  แล้วไอ้การกล้าดีมาลากหรือบังคับผมให้ทำโน่นทำนี่  ทั้งที่ไม่ใช่ญาติมันก็ทำให้ผมนึกฉุนมันหนักยิ่งขึ้น  ง้างเท้าเตะก้นมันเต็มหลังตีน    มันหันมามองตาขวางผมก็ตั้งท่าจะเตะซ้ำ  มันโยนปืนอัดลมไปทางซ้ายแล้วเหน็บ .357  ไว้ที่เอว  คว้าข้อมือผมดึงเข้าหาตัว  ผมก้มหลบแล้วพลิกหันหลังเอาหัวโขกเข้ากับปลายคางมันเต็มแรง  เสียงดัง  ‘กึ๊ก’ ก้องอยู่ในหัว  ผมมึน..แต่ผมว่ามันเองก็ต้องมึนเหมือนกัน  มันปล่อยข้อมือผมออกแล้วอ้อมมาอยู่ข้างหน้า  จับข้อมือผมไว้ทั้งสองข้างแล้วไพล่หลังไม่ทันให้ตั้งตัว  ผมดิ้นมันก็ออกแรงดึงแขนผมให้ไพล่หนักกว่าเดิม  ขาก็เตะมันไม่ได้เพราะมันจับแขนผมไพล่หลังแบบนี้ตัวมันก็ต้องติดกับผมอยู่แล้ว   เจ็บ..แต่เรื่องอะไรจะยอมแพ้มัน  ผมดิ้นเต็มที่มันก็ดึงแรงขึ้นเรื่อย ๆ ..ผลก็คือ..ผมเจ็บจนน้ำตาเล็ด

ยิ่งมันออกแรงดึงมากเท่าไหร่ตัวก็ชิดกันมากกว่าเดิม  ผมเตี้ยกว่ามันหน้าก็เลยฝังอยู่ตรงไหปลาร้ามัน  ยิ่งมันออกแรงมากผมยิ่งหายใจไม่ออก  งัดหน้าขึ้นเอาคางเกยไหล่มันเพื่อรับอากาศ  เสียงกัดฟันของตัวเองดังกรอด ๆ สลับกับเสียงหายใจแรงของมันที่ดังอยู่ข้างหู  รอบตัวเริ่มเย็นขึ้น  หยาดฝนเม็ดเล็ก ๆ โปรยปรายล้างเหงื่อผมที่กำลังไหลเข้าตา   ความเจ็บที่ข้อมือแล่นมาจนถึงกล้ามเนื้อแขน  นานจนผมเริ่มทนไม่ไหว..

“ยอมรึยัง?..เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว  คุณโตแล้ว..รู้ว่าอะไรควร..ไม่ควร”  เสียงที่ดังข้างหูบอกผมเลิกทำตัวเป็นเด็ก  แล้วมันล่ะ  ตัวมันดีแค่ไหนกัน  อ้าปากจะด่ามันก็ดึงแรงขึ้นอีก  ผมกัดฟันแน่น  เจ็บจนนิ่วหน้า  น้ำตาที่หางตาไหลลงมาปะปนกับหยาดฝน  ยังไง..กูไม่ยอม!

“ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้?..หืม!?”  น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามคำถามแรก  แต่กลับปิดท้ายด้วยเสียงห้วนเหมือนผมกำลังขัดใจมัน  เชิดหน้าขึ้นสบตาสีน้ำตาลของมันแล้วส่งความท้าทายผ่านดวงตาสีดำสนิทของตัวเอง  มันยิ่งดึงแรงขึ้นกว่าเดิม  ฝนตกหนักขึ้นพร้อมกับน้ำตาแห่งความเจ็บปวดทางร่างกายที่ไหลออกมา  ผมไม่สนหรอกว่ามันจะสังเกตเห็นรึเปล่า?  อารมณ์ผมตอนนี้..

กูไม่แพ้ยอมมึงเด็ดขาด!

บดกรามจนปวดกล้ามเนื้อหน้า  กะพริบตาไล่น้ำฝนที่ไหลเข้าตา  จ้องตาสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงมองผมด้วยแววตาของผู้ใหญ่มองเด็กหัวดื้อคนหนึ่ง  มันเบือนหลบตาผมแล้วถอนหายใจยาว  คลายแรงที่ข้อมือผมแต่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือ  ยืนตากฝนนานจนปากผมเริ่มสั่น  จ้องหน้าด้านข้างของมันจนมันหันกลับมามองผม  ดวงตาสีน้ำตาลของมันมองหน้าผมจนทั่ว  แววตาดุแปรเปลี่ยน..เป็นสายตาที่ตีความหมายไม่ออก  ขมวดคิ้วมุ่นมองตามันตอบก่อนจะเป็นฝ่ายหลบซะเอง  ดึงมือตัวเองที่มีมือหนาของมันจับข้อมือแน่นขึ้นมาปาดน้ำออกจากหน้า  มันปล่อยมือผมแล้วช่วยเช็ดน้ำฝนที่หน้าผมด้วย  กะพริบตาปริบสบตากับกับกระทิงแดงบนเสื้อมันแล้วเดินเข้าบ้าน  มีมันเดินตามหลังมาติด ๆ  เข้าบ้านได้ก็ดิ่งขึ้นชั้นบน  เสียงมันตะโกนตามหลังให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย  หยุดเดินทันทีแล้วเบือนหน้าไปมองมันช้า ๆ ปรายตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า  ปวดกระบอกตาแต่ต้องทำ  ผมรู้ว่ามองแบบนี้มันกวนส้นตีนคนอื่นแค่ไหน  ผมจัดมองเหยียดหยามให้มันชุดใหญ่ก่อนจะตอกหน้ามันด้วยคำพูดของ  ‘เด็ก’  ให้มันหน้าหงาย

“หน้าไม่เหมือนพ่อ..ก็อย่าเสือกมาสั่งกู!”  เดินโยกตัวเข้าห้องนอน  กดล็อคประตูแล้วนวดตามแขนไล่มาจนถึงหัวไหล่  แรงแม่งดีชิบหาย  มิน่า..ถึงได้ยกลังปลาปลิวได้แบบนั้น  สะบัดแขน  2-3  ทีแล้วเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ  อาบน้ำไปก็นึกถึงดวงตาสีน้ำตาลของมันไป  ไม่ได้อยากคิด..แต่มันโผล่เข้ามาเอง  ตามันสวย  แล้วก็ดุด้วย  ไม่รู้ว่าทำไมผมไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัว..ผมว่ามันดูมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่า

“โอ้ย!”  ยกแขนขึ้นมาดูว่าทำไมโดนสบู่ถึงแสบ  รอยแดงช้ำที่ข้อมือกับรอยเหมือนรอยข่วนยาวเป็นทางที่แขนนี่เอง  ไม่รู้โดนอะไรตอนไหนเหมือนกัน  ล้างสบู่ออกเบามือแล้วรีบล้างตัว  ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้อง  เสียงไอ้บาสกับลูกน้องผมเจียวจาวอยู่ข้างล่าง  กลับมาเร็วนี่หว่า..

“พี่ต้นผมแวะร้านพี่อาร์ตเอาพริกแกงที่พี่สั่งมาแล้วนะ  แล้วก็ซื้อเนื้อมาให้แล้ว  ทำเลยมั้ยพี่?!”  ยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงรายงานจากปากไอ้บาส  ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเดินลงไปสมทบกับพวกที่รออยู่ข้างล่าง  พยายามไม่สบตาสีน้ำตาลอ่อนของไอ้แขกถังแตก  ผมลืมสั่งไอ้บาสให้เอาไปให้แม่มันทำเลย  มันเป็นแขก  กินหมูไม่ได้  ผมก็เลยห่วงว่ามันจะไม่มีแรงยกลังปลาถ้ามันกินอะไรไม่ได้น่ะ  เลยสั่งลูกน้องซื้อเนื้อกับเอาพริกแกงที่ร้านไอ้อาร์ตเพื่อนผมมาด้วย  กะผัดกินเองด้วยถึงได้ให้ซื้อมาเยอะ ๆ ..

“ขอบใจนะ..”  พยักหน้ารับคำขอบใจของมันแบบส่ง ๆ ยิ่งมันเดินตามผมยิ่งเกร็ง  มันไม่ควรมีบรรยากาศกระอักกระอ่วนแบบนี้กับเจ้านายลูกน้อง  มันควรจะเป็นแบบผมกับไอ้พวกนี้มากกว่า  สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วหันไปตบหลังมัน  2-3   ที  ยิ้มแยกเขี้ยวแล้วบอกมันอย่างที่ใจคิด

“ไม่เป็นไร..มึงลูกน้องกู  กูต้องรักมึงเท่ากับไอ้ลิงพวกนี้อยู่แล้ว  มึงเป็นแขกแดกหมูไม่ได้  วันนี้กูทำผัดเผ็ดเนื้อให้กินเอง555”  มันยิ้มบางให้แล้วก้มหัวล้อผมเหมือนเคารพผมเต็มที่  กวนตีนเหมือนกันนี่หว่า555  ผมนั่งกระดิกเท้ารอให้พวกมันหั่นเนื้อเสร็จถึงจะเดินไปควงตะหลิว  แต่..

ขอโทษที..ไหม้เกือบหมดกระทะว่ะ

“โอ้ยยยยพี่ต้น  พี่เหมือนเก่งเลยว่ะ555+”  ผมก้มหน้าหลบควันไม่ทันเลยต้องนั่งลงไอโขลกกับพื้น  ชี้หน้าไอ้บาสที่หัวเราะไปแซวไปก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไล่เตะมัน  มันวิ่งหนีไปขอโทษไป  จากที่เคืองก็ฮาไปตามระเบียบ  นั่งลงกินข้าวไปแย่งกันไปจนผัดเผ็ดเนื้อจานใหญ่หมดเกลี้ยง 

“อิ่มแล้วก็ทำงาน!  ไปหลังบ้านทำราวให้ถั่วฝักยาวเลื้อยกัน”  ยกแก้วน้ำขึ้นกระดกทีเดียวหมดแก้วแล้วชวนพวกมันไปหลังบ้าน  ไอ้บาสกับภูริชเดินไปหาไม้มาทำราว  พักใหญ่ก็ได้ไม้มาหอบเบ้อเริ่ม  ผมกับคนอื่นก็ถือจอบรอ  ไอ้บาสมันขำใหญ่ที่เห็นผมถือจอบ  มันมาถึงมันก็ปักไม้ลงบนดินแล้วกดให้แน่น 

“พี่ต้นเป็นคนสอนผมให้ทำแบบนี้เพราะขี้เกียจแบกจอบมาขุดดินอ่ะ  พอผมเถียงพี่ก็ดุ  แล้วยังบอกผมอีกว่า  ‘มึงไม่เคยเห็นก็เห็นซะ..ขี้เกียจแต่ได้ดี’  จำได้ยัง?  ผมจะได้ไม่โดนพี่ด่า55+”  ขมวดคิ้วมุ่นนึกตามแล้วดุนลิ้นดันกระพุ้งแก้มแก้เขิน  หัวเราะเหี้ยไรนักไอ้พวกนี้!?  วางจอบไว้แล้วหยิบไม้ไปปักตามแปลงถั่วฝักยาวจนทั่ว  พวกมันแบ่งไปทำแล้วช่วยกันดูจนเสร็จ   เดินผิวปากมาที่บ่อทราย  ใช้เท้าขีดเส้นทำสนามบอลแล้วเอารองเท้าตัวเองวางไว้เป็นเขตประตู  ไอ้พวกนั้นถอดเสื้อก่อนจะหยิบรองเท้าไปวางไปนอกเส้น  แบ่งทีมเสร็จผมก็เตะเปิด  วิ่งไล่บอลจนเหนื่อยก็นึกขึ้นได้ 

“มึงลงมาเลยภูริช  หรือมึงเล่นไม่เป็น?”  ตะโกนชวนมันที่นั่งคุยกับลูกน้องผมข้างสนาม  มันหันมายิ้มบางแล้วส่ายหน้าตอบ  ผมหรี่ตามองมันก็ขำแล้วส่ายหัว  ไอ้บาสวิ่งออกให้มันเข้ามาเล่นแทน  ลูกน้องผมส่งลูกให้มัน  พอลุกอยู่ในเท้ามันผมถึงได้รู้..เทพชิบหาย

“พี่ภู!  อย่านะเว้ยเฮ้ยยยย”  ไอ้บิ๊กนายทวารฝั่งผมร้องเสียงหลงเมื่อเห็นไอ้แขกถังแตกเลี้ยงหลบผมกับลูกน้องอีก  2  คนมาถึงหน้าประตู  มันเหลือบมามองไอ้บิ๊กก่อนจะหัวเราะร่าเมื่อส่งลูกบอลเข้าไปในเขตประตู..เตะรองเท้ากูซะกระจุย  มันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินเข้ามาหาด้วยท่า  ‘ขอแท็คมือ’  หึ..

“กูเป็นฝ่ายเสียประตูนะไอ้แขกถังแตก!  ไอ้นี่บ้าแน่555+”  ถึงจะพูดโน่นพูดนี่แต่ผมก็แท็คมือกับมันจนได้ครับ555  สัมผัสฝ่ามือมันแล้วก็ขมวดคิ้ว  หันไปคว้ามือมันมาลูบฝ่ามือ  เงยหน้ามองหน้างงของมันแล้วถาม

“มึงอยู่บ้านมึงทำงานอะไรบ้างวะ?  มือไม่สากเหมือนคนอื่น..ไอ้บาสมึงลองดิ!” ลูกน้องผมชักแถวมาสัมผัสมือมันแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับผม  มันก็เอาแต่ยิ้มให้ผมอย่างเดียว  แม่ง..ปากหนักนะมึง!  เดินเข้าไปผลักอกแล้วเตะหน้าแข้งมันเบา ๆ มันขำแล้วล็อคคอผมมาขยี้มะเหงกใส่หัวผม  ลูกน้องผมก็ฮาแตกแถมยังช่วยกันจับผมให้มันแกล้งได้ถนัดอีกต่างหาก

“โอ้ยยย เลี้ยงเสียข้าวมันไก่ไอ้ห่า555  ปล่อยยยกูไอ้สัตว์555+”  เล่นกันจนค่ำก็เดินกลับมาที่โกดัง  กินข้าวกันอีกรอบแล้วแยกไปอาบน้ำบ้านใครบ้านมัน  ผมกับภูริชเดินกลับมาที่บ้าน  ระหว่างทางก็เดินไปผลักกันไป  ผมเตะมันก็เอี้ยวตัวหลบ  ขำกันไปตลอดทางจนถึงบ้าน  ผมเดินขึ้นข้างบนมันก็เดินเข้าห้องมัน  ก่อนปิดประตูผมก็ตะโกนสั่งมันให้ล็อคประตูบ้านด้วย  ได้ยินเสียงมันรับคำก็ปิดห้อง  อาบน้ำเสร็จก็เปิดคอมพ์เล่นเกมส์  เล่นไปพักใหญ่ก็ต้องปิดคอมพ์เพราะได้ยินเสียงฟ้าผ่าตรงไหนซักแห่ง  หันไปมองนอกหน้าต่างก็เห็นภาพเดิม ๆ คือลมพัดแรงและฝนกำลังจะตก  เดินมาปิดหน้าต่างก็เหลือบเห็นเงาตะคุ่ม ๆ แถวใต้ต้นไม้  เพ่งมองลงไปก็เห็นภูริชยืนอยู่ข้างล่างแค่คนเดียว  พยายามจ้องผ่านพุ่มไม้เพื่อมองหาเงาอีกเงาที่ผมเห็น..มันก็ไม่มีแล้ว  ขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปม  ปิดหน้าต่างแล้วเดินลงไปดูข้างล่าง  ภูริชหันมามองผม  ถามว่า  ‘นอนไม่หลับเหรอ?’  หยุดมองหน้ามันก่อนจะเดินไปดูรอบ ๆ จนทั่วให้แน่ใจว่าผมตาฝาดจริง ๆ ถึงย้อนมาตอบคำถามมัน

“ก็ด้วย..แต่เมื่อกี้กูเห็นมีเงาอีกเงายืนอยู่กับมึง..มึงคุยอยู่กับใครภูริช?”  มันยิ้มให้ผมแทนคำตอบแล้วเบือนหน้าไปมองบ่อปลาแทนหน้าผม  ถอนหายใจยาวแล้วหันไปมองบ่อปลาตัวเอง  แสงสะท้อนจากดวงจันทร์กระทบผืนน้ำสว่างไปทั้งบ่อ 

“สูบเป็นรึเปล่า?”  หันไปตามเสียง  ภูริชส่งยาเส้นให้ผมสูบ  ส่ายหน้าแล้วตอบตามตรง

“เคยลองแล้ว  เมาฉิบหาย..เดี๋ยวมา”  ผมเคยหัดสูบยาเส้นครั้งหนึ่งตอน  ม.3  ตอนนั้นเพิ่งสูบบุหรี่เป็น  เคยสูบแต่บุหรี่ธรรมดา  ลูกน้องพ่อเลยให้ลองดูดยาเส้นดู  เมา  เวียนหัว  แล้วก็อ้วกแตกเหมือนหมา555+  วิ่งขึ้นบนบ้านแล้วหยิบ  LM  เมนทอลกับไฟแช็คลงมา    เดินกลับมาที่เดิมมันก็นั่งกับพื้นหญ้ามองบ่อปลาผมอยู่  ดูแล้วมันน่าจะคิดถึงบ้าน  หน้าตาหมาป่วยได้อีก  ถอดรองเท้าแล้วนั่งลงข้างมัน  มันยิ้มให้แล้วมอง  LM  ที่ผมยื่นให้

“ขอบใจ”  มันหยิบไปมวนเดียวแล้วจ้องบุหรี่นิ่ง  ผมเบือนมามองบ่อปลาแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ  ปล่อยควันขาวออกมาทางจมูก  มองกลุ่มควันล่อยลอยไปกับลมพัดเอื่อย  มองแผ่นฟ้าสีดำสนิทที่เคยตั้งเค้าฝนเมื่อครู่  ตอนนี้กลับเป็นท้องฟ้าที่มีเมฆสีขาวลอยคว้างแทนที่  เอนหลังลงนอนแล้วบดก้นบุหรี่ลงหญ้าข้าง ๆ ตัว  ภูริชหันมามองก่อนจะเอนหลังตามผม  เราไม่ได้คุยอะไรกันแม้แต่คำเดียวทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมมีเรื่องอยากถามมันเป็น  100  ข้อ  หันไปมองหน้าด้านข้างที่กำลังสูบยาเส้น  กลิ่นของยาสูบแบบนี้มันทำให้ผมเวียนหัวมาก  ถอนหายใจยาวแล้วมองท้องฟ้าที่เหมือนอยู่แค่เอื้อมตรงหน้า  หลับตารับความเย็นจากลมที่พัดเอากลิ่นธรรมชาติมาให้ผมเอาเข้าไปฟอกปอด  ลืมตาขึ้นมามองท้องฟ้าแล้วควานหาซอง  LM

“ลองดู..โตแล้วนี่  ไม่เมาหรอก”  ยกยิ้มมุมปากแล้วรับยาเส้นมาสูบ  ทันที่ที่มันเข้าหลอดลมอาการเดิมก็เล่นงานผมจนได้   ปลายมือชาจนต้องยื่นยาเส้นคืนให้มัน  นอนนิ่งรับอาการเริ่มเวียนหัว  ลืมตามองฟ้าแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ  คราวนี้ผมเมาไม่นาน  เหมือนร่างกายมันเริ่มมีภูมิคุ้มกันแล้ว  ยื่นมือออกไปขอมวนที่มันกำลังสูบ  ภูริชยิ้มบางแล้วจ่อยาเส้นที่ปากผม  สูบเข้าปอดแล้วพ่นควันออก  มึนก็มึนแต่หยุดไม่ได้  เพราะคนยื่นให้สูบมันไม่ยอมหยุดมือ  สูบจนหมดมวนแล้วนอนหลับตา  ตอนนี้ร่างกายผมมันชานิด ๆ แล้วในหัวก็โล่งไปหมด 

“เมาเหรอ?”  ยกยิ้มให้มันทั้งที่ยังหลับตา 

“ชาว่ะ..ตอนแรกแค่ปลายนิ้ว  แต่ตอนนี้ลามไปทั้งตัว..สบายยยย”  บอกมันแล้วปล่อยแขนตกข้างตัว  เสียงหัวเราะของมันลอยไปตามลม  ปลายนิ้วรับสัมผัสจากฝ่ามือนุ่มที่ผมจับเมื่อตอนเล่นบอล ฝืนลืมตามองก็เห็นมันจับมือผมขึ้นมานวดเบา ๆ

“ยังชาอยู่รึเปล่า..เราเคยให้คนสนิทเราทำแบบนี้ให้ตอนเราหัดสูบบุหรี่ครั้งแรก  สำลักควันแล้วก็ไอจนน้ำตาไหลพราก  เวียนหัวด้วย..ดีขึ้นรึเปล่า?”  พยักหน้าแล้วปล่อยให้มันนวดต่อไป  เคลิบเคลิ้มกับการนวดแผนไทยของมันจนต้องพลิกตัวนอนคว่ำแล้วให้มันนวดน่องแล้วเหยียบฝ่าเท้าให้ด้วย  มันนิ่งไปก่อนจะหัวเราะลงคอแล้วนวดตามคำร้องขอของผม
.
.
“รู้หรือไม่?..ว่าเราไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อน”  ผงกหัวเกยคางบนแขน  หลับตาพริ้มแล้วบอกมันตามตรง

“แล้วมึงรู้หรือไม่..มึงเป็นคนแรกเช่นกันที่ได้รับเกียรติให้นวดน่องและเหยียบฝ่าเท้าให้กู”  หันไปมองมันที่ยิ้มกว้างส่ายหัวกับความปีนเกลียวของผม  ยิ้มคืนให้มันแล้วพลิกนอนหงายให้มันนั่งพับเพียบนวดต้นขา  มันขำก๊ากแล้วว่าผมว่าผมขอมากเกินไปแล้ว  ขำตามมันแล้วบอกว่าล้อเล่น..แค่เผื่อฟลุค

มันยิ้มบางแล้วดึงมือผมมานวด  ยิ้มบางตอบแล้วมองหน้ามันไปด้วย  ยิ้มไปยิ้มมาผมก็เริ่มสังเกตว่ามันหล่อแบบแขกขาว  หล่อแบบผู้ดี  ผิวพรรณก็ดี  นิสัยก็ดี  ดูมีความรู้ด้วย  ชวนมันคุยเพราะความเงียบมันเข้ามาอยู่กับผมนานเกิน  15  นาทีแล้ว..   
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด: แอบ..รัก 02/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 03-03-2015 15:06:52

“บ้านมึง..หมายถึงบ้านเกิดมึงน่ะ  เป็นยังไง?”  มันยิ้มบางแล้วเบือนหน้าไปมองบ่อปลาผม  มองริมฝีปากสีแดงของมันแล้วหลับตานึกภาพตาม

“เราอยู่ชานเมืองหลวง  อาศัยในบ้านหลังใหญ่ที่มีคนสนิทกับแม่บ้านอยู่เป็นเพื่อน  พ่อของเราเป็นคนดูแลจัดการทุกอย่างทั้งในบ้านและนอกบ้าน  บ้านเราหลังค่อนข้างใหญ่นะ  เราอยู่ชั้นบนสุด  มองลงมาก็มีสวนสวยอยู่ข้างล่าง  หญ้าเขียวเหมือนตรงนี้  มีสระกว้างอยู่ตรงกลาง  แต่เราว่าบ่อปลาแบบนี้ก็ดี..กลับไปเราจะเปลี่ยนเป็นบ่อปลา  แม่เราเป็นคนไทย  สอนให้เราพูดภาษาไทย  รู้วัฒนธรรมและประเพณีหลายอย่าง..”  มันหันมาสบตาผมแล้วพูดต่อ

“ที่บ้านเรามีทะเลทราย  เคยขี่อูฐหรือไม่?..ไม่สิ  อย่างเธอต้องขี่ม้าในทะเลทราย  มันสนุกมาก..”  ผมยิ้มตอบมันแล้วกระชับมือ..

“เรียกชื่อกูบ้างก็ได้  ถ้าไม่อยากเรียกชื่อเล่นก็เรียกชื่อจริง  ชื่อกูไม่ยาวหรอก  ‘โกสินทร์’ น่ะ”  มันมองตาผมนิ่งแล้วยิ้มตอบ

“โกสินทร์..ตอนนี้เราทำงานใช้หนี้ไปได้เท่าไหร่แล้ว?  ยังคงค้างอีกเท่าไหร่?”  ขมวดคิ้วมุ่นกับคำถามเรื่องค่าแรงที่มันต้องทำงานใช้หนี้

“ทำไมไอ้แขก?!  มึงอยากกลับบ้านมึงมึงก็กลับไป  พ่อกูบอกแล้วว่าจนกว่ามึงจะกลับ  นั่นแปลว่าค่าเสียหายของมึงมันจะหมดทันทีที่มึงกลับ!”  ดึงมือออกมันก็จับไว้  แววตาขอโทษของมันส่งมาให้ผมจนต้องหันหนี  ถอนหายใจไล่ความหงุดหงิดแล้วหันไปสั่งมัน

“นวดไป!”  มันยิ้มบางใส่มือผมแล้วนวดเบา ๆ  ผมเบือนหน้าไปมองบ่อปลา  เบี่ยงหลบแสงสะท้อนที่ตกกระทบมาใส่หน้าพอดี  เหลือบมองตามันแล้วก็..เริ่มสงสาร  มันคงอยากอยู่บ้านมันมากกว่า  ฟังแล้วมันอยู่บ้านไม่ลำบากเลยสักนิด

“มึงจะกลับเมื่อไหร่..ภูริช”  มันไม่ตอบเอาแต่นวดมือผม  มองสันจมูกโด่งของมันนิ่ง  จู่ ๆ มันก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา  สะดุ้งแต่ก็ไม่หลบ  กะพริบตาแล้วมองตอบ  มันถามผมแล้วปล่อยมือที่นวดมือผม..

“ที่มือหายชารึยัง?..ตรงนี้..ชารึเปล่า?”  พยักหน้ากับคำถามแรก  ผมไม่ค่อยชาที่ปลายมือแล้ว  แต่กลั้นหายใจเมื่อมือนุ่มของมือยื่นมาตรงหน้า  เกร็งหน้าเมื่อปลายนิ้วมันค่อย ๆ แตะไล้ตั้งแต่แก้ม..ไปจนถึงริมฝีปากผม  เบี่ยงตัวหลบแล้วลุกขึ้นยืน  ก้าวขาได้ครึ่งก้าวมันก็คว้ามือไว้..

“เราต้องกลับแล้วโกสินทร์..”  หยุดขาตัวเองแล้วหันกลับไปมองหน้ามัน  ภูริชเงยหน้ามาสบตาผมแล้วยิ้มบาง

“ถ้าเราอยู่นานกว่านี้..ที่นี่จะกลายเป็นสุสาน”  ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำว่า  ‘สุสาน’  จากปากมัน  อ้าปากจะถามมันก็ลุกขึ้นยืนแล้วกอดผมเบา ๆ คำถามที่ผมจะถามมันถูกดวงตาสีน้ำตาลของมันสูบไปจนหมด..ทุกคำ

“เรามีความสุขมากที่ได้อยู่กับทุกคนที่นี่..ได้ใช้ชีวิตแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ  ขอบคุณมาก”  ผมไม่เข้าใจ  มันนึกจะไปมันก็ไปงั้นเหรอ?  แล้วไอ้สุสานนี่หมายความว่ายังไง?  ไอ้บอดมันจะตามมาเก็บมันแล้วฆ่าพวกเรายกโกดังเหรอ?  คิดว่าทำได้ง่าย ๆ รึไงวะ?!

“เรารู้ว่าคนที่โกดังปลาเก่งและกล้าแค่ไหน  เพราะแบบนี้เราถึงต้องไป  เราอยู่นานมากเท่าไหร่ที่นี่ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น  พวกชุดดำรู้ที่อยู่เราแล้ว  เมื่อกลางวันเราจัดการมันไป  2  คนตอนที่อยู่บ่อทราย  ศพของมันถูกเก็บไปแล้วไม่ต้องห่วง  แต่ตอนนี้..”  มือผมเย็นเฉียบเมื่ออ่านคำพูดต่อไปจากสายตามัน  พวกไอ้บอดมันรู้แล้วว่าภูริชอยู่ที่นี่  มันจะต้องมาจับและจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่..

เลือดในกายพุ่งพล่าน..อยากยิงคนดูสักครั้งว่ะ!

มันเลิกคิ้วสูงใส่หน้ากระเหี้ยนกระหือรือของผม  ก่อนจะโบกมือห้ามเป็นพัลวัน  ‘อย่าได้คิดอย่างนั้นโกสินทร์..ชีวิตเธอยังอีกยาวไกล  อย่าทำเหมือนเล่นขายของ’ ขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วอ้าปากจะเถียงมันก็ยกมือมาปิดปากผมแน่น  กอดผมไว้ทั้งตัวแล้วดึงมาหลบหลังต้นไม้  มองไปทิศที่มันกำลังจ้องก็เห็นคน  3  คนย่องเข้าบ้านผมไป 

“คนของมัน..เงียบนะ  ไปโกดังเก็บปลากันเถอะ  มืดแบบนี้เธอนำทางที”  พยักหน้าแล้วเดินนำมันไปเงียบ ๆ เร่งฝีเท้าให้ถึงโกดังเก็บปลาให้เร็วที่สุด  โดยไม่รู้เลยว่า..ภูริชไม่ได้ตามผมมาด้วย   มองซ้ายมองขวาแล้วย่องเข้าโกดังปลา  เข้าไปได้ก็หันหลังมองหาภูริช..ไม่มี  กำลังจะก้าวขาออกไปพ่อก้คว้าแขนดึงเข้าไปหลังลังปลาที่กองพะเนินอยู่  กระซิบถามผมข้างหูเบา ๆ ..

“มีคนแปลกหน้าบุกเข้ามา  ลูกน้องพ่อโดนยิงไป  2  คนแถวทางเข้า  ต้นไม่เป็นไรนะลูก..แล้วภูริชล่ะ?”  ส่ายหน้าตอบพ่อแล้วจับแขนพ่อไว้แน่น

“ภูริชมันบอกว่าพวกนี้เป็นพวกที่กำลังตามตัวมันอยู่  เมื่อกลางวันมันมาที่บ่อทรายแต่ภูริชมันเก็บไปแล้ว  ตอนนี้..มันมากี่คนพ่อ?!”  พ่อส่ายหน้าตอบผมก่อนจะดึงมือผมให้ตามมาหยิบปืนไว้ป้องกันตัว  ผมหยิบ .357  เพราะผมเคยมือที่สุดแล้ว  กวาดกระสุนใส่กระเป๋ากางเกง โชคดีที่วันนี้ไม่หยิบกางเกงบอลมาใส่นอน  ไม่งั้นคงต้องเอากระสุนใส่ถุงพลาสติกแล้วห้อยข้อมือแหง  นึกขอบคุณพ่อที่ไม่ยอมให้พวกลูกน้องผมมานอนค้างที่บ้านผมหรือในโกดัง  พ่อไม่อยากให้มันเคยตัวติดนิสัยไม่กลับบ้านน่ะ

ย่องเดินออกข้างหลังตามพ่อกับลูกน้องพ่อออกไปตามหาไอ้แขกถังแตก  เห็นเงาตะคุ่มแถวหน้าบ้านลูกน้องพ่อก็ยกปืนขึ้นส่อง  พ่อรีบดึงมือมันแล้วให้รอดูไปก่อน   หัวใจเต้นโครมครามเมื่อเห็นมีคนล้มลงตรงหน้าบ้านผมคนหนึ่งและอีก  2  คนก็ค่อย ๆ ล้มตาม  ไม่ถึง  5  นาทีก็มีเงาตะคุ่มเดินออกมาจากข้างบ้านและตามต้นไม้ที่ผมปลูกให้เป็นศิลปะ  มือเย็นเฉียบเมื่อคิดไปไกลว่า  1  ในคนที่ล้มอาจจะเป็นไอ้แขกถังแตกก็ได้  แล้วปล่อยไปแบบนี้..นานเข้ามันอาจจะเสียเลือดจนตายก็ได้  พ่อจับไหล่ผมแน่นเพราะผมสั่นจนควบคุมตัวเองไม่ได้  จนเงาตะคุ่มที่ยืนเป็นกลุ่มจัดการลากคนที่ล้มผ่านแสงสว่างตรงทางเดินถึงได้เห็นว่าคนกลุ่มที่เป็นฝ่ายเก็บใส่ชุดคลุมสีดำ  ทรงมันเหมือนที่ภูริชใส่ตอนแรกที่เจอกัน  ของภูริชเป็นสีขาว  แต่คนพวกนี้เป็นสีดำ  และคนที่เดินออกมาให้เห็นถัดมาก็ไม่ใช่ใคร..เป็นคนที่ผมกลัวที่สุดว่ามันอาจจะตายก็ได้

“ภูริช!”  ผมตะโกนเรียกชื่อมันแล้วโผล่ออกมาจากที่ซ่อน  พ่อคว้าแขนผม  ผมสะบัดทิ้งแล้วรีบเดินมาหามัน  มันหันมามองผมแล้วรีบเดินมาจับมือจับแขนผม  2  มือที่นวดมือผมประคองหน้าผม  มองตาไล่สำรวจร่องรอยแผลหรือรอยขีดข่วนบนตัวผมแล้วดึงผมเข้ามากอดเบา ๆ  มันขอบคุณอัลเลาะห์แล้วกอดผมแน่นขึ้น  กอดมันตอบเบา ๆ แล้วถาม

“มึงไม่เป็นไรนะ..มึงเจ็บตรงไหนรึเปล่าไอ้แขกถังแตก” มันดึงไหล่ผมออกมามองตาแล้วยิ้มบาง  ส่ายหน้าแล้วหมุนตัวให้ผมดูว่ามันไม่เป็นไร  ยืนมองตามันนิ่ง  คนรอบตัวมันเดินอ้อมมายืนข้างหลังมันเป็นแถว  ดูก็รู้ว่ามันเป็นคนสำคัญ  มันมองหน้าผมแล้วเดินเข้ามาใกล้  หลุบตาลงมองคอเสื้อมัน  ผมรู้ว่ามันจะพูดอะไร..มันต้องไปแล้ว  ผมจะไม่ได้เจอมัน..อีกแล้ว

ภูริชย่อตัวลงจนหน้าผมกับมันอยู่ระดับเดียวกัน  ผมมองตามันด้วยความรู้สึกของคนที่กำลังจะเสียของเล่น  เอ้ย!  ของที่ตัวเองรัก  ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้อาลัยมันนัก  ไม่รู้..จริง ๆ

“เราจะกลับมา..จะกลับมาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย  สัญญากับเราได้หรือไม่โกสินทร์  ว่าจะรอเรา”  อดหรี่ตาจับผิดมันไม่ได้.

“ให้รอ..รออะไร?  ค่าเสียหายที่เหลือ?  หรือจะกลับมาทำงานใช้หนี้ที่ยังค้างอยู่  หรืออะไร?..ไอ้ผิดรู”  เสียงขำพรืดดังมาจากคนที่ยืนอยู่หัวแถว  เหลือบมองมันก็รีบตีหน้าขรึม  ไอ้แขกถังแตกมันยิ้มกว้างแล้วขยี้มะเหงกใส่กบาลผม

“เราสั่งให้รอก็ต้องรอ  อย่ามีใคร  อย่ายกหัวใจของเธอให้ใคร..รอจนกว่าเราจะกลับมาขอหัวใจของเธอ  ตอนนี้เธอได้หัวใจของเราแล้ว..ได้โปรด..รับปากเราว่าจะรอเรา..โกสินทร์”  มองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของมันแล้วกะพริบตาปริบ  เน่าก็เน่าแต่ผมก็อยากได้ยินอีก  หัวใจเหรอ?  ไอ้นี่นอกจากจะบ้าแล้วยังตกหลุมรักคนง่ายอีกต่างหาก   สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วบอกมัน

“มึงให้กูรอแต่กูไม่มีหลักประกันอะไรซักอย่างว่ากูจะรอเก้อรึเปล่า?  แล้วมึงตกหลุมรักคนง่ายเหมือนเดินตกท่อแบบนี้เดี่ยวมึงก็ลืมกู..”  หน้าคมของมันนิ่งมองหน้าผม  ผมพูดกับมันโดยไม่หลบตา  ระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันไม่ยั่งยืนพอจะให้ผมเชื่อในหัวใจที่มันบอกว่าให้ผมมาแล้ว  ทุกอย่างอยู่ที่ตัวมันทั้งหมด..ว่าจะทำให้ผมรัก  หรือลืมได้ในเวลาไม่นาน

“กูไม่รอ  มึงมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน  ไป..กลับไปทำอะไรของมึงให้เรียบร้อย  แล้วค่อยว่ากันไอ้ผิดรู”  มันยิ้มบางแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้  ผมไม่หลบการเข้าหานั้น  มองปลายจมูกที่กดลงมาที่แก้มตัวเอง  ไล่สายตาขึ้นไปมองแพขนตาสีดำสนิทของมันก่อนจะสบตาสีน้ำตาลในระยะประชิด  แววตาเชื่อมที่ส่งมาทำให้หัวใจผมเต้นเสียงดังกลบความอายที่คนอื่นกำลังมองได้มิด

“เรารักโกสินทร์..เป็นความรักอย่างไม่ต้องสงสัย”  หลับตารับสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มที่แตะลงมาเบา ๆ ที่ริมฝีปากผม  ก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง  มันจับมือผมไว้แล้วยิ้มอ่อนโยน  หันไปก้อมหัวให้พ่อผมแล้วบอกเสียงดังฟังชัด

“ขอบคุณมากที่ให้เราได้พักอาศัย  เราจะกลับมาทำตามประเพณีที่คนไทยต้องกระทำเมื่อต้องมาสู่ขอโกสินทร์”  ตาเหลือกลานมองหน้าจริงจังของมัน  พ่อมึงตายเหอะ!  แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากบอกมันก็ก้มมาจูบลาผมอีกที  รีบบอกก่อนมันจะปล่อยมือ

“กูไม่ชอบให้ใครหันหลังให้  จะไปก็ไปไม่ต้องลากู”  แรงกอดของมันโอบล้อมผมไว้ชั่วครู่ก่อนจะกระซิบบอก

“เราจะรีบมา”  หลับตาเก็บสัมผัสอบอุ่นไว้จนแรงกอดนั้นจางหาย  บอกมันเสียงดังถึงระยะเวลาที่ผมมักจะหลงลืมมันไปได้หากนานเกินช่วงเวลานี้

“ถ้ากูจบ ม.ปลายแล้วมึงยังไม่มา..ก็หายไปจากชีวิตกูได้เลย  ไม่ต้องกลับมา”  ไม่มีเสียงตอบรับจากมัน  แต่เสียงฝีเท้ามั่นคงของมันทำให้ผมรู้ว่ามันรับรู้เงื่อนเวลาของผมแล้ว  ตอนนี้ผมอยู่  ม.6  ตอนนี้ปิดเทอม  1  มันเหลือเวลาเท่าไหร่ก็ไปบวกลบเอาเอง

หลังจากมันกลับไปผมก็ทำตัวเหมือนไม่เคยมีมันเข้ามาในชีวิตมาก่อน  พวกไอ้บาสตอนแรก  ๆก็ถามหาแล้วก็บ่นถึง  แต่พอเปิดเทอมก็เงียบกันไป  จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนจะสอบมันก็รื้อฟื้นเรื่องภูริชขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่ดูข่าวต่างประเทศรึเปล่า?  ผมเห็นพี่ภูออกทีวีด้วยพี่  จับกบฏอ่ะ  กลับไปจะไปเสริชเน็ตดูรายละเอียดข่าว..”  มันพล่ามข้างหูผมก็ไม่ได้สนใจฟัง  ผมไม่เคยได้รับการติดต่อจากมัน  และไม่สนใจจะรับรู้ข่าวอะไรจากคนอื่นด้วย  แม้แต่กับพี่หมัด  คนสนิทของมันที่ต้องมาสั่งปลาที่บ้านผมไปกินที่บ้านที่เมืองมันโน่น  ผมก็ไม่ฟัง.. 

ผมอยากฟังจากปากมันเอง..ทุกเรื่อง

สอบวันสุดท้ายเสร็จผมก็กลับบ้านตามปกติ  ผมสังหรณ์มาหลายวันแล้วว่าเดี๋ยวมันต้องโผล่หัวมา  ไม่ผิดจากที่คิดไว้แม้แต่น้อยเมื่อลานจอดรถผมมีรถยนต์แปลก ๆ 3-4  คันมาจอดที่บ้าน  ก้มหัวทักทายคนติดตามของมันที่ค้อมตัวต่ำเคารพผม  เดินเข้าบ้านก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคย  พ่อผมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องปล่อยให้ผมอยู่กับมันตามลำพัง

แผ่นหลังกว้างของมันค่อย ๆ หันกลับมามองผม  ดวงตาสีน้ำตาลคู่เดิมมองผมนิ่ง  ความรู้สึกทั้งหมดมันสื่อมาให้ผมผ่านดวงตาของมัน  มองทุกก้าวที่มันก้าวเข้ามาหา  ปล่อยกระเป๋าตกพื้นทันทีที่อ้อมกอดของมันโอบกอดผม


“คิดถึง..”   ผมเองก็คิดถึงคำอื่นไม่ออกเหมือนกัน  หลับตารับสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มของมันที่พรมจูบผมทั่วหน้า  มันอ้าปากจะพูดผมก็ปิดปากมันด้วยจูบของตัวเอง  ผมกอดมันจนหายคิดถึงมันก็พาผมมานั่งรับลมที่สวนศิลปะหน้าบ้านผม  ฟังเรื่องชีวิตรันทดหดหู่ของมันไปด้วยกินข้าวไปด้วย  จับใจความได้ว่า..

โคตรพ่อมันเป็นสุลต่าน  มันเองเป็นเจ้าชาย  แล้วน้องพ่อแม่งอยากได้อำนาจก็จะก่อกบฏ  มันเองก็กลับไปปราบกบฏหลังจากปิ้งความน่ารักของผมที่ช่วยชีวิตมันเอาไว้  อามันยอมหยุดความโลภเพราะมันบอกจะยกตำแหน่งรัชทายาทให้หลาน  เพราะตัวมันเองคงไม่มีทายาทเอาไว้สืบสกุล  ฟังได้แค่นี้ผมก็ให้มันหยุด  วางจานข้าวลงแล้วดึงมือมันเข้าห้อง..

เรื่องราวต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องที่พวกคุณควรใช้วิจารณญาณ  และใช้จินตนาการกันให้จงหนักเอาเองนะ..

ผมรู้แค่  2  อย่าง  คือ  1.  ผมรักมันมันรักผม  ส่วนอีกเรื่องน่ะเหรอ  หึหึ..  อิสลามอย่าง  ‘ผิดรู’  สามารถรักผู้ชายได้เพราะมีแม่เป็นคนไทยและนับถือพุทธครับ  เหตุผลช่างเหนือคำบรรยายมาก  พอหลังผมแตะที่นอนเจ้าชายจากแดนไกลก็กระซิบข้างหูถึงเรื่องที่ผมต้องตาเหลือกลาน..

“โกสินทร์..ชื่อของเราน่ะ  มันแปลว่า  ‘แผ่นดิน’  ต่างหาก..  รู้หรือไม่ว่าการปดเราซึ่งเป็นถึงสุลต่านมีโทษหนักเช่นไร?





เจ้าโดนหนักแน่วันนี้  หึหึ”










อึก..ช่วยกูด้วยยยยยยยยยยย


END.


แถม
.
.
.

พอหลังผมแตะที่นอนเจ้าชายจากแดนไกลก็กระซิบข้างหูถึงเรื่องที่ผมต้องตาเหลือกลาน..

“โกสินทร์..ชื่อของเราน่ะ  มันแปลว่า  ‘แผ่นดิน’  ต่างหาก..  รู้หรือไม่ว่าการปดเราซึ่งเป็นถึงสุลต่านมีโทษหนักเช่นไร?

เจ้าโดนหนักแน่วันนี้  หึหึ”  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วคิดในใจดังลั่น  ‘อึก..ช่วยกูด้วยยยยยยยยยยย’  ร้องไปงั้น  ใครมันจะมาช่วยวะ?  ใครจะกล้าขวางสุลต่านแห่งอีเรีย  อย่าคิดว่าผมไม่ตกใจที่รู้ว่ามันเป็นเจ้าชาย  แต่จะให้สาวแตก  ปลาบปลื้มที่มีแฟนเป็นเจ้าชายมาช่วยยกลังปลาให้ตั้งหลายชั่วโมงก็กระไร  พี่หมัดมันพราวด์ลี่พรีเซนท์นายมันชิบหายวายวอดอยู่แล้ว  แต่ผมไม่อยากฟัง..

ผมอยากฟังทุกเรื่องจากปากมันเอง..เคยบอกแล้วนี่?!

ยิ้มเจื่อนรับปลายจมูกที่กดลงมาที่แก้มซ้าย  สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่เมื่อต้องรับโทษที่ปดเรื่องความหมายของชื่อที่หลอกมันเอาไว้  แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้..

แม่ง..ไม่ใจเลยว่ะ!

ริมฝีปากสีแดงที่จูบลงมาที่ริมฝีปากล่างผมเบา ๆ  ไม่ทำให้เคลิบเคลิ้ม  ลิ้นดันกระพุ้งแก้มเพราะความหงุดหงิดเล็ก ๆ ภูริชผละออกมามองหน้าด้านข้างที่เบี่ยงหลบจูบของผมแล้วหัวเราะเบา ๆ ที่แก้มผม  ไล้ปลายจมูกไปตามโครงหน้าก่อนจะหอมที่ใบหูผมฟอดใหญ่

“ยังเป็นเด็กอยู่เลยนะโกสินทร์”  ขมวดคิ้วแล้วหันไปสบตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองผมอยู่ก่อน  แววตาอ่อนโยนของคนเป็นผู้ใหญ่นี่อบอุ่นดีเหมือนกันแฮะ  ยิ้มบางแล้วถอนหายใจยาว  ยื่นหน้ากดปลายจมูกตัวเองลงกับแก้มใสของสุลต่านแห่งอีเรีย  ภูริชยิ้มกว้างแล้วก้มลงจูบริมฝีปากผมเบา ๆ ก่อนจะไล้ปลายลิ้นชิมริมฝีปากผมทั้งบนและล่างสลับกันอย่างอ่อนโยน  ฝ่ามือร้อนสัมผัสผมทั่วทั้งตัวก่อนจะสอดเข้ามาในเสื้อนักเรียน  ผมยิ้มกับริมฝีปากที่ยังชิดกันแล้วจับมือมันมาปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก

ปลายนิ้วเรียวแกะกระดุมผมออกแล้วดึงเสื้อผมออกจากตัว  ริมฝีปากนุ่มผละออกจากริมฝีปากผมแล้วบดจูบไปทั่วทั้งซอกคอจนถึงหน้าอก  ไม่มีส่วนไหนที่ภูริชไม่ได้แตะปลายลิ้นชิม  แอ่นอกรับปลายลิ้นร้อนที่สัมผัสยอดอก  ครางต่ำกับความสุขที่สุลต่านปรนเปรอให้  ยกก้นให้ถูริชถอดกางเกงผมให้ง่ายขึ้น  มันผละออกเพื่อมองสำรวจผม

เห็นสายตามันแล้วไม่อยากจะบอกพวกคุณเลย..กูโคตรแมนเลยสินะ

มันยิ้มบางให้ผมก่อนจะถอดเสื้อผ้ามันออกบ้าง  แผ่นอกแกร่งรับกับกล้ามเนื้อสมส่วนทั่วทั้งตัว  ไรขนสวยตั้งแต่ใต้สะดือลงมาทำให้ผมอยากเห็นปลายทางที่อยู่ในกางเกงในสีขาวของมัน  มองตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองตาผมไม่กะพริบแล้วหลับตาลงเมื่อภูริชก้มหน้าลงมาจูบผม  มือนุ่มลูบไล้ผมทุกสัดส่วน  โอบกอดแผ่นหลังแกร่งเข้าหาตัวเมื่อฝ่ามือร้อนสัมผัสท่อนแข็งของผม  ภูริชขยับสะโพกตัวเองเข้าหาผมจนก้นผมสัมผัสความต้องการที่ดันผ่านกางเกงเนื้อบางของมัน  ยิ่งมันจงใจกดส่วนหัวเข้ามาที่ช่องทางร้อนของผมมันยิ่ง..เสียว

ดันหน้ามันออกมามองตาก่อนจะยิ้มอ่อนโยนให้มันบ้าง  ภูริชยิ้มกว้างตอบผมแล้วกอดผมแน่นขึ้น  แยกขาออกแล้วเลื่อนมือล้วงจับความต้องการของมันผ่านกางเกงใน  ส่วนหัวที่โผล่พ้นกางเกงในสู้ปลายนิ้วผมเต็มที่  มองตาสีน้ำตาลและริมฝีปากสีแดงที่เผยอครางเมื่อผมบดปลายนิ้วหยอกล้อกับส่วนปลายคนน้ำเหนียวไหลเปรอะมือ 

“ซืดดด”  หายใจหอบหนักเมื่อเสียงครางของมันทำให้ความดิบในตัวผมพุ่งพล่าน  กดเจ้าชายสักครั้งจะเป็นไงวะ?! 

...ได้แค่คิดว่ะ  เพราะมันถอดกางเกงในตัวเองทิ้งแล้วหันมาจับผมดูดปากอย่างแรง  จับความต้องการของมันเองมาถูที่ก้นผมจนเลอะเทอะไปหมด  แต่แม่ง..เซ็กซี่ฉิบหาย
ดันตัวมันให้ลุกขึ้นพร้อมกับตัวผมที่ขยับถอยหลังจนพิงกับหัวเตียง  มันจับขาผมยกขึ้นแล้วแทรกตัวเข้ามาจนไม่มีช่องว่าง  แล้วจับสะโพกผมยกขึ้น  จับความต้องการของตัวเองรอรับช่องทางร้อนของผมที่มันคอยกำกับให้ค่อย ๆ หย่อนลงมาหาช้า ๆ ผมเห็นความใหญ่ของมันแล้วก็ต้องลืมความอายไปชั่วขณะ  ถ่มน้ำล้ายตัวเองลงบนฝ่ามือแล้วป้ายที่ท่อนแข็งของมันก่อนจะเป็นคนควบคุมการทิ้งน้ำหนักเอง

แหงนหน้ากัดกรามแน่นเมื่อส่วนหัวของมันผลุบเข้าไปในตัวผมเรียบร้อยแล้ว  เหงื่อไหลท่วมทั้งที่แอร์ในห้องทำงานตามปกติ  น้ำลายของผมกับภูริชช่วยกันหล่อลื่นจนความของมันเข้ามาจนสุด  ผมก้มหน้าลงมาจูบมันบรรเทาความเจ็บและปล่อยให้ร่างกายพร้อมก่อนจะส่งสัญญาณบอกมันด้วยการตอดถี่ยิบ  ภูริชหัวเราะแต่ผมเสียวหนัก  แม่งกะแทกเข้าจุดเสียวผมเต็มรักเหอะ

“ซี๊ดดด  เสียวว่ะ  เร็วเหอะ  เดี๋ยวกูเจ็บไม่ให้ต่อนะผิดรู”  มันยิ้มกว้างก่อนจะจับหน้าผมรับจูบหวาน  บั้นท้ายของมันทำงานหนักหน่วงบวกกับหน้าตาที่เก็บกลั้นอารมณ์ไม่ไหว  ผมรับความสุขที่มันมอบให้เต็มที่แล้วปลดปล่อยก่อนเวลาอันควรในฝ่ามือนุ่มของมัน  แล้วมันก็ปลดปล่อยตามผมมาในเวลาไม่ต่างกันนัก  ผมดันหน้าท้องมันออกก่อนมันจะปล่อยได้ทันพอดี  ปรับลมหายใจให้เป็นปกติก่อนจะให้มันพยุงมาล้างตัว  ล้มตัวลงนอนก็บอกให้มันเอาเสื้อผ้าผมใส่ตระกร้าให้เรียบร้อยค่อยมานอนกอดผม

เสียงสุลต่านกระซิบบอกรักผม  หลอกหลอนจนถึงในฝัน  ฝันที่เหมือนจริงมาก..

ผมใส่ผ้าโพกหัวสีขาว  มีที่คาดสีดำคาดกันผ้าปลิวอีกชั้นหนึ่ง  มีผ้าปิดหน้าสีน้ำตาลอ่อนปิดกันทรายเข้าจมูก  ขี่ม้าอยู่ในทะเลทรายสีทอง  โดยมีคนที่กุมบังเหียนม้านั่งตัวติดกันกับผม  ผมหันไปมองแล้วยิ้มกว้างให้คนคนนั้น  ยื่นมือไปเปิดผ้าที่มันคาดปิดหน้าแล้วยื่นปลายจมูกไปหอมที่ปลายคางมน  ดวงตาสีน้ำตาลของคนคนนั้นมองผมแล้วส่งยิ้มกว้างคืนมาให้  ประคองหน้าผมมาจูบเนิ่นานก่อนจะพาขี่ม้ากลับไปที่บ้านหลังใหญ่..เหมือนวังมากกว่า

ผมว่ามันคงเป็นฝันบอกอนาคตน่ะ..





อนาคตอันใกล้ของผมกับสุลต่านแห่งอีเรียไงครับ..


END.

กอด ๆ บวก ๆ ค่ะ
เอาผิดรูมาส่งค่ะ  เกิน  20,000 อักษร  ตัดแบ่งได้  3  ท่อนค่ะ  วันนี้ผู้ใหญ่ที่ทำงานไม่อยู่  รู้สึกเป็นอิสระมากค่ะ
คุณ PoP~Pu  กอดกันๆ จิดีใจที่คุณชอบเรื่องนี้นะคะ  จิก็ชอบค่ะ  เกือบไม่ได้เอามาลงค่ะถ้าไม่มีนักอ่านใจดีที่เก็บเรื่องนี้ไว้อ่านเล่น  ไม่ว่าจะเป็น พี่ love2y  คุณ @rnon  และคุณ ΩPRESTOΩ (คนสุดท้ายนี่น่ารักมาก  เก็บแฟนฟิคไว้ด้วย  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ) ไฟล์ของจิเองเก็บไว้แบบกระท่อนกระแท่นมวาก  น่าขายหน้าที่สวดดดดด........คิดถึงนะคะ ^^
คุณ nekko  ใช่ค่ะ  เจอแบบนี้ต้องยอมเป็นบ้าแน่ๆ  แล้วก็...บ้ากันได้น่ารักดีแท้ๆ เลย

วันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านมาค่ะ  แบบ  เห็นผู้ชายตัวสูงๆ ยืนดูดบุหรี่หน้า 7-11  โอ้โห..เท่  เถื่อน  หยาบมาก  น่าจิ้นมาก ๆ อาห์..ขนลุกพรึ่บพรั่บเลยทีเดียว

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:จากวังหลวงอีเรียถึงแผงขายปลา 03/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 03-03-2015 19:27:13
น้องต้นแลจะน่ารักและหลงตัวเองมากนะผิดรู  55555


 :กอด1: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:จากวังหลวงอีเรียถึงแผงขายปลา 03/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-03-2015 20:14:44
 :L2: ชอบค่ะ เขียนได้น่ารักทุกคู่เลย อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:จากวังหลวงอีเรียถึงแผงขายปลา 03/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 04-03-2015 17:17:56
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ แต่ฟินเจ้าชาย(สุลต่าน)ยกลังปลาสุดละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:จากวังหลวงอีเรียถึงแผงขายปลา 03/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-03-2015 17:40:05
น่าจะฝันแม่นนะน้องต้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด:จากวังหลวงอีเรียถึงแผงขายปลา 03/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 10-03-2015 14:23:19
มนต์รักขนมครก


นั่งกอดอกมองริมฝีปากสีชมพูวาววับด้วยลิปกลอสของครูสอนพิเศษที่แม่จ้างมาสอนเลขให้ที่บ้าน  ไล่สายตาลงไปมองซอกคอขาว  เลยไปจนถึงคอเสื้อเว้าที่อวดเนินอกอย่างจงใจ  เหลือบมองดวงตาสีฟ้าของครูแล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ  ครูสอนพิเศษค่อย ๆ วางหนังสือเลขลงบนโต๊ะแล้วโน้มตัวมาจนหน้าห่างจากผมไม่ถึงฝ่ามือกั้น  หลับตาลงเมื่อริมฝีปากของครูสอนพิเศษแตะที่ริมฝีปากผมเบา ๆ ก่อนจะเพิ่มความร้อนแรงขึ้นตามอารมณ์   หนังสือเลขถูกมือเรียวกวาดลงจากโต๊ะ  เสียงลมหายใจของผมแข่งกับเสียงจากริมฝีปากครูที่จูบผมไปทั่วทั้งหน้าอก  ลืมตาขึ้นมองครูที่นั่งคร่อมผม  ครูแลบลิ้นเลียริมฝีปากเมื่อได้เห็นความแข็งขืนของผมกำลังตั้งชันรอการมาเยือนของครู

คนสวยกำลังจะนั่งทับลงมา..ประตูห้องผมก็เปิดพอดี

“หือ?!  เต้!  แยกออกจากกันเดี๋ยวนี้นะ!”  แม่ผมตรงดิ่งเข้ามากระชากแขนครูให้ลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงไปข้างหลังทันที  ดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วเอาตัวบัง..ไม่ให้ครูมองความแข็งขืนของผมที่ยังคงชูคออยากรู้อยากเห็นอยู่  แม่จ้องครูเขม็งจนครูต้องขอโทษแล้วเดินออกจากบ้านไป  แหงล่ะ!  ใครจะอยากติดคุกข้อหาทำอนาจารกับเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ  แต่เด็กอย่างผมมันก็โตเกินวัยไปหน่อย  ครูสอนพิเศษหรือเด็กมหาลัยแถวนี้ก็อยากสอนให้ผมโตตามรูปร่างหน้าตาเร็ว ๆ

กลืนน้ำลายลงคอเมื่อแม่หันมามองหน้าผมนิ่ง..ฮะฮะฮะ




โคตรซวย!

..........................

ท่ามกลางความร้อนจากแสงแดดที่แผดเผาหลังฝนตก  ใต้ต้นไม้ใหญ่หลังบ้านก็ยังให้ความร่มเย็นให้คนในบ้านอย่างผม  ป้า  และลูกพี่ลูกน้องได้อาศัยร่มหลบแดดนั้น  ยืนมองมือขาวจับกระบวยตักแป้งที่ผสมน้ำหยอดลงหลุมทีละหลุม  กลั้นหายใจลุ้นแทนอย่างห้ามไม่ได้เมื่อมันหยอดไม่ตรงหลุม  เจ้าตัวสบถเสียงเบาแต่ก็ได้ยินชัด  ‘เช้ดเข้!’  เผลอขมวดคิ้วลุ้นตามตอนมันหยอดแป้งใหม่อีกครั้ง   มองแป้งหยดสุดท้ายหยดลงหลุมแล้วใจเต้นโครมคราม

“ตามึงแล้วเชี่ยเต้!  โอ้ยยยยย เจ็บครับ!”  เหลือบมองมือขาวของลูกพี่ลูกน้องที่ขึ้นสีแดงเข้มเพราะป้าหยิกเต็มแรง  หน้าขาวจิ้มลิ้มของมันก็เหยเกไปตามระเบียบ  ยิ้มมุมปากแล้วเอื้อมตักแป้งมาหยอดลงหลุมขนมครกบ้าง  จ่อบนหลุมแล้วเทพรวด  พลิกข้อมือเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หลุมต่อไป  ทำแบบเดิมไปจนครบทุกหลุมแล้วเงยหน้ามองหน้าเหวอของตั้ม

“น้องเต้เก่งมากเลยลูก  หยอดครั้งแรกไม่มีเลอะเทอะเลย  หนูจะเอาหน้าอะไรลูก?”  ยิ้มบางตอบป้าแล้วเอื้อมไปอุ้มชามข้าวโพดที่ฝานแล้วมาโรยหน้าขนมครกของตัวเอง  มองหน้าไอ้ตั้มแล้วอดขำไม่ได้  มันหยิบกระบวยตักแป้งไปเติมเบ้าที่ไม่เต็ม  ป้าก็ดุเพราะแป้งมันจะสุกไม่เท่ากัน  ขนมมันจะไม่อร่อย  ฟังเสียงเถียงกันของมันกับป้าแล้วแย่งใส่เผือกโรยหน้าขนมครกของมัน..ปนกับต้นหอมด้วย

“เชี่ยเต้มึงทำไร?!  ใครจะกินวะไอ้ห่านี่!”  ป้ามองผมกับไอ้ตั้มเถียงกันแกล้งกันแล้วยิ้มส่ายหัวเดินเข้าไปในบ้าน  ผมหันมามองหน้ามันแล้วกระซิบเสียงเบาแต่ก็ดังพอให้มันได้ยิน

“มึงก็เอาไปให้พี่พลกินไง”  มันหยุดเขี่ยต้นหอมออกจาก  ‘ขนมครกหน้าเผือก’  แล้วมองหน้าผมแล้วอ้าปากค้าง  ยิ้มมุมปากแล้วอาศัยความเร็วส่วนตัว  คว้าช้อนมาแคะขนมครกของตัวเองมายัดปากที่อ้าของมัน  อมยิ้มกับเสียงร้องของมันแล้วหยิบจานมาวางข้าง ๆ แล้วฮัมเพลงไปด้วยแคะขนมครกออกจากเบ้าไปด้วย  มันยืนนิ่งมองหน้าด้านข้างของผมนาน  ยิ้มบางกับช้อนแล้วหันไปมองหน้ามัน

“กูไม่ได้บอกใครว่ามึงกับพี่พลเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมตลาด  เป็นเรื่องของมึงที่จะเป็นคนบอกพ่อแม่มึงเอง..ไม่ต้องห่วงว่ากูจะเอาไปบอกใคร”  ยื่นมือไปลูบหัวมันแล้วหันมาแคะขนมต่อ  เสียงขอบคุณของมันดังพำพำอยู่ข้างหลัง  ลูบหลังมือที่กอดเอวผมเบา ๆ ผมรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องผมมีแฟนเป็นผู้ชาย  ไม่แปลกหรอก..เพราะหน้าตาอย่างมันไม่น่าจะรอดมือผู้ชายไปตกถึงท้องผู้หญิงคนไหนแน่

“ไปดูขนมครกหน้าเผือกของมึงไปตั้ม..กูได้กลิ่นไหม้”  มันรีบผละออกจากเอวผมแล้วหันไปโวยวายใส่เบ้าขนมครกของตัวเองแทน  ขำมันก่อนจะรีบแคะของตัวเองจนหมดแล้วช่วยมันแคะขนมครกออกจากเบ้ามัน    นั่งหัวเราะกับผลงานของเราแล้วจัดการจับแปรงมาจุ่มน้ำมันพืชละเลงเช็ดเบ้าขนมครกจนครบทุกเบ้า  ตักแป้งหยอดแล้วเอาฝามาปิด  รอพักใหญ่ก็เปิดฝาแล้วโรยต้นหอมลงไป  พอสีของต้นหอมเปลี่ยนเป็นเข้มกว่าเดิมก็เอาช้อนแคะออกมาจากเบ้า  นั่งกินขนมครกหน้าข้าวโพดกับเผือกไหม้ของไอ้ตั้มจนอิ่มแปล้แล้วช่วยกันเก็บล้าง  เตรียมโต๊ะ  เก้าอี้กับอุปกรณ์ขาย  ‘ขนมครก’  ไว้สำหรับขายที่ไนท์บาร์ซ่าพรุ่งนี้

“พรุ่งนี้ป้าขับไปส่งที่ตลาดนะลูก  ตั้มเราจะขายชาไข่มุกหรือจะไปช่วยเต้ขายขนมครกล่ะ?”  มันยิ้มกว้างแล้วบอกป้าว่าเลือกจะขายขนมครกกับผม  ยิ้มให้มันแล้วเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำล้างตัวเพราะเหนียวตัวกับเหงื่อที่ไหลโชกมาทั้งวัน  อากาศที่นี่ร้อนมากต่างจากที่บ้านผมลิบลับ! 

เอาล่ะ!  ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ครูสอนพิเศษเข้าหาผมที่บ้านตอนนั้น  ผมก็ถูกส่งมาอยู่บ้านป้าตอนใกล้จะเปิดเทอมเพราะที่บ้านไปต่างประเทศกันหมด  แม่กลัวว่าผมจะพาใครมานอนด้วยเลยบอกให้ผมมาอยู่บ้านป้าจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับ  นี่ก็ปาเข้าไป  10 วันแล้วครับที่ผมมานอนกลิ้งอยู่เฉย ๆ ที่บ้านป้า 

“มึง..รู้ตอนไหนวะ?  เรื่องกูกับพี่พลน่ะ”  ยิ้ม ๆ แล้วหันมามองหน้าลำบากใจของมัน  ผลักหัวเน่าเล่นแล้วโยกไปมาเบา ๆ

“สายตาไงไอ้ตั้ม  มึงมองกันไม่เหมือนเพื่อนร่วมตลาด  มันมีฟองอากาศสีชมพูลอยวิ้งอยู่รอบ ๆ จนกูรับไม่ได้  รักกันนาน ๆ นะตั้ม  กูว่าพี่พลมันก็เป็นคนดี..ลุงกับป้าน่าจะยอมรับได้”  มันยิ้มบางแล้วเดินเข้ามาล้มตัวนอนหนุนตักผม  จับมือผมมาโปะตรงหัวมัน  ผมรู้ว่ามันไม่สบายใจกับเรื่องนี้  ไม่มีใครยอมรับได้อย่างหน้าชื่นตาบานว่าลูกชายตัวเองเป็นเกย์แน่  ครอบครัวมันก็อาจจะเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ยอมรับไม่ได้เหล่านั้นเช่นกัน  โชคดีที่ครอบครัวผมไม่สนใจเรื่องแบบนี้  เพราะผมเองก็พาแฟนเข้าบ้านตลอด  ไม่ว่าจะผู้หญิง  หรือผู้ชาย  พ่อกับแม่ก็ไม่เห็นจะว่าหรือห้ามไม่ให้คบ  บอกแค่อย่าเกินเลยกันก็พอ  แต่พออยู่ใกล้ ๆ กัน..บางครั้งมันก็ห้ามไม่ได้ครับ  ถอนหายใจยาวแล้วลูบหัวทุยของมันเล่นจนเริ่มเมื่อยขา

“ลุกไปนอนที่เตียงมึงไอ้ตั้ม  กูเมื่อยแล้ว”  มันลุกไปโดยดี  มองหน้ามันแล้วยิ้มให้กำลังใจ  ลุกขึ้นยืนแล้วนั่งลงไปใหม่  มันยิ้มสำนึกผิดก่อนจะคลานเข่ามานวด ๆ ขาให้ผม  ปัดมือมันทิ้งเพราะยิ่งมันนวดผมยิ่งปวดหนัก  ไล่ให้มันไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อย ๆ ลุกกะเผลกไปที่ตู้เสื้อผ้า  หยิบกางเกงนอนออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัว  พาดบ่าแล้วยืนรอหน้าห้องน้ำ  อาบน้ำต่อจากมันเสร็จก็ล้มตัวลงนอน

หลับลึกจนฝันอะไรแปลก ๆ ฝันเห็นพญานาคตัวเท่าต้นกล้วยหลังบ้านป้าเลื้อยไล่กวด  วิ่งหนีไม่ทันโดนรัดจนหายใจไม่ออก  สะดุ้งตื่นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลท่วม  นั่งปรับลมหายใจพักใหญ่ก็ลุกไปอาบน้ำล้างเหงื่ออีกรอบแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  คราวนี้หลับสนิทถึงเช้า..ไม่ฝันประหลาดอีกเลย  ตื่นตอนเช้าก็เล่าให้ป้าฟัง  ป้าหันมามองผมเต็มตาแล้วยิ้มกว้าง 

“ฝันดีมีโชคนะเต้  จะได้สัตว์  2  ขาจ๊ะ”  ยิ้มงงตอบป้าก่อนจะช่วยป้ายกกับข้าวไปที่โต๊ะ  กินข้าวเช้าเสร็จก็ไปตลาดกับป้าช่วยหิ้วของ  กลับมาถึงบ้านก็ช่วยทำแป้งขนมครก  ช่วยไอ้ตั้มที่หนีการหิ้วของที่ตลาดหั่นเผือก  เตรียมของเสร็จก็บ่าย  2  เกือบบ่าย  3  ขึ้นมาอาบน้ำแล้วงีบกับไอ้ตั้มจนถึงบ่าย  4 ครึ่ง  ตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอใครแล้ว  ตั้มมันโทรหาป้า  ป้าไปเตรียมของให้ที่ตลาดเรียบร้อยแล้ว  ให้ผมกับตั้มไปขายได้เลย  ขับรถตามป้าไปที่ตลาดแล้วเดินไปพร้อมไอ้ตั้ม 

ไนท์บาร์ซ่าที่ผมเคยเดินมันกว้างกว่านี้แล้วของก็เยอะกว่านี้มาก  อาจจะเพราะผมอยู่จังหวัดใหญ่  นักท่องเที่ยวเยอะ  ของขายมันก็เลยเยอะตามไปด้วย  แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน  ดูน่ารักดี  เดินมาเกือบถึงท้ายซอยก็เจอป้ายืนอยู่หน้าร้าน  เดินเข้าไปหาแล้วเข้าร้าน  ป้าส่งเงินทอนให้ตั้มแล้วหันมายิ้มให้ผม  ยิ้มตอบป้าแล้วหยิบกระบวยมาคนแป้งไม่ให้มันนอนก้น  มองส่วนประกอบทุกอย่างแล้วหันไปยิ้มให้ไอ้ตั้ม

“ไปช่วยพี่พลขายน้ำแข็งใสไป  อยู่ก็เกะกะกูเปล่า ๆ”  มันเหลือบมามองผมสลับกับถุงเงินทอน  เอื้อมมือแย่งถุงเงินทอนมาเทใส่ลิ้นชักโต๊ะแล้วไล่มันอีกครั้ง  มันถอนหายใจแล้วบอกผมว่าจะหมั่นเดินมาช่วย  ยิ้ม ๆ แล้วโบกมือไล่เป็นครั้งที่  3  เปิดแก้สติดเตาแล้วเบาให้อ่อนที่สุด  ยิ้มส่งแผ่นหลังมันแล้วหันมามองเบ้าขนมครกของตัวเอง  เงยหน้ามองลูกค้าคนแรกที่เดินมาสั่งแล้วยิ้มการค้าทักทาย

“สักครู่ครับ..สั่งทิ้งไว้แล้วเดินไปดูของร้านอื่นก่อนได้นะครับ  ผมยังไม่ได้เริ่มทำเลย”   ลูกค้ายิ้มเขิน ๆ แล้วบอกว่าไม่เป็นไร  เต็มใจจะยืนคอย  ยิ้มบางตอบแล้วลงมือจุ่มก้อนใบตองลงในน้ำมันป้ายแถวเบ้า  หยอดแป้งลงเบ้า  เงยหน้าขึ้นมองลูกค้าอีกกลุ่มที่เดินเข้ามายืนรอคิวแล้วบอกประโยคเดิม  ผมก็ได้คำตอบแบบเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง  หยอดแป้งลงเบ้าที่ว่างแล้วเงยหน้าถามลูกค้าคนแรกว่าเอาหน้าอะไร  หยิบข้าวโพดมาโรยแล้วหันหลังมาค้นกระทงใบตองที่ป้านั่งทำมาให้  หยิบช้อนออกมาแคะขนมครกออกมาใส่กระทงแล้วส่งให้ลูกค้า

“10  บาทครับ”  ลูกค้าทำหน้าเหวอกับราคาขนมครกแล้วบอกผมว่าเอาหน้าเผือกกับต้นหอมเพิ่มอย่าง  2  กระทง  ยิ้ม ๆ แล้วหยอดแป้งใหม่  หยิบช้อนแคะขนมครกที่สุกมาใส่กระทงแล้วส่งให้ลูกค้าทีละคน  มันไม่แพงแต่ก็ไม่ถูกเท่าไหร่  ชิ้นละบาททั้งที่ต้นทุนมันก็ไม่ได้สูงอะไร  บวกลบแล้ว..ถึงผมจะแคะขนมเสียไปหลายร้อยชิ้น  ป้าก็ยังได้กำไรตั้งหลายร้อยอยู่ดี  ยืนแคะขนมครกไปก็เริ่มสังเกตสิ่งรอบตัว  ลูกค้าร้านผมแน่นกว่าร้านอื่น  และยังเป็นสาว ๆ ทั้งหมดอีกต่างหาก

“30  ครับ”  รับเงินแล้วใส่ลิ้นชัก  เงยหน้ามองแถวยาวยืดแล้วยิ้มกับเบ้าขนมครก  ก้มหน้าก้มตารับออเดอร์แล้วแคะขนมครกลงกระทงจนเกือบจะทุ่ม  ไฟในตลาดยังไม่เปิดให้เพราะยังมีแสงสว่างจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน  เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงจากโทรโข่งที่กำลังส่งเสียงหนวกหูหาเสียงและแนะนำผู้สมัคร ส.ส. ในเขตพื้นที่ในตลาด  เพ่งมองไปหน้าปากซอยก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ใส่เสื้อสีเดียวกันเดินเรียงหน้าเข้ามาในตลาด  ยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะหันมาแคะขนมครกหน้าต้นหอมต่อ  ง่วนกับขนมครกและลูกค้าที่แอบใช้มือถือถ่ายรูปผมตอนส่งขนมครกลงกระทง  เงยหน้าขึ้นยิ้มมุมปากส่งให้ลูกค้าก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเบา ๆ  ส่งขนมครก  คิดเงินและขายต่อจนกลุ่มผู้สมัครกับหัวคะแนนในพื้นที่เดินมาแนะนำตัวผู้สมัครที่แผงผม  ละมือแล้วเงยหน้ามองผู้สมัคร  ส.ส.  แล้วยื่นมือรับแผ่นปลิวแนะนำตัวมาดู  ยิ้ม ๆ ให้ ส.ส.  คนนั้นแล้วก้มหน้าก้มตาแคะขนมครกต่อ  ยกยิ้มให้เสียง ส.ส. แนะนำตัวกับคนเดินไนท์บาร์ซ่า  ขมวดคิ้วมองแผ่นปลิวที่เพิ่งจะรับจากมือ ส.ส. แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนส่งรอบหลัง 

หน้าเนียนใสกับดวงตาสีดำกำลังมองผมอยู่เหมือนกัน  ริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูอ่อนขยับแนะนำตัว ส.ส. ให้ผมรู้จักและขอให้ผมเก็บไปตัดสินใจหากจะเลือก ส.ส. ในวันอาทิตย์เดือนแห่งฤดูฝน  นิ่งมองหน้าใสแก้มเนียนแล้วยื่นมือรับแผ่นปลิวมามองอีกครั้ง  จำชื่อ ส.ส. แล้วยิ้มให้คนช่วยเดินหาเสียง  รอยยิ้มโดดเด่นเพราะเหล็กดัดสีชมพูสะดุดตา  คนเดินหาเสียงยิ้มเขินกับรอยยิ้มกว้างของผมก่อนจะเดินตามกลุ่มใหญ่ไปทางท้ายซอย   มองเจ้าของเหล็กดัดสีชมพูที่แอบหันมามองผมแล้วยิ้มบางส่งให้  หันมาสนใจขนมครกในเบ้าแล้วรีบแคะออกจากเบ้าอย่างรวดเร็ว  ดีที่มันไม่ไหม้..

“ส.ส. ...เขาคนดีนะเธอ  ตอนน้ำท่วมที่บ้านเขายังออกมาเยี่ยมเลย  แต่ไม่ได้เอาของมาให้นะ  ผิดกฎหมายเลือกตั้งน่ะ  หน้าตาดีทั้งตระกูลเลยเนอะเธอ..”  เหลือบมองลูกค้าสูงอายุ  2  คนที่ยืนรอขนมครกหน้าเผือกของผม  ฟังแล้ว ส.ส.คนนี้เป็น ส.ส.เก่า  สมัยที่แล้วส่งลูกชายคนกลางลงแล้วตัวเองก็เป็นเงาอยู่เบื้องหลัง  พอลูกชายคนกลางหมดสมัย  ตัวเองก็ลงแข่งกับคู่แข่งของอีกพรรคที่กำลังมาแรงอยู่ตอนนี้  นิ่งฟังก็สะดุดกับชื่อของคนช่วยหาเสียงที่น่าจะใช่เจ้าของเหล็กดัดสีชมพูที่ผมเตะตาเมื่อครู่

“น้องสิทธิ์ลูกคนเล็กก็น่ารัก   เผลอแป๊บเดียวเป็นหนุ่มหล่อเชียว  พ่อพามาหาเสียงเตรียมปูทางให้เป็น ส.ส.ล่ะมั้ง?  เสียดายที่เอาเหล็กเอาลวดมาใส่ฟัน  ฟันน้องก็ไม่ได้ยื่นไม่ใช่เหรอ?  เออ..แล้วเรื่องลูกชายคนโตที่กำลังลง ส.ส.อีกเขตล่ะเธอ  เห็นว่าแข่งกันดุเดือดเลยนี่..”  เงียบฟังลูกค้าที่คุยกันเรื่องของครอบครัว  ส.ส.  ที่กำลังหาเสียงอยู่  ยิ้มให้แผ่นปลิวที่มีหน้า ส.ส. คนพ่อแล้วขายขนมครกต่อ  เงยหน้ามองไอ้ตั้มที่เดินมาช่วยแคะขนมครกที่ร้าน

“น้ำแข็งใสพี่พลขายดีไหม?  ร้านเราขายดีมากว่ะตั้ม  กูยืนแคะเมื่อยมือไปเลย..”  คุยกับตั้มก็มองรอบ ๆ ไปด้วยเพราะท้องเริ่มจะร้องโครกคราก  บอกให้มันเฝ้าร้านแล้วเดินออกมาหาอะไรกิน  เดินมาทางปากซอยก็สะดุดกับเจ้าของเหล็กดัดที่ถูกพ่อค้าแม่ค้ารุมล้อมอยู่แถวปากทางเข้า  ยิ้มแล้วเดินเนียนเข้าไปในกลุ่ม

“เรียนที่โรงเรียน...ครับ  ปีนี้ก็ ม.6  แล้วครับ”  รุ่นพี่เหรอ?  ดูหน้าแล้วไม่น่าจะเป็นรุ่นพี่  น่าจะอ่อนกว่าหรือรุ่นเดียวกันมากกว่า  เจ้าของเหล็กดัดหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วขอตัวเดินออกมารับโทรศัพท์แถวใต้ต้นลีลาวดีนอกไนท์บาร์ซา  เดินตามแล้วยืนรออยู่แถวนั้นจนเจ้าของเหล็กดัดคุยเสร็จ  เดินออกมาขวางลูกคนเล็กของ ส.ส. ที่ก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจใคร  ยิ้มบางส่งให้เพราะคนที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จเงยหน้าขึ้นมามอง  ดวงตาสีดำหลบตาผมแล้วมองคอเสื้อแทน..

“ผมจำไม่ได้แล้วครับว่า ส.ส. ลงเบอร์อะไร?”  เจ้าของเหล็กดัดเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเบือนหลบตา  เดินเลี่ยงผมก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม  ‘เบอร์...ครับ”  เดินตามจนทันแล้วถามว่ากินข้าวเย็นรึยัง  เจ้าตัวก็เงยหน้ามายิ้มบางส่ายหัวเป็นคำตอบ

“ผมก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเหมือนกัน  แถวนี้มีร้านไหนอร่อยบ้างครับ?  ผมไม่ใช่คนแถวนี้  แต่มีญาติอยู่ที่นี่  ปิดเทอมก็เลยมาอยู่กับป้าที่นี่ครับ..ชื่อ  ‘เต้’  ครับ  แล้ว?..”  เจ้าของเหล็กดัดยิ้มน้อย ๆ แล้วแนะนำตัว  แน่นอนว่าชื่อ  ‘สิทธิ์’  อย่างที่คิดจริง ๆ  สิทธิ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะพาผมไปกินข้าวแกงที่ร้านแถวนั้น  กินเสร็จก็จ่ายเงิน  เจ้าตัวไม่ยอมให้ผมเลี้ยงเพราะตัวเองเป็นเจ้าถิ่น  ก็อยากจะเลี้ยงผม  แต่ผมไม่อยากให้สิทธิ์โดนมองไม่ดี  ถึงจะไม่ได้เป็นคนลงสมัคร  แต่ลูกคนสมัครมาเลี้ยงข้าวคนอื่นในช่วงหาเสียง..มันก็ไม่น่าจะดีนัก

“ให้ผมเลี้ยงเถอะ..แล้ววันหลังสิทธิ์ค่อยเลี้ยงผมคืน”  สิทธิ์ถอนหายใจแล้วปล่อยให้ผมเป็นคนจ่ายเงิน  ลูกชายคนเล็กของผู้สมัครส.ส. พาผมเดินดูของในไนท์บาร์ซา  ได้ของกินมาจนล้นมือเพราะเจ้าของเหล็กดัดเป็นคนน่ารัก  พ่อค้าแม่ขายที่นี่เลยเอ็นดู  ผลดีก็เลยตกมาถึงท้องคนเดินตามอย่างผม..

“อิ่มตื้อเลย..เต้อยากไปไหนอีกรึเปล่า?”  ยิ้มบางแล้วส่ายหน้าตอบ  โทรศัพท์ผมสั่นในกระเป๋ากางเกงจนต้องยื่นขนมกับน้ำให้สิทธิ์ถือ  รับโทรศัพท์แล้วหันไปบอกสิทธิ์ว่าต้องกลับร้านแล้ว  ลูกชายคนเล็กของ ส.ส.คนดังเดินตามผมไปช่วยเก็บของ  ตั้มมันก็ก้มหัวทักทายแล้วยิ้มมารยาท  มันกระซิบบอกผมว่าอยู่โรงเรียนเดียวกัน  แต่ไม่เคยคุยกันเพราะอยู่คนละห้อง  แถมสิทธ์ยังอยู่ในกลุ่มพวกลูกคนดังของโรงเรียน  ก็เลยยิ่งห่างกันไปใหญ่  เก็บของใส่รถป้าเสร็จก็ให้กลับไปก่อนเพราะสิทธิ์บอกว่าจะพาผมไปดูสวนน้ำตอนกลางคืนแล้วจะพาผมมาส่งที่บ้านเอง

เดินออกมาจากไนท์บาร์ซาแล้วขึ้นรถยนต์หรูของลูก ส.ส.คนดังมาถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่  เลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าน้ำพุกลางสวนแล้วเดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้า  นั่งลงบนพื้นหญ้าแล้วมองความงามจากน้ำพุ  สิทธิ์เดินตามมานั่งลงข้าง ๆ  หันไปมองหน้าใสตาสวยจนคนถูกมองต้องก่อนจะเบือนหลบไปมองน้ำพุ  นั่งมองน้ำพุรับลมเย็นเฉื่อย  มือที่วางบนตักค่อย ๆ เอื้อมไปหามือของคนที่นั่งข้าง ๆ มากุมไว้หลวม ๆ  มือเย็นของสิทธิ์เกร็งและขืนไว้ก่อนจะปล่อยให้ผมได้จับนิ่ง ๆ ยิ้มให้หลังมือสวยก่อนจะไล่สายตามองแขน  หัวไหล่  คอยาวระหง  จบที่แก้มใส  ยื่นหน้าเข้าไปช้า ๆ จนปลายจมูกเกือบจะสัมผัสกับแก้มเนียน  ดวงตาสีดำหันมามองหน้าผมก่อนจะเบี่ยงหลบได้หวุดหวิด

“ทำไร?!  ไปห่าง ๆ เลย”  จับมือที่ดันหน้าอกตัวเองมาคล้องคอแล้วก้มลงไปฉกหอมแก้มใส  ‘เดี๋ยวก็ต้องกลับบ้านโน้นแล้วสิทธิ์  ไม่ต้องไล่หรอก..’  เจ้าของเหล็กดัดหยุดดิ้นแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาผม  ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่นแล้วก้มหน้านิ่ง  ดึงเข้ามากอดไว้เต็มตัว  ลูบหลังแล้วเหม่อมองน้ำพุ  สิทธิ์เงยหน้าขึ้นมองผมแล้วเบือนไปมองน้ำพุ  ปล่อยให้เจ้าตัวจัดท่านั่งเองแล้วกอดไว้หลวม ๆ นั่งอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางแสงไฟจากสวนสวยจนกระทั่งได้เวลาปิดสวนก็เดินออกมาขึ้นรถ  สิทธ์ถามทางเข้าบ้านผมแล้วพามาส่งถึงบ้าน  ไม่ได้ล่ำลานานนักเพราะที่บ้านสิทธิ์โทรตามให้รีบกลับ  มองส่งรถจนลับตาก็เดินเข้าบ้าน  อาบน้ำนอน

คืนนั้นผมไม่ได้ฝันถึงพยานาคให้ต้องตกใจตื่นเหมือนเมื่อคืนวาน  แต่กลับมีลูกชายนักการเมืองมาวิ่งเล่นไล่จับกับผมในฝันแทน  ตื่นขึ้นมาก็เจอเจ้าตัวมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่กับป้า  อย่างที่คิดกันนั่นล่ะ..ผมใช้เวลาที่เหลือกับลูกชาย ส.ส.  จนกระทั่งเปิดเทอม  ติดต่อกันผ่านมือถือกับเฟสจนเรียน  ม.ปลายจบ  เข้ามหาลัยก็เรียนที่เดียวกัน..

คนไม่ค่อยเอาถ่านอย่างผมกลายมาเป็นทนายความประจำตระกูลของ ส.ส. คนดัง  ในขณะที่ลูกชายคนเล็กไม่ได้เดินตามรอยเท้าพ่อ  แต่เป็นหมอบนดอยห่างไกลความเจริญเพราะเบื่อการเมืองเต็มทน  แล้วท้ายที่สุด..

ผมก็ต้องมาว่าความให้ชาวเขาเสียส่วนใหญ่  เงินก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง  แต่ก็เต็มใจทำครับเพราะทำใจให้ห่างคุณหมอนาน ๆ  ไม่ไหว..นอนกอดหมอก็นึกถึงเรื่องในฝันที่เห็นพญานาค  อมยิ้มเพราะพญานาคที่ฝันเห็นตอนนั้น  ขนาดไม่ได้ใหญ่เหมือนในฝัน  แต่ที่พอจะแปลได้  น่าจะเป็นเรื่องของเนื้อคู่ที่มาจากตระกูลดัง  และมีอิทธิพลมากกว่า..

เขาว่าฝันเห็นงูรัดแปลว่าจะเจอเนื้อคู่  ผมที่เจอทั้งไล่ทั้งรัดแถมเป็นพญานาคอีกต่างหาก  เชื่อเถอะครับ..โบราณว่าอะไรไม่ผิดหรอก  และอีกอย่างที่ผมเชื่อหมดใจเลยก็คือ..ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว  ร้อยทั้งร้อย..









กลัวเมียทุกคนครับ!


END.


กอดรวบ!
งานเยอะคนก็ยุ่งค่ะ  ขออภัยที่มา ๆ หาย ๆ นะคะ

คุณ  nekko  นอกจากหลงตัวเองแล้วยังเอาแต่ใจอีกต่างหากค่ะ555
คุณ  boonpa  ยินดีตอนรับค่ะ  ดีใจที่อ่านแล้วชอบนะคะ ^^
คุณ  Celestia  ยินดีต้อนรับนะคะ  จิก็ฟินค่ะ555
คุณ  gayraygirl  กอดเมย์  ต้นฝันแม่นไม่เท่าจิจิ้นค่ะ  ฮี่ๆๆๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :กอด1: :pig4: :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : มนต์รักขนมครก 10/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 10-03-2015 15:41:53
ไม่ได้กลัวหรอกน้องเต้ แค่ไม่อยากขัดใจ :katai3:

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : มนต์รักขนมครก 10/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 10-03-2015 21:46:37
หูย น้ำลายไหล อยากกินขนมครกอ่ะ ไม่ได้กินนานแล้ว
ทำไมเดี๋ยวนี้ขนมครกหากินยากจังเลย ตอนเด็ก ๆ เห็นมีคนขายเต็มไปหมด
ตอนเต้กับตั้ม หัดทำขนมครก ทำให้นึกถึงสมัยตอนเป็นเด็ก ๆ เลยค่ะ
เคยเล่นกับพี่สาวเหมือนกัน สนุกดี แต่ที่ทำสำเร็จกินได้นี่น้อยมาก 555
เหมือนคุณแม่จะส่งลูกชายมาเจอเนื้อคู่เลยเนอะ แหม่ โชคสัตว์สองเท้า  :o8:
น่ารักมากเลย ได้แฟนดี ๆ ก็ทำให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จด้วยแหละเนอะ
ได้เป็นถึงทนายความเชียว ทนายความกับคุณหมอ ในชนบทที่ห่างไกล รู้สึกโรแมนติกอ่ะ
แต่เต้กับสิทธิ์ ไม่ได้อยู่ในตลาดแล้ว อย่างนี้จะมีคู่นี้มาให้อ่านอีกไหมนะ น่ารักดี
ขอบคุณมากค่าาา  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : มนต์รักขนมครก 10/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-03-2015 22:19:33
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ สนุกมากกกกจ้า~ :-[ น่ารักน่าฟัดทุกคู่เลย :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : มนต์รักขนมครก 10/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 12-03-2015 14:23:58
ใต้เงาจันทรา



นั่งขัดสมาธิคัดกรวด  ทราย  ดินออกจากถั่วเหลืองที่เหลือในครัว  มือเกลี่ยหยิบกรวดออก  หัวก็คิดถึงเรื่องเลวร้ายที่เพิ่งผ่านไป  เมื่อ  2  อาทิตย์ก่อน
.
.
.
2  อาทิตย์ที่แล้วพ่อผมถูกรถชน  ข้ามถนนไปซื้อถั่วเหลืองเพราะไม่อยากเดินข้ามสะพานลอย  พ่อไม่ใช่คนขี้เกียจ  แต่เพราะสะพานลอยตรงนั้นชอบมีพวกวัยรุ่นมาสิง  บางครั้งก็มีคดีทำร้ายร่างกายปล้นจี้เอาของมีค่าตรงนั้นบ่อย ๆ  พ่อก็ไม่อยากเสี่ยง 

วันนั้นทางหลวงซ่อมถนนเลยให้รถเบี่ยงมาใช้ถนนฝั่งเดียว  พ่อที่ไม่ได้สังเกตทาง  เอาแต่มองบนสะพานลอยก็เลยถูกรถที่วิ่งมาชนอย่างจัง  กระเด็นไปอีกฟากถนน  เสียชีวิตทันที  ผมรู้ข่าวเพราะ รพ.แจ้งมาที่โรงเรียน  อ.ปกครองเรียกผมมาพบแล้วบอก  ผมฟังด้วยความรู้สึกชาที่หัว..ลามไปถึงหัวใจอย่างช้า ๆ กว่าจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดก็มาถึงที่บ้านแล้ว  ป้ารับศพพ่อมาที่บ้านและจัดการทุกอย่าง..รวมถึงเงินประกันของพ่อด้วย  ผมไม่สนใจเม็ดเงินที่ป้าอยากได้เลยแม้แต่น้อย  ร่างที่นอนเหยียดยาวตรงหน้านั่นต่างหาก..ที่สำคัญกับชีวิตผม

“อึก..พ่อ..”  พยายามควบคุมมือที่ยื่นออกไปจับมือซีดเซียวไม่ให้สั่น  กลั้นสะอื้นเมื่อสัมผัสถึงความเย็นเฉียบ  ตอกย้ำความจริง..พ่อตายแล้ว  ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว  ความเสียใจทั้งหมดของผมถูกกลั่นออกมาเป็น..น้ำตา  น้ำตาที่ไม่มีวันแห้งเหือด  ป้าเดินเข้ามากอดปลอบให้หยุดร้อง  เสียงที่ดังอยู่ข้างหูบอกผมให้หยุดร้องและไม่ต้องเสียใจ..ป้าจะคอยอยู่ข้างผมเอง

ผมกลั้นสะอื้นแล้วกอดป้าตอบ  ผมรู้ว่าป้าอยากรับผิดชอบผมเพราะ..อยากเป็นคนเลี้ยงดู  และมีสิทธิ์ทุกอย่างในทรัพย์สินที่พ่อทิ้งไว้ให้  รู้  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  พ่อทำประกันชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว  ด้วยความคิดที่ว่า  ‘อย่างน้อยถ้าพ่อตาย  เต๋ก็จะได้มีเงินทำศพแล้วก็เลี้ยงตัวเองไงลูก’  วันนั้นพ่อบอกผมแล้วยิ้มกว้างมาให้  ผมขมวดคิ้วแล้วโวยวายเสียงดังว่า..ไม่เอา  แต่ป้ากลับกุลีกุจอถามพ่อว่าใส่ชื่อใครลงไปในช่องรับเงินหลังเสียชีวิตบ้าง  พ่อยิ้ม ๆ แล้วหันมามองผม

“เต๋..กับพี่ชายเขา”  ไม่ได้มองว่าป้าทำหน้ายังไงเพราะมัวแต่เข้าไปเขย่าคอพ่อให้หยุดพูดเรื่องตายเรื่องจากกันเสียที  ผมใจไม่ดีจนนอนไม่หลับ  คืนนั้นก็เลยต้องขนผ้าห่มกับหมอนไปนอนกอดพ่อ 

หลังจากงานศพพ่อป้าก็เข้ามาจัดระบบชีวิตผมใหม่  ผมไม่เคยไปช่วยพ่อขายน้ำเต้าหู้  ตอนเช้าแค่ขับรถไปส่ง  ตั้งร้านเสร็จก็เดินหาซื้อกับข้าว  น้ำตาล  ถั่วเหลืองมาเตรียมให้พ่อ  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไปโรงเรียนเลย  พอพ่อเสีย  ป้าก็ให้ผมไปขายน้ำเต้าหู้ที่ตลาด  เย็นก็ให้ผมเตรียมของ  เช้ามืดก็ทำน้ำเต้าหู้  เสร็จก็ไปยืนขายคนเดียว  เงินที่ได้ก็ให้ผมเอาไว้ไปโรงเรียนแล้วที่เหลือจากไปโรงเรียน..ก็ให้ป้าเก็บไว้ให้ 

จนเมื่อ  3  วันก่อน..

กลับจากโรงเรียนก็ยืนนิ่งจ้องรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน  รั้วบ้านเปิดทิ้งไว้  ผมรีบเดินเข้าไปในบ้านตัวเองทันที  ได้ยินเสียงป้าคุยกับแขกแล้วยิ่งขมวดคิ้วมุ่น  เสียงด่าทอ  เกรี้ยวกราดของป้าแผดลั่นจนผมตกใจ  ก้าวเท้าเข้าไปก็ต้องหลบแก้วน้ำที่ปลิวหวือใส่หน้า  เสียงแก้วแตกยังดังไม่เท่าเสียงป้าที่ด่ากราดแขกที่นั่งอยู่ที่โซฟา

“พวกมึงมันเหี้ย!  ไม่เคยเลี้ยงหรือดูแลมัน  ทิ้งมันไปตั้งแต่เด็ก  แต่ฉันสิ!  ฉันเสียอีกที่เป็นคนนอก  กลับเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย  ตอนนี้มันไม่มีใคร  พวกแกจะมาชุบมือเปิบพามันไปเลี้ยงงั้นเหรอ!  ฉันจะฟ้องร้องเอาเรื่องพวกแกทุกคน!”  หนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นจดหมายสีขาวให้ป้า  ป้ามองกระดาษแผ่นนั้นแล้วกระชากจากมือมาอ่าน  พออ่านเสร็จป้าก็โกรธจนตัวสั่น  หันมามองผมแล้วด่าต่าง ๆ นา ๆ ก่อนจะกระแทกส้นออกจากบ้านไป  กะพริบตามองตามหลังป้าก่อนจะหันหน้ามาเผชิญกับผู้ชาย  2  คนที่มองผมอยู่


“สวัสดีครับคุณบรรณพร  ผมเป็นทนายความของคุณปิยวรรณ  คุณแม่ของคุณ  นี่คุณภศพร  พี่ชายของคุณครับ”  เบือนไปมองคนที่ทนายคนนั้นแนะนำว่าเป็นพี่ชาย  ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกำลังจ้องหน้าผมอยู่  จมูกโด่งเหมือนผม  ผิวขาวเหมือนผม  แต่สีชมพูอมส้มของริมฝีปาก  โครงหน้า  และรูปร่างสูงใหญ่ไม่เหมือนผม  คนตรงหน้าผม..คล้ายพ่อ  ยกมือขึ้นไหว้พี่ชายกับทนายคนนั้นแล้วเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม  ริมฝีปากสีส้มอมชมพูของพี่ชายคลี่ยิ้มให้แล้วบอกทนายว่าขอคุยกับผมเป็นการส่วนตัว

“แม่ให้พี่มารับเราไปอยู่ด้วยกันที่ปทุม ฯ  เรื่องย้ายโรงเรียนพี่จะให้คนมาจัดการทีหลัง  เต๋..แม่ไม่เคยมีใครนอกจากป๋า  ทุกวันนี้แม่ก็ยังรักและเคารพป๋าคนเดียว”  ผมไม่เคยได้เจอแม่เจอพี่  ทุกครั้งที่ถามหา..ผมไม่เคยได้รับคำตอบจากพ่อเลยสักครั้ง  นิ่งมองหน้าพี่ชายที่เคยเห็นแต่ในรูปที่ถ่ายด้วยกันตอนผมอายุได้  3  ขวบ  ส่วนพี่ชาย  10  ผมห่างจากพี่  7  ปี  ตอนนี้พี่ก็น่าจะ  22  ย่าง  23    ยิ้มให้พี่ชายแล้วส่ายหน้าตอบ 

“..ไปไม่ได้ครับ  ผมเกิดที่นี่  ทุกอย่างที่นี่ทำให้ผมยังมีลมหายใจอยู่ได้..โดยไม่คิดจะตายตามพ่อไป  ขอบคุณพี่มากครับ..”  พี่ชายยิ้มให้ผมแล้วเอื้อมมือมายีหัว  ลุกขึ้นยืน  เดินออกไปแถวประตูแล้วล้วงโทรศัพท์กดหาใครสักคน  เสียงทุ้มของพี่ชายดังแว่วว่าผมไม่ยอมมาอยู่ด้วยเหมือนที่คิดเลย  หัวเราะร่วนแล้ววางสาย  พี่ชายหันมาส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้ผม  เดินมานั่งที่เดิมแล้วบอกผมว่า..

“เราไม่ไป..พี่มาเอง”  กะพริบตาปริบ  แล้วยิ้มงงส่งคืนให้พี่ชาย  เย็นนั้นผมเสียคนที่ดูแลผมมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย  แต่ได้คนในครอบครัวที่เคยคิดว่าไม่เคยมีตัวตน..โผล่มาเลี้ยงดูผมนับต่อจากนี้ไปจนตาย 

พี่ชายหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กเข้ามาในบ้าน  ในขณะที่ทนายความยืนบอกผลประโยชน์ทุกอย่างที่พ่อทิ้งไว้ให้และคนที่จะดูแลทุกอย่างของผมก็คือแม่ที่อยู่ต่างประเทศ  ค่าใช้จ่ายทุกอย่างของผมแม่จะดูแลเองทั้งหมด  โดยที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเงินที่พ่อเก็บไว้ให้ผมแม้แต่สตางค์แดงเดียว  ก่อนทนายจะไปก็ยื่นความจริงอีกข้อที่ผมไม่เคยรู้..

“คุณปิยวรรณพยายามจะรับคุณมาดูแลเองครับ  แต่ทางคุณพ่อของคุณไม่ยอม  ท่านทั้งสองหย่ากันด้วยความไม่เข้าใจกันครับ  แต่เชื่อเหลือเกินว่าท่านยังคงรักกันอยู่  คุณพ่อคุณครองตัวเป็นโสดมาตลอด  คุณปิยวรรณเองก็เช่นกัน..คุณกับคุณภศพรเกิดมาจากความรักของท่านครับ”  ยกมือไหว้ลาทนายและยืนส่งด้วยน้ำตา  ผมไม่ได้ร้องเพราะเสียใจ  แต่หลั่งน้ำตาเพราะ..ดีใจ  พ่อบอกผมตลอดว่าแม่ไม่รัก  แม่ถึงได้ทิ้งเราไป  แต่ให้ไม่ให้ผมเกลียดพี่ชาย  เพราะเรามี  ‘สายเลือดเดียวกัน’ 

ภาพผู้ชายตัวเบ้อเริ่มเดินตามผมเข้าห้องพ่อ  นั่งลงจุดธูปบอกให้พ่อไม่ต้องห่วง  ต่อไปนี้พี่จะดูแลผมแทนพ่อเอง  พี่ชายปักธูปเสร็จก็ก้มกราบรูปพ่อ  หันมายิ้มให้ผมทั้งน้ำตา  แล้วบอกผมว่า..

“เราไม่มีพ่อแล้วนะเต๋  แต่เต๋ยังมีพี่  มีแม่  เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ..ขอโทษที่แอบมาหาแต่ไม่เคยเข้าไปบอกว่าเป็นพี่ชาย  พี่ขอโทษ..”  ยิ้มตอบพี่ชายก่อนจะกลั้นก้อนแข็งที่ล้นมาถึงคอไม่ไหว  ผมนั่งคุกเข่า  ก้มหน้าร้องไห้  พี่ชายขยับเข้ามากอดแล้วลูบหลังเบา ๆ ร้องไห้กับอกของพี่ชาย  ถึงผมจะขาดพ่อ  แต่ผมก็ยังมีแม่  มีพี่  แค่นี้ผมก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่มีข้อแม้แล้วครับ

นั่งสะอื้นกับอกพี่ชายจนเริ่มปวดขา  ดันตัวเองออกมาแล้วเช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลท่วม  พี่เอื้อมมือมาเช็ดให้ผมก็เบี่ยงหลบ  สายตาเจ็บปวดของพี่ที่เห็นผมหลบมันทำให้ใจผม..ปวดแปลบ  ก้มหน้านิ่งเมื่อมือของพี่ยื่นเข้ามาหาอีกครั้ง  กลั้นลมหายใจกับปลายนิ้วที่เกลี่ยเช็ดน้ำตาที่แก้มให้เบา ๆ ทนนิ่งอยู่ไม่ไหวเลยตัดสินใจยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำมูกแล้วบอกพี่ให้เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บที่ห้องเก่าของแม่  นึกขึ้นได้ว่าพี่อาจจะคิดว่าห้องแม่ไม่มีใครใช้..แล้วมันจะสะอาดพอให้พี่พักได้ยังไง  รีบหันไปบอกทันทีว่าห้องแม่สะอาดเพราะผมเข้าไปปัดกวาดให้ตลอด   

 “ขอนอนด้วยได้ไหม?”  ปากอ้าค้าง  ลืมเรื่องที่จะพูดต่อไปทันที  กะพริบตาปริบแล้วถามย้อนไปใหม่  ‘ว่า..อะไรนะครับ?’  พี่ชายยิ้มแล้วยืนยันคำเดิม  อึกอักอยู่พักใหญ่พี่ชายก็ดึงผมเข้าไปกอด  มืออุ่นข้างหนึ่งลูบหลัง  อีกข้างลูบหัวเบา ๆ เสียงทุ้มร้องเพลงกล่อมเด็ก..

“เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ให้แม่กาฟัก แม่กาหลงรัก คิดว่าลูกในอุทร
คาบข้าวมาเผื่อ คาบเหยื่อมาป้อน ปีกหางเจ้ายังอ่อน สอนร่อนสอนบิน
แม่กาพาไปกิน ที่ปากน้ำแม่คงคา ตีนเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซ้หาปลา
กินกุ้งกินกั้ง กินหอยกระพังแมงดา กินแล้วบินมา จับต้นหว้าโพธิ์ทอง..”  จากที่เกร็งก็เริ่มผ่อนคลาย  ค่อย ๆ เอนตัวลงพิงอกหนาแล้วหลับตาฟังเพลงกล่อมเด็กของพี่
 
“นายพรานเห็นเข้า เยี่ยมเยี่ยมมองมอง ยกปืนขึ้นส่อง หมายจ้องแม่กาดำ
ตัวหนึ่งว่าจะต้ม ตัวหนึ่งว่าจะยำ แม่กาตาดำ แสนระกำใจเอย”  พี่ดันตัวออกมามองหน้าผมแล้วยิ้มให้  ยิ้มตอบแล้วหันหลังเดินนำพี่ไปที่ห้องตัวเอง  บอกพี่ว่าเสื้อผ้าให้เก็บในตู้เลย  ของในห้องของผมใช้ได้ทุกชิ้น  หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำ  หลับตาปล่อยให้น้ำเย็นจากฝักบัวไหลลงมาล้างความหนักอึ้งที่ต้องแบกความเสียใจเรื่องรอบตัวทิ้งให้หมด  ในหัวมีเสียงทุ้มที่ร้องเพลงกล่อมเด็กประโลมจิตใจ  รอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าจะอยู่บนหน้าผมได้อีก..กลับผุดขึ้นมาเต็มหน้า  เช็ดตัวแล้วแต่งตัวออกจากห้องน้ำ 

ตั้งแต่คืนนั้น  ผมกับพี่ก็สนิทเหมือนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  ทุกครั้งที่นั่งด้วยกัน  พี่จะต้องให้ผมเล่าเรื่องตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้  พี่เองก็เล่าเรื่องของตัวเอง  เรื่องแม่  สังคมของพี่  เหมือนเป็นการเติมเวลาที่หายไปของครอบครัวเราให้เต็มมากที่สุด..เท่าที่เราจะทำได้

ป้าก็คอยมาหาบ้างเหมือนกัน  แต่ก็เฉพาะเวลาที่พี่ไม่อยู่เท่านั้น  ผมยิ้มและต้อนรับป้าเหมือนทุกครั้ง  และทุกครั้งที่ป้ามา  ป้ามักจะทักทายผมแล้วตบท้ายด้วยเรื่องเงินประกันที่พ่อทิ้งไว้ให้  มองแบบผม  ป้าเป็นห่วง  กลัวผมจะโดนแม่กับพี่ฮุบเงิน  แต่ถ้ามองแบบคนนอก  ป้ากลัวคนอื่นจะได้เงินในส่วนที่ป้าน่าจะได้มากกว่า  แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นจริง  ผมก็ไม่ควรเกลียดป้า..ถึงแม้ว่า..วันเผาพ่อ  ป้าจะเป็นคนไล่แม่กับพี่ไม่ให้เข้ามาในงาน  ไม่ให้เผาพ่อก็ตาม ยิ้มเหยียดเมื่อนึกถึงท่าทางร้อนตัวของป้า  เผลอพูดแล้วรีบบอกว่าที่ทำไปก็เพราะไม่อยากให้คนพรรค์นั้นเข้ามาทำให้งานพ่อต้องมีเสนียด 

ผมจะไม่เกลียดคนที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่ตีนผมเท่าฝาหอย..ไม่เกลียด  และ..ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น 

.
.
.
ยิ้มบางกับชีวิตของตัวเอง  แวบหนึ่งในหัวผมเห็นใบหน้ายิ้มมีความสุขของพ่อพ่อลอยเข้ามา  นึกถึงแขนอุ่นของพ่อแล้วน้ำตาก็รื้น  ยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวก ๆ  แล้วก้มหน้าก้มตาหยิบกรวดหยิบทรายออกต่อ  ยกถาดถั่วเหลืองออกมาล้างน้ำ  หยิบเม็ดที่ลอยน้ำทิ้งแล้วพักไว้  หันหลังจะเก็บกวาดกรวดเก็บทรายก็เจอคนในครอบครัวยืนมองอยู่เสียก่อน..

“เตรียมไว้ทำน้ำเต้าหู้พรุ่งนี้เหรอ?”  ยกมือไหว้พี่แล้วพยักหน้ารับ  พี่รับไหว้แล้วพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้น  เดินอ้อมผมมาแล้วจ้วงมือลงไปในกองถั่วเหลือง  ผมหัวเราะแล้วบอกพี่ว่าต้องรอให้มันสะเด็ดน้ำแป๊บหนึ่งแล้วเอามาคั่วก่อนค่อยเอาไปแช่น้ำร้อน  ยีเปลือกออก  ปั่นให้ละเอียด..

“พอแล้วเต๋  ฟังแล้วเวียนหัว  พี่ทำเป็นแล้ว  ช่วยเต๋จนเก่งแล้ว555”  ยิ้มให้รอยยิ้มอบอุ่นของพี่แล้วบอกให้พี่ไปล้างมือ  พี่หยิบกระทะใบใหญ่มาวางรอที่เตา  เดินย้อนกลับมายกถาดถั่วเหลืองมาเทใส่กระทะ  ติดไฟแล้วเงยหน้ามองคนตัวโตที่เอาแต่จ้องหน้าผมแล้วก็เอาแต่ยิ้ม   พี่ช่วยผมทำน้ำเต้าหู้และไปช่วยขายทุกวัน  แรก ๆ ผมคิดว่าพี่จะเบื่อเลยไม่ให้พี่ทำ

“ให้พี่ช่วยเถอะ  พี่รู้ว่าที่เรายังขายน้ำเต้าหู้ก็เพราะพ่อ  นี่เป็นอาชีพที่พ่อหาเลี้ยงเรา  แล้วทำไมพี่จะทำบ้างไม่ได้..เอางี้  ทำปาท่องโก๋ขายคู่ไปด้วยดีไหม?”  ยิ้มให้พี่แล้วหยิบตะหลิวมาคนถั่วเหลืองในกระทะ  บอกพี่ว่า..

“หน้าเตามันร้อนนะครับ  แค่ตักน้ำเต้าหู้พี่ยังเหงื่อไหลท่วมเลย  นับประสาอะไรกับไปยืนพลิกซาลาเปาปาท่องโก๋..”  พี่ชายทำคิ้วขมวดแล้วจับตะหลิวในมือผมออกช้า ๆ มองตาสีน้ำตาลแล้วเลิกคิ้วงง  ปล่อยให้พี่วางตะหลิว..

“พี่โต๋!”  ร้องเสียงหลงเพราะพี่อุ้มผมขึ้นบ่าแล้วกระโดดไปรอบครัว  จุกแต่ก็ขำ  หัวเราะไปด้วยทุบหลังพี่ไปด้วย  พี่ปล่อยผมลงที่เก้าอี้แล้วคร่อมพนักแขนไว้  หายใจหอบเหนื่อยจากการหัวเราะ  ปวดกล้ามเนื้อหน้าท้องแปลบ ๆ มองตาสีน้ำตาลของพี่แล้วยิ้มตอบรอยยิ้มอบอุ่น

“ยิ้มได้เต็มหน้าเสียที  ว่าแต่..เรากินอะไรบ้างเนี่ย  ตัวเบาโหวงเลย”  ขมวดคิ้วไม่เชื่อถือคำพูดพี่ชาย  ผมไม่ได้ตัวเล็กบอบบางเหมือนไอ้เอกสักหน่อย  พี่จิ้มนิ้วที่หัวคิ้วผมแล้วคลึงเบา ๆ ไม่ให้ผมนิ่วหน้าหรือขมวดคิ้ว  ‘ไม่ชอบ..อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีก  อยู่กับพี่ห้ามหนักใจ’  ยิ้มตาหยีให้  เอื้อมจับมือหนามาวางไว้บนหัวตัวเองแล้วโยกหัวไปมา  ผมเริ่มไม่กระดากหรืออายเมื่อพี่ชายสัมผัสตัว  คงเพราะ  ‘สายเลือด’  เลยทำให้ผมกับพี่เข้ากันได้ทุกเรื่องในระยะเวลาแค่  2  อาทิตย์  สั้นมาก ๆ ครับ  แต่คิดอีกที  อาจจะเป็นเพราะ..ความอบอุ่นของพี่โต๋  เลยทำให้ผมสบายใจที่จะคุย  สัมผัส  และใช้เวลาร่วมกันก็ได้

ทำน้ำเต้าหู้หม้อใหญ่เสร็จก็ตั้งไฟอ่อน ๆ ทิ้งไว้บนเตา  ไล่ให้พี่ไปอาบน้ำก่อน  ผมยืนเตรียมกับข้าวไว้บนโต๊ะ  เหลือบมองนาฬิกาแล้วรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มาจ้อง  พอหน้าจอสว่างก็รีบกดรับ  แม่จะต้องโทรหาผมกับพี่ตอน  2  ทุ่มทุกวัน  แม่เป็นเชฟอาหารไทยในโรงแรม  5  ดาวเมืองผู้ดี  แม่เล่าให้ฟังว่าหลังจากเลิกกับพ่อก็ไม่ได้ทำงานอะไร  กินสมบัติเก่าตา  พอเงินในบัญชีเริ่มลดลงแม่ก็ออกหางานทำ  เพื่อนแม่ชวนแม่ไปเป็นแม่ครัวใหญ่ที่นั่น  แม่ก็เลยตัดสินใจลองดู  รายได้ดีมากจนทำให้แม่ต้องอยู่ยาว  ส่งเงินมาให้พี่โต๋ที่อยู่กับตาใช้อย่างเดียว  ตาเสียแล้วเมื่อ  3  ปีก่อน  ตอนนี้พี่โต๋ก็อยู่คนเดียวที่บ้านสวน  พอพ่อเสีย  พี่โต๋เลยทิ้งบ้านมาอยู่กับผมได้อย่างสบายใจ

“วันนี้เต๋ซื้อน้ำพริกปลาทู  ผัดผัก  แล้วก็ต้มอะไรสักอย่างมากินครับแม่..”  ตอบปลายสายที่ถามว่าวันนี้ผมกับพี่ซื้ออะไรมากินมื้อเย็น  เหลือบมองพี่ที่เดินกึ่งวิ่งลงมาเพราะเห็นผมคุยโทรศัพท์  ดวงตาสีน้ำตาลหันมองนาฬิกาแขวนผนังแล้วขยับปากถามผม  ‘แม่เหรอ?’  ผมพยักหน้ารับแล้วตอบคำถามแม่ต่อ

“ไม่มีการบ้านครับ  พี่โต๋อาบน้ำเสร็จแล้วครับ..”  พี่โต๋เลิกคิ้วสูงแล้วโบกมือในอากาศไปมา  ผมอมยิ้มแล้วบอกแม่ว่า  ‘พี่โต๋ไม่อยากคุยครับ..555+  พี่โต๋แกล้งเต๋อ่ะแม่’  พี่โต๋ผงะแล้วดึงผมเข้ามารัดผมแน่น  ทำโทษที่ผมไม่ยอมช่วยเรื่องคุยโทรศัพท์  ยิ่งผมขำพี่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น  แม่ขำตามแล้วบอกให้ผมกับพี่รีบไปกินข้าวแล้วพรุ่งนี้แม่จะโทรหาใหม่

“ครับแม่  สวัสดีครับ..พี่โต๋สวัสดีแม่เร็ว!  สวัสดีคร้าบบบบ 55555”  พี่โต๋ส่งเสียงสวัสดีประสานเสียงกับผมดังยาว  แถมยังโน้มตัวไปข้างหน้าเหมือนกำลังทำความเคารพอยู่อีกต่างหาก  ขำกลิ้งเพราะพี่กอดผมอยู่ผมก็ต้องทำความเคารพชุดรับแขกไปด้วยน่ะสิครับ  พี่แย่งโทรศัพท์ผมมากดดูเบอร์เพื่อนแล้วยื่นให้ผมดูเบอร์เพื่อนในห้องที่ชื่อ  ‘ฝ้าย’

“แฟน?”  มองหน้าจอที่มีรูปฝ้ายกับผมหน้าแนบกัน  นิ่งไปพักใหญ่เพราะผมก็ไม่รู้ว่าผมกับฝ้าย  เราเป็นแฟนกันรึเปล่า?  เราเคยนัดดูหนังด้วยกัน  2  คน  รอกินข้าวพร้อมกัน  โทรหากันทุกวัน  แต่นั่นมันเมื่อก่อนที่พ่อจะเสีย  แต่ตอนนี้..ผมแทบไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนั้นกับฝ้ายเลย  นึกไปนึกมาก็หันไปเผชิญหน้ากับพี่โต๋

“เมื่อก่อนผมเป็นแฟนฝ้าย  แต่ตอนนี้ผมว่าผมไม่ได้เป็นแล้ว  พี่ทำให้ผมไม่มีเวลาให้ฝ้าย  อีกหน่อยฝ้ายต้องมีคนอื่นชัวร์..พี่..ต้องรับผิดชอบ”  เงยหน้าสบตาสีน้ำตาลนิ่ง  ผมกำลังจะบอกให้พี่ล้างจานไปจนกว่าผมจะหาแฟนใหม่ได้  แต่พี่กลับยิ้มบางแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  รับรู้ถึงลมหายใจกลิ่นดาร์ลี่ที่อยู่ในห้องน้ำ  มองตาคู่นั้นจนผมรู้สึกอึดอัดในอก..ต้องก้มหลบซบหน้าลงกับไหล่หนา 

มัน..เหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก

“หิวรึยังเต๋?”  พี่ก้มลงถามข้างหู  ผมได้แต่พยักหน้ากับไหล่พี่  ไม่รู้เรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมด  น่าจะเพราะหิวข้าว  พี่จับไหล่ผมให้เดินนำแล้วตัวเองเดินตาม  หัวไหล่ที่พี่วางมือมันร้อนผ่าว  กะพริบตาปริบแล้วเบี่ยงหลุด  เดินหนีมานั่งจ๋องกินข้าวที่โต๊ะ  กินเสร็จก็เดินขึ้นห้องไปอาบน้ำ  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รีบอาบน้ำล้างตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ

พี่นั่งอยู่หน้าคอมเปิดดูรูปผมตอนไปเที่ยวกับเพื่อน  เจ้าตัวหันมามองผมก็ยิ้มเก้อ ๆ ให้  พี่กวักมือแล้วขยับให้ผมนั่งลงข้าง ๆ ตัว  ส่ายหน้าปฏิเสธพี่ก็กวักมือเรียกอีก  ถ้าไม่ไป..คงจะเรียกอย่างนี้ทั้งคืนแน่  เดินเข้าไปนั่งลงที่ว่างที่พี่แบ่งไว้ให้  มืออุ่นโอบไหล่ผมไว้  อีกข้างเลื่อนเม้าส์ไปที่รูปตรงหน้า  มองตามเม้าส์ที่หยุดตรงฝ้าย  ถอนหายใจแล้วเหลือบมองหน้าพี่  จ้องตอบสายตาไม่ชอบใจของพี่จนพี่ต้องหลบตาไปเอง 

“พี่ไม่อยากให้เต๋มีแฟน  เต๋ยังเด็ก”  ขมวดคิ้วแล้วถามว่าพี่มีแฟนตอนอายุเท่าไหร่?!  พี่หันมาจ้องหน้าผมแล้วบอกว่าไม่ชอบที่ผมเสียงแข็งใส่  ข่มใจไม่ให้หงุดหงิดแล้วบอกพี่ว่าจะนอนแล้ว  ลงไปปิดแก๊สที่เตาให้ด้วย  ล้มตัวลงนอนแล้วดึงเอาผ้ามาคลุมโปง  หงุดหงิด  เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด  พี่ไม่อยากให้มีแฟน  แต่ตัวเองกลับมีได้  น่าโมโห!

เสียงเปิดประตูดังขึ้น  เตียงข้างตัวผมยุบยวบก่อนจะรู้สึกเหมือนหมอนใบข้าง ๆ ถูกดึงออก  น้ำหนักข้างที่นอนหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตูห้องผม  พี่..ไปแล้ว?  ไปไหน?! 

ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่ประตู  หัวใจเต้นถี่  ความเจ็บในใจที่มีก่อตัวเพิ่มมากขึ้น  หัวใจส่งความเจ็บแล่นปราดมาถึงหัวตา  น้ำตาผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้  ในหัวคิดไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุด  ทำไมถึงไม่นอนที่ห้อง?  ไม่อยากเห็นกันขนาดนี้เลยเหรอ?!  กัดริมฝีปากจนเจ็บ  ปาดน้ำตาที่ไหลแรง ๆ แล้วกอดอกพิงหัวเตียง  คว้าหมอนมากอดแน่นแล้วจ้องผ้าห่มที่กองอยู่ตรงปลายเท้า  กัดฟันกรอดทุบหมอนที่กอดอยู่ไม่ยั้ง  หันขวับไปมองประตูที่เปิดออก  มองพี่ที่ทำหน้างงแล้วจับหมอนขว้างใส่เต็มแรง

“ไม่พอใจก็ไปเลย  อยู่คนเดียวยังดีกว่าอยู่กับคนไม่ยุติธรรม  คน  2  มาตรฐาน!”  พี่ก้มหลบหนังสือเคมีที่ปลิวหวือจากมือผมได้หวุดหวิด  ลุกขึ้นยืนแล้วปัดมือหนาที่คว้าแขน  ดิ้นหนีมือจนพี่เหวี่ยงผมลงบนเตียง  ลุกขึ้นพี่ก็โดดทับแล้วรัดแน่น  สู้แรงไม่ไหวก็ตะโกนใส่หน้า

“ไม่อยากให้มีแฟนแต่ตัวเองกลับมีได้  แอบคุยกันตรงระเบียงดึก ๆ ทุกวันอย่าคิดว่าไม่เห็นนะ!  อึก..ไม่อยากอยู่ด้วยก็ไม่ต้องอยู่!”  ปล่อยโฮแล้วทุบแขนที่กอดผมไว้แน่น  ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อน  พี่คลายแรงกอดแล้วลูบหัว  เบี่ยงหลบได้เท่าที่จะมีแรงหนี 

“ไม่ได้หนี..พี่ไปบอกพ่อให้พ่อมาช่วยพูดกับเต๋  พี่ไม่อยากให้เต๋มีแฟน เต๋ยังเด็ก  พี่อยากให้เต๋ตั้งใจเรียนก่อนก็เท่านั้น..”  จับไหล่ผมให้สบตาแล้วเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มเบา ๆ

“พี่ไม่มีแฟน  ที่เห็นน่ะ  พี่คุยกับแม่  พี่รายงานแม่ทุกวันว่าเต๋ดื้อรึเปล่า?  ดูสิ..”  มองมือถือพี่ที่โชว์เบอร์ที่โทรออก  ไล่สายตาลงมาดูเวลาที่โทรออก..เท่าเดิมทุกวัน  เม้มปากแน่นแล้วกะพริบตาถี่ ๆ มองมือถือที่พี่วางไว้บนมือผมเอง  นั่งนิ่งให้พี่กอด  พี่นอนผมก็นอน  ขยับตัวแล้วดึงหมอนข้างมากอด  พี่สอดแขนเข้ามาโอบจากด้านหลัง  ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอ

“พี่ไม่มีใคร  ไม่มีแฟน  ไม่มีเพื่อนที่สนิท  ไม่มีคนที่ดูกันอยู่..”  คนข้างหลังหยุดพูดแล้วพลิกคร่อมผมที่กอดหมอนข้างแน่น  หางตาตวัดมองหน้าพี่ชาย  ตาสีน้ำตาลมองหน้าแล้วเกลี่ยปลายนิ้วที่แก้มผมเล่น  มองรอยยิ้มของพี่แล้วความหงุดหงิดมันก็ลดลง
.
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : มนต์รักขนมครก 10/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 12-03-2015 14:24:21
.
.
“พี่มีเต๋คนเดียว  เราพี่น้อง..ต้องรักกันนะ”  นิ้วที่เกลี่ยแก้มเลื่อนขึ้นมาคลึงที่หัวคิ้วผม  แอบได้ยินพี่บ่นพึมพำว่า  ‘รักอยู่คนเดียวนี่แหละ’  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วสูบลมเข้าปาก  มองหน้าพี่แล้วยิ้มคืนให้อย่างเสียไม่ได้  ยิ่งอยู่กับพี่  ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง..อ่อนแอ

“ถ้าพี่มีแฟน  เต๋ก็จะมี  ถ้าพี่ไม่มี  เต๋ก็ไม่มี..”  พี่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ  หลับตาลงฟังเพลงกล่อมเด็กและผ่อนคลายกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบแขน  เสียงหัวใจที่เต้นซ้อนอยู่ด้านหลังดังเป็นจังหวะเดียวกันจนผมเข้าสู่นิทรา     

“โยกเยกเอย...น้ำท่วมเมฆ...กระต่ายลอยคอ...หมาหางงอ...ขี่คอโยกเยก”  ยิ้มก่อนจะหลับลึกเพราะพี่ขยันหาเพลงมาร้องกล่อมผมจริง ๆ ตื่นตอนเช้ามืดเพราะต้องรีบเตรียมน้ำเต้าหู้ไปขาย  ผมลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน  ในขณะที่พี่ยังนอนหลับอุตุอยู่ที่เดิม  ชะโงกหน้าออกมามองก็ยังนอนนิ่ง  เดินออกไปเขย่าแขนพี่ก็ลืมตาตื่นจนได้

“เต๋อาบน้ำให้เรียบร้อยเลยนะ  เดี๋ยวพี่เตรียมของข้างล่างเอง”  พยักหน้าแล้วรีบแปรงฟัน  ล้างหน้าแล้วหวีผมลวก ๆ แต่งตัวเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวลงไปข้างล่าง  พี่หยิบกระจาดถุงพลาสติกไปใส่รถ  ผมเดินไปปิดแก๊สแล้วรอให้พี่มาช่วยยกหม้อ  ขนของเสร็จก็บึ่งรถไปตลาด  ตั้งร้านยังไม่ทันจะเสร็จป้าร้านข้าวแกงก็ตะโกนสั่งน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง  5 ถุง  พี่โต๋หันไปยิ้มให้ป้าแล้วหันมายิ้มให้ผม  ยิ้มตอบแล้วเร่งมือ  เปิดร้านตอนตี  4  พอดี  ก้มหน้าก้มตาจนถึงเกือบ  6 โมงเช้า  นึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวพี่อาร์ตมาเลยรีบบอกพี่โต๋ให้ทำน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องแยกไว้ด้วย  2  ถุง  ก้มมองน้ำเต้าหู้ที่นอนก้นแล้วมองลูกค้าที่ยืนรอคิว 

“ผมพอตักได้แค่  5  ถุงครับ”  ลูกค้าที่ต่อคิวกันก็ถามไถ่คนข้างหน้าว่าสั่งกี่ถุง  ยิ้มบางให้ลูกค้าคนแรกที่รอคิว  ตักใส่ถุงให้ตามจำนวนแล้วเริ่มเก็บร้าน  พี่อาร์ตวิ่งกระหืดกระหอบมาหน้าร้าน  พี่โต๋ยิ้มแล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้

“ขอบคุณครับพี่โต๋!  น้องเต๋หวัดดีครับ  พี่นึกว่าเราจะลืมเสียอีก”  เงยหน้าขึ้นยกมือไหว้พี่อาร์ตแล้วยิ้มบาง

“ไม่ลืมครับ  ผมไม่อยากเห็นพี่เต็นท์หน้าบูดเพราะพี่อาร์ตมาซื้อไม่ทันน่ะครับ”  พี่อาร์ตยิ้มมุมปากแล้วหันมาพยักพเยิดกับพี่โต๋  เข้ากันได้เร็วมากครับ  ทั้งที่วันแรกที่เจอยังไม่ถูกชะตากันอยู่เลย 

“อมยิ้มอะไรคนเดียว..หืม?”  ส่ายหน้าตอบแล้วบอกพี่ว่าจะไปกินข้าวที่โรงเรียน  พี่พยักหน้ารับรู้แล้วบึ่งกลับบ้าน  รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วขึ้นรถ  พี่โต๋ขับมาส่งผมก่อนค่อยไปเรียน  ม.พี่โต๋อยู่จังหวัดข้าง ๆ นี่เองครับ  พี่เล่าให้ฟังว่าเช่าบ้านแชร์กันกับเพื่อน  ถ้าวันไหนมีงานก็ค้าง  แต่ถ้าไม่มีก็ขับกลับบ้านที่ปทุม  พอมาอยู่กับผมที่อยู่ใกล้กว่าปทุม  พี่โต๋ก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนผมตลอด  ช่วงนี้โรงเรียนเงียบมากครับ  ใกล้สอบเด็กก็รีบอ่านหนังสือทบทวนความรู้กันเสียส่วนใหญ่  ตามใต้ต้นไม้ก็มีพี่ ม.6  ยึดพื้นที่คุยกันเรื่องเรียนต่อมหาลัย  พี่อาร์ตกับเพื่อนโบกมือไหว ๆ ใต้ต้นหูกวางติดรั้วโรงเรียนทักทายผม  ผมยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้พี่ ๆ กลับ  เพ่งมองคนที่ชูถุงน้ำเต้าหู้ให้ผมแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ  ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อคนที่ชูถุงน้ำเต้าหู้วิ่งห้อจากใต้ต้นหูกวางมาที่ผม  อมยิ้มแล้วทำท่าจะวิ่งหนีเมื่อคนที่อุตส่าห์วิ่งมาจากอีกฟากสนามใกล้ถึงตัว

“น้องเต๋~ ถ้าหนีโดนพี่ฟัดนะ!”  หยุดกึกแล้วหันมายิ้มกว้างให้พี่ต้นเพื่อนพี่อาร์ต  ย่นคอตามแรงยีหัวเล่น  เงยหน้ายิ้มให้พี่ต้นที่ยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า

“พรุ่งนี้สั่งน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง  50  ถุง  ส่งที่บ้านพี่โมงเช้า  คิดค่าน้ำมันด้วยเลยนะครับ”  พยักหน้ารับออเดอร์แล้วยืนคุยกับพี่ต้นพักใหญ่ถึงได้รู้ว่า  เจ้าตัวได้โควต้าร์คณะสถาปัตย์ของ ม.ที่พี่โต๋อยู่  แต่พี่ต้นไม่เอา  เลือกสอบใหม่อีกที่เพราะคู่แข่งเยอะดี  ยิ้ม ๆ แล้วแยกเข้าห้องเรียนเอากระเป๋าไปเก็บ  นั่งรอเพื่อนลอกการบ้านเสร็จถึงจะไปกินข้าวที่แคนทีน  ทุกวันของผมก็เป็นแบบนี้จนตัวเองขึ้น  ม.5  ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ชายก็เหมือนเดิมครับ  ที่ไม่เหมือนเดิมคือพี่โต๋กับผม..เราสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง

“เต๋วันนี้เรากินข้าวนอกบ้านบ้างดีกว่า  พี่ขี้เกียจล้างจาน”  เบือนไปมองหน้าพี่แล้วพยักหน้ารับ  ช่วงนี้มื้อเย็นของเราฝากท้องนอกบ้านซะส่วนใหญ่ครับ  พี่โต๋เหนื่อยจากทำงานก็ไม่อยากเดินซื้อกับข้าวและเก็บล้าง  จะว่าไปแล้ว  ตั้งแต่พี่โต๋เรียนจบก็ทำงานเลย  พี่โต๋จบวิศวะครับ  จบมาก็มีบริษัทจองตัวไปทำงานด้วยเลย   ตอนนี้เราเลยต้องขายน้ำเต้าหู้เฉพาะวันหยุด  บางทีพี่โต๋ต้องคุมงานก่อสร้างไกล ๆ พี่ก็ไม่ให้ผมขายน้ำเต้าหู้ครับ  เลือกร้านได้ก็สั่งอะไรมากิน  กินเสร็จก็รีบกลับบ้านทันทีเพราะเหลือบไปเห็นเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล

“แวะซื้ออะไรไปกินดึก ๆ ไหม?  เผื่อหิว”  ผมส่ายหน้าตอบพี่ก่อนจะชี้นิ้วให้มองเมฆดำที่สุดปลายถนน  พี่มองตามนิ้วแล้วเหยียบคันเร่ง  ผมรีบฝากข้อความบอกแม่ว่าที่บ้านเราฝนกำลังจะตก  กินข้าวแล้วแล้วกำลังจะเข้าบ้าน  ไม่ต้องห่วง  พิมพ์เสร็จก็รีบกดส่งข้อความ  บอกพี่โต๋เรื่องข้อความพี่โต๋ก็พยักหน้ารับรู้  ถึงบ้านปุ๊บฝนก็เทลงมาพอดี  เดินเข้าบ้านพี่ก็ไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วตัวเองก็หอบเสื้อผ้าไปใช้ห้องน้ำพ่อแทน  อาบน้ำเสร็จผมก็รีบโดดขึ้นเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปง  หนาวม้ามสั่น  บรื๋ออออ

“เต๋อย่าเพิ่งหลับนะ  รอพี่ก่อน!”  พี่โต๋เดินเข้าห้องมาก็ปิดประตูแล้วรีบบอกผม  โผล่หน้าออกมามองพี่แล้วอมยิ้ม  ดึงผ้ามาคลุมโปงแล้วแกล้งหลับ  ไม่ถึง  5  นาทีพี่โต๋ก็ซุกตัวตามเข้ามาในผ้าห่มผม  มือเย็นเจี๊ยบที่ดึงผมเข้าไปกอดทำให้ผมรีบดีดตัวหนี

“เย็นอ่ะพี่โต๋  ไม่เอา!”  พี่โต๋ขำก๊ากแล้วสอดมือเข้ามาในเสื้อผม  เกร็งตัวดิ้นหนีขลุกขลัก  หันหลังหนีพี่โต๋ก็ล็อคไว้แน่นแล้วซุกจมูกเย็นที่หูผม

“ฮืออออ  หนาวอ่ะ  เย็นอ่ะ”  นอนเกร็งรับความเย็นจากตัวพี่โต๋  ปากสั่นไปหมด  ฟังเสียงหัวเราะชอบใจดังอยู่ข้างหู  ยิ่งผมสั่นพี่โต๋ยิ่งกดปลายจมูกที่แก้มผมเน้น ๆ เหมือนมันเขี้ยว  พักใหญ่มือพี่โต๋ก็เริ่มอุ่น  ผมนอนตะแคงเบะปากสะอึกสะอื้นรับปลายจมูกของพี่โต๋จนเจ้าตัวหยุดหอม  จับผมพลิกนอนหงายแล้วนิ่งมองตา  กัดปากล่างแล้วยังสะอื้นอยู่  พี่โต๋ยิ้มกว้างแล้วค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนทับก่อนจะกอดผมไว้ทั้งตัว

“ตลกไปไหน..หืม?”  เบะปากหนักขึ้นก่อนจะตอบเสียงเบา  ‘เปล่าตลก..โดนคนแกล้งต่างหาก  ไปเตะมันให้หน่อยดิ’  พี่โต๋ลูบหลังช้า ๆ แล้วพลิกให้ผมนอนทับตัวพี่โต๋บ้าง  เกยคางที่อกหนามองตาพี่โต๋เล่น   ยิ้มบางของพี่โต๋ส่งมาพร้อมริมฝีปากที่แตะแก้มผมเบา ๆ

“..เดี๋ยวนี้ไม่ผลักหน้าพี่แล้วเหรอ?  ตอนโดนหอมน่ะ”  ทำปากบู่แล้วกลอกตาไปมา  อมยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบพี่โต๋  เจ้าตัวหัวเราะเสียงดังแล้วกอดผมแน่น  พลิกตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดึงให้ผมนั่งตักมองสายฝนที่ไหลเป็นริ้วตรงหน้าต่าง 

“พี่ชอบฝน  มันเย็นดี”  เอนหลังพิงอกกว้างแล้วมองน้ำฝนที่พี่โต๋ชอบ  ก้มมองมือตัวเองที่กำลังถูกมือใหญ่ดึงมากุม  นิ้วมือพี่โต๋ดันเข้ามาสอดประสานช้า ๆ แล้วดึงมือผมขึ้นมาคล้องคอพี่โต๋  หันไปตามแรงดึงแล้วมองหน้าพี่โต๋ด้วยความสงสัย  พี่ยิ้มบางแล้วก้มมาหอมแก้มผมเบา ๆ ปลายจมูกเย็นหอมผิวหน้าผมเล่นก่อนจะแตะที่ปลายจมูกผมนิ่ง  ลืมตาขึ้นสบตาสีน้ำตาล

“เต๋..”  ลดสายตาลงมามองริมฝีปากที่เรียกชื่อผมก่อนจะตอบเหมือนคนละเมอ  ‘หื้ม..’  ริมฝีปากสีส้มอมชมพูของพี่เลื่อนเข้าใกล้จนผมต้องหลับตา..รับสัมผัสชื้นแตะลงที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ริมฝีปากของพี่ขยับจูบแตะไล้สลับบนล่างช้า ๆ หายใจรับเอาลมหายใจของพี่เข้าไปเต็มปอด  เอียงหน้าตามแรงบังคับของมือใหญ่ที่ท้ายทอย  ริมฝีปากเผยอรับลิ้นอุ่นที่แทรกเข้ามาตวัดชิมปลายลิ้นตัวเอง  เนิ่นนานจนเสียงฝนข้างนอกซาลงพี่ถึงได้ผละออก..

ลืมตาขึ้นมองตาสีน้ำตาลเมื่อปรับลมหายใจได้เป็นปกติ  กะพริบตาถี่แล้วกลั้นใจถามพี่เรื่อง..จูบ

“พี่น้อง..หอมกันมันก็ไม่แปลก  แต่  แต่..จูบกันได้เหรอพี่โต๋?  มัน..ไม่บาปเหรอ?”  ข่มหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นแรง  แต่ก็ทำไม่ได้  พี่โต๋ยิ้มบางแล้วเลื่อนมือที่โอบเอวผม  กระซิบตอบคำถามผมที่..ริมฝีปาก

“บาปอะไรก็ช่าง  ถ้าจะตกนรก..พี่จะรับเองคนเดียว  พี่รักเต๋..เต๋ไม่ต้องกลัวนะ”  กะพริบตาปริบกับคำตอบ  รักเหรอ?  แบบไหนล่ะ?  แบบพี่น้องเหรอ?  หรือแบบคนในครอบครัว?  ความสงสัยของผมส่งผ่านออกไปทางดวงตา

“แบบไหนก็เหมือนกัน  ยังไงมันก็คือ  ‘รัก’ ”  ในอกผมมันเบา  หัวมันโล่งเมื่อพี่บอกผมว่า  ‘ยังไงมันก็คือรัก’  เพราะความรู้สึกของผมที่ใกล้พี่มันก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน  ผมรักพี่เหมือนพี่ชาย  แต่ผมก็โหยหาอ้อมแขนแข็งแรงทุกครั้งที่อยู่ไกลกัน  นอนไม่หลับทั้งที่พี่โต๋ร้องเพลงกล่อมเด็กผ่านมือถือตอนห่างกัน   อยากให้คนคนนี้มองผมคนเดียว  สนใจผมแค่คนเดียว..

‘ยังไงมันก็คือ  รัก’  นั่นสินะ  ยิ้มบางแล้วกอดคอพี่โต๋แน่น  อ้อมกอดอบอุ่นกอดตอบผม  มืออุ่นลูบหลังแล้วร้องเพลงกล่อมเด็กกล่อมผมให้หลับใหลไปพร้อม ๆ กัน  เกือบจะเหมือนเดิม  แตกต่างจากเดิมก็ตรงจูบราตรีสวัสดิ์  เปลี่ยนจากหน้าผากพี่และแก้มผม  เป็นที่..ริมฝีปากของเราครับ

ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมของเราเริ่มควบคุมไม่ได้  พี่เริ่มหึงผมกับเพื่อน  ผมเองก็หวงพี่กับคนอื่น  การสัมผัสแตะต้องเนื้อตัวกันก็ไม่สามารถห้ามได้  จนคนรอบตัวเริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้..ไม่เว้นแม้แต่..

“พี่น้องคู่นี้รักกันมากเกินไปรึเปล่า?  อย่าให้เป็นพี่น้องท้องชนกันล่ะ  ป้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน  คนเขาจะเอามานินทาว่าหลานป้าวิปริตผิดเพศ  ไม่กลัวบาปกลัวกรรมมาเอากันเอง  พ่อก็ตาย  แม่ก็ไม่ได้อยู่เลี้ยงดู  เฮอะ!  แค่คิดป้าก็กลัวจนขนหัวลุกท่วม  อย่าเป็นแบบที่ป้าคิดนะลูก  ไอ้พวกวิปริตน่ะ”  ป้ายิ้มเหยียดก่อนจะปรายตามามองพี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า  ผมก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองข่มความโมโห  สะดุ้งเพราะพี่โอบไหล่ผมไว้แน่น  เงยหน้ามองหน้าหล่อคมของพี่ที่จ้องหน้าป้าแล้วกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น

“ผมรักน้อง  ใครจะมองยังไงผมไม่เคยสนใจ  แต่ป้า..ป้าเลี้ยงน้องมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย  กลับดูถูกดูแคลนหลานในไส้ได้อย่างไม่สนใจความรู้สึกน้อง  คนแบบนี้ต่างหาก  ที่น่า..จะกลัวบาปกลัวกรรม!”  กะพริบตามองหน้าขรึมพี่สลับกับหน้าเครียดขมึงของป้า  พี่จับไหล่ผมแน่นขึ้นแล้วพาเดินเข้าบ้าน  ปล่อยให้ป้ายืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน 

หลังจากนั้นผมกับป้าก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย  พอป้าเห็นผมป้าก็เดินหนีหรือเลี่ยงที่จะเจอ  จนวันที่ผมจบ  ม.ปลาย  พี่โต๋รับงานสร้างบ้านใหม่ให้พี่ต้นและต้องไปอยู่คุมงานที่บ้านใหม่  พี่โต๋เลยต้องพาผมไปอยู่ด้วย  ผมไม่ได้สนใจว่าบ้านพี่ต้นอยู่จังหวัดไหน  รู้แต่พี่โต๋สั่งให้ผมไปทำพาสปอร์ตทิ้งไว้  เพราะบางทีผมต้องบินตามพี่โต๋ไปคุมงานที่โน่นที่นี่บ้าง  เก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินไปหาป้าที่บ้าน  พอเจอป้าก็รีบบอกเรื่องที่ผมกับพี่โต๋คุยกันมาทั้งคืนให้ป้ารู้..

“..ผมยกบ้านและเงินประกันที่พ่อทำให้ผมกับป้าครับ  ผมกับพี่อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก  อาจจะไปอยู่บ้านแม่ที่ปทุมฯ  หลังนี้ผมก็เลยจะยกให้ป้า..นี่เอกสารทั้งหมดครับ”  ป้าหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม  น้ำตารื้นเมื่อผมกำลังจะไปอยู่ที่อื่น  เดินเข้าไปหาป้าแล้วยิ้มบางส่งเอกสารให้  ป้าส่ายหน้าไม่รับผมก็ยิ้มแล้วกอดป้าไว้แน่น  ป้ากอดตอบแล้วร้องไห้เงียบ ๆ กับไหล่ผม..

“ขอบคุณที่เลี้ยงผมมาจนโตครับ..ดูแลตัวเองด้วยนะครับป้า”  คลายแรงกอดแล้วผละออก  ไหว้ป้าที่อกแล้วยิ้มกว้างทั้งน้ำตา  วางเอกสารทิ้งไว้ที่โต๊ะแล้วเดินกลับมาที่บ้าน  พี่โต๋ยืนยิ้มกว้างอ้าแขนรับผมมากอดแน่น  มืออุ่นลูบหลังแล้วดันให้ขึ้นรถ  ขับพาออกมาจากรั้วบ้าน  หันหลังไปมองบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็กก่อนจะหันกลับมามองหนทางข้างหน้า

ก้มมองมืออุ่นที่ยื่นมาจับให้กำลังใจ  ยิ้มให้ฝ่ามือนั้นแล้วหงายมือกระชับมือพี่กลับ  เบือนหน้ามาสบตาสีน้ำตาลของคนที่พร้อมจะดูแลผมไปชั่วชีวิต..






..พี่ชายของผม..


END.


…………………………


กอดดดดดดดดดดดดค่า
คุณ nekko  เนอะคะ  การตามใจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เต้ควรทำกับลูก ส.ส. อิอิ
คุณ PURE LOVE  ตอนนี้บ้านนอก(บ้านจิ)ยังมีหนมครกขายเกลื่อนกลาดนะคะ  แต่เจ้าที่อร่อย..ไม่มีเลย  นี่คือเรื่องจริงค่ะ5555  จิมีให้อ่านตั้ง  25  คู่แถมแฟนฟิคค่ะ  ฮี่ๆๆๆๆ
Mouse2U  ยินดีต้อนรับสู่ตลาดวายค่ะ  ดีใจที่คุณอ่านแล้วสนุกนะคะ กอดๆหอมๆ ค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ  บวก ๆ ค่ะ
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ใต้เงาจันทรา 12/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-03-2015 16:10:31
อยากจะย้ายสำมะโนครัวตามไปอยู่ที่ปทุมด้วยจุงเบย :-[ รักต้องห้ามมันก๊าววววใจ~ พี่ชายอบอุ่นจังเลยค่ะ งื้อ~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ใต้เงาจันทรา 12/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 12-03-2015 20:07:04
โต๋เต๋ แค่รักและดูแลกันก็พอแล้ว :heaven

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ใต้เงาจันทรา 12/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 13-03-2015 13:55:32
บ่วงรัก



เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบด้านนอกไม่สามารถดึงความสนใจจากดวงตากลมโตของลูกพี่ลูกน้อง  มันเองก็จ้องผมกลับเขม็งเหมือนกัน  ยกมือขึ้นกอดอกจ้องตานิ่ง  ปุ๋ยถอนหายใจยาวแล้วบอกเรื่องที่มันขอร้องให้ผมช่วยอีกรอบ

“ไหน ๆ ก็ขายส่งเส้นแห้งอยู่แล้วอ่ะ  ก้านก็เปิดร้านขายบะหมี่เกี๊ยวไปด้วยสิ!  ไปขายที่ไนท์บาซาร์ข้างนอกไง  คนเยอะนะก้านแล้วก็ขายดีมากด้วย  อีร้านน้ำตกที่มีมันก็ไม่อร่อย  มันยังขายหมดแผงทุกคืน  ก้าน..ทำหมี่เกี๊ยวอร่อยจะตาย  ไม่ต้องกลัวขายไม่ได้หรอก  ปุ๋ยก็ช่วยขายด้วยไง..นะ  นะ  ปุ๋ยให้พี่โต้งเช่าแผงให้แล้วด้วยอ่ะ  ขายบะหมี่กันนะก้าน  นะ..”  มองมือเล็ก ๆ ที่เกาะแขนผมเขย่าแล้วถอนหายใจยาว  พยักหน้าส่ง ๆ แล้วดึงมือที่เกาะแขนออกช้า ๆ  แล้วลุกไปนั่งอีกโซฟา  หยิบเมนูที่ปุ๋ยอุตส่าห์ทำมาให้ดูแบบเนียน ๆ

“ก้าน!  ปุ๋ยให้แม่เตรียมหม้อชุดอุปกรณ์ทำบะหมี่เรียบร้อยแล้วนะ  แล้วทุกชิ้นก็ฆ่าเชื้อมาอย่างดีด้วย  สะอาดปลอดภัย  100%  ก้าน..เราลงทุนให้แต่ก้านต้องขายนะ  แล้วเดี๋ยวเราช่วยเสริฟ  แหะแหะ”  หรี่ตามองหน้าสวยของมันแล้วยิ้มมุมปาก  เป็นผู้หญิงแท้ ๆ กลับทำกับข้าวไม่เป็น  นึกอยู่เหมือนกันว่ามันต้องให้ผมทำทั้งหมดแน่  แล้วหวยก็ออกเหมือนที่เก็งไว้ทุกอย่าง  โบกมือไล่มันเพราะมันทำท่าจะเข้ามานั่งข้าง ๆ

“โอ้ย!  เป็นแบบนี้ตลอดเลยอ่ะก้าน  คิดว่าป๊อบแล้วจะทำไงก็ได้เหรอ?!  รังเกียจเข้าไปเถอะ  ระวังจะได้แฟนนิสัยประหลาดกว่าตัวเอง!  เจอกันวันเสาร์ย่ะ  ชิส์!”  ถอนหายใจมองตามแผ่นหลังที่เดินลงส้น  สะบัดผมจนปลิวด้วยความอึดอัด  ปุ๋ยเป็นคนขี้อ้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  แต่ผมเป็นผู้ชาย  ถึงจะเป็นญาติกัน  แต่เข้ามานั่งซบไหล่กอดแขนแบบนี้มันไม่เหมาะหรอก  การที่ผมให้เกียรติปุ๋ยแบบนี้กลายเป็นทำให้ปุ๋ยเข้าใจว่ามันคือความรังเกียจ..มันก็ดีไปอีกแบบ  เพราะอย่างน้อย  ปุ๋ยก็ไม่ถูกคนอื่นมองว่าไม่ดี   

หันมองโทรศัพท์บ้านที่ส่งเสียงดังแล้วลุกไปรับ  ทักทายปลายสายแล้วตั้งใจฟัง 

“สวัสดีครับ   ครับน้องสา  ..แล้วสาอยากทานอะไรคะ?  ได้ค่ะ   เดี๋ยวพี่ไปรับนะคะ”  ‘น้องสา’  เป็นคนที่ผมแอบปลื้มอยู่ครับ  ได้เป็นแฟนกันเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน  ผมชอบผู้หญิงผมยาว  ผิวขาวครับ  ผมยาว ๆ ดูแล้วมันน่าทนุถนอมดี   เดินขึ้นชั้นบน  อาบน้ำล้างตัวแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าออกจากตู้  แต่งตัวเสร็จก็ขับรถออกจากบ้านไปรับตามเวลานัด  รับน้องสามากินข้าวที่ห้างแถวบ้าน  ผมชอบที่น้องไม่ค่อยแต่งหน้า  ไม่หาเครื่องสำอางมาทำร้ายผิวให้ดูแก่ก่อนวัย
 
“รอนานไหมคะ?”  เดินเข้าไปหาแล้วยื่นมือไปลูบเรือนผมสวย  น้องยิ้มบางแล้วส่ายหน้าว่ารอไม่นาน  พาไปกินอะไรเสร็จก็พาไปดูหนังต่อ  ผมนั่งกุมมือเล็กของสาจนหนังจบ   แต่ก็ไม่ได้อยากทำอะไรมากกว่านั้น  สาเป็นคนที่ผมปลื้มอยู่ก่อน  แล้วน้องก็ดูใสเกินกว่าจะเจอเรื่องพวกนี้  ไปส่งที่บ้านแล้วนั่งเล่นกินลมหน้าบ้านน้องพักใหญ่ก็ขอตัวกลับ

“พี่กลับก่อนนะคะ  วันเสาร์หน้าน้องสาไปอุดหนุนพี่นะคะ  เดี๋ยวให้พี่ปุ๋ยไปรับ..ฝันดีค่ะ”  บอกน้องแล้วหันหลังกลับ  ขมวดคิ้วกับแรงดึงเสื้อแล้วหันกลับไปมอง  น้องเงยหน้ามองตาผมแล้วหลับตาลง..ผมได้แต่ยืนนิ่งกับอาการแบบนี้ของสา  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วหันมองรอบตัว  ก้มลงแตะปลายจมูกที่แก้มใสแล้วยกมือลูบผมเบา ๆ ยิ้มบางให้ใบหน้าเขินแล้วหันหลังกลับมาขึ้นรถ  ขับออกจากบ้านน้องแล้วตรงดิ่งกลับบ้าน  อาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอน  ลืมตาโพลงนึกถึงความอุ่นของแก้มใสที่สัมผัสเมื่อครู่ใหญ่  เลือดในกายพุ่งพล่านจนทนนอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้  ลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ามือถือกดออกเบอร์ที่คุ้นเคย  ปลายสายรับทันทีที่ผมกดโทรออก

“แก้ม..ผมไปหาได้ไหม?”  สวมเสื้อ  หยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถ  ขับออกจากบ้านไปหอพักรวมหลัง  ม.  โทรบอกว่ากำลังจะถึงแก้มก็บอกให้ผมเรียกใครอีกคนมาด้วย  ถอนหายใจยาวแล้วแตะเบรกเบา ๆ กดไล่หาชื่อจนเจอแล้วบอกแบบเซ็ง  ๆ

“กูจะไปหาแก้ม  แต่..มีข้อแม้ว่าต้องชวนมึงมาด้วย  กูรอหน้าหอแล้ว  ด่วน!”  รอไม่ถึง  5  นาทีก็มี  sr  สีดำมาจอดข้าง ๆ รถผม  ลดกระจกลงมองมือเรียวที่จับหมวกกันน็อคสีเดียวกับรถมอไซค์ถอดออกจากหัว  ผู้ชายผิวขาว  ตาคม   จมูกโด่งยกยิ้มให้ผมก่อนจะขี่เข้าไปจอดหน้าหอ  ขับตามเข้าไปแล้วเดินลงไปหามันที่ถูกสาวน้อยรุมล้อมอยู่

“พี่มาหาเพื่อนน่ะ  ไว้วันหลังค่อยคุยนะครับ”  ยิ้มบางก้มหัวทักทายสาวน้อยที่มันคุยด้วย  หน้าตาเชิญชวนของผู้หญิงพวกนั้นส่งกลับการทักทายของผม  ยกยิ้มมุมปากทักคนที่ผละจากผู้หญิงพวกนั้นแล้วเดินคู่มาพร้อมมันขึ้นลิฟท์ไปหาแก้ม  ไม่มีเสียงทักทายจากมัน  และไม่มีบทสนทนาอะไรจากผม  ก้าวเท้าออกจากลิฟท์แล้วเคาะประตูห้องที่มาอยู่ประจำ

ประตูเปิดออกช้า ๆ  รับผมกับมันให้เข้ามาในห้อง  มองแก้มที่มีผ้าเช็ดตัวสีขาวคาดอกยืนอยู่กลางห้อง  ผมถอดเสื้อออกแล้วเดินเข้าไปหา  หยุดยืนตรงหน้ามองผิวเนียนตั้งแต่ซอกคอ  ลาดไหล่  จนถึงเนินอกอิ่ม  มือเล็กจับมือผมให้วางบนปมผ้าขนหนู  ยิ้มมุมปากแล้วดึงปมผ้าขนหนูคลายออกช้า ๆ  หน้าอกอวบที่มีตุ่มล็กสีเข้มยั่วยวนให้ต้องยื่นมือไปสัมผัส  ไล้ปลายนิ้วลูบช้า ๆ สะกิดโดนตุ่มเล็กจนสู้มือ  แก้มครางเสียงยั่วก่อนจะขยับเข้าหาผม  ซุกปลายจมูกที่ซอกคอหอมแล้วไล่สูดกลิ่นมาจนถึงตุ่มสีเข้ม  แลบลิ้นเลียเบา ๆ จนแก้มแอ่นหน้าอกตามปลายลิ้น  เลื่อนมือบีบเฟ้นผิวนุ่มตามแรงปรารถนา  หยุดมือที่บีบก้นเพราะสัมผัสถึงน้ำเหนียวจากส่วนปลายความต้องการของคนที่เดินเข้าข้างหลังแก้ม  ชักมือกลับก่อนจะถอดกางเกงตัวเองออก  ดูดเลียยอดอก  สลับกับคลึงปลายนิ้วที่จุดอ่อนไหวของแก้มเบา ๆ คนข้างหลังจูบแผ่นหลังแล้วแย่งพื้นที่สัมผัสจุดอ่อนไหวของผม  ปล่อยให้มันดันนิ้วเข้าไปก่อนช้า ๆ แล้วค่อยดันเพิ่มเข้าไปอีกนิ้ว  แก้มครางไม่เป็นภาษาเมื่อผมกับมันดึงนิ้วเข้าออกไม่ประสานจังหวะ  จับเอนหลังนอนแล้วพรมจูบคนละด้านกับมัน ควานหาถุงยางมาสวมแล้วผลักไหล่มันออก  จ่อความต้องการเข้าไปที่ช่องทางร้อนแล้วดันเข้าไปช้า ๆ จนมิดด้าม

“อาห์..”  ครางต่ำแล้วขยับบั้นเอวช้า ๆ เน้น ๆ  มองมันเดินขึ้นมาจับหัวแก้มแล้วให้ใช้ปากช่วย  ดึงความต้องการออกเมื่อขยับไปจนใกล้ถึงสวรรค์  จับพลิกให้อยู่ท่าคุกเข่า  กำลังจะเสียบเข้าทางเดิมไอ้คนที่ให้แก้มใช้ปากมันก็มาเบียดแย่งเข้าถ้ำ  ปัดไหล่แล้วหยิบถุงยางมาปาใส่อกมัน  มองยิ้มของมันแล้วถอนหายใจยาว  ถอดถุงทิ้งแล้วให้แก้มใช้ปากช่วย  ขยับสะโพกเข้าหาริมฝีปากบางดันความยาวเข้าไปจนสุด  ลืมตาขึ้นมาสบกับคนที่ควบแก้มข้างหลังอย่างไม่ตั้งใจ 

หน้าหล่อที่มีเหงื่อเกาะพราวลามไปทั่วทั้งตัว  ดวงตาคมที่มีประกายฉ่ำเยิ้มสบตาผมก่อนจะเผยอปากเลียริมฝีปากล่างช้า ๆ ส่งเสียงครางต่ำ  หายใจไม่ทั่วท้องกับภาพที่เห็น  หัวใจสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงอย่างหนัก  จ้องตาฉ่ำจนมันหายใจหอบหน้าอกแกร่งกระเพื่อมเป็นจังหวะ  เสียงลมหายใจผมหอบหนักเพราะประกายนัยน์ตาของมัน  จับหัวแก้มแน่นแล้วโยกสะโพกเข้าออกอย่างเร็ว  ก่อนจะปลดปล่อยใส่คอแก้มจนเจ้าตัวสำลัก  ดันเข้าไปให้ลึกที่สุดแล้วกระตุกถี่จนหมดลำกล้อง  ถอนออกช้า ๆ แล้วหยิบทิชชูส่งให้แก้ม  ผละออกมาให้แก้มรับความสุขจากความใหญ่ของมันแล้วหันหลังเข้าห้องน้ำ  จับลูกบิดประตูแล้วดึงปิด  ก่อนจะปิดก็เหลือบมองกิจกรรมบนเตียงที่มีเสียงครางจากแก้มไม่ขาดปาก  สบตาคมที่หันมองผมเพียงเสี้ยวแล้วดึงประตูห้องน้ำปิด 

ยืนล้างตัวผ่านน้ำเย็นจากฝักบัว  บีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือล้างทำความสะอาดน้องชายเบา ๆ ความลื่นของครีมอาบน้ำทำให้เกิดความรู้สึกอยากขึ้นมาอีกครั้ง  หลับตานิ่งล้างสบู่ออกเบามือ  เดินโทง ๆ ออกไปสวมถุงยาง  ไม่สบตาคนที่ยืนรอห้องน้ำ  จับแก้มที่นอนแผ่หราบนเตียงมารับความต้องการที่คุขึ้นมาอีกครั้ง  แก้มหายใจหอบหนักแล้วจิกเล็บลงที่แขนผมเป็นทาง  ช่องทางเล็กบีบรัดแน่น  กระแทกไม่กี่ครั้งผมก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาเป็นรอบที่  2  หอบหนักแล้วปล่อยให้แก้มนอนพัก  ดึงถุงยางออกมารวมกับถุงครั้งแรกแล้วพันกระดาษทิชชูใส่กระเป๋ากางเกง   ผมไม่เคยทิ้งขยะแบบนี้ไว้ที่ห้องใคร  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปที่ระเบียง  มองแผ่นหลังกว้างที่มีควันสีขาวจาง ๆ ลอยอยู่แล้วเอ่ยปากบอก

“..วางเงินไว้ที่เดิมนะ..ขอตัวก่อน”  มันยกมือส่งผมเหมือนทุกครั้ง  เบือนหน้ามองเงินในกระเป๋าแล้วหยิบออกมา  2  พัน  เดินไปวางเงินไว้ที่หน้าทีวี  หันไปยิ้มบงให้แก้มแล้วเปิดประตูห้องเดินออกไปที่รถ  ขับมาตามถนนที่ไม่มีรถวิ่งพลุกพล่านเหมือนขามาเพราะเวลาแบบนี้มันเป็นเวลาพักผ่อน  มองกระจกหลังที่มีแสงไฟสว่างไล่ตามมา  ชะลอความเร็วลงให้รถคันนั้นแซงไปเพราะผมตั้งใจจะขับกินลมไม่รีบร้อน  หางตาเหลือบมอง  sr  สีดำคันเดิมขี่ตีคู่ขึ้นมา  มองตรงไปที่ถนนไม่หันไปมองให้เสียเชิง  จนมันขี่แซงเลี้ยวไปอีกทางถึงได้มองส่งจนไม่เห็นไฟท้ายรถ

ถอนหายใจยาวกับความสัมพันธ์แบบไม่ธรรมดาของผมกับคนอีก  2  คน  แก้มไม่ใช่แฟน  แต่เป็นคนที่ผมกับมันจีบแข่งกันที่ผับแห่งหนึ่ง  จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันในคืนนั้นกับคน  2  คนบ้าง  รู้แต่ว่า..มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ไม่ผูกมัด  แต่ต้องรักกันพร้อม ๆ กันเท่านั้น  ยกยิ้มให้กับระยะเวลาที่เนิ่นนานเกือบจะครบปี 

ผมอยู่กับความต่ำทรามที่สังคมรังเกียจ  แต่ตัวเองกลับ..ไม่ผลักไสความชั่วนั้นไปให้พ้นตัว  แค่นหัวเราะสมเพชตัวเองที่จมอยู่ในบ่วงกามอย่างลุ่มหลงมัวเมา  หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อนึกถึงภาพดวงตาคมยามถึงจุดกระสัน  ผมไม่เคยนึกอยากมีอะไรกับผู้ชาย.. 

แต่..ผมเองก็ไม่รู้ว่า  ความสัมพันธ์แบบคน  3  คนที่ทำอยู่นี้  มันจะหักเหให้ผมมาชอบผู้ชายได้รึเปล่า  เพราะพักหลัง..ผมเริ่มจะมีภาพหน้าขาว  กล้ามหน้าท้องขึ้นเป็นลูก  กับดวงตาคมโผล่ขึ้นมาในหัวอย่างห้ามไม่ได้บ่อย ๆ และเมื่อครู่ก่อนผมจะถึงจุดปลดปล่อย..         

แว่บหนึ่งผมคิดว่าริมฝีปากที่ครอบครองความยาวของผมเป็น..มัน





‘ติ’



.......................................


กลับมาถึงบ้านก็ล้มตัวนอนคว่ำหน้าระบายความอึดอัดในอก  รู้สึกผิดที่ไม่ยอมถอนตัวออกมาจากหลุมเซ็กส์ที่รู้อยู่เต็มอกว่าก้นหลุมคือหุบเหวลึกที่พร้อมจะดึงเราให้จมดิ่ง..ก้นหลุมที่ไม่มีแม้อากาศจะหายใจ  ถอนหายใจยาวแล้วพลิกตัวนอนหงาย  ลืมตาขึ้นช้า ๆ ไล่ภาพดวงตาคมกับเสียงครางต่ำของติ  เหม่อมองเพดานห้องนานจนร่างกายปิดสวิตช์เพราะความเหนื่อย..หลับพร้อมมโนสำนึกสุดท้ายที่โผล่ผุดขึ้นมาในห้วงฝัน

กอดก่ายกับร่างกายเปล่าเปลือยของคนคนนั้น  สัมผัสความอุ่นของกายเนื้อด้วยความอ่อนโยน  ขยับเนิบนาบเชื่องช้ารับจังหวะกันไม่เร่งร้อน  อีกครั้ง  และอีกครั้ง..จนหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน

เป็นได้แค่ฝัน..เท่านั้น..

..............................

ลืมตาตื่นรับเช้าวันใหม่ด้วยความขุ่นมัว  พ่นลมหายใจทิ้งกับคราบเหนียวเหนอะหนะที่เป้ากางเกง  ถอดแล้วโยนใส่ตะกร้า  เดินโทง ๆ เข้าห้องน้ำ  ส่องกระจกเพ่งมองนัยน์ตาสีน้ำตาลของตัวเองนิ่ง  ยกยิ้มขื่นเมื่อเห็นแต่ความโสมมอยู่ในนั้นเต็มไปหมด  หันหลังหนีกระจกแล้วอาบน้ำล้างตัว  นิ่วหน้าแล้วก้มมองแขนทั้ง  2  ข้าง  รอยข่วนของแก้มยาวตั้งแต่หัวไหล่จนถึงศอก  ตรงศอกเป็นแผลลึกกว่าที่อื่นเพราะแก้มจิกเล็บเต็มแรง  เช็ดตัวแล้วเดินออกมาหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีอ่อนกับยีนสีเข้ม  แต่งตัวเสร็จก็กดโทรศัพท์หาปุ๋ย  ขับรถไปหาที่บ้านดูอุปกรณ์ที่ปุ๋ยหาไว้   กดโทรศัพท์บอกเมื่อเลี้ยวรถเข้าซอยบ้านปุ๋ย  จอดรถรอหน้าบ้าน  ไม่นานนักเจ้าตัวก็เดินออกมาเปิดรั้วให้    ลงจากรถแล้วยกมือไหว้ป้าที่อุตส่าห์ออกมารับถึงรถ

“ไหว้พระเถอะก้าน  ป้าไม่เจอหนูไม่กี่วัน  หล่อขึ้นนะลูก”  ยิ้มรับคำชมแล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมป้า  ดูอุปกรณ์ที่ปุ๋ยหามาให้แล้วหันไปสั่งให้ดูชามที่จะใส่หมี่เกี๊ยว  ตะเกียบ  ช้อนให้เรียบร้อย  ก่อนกลับก็นัดกับป้าไปเดินหาซื้อของสดที่ตลาดด้วยกัน

“ก้านกลับนะครับป้า  มะรืนนี้ก้านมารับตอนบ่ายนะครับ  สวัสดีครับ”  เดินออกจากบ้านแล้วขับรถออกไปที่โรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยวกับแผ่นเกี๊ยวของที่บ้าน  บ้านผมทำเส้นก๋วยเตี๋ยว  แผ่นเกี๊ยว  ลูกชิ้นหมู  ลูกชิ้นปลา  ส่งตามแผงในตลาดสดหลายที่ 

“มะรืนเอาของที่สั่งไปส่งที่ตลาดใหญ่ตอนบ่าย  2  ถึงตลาดแล้วโทรบอกด้วย”  สั่งคนส่งของเสร็จก็เดินเข้าไปหาพ่อในห้องทำงานที่ต้องเดินผ่านห้องเก็บเส้นก๋วยเตี๋ยว  น่าจะเรียกโกดังมากกว่า  ก้มหัวทักทายเด็กคนงานที่ยกมือไหว้  เด็กพวกนี้ขยันมาก  ปิดเทอมก็มาของานที่โรงงานทำ  ถึงจำนวนเงินไม่มากแต่ก็เป็นงานที่สุจริต  ส่วนมากก็เป็นลูกคนงานที่นี่ทั้งนั้น  เคาะประตูห้องแล้วรอให้พ่ออนุญาตให้เข้าถึงจะเปิดเข้าไป  เบี่ยงตัวให้เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับผมเดินออกจากห้องทำงานพ่อ  เหลือบมองพ่อแล้วเดินเข้าบอกเรื่องขายก๋วยเตี๋ยวที่ไนท์บาร์ซา

“ป้ามึงโทรบอกพ่อแล้ว  โต๊ะเก้าอี้มีรึยัง?  พ่อจะให้เด็กมันขนไปให้ตอนเอาเส้นไปส่งนะ”  พยักหน้ารับคำแล้วนั่งเงียบ  ผมกับพ่อไม่สนิทกัน แม่กับพ่อเลิกกันตอนผมอายุได้  10  ขวบ  เลิกกันเพราะทนความเจ้าชู้ของพ่อไม่ไหว  ขนข้าวขนของหนีมาอยู่ที่อื่น  แน่นอนว่าพ่อไม่เคยไปตามให้กลับมา  พ่อเป็นคนเจ้าชู้  แต่ในความเจ้าชู้..พ่อก็ยังมีความรับผิดชอบแฝงอยู่ด้วย  ความรับผิดชอบของพ่อก็คือการส่งเงินมาเลี้ยงดูปูเสื่อบรรดาเมียอย่างเท่าเทียมกัน  ใครที่มีลูกก็ให้มากหน่อย  ใครที่ไม่มีก็ได้น้อยหน่อย 

ผมเป็นลูกคนที่  3  ของพ่อ  แต่ผมกลับเป็นลูกรัก  นั่นเพราะเป็นลูกชายคนแรกที่พ่อมี  แต่ด้วยทิฐิของแม่และความเจ้าชู้บวกกับแบ่งเวลาไม่ถูกของพ่อ  ทำให้ผมกับพ่อไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาแบบพ่อลูกเหมือนครอบครัวอื่น  นาน ๆ ครั้งพ่อจะมาหาทีหนึ่ง  มาทีก็ทะเลาะกับแม่  อยู่ได้แป๊บเดียวก็กลับ  หึ..ผมจำหน้าในหลวงท่านที่พ่อส่งมาให้ทุกเดือนได้มากกว่าหน้าพ่อแท้ ๆ ด้วยซ้ำไป  นั่งนิ่งให้พ่อมองหน้า..หน้าที่เหมือนแม่มากกว่าตัวเอง  นานจนถึงเย็นก็ขอตัวกลับ   

“ผมกลับนะครับ  สวัสดีครับ”   ยกมือไหว้แล้วลุกออกจากโต๊ะ  พ่อลุกตามมาจับข้อมือแล้วยัดเช็คเงินสดใส่มือผม  ไม่ทันได้คืนเหมือนที่เคยทำ  พ่อก็ดันหลังให้ออกจากห้องทำงาน  ทันทีที่พ้นประตูพ่อก็ปิดทันที  เสียงทุ้มดังไล่หลังว่าเงินที่ให้เป็นเงินขวัญถุงวันเกิดผม  ยิ้มบางกับเช็คในมือ  ผมไม่รู้สึกดีใจกับตัวเลข  5  หลักที่อยู่บนเช็ค  แต่ดีใจที่..อย่างน้อยพ่อก็ไม่ลืมว่าอีก  2  วันเป็นวันที่ผมลืมตาดูโลก  ตะโกนผ่านประตูห้องทำงานเสียงดัง

“ขอบคุณครับ..พ่อ”  ไม่มีเสียงจากด้านในห้อง แต่ผมก็เชื่อว่าพ่อต้องยิ้มอยู่  เดินหน้าเปื้อนยิ้มออกจากห้องพ่อมาขึ้นรถ  ขับออกจากโรงงาน  วันเกิดปีนี้ผมฉลองคนเดียวเหมือนทุกปี  ตอนเกิด..ผมมาคนเดียว  เพราะฉะนั้น  ผมก็ควรจะอยู่คนเดียวเหมือนกัน  แต่ปีนี้  ก่อนจะฉลองให้ตัวเองก็ต้องผ่านความอึกทึกนิดหน่อย  เพราะมันตรงกับวันขายก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดวันแรก  กลับถึงบ้านก็เดินขึ้นไปอาบน้ำ  ลงมาอีกรอบแล้วกดโทรหาน้องสา


“พี่ไปหานะคะ  ทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วพี่กลับมาส่งที่บ้าน  ไม่เกินทุ่มค่ะ..”   ผมไม่เคยอึดอัดกับเคอร์ฟิวที่บ้านน้อง  ดีเสียอีก  ผมจะได้ไม่ชิงสุกก่อนห่ามกับน้อง  รอเวลาที่มันสุกเต็มที่แล้วค่อย ๆ เลาะเล็มชิมทีละนิด  ผมคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก  ไปถึงบ้านก็สวัสดีพ่อแม่น้อง  ขอพาออกมาทานข้าวเย็นแล้วจะพากลับตามเวลา   ขับออกมาจนเกือบจะถึงร้านก็สังเกตถึงความผิดปกติ  เหลือบมองรอยยิ้มหวานที่ยิ้มน้อย ๆ ให้ผม  ยิ้มบางตอบแล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก

“มีอะไรรึเปล่าคะ?  ถึงได้ยิ้มให้พี่แบบนี้..”  เอ่ยปากถาม  แต่พอฟังคำตอบแล้วหัวใจผมเต้นผิดจังหวะทันที  ‘พี่ก้านใส่เสื้อที่น้องสาซื้อให้ไงคะ’  ถ้าผมความจำดีกว่านี้  ผมจะเลือกตัวอื่นมาใส่ปิดรอยข่วนที่แขน  ทานข้าวเสร็จก็พาไปส่งที่บ้านแล้วขอตัวกลับบ้านทันที  ไม่อ้อยอิ่งนั่งกินลมเหมือนเคย

“วันนี้รีบกลับเหรอคะ?  น้องสาทำสาคูไส้หมูไว้เยอะเลยค่ะ  พี่ก้าน..ไม่อยู่ทานเหรอคะ?”  ยิ้มบางแล้วส่ายหน้าตอบน้อง  ลูบผมเบา ๆ แล้วหันหลังเดินตรงมาที่รถ   ขับออกมาจากบ้านแล้วเหยียบมิด  รอยแผลที่แขนร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงหน้าใสไม่มีเครื่องสำอางที่ยิ้มหวานให้ผม  ความผิดแล่นเข้าทำร้ายจนหัวใจปวดหนึบ  บางที..ผมควรจะหักดิบความสุขชั่วข้ามคืนที่ทิ้งผลร้ายให้ผมในระยะยาว  หันหลังให้ความสัมพันธ์แบบเรา  3  คนบนเตียงเดียวกันสักที

กดหารายชื่อแก้มจากรายชื่อที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์แล้วกดลบอย่างไม่ลังเล  ชื่อถัดมาที่จะต้องลบ..นิ้วมันกลับบังคับได้ยากเย็น  หายใจถี่กับชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ  หลับตาลงช้า  ๆ  นิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวดจากในอก  แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอ  ผมก็ทนแทบไม่ไหว  ระบายลมหายใจที่หนักอึ้งออกช้า ๆ แล้วสอดมือถือไว้ใต้หมอน  เดินออกไปรับลมที่ระเบียง  เหม่อมองดาวทอแสงแสงระยับบนท้องฟ้า  ความเงียบของค่ำคืนและความงามจากท้องฟ้าทำให้ใจผมเริ่มสงบ

เดินกลับเข้าห้องแล้วหยิบมือถืออกมาจากใต้หมอน  ย้ายชื่อทุกคนมาที่ตัวเครื่องแล้วลบชื่อมันออก  โยนซิมเดิมทิ้ง  พรุ่งนี้คอยออกไปหาซิมใหม่ใส่แทน  นับตั้งแต่วันนี้..ผมควรจะมีความสุขได้จริง ๆ เสียที  ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปพร้อมความฝันเดิมของเมื่อคืนวาน  ถึงผมจะลบชื่อมันออกจากการติดต่อ  แต่ในหัวผม..กลับมีมันชัดเจนจนน่าใจหาย..หลับไปพร้อมกับความคิดถึงที่ก่อตัวในใจ  รับความจริงที่ไม่มีวันหนีพ้น

ผมลืมมันไม่ได้..

ลืมตาตื่นรับวันใหม่  นอนเฉยตั้งแต่  8  โมงจนถึง  10  โมง  ไม่มีอารมณ์หาของใส่บาตรวันเกิด  ไม่อยากลุกจากที่นอน  ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น  ถอนหายใจยาวกับเสียงโทรศัพท์บ้านที่แผดลั่น  ลุกมารับโทรศัพท์แล้วบอกปุ๋ยเสียงเบาว่าเดี๋ยวจะออกไปรับป้าที่บ้านเอง  วางหูแล้วถอนหายใจยาวทิ้งอีกหลายครั้ง  อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปหาอะไรกินใน  7-11  หน้าปากซอย  ไม่ลืมซื้อซิมมาใส่มือถือ  ใส่เสร็จก็เปิดเครื่อง  กดโทรหาพ่อแล้วบอกให้เมมเบอร์นี้ไว้  วางหูแล้วกดหาคนรู้จักอีกหลายคน  จนถึงเบอร์สุดท้าย  หลับตาลงช้า ๆ กดความผิดที่เอาแต่ฝันถึงคนอื่นแทนที่จะเป็นคนคนนี้..แล้วกดโทรออก..

“น้องสา..พี่เองค่ะ  เบอร์เดิมวันหมดค่ะ  พี่เลยเปลี่ยนซิมใหม่ที่วันใช้งานนานกว่าเดิม  วันนี้พี่ไม่ไปหานะคะ  พี่ต้องขายก๋วยเตี๋ยวช่วยพี่ปุ๋ยค่ะ  เย็น ๆ พี่ให้พี่ปุ๋ยไปรับนะคะ..”  ภายใต้เปลือกตาที่หลับสนิทของผม  ในมโนสำนึกเก็บทุกรายละเอียดของเสียงสดใสที่ได้ยินให้ซึมเข้ามาในใจ    พยายามให้น้องสาเข้ามาอยู่ข้างในก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายให้เต็มเหมือนเดิม    รู้ทั้งรู้  ว่าในอกผมตอนนี้มันไม่เหลือน้องสาอยู่อีกแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงทู่ซี้ดันทุรังดึงดันจะยังทำตัวเหมือนเดิมกับน้องสา  คิดง่าย ๆ ว่าพอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแต่น้องสา  เดี๋ยวก็ลืมติได้  หอมแก้มใสได้อย่างสนิทใจ  ไม่นึกถึงหน้าใครตอนกอดน้องสา  ทั้งที่เรื่องจริง..มันไม่ง่ายเหมือนที่หลอกตัวเองอยู่ในตอนนี้..

ผมมัน..เลว! 

วางหูแล้วยืนนิ่งมองโทรศัพท์ในมือ  กลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่ตรงคอหอย  นิ่วหน้ากับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง  สูดลมเข้าปอดแล้วพ่นออกมาแรง ๆ บอกตัวเองให้หยุดคิด  ถ้าจะเกิดอะไร..ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป!  เดินไปขึ้นรถแล้วขับไปรับป้ากับปุ๋ยที่บ้าน  ซื้อของสดที่ตลาดเสร็จก็กลับมาเตรียมของที่บ้านปุ๋ย  หั่นผัก  ตั้งหม้อทำน้ำซุป  เตรียมเครื่องปรุง  ป้ากับลุงจะเป็นคนไปเตรียมร้านให้  ส่วนผมกับปุ๋ยค่อยตามไปทีหลัง  ขอตัวกลับมาอาบน้ำที่บ้านแล้วดูแผลที่แขน  ถอนหายใจยาวกับสะเก็ดสีน้ำตาลเป็นทางยาว   หยิบเสื้อโปโลแขนยาวมาสวมแล้วลองดึงแขนเสื้อขึ้นจนเกือบถึงศอก   เบี่ยงซ้ายขวามองกระจกดูความเรียบร้อยว่ายังไงก็ไม่เห็นแผลแน่แล้วเดินออกจากบ้าน  ขับรถไปรับปุ๋ยที่บ้านตรงไปที่ตลาด  ถึงตลาดตอน  5  โมงเย็น  ยื่นกุญแจให้แล้วบอกให้ปุ๋ยไปรับน้องสาที่บ้าน

“ไปรับน้องสาที่บ้านให้ที  ผมต้องเตรียมของ  แล้วรบกวนพาไปส่งที่บ้านตอนทุ่มตรงด้วย..วานหน่อย”  ปุ๋ยมองหน้าผมแล้วยิ้มสะใจที่ผมต้องง้อมัน  เข้าใจความรู้สึก..เพราะหน้าธรรมดาของผมมันดูหยิ่งมาก  การขอร้องหรือไหว้วานใครของผมมันคงทำให้สาแก่ใจมากพอสมควร  ปุ๋ยรับกุญแจไปแล้วผมก็หันหลังมาดูหม้อน้ำซุป  คนแล้วตักดุว่ากระดูกหมูเปื่อยแค่ไหนแล้ว  เครื่องเทศที่ใช้ก็ห่อผ้าขาวต้มไปด้วย  ไม่มีอะไรมาก  นอกจากพริกไทยเม็ดกับกระเทียมสดโขลกหยาบ ๆ  ก้มลงหรี่ไฟในเตาแล้วปล่อยให้มันเดือดพล่านไปเรื่อย ๆ รับโทรศัพท์คนงานที่มาส่งเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้วให้ขนโต๊ะเก้าอี้มาตั้งข้างหลังร้าน  ยิ้มบางกับโต๊ะเก้าอี้ไม้อย่างดีที่พ่ออุตส่าห์ให้เอามาส่งที่ร้าน

“โห..เอางี้เลยอ่ะน้าสิงห์”  ยิ้มให้ปุ๋ยทีมองโต๊ะเก้าอี้ไม้ในมือคนงาน  ตั้งร้านเรียบร้อยก็ถามมันว่าขายยังไง  ปวดหัวกับราคาหมี่เกี๊ยวของมันมาก  หมี่ไม่ใส่เกี๊ยวชามละ  25  เกี๊ยวอย่างเดียว  25    ถ้าใส่เกี๊ยวในบะหมี่ชามละ 30  พิเศษทุกอย่างก็  30  ตัดปัญหาให้มันเป็นคนเสิร์ฟแล้วคิดเงินด้วยเลย  หันไปสั่งเด็กยกโต๊ะคนงานพ่อ  2  คนให้อยู่ช่วยก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ใต้เงาจันทรา 12/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 13-03-2015 14:01:59
“2  คนน่ะอยู่ก่อน  เรานั่นล่ะ  อยู่ดึกได้แค่ไหน?”  เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนงานพ่อมองหน้ากันเหรอหรา  ตอบผมเสียงเบาว่าอยู่ได้ถึง  4  ทุ่ม  พยักหน้ารับแล้วบอกทั้งคู่..

“อยู่ช่วยพี่ปุ๋ยเสิร์ฟกับเก็บโต๊ะ  ไม่ต้องล้างเพราะมีคนล้างแล้ว  เดี๋ยวให้เงินเพิ่มแล้วขากลับก็จะให้พี่ปุ๋ยไปส่งที่บ้าน”  ปุ๋ยตาโตมองผมแล้วยิ้มบางให้  2  หนุ่ม  หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วส่งผ้ากันเปื้อนที่เหมือนกันให้เด็ก  2  คนกับปุ๋ยใส่  จะได้ดูเป็นทีมเดียวกัน  เหลือบมองคนที่เริ่มเดินเข้ามาในไนท์บาร์ซาแล้วหยิบของมาเตรียม  ยิ้มบางให้ลูกค้ารายแรกที่เดินหลงเข้ามาในร้าน  ยืนทำบะหมี่เกี๊ยว  2  ชามแล้วหันไปสั่งเด็กคนงาน  2  คนให้เอาช้อนลวกน้ำร้อนก่อนจะเสิร์ฟด้วย  มันจะอร่อยอย่างเดียวไม่ได้  ต้องสะอาดด้วย  ไม่นานนักโต๊ะในร้านก็ถูกนั่งจนเต็มทุกโต๊ะ 

“ก้าน..ปุ๋ยไปรับน้องสานะ  เดี๋ยวมา”  สะอึกกับชื่อน้องสา  หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้ารับ  กัดกรามแล้วง่วนกับออเดอร์ที่ไหลเข้ามาเรื่อย ๆ  ทำก๋วยเตี๋ยวเพลินเพราะคนเข้ามานั่งในร้านเยอะมาก  เงยหน้ายิ้มให้ลูกค้าสาว ๆ  ที่มายืนรอก๋วยเตี๋ยวใส่ถุงกลับบ้านอยู่หน้าร้าน  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน  รู้อีกที..น้องสาก็มายืนช่วยผมเรียงชามรอเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้าง ๆ แล้ว

“ไปเดินดูของที่ไนท์ก็ได้นะคะ  อยู่ตรงนี้ร้อนแล้วก็วุ่นวายด้วย”  น้องสาส่ายหน้าแล้วเข้ามายืนใกล้ ๆ เอาหัวพิงไหล่ผมเบา ๆ ในอกชาไปหมด  ฝืนยิ้มบางให้น้องที่เงยหน้ามอง  ก้มหอมกระหม่อมบาง  ทำใจมีความสุขกับความจริงที่ผมเลือกแล้ว  น้องสาช่วยหยิบชามมาวางเรียง  ตักผักกับกระเทียมเจียวโรยหน้าก่อนจะปล่อยให้เด็กคนงานยกไปเสิร์ฟ  ยิ้มให้ความน่ารักของน้องสาที่คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ความร้อนหน้าเตาทำให้ต้องดึงแขนเสื้อขึ้นระบายความร้อนในร่างกายออก  หันไปบอกปุ๋ยให้เด็กยกน้ำซุปมาใส่หม้อ

“ปุ๋ยให้น้องมันยกน้ำซุปมาเทหน่อย  ใกล้หมด..”  สั่งไม่ทันจบก็ถูกภาพที่เห็นดูดคำพูดไปจนหมด  คนที่ผมพยายามตัดออกจากวงจรความสัมพันธ์เลวร้ายยืนมองผมอยู่เยื้องหม้อก๋วยเตี๋ยวไม่ไกล  กลืนน้ำลายเหนียวกับสายตาที่มองผมนิ่ง  ถอนหายใจกับคำถามข้างหูจากปุ๋ย

“ใครอ่ะก้าน  โคตรเท่อ่ะ  หล่อแบบแบดบอยอ่ะ  เพื่อนเหรอ?  เข้ามานั่งก่อนสิคะ”  ก้มไปมองหน้าระริกของปุ๋ย..ไม่อยากเชื่อว่ามันจะกล้าเอ่ยปากชวนคนแปลกหน้าเข้ามานั่งในร้านหน้าตาเฉย  ตาค้างกับแผ่นหลังของคนที่อยู่ในฝันมา  2  คืนติดที่เดินดุ่มเข้าไปนั่งในร้านตามคำชวน  ผมไม่อยากให้ปุ๋ยกลายเป็นของเล่นของติ  พอ ๆ กับความกลัว  ถ้าผมยังมีน้องสายืนอยู่ข้าง ๆ  ..สิ่งที่ผมกับมันทำด้วยกัน  ก็ไม่ควรให้น้องสารู้  ผมต้องบอกให้ติหายไปจากชีวิตผม  ข่มใจให้ไม่รู้สึกอะไรกับดวงตาคมของติ  สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินเข้าไปหาติที่นั่งโต๊ะข้างในสุด  หันไปจ้องปุ๋ยที่เดินตามมาติด ๆ จนปุ๋ยต้องยิ้มแหยกลับไปยืนหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยว

หันกลับไปเผชิญหน้ากับดวงตาคมที่มองผมอยู่   รอยยิ้มน้อย ๆ จุดที่มุมปากติแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว  คำพูดทักทายที่ไม่ค่อยได้ยินจากปากติถามผมด้วยน้ำเสียงสงสัย 

“ทำไมติดต่อไม่ได้?  เปลี่ยนเบอร์หนีผม?..”  ยืนนิ่งมองตาคมกริบ  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น  เบือนหน้าหลบตาจับผิดของมันแล้วถอนหายใจยาว  เรื่องหลบหลีกสำหรับผมมันง่ายนิดเดียว  แค่ทำเฉยไม่ตอบคำถามแล้วบอกให้กลับไป  หรือบอกให้อีกฝ่ายหายไปจากชีวิตของกันและกันเพราะผมเลือกทางเดินสะอาดสำหรับชีวิตผมแล้ว  ผมควรจะเด็ดขาด  แต่พอสบตาคู่นั้น  ผมกลับ..พูด..ไม่ออก

“เอาเบอร์ใหม่มา..”  ก้มมองมือหยาบที่ยื่นขอเบอร์ล่าสุดของตัวเอง  หนักในอกเพราะรู้ดีว่าทำไมตัวเองถึงเปลี่ยนเบอร์  ถ้ายอมให้ไป..ความผิดซ้ำซากก็จะกลับมาอีก  เงยหน้าสบตาคมแล้วส่ายหน้ากลับไป  อ้าปากตั้งใจจะบอกเรื่องที่คิดว่าจะเลิกก็โดนอีกฝ่ายทะลุกลางปล้องขึ้นมาซะก่อน 

“ไม่ได้จะเอาไว้โทรเรื่องนั้น  เปลี่ยนเบอร์เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?  เพราะ..คนนั้น..ใช่ไหม?”  ดวงตาคมเลื่อนไปมองจุดอื่นที่ไม่ใช่ผม  ไม่สนใจว่ามันหมายถึงใคร?  ไม่ใส่ใจว่าหมายถึงสาหรือคนอื่น  ในอกข้างซ้ายผมมันเต้นแปลก ๆ มันรู้ว่าผมเปลี่ยนเบอร์เพราะอะไร  แต่มันก็ยังอยากติดต่อผม ยัง..อยากอยู่ในสังคมของผม  ก้มมองมือสากที่ยังคงรอเบอร์ใหม่จากผม  ล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมาส่งให้มัน

“เมมเบอร์ติให้ผมด้วย”  ดวงตาคมมองโทรศัพท์ผมที่วางลงในมือ  รอยยิ้มบางประดับหน้าทำให้ผมต้องยิ้มตาม  ไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้จากมันแม้แต่ครั้งเดียว  มองตามปลายนิ้วที่กดลงบนโทรศัพท์ผม  ไล่สายตาขึ้นมามองแขนแกร่งจนถึงขนตาเป็นแพ

“..เลิกกี่โมง?  หาเพื่อนกินเหล้าน่ะ”  สบตาคมหลังจากรับมือถือตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงแล้ว  มองค้นในตาคู่นั้น  เจ้าตัวก็ปล่อยให้ผมมองจนพอใจไม่หลบตา  ยิ้มบางแล้วบอกติว่าจะโทรบอก  ติยิ้มแล้วเบือนหน้าไปก้มหัวลาปุ๋ยกับน้องสาที่มองอยู่  มองตามแผ่นหลังกว้างจนลับตาก่อนจะเดินกลับมาเข้าที่  ไม่ตอบคำถามเซ้าซี้ของปุ๋ยและหลบตาน้องสา  เพราะรู้เต็มอก  ใจผมมันกำลังถูกคนที่เพิ่งเดินออกไปรุกเข้ามาทีละนิดจนเต็มดวงแล้ว  ความเงียบกับการจ้องของสาทำให้ผมอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ   แผลรอยเล็ก ๆ ที่แขนร้อนวาบเมื่อน้องสายื่นมือมาแตะผ่านเสื้อ  กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อเห็นว่าน้องสาดึงแขนเสื้อผมลง..ปิดรอยข่วนให้  ไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าน้องสา  หัวใจเต้นถี่ดังกลบเสียงสั่งบะหมี่เกี๊ยวของลูกค้า  จนน้องสาบอกผมเสียงเบาว่าต้องกลับบ้านแล้วถึงได้ยอมหันกลับมาสบตา

“พี่ขอโทษที่ไปส่งไม่ได้..กลับดี ๆ นะครับ”  น้องสามองตาผมนิ่งแทนคำพูดทั้งหมด  รอยข่วนที่แขนจนต้องใส่เสื้อแขนยาวปิด  เปลี่ยนเบอร์กะทันหัน  อาการของผม..มันฟ้องทุกอย่าง   ทนสายตาตัดพ้อไม่ไหว..เบือนหน้าหนียิ้มขื่นของน้องสา 

“พี่ก้านมีอะไรจะบอกสารึเปล่าคะ?  มีอะไรที่สายังไม่รู้รึเปล่า?  พี่ก้าน..”  กลืนก้อนแข็งลงคอแล้วหลับตารับผลที่ตัวเองทำ  หันกลับมายิ้มอ่อนโยนให้น้องสา 

“ไม่มีครับ..พี่ขอโทษ”  ก้มหัวขอโทษน้องสาที่มองหน้าผมแล้ว..ปล่อยให้น้ำตาไหลพราก

“รอยข่วน..ของใครคะพี่ก้าน?”  ก้มหน้าหลบตาน้องสาที่ยืนถามถึงเจ้าของรอยข่วน   สิ่งรอบตัวผมหยุดการเคลื่อนไหว..ทุกสายตาจับจ้องหนังน้ำเน่าที่ฉายให้ดูแบบติดขอบจอ  หลับตาแน่นรับแรงตบจากฝ่ามือเล็กที่ฟาดลงมาบนแก้ม  2  ทีติด  ยิ้มสมเพชตัวเองที่ถูกน้องสาตะโกนใส่หน้าว่าต่ำทรามแล้วตบท้ายด้วยคำว่า  ‘เลิก!’  ที่ไนท์บาร์ซา..สถานที่ที่คนเดินพลุกพล่านแบบนี้   

แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่ผมทำ  ผู้คนที่เดินไปมาหยุดสนใจเมื่อน้องสาเดินหายไปจากร้าน  หันมองปุ๋ยให้ตามไปส่งน้องสาที่บ้าน  ก้มหน้าก้มตาทำบะหมี่ต่อไปจนเของหมดแผง  ทยอยเก็บร้านแล้วให้ปุ๋ยที่เพิ่งกลับจากส่งน้องสาไปส่งเด็กคนงานที่โรงงานพ่อด้วย  อย่างน้อย  ผมก็ไม่ต้องทนยืนให้มันซักให้เซ็งหนักกว่าเก่า

ขนของใส่รถช่วยคนของป้าเก็บจนเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน  เดินขึ้นไปอาบน้ำ  ยืนใต้ฝักบัวปล่อยให้น้ำเย็นล้างความห่วยของตัวเองจนเริ่มหนาว  เช็ดตัวแล้วคาดผ้าเช็ดตัวเดินมารับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงอยู่บนหลังทีวี

ถอนหายใจยาวกับชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ  กดวางไม่ถึงนาทีมันก็ดังขึ้นมาอีก  กดรับแล้วรีบบอก  ‘จะนอนแล้ว!’  แล้วรีบวางหูทันที  ขมวดคิ้วมุ่นกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาอีก  เบื่อกับความอยากรู้อยากเห็นของปุ๋ยเต็มทน  กำลังจะกดทิ้งก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์  เพราะชื่อที่โชว์มันไม่ใช่ปุ๋ย..

“..อืม..ผมอยู่บ้านแล้ว  ไม่ต้องหรอก  จะให้เจอที่ไหนล่ะ?”   ถอนหายใจพรูเมื่อติอยากได้เพื่อนกินเหล้า  พอผมบอกว่าอยู่บ้าน  เจ้าตัวก็ถามว่าบ้านอยู่ตรงไหน  ผมยังไม่พร้อมจะให้ติเข้ามาในอาณาจักรส่วนตัว  ยังไม่ใช่ตอนนี้  ล้างหน้าแล้วขับรถออกจากบ้าน  โทรถามทางจากติจนถึงที่ที่เจ้าตัวนัดผม

“ถึงแล้ว..ชั้นไหน?”  ลงจากรถแล้วเดินขึ้นคอนโดหรู  กำลังจะกดลิฟท์ยามก็วิ่งเข้ามาถาม

“แลกบัตรก่อนขึ้นด้วยครับ”  พยักหน้ารับแล้วเดินตามไปที่เคาน์เตอร์  พอบอกชั้นกับห้องยามก็เงยหน้ามอง

“แขกคุณติเหรอครับ..ขึ้นไปได้เลยครับไม่ต้องแลกบัตร  ผมขอโทษนะพี่”  ขมวดคิ้วงงแต่กับบัตรกลับมา  ขึ้นลิฟท์แล้วเดินไปตามเลขห้อง  เคาะประตูแค่  2  ครั้งห้องก็เปิดออกทันที  มองตาคมของเจ้าของห้องแล้วยิ้มตอบรอยยิ้มบางที่ส่งมาให้  เดินตามเข้าไปแล้วปิดประตูเบามือ 

“นั่งเลย  ตามสบาย  เอาหน่อยไหม?”  ยิ้มรับน้ำสีเข้มที่อยู่ในขวดทรงสวย  มองมือสากที่ยื่นแก้วเหล้าให้  รับมาจิบแล้วกวาดตามองไปรอบห้อง  เป็นห้องที่กว้างกว่าห้องชุดที่อื่น  มีห้องแค่ห้องเดียว  ข้างหลังน่าจะเป็นครัว  เฟอร์นิเจอร์มีแค่โซฟาที่นั่งอยู่ตอนนี้กับโฮมเธียเตอร์ตรงหน้า  เหลือบมองเจ้าของห้องทีจับรีโมทเบาเพลง  สบตาคมแล้วยกแก้วเหล้าจรดริมฝีปาก  ละเลียดรสขมในแก้วจนหมด  วางแก้วลงก็ถูกเจ้าของห้องชงให้เต็มแก้วเหมือนเดิม  เสียงทุ้มแซวเรื่องเมื่อหัวค่ำ

“หน้าอย่างนี้ทำบะหมี่เป็นด้วยเหรอ?  ไม่อยากจะเชื่อ”  ยิ้มมุมปากรับคำ  มองตาคมกับแก้มขึ้นสีเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์  นั่งดื่มเงียบ ๆ ฟังเพลงเบา ๆ จนเวลาล่วงเข้าเที่ยงคืน  ตินั่งนิ่งมองขวดเหล้าที่มีเหล้าติดก้นขวดนิ่ง  ผมเองก็นิ่งมองน้ำสีเข้มในแก้วตัวเอง  ต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง  ผมไม่รู้ว่าติกำลังคิดอะไร  แต่ผมรู้..ว่าผมคิดอะไรอยู่

อยากไล้ปลายนิ้วที่ผิวแก้ม  อยากรู้ว่ามันจะลื่นมือหรือสากเพราะหนวดเขียวครึ้มที่กำลังขึ้นใหม่ ๆ อยากรู้ว่าริมฝีปากสีส้มอ่อนนั่น..จะนุ่มแค่ไหน ยิ้มแกน ๆ กับความชั่วในหัว  หยิบมือถือออกมาดูเวลาแล้วมองตาคม  เลิกคิ้วมองตาคมที่หลิ่วตอบการมองของผม

“อะไร?  เพิ่งจะเที่ยงคืน  รีบกลับไปไหน?  เลิกไปหาแก้มแล้วไม่ใช่เหรอ?  หรือว่า..น้องเขารออยู่?”  ขมวดคิ้วกับคำถามของมัน  ผมกับมันไม่เคยคุยกันเกิน  3  คำ  การที่มันพูดเยอะ ๆ แบบนี้  มันเป็นความทรงจำใหม่ของผมเลยทีเดียว  ยิ้มบางแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบที่มันถาม  คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับการตอบของผม  ถอนหายใจแล้วบอกมันให้รู้เรื่อง

“มันดึกแล้วก็เลยจะกลับ  ไม่ได้กลับไปหาใคร  ไม่มีใครรออยู่หรอก”  ตินิ่งมองผม  ปล่อยให้สายตาคู่นั้นจับจ้องจนเข็มยาวเดินมาถึงเลข  6  ลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวกลับก่อน  เดินไปที่ประตูกำลังจะจับลูกบิดมือสากก็ชิงกดล็อคประตูตัดหน้า  หันไปมองหน้าหล่อที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วขมวดคิ้วไม่เข้าใจ  ตาคมที่จ้องเสื้อผมค่อย ๆ เบือนขึ้นมาสบ

“ตอบกูมาก่อน  แล้วกูจะให้มึงกลับ”  จ้องตาคมกลับแล้วพยักหน้ารับคำ  หันมามองติเต็มตัวแล้วรอฟังคำถาม  มองริมฝีปากสีส้มอ่อนที่ขยับไปมาแล้วตอบแบบสบาย ๆ

“มึงเลิกไปหาแก้มเพราะน้องคนที่ช่วยขายบะหมี่ใช่ไหม?”  ตอบกลับไปด้วยคำว่า  ‘ใช่’  ติกัดกรามจนขึ้นเป็นสัน  มือที่จับลูกบิดหมุนแล้วดึงประตูห้องเปิดให้ผม  ติหมุนตัวเดินเข้าห้องแล้วหายเข้าไปทางด้านหลัง  ผมถอนหายใจยาวแล้วปิดประตูห้อง  เดินตามเข้าไปก็เจอเจ้าของห้องจุดบุหรี่ขึ้นสูบตรงอ่างล้างจานในครัว  ตาคมตวัดหางตามองผมแล้วหันมามองหน้าผมตรง ๆ

“เชิญ”  มองมือที่ผายไล่แล้วอดยิ้มไม่ได้  เหมือนกำลังงอนยังไงไม่รู้

“เพราะน้องสาผมเลยเลิกไปหาแก้ม  แต่เพราะรอยที่แก้มทำไว้  ผมเลยถูกน้องสาตบ  2  ทีติด  อยู่นาน ๆ ไม่ได้  พรุ่งนี้ต้องขายบะหมี่อีก  จะกลับไปนอนพักผ่อนคนเดียวที่บ้านครับ..เผื่อจะอยากรู้”  ตอบยาว ๆ ให้เจ้าของตาคมที่ยืนไม่พอใจได้ฟัง  ประกายความไม่พอใจอ่อนลงจนไม่เหลือความโมโห  ติเขี่ยขี้บุหรี่ลงอ่างแล้วสูบควันเข้าปอด  หันมามองหน้าผมแล้วพ่นควันขาวลอยคว้างในอากาศ  มองตาคมผ่านกลุ่มควันสีขาวจาง ๆ  ดวงตาคู่นั้นกำลังบอกอะไรบางอย่างกับผม  บางอย่างที่มัน..ตีความได้ถึง..

การเชิญชวน..

เดินเข้าไปหาแทรกกลุ่มควันสีขาว  จับมวนบุหรี่ที่คีบไว้มาบี้ดับ  ยื่นริมฝีปากเข้าไปหาช้า ๆ จนแตะกับริมฝีปากสีส้มอ่อนเบา ๆ  ติไม่หลบการรุกล้ำที่ริมฝีปาก  กลับหลับตาลงช้า ๆ ซึมซับความอ่อนโยนที่ผมกำลังเลาะเล็มชิมเนื้อนุ่มหยุ่นสีส้มอ่อน  ไล้เลียริมฝีปากนุ่มนวล..เนิ่นนาน  รับลมหายใจกลิ่นเมนทอลเข้ามาเป็นลมหายใจของตัวเอง  ถอนจูบออกอ้อยอิ่ง  นิ่งมองเปลือกตาที่ค่อย ๆ ลืมขึ้นมาสบ  ลดสายตามองริมฝีปากสีส้มอ่อนที่ถูกเคลือบด้วยน้ำหวานจากริมฝีปากผมจนวาววับ

“รู้สึกดีกว่าที่คิด”  ยิ้มบางให้คำพูดที่เหมือนคนละเมอของติ  ขยับเข้าประชิด  แนบริมฝีปากแตะริมฝีปากสีส้มอ่อนอีกครั้ง มือสากสอดเข้ามากอดเอวผมดึงเข้าหาตัวตามจังหวะการหายใจ  ร่างกายแนบสนิท  ปลายลิ้นร้อนตวัดรัดเกี่ยวพันจนเกิดเสียงแปลก..มันหวิวในช่องท้องจนต้องผละออกจากกัน  เบือนหน้ามองอ่างล้างจานแล้วปรับลมหายใจให้เป็นปกติ  หันกลับมามองเจ้าของห้องที่เกาะอ่างล้างจานอยู่ข้าง ๆ

“ผมโสด  ติล่ะ?”  คิ้วเข้มขมวดกับคำถาม  หน้าด้านข้างยิ่งน่ามองเมื่อรอยยิ้มน้อย ๆ ผุดพราว  ติหันหน้ามาเผชิญหน้ากับผมเต็มตัวก่อนจะพยักหน้า  ดวงตาคมถามผมกลับประมาณว่า  ‘แล้วไงวะ?’  ยิ้มมุมปากแล้วชวนดื้อ ๆ

“คบกัน!”  ติเลิกคิ้วสูงแล้วยิ้มประหลาดกับคำขอคบของผม  ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธจากริมฝีปากสีส้มอ่อน  มีเพียงสัมผัสจากมือสากที่ยื่นมาจับมือผมแล้วประสานนิ้วจนฝ่ามือติดกัน  ขยับเท้าก้าวไปข้างหน้ารับอกแกร่งที่เดินเข้ามาจนชิด  มือที่ว่างอีกข้างของติกอดเอวผมช้า ๆ สวมกอดกลับเบามือ  หลับตารับไออุ่นจากร่างกายของคนตรงข้าม  เกยคางที่ไหล่หนาเหมือนที่ติทำกับผมเบา ๆ   แก้มแนบแก้มฟังเสียงลมหายใจของติ  ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนเราจะสามารถส่งความอบอุ่นให้กันได้แบบนี้  มันอุ่นจนถึง..หัวใจ

คืนนั้นผมนอนค้างกับติที่คอนโด  นอนมองหน้า  จับมือกัน  กอดกันจนถึงเช้า  เป็นความรักแบบที่ผมไม่เคยเจอและไม่คิดว่าเกิดมาเป็นชีวิตจะได้เจอกับความอบอุ่นได้แบบนี้ 

หลังจากวันนั้น  ผมกลับไปขอโทษน้องสาและถูกบอกเลิกอีกครั้งอย่างถาวร  ส่วนแก้ม..ติเป็นคนจัดการขอยุติความสัมพันธ์ผิด ๆ เองคนเดียว  ไม่ได้ไปหาที่ห้องแก้ม  แต่ใช้มือถือติดต่อเพราะกลัวแก้มจะไม่ยอม  แล้วมันจะกลายเป็นเรา  3  คนไม่ต่างจากเมื่อก่อน  แก้มไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรได้ยาก  แต่ก็บอกผมกับติทิ้งท้าย  ‘ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ก็โทรหาแก้มได้ตลอดนะ’  ติส่ายหน้าแล้วบอก  ‘คงไม่มีวันนั้นแล้วแก้ม  ผมขอโทษแล้วก็ขอบคุณมาก’  ส่วนผม..ได้แต่แค่นหัวเราะ   

ถอนหายใจยาวแล้วมองหน้าหล่อที่กำลังจ้องริมฝีปากผม  ยิ้มมุมปากแล้วถอยห่าง  ติยิ้มกวนแล้วขยับตามประกบติด  หัวเราะใส่ปลายลิ้นอุ่นที่กำลังไล้เลียตามรูปปากของผม 

ถึงความรักของผมกับติมันจะยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัด  แต่ผมกับมันก็เต็มใจจะลองรักกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสุดเส้นทางที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้า..

เส้นทางที่ขรุขระ  ไม่ราบเรียบ  ไม่มีกลีบกุหลาบโรยไว้เหมือนคู่รักชาย-หญิง  แต่เราก็พร้อมจะเดินไปด้วยกัน  แต่ตอนนี้..ผมกับมันคงต้องตกลงกันก่อนจะก้าวข้ามผ่านหนทางยาวไกลข้างหน้า  เรื่องใหญ่ที่ผมกับมันต้องคุยกันให้เข้าใจว่า..






ใคร..จะเป็นฝ่ายยกขา!

END.

…………………………

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ใต้เงาจันทรา 12/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 13-03-2015 14:03:06
แถม
.
.
.
“ตักเยอะไปแล้วติ  ใส่แค่นี้ก็พอ  อันนี้ไม่ใส่ครับ”  หันบอกคนข้างตัวที่กำลังตักกระเทียมเจียวพูนช้อนใส่ลงชามก๋วยเตี๋ยว  ได้รับรอยยิ้มกวนกับคิ้วเข้มที่เลิกใส่อยู่ตลอดเวลาที่ผมเอ่ยปากบอก   ติมาช่วยผมขายก๋วยเตี๋ยว  3  ครั้งแล้ว  แต่ทุกครั้งก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม  ชอบแกล้งให้ผมคอยมองเวลาตักเครื่องใส่ชามบะหมี่ 

“..ไปนั่งดูผมก็ได้นะ  ขอร้อง..5555+”  นั่นไม่ใช่เสียงผม  ทุกครั้งที่ผมทนไม่ไหว  ผมต้องบอกติด้วยประโยคเมื่อครู่  คราวนี้เจ้าตัวเป็นคนบอกตัดหน้าผมตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ  ให้ตายเถอะ..ผมเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ไม่ลงจริง ๆ  เหลือบมองติที่เดินไปช่วยปุ๋ยคิดเงิน  ขมวดคิ้วมองท่าทางหัวเสียของปุ๋ยแล้วต้องรีบปล่อยขวดพริกไทยเดินปรี่เข้าไปหาทั้งคู่

“ก้านพาไปเก็บให้ที  ไม่ไหวแล้ว  ป่วนอะไรขนาดนี้เนี่ย?!”  จับแขนติแล้วดึงกลับมาช่วยใส่พริกไทย  มองหน้ายิ้ม ๆ ของติแล้วอดยิ้มตามไม่ได้  ตั้งแต่เริ่มคบกัน  ผมก็ได้เห็นติในอีกมุมที่ไม่เคยได้เห็น  ติเป็นคนขี้แกล้งและชอบอำชาวบ้านมาก  ดูมีชีวิตชีวาน่าเข้าหามากกว่าเมื่อก่อน 

“น้องเขารอเกี๊ยวน้ำใส่ถุงนานแล้วนะก้าน..ลืมรึไง?”  แอบมองเพลิน ๆ ติก็หันมาบอกผมว่าน้องคนหน้าสุดรอเกี๊ยวน้ำ  เลิกคิ้วงงแล้วหันหลังหาชามมาใส่เส้นเล็กที่ลวกไว้  ผมจำได้ว่าน้องสั่งเส้นเล็กลูกชิ้นล้วนนะ  เขาสั่งเกี๊ยวไปตอนไหนกัน?  ทำเสร็จก็ให้ติเหยาะพริกไทยแล้วรัดปากถุง  หยิบถุงเครื่องปรุงใส่ถุงแล้วยื่นให้น้องคนนั้น  น้องขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้าบอกไม่ได้สั่ง  ยิ้มเจื่อนแล้วหันไปมองคนข้างตัวที่ลงไปนั่งขำกับพื้น  ยิ้มเย็นใส่ถุงเกี๊ยวแล้วหยิบชามเส้นเล็กที่ลวกไว้มาใส่ถุงใบหน้าเรียบสนิท  จับยัดใส่ถุงเดียวกันก่อนจะส่งให้น้องคนเดิมด้วยรอยยิ้มสว่างสดใสของผม
“ผมแถมเส้นเล็กให้ครับ  ขอบคุณที่มาอุดหนุนครับ”  เก็บความกวนของติไว้ในใจ   ติแกล้งเป่าลมใส่หูก็เอามาทดไว้  ดึงชามหลบจนบะหมี่ที่ทำไว้หกเลอะเต็มโต๊ะก็บวกเพิ่มไปเรื่อย ๆ  อดทนกับคนมีความสุขที่ได้แกล้งจนถึงเวลาเก็บร้าน  ยืนยิ้มให้ติที่ลงมือทำบะหมี่เกี๊ยวใส่ถุงเองให้เด็กคนงานที่มาช่วยเอากลับไปกินที่บ้าน  พร้อมเงินที่ติให้ต่างหาก

“ขอบคุณครับพี่ติ”  คนให้ยิ้มกว้างกว่าคนรับซะอีก  ยิ้มให้คนที่เดินย้อนกลับมาช่วยผมเก็บของ  ขนใส่รถจนหมดก็แยกกันกลับบ้าน  อาทิตย์นี้ต้องค้างกับติที่คอนโด  อาทิตย์หน้าก็มาค้างบ้านผม  จะได้ไม่เบื่อ  แวะ  7-11  ให้ติซื้อเบียร์กับแชมพู  ได้ของแล้วก็ขึ้นห้อง  ติเอาเบียร์ไปแช่  ผมเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ  ยืนฟอกสบู่ขัดถูตัวเพลิน ๆ จู่ ๆ ไฟในห้องน้ำก็ดับ  ถอนหายใจยาวกับคนชอบแกล้ง  ควานหาฝักบัวเปิดล้างตัวลวก ๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำทั้งสภาพแบบนั้น  มองหาตัวต้นเหตุที่หันหลังเปิดตู้เย็นแล้วตรงดิ่งไปคว้าเอวมากอดแน่น  งับใบหูเล็กแล้วกระซิบเบา ๆ

“วันนี้แกล้งกันทั้งหมด  7  ครั้ง..จะไถ่โทษยังไง?” กดความต้องการที่แข็งขืนใส่ก้นแบนราบ  จูบไซ้ซอกคอ  เลียหลังใบหูสลับกับติ่งหูจนขนที่แขนติลุกท่วม  ความเย็นจากตู้เย็นบวกกับแอร์ในห้องทำผมที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเริ่มจะหนาว  จับคางให้หันมารับจูบ  ฉกลิ้นเลียริมฝีปากที่เผยอรอ  เกี่ยวปลายลิ้นที่แลบออกมาดึงลิ้นผมให้เข้าไปในอาณาจักรของติ  ติหันมาหาเต็มตัวแล้วกอดตอบผมแน่น  มือข้างหนึ่งของมันผละออกจากเอวผมควานหาประตูตู้เย็นดันปิด  ก้าวถอยหลังเดินตามติไปห้องน้ำ  เดินถอยหลังเข้าห้องน้ำจนหลังติดผนัง  แสงไฟสว่างด้านนอกลอดผ่านประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิท  ดึงเสื้อติออกจากตัว  เจ้าตัวก็ถอดกางเกงออกไวพอกัน  ยื่นมือลูบผิวลื่น  ดึงเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  ริมฝีปากสัมผัสเชื่องช้า  ปลายลิ้นเลาะเล็มไม่รีบร้อน  ลมหายใจอุ่นแลกอากาศจนเป็นลมหายใจเดียว  มือสากลูบหน้าอกผมเบามือ  ปลายนิ้วสะกิดผ่านตุ่มเล็กบนหน้าอกจนอดรู้สึกแปลกไม่ได้..

“อยากได้แบบไหน?  ..หืม?”  ยิ้มบางใส่ริมฝีปากที่ผละออกมาถามแล้วประกบเข้ามาใหม่เหมือนไม่อยากได้คำตอบ  ดันหลังติดผนังแล้วเลื่อนจูบลงมาที่ซอกคอ  ดูดดุนเนื้ออ่อนที่หน้าอกสลับกับไล้เลียตุ่มสีเข้มจนเจ้าตัวต้องแอ่นอกตาม  เสียงครางต่ำดังเล็ดลอดกระตุ้นสัญชาติญาณดิบของผม  ลดมือที่บดคลึงตุ่มสีเข้มลงไปแตะท่อนแข็งที่กระตุกสู้มือ  ละจากยอดอกขึ้นมามองตาคมหรี่ปรือ  เกลี่ยปลายจมูกที่ริมฝีปากล่างเบา ๆ  เจ้าตัวงับปลายจมูกผมเล่นก่อนจะก้มลงมาฉกจูบแลกลิ้น  เอียงหน้ารับปลายลิ้นที่ดูดเม้มปลายลิ้นผมตามแรงนิ้วผมที่บดบี้เส้นปลายประสาทของติ  ผละออกจากริมฝีปาก  ติไม่ยอมปล่อย..ประคองหน้าผมขึ้นมาบดจูบต่อ

เลื่อนมือที่โอบเอวลงมาบีบก้นเล็ก  ขยับข้อมือรูดรั้งเน้น ๆ  ติหอบหนักจนอกกระเพื่อม  เบียดแทรกขาให้ติแยกขากว้างขึ้น  ลดมือที่บีบก้นลงมาตามร่องหลืบ  ติขยับหนีแต่ติดที่ผมกอดไว้แน่น  ใช้ปลายนิ้วบดคลึงเส้นประสาทดึงความสนใจ  ความลื่นทำให้นิ้วผมเคลื่อนไหวได้ง่ายเรียกเสียงครางได้เป็นระยะ  ดึงมือข้างที่ถูตามร่องมาจับท่อนร้อนแล้วรูดรั้งรักษาจังหวะ  ส่วนมืออีกข้างก็อ้อมไปแทรกร่องช้า ๆ เพราะความลื่นที่ติดอยู่ทำให้ดันเข้าไปได้ง่ายขึ้น

“อื้อออออ”  ติดิ้นหนีนิ้วผมแต่ผมก็ใช้ความดื้อดึงแหวกเข้าถ้ำไปจนได้  ท่อนร้อนที่เคยสู้มือตอนนี้หลับใหลไปเรียบร้อย  จูบริมฝีปากสีส้มปลอบเบา ๆ  ผละออกมามองตาคมที่มองผมเหมือนตัดพ้อ 

“ทำไมครับ?”  ผมถามเสียงเบา  เจ้าตัวนิ่งไปก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ  มองหน้าหล่อที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย  บางที..ผมอาจจะรุกเร็วเกินไปหน่อย  กำลังจะตัดใจดึงนิ้วออกจากความคับแน่น  ติก็ลืมตามามองผม   สบตาคู่นั้นแล้วเผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนโยนของติ  ขาแข็งแรงแยกออกให้ผมได้เข้าไปสำรวจความร้อนด้านในได้ง่ายขึ้น  ครางต่ำกับความแน่นของติ

“อาห์..ติ”  ขยับนิ้วเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกนิ้ว  มือที่ประคองหน้ารับจูบผละออกมากอดเอวผมแน่น  ความต้องการของผมปวดจนแทบระเบิด  อยากเข้าไปข้างใน  อยากเปลี่ยนกับนิ้วเร็ว ๆ ปลายลิ้นชาไปหมดเมื่อติดูดแรงขึ้นตามการเร่งจังหวะนิ้วของผม  ละมือจากท่อนร้อนมาจับต้นขาด้านในยกขึ้น  ติลืมตาโพลง  แล้ว..

แทงนิ้วเข้ามาในช่องทางร้อนของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว!

สาบานเลยว่าผมเพลินกับการทิ่มมะลวงนิ้วใส่แบ็คเวอร์จิ้นจนลืมสังเกตว่าติเลื่อนมือลงมาแตะที่บั้นท้ายผมนานแล้ว  แสบมาก!  หึ..สงครามครั้งนี้ดุเดือดเลือดสาดแน่!  กัดฟันกรอดรับนิ้วที่เพิ่มเข้ามาจำนวนเท่ากันกับที่ผมกำลังทำ  ผ่อนลมหายใจแล้วยิ้มมุมปากส่งให้คนตรงหน้า  ติยิ้มกวนตอบแล้วคว้าคอผมมาบดจูบ  ผมขยับติก็เร่งจังหวะ  จากที่แสบมันเริ่มมีความรู้สึกอย่างอื่นมาแทนที่  แต่ก่อนจะเสียกรุง..ผมต้องชิงจังหวะก่อน!

จับขาติยกขึ้นแล้วดันแท่งร้อนถูไถทางเข้าเบา ๆ  ไม่ใส่ใจกับนิ้วที่ยังคาอยู่ด้านหลัง  ดึงนิ้วออกแล้วดันความต้องการเข้าไปช้า ๆ   เสียงกัดฟันของติดังกรอดรับการบุกรุกด้านหลัง  แบดบอยจำต้องถอนนิ้วออกเพราะผมเริ่มขยับบั้นเอวเข้าออกเนิบนาบ  มือควานหาขวดครีมนวดผมที่แถมมากับแชมพู  เปิดฝาแล้วเทใส่ความต้องการที่คาอยู่ช่วยหล่อลื่น  ผละริมฝีปากออกให้ติได้หายใจถนัด  จับขาขึ้นวางที่แขนให้ข้อพับขาติอยู่ตรงข้อพับแขนผม  ทันทีที่ขยับติก็ครางเสียงหวิวผิดกับเมื่อครู่

“ซืดดดด”  ยิ้มในใจแล้วขยับเข้าออกเบา ๆ ก้นเล็กเริ่มขยับรับจังหวะ  ริมฝีปากประกบแลกลิ้น  แขนแกร่งโอบรอบคอผม  มือสากลูบหลังอย่างหลงใหล  ขยับเข้าออกจนสุดความยาว  ภายในช่อทางร้อนรัดแน่นทุกทิศ  อ้าปากรับอากาศระบายความเสียวที่ได้รับ..จนทนไม่ไหว

“พร้อมกัน..นะ”  กระซิบเสียงพร่าแล้วดันเข้าจนสุด  ขยับอีกแค่  2-3  ทีผมก็ยิงประตูใส่ติเต็มข้อ  ติจูบผมจนลมหายใจผมเป็นปกติ  เจ้าตัวจับมือผมที่ยันผนังออกแล้วลดขาลงช้า ๆ

ก้มมองความต้องการที่คาอยู่กับติ  แบดบอยดันหน้าท้องผมออกเลยทำให้ความต้องการผมหลุดออกจากความคับแน่นไปด้วย  เสียวจนต้องนิ่วหน้า  ติพ่นลมหายใจยาวใส่แก้มผมเมื่อความต้องการของผมหลุดออกมาแล้ว  เงยหน้ามองยิ้มเย็นของติแล้วใจหายวาบ..

 “เบานะ”  กัดฟันบอกติเมื่อโดนพลิกให้หลังติดผนังบ้าง  ก่อนจะเลยเถิดถึงขั้นได้เสีย  ผมรีบมองหาตัวช่วยที่ผมใช้กับติเมื่อครู่  ยื่นให้ด้วยมือที่สั่นน้อย ๆ ถึงติจะไม่เจ็บตอนที่ผมรุก  แต่แค่นิ้วที่ได้สัมผัสเมื่อครู่มันก็ทำให้ผมเริ่มหวาด  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อมือติสัมผัสต้นขาด้านใน  หลับตารับจูบอ่อนโยน  สัมผัสร้อนจากทุกตารางนิ้วที่เกิดกับร่างกาย..มันชวนให้ใจเตลิด  เสียงครางของผมกับติดังประสานเหมือน..ด้านล่างที่เรากำลังขยับเข้าหากันช้า ๆ จวบจนจังหวะสุดท้ายที่ปลดปล่อย..

ยืนกอดกันกลางสายน้ำของฝักบัวที่สาดซัดล้างคราบคาว  มือลูบไล้ฟองสบู่ทำความสะอาดให้กันทุกซอกมุม  ริมฝีปากสัมผัสนุ่มนวลเหมือนฝ่ามือที่เคล้นคลึง  ผละออกให้ติล้างแผ่นหลัง  รับฝักบัวมาถือแล้วล้างคืนเบามือ  กอดเนื้อแน่นเต็มอ้อมแขน  ปลายจมูกสูดกลิ่นเย็นของสบู่ที่เหมือนกัน  เช็ดตัวแล้วนิ่งมองตาคม  หลับตารับจูบเมื่อสวมเสื้อเสร็จแล้ว  กอดประคองเอนหลังนอนลงที่เตียงกว้าง  อ้าแขนให้ติซุกซบหลับใหลไปพร้อมกัน..

ถ้าเราไม่ทำรักเพราะความรู้สึกรัก  เราคงไม่รู้สึกดีและผูกพันกันมากขึ้นแบบนี้..ขอบคุณจริง ๆ ..   







..ครีมนวดผม..



END.

กอดหมับ บวก ๆ
คุณ Mouse2U 555ไปค่ะ  เช่าอยู่คนละฝั่ง  ขนาบเลยทีเดียว  จิก็ชอบผู้ชายอบอุ่นค่ะ  แต่ขณะเดียวกันก็ชอบความดิบด้วย...แปรปรวนมากมายค่ะ555 
คุณ nekko  ใช่ค่ะ  พี่น้องต้องรักและดูแลกันแบบนี้ล่ะค่ะ  แต่ถ้าความรักแบบนี้มีอยู่ในโลกของความจริงที่ไม่ใช่นิยาย..คงจะอยู่ยากเหมือนกันนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปล.เกิน 20,000 อักษรมาเยอะมากมาย  ตัดยังไงก็ฟ้องว่าเกิน  ต้องแบ่งมาเป็น  3  ท่อน  อย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : บ่วงรัก 13/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 13-03-2015 14:46:14
555 คือแบบอารมณ์หวานๆ อุ่นๆ ของเรามาเต็มเลยนะตอนแรกอ่ะ พอเจอประโยคที่ก้านขอบคุณ "ครีมนวดผม" ถึงกับหลุดขำเก้าอี้สะเทือนเลยเหอะ :laugh: เขินนจัง :-[ สองคนทำอะไรกันอ่ะ คนบ้า!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : บ่วงรัก 13/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 13-03-2015 19:50:36
ค่อยๆๆไล่อ่านมาเรื่อยๆๆลุ้นประมาณว่าจะลงเอยกันได้ยังไงน้อ ก้านติ มาจนจบท้าย "..ครีมนวดผม.." :laugh: :-[ :heaven

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : บ่วงรัก 13/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-03-2015 20:41:11
เกือบซึ้ง.... ผ่าง!!!!! บรรทัดสุดท้ายนั่นคืออัลไลลลลลล
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : บ่วงรัก 13/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 13-03-2015 22:47:59
ติ กับ ก้าน น่ารักจังเลยอ่ะ  :o8:
ถึงจะเริ่มกันแบบไม่ค่อยดี กับความสัมพันธ์ประหลาด ๆ ก็เถอะ
แต่ก็ดีที่ทั้งคู่ ได้รู้ใจตัวเอง ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไป สงสารน้องสาเหมือนกันนะ
ชอบตอนแถมมากเลย ติน่ารักอ่ะ ขี้อำ ป่วนเขาไปทั่ว ขนาดปุ๋ยยังทนไม่ไหว 555
ทั้งที่ตอนแรกโผล่มาด้วยมาดแบดบอยแท้ ๆ พออยู่กับคนรัก ก็เผยมุมน่ารักออกมาสินะ
จริง ๆ ตอนแรกคิดว่าติจะได้เป็นฝ่ายรุกก้าน อ่าน ๆ ไป อ้าว ก้านเป็นรุกเหรอเนี่ย
แล้วยิ่งพออ่าน ๆ ไปอีก เอ้า สรุปเขาไม่มีใครยอมใครจริง ๆ ผลัดกันซะงั้น
แต่ก็สมกับเป็นคู่นี้ดีนะ รออ่านคู่อื่น ๆ อีกจ้า ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : บ่วงรัก 13/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 17-03-2015 11:15:11
Beautiful  Eyes


ลมเย็นหอบเอากลิ่นดินหลังฝนตกลอยกระทบจมูก  หลับตารับฝนเม็ดเล็กที่หลงเข้ามาทางหน้าต่าง  ลืมตามองรุ้งสวยตรงหน้า  สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดก่อนจะผ่อนออกช้า ๆ  ซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติไว้เต็มที่  มองสีสันของสวนหลังบ้านเพลินตา   สีเขียวของใบไม้ทำให้ใจสงบได้อย่างประหลาด  สีขาวแซมชมพูของดอกไม้ช่อเล็ก..สวยจนทำให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูก  เสียงเคาะดัง  2-3  ครั้งหน้าประตูเรียกความสนใจให้หันมามอง

“ตื่นรึยังคะ?  ข้าวเช้าเสร็จแล้วค่ะ”  ยิ้มบางแล้วตะโกนกลับว่าตื่นแล้ว  ทอดสายตาเก็บภาพบรรยากาศแบบธรรมชาติหลังฝนตกจนพอใจก็เดินลงไปข้างล่าง 

ผมกลับบ้านมานอนห้องน้องชายที่ว่างอยู่เพราะห้องเดิมของผม  ถูกมันเอาไปเก็บโมเดลรถกับพวกขยะของมันจนอยู่ไม่ได้  ส่วนเจ้าตัว..ออกไปอยู่คอนโดของพ่อนานแล้ว  ผมเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน  เอนท์ติดที่ ม.รัฐบาลในกรุงเทพ  ไปอยู่ที่นั่นจนเรียนจบ  พอจบแล้วก็ยังไม่อยากทำงาน  เอ้อระเหยลอยไปลอยมาจนพ่อต้องตามกลับมาช่วยงานที่บ้าน  ถึงได้กลับมานั่งรับลมหลังฝนตกอยู่ตรงนี้

“มีอะไรทานบ้างครับ?”  ทักทายป้าแม่บ้านที่ดูแลเรื่องอาหารการกิน  กวาดตามองกับข้าวที่วางเรียงรายบนโต๊ะ  ยิ้มบางแล้วนั่งลงกินข้าว  ถอนหายใจยาวกับการกินข้าวคนเดียว  ผมเคยชินกับการกินข้าวกับเพื่อนหลายคน  ใช้ชีวิตในสังคมเมือง  อยู่กับความวุ่นวายและค่าครองชีพที่สูงลิ่ว  พอกลับมาอยู่บ้าน  บ้านที่ไม่มีรถราวิ่งขวักไขว่  ใช้เวลาขับรถไปห้างแค่  20  นาทีทั้งที่ห้างอยู่ไกลบ้านหลายกิโลสบาย ๆ เพราะที่นี่ไม่มีคำว่า  ‘รถติด’  ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก  รวบช้อนแล้วเก็บล้าง  เดินขึ้นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า  กำลังจะเดินออกจากห้องก็เหลือบเห็นผ้าม่านปลิวตามแรงลม  เดินย้อนกลับมาปิดหน้าต่าง  เอื้อมมือคว้าบานหน้าต่างที่ถูกลมพัด  เบี่ยงหน้าหลบชายผ้าม่านที่สะบัดตามแรงลม 

สะดุดตากับใครบางคนที่มองมาจากในสวน

ยืนจับบานหน้าต่างต้านแรงลม  สายตาหยุดนิ่งกับภาพจากสวนหลังบ้าน  สวนสวยมีเด็กหนุ่มดวงตากลมโตดำขลับ  ตัดกับหน้าขาวผิวใสยืนมองผมอยู่  แรงดึงดูดของดวงตาสีดำสวยมันมากพอจะสะกดให้ผมต้องมองตอบ  ทุกอย่างดำเนินไปตามวัฏจักร  ผีเสื้อสีสวยบินตอมดอกไม้ในสวน  โบยปีกบินผ่านปลายคางมน  แล้วหยุดพักขาที่เส้นผมสวย  เหมือนติดกิ๊บรูปผีเสื้อที่ผม   ยิ้มบางให้เด็กหน้าหวานที่มีผีเสื้อบินมาเกาะผม  ดวงตาดึงดูดเบือนไปมองที่อื่น  ริมฝีปากสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มบาง  รอยยิ้มน้อย ๆ ส่งให้คนที่เดินออกมาจากในบ้าน  มองตามแผ่นหลังบางเดินหายไปกับป้าแม่บ้าน..จนลับตา

ดึงหน้าต่างปิดช้า ๆ  ในหัวมีดวงตาสีดำขลับตามติด  ยิ้มมุมปากกับความดึงดูดของดวงตาเด็กวัยรุ่น  ตัวแค่นั้นสามารถใช้สายตาที่..ยั่วยวนได้ขนาดนี้  ถ้าออกมาตามธรรมชาติ  จะผ่านประสบการณ์มาโชกโชนแค่ไหนกันนะ 

เดินลงมาชั้นล่าง  ขับรถออกไปทำงานอย่างสบาย ๆ  จอดรถแล้วเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับของพ่อที่กำลังจะให้ผมนั่งคุมแทน  บริษัทนี้รับทำ  ออกแบบแหวนและเครื่องประดับตามสั่งทุกอย่าง  ของทุกชิ้นที่เราทำมีแค่ชิ้นเดียวในโลก  วัสดุที่ใช้ทำก็นำเข้าทั้งหมด  ราคาก็ต้องสูงตามความยากไปด้วย  แต่โชคดีที่เรามีนักออกแบบมือดีอยู่แล้ว  แค่โทรบอกกริ๊งเดียวก็ได้เรื่อง  ไม่เคยอิดออด  ไม่มีเบี้ยวงาน  และที่สำคัญ..ไม่ต้องเสียตังค์จ้าง 

ล้วงโทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋ากางเกงออกมาจ้อง  ยกยิ้มมุมปากแล้วกดรับสายนักออกแบบมือหนึ่งของร้าน

“ส่งเมลล์แบบแหวนคู่ให้แล้วนะพี่  เช็คดูแล้วโทรบอกด้วย  แค่นี้นะ..จะไปช่วยแฟนทำบะหมี่”  ผมเป็นผู้รับสารกับน้องชายตัวเองเสมอ  ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับมันมาก  ยกเว้นเรื่องงาน  เช็คเมลล์แล้วปริ้นท์ออกมาให้พนักงานติดต่อกับลูกค้า  งานผมไม่ยุ่งยาก  เพราะงานในระบบพ่อวางไว้ให้หมดแล้ว  ลูกค้าประจำก็มี  ขาจรก็เยอะใช้ได้  ก็แค่คุมต่อไม่ให้เจ๊งเท่านั้น  นั่งเปิดแฟ้มงานออกแบบที่ผ่านมาของติดูจนถึงเที่ยง  ออกไปกินข้าวแล้วกลับเข้ามานั่งดูงานติต่อจนเลิกงาน  รอให้พนักงานกลับหมดค่อยเดินตรวจเครื่องประดับที่อยู่ในตู้โชว์  ที่ร้านมีวางอยู่ไม่กี่ชิ้น  เน้นภาพจากงานเก่า ๆ สวย ๆ ของติที่วางเด่นตามผนังในร้านมากกว่า  แคตตาลอคก็เปลี่ยนภาพตามการออกแบบทุกเดือน  ฝีมือติทั้งหมด  ตรวจเสร็จก็ปิดร้าน  ยิ้มทักทายยามที่อยู่โยงเฝ้าร้านตลอดทั้งวันทั้งคืน

ขับรถกลับบ้านมากินข้าวเย็นฝีมือป้าแม่บ้าน  กินเสร็จก็เดินขึ้นไปอาบน้ำ  ปล่อยให้ป้าแม่บ้านจัดการกับโต๊ะอาหารและปิดบ้านให้เรียบร้อยเหมือนที่เคย  เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผมลวก ๆ หยิบกางเกงมาสวมแล้วเดินมายืนตรงหน้าต่าง  ใส่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวนั่งบนขอบหน้าต่าง  กระแทกซองบุหรี่กับฝ่ามือ  หยิบไฟแช็คมาจุดบุหรี่สูบ  รับลมเย็นจากธรรมชาติ  พ่นควันสีขาวออกทางจมูก  ลดสายตามองฝ่าความมืดไปมองที่เดิมที่เห็นเด็กคนเมื่อเช้า  ยิ้มมุมปากกับความคิดบ้าบอที่ผุดออกมา  ความคิดที่ว่า..เด็กคนนั้นน่าสนใจ  เพ่งสายตามองตามเสียงแกรกของประตูรั้ว  หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้เห็นดวงตาสีดำสนิทเหมือนความมืดในตอนนี้..

“.......”  นิ่งมองหน้าใสที่มายืนรอรับป้าแม่บ้านอยู่ตรงประตูรั้ว  แสงไฟสว่างส่องกระทบผิวใสให้ยิ่งน่ามอง  ดวงตากลมจับจ้องมาที่ผมไม่วางตา  อยากเห็นชัด ๆ ว่าประกายตาในดวงตาคู่นั้น..จะระยับแค่ไหน  เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งแล้วยกขึ้นแตะริมฝีปาก  สูบควันเข้าปอดหนัก ๆ แล้วพ่นออกส่งแผ่นหลังบางที่หมุนตัวเดินไปพร้อมป้าแม่บ้าน  นั่งรับลมปล่อยใจจนถึง  5  ทุ่ม  บุหรี่หมดซองพอดีก็เข้านอน  เปิดหน้าต่างบานนั้นทิ้งไว้   เปิดทิ้งไว้รอรับแสงอาทิตย์  และภาพดวงตากลมสวย..ให้เป็นภาพแรกของวัน

เช้าขึ้นก็ลุกมาล้างหน้าแปรงฟัน  อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย  ยืนนิ่งมองหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน  ใบไม้สีเขียวพลิ้วไหวตามแรงลม  ชายผ้าม่านสะบัดปลิวปะทะขอบหน้าต่าง  เดินตรงไปที่หน้าต่างช้า ๆ มือจับขอบหน้าต่างแล้วกวาดตามองลงไปในสวน  เด็กหนุ่มคนเดิมยืนหันหลังให้ผมอยู่ในสวน  มองผมดำที่ดูยาวกว่าเด็กทั่วไปปลิวน้อย ๆ ตามแรงลมพัด  ลำคอยาว  ตัวผอมบาง   น่องเรียวเล็ก  ส้นเท้าจมอยู่ในพื้นหญ้าสีเขียวสด  ไล่สายตาขึ้นมามองไหล่เล็กกับหัวทุยที่กำลังโยกตามเพลงที่เจ้าตัวฟังผ่านหูฟังสีดำเส้นเล็ก ๆ  เลิกคิ้วเมื่อแผ่นหลังเล็กหันมาทางผม  หน้าเรียว  ตากลมดำขลับมองมาที่หน้าต่างห้องผม  หลบตาไม่ทันเลยต้องมองตอบดวงตาสวยนิ่ง  ริมฝีปากสีชมพูอ่อนอ้าค้างเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ก่อน  ดวงตากลมกะพริบปริบ  ผมขยับเข้าไปชิดขอบหน้าต่าง  ละมือจากขอบหน้าต่างขึ้นมาจับชายผ้าม่านที่ปลิวบดบังภาพดวงตาสวย  เด็กหนุ่มคนนั้นหันมามองผมเต็มตัว  ริมฝีปากบางขยับช้า ๆ เป็นประโยคยาว ๆ ผมพยายามอ่านคำจากริมฝีปาก  แปลได้ไม่หมดทุกคำ  แต่ทุกครั้งที่เด็กคนนั้นขยับปากคำว่า  ‘คุณ..’  ผมสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลในคำ  และความอ่อนโยนในดวงตา  เพราะอ่านภาษาปากไม่ออกผมเลยเลิกใส่ใจริมฝีปากบาง  หันมาเสพความสวยจากดวงตากลมแทน..

..เป็นคนที่มีดวงตาเย้ายวนแบบไร้เดียงสาที่สุด..ที่ผมเคยเจอ

ป้าที่เดินออกมาจากในบ้านเรียกความสนใจให้ผมหันไปมอง  เด็กคนนั้นมองตามสายตาผมแล้วคลี่ยิ้มส่งให้ป้าแม่บ้าน  มือเรียวดึงหูฟังออกแล้วยื่นไปรับตะกร้าเสื้อผ้าของผมไปถือ  มองส่งจนลับตา  ประทับใจกับคนที่มายืนมองผม  แต่ไม่เคยสักครั้ง..ที่จะหันกลับมามองหา  ยิ้มบางแล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง  ขับรถออกไปทำงานตามปกติ  ผมยังไม่อยากรู้ว่าเด็กคนนั้นมาจากไหน  เป็นอะไรกับป้าแม่บ้าน  ผมพอใจที่จะให้เป็นความลับเล็ก ๆ ที่น่าค้นหาต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้มากกว่า

นั่งจมอยู่ที่โต๊ะทำงาน  ปลายนิ้วเคาะบนกองเอกสารที่หยิบมาวางตั้งท่าจะอ่าน  ในหัวมีภาพเด็กหนุ่มพูดถึงคำว่า  ‘คุณ...’  มันติดตา  แล้วก็ทำให้ใจว้าวุ่นจนไม่มีสมาธิจดจ่อกับเอกสารที่อยู่แค่ปลายนิ้ว  ผมนึกต่อประโยคที่กำลังเดาเข้าข้างตัวเอง  ริมฝีปากบางพูดถึงผมแน่นอน  แต่..พูดอะไรนี่สิ   อ

ยู่ในภวังค์จนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู  เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องแล้วสบดวงตาคมที่ถอดแบบมาจากผม

“พี่ต้องปวดขี้เหรอ?!”  ถอนหายใจยาวกับคำทักทายของมัน  น้องชายยิ้มกว้างให้กับหน้าเซ็งสุดตีนของผม 

“มาเอาออเดอร์ก็เลยแวะเข้ามาทักทาย  นั่งเขี่ยแฟ้มหาหวยงวดหน้าแบบนี้กำลังเซ็งใช่ไหมล่ะ?  เย็นนี้ไปเดินไนท์ตลาดใหญ่สิ  มีไนท์บาร์ซา  แฟนผมเปิดร้านขายบะหมี่ที่นั่นด้วย  ผมไปช่วยป่วนมาหลายครั้งละ  ไปกินบะหมี่ดิพี่  เดี๋ยวเลี้ยง  ไปส่องสาว ๆ ที่ร้านด้วยนะ  เยอะเหี้ย!5555+”  ยิ้มบางแล้วเงยหน้ามองตาคมของติ  ดีใจที่มันมีความสุขกับสิ่งที่มันเลือก  มันทิ้งชีวิตที่ห้อมล้อมด้วยความใคร่และสิ่งยั่วกิเลส  เป็นชีวิตแบบที่ใครหลายคนอยากเจออย่างไม่เสียดาย  อยู่กับปัจจุบันที่แปลกใหม่ที่หยุดความอยากของมันได้อย่างชะงัด

“อืม..แล้วเย็น ๆ กูจะโทรหา”  ผมยังไม่เคยเจอคนที่มันยอมหยุดตัวเอง  อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นคนแบบไหน  น่าจะสวยแล้วก็เก่ง  เป็นแม่บ้านแม่เรือนเพราะทำบะหมี่ขายเองด้วย  นั่งกอดอกถกเถียงแต่ก็แพ้ตลอดจนติกลับ  มองส่งน้องชายจนลับตาแล้วออกไปหาข้าวเที่ยงกิน   นั่งติดกระจกร้านตามสั่งค่อนข้างหรู  มองเด็กวัยรุ่นเดินผ่านหน้าร้านแล้วนึกถึงเจ้าของดวงตาสีดำสวยคนนั้น  ยิ้มมุมปากแล้วหันมาสนใจข้าวที่สั่งไว้  กินไปมองตามถนนไปด้วย  สะดุดตากับแผ่นหลังบางที่เดินตัวปลิวมาเพื่อนกลุ่มใหญ่  นิ่งมองหน้าใส  ตาสวยที่ยิ้มน้อย ๆ ให้เด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกันทางซ้ายมือ  วางช้อนแล้วหันไปสั่งเช็คบิล  เบือนสายตาไปมองเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามตัวเองข่มอารมณ์หงุดหงิด

ก็พอจะดูออกว่าน่าจะเนื้อหอม  แต่พอมาได้เห็นเข้าจริง ๆ ..กลับหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น!

เดินออกจากร้านแล้วขับกลับที่ทำงาน  นั่งลงที่โต๊ะแล้วเปิดแฟ้มที่เอามาวางไว้แต่ตั้งเช้า  ไล่ดูรายละเอียดทุกแฟ้มไล่ภาพเด็กหนุ่มออกไปจากหัว  หมกมุ่นกับเอกสารจนถึงเวลาเลิกงานของพนักงาน  ถอนหายใจยาวแล้วเดินออกไปดูความเรียบร้อยในร้าน  มองรอบร้านแล้วหยุดสายตาที่ภาพแขวนบานใหญ่รูปแหวนคู่  เพชรเม็ดเล็กสวยฝังอยู่กับตัวแหวน  เรียบ  หรู  ประกายของเพชรมันสวย  เหมือนดวงตาของใครบางคนที่ผมมองตอนเช้า  แต่มันไม่ได้เป็นของผม..แค่คนเดียว

ถอนหายใจยาวแล้วกดหาติ  ขับรถไปตามทางที่มันบอกจนถึงตลาดใหญ่ที่ปรับพื้นที่บางส่วนเป็นไนท์บาร์ซา  ร้านรวงยาวติดกันเป็นทาง  คนเป็นร้อยเดินดูของขายจนไหล่ชนกัน  ถอนหายใจทิ้งแล้วเดินหาร้านบะหมี่ที่อยู่แถวต้นซอย  ขมวดคิ้วเมื่อเห็นน้องชายสวมผ้ากันเปื้อนยืนจับช้อนตักกระเทียมเจียวใส่ชามคู่กับ..ผู้ชายหน้าตาดีแต่ดูเหมือนหยิ่ง ๆ คนหนึ่ง  เก็บคำถามไว้ในใจแล้วเดินเข้าไปหา  ติเห็นผมก็โบกมือทักทาย  มือสากของมันสะกิดผู้ชายคนนั้นให้หันมามองผม  รอยยิ้มสดใสทำให้หน้าตาที่หยิ่งดูน่ามองมากขึ้น  ยิ้มทักทายแล้วเดินเข้าไปหา

“พี่ต้องนี่ก้าน  ผัวผมเอง”  ยิ้มค้างกับคำแนะนำของติ  ปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพราะรู้นิสัยขี้อำของมัน  ยกมือรับไหว้ก้านแล้วเดินเข้ามานั่งในร้านกับติ  ดูรอบร้านแล้วหันกลับมาคุยกับมันว่าคืนหนึ่งขายได้กำไรเท่าไหร่เพราะคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ  มันยิ้ม ๆ แล้วบอกไม่รู้  ไม่ใช่เรื่องของมัน  พยักหน้าแล้วก้มมองชามบะหมี่เกี๊ยวที่ก้านเอามาเสิร์ฟถึงโต๊ะ  ติหยิบตะเกียบให้ผมแล้วจ้องหน้า  ยิ้ม ๆ ให้น้องชายตัวเองแล้วหยิบช้อนกับตะเกียบมาตักชิมบะหมี่ในชาม

“ไม่ปรุงเหรอครับพี่ต้อง”  ติส่ายหน้าตอบแทนผมที่กำลังซดน้ำซุปหอม ๆ อยู่  ผมชอบกินแบบนี้  ไม่ปรุงแต่ง  รับรสเดิมของอาหารใส่ร่างกายดีกว่าเพิ่มเติมรสชาติอื่นเข้าไป  ไม่สงสัยว่าทำไมคนถึงได้เยอะแบบนี้  ร้านแฟนมันทำอร่อยจริง ๆ นั่งกินจนหมดชามก็ไล่ให้ก้านไปขายของ  ตินั่งเป็นเพื่อนผมครู่เดียวก็วิ่งไปช่วยแฟนมันทำบะหมี่ต่อ  ยิ้ม ๆ แล้วขอตัวกลับ

“ไปเดินเล่นดูหญิงก่อนกลับด้วยนะพี่”  พยักหน้ารับคำบอกของก้านแล้วเอ่ยปากชวนให้ก้านมาที่บ้านบ้าง  ไอ้ติมันรีบบอกตัดหน้าแฟนมันทันที

“ไปอยู่แล้วพี่  ผมจะพาลูกสะใภ้ไปให้พ่อดูตัวไม่นานนี้ล่ะ555+”  ยิ้มค้างอีกรอบแล้วรีบปรับหน้าให้เป็นปกติ   ตกลงว่าผลัดกันสินะ  เดินออกจากร้านบะหมี่เข้ามาข้างใน  มองของที่วางขายกับพ่อค้าแม่ค้าวัยรุ่นที่มานั่งขายของ  มิน่า..คนถึงได้มาเดินกันเยอะ  เด็กวัยรุ่นหน้าตาดีนั่งขายของกินพื้นที่เกินครึ่งของร้านทั้งหมดนี่เอง  ยิ้มบางตอบรอยยิ้มของวัยรุ่นที่เดินผ่านไปมา   สะดุดตากับแผงเล็ก ๆ ที่มีคนมุงกันเต็มจนมองไม่เห็นว่าขายอะไร  เดินผ่านก็พยายามมองลอดคนที่มุง  อึ้งกับภาพเสี้ยวหน้าคนขายที่มีดวงตาสีดำสนิทคุ้นตาง่วนขายของอยู่  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วออกมายืนมองอยู่ไกล ๆ  รอจนคนซาถึงได้เห็นว่าขายเฟรนช์ฟรายทอดกับเพื่อนอีก  2-3  คน  ยืนมองความสดใสของเด็กคนนั้นกับเพื่อน  ความสดใสที่ไม่ควรถูกใครมาทำให้แปดเปื้อน 

ยกยิ้มให้ตัวเอง..คนที่คิดจะทำให้เด็กแปดเปื้อน 

หมุนตัวเดินออกจากไนท์บาร์ซา  กลับถึงบ้านก็กินข้าวที่ป้าแม่บ้านเตรียมไว้ให้  ขึ้นมาอาบน้ำแล้วหอบผ้าห่มมานอนที่ห้องเดิมของตัวเอง  เขี่ย ๆ โมเดลรถออกให้พอมีที่ว่าง   ลุยกองกระดาษเข้าไปเปิดแอร์แล้วเดินย้อนกลับมาที่เดิม  ล้มตัวลงนอนข่มตาให้หลับ 

ผมเลือกจะกลับมานอนที่ห้องของผม  เพราะไม่อยากให้ตัวเองไปยืนรอสบตาสวยคู่นั้นอีก  การหันหลังให้สิ่งที่กำลังสนใจมันทำได้ง่ายพอ ๆ กับการหยุดการกินกับข้าวที่ถูกปาก  มันไม่ยากสำหรับผมที่เพิ่งจะแค่เริ่ม..สนใจเด็กคนนั้น  หลับไปในห้องที่อับและมีแต่ฝุ่น  ตื่นขึ้นมาก็เดินลากผ้าห่มใส่ตะกร้า  เข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  มองเมินหน้าต่างบานนั้นที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน  ลงไปกินข้าวเช้าแล้วออกไปทำงานตามปกติ  ขับรถออกจากบ้านสวนกับคนที่มีดวงตาสีดำที่เดินหิ้วตะกร้าผ้าตรงมาที่บ้าน  เบือนไปมองถนนแทนที่จะสบตาสีดำสนิทที่กำลังมองผมอยู่ 

พอไม่สนใจ..เดี๋ยวก็ลืมไปเอง
.
.
ผมทำตัวเหมือนเดิม  ไม่สนใจหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้  เหมือนที่พยายามไม่ใส่ใจกับดวงตาสีดำสนิท  ผ่านมาเกือบ  2  อาทิตย์ที่ผมไม่เห็นดวงตาสีดำคู่นั้น  ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ  แต่ความพยายามของผมก็มีอันต้องพังลงเพราะเย็นวันนี้

“ป้าติดธุระเลยให้ผมจัดการกับข้าวมื้อเย็นแทน”  ยืนนิ่งอยู่ในห้องครัวกับเจ้าของดวงตาสวยที่ผมตั้งใจหลบมาถึง  2  อาทิตย์  ไล่สายตาจากกับข้าวหลายอย่างบนโต๊ะ  สบกับดวงตาสีดำที่ไม่ได้มองมาหลายวัน  ถอนหายใจยาวกับแววตาตัดพ้อที่เจ้าตัวส่งมาให้  เลื่อนเก้าอี้นั่งลงตักข้าวกิน  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ไม่ใส่ใจกับเจ้าของตาสวยที่เลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามผม  ปล่อยให้ความเงียบอยู่เป็นเพื่อนจนข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก  ลุกขึ้นยืนแล้วบอกสั้น ๆ

“ฝากเก็บล้างแล้วปิดบ้านให้ด้วย”  เดินออกจากครัวแล้วตรงขึ้นชั้นบน  ปิดประตูห้องนอนเบามือ  นิ่งมองลูกบิดประตู  ในหัวสลัดภาพตาคู่นั้นไม่หลุด  ถอนหายใจยาวแล้วเดินมายืนกลางห้อง  ล้วงบุหรี่ออกมาจุดสูบ  ลมเย็นจากหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้พัดควันสีขาวลอยไปอีกทาง  หันมองหน้าต่างบานเดิม  เท้าก้าวไปยืนจนชิดขอบหน้าต่าง  ยิ้มกับควันบุหรี่ที่ยอมแพ้ความตั้งใจเดิมที่มีง่าย ๆ เพียงแค่ได้สบตาสวยคู่นั้น  เหม่อมองรั้วบ้านที่ไม่มีแม้เงาใคร  ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเก็บกวาดจานเสร็จรึยัง  ในเมื่อผมหนีแล้วแต่เด็กคนนั้นกลับวิ่งตามหา  ผมก็จะไม่หนีอีก..

ประตูห้องนอนถูกเปิดออกช้า ๆ เสียงดังแอ้ด  หันมองตามต้นเสียงแล้วนิ่งมองคนที่ยืนถือตะกร้าผ้าอยู่หน้าประตู  ดวงตาสีดำสนิทมองตาผมตอบ  ลดสายตาลงมามองมือที่ถือตะกร้า   ไล่ลงมาที่เท้าเปล่าเหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่ห้องนอน 

“ผมรู้ว่าคุณชอบมายืนตรงหน้าต่างรับลมตอนเช้ากับสูบบุหรี่ตอนดึก  ชอบกินไข่ดาวไม่สุก  ชอบสีขาว  ตื่นสาย  นอนดึก..”  จับจ้องริมฝีปากบางขยับพูดประโยคที่ผมเคยสงสัย   เบือนสายตาขึ้นมามองดวงตาสีดำ  ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาเป็นเพื่อนอีกครั้ง  เจ้าของดวงตาสวยเดินเข้ามาใกล้ขึ้น..แค่ผมยื่นมือออกไปก็สัมผัสผิวใสตรงหน้าได้แล้ว  แต่..อยู่แบบนี้..ดีกว่า..

“ครั้งแรกที่เห็น  คุณยืนอยู่ตรงนี้  เหม่อมองไปทั่ว  ไม่มีที่ไหนที่จะหยุดสายตาของคุณได้  ผมอยาก..อยากให้ดวงตาของคุณหันมามองผม  อยากให้ที่จับบุหรี่ลูบผม  อยากให้ริมฝีปากที่เอาแต่สูบบุหรี่พูดคุยกับผม  ผมจินตนาการอยู่ทุกคืนว่าผมได้นอนข้างคุณ  กอดแขนข้างนี้  หลับไปพร้อมกัน..”  มองตาสวยที่ทอดสายตามองส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผมอย่างอ่อนโยน  หัวใจเต้นตึกตักกับประโยคของเด็กหนุ่มที่เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา  ดวงตาสวยเบือนขึ้นมาสบตาผมแล้วสาวเท้าเข้าใกล้..จนสัมผัสถึงความอุ่นของผิวเนื้อ  ปลายนิ้วเรียวยื่นจับชายผ้าม่านที่ปลิวด้านหลังผม  หลับตารับไออุ่นจากแขนของเด็กตรงหน้า..

“บอกทีสิครับ..ว่ากับคนที่ชอบ  ผมต้องทำยังไงให้เขารู้..”  ลืมตามองดวงตากลมที่จับจ้องผมอยู่  หายใจเบากับความใกล้เพียงฝ่ามือคั่น  ยกบุหรี่ขึ้นแตะริมฝีปากสูบควันเข้าเต็มปอด  ขยับชิดกว่าเดิมยื่นมือข้างที่จับบุหรี่โอบเด็กหนุ่มให้เข้ามาชิด  แล้วลดมือที่จับบุหรี่บีบก้นเล็กขยำเต็มแรง  ไล้มืออีกข้างจับความต้องการของเด็กคนนั้น  คลึงนิ้วสัมผัสผ่านกางเกงเนื้อหนา  ปลายจมูกสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอระหง  เงยหน้าเขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งแล้วสูบใหม่  เน้นน้ำหนักที่ปลายนิ้วจนเด็กหนุ่มต้องจับมือผม..ดึงออกด้วยความกลัว

“อย่าจินตนาการแล้วยึดติดถึงแต่ความอ่อนโยนในฝัน  ฉันเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ต่างหาก  เธอยังเด็ก..มีรักที่มันดีกว่านี้เถอะ”  ปล่อยมือจากก้อนนุ่มที่เป้ากางเกงเด็กตรงหน้า  ขยับถอยออกมาพิงขอบหน้าต่าง  มองหน้าแดงกับดวงตากลมที่คลอน้ำตา  เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งแล้วยกขึ้นแตะริมฝีปาก  สูบควันเข้าไปช้า ๆ มองเด็กหนุ่มที่กัดริมฝีปากล่างกลั้นสะอื้นตรงหน้า..

“..อึก..ผมชอบคุณนี่!  จะเป็นผู้ใหญ่แบบไหนผมก็อยากมีรักกับคุณ  คนอื่นที่นอกเหนือจากคุณน่ะ  ผมไม่อยากมีรักด้วยทั้งนั้น!”  มองดวงตาสีดำที่กลั่นหยดน้ำตาออกมาเพราะความเจ็บใจ  คำพูดที่บอกผมดังก้องไปมาในหัว  ‘คนอื่นที่นอกเหนือจากคุณน่ะ  ผมไม่อยากมีรักด้วยทั้งนั้น..’  ถอนหายใจยาวทำใจยอมรับแขนเรียวที่อยากกอดผม  ขยี้ก้นบุหรี่ที่ขอบหน้าต่าง  ดีดหลังออกมาจากหน้าต่างแล้วยื่นหน้าจูบที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเบา ๆ   ผละออกมามองตาที่กำลังกลั่นน้ำตาออกมา  จรดริมฝีปากแตะริมฝีปากที่สั่นน้อย ๆ สัมผัสริมฝีปากนุ่มทีละเล็กทีละน้อย  เลาะเล็มจูบนุ่มนวล  ปลายลิ้นรับรสเค็มของน้ำตา  ยิ้มบางแล้วละริมฝีปากมากระซิบข้างหู..

“..จะเป็นคนรักกับผู้ใหญ่แบบผม..เบื่อก็เลิกไม่ได้นะ  ยังอยากเป็นอยู่รึเปล่า?”  เจ้าของดวงตาสวยเม้มริมฝีปากแน่นแล้วพยักหน้าแรง ๆ ก่อนจะโผเข้ามากอดผมแน่น  ลูบหลังบางเบามือ  อีกข้างลูบผมนิ่ม  สอดมือไล้ปลายผมจับท้ายทอยให้เข้ามาเกยคางที่ไหล่ผม  ความเปียกชื้นจากน้ำตาหยดลงมาที่เสื้อจนหัวไหล่ผมเปียกไปหมด

หลับตารับความอุ่นของเนื้อที่กำลังแตกพาน  คนในอ้อมกอดบอกผมเสียงเบาว่าปีนี้ย่างเข้า  14  กลืนน้ำลายเหนียวกับความเยาว์ของ  ‘แฟน’  ดวงตาสีดำสนิทงดงามเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงดาวพราวแสงระยับบนท้องฟ้าประดับเป็นประกายมองตาผมนิ่ง  ความเย้ายวนของเด็กหนุ่มวัย  13  ปี  4  เดือนทำให้ผมอยากทำอะไร ๆ ที่มันมากกว่าจูบ  แต่ด้วยตัวเลขของอายุมันทำให้สติผมไม่หลุดลอยไปไกล..

ด้วยสำนึกรักชีวิตปกติ  และความรับผิดชอบชั่วดีของคนรักที่อายุห่างกันถึง  15  ปีอย่างผม..










ตอนนี้ขืนทำมากกว่าจูบ..มีหวังต้องไปนอนกินข้าวแดงในคุกแหง!




END.


………………..

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : บ่วงรัก 13/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 17-03-2015 11:16:04

แถม
.
.
“พรุ่งนี้ไปเป็นเพื่อนโฟร์ขายเฟรนช์ฟรายที่ไนท์บาร์ซานะครับ..”  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วกดริมฝีปากปิดเสียงนุ่มที่เอ่ยขัดการจูบส่งกลับบ้าน  ผมกับโฟร์  แฟนเด็กที่สุดที่ผมเคยคบมา  โฟร์มักจะเรียกแค่ชื่อเล่นผมอย่างเดียวเพื่อลดช่องว่างเรื่องอายุ  ถึงผมจะไม่ชอบใจ  แต่ก็ไม่อยากขัดใจ  ปล่อยให้เรียกจนเริ่มคุ้นเคย   เด็กขี้อ้อนที่อ้อนให้ผมไปนั่งเป็นเพื่อนขายของที่ไนท์บาร์ซาหลายครั้ง  ไม่ใช่ไม่อยากไปเฝ้า  แต่ไม่อยากให้ติเห็นโฟร์ต่างหาก  ไม่อยากให้โฟร์โดนมันแกล้ง..

“ไม่ต้องไปหรอก  ให้เพื่อนขายไป  โฟร์อยู่กับผมที่บ้านดีกว่า   วันหยุด..ป้าไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ?”  ผละจากริมฝีปากสีชมพูอ่อนแล้วใช้นิ้วเช็ดเบามือ  โฟร์ลืมตาขึ้นมาสบตาผมช้า ๆ กระซิบเรียกชื่อผมเสียงแผ่ว  ‘ต้อง..’  ยิ้มบางแล้วตอบน้ำเสียงระดับเดียวกันกลับไป  ‘หืม?’  ริมฝีปากบางเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากผม  แตะลงมาเบา ๆ แล้วขยับจูบซึมซับความชื้นช้า ๆ หลับตารับสัมผัสอ่อนโยนของเด็กอายุ  13  เผยอปากส่งปลายลิ้นเข้าไปควานหาปลายลิ้นร้อน  มือสอดเข้าไปในเสื้อลูบผิวลื่นมือ  เสื้อร่นตามข้อมือที่สูงขึ้น  จูบระลงมาที่ซอกคอหอม  ดูดผิวเนื้ออ่อนจนขึ้นสีเข้ม  หายใจเป่าลมร้อนใส่ปลายคาง  วนขึ้นจูบที่ริมฝีปากนุ่ม..

“ต้อง..ผม..ต้องทำยังไงบ้างครับ?..”  ลืมตามองริมฝีปากบางแล้วไล่สายตาขึ้นสบตาสวย  ยื่นริมฝีปากจูบพร้อมคำตอบที่ริมฝีปากล่างที่เผยอรอ..

“แค่ปล่อยตัว  ไม่ต้องเกร็งก็พอ..”  โฟร์ขืนหน้าออกมองตาผม  แล้วค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาหา  ลมหายใจอุ่นกระทบที่แก้มกับแรงพยักหน้าจนปลายจมูกแตะที่ใบหูผม  เอี้ยวคอจูบหลังใบหู  ซึมซับความหอมของเด็กอายุ  13  เด็กที่มีกลิ่นของความเดียงสาอยู่จาง ๆ

ฝ่ามือลูบไล้ผิวใสที่อยู่ในอ้อมกอด  ไล้มือลงต่ำขยับรูดรั้งความต้องการที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อนเชื่องช้า  ริมฝีปากรับรสหวานที่เป็นของผมคนเดียว  ดื่มด่ำกับความอ่อนโยนของตัวเองและความเร่าร้อนที่มาจากธรรมชาติตรงหน้าอย่างอิ่มเอม  กอดตระกองร่างกายที่หอบเหนื่อยกับการเสียน้ำรักครั้งแรกให้กับฝ่ามือผม

ก้มหอมแก้มชื้นเหงื่อ  สบตาสีดำสนิทแล้วจูบเปลือกตาที่หลุบลงมองคอเสื้อผมเบา ๆ จูงมือไปส่งหน้าห้องน้ำ  เดินออกมาหาผ้าเช็ดตัวส่งให้  มองโฟร์สวมเสื้อผ้าแล้วดึงเข้ามาหอมผมนุ่มอีกฟอดใหญ่  อ้อมแขนอุ่นโอบรอบคอผมแน่น

“คุณเป็นผู้ใหญ่ที่ดีจริง ๆ ด้วย..ขอบคุณที่  ‘ไม่เข้ามา’  นะครับ”  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อดทนอดกลั้นกับคำพูดยั่วอย่างไม่ตั้งใจของโฟร์  จูงมือนุ่มลงมาข้างล่าง  เดินไปส่งที่หน้าบ้าน  ดวงตาสวยมองผมเป็นประกาย  ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน..

“กลับดี ๆ นะครับ  รัก..รักต้องนะครับ”  ยิ้มกว้างกับคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบาง  โฟร์เป็นคนที่พูดอะไรอกมาจากใจและพูดออกมาตรง ๆ เสมอ  พยักหน้าแล้วยื่นมือจับมือนุ่มบีบเบา ๆ แล้วปล่อยช้า ๆ หมุนหันหลังแล้วเดินกลับเข้าบ้านตัวเอง  ปิดบ้านเรียบร้อยก็เดินกลับขึ้นห้อง  อาบน้ำอีกรอบแล้วเดินมามองความงามของดาวที่ทอแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า  หันมองมือถือที่สั่นตรงหัวเตียง  เดินมาหยิบแล้วเปิดดูข้อความที่ส่งมากู๊ดไนท์ก่อนนอนของโฟร์ 

‘โฟร์แปรงฟันก่อนนอนแล้วนะครับ  จะนอนแล้ว  ฝันดีครับ..’  ยิ้มกว้างกับหน้าจอแล้วเลื่อนลงดูข้อความหลังจุดที่โฟร์ส่งมาให้  หายใจสะดุดกับข้อความที่ได้อ่าน

‘เมื่อกี้ก็ก่อคดีแล้วนะครับต้อง  ลามกอนาจาร?  หรือข้อหาอะไรดีล่ะ?  ล้อเล่นนะครับ  ฝันดีครับต้อง..’  เส้นเลือดฝอยที่ขมับปูดโปน  วางมือถือลงข้างตัวช้า ๆ พยายามข่มความหงุดหงิดที่โดนโฟร์แกล้งให้นอนไม่หลับ

ข้อดีของโฟร์คือความตรงไปตรงมา  แต่นั่นก็เป็นข้อเสียได้เหมือนกัน  ในหัวให้คำจำกัดความแฟนตัวเองจนหลับ..ไม่ว่าจะเป็นคำไหน  มันก็เหมาะกับหน้าใสผิวสวยพูดตรงแบบโฟร์ทั้งนั้นครับ..









‘ยักษ์..ปีศาจ..เด็กเปรต!’


END.





Fan fic Beautiful Eyes  BY  ZuuZuu


Rrrrrrrrเสียงโทรศัพท์ในยามเช้าเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกชั้นดีที่ปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนไปได้แค่ 3ชั่วโมง เสียงเพลงพิเศษเฉพาะตัวทำให้ผมรู้ได้โดยไม่ต้องมองว่าใครโทรมา

“ครับโฟร์” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง คงเพราะน้ำเสียงของผมงัวเงียจนฟังไม่ค่อยเป็นคำ

“ต้องยังไม่ตื่นหรอครับ ผมโทรมากวนเวลานอนของต้องอีกแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงที่พูดมาประโยคแรกเหมือนจะรู้สึกผิด แต่ประโยคหลังเหมือนจะอ้อนให้ผมไม่โกรธอยู่กลาย ๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะตื่นพอดี โฟร์มีอะไรรึป่าว ถึงได้โทรมาหาผมแต่เช้า” ตอบอย่างเอาใจก่อนที่แฟนเด็กจะคิดมาก

“ผมอยากไปเดินเที่ยวในห้างน่ะครับ อยากทานไอศกรีมด้วย ต้องไปกับผมได้มั้ยครับ”

“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปรับที่บ้านโฟร์นะ ขอเวลาผมจัดการตัวเอง 30 นาที”

“ครับ ใกล้ถึงบ้านผมแล้วโทรมานะ ผมจะได้ออกไปรอหน้าบ้าน” ให้ตายเหอะ ทำไมผมถึงไม่เคยปฏิเสธน้ำเสียงอ้อนของแฟนเด็กคนนี้ได้เลยนะ

หลังจากที่จัดการกับตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยผมก็ขับรถออกไปรับโฟร์ที่บ้าน ยังไม่ทันจะโทรเข้าหา สายตาก็เหลือบไปเห็นแฟนเด็กคนนี้ของผมยืนยิ้มแป้นรออยู่หน้าบ้านแล้ว

“ออกมายืนตากแดดร้อน ๆ ก่อนทำไมครับ โฟร์เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าถ้าถึงหน้าบ้านแล้วให้ผมโทรหา ผิวดำขึ้นมาอย่าบ่นอีกละ” หลังจากบ่นเสร็จเหลือบไปมองโฟร์นิดนึง ก็เห็นว่านั่งทำปากบู้ บ่นพึมพำอะไรคนเดียว เท่าที่ได้ยินเหมือนจะบอกว่า ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวกับผม เพราะ 2-3 เดือนมานี้ผมแทบจะไม่ว่างได้ออกไปไหนเลย งานเข้ามาเยอะมาก เวลาว่างอันน้อยนิดของผมเลยทำได้แค่อยู่ที่บ้านแล้วโฟร์ก็มาหาบ้างเป็นบางเวลา เห็นอย่างนี้แล้วก็อดสงสารไม่ได้ ดูแล้วแฟนของผมคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยมาก แทบจะไม่แสดงนิสัยเด็ก ๆออกมาให้ผมเห็นเลย นอกจากเวลาที่อยากทานขนมหวาน หรืออยากจะขอให้ผมทำอะไรสักอย่าง ถึงจะได้เห็นโฟร์ในร่างที่เป็นเด็กอายุสมวัย 13 ย่าง 14 ปี เมื่อคิดได้แบบนั้นก็อดที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวแฟนเด็กแล้วพูดปลอบใจไม่ได้

“ผมก็ตื่นเต้นนะที่จะได้ออกไปเที่ยวกับโฟร์ แต่ก็ไม่อยากให้โฟร์ยืนตากแดดรอนานๆ เผื่อผมมาช้าเพราะรถติด โฟร์จะทำยังไงครับ แล้วนี่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าด้วยใช่มั้ย ถ้าเป็นลมไปทำยังไงละครับ ที่ผมพูดเพราะผมเป็นห่วง ไม่โกรธผมนะครับ”

“ผมไม่ได้โกรธต้องซักหน่อย ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องคิดมาก” พูดจบโฟร์ก็เงยหน้ามายิ้มให้ผม เห็นแบบนี้แล้วไม่ยิ้มตอบก็คงจะไม่ได้แล้วละครับ น่ารักซะขนาดนี้

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไปถึงห้างแล้วเราไปหาอะไรทานกันก่อน แล้วค่อยเดินเที่ยวดีมั้ยครับ แล้วก่อนกลับค่อยไปทานไอศกรีมกัน”
“ครับ”

เมื่อวนหาที่จอดรถได้เป็นที่เรียบร้อยพวกผมก็เดินไปหาอะไรทานกัน แล้วค่อยไปเดินดูเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ตามที่แฟนเด็กของผมอยากจะดู

“ต้องครับ สีฟ้ากับสีเหลืองต้องว่าสีไหนสวยกว่ากันครับ” หลังจากที่โฟร์ยืนหน้าดำคร่ำเครียดกับการตัดสินใจเลือกสีของเสื้อยืดตรงหน้ามาไม่ได้พักใหญ่ๆก็หันมาถามผม

“จริงๆสีไหนโฟร์ก็ใส่ได้หมดนะครับ แต่ถ้าถามผม ผมชอบสีเหลืองมากกว่า อีกอย่างเสื้อสีฟ้าโฟร์มีเยอะแล้ว เอาสีเหลืองไปใส่บ้าง เปลี่ยนบรรยากาศให้ตู้เสื้อผ้าดีมั้ยครับ”

หลังจากยืนคิดตามคำแนะนำผมแป๊บนึง โฟร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วหยิบเสื้อยืดตัวสีเหลืองส่งให้พนักงานไปคิดเงิน แต่ยังไม่ทันได้หยิบเงินส่งให้พนักงาน ผมก็ชิงส่งบัตรเครดิตให้ไปก่อน

“ต้องอ่ะ เสื้อตัวเดียวผมจ่ายเองได้ ต้องออกเงินจ่ายค่าเสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ แล้วก็ค่ากินให้ผมหลายอย่างแล้วนะครับ”

“โฟร์อย่าคิดมากสิครับ ผมเต็มใจที่จะจ่ายให้ เลี้ยงแฟนคนเดียว ถ้ายังเลี้ยงไม่ไหวแล้วผมจะเลี้ยงอะไรได้ละครับ” หลังจากพูดจบแฟนเด็กของผมก็หน้าแดงระเรื่อแล้วพูดต่อว่า

“แต่ของที่ต้องจ่ายเงินให้ผมถ้ารวม ๆ กันก็เป็นเงินหลายบาทแล้วนะครับ ผมเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เงินของผมก็เหมือนกับเงินของโฟร์ อย่าคิดมากสิครับ หรือว่าโฟร์จะเอาบัตรเครดิตของผมไปไว้ใช้ซักใบมั้ย จะได้ดูเหมือนโฟร์เป็นคนจ่ายเงินเอง”

“แบบนั้นยิ่งไม่เอาเลยนะ!! โอเคครับ ต้องอยากจ่ายเงินแทนผมก็ตามสบายเลยครับ หมดตัวอย่ามาว่าผมนะ”

“ถ้าผมหมดตัว ผมก็ให้โฟร์เลี้ยงผมกลับไงครับดีมั้ย” พูดจบก็ยิ้มหวาน แฟนเด็กของผมเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มตอบ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะพาตัวไปเก็บไว้ที่บ้านจริงๆเลยครับ ไม่อยากให้ใครมองหรือเห็นเลย น่ารักไปแล้วจริงๆ

หลังจากที่เดินเลือกซื้อของกันจนทั่วห้างแล้ว ผมก็ชวนโฟร์ไปทานไอศกรีมก่อนกลับ ระหว่างทางที่เดินไปก็มีเสียงคนทักผมขึ้นมาซะก่อน

“ต้อง! นั่นต้องใช่มั้ย”  ผมหันกลับไปมองแล้วนึกซักแป๊บว่าใครเป็นคนเรียก ก่อนจะส่งยิ้มให้แล้วทักทายตอบ

“ฟ้าใช่มั้ย ไปไงมาไงถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ฟ้าเป็นเพื่อนสมัยเรียน เป็นบัดดี้เวลาทำงานแบบงานคู่ เพราะรหัสนักศึกษาของเรา 2 คนติดกัน ทำให้สนิทกันพอสมควร

“พอดีที่ทำงานของฟ้า ให้ฟ้าย้ายมาประจำที่สาขานี้น่ะจ๊ะ ต้องสบายดีนะ ดูดีไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ เมื่อก่อนหล่อยังไงก็ยังหล่อเหมือนเดิม อยากกลับไปเรียนอีกจัง” ระหว่างที่ยืนฟังฟ้ารำลึกถึงความหลังสมัยเรียนแฟนเด็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมก็กระตุกแขนเสื้อเบา ๆ 2-3 ครั้ง พอก้มลงไปมองเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา พอฟ้าเห็นว่าผมก้มไปมองใครก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคุยเพลินจนลืมสังเกตว่ามีใครอีกคนมากับผมด้วย

“อุ๊ย มัวแต่คุยเพลิน ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าต้องมากับน้อง ชื่ออะไรคะสุดหล่อ พี่ชื่อฟ้านะคะ”

 “.....”  โฟร์เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดอะไร ร้อนถึงผมต้องเป็นคนตอบแทน

“น้องชื่อโฟร์น่ะฟ้า โฟร์นี่พี่ฟ้านะ”

“สวัสดีจ๊ะน้องโฟร์”

“......” แฟนเด็กของผมเงียบอีกแล้วครับ ผิดปกติไปนะ แต่ ณ ตอนนั้นผมยังไม่ได้ใส่ใจถึงความผิดปกตินี้เท่าไหร่ คิดแค่ว่าโฟร์คงเขินอายที่จะพูดคุยกับคนที่เพิ่งจะรู้จัก จนผมชวนฟ้าไปทานไอศครีมด้วยกันนั่นแหละครับ ถึงได้คิดว่ามันไม่ใช่อาการของคนเขินอายแล้ว เพราะโฟร์ที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ฟ้าเข้ามาทักจนถึงตอนนี้  กลับบอกว่าลืมไปว่ามีธุระด่วน จะกลับบ้านแล้ว ทำให้ผมเริ่มจะเอะใจขึ้นมา  หรือว่าโฟร์จะไม่ชอบฟ้า ผมเลยต้องตามใจโฟร์ด้วยการพากลับบ้านทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทานไอศครีม  พอขึ้นไปนั่งบนรถได้ผมก็เลยถามโฟร์ว่า

“โฟร์ครับ โฟร์ไม่พอใจอะไรรึป่าว บอกผมได้นะครับ เงียบแบบนี้ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าโฟร์ชอบหรือไม่ชอบอะไร”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ” ถึงโฟร์จะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่สีหน้าและน้ำเสียงที่พูดมันไม่ใช่เลย ทำให้ผมเริ่มคิดทบทวนดูว่าโฟร์เริ่มเงียบไปตั้งแต่ตอนไหน แล้วค่อยถามต่อ

“โฟร์ไม่ชอบฟ้าหรอครับ” พูดจบก็เห็นว่าหน้าของโฟร์ยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม แต่แววตาของโฟร์มันฟ้องว่าเป็นเรื่องนี้จริง ๆ แต่เพราะโฟร์ไม่ได้รับมาตรง ๆ ว่าไม่ชอบฟ้า ทำให้ผมพูดอะไรมากไม่ได้ ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านโฟร์ก็นั่งเงียบ สายตาก็จ้องออกไปดูถนนด้านข้างตลอดเวลา พอมาถึงหน้าบ้านผมเลยตัดสินใจที่จะพูดในสิ่งที่ผมคิดมาตลอดทาง

“โฟร์ครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าโฟร์ไม่พอใจอะไรในตัวฟ้า แต่ฟ้าเป็นเพื่อนของผม ถ้าผมจะคุยกับเพื่อนบ้าง ชวนเพื่อนไปเที่ยวบ้างไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ ผมก็ยังต้องมีสังคมในแบบของผมนะครับ ชีวิตนี้ไม่ใช่ว่าจะมีแค่โฟร์เพียงคนเดียว ก็เหมือนกับโฟร์ที่ชีวิตนี้ไม่ได้จำเป็นจะต้องมีผมแค่คนเดียว โฟร์ยังต้องไปเจอใครในสังคมอีกเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกลุ่มใหม่ อาจารย์คนใหม่ หรือใครก็ตามที่ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตโฟร์ โฟร์ต้องเปิดใจให้กว้างกว่านี้นะครับ ไม่ใช่เพื่อใคร ไม่ใช่เพื่อผม แต่เพื่อตัวโฟร์เอง นะครับ ลองไปคิดดู”  พูดจบก็หันไปมองโฟร์แล้วก็ต้องใจหายอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแฟนเด็กของผมคนนี้ร้องไห้ไปแล้ว แต่ก็ต้องทนใจแข็งไม่ดึงตัวเข้ามากอดหรือปลอบ เพราะต้องการให้โฟร์คิดได้เกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากที่เห็นโฟร์เดินเข้าบ้านไปแล้ว ผมก็กลับบ้านเพื่อจะเคลียร์งานส่วนที่เหลือต่อ แต่นั่งเคลียร์งานได้ไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตู แล้วเปิดแง้ม ๆ ให้พอเห็นว่าใครเป็นคนเคาะประตู

“เข้ามาซิครับโฟร์” โฟร์เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าประตูก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นพักใหญ่ จนผมทนไม่ได้จึงเอ่ยปากถามต่อ

 “มีอะไรรึป่าวครับโฟร์ ยืนเงียบ ๆ อยู่แบบนั้นผมไม่รู้จริง ๆ นะครับว่าโฟร์มาทำไม”

“ฮึก...ต้องอย่าเกลียดผมเลยนะครับ” โฟร์ตอบกลับมาเสียงสั่นๆ

“ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมจะทำตัวให้ดีกว่านี้ ต้องอย่าโกรธอย่าเกลียดผมเลยนะครับ” พูดจบโฟร์ก็เงยหน้ามามองผมด้วยหน้าตาที่มองยังไงก็รู้ว่าร้องไห้มาตลอดทางที่เดินมาหาผมแน่ๆ เห็นแบบนี้แล้วที่ตั้งใจว่าจะไม่ใจอ่อนให้เด็กดื้อคนนี้ง่าย ๆ ก็ต้องพักความคิดไป ใจอ่อนยวบเพราะสงสารแฟนเด็กคนนี้ จึงลุกจากโต๊ะทำงานไปกอดปลอบใจโฟร์อยู่พักใหญ่ หลังจากที่ยืนปลอบให้แฟนเด็กหยุดร้องได้ก็จูงมือมานั่งที่โซฟากลางห้อง แทนที่เจ้าแฟนเด็กจะนั่งข้างๆกลับปีนมานั่งบนตักกอดคอผมแน่น จนผมอดใจไม่ไหวต้องดันตัวโฟร์ออกมาเพื่อจูบหน้าผากและตาทั้งสองข้างเป็นการปลอบใจอีกครั้ง

“ร้องไห้ทำไมครับเนี่ย โฟร์คนเก่งของผมกลายร่างเป็นเด็กขี้แยไปแล้วหรอ”

“ก็ต้องโกรธผม...เกลียดผมแล้วนี่ครับ”

“ผมไม่ได้โกรธโฟร์เลยนะครับ เรื่องเกลียดยิ่งไม่ใช่ใหญ่ แค่ไม่ชอบที่โฟร์ไปแสดงท่าทางไม่ดีใส่ฟ้าแบบนั้น ครั้งนี้ฟ้าอาจจะไม่คิดมาก แต่ถ้าเจอกันครั้งต่อไปฟ้าจะดูว่าโฟร์เป็นเด็กไม่ดีนะครับ ผมไม่อยากให้ใครมองว่าแฟนผมเป็นเด็กมีปัญหา เข้ากับใครไม่ได้”

“ผมไม่ได้รังเกียจพี่ฟ้าเลยนะครับ แต่ผมแค่คิดว่าวันนี้ผมกับต้องไปเที่ยวกันแค่2คนก็ดีอยู่แล้ว... ทำไมต้องชวนคนอื่นไปด้วยละ” โฟร์พูดไปเสียงก็ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ ถ้าไม่อยู่ใกล้กันจริงๆคงจะฟังไม่รู้เรื่อง พอฟังโฟร์พูดแบบนี้ก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าที่แฟนเด็กของผมไม่พอใจไม่ใช่ไม่พอใจเพื่อนผม แต่น่าจะเป็นตัวผมเองมากกว่าที่ไปชวนคนอื่นมารบกวนเวลาเที่ยวของเรา 2 คนที่กว่าจะหาได้อย่างยากลำบาก

“ขอโทษนะครับโฟร์ที่ผมลืมคิดถึงจุดนี้ไป ยกโทษให้ผมได้มั้ยครับ”  พูดจบก็ไม่รอคำตอบของโฟร์ ยื่นหน้าเอาปากของตัวเองไปแตะกับริมฝีปากบางของแฟนเด็กซ้ำๆ แล้วกัดริมฝีปากล่างเบาๆเพื่อให้โฟร์เผยอปากขึ้นมา หลังจากที่ส่งปลายลิ้นเข้าไปกอดเกี่ยวกับลิ้นของแฟนเด็ก มือก็สอดเข้าไปลูบไล้แผ่นหลัง ก่อนจะอ้อมมือมาเล่นกับเม็ดสีชมพูเบา ๆ ให้พอได้ยินเสียงครางของโฟร์เบา ๆ จากนั้นก็ผละริมฝีปากออกจากริมฝีปากบางนิดหนึ่งเพื่อถอดเสื้อของเด็กดื้อออก แล้วก็ประกบริมฝีปากต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แล้วก็รับรู้ได้ถึงความต้องการของแฟนเด็ก

มือที่เล่นอยู่กับเม็ดสีชมพูจึงละลงไปรูดรั้งความต้องการของโฟร์ ริมฝีปากก็ค่อย ๆ เคลื่อนลงมาจากปากบางมาที่ซอกคอและยอดอก เล่นอยู่ที่จุดนั้นอยู่สักพักก็เลื่อนหน้าขึ้นไปประกบปากกับปากบางต่อ มืออีกข้างที่ไม่ได้สัมผัสกับความต้องการของแฟนเด็กก็ค่อยๆเคลื่อนลงมาลูบไล้ตรงช่องทางสงวนของโฟร์ ในตอนที่ลากนิ้วไปแตะ โฟร์สะดุ้งเล็กๆก่อนจะปล่อยให้ผมสอดนิ้วเข้าไปสำรวจช่องทางนั้น ส่งนิ้วเข้าไปสำรวจได้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกว่าโฟร์เกร็งตัวแน่นพร้อมทั้งผละริมฝีปากออกมากัดเพื่อบรรเทาความเจ็บ เห็นแบบนั้นก็ทนใจร้ายทรมานแฟนตัวเองไม่ได้ เลยดึงนิ้วออกมา จากที่โฟร์หลับตาขมวดคิ้วแน่นก็ลืมตาขึ้นมามอง เหมือนจะถามว่าผมจะไม่ทำต่อแล้วหรอ เห็นแบบนั้นจึงยิ้มให้ พร้อมทั้งประกบริมฝีปากเข้าหาปากบางแล้วบอกว่า ‘ไว้ให้โฟร์พร้อมกว่านี้ก็ได้ครับ’ แฟนเด็กได้ยินแบบนั้นก็ผละมือออกจากคอผมไปรูดรั้งความต้องการของผมพร้อมทั้งพูดว่า ‘งั้นให้ผมได้ช่วยต้องบ้างนะครับ’ มือเล็กของแฟนเด็กจับรวบความต้องการของผมแน่น  ขยับข้อมือรูดรั้งเบา ๆ พร้อมกับเงยหน้าเผยอริมฝีปากยั่วเย้าให้ปลายลิ้นผมสอดเข้าควานหาลิ้นอุ่น  ขยับเบียดดันหลังบางให้เดินไปที่เตียง  เท้าแขนคร่อมข้างหนึ่งยันตัวเองไม่ให้ลงน้ำหนักตัวใส่โฟร์  ลมอุ่นจากปลายจมูกโด่งติดขัด  มือเล็กที่จับความต้องการผมหยุดขยับก่อนจะผละมากอดคอผมแน่น  ความแข็งขืนของโฟร์ที่อยู่ในมือผมร้อนรุ่ม  ก่อนจะปลดปล่อยธารรักใส่ฝ่ามือ..ไหลระไปตามหลังมือผมอย่างท่วมท้น  ผละริมฝีปากให้โฟร์ได้หายใจสะดวก  ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ และทำความสะอาดให้โฟร์  นิ่งมองตาสวยฉ่ำปรือที่ลืมขึ้นมาสบ  ผมควรเตรียมความพร้อมและสร้างความกล้าให้โฟร์..ทีละนิด 

“ช่วยผมนะ..”  เอ่ยปากบอกสั้น ๆ แล้วคลานเข่าขึ้นมาคร่อมหน้าเรียว  จ่อความต้องการของตัวเองที่มีน้ำใสติดตรงปลายที่ริมฝีปากบาง  น้องกลั้นหายใจก่อนจะอ้าปากเล็กใช้ลิ้นแตะชิมน้ำสีใสของผม  ครางซี๊ดแล้วกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากนุ่มเริ่มครอบครองความยาวของผม  กัดกรามแน่นข่มความเสียวในอกแล้วจับหมอนมาให้โฟร์หนุนไม่ให้เมื่อย  ขยับสะโพกดันความยาวเข้าหาโพรงปากอุ่นทีละนิด  กัดฟันกับความเจ็บเพราะความไม่เคยของโฟร์  ยิ้มบางแล้วลูบแก้มปลอบเมื่อดวงตาสวยบอกผมว่าขอโทษที่ทำให้เจ็บ  ผมปล่อยให้โฟร์ได้ลองแตะปลายลิ้น  ได้ลองครอบครองของผมในท่วงท่าที่..โฟร์คิดว่าโฟร์ถนัด  ลิ้นร้อนกับความนุ่มในปากโฟร์  ส่งให้ผมไปถึงสวรรค์ในเวลาไม่นานนัก  ถดสะโพกออกแล้วรูดรั้งท่อนร้อนของตัวเองรวดเร็วก่อนจะปล่อยน้ำรักใส่ฝ่ามือจนเต็มที่  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหันข้างดึงทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดตัวเอง

หลังจากที่เราสองคนผลัดกันให้ความสุขจนเสร็จก็จูงมือกันไปอาบน้ำก่อนที่จะมานอนกอดกันหลับไป แฟนเด็กของผมคนนี้ถึงจะดื้อไปหน่อย แต่ก็น่ารักนะครับ คุณๆคิดแบบนั้นไหม?


END.


กอดหมับ บวก ๆ ค่ะ
งานเยอะค่ะช่วงนี้  พฤหัสกับศุกร์ที่จะถึงนี้ก็ถูกเฉดหัวไปอบรม  เสาร์ก็ไม่ได้เข้าบ้านต้องมาปั่นจักรยานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา  ถ้าเปรียบเป็นซุปตาร์..จิคงค่าตัวแพงน่าดูค่ะ55555
คุณ  Mouse2U  ฮาเนอะคะ  จิแต่งเองก็ฮาเหมือนกันค่ะ5555  จิลองดูด้วยนะคะ  เอาครีมนวดมาถูกับข้อพับที่หนีบแน่นของตัวเอง  เข้าง่ายเลยล่ะค่ะ  จิสนับสนุนทฤษฎีครีมนวดนะคะ >///<
คุณ  nekko  มันเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวนะคะ  ความรักที่ยังต้องการตัวช่วย  เราต้องขอบคุณครีมนวดล่ะค่ะ  ไม่อยากจะบอกว่าจิลิงดูด้วยล่ะค่ะตอนเขียนเสร็จใหม่ ๆ อ่ะ  เอาครีมนวดมาถูกับข้อพับที่หนีบแน่น..มันไหลเข้าไปปรื้ด ๆ สบาย ๆ เลยค่ะ5555
คุณ  sirin_chadada  ครีมนวดตอนท้ายฉีกอารมณ์แคว้กๆ เลยใช่ป่ะคะ555 ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ  คุณช่วยจิไว้ได้มาก ๆ เลยค่ะ  สำหรับคอมเม้นท์ที่มีให้  ขอบคุณมากค่ะ ^^
คุณ  PURE LOVE  ทุกคนมีจุดเริ่มต้นของความรักไม่เหมือนกันค่ะ  บางคนสดใส  บางคนมืดมน  แต่ตอนจบมีความสุขเพราะรู้สึกเหมือนกันค่ะ....ขอบคุณเหมือนกันนะคะ ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามค่ะ
 :pig4: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 17-03-2015 14:52:31
ตอนนี้อบอุ่นมากเลยค่ะ :-[ แบบว่า 'รักแรกพบเมื่อสบตา' อร๊างง~ พี่ต้องท่องคำนี้จนขึ้นใจเลยสินะคะ คุก คุก คุก :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-03-2015 14:52:52
นี่นายต้อง นายรู้สึกคันคอเหมือนจะไอดังคุก คุก คุกมั้ย 55
ว่าแต่กินเด็กอร่อยมั้ยอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 17-03-2015 18:54:50
ท่องไว้ๆๆนะพี่ต้อง น้องเป็นผู้เยาว์ :laugh:

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 18-03-2015 13:21:07
พี่ต้อง เป็นพี่ชายตินี่เอง ตินี่ตกลงจะแนะนำก้านว่ายังไงแน่ล่ะ
พี่ต้องน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กับพ่อแม่นี่สิ จะบอกว่าก้านเป็นลูกสะใภ้หรือลูกเขยดีจ้ะ 555

โห พี่ต้อง ได้แฟนเด็กแล้วกระชุ่มกระชวยดีไหมล่ะ แต่ตอนนี้ ต้องอดใจไว้ก่อนนะ
น้องโฟร์ เพิ่งจะอายุ 13 ยังเด็กน้อยใสซื่อมากเลย แต่เพราะความเป็นเด็กนี่แหละเนอะ
รู้สึกอย่างไรกับพี่ต้อง ถึงได้แสดงออกมาตรง ๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความกล้าของน้องโฟร์
มีหวังพี่ต้อง ต้องกินแห้วเพราะคิดเอง เออเอง ทำตัวเองทั้งนั้นนะเนี่ย

ว่าแต่ ติรู้หรือยัง ว่าตัวเองได้พี่สะใภ้อายุ 13 อ่ะ มีหวังมาป่วนจนพี่ต้องปวดหัวแน่ 555
ขอบคุณคุณจิ มากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 19-03-2015 22:00:05
ตามอ่านแล้วฟินทุกเรื่องเหมือนเดิม

ชอบนะ น่ารักไปสิ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 20-03-2015 18:26:14
คุณจิหายไปหนายย... สามวันแล้วน้าค้า~ :dont2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 23-03-2015 14:42:04
Charming



ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบตัว  มีแสงสว่างจุดเล็กให้ผมได้ยึดไว้เป็นจุดหมาย  เพ่งมองแสงสว่างที่อยู่สุดทางเดิน  เดินตรงไปตามทางที่เห็นแสงสว่างรำไรอยู่ด้านหน้า   ชินชากับความมืดมิดที่รายล้อมรอบตัว  แสงสว่างที่เห็นเป็นจุดเล็กเพิ่มความกว้างขึ้นทีละน้อย  เดินย่ำความเปียกชื้นในซอกอับของตลาดสด  ในมือบังคับรถเข็นที่บรรจุผักกาดหอมสีเขียวสดไว้เต็มลังพลาสติก  เข็นเข้ามาหาแสงสว่างสุดทางเดินแล้วเลี้ยวทางขวา  ยิ้มมุมปากตอบเด็กอาชีพเดียวกันที่เข็นลังปลาสวนมา  หยุดหน้าแผงผักแล้วยกไปวางให้หลังแผง  ยืนรอเงินในมือเหี่ยวที่กำลังกรีดแบงค์สีเขียวส่งให้ผม  3  ใบ  ยกมือไหว้ก่อนจะรับ

“ไหว้พระลูก  เปิดเทอมเมื่อไหร่ล่ะตรี?”  ยิ้มบางแล้วตอบ  ‘อีก  15  วันครับ’  ป้าเนียนยิ้มแล้วยกมือลูบหัวผม  ก้มหัวลงให้แกลูบได้ถนัด  หลับตารับพรที่แกให้  ‘เจริญ ๆ นะลูก’  เงยหน้าเมื่อมือเหี่ยวของป้าเนียนพ้นไปจากหัว  ยิ้มบางแล้วยกมือไหว้ขอบคุณอีกรอบ  หันกลับมาคว้ารถเข็นแล้วลากกลับทางเดิม  ความสว่างจากด้านนอกมาพร้อมกับผู้คนที่เริ่มทยอยเข้ามาจับจ่ายของสดในตลาด  รีบเดินออกมาจากซอยผักเลี่ยงคนจ่ายของ  เข็นรถมาเก็บด้านหลังตลาดรวมกับของคนอื่น  ถอนหายใจกับลมเย็นที่พัดไม่ถูกจังหวะ  น่าจะพัดตอนที่ผมกำลังเข็นผักส่งตามแผง  เงยหน้ามองประอาทิตย์ที่เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า  ยกยิ้มให้กับ ‘เวลา’  ที่ผมรออยู่ทุกวัน

ลมพัดเอาความเย็นมาเช็ดเหงื่อที่กำลังเกาะพราวตามตัวผมให้แห้ง  ยืนนิ่งหลับตารับลมที่พัดมาช้า ๆ  ก้มหน้าแล้วผ่อนลมหายใจออก  ลืมตาขึ้นแล้วเงยหน้ามองตรงไปที่กองถังขยะท้ายตลาดสด  แมวหลายตัวห้อมล้อมคนที่มาให้อาหารมันในเวลานี้ทุกวัน  มองมือขาวนิ้วเรียวยาวที่หยิบอาหารเม็ดเทใส่ชามใบโต  ค่อย ๆ วางไว้ตรงกลางฝูงแมวตัวน้อยช้า ๆ   ดวงตาสีน้ำตาลที่อยู่ใต้กรอบแว่นสายตาดูอ่อนโยน  รอยยิ้มเอ็นดูประดับหน้า  ผิวขาวที่ถูกเสื้อตัวโคร่งปิดบังความเนียนละเอียด   แก้มใสขึ้นสีเมื่อรับความร้อนจากอากาศรอบกาย  เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวจนหลังเสื้อเปียกชุ่ม 

ผมเห็นภาพนี้ครั้งแรกเมื่ออาทิตย์ก่อน  ผู้ชายคนนี้ไม่เด่นสะดุดตาคน  รูปลักษณ์ที่ดูไม่น่าดึงดูดใจใคร  การแต่งตัวที่ดูเชยเฉิ่ม  แว่นตาหนาเตอะกับทรงผมที่ดูยุ่งเหยิงบวกกับการก้มหน้าก้มตาเดินยิ่งทำให้ไม่มีใครสนใจอยากรู้จัก  แต่เพราะความเป็นคนใจดีที่เอาอาหารมาให้แมวทุกวันนี่ล่ะมั้ง  ทำให้ผมเริ่ม..สังเกตเห็นคนคนนี้

ยืนตัวตรงเสมองความเคลื่อนไหวของลมฟ้าอากาศ  เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นลุกขึ้นยืนแล้วปัดกางเกงเบา ๆ  เสียงฝีเท้าคุ้นเคยดังใกล้เข้ามา  ลมเย็นพัดผ่านชวนให้เหลือบมองผมที่เริ่มยาวปลิวน้อย ๆ  ผิวแก้มสีชมพูอ่อนเหมือนริมฝีปากบาง  ปลายจมูกมีเหงื่อเม็ดเล็กเกาะ  แว่นตาหนาเตอะสะท้อนแสงบดบังดวงตาสวยที่ล้อมรอบด้วยขนตาหนาเป็นแพ 

ผ่อนลมหายใจช้า ๆ เมื่อคนคนนั้นเดินผ่านไปแล้ว  ภายในร่างกายสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้  เม้มปากแน่นแล้วยกมือขึ้นจับหน้าอกข้างซ้ายที่สั่นหนักกว่าอวัยวะอื่นในร่างกายแน่น..

“น่ากอดเป็นบ้า..”  เอนหลังพิงกำแพงแล้วปรับลมหายใจให้เป็นปกติ  หยิบเสื้อที่เหน็บไว้ที่กระเป๋าหลังมาสะบัดแล้วสวมรวดเร็ว  ลูบหน้าแรง ๆ แล้วเดินเลาะเข้าซอยกับข้าวถุง  ตรงดิ่งไปท้ายซอย  มองเมินแม่ค้าหน้าสวยที่เรียกผมให้แวะ  ดวงตามองตรงไปที่ร้านขายผัดไท  เสี้ยวหน้าด้านข้างขะมักเขม้นกับกระทะใบโต  เหลือบมองแถวยาวเหยียดแล้วเดินไปต่อแถวไม่ท้อ  ลูกค้ามีแค่  2  ประเภท  ป้าแก่ ๆ กับผู้ชาย..ทุกวัย

ไม่มีเสียงพูดคุยจ้อกแจ้ก  ทุกสายตาจับจ้องไปที่คนเพียงคนเดียว  ท่าทางทะมัดทะแมงเพราะประสบการณ์การทำผัดไทที่นานเท่าอายุของผม  เดินขยับเข้าใกล้ขึ้นตามคิวที่ลดลง  หัวใจเต้นตึกตักจนกลบเสียงตะหลิวกระทบกระทะ  เสียงนุ่มเอ่ยถาม..

“กี่ห่อครับ?”  เงยหน้ามองแว่นมัวเพราะไอความร้อน  นึกหงุดหงิดเจ้าของแว่น..ทำไมไม่รู้จักเช็ดแว่น  จะได้มองเห็นกันบ้าง?!   ถอนหายใจพรูแล้วตอบเสียงเบา

“..2  ห่อครับ”  มองมือขาวตักเส้นเหนียวกับกุ้ง  4-5  ตัวใส่ใบตอง   สูดลมหายใจเข้าปอดหนัก ๆ แล้วนึกถึงคำแนะนำที่พี่โตบอกผมประจำ  ลองดูก็ได้..ขอให้ได้ผลเถอะวะ!

“ไม่เอาถั่วคั่ว  ไม่ใส่กุยช่าย  ไม่กินถั่วงอก..”  กลั้นหายใจลุ้นเยี่ยวเหนียวกับผลลัพธ์ที่จะเกิด  แว่นหนาเตอะที่ก้มมองแต่ในกระทะค่อย ๆ เงยหน้าเพ่งมองลูกค้าเรื่องมากอย่างผมช้า ๆ ทำหน้าเฉยมองกลับไปอย่างเก็บอาการที่สุด  ผมไม่จำเป็นต้องทำหน้าหล่อหรือสร้างความประทับใจอะไร  แค่มอง..แค่เห็นและจำกันได้บ้างก็พอ  เท่านี้ผมก็ประสบความสำเร็จแล้ว 

นิ่งมองแก้มใสขึ้นสีเรื่อน้อย ๆ  ริมฝีปากค่อย ๆ เม้มช้า ๆ เจ้าของร้านผัดไทก้มหน้าหลบตาผมแล้วหยิบยางมารัดห่อผัดไท  ตักเส้นใส่อีกห่อแล้วรัดจนครบจำนวนที่ผมสั่งแล้วหยิบใส่ถุง   ยื่นส่งให้ผมไม่มองตา  ยื่นมืออกไปรวบถุงแล้ววางเงินไว้ตรงหน้า  จับจ้องหน้าด้านข้างที่เบือนมองกระทะใบใหญ่   มือขาวนิ้วเรียวไม่มีทีท่าจะหยิบตะหลิวหรือมองลูกค้าข้างหลังเร่งให้ผมเดินออกไปจากแถวเหมือนที่เคย  เดินออกไปจากแผงแล้วยิ้มให้ตัวเองเหมือนคนบ้า  ความเซ็งที่เคยรับจากเฮียปิงเพราะอาการไม่เคยมอง  ไม่เคยเห็น  ไม่สนใจใครทั้งนั้น  แต่วันนี้ผมได้รับพายุอายของเฮียมาพัดความเซ็งออกไปแล้วครับ 

หยุดเดินแล้วหันกลับไปจ้องร้านผัดไท    มองแถวยาวยืดที่ไม่มีทีท่าจะลดจำนวนความยาว  ถ้าผมเห็นว่าเขาน่ารัก  คนอื่น..ก็คงเห็นเหมือนกัน  ก้มหน้าแล้วพ่นลมหายใจทิ้ง  ไม่รู้ว่าเขามีชีวิตรอดจากปากเหยี่ยวปากกาจนถึงอายุ  37  มาได้ยังไง?  ตอนอายุ  17  เท่าผม..ไม่มีใครมาจีบหรือมีแฟนเลยรึไงนะ?

เสยผมลวก ๆ ไล่ความหงุดหงิดแล้วก้าวขาคร่อมมอไซค์สุดหวง  CBR  1000  สีดำที่ผมถอยมาได้ไม่กี่เดือน  พ่อซื้อให้เป็นของขวัญครบ  17  ปี  ฟังเสียงเครื่องแล้วใจมันสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ  ผมก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป  ชอบรถ  คั่วหญิงไปตามเรื่อง  ไม่เคยมีความคิดจะอยากตุ่ยตูดเกย์ที่ไหน  จะมีก็..เจ้าของแผงผัดไท  รุ่นใหญ่ที่แอบมองบ่อย ๆ นั่นล่ะ  มันน่าลองไม่น้อยเลย  ยิ่งท่าทางขี้อายกับแก้มชมพูนั่นยิ่งทำให้ผมอยาก..เป็นเจ้าของดูสักครั้ง  เลี้ยวเข้าบ้านแล้วดับเครื่อง  เดินเข้าบ้านแล้วโยนกุญแจให้คนงานที่บ้านเอารถไปล้าง  สาวเท้าไปในครัวแกะผัดไทใส่จานใบใหญ่  นั่งลงแล้วจับส้อมมาพันเส้น  ดึงขึ้นมองเส้นเหนียวที่มีควันลอยอยู่  นึกถึงหน้าตั้งใจของคนผัดแล้วอดยิ้มไม่ได้

“มันใส่กัญชารึเปล่า?  พ่อเห็นแกซื้อมากินได้ทุกวัน”  มองหน้าพ่อผ่านเส้นเหนียวแล้วยิ้มกวน ๆ ส่งให้  พ่อยิ้มน้อย ๆ แล้วเข้ามานั่งตรงข้าม 

“ยังไปเข็นผักอยู่เหรอ?  ไม่ไปทำอย่างอื่นล่ะ  มีงานสบายกว่านี้ตั้งเยอะ..”  วางช้อนแล้วเงยหน้ามองพ่อ  จริงอยู่ที่ผมนั่งเฉย ๆ พ่อก็มีเงินมาให้ใช้   งานที่อื่นที่สบายกว่านี้ก็มี  แต่ผมอยากทำอะไรที่มันแปลกกับชีวิตบ้าง  ยังเหลืออีกหลายอย่างที่อยากลองทำ  อย่างพวกส่งพิซซ่าหรือเป็นพนักงาน 7-11  ผมก็อยากลอง   แต่เรื่องจริงที่ผมไม่ได้บอกพ่อก็คือ  ที่ผมอยากเข็นผักใช้ชีวิตวนเวียนในตลาดก็เพราะผมติดใจคนขายผัดไทต่างหาก  นิ่งจ้องตาพ่อจนพ่อยอมแพ้   มองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากครัวไป  ผมอยู่กับพ่อแค่  2  คน  ไม่มีแม่  แม่เลิกกับพ่อเพราะแม่มีชู้  ผมไม่โกรธหรอก  เข้าใจว่าคนเรามันมีหมดความสนใจซึ่งกันและกันได้  เพราะพอไม่มีแม่  พ่อก็มีเมียตั้งหลายคน  แต่เป็นแบบรักสนุกไม่ผูกพัน  พาเข้าบ้านบ้างไปที่อื่นบ้าง  ที่รู้ก็มีที่ไม่รู้ก็มาก  ผมไม่ใส่ใจความรักของพ่อพอ ๆ กับพ่อที่ไม่ก้าวก่ายหัวใจผม  เงยหน้าจากเส้นผัดไท  มองพ่อที่เดินลงมาแล้วยืนพิงขอบประตูครัวจ้องผม

“ตรีได้เจอโฟร์บ้างรึเปล่า?  ป้าเขามาถามพ่อว่าโฟร์ชอบหายตัวไปตอนกลางวัน  ค่ำ ๆ ถึงจะเข้าบ้าน..น้องมาหาเรารึเปล่าตอนกลางวันน่ะ”  นิ่งฟังพ่อก่อนจะเสไปมองแก้วน้ำ  หยิบมาจ่อปากแล้วเทพรวดเดียวหมดแก้ว  ดึงเสื้อขึ้นมาซับแล้วบอกเสียงเรียบ

“มันก็หายไปอยู่กับสิ่งที่มันสนใจบ้างไม่เห็นจะต้องไปสงสัยอะไรนี่  โฟร์มันโตแล้วนะพ่อ  มันรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีน่า”  พ่อนิ่งมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก  หมุนตัวเดินออกจากห้อง  ไม่พูดไม่ถามอะไรอีก  จริง ๆ มันก็น่าเป็นห่วง  เพราะโฟร์ลูกพี่ลูกน้องผมมันเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก  นิสัยก็ดี  ไม่แปลกที่จะมีคนเข้าหามันเยอะ  แต่มันโตแล้ว  มันเลือกเองได้  แล้วมันก็เลือกแล้ว  คนที่มันเลือกก็ดูเป็นคนดี..ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไร  คนที่น่าห่วง  นั่งหัวโด่อยู่นี่ต่างหาก

ถอนหายใจยาวใส่จานที่เหลือซากผัดไทนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วลุกขึ้นหยิบจานไปแช่ที่อ่างล้างจาน  เดินมาที่ห้องนั่งเล่น  หยิบซองสีน้ำตาลแล้วแกะออกดูข้างใน  ผิวปากกับของที่บรรจุอยู่ในนั้น  เดินขึ้นห้องแล้วล็อคให้เรียบร้อย  ล้วงของที่ผมสั่งซื้อทางเน็ต  เป็นหนังอย่างว่าของญี่ปุ่น  แน่นอน..หนังเกย์

เปิดคอมแล้วส่งแผ่นเข้าไป  เริ่มเรื่องก็มีภาพน้ำที่ไหลจากก๊อกน้ำ  ตัดมาเป็นภาพปลายนิ้วแตะไปตามความยาวของโต๊ะ  แพนมาที่เสี้ยวหน้าด้านข้าง  ตัดมาที่คิ้วกับแพขนตาหนา  ลดต่ำลงมาที่ริมฝีปากสีส้มอ่อน  แล้วก็เป็นฉากที่มีอะไรกันเลย  นั่งขมวดคิ้วมองคนที่เปิดฉากมาเมื่อกี้  ถูกทิ่มทะลวงอย่างเมามันส์  เอียงคอกับเสียงครางต่ำที่พยายามปลุกเร้าให้คนดูมีอารมณ์ร่วม  ถอนหายใจยาวแล้วกดปิด  เอาแผ่นออกมาแล้วร่อนลงถังขยะทันที  บอกตามตรงว่า..ผมไม่มีอารมณ์คล้อยตามไปกับการแสดงแบบนี้  คิดว่าถ้าเอามาดูแล้วศึกษาไว้ก่อนได้ปฏิบัติจริงกับเจ้าของร้านผัดไทน่าจะดี  แต่พอได้เห็นได้ดูแล้ว..ไม่เหมือนที่คิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย  ผมไม่มีอารมณ์และไม่นึกอยากจะเอาท่อนแข็งของตัวเองไปอัดตูดคนในหนัง  ไม่เหมือนตอนนั่งดูหนังโป๊ชายหญิงที่ผมอยากสวมบทเป็นผู้ชายได้ปี้หญิงนมตู้มในหนังเสียเอง..

หรือว่า..ผมจะไม่ได้เป็นไบ?

ขมวดคิ้วมุ่นแล้วพ่นลมหายใจออกแรง ๆ เป็นหรือไม่เป็นก็ช่างแม่ง  ขี้เกียจจะคิด!  เดินไปอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอน  หยิบไอพอดมาฟังแล้วหลับยาวจนถึงบ่าย  ท้องร้องก็ลงมากินข้าว  เย็นก็ออกไปเตะบอลที่สนามในหมู่บ้าน  คว้าน้ำเปล่าติดมือตรงไปที่สนามบอลท้ายหมู่บ้าน   เสียงตะโกนด่ากันก้องลั่นสนาม  มันไม่ได้ทะเลาะกัน  แต่มันคุยกันระดับเสียงนี้เป็นปกติอยู่แล้ว

“ไอ้เหี้ยตรี!  เข้ามาเลย  เปลี่ยนไอ้บอลออกเลย  เกะกะฉิบหาย555+”  ยิ้มมุมปากให้ไอ้บอลที่หันไปส่งนิ้วกลางให้คนพูด  ถอดเสื้อวางไว้กับขวดน้ำ  เดินแท็คมือเปลี่ยนมันเข้าไปวิ่งไล่ลูกบอลจนหมดเกมส์  เดินออกมาจากสนาม  นิ่งมองตรงขวดน้ำของตัวเองที่อยู่ในมือเรียวของสาว ๆ ที่มานั่งเชียร์อยู่ข้างสนาม

“ขวดนี้มันไม่เย็นแล้ว  ดื่มขวดนี้นะคะ..”  ถอนหายใจเบา ๆ แล้วรับน้ำเย็นจากมือสาวน้อยมาดื่ม  เหลือบมองแล้วประเมินดู  น่าจะ  14  ยกขวดน้ำที่เหลือค่อนขวดมาเทลงหัว   หลับตาแล้วส่ายหน้ารับความเย็นจากน้ำช้า ๆ สบายตัวแล้วก็ลืมตา   นิ่งมองหน้าแดง ๆ ของเด็กกลุ่มตรงหน้าแล้วยิ้มขอบคุณน้ำเย็นที่ให้ผม

“ขอบใจนะ”  ยื่นมือดึงเสื้อที่วางข้างตัวเด็กคนนั้นมาพาดไหล่  ผละออกมาแล้วเดินออกจากสนาม  ตะโกนบอกเพื่อนว่ากลับแล้ว  พรุ่งนี้เจอกัน  ยิ้มกว้างส่งมือที่โบกลาไหว ๆ จากกลางสนาม  เดินรับลมเย็นของช่วงหัวค่ำ  เหลือบมองหน้าต่างที่ห้องแฟนไอ้โฟร์  ยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแผ่นหลังบางที่คุ้นตาอยู่ในห้องนั้น  ก่อนจะเป็นพี่เจ้าของห้อง..เจ้าของไอ้โฟร์เดินมาปิดหน้าต่างบานนั้น..

ป้า..หลานป้าไม่เห็นจะน่าห่วงตรงไหนเลย

ยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าบ้าน  ขึ้นไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า  เดินผิวปากลงมาบิดมอไซค์ไปตลาดตอนหัวค่ำ  เป้าหมายของผมมักจะมาให้อาหารแมวตอนของหมดร้านแล้ว  ผมรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้าของร้านผัดไท  รู้ด้วยความบังเอิญและรู้จากความซอกแซกของตัวเอง  จอดมอไซค์แล้วนั่งรอเจ้าของร้านที่มักจะเดินมาทางนี้ประจำ  พักเดียวผมก็เห็นอาเฮียเจ้าของผัดไทเส้นนุ่มของผมออกมาให้อาหารแมว  ยิ้มบางกับความใจดีของเฮีย  มือเรียวลูบขนแมวที่เข้ามาคลอเคลีย  รอยยิ้มอบอุ่นที่เห็นทำให้ผมอยาก..เข้าไปใกล้มากขึ้น  ให้ตัวเองได้อยู่ในรัศมีที่เจ้าตัวส่งยิ้มนั่นออกไป

หย่อนเท้าลงแตะพื้น  ก้าวเท้าเดินไปตามถนน  ดวงตาจับจ้องหน้าด้านข้างที่ยิ้มอ่อนโยนให้แมวที่อยู่บนตัก  เดินเข้ามาในพื้นที่ที่เจ้าของร้านผัดไทนั่งให้อาหารแมวอยู่  หยุดเดินเมื่อเจ้าของแมวลุกขึ้นยืนแล้วปัดกางเกงเบา ๆ  หัวใจเต้นโครมครามแล้วหันไปมองไฟตรงถนนแทนที่จะมองผิวขาวแว่นหนานั่น  หางตาเหลือบเห็นว่าเจ้าของร้านผัดไทชะงักเมื่อเห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง  หัวใจผมเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเสียงฝีเท้านั่นกำลังจะเดินมาถึงตัว  กลั้นหายใจเรียกชื่อเจ้าของร้านไว้ตอนที่เดินผ่านผมพอดี..

“ปิง..”  เจ้าของชื่อหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วหันมาสบตาสีน้ำตาลผ่านแว่นสายตาหนาเตอะ  แว่นวาววับมีตัวผมยืนอยู่ในนั้น  คิ้วเข้มขมวดก่อนจะเอียงคอนึก..ว่าตัวเองรู้จักผมรึเปล่า?  แสงสว่างจากหลอดนีออนด้านหลังผมมันคงไม่สว่างพอจะให้เจ้าของร้านผัดไทเห็นหน้าแล้วนึกออกล่ะมั้ง  นึกขึ้นได้..ว่าผมยืนบังแสงอยู่นี่หว่า  ไม่แปลกที่ปิงจะมองไม่เห็นหน้าผม  ขยับตัวเบี่ยงหลบแสงมายืนข้าง ๆ เจ้าตัวก็ขยับตาม..

แก้มสีชมพูที่เห็นกลับขึ้นสีเรื่อกว่าเดิมเมื่อเห็นหน้ากับรอยยิ้มน้อย ๆ  ของผม  แว่นหนาเตอะก้มมองพื้นแล้วกอดถังอาหารแมวแน่นขึ้น  ริมฝีปากเม้มแน่น  ยืนนิ่งมองท่าทางเขิน ๆ ของปิงแล้วมันยิ่ง..ยิ่งทำให้ผมอยากอ้าแขนรวบเข้ามากอดไว้ทั้งตัวจริง ๆ 

ก้าวเท้าเข้าหาปิงก็ขยับถอยหนี  ยิ้มบางให้คนก้าวถอยหลังที่แอบเงยหน้ามามองผม   ริมฝีปากบางกัดเม้มริมฝีปากล่างไว้แน่น  แว่นตาหนาไหลลู่ลงมาอยู่ที่ปลายจมูกเพราะเจ้าตัวก้มหน้ามองพื้น  จนไม่มีพื้นที่ให้ถอยแล้วเจ้าของร้านผัดไท..เฮียปิงของผมก็หลังติดกำแพง  ยื่นมือเท้าแขนคร่อม  ย่อตัวก้มหน้ามองหาดวงตาคู่สวยที่หลบอยู่หลังแว่นสายตา   
                 
ยื่นมือออกไปข้างหน้าแล้วจับขาแว่นของปิงไว้  เจ้าตัวสะดุ้งแต่ก็ไม่เบี่ยงหลบ  ดึงแว่นออกช้า ๆ แล้วมองขนตาเป็นแพที่กะพริบปริบ  ยื่นหน้าเข้าไปมองให้ใกล้ขึ้นอีกนิด  สัมผัสลมหายใจอุ่นที่กระทบแถวปลายจมูก  ริมฝีปากบางเม้มแน่นขึ้นจนเป็นเส้นตรง   เอียงหน้ามองตามหน้าที่เริ่มเบี่ยงหนี..ตามหาดวงตาสีน้ำตาลสวยที่เหลือบไปมองทางถนน  ขยับเข้าไปชิดบดบังทุกสรรพสิ่งที่ปิงมองอยู่ทั้งหมด  ให้ตาคู่นั้นมีดวงตาของผมสะท้อนอยู่แค่คนเดียว 

ตาสวยจำใจสบตาผม  นิ่งมองดวงตาสีน้ำตาลตัดขอบนัยน์ตาด้วยสีดำสนิท  ประกายของมันระยิบระยับจนอยากจะมองให้ชัดขึ้นอีกหน่อย  เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดจนปลายจมูกชนเข้ากับปลายจมูกคนที่หลังติดกำแพง  สะดุ้งโหยงกับสัมผัสนั้นก่อนจะถอยหลังทิ้งระยะให้หายใจได้คล่องขึ้น  กลืนน้ำลายเหนียวแล้วเอามือเท้าเอวไว้ข้างหนึ่ง  อีกข้างที่ว่างก็เอามา..เกาท้ายท้อยแก้เขิน 

ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น  เหลือบมองทีไรก็เจอตาสีน้ำตาลแอบมองผมเหมือนกันไปเสียทุกครั้ง  กระแอมเสียงเบาเอ่ยปากถามแก้เก้อ   ‘สั้นเท่าไหร่เหรอ?’  มือจับแว่นหมุนไปมา  เหลือบมองหนน้าชมพูที่กะพริบตาปริบมองตามมือผม  ตาสีน้ำตาลสวยที่มองแว่นค่อย ๆ เบือนสบตาผม  ริมฝีปากบางสีชมพูซีดเอ่ยเสียงเบา..

“500 กว่า  ส่งมันคืนมาเถอะ  ถ้าไม่มีมัน..ผมมองไม่ค่อยเห็นน่ะ”  หายใจเข้าลึก ๆ แล้วจับแว่นเช็ดกับเสื้อก่อนจะสวมคืนให้  ปิงจับแว่นขยับนิดหน่อยแล้วเงยหน้ามองผมเต็มตา   หัวใจเต้นถี่กับริมฝีปากสีชมพูซีดของปิง  เจ้าตัวเม้มริมฝีปากหนีตาเจ้าชู้ของผมก่อนจะขยับหนีแล้วก้าวเท้าเดินนำไปทางเข้าตลาด  สาวเท้าตามแล้วเดินขึ้นมาตีคู่  เฮียปิงของผมชะลอฝีเท้าเดินคู่กับผมไปตามทางเดิน  ความเงียบจากตลาดอยู่เป็นเพื่อนเราจนถึงหน้าตลาดสดที่กลายสภาพเป็นไนท์บาร์ซา   ก้มมองตาสีน้ำตาลที่แอบมองผมผ่านแว่นหนา  ยิ้มบางแล้วบอกเสียงเรียบ

“ผมไปส่งที่บ้านนะ”  เฮียแกไม่ตอบ  เอาแต่ก้มมองกระป๋องอาหารแมวที่กอดไว้อย่างเดียว  ยิ้มน้อย  ๆ แล้วเอื้อมมือไปแย่งกระป๋องนั่นมาถือไว้เอง  เจ้าของร้านผัดไทจับขาแว่นนิดหน่อยแล้วเดินนำ  ผมอมยิ้มแล้วเดินตามไปติด ๆ ตีคู่เดินไปด้วยกันเงียบ ๆ จนถึงซอยเข้าบ้านเฮีย  ยกยิ้มให้พี่โตเพื่อนบ้านเฮียปิง  แหล่งข่าววงในที่ผมซื้อของเซ่นเอาข้อมูลเฮียแกทุกวัน  พี่โตยิ้มแซวผมแล้วชวนเด็กวัยรุ่นที่แกยืนคุยด้วยกระทืบมอไซค์ออกไปร่อนที่อื่น..ไม่อยู่ขัดผม  หันมองรอบตัวที่เงียบสนิท  คนในหมู่บ้านน่าจะไปเดินไนท์กันหมด  เบือนหน้ามามองเจ้าของร้านผัดไทที่มองหน้าผมนิ่ง  เลื่อนลงมามองริมฝีปากที่เอ่ยถามผมเสียงเบา..

“เรา..รู้จักกันมาก่อนรึเปล่า?”  ส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง  ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ให้เฮียได้มองผมชัด ๆ จะได้จำผมไว้ให้ขึ้นใจ

“เมื่อก่อนไม่รู้จัก  แต่ตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว..ผมชื่อ ‘ตรี’ คุณชื่อ  ‘ปิง’  ผมเข็นผักในตลาด  คุณขายผัดไท  คุณอายุ  37  ผม..เด็กกว่าไม่เท่าไหร่หรอก..คุยกันได้”  ปิงมองตาผมแล้วนิ่งฟังผมบอก  รอยยิ้มน้อย ๆ จุดประดับหน้าก่อนจะก้มหน้าซ่อนเขิน  ไถเบอร์บ้านมาแล้วส่งปิงเข้าบ้าน  เดินผิวปากกลับมาควบมอไซค์กลับบ้าน  ถึงบ้านก็จัดการกดเบอร์ที่อยู่ในฝ่ามือ  ตื่นเต้นกับเสียงสัญญาณรอสาย  ยิ้มกว้างกับสีเยงทุ้มที่รับสายผม

“ครับ..”  นิ่งฟังเสียงเงียบจากฝั่งโน้น  ผมพูดไม่ออก  ริมฝีปากที่เอาแต่ยิ้มกว้างของตัวเองเป็นอุปสรรคอย่างมากในตอนนี้   ความเงียบจากผมทำให้ปลายสายเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจออกมา..

“ใช่ตรีรึเปล่า?  คุณ..ชื่อตรีรึเปล่าครับ?  ถ้าไม่ใช่..ผมวางแล้วนะครับ”  กลั้นยิ้มแล้วรีบบอกว่าผมเอง  บอกให้รู้ว่าถึงบ้านแล้ว  คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็นิ่งฟังความเงียบจากกันและกัน  วางหูด้วยประโยคคลาสสิค  ‘ฝันดีนะครับ..ฝันถึงผมด้วย’  ผมรู้น่าว่ามันน้ำเน่าแค่ไหน  แต่รุ่นเฮียปิงของผมมันก็ไม่น่าจะเก่าเกินไป 

ผมเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา  แล้วเฮียเจ้าของร้านผัดไทที่หน้าตาไม่ถึงอายุก็ยิ้มรับการเข้าหาของผมอย่างดี  ถึงตอนนี้จะเปิดเทอมแล้ว  ผมก็ยังไปต่อแถวเข้าคิวรอซื้อผัดไทมากินเป็นมื้อเช้าได้ทุกวัน  วันหยุดก็ขลุกอยู่ที่ร้าน  ช่วยหยิบถั่วงอก  ทำตัวให้เป็นประโยชน์ตลอดเวลา 

ยิ่งได้ใกล้ผมยิ่งหลงใหลความน่ารักของเฮีย  เฮียไม่ดื่มเหล้า  ไม่สูบบุหรี่  กินกาแฟไม่เป็น  กินผักเก่ง  แล้วก็ไม่นอนดึก  นี่ล่ะมั้งที่ทำให้เฮียยังดูเหมือนเด็กอายุ  20-21  เพราะการดูแลตัวเองแบบนี้นี่เอง

ผมชอบแต่งรถ  ดูหนังโป๊  เตะบอล  ติดเน็ต  เที่ยวห้าง.. 

แต่ที่ผมอยากจะบอกมากที่สุดในตอนนี้  ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ผมพล่ามมาข้างบนนั่นทั้งนั้น..








ผมหลงใหลเฮียขายผัดไทใส่แว่นที่ตลาดครับ!   



END.     
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Beautiful Eyes + fan fic 17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 23-03-2015 14:42:26
แถม
.
.
ดวงตาสีน้ำตาลสวยจับจ้องหนังสือพิมพ์หน้าเศรษฐกิจนิ่ง  ผมนอนตะแคงมองดวงตาที่ไล่อ่านตัวหนังสือแต่ละบรรทัด  สันจมูกโด่งปล่อยลมหายใจออกมาสม่ำเสมอ  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่ออ่านเจอประโยคที่เจ้าตัวสนใจ  นอนรอให้ดวงตาสีน้ำตาลไล่ตัวหนังสือจนหมดหน้า  ทันทีที่เฮียพลิกหน้าใหม่  ผมก็ดึงหนังสือออกจากมือ..

“หือ?..จะอ่านเหรอ?  อะไร?  ทำ..”  โยนหนังสือพิมพ์ทิ้งไว้ข้างหลังแล้วประคองหน้าเลิ่กลั่กเหรอหราเข้ามาหอมที่มุมปากเบา ๆ ผละออกมามองหน้าขาวที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูทีละนิด  ยิ้มบางแล้วจับแว่นหนาที่เกะกะขวางทางการจูบออกเบามือ  สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ข่มใจไม่ให้โดดเข้าใส่ความใสซื่อของเฮีย  ยื่นริมฝีปากเข้าไปสัมผัสที่ริมฝีปากสีชมพูซีด  จูบเนิบนาบเชื่องช้าชิมทีละนิดอย่างใจเย็น  เฮียปิงกลั้นหายใจจนหน้าเริ่มเปลี่ยนสี..

“..ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ดีครับ..”  จูบเนื้อริมฝีปากด้านในแล้วเลาะเล็มปลายลิ้นเข้าไปสำรวจช้า ๆ ควานหาปลายลิ้นอุ่นมาดูดชิมความหวาน  ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเฮียขยำเสื้อผมแน่น  ผละจากริมฝีปากออกมาจูบปลายคาง  ไล้เลียปลายลิ้นชิมทุกส่วนที่ผมเป็นเจ้าของ  มือขาวรั้งชายเสื้อเมื่อผมพยายามสอดมือเข้าไปลูบผิวลื่น  เงยหน้ามองหน้าแดงก่ำ ตามซอกคอมีรอยสีกุหลาบติดเป็นที่  ดวงตาสวยฉ่ำเชื่อม  ลมหายใจหอบหนัก..

ใครมันจะทนไหววะ!

ก้มจูบหลังมือที่จับชายเสื้อแน่น  เลียตามนิ้วทีละนิ้วจนเจ้าตัวต้องปล่อยชายเสื้อ  จูบที่ฝ่ามือ  มองตาสีน้ำตาลฉ่ำผ่านซอกนิ้ว  แลบเลียตามร่องนิ้วแล้วกลืนนิ้วกลางเข้าไปช้า ๆ คนตรงหน้าหายใจรวยริน  ตัวอ่อนพิงโต๊ะญี่ปุ่น  เลื่อนมือดึงเชือกผูกเอวกางเกงเฮียช้า ๆ แล้วจับมือข้างที่จูบอยู่มาคล้องคอไว้  เลียที่ริมฝีปากบางเหมือนแมวที่เฮียชอบ  ริมฝีปากบางเผยออกรับปลายลิ้นอย่างว่าง่าย 

ลูบผิวนุ่มที่อยู่ในกางเกงเบามือ  จับก้อนเนื้ออุ่นที่อยู่ตรงกลางเคล้นคลึงช้า ๆ ก่อนจะสอดมือเข้าไปแตะส่วนหัวเบา ๆ แตะปลายนิ้วไล้วนน้ำใสเหนียวลื่นแล้วจับท่อนร้อนไว้เต็มมือ  รูดรั้งช้า ๆ เน้นหนักเป็นจังหวะ  เฮียดูดลิ้นแรงทุกครั้งที่ผมบี้ปลายนิ้วที่เส้นประสาท  มืออีกข้างผละจากยอดอกสีสวยมาดึงกางเกงในเฮียออกจากตัว  ทันทีที่กางเกงหลุดไปผมก็ลดตัวลงไปครอบริมฝีปากทีเดียวสุดความยาว  โยกหัวขึ้นลงช้า ๆ มือก็บีบก้นเล็กแน่นมือ  สอดนิ้วเข้าปากเฮียแล้วหมุนนิ้วจนน้ำลายชุ่มติดตั้งแต่ปลายยันโคน  ดึงนิ้วออกจากปากแล้วแตะที่ทางเข้าเบา ๆ ไม่รอให้เฮียได้ตั้งตัวผมก็ส่งนิ้วเข้าสำรวจถ้ำทันที

เสียงดังอื้ออ้าที่บอกว่าเจ็บของเฮียผมก็ไม่ได้ยินเพราะยันตัวเองขึ้นจูบปิดไปแล้วเรียบร้อย  ความแน่นที่นิ้วผมกำลังเผชิญอยู่ทำให้ผมอยากเข้าไปสำรวจด้วยอวัยวะอื่นเต็มที่  มือรูดรั้งจังหวะสม่ำเสมอ  ดุนดันความต้องการที่ทางเข้า  ดึงนิ้วออกผมก็ดันความแข็งขืนเข้าไปทีละนิด  จับต้นขาด้านในยกขึ้นให้ช่องทางร้อนเปิดทางได้สะดวก  ปลายลิ้นตวัดรัดเกี่ยวพันดึงความสนใจร่วมกับข้อมือที่ทำงานทรงประสิทธิภาพ  ส่วนหัวผลุบเข้าไปแล้วยิ่งทำให้ผมยิ่งอยากจะถึงสวรรค์ให้รู้แล้วรู้รอด  ทั้งคับ  ทั้งแน่น  ทั้งร้อน..

น่ากินไปหมดทั้งตัว..

ดันความยาวของตัวเองเข้าไปทีละนิด  แช่ไว้ไม่นานก็รีบขยับเอวเข้าออกเพราะผมจะไปซะให้ได้  เฮียกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางไว้แน่น  ขยับเข้าออกให้เสียงเนื้อกระทบกันดังมากกว่าเสียงหายใจหอบหนักของตัวเอง  ดึงมือเฮียที่ตะปบปากตัวเองออกแล้วฉกจูบ  ผละออกมาเลียไล้ตามรูปปาก  กระดกลิ้นแตะที่ริมฝีปากให้อ้าปาก  ทันทีที่ริมฝีปากสีชมพูอ้าเผยอผมก็กระแทกบั้นเอวส่งท่อนแข็งเข้าไปจนสุด  หายใจแรงมองปลายคางเฮียที่แหงนเชิดขึ้นก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความเสียวที่แล่นปราดไปทั่วทั้งตัว  เพียงแค่เสียงเสียงเดียวที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากนั้น..

“อ๊ะห์..”  ผมกอดคนที่แอ่นรับความแข็งขืนของตัวเองแน่น  หน้าซุกซอกคอก่อนจะปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาอย่างทะลักทลาย  นั่งกอดเฮียจนข้างล่างมันเลิกกระตุก  ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ  หลงเหลือแค่เสียงหัวใจที่มันยังเต้นโครมครามไม่หยุด  เงยหน้าขึ้นมองหน้าแดงของเฮีย  มือขาวที่คล้องคอผมเลื่อนมาลูบแก้มผมเบา ๆ รอยยิ้มอ่อนโยนของเฮียส่งมาให้ซึมลงไปถึงในใจ

“ไม่เป็นไร..ผมไม่เป็นไร”  เสียงทุ้มเอ่ยปลุกปลอบบอกผมที่กำลังทำหน้านิ่ว ผมเสียใจที่เฮียยังไม่ทันเสร็จแต่ผมกลับถึงสวรรค์ไปคนเดียว  ยังไม่ทันได้โชว์ความอึดก็ถึงฝั่งไปได้ง่าย ๆ กัดกรามแน่นแล้วหลับตาลงช้า ๆ เฮียแตะหน้าผากตัวเองที่ปลายจมูกผมแล้วซุกตัวเข้ามากอดช้า ๆ ผิวเนื้ออุ่นกอดผมไว้ทั้งตัว  มือขาวกร้านที่จับตะหลิวลูบหลังลูบไหล่ผมเบามือ  ความไม่สบายใจที่มันอยู่กับผมเมื่อครู่กำลังหายไปทีละน้อย  กอดเฮียตอบแน่นแล้วเอนหลังลงนอน  ความแข้งขืนของผมถอยออกมาจากถ้าเฮียช้า ๆ จนหลุดเป็นอิสระ  ลูบหลังเฮียเบา ๆ นอนนิ่งหลับตาให้เฮียนอนฟังเสียงหัวใจจนหลับ

ก้มมองเฮียที่นอนซบอกผม  ปลายจมูกโด่งพ่นลมหายใจอุ่นสม่ำเสมอ  แพขนตาสีดำสนิทรับกับคิ้วเรียว  ริมฝีปากสีชมพูซีดนุ่มอยู่ตรงอกผมพอดี  เพ่งมองริ้วรอยตามร่องแก้ม  หางตา  หน้าผากที่คิดว่าคนอายุ  37  ควรจะมี  เฮียก็มี  แต่มันน้อยมาก  น้อยจนแทบจะไม่เห็น  จับไหล่เล็กดันออกจากอกเบา ๆ ให้เฮียนอนสบาย ๆ เหลือบเห็นท่อนร้อนที่อยู่ตรงหว่างขายังคงชี้หน้าโด่เด่  เมื่อกี้ผมเสร็จแต่เฮียยัง..

กัดริมฝีปากล่างแล้วเอามือกดความต้องการที่แข็งตามเฮีย  หายใจถี่เมื่อจู่ ๆ เฮียก็ลืมตามามอง  กลืนน้ำลายเหนียวกับแก้มที่ขึ้นสีเรื่อและตาสวยที่หลุบมองไปทางอื่น  มันน่า..น่าจับกดเป็นบ้า! 

ปล่อยมือที่กดความต้องการของตัวเองออก  ขยับเข้าหาริมฝีปากสีชมพูที่เม้มเขินตรงหน้า  สบตาสวยก่อนจะไล้ฝ่ามือสัมผัสทุกสัดส่วนอย่างทะนุถนอม..

ผมไม่มีวันเบื่อคนคนนี้เด็ดขาดครับ  ต่อให้เฮียผมขาวโพลนทั้งหัวผมก็คงจะตกหลุมรักทันทีที่เห็น เฮียมีบางอย่างที่ผมอยากค้นหาไปตลอดชีวิต  บางอย่างที่ดึงดูดผมให้เข้าใกล้เฮีย..




..ความหลงใหลที่มาคู่กับความรัก...




..........................................................


กอดค่ะ!
งานยุ่งมาก ๆ ค่ะ  ขอโต๊ดที่หายหัวไป  ขออภัยค่ะ
คุณ  Mouse2U  ใช่ค่ะ  จำคำว่า ‘คุก’ ไว้จนขึ้นใจล่ะค่ะพี่ต้อง55555  ขอโทษที่มา ๆ หาย ๆ ค่ะ  งานเค้ายุ่งมวากอ่ะ TT   (อ้อนๆๆๆ)
คุณ  sirin_chadada  พี่ต้องจำใจเป็นหวัดตลอดเวลาล่ะค่ะ  ไอดัง ‘คุก’ ตัลหลอดดด  ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ มั๊วะๆๆ
คุณ  nekko  สงสารพี่ต้องนะคะ  ผู้เยาว์ช่างยั่วขนาดนี้ กระซิกๆ
คุณ PURE LOVE  น้องโฟร์ยั่วเก่งทั้งคำพูดและท่าทางค่ะ  จิชอบอะไรที่มันออกมาแบบตรง ๆ แบบนี้มาก  มีเสน่ห์มากเลยค่ะ  แล้วก็..ชอบจังค่ะ  เม้นท์ยาว ๆ อ่านแล้วยิ้มแก้มแตก ขอบคุณค่ะ ^^
คุณ  นอนกินแรง  ดีใจที่ชอบนะคะ  อ่านไปจนกว่านิยายเรื่องนี้จิจะหมดตอนที่อยู่ในมือจิเนอะคะ  ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามค่ะ  ถึงจิจะไม่มีเรื่องใหม่ ๆ มาให้อ่านเลย  คุณก็ยังเป็นกำลังใจกันมาตลอด  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Charming 23/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 23-03-2015 14:52:41
คลั่งไคล้ตอนแถมเป็นพิเศษ
ฮว้ากกกก
 :hao7:
มิค่อยหื่นนะ แค่โปรดมากเท่านั้นเอง 555
ขอบคุณ คุณจิสำหรับตลาดรักหวานฉ่ำ
 :mew1:
บวกและเป็ดขอบคุณ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Charming 23/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 23-03-2015 15:14:21
ชอบบรรยากาศตอนที่ปิงไปดักเฮียในซอยจังเลยค่ะ ยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้วว เหมือนกับตัวเราได้แอบซุ่มดูเขาจีบกันข้างเสาไฟจริงๆ เลย ว้ายยๆๆ //อายจัง :-[

สุดท้าย ... ขอผัดไทยสักห่อสิคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Charming 23/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 23-03-2015 19:14:15
หนุ่มแว่นน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ ใช่ไหมน้องตรี :-[

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Charming 23/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 23-03-2015 22:00:52
 :hao7: :oo1: :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Charming 23/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 24-03-2015 09:23:45
สนุกมากครับ คู่ก้านกับติ ก็น่ารักมากเช่นกันครับ ..... ยังรอคู่อื่น ๆ นะครับ  ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Charming 23/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 24-03-2015 15:35:03
Shy


ความร้อนในตลาดสดซอยขนมหวานคลายความอบอ้าวลงเมื่อพระอาทิตย์โรยแสง   เสียงจ้อกแจ้กจอแจจากแม่ค้าพ่อขายที่ตะโกนเรียกลูกค้าเงียบลงหลังจากตลาดสดวาย  เจ้าของแผงต่างก้มหน้าก้มตาเก็บของในร้านกลับบ้าน  เหลียวมองรอบกายแล้วเม้มปากแน่นเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเก็บแผงของตัวเอง  จับทัพพีชิ้นสุดท้ายหย่อนลงในรถเข็น  ผ่อนลมหายใจทิ้งยาว ๆ ก่อนจะออกแรงเข็นรถไปด้านหลังตลาด  ถ้ามีทางอื่นที่สามารถตัดเข้าบ้านผมได้..ผมจะเลือกไปทางนั้นทันที  แม้ว่าทางนั้นจะใช้เวลานานกว่าทางเดิมก็ตาม

เดินมาตามทางด้วยดวงตาเหม่อลอย  ในหัวผมมันเอาแต่นึกถึงหน้าคมเคราครึ้มที่ชอบนั่งคร่อมมอไซค์คุยกับเด็กในซอยอยู่หลังตลาดที่ผมจะต้องผ่าน  กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อได้ยินเสียงดังแว่วเข้าหู  ก้มหน้ามองของที่อยู่ในรถเข็นอย่างเดียว  หายใจเบา ๆ แล้วทำใจอย่างหนัก

หลังตลาดที่มีแต่รถเข็นผัก  ลังพลาสติก  ถังขยะ  และเสียงเด็กวัยรุ่นคุยกันดังลั่นค่อย ๆ เงียบลงจนไม่เหลือเค้าความโหวกเหวกเมื่อผมเข็นรถเข้าไป  กลั้นหายใจแล้วรีบ ๆ เดินให้มันพ้นไปไว ๆ หน้าร้อนวูบวาบลามไปถึงแขนทั้ง ๆ ที่ไม่มีเสียงแซวเลยแม้แต่แอะเดียว  เพียงแค่สัมผัสถึงดวงตาคมที่กำลังมองผมอยู่เท่านั้น..หน้าผมมันก็แดงไปถึงหูอย่างห้ามไม่ได้

ผมสบกับตาคมคู่นั้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว  ตอนนั้นผมเรียนอยู่  ม.3  กินนอนในโรงเรียนไม่ค่อยได้กลับบ้าน  ยกเว้นปิดเทอมก็จะกลับมาช่วยแม่ขายข้าวเหนียวมะม่วง  วันนั้นผมปั่นจักรยานจากร้านผ่านหลังตลาด  จะกลับไปเอาน้ำปลาหวานมาเพิ่ม  แถวหลังตลาดมันรกแล้วก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่  แมวก็เยอะ  จำได้ว่าผมปั่นเลี่ยงลูกแมวที่เดินตุปัดตุเป๋ออกมาจากข้างทาง  มอไซค์ที่ขี่มาจากข้างหลังก็เฉี่ยวผมจนล้มหัวเข่าถลอก  เงยหน้ามองหามอไซค์ที่เฉี่ยวก็ไม่เจอแล้วครับ  จะปั่นกลับบ้านก็ไม่ไหว  มันตึงที่แผล  จูงจักรยานเดินมาไม่ถึงเมตรก็เจอกับเจ้าของตาคมที่ผม..หวั่นไหวทุกครั้งที่ได้สบ

ก้มหน้าก้มตาจูงจักรยานไม่ได้มองคนที่ขี่มอไซค์สวนมา  จนมีมือเย็น ๆ มาจับแฮนด์จักรยานไว้นั่นล่ะ  ผมถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง  ตาคมกริบเหมือนเหยี่ยว  คิ้วหนาได้รูป  จมูกโด่ง  ริมฝีปากบางเอ่ยถามอะไรผมซักอย่าง  ผมมองหน้าที่เหมือนใครบางคนบนฟ้าปั้นขึ้นมาอย่างละเมียดละไม  สิวซักเม็ดก็ไม่มี  กะพริบตาปริบเมื่อดวงตาคมจ้องผมกลับ  ก้มหน้ามองมือใหญ่ที่จับแฮนด์จักรยานแล้วปล่อยมือตัวเองออกช้า ๆ  เจ้าของตาคมถอนหายใจยาวแล้วถามผมเสียงเบาเหมือนเหนื่อยใจกับการสื่อสารที่ผมไม่ค่อยจะตอบโต้ด้วย 

“บ้านอยู่ไหน?”  ย่นคอหลบลมหายใจอุ่นที่คนข้างตัวพ่นออกมา  ลูบแขนตัวเองเบา ๆ   แล้วชี้นิ้วไปข้างหน้า  เดินไปเงียบ ๆ ไม่กล้าเงยหน้ามองหรือเอ่ยปากตอบเสียงทุ้มที่ถามว่าทำไมผมถึงได้มีแผลที่หัวเข่า  เม้มปากแน่นแล้วบอกเสียงเบาว่าซอยข้างหน้าก็ถึงบ้านแล้ว

“พูดได้ด้วย?  นึกว่าต้องใช้มือสื่อสารซะอีก  นี่เท่าไหร่?”  ขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วเผลอพองลมเข้าปากเมื่อเงยหน้ามองนิ้วชี้  นิ้วกลางกับนิ้วนางยืดเต็มข้ออยู่ตรงหน้า  ตวัดตามองหน้าคมที่ตีหน้าตายรอคำตอบอยู่   ปากที่ตั้งใจจะตอบว่า  ‘3’  ก็น้ำท่วมปาก..พูดไม่ออก  เบือนสายตาจากตาคมยิ้มได้ไปมองทางเข้าบ้านตัวเอง  ยืนนิ่งมองเท้าตัวเองจนทนไม่ไหวเพราะหัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด  ดึงจักรยานมาจากมือใหญ่แล้วเดินกึ่งวิ่งจูงเข้าบ้าน..ไม่หันกลับไปมองคนที่อุตส่าห์เดินจูงมาส่งตั้งไกล

ผมอายเกินกว่าจะบอก..แม้แต่คำว่า  ‘ขอบคุณ’

หลังจากวันนั้นผมก็พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อจะขอบคุณที่เค้าช่วยผมวันนั้น  แต่จนแล้วจนรอด..ผมก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอบคุณ  เอาข้าวเหนียวมะม่วงใส่กล่องอย่างดี  ตั้งใจเต็มที่ว่าถ้าเจอเค้า  ผมจะยื่นกล่องนี้ให้แล้วบอกว่า  ‘ขอบคุณที่ช่วยผมวันนั้นครับ’  แต่พอเจอเข้าจริง  ผมกลับเขินขึ้นมาดื้อ ๆ เดินเลี่ยงเจ้าของตาคมที่อุตส่าห์เดินออกมาจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังคุยติดพันอยู่เมื่อเห็นว่าผมยืนเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนอยากคุยกับเค้า  ผมนั่งลงคู่กับใครซักคนที่กำลังให้อาหารแมวแถวนั้น  ผม..ผม..เทข้าวเหนียวมะม่วงให้แมวข้างทางกินจนหมด  แถมยังนั่งมองแมวที่มารุมเลียกินข้าวเหนียวอีกต่างหาก  ในหัวไม่มีอะไรเลยนอกจาก..

‘มึงมันบ้าไอ้วี!’  นั่งแปะกับพื้น  คอตกมองแมวกินข้าวเหนียวหมดก็ถอนหายใจทิ้ง  รอบตัวไม่มีเสียงคุยโหวกเหวกของวัยรุ่น  ไม่มีเสียงท่อจากมอไซค์ของใคร  มีแต่เสียงหัวเราะใส ๆ ของคนข้างกายที่ให้อาหารแมวอยู่  เบือนหน้าไปมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในแว่นหนา..หน้าผมเหมือนหมาป่วยมากครับ  ยิ้มบางตอบยิ้มที่ส่งมาให้ก่อนจะลุกขึ้นยืน  เก็บกล่องเปล่าใส่ถุงเหมือนเดิม  มองไปที่ว่างที่คนตาคมยืนอยู่เมื่อครู่แล้วพ่นลมหายใจทิ้งหลายครั้ง  ไม่กี่วันหลังจากนั้นผมก็เปิดเทอม  ไม่ได้เจอเค้าอีกเลย  รออยู่ในใจเงียบ ๆ ให้ถึงปิดเทอมอีกครั้ง  หวังว่าเวลาที่ผ่านไปนานหลายเดือนจะทำให้ผมมีความกล้า  ถ้าเจอกันอีกครั้งคงสามารถขอบคุณได้อย่างเต็มปาก 

เวลาผ่านไปหลานเดือน  แต่ผมก็ยังคงเหมือนเดิม..เป็นโรคปอดระยะสุดท้าย  ปอดแหก!
 
ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เมื่อเข็นมาจนเกือบจะถึงทางออก  เลี้ยวไปตามถนนแล้วแอบเหลือบมองผู้ชายหน้าคมที่นั่งคร่อมมอไซค์อยู่กลางวงล้อมเด็กวัยรุ่นแถวบ้าน  สบตากับตาคมเข้าพอดี  ผมหันหน้าหนีคอแทบเคล็ด  เบือนไปมองข้างทางจนถึงทางออก  จอดรถเข็นแล้วยกมือลูบแขนที่แดงเถือกเบา ๆ เม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงหน้าตัวเองที่กำลังร้อนผ่าว  เชื่อเถอะว่า..

ยิ่งกว่าเชอร์รี่ที่เอาไว้แต่งหน้าเค้กอ่ะ!

กัดเนื้อในริมฝีปากล่างด้วยความเซ็งตัวเองที่ยังคงไว้ซึ่งความหน้าบาง  เข็นรถเข้าซอยส่วนบุคคลที่อยู่หลังตลาด  ในซอยนี้มีบ้านแค่  3  หลังครับ  มีบ้านผมที่อยู่หลังแรก  ถัดไปก็บ้านอาผม  เจ้าของตลาดน่ะ  ส่วนหลังสุดท้ายก็บ้านลูกชายของอาผม  ลูก  3  คน  ตัวผู้หมด  ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน  พี่เอคนโตเป็นนายร้อย  จบมาก็ไปอยู่ชายแดน  ได้แฟนแล้วก็ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น  ตอนนี้แฟนพี่เอเพิ่งคลอดหลานชายให้อา  ช่วงนี้เลยให้พ่อผมไปเก็บค่าเช่าแผงในตลาดแทน ส่วนอีก  2  คน  ยังเรียนอยู่ทั้งคู่   เมื่อก่อนอาเก็บค่าเช่าแผงรายเดือนครับ  แผงละ 600  แต่ถ้าจ่ายเป็นปีก็คิดแค่  7,000  ค่าเช่าแผงถือว่าถูกมาก  แต่ก็ยังมีพ่อค้าบางรายไม่ยอมจ่ายตามกำหนด  อาเลยตัดปัญหาเดินเก็บเป็นรายวันแทน

จอดรถเข็นไว้ข้างบ้านแล้วเรียกให้น้องสาวออกมาช่วยเก็บของออกไปล้างทำความสะอาด  รับน้ำเย็นที่น้องคนเล็กประคองออกมาให้  ลูบหัวทุยแล้วยิ้มบาง  จิบน้ำแล้วเดินถือแก้วติดมือออกไปดูต้นมะม่วงอกร่องหลังบ้าน  ที่บ้านผมปลูกมะม่วงไว้หลายพันธุ์ครับ  ถัดจากมะม่วงอกร่องก็เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้   แล้วก็มีสามฤดู  ฟ้าลั่น  โชคอนันต์  มหาชนก  เขียวเสวย  แล้วก็..แรด..ครับ (คนแต่งแอบด่าตัวเอง55+>////<)   ที่บ้านขายข้าวเหนียวมะม่วงครับก็เลยปลูกมะม่วงไว้เยอะมาก  ผมขายได้ทั้งปีครับ  หมดหน้าอกร่องก็ใช้น้ำดอกไม้แทน  ไหน ๆ แล้วก็สอยมะม่วงขายคู่กับน้ำปลาหวานด้วยเลย  หยิบไม้มาสอยมะม่วงฟ้าลั่นมากองไว้กับพื้น  เดินกลับมาที่บ้านแล้วเกณฑ์น้อง ๆ มาช่วยกันขนใส่เข่งไม้หิ้วเข้าบ้าน  เดินเข้าไปในครัวที่กว้างกว่าห้องนั่งเล่น  กอดเอวหนาของแม่ที่กำลังง่วนกับการคัดมะม่วงสุก

“กลับมาแล้วครับ”  หอมไหล่หนาแล้วบอกเสียงดัง  แม่หันมายิ้มกว้างแล้วเอาหน้าผากมาชนกับผมเล่น  ผละออกมาตักข้าวเหนียวแช่ลงในถังไม้ใหญ่  แม่ผมให้แช่ไว้ตั้งแต่ตอนเย็นเลยครับ  เช้ามืดก็ตื่นมานึ่ง  ระหว่างรอค่อยคั้นกะทิ  สูตรที่บ้านคือนึ่งข้าวเหนียวมาจากบ้านแค่  1  กระติก  ส่วนน้ำกะทิที่จะเอมามูนก็ค่อยเอามาราดที่ตลาด  ข้าวเหนียวที่ขายทั้งวันก็มานึ่งต่อที่ตลาด  ลองนึกภาพตามนะครับ  ข้าวเหนียวร้อน ๆ ที่ยกลงจากเตา  ควันกำลังกรุ่นก็ราดกะทิที่ผสมน้ำตาลปี๊บลงไป  มันทั้งนุ่มแล้วก็ฉ่ำกะทิ  โรยถั่วเหลืองอบแห้ง  แล้วกินตอนร้อน ๆ กับมะม่วงอกร่องนะ  สุดยอดดดดดดดดด

“วีมาช่วยแม่ซอยหอมหน่อย”  กะพริบตาปริบออกจากภวังค์ความน่ากินของข้าวเหนียวมูน  หันมาช่วยแม่ซอยหัวหอมแดง  ที่แม่ให้ผมช่วยเพราะผมเป็นคนที่ซอยแล้วไม่เคืองตา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  เสร็จแล้วก็เอากุ้งแห้งอย่างดีตัวโต ๆ มาล้างแล้วผึ่งลมให้แห้ง  เรียกน้องให้มานั่งล้อมวงเด็ดพริกออกจากขั้ว  อ้าปากกินเขียวเสวยที่มาจากมือเล็กที่สุดในบ้าน  เคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วหันหลังเอากุ้งที่แห้งมาป่นหยาบ ๆ  ใช้เครื่องปั่นครับ  เพราะมันเยอะ  เสร็จแล้วก็เอามาวางเรียงไว้ให้เป็นระเบียบ  หลังจากนี้เป็นหน้าที่แม่ครับ  ผมเดินแยกออกมาขึ้นห้องนอนตัวเองที่อยู่ก่อนถึงห้องครัวใหญ่   คว้าผ้าเช็ดตัวเดินออกมาอาบน้ำ  แต่งตัวเสร็จก็เดินออกมานั่งเล่นรับลมหน้าบ้านกับน้อง ๆ  รอเวลากินข้าวเย็น

“เด็ก ๆ มาช่วยกันหน่อยเร็ว”  หันไปตามเสียงเรียกของแม่แล้วรีบผุดลุก  น้องคนกลางวิ่งนำหน้า  คนเล็กก็กระชากคอเสื้อคนกลางไว้  หัวเราะเสียงดังลั่นจนแม่ออกมาดุ  ยกกับข้าวออกมาวางแล้วนั่งลงรอพ่อเงียบ ๆ ที่โต๊ะกินข้าว  น้องคนเล็กเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนังก่อนจะลูบท้องป้อย ๆ  ยิ้มบางแล้วตักกับราดใส่ข้าวแล้วไล่ให้น้องกินก่อน  ไม่ต้องนั่งรอพ่อเป็นเพื่อนพวกเรา  รอไม่นานพ่อก็มา  นั่งกิข้าวพร้อมกันเสร็จก็แยกย้ายไปนอน  ผมนอนไม่หลับเลยคว้าเสื่อออกมานั่งรับลมหลังบ้าน  ลมเย็นพัดเอากลิ่นมะม่วงจากสวนหลังบ้านมากล่อมผมให้เคลิ้มหลับ   พ่อเขย่าแขนปลุกถึงได้ลุกไปนอนข้างบน  ผมนอนไม่หลับทีไรต้องมานอนรับลมหลังบ้านแบบนี้ล่ะครับ  มันเย็นดี

ตื่นขึ้นมาก็ช่วยแม่เข็นรถเอาข้าวเหนียวไปตลาดก่อนรอบหนึ่ง  ตั้งเตาทิ้งไว้ค่อยกลับมาขนมะม่วงสุกกับมะม่วงน้ำปลาหวานมาอีกรอบ  ตั้งร้านเรียบร้อยผมก็เดินกลับไปนอนที่บ้าน   หาวหวอดแล้วก้มหน้าก้มตาเดินผ่านเด็กเข็นผักที่ต้องมารับงานช่วงเช้ามืด  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออก  ง่วงฉิบหาย  ปรือตามองปลายเท้าตัวเองเดินตงไปตามทาง  ชนเข้ากับอะไรซักอย่างจนก้นจ้ำเบ้า 

“..อีกแล้วเหรอ  ซุ่มซ่ามเอาเรื่องเลยนะเนี่ย?!”  กะพริบตาปริบแล้วลุกขึ้นตามแรงฉุดจากคนที่ผมเพิ่งเดินชน  มองหน้าคมที่ยิ้มน้อย ๆ ตรงหน้านิ่ง  หายใจถี่ไล่ความตื่นเต้น  มือเย็นเฉียบจนต้องดึงออกจากการเกาะกุมช้า ๆ ทันทีที่หลุดออกจากไอ่อุ่นจากฝ่ามือใหญ่ผมก็รีบเอามือมาประสานกันแน่น  ก้มหน้าเรียกความกล้าแล้วเอ่ยปากขอบคุณที่ช่วยผมเมื่อตอนนั้น

“ขอบคุณที่ช่วยครับ!”   โล่งอกที่พูดออกไปจนได้  ค่อย ๆ เงยหน้ามองเจ้าของดวงตาคมที่ยืนอยู่เงียบ ๆ  หน้าคมก้มหน้ากลั้นหัวเราะเต็มที่ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าที่เปื้อนยิ้มอบอุ่นขึ้นมาสบตาผม  เลื่อนสายตาลงมามองริมฝีปากบางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ  ‘ไม่เป็นไร’  ยิ้มเขิน ๆ ตอบแล้วยืนเงียบ  ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่เงียบ  จนคนข้างหน้าถามว่าจะกลับบ้านรึเปล่า  ถึงได้เงยหน้าขึ้นเพื่อพยักหน้าตอบคำถาม

“ไปดิ  เดี๋ยวขี่มอไซค์ไปส่ง”  ส่ายหน้าแล้วโบกมือวุ่นวายอากาศ  มือใหญ่รวบมือผมไว้แล้วลากให้เดินตามไปที่มอไซค์คันที่เค้านั่งประจำ  เม้มปากแน่นกลั้นยิ้มเพราะวันนี้ผมโดนจับมือไปตั้ง  2  หน  ก้มหน้าซ่อนเขินแล้วมองหวกกันน็อคที่คนตาคมส่งให้  รับมากอดแล้วนั่งซ้อนท้ายช้า ๆ ผมกลัวว่าเค้าจะหนักน่ะ  หลับตารับลมเย็นที่รถพุ่งแหวกอากาศออกไป  เสียงเครื่องไม่ดังหนวกหูเพราะเป็นเครื่อง  4  สูบ  เสียงเครื่องที่ดังไม่ถึง  5  นาทีก็เงียบ  ลืมตาขึ้นช้า ๆ สบตาคมที่กำลังมองผมอยู่  ก้มหน้าหนีก่อนจะลงจากมอไซค์คันสวย  ยื่นหมวกกันน็อคคืนแล้วขอบคุณเสียงเบา

“ขอบคุณครับ”  เจ้าของตาคมบอกผมกลับมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

“พี่ชื่อ ‘โต’  เราล่ะ”  เงยหน้าขึ้นมองหน้าตายที่แนะนำตัวกับผม  กะพริบตาปริบเรียกสติแล้วบอกชื่อตัวเองเสียงเบาหวิวเหมือนคนละเมอ  ‘วีครับ’  เจ้าของตาคมพยักหน้าก่อนจะเลี้ยวรถกลับไปทางเดิม  ผม..อายก็อายแต่ก็อดยิ้มกว้างส่งแผ่นหลังกว้างไม่ได้  เดินหน้าเปื้อนยิ้มเข้าบ้านแล้วเอาเสื่อมาปูนอนรับลมหลังบ้าน  หลับไปจนถึงช่วงสาย  ตื่นขึ้นมาก็เข้าครัวหาอะไรกิน  กินเสร็จก็ปั่นจักรยานไปตลาด  แทคมือเปลี่ยนแม่กลับมานอนบ้าง  นั่งขายหมดตั้งแต่บ่าย  2  เก็บของเดินเอ้อระเหยอยู่จนเย็นย่ำ  ได้เวลาเดิมก็เข็นรถกลับบ้าน   เย็นวันนี้ผมทำใจกล้ายิ้มทักพี่โตครับ  ถึงจะเขินจัดเลยก็เถอะ  ถ้าผมไม่ยิ้ม  ผมจะเห็นพี่โตยิ้มให้ได้ยังไง

“ขายดีจังนะวี  วันนึงใช้มะม่วงกี่โลล่ะ?”  ยิ้มตอบไปเพราะผมไม่เคยชั่งซะด้วย  พี่โตเดินเข็นรถช่วยผมส่งจนถึงบ้านก็ขอตัวกลับ  ก่อนกลับผมก็ให้พี่โตรอก่อน  วิ่งไปหยิบมะม่วงกับน้ำปลาหวานใส่ถุงให้พี่เค้ากลับไปกินที่บ้านด้วย

“เอาฟ้าลั่นไปชิมดูพี่โต  ต้นนี้ผมปลูกเอง  ไม่ได้ขายที่ตลาด”  มือใหญ่ยื่นรับแล้วยิ้มขอบคุณผม  ยืนส่งแผ่นหลังกว้างจนลับตา  หันกลับเข้าบ้านแล้วทำกิจวัตรที่เคยทำ  ทุกวันก็เดินไปตามวิถีของมัน  ผมกับพี่โตก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น  พี่โตอยู่  ม.6  โรงเรียนประจำจังหวัด  ตั้งใจจะเข้านิติจุฬาให้ได้  ผมก็ได้แต่เอาใจช่วย  อิจฉาคนหัวดี  ผมเรียนไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้โง่  เกรดก็กลาง ๆ ไม่ดีเด่อะไร  ไม่มีเป้าหมายเหมือนพี่โตหรอกครับ  ทุกวันผมกับพี่โตต้องมานั่งที่สวนสาธารณแถวบ้านพี่โต  คือหลังจากผมเก็บร้านกลับบ้านไปช่วยแม่เตรียมของ  พี่โตจะมาเรียกหน้าบ้านแล้วขอแม่ให้ผมอออกไปนั่งเล่นที่สวนครับ 

นั่งดูน้ำพุที่เทศบาลเอามาเปลี่ยนแล้วสบายตาดีครับ  อันเก่ามันไม่ค่อยสวยแล้วน้ำก็ไม่ค่อยกระจายด้วย  เหลือบมองหน้าด้านข้างที่เหม่อมองไปที่เดียวกับผมเมื่อครู่  วันนี้พี่โตไม่ค่อยคุย  ไม่ค่อยยิ้มด้วย  นั่งไปเงียบ ๆ จนถึงเวลาที่ผมต้องกลับบ้าน  ถอนหายใจเฮือกยาว  พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วครับ  ผมจะไม่ได้เจอพี่โตอีกหลายเดือนเลย  แล้วก็ไม่รู้ว่าปิดเทอมครั้งหน้า  ผมจะได้เจอรึเปล่า..

“..กลับกันเถอะครับ  จะทุ่มแล้ว  พ่อกับแม่รอกินข้าว”  ผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้มมองหน้าคมที่เงยมองหน้าผม  ตาคมของพี่โตหม่นแสงบอกไม่ถูก  มองแล้วมัน..ใจหายยังไงไม่รู้

“..วี..พรุ่งนี้ไปเรียนแล้วใช่ไหม?”  กลืนก้อนแข็งที่จุกที่คอแล้วพยักหน้าตอบ  อย่างน้อย..พี่โตก็ยังไม่ลืมที่ผมบอกวันเปิดเทอมของผม   มองสบตาคมที่มองผมอยู่ตลอด  พี่โตลุกขึ้นยืนเต็มความสูงสบตาผมตลอดเวลา..ไม่มีคำพูดออกมาแม้แต่คำเดียว  ระหว่างผมกับพี่โต  ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันมาก  แค่อยู่ด้วยกันเงียบ ๆ ผมก็มีความสุขแล้ว 

“กลับเถอะ..พี่ไปส่ง”  แค่นยิ้มตอบยิ้มขืนของพี่โต  เดินคู่กันไปจนเกือบจะถึงมอไซค์ของพี่โตที่จอดอยู่อีกฟากของสนาม  มือเย็นแตะที่หลังมือผมเบา ๆ สะดุ้งกับสัมผัสนั้นแล้วเกร็งให้หลังมือคอยแตะกันไปเบา ๆ รับสัมผัสนั้นเข้ามาเก็บไว้ในความทรงจำ  ยิ้มบางกับตัวเองก่อนจะกะพริบตาปริบ  ปลายนิ้วเย็นของพี่โตค่อย ๆ สอดเข้ามาในฝ่ามือผม  เม้มปากเมื่อมือข้างนั้นกระชับมือรวบเอาเนื้อฝ่ามืออุ่นของผมไว้จนเต็มฝ่ามือใหญ่  หายใจติด ๆ ขัด ๆ เดินตามแรงจูงพาเดินไปใต้ต้นจำปีที่อยู่ตรงมุมสวน..

หยุดยืนใต้ต้นแล้วก้มหน้าไม่กล้ามองตาคู่นั้น  นิ่งฟังเสียงลมพัดใบไม้  หัวใจย้ายไปเต้นตึกตักที่ฝ่ามือตัวเอง..ข้างที่พี่โตกำลังกุมอยู่  มองตามหิ่งห้อยที่บินมาอวดแสงน้อยนิดตรงหน้า  ไล่สายตาตามไปทุกที่ที่มันบินผ่าน  ดวงตาคมมองหน้าผมนิ่ง  ลมหายใจอุ่นค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาหาแก้มผมช้า ๆ  ผมก้มหน้าเบือนหลบปลายจมูกที่กำลังจะสัมผัสผิวแก้มที่ร้อนฉ่าของตัวเอง  ถอยหลังไปแค่ก้าวเดียวหลังผมก็ชนกับต้นจำปี  มือใหญ่คลายฝ่ามือร่นลงมาจับแค่ปลายนิ้วผม  กลั้นหายใจแล้วหลับตาแน่นเมื่อลมอุ่นเลื่อนจากผิวแก้มมาที่..ริมฝีปาก

ปลายนิ้วตัวเองเย็นเฉียบ  ควบคุมหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำไม่ไหว  ริมฝีปากชื้นแตะลงที่ริมฝีปากผมเบา ๆ  เคลื่อนไหวเชื่องช้า  จูบไล้ผะแผ่วไปตามริมฝีปากผม  ปลายลิ้นอุ่นแตะที่เนื้อในริมฝีปากผมแล้วค่อย ๆ ไล้เลียเข้าไปข้างใน  ลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนเจอลิ้นของผม  เกร็งมือบีบมือพี่โตแน่นรับปลายลิ้นที่ตวัดรัดลิ้นผมเข้ามาเกี่ยวพัน  มือใหญ่สอดเข้ามาประคองท้ายทอยให้รับจูบที่ลึกล้ำมากกว่าเดิม  ปลายลิ้นอุ่นเลื่อนไหลลงมาดันใต้ลิ้นให้ผมเผยอริมฝีปาก  ฉับพลันก็ประกบจูบดูดดื่ม  ลมหายใจขาดห้วง  บีบมือพี่โตแน่นจนไม่รู้สึกถึงไออุ่นของคนตาคม.. 

ผม..ไม่ไหวแล้ว

สติดับวูบเป็นลมในอ้อมแขนแกร่ง  ได้สติบนอกอุ่น  ลืมตามองมือที่จับผ้าเปียกน้ำเช็ดตามเนื้อตัวผม  กะพริบตาทบทวนความจำก่อนจะเป็นลมก็อยากจะลมจับอีกรอบ  โดนจูบจนเป็นลม  รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!  เด้งตัวออกจากอกพี่โตแล้วล้วงมือถือออกมาดูเวลา  ผมเลยเวลาเข้าบ้านมา  2  ชั่วโมงแล้ว  ไม่มีเวลาจะเหนียมอายใส่หน้าคมตาพราวระยับที่คอยมองหน้าผมไม่คลาดสายตา   เอ่ยปากเร่งให้รีบไปส่งที่บ้าน  ขึ้นซ้อนมอไซค์แล้วรีบกดดูมิสคอล  ไม่มีสายจากที่บ้านโทรตามก็ถอนหายใจยาว  พอล้อรถจอดสนิทก็โดดลงจากรถ  ชะโงกมองหน้าบ้านตัวเองที่ยังเปิดไฟทิ้งไว้แล้วพ่นลมหายใจทิ้งอีกรอบ  หันมามองหน้าหล่อที่มองตามตาผมไปที่บ้านก่อนจะเบือนมามองสบตาผม  ยืนสบตาคมที่สื่ออะไรมากมายผ่านตาพราวด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม

ผมทนยืนให้ตาคมมองไม่ไหว  หันหลังให้แล้วบอกเสียงดังว่าจะเข้าบ้านแล้ว  คนข้างหลังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา  กลอกตาไปด้านข้างแล้วพ่นลมหายใจออกช้า ๆ  ก้าวขาไปข้างหน้าตั้งใจจะเข้าบ้าน  มือใหญ่คว้าจับปลายมือผมจากด้านหลัง  ข้างหูได้ยินเสียงทุ้มกระซิบข้อความที่ผมไม่ลืม..จนวันตาย

“เป็นแฟนพี่แล้วนะวี..”  ลมหายใจไม่เข้าปอดดื้อ ๆ กะพริบตาถี่ยืนนิ่งฟังเสียงมอไซค์ที่ขี่ออกไปจากบ้าน  เดินเข้าบ้านเหมือนคนละเมอ  ไม่รู้ว่าแม่ถามอะไร  รู้แต่รอบตัวตอนนี้มีแต่สีชมพูเต็มไปหมด   น้ำก็ไม่ได้อาบ  นอนก็ไม่หลับ  แต่กลับรู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดเวลา  ตื่นรับวันใหม่ด้วยการตอบคำถามพ่อที่ถามว่าเมื่อวานผมไปไหนกันมากับพี่โต  ยิ้มแหยแล้วโกหกหน้าตายว่ามัวแต่โม้เลยลืมเวลาเข้าบ้าน  พ่อก็ไม่ถามอะไรต่อ  นั่งรถไปถึงโรงเรียนก็สะดุ้งกับข้อความที่ส่งหาผมตลอดทาง

ข้อความของคนตาคมที่กำลังย้ายสถานะตัวเองจาก  ‘พี่โต’  มาเป็น  ‘พี่โต~’..

ยิ้มบางกับอนาคตที่มองไม่เห็นปลายทาง  ผมเลือกจะมีความสุขกับมันไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับสิ่งรอบข้าง  มือใหญ่ที่จะคอยกุมมือผมไปตลอด..







พี่โต..เทพบุตรนักบิดที่รัก


End.

กอดดดดค่า
ไม่มีเวลาตอบเม้นท์นะคะ  เดี๋ยวต้องเข้าประชุมด่วนค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Shy 24/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-03-2015 16:29:04
'น่าร้ากกกก...อ่ะ'
พี่โตมานั่งอ่อยน้องวีในซอยใช่ม้า อยากเป็นคนที่อยู่ในสายตาน้องล่ะสิ ล่ะสิ :hao3: งุ้ยย~
อยากจะบอกว่าพี่ทำสำเร็จแล้วค่า//ปรบมือ
เราเขินตามจนตัวจะบิดเป็นเกลียวอยู่แล้วเน้อ

** เห็นวัยรุ่นเขาจีบกันมันช่างกระชุ่มกระชวยหัวใจเสียจริงนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Shy 24/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 24-03-2015 20:05:47
เด็กๆจีบกันนี่น่ารักจริงๆๆ   :mew1:

ตอนแถมอยู่ไหนน้อคุณจิ :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Shy 24/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 25-03-2015 00:14:10
ขอเม้นท์เรื่อง Charming ก่อนนะคะ ชอบเฮียปิงมากเลย  :o8:
หลงรักความใจดีรักสัตว์ของเฮีย ตรีตาถึงจริง ๆ เป็นรักต่างวัยที่น่ารักมาก
รู้สึกหนุ่มใหญ่วัย 37 ปี จะใสซื่อไร้เดียงสา กว่าหนุ่มน้อยวัย 17 ปี อย่างตรีอีกนะเนี่ย 555
คู่พี่โตกับน้องวี ก็น่ารัก ใส ๆ ดีจัง :-[  พี่โต แว้น ๆ มอเตอร์ไซด์อย่างนั้น
คิดว่าจะเถื่อน ๆ ซะอีก ที่ไหนได้ อบอุ่นใจดีมากเลย โดยเฉพาะกับเด็กที่ชอบใช่ม้า
ขี้อายอย่างน้องวี ถ้าพี่โตไม่รุกก่อน คงได้แต่มองกันไป มองกันมา อยู่อย่างนั้นแหละเนอะ
แต่ขี้อาย ถึงขนาดเป็นลมเพราะโดนจูบนี่ 555 เข้าใจ ๆ ยังเด็กน้อยอยู่นี่นะน่ารักจริง ๆ
ความไม่ประสาของน้องวีนี่แหละ ยิ่งเป็นเสน่ห์มัดใจให้พี่โตหลงรักน้องวีมากขึ้นไปอีก

ชอบครอบครัวของน้องวีจัง ครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น ช่วยกันทำมาหากิน
น้องวีบรรยายซะ อยากกินข้าวเหนียวมูลซะตอนนี้เลย ตัวเพิ่มน้ำหนักเลยนะนั่น
แต่แถวบ้านไม่มีเจ้าไหน ที่ขายแบบออกมาร้อน ๆ เหมือนร้านน้องวีเลยนี่สิ  :heaven
รอคู่รักคู่ต่อไปจ้า ขอบคุณคุณจิมากค่ะ สู้ ๆ กับงานน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Shy 24/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 25-03-2015 17:01:52
Burn


แสงแดดแสบตาร้อนอบอ้าวสาดส่องทั่วบริเวณ  ก้มหน้าหลบไอรินแล้วเดินเข้าตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง  ถอนหายใจทิ้งสั้น ๆ เมื่อพ้นจากแดดแผดผิวด้านนอก  หรี่ตามองแสงแสบตาที่อยู่ด้านนอกตลาดสด  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วกระชับถุงผ้าในมือที่เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ  เดินตามแผ่นหลังเล็กเข้าไปในซอยขายของแห้ง  ข่มใจไม่ให้เกิดความรู้สึกอื่นนอกจาก ‘เฉย’ เมื่อเดินเข้าไปใกล้จุดหมายที่อยู่กลางซอย  ถังไม้ตั้งออกมากินพื้นที่ด้านหน้าร้าน  ข้างในมีปูเค็ม  กุ้งแห้ง   ปลาร้าบรรจุอยู่ทุกถัง  ยืนหันหลังให้ร้านรอแม่ที่เดินเข้าไปสั่งของกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน  เบือนหน้ามองไอร้อนที่ลอยจากพื้นถนนหน้าปากซอย  หลับตากัดกรามแน่นกับเสียงทุ้มที่คุยกับแม่ลอยเข้ามาให้ได้ยิน

“ที่  2  ครับ  น้าติ๋ม”  ยกยิ้มมุมปากกับคำตอบของมัน  แม่ผมถามว่าสอบคราวนี้ได้ที่เท่าไหร่?  มันได้ที่  2  ของระดับชั้น  เกรดเท่ากัน  แต่คะแนนวิทย์ผมดีกว่า  อันดับ  1  ก็เลยต้องตกเป็นของผม  สะใจฉิบหาย!  ผมกับมันเป็นคู่แข่งกันทุกเรื่อง  ไม่ว่าจะเรื่องเรียน  กีฬา   รวมถึง..ผู้หญิงด้วย

“ไม่เป็นไรจ๊ะน้องโอม  แม่ให้พี่เต็มหิ้วไปได้จ๊ะ”  ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันหลังไปมองแม่ยื้อถุงหิ้วในมือมันมาถือไว้ซะเอง  เบือนขึ้นสบนัยน์ตาสีดำเฉยชา  ยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าไปหา  ยื่นมือทำท่าจะจับถุงในมือมันก่อนจะปล่อยให้แรงโน้มถ่วงของโลกทำหน้าที่ของมันไป  เสียงถุงหล่นกระทบพื้นปูนดัง ‘ปุ’  แสดงสีหน้าตกใจและเสียดายของที่อยู่ในถุง  ซ่อนความสะใจที่เห็นน้ำปูเค็มไหลออกมาท่วมกุ้งแห้งที่หลุดออกมาจากถุงที่แตก  เลิกคิ้วสูงสบตาสีดำที่หันมาจ้องเอาเรื่อง  ยิ้มมุมปากส่งให้แล้วจงใจเหยียบมือที่วางราบกับพื้น  ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงลงน้ำหนักไปที่มือเรียวนั่น..เต็มข้อ 

“ตายแล้วน้องโอม!  วางไว้เถอะลูก  เดี๋ยวน้าซื้อใหม่ได้จ๊ะ”  คนที่ได้ที่  2  กัดกรามแน่นก่อนจะปล่อยถุงนั้นวางกับพื้น  ยิ้มมุมปากเมื่อมือที่อยู่ใต้เท้าผมดึงออกเต็มแรงจนหลังมือถลอก  ริมฝีปากสีส้มอ่อนคลี่ยิ้มให้แม่ผมแล้วค่อย ๆ กลายเป็นเส้นตรงเมื่อหันมาหาผม  มองคนที่นั่งยอง ๆ กับพื้นลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินชนไหล่ผมเข้าไปในร้าน  ยักไหล่ไม่ใส่ใจ  เบือนหน้าไปมองไอร้อนที่เดิมไม่สบตาแม่  พักใหญ่มันก็จัดของที่เหมือนเดิมเอามายื่นให้..แม่ผม   

“ขอโทษครับคุณน้าที่ผมถือของไม่ระวัง  ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะครับ  แม่รู้ว่าน้าจ่ายเพิ่มผมโดนดุแน่เลย”  ปรายตามองหน้ายิ้มอ่อนโยนของมันแล้วอดเบะปากใส่ไม่ไหว  ตีหน้าเฉยตอบโต้ดวงตาสีดำของแม่ที่กำลังมองตำหนิผม  รับถุงจากแม่มาถือแล้วเกร็งหน้าท้องรับเล็บที่จิกลงมา

“กลับบ้านแล้วอย่าไปไหน  แม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา!”  อ้าปากสูบลมเข้าช้า ๆ ไล่ความแสบที่หน้าท้องแกร่งได้รับ  ถ้าการที่แม่หยิกมันหมายถึงการลงโทษ  ดวงตาสีดำที่กำลังมองผมอยู่ตอนนี้..ก็น่าจะสื่อถึงความสะใจที่เห็นผมกำลังจะถูกพิพากษาสินะ  กระชับถุงในมือแล้วเบือนหน้าหนีดวงตายิ้มสะใจของมัน  เดินตามแม่กลับไปที่รถ  ระหว่างทางแม่ไม่ปริปากพูดอะไรกับผมแม้แต่คำเดียว  ความกดดันที่ผมเจอในรถ  มันเทียบไม่ได้กับระเบิดอารมณ์เสียของแม่ที่รอการปลดปล่อยที่บ้านอย่างเต็มที่ไม่ได้หรอก

“ทำตัวเหมือนพวกไม่มีสกุลนะเต็ม  น้องไม่ได้ทำอะไรให้เราเลยนะ  ทำไมถึงได้ชอบแกล้งน้องแบบนี้  แม่ไม่ดุไม่ได้หมายความว่าแม่ไม่รู้นะว่าเต็มแกล้งอะไรน้องบ้าง  อย่าทำแบบนี้อีก!  เมื่อก่อนเรากับน้องออกจะรักกัน  ทำไมยิ่งโตยิ่งห่างแบบนี้ไปได้ล่ะ..”  ยืนตีหน้าเฉยกัดฟันกรอดให้แม่ตีแขนแถมต้องนิ่งฟังแม่บ่น  ไม่อยากได้ยินว่าตอนเด็ก  ผมกับมันสนิทกันแค่ไหน  บ้านใกล้กัน   รุ่นราวคราวเดียวกัน  เล่นด้วยกันทุกวัน  แอบมานอนค้างด้วยกัน  เพราะห้องนอนอยู่ตรงข้ามกันผมที่รักน้องมากเลยแอบปีนระเบียงไปนอนกับน้องประจำ  มันก็แค่เรื่องเล่าสมัยผมยังเด็กเท่านั้นล่ะน่า!  ผมกับมันเกิดปีเดียวกันแต่คนละเดือน  ผมเกิดก่อนมัน  3  เดือนแม่เลยให้ผมเป็นพี่  แต่..ผมไม่ยักจะจำได้  ว่าผมเคยมีน้องที่รักมากหน้าตาแบบมัน 

ยืนเฉยจนแม่ยอมแพ้  ไล่ให้ผมเอาของไปจัดใส่ที่  หลับตารับคำแล้วเดินตรงไปหลังบ้าน  วางถุงใบโตกับถุงผ้าไว้ที่โต๊ะ  กวาดตามองของทุกอย่างแล้วส่ายหน้าไล่ภาพคนที่นั่งยอง ๆ เก็บของพวกนี้ที่พื้นหน้าร้านของแห้งในตลาด  หันหลังหยิบโหลใสมาวางแล้วหยิบถุงปูเค็มมาแกะ  เทพรวดใส่เข้าไปจนเต็ม  เม้มริมฝีปากล่างแน่นเมื่อภาพรอยยิ้มอ่อนโยนของมันที่ส่งให้แม่ตามมาหลอกหลอน  ทำเป็นยิ้ม..แต่จริง ๆ อยากจะโวยวายมากกว่า  อยากจะบอกแม่เต็มกลืนว่าอย่าได้หลงเชื่อหน้าตาอ่อนโยนกับรอยยิ้มจริงใจของมันเด็ดขาด  เฮอะ!

“เบา ๆ เจ้าเต็ม!  หกหมดแล้วลูก  ไม่มีสมาธิก็ไปเด็ดมะละกอในสวนให้แม่ก็แล้วกัน  ตรงนี้เดี๋ยวแม่ทำเอง”   ถอนหายใจแรง ๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไปหลังบ้าน  หยิบตะกร้าหวายใบใหญ่ติดมือเข้าไปในสวนหลังบ้าน  เลือกเด็ดมะละกอลูกใหญ่มา  15  ลูก  ปกติแม่จะขายอยู่แค่นี้  มะละกอหมดก็เก็บของ  ผมบอกรึยังว่าที่บ้านทำอะไรขาย  ของชอบของผู้หญิงทั่วประเทศน่ะ  ส้มตำ  ไก่ย่าง  ขนมจีนเส้นเล็กกว่าที่อื่น  แล้วก็ข้าวเหนียวร้อน ๆ  อย่าสั่งพวกลาบ  น้ำตก  ก้อย  ต้มแซ่บมาให้แม่ด่าเอาล่ะ  ถ้าจะกินก็สั่งร้านตรงข้ามโน่น  ไม่มีเวลาทำหรอก

หิ้วตะกร้าเข้าหลังบ้านแล้วหงายกะละมังใบโต  เทมะละกอใส่แล้วตักน้ำราดจนท่วม  ปล่อยไว้แบบนั้นแล้วหันหลังกลับเข้าสวน  เด็ดถั่วฝักยาว  พริกหอม  มะเขือเทศใส่ตะกร้าแล้วเดินย้อนกลับมาที่เดิม  นั่งลงกับเก้าอี้พลาสติกตัวเล็ก  จับมีดปอกผลไม้มาปอกเปลือกมะละกอ  เสร็จแล้วก็ล้างเอายางออกให้เกลี้ยง  ระหว่างทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำก็เอาถั่วฝักยาวกับผักอย่างอื่นมาล้าง  พอล้างผักเสร็จมันก็ได้ที่พอดี  ยกทุกอย่างเข้าไปในครัวให้แม่จัดการสับมะละกอ  ที่บ้านจะไม่ใช้ที่ขูด  เพราะมันจะไม่อร่อย  แม่ว่างั้นน่ะนะ

“ออกไปรับข้าวเหนียวหน่อยเต็ม  แม่ไม่ว่าง”  พยักหน้ารับคำแล้วลุกไปล้างมือ  เช็ดกับกางเกงแล้วเดินออกไปหน้าบ้าน  ยิ้มกว้างให้คนส่งข้าวเหนียวที่หน้าหวานที่สุดในตลาด

“ชีทมาเองเหรอ?  ลุงเชียรไปไหนล่ะ?”  ยื่นมือรับข้าวเหนียวในกระติกมาถือไว้แล้วเอ่ยปากทัก  หน้าใสกับยิ้มบางของน้องชีสบอกผมว่าลุงไม่ค่อยสบาย  เลยต้องมาส่งข้าวเหนียวเอง  เบือนหน้าไปมองคนขับที่นั่งรออยู่ในรถ  โบกมือทักทายแล้วยิ้มกว้างส่งให้  พี่ช้างพี่ชายน้องชีทเป็นรุ่นพี่ที่ผมรักมาก  เป็นหัวโจกประจำซอย  และเป็นโค้ชสอนผมเล่นแบดด้วย 

หรี่ตามองมือหยาบที่กวักเรียกผมผ่านกระจกสีทึม  ยกยิ้มมุมปากแล้ววางข้าวเหนียวกระติกใหญ่ไว้บนสนามหญ้าหน้าบ้าน  เดินเข้าไปหยุดยืนมองกระจกที่ลดลง  พี่ช้างทำหน้าหล่อแล้วกระดิกนิ้วเรียก   เลิกคิ้วสูงแล้วย่อตัวให้อยู่ในระดับเดียวกัน  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของพี่ช้างเบือนมามองผมแล้วยิ้มน้อย ๆ

“จะจีบน้องกูรึไงไอ้ไก่อ่อน  ไม่เข็ดนะมึง!”  เบี่ยงหลบมือหนาที่คว้าคอได้ทัน  แต่ดันพลาดถูกมือหยาบคว้าแขนไม่ให้หนี   พี่ช้างเปิดประตูรถลงมายืน  มือข้างหนึ่งคว้าแขนผม  อีกข้างก็ยีหัวผมซะเละ  ปัดป้องไม่จริงจังแล้วขำไปด้วย   เมื่อก่อนผมเคยจีบน้องชีท   ไม่ได้ชอบ  แต่หมั่นไส้พี่ช้างที่ชอบทำหวงใส่ผมเลยแกล้งจีบไปงั้น  พี่ช้างมันก็รู้แต่ก็นะ  มันคงสนุกที่ได้แกล้งผม  เหมือนที่ผมสนุกที่ได้แกล้งมันกลับ  เคยลงไม้ลงมือกันหนักเพราะแกล้งกันไปมาก็บ่อย  แกล้งไอโขลกใส่แขนที่ล็อคคอไว้จนพี่ช้างต้องยอมปล่อยเพราะรังเกียจน้ำลายผม

“ไอ้เต็ม  ไอ้เด็กเหี้ย!  เช็ดออกให้หมดเลย  กูต้องไปฉีดยามั้ยเนี่ยยยย”  เท้าเอวยืนยิ้มกับท่าทางขนลุกของพี่ช้าง  จับชายเสื้อตัวเองแล้วขยับเข้าใกล้  เช็ดน้ำลายที่ไม่เห็นฟองที่แขนพี่ช้างเบา ๆ  เงยหน้ามองพี่ช้างที่เงียบไป  นิ่งมองตากับหน้าหล่อนานจนพี่ช้างเป็นฝ่ายหลบตา  ขยับถอยหลังให้พี่ช้างเข้าไปนั่งในรถ  หันไปยิ้มให้น้องชีทแล้วบอกว่าพี่ช้างจะไปแล้ว  น้องชีทยิ้มน้อย ๆ แล้ววิ่งมาขึ้นรถ  โบกมือส่ง  2  พี่น้องเสร็จก็เดินเข้าบ้าน  หิ้วกระติกข้าวเหนียวไปไว้ท้ายกระบะรถแล้วเดินเข้าครัวไปดูแม่   ย้ำ..ว่าเข้าไปดูจริง ๆ ไม่ได้ช่วย  หน้าที่ผมไม่ได้อยู่ที่การช่วยแม่สับมะละกอ..

“ลุงเชียรไม่สบาย  2  พี่น้องเลยมาส่งเอง  ผมไปอาบน้ำนะแม่  ว่าจะนอนพักนึงด้วย  แม่ไปตลาดก่อนเลยนะ  แล้วผมตามไปทีหลัง”  แม่พยักหน้าส่ง ๆ เลยหมุนตัวขึ้นไปอาบน้ำ  กำลังจะล้มตัวลงนอนก็เหลืบเห็นคนตรงข้ามห้องเดินอยู่ในห้อง  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ แล้วลุกขึ้นยืน  เดินไปที่หน้าต่าง  มองเจ้าของห้องฝั่งตรงข้ามกำลังดึงเสื้อออกจากหัว  สบตาสีดำนิ่ง  โอมปล่อยเสื้อหล่นข้างตัวแล้วเดินมาตรงหน้าต่าง  มองมือเรียวจับขอบหน้าต่างจ้องหน้าผมกลับ  ริมฝีปากสีสิ้มยกยิ้มแล้วหันหลังกลับไปเปิดลิ้นชักโต๊ะอ่าหนังสือ  ดวงตาสีดำเบือนกลับมาสบตาผม  แววตาท้าทายส่งกลับพร้อมกับมีดพับคมกริบที่เจ้าตัวดึงออกมาจากลิ้นชัก  มองมือเรียวดึงใบมีดออกมา  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ความรู้สึกกระหายอะไรบางอย่างพุ่งพล่านเมื่อสบตาสีดำพราวคู่นั้น  จ้องตามันไม่หลบ  มองทุกการกระทำอย่างไม่รู้สึกกลัว  มีดถูกขว้างออกจากมือเรียว  คมมีดเฉือนผ้าม่านที่หน้าต่างตรงหางตาดัง ‘ฟึ่บ’ แสบที่โหนกแก้มเป็นริ้ว  ยกยิ้มให้เจ้าของหน้าเฉยที่อยู่ในห้องนอนฝั่งตรงข้าม  มือจับบานหน้าต่างแน่นก่อนจะดึงเข้าหาตัว  ภาพหน้าใสกับริมฝีปากสีส้มอ่อนแสยะยิ้มค่อย ๆ ถูกหน้าต่างบดบังจนเหลือแต่สีดำสนิท  ละมือจากบานหน้าต่างแล้วยกขึ้นแตะน้ำเหนียวข้นที่ไหลจากแผลที่แก้มจนถึงปลายคาง  ปาดออกมามองแล้วเกลี่ยนิ้วเช็ดเลือดสีเข้มที่ติดปลายมือ  ความร้อนเผ่นพล่านเข้ามาในอก  ภาพดวงตาสีดำสนิทที่กำลังมองท้าทายพุ่งตรงเข้ามาในใจ..

ความร้อนจุกรวมกันที่เป้ากางเกง  ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจะดึงมือมากดความแข็งขืนที่พองคับเป้ากางเกง  มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมมีเรื่องมีราวจนถึงขั้นเลือดตกยางออกกับไอ้โอม  เป็นอาการที่ผมไม่สามารถควบคุมได้  มันเกิดกับไอ้โอม..คนเดียว..

ผมมีเรื่องชกต่อยกับใครมาก็มาก  แต่ไม่มีสักครั้งที่จะรู้สึกอย่างอื่นนอกจากคำว่าเลือดขึ้นหน้า  แต่กับไอ้โอม  มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะควบคุม  ผมรู้ว่ามันแปลก  และออกจะน่ารังเกียจ  แต่ผมก็อยากรู้อยากลอง  ว่าทำไมผมถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้กับมัน  เคยลองกับคนใกล้ตัว...

ผมลองกับพี่ช้าง..

ผมเล่นแรงกับพี่ช้าง  ชกจนเลือดกบปากกันทั้งคู่  นอนหงายให้พี่ช้างคร่อมต่อยปาก  นิ่งจ้องทุกหมัดที่พี่ช้างชกเข้ามาไม่หลบตาแม้วินาทีเดียว  พี่ช้างหยุดต่อยแล้วนั่งหอบมองตาผม  ผมไม่รู้สึกอะไรนอกจากชาที่หน้ากับแผล  แต่เป็นพี่ช้างเองที่มีอาการเหมือนผมตอนมีเรื่องกับไอ้โอม  กางเกงบอลโป่งขึ้นเป็นรูปจนเจ้าตัวต้องรีบลุกหนี  ผมไม่เคยถามพี่ช้างว่าทำไมพี่ช้างแข็งเวลาต่อยกับผมหรือกับคนอื่น   เหมือนที่พี่ช้างเลือกจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น  ปล่อยให้คาใจจนมาถึงทุกวันนี้  บ่อยครั้งที่พี่ช้างมองผมด้วยแววตาแปลก  แต่พี่ช้างก็ไม่เคยรุกใส่ผม  เพราะพี่ช้างเป็นผู้ชายปกติเหมือนผม  แต่ที่มีอาการแบบนั้นอาจเพราะความตื่นเต้นจนทำให้มันตื่นตัว 

แต่ผมไม่ใช่..

ผมรู้สึกอยากกับมันแค่คนเดียว  ทุกครั้งที่ตกอยู่ในภาวะของอารมณ์ถูกท้าทายจากดวงตาของมัน  เลือดในตัวผมมันร้อน  หัวใจเต้นถี่  และไม่สามารถละสายตาจากตัวมันได้  ได้กลิ่นดิบลอยคละคลุ้งอยู่รอบตัวมันกับผมตลอดเวลา  เหมือนถูกประกายตาท้าทายของมันเผาผลาญให้มอดไหม้  อยากรู้ว่าเลือดจากริมฝีปากสีส้มจะเค็มเหมือนเลือดที่ไหลจากแก้มผมตอนนี้..หรือจะหวาน..แค่ไหน  ความคิดเตลิดจนตัวเองต้องรีบหยุด  เดินเข้าไปอาบน้ำ  ส่องกระจกดูแผลที่แก้มแล้วยกยิ้ม  เดินออกมาแกะพลาสเตอร์ปิดแผลสีเนื้อมาคาดตามความยาว  เหลือบมองมีดที่ปักแน่นกับผนังไม้   จับด้ามแล้วดึงออกทุลักทุเล  กะให้ถึงตายเลยมั้ง5555

พับมีดเก็บเข้าซองแล้ววางไว้บนโต๊ะ  ล้มตัวลงนอนหลับไปในเวลาไม่นาน  สะดุ้งตื่นกับมือถือที่ปลุกเวลาเดิมทุกวัน  ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้า  เปลี่ยนพลาสเตอร์ปิดแผลแล้วแต่งตัว  เดินมาเปิดหน้าต่างแล้วมองฝ่าความมืดไปที่หน้าต่างห้องนอนฝั่งตรงข้าม  กางมีดแล้วขว้างไปปักที่หน้าต่างห้องมันเต็มแรง  ยืนรอไม่ถึงนาทีหน้าต่างก็เปิดออก  หน้าขาวที่มีร่องรอยความตกใจมองหน้าผมไม่กะพริบ  ยกยิ้มมุมปากแล้วจับแก้วน้ำปาไปตรงด้ามมีด  นิ่งฟังเสียงแก้วน้ำแตกดังเพล้ง   มองมือที่ละจากบานหน้าต่างมากุมซีกหน้าฝั่งที่เศษแก้วกระเด็นใส่  หัวเราะลงคอเมื่อเห็นมันดึงมือออกจากหน้า  เลือดไหลเป็นทางจากแผลที่เกิดจากเศษแก้ว  ที่เดียวกับที่ผมโดนพอดี..

ปิดหน้าต่างลงพร้อมกับภาพดวงตาสีดำลุกโชน  แววตาไม่พอใจคละเคล้ากับประกายแปลกจนทำให้มันมีเสน่ห์อย่างประหลาด  ความแข็งขืนดุนดันเป้ากางเกงจนผมต้องลดมือลงไปคลึงให้มันสงบ  ผมไม่คิดหนี  เหมือนที่มันเดินดิ่งเข้าหาผม

จากที่เป็นเด็กน้อยรักกันมาก  กลับกลายมาเป็นคู่แข่งคู่กัดกันตอนโต  ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ผมกับมัน..จะกลายเป็น  ‘อะไร’  ต่อกันและกันนะ  อยากรู้..แต่ไม่อยากคาดเดา  ปล่อยให้มันเป็นไปดีกว่า  นั่งจนมันสงบก็เดินออกจากบ้านไปช่วยแม่ขายส้มตำที่ตลาด  คล้องโซ่ล็อครั้วบ้านเสร็จก็เหลืบมองหน้าต่างที่ยังคงเปิดทิ้งไว้  เพ่งมองรอยยิ้มเหยียดกับรอยเลือดที่ไหลอาบแก้มของไอ้โอมส่งผ่านแสงไฟจากหลอดนีออน  ทันทีที่มันปิดหน้าต่างผมก็ต้องลงไปนั่งยอง ๆ กับพื้น  กัดฟันกรอดล้วงมือกดความต้องการที่ลุกขึ้นมาอีกรอบ  สบถเสียงขื่นกับตัวเอง..







“อูยยย  เดี๋ยวกูก็ทนไม่ไหวหรอกไอ้โอม?!”





นั่งยอง ๆ กดความต้องการที่นูนโป่งจนมันเริ่มหดตัวลง  ผ่อนลมหายใจยาวแล้วนั่งลงกับพ้นหย้าหน้าบ้าน  เงยหน้ามองแสงไฟรถมอ’ไซค์เสียงท่อเงียบกริบของขาใหญ่ประจำซอย  ยิ้มมุมปากแล้วยื่นขาออกไปขวาง  พี่โตขี่เข้ามาหยุดล้อที่ขนหน้าแข้งพอดิบพอดี 

“ติดล้อไปด้วยดิพี่  ไปไนท์ข้างหน้าตลาดน่ะ  พี่นั่งไม่กินที่ครับน้องวี  ที่นิดหน่อยพี่ก็นั่งได้”  ลุกขึ้นยืนเอามือทาบปิดไฟหน้ารถพี่โตไว้  ประโยคหลังจงใจทักเด็กพี่โต  น้องวีพริตตี้รองเท้าแตะ  อย่าเข้าใจผิด  น้องวีเป็นเด็กผู้ชาย  หน้าตาน่ารักน่าชัง  ยิ่งเวลาอายนะ..

“รออยู่นี่ล่ะ  กูไปส่งน้องก่อน  เดี๋ยววนกลับมารับ”  ยิ้มมุมปากแซวแล้วถอยหลังนั่งฟุ่บหดขากลับที่เดิม  ยิ้มกว้างให้น้องวีที่เอาแต่ก้มหน้าติดหลังพี่โต  มือแดงแจ๋จับหมวกกันน็อคไว้ข้างหนึ่ง  มืออีกข้างผมไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงไหน..อาจจะอยู่ในมือพี่โตที่ไม่ได้จับแฮนด์รถก็ได้ ยิ้มบางส่งแผ่นหลังเล็กที่เอนไปข้างหน้าจนแนบกับหลังกว้างของเทพบุตรนักบิด  ไม่ถึง  5  นาที  4 สูบคันเดิมก็ขี่มาจอดตรงหน้า  ปัดหญ้าที่ก้นแล้วโดดซ้อน  พี่โตพาดริ๊ฟหน้าบ้าน  1  รอบแล้วบิดพาไปหน้าตลาด  โยนผมลงจากรถแล้วบิดหายไปกับฝุ่นผงและสายลมแสงไฟ

ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วหมุนตัวเดินเข้าไนท์บาร์ซา   ยิ้มหล่อให้แม่ค้าขายพวกที่คาดผม  เร่งฝีเท้าให้ไปถึงหน้าร้านให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นไกล ๆ ว่าแถวที่แม่ตั้งร้านคนมันมามุงกันเยอะ  ถอนหายใจยาวกับความไม่มีระเบียบ  เดินเบียดเข้าหลังร้าน  หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม  ล้วงถุงมือมาใส่  สะกิดไล่เด็กพม่าที่ยืนหยิบผักใส่ถุงรอถุงส้มตำจากแม่ให้ถอยห่าง  เข้าประชิดแขนเล็กที่กำลังตำพริกในครกส้มตำปู   ตีหน้าเฉยกับสายตาตำหนิของแม่แล้วแย่งสากมาถือไว้  เบือนหน้ามองสบตาลูกค้าสาว ๆ ที่ยืนล้อมร้านทีละคน  เอ่ยถามเสียงเรียบ..

“ครกนี้..ของใคร?”  ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนเบียดโหลปลาร้าตอบชัดถ้อยชัดคำว่าของแกเอง  มองนิ่งแล้วเบือนสายตาไปถามคนที่ยืนข้างหลังป้าว่าสั่งอะไร?  จำเมนูของลูกค้าคนนั้นแล้วชะโงกหน้าถามคนที่ยืนต่อข้างหลัง  มนุษย์ผู้มีสันดานดีมันย่อมรู้ตัว    จากวงล้อมน่าอึดอัดก็กลายเป็นแถวเดียวที่ยาวคดเคี้ยวเหมือนถนนทางเข้าตลาดสด  หยิบกระเทียมใส่ลงไป  3-4  กลีบ  โขลกพอแตกก็ตักน้ำมะขามเปียก  น้ำตาลปี๊บ  บีบมะนาว  เทน้ำปลาใส่ช้อนเติมลงไป  เอาช้อนแตะให้ผงชูรสติดขึ้นมานิดหน่อยแล้วส่ายผงที่ติดลงไปรวมในครก  ใส่มากรสมันหวานปะแล่ม  ไม่เห็นจะอร่อย   หยิบถั่วฝักยาวมา แค่ฝักเดียว  ปิด ๆ ใส่ครก  หยิบมะเขือเทศลูกเล็กมาปาดแบ่งเป็น  3 ชิ้น  2  ลูกก็พอ  ตักกุ้งแห้งตัวโต  หยิบปูเค็มใส่ทั้งตัว  แม่ผมมักจะนั่งแกะเอาส่วนท้องออกก่อนจะใส่โหลให้ผมใช้น่ะ  เอาสากกด ๆ   แล้วหยิบเส้นมะละกอที่แช่เย็นไว้มาโยนลงครก  จับทัพพีเคล้า 3-4  หนก็ตักใส่ถุง  ส่งให้แม่หยิบถั่วคั่ว..แค่นี้ก็ได้ตำไทย-ปูแล้วล่ะ

ผมมีครกไม้  3  อัน  ไม่รู้หรอกว่าสรรพนามของครกมันเรียกอะไร  แต่ผมเรียกว่าอัน  อันที่อยู่ทางซ้ายคือไทย-ปู  ตรงกลางคือพวกหอยดอง-ไข่เค็ม และอันขวาคือปลาร้า  ปลาร้าที่ร้านไม่เหมือนที่อื่น  แม่ทำเอง  แม่ซื้อปลาตัวเล็ก ๆ มาหมักเอง  กลิ่นมันจะเหม็นมาก(สำหรับผม)  แต่พอเอาไปเคี่ยวแล้ว  มันกลายเป็นกลิ่นที่หอมล้ำเย้ายวนยิ่งกว่าสเต็กโชคชัยเสียอีก   รสชาติส้มตำที่ผมทำจะเหมือนเดิมทุกครั้ง  คุณเคยสั่งรสไหน  ไม่ว่าคุณจะไม่ได้มากินเป็นอาทิตย์  คุณกลับมาสั่ง อีกครั้ง  คุณก็จะได้ยัดห่าซัดโฮกลืมความเป็นผู้ดีเพราะความแซบแสบสันจัดจ้าน  มือผมมันนิ่ง

ผมยืนตำส้มตำรับออเดอร์ไม่มีผิดพลาด  ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าคุณจะสั่งอะไร  ถ้าที่ร้านมี  ผมก็พร้อมจะเนรมิตให้  เงยหน้ายิ้มให้ลูกค้าหน้าหวานที่เอาข้าวเหนียวมาเพิ่มให้ที่ร้านผม  จัดการตำโคราชให้น้องชีสทันที  ลัดคิวใครไม่รู้ไม่ได้สนใจ  รู้แต่..อยากให้มากกกกก

“ขอบคุณครับพี่เต็ม  ชีทกลับนะครับ”  ยิ้มบางให้น้องแล้วหันกลับมาตำปลาร้าให้ลูกค้าต่อ  ผมไม่ร้อนเพราะผมมีพัดลมฮาตาริ  รุ่นเสด็จพ่อปลิว  หนากว่า  18  นิ้ว  ใหญ่กว่า  แรงกว่า  Hatari  ชอบเป็นการส่วนตัว  เลยต้องหามาไว้ในครอบครอง  ง่วนกับการตักปลาร้า  ขายดีที่สุดในบรรดาส้มตำทั้งมวล  ปิดร้านที่เวลา  4  ทุ่มกับอีก  20  นาที  ขายดีมาก  หมดเกลี้ยงทุกอย่าง  หันหลังมาล้างมือที่กะละมังล้างผัก  ลุกขึ้นยืนเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่  สะดุดตากับแผ่นหลังของคนที่ทำให้ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา 

ไอ้โอมยืนหันหลังให้ผม  ในมือมันกุมมือเล็กของผู้หญิงที่ไหนไม่รู้แนบแน่น  คิ้วกระตุก  ใจระส่ำ  ถอดผ้ากันเปื้อนออกจากหัว  ตาจับจ้องทุกก้าวย่างสลับกับมือที่เกาะกุมกันอยู่  ละสายตาจากมันหันกลับมาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหน้าเบา ๆ เลี่ยงแผลที่แก้ม  หลบตาแม่ที่กำลังมองพลาสเตอร์สีเนื้อที่พาดเด่นที่แก้มผม  ล้วงกระดาษซับมันมาซับตรงจมูก  แก้ม  หน้าผาก  ขยำซากกะดาษซับมันใส่กระเป๋ากางเกงเด็กพม่าที่มาช่วยงาน  หัวเราะขำใส่หน้าตาบูดบึ้งของมัน  หยิบเงินในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนของแม่มา  2  พันก่อนจะขอตัวไปเอ้อระเหยเหล่หญิงบ้าง 

“เข้าบ้านก่อนเที่ยงคืนนะเต็ม  ได้ยินมั้ย!?”  หันหน้ากกลับมาก้มหัวรับแล้วรีบเดินฝ่าคนเข้าไปในไนท์บาร์ซา  สอดส่ายสายตามองหาแผ่นหลังของมัน  เดินวนไปวนมาหลายรอบ  เกือบจะถอดใจก็สะดุดตากับแผ่นหลังคุ้นตา  ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินยิ้มบางเข้าไปหา  คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ผู้หญิงที่มันพามานั่งกินเกี๊ยวน้ำ  หยุดยืนข้างโต๊ะแล้วทำหน้าบังเอิญมากใส่ดวงตาสีดำตกใจสุดขีดของมันที่เงยหน้ามามองสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอย่างผม

“ทานเกี๊ยวไม่ชวนผมซักคำนะโอม   สวัสดีครับ  ผม ‘เต็ม’ เพื่อนโอมครับ  ไม่ยักรู้ว่าโอมมีแฟนน่ารักแบบนี้ด้วย”  ผู้หญิงที่มันพามายิ้มเขินให้ผมก่อนจะโบกมือในอากาศวุ่นวายว่าไม่ใช่แฟนมัน  ยิ้มบางให้รอยยิ้มขวยเขินนั่นก่อนจะเบือนมามองตาสีดำเย็นชาที่กำลังกำตะเกียบแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน..คงอยากจะเอาตะเกียบเสียบทะลุคอผมอยู่แน่ ๆ 555

หันไปยิ้มให้พี่ปุ๋ยแล้วบอกเหมือนเดิม  ไม่ถึงนาทีผมก็ได้หมี่เกี๊ยวต้มยำสูตรเด็ดที่พี่กานต์ทำกับมือมาวางตรงหน้าคนสวยที่ไอ้โอมพามา  ถือวิสาสะของเพื่อนสมัยเด็กนั่งร่วมโต๊ะ  ดันชามไปวางตรงหน้าแล้วตักน้ำซุปรสจัดใส่ช้อนของผู้หญิงคนนั้น  ยิ้มหล่อแล้วบอกนุ่มนวล  ‘ลองดูครับ..’  ยิ้มพอใจเมื่อน้องคนนั้นยิ้มเขินแล้วยกช้อนขึ้นแตะริมฝีปากชิมรสชาติน้ำซุปที่ผมตักให้  หันกลับมาสบตาสีดำโชนแสงที่จ้องหน้าผมเอาเป็นเอาตาย  ยิ้มมุมปากแล้วยักไหล่กวนตอบดวงตาของมัน 

น้องคนนั้นที่ผมไม่ได้สนใจว่าชื่ออะไรกินไม่หมดชามก็ถูกไอ้โอมชวนไปเดินดูของที่ไนท์ต่อ  ผมที่กลายร่างเป็นมือที่สาม  มีหรือจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอย  ติดสอยห้อยตามประกบอีกข้างของน้องเหมือนปลิงที่จ้องหาจังหวะสูบเลือด  ในเมื่อน้องผู้หญิงไม่มีท่าทีรังเกียจ  คนพามาอย่างไอ้โอม..จะมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจใส่ผมได้ล่ะ5555  เดินกัน  3  คนจนไนท์เริ่มวายมันก็อาสาไปส่งน้องที่บ้าน..พร้อมกับผม

“ขอบคุณที่มาส่งนุ่นนะคะพี่เต็มพี่โอม  บ้ายบายค่ะ”  ยืนยิ้มกว้างส่งน้องผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้าน  ยกยิ้มมุมปากกับแผ่นหลังของมันที่หมุนตัวเดินหนีผมออกมาขึ้นรถกลับบ้าน  วิ่งดักหน้ามันก่อนจะหรี่ตามองดวงตาสีดำนิ่งเฉย
.
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Shy 24/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 25-03-2015 17:09:06
.
.

“นุ่นเหรอ?  รสนิยมมึงห่วยลงนะโอม  หน้าแย่กว่าทุกคนที่กูแย่งมึงจีบ..”  พูดยั่วไม่จบประโยคผมก็ถูกหมัดหลุน ๆ ชกเข้าที่ปาก  เซถอยหลังแล้วยกเท้าขึ้นมาถีบอกแกร่งที่ตามมาเงื้อหมัดจะชกซ้ำ  สาวเท้าพุ่งเข้าชกที่มุมปากมันเอาคืนที่เดิมเต็มแรง  มือข้างหนึ่งบีบคอแน่น  อีกข้างก็เงื้อเล็งมุมปากที่เลือดไหลตรงหน้า  มันกัดกรามแน่นแล้วชกเข้าท้องผมจนจุก  งอตัวลงไปก็โดนมันย่อตัวลงมันอัดเข้าที่ปลายคาง  หงายหลังล้มทั้งยืน  มึนพักเดียวก็อ้าปากขยับกรามให้เข้าที่  สะบัดหัว 2-3 ทีแล้วลุกขึ้นมายืนจังก้า  หมัดกำแน่น  เลือดในกายเดือดพล่าน  หรี่ตามองดวงตาสีดำที่จ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเถือหนังมาทาเกลือ..

ตาคู่นั้นทำในอกผมมันร้อนวูบ     

มันมองผมนิ่ง  ก่อนจะส่งประกายนัยน์ตาร้อนแรงที่ทำให้ผมคุมอารมณ์ดิบผมไม่เคยได้  หายใจถี่  กำหมัดแน่นสะกดความร้อนที่เผ่นพล่านในอกลามไปทุกส่วนของร่างกายในเวลาอันรวดเร็ว   มองหน้าเรียวที่หันไปมองสวนหย่อมหน้าหมู่บ้านน้องนุ่น  จับจ้องหน้าขาวที่มีเลือดไหลที่มุมปากไม่วางตา  เดินตามยิ้มเหยียด   ดวงตาท้าทายเข้าไปที่สวนหย่อมเหมือนถูกมนต์สะกด  แสงไฟสีส้มอ่อนสาดส่องแผ่นหลัง  มองคนเดินนำด้วยการก้าวจังหวะที่มั่นคง  หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด   

หยุดฝีเท้าที่กลางสนามหญ้าด้านในที่ไฟส่องไม่ถึง  เห็นเพียงแววตาและคมมีดพับอันเดิมที่ผมขว้างคืนที่หน้าต่างสว่างแวบเล่นตา  เหงื่อผุดไปทั่วตัว  กลิ่นดิบลอยวนรอบกาย  หายใจหอบถี่  กล้ามเนื้อทุกส่วนตื่นตัวเต็มที่  พุ่งเข้าหาคมมีดพร้อมกับเจ้าของดวงตาท้าทายที่พุ่งปลายมีดใส่ผม  เบี่ยงหลบการเข้าปะทะซึ่งหน้า  จับข้อมือแข็งที่พยายามบิดข้อมือให้ปลายมีดหมุนมาทางผม  เสียงหายใจหนักอยู่ข้างแก้ม  ลมหายใจร้อนเป่ารดแขนจนขนลุกท่วม  ออกแรงบีบข้อมือมันแรงจนดวงตาสีดำหันกลับมาจ้องตาผมด้วยความขัดใจ..

“โอ้ย!”  เผลอคลายแรงที่บีบมันเลยเสยมีดถากเข้าเอวจนได้เลือด   ปล่อยมือจากข้อมือมันแล้วกุมที่เอวตัวเอง  ซี้ดปากแล้วดึงเสื้อขึ้นดูแผล  ปากแผลไม่กว้างมากแต่เลือดผมมันเยอะ  ไหลจนเสื้อสีดำชุ่มเลือดไปหมด  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ยืดตัวถอดเสื้ออกทุลักทุเล  เอาเสื้อกดปากแผลไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนแทง

โอมถือมีดไว้ในมือแน่น  ตาสีดำมองหน้าผมนิ่ง  แววตาท้าทายที่ทำผมร้อนกลับเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเท่าทวี  เลือดผมไหลแรงขึ้นเพราะความตื่นเต้นจากภายใน  สัญชาติญาณดิบเข้าเล่นงานสำนึกดิบของผม  ก้าวเท้าออกไปหาคมมีดที่ยังคงชี้มาที่ตัวเอง  หายใจหอบเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนัก  จับจ้องประกายตาสีดำที่มองผมไม่กะพริบ  ปล่อยเสท้อที่กดปากแผลลงกับพื้นหญ้า  คว้ามือจับมีดแล้วดึงออกจากมือมัน  คมมีดกรีดเข้าที่ฝ่ามือแต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไร  โยนมีดทิ้งไปข้างหลังโดยไม่ละสายตาจากประกายร้อนของนัยน์ตาสีดำสนิท  เดินเข้าประชิดสัมผัสกับลมหายใจร้อน  ลดไล่สายตามองสันจมูกโด่งที่พ่นลมหายใจหอบหนักไม่ต่างจากผม  ลูกกระเดือกของมันขยับขึ้นลงตามจังหวะการกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ..

กลิ่นเลือดจากแผลคละคลุ้งอบอวล  ดวงตาสีดำดึงดูดให้ต้องมองไม่สามารถละสายตา  ริมฝีปากสีส้มอ่อนที่มีรอยยิ้มเหยียดอยู่เสมอขยับเข้าหาอย่างช้า ๆ  เสี้ยวนาทีที่ผมควรจะชกเพื่อผลักริมฝีปากนั้นให้ออกห่าง  ผมกลับก้มหน้าลงอีกนิด  เผยอปากรับสัมผัสจากความชื้นนั้น..อย่างเต็มใจ   สบเสน่ห์ดึงดูดจากตาคู่นั้นตลอดเวลาที่ริมฝีปากหยุ่นแตะไล้ผะแผ่ว  ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ผมกับมันกำลังทำกันอยู่เลยสักครั้ง 

ผมไม่เคยจินตนาการถึงริมฝีปากของมัน..ตรงกันข้าม  ผมคิดถึงเรื่องเหี้ยกว่านั้นหลายเท่านัก

หายใจเป็นจังหวะเดียวกัน  ขยับเอียงรับริมฝีปากที่จูบซับแผลที่มุมปาก  ผ่อนลมหายใจออกก่อนจะหลับตาเมื่อริมฝีปากไล้ขึ้นมาจูบตรงพลาสเตอร์ที่แก้ม  ลมร้อนกับเนื้อเย็น ๆ จากปลายจมูกแตะวนไปทั่วหน้า  ลืมตาขึ้นมามองขนตาหนาเป็นแพอยู่ใกล้ตา  ก้มหน้าให้หน้าผากแตะกันเบา ๆ ยอมรับการกระทำที่บอกเป็นนัยของมันว่า..  ‘ขอโทษ'   กลืนน้ำลายเหนียวลงคอบ้างก่อนจะเป็นคนถอยหลังออกมาเอง  ก้มหยิบเสื้อขึ้นมากดแผลแล้วเดินดุ่มออกมาจากสวนหย่อม  สาวเท้าเดินมาตามทาง  ล้วงมือถือกดหาพี่ช้างให้ออกมารับ  ไม่ถึงนาทีพี่ช้างก็มาถึง  เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง  เบือนหน้าหนีความห่วงใยของพี่ช้างที่เห็นแผลผม  เหม่อมองไปสองข้างทางจนพี่ช้างยอมแพ้

“..ไปโรง’บาล?”  ส่ายหน้าตอบพี่ช้างผ่านกระจกก่อนจะมองความมืดที่รายล้อมรอบกาย  ผมไม่รู้สึกถึงความแสบหรือเจ็บปวดอะไรจากแผลบนร่างกาย  ในหัวผมมีแต่สัมผัสอุ่นจากคนที่ตอบโต้รุนแรงกับผมมาตลอดอย่างโอม  ความร้อนรุ่มที่เป้ากางเกงไม่มีทีท่าจะผุดโผล่เลยแม้แต่น้อย  ไม่เคยคิดว่าคนที่ตีกันจนจะฆ่ากันก็หลายหน  จะมี..จูบที่อ่อนโยนได้แบบนั้น 

เมื่อก่อนผมแค่รู้สึกว่าตัวเองแปลกที่มีอารมณ์กับมัน  แต่พอได้..จูบ  ผมถึงได้รู้ตัว  หัวใจเต้นตึกตักบีบรัดให้หน้าร้อนผ่าว  หลับตานิ่งนั่งเงียบ ๆ  จมกับภาพการกระทำจากอดีตจนถึงปัจจุบันจนเกือบจะถึงหน้าบ้าน  ลืมตาขึ้นมาเมื่อคิดว่าถึงรั้วบ้านตัวเองแล้ว  ไฟรถสาดตามถนนเห็นความผิดปกติที่หน้าประตูรั้วบ้านตัวเอง   พี่ช้างจอดรถแล้วดับเครื่องแต่ไม่ปลดล็อคประตูให้ผมลง  นั่งตัวตรงมองคนที่มายืนอยู่หน้าบ้าน  แววตาเฉยชาที่เคยเห็นไม่ได้จับจ้องมาที่ผมเหมือนเคย  เบือนหน้าไปมองพี่ช้างที่กำลังจ้องมันกลับแล้วยิ้มบางให้พี่ชายที่ผมนับถือมาตลอด  พี่ช้างหันมาสบตาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของผมก่อนจะถอนหายใจยาว

“พี่ชอบมึงไอ้เต็ม  เลือกพี่..”  ผมยิ้มอ่อนโยนให้พี่ช้างที่บอกความรู้สึกดี ๆ ที่พี่มีให้ผม  เอื้อมมือที่มีเลือดแห้งกรังแตะหลังมือพี่ช้างเบา ๆ แล้วบอกไปตามตรง..

“ผมก็ชอบพี่นะ  แต่พี่เอาผมไม่อยู่หรอก  เป็นพี่น่ะดีแล้ว..ขอบคุณมากครับ”  พี่ช้างนิ่วหน้าก่อนจะยิ้มขื่น  ก้มมองมือผมที่วางบนหลังมือนิดหนึ่งแล้วเบือนหน้าไปมองคนที่ยืนจังก้าอยู่หน้ารั้วบ้านผม  เสียงปลดล็อคพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่หงายมือจับมือผมเบา ๆ  ยิ้มให้พี่ช้างแล้วเปิดประตูลงจากรถ  เดินตรงไปหาคนที่ยืนรออยู่โดยไม่หันกลับไปโบกมือส่งพี่ช้าง  รอยยิ้มบางที่ผมไม่เคยเห็นมานานแล้วประดับอยู่บนหน้ามัน

เดินตรงไปหาแล้วหยุดฝีเท้าตรงหน้า   นิ่งมองนัยน์ตาสีดำทอประกายความอ่อนโยน  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ แล้วเดินเข้าบ้านตัวเองแล้วปิดรั้วทันที  เหลือบมองทางหางตาส่งคนที่ยืนกะพริบตาอยู่นอกรั้ว  เดินเข้าบ้านไปอาบน้ำ  ฟอกสบู่แล้วลูบแผลแรง ๆ แล้วล้างน้ำทิ้งหลายครั้ง  ส่องกระจกมองรอยช้ำกับแผลที่แก้มแล้วเดินไปหยิบยามาทำแผลให้ตัวเอง  เก็บกวาดสำลีเปื้อนยาไปทิ้งแล้วมองชุดทำแผลที่ยังคงวางนิ่งบนเตียง  ยิ้มมุมปากแล้วเบือนไปมองหน้าต่างตรงข้ามบ้านตัวเอง

หอบกระเป่ายาทำแผลซุกรักแร้แล้วหนีบแน่น  จับราวระเบียงก่อนจะปีนขึ้นยืน  ทรงตัวให้ตรงแล้วกลั้นหายใจโดดลงเหยียบสันกำแพงรั้วที่กั้นอาณาเขตบ้าน  เอียงซ้ายลงน้ำหนักขวาจนยืนได้ตรงอีกครั้ง  เงยหน้ามองแสงไฟที่เล็ดลอดออกมาจากห้องนอนของมันแล้วยิ้มกริ่ม  ยืดตัวไปจับกระเบื้องที่ทำยื่นมาบังฝนให้ชั้นล่างของตัวบ้าน  ขยับเท้าเดินไปให้ตรงกับคานที่รับน้ำหนักตัวได้  ยื่นกล่องยาไปวางบนกระเบื้อง  ยื่นมือจับกระเบื้องหนาแล้วกลั้นใจตะปบมืออีกข้างเกาะให้แน่นหนา  นิ่วหน้าเพราะปากแผลที่เอวเริ่มปริฉีก  กัดฟันปีนขึ้นจนสำเร็จ

มือข้างหนึ่งจับตรงมือจับหน้าต่างแน่น   อีกข้างลดลงมากุมเอวแล้วดึงชายเสื้อขึ้นดู  เลือดซึมนิดหน่อยไม่มากเหมือนที่นึกเอาไว้  เบือนหน้าผ่านกระจกหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีครีมกั้นอยู่  หายใจแรงจนกระจกขึ้นฝ้า  กัดฟันกรอดข่มความตื่นเต้นที่ตัวเองเป็นฝ่ายปีนเข้าหา  ย่อตัวหยิบกระเป่ายามาหนีบไว้แล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่  พ่นลมหายใจทิ้งแล้วใช้สันกระเป๋ายาเคาะกระจกหน้าต่าง  5  ครั้ง  คิ้วขมวดมุ่นกับอาการที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ  ความทรงจำวัยเด็กผุดขึ้นมาในหัว..

ผมมักจะแอบปีนหน้าต่างเข้ามานอนกับน้อง  ต้องมาที่หน้าต่างบานที่ตรงข้ามกับหน้าต่างที่ห้องพอดีเพราะตรงนี้มีคานรับน้ำหนักตัวได้   และเวลาขยับเท้าเดินมันจะไม่เกิดเสียงดังให้คนในบ้านน้องแตกตื่น  มีรหัสที่รู้กันแค่  2  คน คือ การเคาะที่กระจก  5  ครั้ง..

หน้าต่างมีเสียงปลดกลอนดัง ‘แกร้ก’  ปล่อยมือออกจากมือจับช้า ๆ มองผ่านผ้าม่านที่ปลิวสะบัดไปข้างหลังตามแรงลมข้างนอกที่หน้าต่างเปิดรับลมให้เข้ามา   มองหน้าเรียวที่ยังคงมีร่องรอยบวมช้ำจากการลงไม้ลงมือกันที่สวน   นัยน์ตาดำสนิทมองตาผมนิ่ง..ไม่กะพริบ  มือเรียวจับหน้าต่างให้เปิดกว้างกว่าเดิม  เท้าเปล่าถอยหลังออกจากหน้าต่างห้องนอน  ผมยื่นกระเป่ายาส่งให้มือเรียวก่อนจะยกขาก้าวข้ามขอบหน้าต่าง..

ก้าวข้ามความรู้สึกเกลียดที่ไม่รู้ที่มา..แต่..รู้จุดจบ

มือเรียววางกระเป่ายาที่เตียง  ดวงตาสีดำสนิทส่องประกายพราวให้เลือดในตัวผมร้อนเร่า  มองสบตาคู่นั้นไม่ละสายตา  เท้าเปล่าย่ำกลับทางเดิม  ดวงตาระยับจับจ้องมาที่ริมฝีปากผม  มือเรียววาดไปข้างหลังจับหน้าต่างไว้ทั้งสองข้าง..

กระเป๋ายายังคงวางที่เดิม  เหมือนเจ้าของห้องที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานเดิม  ผมเองต่างหาก..ที่ไม่ได้อยู่ที่เดิม..  ขยับก้าวเข้าหาความรุ่มร้อนที่ทำใจผมปั่นป่วน  ยื่นหน้าเข้าไปหาริมฝีปากที่เชิดรอตรงหน้า  ลิ้มชิมริมฝีปากนุ่มที่ขยับรับการรุกเร้าจากผม  ปากอ้าเผยอยั่วเย้าให้ปลายลิ้นเข้าไปสำรวจ  เสียงเกี่ยวกระหวัดรัดของปลายลิ้นดึงดูดให้ผมกับคนที่จับบานหน้าต่างขยับเข้าหากันมากขึ้นอีกนิด  เปลวไฟที่อยู่ในดวงตาคู่สวยกำลังแผดเผาความกระด้างหยาบเถื่อนในตัวผมให้เป็นเถ้าถ่าน..

โอมเบี่ยงหน้าหลบปลายลิ้น  ก่อนจะหันมาสบตาผมที่กำลังจับจ้องริมฝีปากและไล่สายตามองทุกส่วนของหน้าเรียว  ลมหายใจอุ่นของโอมหอบหนักขึ้นก่อนจะยื่นริมฝีปากมากระซิบที่ริมฝีปากผมเสียงสั่น..ไม่เป็นตัวของตัวเอง..

“อย่ามองแบบนี้..ผมตายแน่”  ความรู้สึกแปลกแล่นเข้ามาในอก  เหมือนหัวใจเป็นดอกไม้กำลังผลิออกบานท่วมอก  ย่อตัวเอียงหน้าควานหาริมฝีปากสีส้มเข้ามาจูบผะแผ่ว  หน้าขาวขึ้นสีเรื่อ  ดวงตาสวยพร่าด้วยอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นสูง  ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ถูกดวงตาสีดำคู่นี้หลอมละลาย  เจ้าของความร้อนรุ่มเอง..ก็ถูกผมใช้ดวงตาเผาผลาญให้มอดเป็นจุล..เช่นกัน

ไม่มีคำว่า  ’รัก’ บอกกล่าวผ่านริมฝีปาก  หากแต่ใช้  ‘การกระทำ’  สื่อความรู้สึกทุกอย่างระหว่างเรา ..

แขนแกร่งออกแรงดึงหน้าต่างปิดลงพร้อมความเกลียดชังที่ผมกับโอมฝังมันลงไปในหุบเหว..ไร้ก้นหลุม  เรากำลังจะสร้างความรู้สึกใหม่ขึ้นมาด้วยกัน 







ความรักเร่าร้อนที่หลอมละลายเราให้เป็นคนคนเดียวกัน..ตลอดกาล



END.



แถม
.
.
หลังเสียงปิดหน้าต่างเงียบลง  ผมเดินขยับเข้าชิดจนหลังโอมติดแนบกับหน้าต่างห้องนอน  ริมฝีปากชื้นสัมผัสกันแผ่วเบา  จูบปลายลิ้นของกันและกัน  ฝ่ามือจับไหล่แล้วรวบเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  มือเรียวละจากหน้าต่างสอดเข้ามากอดผมตอบช้า ๆ  สะดุ้งกับแผลที่เอวก่อนจะยิ้มบางแล้วเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากส้มที่ยังคงรอรับสัมผัสจากริมฝีปากผม  โอมเป็นฝ่ายผละริมฝีปากออกจากการจูบของผม  ลมอุ่นเป่ารดซอกคอ  ก้มหอมผมหลังใบหูก่อนจะกอดไว้หลวม ๆ

“ขอดูหน่อย”  เลิกคิ้วสูงกับการจู่โจมของโอม  ใจเต้นโครมครามเมื่อมือเรียวจับชายเสื้อผมแน่นแล้วออกแรงดึงออกให้พ้นจากหัว  หายใจไม่ทั่วท้องกับสายตาระยับที่มองกล้ามเนื้อหน้าท้อง  กลั้นหายใจกับสัมผัสจากมือเยนที่ลูบแผ่วตามร่องกล้ามเนื้อตั้งแต่หน้าอกจนถึงหน้าท้องแกร่ง  มองตามปลายนิ้วที่แตะวน  กลืนน้ำลายเหนียวแล้วจับมือโอมไว้แน่น  เจ้าของมือเรียวกระตุกก่อนจะรีบเบือนสายตาไปมองบนเตียง  ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเบือนหน้าไปมองที่อื่นทันที  ปล่อยมือเรียวที่เริ่มจะเย็นเฉียบออกจากการเกาะกุม  โดมเดินเลี่ยงไปหยิบกล่องยาแล้วเดินไปที่โต๊ะคอม  ลากเก้าอี้ออกมาแล้วหันมามองผม  พ่นลมหายใจทิ้งเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปนั่งบนโต๊ะ  ให้คนทำแผลนั่งบนเก้าอี้แทน

“ไม่ลึกเท่าไหร่..เจ็บรึเปล่า?”  นิ่วหน้าแล้วรีบส่ายหน้าตอบตาสีดำที่มองขึ้นมาสบ  จะไม่เจ็บไดยังไง  ถูกแทงนะ  ไม่ได้โดนแมวข่วน  เกร็งกล้ามเนื้อเมื่อสำลีที่จุ่มแอลกอฮอลล์เช็ดรอบนอก  มันเย็นแต่ก็แสบนิด ๆ เพราะมันลามหยดลงมาที่แผลด้วย  กัดฟันกรอดจนโอมเงยหน้ามามอง  ดวงตาสีดำที่เห็นหน้าตาเหยเกเพราะความแสบที่แผลส่องประกายที่ทำให้ความแข้งขืนผมมันตื่นตัว  หายใจถี่แล้วเบือนหน้าหนี  ลุกขึ้นยืนหันหลังให้ก่อนจะคว้ากระเป่ายามาทำแผลเอง

หยิบเบตาดีนทาแผลสดมาบีบใส่สำลีจนชุ่ม  บีบหยดลงที่แผลตัวเองแล้วรีบค้นผ้าก๊อซมาคลี่ออก  วางลงปิดแผลให้มันใหญ่กว่าแผลหน่อย  สะดุ้งกับมือขาวที่ยื่นมาตรงหน้าคว้าเอาเทปกาวไปถือไว้เอง  พยายามสะกดใจแล้วเพ่งมองไปที่กระเป่ายา  เสียงดึงเทปดังอยู่ข้างหู  เบี่ยงหน้าหลบความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายของคนอื่นที่ขยับเข้ามาใกล้  บังคับความแข็งที่ดุนดันเป้ากางเกงให้สงบลงซักที  ขยับตัวถอยห่างเมื่อเทปปิดที่ผ้าก๊อซเรียบร้อย  นั่งขัดสมาธิเอามือประสานแน่นที่ตัก  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตัดสินใจหันหน้าไปหาเจ้าของห้อง  ถ้าผมยังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้..

แผลผมคงไม่พ้นฉีกขาดยิ่งกว่าเดิม

หันหน้าไปสบตาสีดำที่อยู่ใกล้แค่ฝ่ามือคั่น  นิ่งมองประกายฉ่ำที่จับจ้องริมฝีปากผม  เลื่อนสายตาลงมามองสองมือที่ค่อย ๆ แตะที่อกผม  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอยากเย็นกับเทปที่พันรอบข้อมือเรียวไว้ข้างเดียว  มืออีกข้างแนบข้อมือเข้ามาชิด  รอให้ผมเป็นคนหยิบปลายเทปอีกด้านมาพันรวบข้อมือโอมเอาไว้ 

หัวใจเต้นระส่ำ  เหงื่อผุดทั่วตัว  หอบหายใจหนักมองริมฝีปากสีส้มอ่อนที่ขยับเข้าประชิดริมฝีปากผม  เสียงทุ้มกระซิบที่ริมฝีปากแผ่วเบา..

‘เร็วสิ..’  กัดกรามดังกรอดสะกดกลั้นอารมณ์ไว้เต็มที่  เม้มริมฝีปากไม่ให้ถูกริมฝีปากชื้นยั่วเล่น  หลับตาแน่นเบี่ยงหนีปลายลิ้นเลียที่หู  ความอดทนที่มีขาดสะบั้นเมื่อเสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นมาอีกครั้ง.. 

‘กอดผมหน่อยเต็ม..ได้โปรด’  หันหน้าเข้าหาริมฝีปากที่กระซิบยั่วยวน  เลื่อนมือจับปลายเทปที่แกว่งตรงตักขึ้นมาพันข้อมือเจ้าของดวงตาพราวจนแน่น  มือเรียวที่กำไว้หลวม ๆ ขยับข้อมือที่มีเทปกาวพันไว้นิด ๆ เหมือนกำลังทดสอบความแน่นหนาของเทปกาว  ดวงตาสีดำทอประกายแปลกที่ทำหัวใจผมสั่นไหวรุนแรงออกมาถึงภายนอก  ร่างกายเกร็ง  กล้ามเนื้อเครียดแข็ง  หอบหายใจเข้าไล่ความสั่นที่ก่อตัวอย่างรุนแรงในหัวใจ  แขนเรียวที่ถูกมัดข้อมือติดกันยื่นออกมาคล้องคอผมให้โน้มตัวลงไปหา..

เอียงหน้าเข้าหาริมฝีปากสีส้มที่เผยอยั่ว  กัดเบา ๆ ที่ริมฝีปากล่าง  เจ้าของริมฝีปากสีส้มจูบตอบผมแผ่วเบาแล้วงับริมฝีปากบนผมยั่วเย้า  ปลายลิ้นอุ่นตวัดเลียร่องฟันหน้าก่อนจะปรือตาฉ่ำขึ้นมาสบตาผม  นิ่วหน้าเพราะความร้อนรุ่มในใจผมมันแล่นลามไปทั่วทุกอณูในร่างกาย  ประกบจูบริมฝีปากที่คลี่ยิ้มบางแล้วเกี่ยวเกาะปลายลิ้นอุ่นมาพันเกี่ยว  เสียงสัมผัสด้านในริมฝีปากดัง..ส่งให้สัมผัสทางกายยิ่งร้อนเร่า   

ดันไหล่ให้เอนหลังราบกับพื้น  มือสอดลูบเนื้ออุ่นใต้เสื้อยืด  ดึงขึ้นถึงคอลากลิ้นเลียตั้งแต่หน้าท้องถึงตุ่มเล็กแข็งเป็นไต  กัดตุ่มเล็กหมั่นเขี้ยวจนเจ้าตัวสะดุ้ง  หน้าอกกระเพื่อมหนักขึ้น  นิ่งมองหน้าชมพูกับประกายนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม  ข้อมือที่ถูกพันธนาการด้วยเทปกาวรั้งต้นคอผมให้ลงไปที่ตุ่มเล็กสีแดงเข้ม  แตะปลายลิ้นตวัดเลียดูดขบเม้มจนปลายนิ้วที่สอดเข้ามาจับเส้นผมของผมทนไม่ไหว  โอมจิกดึงหัวขึ้นจนหน้าหงายก่อนจะดึงลงมากัดที่ซอกคอผม..ไม่แรงนัก  แต่ก็ห้อเลือดเอาเหมือนกัน

ผมกับโอมสัมผัสกันตามสัญชาติญาณดิบ  ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนคู่รักคู่อื่นที่คุณเคยเห็น  มีแต่ความรู้สึกในใจเท่านั้นที่เราเหมือนคู่รักคู่อื่น  คือ  เรารักกัน.. 

ระหว่างการกอดรัดและเสียดสีของร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อที่ไหลท่วมบนพื้นไม้ที่ขัดเป็นมัน  ผมได้ยินแค่  2  อย่าง..เสียงลมหายใจหนักหน่วงของตัวเอง  และเสียงครางต่ำจากริมฝีปากสีส้มอ่อน   ผมถึงสวรรค์ที่เห็นรำไรอยู่ตรงหน้าหลังจากพาโอมให้ถึงฝั่งไปก่อน  ด้วยมือที่มีเทปกาวที่จิกทึ้งเส้นผมให้ผมต้องโน้มตัวจนริมฝีปากติดกับตุ่มสีเข้มที่หน้าอกขาวเนียน  พร้อมด้วยเสียงแหบพร่าของโอมที่กระซิบบอกผม..


“กัดเลยสิ..อาห์” 

...........................................

กอด ๆ บวก ๆ ค่าาาาาา
เพิ่งจะได้เข้ามานั่งหน้าคอมพ์ค่ะ  วันนี้ทั้งวันออกพื้นที่ตลอด  ร้อนมวาก  เม้นท์ยกยอดไปตอบวันหน้าเลยนะคะ 
เห็นบางคนชอบของแถม  อ่านเลยค่ะ  ฮุฮุ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปล.พรุ่งนี้ถ้าไม่ได้ไปไหนจะค้นแฟนฟิคของน้องวี กับเต็มโอมมาให้ค่ะ  คุณ jiki  เขียนไว้.shค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Burn 25/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 25-03-2015 18:21:54
ขอบคุณมากครับ คู่นี้แหละที่ผมรออ่านอยู่ ชอบมากที่สุดเลย โอม - เต็ม  ..... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Burn 25/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 25-03-2015 19:01:32
ร้อนแรงพอๆๆกับอากาศตอนนี้เลยคู่นี้ :heaven

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Burn 25/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-03-2015 19:29:41
:jul1: <<< นี่คือเลือดที่ทั้งสองคนต้องเสียไปก่อนหน้านี้ หาใช่เลือดของเราจากบทเลิฟซีนไม่ แฮ่ๆ (*ตะโกน // รักของคู่นี้ช่างเร่าร้อนนนน...) คือแบบ อ่านไปใจกระตุกไปเลยค่าา~ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Burn 25/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 25-03-2015 22:09:36
โห คู่นี้ ดุเด็ดเผ็ดมันส์ SM ของแท้ ช่างสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก :impress2:
อ่านตอนต้นนี่ หมั่นไส้พี่เต็มมาก คนอะไรหาเรื่องจริง ๆ สงสารน้องโอม
แต่กลายเป็นว่าน้องโอมก็โหดใช่ย่อย เล่นกันถึงกับเลือดตกยางออกเลย
สรุปที่เป็นศัตรูกันมาตลอด เพราะไม่รู้ใจตัวเองกันทั้งคู่เลยสินะ แหม่
กว่าจะเข้าใจกันได้นี่ ทำเอาน่วมไปตาม ๆ กัน สัญชาติญาณดิบ ช่างร้อนแรงจริง ๆ
ชอบของแถมด้วยคน โดยเฉพาะคู่นี้ชอบเป็นพิเศษเลยจ้า อิอิ  :z1:
อยากอ่าน เต็มโอม อีกจัง คู่นี้จะมีมาฟินอีกไหมน้อ ชอบจัง
ขอบคุณคุณจิมากค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Burn 25/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 26-03-2015 10:41:16
Fan  Fic   Shy   BY   คุณ jiki


เรื่อง วันหนึ่งในฤดูร้อน


ย่ำค่ำของวันหนึ่งกลางฤดูร้อน สายลมพัดพาความร้อนที่ระอุในผืนดินตลอดจนผนังซีเมนต์ให้คลายลงได้บ้าง หากแต่คนทั่วไปนิยมใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อความเย็นฉ่ำจนสาแก่ใจโดยลืมระวังตัวเลขมิเตอร์ค่าไฟฟ้าที่กำลังจะส่งมาก่อนสิ้นเดือน หากแต่ในยามนี้ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับพึ่งพาเพียงสายลมที่แทรกผ่านหน้าต่างบ้านกว้างกับพัดลมที่เปิดแรงสุดหมุนวนอากาศในห้องให้ถ่ายเทเท่านั้น ไม่ใช่เพราะฐานะขัดสน เพียงแต่กับเรื่องบางอย่างคนเราเลือกไม่เหมือนกัน

ในห้องกว้างที่แสงไฟสังเคราะห์ถูกละเลยเพราะมันไร้ประโยชน์ในยามนี้ สิ่งสำคัญมีเพียงการเปิดประสาทสัมผัสรับรู้แรงบีบเค้นและการตอบสนองต่อความหฤหรรษ์นั้น เสียงหอบฮั่กดังแผ่วเบา กลิ่นชื้นเหงื่อลอยอยู่ในสายลม เมื่อดวงตาทำงานได้ไม่ดีในที่มืดสลัว ประสาทการรับรู้ในส่วนอื่นจึงทำงานมากกว่าปกติ รับรู้ถึงกลิ่นคาวที่ปะปนอยู่ ไม่ต้องสงสัยถึงที่มา เพราะเขารู้ตัวว่่ากำลังทำอะไร

********

แนบริมฝีปากลงบนผิวคอนวลเนียน ขบเม้มดูดดุนจนขึ้นสี ฟังเสียงครางผะแผ่ว รับรู้แรงขยับกายเบือนหน้า คนขี้อายของเขาบิดตัวหนี หากได้มองหน้าคงเห็นปากเล็กเม้นแน่นกักกั้นเสียงน่าอายแต่ก็เผลอหลุดให้คนด้านหลังได้ยินให้ชื่นหัวใจเป็นระยะ ปากเล็กที่โดนขบคงบวมเจ่อน่าจับจูบ...ให้บวมเห่อมากขึ้นไปอีก  จมูกกระสากลิ่นอายความกำหนัด เร่งเร้าแรงอารมณ์ให้ขึ้นสูง

แต่ยังก่อน ทุกอย่างมันไม่จบลงแค่นี้ และเขาคงไม่พอใจจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เด็กน้อยน่ารักของเขามีสิ่งดีๆกว่านี้อีกมาก พลิกกายหมุนร่างเล็กลงนอนแนวราบ ไล้ปลายนิ้วมือจากลำคอเล็กบางลงสู่แผ่นอกราบเรียบ ตุ่มไตน้อยๆยั่วเย้าให้แนบลิ้นลองลิ้มชิมเปรียบ....เทียบกับทับทิมกรอบในน้ำกะทิขาวข้นที่เจ้าตัวเล็กสะกิดให้พาไปชิมเมื่อตอนหัวค่ำ หากว่ากันตามจริงประสาทรับรสคงไม่รู้ถึงรสชาติใดแต่ขณะนี้ใจมันราวกับได้พบเจอรสหวาน....จนต้องกลับมาพิสูจน์ให้แน่ใจอีกครั้ง...และอีกครั้ง ยอดอกเล็กโดนประทุษร้ายจนผู้เป็นเจ้าของต้องปัดป้องด้วยเพราะเจ็บจนน้ำตาพาลจะไหล ไหนจะอารมณ์เร้นลับที่เจ้าตัวไม่เคยได้พานพบด้วยตัวเองมาตลอด สองมือผลักไสไหล่กว้างออกห่าง ร่างสูงใหญ่จึงถึงโอกาสไล้เลียลงสู่แอ่งบุ๋มที่เอวบาง จูบเบาๆแทนรอยเท้าก้าวเลื่อนลง

ต่ำลง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ต่ำลง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เว้นส่วนอ่อนไหวไวสัมผัส เขาไม่อยากให้เด็กน้อยของเขาตื่นกลัวจนเกินไป
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เลื่อนลง ฝ่ามือคลึงเค้นขาเรียวแล้วแยกออก ขบเม้มเนื้ออ่อนด้านใน จูบหนักๆทิ้งรอยไว้ทั้งสองข้าง ไม่ให้น้อยหน้ากัน สองขาแลจะหวงกัน หนีบเข้าหากันแน่นกันคนรังแกหนักโดยลืมว่า คนใจร้ายแกล้งกันได้ลงคอนั้นถูกแนบหนีบอยู่ตรงกลาง คนตัวใหญ่หลุดขำ สองมือจับเข่าของคนตัวเล็กดันเข้าหาอกบางที่ถูกแกล้งจนระบมไปก่อนหน้า ช่องทางที่ยังบริสุทธิ์เผยให้เห็นต่อสายตา มันช่าง...

นิ้วยาวกดแหย่ช่องทางที่ยังแห้งผาด ความแน่นฝืดของมันทำให้ผู้เป็นเจ้าของส่งเสียงประท้วง ผมเหลือบตาสบคนตัวเล็ก ฉวยมือที่ผลักไสไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างคว้าคอบางบังคับประกบปาก วนลิ้นปลุกเร้าจนสมยอม ซุกไซ้ข้างแก้ม กกหู ไล้เลื้อยลงตามลำคอ ถอนมือจากลำคอส่งนิ้วเข้าหยอกเย้ากับลิ้นเด็กน้อย ปล่อยร่างเล็กระบายอารมณ์กับนิ้วทั้งสองจนสาแก่ใจ มืออีกข้างที่เคยยึดมือบางไว้ก็เข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหว สัมผัสอย่างที่เคยทำกับตัวเองแต่ทะนุถนอมกว่า

...จนเมื่อปลายเล็บของผมจิกเข้ากับส่วนปลายยอด ศีรษะน้อยสะบัดหนี เสียงครางกระเส่าดังอย่างไร้สติ ผมฉวยโอกาสนี้ส่งปลายนิ้วชุ่มน้ำลายเข้าเปิดประตูสู่หนทางหฤหรรษ์ ปลายนิ้วกวัดวาดวน เด็กน้อยของผมบิดตัวคล้ายจะทรมาน ริมฝีปากเม้นแน่น มือบิดขยำผ้าปูเตียงแทบขาด ปลายเท้าจิกฟูกนอนคล้ายจะถีบออกและคล้ายจะยันตัวเข้าหา ผมมองท่าทีปลุกเร้า ท่าทีที่คล้ายจะเป็นด้านมืดของวีที่เก็บซ่อนไว้ สัญชาตญาญดิบเข้าครอบงำ ผมก้มลงจูบปากเล็กให้คลายออก แลบลิ้นเลียรักษาแผลที่เจ้าของริมฝีปากกัดเพื่อกั้นกลืนเสียง ปลอบโยนจากด้านนอกล่วงเข้าสู่ภายใน ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายมึนงง ถอนนิ้วออก เสือกไสความเป็นชายของตัวเองเข้าแทนที่....ช่องทางเล็กแคบ สัมผัสนุ่มแต่ร้อนระอุตอดรัดทุกทิศทาง ทางที่ไม่เคยมีใครแผ้วผ่าน เด็กน้อยที่มีผมคนแรก และมีผมเพียงคนเดียว อ้อมกอดกระชับแน่นส่งผ่านความสุขถึงจิตใจ

น้องเป็นของผมคนเดียว

"อ่า~ห์"

********

เสียงหอบหายใจดังแผ่วเบาในห้องกว้าง เมื่อลืมตามองผ่านความมืดก็ยังคงเห็นประกายสีทองตกค้างจากเมื่อตอนอารมณ์ไต่ถึงจุดสูงสุด ยันตัวออกจากข้างเตียงให้แผ่นหลังสัมผัสอากาศ ปล่อยให้ลมจากพัดลมหน้ากว้างคลายอุณหภูมิร่างกายที่สูงจนเหงื่อไหลโทรมกาย ก้มมอง'หลักฐานความผิด'ในมือตัวเอง คว้าทิชชู่มาขยี้เช็ดมือโดยแรงจนรู้สึกเจ็บก่อนจะปาออกห่างตัว ผมผิด.....รู้สึกผิดที่เอาแฟนตัวเองมาจินตนาการเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่คับแน่นอยู่ในอก แม้ใครจะบอกว่ามันเป็นทางออกอย่างหนึ่งเพื่อที่จะได้ไม่ไปบังคับขืนใจคนที่เรารัก แต่ก็นั่นแหละ ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ ผมรักที่วีเป็นเด็กน้อยขี้อาย ไร้เดียงสา แมัจะไม่ได้ตั้งมั่นถึงขนาดที่จะบูชาไว้บนหิ้ง หรือจะกะเกณฑ์ให้วีบริสุทธิ์ สะอาดตลอดไป แต่เรื่องบางเรื่องมันต้องมาจากความยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่ล่อลวงให้เขายินยอม หรือทำให้เขาสกปรก ผมรักวี....รักทุกอย่างที่เป็นวี รวมถึงทุกอย่างที่วีจะเป็นในวันข้างหน้า รักของผมมีค่า และ'รักของผม'ต้องไม่ดึงให้วีลงมาต่ำด้วยเรื่องแบบนี้

เอนพิงข้างเตียงอีกครั้งรอตัวแห้ง ปล่อยใจคิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้ไกลจาก'เรื่องวี' ตามองลอนกล้ามท้องของตัวเอง แสงสว่างเพียงเล็กน้อยกอรปกับหยดเหงื่อไหลแล่นผ่านร่องลอนยิ่งขัดให้กล้ามยิ่งชัด ไม่ได้แปลกใจหรือชื่นชมอะไรกับร่างกายของตัวเองเป็นพิเศษ มันก็แค่ผลพลอยได้จากการฝึกร่างกายให้'แกร่ง'พอที่จะคุมมอเตอร์ไซค์4สูบของตัวเองให้อยู่

'รักที่จะเท่ตามกระแสสังคม หรือ รักที่จะสนองตามต้องการของตัวเองอย่าง'มีความเหมาะสม' คิดดู. แล้วค่อยมาให้คำตอบ'

คำพูดจากพ่อเมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อตอนผมปรึกษาว่าจะซื้อบิ๊กไบค์สักคัน ใช้เวลาเพียง 1 คืนในการคิดหาคำตอบให้ตัวเอง และใช้เวลาอีก 2 ปีในการพิสูจน์ว่า ผมพร้อมจะสนองความต้องการของตัวเอง เช่นเดียวกับที่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองและความรู้สึกของคนรอบข้าง สมองศึกษาวิธีการขับขี่และอุปกรณ์ป้องกันแรงกระแทกตลอดจนการควบคุมพาหนะทรงพลังให้วิ่งทะยานได้อย่างปลอดภัย กายฝึกฝนให้พร้อม ไม่ใช่ให้เหมาะสมกับตัวรถ ผมไม่เคยปล่อยให้รถสุดที่รักมีอิทธิพลเหนือตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็เป็นได้แค่พวกที่บิดรถเร็วจนตัวตาย ทิ้งให้พ่อแม่เสียใจที่ปล่อยให้เงินฆ่าลูก แต่ต้องฝึกฝนร่างกายให้พร้อมที่จะพยุงรถจักรยานยนต์ที่หนักกว่า200กิโล พร้อมที่จะรับแรงต้านของลมเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง และต้องฝึกใจไม่ให้เตลิดไปกับความแรงของรถ เพราะผมรู้ว่า ในหลายๆครั้งความตื่นเต้นที่ได้ทะยานไปในสายลม มันก็เป็นกลลวงให้เราเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเหมือนกัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ตัดใจลุกไปอาบน้ำเพราะความร้อนผิดปกติของปีนี้ทำให้เหงื่อไหลไม่หยุด ตัวเลยไม่แห้งเสียที เปิดหน้าต่างทุกบาน คว้าผ้าเช็ดตัว ใช้นิ้วเท้าสะกิดปุ่มพัดลมอีกตัวเปิดเบอร์แรงสุด ปล่อยให้มันหมุนวนไล่กลิ่นเหงื่อและกลิ่น...คาวของความต้องการ...กลิ่นที่ทำให้รู้สึกผิดที่แอบเอาแฟนตัวเล็กน่ารักที่แสนบริสุทธิ์ของตัวเองมาบำบัดความใคร่...กลิ่นที่ทำให้เกลียดความต้องการของตัวเอง ก้าวเข้าสู้ห้องน้ำ ชำระล้าง'ความรู้สึกผิด'ของตัวเองออกให้หมด

พอออกจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับคนพิเศษก็ดังขึ้น จังหวะดียังกับแอบตั้งกล้องส่องดูถึงในห้อง กดรับโทรศัพท์ฟังเสียงหวานของคนรักตัวน้อยพร้อมๆกับเปิดไฟ เปิดแอร์ ปิดหน้าต่าง ฟังเสียงใสเผาตัวเองว่า เผลอหลับเมื่อตอนหัวค่ำ เพิ่งตื่นก็เลยรีบโทรหาเพราะถึงเวลา'โทรคุยกันกระหนิงกระหนิงก่อนนอน'พอดี ผมเอาเท้าสะกิดปิดพัดลมทั้งสองตอนถามน้องว่าอาบน้ำรึยัง ปลายสายหัวเราะเสียงแห้งอ้อมแอ้มตอบว่า ยัง แล้วเฉไฉไปชวนคุยเรื่องอื่น ...พูดไปมันก็ดูประหลาดแต่ผมก็อยากบอกว่า ผมอยากเอากำปั้นขยี้ขมับคนเปลี่ยนเรื่องไม่เก่งเบาๆด้วยความรักเลยจริงๆ!!!

คุยกันต่ออีกแป๊บใหญ่ๆ หลังจากนัดแนะว่าพรุ่งนี้จะไปนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานบ้านน้องแล้วก็ไล่น้องไปอาบน้ำแล้วนอนเลย ลุกไปหยิบรีโมทแอร์ พอผ่านกระจกมันสะดุดใจจนต้องมองซ้ำ มองหน้าตัวเองชัดๆ ลูบตามไรหนวดและเคราที่ขึ้นอ่อนๆ หันไปกดปรับอุณหภูมิแอร์และกลับไปนอนแผ่บนเตียง

พอเป็นแฟนกับวีแล้วพฤติกรรมหลายๆอย่างของผมก็เปลี่ยน อย่างน้อยก็ใส่ใจตัวเองมากขึ้น และอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนตามคือ เวลาโกนหนวดโกนเครา อย่างน้อยมันก็ต้องปรับเปลี่ยนตามเสวาที่จะไปพบวี

ขืนไปฟัดวีทั้งหนวดทั้งเคราแบบนี้ น้องได้ตัวแดงเถือกยังกับเอาหนวดไถ!!!!

*******

ใครจะรู้ว่าอะไรจะไม่เป็นไปอย่างที่วางแผนไว้

วันรุ่งขึ้นผมเป็นไข้เพราะอาบน้ำเย็นหลัง'ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ'โดยไม่รอให้ตัวแห้งตัวเย็นก่อน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!!!

จากโปรแกรมเดิมที่วางกันไว้ว่าจะไปกินมะม่วงน้ำปลาหวานบ้านวี ก็กลับกลายเป็นว่า วีเอามะม่วงเปรี้ยวสไลค์แช่น้ำปลาน้ำผึ้งมาเยี่ยมผมแทน ยอมรับเลยว่ารสชาติเปรี้ยวๆเค็มๆหวานๆมันทำให้อารมณ์หงุดหงิดจากความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวมันดีขึ้นจริงๆ แต่กินได้นิดหน่อยก็ต้องเก็บเข้าตู้เย็น พอไม่สบายแล้วผมจะอารมณ์ไม่ดีแล้วก็เอาแต่ใจครับ (บางคนบอกว่า หงุดหงิดแถมยังงี่เง่าอีก) แต่ก็บอกน้องไปไม่ให้เสียใจว่า

'เก็บไว้กินค่อยๆกินดีกว่า ของอร่อย กลัวหมด'

ได้รอยยิ้มกลับมาเป็นของตอบแทน น้องเบือนหน้าใสแก้มแดงหนี อ้อมแอ้มว่าจะทำมาให้บ่อยๆละกัน คนป่วยยิ้มส่งให้คนใจดีแต่ขี้เขินจนหูแดงครับ

"อากาศร้อนคราวนี้คนไม่สบายกันเยอะก็จริง แต่วีก็ไม่คิดว่าพี่โตจะไม่สบายนะนี่ อ๊ะ!ไม่ได้ว่าพี่ถึกนะ แค่เห็นว่าปกติออกจะแข็งแรง" เสียงคุยหงุงหงิงจากคนที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมอยู่ด้านหลัง เห็นวีบอกว่าเช็ดตัวมันจะช่วยลดความร้อนแล้วจะหายเร็วขึ้น ผมก็ตามใจยกแขนบิดตัวอำนวยความสะดวกให้พยาบาลจำเป็นไปเรื่อย

ความเปลี่ยนแปลงใช่ว่าจะเกิดกับผมคนเดียว วีก็เช่นกัน จากคนที่ขี้อายตลอดเวลา เมื่อคุ้นเคยกันก็ช่างพูดมากขึ้น เว้นเสียแต่เวลาที่ผมมองน้องมากๆ น้องจะเขินจนหน้าแดงหูแดง หนักๆเข้าก็จะแดงทั้งตัวเป็นกุ้งต้ม พอรู้จุดผมก็พยายามไม่จ้องน้องให้มากจนเกินไป เว้นแต่เวลาอยากแกล้งนะครับ อันหลังนี้ผมจ้อง....จ้องจนจะทะลุตัวน้องเลย แต่น้องคงไม่อยากให้มองทะลุมั้งเลยทำตัวแดงกั้นสายตาผมให้อยู่ที่น้องนานๆแทน ผมมันขี้แกล้งครับ...จริงหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน น้องไม่เคยว่าผมขี้แกล้งซะด้วย เห็นวิ่งไปหาที่ซ่อนตลอด

คิดแล้วก็อมยิ้มขำจนพยาบาลคนน่ารักเช็ดตัวเสร็จ ยกอ่างน้ำไปเก็บเสร็จ เดินมามองหน้า จับหน้าผากวัดไข้ แล้วถามว่าอมยิ้มอะไร

"ก็คิดว่า เช็ดตัวแล้วมันสบายดีจัง แล้วก็..." เว้นระยะทิ้งให้สงสัย มองคนรอฟังตรงหน้า นับเวลาถอยหลังในใจ "คิดว่าแฟนพี่น่ารักจัง ดูแลกันขนาดนี้ เป็นภรรยาที่ดีได้แน่ๆ"
4

3

2

1

สองแขนเรียวคว้าหัวผมกอดเข้ากับอกดัง หมับ! ผิดคาด นึกว่าจะเป็นเหมือนในการ์ตูน หน้าแดงระเบิดบึ้ม ซะอีก อมยิ้มสูดกลิ่นเสื้อหอมน้ำยาปรับผ้านุ่มตรงหน้า

ความรักมันท่วมท้นอกในอก ไม่ได้ทำให้อึดอัดกลัดกลุ้มเหมือนตอนที่อยู่คนเดียว

คงเพราะมันไหลซึมส่งผ่านไปถึงตัวคนตรงหน้าได้...หรือจะด้วยเหตุผลอื่นใด

ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า




'ผมรักน้องจัง'




รักแบบที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงผมอยากเรียกว่า การปรับตัวเข้าหากัน





องค์ประกอบต่างๆที่ทำให้รักของเราก้าวหน้าและมีพัฒนาการ






โดยเฉพาะคนที่กอดผมอยู่ เริ่มพัฒนาจากการวิ่งหนีหลบหน้า เป็นการซ่อนหน้าแดงๆโดยไม่ต้องเสียแรงแล้ว!









แต่ผมอยากบอกว่่า วิธีนี้พี่ได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักชัดเจนเลยครับ น้องวี!!!








จบ


อีกตอนค่ะ


บางทีผมก็นึกอิจฉาพวกคนที่เขามีความสนใจในเรื่องเหมือนๆกันนะครับ

ช่วงนี้มีวันหยุดยาว พี่โตที่เข้าไปเรียนต่อนิติจุฬาในกรุงเทพเลยกลับบ้านมาเจอผม เจอเพื่อนๆกลุ่มนิยมความแรง(ของรถ)แต่มารยาทดี(หม่งั้นโดนเฉดหัวออกจากกลุ่ม)ได้บ้าง ซึ่งในช่วงเวลาหลังตลาดวาย ต่อช่วงก่อนตลาดไนท์บาซ่าจะเริ่ม กลุ่มขาซิ่งกลุ่มนี้ก็จับกลุ่มคุยกับสำรวจรถกันอย่างแถวข้างตลาด (ย้ายมาจากท้ายตลาดเพราะพ่อผมเอง ท่านว่าจะจับกลุ่มก็อย่าให้ลับหูลับตา คนเค้าจะสงสัยว่าทำอะไรไม่ดีกัน พร้อมกับอำนวยความสะดวกเรื่องแสงไฟให้)

อย่างตอนนี้ พี่โต~ของผม(>\\\\\<)กำลังก้มๆเงยๆดูท้องรถเปลือยๆอยู่ เกราะที่มีโลโก้CBR1000วางอยู่ใกล้ๆ โดยมีตรีกำลังปูนั่งสือพิมพ์รองพื้นแลัวนั่งใกล้ พวกที่คุยภาษาเดียวกันนี่น่าอิจฉาจังน๊า ผมเคยไปนั่งใกล้ๆฟังพวกนี้คุยกัน. ไอ้น็อต ประแจ ไขควงก็พอรู้อยู่นะ แต่ตัวกรอง จานโซ่ แกนเพลา....มันคืออะไนเนี่ย. จะไปช่วยหยิบจับก็ไม่รู้ว่าที่เค้าต้องการมันอะไร ดังนั้นผมก็เลยมายืนห่างๆดูอย่างนี้แหละ แกล้งเก็บของช้าๆให้พี่เค้ามีเวลากับเพื่อนบ้าง (ดูใจดี แต่ที่จริงแค่ไม่อย่างรู้สึกเป็นคนนอกเฉยๆ)

อาศัยแสงไฟนีออนส่องดูอะไรสักอย่าง หน้าคมก้มลงดู. ปากพูดอะไรสักอย่างแล้วคนข้างๆก็ส่งอุปกรณ์ให้ ตรีก้มลงไปหา ตาดื้อๆจ้องเขม็งพูดอะไรก็ไม่รู้ พี่โตเงยหน้ามาสวนกลับ....

อาจจะเป็นมุมกล้องก็ได้นะ แต่จากที่ผมมองอยู่ตรงนี้ หน้าทั้งสองใกล้จนแทบจะชนกัน คนหนึ่งหน้าคม อีกคนตาดื้อ คิ้วรั้นสุดฤทธิ์ หล่อสมกันขนาดนี้.....ผมคิดมากนะครับ p(>////<)q

"ดูสนิทกันดีนะ" ใครบางคนเอ่ยแทรกความคิดฟุ้งซ่านจนผมปัดไล่ความรู้สึกประหลาดๆแทบไม่ทัน หันหน้าตาแสดงอารมณ์หลายๆอย่างของตัวเองไปก็เจออีกฝ่ายยิ้มให้

"พี่(น้า)ปิง" เจ้าของร้านผัดไทเส้นเหนียวนุ่มนี่เอง

พี่เค้าชวนหันไปมองกลุ่มนักบิดทั้งหลาย "พวกชอบรถเหมือนกันนี่สนิทกันดีจังเลยนะ"

"นั่นสิครับ ก็ความชอบ ความสนใจเหมือนกัน เลยคุยกันรู้เรื่องซะทุกอย่างเลย"

"มันเป็นเรื่องวัยด้วยแหละนะ" พอได้ยิ่งอีกฝ่ายพูดอย่างนี้ ผมเลยหันไปทันมองเห็นแววตากังวลที่แว่นหนาซ่อนไม่อยู่

"พี่ปิง ตรีเค้าชอบพี่จริงๆ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" ปลอบใจตัวเองไปด้วยเหมือนกัน พี่ปิงหันมามองผมแล้วนิ่งคิด จู่ๆหน้าเนียนไม่เข้ากับอายุก็แดงเห่อขึ้นมา คิ้วขมวด ตาเบิกกว้าง ปากเม้นแน่น ท่าทางตอนเขินน่ารักจนผมที่เพิ่งนึกได้ว่าพูดอะไรตรงเกินไปหน้าแดงแล้วร้อนลามไปถึงหู พี่ปิงกำลังจะพูดแก้ตัวอะไรสักอย่างแต่ถูกใครสักคนคว้าตัวไปกอดซะก่อน

"เดี๋ยวเถอะๆ มาทำแฟนคนอื่นหน้าแดงอะไรกันแถวนี้ ปิงก็ด้วย" ตรีที่คว้าพี่ปิงไปกอดแนบอก นิ่วหน้าส่งตาวาวๆมาให้ พอดีกับที่พี่โตเรียกผม เลยอาศัยโอกาสขอโทษแล้ววิ่งไปหาพี่โต แต่ก็ทันได้ยันตรีพูดกับพี่ปิง "ปิงไปทำหน้าอย่างนั้นให้คนอื่นเห็นทำไม ผมหวงนะ"

ได้ยินแล้วหน้าผมผมพาลจะร้อนหน้ามากกว่าเดิมอีก (0////0)

"วีมาช่วยพี่หยิบของหน่อย" มาถึงพี่โตก็ให้ผมช่วยทันที

"วีช่วยได้เหรอ เอาอะไรล่ะพี่"

"วีหยิบกระดาษตรงนั้นมาเช็ดน้ำมันตรงนี้ให้หน่อย" คว้ากระดาษ เช็ดๆ แต่พี่โตอาศัยจังหวะที่ผมก้มตัวลงไปเข้ากระซิบข้างๆหู "ไปทำหน้าตาน่ารักอย่างนั้นกับพี่ปิง เดี๋ยวพี่เค้าก็มาหลงหรอก"

ผมหันไปมองคนพูดข้างหูก็อาศัยจังหวะนั้น จุ๊บเบาๆที่ปาก "วีของพี่ พี่ห่วง"

(0{}0)

( -____<) ตาคมๆขยิบให้ "พอดีมือพี่เปื้อนน้ำมันเครื่อง เลยต้องให้วีก้มลงมาหาน่ะ"

ถึงผมจะขี้อายแดงได้ถึงหู แต่เชื่อเถอะว่า นักบิดนิติจุฬาเนี่ย ทำผมแดงได้ทั้งตัว (@//////@)



จบ







Fan  Fic   Burn    BY   คุณ jiki



   "ผมไปละนะแม่" เปิดประตูบ้านปะทะไอเย็นจากฝนที่ตกไปเมื่ิอตอนหัวค่ำขณะที่กินข้าวเย็นกันเมื่อครู่ เสียงแม่ตะโกนว่าอย่าไปทำอะไรรบกวนเขาล่ะแว่วมาเหมืิอนเคย กระชับสายเป้ขนาดย่อมบนบ่า ใจอยากไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วแต่ก็ต้องค่อยๆก้าวไปอย่างระวัง ฝนหยุดตกแล้วแต่ทางเดินบางจุดก็ค่อยข้างลื่น มองไปทางจุดหมายที่อยู่ไม่ไกล...ก็แค่ข้างบ้านนี่เอง จะอะไรกันนักกันหนา แต่ก็นะ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยเหลือเกิน จะให้ปีนหลังคาไปหาบ่อย คงจะได้ตกลงมาคอหักตายสักวัน ช่วงนี้เลยเปลี่ยนเป็นเดินกางร่มไปหาแฟนแทน
   

   ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปนับจากวันนั้น เด็กสองคนกลับมาดีกันเหมือนเดิมท่ามกลางความงุนงงของผู้ใหญ่ แต่ก็ดีใจที่มันกลับมาสนิทกันสักที เพียงแต่ผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่ได้รู้เลยว่า ไอ้สองคนนี้มัน'สนิท'กันมากกว่าเดิมเสียอีก อย่างวันนี้ก็ขอแม่มา'นอนเป็นเพื่อน'ไอ้โอมมันเพราะที่พ่อแม่มันไปทำธุระที่ต่างจังหวัดสักสองวัน


   ผมเข้าบ้านไปด้วยความคุ้นชิน สวัสดีพ่อแม่'แฟน'ขอบคุณคำถามไถ่ว่า กินข้าวมารึยัง ทานที่นี่ไหม แต่ก็นะ ผมก็พอรู้กาลเทศะบ้าง เลยซัดมาจากบ้านเรียบร้อยแล้ว คุยกับพ่อแม่ได้ไม่กี่ประโยค ตัวลูกก็โผล่มา ผมยืนฟังพ่อแม่บ้านนี้สั่งกำชับคนเฝ้าบ้านให้ดูแลนู่น นี่ นั่น ไปตามเรื่อง สักพักผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ออกเดินทาง ส่วนเด็กๆก็ปิดบ้าน...นอน
.
.
.
.
.
.
.
.
   คุณคิดอย่างงั้น? ไม่มีใครคิดใช่ไหม คุณคิดถูกแล้ว พวกผมปิดบ้านเรียบร้อยก็จูงมือกันไปเล่นคอมบนห้อง
.
.
.
   ไม่ใช่อีกนั่นแหละ พอขึ้นไปที่ห้องโอม โอมก็แยกไปอาบน้ำ ส่วนผมก็เทสัมภาระที่ขนมาออกจากเป้ นั่งใช้ความคิดอยู่สักพักเก็บของที่ไม่น่าจะได้ใช้เข้าที่เดิม จัดวางของใช้ให้เข้าที่ อะไรไม่ใช้ก็เก็บซะ รอครู่เดียวโอมก็ออกมา นัยย์ตาสีดำมองหาชุดนอนที่จำได้ว่าวางไว้ปลายเตียง บัดนี้มันอันตรธานหายไปเหลืิอแต่วัตถุแปลกประหลาด ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นสายสีดำขึ้นมาพิจารณา

   "'ไรเนี่ย"

   " กางเกงใน"

   ดวงตาดำสวยเหล่มอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันนิดนึง

   "ของใคร" คำตอบที่ตามมาทำให้เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม

   "ของมึง ใส่ซะ"

   โอมนิ่งไปนานมาก สองตาพิจารณามองของในมือ ริมฝีปากสีส้มเม้มแล้วคลาย เม้มแล้วคลาย จนเมื่อผมคิดว่า สงสัยโปรแกรมวันนี้คงไม่สำเร็จ โอมกลับก้มลงใส่ แล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกไปยืนเช็ดผมต่อ...ที่หน้ากระจก สองมือขยี้เช็ดผมแต่สองตาของมันจ้องมองผมผ่านกระจก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะจ้องตาสีดำที่มักจุดไฟบางอย่างในตัวผม...อย่างน้อยก็ตอนนี้ แผ่นหลังผอมๆที่กล้ามเนื้อออกชัดเรื่อยไปถึงเอวบาง สะโพกถูกเส้นอิลาสติกสีดำรัดรั้งจนเห็นก้นกลมๆเปิดโล่งอย่างชัดเจน!!! นี่สินะ หลายๆคนถึงชอบมัน จีสตริง

   "มึงไปสรรหามาจากไหนเนี่ย ไอ้กางเกงในเส้นด้ายอย่างเนี้ย" ใจผมไม่อยู่กับตัว ผมไม่ได้ฟังครับ กว่าผมจะสนใจ มันก็เรียกผมหลายครั้ง จนทนไม่ไหว เดินมาสะกิดถึงตัวแทน ขอบคุณที่หมุนมาให้ดูข้างหน้าด้วยนะมึง

   "สั่งทางเน็ต มึงคิดว่ากูกล้าเดินไปซื้อที่ร้านรึไง" ผมก็บ่นพึมพัมไปตามเรื่อง

   แต่ก่อนที่ความตั้งใจเดิมจะถูกลืมไปหมด ผมกวักมือเรียกโอมที่กำลังก้มหาชุดนอนในตู้เสื้อผ้า พอมันไม่มาก็จัดการลากมันมากดกับเตียง สองมือถูกตรึงไว้เหนือหัว

   "มึงคงไม่คิดว่า กูลงทุนซื้อจีสตริงมาเพื่อให้มึงใส่นอนเฉยๆใช่ป่ะ" ผมถามไป ตาสีดำก็ส่งประกายแวววาวมาให้ ริมฝีปากสีส้มยกยิ้มยียวนตอบกลับ

   "อ้าว กูนึกว่าใช่"

   "เดี๋ยวก็รู้"

   กริ๊ก!!!

   โอมกระตุกแขนมาดูว่าเสียงอะไร แต่ข้อมือกลับถูกรั้งจากวัตถุบางอย่าง พอขยับเสียงเสียดสีโลหะก็ดังขึ้นอีก

   "อะไรเนี่ย!!!"

   ผมยิ้มตอบไปทั้งปากและตา

   "กุญแจมือ มีขนฟูหุ้มกันเจ็บด้วยล่ะ"

  โอมทำหน้าเหมือนจะกลั้นใจตาย

...

   ริมฝีปากเราบดเบียดเข้าหากัน ลิ้นเกี่ยวกวัดผลัดกันกดรัดล่อลวงอีกฝ่ายเข้าหาแล้วดูดดุน ผมผละออก จูบไล้ไซ้เลียไล่จากคอ ลงมาขบเบาเม็ดสีชมพูที่แข็งเป็นไตทั้งสองข้าง ใช้ฟันกัดเบาแล้วดึง เรียกเสียงอึกอักที่โอมไม่ยอมให้ผมฟังแต่โดยดี วันนี้โอมดื้อเป็นพิเศษคงต้องแกล้งกันอีกหน่อย ปลายลิ้นไล้เลียส่วนนั้นอีกสองสามครั้งก็เลื่อนลงต่อ แวะทำร่องรอยเผื่ิอหาทางกลับตลอดทางผ่าน พอถึงส่วนสำคัญก็เกี่ยวรั้งเศษผ้ายืดสีดำลง...พอให้หน่ออ่อนเจ้าอารมณ์โผล่หัวออกมาได้หายใจเท่านั้น แลบลิ้นไปทักทายส่วนที่มีสีสันซึ่งตอนนี้เริ่มมีหยดน้ำไหลซึม ปลายเท้าโอมถูกไถผ้าปูเตียงไปมา ขยี้ระบายอารมณ์อย่างหนัก เรียวขาวาดเข้ามาเสียดสีกับแขนผม

   แต่พอลงลิ้นไปได้สามสี่ครั้ง ไอ้โอมมันถีบไหลผมออก!!!

   "หยุดเลยมึง!!!" โอมมองหน้าผมน้ำตาคลอ เจ้าตัวพลิกตัวคว่ำสำรวจสิ่งที่พันธนาการตัวเองไว้ แต่ขอเถอะ ไอ้การยันตัวเหมือนจะคลานสี่ขาโดยที่แขนตัวเองยังประคองตัวไม่ถนัด มันยิ่งเน้นให้ก้นลอยสูง เส้นสายสีดำของชั้นในตัวจิ๋วมันไม่ได้ปิดอะไรเลย กลับยิ่งเน้นให้มองรอยแบ่งระหว่างก้อนเนื้อกลมๆและช่องทางสีสด โดยที่ผมยังนั่งอยู่ตรงปลายเท้าโอมตรงนี้!

   ให้ตายเหอะ ขอผมถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนได้ไหมเนี่ย!!!

  "เต็ม ปล่อยกูก่อน"

   ผมมองมันตาละห้อย

  "โอมไม่ชอบขนาดนี้เลยเหรอ"

   มันกัดปากแล้วย้ำกับผมคำเดิม

   "ปล่อยก่อน"

   ผมได้แต่จำใจ เมื่อโอมไม่ยอมเล่นด้วย ผมจะทำอะไรได้ คว้ากุญแจมาไขมือซ้ายมันออกก่อน เห็นมันลูบข้อมือแดงเถือกป้อยๆก็นึกรู้ มันคงจะเจ็บ คว้าข้อมือมันมาจูบขอโทษ เลียตามรอยถลอกเล็กๆฆ่าเชื้อให้ แต่พอจะไขกุญแจมือข้างขวาออก โอมกลับใส่กุญแจมือข้างซ้ายกลับเข้าไปเหมือนเดิม ก่อนที่ผมจะตามความคิดโอมได้ทัน มันก็ตวัดแขนรั้งผมเข้าไปจูบแลกลิ้น ตามลงมาลามเลียสายน้ำเรื่อยลงไปตามต้นคอถึงแผ่นอก ถอยออกมามองหน้าจ้องตา เปลี่ยนตำแหน่งแขนกลับมาลูบกล้ามเนื้อช่วงท้องผมลากลงไปตามท้องน้อย แล้วต่ำลงไปอีก ตาสีดำจ้องผมฉายแววบางอย่าง

   " ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ แต่มันกอดเต็มไม่ได้ ... ทำแบบนี้ไม่ได้" ปลายเล็บจิกลากกรีดหน้าท้องผมลึกพอเลือดซึม เรียวนิ้วลูบไล้ปลุกปั่นเด็กน้อยที่ตื่นแต่ยังงัวเงียสักพักให้ยืนตรง

   "แล้วก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ด้วย" โอมขบริมฝีปากผมพอเจ็บ สองมือประคองเด็กน้อยพาส่งเข้าถ้ำ อุปสรรคขวางกั้นเส้นบางถูกเรียวนิ้วของโอมเกี่ยวรั้งพอให้หลีกทาง ความร้อน แรงตอดรัด เข้าโอบล้อม ความแนบแน่นเหมือนกับสองแขนของโอมที่กอดผมไว้ วันนี้ผมไม่ได้เป็นฝ่ายถูกล่ามด้วยโซ่ใดๆ แต่กลับเป็นฝ่ายถูกชักพาโดยโอมที่ผมใส่กุญแจมือด้วยตัวเอง
.
.
.
.
.
.
  ผมว่าบางทีความเย็นของโซ่ เสียงแกรกกรากของโลหะ แล้วก็ แรงตอดรัดที่มีสายอิลลาสติกเสียดสีไปมา...มันก็รู้สึกดีนะครับ



จบ



ขอบคุณ  jiki  ที่เขียนให้ค่ะ  เขียนดีภาษาเยี่ยม  จิสนับสนุนให้เขียนนิยายมาลงเล้าบ้าง  จะเป็นแฟนคลับคนแรกค่ะ ^^ 
กอดๆหอมๆบวกๆ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
ปล.จริง ๆ คู่น้องวีพี่โต  กับเต็มโอม  จิเคยเขียนตอนพิเศษตามเทศกาลลงในเล้าด้วยค่ะ  ทั้งลอยกระทง ทั้งวาเลนไทน์  แต่ไฟล์เวิร์ดจิหายด้วยความประมาท  เสียใจมากที่ไม่สามารถหามาให้อ่านเพิ่มได้ค่ะ TT
และท้ายนี้..จิยังต้องการไฟล์นิยายตั้งแต่ตอนที่  26 - 29  นะคะ  ผู้ใดมีรบกวนส่งให้จิบ้างค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Fan Fic Shy และ Burn by jiki 26/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-03-2015 12:19:38
อยากจะจับน้องวีมาฟัดแก้มซ้ายแก้มขวาม๊ากกก... โอ้ยย~ หนูจะน่ารักเกินไปแล้ววว มีการมโนพี่โตกับตรีคู่กันอีก ฮะๆ :o8: อื้อ~ คู่ไหนๆ ก็โดนหมดเลยค่าา...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Fan Fic Shy และ Burn by jiki 26/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 26-03-2015 19:20:49
น้องวีเขินได้น่าอิจฉาพี่โตมากๆๆๆๆๆ  :mew1: 

เต็มโอมนี่คู่แท้เนาะ :hao6:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Fan Fic Shy และ Burn by jiki 26/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 26-03-2015 23:55:33
ชอบความรู้สึกที่พี่โตมีให้น้องวีมากเลย ทั้งรักทั้งทะนุถนอม
แบบน้องบริสุทธิ์จนไม่อยากทำให้มีมลทิน  รอได้จนกว่าน้องจะพร้อม
มีแฟนเด็กน้อย แถมขี้อายขนาดหนัก ก็ต้องใจเย็น ๆ อย่างนี้แหละนะพี่โต
น้องวี ก็ค่อย ๆ เติบโต ค่อย ๆ เรียนรู้มากแล้ว รออีกไม่นาน จะได้มีความสุขร่วมกันน้า
มีพี่ปิงกับพี่ตรีมาแจมด้วย คู่นี้ก็น่ารักมาก แอบฮาตอนน้องวีจิ้นแฟนตัวเองกับพี่ตรี
แหม่ คิดไปได้ ถ้าพี่โตรู้น้องวีได้เจอฟัดจนแก้มช้ำแน่ 555
ส่วนคู่รัก SM ของเรา เต็มโอม  :impress2: ยิ่งเป็นแฟนกัน ยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีก
โอมจัดเต็มมากเลย เต็มแรงมาเท่าไหร่ โอมแรงกลับไปยิ่งกว่าอีก เคะราชินีจริง ๆ
แต่จะรักใสบริสุทธิ์ของพี่โตน้องวี หรือ รักเร่าร้อนรุนแรงของ พี่เต็มน้องโอม
ไม่จะเป็นแบบไหน ขอแค่ได้เป็นสิ่งที่ได้ทำกับคนที่รัก แค่นี้ก็มีความสุขแล้วเนอะ

เสียดายที่อดอ่านตอนพิเศษเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ยังมีอีกตั้งหลายคู่รอให้อ่านนิ
ขอบคุณคุณจิ ขอบคุณคุณ  jiki  สำหรับฟิคด้วยค่า เก่งจังเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Fan Fic Shy และ Burn by jiki 26/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 27-03-2015 00:11:02
ไม่อยากจะบอกว่าชอบเฮียปิงม๊ากมาก  :mew3:
เฮียน่ารักได้ทุกท่วงท่าจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Fan Fic Shy และ Burn by jiki 26/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 27-03-2015 18:25:12
พี่โตนั่ลล้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Fan Fic Shy และ Burn by jiki 26/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 31-03-2015 11:54:58
Intimacy   Seekers


ความเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศส่งทั่วถึงทุกบริเวณร้านสะดวกซื้อ  ข้าวของเรียงรายเป็นระเบียบสมกับเป็น 7-11 สาขาใหญ่หน้าตลาดสด  ทุกล็อคในร้านมีผู้คนยืนหาของใช้จนแน่น  เบือนหน้าเมินสายตาที่ส่งมาว่ารู้สึกอะไรกับพนักงานหน้าใส  ผิวขาว  ปากแดงอย่างผม  มองสินค้าหลายอย่างที่วางตรงหน้าแล้วหยิบมาแสกนตรงบาร์โค้ด  มือข้างหนึ่งวางของลงในถุง  อีกข้างกดเครื่องคิดเงินแล้วบอกจำนวนเงิน  เงยหน้าสบตา  ยิ้มให้ลูกค้าและส่งใบเสร็จทุกครั้งตามมารยาทของพนักงานที่ดี   เสียงติ้งต่องหน้าร้านดังขึ้นพร้อมเสียงทุ้มจากริมฝีปากสีแดงของพนักงานขายที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ

“เซเว่นสวัสดีครับ”  พนักงานที่เข้าเครื่องแรกจะต้องเป็นคนที่เอ่ยทักทายลูกค้าทุกครั้งครับ  เครื่องสองจะทักหรือไม่เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมากนัก  เพราะเครื่องแรกเป็นเครื่องที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุด   หยิบถุงขนมมาแสกนแล้วหันหลังหยิบบุหรี่มาเข้าเครื่องคิดเงินพร้อมกัน  เงยหน้าบอกราคาของแล้วก็..อึ้ง

เด็กผู้ชายน่าจะรุ่นน้องผมซื้อบุหรี่ที่มีกฎหมายห้ามขายให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า  20  ปี  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วเอ่ยปากถามเด็กคนนั้นว่าอายุเท่าไหร่?   ดวงตาหม่นคู่นั้นฉายแววหวาดกลัวก่อนจะบอกผมว่าบุหรี่ไม่เอาแล้ว  ซื้อแต่ขนมอย่างเดียว  จ้องหน้าเด็กคนนั้นนิ่งแล้วคิดค่าขนม  ส่งใบเสร็จให้ก็ไม่รับรีบวิ่งออกจากร้านไปทันที  ชะโงกหน้ามองตามแผ่นหลังนั้นก็เห็นว่าอยู่ในกลุ่มเด็กมีปัญหา  ชอบจับกลุ่มแล้วเหมือนพวกอยู่ตามสะพานลอยคอยจี้หรือวิ่งราวกระเป๋า  ตำรวจก็ขี้เกียจออกมาวิ่งไล่จับ  ชาวบ้านร้องทีก็ค่อยออกมาที  พ่นลมหายใจทิ้งเสียดายเวลาแทนคนพวกนั้น  แทนที่จะเอาเวลาว่างตอนปิดเทอมมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์  เด็กพวกนั้นกลับเดินเข้าหาเรื่องที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน

“แฮปปี้  200  ครับ”  กะพริบตาปริบแล้วหันกลับมาสนใจเสียงลูกค้าที่สั่งบัตรเติมเงิน  ดึงลิ้นชักที่อยู่ข้างใต้เคาน์เตอร์ออกมาแล้วหยิบบัตรมาแสกน  ยื่นมือรับเงินสดแล้วกดที่เครื่อง  หันมองสลิปใบเสร็จที่ปริ้นท์ออกมาแล้วหยิบมาส่งให้พร้อมบัตรเติมเงิน   นิ่งมองเจ้าของมือเรียวที่ยื่นมารับบัตรเติมเงินกับใบเสร็จในมือผม  ดวงตาคู่สวยไม่ได้มองผมเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์  รอยยิ้มสดใสส่งให้ประตูร้านที่กำลังเปิดออก  ยืนตัวแข็งมองตามลูกค้าหน้าหวานที่เดินไปตามถนนทางเข้าตลาด  หัวใจเต้นตึกตักไม่เคยเป็นมาก่อน  หน้าใส  คิ้วเรียวได้รูป  จมูกโด่งกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนติดตา..ฝังใจ

กะพริบตาถี่แล้วเซถอยหลังมาพิงเคาน์เตอร์ที่มีแต่เหล้าและบุหรี่ตั้งเป็นแผง  ปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้วรีบขยับเท้ากลับมายืนที่เดิม  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบของที่วางตรงหน้ามาคิดเงิน  พยายามหยุดคิดถึงลูกค้าหน้าหวานเพราะไม่อยากคิดเงินพลาด  พอใจจดจ่อกับงาน  หน้าหวานก็ค่อย ๆ จางหายจากในหัว  ใกล้หมดกะบ่ายก็รีบเคลียร์เครื่อง  เช็คบัตรเติมเงินให้ตรงกับยอดที่รับมาจากกะที่แล้ว  รอผู้จัดการมาเช็คอีกครั้งก็ออกกะ

เดินเข้าหลังร้านแล้วถอดเสื้อแขวนไว้ชั้นบน  ดึงลิ้นชักโต๊ะไม้แล้วหยิบมือถือตัวเองออกมา  เวลาทำงานทางร้านจะไม่ให้พกมือถือครับ  เดินลงมาแล้วเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์ลงเวลากลับบ้าน  ลาเพื่อนที่ทำงานเสร็จก็เดินออกจาก   7-11  ปกติจะควบมอ’ไซค์กลับบ้านเลย   แต่ลูกค้าหน้าหวานที่ใช้แฮปปี้มันติดตาเกินกว่าจะกลับบ้านไปเฉย ๆ ได้   เม้มปากตัดสินใจแล้วเบือนหน้าไปมองความแออัดของรถราและผู้คนที่เข้าไปซื้อของสดในตลาด  เสยผมลวก ๆ แล้วก้าวเท้าเดินตรงไปในตลาด  สอดส่ายสายตามองหาเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้ม  ผมหนาซอยสไลด์เป็นทรง  หน้าขาวใส  ตัวไม่สูงมาก   ติดจะดูบอบบาง  และมีรอยยิ้มที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมา  หลบรอยยิ้มหวานของแม่ค้าขายน้ำปั่นที่ส่งมาให้แล้วมองหาลูกค้าแฮปปี้ต่อไป  เดินเข้าทุกซอยอย่างคนใจเย็น  วันนี้ไม่เจอก็ไม่เป็นไร  อย่างน้อยผมก็เดินตามหาเขาแล้ว

“อ้าว..หาอะไรกินเหรอ?”  ยิ้มเก้อ ๆ ให้เพื่อนกะเดียวกันแล้วพยักหน้าตามน้ำ  ขอตัวรีบไปก่อนที่มันจะถามหาของที่ผมจะเอาไปกิน  ออกมาจาก 7-11  ตั้งนานแต่กลับไม่ได้อะไรติดมือมาเลย  หันหลังเดินผละมาคนละทางกับเพื่อน  เร่งฝีเท้าเดินออกจากซอยเพื่อจะเข้าซอยถัดไปให้เร็วที่สุด  มองแสงข้างนอกตลาดที่มืดแล้วใจก็เริ่มหาย  ก้มหน้าก้มตาเดินไปตามทาง  ใจฝ่อห่อเหี่ยว  สงสัยว่าผมคงจะไม่ได้เจอแล้วล่ะ..คนหน้าหวานแฮปปี้  200  คนนั้น..

“ให้เอาไปส่งที่ไหนครับ?  ได้ครับน้าติ๋ม  ชีทถือไหวครับ  ครับ  สวัสดีครับ”  ชะลอฝีเท้ามองไล่ตามเท้าที่เดินสวนและเสียงที่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนซักแห่ง  เหลียวหลังมองแล้วอ้าปากค้าง   กะพริบตาถี่ก่อนจะหมุนตัวเดินตามแผ่นหลังที่เดินตามหาตั้งแต่เมื่อเย็น  ปรับหัวใจให้เต้นเป็นจังหวะปกติแล้วพยายามลดระยะห่างไม่ให้รู้ตัว  ฝีเท้าคนหน้าหวานยิ้มสวยหยุดที่หน้าร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง   มองตรงไปท้ายซอยก่อนจะเดินจังหวะธรรมดา  ตีหน้าเฉยมองไปทางโน้นทางนี้เดินผ่านแผ่นหลังที่กำลังหิ้วกระติกใหญ่เดินออกมาจากร้านคนเดียว  หยุดยืนที่หน้าร้านขายไก่ย่างแล้วรวบไก่มากำใหญ่ให้น้องหมาที่บ้าน  ยืนตัวตรงเพราะหางตาเหลือบเห็นว่าคนยิ้มสวยกำลังหิ้วกระติกมาใกล้แล้ว

ก้มหน้าลงแล้วส่งความรู้สึกทั้งหมดไปรวมที่แผ่นหลังของตัวเอง  ความร้อนจากร่างกายและลมอุ่นที่มาพร้อมกับคนถือกระติกพัดผ่านแผ่วเบา  หัวใจผมมันพองคับอก  ร่างกายมันเบาโหวงไปชั่วขณะ  ยิ้มน้อย ๆ กับความเพ้อของตัวเองแล้วรีบควักเงินจ่ายค่าไก่ย่าง  รวบถุงไก่ถุงใหญ่มาถือไว้แน่น  ดวงตาจับจ้องแผ่นหลังเล็กที่เดินไปทางหน้าตลาดที่เปลี่ยนจากที่จอดรถเป็นไนท์บาร์ซา  ล้วงมือถือออกมากดชัตเตอร์เก็บภาพแผ่นหลังเล็กไว้ในเมม   เดินเข้าใกล้ขึ้นอีกนิดแล้วเก็บภาพท้ายทอยในระยะใกล้  เม้มปากกลั้นยิ้มกับรูปที่กำลังเมมเข้ามือถือ  ข้างหลังยังดูรู้เลยว่าน่ารัก 

ข่มความไม่พอใจที่เห็นสายตาผู้คนที่เดินผ่านคนถือกระติกแล้วทำตาหวานส่งให้  เผลอเดินเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้เพราะอารมณ์ที่หวงแล้วก็รีบลดความเร็วให้ลงมาอยู่ในระยะห่างเท่าเดิม  รอจนกระติกใบนั้นส่งถึงร้านส้มตำ  ระหว่างนั้นก็หยิบมือถือมาทำเหมือนโทรไปไหนซักที่แล้วคอยเก็บภาพอย่างเนียน ๆ ตลอดเวลา  ไม่สนใจสายตาอยากรู้จักของสาว ๆ ที่พยายามเดินผ่านผมหลายครั้ง   และยังคงรออย่างใจเย็นต่อไปจนมือเรียวข้างหนึ่งหิ้วถุงส้มตำออกมาจากร้าน

เดินตามต่อไปจนเจ้าของยิ้มสวยหยิบโทรศัพท์ออกมาคุยแล้วขึ้นรถยนต์ที่ขับมารับ  ยืนมองจนรถหายลับแล้วกลับมาหน้า  7-11  ควบมอ’ไซค์กลับบ้านด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข  ผมไม่ใช่พวกสตอล์กเกอร์หรือพวกโรคจิตที่คอยตามเด็กที่ชอบ  ผมไม่ใช่  แล้วก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย  ผมจัดอยู่ในประเภทพวกที่ถูกตามต่างหาก  บ่อยครั้งมากที่หน้าบ้านผมมีเงาตะคุ่มซุ่มอยู่ทั้งคืน  เดินไปไหนก็รู้สึกมีเงาใครสักคนคอยเดินตามตลอดเวลา  มีโทรศัพท์แปลก ๆ  ที่รับแล้วได้ยินแต่ความเงียบหรือไม่ก็ได้ยินเสียงลมหายใจหอบกระเส่า  แต่มันก็ไม่ได้รบกวนชีวิตประจำวันผม  เพราะผมมักจะให้ตำรวจคอยจัดการให้อยู่เสมอ 

สะดุ้งสุดตัวแล้วยืนตัวแข็งพร้อมม่านตาขยายขึ้น  เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผมทำเมื่อเย็นกับคนยิ้มสวย.. 

ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนพวกนั้นขึ้นมาตงิด ๆ แล้วล่ะ

ก้มหน้าสำนึกผิดแล้วเดินคอตกขึ้นไปอาบน้ำ  เดินลงมากินข้าวกับครอบครัวที่รอทานข้าวพร้อมกัน  กินได้นิดเดียวก็อิ่ม  ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดที่ทำตัวเหมือนสตอล์กเกอร์กับลูกค้าแฮปปี้  แต่เพราะจะรีบเอารูปโหลดเข้าคอมไว้ดูต่างหาก  นั่งตัวตรงมองภาพแผ่นหลังกับกลุ่มผมหนาที่อยู่หน้าจอคอม  หัวใจเต้นโครมคราม  อดยื่นมือไปแตะเบา ๆ ไม่ได้  น่าลูบแล้วกดจมูกหอมชะมัด  เอนหลังพิงพนัก  ดวงตาจับจ้องหน้าด้านข้างไกล ๆ ที่กำลังยืนรอส้มตำจากคนขายตัวสูง ๆ  ผมไม่ได้สังเกตว่าหน้าตาพ่อค้าส้มตำมันหล่อรึเปล่า  ดวงตาผมตอนนั้นมันมองได้แค่คนเดียว  ลูกค้าแฮปปี้ที่น่ารักที่สุดในโลก

นั่งยิ้มเยิ้มอยู่จนดึกก็ตัดใจชัทดาวน์แล้วเข้านอน  หลับก็ฝันถึง  ตื่นก็อยากเจอ  วันนี้เข้ากะดึกเลยใช้เวลาช่วงกลางวันให้เป็นประโยชน์ต่อหัวใจ  แต่งตัวธรรมดาแต่ดูแลเรื่องหน้าตาให้ดีกว่าปกติ  โกนหนวด  ทาแป้งหน่อยไม่ให้มันมากแล้วก็ออกจากบ้าน  ทำเดินผ่านวนเวียนแถวร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งบ่อย ๆ อุดหนุนแต่ไม่มองหน้า  ทำไม่ใส่ใจแล้วหักดิบเดินออกไปจากซอย  ตื่นเต้นฉิบหายที่ได้เห็นมือเรียวใกล้ ๆ  รีบกลับบ้านเอาหมูปิ้งไปให้น้องหมาที่อยู่ในความดูแล  แต่ละตัวเพิ่งจะได้  1  เดือน  ป้อนหมูปิ้งไปใจก็นึกถึงผิวละเอียดจากมือเรียวที่ยังติดตาไม่หายไปจากหัว  ถอนหายใจหนัก ๆ แล้วเดินตัวลอยเข้าบ้าน  เปลี่ยนกางเกงแล้วหยิบมือถือมาตั้งปลุก  เลื่อนมาดูภาพที่แอบถ่ายเก็บไว้ก่อนจะหลับไปด้วยความสุข

ตื่นเพราะมือถือที่ดังปลุกก่อนจะลุกขึ้นกระฉับกระเฉงอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานพาร์ทไทม์  กินข้าวไข่เจียวฝีมือแม่แล้วขี่มอ’ไซค์ไปจอดหน้า 7-11  ก้าวเท้าลงเหยียบพื้นถนนแล้วสะดุดตากับความสว่างสดใสที่กำลังจะเดินเข้าไปใน 7-11  เดินลิ่วแทบจะสะดุดขาตัวเองไล่ตามคนยิ้มสวยที่เดินเอื่อยเข้าไปเลือกซื้อขนมที่ร้าน  รีบลงเวลาทำงานแล้วเดินปรี่เข้าหลังร้าน  สาวเท้าขึ้นชั้นสองหยิบเสื้อ 7-11  มาสวมทับ  โยนมือถือไว้ในลิ้นชัก  แล้วหยิบตะกร้ามากวาดพวกขนมในชั้นเก็บของข้างบนเอาลงมาเติมที่ชั้นอย่างรวดเร็ว  หายใจไม่ทั่วท้องมองตามหน้าใสที่ก้ม ๆ เงย ๆ เลือกขนมอยู่ที่ชั้น  เดินไปยืนข้าง ๆ แล้วหยิบถุงขนมไปเติมตรงที่มันหายไป  ไม่ได้มองว่ามันไม่ใช่ยี่ห้อเดียวกัน  เอาแต่แอบเหลือบมองหน้าใสระยะประชิดกับมือเรียวที่ไล่นิ้วไปตามถุงขนม  เสียดายที่ 7-11  ไม่ให้พกมือถือ  ไม่งั้นจะถ่ายเก็บมันทุกช็อตเลย           

กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบือนมามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างผม  อาจจะสงสัยว่าทำไมต้องมาเติมของนานขนาดนี้ก็ได้  ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับทางเดิม  ทำมองไปตามชั้นโน้นชั้นนี้แล้วรับผลุบเข้าหลังร้าน  กำหมัดแน่นข่มอาการที่อยากรวบลูกค้าหน้าหวานยิ้มสวยที่นั่งจ้องถุงขนมมากอดให้หนำใจ  ผ่อนลมหายใจทิ้งช้า ๆ แล้วรีบออกไปหาผู้จัดการที่จะเป็นบอกให้ใครเข้าเครื่องหรือแค่คอยเติมของ  ผมโชคไม่ดีที่ไม่ได้เข้าเครื่อง  เลยใช้โอกาสของพนักงานเข้าไปยืนข้างเพื่อนพนักงานเครื่องที่คิดเงินน้องชีท  หยิบของใส่ถุงแล้วคอยแอบมองเก็บความน่ารักมาใส่ในประจุความจำในสมองน้อย ๆ 

ดวงตาสีน้ำตาลก้มมองเงินในมือก่อนจะหยิบยื่นส่งให้เพื่อนผมเข้าเครื่อง  มองดวงตาคู่นั้นเคลิ้ม  สะดุ้งกับระดับสายตาที่เอาแต่มองหน้าจอว่าเงินที่จ่ายมันเท่าไหร่..เปลี่ยนมามองหน้าผมอย่างทันทีทันใด  สะดุดลมหายใจตัวเอง  ไม่รู้ว่าผมทำหน้ายังไง  รู้แต่หน้าผมมันร้อนแปลก ๆ ตาก็ไม่หลบ  มันหลบไม่ได้  มองตอบตาน้องชีทจนเจ้าตัวเป็นฝ่ายหลบไปซะเอง  มองตามแผ่นหลังที่เดินก้มหน้าก้มตาออกจากร้าน  หัวใจล่องลอยตามไปถึงร้านขายข้าวเหนียว  เดินตัวเบาออกมาจากเคาน์เตอร์ปลิวขึ้นชั้นบน  นั่งลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้นแตะแผ่นอกที่มีก้อนเนื้อเต้นตึกตักอยู่ข้างใน  เอียงหน้าหลับตาปลาบปลื้มที่ได้เห็นประกายตาของน้องชีทที่มีผมสะท้อนอยู่ 

ไม่กินข้าวผมก็อิ่มครับ..

ทำงานต่อไปจนกระทั่งหมดกะ  ลงเวลากลับบ้านแล้วขี่มอไซค์กลับมานั่งเหม่อตรงหน้าต่างห้องนอน  เอนหลังกับเตียงแล้วหลับตานิ่ง  พ่นลมหายใจทิ้งแล้วเดินลงไปหาแม่ที่เรียกหาอยู่ชั้นล่าง

 “ต้อจะยกหมาให้ใครได้ก็ให้เลยนะ  มันเยอะไปแล้วนะเนี่ย  เอาไปปล่อยที่ไนท์บ้างไป”  พยักหน้าส่ง ๆ รับคำแม่แล้วเดินกลับขึ้นมานอนเล่นจนหลับไป  ผมไปทำงานตามปกติเหมือนที่คอยตามน้องชีทเฉกเช่นสตอล์กเกอร์โรคจิตที่ผมเคยขยะแขยง   ก่อนไปทำงานวันนี้ผมก็ออกจากบ้านเหมือนเดิม  แต่หางตาดันเหลือบเห็นอะไรสักอย่างอยู่หลังเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน  ขนแขนลุกเกรียวเมื่อคิดถึงเรื่อง ‘สตอล์กเกอร์’  ตัดสินใจเดินตรงไปที่เสาไฟ  วิ่งตามแผ่นหลังที่ใส่หมวกแก๊ปสีเทาที่วิ่งหนีผมหางจุกตูด  ผมไม่ยอมให้หนีเด็ดขาด!

วิ่งตามจนเกือบจะคว้าไว้ได้มันก็สปีดหนี  ผมฮึดเฮือกสุดท้ายกระโดดถีบ  2  เท้าใส่หลังที่อยู่สุดปลายตีนจนมันถลาหน้าคว่ำ  ตะปบคอเสื้อแล้วนั่งทับเอาไว้  หอบเหนื่อยเหมือนกันทั้งมันทั้งผม   นั่งปรับลมหายใจตัวเองจนปกติก็ลุกจากหลัง  ดึงคอเสื้อมันติดมือขึ้นมาก่อนจะดึงหน้ากากปิดปากของมันออก  เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องเอาหน้ากากมาปิด  ไม่ใช่เพราะจะปิดบังหน้าไม่ให้ผมจำได้  แต่มันเพราะ..เอาเถอะ  คนเรามันอยากเกิดมาหน้าตาดีกันทั้งนั้นล่ะ  ไม่ว่ากัน!

เอาหน้ากากมาใส่ปิดให้มันเหมือนเดิมแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ  เอ่ยถามมันเสียงเรียบว่าใช่มันรึเปล่าที่คอยมาแอบตามผมประจำ  ใช่มันรึเปล่าเจ้าของเสียงเงียบที่โทรเข้าบ้านผม  แล้วมันรึเปล่าที่คอยมองผมจนขนลุกเกรียวตลอดเวลา  สิ้นคำถามผมมันก็จนคำตอบ  มีเพียงหมวกแก๊ปที่ขยับขึ้นลงยอมรับว่าที่ผมสงสัยทั้งหมด..เป็นมันนั่นเอง    ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วนิ่งคิดถึงเรื่องความชอบ  คลั่งไคล้จนอดไม่ได้ที่จะต้องตามติดชีวิตประจำวัน  ใจเขาใจเรา!

“จะตามก็ไม่ว่าหรอก  ผมเข้าใจ  แต่อย่าถึงกับเอาผมไปชักว่าว..อันนี้รับไม่ได้จริง ๆ”  มันผู้นั้นสะดุ้งตกใจจนผมต้องสะดุ้งตาม  สงสัยที่ผมขอมัน  อาจจะเป็นเรื่องที่มันทำอยู่เป็นนิจก็ได้   พ่นลมหายใจทิ้งแล้วหันหลังกลับทางเดิม  ไม่อยากเข้าสาย  ขี้เกียจโดนหักเงิน  หยุดฝีเท้าไว้ได้ทันแล้วรีบหันหลังกลับไปซักถามถึงเรื่องที่สงสัยอีกหลายเรื่อง

“พี่แอบถ่ายรูปผมไว้เยอะรึเปล่า?  ถ่ายกับมือถือหรือซื้อกล้องมาเก็บภาพโดยเฉพาะ?  ตามผมตลอดเวลารึเปล่า?”  พี่คนนั้นกะพริบตาปริบยืนตัวแข็งกับแรงที่ผมเขย่าไหล่ถามเรื่องการเป็นสตอล์กเกอร์  อ้ำอึ้งชักช้าจนผมยื่นคำขาดว่าถ้าไม่อธิบายขยายควมาม  ผมแจ้งจับแน่นอน

เดินกลับมาหน้าบ้านแล้วควบมอ’ไซค์ไปทำงานด้วยความรู้สึกโล่งอก  ผมไม่ใช่สตอล์กเกอร์โรคจิตน่ากลัว  พี่คนนั้นมีกล้องถ่ายภาพแบบซูมได้ในระยะไกลก็เห็นถึงขนจมูก  ซึ่งผมไม่มี  พี่คนนั้นซื้อรถยนต์ขนาดเล็กติดฟิล์มทึบไว้คอยขับตามผมไปทุกที่  ซึ่งผมไม่ทุ่มเทขนาดนั้น  พี่คนนั้นคุกคามชีวิตส่วนตัวผมด้วยการโทรเข้าเบอร์บ้านและมีข้อความน่ารังเกียจเข้ามาในมือถือผมหลายครั้ง  ซึ่งผมไม่เคยทำ  สิ่งเหล่านั้นที่ผมได้รับรู้  มันทำให้ผมปลอดโปร่งในหัวใจมากขึ้น

ผมแค่ชอบน้องชีทเฉย ๆ ไม่ได้คลั่งไคล้จนถึงกับทำตัวเหมือนพวกโรคจิต  หรือถ้าผมจะเป็น..ก็แค่ ‘สตอล์เกอร์ฝึกหัด’  เพิ่งจะเริ่มฝึกงานเท่านั้นเองครับ

อาทิตย์นี้ผมอยู่กะเช้าทั้งอาทิตย์  พรุ่งนี้แม่เลยจองที่ให้ผมพาน้องหมาไปหาบ้านใหม่อยู่  6  ตัว  ไม่ใช่ไม่รักนะครับ  แต่มันเลี้ยงไม่ไหว  น้องหมาอายุ  2  เดือนพันธุ์ลาบราดอร์  น่ารักน่าเลี้ยงมากครับ  เสียดายก็เสียดาย  แต่มันก็เยอะเหมือนที่แม่บ่นจริง ๆ นั่นล่ะ   เข้างานตามปกติ  พอเลิกก็แอบไปเดินในตลาดให้เห็นหน้าน้องนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนจะยิ้มหน้าบานเข้าบ้านมาอาบน้ำแล้วพาน้องหมาไปหาบ้านใหม่ที่ไนท์บาร์ซา  ไปถึงแม่ก็จองที่ได้ท้ายซอย  มีแผงที่พาน้องหมาหาบ้านใหม่นั่งอยู่  7-8  แผงได้  ส่วนมากจะเป็นบางแก้ว  มันน่ารักก็จริง  แต่มันดุมากนะครับตอนโตน่ะ   นั่งเก้าอี้ตัวเล็กแล้วนั่งมองตาน้องหมาของผมนิ่ง  ลูกค้าที่สนใจเข้ามาดูหลายคนถามถึงราคา  ผมไม่ได้คิดเอาไว้เพราะผมไม่ได้อยากขาย 

“บ้านพี่อยู่ไหนครับ?  พี่มีสนามหญ้ากว้างพอรึเปล่า?..”  กลายเป็นลูกค้าที่สนใจน้องหมาเดินหนีไปดูน้องหมาเจ้าอื่นกันหมดเพราะผมสัมภาษณ์ละเอียด  เจาะลึกถึงพื้นฐานครอบครัว  ถ้าลูกค้าผมมีที่กว้างให้น้องหมาวิ่งเล่น  มีเงินซื้ออาหารดี ๆ  บอกที่อยู่  ไม่หวงถ้าผมจะไปเยี่ยม  และไม่ใช่พวกเบื่อง่าย  ผมไม่ขายหรอก  แต่จะยกให้ฟรี ๆ  ซึ่งมันหาลูกค้าแบบที่ผมต้องการไม่ได้เลย  แรก ๆ ที่ถามก็ตอบฉะฉาน  แต่พอถามว่าหมาที่บ้านมีกี่ตัว  ปกติให้กินอะไร..ก็ยิ้มเจื่อนแล้วบอกจะกลับมาดูอีกทีกันหมด  ยิ้มบางให้ดวงตาสีดำที่อยู่ในกรงแล้วยื่นนิ้วเข้าไปแตะที่ขนสีน้ำตาลนุ่มเบา ๆ

“โหยยย น่ารักจัง  ขายยังไงครับ?”  เงยหน้ามองลูกค้าที่ดูเหมือนจะเจาะจงวิ่งเข้ามาที่กรงน้องหมาของผมเพียงอย่างเดียว  เงยหน้ามองแล้วแทบจะตกเก้าอี้  หน้าใสที่ผมแอบมองประจำนั่งอยู่ตรงข้าม  มีแค่กรงน้องหมากั้นไว้เท่านั้น  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น  หน้าร้อนผ่าวกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังมองหน้าผม  กะพริบตาปริบเมื่อน้องชีทเงยหน้าขึ้นมาคนที่มาด้วยกัน

“พี่ไปหาไอ้เต็มนะ  ชีทดูแล้วก็ตามไปล่ะ”  น้องชีทพยักหน้ารับแล้วหันมาที่กรงน้องหมา  มองนิ้วเรียวยื่นเข้ามาเกาคอน้องหมาแล้วใจเต้นโครมคราม  เบือนหน้าไปมองความมืดท้าซอยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หันกลับมายิ้มกว้างให้ลูกค้ายิ้มสวยของผม

“ที่บ้านเลี้ยงหมาเปล่าครับ?  แล้วมีสนามกว้างให้น้องหมาวิ่งเล่นรึเปล่า?”  ถึงจะเป็นน้องชีทที่ผมรักผมก็ต้องถามครับ  ดวงตาสวยเงยขึ้นมาสบแล้วยิ้มตาหยี  พยักหน้าเร็ว  ๆ แล้วตอบเสียงใส

“บ้านไม่มีหมาครับ  มันเพิ่งจะตายไปไม่กี่เดือนนี่เอง  เค้าแก่ตายครับ  อายุเท่าชีทเลย   ไม่ต้องห่วงนะ  ชีทจะเลี้ยงอย่างดีเลย  อาบน้ำแปรงขนแล้วก็จะให้กินอาหารสลับกับหมูปิ้งด้วย  ขายตัวเท่าไหร่ครับ?”  มองเคลิ้มกับรอยยิ้มและเสียงใส   ผมจะตัดสินใจยกน้องหมาให้น้องชีทดูแลด้วยคำถามสุดท้าย..

“..จะสะดวกรึเปล่าครับ  ถ้าผมจะไปเยี่ยมน้องหมาบ้าง”   หน้าใสที่มองน้องหมากะพริบตาปริบไปนาน  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตาผม  แก้มใสขึ้นสีชมพูน้อย ๆ แล้วพยักหน้าช้า ๆ พร้อมริมฝีปากที่เอ่ยอนุญาต  กลั้นยิ้มแล้วก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานแน่นข่มความอยากเข้าไปกอดน้องให้หายมันเขี้ยว  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาสีน้ำตาลที่มองผมอยู่ก่อน  น้องหลุบตามองน้องหมาในกรงแล้วเอามือมากอดเข่าแก้เขิน  หัวใจผมมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากขั้ว  น่ารัก..น่ารัก..น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกก

ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วให้น้องชีทเลือกน้องหมาได้ตามใจ  อยากได้กี่ตัวผมก็จะยกให้ฟรี ๆ  คนยิ้มสวยไม่ยอมแต่จะสู้แรงพิศวาสปรารถนาส่วนตัวผมได้ยังไง   เปิดกรงอุ้มน้องหมาให้น้องชีทอุ้มไว้ตัวหนึ่ง  ส่วนน้องหมาที่เหลือผมก็หิ้วตามไปที่รถน้องชีท   ระหว่างทางที่จะถึงรถก็ให้น้องชีทตัดสินใจว่าจะรับไปเลี้ยงได้กี่ตัว  มองหน้าใสแก้มชมพูที่เอาหน้าซุกขนปุยสีน้ำตาลของน้องหมาแล้วอิจฉาหมาขึ้นมาทันใด   เบือนหน้าหลบตาสวยที่แอบมองผมกลับ  เดินไปเขินไปจนถึงรถน้อง  ยื่นมือรับน้องหมาให้น้องชีทล้วงมือถือโทรหาพี่ชาย

“พี่ช้าง  ชีทได้น้องหมามาเลี้ยงด้วยนะ  พี่ช้างจะกลับรึยัง?  ไมเป็นไร ...ไม่เป็นไรพี่!  ชีทเข้าบ้านเองได้  น้องหมาไม่กี่ตัว  แค่นี้นะครับ!”  เลิกคิ้วกับอาการร้อนรนของน้องแล้วยืนยิ้มบางรอเป็นเพื่อน  น้องชีทเก็บโทรศัพท์แล้วยืนก้มหน้า  กลืนน้ำลายเหนียวกับความน่ารักที่มันทำให้ผมอยากเอามือถือขึ้นมาเก็บภาพไว้มาก ๆ  ยิ้มกลบความคิดโรคจิตอ่อน ๆ แล้วตั้งใจฟังเสียงใสที่ออกมาจากริมฝีปากสีชมพูอ่อน..

“พี่ชายชีทยังไม่กลับบ้านน่ะครับ  พี่จะให้น้องหมาชีทกี่ตัว?  ชีทจะได้อุ้มกลับบ้านได้  บ้านชีทอยู่ตรงหัวมุมนี่เองครับ  ไม่ใช่อย่างนั้นนะ  คือ  ไม่ได้จะให้พี่ไปส่งนะ  จริง ๆ นะ  ..ชีท..เปล่าคิดนะ..”   มือเรียวกอดน้องหมาแน่น  หน้าเหน้อแดงเถือกลามไปถึงคอ  ก่อนจะหลับตาแน่น  เม้มปากเหมือนตัวเองทำเรื่องน่าขายหน้าแล้วรีบเบือนหน้าหนี  หันหลังเดินไปทางบ้านตัวเองดื้อ ๆ 

ผมกะพริบตาถี่ไล่ความปลาบปลื้มกับอาการที่เห็น  เดินตามหิ้วกรงน้องหมาทุลักทุเลจนทันแผ่นหลังเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา  วิ่งไปขวางหน้าแล้วปล่อยกรงน้องหมาวางกับพื้น  เสียงเห่าบ๊อกแกดังเซ็งแซ่  แต่พักเดียวก็เงียบ   ยืนมองกลุ่มผมหนาที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองยิ้มกว้างของผม  น้องเม้มปากแล้วทำหน้ามู่ทู่  มองตาสวยที่หลับลงช้า ๆ ก่อนจะทำคอตก  ยิ้มแก้มแตกกับประโยคเบาง๊องแง๊งที่หลุดจากปากบาง..

“ชีทกลัวพี่ต้อเสียเวลาอ่ะ  อจจะอยากกลับไปนอนก็ได้  พี่ทำงานที่ 7-11 ด้วยไม่ใช่เหรอ?  แล้วก็เกรงใจด้วยที่ให้น้องหมามาฟรี ๆ อ่ะ..”   เม้มปากกลั้นยิ้มแล้วเบือนหน้าไปมองทางอื่น  น่ารักเท่าโลก  จำได้ด้วยว่าผมทำ 7-11  อยู่  รู้ด้วยว่าผมชื่อต้อ  ยังไม่ได้บอกเลยซักคำนะว่าผมชื่ออะไร  ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วลูบแรง ๆ  ข่มความอยากกอดอยากฟัด  พ่นลมหายใจทิ้งแล้วจับกรงน้องหมาแน่น  กลั้นใจยื่นมือที่สั่นน้อย ๆ ไปแตะแขนเรียวให้เดินไปพร้อมกัน  กำหมัดตัวเองแน่นแล้วคลายออก  สูดลมเข้าปอดแล้วเลื่อนมือไปโอบไหล่เล็ก

น้องชีทสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ไม่เบี่ยงหลบ  ตรงกันข้าม  น้องขยับตัวเดินเข้ามาจนตัวชิดผมมากขึ้น  เหลือบตามองผมหนาที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะสบตาสีน้ำตาลที่แอบมองหน้าผมพอดี  น้องก้มหลบมองขนปุยในมือ  เหมือนผมที่รีบเบือนหน้าขึ้นมาเสาไฟฟ้า  มือที่แตะไว้หลวม ๆ มันหมดแรงตกลงข้างตัว  จังหวะที่ตกมันดันไปสัมผัสกับเอวน้องพอดี   มันเหมาะกับการรับน้ำหนัก..ผมเลยจำใจขอยืมเอวน้องประคองมือ   มวลอากาศรอบกายอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม  รู้สึกได้ถึงสิ่งที่เรียกว่า  ‘ความสุข’  ยิ้มที่กลั้นไว้มันขยายมากขึ้นจนต้องปล่อยให้แก้มปริยิ้มกว้างต่อไป  ณ  อารมณ์ผมตอนนี้  ไม่มีคำไหนจะเหมาะมากไปกว่าคำนี้อีกแล้ว  ‘ดีใจเหี้ย ๆ’

ส่งน้องที่บ้านพร้อมกับให้น้องหมาไว้  3  ตัว  ยืนนิ่งมองหน้ากันไปมา  หลบตาเขินใส่จนผมทนไม่ไหว ขอตัวกลับบ้านหิ้วกรงน้องหมาที่เหลือ  3  ตัวกลับไปนอนบ้าน  ยิ้มเปื้อนหน้าจนถึงตอนหลับ  ไปทำงานก็มีความสุข  เผลอยิ้มให้พี่สตอล์กเกอร์ก่อนจะบอกอารมณ์ดีว่าผมกำลังมีความรัก   พี่คนนั้นก็กะพริบตาแล้วบอกผมว่ารู้แล้ว  เมื่อวานก็ตามดูอยู่จนผมกลับถึงบ้าน  ขนลุกนิดหน่อย  แต่อภัยได้!

ทำงานอยู่ก็เขินขึ้นหน้าเมื่อคนยิ้มสวยมาซื้อบัตรเติมเงิน  บอกก่อนน้องจะเดินออกจากร้านว่าเลิกงานแล้วจะเข้าไปหาที่ร้าน  น้องยิ้มเขิน ๆ แล้วพยักหน้ารับ  มองตามแผ่นหลังเล็กแล้วลงไปนั่งกับพื้น  เอาหัวโขกกับเคาน์เตอร์เบา ๆ ไล่ความหมั่นเขี้ยว  ก่อนจะรวบรวมสติทำงานต่อจนเลิกงาน 

เดินออกจาก  7-11  เข้าตลาดเหมาไก่ย่างแล้วรอคนยิ้มสวยที่กำลังรวบหมูปิ้งไปให้น้องหมาของผมที่บ้าน  กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ผมทำจนเปิดเทอม  ผมบอกรักน้องชีทผ่านหน้าขนตาแป๋วของถุงเงิน(หมาผมที่ยกให้น้อง)  น้องก็อุ้มถุงทอง(หมาอีกตัว)มาตอบตกลง  ผมปล่อยถุงเงินแล้วรวบทั้งคนทั้งหมามากอด  ไม่ลืมฝังปลายจมูกลงที่แก้มใสไปหลายหน

ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์ฝึกหัดอีกต่อไป  เพราะหัวใจผมมันได้รับสิ่งที่ผมส่งให้คนยิ้มสวยแล้ว..หลุดพ้นจากการเป็นคนโรคจิต..กลายเป็นมนุษย์ที่ยากจะเก็บความต้องการทางกายได้แทน  ยิ้มเจื่อนกับความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของตัวเอง..     








คนเรามันพัฒนาขีดความสามารถได้ไม่จำกัดครับ!



END.


กอดๆหอม ๆบวก ๆ
จิงานท่วมหัวเอาตัวไม่รอดค่ะ  เหนื่อยฝุด
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Intimacy Seekers 31/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 31-03-2015 12:34:41
น่ารักมากกก...~ ยิ้มตามพี่ต้อจนปวดแก้มไปหมดแล้วค่าา :-[ ตอนแรกคิดว่าน้องชีทตามสต๊อกต้อเสียอีกนะคะเนี่ย หุหุ แต่สงสัยอยู่อย่างค่ะ ต้อเนี่ยเป็นหนุ่มหน้าหวานช่ายยม้ายย... :sad3: บอกเลยว่าเราฟินคักๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Intimacy Seekers 31/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 31-03-2015 13:42:24
น่ารักทั้งคู่ ...  :-[ :-[ :

แอบสนใจพี่สตอล์กเกอร์คนนั้นนะ

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Intimacy Seekers 31/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 31-03-2015 16:16:13
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Intimacy Seekers 31/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-04-2015 10:20:43
น่ารักจัง ชีท - ต้อ  ...... ขอบคุณครับ  รอคู่อื่นต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Intimacy Seekers 31/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 01-04-2015 13:03:11
วงกลม


กวาดตามองคนพลุกพล่านที่เดินเบียดเสียดอยู่ในถนนแคบที่ล้อมกรอบด้วยร้านค้ามากมาย  แสงไฟสาดส่องให้ความสว่างให้ไนท์บาร์ซาดูคึกคัก  ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่าน  ทักทายคนรู้จัก  ยิ้มตอบยิ้มสวยที่ส่งทักจากคนแปลกหน้า  ไม่คิดจะสานต่อ  ได้แค่ยิ้มตอบเพียงเท่านั้น 

ยืนนิ่งอยู่ระหว่างร้านขายเข็มขัดกับร้านรองเท้า  มองตรงไปที่เด็กหนุ่มรุ่นพี่ยืนขะมักเขม้นกับการตำส้มตำรสจัดจ้านให้ลูกค้าที่ยืนรอคิวแถวยาวเหยียด  เฝ้ามองเสี้ยวหน้าหล่อจับจ้องส่วนผสมที่วางเรียงรายตรงหน้า  ไล่สายตามองรูปร่างสูง  กล้ามเนื้อสมส่วน  ไม่ได้แค่อิจฉาที่พี่เต็มหล่อ  แต่อิจฉาที่พี่เต็มยังได้อยู่ในหัวใจของใครอีกคนที่ยืนมองพี่เต็มอยู่อีกฝั่ง  ตรงข้ามร้านส้มตำ  และอยู่ตรงหน้าผมเอง..

ผมยืนมองพี่เต็มสลับกับพี่ช้าง..คนที่ผมชอบมาตั้งแต่ผมแตกเนื้อหนุ่ม  เฝ้ามองคนที่ตัวเองชอบไล่สายตามองตามคนที่แอบรัก  ผมเข้าใจพี่ช้างเพราะผมก็เป็นคนที่แอบรักพี่ช้างอยู่  แต่พี่ช้างไม่เห็นจะเข้าใจผม..คนที่แอบรักคนที่ไม่มีทางได้เป็นเจ้าของเหมือนกัน 

โลกไม่ยุติธรรม!

หันมองมือที่แตะหัวไหล่ตัวเองแล้วยิ้มแกน ๆ ส่งให้เพื่อนสนิท   ชีทยิ้มให้กำลังใจผมก่อนจะบีบมือที่ไหล่เบา ๆ มันยืนเป็นเพื่อนผมมองพี่ชายตัวมันเองที่มองพี่เต็มด้วยสายตาที่บอกว่ารักอย่างไม่ปิดบัง  อิจฉาพี่เต็มที่ได้รักของพี่ช้าง  อิจฉาที่พี่ช้างยังคงเฝ้ารอพี่เต็มทั้งที่พี่เต็มรักอยู่กับพี่โอม  พี่ช้างกล้าที่จะยืดอกยอมรับว่าชอบพี่เต็มต่อหน้าพี่โอม  พร้อมจะรอเสียบเสมอถ้าพี่โอมเบื่อ..ทำไมผมไม่เป็นพี่เต็มนะ?

กะพริบตาไล่ความน้อยเนื้อต่ำใจแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้พี่ช้างที่กำลังเดินมาทางผม  ถึงยิ้มนั้นจะไม่ได้ส่งมาให้ผมแบบที่หวัง..แต่ผมก็ถือว่ามันเป็นยิ้มที่ผมควรจะดีใจที่ได้รับ  มองมือใหญ่ของพี่ช้างลูบหัวชีทเบา ๆ แล้วก้มหน้าผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ  กดความรู้สึกอยากได้ความอบอุ่นแบบนั้นบ้าง..

“ไงไอ้แสบ!  เกาะน้องกูทุกวัน  นี่ถ้ามึงถึกเหมือนไอ้พวกเด็กในห้องมึง  กูไม่ยอมให้ตัวติดกับชีทหรอก”  แยกเขี้ยวใส่แล้วตอบพี่ช้างตามปกติ

“น้องพี่ไม่มีดีพอให้ผมอยากอัดตูดหรอก  อย่างผมมันต้องรอให้พี่มาอัด  ไม่ใช่ไปอัดตูดใคร..มาสักทีเหอะพี่ช้าง  ผมอยากได้ว่ะ”  กระโดดเข้าประกบสีข้างพี่ช้างแล้วทำห่ามใส่  พี่ช้างผลักหน้าผมออกจนหน้าหงายแล้วยกเท้าขึ้นถีบหน้าขาผมให้ออกไปให้พ้นตัว  ปากผมหัวเราะขำก๊ากแล้วทำท่าจะเข้าไปหาอีกรอบ  ทั้งที่ใจผมมันเจ็บจี๊ด  ปวดแปลบจนต้องทำหัวเราะตาหยีปกปิดความเจ็บจากหัวใจที่แล่นขึ้นกล้ามเนื้อหน้า  พี่ช้างทำหน้าหยึยแล้วเอาเท้ายันขาผมไว้อย่างนั้น  ปล่อยให้ผมทำท่าว่ายน้ำแหวกอากาศให้ไอ้ชีทขำเล่น

ดวงตาสีน้ำตาลที่เหมือนไอ้ชีทแต่ดุดันกว่ามากหันไปมองที่กระเป๋ากางเกงตัวเอง  ก่อนจะลดขาลงวางกับพื้น  มือใหญ่กดรับโทรศัพท์แล้วคุยแค่  2-3  คำ  พี่ช้างหันมามองหน้าไอ้ชีทแล้วเดินเข้ามาโอบไหล่น้องชายตัวเองเอาไว้  ถามเสียงอ่อนโยนว่าจะกลับเลยหรือจะเดินเล่นที่ไนท์ก่อน  ไอ้ชีทหันหน้ามามองผมนิดหนึ่งแล้วเงยหน้าบอกพี่ช้างพร้อมรอยยิ้ม..

“จะเดินก่อน  พี่ช้างจะไปไหนก็ไปเถอะ  เดี๋ยวชีทกลับบ้านกับตังเอง”  พี่ช้างยิ้มบางให้น้องชายตัวเองก่อนจะเหลือบมามองหน้าผมแค่แวบเดียว  มองตามสายตาพี่ช้างที่มองเลยไปที่แผงส้มตำ  แล้วหมุนตัวเดินไปท้ายซอย  ผม..มองตามแผ่นหลังที่เดินหายลับไปกับผู้คน  ก่อนจะอ้าปากระบายความปวดที่เข้าเล่นงานหัวใจตัวเองอีกครั้ง  พ่นลมสั้น ๆ ออกทางปาก  นิ่วหน้าจนต้องหลับตาแน่น  ปวดที่หัวตาหนึบ ๆ แทบจะปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาให้รู้แล้วรู้รอด  ก่อนที่ผมจะอ่อนแอไปมากกว่านี้..

“ไปหาอะไรแดกกันไอ้ชีท  กูเลี้ยงไม่อั้น!”  เงยหน้าขึ้นฟ้า  ลืมตาโพลงแล้ววาดแขนกอดคอชีทเดินตามผู้คนที่เดินดูของที่ไนท์บาซาร์  ซื้อลูกชิ้นปิ้ง  หมึกย่าง  น้ำปั่น  ขนมเบื้องคละหน้า  ผมกับมันกินแค่อย่างเดียวคือลูกชิ้นปิ้ง  ส่วนที่เหลือ..ผมซื้อฝากให้พี่ช้างทั้งหมด  เดินดูโน่นนี่จนเริ่มเมื่อยก็หย่อนก้นปุที่ร้านเตี๋ยว  สั่งเกี๊ยวมากินรองท้อง

“คืนนี้ค้างบ้านกูป่าวชีท?”  เอ่ยปากถามแต่ตาไม่ละจากเกี๊ยวชิ้นโต  ส่งเกี๊ยวเข้าปากแล้วพ่นความร้อนออกมาเบา ๆ   น้ำตาเล็ดกับความร้อนที่มันลามไปทั่วโพรงปาก  ฝืนกลืนเข้าไปให้หมดแล้วกระดกน้ำตามล้างความร้อน  ยกแขนเช็ดรอบปากแล้วมองหน้าไปมองชีทที่เงียบกริบไม่ตอบคำถามผม

มันมองพี่คนหนึ่งที่เห็นข้างหลังผมก็จำได้  ขาว  สูง  ปากแดง  เรียนเก่ง  ขยัน  คนที่มันปลื้มนักปลื้มหนา  เขี่ยเท้าเตะหน้าแข้งมันให้หันมาสนใจผม  มันสะดุ้งแล้วรีบหันมาจ้องหน้าผม  ทำเหมือนเมื่อครู่มันไม่ได้มองตามหลังใครเลย  นั่งเท้าคางแล้วเอานิ้วกลางแตะขาแว่นไร้เลนส์สีดำที่ผมใส่ไปมา  ตาจ้องจับผิดไม่กะพริบ  มันพองลมเข้าปากแล้วทำหน้ามู่ทู่ก่อนจะหลับตาเหมือนยอมแพ้  ทำคอตกก้มหน้าสารภาพงุ้งงิ้งง๊องแง๊ง..

“มองพี่ต้ออ่า~  มึงก็รู้ว่าพี่เค้าป๊อบจะตาย  กูได้มองกูก็ดีใจแล้ว  อย่ามาทำมองแซวกูนะ..”  มันหมดแรงเกยคางที่โต๊ะก๋วยเตี๋ยวเหมือนยอมรับกับความไม่มีทางเป็นไปได้ที่พี่ต้อ..พี่ต้อของมันที่ป๊อบมากในหมู่สาว ๆ จะหันมามอง..ผู้ชาย  ยิ้มแกน ๆ ให้มันแล้วยื่นมือบีบจมูกโด่งของมันเบา ๆ

“กูเข้าใจ..มึงก็รู้นี่  ว่ากูเข้าใจ..แค่ไหน”  มันรีบลืมตาขึ้นมองผมแล้วนั่งตัวตรง  เลื่อนชามเกี๊ยวเข้ามารีบตักกิน  ชวนผมคุยเรื่องอื่นไปเรื่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วเดินไปตามทาง  เหม่อมองไฟที่ติดยาวเป็นทางเหนือร้านค้า  ชีทเอาไหล่มากระแทกเบา ๆ พอผมหันไปมองมันก็ยิ้มกว้างส่งกลับมาให้..

“คืนนี้มึงค้างกับกูดีกว่า  กว่าพี่ช้างจะกลับก็โน่นล่ะ  พรุ่งนี้”  ผ่อนลมหายใจพร้อมกับยิ้มบางส่งคืนให้มัน  โทรบอกที่บ้านหลังจากเดินออกจากไนท์บาร์ซาว่าจะค้างกับชีท  ผมกับมันสนิทกันตั้งแต่เข้า ม.1  ชีทเป็นคนอบอุ่น  รักเพื่อน  เรานิสัยคล้ายกันเลยทำให้สนิทกันเร็ว  ผมชอบพี่ช้างทันทีที่เห็น  แล้วผมก็ไม่ได้ปิดมัน  ชีทไม่รังเกียจแต่ก็ไม่สนับสนุน  ชีทบอกผมเสมอว่าพี่ช้าง..ไม่ใช่คนที่เหมาะจะเป็นแฟนกับผม  ผมได้แต่ยิ้มและรับรู้ข้อนั้นไว้ในใจ 

ยิ่งได้ใกล้พี่ช้างผมยิ่งทนเก็บความรู้สึกตัวเองไม่ไหว  เพราะบุคลิกภายนอกผมไม่ได้น่ารักงุ้งงิ้งแบบชีท  การสารภาพรักแบบน่ารักมัน..ไม่เหมาะกับผมอยู่แล้ว  ผมแสดงความชอบในแบบของผม  ความห่ามกับประโยคกวน ๆ ที่ผมไม่เคยทำกับใคร  ถูกเอามาใช้กับพี่ช้างคนเดียว..ผมอยากให้พี่ช้างได้เห็นความแตกต่างที่ผมแสดงออกระหว่างพี่ช้างกับคนทั่วไป  ผมมักจะเป็นคนเงียบและไม่ค่อยมีความคิดเห็นอะไรกับคนอื่น  แต่กับพี่ช้าง  ผมพูดมาก  เพ้อเจ้อ  ทะลึ่ง..และต้องวนทุกเรื่องให้เข้ามาโยงกับความรู้สึกที่ตัวเองมีให้พี่ช้างเสมอ

เดินเข้าไปมองรูปที่ชั้นวางหนังสือในห้องรับแขก  ผมชอบพี่ช้างกับโมเม้นท์ที่กำลังก้มหน้าเล็งลูกแดงบนโต๊ะกำมะหยี่มาก  มันบอกได้ถึงความแมนและความตั้งใจ  เกลี่ยปลายนิ้วที่รูปช้า  ๆ  แล้วยิ้มบางกับตัวเอง  ผลลัพธ์ของการพยายามมันไม่สวยงาม..ผมถูกพี่ช้างเมินเพราะคนรอบตัวพี่ช้างก็แสดงออกแบบเดียวกันกับผม  ถึงจะมีความต่างตรงที่ผมเลือกจะบอกว่าผมอยากได้พี่ช้าง  แต่พี่ช้างก็มองข้ามมันไป..ทุกครั้ง  ปีกว่ามาแล้วที่ผมเพียรพยายามส่งความรักให้ถึงหัวใจพี่ช้าง  กี่ครั้งแล้วที่ผมถูกพี่ช้างเมินไม่รับรู้  หัวใจผมมันชาไปมากกว่าครึ่ง  อีกครึ่งที่ยังเต้นและยังหลงเหลือความรู้สึก  ก็ไม่เคยจะเปิดให้ใคร  ผมรู้ว่าที่ทำมันเปล่าประโยชน์  แต่ไม่ว่ายังไง..ผมก็รักพี่ช้าง  รัก..รัก  มันรักไปแล้ว
 
ตอนนี้ในใจผม..มันว่างเปล่า   ชาหนึบ  และสิ่งที่ชัดเจนจนผมหนีไม่ไหวอีกแล้ว 

ผม..

กำลังจะ..สิ้นหวัง

“อาบน้ำก่อนกูไปไอ้ตัง  กูเอาขนมไปแช่ตู้ก่อน”  กระพริบตาไล่ความเจ็บที่แล่นปราดจากในอกที่กำลังจะล้นออกมาทางดวงตา  กลืนก้อนแข็งลงไปแล้วพยักหน้ารับ  หันหลังเดินผ่านหน้าชีทขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำที่ห้องชีท  จับลูกบิดประตูหมุนเปิด  กลั้นใจก่อนจะมองประตูบานถัดไป  เจ้าของห้องไม่อยู่แท้ ๆ  ผมกลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หัวใจผมพองโตเหมือนพี่เขาอยู่ข้าง ๆ  ยิ้มบางแล้วเบือนหน้ามองมือตัวเองที่จับลูกบิดประตูนิ่ง  ผมไม่โกหกหรอกว่าผมอยากเข้าไปอยู่ในห้องนั้นแค่ไหน  แล้วผมก็รู้ว่า..มันไม่มีทาง

ถอนหายใจยาวแล้วผลักประตูเดินเข้าไปในห้องชีท  ยิ้มน้อย ๆ กับตุ๊กตาสารพัดสัตว์ที่วางเรียงจนเต็มเตียง  ปกติผมอยู่บ้าน  หมายถึงในห้องนอนตัวเองจะไม่มีอะไรมากมายเหมือนชีท  แค่หมอนหนุนกับหมอนข้าง  ผ้าห่มแค่นี้ก็มากแล้ว  จับหูตุ๊กตากระต่ายไปโยนกองไว้ทางฝั่งที่ชีทนอน  หันหลังกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าที่ผมเอาทิ้งไว้เผื่อค้างออกมาแล้วดิ่งเข้าห้องน้ำ  อาบน้ำเสร็จก็เดินมานั่งบนเตียง  ชีทเดินสวนเข้าไปอาบน้ำผมก็หยิบเอาคอมพิวเตอร์วางตักมาเปิด  ดูโน่นดูนี่ก็เปิดหน้า  Google  วางทิ้งไว้บนที่ว่างฝั่งชีท  เอนหลังนอนมองเพดานห้องนอน  ในหัวคิดเรื่องพี่ช้างจนควบคุมไม่ได้  ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเปิดประตูห้องน้ำ  รู้อีกทีชีทก็มานั่งข้าง ๆ แล้ว

“คิดเรื่องพี่กูอยู่ใช่ไหม?  ถ้ามันเจ็บ..มึงควรจะหยุด  เวลาจะช่วยหัวใจให้ดีขึ้นได้นะตัง”  ยิ้มขื่นไม่ตอบอะไรมัน  ผมรู้ดียิ่งกว่าที่มันพูดเสียอีก  ถ้ามันทำได้ล่ะก็..ผมทำไปตั้งนานแล้ว  ไม่ปล่อยให้หัวใจตัวเองถูกความเจ็บกัดกร่อนมาจนเกือบ  2  ปีแบบนี้แน่  หลับตาตัดบทสนทนา  เสียงกุกกักดังไม่นานก็เงียบ  พร้อมกับแสงไฟที่ดับลง  ลืมตาโพลงในความมืดพักใหญ่

“ตัง..มึงนอนรึยัง?”  ลมหายใจสะดุดแล้วตอบมันเสียงเรียบ

“หลับแล้ว”  ชีทพึมพำเสียงเบา  ‘เหรอ..งั้นกูขอโทษว่ะ’  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วหันหลังให้มัน  ร่างกายผมมันเรียกร้องอยากพักผ่อน  แต่สมองและหัวใจผมกลับค้านอย่างรุนแรง  ผมแพ้  2  สิ่งหลังเลยทำให้ต้องทนนอนเงียบ ๆ ฟังเสียงจากภายนอก  เงียบฟังทุกการเคลื่อนไหวที่จะทำให้รับรู้การกลับมาของพี่ช้าง  จนผมฝืนไม่ไหว  หลับไปทั้งที่ใจมันยังกังวล  แล้วในที่สุด  ผมก็รับรู้การกลับมาของพี่ช้างในเช้าวันใหม่

ตื่นลืมตาก็ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ  ใส่ชุดเดิม  ลงมาหาอะไรกินข้างล่างกับชีท   ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูรถหน้าบ้าน  เราเลยรีบวิ่งออกไปไหว้พ่อกับแม่ชีทที่กำลังจะออกไปทำงานพอดี  เดินกลับเข้าบ้านแล้วกินข้าวเช้า  แม่ชีททำกับข้าวทิ้งไว้ให้เหมือนเดิม  ผมชะเง้อมองโน่นมองนี่แล้วถอนหายใจยาวก่อนจะตักข้าวเข้าปาก  เงยหน้าสบตาที่เหมือนพี่ช้างแต่อ่อนโยนกว่าแล้วยิ้มบางตอบความห่วงใยของมัน

“กินเสร็จกูกลับบ้านเลยนะ  ห่วงบ้านน่ะ  เช้านี้แม่กูต้องรีบไปเปิดร้าน”  มันพยักหน้าเข้าใจแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว  กินเสร็จผมก็เดินออกจากบ้านชีท  เหลือบมองโรงจอดรถที่มีแต่รถยนต์ขนาดเล็กกับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่จอดอยู่..ไม่มีวี่แววของรถพี่ช้าง  ก้มหน้ามองพื้นกดความเจ็บแปลบในใจ..พี่ช้างไม่ได้กลับบ้าน

ทอดน่องไปตามถนนกลับบ้านตัวเอง   ผ่อนลมหายใจทิ้งหลายครั้ง  เบือนหน้าหนีมอ’ไซค์ที่ขับผ่านมาแล้วบีบแตรแซว  ผมไม่ได้หน้าตาน่ารักแบบชีท  แต่ผมก็หน้าตาดีพอจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกดีด้วย  เดินเข้าบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า  หย่อนก้นนั่งบนเตียง  ในหัวมีแต่เรื่องพี่ช้าง  มีแต่ชื่อพี่ช้าง  นิ่วหน้าหลับตาแน่นกลั้นไม่ให้น้ำตามันไหล  ทำไมพี่ช้างไม่หันมารักคนที่รักพี่ช้าง  ทำไมไม่หันมามองกันบ้าง..ทำไม?!

ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวฉับออกจากบ้าน ล็อคบ้านล็อครั้วแล้วเดินไปตลาดช่วยแม่ขายของ  ผมฟุ้งซ่านมากเกินไปแล้ว  ยิ้มทักทายร้านโน้นร้านนี้แล้วผลุบเข้าไปนั่งในร้านตัวเองหันมองตู้แช่ขนาดใหญ่ด้านหลังแล้วหยิบสมุดมาเช็คของว่าตรงกับในตู้รึเปล่า  เช็คไปได้ครึ่งตู้แม่ก็เดินเข้าร้านมาโอบไหล่ผม

“ออกจากบ้านน้องชีทมากี่โมง?  กินข้าวมารึยัง?”  หันหน้ากลับมายิ้มให้แม่แล้วไม่ตอบคำถาม  หมุนตัวมาจ้องสมุดสลับกับน้ำในตู้  เห็นแถวน้ำใบบัวบกแล้วยิ้มขื่น..อย่างผมคงต้องกินหลังอาหาร  3  เวลา  อาจจะลามไปถึงก่อนนอนด้วย   แก้ช้ำใจ!

กัดกรามแน่นแล้วหันหลังมามองโพยออเดอร์ของแม่แล้วหยิบน้ำตามจำนวนลงกล่องพลาสติก  จับหูลากกล่องไปตามทาง  เหมือนพวกแอร์โฮสเตสน่ะ  เดินถือกระดาษออเดอร์แล้วหยุดตามร้าน  ส่งน้ำแล้วรับเงิน  ที่ขายดีที่สุดมี  2  อย่าง  เก๊กฮวยกับน้ำลำไย  อย่างอื่นก็พอขายได้  แต่  2  อย่างนี้ขายดีสุด  เดินกลับร้านก็แวะซื้อไอศกรีมกะทิสดมาฝากแม่แล้วก็ขนมจีนน้ำยาปนน้ำยาป่าของตัวเองมานั่งกินที่ร้าน  ไม่ถึงเที่ยงไอ้ชีทก็โทรมาว่าจะแวะมาหาผมที่ร้าน  มันบ่นว่าเงินในมือถือจะหมดเดี๋ยวจะแวะไปซื้อบัตรใน 7-11  ผมก็ยิ้มกริ่มแซวไปนิดหน่อยแค่พอให้เลือดสูบฉีดที่หน้ามันเล่น

“ซื้อบัตรเติมเงินอย่างเดียว..อย่าแอบมองคนขายไอ้ชีท  อย่าแฝงอย่างอื่น - -+”  มันหัวเราะแก้เขินก่อนจะได้ยินมันสั่งบัตรเติมเงินของมัน

“แฮปปี้  200  ครับ..กูไม่เคยเหอะ  เดี๋ยวกูเดินแวะเข้าไปหา  มึงกินอะไรมั้ย  เอาหมูปิ้งป่าว?  เออ..พี่ช้างกลับมาแล้วนะ  มึงไม่ต้องห่วง  กูออกจาก  7-11  ละ  แม่ง..พี่ต้อเข้าเครื่องที่กูสั่งบัตรเติมเงินด้วยอ่ะ  กูเขินนนนน555”  ถุยใส่มันแล้วชิงวางหูก่อน  ไม่ถึง  10  นาทีมันก็เดินยิ้มหน้าบานมาที่ร้าน  เปิดตู้แช่แล้วส่งน้ำนมข้าวโพดให้มัน  ไม่แซวหรือพูดถึงเรื่องพี่ต้อเพราะแม่ผมนั่งอยู่ด้วย  ได้แต่มองแล้วยิ้มแซวหน้าเขิน ๆ ของมัน ตกเย็นผมก็ช่วยแม่เก็บร้านแล้วเดินออกจากร้านไปพร้อมมัน  มันเดินแยกกลับร้าน  ส่วนผมเดินกลับบ้าน  มันพูดยิ้ม ๆ ว่าวันนี้คนเดินไนท์เยอะ  ร้านพี่เต็มต้องสั่งข้าวเหนียวเพิ่มแน่  ไม่ทันขาดคำมือถือมันก็ดัง  มันยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้าจอเข้ามาให้ผมดูชัด ๆ

‘น้าติ๋ม’  ยิ้มมุมปากแล้วโบกมือส่งมัน  ชีทหัวเราะร่วนกับความแม่นของตัวเองก่อนจะก้มหน้ามองโทรศัพท์แล้วกดรับ   อ้าปากค้างเมื่อเห็นคนที่เดินผ่านชีทเป็นคนที่มันปลื้มอยู่  หยุดขาที่จะเดินตามไปสะกิดบอกเมื่อพี่ต้อเดินย้อนกลับทางเดิมตามไอ้ชีทไปติด ๆ  อมยิ้มแล้วเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว  สงสัยว่าไอ้ชีทจะโดนจีบมากกว่าจะทำใจกล้าจีบพี่ต้อ  หมุนตัวเดินกลับบ้านแล้วอดดีใจกับมันไม่ได้  ถึงพี่ต้อจะยังไม่ได้ออกตัวให้ผมจับทางได้ว่ากำลังสนใจ  แต่เดาได้ไม่ยากหรอกว่าไม่นานนี้..ไอ้ชีทได้แฟนชื่อ ‘พี่ต้อ’ สมใจแหง555

ยิ้มบางเดินเข้าบ้านแล้วอาบน้ำ   นั่งเล่นนอนเล่นพักใหญ่ก็เดินออกไปรับน้ำที่แม่สั่งไว้  เช็คของว่าครบแล้วก็เซ็นต์รับ   หมุนตัวเดินเข้าบ้านพี่คนส่งน้ำที่หน้าคุ้น ๆ เหมือนรุ่นพี่ที่โรงเรียนกลับเรียกผมไว้  หันกลับมาเอียงคอมองหน้าที่กำลังยิ้มกว้างของพี่ส่งน้ำ

“พี่อยู่  ม.5  จำได้รึเปล่า?  น้ำพวกนี้ของร้านพี่เอง  ไม่รู้นะว่าเราสั่งมาขายด้วย  เดี๋ยวให้พ่อลดให้..”  อ้าปากกว้างแล้วรีบพยักหน้ารับ  ผมจำได้  แต่จำชื่อพี่ไม่ได้  ยืนยิ้มบางมองหน้าคมที่เอาแต่มองหน้าผม  เอ่ยปากชวนพี่เข้าไปนั่งเล่นในบ้านพี่ก็ปฏิเสธเพราะต้องไปอีกหลายที่  พยักหน้าแล้วยืนส่งพี่คนนั้นหน้าบ้าน  ไม่ได้ถามชื่อ  แต่เดี๋ยวก็เจออีก  เพราะที่บ้านผมสั่งน้ำกับเจ้านี้เจ้าเดียว  ยกน้ำเข้าไปแช่ถังใหญ่หลังบ้านแล้วตั้งหม้อหุงข้าว  เดินขึ้นไปอาบน้ำล้างเหงื่อ  นั่งรับลมเย็นหน้าบ้านรอเวลาแม่กลับมากินข้าวพร้อมกัน  ถอนหายใจยาวกับหัวใจที่อยู่เหนือการควบคุมทุกอย่าง  ผมนั่งเฉยทีไรก็คอยแต่จะคิดถึงพี่ช้าง  ผมทำได้แค่นี้..เป็นแค่คนที่แอบรักข้างเดียว  ดีหน่อยที่เป็นถึงเพื่อนสนิทน้องชาย  ไม่อย่างนั้น  พี่ช้างคงลงไม้ลงมือไล่ผมให้ไปห่างตัวนานแล้ว  แต่มองอีกมุม..ที่พี่ช้างไม่ไล่ผม  อาจเพราะพี่ช้างไม่เคยคิดว่าผมรักพี่ช้าง  ไม่สนใจเรื่องของผมเลยมากกว่า

เสียงเปิดรั้วดังขัดความคิดที่กำลังจะลอยไปไกล  เงยหน้าแล้วผุดลุกเดินไปรับถุงกับข้าวเยอะแยะในมือแม่มาช่วยถือ  ล็อครั้วแล้วเดินกอดเอวกันเข้าบ้าน  ผมกับแม่เรามีกันแค่ 2  คน  เข้าบ้านแล้วรีบเอาชามกับจานออกมาวางที่โต๊ะ  ช่วยแม่แกะถุงกับข้าวใส่ชาม  พอเหลือแค่ถุงเดียวก็เดินเข้าไปยกหม้อข้าวออกมา  ตักข้าวแล้วก็นั่งกินข้าวกัน  2  คน  พักเดียวหน้าบ้านก็มีคนมาตะโกนเรียก  ผมกับแม่มองหน้ากันแล้วถอนหายใจยาว  ผมรับอาสาไปดูเอง  เดินออกไปหน้าบ้านแล้วตะโกนถามผู้ชายวัยกลางคนที่ยืนจับรั้วรอเราอยู่

“มาหาใครครับ?”  ผู้ชายคนนั้นถอนหายใจพรูแล้วบอกเสียงละเหี่ยใจ

“ขอโทษครับคุณธนภัทร   ผมเข้าบ้านช้าเพราะมาต้องเคลียร์งานที่ไซต์งานให้เสร็จก่อน  กรุณาเปิดประตูบ้านให้ผมด้วยเถอะครับ”  หรี่ตามองแล้วกอดอกจ้องหน้านิ่ง  ผู้ชายคนนั้นถอยห่างจากรั้วแล้วทำท่าเดียวกับผมก่อนจะยกมือขึ้นมาชี้หน้าแล้วแกว่งนิ้วไปมา  ผมหัวเราะร่าแล้วยอมเปิดประตูให้  ทันทีที่เข้ามาได้พ่อก็วิ่งไล่จับผมมายีมะเหงกใส่หัว

“นับวันยิ่งกล้านะเรา”  ที่บอกว่า  ‘ผมกับแม่เรามีกันแค่  2  คน’ น่ะ  พ่อไม่อยู่ไง..เราเลยมีกันแค่  2  คนในตอนนั้น555 

กอดเอวพ่อเข้าบ้านแล้วบอกว่าลงมือกินข้าวกันแล้ว  ขี้เกียจรอคนไม่รักษาเวลา  พ่อยิ้มกว้างแล้วรีบเดินเข้าบ้าน  กินข้าวกันเสร็จก็ดูข่าวในพระราชสำนักพร้อมกัน  คุยเรื่องกิจกรรมที่ทำวันนี้ให้กันฟังแล้วแยกกันเข้านอน  ตื่นเช้าผมก็ใช้ชีวิตแบบเดิม  ไปตลาดนั่งขายน้ำช่วยแม่  รับมาขวดละ  7  บาท  ขาย  10  บาท  เป็นน้ำผลไม้กับน้ำสมุนไพร  ขายดีพอสมควร  ใกล้ตลาดจะวายก็โทรหาไอ้ชีท  มันชวนเดินไนท์ผมไม่รับปากเพราะเดี๋ยวเก็บร้านเสร็จแม่ไปบ้านยาย   คืนนี้ผมไปกินเลี้ยงกับพ่อขากลับจะแวะรับแม่กลับมาด้วย  ถ้าจะไปก็คงไนท์วายหรือใกล้จะวาย  มันบอกไม่เป็นไร  แล้วยังไงค่อยเจอกัน  ก่อนจะวางผมก็รีบถามว่ามันเดินกับพี่ช้างรึเปล่า  มันเงียบแล้วถอนหายใจแรง  ผมหนักในอก

“กูจะไปกับใครได้นอกจากพี่กู  มึงหน้าตาดี  หัวดี  มีคนมาชอบก็เยอะ  อย่ายกหัวใจมึงให้พี่กูเลย  มันไม่มีค่าพอให้มึงรักหรอกตัง  กูไม่อยากเห็นมึงเจ็บปวดเพราะพี่กู..”  ไม่รอให้มันพูดจนจบ  ผมแทรกใจความจริงที่มันพยายามจะเบี่ยงเบนทันที

“พี่ช้างดีมากสำหรับกู  ไม่ใช่ประเด็นนั้นมึงก็รู้  ที่จริง..พี่ช้างไม่เคยรักกูต่างหาก กูรู้ชีท  ถ้ากูค้าผงหรือกำลังติดยากูจะฟังที่มึงเตือน  แต่สิ่งที่มึงกำลังห้ามกู..กูทำไม่ได้ว่ะ  ตอนนี้กูแอบรักพี่ช้าง  ต่อไปกูไม่รู้  กูอาจจะตัดใจเพราะความเป็นไปได้ที่มีค่าเท่ากับศูนย์  หรืออาจจะแอบรักต่อไปเรื่อย ๆ กูก็ไม่รู้..เลิกห่วงกูเถอะ  กูดูแลหัวใจกูได้  มันจะเจ็บกูก็จะให้มันได้ลองดู  ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของข้างในเถอะชีท...กูไปอาบน้ำก่อนนะ    เออ..เจอกัน”  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ ด้วยความโล่งใจ  ผมไม่เคยคุยกับชีทเรื่องพี่ช้างได้ยาวขนาดนี้  ผมมักจะตัดบททุกครั้งที่มันพยายามบอกให้ผมเลิกหวัง  มันหวังดีกับผม..ผมรู้

รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้ววิ่งลงมาข้างล่าง  พ่อส่งแม่เสร็จก็นั่งรอผมที่โซฟา  มองผมหัวจรดเท้าแล้วพยักหน้าว่าผมแต่งตัวผ่าน  พ่อหยิบแว่นแฟชั่นที่ผมชอบสวมออกแล้วใช้มือเสยผมข้างหน้าให้ขึ้นเปิดหน้าผาก  มองผมทางซ้ายทีขวาทีก็พยักหน้าอีกรอบ  ออกจากบ้านได้ก็ตรงไปที่บ้านหัวหน้างานพ่อ  มีแต่พวกคนแก่  มีลูกพนักงานรุ่นเดียวกับผมส่วนมากก็เป็นสาว ๆ ผมจะกล้าเข้าไปคุยได้ยังไง  ยืนมองสระน้ำหรู  ในหัวคิดเรื่อยเปื่อยจนพ่อเดินมาสะกิด

“กลับบ้านกันลูก”  ขมวดคิ้วแล้วมองนาฬิกา  เพิ่งจะ  3  ทุ่มกว่าเอง  อ้าปากจะบอกพ่อว่าอยู่ต่ออีหน่อยก็ได้พ่อก็จูงมือผมเดินออกมาลาผู้ใหญ่ของพ่อ  ยกมือไหว้แล้วเดินตามพ่อออกมาที่รถ  ก้มหัวลาสาว ๆ ที่ผมไม่กล้าเข้าคุยก่อนจะขึ้นรถ

“พ่อเบื่อน่ะ555”  ไม่ทันจะอ้าปากก็ต้องรีบหุบฉับ  ผมรู้ว่าผมกลัวผมจะเบื่อเลยรีบพากลับ  นั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้เป็นเพื่อนพ่อจนถึงบ้านยาย  วิ่งลงไปกอดยายแล้วกินข้าวต้มมัดที่ยายทำไว้ให้  นอนตักยายให้มือเหี่ยวลูบหัวผมเล่น  เพลินจนเกือบจะหลับไปจริง ๆ  แม่เขย่าแขนผมให้ลุกจากตักก่อนจะพายายเข้านอน  คุยกับน้าต่ออีกหน่อยแล้วก็ขึ้นรถกลับบ้าน  ถึงบ้านเกือบ  5 ทุ่ม  ไนท์วายไปเรียบร้อยแล้ว  ขึ้นห้องอาบน้ำเสร็จล้มตัวนอน  หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้  ตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบ  10  โมง  นั่ง ๆ นอน ๆ รอเวลาให้ถึงบ่ายก็ออกไปหาแม่ที่ตลาด  วันนี้ผมไมมีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น  ปิดโทรศัพท์แล้วขลุกอยู่กับที่บ้านทั้งวัน  กลางคืนก็ขนหมอนเข้าไปนอนขวางพ่อกับแม่  หลับด้วยความรู้สึกที่มันโหวงในอก  ตื่นขึ้นมาก็ทำเหมือนเมื่อวาน  แต่พอก่อนจะนอนผมก็กดหาไอ้ชีทก่อน   เพราะผม..ผมก็คิดถึงพี่ชายมัน  อยากรู้ว่าเป็นไงบ้าง   รอสัญญาณแค่ครั้งเดียวมันกดรับ

“ไอ้ตังงงงงง  กูไม่รู้จะเริ่มยังไงอ่ะ  กู..กู..พี่ต้อมาส่งกูที่บ้านแล้วให้น้องหมากูมา  3  ตัว  กู..ตื่นเต้นอ่ะตัง!”  หัวเราะลงคอขำที่มันพูดติด ๆ ขัด ๆ แล้วก็ขำที่ตัวเองเดาไว้ไม่ผิด  เดี๋ยวไอ้ชีทต้องมีแฟนชื่อพี่ต้อแหง  นอนฟังมันเล่าเรื่องพี่ต้อที่บังเอิญไปนั่งขายน้องหมาที่ไนท์  บังเอิญที่มันวิ่งเข้าใส่เพราะชอบน้องหมาน่ารักขนนุ่มนิ่มที่อยู่ในกรงจนลืมมองคนขาย  บังเอิญที่พี่ต้อใจดียกน้องหมาให้มันไว้เลี้ยงตั้ง  3  ตัว  บังเอิญที่พี่ช้างมีธุระพี่ต้อเลยเดินไปส่งที่บ้าน  และเรื่องน่าบังเอิญสุดท้ายที่เสียงมันสั่นจนผมอดยิ้มแซวมันผ่านหน้าจอไม่ได้..

“..พี่ต้อเขา..เขากลัวกูจะเดินชนโน่นชนนี่เพราะกูอุ้มน้องหมา  พี่ต้อก็เลย..ก็เลยเอามือมาโอบเอวกูเดินไปส่งที่บ้านด้วยอ่ะ..ใจดีเนอะ~”  ยิ้มบางดีใจกับมัน  นอนฟังมันเล่าเรื่องพี่ต้อซ้ำไปซ้ำมาจนง่วง  บอกมันให้วางหูแล้วรีบนอนซะ  มันรับคำล่องลอย  ผมวางสายแล้วหลับตาด้วยความเพลีย  ตื่นขึ้นมามันก็โทรจิกผมให้รีบมาดูน้องหมาที่มันได้มา  รับคำเนือย ๆ แล้วลุกแต่งตัว  ในหัวมันหนัก ๆ เหมือนจะมีไข้  กินข้าวแล้วโทรบอกแม่ว่าผมจะเข้าไปหาบ่าย ๆ เพราะเช้าจะไปหาไอ้ชีทก่อน  วันนี้ไม่ใช่วันหยุด  คนไม่เยอะ  ออเดอร์ก็มีแค่ส่งตามแผงในตลาดกับขาจรไม่มาก  เข้าไปช้าก็ไม่เป็นไร

เดินเอื่อยไปตามทาง  ก้มหน้ามองพื้นคอนกรีต  เปลือกตาร้อน  คอแห้ง  เมื่อยตามเนื้อตามตัวไม่ยอมหาย  เดินเข้าบ้านชีทผ่านประตูเล็ก  เดินดุ่มเข้าแผ่นหลังเล็กของมันที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงสนามหน้าบ้าน  นั่งลงกอดเอวมันแล้วเอาหน้าซบหลังไว้เบา ๆ มันสะดุ้งแล้วรีบแกะแขนผมออก  พอเห็นว่าเป็นผมมันเลยหยุดดิ้น  คลายแขนให้มันเอาหลังมือแตะที่หน้าผาก

“กูว่าแล้วว่ามึงต้องป่วย  ไม่งั้นไม่มาอ้อนกูหรอก  เข้าบ้านกัน”  ผ่อนลมหายใจยาวแล้วขืนมือที่ดึงผมเข้าบ้าน  ก้มมองสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาคลอเคลียที่ขาแล้วอมยิ้ม  ลูบขนนุ่มมือที่หลังของน้องหมาชีทเบา ๆ ทีละตัว  ชีทนั่งกับพื้นสนามแล้วยิ้มกว้าง  เสียงมันบอกผมว่าน้อาหมาชื่ออะไร

“ตัวนี้ถุงเงิน  ตัวกลางถุงทอง  แล้วตัวที่ตะกุยหน้าแข้งมึงน่ะ  กูตั้งใจยกให้มึง  ตั้งชื่อเอาเอง  ห้ามชื่อ ‘ช้าง’  มันไม่เหมาะกับความน่ารักของหมาพี่ต้อ”  ยิ้มมุมปากกับข้อห้าม  ผมก็ไม่ได้จะให้ชื่อนั้นหรอก  ไม่กล้าดุแน่ถ้าให้มันชื่อช้าง  นั่นถุงเงินนี่ถุงทอง  งั้น..

.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Intimacy Seekers 31/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 01-04-2015 13:04:17
.
.
.
“มาอยู่ด้วยกันก็ต้องขยันเฝ้าบ้านนะ ‘กระสอบ’ ”  ไอ้ชีทขำพรืดกับชื่อน้องหมาที่ยกให้ผม  มันต้องมีความอดทน  แข็งแรง  และทนทานต่อทุกอย่างเหมือนผม  ชื่อนี้ล่ะ  เหมาะที่สุดแล้ว  อุ้มหมาของตัวเองไปใส่รวมไว้ในกรง  จำง่ายเพราะถุงเงินกับถุงทองมีปลอกคอแล้ว  แต่กระสอบยังไม่มี  ลุกขึ้นยืนแล้วต้องยืนนิ่งเพราะเหมือนจะหน้ามืด  ไอ้ชีทยืนรอแล้วแตะมือที่แขนผม  ดึงแขนออกแล้วบอกมันว่าไม่เป็นไร  ยังไม่ทันหย่อนก้นนั่งเสียงเปิดประตูรั้วพร้อมเสียงเครื่องยนต์ของรถพี่ช้างก็เข้าบ้านมา  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เรียกความสดใสกลับมา  แต่ในหัวมันหนักจนกล้ามเนื้อหน้าไม่ค่อยทำงานเหมือนปกติ  ชีทบอกให้ผมนั่งที่โซฟาไปก่อน  มองมันวิ่งออกไปรับพี่ช้างหน้าบ้านแล้วทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา  เพ่งมองผ่านกระจกก็เห็นพี่น้องคู่นี้ยืนมองหมาในกรง  พี่ช้างหันมาพูดอะไรบางอย่างกับชีทแล้วชีทก็หันหลังเข้าบ้านทันที  พี่ช้างทำคิ้วขมวดแล้วเดินตาม  ชีทเดินเข้าบ้านพร้อมเสียงนุ่มที่คุยกับพี่ช้าง

“ชีทไม่ได้ซื้อ  มีคนให้ชีทมา”  พี่ช้างเดินตามคิ้วขมวดหนักแล้วรีบวิ่งมาดักหน้าชีท

“ใคร?”  ไอ้ชีทเม้มปากแน่นแล้วหลุบตามือหน้าผม  พี่ช้างหันมามองตามทิสที่น้องชายตัวเองมอง  ผมส่ายหน้าทันที  พี่ช้างหน้าขมึงเครียดหันกลับมาจ้องคาดคั้นน้องชายตัวเอง  ไอ้ชีทบิดมือตัวเองไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาบอกพี่ช้างเสียงเบา

“พี่ต้อ..พี่ต้อให้น้องหมาชีทมาอ่ะพี่ช้าง”  พี่ช้างนิ่งไปนาน  พี่ช้างหันหลังให้ผมผมเลยเดาเอาว่าพี่ช้างน่าจะอ้าปากค้างอยู่  กลั้นหายใจลุ้นแทนไอ้ชีทเลยล่ะผม  แผ่นหลังที่พ่นลมหายใจทิ้งกับมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบผมไอ้ชีทเบา ๆ มาพร้อมกับเสียงอ่อนโยนที่ผมไม่เคยได้รับ..

“เขาให้มาก็เลี้ยงให้ดี  ชอบเขามานานแล้วไม่ใช่เหรอ?  พี่ไม่ขวางหรอกถ้ามันจะจีบชีท  แต่ถ้ามันทิ้งชีทวันไหน..มันตาย!”  ผมเผลอกลืนน้ำลายเหนียวแทนพี่ต้อ  ไอ้ชีทยิ้มกว้างแล้วถามพี่ช้างว่ากินอะไรมารึยัง?  พี่ช้างส่ายหน้ามันเลยอาสาไปซื้ออะไรมาให้พี่ช้างกิน  พี่ช้างลูบหัวมันแล้วมองส่งมันที่วิ่งตื๋อออกจากบ้านไปทางตลาด  สงสัยจะมีขนมที่  7-11  ติดมือกลับมาให้พี่ช้างด้วยแน่ ๆ ยิ้มบางตามหลังมันไป 

ลืมคิดว่าถ้ามันไม่อยู่บ้าน..ก็ต้องเหลือแค่ผมกับพี่ช้าง  2  คน..

สบตาสีน้ำตาลคมแล้วหายใจติด ๆ ขัด ๆ พี่ช้างมองผมนิ่งก่อนจะมองเลยไปที่บันไดบ้าน  ขาก้าวมั่นคงเดินผ่านผมขึ้นชั้น  2  หน้าตึงไม่มีรอยยิ้ม..คงเส้นคงวากับผมเหลือเกิน   ในอกเจ็บจี๊ด  มือสั่นจนต้องเอามาประสานกันไว้  ปากสั่นกึกจนต้องกัดเม้มไว้แน่น  กะพริบตาถี่ไม่ให้น้ำตาไหล  กลืนก้อนแข็งลงคอแล้วอ้าปากสูบลมเข้าปอดลึก ๆ มองเท้าที่เดินมาหยุดตรงหน้า  ไล่สายตาขึ้นมองสบตาสีน้ำตาลเฉยชา  ในอกผมเหมือนมีโพรงกว้าง  โหวงเหวงบอกไม่ถูกเมื่อสายตาที่บอกถึงความไม่เป็นมิตรส่งมาให้ไม่ปิดบัง  เสียงแข็งเอ่ยปากพูดกับผม..


“อย่าเกาะน้องกูให้มากนักไอ้หงิม  กูไม่ชอบ  แต่ที่กูไม่พูดเพราะชีทถูกชะตากับมึง  ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง?!”  ผมเจ็บจนไม่รู้ว่าหน้าผมมันเป็นยังไงในสายตาพี่ช้าง  มือใหญ่ที่ลูบหัวชีทกระชากคอเสื้อผมจนตัวปลิว  หน้าห่างแค่คืบทนฟังคำที่พี่ช้างเอ่ยปากคุยกับผม

“อย่าคิดว่ากูไม่กล้าทำอะไรมึงนะ  ไอ้เด็กเมื่อวานซืน  กับคนอื่นเคารพนบนอบ  แต่กูกลับปีนเกลียวใส่  นึกว่ากูยอมเหรอ?!  ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทชีทกูก็ไม่ไว้หน้า  จำใส่หัวเอาไว้ว่ากูเป็นรุ่นพี่!  มึง  ไม่  มี  สิทธิ์  ล้ำเส้นกับกู!”  กัดกรามแน่นข่มความเจ็บปวดทางร่างกายและหัวใจไว้เต็มที่  สิ่งที่ผมทำมันส่งไม่ถึงผมไม่เคยท้อ  แต่ผมเสียใจที่พี่ช้างคิดว่าผมปีนเกลียวไม่นับถือพี่ช้าง..

“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะพี่  ผมแค่อยากให้พี่เห็นว่าผม..”  คำอธิบายของผมถูกหมัดแกร่งของพี่ช้างชกจนเลือดกบ  เซถอยหลังแล้วถูกแรงดึงที่ยังอยู่ที่คอเสื้อดึงเข้ามารับหมัดที่  2  ตรงโหนกแก้ม  หน้าชา..แต่หัวใจปวดปร่า   มองหน้าหล่อที่ผมแอบรักมีแต่ความโกรธขึ้ง  เส้นใยนับพันที่เรียกว่า  ‘รัก’  ในหัวใจผมมันกำลังจะขาด  คนที่ผมรู้สึกดี ๆ ให้กลับทำร้าย  ทำร้ายทั้งหัวใจและร่างกายผมได้อย่างเลือดเย็น  มือที่ตกข้างตัวมีแรงมหาศาลปัดหมัดพี่ช้างที่พุ่งเข้าหา  มืออีกข้างอัดเข้าที่ชายโครงคนตัวใหญ่  มือที่จับคอเสื้อผมปล่อยทันที  ยันเท้าถีบขาแข็งแรงจนพี่ช้างล้ม  ขึ้นคร่อมแล้วปล่อยหมัดขวาเข้าที่หน้า  หมัดซ้ายตามติด  ความเจ็บปวดในอกที่ถูกคนที่แอบรักมาตลอดทำร้าย  ไม่ว่าพี่ช้างจะเข้าใจอะไรยังไงผมก็ไม่ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว..

“ผมไม่ได้ปีนเกลียว!  ที่ผมทำ..ที่ผมทำเพราะอยากให้พี่เห็นว่าผมทำกับพี่มันต่างกับคนอื่น..”  มันจับข้อมือข้างซ้ายผมแน่น  หน้าช้ำ  มีเลือดออกที่มุมปาก  หน้าอกหอบจนกระเพื่อม  แววตาที่มองผมมันทั้งสงสัยระคนแปลกใจ  หมัดที่กำแน่นของผมคลายออกเปลี่ยนมาจับคอเสื้อมันแทน  กัดกรามข่มความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วทั้งตัวเอาไว้   มองตาสีน้ำตาลที่ผมชื่นชมอยู่เสมอแล้วมันยิ่งห้ามความเจ็บในอกไม่ไหว  นิ่วหน้าเมื่อความเสียใจมันกลั่นออกมาเป็น..น้ำตา

พี่ช้างตกใจที่เห็นน้ำตาผม  มือที่จับข้อมือคลายแรงแล้วปล่อยออกช้า ๆ  นิ่งมองตาสีน้ำตาลผ่านม่านน้ำตาตัวเอง  มันถึงเวลาที่ผมควรจะตัดใจได้แล้ว  ร่างกายกับหัวใจผมมันชาไปหมดแล้ว  ยื่นมือออกไปแตะพื้นเบา ๆ คร่อมพี่ช้างเอาไว้  มองตาสีน้ำตาลที่จ้องผมไม่กะพริบ  น้ำตาตัวเองหยดลงที่แก้มพี่ช้าง  หยดแล้วหยดเล่า..มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเจ็บเพราะการแอบรักครั้งนี้..ผม.....พอแล้ว

 “ผมชอบพี่..  ชอบมาตั้งนานแล้ว  ขอโทษที่ทำให้คิดว่าไม่เคารพ  ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว  ขอโทษครับรุ่นพี่..”  พี่ช้างทำหน้าปั้นยากเมื่อผมบอกว่ารู้สึกอะไร  แค่นยิ้มให้ตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน  เดินลากขาออกจากบ้านไปทั้งอย่างนั้น..ทั้งสภาพอย่างนั้น  กลับมาถึงบ้านก็เข้าห้องน้ำ  นั่งกอดเข่าร้องไห้ให้พอ  เสียใจให้เต็มที่แล้วไม่ต้องมาเสียใจซ้ำเรื่องเดิมอีก  ลุกมาส่องกระจกเมื่อคิดว่ามันพอแล้ว  มองหน้าช้ำ  ตาบวมปูดแล้วหัวเราะเยาะตัวเอง  เอามือแตะที่มุมปากแล้วส่ายหน้ากับความบ้าที่ทำลงไป  เดินออกจากห้องน้ำแล้วหยิบมือถือที่ส่งเสียงร้องในกางเกงออกมารับด้วยความรำคาญ

“กูปวดหัวก็เลยกลับบ้านแล้ว  แค่นี้ก่อนชีท..กูปวดหัว”  ไอ้ชีทพูดอะไรต่อผมไม่ได้ฟัง  กดตัดสายแล้วหยิบยาแก้ปวดมากิน  2  เม็ด  ทำแผลให้ตัวเอง  หยิบยามานวดตรงที่คิดว่าน่าจะเขียวเป็นจ้ำเสร็จก็โทรบอกแม่ว่าไม่สบายจะไม่ไปหาที่ตลาดแล้ว  แม่สั่งให้กินยาแล้วนอนเลย  วางหูแล้วล้มตัวลงนอน  ภายในหัวใจที่ปวดหน่วงมันกลับมีความสุขที่ได้ระบายความรู้สึกออกไปให้พี่ช้างได้รู้  ได้เห็นสีหน้าลำบากใจที่ผมชอบ..เท่านี้ก็พอแล้ว  ตัดใจได้อย่างสมบูรณ์แล้ว 

หลับตาลงเพราะฤทธิ์ยา  ตื่นขึ้นเพราะเสียงมือถือที่ดังปลุก  หยิบมามองหน้าจอที่มีชื่อ ‘ชีท’  แล้วกดวางทันที  ปล่อยให้มันดังแล้วเงียบไปเอง  ซุกมือถือไว้ใต้หมอนข้างแล้วเอาตีนกดทับไว้  แม่เข้าห้องมาก็พลิกตัวนอนคว่ำหน้าเอาผ้าห่มคลุมไว้  ขอบคุณแม่ที่เอาข้าวมาให้กิน  หลับยาวถึงบ่ายถึงจะลุกมานั่งกินข้าว  เขี่ยหมอนข้างออกแล้วหยิบมือถือมาจ้องดูมิสคอล  20  ครั้งพอดี  พ่นลมหายใจทิ้งเมื่อมันดังขึ้นมาอีก  โยนไว้ข้างตัวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ  ส่องกระจกดูแผลกับรอยช้ำที่หน้า  มีรอยช้ำที่โหนกแก้มหน่อยนึง  กับรอยแดงที่มุมปาก  เดินออกมาหยิบยาหลอดมาป้ายแล้วนวด ๆ ที่รอย  2   ที่  คิดว่าเย็นนี้น่าจะจางลงอีกจนมองไม่เห็นแน่

ความรักที่ผมมีให้พี่ชายเพื่อน..มันก็จะจางหายไปตามรอยช้ำนี้เหมือนกัน

ยกถาดข้าวลงมานั่งกินข้างล่าง  เดินออกมามองหญ้าสีเขียวสดสะท้อนกับแสงแดดจ้า  สวยจนต้องหรี่ตามองสู้แสงนั้น  ยิ้มบางแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้าน   ยกถาดเข้ามาล้างจานทำความสะอาด  หยิบไม้กวาดมากวาดบ้าน  ถูบ้าน  ทำโน่นทำนี่จนเย็น  เงยหน้ามองรั้วบ้านที่เปิดออก  ยิ้มบางที่เห็นแม่เดินหิ้วถุงกับข้าวเข้าบ้าน   นึกถึงรอยช้ำที่หน้าแล้ววิ่งเข้าไปดูรอยช้ำ  กะพริบตาปริบมองรอยที่จางลงจนเกือบจะมองไม่เห็น  หยิบขวดแป้งเด็กมาเทใส่ฝ่ามือแล้วทาที่หน้ากลบรอยช้ำแล้ววิ่งออกไปรับแม่ที่ห้องนั่งเล่น

“ดีขึ้นแล้วเหรอลูก?  เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็กินยาไปอีกรอบนะ  ไข้จะได้ไม่กลับอีก”  พยักหน้ารับคำแล้วรีบวิ่งไปหลังบ้านเอาจานชามมาวางที่โต๊ะ  กินข้าวไปก็คอยยิ้มไปไม่ให้แม่กับพ่อห่วง  กินข้าวเสร็จก็รีบกินยาให้แม่เห็น  นั่งดูข่าวก็ฟังพ่อว่าวันนี้หัวหน้าพ่อรับงานที่ต่างจังหวัด   พรุ่งนี้อาจจะกลับช้าหน่อย  พยักหน้าแล้วรับปากว่าจะทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดีแทนให้เอง  พ่อกับแม่ขำก๊ากก่อนจะไล่ให้ผมขึ้นไปนอน  เข้าห้องได้ก้พ่นลมหายใจทิ้ง  เดินไปกดรับโทรศัพทืที่ดังทั้งวัน

“เออ!  ..ไอ้ชีท  มึงฟังอยู่รึเปล่า?  กูวางนะ  กูกินยาแล้วง่วง”  วางหูทันทีแล้วเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็เอายามาทานวดที่รอยเดิมกอนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง  หน้าพี่ช้างโผล่เข้ามาเพียงแวบแล้วหายไปทันที  ยิ้มบางแล้วหลับไปพร้อมเสียงมือถือตัวเองที่ดังกล่อมทั้งคืน..ขยันโทรหากูฉิบหายเลยไอ้ชีท


ตื่นขึ้นมาก็โทรหามัน  มันรับปุ๊บก็ขอบใจมันที่ห่วง  เย็นนี้ผมจะเข้าไปหาจะไปรับกระสอบกลับบ้านมาเลี้ยงด้วย  ไม่ฟังว่ามันจะตอบยังไงก็วางหู  ล้างหน้าแปรงฟันแล้วรีบบอกแม่ว่าวันนี้จะไปนั่งเป็นเพื่อนแม่ที่ตลาดด้วย  ไปตลาดนั่งขายน้ำเป็นเพื่อนแม่เหมือนที่ทำมาตั้งแต่ปิดเทอม  พอบอกตัวเองว่าเรื่องพี่ช้าง..ผมพอแล้ว  ผมก็รู้สึกมีเวลาให้คนรอบข้างและสนใจตัวเองมากขึ้น  เก็บร้านเสร็จแม่ก็ชวนผมไปกินข้าวบ้านยาย  ชั่งใจไม่นานก็โทรบอกชีทว่าผมไม่ไปแล้ว  ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยไปรับกระสอบ  แต่ไม่ทันได้บอกว่าที่ต้องยกเลิกนัดเพราะต้องไปบ้านยาย  ผมก็ถูกเสียงทุ้มจากปลายสายปรามาสเข้าเสียก่อน

“ที่ไม่มาเพราะไม่กล้ามาเจอกูมากกว่าล่ะมั้งไอ้เด็กเมื่อวานซืน  หมามึงกูไม่ให้ชีทเอาอะไรให้กินทั้งนั้น  หมาใครก็เอากลับไปเลี้ยงเอง  เปลืองข้าวบ้านกู!”  ตัวแข็งฟังเสียงเงียบเพราะปลายสายชิงวางหูไปแล้ว  ผมรู้ว่าพี่ช้างเป็นคนยังไง  แต่ผมไม่เคยคิดเผื่อไว้ว่า...ถ้าพี่ช้างร้ายกาจกับตัวเองบ้าง  ผมจะทำยังไง 

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ข่มไม่ให้มือสั่น  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นก่อนจะหันไปบอกแม่ยิ้ม ๆ ว่าวันนี้ผมเบี้ยวนัดไอ้ชีทไม่ได้  แม่คงต้องไปบ้านยายคนเดียว  เดินกลับบ้านมาพร้อมแม่แล้วยืนยิ้มส่งแม่ที่ขับรถไปบ้านยาย  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ แล้วเดินออกจากบ้าน  ล็อครั้วแล้วเดินตรงไปบ้านชีท  กัดริมฝีปากกับความมืดที่กำลังมาเยือน  เอาวะ..เป็นไงเป็นกัน !

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อถึงหน้ารั้วบ้านชีท  เปิดรั้วเล็กพร้อมกับกดโทรออกหาชีท..ไม่รับสาย  กลืนน้ำลายเหนียวกับไฟในบ้านที่เปิดสว่าง  ถือวิสาสะเปิดกรงอุ้มหมาของผมออกมาอุ้ม  ตะโกนบอกคนในบ้านว่าผมมาเอาหมาไปแล้ว  หมุนตัวเดินหันหลังตรงดิ่งไปที่รั้วเล็ก  ยังไม่ทันจะจับรั้วก็มีคนมาขวางซะก่อน  เงยหน้าสบตาสีน้ำตาลดุแล้วกัดกรามแน่น 

“ผมมาเอาหมาผมกลับไปเลี้ยงที่บ้าน  ขอบคุณที่ให้อาศัยอยู่ในกรง”  พี่ช้างจ้องหน้าผมนิ่ง  มือใหญ่คว้าลูกหมาโยนลงพื้นหญ้าก่อนจะลดมือวาคว้าข้อมือผมลากเข้าบ้าน  สะบัดทิ้งก็ไม่หลุดผมเลยดิ้นหนีสุดแรง  พี่ช้างหันมาหาผมทั้งตัวแล้วเอามือมาอุดปาก  ตัวลอยจากพื้นเพราะแขนแกร่งกอดแน่น  ตาเหลือกลานเมื่อพี่ช้างปิดไฟในห้องนั่งเล่น  ทันทีที่พี่ช้างโยนผมลงโซฟาผมก็กลิ้งหนี  ทั้งชกทั้งถีบ  ผมสู้เหมือนหมาจนตรอก  ไม่ยอมอีกแล้ว!

“แรงเยอะนักนะ!”  พี่ช้างดันหลังผมติดผนังบ้านจนหลังเจ็บไปหมด   นิ่วหน้ากับมือใหญ่ที่บีบกรามผมแน่น  มือทั้งสองข้างดันไหล่ดันหน้าออก  หอบหายใจเหนื่อยจนทนไม่ไหว  ผม..สู้แรงพี่ช้างไม่ได้  ยืนหลังชนฝานิ่งนานจนผมหายใจเป็นปกติ  ไม่ได้สังเกตว่าพี่ช้างคลายแรงที่บีบกรามผมไปตอนไหน  ค่อย ๆ ไล่สายตามองตั้งแต่ลูกกระเดือก  ปลายคาง  แล้วหยุดที่ปลายจมูกที่พ่นลมหายใจอุ่นใส่ผม  ผมไม่เข้าใจว่าพี่ช้างเกลียดอะไรผมหนักหนาถึงต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายผมแบบนี้  หลับตาลงช้า ๆ รับชะตากรรมของตัวเอง

“หายไปไหนมาหลายวัน?”  ขมวดคิ้วมุ่นแล้วลืมตาสบตาสีน้ำตาลดุ  ไม่เข้าใจกับคำถาม..

“มึง..หายแล้วนี่  พี่ยังไม่เห็นหายเลย  ใช้ยาอะไร?”  ขมวดคิ้วงงหนัก  เอ่ยปากบอกชื่อยาที่ใช้แล้วขยับตัวเบี่ยงไปหนีข้าง ๆ คนข้างหน้าขยับตามไม่ลดระยะห่างลงเลย  ผมหันหน้าเผชิญดวงตาสีน้ำตาลที่เคยชื่นชมมาตลอด

“พี่จะทำอะไร?  ผมหยุดแล้ว  ไม่ทำแล้ว  ปล่อยผมเถอะ  จะเอาหมาไปเลี้ยงเองไม่มารบกวนอีกแล้ว”  พี่ช้างขมวดคิ้วใส่คำพูดที่ผมบอก  ขยับหน้าเข้ามาชิดจนผมต้องหดคอหนี  หัวใจเต้นแรงกับความใกล้ที่มัน..มากเกินไปแล้ว

“หยุดเรื่องที่มึงรักพี่ด้วยเหรอ?  ตอบสิ...”  หายใจเบาจนอากาศหายใจเริ่มจะไม่พอ  พยักหน้ารับส่ง ๆ แล้วรีบขยับตัวหนีให้พ้นจากผนังตรงนี้  พี่ช้างผีเข้า  รวบผมไปกอดแน่นแล้วซุกจมูกกดเข้ามาทุกที่ที่สามารถจะรุกรานได้  ผมทั้งกลัว  ไม่เข้าใจ  และสับสน   น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่ได้  กลัวลนลาน  ตัวสั่นไปหมด

“ขอโทษ  พี่ไม่รู้ว่าที่มึงคอยมอง  คอยกวนตีน  มันหมายถึงมึงสนใจ..”  พี่ช้างหยุดซุกปลายจมูกใส่ผมแล้วเปลี่ยนมากอดไว้หลวม ๆ  กลั้นสะอื้นฟังเสียงทุ้มที่อยู่บนหัวตัวเอง

“มึงต่อยพี่แล้วมึงก็หายหัว  พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร  ในหัวมันมีแต่หน้ามึงเปื้อนน้ำตา  ใจมันเต้นแปลกจนพี่ต้องให้ชีทโทรหามึง  พี่รู้ว่ามึงอาจจะเลิกรักพี่  แต่ขอเถอะ  อย่าหยุดจริง ๆ เลยนะ  พอพี่เริ่มรู้สึกเหมือนมึง  มึงก็จะหนีเหรอ?  อกหักมันเจ็บมึงก็รู้นี่  มึงอยากให้พี่เจ็บเหรอตัง?”  น้ำตาที่หยุดไหลกลับไหลออกมาอีก  หัวใจเต้นอ่อนลงจนร่างกายต้องเอนพิงอกหนาของพีช้าง  ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน  ผมไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกไป  ใช้เงยหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางมนของพี่ช้างแทน  รอยยิ้มอ่อนโยนที่ผมหวังจะได้เห็น..ในที่สุดก็ส่งมาให้ผมสักที

พี่ช้างประคองหน้าผมขึ้นมามองก่อนจะก้มลงมาเอาปลายจมูกมาเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มผม  ตาเหลือกกับประโยคที่พี่ช้างเอ่ยขึ้นมา  ในหัวคิดเสียใจขึ้นมาทันที..

“มึงร้องไห้บ่อยไม่ดีหรอกตัง  มันทำให้ค_ยพี่แข็งว่ะ”  ยืนตัวแข็งรับปลายจมูกที่คลอเคลียแถวคราบน้ำตา  สะดุ้งกับปลายลิ้นที่แตะเลียที่แก้ม  ขนลุกเกรียวแล้วหายใจเข้าสั้น ๆ ไล่ความกลัวที่กำลังก่อตัวในใจ  ในเมื่อรักไปแล้วผมก็ต้องปรับตัวให้เข้าหากันให้ได้..

ยิ้มบางแล้วหลับตาปล่อยให้พี่ช้างชิมตามใจ  หัวใจพองโตคับอกเมื่อปลายเชือกที่ผมจับอยู่อีกด้าน  มันกำลังจะเชื่อมต่อกับปลายเชือกที่มีพี่ช้างเป็นเจ้าของอยู่  มันไม่ใช่เส้นขนานอีกต่อไป..








มันเป็นวงกลมที่มีเราเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วครับ.



END.


แถม
.
.
โต๊ะสี่เหลี่ยมกว้างมีเด็กหนุ่มในชุด รด.ยืนลุ้นอยู่รอบโต๊ะ  หนุ่มหน้าคมตาดุจับไม้คิวสาวไปมา  ตาสวยดุจ้องลูกสีดำสลับสีขาวที่เหลือบนโต๊ะ  จับขอบโต๊ะย่อขาให้ตาอยู่ระดับเดียวกับลูก  เล็งระยะ  ดูเหลี่ยมแล้วมองหลุมมุมขวานิ่ง  โน้มตัว  วางมือลงบนสักหลาดสีเขียวสด  แตะไม้บนหลังมือวางพาดตามร่องตัววีของนิ้ว  ตาคมจ้องลูกขาวตรงหน้าสลับกับลูกสีดำที่อยู่ติดชิ่งตรงกลางด้านบนของโต๊ะ  สาวไม้ไม่กี่หนเพื่อกะแรงที่จะใช้ก่อนจะแทงหัวคิวไปตรงกลางลูกขาว  เด็กหนุ่มที่ยืนลุ้นรอบโต๊ะถึงกับโห่  บางคนผิวปากชอบใจเมื่อลูกดำที่ถูกลูกสีขาวพุ่งชนค่อย ๆ ไหลเข้าหลุมบนขวาไปช้า ๆ ..

พร้อมกับลูกขาวที่ไหลเข้าหลุมกลางซ้ายไปติด ๆ

“เจ็ทเข้!  ไอ้เหี้ยยยยย” เด็กหนุ่มตาดุถึงกับปล่อยไม้คิวร่วงลงพื้น  มือใหญ่ทุบลงบนพื้นสักหลาด  ร้อนถึงเจ้าของโต๊ะต้องออกมาโวย

“ไอ้ช้าง!  เบามือมึงหน่อย  โต๊ะกูไม่ได้ขอมา  กูซื้อมา..”  ตาดุปรายมองเพียงเสี้ยว  เจ้าของโต๊ะถึงกับเงียบเสียงลงทันที   เจ้าของตาดุเดินตรงไปที่โต๊ะกลางมองเงินเดิมพันทั้งหมด  ช้างขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเงินมันทีจำนวนน้อยผิดปกติ  เงยหน้ามองโต้โผใหญ่ที่หาคนมาแทงเอาเดิมพันทันที  ‘กู่ใส่รอนานแล้ว  ฝั่งมึงต่างหากที่ยังไม่ลง  กูไม่ตามหรอก..ให้เกียรติน่ะ’  ช้างผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ข่มความหงุดหงิดกับสายตาแทะโลมของฝ่ายตรงข้าม  หันหลังกลับเดินตรงดิ่งเข้าหาเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อที่กำลังนัวเนียกับเด็กหนุ่มอีกคนที่มุมมืดหลังห้อง  มือใหญ่ของช้างยื่นล้วงควักเงินพนันในกระเป๋าเสื้อเด็กหนุ่มคนด้านนอกออกมานับ  ไม่สนใจว่า  2  คนนั้นจะตกใจหรือไม่พอใจที่เข้ามาขัดจังหวะ

“ทำไมมีแค่นี้ไอ้เต็ม  ขาดไป  200  มึงกับเมียมึงใส่รวมรึยัง?”  เด็กหนุ่มคนนอกไม่ละริมฝีปากที่ประกบจูบกับอีกคน  ล้วงมือเข้าไปในกางเกง รด.ของเด็กหนุ่มคนที่ยืนชิดผนังเจ้าของริมฝีปากสีส้มอ่อนตรงหน้า  เบี่ยงหน้าบอกช้างให้นับเองก่อนจะหันเข้าหาปลายลิ้นร้อนที่เลียมุมปากรอ

“เกมส์เมื่อกี้กูชิงดำแพ้  เสือกแทงขาวลงรูไปด้วย”  ช้างหยิบเงินออกมาตามจำนวนแล้วยัดเงินที่เหลือใส่มือของเด็กหนุ่มที่ยืนติดผนัง  ส่ายหน้ากับความร้อนแรงของคู่รัก  SM  เดินกลับมาที่โต๊ะเดิมที่มาร์คกี้ตั้งลูกรออยู่แล้ว  วางเงินเดิมพันฝั่งตัวไว้ที่โต๊ะกลาง  สาวคิวเปิดก่อนเก็บแดงไป  2  ลูกด้วยประสบการณ์ที่มี  กำลังจะเก็บแดงอีกลูกที่จ่อหลุมบนซ้ายก็ต้องหยุดกึกกับข้อความในมือถือที่ส่งเข้ามา

‘ชีทไปนั่งเล่นกับพี่ต้อที่สวน  ไม่ได้ไปส่งตังกลับบ้านนะพี่ช้าง’  คิ้วเข้มขมวดมุ่น  เมื่อ  3  ชั่วโมงก่อนหน้านี้ตนไปหาแฟนที่บ้านแล้วไม่เจอ  โทรหาน้องชายถึงได้รู้ว่าตังอยู่เดินไนท์กับน้องชายตัวเอง  คุยกัน  2-3  คำก็วาง  เพราะตังไม่ชอบมานั่งรอตนแทงสนุกเกอร์เดิมพัน  ตั้งใจว่าจะรีบเล่นให้เสร็จแล้วไปหาที่ไนท์  แต่คราวนี้คู่แข่งฝีมือสูสีและอายุมากกว่าตนหลายปี  ประสบการณ์เยอะกว่า  แต่ความแม่นยังพอสู้ไหวมันเลยกินเวลายืดเยื้อ  แข่งไปแล้ว  3  เหลืออีก  2  เฟรมก็รู้ผล  ตอนนี้ตนนำอยู่  2-1  แต่ให้เล่นต่อก็ไม่มีสมาธิ  นึกโมโหที่น้องชายปล่อยให้ตังกลับบ้านคนเดียวจนไม่มีอารมณ์เล่นต่อ

“ไว้ต่อวันหลัง  วันนี้กูมีธุระ   เงินเดิมพันมึงเก็บไว้เลย  ทางนี้ไม่ซีเรียส”  ไม่สนว่าฝั่งตรงข้ามจะไม่พอใจแค่ไหน  พอ ๆ กับไม่ใส่ใจว่าฝั่งตัวเองจะยอมรึเปล่า   ขาแข็งแรงก้าวฉับขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกให้ส่งที่บ้านแฟน  ไม่สนใจจะบอกคู่รัก  SM  ที่มาด้วยกันสักนิด  พอถึงหน้าบ้านก็เปิดรั้วเข้าไปไหว้พ่อแฟนที่ยืนรดน้ำต้นไม้  ไม่มีการรับไหว้  ไม่ชายตาแล  ช้างยืนนิ่งมองหน้าพ่อที่เอาแต่มองต้นหมากรากไม้ที่ตนเป็นคนเอามาปลูกให้เมื่อวันหยุดที่แล้ว

“ในครัว..ไม่เกินครึ่งชั่วโมงไอ้เกรียน!”  ยกมือไหว้พ่อที่ยอมหันมาคุยด้วยแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้าน  ยกมือไหว้แม่แล้วกอดตอบอ้อมแขนอุ่นที่กอดต้อนรับตน  แม่ถามว่าทานข้าวเย็นมารึยังก็ยิ้มตอบ  คลี่ยิ้มจนริมฝีปากสีแดงเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม  ยิ้มแย้ม  ตาคมคอยมองเข้าไปทางครัว  ตัวไปไหนไม่ได้เพราะแม่จับแขนไว้ทั้ง  2  ข้าง  สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ แล้วพยายามสนใจแม่จนแม่หัวเราะขำ  ยอมปล่อยให้เข้าครัว  เดินกึ่งวิ่งเข้าในครัวแล้วเข้าไปสวมกอดแผ่นหลังบางที่ยืนหันหลังล้างจานหน้าอ่าง  ริมฝีปากสีแดงจูบที่หลังหูเบา ๆ ก่อนจะกระซิบข้างหู..

“พี่ขอโทษที่นานจนตังรอไม่ไหว  ฝั่งตรงข้ามแม่นมาก  เกมส์ยังไม่จบ  แต่ชีทมันปล่อยให้ตังกลับคนเดียว  พี่จะเล่นต่อได้ยัง..”  ตังล้างฟองจากมือหันหลังกลับมาหาคนที่ทิ้งเดิมพันสนุกเกอร์มาหาตน  ระบายยิ้มไว้เต็มหน้าแล้วพูดขัดคนที่ยังพูดไม่จบ

“ไม่เป็นไร  ผมเดินเป็นเพื่อนชีทรอให้พี่ต้อมาเฉย ๆ ไม่ได้อยากเดินเที่ยวเองสักหน่อย   ผมซื้อขนมเบื้องคละหน้าฝากชีทไปให้พี่ช้างด้วยนะ  กินข้าวมารึยัง?”  ผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะก้มลงจรดริมฝีปากจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากบาง  กระซิบที่ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอ่อนโยนของตังผะแผ่ว

“ยังครับ..ตังไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ที่บ้านหน่อย  ค้างด้วยเลย..”  ตังยิ้มกว้างกับความเปลี่ยนแปลงของพี่ช้างที่พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความหยาบดิบให้อ่อนโยนขึ้น  ส่ายหน้าตอบแล้วบอกว่าจะเจียวไข่ราดข้าวให้กิน  เพราะยังไงพ่อก็ไม่ยอมให้ไปแน่นอน  ก็เพราะความตรงและไม่กลัวใครของพี่ช้างนั่นล่ะ  ถึงทำให้พ่อหวงตนแบบนี้  จำได้ว่าพอเจอพ่อปุ๊บ  พี่ช้างก็บอกปั๊บว่าพี่ช้างจะมาเป็นลูกเขยพ่อ  พ่อหน้าแดงด้วยความโมโหแล้วก็ไล่พี่ช้างทันที  รายนั้นยืนเฉยแถมบอกพ่อให้ยอมรับความจริง..

จบข่าว!

ยืนทำไข่เจียวโดยมีพี่ช้างกอดไว้แน่น  เสียงทุบประตูครัวดังตลอดเวลาแต่คนข้างในทำมึนไม่สนใจ  ตังถอนหายใจยาวเมื่อพี่ช้างจับนั่งตักแล้วตักข้าวไข่เจียวใส่ปาก  ชมเปาะตลอดเวลาว่าอร่อยอย่างนั้น  เก่งอย่างนี้  ไม่ยอมให้เดินไปเปิดประตูครัวให้พ่อ  กินเสร็จพี่ช้างก็จับมือไว้ข้างหนึ่ง  อีกข้างก็เอาจานไปล้าง  ตาคมหันมองประตูครัวที่ยังคงมีเสียงเคาะแล้วถอนหายใจยาว..

“พี่รักลูกพ่อพี่ก็ต้องทน  ตังยังทนรักพี่มาได้ตั้งหลายปี  แค่นี้พี่สบาย ๆ อยู่แล้ว”  พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มใสอีกฟอดแล้วยื่นมือเปิดประตูครัว  เผชิญหน้าพ่อไม่ยอมปล่อยมือลูก  พ่อหน้าตึงมองพี่ช้างสลับกับลูกตัวเอง  ตาโตเมื่อเห็นมือที่กุมกันอยู่  ยื่นมือจะแยกกลับหยุดไปดื้อ ๆ  ตาสีอ่อนของพ่อมองมือ  2  คนนิ่งนานก่อนจะหันหลังให้  เดินไปดูหนังไร้สาระช่วงทุ่มกว่าของช่องหลายสีกับช่องน้อยสีสลับกันไป   พี่ช้างจูงมือลูกพ่อเดินไปหน้าบ้านก่อนจะให้ตังนั่งเล่นกับกระสอบรอตนก่อน  ขายาวเดินกึ่งวิ่งกลับไปบ้านตัวเองแล้วหยิบถุงกระดาษติดมือกลับมาหาตังกับกระสอบที่รออยู่ที่เดิม  มือใหญ่ล้วงหยิบปลอกคอสีสวยออกมาก่อนอุ้มกระสอบไว้บนตัก  ปลดปลอกคอเดิมออกแล้วใส่ของใหม่แทนให้   ลูบขนนิ่มเบา ๆ  ก่อนจะปล่อยกระสอบลงกับพื้นหญ้า  เสียงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋งดังไปรอบสนามบ้าน  ดวงตาสีน้ำตาลดุหันมามองหน้าด้านข้างของตัง  มือใหญ่รวบมือเล็กมากุมไว้หลวม ๆ

“ปลอกคอกระสอบมันเก่าแล้วก็เล็กเกินไป  มันกินจุ  พี่ป้อนหมูปิ้งมันก็กินเกลี้ยง  เทอาหารเม็ดให้ก็กินหมด  โตเอาโตเอาจนปลอกคอขยายไม่ได้แล้ว  พี่เลือกสีที่ตังชอบด้วยนะ..”  ตังหันมายิ้มกว้างให้คนที่พยายามพูดให้เยอะ  แสดงออกให้มากขึ้น  กระชับมือแล้วขยับเข้าใกล้เอนหัวซบไหล่หนาเบา ๆ  พี่ช้างยิ้มบางแล้วก้มหอมผมนุ่ม  นั่งอยู่พักใหญ่ก็พากระสอบเข้ากรง   ตาคมสำรวจมุ้งลวดที่เพิ่งให้ช่างมาเปลี่ยนใหม่ให้กระสอบก่อนจะพาตังเข้าบ้าน  พี่ช้างยกมือไหว้ลาแม่ก่อนจะเดินไปไหว้พ่อ  ตาคมมองสบตาพ่อก่อนพ่อจะพูดเสียงเรียบ

“ถ้าทำลูกกูร้องไห้..มึงตายไอ้เกรียน!”  พี่ช้างตากระตุกอ้าปากค้าง  เพราะสิ่งที่พ่อยื่นคำขาดเป็นสิ่งที่พี่ช้างอยากทำมากที่สุด  หัวใจคนตาดุห่อเหี่ยวก่อนจะรับคำด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยว  ก้มหัวลาพ่อแล้วเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมลูกพ่อที่ขอเดินออกมาส่ง  จับมือเล็กไว้แน่น  เดินทอดน่องให้ช้าที่สุดมาที่ประตูรั้ว

“ตังน่าจะจะกั้นรั้วที่ถนนอีกฟาก  เราจะได้จับมือกันนานอีกหน่อยไง”  ยิ้มกว้างระบายเต็มหน้าตัง  ขำพรืดกับประโยคหวานจากปากพี่ช้าง  หยุดยืนหน้ารั้วแล้วกระชับมือหนาที่จับไว้เบา ๆ

“ขอบคุณที่อ่อนโยนกับผม  ผมรู้ว่าพี่พยายามเปลี่ยนให้เรามีบรรยากาศของคำว่าแฟนเหมือนคนทั่วไป  ขอบคุณมาก ๆ ครับพี่ช้าง”  พี่ช้างกระชับมือตอบแล้วยิ้มอ่อนโยน

“พี่ไม่ได้ฝืน  แรก ๆ อาจจะดูแปลก ๆ แต่ตอนนี้มันเป็นธรรมชาติไปแล้ว  พี่เป็นกับตังคนเดียวครับ”  หน้าเรียวของตังยิ้มกว้างแล้วอดจะทำหน้าเอ็นดูคนตาดุไม่ได้   ยืนโบกมือส่งพี่ช้างที่เดินไปนอกรัวแล้วเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี   พี่ช้างหันมองแฟนเดินเข้าบ้านแล้วยิ้มบาง  เดินเข้าบ้านเสร็จก็ล้มตัวนอนเหยียดยาวที่โซฟาห้องนั่งเล่น 

ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เมื่อนึกถึงคำพ่อสั่ง..   









“ฆ่ากูทั้งเป็นชัด ๆ พ่อตา!” 




.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Intimacy Seekers 31/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 01-04-2015 13:05:19
แถม..อีกนิด
.
.
มือใหญ่จับจอบขุดดินตรงหลังบ้าน  หันหลังประคองต้นม่านบาหลีที่เอามาจากบ้านปลูกข้างชิงช้าไม้หลังบ้านหนุ่มน้อยชื่อ ‘ตัง’  หมุนตัวหยิบสายยาง  เปิดน้ำแล้วลากไปรดน้ำให้ความชุ่มชื่น  เงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่เริ่มลดความร้อนแรงแล้วหันสายยางไปรดต้นไม้หลังบ้านต่อ  รดน้ำเสร็จก็เดินเลาะข้างบ้านออกไปสนามหน้าบ้าน   เสียงเห่าบ๊อกแบ๊กทักทาย  พี่ช้างหยุดยืนแล้วเปลี่ยนทิศเดินไปทางกรงหมาที่อยู่ตรงข้าม  มือใหญ่เท้าเอวแล้วก้มมองตาแป๋วของกระสอบ  ยิ้มบางจุดที่ริมฝีปากแล้วยื่นมือเปิดกรง  กระสอบวิ่งเล่นปาในขณะที่พี่ช้างก็รดน้ำต้นไม้ไปด้วย  รดน้ำเสร็จก็หันสายยางใส่กระสอบ  เดินไปข้างกรงหยิบแชมพูมาเทใส่ฝ่ามือ  มืออีกข้างยกขึ้นบีบมุมปากทั้ง  2  ข้างเข้าหากันแล้วสูดลมเข้าจนเกิดเสียง  กระสอบวิ่งเข้าหาแล้วนั่งลงให้พี่ช้างฟอกตัว 

คนในบ้านที่นั่งเท้าคางมองอยู่ยิ้มแก้มปริ  น่ารักทั้งคนทั้งหมา  ยิ่งเห็นคนอาบหยิบสายยางมาล้างฟอง  มองตามมือใหญ่ที่ลูบขนสีน้ำตาลอ่อนแล้วอดทำหน้าเอ็นดูไม่ได้  นั่งเท้าคาง  เอียงคอ  ยิ้มบาง  คิ้วย่น  ตากระพริบปริบแล้วพ่นลมหายใจทิ้งเบา ๆ ตลอดเวลาที่จับจ้องคนอาบน้ำให้กระสอบ  ยิ่งมองยิ่งน่ารักจนต้องเอามือที่เท้าคางมาปิดหน้าแล้วส่ายหน้าใสมือที่กำแน่นแก้ความมันเขี้ยวที่มี

“ตังพี่ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย..ตัง!  เป็นอะไรครับ?!”  ดึงมือออกทันทีแล้วส่ายหน้าทำตาใสแป๋วกลบเกลื่อน  ช้างเห็นแฟนตัวเองเอามือปิดหน้าก็ตกใจคิดไปไกลว่าน้องไม่สบายเลยพรวดรวดเดียวถึงตัว  ตังลุกยืนแล้วเดินจ้ำขึ้นห้องไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้  พี่ช้างรับมาเช็ดหน้ากับแขนเบา ๆ ..

“ทำไมพ่อกลับช้าครับ”  ตังส่ายหน้าแล้วหันมองโทรศัพท์บ้านก่อนจะเดินไปโทรหาพ่อ 

“พ่ออยู่ไหน?  กลับช้าไม่ให้เข้าบ้านนะ  อ้าว..ครับ  พี่ช้างอยู่ครับพ่อ  ครับ”  ตังหันหน้ามองกวักมือเรียกพี่ช้างให้รับโทรศัพท์พ่อ  มือใหญ่คว้ามาแล้วกรอกเสียงปกติ

“ครับพ่อ”  พ่อต้องค้างที่ไซต์งานต่างจังหวัด  ให้ช้างมานอนที่บ้านอยู่เป็นเพื่อนแม่กับน้อง  พี่ช้างคนตรงถามพ่อเสียงนิ่ง

“ผมนอนกับน้องใช่ไหมครับ?”  พ่อเงียบไปนานก่อนจะตอบเสียงธรรมดาไม่แพ้กัน  ‘ดูตามความเหมาะสม..ลูกกูร้องไห้  มึงตายไอ้เกรียน!’  พ่อวางพี่ช้างกลับถือสายยืนตัวแข็ง  ความตื่นเต้นแล่นปราดตั้งแต่ขนหัวจนถึงขนหน้าแข้ง..วันนี้ได้ค้างกับตัง!  วางหูช้า ๆ แล้วหันหน้ามาหาตังที่ยืนรอฟังเรื่องราวที่พี่ช้างคุยกับพ่อ  แก้มใสขึ้นสีเพราะได้ยินพี่ช้างถามเรื่องนอนเมื่อครู่  อยากรู้ก็อยากรู้  อายก็อาย..

“วันนี้พ่อไม่กลับครับ  ติดงานที่ไซต์  ให้พี่ค้างที่นี่ดูแม่กับตัง  คืนนี้..พี่ขอนอนด้วยนะ”  ใจเต้นตึกตักทั้งพี่ทั้งน้อง  ตังพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวหันหลังหนีเข้าครัว  แม่เดินเข้าบ้านมาถามหาน้องพี่ช้างก็ยิ้มกว้าง

“ในครัวครับ  วันนี้พ่อให้ผมค้างเพราะพ่อทำงานไม่เสร็จครับ..ห้องน้องครับแม่”  แม่ยืนนิ่งก่อนจะยิ้มบางเข้าใจ  ยื่นถุงกับข้าวส่งให้แล้วถามพี่ช้าง

“พ่อสั่งอะไรอีกลูก”  พี่ช้างมองแม่นิ่ง  ตอบเสียงชัดพร้อมแววตาเด็ดเดี่ยว

“ดูตามความเหมาะสม..ลูกกูร้องไห้  มึงตายไอ้เกรียน!  ..ผมไม่ทำเด็ดขาดครับ”  แม่ยิ้มแล้วพยักหน้าพอใจ  เดินขึ้นบ้านทิ้งให้พี่ช้างเดินเข้าครัวช่วยพ่อครัวแกะแกงถุงใส่ชามได้ตามสบาย  พี่ช้างยืนซ้อนน้องตังกอดเอวไว้หลวม ๆ ตาดุทอดมองมือเรียวที่แกะยางถุงแกง  ก้มหอมกระหม่อมบางเวลาเทแกงลงชาม  ทำซ้ำ ๆ จนคนแกะแกงหัวเราะน้อย ๆ เปลี่ยนเป็นขำตัวโยน  เดินกอดเอวตามไปที่อ่างล้างจานให้ตังล้างมือ  มือใหญ่จับมือเรียวมาเช็ดที่เสื้อตัวเองเบา ๆ  ไล่สายตาจากนิ้วเรียวขึ้นมาสบตาน้องแล้วยิ้มอ่อนโยน  ก่อนจะหันหลังช่วยยกชามแกงไปวางที่โต๊ะ  ช่วยน้องจัดโต๊ะเรียบร้อยก็ขึ้นไปตามแม่  กินข้าวเย็นเสร็จก็นั่งดูทีวีจนถึงเวลาของข่าวพระราชสำนัก  ดูเสร็จแม่ก็ขึ้นไปนอน  แม่มองหน้า  2  หนุ่มแล้วยิ้มบาง 

“ล็อคบ้านปิดไฟให้เรียบร้อยนะลูก”  พี่ช้างรับคำแต่น้องตังนั่งเหม่อ  แม่ขึ้นไปแล้วหนุ่มตาดุล้วงโทรศัพท์โทรบอกที่บ้านว่าวันนี้จะค้างบ้านตัง  วางหูแล้วหันมองคนที่เอาแต่เหม่ออยูข้างตัว  ยื่นมือหยิบรีโมทในมือเรียวนั่นล่ะ  ตังถึงได้รู้สึกตัว  มือใหญ่ยื่นมากุม  เสียงทุ้มเอ่ยปากบอก

“ขอกางเกงพ่อให้พี่ตัวหนึ่งนะ  เสื้อไม่ต้อง  นอนพี่ไม่ใส่”  ตังกะพริบตาปริบแล้วพยักหน้ารับ  ดวงตาดุมองตามแผ่นหลังที่เดินขึ้นชั้นบนแล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ  ไม่นานตังก็ลงมาพร้อมกางเกงนอนขายาวของพ่อ  ยื่นมือรับแล้วจับมือเรียวบีบเบา ๆ  หนุ่มน้อยสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตาสีน้ำตาลที่มองอยู่

“พี่นอนที่โซฟาตัวนี้ล่ะ..สบายดี”  พี่ช้างเอ่ยปากบอกเพราะไม่อยากเห็นน้องกลัว  มือเรียวกำกางเกงนอนพ่อแน่นขึ้น  บิดมือออกแล้วก้มหน้าเบี่ยงไปมองทางอื่น  ริมฝีปากยิ้มขื่นก่อนจะวางกางเกงบนโซฟา  หมุนตัวเดินฉับไปทางบันได  หนุ่มตาดุเห็นอาการแปลกของแฟนก็รีบเดินตามแล้วคว้าข้อมือให้หยุดเดิน  ข้อมือเล็กสะบัดหลุด  น้องหันกลับมาเผชิญหน้า  มองหน้าหล่อคมด้วยแววตาเจ็บปวด  ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงสั่น

“ผมคิดว่าพี่ช้างรักผมถึงได้เป็นแฟนกัน  แต่มันไม่ใช่..ผมคิดไปเอง  เบื่อเมื่อไหร่..ก็บอก  ผมจะปล่อยพี่ทันที!”  พี่ช้างยืนนิ่งเหมือนหินเมื่อได้ยินสิ่งที่น้องพูด  ส่ายหน้าหวือแล้วพยายามรวบคนตรงหน้าเข้ามากอด  ตังปัดมือใหญ่ทิ้งแล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันได  ก้าวขาตามแขนโอบกอดไหล่เล็กที่กำลังสั่น  กอดไว้แน่นก่อนจะก้าวถอยหลังลงจากบันไดมาพร้อมกัน  ริมฝีปากสีแดงอ้อมมาจูบแก้มใส  มองหน้าด้านข้างของน้องที่หลับตาแน่นกัดฟันกรอด  ใจหายไปครึ่งดวง  มือไม้อ่อนยวบ 

“ทำไมคิดแบบนั้นตัง  พี่ไม่เคยไม่รักตังนะ  ไม่เอาไม่ให้ไป  คุยกันก่อน”  ปลายจมูกกดหอมแก้มใสที่เบี่ยงหลบ  พี่ช้างจับไหล่หันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง  ย่อตัวจูบปากบางที่เม้มเป็นเส้นตรง    มือสวมกอดอ่อนโยน  กระซิบรักที่ริมฝีปากจนตังนิ่วหน้าเจ็บในอก

“รักเหรอ?  ถ้ารักแล้วทำไมต้องหนี  พี่ไม่อยากนอนห้องเดียวกับตัง  มันฝืนจนต้องมานอนที่โซฟาไม่ใช่รึไง?!”  พี่ช้างส่ายหน้าเกลี่ยปลายจมูกที่แก้มนิ่ม  ‘ไม่ใช่ครับ..ไม่ใช่’  พร่ำบอกอยู่ประโยคเดียว  ไม่กล้าพูดสิ่งที่คิดตั้งแต่ที่ถามพ่อว่าให้นอนห้องเดียวกับน้อง  ทำไมจะไม่อยากกอด  แต่ที่ต้องห้ามใจเพราะรู้อารมณ์ตัวเองดี  ไม่อยากให้น้องเจ็บ..และกลัว  ตาสวยมองหน้าหล่อที่หลับตาแน่น  มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มสากเบามือ..

“ตังไม่ใช่เด็ก  ตังไม่บอบบางขนาดนั้น  อย่ากลัวสิ่งที่มันยังไม่เกิด..”  พี่ช้างลืมตามองตาสวยที่มองตนอยู่  คลี่ยิ้มตอบริมฝีปากบางที่ยิ้มอ่อนโยน

“ผมไม่ได้กลัว..แต่ผม.. ‘คาดหวัง’  ต่างหาก”  หัวใจดวงใหญ่พองโตคับอก  ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด  รับรู้แล้วว่าน้องรักทุกอย่างที่เป็นตน  รับได้กับความรักที่เป็นแบบตน  มือใหญ่คลายกอดแล้วจับมือเรียวไว้แน่น  ก้มหอมแก้มอีกฟอดใหญ่แล้วให้ขึ้นไปข้างบนก่อน  ตังยิ้มบางแล้วเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำรอ  พี่ช้างรีบเดินออกไปล็อครั้ว  ปิดบ้าน  ปิดหน้าต่าง  ปิดไฟแล้วรีบตามน้องขึ้นมาด้วยหัวใจเต้นระส่ำ  นอนกับใครมาก็เยอะ  แต่ไม่เคยตื่นเต้นจนตัวสั่นควบคุมไม่ได้แบบนี้   กลั้นหายใจเพื่อข่มความตื่นเต้นแล้วจับลูกบิดประตูเปิดเข้าห้องน้อง  สูดลมเข้าปอดแล้วเบือนหน้าหนีจากภาพคนที่นั่งอยู่บนเตียง   เดินไปทางห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัว  ยืนใต้สายน้ำเย็นให้มันล้างความตื่นเต้นออกให้หมด  หยิบสบู่มาฟอกเน้นทำความสะอาดตรงนั้นให้มากที่สุด  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วเดินออกมาทั้งอย่างนั้น 

ก้าวมั่นคงเดินตรงมาที่เตียง  หันมองผ้าเช็ดตัวที่พาดตรงเก้าอี้คอมแล้วหยิบมาเช็ดลวก ๆ  ผึ่งที่เดิมแล้วเดินมานั่งข้างแผ่นหลังที่นอนตะแคงหันหลังให้  กำหมัดแน่นแล้วคลายออกช้า ๆ  ยื่นมือไปแตะหัวไหล่  ตังหันหน้ามามองคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ  ข่มความอายแล้วลุกขึ้นนั่ง  ดวงตาดุมองคนที่ลุกขึ้นนั่งเหมือนโดนสะกด  ตังสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะดึงผ้าห่มที่คลุมท่อนล่างออก  ผิวขาวละเอียดสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟหัวเตียง  คนตาดุกลืนน้ำลายเหนียวลงคอสบตาสวยที่หันมามอง  ขยับโน้มหน้าเข้าหาริมฝีปากที่รออยู่  แตะไล้ปลายลิ้นแผ่วเบาไล่ตามรูปริมฝีปาก  แทรกเข้าหาความอุ่นด้านในทันทีที่น้องเผยอริมฝีปาก  มือลูบผิวลื่นมืออ่อนโยน  ปลายลิ้นเกี่ยวพัน  ลมหายใจขาดห้วงหอบหนัก  ผิวกายแนบชิด  สองมือโอบกอด  แผ่นหลังเล็กเอนลงบนที่นอนนุ่ม  ริมฝีปากละจากผิวหน้าสูดดมผิวกาย  ปลายลิ้นเลียชิมทุกซอกทุกมุม  มือเรียวสอดไล้ตามเส้นผมนุ่มของพี่ช้างตามแรงอารมณ์  สะดุ้งเฮือกกับปลายลิ้นที่แตะลงบนส่วนที่แข็งขืนที่สุดในร่างกาย  เสียงครางหวิวปลดปล่อยไม่ทันกลั้น  หน้าใสส่ายไปมาจนต้องหันข้างดึงหมอนที่หนุนมาปิดหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังทะยานขึ้น  ริมฝีปากบางครางเสียงแผ่ว  ลมหายใจร้อนไล้ลามลงมาที่ช่องทางร้อน  ปลายลิ้นตวัดแตะก่อนจะห่อแล้วลงลิ้นหนัก  น้องดิ้นพล่านจิกผมแน่น

“อื้ออออ  ฮ่าฮ์..พี่ช้าง”  คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองผลงานชิ้นเลิศที่นอนหอบหายใจแหงนหน้าเชิดตามแรงปรารถนาจนทนไม่ไหว  ยันตัวขึ้นจูบริมฝีปากยั่วอ้าเผยอ  ปลายลิ้นเกาะเกี่ยว  จดจ่อความต้องการที่ช่องทางร้อน  ดันเข้าทีละนิดแล้วผละออกมากัดริมฝีปากตัวเองสะกดอารมณ์ดิบที่กำลังพุ่งพล่านหนัก  ปล่อยมือจากผิวลื่นมือที่ลูบไล้ด้วยความอ่อนโยนมากำหมัดแน่น  กัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสัน  หลับตาแน่นหายใจถี่ 

ตังกะพริบตาปริบมองคนที่รักมาตลอดกำลังข่มอะไรบางอย่างในตัวเอง  ยิ้มบางจุดทั่วใบหน้าก่อนจะยันตัวนั่งแล้วกอดพี่ช้างเอาไว้  มือเรียวลูบหลังเบา ๆ  สะโพกขยับเข้าหากันทีละนิด  พี่ช้างคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งแล้วกอดตอบน้องเบามือ  ความอ่อนโยนของตังพยายามละลายความดิบที่คุในอกพี่ช้าง  คนตาดุนิ่วหน้าเมื่อความต้องการของตนเข้าไปอยู่ในตัวน้องเกือบครึ่ง  หายใจถี่แล้วกอดตังแน่นขึ้น  น้องยิ้มอ่อนโยนแล้วดันพี่ช้างนอน  คร่อมเอวแล้วกดสะโพกลงช้า ๆ  มือเรียวจับมือใหญ่มาจูบ  อกกระเพื่อมหนักก่อนจะบอกเสียงสั่น

“มันฝืด..ช่วยหน่อย”  เลี่ยงคำว่าเจ็บเพราะไม่อยากให้ครั้งแรกของตนกับพี่ล้มเหลว  น้ำลายถูกป้ายครั้งแล้วครั้งเล่า  หน้าใสเหยเก  อดทนกับความเจ็บจนทนไม่ไหว  ยิ้มให้พี่ช้างที่บอกเสียงทุ้มว่า  ‘พอเถอะครับ  วันหลังก็ได้..’  จับมือที่พยายามดันน้องให้หลุดจากความเจ็บที่กำลังเผชิญ  ตังยิ้มบางแล้วหย่อนตัวเองลงช้า ๆ รับความต้องการเข้ามาทีละนิดจนสุด  น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่

ตาดุมองหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย  อารมณ์ดิบที่ข่มไว้แตกกระเจิง  จับเอวบางไว้มั่น  ยันตัวขึ้นไล้เลยปลายลิ้นแตะคอขาวลากขึ้นมาตามทางของหยาดน้ำใสที่หยดลงมา  ถดสะโพกออกแล้วดันเข้าเป็นจังหวะ  ขบเม้มเนื้ออ่อนตามซอกคอขาว  ลากไล้ปลายลิ้นรองหยดน้ำตาจากตาสวยที่ปล่อยให้ไหลตามความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับใต้คางเรียว  ลมอุ่นเป่ารดกันและกัน  ความเจ็บค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ตังไม่เคยได้รับ  ขยับสะโพกรับจังหวะที่สวนขึ้นมา  ก้มหน้าประกบริมฝีปากสีแดงที่จูบปลายคาง  กอดคอหนาปล่อยอารมณ์ล่องลอย  สะดุ้งกับความต้องการของพี่ที่กระแทกเข้าหาถี่  แหงนหน้าเริดเมื่อความต้องการกำลังจะปลดปล่อย  ร้องขออย่างไร้เดียงสา..

“พี่ช้าง..ตัง  ช่วยด้วย..อื้อออ”  พี่จับสะโพกตังยกสูงแล้วดันเข้าแรงหลายครั้งจนหน้าท้องถูกน้ำข้นอุ่นฉีดพุ่งใส่  ความรัดแน่นตอดเร้าจนหนุ่มตาคมทนไม่ไหว  ดันสะโพกน้องออกแล้วเอื้อมมือรูดรั้งปลดปล่อยด้านนอก   มือเรียวกอดคอลูบหลังเบามือ  หน้าผากแตะแผ่วเบา  สบตาดุคมที่ฉ่ำปรือ  ลมหายใจอุ่นแลกประสาน  ยิ้มบางส่งให้กันพร้อมริมฝีปากที่แตะเข้าหากันผะแผ่ว 

“เจ็บรึเปล่า?  กินยาก่อนค่อยนอนนะ”  พยักหน้าแล้วเกลี่ยปลายจมูกเบา ๆ  จูบริมฝีปากสีแดงที่พร่ำบอก  ‘รัก..รัก’  ผ่อนลมหายใจยาวเพราะสู้กับความเพลียไม่ไหว  ซบหน้ากับไหล่หนาก่อนจะหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ  พี่ช้างลูบหลังบางเบามือ  ประคองน้องนอนก่อนจะก้มหอมแก้มใสเบา ๆ  ลุกไปเอาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้น้องก่อนจะเข้าไปอาบน้ำล้างตัว  รีบแต่งตัวให้น้องแล้วปลุกมากินยา  ตระกองกอดไว้กับอกไว้ทั้งคืนหลับใหลไปด้วยกันด้วยความอิ่มเอม

ตื่นขึ้นมาก็ยังคงกอดไว้แน่น  ปลายจมูกกดหอมไปทั่วหน้าปลุกคนที่นอนตื่นรับวันใหม่  ดวงตาสวยเบือนหลบเลี่ยงไม่ให้เห็นว่ากำลังอาย  พี่ช้างยิ้มกว้างกอดแน่นจนน้องประท้วงขออากาศ  ลุกจากที่นอนก็เดินไม่ปกติ  มันร้าวไปทั้งตัวจนร้อนถึงคนทำต้องประคองไว้  น้องพยายามฝืนเดินไปมารอบห้องจนเริ่มจะชินกับความเจ็บ  เดินลงข้างล่างโดยมีพี่คอยเดินตามติดลงจากบันได  น้องหลบตาแม่ที่มองมาก่อนจะเดินตัวตรงเข้าครัว  พี่ช้างสบตาแม่แล้วก้มหัวขอโทษแม่นิ่ง  แม่ถอนหายใจยาวแล้วเดินเข้ามากอดไว้หลวม ๆ  ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปาก  มีเพียงการให้อภัยด้วยกอดอุ่นเท่านั้น  แม่บอกพี่ช้างว่าจะออกไปเปิดร้าน  ให้พี่ช้างอยู่บ้านกับน้อง  วันนี้ไม่ต้องตามไปช่วยที่ตลาด  พ้นหลังแม่หนุ่มตาดุก็เดินเข้าไปหาน้องที่นั่งเอาหัวพิงเก้าอี้อยู่  นั่งคุกเข่าตรงหน้าแล้วเอาคางเกยตัก  กอดเอวบางไว้หลวม ๆ

“ยังเจ็บอยู่เหรอครับ?”  ตังสบตาสีน้ำตาลที่มองมาอย่างห่วงใยแล้วเอื้อมกอดคอพี่ช้างเข้าหาตัว  ‘ไม่แล้วครับ..มันแค่เหมือนมีอะไรอยู่ข้างในอ่ะ’  กอดน้องแน่นขึ้นซุกหน้าเข้าหาเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักของตัง  เอ่ยปากขอโทษอู้อี้ที่หัวใจน้อง  ตังยิ้มกว้างแล้วก้มหอมหัวเกรียนเบา ๆ  เสียงเปิดรั้วทำให้  2  หนุ่มผละออกจากกันทันที  พี่ช้างกดไหล่น้องให้นั่งที่เดิมก่อนจะยิ้มให้น้องไม่กังวล  ก้าวเท้ามั่นคงออกไปรับพ่อที่หน้าบ้าน   พ่อเดินลงจากรถโดยมีพี่ช้างรับกระเป๋ากับเสื้อคลุม  พ่อสอดส่ายสายตามองหาน้องก่อนจะหันมาห้าคนตาดุที่ยืนนิ่ง

“ไอ้เกรียน..น้องล่ะ?”  พี่ช้างกลืนน้ำลายเหนียวแล้วบอกเสียงปกติ  ‘ในครัวครับ’  พ่อขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ

“แล้วไม่ออกมารับพ่อล่ะ  ลูกคนนี้นี่”  ขาแข็งแรงก้าวตามพ่อเข้าบ้าน  พ่อเดินตรงไปที่ครัวก่อนจะยิ้มให้น้อง  ตังยิ้มตอบพ่อแล้วฝืนลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินมาหาพ่อ  พี่ช้างรีบพุ่งเข้ามาประคองน้องที่กำลังจะเดินออกมาหาพ่อทันที  สายตาของคนที่ผ่านโลกมาแล้วอย่างพ่อเบิกกว้าง  ริมฝีปากสั่นอ้าพะงาบก่อนจะมองหน้าลูกกับพี่ช้างสลับกัน

ลูกเบือนหน้าหนี  หน้าสำนึกผิดกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น..

พี่ช้างสบตาพ่อนิ่งก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้มเมื่อหันไปมองเสี้ยวหน้าน้องที่เบือนหลบตาพ่อ  ชัดเจนมาก..ชัดเสียใจคนเป็นพ่อทำอะไรไม่ถูก..

ริมฝีปากสั่นระริก  มือกำหมัดแน่นข้างหนึ่ง  อีกข้างชี้หน้าลูกเขยที่ยิ้มกว้างมองลูกชายตัวเองไม่วางตา..






       
“ตายซะเถอะ!  ไอ้.. ช้างยิ้ม!"



END.

กอดรวบ!  ตัดแบ่งได้  3  ตอน  อย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านนะคะ ^^
รีบเอามาส่งก่อนจะขอลายาว  ทำงานๆๆๆๆ  เจอกันอีกทีวันจันทร์เลยค่ะ
คุณ Mouse2U  น่ารักเนอะคะ  ใช่ค่ะ  น้องตามสตอล์กพี่มาตั้งนานแล้ว555  ส่วนพี่ต้อ  ก็หน้าหวานอยู่นะคะ  แต่สู้ชีทไม่ได้ค่ะ ^^
คุณ nekko  น่ารักเนอะคะ สนพี่สตอล์กเหรอคะเตง  จิไม่ได้เขียนถึงเลยค่ะ  พี่มีบทแค่นั้นค่ะ  คึคึ
คุณ  Noo_Patchy  กอดและใช้อีโมเขินๆ ^^
คุณ  KKKwanGGG  น่ารักดีเนอะคะคู่นี้  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตาม  บวกๆค่ะ ^^
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 01-04-2015 13:56:59
อ่านช่วงแรกๆๆสงสารน้องตังมากๆๆ  :mew6:อยากมะเหงกพี่ช้างจริงๆๆ. :katai1:

ยาวแค่ไหนก็อ่านคุณจิ :กอด1: :L2: :pig4:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-04-2015 16:51:28
เกือบไปแล้วนะพี่ช้าง! กล้ามากที่ทำน้องตังเสียใจ ตอนพี่ช้างต่อยน้องเราอยากจะพุ่งเข้าไปเสยพี่ช้างสักทีจริงๆ ค่ะ :z6: ชิชะ! ขอบคุณสวรรค์…ที่มอบดวงตาให้พี่ช้างไม่หน้ามืดตามัวหลงรักแต่เต็มคนเดียวนะคะเนี่ย ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คงเป็นความอ่อนโยนของพี่ช้างนี่ล่ะค่ะ ที่พี่ท่านอุตส่าห์เค้นออกมาหลืบลึกๆ เพื่อน้องตัง ทำให้พี่ช้างดูน่ารักและอบอุ่นขึ้นมาทันตาเห็นเลยค่า ทำดีมากค่ะพี่ช้างงง..ง้าง..ง้าง..~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 01-04-2015 17:42:43
555555  :m3: :m3: :m3: ขำพี่ช้างกับคุณพ่อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-04-2015 19:59:41
ไม่คิดว่าพี่ช้างจะยอมปรับตัวขนาดนี้  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 02-04-2015 01:20:43
พี่ต้อกับน้องชีท  :o8: น่ารักมาก
แหม อ่านตอนแรก ๆ ก็คิดว่าพี่ต้อหลงรักน้องฝ่ายเดียว ปลื้มจนเกือบกลายเป็นสตอล์เกอร์
แต่กลายเป็นว่า น้องหลงรักพี่ต้ออยู่ก่อนแล้วซะงั้น  งานนี้ต้องขอบคุณน้องหมาเนอะ
ที่เป็นตัวกลางให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันจริง ๆ จัง ๆ ไม่งั้นก็แอบมองกันไปมาอยู่นั่น
ชอบที่พี่ต้อรักสัตว์มาก ๆ เลย จะยกให้ใคร คนนั้นก็ต้องสามารถดูแลได้ดี จริง ๆ นะ
สองคนนี้เหมาะสมกันมาก น่ารัก อบอุ่น อ่อนโยน หวานกันจริง ๆ

คู่น้องออกจะหวาน แต่คู่พี่นี่สิ กว่าจะรักกันได้ พี่ช้างใจร้ายมากอ่ะ สงสารน้องตังT^T อ่านแล้วน้ำตาคลอ
แอบรักคนที่เขาไม่เห็นเราในสายตาสักนิด พยายามบอกรักเขาก็ไม่แล แค่นี้ก็เศร้ามากแล้ว
ทำไมต้องชกน้องตังด้วยอ่ะ น้องไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งอยู่เฉย ๆ แท้ ๆ โมโห ๆ  :m16:
สะใจที่น้องตังสวนกลับพี่ช้างมาก ๆ  เป็นเราจะเอาให้น่วมกว่านี้อีก ไม่ยกโทษให้ง่าย ๆ ด้วย ชิ
แต่อย่างว่า น้องไม่ใช่เรา แล้วน้องก็รักพี่ช้างมาก ได้รักกันสุขสมหวัง ก็ดีว่าเจ็บแค้นกันล่ะเนอะ
ยิ่งพอเป็นแฟนกันแล้ว พยายามเปลี่ยนตัวเอง มาออดอ้อน อ่อนโยน พูดเพราะ ๆ กับน้อง
มาพบพ่อแม่ ขอคบกับน้องอย่างเปิดเผยนี่ ชอบมาก ๆ ยิ่งเจอคุณพ่อหวงน้องตังนี่ยิ่งสะใจ 555
ไป ๆ มา ๆ อนาคตพี่ช้างเหมือนจะได้เข้าสมาคมเกลียมัว ซะด้วยนะนั่น อิอิ
ถึงจะบ่นพี่ช้างเยอะไปหน่อย แต่ก็ชอบแนวนี้มาก  แบบเกลียดกันก่อนแล้วค่อยรักกันเนี่ย
อยากรู้ว่าตอนรักกัน จะหวานกันขนาดไหน   
ขอบคุณ คุณจิ ค่ะ  :L1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 04-04-2015 00:42:33
พี่ช้างน่ารักมากกกกก อย่างกับคนละคนจากตอนแรก
ชอบพ่อตากับลูกเขยคู่นี้ ดูเป็นไม้เบื่อไม้เมา55
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-04-2015 16:41:11
พี่ช้างมีอารมณ์(หื่น)ตอนน้องตังร้องไห้ใช่ป่ะ พอพ่อตาบอกห้ามทำน้องร้องไห้ พี่ช้างเลยซึม 55
แต่อ่านตอนแรกนี่ร้องไห้เลยอ่ะ สงสารตัง สรุปว่าพี่ช้างเป็นพวกผู้ชายทื่อๆสินะ ไม่บอกก็ไม่รู้ แถมคิดว่าน้องกำลังปีนเกลียวซะอีก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-04-2015 15:06:13
โอ๊ยยยย ชอบพี่ช้างกับน้องตัง น่ารักที่สุดเลย

คุณพ่ออย่างฮา พี่ช้างไม่สำนึกนะเออ :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-04-2015 14:28:24
แรก ๆ สงสารตัง ตอนหลังขำพี่ช้างกับพ่อ คู่นี้ก้อสนุกมาก (แต่ยังงัยผมก็ยังชอบคู่เต็ม - โอมที่สุดอยู่ดี) รอคู่อื่น ๆ ต่อนะครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 09-04-2015 11:38:12
ความรัก


ปุจฉา.. 

อะไรเอ่ย..ยิ่งหนี  ยิ่งเจอ 

ยิ่งใกล้..ใจยิ่งเต้น   



แดดยามเย็นอาบไล้ผิวกายจนต้องกระเถิบระถดก้นหนีเข้ามานั่งให้พ้นแสง  มองมือเรียวนิ้วยาวสวยของตัวเองที่จับหลอดดูดสีฟ้าอ่อนคนน้ำสีเขียวในแก้ววนไปมา  เพ่งจ้องก้อนน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วด้วยความปลดปลงปนสมเพช  น้ำแข็งป่นที่อยู่ในแก้วเมื่อ  1  ชั่วโมงก่อน  มันก้อนใหญ่กว่านี้นะ  ทำไมมันถึงได้ยอมแพ้กับสภาวะภายนอก  ละลายไปทีละนิดทีละน้อยแบบนี้  ไม่มีจุดยืน!  หน้าตึงกับการต้องนั่งอยู่ที่เดิมจนต้องคอยอ้าปากขยับกรามแก้เมื่อย  หลีกเลี่ยงการสนทนาน่าเบื่อที่คนอื่นพยายามทักทาย  เข้าใจว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม  แต่การต้องคอยปั้นหน้าเหมือนการปั้นน้ำเป็นตัวมันเมื่อย..เมื่อยทั้งปากและเสียเปล่ากับการคิดประมวลผลหาคำทักทายกลับ

‘ไม่มีเรียนแล้วเหรอ?’..  ‘อื้ม  คาบนี้ว่างน่ะ’

‘ทำไมนั่งคนเดียวล่ะ?’.. ‘เพื่อนไปหาอะไรกินน่ะ’

‘ปั้นโดดเรียนเหรอ?  เด็กไม่ดีนะ’.. ยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบไปเฉย ๆ  คิ้วเริ่มกระตุกขมวดเป็นปม  ข่มความหงุดหงิดที่ต้องนั่งรออยู่เฉย ๆ ทนรับการทักทายของเพื่อนร่วมรั้วโรงเรียน  แค่ยิ้มอย่างเดียวมันก็เพียงพอต่อการทักทายซึ่งกันและกันแล้ว  จะต้องสรรหาประโยคมากมายมาพูดคุย  แล้วต้องยืนรอคำตอบทำไม?! 

‘รอใครวะ’.. ‘พ่อมึงไง’  เริ่มหายใจไม่ค่อยปกติ  รู้สึกไม่ผ่อนคลาย  อึดอัดในหลอดลมแปลก ๆ

‘ทำไรปั้น’..  ‘ขี้ว่ะ’  ...ดีขึ้น..นิดนึง

‘นั่งดักใครวะปั้น’.. ‘ตัวเหี้ยที่กูส่งไปหน้ารัฐสภา  ได้เวลาอาหารแล้วแม่งยังไม่มา  ไปตามให้กูหน่อย’  อาห์.. เหมือนต้นไม้ขาดน้ำแล้วได้น้ำมาหล่อเลี้ยงให้รากแข็งแรง  ผมรู้สึกได้ถึงการปลดปล่อยความอึดอั้นในอกที่กำลังพอกพูนขึ้นมาเงียบ ๆ  นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมสื่อสารกับมนุษย์โลก  หลังจากนั้นผมก็หันมาสนใจสสาร  และสิ่งมีชีวิตที่อยู่แค่รัศมีรอบตัวในระยะ  30  เซนติเมตร  มดที่ไต่ขึ้นโต๊ะ  บี้บดกำจัดไปให้พ้นทาง  ลมพัดรอบตัว  เบี่ยงหลบมันไม่ให้ระคายผิวและเส้นผมสลวย  จับจ้องน้ำสีเขียวที่เจียดเงินซื้อ  ดูดทิ้งลงกระเพาะอาหารไม่ปรานี  นั่งนิ่งจ้องน้ำแข็งและตำหนิมันก่อนจะพ่นลมหายใจทิ้ง

หมดแล้วซึ่งความอดทนรอทั้งมวล

หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายไหล่  เปล่าจะไปเป็นกรรมกรที่ไหน  เป้ใบนี้เป็นกระเป๋าของโรงเรียนที่บังคับให้เด็กนักเรียนอย่างผมใช้  ผมก็ใช้  ใช้อย่างเดียว  ไม่ค่อยได้ใส่ใจมันมากเท่าที่ควร

“ไอ้ปั้น   รอก่อน  ขอโทษที่ให้รอนาน  ปุ้มมาหากูน่ะ  กูเลยไม่รู้จะหนีออกมายังไงดี  นี่ถ้ามึงอยู่..มันก็คงไม่นานขนาดนี้หรอก..”  หันหลังกลับแล้วหรี่ตามองหน้าหมาหอบแดดของต้นตอการรอคอยอันยาวนาน   วันนี้มันมีเรียน รด.  มันสั่งให้ผมรอผมก็ทำตาม  เย็นแค่ไหนผมก็รอ..แต่มันกลับปลีกตัวหนีผู้หญิงไม่ได้  แค่นี้ทำไม่ได้?  ตอแหลตอหลดน้ำลดมดกินไส้เดือนจริง ๆ ทำพูด  ‘กูไม่รู้จะหนียังไง’  อ้าปากก็เห็นไข่  มึงไม่ปฏิเสธมันก็ยิ่งตาม..แม่งเหมือนหนอนเจอปลาร้า   สะบัดพรืดจ้ำอ้าวไปหน้าโรงเรียน  ขายาวของมันก้าวตามจนแซงผมไปดักข้างหน้า  หยุดความเร็วของเครื่องยนต์  400  แรงม้าในตัวไม่ทันหน้าเลยชนกับอกมันเต็มที่

“รอนี่ล่ะ  เดี๋ยวไปเอามอไซค์มาก่อน  รอนะปั้น”  มันจับไหล่ผมเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน  มือมันยึดกระเป๋าเป้ที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่จะทำให้ผมนึกถึงตราดอกบัวสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนไว้เป็นตัวประกัน    จริง ๆ มันเคยเป็นสีชมพูสวยมาก  แต่ด้วยเวลาที่ล่วงเลย  สีชมพูกลีบบัวเลยถอยหลังลงเป็นสีโอลโรสแทน  ถอนหายใจยาวแล้วพาตัวเองกระเถิบไปยืนริมรั้ว  ผมเบื่อที่จะต้องคอยทำตามใจมัน  แต่การขัดใจ..มันก็ไม่เป็นผลดีกับชีวิตผม  ไม่รู้สิ..ผมไม่ได้ชอบ  แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่  มันชอบให้ผมนั่งรอ  ให้ผมเก็บการบ้านไว้ให้มันลอกเป็นคนแรก  แล้วก็อีกหลายอย่างที่มันบังคับใจผม  ไม่ได้หมายถึงมันข่มขืนผม!   มันไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้นน่า 

ได้แต่ถอนหายใจยาวทิ้งหลายครั้ง  ผมไม่เคยบอกมันด้วยความจริงจังว่าผมไม่ชอบในสิ่งที่มันบังคับผมหลายเรื่อง    เพราะฉะนั้น..ผม..ก็ต้องทนต่อไปนั่นล่ะ  นี่เป็นคำตอบเดียวที่มีเครื่องหมายถูกสีแดงเข้มที่ตอกอยู่กลางหน้าผากผม!  พ่นลมทิ้งแล้วระบายมันออกมาผ่านรอยยิ้มปลดปลง  เงยหน้ามองรองเท้าสีดำ  สีน้ำตาลที่เดินผ่านมุ่งหน้าออกไปทางประตูโรงเรียน  ยกมือส่งให้เพื่อนห้องเดียวกันที่โบกมือลาอีกฟากถนน     พิงหลังกับกำแพง  กอดอกและ..เบี่ยงหน้า  45  องศา  มองไปหน้าโรงเรียน  มุมนี้ผมหล่อน่าลากสุด ๆ แล้วครับ

“พี่ปั้นกลับบ้านยังไงคะ?”  เบือนหน้ามองต้นเสียงใสที่เอ่ยปากถามผม  ยิ้มน้อย ๆ คลายมือที่กอดอกออกแล้วดีดหลังออกจากกำแพงรั้ว  ตอบน้องเก๋ด้วยเสียงที่ใครได้ยินก็ต้องระทดระทวย

“กลับกับพี่..”  หุบปากฉับเพราะเสียงที่เปล่งออกมามันแตกห้าว  ขมวดคิ้วมุ่นกับเสียงที่แปลกไปของตัวเอง  ยกมือขึ้นจับแถวลำคอแล้วพยายามส่งเสียงออกมา

“อะ  แอะ  แค่ก ๆ”  มัน..มันไม่ใช่เสียงผม  บร๊ะเจ้า!  อย่าได้พรากเอาเสียงทรงเสน่ห์ไปจากผม!  ล้อเล่นน่ะ555  แกะมือใหญ่ที่ตะปบต้นคอลามมารวบทั้งคอตัวเองออกอย่างยากลำบาก  น้ำตาปริ่มเพราะหายใจหายคอไม่สะดวก  กะพริบตาปริบมองน้องเก๋ที่ยืนส่งยิ้มให้ผม  ละมือจากการแกะออกมาโบกมือตอบก่อนที่ภาพน้องเก๋กับเพื่อนร่วมโรงเรียนคนอื่นค่อย  ๆ  จางหาย 

คอเป็นอิสระแต่ตัวกลับถูกกอดคอเอาไว้  ก้มหน้าลงแล้วฝังเขี้ยวลงที่แขนที่รัดแน่น   มันหัวเราะร่าประหนึ่งว่าผมกำลังแทะแขนมันด้วยความหมั่นเขี้ยว..ทั้งที่เรื่องจริง  ผมกัดมันจมเขี้ยว!  ถึกฉิบหาย  พ่นลมทิ้งเมื่อมันปล่อยให้ผมเป็นอิสระ  โยกหัวไปมาตามแรงขยี้มือที่หัว  ผมเซ็งเกินกว่าจะเงยหน้ายิ้มกว้างชอบที่มันลูบหัวเหมือนทุกครั้ง  ก้าวขาคร่อมซ้อนมอเตอร์ไซค์ทำคอตกไปจนถึงหน้าบ้านตัวเอง  โดดลงรถแล้วเดินตัวปลิวเข้าบ้าน  ดุ่ม ๆ เข้าหลังบ้านมาเปิดตู้เย็น  หยิบน้ำมาดื่มแบบไม่ต้องใช้แก้วให้เปลืองทรัพยากรโลก  หมุนตัวออกจากห้องครัว   สบตาจัง ๆ กับ  ลี  ดอง  วุค ที่ยืนยิ้มน้อย ๆ ตรงประตูตู้เย็น  ไม่ลืมที่จะกอดอกตัวเองแล้วหันหน้ามองไปทางส้วมในมุม  45  องศา  ปรายตามองและยิ้มหล่อตอบ ลี  ดอง  วุค  ตรงตู้เย็น..ผมหล่อครับมุมนี้

“มึงชอบ?”  สะดุ้งจนเผลอคลายมือที่กอดอกตัวเองไว้  กะพริบตาปริบมองหน้าคมของเพื่อนที่กำลังมองรูป ลี  ดอง  วุค  ที่ผมแปะตู้เย็นเอาไว้  ยักคิ้วข้างเดียวตอบคำถามมันแล้วเบือนมอง ลี  ดอง  วุค  ยิ้มเยิ้มก่อนจะปรี่เข้าไปโอบตู้เย็นกอดรัดไอดอลเกาหลีไว้แนบอก  อยากได้แบบนี้อ่ะ~ 

ไอ้ตูนอิจฉาที่ผมกอดคนหล่อมันเลยจะกอดบ้าง  แต่มันคงขี้เกียจดึงมือเหนียวปานตุ๊กแกเกาะข้างฝาของผมออก  มันสวมกอดผ่านตัวผมไปเลย

“we  love  you..ลีดองวุค”  มันขำพรืดแล้วออกแรงกอดผมแน่นขึ้น  รีบผละออกจากตู้เย็นเพราะกลัวไฟฟ้าช๊อตใส่  ดิ้นหนีขลุกขลักจนพ้นจากอุ้งมือมารหัวขนดกดำอย่างมัน  บีบนวดตามแขนเรียวนิ้วงามของตัวเอง  เดินตามแผ่นหลังกว้างที่ตรงไปที่ห้องนั่งเล่นบ้านผม   หน้าหงิกมองมันเปิดทีวีนอนเหยียดยาวบนโซฟาอย่างสบายอก 

“มึงไม่กลับบ้าน?”  มันไม่ได้ตอบคำถามผมแต่ถามผมกลับจนผมลืมเรื่องที่ถามมันว่ามัน..ทำไมยังไม่กลับ

“มึงดูข่าวน้ำท่วมป่าวปั้น  น้ำมันทะลักเข้าท่วมบ้านคน   แม่งโคตรน่ากลัว” พยักหน้ารัวเร็ว  ปรี่เข้าไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วรีบประสานมือเล่าเหตุการณ์ที่ผมได้ฟังจากญาติที่อยู่แถวนั้น  บังเอิญว่าญาติผมไปรับลูกที่โรงเรียนนั้นพอดี  รถติดยาวเป็นแพ  ต้องจอดรถทิ้งไว้บนถนน  ลุยน้ำท่วมถึงเอวเข้าไปหาลูกที่ติดอยู่ในห้องเรียน  ไม่รอเรือจากหลวงที่เข้ามาช่วย  เพราะระดับน้ำที่มันสูงขึ้นเรื่อย ๆ  ขาเข้าแค่เอว  ขาออกถึงอก  ลูกนี่ปีนไปนั่งคร่อมคอยังกะแห่นาควนรอบโบสถ์ 

“น้ากูมันยังใจสั่นไม่หายเลยไอ้ตูน  ดีที่น้องพีมไม่เป็นไร  ไม่งั้น..กูคงจะช่วยอะไรเขาไม่ได้”  มันยิ้มแกน ๆ เมื่อฟังประโยคสุดท้ายที่ผมเค้นออกมาจากก้นบึ้งของความเห็นใจกับชะตากรรมที่น่าสะพรึง  เบือนหน้าไม่สบตาที่กำลังมองอยู่  ในหัวผมกำลังจินตนาการถึงน้ำที่ไหลทะลักทลายพังกำแพงหนาที่มนุษย์สร้างเพื่อกักกั้นน้ำเหล่านั้น  ความแรงของกระแสน้ำมันฝังติดอยู่ในหัว  เรือสีแดง  สีน้ำเงินที่มีเชือกผูกติดไว้กับต้นไม้ถูกความแรงของน้ำพัดจนเชือกขาด  ผู้คนขนของหนีน้ำออกมาวางที่ถนน  รถราต้องเอาออกมาจอดไว้ตามที่สูง  น้าต้องออกมานอนเฝ้ารถตัวเองทุกคืนเพราะกลัวรถหาย  ขโมยชุกชุมเหมือนตะขาบ  งู  หนอนบุ้งที่หนีน้ำขึ้นมาอยู่กับมนุษย์..กิ้งกือตัวเท่าหัวแม่โป้งอ่ะ  แถมตอนนี้ยังมีกองทัพปลิงยกขบวนตบเท้าเข้าแถวมารอกินเลือดอีก!

ขอบคุณที่ยอมทิ้งธรรมชาติมาอยู่ร่วมกับเราครับ

ลูบขนแขนที่ลุกฮือเมื่อนึกถึงตัวสีดำเมื่อมเกาะอยู่ที่ขา  แม้ออกแรงดึงเท่าไหร่มันก็ยืดหยุ่นตัวยึดเกาะกับผิวเนื้อเยื่อแล้วใช้เขี้ยวนับพันจิกลงดูดเลือดอย่างเมามันส์   ถ้าเอาบูทมาใส่มันจะกันได้รึเปล่า  หรือจะต้องเอาชุดอวกาศมาใส่กันปลิง?..ก่อนจินตนาการผมจะเตลิดไปเรื่องมนุษย์อวกาศที่ไปเหยียบดาวอื่นในจักรภพ..มันก็ยื่นหน้าเข้ามาขัดขาดักตีหัวให้ผมกลับเข้ามาสนใจเรื่องปากท้องเสียก่อน

“บ้านปั้นมีอะไรกินบ้าง?  ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเราดีกว่า..กว่าแม่ปั้นจะมาก็มืดพอดี”  มัน..ไม่เคยรอคำตอบจากปากผม  เดินตัวปลิวไปตามแรงลากจูง  ยอมให้มันสนตะพายไร้เชือกที่มองเห็นด้วยตา  แต่สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกที่ต้นคอ  แขนแม่งล็อคแน่นฉิบหายครับ   คล้องเอาไว้กันผมหาย  มันแบมือขอโทรศัพท์ผมก่อนจะยื้อแย่งเอาไปโทรหาแม่บอกให้รู้ว่ามันกำลังลักพาตัวผมไปกินข้าวเย็นที่บ้านมัน  ผมอมยิ้มปล่อยให้มันลากเข้าบ้าน  ตีหัวให้งวยงงด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจของแม่กับพ่อ  แล้วสอยผมให้ร่วงด้วยผัดเผ็ดปลาดุก  หมูคั่วเกลือสูตรแม่ตูน  น้ำพริกผักต้มปลาทูทอด  ผัดหอยหลอดและต้มจับฉ่าย  ทันทีที่น้ำลงไปกลั้วปากล้างท้องแม่ตูนก็เผด็จศึกผมด้วย..

“ลองบัวลอยไข่หวานหน่อยปั้น  แม่ทำเองลูก”  ยิ้มแก้มปริแล้วรับชามของหวานที่มีขนาดเท่าชามใส่ต้มจับฉ่ายมาวางลงข้างหน้าตัวเอง  หยิบช้อนมาจับไว้มั่นแล้วจัดการจ้วงเหมือนปากรถแบ็คโฮก็ไม่ปาน  ใสมะพร้าวอ่อนด้วยครับ  อร่อยจนลืมหายใจ  ผมซัดโฮกลืมความหล่อ  45  องศาเสียสิ้น 

“อร่อยไม่มีใครเทียมครับแม่  สวดยวดดดดด”  กวาดทุกอย่างใส่ปาก  วางช้อนแล้วเงยหน้าบอกแม่ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข  มันส์  ไก่  มากครับ!

แม่ตูนยิ้มแก้มแตกก่อนจะหายเข้าครัว  ไม่ถึงเสี้ยวสิ้นเสียงหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร  แม่ก็โผล่พรวดจ้ำก้นลงเบ้าเดิม  ผมยิ้มค้างเมียงมองถุงบัวลอยที่ลอยเด่นตรงหน้า  รับมันมากอดไว้กับอกไม่หกตกเสียหาย  ยิ้มแย้มก้มหัวเอียงหน้า  45  องศา  กล่าวเสียงนุ่มนวล..

“ขอบคุณมากครับแม่”  แม่หัวเราะป้องปากกับความน่ารักขั้นสูงของผมแล้วเดินอ้อมโต๊ะมากอดโอบโน้มคอซุกไซ้ซอกซอนไปทั่วหน้าผม  แก้มแดงร้อนฉ่า..ถึงแม่จะอายุร่วม  50  แต่แม่ก็ยังเป็นเพศตรงข้ามผม  ฉะนั้น..ผมเลยอายซะแม่ต้องตะปบหน้าผมมาหอมอีกหลายฟอด  ใบหูผมร้อนผ่าว..เขินขั้นกว่าครับ!

“กลับก่อนนะครับแม่”  ไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นสบตาแม่แต่อย่างใด  ความขวยเขินเอียงอายมันยังคงสถิตอยู่ยืนยง  ไอ้ตูนมันยิ้มแซวผมก่อนถึงจะกันแม่มันออกห่างจากแก้มผม  เอาหูถุงมาคล้องแขนแล้วเอามือมาปิดแก้มไว้ทั้ง  2  ข้าง   หูร้อนวูบเป็นพัก ๆ เลยต้องเอามือมาจับ ๆ ติ่งหูตัวเองสลับกับจับแก้มตัวเองไปด้วย  ถึงแก้มผมตอนนี้จะไม่ถูกแม่ไอ้ตูนกดจมูกลงมาสูดหากลิ่นแป้งเด็กที่ฉาบไว้ตั้งแต่เช้า  แต่ไออุ่นที่แก้มยังคงไม่จาง  มันยิ่งทำให้ความเขินผมสูงขึ้นเท่าทวี..

แม่อ่ะ..เดี๋ยวให้มาขอเลย~~~

เม้มปากแล้วกลั้นยิ้มเมื่อคิดว่าเจ้าสาวของผมกำลังยืนรออยู่หน้าบาทหลวง  พอเปิดผ้าคลุมหน้ามาก็เป็นหน้าแม่ไอ้ตูน  ผมคงจะยิ้มเฝื่อน ๆ แล้วก้มจูบที่ปลายคางแทนริมฝีปากที่ยื่นรอแหง  เป็นเจ้าบ่าวที่ยินยอมโดยจำนนเพราะยังไงเสียเจ้าสาวก็เป็นถึงแม่เพื่อนและเป็นเพื่อนแม่555  ยิ้มกว้างเมื่อนึกไปไกลว่าไอ้ตูนจะต้องมาเป็นลูกเลี้ยง  แล้วผมก็ถูกรังเกียจหนักเพราะผมคิดไม่ซื่อ  เอาแม่เพื่อนทำเมีย..

“อยู่ในโลกส่วนตัวอีกแล้วปั้น..เป็นหนักแล้วนะ  เดี๋ยวก็บ้าหรอก”  สะดุ้งกับเสียงที่กระซิบว่าผมข้างหู  วิ่งหางจุกตูดออกจากภวังค์แล้วเงยหน้ามาส่งยิ้มฝืดเฝื่อนให้ดวงตาห่วงใยของว่าที่ลูกเลี้ยง  ลดแขนลงปล่อยให้ถุงไหลลงมาแล้วจับหูให้ดี  เบือนหน้าไปมองทางแล้วทำตาโตมองไปทางโน้นทางนี้เมื่อมันไม่ยอมเลิกมองหน้าผม  เร่งฝีเท้าสปีดหนีขาแทบจะพันกัน  ปรี่เข้ารั้วแล้วรีบรูดประตูปิดบ้าน  หรี่ตามองพร้อมยกมุมปาก หัวเราะลงคอ   ยักไหล่นิดหน่อยแสดงถึงความเป็นต่อ  เพราะผมเข้าบ้านมาแล้วนั่นเอง  มันหรี่ตามองตอบแล้วยกยิ้มกวนคืนมาให้..

หือเรอะไอ้ลูกเลี้ยง!

“กูแค่คิดเรื่อยเปื่อยไอ้ตูน  กูยังไม่บ้า!”  มันเลิกคิ้วสูงแล้วเบะปากใส่เหมือนไม่เชื่อถือ  ผมเขม้นมองคิ้วขมวดมุ่น  ปากจู๋อัตโนมัติ  มันยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าใกล้รั้ว  กะพริบตาปริบแล้วขยับเข้าหารั้ว  มันพูดอะไรก็ไม่รู้..

“มึงพูดเหี้ยไรไอ้ตูน  หลอกด่าแม่กู?”  ละล้าละลังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเข้าไปใกล้อีกนิดดีไหม?  กลัวแม่งจะแกล้ง  ผมถูกมันแกล้งประจำ  ก็นะ..คนมันน่ารัก555  เม้มปากแล้วตัดใจเลิกอยากรู้เรื่องชาวบ้าน  มันจะพูดอะไรก็อย่าใส่ใจ  หมุนตัวเดินเข้าบ้าน 

ก้าวที่  1 

ก้าวที่  2..
.
.
.
.
ใครทนได้ก็ดีครับ  มันเป็นเรื่องดีที่ควรทำ  แต่สำหรับผม..มันช่างยากยิ่ง 

สูบลมเข้าปากแล้วทำคอตก  พ่ายแพ้ความอยากรู้อยากเห็น  หมุนตัวกลับไปสบตายิ้มได้ที่ยืนรออยู่  มันสอดมือเข้ามาผ่านลูกกรงเหล็กดัดสวยของรั้ว  รัวนิ้วกระดิกเรียกผมเหมือนเรียกตัวอะไรสักอย่าง  หน้าบูดสนิทเซ็งความกระตือรือร้นการรับรู้ข่าวสารภายนอกของตัวเอง  เดินเข้าไปจนหน้าแนบกับลูกกรงเหล็ก  หลับตาเอาแก้มแนบกับเหล็กดัดที่เย็นเฉียบจากความชื้นที่เคลือบเหล็ก  เงี่ยหูฟังเสียงทุ้มที่กระซิบเสียงเบา..

“น้องตังของมึงโดนไอ้ช้าง ห้อง  2  สอยไปแล้วเรียบร้อย  ตังเข้าปากช้างไปแล้วว่ะปั้น  กูเสียใจจริง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ตีสนิทขอเบอร์มาให้  น้องตังก็เดินเข้าปากช้างเสียก่อน..ทำใจเถอะนะ”  กระพริบตาปริบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้สดับ  น้องตังที่ดูหงิม ๆ เรียบร้อย  ๆ น่ากอดน่าหอมคนนั้นเสร็จไอ้ช้างขาใหญ่ห้อง  2  ไปแล้วงั้นเหรอ?!  น้องไม่น่าหลงผิดเลย  ไอ้เหี้ยนั่นดีกว่าผมตรงไหน?!   ผมสูงน้อยกว่าแค่ไม่กี่เซนต์!

“มันสูงกว่ามึงเยอะปั้น”  อย่ามาอ่านใจกูไอ้สัตว์!  ผมแมนกว่ามันแสนเท่าล้านทวี

“คนละอย่างกัน  มึงมันเป็นสุภาพบุรุษเกิน  น้องมันก็เป็นประเภทเดียวกันกับมึง  จะคบคนแบบเดียวกันไปทำไม?  เห็นกันอยู่ว่าไอ้ช้างมันเร้าใจกว่าเยอะ”  กัดริมฝีปากแน่นกับคำทำร้ายน้ำใจอย่างไม่ปรานี  มึงเป็นเพื่อนกูรึเปล่า?!  ทำไมถึงพูดแบบนี้กับเพื่อนที่กำลังบาดเจ็บจนเจียนจะยืนไม่ไหว  มันเจ็บปวดในอก  ปวดแปลบในใจเกินจะทนแล้วนะ..

“มึงไม่เข้าข้างกูไอ้ตูน..มึงมัน..เลว  งื้ดดดดด”  สูดน้ำมูกกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล  เสียใจจนสื่อผ่านเสียงที่บอกถึงความร้าวในอกข้างซ้าย  ผมน่ะอ้อนวอนให้มันช่วยตีสนิทน้องตังตั้งนานแล้ว  แม่งก็ทำอิดออด  แล้วเป็นไง  ผมต้องปลูกไร่แห้วอีกแล้ว  มันอ่ะ..ประจำอ่ะ  รู้จักคนโน้นคนนี้เยอะแยะแต่ไม่เคยจะยื่นมือเข้าช่วยให้ผมมีแฟน  ทีมันไหว้วานผมให้ช่วยกีดกันหญิงให้  ผมน่ะทำให้มันไม่เคยมีปริปากบ่น..

“โอ๋ ๆๆๆ  น้องตังไม่เหมาะกับมึงหรอกปั้น  น้องมันตัวพอ ๆ กันกับมึง  แถมมึงยังขาวกว่าอีก  เดินด้วยกันคงไม่มีใครคิดว่ามึงจะเป็นคนรุกหรอก..”  เบะปากใส่ดวงตายิ้มได้ของมัน  กัดปากล่างแน่นเมื่อมือมันยื่นมาหมุนขยับเหมือนโอ๋เด็ก ๆ อยู่ตรงหน้า  พยายามกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา    ผมไม่ได้รักน้องตังมากจนทนรับกับการอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มไม่ไหว  แต่..มันเสียความรู้สึกที่เพื่อนไม่เคยสนใจจะช่วยเหลือหัวใจผมต่างหาก!

“ไม่เอาน่า  มึงไม่ได้รักน้องมันขนาดนั้น..กูรู้  ไว้คราวหน้า..”  ตลอดดดดดด  คราวหน้าของมึงมันหมายถึงภพหน้าใช่ไหม?!   ดูดริมฝีปากล่างเข้ามากัดจนหมดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ  หลับตาแน่นแล้วสะอื้นตัวโยนกับลูกกรงรั้ว  มันยื่นแขนเข้ามาโอบผมให้ตัวแนบติดกับรั้วมาปลอบอกปลอบใจ..กูจะละลายติดกับลูกกรงแล้ว!

สะบัดตัวแล้วดิ้นให้หลุด  ถอยห่างออกมามองหน้ามันผ่านลูกกรง  ยิ่งมองยิ่งเหมือนนักโทษชายที่เพิ่งจะเดินเข้าลูกกรงจากคดีการเมืองไม่มีผิดเพี้ยน  หน้างอง้ำอย่างห้ามไม่ได้  มันยิ้มกว้างกับอาการน้อยอกน้อยใจจนเกือบจะตีอกชกตัวตีหัวเข้าบ้านของผม  มือสากของมันควานหาที่จับแล้วหมุนเปิดประตูเล็กเดินเข้ามาหาผมที่ยืนสะอื้นฮักที่เดิม  แล้วแม่งไม่เดินเข้ามาตั้งแต่แรก..ปล่อยให้กูเอาหนังหน้าทาบลูกกรงอยู่ได้ตั้งนาน!

“ปั้น..มีแค่กูก็พอแล้ว  อย่าชอบคนอื่นเลย..”  อะไรของมึง?   เพื่อนกับแฟนมันต่างกันนะ  มึงจะเป็นเมียกูได้ยังไง..เพื่อนเป็นเมียได้ที่ไหนล่ะ? 

เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนอุ่นที่กอดผมไว้หลวม ๆ เงยหน้ามองมันด้วยสายตาไม่พอใจ  ทีมันยังมีสาว ๆ มาคอยตามแล้วยังเลือกได้อีก  ผมเองก็มีคนที่ผมชอบ  อยากให้เขารู้สึกดีเหมือนที่เรารู้สึก  อยากใช้เวลาด้วยกัน..อยากได้ความรักตอบ

มันมองตาผมกลับแล้วผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ ผมยิ่งน้อยใจหนักขึ้นเป็น  10  เท่า  คิ้วขมวดมุ่นมองหน้าหล่อที่กำลังย่อตัวจับเข่าตัวเองมองหน้าผมในระดับเดียวกัน  ‘ทำไมถึง..อยากมีแฟน?’  ถามโง่ ๆ มีใครมั่งไม่อยากมีใครสักคนเข้ามาแชร์ความรัก  มีใครมั่งไม่อยากใจเต้นตึกตักเวลาจ้องตากัน  มีใครมั่งไม่อยากให้ใครมาสนใจใส่ใจดูแลกันยามไม่สบาย  แล้วมีใครมั่งไม่อยากให้หัวใจตัวเองได้อยู่กับใครสักคนที่เรารู้สึกดีด้วย  มีใครมั่งวะที่มันไม่อยากมีตัวเหี้ยที่เรียกว่าแฟน!

“เพราะมันดี!  มีแล้วดีเหมือนมีเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง  อุ่นใจอยู่เสมอ  คิดถึงเมื่อไม่ได้เจอ  เอาเก็บไว้ให้ละเมอตอนฝัน..กูอยากมีแฟนไอ้ตูน!”  มันกะพริบตาปริบเพียง 2  หนก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ  ผมเองก็กะพริบตาตามแต่มากกว่า  2  เป็นกะพริบตา  4   หน  มันยืดตัวยืนเต็มความสูงให้ผมเงยหน้ามอง  ยังไม่ทันเมื่อยมันก็ก้มมาสบตาที่เหมือนลูกหมาน่ารักของผมนิ่ง..

“เข้าใจละ..เป็นแฟนกัน  เป็นแฟนตูนเถอะปั้น”  เผลอคลายแรงที่งับริมฝีปากล่างเอาไว้  ม่านตาขยาย  มองหน้าที่ค่อย ๆ เป็นสีชมพูเรื่อของมันด้วยความ..คือ  มันก็ไม่เข้าใจ  แต่มันก็เข้าใจ  เข้าใจที่มันบอกให้ผมเป็นแฟนมันเถอะ  เพราะผมก็เป็นอยู่แล้วทุกครั้งที่มีผู้หญิงมาเกาะแกะมัน  ผมกับมันคอยเป็นคู่(แอ๊บ)เกย์หนีความโหดร้ายของผู้หญิงยุคทองราคา  2  หมื่นกว่า  แต่ก็ไม่เข้าใจ..ว่าทำไมต้องมีอาการด้วย  ก็ถ้ามันไม่อาย..ผมก็ไม่รู้สึกเขินหรอกน่า

“เล่นเหี้ยไรกับกูไอ้ตูน  กูไม่ยอมเป็นแค่ของตายของมึงอีกแล้ว  กูจะเป็นนัมเบอร์วันของใครสักคนให้ได้..อย่ามาคิดขวาง!”  สะบัดความเขินแปลก ๆ ออกไปแล้วประกาศกร้าวอย่างองอาจ  มันทำหน้าผิดหวังเหลือแสนก่อนจะเดินมาขวางเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าบ้าน  ‘เป็นกูนี่ล่ะดีแล้ว  ใคร ๆ ก็อยากเป็นแฟนกูทั้งนั้นนะปั้น..ขอล่ะ  ถ้ามึงมีแฟน  กูจะทำยัง..’   หน้าชาลามไปถึงส้นเท้าแตกลายของตัวเอง  กูนึกอยู่แล้วว่ามันต้องเล่นแบบนี้  ถ้าผมชิงมีแฟนไปเสียได้  มันก็ไม่มีไม้หน้าสามกันหมาตัวเมียให้มัน  นึกถึงแต่ตัวเองจนวินาทีสุดท้าย  แค่นหัวเราะลงคอแล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน  มันวิ่งมาดักหน้าดักหลังเหมือนขอทานแถวท่าขี้เหล็ก  คิดว่ากูจะควักตังค์ให้มึงตามเพื่อนมาขอเงินกูจนหมดกระเป๋ารึไงไอ้ตูน!

“ไม่ได้ล้อเล่นนะปั้น..กูรู้สึกดีกับมึงนะ  ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ กูจะรู้สึก..”  หึ  อยากสำรอกอะไรก็คายมันออกมา  ให้กูได้เห็นสันดานสันดอนรากเหง้าของมันให้ถ่องแท้  กูจะได้เลิกคบได้อย่างไม่อนาทรร้อนใจในภายหลัง..

“เลิกคบ!  กูเลิกเป็นเพื่อนมึงถาวรเหี้ยตูน  นึกถึงแต่ตัว  เอาแต่ใจจนไม่นึกถึงหัวใจกู  ยังไงกูก็ไม่มีทะ..”  พูดไปก็ขมวดคิ้วกับท่าทางที่ตอนแรกเหมือนตกใจมากที่ผมเลิกคบ  แต่หน้ามันไม่ยักสลดหดหู่เหมือนฟองสบู่แตก..  อะไร?  จับมือทำไม?

“ขอบคุณนะ..ต่อไปนี้เราจะไม่ได้เป็นแค่เพื่อนอีกแล้ว  ให้ตูนเรียกปั้นว่าไงดีล่ะ?”  เรียกอะไร?   ไม่เรียกชื่อกูล่ะ?

“ไม่เรียกชื่อกูล่ะ?”    ปากไวเท่าความคิด  มันยิ้มตาพราวแล้วพยักหน้ารับ  ปล่อยมือผมช้า ๆ แล้วเดินถอยหลัง  มองหน้าผมไม่วางตาไปที่ประตูรั้ว  นั่น..เดินชนรั้วจนรั้วสั่นไปทั้งแผง  โง่ฉิบหาย555  มันเกาท้ายทอยแก้เขินแล้วโบกมือลาผม  ยืนขำก๊ากเอามือกุมท้องแล้วยกมือลาตอบมัน  เอาเหอะ..ยังไงมันก็เป็นคนดี  เป็นเพื่อนกันไปก่อนก็ได้   ไว้ให้มันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน  หรือไม่ก็..ผมหาแฟนเป็นก้อนเป็นเนื้อได้เมื่อไหร่ค่อยตัดขาดเด็ดขาดอีกที  เดินเข้าไปล็อครั้วแล้วเดินเข้าบ้าน  เข้าไปกอดแม่ที่นั่งกินข้าวอยู่ในครัว
.
.
.

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : วงกลม 01/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 09-04-2015 11:39:14

“กลับมากี่โมงครับ?”  แม่ยิ้มตอบผมแล้วเอามือมาลูบแก้มเบา ๆ  ผมไม่มีพ่อ  แม่ท้องกับผู้ชายที่มีเมียมีลูกอยู่แล้ว  ผู้ชายคนนั้นไม่รับผิดชอบผมกับแม่  ตาไล่แม่ออกจากบ้านเพราะทนความอับอายไม่ไหว  แม่..เลี้ยงผมมาด้วยความลำบาก  ผมกับแม่เราคุยกันทุกเรื่อง  แม้แต่เรื่องที่ผมเบี่ยงเบน..ผมก็บอกแม่  แม่ไม่ว่า  แต่ก็ไม่สนับสนุนให้ผมชอบผู้ชาย  แต่ถ้านั่นเป็น  ‘ความสุข’  แม่ก็พร้อมจะยอมรับ  นั่นหมายถึงถ้าผมเลือกจะมีแฟนเป็นเพศเดียวกันน่ะนะ 

“โรงเรียนเป็นยังไงบ้างปั้น?”  ยิ้มกว้างแล้วเล่าให้แม่ฟัง  ตั้งแต่เข้าแถวยันเลิกเรียน  แม้แต่เรื่องไอ้ตูนเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว    ผมก็ไม่เว้น..

“ก็ดีนะลูก  แม่เห็นตูนมาตั้งแต่เราเรียน ม.ต้น  ถ้าเป็นคนนี้..แม่ไม่ว่า”  แค่นหัวเราะขำฝืดเฝื่อนจนตัวโยน  แม่ยิ้มบางแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปอาบน้ำ  มองตามแผ่นหลังบางของแม่แล้วถอนหายใจยาว  เมื่อก่อนแม่ขายปลาทูในตลาด  รับมาจากแผงใหญ่อีกที  ตอนนี้แม่เลิกขายปลาทูแล้ว  ไปนั่งทำบัญชีให้โกดังปลาแทน  ก็โกดังปลาพ่อค้าขายปลาที่แม่รับปลาทูมาขายตอนแรกไงครับ  เขาชอบแม่  ผมรู้ว่าแม่เองก็รู้  แต่แม่ก็เลือกจะเฉย  ตอนนี้พ่อค้าก็ยังเสมอต้นเสมอปลายกับแม่เหมือนเดิม  ลูกชายคนเดียวของพ่อค้าปลาตอนนี้ไปอยู่เมืองนอก  พ่อค้าคนนั้นก็เลยรุกแม่หนัก  อยากให้แม่มาช่วยเก็บเงินด้วยกัน  ผมไม่ได้รังเกียจถ้าแม่จะมีแฟน..ถ้าเขาดีกับแม่จริง ๆ..

ยิ้มบางให้ตัวเองที่กำลังคิดไปไกลอีกแล้ว  ลุกขึ้นยืนพร้อมกับสูดลมให้เต็มปอด  ปิดบ้านปิดไฟให้เรียบร้อย  ผมยังไม่โตพอที่จะทำงานหาเลี้ยงแม่ไม่ให้ลำบากได้  แต่ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  อย่างน้อยในตอนนี้..ผมก็รู้สึกว่าผมมีความรับผิดชอบกว่าเด็กรุ่นเดียวกันบางคนเสียอีก  เดินเข้าห้องตัวเองที่อยู่ใกล้กับห้องครัว  ถอดเสื้อผ้าแล้วคาดผ้าเช็ดตัวออกมาอาบน้ำ  เดินกลับเข้าห้องแล้วปิดไฟ  พาดผ้าเช็ดตัวกับเก้าอี้โต๊ะหนังสือ  ล้มตัวนอนหลับตาลงช้า ๆ จมจ่อมลงในห้วงฝัน..ผมก็อยากจะทำแบบนั้นนะ  แต่มันโคตรยาก! 

ตาพราวของไอ้ตูนมันลอยโดดเด่นในมโนสำนึก  ใจเต้นตึกตักแปลก ๆ  เสียงที่มันบอกยังคงก้องไปมาในหู  ลืมตาโพลงในความมืดมิดแล้วยื่นมืออกมาโบกลบภาพดวงตาคู่สวยในอากาศเบา ๆ ..

แม่ง  เฮี้ยนฉิบหายเหอะ! 

ปล่อยให้ดวงตามรณะอยู่กับผมจนหลับไป  ตื่นขึ้นมารับอรุณรุ่งด้วยเสียงเคาะประตูของแม่  งัวเงียลุกขึ้นมาหุงข้าวระหว่างที่แม่ไปเดินซื้อกับข้าวที่ตลาด  กวาดบ้านก่อนจะย้อนกลับมาอาบน้ำ  แต่งตัวรอกินข้าวพร้อมแม่  เดินออกจากบ้านพร้อมกันก่อนจะแยกกันไป..ผมไปโรงเรียน  แม่ไปทำงาน  ผมให้แม่ขับรถไป  เพราะโกดังมันอยู่ไกลแล้วก็ลึกมาก  ส่วนผมเดินออกจากซอยไปขึ้นรถ  2  แถว  ตรงถนนเส้นหลักที่ขับผ่านหน้าโรงเรียนเอง 

ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เตรียมรับมือกับเจ้าของดวงตามรณะที่หลอนหลอกผมมาแล้วทั้งคืน  เงยหน้าจากพื้นขึ้นสบตาคู่นั้น  หัวใจเริ่มเต้นแปลก ๆ เสียงนั้นมันตามเข้ามาวนเวียนอยู่ในหูอีกครั้ง  ‘เป็นแฟนตูนเถอะปั้น..’  หายใจถี่เพราะคำนั้นมันมีแอคโค่ดังก้องไปมาจนผมเริ่มกลัว..กลัวใจตัวเองอ่ะ  ยกมือไหว้ท่วมหัว  อย่ามาหลอกหลอนกูเลย  ได้โปรดดดดด 

ทำเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่านี่มันข้างถนน  คนเดินเยอะแยะ  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ ลดมือที่ไหว้ท่วมหัวลงมาลูบหน้าแรง ๆ  เดินก้มหน้าแล้วเบือนไปมองทางโน้นทางนี้เรื่อยเปื่อย  ผมยื้อกระเป๋าเอาไว้เมื่อมันดึงออกมาจะถือให้  แต่ต้องปล่อยให้มันถือเองเพราะมือผมดันไปแตะโดนมือมัน..เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ แล่นผ่านปราดเดียวลามไปถึง..หัวใจ  ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเองจนมันแตะแขนให้ขึ้นรถ  มันส่งสายตาให้ผมนั่งตรงที่ว่างแต่ผมปฏิเสธ  มันเหลือที่เดียว  ถ้าผมนั่ง  มันก็ต้องยืนคนเดียว  ตูนจับไหล่ผมกดลงให้นั่ง  ถ้าเป็นเมื่อวาน  ผมจะต้องสะบัดตัวหนีแล้วยื่นมือตบหัวมันก่อนจะยืนโหนด้วยกันจนถึงโรงเรียน  แต่อิทธิพลของพายุความเชื่อมของดวงตาและความรู้สึกบางอย่างที่ผมอธิบายไม่ได้  มันทำให้ผมต้องจำใจนั่งตรงนั้น  ตูนมองตาผมก่อนจะไล่สายตามองจมูก  แก้ม  แล้วมันก็หยุดนิ่งที่ริมฝีปากผม  เม้มปากแน่นแล้วเบือนหน้าไปมองกระเป๋าทำงานของผู้หญิงที่นั่งเยื้อง ๆ ผม  หน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้ว่ามันจ้องผมอยู่  ก็เพราะมันจ้องนั่นล่ะถึงทำให้หน้าผมมัน..ยังกับสตรอเบอร์รีแบบนี้อ่ะ!

“มองเหี้ยไรไอ้ตูน!”  มันอมยิ้มแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เม้มปากแน่นแล้วเบือนไปมองกระเป๋าพี่คนนั้นเหมือนเดิม  ผมถามมันว่ามองเหี้ยไร  มันพยักหน้า...

ไอ้ไส้ติ่งปลากะโห้!

มันว่าผมเหี้ยอ่ะ   กะพริบตาปริบกับสิ่งที่ผมคิดออกอย่างปัจจุบันทันด่วน  เงยหน้ามองมันยิ้มกว้างแล้วยื่นมือมาหมุนข้างหน้าผม  ด่ากูเลยยังเจ็บน้อยกว่าอีก  ริมฝีปากล่างยื่นห้อยย้อย  คิ้วขมวดมุ่น  ตาจ้องหน้ามันไม่กะพริบ  ตูนลดมือลงแล้วยิ้มบางมองตอบผม  ไม่มีสะทก  หน้าหนายิ่งกว่าส้นรองเท้า รด.  พอล้อรถจอดหน้าโรงเรียนมันก็จับแขนผมให้ลุก  ตวัดหางตามองมือที่จับแขนสลับกับหน้ายิ้ม ๆ ของมัน   เหวี่ยงแขนหลุดแล้วเดินเข้าโรงเรียน  มันก็ถือกระเป๋าเดินตามผมต้อย ๆ  เพื่อนที่เดินผ่านยิ้มเจื่อนให้หน้าบูดบึ้งของผมแต่กลับยิ้มกว้างให้คนที่เดินข้างหลัง

“อะไรกันแต่เช้าพวกมึง?”  เพื่อนในห้องเอ่ยปากถามมัน  มันตอบข้ามหัวผมไม่ยี่หระ

“แฟนขี้งอน..ไม่รู้งอนอะไรว่ะ”  ชัดเต็ม  2  หู  ผมหันหลังขวับจ้องหน้ายิ้ม ๆ ของมัน  ระริกนักนะมึง!

“เลิกล้อกูเล่นสักทีตูน  กูไม่ขำแล้ว!”  ดึงกระเป๋าผมในมือมันเต็มแรง  มันยื้อไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้  ตาพราวกับยิ้มบางกระแทกนัยน์ตาจนผมต้องหลบวูบ  เสียงทุ้มที่หลอกหลอนกระซิบเบาให้ได้ยินแค่  2  คน  ‘เอาจริงต่างหาก..ปั้นแหละ..เลิกเล่นสักที..’  ย่นคอหลบลมอุ่นจากปลายจมูกที่เป่ารดแก้ม  เม้มปากล่างอัตโนมัติแล้วปล่อยมือจากกระเป๋าทันที  ไอ้..ไอ้บ้า!  เดินลงส้นจับกระเป๋าไอ้ตุ๊มาวางที่ผม  ออกคำสั่งเด็ดขาดใส่ไม่รีรอ

“แลกที่กับกู..เดี๋ยวนี้!”  ไอ้ตุ๊ทำหน้าเหวอแต่ก็ยอมลุกเปลี่ยนที่ให้ผมโดยดี  นั่งกอดอกหันไปมองขอบหน้าต่าง  มองทางอื่นที่ไม่มีมันทั้งชั่วโมง  ทั้งคาบ  และทั้งวัน  ขึ้นสองแถวกลับบ้านก็จ้องติ่งหูใครก็ไม่รู้ที่นั่งในสุด  ไม่มองหน้ามันให้ต้องเซ็งเป็ด  ลงรถเดินดุ่มกลับบ้านมันก็วิ่งตาม  มือสากคว้าแขนหมับ  ขาผมหยุดกึก..

“โกรธอะไรมากมายปั้น  ไม่ได้ล้อเล่น..ปั้นก็รู้นี่”  กัดกรามแน่นข่มใจไม่ให้ใจอ่อนแล้วหันมามองหน้ามันแบบเต็มตา   หน้าหล่ออ่อนโยนโอบอ้อมอยู่ใกล้จนลมอุ่นจากปลายจมูกมันแตะแผ่วที่หน้าผม  หวั่นไหวไปกับประกายตาที่ผมเห็นบ่อยแต่ไม่เคยจะรู้สึกอะไร..วันนี้มันกลับทำให้ข้างในอกซ้ายผมปั่นป่วนอย่างหนัก  โบกมือไม้ส่ายหน้าวุ่นวายไปมาในอากาศ  เบี่ยงหนีตาคู่นั้นแล้ววิ่งแน่บกลับบ้านไม่เหลียวหลัง  เหนื่อยหอบแค่ไหนไม่สะท้าน  วิ่งหางจุกตูดถึงบ้านให้ได้ก่อน  อย่างอื่นว่าทีหลัง  ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งจนถึงรั้วบ้าน  เอื้อมมือคว้าลูกกรงเหล็กดัดแล้วออกแรงดึงตามจังหวะการวิ่ง  หอบเหนื่อยแล้วเอ่ยปากบอกคนที่อยู่นอกรั้ว

“ห้ามโทร  ห้ามพูด  ห้ามมอง  ห้าม..ห้ามยุ่งกับกูอีก!”  มันยืนจ้องตาผมนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ  ตอบผมอย่างคนใจเย็น

“ทำไม่ได้..แล้วตูนก็ไม่ได้เป็นใบ้  วันนี้ตูนกลับก่อนก็ได้  แต่พรุ่งนี้..อย่าหวังว่าจะรอด”  ขมวดคิ้วมุ่น กะพริบตาปริบกับคำตอบของมัน  ยืนงงหน้าบ้าน    หน้าหล่อของมันที่หันมายิ้มน้อย ๆ  ให้ผมจนลับตา  ยิ่งเห็นหน้ามันผมยิ่งรู้สึกแปลก  มันเหมือนเป็นไข้ทับฤดู  น้ำในหูไม่เท่ากัน  คันในร่มผ้า  หาสาเหตุไม่ได้..หัวใจเต้นถี่สั่นเป็นเจ้าเข้าองค์ลงทรงประทับ  เม้มปากล่างแน่นขึ้นเมื่อในหัวคิดถึงเรื่องที่มันพูดเมื่อวานประกอบกับอาการเหมือนคนอยากได้หัวใจกับผมแล้ว..

หรือมันจะเอาจริง?

หูร้อนวูบ  ใจเต้นโครมคราม  ยกมือขึ้นช้า ๆ แล้วปิดหน้ายิ้มกว้างของตัวเองเอาไว้แน่น  บอกตัวเองไม่ให้เขิน  แต่ก็นะ..ยากยิ่ง~  ลดมือลงข้างหนึ่งไขกุญแจเดินเข้าบ้าน  เปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำมาเปิด  กินไม่ได้..ปากไม่พร้อมใช้งาน  วางขวดลงบนโต๊ะแล้วเดินก้าวถอยหลังเอาตูดพิงขอบโต๊ะ  หน้าตูนลอยเข้ามาเบียด ลี ดอง วุค กระเด็นหายจากสายตา  ก้มหน้ากลั้นยิ้มซ่อนเขินแล้วไหวไหล่แก้ขวยไปมา

“ปั้น..เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหรอลูก?”  สะดุ้งน้อย ๆ กับคำทักทายของแม่ที่เดินเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย  บังคับหน้ายิ้มกว้างให้กลับเป็นหน้าธรรมดาไม่ได้  พุงเข้าอ้อมอกซุกหน้าจมลงไปกับบิ้กมิลค์

“แม่..ไอ้ตูนอ่ะ  มันอ่ะ..ฮื้อออ”  อยากจะเล่าให้แม่ฟังว่าวันนี้ผมถูกมันเล่นงานสะบักสะบอมแค่ไหน  แต่พออ้าปากจะเล่า..เขินสุดติ่งอ่ะ!  แม่หัวเราะลั่นก่อนจะดึงไหล่ผมให้ออกมามองหน้ายิ้มเขินที่ผมซ่อนที่อกแม่  ยิ้มอ่อนโยนส่งให้พร้อมคำปลอบใจทรงคุณค่า

“เสร็จตูนแน่ปั้น”  แทนที่ผมจะทำหน้าเหวอแล้วส่ายหน้ารับไม่ได้  ผมกลับ..หน้าร้อนผ่าว  หลบตาแล้วเม้มปากเขินซะอย่างนั้น  ยอมรับกลาย ๆ ว่า ‘ครับ..ผมคงจะเสร็จมันเหมือนที่แม่ทำนายนั่นล่ะ’  ผละจากอกอวบหย่อนก้นนั่งกินข้าวเย็นกับแม่  กินได้แค่ไม่กี่คำก็อิ่มตื้อ  เดินล่องลอยเข้าห้องตัวเอง  นั่งจุ้มปุ๊กลงบนเตียง  ยกเข่าขึ้นมากอดไว้ทั้ง 2  ข้าง

ผมเป็นอะไรก็ไมรู้  ตั้งแต่มันขอให้ผมเป็นแฟนมัน  ผมก็เริ่มรู้สึกกับมันแปลกออกไป  จากที่เคยเห็นว่ามันเป็นเพื่อนหน้าหล่อสามารถสร้างสะพานเชื่อมให้ผมข้ามไปหาคนที่ปลื้มได้คนแล้วคนเล่า  กลายมาเป็น..ผู้ชายที่ผมเพิ่งจะเคยรู้จัก  ไม่เคยรู้เลยว่าตาสีน้ำตาลของมันจะกลายเป็นสีน้ำผึ้งได้  ไม่เคยรู้ว่าเสียงของมัน..มีอิทธิพลกับเยื่อแก้วหูของผมแค่ไหน  เงยหน้าจากขนเส้นหยาบที่โผล่จากรู้ขุมขนตรงหัวเข่า  เอนหลังนอนขนานพื้นโลกจ้องมองเพดานห้องนอนนิ่ง  กัดปากล่างแล้วหลับตาอย่างจนใจ..

ไม่อยากยอมรับ..ผมเห็นหน้ามันตลอดเวลา  ขนาดหลับตา..หน้ามันยังชัดแจ๋วแบบ  Full HD เลยครับ

พ่นลมทิ้งแล้วหักดิบลุกไปอาบน้ำ  หยิบเสื้ออกมารีดจนเกือบหมดตู้  หลีกเลี่ยงให้สมองว่างเข้าไว้..ก็มันว่างทีไรมันก็คอยจะลอยไปโน่นมานี่  ไร้สาระมาก!  เก็บเสื้อผ้าที่รีดแล้วเข้าตู้  อาบน้ำล้างเหงื่ออีกรอบถึงจะยอมหลับได้ตามปกติเสียที  ตื่นขึ้นมาก็ใช้ชีวิตปกติ  หุงข้าวแล้วรอกินข้าวพร้อมแม่  แต่งตัวสะพายกระเป๋าเดินออกจากบ้านไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เลี่ยงหลบตาสีน้ำผึ้งที่มองมาทางตัวเอง  กัดเนื้อตรงกระพุ้งแก้มแทนคำตอบจากเสียงทุ้มที่เอ่ยปากบอกข้างหู  ‘เมื่อคืนตูนนอนไม่หลับ..ไม่ได้ยินเสียงปั้น’  เบือนหน้าไปมองข้างทาง  พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำหน้าเฉย  แต่ทำไม่ได้..ปล่อยให้หน้ายิ้มเรี่ยราดไปจนถึงห้อง

“ดีกันแล้ว?”  สูบลมเข้าปากแล้วเบือนหนีคนถามอย่างไอ้ตุ๊  นั่งที่เดิมของตัวเอง  หางตาเหลือบเห็นตูนนั่งลงข้าง ๆ ผมยกมือขึ้นกอดอกแล้วพิงหลังแตะพนักช้า ๆ ปรายตามองหน้าต่างห้องเรียนอย่างเนียน ๆ ไม่ให้มันรู้ว่าผมกำลังเขินอยู่  เดินออกไปเข้าแถวรวมก็ตีหน้าเฉย  นั่งเรียนก็ทำหน้าซื่อ  เย็นก่อนกลับบ้านก็ทำเวรปกติ  เฉยกับคนที่นั่งมองนั่งรอผมอยู่หน้าห้อง  เพราะผมไม่ยอมให้มันจับไม้กวาดมาช่วยผม  เพื่อนทยอยเดินกลับบ้านในขณะที่ผมเดินไปหลังห้องเอาไม้กวาดไปเก็บที่   ทนได้เกือบจะหมดวัน หน้าเฉยของผมก็มีอันต้องทิ้งลงก้นหลุม

“ตูนนน  วันนี้พ่อปุ๊กไม่ว่างมารับ  ไปส่งที่บ้านหน่อยสิ”  ยืนนิ่งมองมือที่คล้องแขนไอ้ตูน  ไล่สายตามองหน้าสวยที่กำลังจับจ้องจะกลืนกินได้ตูนไม่วางตา  ความเดือดในอกมันมาจากไหนไม่รู้  ข้างในใจผมมันร้อนแปลก ๆ  หงุดหงิดไม่รู้ที่มา  แต่รู้ว่าจะทำยังไงให้หายจากความอึดอัดแบบนี้

“ไปสิ..ไปส่งปุ๊กด้วยกันแล้วค่อยกลับบ้านเราก็ได้  ตูนไม่ได้เอารถมานะปุ๊ก..คงต้องเดินไปส่ง”  ก้าวเท้าเข้าไปหาแล้วเบียดตัวเองตรงที่ว่างเล็ก ๆ ระหว่างแขนเล็กกับท่อนแขนแกร่ง  ตูนก้มมองตาขวางของผมแล้วยิ้มบางก่อนจะเบือนไปมองหน้าสวยที่งอง้ำอยู่ข้างหลังผม

“ครับผม..เดินนะปุ๊ก  เดี๋ยวผมกับปั้นเดินไปส่งที่บ้านให้”  อดยิ้มไม่ได้เมื่อมันเออออตามผมไม่มีขัดขืน  ตวัดหางตามองหน้าสวยที่มองตาผมกลับ  ประกายไม่พอใจฉาบไว้ทั่วหน้า

“ฉันขอให้ตูนไปส่งที่บ้าน..เอ่ยปากตรงไหนรึเปล่าว่าชวนเธอ..อย่าเสนอตัว!”  นิ่วหน้าเล็กน้อยกับลมเหม็นจากปากของหญิงสาวหน้าสวย  เบียดเข้าหาคนข้าง ๆ แล้วยกมือขึ้นกอดแขนแกร่ง  ช้อนตาขึ้นสบตาเชื่อมที่มองอยู่ก่อน  คำพูดฉอเลาะออเซาะตอแหลที่ผมพูดกันหมาตัวเมียให้มันประจำโดนมันสูบด้วยดวงตาพราวเสียสิ้น..

“อะ......”  เปล่งเสียงออกมาได้แค่นั้น  ก้มหลบตาเชื่อมมองไปที่กระเป๋าเสื้อนักเรียนแทน  ในหัวมึนงง  ใจเต้นโครมคราม  กัดเนื้อในริมฝีปากจนเจ็บแล้วพยายามนึกถึงคำที่ผมพูดกับมันประจำ  ลมร้อนจากปลายจมูกแตะลงมาที่ขมับผมเบา ๆ ดึงให้ผมหลุดออกจากกระบวนการคิดหาคำแอ๊บเกย์  กลั้นหายใจเมื่อเนื้อนุ่มหยุ่นจากริมฝีปากแตะมาที่แก้มแผ่วเบา..

“ทำอะไรน่ะตูน!  เรารู้ว่าพวกนายไม่ได้เป็นแฟนกัน  ไอ้เกย์นี่มันช่วยกันผู้หญิงให้ตูนเฉย ๆ แต่ทำแบบนี้ต่อหน้าเรา..มันเกินไปแล้วนะ!  ตูน!..”  กะพริบตาปริบกับเสียงและแรงที่ดึงสติและแก้มผมให้หลุดออกจากริมฝีปากของตูน  หันหน้ามองหน้าสวยที่กำลังไม่พอใจอย่างที่สุด  ไม่ทันสิ้นเสียงแหลม  ริมฝีปากชื้นก็ทาบลงมาที่แก้มผมอีกครั้ง  ตัวแข็งทื่อ  ปากดีที่เคยตอบโต้กลับปิดเงียบ  ตาที่มองหน้าสวยกะพริบถี่  หายใจเข้าสั้น  ตื่นเต้นจนไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่น..นอกจากเสียงลมหายใจของคนตรงหน้าที่เป่ารดมาที่แก้ม

“ปั้น..”  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ  เบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่กำลังไต่ผิวแก้มมาที่ริมฝีปากผมช้า ๆ  มือสากที่โอบเอวผมเลื่อนขึ้นมาประคองหน้าไม่ให้หลบได้อีก  เพียงเสี้ยวนาทีที่มันประคองหน้า  ผมก็ถูกริมฝีปากที่ป้วนเปี้ยนแถวแก้มทาบปิดรูปปากผมพอดี  หายใจไม่ทั่วท้องกับความนุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าไปตามริมฝีปากผม  หลับตาลงช้า ๆ แล้วพยายามหายใจเข้ารับเอากลิ่นลมหายใจร้อนเข้ามา  ริมฝีปากผม..มันเหมือนเอาปลายนิ้วมาแตะเบา ๆ แต่..ใจหวิว ๆ เพราะปลายนิ้วนั้นมันหวานไม่เหมือนขนมที่เคยได้กิน..

ปล่อยให้ปลายลิ้นรับรสหวานจนตัวผมลอยไปไกล..เกินจะกู่กลับ

ลืมตาขึ้นสบตาสีน้ำผึ้งช้า ๆ ไล่สายตาลงมาตามสันจมูกโด่ง  จบที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเชื่องช้า  หายใจรวยรินกับความละมุนละไมรอบตัว  ยกมือขึ้นแตะปลายนิ้วที่ริมฝีปากสีชมพูตรงหน้า  เลื่อนปลายนิ้วเชื่องช้าไปตามรูปริมฝีปาก  กวาดตามองแก้มใส  คิ้วเข้มและตาสวยของตูน  ริมฝีปากที่ผมแตะนิ้วไล้จูบที่นิ้วผมเบา ๆ  ชักมือออกแล้วหลบตาสวย  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับกะพริบตาเรียกสติเร็ว ๆ หลายครั้ง  มือสากที่ลูบแก้มผมเบามือเลื่อนลงโอบเอวผมเข้าหาตัว..

“ได้ยินไหมปั้น..”  ผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้วแนบหูฟังเสียงตึกตักที่เจ้าตัวบอกให้ผมฟัง  รู้..ว่ามันก็ต้องดังแบบนี้ล่ะมันถึงจะแสดงได้ว่าเรายังไม่ตาย  แต่วันนี้..ผมกลับได้ยินอะไรแว่วมากกว่าจังหวะตึกตักของหัวใจ  ดันตัวเองออกจากการกอดเกี่ยว  เบือนหน้าหมุนตัวหนีไปหยิบกระเป๋ามาสะพายไหล่  เกือบจะถึงประตูห้องมันก็วิ่งมาขวางแล้วจับไหล่ผมให้หยุดเดิน  ริมฝีปากนุ่มเอ่ยถามวกวน  ‘ยังไม่ตอบตูนเลย  ได้ยินอะไรไหม?’  กัดลิ้นตัวเองเบา ๆ แล้วตอบเสียงเบาโหวง..

“ไม่เห็นได้ยินอะไร?..จะกลับบ้าน..”  เลี่ยงหลบตาระยับที่จับจ้องหน้าผม  มันหัวเราะเสียงเบา  หดคอหนีเสียงทุ้มที่ถามผม  ‘เขิน?..ตูนไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยนะ  ก็แค่..’  มันยกมือขึ้นไล้ปลายนิ้วที่แก้มผมเบา ๆ สะดุ้งเฮือกเงยหน้ามองตาเชื่อม  ‘ลูบไล้’  เม้มปากหลบตา..ก่อนจะเปลี่ยนจากปลายนิ้วเป็นปลายจมูกโด่ง  ‘แตะไล้..’  ที่แก้มสูดกลิ่นผิวหน้าผมอีกฟอดใหญ่  ก่อนจะเลยเถิดให้มันจูบจาบจ้วงตามใจผมรีบยกมือขึ้นมาถูเบา ๆ  ที่แก้มแล้วเนียนมาปิดปากไว้ทัน 

“อย่าคิดจะ ‘กดไลค์’  กูได้อีกไอ้ตูน”  มันยิ้มกว้างแล้วหัวเราะร่ากับความอารมณ์ดีของผม  เลื่อนมือมาปิดปากป้องไม่ให้เห็นว่าผมยิ้มอยู่  กูก็ขำเหอะ555  เดินหนีออกจากห้องเรียนแล้วรีบสาวเท้ากลับบ้าน  กลั้นยิ้มไม่ไหวกับคำที่มันกะซิบที่หูก่อนจะก้าวพ้นรั้วโรงเรียน

“บอกแล้วว่าไม่รอดหรอก..เป็นแฟนตูนเรียบร้อยแล้วนะ”  ก้มหน้างุด ๆ เดินไปขึ้น  2  แถว  นั่งเงียบเอามือปิดปากจนถึงบ้าน  เข้าบ้านไปคนเดียวไม่ยินยอมให้มันมาย่างกรายในบ้านได้..อย่างน้อยก็ไม่ใช่วันนี้

วันที่ผมเสียความเป็นตัวตนให้คนที่เป็นสะพานมาตลอดเลื่อน  8  ขั้น เยี่ยงทหารที่พลีชีพในหน้าที่ขึ้นมาเป็น..แฟน  ขอถอนคำพูดจากตัวเหี้ยที่เรียกว่าแฟน  เป็นตัวน่ารักที่ใช้เสียงตึกตักบอกรักผมแทนนะครับ >///<
.
.
.

ปุจฉา..  อะไรเอ่ย..ยิ่งหนี  ยิ่งเจอ  ยิ่งใกล้..ใจยิ่งเต้น

วิสัจชนา..






ไอ้ตูนครับ!



END.


แถม

.

.

อากาศเย็นสบายตัวหลังฝนตกในวันธรรมดาสร้างบรรยากาศความโรแมนติคให้ลุกโชน  นั่งเท้าคางมองตาเชื่อมฝั่งตรงข้ามไม่วางตา  ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกอยากจะทำ  แต่วันนี้..มันเหมือนผมนั่งเอาหัวพิงไหล่ไอ้ตูนมองทะเลยามค่ำคืนที่มีดาวดาษดื่นระบายเต็มท้องฟ้า  อารมณ์มันเหมือนนั่งตากลมในวันที่ร้อนระอุ  มัน..ชื่นอกครึ้มใจไงไม่รู้  จับจ้องหน้าหล่อเร้าเรียกร้องความสนใจไม่ให้ผมมองเพื่อนร่วมห้องที่นั่งรายล้อมอยู่โดยรอบ  ไม่สนใจเสียงกระแอมกระไอจากใครสักคนที่ส่งมาขัด 

อมยิ้มให้สิ่งมีชีวิตที่นั่งมองสำรวจหน้าผมด้วยดวงตา..ฉ่ำเยิ้ม  ไอ้ตูนยกมือที่เท้าไปข้างหลังขึ้นมาวางบนโต๊ะ  ผมเลิกคิ้วมองมือสากที่ทำปูไต่มาตามตาหมากรุกบนโต๊ะมาทางผม  กลั้นยิ้มแล้วเอามือที่เท้าคางลดลงมากอดอก  ไอ้ตูนชะงักนิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม  ริมฝีปากอิ่มยิ้มพราย  ชักมือกลับมาทำท่าเท้าคางจ้องตาผมนิ่ง 

“ปั้น..”  มองริมฝีปากที่เรียกชื่อผมแล้วความอายมันขึ้นไม่ไว้หน้า   สูบลมเข้าปากบังคับไม่ให้ริมฝีปากตัวเองยิ้ม  ผมตาโตเมื่อมันเอาเท้ามาหนีบเท้าผมไว้  เอี้ยวตัวก้มมองเท้าตัวเองแล้วเผลอคลายแรงงับที่ปากล่าง  ปล่อยให้หน้ายิ้มกว้างใบบัวปิดไม่มิด  มันชักเท้ากลับที่เดิม  ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อของมัน  ตกใจกับหน้าระยะประชิด  สะดุ้งกับลมที่เป่าปะทะที่จมูก 

‘พู่ววว’  ผงะหนียกมือขึ้นลูบเบาที่ปลายจมูกตัวเอง  เบี่ยงหลบตาพราวที่มองจนคอเคล็ด  ปรายตามองตอบตาระยับแล้วทำปากเชิดแก้เขินเล่น  เบี่ยงตัวหันหน้ากลับมาสบตา  เม้มปากล่างกลั้นยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาวางบนโต๊ะ  เอานิ้วชี้ถูกันเบา ๆ  มันยิ้มบางมองนิ้วที่ถูเล่นของผมก่อนจะเอามือมาวางบนโต๊ะบ้าง  หรี่ตามองการเคลื่อนไหวของนิ้วและมือที่ขยับอยู่ไม่ห่างจากมือผม 

มือสากวางราบกับโต๊ะก่อนจะค่อย ๆ ลากมาชิดกัน  มันประกบมือกันหันปลายนิ้วใส่หน้าผม  ก่อนจะขยับฝ่ามืออกห่างให้ปลายนิ้วยังประกบกัน  งอหัวแม่โป้งนิดหนึ่งแล้วตั้งฉากให้ปลายนิ้วตั้งขนานโต๊ะ  ยิ้มกว้างตาพราวส่งมาให้พร้อมมือรูปหัวใจที่อยู่ตรงหน้าผม..

เดี๋ยวให้แม่มาขอเลยนี่~~           

ยกมือที่เขี่ยปลายนิ้วชี้ไปมาของตัวเองขึ้นมาปิดหน้า  ไหวไหล่ด้วยความขวยเขินเกินยั้งอยู่  อายอ่ะ!

รอบกายได้ยินเสียงเหมือนคนแพ้ท้อง   บ้างหัวเราะ  บ้างจิ๊ปากด้วยหมั่นไส้  ไม่ได้ถ่างนิ้วดูว่าใครบ้างที่ทำกิริยาเช่นนั้น   เอาแต่เขินจนต่อมเสือกหยุดการทำงานไปชั่วคราว

สะดุ้งกับไออุ่นที่มานั่งเบียด  ขืนมือที่ปิดหน้าไม่ให้คนที่มานั่งข้าง ๆ ดึงมือออก  กลั้นยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบเรียกชื่อผมข้างหู  ‘ปั้น..ปั้น..’  มีแรงเรียกเรียกไป  ภายใต้ฝ่ามือชื้นเหงื่อของผม  มันซ่อนหนังหน้าบานแฉ่งยิ้มกว้างของผมไว้มิดชิด  ผมจะยิ้มยังไงก็ได้..ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น

แรงที่พยายามดึงมือออกลดกำลังลง  มันเปลี่ยนมากอดผมไว้แทน  เสียงรอบกายยังคงส่งมาเป็นระยะ  ที่โดดเด่นสุดก็เสียงแพ้ท้องอย่างหนัก  คาดว่าคงจะทนความน่ารักของผมกับมันไม่ไหว  ต้องระบายออกด้วยการอ้วกลมอิจฉาที่พวยพุ่งในจิตใจทิ้งทางปาก  กลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองอย่างหนักสู้กับปลายจมูกที่กดย้ำที่ใบหูแถมพ่นลมให้จั้กจี้เล่น  ทนไม่ไหวต้องเลื่อนมือไหลมาปิดหู  มันเปลี่ยนเป้าหมายมาไล่หอมพื้นที่ที่มือผมปิดหน้าไม่มิด  หัวเราะคิกกับริมฝีปากนุ่มที่จูบตรงซอกนิ้ว  ยิ่งพยายามปิดมันยิ่งแกล้งหอมหนักขึ้น   ขำก๊ากจนตัวโยนปล่อยให้มันดึงมือออกจนได้  โอบรอบคอ  นั่งตัก  เอาคางเกยไหล่กันไม่ให้มันหอมหน้าได้  หัวเราะตลอดเวลาเพราะมันกอดผมตอบแล้วกดคางลงที่ไหล่  มันเรียกชื่อผมทีก็หันหน้ามาเป่าลมเข้าหูที  แล้วแม่งเรียกถี่มากจนคนอื่นขำตามผมไปด้วย

“เล่นไรกันวะ?”  พยายามหยุดหัวเราะแล้วกอดคอมันแน่นขึ้น  เอนหลังเบี่ยงหน้ามาส่ายหน้าตอบคำถามของไอ้ตุ๊ที่ถามผมกับมัน  ไอ้ตุ๊ยิ้มมุมปากแล้วเลื่อนสายตาจากหน้าผมไปมองหน้าตูน  ผมมองตามก็เห็นมันยิ้มพราย  หลับตาแน่น  เกร็งแก้มรับปลายจมูกที่กดลงมา  ฝ่ามือที่กระชับแถวแผ่นหลังอุ่นวาบ  ลืมตามองเจ้าของลมอุ่นที่เป่ารดตรงปลายจมูก  ยิ้มเขิน ๆ ให้แล้วกอดคอมันแน่นขึ้น 

ผมกลั้นยิ้มไม่ไหวเลยปล่อยให้หน้ายิ้มกว้างของตัวเองวางบนไหล่หนาของตูน  ท่ามกลางเสียงอ้วกที่ดังอย่างต่อเนื่องรอบตัว  กลับมีเสียงที่แจ่มชัดจากริมฝีปากนุ่มที่อยู่ข้างหู..

“แซวมากเดี๋ยวกูจูบโชว์เสียเลย..ยัง..ยังกล้าแซว?!”  อมยิ้มแล้วคลายมือที่กอดรอบคอมัน  ผมกับมันเป้นพวกยุขึ้นครับ  กัดปากล่างไว้กลั้นยิ้ม  หลับตาปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มประกบลงมารวดเร็ว  เสียงจากริมฝีปากที่พรมลงมาดัง ‘จุ๊บ’  ไล่จากเปลือกตาจนถึงริมฝีปาก  ยิ้มกว้างกับเสียงจุ๊บสุดท้ายที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ แล้วทำปากยื่นรับจุ๊บมันแบบเนียน ๆ หลุบตาแล้วอมยิ้มแก้เขิน  กระซิบเสียงเบาให้มันได้ยิน..

“น่ารักใช่ม๊า~”  มันยิ้มกว้างแล้วกอดผมแน่นขึ้นเพราะที่ผมพูดน่ะมันโคตร  real   นั่งตักกอดคอมันจนหมดคาบว่าง  เดินเอาสีข้างชนกันเล่นจนถึงห้องเรียน  นั่งเรียนก็เอานิ้วเขี่ยฝ่ามือมันเล่นจนหมดคาบ  เลิกเรียนก็ผลัดกันไปกินข้าวเย็นที่บ้านผมบ้านมันคนละวัน

ตูนทำให้ผมรับรู้หลายเรื่อง..แม้ไม่ต้องเอ่ยปาก..

บางอย่าง..มันไม่ต้องใช้สัมผัส  รับ  และรู้ด้วยหัวใจ.. 

และ  ‘บางอย่าง’  ที่ผมกับตูนรับและรู้..




ความรัก ไงครับ.

END.


กอดค่าาาา  บวกคับบบบบบ
งานท่วมหัวเหมือนฝนห่าใหญ่ที่กระหน่ำใส่เมื่อไม่กี่ัวันมานี้  ขอบคุณทุกความเห็นที่เข้ามาให้กำลังใจนะคะ  ในมือจิเหลือนิยายไม่กี่ตอนแล้วค่ะ  แล้วก็..กำลังนั่งแต่งตอนจบปิดตลาดอยู่ค่ะ  ร้างการเขียนมานานมาก  ไม่เข้ารูปไม่ลงรอยเสียที  ค่อยเป็นค่อยไปเนอะ  นิยายเรื่องสั้นเรื่องนี้จะได้เข้าหมวดจบได้เสียที  ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 09-04-2015 13:10:22
เด็กๆๆจีบกันนี่มันน่ารักแท้ๆๆ :-[


 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 09-04-2015 18:50:18
'ความรัก' มันดีแบบนี้เองเน้อ… บอกเลยว่าอิชชี่มากกกค่ะ อ่านคู่นี้แล้วโลกพลันสดใสขึ้นมาทันตาเห็นเลย คือปั้นน่ารักได้อี๊กก เด็กน้อยขี้เขินเอ้ยย :m1: เกิดอาการหลงรักน้องปั้นตามตูนไปด้วยแล้วน้าา มันซาบซ่านหัวใจ~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 09-04-2015 19:04:25
 o18 นั่ลล้ากกก อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 09-04-2015 23:24:49
น่ารักกันจริงจริ๊ง เด็ก ๆ เนี่ย  :o8:
ปั้น มึน ๆ ฮา ๆ ช่างมโนเหลือเกิน คิดอะไรทีเป็นเรื่องเป็นราวเชียว
แต่ชอบสุด ก็ไอ้ความหลงตัวเองนี่แหละ อะไรคือเก๊กหล่อ 45 องศาจ้ะ 555
ปั้นกับคุณแม่น่ารักจัง ชอบที่คุยกันได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องรสนิยม
แถมคุณแม่ยังเชียร์ว่าที่ลูกเขยตูนซะออกนอกหน้าซะอีก
ตูนก็น่ารักมาก ยิ่งพอได้เป็นแฟนปั้นสมใจ ยิ่งดูแลเทคแคร์แฟนดีจริง ๆ
ชอบสุด ตอนเขาโชว์หวานกัน แบบไม่แคร์สื่อและสายตาใด ๆ เนี่ยแหละ  :m1:
คู่นี้น่ารัก มุ้งมิ้งกันดีจริง ๆ  ขอบคุณคุณจิค่ะ  :L1:

ปล. อยากอ่านคู่พี่ช้างน้องตังอีกจังค่ะ มีตอนพิเศษ หรือ แฟนฟิค ของคู่นี้ไหมค่ะ
เป็นแฟนคลับน้องตังค่ะ ชอบน้องตังที่สุดเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-04-2015 21:58:16
อ่านตอนนี้แล้วเขินจนตัวจะบิดแล้วจิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 12-04-2015 22:13:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-04-2015 22:17:36
รู้สึกยิ้มจนแก้มจะแตก เขินมากเลย ชอบคู่นี้ ใสๆน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 14-04-2015 13:16:48
สงกรานต์ของชาวตลาด

 
อากาศร้อน  แดดแรงไม่ทำให้บรรยากาศสงกรานต์ของผู้คนชาวตลาดหม่นหมอง  ตรงกันข้าม  กลับทำให้ชาวตลาดคึกคักและมีความสุขมากขึ้น  เจ้าของตลาดสดให้ความสำคัญกับเทศกาลแห่งความสุขนี้  เนรมิตพื้นที่ท้ายตลาดเป็นที่เล่นน้ำให้พวกพ่อค้าแม่ขาย  ตอนเช้ามีการขายของกันเหมือนปกติ  แต่ช่วงกลางวันจนถึงเย็นจะมีการรดน้ำขอพรพ่อค้าแม่ขายที่อายุเลย  60  ปีไปแล้ว

เก้าอี้พลาสติกตั้งเรียงรายเป็นแถวยาว  พ่อค้ารุ่นคุณตาถูกเชิญให้มานั่งหัวแถว  ไล่ตามอายุจนถึงคุณยายร้านขายพริกแกง  พ่อค้าแม่ขายในตลาดที่อายุน้อยแต่งตัวด้วยเสื้อลายดอกสีสดใส   ชักแถวกันเข้ามาตักน้ำที่มีกลีบดอกไม้หลายชนิดลอยหน้า  และมีกลิ่นหอมของน้ำอบไทย 

“สุขภาพแข็งแรงนะครับ  เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานนะครับตา”  เสียงอวยพรของเด็กรุ่นหลังอวยพรให้คุณตาคุณยายแข็งแรง  เรียกรอยยิ้มแห่งความสุขมาให้คนแก่  เจ้าของตลาดยืนยิ้มกับภาพที่เห็นและสั่งคนดูแลตลาดคอยเก็บภาพแห่งความประทับใจไว้  เสร็จสิ้นกิจกรรมขอพรผู้สูงอายุก็เป็นการกินกลางวัน  กับข้าวจากซอยข้าวแกงถูกนำมาตั้งไว้บนโต๊ะยาวด้านข้าง  อีกโต๊ะเป็นจาน  ช้อนและน้ำเปล่าไว้บริการพ่อค้าแม่ขาย  ผู้สูงอายุได้รับการเชิญให้เปิดพิธีกินกลางวันก่อน  หลังจาการกินและเก็บกวาดเรียบร้อยก็ถึงเวลาการเล่นน้ำฉลองมหาสงกรานต์     

เสียงหัวเราะสดใสดังก้องท้ายตลาด  เมื่อหนุ่มน้อยดวงตาสีน้ำตาลถูกหนุ่มหน้าคมเข้มที่มีลักยิ้มแก้มขวาวิ่งไล่ปะแป้ง  หนุ่มหน้าคมคว้าแขนเล็กแล้วดึงเข้าหาตัว  กอดไว้แน่นกลัวหนุ่มน้อยจะล้มกลิ้ง   ยิ้มโชว์ลักยิ้มที่แก้มขวาก่อนจะยกมือที่กำแป้งไว้มาป้ายเบา ๆ ที่แก้มใส  ดวงตาสีน้ำตาลกลมจ้องมองลักยิ้มบุ๋มแล้วยิ้มตาม  หนุ่มหน้าคมยิ้มกว้างเมื่อหนุ่มน้อยขอแป้งที่อยู่ในมือตนมาปะแป้งคืนบ้าง  มือเล็กทาบลงปาดแป้งในมือหยาบ  หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมองลักยิ้มแล้วบรรจงปะไปตรงนั้นเบา ๆ   ส่งยิ้มน่ารักให้หนุ่มหน้าคมจนคนเพิ่งถูกปะแป้งทนไม่ไหว  หันซ้ายแลขวาแล้วกดจมูกลงไปที่แก้มใสของหนุ่มน้อย

“หอม..”  หนุ่มน้อยกะพริบตา  เอียงคอคิดตามคำที่หนุ่มหน้าคมทำตาพราวใส่บอก  ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วย  ‘แป้งหอมเนอะ’  คราวนี้คนกะพริบตาเปลี่ยนหนุ่มหน้าคม  ยิ้มเอ็นดูหนุ่มน้อยแล้วหันไปตามเสียงเรียกของชื่อหนุ่มน้อย  มองเขี้ยวเล็ก ๆ ของหนุ่มน้อยที่ยิ้มตอบเพื่อนก่อนจะคลายแรงกอด  หันไปรับน้ำในถังที่เพื่อนรุ่นพี่ของหนุ่มน้อยสาดมาโครมใหญ่

“5555”  เสียงหัวเราะของรุ่นพี่สดใสจนคนที่คอยยกถังน้ำเติมน้ำให้อดยิ้มตามไม่ได้  รุ่นพี่ที่ชอบใส่จิวสีดำที่หูซ้ายเดินหาเป้าหมายในการสาดน้ำใหม่  ดวงตาสีดำเพ่งมองเพื่อนสนิทที่กำลังถูกคนตัวสูง  ตาคมหยิบกลีบดอกไม้ที่ติดตรงผมออกให้  ไอ้ความคิดที่จะเข้าไปสาดน้ำขัดจังหวะต้องพับเก็บ  เพื่อนรักไม่มีทีท่าจะสนใจมองใครนอกจากกอดขันสแตนเลสไว้กับอก    มองตาคมของพี่ตัวสูงเคลิ้ม  ถอนหายใจแล้วหันหลังไปสาดน้ำคนที่คอยเดินถือถังเติมน้ำให้แทน  เสียงโวยวายของคนถือถังที่ไม่ทันตั้งตัวกับการแกล้งของหนุ่มจิวหูสีดำดังล้งเล้ง  วางถังไว้ข้างตัวแล้วไล่แย่งถังน้ำที่อยู่ในมือคนชอบแกล้ง

“เฮ้ยอย่านะ!5555”  ยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบแล้ววิ่งหนีอ้อมแขนแกร่ง  วิ่งชนกับหนุ่มผมยาวที่ยืนอยู่ตรงทางเท้า  หันไปขอโทษก็โดนคนที่วิ่งตามจับตัวเอาไว้ได้ทัน  ห่อไหล่แล้วหัวเราะเสียงดังเพราะคนกอดวักน้ำใส่จนเปียกทั้งตัว  คนกอดก็แอบเนียนหอมไรผมไปด้วยตอนวักน้ำใส่  ไม่สนว่าเจ้าของจิวหูจะรู้ตัวรึเปล่า

หนุ่มผมยาวที่เพิ่งถูกชนหันมองหนุ่มดวงตาสีดำที่ผงกหัวขอโทษ  ไม่ทันได้พยักหน้าตอบก็ถูกเด็กหนุ่มอีกคนแย่งความสนใจ  มือนุ่มเหมือนดอกคาร์เนชั่นยื่นมาปะแป้งที่แก้มขวา  มองดวงตากลมที่เหมือนดอกบานไม่รู้โรยนิ่ง  ก้มหอมขมับแล้วจับมือที่เปื้อนแป้งของหนุ่มเกาหลีป้ายโบตั๋นสีชมพูของตัวเองเบา ๆ  ยกยิ้มพอใจกับความงามตรงหน้าแล้วหันไปมองต้นเสียงโวยวายที่ดังมาจากอีกฝั่งถนน

“ไอ้เหี้ย55555”  หนุ่มหน้าขาวปากแดงสาดน้ำถังใหญ่ใส่เด็กหนุ่มรอยยิ้มสวย  โยนถังไว้ข้างตัวแล้ววิ่งเข้าไปแย่งแป้งในมือมาปะแก้มใสของคนโวยวาย  ปากแดงยิ้มกว้างกับฝีมือตัวเองแล้วจับมือหนุ่มน้อยยิ้มสวยมาแบมือ  ละเลงแป้งในฝ่ามือแล้วยิ้มขำกับการจักกะจี้มือของหนุ่มยิ้มสวยไปด้วย
 
“พอแล้วเยอะแล้ว555”  หนุ่มยิ้มสวยขยับมือหนี  หนุ่มหน้าขาวปากแดงเลยต้องออกแรงจับไว้แน่น  ละเลงแป้งจนได้ที่ก็จับมือนิ่มทั้ง  2  ข้างมาปะเข้าที่แก้มของตัวเอง  ปากแดงคลี่ยิ้มอ่อนโยนจนหนุ่มยิ้มสวยอดเขินไม่ได้  ดึงมือออกมาจะชกแก้เขิน  หนุ่มหน้าขาวปากแดงก็รีบยกแขนข้างที่รอยแผลเป็นมาบัง

“เจ็บ..”  หนุ่มยิ้มสวยเลยต้องเอามือที่เงื้อมาทึ้งหัวตัวเองแทน  แป้งที่ติดมือทำผมขาวโพลนไปทั้งแถบ  หนุ่มหน้าขาวเลยจูงมือไปขอน้ำจากคนที่เพิ่งเข้ามาเล่นน้ำทีหลังอย่างพวกแผงข้าวแกงมาล้างผมให้หนุ่มยิ้มสวย   หนุ่มน้อยดวงตาสวยยื่นถังน้ำให้แล้วยืนรอ  หนุ่มหน้าขาวปากแดงล้างผมเสร็จก็เอ่ยปากขอบคุณ  ริมฝีปากสีชมพูแย้มยิ้มรับคำขอบคุณ  หันไปมองคนที่มาด้วยกันแย่งถังไปถือไว้เอง  ก้มหน้าหลบตาสีน้ำตาลที่เคยแอบมองตัวเองบ่อย ๆ แล้วชวนไปตักน้ำมาเล่นสาดน้ำกับคนอื่น  คนเดินตามโอบเอวให้หลบคนที่วิ่งไล่สาดน้ำ  ไหล่เล็กกระแทกอกแกร่งจนต้องเงยหน้าไปขอโทษ  ดวงตาพราวระยับจากคนโอบยิ้มตอบ  หนุ่มตาสวยจำต้องก้มหลบแล้วปล่อยให้ร่างกายได้รับการปกป้องต่อไป

สงกรานต์ที่ตลาดยังคงสร้างรอยยิ้มและความสุขให้ชาวตลาดเสมอ



END.




สงกรานต์ของ  2  คู่  2  ขั้ว


อากาศร้อนแสบผิวทั้งที่เพิ่งจะ  9 โมงเช้า  ทะลุทะลวงหน้าต่างห้องนอนเข้ามารบกวนการเฟ้นเสื้อผ้า  ถ้าเป็นเวลาปกติ  ผมคงเดินไปหลังบ้านนอนเล่นใต้ต้นมะม่วง  ให้ลมเย็น ๆ ช่วยไล่ความร้อนที่แผดเผาในช่วงสงกรานต์  แต่วันนี้ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น  ผมมีนัดกับพี่โตครับ  พูดถึงพี่เค้าแล้ว  ผมก็อด..หน้าร้อนผ่าวไม่ได้  เขินขึ้นหน้ามาซะอย่างนั้น

ปิดเทอมที่แล้วผมกับพี่โตก็..ก็เพิ่งจะเป็นแฟนกัน  พอเปิดเทอมเราก็คุยกันผ่านมือถือ  เจอกันวันหยุดก็เจอที่บ้านผม  ไม่ก็ที่แผงขายมะม่วงในตลาด  ไม่มีโอกาสได้เจอกันข้างนอกเหมือนตอนที่ยังไม่เริ่มคบกัน  ผมคิดว่าพ่อกับแม่ผมกำลังเริ่มระแคะระคายพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเรา  ผมเป็นคนขอไม่ให้พี่โตบอกที่บ้านผมว่าเราคบกันอยู่  ผมจะเป็นคนบอกเอง..เมื่อผมมีความกล้ามากกว่านี้  ต่อหน้าพ่อกับแม่ผม..เราคุยกันน้อยลง  เกร็ง  แล้วก็..มองกันแปลกขึ้นทุกที  ผมเปล่ามองพี่โต  ปกติผมก็ไม่กล้ามองพี่เขาอยู่แล้ว  พอเป็นแฟน..ผมยิ่งอายหนักกว่าเดิม  คนที่มองจนพ่อกับแม่เริ่มสงสัยน่ะ..พี่โตต่างหาก >////<

มือถือที่วางบนโต๊ะเขียนหนังสือสั่นจนต้องโดดลงจากเตียงมากดดู  เห็นชื่อที่โชว์แล้วเม้มปากมองชื่อที่ทำให้ใจเต้นตึกตักได้ตลอด  ก้าวเท้าไปที่เตียง  หย่อนก้นนั่งพร้อมกับเบือนหน้าไปมองกระจกหน้าต่าง  ทุกครั้งที่ผมนึกถึงหน้าคมเคราครึ้มของพี่โต  ผมก็มักจะเขินขึ้นหน้าทุกครั้งไป  เงาเลือนรางที่ผมเห็นมันชัดพอจะทำให้ผมต้องก้มหน้า..ซ่อนเขิน 

แก้มตัวเองแดงแปร๊ดยังกับถูกตบมาเป็นร้อยครั้ง!!!

“ครับ..”  กลั้นใจรับสายพี่โต  ปลายสายส่งเสียงทักทายแล้วบอกผมให้รู้ว่ากำลังจะถึงบ้านผมแล้ว

‘ครับผม  ตื่นนานยัง?  พี่จะถึงหน้าบ้านแล้วนะครับ..”  ผมรีบหันหลังไปมองเวลาที่ผนังทันที  พี่โตมาก่อนเวลาตั้งครึ่ง ชม.  กำลังจะบอกให้พี่วางสายได้เลย  ผมจะรีบลงไปหา  พี่โตดันถามผมขึ้นมาเสียก่อน

‘วี..แก้มหอมรึยังครับ?’  หยุดเท้าที่กำลังจะเดินไปหยิบกางเกงมาสวม  ตัวแข็งทื่อ  คิดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่  กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ  มือที่กำแน่นยกขึ้นมาปิดปากไม่ให้ยิ้มเขิน  ตอบไปเสียงเบา

“..วียังไม่ได้อาบน้ำอ่ะ  พี่โตรอวีแป๊บนะ!!!”  รีบวางหูตัดสายก่อนจะไปไม่เป็นมากกว่านี้  พี่โตชอบแกล้งให้ผมเขิน  รู้อยู่แล้วว่าผมอายแต่ก็ไม่ยอมเลิกแกล้งเสียที  รีบแต่งตัวเพราะพี่โตบอกว่ามาถึงหน้าบ้านแล้ว  จะได้ไม่ต้องรอผมนาน  แล้วที่สำคัญ..พี่โตจะได้ไม่อึดอัดเวลาที่บ้านผมนั่งคุยด้วย  หยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำมาสวมกับยีนสีเข้ม  วิ่งลงบันไดลงมาก็เห็นพี่โตนั่งคุยอยู่กับพ่อที่โซฟารับแขก  ตาคมคู่นั้นมองเลยพ่อมาสบตาผม  ความอ่อนโยนจากตาคู่นั้นค่อย ๆ โอบล้อมผมเบา ๆ  สบตาคู่นั้นไม่ละสายตา  แก้มค่อย ๆ ร้อนขึ้นเมื่อตาคมกำลังส่งประกายพราวมาให้  กะพริบตาแล้วเบือนหน้าหนีก่อนพ่อจะเห็นความผิดปกติที่แสดงออกมาทางใบหน้าขึ้นสีเรื่อของผมเอง

“จะไปเล่นน้ำไหนกันล่ะเรา?  พาน้องไปด้วยสิ”  พ่อถามพร้อมทั้งบอกให้ผมพาน้องไปเล่นน้ำด้วย  ผมหันมายิ้มแล้วบอกพ่อตามตรง

“ไปเล่นแถวหน้าสวนอ่ะพ่อ  ไม่พาน้องไปหรอก  วีไม่ได้เล่นน้ำกันพอดี  แล้วจะรีบกลับครับพ่อ”  ตอบแล้วเดินหนีไปทางหน้าบ้าน  หางตาเหลือบเห็นพ่อหันไปยิ้มกับพี่โต  ใส่รองเท้าแตะได้ก็ออกมายืนรอที่มอ’ไซค์คันใหญ่ของพี่โตที่จอดไว้หน้าบ้าน  ไม่นานพี่โตก็เดินตามออกมา  สบตาคมแล้วก้มหน้าหลบมามองพื้นถนน  เบี่ยงตัวหลบไออุ่นที่เดินเข้ามาใกล้  หลับตาแน่นแล้วย่นคอรับหมวกกันน็อคที่สวมลงมาที่หัว  เงยหน้าขึ้นให้พี่โตล็อคที่คางให้ หัวใจผมเต้นแรงจนจะหลุดออกมานอกอกเพราะพี่โตยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ รีบเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทางแล้วทุบไหล่หนาแก้เขินเสียงดังปึ๊ก

“..ไปได้แล้ว..พี่โต!!!”  ขึ้นเสียงข่มเขินเมื่อคนที่สวมหมวกกันน็อคให้  ทำท่าจะก้มลงมาหอมแก้มผมตรงนี้จริง ๆ  ก้าวขาคร่อมซ้อนมอ’ไซค์ก็กัดปากล่างจนเจ็บไปตลอดทาง  ก็มือใหญ่ข้างซ้ายชอบไขว้หลังมาควานหามือผมไปจับอยู่เรื่อย  พอไม่ให้จับก็จอดรถแล้วหันมาจ้องหน้าจนผมเขินตลอดอ่ะ  ขี้แกล้ง!!!

พี่โตพาผมมาถึงหน้าสวนตอน  10.30  น. พอดี  คนเล่นน้ำ  2  ข้างทางเยอะมาก  แทบจะปิดถนนเลยครับ  ปกติเป็น  4  เลนส์  แต่วันนี้เหลือแค่เลนส์รถสวนอ่ะ  ก้มหน้าก้มตามุดหน้าเข้ากับหลังพี่โตหลบน้ำที่สาดเข้ามาจากข้างทาง  เอามือจับหมวกกันน็อคไว้แน่นไม่ให้พวกที่รุมปะแป้งมาถอด  ผมกลัวจะโดนรุมปะแป้งที่แก้ม..

ก็พี่โตยังไม่ได้จับเลยอ่ะ  คนอื่นจะจับก่อนได้ไง?!

พี่โตจอดมอ’ไซค์ตรงที่คนมารุมปะแป้งผม  ใจเต้นโครมครามกลัวพี่โตจะมีเรื่องกับวัยรุ่นแถวนี้เพราะมาปะแป้งผมแบบไม่มีมารยาท  โน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกดหน้าลงกับหลัง  มือข้างหนึ่งลดมากอดเอวแน่น  พี่โตจับมือผมเบา ๆ แล้วตะโกนเสียงดัง

“พอได้แล้ว!!  แฟนกูตกใจหมดไอ้พวกเหี้ย”  ขนาดใส่หมวกกันน็อคผมยังได้ยินชัดเต็ม  2  หูเลยอ่ะ  มือเป็นสิบที่มีแต่แป้งหยุดความเคลื่อนไหวก่อนถอยออกมาให้ผมได้หายใจหายคอ  บอกตามตรงว่ากลัวอยู่ไม่น้อยกับการเล่นรุมปะแป้งกันแบบนี้  ถึงผมจะเป็นผู้ชายก็เถอะ  พี่โตยื่นมือมาถอดหมวกให้แล้วลดมือลงมาปัดเสื้อที่มีแต่แป้งเกาะเต็มไปหมดออกเบามือ  ตาคมกวาดมองหน้าผมแล้วแตะหลังมือที่แก้มผมเบา ๆ

“ดีที่ใส่หมวก  ไม่งั้นแก้มวีต้องช้ำหมดแน่..”  ผมพยักหน้าน้อย ๆ แล้วหลับตาให้พี่โตไล้ปลายนิ้วจนพอใจ  พี่โตพาเข้ามาในกลุ่มเพื่อนพี่โต  ผมยกมือไหว้เพื่อนพี่โตทุกคน  ก้มหน้าก้มตาหลบยิ้มแซวของพี่ ๆ ที่คอยส่งให้ตลอด  พี่โตดึงสายยางในมือเพื่อนมาล้างหัวล้างตัวให้เสร็จแล้วก็ให้ยืนตรงกลางของกลุ่มเพื่อนพี่โต  ผมมีปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่ที่เพื่อนพี่โตยกให้  มีคนคอยเติมน้ำให้ฉีดตลอด  มีคนคอยกันเวลามีคนวิ่งเข้ามาสาดน้ำ  มีแต่เสียงหัวเราะเพราะทุกครั้งที่ผมเดินถอยหลังหลบมือของคนมาเล่นปะแป้ง  จะต้องมีพี่โตหรือไม่ก็เพื่อนของพี่โตเอาหน้ามารับแป้งแทนตลอด  แต่แก้มผมก็มีแป้งปะนะครับ  ทำเป็นหนวดแมวให้ด้วย..ฝีมือพี่โตครับ -//////-

ตอนนี้ผมกับพี่โตนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่ในรถเพื่อนพี่โต  อ้าปากรับหมูสับที่ส่งมาให้แล้วตักแตงกวาคืนให้ทันที  พี่โตยิ้มกว้างเพราะหมูที่ให้มันต่างกันลิบลับกับแตงกวาของผม  ยิ้มคืนแล้วรีบหยิบข้าวกล่องหันหลังให้ทันที  มือใหญ่คว้าข้าวกล่องผมไว้แล้วดึงออก   ตัวแข็งกับปลายจมูกที่กดลงมาที่ใบหู  หน้าร้อนวูบ  ปล่อยให้พี่โตไล้ปลายจมูกมาหอมแก้มเบา ๆ

“หอม..”  ก้มหน้างุดกับเสียงแหบข้างหู  ห่อไหล่ให้พี่โตกอดไว้ทั้งตัว  คางมนเกยที่ไหล่ผมเบา ๆ  มือสากจับปลายคางผมให้หันมาสบตาคม  พี่โตลดสายตาลงมาจ้องริมฝีปากผม  ปากเม้มอัตโนมัติ   หน้าตัวเองร้อนจนแทบระเบิด  หลับตาปี๋รับสัมผัสนุ่มของริมฝีปากพี่โต  ทำใจอย่างหนักไม่ให้ตื่นเต้น  คราวที่แล้วเป็นลม  คราวนี้ต้องไม่ซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด

พยายามหายใจเข้ารับเอาลมอุ่นของพี่โตเข้ามาเลี้ยงปอด  ผ่อนออกช้า ๆ เท่าที่จะทำได้  บังคับหัวใจไม่ให้เต้นแรง..ทั้งที่มันแทบจะกระเด็นหลุดออกจากขั้วอยู่แล้ว  ริมฝีปากนุ่มของพี่โตจูบเลาะเล็มไปทั้งบนและล่างอย่างช้า ๆ  หายใจไม่ออกขึ้นมาทันทีเมื่อปลายลิ้นอุ่นแตะเข้าที่ฟันผม  มือจับเสื้อพี่โตแน่น 

“อื้อ..พี่..”  พี่โตจับมือผมแล้วสอดลิ้นเข้ามาลึกมากขึ้น  ริมฝีปากอ้ารับ  ลมหายใจขาดห้วง  ความตื่นเต้นกำลังเล่นงานหัวใจและความมีสติของผม  มือจิกหลังมือพี่โตแน่นขึ้นเมื่อจูบของพี่มันทำให้ผมกำลังหูอื้อตาลาย  ก่อนสติผมมันจะขาดหาย  พี่โตก็ถอนจูบ..

“..จะทำให้ค่อย ๆ ชินนะวี..จะได้ไม่เป็นลม”  ผมซบหน้าลงกับไหล่หนา  หายใจเข้าปอดอย่างรวยริน  แทบจะหมดแรงลุกอ่ะ  มือสากลูบหลังลูบไหล่เบา ๆ แล้วดันออกมาหอมผมไปทั้งหน้า

“อยากเล่นน้ำต่อไหม?  ถ้าอยากเล่นพี่จะให้ไป  แต่ถ้าเบื่อ..พี่พากลับบ้านพี่..”  กัดปากล่างแน่นกับคำพูดส่อเรื่องลามกกับตาพราวระยับคู่นั้น  หยิกที่มือเต็มแรงแล้วเดินลงส้นออกจากรถไปขอปืนฉีดน้ำจากเพื่อนพี่โต    พี่เดินตามมาซ้อนข้างหลังแล้วกอดไว้หลวม ๆ สะดุ้งโหยงกับแผ่นอกกว้าง  ผมหันมองรอบตัวกลัวจะมีคนรู้จัก  กลัวทั้งคนจะเอาไปบอกที่บ้าน  กลัวที่บ้านพี่โตจะรู้ด้วย..

“ไม่ต้องกังวลหรอก  พ่อวีรู้ตั้งนานแล้ว”  ผมอ้าปากค้างกับคำของพี่โต  แต่เจ้าตัวไม่สนใจ  แถมแย่งเอาปืนไปฉีดคนที่ขี่มอ’ไซค์ผ่านมาข้างหน้าผมหน้าตาเฉย  ผมเขย่าเสื้อให้หันมาสนใจ  พี่โตยังคงหันปากกระบอกปืนฉีดน้ำใส่วัยรุ่นแถวนั้นต่อ  ผมหยุดดึงเสื้อเพราะเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาจริง ๆ แล้ว  ผมอยากรู้ว่าพ่อรู้ได้ยังไง?  รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?  แล้วพ่อพูดหรือว่าอะไรพี่โตบ้าง?  แล้วทำไมพี่โต..ถึงไม่บอกผม!? 

กัดกรามแน่นข่มความน้อยใจและความเกลียดที่พี่โตทำไม่ใส่ใจความรู้สึกของผม  กำลังจะก้าวเท้าเดินหนี  เจ้าตัวก็ก้าวขาเข้าหาแล้วกอดผมไว้หลวม ๆ มืออีกข้างวางบนหัวผมเบา ๆ  ในหัวผมมันตัดพ้อ  ‘ไม่ต้องมาทำง้อเลย’  พอจะดิ้น..ผมก็โดนน้ำเย็นเจี๊ยบราดตั้งแต่หัวลงมาเลย  อ้าปากค้าง  ตัวแข็งทื่อ  เย็นสุดขั้วอ่ะ!!!!

“..พอแล้วครับ  เดี๋ยวน้องไม่สบาย”  พี่โตที่กอดผมเอาตัวช่วยบังบอกเสียงเข้มกับคนที่เอาน้ำแข็งมาสาดผม  เจ้าตัวก้มมองสำรวจผมที่กำลังทำปากสั่น  มือสากลูบผมแล้วลดลงมาลูบแก้ม  ก่อนจะยิ้มกว้าง.. 

“พ่อวีรู้ตั้งแต่เราคบกันได้  2  อาทิตย์แล้วครับ  พี่ทนไม่ไหวก็เลยบอก..”  ผมมองสบตาคม  นึกถึงหน้าดุของพ่อแล้ว..ผมเป็นลูกแท้ ๆ ยังไม่กล้าบอก..พี่โตกล้าจัง

“พ่อวีไม่ว่า..แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ  ให้เราดูกันไปก่อน  แต่เราจะดูและคบกันไปจนพ่อรับได้  ..ตามนั้น”  ริมฝีปากสวยส่งยิ้มบางลงมาให้  ผมยิ้มน้อย ๆ แล้วเอาหัวซบลงที่อกกว้างที่พร้อมจะเป็นที่พึ่งให้เสมอ  เอื้อมมือโอบเอวหนาไว้เบา ๆ ถึงตอนนี้ตัวผมมันจะเย็นเยียบและหนาวเข้าม้ามแค่ไหน..

หัวใจพี่โตก็ส่งความอุ่นเข้ามาทำให้ผมไม่หนาวอีกแล้ว..

พี่โตกอดผมแน่นขึ้นก่อนจะจับหันหน้าไปเล่นน้ำต่อ  เราเล่นน้ำกันจนพระอาทิตย์จะตกดิน  เราถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน  พี่โตช่วยเพื่อนเก็บขยะในขณะที่ผมต้องยืนดูเฉย ๆ เพราะทุกคนห้ามผมช่วยหยิบจับอะไรทั้งนั้น  พี่โตบอกเพื่อนว่าผมซุ่มซ่ามน่ะครับ  มองส่งเพื่อนพี่โตกลับบ้านกันจนครบทุกคน  ก้าวขาซ้อนมอ’ไซค์เสร็จพี่โตออกออกรถ  นึกแปลกใจว่าทำไมพี่โตไม่สวมหมวกให้  หัวใจเต้นโครมครามเมื่อพี่โตเลี้ยวมอ’ไซค์เข้าไปในสวน  บีบมือแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความตื่นเต้น  ยิ่งบีบแน่นกว่าเดิมเพราะพี่โตจอดรถไว้ใต้ต้น..จำปี

พี่โตก้าวขาลงจากรถแล้วเดินมาจับขาผมเหวี่ยงข้ามมาฝั่งที่พี่โตยืนอยู่  มือเลื่อนขึ้นมาลูบแก้มผมเบา ๆ ตาคมมองสำรวจหน้าผมช้า ๆ   เม้มปากแน่นข่มความตื่นเต้นเพราะผมรู้..ว่าจะถูกทำอะไร

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกะพริบตาเรียกความกล้า  ก้มหน้ามองมือตัวเองที่กำแน่นแล้วปล่อย  ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนเริ่มจะผ่อนคลายขึ้น  เงยหน้าสบตาพี่โตที่ยื่นเขามาใกล้  หลับตาลงช้า ๆ แล้วเอียงหน้ารับริมฝีปากอุ่นที่แตะลงมาเบา ๆ หายใจเข้าลึก ๆ เผยอริมฝีปากให้พี่โตสอดลิ้นเข้ามาควานหาปลายลิ้นผม  ผ่อนลมหายใจออกแล้วจูบตอบเบา ๆ  พี่โตครางเสียงแผ่วพอใจกับการตอบสนองของผม..เสียวในอกแปลก ๆ  ริมฝีปากนุ่มที่แตะกับริมฝีปากผมผละออกมาจูบที่สันกราม  ลากปลายลิ้นแตะที่ซอกคอ  ผม..ผมทำตัวไม่ถูก  ไม่รู้จะทำยังไง  ได้แต่บีบไหล่พี่โตแน่นปล่อยให้พี่โตสอดมือเข้ามาลูบ  เข้ามาแตะ..ตามใจชอบ

“หอม..วีหอมไปหมด”  เสียงแหบกระเส่าดังข้างหู  ขนลุกเกรียวทั้งแขน  ใจเต้นโครมคราม  ผม..ผมไม่เคยเห็นพี่โตเป็นแบบนี้  ไม่เคยเห็นพี่โตทำหน้าแบบนี้  ไม่เคยรู้ว่าพี่โต..จะมีแววตา..อยากได้ผมแบบนี้..

ผม..กลัว..

“อึก..ฮึก..”  กลั้นสะอื้นฮักลงคอเพราะความกลัวว่าพี่โตจะทำอะไรเลยเถิด  กลัว  แต่ก็ไม่กล้าห้าม  ถึงผมรู้..พี่โตอยากจะรักผมมากกว่าจะทำให้ผมเจ็บ  แต่ผมก็..กลัว

พี่โตชะงักจูบที่กำลังแตะลงตรงหน้าอกผมไว้  หน้าคมผละออกมามองน้ำตาที่กำไหลนองหน้าผม  มือที่จับชายเสื้อผมเลิกขึ้นกลับดึงลงมาปิดหน้าอกผมอย่าง ๆ ช้า ๆ  ผมหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาจนกว่ามันจะหยุดไหลเอง  สะอื้นตัวโยนในอ้อมกอดอุ่นที่สวมกอดผมเบามือ  เสียงทุ้มสั่นเครือเอ่ยขอโทษไม่ขาด..

“พี่ขอโทษ..ไม่ทำแล้วครับ..ไม่กลัวพี่นะครับ”  หลับตากลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล  พี่โตไม่ได้ผิดอะไร   ผมแค่..กลัว  กลัวว่าพี่โตจะรักผม  ผมอายเพราะผมไม่ได้มีรูปร่างตรงไหนที่เหมือนผู้หญิง  กระดากใจถ้าพี่โตจะ..จูบหรือจับของที่มันเหมือนกัน  ข่มก้อนสะอื้นลงคอแล้วเงยหน้าเอาคางเกยไหล่พี่โต  อ้าปากจะพูด..ก็ต้องเงียบเพราะเสียงเหมือนคนกินอะไรเผ็ดมากดังแว่วเข้าหู  ตามด้วยประโยคฉุดจินตนาการ..

“ซืดดด  เร็วกว่านี้อีก  อาห์..ซี๊ดดด  แรง ๆ ฮะห์..ฮืมมม”  หัวใจผมเต้นเร็วขึ้น  รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจพี่โตที่เต้นเร็วขึ้นเหมือนกัน   มือที่กอดเอวพี่โตเริ่มจะสั่น  เสียงที่ได้ยินแว่ว ๆ ตอนนี้มันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว  พี่โตเริ่มหายใจหนักขึ้น  ไม่เอานะ..

พี่โตสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้แน่น  ผมเกร็งจนปวดท้อง  เสียงกระเส่าของคนคนนั้นดังไม่ขาดปาก  เสียงแหบพร่าบอกอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขากำลังทำด้วยกัน  น้ำตาที่แห้งกำลังจะท้นออกมาอีกเพราะความกลัว  ผมจิกเล็บใส่ฝ่ามือตัวเองจนเจ็บไปหมด  ภาวนาขออย่าให้พี่โตจับผมมาทำอะไรแบบนั้น  จู่ ๆ พี่โตก็ปล่อยผม  กะพริบตาไล่น้ำตาที่กำลังจะไหล  รีบกอดเอวพี่โตไว้แน่นเพราะพี่โตรีบสตาร์ทรถ  ขับออกมาจากสวนด้วยความเร็วจนลมตีหน้าชาไปหมด  พอถึงบ้านผมพี่โตก็ดับเครื่อง 

ผมนั่งตัวตรงซ้อนพี่โตอยู่อย่างนั้นจนยุงเริ่มกวน  พี่โต..ไม่ได้หันมาคุยอะไรกับผม  ไม่รู้สิ..ผมว่าพี่โตน่าจะมีเรื่องพูดกับผม  อย่างน้อย..ก็น่าจะบอกให้ผมสบายใจบ้างว่าหลังจากวันนี้..ผมกับพี่..เราจะเหมือนเดิม

คลายแรงกำหมัดมาปัดยุงที่บินกวนน่องตัวเอง  จังหวะเดียวกับพี่โตหันมาพอดี  หน้าผมห่างกับพี่แค่นิดเดียว  ผมพยายามไม่หลบตา  ตาคมคู่นั้นมองผมด้วยประกายไหวระริก  มันบอกอะไรได้เยอะ..เยอะเสียจนผมพูดออกมาได้ไม่หมด  ยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรง  พี่โตมองตามผมตลอดเวลา  ผมเบือนหน้าไปมองไฟในบ้านตัวเองที่มืดสนิท  คงจะออกไปข้างนอกกันหมดมากกว่าจะเข้านอนกันแล้ว  ก้มมองหลังมือตัวเองนิ่ง  กัดปากล่างเรียกความกล้าก่อนจะเงยหน้ามองพี่โต

“ผม..จูบพี่ได้ไหม?”  ไม่รอคำอนุญาตจากริมฝีปากพี่  ผมโน้มคอพี่ลงมาแล้วหลับตาแตะริมฝีปากตัวเองกับพี่โตเบา ๆ สะดุ้งกับกระแสไฟฟ้าอ่อนที่แล่นปราดเข้าหัวใจ  ผละออกมาหายใจนิดหนึ่งก่อนจะเงยหน้ารับจูบที่พี่โตเป็นคนเริ่ม  ผมจูบตอบเบา ๆ เรียกเสียงครางต่ำจากพี่โต  ยื่นมือให้มือสากรวบจับ  หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน  ลมหายใจรวมกันจนแยกไม่ออก  ไม่สอดลิ้นเข้าพัวพัน..เท่านี้ผมก็รู้สึกได้ถึงรักของพี่แล้ว   ถอนจูบออกแผ่วเบา  ลืมตาสบตาเชื่อมแล้วยิ้มบาง  ซบหน้าลงกับอกแล้วสวมกอดพี่โตเบา ๆ

“วีรักพี่..รอวีหน่อยนะครับ”  พี่โตกอดผมแน่นขึ้น  เสียงทุ้มกระซิบรับคำดังบนกระหม่อม  ‘ครับ’  หัวใจพองคับอก  ผมกอดพี่แน่นขึ้น..มือสากลูบหลังสลับไหล่ผมเบา ๆ ก่อนจะบอกให้ผมเข้าบ้าน  ไม่ลืมกำชับให้ผมอาบน้ำกินยาแก้ไข้ก่อนนอกเพราะผมแช่น้ำมาทั้งวัน

“ครับ..พี่โตก็เหมือนกันนะ  ถึงบ้านแล้วโทรหาวีด้วยนะ  จะรอโทรศัพท์”  ยิ้มตอบรอยยิ้มกว้าง  ก้าวถอยหลังเบี่ยงหลบปลายจมูกโด่งที่ฉกเข้าหาแก้ม  สัมผัสอุ่นแตะที่แก้มผะแผ่วเรียกให้แก้มผมเริ่มขึ้นสี  เม้มปากแก้เขิน  รีบโบกมือไล่แล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน  เสียงเครื่อง  4  สูบวิ่งหายไปทางปากซอย 

เดินเข้าบ้านมาอาบน้ำ  แต่งตัวเสร็จก็เอาผ้ามานั่งเช็ดผมที่เตียง  หันมองมือถือที่ดังอยู่ข้างตัว  ยิ้มบางกับหน้าจอที่มีรูปหน้าหล่อโชว์หรา

“ครับ..อาบแล้ว  หอมแล้ว  พี่ล่ะครับ?...”  ผมนอนคุยกันจนถึงเที่ยงคืน  ไม่ต้องกินข้าวเย็น..ผมกับพี่ก็ไม่หิว  วางหูแล้วลุกมานั่งรับลมเย็นของหน้าร้อนข้างหน้าต่าง

ผมไม่เคยคาดหวังว่าผมกับพี่โตจะรักกันไปจนตาย  แต่ถ้าเราทำวันนี้ให้ดี..มันก็ควรจะรักกันไปได้นานจริงไหมครับ   ยกเข่าขึ้นมากอด หลับตารับลมเย็นเฉียบที่กระทบหน้า..

ถ้าจะให้เปรียบคนรักของคุณเป็นอะไรสักอย่าง..คุณคิดว่าคนรักของคุณเป็นอะไรได้บ้างครับ?

สำหรับผม..ผมมีคำตอบเดียว






พี่โตเป็นสายลมเย็นในหน้าร้อนของผมครับ.



END.

....................................................
(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 14-04-2015 13:17:35


แถม
.
.

“ซืดดด  เร็วกว่านี้อีก  อาห์..ซี๊ดดด  แรง ๆ ฮะห์..ฮืมมม”  ครางไม่เป็นภาษาเมื่อเจอแรงกระแทกจากบั้นเอวทรงพลัง  ขออะไรก็จัดให้ทันที..ต๊อบ..สุดยอดมาก

“กระแทกเข้ามาเลย  ซืดดดด”  แยกขากว้าง  มือดันต้นจำปาไว้เต็มที่  เกร็งสะโพกรับความใหญ่ยาวที่สาวเข้าออกอยู่ข้างหลัง  เสียวจนเสร็จทั้งที่ไม่ได้แตะต้อง  ผลักต๊อบนอนหงายกับพื้นหญ้าแล้วขึ้นคร่อมขย่ม  นาทีนี้ผมไม่สนหรอกว่าจะมีได้ยินหรือเปล่า 

“..แตกข้างในนะ  ซี้ดดดดดด..”  จิกเล็บลงกับแขนล่ำ  มือหนาจับสะโพกผมแน่นควบคุมความแรงของการขย่ม  ครางเสียงหวิวกับนิ้วที่สอดเข้ามาในเสื้อบี้ยอดอก  ละมือข้างหนึ่งมาจับท่อนร้อนที่แข็งตัวขึ้นมาอีกครั้งขยับรูดขึ้นลงเร่งจังหวะ  คนข้างล่างครางต่ำก่อนจะจับสะโพกดึงขึ้นจนสุดแล้วกดลงมาจนก้นแนบสนิทกับขนหยาบ..

สะใจจนปล่อยน้ำรักพ่นข้ามหัวต๊อบไปลงตรงพื้นหญ้า

ในช่องท้องร้อนวาบตามจังหวะการพ่นน้ำรัก  ผมขอให้ต๊อบปล่อยข้างในเพราะผมอยากจะรักต๊อบเรื่อย ๆ  คนอะไรจะรักได้ถึงใจขนาดนี้  นาน ๆ ทีจะได้มีโอกาสได้รักกันท่ามกลางธรรมชาติขนาดนี้  ผมไม่มีทางปล่อยโอกาสหลุดลอยอยู่แล้วล่ะ!!!

“อีกนะ..ต๊อบ..”  ซุกปลายจมูกลงตรงซอกคอ  กระซิบขอแล้วตวัดปลายลิ้นดูดดุนปลุกเร้า  ฝ่ามือลูบไล้มัดกล้ามกระตุ้นกำหนัด  สะโพกบดเบียด  กระชับช่องทางยั่วให้คนข้างล่างแข็งตัวมาสนองผม

เมื่อกลางวันผมต้องทนนับ  1-1,00  ตั้งไม่รู้กี่ครั้ง  วันนี้ผม  ไอ้หนึ่ง  กับเพื่อนรวมตัวกันเล่นน้ำที่ถนนหน้าสวน  ไอ้หนึ่งจอดรถไว้ปากทาง  เราเดินเข้าไปเป็นกลุ่มพร้อมกับปืนฉีดน้ำคนละอัน  ผมใส่เสื้อลายดอกสีฟ้าสดกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า  แน่นอนว่าพวกผมต้องแต่งตัวแบบนี้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของสงกรานต์  ฉีดน้ำเล่นไม่นานผมก็พยายามเดินแหวกคนออกมาหาต๊อบหน้าทางเข้า

“ไหนว่ามาไม่ได้?..”  เอ่ยปากทักหน้าหล่อที่ยืนสูบบุหรี่พิงรถมองมาทางผม  ต๊อบถอดแว่นกันแดดแล้วโยนเข้าไปในรถ  ดีดหลังออกมาจากประตูรถเดินเข้ามาหา  ผมหน้าหงิกจับปืนฉีดน้ำแน่น  ผมโทรชวนอ้อนให้มันพามาเล่นน้ำที่หน้าสวน  มันบอกต้องพาแม่ไปขอพรย่าที่ต่างจังหวัดคงกลับไม่ทัน  ให้ผมมากับพวกเพื่อนได้เลยไม่ต้องรอ..แล้วนี่อะไร?!  มาได้แต่ไม่อยากมามากกว่า!!!

ต๊อบยิ้มใส่หน้าบุดสนิทของผมแล้วก้มมาหอมหัวฟอดใหญ่  มันจูงมือผมเดินฝ่าน้ำและคนเข้ามาข้างใน  มือข้างนั้นดึงผมให้เดินนำ  แต่หันหลังมาถามตลอดว่าเพื่อนผมเล่นกันอยู่ตรงไหน  หน้าหล่อโดนมือใครต่อใครปะแป้งจนเนื้อแก้มถูกแป้งกลบไปหมด  เสื้อแนบเนื้อเห็นกล้ามชัดแจ๋ว  น้ำไหลลู่ลงตามผิวเนื้อนอกเสื้อและกางเกงเป็นทาง..เซ็กซี่จนต้องนับ  1-1,000  ข่มใจตั้งแต่เช้าจรดเย็น

พอทุกคนเลิกเล่นก็แยกย้ายกันกลับ  ผมกอดแขนต๊อบออดอ้อนขอให้มันพามานั่งรับลมในสวนก่อน  ตั้งแต่เป็นแฟนกันผมกับมันยังไม่เคยมานั่งรับลมชมความงามของค่ำคืนกับมันเลยสักครั้ง  ต๊อบพยักหน้าแล้วขับพาผมเข้ามาในสวน  กวาดตามองไปทั่วก็เห็นว่ามีหลายคู่เข้ามานั่งรับลมในสวนเหมือนเรา  เบ้ปากกับความคิดคนอื่นที่ลอกของผมแบบไม่ขออนุญาต

ล้อรถนิ่งสนิท..มือผมก็เลื้อยไหลไปทั่ว..

ขยับข้ามเกียร์มานั่งคร่อมตัก  ลดมือปรับเบาะเอนแล้วบดเบียดสะโพกยั่ว  ผมงับริมฝีปากล่างของต๊อบก่อนจะสอดลิ้นตวัดดูดดื่ม  ขย่มเองในรถไปเรียบร้อยก็เอื้อมมือปิดไฟในรถก่อนจะเปิดประตู..ไม่ให้ไฟมันสว่างตอนเดินลงมาจากรถในสภาพเปลือยท่อนล่าง  ดึงต็อบลงมาเหยียบพื้นหญ้าแล้วลากเข้ามาใต้ต้นจำปา..

หลังพิงต้น  ยกขาพาดกับแขนแข็งแรง  ร่วมรักกันจนผมเสร็จสมไปอีก  2  ครั้ง..

ถ้ามีคนถาม..ว่าคุณเปรียบคนรักของคุณเป็นอะไร?

ผมตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน..





ต็อบเป็นชนวนจุดระเบิดความอยากของผมครับ.


…………………


กอดรวบ!   บวกๆ! 
ขุดเจอสงกรานต์ชาวตลาดที่เขียนคู่แรกจนถึงคู่แกงถุง  แถมด้วยสงกรานต์ของน้องวีพี่โต  เอ้ต๊อบ(คู่นี้จิไม่มีในมือคะ  ที่มีมันแค่  2  หน้า A4  จำตอนจบไม่ได้ด้วย  ใครมีส่งให้ด้วยนะคะ TT)  มานั่งรอทำงานช่วงเย็นเลยว่างได้นั่งหน้าคอมพ์รอเวลา  แต่ต้องตัดเป็น  2  ท่อนเพราะอักษรเกิน  ทันเทศกาลพอดีเนอะ^^ 
คุณ  nekko  เนอะคะ  จีบกันมุ้งมิ้งดีจัง  ถ้าข้ามมาเป็นรุ่นเรา  มันเดินเข้ามาถามหน้าตาย  ‘แต่งงานยัง’  ถามงี้เท่ากับถามว่า ‘มีผัวยัง’ ค่ะ (เชี่ย!) สงกรานต์เที่ยวหรือเปล่าคะ  จิทำงานค่ะ  เหนื่อยชะมัดเลยค่ะ T_T
คุณ  Mouse2U  เด็กน้อยจีบกันมันน่ารักน่ากอดเนอะคะ  ถ้าสงกรานต์มีมุ้งมิ้งอย่างนี้มาให้จิ้นก็ดีนะคะ  ชีวิตตอนนี้จิจะได้มีความสุขบ้าง  เหนื่อยได้อี๊กกกกกก
คุณ  patchylove  เนอะคะ  เด็ก ๆ จีบกันนี่มันน่ารักจริง ๆ  ^^
คุณ  PURE LOVE  ปั้นน่ารักมาก ๆ ค่ะ  จำได้ว่าในหัวจิตอนที่นั่งจิ้นนิยายตอนนี้  มีน้องผู้ชายที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวเยื้อง ๆ จิไปโต๊ะนึงเป็นแรงผลักดันค่ะ  หน้าน้องใสกิ้งเลย  กินไปแอบมองไปยิ้มไป  กลับมาจิ้นได้เป็นวรรคเป็นเวร555  ส่วนแฟนฟิคหรือตอนพิเศษของน้องตังพี่ช้าง..ไม่มีเลยค่ะ  เตงสนใจจะเขียนไหมคะ  เดี๋ยวเขาส่งพล็อตบังคับให้ค่ะ  สนใจก็ PM มานะคะ(ยังไม่เคยเขียนก็ต้องลองนะคะ  น้องตังน่ารักขนาดนี้..พลาดการเขียนแฟนฟิคไม่ได้นะคะ  ณ  จุดนี้  - -+) 
คุณ  gayraygirl  กอดเมย์ให้หายใจไม่ออก  เขินได้ไง  จิจีบเมย์  เมย์เขินกว่านี้อีกนะคะ  ฮี่ๆๆๆๆ  สงกรานต์ไปเล่นน้ำที่ไหนคะ  จิทำงานค่ะ  ถ้าเจอหนุ่มน่าจิ้นจะจิ้นมาให้อ่านนะคะ  แต่ถ้าเมย์เจอก็ส่งรูปมาให้จิจิ้นได้ค่ะ  ไม่เกินปีหน้าได้อ่านแน่นอน  กร๊ากกกกกก
คุณ เฉาก๊วย  กอดตอบแนบแน่น  ปล้ำหอมจูบแก้มซ้ายขวา5555
คุณ  นอนกินแรง  น่ารักเนอะคะ  ใสปิ๊งกุ๊งกิ๊ง  น่ารักสุดติ่งกระดิ่งแมว ^^

สุขสันต์วันสงกรานต์  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
  :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : ความรัก 09/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 14-04-2015 13:51:12
น้องวีน่าร๊ากกก.. คือแบบหนูน่าเอ็นดูมากมายเลยนะคะ ถ้าพี่โตกล้าทำอะไรหนูเนี่ยมีสิทธิ์ถูกรุมประชาทัณฑ์แน่นอนเลย อดทนไว้นะคะพี่โต.. :laugh: ท่องไว้ค่ะ 'น้องยังเด็กๆๆๆ'~

..เราอยากไปเล่นสงกรานต์ในตลาดด้วยจังเลยค่ะ แต่ดูท่าแล้วน้ำเนิ้มคงจะไม่ได้สาดใครเขาแน่นอนเลยย เพราะมัวแต่ฟินยืนบิดจนขันแตกนั่นล่ะเน้ออ :hao7:

*สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันนะค้าา ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 14-04-2015 14:31:14
สงกรานต์ สนุกสนานกันถ้วนหน้าเลย  :m3:
ดีนะที่น้องวีมีพี่โตและเพื่อน ๆ คอยกันให้  เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่สาว ๆ
แม้แต่เด็กหนุ่ม ๆ ก็โดนแต๊ะอั๋งถมไป ยิ่งเด็กน่ารัก ๆ อย่างน้องวีด้วย
พี่โต อบอุ่นอ่อนโยน แล้วก็ความอดทนสูงมาก ส่วนน้องวี ก็พยายามข่มความกลัว
เพื่อรับความรักของพี่โต ต่างฝ่ายต่างพยายามเพื่อคนที่ตัวเองรัก น่ารักจริง ๆ

คู่นี้ก็ใส๊ใส อีกคู่นี่สิ ร้อนแรงเสียจริง เจ้าของเสียงปริศนาในสวนนี่เอง
เอ้นี่ สุดยอดอ่ะ เรียกว่า ได้คู่ที่สมน้ำสมเนื้อกันสินะ ไม่งั้นต๊อบคงเอาเอ้ไม่อยู่

สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันค่ะ มีความสุขมาก ๆ นะคะ  :L1:
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-04-2015 16:59:39
 :jul1:

outdoor ร้อนแรงหลาย จะเป็นลมแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 14-04-2015 17:02:08
เพิ่งได้แว้บเข้ามาค่ะพี่จิ งงๆเพราะไม่ได้เข้าเล้านาน
แวะมาอ่านชาวตลาดก็นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าเลย 55555
เดี๋ยวขอไปไล่อ่านอีกรอบก่อนไว้จะมาเม้นท์ใหม่นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 14-04-2015 17:37:58
น้องวี กับ พี่โต ก้อยังน่ารัก ขี้อายเหมือนเดิม  เอ้ ต๊อบ ในสวนนี่ใจกล้าบ้าบิ่นมาก ๆ ..... รอคู่อื่น ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 14-04-2015 19:50:23
น้องวี พี่โตยังคงน่ารักมากๆๆๆๆ  พี่โตอดทนได้เยี่ยมยอดจริงๆๆ o13

เอ้ ต๊อบร้อนแรงพอกับอากาศเลยเนาะ :m25:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 16-04-2015 16:10:25
โปรดอ่านเรื่องนี้ก่อนค่ะ
  จิ้มโลด!  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28166.msg1685863#msg1685863)




สายสัมพันธ์..แห่งรัก


หมอกสีขาวลอยคละคลุ้งในอากาศ  ไอเย็นโอบล้อมรอบกาย  แสงสีทองอุ่นสาดส่องกระทบผิว  ยื่นมือรับดอกแก้วปลิวที่มาตามกระแสลม  กลิ่นหอมยวนใจให้หยิบขึ้นมาแตะปลายจมูก  สูดกลิ่นหอมอ่อนแล้วเงยหน้ามองความงามรอบกาย   ก้มมองมือที่กำลังสอดเข้ามาโอบเอวจากด้านหลัง  ยิ้มบางก่อนจะวางมือทาบทับมือคู่นั้น  หลับตาเอียงหน้าซบผมนุ่มที่คลอเคลียตรงซอกคอ  หันหลังสอดมือเข้าโอบเอวเชื่องช้า  ลูบแผ่นหลังแล้วซุกซบที่ซอกคอหอม  ลมอุ่นจากปลายจมูกแตะลงที่แก้มไล้ลงมาจนถึงมุมปาก  อบอุ่นอ่อนโยนจนต้องเอียงหน้ารับริมฝีปากนุ่มที่ยั่วเย้าให้อยากลองชิม..

ลืมตาขึ้นพบกับความมืดมิดของค่ำคืน  คลายมือที่กำลังกอดตัวเองออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะยกขึ้นมามองฝ่ามือทั้งสองข้างนิ่ง  ผ่อนลมหายใจออกแล้วทาบฝ่ามือเย็นของตัวเองปิดหน้า  ผมฝันแบบนี้บ่อย  เมื่อก่อนนับครั้งได้  แต่ตอนนี้ผมฝันแบบนี้..ทุกวัน 

ดึงผ้าห่มที่คลุมแค่ท่อนล่างออกแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ   ที่ผมฝันแบบนี้บ่อยขึ้นอาจจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกผมอาจจะกำลังเรียกร้องให้ผมมีแฟน  ไม่ใช่ว่าผมปิดตัวเอง  ผมเคยมีแฟน  แต่ก็เลิกกันไปทุกครั้ง  ทุกคนพูดเหมือนกัน  ‘เราอยากได้คนรักที่รักเราคนเดียว  คนที่มีใครคนอื่นในใจตลอดเวลา..จะมัวเสียเวลาทำไม’  ทำเหมือนผมไม่ใส่ใจเทคแคร์ดูแล  ผมคบใครผมก็รักเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว  ไม่อย่างนั้นจะเสียใจอยู่เรื่อยทำไมล่ะ

ถอนหายใจยาวแล้วล้างหน้าแปรงฟัน  แต่งตัวเสร็จก็ขี่มอ’ไซค์ออกจากบ้านไปตลาดช่วยแม่เปิดแผง  ยืนคัดเนื้อที่พ่อค้าเอาส่ง  ผมจะเป็นคนคัดเองทั้งหมด  รับมาขายแค่วันละ  50  กิโล  วันไหนขายไม่หมดแม่ก็ทำเนื้อแดดเดียวมาวางขายด้วย  แต่ส่วนมากไม่ค่อยเหลือ  เพราะผมรับมาน้อยแล้วก็เลือกชิ้นที่มันสด  ดูจากสีที่ไม่แดงจนเกินไป  เอานิ้วชี้กดลงที่เนื้อ  ถ้ามันแข็งก็ไม่เอา  เละไปก็ไม่เอา  หนืด ๆ ถึงจะดี  คัดเนื้อเสร็จก็วางเรียงบนแผง  ที่เหลือก็เข้าตู้แช่ข้างหลัง  ก้าวเท้าไปข้าง ๆ เปิดก๊อกน้ำล้างมือ  ในขณะที่มือกดสบู่ล้างมือ  หูก็ได้ยินเสียงตามสายของตลาดที่ขอความร่วมมือชาวตลาดให้ช่วยกันกรอกกระสอบทรายกั้นน้ำ 

“แม่เดี๋ยวตุ๊ออกไปช่วยกรอกเอง  แม่ซื้อแกงถุงกับน้ำเต้าหู้รอไว้ด้วยนะแม่  เดี๋ยวก่อนกลับจะเข้ามาเอา”  สะบัดมือที่เปียกน้ำ  2-3  ทีแล้วเดินออกมาช่วยคนอื่นตักทรายใส่กระสอบ  ยิ้มมุมปากแซวคู่รักเพื่อนซี้อย่างไอ้ตูนกับปั้นที่กำลังกรอกทรายอยู่มุมในสุด  นึกแล้วว่ามันต้องลงเอยแบบนี้  ไอ้ตูนมันรักมาตั้งนาน  ทำทุกอย่างออกหน้าออกตา  คนถูกจีบกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว  ชอบคนโน้นให้จีบคนนี้อยู่เป็นปี  จนหลัง ๆ มันรุกหนักขึ้น  ปั้นมันเลยหันมามองจริงจัง..คนมันมีใจ  ยังไงก็หนีไม่รอดหรอก

เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ แล้วหยิบพลั่วมาตักทรายใส่ปากถุงที่ปั้นถืออยู่  ยิ้มทักไอ้ตูนแล้วกลั้นหัวเราะ  ตีหน้าเฉยใส่ปั้นที่ทำหน้าเป็นตูดกับทรายที่ผมจงใจตักเลอะปากถุง  จ้วงทรายตักใส่กระสอบต่อไม่สนหน้างอง้ำกับปากที่ห้อยจนเกือบจะถึงคางของมัน  ตักกันจนกระสอบหมดก็แยกย้ายกลับบ้าน  ผมเดินย้อนกลับเข้าตลาดไปเอากับข้าวที่แม่ซื้อไว้ให้

“ตุ๊เข้าบ้านก่อนนะแม่  ตังค์อ่ะ”  แบมือขอเงินไปโรงเรียน  แม่ให้ผมเป็นเดือน  เดือนละ  2,500  เหมารวมวันหยุดด้วย  ให้ผมเอาไปบริหารเอง   ผมใช้ไม่หมดเพราะที่โรงเรียนก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก  อย่างมากก็วันละ  50  รวมน้ำด้วย  ผมไม่ต้องขึ้น  2  แถวเหมือนไอ้ตูนกับปั้นเพราะบ้านผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน  เดินไปไม่ถึง  10  นาทีก็ถึง  ขี่มอไซค์เข้าบ้านก็กินข้าวก่อน  กินเสร็จก็เก็บเข้าตู้กับข้าวแล้วขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว  เดินออกจากบ้านก็ปิดรั้วแล้วตะโกนฝากบ้านไว้กับป้าหนันเพื่อนบ้าน

“ป้าหนันผมไปโรงเรียนแล้วนะครับ  ฝากดูบ้านด้วยครับ”  กว่าแม่จะกลับก็เย็นผมเลยต้องฝากบ้านกับป้าหนันทุกวัน  ป้าหนันไม่เคยทิ้งบ้านไปไหน  เพราะแกตั้งวงเล่นไพ่ทั้งวัน5555   

“ตุ๊เอาร่มติดไปด้วยนะ  ป้าดูพยากรณ์อากาศเมื่อคืน  เขาบอกจะมีฝนร้อยละ  70  ของพื้นที่”  ผมยิ้มแล้วยกมือไหว้ป้าหนัน  พยากรณ์อากาศของประเทศไทย..เชื่อก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้ว  เดินออกจากบ้านรับแสงแดดจ้าของเวลา  6  โมงครึ่ง  เดินเอื่อยจนถึงสวนหย่อมของหมู่บ้านก็ต้องขมวดคิ้วกับเม็ดฝนที่กำลังโปรยลงมา   เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะคิดว่าความเร็วประมาณนี้น่าจะหลบฝนได้ทัน

ไม่อยากเชื่อ..มันตกลงมายังกะฟ้ารั่ว!

ผมวิ่งเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างทาง  มันใหญ่ไม่พอครับ  ผมได้แต่ยืนตัวลีบ  เซ็งกับฝนมาก!  ชะเง้อคอมองหาที่กำบังแถวนี้  ถ้าวิ่งไปอีกหน่อยผมก็จะถึงต้นแก้วที่ผมปลูกไว้  เงยหน้ามองหยาดฝนที่ไหลลงมาตามร่องของกิ่งไม้แล้วตัดสินใจวิ่งไปหาต้นแก้วพุ่มใหญ่ของผม   ตอนผมยังเด็กผมปลูกไว้ตามนโยบายของเจ้าของหมู่บ้าน  อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาและรักษาสิ่งแวดล้อม  ผมเลือกปลูกต้นแก้วเพราะแม่บอกว่าดอกแก้วมันหอมดี  ตอนแรกมีป้ายไม้ปักไว้ครับว่าใครปลูกต้นอะไร  อยู่ตรงไหน  แต่ตอนนี้รื้อทิ้งไปหมดแล้วเพราะหมู่บ้านขยายถนน  ผมวิ่งเข้ามาหลบฝนใต้ต้นแก้วแล้วเอากระเป๋านักเรียนที่สะพายออกมาปัดหยดน้ำ  คิดถูกที่ย้ายที่หลบ  เพราต้นแก้วของผมใบมันดกแล้วต้นใหญ่มาก  ฝนเลยไม่หยดมาถึงตัวผม

ยืนหลบฝนจนมันเริ่มซาเม็ด  ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา  7 โมง  45  นาที  ทันเข้าแถวอยู่แล้ว  กำลังจะก้าวเท้าออกจากใต้ต้นแก้ว  ผมก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อดอกแก้วมันร่วงลงมากับลมที่พัดอยู่แค่ใต้ต้นไม้..รอบตัวผม  กลิ่นหอมอ่อน  ความเย็นชื้นของอากาศ  แสงแดดหลังฝนตก..มันเหมือน..

ในฝัน..

ปล่อยกระเป๋านักเรียนตกข้างตัว  ยื่นมือรับดอกแก้วที่ร่วงปลิวลงมาตรงหน้า  กลีบสีขาวอิ่มเย็นด้วยละอองฝนที่เกาะพราว  ผมยกขึ้นมาแตะปลายจมูกสูดกลิ่นหอมอ่อนของมันเข้าปอด  ดึงมือออกมามองดอกแก้วในฝ่ามือแล้วหลับตารับกลิ่นดินกลิ่นหญ้าหลังฝนตก  ลมที่พัดอยู่รอบตัวผมพัดแรงขึ้นจนดอกแก้วปลิวออกจากมือ  ลืมตามองหาดอกแก้วสีขาวที่ถูกลมพัดปลิว..

ผู้ชายตัวสูงยืนถือร่มมองผมอยู่ตรงข้างรั้วสวนหย่อม  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสวยกลับมีประกาย..โศก  จมูกโด่งเป็นสัน  หน้าคม  ผิวสีแทน  ผมยืนนิ่งมองตาคู่นั้นกลับ  มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึก..คุ้นเคย  กับคนแปลกหน้าคนนี้  ยิ่งผมมองตาโศกของเขา  ผมยิ่งห้ามอารมณ์แปรปรวนข้างในไม่ได้

น้ำตาผมรื้นขึ้นมาไม่มีสาเหตุ  ก่อนจะหยดลงมากระทบแก้ม  หยดแล้ว  หยดเล่า..ไม่มีแม้เสียงสะอื้น  ดอกแก้วกลีบขาวร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย  ผู้ชายแปลกหน้าปล่อยร่มในมือลงแล้วเดินเข้ามาหาผม  มือใหญ่ยกขึ้นมาแตะนิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่แก้มผมเบามือ  หลับตาไล่หยาดน้ำตาให้ไหลรินออกมาตามความรู้สึกข้างใน  ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องร้องไห้  ไม่เข้าใจว่า..ตอนนี้ผมกำลังร้องไห้   แต่ทำไม..หัวใจผมถึงยินดีนัก

ยกมือขึ้นจับมือที่กำลังเช็ดน้ำตาให้ผม  มือเย็นเฉียบ..แต่ใจผมกลับอุ่นวาบ  ความคุ้นเคยนั้นเล่นงานหัวใจผมอย่างหนักหน่วง  ผมผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วปล่อยให้ร่างกายเป็นไปอย่างที่มันต้องการ  จับมือข้างนั้นขึ้นมาแตะแก้มตัวเองก่อนจะลืมตามองตาโศกที่อยู่ใกล้ตา

“...ผม..รู้จักคุณ..รึเปล่า?”  ผู้ชายคนนั้นเอ่ยถามผม  ยิ้มบางกลับไปก่อนจะบอกเสียงเบาระดับเดียวกัน

“..มันเป็นคำถามของผมเหมือนกัน..คนแปลกหน้า...”  ตาโศกมองเข้ามาค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาผม  หัวใจผมเต้นตึกตักเสียงดัง  มันไม่ได้ตื่นเต้น  แต่มัน..กำลังร่ำร้องและ..ดีใจ 

ความฝันที่ผมฝันทุกคืนผุดวาบเข้ามาในหัว  ผมค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ แล้วหมุนตัวหันหลัง  ดึงมืออีกข้างของคนแปลกหน้าเข้ามาแตะมืออีกข้างที่ผมจับไว้  หากร่างกายผมเป็นไปอย่างธรรมชาติ..คนแปลกหน้า..ก็คงเป็นธรรมชาติที่กำลังผสานเข้ากับธรรมชาติของผม

คางมนวางลงที่ไหลผมช้า ๆ ก่อนจะแตะปลายจมูกเข้าที่แก้มผม  เอียงหน้ารับลมอุ่นอย่างเต็มใจไม่เคอะเขิน  มือไล้ลูบหลังมือที่โอบกอด  หมุนตัวหันหน้าเข้าหา  สอดมือกอดเอวหนาแล้วเงยหน้ารับริมฝีปากที่จูบผะแผ่วที่แก้ม  ระเรื่อยสัมผัสนุ่มมาที่ริมฝีปาก  ความอ่อนโยนจากคนแปลกหน้าทำให้ผมอุ่นหัวใจบอกไม่ถูก  ร่างกายผมตอบสนองจูบอบอุ่นด้วยการ..หลั่งน้ำตา

ผมปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มจูบไปทุกที่บนใบหน้าผม  จนเสียงออดของโรงเรียนดังขึ้นถึงได้ผละออก  เวลาที่ผมเจอคนแปลกห้าแค่  15  นาที  แต่ผมรู้สึกเหมือน..นานนับชั่วโมง  ขยับถอยออกมาแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวก ๆ  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ  ก้าวเท้าไปหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาสะพาย  เดินผ่านหน้าคนแปลกหน้าตั้งใจจะให้เป็นแค่ความไม่ตั้งใจของทั้งผมและคนแปลกหน้า

มือใหญ่คว้ามือผมไว้แล้วจรดปลายปากกาเขียนหมายเลข  10  หลักที่ฝ่ามือผม  เงยหน้ามองสันจมูกโด่งก่อนจะเบือนหลบตาโศกที่เงยขึ้นมาสบ

“..พี่รู้ว่ามันแปลก  แต่..โทรหาพี่นะครับ  พี่ชื่อ  ‘จงรัก’  คุณล่ะ?”  เผลออ้าปากค้างกับชื่อของคนแปลกหน้า  ไม่ว่ามันจะเป็นความบังเอิญ  หรือเพราะอะไร  คนแปลกหน้าที่ผมกอดและจูบโดยที่ร่างกายและหัวใจผมเรียกร้องคนนี้  ทำให้ผมแปลกใจได้ตลอด

ความฝันที่เกิดกับผมทุกวัน  การสัมผัส  ดอกแก้ว  แม้แต่ชื่อ  ก็ยังสร้างความประหลาดใจให้ผม  คนแปลกหน้าชื่อ  ‘จงรัก’  ส่วนผม..

‘ภักดี’  ยิ้มบางกับหมึกสีน้ำเงินของตัวเลขในฝ่ามือก่อนหมุนตัวเดินเข้ารั้วโรงเรียน  ไม่หันกลับไปมองดวงตาโศกที่ยังรอคำตอบที่ขอให้ผมโทรหา  เดินลัดเข้าทางหลังโรงเรียนเลี่ยงเข้าแถวตอนเช้า  นั่งเหม่อจนเข้าคาบ  2  ถึงเดินเข้าห้องเรียน  ไม่ตอบคำถามที่เพื่อนถามทั้งสิ้น  หลังกินข้าวเที่ยงผมก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา  ยิ้มบางกับหน้าจอสีทึบแล้วกดหมายเลข  10  หลักที่ฝ่ามือ  รอสัญญาณไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงทุ้ม..ที่คุ้นเคย

“ผมโทรหาแล้วนะคุณจงรัก  เมมเบอร์ผมด้วยล่ะ”  ปลายสายกดวางแล้วโทรย้อนมาหาผม  ยิ้มระบายเต็มหน้าแล้วกดรับทันที  เรื่องไม่มีสาระอย่างกินข้าวเที่ยงหรือยัง?  กินอะไรมา?  ถูกใช้ถามกันไปมาเหมือนเด็กปัญญาอ่อนคุยกัน  ผมบอกปลายสายว่าต้องวางแล้ว  ปลายสายก็รีบถาม..ชื่อผม  ยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกเสียงจริงจัง

“ผมชื่อ  ‘ภักดี’  ครับคุณจงรัก  สวัสดีครับ”  วางสายแล้วหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง  เงยหน้าขึ้นมองฟ้าสีสดแล้วยิ้มบาง..

ความคุ้นเคยที่เกิดกับคนแปลกหน้า  การตอบสนองกันของร่างกายของผมกับเขา  มันทำให้ผมคิด..

เราอาจจะผูกพันกันมาก่อน..ในภพอื่น 

หรือถ้าไม่ใช่การผูกพันกันเมื่อชาติที่แล้ว..นี่อาจจะเป็นเรื่องของ..





พรหมลิขิต..ของเราก็เป็นได้ครับ



END.
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 16-04-2015 16:11:05
แถม

.
.
.
.
.


ถอนหายใจกับเสียงรายงานข่าวสถานการณ์น้ำท่วมจากผู้สื่อข่าว  มือกดรีโมทเปลี่ยนช่องเพื่อดูความเคลื่อนไหวของมวลน้ำที่กำลังเข้า กทม.  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เมื่อนึกถึงมวลน้ำก้อนใหญ่ที่เข้าท่วมแถวบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  มันท่วมอย่างทั่วถึงจริง ๆ  กระสอบทรายที่เราใช้ทำคันป้องกันน้ำ  มันไม่สามารถขวางกระแสน้ำได้  บ้านผมอพยพกันมาพักที่บ้านปู่กันทั้งครอบครัว  พ่อกับปู่ดีใจที่ได้มาอยู่ใกล้กัน  แม่ก็ดีใจที่ได้เจอญาติ ๆ พ่อที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว  ผมก็รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดปู่กับย่า  แต่ว่า..ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่กับความคิดถึงคนแปลกหน้าที่เจอกันใต้ต้นแก้วเหมือนกัน

จากวันที่ผมกับพี่รักเจอกันผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ผมก็ย้ายมาอยู่บ้านปู่แถวชลบุรี  บ้านพี่รักก็น้ำท่วมเหมือนกัน  แต่ไม่ท่วมมากจนถึงกับไปไหนไม่ได้  ปริมาณน้ำที่เข้าท่วมอยู่ที่หัวเข่า  ที่บ้านพี่เลยยังไม่ทิ้งบ้านไปไหน  โชคดีที่สัญญาณโทรศัพท์มันไม่ถูกตัดเหมือนกระแสไฟฟ้า  ความคิดถึงของผมกับพี่รักเลยส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารได้ตลอดเวลา  เสียงเรียกเข้าดังขึ้นขัดความคิดถึงของผมที่กำลังก่อตัวเงียบ ๆ  ยื่นมือหยิบมือถือมากดรับ

“ทำอะไรอยู่ครับ?..”  ปลายสายทักมาแบบไหนผมก็ทักตอบไปแบบนั้นเหมือนกัน  เอนหลังนอนฟังการบรรยายสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจุบันของคนตาโศก  นอนนิ่งหลับตาแล้วนึกภาพตาม 

“ตุ๊..เบื่อรึเปล่าครับ?”  ส่ายหน้าแล้วเอ่ยเสียงเบา  ‘เปล่าครับ’  พี่รักเงียบไปนานจนผมเริ่มใจไม่ดี

“ผมไม่ได้เบื่อจริง ๆ นะครับ  ผม..คิดถึงพี่นะครับ”  พี่รักเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

“พี่กับเพื่อนรวมเงินกันซื้อของมาจัดเป็นถุงยังชีพ  ว่าจะไปแจกที่..ไปกับไหมรับ?  ไม่สิ..อยากไปด้วยกันไหมครับ?”  หน้านิ่วกับคำชวนของพี่

“อยากไป!  พี่ไปไหนผมไปด้วยทั้งนั้นครับ  ให้ผมไปเจอที่ไหนดี?”  พี่รักบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับที่บ้านแต่เช้าก่อนจะรีบวางเพราะจะได้โทรบอกปลายทางที่จะไปแจกของกับขนของขึ้นรถ  วางหูจากพี่ผมก็นั่งนิ่ง  เพราะผมกับพี่ยังเพิ่งจะเริ่มต้นแต่กลับต้องห่างกันเพราะน้ำท่วม  พี่เลยรู้สึกไม่มั่นคงทางความรู้สึกของผม  ผม..แสดงออกน้อยไปสินะ

เดินไปหาพ่อที่กำลังคุยกับปู่ในสวนเงาะหลังบ้าน  ปู่หันมามองก่อนจะยิ้มให้ผม  ยิ้มตอบแล้วหันไปหาพ่อที่มองผมอยู่

“พ่อครับ  พรุ่งนี้พี่รักจะมารับไปช่วยแจกของน้ำท่วมตอนเช้า  พี่รักเปิดบริษัทรับสร้างและออกแบบสิ่งปลูกสร้างทุกอย่าง  รู้จักกันนานแล้ว  เป็นคนดี  ไว้ใจได้ครับพ่อ”  รีบบอกรายละเอียดที่พอจะเปิดได้กับพ่อ  เบือนหลบดวงตาสีดำที่ยังคงจับจ้องหน้าผม..รอให้ผมขยายความสัมพันธ์ที่ยังดู..คลุมเครือระหว่างผมกับพี่  ถอนหายใจทิ้งแล้วหันกลับมามองตาพ่อ

“เป็นแฟน  เพิ่งคบกันได้อาทิตย์เดียว  ผมอยากไป..กับพี่ครับ”  พ่อหน้านิ่งก่อนจะหันมามองปู่  ปู่ยิ้มบางแล้วชวนพ่อเล่นหมากรุก  พ่อมองปู่ที่กำลังตั้งกระดานแล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ไปเถอะ  ถ้ามันเดินทางลำบากก็ค้างได้  หาที่พักดี ๆ แล้วดูแลตัวเองด้วยตุ๊  พ่อเป็นห่วง”  ผ่อนลมหายใจออกด้วยความโล่งอก  พยักหน้ารับคำพ่อเรื่องดูแลตัวเองก่อนจะรีบเดินมาหาแม่  บอกเรื่องจะไปช่วยแจกของพรุ่งนี้  รายละเอียดที่ระบุ..ผมบอกน้อยกว่าที่บอกพ่อ

“พ่อว่าไงล่ะตุ๊  แม่แล้วแต่พ่อ..เอาน้ำไปช่วยเขาด้วยสิตุ๊  เดี๋ยวแม่ให้ป้าสั่งน้ำให้”  แม่หันไปคุยกับป้าแล้วจัดการเรื่องน้ำดื่ม  ผมโทรย้อนกลับไปหาพี่แล้วบอกเรื่องน้ำที่จะเอาไปช่วยแจกด้วย  วางหูจากพี่แล้วหันไปบอกแม่

“แม่..พี่เขาทำ  2,000  ชุดครับ”  แม่พยักหน้าแล้วสั่งน้ำเพิ่มจากที่พี่ทำอีก  500  แพค  เป็น  2,500  ร้านที่ป้าสั่งน้ำไม่มีน้ำพอเท่าที่แม่อยากได้  แต่สั่งจากที่อื่นเพิ่มให้ครบตามจำนวนได้  น้ำที่สั่งจากร้านเขามาส่งที่บ้านปู่ได้  แต่เราต้องไปขนอีกที่เอาเอง  แม่หันมาหาผม  ผมเลยรีบกดโทรปรึกษาพี่  ไม่ลืมที่จะเดินห่างแม่ออกมาคุยเพราะแม่เริ่มจะจับผิดท่าทางผมมากขึ้น

“ไปรับน้ำที่ร้านได้ไหมครับพี่  มันต้องไป  2  ที่เพราะน้ำที่ร้านแรกมันไม่พอครับ   ครับผม”  พี่ให้เพื่อนหารถ  6  ล้อมาขนน้ำที่ร้านแล้วบอกผมว่าไม่ต้องกังวล  พี่จะออกไปให้เร็วกว่าเดิมประมาณ  1  ชั่วโมง  นัดเวลากันใหม่ก่อนจะวางสายเพื่อให้ผมเตรียมตัว  เดินกลับมาบอกแม่และให้แม่นัดที่ร้านให้เตรียมของไว้แต่เช้า  ขอเบอร์ร้านไว้แล้วสำทับแม่เรื่องเงินค่าน้ำดื่มที่สั่งไว้  เลี่ยงออกมาหาข้าวเย็นกินก่อนคนอื่นแล้วให้เหตุผลการขึ้นไปนอนก่อนเวลากับแม่ว่า  ‘ผมต้องตื่นแต่เช้า  เลยต้องนอนก่อน’  ตั้งปลุกไว้แล้วรีบนอน  ตื่นตามเสียงปลุกจากมือถือ  เข้าห้องน้ำจัดการตัวเองภายใน  10  นาที  แต่งตัวแล้วรับโทรศัพท์พี่ที่โทรปลุกผม

“ตื่นแล้ว  อาบน้ำแล้ว  แต่งตัวแล้ว  แล้วก็กำลังจะออกมานั่งรอครับ”  ปลายสายหัวเราะอารมณ์ดีแล้วบอกจะรีบมา  ผมเดินลงมาข้างล่าง  เปิดตู้เย็นหาอะไรกินรองท้อง  หยิบนมกล่อง  น้ำ  ผ้าเย็นมาใส่กระติกน้ำเตรียมไว้  หยิบเกี๊ยวกุ้งของซีพีออกมาเวฟ  ดูเวลาแล้วโทรหาร้านน้ำดื่ม  ร้านน้ำเปิดร้านและประสานร้านน้ำอีกร้านให้แล้ว  ผมวางโทรศัพท์  หย่อนลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหันกลับไปเปิดเตาเอาเกี๊ยวกุ้งมาตักกิน  รอไม่นานพี่ก็มาถึงตัวเมือง  ผมบอกทางให้แล้วเดินมารอหน้าบ้าน  แสงไฟรถกระบะโฟร์วีลที่สาดเข้ามาทำให้ผมวางโทรศัพท์  หัวใจเต้นดังจนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่เคลื่อนมาจอดตรงหน้า  ยิ้มกว้างส่งให้หน้าคม  ตาโศกที่เดินลงมาหา   รอยยิ้มอบอุ่นส่งกลับพร้อมมือใหญ่ที่ยื่นมาจับมือผม

“หิวรึเปล่าครับ?  เหนื่อยไหม?” เอ่ยปากถามแล้วกระชับมือกลับ  พี่ส่ายหน้าแล้วมองเข้าไปในบ้าน  ผมดึงมือให้เดินตาม  พอเข้าประตูบ้านก็หันมายิ้มให้พี่แล้วคลายมือออก   พี่รักยิ้มกว้างแล้วก้มหัวเข้าใจ  เดินเข้าไปก็ให้พี่นั่งรอที่โซฟาก่อน  เดินขึ้นไปหาแม่กับพ่อในห้องก็ไม่เจอ  เดินลงมาก็เห็นพ่อนั่งอยู่กับพี่   ยิ้มสู้แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างพ่อ  พ่อหันมามองผมแล้วหันกลับไปมองพี่ 

“ไปแจกของที่ไหนหนุ่ม?”  พ่อถามพี่ก็ยืดตัวตรงตอบฉะฉาน  นั่งเกร็งแทนพี่อยู่พักใหญ่พ่อก็หันมาบอกให้ผมกับพี่ไปกันได้แล้ว  ก่อนจะออกจากบ้านปู่พ่อก็บอกพี่เสียงดัง

“ขับรถดี ๆ ไอ้หนุ่ม  ถ้ามันดึก  เดินทางลำบากก็ไปค้างที่บ้านได้  ผ่านใช่ไหมหนุ่ม?   ตุ๊เอากุญแจบ้านติดไปด้วย  ขึ้นไปหยิบที่ห้องพ่อไป”  พ่อหันมาหาแล้วมองหน้าผมนิ่ง  กลืนน้ำลายลงคอแล้วหันหลังขึ้นไปหยิบกุญแจบ้านที่ห้องพ่อ ก่อนจะรีบวิ่งลงมาหาพี่  สัญชาติญาณผมบอกว่า..พี่น่าจะโดนหนักตอนที่ผมไม่อยู่นี่ล่ะ! 

“..กลับไปดูบ้านลุงให้ด้วย  แล้วก็..ดูแลน้องด้วย..จงรัก”   ผมวิ่งมาทันได้ยินประโยคที่พ่อบอกพี่ให้กลับไปดูบ้านและดูแลผมด้วย  พ่อหมุนตัวเดินผ่านหน้าผมเข้าบ้านไปทันที  พี่มองตามหลังพ่อแล้วหันมายิ้มให้ผมที่ยืนมองแผ่นหลังพ่อเหมือนกัน

“ไปครับ  พ่อให้เพื่อนพี่ที่ขับ  6  ล้อไปรับน้ำแล้ว  เราไปกันก่อนได้เลยครับ”  เดินตามพี่ออกมาจากบ้านด้วยใจที่เต้นโครมคราม  ขึ้นรถได้ก็ถามเรื่องตอนที่ผมไม่อยู่ทันที

“พ่อว่าอะไรรึเปล่าครับ?!  พี่รัก..บอกผมเถอะ”  พี่รักเลิกคิ้วแล้วหันมายิ้มให้ผม  ส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วดึงมือมากุม

“พ่อไม่ได้ว่าอะไรพี่สักคำ  ตุ๊กลัวอะไรครับ”  นิ่งมองหน้าด้านข้างที่ยิ้มสดใสก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ถ้าพี่ยืนยันว่ามีอะไร  ผมก็เชื่อพี่  ขยับตะแคงตัวหันมามองคนขับ  กระชับมือแน่นขึ้นแล้วยิ้มให้กำลังใจพี่รักขับรถไปตลอดทาง  นั่งรถจากบ้านปู่มาจนถึงที่บ้านผมใช้เวลาร่วม  5  ชั่วโมงครับ  ตามทางก็เห็นแต่น้ำ  คนอพยพหนีน้ำ  และอาคารบ้านเรือนที่ถูกน้ำเข้าท่วมแทบทั้งหมด  แต่ในสายน้ำที่ท่วมท้นสร้างความเดือดร้อน..ผมกลับมองเห็นธารน้ำใจของคนไทยที่ไหลเข้าช่วยคนที่ประสบภัย..ยิ่งกว่าน้ำที่กำลังท่วมอยู่เสียอีก

รถทหารวิ่งให้บริการชาวบ้านที่เดินทางลำบากออกมาจากพื้นที่น้ำท่วม  เรือสีส้มของกรมป้องกัน  หน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าของพื้นที่  และชาวบ้านที่แสดงน้ำใจต่อกันเอาของมาช่วยกัน..อย่างที่เรากำลังทำอยู่  น้ำใจ..มีให้เห็นทุกพื้นที่ที่ความลำบากไปถึงครับ

พี่รักโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลให้เอาเรือออกมารอรับทีมของเราให้เข้าไปแจกของข้างใน    ส่วนของก็มีรถทหารมาช่วยขนเข้าไปอีก  2  คัน  เรือท้องแบนลำใหญ่อีก  2  ลำ  ผมกับพี่ช่วยเพื่อนพี่กับทหารขนน้ำกับถุงยังชีพใส่รถทหารจนหมด 

มือใหญ่หยิบผ้าเย็นมาซับเหงื่อที่ขมับให้ผมเบามือ  เงยหน้ายิ้มให้คนตัวสูงที่เหงื่อท่วมตัวไม่ต่างจากผม  ดึงผ้าออกจากมือแล้วเช็ดคืนพี่  เราเหงื่อท่วมตัว  ร้อน  และเหนื่อย  ไอแดด  ไอความร้อนที่สะท้อนผิวน้ำสร้างความเหนื่อยกายให้เราทุกคน  แต่หัวใจ..เราไม่เคยให้สิ่งเหล่านี้ล้างความตั้งใจที่จะช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนได้ครับ

ขึ้นเรือเข้าไปตามหมู่บ้าน  ชาวบ้านที่มีเรือก็พายออกมารับถุงยังชีพเอง  แต่คนที่ออกมาไม่ได้  เจ้าหน้าที่ก็พาเราเข้าไปหาถึงหน้าต่างบ้าน  บ้านบางหลังอยู่กันถึง  30  คนก็มีครับ  ผมรู้สึกว่าของที่เราเอามา..มันไม่พอหรอกครับ  คนข้างในเขาลำบากกันมากจริง ๆ แจกถุงยังชีพจนหมดเราก็ยกพลกลับ  ผมโทรเล่าให้พ่อฟังถึงความลำบากของชาวบ้านที่นี่  อาทิตย์หน้า..พ่อกับพี่รักจะขนของมาช่วยคนที่นี่อีกครับ

ผมยกมือไหว้ลาเพื่อนพี่รักทุกคน  บางคนก็ยิ้มให้ผม  บางคนก็มองเราด้วยสายตาไม่ชอบใจ  ผมรู้..บางคนก็รับไม่ได้กับความรักแบบเรา  ขึ้นรถได้พี่รักก็ดึงมือผมมากุม

“พี่ดีใจที่ตุ๊เป็นเด็กดี  ไม่งอแงที่พี่พาตุ๊มาเหนื่อย..”  ผมยิ้มบางแล้วพูดขัดพี่ที่กำลังจะพูดต่อ

“ผมเหนื่อย  ผมร้อน  แต่มันเป็นความเหนื่อยที่ผมเต็มใจจะเหนื่อย   ช่วยคนนะพี่  ถึงเหนื่อยกว่านี้ผมก็ทนได้  ที่สำคัญ..พี่ไม่เหนื่อย  ผมจะเหนื่อยได้ยังไง”  พี่รักฟังผมจบก็ตบไฟเข้าข้างทาง  มืออุ่นปล่อยมือผมก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  ปลายจมูกเย็นชื้นกดลงที่ขมับสลับแก้มผมหลายที

“ชื่นใจ..”  ตาโศกระยับจับจ้องดวงตาผมก่อนจะผละไปมองทางข้างหน้า  พี่รักขับรถออกจากจังหวัดที่เรามาช่วยน้ำท่วมตรงไปที่บ้านผมทันที  มือข้างหนึ่งจับพงมาลัยตลอดเวลา  อีกข้างจับพวงมาลัยสลับจับมือผมไปตลอดทาง  พี่รักจอดรถไว้หน้าปากซอยบ้านผม  เพราะน้ำข้างในสูงประมาณขา  ผมกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อน  ไอ้ปั้นไปอยู่บ้านแม่  ไอ้ตูนตามไปอยู่ด้วยเพราะทนห่างไอ้ปั้นไม่ไหว  เพื่อนคนอื่นก็ย้ายออกไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมด   เราลงจากรถได้ก็เดินลุยน้ำเข้าไปเพราะไม่มีเรือชาวบ้านหรือรถวิ่งเข้าออกเลย  น้ำมันค่อนข้างแรงและลึกขึ้นเรื่อย ๆ  มือพี่รักเลื่อนลงมากอดเอวผมไว้แน่นขึ้น

“กลับเถอะครับ  น้ำมันลึกขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้เราอย่าไปเลย  ไว้ให้น้ำมันตื้นกว่านี้..พี่จะพามาใหม่”  มองหน้าพี่แล้วมองทางข้างหน้าที่มีแต่น้ำสุดลูกหูลูกตา  ผมพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับ  คนที่ชวนกลับขืนมือที่เกาะเอวผมไว้..

“ไปอีกหน่อยค่อยกลับดีกว่าครับ”  ขมวดคิ้วแล้วเดินตามแรงประคองที่เอว  ผมเดินตามพี่รักมาหยุดใต้ต้นแก้วของผมเอง  วันนี้ดอกแก้วที่เคยปลิว  ลมที่เคยพัดวนรอบตัวผมมันหายไปกับสายน้ำที่ท่วมหมู่บ้านของผม จะหลงเหลือก็เพียง..กลิ่นความหอมของดอกแก้วยังคงลอยอบอวลอยู่ใต้ต้นเหมือนเดิม

พี่รักกอดเอวผมไว้หลวม ๆ แล้วเงยหน้ามองกิ่งไม้ใบเขียวสดของต้นแก้ว  มือใหญ่ลูบลำต้นเบามือแล้วหันมาสบตาผม

“วันนั้น..พี่เดินผ่านต้นแก้วไปแล้ว  แต่ไม่รู้ว่ามีลมจากไหนพัดดอกแก้วปลิวมาเยอะมาก  เยอะจนพี่ต้องหยุดเดินแล้วมองหาต้นแก้ว  ถ้าพี่ไม่มองหาต้นแก้วต้นนี้..พี่คงไม่เจอ..คนแปลกหน้าที่ยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นแก้วต้นนี้แน่นอน”  ยิ้มบางให้ดวงตาโศกของพี่แล้วหลับตารับความอ่อนโยนที่สัมผัสที่แก้มผมแผ่วเบา  เลื่อนมือสวมกอดคืนเบามือ  เงยหน้าจูบปลายคาง  เลื่อนปลายจมูกหอมแก้มสากที่คลอเคลียแก้มผมไม่ห่าง  น้ำเย็นฉ่ำไหลรินใต้ต้นแก้ว   สายลมเอื่อยพัดกลิ่นหอมอ่อนของดอกแก้วปะทะผิวกาย  สัมผัสอ่อนโยนแตะไล้ไปทั่วใบหน้า  หัวใจอิ่มเอมกับสัมผัสนั้น..จนเวลาเลยเข้ายามเย็น

พี่รักกดปลายจมูกที่แก้มผมเบา ๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้าที่ไหล่ผมนิ่ง    เราจูงมือกันเดินออกจากซอยแล้วขึ้นรถกลับบ้านปู่   น้ำที่กรมชลปล่อยมามันเอ่อท้นขึ้นมาเพิ่มอีกหลายจุด  โชคดีที่รถพี่รักยกสูง  ไม่อย่างั้นเราคงไปไหนไม่ได้แน่  ขับออกจากตัวเมืองก็เจอกับรถที่ติดยาวเป็นแถว  เราจอดรถแช่น้ำนานเป็นชั่วโมงจนทนไม่ไหว  ผมเปิดประตูเดินออกไปดูว่ามันติดอะไรมากมาย  พี่รักรีบเดินตามผมมาทันที  รถทัวร์  2  ชั้นคันหนึ่งจอดเสียอยู่ตรงช่วงที่ต้องปิดอีกเส้นทางมาใช้ถนนเส้นนี้เส้นเดียวพอดี  รถที่จะเข้าก็เข้าไม่ได้  ออกก็ออกไม่ได้  พี่รักถอนหายใจยาวแล้วหันมามองหน้าผม 

“วันนี้กลับไม่ได้แน่  เดี๋ยวพี่โทรบอกพ่อว่าเราจะค้างที่บ้านพี่ก็แล้วกันนะครับ”  ยืนนิ่งมองหน้าคมที่ล้วงโทรศัพท์โทรบอกพ่อว่าการเดินทางค่อนข้างลำบาก  ต้องพาผมค้างที่บ้านพี่รัก..

“ครับคุณลุง  ที่บ้านผมคนเยอะครับ  น้องปลอดภัยแน่นอนครับคุณลุง..”  พี่รักยื่นมือถือให้ผมแล้วยิ้มบางส่งมาให้  ผมยื่นมือรับมือถือแล้วมองหน้าจอที่มีเวลาการใช้งานขยับขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วกดรับสาย

“ครับพ่อ มันใช้ถนนได้แค่เลนส์เดียวครับพ่อ  แล้วมันมีรถทัวร์จอดเสียอยู่ครับ  ค้างบ้านพี่รักครับ  ไม่เคยไปครับ  ครับ..”  หูฟังคำถามพ่อ  ปากตอบคำถามชัดเจน  ดวงตาผมมองตาโศกที่มองผมด้วยแววตาอ่อนโยนไม่วางตา  มันอุ่นในใจจนไม่อยากจะละสายตาไปไหนเลยครับ  พ่อถามผมหลายคำถามก่อนจะบอกให้ผมส่งมือถือคืนพี่รัก   

“ครับคุณลุง  ผมพาน้องกลับก่อนเที่ยงครับ  ครับ  ครับ”  มองตาโศกทอประกายหวานจับจ้องใบหน้าผม  มือใหญ่วางโทรศัพท์แล้วจับจงมือผมไปขึ้นรถ  หักพวงมาลัยกลับทางเดิม  ขับเข้าเมืองไม่นานก็ถึงทางเข้าบ้านพี่  พี่จอดรถต่อท้ายรถยนต์อีกหลายคันก่อนจะจับมือผมเดินลุยน้ำเดินเข้าไปในซอย    พี่หยุดเดินก่อนจะบอกให้ผมรอตรงนี้ก่อน  จับมือแน่นขึ้นแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ  พี่ไปไหน  ผมก็พร้อมจะไปด้วย   เดินฝ่ากระแสน้ำที่ไหลแรงขึ้นไปขึ้นเรือที่พี่ผูกไว้กับรั้วบ้านใครสักคน  ผมก้าวขาขึ้นเรือก่อน  มีมือใหญ่คอยประคองตัวและจับเรือให้นิ่ง  นั่งได้ผมก็ไม่กล้าขยับตัว  พี่ก้าวขึ้นง่าย ๆ ก่อนจะแก้เชือกที่ผูกเรือไว้  มองพี่พายเรือด้วยความทึ่ง

“พี่รักเก่งจัง”  พี่ยิ้มกว้างแล้วเบือนหน้าซ่อนความเขิน  พี่เล่าให้ฟังว่าพี่โตมาในบ้านสวน  เพราะฉะนั้นเรื่องพายเรือ  หาปลาก็เลยพอทำได้  จับกาบเรือแล้วหันมองไปรอบตัว  พี่บอกผมว่าตรงที่เราพายเรือไม่ใช่ถนน  แต่เป็นตลาดนัดแถวบ้านพี่เอง  น้ำท่วมจนผมคิดว่าตรงนี้เป็นถนนเสียอีก  นั่งมองคนตาโศกพายเรือด้วยท่าทางทะมัดทะแมงให้ผมนั่งไปจนถึงบ้านหลังใหญ่  พี่พายไปจนถึงประตูบ้านที่เปิดทิ้งไว้  แล้วหันมายิ้มให้ผม

“บ้านพี่เองครับ  ค่อย ๆ ลงเรือนะ  พ่อแม่พี่กับคนอื่นรออยู่ข้างบนครับ”  ยิ้มตอบแล้วก้าวขาแตะผืนน้ำแล้วก้าวช้า ๆ หันมองพี่ลงจากเรือแล้วผูกไว้กับประตูบ้าน  พี่เดินมาหาแล้วแตะหลังเบา ๆ ให้เดินไปพร้อมกัน   มือใหญ่ดึงลูกบิดเปิดประตูตรงหน้าออกช้า ๆ  ผมกลั้นหายใจแล้วยกมือไหว้ผู้ชายกับผู้หญิงที่ยืนรอข้างหลังบานประตู  เสียงทักทายผมดังเซ็งแซ่ 

“เข้ามาก่อนลูก  หิวรึเปล่า?  รักพาน้องไปกินข้าวก่อนไป  ผัดมาม่านะลูก”  ผมยิ้มกว้างให้กับน้ำใจของแม่พี่รักแล้วเดินตามพี่เข้าไปนั่งกลางวงล้อมของหมู่ญาติพี่   ก้มหน้าก้มตารับผัดมาม่าแล้วตักกินจนหมด  รับน้ำจากพี่แล้วนั่งนิ่งตัวตรง

“โทรบอกพ่อรึยังครับ  ไปโทรที่ห้องพี่ดีกว่า  ตรงนี้คนเยอะ”  เงยหน้าขึ้นสบตาโศกแล้วยิ้มน้อย ๆ ลุกตามพี่เข้าไปในห้องมุมข้างในสุด  พี่เปิดประตูทิ้งไว้แล้วหันมายิ้มให้ผม  ยิ้มตอบพี่แล้วหยิบมือถือพี่โทรหาพ่อ

“พ่อ..ตุ๊เองครับ  ถึงบ้านพี่แล้วครับ  คนอยู่เยอะครับ  ญาติพี่เยอะครับพ่อ  นอนห้องพี่ครับ”  ส่งโทรศัพท์ให้พี่คุยกับพ่อ  เบือนไปมองรอบ ๆ แล้วยิ้มบางให้เด็กตัวเล็กที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงพี่  พี่วางโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามากอดเอวผมจากข้างหลัง  กระซิบเสียงเบา

“หลานพี่เองครับ  ลูกของลูกพี่ลูกน้องน่ะ  บ้านเขาชั้นเดียว  อยู่ท้ายซอยด้วย  แม่พี่เลยให้มาอยู่รวมกันที่บ้าน  นอนห้องนี้ด้วยกันนะครับ  มีเด็กเล็กแบบนี้นอนได้เนอะ  หลานพี่ไม่งอแงหรอก”  ผมมองหลานพี่แล้วยิ้มบางให้กับภาพมือเล็กจิ๋วจับมุมผ้าห่มไว้หลวม ๆ เอียงคอซบผมนุ่มที่คลอเคลียที่ไหล่

“พี่นอนได้ผมก็นอนได้ครับ”  พี่ยิ้มกว้าง  ผมยิ้มตาหยีส่งกลับ  พี่เดินมาหยิบเสื้อผ้าให้  ไฟกับน้ำถูกตัดครับ  เราเลยต้องรีบอาบน้ำตอนที่มันยังมีแสงอยู่  ผมรับผ้าขาวม้ามามองก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปผลัด  เดินออกมาจากห้องน้ำก็รีบเดินหนีตาโศกที่มองโน่นมองนี่ผม..ไม่เกรงใจผมเลย  พี่พาผมเดินไปหลังบ้าน  แล้วให้ผมนั่งอาบน้ำตรงนี้เลย  ต้องอาบน้ำที่มันท่วมครับ  ดีที่น้ำไหลตลอดเวลา  จะว่าไป..เหมือนเราเล่นน้ำในคลองเลยครับ  มือใหญ่ตักน้ำมาช่วยราดตัวผม  ผมก้มหน้าก้มตารีบฟอกสบู่แล้วรีบฉวยขันน้ำในมือพี่มาตักราดล้างฟอง   เดินเลี่ยงออกมาแล้วรีบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...

แต่งตัวเสร็จผมก็เดินเข้ามาในห้อง  เจอแม่หนูน้อยกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กอยู่  ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินเลี่ยงออกมาหาพี่   นั่งมองพี่อาบน้ำจนเสร็จ  พี่ยิ้มให้ผมยิ้มบางให้..

“แม่น้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องในห้อง  ผมเลย..เดินออกมาหาพี่ครับ”  พี่พยักหน้าแล้วเดินนำผมกลับไปที่ห้อง  ยิ้มให้หนูน้อยที่มองหน้าผมนิ่ง  พี่แต่งตัวเสร็จก็จับมือผมให้ลุกตาม  เดินตามพี่ผ่านห้องใหญ่ออกมา  เลี่ยงน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาจนเกือบถึงพื้นบ้าน  เดินตัวลีบตามพี่ออกมานั่งตรงระเบียงบ้าน  ชะงักเท้าที่เดินตามพี่เมื่อเห็นมือพี่กวักเรียกให้มานั่งตัก  ผมหันรีหันขวางก่อนจะเอามือลูบท้ายทอยตัวเอง  พี่หัวเราะเสียงใสแล้วตบพื้นที่ข้างตัวดังปุ  นั่งลงข้างพี่แล้วมองแสงสีส้มแดงที่สะท้อนทั่วท้องน้ำ  หรี่ตามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า  พี่ยื่นมือมาบังแสงให้  ผมหันหน้าไปมองคนข้าง ๆ ที่อุตส่าห์เอามือบังแสงให้  ตาโศกอยู่ใกล้จนเห็นขนตาหนา..ชัดเจน

มือที่บังแสงลดลงมาประคองหน้าผมไว้  หลับตารับริมฝีปากอุ่นที่ทาบประทับ  ลมอุ่นเป่ารดแลกลมหายใจกับผม  ความชื้นขยับเชื่องช้าไปตามรูปริมฝีปากผม  นุ่มนวล  อ่อนโยน  จนผมต้องเผยอริมฝีปากเพื่อรับความอุ่น..ที่มากกว่านั้น

หัวใจเต้นรัวเมื่อปลายลิ้นผมสัมผัสความร้อนจากเรียวลิ้นพี่รัก  ความมืดรายล้อมรอบตัวเหมือนมือใหญ่ที่กำลังโอบกอดตัวผม   ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ  เมื่อพี่ผละริมฝีปากออก  ลืมตาขึ้นมองตาเชื่อมที่จับจ้องทั้งดวงตาและริมฝีปากผม  หัวใจเต้นเสียงดังโครมคราม  ดันไหล่พี่เบา ๆ เมื่อริมฝีปากนุ่มเคลื่อนเข้ามาหาอีกครั้ง

“พอแล้ว..”  พี่เลื่อนสายตาจากริมฝีปากผมขึ้นมาสบตานิ่ง  ลมอุ่นจากปลายจมูกพ่นใส่หน้าผมก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  นิ่งฟังเสียงตึกตักข้างในอกกว้าง  ยื่นมือโอบกอดกลับเบามือ  พี่คลายแรงกอดออกแล้วจับผมมานั่งตัก  มองท้องฟ้ามืดมิดที่มีแสงดาวระยิบพร่างกระจายประดับฟากฟ้ายามค่ำคืน  พี่หยิบมือถือออกมาดูเวลาแล้วกระซิบบอกผมให้นั่งรอตรงนี้  พักหน้า  ขยับตัวให้พี่ลุกไป  หายไปไม่ถึง  10  นาทีพี่ก็กลับมาพร้อมหมอนและผ้าห่ม 

ยิ้มกว้างรับผ้าห่มกับหมอนจากมือพี่  ขยับตัวลุกให้พี่รักปูผ้าห่มแทนฟูก  นั่งลงให้พี่รวบเข้ามากอด  ยิ้มรับผ้าห่มที่คลุมกายเราทั้งคู่ไว้   ซุกตัวเข้าไออุ่นของคนตาโศก  กระชับแขนแกร่งที่กอดผมให้คลายหนาว  นอนมองดาวพราวระยับในคืนเดือนมืด  บรรยากาศที่น่าหดหู่กลับอบอุ่นเพียงเพราะคืนเดือนมืดในวันนี้..ผมอยู่กับคนที่ผมรัก

พลิกตัวเข้าหาอกแกร่ง  หลับตารับริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่วหน้า  ฝ่ามือสอดประสาน  หัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะเดียวกัน  ริมฝีปากคลอเคลียไม่ห่าง  หลับตานิ่งฟังเสียงลมหายใจที่ดังระดับเดียวกัน  สลับกับเสียงกระซิบรัก..จนค่ำคืนที่ยาวนานผ่านล่วงเข้าวันใหม่

หลับไปเพราะสัมผัสอุ่นที่ทาบริมฝีปากกับแก้ม  แต่ตื่นด้วยปลายลิ้นที่เข้ามาเกี่ยวพันแย่งลมหายใจ  ลืมตามองตาเชื่อมก่อนจะหลับลงไปใหม่  ผ่อนลมหายใจตามจังหวะการตวัดรัดปลายลิ้น  ดันไหล่เบามือให้พี่หยุด  คนตาโศกครางงึมงำก่อนจะยอมถอนจูบโดยดี

“ไม่อยากไปส่งเลย..คิดถึงแย่”  เสียงทุ้มกระซิบอ้อนไม่อยากส่งผมกลับ  ผมได้แต่ยิ้มกว้างกลับไปเท่านั้น  พี่รักพลิกตัวคร่อมจูบผมอีกหลายครั้งจนแสงจ้าของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า  เราผละออกจากกันอย่างอ้อยยิ่ง  ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว ลาพ่อแม่กับญาติพี่รักแล้วรีบออกจากบ้าน  เราพยายามใช้เวลาเดินทางให้อยู่ในเวลาที่กำหนด  เที่ยงตรง..พี่รักก็พาผมไปส่งถึงหน้าบ้านพอดี

พ่อยืนชะเง้อคอมองหารถเราอยู่หน้าบ้าน  พอเห็นรถเราเข้าไปพ่อก็รีบเสไปมองต้นไม้ใบหญ้าเรื่อยเปื่อย  พ่อยกมือรับไหว้พี่รักแล้วถามว่าออกมากันกี่โมง  ถามเสร็จก็พาเข้าบ้านไม่ฟังคำตอบ  ให้ผมพาพี่รักเข้าไปหาแม่ที่เก็บผักอยู่ในสวน  แม่เก็บผักใส่ตะกร้าแล้วบอกพี่รักว่าให้เอาไปฝากแม่พี่รักด้วย  ผมช่วยพี่รักยกผักขึ้นรถ  ยืนมองตากันพักใหญ่  พ่อผมก็บอกให้พี่รักกลับได้แล้วเพราะต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง 

“กลับเถอะรัก  เดี๋ยวขับรถเข้าบ้านยาก”  พ่อบอกพี่รักแล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน  พี่รักมองตามแล้วเหลียวมองรอบตัว   เผลอตัวเหลียวมองตาม  เพียงเสี้ยวนาทีที่ผมไม่ทันตั้งตัว  สัมผัสอุ่นแตะที่แก้มผมรวดเร็วเหมือนสายลมพัด  อมยิ้มแล้วเบือนไปมองเท้าตัวเอง  หูร้อนวูบวาบ  เงยมองพี่รักที่กำลังยิ้มอยู่แล้วยกมือไหว้พี่

“หวัดดีครับ  ขับรถดี ๆ นะ  โทรหาตุ๊ด้วยนะถ้าถึงบ้านแล้วอ่ะ”  พี่รักยกมือแตะมือที่ผมกระพุ่มไหว้แล้วพยักหน้ารับ  มองส่งรถกระบะสีเข้มขับออกจากบ้านสวนของปู่  อดยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ ไม่ได้  ก้มหน้าเดินเข้าบ้านแล้วเข้าห้องล้มตัวลงนอน

อยากให้น้ำลดเร็ว ๆ ผมกับพี่จะได้เจอกันง่ายขึ้น  ห่างกันแค่  2  นาทีผมก็เหงาแล้ว  หลับตาลงช้า ๆ ให้ในหัวอยู่กับพี่จนกว่าจะลืมตาตื่น   สัมผัสอุ่นที่มือยังคงมีไออุ่นของพี่ติดแนบ  หัวใจเต็มตื้นเมื่อคิดว่า..ข้างกายผมมีพี่อยู่

ยิ้มพราย  ดวงตาโศกแววตาพราวระยับ..ติดตา  อยากให้ตรงนี้เป็นระเบียงบ้านพี่  หัวใจเต้นตึกตัก  ยอมรับอย่างจนใจ..

ว่าตอนนี้..





..ผมรักคนแปลกหน้าคนนี้จนหมดหัวใจไปแล้วครับ..


END.


…………………………………………………


บวก ๆ   หอม ๆ   กอดดดค่ะ  หน้าร้อนนี่มันร้อนจริง ๆ นะคะ  แดดเผาไปถึงท้ายทอยเลยค่ะ
คุณ Mouse2U  หนุ่มในตลาดนี่น่ารักทุกนายค่ะ  จิชอบบบบ5555  ส่วนน้องวีพี่โตและเอ้ต๊อบ  เจ้าของคอนเซ็ป  คู่ขี้อายและคู่ขี้เอา(กรี๊ดดดด ยืมขันแตก ๆ ของเตงมาตบปากจิ  10 ที) ก็ฉีกอารมณ์ดังแควก ๆ เลยทีเดียว  น้องใสปิ๊งน่าถนอมมากค่ะ  อยากได้น้องงงงง
คุณ  PURE LOVE  เนอะคะ  น้องน่ารักมวากกกกกกก  น่าถนอม  น่ากกกอด  ผิดกับเอ้..แตกต่างมากจริง ๆค่ะ(เอ้กอดอกมองเชิดหน้าแล้วเลียปาก) ว่าแต่..ไม่สนใจเขียนแฟนฟิคจริงเหรอคะ  จิก็อยากอ่านน้องตังในมุมมองของคุณ PURE LOVE  นะคะ(โน้มน้าว)
คุณ  BlueCherries กอดต้อนรับค่ะ  คู่หลังนี่ร้อนเข้ากับหน้าร้อนค่ะ  เดือนนี้ร้อนได้อีก  จิกลายร่างเป็นจิแดดเดียวไปแล้วเรียบร้อย  เกรียมได้อีกกกกก
คุณ N.T.❁  กอดนุ่นนนนนนน  ว่างค่อยมาอ่านย้อนนะคะ  เรางานยุ่ง  พี่เข้าใจ(เพราะพี่ก็ไม่ต่าง55)  ขอบคุณที่ช่วยพี่ตามนิยายอีกครั้งนะคะ(จูบแก้ม)
คุณ  KKKwanGGG  คู่ขี้อาย  น่ารัก  ใสปิ๊ง  กุ้งกิ้งมากมายค่ะ  คู่ขี้เอา..จิเพลียแทนต๊อบค่ะ5555
คุณ  nekko  คู่ขี้อาย  น้องวีมีขีดความอาย  1  เมตร  และพี่โตมีขีดความอดทนหนา  1  เมตรค่ะ  ส่วนคู่ขี้เอา..เอ้มีขีดความอ่อยหนา  10  เมตร  ต๊อบมีขีดความอดทน  0.1  มิล  เข้ากั้นเข้ากันค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ   
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-04-2015 16:13:25
เห็นคุณ jira บอกว่ากู้คืนมาได้แค่ราวๆ 20 คู่ จาก 29 คู่

ไม่ทราบว่ามีแฟนๆเคยเซฟเก็บไว้ แล้วมาให้คุณ jira บ้างหรือยังคะนี่??
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ..สงกรานต์ 14/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 16-04-2015 16:25:12
เห็นคุณ jira บอกว่ากู้คืนมาได้แค่ราวๆ 20 คู่ จาก 29 คู่

ไม่ทราบว่ามีแฟนๆเคยเซฟเก็บไว้ แล้วมาให้คุณ jira บ้างหรือยังคะนี่??

แฟนคลับหนุ่ม ๆ ในตลาดน่ารักมากค่ะ  มีส่งมาให้จิหลายคนค่ะ  ทั้งพี่ฝน(love2y)  14  ตอน  พร้อมตอนพิเศษ,  คุณ @rnon   10  ตอน พร้อมตอนพิเศษ และคุณโอม (ΩPRESTOΩ ) ส่งนิยาย  24  ตอนพร้อมตอนพิเศษ  แถมแฟนฟิค
ขอบคุณทุกท่านมาก ๆ ค่ะ
คุณโอมส่งมาให้จินี่มากกว่าที่จิมีอีกนะคะ >///<
แต่ที่เหลืออีก  5  ตอน จิมี  1  ตอน..อีก  4  ตอนยังไม่มีค่ะ
ขาด  4  ตอน ดังรายการต่อไปนี้
1.  เอ้ต๊อบ 
2.  แฟนเก่าเอ้และน้องรับจ้างเป็นแฟน
3.  น้องขายสังฆภัณฑ์กับเด็กในซอยเดียวกัน
4.  และคู่สุดท้าย  คู่น้องบนเจ้าพ่อกับรุ่นพี่ในโรงเรียนค่ะ
 ถ้าใครพอมี  ส่งให้จิด้วยนะคะ  ขอความเมตตาค่าาาาา
ขอบคุณคุณ BlueCherries ด้วยนะคะที่ถามไถ่ถึงค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สายสัมพันธ์แห่งรัก 16/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-04-2015 16:27:49
ไม่เกี่ยวกระทู้แต่ถามรบกวนถาม

รูปดิสเพลย์เป็นรูปของใครเหรอคะ? น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สายสัมพันธ์แห่งรัก 16/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 16-04-2015 16:29:45
ไม่เกี่ยวกระทู้แต่ถามรบกวนถาม

รูปดิสเพลย์เป็นรูปของใครเหรอคะ? น่ารักมาก

น้องเก้า  สมัยละอ่อนค่ะ  น่ารักเน้ออออออ  งื้ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สายสัมพันธ์แห่งรัก 16/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-04-2015 17:46:30
ถอนหายใจอย่างโล่ง สมหวังแล้วนะ

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สายสัมพันธ์แห่งรัก 16/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-04-2015 18:22:26
สิ้นแสงจันทร์
… น้ำตาถึงกับไหลนองหน้าเลยค่ะ :hao5:  อยากขอใช้สิทธิ์เปลี่ยนตัวจากเป็นพี่มั่นลงหลุม เป็นตาพราหมณ์คนทำนายลงไปแทนมากๆ ค่ะ นี่มันศาสตร์มืดชัดๆ ไม่มีความเป็นมงคลอะไรในพิธีกรรมแบบนี้เลยสักนิดเดียว สงสารก็แต่พี่มั่นกับหนูแดง เราคิดว่าแค่ทั้งสองคนได้อยู่เคียงข้างกันไปจนถึงบั้นปลายของชีวิตก็คงมีความสุขมากที่สุดแล้ว เพราะลำพังการได้คบกันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมาจากกันไปเพียงเพราะคำนาย (?) ซึ่งสำหรับเราแล้ว เราคิดว่าไม่ยุติธรรมกับพี่มั่นเลยค่ะ :ling1:

สายสัมพันธ์แห่งรัก
… ซาบซึ้ง~~ มากเลยค่ะ เราชอบฉากที่ทั้งสองคนมาเจอกันที่ต้นดอกแก้วที่สุด (ของแจ้) น้ำตาแห่งความดีใจของเราปริ่มออกมาประหนึ่งว่าตัวเองเป็นน้องตุ๊เลยเชียวค่าา :heaven // เขินจังเลย.. พูดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ รู้แค่ว่าตรึงใจเรามาก เหมือนละอองของความสุขจากการที่ได้พบเจอกันของพี่รักกับน้องตุ๊ลอยอวลออกมาจนเราสัมผัสถึงได้เลยน่ะค่ะ อ่า..ตอนนี้ต้องขอเลื่อนคู่น้องวีไว้ที่ความชอบอันดับสองแล้วสิคะเนี่ย ขอบคุณคุณจินะคะที่เขียนนิยายดีๆ แบบนี้ออกมา o1
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สายสัมพันธ์แห่งรัก 16/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 16-04-2015 21:20:21
ฮืออออ สงสารพี่มั่นกับหนูแดงอ่ะ เศร้าจังเลย
แค่เกิดมาในคืนราหูอมจันทร์ ต้องมามีชะตาชีวิตแบบนี้เหรอ :monkeysad:
เรื่องศาลหลักเมืองนี่ เคยได้ยินมาตอนเด็ก ๆ เหมือนกันค่ะ จำไม่ได้ว่าจากไหน
เรื่องคล้าย ๆ กัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ตอนนั้น รู้สึกสงสารมาก ๆ
ชีวิตคนทั้งชีวิต ถูกกำหนดให้ตายเพราะความเชื่อ ยังไงก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย

พี่จงรัก กับน้องภักดี ช่วยทำให้คลายความเศร้าของพี่มั่นกับหนูแดงได้หน่อย
อ่านตอนแรก คิดว่าพี่จงรักเป็นวิญญาณนะเนี่ย คิดว่าพี่มั่น ยังไม่ไปเกิดซะอีก
พี่จงรัก อบอุ่นอ่อนโยนจริง ๆ ดีใจที่พี่รักกับน้องตุ๊ ได้รักกันสุขสมหวังเสียที
คิดถึงตอนหนีน้ำท่วม เหมือนน้องตุ๊เลย ต้องไปอาศัยญาติอยู่ จะว่าไปก็เร็วเนอะ
ความรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานเลยนะเนี่ย ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ลืมไม่ลงจริง ๆ
ขอบคุณคุณจิค่ะ  :กอด1:
ปล. เรื่องแฟนฟิคพี่ช้างน้องตัง ไม่สามารถจริง ๆ ค่ะ ให้จิ้นในหัวนี่ ได้มากมาย
แต่จะให้เขียนออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ให้คนเข้าใจนี่ คงไม่ไหวจริง ๆ แหะ ๆ  :m8:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สายสัมพันธ์แห่งรัก 16/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 17-04-2015 14:41:17
กระป๋องเบียร์  รอยรัก  และฝ่ามืออุ่น

 
ลมจากพัดลมตั้งโต๊ะพัดส่ายไปมา  ผมที่เริ่มยาวพัดไปตามแรงลมจนเริ่มรำคาญ  หันมองซ้ายขวาแล้วก็หยิบหนังยางมามัดผมหน้าเป็นจุก  หันกลับมาจดจ้องหน้ากระดาษที่มีตัวหนังสืออยู่เต็มหน้า  กวาดตาเก็บรายละเอียดใส่สมองรับการสอบย่อยที่กำลังจะมาในอีกไม่กี่วัน  ตอนน้ำท่วมผมก็ดีใจที่เลื่อนวันเปิดเรียนออกไปอีกนาน  แต่พอน้ำลง  ผมก็รับรู้ว่า..นี่มันนรกชัด ๆ!!

เพราะเปิดเรียนปุ๊บก็ต้องเรียนให้ทันในส่วนที่โรงเรียนต้องปิดเรียนไป  ไหนจะเรียนต่อในเวลาที่เราเคยเลิกเรียนแล้ว  ไหนจะต้องมานั่งอ่านหนังสือหนักเพื่อสอบเก็บคะแนนอีก  ถอนหายใจยาว ๆ เซ็งกับการต้องนั่งอ่านหนังสือ  อ่านบ้านตัวเองไม่ได้  เพราะที่บ้านเปิดกิจการใหญ่  คนมากมายเดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา  ต้องมาอ่านหนังสือบ้านเพื่อน  นั่งแยกกันคนละมุมเพราะกลัวจะไม่มีสมาธิในการอ่าน  และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ใครอ่านวิชาไหนก็อ่านให้แตกฉาน  กินข้าวเที่ยงเสร็จเมื่อไหร่ก็มานั่งสุมหัวผลัดกันติววิชาที่ตัวเองอ่านมา 

แม่ผมเขาขาไพ่น่ะ  แต่ก็ทำงานนะครับ  ไม่ใช่เอาแต่รอตีไพ่อย่างเดียว  งานแม่มีเฉพาะช่วงเช้าที่ต้องไปช่วยพ่อขายนมร้อน  ขนมปังปิ้งอยู่ในตลาด  ขายเฉพาะตอนเช้า  พอกลางวันพ่อก็ทำงานประจำ  พ่อเป็นข้าราชการ   ส่วนแม่..ก็สับไพ่ไปตามเรื่องตามราว หางตาเหลือบเห็นคนเดินผ่านแถวประตูบ้าน  เงยหน้ามองให้ชัดก็นิ่งกับผู้ชายหลายคนเดินมาหยุดถอดรองเท้าหน้าประตู  ยิ้มแล้วยกมือไหว้พี่วุธพี่ชายไอ้วัฒน์เพื่อนผม  ยกมือไหว้เพื่อนพี่อีกหลายคนก่อนจะชี้นิ้วขึ้นไปชั้นบนเมื่อพี่วุธถามหาไอ้วัฒน์  ยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้าให้เพื่อนพี่วุธที่แนะนำตัวกับผม  จำไม่ได้ว่าใครเป็นใครเพราะผมอยากอ่านหนังสือมากกว่าการใส่ใจจดจำเพื่อนพี่วุธ  เบือนหน้ากลับมาสนใจหนังสือต่อ  อ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็ต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อเหลือบเห็นว่ามีคนเดินมาหยุดหน้าประตูอีกแล้ว  ผู้ชายตัวสูงก้มหน้ายืนจับบานประตูข้างหนึ่งถอดรองเท้าบูทกันน้ำ  พยายามเอียงคอมองเสี้ยวหน้าก็สบตาสวยที่เงยขึ้นมามองพอดี

ปลายนิ้วที่แตะตรงหนังสือหยุดขยับ  นิ่งมองตอบดวงตาสวยไม่กะพริบ  คิ้วเข้มหนา  ตาสีดำประกายสวย  จมูกโด่ง  ผมหนาตัดรองทรงต่ำ  ปากสีแดงธรรมชาติ  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอให้ผู้ชายคนนั้น  หัวใจเต้นรัวเมื่อริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มส่งให้  เสียงทุ้มเอ่ยถาม..

“วุธล่ะครับ?”  กะพริบตาปริบแล้วชี้นิ้วขึ้นชั้น  2  เพื่อนพี่วุธนี่เอง  มองส่งหลังกว้างขึ้นชั้นบนด้วยหัวใจเต้นถี่  ไม่อยากจะละสายตาจากสเปค  ยิ้มบางกับอาการประทับใจกับบุคลิกหน้าตาเพื่อนพี่วุธของตัวเอง  ส่ายหน้ากับหัวใจที่เต้นตึกตักไม่เลิก  ดูยังไงก็เป็นผู้ชายปกติ  ไม่มีวันเป็นของผมแน่ 

ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ  หูก็คอยจับใจความเสียงดังล้งเล้งที่ดังมาจากในครัว  เพื่อนพี่วุธลงมาทำอะไรกินกันตอนเที่ยงน่ะ  จนถึงเวลากินข้าวเที่ยง  ไอ้วัฒน์กับคนอื่นเดินมาตามไปกินข้าว  นั่งล้อมวงกินข้าวเที่ยงพร้อมพี่ ๆ ในครัว  พยายามตักข้าวกินไม่สนใจหน้าหล่อตาสวยที่ผมประทับใจจนหมดจาน  เด็กอย่างพวกผมที่เอาแต่กิน  อาสาล้างจานให้  แต่เพื่อนพี่วุธก็ไล่ให้ออกมาอ่านหนังสือ  ดูเหมือนว่าพี่หน้าหล่อกับแฟนจะเป็นคนล้างจานเอง  หัวใจที่เต้นตึกตักเริ่มเต้นในจังหวะปกติ  พี่หล่อกับแฟน  แน่นอนว่าแฟนต้องเป็นผู้หญิง  ช่วยกันเก็บจานไปล้างด้วยกันแบบมีความสุข  ผมเลยหันกลับมาอยู่ในโหมดเตรียมสอบเหมือนเดิม  ผลัดกันติวจนค่ำก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  รู้อยู่แล้วว่าพี่หล่อมีแฟน  แต่ผมก็ยัง..อยากเห็นพี่หล่ออีกนิด

เดินออกมาพร้อมเพื่อน   แยกกันหน้าบ้าน  ไอ้วัฒน์ก็อาสาจะปั่นจักรยานมาส่ง   ผมส่ายหน้าแล้วบอกมันว่าเดินกลับเองได้  พอมันเดินกลับเข้าบ้านผมก็ยืนชะเง้อคอมองลอดรั้วเพราะเห็นว่ามีเพื่อนพี่วุธเดินออกมากลุ่มหนึ่ง  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วเพ่งมองพี่หล่อว่าอยู่ในกลุ่มนั้นรึเปล่า  ยิ้มบางให้ตัวเองปลอบใจเมื่อในกลุ่มนั้นไม่มีพี่หล่อ  เดินลุยน้ำไปตามทางจนถึงบ้าน  เข้าบ้านได้ก็เข้าห้องน้ำล้างเท้า  เดินเข้าห้องตัวเองแล้วเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋า  อาบน้ำเสร็จก็เดินไปดูแม่และขาไพ่ทั้งหลาย  ให้แม่เห็นหน้าผมก็เข้ามานอน  ตื่นเช้าก็ไปโรงเรียน ผมก็เรียนไปสอบไปติวไปเหมือนที่เคย  พี่หล่อเพื่อนพี่วุธผมก็เจอกันบ่อยเพราะพี่เขามาทำรายงานบ้านพี่วุธ  เคยเนียนไปช่วยพี่หล่อยกของที่บ้านด้วย  บ้านก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพี่วุธ  ถ้านั่งนับระยะทาง..ดูแล้วจะใกล้บ้านผมด้วยซ้ำ  ความสุขเล็ก ๆ ของผมก็คือการได้มารวมหัวกันติวที่บ้านไอ้วัฒน์นี่ล่ะ  เพราะมาทีไรก็ได้เจอพี่หล่อทุกครั้ง  พี่หล่อมีชื่อครับ  ชื่อพี่ ‘อ้น’  หล่อด้วย  นิสัยดีด้วย  แฟนก็สวย  บ้านก็รวย..เพอร์เฟคไปหมด  เจอกันทีไรผมก็ได้แต่ยิ้มทัก  ไม่เคยคุยกันมากกว่าการทักทายธรรมดา  แต่ผมก็รู้ว่า..ผมมองพี่อ้นมากกว่าเด็กคนหนึ่งมองผู้ใหญ่  ผมไม่รู้ว่าพี่อ้นตีความสายตาออกไปแบบไหน  ผมก็แค่..ไม่สามารถปิดความรู้สึกดีผ่านสายตาที่มองได้ก็เท่านั้น  แค่ได้เจอ  ได้รับรอยยิ้ม..แค่นี้ผมก็ปลื้มแล้ว 
 
วันนี้ผมก็มาติวที่บ้านไอ้วัฒน์อีกเหมือนเคย  ติวกันหน้าดำคร่ำเครียดเหมือนทุกครั้ง  พี่วุธกับเพื่อนก็มากันครบทีมเหมือนที่เคยเห็น  แต่ที่แปลกกว่าทุกทีก็..พี่อ้นดูเงียบกว่าปกติ  พอพี่อ้นเงียบผมถึงได้หันไปสังเกตแฟนพี่อ้น  พี่น้องแฟนพี่อ้นก็ดูเฉย ๆ ยิ้มแย้มดีไม่มีอะไร  แต่..ความสงสัยผมถูกเฉลยตอนกลับบ้าน

แยกกันหน้าบ้านไอ้วัฒน์ก็จะปั่นจักรยานไปส่งผมที่บ้าน  ผมก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิม  หยุดคุยกับมันแล้วมองกลุ่มเพื่อนพี่วุธที่กลับบ้านไล่ ๆ เวลาที่พวกผมเลิกติว  เพื่อนคนอื่นเขาขับรถกลับกันแล้ว  แต่พี่อ้นกับพี่น้องก็ยังยืนอยู่หน้าบ้าน  ผมเหลือบมองไอ้วัฒน์ที่กำลังมองคู่พี่อ้นอยู่เหมือนกัน  เพ่งมองผ่านรั้วผมก็เห็นพี่อ้นที่ยืนหันหน้ามาทางผมทำหน้าเครียดคุยอะไรก็ไม่รู้กับพี่น้อง  ด้วยความอยากรู้เลยย่องเข้าไปฟังใกล้ ๆ โดยมีไอ้วัฒน์ที่ทำยื้อแขนผมเป็นพิธี  แต่สุดท้ายก็ย่องมาแอบฟังข้าง ๆ ผม
 
“เราต้องกลับแล้วอ้น  เดี๋ยวที่บ้านเรารอ..”  พี่น้องหันหลังกลับผมเลยตั้งท่าจะหลบ  แต่พี่อ้นดึงพี่น้องมากอด  ผมเลยยืนอึ้งมองพี่อ้นที่กอดพี่น้องแน่น..กับประโยคเด็ด

“..ยกเลิกการหมั้นเถอะ  แต่งงานกับอ้นนะน้อง”  ตัวแข็งทื่อกับประโยคขอพี่น้องแต่งงานของพี่อ้น  พี่น้องผลักพี่อ้นออกก่อนจะบอกเสียงนิ่ง

“เราไม่ได้รักอ้นแบบนั้นแล้ว  เรารักพี่หมอถึงได้หมั้นกัน!  แล้วที่อยู่ในท้องเราก็ลูกพี่หมอ..เลิกกันเถอะอ้น  เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเมื่อก่อนเถอะ  เราไม่อยากจะเกลียด..”  พี่น้องพูดไม่ทันจบพี่อ้อนก็โผเข้ามากอดอีกครั้ง..

“เข้าใจแล้ว..เราจะเป็นพ่อให้เอง  แต่งงานกับอ้นเถอะ”  ดวงตาสวยหม่นแสงของพี่อ้นสบตาเข้ากับผมพอดี  แปลก..ที่ตาคู่นั้นไม่มีแววของความตกใจ  แต่กลับทอประกายแปลก  เป็นประกายดวงตาที่ผมสบแล้วมันปั่นป่วนในช่องท้องอย่างประหลาด  พี่น้องดันพี่อ้นออกก่อนจะฟาดมือที่หน้าดัง ‘เพี๊ยะ’  พร้อมประโยคที่..ผมอยากจะร้องไห้แทนพี่อ้น

“ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ลูกเธอ!  ทู่ซี้อยู่ได้”  พี่อ้นยืนนิ่งมองตามหลังพี่น้องที่เดินไปขึ้นรถตัวเองก่อนจะขับออกจากบ้านไป  ผมกับไอ้วัฒน์รีบหันไปมองทางอื่นเมื่อเห็นพี่อ้นมองมาทางนี้  เสียงรถที่สตาร์ทและขับออกไปทำให้ไอ้วัฒน์ถอนหายใจออกมาแรง ๆ

“เรื่องใหญ่นี่หว่า  กูสงสารพี่อ้นว่ะต๋อม”  มองตามไฟท้ายสีแดงที่ลับรั้วไปแล้วก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้วัฒน์  เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ว่าไม่ต้องส่ง  ผมกลับเองได้แล้วเดินใจลอยออกมาจากบ้านมัน  ขาก้าวไปทางบ้านตัวเอง  แต่ใจกลับลอยล่องไปบ้านหลังใหญ่ที่อยู่หมู่บ้านถัดไปอย่างห้ามไม่ได้  ย่างเท้าเหยียบบ้านตัวเอง  ยืนนิ่งกับความคิดที่กำลังทำงานอย่างหนัก  ตอนนี้พี่อ้นกำลังอ่อนแอ  ผม..ควรจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้  สูดลมเข้าปอดแล้วเดินไปบอกแม่ว่าวันนี้จะค้างบ้านเพื่อน  เช้าจะรีบกลับ  พูดเสร็จก็คว้ากุญแจมอ’ไซค์ขี่ไปหมู่บ้านข้าง ๆ ทันที  จอดแวะซื้อเบียร์มา  6  กระป๋องไว้เป็นข้ออ้างที่ผมมาหาเจ้าของบ้านกลางดึก  จุดหมายผมอยู่ที่บ้านหลังใหญ่กลางซอยส่วนบุคคลที่โดดเด่นด้วยสวนกว้างกินเนื้อที่มากกว่าครึ่งของตัวบ้าน  จอดมอ’ไซค์แล้วล้วงมือถือออกมากดไล่หาเบอร์พี่อ้นที่ผมแลกไว้ตอนช่วยขนของ  กดย้ำอยู่หลายรอบเพราะพี่อ้นไม่ยอมรับสาย  พอกำลังถอดใจ..ปลายสายก็รับพอดี

“ครับ......สวัสดีครับ”  กะพริบตาเรียกสติแล้วบอกเสียงธรรมดา

“ผมต๋อมครับ  อยู่หน้าบ้านพี่น่ะ”  พูดได้แค่นี้พี่อ้นก็ตัดสาย  ใจผมเหลือไม่ถึงครึ่งดวง  ความรู้สึกที่ถูกแฟนคนแรกบอกปัดความสัมพันธ์ของการขอเป็นคนสำคัญตอนมีอะไรกันเสร็จเข้ามาถาโถมในหัวใจผม  เสียงแข็งกระด้างจากปากแฟนยังคงดังก้องในหัว  ‘มีคนรักคนเดียวอะไรนั่นกูไม่เอาด้วยหรอก  สนุกกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่หว่า  หรือมึงไม่คิดงั้น?’  ผมได้แต่นอนนิ่งแล้วยิ้มขื่นรับความสัมพันธ์นั้น  โชคดีที่แฟนคนแรกไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว  ไม่อย่างนั้นผมอาจจะตัดใจไม่ได้..

ก้มหน้าแค่นยิ้มกับความคิดง่าย ๆ ก่อนมาหาพี่อ้นถึงบ้าน  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วสตาร์ทรถมอ’ไซค์  พอเร่งเครื่องประตูรั้วก็ขยับเปิด  ผมคร่อมมอ’ไซค์แล้วเบือนมองคนตัวสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงนอนยืนจับประตูรั้วมองหน้าผมนิ่ง  ผมไม่รู้จะทำอะไรก่อน  ไม่คิดว่าพี่อ้นจะลงมาหาทั้งที่ตัดสายผมทิ้งไปแล้ว  กลั้นหายใจเมื่อพี่อ้นขยับเท้าก้าวตรงมาหาผม  มือใหญ่ยื่นมาบิดกุญแจมอ’ไซค์ก่อนจะหย่อนกุญแจลงกระเป๋ากางเกง

ก้มหน้าก้มตาเข็นมอ’ไซค์เข้ามาในบ้านแล้วคว้าถุงเบียร์มาถือ  พี่อ้นมองตาผมแล้วไล่สายตาลงต่ำหยุดที่ถุงเบียร์  กลืนน้ำลายเหนียวแล้วยื่นถุงตรงหน้าหล่อพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงธรรมดา

“เอามั้ย?..”  พี่อ้นมองผ่านหลังมือแล้วสบตาผมนิ่งนานก่อนจะยิ้มบาง  ยื่นมือใหญ่มารับถุงเบียร์ไปถือแล้วตอบเสียงเบา  ‘ก็ดี’   เดินตามทิศที่พี่อ้นเดินนำ  อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองรอบตัว  พี่อ้นพาผมเดินเข้าห้องพี่ที่อยู่ชั้นบน    ก้าวเท้าเข้าห้องก็ได้ยินเสียงปิดล็อคประตู   หันหลังกลับไปมองมือใหญ่ที่ยังคงแตะอยู่ที่ลูกบิด  ไล่สายตามองแขนแกร่ง  อกกว้าง  ลำคอหนา  และหน้าคม พี่อ้นละมือจากลูกบิดประตูแล้วล้วงหยิบกระป๋องเบียร์ส่งให้  ยื่นมือรับแล้วดึงฝาเปิด  ยกแตะริมฝีปาก  ปรายตาสบตาสวยที่กำลังเปิดกระป๋องเบียร์  รสขมปร่าลิ้นละเลียดซึมไปทั่วทั้งโพรงปาก  หายใจไม่ทั่วท้องกับตาสวยที่มองผมยกเบียร์ขึ้นดื่ม  พี่อ้นเลื่อนมือที่ถือกระป๋องเบียร์ไปวางบนตู้ปลาข้างตัว  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นกับตาสวยที่มองริมฝีปากผมนิ่ง  มือข้างที่เพิ่งวางกระป๋องเบียร์บนตู้ปลายื่นเข้ามาจับกระป๋องเบียร์ในมือผม  ปล่อยให้พี่อ้นแย่งเบียร์ไปวางไว้ข้างเบียร์ของพี่อ้นที่ยังไม่ได้จิบบนตู้ปลา  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหลับตารับปลายจมูกที่ซุกเข้ามาหอมที่หลังหู 

เสื้อผ้าหลุดลุ่ยจากตัวไม่รู้ว่าใครถอดของใคร  มือไม้พันกันยุ่งเหยิง  ลมอุ่นจากปลายจมูกเทียบไม่ได้กับปลายลิ้นร้อนจัด  ริมฝีปากนาบลงมาที่ลาดไหล่  ดึงความเจ็บแปลบที่ช่องทางร้อนกำลังเผชิญ  หายใจหนักแข่งกับเสียงครางกระเส่าที่ดังข้างหู  พลิกคร่อมทาบทับ  ขย่มโยกเข้าหาความแข็งขืนที่รอรับ  มือเย็นลูบปะป่ายไปทั่วตัว  พริบตาที่ความยาวกระแทกเข้าเต็มแรง  ผมก็ปลดปล่อยน้ำรักจนเลอะหน้าท้องแกร่ง  ความเร่าร้อนของพี่อ้นดับมอดไปพร้อมกับธารรักที่หลั่งรินเข้ามา..ในตัวผม ก้มหน้าเอาหน้าผากพิงที่ไหล่หนา  ขยับถอยออกช้า ๆ จนความยาวที่ฝังข้างในตัวผมถอนออกมาทีละน้อย  ลุกขึ้นยืนแล้วขอใช้ห้องน้ำ   เดินเข้ามายืนใต้ฝักบัว  มือหมุนเปิดน้ำให้รินหลั่ง  สายน้ำเย็นราดล้างคราบเหนียว  กลิ่นคาว  และล้างความรู้สึกผิดที่กำลังตรงเข้าทำร้ายตัวเอง 

ผมรู้..ผมฉวยโอกาสในขณะที่พี่อ้นกำลังต้องการใครสักคนเข้ามาปลอบ

ผมรู้ว่า..มันผิด

“ต๋อม..”  สะดุ้งกับเสียงทุ้มที่ดังจากข้างหลัง  มือลูบน้ำออกจากหน้า  พี่อ้นเดินเข้าประชิดตัว  ริมฝีปากจูบที่ซอกคอ  หลับตารับความร้อนจากตัวพี่อ้นที่กำลังต้องการปลดปล่อย  เสียงครางดังข้างหูอีกครั้ง  รับความใคร่ความอยากทั้งของตัวเองและคนตรงหน้าอย่าง..เต็มใจ   
ล้างคราบคาวทั้งของผมและของพี่อ้นออกจากตัวเสร็จ  ผมก็เดินออกมาเช็ดตัว  แต่งตัวด้วยความรวดเร็วแล้วถือวิสาสะล้วงหากุญแจมอ’ไซค์ในกระเป๋ากางเกงพี่อ้น  และเดินออกจากห้องพี่อ้นทันที พี่อ้นเดินตามมาคว้าข้อมือ  ขืนมือออกจากการเกาะกุมแล้วดินตรงไปข้างหน้า  ได้ยินพี่อ้นเอ่ยตามหลัง  ‘ดึกแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยกลับเถอะ’  ผมไม่ได้หันกลับไปตอบอะไร  การเดินออกไปของผมมันเป็นคำตอบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว   คร่อมขี่มอ’ไซค์ออกจากรั้วบ้าน  ขี่เข้าทางลัดที่ใช้เวลาไม่นานก็ถึงหน้าบ้านผม  ถ้าเดินก็ใช้เวลาประมาณ  10  นาทีก็ถึง  ในหัวผมก็นึกถึงหน้าหล่อที่กำลังกอดพี่น้อง  เสียงทุ้มเจ็บปวดที่พี่อ้นเอ่ยถามพี่น้องดังก้องอยู่ในหัวไปมา

‘แต่งงานกับอ้นเถอะ’  เสี้ยววินาที..ผมเผลอให้คำตอบที่พี่อ้นถาม.. 

ยิ้มขื่นเพราะตัวเองไม่ใช่พี่น้อง  ไม่มีวันที่พี่อ้นจะเอ่ยปากขอผมแต่งงานแน่นอน  กลับถึงบ้านก็เจอคำถามแม่ที่ถามผมแบบงง ๆ ว่า  ‘ไหนว่าจะค้างบ้านเพื่อน?’  ยิ้มบางแทนคำตอบแล้วเลี่ยงมานอน  เปลี่ยนเสื้อผ้า  หยิบมือถือกับเศษเงินมาวางที่หัวเตียง  ล้มตัวลงนอนแล้วข่มตาให้หลับ 

หน้าพี่อ้น  เสียงกระเส่า  และใบหน้าแสดงอารมณ์ที่ผม..เพิ่งเคยเห็น  ลอยเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัว  ผ่อนลมหายใจออกแล้วเบือนไปมองมือถือที่นอนนิ่งบนหัวเตียง  ไม่แปลกที่พี่อ้นจะไม่โทรมา  ผมมันก็แค่..แค่คนที่ฉวยโอกาสกับความอ่อนแอเท่านั้น  เม้มปากแน่นก่อนจะทำใจ  ผมทำมันลงไปแล้ว  ไม่ว่าต่อไปนี้ผมกับพี่อ้นจะกลายเป็นอะไรต่อกัน  ผมก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้  ข่มตาให้หลับยากเย็น  ตื่นขึ้นมาด้วยอาการตาลึกโหล  หน้าบูดสนิท  ปวดท้องเพราะเครียดลงกระเพาะ หึ..สมน้ำหน้า!

อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน  ไม่ไปตลาดช่วยแม่กับพ่อเหมือนทุกที  สะโหลสะเหลไปถึงโรงเรียนก็เดินตุปัดตุเป๋เข้าแคนทีนก่อน  สั่งก๋วยเตี๋ยวมานั่งสาวเส้นเล่น  มัน..กินไม่ลง  วางตะเกียบแล้วเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวออกไปห่างตัว  หยิบแก้วน้ำเปล่ามาจิบช้า ๆ ก้มหน้ามองมือถือที่นูนเป็นรูปในกระเป๋ากางเกงนักเรียนนิ่ง  ถอนหายใจยาวแล้วเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวมากิน  จะเครียดอะไรมากมาย  ถ้าเจอพี่อ้นครั้งหน้าแล้วมันแย่นัก..ผมก็หายตัวไปจากบ้านไอ้วัฒน์  หายไปจากสถานที่ที่ผมสามารถจะเจอกับพี่อ้นได้..มันก็จบ  กินเสร็จก็เดินออกจากแคนทีนมารอเข้าแถวกับกลุ่มเพื่อน  ไม่ใส่ใจกับบทสนทนาที่ไอ้วัฒน์เล่าเรื่องเด็ดของพี่อ้อนกับพี่น้องเมื่อคืนวานให้เพื่อนในกลุ่มฟัง  หยิบหูฟังมาสวมตัดวงจรการดึงเข้าไปร่วม  เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีแค่มันกับผม  เสียงออดเรียกเข้าแถวทำให้พวกเราสลายตัว  พอเข้าเรียน..เรื่องพี่อ้นกับคนเคยรักก็หายไปกับสายลม

ผมเรียนและใช้ชีวิตปกติทุกวัน  เก็บความเครียดและความกังวลเรื่องพี่อ้นเอาไว้ให้ลึกที่สุดในใจ  สร้างภาพขึ้นมาหลอกตัวเองว่าผมหน้าหนาและเข้มแข็งพอที่จะรับกับความเย็นชาในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้  วันนี้วันเสาร์..วันที่ผมกับเพื่อนต้องมาช่วยกันติวที่บ้านไอ้วัฒน์  ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเพื่อนพี่วุธก็จะต้องมารวมตัวกันที่บ้านเหมือนทุกครั้ง  หลัง ๆ ไม่มีรายงานหรือกิจกรรมกลุ่ม  พวกเพื่อนพี่วุธก็มาเล่นเกมส์  ดูหนัง  นั่งกินเหล้าทุกวันหยุดอยู่แล้ว  ถอนหายใจกับความกังวล  ผมเกร็งจนตะคริวกินที่มือแบบไม่รู้ตัว  ค่อย ๆ คลายแรงที่กำหมัดออกช้า ๆ  ขยำมือสลับกับเหยียดนิ้ว  ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ  ถ้าแย่มากกว่าที่คิด..ก็คงจะโดนต่อยสัก  3-4  หมัด  หลังมือใหญ่อย่างพี่อ้นโดนเข้าที่หน้าสัก  3  ทีก็น่าจะแหกพอให้พี่อ้นสะใจได้แล้วล่ะ

เข้าบ้านไอ้วัฒน์ได้ก็มานั่งล้อมวง  แบ่งวิชาที่ต่างคนต่างถนัดเสร็จก็แยกมานั่งติวคนละมุม  ผมเลือกมุมใหม่  ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้าน  ยอมรับเต็มอก..ผมยังไม่พร้อมจะเจอกับพี่อ้น  พยายามทำใจให้สงบแล้วจดจ้องกับตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ  เกือบเที่ยงผมก็ได้ยินเสียงก๊องแก๊งในครัว   ได้ยินเสียงพี่วุธถามใครบางคนว่าจะกินอะไร  พอได้ยินเสียงทุ้มที่ตอบพี่วุธ..ผมก็เหงื่อผุดเต็มฝ่ามือ  หายใจไม่ลงปอด  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น  คงต้อง..ทำใจอย่างเดียวสินะ

นั่งคอตกจนถึงเวลาไอ้วัฒน์ก็ตะโกนเรียกให้ไปกินข้าว  ถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  เดินดุ่มผ่านประตูหลังบ้านเข้าครัว  หยิบจานมาตักข้าวแล้วเดินเข้าไปตรงที่ว่าง  ตักกับข้าวตรงหน้า  3-4  อย่างตั้งใจว่าตักเสร็จจะเดินออกมานั่งกินข้าวที่ห้องนั่งเล่น  แต่เวรกรรมที่ผมทำมันส่งผลเร็วทันตา  เพราะความอารามรีบลน  เลยไม่เห็นว่าที่ว่างที่ผมแทรกตัวเข้ามาตักกับข้าว..มันคือที่ที่พี่อ้นยืนอยู่ ช้อนกลางที่มีเต้าหู้ไข่ชิ้นโตกับผักกาดขาวบรรจงตักและเทลงมาในจานข้าวผม  มองตามช้อนถึงได้หน้าชา  พี่อ้นตักแกงจืดเต้าหู้ให้  แถมยังตักหมูทอดใส่ให้อีก  2  ชิ้น  ก้มหน้ามองเต้าหู้แล้วมันเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย  หายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ  น้ำตาก็..พาลจะไหล มือใหญ่วางช้อนกลางแล้วเลื่อนแตะที่หลังผมเบามือ  ค่อย ๆ หายใจเข้าปอดทีละนิดแล้วเดินตามพี่อ้นที่เดินนำมานั่งที่ที่ผมเคยนั่งติวประจำ  หยุดยืนนิ่งเงยหน้ามองพี่อ้นที่เดินไปนั่งที่ประจำผม  กลืนก้อนแข็งลงคอแล้วฝืนก้าวเท้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม  พี่อ้นตักข้าวกินไปเรื่อย ๆ ทำให้เริ่มจะคลายกังวลบ้าง  ตักกินตามจนหมดจาน  นั่งนิ่งรอให้พี่อ้นกินเสร็จ  พี่อ้นรวบช้อนแล้วยื่นมือมาตรงหน้า  ผมนิ่วหน้าเกร็งรับอะไรก็ตามที่ผมกำลังกลัวทันที  มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของคนที่ทำความผิด  มันกลัวไปหมด 

พี่อ้นไม่ชกผม  ไม่ได้ตบ  หรือทำร้ายอะไรทั้งนั้น  มองตามแผ่นหลังกว้างที่ยกจานข้าวผมกับของตัวเองไปล้างในครัว  ก้มหน้า  กัดปากแน่นข่มความเจ็บในอกที่กำลังแล่นริ้ว  ถ้าให้พี่อ้นพูดจาร้ายกาจ  หรือลงมือทำร้ายไปเลย  มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้
นั่งสำนึกผิดไม่ทันถึง  5  นาทีพี่อ้นก็เดินกลับมาพร้อมหนังสือของผม  ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ไล่สายตาจากกองหนังสือตรงหน้าขึ้นสบตาสวย  ประกายหม่นยังคงสะท้อนภาพผมนิ่ง  ความผิดในคืนนั้นย้อนกลับมาทำร้ายผมจนจุกไปหมด  หลบตาพี่อ้นแล้วคว้าหนังสือมารวมกับพวกไอ้วัฒน์  ติวแบบไม่รู้เรื่องจนเพื่อนสงสัย  มันเลยจะกลับไปอ่านกันเอง  ผมพยายามสนใจกับเรื่องเรียนให้สุดความสามารถก่อน  พอหมดวิชาสุดท้ายที่ไอ้วัฒน์รับผิดชอบก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ  เพื่อนบางคนก็นอนแผ่หลา  นั่งอยู่พักใหญ่ก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะมันเริ่มจะค่ำแล้ว

“ไอ้วัฒน์มึงปั่นจักรยานไปส่งกูที”  ไอ้วัฒน์ทำหน้าลำบากใจ  ผมเลยถามว่ามันมีอะไรรึเปล่า?

“กูมีนัดว่ะต๋อม  เดี๋ยวกูให้พี่วุธไปส่งนะ”  ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วบอกมันว่าไม่เป็นไร  คว้าหนังสือมากอดแล้วรีบเดินลงมาข้างล่าง  ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากบ้าน  พอพ้นรั้วผมก็ถูกมือหนาคว้าแขนดึงไว้  ขืนตัวไม่หันมาเผชิญหน้า  ผมจำสัมผัสแบบนี้ได้ดี..พี่อ้น

“....”  ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปาก  ผมผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหมุนตัวกลับ  มองปลายเท้าพี่อ้นแล้วทำใจเดินตามไปขึ้นรถยนต์ที่สตาร์ทเครื่องรอ  นั่งก้มหน้าก้มตามาถึงบ้านพี่อ้น  พอล้อรถจอดสนิทพี่อ้นก็ดึงหนังสือในมือไปถือให้   เดินตามลงมาอย่างจำยอม  พี่อ้นเดินเข้าครัว  ผมยืนเป็นหุ่นอยู่กลางห้อง  มองแผ่นหลังที่เปิดตู้เย็น  พยักหน้ารับกับคำถาม  ‘มีแต่ไข่..กินไข่เจียวหมูสับได้ไหม?’  นั่งลงที่โต๊ะกินข้าวแล้วรับจานข้าวไข่เจียวมาตักกิน  ไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าจะมีวันที่ผมได้กินข้าวฝีมือพี่อ้น  กลืนข้าวแต่ละคำลงคอมันช่างยากเย็น  ฝืนกินได้ไม่กี่คำก็หยุด  รวบช้อนแล้วหยิบน้ำที่พี่อ้นวางไว้ให้มาดื่ม

เงยหน้ามองดวงตาสวยที่จับจ้องหน้าผมอยู่ก่อน กลืนน้ำลายเหนียว  เบือนหลบตาสวยไปมองที่อื่น เสียงช้อนกระทบจานดังติดต่อกันก่อนจะหยุดนิ่ง  พี่อ้นเก็บจานไปวางที่อ่างล้างแล้วเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผม กลั้นหายใจเมื่อมือใหญ่จับต้นแขนดึงผมให้ลุก หายใจติดๆขัดๆกับหน้าหล่อที่โน้มเข้ามาใกล้ เบี่ยงหนีถอยหลังจนชนเข้ากับเก้าอี้ เงยหน้ามองพี่อ้น..ตาสวยกำลังจ้องมองริมฝีปากผม เม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยคำที่ผมควรจะพูดตั้งแต่แรก
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : สายสัมพันธ์แห่งรัก 16/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 17-04-2015 14:41:40
“ผมขอโทษ..”  พี่อ้นนิ่งไปนานก่อนจะดึงผมเข้ามากอด  ปลายจมูกฝังลงที่หลังใบหู  ริมฝีปากจูบเนิบนาบไปตามสันกราม ซอกคอ มือสอดเข้ามาในเสื้อผมแล้วลูบผิวใต้เสื้ออย่างเบามือ..ผมปล่อยให้อารมณ์มันเตลิดอีกครั้ง 

ถูกจับนั่งบนโต๊ะกินข้าว  มือใหญ่ช้อนต้นขาด้านในให้ก้นผมยกสูง  แทรกกายเข้ามาหาเชื่องช้า  ผมตอดรัดรับความยาวที่เข้ามาจนสุด  มือโอบกอดไหล่หนา  คว้าไขว่ความใคร่ที่เกิดจากเราทั้งคู่  เหงื่อผุดพราวไหลอาบทั่วตัว  ครางต่ำกับความสุขชั่วคราวในช่วงเวลาที่เป็นของผม  ปลดปล่อยความสุขนั้นแล้วซบหน้าลงกับไหล่  พี่อ้นขยับอีก  2-3  ครั้งก็ครางยาวข้างหู  ดันตัวออกแล้วกะเผลกเข้าห้องน้ำ  ฉีดน้ำล้างทำความสะอาด  ดึงกระดาษมาเช็ดแล้วลุกมายืนหน้ากระจก  ยิ้มขื่นก่อนจะวักน้ำมาล้างหน้า  เดินออกจากห้องน้ำทั้งสภาพอย่างนั้น  สวนกับพี่อ้นที่มีผ้าขนหนูอยู่ในมือ  รับผ้าผืนนั้นมาซับน้ำที่หน้า  ทันทีที่พี่อ้นเข้าห้องน้ำ..ผมก็เดินออกจากบ้านพี่อ้นทันที  แรงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นอย่างต่อเนื่อง  ผมไม่คิดจะหยิบมันออกมากดรับ  ผมไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองดี  ไม่รู้จะทำยังไงกับความสัมพันธ์ที่ผมเป็นคนเริ่ม..และจบมันไม่ได้

กลับมาถึงบ้านก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง  ผมเข้าใจความต้องการของตัวเอง  ผมอยากได้พี่อ้น  เห็นแก่ตัวมากพอจะหน้าหนาเข้าหาพี่อ้นในยามที่พี่อ้นกำลังสับสน  แต่พี่อ้น..ผมไม่รู้ว่าพี่อ้นคิดอะไรอยู่  การที่เรากอดกันอีกครั้งในวันนี้มันทำให้ผมกำลังจะคิดเข้าข้างตัวเอง  พี่อ้นอาจจะรู้สึกดีกับผมบ้าง  ถึงได้กอดผม  แล้วสายที่เข้ามาตลอดเวลา..มันอาจจะหมายถึงพี่อ้นคงรู้สึกอะไรกับผมอยู่บ้างล่ะมั้ง..ผมกำลังเห็นแสงสว่างจุดเล็กท่ามกลางความมืดมิดอยู่ใช่ไหม? เก็บความหวังเล็ก ๆไว้ในใจแล้วอาบน้ำล้างตัว  เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมาหาแม่ที่กำลังตั้งวงจดจ่อกับการลุ้นไพ่อยู่  บอกเสียงดังว่ากินข้าวมาแล้วและจะนอนเลย  แม่พยักหน้าแต่ตายังคงมองไพ่ในมือนิ่ง  เดินหมุนตัวขึ้นห้องกลับมาล้มตัวลงนอน  ผ่อนลมหายใจที่หนักอึ้งออกช้า ๆ แล้วหลับตาลง ผมจะไม่กังวลอีก  จะปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรมที่ผมก่อ  ถ้าพี่อ้นยื่นมือ..ผมก็พร้อมจะจับไว้  แต่ถ้าพี่อ้นผลักผมออกวันไหน  ผมก็พร้อมจะเดินออกไปทันทีเหมือนกัน

ตลอดทั้งอาทิตย์ผมไม่เคยกดรับสายของพี่อ้นที่โทรเข้าเลยสักครั้ง  ผมไม่พร้อมจะพูดคุยผ่านโทรศัพท์  ผมอยากคุยแบบตัวต่อตัว  ถ้ามันจะแตกหัก..ผมอยากโดนแบบแสกหน้ามากกว่าเจ็บผ่านสินค้าอิเล็กทรอนิกส์  วันเสาร์ที่ผมเฝ้ารอก็ผ่านไปแบบที่มันควรจะเป็น  รวมติว  กินข้าวเที่ยง  และกลับพร้อมพี่อ้นที่ดักรอผมทุกเสาร์  แล้วก็จบลงที่การมีเซ็กส์  ไม่มีคำพูดอะไรมากกว่าการให้ผมค้าง  และผม..ก็ไม่เคยทำตามที่พี่อ้นบอก 

ผมใช้ชีวิตเด็กนักเรียนธรรมดาที่แอบรักเด็กมหาลัยว่าที่คุณหมอมาเรื่อย ๆ จนถึงเสาร์แห่งความสุขที่  8  นับนิ้วเล่น ๆ ผมกับพี่อ้นเรามีความสัมพันธ์ทางกายกันมา  2  เดือนพอดี  เป็นเซ็กส์ที่มีผมเป็นเริ่มซะส่วนใหญ่  มือลูบไล้  ริมฝีปากครอบครอง  ปลุกปั่น  ยั่วยวน  และดึงให้พี่อ้นต้องตอบสนองทุกครั้ง  ไม่เคยมีอะไรมากกว่า..การสอนองตอบทางร่างกาย 

ผมมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ดี  ไม่อยากคิดให้มาก  หวังให้ไกลกว่านี้ด้วย

หลังติวผมก็นั่งมากับพี่อ้น  เข้าบ้านได้ก็หาอะไรกินก่อน  ผมไม่เคยกอดพี่อ้นนอกจากตอนรักกัน  ผมสารภาพตามตรงว่าผมไม่กล้า  แต่พี่อ้น..สัมผัสที่เริ่มจากการแตะที่หลังผมวันนั้นมันพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงการโอบไหล่ผมเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ  จับมือผมโดยไม่รู้สึกแปลก  แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น 

หลังจากการรวบช้อนเก็บจาน  ผมกับพี่อ้นก็เดินเข้าหากันเหมือนทุกครั้ง  ปลายจมูกโด่งซุกซนไล้ไปทั่วซอกคอ  ผ่อนลมหายใจช้า ๆ แล้วเงยหน้าไปตามแรงดุนดัน  หัวใจเต้นถี่เมื่อวันนี้พี่อ้นแตะปลายจมูกขึ้นมาที่โครงหน้า  ตัวแข็งนิ่ง  เกร็งกับดวงตาสวยฉ่ำที่จับจ้องดวงตาผม  พี่อ้นโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะที่แก้มผมก่อนจะไล่หอมช้า ๆ ไปทั่วหน้า  หัวใจผมเต้นแรงกับความแปลกที่พี่อ้นกำลังทำอยู่  กลืนน้ำลายลงคอแล้วหลับตารับริมฝีปากที่แตะแผ่วตรงริมฝีปากล่าง  หายใจเข้ารับลมอุ่นที่ผ่อนออกช้า ๆ ของพี่อ้นเข้าปอด  เผยอริมฝีปากให้ปากนุ่มชื้นจูบช้า ๆ  หัวใจเต้นในจังหวะที่ไม่เหมือนทุกวัน  วันนี้..ผมเหมือนถูกพี่อ้นรักอยู่จริง ๆ ไม่ใช่แค่การระบายอารมณ์เหมือนที่เราทำด้วยกันทุกครั้ง

ความอบอุ่นจากริมฝีปากและปลายลิ้นค่อย ๆ ซึมแทรกเข้ามาในหัวใจผมทีละนิด  แต่จนแล้วจนรอด  เสร็จกิจผมก็กลับบ้านทันที  ไม่สนใจมือใหญ่ที่คว้าแขนขอให้ผมค้าง  เดินดุ่ม ๆ ออกมาจากบ้านพี่อ้น  สาวเท้าหนีแสงไฟที่สาดไล่มาข้างหลัง  เม้มปากเมื่อหันไปมองรถที่จอดเทียบข้าง ๆ เป็นพี่อ้นที่ยังไม่ได้สวมเสื้อ  มันบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง  ดีใจล่ะมั้ง?..ที่เห็นพี่อ้นอุตส่าห์ขับรถออกมาตามหาผม

“มีอะไรครับ?”  พี่อ้นลดกระจกลงจนเห็นว่าพี่อ้นรีบออกมาจนไม่ได้สวมเสื้อ  กะพริบตาปริบมองพี่อ้นที่กดกระจกขึ้นแล้วเปิดประตูลงมาหา  ‘ไม่เป็นไร..ผมจะกลับไปนอนบ้าน  นอนที่บ้านดีกว่าครับ’  รีบบอกเมื่อพี่อ้นเดินเปลือยอกลงมาจากรถ  เม้มปากกลั้นความดีใจที่มือใหญ่คว้ามือผมจูงเข้าไปนั่งในรถ 

จะเป็นไรไหม..  ถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้าง 

พี่อ้นเดินกลับมานั่งฝั่งคนขับแล้วถอยหลังกลับบ้าน  ระหว่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร  ผมได้แต่นั่งนิ่ง  พยักหน้าเมื่อพี่อ้นบอกให้ผมรออยู่ในรถก่อน  ไม่นานพี่อ้นก็กลับมาในสภาพสวมเสื้อผ้าที่ดูดีขึ้น  บอกทางไปบ้านตัวเองและเลี่ยงที่บอกทางลัดที่ใช้ประจำ  ผม..อยากอยู่แบบนี้อีกนิด

บอกให้จอดหน้าบ้านแล้วเตรียมจะลงจากรถ  พี่อ้นเอื้อมมาดึงมือให้ผมนั่งอยู่ก่อน  หยุดนิ่งอยู่กับที่  ก้มหน้ามองตักตัวเอง  ฟังเสียงพี่อ้นลดกระจกลงแล้วดับเครื่อง  ความเงียบรายล้อมรอบตัวผมนานเกือบ  10  นาที  พี่อ้นก็เป็นคนทำลายมันลง..

“ทำไมถึงไม่เคยรับโทรศัพท์พี่?..ถ้ารู้สึกไม่ดีที่จะรับ  เพราะพี่ฉวยโอกาสกับต๋อมที่เดินเข้ามาในวันที่พี่กำลังอยากได้ใครสักคน  พี่ก็ขอโทษครับ  ขอโทษจริง ๆ ..”  ผมไม่อยากฟังคำลาขาดทางโทรศัพท์ต่างหาก  ผมอยากจะตอบไปแบบนั้น  แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป  กะพริบตาปริบแล้วนั่งเงียบ  พี่อ้นเองก็เงียบไปนานเหมือนกัน  เสียงถอนหายใจออกมาจากพี่อ้นเฮือกใหญ่  ก่อนพี่อ้นจะพูดออกมาอย่างเหลืออด..
 
“..คุณเอาแต่ทำอย่างเดียว  เสร็จก็กลับบ้าน  ดึกแค่ไหนคุณก็กลับ..เห็นผมเป็นอะไร?!”  จุกในอกกับสรรพนามที่เปลี่ยนไป  มันแทงใจเพราะผมทำตัวแบบที่พี่อ้นพูดทุกคำ  ผมคิดว่าผมไม่ควรได้รับความอ่อนโยนเพราะตัวผมมันเหี้ย..ถึงไม่เคยอยากอยู่ให้พี่อ้นต้องรู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ  ไม่เคยรู้ว่าพี่อ้นรู้สึกแย่แค่ไหนที่ผมทำเหมือนพี่อ้นเป็นที่ระบาย  พี่อ้น..คงทนจนถึงที่สุด  ถึงได้เอ่ยปากถามผมแบบนี้  ผมทำเรื่องที่ทำให้พี่อ้นรู้สึกไม่ดีเพิ่มขึ้นอีกแล้วเหรอ?  หลับตากลั้นความจุกและเจ็บที่กำลังพุ่งออกมาทางสีหน้า  ปวดหัวตาหนึบ ๆ
 
“ถ้าเข้ามาเล่น ๆ ก็เดินออกไปเถอะ  ผมไม่อยากอยู่กับความคลุมเครือแบบนี้อีกแล้ว..”  นิ่วหน้ากับคำว่า ‘เข้ามาเล่น ๆ’  แต่กลับต้องลืมตาโพลงกับคำต่อว่าในประโยคท้าย  หายใจติดขัดกับประโยคเมื่อครู่    ค่อย ๆ เบือนหน้าไปมองหน้าด้านข้างพี่อ้นที่มองตรงไปข้างหน้า  หน้าหล่อบูดสนิทที่ผมเห็นมันทำให้ใจผม..เต้นโครมคราม 
พูดแบบนี้..กับบรรยากาศแบบนี้  ไม่น่า..

“ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นกับแบบไหน  ผมก็อยากให้เราลงท้ายด้วยความรู้สึกที่เหมือนกัน..”  อ้าปากน้อย ๆ รับลมเข้าแทนการหายใจทางจมูก  ตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาสวยทอประกายเชื่อมส่งตอบกลับมา  รอยยิ้มอ่อนโยนประดับหน้าพี่อ้น  ผม..ไม่จริงอ่ะ

“..คบกันให้เหมือนคนรักสักทีเถอะ  อย่าทำเหมือนที่ผ่านมาเลย  ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว”  หายใจไม่เข้าปอด  เรียกลมเข้าทางปากอย่างหนัก  ทำอะไรไม่ถูกเมื่อคนที่เอ่ยปากขอคบเป็นคนที่ผมรัก  และทำให้เขารู้สึกแย่ไปพร้อมกัน  มัน..มันเหมือนมีคนมาจุดดอกไม้ไฟอยู่ในหัว  ยกมือปิดปากแล้วดันอกกว้างที่กำลังโผเข้ามาหา  อ้อมแขนอุ่นดึงผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  แก้มสากแนบแก้มผมแล้วกระซิบอ่อนโยนข้างหู

“พรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ”  ดันตัวเองออกมาองหน้าหล่อที่กำลังยิ้มให้ผม 

ผม..มันยิ่งกว่าอยู่ในฝันเสียอีก  นิ่วหน้าเก็บความตื้นตันที่กำลังพุ่งเข้ามาในอก  มือใหญ่เลื่อนมาประคองหน้าแล้วเอ่ยถาม..

“หรือจะไปต่างจังหวัด  ค้างสัก  2  คืน..”  กัดริมฝีปากล่างแน่นแล้วหลับตาให้ความดีใจมันซึมเข้ามาให้เต็มที่  ผมไม่ได้ฝัน  ในที่สุด..พี่อ้นก็ยื่นมือมาให้ผมจับเสียที  ลืมตาขึ้นมายิ้มเต็มหน้า  สอดแขนเข้าโอบรอบคอหนาก่อนจะตอบตกลงข้างหู

“อื้ม!”  กอดแน่นขึ้นเพราะความรู้สึกข้างในมันล้นออกมาจนอยากให้พี่อ้นได้รับเอาไปบ้าง  มือใหญ่ลูบหลังแล้วเลื่อนขึ้นมาแตะที่ท้ายทอยผมเบา ๆ ก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น  หัวใจพองคับอก  ยิ้มจนแก้มแทบฉีก  เอียงหน้าซบไหล่แล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้อยู่กับอ้อมกอดอุ่นไปนาน ๆ พี่อ้นลูบหลังช้า ๆ แล้วดันไหล่ผมออกมาหอมปลายจมูกแผ่วเบา  ยิ้มบางตอบพี่อ้นเขิน ๆ ..

“วันนี้ค้างกับพี่นะครับ  ซ้อมไว้ก่อนไง”  เอียงคอมองยิ้มพราวแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ  เบี่ยงตัวกลับมานั่งที่เดิม  ปล่อยให้พี่อ้นกลับรถไปทางบ้านตัวเอง  ซ้อมไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน

หันไปมองหน้าหล่อของพี่อ้นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้  กลายเป็นยิ้มระบายเต็มหน้าทั้งผมและคนขับ  มือกุมกันหลวม ๆ ตลอดเวลา  ไม่อยากเชื่อว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วผมยังเจ็บในอกจนแทบจะร้องไห้  ตอนนี้กลับ..หน้าบานเท่าโลก มือใหญ่สอดจับมือเข้ามากุมช้า ๆ พาเดินเข้าบ้าน  ตระกองกอดแนบอกกล่อมให้หลับใหล  ระบายยิ้มฉาบทาทั่วหน้าแล้วกอดตอบเบามือ

ความสุขที่ผมคว้าไขว่..ที่สุดก็เข้ามาอยู่ข้างกายเสียที




รักที่เริ่มจากการฉวยโอกาส  เราสามารถเปลี่ยนให้เป็นรักแท้ได้..จริง ๆ ครับ


END.



แถม

ไล่สายตาจดจ้องตัวหนังสือในหน้ากระดาษ  ขมวดคิ้วเพ่งอ่านลายมือหวัดที่เขียนคำแปลภาษาไทยด้วยดินสอใต้คำภาษาอังกฤษที่ผมแปลไม่ออก  ผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่า  เก็บความรู้ใส่สมองไว้มากที่สุด  พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจกับสายตาที่จับจ้องหน้าผม  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วเบี่ยงตัวหันหลังหนีเพราะผมเริ่มจะรู้สึกเขินขึ้นมาแล้ว  มือใหญ่เอื้อมมาดึงหนังสือ  ผมขืนไว้แล้วเอาหนังสือมาปิดหน้า  เสียงหัวเราะขำดังข้างหูแล้วออกแรงดึงหนังสือที่ผมเอามาปิดหน้าออก 

ดวงตาสีดำพราวระยับ  ริมฝีปากยิ้มกว้างยื่นมาจูบที่แก้มผมเบา ๆ แล้วผละออกมามองสำรวจไปทั้งหน้าผม  กะพริบตาแล้วมองตามตาสวยที่ไล่มองหน้าตัวเอง  อมยิ้มแก้เขินแล้วเอ่ยถามเสียงเบา

“มองอะไร?”  พี่อ้นมองตาแล้วยิ้มบาง  ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วลดสายตามองริมฝีปากผมก่อนจะเอ่ยถาม..

“มีคนเคยบอกไหม?..ว่าต๋อมหน้าหวาน”  เผลอกลั้นหายใจกับความหล่อและท่าทางเป็นธรรมชาติที่กระแทกเข้าอกซ้ายเต็มรัก  กะพริบตาปริบแล้วเบือนไปมองทางอื่น  ผ่อนลมหายใจแล้วพยักหน้ารับคำถามที่พี่อ้นถาม  หน้าผมค่อนข้างจะคล้ายแม่  มีคนทักบ่อยว่าหน้าหวาน  แต่ไม่มีใครที่ถามแล้วทำผมเขินได้ขนาดนี้มาก่อน  เลยรู้สึกแปลกที่ต้องรับว่าตัวเองน่ะ..หน้าหวานกับพี่อ้น

มือใหญ่เลื่อนหนังสือออกมาวางไกลตัว  มองตามแล้วนึกเสียดายที่เสียบังเกอร์บังตาเชื่อมไปซะแล้ว  หันมามองตาสวยที่จับจ้องหน้าผมอีกแล้ว  กะพริบตาปริบแก้เขิน  ปล่อยให้มือใหญ่จับผมที่ยาวของผมมาทัดหู  แล้วเลื่อนมาเกลี่ยผมหน้าปัดไปด้านข้าง  ยิ้มน้อย ๆ หลับตารับปลายจมูกที่กดเบา ๆ ข้างแก้ม  ก้มหน้าให้ปลายจมูกไล้ไปหอมที่หน้าผากแล้วซุกซบที่ไหล่กว้าง..เขินขึ้นมาซะดื้อ ๆ ...

ทั้งที่ทำมากกว่านั้นผมก็ทำมาแล้ว  แต่ก็ยังอดเขินกับความอ่อนโยนเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้สักที  วันนี้ผมมานั่งติวภาษาอังกฤษที่บ้านพี่อ้นครับ  ติวเตอร์ดี  เก่ง  และฉลาดอยู่ใกล้ตัวมันก็ต้องขอให้ช่วยกันบ้าง  ปล่อยให้พี่อ้นจูงมือมาหาอะไรกินก่อนจะพาไปนอนแปลหลังบ้านรับลมเย็น ๆ   มือใหญ่ลูบหลังมือแผ่วเบา  ทุกครั้งที่พี่อ้นดึงมือผมมาหอม  ผมก็จะบีบมือพี่อ้นกลับเบา ๆ  ผมพูดไม่เก่ง  แสดงออกได้แต่เรื่องที่คนอื่นมองว่ามันไม่ควรกล้า  เพราะฉะนั้น  การแสดงความรักแบบที่พี่อ้นทำให้  ผมก็พยายามจะตอบสนองได้เท่าที่ผมพอจะทำได้  ผมจะพยายามทำครับ

กินข้าวเย็นฝีมือพี่อ้นเสร็จก็กลับบ้าน  วันนี้พี่อ้นมาแปลก  ไม่ยอมส่งผมแล้วกลับเหมือนที่เคย  กลับขอเข้ามาไหว้แม่กับพ่อในบ้านด้วย  เลิกคิ้วแล้วพยักหน้าก่อนจะหันหลังพาพี่อ้นเข้าบ้าน  มือใหญ่ดึงมือผมให้หยุดเดินก่อนจะมองตาผมผ่านความมืด

“..ขอโทษที่ขอเข้ามาไหว้พ่อกับแม่แบบปุบปับนะครับ  พี่กังวลใจมาตลอด  ต๋อมไม่เคยชวนพี่เข้าบ้านเลย  พี่เครียดแล้วก็คิดมาก  แต่พอพี่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาของเรา  ถึงได้เข้าใจ..ต๋อมไม่ค่อยพูด..พี่เป็นพี่  ต้องพยายามทำและพูดให้มากกว่าน้อง  อึดอัดรึเปล่าครับ?  ถ้ามันมากไป..วันหลังพี่ค่อยมาก็ได้”  กะพริบตาปริบกับคำพูดยาวยืดของพี่อ้น  ดึงแขนแกร่งที่กำลังหมุนตัวกลับจะไปขึ้นรถ  ส่ายหน้าแล้วบอกเสียงใส

“ไม่ได้อึดอัดอะไร  เข้าไปกันเถอะครับ”  พาพี่อ้นเดินเข้าไปในบ้าน  ขมวดคิ้วมุ่นกับคำที่ผมเพิ่งจะบอกพี่อ้น  ทำไมผมไม่บอกพี่อ้นไปอีกนิดนะ..ว่าที่ไม่เคยพาเข้าบ้านเพราะคิดว่าพี่อ้นคงจะกลับบ้านไปพักมากกว่า  หยุดเดินแล้วยืนนิ่ง  สมองประมวลคำพูดที่คิดว่าควรจะต้องบอกพี่อ้นให้รู้ก่อนเข้าบ้าน  กะพริบตาปริบ  2-3  ทีแล้วหันมาบอกพี่อ้น

“ผมไม่ได้ชวนเข้าบ้านเพราะนึกว่าพี่เหนื่อยเลยปล่อยให้พี่กลับบ้าน  ผมบอกพ่อกับแม่แล้วว่ามีพี่อ้นเป็นแฟน  ที่บ้านรับได้  ไม่ว่าอะไร  ในบ้านคนเยอะหน่อยนะครับ  แม่ชอบเล่นไพ่น่ะ  บอกไว้ก่อน..พี่อ้นจะได้รู้”  พี่อ้นมองหน้าผมนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มให้  มือใหญ่สอดเข้ามาบีบมือผมเบา ๆ  กับเสียงกระซิบแผ่วที่ออกมาจากริมฝีปากสวย  ‘ขอบคุณครับ’         

พาพี่อ้นเดินเข้าไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น  ไม่สนใจกับสายตาขาไพ่ที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำแล้วเห็นพี่อ้นนั่งอยู่ที่โซฟา  เดินเข้าไปหาแม่แล้วก้มกระซิบบอกให้แม่รู้  ‘แฟนต๋อมอยู่ข้างนอก..อยากมาไหว้แม่น่ะ’  แม่เงยหน้าจากไพ่ในมือแล้วหงายไพ่ก่อนจะบอกเสียงเรียบ  ‘ป๊อก  8  สองเด้ง’  เสียงไม่สบอารมณ์ของขาไพ่ในวงดังเซ็งแซ่  เจ้ามือกวาดเงินในกองส่งให้แม่เก็บ  แม่หันมามองผมแล้วลุกขึ้นยืน  สบตาแม่ตลอดเวลาที่แม่มองหน้า  เดินตามหลังออกไปแล้วสะกิดให้แม่เดินไปห้องนั่งเล่น  พี่อ้นรีบลุกขึ้นยืนแล้วไหว้แม่ผม  แม่มองพี่อ้นตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วรับไหว้ทีหลัง

“ลูกใครเหล่าเต้า?”  แม่เปิดฉากถาม  พี่อ้นยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกเสียงดังฟังชัดถึงเหง้าเหล่ากอ  แม่ผมพยักหน้าพอใจที่ลูกเขยกล้าพูด กล้าทำ และกล้าขอให้แม่ยอมให้เราคบกัน  แม่บอกให้ผมกับพี่อ้นดูกันไปก่อน  รักกันให้เหมือนพี่กับน้องจะได้ไม่ทะเลาะกัน  พี่อ้นยกมือไหว้ขอบคุณทำให้ผมต้องไหว้ตามไปด้วย ก่อนพี่อ้นจะกลับ  ขาไพ่แม่  2  คนก็เดินมาบอกว่าต้องรีบกลับบ้านเพราะต้องไปช่วยงานที่ต่างจังหวัดแต่เช้า  แม่เลยหันมามองพี่อ้นตาวาว

“เราน่ะ..เล่นไพ่เป็นรึเปล่า?”  พี่อ้นหันมามองผมแล้วตอบแม่ว่า ‘พอได้ครับ’  ผมไม่ได้พูดอะไรเลยถูกพี่อ้นดึงมือให้นั่งเป็นเพื่อนเล่นไพ่ด้วย  พี่อ้นให้ผมนั่งข้างหน้าแล้วตัวเองก็นั่งซ้อนข้างหลัง  ขาไพ่ในวงก็มองผมกับพี่อ้นสลับกับแม่ไปมา  แม่ไม่พูดถึงการมาของพี่อ้น  แต่บอกเจ้ามือให้แจกไพ่ให้พี่อ้นด้วย  พี่อ้นหยิบกระเป๋าเงินใส่ตักผมแล้วบอกให้ผมหยิบเงินใส่ไปในกองด้วย

“..ต้องใส่เท่าไหร่ครับ?”  เจ้ามือบอกตาละ  100  พี่อ้นพยักหน้าให้ผมหยิบเงิน  ทำไมเล่นกันแพงจัง  ร้อยนึงผมกินที่โรงเรียนได้ตั้ง  2-3  วัน  เงยหน้ามามองแม่ด้วยแววตาตำหนิ  ผมไม่เคยเข้ามาคลุกคลีในวงไพ่เลยไม่รู้ว่าแม่เอาเงินมาละลายในนี้เท่าไหร่แล้ว  คิดว่าเล่นกันสนุก ๆ ไม่น่าจะเกินตาละ  5  บาทด้วยซ้ำ  เพราะขาไพ่พวกนี้ก็เป็นเพื่อนกับแม่ทุกคน  เบือนหน้าหนีก่อนจะแหงนไปมองหน้าพี่อ้นที่นั่งซ้อนข้างหลัง

“ไม่เล่นดีกว่า..มันแพง”  พี่อ้นยิ้มบางแล้วเอามือซ้ายมาแตะเอวผม  ‘เล่นเถอะครับ’  หน้าบูดแล้วหยิบเงินพี่อ้นวางลงในกอง  เจ้ามือเริ่มกรีดไพ่แล้วสับอีก  5-6  ที  แล้วยื่นให้พี่อ้น  พี่อ้นก้มมามองผมแล้วกระซิบบอก  ‘ต๋อมตัดไพ่แทนพี่หน่อยครับ’  ขมวดคิ้วมองไพ่ในมือแล้วแหงนมองพี่อ้น  เจ้าตัวยิ้มน้อย ๆ แล้วทำให้ผมดูว่านี่คือการตัดไพ่  ก็แค่หยิบไพ่ออกมาปึกนึงเท่านั้นเอง  เจ้ามือเอาปึกที่พี่อ้นตัดมาซ้อนไว้ข้างล่างแล้วลงมือแจกไพ่  ผมมองไพ่  2  ใบตรงหน้าตักก่อนจะหันมองรอบตัวว่าเขาทำกันยังไง  หยิบไพ่ขึ้นมาแล้วเอนหลังชิดอกกว้าง  ค่อย ๆ เบี่ยงให้พี่อ้นเห็น  เหลือบมองขาไพ่คนอื่นเขาค่อย ๆ เอานิ้วโป้งดึงไพ่ใบหน้าลงช้า ๆ ลุ้นดูใบหลังก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ  แต่ผมก็ทำตามนะ

พี่อ้นเอาคางเกยไหล่ผมลุ้นไพ่ที่อยู่ข้างหลัง  ไพ่ข้างหน้าผมมันไม่ใช่ตัวเลขครับ  มันเป็นรูปใบโพธิ์สีดำมีลายปรุ ๆ แล้วก็มีตัว  A  อยู่ตรงมุมบนซ้ายและล่างขวาด้วย  ใบข้างหลังที่ลุ้นเป็นเลขครับ  เลข  7  แล้วก็มีลายใบโพธิ์สีดำอยู่ใต้เลขด้วย  พี่อ้นยิ้มแล้วให้ผมวางไพ่ตรงหน้าตัก  ผมไม่เข้าใจแต่ก็วาง  ป้าวุ้นเจ้ามือถึงกับตาโตแล้วสบถเสียงดัง  ‘เฮ้ย!  มือดีนี่หว่าไอ้รูปหล่อ’  ผมแหงนหน้ามองพี่อ้นที่ยิ้มบางให้ป้า  หยิบแบงค์สีแดงที่เจ้ามือเก็บมาให้ทีละใบ  พี่อ้นกระซิบให้ผมวางเงินในกองด้วยแล้วก็ให้รับไพ่ก่อน  เงินค่อยมานับทีหลัง 

คราวนี้ไพ่ของพี่อ้นไม่มีเลขเลยครับทั้ง 2 ใบเลย  เจ้ามือกับขาไพ่ในวงก็ขอไพ่กันหลายคนครับ  พี่อ้นพยักหน้าให้เจ้ามือ  ป้าวุ้นเจ้ามือก็ร่อนไพ่มาให้ผมเพิ่มอีก  1  ใบ  ใบนี้ก็ไม่มีเลขครับ  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะตานี้เราต้องเสียแน่  แหงนมองพี่อ้นที่กำลังยิ้มก็ไม่เข้าใจ  เสียเงินแล้วจะยิ้มทำไม?  พี่อ้นให้ผมหงายไพ่  ป้าวุ้นยิ้มแซวพี่อ้นแล้วก็ยิ้มเลยมาให้แม่  ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่เสียตังค์ทั้งที่เราไม่มีเลขอะไรเลย  มีแต่รูปผู้ชายใสมงกุฎบนไพ่   แล้วก็มีตัว K อยู่มุมซ้ายเหมือนกันทั้ง  3  ใบ  ผมนั่งจับไพ่ลุ้นไพ่แทนพี่อ้นอยู่นาน  เงินก็เริ่มจะล้นตักแล้วครับ  เราเสียแค่  3  ครั้งเอง  นอกนั้นก็ได้เงินจากป้าวุ้นทุกตา 

ผมเริ่มจะเข้าใจกับการเล่นไพ่มากขึ้น  จากที่พี่อ้นแค่เอาคางเกยไหล่ลุ้นไพ่  ด้วยความที่เราลุ้นไพ่  และขาไพ่ในวงก็ลุ้นไพ่ตามมากขึ้น  ผมเลยนั่งอยู่ในตักพี่อ้นไปเรียบร้อย  แถมนั่งตอนไหนผมก็ไม่รู้ตัวด้วย  มือใหญ่ช่วยบังไพ่ข้างหนึ่ง  อีกข้างก็กอดเอวผมไว้หลวม ๆ  ดึงไพ่ใบหน้าลงช้า ๆ ลุ้นใบหลังที่เห็นเหมือนเลข  9  แล้วเราก็ได้  9  จริง ๆ ครับ  ผมฟาดไพ่ลงตรงหน้าแล้วตะโกนเสียงดัง  ‘ป๊อก 9! จ่ายพี่อ้นมาเลยป้าวุ้น’  คนที่ให้ตักผมนั่งหัวเราะเสียงใสอยู่ข้างหู  คืนนั้นทั้งคืนพี่อ้นกับผมเราก็นั่งอยู่ในวงไพ่ครับ  ลุ้นไพ่จนสว่างคาตา 

ขาไพ่ในวงก็บอกว่าต้องกลับแล้ว  ให้พี่อ้นมาอีกเพราะจะแก้มือ  พี่อ้นยิ้มบางแล้วก้มหัวรับ  ผมกับพี่อ้นยกมือไหว้ลาขาไพ่วงแม่ที่สลายตัว  ป้าวุ้นเจ้ามือชวนแม่เข้าไปเล่นอีกวงที่ยังเฮฮากันอยู่  พี่อ้นยกมือไหว้แม่แล้วเดินออกมาจากห้องนั้นพร้อมผม

“เก็บให้ด้วยนะครับ”  ส่ายหน้าแล้วยื่นเงินปึกใหญ่ในมือให้พี่อ้นเก็บเอง  พี่อ้นดันมือผมออกแล้วจับเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกงผม  เงยหน้ามองพี่อ้นแล้วถอนหายใจยาว  พี่อ้นจับมือผมบีบเบา ๆ แล้วยิ้มกว้าง

“ไปส่งพี่ที่บ้านนะครับ  ไม่มีต๋อมแล้วพี่นอนไม่หลับน่ะ  ..”  ขมวดคิ้วมองหน้าหล่อยิ้มบางแล้วอมยิ้มตอบพี่อ้น  เดินออกจากบ้านขึ้นรถมากับพี่อ้นที่ขับตรงกลับบ้านตัวเอง  พี่อ้นลงไปเปิดรั้วแล้วขับรถเก็บก่อนจะรุนหลังผมให้รีบเข้าบ้าน  เข้าห้องน้ำล้างมือล้างหน้าแล้วรับเสื้อตัวโคร่งกับกางเกงบอลของพี่อ้นมาเปลี่ยน  จัดหมอนกับผ้าห่มเสร็จซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม  พี่อ้นเดินออกมาจากห้องน้ำก็เข้ามานอนกอดผมผ่านผ้าห่มผืนหนา

“ตื่นแล้วหาอะไรกินก่อนค่อยกลับนะครับ”  พยักหน้าหงึก ๆ แล้วหาวหวอด  เริ่มจะหนักอึ้งที่เปลือกตา  แต่ก่อนจะหลับพี่อ้นก็ประกบปากจูบ   สอดลิ้นดุนดันพันเกี่ยวจนผมหายใจไม่ทัน  กัดลิ้นพี่อ้นเบา ๆ เจ้าตัวถึงได้ยอมดึงลิ้นกลับ 

สบตาสวยแล้วยิ้มบางให้รอยยิ้มกว้างที่แตะริมฝีปากผม  จูบริมฝีปากสวยอีกนิดก่อนจะขอนอนด้วยการดึงผ้าห่มมาคลุมหัว  พี่อ้นกอดแน่นขึ้นแล้วซุกตัวเข้ามาในผ้าผืนเดียวกัน  อ้อมกอดอุ่นกอดจากด้านหลัง  มือใหญ่โอบผมไว้ทั้งตัว หลับไปพร้อมหน้าเปื้อนยิ้มกับกระซิบจากพี่อ้นที่กล่อมผมเข้านอน..




“..รักต๋อมครับ”


………………………..

กอดดดดดดดดดดดดดดด
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่จิรักค่ะ  ชอบต๋อม  น้องมันดาร์กดีค่ะ  อึมครึม  ทำร้ายตัวเอง  ชอบบบบบบบบ
คุณ  nekko  ใช่ค่ะ  สมหวังสักที  ตายแล้วเกิดใหม่แบบนี้แฮปปี้ดี๊ด๊าค่ะ ^^
คุณ  Mouse2U  ดีใจที่ชอบนะคะ  ทั้ง  2 เรื่องเลยค่ะ  จิเขียนยากทั้งคู่ค่ะ  เรื่องแรกก็ยาก  ด้วยภาษาและการพรากจาก  เรื่องหลังยิ่งยากค่ะ  เขียนให้ทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้ง  เอาแบบน่าจดจำยิ่งทำให้เราเกร็งมากกว่าเดิม(เกร็งทำไม?)  ส่วนตัว จิเห็นด้วยมาก ๆ กับเรื่องคำทำนายของโหรหรือพราหมณ์ที่สำคัญถึงกับพรากชีวิตคนคนนึงได้ลงคอ  โหดร้ายมากเลยค่ะ
คุณ  PURE LOVE  อมยิ้มตอนที่อ่านเจอว่าพี่มั่นยังเป็นวิญญาณ  บรรยากาศก็ให้ด้วยอ่ะเนอะ ^^  ส่วนเรื่องแฟนฟิคพี่ช้างน้องตัง  ไม่เป็นไรค่ะ  แค่ชอบเรื่องนี้จิก็ดีใจแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ   
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : กระป๋องเบียร์ รอยรัก ฯ 17/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-04-2015 15:26:48
งานนี้พี่อ้นได้ใจแม่ยายเต็มๆ  :katai2-1:
ดูท่าจะได้เป็นลูกเขยลอยลำแล้วสินะ

ขอบคุณนะค้าคุณ jira ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : กระป๋องเบียร์ รอยรัก ฯ 17/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 17-04-2015 16:12:17
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : กระป๋องเบียร์ รอยรัก ฯ 17/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 17-04-2015 17:09:59
ชีวิตน้องต๋อมมืดมนมากเลยค่ะ ซิกๆ T^T น้ำตาไม่นองหน้านะคะ แต่ว่ามันท่วมในใจแทนน.. (โห่วว..~) พี่อ้นนั่นล่ะคิดอะไรอยู่ก็ไม่บอกให้น้องรู้หรอกนะคะ แล้วจะไม่ให้น้องคิดไปไกลได้ยังไงกันล่ะ เจอหน้ากันทีไรก็เปิดแต่เสื้อคุยกันตลอดเลย ไม่เห็นจะเคยเปิดใจคุยกันสักที แล้วยังมาโวยหาว่าน้องมองตัวเองเป็นแค่ที่ระบายอีกนะ น่าตีจริงๆ เลยเชียว~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : กระป๋องเบียร์ รอยรัก ฯ 17/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 17-04-2015 22:28:26
พูดกันให้เข้าใจก็ดีแบบนี้แหละเนาะพี่อ้น น้องต๋อม :m25:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : กระป๋องเบียร์ รอยรัก ฯ 17/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 18-04-2015 14:21:22
อิจฉาในพรหมลิขิตของ จงรัก ภักดี , ต๋อมกับพี่อ้นก้อน่ารักดีครับ คงไม่พาพี่อ้นติดไพ่นะ

ขอบคุณครับ รอคู่อื่นต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : กระป๋องเบียร์ รอยรัก ฯ 17/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 19-04-2015 00:52:21
อ่านตอนแรก ก็สงสารพี่อ้นที่ถูกทิ้ง แต่ก็คิดว่า มันก็ดีกว่าคบกันต่อไปกับคนที่หมดรักเราแล้วนะ
ส่วนน้องต๋อม ที่ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ หวาดหวั่นไปหมด เพราะมีความหลังฝังใจ ก็น่าสงสารมาก ๆ
พี่อ้น คงจะรับรู้ความรู้สึกของน้องมาตลอดอยู่แล้ว ถึงได้รู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองฉวยโอกาสกับน้อง
ไม่ต่างจากสิ่งที่น้องต๋อมก็รู้สึกผิดเช่นกัน ดีใจที่ในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถก้าวผ่านมาได้
ได้มีความรักครั้งใหม่ที่สุขสมหวังร่วมกันสักที จุดนี้ ต้องยกความดีให้พี่อ้น ที่เปิดอกพูดกับน้องต๋อมนะ
ตอนแถมหว๊านหวาน  :-[  พี่อ้นเป็นแฟนที่ดีจริง ๆ  ช่างดูแล เข้าอกเข้าใจนิสัยน้องอย่างดีเลย
แถมปิดท้ายด้วยคำกล่อมนอนบอกรักแสนหวาน สำหรับน้องต๋อมคนเดียว  โรแมนติกมาก  :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : กระป๋องเบียร์ รอยรัก ฯ 17/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-04-2015 13:52:44
คุณจิคะ (บิดตัว) ..คุณจิวางแผนที่จะต่อเรื่องมนต์รักแดนบาดาลบ้างหรือเปล่าคะ?? ตอนนี้กำลังสนุกเลยเชียว อยากอ่านต่อจังค่ะ แอร๊ย~ ขออนุญาตถามนะค้าา.. :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 20-04-2015 14:49:13
So  sweet

เสียงดังจากมือถือที่ตั้งปลุกกรีดร้องแทรกเข้ามาในโสตประสาท  ลืมตาขึ้นช้า ๆ  แล้วผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ ไล่ความง่วงงุน  หาวหวอด  ดึงผ้าห่มที่คุลมตัวออกห่าง  ลุกเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา  เดินออกมาหยิบผ้าเช็ดตัวคาดเอวแล้วถอดกางเกงขาสั้น  เดินตรงไปที่หน้าต่างแล้วเปิดแง้มออกจ้องลงไปที่ถนนด้านล่าง  แสงไฟจากรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าสาดส่องไปมาบนถนน  มีทั้งเด็กเข็นผัก  รถเข็นของขายเยอะแยะไปหมด 

ผมเช่าตึกแถวของตลาดใหญ่ข้างร้านทอง  เปิดร้านขายหนังสือ  1  คูหา  ไม่ได้ตั้งอยู่ในรัศมีของการมองเห็น  ลูกค้าที่เคยมาซื้อเท่านั้นที่จะรู้จัก  หน้าร้านเป็นแผงหนังสือ  ด้านในมีตู้หนังสือการ์ตูน  นิยายให้เช่าตั้งอยู่จนเต็มพื้นที่ในร้าน  เมื่อก่อนผมทำงานประจำที่บริษัทซื้อ  ขาย  ซ่อมคอมพิวเตอร์  รายได้ก็ดี  แต่ไม่มีอิสระ  ออกมาอยู่บ้านได้  2  เดือนก็เช่าตึกเปิดร้านขาย เช่าหนังสือ  ไม่ใช่คนที่รักการอ่าน  แต่บังเอิญพี่สาวเป็นพวกชอบสะสมนิยายและการ์ตูน  มันเต็มบ้านไปหมดแม่ก็เลยจะโละขายร้านรับซื้อของเก่า  พี่สาวเลยขอให้ผมช่วยทำให้มันกลายเป็นของมีค่าโดยการเปิดเป็นร้านเช่าหนังสือ  รายได้ส่วนใหญ่ก็ได้จากหนังสือพิมพ์บ้าง  นิตยสารบ้าง  ส่วนหนังสือที่ให้เช่าก็มีลูกค้าที่อยู่ในวัยมัธยมทั้งนั้น ไม่สนิทกับใคร   ผมไม่อยากให้เด็กคนไหนรู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าลูกค้าธรรมดา  ผมอายุ  25  ใช้ชีวิตผ่านอะไรมาไม่น้อย  ไม่ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าใครใช้สายตาแบบไหนจ้องมองผม  และใคร..ที่ผมมักจะคอยจับจ้องไม่คลาดสายตา หัวใจเต้นตึกตักกับแสงไฟจากรถโฟล์คที่สาดเข้ามา  จำง่ายเพราะมันเป็นแสงที่สาดออกมาแค่วงแคบ ๆ นั่งคุกเข่ากับพื้นเอาคางเกยกับขอบหน้าต่างเพ่งมองผ่านกระจกรถฝั่งข้างคนขับ  จับจ้องหน้าเล็กเรียวคอพับคออ่อนกับการต้องตื่นแต่เช้า  ถนนหน้าร้านผมเป็นเส้นบังคับที่รถพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทุกคันต้องวิ่งผ่าน  แต่ขากลับต้องวิ่งไปทางท้ายตลาดอย่างเดียว  เพราะแบบนั้นผมถึงต้องรีบตื่นแต่เช้ามานั่งจ้อง..เห็นแค่เสี้ยวหน้าก็ยังดี  ยิ้มบางมองส่งจนรถวิ่งหายเข้าไปในตลาด  ส่งความรู้สึกดีผ่านดวงตาที่ทำได้แค่มอง  มือกำแน่นข่มความอยากเป็นเจ้าของ..หัวใจของใครบางคนที่ไม่เคยรับรู้ว่าผม..แอบชอบ

ผมเห็นหน้าใสครั้งแรกเมื่ออาทิตย์ก่อน  วันนั้นผมนัดดื่มกับเพื่อนที่ทำงานเก่า  กลับสว่างเวลาเดียวกับพวกพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งร้าน  เดินเข้า 7-11  ซื้อน้ำเปล่ามาดื่ม  เดินออกมาก็เปิดขวดยกแตะริมฝีปาก  หางตาเหลือบเห็นรำโฟล์คคลาสสิคก็เลยมองเก็บรายละเอียด  ค่อย ๆ ลดขวดน้ำลงข้างตัวแล้วมองความสวยของรถที่แล่นมาช้า ๆ  ขวดน้ำที่ยกขึ้นดื่มเกือบจะหลุดจากมือเมื่อดวงตาสะดุดเข้ากับหน้าเรียวที่เกยคางบนแขนพาดขอบประตูรถ  หลับตาพริ้มรับลมเย็นจากข้างนอกรถ  ริมฝีปากคลี่ยิ้มเหมือนถูกใจกับอากาศที่มาจากธรรมชาติ  เพียงแค่นั้น..ผมก็เก็บมาเพ้อทันที

เป็น  1  อาทิตย์ที่ผมเหมือนคนบ้า  ผมพยายามตามหาโดยไม่ให้กระทบกับการเปิดร้าน  เดินมองหาจนเกือบจะพลิกตลาด  พอเจอแล้วกลับทำอะไรไม่ถูก  ได้แต่ยืนมองน้องขายของด้วยหน้าตาสดใส   หัวใจเต้นรัวจนเหมือนจะหลุดออกมานอกอก  ผมแอบมองน้องขายของอยู่หลายวันจนเริ่มจะไม่ตื่นเต้น  แต่ก็ยังไม่หาญกล้าพอจะเข้าไปอุดหนุน  นึกภาพไม่ออกว่าจะทำหน้ายังไงถ้าน้องเงยหน้ามายิ้มให้ผมคนเดียว  ไม่อยากเป็นบ้าหน้าร้านขายขนมปัง สังขยา   ข้อมูลผมมีเพียงแค่  น้องชื่อ ‘ธัน’ตอนเช้าน้องจะนั่งรถมาพร้อมแม่  ขายขนมปัง สังขยา  แซนด์วิชหลายหน้าช่วยแม่อยู่ในตลาด  เดินกลับมาขึ้นวินมอ’ไซค์ท้ายซอยตอน  7  โมงเช้าเพื่อแต่งตัวไปโรงเรียน

ยิ้มบางกับหน้าเรียวที่ลอยเข้ามาในหัว  ลุกขึ้นยืน  ปิดหน้าต่างแล้วแต่งตัวลงมาข้างล่าง  ดึงประตูเปิดร้านตอน  6  โมงเช้า  รับหนังสือพิมพ์กับพวกนิตยสารที่มาเวลานี้เสมอ  เช็คของตามบิลกับคนส่งของ  หมุนตัวจะกลับเข้ามาหยิบเงินในร้านก็หยุดการเคลื่อนไหวเพราะคนที่เดินอยู่ตรงฟุตบาทถนนอีกฝั่ง..

เด็กหนุ่มหน้าเรียวเล็ก  ตากลมสีน้ำตาลมองถนนตลอดเวลา  จมูกโด่งเป็นสัน  ริมฝีปากสีอ่อน  ผิวขาวละเอียด  ผมค่อนข้างยาวกว่าเด็กนักเรียนทั่วไปพลิ้วไปตามแรงลมและจังหวะการก้าวเดิน  มองตามจนแผ่นหลังบางเดินไปจนถึงปากซอย  รีบวิ่งเข้าร้านแล้วหยิบเงินส่งให้คนส่งหนังสือพิมพ์  คว้า  KSR  สีเหลืองที่เพิ่งซื้อต่อจากเพื่อนขี่ตามไปจนถึงปากซอย  เหลียวซ้ายมองขวาหาน้องธัน  ถามวินมอ’ไซค์ถึงได้รู้ว่าเทศบาลทำถนนท้ายตลาด  รถจะต้องวิ่งผ่านทางหน้าตลาดจนกว่าถนนจะซ่อมเสร็จ  พยักหน้ารับรู้แล้วเก็บความดีใจเอาไว้  ขี่มอ’ไซค์กลับร้านแล้วนั่งเฝ้าร้านตามปกติ  ยิ้มกับตัวเองว่าผมโชคดีมากที่ท้ายตลาดปิดซ่อมถนน  ช่วงนี้น้องก็ต้องเดินผ่านหน้าร้านผมทุกวัน

เปิดร้าน  ขายหนังสือ  ตีหน้าเฉยให้เด็กนักเรียนที่เข้ามาเช่าหนังสือหวังผลอย่างอื่นจนร้านปิด  ปิดร้านเสร็จก็ออกมาหาอะไรกินในหน้าปากซอย  ยิ้มทักรุ่นน้องที่เดินมากับเด็กหนุ่มหน้าหวาน  หยุดยืนคุยกันพักใหญ่ถึงได้รู้ว่า..เป็นแฟนกัน

“ปีไหนแล้ววะอ้น?”  เอ่ยถามร่นน้องที่กำลังแย่งของในมือแฟนมาช่วยถือ  คิ้วขมวดมุ่นกับท่าทางและการสื่อสารของอ้น  ไม่เจอกันแค่  2  ปี  ดูมันพูดเก่งแล้วก็พูดมากขึ้นเยอะ

“ปี  3  ครับพี่เต  ตอนนี้ยังทำงานที่เดิมเหรอครับ?”  ส่ายหน้าแล้วบอกว่าเปิดร้านเช่าหนังสืออยู่ตรงตึกแถวของตลาด  ข้างร้านทอง  อ้นพยักหน้าแล้วขอตัวพาน้องกลับไปส่งบ้าน  พยักหน้ารับแล้วรับไหว้น้องต๋อมแฟนมัน  ยิ้มตอบรอยยิ้มหวานแล้วเดินหันหลังกลับร้าน  อาบน้ำเสร็จก็บอกปัดเพื่อนที่โทรหาชวนไปเมาข้างนอก  พยายามข่มตานอน  พลิกว้าย  ตะแคงขวา..ยังไงก็ไม่ยอมหลับ  หยิบมือถือมาเปิดเพลงฟัง  สวมหูฟังแล้วนอนฟังเพลงไปจนเคลิ้มหลับ

ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเลยเวลาที่น้องนั่งรถมากับแม่ตอนเช้า  รีบเปิดหน้าต่างมาดูก็เห็นรถเข้ามาพอดี  จ้องมองอยู่เงียบ ๆ ด้วยหัวใจเต้นแรง  ยิ้มบางแล้วเดินเข้าห้องน้ำ  อาบน้ำ  โกนหนวด  แต่งตัวธรรมดากะเวลาให้พอดีกับที่น้องจะต้องเดินออกมาขึ้นมอ’ไซค์รับจ้างหน้าปากซอย  ดึงประตูเหล็กเปิดร้านให้คนส่งหนังสือพิมพ์  รับของเสร็จก็หันมองน้องไปด้วย  หัวใจเต้นตึกตักเมื่อเห็นความขาวละเอียดเดินมาแต่ไกล  ยืนดึงเวลาเช็คของอยู่หน้าร้านรอให้น้องเดินผ่าน  จ่ายเงินเสร็จก็ยืนรอให้คนส่งหนังสือพิมพ์ทวนจำนวนเงินที่ส่งให้  ตามองข้ามถนนจับจ้องหน้าเรียวด้านข้างที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น  หันบอกคนส่งหนังสือพิมพ์ให้มาส่งช้ากว่าเดิมประมาณ  10  นาที  คนส่งหนังสือพิมพ์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย  มองส่งแผ่นหลังบางจนลับตาก็เดินเข้าร้าน  เปิดร้าน  เช่าหนังสือตามปกติ

เช้าวันนี้ผมก็ตื่นเวลาเดิม  เปิดหน้าต่างมาแอบมองคนน่ารักก่อนจะอาบน้ำแต่งตัว  รอเวลาที่นัดกับคนส่งหนังสือพิมพ์  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วดึงประตูเหล็กขึ้น  ดวงตามองไปฝั่งตรงข้ามถนน  สบตากับตากลมที่เงยจากถนนมามองพอดี  มองตอบเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเปิดประตูหน้าร้าน  เดินออกมารับหนังสือพิมพ์เหมือนไม่ได้มองหรือสนใจน้องเป็นพิเศษ  พยายามบังคับระดับสายตาให้อยู่แค่กองหนังสือและใบส่งของ  เดินเข้าร้านหยิบเงินมาให้คนส่งหนังสือพิมพ์ก่อนจะเบือนมองหน้าเรียวที่หันหลังมามองพอดี

ยิ้มบางกับตัวเองที่น้องเริ่มจะสังเกตเห็น  นั่งเอนหลังพิงพนัก  ยิ้มน้อย ๆ ทั้งวันด้วยความอิ่มในอก  ปิดร้านเร็วกว่าปกติเพราะมีนัดออกไปดื่มข้างนอก  เข้าร้านได้ก็สั่ง  กิน  ดื่มจนเกือบเที่ยงคืนก็ขอตัวกลับ  ทิ้งเงินไว้ให้เพื่อนแล้วขับรถกลับมาที่ร้าน  เลี่ยงการมีสัมพันธ์ข้ามคืนกับคนแปลกหน้า 

เพราะตอนนี้..ผมกำลังมีความรัก

กลับถึงร้านก็เข้ามาอาบน้ำ  นอนทั้งที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้า  ตื่นขึ้นมาควานหาผ้าห่ม  สะดุ้งกับแสงที่ลอดเข้มาจากหน้าต่างแยงตา  คว้ามือถือมาดูเวลาแล้วใจหาย  มันเลยเวลาประจำที่นัดกับคนส่ง นสพ.มาเกือบครึ่ง ชม.แล้ว  ถอนหายใจยาวเพราะเสียดายที่วันนี้คงไม่ได้เห็นหน้าน้องแล้ว  หันกลับมากดไล่หาเบอร์คนส่งหนังสือพิมพ์แล้วรีบโทรออก

“ผมส่ง  7-11  หน้าปากซอยก่อนครับ  เห็นพี่ยังไม่เปิดร้าน..”  ถอนหายใจยาว ๆ แล้วบอกให้วิ่งย้อนเข้ามาส่งด้วย  เดี๋ยวจะลงไปเปิดร้าน  ล้างหน้าแล้วหยิบเสื้อยืดมาสวม  ใส่กางเกงบอลลงมาเปิดร้าน  หยิบไม้กวาดมากวาดรอคนส่งหนังสือพิมพ์มาส่ง  รับของเสร็จก็หมุนป้ายที่แขวนตรงลูกบิดเป็น  ‘close’  เดินขึ้นมาอาบน้ำแล้วแต่งตัวลงมานั่งเฝ้าร้าน  กลางวันก็กินมาม่าคัพ  ปิดร้านเสร็จก็ออกมาหาอะไรกินตอนเย็นเหมือนทุกวัน  วันนี้ผมเจอน้องธันมาซื้อก๋วยเตี๋ยวด้วย  มองเพลินจนแม่ค้าข้าวมันไก่เรียกเก็บเงิน  ยื่นเงินให้แล้วก็หันมามองน้องต่อ..

สบตาสีน้ำตาลที่หันมามองหน้าผมพอดี  มองประกายสดใสในดวงตาสีน้ำตาลกลมตอบไม่วางตา  น้องเป็นฝ่ายเบือนหนี  มองส่งแผ่นหลังบางเดินลับไปกับผู้คนที่ออกมาเดินหาอะไรกินตอนหัวค่ำ  ยิ้มกว้างกับรอยยิ้มและหน้าเขินของน้องไปตลอดทางจนถึงร้าน  แปรงฟันเสร็จก็ปิดมือถือ  เบื่อจะต้องออกไปดื่มกับเพื่อนข้างนอก  เช้าผมก็ตื่นเวลาเดิม  เปิดหน้าต่างแอบมองหน้าเรียวที่ต้องนั่งรถมากับแม่ทุกวัน  วันนี้น้องมองมาที่ประตูร้านผม  ไม่ว่าจะมองเพราะอะไร..ผมก็เข้าข้างตัวเองไปแล้วเรียบร้อย

 ลุกขึ้นปิดหน้าต่างแล้วเก็บความดีใจที่แสดงออกทางสีหน้าเอาไว้    รีบอาบน้ำล้างหน้า  หยิบเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดหัวเข่ามาสวม  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วดึงประตูเหล็กขึ้น ตาจับจ้องน้องที่เดินมาตรงข้ามร้านพอดี  เปิดประตูออกมาช้า ๆ  ตามองน้องไม่กะพริบ  น้องยืนนิ่งตรงฟุตบาทมองผมหันมารับหนังสือจากคนส่งหนังสือพิมพ์  ผมเงยสบตากลมที่มองผมตลอดเวลา  รับหนังสือเสร็จผมก็ยืนนิ่งมองน้องตอบ  น้องหลบตาแล้วก้มหน้าเดินไปหน้าปากซอย  ผมรีบยกหนังสือมาเก็บในร้านแล้วค้นลิ้นชักหากุญแจมอ’ไซค์    เสียงกระดิ่งกุ๋งกริ๋งดังหน้าร้านผมรีบบอกว่าร้านปิดแล้ว  เที่ยงค่อยมาใหม่   แต่เสียงนุ่มที่เอ่ยรับคำมันทำให้ผมต้อง..หยุดมือที่กำลังรื้อลิ้นชักในทันที

“ขอโทษครับ..นึกว่าร้านเปิดเสียอีก”  เงยหน้ามองหน้าใสที่กำลังจะหันหลังกลับ  รีบเดินออกจากโต๊ะคิดเงินแล้วใช้มือดันประตูทันน้องที่กำลังจะดึงเปิดพอดี  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วมองตากลมสีน้ำตาลผ่านกระจกใสของประตู  น้องค่อย ๆ เลื่อนสายตาจากที่จับขึ้นมาสบตาผมผ่านกระจก  ผมเลื่อนมือลงมาจับป้ายหน้าร้านเปลี่ยนเป็น ‘close’  น้องปล่อยมือจากที่จับโดยไม่ละสายตาจากดวงตาผม ขยับชิดแผ่นหลังบางจนชิดอกตัวเอง  เอื้อมมือโอบเอวให้ถอยหลังก่อนจะดึงประตูเหล็กปิดลงมามากกว่าครึ่ง  น้องเกร็งจนผมรู้สึกได้  ค่อย ๆ สวมกอดจากด้านหลังช้า ๆ แล้วกระซิบข้างหูเบา ๆ
 
“พี่นึกว่ากลับบ้านไปแล้ว..”  น้องหดคอหนีลมอุ่นจากริมฝีปากแล้วเบี่ยงตัวออกหมุนตัวกลับมามองหน้าผม  มองดวงตากลมที่สะท้อนภาพตัวผมอยู่ในนั้น..ลดสายตาลงมามองริมฝีปากสีอ่อนที่กำลังเม้มแก้เขิน

“..ผมจะซื้อสตาร์ซอคเกอร์”   ยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้ารับ  หมุนตัวเดินไปหยิบของที่น้องอยากซื้อแล้วหันกลับมาเผชิญหน้า  ยื่นหนังสือส่งให้แล้วยื้อไว้แข่งกับแรงดึงน้อยนิดที่พยายามดึงสตาร์ซอคเกอร์  ยิ้มบางแล้วยอมปล่อยหนังสือให้น้องถือโดยดี  หน้าเรียวขึ้นสีเรื่อ  มือเล็กจับหนังสือมากอดแน่น  น้องผ่อนลมหายใจออกแล้วเลยมองหน้าผม  เอ่ยถามเสียงเบา..

“ร้านปิดกี่โมงครับ?”  ยิ้มอ่อนโยนกับการชวนคุยแล้วเลี่ยงตอบคำถาม  ชี้นิ้วไปที่หน้าร้าน  น้องหันมองผมก็เดินเข้าประชิด  กอดไว้หลวม ๆ แล้วก้มหอมใบหูสีชมพูอ่อน  กระซิบเบาบอกเวลาเปิดที่น้องไม่ได้ถาม  ‘8  โมงครับ..’  มือเรียวปล่อยสตาร์ซอคเกอร์ตกลงพื้นแล้วดึงขึ้นมาปิดหู  หอมหลังมือแล้วกระซิบบอกเวลาปิดร้าน  ‘ปิดทุ่มตรงครับ’  เบี่ยงตัวน้องหันหน้ามาหาแล้วก้มจรดริมฝีปากที่หน้าผากเนียน  กระซิบอีกครั้ง..  ‘’ให้เช่าการ์ตูนกับนิยาย’  เว้นวรรคไว้ก่อนจะกระซิบที่แก้มเสียงแผ่ว  ‘..อยู่หลังร้านครับ’  น้องกลั้นหายใจแล้วหลับตาแน่น  ยิ้มบางแล้วค่อย ๆ ลากริมฝีปากมาจูบที่ริมฝีปากสีอ่อนบางเบา..

“พี่ชื่อ  ‘เต’  แอบมองธันมาตั้งนานแล้ว..”  น้องก้มหน้าหลบริมฝีปากผมแล้วดันหน้าผมออกห่าง  สบตาสีน้ำตาลกลมแล้วยิ้มอ่อนโยนส่งให้
“มีแฟน..รึยัง?”  หน้าแดงก่ำกะพริบตาปริบ  ไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากปาก  ผมก้มลงควานหาริมฝีปากที่เม้มแน่น  แตะแผ่วแล้วผละจาก  น้องลืมตามอง  ผมปล่อยให้น้องตัดสินใจว่าจะรับจูบที่กำลังจะโถมเข้าใส่  หรือจะเลือกผลักออกให้ห่างตัว โชคเข้าข้างผม..น้องเลือกอย่างแรก

สัมผัสริมฝีปากสีอ่อนเชื่องช้า  แตะไล้แผ่วเบาไปตามรูปริมฝีปาก  กดย้ำจูบให้ลึกล้ำมากขึ้นแล้วค่อยสอดปลายลิ้นควานชิมความหวานจากริมฝีปากบาง  ลมอุ่นจากปลายจมูกน้องขาดห้วงเพราะหายใจไม่ทัน  มือเรียวขยำเสื้อแน่น  สอดจับมือที่ขยำเสื้อมากุมไว้หลวม ๆ อีกข้างสวมกอดแล้วดันไล่จนหลังน้องชิดผนังร้าน  ละมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด  ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดดึงความสนใจ..ผมอยากแสดงความเป็นเจ้าของน้องมากกว่านี้

ละริมฝีปากนาบจูบตามซอกคอ  หน้าอก  ไล้เลียปลายลิ้นแตะแผ่วที่ยอดอกสีชมพูอ่อน  ดูดเม้มผิวเนื้อจนเป็นสีกุหลาบไปทั่วหน้าอก  ก้มกดจุบเนื้อนูนโป่งผ่านเป้ากางเกง  น้องถดสะโพกหนีริมฝีปากพัลวัน  ก่อนผมจะไปไกลกว่านี้  มือเรียวก็ดึงแขนผมให้ลุกขึ้นยืน  น้องโถมตัวเข้ามากอดผมแน่น   ดันไหล่เล็กออกซุกปลายจมูกและริมฝีปากเข้าสูดกลิ่นหอมอ่อนจากผิวเนียน 

ประคองหน้าน้องขึ้นแล้วกำลังจะฉกจูบที่ริมฝีปากบาง  ชะงักกับตากลมที่มีน้ำตารื้น  หัวใจเต้นช้าลง  ความอยากเป็นเจ้าของหดหายเกือบติดลบ  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วแตะหน้าผากตัวเองกับหน้าผากเนียน  หลับตาแน่นข่มใจไม่ให้ล่วงเกินน้องมากกว่านี้  หัวใจผมเต้นดังจนกลัวว่าน้องจะได้ยิน  สวมกอดกลับเบามือ  กดปลายจมูกลงกับกระหม่อมบาง..ระงับอารมณ์ดิบที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง

ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วสูดลมเข้าลึก ๆ ดันไหล่น้องออกแล้วรีบก้มเก็บเสื้อน้องมาสวมให้  กลัดกระดุมรวดเร็วแล้วรีบดึงน้องเข้ามากอด  มือเรียวลูบหลังผมช้า ๆ  เหมือนจะขอบคุณที่ผมยอมหยุด  ดันไหล่น้องออกแล้วหันข้างให้น้อง  ลูบหน้าตัวเองแรง ๆ แล้วหันกลับมายิ้มกว้างให้คนที่เม้มปากแน่นจ้องผมไม่วางตา

“ทานข้าวเช้ารึยังครับ หาอะไรทานกันไหม?”  น้องพยักหน้าแล้วก้มหน้าเดินหนีไปทางประตูร้าน  ถอนหายใจไล่ความเสียดายที่กำลังจะเสียโอกาสได้อยู่กัน  2  ต่อ  2  ดึงประตูเหล็กขึ้นแล้วเปิดประตูร้านอ้อยอิ่ง  น้องก้มหน้ากลั้นยิ้มแล้วผลักไหล่ผมห่างประตู  มองมือเรียวกำลังจะดันเปิด  น้องหยุดส่งแรงผลักประตูแล้วหันมามองหน้าผมช้า ๆ

“ผมไม่มีแฟน..อยากได้เจ้าของร้านหนังสือมาเป็นแฟนอยู่เหมือนกัน  พี่รู้จักเขาไหม?”  อึ้งกับคำที่น้องบอก  แล้วรีบเดินตามแผ่นหลังที่ก้มหน้ายืนรอหน้าร้าน  ปิดร้านแล้วเดินคู่กันกลับไปทางตลาดสด คำถามที่น้องถามก่อนออกจากร้านดังก้องไปมาในหู  อยากจะตอบเลยก็กลัวน้องจะเขินหนัก  รอให้น้องลดความอายลงอีกนิด  ผมค่อยย้ำให้น้องหน้าแดงถึงหูอีกรอบ.. ก่อนจะเข้าตลาดผมก็ดึงแขนเรียวเขามาหา  กระซิบเบาให้ได้ยินแค่  2  คน..






“พี่บอกเจ้าของร้านหนังสือแล้วนะ..เขาสั่งให้มาบอกธันด้วย..ยินดีรับใช้..ทุกอย่างครับ”


END.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 20-04-2015 14:49:34

แถม


ขี่มอ’ไซค์ฝ่าลมหนาวไปรับน้องมานั่งเป็นเพื่อนที่ร้านเหมือนทุกวัน  ชะลอความเร็วเมื่อถึงเขตโรงเรียน  กวาดสายตามองหาหน้าเรียว  ตัวบาง  ผิวละเอียด  พอเห็นน้องยืนซื้อลูกชิ้นปิ้งก็เข้าไปจอดเทียบข้างหลัง  ล้วงมือถืออกมาโทร  น้องที่กำลังเปิดกระเป๋าหยิบเงินส่งแม่ค้าถึงกับรีบลน  อมยิ้มมองด้านหลังที่ส่งเงินให้แม่ค้าแล้วนิ่งฟังเสียงที่รับโทรศัพท์ผม

“ครับ..พี่เต..พี่เตได้ยินธันไหม?  เดี๋ยวธันหาที่ยืนใหม่นะครับ  สัญญาณมันกวนกันแน่เลย”  ยิ้มกว้างให้น้องที่กำลังรวบถุงลุกชิ้นกับกระเป๋าเงินไว้ด้วยกัน  เอื้อมมือแตะแขนแล้วยิ้มกว้างให้หน้าเหรอหราของน้อง

“แกล้งธันเหรอ?!”  ปากต่อว่าแต่หน้ายิ้มมีความสุข  ยื่นมือรับกระเป๋าน้องมาสะพายแทน  น้องคร่อมซ้อนแล้วกลับร้านพร้อมผม  ทันทีที่ผมจอดน้องก็เอื้อมมือลอดแขนมาบิดกุญแจปิดเครื่อง  เหลือบมือมือเรียวแล้วก้อด..ใจเต้นแรงไม่ได้  ผมไฟลุกทุกครั้งที่น้องเข้ามาใกล้  มัน..ห้ามยากด้วยสิ  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วเดินตามน้องที่เข้าร้านไปหยิบจานมาใส่ลูกชิ้น  ปลดเป้ที่ไหล่ออกแล้ววางไว้ที่โต๊ะกินข้าวหลังร้าน  มองต้นคอที่โผล่พ้นคอเสื้อ  ไล่สายตาลงมามองแขนเรียว  สะโพกเล็ก  น่องสวยไร้ไขมัน..

“ไปนั่งกินข้างนอกนะครับ..พี่เต” รีบเงยหน้ามองตากลมที่จ้องหน้าผมอยู่  พยักหน้าแล้วรีบเดินนำออกมาหน้าร้าน  เดินเข้าไปนั่งในเคาน์เตอร์  จัดเก้าอี้น้องให้น้องเข้ามานั่งด้วย ไม่นานลูกค้าก็ทยอยเดินเข้ามาเช่าการ์ตูนกับนิยายในร้าน  เพื่อนน้องหลายคนก็เป็นลูกค้าที่ร้านผม  ยิ้มให้เพื่อนน้องที่แซวว่าสนิทกับผมตอนไหน? เจ้าตัวยักไหล่ไม่ตอบ  ปากบางเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ย ๆ   ตากลมจับจ้องรายชื่อเพื่อน  นิ้วเรียวแตะสันหนังสือไล่ตามรายการที่ยืมไป

“เรื่องนี้หายไปไหน?  มึงเอามาคืนวันนี้เลย  บ้านอยู่แค่นี้อย่ามาทำเนียนบ้านไกล  ไปเอายาก  แล้วจะไม่คืน  ไอ้เหี้ย”  กลั้นยิ้มกับการทวงหนังสือของน้องกับเพื่อน  หน้าตาดีเลยทำให้คำหยาบโลนมันดูไม่รุนแรงเลยแม้แต่น้อย ผมให้น้องเป็นคนรับคืนและเขียนเช่าหนังสือเองทั้งหมด  ผมมีหน้าที่เก็บและหยิบเงินทอนอย่างเดียว

หลายครั้งที่ถูกมองด้วยสายตาสงสัยจากคนอื่น  ผมใช้ดวงตาที่มองกัน  การสัมผัสนิดหน่อยแทนคำตอบว่าผมกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักคนนี้..เราเป็นอะไรกัน  ไม่ยากที่จะเดาออกว่าผมกับน้องกำลังคบกันอยู่  และไม่ยาก..ที่จะทำให้ลูกค้าหลายคนเลิกหวังกับผม

ใกล้เวลาปิดร้านผมก็ลุกเอาหนังสือที่ลูกค้าคืนเก็บเข้าชั้น  น้องดึงลิ้นชักเก็บเงินออกมาแล้วหยิบเงินซื้อข้าวเย็นมารอผม  ละมือที่กำลังจัดหนังสือแล้วพาน้องซ้อนมอ’ไซค์ออกมาหาอะไรกินตอนเย็น  โทรบอกแม่น้องว่าวันนี้ผมพาน้องกินข้าวเย็นก่อนแล้วจะพาไปส่งที่บ้าน  นั่งกินข้าวมันไก่  ต่อด้วยเกาเหลาเย็นตาโฟพิเศษอีกคนละชามก็เดินซื้อขนมก่อนจะกลับร้าน

ถึงร้านน้องก็เดินตัวปลิววิ่งเข้าห้องน้ำ  ผมวางขนมไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วดึงประตูเหล็กลดลงมากกว่าครึ่ง  ล็อคประตู  ปิดไฟที่เคาน์เตอร์และหน้าร้าน  เหลือไฟจากทางขึ้นชั้นบนไว้แค่ดวงเดียว  เดินไปจัดหนังสือต่อ  ไม่นานน้องก็เดินมาหา  เงยหน้ามองน้องเช็ดมือที่กางเกง  อดไม่ได้ที่จะมองเป้ากางเกง..ผมรู้ว่ามันดูลามก  แต่ผมก็ห้ามสายตาตัวเองไม่ได้  เบือนหน้ากลับมามองหนังสือแล้วหยิบขึ้นใส่ชั้นจนเสร็จ  หันมองมือสวยที่กำลังช่วยหยิบหนังสือเก็บที่ชั้น  ยิ้มน้อย ๆ แล้วจับมือน้องไว้หลวม ๆ

“ไม่เป็นไรครับ  พี่จัดเอง”  น้องทำหน้ามุ่ยแล้วนั่งขัดสมาธิเท้าคางมองผมจัดหนังสือ  หัวใจเต้นตึกตักกับดวงตากลมที่มองผมอยู่ตลอด  จับหนังสือเล่มสุดท้ายเข้าชั้นหนังสือ  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เลื่อนสายตาหันมองตากลมที่ยังคงมองหน้าด้านข้างผมไม่วางตา  ทันทีที่ผมหันสบน้องก็หลบวูบ  แก้มใสขึ้นสี  มือที่เท้าคางลดมาวางราบกับพื้นข้างตัว  ตากลมกะพริบปริบ  ริมฝีปากเม้มช้า ๆ แล้วพยายามเบี่ยงตัวเอี้ยวหลบการมองของผม เอื้อมมือคว้าแขนไว้  ดึงเข้ามาแล้วกดปลายจมูกหอมที่แก้มใส  ระริมฝีปากพรมจูบไปทั่ว  ก้มควานหาริมฝีปากบาง  แตะปลายลิ้นที่ริมฝีปากล้าง  จูบเม้มเนื้อด้านในแล้วค่อย ๆ แทรกปลายลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัด  แขนรวบน้องเข้ามากอด  เบียดเข้าหาไออุ่น  มือสอดลูบไล้ผิวลื่นมือ  ละมือที่กอดน้องมาปลดกระดุมเสื้อนักเรียน  เสียงครางอืออาจากน้องยิ่งทำให้สำนึกรู้ผิดชอบผมมันเลือนรางลง จากที่เคยจูบก่อนส่งกลับบ้าน  วันนี้อารมณ์ผมมันเตลิดมากกว่านั้น..ละริมฝีปากจากปลายลิ้นอุ่น  เลียไล้  ตวัดลิ้นดูดชิมผิวเนื้อนุ่มไปทั่ว  มือถอดเสื้อน้องออก  ขยับเข้าหาตุ่มสีอ่อนบนหน้าอก  แตะแผ่วเชื่องช้า  เสียงเต้นตึกตักดังก้องอยู่ในอกข้างซ้ายน้อง  มือเล็กปล่อยแขนผมแล้วเลื่อนขึ้นสอดมือตามเส้นผม  เสียงนุ่มเอ่ยเรียกชื่อผมแผ่วเบา..

“อึก..พี่เต..”  ลมหายใจผมมันขาด ๆ หาย ๆ  หัวใจเต้นดังคับอกก้องไปถึงในหัว  สมองไม่รับรู้เรื่องอื่น..นอกจากสั่งให้ทำตามการสนองตอบของร่างกายเรา  ปลดเข็มขัดและกระดุม  รูดซิปกางเกงลงจนสุดก่อนจะซุกหน้าสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกลิ่นตัวน้อง  จูบความโป่งนูนผ่านกางเกงผ้าเนื้อดี  เลียเน้นน้ำหนักปลายลิ้นตามความยาว  ใจเต้นรัวกับส่วนหัวที่โผล่พ้นออกมาจากขอบเอวกางเกง  สัมผัสช่องเล็ก ๆ ส่วนปลายที่โผล่พ้นช้า ๆ  ด้วยปลายลิ้น  น้องสำลักอากาศเสียงหวาน

“อ๊ะ!”  สะโพกเล็กยกขึ้นตามหาปลายลิ้นที่แตะเลยไปที่ไรขนอ่อนแถวใต้สะดือ  มือจับขอบกางเกงถอดออกจากตัวน้อง  ก้มต่ำระจูบลากปลายลิ้นแตะลงตามผิวเนื้ออ่อน  จูบผะแผ่วที่ช่องทางอุ่น  เสียงครางต่ำของน้องดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะการจูบของผม  ดันขาขึ้นแล้วตวัดปลายลิ้นดูดต้นขาด้านใน น้องดันไหล่ผมออกแล้วปล่อยน้ำสีขาวข้นออกมาจนเลอะหน้าท้องไปหมด

ขยับตัวขึ้นถอดกางเกงตัวเองออก  ประคองหน้าเรียวที่มีน้ำตารื้นขึ้นมาจูบ  ‘พี่เต..ธันขอโทษ  ทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็..อย่าเบื่อธันนะ..’  ส่ายหน้าตอบแล้วก้มจูบริมฝีปากบาง..

“ให้พี่เห็น..ทุกอย่างของธัน  เป็นของพี่คนเดียวนะ..”   ตากลมไหวระริกหลับตาลงช้า ๆ แล้วเผยอริมฝีปากรับจูบผม  ปลายลิ้นเกาะเกี่ยว  แลกสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือ  ขยับสะโพกเอาความแข็งขืนของตัวเองแตะที่น้ำขาวข้นของน้องช้า ๆ ละมือกวาดน้ำรักมาป้ายจนทั่วโดยไม่ละริมฝีปากห่างจากปลายลิ้นอุ่น ประคองน้องขึ้นนั่งตักแล้วจับความต้องการตั้งตรง  มือคอยจับท้ายทอยบังคับรับริมฝีปากและปลายลิ้น  อีกข้างละมาจับสะโพกน้องให้นั่งลงช้า ๆ  ความอุ่นและคับแน่นค่อย ๆ บีบรัดส่วนหัวทีละน้อย  น้องกัดริมฝีปากผมเมื่อผมเด้งเอวขึ้นจนความยาวเข้าไปจนสุด  ครางยาวใส่ริมฝีปากบาง  มือลูบผิวลื่น  หายใจหอบต่ำ  ลืมตามองหน้าเรียวที่อยู่ตรงหน้า  ใจเต้นถี่กับภาพน้องที่ผมไม่เคยเห็น  ทั้งสีหน้าที่บ่งบอกความต้องการ  น้ำตาที่รื้นอยู่ตลอด..แยกไม่ออกว่าเจ็บหรือรู้สึกอย่างอื่นมากกว่ากัน

แสงไฟที่ลอดเข้ามาทำให้เรามองตากันได้ชัด  เห็นความต้องการจากความรู้สึกข้างในกำลังพุ่งพล่าน  จับสะโพกน้องยกขึ้น  รับความเสียวที่ช่องทางเล็กบีบรัดจนต้องครางปล่อยอารมณ์  น้องนิ่วหน้าแล้วซบหน้ากับหน้าผากผม  ก้มควานหาริมฝีปากแล้วขยับบั้นเอวเข้าหาช่องทางที่กำลังตอดถี่ยิบ

เสียงนุ่มครางแข่งกับเสียงหอบต่ำของผม  มือเล็กบีบหัวไหล่แน่น  จับน้องพลิกหันหลังแทรกท่อนร้อนเบียดเข้าหาช่องทางคับแคบ  กอดเอวไว้ข้างหนึ่ง  อีกข้างวางทาบหลังมือที่จับตู้หนังสือพยุงตัวไว้แน่น  ประคองหน้าหันกลับมารับจูบแล้วขยับสะโพกสวนกับการเกร็งสะโพกรับความยาวของผม  แรงตอดและบีบรัดทุกทางเข้าถาโถมใส่เหมือนไซโคลน  แรงขยับขย่มรับของเราส่งให้หนังสือบนชั้นร่วงกราวเหมือนฝนตก  อารมณ์ดิบที่คุอยู่ทำให้ไม่รู้สึกถึงสันหนังสือที่หล่นกระแทกหัวไหล่  ความซ่านพุ่งเข้ามาในอก  ความเสียวแล่นปราดไปทั้งตัว  ผมจับสะโพกเล็กกดลงมาเต็มแรงและปลดปล่อยออกมาจนหมด  น้องละมือที่จิกไหล่มารูดรั้งข้อมือเร็ว  ผมดันน้องออกแล้วครอบริมฝีปากรับธารรักที่น้องปลดปล่อยออกมา

“ซืดดด..พี่เต”  เสียงทุ้มครางต่ำ  มือขยำเส้นผมแน่น  ความแข็งขืนกระตุกเกร็งคับปาก  ผมปล่อยให้น้ำรักของน้องไหลระมุมปากเพราะไม่สามารถกลืนลินลงไปได้หมด  น้องถอนความต้องการออกแล้วรีบเอามือเช็ดช่วยทำความสะอาด

“พี่เตกลืนไปทำไม?..บ้วนปากเร็ว”  ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ  ค่อย ๆ พยุงน้องเข้าห้องน้ำล้างตัว  ผมล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็ดึงน้องมานั่งตัก  น้องยืนยันจะกลับบ้านและไม่ต้องกังวลเรื่องร่างกายน้อง

“ไปส่งธันกลับบ้านนะครับ  แม่ต้องสงสัยแน่ถ้าธันไม่กลับบ้านอ่ะ  ไม่ต้องห่วงนะครับ  ธันไม่เป็นไร..”  ถอนหายใจยาวแล้วส่ายหน้าตอบ  น้องหน้าเสียแล้วกอดผมแน่นขึ้น  ลูบหลังปลอบเบา ๆ แล้วกดโทรบอกแม่น้องว่าน้องไม่สบาย  ผมให้กินยาและอยากให้น้องนอนที่ร้านด้วยกัน  แม่เงียบไปนาน  ผมพร้อมจะบอกความจริงและยืดอกรับเพราะผมรักน้อง

“ฝากน้องด้วยเต  รุ่งนี้พากลับบ้านด้วยนะ  เช้าแม่ต้องไปขายของไม่มีใครอยู่บ้าน”  ตอบรับแล้ววางหู  อุ้มน้องที่ซบหน้ากับไหล่ขึ้นไปนอน  หายาให้กินเสร็จก็ดึงเข้ามากอดกล่อม

“พี่รักธัน”  กระซิบข้างหูตลอดเวลาให้น้องมั่นใจ  มันอาจจะเร็วในสายตาคนอื่น  แต่สำหรับผม..ระยะเวลาไม่จำเป็นสำหรับการรักใครสักคน..






รักของผม..ใช้หัวใจล้วน ๆ  ครับ


END.




fan fic  So  sweet  By jiki

ช่วงบ่ายๆก่อนเย็นของวันที่3มค. วันนี้เป็นวันหยุดเชยครับ พอดีว่าผมกับพี่เตกลับมาจากการเที่ยวบ้านญาติๆต่างจังหวัดก่อนคนอื่น แบบว่าไม่อยากเจอรถติดวันสุดท้ายน่ะ แล้วทีนี้พี่เค้าเห็นว่าอยู่ว่างๆก็เลยเปิดร้านแก้เหงา เผื่อใครจะมาเช่าหนังสือไปอ่าน แล้วก็ชวนผมมาเฝ้าร้านด้วย ผมก็กะว่าจะมาเจอพี่เขา(ไม่เจอหลายวันผมคิดถึงครับ) แล้วก็หาการ์ตูนอ่านไปในตัว(อันนี้ผลพลอยได้) แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้เราแอบทำอะไรกันบางอย่าง ทั้งๆที่หน้าร้านก็แขวนป้ายเปิดอยู่เลย

"ไม่เป็นไรหรอก วันนี้คนเงียบจะตาย ไม่มีใครรู้หรอก"

"แต่ว่า..." ผมอิดออดได้สักพักก็ต้องยอมตามใจพี่เขา ทรุดลงหลังเคานเตอร์ ปล่อยพี่เขาจัดแจงท่าทางผมแล้วเอาอุปกรณ์มาเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย

'นี่มันวางแผนล่วงหน้ามาแล้วนี่!!!'บางสิ่งบางอย่างถูกสอดลึกเข้ามาในร่างกาย ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว แต่ก็อดสะดุ้งไม่ได้

"อะไรกัน สะดุ้งตัวกระตุกเชียว เสียวเหรอ" เสียงทุ้มของพี่เค้าถาม ถึงตำแหน่งของผมในตอนนี้จะทำให้หันไปมองหน้าพี่เค้าไม่ได้ แต่จากน้ำเสียง พี่เค้าคงจะยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่แน่ๆล่ะ!!!

"ปะ เปล่าครับ อึก" ได้ยินเสียงพี่เขากลั้วหัวเราะ พลางว่า เปล่า แต่เสียงสั่นเชียว ผมได้แต่ปล่อยให้พี่เขาทำตามความต้องการไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่อาจต่อต้านได้

บางอย่างมันสอดลึกเข้ามา ลึกเข้ามา จนเมื่อใกล้จะสุดทาง ผมกำมือเข้าหากันแน่น กลัวเจ็บเมื่อมันชนเข้ากับปลายทาง  แต่มันก็ไม่ได้กระแทกรุนแรงอย่างที่กลัว ทว่าการกดลงเข้าหาผนังที่ที่รายล้อม ซ้าย ขวา บน ล่าง มันก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองมันสั่น เกรงที่จะหายใจเข้า กลัวที่จะผ่อนลมหายใจออก

"อย่าขยับสิธัน พี่มองไม่เห็น ให้พี่มองให้ชัดๆหน่อย...นะ" เสียงทุ้มเอ่ยขอร้อง ขัดกับการกระทำที่ฉุดรั้ง จับขยับ กดตรึงตัวผมให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ การสกัดกั้นเสียงของตัวเองมันไม่ง่ายเลยครับ โดยเฉพาะเวลาที่เราหายใจไม่เป็นจังหวะอย่างนี้ เมื่อเรามองไม่เห็นว่า พี่เขากำลังทำอะไร ประสาทรับรู้ส่วนอื่นยิ่งตื่นตัว รับสัมผัสทดแทน แต่มันยิ่ง...ทำให้ผมปั่นป่วน บางสิ่งบางอย่างที่กดถูกอยู่ในช่องทางนั้นหลายครั้ง ค่อยๆเคลื่อนตัวออก แล้วก็สอดกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าบางอย่างมันไม่เหมือนเดิม มันก็หมุนวน ปลุกปั่นจน..ผม

"อุ๊บ" คว้ามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

"เป็นอะไรล่ะ อย่าตบปากตัวเองแรงอย่างงี้สิ" พี่เขาเอื้อมคว้ามือผมออก แล้วก็หมุนวนสิ่งที่ค้างคาอยู่ต่อไป เมื่อพี่เขายังรั้งมือผมไว้ การกักกั้นเสียงมันก็ไม่ดีเท่าที่ควร

"อือ อื้อ~"

"พรึบ!!!" " หวัดดีพี่ " เสียงลูกค้าคนหนึ่งเปิดเข้ามาในร้าน ผมมสะดุ้งสุดตัว หยุดเสียงร้องของตัวเองพร้อมกับที่พี่หยุดการกระทำไว้ชั่วครู่ กล่าวสวัสดีลูกค้าแล้วกลับมาสานต่อการกระทำนั้นใหม่!!!! ผมไม่รู้ว่า ใครเข้ามา จากตำแหน่งที่ผมอยู่ ผมเห็นเพียงกองหนังสือนิยายใต้โต๊ะเท่านั้น แต่คนที่มาที่นี่ส่วนมากก็เป็นคนในละแวกตลาด ซึ่งย่อมคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับผมและครอบครัว แม้คลองสายตาผมจะไม่รับรู้เงาของใครสักคน แต่ผมก็ไม่อาจมั่นใจได้ ผมภาวนาให้เขาไม่เห็นกิจกรรมข้างหลังเคานเตอร์นี่
 
"เขามองไปทางอื่นน่ะ ไม่เห็นหรอก แถมยังใส่หูฟังอยู่ด้วย" เสียงพี่เขาก้มมาบอกผม ผมพยายามมองไปตามเสียง แต่มุมนี้มันมองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่างจริงๆ แล้วพี่เตก็ลงมือปฏิบัติการต่อไป พี่เขายึดมือผมไว้ ผมไม่กล้าสะบัดตัวหนี กลัวผลที่ตามมาครับ
 
มีลูกค้าอยู่ในร้าน แทนที่พี่เขาจะหยุด กลับยิ่งแกล้ง การสอดใส่และการปลุกปั่นยังไม่เลิกรา ผมพยายามกลั้นเสียงไว้ ขบเม้มริมฝีปากจนเจ็บ แต่เสียงลมหายใจนี่ ผมกลั้นไม่ได้จริง จนในที่สุด...

"อ๊ะ อืม~อื้ออออ" ผมกลั้นเสียงไม่ไหวแล้ว ถึงพี่เขาจะบอกว่า ลูกค้าใส่หูฟังมา แต่เสียงมันน่าอายนี่นา พี่เขาได้ยินเสียงผมก็ยิ่งลงมือหนักขึ้นๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกดี จนไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะส่งเสียงยังไงออกไปบ้าง

"ตุ้บ" ผมสะดุ้งอีกครั้ง พี่เขาลูบหัวบอกเสียงเบาว่า ลูกค้าเอาหนังสือมาวาง รอแป๊บนึง อย่าขยับล่ะ ผมไม่กล้าขยับหรอกครับ กลัวเค้าเห็นว่าพวกผมทำอะไรกัน จนสแกนหนังสือ จัดลงถุง ส่งให้ลูกค้าเสร็จ พี่ก็บอกขอบคุณเบาๆ แต่ว่าลูกค้าคนนี้ก็ยังไม่ออกไป

"พี่เต" เสียงลูกค้าคงนี้คุ้นจัง เหมือน

"หืม อะไรเหรอ ตรี" พี่ตรี พี่ไอ้น้องโฟร์!!!!!!!!!!!!!!!

"ถึงผมจะใส่หูฟัง แต่ผมไม่ได้เปิดเพลงนะ"(OoO)

"ได้ยินเสียงน้องเค้าชัดแจ๋วเลย" (O{}O)

"แต่ผมว่าพี่เก็บไว้ฟังคนเดียวดีกว่านะ แบบ เสียงน้องเค้ามัน...สุดๆอ่ะ ผมว่าผมไปหาแฟนก่อนดีกว่า ไปล่ะพี่" (O[ ]O)

"กึง"

"ชิ!!! ปล่อยให้ไอ้ตรีได้ยินซะได้" โห พี่เตทำมาชิ มาเชอะ

"พี่เต!!!" ผมทนไม่ไหวแล้ว ยังตัวออกมาทุบต้นขาแน่นๆตรงหน้า ทุบๆ

"อ้าว ธัน ลุกมาทำไม ดีนะ มะกี้เอาไม้ออกแล้วอ่ะ" พี่เขาเอื้อมมือมาจะกดหัวผมลงที่เดิม

"ไม่เอา ไม่ทำแล้ว" โมโห มะกี้ทำไมไมยอมหยุด ผมอายนะ

"ทำไมล่ะ ไม่ให้พี่แคะหูต่อแล้วเหรอ ยังเหลืออีกข้างนึงนะ"

"ไม่เอาอ่ะ ก็บอกแล้วว่าอาย ยังให้คนอื่นมารู้ มาเห็นอีก" ก็มันน่าอายนี่ โตแล้วยังมานั่งหนุนตักให้คนอื่นแคะหูให้อย่างงี้ แล้วพอมันเคลิ้ม ผมมักทำตัวแปลกๆอีก ไม่ชอบเลย มันเหมือนแมวหง่าว!!!

"พี่ว่า ตรีเค้าไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร เค้าไม่เห็นหน้าธันหรอก เคานเตอร์ออกจะสูง" ทำมาพูดๆ "แล้วพี่ก็ไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าแบบนี้ของธันด้วย"

"หน้าแบบไหนล่ะ"

"หน้าเคลิ้ม~ " เหมือนผมได้ยินเสียงหน้าตัวเองระเบิดบึ้ม!

"พี่!!!!"

"555 เอาล่ะๆ เดี๋ยวพี่แขวนป้ายปิดร้าน แล้ว ค่อยแคะหูต่อละกัน จะได้ไม่มีใครเข้ามา ...." แล้วพี่เตก็ได้ง้อผมต่อยาวเลยครับ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันดีๆที่ผมพอแบ่งปันให้ได้ แต่นอกเหนือจากนี้ ผมขออุบไว้ละกันนะ ผมอายครับ (-/////-)

จบ.

แถมๆ
ระหว่างทางขี่มอ'ไซค์กลับบ้าน นึกหวนไปถึงเหตุการณ์ในร้านหนังสือ เสียงทุ้มก็บ่นลอยไปกับสายลม
"แฟนพี่เต เสียงแม่ง...น่าฟัดฉิบหาย" ความรู้สึกบางอย่างมันตีรวนขึ้นมาเล็ก แต่ก็พอใช้เป็นข้ออ้างให้กับตัวเองได้ "ไปหาเฮียปิงดีกว่า" ยกยิ้มอารมณ์ดีCBR  1000  สีดำลดความเร็ว หักเลี้ยว ก่อนเร่งความเร็วหายไปในซอยใกล้ๆตลาด

.........................................................


กอดดดดค่าาาาาาาา
เรื่องนี้จิได้ใบสั่งมาค่ะ  เลยได้พล็อตประมาณนี้  เคลมเร็วอะไรแบบนี้ค่ะ >////<  ขอบคุณ jiki สำหรับแฟนฟิคน่ารัก ๆ ด้วยค่ะ
คุณ BlueCherries  นอกจากจะได้ใจแม่ยายและขาไพ่แล้ว  ยังเป็นขวัญใจจิด้วยค่ะ  จิเคยเขียนตอนพิเศษวันเด็กคู่นี้ด้วยค่ะ  อันนั้นพี่อ้นแกล้งน้อง  น้องร้องไห้ยกใหญ่  โวยวาย  น่าสงสารมาก  จิชอบบบบ55555   แต่หาไม่เจอค่ะ  ไม่ม่ใครเก็บให้ด้วยค่ะ  อดอ่านโดยจำยอม TT
คุณ Noo_Patchy  ตอบโต้ด้วยอีโมกอดหลาย ๆ ตัวค่ะ ^^
คุณ Mouse2U  อ่านคอมเม้นท์ของคุณแล้วจิยิ้มเลย  ถ้าเตงได้อ่านตอนพิเศษที่จิเขียนไว้เตงจะต้องชังพี่อ้นยิ่งกว่านี้  มันแกล้งน้องค่ะ  น้องร้องไห้  ตีอกชกตัว  น่าสงสารที่สุด(แต่จิโคตรชอบอ่ะ)  ไม่ใีใครเก็บไว้ให้เลยค่ะแม้แต่จิเอง  อดอ่านเลยค่ะ  สวนตอนต่อไปของมนต์รักเงือกหนุ่ม(เปลี่ยนชื่อตอนไหน?!)จิยังไม่มีโครงการจะต่อเลยค่ะ  เขียนทิ้งไว้  3  บรรทัดต่อจากตอนนั้น  มันสื่อไปทางไหนไม่ได้เลยค่ะ  รอก่อนเนอะ ^^
คุณ nekko  คู่นี้ต้องใช้ภาษากายค่ะ  น้องถนัดมากกว่า ^^
คุณ KKKwanGGG จงรักภักดีเขาจมน้ำตามาก่อนค่ะ  ควรแล้วที่เขาจะได้รักกันให้เราอิจฉาสักที  คู่หลังนี่มีแววว่าจะติดไพ่ล่ะค่ะพี่อ้นของเรา  เพราะไปส่งไปรับทีไรต้องเจอขาไพ่ตลอดดดดดด
คุณ PURE LOVE  ชอบเม้นท์คุณจังค่ะ  ยาว  ละเอียด  ใส่ใจทุกรายละเอียดของตัวละคร  ถ้าเตงได้อ่านตอนพิเศษที่จิเคยเขียนให้คู่นี้  เตงต้องชังพี่อ้นแน่ ๆ ค่ะ  มันใจร้าย  มันแกล้งน้องให้ร้องไห้ด้วย  แต่ไม่มีให้อ่านนะคะ  หาไม่เจอค่ะ ^^
บวกขอบคุณที่ติดตามนะคะ 
  :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-04-2015 15:28:52
 :z3:

อยากอ่านตอนพิเศษของพี่อ้นเลย โฮฮฮฮ เสียดายไม่มีคนเก็บไว้ T T
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 20-04-2015 17:45:21
 :jul1: :jul1: :jul1: เอาอีกๆๆจัดมาอีกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 20-04-2015 18:45:38
อยากจะบอกพี่เตว่า ..เราเห็นด้วยที่ว่า 'เรื่องความรักไม่มีคำว่าเร็วเกินไป' ของพี่น่ะค่ะ แต่ที่เราคิดว่ามันเร็วเกินไปก็ตอนที่พี่สารภาพกับน้องปุ๊บ แล้วจะกินน้องเลยเนี่ยแหละ ว้ากกกก!!! เรื่องนี้ของเถียงขาดใจเลยค่ะว่า 'เร็วเกินไปจริงๆ' แต่ก็ยังดีที่พี่เตยุบหนอได้ตามที่น้องร้องขอ นับถือน้ำใจพี่เตมากค่ะ ณ จุดๆ นี้ 

..ว่าแต่ บริการบอกเวลาเปิด-ปิดร้านแบบนี้ยังมีอีกไหมค้าา.. อยากได้บ้างจังเล้ยย ^^ ถ้าเราเป็นน้องธันตอนนั้นนะคะ เราคงจะระเบิดตัวเองตายไปแน่แล้วว คือพี่เตกระซิบบอกเวลาได้สยิวว~ สุดๆ เลยค่ะ แต่ก็สยิวไม่เท่ากับฟิค 'แคะหู' หรอกนะคะ :freeze: อายจังเลย แบบว่าเราคิดไปไกลแล้วค่าา ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 20-04-2015 20:02:37
พี่เตรุกน้องเร็วมากๆๆๆๆๆๆ คุยกันครั้งแรกก็เกือบจะจับน้องกินซะแล้ว :z1:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-04-2015 21:27:24
แหม ท้ายเรื่องนี่คืออาราย... ที่แท้ก็ปั่นหูกันนี่เอง ทำเอาเราคิดลึก (ยืนยันว่าไม่ได้หื่นนะ อิอิ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 24-04-2015 21:50:43
ตามอ่านหลายตอนเลย แต่จิตใจมุ่งมั่นอยู่แต่พี่มั่นกับน้องแดง จิทำเราร้องไห้ละน้ำตาตก  :mew4:
พอมาอ่านตอนได้พบกันใหม่นี่ปลื้มปริ่มจริงๆ

กอดจิจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 25-04-2015 10:33:35
สนุกครับ ชอบมากพี่เตก็ไวเกินคุยกันวันแรกก็จะจับธันกดซะแล้ว   รอคู่ที่เหลือนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-05-2015 18:23:52
:call: .. อยากอ่านต่อแล้วจ้า ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 12-05-2015 10:43:05
Love  lock


แอร์เย็นเฉียบส่งกลิ่นน้ำยาถูพื้นและกลิ่นสเปรย์ปรับอากาศลอยคละคลุ้งในห้องสมุดกว้างของโรงเรียนมัธยม  เด็กหนุ่มที่เพิ่งจบ  ป.ตรี  บรรณารักษ์หมาด ๆ ยืนยิ้มบางให้สถานที่ที่มีแต่หนังสือทรงคุณค่ากับการศึกษา  ยกมือไหว้ขอบคุณผู้อำนวยการที่ให้โอกาสตนได้มาฝึกสอนเพิ่มประสบการณ์การสอนหลังจากสอบมาตรฐานวิชาชีพครู  9  มาตรฐานผ่านแล้ว  ก้าวเท้าเหยียบย่างเดินเข้ามาดูชั้นหนังสือ  ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองหนังสือเล่มหนาที่เรียงรายอยู่บนชั้น  รอยยิ้มจุดประดับหน้าใส  ยิ้มบางทักทายเด็กนักเรียนที่นั่งอยู่ตามทางเดินซอกเล็กระหว่างชั้นหนังสือ  เสียงซุบซิบดังแว่วเข้าหู

“บรรณารักษ์คนใหม่รึเปล่าอ่ะ?”  อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเล็กของเด็กนักเรียนหญิง ม.ต้นที่เพิ่งเดินผ่านคุยถึงตน

“ไม่น่านะแก..น่าจะพี่ใครมารับน้องที่เรียนที่นี่มากกว่า”  ริมฝีปากสวยหุบยิ้มฉับ  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เท้าหยุดเดิน  แต่ไม่ทันหันหลังกลับไปแนะนำตัวก็ต้องรับโทรศัพท์ที่โทรเข้าเสียก่อน   มือนุ่มหยิบมือถือที่สั่นอยู่กระเป๋ากางเกง  ถอนหายใจยาวแล้วกดรับอย่างเสียไม่ได้

“ครับแม่  มาถึงตั้งนานแล้ว  อยู่ในห้องสมุดครับ  ดีครับแม่..รินทร์ชอบ”  เท้าก้าวเดินไปตามทาง  ตาสวยมองหนังสือตามชั้น  นิ้วเรียวแตะไล้สันหนังสือทีละเล่ม  ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคุยกับมารดา  สะดุดกับหนังสือเล่มที่ยื่นออกมาล้ำหน้าหนังสือเล่มอื่นในชั้นเดียวกัน  ออกแรงดันหนังสือให้อยู่ระดับเดียวกัน  แต่ด้วยแรงดันที่มากไปหน่อยเลยส่งให้หนังสือร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วง

“โอ้ย!  อะไรวะ?!”  เสียงแหบห้าวดังขึ้นหลังจากหนังสือเล่มหนาร่วงหล่น  นรินทร์อ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าตนจะซุ่มซ่ามดันหนังสือหล่นใส่หัวใคร  เดินรุดอ้อมชั้นหนังสือตั้งใจจะขอโทษที่ทำหนังสือหล่นใส่  ยืนนิ่งอยู่กับที่  กะพริบตาปริบกับภาพเด็กหนุ่มกางเกงดำที่กึ่งนั่งกึ่งลุกอยู่หน้าชั้นหนังสือ  มือใหญ่แตะหน้าผาก  มีหนังสือเล่มหนากางพาดอยู่ตรงหน้าอก  ดวงตาสีนิลของเด็กหนุ่มคนนั้นตวัดมองสบตาสีน้ำตาลของตน  ปลายสายจากมารดายังดังแว่ว  เรียกสติให้นรินทร์ต้องรีบกล่าวคำขอโทษ

“ขอโทษครับ..พี่ไม่ได้ตั้งใจ”  พูดเสร็จก็หันรีหันขวางกับเสียงจากลำโพงที่เรียกชื่อตน

“ครูนรินทร์  มาพบ ผู้อำนวยการที่เคาน์เตอร์รับยืม – คืนหนังสือด้วยค่ะ”  เบือนหน้าจากลำโพงติดเพดานมามองเด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีนิล  สบตากันนิ่งจนครูบรรณารักษ์ต้องเป็นฝ่ายหลบ  มือเรียวกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วนในอกบอกไม่ถูก  เท้าก้าวเดินกลับทางเดิม  ในหัวมีดวงตาสีนิลกับหน้าหล่อของเด็ก ม.ปลายที่เพิ่งจะถูกหนังสือหล่นใส่หัวตามติด  สะบัดหัวไล่ภาพนั้นทิ้ง  สาวท้าวตรงไปที่เคาน์เตอร์หนังสือ

แต่หัวใจกลับร้องขอให้หันกลับไปมองหาเจ้าของดวงตาสีนิลอีกครั้ง..

เม้มปากแน่นไม่ยอมทำตาม  ก้มหน้าเดินไปจนถึงเคาน์เตอร์โดยไม่หันหลังมอง  ปล่อยให้เจ้าของดวงตาสีนิลที่เพิ่งถูกหนังสือหล่นใส่หัว..

ยืนมองส่งแผ่นหลังบางของครูบรรณารักษ์จนลับตา

**************************

แสงสีส้มสาดทอทั่วสนามฟุตบอล  ยิ้มมุมปากส่งให้เพื่อนร่วมทีมที่ยื้อแย่งลูกกลม ๆ ในสนาม  เดินออกมาหยิบเสื้อขึ้นมาสะบัดแล้วพาดบ่า  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ  แล้วกระชับเป้ในมือแน่น  เดินตรงมาล้างหน้าที่ก๊อกน้ำตรงข้างสนาม  เบียดเข้าไปเอาไหล่ชนคนที่ก้มล้างหน้าที่ก๊อกจนเซ  ก้มหน้าอ้าปากรับน้ำที่เปิดค้างไว้  ส่ายหน้าไปมาให้น้ำล้างคราบเหงื่อ    ลูบน้ำออกจากหน้าแรง ๆ  ดึงเสื้อที่พาดไหล่ของเพื่อนในทีมมาเช็ดหน้า  เสียงโวยวายมาพร้อมสงครามแย่งเสื้อคืนเล็ก ๆ  หัวเราะขำเสียงดังก่อนจะโยนเสื้อคืน  หันมาส่องดูความเรียบร้อย  แล้วรีบแต่งตัว  โบกมือลาเพื่อนแล้วตรงไปที่หน้าห้องสมุด  มองนาฬิกาแล้วรีบเดินเข้าไปให้ทันก่อนห้องสมุดจะปิด

ผลักประตูเข้า  รับแอร์เย็นกระทบผิว  ดวงตาจับจ้องเคาน์เตอร์ด้านหน้าสุด  สบตาเพื่อนในห้องที่เป็นสมาชิกชมรมห้องสมุดที่มีเวรรับยืม - คืนหนังสือ  พยักหน้าส่งสัญญาณให้มันเดินออกจากเคาน์เตอร์  ลดกระเป๋าเป้ลงก่อนจะโยนเข้าไปข้างในเคาน์เตอร์  มือแตะ  กระโดดขึ้นนั่งแล้วเหวี่ยงขาลงแตะพื้น  ยิ้มมุมปากให้เพื่อนที่กำลังคืนหนังสือกับเจ้าหน้าที่อีกฝั่ง  ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากบอกให้มันเงียบไว้  เพื่อนพยักหน้าแล้วเสไปมองที่อื่นเมื่อเจ้าหน้าที่เงยหน้าขึ้นมอง

“เรียบร้อยครับ”  เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพื่อนที่คืนหนังสือ  หันหลังให้แล้วรีบนั่งลงกับเก้าอี้สวมรอยแทนเพื่อนที่เป็นเวร  เสียงเก็บหนังสือดังจากข้างหลังต่อเนื่อง  ยกยิ้มกับความไม่ช่างสังเกตของอาจารย์บรรณารักษ์  ค่อย ๆ หันหลังแอบมองท่าทางที่ผม..ใจเต้นทุกครั้งที่ได้เห็น

มือเรียวข้างหนึ่งจับปากกาในมือเคาะโต๊ะเบา ๆ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น  อีกข้างวางบนกองหนังสือกระดิกนิ้วชี้เคาะเป็นจังหวะเดียวกับปากกา  หัวทุยเอียงมองหนังสือตรงหน้า  เดาได้เลยว่าหน้าใสข้างหน้าจะต้องทำหน้างงแบบน่ารักสุดขีดอยู่แน่  ๆ   เลิกคิ้วมองแผ่นหลังบางที่หมุนหันมามองทางผม  คลี่ยิ้มให้ตาสวยที่เบิกกว้าง  ริมฝีปากสีอ่อนสั่นนิด ๆ ก่อนจะเม้มแน่น  อาจารย์หันรีหันขวางมองหาเพื่อนที่เป็นเวร

“กลับบ้านไปแล้วครับ  มันรีบกลับไปช่วยแม่เตรียมของขายน่ะครับ..ผมเลยมารับเวรแทนมัน”  หน้าใสกลอกตาไปมาเหมือนไม่เชื่อถือ  แต่ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั่นก็เลือกจะไม่เอ่ยถามอะไรต่อ  ยิ้มน้อย ๆ  ให้แผ่นหลังที่หมุนตัวหนีผมอีกครั้ง  เอนหลังพิงพนักเก้าอี้  มือสองข้างวางที่พักแขน  ตาเริ่มจับจ้องมือที่จับหนังสือในกองวางทับกันไปมา  ก้มหน้ากลั้นยิ้มกับหนังสือที่ร่วงลงมาที่พื้นเพราะกองหนังสือตรงหน้าอาจารย์ที่มันเริ่มจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“เฮ้ย!..”  เสียงทุ้มสบถออกมาเบา ๆ แต่มันก็ดังพอให้ผมได้ยิน  เหลือบมองหนังสือที่อยู่ตรงเท้าอาจารย์  ไล่สายตาขึ้นมองกลุ่มผมหนาที่ยังคงนิ่งเฉย  ภายใต้หน้ากากนิ่งเฉย..คือความเกร็งจนทำอะไรไม่ถูกต่างหาก  ยิ้มบางแล้วขยับตัว  เสียงเก้าอี้ดังเอี๊ยดอ๊าดทำให้แผ่นหลังตรงหน้าผมสะดุ้งนิด ๆ 

ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  เดินเข้าหาแค่  2 ก้าว..ผมก็รู้สึกถึงไออุ่นของอาจารย์บรรณารักษ์  ก้มตัวลงหยิบสันหนังสือขึ้นมา  ยื่นมือไปข้างหน้าช้า ๆ แล้ววางหนังสือข้างมือนุ่มที่กำลังกำแน่น  อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ  ในหัวคิดคำที่ต้องเอ่ยปากอย่างปัจจุบันทันด่วน  เห็นปกหนังสือแล้วยิ้มมุมปากทันที..

“..เล่มนี้ปกมันจะฉีกแล้วครับอาจารย์”  เสียงกระซิบมันทำให้ใบหูที่ผมเห็นมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนอดยิ้มกว้างไม่ไหว  อาจารย์ย่นคอห่อไหล่แล้วทำท่าจะขยับหนี  ผมรีบเอามืออีกข้างตะปบเคาน์เตอร์ไว้กันหนี  แขนสัมผัสความอุ่นที่อยู่ในแขนเสื้อเชิ้ตสีอ่อนของอาจารย์  เลือดสูบฉีดแรงจนหัวใจเต้นตึกตักเสียงดัง  ขยับแขนดึงเข้ามาให้เหลือพื้นที่ไม่มากนัก  คนในวงแขนห่อไหล่จนต้องเอามือที่กำแน่นบนกองหนังสือมากอดอก  เบือนจากหน้าใสที่ก้มต่ำมามองความเคลื่อนไหวจากในห้องสมุด  ตาจ้องเขม็งมองเด็กที่กำลังจะเดินมาคืนหนังสือท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ

“วางไว้..”  ผมเอ่ยปากบอกสั้น ๆ แล้วมองส่งเด็กพวกนั้นจนหายจากประตูห้องสมุด  หันกลับมาสบตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองผมพอดี  เจ้าของตาสวยเบือนหนีก่อนจะหันหลังให้  เลิกคิ้วกับการกอดอกแน่นฝ่ากรงแขนของผมออกไปง่ายดาย  พุ่งตัวออกไปขวางไม่ให้อาจารย์เดินหนีออกจากเคาน์เตอร์ได้เหมือนที่อาจารย์มักจะทำเวลาเจอกับสถานการณ์คับขันจากผม

อกรับสัมผัสจากหน้าผากที่ชนเบา ๆ มือคว้าลมเพราะแขนเรียวดึงหนีไว้ทันพอดี  มองตาสวยที่เงยขึ้นมาสบเพียงนิด  ขยับเท้าก้าวเข้าหาในขณะที่เจ้าของตาสวยเดินถอยหลังหนี  ผมจะไม่ปล่อยให้หนีได้อีก..เพราะถ้าผมไม่รุกจนถึงขั้นสุดท้ายในวันนี้

ผมจะหาโอกาสจากที่ไหนได้อีก..ในเมื่ออีกไม่กี่อาทิตย์ผมก็จะจบจากที่นี่แล้ว

อาจารย์หันหลังหยิบกระเป๋าโยนออกนอกเคาน์เตอร์  เบิกตากว้างกับท่าทางที่อาจารย์กำลังจะทำเหมือนที่ผมทำตอนโดดเข้ามาไม่มีผิด  โดดเข้าคว้าเอวได้ทันหวุดหวิด  ใจเต้นแรงกับการดิ้นหนี  ผมไม่เคยรุกหนักใส่ขนาดนี้..มันก็ไม่แปลกที่อาจารย์จะตกใจ  ออกแรงกอดแน่นขึ้นแล้วทิ้งตัวนั่งกับพื้น  กัดฟันก้มหน้าหลบมือที่ทั้งทุบทั้งตีตามตัวผม  ลดแขนลงแล้วซุกตัวกอดแน่นขึ้น  ปากก็พูดไปด้วย.. 

“โอ้ย..ตีผมจริงเหรอเนี่ย?!  เจ็บนะครับ”  อาจารย์หยุดมือที่กำลังทุบแล้วเปลี่ยนเป็นจับเสื้อผมดึงออกแทน  คลายแรงกอดแล้วละมือที่โอบแน่นมาประคองหน้าเล็กที่กำลังตกใจ  มือเรียวปัดทิ้งแล้วผลักผมให้หงายหลัง  คว้าน่องที่กำลังจะเหวี่ยงให้พ้นจากเคาน์เตอร์เต็มแรง  อาจารย์ตกใจสุดขีด  ร้องโวยวายดังลั่น

“อย่านะ!  อย่า..อย่าทำอะไรผมนะ  ปล่อยขา!  ปล่อย!”  อมยิ้มแล้วตวัดแขนรัดไว้แน่น  ทำหน้าหื่นตาพราวใส่  อาจารย์เห็นแล้วถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก  กลั้นยิ้มมองคนในอ้อมแขนหลับตาแน่น  เม้มปากแล้วก้มหน้าเอาหัวก้มหนี  ยิ้มบางแล้วกอดไว้แน่นขึ้น  บังคับหัวใจไม่ให้เต้นเสียงดังเพราะความตื่นเต้น..

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใกล้..ขนาดนี้

“ปล่อยก่อน..”  เสียงทุ้มเอ่ยปากบอกที่หัวไหล่  ผมเลิกคิ้วแล้วเอียงหน้ามองหน้าใสที่กำลังขึ้นสีเรื่อ  ยิ้มมุมปากแล้วทำหน้าเจ้าชู้ใส่  อาจารย์เห็นหน้าเจ้าชู้แล้วกัดปากล่างแน่น   ดวงตานี่ดุขึ้นมาเลย  มือที่ดันหน้าอกผมเปลี่ยนมาทุบดัง ‘ปึ๊ก’  อดหัวเราะกับท่าทางน่ารักไม่ไหวเลยหลุดขำออกมา  ผล..ผมโดนอาจารย์ทั้งทุบทั้งกัด

“เจ็บจริงนะเนี่ย!  โอ้ยยย ฮ่าๆๆๆๆ”  เอี้ยวตัวหนีฟันขาวที่พยายามจะกัดที่ไหล่  พอเอามือดันไหล่..อาจารย์ก็จับแขนผมแน่นแล้วหันมาฝังเขี้ยวที่แขนทันที..จะไวเกินไปแล้ว!

เกร็งแขนปล่อยให้กัด   ฉกปลายจมูกหอมที่หน้าผาก  รับรู้ถึงแรงกดจากการฝังเขี้ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด  นิ่งมองตาสวยที่จ้องหน้าผม  คลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งให้..แก้มยิ่งแดงแข่งกับใบหู   อาจารย์นรินทร์เบือนหน้าหนีแล้วเอามือถูหน้าผากตัวเองเบา ๆ   ผม..ยิ้มกว้างแล้วก็เอานิ้วสะกิดที่ไหล่  พออาจารย์หันมาก็แกล้งเอามือมาถูหน้าผากตัวเองบ้าง

“..อะ..ไอ้บ้า”  ด่าผมเสร็จก็เอามือมาจับแขนบังคับไม่ให้ผมเอามือมาถูหน้าผากแซว  พอผมยอมเอามือลงคนหน้าใสก็เปลี่ยนเป้าหมายเอามือมาถูหน้าผากผมจนหน้าหงาย  ขำด้วยดึงมือขึ้นมาป้องไปด้วย  จับไปผลักมาก็หยุดเล่น  กระชับมือที่กุมมือเรียวของอาจารย์ไว้เบา ๆ   มองหน้าใสแก้มแดงแล้วก็อดยิ้มกว้างไม่ได้  ตาสีน้ำตาลเงยขึ้นมาสบ  พอเห็นยิ้มกว้างของผมก็ก้มหน้าหนีงุด ๆ แถมจะดึงมือกลับอีก  ขืนไว้แล้วดึงขึ้นมาหอม  ตาก็จ้องหน้าใสไว้ตลอด

“ทำไมเจ้าชู้แบบนี้หา?!”  ยิ้มกว้างอีกรอบแล้วจับมืออาจารย์ไว้ไม่ยอมปล่อย  เดินออกจากเคาน์เตอร์ตามแรงลาก  คว้ากระเป๋าตัวเองสะพายไว้แล้วก็หยิบกระเป๋าอาจารย์ติดมือมาด้วย  จับมือไปจนถึงหน้าประตูก็ปล่อยให้อาจารย์ปิดล็อคห้องสมุด  อยากกุมมือต่อแต่มันไม่เหมาะ  ผมรู้ว่าอาจารย์เองก็ลำบากใจเรื่องนี้ไม่น้อยถึงไม่ยอมรับรู้ว่าผมชอบสักที

ความเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์มันค้ำคออยู่

จริงอยู่ที่อาจารย์ไม่มีหน้าที่สอนหนังสือ  แต่การเป็นอาจารย์บรรณารักษ์ที่มีหน้าที่ดูแลหนังสือ  คอยแนะนำเรื่องการยืม – คืนและการใช้ห้องสมุดมันก็ขึ้นชื่อว่าสอนเหมือนกัน  แต่ผมกำลังจะจบ ม.6 แล้ว  กำลังจะกลายเป็นนิสิตที่สามารถจะเป็นแฟนกับใครก็ได้  ไม่มีข้อยกเว้น..แม้แต่อาจารย์บรรณารักษ์  เดินประกบไม่ห่าง  ไม่สนมือเรียวที่พยายามผลักผมให้เดินห่าง ๆ เมื่อเด็กนักเรียนที่ยังอยู่ในโรงเรียนหันมามองผมกับอาจารย์

“นี่!  เฮ้อออ..อย่าทำให้ลำบากใจได้ไหม.. ‘นครา’ “  ส่ายหน้าตอบคำขอนั้น  เพราะผมทำให้มาเยอะแล้ว  ผมจะทำตามใจตัวเองนับตั้งแต่วินาทีนี้  แต่ในความเอาแต่ใจ..ผมก็จะนึกถึงสถานะความเป็นครูของเขาด้วย  เจอกันครึ่งทาง!

“เธอจะไปไหน?  ตั้งใจจะทำอะไรนครา?!  อย่านะ”  ไม่ตอบและไม่ฟัง  เบี่ยงหนีมือเรียวที่ตั้งการ์ดป้องกันไม่ให้ผมโดดขึ้นรถ  ตีหน้าซื่อนั่งที่นั่งข้างคนขับทันทีที่อาจารย์กดปลดล็อคสัญญาณกันขโมย  โยนกระเป๋าตัวเองกับของเขาไว้รวมกันที่เบาะหลัง  คาดเบลท์แล้วหยิบแผ่นซีดีในรถมาดูไม่สนใจเสียงโวยวายข้างหู

“ทำไมดื้อแบบนี้!  โอ้ยยย  ปวดหัวโว้ย!”  เลิกคิ้วแล้วทำจ้องแผ่นเพลงที่อยู่ในมือ  เอื้อมมือคว้าประตูปิดไม่สนใจหน้าใสที่กำลังหงุดหงิดอยู่นอกรถ  ไม่นานอาจารย์ก็ขึ้นมานั่งที่คนขับ  ปล่อยให้ขับออกมาจนพ้นรั้วโรงเรียน  ความเงียบปกคลุมอยู่จนถึงทางแยกที่จะออกถนนเส้นหลัก..

“บ้านเธออยู่ไหนนครา..”  วางแผ่นซีดีไว้ที่เดิมแล้วหันมองหน้าใสที่รอฟังทางกลับบ้านผม  ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะตอบเสียงเบา

“เลี้ยวซ้าย  ขับตรงไปจนถึงทางแยกแล้วเลี้ยวซ้ายอีกที  เข้าหมู่บ้านสุขใจ  บ้านหลังที่  3 ซ้ายมือ”  อาจารย์ขมวดคิ้วกับประโยคต้นก่อนจะอ้าปากพะงาบกับประโยคสุดท้าย  ยิ้มมุมปากแล้วเอามือดันคางช่วยก่อนแมลงวันจะบินเข้าปาก  อาจารย์สะบัดหน้าหนีแล้วจับพวงมาลัยรถ  ตาสวยจ้องไปข้างหน้า  ผมเองก็จ้อง..จ้องหน้าอาจารย์..เรานิ่งอยู่กลางถนนร่วม  10  นาที  ล้อรถของอาจารย์ก็ยอมหมุนไปในทิศที่ผมบอกทาง  อาจารย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่  ผมเลยเอ่ยปากบอกให้สบายใจ

“ผมแค่อยากไปส่งที่บ้านเท่านั้น  ส่งถึงบ้านเสร็จก็กลับ  เดี๋ยวโทรให้น้องมารับหน้าบ้านอาจารย์ครับ”  ตาสวยตวัดมองเพียงเสี้ยวก่อนจะเบือนไปมองถนน  บอกไม่ถูกเลยกับสายตาแบบนี้  มันเหมือนงอนที่ผมไม่บอกว่าจะขออยู่ต่ออีกหน่อย  หรือไม่ก็ขอเข้าบ้านอะไรแบบนี้น่ะ  การกระทำผมมันไวเท่าความคิด  ส่งนิ้วไปจิ้ม ๆ ที่แก้มเนียน

“อยากให้เข้าบ้านเหรอครับ..อยากให้ไปเหรอ?”  มือเรียวละจากพวงมาลัยข้างหนึ่งมาปัดมือผมทิ้ง  จากที่แกล้งแค่มือข้างเดียวก็เอาอีกข้างมาช่วยแกล้งด้วย  ริมฝีปากบางกลั้นยิ้ม  ‘อย่านะ!  เดี๋ยวลงข้างทาง  อย่าสิ!
ฮ่าๆๆๆๆ’  ดึงมือที่คอยปัดออกก่อนจะประคองหน้าไว้แล้วกดปลายจมูกที่แก้มด้วยความมันเขี้ยว  หน้าใสเอียงหลบแต่ก็หัวเราะอยู่ตลอด  ผละจากแก้มใส  เลื่อนสายตาขึ้นมองขนตาหนาเป็นแพที่อยู่ตรงหน้า  อาจารย์เหลือบมามองนิดหนึ่งก่อนจะหันไปมองถนนข้างหน้า  แสงอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้าพร้อมเราที่กำลังจะถึงหน้าบ้านอาจารย์

“มองอะไร?”  ยิ้มบางกับคำถามที่อาจารย์เอ่ยปากถาม  รู้อยู่แล้วว่าทำไมผมต้องมอง  เราสนใจใครเราก็ต้องมองคนนั้นมากกว่าปกติ  ชอบใครก็ต้องสนใจมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว  บีบแก้มใส  2-3  ทีแล้วปล่อย  อาจารย์อมยิ้มแล้วก้มหน้าเม้มปากแก้เขิน  หันกลับมามองถนนทางเข้าบ้านอาจารย์  พอล้อหยุดหมุนผมก็นั่งตัวตรง..

“..ลงไปเปิดรั้วให้ที..ตั๋ม”  กะพริบตาปริบกับเสียงที่เรียกชื่อเล่นผม  พยักหน้า  เดินลงจากรถ  ล่องลอยกับเสียงทุ้มที่รู้ด้วยว่านั่นคือชื่อเล่นผม  ..‘ตั๋ม’..อยากให้เรียกทุกวัน  ลากประตูเหล็กเปิดแล้วยืนเฉยรอให้อาจารย์ขับเข้าบ้าน  ยังคงยืนนิ่งรอให้อาจารย์เดินมาบอก..ว่าจะให้ผมกลับจริง ๆ หรือเลือกจะให้ผมเข้าบ้านก่อน  หัวใจเต้นตึกตักลุ้นกับการตัดสินใจของอาจารย์  มองทุกก้าวที่เดินตรงเข้ามาหาผม  ไล่สายตาขึ้นสบตาสวยที่มองผมอยู่เหมือนกัน..

“กลับไปได้แล้ว..”  แทบจะกลั้นใจตาย  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เก็บสีหน้าไม่ให้รู้ว่าผมกำลัง..เสียใจ  เบือนหน้าไปมองถนนแล้วล้วงมือถือออกมากดหาน้องชายตัวเอง  พอมันรับผมก็หันหลังให้อาจารย์  บอกปลายสายให้มารับหน้าบ้านอาจารย์  มันบอกรอก่อนเพราะมันอยู่กับแฟนมัน

“เออ..กี่โมงก็ได้  เดี๋ยวกูเดินไปรอหน้าเซเว่นปากทาง  เออ”  ก้าวเท้าเดินออกมาจากตรงนั้น  เปิดประตูเล็กแล้วเดินออกมาตามถนน  หย่อนมือถือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินมาเรื่อย ๆ  ไม่นานก็ถูกมือเรียวคว้าแขนรั้งไว้  ยิ้มมุมปากแต่ก็ยังไม่หันมอง

“..เธอลืมกระเป๋าน่ะตั๋ม”  ..อยากจะโดดเอาหัวโขกกำแพง!  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ  หันหลังมองกระเป๋าสลับกับหน้าใสที่ไม่มีอาการอะไรเลย  ยื่นมือหยิบกระเป๋ามาสะพายไหล่  พอผมรับกระเป๋าอาจารย์ก็หันหลังเดินเข้าบ้าน  ยิ้มมุมปากแล้วอ้าปากตะโกนเสียงดังลั่น

“ผมชอบรินทร์!  ตั้งแต่เจอครั้งแรกก็ชอบแล้ว!  อยาก..”  อาจารย์หันหลังมามองผมทันที  ตากลมเบิกกว้างกับเสียงดังก้องซอยของผม  มือเรียวปรี่เข้ามากอดคอไว้ข้างอีกข้างตะปบปิดปากรวดเร็วทันคำว่า ‘อยากได้มาเป็นแฟน’ พอดี 

“ทำอะไรของเธอ!  โอ้ยยย อย่าพูดนะ!”  เสียงทุ้มบ่นข้างหู  อมยิ้มแล้วขืนตัวไม่ยอมเดินไปตามแรงที่ดันให้กลับเข้าบ้าน  อาจารย์ฟึดฟัดอยู่พักใหญ่  พอเห็นว่าผมไม่ยอมหยุดแน่ถึงได้เอ่ยขอเสียงเบา

“ขอร้องล่ะ  เงียบนะ”  เหลือบมองแล้วพยักหน้ารับ  อาจารย์กำลังจะดึงมือออกผมก็รีบบอก

“ถ้าให้เข้าบ้านผมจะเงียบ..ตกลงไหม?”  หน้าใสทำหน้าปลดปลงแล้วพยักหน้ารับทำคอตก  ยิ้มกว้างแล้วจับมือที่ตะปบปิดปากมาหอม  กอดเอวพาเดินกลับเข้าบ้าน  อาจารย์เงยหน้ามามองก่อนจะทำคอตกอีกหนแล้วยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้   หัวเราะแล้วเขย่าแขนเล่น  อาจารย์ดึงมือที่โอบเอวออกก่อนจะเดินคู่กันธรรมดา  เข้าบ้านได้ผมก็มองไปรอบ ๆ ในบ้านมีแต่ชั้นหนังสือ  เฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นแทบจะไม่มี  ผมยืนหมุนตัวไปมาเพราะมันไม่มีโต๊ะ  เก้าอี้รับแขก  อาจารย์เดินออกมาพร้อมน้ำแก้วหนึ่ง

รับน้ำมาถือแล้วเดินตามอาจารย์ออกมานั่งชิงช้าหน้าบ้าน  จิบน้ำแก้เก้อเพราะตั้งแต่นั่งอาจารย์ก็เอาแต่เงียบ  ถือแก้วน้ำไว้แล้วมองหน้าใสที่จ้องกำแพงบ้านตัวเองแทนการพูดคุยกับผม  นั่งอยู่อย่างนั้นจนเริ่มจะมืด  ลดสายตาตัวเองที่เอาแต่มองคนไม่เคยมองตอบ  หันมามองมือถือที่สั่นอยู่ในกางเกง  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ  ก่อนจะล้วงออกมากดรับ

“อืม..มึงล่ะอยู่ไหน?”  เลี่ยงจะบอกปลายสายว่าผมอยู่ที่ไหนแล้วถามมันกลับ  เหลือบมองหน้าใสที่กำลังมองผม  สบตาคู่นั้นนิ่ง  น้องชายผมบอกว่ากำลังขี่มอไซค์มารับหน้าเซเว่นปากซอยที่ผมนัดไว้ตอนแรก  อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง  ผมเงียบแทนคำตอบมันก็เลยวางสาย  เก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วจ้องตาสวยที่มองผมตลอดตั้งแต่ผมรับโทรศัพท์  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยื่นมือคว้ามืออาจารย์มากุมแน่น  มือเรียวที่ผมคว้าสั่นนิด ๆ แต่ก็ยอมให้ผมจับ  สบตาวูบไหวของอาจารย์แล้วเอ่ยปากบอกเสียงเรียบ..ทั้งที่ผมตื่นเต้นจนเหงื่อผุดเต็มฝ่ามือ

“..ผมไม่อยากพูดมาก  ผมชอบรินทร์  อยากเป็นคนพิเศษ..ขอคำตอบวันนี้ด้วย..”  ริมฝีปากสีอ่อนอ้าค้าง  วางแก้วน้ำที่ถือไว้ลงกับพื้นแล้วจับมือของอาจารย์อีกข้างมารวมในฝ่ามือเย็นเฉียบทั้ง  2  ข้างของตัวเอง  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ไล่ความตื่นเต้นและความประหม่า  อาจารย์กะพริบตา  2 – 3  ครั้งแล้วเบือนไปอีกทาง   กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อเห็นว่าอาจารย์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ตามด้วยประโยคยาวที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา

“เอาอะไรมาพูด?  เธอรู้รึเปล่าว่านี่มันเป็นแค่ความหลงใหลชั่วครู่ชั่วยาม  เธอยังเด็กและไม่มีวุฒิภาวะ  ตัดสินใจทุกอย่างด้วยอารมณ์เป็นที่ตั้ง  ยังไม่รู้จักความรักดีพอด้วยซ้ำ  อย่าให้อารมณ์ของเธอมาอยู่เหนือความผิดชอบชั่วดีนครา  ครูรู้ว่าเธอประทับใจครู  แต่นี่มันไม่ใช่ความรัก  เชื่อเถอะว่า..”  ลดสายตาจากดวงตาสวยลงมามองริมฝีปากบางที่พร่ำบอกให้ผมคิดดูให้ดี  ยิ่งมองยิ่งน่ารัก  ปล่อยมือแล้วโน้มตัวเท้าแขนคร่อม  ยื่นหน้าเข้าหาตากลมโตที่เบิกกว้างเพราะตกใจสุดขีด  แตะริมฝีปากที่ริมฝีปากล่างที่อ้าพะงาบ  จูบเบา ๆ แล้วหลับตารับสัมผัสที่กำลังซึมลึกลงมาเรื่อย ๆ ไล่จากริมฝีปาก..ถึงก้อนเนื้อเต้นตึกตักที่เรียกว่า.. ‘หัวใจ’

ขยับริมฝีปากจูบผะแผ่ว  ปลายจมูกแลกลมหายใจกลิ่นมินต์ของอาจารย์  มือเรียวดันอกผมออกเบา ๆ ริมฝีปากจำต้องผละออกมาอย่างน่าเสียดาย  ตาสวยหลุบมองต่ำ  ข้ามฝั่งมานั่งเบียด  ประคองหน้าชมพูไว้  เกลี่ยปลายนิ้วเช็ดเบาที่ริมฝีปาก 

“ผมไม่เด็กแล้ว  เรื่องแค่นี้ผมรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นความหลง  ประทับใจ  หรือ..รัก”  ตาสวยเบือนขึ้นมาสบ  ประกายวูบไหวที่กำลังสับสนฉายชัด  ตอกย้ำความชอบของตัวเองผ่านริมฝีปากที่ยื่นเข้าแตะไล้แผ่วเบาอีกครั้ง 

“..ให้โอกาสเด็กที่กำลังโตคนนี้เถอะ  คบกับผมนะ”  อาจารย์นิ่วหน้ากับคำขอของผม  ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาปะทะแก้มผมก้อนโต  ผละออกมามองให้เต็มตา  นิ่งจ้องรอคำตอบที่ผมคาดหวัง..

“..ตกลง..ใช่ไหม?”  เอ่ยปากกดดันแล้วยิ้มกว้างกับท่าทางคอตกที่ได้เห็น  กอดไว้แน่นแล้วหอมแก้มอีกหลายฟอดให้ชื่นใจ  อาจารย์ดันอกเบา ๆ แล้วลุกเดินออกมาจากชิงช้า  เดินตามไม่ห่าง  ยื่นมือกาวคว้าจับมือมากุม  ตาสวยตวัดมองมือที่ถูกกุมนิดหนึ่งแล้วเงยขึ้นมาสบตาผม  เท้าเปล่าของอาจารย์หยุดเดิน  ปลายเท้าที่ตรงไปข้างหน้าหมุนเข้ามาหาผม  ยืนตัวแข็งเมื่ออาจารย์เดินเข้ามา..เอียงหูฟังหน้าอกข้างซ้ายของผม

กลืนน้ำลายเหนียวลงคอยากเย็น  ปลายจมูกได้กลิ่นแชมพูหอมลอยกระทบ  ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ระงับความตื่นเต้น  นานเกือบ  10  นาทีอาจารย์ก็เงยหน้าขึ้นมามอง  ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน..

“ครู..ไม่รู้ว่าเธอจะโกหกหรือเปล่า?  แต่..เราดูกันไปก่อนก็ได้  จนกว่าเธอจะแน่ใจว่าครูเป็นคนที่ใช่”  กะพริบตาปริบไล่ความตื้นตันที่กำลังพุ่งขึ้นมาทางสีหน้า  ริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะ..ยิ้ม  แต่ก็ต้องหุบยิ้มเพราะประโยคดักทาง

“ระหว่างนี้ผมคงให้ได้มากสุดก็แค่จูบ..”  ยิ้มค้างแล้วรีบพยักหน้ารับ  อะไรที่ยื่นมาให้ผมก็ต้องรีบคว้าไว้ทั้งนั้นล่ะ  เอาน่า..อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ได้ยินสรรพนามที่เปลี่ยนไปแล้ว  จาก  ‘ครู’  เป็น  ‘ผม’  อีกหน่อยก็คงเป็นชื่อเล่น  ค่อยเป็นค่อยไป  กระชับมือเรียวก่อนจะถอนหายใจด้วยความเซ็งกับมือถือที่น้องโทรเข้า  อยากอ้อนขออยู่ต่ออีกหน่อย..แต่คำตอบมันต้องไม่อนุญาตอยู่แล้ว  ก้มกระซิบที่แก้มว่าไม่ต้องส่ง  รินทร์ย่นคอหลบแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ

ปล่อยมือช้า ๆ แล้วก้าวถอยหลังมองหน้าใส  ตาสวย  ที่เพิ่งจะตอบตกลงเป็นเจ้าของหัวใจร่วมกันกับผมเมื่อครู่  คลี่ยิ้มอ่อนโยนแล้วโบกมือให้  รินทร์ยิ้มบางตอบแล้วยกมือโบกตอบน้อย ๆ  บอกเสียงดังว่าถึงบ้านแล้วจะโทรหา  คิ้วเรียวขมวดมุ่นแต่ก็พยักหน้ารับโดยดี

ความดีใจพองคับอก  เดินตัวลอยออกจากรั้วบ้านสีทอง  ยิ้มหน้าบานไปหาน้องชายที่ตบยุงหน้าเซเว่นหน้าปากซอยรออยู่นานแล้ว  ถึงบ้านแล้วก็รีบอาบน้ำ  ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบมือถือมากดโทรออกเบอร์ที่โทรอยู่ประจำ  รอไม่นานปลายสายก็รับ..

“สวัสดีครับ..สวัสดีครับ........”  นอนฟังเสียงนุ่มของรินทร์แล้วหลับตาพริ้ม  วันนี้เสียงอ่อนโยนกว่าทุกวัน

“.....ถ้าไม่พูดจะวางสายแล้วนะ….”  ประโยคเดิมที่ฟังประจำก็ยังมีเส้นเสียงทุ้มน่าฟังกว่าทุกวัน  ปกติผมจะปล่อยให้รินทร์วางสาย  แต่วันนี้มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว  ในเมื่อผมเพิ่งจะได้หัวใจรินทร์มาอยู่ในมือเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง

“ตั๋มเองครับ  ถึงบ้านแล้วนะ  แล้วก็อาบน้ำแล้ว”  เอ่ยปากบอกเสียงใส  ซ่อนความตื้นตันไว้ไม่มิด  รินทร์นิ่งไปนานก่อนจะหัวเราะหึลงคอ  ยิ้มกว้างกับหน้าจอเพราะประโยคที่รินทร์ตะโกนถามเสียงดุ  ขำก๊ากแทนคำตอบไม่สนใจว่ารินทร์จะงอนรึเปล่า

“แกนี่เองที่โทรมาทุกวันแล้วไม่ยอมพูดอ่ะ!  โรคจิตหรือไงหา?!  ...จริง ๆ เลย!”...






ก็คนมันแอบชอบมันก็อยากฟังเสียง..รู้น่าว่าโกรธไม่จริงหรอก.

END.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : so sweet 20/04/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 12-05-2015 10:43:26

แถม
.
.
หลังจากถูกคุกคามทางกายและทางใจจนต้องรับรักที่ถูกยัดเยียดจากเด็ก ม.6  ผมกับตั๋มเราคบกันได้  1  เดือนกับอีก  8  วันพอดี  วันนี้อากาศดี  เจ้าตัวยุ่งขอให้ผมไปหาที่ร้าน  ที่บ้านตั๋มขายมะพร้าวขูดในตลาดสดครับ  ขับรถวนหาที่จอดรถได้ก็เดินเตร่หาขนมกับน้ำไปฝากคนเฝ้าแผงด้วย  ได้วุ้นสีรุ้งกับน้ำเก๊กฮวยติดมือมาแล้วก็เดินไปหาที่แผง

ยืนนิ่งสะกดความหงุดหงิดทันทีที่เห็นตั๋มเดินอยู่ในแผง

กล้ามเนื้อสวยที่เป็นของผมกำลังเผยสู้สายตาคนอื่น  เหงื่อผุดพราวทั่วตัว  มือหนาที่คอยจับมือผมกำลังยกเข่งมะพร้าวผ่าซีกขึ้นไหล่  กล้ามเนื้อหน้าท้องขึ้นเป็นลูก..ดึงดูดสายตาคนที่เดินผ่านไปมาให้เหลียวมอง  แค่หน้าตาตั๋มผมก็ลำบากใจกับการวางตัวไม่ให้หึงมากพออยู่แล้ว  นี่ยังจะถอดเสื้อโชว์หุ่นอีก..

ไม่ไหวแล้ว!

เดินตรงเข้าไปหา  ไม่สนยิ้มกว้างทักทายของตั๋มที่ส่งมาให้ผม  โยนวุ้นสีรุ้งที่อุตส่าห์ซื้อมากับเก๊กฮวยไว้แถวนั้น  คว้าเข่งที่อยู่บนไหล่ให้ลงมาวางที่พื้น  ตั๋มทำหน้าเหรอหรากับท่าทางหงุดหงิดที่กำลังคว้าเสื้อที่พาดกับพนักเก้าอี้ขึ้นมาสะบัด  ตาสีนิลกะพริบปริบปล่อยให้ผมสวมเสื้อให้โดยดี  ถึงมันจะแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  แต่สายตาที่ยังคงจับจ้องมันก็ยังคงไม่ยอมละสายตาไปไหนอยู่ดี  หงุดหงิด..หงุดหงิด!

กัดปากล่างกับหน้าหล่อที่มองผมนิ่งด้วยความไม่เข้าใจ  หงุดหงิดจนต้องหันขวับตวัดหางตามองตอบสายตาที่แอบมองมันไม่เกรงใจผม  พอเจอความไม่พอใจของผมสายตาพวกนั้นก็เลิกสนใจตั๋ม  เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับความไม่สนใจตัวเองของเด็กมหา’ลัยหมาด ๆ

“เข้าไปนั่งในร้าน  ไม่ต้องออกมา!”  ตั๋มเลิกคิ้วแล้วพยักหน้ารับคำแบบงง ๆ  เดินช้าไม่ได้อย่างใจจนผมต้องผลักหลังช่วย  ยืนหมุนไปมาเพราะความโมโหกำลังมีอิทธิพลกับสติและสมอง  ตั๋มเดินมาจับแขนผมให้เดินตามมาข้างนั่งในด้วยกัน  ตาสีดำสนิทมองตาผมนิ่งแล้วเอ่ยปากถาม

“หงุดหงิดอะไรครับ?  ข้างนอกร้อนเหรอ?”  ไม่พูดเปล่า  ตั๋มยกพัดลมมาเป่าจนผมปลิว  สบตาสวยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แล้วถอนหายใจยาว  ส่ายหน้าตอบแล้วหมุนพัดลมไปให้ตั๋มแทน

เอ่ยปากบอกไปตามตรงแล้วอมยิ้มกับหน้าหล่อที่ดีใจจนเขินเมื่อได้ฟังประโยคที่ผมบอก..

“ไม่ได้ร้อน..แต่หึง..อย่าถอดเสื้ออีกนะ  ผมหึง”......





เพิ่งรู้ว่าคนอย่างตั๋ม..มันก็มียางกับเขาด้วยเหมือนกัน555

...........................................   

แถมอีกนิด
.
.
แดดเริ่มลดความร้อนเพราะพระอาทิตย์กำลังจะหมดเวลาทำงาน   นั่งตากพัดลมในร้านโดยมีเจ้าของร้านอยู่ข้าง ๆ  นั่งเท้าคางมองผมตลอดเวลา  ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ไม่ใส่ใจกับดวงตาสีนิลพราวระยับที่เพียรส่งความหวานมาให้   ขยับตัวเบี่ยงหนีทีไรก็ถูกมือใหญ่จับให้กลับมานั่งที่เดิม  หน้าร้อนผ่าวแต่ก็ยังคงเพ่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ เม้มปากล่างแน่นแล้วกลอกตาไปมา  กัดปากล่างแน่นขึ้น  กลั้นยิ้มก่อนจะทนไม่ไหว..หันหน้ามามองตาคมเจ้าชู้ที่ยิ้มรออยู่

“ไปไหนก็ไป  ไปสิ~  คนจะอ่านหนังสือพิมพ์   จ้องแบบนี้จะอ่านได้ยังไง?!...จริงๆ เลย!”  ตั๋มจับมือผมแล้วยิ้มกว้าง  มือใหญ่ดึงหนังสือพิมพ์มาพับแล้วโยนไปข้าง ๆ  หน้าคมยื่นเข้ามา  ผมหดคอหนี  ตาพราวขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ  ผมกะพริบตาปริบเหลียวมองรอบตัว  กลัวคนอื่นเห็นก็กลัว  กลัวใจมันก็กลัว  จริงอยู่ที่ตลาดกั้นแบ่งบริเวณร้านด้วยการตีไม้อัดปิดด้านข้างให้  แต่ถ้ายืดตัวมองเข้ามาดี ๆ มันก็เห็นข้างในแผงได้เหมือนกัน  ตัดสินใจวินาทีสุดท้ายที่จมูกโด่งของมันกำลังจะถึงแก้มผม..ผลักหน้าหงายไปเลย

“โอ้ยยย  มือหนักจัง”  มือหนาจับมือผมที่ผลักหน้าไว้แน่น  เสียงทุ้มบ่นว่าผมมือหนัก  แต่ดวงตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มมันฟ้องว่าที่ผมผลัก..ไม่เจ็บเลยสักนิด!  ดึงมือออกมันก็จับไว้แน่นไม่ปล่อย  เม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีตาสวยยิ้มได้ของตั๋มไปมองหน้าร้าน  กะพริบตาปริบกับลูกค้าที่เดินข้าร้านมาพอดี  ดึงมืออกแล้วพยักพเยิดให้มองหน้าร้าน  เจ้าของดวงตาสีนิลมองตามก่อนจะหันมาอมยิ้มจนตาหยีให้ผม  เบือนหน้าหนีซ่อนเขินหันหลังให้ทันที

เสียงตั๋มถามลูกค้าว่าซื้อกี่กิโลผมถึงได้หายใจหายคอสะดวก  ดึงลิ้นชักเงินออกมานับรอเพราะใกล้เวลาตลาดจะวายแล้ว   เงยหน้ามองตั๋มที่ยังคงง่วนกับการขายมะพร้าวขูดให้ลูกค้าที่แวะเวียนมาอุดหนุน   

“รินทร์ ผมขอเงินทอน  50  บาทด้วยครับ”  พยักหน้าแล้วหยิบแบงค์  50  ส่งให้  เม้มปากแล้วเบือนหน้าหนีดวงตาสีนิลที่มองหน้าผมไม่วางตา ผมแพ้ดวงตาเจ้าชู้แบบนี้ของตั๋ม  สบตาทีไร   ใจเต้นตึกตัก  มือไม้เย็นไปหมดทุกที  หมดจากลูกค้าคนนี้แล้วตั๋มก็บอกผมให้ผมช่วยนับเงินในลิ้นชักให้หน่อย  นับเงินที่เหลือช้า ๆ แล้วทวนอีกรอบก่อนจะรวบเงินมาถือ  เดินมาหยิบกระเป๋าคาดเอวที่เจ้าตัวถอดวางไว้ที่โต๊ะมาเปิดแล้วเอาเงินทอนใส่ในช่องใหญ่ไว้  เดินมาช่วยหยิบถุงพลาสติกมาเก็บที่  อมยิ้มแล้วหมุนตัวไปมาเพราะเจ้าของร้านยกเก้าอี้มาเดินวนรอบตัวผมก่อนจะเอาเก้าอี้ไปเก็บในแผง  หัวเราะเสียงดังขำกับการป่วนของตั๋ม

“ทำอะไร? ฮ่าๆๆๆ”  ปล่อยให้ตั๋มจับมือผมยกสูงเหนือศีรษะ  ก่อนจะจับหมุนเหมือนเต้นรำตอนหยับทัพพีมาเก็บ  ริมฝีปากสีแดงเข้มฮัมเพลงหงุงหงิง  เอนหลังพิงอกหนา  มือประสานแน่น  หลับตารับปลายจมูกโด่งที่แตะแผ่วตรงแก้มพอดี  กะพริบตาปริบแล้วปล่อยให้ตั๋มยิ้มกว้างโดยที่ผม..ทำอะไรไม่ถูก  มือใหญ่ปล่อยมือผมช้า ๆ แล้วผละออกมาเก็บของต่อ  ยกมือขึ้นลูบแก้มเบา ๆ แล้วคอยเบี่ยงหนีหน้าหล่อที่คอยยื่นเข้ามาแกล้งจะหอมตรงโน้นตรงนี้  กลั้นหัวเราะกับการเต้นไปรอบ ๆ ตัวผมพร้อมเพลงเดิมที่เขาร้องตอนจับผมหมุน

“เล่นอะไรของเธอ  ฮ่าๆๆๆๆ”  ตั๋มยิ้มกว้างแล้วยื่นมือโอบรอบเอวผม  เสียงทุ้มยังคงร้องเพลงเดิมต่อจากท่อนที่ร้องค้างไว้   มือใหญ่จับมือผมแน่นแล้วโยกไปมา  ขาก้าวถอยหลังตามแรงนำ  ปล่อยยิ้มกว้างประดับหน้าตัวเอง  หลังชนผนังไม้อัดหลังร้าน  จนต้องปีนนั่งบนโต๊ะเพราะผมขยับหนีไม่ได้แล้ว  ตั๋มปล่อยมือผมเอื้อมไปดึงปลั๊กไฟในร้านให้มืด  แต่ผมกลับมองเห็นหน้าหล่อของเด็กหนุ่มนิสิตคณะวิศวเคมีหมาด ๆ ชัดเจน   ฝ่ามือเย็นของตั๋มลูบแก้มผมเบามือ  ดวงตาสีนิลเหมือนคืนเดือนมืดที่มีประกายดวงดาวพราวระยับจับจ้องใบหน้าผมไม่วางตา 

กะพริบตาเรียกสติ  ริมฝีปากที่ยิ้มกว้างเปลี่ยนมาเป็นยิ้มบาง  ความเขินถูกซ่อนไว้กับความมืดที่เริ่มโรยตัวมาปกคุลมรอบตัว  ตั๋มขยับเข้ามาชิดแทรกตัวเข้ามาระหว่างขาผม  ปลายจมูกโด่งกดหอมปลายคางผมเบา ๆ ก่อนจะผละออกมากระซิบ

“ผมรักรินทร์”  ริมฝีปากผมคลี่ยิ้มอย่างห้ามไม่ได้  ก้มหน้าเอาหน้าผากซบที่ซอกคอหนา  อดหัวเราะเพราะความดีใจที่ตั๋มกระซิบบอกรักไม่ไหวเลยขำแก้เขิน  เจ้าของดวงตาสีนิลก้มมองแล้วประคองหน้าผมขึ้นมาหอมแก้มอีกฟอดใหญ่  ผมยิ่งหัวเราะเสียงใสกลบเกลื่อน  เพราะมัน..เขินมาก

“โกหก.. ฮ่าๆๆ”  ยิ้มหล่อมาพร้อมการดึงมือผมที่ประสานบนตักมาคล้องคอตั๋มเอาไว้   ยิ้มที่ยังค้างของผมถูกริมฝีปากของตั๋มแตะลงมาเบา ๆ  กะพริบตาถี่แล้วหลุดขำพรืด  ตั๋มหน้าตึงจ้องหน้าผมกลับ  ตาสวยจ้องตาสลับริมฝีปากที่เอาแต่หัวเราะของผม  ยิ่งขำมากเท่าไหร่ตาสวยยิ่งส่งประกายระยับมากขึ้นเท่านั้น  ปลายจมูกโด่งพ่นลมหายใจยาวยอมแพ้ผมที่ขำไม่หยุด  ริมฝีปากสีเข้มคลี่ยิ้มอ่อนโยนก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจูบปลายจมูกผมแผ่วเบา

“ผมรู้หรอกว่าขำแก้เขิน..งั้นก็ขำเยอะ ๆ  นะครับอาจารย์นรินทร์”  ลมขำถูกสูบกลับเข้าที่เดิม  สะอึกกับความจริงที่ถูกมองออกอย่าง..ทะลุปรุโปร่ง  สบดวงตาสีดำสนิทวิบวับที่มีภาพหน้าผมสะท้อนอยู่   ความร้อนจากภายในกำลังปะทุออกมาทางผิวหน้าอย่างช้า ๆ  มือที่คล้องคอเริ่มลดลงมาดันไหล่หนาที่กำลังจะโน้มหน้าเข้ามาจูบผม  แต่ผมก็ถูกประโยคนั้นบั่นทอนกำลังของข้อมือที่จะผลักไหล่ตั๋มออก..คำนั้นคำเดียว 
 
“เพราะ..ผมรักคุณจริง ๆ”  หน้าคมที่น้าเข้ามาใกล้หยุดการเคลื่อนไหวแค่เพียงฝ่ามือคั่น  หลุบตามองริมฝีปากได้รูปที่ลอยเด่นตรงหน้า  ลมหายใจได้กลิ่นความหอมที่ผมบอกไม่ถูก  อธิบายไม่ได้..มันเป็นกลิ่นของตั๋ม  เป็นกลิ่นลมหายใจหอมอ่อน ๆ ของตั๋มที่ไม่เหมือนใคร  ไล่สายตาขึ้นสบตาพราวที่ผมหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้สบ  ความใกล้และลมหายใจหอมดึงดูดให้ผม..ยื่นริมฝีปากเข้าไปหา

แค่สัมผัสนุ่มนิ่มของริมฝีปากตั๋มผมก็สะดุ้งสุดตัวเหมือนถูกน้ำร้อนลวก  ตกใจที่ตัวเอง..กล้า..เริ่มจูบก่อน  ดึงมือที่กำลังจะเลื่อนคล้องคอตั๋มลงมาประสานกันแน่น  เบี่ยงหันข้างช้า ๆ หนีดวงตาเจ้าชู้ที่ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในภวังค์  กระโดดลงจากโต๊ะแล้วเดินดุ่มออกจากแผงมะพร้าวขูดทันที  บิดมือตัวเองจนเจ็บไปหมด  ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งตามผมยิ่งรู้สึก..เขินหนัก

“..รอด้วยครับ..”  ก้มหน้าก้มตาเดิน  มือหนายื่นมาจะกุมมือผมก็รีบดึงขึ้นมาจับแก้มตัวเองไว้ทั้ง  2  ข้าง  ตั๋มขวางไว้ผมก็เดินเลี่ยง  มันกางแขนไม่ให้หนี  ยืนหมุนไปหมุนมากลางถนน  โชคดีที่ในตลาดตอนนี้ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าเพราะตลาดวายไปแล้ว  ไม่อย่างนั้นตั๋มคงไม่กล้าแบบนี้แน่  ตกใจกับแขนแกร่งที่รวบกอดแล้วลากเข้าไปในแผงมะพร้าวน้ำหอมแถวนั้น  เบี่ยงหนีริมฝีปากที่ฉกจูบ  ยิ่งดิ้นยิ่งเหมือนเข้าทาง  ดันไหล่มันก็ไม่ยอมถอย  หน้าถูกมือเย็นประคองให้รับจูบ  ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ขยับปากจูบตอบเบา ๆ ให้รู้ว่า..ผมไม่หนีแล้ว 

นานจนผมเริ่มจะหายใจเองไม่ได้  ดันคางมันออกแล้วเบี่ยงหน้ารับอากาศเข้าปอดแรง ๆ  ทำไมถึงได้แรงดีจูบทนแบบนี้ก็ไม่รู้  ตั๋มจับไหล่ผมให้หันมามองตา  สบตามันแล้วก็ถอนหายใจยอมแพ้บ้าง  เบือนหน้าหนีแล้วยกมือขึ้น  2  ข้างยอมแพ้ก่อนจะเอ่ยปากรับรู้

“เข้าใจแล้ว..เชื่อแล้ว”  เหลือบมองยิ้มกว้างของเด็กมหาลัยแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้..

คบเด็กมันก็ดีไปอย่าง  หัวใจได้ทำงานหนักตลอด  เลือดสูบฉีดดีเสียจนคิดว่า  ถ้าแรงกว่านี้อีกนิด..ผมคงเป็นลม

หน้าคมก้มกระซิบข้างหูส่งให้ผมหัวเราะเสียงดังอย่างห้ามไม่อยู่   ไม่ใช่เพราะประโยคแรกที่บอกให้ผมหัวใจพองฟูเพราะผมเป็นคนพิเศษ  แต่เป็นประโยคหลังที่บอกที่มาของการคนพิเศษต่างหากที่ทำผมขำจนตัวโยน

‘พิเศษตรงที่ไม่แก่  และไม่ตาย  ..เพราะรินทร์ของผม




..กินเด็ก...เป็นอมตะ!’


…………………………….
 
กอดรวบ!  บวกบวก!
ขออภัยที่หายไปนะคะ  มีแต่งานทั้งนั้นค่ะตอนนี้  จะยุ่งแบบนี้ไปอีกระยะนะคะ 
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายที่มีแล้วค่ะ  ที่ขาดอีก  4  ตอนก็ยังต้องการนะคะ
1. เอ้ต๊อบ
2. แฟนเก่าเอ้กับน้องรัยจ้างเป็นแฟน
3. น้องขายสังฆภัณฑ์กับเด็กซอยเดียวกัน
4. น้องบนบานเจ้าพ่อกับรุ่นพี่ที่โรงเรียน
ต่อจากตอนล่าสุด  จิจะทยอยลงตอนพิเศษที่มีในมือจนหมดแล้วจะลงตอนสุดท้ายปิดตลาดนะคะ(จะพยายามเขียนนะคะ TT)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-05-2015 10:57:21
 :กอด1:

ฮืออออออ กอดตอบ

หวังว่าจะมีสาวๆใจบุญที่เซฟนิยายไว้ผ่านมาแถวนี้บ้างนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-05-2015 11:23:29
อาจารย์รินทร์น่ารักเชียวค่ะมีการหัวเราะกลบเกลื่อนอาการเขินด้วยน้าา >///< .. นี่ถ้าเกิดวันนั้นตั๋มไม่สารภาพรักเนี่ย ป่านนี้รินทร์ก็คงจะไม่ได้เป็นอมตะเหมือนทุกวันนี้หรอกนะค้าา :laugh:

ปล. เรายังไม่อยากให้ตลาดปิดทำการเลยล่ะค่าา แต่ว่า..มันคงจะเป็นไปไม่ได้สินะค้าา กระซิกๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 12-05-2015 15:42:37
คบเด็กก็ดีอย่างนี้เนาะรินทร์ o18

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-05-2015 19:38:07
แหมะ กำลังยิ้มเขินเลย พอตั๋มพูดจบนี่ฮาทันที :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-05-2015 20:20:19
ตอนล่าสุดนี่ดูเหมือนจะทิ้งห่างจากตอนก่อนๆมากจริงๆ (ในเรื่องของระยะเวลา)
ดีใจที่คนเขียนเข้ามาอัพอีกค่ะ (กระซิบว่าหลังๆมานี้เข้ามาดูตลอดว่ามีเรื่องใหม่มารึยัง ฮา)
ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ ว่าเรื่องใกล้จะหมดซะแล้ว
อยากได้แผนภาพความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตอนจัง สารภาพว่าตอนอ่านนึกได้บ้างว่ามีตัวเอกของเรื่องนั้นไปโผล่เรื่องนี้
แต่นึกภาพรวมไม่ออก แบบว่าคนนั้นเป็นพี่ของคนนี้แล้วเป็นแฟนคนโน้นอะไรงี้
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-05-2015 21:22:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 14-05-2015 09:16:02
หูย รักแรกพบหรือนี่ พี่รินทร์น่ารักจัง ชอบบบ :-[
คิดอะไร รู้สึกยังไง แสดงออกชัดเจนหมดเลยนะพี่รินทร์
ยิ่งถูกแกล้งพี่รินทร์ก็ยิ่งน่ารักอย่างนี้น่ะสิ ตั๋มถึงได้ขยันแกล้งนัก
แหม่ แต่ตั๋ม ก็รุกหนักจริง ๆ อ่ะนะ ไม่แปลกที่พี่รินทร์จะกังวล
ในเมื่อยังอยู่ฐานะครูกับลูกศิษย์กันอยู่ แต่ก็ดี ที่ตั๋มก็คำนึงถึงจุดนี้อยู่
แล้วก็เข้าใจตั๋มน่ะนะ ในเมื่อใกล้เรียนจบแล้ว ก็ต้องใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่า
และเพื่อสานต่อไปในอนาคตด้วย จริงใจซะอย่าง ยังไงพี่รินทร์ก็รับรู้ัได้อยู่แล้ว
พี่รินทร์ เงียบ ๆ ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่เวลาหึงนี่ใช้ได้เลยนะ 555
ดีแล้ว ๆ มีแฟนเด็ก แถมยังหล่อล่ำ นิสัยดีอย่างตั๋ม ก็ต้องหึง ต้องหวงเป็นธรรมดา
ยิ่งหึง แล้วบอกเจ้าตัวออกไปตรง ๆ ว่าหึงเนี่ย น่ารักมาก คนถูกหึงดีใจตัวลอยแล้ว
มีแฟนเด็กมันก็กระชุ่มกระชวยหัวใจอย่างนี้แหละเน้อ  :m3:
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-05-2015 21:26:24
อาจารย์น่ารักมากกกกกกกกกกก
เขินตัวบิดเป็นเพื่อนอาจารย์  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : Love lock 12/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 15-05-2015 17:06:07
เป็นตอนพิเศษของคู่นี้ค่ะ 
สื่อรักผ่านเพลง : ต่อ กานต์
  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2966319#msg2966319)


รักแบบเรา


มือเรียวสวยจับปากกาขีดเขียนตัวหนังสือลงในสมุด  ดวงตาคมจับจ้องหนังสือที่วางข้างตัวก่อนจะหันมาขีดเขียนคำตอบลงในสมุด   คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับหนังสือ  มือเรียวพลิกกระดาษย้อนกลับไปอีกหน้าที่เคยจดจ้อง  มืออีกข้างที่จับปากกาเคาะลงบนสมุดแล้วเพ่งมองตัวหนังสือที่เขียนลงไปเป็นคำตอบ  ดวงตาคมเงยขึ้นมาสบแล้วยิ้มกว้างให้ผม

“ต่อช่วยสอนการบ้านหน่อย..ผมไม่แน่ใจว่าข้อนี้ผมตอบถูกรึเปล่า”  ยิ้มบางแล้วหยิบที่เขี่ยบุหรี่มาบดบุหรี่ที่เหลือมากกว่าครึ่งที่ยังไม่ได้สูดควันเข้าปอด  กานต์ขยับตัวให้ผมนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกัน  ยิ้มมุมปากตอบดวงตาล่าเหยื่อ  อ้อมไปด้านหลัง  เท้าแขนคร่อมไว้ข้างหนึ่ง 

“เอาจากตรงไหนมาตอบ..”  มือเรียวพลิกหน้ากระดาษย้อนกลับไปกลับมา  โยกหัวตามจังหวะการเปิดหน้าหนังสือ  ถ่วงเวลาให้ผมยืนใกล้ ๆ โดยที่ไม่มีคำตอบว่าเอาคำตอบจากตรงไหนมาตอบในสุมด   ยิ้มบางแล้วจับไหล่หนาให้พลิกกลับมาสบตา

“การบ้านตรงนี้ไม่เสร็จ..ก็อย่าหวัง....อย่างอื่น”  ดวงตาล่าเหยื่อฉายประกายพอใจ  ยิ้มตอบผมแล้วกระชากคอเสื้อผมลงมากดจูบที่ริมฝีปาก   หรี่ตามองแล้วจับเก้าอี้หมุนกลับไปให้เด็ก  ม.6  เผชิญหน้ากับการบ้านที่มีกำหนดส่งวันจันทร์  เดินกลับมานั่งบนขอบหน้าต่าง   มือข้างหนึ่งถือที่เขี่ยบุหรี่  อีกข้างคีบบุหรี่ติดนิ้ว  เหม่อมองถนนที่มีรถวิ่งยามค่ำคืน  ควันสีขาวจาง ๆ ลอยคว้างกลางอากาศ  เป่าควันเพิ่มเข้าไปไล่ควันชุดเดิม  สูบบุหรี่จนเกือบหมดมวนที่สาม  เด็กเกรียนก็เดินเข้ามากอดจากด้านหลัง  หันไปให้ปลายจมูกโด่งหอมแก้ม  ดวงตาล่าเหยื่อมองตาผมนิ่ง  ดึงบุหรี่ในมือออกพร้อมกับที่เขี่ยบุหรี่  ยิ้มมุมปากแล้วลุกขึ้นยืน  เดินเข้าไปในห้องแล้วเปิดสมุดการบ้านที่ทำเสร็จแล้ว  ปิดสมุดพร้อมกับเสียงปิดประตูระเบียง  เด็กเกรียนยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาประชิดตัว 

“ทำการบ้านเสร็จแล้ว..ผมจะได้รางวัลอะไรครับพี่”  ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วดันกองหนังสือกับสมุดไปอยู่ริมสุด  ขยับขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ  ประคองหน้าหล่อไว้แล้วสบดวงตาล่าเหยื่อ   เด็กเกรียนยิ้มกว้าง  ขยับเข้ามาคร่อมผมไว้  ริมฝีปากแตะกันเบา ๆ  แทรกปลายลิ้นเข้าไปดูดดุนกลืนกินความหวาน  มือเรียวสอดเข้ามาในเสื้อผมแล้วลูบหน้าท้องแกร่ง  เกร็งตัวเมื่อปลายนิ้วกานต์สะกิดผ่านตุ่มแข็งบนหน้าอก  กานต์ดึงเสื้อผมขึ้นพ้นหัวแล้วกดจูบที่ซอกคอ  เท้าแขนไปด้านหลังเมื่อเด็กเกรียนลากปลายลิ้นลงมาตามร่องอก  กานต์เหลือบขึ้นมามองแล้วจูบเบา ๆ ที่ตุ่มแข็ง..ที่ละข้าง

“อือออ”  ความนุ่มจากริมฝีปากและปลายลิ้นที่สัมผัสทำให้ผมเผลอครางต่ำ  ดึงกานต์ขึ้นมาจูบแลกลิ้นอีกครั้ง  ผมดึงเสื้อกานต์ออกแล้วบดจูบแลกลิ้นพันพัว  กางเกงถูกมือเรียวถอดออกพร้อมกับกางเกงของเจ้าตัวที่กองกับพื้นในเวลาไล่เลี่ยกัน  ปลายลิ้นอุ่นลากต่ำลงมาที่หน้าท้องแข็งของผม  กดหัวทุยให้สัมผัสกับท่อนแข็งที่ดุนดันกางเกง  กานต์เลียท่อนแข็งผ่านกางเกงในจนชุ่มน้ำลาย  จับไหล่หนาแล้วบีบแน่นขึ้นเมื่อลิ้นร้อนแตะเบา ๆ ตรงส่วนหัวที่พ้นจากขอบกางเกงใน  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วประคองหน้าหล่อที่อยู่ตรงท่อนร้อนของตัวเองมาถาม..

“..ที่นี่เหรอ?”  กานต์ยิ้มแล้วใช้ลิ้นเลียซ้ำลงไปที่เดิมแทนคำตอบ  วันนี้ผมกับกานต์จะเมคเลิฟกันบนโต๊ะครับ   เด็กเกรียนดึงกางเกงในผมออกพร้อมกับการลงลิ้นเลียท่อนแข็งร้อนของผมไปตามความยาว  กานต์ช้อนขาด้านในผมขึ้นแล้วกดจูบร้อนแรงลงตามผิวเนื้ออ่อน  มือเรียวดันให้ผมนอนราบลงบนโต๊ะ  แล้วจับท่อนแข็งชักให้สลับกับจูบเน้นตรงเส้นประสาท  มืออีกข้างเลื่อนนิ้ววนตรงทางเข้าแล้วกดเข้ามาด้านใน  จาก  1 เพิ่มเป็น  2  ผมหายใจสั้น ๆ ข่มความเจ็บและความเสียวที่ท่อนแข็ง  มือยังคงชักแต่เลื่อนหน้าลงมาตรงทางเข้าที่มีนิ้วคาอยู่  2  นิ้ว  กานหมุนนิ้วแล้วลงลิ้นรอบช่องทางเพื่อเพิ่มความหล่อลื่น...ผมแทบคลั่ง

“อาห์..เข้ามาเลย”  ประคองหน้าหล่อขึ้นมากระซิบบอกที่ริมฝีปาก  แทรกปลายลิ้นเข้าไปดูดดุนกลืนกินความหวานที่กานต์มี  ชันเข่าขึ้นเมื่อนิ้วของกานต์ถอนออกและมีแท่งขนาดใหญ่มาแทนที่  น้ำหล่อลื่นจากส่วนปลายของกานต์ถูเข้ากับทางเข้าผมเบา ๆ  ดันสะโพกเข้ามาพร้อมกับการบี้เส้นปลายประสาทผม  อ้าปากเอาอากาศเข้าปอดแล้วก้มดูดซอกคอขาวของกานต์ผ่อนความเจ็บ 

“ซี๊ดดด..”  เสียงครางจากริมฝีปากนุ่มดังไม่ขาด  ทันทีที่ความยาวของกานเข้ามาจนสุด  มันก็กระแทกจุดเสียวผมจนต้องแหงนหน้าครางหวิว

“อึ๊ห์..ซืดดดด”  กานต์ขยับสะโพกแล้วจับหน้าผมให้สบตา  หอบหายใจหนักก่อนจะยกขาขึ้นมาบนโต๊ะ  กานต์จับสะโพกผมแน่นขึ้นแล้วดึงเข้าหาตัว  แรงกระแทกจากความยาวของเด็ก  ม.6  พุ่งเข้าหาจุดเสียวจนผมต้องขยับรับจังหวะนั้น  ปลายลิ้นเกาะเกี่ยว  ดวงตาล่าเหยื่อจ้องมาจนผมละลาย 

“ใกล้แล้วกานต์..อาห์”  เกี่ยวขาเข้ากับเอวหนา  กอดคอแน่นขึ้นก่อนจะคว้าหน้าหล่อมาบดจูบแล้วขึ้นสวรรค์ไปก่อน  กานต์ดูดลิ้นผมแรงขึ้น  จับสะโพกผมดึงเข้าหาตัวในจังหวะสุดท้ายก่อนจะครางใส่ลิ้นผม

“อือออออ”  ท่อนแข็งที่คาอยู่ในตัวผมกระตุกถี่  พอ ๆ กับแท่งร้อนของผมที่บดเบียดหน้าท้องแข็งเป็นลูกด้านหน้า  จูบซับความชื้นให้รอจนลมหายใจกานต์เป็นปกติ  ขยับก้นออกจากท่อนแข็งช้า  ๆ แล้วหย่อนขาแตะพื้น  กอดเนื้อแน่น ๆ แล้วประคองหน้ามาจูบ  เดินนำไปที่เตียงก่อนจะล้มลงไปนอนกอดก่ายบนฟูกหนา  พยุงตัวขึ้นโดยที่ริมฝีปากยังแนบชิด  ลูบหน้าอกแล้วบีบตุ่มแข็งสู้มือเบา ๆ  กานต์บิดตัวครางหวิว  ผมไล้นิ้วไปวนที่น้ำรักของตัวเองตรงหน้าท้องกานต์  กวาดมาทั้งหมดแล้วดันนิ้วชี้ที่เปื้อนน้ำรักเข้าไปในชองทางแน่นของกานต์ 

“ต่อเบา!..อืออ”  กานต์ร้องประท้วงเมื่อผมดันเข้าไปที่เดียวมิดนิ้ว  หมุนวนก่อนจะเพิ่มนิ้วกลางเข้าไปอีกนิ้ว  ควานหาจุดกระสันแล้วบดปลายนิ้วทันที  กานต์สะดุ้งแล้วซบหน้ากับไหล่ผม  ก้มลงมองหน้าแดง  ตาปรือปรอยแล้วบดจูบเข้าหา..อยากฟัดให้ตัวแดงกว่านี้

“ซี๊ดดดด..ต่อ  เข้ามาเถอะ..ไม่อยากแตกกับนิ้ว”  จับท่อนร้อนของตัวเองมาจ่อแถวโคนนิ้ว  ดึงนิ้วออกก็ดันท่อนแข็งเข้าไปทันที  กานต์หน้าบูดเบี้ยวเกร็งรับความใหญ่ของผม  ดันเข้าไปทีละนิด  มือก็คอยปรนเปรอดึงความสนใจให้  พอสุดความยาวผมก็แช่ไว้รอให้กานต์พร้อม  ก้มลงไปจูบแลกลิ้นจนกานต์เป็นฝ่ายขยับสะโพกเข้าหา  ผมขยับออกกานต์ก็ถดก้นหนี  ผมพุ่งเข้าใส่กานต์ก็กระแทกเข้าหา  จับขาด้านในยกขึ้นพาดบ่าแล้วกระแทกแรงตามอารมณ์  กานต์ปัดมือที่ผมจับน้องชายออกแล้วขยับมือเอง 

“อีกนิดต่อ..ซี๊ดดดด  เสียว  อ๊ะห์”  กานต์เร่งข้อมือตัวเองแล้วปลดปล่อยน้ำขุ่นข้นสีขาวใส่หน้าอกผม  ก้มลงจูบกานต์ผมก็ถึงสวรรค์อีกครั้ง  ปล่อยน้ำรักใส่ช่องทางแคบจนหมดกระสุน  พลิกตัวนอนหงายข้าง ๆ กานต์  เอื้อมจับมือเรียวขึ้นมากดไว้ตรงหน้าอกตัวเอง  ปรับลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจจนปกติ  หันไปมองหน้าด้านข้างของเด็กเกรียนที่หลับไปเรียบร้อย  ลุกไปเข้าห้องน้ำล้างตัว  เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวชุบน้ำ  เช็ดตัวให้เสร็จก็จับใส่กางเกง  ทาแป้งตามข้อพับให้แล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ  กานต์พลิกตัวเข้าหาอ้อมกอดผมเหมือนเคยตัว  เคลิ้ม ๆ ใกล้จะหลับผมก็กระซิบบอกเด็กเกรียนในฝัน..

“พรุ่งนี้พี่ไปส่งที่โรงเรียนนะกานต์.. อย่าตื่นสาย”  กานต์ตอบผมอือออแล้วกอดแน่นขึ้น  หอมหัวเกรียนแล้วหลับลงไปพร้อมกัน..แต่ก่อนผมจะเข้าสู่นิทราก็ได้ยินเสียงเด็ก  ม.6  ที่กุมหัวใจผมไว้ทั้งดวงกระซิบแซวข้างหู

“..ต่อกินเด็ก..”  ขมวดคิ้วมุ่นแล้วแค่นเสียงลอดไรฟันตอบเด็กเกรียนให้เหลับฝันดี..







“มึงก็ชอบเล็มหญ้าแก่..ไอ้เกรียน!”



END.

กอด ๆ บวก ๆ ค่าาาาาา
เพิ่งกลับจากงานนอกมาค่ะ  ร้อนอะไรขนาดนี้  เข้ามานั่งตากแอร์เลยแอบมาลงตอนพิเศษที่มีด้วยค่ะ
อ่านเล่นวันเสาร์ อาทิตย์เนอะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 15-05-2015 17:22:22
รักคุณจิที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เล็มหญ้าแก่ที่มันต้องเคี้ยวนานๆ ชุ่มคอหวานแบบนี้นี่เอง
อ่านรวมอาจารย์รินทร์ด้วย
หวานๆๆๆๆๆ
เค้าชอบบบบบบบบบบ
บวกและเป็ดขอบคุณ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-05-2015 20:44:57
การบ้านเยอะแค่ไหนก็ยอมเนาะกานต์ :z1:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 15-05-2015 21:32:11
บร๊ะ หาคำใดมาบอกไม่ได้เลย เขินสุด

สลงสลับกันบ้างให้หอมหวาน :o8:

ฮาประโยคสุดท้ายอีกแล้ว

บรรยากาศกำลังโรแมนติกเลย o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 15-05-2015 22:21:49
ต่อกานต์ คู่นี้ยังแซ่บเหมือนเดิมเลย  :impress2:
จะเป็นต่อกินเด็ก หรือจะเป็นกานต์เล็มหญ้าแก่
จะแบบไหน ก็ทำคนอ่านนั่งซับเลือดกำเดาเหมือนกันนั่นแหละ  :m25:
รักกันได้สะใจดีแท้ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-05-2015 22:40:15
ขอกอดกลับไปแน่นๆ เลยนะค้าา..^^
:กอด1:

ถึงกับเลือดโชกกกก~ แต่ว่าฟินดีเหลือเกินค่า เด็กก็คือเด็กนั่นล่ะน้าา ดูสินั่น สลบไปก่อนพี่ต่ออีกนะคะน้องกานต์~ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-05-2015 10:19:41
สลับกันบ้างจะได้เร่าร้อนสองเท่า ฟินไปไกล  :heaven
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-05-2015 15:27:27
อืม ต่อ กับ กานต์ ก็ยังน่ารักและร้อนแรงไม่เปลี่ยนเลย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ(1) 15/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 22-05-2015 14:17:50
เป็นตอนพิเศษของคู่นี้ค่ะ 
หลุมรักแกงเขียวหวาน : น็อต  ติ๊ก
  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2962991#msg2962991)


รักแบบเรา]



อากาศร้อนของบ่ายวันเสาร์อบอ้าวเหมือนฝนกำลังจะตกปกคุมทั่วทั้งตลาดสด  หันไปมองหน้าใสแก้มสีชมพูอ่อนเพราะอากาศที่ร้อนในตอนนี้  เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวที่ปลายจมูกโด่ง   เหลือบมองเหงื่อที่ไหลลงมาจากปอยผมระลงข้างแก้ม  เอื้อมมือเช็ดให้เบา ๆ  ติ๊กหันมาทำตาโตใส่ก่อนจะหันหน้าหนีไม่ให้ผมเห็นแก้มที่ขึ้นสียิ่งกว่าเดิม  อมยิ้มแล้วก้มกระซิบถามข้างหู..

“เท่าไหร่แล้ว?..”  ติ๊กสะดุ้งกับเสียงกระซิบแล้วเม้มปากแน่นขึ้น  ตอบเสียงดุขู่ผมว่า  ‘3  ล้านเข้าไปแล้วพี่น็อต  ถามตลอดแต่ไม่เคยจ่ายสักบาท..’  ชะโงกหน้าไปมองหน้าให้ชัด ๆ ติ๊กก็เบือนหน้าหนี  หัวเราะขำเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นมาปิดหู  ดึงมือเรียวที่ปิดหูออกแล้วเลื่อนมือมาจับไหล่เล็กให้หันมาสบตา  พ่อค้าขายแกงถุงของผมขืนตัวไว้ก่อนจะยอมหันมาสบตา..

“เมื่อไหร่จะยอมให้แม่พี่มาจ่ายให้แม่ติ๊กล่ะ..แม่พี่เขารออยู่นะ”  พ่อค้าหน้าชมพูเปลี่ยนเป็นแดงจัดก่อนจะพองลมเข้าปากแก้เขิน  เบี่ยงไหล่หลบแล้วเสไปหยิบถุงแกงเขียวหวานมาจิ้มนิ้วลงเบา ๆ 

“จ่ายให้แม่ทำไมเล่า~  คนเสียหายไม่ใช่แม่นี่..”  ยิ้มบางกับแก้มที่ยังคงป่องเพราะเจ้าตัวยังไม่เลิกเขิน  ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เคยได้ชิมกลั้นยิ้มเพราะผมเอานิ้วตัวเองไปช่วยจิ้มแกงเขียวหวานในมือด้วยอีกแรง  ดึงถุงออกจากมือแล้ววางกองรวมข้างหน้าร้าน  ดึงมือเรียวให้นั่งเก้าอี้ตัวเดียวกัน  มองขนตาหนาเป็นแพ  และดวงตาสีดำด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งหลง  ติ๊กหลุบตาลงมองมือตัวเองแล้วค่อย ๆ เบือนหนีไปมองหน้าปากซอย  เขินทีไรต้องหลบตาไปจ้องปากซอยตลอด..น่ารักเท่าโลก

ยืนช่วยน้องขายแกงถุงจนหมดแผงก็เก็บของขึ้นรถ  ไปส่งน้องที่บ้านเสร็จก็ฝากท้องทานข้าวเย็นด้วยเหมือนทุกวัน  เดินเข้าไปหาแม่น้องแล้วขอ..

“แม่ครับ  คืนนี้ผมขอให้น้องไปช่วยที่ร้านนะครับ  แล้วตอนเช้าผมจะพามาส่งแล้วค่อยออกไปขายแกงถุงด้วยกันครับ”  แม่ยิ้มแล้วหันมามองหน้าน้อง  ติ๊กยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปกอดเอวแม่  อ้อนขอไปกับผมคืนนี้  แม่ยิ้มแล้วพยักหน้าอนุญาต  ติ๊กเดินขึ้นบ้านไปอาบน้ำ  เปลี่ยนเสื้อผ้า  ผมเดินมากับแม่แล้วนั่งคุยกันที่สนามหน้าบ้านรอน้องแต่งตัว

“น็อต..รักน้องจริงเหรอลูก?”  ผมยิ้มอ่อนโยนเมื่อแม่ถามคำถามนี้กับผมเป็นครั้งที่  3  ครั้งแรกถามย้ำเมื่อผมสารภาพว่าผมรักลูกชายคนโตของแม่จนโงหัวไม่ขึ้น  ครั้งที่  2  เมื่อผมอยากอยู่กับน้องตลอดเวลาจนทนไม่ไหว  บอกแม่น้องว่าถ้าน้องเรียบจบเมื่อไหร่ผมก็จะให้ผู้ใหญ่ทางผมมาขอให้เป็นเรืองเป็นราว  และครั้งนี้..ซึ่งเป็นครั้งที่  3   ยื่นมือจับมือแม่มากุมแล้วบอกเสียงมั่นคง 

“ยิ่งกว่ารักครับ..ผมจะดูแลน้องเหมือนที่แม่ดูแล  ผมจะขยันไม่ให้น้องต้องลำบาก  อะไรที่เป็นความสุขของน้อง..ผมจะทำ  และจะทำให้ดีที่สุดด้วยครับ”  แม่ยิ้มบางแล้วดึงผมเข้ามากอด  ยกมือขึ้นกระชับกอดแม่แล้วลูบหลังเบา ๆ  ผมคิดอย่างที่ผมพูดจริง ๆ ครับ   ทุกครั้งที่ผมคิดเรื่องอนาคตของผม  ต้องมีน้องเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยเสมอ  ผมพาครอบครัวผมมาเจอกับครอบครัวน้องแล้วครับ  ตั้งแต่วันที่น้องยอมเป็นแฟนนั่นล่ะ  แม่กับพ่อผมดูมีความสุขที่ผมจะเลิกทำตัวลอยไปลอยมาสักที   แล้วก็ปลื้มน้องที่รู้จักช่วยพ่อแม่ขายของตั้งแต่ยังเด็กเอามาก ๆ เลยด้วย 

แม่คลายแรงกอดแล้วดันไหล่ผมออกมาสบตา  รอยยิ้มเอ็นดูส่งมาให้ผมแล้วบีบไหล่ผมเบา ๆ

“น็อต..แม่ฝากน้องด้วยนะ”  ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ  ติ๊กเดินลงมาแม่ก็รีบลุกขึ้นยืน  หันมาบอกน้องว่าอย่าดื้อกับผม  แล้วก็อย่านอนดึก  ผมกับน้องเดินออกมาจากบ้านแล้วขึ้นรถผม  ขับพาน้องไปหาแม่ผมที่บ้านก่อน  ผมพาน้องเข้าไปหาแม่แล้วเดินแยกขึ้นมาอาบน้ำ  แต่งตัวเสร็จก็รีบลงมาโอบไหล่น้องไปขึ้นรถแล้วขับไปร้าน  พนักงานในร้านยกมือไหว้ผมกับน้อง  ทุกคนรู้จักน้องครับ 

“ติ๊กนั่งรอพี่ในเคาน์เตอร์นี้ก่อนนะ  พี่ไปดูเหล้าข้างหลังก่อน”  รับแก้วน้ำเปล่าจากมือพนักงานส่งให้น้องแล้วเดินเข้ามาเช็คเหล้ากับมิกเซอร์หลังร้าน  แวะเข้าครัวดูความเรียบร้อยก่อนจะเดินย้อนมาหาน้อง   มองติ๊กนั่งหมุนเกาอี้เล่น  มือเรียวถือแก้วน้ำ  ยกขึ้นมาจิบเป็นระยะจนน้ำในแก้วหมด  หันรีหันขวางก่อนจะวางแก้วไว้ที่เคาน์เตอร์  กอดอกมองพนักงานจัดร้าน  เบือนหน้าไปมองนักดนตรีที่ขึ้นมาเซ็ทเสียงบนเวที  พอปลายจมูกโด่งถอนหายใจยาวแล้วกวาดตามองหาใครสักคนผมถึงจะเดินออกมา

ทันทีที่น้องเห็นผม  แววตาเรียบเฉยกลับทอประกายสดใส  ริมฝีปากสีชมพูคลี่ยิ้มหวาน  มือเรียวที่ยกขึ้นกอดอกยื่นมือให้ผมจับ  น้องออกแรงดึงมือผมเข้ามาหาตัว  โอบไหล่เล็กแล้วก้มลงหอมไรผมและขมับชื้น  น้องเบี่ยงหน้าหนีปลายจมูกแล้วซุกตัวเข้ามากอดผมไว้แน่น  ก้มลงฟังเสียงอู้อี้ที่ดังแข่งกับเสียงร้องห่วยแตกของนักดนตรี..

“คิดตังค์เพิ่มนะพี่น็อต..หมดตัวไม่รู้ด้วย”  ยิ้มกว้างกับประโยคคิดตังค์แก้เขินแล้วก้มลงกดปลายจมูกตัวเองกับสันจมูกโด่งของน้อง  เจ้าตัวหัวเราะคิกแล้วยกมือเรียวขึ้นลูบจมูกตัวเอง  ยิ้มใส่ตาแล้วก้มบอกน้องให้ไปนั่งรอที่ห้องพักผมชั้นบนสุด  น้องพยักหน้าแล้วดึงแขนผมให้อยู่ด้วยกันก่อน  ยิ้ม ๆ แล้วดึงน้องให้ลุกจากเก้าอี้  หย่อนก้นนั่งลงเรียบร้อยก็จับแขนเรียวส่งสัญญาณให้นั่งตักผม

“555+พี่น็อตหมดตัวแน่วันนี้5555”  น้องหัวเราะเสียงดังแล้วปีนขึ้นนั่งตัก  จับมือผมมากอดเอวตัวเองไว้แล้วโยกตัวตามจังหวะเพลง  อมยิ้มแล้วกระชับกอดเอวบาง  หอมหัวไหล่และดูความเรียบร้อยไปด้วย  ทักทายแขกที่ตรงเข้ามายื่นแก้วเหล้าให้  น้องหันมามองปรามไม่ให้ดื่มหนัก  ยิ้มให้น้องแล้วกระชับแรงกอดมากขึ้น 

“เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลานั่งคุยกับพวกเราแล้วนะครับคุณน็อต”  เพื่อนของเพื่อนแซวผมหลังจากรับแก้วเหล้าของมันมาจิบ  ยิ้ม ๆ แล้วจับหน้าน้องหันมาหอมโชว์..น้องคือสาเหตุที่ผมไม่ให้เวลากับคนอื่นครับ  เพื่อนมันก็ฮาตอบแล้วเดินกลับโต๊ะ  นั่งกอดหอมไหล่แน่นจนเกือบเที่ยงคืนก็พาน้องไปนอนที่ห้องพักข้างบน

“ติ๊กจะอาบน้ำก่อนนอนก็ได้นะ  ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าพี่ใช้ได้ทุกตัวครับ”  น้องพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าผม  ยิ้มแล้วกดล็อคประตูให้  เดินลงมาข้างล่าง  นั่งเคลียร์บิลและส่งลูกค้าจนหมด  เก็บร้านและเช็คสต๊อคของ  ปิดร้านเรียบร้อยก็เดินขึ้นมาหาน้อง  มองนาฬิกา..ตี  3  พอดี  ป่านนี้หลับปุ๋ยไปแล้ว  ไขกุญแจห้องเบา ๆ ปิดประตูให้เกิดเสียงน้อยที่สุดแล้วกดล็อคเบามือ  แล้วเดินฝ่าความมืดเข้าไปในห้อง  ยืนอยู่เฉย ๆ ปรับสายตาพักใหญ่ก็เปิดตู้เสื้อผ้า  หยิบเสื้อยืดกับกางเกงนอนขายาวออกมาแล้วตรงไปห้องน้ำ  อาบน้ำ  แปรงฟันแล้วแต่งตัวให้เรียบร้อย  เดินออกจากห้องน้ำแล้วหย่อนก้นลงบนเตียง  ยกมือจับผมน้องมาทัดหู  แล้วเลื่อนมือลูบแก้มใส   น้องขยับตัวหนีมือพลิกหันหลังให้  ผมยิ้มบางให้แผ่นหลังเล็กแล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ วาดแขนกอดน้อง

“อืมมม  มาแล้วเหรอ?..”  น้องพึมพำเบา ๆ แล้วพลิกกลับมาซุกหน้าที่ซอกคอผม  ขยับให้น้องกอดได้สะดวกแล้วโอบไหล่เล็ก  ลูบเบา ๆ ให้หลับต่อ  น้องพ่นลมหายใจยาวเพราะความสบายก่อนจะกะพริบตาปริบ  ขนตาเป็นแพขยับที่คอผมจนอดรู้สึกจั๊กกะจี้ไม่ได้  ขยับตัวออกแล้วดันหัวน้องออกห่างซอกคอแล้ววางลงบนหมอน  เจ้าตัวเงยหน้ามองผมผ่านความมืด  ก้มลงมองหน้าน้องแล้วหอมแก้มเนียน

“หนุนหมอนดีกว่า..ติ๊กจะได้ไม่เมื่อย”  น้องถอนหายใจยาวแล้วส่ายหน้าตอบ  ยิ้มกว้างให้น้องแล้วจูบที่ริมฝีปากนิ่มเบา ๆ  ผละออกมาแล้วตั้งใจจะดึงน้องมากอดแล้วลูบหลังกล่อมให้หลับ  แต่ภาพน้องยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองเหมือนนึกว่ากำลังฝันทำให้ผมไม่อยากให้น้องหลับ..เหมือนตอนแรกที่เดินเข้าห้องมา

ดึงมือเรียวออกช้า ๆ แล้วยื่นริมฝีปากเข้าไปแตะใหม่  ผละออกมามองดวงตาสีดำที่ค่อย ๆ หลับลงอีกครั้งเมื่อผมก้มลงไปสัมผัสริมฝีปากนิ่ม  ลมหายใจกลิ่นมิ้นท์ของน้องดึงดูดให้ผมเข้าไปแลกลมหายใจที่มีกลิ่นเดียวกัน  ปลายลิ้นเลาะชิมเนื้อริมฝีปากนุ่มแล้วค่อย ๆ แทรกเข้าไปดูดความหวานที่มากกว่าริมฝีปาก

“อือ..”  เสียงน้องครางเบา ๆ ยิ่งยั่วให้ผมอยากกินอย่างอื่นของน้อง  ละจากปลายลิ้นอุ่นออกมาจูบปลายคางมน  ดูดชิมซอกคอขาวเบา ๆ ดึงเสื้อที่ใหญ่ว่าตัวน้องขึ้นแล้วเลื่อนตัวลงตวัดปลายลิ้นเลียชิมเนื้ออุ่นทุกอณูผิว  น้องบิดตัวเมื่อปลายลิ้นผมลากผ่านยอดอกช้า ๆ  เสียงครางหวิวดังออกมาจากริมฝีปากนุ่ม..ผมอยากได้ยินมากกว่านี้

“อึ๊..พี่น็อต..”  ปลายเล็บสั้นจิกลงที่ไหล่ผมปลดปล่อยอารมณ์  จูบที่ตุ่มเล็กทั้ง  2  ข้างแล้วตวัดเลียจนสีเข้มขึ้น  น้องแอ่นหน้าอกขึ้นสู้ปลายลิ้นผม  เลื่อนมือลงไปจับความต้องการของน้องที่โป่งนูนดันกางเกงจนขึ้นรูป  คนข้างล่างผมสะดุ้งก่อนจะถูกผมดึงความสนใจด้วยปลายลิ้นที่ละเลงยอดอก

“..พี่น็อต..ฮะห์..อย่าแกล้งติ๊ก”  ยันตัวขึ้นจูบริมฝีปากสีชมพูแล้วกวาดปลายลิ้นเอาความหวานตรงหน้ามาชิมจนน้องหายใจไม่ทัน  จูบแก้มใสจนถึงใบหูเล็ก..

“ติ๊ก..เป็นของพี่น็อตนะ..”  น้องนิ่งไปก่อนจะจับหน้าผมมาสบตา  นิ่งมองตาน้อง  ถ้าน้องไม่เต็มใจผมก็พร้อมจะหยุด..แล้วค่อยไปเข้าห้องน้ำทีหลัง

“..ต้องไม่ทำให้ติ๊กเจ็บนะ..ไม่งั้น..จะคิดตังค์เพิ่มด้วย”  ยิ้มกว้างแล้วก้มลงจูบยิ้มของน้อง  ริมฝีปากสีชมพูจูบตอบก่อนจะวาดแขนขึ้นโอบรอบคอผม  ลูบผิวลื่นมือไปทุกสัดส่วน  ดึงเสื้อน้องออกจากตัวก่อนจะลงลิ้นชิมทุกส่วนในร่างกายน้อง..อย่างที่อยากทำมาตลอด

“ถอดให้หน่อยครับ”  ดึงมือน้องมาจับที่เอวกางเกงตัวเองแล้วกระซิบบอก  น้องทุบหลังผมก่อนจะกอดคอผมแน่นกว่าเดิม  ดึงกางเกงตัวเองออกพร้อม ๆ กางเกงน้อง  ติ๊กกอดผมแน่นขึ้นเพราะกลัวผมจะเห็นอะไร ๆ ที่มันเริ่มใหญ่ขึ้นเมื่อเจอท่อนแข็งของผมเบียดเบา ๆ  ควานหาริมฝีปากน้องมาแลกจูบ  เลื่อนมือลงไปจับรวบเข้ามาให้เต็มมือแล้วขยับข้อมือช้า ๆ น้องครางใส่ริมฝีปากผมไม่ขาดจนผมอยากจะให้น้องรู้สึกดียิ่งกว่านี้

“อ๊ะ..ซืดดด”  บดปลายนิ้วใส่เส้นเล็ก ๆ ที่ขึงอยู่ระหว่างส่วนหัวกับส่วนยาวของน้อง  ไล้ริมฝีปากเลียชิมตั้งแต่เนื้อริมฝีปากล่างจนถึงหน้าท้อง  เงยหน้าขึ้นสบตาสีดำแล้วลากปลายลิ้นเลียตามความยาว  น้องแหงนหน้าขึ้นแล้วทิ้งตัวลงนอน  หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามอารมณ์ที่พุ่งสูง  ครอบปากลงแล้วเลียตวัดเนื้อแข็งร้อนในโพรงปาก   น้องจิกผ้าปูเตียงแน่น  ถอนปากออกแล้วลงลิ้นเลียเน้นเส้นปลายประสาท  จับชักให้เบา ๆ  แล้วเลียนิ้วกลางตัวเองก่อนจะแทรกนิ้วเข้าไปในช่องทางร้อน  น้องสะดุ้งแล้วบอกผมทันทีว่าเจ็บ  ยันตัวขึ้นจูบปลอบแล้วดูดดุนยอดอกสลับกับขยับข้อมือจนน้องเริ่มกลับมาแข็งขึ้นอีกครั้ง  ส่งนิ้วกลางเข้าไปช้า ๆ จนสุดนิ้ว  เพิ่มนิ้วชี้เข้าไปอีกนิ้วแล้วดึงความสนใจน้องเหมือนเดิม  ควานนิ้วหมุนรอบ ๆ จนน้ำเหนียวส่วนปลายท่อของน้องไหลออกมาเปรอะมือ  ช่องทางร้อนตอดนิ้วตุบ ๆ ส่งให้ท่อนแข็งของผมปวดตามไปด้วย

ค่อย ๆ ดึงนิ้วออกแล้วจ่อความแข็งขืนของตัวเองเข้าไปทีละนิด  ก้มลงจูบริมฝีปากนิ่ม  หายใจหอบหนักเมื่อความยาวเข้าไปจนสุด  ผละริมฝีปากออกมาจากปากน้องแล้วจูบซับน้ำตาให้ 

“รัก..ติ๊กรักพี่น็อต”  คำรักของน้องแล่นเข้ามาในสมองจนถึงหัวใจอย่างช้า ๆ  ตระกองกอดไว้แนบอกแล้วหอมไปทั่วหน้า  จูบริมฝีปากนุ่มแล้วกระซิบกลับว่ารักมากกว่า  ทั้งรักทั้งหลงจนไม่มีหัวใจจะเหลือให้ใคร  น้องยิ้มกว้างกับริมฝีปากผมแล้วชันเข่าขึ้นรับความยาวให้เข้าไปให้ลึกกว่าเดิม   ขยับสะโพกเข้าออกนุ่มนวล  ฝ่ามือประคองหน้ารับจูบ  ปลายลิ้นเกี่ยวพันดูดดื่ม  เสียงครางกระเส่าของน้องดังขึ้นเรื่อย ๆ จนผมทนไม่ไหว  ผละจากริมฝีปากนุ่มมาจับสะโพกน้องแล้วดึงเข้าหาตัว  เพิ่มแรงกระแทกขึ้น  เร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ..จนเตียงเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแข่งเสียงครางของน้องและเสียงหอบหนักของตัวเอง

“อื้ออออ  พี่น็อต..”  น้องจิกแขนผมเต็มแรงก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักใส่มือที่คอยนำให้จนเปรอะ  ผมนิ่วหน้ากับแรงตอดรัดจากน้อง  ขยับสะโพกตัวเองในจังหวะสุดท้าย..ปลดปล่อยใส่ข้างในตัวน้อง..ตามไปติด ๆ   นิ่งกอดน้องจนลมหายใจกลับมาเป็นปกติแล้วกอดน้องแน่น  อุ้มมาอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกรอบก่อนจะพาน้องมานอนกอดกล่อมให้หลับ




ก่อนจะหลับก็คำนวนราคาค่าเสียหายน้องไปด้วย  บวกกันไปคูณกันมาก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ  15  ล้าน..








หมดตัวก็ยอมล่ะวะงานนี้!



END.

กอดรวบ บวกเรียบ
จิยังคงยุ่งอยู่มากมายค่ะ  ขอบคุณทุกความเห็นที่เข้ามาให้กำลังใจนะคะ  ส่วนที่ถามเรื่องแผนผัง..จิก็เกินจะทำให้ค่ะ  จำได้ไม่หมดด้วยอ่าาาาาา
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ <2> 22/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-05-2015 14:55:18
น้องติ๊กน่าร๊ากกก~ :m3: ชอบเวลาที่น้องเขินจังเลยค่ะ เอะอะเป็นต้องมองไปหน้าปากซอยตลอดเลย ฮ่าๆ แถมแก้มก็ป่องๆ จนอยากจะจับมาฟัดทั้งซ้ายทั้งขวาเลยเชียว ฮึ่ย~ หมั่นเขี้ยวจริงๆ เลย .. ส่วนพี่น็อตแค่ 15 ล้าน เราว่ายังไม่พอหรอกค่ะ เพราะตราบใดที่พี่ยังไม่ได้แต่งงานกับน้อง เราว่ายอดเงินและดอกเบี้ยคงจะพุ่งสูงขึ้นๆ จนฉุดไม่อยู่เลยเชียวล่ะค่าา~ ><'
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ <2> 22/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 22-05-2015 16:05:38
ยอดพุ่งไม่หยุดแน่ๆๆพี่น็อต  :z1:

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ <2> 22/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 22-05-2015 21:55:26
อยากกินแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายจัง  :heaven
พี่น๊อต เท่ห์จังเลย เข้าตามตรอก ออกทางประตู แสดงความจริงใจชัดเจนอย่างนี้
มีหรือคุณแม่จะไม่เอ็นดู และไว้ใจให้พี่น็อตดูแลแก้วตาดวงใจของท่านนะ
น้องติ๊ก น่ารักมากกกกก ช่างออดอ้อน น่ากอดจังเลย
พี่น็อต อ่อนโยนกับน้องดีจัง แหม แต่สิบห้าล้านเนี่ย อย่าเพิ่งหมดตัวนะพี่น็อต
เพราะคาดว่า ค่าเสียหายของน้องติ๊ก คงเก็บจากพี่น็อตได้แบบชั่วชีวิตเชียวละ 555
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ <2> 22/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 24-05-2015 14:57:37
น้องติ๊ก กับ พี่น็อต น่ารักมากครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ <2> 22/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 27-05-2015 11:22:01
เป็นตอนพิเศษของคู่นี้ค่ะ 
จากวังหลวงอีเรีย  ถึงแผงขายปลาตลาดสด ::  ผิดรู  โกสินทร์
  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2980514#msg2980514)


ลอยกระทง!

ยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนประดับด้วยดาวระยับทั่วท้องฟ้า  หลับตารับลมหนาวที่โอบล้อมรอบตัว  กลางวันร้อนแดดแผดเผาแสบผิว  กลางคืนกลับหนาวจนบางวันเกือบจะติดลบ  มันน่าพิศวงฉิบหาย!  หันหลังมองประตูที่เปิดออก  ยิ้มบางให้เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อน  ยืนนิ่งให้ริมฝีปากสีแดงธรรมชาติแตะแผ่วที่ริมฝีปาก

“มีอะไรจะให้เราดูหืม?”  ลืมตาสบตาสวยแล้วยกยิ้มมุมปาก  ถอยห่างจากอ้อมแขนที่กำลังจะรวบกอดแล้วเดินนำออกมาจากห้อง  ขายาวก้าวตาม  เร่งฝีเท้าหนียิ่งได้ยินเสียงชายชุดคลุมสวบสาบก้าวตามรวดเร็ว  หัวเราะเสียงดังแล้วผลักไหล่หนาออกพ้นตัว 

“ตามมาอย่างเดียวเป็นไหมไอ้แขกถังแตก555”  แขนแกร่งรัดแน่นแล้วหรี่ตามองยิ้มกว้างของผม  ก่อนจะพยักหน้าแล้วปล่อยเป็นอิสระ  มือใหญ่สอดจับแล้วเดินตามแรงจูงที่ผมพามาที่สระน้ำกว้างหน้าบ้านมัน  ปล่อยมือใหญ่แล้วเดินมาในสวนกว้าง  นั่งลงควานมือล้วงหยิบของที่ผมแอบทำไว้ตั้งแต่เมื่อกลางวัน

มันคือสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ประเทศนี้ไม่มีวันเคยเห็น  ยกเว้นมันจะเปิดเน็ตดู   ยิ้มมุมปากแล้ววางของบนฝ่ามือ  เดินกลับมาหาคนตัวใหญ่ที่ยืนเอามือไขว้หลังมองผมอยู่

“นี่คือ?..”  หัวเราะหึกับคำถามของมัน  เบือนสายตามามองสิ่งที่ผมอุตส่าห์ทำ  ฐานทำมาจากก้านบัวที่ตัดเป็นท่อนแล้วเอาเชือกมาผูกให้ติดกันอย่างแน่นหนา  ประดับด้วยใบมะพร้าวที่จับมาขดเป็นก้นหอยแล้วเอาตะปูเข็มกดยึดแทนที่ใบตองของหายาก  นั่งหลังขดหลังแข็งไม่รับแขกตั้งแต่เที่ยงวัน  ให้พี่หมัดช่วยหาของ  ไม่ต้องข่มขู่เหมือนลูกน้องที่บ้าน  เด็กรับใช้คนบ้านนี้กลัวผมอย่างกับอะไรดี  รอบนอกก็ตัดใบพลูด่างมาปะปิดให้ดูดี  ตรงกลางก็เอาดอกไม้ในสวนที่มันขึ้นมาเด็ด ๆ ใส่  แล้วให้พี่หมัดหาธูปเทียนให้  แค่นี้ก็ได้ ‘ของ’ มาอวดมันแล้ว
       
“วันนี้เป็นวันที่บ้านเกิดเราถือเป็นวันที่ต้องขอขมาธรรมชาติ  เคยป่าว?  เดี๋ยวพี่สอนให้..”  เอ่ยปากถามคนตรงหน้าที่กำลังขมวดคิ้วที่ยาวเลยหางตาเป็นปมสงสัยกับของในมือผม  หน้าคมส่ายหน้าบอกว่า  ‘ไม่เคย’  ยกยิ้มร้ายแล้วพยักหน้ารับรู้  เดินหมุนตัวหันหลังมาที่สระน้ำใหญ่  ยื่นของให้มันถือแล้วทาบมือทับมือใหญ่อีกที  ยกขึ้นแตะตรงหน้าผากมันแล้วบอกเสียงจริงจัง

“ขอขมาแม่น้ำที่เราได้อาศัยดื่มกินและใช้ประโยชน์มาทั้งชีวิต  ขอลอยเคราะห์ที่เรากำลังจะเผชิญ   แล้วอยากได้อะไรก็ขอ”  ดวงตาสีน้ำตาลมองตอบแล้วพยักหน้าเข้าใจ   ตาสวยมองตาผมแล้วขยับเข้าใกล้  ลมอุ่นเป่ารดปลายจมูก  มองตาคู่นั้นแล้วอธิษฐานในใจ  ขอขมาแม่คงคาแล้วขอลอยเคราะห์ลอยโศกไปกับน้ำด้วย  นิ่งมองหน้าคมที่กำลังอธิษฐาน  ยิ้มน้อย ๆ เมื่อมันขยับมือยกของขึ้นแตะหน้าผาก  พาของที่อยู่ในมือมันมาที่สระน้ำใหญ่  ปล่อยมือแล้วบอกเสียงนิ่ง

“การจะขอขมาแม่คงคาแล้วให้ท่านรับรู้มันต้องลงไปลอย 'กระทง'  ในน้ำแล้วตอนปล่อยกระทงจากมือก็ย้ำคำที่เราขอสิ่งอันเป็นมงคล  มันถึงจะสัมฤทธิ์ผล”  ตีหน้าตายแล้วพยักพเยิดมองไปในสระที่มีทั้งดอกบัวและสัตว์น้ำนานาชนิดที่ผมชอบอยู่ในนั้น  กลั้นยิ้มแล้วสบตานิ่งเมื่อองค์สุลต่านค่อย ๆ เยื้องย่างกายลงไปในสระน้ำ  ชุดคลุมที่ยาวถึงเข่าค่อย ๆ ถูกน้ำซึมซับไปทะละน้อยตามย่างก้าวที่เดินลงสู้น้ำใสในสระ

“ปล่อยได้แล้วหรือยัง?”  พยักหน้าแล้วทำทียกมือขึ้นไหว้เหนือหัว  มองสุลต่านเดินขึ้นจากน้ำแล้วหมุนตัวเดินไปในสวน  ตรงไปที่พุ่มไม้เดิม  ล้วงหยิบถุงพลาสติกที่มีประทัด  ไฟแช็ค  กับหนังสติ๊กอยู่ข้างในถุง  เดินย้อนกลับมาแล้วหยิบของในถุงออกมา  ส่งประทัดกับไฟแช็คให้สุลต่านถือ

“เมื่อกี้เป็นการขมาและบูชาแม่คงคา  อันนี้เป็นการบูชาท้องฟ้าที่ให้ฝนชโลมแผ่นดินเราบ้าง”  ตาสวยจับจ้องประทัดกับไฟแช็ค  ผมยิ้มร้ายแล้วหยิบประทัดในมือสุลต่านมา  1  อัน  จับยัดใส่หนังสติ๊กแล้วง้างรอ  หันมาบอกให้คนถือไฟแช็ครีบจุดไฟติดชนวนอย่างด่วน

“จุดที่ชนวนให้ที  แล้วดูนะ  เพราะเดี๋ยวมึงต้องทำบ้าง”  คิ้วเรียวยาวไม่หยุดขมวด  แต่ดวงตาสวยจริงจังกลับจับจ้องทุกการกระทำของผม  หน้าเฉยแล้วดีดประทัดออกไปในสระกว้าง  ยิ้มกว้างกับเสียง ‘ปัง!’ ที่ระเบิดบนผืนน้ำพอดี  กลิ่นดินปืนมันชวนให้คิดถึงบ้านชะมัด  หันหน้ากลับมามองสุลต่านแล้วส่งหนังสติ๊กให้

“ตามึง”  สุลต่านรับหนังสติ๊กจากมือผมแล้วลองจับลองง้างอยู่  2-3  หนก็เข้าที่เข้าทาง  ยื่นประทัดลูกใหญ่ให้แล้วเตรียมจุดชนวนด้วยหวังดี  ยิ้มกว้างกับการยิงที่แม่นยำของมัน  ลงกลางสระเป๊ะ  สะกิดให้หันเป้าหมายไปที่กลางสวนบ้าง  แน่นอนว่าลูกที่สองจัดตรงกลางพุ่มกุหลาบ  ลูกที่  3  ผมจัดที่ให้ตรงยอดต้นไม้  ถัดมาก็ตรงระเบียงบ้าน  ไม่สนใจว่าคนในบ้านมันที่ไม่เคยรับรู้ประเพณีบ้านผมจะแตกตื่นแค่ไหน..

ไม่เคยก็เคยซะ..ปีหน้าพวกมึงจะได้ชิน!

หมดจากจุดประทัดบูชาท้องฟ้าผมก็หันมาหลอกมันให้มันจุดไฟเย็นที่เหลือในถุงพลาสติก..บูชาแม่ธรณี55555  สั่งให้มันนั่งลงแล้วจุดไฟเย็น   แสงสีสวยที่พวยพุ่งออกจากปลายไม้ค่อย ๆ สว่างสวยดึงดูดทุกสายตาให้มายืนล้อมวงดูความงดงามของมัน  ผมส่งไฟเย็นที่มีในถุงให้เด็ก ๆ เล่นต่อ  องค์สุลต่านยิ้มบางให้ผมก่อนจะประคองเอวให้เดินกลับเข้าบ้านที่ใหญ่โตจนผมอดไม่ได้ที่จะเรียกว่า ‘วัง’ 

“ขอบคุณมากโกสินทร์ที่ให้เราได้ทำการบูชาและขอขมาธรรมชาติร่วมกับเจ้า  แต่..”  หางตาขวากระตุกยิกแปลก ๆ

“แม่เราเคยสอนให้เราลอยกระทง  แน่นอนว่า..ไม่ใช่แบบที่เจ้าสอน”  ยิ้มแกน ๆ แล้วตีหน้าตายเดินหันหลัง  กะเข้าห้องแล้วกูก็รอดละ  สะดุ้งกับข้อมือที่ถูกยึดไว้  หันมองยิ้มเย็นที่ฉาบไว้ทั่วหน้าองค์สุลต่าน  กลืนน้ำลายเหนียวกับคำพูดที่ประกาสกลางห้องนอน..

“..รู้หรือไม่  ว่าการปดเราซึ่งเป็นถึงสุลต่านมีโทษหนักเช่นไร?  หืม..โกสินทร์”   ยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าประชิดตัว  ไล่สายตาจากริมฝีปากสีแดงตรงหน้าขึ้นไปสบตาฉ่ำที่จับจ้องริมฝีปากผมนิ่ง..

“แล้วรู้หรือไม่..เราซึ่งป็นถึงผู้ครองหัวใจองค์สุลต่าน  มีสิทธิ์ลงโทษสถานหนักท่านได้เช่นกัน  สุลต่านแห่งอีเรีย..”  ยิ้มพราวใส่ตาแล้วปล่อยให้ค่ำคืนลอยกระทงบูชาแม่คงคาผ่านไปกับเสียงลมหายใจหอบหนักและเสียงครางต่ำของเรา..

ลอยกระทงในอีเรีย  กับคนรักที่เป็นผู้ปกครองอีเรีย

..ดินแดนในทะเลทรายสีทอง






เป็นอีกหนึ่งวัน  กับอีกหนึ่งเทศกาลที่ผมกับสุลต่านทำร่วมกันครับ !


END.

.................................

กอดๆๆๆๆ บวกๆๆๆๆๆๆๆ
เพิ่งผ่านงานประเมินมาตรฐานของสำนักงานไป  จิก็ต่อด้วยมหกรรมกีฬาค่ะ  วันนี้จะไปแข่งวอลเล่ย์(อีกแล้ว)ค่ะ  มีแข่งตอนเที่ยง  เอามาลงแล้วค่อยไปเนอะ ^^
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++3++ 27/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 27-05-2015 14:34:04
ไม่เคยเลยสักครั้งเหมือนกันนะคะที่โกสินทร์จะหลอกองค์สุลต่านได้แนบเนียน คราวที่แล้วก็เรื่องความหมายของชื่อ มาคราวนี้สุลต่านก็ยังจับไต๋โกสินทร์ได้อยู่ดีนั่นล่ะน้า~ :laugh: แต่รวมสามเทศกาลไว้ในวันเดียวกันแบบนี้ก็เป็นวันที่พิเศษสุดๆ สำหรับทั้งสองคนดีนะคะ ไม่จำเป็นต้องให้เหมือนกับใครเขานี่เน้ออ~ :heaven ..

ครีเอทมากเลยค่ะโกสินทร์!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++3++ 27/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 27-05-2015 14:43:23
โกสินทร์ขี้แกล้งแต่โดนเอาคืนตลอดๆ :laugh:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++3++ 27/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 27-05-2015 19:49:55
น่ารักมากครับ โกสินทร์ ก็ยังเกรียนและกวนเหมือนเดิม

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++3++ 27/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-06-2015 16:29:04
ยังคงกวนเหมือนเดิมนะโกสินทร์  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++3++ 27/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 03-06-2015 17:52:58
ชอบทุกเรื่องทุกตอน o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++3++ 27/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 05-06-2015 16:19:31
เป็นตอนพิเศษของคู่นี้ค่ะ 
พันธนาการหัวใจ  ด้วยสายใยรักจาก..แผงทุเรียน : โก๋  ต้อม
  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2961169#msg2961169)

ความร้อนอบอ้าวของปลายฤดูร้อนทำให้ชาวบ้านร้านตลาดดูหงุดหงิดง่าย  ไม่เว้นแม้แต่ผมที่เป็นคนใจเย็นเสมอ  นั่งตากพัดลมอยู่ในแผงกับผู้ชายหน้าขาวปากแดงแผงตรงข้าม  ตั้งแต่เริ่มเปิดใจยอมรับการผูกมัดของมัน  ผมกับโก๋ก็ตัวติดกันตลอดเวลา  แรก ๆ ผมไม่ชิน  จะว่าไป..ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชินครับ

“ไม่กลับร้านเหรอ?”  เอ่ยปากถามคนที่นั่งเบียดผมแย่งพัดลมหลับตาพริ้ม..แถมซบผมอย่างไม่อายสายตาผู้คนชาวตลาดที่สอดส่องมองเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมตลาดที่รักกันม๊ากมาก  โก๋ส่ายหัวกับซอกคอผมแล้วเบือนหน้ามากระซิบตอบที่ซอกคอแผ่วเบา

“ไม่อยากกลับอ่ะ  อยากนั่งตากพัดลมตรงนี้อ่ะต้อม”  ย่นคอหลบมันก็ตามมาซุกซบ  รำคาญ  แต่ก็นะ..ผมแพ้โหมดนี้ของมันครับ  เมื่อก่อนมันกวนตีน  ปากหมา  ไม่เคยเป็นมิตรกับผมเลยซักครั้ง  พอโดนระเบิดทุเรียนไปคราวนั้นผมถึงได้รู้ว่า..มันเป็นการแสดงความชอบของไอ้โก๋  ชอบใครก็แกล้งคนนั้น  ยังกะเด็ก ๆ  ถอนหายใจยาวแล้วขยับตัวนั่งให้สบายเพราะกว่าผมจะเก็บร้านก็อีก  2  ชั่วโมง

“วันนี้..ไปกินข้าวเย็นบ้านโก๋นะ  ที่บ้านโก๋ไม่มีใครอยู่เลยอ่ะ  กินข้าวคนเดียวมา  3  วันแล้วด้วย”  ขมวดคิ้วแล้วผลักหัวมันออก 

“แล้วกินอะไรมื้อเย็นบ้างป่าวมึงอ่ะ?”  มันทำปากยื่นแล้วก้มหน้ามองกระเป๋าเสื้อผม  เสียงตอบเหมือนน้อยใจกับสถานะแฟน  เพราะผมไม่เคยใส่ใจกับปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของมัน

“กินข้าวกับแกงอ่ะ  กินได้นิดเดียวก็หยุด   เหงา  กินไม่ลง..”  สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเบือนหน้าไปมองพัดลมแทนหน้างอง้ำของมัน  ปากแดงยื่นกับท่าทางการพูดง๊องแง๊งของมัน..โคตรน่ารักครับ  ชายเสื้อผมถูกมันกระตุกเรียกอยู่  3-4  ครั้ง  ปรับสีหน้าให้ปกติแล้วหันไปหามัน  ยิ้มบางแล้วบอกให้มันดีใจเพราะเย็นนี้ผมจะไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนมัน

“เดี๋ยวเย็นนี้ไปกินข้าวด้วย  แต่โก๋ต้องเลี้ยงเรานะ”  หน้างอค่อย ๆ ยิ้มกว้างสดใสมาให้ผม  ยิ้มกว้างตอบมันแล้วไล่ให้มันกลับแผงบ้าง  ร้านมันขายแทบไม่ได้เลยครับ  ส่วนมากที่ขายได้เพราะผมเดินไปส่งมันขายนั่นล่ะ  ถึงได้มีรายได้เข้าร้านบ้าง  อะไรของมันก็ไม่รู้ครับ

“งั้นเดี๋ยวโก๋มาช่วยเก็บร้านนะ  อย่าเก็บคนเดียวนะ  รอโก๋ก่อน”  ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับคำ  มองแผ่นหลังที่วิ่งแน่บกลับร้านแล้วอมยิ้มกับตัวเอง  นั่งหลับตารับความเย็นจากพัดลมจนเผลอหลับไปจริง ๆ ลืมตาตื่นเพราะเมื่อยคอ  หลับบนเก้าอี้พับน่ะครับ  มองโก๋ที่กำลังเก็บร้านให้ผม  ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วช่วยโก๋เก็บร้าน  เร่งมือเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง   เก็บเงินเข้ากระเป๋าเสร็จก็วิ่งไปซื้อแกงที่ซอยข้าวแกง  ได้แกงถุงร้านของเพื่อนที่โรงเรียนมา  2-3  อย่าง  มันเองก็เก็บร้านใหญ่เลยเหมือนกัน 

“เอาไปกินเลย  เราให้..เอาไปเถอะ  เราจะเก็บร้านแล้ว”  ยื่นเงินให้มันก็ไม่รับ  เราก็เลยขอบคุณมันแทน  พี่ชายที่มาช่วยมันขายของก็ยิ้มให้ผมกับโก๋  เท่ดีครับ  วิ่งออกมาจากซอยข้าวแกงก็แวะซื้อตะโก้เจ้าประจำมา  3  แพค  โก๋ได้ลูกชุบมา  3  เผือกกวนอีก  2    รีบจ่ายตังค์แล้ววิ่งฝ่าละอองฝนขึ้นรถโก๋  เหลือบมองคนหน้าขาวปากแดงเอามือมาบังฝนให้แล้วอดอมยิ้มไม่ได้  ถึงมันจะช่วยบังหยาดฝนได้ไม่มากนัก  แต่มันก็ได้ใจผมไปเต็มเข่ง  วิ่งมาถึงรถมันก็เปิดประตูฝั่งผมให้เข้าไปนั่งก่อน  มันถึงจะวิ่งไปนั่งที่คนขับ  ดึงคอเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าแล้วหันไปมองหน้าโก๋  ยิ้มบางกับท่าทางอารมณ์ดีที่เย็นนี้มีผมนั่งกินข้าวเย็นพร้อมกัน

“ต้อมหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋าโก๋ให้หน่อยครับ..”  เอี้ยวตัวไปมองเบาะหลังแล้วโน้มตัวไปค้นกระเป๋า  หยิบผ้าขนหนูส่งให้ก็เห็นว่ามันมองผมอยู่ก่อน  โก๋ยิ้มตอบผมแล้วรีบเอาผ้าเช็ดหน้าลวก ๆ แล้ววางไว้บนตัก  ยิ้มให้มันแล้วขยับมานั่งให้สบาย ๆ  ไม่ถึง  15  นาทีก็เข้าบ้านมันแล้วครับ  มันวิ่งฝ่าฝนไปเปิดรั้วแล้ววิ่งกลับมาขับรถเข้าบ้าน  รวบถุงกับข้าวเอาไว้เองเพราะมันทำมาเยอะแล้ว  มันแย่งถุงผมก็บอกมัน

“เราถือได้  ไปเตรียมจานไป  เดี๋ยวพวกนี้เราถือเอง”  มันยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้ามาหอมขมับผมดังฟอดใหญ่  มองแผ่นหลังที่กระวีกระวาดเปิดประตูบ้านแล้วยกมือขึ้นลูบแถวไรผม   ยิ้มบางกับฝ่ามือตัวเองแล้วรีบลงจากรถตามมันเข้าบ้านไป  วางกับข้าวกับขนมไว้บนโต๊ะแล้วช่วยมันขนจานกับน้ำ  แกะกับข้าวมันก็แย่งผมแกะ  หยิบถุงไหนมันก็รีบมาแย่ง  หัวเราะกันไปกินข้าวกันไป  กินเสร็จผมก็เก็บกวาดจานมากองรวมกัน  กำลังจะยกไปล้างโก๋ก็ดึงมือให้นั่งลง  แกะลุกชุบมายื่นให้ชิม  ยิ้มให้มันแล้วยื่นมืออกไปรับมากินเอง  ลูกต่อมามันไม่ยอมให้กินเองผมก็ปล่อย

“อร่อยเนอะ  โก๋ชอบที่เป็นรูปฟักทอง  มันน่ารักดี  ต้อมชอบลูกไหน?”  มองลูกชุบรูปผลไม้หลากสายพันธุ์ที่นอนนิ่งอยู่ในแพคแล้วตัดสินใจไม่ถูก  เงยหน้ามายิ้มให้มันแล้วบอกว่าชอบฟักทองเหมือนมันนั่นล่ะ  ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้มกว้างแล้วดึงหน้าผมมาจูบที่แก้ม  กอดผมไว้ทั้งตัวแล้วหอมหัวผมอีกฟอดใหญ่  ผละออกมามองตาผมแล้วบอก.. 

“นั่งไปเถอะ..โก๋ล้างจานเอง”  ยิ้มบางแล้วหยิบลูกชุบรูปฟักทองมาใส่ปาก  กินจนหมดแพคก็เก็บกวาด  ที่ยังไม่ได้กินก็เข้าตู้เย็น  เดินไปดูคนล้างจานแล้วยืนอมยิ้มมองมันขะมักเขม้นกับการล้างจาน  เดินไปยืนข้าง ๆ แล้วช่วยเก็บจาน  ล้างมือเสร็จก็เช็ดมือที่ชายเสื้อมัน 

“คุณครับ..มันสกปรกมั้ยเนี่ย?”  หัวเราะเสียงดังตอบแล้วเบี่ยงหลบอ้อมแขนที่วาดตัวผมเข้าหาอกมัน  เสียงหัวเราะของโก๋ดังอยู่บนหัวพร้อมกับปลายจมูกที่กดลงบนแก้มผมเบา ๆ เงยหน้ายิ้มกว้างตอบแล้วหลับตารับสัมผัสเย็นที่ปลายจมูก  ลืมตาขึ้นมาสบแล้วยิ้มอ่อนโยนตอบรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้  โก๋ก้มลงมาจุ๊บปากผมเบา ๆ แล้วจูงมือเดินออกมานั่งเล่นที่โซฟาหน้าทีวี  โก๋นั่งแต่บังคับให้ผมนอนหนุนตัก  ยิ้มแล้วยอมล้มตัวหนุนตักแข็ง ๆ โดยดี  เราไม่ได้เปิดทีวีดูครับ  เพราะฝนตกหนักแล้วฟ้าก็ร้องตลอดเวลา  ผมกลัวฟ้าผ่า  ถึงแม้ว่า..การที่ผมหนุนตักโก๋มันอาจจะเป็นสายล่อให้ฟ้าผ่ามากกวาการเปิดทีวีก็เถอะ  นอนหลับตาปล่อยให้โก๋ลูบผมเล่น  ฟังเสียงฝนตกจนฝนเงียบ  เพลินกับปลายนิ้วเย็น ๆ จนเกือบจะหลับก็นึกขึ้นได้

“กี่โมงแล้วโก๋  ลืมบอกแม่ว่ามากินข้าวเย็นบ้านโก๋  ป่านนี้รอกินข้าวแย่แล้ว”  ลุกนั่งแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมา  เงยหน้ามองรอบกายที่ปกคลุมด้วยความมืดก่อนจะจ้องดูเวลาที่หน้าจอ  ทุ่มพอดี  กดโทรออกแล้วบอกแม่ว่ากินข้าวบ้านโก๋เรียบร้อยแล้ว  ให้กินข้าวได้เลยไม่ต้องรอ ยังไม่ทันจะพูดจบโก๋ก็กระซิบบอกผมข้างหูเบา ๆ

‘คืนนี้ค้างที่นี่นะต้อม..อยู่เป็นเพื่อนโก๋นะ’  นั่งตัวแข็งเมื่อฟังประโยคขอร้องของโก๋จบ  เสียงแม่ถามอยู่ในโทรศัพท์ว่าผมจะกลับกี่โมง  มือเย็นสอดเข้ามากอดเอวผมแล้วเกยคางรอคำตอบ  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเม้มปากแน่น  คิดหาคำตอบในใจนานจนแม่ถามว่าผมยังถือสายอยู่รึเปล่าถึงได้กลั้นใจบอกแม่..

“วันนี้ต้อมค้างกับโก๋นะแม่  บ้านมันไม่มีใครอยู่เลย  ครับ  ครับ  สวัสดีครับ”  วางหูจากแม่แล้วนั่งนิ่งให้ริมฝีปากสีแดงจูบที่ใบหู  เสียงกระซิบขอบคุณจากโก๋ดังอยู่แถวนั้น  ใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อริมฝีปากสีแดงจัดของมันจูบระลงมาแถวแก้ม  หัวใจเต้นโครมครามจนกลัวโก๋จะได้ยิน..น่าขายหน้าชะมัด

“มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนมั้ย?  เหนียวตัว  จะอาบน้ำ..”  กลั้นใจลุกพรวดแล้วก้าวห่างออกมา   3  ก้าว  เบือนหน้าหนีแล้วถามหาเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนตอนอาบน้ำเสร็จ  หมุนตัวไปมาเมื่อหางตาเหลือบเห็นโก๋ลุกขึ้นยืน  สะดุ้งกับฝ่ามืออุ่นที่แตะแขนเบา ๆ ก่อนจะลูบไปตามท่อนแขนแล้วโอบผมไว้หลวม ๆ หลังสัมผัสกับแผ่นอกแกร่ง  อุ่นจนร้อน  กลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากนุ่มจูบลงที่ขมับผมอีกครั้ง  จับแขนผมให้หันมาหา  ฝ่ามือเย็นประคองหน้าผมให้หันมารับจูบร้อน

“กะ  โก๋..เดี๋ยว  เดี๋ยวก่อน..”  ริมฝีปากผมที่เบี่ยงหนีถูกควานหามาปิดเสียงประท้วงจนได้  มือที่ประคองหน้าเลื่อนมาจับท้ายทอยให้มันจูบผมได้ถนัดมากขึ้น  ปลายลิ้นอุ่นแตะลงบนริมฝีปากล่างผมเบา ๆ หัวใจเต้นแรงกลบเสียงรอบกาย  มันกอดผมไว้หลวม ๆ ก้าวขาถอยหลังกลับมาที่โซฟาช้า ๆ เดินตามเงอะงะงุ่มง่าม  2  มือขยำเสื้อมันจนเจ็บ  เสียงริมฝีปากสัมผัสผมดังน่าอายดังก้องอยู่ในหัว  ริมฝีปากชาไปหมดเมื่อโก๋ถอนปากออกมาจูบที่ปลายคาง  หายใจหอบหนักเมื่อฝ่ามือเย็นลูบเข้ามาในเสื้อ  ไล้ปลายนิ้วตามแนวกระดูกสันหลังช้า ๆ  จนเลยมาถึงท้ายทอย 

“หายใจ..”  ริมีปากสีแดงกระซิบบอกผมที่ริมฝีปากบนก่อนจะประกบปิดเสียง  ปล่อยให้ผมหัดหายใจทางจมูกเองจนผสานเข้ากันได้กับลมหายใจของมันเอง  มือเย็นที่ท้ายทอยโน้มหน้าผมให้ก้มลงมารับจูบจากโก๋ให้มากขึ้น  มืออีกข้างเลื่อนมาจับมือผมที่ขยำเสื้อมันออก  แล้ววางมือผมให้คล้องคอมันไว้ทั้ง  2  ข้าง  ฉกปลายลิ้นเลาะเล็มชิมเนื้อริมฝีปากผมจนพอใจ  ก่อนจะสอดเข้ามาควานหาปลายลิ้นผมไปชิม  มือข้างหนึ่งประคองท้ายทอยผม  มืออีกข้างโอบเอวผมให้แนบชิดจนไม่มีช่องว่างให้สิ่งใดแทรกได้  เสื้อผมถูกเลิกขึ้นมาจนถึงคอก่อนมันจะผละออกดึงเสื้ออกจนพ้นหัว  ไม่ทันได้ตกใจริมฝีปากนุ่มก็เข้าประชิด  ลมหายใจกับลิ้นอุ่นทำผมมึนงงอีกครั้ง 

เอนหลังลงราบกับโซฟาโดยที่ริมฝีปากของเรายังคงประทับติดฝ่ามือเย็นสัมผัสไปตามเนื้อตัวผม  เน้นหนักที่หน้าอกและตุ่มไตที่แข็งสู้มืออย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของ   สะดุ้งกับปลายนิ้วที่คลึงยอดอก  พอจะดึงมือที่คลึงยอดอกออก  มือมันอีกข้างก็ป้วนเปี้ยนแถวเป้ากางเกง  จับ ๆ บีบ ๆ นวด ๆ จนน้องชายผมมันแข็งปั๋ง  ริมฝีปากกระกบแน่นขึ้น  ลิ้นเกาะเกี่ยวดูดดื่มจนผมต้องยอมแพ้

“ปิดไฟก่อนนะครับ”  มันผละออกแล้วบอกรวดเร็ว  ผมยังไม่ทันจะลุกนั่งหรือเรียกสติมันก็กลับมาคร่อมจูบ  บดเบียด  เค้นคลึงจนผมต้องแอ่นตัวตามหาริมฝีปากที่เหมือนจะผละออกจากยอดอก  เสียงครางของตัวเองถูกเสียงฝนข้างนอกที่กำลังโปรยปรายให้ความชุ่มชื้นกลบอีกครั้ง  กางเกงและกางเกงในถูกถอดออกตอนที่แอ่นหน้าอกอีกข้างรับริมฝีปากและลิ้นอุ่น  ร้อนไปทุกที่ที่ปลายลิ้นลากผ่าน  ปลายนิ้วชี้แตะลากจากหน้าท้องจนถึงส่วนปลายที่มีน้ำเหนียวน่าอายของผมช้า ๆ วนปลายนิ้วที่ท่อปล่อยน้ำเสียของร่างกายแล้วกดลงตรงกลางเบา ๆ เสียวจนต้องครางใส่ปลายลิ้นที่ยังประกบอยู่  โก๋แทรกตัวเข้ามาจนท่อนแข็งของมันกดโดนช่องทางร้อนของผม  ปลายนิ้วบี้ที่เส้นประสาท  สะโพกกดเน้นจนช่องทางร้อนของผมมันอึดอัดไปหมด 

“ให้โก๋ทำนะ..”  โก๋ผละมากระซิบบอกผมข้างหู  หายใจหนักหน่วง  ไม่ตอบคำขอเรื่องที่โก๋จะทำ  หลับตาแน่นเมื่อโก๋ลงลิ้นหนักที่หน้าท้องก่อนจะแตะเลียน้ำเหนียวส่วนปลายของผมไปชิม  เสียงริมฝีปากนุ่มครอบครองความต้องการของผมดังจนตัวเองอาย  2  มือปะป่ายหาที่ยึดเมื่อโก๋กินความต้องการของผมไปจนสุดความยาว  เด้งเอวสวนริมฝีปากที่โยกเข้าโยกออกอย่างลืมตัว  อ้าปากเลียปลายนิ้วที่โก๋ส่งเข้ามาอย่างไม่อาย 

“เจ็บนิดเดียวนะครับ”  มันพูดเสร็จก็ดันนิ้วเข้ามาในช่องทางร้อนของผม  ค่อย ๆ ส่งมันเข้ามาจนหมดนิ้วชี้  ริมฝีปากแดงยังคงวุ่นวายอยู่กับความต้องการของผมที่ยังคงเรียกร้องการปลดปล่อยอยู่ในริมฝีปากมัน  พอผมเริ่มไม่เจ็บมันก็ดูดความต้องการผมแรงขึ้นพร้อมกับส่งนิ้วกลางเข้ามาอีกนิ้ว  ทำแบบนี้ไปจนนิ้วมันอยู่ในตัวผมครบ  3  นิ้ว  น้ำหล่อลื่นของผมถูกมันชิมจนผมจวนจะถึงสวรรค์

“อาห์..ขอเข้าไปนะ”  มันผละริมฝีปากออกจากความต้องการของผม  แล้วยันตัวขึ้นมากระซิบที่ข้างหู  พรมจูบทั่วหน้าผมก่อนจะดึงนิ้วออกแล้วถอดเสื้อผ้ารวดเร็ว  หันหลังให้ผมแป๊บเดียวแล้วกลับมาพร้อมความแข็งขืนขนาดไม่ธรรมดาที่บอกถึงความต้องการของเจ้าตัว  มองโก๋ฉีกซองป้องกันแล้วสวมช้า ๆ ด้วยความรู้สึกเสียวแปลบปลาบที่ช่องทางร้อนของตัวเอง  ถ้าโดนเข้าไป..เลือดไม่ท่วมเลยเหรอนี่?

โก๋ยิ้มให้ก่อนจะลูบแก้มผม  ขยับเข้ามาแทรกตัวท่าเดิมแล้วจูบแผ่วเบาและเพิ่มความร้อนแรงด้วยปลายลิ้นร้อนตามแรงอารมณ์  โก๋จับต้นขาผมขึ้นพาดกับซอกคอ  ใช้ศอกพยุงตัวเองมองโก๋บีบเจลสีใสลงฝ่ามือจนเต็มก่อนจะละเลงท่อนแข็งของตัวเองและป้ายลงที่ช่องทางร้อนของผมเอง  หายใจหอบหนักเมื่อนิ้วที่เปื้อนเจลเลื่อนขึ้นมาจับความต้องการที่นอนหดของผมให้สู้มืออีกครั้ง  เอนหลังนอนราบแล้วโน้มคอคนข้างบนมาจูบ  อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเห็นสายตาที่กำลังจะกินผมอยู่ตอนนี้

ขยับก้นถดหนีเมื่อแท่งร้อนจ่ออยู่ตรงทางเข้า  โก๋ประคองหน้าผมขึ้นมาจูบแล้วผละออกมาสบตา  ดวงตาอ่อนโยนมองผมนิ่งนานเหมือนรอให้ผมเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะยอมให้เข้าไปหรือจะ..ไว้วันหลัง  ถอนหายใจยาวแล้วหลุบตามองหน้าอกแกร่งตรงหน้า  ถึงเลี่ยงวันนี้ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าวันอื่นจะเลี่ยงได้ไปตลอด  ตราบใดที่ผมกับโก๋ยังรักกัน  เหตุแบบที่เกิดอยู่ตอนนี้มันก็ต้องเกิดอยู่ดี  ผ่อนคลายกล้ามเนื้อตัวเองแล้วหลับตารับทุกอย่างของโก๋   น้ำหนักตัวที่กดลงมาและจูบอบอุ่นทำให้ผมไม่ค่อยกลัวมากเท่าไหร่

มือเย็นจับความต้องการของผมรูดขึ้นลงช้า ๆ จูบหวานดูดดุนยอดอกสลับกับเลื้อยขึ้นมาบดริมฝีปากผมเป็นระยะ  แท่งร้อนดันเข้ามาช้า ๆ ความเย็นและความลื่นของเจลช่วยให้ผมไม่เจ็บมากนัก  บางที..อาจจะเพราะโก๋ขยายช่องทางของผมไว้ก่อนก็ได้  อะไรก็เถอะ..ขอบคุณที่มันไม่ค่อยเจ็บมากเหมือนที่ผมกลัว

“..แน่นจัง..”  หายใจรวยริน  หน้าร้อนผ่าวกับเสียงกระซิบข้างหูของโก๋  ความยาวของมันเข้ามาจนรู้สึกถึงขนหยาบแถวหน้าท้องของมัน  ผมถูกมือเย็นประคองหน้าให้รับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปาก  ปลายลิ้นลากไล้วนชิมเนื้อริมฝีปากจนต้องเผยอรับเรียวลิ้นเข้ามาเกี่ยวพัน  มือเย็นจับมือผมมาประสานนิ้วแนบแน่น  สะโพกหนาขยับเชื่องช้า  รับความยาวที่เข้ามาจนความรู้สึกเจ็บอึดอัดเริ่มจางหาย  ความยาวของโก๋ดันเข้ามาชนจุดที่ผมต้องสะดุ้งเฮือก

“ตรงนี้เหรอ?”  หายใจหอบหนักเมื่อมันไม่ถามเปล่า  โก๋ดันความยาวของมันเข้ามาที่เดิมก่อนจะเพิ่มความแรงจนผมต้องแหงนหน้าครางไม่เป็นภาษา  ยกสะโพกรับความแรงที่เพิ่มตามอารมณ์  เลือดสูบฉีกแรง  หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมานอกอก  เด้งสะโพกสวนความยาวจนคนข้างบนกลั้นเสียงครางไม่ไหว

“ซืดดด..อ่ะห์  ไม่ไหวแล้วต้อม”  ทันทีที่เสียงแหบพร่าบอก  ผมก็ปลดปล่อยน้ำรักใส่หน้าท้องโก๋จนเปรอะไปหมด  โก๋จับสะโพกผมแน่นแล้วกระหน่ำแรงเข้ามาไม่ยั้งจนเจ้าตัวซบหน้ากับซอกคอผม  ปลายจมูกโด่งลากไล้มาจนถึงปลายจมูกผม  นิ่งอยู่แบบนั้นจนปรับลมหายใจเป็นปกติ  สบตาเชื่อมแล้วมองจนริมฝีปากแดงแตะลงริมฝีปากผม  จูบนุ่มนวลเนิ่นนานก่อนจะถอนความต้องการออกช้า ๆ ตระกองกอดแล้วกดหน้าลงกับหน้าอกผม  ความเหนื่อยจากกิจกรรมทางกายส่งให้ผมหลับสนิทบนโซฟา  หน้าอกมีโก๋ซบฟังเสียงหัวใจ  ฝ่ามือผมก็มีมือเย็นของโก๋เกาะกุม  รู้สึกตัวตื่นเมื่อแผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่มในห้องนอนโก๋

“นอนไปก่อนนะ  เดี่ยวโก๋เช็ดตัวให้”  ลืมตามามองก่อนจะยิ้มบางตอบโก๋  หลับตาให้โก๋ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามเนื้อตัวให้  ก่อนจะกอดตอบอ้อมกอดอ่อนโยนของโก๋

กอดตอบ..คนรัก








และหลับสนิทที่สุดในรอบปี..


END.

บวก ๆ กอด ๆ ค่าาาา
ร่างกายสะบักสะบอมมากค่ะกีฬาปีนี้  จิไม่ได้แก่นะคะ  แต่มัน..มันทำไมมันย่ำแย่ขนาดนี้ก็ไม่รู้อ่าาา TT
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++3++ 27/05/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-06-2015 16:50:14
คู่นี้ต้องให้คำนิยามว่า 'โก๋-ต้อม เปลือกทุเรียนสื่อรัก' เลยนะคะเนี่ย :laugh: ถ้าไม่เป็นเพราะพลังลมปราณของทุเรียนในวันนั้น ทั้งสองคนก็คงจะไม่ได้ลงเอยกันเสียทีหรอกเน้อ~ ><

ส่วนบุคลิกของโก๋นอกเวลา ตึงๆ ตึง  ตึ่ง ตะลึง ตึงๆ กับต้อมเนี่ยน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินค่ะ~ เพราะเดี๋ยวก็ซบ เดี๋ยวก็ออดก็อ้อน จนต้อมที่เคยใจแข็งดั่งหินผา(?) ต้องอ่อนลงยวบยาบอย่างกับขี้ผึ้งถูกไฟลนเลยเชียว :-[ น่าหยิกขนาดนี้ใครทนได้ก็ทนไป แต่ต้อมบอกเลยค่ะว่า 'ต้อมจะไม่ทน~' :laugh3:

ใช่หรือเปล่าคะต้อม~ >.<
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ + 4 + 05/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 05-06-2015 20:20:20
คุณโก๋ดูอ่อนโยน น่ารักกับน้องต้อมมากๆๆ :katai2-1:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ + 4 + 05/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 06-06-2015 10:16:24
อืม โก๋ ก็มีมุมขี้อ้อนน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ..... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ + 4 + 05/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 08-06-2015 10:40:40
อุ๊ย เขิน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ + 4 + 05/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-06-2015 16:36:41
น้องโก๋อ่อนโยนมากเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ + 4 + 05/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 16-06-2015 16:22:02
เป็นตอนพิเศษของคู่นี้ค่ะ 
คุณหนูมะเขือเทศ : พี่หนุ่ม  น้องต๋อง
  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2954043#msg2954043)


แสงแดดแรกของเช้าวันเสาร์ส่องกระทบกระจกหน้าต่าง  ลืมตาตื่นแล้วลุกขึ้นนั่ง  เหม่อมองสิ่งมีชีวิตที่ส่งเสียง  ’จิ๊บ ๆ’นอกหน้าต่างแล้วยิ้มบางกับภาพที่เห็น  นกตัวเล็ก ๆ บินจากกิ่งไม้หนึ่งไปอีกกิ่งอย่างมีความสุข  เปิดหน้าต่างรับไอเย็นจากฝนทิ้งความชื้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเข้าเต็มปอด  ยิ้มให้ทุกสิ่งบนโลกแล้วหมุนตัวไปทางห้องน้ำ  เดินเข้าไปจัดการล้างหน้าแปรงฟัน  อาบน้ำ  ส่องดูสิวที่คางแล้วยกยิ้มกับหน้ากระจก

“หายแล้ว”  เดินออกมาแต่งตัวแล้วลงมาข้างล่าง  ดิ่งเข้าครัวหยิบกล่องแซนด์วิชที่ทำกับแม่ในครัวเมื่อเย็นวานออกมาเวฟ  ระหว่างรอก็เดินย้อนกลับไปตักข้าวกิน  ยืนหมุนตัวไปมาในครัวแล้วหยิบกล่องลายหมีพูห์ออกมาวางคู่กับกล่องใสธรรมดา  ถ้าให้เลือกผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า..ต้องน้องพูห์!  แต่ถ้าใส่ไปแล้ว  พี่หนุ่มอาจจะขำที่ผมเป็นแฟนคลับวอลล์ดิสนีก็ได้  ถอนหายใจแล้วหยิบกล่องหมีพูห์ออกมา..เก็บเข้าตู้  ใช้กล่องใสแทน..

ก็ผมอายนี่!

จัดแซนด์วิชลงกล่องแล้วเดินไปเปิดเอาน้ำเก๊กฮวยกับเต้าหู้นมสดมาใส่กระเป๋าเก็บความเย็นให้เรียบร้อย  เสียงรถยนต์แล่นเข้าบ้านทำให้ผมต้องวิ่งไปชะโงกหน้าดูตรงหน้าต่าง  พี่หนุ่มลงจากรถมาไหว้แม่ผมที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน  รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำในครัวส่องกระจก  หมุนซ้ายขวาแล้วรีบเทแป้งใส่ฝ่ามือ  ถูมือเกลี่ยแป้งในมือจนเหลือแป้งติดนิดเดียว  มองกระจกใหม่แล้วผัดเข้าไปที่หน้า  ส่องดูว่ามันเนียนทั่วกันแล้วรีบเดินออกมาหยิบกล่องกับกระเป๋ามื้อกลางวันไปหาพี่หนุ่ม

“พี่หนุ่มหวัดดี..”  ส่งเสียงทักทายพี่หนุ่มที่นั่งรอผมตรงโซฟา  แม่หันมาทำตาดุใส่ผมแล้วหันกลับไปยิ้มให้พี่หนุ่ม

“ทำใจนะหนุ่ม  น้องมันไม่รู้จักโตซะที  แทนที่จะวางของก่อนแล้วค่อยไหว้  ดันไหว้ทั้งที่ของอยู่เต็มมือ”  พี่หนุ่มที่ลุกมาช่วยรับของจากมือผมไปถือยิ้มบางให้แม่  ‘ไม่เป็นไรครับ’  มองพี่หนุ่มที่ตอบแม่เคลิ้ม  ตาคมกริบ  จมูกโด่ง  ปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน  พี่หนุ่มก้มมามองผมแล้วยิ้มกว้าง  ยิ้มเขิน ๆ ตอบแล้วเสไปหยิบแว่นมาสวม..แก้เขิน

“เย็นผมจะแวะเข้าตลาดก่อนมาส่งน้องที่บ้านครับ  แม่จะให้ผมซื้ออะไรเข้ามาทำกับข้าวมื้อเย็นครับ”  แม่ยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบ  ผมเลยบอกพี่หนุ่มว่าเดี๋ยวพ่อมารับแม่ไปธุระด้วยกัน  กลับดึก ๆ เย็นเราต้องหาอะไรกินกันเอง  พี่หนุ่มพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปขอตัวพาผมออกไปข้างนอก  แม่ยิ้มอนุญาตแล้วให้ผมเข้าไปหยิบร่มคันใหญ่ติดรถไปด้วย 

วันนี้ผมกับพี่หนุ่มจะไปดูประกวดพรรณไม้ที่สวนสาธารณะใหญ่ประจำจังหวัดครับ  ในงานมีร้านมาขายต้นไม้เยอะแยะ  แล้วเราก็ตั้งใจจะไปนั่งกินข้าวเที่ยงกันที่นั่นด้วย  ขึ้นรถเสร็จพี่หนุ่มก็ขับพาไปที่สวน  มือใหญ่เลื่อนมาจับมือไปกุม  เบือนหน้าไปมองทิวทัศน์ข้างทาง  ปล่อยให้มือขวาตัวเองอยู่ในมืออุ่นไปจนถึงสวน  พี่หนุ่มหิ้วกระเป๋าใสเก๊กฮวยกับเต้าหู้นมสด  ผมหอบกล่องแซนด์วิชไว้กับอก  ล้วงกระเป๋าหยิบกล้องถ่ายรูปมาสะพายไหล่    ยืนรอพี่หนุ่มที่เดินไปหยิบเสื่อจากท้ายรถ    ยิ้มให้มืออุ่นที่แตะแขนให้เดินเข้างานไปพร้อมกัน  พี่หนุ่มรวบของทั้งหมดเดินไปฝากไว้ที่จุดรับฝากของ  เราซื้อตั๋วหน้าทางเข้างานแล้วเดินชมความสวยของกล้วยไม้โซนแรกที่อวดความงามจนผมกับพี่หนุ่มเก็บภาพกันจนเพลิน  ได้กล้วยไม้สกุลช้างมา  3  ต้น  ไม่แพงด้วยครับ  เดินดูกล้วยไม้เพลินจนเกือบเที่ยง  พี่หนุ่มก็บอกให้กินข้าวก่อนค่อยดูโซนที่เหลือ

เดินย้อนกลับออกมาแล้วให้พนักงานปั๊มตราที่แขนไว้เผื่อเราจะกลับเข้าไปดูอีกรอบ  จะได้ไม่ต้องเสียเงินอีก  เลือกมุมที่ห่างคนอื่นหน่อยแล้วปูเสื่อ  นั่งลงบนเสื่อแล้วหยิบกล่องแซนด์วิชมาวาง  เปิดฝากล่องแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคม

“ต๋องทำแซนด์วิชมา..กินให้หมดด้วย”  พี่หนุ่มยิ้มบางแล้วพยักหน้า  หยิบชิ้นแรกส่งให้แล้วนั่งจ้องคนตาคมที่กินตุ้ย ๆ  อมยิ้มเมื่อพี่หนุ่มยื่นมือมาขอชิ้นที่  2  เรานั่งกินกันจนหมดกล่อง   พี่หนุ่ม  5  ผม  2  ตามด้วยเต้าหู้นมสดคนละ  2  ถ้วย  ตบท้ายด้วยน้ำเก๊กฮวย  นั่งลูบท้องตัวเองแล้วหันมองซ้ายขวา  คนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้สุดตอนนี้หายกันไปหมดแล้ว  สะดุ้งสุดตัวกับน้ำหนักที่หน้าตักตัวเอง   พี่หนุ่มล้มตัวนอนหนุนตักแล้วทิ้งแขนลงข้างตัว  กะพริบตาปริบมองตาคมที่จ้องหน้าผม  เบือนไปมองสระกว้างด้านข้างแล้วยกมือขึ้นกอดอก

“กินแล้วนอนไม่ดีนะครับ..เดี๋ยวกรดไหลย้อนนะ”  พึมพำบอกคนที่นอนหนุนตักเบา ๆ  หัวใจย้ายไปเต้นที่ตักเสียงดังโครมครามจนกลัวว่าคนตาคมอาจจะได้ยิน  มืออุ่นดึงแขนที่กอดอกของผมออก   แล้วคว้ามือผมมาแนบแก้ม  หัวใจย้ายไปเต้นที่มือทันที  หน้าร้อนผ่าวลามไปถึงคอ  ขืนมือไว้แต่ก็ก็สู้แรงคนนอนตักไม่ได้   ปล่อยให้มือตัวเองสัมผัสแก้มสากจนกว่าคนนอนหนุนตักจะยอมตื่น  แอบเหลือบมองมือตัวองที่แตะแก้มสากแล้ว..เบือนหน้าซ่อนยิ้ม  เขินก็เขิน  แต่จะดึงออกตอนนี้ก็เสียดาย   เบือนไปมองมือตัวเองที่ถูกมือใหญ่กระชับแน่นขึ้น  คนหลับยิ้มกว้างทั้งที่ยังหลับตานิ่ง 

ผมรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงหน้าผมแรงขึ้น  ความร้อนลุกลามจากหน้าไปถึงมือข้างที่พี่หนุ่มกุมอยู่อย่างห้ามไม่ได้  เสหยิบแว่นสายตาออกมาสวมแล้วนั่งนิ่งเป็นหุ่น  เบือนหน้าไปมองเป็ด  3-4  ตัวที่เล่นน้ำในสระแทน  พี่หนุ่มนอนรับลมเย็นพักใหญ่ก็ลืมตาตื่น  ลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องหน้าด้านข้างของผมนิ่ง  ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าพี่หนุ่มทำหน้ายังไง..ยิ้มอยู่แน่ ๆ ครับ  ขยับแว่นแล้วรีบหันกลับมาเก็บของ  ก้มหน้าก้มตาเก็บทุกอย่างมายัดใส่ตักพี่หนุ่ม  ลุกพรวดพราดแล้วเดินนำลิ่วไปที่รถ  พี่หนุ่มวิ่งตามมาแล้วเก็บของใส่รถ  ยืนพิงรถรอไม่ถึง  5  นาที  พี่หนุ่มก็เดินมาแตะแขนให้ไปเดินดูต้นไม้กันต่อ  ก้มหน้าก้มตาขยับแว่นแก้เขินจนไปถึงโซนไม้ประดับ  พี่หนุ่มดึงมือให้ดูกุหลาบในร้านแรก  โห..สวยมากครับ  สีแดงเข้ม  กลีบอิ่ม  ใบเขียวจัดแล้วก็ลื่นมือมาก  หันไปมองหน้าพี่หนุ่มแล้วรีบบอกให้ซื้อไปปลูกที่สวนหน้าบ้านทันที   พี่หนุ่มหิ้วต้นกุหลาบเดินตามผมที่วิ่งเข้าร้านโน้น  ถ่ายรูปร้านนี้  แบบไม่ปริปากบ่นสักคำ  แถมยิ้มกว้างส่งให้ตลอดเวลาด้วยครับ  กว่าจะรู้ตัวว่าหายจากการเขินก็คือซื้อแก้วมังกรในโซนสุดท้ายมาเรียบร้อยแล้ว  วันนี้ประทับใจมากเลยครับ  ได้เห็นต้นไม้แปลก ๆ เยอะแยะเลย  แล้วที่สำคัญนะ..ผมได้หม้อข้าวหม้อแกงลิงมิแรนด้ามา  3  ต้นครับ  มันมีถุงดักแมลงใหญ่มากอ่ะ   เห็นแล้วฮาดีก็เลยซื้อไว้ 

“เร็วมากเลย  นี่  5  โมงเย็นแล้วอ่ะ  พี่หนุ่มแวะตลาดซื้อกับข้าวถุงไปกินกันนะครับ  แล้วก็แวะเอาหม้อข้าวหม้อแกงลิงไปฝากฟ่งด้วย”  ขับถึงตลาดก็  5  โมงครึ่ง  พี่หนุ่มหยิบต้นไม้ของผมแล้วถือไปให้ไอ้ฟ่งที่เขียงหมู  ยืนโม้กันนิดหน่อยก็ออกมาซื้อกับข้าวถุง  ได้แกงเขียวหวานกับลาบหมูมาอย่างละถุง  ผมเดินย้อนมาสั่งยำที่ร้านประจำแล้วชวนพี่หนุ่มไปหาไอ้โก๋ที่แผงผลไม้  ตั้งแต่หนุ่มแผงตรงข้ามยอมคบด้วย  มันก็ไม่เคยอยู่ที่แผงตัวเองเลยสักครั้งครับ

อุดหนุนชมพู่กับลิ้นจี่ที่ร้านแฟนมันเสร็จก็เดินย้อนกลับมารับยำที่สั่งไว้  ขึ้นรถกลับมาถึงบ้านผม  6  โมงครึ่ง  พี่หนุ่มช่วยขนของลงจากรถ  ผมยืนจัดการอุ่นกับข้าวที่ซื้อมา  ส่วนพี่หนุ่มเดินไปปลูกกุหลาบที่ซื้อมาเมื่อกลางวันที่สวนหน้าบ้านผม  อุ่นกับข้าว  ล้างชมพู่แล้วเข้าตู้เย็นเสร็จก็ถือน้ำออกไปให้คนสวนกิน

“พี่ลงทั้งหมดเลยนะครับ  ฝากรดน้ำให้ด้วย”  ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับคำ  นั่งรับลมเป็นเพื่อนพี่หนุ่มจนเหงื่อพี่หนุ่มแห้งก็เข้าบ้าน  เดินไปเปิดไฟในบ้านแล้วชวนพี่หนุ่มเข้าไปกินข้าวในครัว  กินอิ่มก็เดินออกไปนั่งย่อยหลังบ้าน  หย่อนก้นนั่งที่ชิงช้าหลังบ้าน  พี่หนุ่มก็มายืนข้างหลังแล้วไกวชิงช้าให้ 

“ที่โรงเรียนเป็นไงบ้างครับ  พี่จำได้ว่าเดือนหน้าจะมีกีฬาสี..”  พยักหน้ารับแล้วเล่าให้ฟังว่าผมเล่นบาสให้สีตัวเอง  ต้องตั้งใจเล่นเพราะจบกีฬาสีแล้ว  โค้ชทีมโรงเรียนจะบอกชื่อนักกีฬาเด่น ๆ แต่ละสีที่เล่นเข้าตา  แล้วคัดเข้าทีมบาสโรงเรียนไว้แทนที่รุ่นพี่ที่จะจบไป

“ต๋องอยากเป็นตัวจริงอ่ะพี่หนุ่ม  อยากเล่นกับทีมจากที่อื่น”  หันไปบอกพี่หนุ่มที่ยืนไกวอยู่ข้างหลัง  พี่หนุ่มยิ้มโชว์ฟันขาวผ่านความมืดมาให้  ผมอยากเล่นกับทีมจากโรงเรียนเอกชนที่โรงเรียนเราแพ้ให้เมื่อครั้งที่แล้วครับ  ทีมนี้มันเก่งยกทีม  เล่นเข้าขาแล้วก็เก่งทุกตัวเลย   สาวแท้สาวเทียมโรงเรียนผมพลิกลิ้นไปเชียร์ทีมตรงข้ามกันหมด  นักบาสโรงเรียนผมเสียความรู้สึกกันน่าดู  ผมด้วยครับ.. 

“เข้าบ้านกันครับต๋อง  ดึกแล้ว”  พี่หนุ่มจับชิงช้าให้หยุดแล้วก้มกระซิบชวนเข้าบ้าน  แก้มสัมผัสกับลมหายใจอุ่นที่เป่ารดเบา ๆ   เด้งตัวลุกทันทีแล้วเดินลิ่วเข้าบ้านไม่รอพี่หนุ่ม  พ้นประตูก็ยกมือขึ้นลูบแถมแก้มที่ยังอุ่นอยู่..

“มือไวไม่พอ..ยังจมูกไวอีก”  พึมพำบ่นเบา ๆ แล้วบังคับหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงเมื่อพี่หนุ่มเดินตามเข้ามาในบ้าน  มืออุ่นคว้าแขนผมแล้วออกแรงดึงนิดเดียว..ผมก็หมุนตัวมาเผชิญกับตาคมคู่นั้น  ดวงตาสวยจ้องมองประกายในตาผมก่อนจะไล่สายตาไปมองทุกส่วนบนใบหน้าผมช้า ๆ  ระเรื่อยจนถึง..ริมฝีปาก  มืออุ่นเลื่อนจากเอวผมมาหยิบแว่นสายตาแล้วถอดออกช้า ๆ ก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะวางโทรศัพท์บ้าน  กลั้นหายใจเมื่อดวงตาคู่นั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ  ถ้าผมไม่เบี่ยงหลบตอนนี้..ต้องถูกจูบแน่  จูบจากริมฝีปากบาง  อุ่น  นุ่มของคนตรงหน้า..ที่เคยสัมผัสมาแล้ว  ในหัวมีภาพตัวเองถูกฉกจูบเมื่อ  2  อาทิตย์ก่อน  ตามมาด้วยภาพอีกภาพที่เพิ่งจะเกิดไปเมื่อวันก่อนโผล่เข้ามาซ้อน  ความร้อนจากอากาศนอกบ้านส่งผลกระทบกับร่างกายผมที่ตกอยู่ในอ้อมแขนพี่หนุ่มโดยตรง  แก้มร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู  ในขณะที่ภาพผมถูกจูบลอยเข้ามาให้เคลิ้มตาม  ก็มีอีกเสียงของตัวเองกำลังตะโกนเตือนว่า  ถึงจะเคยถูกจูบมาแล้ว  มันก็ไม่จำเป็นต้องยอมอีกนี่!  กะพริบตาปริบจนขนตาไล้กับปลายจมูกพี่หนุ่ม  ลมหายใจร้อนกำลังแย่งอากาศผมหายใจ   ก้มหน้าลงหนีริมฝีปากที่กำลังจะทาบทับลงมา

“.......”  ไม่มีบทสนทนาใดนอกจากการกอดแน่นขึ้นของพี่หนุ่ม  หลับตาปี๋เมื่อริมฝีปากของตัวเองถูกเนื้อนุ่มอุ่นสัมผัสบางเบา  เบี่ยงหน้าหนีก็ถูกผิวเนื้ออุ่นนั้นตามมาแตะไล้ที่ริมฝีปากล่าง  ริมฝีปากนุ่มของพี่หนุ่มจูบชิมเนื้อริมฝีปากผมเหมือนเอาขนนกมาไล้เล่น  อ่อนโยน  นุ่มนวล..จนต้องปล่อยให้ลมหายใจของตัวเองผสานไปกับคนตรงหน้า  ขยำเสื้อแน่นเมื่อรับรู้ถึงปลายลิ้นที่แตะเลียริมฝีปากตัวเอง  พี่หนุ่มประคองหน้าผมให้เงยรับจูบที่ลึกล้ำมากกว่าเดิม  ปลายลิ้นร้อนฉกเข้ามาดูดรัดปลายลิ้นผมจนหายใจหอบถี่แย่งอากาศหายใจเข้าปอดให้มมากที่สุด  หัวใจเต้นโครมคราม  เลือดที่สูบฉีดเลี้ยงใบหน้าทำงานอย่างหนัก  พี่หนุ่มกอดผมแน่นขึ้น  ริมฝีปากอุ่นขบเม้มริมฝีปากผม  ปลายลิ้นตวัดรัดเกี่ยวจนในหัวขาวโพลน 

ก้าวขาตามแรงนำไปปิดไฟห้องนั่งเล่น  ลืมตามองก็เห็นแต่ความมืด  มีเพียงแสงไฟจากหลอดนีออนนอกรั้วบ้านที่ส่องสว่าง  ครางต่ำกับปลายลิ้นร้อนที่ดึงเอาปลายลิ้นผมเข้าไปดูดชิมในอานาจักรของตัวเอง   พี่หนุ่มอุ้มผมขึ้นทั้งที่ริมฝีปากเรายังสัมผัสกันอยู่  ผมได้แต่หอบหายใจกับ..กอดคอแน่นขึ้นเท่านั้น 

แผ่นหลังเปลือยเปล่าของตัวเองแตะกับที่นอนนุ่ม  ไม่รู้ว่าตัวเองถูกถอดเสื้อไปตอนไหน  รู้แต่ว่า..ริมฝีปากผมไม่ห่างจากพี่หนุ่มเลยแม้เสี้ยววินาที  คนตาคมผละจากริมฝีปากผม  ระจูบเรื่อยลงมาแตะที่ปลายคาง  ซอกคอ  ขบเม้มที่หน้าอก  เลียลิ้นหนักที่ยอดอกจนผมต้องแอ่นตัวตามปลายลิ้น  สองมือที่กอดคอเลื่อนมือมาขยำผมหนาของพี่หนุ่มตามแรงอารมณ์  หอบหนักกับปลายลิ้นที่ลากต่ำแถวสะดือ  เกร็งตัวรับมืออุ่นที่ขยำก้นผมอย่างคนมันเขี้ยว 

“อึ๊..อย่าบีบสิ”  พี่หนุ่มยันตัวขึ้นมาจูบปิดเสียงประท้วงของผม  ครางอืออากับริมฝีปากบาง  บิดเร่ากับฝ่ามืออุ่นที่ลูบความแข็งขืนของตัวเองผ่านกางเกงใน  หลับตาแน่นเมื่อพี่หนุ่มควักน้องชายที่โผล่หัวพ้นขอบกางเกงในให้ออกมารับอากาศภายนอก  สะดุ้งสุดตัวเมื่อส่วนหัวรับความอุ่นร้อนจากโพรงปากแทนที่จะเป็นฝ่ามือ  ปลายลิ้นฉกตวัดเลียเส้นประสาทพร้อมกับขยับโยกขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ  เด้งเอวสวนความอุ่นของโพรงปาก..

“อย่าเกร็งนะต๋อง..”  ลืมตามองพี่หนุ่มที่ถอนริมฝีปากออกมาบอกว่าอย่าเกร็ง  ไม่ทันได้ถามว่าไม่ให้เกร็งเรื่องอะไร..ผมก็หัวหมุนติ้วอีกครั้ง  ชันเข่ายกสะโพกรับริมฝีปากที่เร่งจังหวะ  อ้าปากรับอากาศเมื่อนิ้วของพี่หนุ่มป้วนเปี้ยนแถวช่องทางด้านหลังของผม  หอบถี่รับนิ้วที่ดันเข้ามาทีละนิด  ความต้องการของตัวเองกลับเริ่มหดลงเพราะความเจ็บที่ช่องทางได้รับ  กัดฟันรับนิ้วพี่หนุ่มที่ดันเข้ามาจนสุด  พี่หนุ่มหยุดดันนิ้วเข้ามาแล้วหันมาใช้ปากกับความต้องการของผมอีกครั้ง  อึกอัดกับข้างหลัง  แต่ข้างหน้าที่ถูกปลุกเร้าเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนเดิม  พอผมเพลินกับริมฝีปากที่ปรนเปรอข้างหน้า  พี่นุ่มก็เริ่มดันนิ้วเพิ่มเข้ามาอีก  จาก  1  เป็น  2  จาก  2  เป็น  ...3  ข้างหลังผมคับแน่นตึงไปหมด  แต่ข้างหน้าก็อยากได้รับการปลดปล่อยเต็มที  น้ำเหนียวหล่อลื่นของตัวเองไหลออกมาจนพี่หนุ่มรับรู้

“พี่รักต๋องนะ..รักต๋องคนเดียว”  หายใจรวยรินก่อนจะลืมตามองตาพี่หนุ่ม  ยิ้มบางแล้วประคองหน้าพี่หนุ่มขึ้นมาจูบ..ส่งผ่านความรู้สึกของผม  พี่หนุ่มจูบอ่อนโยนตอบก่อนจะค่อย ๆ ถอนนิ้วที่คาอยู่ข้างหลังออกช้า ๆ โล่งได้ไม่ถึง  3  วินาทีก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อต้องรับความใหญ่ของพี่หนุ่ม  ถดก้นหนีพี่หนุ่มก็ดันตาม  กัดฟันกรอดจับหน้าพี่หนุ่มบดจูบดึงความสนใจจากช่องทางที่กำลังถูกขยายจนเหมือนจะฉีก  มือพี่หนุ่มข้างหนึ่งสอดนิ้วเข้ามาในปากผมแล้วกวาดน้ำลายไปบดคลึงยอดอกผม  มืออีกข้างจับความต้องการของผมมาบีบนวดเบา ๆ   ปลายลิ้นดูดดุนกลืนกินความหวานจากโพรงปากผม  สะโพกดันเข้ามาทีละน้อย..จนความยาวของพี่หนุ่มเข้ามาจนสุดลำ 

“อือ..แน่น”  มันแน่นมันจุกจนผมต้องเอ่ยปากบอก  พี่หนุ่มหอบถี่แล้วแหงนหน้าขึ้นพร้อมกับสะโพกที่ดันเข้ามาให้ลึกกว่าเดิม  ข้างในมันเสียวแปลบปลาบเมื่อความยาวของพี่หนุ่มกระแทกเข้ามาโดนอะไรสักอย่างในตัวผม  แอ่นรับความยาวของพี่หนุ่มแล้วครางต่ำออกมาไม่รู้ตัว  พี่หนุ่มจับขาผมดันขึ้นจนเข่าชิดคางตัวเอง   ดึงท่อนร้อนออกจนเกือบหลุดแล้วกระแทกใส่เข้ามาจนผมร้องเสียงหลง 

“อ๊า!  อึก..อือออ”  พี่หนุ่มโน้มตัวลงมาประกบปากปิดเสียงร้องของผม  บั้นเอวทำงานเป็นจังหวะมั่นคง   ขยับสะโพกรับความความยาวนั้นจนร่างกายจะทนไม่ไหว  ข้างในผมตอดรัดท่อนร้อนจนพี่หนุ่มต้องหยุด  จับพลิกหันหลังแล้วดันเข้ามาใหม่ช้า ๆ  รับความรู้สึกจนความยาวเข้ามาจนสุด  ผมกอดหมอนแน่นแล้วซุกหน้ากลั้นเสียงครางของตัวเอง  มืออุ่นของพี่หนุ่มเลื่อนมาจับความต้องการของผมรูดรั้งรับกับจังหวะการกระแทกจากด้านหลัง  แยกขาออกกว้างขึ้นเมื่อความยาวของพี่หนุ่มกดถูกความต้องการภายในตัวผม  แหงนหน้าครางต่ำก่อนจะบอกเมื่อผมกำลังจะถึงสวรค์

“ไม่ไหว..ไป..จะไปแล้ว  อ๊ะ!”  พี่หนุ่มดันเข้ามาจนสุดแล้วกดเน้น ๆ  2 -3  ครั้งผมก็ปลดปล่อยน้ำรักใส่มือหนา  ขาทรุดฮวบแปะกับน่องตัวเอง  ปล่อยให้พี่หนุ่มกระแทกเข้ามาข้างในจนตัวกระตุก  จังหวะสุดท้ายพี่หนุ่มถอนออกแล้วจับผมนอนหงาย  ก้มจูบปากผมแล้วรูดรังความยาวรัวเร็ว..ปลดปล่อยใส่ฝ่ามือที่มีน้ำรักของผมเปรอะอยู่ก่อน  พี่หนุ่มหยุดจูบผมแต่ยังคงแตะริมฝีปากไว้ที่ปากผมนิ่ง  มือยังคงรูดรั้งน้ำรักออก  ผมค่อย ๆ ขยับริมฝีปากจูบริมฝีปากนุ่มเบา ๆ  แตะปลายลิ้นเลียริมฝีปากนุ่มจนพี่หนุ่มปรับลมหายใจเป็นปกติ  ดวงตาคมมองตาผมแล้วจูบตอบ   มืออุ่นดึงมือผมไปจับท่อนร้อนที่กำลังผงาดง้ำอีกครั้ง   หายใจถี่เมื่อพี่หนุ่มจับมือผมกำแท่งร้อนขยับรูดเชื่องช้า  มือหนาอีกข้างป้ายน้ำรักของเราลงลูบช่องทางร้อนของผม  ชันเข่ารับความแข็งขืนที่กำลังจดจ่ออยู่ตรงทางเข้า  ดื่มด่ำกับความสุขจนเสร็จสมอีกครั้ง  นอนบนอกหนาฟังเสียงหัวใจเต้นเร็วของพี่หนุ่ม  หลับตารับจูบที่หน้าผาก  ปลายจมูก  และที่ริมฝีปากเบา ๆ กอดคอแน่นเมื่อพี่หนุ่มอุ้มไปล้างตัวในห้องน้ำ  เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกินยาแก้อักเสบและยาแก้ไข้  หลับใหลในอ้อมกอดอุ่น

ผมไม่รู้ว่าต่อไป..ผมกับพี่หนุ่มจะคบกัน  หรือจะเป็นแฟนกันจนถึงเมื่อไหร่..

ผมไม่เชื่อเรื่องรักกันตลอดไป  ผมไม่ศรัทธากับคำว่า  ‘นิรันดร์’

แต่ผมเชื่อและรับรู้อย่างเดียวครับ..

“พี่รักต๋อง”  ...









..เท่านี้ก็เพียงพอกับรักของเราแล้วครับ..




END.

กอดดดดค่าาาา บวกๆด้วยยยยย
จิก็งานเยอะเหมือนเคยค่ะ  ชินเสียแล้ว(ถอนหายใจ)
ตอนนี้พี่หนุ่มลืมให้น้องกินข้าวเย็นก่อนนะจ๊ะ  ต๋องแอบถึก5555
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-06-2015 16:49:51
แอร๊ย >.< น้องต๋องน่าร๊ากกกก แถมยังเป็นสาวกหมีพูห์เสียด้วยน้าา น่าเอ็นดูเสียจริงเลยเชียว~ ส่วนพี่หนุ่มก็หวานกับน้องต๋องมากๆ เลยเน้อ~ >\\\\\\\\\\< ที่สำคัญยังทำอะไรกันก็ไม่รู้ด้วยน่ะค่ะ ว๊ายๆ เราใสๆ ค่ะ ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ นะคะเนี่ย :hao7: ..
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-06-2015 14:40:44
แหม่ พี่หนุ่มนี่เร็วเชียวนะ น้องไม่เคยยังเบิ้ลอีก  :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 17-06-2015 15:42:06
น่ารักดีครับ พี่หนุ่มกับต๋อง ..... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 17-06-2015 16:30:25
 :z1: :z1: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 17-06-2015 20:07:14
น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 18-06-2015 21:19:09
น่ารักเสมอคู่นี้ :-[

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 15-07-2015 12:58:29
เป็นตอนพิเศษของคู่นี้ค่ะ 
กระป๋องเบียร์  รอยรัก  และฝ่ามืออุ่น : อ้น  ต๋อม
  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3027240#msg3027240)


หยิบไม้กวาดกวาดเศษผงและเปลือกถั่วลิสงคั่วที่ปลิวอยู่ตามพื้นให้สะอาด  หาวหวอดกับการทำความสะอาดบ้านผิดเวลา  วันนี้แม่กับขาไพ่เลิกเร็วกว่าทุกวัน  นั่นเพราะเหล่าขาไพ่ต้องพาลูกไปเที่ยว  ปีหนึ่งก็พาไปเที่ยวแล้วก็ทำกิจกรรมกับลูกสักหนหนึ่ง..วันนี้วันเด็กครับ  แม่ผมขึ้นห้องไปอาบน้ำนอนแล้ว  แต่ก่อนจะนอนแม่ก็สั่งให้ผมเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปนอกบ้าน

“เก็บกวาดเสร็จก็ไปอาบน้ำแต่งตัวรอพี่เค้านะต๋อม  อย่าให้พี่อ้นเค้ามารอ  แล้วอย่าลืมหยิบเงินในลิ้นชักติดตัวไปด้วย  อย่าให้พี่เค้าออกฝ่ายเดียว..กลับบ้านก็อย่าดึกนัก”  ผมได้แต่พยักหน้ารับคำแล้วจับไม้กวาดมากวาดพื้นต่อ 

อย่างที่ได้ยิน..

วันนี้วันเด็ก  คนมีแฟนเด็กก็คงอยากพาแฟนไปเที่ยวบ้าง  ผมไม่รู้ว่าพี่อ้นจะพาไปไหน  ตั้งแต่คบเป็นแฟนกันวันนั้น  เราก็แทบไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนด้วยกันเลย  พี่อ้นเรียนหนักขึ้น  ผมเองก็มีเตรียมสอบโอเน็ต  เอเน็ต  แกทแพทอีกเยอะไปหมด  เจอกันส่วนมากก็บ้านไอ้วัฒน์  บ้านพี่อ้น  หรือไม่ก็บ้านผม  เกือบได้ไปดูหนังด้วยกัน  แต่ผมก็เป็นฝ่ายผิดนัดพี่อ้นเพราะที่บ้านผมต้องการเด็กดูต้นทางที่ไว้ใจได้ นั่นก็คือ..ผม

ผ่อนลมหายใจทิ้งยาว ๆ แล้วรีบเอาไม้กวาดไปเก็บที่  ขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาเปิดลิ้นชักหยิบแบงค์สีเทาติดตัวไป  2  ใบ  ใส่กระเป๋าเงินเรียบร้อยก็ล้วงมือถือออกมาดูเวลา  ใกล้เวลาที่พี่อ้นบอกแล้ว  เดินออกไปชะเง้อคอหน้าบ้านแล้วรีบเดินเข้ามาปิดหน้าต่าง  วิ่งขึ้นไปเคาะประตูบอกแม่ว่ากำลังจะไปแล้ว  แม่ส่งเสียงอือออตอบผมก็เดินลงมานั่งที่โซฟารอพี่อ้น  มองนาฬิกาสลับชะเง้อมองหน้าบ้านไปด้วย  เลยเวลานัดมาเกือบ  20  นาทีแล้ว  ผมผุดลุกผุดนั่งไม่รู้กี่รอบ  เดินออกมาหน้าบ้าน  เดินวนไปวนมาที่สนามหน้าบ้านตัวเอง  พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้โทรหาพี่อ้น  บางทีพี่อ้นอาจจะมีธุระด่วนอะไรก็ได้  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วหันมองรั้วบ้านที่มีแต่ความว่างเปล่า

เม้มปากแล้วหันกลับเข้าบ้าน  ดึงประตูปิดช้า ๆ พร้อมความกังวลที่กำลังแล่นริ้วเข้ามาในจิตใจ  เพราะผมกับพี่อ้นต่างคนต่างเรียนหนักทั้งคู่  เวลาที่เคยใช้ด้วยกันช่วงเสาร์-อาทิตย์มันก็เริ่มจะลดลง  ผมรู้ว่าเรียนแพทย์มันยาก  แล้วยิ่งตอนนี้พี่อ้นปี  4  ขึ้นปี  5  ยิ่งหนักกว่าเดิม  เพราะต้องเรียนแล้วก็ต้องฝึกงานกับผู้ป่วยจริงด้วย  หนักไปกว่านั้น  ผมเองก็เตรียมสอบนั่นนี่โน่นเยอะแยะ  ผมไม่ใช่คนหัวดีที่จะคาดหวังกับคณะดี ๆ แล้วเอาคะแนนไปแลกมาได้ง่ายดายเหมือนคนอื่น  และที่สำคัญ..ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง  โดยเฉพาะกับพี่อ้น  ผมพูดไม่เก่งเลยสักนิด 

เรา..เริ่มจะห่างกันออกไปทีละน้อย  ถูกเวลาและความยุ่งกับภาระหน้าที่สับขาหลอกให้ห่างกันไปเรื่อย ๆ โดยที่เราทำไม่สนใจกับระยะห่างนั้น  ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอก  ว่าในระยะหลังมานี้เราคุยกันน้อยลง  เจอกันนับครั้งได้  เวลาคุยโทรศัพท์ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร  ได้แต่เงียบรอให้พี่อ้นเปิดปากชวนคุย  เพราะแบบนั้น..พี่อ้นถึงได้อยากออกไปเที่ยวที่ไหนกัน  2  คนบ้าง 

การผิดเวลาของพี่อ้นทำให้ผมปล่อยความฟุ้งซ่านเข้ามาวุ่นวายในสมอง  พี่อ้นหล่อ  พี่อ้นนิสัยดี  มีครบทุกอย่างจนเพอร์เฟค  แน่นอน..คนที่อยากได้พี่อ้นต้องไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว  ที่มหา’ลัย  ในคณะ  นอกคณะ  เพื่อนของเพื่อน  และใครอีกหลายคนที่ผมไม่รู้จัก  พยายามวิ่งเข้าหาพี่อ้น  ผมพยายามไม่ใส่ใจ  แต่ก็ไม่วายมีมาเข้าหูให้ต้องระแวงอยู่บ่อยครั้ง  ผมเชื่อใจพี่อ้นเหมือนที่พี่อ้นให้เกียรติผมเสมอ  แต่ตอนนี้..ณ  เวลาที่ผมห่างกับพี่อ้น  ในเวลาที่พี่อ้น..ลืมนัดผม 

พี่อ้นมีใครที่พี่อ้นต้องใช้เวลาด้วยหรือเปล่า?
 
กลืนก้อนความเครียดที่กำลังจะเข้ามาทับถมหัวใจแล้วหยิบมือถือกดหาพี่อ้น  ผมไม่ควรเอาแต่คิดในสิ่งที่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้  หรือถ้ามันเป็นไปแล้ว  ผมก็ควรจะรับรู้และยอมรับมันด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง  ไม่ใช่คิดมากฟุ้งซ่านไปคนเดียวเหมือนที่เคยทำอยู่ประจำ 

เม้มปากแน่นกับเสียงสัญญาณที่บอกผมว่าให้ติดต่อกลับมาใหม่  พอกดโทรอีกครั้ง..สายไม่ว่าง  กลืนน้ำลายลงคอแล้วทิ้งระยะไว้พักหนึ่งก่อนจะกดอีกครั้ง  พี่อ้นปิดเครื่อง..หัวใจเต้นถี่  หายใจแรงข่มความน้อยใจที่กำลังจะท้นออกมาทางตา  เกิดอะไรขึ้นกับนัดที่พี่อ้นเป็นคนเอ่ยปากนัดเอง  ทำไม..ถึงติดต่อไม่ได้?  พี่อ้น..ผมไม่รู้..ไม่รู้อะไรเลย  กลั้นก้อนสะอื้นที่มารวมอยู่ที่คอหอย  กะพริบตาถี่กดน้ำตาที่รื้นจนกระบอกตาร้อนไปหมด  อ้าปากรับลมเข้าปอด  เงยหน้ามองนาฬิกาก่อนจะกัดฟันแน่ข่มไม่ให้น้ำตาไหลออกมาจริง ๆ

เลยเวลามา  1  ชั่วโมงกับอีก  5  นาที

ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ   ริมฝีปากสั่นจนควบคุมไม่ได้  หน้าชาไปหมด  ปล่อยมือถือตกข้างตัวแล้วเอนหลังพิงโซฟาช้า ๆ กะพริบตาถี่พอ ๆ กับอัตราการเต้นของหัวใจ  ก้อนสะอื้นที่กลืนลงไปเมื่อครู่กำลังตีขึ้นมา..ผมปล่อยให้มันออกมาจนได้

“อึก..ฮึก”  แต่น้ำตาที่รื้นยังไม่ทันร่วง  เสียงรถยนต์ก็แล่นมาจอดหน้าบ้านพอดี  ข่มแรงสะอื้นที่ไหลออกมาไม่หยุดแล้วยกมือลูบหน้าแรง ๆ  เบือนมองมือถือที่สั่นแล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ  คิ้วขมวดมุ่นก่อนจะกดรับเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย..

“น้องต๋อมนี่พี่วุฒินะครับ  มือถือไอ้อ้นเงินหมดน่ะ  พี่กำลังจะไปหามันพอดีเลยอาสาแวะรับต๋อมมาด้วยกันเลย  พี่จอดหน้าบ้านแล้วนะ”  เงินหมด..แล้วต้องปิดเครื่อง?  แล้ว..ทำไมไม่มารับผมเอง?  ผม..น้อยใจเกินกว่าจะเดินออกไปขึ้นรถพี่วุฒิที่อุตส่าห์มารับผมแทนพี่อ้น  แต่คนนอกอย่างพี่วุฒิที่มีน้ำใจแวะมารับผมไปให้พี่อ้นจะรู้สึกยังไงถ้าผมไม่ยอมมาด้วย  ตบหน้าตัวเองแรง ๆ 2-3  ทีแล้วลุกขึ้นยืน  ก้าวเท้าเดินออกจากบ้านขึ้นรถไปกับพี่วุฒิ ยกมือไหว้แล้วคาดเบลท์

“ช่วงนี้พี่เรียนหนักกันน่ะต๋อม  ไอ้อ้นมันก็เหนื่อย  ไหนจะเข้าหวอด  ไหนจะเรียนอีก  พวกเพื่อนพี่บางคนถึงกับน็อคไปนอนให้น้ำเกลือเลยก็มี555”  ยิ้มแห้ง ๆ แล้วเบือนออกไปมองข้างทาง  พี่วุฒิขับพาผมมาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของจังหวัดใกล้ ๆ  ห่างจากบ้านผมแค่ครึ่งชั่วโมงเองครับ  ที่นี่ทำสวนสัตว์ด้วย  แต่มีสัตว์ไม่กี่อย่างถ้าเทียบกับสวนสัตว์ใหญ่ ๆ  ลงจากรถก็ลงมายืนข้างพี่วุฒิที่กำลังโทรหาพี่อ้น

“เออ  ถึงแล้ว    เออเดี๋ยวกูพาเข้าไปเอง”  ความน้อยใจพุ่งเสียบกลางอก  หายใจเข้าไม่ถึงปอดทันทีที่ได้ยินพี่วุฒิบอกว่าจะพาผมเข้าไปหาเอง พี่วุฒิหันมามองผมด้วยสีหน้า..สงสาร  ‘เดี๋ยวอ้นมันตามมาทีหลังครับ  เราเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า  เพื่อนพี่กับไอ้วัฒน์มันรออยู่ข้างในกันน่ะต๋อม’  ยิ้มบางตอบพี่วุฒิแล้วก้มหน้ากัดฟันไม่ให้ปากสั่น  เม้มปากกัดเนื้อริมฝีปากล่างจนเจ็บ  กลืนก้อนสะอื้นที่กำลังจะมา  รีบเงยหน้ามายิ้มให้พี่วุฒิแล้วเดินตามไปห่าง ๆ  รีบเดินเข้าไปซื้อบัตรเองก็ถูกมือพี่วุฒิจับไว้ไม่ให้ออกตังค์เอง  ดึงมือแล้วเบี่ยงตัวออกไปยืนรอข้าง ๆ กวาดตามองผู้ใหญ่ที่พาเด็ก ๆ มาเที่ยววันเด็ก  ทุกคนมีความสุข  มีรอยยิ้มกันหมด..

ผม..ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นด้วย  ไม่ใช่เหรอ?

ก้มหน้าลงมองพื้นคอนกรีต  ในอกมันหนักอึ้งเหมือนมีหินก้อนใหญ่ยัดอยู่ข้างใน  ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่อ้นถึงเลือกให้คนอื่นมารับและพาผมเดินเที่ยว  ผมไม่รู้..ว่าทำไม  เพราะอะไร..  ก้าวตามไม่กี่ก้าวผมก็หยุดเดิน  ถ้าพี่อ้นจะไม่มา  ก็ไม่ควรรบกวนเวลาของคนอื่นให้ต้องมาเสียเปล่าเพราะผมไปด้วยแบบนี้  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วล้วงมือถือกดโทรหาพี่อ้น  คราวนี้สายว่างแล้ว  รอไม่นานปลายสายก็กดรับ

“น้องต๋อมนี่พี่พงษ์นะครับ  พี่กับพี่อ้นกำลังไปครับ  รออยู่กับพี่วุฒิก่อนนะครับ  สวัสดีครับ”  ผมรู้สึกแย่ที่พี่อ้นไม่รับเอง  แต่พอได้ยินว่ากำลังมา  ผมก็ลืมความรู้สึกแย่เมื่อครู่ทันที  ลดมือถือลง  หย่อนไว้ก้นกระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปหาพี่วุฒิที่ยืนรออยู่  เดินตามผู้คนมากมายที่มาเที่ยวเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่มีรถรางวิ่งชมรอบ ๆ  ไอ้วัฒน์โบกมือผมก็ยิ้มทักมันกลับ  ยืนตัวลีบกับบรรยากาศของคู่รักรอบกาย

ทุกคนมากับแฟน..ยกเว้น..ผม

พี่วุฒิเดินเข้าไปหาพี่โบว์  ผมเลยยืนเก้อ ๆ อยู่คนเดียว  ไอ้วัฒน์ขยับเข้ามากอดคอแล้วพาเดินไปรอคิวขึ้นรถราง  ขืนตัวไว้เผื่อพี่อ้นมาถึงตอนอยู่บนรถราง  ผมไม่อยากให้พี่อ้นมายืนรอเหมือนที่ผมรอ  ผมรู้..ว่ามันเป็นยังไง  ยิ้มบางส่งให้คนอื่นที่ทยอยขึ้นรถราง  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหมุนตัวมองหาที่นั่ง  เดินออกมาแถวทางเข้าที่เพิ่งจะเดินเข้ามาแล้วยืนพิงเสาป้ายแผนผัง  คนเยอะจนไม่มีที่จะให้นั่ง  อย่าว่าแต่จะนั่ง  ผมยืนยังแทบไม่มีพื้นที่ให้ยืน  เบือนหน้าไม่สบตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา  ล้วงหยิบมือถืออกมากด ๆ แล้วดีดหลังเดินไปอยู่อีกมุมเลี่ยงการเปิดโอกาสให้คนที่กำลังจะเดินเข้ามาหา  เลิกคิ้วมองหน้าจอที่สว่างวาบ  กดรับโทรศัพท์ไอ้วัฒน์ที่โทรเข้ามา

“อยู่ตรงทางเข้า..เหรอ?  อืม”  บอกมันว่าผมยืนอยู่ตรงทางเข้า  มันรีบบอกให้มาที่จุดขึ้นรถราง  พี่อ้นกับพี่พงษ์มาแล้ว  ผม..ไม่รู้สิ  ผมรู้สึกว่าวันนี้ไม่ใช่วันของผมกับพี่อ้น  เรา..คลาดกันตลอด  ยิ้มบางกับมือถือ  เพื่อนโทรมาบอกว่าแฟนอยู่ที่ไหน  แฟน..ไม่เคยสนใจว่าผมจะอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้  มันเป็นสัญญาณอะไรหรือเปล่า?  ผมได้แต่ยกยิ้มมุมปากแล้วพยายามทำใจให้สบาย 

ในเมื่อผมได้พี่อ้นมาเพราะร่างกาย  ไม่ใช่เพราะความรัก  มันก็ไม่แปลก..ถ้าพี่อ้นจะเลิกรัก  เมื่อร่างกายผมมันไม่มีอะไรให้พี่อ้นอยากค้นหาอีกแล้ว

เดินไหลไปตามคนจนถึงที่ขึ้นรถราง  ผมไม่รู้ว่าถ้าคนไม่เยอะจนต้องเดินเบียดกันไปแบบนี้..ผมจะมีแรงเดินเองไปจนถึงหรือเปล่า?  กวาดตามองหาพี่อ้น  สายตาผมหยุดที่ผู้ชายตัวสูง  หน้าหล่อ  จมูกโด่ง  ตาสวยแบบที่ใครเห็นก็ต้องมองเหลียวหลัง  พี่อ้นยืนกับพี่พงษ์  ข้าง ๆ พี่อ้นมีผู้หญิงยืนกดมือถือเล่นอยู่  คำถามวิ่งเข้ามาในหัวไม่ยอมหยุด..ใคร?  ใจผมมันถูกความไม่เชื่อใจกัดกร่อนจนเหลือไม่ถึงครึ่งดวงด้วยซ้ำ  เบือนหน้าหนีเมื่อผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองพี่อ้น  ขาผมมันก้าวไม่ออกไปเสียดื้อ ๆ

“ต๋อม!  ทางนี้ครับ”  แค่นยิ้มให้พี่พงษ์ที่อุตส่าห์เห็นผม  พี่อ้นหันมามองแล้วยืดตัวขึ้น  มือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงดึงออกมาปล่อยข้างตัว  ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า..สายตาพี่อ้นมันไม่มีโฟกัสที่ผมเหมือนเมื่อก่อน  ตาสวยคู่นั้นมองไปทุกที่..ที่ไม่ใช่ผม  ฝืนเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วยกมือไหว้พี่พงษ์กับพี่อ้น

“มาถึงนานแล้วเหรอต๋อม  โทษที  พวกพี่มีรายงานที่ไม่ค่อยเข้าตาอาจารย์น่ะ  เลยอยู่ช่วยกันนานไปหน่อย”  ผมพยักหน้าเข้าใจ  อดเหลือบมองพี่อ้นที่ยืนเงียบไม่ได้  ตาคู่นั้นสบตาผมนิดเดียวก่อนจะหันมองเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยกัน  เสียงพี่พงษ์แนะนำให้รู้จัก 

“ต๋อม  นี่พี่ไหม  ไหมนี่น้องต๋อม”  ผมได้แต่ยิ้มบางส่งให้พี่ไหม  พี่ไหมหน้าตาน่ารัก  ตัวเล็ก ๆ น่ารักน่ากอด  มีลักยิ้มด้วย  พี่ไหมยิ้มตอบแล้วเอ่ยปากชวนนั่งรถราง  ผมเงยหน้ามองพี่อ้นที่พยักหน้ารับแล้วเลยไปมองหารถราง  ผม..เจ็บจี๊ด ๆ ในอก  ก้มหน้าผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วคิดเข้าข้างพี่อ้น  พี่อ้นอาจจะไม่ได้บอกเพื่อนทุกคนว่าผมเป็นแฟน  คงกลัวจะถูกมองเป็นตัวประหลาดเลยไม่ค่อยคุยกับผม  กะพริบตาถี่ไล่ความน้อยใจแล้วขยับตัวถอยออกมายืนข้างพี่พงษ์  ยิ้มสดใสส่งให้พี่ ๆ แล้วเบือนหน้าหนีไปมองรอบตัว

รถรางเที่ยวที่พี่วุฒิกับคนอื่นวิ่งเข้ามาเทียบ  คนลงจากรถพี่พงษ์ก็หันมาพยักหน้าชวนผมขึ้นไปด้วยกัน  พี่อ้นไม่ได้พูดอะไรแต่เดินขึ้นไปนั่งก่อนใครเพื่อน  ผมก้าวตามก็โดนพี่ไหมเบียดขึ้นไปก่อน  พี่ไหมขึ้นไปแล้วนั่งลงข้าง ๆ พี่อ้น  แปล๊บในอกเมื่อเห็นพี่อ้นขยับที่ให้พี่ไหมนั่งชิดอีกนิด  ขาก้าวไม่ออก  มัน..อะไร?

“ต๋อม  ขึ้นเลยครับ”  พี่พงษ์บอกแล้วเดินขึ้นรถราง  กัดฟันแน่น  นิ่วหน้ากับท่าทางสบาย ๆ ของพี่อ้นที่มองข้างทาง  ฝืนผ่อนลมหายใจแล้วก้มหน้าก้มตาขึ้นรถ  เลือกจะนั่งข้างพี่พงษ์ที่กันที่ว่างให้ผมนั่งด้วยกัน  ในอกอัดแน่นด้วยความน้อยใจ  ในหัวมีแต่ความไม่เข้าใจอยู่เต็มไปหมด  มือกำแน่น  หน้าก้มต่ำมองได้แต่เส้นเลือดที่ปูดโปนที่หลังมือตัวเอง  เสียงมัคคุเทศก์แนะนำสถานที่รถเคลื่อนผ่าน  พี่พงษ์สะกิดให้ดูกวางแม่กับลูกที่อยู่ข้างทาง  ผมเงยหน้ามองตามแล้วฝืนยิ้ม  มองเลยไปที่พี่อ้น  มือใหญ่กอดอกไว้ข้าง  อีกข้างพาดไว้ที่ขอบหน้าต่าง  ตาสวยมองไปทั่ว  ริมฝีปากคลี่ยิ้มเมื่อเห็นยีราฟคอยาวหมุนตัวมาทางตัวเอง

“ไหมดูดิ  มาทางนี้แล้ว555”  เสียงทุ้มหัวเราะอารมณ์ดี  ถ้าเป็นเมื่อ  2-3  อาทิตย์ก่อน  ผมคงจะหัวเราะตาม  แต่ตอนนี้  เสียงสดใสของพี่อ้น  คง..ไม่ได้มีให้ผมคนเดียว..อีกแล้ว   สูดลมหายใจเข้าลึก  ๆ  เบือนไปมองอีกฟาก  เพ่งมองฝูงสัตว์ที่อยู่ไกล ๆ พยายามกดลมหายใจเข้าไปเลี้ยงปอด  ไม่ให้ลมหายใจตัวเองกลายเป็น..เสียงสะอื้น

สะกดสายตาตัวเองให้มองแต่วิวทิวทัศน์  คนข้าง ๆ ขยับตัวเพราะรถใกล้จะถึงจุดรับส่งคนแล้ว  สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งแล้วลุกขึ้นเดินตามคนอื่นลงไปจากรถ  คราวนี้ผมเลือกจะไม่มองหาพี่อ้น  ไม่อยากเห็น..อะไรอีกแล้ว  ลงไปก็ก้มหน้ายืนอยู่ข้างหลังพี่พงษ์  เสียงพี่ ๆ คุยกันว่าจะไปดูโชว์จระเข้ต่อ  ก้มหน้าก้มตาเดินตามพี่พงษ์ไปเรื่อย ๆ  ตาไม่รักดีดันเหลือบเห็นส้นรองเท้าที่คุ้นเคย  พี่อ้นเดินอยู่เยื้อง ๆ กับพี่พงษ์  เม้มปากล่างแล้วไล่สายตามองขึ้นไปจนถึงท้ายทอยพี่อ้น 

ใจหายวูบกับสายตาที่มองตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว  ริมฝีปากสีแดงธรรมชาติเอ่ยปากคุยกับเพื่อน  ยิ้ม  หัวเราะ  ดูมีความสุข..จนผมอดรู้สึกหวั่นในอกไม่ไหว  หลุบตามองปลายเท้าที่เดินตามคนอื่น  ถ้าเป็นตอนที่ผมยังแอบรักพี่อ้นข้างเดียว  ผมคงเก็บรอยยิ้มที่พี่อ้นยิ้มกับคนอื่นไปนอนฝัน  แต่ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว   ผมได้รักของพี่อ้น  และได้รับรอยยิ้มที่มีให้ผมคนเดียวมาแล้ว..จะให้ผมวนกลับมายืนจุดที่เคยยืน  แล้วสามารถทำใจให้ปลดปลง  ยิ้มและรับได้อย่างหน้าชื่นตาบาน 

ผม..ไม่ได้เก่งขนาดนั้น

ถ้าไม่เห็นว่าตรงนี้มีผมมีตัวตนอยู่ตรงนี้ด้วย  หายไปเลย..คงจะดีกว่า  กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บแล้วถอยหลังออกมาให้ห่าง  พี่พงษ์หันหลังมาเห็นพอดี  ผมแค่นยิ้มแล้วบอกให้พี่ ๆ ไปกันได้เลย  ผมปวดห้องน้ำ  ขอไปห้องน้ำก่อน

“ไปเถอะครับ  ผมปวดท้อง  ขอไปห้องน้ำก่อน”  น้ำเสียงที่ผมพูดวันนี้มันเหมือนคนป่วย  เสียงมันเบาโหวง  ไร้น้ำหนัก  ผม..ไม่เหลือความมั่นใจอะไรอีกแล้ว  ก้มหน้าเดินหนีออกมา   ใจมันชาหนึบจนไม่รู้จะบอกยังไง  คนโง่ที่สุดมันดูยังรู้เลย  ว่าพี่อ้นไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแล้ว  ปวดในอกลามมาถึงกระบอกตา  นิ่วหน้ากับความเจ็บที่กำลังลามไปทั่วร่างกาย  เรียนหนักผมก็เข้าใจ  เหนื่อยกับงานผมก็เข้าใจ  แล้วกับท่าทางที่ดูออกง่าย ๆ แบบนั้น..ทำไมผมจะไม่เข้าใจ

อ้าปากรับอากาศให้เข้ามาไล่ก้อนสะอื้น  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกลืนมันลงไป  แต่..หัวใจผมมันกำลังเจ็บ  และความเจ็บที่ผมกำลังเผชิญ  มันมากพอจะส่งให้สมองและร่างกายยอมแพ้  สาวเท้าเร็วขึ้นเดินไปตามป้ายทางออก  ในอกจุกจนเจ็บไปหมด  กัดริมฝีปากล่างแน่นกลั้นสะอื้น  ตาพร่ามองแทบไม่เห็นทาง  ยิ่งเห็นคนที่เดินจูงมือกันมายิ่งทำให้ผม..ทวีความเจ็บเพราะแผลในอกมันปริฉีกมากยิ่งขึ้น

ปล่อยก้อนสะอื้นที่ดันอยู่ตรงคอหอยออกมา  ผมสะอื้นฮักไม่กี่ที  กระบอกตาร้อนผ่าวก็กลั่นน้ำตาผมให้ไหลพราก..ไม่อายใคร  เม้มปากแน่นกลั้นสะอื้นก้อนโตที่จ่ออยู่ตรงคอหอย  ยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ เพราะมองไม่เห็นทาง  ขาก้าวฉับเดินออกประตูทางออก  ตรงดิ่งไปที่คิวรถตู้  ข้อมือถูกรั้งจากด้านหลัง  ร่างกายตอบสนองอัตโนมัติ  ผมสะบัดทิ้งไม่หันไปมอง  เจ้าของแรงดึงข้อมือวิ่งดักข้างหน้าแล้วจับไหล่ผมให้หยุดเดิน  ลมหายใจขาดห้วงสบตาสวยที่วันนี้ทั้งวันไม่เคยมีผมสะท้อนอยู่  ริมฝีปากสั่นจนต้องกัดฟันกรอด  เขม้นมองหน้าหล่อที่ซีดเผือดของพี่อ้น  น้ำตาผมยังคงหลั่งไหลออกมาไม่หยุด

“ต๋อม..”  เสียงทุ้มครางชื่อผมเสียงแผ่ว  น้ำเสียง..เสียใจที่เห็นว่าผมกำลัง..ร้องไห้  เบือนหน้าหนีแล้วแค่นยิ้มขื่น

“พี่ไม่ต้องทำแบบนี้กับผม  แค่บอกว่าตรงนี้ของพี่ไม่มีผมแล้ว  แค่บอกกันดี ๆ ผมก็เข้าใจ!..”  ตบหน้าอกตัวเองแรง ๆ แล้วกลั้นสะอื้น  ตั้งใจจะพูดต่อว่า..ไม่ต้องขอเลิกผมก็พร้อมจะถอยให้  อย่าทำเย็นชาแบบนี้กับผม  ตั้งใจจะพูดแล้ว  แต่ความเสียใจที่มากขึ้นมันปิดการสื่อสารผมไปหมด  ได้แต่ปล่อยเสียงสะอื้นกับน้ำตาพรั่งพรูออกมาแทนคำพูด..เพียงอย่างเดียว

.
.
.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ //5// 16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 15-07-2015 12:59:11
“อึก  ฮึก..ฮึก..ฮึก..”  ดึงมือตัวเองออกมาจากฝ่ามือเย็นเฉียบของพี่อ้น  ยกขึ้นมาทั้ง  2  ข้าง  กดข้อมือด้านในปิดทางไหลของน้ำตาเอาไว้  พี่อ้นกัดกรามดังกรอดแล้วดึงผมเข้ามากอดไว้จนขยับไม่ได้  เสียงพี่อ้นหันไปตวาดเพื่อนดังลั่นที่จอดรถ

“กูไม่เล่นแล้ว   พวกมึงเห็นมั้ยว่าน้องร้องไห้!  กูยอมแพ้  กูทำส่งเอง  รายงานเหี้ยอะไรก็ช่าง!”  สะอื้นหนักกับแรงกอดที่เพิ่มขึ้น  มือเย็นลูบแขนผมแรง ๆ ปลอบไม่ให้ผมเสียใจเบี่ยงหนีพี่อ้นก็ตามกอดไม่ยอมปล่อย  พี่อ้นกอดแล้วพาผมเดินมาที่รถ  สะอื้นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล  ขืนตัวหนีแล้วหันไปที่คิวรถตู้  พี่อ้นกอดไว้ทั้งตัว  เสียงทุ้มกระซิบขอโทษข้างหู

“พี่อ้นขอโทษ  พี่อ้นอธิบายได้ครับ  ขอพี่อ้นพูดก่อน..อย่าหันหลังให้พี่อ้นนะครับ  ต๋อม..พี่อ้นขอโทษ”  เสียงทุ่มกระซิบข้างหูขอโทษไม่หยุด  ริมฝีปากนุ่มจูบใบหูพร่ำขอให้ผมฟังก่อน  เจ็บใจ..ที่ผมไม่เคยปฏิเสธคำขอของพี่อ้นได้เลยสักครั้ง  หลับตาปล่อยหยาดหยดของความเสียใจให้รินหลั่ง  คลายแรงขืนตัวแล้วเดินแรงกอดตามพี่อ้นไปที่รถ  ประตูหลังถูกดึงเปิด  มือเย็นแตะส่งผมให้เข้าไปนั่งข้างใน  ผมขยับหนีมานั่งชิดประตูอีกฝั่ง  พี่อ้นขยับเข้ามานั่งจนชิดก่อนจะสอดแขนใต้เข่ายกผมให้นั่งตัก  ดิ้นจนหัวโขกพี่อ้นไปหลายครั้งพี่อ้นก็ยังกอดไว้แน่น  ดันไหล่หนาไม่ให้ริมฝีปากสีแดงธรรมชาติที่เคยได้จูบประทับรอยที่แก้ม  หอบหนักแล้วหยุดดิ้น  พี่อ้นมองตาผมไม่กะพริบก่อนจะบอกผมเสียงเบา

“เมื่อวานซืนพี่ต้องทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์  พี่ก็แบ่งงานให้เพื่อนรีบทำให้เสร็จเพราะวันนี้พี่อยากเที่ยวกับต๋อม  ไม่อยากให้เราต้องห่างกันมากกว่าเดิม  เพื่อนมันแซวว่าห่างกันนานขนาดนี้ต๋อมไม่เปลี่ยนใจไปแล้วเหรอ?  พี่ไม่พอใจเลยตัดรำคาญว่าต๋อมรักพี่  ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่าย ๆ หรอก  ไม่ว่ายังไงต๋อมก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจไม่รักพี่”  สะอื้นฮักแล้วเบือนหน้าหนีดวงตาที่กำลังตัดพ้อตรงหน้า  พี่อ้นกอดผมแน่นขึ้นแล้วซุกหน้ากับซอกคอผม

“มันท้าพี่พนันกัน   ถ้าเจอต๋อมวันนี้ให้พี่ทำเฉย ๆ ใส่แล้วให้ไอ้ไหมมายืนกันให้  พี่จะได้ไม่กล้าทำผิดข้อตกลงแอบส่งสายตาให้ต๋อม  ถ้าต๋อมอยู่จนครบวันพวกมันจะทำกันเองไม่ให้พี่แตะเลย  แต่ถ้าวันนี้ต๋อมอยู่ไม่ครบวันเพราะทนไม่ไหว..พี่ต้องทำคนเดียว”  กัดเนื้อในริมฝีปากเมื่อพี่อ้นพูดจบ  กลั้นหายใจกับมืออุ่นที่เลื่อนจากกอดขึ้นมาประคองหน้า  ขืนไว้ก็สู้แรงจากฝ่ามือไม่ไหว  เบือนไปมองเบาะรถ  ปล่อยให้ปลายจมูกรับลมอุ่นของพี่อ้น  เม้มปากกับความรู้สึกที่กำลังถูกจ้อง  ทนไม่ไหวก็เบือนมามองหน้าพี่อ้นที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง  สบตาสวยของพี่อ้นที่มีน้ำตารื้นอยู่  ไล่สายตาลงมามองริมฝีปากที่กระซิบบอกผมถึงเรื่องราวต่อจากนั้น   

“พี่มั่นใจ..ถึงได้รับพนัน  แต่พี่ไม่ได้คิดเผื่อว่า..ถ้าต๋อมไม่รัก  ต๋อมไม่เชื่อใจขึ้นมาจริง ๆ พี่จะทำยังไง”  นิ่วหน้ากับหยาดน้ำสีใสที่ร่วงผล็อยจากตาสวยของพี่อ้น  ใจผมมันหล่นตามน้ำตาของพี่อ้นไปติด ๆ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพี่อ้นให้ป้อย ๆ  พี่อ้นหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลเหมือนที่ผมทำ  ลนลานดึงพี่อ้นเข้ามากอด..

“ไม่ร้องนะ..ไม่ร้อง  หยะ..อย่าร้องนะ  ฮึก..ผมรักพี่  ห้ามคิดว่าผมไม่รัก  อึก..ไม่ให้คิดนะ”  พี่อ้นกอดผมแน่นขึ้นร้องไห้ไม่มีเสียงกับไหล่ผม  ผมเอง..ก็ปล่อยโฮกอดพี่อ้นแน่นเหมือนกัน  นี่เป็นครั้งแรกที่เราทะเลาะกัน  เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นเสียงใส่  และเดินหนีโดยไม่ถามอะไรก่อน  ตัดสินใจทุกอย่างด้วยสายตาและความรู้สึกของตัวเองฝ่ายเดียว  พี่อ้นลูบหลังผมเบา ๆ  ดันไหล่ผมออกมาเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้  สะอื้นฮักแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มพี่อ้น  ปลายจมูกโด่งสูดน้ำมูกแล้วยื่นหน้าผากมาแตะกับหน้าผากผม  ตาสวยหลับลงก่อนจะกระซิบขอโทษ

“พี่ขอโทษครับ  พี่มั่นใจมากถึงได้ทำอะไรแบบนั้น  พี่ขอโทษที่ไม่คิดถึงต๋อม..ว่าจะรู้สึกยังไง  ไม่ทันเอาใจต๋อมมาใส่ใจตัวเอง  ขอโทษที่ไม่รอบคอบกว่านี้  ขอโทษที่เอาความรู้สึกต๋อมมาพนันงี่เง่าแบบนั้น  พี่อ้นขอโทษครับ”  ส่ายหน้าอาปลายจมูกเกลี่ยปลายจมูกโด่งของพี่อ้นเบา ๆ

“...ไม่เป็นไร..  ผมก็ขอโทษ  ขอโทษที่ขึ้นเสียง  ขอโทษที่ไม่เชื่อใจพี่อ้น  แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ..พี่อ้นไม่เคยเป็นแบบนี้  ไม่เคยเมินขนาดนี้  ไม่เคย..สนใจคนอื่นมากกว่าผมแบบนี้..ฮึก..”  พอนึกถึงความเฉยที่เพิ่งเคยเจอ  บ่อน้ำตาผมก็ทำท่าจะแตกขึ้นมาอีกรอบ  ร้อนถึงพี่อ้นต้องรีบกดริมฝีปากจูบที่เปลือกตาไม่ให้ผมร้อง  กลั้นสะอื้นแล้วซุกหน้าโผเข้ากอดคอพี่อ้น  กดหน้าลงกับไหล่แล้วนิ่งฟังเสียงทุ้ม..

“ให้วันนี้เป็นบทเรียนของเรานะครับ  พี่กับต๋อมต้องคุยกันมากกว่านี้  เชื่อใจ  มั่นใจกันมากว่านี้  เราเริ่มกันได้ไม่ดีนัก..ถึงทำให้ต๋อมไม่มั่นใจกับรักที่พี่มีให้  แต่ตั้งแต่วินาทีนี้..”  พี่อ้นดันไหล่ผมออกมาแล้วประคองหน้าให้สบตาพี่อ้น

“ขอให้มั่นใจว่าพี่รักต๋อมคนเดียว  มีต๋อมคนเดียว  ข้างในนี้จะมีต๋อมคนเดียวตลอดเวลา..ขอให้ต๋อมเชื่อว่าพี่มั่นคงกับต๋อมเสมอ..”  เม้มปากล่างแน่นแล้วพยักหน้ารับคำนั้นมาใส่ใจทันที  ‘ครับ..ครับ’  ปล่อยให้ริมฝีปากสวยพรมจูบทั่วหน้า  ลืมตาขึ้นสบแล้วหลับลงอีกครั้ง  ริมฝีปากเผยอรับรอยจูบที่ประทับลงมาผะแผ่ว  จูบตอบแผ่วเบา  กอดคอแน่นซึมซับความอ่อนโยนที่ผมเป็นเจ้าของคนเดียว

สะดุ้งกับเสียงเคาะกระจกข้างนอก  ซุกหน้ากับไหล่พี่อ้น..ไม่หันไปมองว่าใครเคาะ  พี่อ้นหอมขมับผมแล้วขยับตัวดันประตูเปิดออกนิดหนึ่ง

“มีไร?!”  เสียงพี่อ้นถามคนที่เคาะ  เพื่อนพี่อ้นบอกเสียงหงอย..

“อ้น..พวกกูขอโทษ  น้องต๋อม..พี่ขอโทษนะครับ  รายงานของพี่อ้นเดี๋ยวพวกพี่ทำกันเองครับ  พี่ขอโทษจริง ๆ ครับน้องต๋อม”  ผละออกมาแล้วหันมองพี่วุฒิกับพี่พงษ์นิดหน่อย  ก่อนจะหันกลับไปซบหน้าลงกับไหล่พี่อ้นเหมือนเดิม  ผมไม่รู้ว่าจะยกโทษยังไง อารมณ์ผมตอนนี้ไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับคนพวกนี้  พี่อ้นปิดประตูแล้วก้มหอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่  เรามองตากันนิ่งก่อนจะสัมผัสริมฝีปากกันเบา ๆ  ผละออกให้พี่อ้นขยับตัวไปออกนั่งที่คนขับ  ผมเองก็คลานไปนั่งข้างหน้า  ขับออกมาไม่นานพี่อ้นก็พาผมมานั่งกินข้าวเย็นที่ร้านหรูแถวนั้น  กินข้าวเสร็จก็ขับกลับบ้านมาส่งผมที่บ้าน

พี่อ้นมีเข้าหวอดเลยอยู่กับผมไม่ได้  ยิ้มแล้วกอดพี่อ้นไว้หลวม ๆ  เงยหน้ารับริมฝีปากที่แตะลงมาที่แก้ม  เอียงหนาตามการดุนดันของปลายจมูกโด่ง  แตะหน้าผากแนบก่อนจะผละออกมาสบตาสวย  ยิ้มบางแล้วประคองหน้าพี่อ้นไว้..

“ผมจะเชื่อและมั่นใจกับรักเราให้มากกว่านี้  จะพูด..จะกล้าถามให้มากกว่านี้  ผมขอโทษที่ขึ้นเสียง  ขอโทษที่ตัดสินใจเองคนเดียว  ขอโทษครับ”  พี่อ้นยิ้มบางแล้วก้มจูบริมฝีปากผมเบา ๆ ..สวมกอดเบามือ  หลับตารับความอ่อนโยนและความอุ่นที่มันกำลังแทรกลงมาในใจ  พี่อ้นดันผมออกมาหอมอีกฟอดก่อนจะขึ้นรถขับไปเข้าหวอดที่โรงพยาบาลพร้อมเพื่อนคนอื่น ๆ     

ผมกับพี่อ้นเรายังต้องเรียนรู้  และต้องอาศัยความเชื่อใจกันให้มากกว่านี้  ด้วยเวลาที่ไม่มีให้กันเหมือนคู่อื่น  และสังคมที่กว้างขึ้น  เราต้องสร้างความมั่นใจและก่อความเชื่อใจให้แข็งแรงกว่านี้

อาศัยแค่ระยะเวลาอย่างเดียวมันไม่พอหรอก  มันต้องใช้หัวใจเรา  2  คนด้วย  แต่ที่สำคัญไม่แพ้กัน  คือ  คนรอบข้างของเราทั้งคู่..







เอาใจช่วยให้ผมกับพี่อ้นรักกันไปนาน ๆ ด้วยนะครับ.


END.


……………………….


แถม
.
.
เด็กหนุ่มรูปร่างสูง  หน้าหล่อคมก้าวฉับขึ้นไปตามทางเดินของโรงพยาบาล  เสียงพื้นรองเท้ากระทบกับกระเบื้องดังก้อง  เรียกความสนใจให้เพื่อนที่ร่วมเข้าหวอดต้องชะโงกหน้าออกมามอง  โผล่หัวสบตาดุดันแล้วรีบผลุบกลับเข้ามาข้างใน  เสียงรองเท้าหยุดหน้าห้องก่อนประตูเปิดพาร่างกายสมส่วนตามเข้ามาในห้อง

มือใหญ่ของคนที่เพิ่งเข้ามาฟาดลงบนศีรษะเพื่อนร่วมหวอดดัง  ‘เพี๊ยะ’  รายตัวจนครับทุกคน  จะเว้นไว้ก็เพื่อนผู้หญิงที่ไม่ได้รับเสียงนั้นบนหัว  แต่ได้รับการมองด้วยหางตาให้รู้สึกผิดในอกแทน  ทุกคนในห้องเงียบกริบ  ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้น  ตบหัวเรียงตัวแล้วก็รู้สึกดีขึ้น  อ้นเปิดปากพูดเป็นคำแรกหลังจากอารมณ์ที่คุกรุ่นถูกระบายออกด้วยแรงที่ได้ตบหัวเพื่อน

“กูอยากกระทืบพวกมึงซะด้วยซ้ำ  ดีที่น้องไม่โกรธกูจนต้องเลิกกัน  อย่ายุแล้วอย่าท้ากูแบบนี้อีก!  คราวนี้กูมั่นใจว่าน้องไม่มีทางโกรธกูเพราะเรารักกันมาก  กูเลยรับพนันกับพวกมึง  กูพลาดที่ไม่ทันคิดเผื่อไปถึงเรื่องที่เกิดเหมือนเมื่อกลางวัน  ..ถ้ากูง้อน้องไม่ได้..พวกมึงก็อย่าหวังจะมีความสุข!  เล่นอะไรเหี้ย ๆ”  เพื่อนก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด 

อ้นถอนหายใจยาวแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง  เพื่อนถึงได้เดินตามออกมาเป็นกลุ่ม..

เสียงบ่นพึมพำดังตามหลังอ้นเป็นหมีกินผึ้ง..




“คราวหน้ากูก็ยุอีก  น้องมันน่าแกล้ง  ใช่มั้ยไอ้พงษ์  ไอ้ไหม  ฮึฮึ”



END.


Fanfic  By คุณ  jiki


บ่ายสามยามสงบของวันหยุดยาว ปีใหม่นี้ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับ อ่านหนังสือชดเชยช่วงเวลาที่เอาไปหยุดตอนนี้ท่วมเสียหมด ทั้งรายงาน ทั้งเตรียมสอบย่อย ตารางเรียนที่เปลี่ยนทำให้วุ่นวายกันไปหลายจังหวัดเลย โรงเรียนผมด้วยแหละ

ดังนั้น พวกนักเรียนใฝ่ดีอย่างพวกผม ใครไม่ไปไหนก็นัดกันมาอ่านหนังสือที่บ้านวัฒน์กัน (เจ้าของบ้านเค้าโอเคครับ ส่วนพี่เจ้าของบ้าน พี่วุธ ตอนนี้นอนแฮ้งค์จากการฉลองข้ามปีกันข้ามคืน แบบ เรียนหนักกันมา ยังไงก็ขอฉลองวันเทศกาลเค้าบ้าง เดี๋ยวน้องปีใหม่เสียใจ เค้าว่างี้ เลยนอนเป็นศพเรียงกันอยู่ที่ห้องนอนชั้นบน) ผมยึดมุมหนึ่งในห้องนั่งเล่นอ่านหนังสือไปตามเรื่อง มาร์คจุดสำคัญที่น่าจะออกสอบ ติ๊ก ติ๊กไปเรื่อยๆ

"อ่านไร ต๋อม" หันไปก็เจอพี่อ้น แปลกใจที่พี่เขามานะครับ

"เห็น วัฒน์ว่า ต๋อมมา พี่เลยแวะเข้ามาหา" มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นวัฒน์. ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยครับ หายไปกันหมด "พี่มาถึง วัฒน์ก็เปิดประตูให้แล้วเดินหน้าง่วงไปข้างบนแล้ว เห็นบอกว่าจะงีบหน่อย สงสัยวุธกินเหล้าเสียงดัง เลยนอนไม่พอมั้ง" อันนี้เห็นจะจริงครับ

"ต๋อม ก็พักสักหน่อยไม่ดีเหรอ เคร่งเครียดไปไม่ดีมั้ง" พี่เขาจับผมนอนลงกับตัก นวดหู นวดหัวให้ รู้สึกดีจริงๆเลยครับ มืออุ่นๆของพี่เขาให้ความรู้สึกดีที่สุดเลย สักพักพี่เขาก็ลุกไป กับมาพร้อมถืออะไรบางอย่างมาด้วย รอยยิ้มแปลกๆของพี่เขา...ไม่น่าไว้วางใจเลยครับ ผมว่ามันดูแปลกๆ

"ต๋อม. ไว้ใจพี่นะ"

ใครคิดว่าพี่อ้นเป็นสุภาพบุรุษ คุณคิดผิด พี่เขา เจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ แถมยังชอบแกล้งผมเป็นที่สุดเลย

....

"อืม อึก อือออออ อื้ม. พี่อ้น. อย่าแรง"

"ขอโทษที พี่ไม่ชินเท่าไหร่ จะค่อยๆนะ"

"อ๊ะ พี่ อย่าหมุนแรงอย่างนั้น มัน เสียว"

สอง พี่น้องเจ้าของบ้าน ที่เพิ่งตื่นยืนค้างอยู่ตรงบันได มองหน้าสื่อสารกันทางสาย เสียงเดินเบาลงมาจากข้างบน คนเป็นเพื่อนเอ่ยปากจะถาม เจ้าของบ้านคนพี่รีบเอานิ้วจุ๊ปาก สงสัญญาณให้เงียบ ยืนสุมหัวฟังเสียง

"มันทำอะไรกันในบ้านกูวะ" บ่นเบา เพื่อนที่ตามลงมาทีหลังอีกคนสะกิดกันให้ไปแอบดู

ค่อยๆโผล่หัวออกไปมองไอ้สองคนที่ทำกิจกรรมบางอย่างอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็น
.
.
.
.
"พวกมึงทำไรกันวะ" ว่าที่คุณหมอสะดุ้ง มือกระตุกผิดจังหวะ สร้างความเจ็บน้อยๆให้ร่างบางทันที

"โอ๊ย!!!"

"ขอโทษ ต๋อม เจ็บไม๊" หันไปทางต้นเหตุ " เฮ้ย พวกมึงน่ะ มาทำกูตกใจทำไมวะ อันตรายนะมึง"

"ก็พวกกูไม่แน่ใจว่ามึงทำไรกันน่ะ"

"กู-แคะ-หู-ให้-น้อง-อยู่-ไอ้-เชี่ย"

กลุ่มก่อความรำคาญหน้าเจื่อน สุมหัวเข้าหากัน " ก็แม่งทำเสียงยังกะ...กันอยู่"

"ต๋อมเจ็บไม๊ ไหนพี่ดูสิ"

"ไม่เป็นไรครับพี่อ้น แค่ตกใจมากกว่า" แล้วก็ถูกร่างสูงกว่า พลิกซ้าย พลิกขวาสำรวจไปเรื่อยๆ

"แล้วไอ้ทิมไปไหนล่ะ ต๋อม" วัฒน์ถามหาเพื่อนติวอีกคน

"กู อยู่นี่" เสียงสั่นดังมาทางบานมุ้งลวดเชื่อมกับสวน ก่อนที่ ทิมจะโผล่หน้ามาโดยมีหนังสือบังหน้าไว้เสียครึ่ง แต่มันลืมบังหูของมันที่แดงจัด! "ไอ้ต๋อมมันครางซะกูไม่กล้าโผล่หัวออกไปเลย"

เสียงพี่วุธดังบอก เห็นป่ะ กูไม่ได้คิดมากไปเองซะหน่อย พี่อ้นเถียงกลับ ใครไม่รู้พูดเสริม เสียงดังโวยวาย

ส่วนผมได้แต่เกาหัวแกรกๆ

'ก็แค่แคะหู มันทำไมเหรอ?'

.
.
.
.
.
"เฮ้ย อ้น มึงเป็นหมอประเภทไหนวะ แคะหู ปกติเห็นพวกหมอๆเค้าห้ามแคะนี่" วุฒิเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จนต้องถาม

"กูแค่อยากสวีทกับน้อง มีไรป่ะ"

วุฒิได้แต่เดินหูแดงๆออกไป



จบ

กอด ๆ บวก ๆ ค่าาาา
นั่งค้นงานเก่าเอามาเป็นข้อมูลทำงานปัจจุบัน  ดีใจมากที่เจอเวิร์ดนี้พร้อมแฟนฟิค(ขอบคุณจิกิค่าาา)  เอามาลงให้อ่าน  ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษสุดท้ายที่มีในมือ  และก็จะเป็นตอนจบปิดตลาด(ยังไม่เสร็จค่ะ)  อ่านตอนนี้แล้วอยากตบหัวอ้นให้เต็มข้อ  ถ้ามึงไม่เริ่มก็ไม่มีใครว่าหรอกเชี่ย(อินแฮง555)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ @6@ 15/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-07-2015 13:26:59
โอ้ยหน่วง เเต่ดีนะที่จบดี เกือบละเกือบน้ำตาคลอตาม
ยิ่งเรียนหมอเวลายิ่งน้อย ดีนะยังจบดีเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ @6@ 15/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-07-2015 14:08:22
พี่อ้นกับผองเพื่อนร่วมมือกันแกล้งน้องต๋อมแรงเกินไปจริงๆ ค่ะ เห็นแก่ความสนุกและผลประโยชน์กันอย่างเดียวเลย เราไม่ปฏิเสธหรอกนะคะว่าน้องต๋อมก็น่าแกล้งจริงๆ >< แต่จะทำอะไรก็ควรอยู่ในขอบเขตกันหน่อย คิดถึงใจเขาใจเราบ้าง

ยิ่งโดยเฉพาะน้องที่เป็นฝ่าย 'หลงรักพี่อ้นข้างเดียวมาตลอด' ย่อมจะต้องรู้สึกหวั่นไหวมากกกกกกเป็นธรรมดา กังวลไปสารพัดว่าเหมือนกับเราไม่เป็นที่ต้องการของเขาแล้วหรือเปล่า? และยังจะอะไรต่อมิอะไรอีกตั้งมากมาย ฯลฯ กับเรื่องแค่นี้ไม่คิดเลยนะคะเนี่ยว่าพี่อ้นจะลืม :ruready น่ายุให้น้องต๋อมโกรธนานๆ เสียจริงเลยเชียวน้าา..

แต่น้องต๋อมน่ารักเสมอเลยนะคะ ^^ ไม่โกรธพี่อ้นแถมยังกล่าวโทษว่าตัวเองก็มีส่วนผิดที่ไม่คิดเชื่อใจอีกต่างหาก น่าเอ็นดูเหลือเกิน
ค่าาา..ตัวเล็ก~ :man1:

ปล. ถ้าคราวหน้าทุกคนยังคิดที่จะทำแบบนี้กันอยู่อีกระวังตัวไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะคะ หึหึ ชิ้ง~ !!! o18

ปล.2 รอตอนหน้านะค้าา..^^ /ปาดน้ำตาที่เสียไปพร้อมๆ กับน้องต๋อม :sad11:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ @6@ 15/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-07-2015 15:00:54
อยากฟาดพี่อ้นแรงๆๆ    :m16: แกล้งน้องได้นะ

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ @6@ 15/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 16-07-2015 00:49:50
ว่าแล้วเชียว พี่อ้นรักต๋อมจะตาย :o8:

นี่ไม่ได้หื่นนะแต่ตอนแคะหูกันก็แอบคิด...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ @6@ 15/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 17-07-2015 09:15:31
แกล้งกันแรงนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ @6@ 15/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-07-2015 08:37:21
สารบัญด้านล่างนี้ต่อจากตอนปัจจุบัน (โรมีโอร้านขายยา กับ จูเลียตร้านทอง) ที่คุณจิได้ทำเอาไว้ค่ะ ขออนุญาตทำมาฝากนะค้าา.. :-[

รักเกิดในตลาดสด :: 10  แอบ..รัก  {อาร์ต ❤ เต๊นท์} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2979684#msg2979684)

รักเกิดในตลาดสด :: 11  จากวังหลวงอีเรีย ถึงแผงขายปลาตลาดสด  {สุลต่าน ❤ โกสินทร์} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2980514#msg2980514)

รักเกิดในตลาดสด :: 12  มนต์รักขนมครก  {เต้ ❤ สิทธิ์} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2987555#msg2987555)

รักเกิดในตลาดสด :: 13  ใต้เงาจันทรา  {โต๋ ❤ เต๋} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2989526#msg2989526)

รักเกิดในตลาดสด :: 14  บ่วงรัก  {ติ ❤ ก้าน} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2990377#msg2990377)

รักเกิดในตลาดสด :: 15  Beautiful  Eyes  {ต้อง ❤ โฟร์} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2994236#msg2994236)

รักเกิดในตลาดสด :: 16  Charming  {ตรี ❤ ปิง} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3000215#msg3000215)

รักเกิดในตลาดสด :: 17  Shy  {โต ❤ วี} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3001375#msg3001375)

รักเกิดในตลาดสด :: 18  Burn  {เต็ม ❤ โอม} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3002726#msg3002726)

Fan Fic Shy + Fan Fic Burn ..BY คุณ jiki :: เรื่อง วันหนึ่งในฤดูร้อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3003457#msg3003457)

รักเกิดในตลาดสด :: 19  Intimacy  Seekers  {ต้อ ❤ ชีท} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3008575#msg3008575)

รักเกิดในตลาดสด :: 20  วงกลม  {ช้าง ❤ ตัง} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3009499#msg3009499)

รักเกิดในตลาดสด :: 21  ความรัก  {ตูน ❤ ปั้น} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3018156#msg3018156)

ตอนพิเศษตามเทศกาล :: สงกรานต์ของชาวตลาด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3023774#msg3023774)

รักเกิดในตลาดสด :: 22  สายสัมพันธ์..แห่งรัก  {รัก ❤ ตุ๊} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3026077#msg3026077)

รักเกิดในตลาดสด :: 23  กระป๋องเบียร์ รอยรัก และฝ่ามืออุ่น  {อ้น ❤ ต๋อม} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3027240#msg3027240)

รักเกิดในตลาดสด :: 24  So  sweet  {เต ❤ ธัน} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3030921#msg3030921)

รักเกิดในตลาดสด :: 25  Love  lock  {ตั๋ม ❤ รินทร์} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3056182#msg3056182)

ตอนพิเศษ :: รักแบบเรา  {ต่อ ❤ กานต์} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3059733#msg3059733)

ตอนพิเศษ :: รักแบบเรา  {น็อต ❤ ติ๊ก} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3067578#msg3067578)

ตอนพิเศษ :: ลอยกระทง  {สุลต่าน ❤ โกสินทร์} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3073455#msg3073455)

ตอนพิเศษ ::  {โก๋ ❤ ต้อม} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3082857#msg3082857)

ตอนพิเศษ ::  {หนุ่ม ❤ ต๋อง} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3094670#msg3094670)

ตอนพิเศษ ::  {อ้น ❤ ต๋อม} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3124472#msg3124472)

ตอนพิเศษ ::  {ตี๋ ❤ ภัทร} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg3133768#msg3133768)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ @6@ 15/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 24-07-2015 14:41:48
เป็นตอนพิเศษของคู่นี้ค่ะ 
โรมิโอร้านขายยา  กับจูเลียตร้านทอง : ตี๋  ภัทร
  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45367.msg2972823#msg2972823)


ยืนรับลมเย็นของช่วงสิ้นปีพร้อมญาติฝั่งเลาหเทวการหลายสิบคน  ด้านหลังมีกระเป๋ากองเป็นภูเขา  เสียงพูดคุยดังจ้อกแจจอแจเซ็งแซ่ไปหมด  พี่พลยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้าง ๆ มีพี่ตั้มยืนเบียดเอามือซุกกระเป่ากางเกงพี่พลอีกที..น่าอิจฉา  ยิ้มบางกับหน้าจอมือถือที่มีหน้าเรียวของภัทรโชว์อยู่  กดรับแล้วรีบดึงโทรศัพท์ออกจาหูทันที..

“ตี๋!  ตี๋ฟังอย่างเดียวนะ  อีก  10 นาที  ภัทรกับที่บ้านก็ถึงหน้าร้านเราครับ  บอกที่บ้านเตรียมตัวได้เลย  แค่  นี้   นะ  ครับ!”  เสียงรอบตัวภัทรดังมาก  เป็นเสียงร้องเพลงของพวกจักระแข่งกันดังลั่นจนปลายสายอย่างผม..หูแทบแตก  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอยากเย็น  หันหลังบอกที่บ้านว่าอีก  10  นาทีจักระจะมาถึงแล้ว  พอได้ยินคำว่า  ‘จักระ’  บ้านผมก็หยุดคุยทันที  สีหน้าเบิกบนชานที่มีอยู่ตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม  ยกเว้น..อาม่า

“ลีลีลี  อาม่าไปเข้าห้องน้ำก่องลีกว่า  จะไล้ไม่ไปขี้เยี่ยวแตกบงลก  อาตงลื้อพาม่าไปที”  อาม่าพูดจบก็ยกแขนขึ้นคว้าคอเตี่ยให้พาไปเข้าห้องน้ำในร้าน  มองตามหลังแล้วกวาดตามองญาติที่ยืนกันอยู่หน้าร้านทุกคน  พี่พลยื่นมือมาตบไหล่แล้วยิ้มบางส่งให้ผม 

“อย่าคิดมากตี๋  มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติน่ะ  เราทุกคนที่นี่ไม่มีใครเกลียด ‘จักระ’  จากก้นบึ้ง..แล้วตอนนี้เราญาติดีกันแล้ว  ปล่อยให้เรื่องหมางใจเมื่อก่อนเป็นแค่นิทานก่อนนอนไปดีกว่า”  ยิ้มบางกับคำพูดของพี่พลทำให้ผมยิ้มออกมาได้บ้างนิดหน่อย  ก้มหน้าแล้วผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ  เงยหน้ามองมือใหญ่ของเตี่ยที่วางลงบนบ่า  ยิ้มกว้างตอบรอยยิ้มอ่อนโยนของเตี่ยและญาติผมทุกคนข้างหลังเตี่ย  โยนความกังวลทิ้งไว้ที่ตลาด  จริงของพี่พล..มันก็แค่นิทานก่อนนอน

ไม่นานรถทัวร์  2  ชั้น  สีชมพูสดใสก็เลื่อนเข้ามาเทียบหน้าร้านขายยาของผม  ประตูกลางเปิดพร้อมกับหน้าใส  ผิวชมพูวิ่งลงมาหา  ตาสวยกวาดมองแล้วหยุดนิ่งที่ผม  ริมฝีปากคลี่ยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาทันที  ภัทรยกมือไหว้เตี่ย  อาม่าและญาติผมก่อนจะยิ้มหวานส่งให้จนครบ  ยังไม่ทันได้ยินเสียงภัทรก็ถูกคนที่มาทีหลังชิงพูดเสียก่อน

“สวัสดีครับ  ‘เลาหเทวการ’  ทุกท่าน   วันนี้ผมในฐานะโต้โผใหญ่ของ  ‘จักระ’  ขอพาทุกท่านเที่ยวชมบรรยากาศของเมืองมะขามหวาน  และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่รีสอร์ทหรูแถบชานเมืองเพชรบูรณ์  1  คืน  2  วัน   ขึ้นรถกันเลยครับ”  มองพ่อภัทรออกมาต้อนรับเราทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใส  กะพริบตาลุ้นเมื่อเตี่ยเดินเข้าประจันหน้า  พี่พลขยับเข้าไปยืนชิดคอยกัน  เตี่ยยิ้มบางแล้วพูดกับพ่อภัทรเสียงดัง

“สวัสดี  คุณภาสกร”  พ่อภัทรยิ้มบางแล้วยื่นมือมาคว้ามือเตี่ยไปเขย่า  เสียงทักทายของเตี่ยกับพ่อภัทรดังไปจนถึงบนรถ    ญาติของภัทรหลายคนลงมาช่วยเรายกกระเป๋าใส่รถ  ผมกับภัทรยิ้มให้กันแล้วยื่นมือจับมือเรียวมาบีบเบา ๆ ภัทรยิ้มกว้างตอบแล้วดึงมือให้รีบขึ้นรถ  ประตูปิดตามหลังก่อนล้อรถจะเริ่มหมุน  เกาะไหล่เล็กเดินขึ้นรถแล้วเดินไปเบาะหลังสุดที่พี่พลจองไว้ให้  จับไหล่ดันให้ภัทรนั่งข้างใน  เจ้าตัวชะโงกหน้าข้ามไหล่ผมไปคุยกับพี่ตั้มแฟนพี่พล  ผมยิ้มบางให้พี่พลที่กำลังรู้สึกแบบเดียวกัน

“ไว้ไปคุยที่โรงเรียนนะภัทร  วันนี้เป็นวันของแฟน..ไม่ใช่วันของเพื่อน”  พยักหน้าสนับสนุนคำพี่พลที่เอ่ยปากบอกภัทร  ยิ้มมุมปากส่งให้พี่ชายตัวเองที่ขยับบังพี่ตั้มไว้มิด  เห็นแค่รอยสักดาวห้าแฉกหลังหูพี่พลอย่างเดียว  ยิ้มบางให้หน้าง้ำของภัทรที่ถูกขัดจังหวะการคุย  เจ้าตัวยิ้มน้อย ๆ เลิกคิ้วแล้วพองลมเข้าปาก  ‘อยู่โรงเรียนก็ไม่ได้คุยเหอะ..ย้ายมาก็อยู่คนละห้องอ่ะ’  ภัทรย้ายตามผมมาเรียนที่เดียวกัน  พี่ตั้มแฟนพี่พลเลยขอที่บ้านย้ายตามภัทรมาเรียนที่นี่ด้วย  ยิ้มตอบยิ้มสวยที่ส่งมาให้ ภัทรแบมือบนตัก หลังมือตีขาผม  2-3  ที  ยิ้มบางแล้วยื่นมือเอาฝ่ามือทาบทับมือเรียว  เรากระชับฝ่ามือเบาๆยิ้มอ่อนโยนให้จักระคนเล็ก  ภัทรยิ้มตอบเขิน ๆ แล้วเบือนหน้าไปมองทิวทัศน์ผ่านกระจกรถ  รถยังไม่พ้นตัวจังหวัดผม  ในรถก็เริ่มทำสงครามแย่งไมโครโฟนดวลคาราโอเกะกันทันที

“น้องคนรถพี่ขอ  ‘มนต์เพลงคาราบาว’  จัดหนักให้พี่อย่างด่วนน้อง!”  นั่นเป็นเสียงเตี่ยที่คว้าไมโครโฟนมาจากมือจักระที่นั่งอยู่หน้าสุดเพื่อโชว์พลังเสียงที่บ้านผม..ขยาดที่สุด!  พ่อภัทรเดินมายืนข้าง ๆ ก่อนจะยิ้มบางรอฟังเสียงเตี่ย  อินโทรขึ้นเตี่ยก็โยกหัวไปตามจังหวะ  ผมหันมายิ้มให้ภัทรที่ออกอาการปลื้มกับเพลงที่เตี่ยกำลังจะร้อง  พอหมดท่อนเพลงอินโทรผมก็ปล่อยมือภัทร..เอามาปิดหูภัทรแทนทันที

“มาร่วมกันร้องบรรเลง  มาร่วมกันร้องบรรเลง  มาร่วมกันร้องบรรเลงมนต์เพลงคาราบาว..ฯลฯ..”  อมยิ้มมองภัทรที่ยิ้มค้างกับเสียงเพลงบาดหู  พ่อภัทรถึงกับศอกหลุดจากพนักเก้าอี้  ทุกคนบนรถยิ้มเจื่อน  บางคนที่ทนไม่ไหวก็เบือนหน้าหนีเสียงโหยหวนของเตี่ย  ยกเว้น..อาม่า

“อาตงล้องเพงเพาะไม่เปี่ยงเลย”  อาม่าไม่พูดเปล่า  ปรบมือเข้าจังหวะ  โยกตัวตามเพลงยืนยันคำพูดตัวเองเต็มที่  โชคดีที่เตี่ยไม่ใช่คนบ้ายอ  เราเลยได้ฟังมนต์เพลงคาราบาวจากเตี่ยแค่เพลงเดียว  ลดมือที่ปิดหูให้มาลูบแก้มเบา ๆ ภัทรสบตาผมเพียงนิดเดียวก่อนจะหลุบมองคอเสื้อ  ยิ้มน้อย ๆ กับการเขิน  ก้มลงหอมแก้มนิ่มแล้วขยับเข้าใกล้  จับไหล่เบี่ยงออกมองข้างทาง   ยืดตัวให้ภัทรซบไหล่ได้ถนัด  มือสอดกอดเอวบาง  ก้มหอมขมับเลยมาที่แก้มก่อนจะนั่งอยู่อย่างนั้นจนรถวิ่งออกจากจังหวัดตัวเอง  ขยับตัวให้ภัทรหยิบขนมที่เจ้าตัวเอามากินเล่นบนรถมาเปิด  อ้าปากรับเลย์แผ่นเรียบที่ภัทรส่งให้  ผมกับภัทรนั่งมองทิวทัศน์ข้างทาง  ไม่รับรู้ว่ารถจอดพักที่ปั๊มตรงไหนบ้าง  มีเสียงเพลงของเหล่าญาติที่ร้องคาราโอเกะ  และกลิ่นแป้งเด็กผสมกับกลิ่นภัทรติดปลายจมูกไปตลอดทางจนถึงเพชรบูรณ์ 

ไม่ได้ฟังว่าไกด์ของทัวร์ฉิ่งฉับจะพาไปไหนบ้างในวันพรุ่งนี้  เตี่ยกระซิบคุยกับพ่อภัทร  2-3  คำ  พ่อภัทรก็บอกไกด์ให้ยกเลิกโปรแกรมเที่ยวทุกอย่าง  หลังจากเคาท์ดาวน์ที่รีสอร์ทเสร็จ  เช้าวันที่  1  เราจะเดินทางกลับทันที  เพราะต้องรีบกลับไปฉลองปีใหม่ต่อที่ผับของพ่อภัทร  เตี่ยจะพาแม่เราทุกคนไปนั่งดริ้งค์ฉลองปีใหม่น่ะครับ  ภัทรหันมามองหน้าผมแทบจะทันทีที่พ่อภัทรพูดจบ  ผมได้แต่ยิ้มกว้าง  ดีใจที่เตี่ยกับพ่อภัทรเข้ากันได้และยอมรับความคิดเห็นกันทุกเรื่อง  และนี่จะเป็นครั้งแรกที่ตระกูลผมกับภัทรหยุดความบาดหมางที่สะสมมายาวนานตัดขาดสะบั้นในรุ่นเตี่ย  กระแสวงในของเลาหเทวการรับรู้แค่เตี่ยจะเลิกยุ่งและเลิกหาเรื่องจักระก่อน  แต่วันนี้..ไม่เฉพาะแค่คนใน  คนนอกก็จะได้เห็นว่าเราสองตระกูลยุติความบาดหมาง  และอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

ทยอยลงจากรถก็ลงมาหยิบกระเป๋าที่วางข้างล่างติดมือมาหลายใบ  ยกมาวางรวมกันที่ล็อบบี้รีสอร์ท  ยืนมองบรรยากาศรอบ ๆ รีสอร์ทรอให้พวกญาติรับกุยแจบ้านไปให้หมดก่อน  เตี่ยเดินเข้ามาหาแล้วยื่นกุยแจบ้านให้ผม  ยื่นมือรับแล้วหันไปทิศที่เตี่ยชี้บอกที่ตั้ง  ยิ้มขอบคุณเตี่ยกับเสียงกระซิบ..  ‘เตี่ยให้อาตี๋หลังหนึ่ง  ไปจับคู่เอาเอง’  หันมองภัทรที่ง่วนกับการแยกกระเป๋าส่งให้ญาติตัวเอง  เดินเข้าไปช่วยยกจนเสร็จก็กระซิบบอก

“เราพักหลังสุดท้ายทางโน้นครับ”  ภัทรมองตามแล้วหันมาทำตาโตใส่ผม  ยิ้มบางแล้วคว้ากระเป๋าภัทรมาถือไว้เอง   เอากระเป๋าดันขาให้ภัทรเลิกมองหน้าผมแล้วเดินไปสักที  มองคนข้างหน้าเดินก้มหน้าก้มตา  รีบเดินตีคู่ไปเดินใกล้ ๆ ภัทรมองมานิดหน่อยแล้วเบือนมองดอกไม้ในสวน  มองริมฝีปากบางที่อมยิ้มกับกระเป๋าที่ผมดันขาเบา ๆ

“ไรเล่า..”  ยิ้มกว้างกับอาการเขินเล็ก ๆ ของภัทร  เร่งฝีเท้ามองเลขที่บ้านตัวเอง  เอากระเป๋าวางไว้แล้วล้วงมือหยิบกุญแจบ้าน  ยื่นให้ภัทรเป็นคนเปิด  เจ้าตัวยื่นรับแล้วเม้มปากแน่น  ลูกบิดหมุนเปิดออก  หยิบกระเป๋าโยนเข้าไปแล้วลากแขนเล็กเข้าบ้าน  คว้าบานประตูเหวี่ยงปิดพร้อมกับดึงไหล่เล็กเข้าหาตัว  ภัทรหัวเราะคิก  หลับตารับริมฝีปากผมที่จู่โจมเข้าหา  มือกอดเอวบางแน่น  ขาก้าวไปข้างหน้า  หลังภัทรแตะกับโซฟาเดี่ยวกลางห้องผมก็ควานลิ้นเข้าหาปลายลิ้นอุ่นของภัทร  หูได้ยินเสียงมือถือภัทรดังมาจากกระเป๋ากางเกง  มือลดต่ำลงคลึงที่เป้ากางเกง  เสียงอื้อดังอยู่ที่ริมฝีปาก  ออกแรงขืนมือเพราะภัทรพยายามดึงออก

“ตี๋..เดี๋ยวก่อน  ขอ  ขอรับโทรศัพท์ก่อน  อื้อออ”  จับมือเรียวมาไพล่หลัง  บดจูบให้หายคิดถึง  ภัทรผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ แล้วขยับริมฝีปากจูบตอบผมช้า ๆ  เนื้อนุ่มของริมฝีปากสวยสัมผัสเชื่องช้า   ในหัวว่างเปล่า  ภัทรขยับถอยถอนจูบออกอ้อยอิ่ง  ผมปล่อยมือเรียวออกให้ภัทรประคองหน้า

“ใจร้อนไม่เปลี่ยน..ขอรับโทรศัพท์พ่อก่อนได้มั้ย?”  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ สบตาสวยนิ่ง  พยักหน้าอนุญาตแต่ไม่ขยับตัวไปไหนทั้งนั้น  ภัทรหยิบมือถือกดออก  คว้ามืออีกข้างที่ว่างมาหอม  ตาสวยมองผมจูบที่หลังมือ  ริมฝีปากคลี่ยิ้มหวานแก้เขิน  ปล่อยภัทรให้ดีดนิ้วที่ริมฝีปากผมเบา ๆ ยิ้มน้อย ๆ แล้วรวบมือเรียวมาจูบทีละนิ้ว 

“รับพ่อ  ภัทรเข้าห้องน้ำอ่ะเลยไม่ได้รับ  หา?..ไม่ไปได้มั้ยอ่ะพ่อ  เย็นทีเดียวไม่ได้เหรอ?  ก็นั่นแหละ  ก็ไปพร้อมกันตอนเย็นทีเดียวเลยอ่ะ...  พ่ออ่า~  พ่อ!”  หน้าใสงอง้ำละจากจาหน้าจอมือถือมามองผม  ส่งมือถือลงกระเป๋ากางเกงแล้วโผเข้ามากอดคอผมแน่น  เสียงงอแงดังข้างหู

“พ่อให้เราไปนั่งข้างรนอกอ่ะตี๋  ไม่อยากไปอ่ะ  แต่พ่อบังคับอ่ะ”  นิ่งฟังแล้วอมยิ้มเอ็นดู  ภัทรแก่กว่าผมแค่ปีเดียว  แต่กลับเด็กกว่าผมไม่รู้กี่ปีเรื่องนิสัยน่ารัก ๆ แบบนี้  เบี่ยงหอมใบหูเล็กแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น  ดันเอวเล็กให้ออกห่างนิดหน่อยแล้วยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากบางเบา ๆ  2-3  หน  ‘ไปครับ..เตี่ยผมให้เรานั่งไม่นานหรอก’  ภัทรถอนหายใจยาวแล้วทำคอตก  ยิ้มกว้างแล้วหอมแก้มนิ่มอีกหลายที  ภัทรพองลมเข้าปากแล้วเอียงแก้มว้ายให้ผมหอมอีกฟอดใหญ่ก่อนจะเป็นคนจูงมือผมเดินออกมาจากห้องเอง

เดินไปหาพวกพ่อที่นั่งจิบเหล้าคุยกันเสียงดังที่สวนกว้างด้านข้างของรีสอร์ท  พี่พลกับพี่ตั้มนั่งอยู่ก่อนแล้ว  ภัทรเดินเข้าไปนั่งข้างพี่ตั้ม  เพราะผมกับพี่พลถูกเตี่ยเรียกให้ไปนั่งชงเหล้าให้ผู้ใหญ่ในวงเหล้า  เทเป๊บซี่ให้ภัทรกับพี่ตั้มแล้วกลับมนั่งชงเหล้าให้เตี่ยต่อ  พ่อภัทรถามผมว่า  ภัทรตอนอยู่โรงเรียนโดดเรียนบ้างหรือเปล่า

“ไม่มีเหอะพ่อ  ภัทรเด็กดีสุดละ”  เจ้าตัวชิงตอบเองพร้อมกับริมฝีปากยื่น  จมูกย่น  แถมพองลมเข้าปากอีกหน่อย..น่ารักสุดด้วยครับ  มองเลยไปที่พี่ตั้ม  พี่ตั้มก็น่ารัก  แต่จะติดหล่อน่ารักเพราะมีเชื้อลูกเสี้ยวมากกว่าน่ารักใส ๆ แบบภัทร  พ่อภัทรยิ้มมุมปากแล้วล้วงน้ำแข็งในแก้วมาขว้างใส่ภัทร  เจ้าตัวโวยวายแล้วลุกหนี  พ่อภัทรยิ้มบางแล้วหันมาหาผม

“ก็เป็นซะแบบนี้  ฝากด้วยล่ะ”  ผมยิ้มกว้างแล้วรีบรับแก้วเหล้าของพ่อภัทรที่ยื่นมาให้  เตี่ยหันมามองแล้วยิ้มมุมปากแซว  มองหาภัทรก็เห็นว่านั่งอยู่กับพี่ตั้มที่มุมสวนกับคนอื่น ๆ  นั่งชงเหล้าไปฟังผู้ใหญ่คุยกันไปจนถึง  5  ทุ่มกว่า  เตี่ยกับพ่อภัทรก็เรียกให้ทุกคนมารวมกันที่สวน  ทุกคนหยิบมือถือขึ้นดูเวลาแล้วยิ้มกับเวลาที่กำลังเดินไปเรื่อย ๆ  อาม่าลุกจากเก้าอี้  ร้อนถึงพ่อภัทรกับเตี่ยต้องช่วยประคอง  ภัทรเดินเข้ามาเบียดข้าง ๆ  ก้มหน้ายิ้มบางส่งให้แล้วนับเวลาถอยหลังพร้อมคนอื่น 

“..5 4 3 2 . สวัสดีปีใหม่”  สอดจับมือภัทรแล้วบีบเบา ๆ   ตามองพ่อภัทรกับเตี่ยชนแก้วกันรับปีใหม่  อาม่าก็ยิ้มแย้มหัวเราะอารมณ์ดี  ทุกคนดูชื่นมื่น  ผมเห็นพี่พลกับพี่ตั้มเดินหายลับไปทางรีสอร์ท  ผมเองก็..คงต้องใช้เวลาเป็นส่วนตัวบ้างแล้ว  กระตุกมือภัทรให้เดินตาม  กึ่งลากกึ่งจูงรีบเดินกลับมาที่ห้องตัวเอง  ภัทรหัวเราะคิกกับท่าทางรีบร้อนจนทำกุญแจร่วงหลายหนหน้าห้องพัก  เปิดเข้าไปได้ก็รีบปิดประตู  ถอดเสื้อตัวเองทิ้งข้างตัวแล้วดึงภัทรเข้ามากอด

“คิกคิก  รีบอะไรเนี่ย?..อื้ออออ”  ผมอยากรักภัทรในช่วงระหว่างปีเก่าย่างเข้าปีใหม่  มันเหมือนเรากำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกปี  ผมก็อยากทำให้เรายิ่งโตขึ้นด้วยเหมือนกัน  ดึงเสื้อภัทรออกจากตัว  ประกบจูบชิมเนื้อนุ่มที่ริมฝีปากสวย   มือเรียวดันไหล่ผมออกหลบริมฝีปากที่ระจูบลงมาที่ซอกคอหอม  วกจูบที่ใบหู  เป่าลม  สอดลิ้นฉกจูบที่หูเล็ก  ภัทรยืนตัวอ่อนกอดคอผมประคองตัว  สอดแขนเข้าใต้รักแร้ข้างหนึ่งช่วยประคอง  อีกข้างละมาถอดกางเกง  ริมฝีปากกับจมูกซุกไซ้แถวหน้าอก  ตวัดลิ้นแตะที่ตุ่มไตสีอ่อนบนหน้าอก  ภัทรครางเสียงต่ำแล้วขยำไหล่ผมแน่น

ลากปลายลิ้นลงตามร่องกล้ามเนื้อหน้าท้อง   คุกเข่าตรงหน้าแล้วงับก้อนเนื้อนุ่มผ่านกางเกงใน  เงยหน้ามองตาฉ่ำ  ริมฝีปากเผยอรับอากาศ  หน้าอกหอบกระเพื่อมของภัทร  ยิ้มน้อย ๆ แล้วดึงขอบเกงเกงลงถึงหัวเข่า  นิ่งมองก้อนเนื้อหยุ่นที่เริ่มพองตัวตามอารมณ์ดิบ  แตะปลายนิ้วคลึงวนที่ก้อนกลมข้างล่างแล้วเลื่อนขึ้นไปตามความยาว  ส่วนปลายปล่อยน้ำใสเหนียวติดปลายนิ้ว  ยิ้มมุมปากแล้วเลียชิมไม่รังเกียจ  ลมหายใจอุ่นเป่ารดหน้าผมเพิ่มความหนักหน่วงมากขึ้น   ยื่นหน้าจูบระหว่างก้อนกลมกับความแข็งขืนก่อนจะแลบลิ้นเลียขึ้นตามความยาว 

ครอบริมฝีปากลงไปทีเดียวถึงโคน  เสียงสำลักอากาศดังแว่วเข้าหู  ขยับโยกหัวขึ้นลงจากเชื่องช้าเพิ่มความเร็วขึ้นจะภัทรทนแทบไม่ไหว  มือเรียวสอดตามเส้นผมจับหัวให้ผมเพิ่มความเร็วให้มากกว่าเดิม  ถอนริมฝีปากออกทันทีแล้วลุกขึ้นยืนดึงภัทรเข้ามาจูบปิดเสียงคราง  ลดมือข้างหนึ่งขยับสาว  อีกข้างจับต้นขาขึ้นแนบเอวตัวเอง  ยกเท้าเหยียบกางเกงในภัทรที่ยังคาอยู่ตรงหัวเข่า  ย่อตัวดันความต้องการรูดผ่านผิวและช่องทางร้อน  น้ำสีใสจากปลายท่อไหลเปรอะไปหมด  กลิ่นเหงื่อ  ปลายลิ้นที่ตวัดรัดเกาะเกี่ยว  และ..เสียงหัวใจเต้นโครมครามเป็นจังหวะเดียวกัน
ผมย่อตัวอุ้มภัทรเข้าเอว  ริมฝีปากจูบ  ปลายลิ้นเกาะเกี่ยวไม่ห่าง  พามาถึงเตียงผมก็ควานมือเปิดกระเป่าสัมภาระ  เจอเจลหล่อลื่นก็รีบเปิดมาลูบชโลมท่อนร้อนของตัวเอง  ภัทรสะดุ้งเฮือกเมื่อผมกวาดเจลป้ายละเลงที่ช่องทางร้อน  ดันนิ้วเข้าไปทีละน้อยจนสุดแล้วส่งตามไปอีกนิ้ว  แช่ไว้ไม่ถึงนาท็ก้หมุนนิ้วเตรียมความพร้อมช่วยภัทร  ภัทรกัดริมฝีปากผมเมื่อผมดันนิ้วเข้าหาแรง ๆ
“อือออ”  ผละจูบแล้วถอนนิ้วออก ดันท่อนร้อนของตัวเองเข้าหาทีละนิด  ภัทรกัดฟันกรอดเกร็งตัวรับส่วนหัวที่ผลุบเข้าไปแล้ว  ผมหอบหนักอดทนกับการรัดของภัทร ก้มดูยิ่งทนไม่ไหว ดันเข้าไปทีเดียวมิดโคน ทิ้งตัวลงประคองหน้าภัทรมารับจูบ ปลายลิ้นอุ่นตวัดเกี่ยวปลายลิ้นผมขึ้นมาดูด  ขาเรียวแยกกว้างแล้วขยับสะโพกดันเข้าหาท่อนร้อนให้ยิ่งเข้าไปล้ำลึกมากขึ้น ครางกับปลายลิ้นอุ่นของภัทร ผมเสียวแปลบปลาบตั้งแต่เส้นผมจนถึงปลายเท้า 

เท้าแขนคร่อมดันตัวขึ้นแล้วเริ่มขยับ  ภัทรบิดตัวเร่า  สะบัดหน้ากับหมอนรับจังหวะการรุกของผม  จับต้นขายกขึ้นพาดบ่าแล้วโยกเอวกระแทกเข้าออกแรง ๆ   ก้มมองท่อนร้อนมันปลาบผลุบโผล่เข้าออกช่องทางอุ่นที่ตอดรัดทุกทิศทุกทาง   เสียงหัวใจเต้นเสียงดังกลบเสียงหอบหนักและเสียงครางต่ำของภัทร  มือเรียวจับต้นแขนผมแน่น  ขาสวยที่พาดบ่าลดลงมาแตะฟูกนุ่มก่อนจะยกตัวขึ้นประกบจูบผม  จับสะโพกเล็กช้อนขึ้นเอวแล้วยกขึ้นคุมจังหวะ  ถดสะโพกเมื่อภัทรยกตัวขึ้น  ขยับเข้าหาเมื่อภัทรทิ้งน้ำหนัก  เสียงเนื้อกระทบกันดังน่าอาย 

“ซืดดด  สุดยอด”  ครางแผ่วกับริมฝีปากบางที่กัดปากกลั้นเสียงครางแน่นของภัทร  ผมจับพลิกหันหลังแล้วจับสะโพกเล็กไว้แน่น  ดึงเข้าหาตัวเต็มแรง  ช่องทางอุ่นตอดถี่ยิบ  หอบหายใจหนักกับความเสียวตลอดความยาวที่ภัทรโอบกอดอยู่   มือเรียวควานจับหัวเตียงไว้มั่น  หันหลังคว้าเจลมาบีบซ้ำลงไปตรงช่องทางอุ่นที่มีแท่งร้อนของผมคาอยู่  ความเย็นและความหล่อลื่นทำให้ภัทรครางหนักขึ้น   กัดฟันกรอดจับสะโพกเล็กดึงเข้าหาตัวแรง ๆ อีกหลายครั้ง  พอรู้ว่าร่างกายผมทนไม่ไหวแล้วก็ละมือที่บีบก้นแน่นเอื้อมมารูดรั้งความต้องการของภัทร  แค่รวบจับภัทรก็ปลดปล่อยธารรักออกมาจนล้นลามหลังมือ  กัดฟันกรอดกับช่องอุ่นที่ยิ่งตอดถี่  ก้มหน้ากดหน้าผากกับท้ายทอย  แท่งร้อนของตัวเองกระตุกกึกเรียกร้องการปลดปล่อยเพราะช่องทางที่บีบรัด  โยกเอวออกห่างจนเกือบหลุดแล้วดันเข้าไปมิดแค่ครั้งเดียวผมก็ถึงสวรรค์

“อึก!”  กัดกรามแล้วกอดภัทรไว้แน่น  ปล่อยให้ความต้องการปล่อยน้ำสีขาวข้นใส่ช่องทางอุ่นจนหมดลำกล้อง  ล้มตัวลงนอนกอดก่าย  ถอนความต้องการออกเพียงนิดน้ำสีขาวของผมก็ไหลระตามออกมาด้วยเป็นทาง  กดปลายจมูกหอมแก้มใส  เกลี่ยไล้ริมฝีปากจูบปากนุ่มคลอเคลียไม่ห่าง  ปลายลิ้นอุ่นของภัทรสอดเข้ามาควานหาดูดดุน  ขาเรียวอ้ารับความต้องการของผมที่คุโชนขึ้นมาอีกรอบ

“อืมมม  สวัสดีปีใหม่ครับศศิน..”  ผละออกมามองตาฉ่ำ  ริมฝีปากสีชมพูซีดบวมเห่อ  ผมเผ้ายุ่งเหยิง  ตามหน้าอกกับซอกคอมีแต่รอยจูบสีกุหลาบติดอยู่ทั่ว..หัวใจเต้นแรงกับภัทรที่เห็นในตอนนี้  ยื่นริมฝีปากจูบริมฝีปากล่างเบา ๆ ก่อนจะอ้าปากงับด้วยความมันเขี้ยว

เสียงหัวเราคิกดังที่ริมฝีปากก่อนจะพาผมเตลิดจนเกินกู่กลับด้วยการพลิกขึ้นคร่อมแล้วบดเบียดช่องทางอุ่นที่ส่วนหัวยั่วผมให้ยิ่ง..อยาก..แต่ก่อนจะหลุดเข้าไปให้ห้วงรักข้ามปี  ผมต้องบอกสิ่งสำคัญในช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ก่อนจะเลยเวลา.. พลิกขึ้นคร่อมทาบทับ  ประคองหน้าเรียวไว้ในฝ่ามืออุ่นทั้ง  2  ข้าง  ยิ้มบางแล้วก้มกระซิบที่ริมฝีปากสีชมพูซีดที่ยิ้มกว้างตรงหน้า




“สวัสดีปีใหม่ครับคุณภัทร..  ฝากรักผมเก็บไว้ในใจด้วยนะครับ  ตลอดไปเลย”

END.

บวก ๆ กอด ๆ ค่าาาา
ก่อนอื่น..ขอบคุณ คุณ Mouse2U  สำหรับสารบัญค่ะ  (น่ารักมาก จับจูบแก้มซ้ายขวาแรง ๆ)   
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษสุดท้ายแล้วค่ะ    ตอนหน้าจิจะส่งมาปิดตลาดนะคะ(ตลาดวายยยยย) 
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-07-2015 15:37:54
เตี่ยกับอาม่าทำเราหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมดแล้วค่าา :m20: คือแบบทุกคนบนรถตั้งความหวังเอาไว้มากเลยนะคะเตี่ย~ ทำไมถึงดับฝันกันแบบนี้ค้าา 555+ สงสัยเป็นเพราะมีอาม่าคอยเชียร์อยู่ด้วยล่ะสิน้าา >< กำลังใจของเตี่ยเลยมาเต็ม :laugh:

ว่าด้วยเรื่องของตี๋กับภัทรนะคะ..ทั้งสองคนกะจะให้เลือดไม่ไปเลี้ยงส่วนอื่นของร่างกายเราใช่ไหมคะเนี่ย รู้บ้างไหมค้าาว่าตรงนี้ยังมีคนนั่งเขินนนนน.. >\\\\\\\< พวกหนูอยู่อีกคนหนึ่ง แอร๊ย~ เราจะเป็นตากุ้งยิงไหมน้อ :-[

โชคดีจริงๆ เลยนะคะ ที่ตี๋กับภัทรได้มาเจอกันและรักกันแบบนี้ เพราะดูเหมือนความรักของทั้งคู่จะซึมซาบเข้าไปถึงข้างในใจของคนทั้งสองตระกูลด้วย~ :heaven ความรักนี่ดีจริงๆ เลยเน้ออ..

รอตอนหน้านะค้าา ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 24-07-2015 16:58:40
โอ๊ยยย เขิน น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 24-07-2015 20:06:19
รักกันข้ามปีเลยคู่นี้ :o8:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-07-2015 23:13:52
ฮือๆๆ จะปิดตลาดแล้วเหรอ :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 26-07-2015 23:20:49
จะปิดตลาดแล้วหรอ???!!!!
เค้าอยากอ่านคู่ที่ขาดหายไปอ่าาาาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 01-08-2015 01:07:17
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 13-08-2015 10:40:46
คู่นี้ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ..... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-09-2015 08:10:18
คิดถึงนะค้า~~ :จุ๊บๆ: