พิมพ์หน้านี้ - พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: MiddaySuN ที่ 03-01-2015 12:53:09

หัวข้อ: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 03-01-2015 12:53:09
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ



ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0


ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่


2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   


เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ


4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ


5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).


9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ


10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป


11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว


บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด


13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ


14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ


15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข


17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้


18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           


วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17




เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*****************************************************************************************










พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน








           ในทุกๆการกระทำย่อมเกิดควบคู่ไปกับความรู้สึกบางอย่างเสมอเพียงแต่คุณมองข้ามมันไป ลองใส่ใจของตัวเองลงในใจของคนข้างตัวดูสิบางทีคุณอาจจะเจอคำว่ารักอยู่ในนั้นก็ได้นะ
..........................................................................





หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 03-01-2015 12:56:00
     


บทนำ




           “ มึงมองเชี่ยไรวะ?” ไอ้นาวหันมาถามเมื่อมันเห็นผมหยุดเดินแล้วหันไปมองอะไรบางอย่างแบบสนอกสนใจ


           ผมไม่ตอบเพราะคิดว่ามันคงรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมกำลังดูอยู่คืออะไรจากการที่มันลากผมเข้าไปใกล้จุดเกิดเหตุแล้วย่อตัวนั่งซุ่มเสือกอยู่ข้างต้นไม้ด้วยหน้าตาอยากรู้เรื่องชาวบ้านแบบเต็มที่


           พวกผมกำลังอยู่ระหว่างเดินออกจากโรงเรียนทางประตูหลังซึ่งไม่ค่อยมีคนใช้เส้นทางนี้เท่าไหร่ จากตรงนี้สามารถมองเห็นคนสองคนกำลังยืนคุยอะไรบางอยู่ซึ่งมันจะไม่น่าสนใจเลยถ้าสองคนที่ว่าเป็นเด็กนักเรียนน้องเหน่งกับน้องแกะทั่วไปแต่สองคนที่ว่าคือ...


           พี่ไอริณกับไอ้เปลว...โหยยยย ตัวท็อปของโรงเรียนสองคนแอบมากระหนุงกระหนิงอะไรกันหลังโรงเรียนสองต่อสองแบบนี้ไอ้เหี้ยที่ไหนไม่แอบฟังก็ไม่ต้องเรียกมันว่าไอ้เหี้ยกันละ เพราะแม่งคนดีมีมารยาทไม่เสือกเรียกเหี้ยทำไม(?)


            พี่ไอริณเป็นรุ่นพี่ผมปีนึงอยู่ม.หกได้รับตำแหน่งคฑากรหญิงของโรงเรียน เธอสมบูรณ์พร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ การเรียน นิสัยซึ่งผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมากกับการที่ผู้หญิงสวยๆคนนึงจะไม่ถูกริษยาจากผู้หญิงคนอื่นด้วยกันแถมยังได้รับคำชื่นชมอีกต่างหาก และผู้หญิงคนที่ว่าตอนนี้ก็กำลังยืนบิดไปบิดมาอย่างเคอะเขินต่อหน้าไอ้เปลว...


            ไอ้เปลว ไอ้หล่อ ไอ้ยิ้มทีโลกสดใส ไอ้นักร้องนำวงโรงเรียน ไอ้น่าหมั่นไส้ ไอ้โปรไฟล์ดีเลิศขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อยโลกรอบตัวก็เจิดจ้าขึ้นทันตาทำให้พี่ไอริณได้ม้วนอีกแปดตลบ ชักจะมากไปละมึงมาจีบอะไรกันต่อหน้ากูวะแม่งอิจฉาวะ(ได้ข่าวว่าแอบฟังเอง)


             ยังไม่ทันที่ความอิจฉาในฐาแฟนคลับพี่ไอริณของผมจะลุกโชนดีประโยคไม่คาดคิดก็ดังออกมาจากปากของไอ้หล่อที่เพิ่งขยับยิ้มเมื่อครู่

 
            “ผมขอโทษจริงๆ ผมว่าคนดีๆอย่างพี่น่าจะคู่กับผู้ชายที่ดีกว่าผม....”


             ชัดเลย!! ไม่ต้องฟังบทสนทนาก่อนที่ผมกับสหายนาวจะเดินผ่านที่เปลี่ยวแห่งนี้และประโยคที่ไอ้เปลวพูดอยู่ตอนนี้จนจบพวกผมก็เดาได้ว่าไอ้อีเว้นท์ตรงหน้าคืออะไร


            พี่ไอริณสารภาพรักไอ้เปลวและโดนปฏิเสธแบบรักษามารยาทด้วยประโยคเบสิคเธอดีเกินไปในตำนาน!!!


             ผมรีบลากไอ้นาวออกจากพุ่มไม้เดินหันหลังกลับไปทางเดิมทิ้งความคิดที่จะเดินกลับบ้านโดยการออกจากประตูหลัง ไอ้นาวก็เดินตามผมมาแต่โดยดี เมื่อออกห่างมาได้ระยะหนึ่งพวกผมก็หันมามองตากันปริบๆอย่างกับเพิ่งเห็นฉากฆาตกรรมสยองขวัญหรืออะไรชวนขนหัวลุกมาก็ไม่ปาน


             “เปลวเป็นเกย์ชัวร์มึง” นาวเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน ซึ่งผมก็อดคิดตามไม่ได้


             จากคำให้การของสายข่าวขาเสือกที่ชอบคาบเรื่องชาวบ้านมาเล่าสู่กันฟังในกลุ่มเพื่อนของผมอย่างแชค มันชอบพูดเรื่องเปลวให้ฟังบ่อยๆตอนกินข้าวกลางวันเนื้อข่าวก็สาระเดิมๆ น้องแตงม.สามเอาเค้กไปให้เปลวเมื่อเช้าบ้างละ เมื่อวานก่อนฟ้าห้องสี่ส่งจดหมายรักให้เปลวบ้างละ


            เรียกได้ว่าหัวกะไดไม่แห้งแต่กลับไม่คบกับใครหรือมีข่าวว่าคุยกะใครเลย พวกผมเลยคิดกันเล่นๆว่ามันอาจจะเป็น ยิ่งบวกกับการบอกปัดพี่สาวคนสวยไปเมื่อครู่แล้วพวกผมเลยสรุปเอาเลยว่าเป็นชัวร์


            “ดีเลย คู่แข่งหล่อๆจะได้ลดลง ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะอย่างพอใจ เป็นเกย์กันให้หมดเลยเหลือกูเป็นผู้ชายอยู่คนเดียวเที่ยวจีบสาวสบายใจไร้คนแย่ง


            ความคิดจังไรมากกู


            ผมแยกกับสหายนาวที่ป้ายรถเมล์เพราะมันต้องไปเรียนพิเศษเพื่ออนาคตอันสดใสส่วนผมไม่มี...ไม่มีเรียนนะครับไม่ใช่ไม่มีอนาคต ไอ้นาวมันเด็กเรียนเก่งครับ ชีวะนี่ที่หนึ่งของสายชั้นเลย เข้าค่ายสอวน.มาแล้วไม่รู้กี่รอบ แน่นอนว่ามันได้อยู่ห้องคิงเกรด 4.00 ซึ่งผมก็อยู่ห้องเดียวกับมันนี่แหละแต่ทำไมมันดูต่างชั้นกันจังเลยวะ


           ปกติแล้วผมจะแยกกับนาวแล้วกลับบ้านทันทีไม่ก็ไปต่อกับชาวแกงค์คนอื่นจนมืดค่ำค่อยกลับบ้านให้แม่ด่าเล่นว่าเหลวไหล แต่วันนี้ติดธุระสำคัญนิดหน่อยผมเลยมุ่งหน้ามายังห้างดังแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเพียงลำพัง


            ความจริงที่ผมแอบออกจากโรงเรียนทางประตูหลังก็เพราะงานนี้ผมไม่อยากให้ใครรู้เห็นด้วยเท่าไหร่ยิ่งไอ้ปากมากแชคนี่ห้ามรู้เด็ดขาดเลย


          เดินขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นบนสุดที่มีศูนย์อาหารขนาดใหญ่อยู่ เป้าหมายของผมอยู่ที่นี่ ไม่สิ...กำลังจะมาที่นี่ตะหาก


          ผมหาทำเลเหมาะๆแล้วหย่อนตูดนั่งด้วยสีหน้าตายซาก ธุระในวันนี้ผมถูกแม่บังคับให้มาสังเกตลูกชายของเพื่อนแม่นามพี่เอิทว่าเป็นชายรักชายหรือไม่...


           ตามนั้นเลยครับ แม่ขอร้องให้ผมมาที่นี่วันนี้เพราะเพื่อนแม่มานั่งร้องไห้ระบายที่บ้านผมเมื่อวันก่อน เธอบอกกับแม่ผมว่าลูกชายกับกลุ่มเพื่อนน่าสงสัยมาฟิตเนสที่ห้างนี่ทุกเย็นและแวะกินข้าวก่อนกลับบ้านที่ศูนย์อาหารเสมอ แม่ผมเลยถีบหัวส่งสั่งผมมาพิสูจน์ให้เห็นกับตาไปเลยว่าเป็นไม่เป็น


           ทำไมไม่มาเองอะแม่...ทำงานหาเงินให้แกใช้นี่ไงบลาๆๆๆ มาเป็นชุดงี้ให้ผมทำไงต่อหละ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับคำอย่างฝืนใจและรับรูปถ่ายของลูกชายเพื่อนแม่นามพี่เอิทคนที่ว่ามา


           แผนของผมก็คืออัดเสียง อีกฝ่ายไม่ได้มาฟิตเนสคนเดียวแน่นอนและฟังจากการพูดคุยกับเพื่อนก็น่าจะแยกแยะได้
 

           จากนั้นผมก็นั่งจิ้มมือถือเปิดเน็ตเล่นไปเรื่อยอย่างคนไม่มีอะไรทำ


          เวลาผ่านไปสามชาติเศษ อีกชั่วโมงนึงห้างก็จะปิด ซื้อข้าวมันไก่มากินไปหนึ่งจานน้ำหวานอีกแก้วแล้วลอดช่องอีกถ้วยก็ไม่เห็นวี่แววของเป้าหมาย จะลุกไปเดินเล่นก็ไม่รู้จะไปเดินตรงไหนเพราะมันก็มีแต่ร้านเดิมๆซึ่งผมเดินจนจำหน้าคนขายได้หมดแล้ว(เว่อร์)


           อ่าว แล้วถ้าเป้าหมายของผมได้ที่นั่งห่างออกไปแล้วผมจะอัดเสียงยังไง ลืมคิดไปเลย


           “ขอโทษนะครับ ตรงนี้มีคนนั่งรึป่าว” เสียงเรียกสติให้ผมที่ยังคิดไม่ตกเงยหน้าขึ้นไปมองทำเอาผมสติแตกกว่าเดิมเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเป้าหมายและเพื่อนอีกสามคน


           “ม...ไม่มีครับ” โต๊ะที่ผมนั่งอยู่เป็นแบบสองตัวต่อกันนั่งได้หลายคนแต่ผมแผ่กระเป๋าและข้าวของไว้เต็มพื้นที่เพราะไม่อยากให้ใครมานั่งใกล้ๆตอนทำธุระซึ่งถือเป็นเรื่องดีมาก


            พี่เอิทและผองเพื่อนวางจานข้าวที่ซื้อมาของแต่ละคนพลางลากเก้าอี้แล้วลงนั่งให้ผมได้ยลโฉมแต่ละนายชัดๆ แม่งดูดียกก๊วนเลยครับ วัดเรตติ้งได้จากตอนแรกที่ผมนั่งอยู่คนเดียวมีสาวเหล่บ้างประปรายแต่เพราะนั่งง่อยไม่กระดุกกระดิกพวกเธอเลยเบื่อกันไปแต่พอพวกพี่มานั่งสาวๆเหล่กันตาเขเลย


            สรุปเลยได้ไหมว่าเป็นเกย์ โรคหมั่นไส้คนหล่อแช่งแม่งได้กันเองให้หมดของผมกำเริบ แต่ไม่ได้ๆเพราะผมก็หล่อไม่อยากโดนกิน


           พวกพี่เอิทนั่งกินกันไปสักพักแล้ว(กินข้าวๆ อย่าคิดลึก)พูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปไม่มีหลุดอะไรที่พอเป็นหลักฐานได้ออกมากสักคำทำเอาผมคิดหนัก มือถือแบตแทบจะขึ้นเปอร์เซ็นต์ติดลบแล้ว เอาไงดีวะ ไม่มีแผนสำรองด้วย โอ๊ยยยย...


            ด้วยความไม่อยากเสียเที่ยวความคิดแผลงๆเลยแล่นขึ้นมาในหัว


            ถ้าอีกฝ่ายไม่เผยธาตุแท้ก็ทำให้มันโผล่ออกมาเองซะเลยสิ!!


            “พี่ชายๆ ชื่ออะไรอะ หุ่นดีจังผมชอบ” ผมที่เงียบนั่งเล่นมือถืออยู่ในมุมคนเดียวเอ่ยขึ้นมาเรียกความแปลกใจให้คนทั้งโต๊ะ


           จีบผู้หญิงมาก็เยอะลองอ่อยผู้ชายขำๆดูบ้างไม่น่าเสียหายอะไร...มั้ง


           เหี้ยละกู ไม่อ๊าวววว คิดเล่นๆเสือกหลุดปากออกไปจริงๆ ขอย้อนเวลาแปป เมื่อกี๊ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไรออกไปได้ไม๊คับพวกพี่ๆทั้งหลาย อย่ามองผมด้วยแววตาเปล่งประกายแบบนั้น


           เพราะคำว่าพี่ชายไม่ได้ระบุเจาะจงว่าหมายถึงใครเลยทำให้ทุกคนหันมามองทางผมกันหมด ถ้ามองเพราะถูกเรียกเฉยๆนี่น้องจะไม่บ่นพี่เลยสักนิด แต่นี่อาร๊ายยย รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นนะ หยุดเลยนะอย่าพูดอะไรนะหยุ๊ดดดด


           “ถามใครหรอคับ” สุดหล่อข้างผมถามพร้อมยกมือขึ้นเท้าคาง ส่วนผมใบ้รับประทานไปแล้วเรียบร้อย


           ปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ผมฟันธงได้แล้วว่าพี่เอิทเป็นจริงๆผมควรจะดีใจปะเนี่ยที่แผนสำเร็จและผมกำลังจะได้กลับบ้าน


           “พี่ชื่อเอิทนะ” พี่เอิทกล่าว เออครับ รู้ครับ ไม่ต้องบอกก็ได้จะไปแล้ว


           “แล้วน้องละชื่ออะไร” พี่เอิทยังคงกล่าวต่อไปไม่ได้ดูเล้ยย ว่าไอ้กระผมนี่กล่าวอะไรไม่ออกสักคำ


           “น้ำเงิน!?” ผมไม่ได้ตอบ แต่มีใครสักคนเรียกผม ทำให้ผมหันขวับไปมองคนที่มายืนอยู่ข้างๆผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วยสีหน้าตกใจ


            “เปลว...” เสียงเบาหวิวลอดออกมาจากปากผมเหมือนใจที่ลอยกลับบ้านไปนานแล้ว บ้านเก่านะครับไปแล้วไปลับ ไอ้เหี้ยนี่มาอะไรเอาตอนนี้วะ มาตอนกูกำลังอ่อยผู้ชาย


           หน้าตาเหลอหลาไม่แพ้กูเลยไงละไอ้เปลว มันคงเข้ามาทักผมแบบสงสัยว่าทำไมยังไม่กลับบ้าน พอทักแล้วค่อยมองสภาพรอบๆตัวผม


           “อ่าว มีแฟนแล้วเหรอ แอบเสียดายนะเนี่ย งอนกันอยู่ละสิ รีบไปง้อกันเถอะ ไปๆ” พี่เอิทกล่าวรอบสาม แบบไม่ดูสถาการณ์ แถมยังสร้างพล็อตเรื่องมั่วๆอย่างเป็นแฟนกันเพิ่มให้อีก แฟนบิดา(แม่)พี่เอิทสิครับ


           ผมน้ำตาไหลพรากในใจ ลุกขึ้นยืนเก็บกระเป๋าแล้วลากไอ้เปลวไปเคลียร์ที่อื่นอย่างด่วน




.................................................
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 03-01-2015 13:30:18
อ้าวววว ตัดฉับ  อยากอ่านต่อ ๆ ๆๆ  :ling1: 

ชอบ ๆ สนุกน่าติดตามดีค่ะ เปลว กับ น้ำเงิน  'เปลวไฟสีน้ำเงิน' เหรอ
ชื่อเรื่องก็ร้อนแรง ชื่อพระนาย ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันเลยอ่ะ
บอกก่อนเลยว่า เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลย ชอบ "พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน"
ยิ่งพออ่านเนื้อเรื่อง ยิ่งชอบค่ะ เปลวสุดหล่อไม่สนใจใคร เพราะหัวใจอยู่ที่น้องน้ำเงินหรือเปล่า  :o8:
แต่น้ำเงินนี่น่ารักดีอ่ะ ชื่อก็แปลกดี ท่าทางกลุ่มเพื่อนก็จะแสบ ๆ ทั้งนั้นด้วย
แล้วภารกิจที่แม่มอบหมายจะสำเร็จหรือเปล่าเนี่ย มาจับผิดพี่เอิท กลายเป็นโดนหาว่าเป็นเกย์ซะเอง 555
รอตอนต่อไปจ้า สนุกมากเลยชอบ ๆ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-01-2015 15:57:06
เปลวตามหวงน้ำเงินซะแล้วหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 03-01-2015 17:17:37
จะเป็นเปลวไฟสีน้ำเงิน
หรือจะเป็นสีน้ำเงินบนโลกใบนี้กันแน่น้าา  :hao3:

เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลยค่ะ
ชอบชื่ออ่ะ อุ่นๆ ละมุนๆ ยังไงไม่รู้ >_<
อ่านแล้วรู้สึกว่าน่าติดตามดีด้วย
น้ำเงินดูน่ารักดี รอลุ้นตอนหน้านะคะ  o13
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 04-01-2015 02:35:32
รอตอนต่อไปกำลังสนุกเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 04-01-2015 04:49:40
ชื่อเรื่องก็โดน. บทนำก็โอเคเลย น่าติดตามมากกก

รอตอนต่อไปนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 04-01-2015 05:52:53
อ๊ายสนุก แค่บทนำก็น่าสนใจแล้ว น้ำเงินน่าจะเอาดีทางรับจ้างสืบว่าใครเป็นเกย์นะ สรุปพี่เิอิร์ทเรียบร้อยโรงเรียนเกย์สินะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-01-2015 11:38:03
เข้ามาติดตามเรื่องนี้ด้วยคนค่ะ

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 04-01-2015 19:02:13
ชอบชื่อเรื่องงง
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 04-01-2015 19:07:19
มาต่ออีกน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :z2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 06-01-2015 14:00:09
ชื่อเรื่องเพราะจังค่ะ

//คิดเหมือนคห.ที่ผ่านๆมาเลย//

พระอาทิตย์กลางฤดูร้อนนี่หมายถึงเปลวหรือหมายถึงความรักของทั้งคู่หละคะ? :hao3: :hao3:

น้องน้ำเงินก็น่ารักดี ขุ่นแม่หาเรื่องให้ลูกชายตั้งแต่ตอนแรกเลย 555555 :z13:

ติดตามค่ะๆ

มาอัพอีกเรื่อยๆนะ

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 07-01-2015 13:19:26
ติดตามมค่าาา

มาอัพด่วนๆเลย ><



 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 10-01-2015 09:21:09




บทที่1 เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน





เปลว หรือชื่อจริงคือนาย เปลวตะวัน ถ้าให้นิยามหรือพรรนณาถึงผู้ชายคนนี้ตามความคิดผมแล้วคงเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกเสียจาก ‘พระอาทิย์’ ตามชื่อของมัน



อบอุ่นและเจิดจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์กลางฤดูร้อน



เป็นที่รู้จักของผู้คนและเข้ากับอื่นได้ง่ายจนน่าประหลาดใจ แต่ถึงอย่างนั้น...ทั้งๆที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็เหมือนไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง ผู้หญิงหลายคนในโรงเรียนจึงผันตัวไปเป็นดอกทานตะวัน ดอกไม้สีสวยที่ทำได้เพียงแหงนหน้าขึ้นฟ้ามองตามพระอาทิตย์อยู่บนพื้นดิน



แม้ตอนนี้นอกห้างพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่เปลวตะวันตรงหน้ายังคงมอบรอยยิ้มที่สว่างไม่แพ้กันมาให้ผมซึ่งมีความผิดติดตัวอยู่รู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างไรชอบกล



“มึงหยุดเลย มึงห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ปิดปากให้สนิทแล้วเปิดหูเปิดสมองรับฟังเหตุผลกูเท่านั้น เข้าใจ๊?“ ผมรีบดักคอมันก่อนจะลากมันมาหยุดคุยกันข้างถังขยะ



ไม่มีเวลาใจเย็นเดินหาร้านกาแฟมานั่งคุยละ ห้างจะปิดแล้ว ยัง ยังอีก บอกให้หุบปากแล้วมันยังจะมายิ้มแซวผมด้วยสายตาได้อีกนะ



“ไม่เป็นไร กูไม่เอาไปบอกใครหรอก” เก็บความมีมารยาทของมึงไปใช้ที่อื่นเถอะ



“พอเลยมึง เข้าใจไปคนละเรื่องละ  เมื่อกี้กูกำลังทำธุระสำคัญอยู่ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับพี่พวกนั้นนิดหน่อย คือ เอ่อ อธิบายยังไงดีวะ เออ นั่นหละ สรุปคือกูไม่ได้เป็นเกย์!!!”



พูดจบแล้วแบบไม่ได้ขยายความอะไรสรุปแม่งเลย แน่นอนว่าไอ้เปลวทำหน้าแบบกูเชื่อมึงก็บ้าละจับได้คาหนังคาเขาซะขนาดนั้นซึ่งผมก็จนปัญญาจะแก้ตัว



“ร้อนตัวอะไรเนี่ย ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ เอ๊ะ หรือว่า...” เจ้าของใบหน้าที่ผมยอมรับว่าหล่อระดับเดียวกับตัวเอง(?) จงใจเว้นคำพูดสุดท้ายไว้ให้ผมไปเติมคำในช่องว่างเอาเองเหมือนอยากได้รอยรองเท้าประทับเสริมเพิ่มความหล่อจากผม



คิ้วผมกระตุกเบาๆ เวลานี้ถ้าเถียงหรือขึ้นเสียงใส่จะเข้าทางมันซะเปล่าๆ



“แค่เล่าสู่กันฟัง” ผมยักไหล่ตอบเหมือนไม่แยแสแต่ใจกำลังเต้นรัวอย่างพิรุธ



พวกเรายืนมองกันไปมาซักพักก่อนมันจะเอ่ยชวนให้ออกไปรอขึ้นรถตู้หน้าห้างกันซึ่งผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี



บนรถตู้พวกเราใช้ความเงียบคุยกันมาครึ่งทางแล้ว ไม่มีใครทำลายความเงียบหรือขยับตัวเลยด้วยซ้ำ นั่งหน้านิ่งปล่อยให้แอร์เป่าหัวไปเฉยๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้บรรยากาศแปลกๆตอนนี้มันคืออะไรหรือเกิดจากใคร ผมเหรอ? ผมกำลังกลัวว่ามันจะล้อผมว่าไอ้ตุ๊ดอ่อยผู้ชายอยู่รึปล่าว?



ไม่นะ ถึงจะกวนส้นตีนดีแต่ยิ้มไปวันๆ แต่เปลวไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก ผมกับมันรู้จักกันพอสมควร ถ้าไม่นับเพื่อนในแกงค์แล้ว มันคือเด็กต่างห้องที่ผมสนิทที่สุดเลยด้วยซ้ำ (เพราะปกติขลุกอยู่แต่กับเพื่อนในกลุ่มไม่เคยโผล่หัวออกจากห้อง)



ที่สำคัญปกติผมเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วเวลาเจอกันหน้าที่หาเรื่องคุยจึงเป็นของมัน แสดงว่าบรรยากาศเงียบฉี่ที่ลอยคลุ้งอยู่ทั่วรถตอนนี้มีต้นเหตุมาจากไอ้พระอาทิตย์ผู้เหลือเพียงแสงริบหรี่ข้างๆนี่แน่นอน



จู่ๆภาพการสนทนาระหว่างมันกับพี่ไอริณก็ผุดขึ้นในหัว หรือมันจะมีปัญหากับพี่เค้าวะ



 “เมื่อเย็นพี่ไอริณเค้ามาบอกชอบกู แต่กูปฏิเสธไป “เหมือนคนที่นั่งข้างๆผมจะอ่านใจผมได้ มันพูดเรื่องเดียวกับที่ผมกำลังคิดขึ้นเหมือนเล่าเรื่องทั่วๆไปอย่างเมื่อเช้ามันกินขนมปังทาแยมมาอะไรเทือกนั้น



ผมหันไปสบตามันที่มองมาที่ผมก่อนแล้ว รอให้มันพูดคำต่อไปออกมาเองไม่ซักถามหรือขัดอะไร



“เราคุยกันมาตั้งแต่กูยังอยู่ม.4 นี่ไม่ได้หลงตัวเองนะแต่พี่เค้าดูชอบกูมากอะ ชอบมากแบบ...มากไป ใครทักกูหน่อยก็เป็นประเด็นมาดราม่าใส่แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเค้กหรือจดหมายรักเลย กูรำคานมากแต่ไม่รู้จะบอกเค้ายังไงจนมันเลยเถิดมาถึงวันนี้ ”



คำพูดมากมายที่หลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายไม่ได้แฝงด้วยความรู้สึกเสียใจหรือเสียดายเลย มันเหมือนจะรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันดำเนินมาถึงจุดนี้มากกว่าอย่างที่เจ้าตัวบอก ผมพยักหน้าเบาๆอย่างรับรู้



น่าแปลกที่ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมมันกับพี่ไอริณสามารถเก็บความลับเรื่องแอบรู้จักกันแบบลับๆจากขี้ปากชาวบ้านได้ เพราะตอนนี้เรื่องที่ควรสงสัยมากกว่าคือมันพูดเรื่องนี้ให้ผมฟังทำไม



“แล้วมึงเล่าให้กูฟังไมวะ?” หรืออยากระบายให้ใครสักคนฟัง ปกติมันมีเรื่องอะไรมันไม่ค่อยบอกใครหรอกไอ้เนี่ยอะอมไว้ในปากเก็บไว้ในใจคนเดียวทุกที



อย่างที่บอกไปแล้วว่ามันเข้ากับคนง่ายอัธยาศัยดีแต่คนอื่นกลับเข้าไม่ถึงมัน ถึงจะรู้จักกันแต่เรื่องของมันผมกลับได้ยินจากขาเสือกแชคแทน มาตอนนี้ก็แอบภูมิใจวะ มึงเห็นกูเป็นคนพึ่งพาได้ให้คำปรึกษาได้ใช่มะเลยยอมเล่าให้ฟังเนี่ย



“แค่เล่าสู่กันฟัง” มันยักคิ้วให้ผมทีนึง


 
ถุ้ย!...ยังจะกวนได้อีกนะไอ้ห่า!!



ผมกลอกตาอย่างเอือมระอา บรรยากาศมิตรภาพเปิดอกคุยกันซึ้งๆเหงาๆบนรถตู้กลางดึกถูกทำลายลงไปอย่างไม่ควรจะเป็น ผมเลยเลิกให้ความสนใจมันแล้วหันไปมองนอกหน้าต่างแทน



“น้ำเงิน”



“ไร กลัวลืมชื่อกูเรอะ!?” ถามดักทางไว้ก่อน



“คืนนี้กูค้างบ้านมึงนะ” มันขอผมด้วยสีหน้าเครียดๆ ดวงตาของมันแฝงประกายของความรู้สึกที่ผมอ่านไม่ออกอยู่ผมเลยเลือกที่จะสบตามันอีกรอบอย่างพยามจับความรู้สึกที่สะท้อนอยู่ในดวงตาอีกคู่ที่จ้องมายังผมอยู่เช่นกัน ก่อนจะถามหยั่งเชิงออกไป



...วันนี้แม่งจะเปลี่ยนอารมณ์บ่อยไปละนะมึง เป็นไรมากปะเนี่ย...



“ถ้ากูบอกว่าไม่ได้หละ?” อะไรสักอย่างมาดลใจให้ผมเลือกที่จะใช้คำถามนี้แทน ทั้งที่ผมอยากรู้จริงๆก็คือทำไมวันนี้มันทำตัวแปลกๆ ไอ้จะมานอนบ้านสักคืนสองคืนไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรหรอก พวกไอ้นาวก็เคยบ่อยๆ



การที่ผมไม่ปฏิเสธออกไปทันทีก็เท่ากับยอมให้มันมาค้างแบบกลายๆอีกทั้งยังไม่ซักไซ้หาเหตุผลอีกตากหาก เรียกให้มุมปากของมันยกยิ้มขึ้นน้อยๆ ดูเท่ห์เหมือนอย่างที่มันยิ้มให้พี่ไอริณเมื่อเย็นนี้ ไม่สิ ไม่เหมือน ครั้งนี้มันอ่อนโยน...



เพราะได้มามองใกล้ๆแบบนี้เลยดูดีกว่าที่แอบมองจากไกลๆหรือเพราะรอยยิ้มนี้มีไว้สำหรับผมเลยทำให้หัวใจเผลอเต้นสะดุดไปจังหวะหนึ่งกันนะ



“กูก็จะขอร้องมึงแล้วก็บอกมึงว่า ไอ้เส้นที่รถคันนี้วิ่งอยู่นะมันคนละทางกับบ้านกูเลย”



ผมเบิกตาจ้องมันจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า นี่แสดงว่ามันตั้งใจจะขอติดสอยห้อยตามไปบ้านผมด้วยตั้งแต่ตอนขึ้นรถแล้วใช่ไหม ไม่ๆๆ ผมประเมินมันต่ำไป ไอ้เหี้ยเปลวอาจจะวางแผนไว้ก่อนที่จะเข้ามาทักผมที่ศูนย์อาหารในห้างนั่นแล้วด้วยซ้ำ!!!
เสียงป้าคนที่นั่งด้านหลังตะโกนบอกให้คนขับจอด เรียกสติที่กระเจิงไปไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวันให้เข้าที่เข้าทางก่อนผมจะพบว่าสถานที่ที่รถจอดคือหน้าหมู่บ้านผมเอง



เกือบเลยบ้านละไง นี่ถ้าไม่มีป้านะผมต้องเรียกแท็กซี่อีกต่อนึงเพื่อเข้าบ้านแน่เลย ขอบคุณค้าบบบบ



ผมมองตามป้าที่เดินหายเข้าไปในหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่อย่างหรูดูก็รู้ว่าคนที่อยู่ที่นี่ต้องรวยทุกคนเงียบๆ ไม่ต้องบอกก็ควรจะรู้นะครับ ถ้าผมอวยขนาดนี้แสดงว่าไอ้หมู่บ้านนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง...อะไรที่มันหล่อๆแบบผมอาศัยอยู่ไง ฮ่าๆๆ



“หึ หึ”เสียงหัวเราะจากไอ้คนที่ผมยังไม่ตอบตกลงสักคำว่าจะให้ค้างด้วยแต่เสือกตามลงมาจากรถโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้ตอบรับหรือปฏิเสธสักแอะดังขึ้นข้างๆ



เปลวมองผมพร้อมยิ้มขำๆ ขำไรมึง?อยากนอนข้างถนนนักรึไง อย่าหือนะเฟ้ยย ตอนนี้มึงต้องง้อกูอยู่



“มองกูทำไม ไม่เดินเข้าไปหละ?” มันพูดหน้าตาเฉยเหมือนที่นี่คือหมู่บ้านมันส่วนผมเป็นผู้มาขออาศัย



สาบานได้เลยว่าเปลวที่ผมรู้จักกวนตีนน้อยกว่านี้นิดนึง หรือนี่คือตัวตนที่แท้จริงของมัน ช่างเถอะ ขี้เกียจคิดเว้ย ผมเดินนำมันเข้าไปในหมู่บ้าน เลยป้อมยามมาหน่อยจะมีบ่อน้ำที่มีรูปปั้นเปกาซัสอย่างสวยสูงประมาณสามเมตรเรียงรายต่อกันหลายตัวตลอดทางเดินยาว สองข้างทางก็ตกแต่งด้วยต้นไม้ตัดแต่งอย่างดี



เห็นไหมผมไม่ได้ขี้โม้อะไร รวยก็บอกว่ารวย เป็นคนตรงๆนะ ตะลึงไปเลยใช่ไหมไอ้อ่อนเปลว ฮ่าๆๆๆ



“บ้านกูสวยใช่ไหมหละ” เดินเข้ามาได้สักพัก ผมก็ยิ้มกว้างก่อนจะหันไปถามมันอย่างภาคภูมิใจ ส่วนมือก็ล้วงกุญแจขึ้นมาไขประตูรั้วเข้าบ้าน ความจริงผมมีแม่บ้านอยู่คนนึงแต่ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วผมไม่อยากรบกวนเวลานอนป้าแก แกต้องตื่นไปจ่ายตลาดแต่เช้า



เปลวเหลือบมอง ’บ้าน’ ที่ว่าของผม ผมขอเดาเอาเองได้ไหมว่ามันจะเข้าใจสิ่งที่ผมนำเสนอให้คนที่มาบ้านผมดูทุกครั้ง
ไม่ใช่ตัวบ้านที่ทางหมู่บ้านออกแบบมา แน่นอนว่าแค่ทางเดินยังสวยขนาดนั้นตัวบ้านเองก็คงไม่น้อยหน้าหรอก แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คนในครอบครัวผมสร้างไง สิ่งที่ผมพูดก็คือสวน



สวนดอกไม้เล็กๆที่มีดอกไม้หลายชนิดผลิบานเรียงกันเป็นสีรุ้ง



มันดูเด็กน้อยและตุ๊ดแต๋วมากถ้าผมจะบอกว่าผมนี่แหละเป็นคนปลูก แต่ผมก็เป็นคนปลูกเองจริงๆ ขุดดิน รดน้ำ ซื้อต้นมาเองกับมือ



“ของขวัญวันเกิดให้น้ำตาล” ผมรีบหันไปบอกมันที่ยืนมองสวนดอกไม้ขนาดย่อมด้วยรอยยิ้มล้อๆ ก่อนที่มันจะเข้าใจผิดไปว่าผมมีรสนิยมด้านนี้



“น้องสาวเหรอ” เปลวถามขณะที่พวกเราเข้ามาในตัวบ้านแล้ว



เวลานี้พ่อกับแม่ผมน่าจะเข้านอนไปพร้อมกับน้ำตาลแล้วทั้งบ้านเลยเงียบสนิทไฟทุกดวงถูกปิด ผมเอื้อมมือไปกดสวิทไฟก่อนจะชี้ไปที่กรอปรูปสีชมพูอ่อนที่ตั้งอยู่ในบิวต์อินของห้องนั่งเล่นพร้อมพยักหน้าว่านี่แหละน้องสาวกู น่ารักไหมหละ



ภาพเด็กน้อยน่ารักอายุประมาณห้าขวบยิ้มสดใสให้จากในรูปทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม น้ำตาลเป็นน้องที่อายุห่างกับผมกว่าสิบปีทำให้ผมรักและเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษในฐานะพี่ชายแล้วยอมรับเลยว่าหลงน้องมากกกกกก



“น่ารักดีเนอะ” เปลวเองก็กำลังยิ้มอยู่



“อื้อออ ใช่มะ น้องกูเวลายิ้มนี่นะ โอ๊ยยย...”



“เปล่า กูหมายถึงมึง”



“!?”
.
.



...................................................................................


มาต่อแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์มากๆเลยนะคะ

เป็นกำลังใจนการแต่งได้มากเลย อิอิ


 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 10-01-2015 10:13:40
เปลวจ๋าาาา


คำพูดสุดท้ายนั่นมันอะร๊ายยยยยยยยยย


 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: manU007 ที่ 10-01-2015 10:19:02
 :o8:
อ่านแล้วคิดถึงสมัยมัธยม
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-01-2015 10:42:29
แหมมม
ออกตัวแรงเหมือนกันนะเนี่ยพี่เปลวขาาา

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 10-01-2015 11:32:49
เปลวรุกเร็วไปนะ จู่ๆก็มาขอนอนบ้าน :hao3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 10-01-2015 11:38:48
เปลวเก็บใจไว้ให้น้ำเงินเหรอจ๊ะ!!! :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-01-2015 09:21:34
รุกไว้เลย ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 11-01-2015 14:21:03
ชื่อเรื่องนี่ หมายถึง พ่อเปลวสุดหล่อนี่เอง แหม ๆ คนหล่อนี่เจ้าเล่ห์นักนะ
ตั้งใจตามมาค้างบ้านน้ำเงินแต่แรกจริง ๆ ใช่มะ คิดอะไร กับน้ำเงินอยู่บ้างแล้วใช่ป่ะ
น้ำเงิน น่ารักจริง ๆ นั่นแหละ จีบซะเลยสิ จีบเลย ๆ ระวังพี่โลกเค้าจะตัดหน้าเอานะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 11-01-2015 18:43:38
จีบเลย จีบเลย จีบเลย :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 11-01-2015 19:34:18
เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่อง
เปลวนายคิดไม่ซื่อกับน้ำเงินใช่ไหม
นายชอบน้ำเงิน นายถึงได้ปฏิเสธไอริณ
นายจะทำให้น้ำเงินเป็นเกย์รู้ตัวป่าว ซึ่งเราก็หนับหนุน ฮิฮิ
เรื่องนี้มาแนวใสๆมัธยมปั้ปปี้เลิฟอะไรเทือกนี้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 14-01-2015 09:40:37
บวกเป็ด +++

 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... UP!!! [บทที่1] เรื่องทุกข์ใจของเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 14-01-2015 19:59:45
หนูเปลวววววววว
พ่อพระอาทิตย์ แอร๊ยยย
อ่านแล้วรู้สึกอุ่นๆ ละมุนๆ จริงๆ นะ ชอบบบบบ  :-[

เอาดีๆ นี่เปลวแอบเล็งน้ำเงินไว้ก่อนหน้านี้แล้วใช่มั้ย?
นี่อะไรรรร เผลอแป๊บเดียวดอดไปค้างบ้านเค้าแล้วววววววว
ร้ายนะยะน้องพระอาทิตย์ !! >__<

มันเป็นแผนอ่ะ มันต้องเป็นแผนแน่ๆ

น้ำเงินสู้เค้านะลูกกกกก 55555555
หัวข้อ: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 17-01-2015 09:17:16


บทที่ 2 สารภาพ




พอผมอาบน้ำเสร็จก็เดินเข้ามาในห้องและไล่มันไปอาบน้ำบ้างหลังจากหยิบเสื้อผ้าโยนส่งๆไปให้มัน คืนนี้ผมให้มันนอนห้องเดียวกับผมเตียงเดียวกันด้วยเลยนี่แหละ


ความจริงที่ชั้นหนึ่งผมมีห้องนอนสำหรับแขกอยู่แต่ตอนนี้มันถูกจับจองโดยป้าตา ป้าแม่บ้านที่ปกติไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้หรอกแต่แกต้องส่งลูกเรียนมหาลัยค่าใช้จ่ายสูงเลยมีปัญหาด้านการเงินนิดหน่อย แม่ผมเลยให้แกมาอยู่ด้วยจนกว่าลูกแกจะเรียนจบ


แกเป็นคนขยันทำงานที่บ้านตั้งแต่ผมยังเด็กเรื่องแค่นี้ช่วยได้ก็ช่วยครับ แม่ผมเป็นคนใจดี ผิดกับพ่อที่ดูแข็งๆไม่ยอมในทีแรก
เสียงเปิดประตูเรียกให้ผมที่นอนคิดอะไรเพลินๆเหลือบตาไปมอง ไอ้เปลวในเสื้อยืดกับกางเกงบอลเดินเข้ามาในห้อง


“เช็ดผมให้แห้งดิมึง พื้นบ้านกูเปียกหมด” หาเรื่องเหน็บไปเล่นๆงั้นแหละครับ พื้นจะเปียกก็เปียกไปผมไม่ได้สนอะไรหรอก แต่นานๆทีจะรู้สึกเหนือกว่ามันในฐานะเจ้าบ้านผมเลยขอสักหน่อย


เปลวยิ้มน้อยๆพลางเอาผ้าขนหนูเช็ดผมก่อนมันจะเดินมานั่งที่ขอบเตียง


“ให้นอนตรงไหน?” มันถาม


“นอนพื้นมั้ยหละ?” ปากผมพูดไปอย่างงั้นแต่ตัวผมกลับขยับตัวชิดผนังเหลือที่กว้างพอสำหรับนอนได้อีกคนสบายๆให้คนที่มองอยู่ได้ยิ้มอีกรอบทันทีที่เห็นการกระทำนั้น


จะดีใจอะไรขนาดนั้น อย่าบอกนะว่ามึงคิดว่ากูจะใจร้ายให้มึงนอนพื้นจริงๆ กูไม่ขยันหาหมอนกับผ้าห่มใหม่ให้มึงขนาดนั้นหรอก ใช้อันเดียวกับกูนี่แหละ


“บ้านมึงนอนเร็วงี้ทุกวันเลยหรอ” ผู้อาศัยชั่วคราวเอ่ยถามเจ้าของบ้านด้วยความใคร่รู้ ผมไม่แปลกใจกับคำถามมันหรอกพวกไอ้นาวก็เคยถามแบบนี้ตอนมาค้างบ้านผมครั้งแรก


“มีเด็กเล็กก็งี้แหละ” ผมตอบ เปลวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆผม


“มึงโทรบอกที่บ้านยังเนี่ย มาค้างกับกูเดี๋ยวแม่มึงหาว่ากูลักพาตัวลูกชายเขามา”


“ส่งข้อความไปบอกแล้ว” เออ ง่ายดี พ่อแม่มันให้อิสระลูกชายดีซะจนผมอิจฉา แม่ผมเป็นคนหวงลูกผมเลยถูกเลี้ยงมาแบบห้ามกลับบ้านหลังสี่ทุ่ม จะไปไหนไกลต้องบอกก่อน อย่าหาว่าผมเป็นลูกแหง่นะการเลี้ยงดูของแต่ละบ้านมันไม่เหมือนกัน


หลังจบประโยคผมก็พยามหาเรื่องถามมันต่อไปเรื่อยๆ เรื่องทั่วไปอย่างเรียนเลขกับอ.คนไหน สอบย่อยได้คะแนนเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้ห้องมันเงียบเกินไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆที่ปิดตาแล้วก็นอนไปซะก็ไม่แปลกอะไร


คงเพราะเวลาเงียบแล้วบรรยากาศมันแปลกๆหละมั้ง ไม่ใช่ความรู้สึกทำนองอึดอัดหรืออะไรผมก็บรรยายไม่ถูก รู้แค่ว่ามันแปลกมาตั้งแต่นั่งอยู่ในรถแล้ว


“มึงมีเรื่องอะไรรึป่าว” สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามออกไปซะเอง


เปลวไม่ได้ตอบกลับมามันแค่ลืมตาขึ้นมองเพดานเงียบๆ ผมรู้ว่ามันไม่ได้กำลังจดจ้องเพดานอย่างที่ตามันกำลังมองหรอก ขอเดาว่ามันกำลังเรียบเรียงความคิดของตัวเอาว่าควรจะเริ่มเล่าอะไรจากตรงไหน ผมมีความอดทนพอที่จะเก็บความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ให้แสดงออกมามากจนน่าเกลียดและแสดงออกมาเพียงแค่รอฟังนิ่งๆ


ไม่นานเปลวก็หลับตาลงทำเอาผมที่นอนจ้องมันอยู่ห่อไหล่ขึ้นมาอย่างลุ้นๆ


“ไม่บอก”



อ้าว!? ไอ้ทุเรศเปลว ไอ้หลอกให้อยากแล้วจากไป มึงรู้มั้ยว่าต่อมเสือกของกูมันอ่อนไหวต่อสัมผัสจากเรื่องชาวบ้านทุกรูปแบบขนาดไหน


ตัวต้นเหตุหัวเราะร่วนที่แกล้งให้ผมซึ่งเก๊กขรึมทำตัวเป็นที่ปรึกษารอรับฟังที่ดีให้เผยไต๋ว่าความจริงแล้วเป็นแค่พวกชอบเสือกธรรมดาได้


“กวนตีนกูมากระวังได้นอนพื้นนะมึง” วันนี้มึงจะหัวเราะถี่ไปแล้วนะ เห็นกูเป็นการ์ตูนชินจังไว้ดูแก้เครียดรึไง


“ฮ่าๆๆ มึงเชื่อเถอะว่าพอกูเล่าไอ้เรื่องบ้าๆในหัวตอนนี้ออกไปมึงก็ไล่กูไปนอนพื้นอยู่ดีๆ เผลอๆไล่กูออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ”


“...”


“...”


ผมเกลียดเวลาพูดกันอยู่ดีๆแล้วคู่สนทนาก็เงียบไปเฉยๆแบบนี้ชะมัด มันทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเขาเงียบไปเพราะอะไร ระหว่างไม่มีเรื่องจะพูดหรือไม่อยากพูดกับเราต่อแล้ว และในกรณีนี้ผมคิดว่าเป็นอย่างหลัง พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะคุยกับเราต่อแล้วเรื่องที่ผมคิดต่อมาก็คือ ทำไม? ผมเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปเหรอ?


ฟังดูแล้วเหมือนผมเป็นคนคิดมากนะครับแต่เอาเข้าจริงแล้วผมคิดแค่นี้แหละครับ ตอบคำถามที่ตัวเองตั้งขึ้นเองให้ตัวเองไม่ได้เองก็ช่างมันไม่เคยพยามขวนขวายหาคำตอบ


ครั้งนี้เองก็คงไม่ต่างจากเดิมผมคงเลิกสนใจเรื่องของมัน ไม่อยากเล่าก็ไม่บังคับถามและเรื่องคืนนี้ก็จะจบลงทันทีที่พวกเราหลับไป ถ้าคนที่นอนอยู่ข้างกายตอนนี้ไม่เอ่ยประโยคที่ผมสาบานได้เลยว่าจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตออกมา...


“กูอยากรู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายด้วยกันรึป่าว”


“!?”


“ว่าไงนะ!?  พูดใหม่อีกทีดิเมื่อกี้ได้ยินไม่ชัด” เมื่อกี้ผมหูฝาดไปใช่ไหม เปลวมันไม่ได้พูดว่ามันชอบผู้ชายหรืออะไรทำนองนั้นใช่ไหม ไม่ไหวละผมเริ่มง่วงจนหูเพี้ยนได้ยินอะไรมั่วซั่วแน่ๆเลย


“มันไม่ใช่เรื่องที่พูดหลายๆรอบได้หรอกนะ”


คำยืนยันจากปากเปลวเหมือนเป็นเวทมนต์สาปให้ตัวผมแข็งทื่อ สมองรวนลำดับชีวิตไม่ถูกเลยว่าควรจะไล่มันไปนอนพื้นอย่างที่เจ้าตัวห้ามหรือทำใจให้สงบตั้งจิตให้แน่วแน่จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนแกล้งหลับเพื่อหนีความจริงดี


ความจริงที่เปลวพูดออกมาเมื่อครู่คือประโยคสั้นๆได้ใจความว่า อยากรู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายด้วยกันรึป่าว


ใช่!! มันแค่อยากรู้ แสดงว่ามันยังไม่ได้คิดหรือตัดสินใจว่าจะเป็นอะไร


แต่ไอ้อยากรู้นี่แหละประเด็น...


“แล้วมึงมา เอ่อ...ขอนอนกับกูนี่คือ เอ่อ...” รู้สึกรำคานเสียงพูดอึกอักของตัวเองแทนคนที่นอนมองหน้าผมด้วยสายตาเรียบเฉยเลย


“พิสูจน์ไง”


“ห๊ะ!?” อธิบายให้มันกระจ่างหน่อยครับเพื่อนเปลว น้ำเงินตามเนื้อเรื่องไม่ทัน


“ก็ถ้ากูนอนกับมึงคืนนี้แล้วไม่ ’รู้สึก’ อะไรเลยก็แสดงว่ากูไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ถ้า’รู้สึก’ก็...เออ นั่นแหละ”


“แล้วทำไมถึงเลือกกูวะ” มนุษย์เพศผู้น่ารักใสๆนายอื่นมีอีกตั้งหลายคนในรั้วโรงเรียน ทำไมมันถึงเลือกสุดหล่อน้ำเงินคนนี้แทนหละ


“เพราะมึงหล่อไง”


โอ้โห เกี่ยวไรวะ? ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนชมว่าหล่อแล้วผมไม่ดีใจ อ่อ แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเปลวถึงชมผมแบบนั้น มันไม่ได้ยอเพื่อให้ผมบ้าจี้ยอมให้มันพิสูจน์ความสนใจด้านเพศของมันแต่มันพูดความจริง


Fact อะครับ รู้จักไหม?


ถ้ามีคนนอกเดินเข้ามาถามเด็กนักเรียนโรงเรียนผมในหัวข้อ คุณคิดว่าใครหล่อที่สุดในโรงเรียน หนึ่งในรายชื่อที่ถูกกล่าวถึงนั้นต้องมี น้ำเงิน อยู่ไม่มากไปหรือน้อยไป อาจจะสู้เปลว กับฟงไม่ได้แต่ผมก็ได้รับความนิยมพอสมควรนะ


หลักฐานสำคัญที่ใช้ยืนยันได้ว่าสองบรรทัดข้างบนไม่ใช่เรื่องหลอกเด็กที่ผมแต่งขึ้นลอยๆก็คือ ตำแหน่งคฑากรชายของโรงเรียน
เมื่อปีที่แล้วผมเป็นแค่ตัวสำรอง พอมาปีนี้รุ่นพี่ที่เป็นคฑากรคนก่อนเรียนจบไปแล้วตำแหน่งนี้เลยตกเป็นของผม และสาเหตุที่ทำให้ผมได้รับตำแหน่งนี้คือคุณสมบัติจำเป็นของคฑากรที่ทางโรงเรียนกำหนดมา ซึ่งมาตรฐานการเลือกคฑากรของโรงเรียนผมคือต้องดูดีและขาวสะอาดครับ


เกณฑ์ดูดีนี่ผมคิดว่ามีหลายคนผ่านแต่มาตกม้าตายเอาตรงขาวสะอาดกันหมด อย่างฟงลูกครึ่งจีนคาสโนว่าหล่อตี๋ขี้เล่นประจำชั้นปีผมก็ทำตัวสมชายาด้วยการฟันไม่เลือกทั้งหญิงทั้งชาย ไอ้เปลวนี่ก็โดดเรียนเป็นว่าเล่นแถมเคยมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นอีก เด็กติ๋มห้องคิงอย่างผมเลยผ่านเกณฑ์ข้อสองมาแค่คนเดียวแบบงงๆ


“ไม่ต้องคิดมาก นอนไปตามปกตินั่นแหละ กูไม่หน้ามืดปล้ำมึงหรอก”


อ่อหรอ สบายใจจัง งั้นกูนอนนะ  การเอ่ยประโยคนี้ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย ผมจึงเลือกที่จะพลิกตัวหันหน้าเข้าหากำแพงแล้วหลับตาลงอีกครั้งเหมือนเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วค่อยๆหลับไปในที่สุด


.


.


ซะเมื่อไหร่


ชีวิตจริงเป็นยิ่งกว่าละคร มีหลายคนที่ไม่สามารถหลับตาแล้วทิ้งเหตการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆได้ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น


1.37 AM นายน้ำเงินลืมตาขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลแขวนผนังท่ามกลางความมืดและความเงียบในห้องนอนของตัวเอง


1.39 AM นายน้ำเงินลืมตาขึ้นอีกครั้งและทำหน้าเบ้เมื่อเขาพบว่าเวลาผ่านไปเพียงสองนาที


2.10 AM นายน้ำเงินยังคนนอนไม่หลับต่อไป ตอนนี้เขาเริ่มถามตัวเองว่าคืนที่แล้วๆมาเขานอนหลับได้ยังไง ถ้าวันนี้เขาไม่ได้นอนเลยจะเป็นอะไรไหม


2.12 AM นายน้ำเงินเลิกฟุ้งซ่าน เขาตัดสินใจว่าหากเขานอนไม่หลับไอ้ตัวการที่นอนอยู่ข้างๆก็อย่าหวังว่าจะหลับอย่างเป็นสุข


“เปลวๆๆๆ หลับยัง” ผมหันมาสะกิดเจ้าของชื่อยิกๆ


“ยัง มีไร?”


“เปล่า” ผมไม่รู้ว่าจะตอบมันว่าอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียกมันทำไม ตอนแรกแค่คิดจะแกล้งปลุกมันเฉยๆแต่กลายเป็นมันก็ยังมีสติอยู่ครบถ้วยดีไม่ต่างกัน นั่นทำให้เจ้าของห้องอย่างเขาตระหนักถึงเรื่องสำคัญได้


จนถึงเมื่อกี้เขาคิดถึงแต่ตัวเองโดยไม่สนใจเลยว่าเพื่อนคนนี้มาหาตนเพราะมีเรื่องทุกข์ใจ หากจะมีคนที่นอนไม่หลับย่อมเป็นอีกฝ่ายที่แบกรับอะไรหลายๆอย่างไว้มากกว่า


“กูไม่ใช่คน’พูด’คนปลอบคนเก่ง แล้วก็ช่วย’คิด’แก้ปัญหาชีวิตให้ใครไม่ได้เพราะแค่เรื่องของตัวเองยังไม่รอด แต่ถ้ามีอะไรที่กู’ทำ’ให้มึงรู้สึกดีขึ้นได้ก็บอกนะ เอ่อออ... ถ้าทำได้ก็จะทำ” คำที่พูดออกมาแม้มันจะไม่สวยหรูพอจะสร้างความมั่นใจให้ใครได้แต่ผมเชื่อว่ามันดีกว่าการหันหน้าหนีเข้าหากำแพงห้องอย่างตอนแรก


“น้ำเงิน


.


.


ขอบคุณนะ”


2.20 AM นายน้ำเงินยิ้มรับคำขอบคุณของดวงตะวันที่กลับมาอบอุ่นดังเดิมแล้วหลับลงไปในที่สุด


.


.


...............................................................................................

จะว่าไงดีหละ แต่งเองยังรู้สึกเลยว่าน้ำเงินใจเย็นมาก

ถ้าเป็นเราละก็จะยันสอง teen ออกจากบ้านไปแล้ว 555555

อ๊ะๆ...แต่สิ่งที่เปลวบอกน้ำเงินนั่นคือความจริงทั้งหมดรึยังนะ  o18

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 17-01-2015 10:38:47
น่ารักดีจัง :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 17-01-2015 11:38:46
น้ำเงินใจดีไม่รังเกียจเพื่อน :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-01-2015 12:41:26
น้ำเงินนี่ปรับตัวไว๊ไวว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-01-2015 14:03:32
และผู้ชายคนที่เปลวคิดว่าจะชอบก็คือน้ำเงิน อ้าว ยังไม่บอกเหรอ โทษๆ 55555

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 17-01-2015 22:32:46
ถ้าจะให้ดี น้ำเงินก็ช่วยเปลวพิสูจน์หาความจริงไปเลยค่ะว่าชอบผู้ชายจริงมั้ย

 :-[

อ่านตอนนี้ล่ะรู้สึกว่าที่เค้านอนคุยกันมันอุ่นๆ น่ารักมุ้งมิ้ง
ฮืออออออ ชอบเปลวอ่ะ พ่อดวงตะวันหนุ่มน้อยของพี่
เดาว่าคนที่กำลังทำให้เปลวสับสนตัวเองอยู่ตอนนี้ต้องเป็นน้ำเงินแน่ๆ

แต่ก็ดีใจนะที่น้ำเงินใจดี ใจเย็น ไปถีบเปลวลงจากเตียง
แล้วก็มองหน้ากันไม่ติด 555555555

อ่านแล้วรู้สึกว่ายิ่งอยากติดตาม รอตอนหน้านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: manU007 ที่ 17-01-2015 23:46:12
 :-[
เปลวชอบน้ำเงินล่ะสิ
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 18-01-2015 00:19:07
น่าติดตามครับ รอชมตอนต่อๆไป
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-01-2015 01:03:59
ว๊ายน้ำเงินปล่อยให้เปลวตามถึงบ้านแถมค้างคืนอีกต่างหาก เชื่อคนง่ายไปไหม
เปลวคงไม่หลอกแต่พูดไม่หมด มีอย่างที่ไหนมาเปิดเผยเรื่องสำคัญกับเพื่อนที่ไม่สนิท น่าสงสัยอยู่นะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-01-2015 11:08:35
ชอบน้ำเงินอะ ตกหลุมรักน้ำเงินแล้วว :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 18-01-2015 16:01:24
น้ำเงิน นายหล่อมาก 555

 o13 o13
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 17/01/15 [บทที่2] สารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 20-01-2015 21:40:08
เปลวก็ตรงเกิ๊นนนน

จู่โจมแบบไม่เปิดโอกาสให้ตั้งหลักกันเลยทีเดียว 5555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 24-01-2015 09:01:57



บทที่ 3 น่าแปลกใจ



งืมมมมม ร่างที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มพลิกตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ก่อนแขนข้างหนึ่งจะพาดไปโดนอะไรบางอย่างที่เจ้าตัวคิดเอาเองว่าเป็นหมอนข้างทั้งๆที่หยุดคิดสักนิดเขาก็จะนึกได้ว่าตัวเองไม่เคยซื้อหมอนข้าง ใบหน้าที่แสนภูมิใจว่าหล่อนักหล่อหนาซุกๆไปกับหมอนข้างที่ว่าเหมือนเด็กน้อย


กลิ่นหอมจางๆที่คล้ายคลึงกับกลิ่นสบู่ของตัวเองลอยมาเตะจมูกที่แนบอยู่กับอะไรบางอย่างซึ่งเขาเริ่มตระหนักได้แล้วว่าไม่ใช่หมอนข้าง


ก่อนจะตาสว่างเมื่อหมอนข้างที่ว่าหันมากระซิบเบาๆที่ข้างหูตน


“น้ำเงิน อย่าทำอย่างนี้” มันคือเสียงของเปลว


จริงสิ เมื่อคืนเปลวมาขอนอนกับผมด้วยวัตถุประสงค์แสนอันตรายนี่หว่า แล้วตอนนี้กี่โมงแล้วเช้าแล้วเหรอ ไม่ใช่หละน้ำเงินตอนนี้เวลามันจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมัน ที่สำคัญตอนนี้คือผมกำลังกอดมันอยู่ใช่ไหม!?


พาดแขนพาดขาหน้าซุกไหล่มันขนาดนี้ ผมจะมีหน้าลืมตาไปพบมันได้ยังไงเนี่ย!!


ตาสองข้างของผมตอนนี้ยังปิดสนิททำเป็นยังไม่รู้สึกตัวด้วยความตระหนกไม่รู้จะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้


แกล้งทำเป็นงัวเงียตื่นแล้วทำเนียนไม่รู้เรื่องหรือจะทำเป็นสะดุ้งตื่นแล้วโวยวายว่ามันมาลวนลามผมทำไมดี ไม่ว่าจะเลือกทางไหนมันก็น่าทุเรศตัวเองทั้งคู่ หรือจะรอให้มันลุกออกไปก่อนดี


ใช่แล้ว!! ลุกไปอาบน้ำสิเปลว ยกแขนกูออกแล้วก็เดินไปอาบน้ำได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้กูตื่นหรอกเพราะให้ตายยังไงกูก็ไม่ตื่นขึ้นมาแน่ๆ


ไปสิๆๆๆๆๆๆ


“...” ได้โปรดเถอะ ไปขี้ไปเล่นว่าวอะไรก็ได้ ลุกออกไปได้แล้ว อย่านอนนิ่งแบบนี้


ไร้การตอบสนองใดๆ เวลาผ่านไปชั่วอึดใจแต่สำหรับคนแกล้งหลับแล้วมันช่างแสนนาน


ก่อนที่อะไรๆจะไม่เกิดขึ้นเลย(?)มากไปกว่านี้ประตูห้องนอนของผมก็เปิดออกด้วยแรงอารมณ์ของคนที่เรียกว่าแม่


“เจ็ดโมงกว่าแล้วยังไม่ตื่นอีกคิดจะนอนไปถึงไหนก...กัน” เสียงตวาดหยุดลงเมื่อหญิงร่างเล็กคงความสวยไว้ได้ตามวัยแม้จะผ่านการคลอดลูกมาแล้วถึงสองครั้งหยุดลงเมื่อเธอเห็นสภาพของลูกชายคนโตของตนถนัดตา


“แม่!!!!” ตื่นไม่ตื่นก็ต้องตื่นหละครับงานนี้ ผมรีบเด้งตัวขึ้นนั่งทันทีตามสัญชาติญาณ ปากที่ควรจะเปล่งเสียงอะไรออกไปเพื่อแก้ตัวจากสภาพนอนกอดกับเพื่อนชายเมื่อครู่ทำให้แค่อ้าค้างเอาไว้ให้แมลงวันบินผ่านเล่น


“สวัสดีครับ” ตัวต้นเหตุของเรื่องลุกขึ้นนั่งขณะยกมือไหว้แม่ผมอย่างมารยาทงามน่าชื่นชมบิดามารดาผู้เลี้ยงดูให้ลูกชายเคารพผู้ใหญ่แม้สถาการณ์จะไม่อำนวยขนาดไหนก็ตาม


.


.


หลังจากปรับความเข้าใจกับแม่ผู้เซ้นต์สิทีฟเรื่องชายรักชายจากปัญหาของพี่เอิทก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว แม่ก็อาสาพาผมกับเพื่อนเปลวไปส่งเพราะให้นั่งรถไปกันเองคงไม่ทันคาบแรกแน่นอนยิ่งชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้แถวบ้านผมรถค่อนข้างติด


“เปลวก็อยู่สายวิทย์คณิตเหมือนกันใช่ไหมลูก” แม่ผมหันไปถามคนที่นั่งอยู่เบาะหลังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“ครับ แต่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับน้ำเงินหรอกครับ ผมไม่ได้เรียนเก่งขนาดนั้น” ตอแหลเอาโล่เหรอครับเปลว ไม่ต้องยอลูกชายแม่กูขนาดนั้นก็ได้นะ แม่กูยิ่งบ้ายออยู่


“เหรอแล้วรู้จักกันได้ยังไงจ๊ะเนี่ย” แม่ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคำตอบของมัน


“ไม่รู้สิครับ จู่ๆก็สนิทกัน” กูไปสนิทกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่


“น้ำเงินรู้จักเพื่อนหล่อๆแบบนี้ไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลยนะ” อวยกันเข้าไป


“เรื่องของผมคงไม่สำคัญขนาดต้องเก็บมาเล่าให้คุณแม่ฟังหรอกมั้งครับ ฮ่าๆๆ” สุดหล่อของแม่ผมพูดกลั้วหัวเราะ ท่าทางของมันแสดงออกมาว่ากำลังพูดเล่นแต่น้ำเสียงของมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร


ระหว่างทางแม่กับมันพูดคุยกันอย่างออกรสประหนึ่งมันเป็นลูกชายตัวจริงส่วนผมเป็นแค่คนนอก จนกระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาจนเห็นรั้วโรงเรียนแต่รถกลับติดแบบไม่มีทีท่าว่าจะขยับ


เสียงเพลงชาติทำให้เดาได้ว่าตอนนี้คนในโรงเรียนกำลังเข้าแถวกันอยู่


“เดินไหม” ผมหันกลับไปถามเปลว


“ไม่ต้องหรอก ยังไงก็ไปสายโดนลงโทษอยู่ดี นั่งรอในรถเย็นๆดีกว่า” มันตอบอย่างมีเหตุผลและไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไร
กับมันมาโรงเรียนสายไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก แต่กับผมแล้วนี่ถือเป็นครั้งแรก


ตื่นเต้นแต่ห้ามแสดงออกเดี๋ยวมันรู้ว่าอ่อน


ไม่นานสัญญาณไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว พวกผมเดินลงจากรถเบนซ์สีขาวของแม่โดยไม่ลืมยกมือไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกมาสายคนอื่นที่ถูกกักตัวอยู่ข้างประตูท่ามกลางสายตาประหลาดใจของผู้คน ตั้งแต่คนขายขนม
โตเกียว ลุงยาม นักเรียนมาสายคนอื่นไม่เว้นแม้แต่จารย์จอมโหดผู้รับหน้าที่กำราบเด็กเกเรประจำวันนี้


มองอะไรกันวะ? ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“เพราะเรามาด้วยกันไง” คนข้างๆช่วยเฉลยข้อสงสัยให้


อ่อ...คนอื่นคงไม่รู้ว่าพวกผมรู้จักกันเพราะส่วนใหญ่ผมชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ค่อยรู้จักกับใครเท่าไหร่ การมาโรงเรียนด้วยรถคันเดียวกันแถมเสื้อที่เปลวใส่อยู่ยังเป็นเสื้อที่ปักรหัสนักเรียนของผมเอาไว้อีก พวกขาเสือกจะเหล่มองด้วยสายตาใครรู้ก็ไม่แปลก


“น้ำเงินๆ” เสียงที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดในเวลานี้ดังขึ้น


เจ้าพ่อขาเสือกแชค


มันติดแหงกอยู่ในกลุ่มมาสายเหมือนกันกระเถิบตัวมายืนข้างผมทั้งมือที่ยังพนมสวดมนต์ตามผู้นำบนเวทีอยู่ มันยิ้มทักเปลวก่อนหันมาพูดคุยกับผมด้วยเรื่องธรรมดาอย่างการล้อว่าเดี๋ยวนี้ผมเริ่มเหลวไหลมาเรียนสายแบบมันแล้วเหรอซึ่งทำให้ผมงงเล็กน้อยว่ามันไม่อยากเสือกเรื่องที่ผมกับเปลวมาด้วยกันได้ยังไงหรอกเหรอ


ซึ่งความข้องใจของผมก็กระจ่างทันทีที่การลุกนั่งยามเช้าสิ้นสุดลงแล้วเปลวแยกทางกับพวกผมเพื่อไปห้องเรียนของตัวเองเท่านั้นแหละ  สีหน้าใสซื่อของแชคก็เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์อย่างกับมันหยิบหน้ากากหมาจิ้งจอกมาใส่


“เล่ามาซะดีๆเลยมึง” ถามแบบเหวี่ยงแหแบบนี้จะให้กูเล่าเรื่องอะไรหละ ปลาบู่ทองดีไหม


“เมื่อวานนาวโทรมาเล่าให้กูฟัง เรื่องที่พวกมึงเจอเปลวหลังโรงเรียน” เมื่อเหยื่อยังไม่มีทีท่าว่าจะคายความลับออกมาเหยี่ยวข่าวแชคจึงเกริ่นเรื่องที่คิดว่าเกี่ยวข้องกันออกมา


“อ่อ แล้วไง มึงจะเอาเรื่องที่พี่ไอริณแห้วไปป่าวประกาศหรอ” คำถามของผมทำเอาคนที่เดินอยู่ข้างๆทำหน้าอึ้งๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่าพี่เขาเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนนึงการเอาเรื่องส่วนตัวของเขาไปพูดต่อมีแต่จะให้พวกขี้อิจฉาบางคนเอาไปเป็นประเด็นโจมตีพี่เขาได้ซึ่งไม่สมควรทำอย่างยิ่ง


ผมกับแชคเลือกจบประเด็นนี้ลงอย่างเข้าใจกัน(เห็นอย่างนี้แชคก็ยังมีมารยาทเหลืออยู่)จากนั้นไม่นานก็เดินถึงห้องเรียนพร้อมการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผองเพื่อนร่วมชั้นผู้รอกระหน่ำซ้ำเติมกระผมผู้ไม่เคยมาโรงเรียนสายเลยสักครั้งในชีวิตแบบกะให้ผมไม่กล้าทำตัวแบบนี้อีกเลย


“ตื่นสายเหรอ เมื่อคืนหนีเที่ยวที่ไหนมา?” เริ่มจากนาวเพื่อนรักก่อนเลย


“เดี๋ยวนี้หัดทำตัวเหลวไหลแล้วหรอ?” อ่อนไอซ์หัวหน้าห้องกล่าวสมทบ


“เฮ้ออออออ” อาร์ตกับปอคู่หอดูโอ้ถอนหายใจพลางทำหน้าเหมือนหมาที่บ้านป่วยขณะพูดขึ้นพร้อมกันราวกับเตรียมบทมา


“สงสารคุณหญิงแม่มึงที่เฝ้าทนุถนอมเลี้ยงดูมึงมาจริงๆ” พล่ามอะไรพวกมึงหุบปากไปเลย คนยิ่งโมโหหิวอยู่ข้าวเช้ายังไม่ทันกินแม่ก็จับโยนขึ้นรถแล้ว


“เพ้อเจ้อหวะ หนีเที่ยวบ้าอะไรแค่นอนอยู่บ้านเฉยๆ”ผมพูดก่อนจะลากเก้าอี้ของตัวเองมานั่ง ที่นั่งของผมอยู่หลังสุดตรงกลางพอดี รอบตัวผมก็ประกอบด้วยชาวแกงค์หน้าเดิมของผมได้แก่ ตัวผมเอง สหายนาว ขาเสือกแชค อ่อนไอซ์หัวหน้าห้อง คู่หูคู่ฮาอาร์ตปอ แล้วก็ไอ้ซีซีที่นั่งเงียบทำหน้าเซ่อๆอยู่บนที่นั่งติดกับผมนี่แหละ


มีเท่านี้แหละครับผู้ชายห้องคิง ที่เหลือก็มีตุ๊ดอีกสี่คน รวมแล้วห้องผมมีเพศผู้สิบเอ็ดคนตั้งทีมฟุตบอลได้พอดี...
สงสารผู้หญิงเลยครับ ผู้ชายสมัยนี้หายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้


“มึงนอนเฉยๆแสดงว่าเปลวเป็นฝ่ายกระทำสินะ” แชคที่นั่งเยื้องๆผมหันมาทิ้งระเบิดโครมใหญ่เรียกให้ชาวแกงค์ที่สงบลงไปหน่อยแล้วลุกฮืออีกครั้งกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้ยิน


“ห๊ะ!? เปลว เปลวไหน” มึงถามเหมือนคนชื่อเปลวโรงเรียนนี้มีหลายคนเลยนะเชี่ยนาว


“ก็เปลวสุดหล่อประจำสายชั้นพวกเราไงมึง เมื่อเช้ากูเห็นมันลงจากรถพร้อมกัน” แชคเสริม


“เมื่อคืนมึงนอนกับเปลวเหรอ!?” พูดให้มันเคลียร์ๆหน่อยไอซ์เดี๋ยวใครเดินผ่านมาได้ยินแค่ประโยคเดียว ได้เข้าใจผิดกันไปใหญ่


“เงียบเลยพวกมึง ตอนนี้กูทั้งง่วงทั้งหิวเดี๋ยวเหวี่ยงใส่พวกมึงก็งอนกูอีกขี้เกียจง้อ” ผมตัดจบพร้อมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ


“เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวอ่อ?”ยังไม่วายมีคนถามต่อ แต่คราวนี้ให้อภัยครับเพราะเป็นไอ้ซีซีที่นั่งเงียบไม่มีบทอยู่นานถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง


“อืม” ผมหันไปตอบมันตาปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่


ไอ้นาวที่นั่งอยู่อีกฝั่งของผมได้ยินเลยถามว่าจะลงไปซื้ออะไรที่โรงอาหารมากินก่อนไหมอาจารย์ยังไม่เข้าห้องแต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะรู้ว่าโรงเรียนมีกฏห้ามร้านค้าขายของให้นักเรียนในเวลาเรียน


พวกที่เหลือก็เสนอขนมลูกอมมาให้ผมกินรองท้องกันใหญ่ด้วยเหตุผลว่าข้าวเช้าสำคัญต่อร่างกาย ช่างน่ารักผิดกับเมื่อครู่แบบหนังคนละม้วนเลย


แต่ยังไม่ทันมีอะไรตกถึงท้องอาจาร์ภาษาไทยเจ้าของคาบจอมเนี้ยบก็เข้ามาในห้องเป็นระฆังบอกหมดเวลาทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากการเรียนหนังสือชาวแกงค์เลยหันหน้ากลับไปตามที่ตามทางของตนเอง


การเรียนคาบแรกผ่านพ้นไปพร้อมกับการชุมนุมประท้วงของท้องและหนังตาของผม ฝ่ายหนึ่งยื่นข้อต่อรองให้ผมไปหาอะไรกินอีกฝ่ายก็ประกาศปาวๆให้ผมนอนได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว!!


อีกสามคาบกว่าจะพักกลางวันแต่ละคาบก็มีแต่อาจารย์โหดๆทั้งนั้นแอบงีบไม่ได้เลย ได้แต่นั่งเหี่ยวให้ไอ้ซีซีเป็นห่วงเล่นอย่างเดียว


“น้ำเงินๆ” เสียงอาร์ตเรียกดังขึ้นพร้องเสียงฮือฮาของสาวแท้สาวเทียมในห้องราวกับพวกหล่อนเห็นของลดราคา


“ไรมึงกูจะนอน ห้านาทีก็ยังดี” ผมตอบโดยยังไม่เงยหน้าขึ้นมา


“มีคนมาหา เงยหน้าขึ้นมาคุยด้วยหน่อย” คราวนี้คนพูดไม่ใช่อาร์ตหรือเพื่อนในแกงค์คนอื่นแต่ผมกลับจำเสียงของมันได้แม่น ไอ้เด็กต่างห้องที่ชอบโผล่มายืนข้างๆผมแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง


ผมยืดตัวขึ้นนั่งมองมันตาปริบๆอย่างสงสัยว่ามันมาหาผมทำไม มันคงไม่มาเดินโชว์ตัวให้สาวๆผู้ยากไร้ชายหนุ่มอย่างผู้หญิงห้องผมโลมเลียทางสายตาเล่นแน่นอน


แต่พอคิดดูอีกทีผมก็หล่อนี่หว่า ทำไมพวกผู้หญิงไม่เห็นกรี๊ดกันแบบนี้เลย หรือเพราะเห็นหน้ากันบ่อยจนเอียน เรื่องนั้นช่างมันเถอะตอนนี้หัวข้อหลักที่ผมควรจะสนใจคือของที่มันถืออยู่ในมือต่างหาก


ถุงเซเว่นข้างในบรรจุด้วยแซนวิชไส้ปูอัดกับสาหร่ายวากาเมะของโปรดของผมถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมรอยยิ้มจากเจ้าของซึ่งพูดคำพูดที่รื่นหูที่สุดในรอบวันของผมออกมาว่า


“ซื้อมาฝาก”


“เห้ย!! ให้กูเหรอ!?ขอบคุณมาก ไปเอามาจากไหนวะ” ผมรีบคว้าถุงมาแกะกินแบบไม่รออะไรทั้งสิ้น


“เซเว่นไง ไม่เห็นถุงเหรอ” ต่อให้ทำดีแค่ไหนแต่ไม่ได้กวนตีนกูนี่มึงคงไม่มีความสุขสินะ


“กวนตีนอีกละ ที่กูถามคือมึงออกไปซื้อมาได้ไง” เซเว่นที่ว่าตั้งอยู่อีกฟากของถนนครับ


“ปีนกำแพง” เอาอีกแล้ว ชอบพูดถึงเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดในชีวิตชาวบ้านปกติให้เป็นเหมือนเรื่องธรรมดาชีวิตอีกแล้ว รั้วแม่งสูงตั้งเท่าไหร่แถมยังมีลวาดหนามประนึงเอาไว้ขังนักโทษขนาดนั้นมึงหาทางปีนออกไปได้ยังไงวะ หรือปกติแล้วเด็กห้องอื่นเค้าทำแบบนี้กันเป็นกิจวัตร?


“มีทางลัดทำไมไม่ใช้ตั้งแต่รอบเช้าวะ เข้าทางประตูให้โดนลุกนั่งทำไม”ผมถาม


“มึงอ่อน เดี๋ยวโดนจับได้จะหนักกว่าเดิม”มันตอบได้วอนตีนมาก


“ใครจะไปเชี่ยวแบบมึงละ นั่งมะ?” ผมใช้ตีนเขี่ยเก้าอี้ของโต๊ะที่อยู่หน้าผมซึ่งเจ้าของลุกหายไปไหนไม่ทราบให้มันนั่ง


“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวกูจะกลับห้องละ ว่าแต่เย็นนี้มึงเลิกกี่โมง”


“สี่โมง ไมวะ”


“รอก่อนนะมีเรื่องจะคุยด้วย” เจ้าตัวว่าไว้แค่นั้นไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเรื่องอะไรและให้รอที่ไหนผมเลยพยักหน้ารับอย่างงๆเมื่อมันเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบเหมือนจงใจไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดคำว่าไม่


“น้ำเงินไปสนิทกับเปลวตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” ซีซีถามผมหลังจากผู้มาเยือนคล้อยหลังไปแล้วด้วยคำถามที่ผมหาคำตอบให้ไม่ได้
จำได้ว่าตอนเปิดเทอมขึ้นม.สี่ใหม่ๆมันก็เข้ามาทักผมเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนแต่ผมกลับนึกไม่เห็นออกเลยว่าไปทำความ
รู้จักกับไอ้เปลวต่างห้องคนนี้ตอนไหน จากนั้นมันก็มาทักผมบ่อยขึ้นจนเราสนิทกันแบบอึนๆ แล้วซีซีน้อยไปอยู่ไหนมาวะทำไมเพิ่งรู้ว่าผมกับมันรู้จักกัน


“เออนั่นดิ ไปรู้จักกันตอนไหนวะ” ปอถามย้ำเมื่อเห็นผมไม่ตอบ


“อ้าว? พวกมึงไม่รู้เหรอว่าพวกกูรู้จักกัน” ทุกคนส่ายหน้าหยอยๆอย่างพร้อมเพรียง


อ้าว...อ้าวววว...อ้าววววววววว... อากาศร้อนรึไงถึงเอาแต่ร้องอ้าวๆๆๆๆ


หลังจากตบมุกตัวเองในใจเสร็จแล้วผมก็เลิกสนใจพวกไร้สาระที่โวยวายว่าผมมีความลับกับพวกมันงู้นงี้ ทำตัวคิดเล็กคิดน้อยเป็นผู้หญิงไปได้


พอท้องอิ่มแล้วผมก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย และดีพอจะเผื่อแผ่สมองที่ควรใช้ในการเรืยนวิชาเลขอันแสนทรหดคาบต่อไปมาคิดถึงเรื่องของคนที่บอกให้ผมรอมันหลังเลิกเรียน


ความจริงไม่ต้องใช้สมองผมก็รู้ว่าสาเหตุที่มันเรียกผมเอาไว้คืออะไร


เรื่องเมื่อคืนที่มันพิสูจน์...



..................................................................................................

ตอนนี้เปิดตัวประกอบจำนวนมาก (ฮา) แรกๆอาจจะสับสนชื่อเล็กน้อย

แต่หลักๆที่ควรจดจำไว้ก็คือ'นายแชคขาเสือก'ค่ะ

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 24-01-2015 13:20:59
เปลวฉันว่าแกชอบน้ำเงินว่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-01-2015 14:26:46
น้ำเงินเป็นลูกคุณหนู น่าร๊ากกกกกกก  น้ำเงินไม่รอดจากเปลวแน่ 55 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-01-2015 19:30:47
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 25-01-2015 14:20:57
เปลวชอบน้ำเงินแน่นแน่
แอร๊ยยยยยยยย

รอดูว่าตอนเย็นจะคุยอะไรกัน
เพื่อนน้ำเงินที่ขาเสือกกันทั้งนั้น โดยเฉพาะนายแชค 5555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 25-01-2015 15:07:30
น้ำเงิน นิสัยน่ารักดีเนอะ ง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่คิดมากดี ชอบจังเลยอ่ะ
ที่เปลว เริ่มสงสัยว่าตัวเองชอบผู้ชายหรือเปล่า แล้วมาพิสูจน์กับน้ำเงิน
ก็เพราะ ผู้ชายที่ทำให้เปลวรู้สึกหวั่นไหว คือน้องน้ำเงินแน่เลยใช่ไหมล่ะ เนอะ

น้ำเงินกับเปลว เคยเจอกันมาก่อน แต่น้ำเงินจำไม่ได้ ส่วนเปลวก็ลืมไม่ลงสินะ
น้ำเงิน ไปแอบสร้างความประทับใจอะไรไว้จ้ะ เป็นเรื่องที่ต้องรอเฉลยจากเปลวต่อไป
แหม แต่ตอนนี้ให้ความรู้สึก เหมือนเปลวเริ่มจีบน้องน้ำเงินแล้วเลย เป็นห่วงเป็นใย
รู้ด้วยว่าของโปรดน้ำเงินคืออะไร แล้วนี่ นัดคุยหลังเลิกเรียน อะไร ๆ หรือว่า
จะสารภาพรักน้องน้ำเงินแล้วอ่ะ  :o8:

ตัวละครเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ชอบกลุ่มเพื่อน ๆ น้ำเงินจัง แต่ละคนฮาดี
ที่ชอบสุดก็ นายแชคขาเสือก นี่แหละ แล้วมีความรู้สึกว่า ฟงหนุ่มหล่อคาสโนว่า
ที่มีถูกกล่าวถึงตอนต้น ต้องมามีบทบาทอะไรอีกแน่ ๆ (เดาไปเรื่อย 555)
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปสมัยมัธยมกระโปรงบานขาสั้นเลยอ่ะ มีความสุข  :-[
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 26-01-2015 14:08:29
มาต่อด่วยค่าาา

 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-01-2015 16:26:11
คงไม่ใช่แค่แชคที่ชอบเผือก เพื่อนน้ำเงินน่าจะชอบทั้งกลุ่ม
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-01-2015 18:50:36
น้ำเงินคงน่ารักมากกว่าหล่ออ่ะ และเปลวชอบน้ำเงิน 5555 นี่คนอ่านฟันธงให้เลย
แก็งค์เพื่อนอยากเผือก คนอ่านก็อยากด้วยนะ ซีซีน่ารักดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 29-01-2015 00:21:05
น้ำเงินรอดยาก ทางสีม่วงเปิดรอเธอแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/01/15 [บทที่3] น่าแปลกใจ
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 29-01-2015 15:09:47
น้ำเงินโดนแน่ (โดนอะไร) 555555

 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 30-01-2015 14:39:39


บทที่ 4 เดี๋ยวก็รู้



ในที่สุดวินาทีอันยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบวันมาถึง เสียงออดแห่งอิสรภาพดังขึ้น เหล่าเพื่อนร่วมชั้นต่างพร้อมใจกันเก็บของใส่กระเป๋าแบบไม่รอให้อาจารย์ผู้สอนได้บอกเลิกสักนิด ยังดีที่หัวหน้าอย่างอ่อนไอซ์นำทำความเคารพทันก่อนจะมีใครวิ่งพรวดกลับบ้านไป


เวลาบ่ายสี่พอดีเป๊ะ ชาวแกงค์เก็บของและทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นผมไม่ขยับไปไหน


“ไม่กลับบ้านเรอะมึง อ่อ ลืมไปว่ามีนัด” นาวเป็นคนเอ่ยถามคนแรกแล้วตอบคำถามของตัวเองเสร็จสรรพผมเลยหันไปบอกพวกมันที่ทำหน้าลังเลว่าจะอยู่รอผมหรือกลับกันก่อนดีให้ไปไหนก็ไป แน่นอนว่ามีเสียงอแงหาว่าผมไล่ ตามหลังมาแต่ผมก็ทำหูทวนลมไม่สนใจ


ไปไหนก็รีบๆไปเหอะพวกมึง เรื่องที่เปลวจะคุยกับกูนี่ความลับระดับชาติให้คนนอกมาเสือกไม่ได้


พวกตัวกวนจากไปหมดแล้วในห้องเหลือผมกับผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งแล้วก็พวกเวรประจำวันที่ทำหน้ายักษ์จ้องคนที่เหลือด้วยสายตาแปลความหมายได้ว่า พวกมึงออกจากไปเดี๋ยวนี้กูจะทำความสะอาดห้อง


แน่นอนว่าผมไม่สะทกสะท้าน นั่งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป


หลังจากนั้นไม่นาน(ประชด) ไม่นานพ่องงงง เกือบห้าโมง คนที่นัดผมไว้ถึงวิ่งหน้าเริดมา ตอนนี้ผมย้ายตัวเองมานั่งในโรงอาหารอย่างช่วยไม่ได้เพราะตึกเรียนมันใกล้ปิดแล้ว


“ขอโทษทีให้รอ” เปลวหอบฮั่กๆให้รู้ว่าวิ่งมาเต็มที่แล้ว


“พอดีคุยเรื่องงาน first night กับประธานอยู่ มึงไม่โกรธกูใช่ไหม” อีกฝ่ายถามผมด้วยสีหน้าสำนึกผิด


งานที่ว่าก็คือกิจกรรมคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นตรงกับวันสุดท้ายของการสอบปลายภาคเทอมหนึ่งซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเทอมเพื่อให้เหล่านักเรียนที่อ่านหนังสือสอบอย่างหนักได้ปลดปล่อยและอำลาเพื่อนที่จะไม่ได้เจอกันช่วงปิดเทอม ส่วนเทอมสองก็มี
คอนเสิร์ตเหมือนกันแต่จะเรียนว่า last night แทน


แน่นอนว่านักร้องนำวงโรงเรียนอย่างมันต้องติดต่อประสานงานกับคณะกรรมการนักเรียนช่วงเวลานี้ถูกแล้ว เพราะตอนนี้ก็เลยสอบกลางภาคมาได้เกือบเดือนแล้ว


“อืม ไม่เป็นไร”


“งั้นไปกันเถอะ” มันเอ่ยชวนผม


“ไปไหน?”


“ไปคุยกันที่อื่น อยู่ในโรงเรียนเดี๋ยวมีคนแอบฟัง” ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปทางพวกนักเรียนที่เหลืออยู่ประปรายในโรงอาหารซึ่งหันมามองทางพวกผมอย่างสนใจแบบเห็นได้ชัด


การที่พวกผมพูดคุยกันนับว่าเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่ ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลยเหรอไง? แค่คนหล่อสองคนคุยกันเนี่ย? ผมเลยเดินตามมันไปทางหลังโรงเรียนอย่างช่วยไม่ได้


ว่าแต่...ที่อื่นของมึงคือที่ไหนไม่ทราบครับคุณแปลวตะวัน มึงอย่าเอาแต่เดินนำกูออกห่างจากรั้วโรงเรียนเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไรสักคำสิอย่างงั้นสิครับ อย่าบอกนะว่าจะพากูไปฆ่าปิดปากเพราะดันไปรู้ความลับของมึงเข้า ไม่ได้นะมึงกูมีน้องสาวตัวเล็กๆต้องดูแล ไหนจะพ่อแม่ที่แก่ตัวลงทุกวันอีก


สุดท้ายความคิดออกทะเลของผมก็ถูกหยุดลงเมื่อมันเดินพ้นซอยหมู่บ้านเก่าๆหลังโรงเรียนแล้วยกมือขึ้นโบกแท็กซี่สีคลาสสิกให้จอด ชื่อสถานที่ที่มันให้ลุงคนขับมุ่งไปทำเอาผมแทบจะยกมือขึ้นเขกกะโหลกมันซักรอบ


ห้างเดียวกับที่เจอเมื่อวาน...


“โห!! มึงงงง อยู่ใกล้แค่นี้นั่งรถเมล์เอาก็ได้นะ”


“ไม่ชอบเหรอ แบบนี้สบายกว่าตั้งเยอะ”


“เปลือง” ถึงบ้านผมจะพอมีเงินแต่ไม่ได้หมายความว่ามีเงินพอใช้แบบละลายแม่น้ำเล่นได้


“งั้นวันหลังกูให้รถที่บ้านมารับแทนแล้วกัน โอเคมั้ย?” อืมมม ใช้คำว่ารถที่บ้านแสดงว่าที่บ้านมีคนขับรถ ถ้าที่บ้านมีคนขับรถก็
แสดงว่ารวย ผมเลยพยักหน้าอือออเชิงรับรู้ว่าการพาเพื่อนนั่งรถโดยสารเขียวเหลืองสำหรับมันถือเป็นเรื่องปกติสามัญ โดยลืมสังเกตุคำว่า’วันหลัง’ที่ประกอบมากับรูปประโยคของอีกฝ่ายไปสนิท


ตอนมาถึงที่หมายแล้วผมก็เตรียมควักตังค์จ่ายค่ารถกับมันคนละครึ่งแต่มันดันบอกปัดว่าไม่ต้องแล้วก็ออกให้ฝ่ายเดียวด้วยเหตุผลว่าผมมาที่นี่เพื่อเรื่องของมันซึ่งผมก็น้อมรับความหวังดีนี้แบบไม่ลังเล


มันเดินนำผม(อีกแล้ว)เข้าไปในห้างก่อนจะพาผมเข้าไปในร้านกาแฟที่ทุกคนรู้จักดีแห่งหนึ่ง


ช่างหาร้านได้เหมาะสมกับฐานะตัวเองจริงๆ ศูนย์อาหารก็คุยได้ปะมึง กระแดะมานั่งร้านกาแฟเพื่อ!?


ผมนั่งคนชาเขียวปั่นที่เหลือแค่ก้นแก้วไปมาพลางเหลือบมองอีกคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามซึ่งยิ้มตอบกลับมาหน้าซื่อ ทำเอาผมไปเป็นเป็นนิดๆ เพราะพวกเราเข้ามานั่งในร้านนี้เกือบชั่วโมงได้แล้วแต่ยังไม่มีบทสนทนาไหนเข้าสู้หัวข้อหลักอย่างที่ควรจะเป็น


นายน้ำเงินเริ่มเกิดความลังเลว่าตนควรเอ่ยปากถามออกไปตรงๆเลยจะได้ไม่ต้องนั่งลุ้นว่าเมื่อไหร่แบบนี้หรือควรรักษามารยาทรอให้เปลวเป็นฝ่ายเริ่มก่อนดี


“เรื่องคอนเสิร์ตพี่ประธานเค้าว่าไงอะ” ผมถามมันแก้เงียบ


“ประธานบอกว่าอยากจัดเซอร์ไพรส์พิเศษเลยให้กูไปช่วยคิด แต่ยังคิดไม่ได้เลย เย็นนี้ต้องไปซ้อมอีกว่างๆมึงก็ช่วยคิดได้นะ” มันโยนงานมาให้แบบหน้าด้านๆแต่ก็เข้าทางผมพอดี


“โหยยย แค่เรื่องเมื่อคืนที่มึงเอามาให้กูรับรู้นี่กูก็คิดไม่ตกแทนมึงแล้ว ไม่ต้องหาเรื่องมาให้เพิ่มก็ได้นะ เอ้อ พูดถึงเรื่องเมื่อคืน ตกลงมึงคิดได้ยังวะ?” เป็นการบอกปัดงานและแอบโยงเข้าประเด็นที่ต้องการได้อย่างแนบเนียน ฉลาดจริงๆผมเนี่ย ฮ่าๆๆๆ


อีกอึดใจเดียวในที่สุดผมก็กำลังจะรู้ผลลัพธ์ที่สามารถตัดสินชะตาผู้หญิงทั้งโรงเรียนแล้วว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้


เอ๊ะ!!? ถ้ามันเกิดตอบว่าชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆก็หมายความว่าเมื่อคืนมัน’รู้สึก’กับผมนะสิ!?


เฮ้ยยย แต่มันก็กลั้นใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เรื่องของคนดังขนาดมันถ้าผมไม่ได้คำตอบกลับบ้านไปวันนี้ต้องนอนไม่หลับอีกคืนแน่นอน


มึงช่วยพูดอะไรหน่อยเถอะ เลิกมองหน้ากูแล้วทำหน้าอึกอักได้แล้วว้อยยยยยยยยย อยากรู้จนจะลงแดงแล้วววววว


เสียงกรีดร้องในใจผมคงส่งไปถึงมันได้เพราะจู่ๆแววตาของคู่สนทนาก็เกิดประกายแน่วแน่เหมือนเจ้าของได้ตัดสินใจอะไรบบางอย่างลงไปแล้ว อะไรบางอย่างที่ผมรอฟัง


“น้ำเงิน” ผมเผลอกลั้นลมหายใจแบบไม่รู้ตัวตอนที่เปลวเรียกผม จะมาแล้วๆสินะผลการพิสูจน์เมื่อคืน มาเลยๆๆๆ บอกมาเลยน้ำเงินคนนี้ยินดีรับฟัง ไม่ว่ามึงจะเป็นอะไรยังไงมิตรภาพที่กูมีให้ก็ไม่มีวันเปลี่ยน สาบานว่าจะไม่เอาไปบอกใครด้วย!!


“เมื่อคืนนี้ เอ่อ...”


“กูคิดว่ากู...”


“...ชอบมึงหวะ”


“!?”


................................


 “กูคิดว่ากูชอบมึงหวะ”


“กูคิดว่ากูชอบมึงหวะ”


“กูคิดว่ากูชอบมึงหวะ”


“กูคิดว่ากูชอบมึงหวะ”



“อ๊ากกกกกกก ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้นะ!!!” นายน้ำเงินผู้กำลังสติแตกกดหน้าของตัวเองลงกับหมอนแล้วแหกปากร้องอย่างอัดอั้น เวลาตอนนี้คือเที่ยงคืนพอดีไม่ขาดไม่เกิน ทั้งคำพูดทั้งน้ำเสียงหรือแม้แต่สีหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างเคยของเปลววนเวียนอยู่ในหัวของเขามาครึ่งคืนแล้ว


   หลังจากมันพูดคำๆนั้นออกมาสมองก็เหมือนถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ผมผุดลุกจากที่นั่งแล้วเดินออกจากร้านโดยไม่บอกลามันสักคำค่าน้ำก็ไม่ได้จ่ายด้วย ผมวิ่งขึ้นรถตู้โดยไม่ดูสายด้วยซ้ำโชคดีที่มันเป็นคันที่ถูกต้อง


กลับถึงบ้านก็รีบกระโจนขึ้นเตียงดิ้นกระแด่วๆเป็นกุ้งเต้นโดนบีบมะนาวใส่อย่างที่เห็น


ยอมรับเลยว่าทำอะไรไม่ถูก วินาทีนั้นสมองประมวลผลออกมาไม่ทันด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายตัวเองก็ผู้ชาย ผู้ชายบอกชอบผู้ชายแปลว่าเป็นเกย์ ตอนนั้นที่ลุกออกมาแค่เพราะไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเฉยๆ


ไม่กล้าพูดคำว่าไม่ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา


ครืดดดด  ครืดดดด  ครืดดดด...


เสียงสั่นของโทรศัพท์เรียกสติที่หลุดลอยออกไปให้เข้าร่องเข้ารอยขึ้นมาบ้างแต่พอเห็นรายชื่อผู้ติดต่อมาเท่านั้นแหละ


...เปลวตะวัน...


รายชื่อเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมเมมไว้ด้วยชื่อจริงด้วยความชอบส่วนตัว


ผมชอบพระอาทิตย์และเปลวตะวันก็แปลว่าแสงสว่างของพระอาทิตย์แถมเจ้าของชื่อยังทำตัวเหมือนพระอาทิตย์ที่อาศัยอยู่บนพื้นดินอีกต่างหาก ตอนได้ยินชื่อมันครั้งแรกผมนี่ชมนักชมหนาว่าอย่างเท่ห์


แต่ตอนนี้...ทำได้แค่เหม่อมองชื่อที่ว่าอยู่สักพักถึงตัดสินใจกดรับทั้งๆหัวที่ยังขาวโพลนอยู่อย่างเดิม


ถ้ารับแล้วผมควรตอบมันไปตรงๆว่าไม่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันอย่ามายุ่งกันเลย มันดูทำร้ายจิตใจกันเกินไปไหม หรือผมควรพูดแบบเดียวกับที่มันเคยพูดกับพี่ไอริณเมื่อวันก่อนดี...?


“น้ำเงินหรอ”


“อืม”


“นอนรึยัง?”


“ยัง”


“ทำไมถึงยังไม่นอน”


“นอนไม่หลับ” ผมตอบคำถามมันแบบถามคำตอบคำ จากนั้นปลายสายก็นิ่งไปสักพักเหมือนใช้ความคิดไม่ก็รวบรวมความกล้าอยู่


“เพราะกูใช่ไหม?”


“...”


“ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ”


   “ไม่เป็นไร” พออีกฝ่ายทำเสียงเหมือนเสียใจอย่างสุดซึ้งแบบนี้คำพูดที่เตรียมๆไว้ก็หลุดหายลงไปในลำคอแทบจะทันที   


“งั้นกูขอจีบมึงนะ” ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรได้จบมันก็พูดขัดขึ้นมา ชนิดที่เรียกว่าถ้าผมเดินอยู่คงสะดุดอากาศลงไปล้มกลิ้ง


“ห๊ะ!?”


“ได้ไหม?” เปลวถามย้ำ


“จะบ้าเร้อออออออ!! จีบกูเนี่ยนะ กูเป็นผู้ชายนะมึง ไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกันด้วย แล้วชาติไหนมึงจะจีบกูติดหละนั่น!!?”


“เดี๋ยวก็รู้”


จากนั้นเชี่ยแม่งก็วางสายไปทันที ทิ้งให้ผมถือมือถือแนบหูค้างอยู่ท่าเดิมอ้าปากหวอตาเหลือกตัวแข็งทื่อและอื่นๆอีกมากมายที่แสดงออกให้รู้ว่ากูตกใจอยู่นะ!!ได้


ช่วงนี้ชีวิตอันสงบสุขของผมชักจะหักมุมมากเกินไปแล้ว


กระผมรู้สึกสับสนและงงงวยกับชีวิตช่วงนี้เป็นอย่างมาก รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลยตัดปัญหาด้วยการนอนแม่ง...


.


.


............................................................................



ถูกหวยกันถ้วนหน้า 55555 ชายเปลวของเราสารภาพรักกับน้ำเงินน้อยจริงๆ  :katai3:



เรื่องนี้นักเขียนพยามแต่งให้สดชื่นเหมือนอากาศตอนฤดูร้อน และสดใสเหมือนพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวันตามชื่อเรื่องนะคะ

ด้วยความคิดที่ว่า...ชีวิตจริงช่างโหดร้ายเหลือเกิน การบ้านเยอะเหลือเกิน ข้อสอบยากเหลือเกิน โสดมานานเหลือเกิน... 

:z3: :L3: :m15: :katai4:

จึงเกิดเป็นนิยายเรื่องนี้ขึ้นค่ะ(ฮา)

อาจมีดราม่าแทรกแซงเล็กน้อยให้ชีวิตรักของตัวเอกมีสีสันแต่จะแต่งให้สมเหตุสมผลที่สุด ผู้หญิงจะไม่เป็นชะนีวี๊ดว๊ายแย่งสามีกับผู้ชาย มือที่สามจะไม่ได้มีแค่ด้านร้ายๆ ตัวเอกจะไม่มีแต่ด้านดีๆ...  :heaven

พล่ามมานาน เอาเป็นว่าฝากเรื่องนี้เอาไว้พักพิงยามท้อแท้จากชีวิตจริงด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ   :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 30-01-2015 14:45:18
แหม อยากจะรู้เร็วๆเบย 5555

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-01-2015 15:59:09
หึหึ
ไม่รอดแล้วล่ะน้ำเงิน

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-01-2015 18:05:43
อร๊ายยยยยยยย น้ำเงินโดนเปลวรุกแล้วๆๆๆ  :z3: :z3: o13 :-[ :o8: :hao7: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-01-2015 18:25:45
เปลวรุกซะขนาดนี้น้ำเงินไม่น่ารอด ๆๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 30-01-2015 19:38:35
พ่อพระอาทิตย์ที่น่ารักของเจ้ สารภาพรักกับน้ำเงินแล้วจีบให้ติดนะลูกนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 31-01-2015 01:57:19
ชอบพระเอกสไตล์นี้ นิ่งๆ ตามติดและเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 31-01-2015 20:54:57
กร๊ากกกกกกก โป๊ะเช๊ะเลย
เปลวตะวันของพี่(?)ชอบหนูน้ำเงินจริงๆ ด้วย

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่ามันน่ารักมุ้งมิ้งมากเลยค่ะ >_<
คือขำด้วยแหละ จากตอนที่แล้วที่น้ำเงินบอกว่าเพื่อนของตัวเองขี้เสือก
เอาดีๆ น้ำเงินเองก็ขี้เสือกอยู่เหมือนกันนะนี่ 555555555

เปลวสารภาพไปแล้วว่าชอบน้ำเงินขอจีบด้วย
แอร๊ยยยย ไงล่ะๆๆ เปลวสู้ๆ นะ เจ้จะถือป้ายไฟรอจ้าาา
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 01-02-2015 01:16:04
น้ำเงินน่ารักก :man1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 01-02-2015 09:39:46
สู้ๆนะคะคนแต่ง ไม่ต้องรีบ แต่รออยู่
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 01-02-2015 13:32:42
สารภาพรักแล้ว เย้ๆๆๆๆ   :m3: โห เปลวตะวันแมนมาก ๆ ชอบแบบนี้แหละ
ชอบก็บอกว่าชอบ จะจีบก็บอกเลยว่าจะจีบ ตรง ๆ ดี ไม่ต้องให้คนเขาเดาเองเอง
แค่เริ่มจีบ ก็น่ารักขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวก็รู้นะน้ำเงิน  น้ำเงินไม่หวั่นไหวก็ให้มันรู้ไปสิ
เอาจริง ๆ น้ำเงินเองก็แอบปลื้มเปลวตะวันอยู่ไม่น้อยนินะ ถึงจะคนละความหมายก็เถอะ
อย่างนี้ หนทางพิชิตใจนายน้ำเงินของเปลวตะวัน คงไม่เกินความสามารถหรอก อิอิ

น้องน้ำเงินเป็นเด็กดีมาก ถึงจะรวยแต่ก็รู้จักใช้เงิน จะจีบน้ำเงิน เปลวตะวันก็ต้องเรียนรู้ไว้ด้วยนะ

กลัวว่า ถ้าสาว ๆ ในโรงเรียน รู้ว่าคนที่เปลวตะวันชอบคือน้ำเงิน น้ำเงินจะเจออะไรบ้าง
โดยเฉพาะพี่ไอรินแสนดีของน้ำเงินเนี่ย คงไม่กลายเป็นตัวร้ายหรอกนะ

โรงเรียนนี้ดีจัง มีงาน first night  last nignt ให้นักเรียนด้วย ตอนเราเรียนไม่เห็นมีบ้างเลย
เปลวตะวัน ต้องร้องเพลงจีบน้ำเงินแน่เลยอ่ะ  อ้าย   :o8: คิดเอง ฟินเอง
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-02-2015 14:20:10
คนอ่านรวยแล้วค่า ถูกหวยๆ เปลวชอบน้ำเงินจริงด้วย จะจีบอีกด้วย
น้ำเงินเขินน่ารักนะหนีกลับบ้านเลย น่าจีบมากอ่ะ
แล้วดูเปลวโทรมาแบบโคตรมั่น กรี๊ด คู่จิ้นประจำ รร.

ขอบคุณค่ะ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: nongou ที่ 04-02-2015 17:06:26
สารภาพกันเร็วมาก สมกับเป็นวัยรุ่นกันจริง ๆ
เป็นกำลังใจให้สำหรับคนเขียนนะคะ สนุกมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 05-02-2015 14:50:44
บวกเป็ดๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 06-02-2015 18:03:44
สนุกกก
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่4] เดี๋ยวก็รู้
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNCEKiiM ที่ 06-02-2015 18:44:55
ทำไตอนมปลายไม่มีโมเนต์แบบนี้มั่งนะ (ก้มลงดูหนังหน้าตัวเอง555555)
น่ารักอ่ะ อยากเห็นอิมเมจของเปลวกับน้ำเงินเลย ต้องออกมาดูดีแน่ๆ
รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 07-02-2015 09:18:58




บทที่ 5 นักเรียนชายนายธรรมดา Part 1



“ไปปล้นร้านทองมารึไงวะ ทำตัวพิรุธสัส” นาวเพื่อนรักเอ่ยถามอย่างรำคานเมื่อเห็นพฤติกรรมของผม


กูไม่ได้ปล้นร้านทองมาหรอกนาว แต่กูกำลังโดนจ้องขุดทองอยู่...


วันนี้เป็นเช้าที่อากาศสดใส ผมซึ่งสำนึกผิด(?)กับการมาสายเมื่อวานจึงออกจากบ้านตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นมาขัน ถึงห้องเรียนเป็นรายแรก และจัดแจงนั่งลงกับโต๊ะไอ้แชคพร้อมเอาหนังสือมาปิดหัวพอเจ้าของที่มาก็ไล่ให้มันออกจากห้องไปก่อน ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีใครเห็น ตอนนี้ผมขอปลอมตัวเป็นมันแปป


แน่นอนว่าไอ้แชคต้องโวยวายไม่ยอม แต่ซีซีคนดีก็มาถึงโรงเรียนและเข้าไกล่เกลี่ย(แค่ลากไอ้แชคออกจากห้องไปเท่านั้น) ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะไปซ่อนตัวที่ไหนกันแล้วผมก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมผมไม่เป็นฝ่ายไปซ่อนตัวซะเอง


ไม่เอาหรอก ทำแบบนั้นมันพวกขี้ขลาดชัดๆ


แม้สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้จะเกิดจากโรคระแวง กังวลว่าคนที่เพิ่งบอกรักตัวเองไปหยกๆเมื่อวานจะโผล่มา


“ไม่ตอบกูอีก เดี๋ยวนี้ความลับเยอะนะมึง!!” ไอ้นาวตบกะโหลกผมไปหนึ่งทีงามๆ หนังสือวรรณคดีวิจักษ์ที่นำมาใช้ปิดหน้าร่วงแปะไปกองแหมะอยู่กับพิ้น


“มึงทำหนังสือกูหล่นทำไมวะ เดี๋ยวแม่งผ่านมาพอดีทำไง!!” ผมโวยวายขณะก้มลงเก็บหนังสือเตรียมกลับมานั่งท่าเดิม แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้นขัด


“อ้าววว น้ำเงินอยู่นี่เอง หาตั้งนาน โทรไปก็ไม่รับนะ”



เสียงนั้นก็คือ



เสียงของ!



เสียงของ!!!!!



เสียงของงงงงง!!!!!!!!...(เพื่อ?)








เสียงของ ’ฟง’ นั่นเอง


หนุ่มลูกครึ่งหน้าตาหล่อตี๋พ่อเป็นคนไทยแม่เป็นคนจีนเลี้ยงลูกด้วยโอโม่แทนข้าวมาสิบเจ็ดปี ฟงถึงได้โตมาผิวขาวกระจ่างใสสั่งได้ดั่งใจนึกลืมไปเลยว่าเคยมีคราบ เดินไปไหนใครเห็นคนนั้นต้องเอามือป้องตาเพราะสายตาทนความขาวเปล่งประกายไม่ไหว(เว่อร์)แบบนี้


ฟงเดินเข้ามาทักผมที่โต๊ะของแชคด้วยร้อยยิ้มเป็นมิตร


“มีไร?” ผมถามมันแต่สายตาผมก็อดไม่ได้ที่จะกวาดมองหาบุคคลที่มักเดินกับพ่อหนุ่มลูกครึ่งคนนี้เป็นประจำอย่างนายเปลวตะวัน เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของบุคคลดังกล่าวก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


ฟงกับเปลวเป็นเพื่อนสนิทสองหน่อผู้ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจากทั้งสาวน้อยสาวใหญ่สาวแท้สาวเทียมในโรงเรียน เวลามันเดินด้วยกันนี่ผมแทบไม่อยากจะมอง ลองนึกภาพดูละกัน คนนึงขาวยังกับแดกแฟบอีกคนยิ้มทีโลกแม่งก็สว่างไสวดุจดวงตะวันเห็นแล้วแสบตาชิบหาย ผู้หญิงที่ไปตามกรี๊ดพวกมันกันไม่กลัวตาบอดกันรึไง


“แค่แวะมาดูหน้าเฉยๆ”


“ทำยังกับไม่เคยเห็นหน้ากู เมื่อวันก่อนยังเดินสวนกันอยู่เลย” ฟงมันเป็นคนประเภทขี้เล่นชอบวางแผนแกล้งชาวบ้านเขาไปทั่ว ผมเลยต้องระวังตัวไว้ก่อน


“ก็วันก่อนกับวันนี้มันต่างกันนี่ เมื่อคืนไอ้เปลวโทรมาเล่าให้ฟงฟังหมดแล้ว แม่งงงง ฮ่าๆๆ” จากนั้นมันก็หัวเราะดังลั่น 


จะล้อกูก็เบาๆหน่อยคนอื่นหันมามองกันหมดแล้ว เดี๋ยวปั๊ดเตะกลับปักกิ่งเลยสาดดดดดดดดด


เป็นโชคดีของไอ้ตี๋ที่ไม่โดนเตะจริงเพราะโทรศัพท์ผมดังขึ้นก่อน(ทำไมตอนฟงโทรมาผมไม่ได้ยิน)


“ครับแม่”


“น้ำเงิน เข้าเรียนรึยังลูก ช่วยเข้าไปดูน้องที่โรงเรียนหน่อยได้รึป่าว ครูเค้าโทรมาบอกแม่ว่าน้ำตาลร้องงอแงจะกลับบ้านให้ได้เลย”


“เห้ยยยย เดี๋ยวดิแม่ ยังไม่เข้าเรียนก็จริงแต่ใช่ว่าผมจะออกจากโรงเรียนได้นะ ต่อให้ออกไปได้แต่ก็กลับเข้ามาไม่ได้วันนี้ผมก็ต้องขาดเรียนทั้งวันเลยดิ”


“ช่วยแม่หน่อยสิลูก ไม่เห็นแก่แม่ก็เห็นแก่น้องแกเถอะ ป่านนี้ร้องไห้ตาบวมไปหมดแล้วมั้ง”


แม่พูดแบบนี้เพราะแม่รู้ว่าผมรักน้องมากกกกกกกกกกก


“ก็ได้ครับ” ผมตอบกลับไปเสียงอ่อยก่อนจะกดตัดสายด้วยสีหน้าแบกโลก รับปากไปแล้วผมจะออกไปจากโรงเรียนยังไงหละเนี่ย
ผมยังถอนหายใจไม่ทันสุดสายตาก็ไปสะดุดกับเด็กต่างห้องเชื้อสายจีนยืนยิ้มตาหยีรอบๆตัวมีพลังงานบางอย่างแผ่ออกมาชนิดที่ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวมีแผนร้ายซ่อนอยู่


“จะโดดเรียนเหรอน้ำเงินน้อย”


“อืม” น้อยเน้ยอะไรเชี่ยฟง


“แล้วนี่รู้ทางลับที่ใช้ปีนออกไปนอกรั้วได้ง่ายๆรึเปล่าเอ่ย?” หนุ่มจีนก้าวเท้าเข้ามาใกล้


“ไม่...” ผมขยับถอยอย่างหวาดๆ


“ฟงรู้นะแต่ฟงไม่พาน้ำเงินไปหรอก...”เสียงทุ้มเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นให้คนฟังรู้สึกเดือดพล่าน ถ้าไม่คิดจะพาไปแล้วมึงจะบอกทำไมว่ามึงรู้ทางวะครับ...คงไม่ใช่ว่า...


“ให้น้ำเงินไปถามจากเพื่อนฟงเองดีกว่า รายนั้นเค้าพร้อมทำทุกอย่างเพื่อน้ำเงินอยู่แล้วนี่เนอะ”


“!!!!” ผมว่าแล้วไม่มีผิด


“ม...ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปถามจากเชี่ยแชคเอาก็ได้” คนที่พอจะเคยโดด(ออกจากโรง)เรียนแล้วผมรู้จักก็มีแค่มันนี่แหละ


“แล้วน้ำเงินรู้เหรอว่าตอนนี้แชคอยู่ที่ไหน?” เออ นั่นดิ นี่ก็ใกล้เข้าแถวแล้วมันยังไม่โผล่หัวออกมาจากที่ซ่อนเลย หรือมันจะงอนผมอยู่ ซวยละไง


“ฟงเห็นแชคขี่มอไซค์สวนออกไปตอนฟงเข้าซอยโรงเรียนมา คิดว่าคงกลับบ้านไม่ก็ไปไหนต่อแล้วหละ” โห...เชี่ยแชค กูบอกให้ไปอยู่ในที่ที่คนไม่เห็นหน่อยเดียวนี่มึงถึงกับกลับไปซ่อนตัวที่บ้านเลยเหรอ ซึ้งน้ำใจมึงเลยหวะ...


ถุ้ยยยย หาเรื่องโดดเรียนหละสิไม่ว่า พนันได้เลย พรุ่งนี้มันต้องมาโทษว่าผมทำให้มันต้องโดดเรียนอย่างงู้นอย่างงี้แล้วก็ปิดท้ายด้วยการโบ้ยการบ้านของมันมาที่ผมแล้วก็สะบัดตูดไปนั่งเล่นกับซีซีต่อแน่


อะ อ้าวววว ไอ้ที่เดินคอตกเข้ามานั่นซีซีนี่ ไม่ได้โดดไปกับไอ้แชคเหรอวะ


“ไง ซีซี ไหงมึงกลับมาคนเดียววะ” มันเมินผมครับ ไม่มองเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้หน้ามันซีดเหมือนเห็นผีเลย


“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนี้?” ผมถามอย่างเป็นห่วง พวกนาวก็เคลื่อนตัวมาดูมันเช่นกัน


“เชี่ยแชค เป็นอะไรของมันก็ไม่รู้ ไม่ยอมคุยกับกูเลยเมื่อกี้กูเลยลากมันออกไปหาที่เงียบๆไม่มีคนกะจะเคลียร์สักหน่อย แต่ไหงมันวิ่งหนีกูไปหน้าตาเฉย” ซีซีว่าพลางเอามือยีหัวอย่างโมโห


เท่าที่ฟังเมื่อครู่ทำให้ผมสรุปได้ว่าเมื่อเช้าซีซีลากแชคออกไปเพราะเรื่องส่วนตัวไม่ได้หวังดงหวังดีอะไรกับผมเลย


“เย็นนี้มึงก็ไปหามันที่บ้านแล้วคุยกันให้รู้เรื่องละกัน กูไปก่อนนะมีธุระวะ โทษที” ผมตบไหล่เล็กนั่นเบาๆแล้วเดินจากมาทั้งที่สายตายังมองตามมันคล้อยหลังอย่างเป็นห่วง


พอเดินออกมายังไม่พ้นห้องดี ไอ้ตี๋ที่ยืนเนียนเสือกเรื่องเด็กห้องอื่นอย่างฟงก็รีบวิ่งตามมาประกบผมทันที


“ไม่มีห้องให้กลับรึไง” ผมหันไปถาม มาเดินตามคนอื่นด้วยสีหน้าระริกระรี้อย่างนี้คนอื่นที่ว่าก็เสียวเป็นนะเว้ย


“มีสิ แต่ว่าจะพาน้ำเงินไปห้องเพื่อนเราก่อน” เผยวัตถุประสงค์ออกมาชัดไปนะมึง คิดว่าคนอย่างกูจะบากหน้าไปขอร้องไอ้เปลวมันถึงห้องตามที่มึงเสี้ยมรึไง ไม่มีทางงงงงงงงงงงงง เรื่องแค่นี้ถามเด็กแถวนี้เอาก็ได้


นั่น สมชายตรงนั้นนะ มึงรู้มั้ยว่าจะโดดเรียนต้องไปทางไหน


ไม่มีคำตอบจากสมชายเพราะไม่มีคำถามจากผมและโรงเรียนนี้ก็ไม่มีนักเรียนชายนายธรรมดานามสมชายที่ผมโมเมขึ้นมาหลอกตัวเองด้วย


อยากรู้ไหมว่าทำไมผมต้องมโนคนขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนขนาดนี้ นั่นก็เพราะ...


“เปลว!! มึงมาได้ถูกจังหวะมาก มานี่เลย มาๆๆๆๆ สุดที่รักของมึงต้องการความช่วยเหลืออยู่เนี่ย ตกลงกันเองนะ กูไปละ บ๊ายบายยย” พอพูดจบไอ้ตัวแสบโบกมือหยอยๆก่อนจะออกวิ่งกลับห้องตัวเองไปอย่างเริงร่า ทิ้งพวกผมให้ยืนหน้าเจื่อนอยู่สองคน





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนนี้เป็นตอนเปิดตัวฟงสุดที่รักของเราเอง  :-[ :-[

หนุ่มตี๋ขี้แกล้งของเราคนนี้น่ารักน่าหยิกสุดๆเลยใช่มะๆ  :man1:

แถมยังมีเปิดปมของนายแชคเอาไว้อีกด้วย ><

ปล.มาต่อ part2 เร็วๆนี้(มั้ง)ค่ะ


หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-02-2015 10:20:24
น้ำเงินนนนนนน :z10: :กอด1: :กอด1: ฮ่าๆๆๆๆๆๆ น่สสาสงสารจริง สุดท้ายก็หนีเปลวไม่พ้น :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 07-02-2015 10:50:29
 :mew1: อีกๆๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 07-02-2015 12:18:39
 :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 07-02-2015 12:30:09
ฟงน่ารักอ่ะ ชอบ ๆ ๆ  :-[  แหม สนับสนุนเพื่อออกนอกหน้าเชียวนะ

เพื่อนแชคกับซีซี น่าสงสัยสุด ๆ มีแววว่าจะได้ลุ้นอีกคู่แน่เลยอ่ะ ฮุฮุ  :z1:

ตอนนี้เปิดตัวฟง พี่เปลวเลยได้เป็นตัวประกอบใช่มะ โผล่มาปุ๊บ จบปั๊บเลย 555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 07-02-2015 13:09:24
แซคแอบชอบน้ำเงินป่าวเนี่ย พึ่งเข้ามาอ่านครับรอติดตามตอนต่อไป :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 07-02-2015 16:39:51
น้ำเงินน้อยน่ารักมาก ยอมๆเขาไปเถอะลูก 555555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-02-2015 18:00:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNCEKiiM ที่ 07-02-2015 22:42:21
สั้นอ่าาา 555555
ฟง คือใค ใครคือฟง ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-02-2015 23:41:59
น้ำเงินนี่เขินจนลนลานจริงจัง น่ารักง่ะ แต่ยิ่งหนียิ่งเจอนะ ลืมไปป่าวววว 555
นั่นไง เจอแล้วจริงด้วย ฟงทำไมขาวแสบตางี้ ดูท่าจะแสบมากอีกตะหาก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-02-2015 01:07:03
ลุ้นๆๆๆ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/01/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 08-02-2015 16:45:58
ฮือออ เพิ่งมาอ่านไม่ยอมเปลี่ยนวันที่เค้าก็นึกว่าอ่านแล้ววว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/02/15 [บทที่5] นักเรียนชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 09-02-2015 15:06:48
ฟงฟงน่ารักน่าหยิกน่าหมั่นเขี้ยวมากเลยลูกเอ้ยยยย

 :hao6:

อิป้าอยากจะขอชูป้ายไฟสมัครเป็นแม่ยก ก๊ากกกกก

ตอนนี้น้ำเงินก็น่ารักนะคะ
ภารกิจหลบหน้าเปลวนี่อ่านยังไงก็ขำ
เอาน่าลูก เนื้อคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอก(?)
ยิ่งหนียิ่งเจอนะรู้ยัง

เนี่ย.. กามเทพฟงฟงสปอยด์เพื่อนตัวเองเต็มที่ โอ้ยย นั่ลลั๊คคค 5555
รอตอนหน้านะคะ ถ้าจะให้ดีเนี่ย เปลวโดดเลยไปกับน้ำเงินเล๊ยยย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 11-02-2015 17:05:34



บทที่ 5 สมชายนายธรรมดา Part 2



“เอ่อออ...” ผมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ


“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” สุดท้ายก็เป็นเปลวที่เอ่ยขึ้นก่อน


“แม่โทรมาให้กูไปรับน้ำตาล แล้วกูก็เลยกำลังจะ...”


“อ่อ ตามมาสิ” เข้าใจอะไรง่ายไปนะมึง กูยังไม่ทันอธิบายเลย สิ้นคำร่างสูงก็เดินตรงไปยังบันไดโดยไม่รีรอ


“!?”


“ไม่รีบตามมาหละถ้าเข้าแถวแล้วจะยิ่งแอบออกไปยากนะ ไม่อยากให้น้องรอนานไม่ใช่หรอ” เพราะผมยังไม่ขยับจากตำแหน่งเดิม คนที่อาสานำทางให้เลยหันมาถามย้ำผมเลยเดินไปกับมันอย่างช่วยไม่ได้


เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าแถวประตูโรงเรียนเลยยังเปิดให้นักเรียนทยอยดินเข้ามาอยู่เรื่อยๆ แต่แน่นอนว่าทำได้แค่เดินเข้าขืนเดินดุ่มๆสวนออกไปได้โดนอาจารย์เวร...ประจำวันแทงไส้ไหลแน่


ที่ๆเปลวพาผมมาคือรั้วโรงเรียนซึ่งอยู่หลังห้องซ้อมของพวกวงโย สถานที่ที่บรรดาขาโดดเรียนใช้ผ่านเข้าออกยามวิกาลเป็นประจำ


“ที่นี่เป็นทางลับที่รู้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น อย่าเอาไปบอกคนอื่นนะ ถ้าคนเยอะเข้าจะแห่มาปีนออกทางนี้กันจนอาจารย์จับได้กันหมด” อีกฝ่ายเอ่ยขณะหันซ้ายหันขวามองลาดราว เมื่อเห็นว่าทางสะดวกก็เดินนำไปยังโต๊ะเก้าอี้เรียนผุๆที่ไม่ใช้แล้วเลยเอามาวางกองระเกะระกะอยู่มุมกำแพง


ผมกวาดตามองบนกำแพงแล้วก็พบว่าลวดหนามที่เอาไว้กักนักโทษ เอ๊ย! กันนักเรียนที่จะปีนออกไปนั้นบริเวณนี้ไม่มี


“รีบหน่อยก็ดี อาจารย์มาตรวจแถวนี้บ่อยขึ้นด้วย”


“อืม ขอบคุณมาก” ผมกล่าวกับมันที่พยักหน้าเชิงบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อากัปกิริยานี้ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะนั่นทำให้รู้ว่าคนตรงหน้ายังคงดีกับผมเหมือนเดิมแม้จะผ่านเมื่อวานซึ่งเกิดเรื่องแบบนั้นมาก็ตาม


ที่แล้วๆมาผมกับเปลวมีความสัมพันธ์ต่อกันแบบกล้วยไม้กับต้นไม้ใหญ่(เทียบซะน่ารัก)หรือก็คือความสัมพันธ์แบบอิงอาศัยที่ฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ส่วนอีกฝ่ายไม่เสียอะไร...คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมกับมันใครเป็นอะไร ผมมักขอความช่วยเหลือจากมันยามจนหนทางเสมอและมันก็พร้อมช่วยทุกครั้งอย่างที่ฟงบอก


แต่ผมว่าหลังๆมานี่มันใกล้จะเป็นกาฝากกับต้นไม้ใหญ่เข้าไปทุกทีและ


ทันใดนั้นเสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนก็ดังเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าผมมัวยืนอิดออดอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว


‘ตุบ’


ไอ้ซาวด์เอฟเฟคดัง ตุบ เมื่อครู่ไม่ได้ถูกใส่มาเพื่อประกอบฉากยามร่างของผมโดดลงจากกำแพงสู่พื้นด้านนอกที่เป็นหญ้าขึ้นรกแต่อย่างใด




...แต่มันเป็นเสียง หัวใจ ที่หล่นลงไปกองแทบเท้า...




ขณะที่ผมกำลังเหยียบอยู่บนโต๊ะตั้งท่าจะปีนออกไปด้านนอก เสียงประตูหลังชมรมวงโยก็เปิดออกพร้อมเสียงอ.สุชาติขาโหดโฉดสุดๆประจำโรงเรียนดังขึ้นพร้อมร่างของนักเรียนชายนายธรรมดาคนหนึ่งวิ่งหนีตายออกมาทางพวกผมว่า


“นายสมชาย!!!!!! ทำไมไม่ไปเข้าแถว!? แล้วนั่นพวกเธอสองคนกำลังทำอะไรอยู่!!!!!!!?????”


สมชายมองหน้าเปลว เปลวมองหน้าผม ผมมองหน้าสมชาย อ.สุชาติมองหน้าพวกเราสามคนที่มองหน้ากันไปกันมา


ตายห่า...


“โดดเร็ว!!!” คนที่ได้สติก่อนคือเปลว ผมรีบทำตามที่มันสั่งโดยอัตโนมัติ ขืนอยู่สภาพนี้ต่อไปมีแต่ตายกับตาย


ผมโดดลงมาคนแรกก่อนจะหลบแทบไม่ทันเมื่อคนที่สองกับคนที่สามโดดตามลงมา ไอ้เปลวนะผมไม่แปลกใจหรอกถ้ามันจะโดดตามผมมา แต่อีกคนที่เหลือนี่สิ


ไอ้สมชายมันจะโดดตามพวกผมมาเพื่อออออออออออ!?


“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! พวกเธอจะไปไหนกันหะ!!!!!!?”


ไม่ใช่เวลามายืนคิดอะไรแล้ว พวกเราติดเกียร์หมาวิ่งเผ่นออกจากบริเวณนั้นอย่างลืมตายก่อนจะหมดแรงยืนหอบแฮ่กๆหมดแรงกันที่ป้ายรถเมล์


สมชาย talk(?!)


สวัสดีครับ ผมสมชายนายธรรมดาใช้ชีวิตอย่างจืดชืดไม่มีสาวเหลียวแลมาสิบเจ็ดปี จู่ๆเช้าวันนี้ก็เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากลองของโดดแถวกับเขาดูสักครั้งก็ดวงซวยแจกพ็อตแตกเจออ.ฝ่ายปกครองอย่างอ.สุชาติมาเจอตัวเข้า เท่านั้นไม่พอทันทีที่ผมเปิดประตูหลังเตรียมโกยออกจากห้องวงโยดันมาป๊ะกับสองหนุ่มฮ็อตประจำโรงเรียนอย่างเปลวกับน้ำเงินซึ่งอยู่ในท่าทางที่บอกอย่างชัดเจนว่ากำลังจะโดดโรงเรียนอยู่


พอเปลวตะโกนบอกน้ำเงินว่าโดดเร็วแล้วพวกมันพากันโดดออกไป ผมก็เสือกบ้าจี้โดดรั้วตามพวกมันออกมาด้วย รู้สึกได้ถึงสถานะส่วนเกินที่ได้มาโดยพฤตินัยของทั้งคู่เลยครับ


ตอนนี้พวกเราสามคนมายืนบรรยากาศมาคุอยู่ที่ป้ายรถเมล์กันสามคนแบบตอนนี้


ผมผิดใช่ไหม ผมทำให้พวกนี้โดนอ.สุชาติเห็น ใช่แล้ว ผมต้องขอโทษ!!


“เราขอโทษนะ ถ้าเราไม่พรวดพราดออกไปพวกนายก็คงไม่โดนจับได้”


“และเส้นทางออกจากโรงเรียนก็โดนเจอ” เปลวพูดต่อประโยคให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเดาไม่ได้เลยว่าคิดอะไรอยู่ ก่อนน้ำเงินจะหันมาพูดกับผมต่อ


“ชื่อสมชายใช่ไหม กูน้ำเงินนั่นเปลว โรงเรียนเรามีคนชื่อนี้อยู่จริงด้วยเหรอวะ” คำแรกเขาพูดกับผมส่วนคำหลังเขาบ่นพึมพำกับตัวเองแต่ด้วยระยะยืนที่ไม่ไกลกันมากทำให้ผมได้ยินเต็มๆ


ทุกครั้งที่ผมแนะนำชื่อให้หน้าฟังหน้านั้นก็หัวเราะกลับมาพร้อมล้อว่าเชยสะบัด แต่น้ำเงินกลับทำแค่หัวเราะเบาๆแบบยังไงดีหละ ไม่ใช่หัวเราะชื่อผมแต่หัวเราะตัวเองมากกว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอชมหน่อยเหอะ ตอนน้ำเงินยิ้มนี่โคตรหล่อเลย


“แล้วเอาไงต่อดี” เป็นน้ำเงินที่ถามขึ้นอีกครั้ง ผมสงสัยเล็กน้อยกับคำถามที่ควรเป็นของผมผู้เป็นคนนอกพียงคนเดียวแต่เขากลับถามมันกับผมและเปลว อ้าว? สองคนนี้ไม่ได้มาด้วยกันไปด้วยกันหรอกหรอ อะไรยังไงเนี่ย?


แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผมควรจะปลีกตัวออกจากบทสนทนาที่แฝงด้วยบรรยากาศตึงๆนี่ได้แล้ว


“งั้นเราขอตั...”


“ไปด้วยกันสามคนนี่แหละ” เปลวพูดขัดขึ้นมา


แล้วพอคุณชาย(แอบรู้ว่าบ้านรวย)กล่าวจบก็เดินออกไปโบกแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ทิ้งให้ผมกับน้ำเงินหันมามองหน้ากันแบบตกใจ


“เห้ยยย เดี๋ยว ใครให้มึงไปกับกูด้วย!? แล้วนี่มึงเรียกแท็กซี่ทำไม บอกแล้วใช่ไหมว่านั่งรถเมล์เอาก็ได้!!” ถึงจะพูดเหมือนไม่เห็นด้วยแต่ตัวน้ำเงินตอนนี้ตามเปลวขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้วครับ ปีนขึ้นเบาะไปตั้งแต่ยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ กระผมเองก็ถูกสายตากดดันจากชาวบ้านที่รอขึ้นรถเมล์แต่รถเมล์จอดไม่ได้เพราะแท็กซี่ขวางอยู่มองแบบจิกๆ


ไหงงั้นหละ ตอนที่สองคนนี้ยังไม่ขึ้นรถไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย อ๋ออออ คนหล่อทำอะไรก็ถูกใช่ไหม ใช่สิผมมันสมชายนายธรรมดานี่ อย่าให้รวยละกันจะไปศัลยกรรมยกเครื่องทั้งหน้าเลยแม่ง!!


สุดท้ายตัวกระผมก็จำต้องตามขึ้นรถไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อผมปิดประตูรถเรียบร้อยแล้วเปลวที่นั่งข้างคนขับก็หันมาถามน้ำเงินซึ่งนั่งข้างผมว่า “โรงเรียนน้องมึงชื่อไรนะ”


“ไปโรงเรียนอนุบาลตามตะวันครับ รู้จักปะ ที่อยู่ข้างๆรพ.เซนแอนอะครับ” คฑากรโรงเรียนผมเอี้ยวตัวไปบอกคนขับ ฟังรสนิยมการตั้งชื่อโรงเรียนทำให้อยากเห็นหน้าผอ.ขึ้นมาตะหงิดๆ


เรื่องก็คือ...กระผมเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบวะครับ?


พวกเราจะไปโรงเรียนอนุบาลชื่อไม่สร้างสรรค์นั่นกันเพื่ออะไร


จะเอาสมชายมานั่งเครียดเป็นเพื่อนคนขับแบบนี้ทำมายยยย


แล้วไอ้ท่าพร้อมใจกันหันหน้าออกนอกหน้าต่างไม่พูดไม่จาสร้างโลกของตัวเองกันทั้งคู่นี่คืออะรายยยยยยยยยยยย


ตอนนี้ผมเข้าไม่ถึงคนหล่อสุดๆเลย มันอาจจะมีเส้นบางๆกั้นอยู่ระหว่างนักเรียนธรรมดากับนักเรียนผู้ได้รับความนิยมก็เป็นได้


อา...ไม่อยากให้มันเงียบแบบนี้เลยแฮะ ชวนคุยดีกว่า


สมชายขยับปากเตรียมจะพูดอะไรสักอย่างออกมาแต่เขาก็ต้องหยุดเมื่อคนที่นั่งด้านข้างหันมามองด้วยสายตาประมาณว่า หยุดเหอะ


เอ้ออออ ไม่พูดก็ได้!!




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ชอบกว่าฟงก็สมชายนี่แหละค่ะ

สมชายนายธรรมดาคนนี้ไม่ใช่ตัวประกอบผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแต่อย่างใด

จดจำเขาไว้ให้ดี

เพราะว่า....

แท้จริงแล้วสมชายหนะคือ...!!!

คือ!!

คือ!!

นายธรรมดาค่ะ(!?) :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 11-02-2015 17:23:45
น้องเปลวกับน้องน้ำเงินมาแล้วแต่ยังไม่เจอน้องน้ำเงินเลย  มาต่อด่วน  แล้วสมชายมาเพื่อ?? :katai3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 11-02-2015 19:18:42
ความจริงแล้วสมชายคือพระเอกใช่ม๊าาาาาาา  :laugh: :laugh: o13 o13 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-02-2015 19:29:07
ตัวละครใหม่นี่ก็กวนใช่เล่น ทั้งฟงทั้งสมชาย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-02-2015 19:46:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-02-2015 20:49:57
อ่ะ ให้คู่กับฟง 5555
น้ำเงินแหละมัวแต่อิดๆ ออดๆ อาจารย์มาเจอจนได้
คุณชายเปลวพาแท็กซี่แล้วจะรออะไรล่ะครับ!!!

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 11-02-2015 21:10:45
ต่อไปนี้สมชายไม่ได้มีอยู่แต่ในมโนของน้ำเงินแล้วนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 11-02-2015 22:28:30
สมชาย มีจริงด้วย 555 นายธรรมดาที่ไม่ธรรมดาสินะ
มีช่วง talk เป็นของตัวเอง ก่อนพระเอกของเรื่องซะอีก :laugh:
เราเป็นสมชาย เราก็งง จะเอาสมชายไปด้วยทำไม
อยู่กันสองต่อสองแล้วมันทำอะไรไม่ถูกใช่ไหมล่ะ ถึงเอาสมชายมาช่วยคั่นเนี่ย

เปลว คอยช่วยเหลือน้ำเงินมาตลอดตั้งนานแล้ว แหม ๆ
แสดงว่า คุณชายเปลว รู้สึกพิเศษกับน้ำเงินมาตั้งนานแล้วจริง ๆ ด้วย
พยายามต่อไปเรื่อย ๆ นะ เปลว  ไม่นานน้ำเงินใจอ่อนแน่ ๆ  :o8:
 
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 12-02-2015 15:11:14
สมชาย 5555

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/02/15 [บทที่5 Part 2] สมชายนายธรรมดา
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 12-02-2015 16:29:58
โอ้ยยย สมชายน่ารัก 55555555555555
ชีวิตลำบากแล้วนะสมชาย
อยู่ดีไม่ว่าดีลองโดดเรียน เป็นไงล่ะ 55555555

รอดูซิว่าสามหนุ่มน้อยจะเอายังไงต่อ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 13-02-2015 15:54:29



บทที่ 6 จิบชาเหม่อมองฟ้า




น้ำเงิน (กลับมา) talk



ผม เปลว และสมชาย เดินทางมาถึงจุดหมายในเวลาต่อมา พวกเราจ่ายค่าโดยสารด้วยการหารสามอย่างยุติธรมมซึ่งตอนแรกไอ้เปลวก็ทำท่าจะจ่ายคนเดียวอีกตามเคยแต่ผมก็คัดค้านและสั่งให้ทุกคนจ่ายเท่ากัน สมชายผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิดจึงเสียตังค์แบบงงๆ


 รายหลังนี่ผมแอบเห็นใจเบาๆ เพราะมันต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นคนกลางระหว่างความรู้สึกที่ยังไม่มีการตกลงกันอย่างชัดเจนระหว่างพวกผมแถมยังถูดขูดรีดค่ารถอีก เชื่อว่ามันคงไม่กล้าโดดเรียนไปอีกนาน


โรงเรียนอนุบาลตามตะวัน


ป้ายชื่อโรงเรียนน่ารักมุ้งมิ้งสีฟ้าลายดอกทานตะวันตั้งตระหง่านท้าลมท้าแดดอยู่ด้านหน้ารั้วเตี้ยสีเขียว ด้านในประกอบด้วยบ้านสองชั้นทรงกลมขนาดใหญ่กว่าบ้านปกติจำนวนสามหลัง สระว่ายน้ำและสนามเด็กเล่น


ผมเดินนำอีกสองหน่อเข้าไปอย่างคนรู้จักสถานที่ ผ่านบ้านหลังแรกที่มีป้าย อนุบาลหนึ่งเขียนไว้ เลยไปอีกหลังและอีกหลัง ผมหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน อนุบาลสาม ก่อนจะถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปหาห้องซึ่งน้ำตาลเรียนอยู่


ผมยืนชั่งใจไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปอยู่ซักพักก่อนประตูจะถูกเลื่อนโดยนายเปลวตะวันผู้รู้สึกสดชื่นแจ่มใจเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีชื่อคล้ายตัวเอง ล้อเล่นครับ นั่นเป็นแค่ภาพในหัวผมที่อยากให้มันเป็นเท่านั้น ความจริงสีหน้าของเปลวก็ยังแปลกๆจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะตึงก็ไม่ตึงเหมือนคนทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนเดิม


รู้สึกอึดอัดแต่ก็เข้าใจ


ไม่มีใครมองหน้าคนที่ตัวเองเพิ่งสารภาพรักแล้วโดนเดินหนีใส่ติดในวันสองวันหรอก


“ขอโทษนะครับ พวกผมได้รับแจ้งว่าน้องน้ำตาลร้องอยากกลับบ้านก็เลยรีบมาดูครับ ไม่ทราบว่าเอ่อ...”


เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นคนหล่อยิ้มสู้ทุกสถานการ์อย่างเปลวทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ร่างสูงถูกจู่โจมจากกองทัพเด็กน้อยซึ่งกำลังเล่นลูกบอลกันอยู่พอดี


เล่นบอลกันในห้องเรียนเนี่ยนะ คุณครูไม่กลัวข้าวของเสียหายเหรอคร้าบบบ


“พี่ชายมานี่ๆ” เด็กหญิงสองคนตรงเข้าไปดึงขากางเกงเปลว


“ปังงงงง” เด็กชายตัวแสบคนหนึ่งปาบอลยางสีเหลืองอ่อนใส่เต็มๆหน้าหล่อๆของนักร้องนำวงโรงเรียนนั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ


“อย่าไปแกล้งพี่เขาสิลูก มานี่มา เข้ามาก่อนคะเด็กๆ” ครูพี่เลี้ยงเห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามาไกล่เกลี่ย


“เรามาที่นี่กันทำไมเหรอ” สมชายที่ยืนหลบขบวนการเด็กนรกอยู่หลังผมถามคำถามที่มันคงค้างคาใจมานานแต่ไม่กล้าถามออกมา นั่นช่วยเตือนสติผมพอดี


แม่บอกว่าน้ำตาลร้องอยากกลับบ้านอาละวาดไปทั่ว....


ภาพตรงหน้าช่างต่างจากคำให้การของผู้เป็นแม่จนนายน้ำเงินเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดี


ครืดดดด ครืดดดด ครืดดดด


ทันใดนั้นโทรศัพท์เจ้ากรรมก็สั่นขึ้นอีกครั้ง


“ครับแม่”


“น้ำเงิน ลูกออกจากโรงเรียนรึยัง ไม่ต้องไปรับน้องแล้วนะ ครูให้เล่นบอลกับเพื่อนน้ำตาลก็เลยสงบลงแล้ว”


“...”


“ฮัลโหลๆ ฟังแม่อยู่รึป่าวน้ำเงิน? เอาเถอะ แม่ทำงานต่อแล้ว เราก็ตั้งใจเรียนด้วยหละ เจอกันตอนเย็นนะลูก บาย”


ตื๊ดดด ตื๊ดดด ตื๊ดดด แล้วคุณแม่ผู้น่ารักก็วางสายไป


“ ไม่ทราบว่าเป็นผู้ปกครองของน้องคนไหนเหรอคะ?” ครูพี่เลี้ยงคนเดิมหันมาถามผมแทนเปลวผู้กำลังเล่นบอลกับเด็กๆอย่างสนุกสนานสีหน้ามีความสุขแลดูเต็มใจจนอยากจะร้องไห้


ผมมองหน้าหล่อนอยู่สักพักก่อนจะตอบคำตอบที่คิดว่าหน้าแตกน้อยที่สุดในยามนี้ออกไป







“ขอโทษครับ เหมือนจะเข้าห้องผิด”



.


.



ผม สมชาย และเปลว สามหนุ่มทรีโอ้ก๊วนเดิมเดินเข้ามานั่งในร้านอาหารตามสั่งเล็กๆไม่ไกลจากโรงเรียนอนุบาลตามตะวัน หลังจากยืนตัดสินใจกันไม่ได้ว่าจะกลับโรงเรียนเลยดีหรือไม่จึงหาที่นั่งคุยกันร่มๆก่อน โดยผมกับเปลวนั่งฝั่งเดียวกันส่วนสมชายนั่งด้านตรงข้าม


“กะเพราไก่ไข่ดาว 3 ครับป้า” เมนูสิ้นคิดถูกสั่งออกจากปากผมหลังจากพวกเรายืนมองเมนูกันหลายตลบก็คิดไม่ได้ว่าจะกินอะไรดี เนื่องจากตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงกว่าๆเลยเวลาอาหารเช้ามาไม่นานและยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวันเลยยังไม่หิว


 “ตอนนี้สิบโมงสิบห้า กลับไปถึงโรงเรียนก็ประมาณสิบโมงครึ่ง” ผมกล่าว


“ต้องรอเข้าคาบต่อไปตอนสิบโมงห้าสิบสินะ” เปลวพูดเสริม


“งั้นกินเสร็จก็ไปโบกแท็กซี่ตรงไปโรงเรียนกันเลยแล้วกัน” ผมสรุปให้


“ไหนบอกว่าไม่ชอบนั่งแท็กซี่ไง” ขาประจำแท็กซี่เอ่ยแซะผม


“ก็มันจำเป็นหนิ” ผมเถียง


ถ้าผมเป็นสมชายนะ ผมคงเกลียดไอ้ห่าสองตัวที่นั่งคุยกันแค่สองคนแต่จ้องหน้ามันแทนที่จะมองหน้าคู่สนทนาของตัวเองนี่ไปนานแล้ว ดูได้จากการที่มันมองตาผมทีมองหน้าเปลวทีแล้วกระพริบตาปริบๆเหมือนคันปากอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้า


“พวกนายรู้ไหมว่าท่าทางของพวกนายตอนนี้เหมือนอะไร?” สุดท้ายสมชายก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น
เหมือนอะไรของมันวะ ผมเลิกคิ้มขึ้นอย่างแปลกใจ?


“เหมือนพวกที่เป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนเลยทำแทนไม่ได้ เอ๊ย ทำอะไรไม่ถูกตอนอยู่ใกล้กัน”


“!?”


ผมขอเอาน้ำปลาพริกกรอกปากสมชายนายธรรมดาให้ลาลับไปจากโลกซะตอนนี้เลยได้ไหมครับ?


.


.


ว่ากันว่าช่วงหนึ่งของชีวิตคนเราจะมีเรื่องประหลาดใจประดังเข้ามายิ่งกว่าน้ำตกไหลกระทบก้อนหินจนเรารู้สึกทำอะไรไม่ถูก และ
ช่วงที่ว่านั้นคงเกิดกับผมในตอนนี้


ผมแยกกับสมชายตรงบันไดเพราะมันเรียนอยู่สายศิลป์คำนวณเลยเรียนคนละชั้นกับพวกผม สีหน้ามันตอนโบกมือลานี่สัมผัสได้
ถึงความยินดี เชื่อว่าพอคล้อยหลังพวกผมไปมันคงกางแขนออกสองข้างเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนว่า อิสรภาพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพ!!!! เป็นแน่


แต่ช่างสมชายมันเถอะครับ มันไปสบายแล้ว(?) มาห่วงผมตอนนี้ดีกว่า


 คาบที่ควรจะเป็นวิชาแนะแนวแสนสบายของอาจารย์กุ๊กไก่กลับถูกอาจารย์สุชาติมหาปลัยเจ้าของวิชาภาษาไทยควบตำแหน่งฝ่ายปกครองโจทย์เก่าผมบุกเข้ายึดครอง(สอนแทนนั่นแหละ)


ผมที่กำลังจะเดินเข้าห้องหันหลังกลับแทบไม่ทันเมื่อเห็นบรรดาผองเพื่อนนั่งรับกรรมโดนอาจารย์แกเทศนาสั่งสอนเรื่องการโดดเรียนจะถูกหักคะแนนและโดนทำโทษอยู่หน้าชั้น


ตายห่า แล้วกูจะไปอยู่ไหนวะเนี่ย


นายน้ำเงินนักเรียนดีเด่นไม่เคยโดดเรียนมาก่อนไม่สมกับหน้าตาตกอยู่ในสภาวะยืนอึนอยู่บนระเบียงห่างจากห้องตัวเองที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ทันใดนั้นสายตาของเค้าก็เหลือบไปเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์(?)ผู้กำลังเดินเนิบนาบไปยังห้องของตนอย่างสบายใจ


“เปลวๆ” เจ้าของชื่อเดินมาหาผมด้วยความสงสัย


“สุชาติสอนแทนหวะ” ผมบอกมันหน้าเครียด ยังไงผมก็ไม่มีทางเข้าเรียนคาบเรียนของฝ่ายปกครองหลังจากถูกจับได้ว่าโดดเรียนแบบคาหนังคาเขาแน่นอน แต่ยังหาที่ไปไม่ได้เลยหาเพื่อนมาช่วยระดมสมองหาทางออก


“ฮ่ะๆๆ น่าสงสาร ตามมาๆ” ถูกหัวเราะเยาะก็ต้องกัดฟันทนไว้เพราะมันพูดอย่างงี้แสดงว่าจะหาที่หลบภัยให้


ผมเดินตามมันลงมาจากอาคารเรียนต้อยๆไม่ต่างอะไรกับลูกเป็ดแรกคลอดที่คอยเดินตามแม่เป็ด ไม่นานนักพวกเราก็เดินทางมาถึงจุดหมาย...ห้องซ้อมดนตรี...


อะโหยยย นึกว่าจะมีฐานทัพลับเอาไว้ซ่องสุมกับพรรคพวกเวลาโดดเรียนที่มันเจ๋งกว่านี้...ผมเดินเข้าไปยังห้องซ้อมดนตรีดังกล่าวด้วยท่าทางผิดหวังนิดๆ และดูเหมือนคนนำทางจะจับสังเกตได้จึงเอ่ยขัดขึ้นมาว่า


“โรงเรียนก็มีอยู่เท่านี้จะเอาอะไรมากมาย เด็กบางคนโดดเรียนไปดูดบุหรี่ในส้วมด้วยซ้ำ มีห้องให้อยู่สบายๆอย่างงี้ก็หรูแล้ว”เปลวหันมากล่าวเสียงเข้ม เหมือนเดาใจผมได้


ภายในห้องขนาดประมาณ 5x5ตารางเมตรบรรจุด้วยเครื่องดนตรีสำหรับวงร็อคหนึ่งวง กีตาร์ เบส กลอง คีย์บอร์ด ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นห้องซ้อมส่วนบุคคลสำหรับวงเซเลปประจำโรงเรียนของไอ้เปลวและไอ้ฟงมัน


“โรงเรียนเราใจปล้ำขนาดยกห้องให้พวกมึงห้องนึงเลยเหรอ”ผมถามขณะเดินเข้าไปก้มๆเงยๆสำรวจเครื่องดนตรีต่างๆ แม้ว่าโรงเรียนจะมีจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตบ่อยๆก็ตามแต่ก็ไม่มีห้องซ้อมเป็นจริงเป็นจัง ใครอยากเล่นต้องไปหาเช่าห้องเอาเอง ถ้าผอ.อนุมัติยกห้องให้พวกมันส่วนตัวขนาดนี้ก็เกิน


หรือว่ามันจะเป็นลูกชายผอ.?


“เปล่า ห้องนี้แต่ก่อนเป็นของชมรมวรรณคดีแต่พักหลังมานี้สมาชิกไม่ค่อยมีไอ้ฟงมันเลยไปอ่อยอาจารย์ดาแล้วก็ยึดมาเป็นของตัวเองเลย” อาจารย์ดาที่มันพูดถึงคืออาจารย์อารดาผู้สอนภาษาไทยม.ต้นที่อายุงยังไม่ถึงเลขสามดี...


“แล้วเสียงมันไม่ดังรบกวนชาวบ้านเขาเหรอวะ?”


“ไอ้ฟงมันไปอ่อยป้าขายข้าวไข่เจียวที่โรงอาหารขอลังไข่มาบุซะหลายชั้น”เปลวพูดหน้าตาเฉย เหมือนเจ้าตัวจะชินชากับความสามารถอันน่าอัศจรรย์ของเพื่อนตี๋แล้วผิดกับคนนอกที่ได้ฟังวีรกรรมของฟงเป็นครั้งแรก...


“คงใช้เวลาทำนานพอดูเลยสิ กระดาษรังอันกระจิ๊ดนึงถ้าเทียบกับขนาดห้องอะนะ”เดินไปเคาะๆตามผนังที่ทาสีน้ำตาล ฟ้า เหลือง เอาไว้อย่างสวยก็อดชื่นชมไม่ได้ งานประณีตมากจนไม่อยากเชื่อว่านักเรียนไทยหัวใจร็อคห้าคนจะตกแต่งได้เท่านี้


“ก็ฝีมือฟงอีกนั่นแหละ มันไปอ่อนพวกผู้หญิงชมรมหัตกรรมกับชมรมวาดเขียนให้มาช่วย”


“...!?...”คนเชี่ยอะไรอ่อยเก่งชิบหาย ว่าแต่...ทำไมถึงใช้คำว่าอ่อยไม่ใช้คำว่าจีบวะ?


หลังจากได้ยินสิ่งที่เปลวพูดแล้วผมก็อดชื่นชมทักษะการม่อของไอ้ฟงไม่ได้


ขนาดครูบาอาจารย์พี่ท่านยังไม่ละเว้น...ข่าวลือที่ว่าหมอนี่ขอแค่หน้าตาดีก็ฟันเรียบไม่เว้นชายหญิงซึ่งไอ้แชคคาบมาบอกเห็นทีว่าจะเป็นเรื่องจริง


ดีนะที่เพื่อนสนิทของมันอย่างเปลวมาชอบผม ไม่งั้นคนหน้าตาดีอย่างผมมีหวังเสร็จไอ้ฟงแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ...ซะที่ไหนเล่า!! อย่างงี้มันหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ!


เข็มนาฬิกาที่ไหลกินคาบเรียนแนะแนว(ที่ถูกครอบครองโดยวิชาภาษาไทยของอ.สุชาติ)ไปกว่าครึ่งทางแล้วฉับพลันที่คำว่าชอบจากปากของผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องแคบๆนี้ดังก้องขึ้นในความทรงจำมันกลับหมุนช้าลงราวกับมีเวทมนต์มาหยุดเวลา


“คาบต่อไปเรียนอะไรเหรอ”ต้นตอแห่งความว้าวุ่นใจเอ่ยถามขณะที่ทิ้งร่างลงนั่งที่พื้นมุมหนึ่งของห้อง


“ภาษาไทย...”หากเปิดแอร์จะถูกจับได้ว่าในนี้มีคนซ่อนอยู่ เด็กเหลวไหลทั้งสองจึงตัดสินใจอยู่ทนร้อนอีกสักพัก ในห้องแคบๆไม่มีหน้าตาต่างระบายอากาศเพราะต้องเก็บเสียง พัดลมตัวน้อยถูกเปิดจ่อมาปะทะใบหน้า


“ของสุชาติ?”เสียงทุ้มที่เอ่ยถามเรียกสติของผมที่พล่าเลือนเพราะความร้อนให้กลับเข้าที่


“ปกติห้องกูไม่ใช่สุชาติสอนแต่วันนี้พี่แกเข้าแทนตั้งแต่คาบแนะแนวกูเลยไม่แน่ใจว่าเค้าจะสอนยาวเลยไหมวะ”ผมตอบเสียงเรียบ


“งั้นก็โดดยาวไปเลยละกัน”ร่างสูงข้างกายเงยหน้าขึ้นมองเพดานขณะที่คำกล่าวที่เอ่ยออกมานั้นใช้สนทนากับผม
เป็นอีกครั้งแล้วที่เราไม่สบตากันระหว่างพูดคุย...


“แล้วมึงหละ? โดดยาวด้วยเลยไหม?”


ในทีแรกคำถามที่จะถามนั้นถูกตั้งขึ้นเพื่อไล่อีกฝ่ายให้กลับห้องเรียนไปเสีย แต่ทำไมนะทำไมประโยคที่เปล่งออกมาในชั่วพริบตาที่หัวใจบีบตัวเต้นระรัวในอกนั้นช่างคล้ายกับคำเชิญชวนเสียอย่างนั้น


เห็นแม่อยากให้ลูกชายเรียนหมอ ผมเลยซ้อมเป็นปลาหมอไปก่อน...อืม ซ้อมตายเพราะปากอะนะ


“โดดสิ จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ”


“...”


“...”


“มองหน้ากูให้ติดก่อนแล้วก็มาหยอด”ปลาหมอตัวใหญ่กล่าวก่อนจะตัดสินใจกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปในที่สุด(?)


“ใคร...ใครมองหน้าใครไม่ติด?”


“ยังมีหน้ามาย้อนก็มึงไง เขินจนไม่กล้ามองหน้ากูเนี่ย จ้องเข้าไปสิพัดลมอ่ะ”


“อยากให้มองติดขนาดไหนหละ


.


.


หน้าหนะ”


“หืม?”ไม่พูดเปล่า เปลวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ในระยะที่ไม่ชิดนักแต่ก็เพียงพอให้น้ำเงินเอนตัวหลบตามสัญชาตญาณ


“ละ...แล้ววันนี้มึงจะพาสมชายไปด้วยทำไมวะ?”คิดว่าเอาไปเป็นกขค.ซะอีก


“กูกลัวมึงนั่นแหละจะหนีหน้ากู กูเลยต้องหาคนไปช่วย”ต่างคนต่างกลับมาเข้าที่ตามเดิม เปลวตะวันส่ายหัวสองสามทีอย่างระอากับคนที่คิดไปไกล”ระดับกูไม่มีเขินหรอก เหลือแต่มึงนั่นแหละ”


“กูไม่ได้เขินสักหน่อย เชี่ยนี่ ดูถูกหวะ!!”


“งั้นก็ดี หึหึ”


เสียงสัญญาณเวลาหมดคาบดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง คาบเรียนมรณะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเหล่านักเรียนห้องคิงที่รับกรรมฝ่ามรสุมนายสุชาติผู้มาสอนแทนถึงสองคาบในวันเวลาที่แสนเหมาะเจาะเดินออกจากห้องด้วยท่าทีอิดโรย


ใช้เวลาหนึ่งคาบสำหรับการเทศนาสั่งสอนว่าการละเมิดกฎของโรงเรียนจะได้รับบทลงโทษเช่นไร


ในใจของนักเรียนกว่าห้าสิบชีวิตอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆว่า พวกตรูไปทำผิดอะไรมาเมื่อไหร่ไม่ทราบ ทำไมอาจารย์ไม่เอาเวลาด่านักเรียนผู้ไม่มีความผิดมาสอนหละค้าบบบบ


เหตุผลที่สถาบันกวดวิชาได้รับความนิยมเพราะอาจารย์ในรั้วโรงเรียนสอนไม่ดี...แม้จะเก็บภาษีเพิ่มทุกคนก็เลือกความรู้มากกว่าคำด่า...


หัวข้อเด่นประจำวันของนักเรียนม.ห้าห้องคิงคงหนีไม่พ้นอาจารย์ขาโหดกับอีกหนึ่งหน่อที่ยังคงหายสาบสูญ...


ตัวการของเรื่องราวทั้งหมดกำลังนอนหลับอย่างเป็นสุขซบไหล่ของเด็กหนุ่มรูปหล่อจากต่างห้อง โดยไม่รับรู้ถึงจิตอาฆาตจากเพื่อนร่วมห้อง


หากกลับไปที่ชั้นเมื่อไหร่คงเจอดีไม่น้อย...


.


.

.





ผมทำอะไรผิดเหรอครับ?


“มึงอะเลว เอาตัวรอดไปเสวยสุขคนเดียว!”นาวกล่าวพร้อมบ้องกะโหลกผมดังป้าบ


ที่ผมต้องโดดโรงเรียนออกไปก็เพราะคุณแม่ที่เคารพรักผู้หาความฉิบหายมาให้ลูกชายไม่มีเว้นวันสั่งให้ไปรับน้อง


“เพราะมึง ทางหนีของพวกกูเลยถูกปิดตาย”แก้มหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นมองผมด้วยความแค้น เดี๋ยวนะเดี๋ยว...เธอเป็นผู้หญิง
เรียบร้อยไม่ใช่รึไง ทำไมถึงปีนกำแพงโดดเรียน!?


ที่ผมเลือกปีนออกจากรั้วทางด้านหลังห้องวงโยก็เพราะไอ้เปลวแนะนำ ซึ่งไอ้ฟงก็แนะนำให้ไปถามไอ้เปลวอีกต่อหนึ่ง


“ถ้าจะเกเรก็ทำให้มันเนียนๆหน่อย เสือกโง่โดนจับได้ทำไมย๊ะ”หนึ่งในสี่ตุ๊ดด่าขึ้น


ที่ผมโดนสุชาติจับได้ก็เพราะไอ้สมชายมันพรวดพราดออกมา


“น้ำเงินกลับมานานแล้ว ทำไมไม่เข้าห้อง เพื่อนเดือดร้อนหมดเลยเห็นมั้ย”สตรี(ชะนี)นางหนึ่งกล่าวตัดพ้อ


ที่ผมไม่กลับเข้าห้องเรียนก็เพราะผมกลัวตาย หรือถ้าคนอื่นมาเจอสถานการณ์แบบผมเขาจะยืดอกรับเดินเข้าห้องอย่างสง่างามเหรอครับ?


คาบพักกลางวัน ห้องของผมกลายเป็นหม้อสุกี้เดือดๆ ส่วนผมผู้รับบทหมี่ยกราคาถูกถูกหย่อนลงหม้อด้วยน้ำมือของคนที่เรียกว่าเพื่อน


“ช้าก่อนสหายทั้งหลาย อย่าปล่อยให้ความแค้นแผดเผาจิตใจ มิตรภาพของพวกเราแน่นแฟ้น...แอ่ก”ยังไม่ทันที่ผมจะแก้ตัวเสร็จวัตถุแข็งปริศนาก็ลอยมากระแทกหัวอย่างจัง คาดว่าคงลอยมาจากมือมืดที่ต้องการล้างแค้น...


“สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆๆ”เหล่ามิตรรักแฟนเพลงรอบห้องพากันหัวเราะผมอย่างสามัคคีก่อนแยกย้ายกันไปตามที่ตามทางของตนเมื่อสาแก่ใจแล้ว


“เออ...หน้าเสาธงพวกคณะกรรมการนักเรียนประกาศรับสมัครวงดนตรีคืน First night หวะ”ไอ้ปอผู้รักกิจกรรมหันมาบอกผมด้วยสายตาคาดหวัง...หวังว่าผมจะตอบว่าดีเลย เรามาตั้งวงกันเถอะ...ฝันไปเถอะมึง


“พอเลยมึง แค่นี้กูก็ฮ็อตจนไม่รู้จะฮ็อตยังไงแล้ว ขืนตั้งวงร้องเพลงอีกพวกไอ้เปลวก็ไม่ได้เกิดกันพอดี ฮ่าๆๆๆ” ไม่หลงตัวเองก็ไม่ใช่ผมสิครับ


ความจริงคือขี้เกียจแต่ต้องพูดให้ตัวเองดูดี(?)ไว้ก่อน


“พูดถึงไอ้เปลว ตกลงพวกมึงไปสนิทกันขนาดชวนกันโดดเรียนได้ไงวะ”นาวสหายรักถาม


“จริง มึงจะแยกใช่มั้ย ดังแล้วแยกวงเหรอมึง!?”อาร์ตกล่าวอย่างอาฆาต กูไปตั้งวงกับมึงเมื่อไหร่? ไอ้นี่เป็นคนรักเพื่อนครับ ไปไหนไปกันเป็นฝูง คิดอะไรไม่ออกก็คิดถึงเพื่อนตลอด มีแฟนแล้วก็เหมือนไม่มีตีกันทั้งปี


“ใจเย็นพวกมึง ใจเย็นๆ วางถุงกาวในมือมึงลงด้วยไอ้อาร์ต เรื่องนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยจริงๆกูอธิบายได้...”


เรื่องก็คือไอ้เปลวมันเจอกูตอนกำลังอ่อยเกย์ที่ศูนย์อาหารหลังจากนั้นมันก็ตามตูดกูไปถึงบ้านก่อนจะสารภาพรักกับกูในวันถัดมา...ความจริงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง กระผมนายน้ำเงินผู้มีจิตสำนึกไม่แพร่งพรายเรื่องใดใดที่จะส่งผลต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของเพื่อนไม่มีวันหลุดออกจากปากแน่


“กูกับเปลวก็แค่...”ผมเว้นคำทำให้พวกตัวแสบลุ้นตัวโก่ง ในสมองกำลังแล่นยิกเพื่อหาข้ออ้าง


“แค่...”


“แค่คุยกันตามภาษาคนหล่อ!!”


“ถรุ้ยยยยย!!”มีคนฟังอยู่ห้าคนก็โห่กันทั้งห้าคน แม้แต่ซีซีกับอ่อนไอซ์ที่ปกติจะเรียบร้อยยังถุยเลยครับ


ตกลงผมทำอะไรผิดเหรอครับ?




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อาทิตย์นี้ขยัน ลงหลายตอนแล้วก็ยาวด้วย(เหรอ) อิอิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mira ที่ 13-02-2015 18:54:11
สมชาย น่ารักอ่ะ โผล่มาอีกน้าาาาาาาาาา
ฟง+สมชาย ??
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-02-2015 19:09:44
 :impress2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-02-2015 19:52:13
โหหหหหหหหหห น้ำเงิน โดเรียนฟรีเลยอะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 14-02-2015 10:25:02
ฟง...คนอย่างนายนี่มัน...

ใช้วิธีไหนจีบเนี่ย บอกหน่อยสิ วาเลนไทน์ปีนี้ก็นั่งตบยุงอยู่บ้าน TvT
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 14-02-2015 20:50:56
อยากรู้ว่าถ้าฟงมาจับคู่กับสมชายมันจะเกิดอะไรขึ้น 55555555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-02-2015 22:10:20
ชอบตอนเปลวบอกจะโดดยาว จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ
โถ หนูน้ำตาลหลอกพี่น้ำเงินเป็นห่วงจะแย่ สุดท้ายก็ 5555 เด็กหนอเด็ก
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 14-02-2015 22:31:01
อ้าว สมชาย หมดบทแล้วเหรอ แล้วมาใหม่นะ (แต่สมชายคงเข็ดไปอีกนาน 555)

ตกลงน้องน้ำเงิน โดดเรียนไปเพื่อ? แต่ก็ดีนะ สำหรับเปลว ไม่งั้นคงยังโดนน้ำเงินหลบหน้าอยู่นั่น

ระดับพี่เปลว ไม่มีจะเขินอ่ะ น้ำเงินนั่นแหละ แซวเอง เขินเองซะงั้น

แล้วฟงขี้อ่อย จะคู่กับใครน้อ ต้องเป็นคนที่จะเอาฟงอยู่ จะได้เลิกอ่อยไปทั่วซะที

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 17-02-2015 00:24:41
อมยิ้มกับตาสมชาย น่ารักดี นายธรรมดาคนนี้จะได้คู่กับใครกันนะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 13/02/15 [บทที่ 6 ] จิบชาเหม่อมองฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: palette_burgundy ที่ 19-02-2015 11:52:00
สนุกมาก ชอบแนวนี้ รู้สึกถึงความซัมเมอร์ อร้าง  :z2: รอนะครับ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 21-02-2015 18:05:47




บทที่ 7 ให้ชัดเจน




“มึงคิดดูนะเว้ยยยยย! กูตีนหนักตีกลองเสียงแน่น ไอ้แชคปากมากให้มันร้องนำ ไอ้อาร์ตก็ชอบเล่นเบส มึงก็เล่นกีตาร์เก่ง ครบวงเลยบังเอิญจริงๆเนอะๆๆ”ใบหน้าอ้อนบาทาของปอนักเรียนตัวอย่างผู้ได้เกรดเฉลี่ยรวม4.00มาตั้งแต่อนุบาลหนึ่งยันม.ห้ายื่นมาซุกๆไหล่ผมอย่างน่ารำคาน



ไอ้ห่านี่ตัวโตเป็นควาย สูงที่สุดในกลุ่มผมแล้ว...อีกไม่ถึง 3ซม.ก็แตะ 190ซม.แล้วมาทำตัวงอแงเป็นเด็กอยากได้ลูกอมแบบนี้มันน่านักไม่ใช่น่ารัก



“มึงอยากตั้งวงมึงก็ตั้งไปอย่าเอากูเข้าไปรวม งานนี้กูแยก”ผมยกมือปัดใบปลิวงาน First Night ที่ยัดมาแทบจะทิ่มเนตรผมแหก



“วงดนตรีที่ไม่มีกีตาร์ก็เปรียบดั่งทะเลที่ไร้คลื่น กร่อยยิ่งกว่าต้มยำไม่ใส่มะนาว...”



“เพ้อละมึง ก็ชวนคนอื่นเล่นแทนกูดิวะ คนเล่นกีตาร์เป็นมีถมเถ”ผมรีบขัดอัฉริยะสติแตกก่อนที่มันจะชักแม่น้ำไนล์มารวมกับเจ้าพระยาสำเร็จ ไอ้ปอมันขึ้นชื่อว่าเป็นเลิศทั้งไอคิวและอีคิวครับ...เรียนดีและร่าเริง



“มึงพูดมาได้ไม่อายฟ้าดิน ไอ้เหี้ย ดูพวกที่เหลือซิว่ามีใครบ้าง...ไอ้นาวที่วันๆเอาแต่ดูการ์ตูนกับเรียนพิเศษปรบมือยังไม่ถูกจังหวะ ซีซีผู้เรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับไว้ และไอ้อ่อนไอซ์ที่ทำห่าอะไรไม่เป็นเลย!!”แขนยาวๆของไอ้ปอเอื้อมมาเขย่าๆๆผมอย่างแรง



ช่วงเวลาก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติของเช้าวันศุกร์สุดสัปดาห์กลายเป็นสงครามขนาดย่อมระหว่างผมกับไอ้ปอ



“อย่าลีลาโก่งค่าตัวดิวะน้ำเงิน”ไอ้อาร์ตเริ่มมีน้ำโหเห็นไอ้ปอโน้มน้าวผมไม่สำเร็จเลยเข้ามาช่วย



“ไอ้แชค มึงก็อย่าเอาแต่แชทกับกิ๊ก!มาช่วยกันกดดันไอ้น้ำเงินเร็ว!!”ไอ้อาร์ตเริ่มหาตัวช่วยเสริม แต่ดูเหมือนไอ้แชคจะเข้าโลกส่วนตัวไปเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงโปร่งจึงไม่มีอาการตอบสนองใดใดต่อคำกล่าวของอาร์ตเลย



“มึงรู้มั้ยว่าทำไมพวกกูถึงได้อยากให้มึงร่วมวงด้วยขนาดนี้!?”อาร์ตถามเสียงเข้ม



“ไมวะ...”ผมถามหน้าซื่อขณะลุกขึ้นจากโต๊ะเมื่อเห็นว่าเพลงประจำโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ไปเข้าแถว



“ก็ถ้าให้แค่พวกกูไปเล่นสาวที่ไหนมันจะกรี๊ดห๊า!!”เสียงเข้มๆของไอ้เจ้าของเหตุผมห่ารากตะโกนไล่หลังผมที่เผ่นออกจากห้องมาอย่างรวดเร็ว “กูจะเก็บตำแหน่งกีตาร์ไว้ให้มึง!! ถ้ามึงไม่มาพวกกูสามคนก็จะเล่นมันทั้งอย่างงั้นแหละ แล้วถ้ามีคนปาขี้ขึ้นเวทีก็จำไว้เลยว่าคนผิดคือมึง!!”



เจริญเถอะเพื่อน...



‘ผลัก’



ผมที่รีบวิ่งออกมาที่ทางเดินโดยไม่ดูตาม้าตาเรือจึงไปชนกับบุคคลปริศนาเข้าอย่างจัง ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเพื่อกล่าวขอโทษผมก็ถึงกับกระโดดถอยหลังไปก้าวครึ่งอย่างตกใจ



ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้หญิงสาวทั่วโรงเรียนสั่นสะท้านไปถึงไมโตคอนเดรีย(?)กำลังแย้มรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าซ่อนความร้ายกาจอะไรเอาไว้แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผมขนลุกซู่



“ฟง!”



เจ้าของชื่อยกมือทักผมเล็กน้อยก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกไปคนละทิศกับหน้าเสาธง โดดแถวชัวร์...



เมื่อร่างขาวโอโม่ลับหายไปเพราะฝูงชนที่เดินสวนมาบดบังผมกับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของเพื่อนสนิทของฟงเลยแม้แต่น้อย...ไม่ใช่ว่าผมอยากเจอหรือคิดถึงไอ้เปลวมันนะ



ผมแค่...



อยากรู้เฉยๆว่ามันหายไปไหน...



เด็กนักเรียนห้องคิงทุกคนมาเข้าแถวกันครบครั้งแรกในรอบสัปดาห์ หลังจากที่ผ่านๆมากลุ่มผู้ชายอันน้อยนิดผลัดกันทำตัวเกเรราวกับส่งไม้วิ่งผลัดต่อกันเป็นทอดๆ



วันแรกก็เป็นน้ำเงินที่มาสาย วันต่อมาน้ำเงินกับแชคก็โดดเรียนกันอีก แถมวันต่อๆยังมีไอ้ปอกับไอ้อาร์ตที่มาโรงเรียนหลังคาบแรกด้วยเหตุผลว่าตื่นสายอีก



ช่วงอาทิตย์ที่แสนวุ่นวายกำลังจะผ่านพ้นไปด้วยความสงบนักเรียนหญิงที่ไม่ต้องฟังครูบ่นในคาบโฮมรูมต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส กลุ่มผู้ชายเจ้าปันหาคุยเล่นกันในแถวอย่างสบายใจ ท่ามกลางผู้คนที่วุ่นวายนั้นนายน้ำเงินรู้สึกได้ถึงแรงสั่นน้อยๆจากโทรศัพท์ในกระเป๋าเจ้าตัวเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู



‘วันนี้มาโรงเรียนรึป่าว’ข้อความแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นแชทยอดนิยม



ระบุชื่อผู้ส่งว่า...’ MiDDay SUN ‘...ชื่อยูสเซอร์ของนายเปลวตะวัน...



ผมมองข้อความนั้นด้วยรอยยิ้มเหนื่อยใจพลางนึกถึงคนที่ส่งมันมา ผมไม่ใช่หรือที่ควรจะถามคำถามนี้กับมัน?



‘มาดิ เห็นกูเป็นคนยังไง’



‘555’ ผมตอบกลับก่อนถามไปว่า...



‘แล้วมึงเหอะ วันนี้ยังไม่เห็นเลย’ก่อนจะตั้งสติได้ผมก็กดส่งมันไปหาคู่สนทนาเสียแล้ว...ข้อความที่บ่งชัดว่าผมมองหามัน...



‘อยากเจอกันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย’คำตอบที่ได้รับไม่ค่อยเหนือความคาดหมายเท่าไหร่



‘เดี๋ยวไปหาที่ห้องตอนพักกลางวันนะ’ผมยืนมองหน้าจอมือถือนิ่งค้างทำตัวเป็นพวกอ่านแล้วไม่ตอบไปทั้งอย่างงั้น



ในใจพาลนึกถึงเหตุการณ์เล็กน้อยตอนออกมาจากห้อง...ตอนที่เดินชนเข้ากับไอ้ฟง



รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของไอ้ตี๋นั้นผุดขึ้นมาหลอกหลอนกันอีกครั้ง ด้วยสัญชาตญาณทำให้ผมเอาเรื่องนั้นกับเรื่องนี้มาผสมยำเข้าด้วยกัน



.



.



และแล้วเวลาพักกลางวันก็มาถึงผมเหลือบมองอ่อนไอซ์ที่ตะโกนรวบรวมการบ้านเคมีเพื่อเอาไปส่งอยู่หน้าชั้น ข้ออ้างงี่เง่าอย่าง...กูต้องเอาการบ้านเคมีไปส่งที่ห้องพักครูเลยอยู่รอมึงที่ห้องไม่ได้...ผุดขึ้นในหัว



มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะหลงเชื่อ แต่รู้ทั้งรู้ว่าต้องถูกจับได้แน่แต่ผมกลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปหาเจ้าไอซ์



“มานี่มากูเอาไปส่งเอง”เพราะไม่อยากเจอเข้ากับใครบางคนที่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผมขอเผ่นไวก่อนหละครับ



ไอซ์มองหน้าผมที่รับกองสมุดจากมือไปด้วยสีหน้าตื่นตลึงยิ่งกว่าถูกหวยใต้ดินสามตัวท้าย พอคล้อยหลังแล้วผมแอบเห็นว่ามันเอามือมาหยิกแก้มตัวเองเบาๆด้วยเหมือนนึกว่าฝันไป...ไอ้ห่า ปัญญาอ่อน กูไม่ได้เป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือมึงกูแค่หนีไอ้เปลว...
ผมที่นอกจากหน้าตาดีแล้วก็ไม่มีอะไรดีอีกเลยเดินออกจากห้องอย่างรีบเร่ง



ถ้าหากเมื่อเช้าไอ้ฟงมันไม่ทำหน้าชั่วร้ายอย่างงั้นผมคงคิดว่าไอ้เปลวมันแค่นัดผมไปกินข้าวกลางวันด้วยกันธรรมดาๆตามประสาผู้ชายที่ตามจีบหนุ่ม(?)อยู่ แต่เรื่องมันพลิกมาแบบนี้แล้วทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้



ในกอไผ่จะต้องมีไรมากกว่าที่เห็น...จะเป็นหมีแพนด้าหรือหมีโคอล่าผมก็ไม่ขอเสี่ยง



“ขอบใจลูก”อาจารย์อารดาเอ่ยขอบคุณผมที่เป็นเด็กดีอาสาเอาการบ้านของเพื่อนมาส่งแทนหัวหน้าชั้นที่ลงไปกินข้าวสบายใจแล้ว ผมผงกหัวรับอย่างหน้าชื่นตาบาน



ภารกิจหนีนัดของผมสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมเปิดประตูห้องพักครูออกมาก่อนจะเดินลงบันได้ไปเพื่อหาอะไรกินที่โรงอาหาร
ป่านนี้พวกเพื่อนเลวมันคงลงมาหาอะไรกินกันก่อนแล้วผมจึงตัดสินใจเดินไปซื้อข้าวราดแกงเจ้าที่แถวสั้นที่สุดโดยไม่สนรสชาติเน้นความเร็วเข้าว่า เดี๋ยวพวกมันกินกันเสร็จผมก็ต้องนั่งกินคนเดียวไม่เอาด้วยหรอก นั่งกินข้าวคนเดียวเดี๋ยวผู้หญิงก็คิดว่านั่งอ่อยกันพอดี



มีคนมาจีบตอนกินข้าวคงลำบาก...ผมรีบชะเง้อหาเดอะแกงค์อย่างรีบร้อน



“ถ้าพวกแชคละก็อยู่ตรงนั้น”เสียงของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งโหยงอย่างคนมีโจทย์เก่า โชคดีที่หันไปแล้วพบว่าเจ้าของมือที่ชี้ระบุพิกัดเพื่อนตัวแสบให้ก็คือสมชายนายธรรมดานั่นเอง



“โอ้วว! ขอบคุณมาก”ผมบอกสมชายก่อนจะเดินไปทางโต๊ะนั่น



จะว่าไปหลังจากวันที่ไปหาน้ำตาลด้วยกันวันนั้นพวกเราก็เดินสวนกันบ่อยขึ้น ความจริงอาจจะเคยเดินผ่านกันมาก่อนแต่ยังไม่รู้จักเลยจำหน้ามันไม่ได้ ตอนที่ผมตะโกนทักมันเพื่อนที่เดินมากับมันถึงกับแตกตื่นทำน่าไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้สมชายจะรู้จักกับผมจริงๆ



ไม่นานนักกระผมและผองเพื่อนก็จัดการกับข้าวราดแกงห่วยๆตามมาตรฐานโรงอาหารประเทศไทยจนหมดเกลี้ยง



“กลับห้องเลยมะ”แชคที่เพิ่งเดินกลับมาจากการแชร์ขอมูล(นินทา)บุคคลอื่นกับพี่ม.6ระแวกนั้นถามขึ้นขณะสองมือง่วนกับการพิมพ์อะไรสักอย่างใส่มือถือยิก



พักหลังๆมานี่ผมเห็นมันทำแบบนี้บ่อย มันใช้ความเสือกของมันมาหารายได้พิเศษคาบข่าวคนนู้นไปบอกคนนี้ คนดูอย่างผมยังอดเสียวไม่ได้ กลัวมันจะโดนดักกระทืบเข้าสักวันข้อหาเอาเรื่องที่เขาเก็บไว้เป็นความลับไปบอกต่อ



แต่ก็เอาเถอะครับ ตราบเท่าที่อาชีพของมันไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผม หากวันใดข้อมูลที่มันนำมาเผยแพร่เป็นความลับของนายน้ำเงินละก็ผมนี่แหละจะเป็นคนดักกระทืบมันเอง



“รอเดี๋ยวกูขอไปซื้อของหวานแป๊ป”ไอ้อาร์ต มึงบ่นว่าแฟนมึงบอกว่ามึงอ้วนขึ้นแล้วนี่มึงยังมีหน้าแดกขนมต่ออีกเหรอวะ



“กูไปด้วยๆ”อ่อนไอซ์รีบวิ่งตามก้นไอ้อาร์ตไปดุ๊กดุ๊ก



“ไงมึง คราวนี้ใหญ่เหรอวะเห็นมึงตามสืบมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว”นาวถามแชคที่ยังจิ้มมือถือไม่หยุด ปกติมันเสือกแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็เสร็จงานแล้วแต่งานนี้คงหินกว่านั้น



“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ผู้หญิงคนนึงชอบผู้ชายคนนึงอยู่แต่ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนจะแอบชอบคนอื่นอยู่ แถมชอบมานานแล้วด้วย ฝ่ายหญิงเขาเลยให้ตามสืบ”แชคกล่าวโดยไม่เอ่ยชื่อใครออกมา มันคงรักษาความลับของลูกค้า



“โหยยย ปัญหาโหลๆเลยนี่หว่าระดับมึงไม่น่าพลาดนะแบบนี้”ผมอดถามไม่ได้ พล๊อตแม่งโหล หนึ่งโหล สองโหล สามโหลโคตรเลยครับ



“เอาเถอะ เอาเป็นว่ามันยากแล้วกัน อะ อ้าว หวัดดีเปลว”แชคยกมือปัดไปมาอารมณ์ประมาณไม่รู้อย่ามาเสือกเรื่องที่กูเสือกอยู่ก่อนมันจะทำหน้าตกใจวูบหนึ่งเมื่อเห็นผู้มาเยือน



ทันทีที่ไอ้แชคมันยกมือทักไอ้คนมาใหม่...ผมนี่ยืนขึ้นเลย...



ไอ้หน้าหล่อที่มายืนเป็นเงาทะมึนค้ำหัวผมอยู่ใช้มือซ้ายกดหัวผมที่เตรียมเผ่นไว้ให้ลงนั่งอยู่กับเก้าอี้ตามเดิมพร้อมชี้หน้าเอ่ยคาดโทษว่า “ตอนเย็นรอกูที่ห้อง ถ้าหนีอีกมึงได้เจอฟงแทนแน่”



ประโยคเรียบๆบวกกับใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มมุมปากเหมือนเคยทำให้ไอ้พวกเพื่อนหน้าโง่โดนมันตบตาเสียแนบเนียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นแค่การนัดพบกันธรรมดาๆของคนหน้าตาดีสองคน



ใครเล่าจะรู้ว่านั่นแหละคือคำขู่...ไปจีบสมชายยังดีเสียกว่าเจอฟง(จีบ)อีกครับ ระดับความน่ากลัวของผู้ชายคนนี้มันเกินกว่าที่มวลมนุษยชาติจะหยั่งถึง(เว่อร์)



“อะไรๆ พูดให้มันดีดี ใครหนี ไม่มี๊!”เสียงสูงเชียวกู เอาวะช่างแม่ง ด้านๆไว้มันจับไม่ได้หรอก



เปลวหัวเราะเหอะในลำคอเป็นเชิงว่าเชื่อมึงก็สมชายละก่อนจะเดินจากไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้น...บางทีก็น่าสงสัยนะ ว่าสองคนนี้เค้าเปรียบสมชายนายธรรมดาเป็นอะไร...



กูยอมแม่งง่ายไปมั้ยวะ?



บางที่ผมก็เผลอตัวลืมไอ้เรื่องที่มันสารภาพรักกับผมไว้ไปสนิท คุยเล่นกับมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นทำให้ผมแปลกใจนิดๆ มันไม่ใช่คนแรกที่มาบอกชอบผม แน่หละก็หน้าระดับน้องซุปเปอร์สตาร์ขนาดนี้จะปล่อยให้หัวกะไดแก้งได้ยังไง



ขอโม้ไว้ตรงนี้เลยว่าหัวกะได้ผมนี่ไม่เคยแห้ง...มีคนมาถุยน้ำลายใส่ตลอด ถรุ้ยยยย!



ส่วนใหญ่แล้วผมจะหนีหน้าส่วนหน้าผมจะหนีทั้งตัว หนีแม่งสุดขอบโรงเรียนเลย ผู้หญิงสมัยนี้หน้าด้านได้อีกผู้ชายเขาบอกไม่ชอบแล้วยังมาตื๊ออยู่นั่น สุภาพบุรุษอย่างผมไม่ชอบก็ไม่ให้ความหวัง ไม่ชอบคือไม่ชอบขอเป็นเพื่อนก็ไม่เอาเพราะนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายตัดใจไม่ได้หนักกว่าเดิม



ส่วนกับเปลว...



อาจเพราะเป็นเคสแรกที่เป็นผู้ชายรึป่าวนะ?



คงจะอย่างงั้นแหละมั้ง ผู้ชายคุยกันรู้เรื่องมากกว่าอยู่แล้ว แมนๆเตะบอลไรงี้...แต่กูยังไม่ได้คุยอะไรเลยจะให้มันรู้เรื่องอะไรวะ
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเย็นนี้ถ้าเจอกันแล้วมันจะชวนผมไปไหน อาจจะไปเดินห้างหรือไม่ก็หาร้านนั่งกินข้าวกัน...แต่ถ้าผมไม่ชอบและยังอยากให้มันอยู่ในฐานะเพื่อนต่อไปแบบนี้ผมควรจะหยุด



ถือโอกาสนี้ปฏิเสธให้ชัดเจน...






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนนี้น้ำเงินอาจจะน่ารำคานไปสักหน่อย(เอาแต่หลบอยู่นั่นแหละ)


แต่ต่อจากนี้ไปรับรองไม่มีแน่(ไม่มีอะไร) 5555


ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ นักแต่งเปลี่ยนชื่อเป็น MiddaySuN (เหมือนชื่อไลน์เปลว55)แล้ว อย่าสับสนนะคะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-02-2015 22:49:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 21-02-2015 23:40:18
ถ้าหลบต้องจูบอ่ะเปลว ดัดนิสัยเด็กดื้อและขี้เขินหน่อย จัดเลยๆๆ
เอาน้ำเงินใส่พานถวาย 555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-02-2015 07:43:21
น้องๆน่ารักกันจัง อยู่ทีมเปลว จีบน้ำเงินให้ติดนะคร้าบบบบ :m1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-02-2015 08:42:54
หนีเก่งอย่างนี้.....ล่ามโซ่เลยสิ แอร้ยยย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 22-02-2015 11:55:23
น้ำเงินฮาดีจังเลย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 23-02-2015 15:08:50
น้ำเงินจะเอาไงล่ะทีนี้

ชอบฟงอ่ะดูเจ้าเล่ห์สุดๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 24-02-2015 21:01:01
ตอนเย็นนี้น้ำเงินเลือกจะเผชิญหน้าใช่ไหม
เชียร์เปลวววววววววว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-02-2015 22:10:16
รอๆ
รอดูน้องน้ำเงินโดนเปลวจีบ อิอิ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 25-02-2015 13:03:17
น้ำเงิน ไม่น่ารำคาญหรอกจ้า ธรรมดาที่ยังสับสนอยู่ แถมหนียังไง ก็หนีเปลวไม่พ้นอยู่ดี อิอิ
ตลกคำขู่ของเปลวอ่ะ ถ้าหนีอีก เจอฟงแทนแน่ 555 เห็นฟงเป็นอะไร
แต่น้ำเงินก็กลัวฟงจริง ๆ นั่นแหละ เราออกจะชอบฟง ฟงจะคู่ใครน้อ รอลุ้น ๆ

ลูกค้านายแชคครั้งนี้ พี่ไอริณแน่ ๆ ตามสืบคนที่เปลวแอบชอบแน่เลย
น้ำเงินระวังตัวน้า เราว่าพี่ไอริณท่าทางจะร้ายใช่ย่อย แชคอย่าทำให้เพื่อนเดือดร้อนเชียว

แล้วตกลง นายแชคกับน้องซีซีนี่ มีเรื่องอะไรกันเมื่อตอนก่อนอ่ะ อยากรู้ อุตส่าห์จิ้นไว้เชียว

รอตอนหน้า เปลวนัดน้ำเงินไปทำอะไรจ้ะ แต่ระวังนายแชคไว้ให้ดีล่ะ

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 25-02-2015 18:52:23
เปลวนัดไปปล้ำแน่!  จะได้ไม่ปฏิเสธ ฮิๆ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-02-2015 21:23:41
น้ำเงินไม่น่ารำคาญนะ ยังน่ารักอยู่555

ชอบสมชาย แนะนำให้ฟงคนไม่ธรรมดา55555555555555555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 21/02/15 [บทที่ 7 ] ให้ชัดเจน
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 28-02-2015 09:45:42
 :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 28-02-2015 17:46:57



บทที่ 8 มองอยู่รึเปล่า




ตั้งแต่เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งยันโง่เป็นควาย เอ๊ย โตเป็นควายอยู่ม.ห้าครั้งนี้เป็นครั้งแรก...ที่เสียงออดเลิกเรียนมันดังก้องบีบหัวใจขนาดนี้ ความตั้งใจเมื่อพักกลางวันมลายหายเป็นฝุ่นผงไปหมดสิ้น



“ไปนะ”



“อืม บาย”เดอะแก๊งผมบอกลากัน ไอ้แชคต้องไปสืบข่าวของมันต่อ นาวกับซีซีมีเรียนพิเศษ อาร์ตปอไอซ์ไปทำกิจกรรมของส่วนกลาง เห็นว่าพวกสภานักเรียนขอตัวแทนห้องไปทำอะไรก็ไม่รู้ไม่เกี่ยวกับผม



งานอะไรที่มันต้องทำเพื่อส่วนรวมไม่เคยมีใบหน้าหล่อๆของคฑากรโรงเรียนอย่างน้ำเงินคนนี้ไปเสนออยู่หรอก ยกเว้นวันนี้วันนึง...อยากไปช่วยงานเขาขึ้นมาเลย ในวันที่มีนัดกับหนุ่มต่างห้องไว้เช่นนี้...



พูดแล้วเขิน...ซะที่ไหน



ยังไม่ทันสิ้นความคิดเจ้าตัวต้นเหตุก็เดินวิ้งๆเข้ามาในห้อง



มันยิ้มแฉ่งทันทีที่เห็นว่าผมยังนั่งง่อยอยู่ที่โต๊ะ ข้างหลังมันสะพายกีตาร์มาด้วยคิดว่ามันคงแบกมาซ้อมกับวงมัน พวกเราทักทายกันเล็กน้อยหน้ามันดูมีชีวิตชีวาผิดกับผมที่ทำหน้าเครียดยิ่งกว่าสอบแกทแพท พวกเราทักทายกันสองสามคำก่อนมันจะจับแขนผมแล้วออกแรงดึงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง...สงสัยกลัวจะหนีอีก



เปลวตะวันลากผมลงตึกเรียนไปท่ามกลางสายตาของเหล่านักเรียนที่ยังไม่กลับบ้านเหลือบมองอย่างสนใจ มันลากผมลงมานั่งแปะอยู่ที่ม้าหินอ่อนข้างๆบ่อเต่า



อะไรของมึง จะชวนกูมาดูเต่ารึไง ตำนานงี่เง่าที่เขาว่ากันว่าใครเห็นเต่าปีนขึ้นจากบ่อจะได้เกรดสี่อะไรนั่นนะกูไม่เชื่อหรอกนะ มึงจีบกูด้วยวิธีนี้กูไม่มีทางหวั่นไหวเด็ดขาด



ก่อนที่จะเตลิดไปไกลเปลวก็หยิบกีตาร์มาวางไว้บนตักถ้ามองดูดีดีแล้วจะพบว่ามันคือกีตาร์โปร่งไม่ใช่กีตาร์ไฟฟ้าแต่อย่างใด มันคือกีตาร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อน



อ๋อออ จะร้องเพลงเรียกเต่าใช่มั้ย ขอโทษกูรู้ว่ามึงจะร้องเพลงจีบกูเมื่อกี้มุกโอเคนะ ตอนนี้กูกำลังเครียด ลุ้นตัวโก่งแล้วเนี่ย มึงจะร้องเพลงอะไรกูจะฟังก่อนหรือจะปฏิเสธรักมึงก่อนดี



ถ้าบอกไปตอนนี้จะโดนถีบลงบ่อเต่าไหม? ความคิดโง่เขลาผุดขึ้นมาในหัว เปลวไม่ทำกับผมอย่างงั้นหรอกแม้จะไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน แต่ในใจลึกๆแล้ว’เชื่อ’แบบนั้น



 ผมมองหน้ามันที่มองผมตาปริบๆ ตอนนี้เรานั่งหันหน้าเข้าหากันบนเก้าอี้หินอ่อนตัวเดียวกัน นั่งคร่อมม้านั่งแล้วเอาเข่าชนกัน...ระยะห่างที่ไม่น้อยเกินไปกลับทำให้หายใจไม่ทั่วท้องเพราะแววตาที่จ้องกลับมานั้นไม่มีความล้อเล่นแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย...



เห็นดังนั้นความตั้งใจครึ่งๆกลางๆของผมในตอนแรกก็หายไป ...



โอเคกูยอมแพ้มึงก็ได้ กูจะเปิดใจให้โอกาสมึงสักครั้งถ้าเพลงที่มึงจะร้องให้กูฟังต่อไปนี้สามารถทำให้คนอย่างกูประทับใจได้หละก็...จะยอมให้จีบโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นเพศไหน...



แต่ถ้าไม่ประทับใจละก็....ค่อยคิดทีหลังแล้วกัน...



“เรียกกูมามีไร”เอ่ยถามหยั่งเชิง เมื่อเห็นอีกฝ่ายมือนึงถือกีตาร์มือนึงจิ้มมือถือ...อย่ามาสังคมก้มหน้าตอนนี้นะมึง



“รอแปปดิ อ่ะๆเอาไปถือก่อนกูพิมพ์ไม่ถนัด”เปลวกล่าวก่อนส่งเครื่องดนตรีที่ว่ามาให้ผมถืองงๆ



อห ที่เห็นเขาใช้ในโซเชียลย่อมาจากอะไร โอ้โห อีเหี้ย ไอ้ห่า อิห-ย ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือผมขอยก อห ทั้งหมดนั่นให้มัน



“โอ้โห!!! ไอ้เหี้ยนี่มึงลากกูมาเพื่อแบกของ...”ก่อนจะได้ด่าเสร็จก็ถูดขัดขึ้นมาเสียก่อน



“เล่นตามคอร์ดนี้นะ”เปลวเอาเครื่องมือสื่อสารต้นเหตุวางแหมะไว้บนโต๊ะก่อนจะหันมาพยักเพยิดให้ผมจัดการที่เหลือต่อเลย อะไรวะงง เดี๋ยวนะเดี๋ยว!?อย่าบอกนะว่าคนที่ต้องร้องเพลงคือผม!?



แฟนมารดางง(พ่องง)มึงสิ!! “ห๊ะ! อะไรนะ”มองหน้าอีกฝ่ายตาเหลือก



“น้ำเงินดีดกีตาร์ตามเพลงนี้ ส่วนเปลวเป็นคนร้องโอเคนะ”ไม่ต้องมาแอ๊บแทนตัวเองด้วยชื่อเลยฟังแล้วขนลุก



สิ่งที่หน้าจอมือถือแสดงออกคือคือแอพลิเคชั่นโน้ตมีไว้สำหรับจดบันทึกข้อมูล ตัวอักษรภาษาอังกฤษไม่กี่ตัวบนนั้นคงเป็นคอร์ดเพลงที่มันจะให้ผมเล่น...ไม่มีเนื้อมาให้แล้วกูจะรู้ไหมว่าต้องเปลี่ยนคอร์ดตอนไหน...



...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงอะไร...



“...”



“...”เกิดความเงียบขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนนี้ผมกำลังประมวลผลสถานการณ์ในสมองที่ขาวโพลน



ไอ้เหี้ย!!ตื่นเต้นชิบหาย ทั้งกลัวว่าจะเล่นผิดทั้งลุ้นว่ามึงจะร้องเพลงอะไร แผนนี้คิดนานมั้ยเนี่ย!? เซอไพรส์มากไอ่ห่าทีหลังขอธรรมดากว่านี้หน่อยกูเหนื่อย



“เอาละนะ 1 2…”เปลวสูดลมหายใจลึกเพื่อลดความตื่นเต้น มันดูตั้งสติได้แล้วเลยนับเลขเพื่อเป็นสัญญาณเริ่ม



เดี๋ยวววววววว กูยังไม่พร้อม โดยไม่ได้ตั้งตัวผมที่ตาตื่นตาแหกเกินความจำเป็นเผลอดีดคอร์ด C อันเป็นคอร์ดแรกเริ่มอินโทรไปซะแล้ว เป็นอันว่าไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วหละน้ำเงินเอ๋ย...



เพราะมันเป็นอินโทรจึงยังไม่มีท่อนที่ต้องร้อง และเพราะต้องดีดโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ต้องดีดกี่ครั้งอะไรยังไงทำให้ทำนองมันออกมามั่วๆฟังไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไร แต่ชั่วอึดใจที่เสียงดนตรีคลาสสิกนี้ดังขึ้นผู้คนที่อยู่รอบข้างเริ่มหันมามอง



ดูเหมือนวันนี้ส่วนกลางจะมีงานอะไรสักอย่างทำให้นักเรียนเกือบครึ่งเลิกเรียนแล้วยังอยู่ในโรงเรียนทำให้บริเวณข้างบ่อน้ำตอนนี้มีนักเรียนทั้งม.ต้นม.ปลายนั่งจับกลุ่มตัดกระดาษตกแต่งอะไรสักอย่างอยู่หลายกลุ่ม...และทั้งหมดที่ว่านั่นก็หันมามอง...



ผมไม่รู้ว่าพวกนั้นหันมาเพราะเห็นคนหล่อเป็นคนเล่นหรือหันเพราะเสียงมันทุเรศมากมึงหยุดเล่นเถอะกูขอร้อง แต่เพื่อความสบายใจผมขอคิดว่าเป็นอย่างแรก



“เลิกมองนู่นมองนี่ได้แล้ว หันมาทางนี้สิ”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกผมที่เริ่มหลุกหลิกมองรอบข้าง พร้อมกับจังหวะอินโทรที่สิ้นสุดลง



“เธอเคยรู้ไหมว่าใครเฝ้ามองตามเธอไปทุกแห่ง เก็บเธอเป็นแรงให้ใจทุกวันเก็บไว้มาเนิ่นนาน...”



เสียงทุ้มนุ่มเริ่มร้องตามทำนองที่ถูกต้องเรียกให้ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย...ไม่ได้ตกใจที่รู้ว่าตัวเองดีดมาคนละจังหวะเลยแต่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเพลงนี้...



ก็เพลงนี้มัน...



“หากได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ฉันจะบอกกับเธอให้รู้ใจ สบตากับฉันลึกลงข้างใน ก็จะเข้าใจความหมาย...”



เด็กม.ต้นกลุ่มใหญ่ไม่รู้มาจากไหนวิ่งมาออกันอยู่ที่โต๊ะข้างๆหลายสิบคน บางคนก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปได้ยินแว่วดูเหมือนจะเป็นแฟนคลับของไอ้เปลวมัน แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่เป็นแฟนคลับผมแต่ผมไม่ได้หันไปมองจึงไม่รู้ว่ามีเยอะมากไหม
จะให้หันไปได้ยังไงในเมื่อท่อนต่อไปมันคือ...



“เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหม ว่าฉันนั้นคิดอะไร
เห็นเธอมานานรู้ไหม ไม่เคยมองใครที่ไหน ขอเพียงสักครั้งแค่หันมา สบตาครั้งเดียวก็พอ...”



เวลานี้แม้แต่คอร์ดผมก็ไม่หันไปมองแล้วคอร์ดเพลงนี้ง่ายสมองระดับผมมองปราดเดียวก็จำได้แล้ว ต่อให้ลืมผมก็ไม่หันไปมองหรอกก็ในเมื่อข้างหน้ามันมีอย่างอื่นที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วถ้าไม่ใช่ตอนนี้ให้มองอยู่



นัยน์ตาสีเข้มทอประกายระยิบระยับจับจ้องมาทางผมโดยไม่สนในเสียงรอบข้าง ไม่ว่าจะมีคนมาฟังเพิ่มอีกสักกี่คน ไม่ว่าจะมีกี่เสียงที่ตะโกนเรียกให้หันไป ดวงตาคู่นี้ก็ยังไงมองมาทางผม...เพียงแค่คนเดียว







หากคำกล่าวที่ว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจเป็นความจริงดวงตาของผู้ชายคนนี้ที่กำลังสะท้อนเพียงภาพของผมอยู่จะมีความหมายว่าอะไรกันนะ...







“เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหม ว่าฉันนั้นคิดอะไร
เห็นเธอมานานรู้ไหม ไม่เคยมองใครที่ไหน ขอเพียงสักครั้งแค่หันมา สบตาครั้งเดียวก็พอ...”   



เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายจบลงพร้อมกับเสียงกรี๊ดที่ดังกระหึ่ม รู้สึกตัวอีกทีพวกที่เหลืออยู่ในโรงเรียนจำนวนมากก็มายืนสุมกันอยู่ทั่วบริเวณ ตามมาด้วยเสียงปรบมือและคำเยินยอจากเด็กผู้หญิงม.ต้น



“พี่เปลวร้องเพลงเพราะจังเลยค่ะ”



“แกๆ ไปฝึกกีตาร์กันมั้ยแล้วคราวหลังมาดีดให้พี่เปลวร้องบ้าง”



“ไม่อะแก ฉันจะไปฝึกร้องเพลงจะได้ให้พี่น้ำเงินเล่นดนตรีคลอ”



“กรี๊ดดด!!หล่อทั้งคู่เลยๆๆๆ จะเอาๆๆ”เดี๋ยวนะน้องจะเอาอะไรวะครับ และอื่นๆอีกมากมายที่จะสรรหามาพ่นใส่หน้าพวกผมได้



“ครับ เอาไว้โอกาสหน้าเนอะ ตอนนี้กลับไปทำงานกันก่อนดีกว่าอู้มาดูพวกพี่อย่างงี้ระวังไอ้ประธานบ่นเอานะ”เปลวตะวันหันไปยิ้มเจิดจ้าใส่สาวๆพร้อมเอ่ยปากไล่ด้วยคำพูดสุภาพ



เหล่าเด็กน้อยรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดนพระอาทิตย์จอมเนียนขับไล่รีบเดินกลับทางของตัวเองอย่างว่าง่าย เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้...



ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีผมกับเปลวแค่สองคน ถ้าผมไม่ได้ตาฝาดเหมือนเมื่อกี้ไอ้แชควิ่งหลบเข้าไปทางมุมตึก มันคงมาดูพวกผมแต่น่าแปลกที่ขาเสือกอย่างมันไม่เข้ามาเจ๋อ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลามาสนใจคนอื่น ยังมีเรื่องของมันที่ผมต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องอยู่
เปลวเดินไปเก็บกีตาร์ใส่ซองก่อนจะหันมายิ้มให้ผมที่ทำหน้าเครียดอยู่ “ดูทำหน้าเข้า ไม่ชอบเพลงนี้เหรอ”มันถาม



“เฉยๆกับเพลง แต่เซอไพรส์มากที่ต้องเล่นดนตรีประกอบ”ยกมือยีหัวอย่างเก้อๆ ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหนดี



“ดีดกีตาร์ร้องเพลงจีบสาวมันโหลแล้วมึงก็ไม่ใช่สาวด้วยกูเลยให้มึงมีส่วนรวมเผื่อมึงนั่งฟังอย่างเดียวแล้วเบื่อ”มันสาธยายเหตุผลซะผมอยากจะหนีไปช่วยผู้หญิงโต๊ะข้างๆตัดกระดาษ...โต๊ะข้างๆ...



“เห้ย!มึงพูดเบาๆเดี๋ยวคนได้ยินกูยังไม่พร้อมออกสื่อ”ผมรีบคว้าคอเสื้อมันมากระซิบเสียงแข็ง



“ตกลงจีบติดแล้วเหรอ”มันตีหน้าซื่อถามออกมาแบบหน้าด้านๆ ติดเชี่ยไรร้องเพลงแค่สามนาทีอย่ามาตีเนียน



“ติดกะผีมึงสิ เอาเป็นว่าเห็นแก่ความแหวกแนวของมึงในวันนี้กูจะยอมให้มึงจีบต่อไปอีกสักพักแล้วกัน”



“มีหมดเวลาด้วยเหรอ”เปลวตะวันพูดอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำว่า สักพัก ของผม



“มีดิ กำหนดเวลาก็คือ...”ผมเว้นคำเอาไว้ทำให้มันตาตื่นอย่างตกใจ มือข้างที่ไม่ได้ถือของอยู่ยกขึ้นมาเขย่าแขนผมเบาๆเชิงเร่งให้บอกไทม์ลิมิตมามันจะได้ตั้งตัวถูก



ใจเย็นมึง...อย่าเร่งกู ไอ้เรื่องกำหนดเวลาอะไรนี่มึงเป็นคนจุดประเด็นขึ้นมาเองไม่มีอยู่ในหัวกูตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้ก็ต้องเล่นตัวทำเป็นมีไว้ก่อน...รอแป๊ปดิ๊ คิดก่อน



“น้ำเงิน...”มันเรียกตาละห้อย



“เออๆ นกหวีดหมดเวลาจีบกูของมึงจะดังขึ้นในวันที่...”



“...”



“ที่...”



“...”






“ที่มึงเลิกชอบกู”



คำตอบนั้นของผมเรียกรอยยิ้มกลับคืนสู่ใบหน้าของมัน...ดวงตะวันกลับมาสดใสอีกครั้งด้วยความโล่งใจ...



“งั้นมึงคงไม่ได้ยินเสียงนกหวีดที่ว่าตลอดชีวิต”



“ปากดี กูจะรอดู”นายน้ำเงินชี้หน้าคาดโทษพระอาทิตย์ของเขาก่อนจะบอกลากัน ในทีแรกเปลวตะวันพยายามรบเร้าขอตามไปส่งถึงบ้านแต่ผมก็ขัดห้ามมันไว้เสียก่อน...ใจเย็นๆอย่าเพิ่งรุกเยอะ ขอเวลากูปรับตัวบ้างอะไรบ้าง



.



.



ช่วงเวลาสั้นๆบนรถเมล์ขากลับบ้านผมทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเหม่อลอย ในใจมีเสียงเพลงที่มีคนร้องให้ฟังดังซ้ำไปซ้ำมา เนื้อเพลงนั้นกล่าวถึงความรักที่ก่อตัวอยู่ในใจมาเนิ่นนานมันอัดแน่นจนเอ่อล้น...



เหมือนคนร้องอยากจะบอกว่าเฝ้ามองมาตลอดเลยนะ ขอแค่สักครั้งช่วยหันมามองทางนี้ทีเถอะ...แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำได้เพราะฉะนั้น...ขอแค่ฟังเพลงนี้แล้วมองมาที่ตาคู่นี้ก็พอ



แล้วเจ้าของความรักที่ว่านั้นเฝ้ามองผมมานานขนาดไหนกันนะ?





... บางทีผมอาจจะรู้คำตอบนั่นก็ต่อเมื่อจดจำวันแรกที่พบกับคนที่ชื่อเปลวตะวันได้...
















++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เพลงที่เปลวร้องได้ดับแรงบันดาลใจมาจากคลิปนี้เลยค่ะ

https://www.youtube.com/v/pwFSS1e22p8

ตอนแรกคิดว่าจะเอาตัวคลิปมาแปะหน้านิยายนี้เลยแต่ด้วยความอ่อนแอด้านเทคโนโลยีทำให้มันล้มเหลวค่ะ 555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: thebook ที่ 28-02-2015 20:01:50
เขินแปป  :hao7: :hao7: :hao6: มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-02-2015 22:10:38
น้ำเงินยอมให้เปลวจีบตลอดชีวิตเหรอ อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-02-2015 23:08:18
โหวววว. เปลววิธีจีบโคตรคีเอทอะ เก๋ไก๋สไลเดอร์มากอะ คิ๊ๆ :hao7: :-[ :impress2: :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-02-2015 23:40:44
น้ำเงินนี่ปากแข็งใจอ่อนนะ ตอนแรกบอกจะปฏิเสธ นี่ยังไม่ได้ยินสักคำเลยค่ะ 555
ก็เปลวตั้งใจมาก ใครจะไปกล้าปฏิเสธเนอะ แหม่ จีบกันกลางโรงเรียนเลยเนอะ
ปกติก็ดังทั้งคู่อยู่ละ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 01-03-2015 00:13:43
เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของเราเลยนะ (รู้เลยว่าเป็นคนอ่านรุ่นไหน)
หนูน้ำเงินเริ่มใจอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 01-03-2015 20:27:42
โหย เปลวอ่ะ หวานซะขนาดนี้ น้ำเงินจะไปไหนรอด  :-[
วิธีจีบไม่เหมือนใคร ทำน้องน้ำเงินเคลิ้มตามซะแล้ววว เย้
น้ำเงินเปิดโอกาสให้จีบเต็ม ๆ ขนาดนี้แล้ว ทำให้เต็มที่เลยเปลว
ที่ผ่านมา เก็บกดมานานแค่ไหน เอาให้เต็มที่ คนอ่านจะได้ฟินเยอะ ๆ เลย  :m1:

ที่กังวลตอนนี้ก็คือ แชครู้แล้วแน่เลยอ่ะ แล้วแชคจะไปบอกพี่ไอริณไหมเนี่ย
ยังกลัวพี่ไอริณอยู่ ยังไงก็เชื่อว่านางไม่ธรรมดาแน่ ๆ

https://www.youtube.com/v/pwFSS1e22p8

ช่วยทำคลิปแปะค่ะ ชอบรูปมากเลย ชอบเสียงร้องด้วย
ให้อารมณ์เปลวตะวันกับน้ำเงินน้อยตอนนี้ได้ดีจริง ๆ   :o8:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 01-03-2015 22:53:09
เค้าร้องเพลงจีบกันด้วยฟินนเล :-[

เปลวสู้ๆ น้ำเงินยอมให้จีบตลอดชีวิตแล้ว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 02-03-2015 01:52:38
เขินมากกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ดีนะว่าน้ำเงินเลนกีตาร์ได้ ไม่งั้นมีเงิบ

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-03-2015 18:33:48
 :o8:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-03-2015 21:23:25
อุแหม่ อยากไปอยู่ในวงไทยมุง ณ ตอนนั้นจริง ท่าจะฟินน่าดู  :ling1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 04-03-2015 22:38:14
จับหมอนกลิ้งสามตลบค่ะะะะะ   :hao6:
น่ารักกกกก จีบได้เลิศมากกก
งี้ก็คงต้องตลอดชีวิตละเนอะ ชอบเค้าแล้วก็บอกไปนะ

ปล.ละหนูฟงของแม่จะมีคู่ไหมเนี้ย หืมม
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 04-03-2015 23:57:28
กรี๊ดด เค้าเขิน โง้ยยยย เชียร์เปลวสุดใจ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 05-03-2015 19:24:12
อ๊ายยยย เขิน  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/02/15 [บทที่ 8 ] มองอยู่รึเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 07-03-2015 13:38:33
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 07-03-2015 16:23:48





ทานตะวันที่แตกสลาย






"รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์"





ไอริณ talk





สวัสดีค่ะ ไอริณค่ะ จำฉันกันได้มั้ยคะฉันคือคฑากรหญิงของโรงเรียนคู่กั[น้องน้ำเงินที่อยู่ม.ห้าค่ะ เอาเถอะถ้าพวกคุณจะจดจำฉันในฐานะชะนีที่มาบอกรักพระเอกของเรื่องแล้วก็อกหักดังเป๊าะตั้งแต่บทนำก็ไม่เป็นไรฉันเข้าใจ...



ฉันทำใจเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว ตลอดช่วงเวลาสามปีที่หลงรักเปลวมาฉันก็รู้ตัวดีว่าไม่มีสักเวลาเลยที่เขาจะหันมามองคนอย่างฉัน แม้ว่าฉันจะพยายามตั้งใจเรียนเพื่อดันให้ตัวเองเป็นที่หนึ่งของชั้นปีหรือพยายามรักษาภาพลักษณ์ให้ดีพร้อมอยู่เสมอโดยหวังว่าเขาจะชายตามาทางนี้สักครั้ง



แต่ทั้งหมดที่ทุ่มเทไปก็ไม่มีความหมายอะไรเลย...




ต่อให้ร้องเรียกจนขาดใจเขาก็ไม่มีวันหันกลับมามอง...




เปลวแสดงออกอย่างรักษามารยาทเขาปฏิเสธฉันอย่างไว้หน้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ตั้งแต่ตอนที่ฉันเข้าไปก้าวก่ายเขาใหม่ๆ
เปลวบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว...เปลวบอกแค่นั้นเขาไม่ได้บอกว่าเป็นใครและไม่ได้แสดงออกว่าชอบคนไหนอยู่เลยจนฉันเผลอคิดไปว่านั่นเป็นข้ออ้างเพื่อปัดฉันออกไป แต่ฉันก็ไม่ได้โกรธหรือเลิกชอบเขา...ฉันยังคงชอบเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาต่อไป






ทำตัวเป็นดอกทานตะวันหน้าโง่แหงนคอหลงใหลพระอาทิตย์ที่อยู่ห่างอยู่ไกลออกไปไม่รู้กี่พันกี่หมื่นปีแสง





...มองตามทั้งที่รู้ว่าแสงสว่างที่ตนได้รับนั่นไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเอง...





...เฝ้ามองโดยที่ไม่รู้เลยว่าแสงสว่างนั้นมีไว้เพื่อใคร...





...เอาแต่มองหาทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีสักเวลาที่เขาจะมองมาที่ฉัน...





จนในที่สุดฉันก็อยากจะตัดใจแล้วพาตัวเอาเองออกจากวงเวียนนี้ ถอดรากถอนโคนความงมงายที่ฝังจมอยู่บนพื้นดิน...ละสายตาจากดวงตะวันแล้วพาตัวเองขึ้นสูงกว่าเดิม...




เย็นวันหนึ่งฉันตัดสินใจบอกรักเขาไป ไม่ใช่เพื่อให้เขารับรัก...แต่เพื่อให้ตัวเองอกหัก...




อาจจะไม่ใช่ทันที ฉันต้องการเวลาเพื่อตัดใจแต่คำพูดที่ครั้งหนึ่งเปลวเคยใช้เพื่อบอกปัดฉัน...ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว...กลับย้อนเข้ามาในความทรงจำ ไม่รู้มีอะไรมาดลใจคราวนี้ฉันกลับเชื่อว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง...และฉันต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร...




เพื่อนที่ห้องหลายคนพูดถึงบริการคาบข่าวของน้องแชคที่ลือกันว่าได้ผลจริงเกือบ 100%ฉันจึงตัดสินใจเอาความลับทั้งหมดไปเปิดเผยและขอให้เขาช่วยตามหาคนที่เปลวชอบให้...คนที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่จริงรึป่าว...




เพราะฉันไม่มีข้อมูลอะไรมากไปกว่า...เปลวอาจจะชอบใครสักคนอยู่ช่วยไปตามสืบให้ที...ข้อมูลที่ไม่มีมูลอะไรเลยทำเอานักสืบคนเก่งถึงกับหน้าเหวอ น้องแชคบอกกับฉันว่าอาจต้องใช้เวลานานสักหน่อยหรืออาจจะไม่ได้ข่าวอะไรเลยแต่ฉันก็บอกน้องเขาไปว่าไม่เป็นไรฉันรอได้...





กำหนดเวลาว่าจ้างที่ฉันบอกน้องเขาไปก็คือ...





...จนกว่าฉันจะตัดใจจากเปลวได้...





เพราะตอนนี้ฉันยังรักเขาอยู่ฉันจึงอยากรู้เรื่องของเขา แต่ตอนนี้ฉันก็พยามตัดใจจากเขาอยู่หากแชคเอาข่าวมาให้หลังจากที่ฉันหมดรักแล้วข่าวนั้นก็ไม่มีความหมาย...




แล้วถ้าแชคบอกชื่อคนที่เปลวชอบแก่ฉันแล้ว...ฉันจะทำยังไงต่อไปหละ...




...ถ้าตอนฉันนั้นยังชอบเปลวอยู่...





....ฉันจะทำยังไงกับผู้โชคดีคนนั้น...?




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนนี้เป็นตอนสั้นๆสำหรับถ่ายทอดข้อความจากใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่รักผู้ชายคนหนึ่งหมดหัวใจ

บางคนอาจจะได้กลิ่นดราม่าลอยมาจากเรื่องนี้แต่คนแต่งยังคนยืนยันความเป็นรักใสๆอันเป็นแกนหลักของเรื่องตามเดิม (ไม่มีดราม่า) (มั้ง) 555555

มีใครเชื่อมั้ยว่าไม่ดราม่า? เชื่อสิ เชื่อเนอะ หึหึหึหึ... o18 o18 o18 o18

ปล.ขอบคุณ คุณ pure love ที่อัพคลิปเพลงให้และขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ คุณได้ไปต่อ คุณทายถูกว่าพี่ไอริณนั้นมีบทบาทสำคัญ 555555555
ปล.2ถ้ามันสั้นไปอย่าว่าเค้านะ เค้าพยามเคาะให้ระยะห่างระหว่างบรรทัดมันเยอะๆจะได้ดูยาวๆแล้ว(เดี๋ยวนะ) 555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-03-2015 17:40:18
แอร๊ย สั้นจริงอะไรจริงค่ะ :katai5:
ว่าแต่น้องแชคหาข่าวให้พี่ไอรีณเค้าได้ยังล่ะนั่น ว่าเปลวชอบใครอยู่ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 08-03-2015 15:59:03
พี่ไอริณณณณ  อย่าทำอะไรน้ำเงินน้อยของเราน้าาา  :mew6:
พี่ไอริณ แอบรักเปลวตะวันมานาน ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองคู่ควร มันก็น่าเห็นใจอยู่หรอก
แต่เปลวตะวันไม่รักพี่ ก็ไม่ใช่ความผิดของคนที่เปลวตะวันรักนิ แล้วที่จริง
ก็คิดจะตัดใจจากเปลวตะวันอยู่แล้วนี่ ถึงจะได้รู้ว่าคนที่เปลวชอบมีอยู่จริงหรือเปล่า แล้วไง
ตัวเองตัดใจได้ หรือไม่ได้ เปลวตะวันก็ไม่ได้ชอบพี่อยู่ดีอ่ะ

ตอนนี้อยู่ที่ว่า นายแชค จะทำให้เพื่อนตัวเองเดือดร้อนหรือเปล่านี่สิ
อยากให้พี่ไอริณรู้นะ ว่าน้ำเงินสุภาพบุรุษแค่ไหน ชื่นชมพี่ด้วยนะ อย่าใจร้ายกับน้ำเงิน

เฮ้อออ คิดอะไรไปไกลล่ะ ไม่แน่พี่ไอริณ อาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ (ปลอบใจตัวเอง)
พี่ไอริณ เปลี่ยนมาเป็นสาววาย ช่วยให้หนุ่ม ๆ เขารักกันดีกว่านะ มีความสุขออก ^^
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-03-2015 17:21:30
แม่ๆผู้ชายเขากินกันอีกคู่แล้วค่ะแม่

#ชะนีร้องเ-ี้ยหนักมาก
#ส่วนสาววายฟินหนักมาก
555555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-03-2015 23:08:26
เป็นชะนีในนิยายวายต้องทำใจนะหนู
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 12-03-2015 20:55:12
คิดจะตัดใจก็อย่าไปอยากรู้เรื่องของเขาเลย

จะตัดไม่ขาดเอาน่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 12-03-2015 22:28:06
คือบับแว่แห้วตั้งแต่มาอยู่ในนิยายวายละหนู 555555
ไม่เป็นไรนะ ปล่อยไปเถอะมารอฟินผู้ชายได้กันอย่างเจ๊นะลูก
ละหนูจะพบทางธรรม  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-03-2015 22:59:45
 :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-03-2015 08:56:17
น้ำเงินนนนน :hao7: :hao7: :katai1: :z2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 13-03-2015 15:28:23
http://youtu.be/pwFSS1e22p8

นี่มันน้องน้ำเงินกับน้องตะวันนี่ 5555555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 13-03-2015 18:00:58
ไม่น้า อย่ามาม่าได้โปรด :ling1:
อุตส่าห์แว๊บจากการเขียนนิยายมาอ่าน
มาม่าน้องไม่อยากกิน ไม่เอาๆ
ปล.ใครแฟนนิยายผม อดใจรอสักนิดส์ มันแต่งยาก ฮือๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 07/03/15 [ บทที่ x ] ทานตะวันที่แตกสลาย
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 14-03-2015 10:45:47
เหนื่อยก็พักเขาไม่รักก็พอเถอะอิหนู  :a5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 14-03-2015 15:25:47



บทที่ 9 เรื่องที่ไม่ควรจะเกิดก็แห่กันมาไม่หยุดหย่อน




“ตกลงว่าเมื่อวานประธานเรียกทำไมวะ”ผมถามอ่อนไอซ์ที่นั่งหน้ามึนอยู่ที่โต๊ะของมัน เวลาตอนนี้ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าทำให้คนในห้องยังมีน้อย ตัวผมที่มาค่อนข้างเร็วในวันที่มีการบ้านต้องส่งมักจะใช้บริการสมุดของมันเป็นต้นฉบับเสมอ



บ้านไอ้ไอซ์อยู่ไกลมันเลยต้องรีบมาก่อนชั่วโมงรถติดเป็นเวรเป็นกรรมของมันที่ต้องมานอนฟุบกับโต๊ะเรียนทุกเช้า...ทำไมมันไม่เรียนที่ที่ใกล้บ้านมันวะ...เอาเถอะ อย่างงี้ก็ดีแล้วถ้าไม่มีมันก็คงไม่มีใครให้ลอกการบ้าน



...สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเพื่อนสนิท มิตรภาพของนายน้ำเงินและอ่อนไอซ์เชื่อมโยงกันด้วยสมุดการบ้าน...



“เรื่องพิธีเกษียณ”หัวหน้าห้องหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือเบ๊สาธารณะยื่นสมุดวิชาฟิสิกส์มาให้อย่างอ่อนใจ คนที่ต้องอ่อนใจนะมันกู ไอ้ห่านี่กากเลขอ่อนฟิสิกส์ขนาดไหนทำไมผมจะไม่รู้แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็ลอกๆแม่งไป



“ก็แค่พิธีเกษียณไม่ใช่เหรอวะ ทำไมรอบนี้ถึงทำซะใหญ่โตกูเห็นมีจัดซุ้มดอกไม้อะไรกันมากมาย”ถามไปลอกไป



“คราวนี้ผอ.ก็เกษียณด้วยนะสิ ยังมีหัวหน้าหมวดอังกฤษอีกคน”มันตอบ



“อ่อ มีแต่คนใหญ่คนโตสินะปีนี้“จะว่าไปแล้วอาจารย์ที่สอนอังกฤษห้องผมก็คือหัวหน้าหมวดนี่หว่า



“อ่าว...แล้วใครจะมาสอนห้องเราแทนหละ กูไม่เอาชมพูนุชนะเว้ย!!”ชมพูนุชที่ว่าก็คือท่านอาจารย์ชมพูนุชที่เคารพรัก หากสุชาติเป็นประมุขพรรคแห่งภาควิชาภาษาไทยแล้วชมพูนุชคงเป็นท่านอ๋องแห่งแคว้นภาษาอังกฤษ...อย่างง สรุปคือเป็นตัวโหดระดับเดียวกันยากที่จะมีใครต่อกร...



“ไม่นะเห็นว่าเค้าจะรับอาจารย์จบใหม่มา”ไอ้อ่อนรีบตอบก่อนที่ผมจะล้มโต๊ะ



“เฮ้อออ ค่อยยังชั่ว ครูใหม่ไม่ค่อยโหดเท่าไหร่”จุดนี้ขอแค่ไม่ใช่ชมพูนุชก็พอครับ



“ไอ้แชคบอกว่าจารย์คนใหม่จบนอกแถมยังจบมหาลัยเร็วกว่าปกติปีนึงด้วยนะ แต่ฟังดูโม้ๆถ้าเจ๋งขนาดนั้นจริงจะมาเป็นครูทำไมวะ ไม่รู้ข่าวนี้แชคได้กรองมาก่อนมั้ย”ไอซ์กล่าวทำท่านึก



“ระดับแชคเรื่องแค่นี้ไม่มีพลาดหรอก ที่สำคัญครูโรงเรียนเรามีจนที่ไหนสอนตามเวลาราชการเสร็จก็ไปสอนพิเศษต่อ เด็กที่อยากเข้าที่นี่มีเยอะแยะถ้าสอนแล้วสอบไม่ติดยังมีให้รอบเด็กเส้นให้กินตังค์อีกต่อ มึงรู้จักไอ้สองมั้ยไอ้เหี้ยนี่อะตอนมันเข้าแม่มันเส้นครู่เป็นแสนเลยนะเว้ย”ผมตอบมันอย่างออกรส



เนื่องจากโรงเรียนของผมมีชื่อเสียงค่อนข้างมากครูๆทั้งหลายเลยรับทรัพย์ค่าแลกเข้ากับค่าสอนพิเศษกันเหนาะๆ



“จริงของมึง กูเห็นครูที่นี่แก่ๆกันทั้งนั้นเข้ามาสอนใหม่ๆก็อายุสี่สิบกว่ากันแล้วแต่คนนี้ได้ย้ายมาสอนที่นี่ตั้งแต่เรียนจบไม่ถึงปีแสดงว่าเด็ดจริง”ไอซ์เริ่มคล้อยตาม ไอ้หอยเหม็ดนี่เป่าหูง่ายครับพูดไปเถอะมีมูลไม่มีมูลแม่งเห็นด้วยหมด...แต่ครั้งนี้มีมูลครับ...



“ขอโทษนะจ๊ะ”เสียงหวานใสดังขึ้นข้างๆผมกับเพื่อนรักต้นฉบับการบ้านที่ยังลอกไม่ถึงไหนเพราะเสียเวลากับการนินทาครูบาอาจารย์อยู่นานรีบหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง



“พี่ไอริณ!!!!!”ไอซ์แฟนคลับหมายเลขหนึ่งดีใจเนื้อเต้นที่คนสวยประจำโรงเรียนเข้ามาทัก...ผม



เอ่อ...เค้าทักกูไม่ใช่มึง ขอร้องอย่าดีใจขนาดนั้นมันแลน่าสงสาร



“ครับ?”ผมเลิกคิ้วเชิงถาม แม้ผมกับพี่ไอริณจะพอรู้จักกันบ้างเนื่องจากมีตำแหน่งเดียวกัน(คฑากร)แต่ก็ไม่ได้สนิทถึงกับมาทักทายกันถึงห้อง



   ต้องมีธุระสำคัญแหง...



   ใบหน้าสวยฉายแววลำบากใจชั่วครู่ก่อนเธอจะเอ่ยถามอย่างเลี่ยงๆ”น้ำเงินอยู่กับเพื่อนแค่สองคนเหรอจ๊ะ แล้วคนอื่นๆหละ”



   “ยังไม่มาครับ พวกที่เหลือเป็นจอมมาสายทั้งนั้น”ถ้าไม่มีการบ้านต้องลอกผมก็มาสายครับ ทั้งกลุ่มก็มีแค่ไอ้ไอซ์บ้านไกลคนเดียวที่มาเร็ว แม้แต่ซีซีที่ดูเรียบร้อยก็ขี้เซาตัวพ่อ



   “เหรอจ๊ะ แล้วพอจะรู้ไหมว่าเพื่อนจะมาเมื่อไหร่”พี่ไอริณถามอย่างไม่เจาะจง เธอดูพิรุธมากเสียจนผมเริ่มเอะใจ



   “เช่นใครหละครับ”ผมถามหยั่งเชิง ร่างบางถึงกับกระตุกกับคำถามของผม



   “เอ๋!?”



   “ก็ถ้าพี่ไม่ระบุชื่อผมจะบอกให้ได้ยังไงหละครับว่ามันจะมาเมื่อไหร่”คุณเธอเริ่มเหลือบซ้ายแลขวาหาทางออก เห็นอาการวิตกแบบนั้นของเธอแล้วผมก็เริ่มใจอ่อน



   “ซีซีมาก่อนเข้าแถวสักสิบนาที อาร์ตกะปอจะขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดหน้าประตูโรงเรียนพอดีกับเสียงสัญญาณเข้าแถว ส่วนแชคจะมาหลังจากเข้าแถวเสร็จหรือไม่ก็มาหลังคาบแรกเลย แต่วันนี้คาบแรกคือพละมันไม่น่าโดดวิชานี้ถ้าจะมาหามันหละก็ไปหาได้ที่โรงยิมหรือรอพักกลางวันก็ได้ครับ”ผมบอกอย่างละเอียดโดยเฉพาะคนหลังสุดละเอียดเป็นพิเศษ...



   ถึงจะไม่รู้ว่ามาหาใครก็เถอะแต่เซ้นส์มันบอกว่าต้องเป็นแชคแน่ๆ...



   “อ้อออออ โอเค...ขอบคุณมากน้ำเงิน เจอกันงานกีฬานะจ๊ะ”พี่ไอริณยิ้มก่อนโบกมือลาผมเล็กน้อยก่อนเดินออกจากห้องไป
   ผมเองก็อดยิ้มตามท่าทางแบบนั้นของเธอไม่ได้ เพิ่งอกหักมาแท้ๆกลับยิ้มออกมาได้สวยขนาดนั้น เห็นพี่สบายดีแฟนคลับอย่างผมก็สบายใจ...ถึงแม้ว่าผู้ชายที่หักอกพี่กำลังตามจีบผมอยู่ก็ตาม...



เห...เดี๋ยวนะ...มันแปลกๆ



พี่ไอริณชอบเปลว เปลวชอบผม ผมชอบ(ปลื้ม)พี่ไอริณ...สถานะของพวกเราเอามาโยงคร่าวๆแล้วได้ประมาณนี้รึป่าว!?



เห้ยยยย...แล้วยังไงหละนั่น!? คือกูต้องรู้สึกกระดากหรือรู้สึกผิดเวลาคุยกับพี่เขาใช่มั้ย?



“น่าอิจฉาหวะ ได้คุยกับพี่ไอริณด้วย น้ำเงินได้คุยกับพี่ไอริณ”มึงจะพูดซ้ำสองรอบทำไมวะไอซ์



.



.



คาบพละผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว มีเหตุการณ์สำคัญอยู่สองสามฉาก ฉากแรกคืออาร์ตกับปอที่กะเวลามาพลาดเลยโดนกักให้วิ่งรอบสนามอยู่หน้าโรงเรียน ฉากที่สองคือพวกมันวิ่งไปอู้ไปเลยวิ่งเสร็จช้าทำให้มาเข้าเรียนคาบพละช้าทำให้ถูกทำโทษให้วิ่งรอบโรงยิมอีกเด้งนึง...สมน้ำหน้าพวกโง่มัน ผมนี่หัวเราะเยาะคนจนเหนื่อยเลยครับ...



ส่วนฉากที่สามจะนับเป็นฉากก็คงไม่ได้เพราะ เหตุการณ์ที่ว่าก็คือพี่ไอริณไม่ปรากฏโฉมมาเยือนแชคแม้แต่เงา...หรือเซ้นส์ของผมจะพลาด เอาเถอะยังไงก็ไม่ใช่ธุระกงการของผมตั้งแต่แรกแล้ว



ตอนนี้ผมและคณะกำลังรอเรียนคาบต่อไปอันเป็นวิชาภาษาอังกฤษซึ่งผู้สอนเป็นหนุ่มจบใหม่ไฟแรงสตรีทั้งหลายวาดฝันไว้เต็มเปี่ยมว่าต้องเป็นหนุ่มหล่อเพียงเพราะโปรไฟล์ดีกรีเรียนนอก...



ปล่อยผู้หญิงเขาฝันกันไปครับ ผู้ชายมีน้อยผมเข้าใจแม้ว่าครูบาอาจารย์เป็นบุคคลที่นักเรียนควรนินทา...เอ๊ยย เคารพบูชา แต่ขอกรี๊ดบ้างอะไรบ้างก็ถือเป็นสีสันในการเรียนของสาวๆและตุ๊ดสี่เหล่าของห้องผม



ตุ๊ดสี่เหล่าเป็นสมญานามของบุรุษงามประจำห้องผมครับ ไอ้แสบแชคเป็นคนตั้งให้เหตุผลคือตุ๊ดทั้งสี่ถึกเสียยิ่งกว่าชายแท้อย่างกลุ่มผมและมีสี่คน...บางอารมณ์มันก็เรียกจตุรตุ๊ด เหตุผลหลักเลยคือพวกนางดำถึกประหนึ่งผ่านการฝึกภาคสนามมาตั้งแต่อนุบาล แต่ไม่ว่ามันจะเรียกพวกนางว่าอะไรผลก็คือโดนด่าไม่ต่างกัน



“แกๆ วันนี้ฉันปัดมาสคาร่ามาด้วยสวยมั้ย เตรียมมาไล่ต้อนอุ๊ย! ต้อนรับครูใหม่เต็มที่เลยนะ”ตุ๊ดทัพบกกล่าวกระดี๊กระด๊า



“ต๊ายยย นั่นขนตาหรือกันสาดคะ อาจารย์เขาเห็นแกเขาคงวิ่งเข้าไปหลบฝนละไม่ว่า หิ๊หิ๊หิ๊หิ๊”เสียงหัวเราะทุเรศชิบ ตุ๊ดทัพอากาศที่นั่งถัดออกไปได้ยินตุ๊ดทัพบกคุยกับเพื่อนสาวเลยพูดขัดแข้งขัดขากันเอง



“แต่ฉันว่าจารย์แกน่าจะวิ่งหลบมันมากกว่านะ โฮ๊ะโฮ๊ะโฮ๊ะ”ตุ๊ดกรมตำรวจร่วมวง



“หนอยอีดำ เมื่อกี้แกว่าไงนะ!?”คนโดนรุมเริ่มมีน้ำโห ตุ๊ดทัพบกลุกขึ้นตบโต๊ะดังฉาด



เรื่องก็คือเหล่าเทยทั้งสี่ไม่ถูกกันเท่าไหร่นัก...เรียกว่าไม่ถูกกันเลยจะดีกว่า เจอหน้ากันก็ฉะกันตลอดไม่เข้าใจจริงๆว่าจะตีกันไปทำไม ก่อสงครามกันตลอดแถมยังหน้าไม่อายเรียกว่าสงครามนางฟ้าอีก ผมนี่อยากจะถุยสักรอบแต่เกรงบารมีพวกนาง



“สวัสดีทุกคน นั่งที่ให้เรียบร้อยด้วยครับ”ก่อนที่สงครามจะเกิด เสียงของราชฑูตอิมพอร์ตจากนอกก็ดังขึ้นขัดตราทัพเสียก่อน ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำนายซอยเป็นทรงประดับเสริมให้ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นทวีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมานับรวมกับร่างกายกำยำอย่างคนออกกำลังกายแล้วผลลัพธ์ที่ได้คือ



“กรี๊ดดด...หล่อมาก”เสียงกรี๊ดเบาๆอย่างพยามอั้นความดีใจไว้ของฝูงชะนี้แท้เทียม



อาจารย์คนใหม่ปรากฏกาย!!สร้างเสียงฮือฮาภายในห้องได้อย่างดี



“ทะ...ทำความเคารพ”ไอซ์ที่ติดสตั๊นไปแล้วสะดุ้งด้วยศอกของซีซีที่กระทุ้งเข้าที่สีข้างเรียกสติให้กลับมาทำภารกิจหัวหน้าชั้น



“สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ”



“เห็นไหมกูบอกแล้วว่าหล่อ”ไอ้แชคหันไปเย้ยอาร์ตกับปอที่ทำหน้าผิดหวังอยู่ ผมขอเดาว่าพวกมันคงพนันกันเรื่องหนังหน้าของผู้สอนคนใหม่...ท่ามกลางความยินดีของสาวๆในห้องและความผิดหวังของผู้ชายนั่นเอง...ตัวผมเหมือนจะตัดขาดจากสัญญาณใดๆภายนอกไปโดยสิ้นเชิง



เมื่อใบหน้าแสนคุ้นเคยนั้นยังประทับอยู่ในความทรงจำ...ตนและชายหนุ่มตรงหน้าเพิ่งพบกันเมื่ออาทิตย์ก่อน



ด้วยภารกิจที่ท่านหญิงแม่มอบหมาย...



ผู้ชายคนแรกที่นายน้ำเงินเอ่ยปากจีบกลางห้าง



“พี่เอิท!!”



เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง เสียงไม่ดังไม่เบาที่หลุดจากริมฝีปากผมนั้นเข้ากระทบโสตประสาตของร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าชั้นได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ก็ในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาน้อยเสียเมื่อไหร่...ทั้งอย่างั้นพี่แกก็ยังได้ยินและเลื่อนสายตามาประสานกัน...



“สวัสดีครับ ผมอาจารย์คัมภีร์ จะมาสอนวิชาอังกฤษของพวกคุณตั้งแต่วันนี้ขอฝากตัวด้วยนะ”



.



.



 “...น้ำเงินจ๊ะ...”เสียงของคุณแม่ที่รักดังผ่านเครื่องมือสื่อสารนามโทรศัพท์ ช่วงเวลานี้เป็นพักกลางวันอันสงบสุขของเหล่านักเรียน...คนอื่นๆยกเว้นผมอะนะ



จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา การโทรหาของมารดานั้นไม่มีเรื่องดีเกิดตามมาเลยสักครั้ง...ครั้งนี้ก็เช่นกัน “มีอะไรครับแม่...”



“ลูกยังจำพี่เอิทลูกชายเพื่อนแม่ได้ไหม”แม่ครับ ช้าไปแล้วครับ ไม่บอกเอาตอนปิดเทอมไปเลยหละ



“ครับ วันนี้พี่เค้ามาสอนห้องผมด้วย”ผมตอบไปตามตรง



“อ๋อออ บังเอิญจังพี่เค้าได้สอนห้องเราเหรอเนี่ย พอดีเลยแม่มีเรื่องจะรบกวน...”นั่นไงมาละ คิดไว้ไม่มีผิด กูซวยทั้งปี



“อะไรเหรอครับ”แต่ด้วยความเป็นลูกผู้ชายยอดกตัญญูผมเลยต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้



“แม่อยากให้เราเก็บ’เรื่อง’ของพี่เค้าเป็นความลับเพราะถ้ามีใครรู้เข้าคงไม่ดีมีผลต่ออาชีพการงานแน่ แล้วก็ช่วยสังเกตุพฤติกรรม
พี่เค้าแบบห่างๆ เอิ่ม...จะพูดยังไงดีหละ ไม่ได้ให้ไปจับผิดพี่เขานะ แต่ให้คอยดูเผื่อพี่เค้ามีปัญหาอะไรหรือแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็อยากให้ช่วยปรามแบบอ้อมๆนะจ่ะ”



“จะพยามแล้วกัน แต่ไม่รับรองผลนะ”



“ไม่เป็นไรๆ เพื่อนแม่เขาแค่เป็นห่วงไม่ได้ต่อต้านอะไรพวกนี้หรอกแค่เขาเตือนด้วยตัวเองไม่ได้เพราะตัวลูกชายเขายังไม่ได้บอกกับแม่เขาตรงๆ คนเป็นแม่เลยได้แต่กลุ้มอกกลุ้มใจ”จากนั้นแม่ก็วางสายไปทิ้งให้ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน



คาบบ่ายวันนี้ไม่มีการเรียนการสอนปออาร์ตไปทำหน้าที่พิธีกร แชคที่ถ่ายรูปเก่งก็ได้รับมอบหมายให้ถ่ายภาพบรรยากาศภายในงาน ส่วนซีซีกับนาวเห็นว่าได้รับรางวัลนักเรียนตัวอย่างอะไรสักอย่างต้องไปต่อแถวรวมกับพวกรอรับเกียรติบัตรเหลือเพียงผมโดดเดี่ยวเปลี่ยวใจแต่เพียงผู้เดียว



เอาไงดีวะ...



นั่งทนทำพิธีสักสองสามชั่วโมงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรมากมายแต่ถ้าตัดพวกเพื่อนๆผมออกไปก็เหลือแค่ผมกับสี่เทยที่เรียกว่าเป็นเพศชาย ทั้งแถวมีอยู่ห้าคนแถมเป็นตุ๊ดไปสี่...โดนเด็กห้องข้างๆแซวแหง



ทางหนีทีไร่ซึ่งคิดออกตั้งแต่แรกแล้วแต่ยังชั่งใจลังเลอยู่จึงเป็นทางออกสุดท้ายสำหรับผม...ไปหาเปลวดีกว่า...






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ชื่อตอนควรเป็นพระอาทิตย์กลางฤดูร้อนกับบทพระเอกที่หายไปมากกว่านะคะ 55555555


ตอนต่อจากตอนนี้คุณพระเอกค่าตัวแพงของเราก็ยังไม่ถึงคิวออกฉากอีกเช่นเดิม(ฮา)


แล้วตอนหน้าใครจะมีบทกันหละ? น้ำเงินเหรอ? หรือสมชาย? หรือซีซี หรือแชค เห...หรือว่าจะเป็นฟงกันน้ออออ  :z2:



ปล. อยากทำสารบัญจัง เร็วเกินไปมั้ยที่จะทำ :o8:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 14-03-2015 15:38:02
ขอจับคู่ฟงพี่เอิทเลยละกันนะคะ หาคู่ให้ฟงมานาน  :hao6:
จะมาวุ่นวายน้องน้ำเงินให้พระเอกค่าตัวหลายล้านแต่บทน้อยหึงหรือเปล่า  รอติดามนะคะะะ คนเขียน  :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 14-03-2015 16:12:31
น้องน้ำเงิน คิดอะไรไม่ออก ก็หาเปลวตลอด ๆ เลยน้า  :o8:
น้องน้ำเงินจะไปหาเปลว แต่ตอนหน้าเปลวก็ยังไม่ได้โผล่เหรอเนี่ย
พระเอกเราหายไปไหน แอบซุ่มคิดหาวิธีจีบน้ำเงินหรือไรกันคะ

พี่เอิท บุคคลที่เราคิดว่าเป็นตัวประกอบ ออกแค่ตอนเดียวนะนั่น 555
คุณพี่เอิท มาเป็นครูหนุ่มสุดฮอททั้งที ต้องหาคู่ให้พี่เอิทด้วยนะ เอาใครดีล่ะ
เชียร์ฟงได้ไหมอ่ะ ตอนแรกกะเชียร์ฟงกับสมชาย พอพี่เอิทโผล่มา
อยากจับฟงไปเป็นเคะให้พี่เอิทแทนซะแล้วสิ ส่วนซีซี เรายังคงจิ้นคู่แชคต่อไปนะ

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-03-2015 18:03:45
คิดถึงนายเปลวสุดหล่อ พระเอกหาย 555
พี่เอิร์ทคะ เดี๋ยวต้องจีบน้องแน่ๆ ชัวร์

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 14-03-2015 18:55:33
พี่เอิทโผล่มาทำไมเนี่ย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-03-2015 00:34:42
พี่เอิทจะมีบทบาทอะไรในเรื่องบ้างน้อ

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 15-03-2015 00:38:20
ตัวกระตุ้นที่โผล่มาให้พระเอกกับนายเอกเกิดอุบัติรักขึ้น ปรากฎกายแล้ววววว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 15-03-2015 06:35:00
คุณแม่จะส่งน้ำเงินเข้าปากพี่เอิทแทนไหมอ่า อิอิ
เปลวอย่าชะล่าใจนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 15-03-2015 14:57:41
น้ำเงินนนน กับภารกิจเฝ้าดูพี่เอิทมาอีกครั้งๆๆ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 15-03-2015 21:25:10
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-03-2015 22:38:33
สนุกจัง มาตามอ่านด้วยคน
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: INNAOM ที่ 16-03-2015 03:04:42
พี่เอิท....   ซวยละน้ำเงิน   :m20:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 14/03/15 [ บทที่ 9 ] เรื่องที่ไม่ควรจะเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 16-03-2015 15:47:00
งานเข้าอีกแล้วสินะ 55555555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 20-03-2015 17:53:20




บทที่ 10 part1 ฟงแปลว่าลม




ฟง side




งามไส้มากกไอ้เพื่อนเวร ไอ้เชี่ยเปลวมึงทิ้งกูมึงจำไว้เลย...



แสงแดดจ้ายามบ่ายโมงครึ่งแผดเผาตกกระทบผิวกายสีขาวผ่องของนักเรียนผู้กำลังดำเนินการโดดเรียนเพียงลำพัง ความร้อนแรงของพระอาทิตย์ไม่อาจทำให้สีผิวของเจ้าตัวหมองคล้ำลงแม้แต่น้อยกลับกันมันยังช่วยขับเน้นความสว่างให้เจ้าตัวมีออร่าประดับอยู่รายรอบ เหล่าผู้คนที่เดินผ่านต่างก็เหลือบมองความเด่นตามธรรมชาติของเด็กหนุ่มอย่างเผลอไผล



หากแต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับบูดบึ้งอย่างคนอารมณ์เสีย...



ช่วงบ่ายวันนี้โรงเรียนงดการเรียนการสอนกะทันหันเนื่องจากมีพิธีอำลาผอ.และอาจารย์อีกหลายๆท่าน ตามกำหนดการเดิมต้องจัดหลังสอบปลายภาคเสร็จแต่มันก็ถูกเลื่อนขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้ ทำให้เมื่อวานนี้ที่โรงเรียนวุ่นวายกันยกใหญ่
แล้วยังมีไอ้งั่งที่ทำอะไรไม่ดูสถานการณ์เพิ่มความโกลาหลให้โรงเรียนด้วยการ’ร้องเพลงจีบกันข้างบ่อน้ำ’



บรรยากาศดี เพลงเพราะ คนร้องคนเล่นหล่อ โรแมนติคตายห่าหละมึง ไอ้ประธานแทบจิกหัวกูตายข้อหากูเป็นเพื่อนมัน เจริญเถอะจะด่ามันที่เปิดอีเว้นท์ไม่ดูเวล่ำเวลาก็ไปด่าเจ้าตัวสิด่าเพื่อนมันทำไม



เท่านั้นไม่พอวันนี้ไอ้เชี่ยเปลวยังไม่ยอมโดดออกมาพร้อมกัน ปั้นหน้าเป็นพระเอกเข้าหาน้ำเงินเฉิบ



จ้า...เอาที่สบายใจเลยจ้า...กูงอนก็เรื่องของกูจ้า



ตอนพักเที่ยงผมชวนมันออกมาด้วยกันแต่มันปฏิเสธบอกว่าไม่ว่าง ไอ้เราตอนแรกก็คิดว่าจะเด็กดีอำลาผอ.ที่ไหนได้พากันปีนรั้วออกไปก่อนกูอีกจ้า



ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือเดินเตะฝุ่นเรื่อยเปื่อยอไร้จุดหมาย หากไปเดินห้างก็คงโดนสารวัตนักเรียนจับ หากกลับบ้านก็คงโดนป๊าไล่กระทืบ ปกติเวลาโดดเรียนจะไปอยู่ที่บ้านเปลวเพื่อนรักที่ตอนนี้เป็นแค่ไอ้เลวเปลวไปแล้ว



“นี่เธอ...ไปด้วยกันหน่อยสิ”เสียงทุ้มแหบเรียกสติที่กำลังฉุนเฉียวคิดถึงเพื่อนรักเพื่อนแค้นให้หันไปมองอย่างหงุดหงิด
เมื่อหันไปก็พบเข้ากับชายวัยทองคนหนึ่งใบหน้าหมองคล้ำสวมเสื้อผ้าเก่าๆ มือกร้านเอื้อมมาจับแขนขาวเอาไว้ มือข้างนั้นชื่นเหงื่อ เหนอะหนะและน่าขยะแขยง...



เมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองเดินเหม่อเข้ามาในซอยแคบๆเสียแล้ว...




“อะ...อะไรเนี่ยลุง”สะดุ้งตัวหนีตามสัญชาติญาณ เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มเชื้อสายจีนมาก่อนทำให้เจ้าตัวตื่นตระหนกไม่น้อย ออกแรงดึงแขนหนีห่างอีกฝ่ายออกมา



ทว่าชายวัยกลางคนกลับออกแรงยื้อเอาไว้ทำให้สะบัดออกไม่หลุดมิหนำซ้ำยังโดนดึงเข้าไปใกล้ขึ้นอีก



“จะปล่อยดีดีหรืออยากโดนตีน!?”ส่งเสียงขู่ถามรอดไรฟัน เวลานี้เส้นความอดทนของเขาขาดผึงเรียบร้อย



คำขู่ไม่เป็นผล นอกจากจะไม่กลัวแล้วอีกฝ่ายยังเคลื่อนกายเข้ามาใกล้หายใจหอบฟืดฟาดน่ารังเกียจ กลิ่นเหล้าลอยคลุ้งทำให้รู้ทันทีว่าชายตรงหน้ากำลังเมามาย...งั้นไม่เกรงใจละนะ...



โครม!



ขาขาวๆถีบเข้าท้องลุงโรคจิตเต็มแรง คนอย่างนายฟงคิดจะจีบใครก็ติดแต่อย่าริเป็นฝ่ายรุกก่อนไม่งั้นมีเจ็บ ร่างผอมเกร็งชนเข้ากับเก้าอี้ไม้เก่าๆหน้าบ้านหลังหนึ่งเกิดเสียงดัง โดยไม่รอช้าเด็กโดดเรียนรีบหันหลังใส่เกียร์หมาวิ่งหนีทันที



ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ ถ้ามาตัวตัวละก็ไม่แพ้แน่ แต่คนแบบนี้ต่อยไปก็มือช้ำเปล่าๆอย่าไปยุ่งจะดีกว่า



หมับ!



ทว่าก่อนจะได้ก้าวขาด้วยซ้ำมือของบุคคลที่สามก็เอื้อมมาคว้าแขนข้างเดิมออกแรงกระชากจนเซล้มหน้าทิ่ม



“เฮ้ย!! ไอ้เหี้ยอะไรเนี่ย!?”ฟงพยามใช้ตีนยันร่างท้วมที่พยามขึ้นมาคร่อมให้ถอยออกไปแต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันเกินไปทำให้เขาสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้



“จะทำอะไรกันวะเนี่ย!?  ไอ้เหี้ย!! ไอ้ชิบหาย!! กูผู้ชายนะมึงแหกตาดูหน่อย ถนนก็ไม่ได้มืดนะมึงเห็นหน้ากูใช่มั้ยนี่ตัวผู้...อั่ก!! แค่กๆ”โดนต่อยท้องเข้าอย่างจังทำให้เสียงหายไปไหนหมดก็ไม่รู้



“หุบปากซะไอ้หนู ขาวขนาดนี้จะผู้ชายกูก็ไม่เกี่ยงหรอก”เสียงหน้ารังเกียจตอบกลับมา แขนเรียวขาวถูกไอ้คนที่ถีบออกไปตอนแรกจับตรึงไว้เหนือหัว ส่วนไอ้อ้วนคนหลังก็เลื่อนมือหยาบไปปลดกระดุ้มเสื้อนักเรียนทีละเม็ด...ทีละเม็ด



เพราะมึงเลย เหี้ยเปลว!! มึงทิ้งกูไปหาเพื่อน ไอ้เหี้ยไม่เอานะแบบนี้ ถ้าฝันอยู่ก็ตื่นเถอะ ขยะแขยง...เอามือสกปรกของมึงออกไปจากตัวกูเดี๋ยวนี้นะ



“ปล่อย!! ไอ้เหี้ย!! ไม่เอา กูไม่อยากโดนแบบนี้ ไอ้เหี้ยเปลว!! ช่วยด้วย!!!!!”แหกปากร้องอย่างตื่นตระหนก สติตอนนี้ลดทอนเหลือเศษเสี้ยว ร้องหาเพื่อนที่ไม่มีทางได้ยิน...ร้องให้มาช่วย...



เสื้อเชิ้ตสีขาวบางถูกปลดออก ผิวสีขาวนวลผุดผ่องเผยเย้ายวนสายตาผู้กระทำ กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินขาสั้นตามสมัยนิยมกำลังถูกคุกคาม



ในซอยที่ไม่มีรถผ่าน ไม่มีแม้แต่บ้านคนนอกจากบ้านหลังที่อยู่ตรงหน้าซึ่งคิดว่าเป็นของไอ้สองคนนี้ ทำไมกูถึงได้เสร่อเดินเข้ามาวะ...



“เข้าข้างในไหม เดี๋ยวมีคนผ่านมา”เพราะเป็นกลางวันแสกๆ ชายร่างผอมจึงเอ่ยปากเพื่อความปลอดภัย เวลาเสพสุขจะได้ไม่มีใครมารบกวน



“อืม...ก็ได้”ร่างท้วมผ่อนแรงที่กดทับเด็กหนุ่มเอาไว้ แต่ก่อนที่จะลากตัวเหยื่อเข้าไปในบ้านยังไม่วายยื่นหน้าเข้ามาสูดดมกลิ่นหอมเย้ายวนตรงซอกคอ คนถูกกระทำเบือนหน้าหนีกัดฟันแน่น...



ทันทีที่วิตถารทั้งสองลุกขึ้นจัดแจงลากเขาเข้าไปด้านในนั้นเอง ก็ได้โอกาสสะบัดหลุดจากการเกาะกุมออกแรงถีบคนผอมกระเด็นอีกรอบก่อนวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมานั้นไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่ แต่เขามั่นใจในฝีเท้าตัวเอง นอกจากจะวิ่งเร็วแล้วฝ่ายที่ตามมายังตัวอ้วนขนาดนั้น...



หนทางรอดอยู่เพียงแค่เอื้อม...



หายไปในพริบตาเมื่อวิ่งมาได้ไม่นานก็พบเข้ากับทางตัน...”ชิบหาย ซอยตันเหรอวะ!?” ตรงหน้าคือกำแพงขนาดใหญ่



“ไอ้เด็กเวร หยุดเดี๋ยวนี้ กลับมาให้กูเยซะดีดี” ไอ้อ้วนนั่นเสือกวิ่งเร็วกว่าที่คิด



ทำไงดี ทำไงดี...จะสู้หรือจะหนี...หากเป็นการคุกคามหาเรื่องกันตามปกติคนอย่างฟงไม่มีทางกลัว ต่อให้อีกฝ่ายหมาหมู่รุมกระทืบเขาก็สามารถต่อกรได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน แต่ครั้งนี้ต่างออกไป...



เด็กน้อยอายุสิบเจ็ดสติแตกกับเหตุการณ์ตรงหน้า เสื้อเชิ้ตสีขาวพัดไปตามแรงลมกระดุมที่ยังไม่ได้ติดทำให้คอเสื้อตกลงเห็นไหล่ขาวเนียน...



วินาทีที่ผู้ร้ายมาถึงตัว ประตูเล็กๆที่อยู่มุมขวาของกำแพงใหญ่ตรงหน้าก็เปิดออก หากมองให้ดีอีกครั้งก็พบว่าด้านหน้าคือรั้วหลังบ้านขนาดใหญ่ของใครสักคน ผู้ที่คิดว่าเป็นเจ้าของบ้านย่างกรายออกมามองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาอ่านยาก



“เอะอะอะไรกัน”เสียงทุ้มพูดกร้านๆอย่างไม่พอใจ การที่เขาวิ่งมาพลางแหกปากมาพลางคงสร้างมลพิษทางเสียงให้บ้านเรือนสองสามหลังตามทางไม่น้อยแต่ก็ไม่มีใครคิดจะเปิดประตูออกมาสักคน...ยกเว้นคนคนนี้...



ดวงตาคู่เรียวเงยขึ้นสบนัยน์ตาสีเข้มฉายแววจริงจัง จมูกโด่งสันกับคิ้วเรียวเข้มที่ขมวดลงมากลางหน้าผากทำให้ใบหน้าหล่อๆนั่นดูดุกว่าคนอื่นเขาอยู่โข



“ช่วยด้วย!!”ฟงรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังตัวสูงๆของคนคนนี้ทันที



มือเรียวออกแรงผลักพลดีเมืองดี(จำเป็น)ออกไปเผชิญหน้าขยะสังคมอย่างเก็บความยินดีเอาไว้ไม่มิด “ไม่ได้แอ้มกูหรอกไอ้อ้วน”พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข กูรอดแล้ว...



คนโดนผลักหันมามองอย่างพยามลำดับเหตุการณ์ไล่มองเด็กแสบด้านหลังกับชายท่าทางเสียสติตรงหน้า ก่อนจะได้ข้อสรุปไอ้เด็กแสบก็โผล่ออกมากจากหลังตนเมื่อเห็นชายคนดังกล่าวขยับหนี



ไอ้อ้วนนั่นทำท่าจะถอยไปตั้งหลักแต่ก็ไม่ทันกูหรอก กูมีพวกแล้วถึงจะไม่รู้ว่าเขาอยากเป็นพวกกะกูมั้ยก็เถอะ มึงตาย ไอ้ควาย อย่าอยู่เลย!!



“ตาย!! มึงไม่ตายก็พิการหละงานนี้!!”ได้ทีวิ่งเข้าไปกระชากคือเสื้อผู้ร้ายเข้ามาต่อยจนเซล้มหงายจากนั้นก็เหยียบหน้าแม่งซ้ำไปอีกหนึ่ง! สอง! สาม! สี่! ทีแรงๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวอยู่แล้วยับยู่อาบเลือดดูไม่ได้หนักกว่าเดิม ความแค้นทั้งหมดระบายออกทาง
ปลายเท้า



ก่อนที่จะมียกต่อไปฝ่ามือแกร่งก็เอื้อมมาจับบ่าขาวข้างที่เสื้อตกลงไปถึงข้อศอกแล้วเชิงห้าม



“ใส่เสื้อให้เรียบร้อยก่อน”เสียงเข้มๆนั่นเอ่ยปรามก่อนจะมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นแทนคดีข่มขืนหลังบ้านตัวเอง



เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างตั้งสติ อารมณ์เริ่มหดกลับมาระดับเดิมใจที่เต้นตูมตามแทบระเบิดอยู่ในอกซ้ายเมื่อครู่กลับมาเต้นตามจังหวะเดิมได้อย่างน่าประหลาด...ความตื่นกลัวและความโมโหเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว



“อะ...ขอบคุณครับ”หันไปบอกผู้ช่วยชีวิตอย่างซาบซึ้ง เอิ่ม...ตามจริงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ มีแค่ผมนี่แหละช่วยตัวเองทั้งนั้นแค่เสือกสำออยผิดเวลาไม่สู้ตั้งแต่แรก แต่ก็เอาเถอะถ้าไม่มีเค้าผมคงไม่กล้าฮึดขนาดนี้



“คนเดียวเหรอ”มือใหญ่คว้าคอเสื้อของร่างไร้สติขึ้นจากพื้น



“มีอีกคน ไม่รู้ยังอยู่บ้านมันรึ...ป่า..ว”ผู้เสียหายตอบกลับไปปลายเสียงยังสั่นอยู่หน่อยๆ



“เดี๋ยวพาไปโรงพัก ตามมาสิ”ตาตี่ๆฉายแววดื้อรั้นของฟงสบเข้ากับตาคมๆเข้มๆฉายแววดุดันนั่นก่อนจะเดินตามไปอย่างอิดออด...ไม่อยากทำให้เรื่องราวมันใหญ่โต เด็กนักเรียนผู้กลัวโรงพักจำใจยอมเพราะไม่อยากปล่อยให้คนหื่นกามลอยนวล เกิด
มันคลั่งไปรุมโทรมใครเข้าอีกคงไม่ดี



กลิ่นบุหรี่จางๆลอยมาเตะจมูก ดวงตาคมเลื่อนมองลงมาเหมือนอาจารย์ฝ่ายปกครองจับเด็กจอมแก่นหน้าเสาธงไม่มีผิด บรรยากาศระหว่างเดินย้อนกลับไปต้นซอยช่างน่าอึดอัด



“เอ่อ...คือ...”ฟงพูดเสียงอ่อยอย่างคนกลัวโดนดุ แม้ยังไม่รู้ทำอะไรผิดก็เถอะ



“ขอโทษครับ”เจอสายตาแบบนั้นเข้าไปแล้วไม่ขอโทษมันอยู่ไม่ได้จริงๆ ความเจ้าเล่ห์ที่คอยใช้แกล้งชาวบ้านหายต๋อมไปกับสายลม



“สมน้ำหน้า อยากโดดเรียนมาเดินในที่เปลี่ยวๆเอง”



“เอ๊ะ!! ก็ผมนะ...”



“อยู่โรงเรียนอะไร?”



“หา?”




“ผมกำลังถามคุณว่าคุณมาจากโรงเรียนอะไร”พูดเสียงปกติแต่ทำคนฟังหนาวไปถึงไขสันหลัง



“โรงเรียน.........ครับ”ตอบหน้าเจื่อน ถ้าเปรียบกับหมาก็คงเป็นหมาพันธุ์โกลเด้นที่นั่งหงอยหูตกถูกเจ้านายทิ้ง



“อืม ดี”ร่างสูงตอบเสียงเรียบใช้มือข้างที่ไม่ได้ลากผู้ต้องหาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตและเข้าไปยังเว็บไซต์ข้อมูลโรงเรียน








“ผมจะโทรแจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาให้ไปรับช่วงต่อที่โรงพัก”













+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ปิดหน้าเขิน(เพื่อ?)


สำหรับบทนี้ คนแต่งมีเรื่องจะพูดแค่อย่างเดียว คือ...


ฟงไม่เมะนะคะ  o18
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-03-2015 19:13:34
น้องฟงไม่เมะ แต่หนูแมนมาก กระทืบไอ้บ้ากามซะเละเลย o13
แต่ตอนเขาชวนน่ะ ทำไมใจง่ายไปกับเขาล่ะลูก เกือบไปเลยเห็นไหม น่าจะโดนผู้มีพระคุณ(?)ตีก้นซักที 2 ที :laugh:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 20-03-2015 19:51:46
หนุ่มปริศนาคนนั้นคือใครน้า พี่เอิทรึป่าว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-03-2015 20:25:44
อ้าว หนูฟงเป็นเคะเหรอลูก 555555

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-03-2015 23:03:44
ตายละ นึกว่าน้องฟงเมะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 21-03-2015 09:19:20
ฟงฟง เกือบไปแล้วเชียว ฟงโดนป้ายยาหรือเปล่าอ่ะ ถึงเดินตามไปง่าย ๆ
แต่ฟงก็บู๊เก่งนะ เอาตัวรอดได้ ยิ่งพอมีพวก(ที่แค่ยืนดูเฉย ๆ ) ก็ยิ่งบู๊กระจายเลย
ถึงพี่หล่อ จะแค่ยืนดูเฉย ๆ แต่ก็ถือว่ามีบุญคุณอ่ะนะ ถ้าพี่ไม่มีน้ำใจโผล่มาดู ฟงก็คงแย่
ตกลง ฟงฟงของเราเจอเนื้อคู่แล้วสิน้า  :o8:  จริง ๆ ก็รู้สึกล่ะ ว่าฟง เหมาะกับเคะนะ
แบบตี๋ ๆ ขาว ๆ ขี้อ่อยเนี่ย เหมาะกับหนุ่มหล่อคมเข้มจริงจัง หน้าดุ
ยิ่งเป็นหนุ่มน้อยลอยลมไปเรื่อยเจื้อยอย่างฟง สมควรมีคนมาปราบที่สมน้ำสมเนื้อ
อยากอ่าน ฟงต่ออ่ะคะ ชอบฟง  :impress2: โดนพี่หล่อจับส่งอ.ที่ปรึกษา ฟงจะโดนอะไรบ้าง
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-03-2015 11:17:23
ทำไมพี่ฟงเป็นงี้ ก่อนนี้นึกว่าเป็นอภิมหาเมะอยู่เลย
แล้วอยู่ ๆ จะกลายเป็นเคะซะฉิบ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-03-2015 20:53:44
โย้ว คนขาวทำไรก็ลำบาก ใครเห็นก็ชอบค่ะ น้องฟงตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก คงเพิ่มเวลางอนเพื่อนเปลวอีกหลายวัน
แหม่ เจอพี่คนนี้เข้าไปน้องก็คงเมะไม่ไหว ขานั้นเข้มโหดดุ น่าเอามาเป็นแฟนมากค่า

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 24-03-2015 16:02:54
ฟงฟงของชั้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/03/15 [ บทที่ 10 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 24-03-2015 17:27:47
เดี๋ยวๆ เดี๋ยวเจอ 'อวิ๋น แปลว่าเมฆ' ขึ้นมานะครับ

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 25/03/15 [ บทที่ 10.2 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 25-03-2015 15:04:29
สารภาพบาป...


คือความจริงแล้วตอนของฟงมันควรจะเป็น partเดียวกัน


แต่เก๊าลงผิด เก๊าลงไม่ครบ เก๊าขอโต๊ดดด วันนี้เค้าลงมาจนครบแล้ว ตอนหน้าเปลวมาแล้วนะ TvT





บทที่ 10 part2 ฟงแปลว่าลม




“อย่าทำอย่างงั้นนะ ขอร้องหละพี่ชาย ผมยังไม่อยากโดนสุชาติฆ่า”โดดเรียนออกมาไม่พอยังก่อคดีอย่างงี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต ฟงเกาะแขนพยามยื้อแย่งมือถือออกจากมืออีกฝ่าย



“คิดดูนะ ถ้าอาจารย์รู้แล้วเรื่องมันก็มีโอกาสหลุดไปถึงหูพวกนักเรียนได้ใช่มั้ยหละ มีเพื่อนคนนึงชื่อแชคไอ้นี่อ่ะนะสืบข่าวเก่งยิ่งกว่า CNN ซะอีก ไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้ต้องถึงหูมันแน่ๆ พี่ชายคิดดูสิ!! ผมจะอยู่ยังไง เป็นผู้ชายแท้ๆดันเกือบโดนผู้ชายด้วยกันรุมข่มขื่น โดนล้อยันลูกบวชแหง!!!!”



ความจริงข่าวเสียๆหายๆแบบนี้แชคมันไม่รับสืบหรอกครับ ข้อมูลว่าร้ายส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่นมันไม่เคยแพร่งพรายเลย ส่วนใหญ่มันจะตามสืบเรื่องคนนั้นแอบชอบคนนี้อยู่รึป่าว พี่คนนั้นชอบกินอะไร น้องคนนั้นชอบดูหนังแนวไหน อย่างมากสุดก็แค่ตามสืบว่าใครมีกิ๊กรึป่าวซึ่งก็นอกใจก็สมควรโดนแล้ว...



ขอโทษนะแชคงานนี้กูขอใส่ร้ายมึงหน่อย เพื่อชีวิตอันแสนสุขสันต์ของกู



ดวงตาคมดุหรี่มองอย่างรับฟัง เห็นดังนั้นนายฟงเลยรีบใส่ไฟเข้าไปอีก “ผมยังอยากไปโรงเรียนอย่างผ่าเผย เพราะงั้นอย่าโทรหาครูเลยนะครับ นะๆๆๆ” งัดทักษะออดอ้อนทั้งหมดที่มี ขอใช้ประสบการณ์จีบมนุษย์มาแล้วทุกเพศทุกวัยเป็นเดิมพัน!! ผู้ชายหน้าดุคนนี้ก็ต้องหลงกล!!



“ก็ได้...”



เยส!! เห็นมั้ย บอกแล้ว พี่ชายคนนี้ก็ตีหน้าเข้มไปอย่างงั้นแหละ ความจริงแล้วใจดีจะตาย อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนละ ฮ่าๆๆๆ เด็กเลี้ยงแกะยิ้มแฉ่งอย่างพออกพอใจ



“งั้นโทรหาผู้ปกครองแทนแล้วกัน เอาเบอร์คนที่บ้านให้ผมหรือจะโทรติดต่อเอง”



“...”



ยิ้มค้าง...ไม่สิไม่ใช่แค่ยิ้มที่ค้าง มันค้างไปหมดทั้งหน้าทั้งตัว แขนขาถูกสตาฟหงายเงิบแปดตลบ



“เด็กอายุไม่ถึงสิบแปดจำเป็นต้องมีผู้ปกครองมากำกับดูแลในสถานการณ์แบบนี้ รีบโทรหาพ่อหาแม่เถอะ พวกท่านไม่ต่อว่าลูกชายหลังเจอเรื่องแบบนี้มาหมาดๆหรอก”



“น้อยไปสิ!! พี่ชายไม่รู้จักพ่อแม่ผมอย่าทำเป็นพูดเหมือนรู้ดีหน่อยเลย!!”ร่างโปร่งตวาดเสียงดัง นัยน์ตาฉายแววเกรี้ยวกราด หากแต่เมื่อสังเกตดูดีดีแล้วภายในดวงตาคู่นั้นกลับผสมด้วยความหวาดกลัว...และปวดร้าว...



คนเป็นผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างเขามีหรือจะไม่รู้ว่าเด็กนี่ไม่อยากให้เรื่องถึงโรงเรียนเลยพยามอ้างนู่นอ้างนี่ เขาจึงยอมเออออตามไปแล้วเปลี่ยนให้แจ้งผู้ปกครองแทน แต่ผลลัพธ์กลับหนักกว่าเก่า ความตื่นกลัวของเด็กแสบคนนี้ต่างออกไปจากตอนแรก...



มันไม่ใช่ความกลัวของเด็กหนีเรียนแล้วโดนพ่อแม่จับได้ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ฝังอยู่ลึกกว่านั้น...



“ชื่ออะไร”เสียงทุ้มเอ่ยถาม



“หะ เอ่อ ฟงครับ ฟงที่แปลว่าลมในภาษาจีน พี่ชายหละคับ”



“.... ทวน”



“ที่เป็นอาวุธหรือทวนจากทบทวนคับ?”เด็กแสบเปลี่ยนสีหน้าไวยิ่งกว่าจิ้งจกเปลี่ยนสีผม รวมยิ้มกวนๆกลับมาประดับบนใบหน้าอีกครั้ง ก่อนเอ่ยถามแกมหยอกล้อคนอายุมากกว่าราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่



“ทวนก็คือทวน ไม่ได้มาจากอะไรทั้งนั้น”ทวนมองเด็กที่เปลี่ยนสีไวยิ่งกว่ากิ่งก่าอย่างชั่งใจ



“งั้นฟง ...จะไปแจ้งความไหม? หรือจะปล่อยไป”เขาถามพลางเพยิดหน้าไปยังร่างท้วมที่ถูกลากคอเสื้อคลุกฝุ่นมาตลอดทาง เด็กหนุ่มมองตามอย่างคิดไม่ตก



“ผมอยากแจ้งความ คนอื่นจะได้ไม่โดนอีก แต่ผมไม่อยากบอกพ่อแม่...”ฟงพึมพำเสียงอ่อย มองช้อนตาน้อยๆสบกับร่างสูงเป็นนัยน์ว่า พี่ชายช่วยผมคิดหน่อยนะคับ ผมไม่รู้จะทำยังไงดี แงๆ...แน่นอนว่าตอแหล และแน่นอนอีกว่าคนโดนมองก็รู้ทัน แต่ไม่อยากถือสา



“งั้นก็...”



“เห้ย!!”ขณะใช้ความคิด ผู้ร้ายตัวต้นเหตุก็ได้สติผลักทั้งสองคนที่ไม่ทันตั้งตัวเซถอยกันไปคนละทิศละทางก่อนจะหนีหายไปในป่าละเมาะข้างทาง



เป็นอันปิดคดี...



เออก็ดี ต้องขอบคุณมันมั้ย คือมึงหนีถูกจังหวะมาก พวกผมยืนมองหน้ากันตาปริบๆ สารภาพตามจริงเลยคือผมดีใจที่มันหนีไปเพราะยังสองจิตสองใจอยู่แบบนี้ จะปล่อยมันลอยนวลด้วยน้ำมือตัวเองก็กระไรอยู่ หนีไปเองแบบนี้แหละดีแล้ว



 “อ่า...ขอบคุณมากครับ เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เราแยกย้ายกันตรงนี้เลยก็ได้ครับ ขอบคุณมากจริงๆ”
และแล้วยามบ่ายอันแสนสงบหลังเลิก(โดด)เรียนก็ดำเนินตามครรลอง เด็กหนุ่มเชื้อสายจีนยกยิ้มมุมปากโบกมือลาผู้มีพระคุณที่
อุตส่าห์เดินมาส่งถึงปากซอย



แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆในสถานการณ์เลวร้ายแต่ภาพการพบกันของพวกเราในวันนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นักเหมือนกับสายลมที่พัดผ่านมาเอื่อยๆปรับจังหวะชีวิตให้อ่อนลงสมกับเป็นเวลาแห่งการพักผ่อน





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนนี้มันสั้นแสนสั้น สั้นยิ่งกว่าปิกาจู้ของปิกาจูอีก

คุกเข่าขอขมาคนอ่าน :m15:

ปล.ตอนแรกจะให้พี่ทวนชื่อเทียน แต่พอเอามาเรียกรวมกับฟงแล้วมันจะกลายเป็นเทียนฟงไป(ผมนี่ปล่อยสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรเลยครับ) เลยเปลี่ยนมาชื่อทวนแทน 5555

ปล.2 ฟงอวิ๋นนี่มัน...ดักแก่!!
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 25/03/15 [ บทที่ 10.2 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 25-03-2015 15:44:47
งะ สั้นไปมั๊ยยยยย ยังไม่ทันจะฟินตอนฟงอ้อนทวนเลยยยยย

โทษฐานที่คนแต่งลืมลง+ตอนมันสั้น

จงเอาตอนต่อไปมาลงเดี๋ยวเน้~~~~~
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 25/03/15 [ บทที่ 10.2 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 25-03-2015 16:50:36
หูย พี่ทวน เหมาะสมกับน้องฟงมากเลย เจ้าเล่ห์มาแบบไหน พี่ทวนรู้ทันหมด
แถมมีความเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น รู้อะไรควร ไม่ควรด้วยอ่ะ ชอบพี่ทวนจัง  :o8:
แหม่ ตอนแรกเดาไปว่าพี่หล่อ จะเป็นพี่เอิทซะอีก พี่เอิทเอาไว้ป่วนใจเปลวสินะ
แต่ที่น่าสนที่สุดคือ ฟงของเรามีปัญหาครอบครัวหรือนี่ แงงง  :sad4: ท่าทางจะดราม่าซะด้วย
ถึงว่าตอนมีเรื่อง กลับเรียกหาให้เปลวช่วย แทนที่จะเป็นพ่อแม่เนอะ
ชักอยากรู้ว่าพี่ทวนมีอาชีพอะไร แค่เห็นปฏิกิริยาของฟง ก็เหมือนจะรู้ว่าต้องรับมือยังไง
แล้วพี่ทวนกับฟง จะได้เจอกันอีกตอนไหนล่ะเนี่ย อยากอ่านคู่นี้อีกจัง ชอบฟง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 25/03/15 [ บทที่ 10.2 ] ฟงแปลว่าลม
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 26-03-2015 11:09:11
 :katai4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 28-03-2015 11:00:38





บทที่11 ศึกคนชนคน





เวลาสิบห้านาฬิกาสามสิบนาที วันอาทิตย์



ผม...กำลังยืนอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง แม่ค้าหน้ามันแผลบเทสะเก็ดหมู่กับกองถั่วฝักยาวและแครอทหั่นลงในกระทะที่คาดว่าจะเป็นเมนูกะเพราสะเก็ดหมูก่อนจะเดินเอาไปเสริฟลูกค้า ไม่เข้าใจจริงๆว่ากะเพราะสมัยนี้ทำไมใส่แครอทกับข้าวโพด
ราคาก็โครตแพง แต่คนขายให้น้อยยังกับเฉือนเนื้อตัวเองออกมาปรุงถึงได้ประหยัดเสียขนาดนั้น แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคากับข้าวหรอกครับ



ปัญหาก็คือคนที่ผมกำลังยืนรออยู่ต่างหาก...



ถัดจากปากทางเข้าหมู่บ้านจะมีร้านอาหารตามสั่งซึ่งก็คือร้านที่ว่านั่นแหละกับย่านชุมชน ผมได้รับคำสั่งให้ออกมารอรับเพื่อนของแม่ที่จะมาทานข้าวกระชับมิตรกันที่บ้าน และคนคนนั้นก็พาลูกชายของเขาที่เพิ่งเข้าสอนอังกฤษห้องผมไปเมื่อวันก่อนมาด้วย...
พี่เอิทกำลังจะมา...



ไม่ได้จะอะไรกะพี่แกหรอก แต่คือ...ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่แกทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่ฐานะอาจารย์มันค้ำคอร์เลยไม่อาจคุยเรื่องส่วนตัวกับนักเรียนขณะปฏิบัติงานได้...



เอาละความผิดที่ก่อไว้มีอะไรบ้างลองไล่ดูทีละข้อเลยนะ



หนึ่ง จีบพี่แกและผองเพื่อนกลางศูนย์อาหาร



สอง เปลวมาฉุดออกไปปานแฟนหนุ่มตามหึงหวง



สาม เอาเรื่องพี่แกเป็นชายรักชายมาแฉบุพการี



นายน้ำเงินยกนิ้วขึ้นนับอย่างหวาดๆเกรงว่าเกรดวิชาอังกฤษซึ่งไม่ได้ดีอะไรอยู่แล้วจะดิ่งลงเหวเข้าไปใหญ่ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวดีรถบีเอ็มสีขาวก็ขับมาจอดเทียบ กระจกรถเลื่อนลงโดยผู้หญิงวัยกลางค่อนปลายคนคนหนึ่ง”น้ำเงินรึป่าวลูก” เธอถามอย่างอ่อนโยน



“ครับ สวัสดีครับ”เพื่อนแม่ชี้ให้ผมขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ภารกิจของผมคือบอกทางในหมู่บ้าน...หมู่บ้านไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นแค่แม่อยากต้อนรับเพื่อนอย่างสมเกียรติ(?)เลยส่งลูกชายออกมา พี่เอิทหันมามองผมผ่านกระจกมองหลัง



“แฮ่ๆ หวัดดีคับครูเอิท”



“สวัสดีครับน้ำเงิน ทำการบ้านของครูรึยัง”



“ยังครับรอลอกเพื่อนพรุ่งนี้”เห้ย หลุดปาก...ครูเอิทที่เคารพมองจิกผ่านกระจกหลังเหมือนเดิม รถเคลื่อนเข้าสู่ตัวบ้านพอดีทำให้พี่เขาต้องไปทักทายพ่อแม่ผมไม่สามารถมาเอาความอะไรศิษย์เอกตัวดีได้



“มานี่มา นั่งรอที่โซฟาก่อนเลย หวัดดีจะเอิท เป็นไงลูกชายแม่ดื้อไหมถ้าเกเรหละก็ตีก้นได้เลยนะจ๊ะ”แม่ที่น่ารักเดินนำแขกทั้งสองไปที่ห้องรับแขก ป้าตาเอาน้ำมาเสริฟอย่างรู้งาน พ่อเดินออกจากห้องทำงานมาทักทายเพื่อนแม่ก็เหมือนเพื่อนพ่อพูดคุยเรื่องงานกันเล็กน้อย ส่วนผมยืนเป็นวอล์เปเปอร์ประกอบฉากสะดุ้งโหยงเมื่อแม่ทักพี่เอิท



“น้ำเงินเป็นเด็กหัวดีครับ ไม่ดื้อเลยแต่ขี้เกียจสุดๆ การบ้านก็ไม่ยอมทำเองเอาแต่ลอกเพื่อน”พี่เอิทนะพี่เอิท นินทากันซึ่งๆหน้าเลยนะ



“แหม น้ำเงินทำไมเหลวไหลห๊ะ ไม่ทำแบบฝึกหัดแล้วจะทำข้อสอบได้ยังไง”แม่หันขวับมาดุวอล์เปเปอร์จำลองทันที เห็นควรจะแปลงร่างเป็นกระสอบทรายแทนเพื่อให้เข้าสถานการณ์



“โหยยย แม่ เดี๋ยวตอนสอบก็ทำได้เองแหละน่า อีกตั้งนาน”



“นานอะไรหละคะคุณน้ำเงิน อีกสองอาทิตย์ก็สอบปลายภาคแล้วนะ”แม่เท้าเอวทำหน้าดุใส่



“เห้ย จริงดิ!?”



“จริงครับ”ครูเอิทช่วยยืนยัน



“งั้นผมขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ บาย”ชิ่งหนีแบบไม่เนียน ตอนแรกตกใจจริงๆไม่รู้ว่าใกล้สอบแต่ตอนหลังถือเป็นโอกาสดีในการบอกลา เกลียดสุดเลยคือการเป็นเด็กคนเดียวในวงสนทนาของผู้ใหญ่ขึ้นไปเล่นกับน้ำตาลสบายใจกว่าเยอะ



“พี่คะ พี่คะ”พูดยังไม่ทันขาดคำเด็กผู้หญิงน่ารักๆก็เปิดประตูออกจากห้องของผมที่ชั้นสองเดินตรงมาหาพอดี



“อะไรครับน้ำตาล”น้องสาวที่น่ารักกระโดดกอด ผมจึงอุ้มขึ้นมาอย่างเอ็นดูก่อนจะพากลับเข้าไปในห้อง เด็กน้อยยื่นมือถือของผมมาให้



“น้ำตาลจะขอยืมมาเปิดศัพท์ค่ะ”



“ได้สิครับ อยากได้คำว่าอะไร”



“เปิดไปแล้วค่ะ แต่เมื่อกี้มีคนโทรมาพอดีน้ำตาลเลยรับสาย เขาบอกว่ารออยู่หน้าบ้านให้ลงไปเปิดประตูให้หน่อยแล้วก็วางสายไป น้ำตาลเลยจะลงไปเปิดให้เขาค่ะ”น้องผมเด็กดีจัง น่ารักอ่ะ พูดตาแป๋วเสียงเจื้อยแจ้ว



“อยู่หน้าบ้านเหรอ? พวกโทรมาป่วนรึป่าว ใครจะมาบ้านเราเอาตอนนี้ครับ หืม?”ลูบหัวนุ่มอย่างเพลินมือ



“ไม่ใช่คนแปลกหน้านะคะ เพราะพี่น้ำเงินบันทึกชื่อเขาเอาไว้”



“เห? แล้วเค้าชื่ออะไรหละครับ”



“เปลวตะวันค่ะ”



“!?”



“พี่น้ำเงินรู้จักรึป่าวคะ”รู้จักครับ รู้จักดีเลยหละ ผมรีบวางน้องสาวลงที่เตียงก่อนจะกำชับว่า”พี่ลงไปรับเพื่อนก่อนนะ น้ำตาลเป็นเด็กดีรออยู่ตรงนี้นะ”



“ไม่เป็นไรคะ พี่น้ำเงินเล่นกับเพื่อนไปน้ำตาลกลับไปดูการ์ตูนที่ห้องค่ะ”น้องสาวที่น่ารักเดินออกมาจากห้องพร้อมผมบอกก่อนแยกย้ายกัน ผมตาลีตาเหลือกวิ่งลงบันไดไป



ผ่านชั้นล่างที่มีบรรดาผู้ใหญ่พูดคุยกันอยู่ คุณแม่ที่เคารพเห็นผมเดินลงมาก็ทำหน้าแปลกใจประมาณรู้ทันว่าเมื่อกี้จงใจชิ่งออกจากวงแล้วจะเดินลงมาอีกทำไมยังไม่ถึงเวลาทานข้าวสักหน่อย ผมยิ้มให้น้อยๆก่อนก้มหัวเดินออกนอกบ้านไปท่ามกลางสายตามึนงง



ไฟหน้าบ้านเปิดขึ้นด้วยฝีมือป้าตาแม่บ้านแสนขยัน ทำให้ผมมองภาพคนที่ยืนพิงรั้วรออยู่ได้ถนัดตา



“มึงมาแล้วทำไมไม่กดออดวะ”ตามจริงควรจะถามว่ามาหากูทำไมวะแต่เหมือนจะรู้เจตนากันอยู่เลยถามแบบนี้แทน



“เห็นมีคนอยู่เยอะเลยไม่กล้ากด เดี๋ยวเขาแห่กันออกมาต้อนรับ”เปลวบอกขณะเดินตามผมเข้ามาในบ้าน



“อ้าว เปลว”แม่ผมทักขึ้น มันยกมือไว้รอบทิศก่อนจะค้างตรงคิวพี่เอิท มันกับพี่แกมองหน้ากันแบบตกใจหน่อยๆต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าจะเจอกันที่บ้านผม พ่อหันไปถามแม่แบบงงๆว่าใคร แม่ก็ตอบไปว่าเพื่อนลูกเพราะแม่ก็รู้แค่นั้น



“ครูเอิทเขาเป็นลูกชายของเพื่อนแม่นะจ่ะ”แม่ช่วยแถลงไขให้มัน มันยิ้มรับน้อยๆก่อนจะขอตัวขึ้นไปข้างบน



ก่อนที่ผมจะตามมันขึ้นไปพี่เอิทหันมายิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัย ชิบหายหละที่ห้างเมื่อวันนั้นพี่เอิทคิดว่าผมกับมันกุ๊กกิ๊กกันอยู่นี่หว่า(จริงๆแล้วตอนนี้พวกเอ็งก็กุ๊กกิ๊กกันอยู่ไม่ใช่เรอะ)แต่ผมตีหน้าซื่อยิ้มกลับให้พี่แกงงเล่นก่อนจะรีบแจ้นตามเปลวขึ้นบันได



“มึงมาไม”น้ำเงินถามแขกที่มานั่งบนเตียงตัวเองอย่างถือสิทธิ์ เคยมาแค่ครั้งเดียวก็จำทางทั้งทางมาและทางในบ้านได้ขนาดนี้...สโตรกเกอร์ชัดๆ!



“สอนเคมีหน่อย พรุ่งนี้มีสอบย่อย”เปลวฝากตัวเป็นศิษย์ก่อนจะลากโต๊ะญี่ปุ่นมากางกะพื้นข้างเตียง นั่งจ๋องรออย่างมั่นใจว่าจะไม่ถูกปฏิเสธ มึงไปเอาความมั่นใจผิดๆอย่างงั้นมาจากไหน เรื่องก็คือกูก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายมั้ยมึง



“อ่านเองไม่ได้ไง๊”



“อ่านเองได้แต่มีคนบอกว่าบอกว่าจีบคนเรียนเก่งต้องให้เขาติวให้”ตรงไปนะมึง คนที่หน้ายิ้มพูดเรื่องพรรคนี้ออกมาก็มีแต่พวกโป๊กเกอร์เฟสเท่านั้น...



“คนที่ว่าหนะใคร”ถามไปงั้นแหละมันคงไปหามาจากเน็ตหรือตามโซเชียล



“ฟง”



กรรม ลืมไอ้ตี๋คาสโนว่านี่ไปได้ไง อย่าบอกนะว่ามึงไปปรึกษาวิธีจีบกูกับไอ้เชี่ยนี่ กูแนะนำให้มึงหาวิธีอื่นโดยด่วนเลย ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆก็มาถามกูนี่กูยอมบอกวิธีจีบกูกับมึงเลย ขออย่างเดียวมึงอย่าเอาวิธีของเทพฟงมาใช้กับกู...กูกลัว...



“ให้กูสอนเรื่องไร”



“กรด เบส”มันหยิบหนังสือเคมีออกมาจากตู้หนังสือ ไอ่เวรจะให้กูสอนยังไม่ยอมเอาอุปกรณ์การเรียนมาเองมาใช้ของกู



“ไหนมึงสอบตรงไหน อ่อ แล้วมึงมีพื้นฐานถึงไหน รู้ไหมอะไรเป็นกรดแก่เบสแก่ โอเครู้ใช่มั้ยงั้นทำโจทย์เลย เรื่องแบบนี้มึงต้องทำแบบฝึกหัดเยอะๆ อ่ะข้อนี้ๆ”



“...”



“กรดแก่แตกตัวได้สองครั้ง เห้ยมึงอย่าใช้สูตรลัดดิเทียบบัญญัติไตรยางศ์เอา”



“...”



“กรดไฮโดรโบรมิก 0.1โมลา ปริมาตร 50 มล.ผสมกับ...เห้ย! ก็บอกว่าอย่าแทนสูตรไงเล่า!!”



“...”




“เด็กสมัยนี้เอะอะก็ใช้สูตร แทนค่าตอบๆ ความเข้าใจไม่มีพื้นฐานไม่แน่น ต่อยอดไปเรื่อยๆเดี๋ยวได้พังคลืนลงมาสักวัน”



“...”



“กราฟไทรเทรชั่นระหว่างกรดแก่กับเบสแก่ได้หน้าตาแบบนี้ เห้ย! อย่าวาดรูปเล่นสิ ไอ้ตัวไม้ขีดนั่นคือคนกำลังปีนเขาใช่มั้ย นี่มันไทรเทชั่นเคิฟนะไม่ใช่เอเวอเรสต์”



“...”



“คอนจูเกตเบสของตัวนี้คืออะไร เห้ย!! อย่าพึ่งตาย กลับมาก่อน ตอบกูเร็ว!!”ไอ้เปลวลาโลกไปแล้วเรียบร้อย คือผมสอนได้น่าเบื่อมากขนาดนั้นเลยสินะ



“ถามจริงกูสอนไม่ดีหรือมึงไม่ตั้งใจเรียนวะ อยากให้สอนจริงป่ะเนี่ย”



“เปล่า แต่มึง เห้ย บ่อยไป เอ่อ...กูหมายถึงว่า...”ลูกศิษย์เกเรกลอกตาไปมาอย่างพยามหาข้ออ้างเมื่อเขาพบว่าอาจารย์กำลังจ้องเขม็งมาอย่างเอาเรื่อง



“อ่ะ ขอโทษก็ได้ พอดีเมื่อคืนไม่ได้นอน ไอ้ฟงมันโทรมาเล่าวีรกรรมของมันแถมบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดเรื่องคนที่มันเจอมา”โอเค สรุปว่ามันไม่ได้หลับไปเพราะผม



“ฟงมันไปทำอะไรอีกหละ ก่อเรื่องได้ตลอดเลยรายนี้”



“โทษที คราวนี้มันขอไว้ไม่ให้บอกใคร”คนนอกพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ยิ่งเป็นความลับยิ่งอยากรู้แต่ก็ไม่ได้ซอกแซกถามให้ลำบากใจ น้ำเงินทำท่าเปิดสมุดจดวิชาเคมีพร้อมสอนต่อแต่ลูกศิษย์กลับมองอย่างเกียจคร้าน



“อย่างอแง มาเรียนเลย”ทั้งที่เวลาปกติก็ขี้เกียจตัวเป็นขนแต่เห็นคนอื่นอิดออดแล้วมันอดแกล้งไม่ได้ น้ำเงินเอื้อมมือไปเขย่าๆเปลวตะวันให้รีบโงหัวขึ้นมาเรียนซะ



“ง่วง”



“เรียน”



“พักสิบนาที”



“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวกูก็ต้องลงไปกินข้าวกับครอบครัวแล้วก็เข้านอนแล้ว ไม่มีเวลาให้มึงแล้วนะ”น้ำเงินโน้มตัวลงไปใกล้ๆร่างของคนที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ พยามสอดมือเข้าไปงัดเด็กดื้อให้ขึ้นมาเรียนต่อ ทันใดนั้นเองมือข้างที่ว่าก็ถูกคว้าหมับเข้าให้เด็กดื้อแปลงร่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้ำเงินพร้อมรอยยิ้มประหลาด



“งั้นเรามาหาอะไรทำแก้ง่วงกันมั้ย?”บทสนทนาเงียบลงชั่วขณะ บรรยากาศแปลกๆเข้ามาแทนที่คาบเรียนเคมีแบบตัวต่อตัว...
นัยน์ตาคมพราวระยับมองผมอย่างมีความหมายแฝง เปลวเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ได้กลิ่นหอมจางๆจากสบู่ อืม...ดูเหมือนจะอาบน้ำก่อนมาจากบ้านสินะ...



ตอนนี้ใช่เวลาคิดเรื่องนั้นเสียที่ไหน น้ำเงินเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ หาอะไรทำที่ออกจากปากคนคนนี้ต้องมีความหมายแฝงอย่างแน่นอน สัญชาติญาณเอาตัวรอดบอกให้รู้ว่าเขาพลาดเสียแล้ว แม้จะมีคนอยู่เต็มชั้นล่างแต่การเปิดประตูห้องนอนให้ผู้ชายที่ประกาศตัวว่าจะจีบตนนั้นอันตราย...ถึงตัวเองจะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ



เปลวตะวันคลี่ยิ้ม เอื้อมมือคว้าไหล่ผมกระชับให้เข้ามาใกล้...



“จะ...จะทำอะไร!?”ผมถาม หางเสียงสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก สบมองดวงตาอีกคู่ที่จับจ้องมาก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบจนหาที่ติไม่ได้กับบทเพลงที่ร้องให้ฟังเมื่อวันนั้นทำให้สองมือที่ยกขึ้นเตรียมยันอีกฝ่ายออกไปหยุดชะงัก



“น้ำเงิน”



“ห๊ะ อะ อะไร”



“ขอจูบได้ไหม...?”สิ้นคำนั้นจมูกโด่งก็ฉกวูบลงข้างแก้ม ก่อนระเรื่อยตามแนวคางวนกลับมาที่ข้างหูก่อนกระซิบเบาๆว่า”ถ้าไม่กล้าปฏิเสธก็ดิ้นซะนะ ถ้าอยู่เฉยๆถือว่าอนุญาต”พูดจบเปลวตะวันก็เว้นช่วงไปจังหวะหนึ่งเหมือนให้เวลา แต่ตัวผมตอนนี้สะกดคำว่าสติไม่เป็นแล้ว



ก่อนที่จะได้ทำอะไรริมฝีปากอุ่นก็ทาบทับลงมาที่กลีบปากอย่างถือวิสาสะ เบียดตัวเข้ามาจนแนบชิดกัน มือข้างนึงโอบหลังเอาไว้ส่วนอีกข้างใช้ประคองที่ต้นคอ



กลิ่นแชมพูและสบู่จากผิวกายของเจ้าของบ้านที่อาบน้ำก่อนออกไปต้อนรับแขกแนบชิดจมูกและริมฝีปาก ทำให้อารมณ์บางอย่างของคนที่เป็นฝ่ายรุกก่อนอย่างเปลวก่อตัวขึ้นในอก ในทีแรกต้องการเพียงแค่หยอกล้อและดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเพียงเท่านั้น
แต่แรงปรารถนากลับทำให้เขาส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างร้องขอการตอบสนองในรูปแบบเดียวกันด้วยสัมผัสที่เว้าวอนอ่อนหวาน



ร่างของน้ำเงินกระตุกน้อยๆ การรุกรานนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ของอย่างแรงขัดขืนที่แทบไม่มีอยู่ในตัวอยู่แล้วตั้งแต่แรกถูกดูดไปพร้อมกับสัมผัสอันแสนอบอุ่น ความวาบหวามชวนเคลิ้มเข้าครอบงำจนไม่อาจควบคุมตัวเอง ได้แต่ปล่อยให้คนตรงหน้าครอบครองริมฝีปากของตัวเองนานเท่านานจนแทบลืมหายใจ



ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่กว่าพวกเราจะผละออกจากกัน ใบหน้าของผมตอนนี้แดงเถือกไปหมดแล้วแน่ๆ ดูได้จากร้อยยิ้มแพรวพราวของคนตรงหน้า



“ไอ้เปลว ไอ้เลว”ผมด่ามันอย่างที่เพื่อนของมันชอบด่า เปลวหัวเราะอย่างชอบใจที่ถูกเรียกแบบนั้นพร้อมดึงผมที่ตัวแข็งทื่อเข้าไปซบกับออกมัน มืออุ่นยกขึ้นลูบหลังอย่างปลอบประโลม



“มึงจูบไม่เป็น หึหึ”



“ยังมีหน้าว่ากูอี...”



 “วันนี้มึงสอนหนังสือให้กูวันหน้ากูจะสอนมึงจูบเองนะ”



“ไอ้เชี่ย ได้คืบเอาศอก กูไม่ยอมมึงแล้วเหอะ วันนี้กูแค่เผลอไปหน่อยเดียวเอง”ผมว่าไม่หน่อยแล้วหละ วิญญาณแทบจะหลุดจากร่างขนาดนั้น”ปล่อยกูเลยด้วยกอดไว้ทำไมร้อนจะตาย”แล้วทำไมกูไม่ดิ้นวะ ไม่ๆๆ มันผิดผมไม่ผิดโทษมันไว้ก่อน



“กูก็ไม่ยอมให้มึงไปจูบคนอื่นเหมือนกัน...”



“น้ำเงิน พาเพื่อนลงมากินข้าวได้แล้วลูก”สุดท้ายข้อต่อรองของเรายุติด้วยการลงไปกินข้าวเย็น บนโต๊ะอาหารพี่เอิทจ้องผมตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า ผมว่าพี่แกต้องสัมผัสพลังงานบางอย่างได้แน่ๆ พอกินข้าวเสร็จไอ้เปลวก็ขอตัวกลับบ้าน ตอนแรกแม่พี่เอิทจะพามันไปส่งส่วนแม่ผมชวนมันให้ค้างด้วย



ดีที่มันบอกว่าเรียกให้คนมารับแล้ว เกรงใจไม่เป็นไร



ดีมากมึง กูไม่อยากคิดภาพเลยถ้ามึงค้างบ้านกูคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น...





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จำได้ไหม ป้าลุงยังจำได้ไหม น้าอาจำได้ใช่ไหม ยังไม่ลืมพระนายของเราใช่ไหม 55555


ตอนนี้พระเอกของเรากลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่


ขอเสียงคนคิดถึงคู่นี้หน่อยเร็ว!!  :katai5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-03-2015 11:39:15
 :hao6:
แหมพ่อเปลววว
อย่างนี้มันฉวยโอกาสชัดๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 28-03-2015 14:50:49
มาจูบน้ำเงินถึงบ้านเลยนะ   :hao6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-03-2015 15:17:51
เปลวก็ชอบนะ  แต่ชอบพี่เอิทด้วยน่ะสิ  ยังไงดี
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-03-2015 16:23:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 28-03-2015 23:50:55
กลับมาอย่างยิ่งใหญ่จริงด้วยอ่ะ โห พัฒนาเป็นดิฟคิสแล้วอ่ะเปลว  :-[
นี่ขนาดยังไม่เป็นแฟนกันนะ หนูน้ำเงิน น่ารักมาก ไม่ขัดขืนเลย ถูกใจแม่ยกที่สุด
แล้วพี่เอิท ตกลงคิดอะไรอยู่นะ เหมือนมาคอยสังเกตุพฤติกรรมน้ำเงินเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 29-03-2015 02:58:16
1 2 123 12 12 1 heyyyy
ฟงมีคู่แล้ว ถึงจะเสียหลักแหกโค้งเพราะเป็นเคะก็เถอะ #กัดผ้าเช็ดหน้าร้องไห้  :hao5:

ส่วนเปลวตะวันนนน แหม่พ่อคุณรุกเร็วเว่อร์ แปปเดียวจูบแบบแนบแน่น

ปล. คนแต่งค่ะ ฟงก็มีคู่ไปละ ขอคู่ให้พี่เอิทหน่อยนะคะ พอดีโลภ 555555544444 :hao6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 29-03-2015 09:46:26
เปลวหนูลุกเร็วจังเลยลูก

น้ำเงินหนูก็ไม่ขัดขืนเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 29-03-2015 17:04:33
ผู้ชายคนนี้นี่มัน... :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/03/15 [ บทที่ 11 ] ศึกคนชนคน
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 02-04-2015 18:46:24
อัพๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 04-04-2015 13:44:15




บทที่12 รสเค็มในความทรงจำ




ซีซี talk




“เย็นนี้มึงก็ไปหามันที่บ้านแล้วคุยกันให้รู้เรื่องละกัน กูไปก่อนนะมีธุระวะ โทษที” น้ำเงินพูดแบบนั้นพร้อมตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ ก่อนเดินจากไปทั้งที่สายตายังมองคล้อยหลังอย่างเป็นห่วง



.



.



นับตั้งแต่วันนั้นผมก็ยังไม่ได้คุยกับแชคอีกเลย...จนเวลาล่วงเลยมาได้หนึ่งเดือนพอดิบพอดี และสาเหตุทั้งหมดมันก็มาจากตัวของผมเอง...สาเหตุที่บอกใครไม่ได้



พวกน้ำเงินพยามถามเหตุผลว่าพวกเราทะเลาะอะไรกัน อาร์ตกับปอพยามสร้างจังหวะให้แชคเข้ามาคุยกับผม ไอซ์หาคำคมเกี่ยวกับเพื่อนกันควรให้อภัยกันต่างต่างนานามากรอกหูทั้งผมและแชค แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นมันไม่เป็นผล น้ำเงินกับนาวก็แสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วง



คงเพราะพวกมันรู้ว่าผมกับแชคเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม...รู้จักกันมานาน จนเกินกว่าจะกลายเป็นคนอื่น



“ซีซี!!”เสียงไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ดังเรียกชื่อผมทำให้ผมต้องหันซ้ายหันขวาหาที่มาของมัน ผมเป็นคนพูดไม่เก่งนักรู้จักคนก็น้อยตรงกันข้ามกับแชคที่รู้จักผู้คนมากมาย พวกเราเป็นคู่หูคนละขั้ว...แล้วใครกันนะที่กำลังเรียกผมอยู่



“เปลว...?”คนที่เรียกผมคือเปลวนั่นเอง ร่างสูงวิ่งเหยาะมาทางนี้ด้วยสีหน้าเหนื่อย แอบมีหอบนิดๆ คิดว่าคงวิ่งตามหาผมมาสักพักแล้ว...และคนที่ใช้ให้ทำแบบนี้คงไม่พ้นน้ำเงิน...



ประเด็นน่าสงสัยในกลุ่มผมตอนนี้ก็คือน้ำเงินไปสนิทกับเปลวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็โดนกระแสผมกับแชคเลิกสนิทกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่กลบ ก็อยากรู้อยู่หรอกแต่คนเดียวที่สามารถหาคำตอบได้ไม่แม้แต่มองหน้าผมเลยหนะสิ




“น้ำเงินให้มาตาม พวกนั้นเตรียมตัวพร้อมแล้วไปกันเถอะ”เปลวพูดก่อนจะกวักมีเรียกเชิงเร่งให้ผมเดินตาม
วันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ สุดสัปดาห์ก่อนสอบปลายภาค เดอะแก๊งค์ของผมบวกกับเปลวและฟงจึงนัดรวมตัวไปติวหนังสือสอบบ้านปอกัน เห็นว่าบ้านปอเป็นเจ้าของหอพักอยู่แถวนี้มีห้องว่างพอดีเลยขอใช้ซะเลย



“เอ่อ...”เปลวที่เดินนำผมผ่านโรงอาหารเพื่อออกไปขึ้นแท็กซี่หน้าโรงเรียนอ้ำอึ้งเหมือนต้องการพูดอะไรสักอย่าง



“อะไรหรอ?”



“แชคมาไม่ได้...เอ่อ มันบอกว่าติดงานถ่ายภาพ อาจจะมาวันอาทิตย์ไม่ก็ไม่มาเลย...”ผมพยักหน้ารับรู้ นอกจากความสามารถในการเสือกของมันแล้วก็มีเรื่องถ่ายรูปนี่แหละที่ไม่เป็นสองรองใคร



ด้วยบุคคลิคเงียบๆเป็นทุนเดิมบวกกับไอทะมึนที่ลอยอยู่รอบตัวทำให้บรรยากาศตอนนี้หดหู่ไม่น้อย...



ความสว่างของเปลวพ่ายแพ้ต่อความมืดมนของซีซีแบบราบคาบ...คาดว่าต่อให้ลากฟงมาร่วมด้วยก็ยังไม่อาจต่อกรผมได้



“มีปัญหาอะไรรึป่าว”เปลวหยุดเดินหันมาถามอย่างจริงจังคงเห็นไอมืดรอบๆจึงเป็นห่วง ผมเลยได้แต่ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่าไม่มีอะไร ก่อนจะได้คาดคั้นมากไปกว่านั้นพวกเราก็เดินมาถึงบ่อน้ำอันเป็นสถานที่รวมพลเสียก่อน เปลวถอนหายใจอย่างเสียดาย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคนหล่อก็ชอบเสือก หึหึ



“กว่าจะเดินนวยมาได้นะมึง มานี่เลย ปล่อยให้คนอื่นเค้ารอกันดีนัก”อาร์ตพยามทำตัวคึกครื้นฝ่ากระแสมืดมนของผม แต่เสียใจด้วยนะ ถึงจะมีความตั้งใจแต่ก็ยังอ่อนหัด ของแค่นี้ทำให้ผมแจ่มใสไม่ได้หรอก...



“ครบแล้วไปกันเถอะ”น้ำเงินเอ่ยตัดจบ พวกเราจึงพากันยกโขยงเดินเรียงแผงกันออกจากโรงเรียนไปท่ามกลางสายตาของผู้คนประปรายตามรายทาง...เดินเรียงหน้ากระดานกันเป็นสิบขนาดนี้ไม่โดนยันตีนก็บุญแล้ว



อาร์ตปอดึงแขนผมที่ไม่มีคู่ซี้อย่างแชคให้เดินตีคู่กะพวกมันอ่อนไอซ์พยามแทรกเข้ามาเล่นมุกแป่กๆ ไอ้นาวผู้เส้นตื้นเข้ามาฟังก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียว น้ำเงินเดินข้างนาวหันไปคุยกับเปลวและฟงเบาๆไม่รู้ว่าคุยอะไรกันอยู่แต่หน้าดูจริงจังกันมาก
ห้องในหอของไอ้ปอใหญ่กว่าที่คิดไว้ มันเป็นห้องชุด มีห้องนอนใหญ่กับห้องนอนเล็ก ห้องน้ำและห้องนั่งมีโซฟาประดับอยู่หน้าโต๊ะทีวีแต่ไม่มีทีวี พอเข้ามาตูดยังไม่ทันแจะพื้นไอ้ฟงก็เดินไปเปิดเครื่องปรับอากาศโดยไม่ขออณุญาติเจ้าของห้องสักคำ...ก็สมกันเป็นฟงดีอ่ะนะ...



หน้าที่ติวเตอร์แสดงนำโดยยอดนักเรียนดีเด่นอย่างปอ ลูกมือคืออ่อนไอซ์ และนาว ปกติก่อนสอบพวกผมก็มาติวกันอย่างงี้แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งตรงไม่มีแชค และเปลวกับฟงเพิ่มเข้ามา...



วิชาเคมีนำโดยปอ ไอซ์ วิชาชีวะนำโดยปอ นาว...ส่วนวิชาเลขกากทั้งกลุ่มครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงนำโดยปอ แชค แต่พอเหลือปอคนเดียว ความมั่นใจของมันก็เหลือเท่าขี้มด ปอกับวิชาคำนวณถือว่าแพ้ภัยกันอย่างแรง(ถึงจะแพ้ภัยแต่ก็เก่งสุดในกลุ่มอยู่ดี)พอไม่มีลูกคู่แล้วมันเลยติดขัดไปหลายจังหวะ



ผมกับอาร์ตได้แต่ส่งแรงใจไปให้มัน นาวกับไอซ์ที่อ่อนเลขก็ตั้งใจทำโจทย์เต็มที่ น้ำเงินกับเปลวนั่งคุยกันสองคนไม่สนใจโลกภายนอก ฟงหยิบมือถือขึ้นมาแชทกับสาวตั้งแต่เปิดแอร์เสร็จแล้ว...ให้ตายเถอะ



“น้ำเงินๆ ทำไงต่อวะ”ปอที่อ่านเฉลยไม่เข้าใจหันมาพึ่งน้ำเงิน...เอาจริงๆน้ำเงินหัวดีสุดในกลุ่มครับ แน่นอนว่าขี้เกียจสุดในกลุ่มด้วยเช่นกัน ผม อาร์ต ไอซ์เข้าห้องคิงมาด้วยความพยาม น้ำเงินเข้าห้องนี้ด้วยความฉลาด ส่วนปอกับนาวมีทั้งสองอย่างจึงครองอันดับหนึ่งและสองของสายชั้นไป



ถ้าน้ำเงินขยันได้สักครึ่งของพวกผมหละก็คงไม่แพ้ใครแน่...



“ไหน...เอ...แทนค่าอย่างงี้แล้วไงต่อวะ เอ๊ะหรือว่ามันต้องหามุมนี้ก่อน สูตรมันคือไรนะ”น้ำเงินสุมหัวกับเปลวเล็กน้อย ไม่นานก็ได้คำตอบของคำถามที่พวกผมคิดกันแทบตาย...



.



.



ตอนนี้เสองทุ่มกว่าแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องพวกเราเลยแห่กันลงไปหาอะไรกินกัน  ยกเว้นฟงที่ขอแยกตัวเมื่อเห็นเด็กผู้ชายม.ต้นหน้าตาน่ารักเดินผ่านไป...



พวกเราทุกคน(ยกเว้นเปลวกับน้ำเงิน)ตกใจมากยืนเหวอมองตามร่างของผู้ชายวัยมัธยมสองคนซึ่งรู้จักกันยังไม่ถึงสามวิด้วยซ้ำเดินจูงมือหายลับไปกับตา...ก็ได้น้ำเงินนั่นแหละที่พูดเรียกสติให้หันมาหาอะไรกินต่อพร้อมประโยคปิดท้ายทำนองว่า เรื่องแค่นี้สำหรับฟงแล้วจิ๊บจ๊อย...



“กินไรดีวะ”ปอผู้นำด้านวิชาการกล่าวหลังจากติวครบทุกวิชาตั้งแต่คืนแรก แล้วเสาร์อาทิตย์จะทำอะไรกันหละนั่น เล่นเกมส์รึไง?



“กินไรก็ได้”นาว ผม ไอซ์ตอบพร้อมกัน



“คิดไม่ออกหวะ กินเหมือนมึงแล้วกัน”อาร์ตบอก



“เราก็อะไรก็ได้เหมือนกัน น้ำเงินอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”น้ำเงินส่ายหน้าเมื่อถูกเปลวหันมาถาม ถึงจะไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่ผมเห็นว่าเปลวไม่ได้สนใจการติวแม้แต่น้อย สนใจแต่น้ำเงิน เลยคิดเล่นๆว่าเปลวก็แค่ตามน้ำเงินมาเท่านั้น...



จะเป็นอย่างงั้นไปได้ยังไงหละเนอะ



“งั้นส้มตำมั้ย เจ้านี้พ่อกูบอกว่าอร่อย”เจ้าถิ่นอย่างปอแนะนำ



“ไม่เอาอ่ะ กูไม่ชอบกินเผ็ด”อาร์ตขัด นาวพยักหน้าเห็นด้วย



“งั้นข้าวเหนียวไก่ทอดร้านนั้น น้ำจิ้มอย่างเด็ดอ่ะมึง”ปอชี้ไปยังร้านรถเข็นร้านหนึ่ง ไอซ์รีบยกมือห้ามแทบไม่ทัน”ไม่เอา!! กูดัดฟันอยู่กินของทอดไม่ถนัด เดี๋ยวเหล็กหลุด” น้ำเงินก็เห็นด้วยกับไอซ์ รายนี้เค้าไม่ชอบกินของกรอบครับ ไก่เคเอฟซีมันก็ลอกแป้งออก Healthy ซะไม่มี



“งั้นซุบเนื้อร้านข้าวแกงอิสลาม รสชาติกลมกล่อมอร่อยเหาะอย่าบอกใคร”ปอพูดไปปาดน้ำลายไป นึกถึงภาพเมนูเด็ดของร้านก็น้ำลายสอแล้ว แต่ความฝันของมันก็ถูกผมดับวูบ”บ้านเราถือ เราไม่กินเนื้อวัว”



ปอทำหน้าเซ็งหันมาถามพวกผมด้วยคำถามเดิมเหมือนในตอนแรก”ตกลงว่าจะกินอะไรกัน?”



“อะไรก็ได้”มีหกคนก็ประสานเสียงตอบมันทั้งหกคน ปอแทบจะยกเท้าถีบยันตกท่อน้ำทิ้งเรียงตัว



“งั้นพวกมึงก็เชิญไปหาอะไรก็ได้ของพวกมึงกินกันเองเถอะ กูกินซุบเนื้อร้านนี้แหละ ถ้ากลับห้องแล้วกูยังไม่กลับก็ลงไปขอกุญแจสำรองที่เคาเตอร์แล้วกัน เชอะ”ร่างสูงเก้งก้างกล่าวแบบงอนๆขณะสะบัดตัวเดินเข้าร้านดังกล่าวไป อาร์ตคู่ซี้รีบวิ่งตามไปง้อแทบไม่ทัน



“งั้นพวกกูไปกินผัดไทยปากซอยนะ”น้ำเงินบอกก่อนจะกระชากแขนผมให้เดินตามแรงดึงนั้นไป...ห๊ะ...พวกกูที่ว่ามีผมรวมอยู่ด้วยเหรอ...ทำไมหละ?



เปลวกันไปยิ้มให้อ่อนไอซ์ที่ทำท่าจะเดินตามมาเป็นเชิงไล่...ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าแค่รอยยิ้มมันไล่คนได้ยังไงเพราะเปลวหันหลังอยู่ แต่ไอ้ไอซ์สะดุ้งโหยงหยุดขาหันหลังกลับเข้าร้านซุบเนื้อของไอ้ปอแทบไม่ทัน...
น่ากลัว...เปลวน่ากลัวกว่าที่เห็นภายนอกเยอะเลย



“ผัดไทกุ้งสดไม่ใส่ถั่วงอกสามครับ”ยืนมองป้ายหน้าร้านสักพักก็สรุปออกมาเป็นเมนูเดียวกัน ผม เปลว และน้ำเงินเลือกนั่งโต๊ะด้านในสุดอันเนื่องมาจากร้านก๊วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามมีกลุ่มกระเทยกลุ่มใหญ่มานั่งกิน...โดนแซวเรียงตัวไปตามระเบียบ โดยเฉพาะเปลวที่โดนหนักหน่อยแต่ก็ยิ้มรับแบบไม่สะทกสะท้าน สงสัยจะชินแล้ว...



“เห้อ...”เสียงถอนหายใจเบาๆดังมาจากร่างสูงผู้นั่งมองหน้าน้ำเงินตาปริบๆ



“เบื่อรึไง มึงตามกูมาเองนะ”น้ำเงินว่า



“เปลวขอให้น้ำเงินช่วยติวให้แบบคราวก่อนตะหาก ไม่ใช่แบบนี้”เปลวพูดด้วยน้ำเสียงงอแงแบบที่ผมไม่เคยของเห็น



“น้ำเงินสอนวิชาอะไรให้เปลวเหรอ”ก่อนจะกลายเป็นของประกอบฉากคู่ช้อนส้อมผมเลยชวนคุยซะเลย แต่คนตอบกลับเป็นเปลว



“น้ำเงินสอนเคมี แต่เปลวก็สอนอย่างอื่นน้ำเงินเหมือนกันนะ...”



“ผัดไทมาแล้ว!! กินกันเถอะ”น้ำเงินรีบตะโกนขัดเสียงดัง อาแปะเจ้าของร้านที่กำลังถือจานเตรียมเสิร์ฟสะดุ้งโหยงก่อนจะยิ้มหน้าแหยให้เพื่อนผมแล้วเดินไปวางโต๊ะอื่น...



คนตะโกนเสียงดังหน้าแตกเล็กน้อยถึงปานกลางแต่ก็มีแววโล่งอกแฝงอยู่...เอ มีอะไรที่บอกผมไม่ได้กันนะ



“มีความลับอะไรกันเนี่ย”อยากรู้ก็เลยถามออกไปซะเลย แต่คำตอบของน้ำเงินกลับทำให้ปากผมหุบลงสนิท



“มึงนั่นแหละมีความลับ มีเรื่องอะไรกับไอ้แชค สารภาพมาซะดีดี”



“....”



“....”



ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วโต๊ะอาแปะรีบวิ่งเอาจานมาเสิร์ฟทีเดียวสามจาน ถือมาอย่างทุลักทุเลเพราะคิดว่าพวกเราอารมณ์เสียเรื่องเมื่อกี้ เปลวรีบลุกขึ้นรับจานพลางส่งยิ้มให้อาแปะแกโล่งใจ...แต่ความเงียบก็ยังไม่หายไป



“มึง...ชอบแชคใช่มั้ย”



“!!!!”ผมยังคงนั่งนิ่ง น้ำเงินมองเข้ามาในดวงตาของผมเหมือนต้องการค้นหาความจริงบางอย่าง ความจริงที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำแต่สามารถสื่อผ่านแววตาออกมาได้



ใช่แล้ว...



ผมรักเพื่อนสนิทของตัวเอง



...เพื่อนที่เล่นด้วยกัน หัวเราะและร้องไห้ เติบโตและสร้างความทรงจำมาด้วยกันตั้งแต่จำความได้...



ผมรักเลนส์กล้อง



....เพราะมันมักหันมาทางผม และบันทึกภาพของพวกเราเอาไว้ด้วยฝีมือช่างภาพอย่างแชค...



ผมรักอัลบั้มภาพ



...เพราะในนั้นมีแต่รูปของผม อันเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าคนถ่ายกำลังมองมาทางนี้...



ผมรักแชค




...แค่แชคเพียงผู้เดียวที่ผมรักมากที่สุด สุดขั้วของหัวใจ และอยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...



แต่เส้นทางของพวกเรามันจบลงแล้ว ไม่เหลือหนทางให้ก้าวเดินต่อ ไม่มีคำว่าพรุ่งนี้...


สิ่งที่หลงเหลือคือทุกๆสถานที่ที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน ทุกๆเมนูอาหารที่เคยแบ่งกันกิน ทุกๆบทเพลงที่เคยฟังด้วยกัน ทุกๆลมหายใจเข้าออกที่ยังมีไว้เพื่อคนคนนั้น



ไม่ว่าช่วงเวลาใดเราก็สร้างความทรงจำเอาไว้ด้วยกัน...ความทรงจำระหว่างเรามันมีทั้งรสขม เปรี้ยว หวาน ผสานกันไปแต่แล้วในวันนี้



....กลับมีเพียงรสเค็มในความทรงจำของน้ำตาที่ไหลจากหัวใจ....






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อืม...ช่วงนี้เด็กๆมัธยมปิดเทอมกันสินะ...มิน่านิยายใหม่ๆในบอร์ดผุดขึ้นเต็มเลย TvT


ไม่มีไรหรอก...แค่เห็นเค้าอัพถี่ๆแล้วอิจฉา 555


เด็กมหาลัยก็อยากปิดเทอมบ้างอะไรบ้างนะ :hao5:


ปล.คนเขียนเป็นเด็มหาลัยผู้โหยหาชีวิตมัธยมจึงคลอดนิยายเรื่องนี้ออกมา เลยอยากรู้ว่าคนอ่านเรื่องนี้ส่วนใหญ่อยู่วัยไหนกัน

บ้าง? มีใครเป็นเด็กมหาลัยผู้โหยหาชีวิตมัธยมแบบเราบ้างไหม?  :o12:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 05-04-2015 19:10:32
อิอิ มัธยมค่าาาาาาา~~~   อยากอยู่โรงเรียนนี้จัง  จะสอบเข้าต้องทำไงบ้าง.  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 05-04-2015 20:57:37
อื้อหือ ตอนนี้เอาซะดราม่าของซีซีกลบอารมณ์หวานของน้ำเงินเปลวมิดเลย

โถพ่อหนุ่ม แล้วไปหลุดอิท่าไหน แซคถึงได้รู้แล้วตีตัวออกห่างอย่างนี้ละ

ปล. เป็นสาวมหาลัยที่โหยหาขีวิตประถมค่ะ ฮาาาาา แบบว่าสมัยนั้นชีวิตดูว๊างงว่างง
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 05-04-2015 22:12:43
ซีซีก็ยังคงมืดมนต่อไปปป น้องแซคน่าจะใจอ่อนนะ ซีซีจะได้สว่างไสวเหมือนเปลว 555
ฟงไวตลอดเลยนะ ละคนนั้นของฟงไปไหนนน มาคุมนิสัยเร้ววววววว
รักเปลวแอบชอบน้ำเงินเหมือนเดิม  :hao6:

ปล.เป็นสาวมหาลัยเรียนวิดวะกับปวชเตรียมวิดวะค่ะ โหยหาชีวิตมอปลายแบบฟรุ้งฟริ้งๆ TT ซึ่งมันไม่เคยมี อยากมีกลุ่มเพื่อนผู้ญที่คุยกันเรื่องเครื่องสำอางค์บ้าง555555555 ทุกวันนี้คุยแต่จะไปดริ้งดรั้งแด้งที่ไหน เศร้าค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-04-2015 22:47:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 06-04-2015 09:54:02
น้ำเงิน พอเป็นเรื่องของเพื่อนนี่ รู้รวดเร็วกว่าความรู้สึกของเปลวอีกนะ แหม สงสารเปลวเล็ก ๆ
สงสารซีซี  :monkeysad: หลงรักแซคมานานขนาดนี้ แล้วแซคมารู้เข้าได้ยังไงล่ะเนี่ย
ก็อยากเข้าใจแซคนะ มันก็ต้องมีเวลาทำใจบ้าง น้ำเงินแรก ๆ ยังหนีเปลวเลยนินะ
แต่ถ้าแซคเป็นพวกไม่คิดมาก กล้าเผชิญหน้าอย่างน้ำเงินก็คงดี แต่อย่างว่า
ซีซี ก็ไม่ใช่เหมือนเปลว ที่กล้าพุ่งตรงเข้าใส่น้ำเงินอ่ะนะ หรือเพราะเปลวมีที่ปรึกษาชั้นครูอย่างฟงด้วย
หวังว่านายแซค จะเข้าใจ แล้วเลิกทำตัวห่างเหินให้ซีซีต้องเจ็บเสียที ยังเชียร์ แซคซีซี น้า
อีกนิด ๆ ฟง ไปกับใครง่าย ๆ อีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ ๆ พี่ทวนมาจัดการด่วนเลย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-04-2015 11:14:57
เด็กมหาลัยยกมือขึ้นรัวๆ
ยิ่งใกล้สอบนี่คือนรกมากกกก 5555

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 07-04-2015 19:14:50
สงสารซีซี :hao5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-04-2015 22:24:07
โอ จริงหรือนี่ เพื่อนสนิทแบบนี้ลำบากหน่อยนะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 04/04/15 [ บทที่ 12 ] รสเค็มในความทรงจำ
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 08-04-2015 21:18:36
 แชคคนบ้า อุตส่าห์ชอบ :sad4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 16/04/15 [ บทที่ 13 ] ผู้ชายขายน้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 16-04-2015 17:08:18




บทที่ 13 ผู้ชายขายน้ำ



“ตั้งใจสอบนะ”เปลวว่าพร้อมโบกมือลา ผมยิ้มแหยๆกลับไป



วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย หลังผ่านพ้นช่วงอ่านหนังสืออันโหดร้ายมาได้ก็กำลังจะได้ฟังเพลงมันส์ๆกินของอร่อยๆกันแล้วในงาน First night คืนนี้



ความจริงข้อสอบมันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกมันติดอยู่ที่ไม่มีคนให้ลอก เอ๊ยยย ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมมัวแต่คิดมากเรื่องไอ้ซีซีอยู่ ถามมันมันก็ไม่ยอมบอกอะไรสักคำ อมเอาไว้อยู่นั่นแหละปากจะเน่าอยู่แล้วยังไม่ยอมคายออกมา แต่ก็พอจะเดาๆได้ว่าปัญหาไม่ใช่การทะเลาะกันแต่เป็นเรื่อง เอ่อ...ไม่รู้สิ...



ขอโทษครับ ผมน้ำเงินนะครับไม่ใช่ริวจิตสัมผัสจะได้มองกรรมของคนได้ผ่านดวงตาและพลังงานบางอย่างรอบตัว



“เห้ยๆ มึงอ่านชีวะมาละเอียดรึป่าววะ”เสียงห้าวของกิ๊บดังขึ้น(?) ยัยนี่เป็นคนที่นั่งสอบติดกับผมครับ โรงเรียนผมมีระบบจัดห้องสอบแบบสลับหญิงแถวชายแถว พวกเราซึ่งเป็นเลขที่แรกของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจึงนั่งติดกันตลอดตั้งแต่ม.ต้นแล้ว ซึ่งนั่นเป็นหายนะของผมครับ



ด้ายซ้ายเป็นหน้าต่าง ต่างหน้าเป็นกระดานดำ ด้านซ้ายเป็นยัยกิ๊บสาววายตัวแม่...ไม่มีทางให้ลอกข้อสอบแม้แต่น้อย ต้องพึ่งตัวเองล้วนๆ



อย่างที่บอกไป หล่อนเป็นสาววายตัวแม่ เปิดเพจแต่งนิยายลงเน็ตมากมายแถมยังมีชุมนุมในทวิตเตอร์ที่ต้องมีตติ่งอะไรก็ไม่รู้อีก เวลาเรียนก็อ่านฟิค จะเอาอะไรมาทำข้อสอบหละครับ นอกจากดินสอกับปากกา...และโพยจากผม


เกลียดจริงอะไรจริง หล่อนเป็นผู้หญิงนะ!! ต้องอ่อนหวานสิ!! เห็นคนหล่อต้องอ่อนข้อให้เซ่!! นี่อะไร นอกจากจะไม่ทำอย่างที่ว่าแล้วยังตรงข้ามกันอีก...หลังจากการร้องเพลงจีบกันข้างบ่อน้ำของผมกับเปลวจนวันนี้ก็โดนแซวตลอด อายจนม้วนไปแปดตลบเลย



โอ้ววว ไม่!! ยัยผู้หญิงแซวผู้ชายยย!!



“อ่านมาเท่าที่ปอติวให้ วิชานี้กูเกลียดพอๆกับที่เกลียดมึงเลยช่างแม่งไป”ผมตอบ ถ้อยคำกวนตีนเรียกใบหน้างอง่ำจากเจ้าหล่อนเป็นอย่างดี



“มึงคิดดีแล้วใช่มั้ยถึงพูดอย่างงั้น...น่าเสียดายนะกูกะจะบอกว่าเมื่อคืนกูตะลุยอ่านมาจนจำได้ทุกวรรคทุกตอน ถามไรตอบได้ยิ่งกว่าอับดุล ด้วยความกตัญญูเลยกะจะส่งโพยให้มึงสักหน่อยแต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อถูกเกลียดแบบนี้ก็คง...”คดีพลิก เมื่อเจ้าแม่ของผมกอดอกเชิดหน้ามองตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า



อีท่านี้นายน้ำเงินจะทำอะไรได้หละครับ...



“เห้ย เดี๋ยว ท่านกิ๊บครับ เมื่อกี้ล้อเล่นน่านะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย”



“อ้อนวอนสิ”ได้คืบเอาศอกยิ่งกว่าเปลวก็ผู้หญิงคนนี้แหละครับ ยัยบ้านี่ทำหน้าน่าหมั่นไส้หันมายิ้มเยาะอย่างได้ที



“ได้ ให้กระผมลอกด้วยเถิดท่านกิ๊บ สาววายจงเจริญ เห้!!”



เท่านั้นแหละครับ จบการหยอกล้อกันก่อนเข้าห้องสอบ เอาจริงๆแล้วผมไม่ได้เกลียดอะไรเธอหรอกเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อกี้คือเพื่อนเล่นกัน เล่นกับหมาหมาเลียปากอะไรทำนองนั้น...



การสอบเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีมีหลายข้อเลยที่ผมตอบไม่ได้แต่ก็พึ่งใบบุญโพยจากโต๊ะข้างๆทำให้รอดพ้นมาได้
..


“สอบเสร็จแล้ววววว ฮูเร่!!”ไอ้แชคชูมือขึ้นฟ้าแหกปากอย่างยินดี เย็นนี้มันก็รับหน้าที่ตากล้องประจำงานเหมือนเดิมส่วนพวกที่เหลือวันนี้ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเพราะรับงานตอนวันเกษียรมาเยอะแล้วเป็นโอกาสอันดีงามที่จะได้เดินเล่นตามซุ้มและกระโดดเย้วๆฟังเพลงร็อคมันส์ๆได้...ทว่า...





ยังจำวันที่สุชาติจับผม เปลว สมชายได้คาหนังคาเขาว่าโดดเรียนได้ไหมครับ





เรื่องมันไม่จบลงอย่างมีความสุขแบบนั้น ถัดจากวันนั้นไปสองสามสัปดาห์ก็มีประกาศเสียงตามสายเรียกให้พวกเราสามคนไปพบพร้อมบทลงโทษอันโหดร้าย...



มาตรการกำจัดเด็กนิสัยเสียสามคนของท่านอาจารย์ฝ่ายปกครองคือ




...ให้เฝ้าซุ้มน้ำของส่วนกลางอันเป็นบูทที่ขายดีแบบชิบหาย งานยุ่งชนิดที่ว่าไม่มีใครอยากมาเฝ้า...



หลังจากเดินซีดออกจากห้องปกครองซึ่งแอร์เย็นมากแล้วผมแทบจะก้มลงกราบตีนขอขมาเชี่ยเปลว



ซุ้มนี้งานยุ่งมากจริงๆยิ่งขายกันแค่สามคนยิ่งแล้วใหญ่ เปลวจะเอาเวลาที่ไหนไปร้องเพลงให้วงของมัน...



“กูขอโทษมึงจริงๆนะ”น้ำเงินกล่าวเสียงอ่อย เดินหูตกตามเปลวตะวันซึ่งมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารเพื่อซื้อน้ำแข็ง สมชายเข็นรถเข็นบรรจุน้ำอัดลมเดินตามมารีบเอ่ยขัด



“เราต่างหากที่ต้องขอโทษ วันนั้นเราซ่อนไม่ดีทำให้สุชาติจับได้แถมยังวิ่งไปทางพวกนายเอง”รายนี้ก็เสียงอ่อยไม่แพ้กัน



“ขอโทษนะเปลวววววว”สองเสียงประสานโอดครวญขอโทษ เปลวหันมามองอย่างอ่อนใจ เขาพูดคำว่าไม่เป็นไรไปเป็นพันรอบแล้วเจ้าสองคนนี้ก็ยังไม่ยอมหยุดขอโทษเขารอบที่หมื่นเสียที จะโกรธก็เพราะเรื่องนี้มากกว่า “ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นเวทีร้องมาบ่อยแล้ว ปีนี้ได้ทำอะไรแปลกใหม่แถมยังได้อยู่กับน้ำเงินอีก ดีจะตาย”



คำตอบของมันทำเอาคนที่มีชื่ออยู่ในนั้นเสียหลักเล็กน้อย น้ำเงินเหลือบมองสมชายผู้เข็นน้ำตามด้วยสีหน้าปกติแล้วก็ลอบถอนหายใจออกมาที่ไอ้สมชายมันไม่เอะใจ



หยอกได้ไม่อายสมชายเลยนะมึง



“ป้าครับ ผมมาเอาน้ำแข็งสองกระสอบที่อาจารย์สุชาติฝากซื้อไว้ครับ”เปลวบอกป้าร้านน้ำก่อนเราสามคนจะนำกระสอบดังกล่าวมาวางบนรถเข็นแล้วสมชายก็ก้มหน้าก้มตาเข็นออกไปอย่างขยันขันแข็ง ส่วนที่เหลือเดินตัวปลิว



สถานที่ตั้งของร้านขายน้ำอยู่กึ่งกลางระหว่างโรงยิมซึ่งจัดเวทีเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงของแต่ละห้องเรียนกับคอนเสิร์ตและลานหน้าเสาร์ธงซึ่งตัวแทนห้องคนอื่นๆกำลังจัดซุ้มของห้องตนอยู่ โซนต้นไม้มีม้าหินอ่อนข้างตึกสายศิลป์สถานที่ตั้งร้านขายน้ำจึงยังไม่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา



ไม่รู้ว่าสมชายเป็นคนขยันอยู่แล้วหรือมันอยากทำงานงานไถ่โทษ ตั้งแต่กลับมาที่ซุ้มมันก็วิ่งเทน้ำแข็ง วางขวด จัดเงินทอนและอื่นๆอีกมากมายจนผมไม่มีอะไรทำ “แล้วเพื่อนร่วมวงมึงทำไงวะ”เลยหันไปชวนเปลวซึ่งยืนมองสมชายทำงานงกๆอย่างสบายใจ(เลวทั้งคู่)



“ฟงมันเปลี่ยนมาร้องนำแทน วงกูมีมือกีตาร์อีกคนไม่เป็นไร”ได้ยินอย่างงั้นผมก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง



เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ขนาดนั่งอยู่ในเต็นท์ซึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยังร้อนขนาดนี้ แดดเมืองไทยจะอัพเลเวลไปถึงระดับไหนกันนะ



“มึงไม่เศร้าใช่ป่ะ”ถามพลางตักน้ำแข็งใส่แก้วอีกใบหนึ่ง



เปลวตะวันผู้ดังแล้วแยกวง(?)เลิกคิ้วเหลือบมองผมที่เดินถือแก้วน้ำแดงมายื่นให้มัน มันรับไปดื่มเงียบๆพร้อมรอยยิ้ม



“ไม่หรอก เพลงที่อยากให้ได้ยินก็ได้ร้องให้ฟังไปแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจ”



คำพูดคำนั้นของคนคนนี้ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจของผมเสียยิ่งกว่าจำนวนอ็อกซิเจนในอากาศหรือความดันโลหิตเสียอีก...ไม่รู้ว่าสีหน้าตอนรับฟังของผมเป็นอย่างไรแต่สีของหน้าผมพอจะเดาได้นะ...



สายลมเบาๆพัดผ่านกลางระหว่างเราสองคน ผมยังคงไม่ละสายตาจากใบหน้าของเปลวตะวัน เสียงสมชายลากเก้าอี้ดังแจ่มชัดในโสตประสาต หลังจากคำพูดของผมรอบตัวของพวกเราก็ไม่มีเสียงอื่นใด



ช่วงเวลานี้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดถูกเรียกไปนั่งแบ่งตามชั้นเรียนรอพวกส่วนกลางและพวกตัวแทนห้องซึ่งประจำตามซุ้มต่างๆห้องละห้าคนจัดงานเรียบร้อยแล้วค่อยถูกปล่อยลงมา มีบางคนกลับบ้านไปก่อนแต่เกินเก้าในสิบก็อยู่รอร่วมงานกันทั้งนั้น
เพราะงานโรงเรียนผมไม่ได้จัดกันแบบไก่กา อย่างที่เคยบอกแล้วไปว่านักเรียนโรงเรียนนี้กระเป๋าหนักกันทั้งนั้น แบกตำราเป็นสิบเล่มมาเรียน ผิดๆ บ้านรวยกันทั้งนั้นต่างหากเล่า!



“อีกห้านาทีจะปล่อยคนเข้างานแล้วนะครับ”อาจารย์สุเทพช่วยประสานงานตะโกนบอกซุ้มต่างๆให้ วันนี้เฮียแกใส่ชุดสูทเต็มยศท้าทายอำนาจแดดเมืองไทย แถมยังใส่วิกผมมาอีกต่างหาก ไม่ต้องสงสัยว่าแกจะไปออกงานเดินแบบที่ไหนเพราะวันนี้เปิดให้คนนอกมาร่วมงานด้วย ทั้งสมาคมแม่บ้านทั้งเด็กโรงเรียนอื่นแห่กันมาเต็ม



“สุชาติแม่งทำตัวไม่เกรงใจลูกเมีย”ผมส่ายหน้ามองแกอย่างหน่ายๆ อายุก็ปูนนี้แล้วทำตัวเป็นเด็กๆ



“แชคบอกว่าแกยังไม่ได้แต่งงาน”นายน้ำเงินเบิกตากว้างหันขวับไปมองนักร้องนำปลดประจำการ



“มิน่าหละ...วัยทองเก็บกดแถมยังโสดอีก ไม่มีที่ระบายเลยมาสร้างพฤติกรรมรุนแรงที่โรงเรียน”เด็กห้องคิงผู้ไม่คุ้นชินกับการถูกลงโทษบ่นอุบอิบ ทำเอาคนโดนทำโทษจนชินส่ายหน้าอย่างระอา



“บาปกรรม”เปลวดุเด็กปากพร่อยเข้าให้



“รับน้ำอะไรดีครับ”รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงสมชาติพูดกับลูกค้า คนอู้งานสองคนโงหัวออกมาจากโลกส่วนตัวแล้วก็พบเข้ากับกองทัพเด็กทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนแห่แหนกันเข้ามา



เพราะโรงเรียนย่านนี้ก็สอบเสร็จวันนี้เช่นกันทำให้หลายๆคนเลือกมาฉลองปิดเทอมกันที่งาน First night แห่งนี้



เด็กผู้หญิงม.ต้นใส่คอซองสวมชุดซึ่งไม่ใช่เครื่องแบบโรงเรียน ผมเดินเข้ามาสั่งน้ำ”เอาน้ำเขียวค่ะ”



ผมซึ่งนั่งง่อยอยู่ข้างถังน้ำแข็งเพิ่งสำนึกได้ว่าควรช่วยสมชายบ้างอะไรบ้างจึงดึงแก้วพลาสติกออกจากถุงหันขวับกลับมาเตรียมตักน้ำแข็ง ตอนนั้นเองแก้วพลาสติกซึ่งมีน้ำแข็งอยู่เต็มแก้วก็ถูกยื่นมาตรงหน้า



“เอาไปสิ ลูกค้ารอ” ผมมองหน้าเปลวซึ่งแย่งงานผมเซ็งๆ



“อ่ะนี่”คฑากรโรงเรียนรับหน้าที่เทน้ำยื่นให้ลูกค้า นักร้องนำวงโรงเรียนดำรงตำแหน่งผู้ตักน้ำแข็งใส่แก้ว และนายธรรมดารับหน้าที่จิปาถะ



เด็กผู้หญิงคนนั้นรับแก้วจากมือน้ำเงินไปก่อนจะมองหน้าหล่อๆของคนตรงหน้าเธออย่างประหลาดใจ แต่แปลกใจอยู่ได้ไม่นานก็ถูกเขี่ยกระเด็นออกไปโดยน้ำมือเด็กผู้หญิงม.ปลายกลุ่มใหญ่ มากันห้าหกคนแต่ละคนสั่งไม่เหมือนกันสักอย่าง สมชายรับออเดอร์ตาเหลือก ส่วนเปลวก็ทำหน้าที่ตักน้ำแข็งอยู่เงียบๆด้านหลัง



“อุ๊ย!! หนูขอแก้วนั้นค่ะ”เด็กท่าทางเปรี้ยวแต่งหน้าหนาจัดแม้วันสอบชี้นิ้วมายังแก้วใบน้อยในมือของเปลวตะวันพร้อมมองคนถือด้วยสายตาหลงใหล”นั่นใช่พี่เปลวรึป่าวคะ?”เธอถามอย่างไม่แน่ใจนัก



“อ่า...ใช่ครับ”ผมตอบแทนเจ้าตัว



“กรี๊ดดด ตัวจริงหล่ออ่ะแก ฉันขอน้ำพี่เปลวด้วย”อีกคนพูดแทรกได้ชวนคิดลึก



“อ่า..ใจเย็นๆนะครับ”สมชายเห็นว่าพวกหล่อนเกาะกลุ่มอยู่หน้าร้านนานเกินจึงพยามไกล่เกลี่ย



“เงียบไปใครพูดด้วยไม่ทราบ ไม่รู้แหละ ชั้นจะกินน้ำที่ผู้ชายคนนั้นเทให้!! ถ้าไม่ใช่ฉันไม่ยอมนะยะ!!” ผมนี่ถึงกับโยนขวดแป็ปซี่ใส่มือคุณเปลวเลยครับ เรื่องนี้นำเงินจะไม่ยุ่ง...



แต่เดี๋ยวนะ...



พวกเธอไม่เห็นผมอยู่ในสายตาขนาดนี้ก็หมายความว่าผมโดนจัดอยู่ในคลาสเดียวกับสมชายหนะสิ!!



โอ้ววววว ม่ายยยยย!!



เปลวไม่แสดงสีหน้าใดใดต่อสถานการณ์นี้ มันเดินมาเทน้ำให้พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ จากนั้นซุ้มน้ำของพวกกระผมก็ถูกกลืนกินโดยเหล่าสาวๆเป็นกองทัพ



โชคดีที่เหล่าสหายรักอย่างนาว ปอ อาร์ต ไอซ์ ซีซีแวะมายังร้านและผลัดเวรกันมาช่วยคนละสิบนาที



โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ฟงเดินมาเปลี่ยนป้ายราคาน้ำเป็นแก้วละ 30บาท...จากสิบบาท...ค้ากำไรเกินควรมากมึงสมแล้วที่เป็น
ลูกคนจีน  มันบอกว่างานจะได้เบาลงแต่กำไรเท่าเดิม...เออ จะว่าไปก็ฉลาด



หลังจากเชี่ยฟงจากไปแล้วงานก็ค่อยเบาลงหน่อยเปลวท่าทางพอใจกับไอเดียเพื่อนมันมากส่วนผมกับสมชายรู้สึกร้อนๆหนาวๆกลัวสุชาติด่าข้อหาโก่งราคาค่าตัวแต่ก็ไม่ได้ไปแก้ไขราคาให้เหมือนเดิมเพราะความสบายย่อมมาก่อนความกลัว



สุดท้ายของสุดท้ายเพื่อนเวรแชคมันประกาศออกเสียงตามสายว่าวันนี้นักร้องนำวงโรงเรียนไม่ขึ้นร้องเพราะขายน้ำอยู่ที่ซุ้ม





อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย พ่อมึงเป็นสรยุทธเหรอสาดดดดดดด!!! ไม่ป่าวประกาศสักเรื่องก็อยู่ได้มั้ยมึง





จากที่งานเบาลงไปหน่อยตอนนี้ลูกค้าเยอะกว่าตอนขึ้นราคาอีกครับ เจริญเถอะ...



“ขายดีไหม กูอุตส่าห์ช่วยโปรโมทให้”ตัวต้นเหตุเดินไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามายังซุ้มซึ่งแปะป้ายหยุดชั่วคราวเนื่องจากน้ำแข็งหมด...ตอนนี้สมชายกำลังไปขอซื้อต่อจากร้านน้ำโรงอาหารส่วนผมมีหน้าที่รับมือกับลูกค้าที่ยืนออกันอยู่



“คราวหลังไม่ต้องช่วยจะเป็นพระคุณกว่า”ผมหันไปเหน็บมัน



“อะไรกัน กูอุตส่าห์มาช่วยยังมาว่าอีก เนอะเปลวเนอะๆ”ตัวแสบแชคหันไปหาพวก เปลวมองสบตามันด้วยสีหน้าเรียบเนือยๆ ไร้ความรู้สึก...ไม่ใช่หน้าแต่เป็นมือนะครับที่ไร้ความรู้สึก ตักน้ำแข็งจนมือชาหมดแล้ว



“พี่น้ำเงินคะ ทำไมร้านปิดอ่ะคะ”เด็กผู้ชาย เอิ่ม...ไม่น่าจะใช่... ม.สี่ยื่นหน้ามาถามซะชิดชนิดจมูกแทบชนกัน คนถูกจู่โจมถึงกับสะดุ้งโหยงถอยหนีแทบไม่ทัน



“นะ...น้ำแข็งหมดครับ”



“น้ำแข็งหมดงั้นเอาน้ำเงินมาก่อนก็ได้นะคะ”



“ฮิ้วววววววว”เพื่อนชาย(?)ที่มาพร้อมกันร้องวี๊ดว๊ายมือไม้ออก



“แรงงง อะแก”



“แหม มันก็นิดนึง...โอกาสอย่างงี้หาได้จากไหนอีก ผู้ชายเขาขายน้ำ ผู้หญิงก็ต้องแหกขา อุ๊บส์ แหกกระเป๋าตังค์ซื้อสิจ๊ะ”



“เหอๆๆๆ”ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มรับ ประสบการณ์กว่าสามชม.สอนให้ผมรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรจะสู้สถานการณ์ไหนควรจะถอย เปลวตะวันกล่าวว่าจนด้วยถ้อยคำก็จงรวยด้วยรอยยิ้ม...



“พอเลยมึง เดี๋ยวกูจัดการตรงนี้เอง มึงไปพักเถอะ”แชควางกล้องไว้บนเก้าอี้พับก่อนจะปัดมือไล่ผมให้เข้าหลังร้านไปตรงนี้มันจัดการเอง ผมเลยเดินเข้าไปหาเปลวซึ่งนั่งสะบัดมือแดงๆของมันไปมา




“เป็นไงบ้างอ่ะ”น้ำเงินคว้ามือของหัวหน้าแผนกตักน้ำแข็งขึ้นมาถูไปถูมากับมือตัวเองอย่างพยามเพิ่มความอบอุ่นให้



“ไม่เป็นไร มันแค่แดงเพราะเลือดมารวมตัวกันเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ ไม่ได้เจ็บอะไร”เปลวตอบ



“อืม เดี๋ยวที่เหลือกูตักให้เอง มึงไปพักเถอะ”ผมสั่งให้มันหยุดงาน เพราะไอ้แชคมันอาสามาช่วยซุ้มนี้ด้วยตัวของมันเอง



คือก็ว่าแล้วว่ามันโฆษณาออกสื่อไปให้ด้วยความหวังดี พอรู้เอาตอนหลังว่านำความฉิบหายมาให้ก็รีบขอโทษขอโพย เสนอตัวรับผิดชอบ จะไปว่านิสัยมันก็น่ารักดีนะ ถึงจะเหี้ยไปบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม



“แล้วเราต้องขายไปอย่างงี้จนถึงเมื่อไหร่เหรอ”เปลวถาม



“อืม...จนกว่าน้ำซ่าจะหมดหละมั้ง เหลือไม่เยอะแล้วด้วย ดีเลย!!หลังจากนี้จะตักน้ำแข็งน้อยๆเทน้ำเยอะๆจะได้จบซะที” เสียงหัวเราะผมดูเหมือนจะชั่วร้ายไปหน่อย สมชายที่เข็นรถใส่น้ำแข็งมาครึ่งกระสอบถึงกับสะดุดเศษฝุ่นหน้าเกือบทิ่ม



“เดินดีดีมึง เดี๋ยวได้กลับไปขนใหม่อีกรอบหรอก ฮ่าๆ”คนล้มเราไม่ข้ามแต่เราซ้ำเติมคือคติพจน์ผมเองครับ



น้ำเงินลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินเข้าไปหาสมชายผู้ยกถุงน้ำแข็งพยามเทใส่ถังอย่างทุลักทุเลแต่ก็ถูกมือของใครบางคนคว้าเอาไว้ก่อน





“ปิดร้านแล้วไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันนะ”




คำเชิญชวนอันแสนแผ่วเบา คำพูดที่ได้ยินกันแค่สองคน ท่ามกลางผู้คนหลายสิบที่ออกันอยู่หน้าร้าน น้ำเงินพยักหน้าตอบรับคำขอนั้นด้วยรอยยิ้ม




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีปีใหม่ไทยค่าาา  :mc4:

สงกรานต์ไปเที่ยวไหนกันมาคะ คนแต่งไม่ได้ไปไหนเลย อยู่บ้าน...(แล้วทำไมไม่อัพ)555

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 16/04/15 [ บทที่ 13 ] ผู้ชายขายน้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 16-04-2015 19:16:30
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ :hao7:
ถ้าเปลวจะฮิตฮอตขนาดนั้นนะ น้ำเงินรีบเลยลูกรีบรับรักเปลวเถอะ
เดี๋ยวโดนแย่งนะ 55555

รอตอนไปดูคอนค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 16/04/15 [ บทที่ 13 ] ผู้ชายขายน้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 16-04-2015 19:42:02
โหย ๆ น่ารักตลอดอ่ะเรื่องเนี้ย ชอบจัง  :impress2:
ฟงกับพี่ทวนก็อยากอ่าน แชคกับซีซีก็อยากอ่าน
แต่เปลวตะวันกับน้ำเงินน้อย ก็ทำให้ฟินตลอด ๆ เลย
ชอบตอนน้ำเงิน เอามือเปลวมาถู ๆ ให้ความอบอุ่นจัง
เปลวตะวัน คงอุ่นไปจนถึงขั้วหัวใจแล้วนั่น น่ารักอ่ะ  :o8:
รอตอนหน้า ตามไปดูคอนเสริต์ด้วยคนน้า
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 16/04/15 [ บทที่ 13 ] ผู้ชายขายน้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-04-2015 20:07:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/04/15 [ บทที่ 14 ] เกมส์พระราชา
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 25-04-2015 11:04:47




บทที่ 14 เกมส์พระราชา





“เฮ้!!หมดแล้ว หมดๆๆๆ ของหมดจ้า ปิดร้านแล้ว มาทางไหนไปทางนั้นเลย น้ำแข็งเปล่าเราไม่ขาย”แชคตะโกนประกาศอิสรภาพเสียงดัง เหล่าลูกค้าที่ยืนออกันอยู่ต่างถอยกลับไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ มันจัดการกวาดขวดเปล่าใส่กระสอบน้ำแข็งและยื่นให้สมชายเอาไปทิ้งก่อนจะหันมาบอกลาพวกผมและปลีกตัวไปเก็บภาพในงานต่อ



“เก็บโต๊ะกันเถอะ”เปลวกล่าวพลางเอาผ้าเช็ดโต๊ะที่มีน้ำหกเลอะเทอะอยู่  พวกเราก้มๆเงยๆทำความสะอาดกันอยู่สักพักก่อนสมชายจะเดินกลับมาบอกว่าท่านอาจารย์สุชาติที่เคารพให้เอาเงินไปให้และแยกย้ายได้ แน่นอนว่าผู้รับผิดชอบนำเงินไปส่งก็คือสมชายอีกนั่นแหละ



เดินไปเดินมาทั้งบ่ายชีวิตซวยมากมึง กูว่ามึงควรไปหาหมอดูเปลี่ยนเชื่อได้แล้วนะ สมชายนายธรรมดาไม่เป็นศิริมงคลกับชีวิตมึงเลย



ผมกับเปลวพับโต๊ะเก็บเข้ามุมเพื่อให้ไม่เกะกะ เห็นว่าหลังเลิกงานส่วนกลางจะมาจัดการต่อเอง เป็นคนช่วยงานว่าลำบากแล้วเป็นคนจัดงานลำบากกว่าหลายเท่า ดีนะที่ไม่ได้สมัครเป็นส่วนกลาง



“ตอนนี้กี่โมงแล้ว”ผมถาม



“สี่โมงห้าสิบ จะไปดูคอนเสิร์ตเลยหรือว่าเดินหาอะไรกินในงานก่อน”เปลวตะวันถามความคิดเห็นของผม งานโรงเรียนของผมเริ่มตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งจนถึงสองทุ่ม โดยช่วงบ่ายบนเวทีจะมีการแสดงของห้องต่างๆและตั้งแต่หกโมงเป็นต้นไปจะเป็นคอนเสิร์ต



“เดินเล่นกันก่อนเถอะ การแสดงไร้สาระไม่ต้องไปดูก็ได้”หากกิ๊บมาได้ยินผมได้กลายเป็นหมูบะช่อแน่เพราะการแสดงของห้องผมปีนี้เธอเป็นผู้กำกับส่วนนักแสดงนำก็ไม่พ้นปอ อาร์ต ไอซ์ ที่พวกมันหายไปช่วงบ่ายแก่ก็เพราะไปซ้อมบทนี่แหละ



“ไม่ไปดูเพื่อนเล่นเหรอ ตอนนี้ก็ใกล้แสดงแล้วหละมั้ง”



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูจากคลิปที่ไอ้แชคถ่ายมาก็ได้”มีเพื่อนเป็นตากล้องก็ดีอย่างงี้แหละครับ



“ดูของจริงกับดูผ่านจอมันไม่เหมือนกันนะ”



“ช่างมัน หิวเว้ย!!”เห็นว่าเซ้าซี้ไม่เลิกนายน้ำเงินจริงเผยไต๋ออกไป ระหว่างมิตรภาพและของกินเห็นทีอาหารจะเป็นฝ่ายชนะขาดลอย...



ตอนนี้พวกเรากำลังเดินอยู่ในลานหน้าเสาธงซึ่งร้านรวงต่างๆกำลังขายดิบขายดี เนื่องจากเวลานี้ใกล้ถึงเวลาเริ่มคอนเสิร์ตแล้วนักเรียนจากภายนอกเลยยิ่งแห่แหนกันเข้ามามากขึ้น



แต่ละปีแต่ละปีโรงเรียนของเราจะมีแขกจากต่างถิ่นเข้ามาเยี่ยมเยียนจำนวนมากจนเป็นเหมือนประเพณีไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าคู่หูแสบตาอย่างฟงและเปลวทำไมถึงครองตำแหน่งบุคคลผู้มีอิทธิพลที่สุดในละแวกนี้ไป



“ลูกชิ้นทอดมั้ย”ผมหันไปถามความเห็นมัน”เห้ย ไม่เอาดีกว่ากูว่าเกี๊ยวกล้วยนี่แหละเด็ด!!”พูดจบก็วิ่งเข้าไปซื้อหน้าระรื่น



“คนเห็นแก่กิน”เปลวว่ายิ้มๆ



“ว่าแต่กูเหอะ รักเพื่อนนักก็ไปกับเพื่อนเลยไป ฟงรออยู่ตรงโน๊นนนน”เมื่อเถียงไม่ได้เราก็แถสิครับรออะไร ผมรีบชี้โบ้ชี้เบ้ไล่มันเป็นหมั่นไส้



“สำหรับเปลว คนที่รักก็สำคัญกว่าเพื่อนเหมือนกัน นิดนึง”



คำพูดของมันทำเอาถ้วยเกี๊ยวกล้วยราดช็อคโกแลตแบบจัดเต็มของผมแทบร่วง



ผมว่าผมอยู่กับมันนานวันเข้าผมต้องหวั่นไหวแน่ๆ พี่แกเล่นหยอดทุกครั้งที่มีโอกาสเลยนี่หน่า



“พี่เปลวคะ พี่น้ำเงินคะ”เสียงใสๆของเด็กผู้หญิงดังขึ้นพวกเราเลยหันไปตามต้นเสียง นักเรียนชั้นม.สี่คนหนึ่งเดินออกมาจากซุ้มด้วยสีหน้ามีความหวัง เธอเข้ามาคว้ามือของผมและเปลวเอาไว้ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงขอร้อง “พี่ช่วยมาเล่นเกมส์ซุ้มหนูหน่อยได้มั้ยคะ ไม่ค่อยมีลูกค้าเลย”



บริเวณทางเท้าตรงนี้ผู้คนหนาแน่นจนจะเหยียบกันตายอยู่แล้วแต่ร้านของเธอกลับมีลูกค้าประปราย การดึงเอาพรีเซ็นเตอร์ชื่อดังมาก็เป็นแนวทางโปรโมทร้านที่ดี



เด็กคนอื่นๆในร้านก็มองมาทางพวกผมด้วยสายตาอ้อนวอน ผมกับเปลวสบตากันอย่างเข้าใจความหมาย...ขืนปฏิเสธไปมีหวังโดนสังคมรุมประณามแหง



“เกมส์อะไรเหรอครับ”เปลวตะวันเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มนุ่มลึก มันเดินนำเข้าร้านอย่างช่วยไม่ได้



“เกมส์พระราชาค่ะ!!”เด็กสวมมงกุฎกระดาษคนหนึ่งวิ่งออกมาหาพวกเราอย่างดีใจก่อนจะออกคำสั่งให้เพื่อนเรียกลูกค้าเข้าร้านอย่างรู้งาน



“เกมส์พระราชาค่า...เกมส์พระราชา ตาละ20บาท คนชนะสามารถสั่งให้ประชาชนทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง...”เสียงตะโกนของหล่อนเรียกความสนใจจากคนรอบๆได้อย่างดี



“ทีเด็ดของเรารอบนี้ก็คือ พี่เปลวกับพี่น้ำเงินก็เล่นด้วยค่า...รับแค่รอบละห้าคนเท่านั้น ช้าหมดอดนะคะ!!”
สิ้นคำเท่านั้นแหละครับประกายไฟก็ลุกโชติช่วงในดวงตาของเหล่าพี่น้องแฟนเพลงทางบ้าน ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายวิ่งปรี่เข้ามาทาง
ร้านอย่างหมายมั่น...เดี๋ยวนะ ทำไมมีผู้ชาย



“ไอ้เหี้ยนั้นมันมาปล้นร้านหรือมาเล่นเกมส์วะ”นายน้ำเงินลากแขนเปลวหลบฝูงชนไปด้านหลังโต๊ะของร้านก่อนจะเอามือป้องปากแล้วกระซิบข้างหูคนข้างๆ สายตาโฟกัสไปที่เด็กนักเรียนชายโรงเรียนอื่นซึ่งผิวดำคล้ำตัวใหญ่อย่างกับหมีแถมยังตะโกนเสียงดังแรงควายเบียดผู้หญิงกระเด็นไปหลายคน



เปลวมองตามที่น้ำเงินบอกก่อนเขาจะเบิกตาอย่างตกใจ “นั่นมัน...”เสียงเบาหวิวเล็ดลอดออกจากริมฝีปากได้รูป



“ใครวะ”ผมถาม



“อริไอ้ฟงมัน ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นแฟนของผู้หญิงสักคนที่ฟงไปซิวมา”



“เห้ย! แล้วมันอยากเล่นเกมส์กับเราไมวะ”ไม่มีคำตอบจากร่างสูงเพราะตัวคนถามก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจ มิตรของศัตรูก็คือศัตรู เฮียหมีคนนั้นสุมด้วยไฟแค้นราวกับรอระเบิดได้ทุกวินาที



ในเมื่อยามปกติไม่อาจทำอะไรคู่หูคู่นี้ได้โอกาสอันดีงามอย่างเกมส์พระราชาที่ฟ้ามอบให้จะไม่ปล่อยให้หลุดมือเป็นอันขาด!!



“หวังว่ามันจะไม่ได้เป็นสามคนที่ได้เล่นกับเรานะ”เด็กห้องคิงผู้ไม่เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ใจนึกภาวนาให้คนอื่นๆเบียดชนะ



“ห้าสิบบาท!! ชั้นจ่ายค่าตั๋วห้าสิบ ให้ฉันเล่นเกมส์นี้เถอะ เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางก้อนมวลมหาประชาชนซึ่งเหยียบกันตายอยู่หน้าร้าน



“ชั้นให้ร้อยนึง! ฉันอยากสั่งให้พี่น้ำเงินคบกับฉัน แค่ในงานนี้ก็ยังดี!!”อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ไอเดียของเธอยิ่งจุดชนวนความโกลาหลเข้าไปใหญ่



จากราคาเริ่มต้นยี่สิบบาท มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นห้าเท่าตัวด้วยบุคคลทั้งสอง น้ำเงินถึงกับยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจ เกิดมาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรตติ้งตัวเองจะดีขนาดนี้เลย...ร้านน้ำก็ทีนึงแล้ว



“กูเป็นที่นิยมขนาดนี้เลยเหรอวะ กับมึงกูไม่แปลกใจหรอกเห็นผู้หญิงในห้องเพ้อถึงบ่อยๆ”



“น้ำเงินมีดีเยอะแยะ ใครๆก็ชอบ ขนาดเปลวยังชอบเลย หึหึ”



“โอ๊ย กูไม่คุยกับมึงแล้ว!”



“จะ...ใจเย็นๆนะคะ”เสียงของเจ้าของซุ้มส่งไปไม่ถึงลูกค้าเสียแล้ว ไอ้หมีควายคนดังกล่าวคว้าเอาตั๋วในมือของเธอไปก่อนจะควักเงินยี่สิบบาทออกมาจ่าย 



ผู้ชนะเลิศคนแรกคือนายหมีนามสมมุติ



“อีจอย ถ้าแกไม่ขายตั๋วให้ฉัน ฉันจะแฉเรื่องของแก!!!!”เสียงคุ้นๆดังขึ้น เด็กที่ถือตั๋วอยู่ผมเพิ่งรู้ว่าเธอชื่อจอย เธอรีบยื่นตัวไปให้ผู้ชายคนหนึ่ง ทันทีที่เลื่อนสายตาสบมองใบหน้าเยี่ยงชายชาตรีประดับด้วยไรหนวดและลิปสติกของเด็กหนุ่ม(?)คนนั้นทำให้น้ำเงินตื่นตะลึง...ตุ๊ดทัพบก!!



ผู้ชนะคนที่สองคือตุ๊ดทัพบกซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่ทราบ หล่อนเดินนวยนาดเข้าซุ้มมาอย่างกับได้เหรียญทองโอลิมปิก ใบหน้าขาวปากแดงคอดำเชิดขึ้นจิกเหล่าชะนีผู้พ่ายแพ้สงคราม



จากนั้นผลผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายก็เข้าสู่สนาม เธอเป็นเด็กม.หนึ่งผู้โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่ทราบที่ต้องมาเล่นเกมส์กับเสือสิงกระทิงแรด เด็กน้อยเดินจุ๋มกรู๋เข้ามาด้วยสีหน้าประหม่า



เพราะความโกลาหลคนจัดซุ้มจึงใช้วิธีชี้สุ่มเอาเลยซึ่งมันสร้างความไม่พอใจให้หลายๆคนแต่ก็ไม่มีใครทักท้วงอะไร ผู้คนรอบซุ้มบางตาลงบางส่วนก็เดินชมงานต่อแต่ส่วนใหญ่ยังรอดูอะไรสนุกๆกัน



ผมแอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มองตุ๊ดทัพบกซึ่งส่งสายตาปิ๊งๆมาให้ไม่หยุดเล่นเอาเสียวสันหลังวูบวาบ ก่อนจะเขยิบตัวเข้าใกล้ไอ้เปลวซึ่งมีสีหน้าไม่ต่างกัน



 เชี่ยหมีผู้ต้องการแก้แค้นยิ้มย่องอย่างหมายมั่นก่อนจะยกมืออวบอูมขึ้นชี้ใบหน้าหล่อๆของคนข้างกายผมและประกาศกร้าว!!



 "มึงตาย!!"เสียงเข้มพอกับหน้า หมีนามสมมติตะโกนเสียงดังจนตุ๊ดทัพบกสะดุ้งโหยง



 "ตายเตยอะไร อย่ามาหยาบคายกับผู้ชายในสังกัดชั้นนะยะ เอาเถอะยังไงผู้ชนะก็คือชั้นและวันนี้ทั้งวันชั้นจะได้ครอบครองน้ำเงินแต่เพียงผู้เดียว โฮ๊ๆๆๆ"เสียงทุ้มห้าวพยามดัดให้สูงเสียดฟ้าหัวเราะหยามไอ้หมีจนเลือดขึ้นหน้า



"ราดน้ำมันเข้ากองไฟ"



 "หายนะชัดๆ"



พวกเราพูดโดยไม่มองหน้ากัน ถึงจะไม่ได้สบตาแต่ก็รู้ได้โดยความรู้สึก เสียงในใจมันร่ำร้องราวกับลางบอกเหตุ ต่อให้ต้องเดิมพันด้วยชีวิตก็แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!!



 เพลิงสู้ในตัวของผู้เข้าแข่งขันสี่คนโหมกระพือจนเต็นท์แทบไหม้(เว่อร์) หน่วยกล้าตายประจำซุ้มถูกผลักออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อเริ่มดำเนินเกมส์



เด็กผู้ชายที่ถูกผลักออกมาพร้อมกระบอกสีเงินขนาดพอสมควรหัวเราะเสียงแห้งเมื่อเผลอสบตาเข้ากับใครคนใดคนหนึ่งในพวกผมสี่คน มือผอมแห้งของกรรมการยื่นเจ้ากระบอกดังกล่าวออกมาก่อนพูดเสียงดังฟังชัดว่า... "ขออธิบายกติกานะครับ สั้นๆง่ายๆเลยคือ...!!"



 "..."



"จับฉลาก!!!!!"



“!!?”



“ในกระบอกนี้มีหมายเลขอยู่หลายแผ่นตั้งแต่ 1-15 มีเลขซ้ำกันสามชุด ใครได้หมายเลขเยอะที่สุดคือผู้ชนะถ้าหากได้เลขมากสุดซ้ำกันจะต้องเล่นเกมส์พิเศษเพื่อตัดสินครับ!!"



 อิเหี้ยยยย กติกาบ้าบอคอแตกอะไร เสียเงินตั้งยี่สิบเพื่อจับฉลากแกล้งคนเนี่ยนะ สมควรแล้วที่ไม่มีลูกค้า ไอ้น้องพี่ถามจริงใครเป็นตัวต้นคิด...



 "นี่ครับ..."กระบอกถูกยื่นมาให้ผู้เข้าแข่งขันทีละคนซึ่งถูกกำชับให้รอเปิดดูหมายเลขพร้อมกันเพื่อความลุ้นละทึก เด็กผู้หญิงคนสุดท้ายหยิบกระดาษขึ้นมาพร้อมสัญญาณบ่งบอกว่าเปิดดูด้านในได้แต่อย่าเพิ่งให้ใครเห็น นายน้ำเงินเช็ดมือชื้นเหงื่อกับขา
กางเกงก่อนค่อยๆคลี่กระดาษแผ่นน้อยในมือออก



ทันทีที่สิ่งที่ปรากฏในกระดาษแผ่นนั้นนัยน์ตาสีดำขลับก็วูบไหวและเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง



 ...3...



ชิบหายตายแน่น้ำเงิน ดูจากความอ่อนด้อยของตัวเลขแล้วยังไงก็ไม่มีทางชนะ



ตายๆๆๆ ถ้าเชี่ยหมีนั่นชนะคนซวยคือเปลว ถ้าตุ๊ดทัพบกชนะคนซวยก็คือผม ถ้าเด็กผู้หญิงชนะคงไม่ร้ายแรงเท่าไหร่แต่เพื่อความปลอดภัยขอให้ไอ้เปลวชนะทีเถอะ มึงเป็นผู้ชายดวงแข็งใช่มั้ย บอกกูทีมึงถูกหวยบ่อยสินะ



 "เอาละครับ อยากรู้เลขของใครก่อนเอ่ย"ไอ้เด็กท่าทางกล้าๆกลัวๆตอนแรกกลับมาสวมวิญญาณเจ้าของซุ้ม มันถือโทรโข่งเดินไปหาผู้ชมยังกับเล่นเกมส์โชว์ เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นเป็นชื่อคนจนแทบจะแยกคำไม่ออกแต่เท่าทีผมจับความได้ดูเหมือนคำว่าเปลวจะดังเยอะสุด



"งั้นเรามาดูของพี่เปลวก่อนเลยนะครับ!!"เด็กนั่นเดินมาหาเปลวตะวันซึ่งยื่นแผ่นกระดาษเล็กๆในมือให้ด้วยท่าทางสุขุม ดวงตาคมกริบจ้องมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีความลังเล ร่างสูงยืนพิงเสาซุ้มก่อนยกมือขึ้นกอดออก ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนแถมยังยืนซะเท่ห์จนนึกว่ามาถ่ายแบบทำเอาผู้เข้าแข่งขันคนอื่นร้อนๆหนาวๆ



 โห...นิ่งขนาดนี้แสดงว่าได้เยอะชัวร์ เลขอะไรๆๆๆ 15ใช่มั้ย!?



 "หมายเลยที่ออกคือ...!"



 "...."



"..หนึ่ง...."



"...."ความเงียบเข้าปกคลุม ทุกคนลุ้นรอคำประกาศต่อไปอย่างตื่นเต้น หนึ่งอะไร บอกพี่มาสิน้อง หนึ่งห้าใช่มั้ย



"1 ครับ มองอะไรกันอยู่เหรอครับ"



 "หาาาาา"ผมเผลออุทานออกไปอย่างตกใจไม่ต่างจากคนอื่นๆ ความรู้สึกเหมือนโดนกะละมังตกใส่หัว เดี๋ยวนะ ช้าก่อน...ได้ 1ก็หมายความว่ากระจอกสุดเลยสิ ไอ้เหี้ย โอ๊ย อยากจะบ้า แล้วมึงจะสุขุมทำหอยโข่งอะไร



เพราะเขาห้ามคุยกันผมจึงได้แต่จิกกัดด้วยสายตา ร่างสูงด้านข้างก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางซะนั่น



 หนอย!! ไม่ต้องหนีความผิดเลยมึง ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยเหยียบเท้ามันไปหนึ่งที แม่งสะดุ้งแล้วก็หันมามองผมตาเหลือกเลย เจ็บหละสิ สม...



"2ครับ!!"เสียงพิธีกรดังเรียกสติ หมายเลข2เป็นของเด็กหญิงม.1 ความหวังน้อยๆของนายน้ำเงินพังไม่เป็นท่า เท่านี้ก็เหลือแค่ตัดสินกันว่าตุ๊ดทัพบกหรือหมีควายจะเป็นฝ่ายชนะ



 "ขอโทษนะครับ ขอดูหน่อย โอ้วววว ไม่น่าเชื่อ!!!"พิธีกรเดินเข้าไปขอฉลากในมือตุ๊ดห้องผมก่อนจะร้องอุทานออกมาเสียงดัง ผมรีบชะเง้อคอมองอย่างตกใจ อย่าบอกนะว่ามึงชนะ...



 "1ครับ นี่มันอะไรกันเนี่ย ผู้เข้าแข่งกันรอบนี้ถือว่าโชคดีพระเจ้าเข้าข้าง จนกินกันไม่ลงเลยทีเดียว คะแนนนำตอนนี้คือน้องดาว เลข2นะครับ!!"เด็กพิธีกรกวนตีนเรียกเสียงฮาจากรอบข้าง



ก่อนเดินไปคว้ากระดาษจากมือไอ้หมีอย่างคึกคัก ก่อนจะทำตาตื่นแหกปากเสียดังลั่นว่า "โว้ววววววว คนนี้แหละครับคนจริง หมายเลยในมือผมตอนนี้ทิ้งห่างผู้เข้าแข่งขันคนก่อนๆชนิดไม่เห็นฝุ่นเลย!!!"



“ทายสิครับว่าเขาได้เลขอะไร!?”



 "3ครับ!! สุดยอดมาก ในกระป๋องมีเลข1-15ตั้งสามชุด คะแนนนำตอนนี้คือ 3ครับ!! ครั้งแรกในประวัติการณ์เลยก็ว่าได้ โอ้ววว!!"เสียงหัวเราะดังพรืดจากผู้ชมและเปลวตะวัน อิตุ๊ดทัพบกแทบจะพุ่งตัวเข้าตบเด็กปากเสีย



เหมือนมันจะสบายใจที่เลขของมันไม่ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่นัก คือยังไงมึงก็แพ้มั้ย สู้กูก็ไม่ได้ กูได้เลข3 เท่ากับไอ้หมีเลย


หืม...เดี๋ยวนะ อย่างงี้ก็หมายความว่า...



 "ผู้ชนะคือพี่น้ำเงินกับนายมวยปล้ำหุ่นล่ำโรงเรียนข้างๆคร้าบบบบ"โดยไม่รู้ตัวฉลากในมือก็ถูกเจ้าพิธีกรคว้าไปอ่าน ไอ้เด็กเวรประกาศหมายเลขพร้อมแซวพอเป็นพิธีจากนั้นก็ขานชื่อคนชนะ..!



ผมถูกลากให้ไปยืนคู่ไอ้หมีก่อนเจ้าเด็กผีจะวางโทรโข่งและชูมือผู้ชนะสองคนขึ้นฟ้าท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าไทยมุง นายน้ำเงินยืนเอ๋ออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในหัวมีเพียงคำคำเดียวดังซ้ำไปซ้ำมา ปาฏิหาริย์!!



 ...นี่มัน...ปาฏิหาริย์...บังเกิดขึ้นแล้ว...!!





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



แดดเมืองไทยร้อนมากมาย พอต้องออกจากบ้านทีนึงก็นึกแค้นคุณเปลวตะวันทีนึง

อย่าตามมาเผาไหม้ฉันอีกเลย ตามติดน้ำเงินของเธอต่อไปเถอะนะ


 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/04/15 [ บทที่ 14 ] เกมส์พระราชา
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 26-04-2015 18:52:39
หูย เดทกันในงานโรงเรียน น่ารักจริงเลย  :o8:
เปลวนี่มีช่องเมื่อไร ต้องหยอดเมื่อนั้นเลยนะ
ดีแล้ว ๆ หยอดเข้าไป ๆ น้ำเงินหวั่นไหวใหญ่แล้วนั่น
งานนี้ ให้คนต่างถิ่นเข้ามาได้ จะมีพี่ทวนมาดูฟงร้องเพลงไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/04/15 [ บทที่ 14 ] เกมส์พระราชา
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-05-2015 12:19:35
เอ่อ.... เลขดี๊ดีนะคะ แต่ละคน 5555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 24/04/15 [ บทที่ 14 ] เกมส์พระราชา
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-05-2015 20:32:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 22/05/15 [ บทที่ 15 ] ป็อกกี้สื่อรัก!?
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 22-05-2015 16:51:09




บทที่15 ป็อกกี้สื่อรัก!?




“เอาละครับ ผู้ชนะเชิญทางนี้ครับ ส่วนคนแพ้จะไปไหนก็ไป ไป๊!”เด็กเวรโบกมือไล่โดยเน้นไปทางตุ๊ดทัพบกอย่างกวนบาทา เลยโดนโบกกบาลไปหนึ่งทีก่อนตุ๊ดจะสะบัดหน้าเดินออกจากซุ้มไปแบบสวยๆพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่เดินก้มหน้าก้มตาออกไป...



ทั้งสองคนถูกกักตัวไว้โดยเด็กเจ้าของซุ้มคนอื่นๆเพราะคนแพ้มีสิทธิ์ถูกลงโทษโดยพระราชา



ส่วนเปลวตะวัน...ยังคงยืนอยู่ที่เดิมแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว และไม่มีใครกล้าไปไล่พี่แกด้วย



ก็ดีนะ ขืนให้เผชิญหน้ากับไอ้หมีนี่ตัวต่อตัวคงไม่ไหว น้ำเงินไม่ขอสู้ ผมว่าผมไม่ได้เตี้ยอะไรนะแต่พอมายืนคู่กันแบบนี้แล้วสูงเลยไหล่มานิดเดียว โอ้โห พ่อมึงเป็นเหยาหมิงนักบาสจีนในNBAเหรอ!? ไม่สิ ไม่ได้ เหยาหมิงเขาขาว...



“เกมส์ตัดสินแห่งโชคชะตาของเราก็คือนี่ครับ!! ป็อกกี้สื่อรัก!!!”ไอ้เด็กพิธีกรดำเนินรายการของมันต่อ มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรโข่งชูกล่องขนมสีชมพูขึ้นฟ้าเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมรอบทิศ



ป็อกกี้!?



อย่าบอกนะว่า...เกมส์นี้มัน!!



น้ำเงินเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงเมื่อเห็นไอเท็มในตำนาน แต่ผู้จัดซุ้มก็ยังดำเนินรายการต่อไปอย่างไม่ปราณีนักแสดงรับเชิญซึ่งถูกลากเข้ามาเล่นแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่



“เบสิคสุดเลยครับ ให้ผู้ท้าชิงสองคนกัดป็อกกี้คนละด้าน ค่อยไล่เข้ามาทีละคำละคำสลับกัน ใครหยุดก่อนคนนั้นแพ้!!”



ไม่นะ ไม่!! ให้เล่นเกมส์หวานแหวนแบบนี้กับไอ้เชี่ยนี่ ไม่เอานะ ยอมแพ้ๆ ไม่แข่งแล้ว สยอง!!



ฉับพลัน สายตาของผมที่เกือบยงธงขาวไปแล้วก็สบเข้ากับนัยน์ตาของเปลวตะวันซึ่งมองมาอย่างสั่นไหว...จริงสิ ลืมไปเลย ถ้าเกิดผมแพ้เปลวจะโดนสั่งให้ทำอะไรก็ได้



สีหน้าแตกตื่นในทีแรกดูสงบลงเหมือนท้องฟ้าหลังพายุซา ผมจ้องร่างใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น



...วันนี้มันไม่ได้ขึ้นร้องเพลงก็เพราะผม แต่ผมจะไม่ปล่อยให้มันขายหน้าเพราะผมเด็ดขาด...



“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ทั้งคู่เขยิบเข้าหากันหน่อยครับ อีกนิดครับอีกนิดนึง อา...ใกล้อีกครับ ฮ่าๆๆ”ผมว่าแม่งแกล้งแล้วหละ ดูจากเสียงหัวเราะมีความสุขของมัน ปลายเท้าของน้ำเงินกับหมีแตะกันพอดีจนคฑากรโรงเรียนต้องเอนตัวไปข้างหลังอย่างหวาดหวั่น



ทำใจอยู่สักพักก็สร้างเสียงกรีดร้องเซ็งแซ่ดังจากผู้ชมที่หวาดเสียวตามเมื่อผมหยิบป็อกกี้ขึ้นมางับก่อนจะยื่นหน้าไปให้ไอ้หมี
ร่างเทอะทะต้องย่อตัวลงเพื่องับปลายฝั่งอีกข้าง สมน้ำหน้ามึง อยากสูงผิดมนุษย์เอง



ด้วยระยะห่างสิบเซนติเมตรทำให้ผมสามารถเก็บลายละเอียดบนหน้ามันได้แบบจะๆ ผิวสีดำคล้ำเกรียมแดดและด้วยความเป็นคนผิวดำอยู่แล้วจึงดำแบบเท่าทวีคูณ จมูกบานๆพ่นลืมหายใจฟืดฟาดประดับด้วยสิวหัวช้างเม็ดเบ้อเริ่มราวกับจะปริออกได้ทุกเมื่อ ยังไม่นับรวมกลิ่นเหม็นเขียวจากร่างกายโทรมเหงื่อนั่นอีก



โอยย ขอเวลานอก ขออนุญาตพาผู้เข้าแข่งขันไปอาบน้ำล้างหน้าพบวุฒิศักดิ์แปปได้ไหม



โดยไม่ทันทักท้วงสัญญาณเริ่มเกมส์ก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าสุดจะทนของไอ้เหมีควายเคลื่อนเข้ามาใกล้...ใกล้ไปนะมึง! แม่งงับทีเดียวครึ่งแท่งเลยทำเข้าไปได้ไงวะ มันไม่ทิ่มลิ้นไก่มึงแหกเหรอ



โอ๊ยย น้ำเงินจะไม่ทน!!



 “ตาพี่น้ำเงินครับ เอาคำใหญ่ๆเลย อ้ำๆ มิดด้ามเลยทีเดียว ถ้าหมดแท่งแล้วยังไม่มีคนแพ้จะถือว่าเกมส์นี้ไม่มีผู้ชนะ พี่จะได้เป็นอิสระนะครับ!!”ไอ้เด็กพิธีกรยุแยงท่ามกลางเสียงกรี๊ดของคนดู



“อย่านะคะน้ำเงิน!!”



“ไม่นะคะ อ๊ากกก ทนดูไม่ได้ แก ฉันจะเป็นลม”



เอาจริงๆผมว่ากติกาแม่งไม่แฟร์หวะ คู่ต่อสู้หน้าอย่างกับอึ่งอ่างใครที่ไหนจะต่อกรได้ แค่ลมหายใจก็ส่งกลิ่นตุๆออกมาแล้วใครจะกล้าเข้าไปใกล้วะ ไม่ๆๆ น้ำเงินเอ๊ย!! เปลวทำอะไรให้มึงตั้งมากมายแค่นี้มึงช่วยมันไม่ได้หรือไงวะ!?



ผมตัดสินใจแล้ว งับแม่งหมดนี่แหละจะได้จบๆไปไม่ต้องมานั่งทน



คฑากรโรงเรียนหลับตาปี๋ก่อนจะอ้าปากกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้ไอ้หมีทีละนิด เสียงร้องโหวกเหวกก็ดังขึ้น



“กรี๊ดดด”



ใกล้ขึ้นอีกนิด ภาพรอบข้างเหมือนมีคนมากดปุ่มสโลว์โมชั่น



“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”



ใกล้ อีกไม่ถึง 1เซนติเมตรปากของเราก็จะโดนกัน เสียงร้องยิ่งดังขึ้นอย่างทนไม่ได้



“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”



“...”



“โอ๊ยยย!!”



สรรพเสียงรอบข้างนิ่งสงบ แขนของผมถูกแรงกระจากอย่างแรงจนเซถอยไปด้านหลัง ปากที่อ้าเพื่องับขนมเข้าปากหุบทันทีอย่างตกใจผลที่ได้คือกัดเข้าเต็มๆริมฝีปากตัวเอง เลือดสีแดงไหลท่วมปากเลยตอนนี้



ผมหันไปมองหน้าคนก่อเหตุอย่างตื่นๆ เปลวตะวันซึ่งพรวดพราดเข้ามาคว้าแขนผมก่อนวินาทีที่ปากจะสัมผัสกับไอ้หมีนั่นก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้กัน



”ทำอะไรของมึง...”



“มึงนั่นแหละทำเหี้ยอะไร!!!!”



เปลวผู้ใจเย็น เปลวตะวันผู้ประดับด้วยรอยยิ้มเสมอกลับมองผมด้วยแววตาวาวโรจน์แถมตวาดเสียงดังจนคนรอบๆหันไปมองหน้ากันตื่นๆ...



“หลบ!!”มันหันไปดันหน้าไอ้เด็กพิธีกรที่เดินเข้ามาเพื่อประกาศผู้ชนะซะหน้าหันก่อนจะลากแขนผมออกจากซุ้มไปท่ามกลางสายตาตกใจของผู้ชม!!



เปลวลากผมออกมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย”มึงจะไปไหนหนะ เห้ย!”



“เปลวมึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย!!?”



“...”



“มีอะไรก็พูดกันดีดีดิเห้ย!!”



เสียงของผมที่ตะโกนถามมันมาตลอดทางนั้นไม่เข้าหูแม้แต่น้อย ภาพแผ่นหลังของเปลวที่เดินนำหน้าผมตอนนี้ส่งกลิ่นไอต่างจากที่เคย ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเข้ามาเกาะกุมจิตใจ



“เปลว...”น้ำเงินพยามเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงอ่อย แต่เหมือนความเร็วการสับขาจะเพิ่มขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปแล้ว แรงบีบที่ข้อมือก็เพิ่มขึ้นจนเจ็บ



ประตูห้องเรียนศิลปะถูกเปิดออกอย่างแรงเปลวดึงผมเข้ามาข้างในก่อนเปิดไฟปิดประตูและทรุดตัวลงนั่งมุมห้องโดยยังไม่ปล่อยมือออก



“เจ็บ”ผมบอกมันให้ปล่อยด้วยสีหน้าสำนึกผิด ตลอดทางมานี้ผมไม่โง่พอจะไม่รู้ว่ามันโกรธผมเรื่องอะไร



“กู...กูขอโทษ”ผมเหลือบมองสีหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสำนึกผิด คำขอโทษนี้เอ่ยเพราะยอมรับผิดแต่โดยดีไม่ใช่เอ่ยให้มันหายโกรธหรือปล่อยมือ เปลวตะวันหันมามองตาผมก่อนจะคลายแรงบีบที่มือและเอนตัวลงมาพิงไหล่ผมและเปรยเบาๆว่า



“อืม โทษที เมื่อกี้เลือดขึ้นหน้า”



“ไม่เป็นไร”



“เจ็บไหม”มันเกลี่ยนิ้วโป้งไปมาบนข้อมือแดงแจ๋



“ไม่เป็นไร แค่มึงบอกว่ายกโทษก็พอ...”



“มึงทำอะไรผิด หืม?”



ผมผงะกับคำพูดของมัน ก้มหน้าสบตากับคนพูดชัดๆเพื่อความมั่นใจ พวกเราสู้สายตากันอยู่เพียงชั่วอึดใจก่อนผมจะเป็นฝ่ายยกธงขาวเบือนหน้าหนีเสียก่อน



“อะ...จะให้พูดเหรอ? ไม่ดีมั้ง คือกู คือเอ่อ...กูเขินโอเคมั้ย เอาเป็นว่ากูรู้ว่ากูทำอะไรผิดแล้วกันนะ”



“ไม่ได้ มึงต้องพูด ไม่งั้นกูจะเชื่อมึงได้ยังไงว่ามึงรู้จริงหรือขอโทษไปส่งๆ...”เชี่ยเปลวเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าแววตากลับมาเป็นปกติแถมพ่วงความเจ้าเล่ห์เข้าไปอีกหนึ่งส่วน



“บอกมาเร็ว”



“อย่าแกล้งกู”



“ไม่ได้แกล้ง เร็วเข้าจะได้รู้ไงว่ามึงรู้จริงไหมว่ามึงทำอะไรผิด”



“อ๊ากก...”



“กรีดร้องทำไม หึหึ”



“เป๊ลววว...”



“มึงไม่พูดก็ได้ แต่....”



“อะไร!?”



“มึงต้องสาธิตให้ดู”เสียงทุ้มเอ่ยเรื่องแบบนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย ใบหน้าของคนได้ยินถึงกับเห่อร้อนอย่างเขินอายกับสิ่งที่ได้ยิน น้ำเงินรีบผลักหัวของคนที่มาซบไหล่ตัวเองออกไปอย่างรนราน



ใบหน้าแดงระเรื่อมองคนตรงหน้าซึ่งแย้มรอยยิ้มกว้างเป็นพิเศษมาให้ มือแกร่งเอื้อมขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากซึ่งมีรอยเลือดอยู่อย่างแผ่วเบาก่อนจะกล่าวสมทบว่า”เร็วสิ จะพูด...หรือจะทำ...”



ยังไม่ทันสิ้นคำผมก็เอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อนักเรียนของเปลวก่อนจะออกแรงดึงให้ใบหน้าของมันเข้ามาใกล้ ริมฝีปากซึ่งมีรอยแผลอยู่สัมผัสกับกลีบปากของมันอย่างแผ่วเบา โดยไม่รอช้ามือของเปลวก็เลื่อนมาช้อนต้นคอของผมออกแรงดันไว้เผื่อขัดขืน



เสียใจด้วยนะ...กูไม่หลบหรอก...



ผมเผยอริมฝีปากออกน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงลิ้นร้อนที่ดุนดันเข้ามาในโพรงปากก่อนจะหยอกเย้าเกี่ยวพันกันอย่างกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี



ผมค่อยๆยกมือขึ้นไปเกาะบ่าของมันไว้พร้อมออกแรงจิกเบาเพราะร้อนรุ่มเหมือนถูกเปลวไฟลุกไหม้ในช่องท้อง



“อะ อืมมม”



เปลวตะวันยังคงนึกติดใจการแลกลิ้นกับผมอยู่ จนเมื่อหนำใจของมันแล้วก็ผละออกมาเล็กน้อยก่อนจะใช้ลิ้นไล่เรียงกลีบปากนุ่มซึ่งมีรอยแผลอย่างทะนุถนอม มันคงกลัวผมจะเจ็บเพราะวันนี้ดูเบามือกว่าครั้งก่อนเยอะ...



เปลวประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้งอย่างแผ่วเบาก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระอย่างแท้จริง สีหน้าดูกระชุ่มกระชวยซะจนน่าหมั่นไส้



“มึง ขี้อ่อย”



ความเงียบเข้าปกคลุมห้องนี้ทันที ผมรีบหันหน้าหนีไม่กล้าสบตากับมันเมื่อหันไปก็พบกับกระจกบานใหญ่ซึ่งสะท้อนภาพของพวกเรายามนี้เด่นชัด ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยของผมเองแดงระเรื่อยังกับมะเขือเทศ นัยน์ตาสีดำแพรวพราวตามความรู้สึกในอกซ้ายที่ดังกึกก้อง



ไม่มีคำพูดใดๆจากน้ำเงินผู้จ้องตัวเองในกระจกอย่างสับสน...คำพูดของเปลวตะวันก็ดังแทรกเข้ามาในหัวอย่างพอเหมาะ



...มึง ขี้อ่อย...



“หึ...ขี้อ่อยเหรอ กล้าพูดเนอะ กูว่า...มันมากกว่าอ่อยแล้วหวะ”



หนึ่งเดือนหลังคำสารภาพรักของเปลว พวกเราก็อยู่ด้วยกันตลอด แทบทุกเวลาที่มีโอกาส ไม่มันมาหาผมก็ผมมาหามัน...น้ำเงินเอ๋ยน้ำเงิน นายไม่ชอบคนประเภทให้ความหวังใช่ไหม นายมักบ่นกับเพื่อนของนายเสมอว่าถ้าไม่รักก็อย่าไปดีกับเขาให้มากนัก...แล้วสิ่งที่นายกำลังทำอยู่นี้หละ...



มันไม่ใช่ ผมเชื่ออย่างสุดหัวใจเลยว่ามันไม่ใช่...



...ไม่ใช่การให้ความหวัง...



กับพระอาทิตย์ตรงหน้า ผมคิดว่าผม...



“จ๊ะเอ๋ แอบมาสวีทกันอยู่ในนี้นี่เอง หาตั้งนานกว่าจะเจอ”



“!!!!?”ฉับพลันเสียงห้าวไม่คุ้นเคยก็ดังมาจากทางเข้า พวกเรารีบผละออกจากกันอย่างตกใจ ผมหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ!! ร่างสูงใหญ่ของเด็กต่างโรงเรียนซึ่งเล่นเกมส์พระราชาด้วยกันเมื่อครู่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูพร้อมกับเพื่อนของมันอีกสามคน!!



“ข่าวใหญ่หวะมึง เปลวเป็นเกย์ ไอ้เหี้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”สมุนของไอ้หมีเดินมาตบไหล่ล่ำๆของบอสมันด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน...



“มึงไม่น่าทักก่อนเลย ไม่แน่นะพวกมันอาจจะจูบโชว์เราก็ได้ กร๊ากกกๆๆๆ”



“นั่นสิ กูว่าจะอัดคลิปไปประจานสักหน่อย พวกผู้หญิงจะได้ตาสว่าง!!!!”



“!!!”




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หายไปนานมากแถมหายไปไหนไม่รู้จักบอกจักกล่าวนักอ่านด้วย คนเขียนต้องขออภัยอย่างยิ่งค่ะ //โค้งรอบทิศ

นักอ่านยังไม่ทิ้งเราไปไหนใช่ไหม TvT

พอดีเจอมรสุมสอบปลายภาคพัดผ่านอย่างรุนแรงกว่าจะฝ่าออกมาได้ก็แทบสิ้นลม  :z10:

แต่หลังจากนี้ก็เป็นปิดเทอมเวลาลัลล้าแล้ว อุอิอุอิ

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 22/05/15 [ บทที่ 15 ] ป็อกกี้สื่อรัก!?
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 22-05-2015 17:12:54
อิหมีออกไปปปปปปป :z6:

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 22/05/15 [ บทที่ 15 ] ป็อกกี้สื่อรัก!?
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 23-05-2015 01:24:38
น่ารักไม่ไหวแล้ววววว อ๊ากกกกก ชอบเปลวกับร้ำเงินมากๆๆๆๆ หนูน้ำเงินทำไมน่ารักอย่างนี้ อ่านแล้วรู้สึกถึงความมุ้งมิ้งแบบเงียบๆ 555+ รออ่านต่อนะคะ // ใครก็ได้มาลากเจ้าหมีต่างโรงเรียนนี่ออกไปสิ!คนเค้าจะสวีทกัน
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 22/05/15 [ บทที่ 15 ] ป็อกกี้สื่อรัก!?
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 23-05-2015 18:29:40
 กลับมาแล้วววว :katai4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 22/05/15 [ บทที่ 15 ] ป็อกกี้สื่อรัก!?
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 24-05-2015 11:58:15
เปลวขี้อ่อนน้ำเงินอะะ :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 22/05/15 [ บทที่ 15 ] ป็อกกี้สื่อรัก!?
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 26-05-2015 12:48:12
 :katai1:  อะไร ๆ หวานกันอยู่ดีๆ
ไหงพวกอิหมียักษ์มาทิ้งระเบิดไว้อย่างนี้น้อ
เปลวกับน้ำเงินจะทำไงอ่ะ ถ้าข่าวแพร่ไปจะทำไงอ่ะ
เปลวไม่เท่าไหร่ กลัวน้ำเงินจะเครียดนี่สิ
ฟงมาช่วยเพื่อนหน่อยเร็ววว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/05/15 [ บทที่ 16 ] ถีบแม่งเลย
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 28-05-2015 17:03:51



บทที่ 16 ถีบแม่งเลย



"กูก็ว่าแล้ว ตอนมึงเล่นป็อกกี้กับไอ้หล่อนั่น เหี้ยเปลวมองมึงยังกับไปแย่งเมียมัน...ฮ่าาๆ!"



 "ก็แย่งเมียมันจริงนี่หว่า เอ๊ะ หรือว่าผัววะ!?" เสียงหัวเราะประสานดังขึ้นอีกครั้ง



ผมยืนขึ้นตามเปลวด้วยความอับอายแบบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว พวกนรกยังคงซ้ำเติมเข้าจุดเดิมอย่างสะใจ



"ผู้หญิงมีเยอะแล้วไง ชะนีมีหอยแม่งเบื่อแล้ว หันมาขุดทองดีกว่ารวยกว่าเยอะ!!...เมียมันชื่ออะไรนะ เอ...."เหี้ยหมีผายมือออกสองข้าง สีหน้ามันตอนนี้ดีใจเหมือนโลกทั้งใบตกอยู่ในมือมันยังไงอย่างไง ชิบหายแล้วไง...



ส่วนตัวผมไม่ใช่คนกีดกันเพศที่สามอยู่แล้ว ยิ่งมีเปลวมาเป็นปลิงชีวิตยิ่งโคตรจะเปิดใจเลย พอได้ยินคำพูดสกปรกพวกนี้แล้วยิ่งรู้สึกขยะแขยง... พวกคนชั้นต่ำ เอะอะก็ใช้แต่กำลัง เห็นพวกมากกว่าก็เอาจุดอ่อนคนอื่นมาเหยียบซ้ำ คนประเภทนี้สมควรถูกฟงแย่งเมียอีกร้อยครั้งพันครั้ง



"น้ำเงินไงมึง ชื่อออกจะน่ารัก ดูสิตั่วสั่นใหญ่เชียว กลัวเหรอจ๊ะ ไม่ต้องกลัวนะ พวกพี่ไม่ทำอะไรน้องหรอกเพราะพวกพี่...ไม่ชอบเข้าข้างหลัง กร๊ากกกกๆๆ ฮ่าๆๆๆ!" พวกเลว พวกมึง อ๊ากกกก กูไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าพวกมึงได้อีกแล้ว



คนอย่างงี้พูดไปก็เสียเวลา กระทืบแม่งเลยง่ายกว่า



"อั่ก!!"



โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงใหญ่ของไอ้หมีซึ่งกำลังย่ามใจก็กระเด็นหวือไปด้านหลังย่างจังด้วยแรงเตะเข้ากลางอก



เปลวตะวันเจ้าของผลงานเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้หมีซึ่งจุกอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพื่อนของมันที่ยืนอยู่รอบๆถึงกับผงะอย่างตกใจ ตัวผมเองก็เช่นกัน...



สถานการณ์เช่นนี้อย่าเรียกว่า 4ต่อ2 เห็นๆอยู่ว่า 4ต่อ1 คือกระผมเป็นเพียงเด็กละอ่อนผู้ตั้งใจร่ำเรียนและได้รับการเอาใจใส่จากบิดามารดา การจะออกรบทำศึกกับใครนั้นจึงหาได้ชำนานไม่ หากจะสู้ขอให้เรามาดวลกันทำแบบฝึกหัด เคมีอินทรีย์จะเกิดประโยชน์กว่านะ...



ผมพยามส่งสายตาไปให้เชี่ยเปลวผู้นำทัพออกไปแล้ว คือกูช่วยมึงไม่ได้เลยนะ มากสุดก็แค่ทำตัวให้ไม่เป็นภาระ มึงดูพวกมันแต่ละคนสิ ตัดไซต์ก่อนเข้ากลุ่มหรือเลือกเพื่อนจากหน้าตาก็ไม่รู้ รุ่น heavy weight ทั้งนั้น



"ไปรอตรงโน้น แปป เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ"เปลวหันมาเพยิดหน้าไล่ผมให้ไปกองข้างถังขยะมุมห้อง ผมรีบปฏิบัติตามผู้เชี่ยวชาญอย่างว่าง่าย ท่าทีไม่อนาทรร้อนใจของมันทำให้ผมโล่งใจขึ้นโข เมื่อผมเข้ามุมเรียบร้อยแล้วสายตาของคนซึ่งมองมาก็ฉายแววโล่งใจก่อนมันจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรู



ภาพแผ่นหลังให้ความรู้สึกพึ่งพาได้ น้ำเงินค่อยๆย่อตัวนั่งยองๆกับพื้นอย่างกลัวลูกหลงแต่สายตาก็ยังจับจ้องไปยังเปลวตะวันไม่ลดละ หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้เข้าไปช่วยทัน



 "พวกมึงคิดว่ากูยืนเงียบเพราะอะไร เพราะกลัว? เพราะอยู่ในเขตโรงเรียน? หรือเพราะอยู่กับแฟน?"เปลวถามเสียงเย็น ไอ้หมีลุกขึ้นยืนคุมเชิง เพื่อนของมันอีกสามคนกระจายตัวล้อมรอบเปลวอย่างรู้งาน



 "ที่กูเฉยก็เพราะรู้ว่ามีเรื่องไปก็เปลืองตีนเปล่าๆ คนอย่างพวกมึงยังไงก็ไม่หลาบจำ"



"แต่ในเมื่อว้อนท์นัก จัดให้หน่อยก็แล้วกัน"สิ้นคำหมัดลุ่นๆก็ชกเข้าเต็มหน้าของลูกกระจ๊อกที่พุ่งตัวเข้ามา ก่อนจะถูกถีบปลิวไปติดกำแพงเสียงดัง คงจะเจ็บน่าดู ไอ้คนนั้นถึงกับนอนกุมเชิงกรานร้องโอดครวญ



 "ปากดีนักนะ!"ไอ้หมีง้างหมัดใส่แน่นอนว่าไม่โดน เปลวตะวันเอี้ยวตัวหลบก่อนจะอาศัยแรงของไอ้หมีให้เป็นประโยชน์จับทุ่มอย่างไม่ปรานี



"ผลั่ก!" เพื่อนอีกสองคนตั้งใจบุกเข้ามาพร้อมไอ้หมีชิงโอกาสที่เปลวกำลังจัดการไอ้หมีกระชากคอเสื้อแล้วก็ต่อยจนหน้าหัน ไอ้เหี้ย นั่นหน้าตาของโรงเรียนเชียวนะ พวกมึงจะต้องโดนผู้หญิงสาปหนังควายเข้าท้อง นายน้ำเงินผู้สนิทสนมกับถังขยะเห็นท่าไม่ดีเกิดลังเลว่าจะออกไปช่วยดีหรือไม่ช่วยดี สีหน้าฉายแววกังวล



ตัวผมไม่ใช่คนขี้ขลาดขนาดทิ้งให้เพื่อนสู้อยู่คนเดียว แต่จากการประเมินคร่าวๆหากมีผมเข้าไปร่วมวงด้วย ความน่าจะเป็นที่จะกลายเป็นตัวถ่วงเท่ากับ 120เปอร์เซ็นต์



"แค่กๆ"เปลวไอเล็กน้อย มีเลือดกกอยู่ที่มุมปากแต่ขณะที่โดนต่อยอยู่ก็ยังมีสติไปขัดขาอีกคนที่เหลือได้ทำให้ได้รับบาดเจ็บแค่จุดเดียว ก่อนจะได้ลุกขึ้นมาเปลวเตะเสยปลายคางไอ้คนนั้นจนนอนนิ่งไปกับพื้นแถมด้วยเหยียบซ้ำอีกหนึ่งที จากนั้นก็หันไปกระชากคอเสื้อแล้วก็ต่อยเข้าเต็มแรงใส่ไอ้คนที่ต่อยมันเมื่อครู่ จากความชุลมุนเมื่อครู่



ทันทีที่ไอ้หมีลุกขึ้นมาด้วยสายตาปวดร้าวและโกรธแค้นนั้นเอง...ทุกอย่างก็เงียบลง พวกเพื่อนๆของมันที่ได้รับบาดเจ็บกันปานกลางยืนมองหน้าไอ้หมีด้วยสายตารู้สึกผิด



เป็นโอกาสดีให้เปลวได้พักหายใจ ผมเห็นว่ามันเริ่มหอบแล้วด้วย



"กูว่าแล้ว แม่งสู้ไม่ได้จริงๆด้วย"พวกที่โดนถีบติดข้างฝาคนแรกกล่าวด้วยเสียงอ่อย



"ขอโทษหวะเม่น พวกกูแม่งอ่อน"อีกคนพูดเสริมด้วยใบหน้าแบบเดียวกัน เห้ย อะไร ทำไมหนังแอคชั่นกลายเป็นละครดราม่าวะ!?



 "เท่าที่สังเกต...พวกมึงไม่ใช่นักเลง?"เปลวเลิกคิ้วถาม ผมรีบหันขวับไปมองไอ้กลุ่มสี่คนซึ่งเดินรวมกันแล้วนึกจะโจรใต้ตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่ ส่วนไหนในร่างกายของพวกนี้ที่บ่งบอกว่าไม่ใช่นักเลงวะ!?



"อืม...พวกกูเป็นวงดนตรีโรงเรียนข้างๆ ไม่ใช่แก๊งค์อะไร"ไอ้หมีหรือชื่อจริงคือเม่นว่าเสียงเรียบ "คนเค้าลือกัน ว่ามึงอ่ะเทพ กูเชื่อล่ะ"เม่นว่า มือคล้ำกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ความคับแค้นในอกต้องการที่ระบาย ในเมื่อระบายกับต้นเหตุหรือเพื่อนสนิทของต้นเหตุไม่ได้...



ทางสุดท้ายคือลงกับตัวเอง



"ฟงไปทำอะไรให้โกรธแค้นขนาดนั้น?"คำถามนี้ผมว่าไม่ฉลาดเท่าไหร่นะ ปัญหารอบๆตัวฟงก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ ตอนแรกมึงก็บอกเองไม่ใช่เหรอเปลวว่าเชี่ยนี่คือผัวเก่าของเมียฟง



 "รักมากขนาดนั้นเลยเหรอ ผู้หญิงคนนั้น?"หลังเว้นช่วงหายใจไปพักหนึ่ง เปลวตะวันก็เปลี่ยนคำถามใหม่



ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาของไอ้หมี ตอนเล่นเกมส์ป็อกกี้กันมันอาจไม่แสดงออกถึงความเศร้าหรือความแค้นอะไรเลย แต่ในยามนี้ซึ่งยืนอยู่ห่างกันเกือบสิบเมตร เมื่อพูดถึงชื่อฟง เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนั้น ความรู้สึกซึ่งซ่อนอยู่ก็ไหลทะลักออกมาจนผมสัมผัสได้



"..."



เม่นเดินเข้ามากระชากคอเสื้อเปลว มือสั่นเท่าอย่างโกรธเกรี้ยว ส่วนคนถูกคว้าไว้นั้นกลับมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย



 "เพื่อนมึงอ่ะหน้าด้าน! แย่งแฟนกูไป มึงรู้มั้ย ว่าผู้หญิงที่สวย เรียบร้อย เรียนดีขนาดนั้นกูต้องใช้เวลาเท่าไหร่ตามจีบ กว่าเขาจะคบกับกู มึงรู้มั้ย ว่ามันลำบากขนาดไหน!? แต่เพื่อนมึง!! เหี้ยฟง!! มันใช้เวลาไม่ถึงวันมาแย่งไป!!"เสียงทุ้มต่ำตะโกนอย่างเดือดดาล



 "เพราะเพื่อนของมึง...”



"เพื่อนกูผิด ใช่ ข้อนี้กูยอมรับ แต่จะว่าเพื่อนกูคนเดียวก็ไม่ได้..."



"?"



"ผู้หญิงของมึงก็ผิด แค่วันเดียวก็ตามผู้ชายอื่นไปแล้ว ทำไมมึงไม่มองข้อนี้บ้าง มึงคิดไม่ได้เหรอ?



“...”



“ หรือมึงรู้อยู่แก่ใจแค่ไม่อยากยอมรับความจริง?"



"..."



"ถ้ามึงรู้ดีอยู่แล้วแต่ยังทำเรื่องโง่ๆอย่างการมาหาเรื่องกับเปลวตะวันคนนี้อีก..."



"..."



"คนที่ผิดก็คือมึง!!"



เปลวตะวันปัดมือซึ่งกุมปกเสื้อนักเรียนตนออกออกอย่างไม่ใยดีราวกับปัดเศษดินเศษฝุ่น ภาพที่สะท้อนในนัยน์ตามีเพียงประกายแห่งความเวทนา



"หึหึหึหึ ง่ายดีหนิ มึงหล่อ มึงเก่ง มึงไม่มีทางเข้าใจพวกกูหรอก!!!!!!"ไอ้เม่นเริ่มคลั่งมันถลาเข้ามาง้างมือหมายจะต่อยเปลว แน่นอนว่าการโจมตีส่งเดชแบบนั้นไม่มีทางโดน คนถูกเคียดแค้นไม่ทำอะไรมากไปกว่าเตะตัดขาให้คนบ้าคลั่งล้มลุกคลุกคลาน



"ย๊ากกกกกกก อึก!!"



ร่างกายใหญ่โตลุกขึ้นมาอย่างเจ็บปวดน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเสียสติ อีกครั้งที่วิ่งเข้าใส่และอีกครั้งที่ล้มลงไป เป็นอย่างงี้อยู่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง



พอเถอะ...พอได้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องสู้อีกต่อไปแล้วไม่ใช่เหรอ?



ผมเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า ไม่อาจทนดูต่อไปได้อีก ขนาดผมยังรู้สึกแบบนี้แล้วเปลวหละ คนที่ต้องคอยหลบการโถมตัวโง่ หมัดโง่ จากคนที่ล้มไปไม่รู้กี่รอบ...



"เลิกงี่เง่าได้แล้ว!"สุดท้ายเส้นด้ายบางๆในสมองเปลวก็ขาดผึง มันเตะสีข้างไอ้หมีเข้าเต็มรักจนล้มลงไปกองกับพื้น



"อั่กกก!"โดยไม่ทันตั้งตัวไอ้หมีซึ่งนอนกุมท้องอยู่ที่พื้นก็ถูกเตะเสยหน้าแหงนท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนในที่นั้น!!



"คิดว่าตัวเองรักเป็นคนเดียวรึไง!?"เสียงกร้าวถามอย่างเหลืออด นัยน์ตาวาวโรจน์จับจ้องเหี้ยเม่นอย่างเอาเรื่อง
โดยไม่ให้พักหายใจเปลวตะวันยกเท้าเหยียบท้องไอ้หมีซึ่งถูกเสยให้นอนหงายอย่างแรงจนจุก เพื่อนมันก็ไม่ได้ห้ามอะไร ผมว่าพวกมันก็ทนพฤติกรรมของเม่นไม่ได้เหมือนกัน



"สติหนะมีไหม คำว่าสมองอ่ะ สะกดเป็นมั้ย!? เลิกทำอะไรโง่ๆสักที เจ็บมั้ย มึงตอบกูมาสิว่าเจ็บมั้ย!?"คำถามนั้นถามพร้อมกับออกแรงเหยียบหนักขึ้น จนร่างข้างใต้แสดงใบหน้าบูดเบี้ยวเหยเก



"เจ็บ!!"



ผมเดินออกมาจากมุมห้อง มายืนข้างๆเปลว กระตุกชายเสื้อมันเบาๆเป็นสัญญาณให้ผ่อนแรงลง



"เจ็บก็พอ เลิกงี่เง่ากลับบ้านไปหาพ่อแม่ซะ"เปลวยกเท้าออกก่อนจะนั่งยองๆข้างไอ้เม่นที่นอนหมดสภาพ



"มึงถือสิทธิ์อะไรมาสั่งกู ทีเพื่อนมึงมาเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของกู กูก็แค่มาเรียกร้องความยุติธรรม แล้วทำไมคนเจ็บถึงมีแค่กู..."



"หึ..."เปลวเหยียดยิ้มมุมปากอย่างจนปัญญา ไม่ว่าจะใช่กำลังหรือเหตุผลก็ไม่สำเร็จ"คนเจ็บไม่ได้มีแค่มึงหรอก ฟงที่เป็นอย่างงั้นมึงติดว่ามันไม่มีเรื่องเจ็บปวดเหรอไง?"



"เจ็บ? คนอย่างฟงเนี่ยนะ หึๆ กูไม่เชื่อ มันอาจจะมีเรื่องเจ็บตัวแต่เจ็บใจ...คนระยำหน้าระรื่นอย่างมัน..."



เสียงแหบพร่ายังคงไม่ลดละความคิดของตน เปลวลุกขึ้นจูงมือผมเดินหันหลังให้ ก่อนเปิดประตูมันก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกจึงหันไปกล่าวทิ้งท้าย



"อ่อ...สุดท้าย เหตุผลที่มึงเจ็บตัวไม่เกี่ยวกับฟง...แต่เพราะมึงกล้ามาหยามความภาคภูมิใจของกูก็เท่านั้น"



คำพูดนั้นไม่รู้ว่าพวกหมีเข้าใจรึป่าว แต่ผมว่าผมเข้าใจนะ



น้ำเงินเหลือบมองใบหน้าของคนข้างตัว ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้วผู้คนเลยไปรวมตัวกันดูคอนเสิร์ต ผมเดินตามมันโดยไม่รู้จุดหมาย ก่อนจะต้องชะงักฝีเท้าแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อมีเสียงเสียงนึงดังทักหลังออกห่างจากห้องนาฏศิลป์ได้ไม่ไกล...!


.

.

.

.

.

.


"ถ้าไม่เก็บกวาดให้ดี อาจารย์ฝ่ายปกครองจะมาเห็นเอานะ"



ครูเอิทเดินออกมาจากมุมมืด ด้วยคำพูดนั้นแสดงอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวรู้เหตุการณ์ทั้งหมด



“!!!”




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เราไม่สนับการใช้ความรุนแรงนะคะ(ทันมั้ย)

เอาเป็นว่าคนบางคนก็พูดกันด้วยภาษาคนไม่รู้เรื่อง ถีบแม่งเลยเนี่ยแหละค่ะ 5555 :z6: :z6: :z6: :z6:

ปล.อาจมีคนงงว่าแค้นฟงแล้วมาลงกับเปลวทำไม ขอเฉลยไว้ตรงนี้เลยว่าสองสหายนี่เค้าตัวติดกันยิ่งกว่าปลาท่องโก๋อีกค่ะ

ทำร้ายเปลวไม่ใช่เปลวคนเดียวที่เจ็บ...ฟงก็เจ็บด้วย...เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งคิดไปไกล มิตรภาพลูกผู้ชายก็อย่างนี้แหละค่ะ 555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/05/15 [ บทที่ 16 ] ถีบแม่งเลย
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 29-05-2015 17:23:28
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/05/15 [ บทที่ 16 ] ถีบแม่งเลย
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-05-2015 18:01:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/05/15 [ บทที่ 16 ] ถีบแม่งเลย
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 04-06-2015 23:56:05
ความรักก็เช่นกัน 555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 28/05/15 [ บทที่ 16 ] ถีบแม่งเลย
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 05-06-2015 12:26:57
โห เปลวตะวัน เท่ห์มากกกก   :o8: โมโหที่พวกนั้นมาดูถูกสุดที่รักสินะ ดีแล้ว จัดไป ๆ
หวังว่าคำพูดเปลว จะทำให้เม่นคิดอะไร ๆ ได้มั่งนะ ผู้หญิงดี ๆ ยังมีอีกเยอะ
ชอบมิตรภาพของเปลวกับฟงมาก ๆ ชักอยากอ่าน ก่อนที่ทั้งสองคนจะซี้กันขนาดนี้แฮะ
แล้วมาปิดท้ายด้วยพี่เอิธ เอ่อ... พี่เอิธนี่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ มาดีหรือมาร้ายน้อ
คิดถึงฟงจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 06/06/15 [ บทที่ 17 ] แค่หวั่นไหวมันไม่พอ
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 06-06-2015 17:49:43




บทที่17 แค่หวั่นไหวมันไม่พอ




"คุณ...!"พูดได้เพียงเท่านั้นเสียงทุ้มก็กลืนหายเข้าไปในลำคอ เปลวตะวันเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง สายตาจับจ้องร่างสูงสมส่วนของอาจารย์หนุ่มซึ่งสาวเท้ายาวๆเข้ามาหาพวกเรา



"หวัดดีครับ แหะๆ"



"สวัสดีครับคุณน้ำเงิน"



ดูเหมือนรอยยิ้มแห้งๆจะส่งไปไม่ถึงสีหน้าเรียบเฉยของพี่แก นายน้ำเงินก้มหน้ามองเท้าตัวเองเพื่อนหลีกหนีความจริง



"ผม..."เปลวตะวันสูดลมหายใจลึก ก่อนกล่าวเสียงแข็งว่า"ผมเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด เขาไม่เกี่ยว"



"ครับ ครูเห็น..."



"ตั้งแต่ต้นจนจบ"



"!!!"



"เรื่องนี้ครูก็ผิดด้วยส่วนหนึ่งเพราะครูอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกแต่ไม่เข้ามาห้าม ฉะนั้นครูจะออกหน้าไกล่เกลี่ยเหตุวิวาทครั้งนี้ให้เอง"คำกล่าวของลูกชายเพื่อนแม่เรียกรอยยิ้มจากกว้างน้ำเงิน



"แต่..."



ยินดีได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็ถูกคำสั้นๆเพียงคำเดียวทำลาย



"ความสัมพันธ์ของพวกคุณ ผมคงออกหน้ารับแทนให้ไม่ได้"



"กลับไปพิจารณากันเอาเองนะครับ วันนี้กลับไปก่อนเถอะ"ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู มือแกร่งของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าลูบหัวน้ำเงินเบาๆก่อนเดินหายเข้าไปในห้องศิลปะ



"เอ่อ..."ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูดดี แต่ผมคิดว่าผมต้องพูดอะไรสักอย่าง



"กลับบ้านกัน"ผิดคาด คนที่ควรจะตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของพี่เอิทและสิ่งที่พี่เอิทเตือนมากที่สุดควรจะเป็นเปลว แต่มันกลับหันมายิ้มรับคำหน้าตาเฉย เล่นเอาผมที่ใจเต้นตุบตับไปไม่เป็น



"เห้ย มึงไม่เป็นไรเหรอวะ"ผมรั้งมันไว้ก่อน



"ไม่นี่ สบายดี"เปลวยกแขนหมุนตัวสำรวจร่างกายซึ่งไร้บาดแผลใดๆ เห็นจะมีแค่รอยยับบนเสื้อกับรอยช้ำเล็กๆมุมปาก อ่อ...แล้วก็หลังมือที่มีเลือดซิบอะนะ พูดกันคนละเรื่องแล้วมั้ยมึง



"มึงนี่มัน เห้อ...ช่างเถอะๆ ถึงบ้านแล้วก็ทำแผลให้เรียบร้อยด้วยหละ"ผมปัดมือไปมา พลางขยับขาเดินไปที่ประตูเล็กหลังโรงเรียน



"น้ำเงินไม่ทำให้หน่อยเหรอ?"เปลวตีหน้าซื่อถาม



"ไม่"



"ใจร้าย"



"ก็แผลที่ปากมันร้ายแรงกว่ามดกัดหน่อยเดียวเอง ส่วนที่มือมันเป็นเวรกรรมของมึงเอง ดันไปต่อยเขาซะแรง action เท่ากับ reaction กฏของนิวตันอ่ะ เคยเรียนมั้ย!?"น้ำเงินหันไปแหวใส่กะให้คนฟังสำนึก แต่ดูท่ามันจะได้ผลตรงกันข้าม



"ฮ่ะๆๆ เคยสิ เคยเรียน ตอนม.ต้นใช่มั้ย"เปลวหัวเราะร่วน แกล้งกวนกลับ



"เปลว!"



"หืม? เอาน่าๆ อย่าดุนักเลย เป็นห่วงก็บอกว่าเป็นห่วงเถอะ"



กูขอทำนายเลยว่าแกทพาร์ทเชื่อมโยงมันต้องได้เต็มชัวร์ป้าบ มึงเอาอะไรมาเหมารวมกันได้ยังไง




"ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านมึงไปเลยนู่น กูเรียกให้"ผมเอื้อมมือเตรียมโบกรถ ตอนนี้พวกเราเดินมาถึงหน้าปากซอยแล้ว รถติดมากเพราะมันยังอยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วนแถมยังมีงาน First Night ของโรงเรียนอีก



แสงไฟถนนตามรายทางเริ่มทยอยติด ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมจึงพยายามไล่พระอาทิตย์อีกดวงซึ่งยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ข้างๆให้กลับบ้านกลับช่อง



"เห้ย! อย่าดื้อ! กลับบ้านไปดีๆเลย วันนี้อีเว้นท์เยอะแล้ว กูเพลีย"ผมร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าคนไล่ไม่ไปจับแขนล็อคเอาไว้ก่อนเรียกรถสำเร็จ



"ไปด้วย"



"ไปไหน!?"



"บ้านน้ำเงิน"



"คุณเปลวครับ หมู่นี้คุณชักจะมาบ้านกระผมถี่จนคุณแม่ที่เคารพแทบจะต่อเติมห้องส่วนตัวให้คุณแล้วนะครับ"ผมประชด ออกแรงยื้อยุดดึงแขนกับมันแบบเมามัน(?) "ปล่อยเลย นี่ๆ"ในเมื่อสองมือสู้ไม่ได้ก็ยืนฝ่าเท้างามๆเหยียบตีนคนหล่อรัวๆ



"สู้เหรอ!?"เปลวแกล้งถลึงตามอง ผมก็ยักไหล่ไม่สนใจ ประจวบเหมาะกับรถเมล์สายที่ผ่านหน้าปากซอยบ้านเทียบท่าพอดีผมจึงรีบวิ่งขึ้นรถไม่ปล่อยโอกาสให้มันมาค้างผมอีกคืนแน่นอน



รถพัดลมสายคุ้นเคยกระชากตัวออกจากป้ายอย่างแรง ผมที่ยกมือขึ้นโบกลาเปลวหยอยๆถึงกับเซไปซบกระเป๋ารถเมล์เรียกเสียง
หัวเราะจากคนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านล่างเป็นอย่างดี



“เฮ้ออ”หลังจ่ายเงินอะไรเรียบร้อยแล้วความกลัวก็เริ่มเข้าครอบคลุมจิตใจ คำเตือนของพี่เอิทดังก้องอยู่ในหัวราวกับกำลังตอกย้ำความจริงอะไรบางอย่าง



...ความจริงที่ว่าหากคิดจะชอบเพศเดียวกันแค่ความหวั่นไหวมันไม่เพียงพอ...




ใช้เวลาไม่นานผมก็กลับมาถึงบ้าน ดูเหมือนพ่อแม่แล้วก็น้ำตาลจะอาบน้ำแล้วก็เข้าไปเตรียมตัวนอนในห้องเรียบร้อยแล้วผมจึงเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบตลับข้าวผัดซึ่งป้าตามักจะเตรียมไว้ให้กินวันที่กลับบ้านดึกอย่างรู้กันก่อนนำมันไปอุ่น น้ำเงินนุ่งมองชามข้าวหมุนวนไปเวียนมาในกล่องแคบๆด้วยนัยน์ตาสีดำขลับซึ่งเต็มไปด้วยความลำบากใจ



อย่างที่เปลวบอก...ผมขี้อ่อย...



แต่ผมก็เริ่มรู้สึกโอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้กับพวกเราแล้ว จนกระทั่งเกิดเรื่องเมื่อเย็น...



ตอนนั้นผมกลัวจริงๆ กลัวเอามากๆเลยว่าถ้าเม่นเอาเรื่องที่ผมกับเปลวมีซัมติงกันไปป่าวประกาศผมจะเผชิญหน้ากับคนทั้งโรงเรียนยังไง



ปัง!!



“โธ่เว้ย!!”



เสียงตบโต๊ะดังสนั่น มือเรียวกำเข้าหากันเสียแน่น กัดฟันจนได้ยินเสียงเสียดสีแหลมหู ด้วยความเจ็บใจและรู้สึกสมเพศตัวเอง...เวทนาต่อความครึ่งๆกลางๆ



ครืดๆๆ



เสียงสั่นของโทรศัพท์เรียกสายตาให้หันไปมองยังโซฟาในห้องรับแขก ผมเดินมาล้วงกระเป๋านักเรียนควานหาต้นตอของเสียงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นรายชื่อที่เรียกเข้ามา...แชค...



มีอะไรบางอย่างดึงรั้งปลายนิ้มที่เตรียมจิ้มรับสาย ความลังเลส่งผ่านจากจิตใจไปยังฝ่ามือที่เริ่มชื้นเหงื่อ สมองเริ่มไล่เลียงคิดถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด...ถ้าแชครู้เรื่องเข้าแล้วหละ!?”



“ฮะ ฮัลโหล มีอะไร...เหรอ”



“กว่าจะรับได้นะมึง อยู่ไหนเนี่ย พวกกูโทรหาตั้งนานทำไมไม่รับตายรึยังครูเอิทเพิ่งมาบอกว่ามึงเข้าไปพัวพันกับเหตุทะเลาะวิวาทมา”




“กะ กูอยู่บ้าน”



“ปลอดภัยดีใช่ไหม?”



“อืม ขอบคุณมาก อ่อ พวกมึงไปฉลองกันต่อได้เลยนะ วันนี้กูเหนื่อยๆ”นึกขึ้นได้ว่าหลังจากจบงานพวกเพื่อนๆนัดไปสังสรรค์กันต่อที่หอพักของไอ้ปอ แต่ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว ไอ้แชครับคำก่อนจะยืนโทรศัพท์ไปให้ไอ้เพื่อนตัวแสบส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวให้กำลังใจผมยังกับผมเสียแขนจากการต่อสู้ไปกันเลยทีเดียว



“เว่อร์วังไม่เปลี่ยนเลยนะพวกมึง หึหึ”และในที่สุดผมก็หลุดหัวเราะออกมา แชคดึงมือถือกลับไปแนบหู มันหันไปพูดอะไรสักอย่างกับพวกที่เหลือ ผมได้ยินเสียงประตูห้องปิดเสียงแว่วๆ สงสัยมันจะเดินออกจากห้องมายืนคุยกับผมที่ระเบียงเพราะเสียงลมพัดลอดเข้ามาค่อนข้างแรง



“น้ำเงิน”



“อะ อะไร”



“พวกที่มาหาเรื่องมึงวันนี้มันโวยวายเอ็ดตะโรจนมีคนเข้าไปมุงพวกมันเยอะพอควรตอนที่ครูเอิทพาตัวพวกนั้นออกนอกโรงเรียนไป ทั้งๆที่สะบักสะบอมขนาดนั้นแท้ๆ ท่าทางมันจะแค้นจัด ซวยไปมึง”



“หะ แล้วพวกมันได้พูดอะไรรึป่าว!?”ใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมกลั้นใจรอฟังคำตอบจากเพื่อนสนิท



“พูดนะ มันบอกว่าเปลวเป็นคนทำร้ายมัน บอกให้ครูเอิทลงโทษเปลวให้สาสม แต่ครูเขาบ่ายเบี่ยงบอกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งเพราะครูไม่เห็นตอนลงมือ...”



แชคพูดมาถึงจุดนี้ความซาบซึ้งก็แล่นมาจุกที่คอหอยผมเลยครับ คุณพี่เอิทผู้น่ารัก



“พวกนั้นเห็นท่าไม่ดียื้อยุดกับครูเอิทจนนักเรียนแถวนั้นต้องเข้าไปช่วยกันล็อคตัว ไอ้คนตัวใหญ่ดูท่าจะโกรธมากมันเลยโพล่งออกมาว่ามันเห็น...พวกมึงจูบกัน...”



“!!!”



“ตอนนั้นเองที่ฟงปรากฏตัว มันเข้าไปพูดอะไรสักอย่างกับให้ตัวใหญ่นั่นกูอยู่ไกลเลยไม่ได้ยิน ส่วนนักเรียนแถวนั้นก็แตกตื่นกันใหญ่ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กูก็เลยจับเรื่องนู้นมาผสมเรื่องนี้ปล่อยข่าวให้ว่า ไอ้ยักษ์นักถูกหญิงทิ้งเพราะเปลวเลยสติแตก”



“แล้ว เอ่อ...เป็นไงมั่ง”น้ำเงินยกมือขึ้นมากุมอกซ้ายก่อนกำเสื้อเสียแน่นเพราะหัวใจเจ้ากรรมมันดันเต้นแรงจนเจ็บปราบไปหมด



“ก็ไม่แล้วไง คนอื่นเขาก็เชื่อกูแบบไร้ข้อสงสัยเลยเพราะกูน่าเชื่อถือ แต่มึงเถอะ...”



“อะไร”



“เสียงสั่นขนาดนี้แสดงว่ายังไม่มั่นใจ เห็นตัวติดกันซะขนาดนั้นก็นึกว่าได้กันแล้ว ทำอย่างงี้เปลวก็น่าสงสารแย่”แต่ละถ้อยคำที่หลุดลอดอออกมาจากปลายสายเล่นงานเข้าตรงจุดบอดของหัวใจนายน้ำเงิน ยอมรับเลยว่านาทีนี้ตกใจกับคำพูดของแชคยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด



“มึง...รู้...”





“กูใคร กูแชคนะมึง แชคไม่รู้แล้วใครจะรู้ แต่มึงสบายใจได กูไม่ขายเพื่อน”





“กูไม่ได้คิดว่ามึงจะทำอย่างนั้นกูก็แค่...คิดมากนิดหน่อย”



“คิดมากก็ดีแล้ว คิดให้มากๆเลย เพราะถ้าคิดน้อยจะลงเอยแบบกูแล้วก็ซีซีซะเปล่าๆ”



“เอ๋”รายชื่อของเพื่อนอีกคนที่หมู่นี้มีท่าทีแปลกไปเรียกให้ผมสะกิดใจ โครงเรื่องบางอย่างเริ่มแจ่มชัดในสมอง”อย่าบอกนะว่ามึงกับซีซีก็...”



“เรื่องของกูมันจบไปแล้ว อย่าเพิ่งสนใจเลย เอาเรื่องของมึงดีกว่า ถ้าไม่อยากให้จบแบบเรื่องของกูก็รีบคิดซะนะ ไม่ว่าคำตอบหรือผลสุดท้ายจะออกมายังไง ไม่ว่าคนอื่นหรือเปลวจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อมึงไปยังไง”






“กูก็คือแชคคนเดิม แชคที่เป็นเพื่อนมึง ”



ผมหลับตาลงพิจารณาคำพูดของมันอย่างสงบ ด้วยนิสัยและวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ทำให้ผมกับแชคเป็นเพื่อนในกลุ่มที่สนิทกันน้อยที่สุด แชคเป็นคนเข้ากับคนง่ายพูดเก่งแล้วก็อัธยาศัยดีคนรู้จักเยอะเสียจนผมเผลอคิดไปบ่อยๆว่ามันก็แค่รวมกลุ่มกับพวกผมเพราะในห้องมีผู้ชายอยู่เท่านี้



“ขอบคุณที่ให้คำปรึกษานะ ขอบคุณจริงๆ มึงก็ด้วยนะ ถ้ามีเรื่องอะไรอยากจะเล่าก็เล่าได้นะ”



“อืม ช่างเถอะ พรุ่งนี้อย่ามาสายก็พอ เจอกันที่เดิม”



“หา ไปไหน”ผมเลิกคิ้วถาม



“อ้าว ก็ที่ตกลงกันไว้วันติวว่าสอบเสร็จจะไปทะเลไง ทะเลหนะ ทะเล”เดี๋ยวนะ ความทรงจำเมื่ออาทิตย์ก่อนไหลย้อนกลับเข้ามาในสมอง ดูเหมือนระหว่างติวกันเบื่อๆไอ้อาร์ตโอดครวญว่าร่างกายต้องการทะเล เปลวก็เลยชวนไปค้างคืนที่คอนโดริมหาดชะอำของมัน...



“เห้ย!! งั้นเปลวก็ต้องไปด้วยอ่ะดิ!?”คือผมต้องการเวลาคิดมากเงียบๆคนเดียวบ้างอะไรบ้าง ตามนิยายทั่วไปแล้วผมต้องหลบหน้าหลบตาเปลวซึ่งเป็นคนตามจีบผมอยู่ไม่ใช่รึไง”แล้วกูจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องของมันได้เนี่ย”



“เอาน่าๆ เก็บของก่อนแล้วจะคิดอะไรก็ไปคิดบนรถตู้แล้วกันนะ บาย”




“เวร!”




ผมตะโกนใส่โทรศัพท์ซึ่งคู่สนทนาวางสายไปแล้ว กรอกตาไปมาอย่างเซ็งจิตพักหนึ่งก่อนนึกขึ้นได้ว่าอุ่นอาหารเอาไว้จึงเดินไปยังไมโครเวฟและนำชามข้าวผัดซึ่งกลับไปเย็นเหมือนเดิมแล้วมานั่งกินจนหมดจากนั้นก็ขึ้นห้องไปเก็บของเข้ากระเป๋าเดินทางล้มตัวลงนอนพลางปัดเรื่องสำคัญบางเรื่องเอาไปคิดบนรถพรุ่งนี้ตามคำแนะนำของเพื่อนรัก





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อืม...ครูเอิทน่ารักมั้ยคะ ในฐานะที่ผ่าน'อะไรๆ'มาก่อนก็เลยยอมละทิ้งจรรยาบรรณครูปกป้องเด็กน้อยสองคน :hao5:


แชคก็น่ารักนะคะ 5555+...ส่วนตัวแล้วชอบฟีลมิตรภาพแบบนี้มากกว่าความรักซะอีก :hao3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 06/06/15 [ บทที่ 17 ] แค่หวั่นไหวมันไม่พอ
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 07-06-2015 00:59:09
โห แชค คิดอยู่เหมือนกัน ว่าระดับแชคมีหรือจะไม่สงสัยเรื่องของเปลวกับน้ำเงิน
นี่ไม่ใช่แค่สงสัย แต่รู้ดี รู้ลึกเชียว แถมช่วยแก้ข่าวให้ด้วย เพื่อนที่แสนดีจริง ๆ
ยักษ์เม่นนั่น เปลวพูดขนาดนั้นก็ยังคิดไม่ได้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ชิ
ว่าแต่ ฟงเข้าไปพูดอะไรกับยักษ์นั่นนะ อยากรู้จัง ชอบคำพูดของแชคมากเลย
แต่เราก็เข้าใจน้ำเงินนะ ไม่ว่าน้ำเงินหรอกที่ยังสับสน ไม่มั่นใจ เอาน่า มันต้องใช้เวลา
เพียงแต่ถึงยังไม่มั่นใจ แต่ก็อย่าทำร้ายจิตใจเปลวโดยไม่ตั้งใจนะน้ำเงิน สงสารเปลวแย่
ว่าแต่ เรื่องของแชคกับซีซี จบไปแล้วจริงเหรอ T^T ตกลงแชคคิดยังไงกับซีซีล่ะ เสียดายอ่ะ
รอตามไม่เที่ยวทะเลด้วย จะมีความสัมพันธ์ของคู่ไหน ก้าวหน้าขึ้นบ้างไหมน้อ
แล้วฟงไปด้วยหรือเปล่าน้า คอนโดของเปลวนี่นา ชอบฟง :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 06/06/15 [ บทที่ 17 ] แค่หวั่นไหวมันไม่พอ
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 07-06-2015 19:42:40
ไปทะเลจะหวานหรือจะดราม่าน๊อ   :ling1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 06/06/15 [ บทที่ 17 ] แค่หวั่นไหวมันไม่พอ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-06-2015 20:39:34
จะบอกน้ำเงินว่าอย่าคิดมาก แต่ในความเป็นจริงจะคิดน้อยก็ไม่ได้สินะ เอาเป็นว่าไปเที่ยวให้สนุกก่อนดีกว่าเนอะ :z1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/06/15 [ บทที่ 18 ] สมมติว่าป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 11-06-2015 16:18:25




บทที่18 สมมติว่าป่วย




“ตกกระป๋องเหรอมึง”เสียงของฟงดังแว่วมาจากเบาะด้านหน้า ตัวผมที่นั่งอยู่ถัดออกมาคู่กับเชี่ยแชคถึงกับสะดุ้งโหยง เหลือบสายตามองเปลวตะวันซึ่งยักไหล่แทนคำตอบ



บนรถตู้ซึ่งเจ้าแชคไปติดต่อเช่ามาตอนไหนก็ไม่ทราบตำแหน่งที่นั่งหลังคนขับสามคนประกอบด้วย อาร์ต ปอ ไอซ์ ถัดมาคือเปลวกับฟงและผมกับแชคตามลำดับ ส่วนนาวนั่งที่นั่งติดประตูคนเดียวและซีซีก็นั่งหลังมันอีกที



ตอนแรกที่มาถึงสถานที่นัดหมายผมก็ทำท่าลังเลอยู่แปดตลบว่าจะขึ้นไปนั่งกับใครดี ถ้าตามปกติก็ต้องนั่งกับเปลวอย่างสนิทใจอยู่แล้วแต่ตอนนี้มันไม่ใช่น่ะสิ วันนี้ท่าทีของเปลวเองก็แปลกๆไปเหมือนกัน เหมือนมันมองมาแต่พอผมสังเกตเห็นก็หลบตากันซะงั้น หลุกหลิกไปมากันอยู่สองคนจนไอ้แชครำคานคว้าผมไปนั่งกับมันด้วยเนี่ยแหละ



จากนั้นพวกเราก็มาถึงที่หมาย ฟงเดินไปพูดอะไรกับลุงคนขับรถก็ไม่รู้ผมที่กำลังขนของอยู่ด้านหลังจึงไม่ได้ยิน แต่ถึงหูจะไม่ได้ยินแต่ต่อมใต้สมองส่วนหน้ามันจินตนาการไปไกลโพ้นเสียแล้ว



“อย่าคิดลึก ฟงแค่บอกทางไปที่ห้องเช่าเฉยๆ”



ก็มีเชี่ยแชคที่หมู่นี้มันจะรู้ใจผมมากเกินเหตุนี่แหละที่ดึงสติผมกลับมา



“ใครคิดลึก อะไร ไม่มี”แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แชคหรี่ตามองอย่างแฝงความนัยน์



“ถึงฟงจะขึ้นชื่อเรื่องควงไม่ซ้ำหน้าแต่มันก็เลือกหน้าก่อนควงนะ”



“เออ!!”ผมจิ๊ปากใส่มันไปตลบหนึ่งก่อนเดินตามกลุ่มเพื่อนที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเข้าคอนโดไป




คอนโดตากอากาศแห่งนี้เป็นแบบหรู ตัวอาคารมีแค่อาคารเดียวแต่สระว่ายน้ำใหญ่เว่อร์มีสไลเดอร์สีเหลืองอ๋อยสูงประมาณตึกสี่ชั้นแถมด้วยสวนหย่อมที่ต้นไม้เขียวชะอุ่มได้รับการดูแลอย่างดี เพราะราคาและความกว้างของห้องค่อนข้างมาก ตอนนั่งรถเข้ามาผมเห็นป้ายราคาขายแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ต้องมีเงินเหลือใช้ขนาดไหนถึงจะซื้อคอนโดราคาแปดหลักเป็นบ้านพักตากอากาศได้นะ



 “โหวววว”เสียงไอ้ปอดังนำมาตามด้วยเสียงของอาร์ตและไอซ์ตามลำดับ ไอ้พวกบ้านตึกแถวทั้งหลายโยนกระเป๋าเดินทางทิ้งแล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องชุดด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ ผมชะโงกหน้าเข้าไปมองซ้ายมองขวาอย่างสงวนท่าทีเพราะยังคลุมเครือกับเจ้าของห้องอยู่



สิ่งแรกที่เห็นคือห้องนั่งเล่นที่มีประตูเชื่อมสี่บานฝั่งซ้ายสองฝั่งขวาสอง มีเคาเตอร์บาร์สำหรับทำอาหารและที่ระเบียงมีเตาปิ้งพร้อมเก้าอี้ผ้าไปสำหรับสองคน พวกปอ อาร์ต ไอซ์ กระจายตัวไปเปิดประตูห้องสี่บานนั้น สามบานเป็นประตูห้องนอน ส่วนอีกหนึ่งบานเป็นประตูห้องน้ำใหญ่ ด้านในห้องฝั่งซ้ายซึ่งเป็นห้องนอนทั้งสองห้องมีห้องน้ำขนาดเล็กในตัวสามารถเปิดเข้าใช้ได้จากสองห้อง



อย่างนี้เวลาจะเข้าไปอาบน้ำต้องล็อคจากทั้งสองฝั่งสินะ



ลองนึกภาพมีคนเปิดประตูเข้ามาตอนนั่งขี้อยู่แล้วก็เสียอารมณ์ไม่น้อย...



“จะแบ่งห้องกันยังไงดี!”ซีซีโพล่งถาม หยุดไอ้พวกปอที่กำลังสำรวจเครื่องเรือนห้องชาวบ้านอยู่



“ห้องนอนสามห้อง พวกเรามีกัน9คน ก็ห้องละสามคนสินะ”ฟงพูดลอยๆ ผมพอจะจับเค้าความเจ้าเล่ห์จากตาตี่ๆของมันได้ แต่ยังมองแผนการไม่ออกก็เลยยืนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ข้างแชค



“กูอยู่กับเปลวก็สองแล้ว อีกคนจะเป็นใคร?”ฟงกล่าวต่อ มันพูดเรื่อยๆไม่ได้เจาะจงแต่ผมรู้สึกเหมือนถูกเจาะจงอย่างไรชอบกล






“น้ำเงินไง” แชคช่วยสมทบ ผมงี้หันขวับเลยครับ



“...เอ๊า ไอ้เหี้ย มึง...”ส่งเสียงรอดไรฟังออกไปเข่นเขี้ยวให้ได้ยินสองคน แต่ไอ้เพื่อนเวรกลับผิวปากทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนซะงั้น



“ถือโอกาสนี้ปรับใจกันไปเลยไง หึหึ”ดูมันตอบกลับหน้าระรื่นสิ มันน่ามั้ยหละ



“อืม ก็ดีนะ งั้นน้ำเงินก็นอนกับเปลวกับฟงไป ส่วนที่เหลือจะแบ่งกันยังไง”อาร์ตช่วยสรุปให้”กูนอนกับปอหนึ่งละ อีกคนใครดี”ก่อนจะถามด้วยคำถามเดียวกับฟง โชคดีที่ผมเหลือบไปเห็นไอ้แชคตั้งท่าจะเสนอตัวไปนอนกับสองคนนั้น พริบตาเดียวกันนี่เองที่สมองอันชาญฉลาดของผมสามารถประมวลผลอย่างรวดเร็ว



มันกำลังหนีซีซีอยู่!!



“กู...”



“นาว มึงนอนกับปออาร์ตไป สองตัวนี้มันนอนดิ้นแบบชิบหาย ก็มีแต่พวกนอนง่ายอย่างมึงนี่แหละที่จะรับมือกับสองคนนี้ได้”ผมรีบพูดแทรกเชี่ยแชคด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ โทษทีนะ แต่หัวเราะทีหลังดังกว่าหวะเพื่อน ฮ่าๆๆ



 “ถือโอกาสนี้ปรับใจกันไปเลยไง หึหึ ฮ่าๆๆๆ”กระซิบพูดและยักคิ้วใส่หน้ามันสองจึก เชี่ยแชคจ้องผมตาถลนส่วนเพื่อนในกลุ่มมองผมแบบอึ้งๆ




“งั้นห้องที่เหลือก็มี...เอ่อ...แชค ไอซ์ ซีซี...เอ่อ...โอเคนะ”อาร์ตกล่าวสรุปเสียงอ่อยเหมือนลังเลว่าควรจะจับแชคและซีซีมาร่วมห้องกันดีไหม เชี่ยไอซ์พยามส่ายหน้าสุดชีวิตเพราะมันรู้ชะตากรรมของมันดี สองคืนนี้ได้กลายเป็นกันชนผู้น่าเศร้าแน่นอนทว่าไม่มีใครเห็นเงาหัวมันสักคน



ทุกคนแยกย้ายกันไปเก็บของห้องใครห้องมัน เนื่องจากห้องทางฝั่งขวาเป็นห้องนอนใหญ่สุดเพราะอยู่ติดกับห้องน้ำกลางมันจึงตกเป็นของเจ้าของห้องอย่างเปลวไปโดยปริยาย ผมเดินตามสองหน่อเข้าไปแบบเงียบๆพยามทำตัวให้กลมกลืนกับโคมไฟหัวเตียงมากที่สุดเพราะกลัวจะโดนเทพฟงโจมตีเข้าอีก



“กูนอนริมติดหน้าต่าง มึงอ่ะ”แต่ก็ไม่รอด เมื่อฟงวางกระเป๋าเงินและกล้องโปรแหมะตรงจุดที่ประกาศจองไว้พร้อมถามเพื่อนรักอย่างเปลวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขเมื่อได้แกล้งคนไว้ไม่มิด เปลวเหลือบตามองมาทางผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปตอบเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกันมากนักว่า



“งั้นกูนอนริมอีกฝั่งนึงแล้วกัน”



สรุปคือผมต้องนอนตรงกลางสินะ!! เอาเถอะ...นอนตรงกลางก็ยังดีกว่านอนสองคน เห้อ...



“เก็บของแล้วก็ไปตลาดนัดกลางคืนกัน เย้! ยะหู้!”อาร์ตผู้กระปรี้กระเปร่าผลักประตูห้องดังโครมโดยไม่เกรงใจเจ้าของห้อง มันวิ่งเข้ามาโดดเด้งบนเตียงอย่างกับเด็กอนุบาล...อืม...ฟังจากเสียงตอนโดนกระแทกแล้ว สปริงน่าจะดีเอาเรื่อง...
เดี๋ยวนะ!! ต้องไม่โฟกัสไปที่สปริงสิ!!



“ตลาดกลางคืนพ่อมึงสิ แดดยังเปรี้ยงอยู่เลย”แม้ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสี่แล้วก็ตาม



“งั้น ฮึบ! ก็ไป แห่กๆ เดินค่าเวลา อะฮึบ! กันที่ตลาดนัดกลางวันกันก่อน...”อาร์ตุพูดไปกระโดดไป ถ้าฟังแต่เสียงไม่เห็นแอคชั่นคงคิดไปไกล



“ทำเสียงทุเรศมากมึง หยุดกระโดด ตั้งสติแล้วค่อยมาคุยกับกูใหม่”



“ชิ บ่นเป็นคนแก่ไปได้ เนอะเปลวเนอะ”มันหันไปหาแนวร่วม เปลวหัวเราะตอบมันพอเป็นพิธีก่อนพวกเราสี่คนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงคนละมุม



“ตามหมายกำหนดการวันนี้เราจะตะลุยกินกันให้เต็มที่ ร้านเด็ดเจ็ดย่านน้ำเราจะไม่พลาด แน่นอนว่าตลอดทางเราเก็บกินกันมาจนครบแล้ว...”



“พูดซะอย่างกับกินขี้”อาร์ตค้อนขวับเพราะผมไปขัดมันเข้า ก็อย่างที่มันว่า พวกเราออกเดินทางกันช่วงสายๆแต่มาถึงที่พักบ่ายแก่แบบนี้ก็เพราะแวะกินนู่นนิดนี่หน่อยมาตลอดทางและแหล่งอาหารแหล่งสุดท้ายของพวกเราก็คือตลาดนัดกลางคืนนั่นเอง



“หน้าคอนโดมีร้านอาหารอยู่ เราไปขอซื้อปลาหมึกกับถ่านมาปิ้งกินกันไหม”ฟงผู้นานๆทีจะมีส่วนร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่เปลวเสนอความเห็น อาร์ตผู้ชื่นชอบการทำอะไรใหม่ๆถึงกับตาโตเมื่อได้ยินว่าจะได้จุดเตาถ่านนอกค่ายลูกเสือ



ใจเย็นๆนะมึง ทำคอนโดเขาไฟไหม้นี่เอาชีวิตไปแลกก็ไม่พอชดใช้นะมึงนะ



“เขาจะขายให้เหรอ”อาร์ตถาม ใจมันตอนนี้ลอยไปแปะอยู่ที่ร้านแล้วมั้ง



“คิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร หืม”ฟงยักคิ้วให้อย่างมั่นใจก่อนจะลุกหยิบกระเป๋าเงินแล้วเดินนำอาร์ตซึ่งวิ่งตามไปต้อยๆ



ปัง...



เสียงประตูปิดลง ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ วินาทีที่ผมหันมาสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำขลับแฝงความนัยนั้นเองที่ผมเพิ่งตระหนักได้ถึงการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆจากฟง

.

.

.



“เหลือกันแค่สองคนแล้วเนอะ”ผมยิ้มแห้งๆให้เปลวซึ่งยังมองมาทางผมไม่เลิก จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อน



“อืม ใช่...เหลือกันแค่สองคน”



“....”



“...”



“น้ำเงิน ถามอะไรหน่อยได้ไหม”



เสียงนาฬิกาลานเดินขนานไปกับเสียงเต้นของหัวใจ ยามได้ยินเสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างอ่อนละมุนและดวงตาคู่เดิมที่แสนอบอุ่น ผมพยักหน้าแทนคำตอบเปลวตะวันจึงถามคำถามชวนประหลาดใจออกมา



“น้ำเงินคิดว่า...สิ่งที่ไกลที่สุดมันอยู่ที่ไหนเหรอ?”



“เห...”ผมผงะกับคำถาม ปรับจังหวะการหายใจก่อนยกมือขึ้นกอดอกไตร่ตรองคำถามของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน



ค่อนข้างมั่นใจว่าคำตอบไม่มีทางเป็นดาวพลูโตหรือกาแล็กซี่อันโดรเมดาที่อยู่ห่างออกไปนับล้านปีแสงอย่างแน่นอน
หากแต่...ในที่สุดคนอย่างผมก็... “ไม่รู้...”



“ขอโทษนะ กูไม่รู้จริงๆ”ผมตอบกลับไปเสียงเรียบพร้อมตีสีหน้าให้ราบเรียบไม่แพ้กัน ก่อนทั้งหมดนั้นจะถูกสั่นคลอนด้วยประโยคถัดมา...



“เปลวก็ไม่รู้คำตอบที่แท้จริงหรอกนะ...แต่ถ้าเป็นคำตอบของเปลวล่ะก็



.


.



สิ่งที่อยู่ไกลแสนไกลก็คือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแต่เอื้อมไม่ถึง...ล่ะมั้ง”



ผมหยิบจานซึ่งปอจัดการล้างเรียบร้อยแล้วเข้าชั้นให้เรียบร้อย หลังจากที่เปลวพูดคำนั้นออกมาพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย...ที่ว่าไม่พูดอะไรเลยนี่คือไม่ได้พูดกับคนอื่นด้วยไม่ใช่แค่ระหว่างนั่งฟังเสียงนาฬิกาอยู่ในห้องนอนเท่านั้น แม้กระทั้งตอนที่ฟงกับอาร์ตเข้ามาตามให้ออกไปกินปลาหมึกด้วย



ผมคิดว่าฟงมันคงถามเพื่อนมันว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เปลวมันก็แค่ส่ายหัวไปมาเท่านั้นจนฟงยอมแพ้และหันมาสังสรรค์



“เสร็จแล้วไปกันเลยมั้ย”นาวถาม ท่าทางอยากไปเที่ยวเล่นเต็มที่แล้ว



“อื้ม เข้าห้องน้ำแปป แล้วก็ไปกันเลย”ทุกคนยกเว้นผมพยักหน้ารับคำแชค พวกมันแยกย้ายกันไปเก็บของ ซีซีที่เห็นผมยืนโง่อยู่ที่เดิมก็เลยมองแบบงงๆ



“ไม่เอาของเหรอน้ำเงิน”ซีซีถาม



“เอ่อ...คือ...กูคิดว่ากูคงไม่ไป...”เท่านั้นแหละครับทุกคนสามัคคีพร้อมใจหันหน้ามาทางผมกันพรึ่บพรั่บเลย  ตามด้วยเสียงเซ็งแซ่ถามทำนองเดียวกันว่าทำไมถึงไม่ไป ไม่สบายตรงไหนรึป่าว



จนผมต้องรีบร้อนตอบกลับไปว่า...



“เมื่อกี้เปลวมันบอกกูว่ามันป่วย พวกมึงไปกันเถอะ เดี๋ยวกูอยู่ดูมันเอง”



คำตอบของผมสร้างความกระจ่างให้เดอะแกงค์ของผมเอง อาร์ตปอเข้าไปถามไถ่อาการเปลวผู้ในความจริงแล้วแข็งแรงดีอยู่ด้วยความเป็นห่วง ผมได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้ไอ้เปลวมันโง่ถึงขั้นไม่รู้ว่าผมมีเรื่องจะคุยกับมันสองคนถึงขึ้นโพล่งออกมาว่ามันไม่ได้ป่วยทีเถอะ



“อ่อ อืม ไม่เป็นไร พักสักคืนก็คงหาย”



ดีมากเปลว มึงฉลาด!! ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่มือมีมือขาวจั๊วะของใครบางคนมาแตะบ่า



“หายาดีๆให้เพื่อนกูกินด้วยนะ” ฟงกล่าวด้วยรอยยิ้ม



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/06/15 [ บทที่ 18 ] สมมติว่าป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 11-06-2015 17:27:43
ลุ้นใจน้ำเงินมากว่าจะเคลียร์กันยังไง โฮกกกกก อย่าทำร้ายใจดวงน้อยๆของเปลวนะะะะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/06/15 [ บทที่ 18 ] สมมติว่าป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 12-06-2015 20:24:22
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/06/15 [ บทที่ 18 ] สมมติว่าป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 13-06-2015 10:33:53
ยาที่จะให้ต้องดีมั๊กๆๆ แน่เล้ยยย 555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/06/15 [ บทที่ 19 ] ขอโทษนะ
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 20-06-2015 17:20:00



บทที่19 ขอโทษนะ



“แล้วตกลง มีเรื่องอะไรเหรอ”เปลวตะวันเอนตัวพิงเคาเตอร์บาร์กอดอกจดจ้องมาที่ผมซึ่งกำลังล็อคประตูห้องหลังจากเจ้าพวกนั้นออกจากห้องไปหมดแล้วก็เหลืองเพียงเราสองคนและบรรยากาศแปลกๆรอบตัว ผมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ เสตามองไปทางอื่นไม่กล้าสบตากับมันตรงๆนัก



“เอ่อ คือ เรื่องเมื่อวาน...”คฑากรคนเก่งของโรงเรียนยามนี้เขาได้สูญเสียทักษะการสนทนาแบบเป็นผู้เป็นคนไปเรียบร้อยแล้ว



ท่ามกลางการจับจ้องจากสายตาไม่สื่อความหมายใดๆของเปลวตะวัน นายน้ำเงินก็ยกมือจับผมตัวเองดึงเล่นก่อนจะเผลอออกแรงกระตุกจนเส้นผมสีดำขลับจะหลุดติดมือออกมาให้เจ็บเล่น



อากัปกิริยาเหมือนคนจะเขินก็ไม่ใช่เหมือนจะเกร็งก็ไม่เชิงนั้นช่างดูเสียสติในสายตาเปลวตะวัน



ร่างสูงถอนหายใจเหนื่อยอ่อนขณะสาวท้าวเข้าใกล้คนที่ยังจับจองพื้นที่หน้าประตูไม่ไปไหน มือแกร่งเอื้อมมาจับบ่าของผมราวกับกำลังให้กำลังใจ



“พูดมาสิ ไม่ว่ามันจะจบแบบไหน เปลวก็จะไม่โทษน้ำเงินหรอก”



ท่ามกลางท่าทีสุขุมราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร ผมมองสบเข้าไปในดวงตาซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงฟุตและพบเข้ากับความสั่นไหวภายในใจของคนตรงหน้า



“หึ...อะไรกัน ทำเป็นเก็ก มึงก็ใจแป้วเหมือนกันนี่”ผมหัวเราะในลำคอ”เอาเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น...”



“กูอยู่ตรงนี้...และมึงก็อยู่ตรงนี้...พวกเราอยู่ข้างกัน ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยนี่...จริงไหม”



ผมคลี่ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคนฟังทำหน้าประหลาดใจ มือข้างที่แตะไหล่ของผมเมื่อครู่เผลอไผลออกแรงกดตามความตื่นเต้นของเจ้าตัว



“กูก็ชอบมึงนะ เป็นแฟนกันมั้ย...”



“เหะ...”



“อะ ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าเข้าสิ ตลกเป็นบ้าเลย ฮ่ะๆๆๆ”หลังจากพูดคำนั้นออกไปแล้วแทนที่ผมจะเขินผมกลับตลกหน้าของเปลวมากกว่า ใบหน้าหล่อๆของผู้ชายในฝันของสาวๆตลึงตึงตังอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้าพอดีเป๊ะ ผมที่พยามข่มอารมณ์ไม่ให้หนีเตลิดไปก่อนกว่าจะสารภาพรักได้แทบแย่ มาเจอรีแอคชั่นแบบนี้ จากที่ควรจะเขินก็กลายเป็นขำแทนน่ะสิ



“คิดว่ากูจะไล่มึงรึไง!? ผู้ชายที่มึงชอบขี้ขลาดขนาดกลัวเสียงวิจารณ์จากคนรอบข้างจนทอดทิ้งความรู้สึกของตัวเองรึไง หืม?”
เปลวยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนี้ มันลากผมเข้าไปกอดไว้หลวม มือข้างหนึ่งตบแผ่นหลังของผมเบาๆแถมด้วยการโยกตัวนิดๆจนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “กล่อมลูกน้อยเข้านอนอยู่เหรอ ฮ่ะๆๆๆ”



“ก็คนกำลังดีใจจะให้ยืนนิ่งๆได้ยังไง”เปลวกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น”ขอโทษนะ ที่เผลอคิดไปว่าจะไม่ได้เจอกับน้ำเงินอีกเพราะเรื่องเมื่อวานแล้ว”



“...”



“ขอโทษจริงๆที่เผลอลืมไปว่าน้ำเงินที่เปลวรักมาตลอดก็คือน้ำเงินที่ไม่หวาดหวั่นต่อคำพูดของใคร เข้มแข็งและมองตรงมาที่เปลวอย่างซื่อตรง”



พวกเราปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม โดยไม่ต้องใช้คำพูดอะไรเราสองคนยืนกอดกันแน่น



“แล้วคำตอบล่ะ”ผมกระซิบทวงถามคำตอบที่ยังไม่ได้รับ



“เป็นสิครับ เป็นแฟนกัน”เปลวตอบขณะผละตัวจากกัน







“...”






 “แล้ว...เป็นแฟนกันแล้วไงต่อ...เอ่อ กูหมายถึงอยู่กันสองคนจะทำอะไรดี เอ๊ะ...กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ!”ผมใช้นิ้วชี้เกาแก้มแดงๆของตัวเอง คำถามของผมมันอาจจะชวนคิดลึกไปหน่อยเมื่อบวกรวมกับสิ่งแวดล้อมอันแสนเอื้ออำนวยรอบกายตอนนี้แต่ที่ผมถามเพราะผมไม่อยากให้มันเงียบนานเกินไป คือเรายืนมองกันไปมาได้ห้านาทีแล้วแบบไม่รู้จะทำตัวยังไงถูกดี




“กว่าพวกนั้นจะกลับมาก็คงหลังสี่ทุ่ม”เปลวนิ่วหน้าทำทีเป็นใช้ความคิดแล้วก็รีบหันหลังเดินกลับไปนั่งบนโซฟาแต่ทว่าเสี้ยวหน้าแดงระเรื่อของมันก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาผมไปได้



คำถามสองแง่สองง่ามของผมเมื่อครู่คงสร้างมโนภาพให้ผู้ชายคิดลึกบางคนจนต้องเดินหนีไปนั่งพัก



“แค่นี้เขินเหรอครับคุณเปลว”เมื่อสบโอกาสผมจึงรีบเข้าไปกระเซ้ามัน นานๆทีมันจะเขินให้เห็นอย่างนี้จะปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆได้ยังไง คนย่ามใจเดินกระหยิ่มยิ้มเข้าไปนั่งข้างๆเปลวตะวันพร้อมเบียดไหล่อ้อล้อ



รอยยิ้มแพรวพราวประดับบนใบหน้าของคนที่ยังไม่รู้ว่าภัยกำลังจะถึงตัว เปลวเหลือบมอง’แฟน’ตัวเองด้วยสายตาเอ็นดู น้ำเงินยกมือขึ้นจับคางคนที่ไม่พูดไม่จาเอาแต่มองหน้าชาวบ้านชาวช่อง




“ฮั่นแน่ เขินจริงๆด้วย นั่งเงียบผิดปกติเชียว หึหึ”หัวเราะคิกตักกับตัวเองท่าทางเปรมปรี



“คนที่เขินอ่ะมึง...พูดมากผิดปกติ”และผมผู้รื่นเริงเกินไปก็โดนจับไต๋ได้ มองค้อนคนรู้ทันไปหนึ่งตลบก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์เอาเสียง



“กูว่าเขินทั้งคู่หวะ โอ๊ย...กูไม่น่าเลย กูไม่น่ารีบสารภาพรักกับมึงตั้งแต่เย็นแบบนี้เลย กว่าคนอื่นจะกลับก็อีกตั้งหลายชั่วโมง โง้ยยยยย...”มือเรียวยกขึ้นจิกทึ้งหัวตัวเอง ส่ายตัวไปมาท่ามกลางความเอ็นดูของคนข้างตัว   



“...”



“ไปเดินเล่นกันเถอะ!!”ผมผุดลุกขึ้นแบบกะทันหันจนหัวเกือบไปกระแทกปลายคางของเจ้าคนที่เอาแต่นั่งมองไม่ชวนคุย ดีนะที่มันหลบเก่ง



เปลวตะวันยืนขึ้นตามผม ผมคิดว่ามันกำลังพยามอ่านใจผมอยู่ เออ...มึงอ่านไปเลย อ่านให้ตายมึงก็เห็นแค่คำว่า ประหม่า!!!
ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี รู้แค่ว่าอยู่แบบนี้ต่อไปต้องไม่ไหวแน่ๆ



ผมคว้ามือถือและกระเป๋าเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินมาคว้ามือของคนที่ยืนมึนอยู่ให้ก้าวตามออกไปแต่ก็ถูกรั้งแขนเอาไว้ผมจึงหันไปมอง หรือว่ามันไม่อยากออกไปข้างนอก



“กุญแจห้อง”



เปลวตอบพร้อมมองไปยังพวงกุญแจขนาดเล็กที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะกินข้าว ผมหัวเราะแกนๆขณะปล่อยมือมันและเดินไปหยิบของที่ต้องการ ทันใดนั้นเองเปลวก็ถามคำถามที่ผมไม่สามารถให้คำตอบมันได้อีกครั้ง...



“แล้วเราจะไปไหนกันเหรอ?”



“แฮ่ๆ...”ผมชะงักขาและทำหน้าโง่ๆมองมัน เอาจริงๆแล้วหลังเป็นแฟนกัน(ได้สามนาที)ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมแม้แต่น้อยเพียงแค่ไม่กล้าสบตากันนานๆและลุกลี้ลุกลนนั่งนิ่งไม่ได้เท่านั้นเอง...



อีกฝ่ายแสร้งทำเป็นถอนหายใจเหมือนระอากับความงั่งของผม แต่เอาเถอะ ปล่อยมันตีหน้าเข้มไป ผมรู้ว่ามันแกล้งทำไปงั้น ในใจมันตอนนี้คงกำลังมองมาที่ผมแล้วก็กู่ร้องว่า...แฟนใครเนี่ยน่ารักจัง!!”อยู่แน่ๆ



เอ่อ...พอเถอะ กูอายตัวเอง...



“ซาวด์น่ามั้ย”ผมประหลาดใจกับคำชวนของมัน เลยเอ่ยทวนคำเผื่อนได้ยินผิด”ซาวด์น่า!?”



เปลวพยักหน้า”ชั้นบน ส่วนของฟิตเนสมีห้องซาวด์น่าอยู่”



“หึหึ อุ๊บส์ โอ๊ย ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ๊ย หายใจไม่ทัน ตลกไปไหนเนี่ย ฮ่าๆๆๆ!!”



เสียงแผดหัวเราะดังสนั่นของฟง หนุ่มตี๋ลูกครึ่งไทยจึงดังสนั่นลั่นห้องนอนซึ่งพวกผมสามคนต้องอาศัยอยู่บนเตียงเดียวกันสองคืนเต็มๆ หลังจากพวกเราหาที่ไปไม่ได้และจบลงด้วยการนั่งอบซาวด์น่าก็กลับห้องมาในเวลาไล่เลี่ยกับกลุ่มที่ไปตลาดนัด ตอนที่ฟงเปิดประตูห้องเข้ามาเจอพวกเรายืนเหงื่อท่วมตัวและทำท่าจะไปอาบน้ำมันก็ทำหน้าดีใจยังกับลูกชายติดหมอเดินปรี่เข้ามาตบไหล่เปลว ป้าบๆ



....เพื่อนกูก็ไวไฟใช่ย่อย ในฐานะที่สนิทกันมานานเดี๋ยวคืนนี้กูยอมไปนอนกับสาวฝรั่งเป็นการเปิดโอกาสให้พวกมึงจัดเต็มกันทั้งคืนเลย!!...



สีหน้าเหมือนมีแฟนเองของฟงยังประทับอยู่ในใจ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือใบหน้าของฟงตอนได้ยินเปลวตอบกลับไปว่า



...เปล่า พวกกูไปซาวด์น่ามา...



ถ้าจะหัวเราะซะขนาดนี้เอาตีนมาเหยียบหน้ากูเลยเถอะ ผมกล่าวแทนเปลวในใจ...



“กูก็ไม่ได้ว่าอะไรหนิ หึหึ น่ารักดี มุ้งมิ้งๆ เดทแรกที่ซาวด์น่าก็ไม่เลว ฮ่าๆๆๆๆ” หลังจากนั้นก็แผดเสียงหัวเราะอีกยก ผมกับเปลวหันไปมองตากันก่อนจะยิ้มชั่วร้าย ผ้านวมผืนหนาถูกโยนคลุมหัวคนตัวขาวหลังจากนั้นก็จัดการสหบาทาใส่แบบหมั่นไส้



“เห้ย ไอ้พวกเลว รุมกูเหรอ! เปลว!มึงทิ้งเพื่อนใช่มั้น โอ๊ย!!”ฟงโวยวาย พยามดิ้น



“อะไรใครไหน ใครทำเพื่อนกู”ฟังแค่เสียงพูดเหมือนจะรักเพื่อนแต่ตีนเฮียยังแกล้งยันร่างของฟงที่ตะเกียดตะกายออกจากผ้าห่มอยู่เลย”กูไม่เห็นเลยนะ มึงเห็นเหรอ ใต้ผ้าห่มแบบนั้นมึงรู้ได้ยังไงว่าใครทำร้ายมึง”



“ฮ่าๆๆๆ”ผมหลุดหัวเราะกับความไร้สาระตรงหน้า



ช่วงหัวค่ำผมกับเปลวตกลงกันว่าจะไม่บอกใครว่าพวกเรากำลังคบกัน(ยกเว้นคนที่รู้อยู่แล้วอย่างแชคและฟง อ่อ...พี่เอิทด้วยสินะ)แต่ก็จะไม่ปิดเป็นความลับ...



อารมณ์ประมาณว่าจะไม่จูงมือกันเดินท้าทายสายตาประชาชีเพราะต้องยอมรักว่าการคบหากับเพศเดียวกันยังไม่เปิดกว้างในสังคมไทยนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นหลบๆซ่อนๆ...พวกเราจะไม่หนีจากสิ่งที่เราเป็น...



ฉะนั้นการที่ฟงแหกปากเสียดังลั่นขนาดนี้อาจทำให้ความลับเปิดเผยก่อนเวลา โดนยำอยู่ใต้ผ้าห่มไปเถิดเพื่อนเอ๋ย...



“ทะเล!!”เสียงแปดหลอดของอาร์ตเด็กหนุ่มวัย17ปีผู้หลงใหลการท่องเที่ยงดังลั่นห้องพักตากอากาศของเปลวตะวันเดือดร้อนถึงมนุษย์เพื่อนต้องแหกขี้ตาตื่นตามอย่างตกใจ



ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆก่อนจะหันซ้ายหันขวาก็พบว่ารอบตัวไม่มีใครอยู่เสียแล้ว...เปลวกับฟงหายไปไหน? ทันใดนั้นเองประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกร่างของอาร์ตเดินอาดๆเข้ามาก่อนจะกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมอย่างแรงจนผมถึงกับตกใจกระเถิบถอยหลัง



“มัวแต่นอนอืดอยู่นั่นแหละ เมื่อวานก็เข้านอนคนแรกวันนี้ยังมีหน้ามาตื่นสายสุดอีก เอ้า!ลุกเร็วเข้า คนอื่นเขาอาบน้ำหาอะไรรองทองกันหมดพร้อมลงทะเลแล้ว!!”



รู้สึกเหมือนโดนขุ่นแม่บ่น ผมเลยรีบลุกกุรีกุจอคุ้ยกระเป๋าเดินทางแล้วโดดผล็อยเข้าห้องน้ำ



ไม่ถึงสามนาที่ผมก็จัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อย ทุกคนที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จพอดีก็มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นและพากันเดินลงไปยังทะเล เนื่องจากคอนโดของเปลวนั้นติดทะเลพอดีทำเลโคตรดีห้องก็โคตรใหญ่ราคาก็โคตรแพงเจ้าของห้องก็โคตรหล่อ



แฟนผมเอง ฮ่าๆๆๆ



“น้ำเงิน”



“หะ”ขณะเพ้อเจ้ออยู่ๆก็มีคนมาสะกิดเรียกหันไปก็เห็นไอ้คนที่ผมกำลังนึกถึงในใจยืนขนมปังจากร้านสะดวกซื้อมาให้



“เอาไปกินรองท้อง พวกนั้นวางแผนไว้ว่าจะกินข้าวอีกทีก็มื้อเที่ยงเลย”



“ไม่กินข้าวเช้ากันเหรอวะ แล้วมึงกินยัง”



“กินกันหมดทุกคนแล้วตอนนี้น้ำเงินยังไม่ตื่นนั่นแหละ เหมือนว่าเมื่อคืนจะกินกันเยอะเกินไปจนยัดอะไรไม่ลงกันแล้วน่ะนะ ฮ่ะๆๆ”นึกภาพตามแล้วก็ตลก ทำตัวเหมือนเด็กไม่เคยมาทะเลไปได้เพื่อนผม



“ยะฮู้!!”เสียงของแกงค์คึกคักโดดเล่นน้ำทะเล ผมนั่งมองเจ้าพวกนั้นจากเก้าอี้ผ้าใบริมหาดก่อนจะเบื่อแล้วก็หยิบหมวดปีกกว้างมาคลุมหน้าเตรียมเข้านอนแต่ก็ถูกทักขึ้นซะก่อน



“น้ำเงินนี่ทำตัวเป็นคนแก่เลยน้า...มาทะเลแล้วก็นอนกินลมเนี่ย”ไอ้ตี๋เพื่อนเปลวนั่งยองๆอยู่ข้างเก้าอี้ผ้าใบในระยะประชิดผมถึงกับสะดุ้งเมื่อเปิดผ้าออกมาแล้วเจอหน้าขาวโอโม่ลอยอยู่ใกล้ตา



“ก...ก็เมื่อคืนมึงอ่ะนอนดิ้น กูเลยนอนไม่หลับเลย”ผมแหวใส่ ใบหน้าร้อนๆท่าทางร้อนรน



“หึหึ กูเนี่ยนะนอนดิ้น ไม่จริงอ่ะ ทุกคนที่นอนกับกูเขาไม่เห็นบ่นเลย”ฟงจงใจเว้นจังหวะเหมือนอยากแกล้งคนร้อนตัวให้ร้อนหนักขึ้น”นอนเตียงเดียวกันอย่าคิดนะว่าไม่ได้ยิน นอนคุยจิ๊จ๊ะอะไรกับเพื่อนกูซะดึกดื่นเลยหนิ อ๊ะ เห้ย เล่นงี้เหรอ!?”ผมเห็นท่าไม่ดีเลยเตะทรายใส่มันเบาๆ



แต่ดูท่าจะทำให้เรื่องมันวุ่นวายหนักกว่าเดิมเมื่อเจ้าคาสโนว่าตรงหน้าล็อคคอแล้วก็ลากผมตรงไปยังทะเล ผมพยายามขัดขืนแต่แรงแม่งเยอะมาก สมควรแล้วที่เป็นเพื่อนเปลว “เห้ยยยย!!”



ตูม!! ผมถูกเหวี่ยงลงทะเลลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บริเวณที่น้ำตื้นๆ “ฟง!!”สงครามขนาดย่อมได้เกิดขึ้น พวกปอคิดว่ากำลังเล่นกันอยู่เลยเข้ามาสมทบและแล้วการมาทะเลของพวกเราครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ...







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ยังไม่จบนะคะ(รีบมาบอกไว้ก่อนเพราะจบตอนเหมือนตอนจบเลย) 55555555555555555

เรื่องนี้จะยังมีอยู่อีกสักพัก(ใหญ่ๆ) ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/06/15 [ บทที่ 19 ] ขอโทษนะ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-06-2015 21:44:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/06/15 [ บทที่ 19 ] ขอโทษนะ
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 21-06-2015 22:01:56
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 20/06/15 [ บทที่ 19 ] ขอโทษนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 22-06-2015 10:23:48
น้ำเงินน่ารักอ่าาาา โอ้ย ควงกันเลยค่ะ ชะนีน้อยๆจะได้ไม่มาวอแว555555+
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 27/06/15 [ บทที่ 20 ] กาลครั้งหนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 27-06-2015 21:15:45




บทที่ 19 กาลครั้งหนึ่ง





เปลว talk



“เวลาแห่งความสุขนี่ผ่านไปเร็วเสมอเลยเนอะ”ผมเปรยขึ้นระหว่างนั่งรอรถของที่บ้านมารับกับฟง กลุ่มน้ำเงินมีพ่อแม่มารับกลับไปหมดแล้ว ตอนแรกเจ้าพวกแกงค์ป่วนวางแผนไว้ว่าจะนั่งรถกลับกันเองแต่เวลาสองคืนสามวันริมทะเลเจ้าพวกนี้งัดแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้แล้ว ไหนจะของฝากอีกเป็นภูเขาเลากา สุดท้ายก็ต้องโทรหาคุณพ่อคุณแม่กันใหญ่ น่ารักจริงๆ หึหึ



“อา...และที่เหลืออยู่กับเราก็จะมีแค่ความเศร้า”



สายลมเอื่อยๆความหมายเดียวเดียวกับชื่อของคนพูดพัดผ่านร่างของพวกเราสองคนไป ผมเห็นเสี้ยวหน้าของคนข้างกายฉายแววอ้างว้างก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม...รอมยิ้มที่คุ้นตา



“ขอบคุณนะที่ตอนนั้นมึงยอมย้ายโรงเรียนมาเป็นเพื่อนกู”ฟงกล่าวก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นรถแท็กซี่ไปลำพัง



ไม่ต้องแปลกใจ พ่อแม่ของมันไม่มีทางมารับลูกชายด้วยเหตุผลว่าไปเที่ยวแล้วเหนื่อยกลับบ้านไม่ไหวหรอกครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะให้มันติดรถกลับไปด้วยแต่มันก็ไม่ยอมท่าเดียวเลยต้องปล่อยๆมันไป โตแล้วดูแลตัวเองได้



“หึ...”เรื่องที่มันพูดถึงเมื่อครู่ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างออก เรื่องราวเมื่อนานมาแล้ว...ช่วงเวลาที่ได้พบกับน้ำเงินครั้งแรก


.


.



   “พ่อครับ!! ให้ผมย้ายไปเรียนที่เดียวกับฟงเถอะนะครับ!!”ตัวผมตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นม.หนึ่งในโรงเรียนอินเตอร์ชื่อดัง สวมเสื้อสีขาวกางเกงลายสก็อตสีกรม ตีสีหน้าขึงขังอ้อนวอนผู้เป็นบิดาอย่างไม่ยอมแพ้


“ที่ที่เรียนอยู่ตอนนี้ไม่ดีตรงไหนเหรอลูก ทำไมถึงอยากย้ายไปเรียนโรงเรียนรัฐบาลแบบนั้นหละ”แม้โรงเรียนดังกล่าวจะมีชื่อเสียงด้านผลการเรียนก็ตามแต่ครอบครัวของผมก็ไม่สนับให้ลูกชายคนเล็กลาออกจากที่เดิมตามเพื่อนสนิทไปแบบนั้น...



“ผมไม่มีเหตุผล...”ก้มหน้าอ้ำอึ้งตอบกลับไป



ใช่แล้ว ผมไม่ได้อยากย้าย แต่เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนเจอฟงครั้งแรกในรอบสองเดือน หลังจากที่แม่ของฟงแต่งงานใหม่ได้ไม่นานฟงก็โดนบังคับให้ลาออกจากโรงเรียนที่พวกเราเรียนด้วยกันและใช้เส้นสายเข้าเรียนชั้นม.1กลางเทอมที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งนั้น
สีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้แต่ก็ฝืนยิ้มออกมาของเพื่อนบีบคั้นหัวใจของผม



เพื่อนของผมยิ้มอยู่เสมอ แต่หลังจากย้ายโรงเรียนไปเพื่อนของผมก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย...



ตอนนั้นผมยังเด็กและฟงก็ไม่ได้เล่าอะไรผมก็เลยคิดว่าฟงมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนใหม่...



สุดท้ายพ่อก็ทนฟังผมตื้อทั้งเช้าทั้งเย็นไม่ไหวยอมให้ผมย้ายเข้าไปเรียน ตอนแรกผู้อำนวยการโรงเรียนก็ทำท่าจะไม่ยอมเพราะเขาพึ่งรับเงินก้อนโตมาจากครอบครัวของฟงหากให้เด็กอีกคนหนึ่งย้ายเข้ามาด้วยวิธีคล้ายๆกันเขาอาจจะถูกสอบเอาได้ แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับครอบครัวของผมเพราะทั้งพ่อและเครือญาติส่วนใหญ่ทำงานมีตำแหน่งอยู่ในกระทรวงหรือเป็นนายทหารทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจเก่าแก่ ข้าราชการธรรมดาอย่างผอ.โรงเรียนจึงต้องก้มหน้ารับผมเข้าเรียนแต่โดยดี



วันถัดมาหลังจากตกลงกับผอ.เสร็จผมก็ย้ายเข้ามาทันทีเดือดร้อนครูบาอาจารย์ต้องตาลีตาเหลือกหาห้องให้ผมลง ตอนแรกผมกะจะอยู่ห้องเดียวกับฟงด้วยแต่พ่อบอกว่าให้ผมเพลาๆลงหน่อยย้ายมาได้ก็บุญแล้วอย่าเรื่องมากนัก



เด็กชายวัยสิบสามขวบเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1เทอม2ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนรัฐบาลเป็นครั้งแรกในชีวิต นั่นทำให้ผมซึ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองเสมอรู้สึกฝ่อลงไปเล็กน้อยยามสวมเครื่องแบบที่ไม่คุ้นเคยแถมยังต้องตัดผมให้สั้นลงอีก...



เนื่องจากโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนรัฐบาลสำหรับเด็กที่มีความสามารถด้านการเรียนไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือภาษาศาสตร์เข้าเรียนเพื่อพัฒนาเป็นบุคคลากรระดับชาติเรื่องเล็กน้อยอย่างทรงผมเขาจะไม่บังคับให้ตัดตามระเบียบนักเรียนหญิงต้องติ่งหูนักเรียนชายต้องผมเกรียนแต่เด็กม.ต้นส่วนใหญ่ก็ตกลงพร้อมใจตัดตามระเบียบกันผมเลยโดนพ่อจับตัดตามนั้น
ถ้าขึ้นม.ปลายก็จะไว้ทรงอะไรก็ได้ขอแค่อย่าย้อมสีมาก็พอ...



วันนี้ผมออกจากบ้านมาแต่เช้ามีคนรถมาส่ง ทีแรกพ่อบ้านเก่าแก่ก็เสนอตัวอยู่ดูแลผมด้วยแต่ผมไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขาก็เลยบอกให้คุณตาแกกลับไปนั่งพักผ่อนที่บ้านแทน



ชั้นเรียนของที่นี่ค่อนข้างใหม่เพราะโรงเรียนได้งบประมาณมาเยอะ ผมเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆก่อนจะนั่งรออยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง...รอให้สายสักหน่อย เดี๋ยวฟงมาแล้วผมจะไปหา...



สัญญาณออดเข้าเรียนดังขึ้น ตัวผมที่รอฟงอยู่หน้าห้องของฟงนานสองนานแต่ก็ไม่เห็นตัวจนเพื่อนร่วมชั้นของฟงทยอยเข้าห้องมา



“นี่”ผมรั้งชายเสื้อของนักเรียนชายคนหนึ่งไว้ เจ้านั่นหันมามองผมตาเขม็ง สงสัยว่าผมจะแจ็คพ็อตเจอหัวโจกเข้าให้แล้ว...”รู้ไหมว่าฟงอยู่ไหน”



“ฟง อ๋อ ไอ้ลูกคุณหนูขี้แหยนั่นน่ะเหรอ เฮอะ! คงมุดหัวอยู่ที่ไหนซักที่นั่นแหละ ก็เมื่อเช้าโดนไปหนักเอาเรื่องหนิ ฮ่าๆๆๆ”สิ้นคำผมก็รีบวิ่งออกจากจุดนั้นทันที คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกตกใจที่ลางสังหรณ์ของตัวเองเป็นจริง ผมใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีวิ่งลงจากตึกเรียนและเทียวหาตามสถานที่ต่างๆ



เพราะผมเพิ่งย้ายมาวันแรกจึงยังไม่ชำนานเส้นทางนักต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง...ในห้องชมรมภาษาไทย ผมผลักประตูเข้าไปก็พบเข้ากับร่างเล็กๆของเพื่อนผมนั่งกอดเข่าซบหน้าอยู่ตรงมุมห้อง คนข้างในรู้สึกถึงการมาเยือนของผมจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อฟงเห็นคนที่ไม่ควรมาอยู่ที่นี่มากที่สุดอย่างผมก็ทำตาโตแปลกใจ



“ทะ...ทำไมเปลวถึง...มาอยู่...ที่นี่...แล้วชุดนักเรียนแบบนั้นมัน”



ผมปิดประตูและเดินเข้าไปหาเพื่อน ผมค่อยๆย่อตัวลงนั่งตรงหน้ามันอย่างทำอะไรไม่ถูก ผิวขาวๆรอบข้อมือและแขนหลายจุดกลับถูกแทนที่ด้วยรอยช้ำเหมือนโดนบีบมาอย่างนั้นแหละ แถมชุดนักเรียนตัวบางก็เปียกชื้น ขนาดฟงน่าจะนั่งอยู่อย่างนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วแท้ๆมันยังไม่แห้งแสดงว่าต้องโดนสาดมาเต็มๆแน่ๆ



“ฟงนั่นแหละ ทำไมถึงเป็นแบบนี้”



ฟงเสตาไปทางอื่นทำท่าจะไม่ตอบอะไรผมเลยกล่าวสมทบ”ใครแกล้งฟง เข้าแกล้งฟงทำไม!? ย้ายกลับไปเรียนที่เดิมเถอะนะ”
ผมคิดว่าไม่ควรปล่อยให้เพื่อนเรียนอยู่ในที่แบบนี้ แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่แม่ของฟงย้ายฟงมาที่นี่ก็ตามแต่ผมคิดว่าไม่น่าใช่ปัญหาทางการเงินเพราะแม่ของฟงเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ขนาดนั้นถ้าบริษัทระดับนั้นมีปัญหาไม่มีทางที่ที่บ้านผมจะไม่รู้เรื่อง



“ไม่เอา..ฟงไม่กลับ...”



“ทำไมหล่ะ!?”



“ถ้าต้องกลับไปที่บ้าน ฟงยอมอยู่ที่นี่ดีกว่าเยอะเลย”



“....”ผมชะงักกับคำพูดของเพื่อน ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังเลย ผมเซ้าซี้ถามอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องยอมแพ้และตัดสินใจเรียนที่นี่ต่อเป็นเพื่อนฟง



...บางทีแค่สถานะเพื่อนอาจไม่ใช่ใบเบิกทางให้เราเข้าไปในเส้นแบ่งของชีวิตใครได้...



เปลวตะวันคว้าข้อมือของเพื่อนแล้วก็พาเดินออกจากห้องนั้น เขาเลิกถามว่าทำไมถึงไม่ยอมย้ายกลับไปและเปลี่ยนเป็นถามว่าใครคือตัวการรังแกฟง



“...เพื่อนที่ห้อง...พวกเขาไม่ชอบฟง...เขาบอกว่าฟงเข้ามาที่นี่แบบสบายๆ...ในขณะที่พวกเขาตั้งใจเรียนกันแทบแย่...”
จะว่าไปก็ถูกอย่างที่ฟงพูด ผมเข้าใจเหตุผลพวกนั้นนะ...



“แต่ฟงก็ผิดด้วย ตอนแรกพวกเขาก็แค่จิกกัดฟงด้วยคำพูดทำนองว่าฟงงอมืองอเท้ารอพ่อแม่สรรหาข้าวของมาบำเรอ ทั้งๆที่มันไม่ใช่แบบนั้น ฟงไม่เคยอยากมาที่นี่และแม่ก็ไม่เคยเห็นฟงอยู่ในสายตาเลย...สุดท้ายฟงก็ทนไม่ไหวเถียงกลับพวกเขาไปว่า...ก็แน่หละสิ ก็บ้านเรามีเงินนี่เนอะ พวกคนธรรมดาอย่างเธอก็จงตะเกียจตะกายปีนหน้าผาค้นหายอดเขากันต่อไปเถอะ ฉันจะนอนรออยู่บนยอดนั้นไปพลางๆก็แล้วกัน...เท่านั้นเอง...ก็มีคนปารองเท้าใส่หัวฟง ฟงเลยปากลับ ...”



นี่แหละครับเพื่อนผม เห็นหงิมๆอย่างงี้ก็สู้ยิบตาเชียวแหละ...แต่ก็เอิ่ม...ออกจะสู้แบบไม่ดูตาม้าตาเรือไปหน่อยนะ



“เอาเป็นว่าเปลวอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้ามีใครมาแกล้งฟงอีกล่ะก็รีบมาหาเปลวเลยนะ!”ผมพูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับก่อนพวกเราจะแยกย้ายกันไป ผมเข้าห้องเรียนไปแนะนำตัวและเริ่มเรียนคาบสายท่ามกลางเสียงกระซิบของเพื่อนร่วมชั้น...



มาเรียนวันแรกก็หายหัวไปสองคาบเต็มๆแถมกลับมาอาจารย์ยังไม่ว่าอะไรเลย...ก็สมควรล่ะ



เห้อ...ผมไม่ได้อะไรเลยถ้าอาจารย์จะกรุณาลงโทษผมอย่างที่สมควร แต่ดูเหมือนครูประจำชั้นและครูผู้สอนคนอื่นๆจะกลัวอิทธิพลของที่บ้านผมหัวหดไม่กล้าทำอะไร...



ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่....ดูเหมือนเรื่องของฟงจะดังอยู่พอตัวพวกเขามองผมเป็นตาเดียวและจัดผมอยู่ในกลุ่มเด็กเส้นผู้สมควรถูกกำจัดในทันที



“เด็กสมัยนี้รู้มากชะมัด...”รำพึงกับตัวเองเบาๆเป็นคนแก่แต่ดูเหมือนมันจะลอยไปเข้าหูเพื่อนร่วมชั้นซึ่งนั่งโต๊ะถัดไปเข้า...เด็กผู้หญิงตัดผมสั้นประบ่าสวมแว่นสีดำท่าทางคงแก่เรียนหันขวับมามองผมทันที



“หึ พวกคนรวยไร้สมอง”เธอกระตุกยิ้มเหยียดๆ ดูเหมือนสงครามจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ...



เวลาพักกลางวันผมรีบไปหาฟงที่ห้องแต่ก็ไม่พบแม้กระทั่งเงา ไอ้ครั้นจะหันไปถามเพื่อนร่วมชั้นก็คงไม่ได้ความอะไร...บอกให้รอไปด้วยกันแล้วหายไปไหนของเขากันนะ...”เธอรู้รึปล่าวว่าฟงไปไหน”เลือกถามกับเด็กผู้หญิงท่าทางเป็นมิตรที่สุด



“ครูประจำชั้นเรียกพบจ่ะ”เธอตอบ



อ่อ คงเป็นเรื่องที่โดดเรียนเมื่อเช้าสินะ ผมกล่าวขอบคุณแล้วก็เดินตามๆคนอื่นลงไปยังโรงอาหาร โรงอาหารของที่นี่ใหญ่พอสมควร เมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียนแล้วถือว่าไม่ต้องเบียดเสียดกันมาก แต่ที่พิเศษสำหรับที่โรงเรียนนี้ก็คือเด็กมัธยมต้นและมัธยมปลายจะพักพร้อมกัน



ผมแทรกตัวผ่านนักเรียนกลุ่มใหญ่เข้าไปวางกระเป๋าจองที่นั่งที่มีพัดลม ผมคิดว่าการนั่งทานอาหารคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรนัก เพราะที่บ้านผมก็มักทานคนเดียวเป็นประจำเพราะคุณพ่อกับคุณแม่มักจะงานยุ่งเสมอ จะมีก็แต่พ่อบ้านแม่บ้านคอยยืนอยู่ริมห้องเผื่อผมเรียกใช้อะไร...



หึหึ...คิดซะว่าพวกนักเรียนคนอื่นเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับเท่านี้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว



ที่โรงเรียนเก่าของผม อาหารกลางวันทางโรงเรียนจะจัดเตรียมไว้ให้เป็นบุฟเฟ่ต์ให้เด็กเลือกตักกันตามใจชอบการยืนต่อแถวซื้อข้าวแกงจึงเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผม



เมนูวันนี้ก็คือ...กระเพราหมูไข่ดาว...พระเจ้า...เกิดมาผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองสิ้นคิดก็วันนี้แหละ...แต่ผมกินอาหารไทยไม่ค่อยบ่อยนักน่ะสิ...ยิ่งข้าวราดแกงยิ่งไม่เคยกินเลย ที่พอคุ้นหน้าที่สุดก็มีกระเพรากับไข่ดาวนี่แหละ เมนูอื่นนอกจากนี้มีแต่เศษผักเศษหมูทั้งนั้น...



...คุณชายเปลวผู้ทานไข่ลวก ไส้กรอกลมควัน ครัวซองและนมสดเป็นอาหารเมื่อเช้ากำลังตื่นตระหนกกับข้าวราดแกงแบบไทยๆ...



กึก



“นั่งนี่แหละ ตรงอื่นเต็มหมดแล้ว”เด็กผู้ชายท่าทางเอาเรื่องสามคนวางจานแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะเดียวกับผม ผมแค่เหลือบตามองนิดหน่อยก็กลับมานั่งทานของตัวเองต่อ



“มองไรวะ ทำไมยังไม่ลุกไปอีก!! อ๊า....นี่มันหนึ่งในเด็กใหม่คนดังนี่หน่า...”ผู้ชายผมปรกหน้าพูดขึ้น เท่าที่ดูสามคนนี้ยังอยู่ม.ต้น ไม่ม.2ก็ม.3 แต่ไว้ผมซะขนาดนี้ คงไม่ได้กินมื้อเที่ยงอย่างสงบแล้วสินะ



“แต่ผมมานั่งตรงนี้ก่อนนะครับ”เพราะเป็นรุ่นพี่เลยพูดสุภาพสักหน่อย



“เป็นรุ่นน้องคิดขัดคำสั่งรุ่นพี่เหรอ!?”ขืนผมทำตามที่คนพวกนี้สั่งจริงๆบรรพชนต้องร้องไห้แน่ๆ



ผมยังนั่งนิ่งอยู่จุดเดิมจ้องตากับพวกนั้นแบบไม่หลีกหนี คนละแวกนั้นเริ่มหันมาให้ความสนใจพวกเรา



“นับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ลุกล่ะก็...ตาย!!”คนเดิมพูดเสียงเหี้ยม



“หนึ่ง!”



ผมตักข้าวเข้าปากคำโตเพราะคิดว่าคงไม่ได้กินมันอีกแล้วขณะที่เจ้างั่งคนนั้นกำลังนับ”สอง!!”



ผมวางช้อน รวบจานไปเก็บในจุดที่โรงอาหารเตรียมไว้ให้ซึ่งบังเอิญอยู่ติดกับโต๊ะของผมพอดี และนั่น เป็นการกวนส้นตีนขั้นสูงสุดสำหรับคนที่กำลังนับเลขให้โต๊ะฟัง



“สาม!!! มึงอย่าอยู่เลยไอ้เหี้ย!!”



ผมคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายจังหวะเดียวกับร่างของอันธพาลทั้งสามคนโผเข้าใส่ ผมก้าวหลบด้วยก้าวสั้นๆสองคนในนั้นก็เสียหลักเซชนกันเอง ผมอาศัยจังหวะนั้นลอบหนีออกมา



“ให้ตายเถอะ โรงเรียนเด็กเรียนทำไมมีจิ๊กโก๋ได้เนี่ย?”บ่นกับตัวเองสบายใจ วิ่งเหยาะพอให้พวกนั้นตามมาทัน คิดว่าเปลวตะวันคนนี้จะหนีนักเลงกระจอกสามคนรึไง”หึหึ...หลังโรงยิมก็ไม่เลว...”ผมกำลังหาสถานที่ต่อกรกับเหล่าร้ายต่างหาก



ตีกันกลางโรงอาหารแล้วอาจารย์ฝ่ายปกครองไม่ทำโทษคงดูอลังการเกินไป



หมับ!



ฉับพลัน ตัวผมก็ถูกมือปริศนาคว้าและออกแรงดึงให้ถลาตามเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งลากผมเข้ามาในห้องน้ำ...หญิง?



ปึง!



เด็กคนนั้นล็อคกลอนห้องส้วมด้านในสุดก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่”เห้อออ รอดไปที” ใบหน้าน่ารักฉายแววโล่งอกอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ จนผมอดสงสัยไม่ได้



“เอ่อ...โล่งอะไรเหรอ?”



“หา!? ก็โล่งอกที่รอดพ้นจากส้นตีนสามคนนั้นได้ไงเล่า!!”เด็กคนนั้นหันมาแหวใส่ผมแล้วก็รีบตะครุบปากตัวเองเพราะได้ยินเสียงเจ้าสามคนนั้นแว่วๆหน้าห้องน้ำ



“เห้ย!! มันหายไปไหนวะ!?”



“ในห้องน้ำมีไหม!? หาให้เจอ!!”



“ไม่มีหวะ หรือว่าอยู่ในห้องน้ำหญิงวะ”



ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ประตูห้องน้ำหญิงถูกเปิดออก พวกเราสองคนที่แอบอยู่ในห้องส้วมห้องในสุดมองหน้ากับแบบตกใจ



“กรี๊ดด อะไรเนี่ย เข้ามาทำไม!?”เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นก่อน เธอคงเพิ่งออกมาจากห้องส้วมเพราะตอนพวกผมเข้ามาในนี้ไม่มีคนอยู่ ต้องขอบคุณเธอ เพราะเธอทำให้สามคนนั้นลนลานล่าถอยไป



“รอดจริงๆสักที เห้อ”เด็กชายคนนั้นกลับมาโล่งอกอีกครั้ง



“แล้วตกลงรอดเรื่องอะไรกันเหรอ”ผมก็ยังคงถามอย่างไม่เข้าใจต่อไป



เด็กคนนั้นหันมามองผมตาเขียวก่อนจะเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากผมจึกๆๆๆๆอย่างกับคุณแม่อบรมลูกน้อย”ก็นายอ่ะ นายๆๆๆๆเพิ่งเข้ามาเรียนวันแรกก็ไปมีเรื่องกับพี่ปอม.สามเข้า เกือบไม่รอดแล้วนะรู้ไหม!!”พูดจบก็กอดอกตีหน้าตาขึงขัง



“หา? อย่าบอกนะว่า...นายกำลังช่วยเรา?”...ช่วยโดยที่รู้ว่าผมเพิ่งย้ายเข้ามาวันนี้ ก็แปลว่าช่วยทั้งๆที่รู้ว่าผมเป็นใคร?



“โอ๊ย! ทำไมถึงได้โง่เง่าขนาดนี้เนี่ย เห็นว่ากำลังเล่นซ่อนหากันอยู่รึไง อ๊ะ ชู่วๆ เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวพวกผู้หญิงก็ได้ยินหรอก”ผมว่าผมไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยนะ...



อีกฝ่ายพยามแง้มประตูออกไปดูนอกห้องแล้วก็ต้องรีบปิดเพราะช่วงนี้นักเรียนส่วนใหญ่กินข้าวเสร็จแล้วก็มาเข้าห้องน้ำนี้แหละ”ต้องติดแหง่กอยู่ในนี้จนกว่าจะหมดคาบพักแหงๆเลย โอยย..”เด็กคนนั้นกล่าวแบบสิ้นหวัง



“อ่า...ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนนะ แล้วก็ขอบคุณที่ช่วย เราค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็ดีใจมากๆเลยนะ”ผมพูด



“อืม...ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้องเอง ย้ายมาใหม่นี่ก็ลำบากหน่อย แต่อีกเดี๋ยวพอเข้ากับเพื่อนๆได้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วหละ ทุกคนที่นี่ใจดีกันทั้งนั้นแหละ...เราชื่อน้ำเงินนะ นายหละ”



“เปลว...จากเปลวตะวัน”



“โห ชื่อเท่ห์จังเลย”น้ำเงินตาเป็นประกายชื่นชมชื่อของผม จนอดหัวเราะกับท่าทางแสนตรงไปตรงมานั่นไม่ได้



“จะดีเหรอ มาคุยกับเราแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนรุมแอนตี้หรอก”



“เหยๆ เปลวนี่ก็มองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้วนะ น้ำเงินไม่ได้เป็นคนดีฮีโร่ขนาดเข้ามาช่วยเหลือคนทุกข์ยากไปทั่วหรอกนะ ที่น้ำเงินช่วยเปลวก็เพราะน้ำเงินคิดว่าน้ำเงินช่วยได้ และสิ่งที่คนอื่นทำกับฟงมันก็ผิด เพื่อนน้ำเงินก็คิดอย่างนั้นเราก็เลยตกลงกันว่าจะช่วยฟงแบบลับๆ อย่างเมื่อเช้านี้เพื่อนของน้ำเงินก็เป็นคนพาฟงเข้าไปหลบในห้องชมรมภาษาไทย อื้มๆ นานๆทีจะได้ทำความดีมันก็สดชื่นแบบนี้นี่เอง”



น้ำเงินกอดอกอย่างภาพภูมิใจ ผมมองภาพเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าผมแต่จิตใจกลับเข้มแข็งกว่าหลายเท่านัก...



   วันที่เลวร้ายที่สุดวันหนึ่งของผมกลับได้พบกับเด็กชายประหลาดในห้องน้ำหญิง



   “ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ไหม”ผมยิ้มแล้วก็ถามเขา



ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ้มกว้างกว่าแล้วก็พูดว่า”แน่นอน!”






และแล้วเวลาก็ผันผ่านไป หนึ่งวัน สองสัปดาห์ สามเดือน และสี่ปี ที่พวกเรารู้จักกัน...



ผมเรียนรู้การอยู่รอดในสังคมนี้ด้วยการสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง หากโดนแกล้งแล้วยังก้มหน้าหงออยู่ชาตินี้ก็โดนเขาเหยียบอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนฟงเองก็หาวิธีการของตัวเองได้แล้วเช่นกัน...



จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าผมยังไม่รู้ว่าทำไมฟงถึงต้องย้ายโรงเรียน แต่ฟงก็ไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว กลายเป็นฟงที่รักและหมั่นไส้ของผู้คน ตัวผมก็ไม่ห่วงอะไรอีกต่อไป...



และทุกๆวันที่แต่งตัวไปโรงเรียน ผมมักจะมองเข้าไปในกระจกที่สะท้อนภาพของตัวเองและกล่าวขอบคุณ’เด็กชายในห้องน้ำหญิง’ที่ช่วยเหลือผมเอาไว้...



ถึงตอนนี้น้ำเงินจะนิสัยเสียกว่าเดิมเยอะก็เถอะนะ ฮ่าๆๆๆ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คนแต่งรู้สึกหมั่นไส้คุณชายเปลวผู้ตื่นตระหนกกับข้าวราดแกงเหลือเกินค่ะ 55555  :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 27/06/15 [ บทที่ 20 ] กาลครั้งหนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 27-06-2015 22:55:45
นำ้เงินน่ารัก
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 27/06/15 [ บทที่ 20 ] กาลครั้งหนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: sodawan1 ที่ 28-06-2015 18:03:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 27/06/15 [ บทที่ 20 ] กาลครั้งหนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 28-06-2015 18:57:24
น้ำเงินน่ารักตั้งแต่เด็กเลยนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 27/06/15 [ บทที่ 20 ] กาลครั้งหนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 03-07-2015 11:04:23
โอ๋ยตายยย พ่อคุณหนูที่ตะหนกกับข้าวราดแกง55555+ น่ารักจังเลย กาลครั้งหนึ่งสมัยม.ต้น คริคริ //อยากรู้เรื่องบ้างฟงงงงง
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 03/07/15 [ บทที่ 21 ] รัดรูป
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 03-07-2015 21:19:56



บทที่ 20 รัดรูป



ณ ริมสนามฟุตบอลเล็กของโรงเรียน ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ร่างสูงโปร่งของเด็กนักเรียนชายชั้นม.ห้าในชุดเสื้อยืดโปโลสีน้ำเงินและกางกางยีนส์สีอ่อนราวกับเตรียมตัวไปเดินห้าง กับเด็กสาวรูปร่างบอบบางแต่งชุดนักเรียนถูกระเบียบสมกับที่มาซ้อมควงคฑาในรั้วโรงเรียน



“หนึ่ง! สอง! อ๊ะ น้องน้ำเงิน ตั้งใจทำหน่อยสิคะ”เสียงหวานๆของพี่ไอริณเอ็ดผม ให้ตายเถอะ ปิดเทอมแทนที่จะได้อยู่บ้านกลับต้องมาซ้อมถือคฑา ผมหันไปทำหน้าเป็นตูดใส่พี่แก ความจริงมันไม่ใช่ความผิดอะไรของเธอหรอกครับ ผมก็แค่อยากงอแงเท่านั้นเอง



“น้ำเงินคะ!! เรามีเวลาแค่เดือนเดียวนะคะ เห็นไหมว่าเพื่อนคนอื่นๆเขาก็กำลังตั้งใจซ้อมแสตน์กับพาเหรดให้รุ่นน้องอยู่”เธอเท้าเอวบ่น



“พี่ไอริณครับ ขอพักหน่อยได้ไหมครับ”เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอนุญาต ผมเลยเดินเข้าไปนั่งหลบแดดฤดูหนาวเมืองไทย(ซึ่งแม่งก็ร้อนไม่ต่างอะไร)



เนื่องจากสองสัปดาห์แรกหลังเปิดภาคเรียนที่สองมาโรงเรียนของเราจะจัดแข่งขันกีฬาประจำห้องซึ่งมันต่างจากกีฬาสีของโรงเรียนอื่นตรงจะไม่มีการแบ่งสีแต่แบ่งเป็นห้องๆแทน...โดยชั้นปีเดียวกันก็จะแข่งขันกันและจะเล่นกีฬาทั้งหมดสองอย่างแล้วแต่ว่าตัวแทนชั้นปีจะจับฉลากได้กีฬาประเภทไหน...



ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะเด็กส่วนใหญ่มีเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมและหลังเลิกเรียนทำให้ไม่ค่อยมีใครให้ความร่วมมือกับกิจกรรมทางโรงเรียนก็เลยพับโครงการกีฬาที่มีลูกสีเยอะตามตัวลำบากเป็นระบบจัดการกันเองในห้อง...



นอกจากจะตามตัวง่ายแล้วยังจบเร็วเพราะมีแข่งกีฬาชั้นปีละสองชนิดเท่านั้น...



แต่พิธีเปิดงานก็ต้องมีเดินพาเหรออยู่ดีโดยจะเดินโชว์ตัวในชุมชนรอบๆโรงเรียน และบทเดินนำขบวนก็ตกเป็นของคฑากรอย่างผมและพี่ไอริณนั่นเอง...



เวิ่นเว้อมาทั้งหมดก็เพื่อจะบอกว่าผมกับพี่ไอริณต้องซ้อมกันสองต่อสองทุกๆวันจันทร์และอังคารโดยไม่มีคนอื่นมายุ่งเกี่ยว...นอกเสียจาก ไอ้หน้าด้านเปลว...



“วันนี้เปลวยังไม่มาเหรอจ๊ะ?”พี่ไอริณถามหา



“อ่า...ไม่รู้สิครับ”เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนหลังกลับจากไปเที่ยวก็มีซ้อมทันทีไอ้เปลวผู้เห่อแฟนเลยมานั่งหน้าสลอนดูพวกเราซ้อมจนไม่มีสมาธิ แหงแหละ คนนึงก็เขินอีกคนก็เจ็บ...อย่าลืมสิว่าพี่ไอริณที่น่ารักของผมอกหักมาจากมันนะ!!



“คิดว่าคงไม่มาแล้วล่ะ”เพราะผมไล่มันไปแล้ว...



“เร็วเนอะ อีกแค่ครึ่งเทอมพี่ก็จบม.หกแล้ว”จู่ๆเธอก็ชวนคุย ปกติแล้วเราสองคนไม่ค่อยคุยสัพเพเหระกันนัก



“อ่าครับ ปีหน้าผมก็กลายเป็นเด็กเตรียมเอนท์แล้วสิ ว่าแต่พี่จะต่อที่ไหนเหรอครับ”



“พี่ผ่านข้อสอบรอบแรกทุนหลวงแล้ว เหลือแค่สอบสัมภาษณ์ก็จะได้ไปเรียนที่อังกฤษจ่ะ”เสียงหวานเอ่ยเรื่องสุดยอดราวกับมัน
เป็นเพียงเรื่องธรรมดาๆสำหรับเธอ...



“เก่งจัง...”ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาชื่นชมความเพอร์เฟ็คของเธอคนนี้ดี”พี่ไอริณไร้ที่ติมากเลยครับ”



เธอยกมือปิดปาดและหัวเราะคิกคัก”เหรอจ๊ะ ขอบคุณสำหรับคำชมนะ แต่ถึงอย่างนั้น พี่ก็ยังอกหัก”



“เอ๊ะ...ใครกันที่ทำให้พี่....อ๊า!!”ชิบหายแล้ว เกือบหลุดปากถามเรื่องโง่ๆไปแล้วไหมล่ะน้ำเงิน ผมงับปากตัวเองแทบไม่ทัน เอ่อ ก็ไม่ทันนั่นแหละ เพราะคำพูดต่อไปของเธอ



“แถมให้เพื่อนเราช่วยสืบข่าวคราวให้แต่ก็หายเงียบไปเลย”



“หมายถึงแชคเหรอครับ!?”ผมถามแบบตกใจ รู้สึกเหมือนเข้าตัวนิดๆ



เธอพยักหน้าแทนคำตอบแล้วพวกเราก็เริ่มฝึกกันอีกครั้ง เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้ว่าปีก่อนผมจะเคยฝึกมาแล้วก็ตามแต่ทักษะทั้งหมดก็ถูกทิ้งไปแล้วเรียบร้อย เด็กไม่รู้จักจำจึงต้องก้มหน้าฝึกฝนต่อไป...เห้อ...



“พี่ไอริณคนสวยครับ บ่ายสามแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะครับ”รุ่นน้องออเซาะรุ่นพี่ เวลาเลิกปกติคือสี่โมงเย็น ไอริณมองน้ำเงินด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก



“แต่ว่า...”ก่อนที่เธอจะแย้งอะไรออกมาเสียงเรียกเข้าจากมือถือของรุ่นน้องซึ่งวางกองรวมกับข้าวของอื่นๆบนโต๊ะหินอ่อนก็ดังขึ้นเสียก่อน น้ำเงินรีบเดินไปหยิบมันมารับอย่างดีใจ ขอให้เป็นใครสักคนโทรมาเพื่อตามตัวเขาโดยด่วนทีเถอะจะได้มีข้ออ้างเลิกซ้อมสักที



“พี่น้ำเงินคะ”เสียงอันแสนคุ้นเคยของน้องสาวเรียกรอยยิ้มมุมปากของคนเป็นพี่



“มีอะไรเหรอครับน้ำตาล”



“วันนี้ที่ห้างที่เราไปกันบ่อยๆเขามีจัดงานซันไรเดอร์ค่ะ”



“ครับๆ น้ำตาลอยากไปดูเหรอครับ เดี๋ยวพี่ชายพาไปนะครับ รอเดี๋ยวเดียวนะเดียวพี่ไปรับ”โรงเรียนอนุบาลของน้ำตาลก็ปิดเทอมอยู่เช่นกัน จอนนี้เธออยู่บ้านกับป้าตาป้าแม่บ้านสองคน



“ไม่ค่ะ ตอนนี้นำตาลอยู่ที่ทำงานของป๊ะปา ไปกับพี่น้ำเงินไม่ได้”จะว่าไปเมื่อเช้าป้าตามาขอลางานนี่นะ พ่อคงพาน้องไปที่ทำงานด้วยเพราะไม่อยากปล่อยไว้คนเดียวที่บ้าน”พี่น้ำเงินช่วยไปถ่ายคลิปการแสดงให้หน่อยได้ไหมคะ บนเวทีตรงลานน้ำพุตอนหกโมงเย็นค่ะ”



ผมรับคำน้องสาวผู้น่ารัก ตามประสาคนหลงน้องจากนั้นก็หันมามองพี่ไอริณพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เริ่มเห็นประตูแห่งอิสรภาพชัดขึ้น



คนเป็นรุ่นพี่มีท่าทีอึกอัก เธอแอบได้ยินการสนทนาเมื่อครู่และรู้ดีว่าเจ้าเด็กตรงหน้าต้องใช้โอกาสนี้ชิ่งหนีไปแน่แท้...



“วันนี้พอแค่นี้ก็ได้ แต่น้ำเงินต้องสัญญากับพี่นะว่าจะกลับไปซ้อมที่บ้าน เพราะอาทิตย์หน้าเราก็ต้องฝึกพร้อมกับวงดุริยางแล้ว”ดาวโรงเรียนยกธงขาวยอมปล่อยตัวนักโทษ...



“ขอบคุณครับ! พี่ไอริณน่ารักที่สุดจริงๆด้วย!!”ผมวิ่งเข้าไปเขย่ามือเธอสองสามครั้งอย่างดีใจจากนั้นก็รับคฑาของเธอมาและอาสาไปเก็บในตู้เก็บของของโรงยิม



น้ำเงินเปิดดูคลิปที่น้องสาวส่งมาให้ ดูเหมือนน้ำตาลจะฝากผมซื้อดีวีดีของหนังหลอกเด็กซันไรเดอร์ด้วย...ให้ตายเถอะ จำได้ว่าผมเปิดการ์ตูนสาวน้อยเวทมนต์ให้น้องดูทุกวันไม่เคยเผยแพร่หนังงี่เง่าแบบหนังฮีโร่ก๊อกแก๊กให้น้องดูสักครั้งเลยนะ



ความจริงอันโหดร้ายของโลกมนุษย์อย่างการที่ผู้ชายดูการ์ตูนสาวน้อยเวทมนต์ส่วนผู้หญิงดูการ์ตูนกีฬาได้เผนแพร่มายันโลกของเด็กอนุบายเสียแล้ว...



ภาพของชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดรัดรูปห้าคนก็ฉายชัดขึ้นมาบนหน้าจอ ผมซึ่งเป็นพี่ชายที่ดีนั่งบนเก้าอี้พลาสติกในโรงยิมและอาศัยสัญญาณไวไฟของโรงเรียนเพื่อเปิดดูหนังตัวอย่างต่อไป



ตอนแรกเจ้าตัวร้ายก็ได้เปรียบโจมตีผู้ชายในชุดรัดรูปห้าสีห้าคนจนแตกกระเจิงแต่ไปๆมาๆเจ้าผู้ชายชุดรัดรูปห้าคนก็คว้าอาวุธออกมาจากไหนไม่รู้แล้วก็กระโจนเข้าไปหมาหมู่รุมสัตว์ประหลาดเพียงตัวเดียวและในที่สุดพวกเขาก็ชนะและมายืนโพสต์ท่าที่คิดว่าเท่ห์และจบไปในที่สุด



คือมึง...ทำไมมึงรุมเขาแล้วยังยืดอกภูมิใจแบบนี้...น่าไม่อาย



“ปัญญาอ่อน”ผมนั่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย



“สนุกดีออก น้ำเงินไม่เคยดูเหรอ”



ทันใดนั้นเองก็มีมือมาแตะที่บ่าก่อนคนมาใหม่จะแย่งมือถือไปจากมือผมและกดดูซ้อย่างถือวิสาสะ เพราะเสียงเพลงเปิดมันดังขึ้นอีกรอบผมเลยหันไปมองคนข้างหลังและพบเข้ากับเปลวตะวันชายหนุ่มอันเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเรียนสาวค่อนโรงเรียน...



กำลังเปิดคลิปขบวนการเรนเจอร์ดูตาเป็นประกาย...



ผมจ้องหน้าแฟนผู้หลุดเข้าสู่ภวังค์ไปแล้วอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง



“มึง...มึงชอบแนวนี้เหรอ!?”...มึงชอบดูผู้ชายห้าสีใส่ชุดรัดรูปรุมตัวประหลาดเหรอ



“อื้ม ชอบมากๆเลยล่ะ”...ยิ่งตอนเด็กๆนี่ดูทุกวันเลย ปกป้องคนดีสั่งสอนคนเลว...ฮีโร่อย่างที่อยากเป็น...



น้ำเงินหน้าซีดกับคำตอบส่วนเปลวตะวันไม่รู้ว่าเกิดความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ขึ้นและตั้งอกตั้งใจดูคลิปต่อจนจบ



“ได้ยินว่าวันนี้ซันไรเดอร์มีจัดอีเว้นท์ที่ร้านน้ำพุห้าง xxx ด้วยนิ”เปลวส่งคืนมือถือให้ผมและเกริ่นถึงงานที่ผมต้องไปอยู่แล้ว วันนี้มันอยู่ในเสื้อลายสก็อตสีอ่อนแล้วก็กางเกงขายาวเข้ารูปสีดำดูดีหล่อและไม่ตัดอ้อยซึ่งผมคิดว่ามันแต่งตัวมาแบบจัดเต็มขนาดนี้คงไม่ได้แวะมาทำธุระที่โรงเรียนแน่ๆ



“จะชวนกูไปว่างั้น?”ผมถาม นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราจะไปเที่ยวกันในฐานะแฟน...



“อื้ม”มันยิ้มหน้าบานแฉ่งแข่งกับแสงตะวันเล่นเอาผมปฏิเสธไม่ลงเพราะยังไงก็มีจุดหมายเดียวกันอยู่แล้ว



“พอดีเลย น้ำตาลใช้ให้กูไปอัดวีดีโอการแสดงบนเวทีพอดี”



ณ ลานกว้างชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาแต่บริเวณนี้กลับมีผู้คนเนืองแน่น ลานกว้างโล่งๆซึ่งใช้จัดงานอีเว้นท์ของห้างเป็นประจำยามนี้ถูกตกแต่งด้วยภาพไวนิลของชายหนุ่มชุดรัดรูปห้าคน ลูกเล็กเด็กแดงจูงมือพ่อแม่ขวักไขว่ทั่วงาน



หากสังเกตดูดีๆจะพบจำนวนเด็กผู้หญิงมากกว่าปกติมีทั้งช่วงวันอนุบาลยันระดับมหาลัย...หรือขบวนการเรนเจอร์ขบวนนี้จะเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ?



“ทำไมผู้หญิงเยอะจัง”หากไม่นับคุณแม่ที่พาลูกมาเที่ยว จำนวนเด็กสาวมันมีมากกว่าที่ควรผมเลยเอ่ยถามคนที่เดินอยู่ข้างๆเผื่อมันจะรู้อะไร แต่ผลที่ได้ก็ทำให้ผิดหวัง...



“ไม่รู้สิ ไม่เคยดูเหมือนกัน”



“อ้าว! แล้วมึงชวนกูมาทำไมเนี่ย”



“ก็แค่หาที่เดทที่มันแปลกๆเท่านั้นแหละ เดินห้างดูหนังมันโหลๆ ฟงเลยแนะนำที่นี่มา”



ผมยกมือขึ้นตบหน้าผาก”ให้ตายเถอะเปลว! มึงไม่ต้องเชื่อเพื่อนมึงทุกเรื่องขนาดนั้นก็ได้นะ”แม้ว่าผมที่ตกลงมากับมันจะมีส่วนผิดด้วยก็เถอะแต่ผมต้องปรามมันไว้ก่อนจะโดนฟงล้างสมอง



“ไม่นะ กูก็ชอบเรนเจอร์อยู่แล้ว ไม่ได้ดูตั้งนาน คิดถึงเลยชวนมาด้วยกัน”เปลวแย้ง”ที่สำคัญ...เปลวอยากให้น้ำเงินรู้ด้วยว่าตอนเด็กๆ แฟนตัวเองโตมาแบบไหน”มันยกมือขึ้นมาโอบไหล่แล้วก็กระชับให้ผมเข้าไปใกล้ๆมันก้มหน้าเล็กน้อยพอให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วๆพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก



“เกือบหล่อแล้วสัด ติดตรงมึงโตมากับผู้ชายรัดรูปห้าคนนี่แหละ”ผมว่า



“ฮ่าๆๆ พูดซะเสียหมด”เปลวตะวันหัวเราะลั่น



เนื่องจากยังไม่หกโมงทำให้พวกเราไม่มีอะไรทำ ไอ้ครั้นจะเดินไปดูฟิกเกอร์หรือต่อคิวเล่นเกมส์แย่งเด็กก็หน้าด้านเกินไปผมเลยจัดการพาตัวคุณเปลวผู้ละสายตาหน่อยก็ไปโผล่เข้าแถวปะปนอยู่กับเด็กๆแล้วมานั่งบนม้านั่งใต้ต้นห่างจากลานไม่ไกล



เลยม้านั่งตัวนี้ไปก็สุดเขตของห้างเป็นถนนสองเลนและย่านชุมชนแล้ว เด็กหนุ่มสองคนนั่งพูดคุยสัพเพเหระรอเวลาครู่หนึ่งก่อนคนตัวสูงกว่าจะพบกับอะไรบางอย่าง



“กินไอติมไหม เดี๋ยวซื้อให้”ผมมองตามเปลวไปก็เห็นบูทไอศกรีมท่าทางน่ากินจากญี่ปุ่น



“เอาๆ ท็อปปิ้งโมจิกับถั่วแดง”เปลวรับคำแล้วเดินไปซื้อของหวานในร้านดังกล่าวซึ่งมีคนต่อแถวยาวเหยียด...กว่าจะซื้อเสร็จคงอีกนาน



ผมมองนู่นมองนี่แบบเซ็งๆ รอบตัวมีเด็กวิ่งเล่นเต็มไปหมด บางคนก็สวมหน้ากากหลากสีบางคนก็ถืออาวุธพลาสติกไล่ตีกัน เดี๋ยวนะไอ้หนูพวกเอ็งแต่งตัวเป็นฮีโร่ทั้งคู่แล้วสู้กันเองเนี่ยนะ!?



นายน้ำเงินผู้จริงจังขมวดคิ้วมองเหล่าเด็กที่เล่นแบบไม่สมบทบาทอย่างไม่เข้าใจ...ทว่าหางตากลับเหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายตัวจิ๋วคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนนมาทางนี้เพียงลำพัง



“อันตราย!!”มีรถกระบะคันหนึ่งหักเลี้ยวเข้ามาในซอยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เด็กคนนั้นช็อคค้างอยู่กับที่ โดยสัญชาติญาณขาของผมมันเร็วกว่าความคิด รู้ตัวอีกทีก็กระโจนเข้าไปคว้าตัวเด็กคนนั้นเอาไว้แล้วก็กลิ้งโคโล่หลุดไปอีกฝั่งของถนน



“กรี๊ดดด”เหล่าคุณแม่และคนย่านนั้นกรีดร้องกันแตกตื่น คนขับรถกระบะรีบจอดรถแล้วเข้ามาดูอาการพวกเรา ผมปล่อยเด็กคนนั้นเป็นอิสระก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บปราบที่ข้อศอกและหัวเข่าด้านขวา...



“ขอโทษนะเจ้าหนูเป็นอะไรไหม!?”ลุงคนขับวิ่งเข้ามาถาม ไทยมุงเริ่มทำงาน รอบๆตัวผมเต็มไปด้วยผู้คน



เพราะตอนพุ่งตัวเข้ามาเอาข้างขวาลง แขนและขาเลยมีรอยถลอกเต็มไปหมด หนักสุดคือข้อศอกและหัวเขาโชคดีที่ไม่มีแผลเลือดออก



“ไม่เป็นไรครับ แค่แผลเล็กน้อย”ผมยิ้มแห้งๆให้ลุงคนขับ เด็กน้อยที่ผมช่วยเอาไว้เบะปากใกล้ร้องไห้”ไง เด็กน้อย มาคนเดียวเหรอ คุณแม่หละ”คำตอบที่ได้คือเสียงสะอื้นและการส่ายหน้าไปมา



“น้ำเงิน!!”เปลวตะวันวิ่งฝ่าฝูงคนเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล แต่เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าคนที่เขาเรียกหาปลอดภัยดี น้ำเงินยันตัวลุกขึ้นแล้วก็ก้มหน้าถามเด็กชายคนนั้นอีกครั้งว่ามากับใคร



“หม่าม๊า...”โดยไม่ต้องตามหาแม่ของเด็กก็วิ่งออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วเธอก็ถลาเข้ามากอดลูกน้อยของเธออย่างเป็นห่วง ภาพแม่ลูกกอดกันกลมก็น่าประทับใจดีอยู่หรอก แต่...



“หลบฉากกันเถอะ กูเกลียดไทยมุงหว่ะ”ผมกล่าวก่อนเดินนำเปลวออกมา มันเดินตามผมมาด้วยสีหน้าติดกังวลนิดๆ ตอนแรกคุณแม่ของเด็กก็ร้องเรียกไว้เพื่อขอบคุณแต่ผมก็ตอบกลับไปโดยไม่เหลียวหลังมองว่า



“ไม่เป็นไรครับ เห็นคนเดือดร้อนก็ต้องช่วยเป็นธรรมดา”



“โหยยยยยยยยยยยย!!”ทว่า ตัวผมซึ่งเดินออกมาได้แค่สามก้าวก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงร้องดังออกมาจากผู้คนทั่วบริเวณนั้นอย่างพร้อมเพรียง



“เอ๋”



ผมหันซ้ายทีขวาทีเห็นดวงตาเป็นประกายจากเด็กๆที่มาร่วมงานและแววตาชื่นชมของผู้ปกครองแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจพิกล พอหันไปหาไอ้เปลวยิ่งแล้วใหญ่...มันกำลังมองผมด้วยแววตาสุดยอดแห่งความชื่นชม...



“เท่ห์เป็นบ้า!!!!!”



ท่ามกลางงานจัดแสดงโชว์ฮีโร่ห้าสี ฮีโร่สีน้ำเงินขวัญใจเด็กไทยคนใหม่ก็ถือกำเนิด ตัวผมผู้ไม่ชอบหนังเรนเจอร์และไม่ค่อยมีน้ำใจเท่าไหร่กลับตกที่นั่งลำบากจากไทยมุงที่เริ่มออตัวกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ...





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 03/07/15 [ บทที่ 21 ] รัดรูป
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 04-07-2015 00:42:51
5555555+ น้ำเงินนี่เป็นฮีโร่ตั้งแต่เด็กยันโตจริงๆ แต่ขำที่ไปโฟกัสกับผู้ชายใส่เสื้อรัดรูปห้าสี แหมมม
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 03/07/15 [ บทที่ 21 ] รัดรูป
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 06-07-2015 21:40:43
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 03/07/15 [ บทที่ 21 ] รัดรูป
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 11-07-2015 13:30:29
น้ำเงินลูก 5555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/07/15 [ บทที่ 22 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 11-07-2015 17:37:22



บทที่ 21 น้องบ้า...



“ฮ่ะๆๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เขาอุตส่าห์ให้ตั๋วหนังมาฟรีๆน่าจะดีใจนะ”เปลวตะวันซึ่งรับหน้าที่ตากล้องใช้มือถือของผมถ่ายคลิปการแสดงสดของขบวนการเรนเจอร์บนเวทีทักผมที่กำบัตรชมภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์หน้ามุ่ย



“อย่าพูดสิ เดี๋ยวเสียงก็เข้ากล้องหรอก”ผมดุ”นอกจากจะเจ็บตัว อดกินไอติมแล้วยังโดนล้อด้วย”เพราะเปลวตกใจเสียงเอะอะมันเลยวิ่งออกมาจากแถวพอมันจะไปต่อใหม่ผมก็ห้ามมันไว้เพราะเสียเวลา ที่สำคัญก็คือผมโดนพิธีกรบนเวทีเรียกขึ้นไปและมอบรางวัลสำหรับเด็กดีที่สุดในงานให้



คือไอ้รางวัลบ้าบอนี่ตามคิวต้องแจกหลังจบงานแต่เพราะผมเป็นเด็กดีสุดๆพี่ซันเรนเจอร์ก็เลยออกหน้ามามอบรางวัลให้กับมือและไอ้รางวัลที่ว่านั้นก็คือตัวหนังรอบปฐมทัศน์ของซันเรนเจอร์เดอะมูฟวี่จำนวนสามใบสำหรับพ่อแม่ลูกซึ่งจะฉายพรุ่งนี้นั่นเอง
คิดแล้วก็แค้นสุดขีดสุดฤทธิ์สุดเดช ไหงตัวผมที่เกลียดเรนเจอร์ชีวิตถึงได้พัวพันกับเรนเจอร์ขึ้นมาได้หละ



“พระเจ้าต้องแกล้งกูอยู่แน่ๆ”



“พระเจ้ากำลังอวยพรเราอยู่ต่างหาก”เปลวเอ่ยแทรก มันยกโทรศัพท์ออกห่างจากตัวแล้วก็เอี้ยวคอมากระซิบข้างหูลมหายใจที่ระต้นตออยู่เล่นเอาผมรู้สึกหวิวๆ”พรุ่งนี้ไปดูกันนะ ชวนน้ำตาลไปด้วย”



อย่างที่ทราบกันดีว่าบัตรมีสามใบ...ดังนั้นตัวผมซึ่งเป็นเจ้าของบัตรจึงจำต้องไปด้วย อีกทั้งน้ำตาลเองก็คงอยากไปเช่นกัน พี่ชายผู้แสนดีถอนหายใจยาวเหยียด



“เบื่อเหรอคะ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงวัยอนุบาลดังขึ้น น้ำตาลอยู่ในชุดเอี๊ยมสีเดียวกับชื่อของเธอ เกล้าแกะสองข้างดูทะมัดทะแมง มือเล็กๆจับจูงมือของพี่ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาการแต่ใบหน้าซึ่งเป็นศูนย์รวมสายตาของประชาชนผู้เดินผ่านป้าย
รถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังไปมากลับแสดงความเบื่อโลกออกมาอย่างชัดเจน



“ไม่ครับ พี่น้ำเงินอยากดูใจจะขาดแล้วเนี่ย”



เวลาสิบนาฬิกาวันพุธนักเรียนเจ้าของตำแหน่งคฑากรโรงเรียนไม่มีซ้อมจึงขออนุญาตคุณแม่พาน้องสาวไปดูหนังด้วยกัน ทีแรกแม่ก็อิดออดทำท่าไม่ไว้ใจกลัวว่าผมจะดูแลน้องไม่ดีแต่พอบอกกว่าเปลวก็ไปด้วยเท่านั้นแหละยอมเลย...



แหม...ก็เปลวเขาดูเป็นผู้ใหญ่นี่จ๊ะ ต้องดูแลน้ำตาลได้แน่ๆเผลอๆต้องดูแลน้ำเงินด้วยนะ ฮ่ะๆๆ...แม่กล่าวเช่นนี้ตอนผมทำท่างอนๆ



ให้ท้ายกันเข้าไป “ชิส์...”



ผมจิ๊ปากเมื่อหันไปเห็นใครบางคนเดินหน้าชื่นตาบานมาทางนี้



“รอนานรึป่าว ทำไมไม่เข้าไปรอข้างในล่ะ”เปลวตะวันในชุดเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินกางเกงยีนส์สีเข้มเอ่ยถาม ผมกวาดตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็อดจิ๊ปากอีกรอบไม่ได้...เสื้อผ้าธรรมดาบนตัวของผู้ชายรูปร่างหน้าตาไม่ธรรมดา...



“มึงไม่ได้มาช้า พวกกูมาเร็วเอง ห้างเพิ่งเปิดพอดีไปกันเถอะ”หนังฉายหลังห้างเปิดสิบนาทีผมก็นัดมันเวลานั้นเลย แต่ผมกลับมาถึงเร็วกว่าที่คาดเพราะคุณแม่อาสาขับรถมาส่งสาเหตุคือไม่ไว้ใจไม่อยากให้ผมพาน้ำตาลขึ้นรถเมล์ตามลำพัง



“หวัดดีค่ะพี่เปลว”น้องสาวที่น่ารักของผมเอ่ยทักมารพระอาทิตย์ เจ้าหญิงตัวน้อยในสายตาของผมยกมือไหว้เจ้าจอมมารในสายตาของผมอีกเช่นกัน



“หวัดดีครับคนสวย แต่งตัวน่ารักจัง ใครเลือกชุดให้ครับเนื่ย”



“คุณแม่ค่ะ”น้ำตาลยิ้มแป้น



“อ๋อ ก็ว่าแล้วว่าน้ำเงินไม่มีทางรสดีนิยมดีขนาดนี้”เปลวกล่าวพลางเหลือบตามองมาที่ผม



คนใส่เสื้อยืดโปโลสีขาวสลับแดงกับกางเกงขาสามส่วนสีกรมแลบลิ้นใส่ไอ้คนใส่ชุดอะไรก็ดูดีไปหมด ผมจูงมือน้องทรยศที่แปรพรรคไปร่วมกับไอ้เลวเปลวแล้วนำลิ่วเข้าไปในโซนโรงหนัง ยื่นบัตรให้พนักงานเคาเตอร์ดูด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ



“อ่อ บัตรรอบปฐมทัศน์ เชิญทางนี้เลยครับ”พนักงานคนนั้นเดินนำพวกเราเข้าไปข้างใน เลวเปลวแย่งมือน้ำตาลไปจูงเองผมก็เดินล้วงกระเป๋าเข้าไปข้างใน ดูท่าบัตรฟรีที่ผมได้มาจะมีค่าพอตัวเพราะที่นั่งเป็นที่นั่งชั้นบนสุด ผมดูหมายเลขตามบัตร”A 7...อ่ะนี่ไง”



หาที่เจอได้ไม่ยากผมดันเบาะลงมาและนั่งตรงที่ที่ตรงตามบัตรก่อนจะชี้ตำแหน่งให้อีกสองคนที่เหลือนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป แม้ในโรงหนังจะปิดไฟมืดแต่ผมสาบานได้เลยว่าเมื่อกี้ผมเห็นไอ้เปลวมันยิ้มแปลกๆ ก่อนจะรู้ตัวมันก็นั่งลงข้างๆผมและให้น้ำตาลนั่งที่ถัดจากมัน



“เห้ย!”ผมผงกตัวจากเบาะพิงทำท่าจะโวยมันแต่ตัวอย่างหนังก็เริ่มฉายพอดี ไอ้เปลวเลยยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากเชิงให้ผมเงียบเสียงซะ



“ทำไมให้น้องกูไปนั่งซะไกล น้องกูก็ต้องนั่งข้างกูดิ”ผมดึงคอเสื้อมันลงมาใกล้ๆและกระซิบเสียงรอดไรฟัน



แล้วมันก็ทำสิ่งเรื่องน่าตกใจ”น้ำตาลอยากนั่งข้างพี่น้ำเงินไหมครับ”ด้วยการหันไปถามความเห็นจากน้องสาวของผม



“ไม่ค่ะ”สั้นๆสองคำ เสียงใสของเด็กน้อยผู้ใสซื่อทำร้ายจิตใจดวงน้อยของพี่ชายผู้คลั่งไคล้น้องสาว น้ำเงินพ่ายแพ้ในสงครามที่นั่งโดยสมบูรณ์...



นั่งดูโฆษณากันไม่นานตัวหนังก็เริ่มฉาย ด้วยความเป็นคนรอบคอบเมื่อคืนผมจึงนั่งศึกษาตัวละครและเนื้อเรื่องย่อของซันไรเดอร์มาแล้วเรียบร้อย



“นี่...”หนังเริ่มไม่ถึงสามนาทีคนข้างๆก็สะกิดต้นแขน”คนไหนคือพระเอกเหรอ”เปลวตะวันขมวดคิ้วขณะสายตาจับจ้องไปยังหน้าจอขนาดไหนใหญ่ซึ่งมีผู้ชายสองคนกำลังยืนถกเถียงปัญหาชีวิตกันอยู่



“อืม...คนที่ตัดผมสั้นเป็นเพื่อนเก่าของพระเอกส่วนคนผมทองซอยๆนั่นเป็นซันไรเดอร์สีแดง คือมันกับพระเอกอ่ะมีชะตากรรมอันโหดร้าย ถ้าพระเอกเป็นไรเดอร์เพื่อนพระเอกก็ต้องเป็นจอมมาร ถ้าพระเอกเลือกเป็นจอมมารเพื่อนพระเอกก็ต้องเป็นไรเดอร์สรุปคือไม่ว่าจะเลือกทางไหนสองคนนี้ก็ต้องเป็นศัตรูกันและนี่เค้ากำลังย้อนความให้คนไม่เคยดูนิดหน่อย...”



เมื่อคืนตอนเช็คเนื้อเรื่องผมก็ถึงบางอ้อ...เพราะเนื้อเรื่องอย่างงี้นี่เองพวกผู้หญิงถึงได้ดูกันเยอะ...



ตัวหนังดำเนินมาได้สิบนาที เครื่องปรับอากาศของโรงหนังก็หนาวสมกับเป็นเครื่องปรับอากาศในโรงหนัง ครอบครัวพ่อแม่ลูกทยอยกันจับจองที่นั่งจนเต็ม ผมยกมือขึ้นลูบต้นแขนไปมา”มึงถามน้องกูหน่อยว่าหนาวไหม เห้ย! โหย ทำไมพระเอกแม่งโง่อย่างนี้วะ ไอ้ที่มึงคุยด้วยอ่ะคือลูกน้องของเพื่อนมึง ตัวร้ายไงตัวร้าย!!”



ด้วยความเป็นพี่ที่ดีผมจึงถามถึงน้องแต่ยังถามไม่ทันเสร็จก็ถูกเนื้อเรื่องดูดกลืนไปเป็นที่เรียบร้อย



หนังดำเนินมาได้เกือบครึ่งเรื่อง เปลวลุกพาน้ำตาลออกไปเข้าห้องน้ำเดินผ่านหน้าผมไปอย่างยากลำบากเพราะขายาวๆของมัน”เดินเร็วๆดิวะ บังกูหมด”ผมไล่



หนังดำเนินมาได้ครึ่งเรื่องเด็กหลายคนที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายเริ่มเงียบลงผมคิดว่าเจ้าหนูทั้งหลายคงหลับไปแล้วเพราะน้ำตาลก็หลับไปแล้วเช่นกัน”อ๊ากกกก บลูจะตายมั้ยมึง”ส่วนผมตรงกันข้าม เอื้อมมือไปเขย่าแขนคนข้างๆแบบลุ้นๆ



หนังดำเนินมาถึงจุดไคลแม็กซ์ผมกำมือแน่นลุ้นให้ซันไรเดอร์สีแดงผู้เป็นพระเอกของเรื่องปรับความเข้าใจกับเพื่อนได้ “โหยยย พวกมึงเพื่อนกันก็ดีๆกันไปโลกก็สงบสุขแล้วมั้ยล่ะ”แต่น่าผิดหวังเมื่อจอมมารซึ่งหวั่นไหวกับคำพูดของพระเอกถูกลูกน้องซึ่งเป็นหนุ่มหล่อล่ำฟาดหัวสลบและอุ้มกลับรังไป



“สนุกมากเลยมึง”ช่วงหลังๆไม่มีอะไรแล้วผมเลยหันมาชวนเปลวคุยแต่เมื่อผมหันไปก็พบว่ามัน’หลับ’



“หืม เมื่อกี้พูดอะไรรึป่าว”มันงัวเงียถาม



“ปะ เปล่า”



เห้ๆ...ได้ข่าวว่ามึงชอบไรเดอร์และน้องกูก็ชอบเรื่องนี้ส่วนกูไม่ชอบและถูกบังคับมาไม่ใช่เหรอวะ!?



“หึหึ สนุกล่ะสิ”มันยิ้มแซวราวกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่



“ก็สนุกดี ไม่เหมือนกับหนังเด็ก ออกแนวดราม่ามากกว่า”ผมตีหน้าเข้มวิจารณ์หนัง



“หึหึ ฮ่ะๆๆ เหรอๆ ชอบแบบนี้สินะ ฮ่ะๆๆ”แต่ไอ้คงข้างๆไม่ติดกับ หัวเราะเยาะผมร่วน



“ไม่เห็นต้องเขินเลย ก็แค่ชอบซันไรเดอร์เอง”เปลวว่าพลางยกมือซ้ายขึ้นมาเกลี่ยแก้มแดงๆของผมแผ่วเบา”ดูซิ อายจนหน้าแดงเลย”



“พอเลยมึง อายเอยอะไร สีชุดพระเอกมันสะท้อนบนหน้ากูตะหาก หนังก็งั้นๆ ไม่ถึงกับชอบ”ผมยักไหล่ทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ในใจวางแผนกลับไปหาตัวซีรี่ส์มาดูแล้ว



“เหรอ...งั้นๆ ไม่ถึงกับชอบเหรอ แล้ว...น้ำเงินชอบเปลวมั้ย”



“อืมชอบ เห้ย มึงหลอกถาม”ผมพยักหน้าตอบไปตามสัญชาติญาณแล้วก็หลุดแหวออกมาเสียงเกือบดังเพราะรู้ตัวว่าโดนหลอกได้มือของมันช่วยตะครุบปากได้ทัน ผมซึ่งส่งเสียงในโรงหนังไม่ได้ได้แต่มองมันตาเขียวปั่ด



“ไม่ได้หลอกซะหน่อย ก็แค่ถาม หึหึ”มันหัวเราะเบาๆแล้วก็ค่อยเคลื่อนใบหน้าของมันเข้ามา ผมเบิกตากว้างเพราะรู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร



“ที่สาธารณะ”ผมยันไหล่มันไว้เบาๆ



“ไม่มีใครเห็น”



ฝ่ายที่โน้มตัวมาเหมือนจะมีแรงมากกว่า มันดึงมือผมออกและคว้าไปกุมไว้ก่อนใช้มืออีกข้างพาดผ่านเบาะมากระชับไหล่ผมให้เข้าไปใกล้ ใบหน้าของพวกเราใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ...และริมฝีปากก็ประทับกันแผ่วเบา...



ระหว่างเรานี่เป็นจูบครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้แต่หลังจากที่คบกัน...นี่เป็นจูบแรก...



“อืม”ผมเผลอครางเสียงแผ่วเมื่อมันสอดเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากของผม จากตอนแรกที่ผมจูบไม่เป็นแต่มาครั้งนี้กลับชำนานขึ้น น้ำเงินซึ่งถูกฝึกโดยเปลวตะวันใช้ลิ้นของตัวเองเกี่ยวกระหวัดอีกฝ่าย จังหวะของเราดำเนินไปอย่างเนิบช้า อุณหภูมิในช่องท้องเริ่มอุ่นขึ้นทีละนิด ผมเอื้อมมือไปกำบ่าของมันไว้เมื่อความรู้สึกบางอย่างเริ่มเข้ามาแทนที่ความอบอุ่น



ก่อนจะเลยเถิดกลางโรงหนังพวกเราก็ผละออกจากกัน



จังหวะเดียวกับไตเติ้ลรายชื่อนักแสดงและคณะผู้จัดทำมาพอดี



“อ๊า...เพราะมึง กูเลยอดดูตอนจบ”แฟนบอยของซันไรเดอร์หันไปโวยใส่คนขอจูบไม่ดูเวล่ำเวลา



“ฮ่ะๆๆ บรรยากาศมันพาไปนิ”เปลวยักไหร่ไม่สนใจแต่สายตามันเสมองไปยังที่นั่งของหญิงชายคู่หนึ่งซึ่งอยู่แถวถัดไป และทั้งสองคนก็ไม่ได้ดูหนังแม้แต่นิดเดียว



“อา...”ผมมองร่างของคนสองคนซึ่งกำลังนัวเนียกันได้ที่ คือพี่ครับ นี่กำลังอยู่ในโรงหนังสำหรับเด็กและเยาวชนนะครับ...นายน้ำเงินผู้ไม่เคย(?)ทำตัวลุ่มล่ามในที่สาธารณะตำหนิชาวบ้านเขาอย่างคนมีมารยาท(ถุย)



“น้ำตาลได้ดูค่ะๆ”และเสียงของน้องสาวซึ่งหลับไปนานก็ดังขึ้น เด็กน้อยยกมือไปมาราวกับจะยกมือตอบคำถามในชั้นเรียน”ตอนที่ตื่นมาพวกพี่สองคนก็หันไปทำอะไรก็ไม่รู้น้ำตาลก็เลยดูเผื่อให้แล้วค่ะ!”เธอตอบ



“!!”



พูดอย่างนี้ก็แปลว่าเห็นหมดเลยน่ะสิ!!



“ร เหรอครับ...ขอบคุณนะครับ ถ้าอย่างนั้นช่วยเล่าตอบจบให้พวกพี่ฟังได้ไหมครับ เดินไปเล่าไปเนอะ”แม้กระทั่งเปลวตะวันผู้ไม่เคยสั่นคลอนยังเสียงสั่นไปนิดหนึ่งตอนได้ยินคำตอบของน้องสาวของผม...



พวกเราเดินจูงมือกันออกมา เอิ่ม หมายถึงผมกับเปลวจูงมือน้ำตาลคนละข้าง”แล้วก็นะ ตัวร้ายก็คิดถึงตอนที่เรดเข้าไปกอดตัวร้ายเอาไว้แล้วก็ร้องไห้ แล้วก็นะ แล้วก็ ตัวร้ายก็ร้องไห้ออกมาแล้วก็จบค่ะ!!”...ผู้กำกับยังกล้าเรียกสิ่งนี้ว่าหนังขบวนการห้าสีอีกหรืออย่างไร ช่างหน้าหนายิ่งนัก ตอนจัดหมวดหมู่หนังไม่ควรเป็นหนังแอคชั่นแม้แต่น้อย



“ตอนจบทำออกมาได้ดีมากเลยนะคะ เดี๋ยวดีวีดีออกพี่น้ำเงินซื้อให้น้ำตาลหน่อยได้ไหมคะ”



“ได้ครับได้”ผมตอบเสียงเนือยทำทีเป็นยอมซื้อเพราะน้องขอ แต่เปล่าเลย...อยากเก็บสะสมไว้เองต่างหาก หึหึหึ...



“แล้วเมื่อกี้พวกพี่ทำอะไรกันเหรอคะ?”



“หะ”ผมชะงักเท้า ตอนนี้พวกเราอยู่ระหว่างทางไปร้านอาหาร แม้จะมองไม่เห็นหน้าของตัวเองแต่ผมเชื่อว่าตาผมตอนนี้ต้องโตเท่าไข่ห่านแล้วแน่ๆ



“เอ่อ...คุยกันไงครับ พวกพี่แค่คุยกันเฉยๆ”เปลวตอบ ผมแอบหันหลังไปปาดเหงื่อ เท่านี้ก็รอดล่ะ



“งืม...น้ำตาลแอบฟังอยู่นะคะแต่ไม่เห็นได้ยินคำพูดเลย ได้ยินแต่ อืมๆ แจ่บๆ”



“!!!”



“!!!”



พวกเราหันมามองหน้ากันตาเหลือก ผมพยามส่งสายตาให้ไอ้เปลวมันใช้ทักษะการแถของมันไหลออกไปแต่ดูเหมือนมันจะโดนความใสซื่อโจมตีจนต่อมเสื่อมทรามหยุดทำงานกะทันหัน เด็กอนุบาลสามในชุดเอี๊ยมน่ารักเอียงคอแล้วก็มองพวกเราสลับกันไปมา



“อ๊ากกกก นั่นมันดีวีดีซันไรเดอร์ภาคซีรีส์นี่!!!!!!”



ผมรีบแจ้นเข้าไปในร้านขายดีวีดีใกล้ๆทันที รีบคว้าเอาแผ่นใหม่ล่าสุดชูขึ้นสุดแขนเหมือนเจอขุมทรัพย์ ทั้งหมดทำไปเพื่อนเบี่ยงเบนประเด็นเท่านั้นไม่ได้อยากได้หรืออะไรหรอกนะ



“อ๊ะ! พี่น้ำเงินจะซื้อให้เหรอคะ”



วินาทีนี้คำว่ารักน้องมันหายไป...



ผมอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ของในมือถูกน้องนำไปชื่นชมเรียบร้อยแล้ว



“เปลว...”



ในที่สุดก็มีแสงสว่างส่องเข้ามาในห้วงเวลาอันมืดมิด



“อะไรเหรอ”



เปลวตะวันของผมเดินตามเข้ามาในร้าน



“มึงจ่าย”



และมันก็แผดเสียงหัวเราะทันทีที่ได้ยิน...



ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะว่ามันหัวเราะไปพลางพูดว่าน่ารักไปพลางนั่นหมายความว่ายังไงแต่มันมีความสุขและยอมควักเงินซื้อยกเซ็ต
ตั้งแต่ภาคหนึ่งยันภาคสามให้เลยผมก็ยินดีไปกับมันด้วย...





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/07/15 [ บทที่ 22 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 11-07-2015 17:49:05
 :katai5:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/07/15 [ บทที่ 22 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 11-07-2015 21:29:18
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 11/07/15 [ บทที่ 22 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 12-07-2015 23:32:57
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักน้ำเงิน เป็นคนที่น่ารักจริงๆ กลายะป็นสาวกไรเดอร์ซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 18/07/15 [ บทที่ 22 part2 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 18-07-2015 16:52:45



บทที่ 21 part 2



...พ่อกับแม่ไม่อยู่สักสองสามวัน ส่วนป้าตาแกลางานไปเฝ้าไข้ลูกวันหนึ่งจะกลับมาพรุ่งนี้ดึกๆ น้ำเงินอยู่กับน้ำตาลสองคน ช่วยดูแลน้องให้ดีด้วยนะจ๊ะ...



ผมยืนมองกระดาษโน้ตซึ่งแปะอยู่บนกระจกห้องน้ำด้วยสีหน้าว่างเปล่า



“ถ้าจะไปไหนก็ช่วยบอกกันล่วงหน้าสักนิด”เด็กหนุ่มผู้กลับมาจากโรงเรียนหลังผ่านการซ้อมมาอย่างหนักหน่วงก็อยากอาบน้ำอาบท่าจึงหยิบผ้าขนหนูเดินเข้ามาในห้องน้ำ แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นเจ้าสิ่งนี้เข้าเสียก่อน...



“แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้...”เหลือบตามองออกไปข้างนอกทางช่องระบายอากาศ ใช้ความคิดไปพลางอาบน้ำไปพลาง



ไอ้ลำพังตัวผมน่ะ ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว...แต่จะพ่วงน้องสาววัยห้าขวบเข้ามาด้วยนี่ไม่น่าไหวนะ...



“โอย...ทำไงดี จะดูแลน้ำตาลไหวไหมเนี่ย...พระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้วเนี่ย...อะ”คำว่าพระอาทิตย์ทำให้ความคิดบางอย่างแล่นปราดเข้ามาในหัว ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จและเดินไปหยิบมือถือในห้องนอนแล้วต่อสายหาเปลวตะวันทันที




“ฮัลโหล”รอไม่นานปลายสายก็รับ”เปลวเหรอ เย็นนี้ว่างไหม คืนนี้มึงต้องทำอะไรรึป่าว มาค้างบ้านกูมั้ย มาเถอะ นะๆๆๆๆๆๆ”
โดยไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายพูด ผมก็มัดมือชกทันที”มาหากูนะ กูหิวแย่แล้วเนี่ย แวะซื้อข้าวเย็นสำหรับสามคนมาให้ด้วยนะ
ครับ แล้วเจอกันครับ รักที่สุดเลย!”


ว่าแล้วก็วางสายทันที ผมหันตัวหมายจะเดินไปหาน้ำตาลที่ห้องเสียหน่อย ทว่าร่างเล็กของเด็กที่ผมคิดถึงกลับยืนจิ้มลิ้มอยู่หน้าห้องของผมแล้ว



“เอ่อ...น้ำตาล เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ...”อย่าบอกนะว่าได้ยินที่คุยเมื่อกี้!?



“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ ใครจะมาบ้านเราเหรอคะ”เธอถาม



“พี่ชวนพี่เปลวมาค้างบ้านเราน่ะ คืนนี้พ่อแม่แล้วก็ป้าตาไม่อยู่”ว่าพลางเอื้อมมือไปลูบเส้นผมนุ่มมือของน้องสาว เด็กตัวเท่านี้ต้องอยู่บ้านโดยไม่เจอพ่อแม่ตั้งหลายวันคงจะเหงาน่าดู



ในฐานะพี่ชายผมต้องเอาใจใส่น้องสาวให้ถึงที่สุด...



“เย้! พี่เปลวมาก็ดีเลยค่ะ น้ำตาลจะได้ชวนเล่นเกมส์”เด็กน้อยยิ้มแจ่มใส เธอชูแขนแล้วก็หมุนตัวสองสามรอบพอให้พี่ชายซึ่งอ้าปากค้างเจ็บช้ำน้ำใจโดยไม่รู้ตัว



“เหรอ...”ผมกัดฟันระงับความเจ็บปวด(ทางจิตใจ)แล้วก็อุ้มร่างเล็กเดินลงบันไดมาดูทีวีที่ชั้นล่าง รอเวลา



หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ยินเสียงออดประตู ตอนนี้เวลาหกโมงกว่าแล้วเนื่องจากเป็นเดือนตุลาคมทำให้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เปิดไฟหน้าบ้านแล้วก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกมาก็เห็นเงาร่างคุ้นเคยยืนอยู่นอกรั้ว



ในมือของมันถือห่ออะไรบางอย่างอยู่ ผมยิ้มให้แล้วก็มองของในมือมัน...สงสัยเป็นข้าวเย็น...แต่ดูท่าจะไม่ได้ซื้อมาจากร้านข้าวแกง...



ผมเอากระเป๋าเสื้อผ้าของมันไปเก็บไว้บนห้องนอนของผมในขณะที่สั่งให้มันอุ่นอาหารรอ เมื่อผมเดินลงมาและพาน้ำตาลไปที่ห้องอาหารก็พบว่ามันจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว



.



.



“กูอาบเสร็จแล้วมึงต่อได้เลย อะนี่ ผ้าขนหนู”ผมเพิ่งค้นพบความจริงว่าเกมส์ออฟไลน์มันเล่นยากกว่าที่คิด...แต่ที่สำคัญคือผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าน้องสาววัยห้าขวบของผมจะเล่นเกมส์พวกนี้ด้วย...



หลังจากทานอาหารอิตาเลียนด้วยฝีมือพ่อครัวประจำบ้านเปลวตะวันกันเสร็จพวกเราก็เล่นเกมส์กัน...มันออกจะน่าสมเพชไปหน่อย แต่ผมเล่นแพ้แม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง เป็นบุญมากที่มีไอ้เปลวอยู่ผมเลยยัดให้มันแข่งกับน้องผมไป แม้ผลจะออกมาชนะบ้างแพ้บ้างแต่เท่าที่เห็นคือมันออมมือให้น้องผมขั้นสุด เล่นด้วยมือเดียวได้มันเล่นไปแล้ว



มือแกร่งรับผ้าขนหนูที่ผมยื่นให้ด้วยใบหน้าสดชื่น มันมองผมตาเป็นประกายราวกับกำลังพออกพอใจอะไรอยู่



“มองไร”ถูกมองนานๆมันก็เขินนะ



“มองมึง”



“กวนตีน”



“ฮ่ะๆๆ น้องมึงน่ารักดี แต่มึงน่ารักกว่า”



“หะ ไอ้เชี่ยนี่มะ...เห้อ...”ผมถอนหายใจทันทีที่ประตูห้องถูกปิด ร่างสูงผู้ทิ้งระเบิดเอาไว้เดินหายไปในห้องน้ำ



ที่พูดน่ะหมายความว่ายังไง...



สีหน้าแววตาตอนที่มันหยอกผมเมื่อครู่ยังติดตาอยู่เลย”ย๊ากกกก!!”เดือดร้อนหมอนต้องกลายร่างเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์(เขิน)



น้ำเงิน...มึงต้องตั้งสตินะ มึงไม่ใช่สาวน้อยวัยใสนะ...



“เห้อ...”ถอนหายใจแล้วก็นอนแผ่สองสลึงค์บนเตียงของตัวเอง



เรียกเปลวมาก็ดีอย่างตรงมีคนช่วยเลี้ยงนอน น้ำตาลว่าง่ายมากเมื่ออยู่กับเปลว นี่ก็ถูกกล่อมให้เข้านอนไปแล้ว...แต่ปันหามันต่อจากนี้นี่สิ...



สีหน้าของเปลวตอนบอกให้น้ำตาลเข้านอนตั้งแต่ทุ่มครึ่งนั่นมันไม่ต่างอะไรกับปีศาจจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์เลย!!



มันต้องมีแผนการ....มันต้องวางแผนอะไรไว้แน่ๆ ฟงต้องเสี้ยมมันมาแน่ๆ ไม่นะ!!!



เหยื่อก็คือผมน่ะสิ!!



คนตกเป็นเหยื่อเริ่มอยู่ไม่สุข ร่างโปร่งบางพลิกตัวไปมาบนเตียง ด้วยความตื่นเต้นเลยเอาหมอนอุดหน้าเอาไว้



“ทำอะไรอยู่น่ะ”เสียงทุ้มกล่าวแทรกจังหวะ เปลวตะวันที่อาบน้ำเร็วเกินคาดเดินเข้ามาในห้องและถามอย่างสงสัย ทว่าด้วยความตกใจและสติที่เหลือน้อยอยู่แล้ว ร่างของคฑากรโรงเรียนจึงร่วงผล็อยลงไปกองอยู่ข้างเตียงในสภาพดูไม่จืด



“เจ็บบบบ”



หมอนที่เอาปิดหน้าไว้ไหลลงมากองอยู่ข้างๆหัว ขาซ้ายยังพาดอยู่บนเตียงส่วนที่เหลือก็กองอยู่ข้างล่างนั่นแหละ



แขกผู้มาเยือนหัวเราะเอ็นดูแล้วก็ยืนมือแกร่งมาให้ฉุด ตัวผมซึ่งกำลังอับอายก็ยอมรับความช่วยเหลือไว้แต่โดยดี”มึงแกล้งกู”แต่ก็ไม่วายโทษคนอื่นไว้ก่อน



ผมผละตัวจากมันแล้วก็ทำทีเป็นจัดเสื้อผ้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เสตามองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งท้องฟ้าบัดนี้มืดสนิทแล้ว ผมเดินทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปตรงหน้าต่างหมายจะปิดม่านหากแต่สายตากลับเหลือบเห็นอะไรบางอย่างเข้า นัยน์ตาสีดำขลับฉายประกายประหลาดยามทอดมองออกไป



“มึงมาดูนี่สิ”มือเรียวกวักเรียกอีกคนด้วยรอยยิ้ม



“ลุงข้างบ้านโดนเมียโกรธ ไม่ให้เข้าบ้าน ฮ่าๆๆ”ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำในชุดนอนแขนสั้นสีขาวส่งยิ้มให้อย่างเคยๆ  และตรงเข้ามาโอบเอวบางจากด้านหลัง คนโดนโอบสะดุ้งเล็กน้อย เอียงหน้าไปเอ็ดไอ้คนที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับการสอดส่องเพื่อนบ้าน



“มึงทำลายอารมณ์เสือกของกู”



“งั้นเรามาสร้างอารมณ์อื่นกันดีไหม?” ริมฝีปากคมแนบแก้มเนียนชวนให้หัวใจเต้นระรัว ใบหน้าของผมขึ้นสีเรื่อด้วยความตกใจระคนเขินอาย 



“ทำบ้าอะไรเนี่ย!?”แหวกลับไปทั้งที่ยังถูกโอบกอดเอาไว้



“ปิดม่านสิ”เสียงทุ้มกระซิบบอก เหมือนมีเวทมนต์สะกด ผมเอื้อมมือที่กำลังสั่นระริกดึงม่านสีเข้มเข้าหากัน ก่อนจะปิดสนิท...และทุกอย่างก็ตกสู่ความเงียบมีเพียงเสียงหัวใจที่ดังก้องอยู่ในหัว



เสียงหัวใจของผม...



หรือของใคร...



ริมฝีปากของเปลวตะวันคลี่ยิ้มอย่างพอใจ สองมือพลิกร่างในอ้อมแขนให้หันมาหาตัวเอง “น้ำเงินขี้อ่อย...” มอบจุมพิตแสนหวานชวนเคลิบเคลิ้มให้แค่นั้นก็หลอมละลายสติสัมปชัญญะ



ตัวผมผู้กำลังเมามายจากรสสัมผัสและกลิ่นหอมของสบู่ รู้ตัวอีกทีก็ถูกผลักให้นอนราบลงบนเตียงเสียแล้ว...



“อะ... อืออ.....”       



เสียงครางหลุดจากริมฝีปากของผมซึ่งตกอยู่ใต้อาณัติบนเตียงในห้องนอนของตัวเอง เปลวแนบสัมผัสไปทั่วซอกคออย่างอ่อนโยน มันอาจจะดูอบอุ่นทว่าอุณหภูมิในร่างกายของผมกลับพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ มือร้อนสอดเข้ามาใต้สาบเสื้อแล้วควานปะป่ายไปทั่ว



“เปลวมึง...”ยังไม่ทันสิ้นคำ ริมฝีปากก็ถูกครอบครองอีกครั้งพร้อมกับเสื้อนอนที่ถูกปลดกระดุม ทีละเม็ด...ทีละเม็ด...ลิ้นของเราคลอเคลียกันไม่ห่างจนกระทั่งอาภรณ์ชิ้นแรกถูกปลดเปลื้องจนเสร็จเผยให้เห็นแผ่นอกและหน้าท้องขาวเนียน...



ตัวผมที่ทนสบสายตาของมันไม่ไหวเสหน้าไปด้านข้าง



“อ๊ะ...อื๊อ...”แล้วก็ต้องสะดุ้งเกร็งเมื่อมือของคนด้านบนอยู่ไม่สุขลากไล้ผ่านแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่ถี่กระชั้นและคล้อยต่ำลงไปใต้สะดือ...ใช่ฝ่ามือสัมผัสกับบางอย่างซึ่งยังซ่อนอยู่ภายใต้กางเกง



ความร้อนอุ่นวาบเข้าครอบครองส่วนรวมความรู้สึกแสนอ่อนไหวใจกลางลำตัว   ร่างทั้งร่างสั่นเกร็งด้วยความเขินอาย     



“อะ....เปลว...เดี๋ยว ตรงนั้นไม่...”ผมเอื้อมมือไปรั้งไหล่มันไว้ ก่อนที่มันจะให้ความสนใจท่อนล่างของผม   



“ไม่เป็นไรนะ...ไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้หรอก”ว่าพลางดึงรั้งกางเกงของผมลงไปกองแทบเท้า...น่าอาย...ตอนนี้บนตัวผมไม่มีอะไรปกปิดอยู่เลย...แถมยังเปิดไฟสว่างขนาดนี้...



แต่ที่น่าอายกว่าคงเป็นผมที่ปากร้องห้ามแต่ร่างกายกลับไม่ขัดขืนอะไรเลย...



มือแกร่งเคลื่อนขึ้นลงเชื่องช้า...ค่อยๆหอบความความวาบไหวพุ่งสูงขึ้นทีละน้อย



“อะ... ฮา...”ผมจิกมือข้างหนึ่งบนผ้าปูที่นอน ส่วนอีกข้างก็เอาก่ายพาดหน้าผาก ซ่อนดวงตาเพื่อไม่ให้มองเห็น  นัยน์ตาพราว
ระยับคุกรุ่นด้วยความรู้สึกของคนด้านบน



 อุณหภูมิร้อนในร่างกายของผมได้ปล่อยปล่อย ปิดหน้าปิดตาแล้วก็นอนหอบหายใจแรงแล้วก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ริมฝีปาก...
ยกมือขึ้นโอบรอบคอของอีกฝ่ายไว้หลวมๆพร้อมกับแหวกขาให้กว้างขึ้นเพื่อให้เราได้กอดก่ายกันแนบชิดขึ้น



ก็อกๆ...



“!!!”



ฉับพลัน พวกเราที่กำลังกอดกันนัวเนียก็สะดุ้งโหยงกับเสียงเคาะห้อง บานประตูที่ไม่ได้ล็อคค่อยๆเปิดออกโดยบุคคลที่สาม ไวเท่าความคิด ไอ้เปลวรีบกระโจนไปทีประตูก่อนจะแทรกผ่านตัวออกไปแล้วปิดอย่างรวดเร็ว...



“อะ...”ตัวผมในสภาพล่อนจ้อน ชันตัวขึ้นมานั่ง เรี่ยวแรงเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางแล้วอาศัยเวลาที่เปลวมันอุตส่าห์ออกไปถ่วงให้รีบใส่เสื้อผ้า...



คิดว่าคนเรียกคงเป็นน้ำตาล...ไม่รู้หรอกว่ามาเรียกทำไม...แต่ว่า...



ไอ้ตัวผมที่ได้ปลดปล่อยไปแล้วน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่มันนี่สิน่าเป็นห่วง...



พอเปิดประตูออกมาก็เห็นมันยืนอุ้มน้องสาวของผมอยู่ด้วยใบหน้าปุเลี่ยน ผมยิ้มแหยๆให้มันเชิงปลอบใจพลางเหลือบสายตาลงมองส่วนนั้นของมันที่ยังค้างคาอยู่แล้วก็รีบรับน้องสาวซึ่งขยี้ตางอแงมาไว้ในอ้อมกอด



“เดี๋ยวกูดูน้องเอง...มึงไปเถอะ”เพยิดหน้าให้มันไปเข้าห้องน้ำแล้วก็หันมาหาน้องสาวของตัวเอง”น้ำตาลเป็นอะไรเหรอครับ”



“ปวดฉี่...”เด็กน้อยตอบเสียงงัวเงีย ผมแทบจะเอาหัวโขกฝาบ้าน



ปวดฉี่ก็ไปเข้าห้องน้ำสิครับแม่คุณ!!



ก่อนจะนึกได้ว่าน้องยังเล็ก เวลาจะเข้าห้องน้ำกลางดึกแม่ก็มักจะเป็นคนพาไป



“ห้องข้างบนพี่เปลวเขาใช้แล้ว เดี๋ยวพี่พาไปข้างล่างนะคนดี”ว่าพลางลูบหัวแล้วก็เดินพาน้องลงไปทำธุระที่ห้องน้ำชั้นล่าง...
เหอๆ...ห้าปีที่ผ่านมาผมก็เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าน้องสาวของผมไม่ได้น่ารักเลยสักนิด...



++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 18/07/15 [ บทที่ 22 part2 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-07-2015 21:49:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 18/07/15 [ บทที่ 22 part2 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-07-2015 21:06:23
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 18/07/15 [ บทที่ 22 part2 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-07-2015 22:41:33
เป็นกำลังใจให้นะ เรื่องนี้น่ารักมากก
เอาใจช่วย น้ำเงินน่ารัก 5555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 2/07/15 [ บทที่ 22 part3 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 25-07-2015 17:19:54



เปลว talk



ผมปิดประตูห้องน้ำแล้วก็ยืนพิงมันอย่างแสนเสียดาย...บรรยากาศทั้งหมดที่อุตส่าห์สร้างขึ้น...สีหน้าของน้ำเงินตอนมีความสุขถึงขีดสุด...



ผมได้เห็นมันทั้งหมดแล้วเมื่อครู่...



แต่ทั้งที่อยากเห็นมากกว่านี้แท้ๆ...น้ำตาลกลับ...



“เห้อ...”



จะไปว่าเด็กมันก็ไม่ได้ ผมทอดถอนหายใจยาว เดินไปเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าเรียกสติ...



ครั้งนี้ผมก็ต้องจัดการมันด้วยตัวเองหรือเนี่ย”ทั้งๆที่น้ำเงินยอมตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ”



บอกตามตรงเลยคือผมไม่คิดว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มันจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ...ใบหน้าของน้ำเงินตอนนั้นมันช่าง...ยั่วยวนและเว้าวอน...โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย...



จัดแจงถอดกางเกงของตัวเอง...นำไปวางพาดไว้ในที่ของมัน...บรรจงวางนิ้วล้อมรอบ...ทว่า...



“เปลว”



เสียงของคนที่ผมกำลังคิดถึงกลับดังขึ้นที่อีกฟากของประตู ตัวผมซึ่งไม่คาดคิดว่าน้ำเงินจะมาหาในยามนี้ยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม ดวงตาเพ่งมองบานประตูราวกับไม่เชื่อหูของตัวเอง



“เปลว...เปิดประตูหน่อย”ท้ายเสียงค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ ผมพอจะจินตนาการใบหน้าของคนพูดได้....ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อและเสตามองไปทางอื่น...



ผมตัดสินใจเปิดประตูทั้งอย่างนั้นแล้วก็ต้องหลุดหัวเราะกับสีหน้าตกใจของผู้มาเยือนเมื่อตาโตๆคู่นั้นเผลอเลื่อนลงต่ำ....น้ำเงินซึ่งมีสีหน้าท่าทางเหมือนที่ผมคิดไว้เดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วก็ปิดประตูล็อค การกระทำใจกล้าแต่กลับหลบตา...ผมมองน้ำเงินที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่โดยไม่พูดอะไร



รู้ดีว่าเขามาหาผมทำไม แต่ในเมื่อทำตัวน่ารักขนาดนี้ก็ขอแกล้งสักหน่อยจะเป็นไร



“มึง...หน้าด้าน”ส่งเสียงอ้อมแอ้มด่าผมทั้งๆที่เงยหน้ามองเพดาน...หึหึ...



“อะไร ว่ากูทำไม มึงนั่นแหละว่า เข้ามาทำไม ทะลึ่ง”



“เอ๊ะ! ก็กู...ก็กู...มึงเลว!!!”อยู่ดีๆก็ด่าซะอย่างนั้น”มึงรู้แต่มึงไม่พูด มึงแกล้งกู มึงคิดอะไรอยู่พูดออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”



“คิดว่ามึงน่ารักดี”



อึ้งไปเลย...น้ำเงินของผมยืนอ้าปากเหวอทำอะไรไม่ถูกเลย



“งั้นกูก็ไม่มีธุระอะไร...กลับล่ะ...”ร่างโปร่งพลิกตัวกลับแต่ก็ถูกผมรวบตัวเข้ามาเสียก่อน ขี้งอนจริงๆเลยคนอะไร



“น้ำเงินคนดี ช่วยเปลวหน่อยนะครับ”



“ก็เท่านั้นแหละ...”ได้ยินเสียงอู้อี้ตอบกลับมา ฝ่ายที่ต้องพูดคำนี้มันผมไม่ใช่เหรอ เข้ามาอ่อยกันขนาดนี้แล้วยังจะมาเขินอะไร



น้ำเงินสะบัดตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของผม มือเรียวออกแรงนิดหน่อยผลักผมให้ไปติดผนัง...ลมหายใจอุ่นๆปะทะที่ใบหน้า ผมค่อยปรือตารับสัมผัสที่ริมฝีปาก ปลายคาง ซอกคอแล้วก็แผ่นอก...สัมผัสบางเบายิ่งกว่าขนนก...ฝ่ายกระทำกลับมือสั่นเสียเอง น้ำเงินคว้าชายเสื้อของผมเอาไว้แล้วก็ค่อยๆย่อตัวลงนั่งคุกเช่า...



ยกมือขึ้นทัดผมข้างหู แล้วก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ...



การกระทำของคนตรงหน้าจะทำให้ผมเป็นบ้า



“เร็วๆสิ”



ความจริงผมก็ไม่อยากเร่งเร้าอะไร...แต่น้ำเงินที่เป็นแบบนี้น่ะ...ถ้าขืนปล่อยไว้นานเข้าความอดทนของผมคงหมดลงแล้วมันจะไม่ได้จบลงแค่นี้น่ะสิ...



“มึงห้ามทำอะไรกูนะ...”กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ สาบานได้เลยว่าเสียงหัวใจที่ได้ยินตอนนี้ไม่ได้มีแค่ของผมคนเดียว



น้ำเงินลากมือลงมาถึงท้องน้อยและลูบไล้ พร้อมกับมือนุ่มที่เริ่มลงต่ำถึงส่วนอ่อนไหวเบื้องล่าง ขยับมือปลุกเร้าส่วนอ่อนไหวของผมด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆแต่ในสายตาของผมกลับเห็นว่ากำลังถูกยั่วยวน ท่วงทำนองเนิบช้าและใบหน้าขึ้นสีของคนที่แอบเหลือบตาขึ้นมามองหน้าผมเป็นระยะราวกับต้องการให้สติสัมปชัญญะคลุ้มคลั่งจนแทบบ้า   



“อา...”



จากส่วนล่างถึงส่วนปลาย...   จากส่วนปลายถึงส่วนล่างสลับไปมา..



“น้ำเงิน...ขออย่างอื่นที่ไม่ใช่มือได้ไหม?”



ผมไม่รู้ว่าน้ำเงินทำสีหน้ายังไง จากตรงนี้ พอก้มหน้าแล้วผมก็มองไม่เห็นอะไรอีก...ตอนแรกก็กลัวว่าจะโกรธ หากแต่ความอุ่นร้อนที่เข้าครอบงำส่วนนั้นทำให้ผมต้องเงียบปากแทบไม่ทัน...



“น้ำเงิน...”



อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียก ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำกับนัยน์ตาสีดำขลับฉ่ำอารมณ์ที่ค่อยๆปรือลง



หลงใหลราวกับต้องมนต์ อุ่นแรงเหมือนกับถูกเผาไหม้...เผาผลาญจนแทบละลาย



ผมพินิจมองร่างโปร่งตรงหน้า ตั้งแต่เส้นผมสีดำที่พลิ้วไหว้ตามจังหวะ เรียวลิ้นที่ลากเรียงไปทุกพื้นที่ กลีบปากบางที่ครอบครองส่วนนั้นเอาไว้



รู้สึกปานเส้นดายบางๆกำลังจะขาดได้ทุกเมื่อ..สองมือซึ่งไม่มีที่ไว้ขยับวางตรงกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา  อยากให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ชั่วนิรันดร์...แต่คงเป็นไปไม่ได้...



.



.



แสงไฟนีออนภายในห้องนอนถูกปิดลง น้ำเงินล้มตัวลงนอนหันหน้าเข้าหากำแพง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำมาเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย...ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีสินะ



“น้ำเงิน”ออกแรงรั้งคนที่หันหน้าหนีไม่พูดไม่จา ร่างโปร่งพลิกหันกลับมาตามความต้องการของผม น้ำเงินจ้องใบหน้าของผมนิ่งงันไม่พูดอะไร...เพราะแสงไฟจากถนนทำให้เราพอจะมองเห็นกันและกันเลือนราง



“โกรธเหรอ...”



สิ้นคำถามน้ำเงินก็คลี่ยิ้ม มือเรียวเอื้อมมาลูบผมของผมแผ่วเบาจากนั้นก็กระเถิบตัวเข้ามาใกล้ ตัวผมก็โอบกอดอีกฝ่ายไว้อย่างรู้งาน...กระชับอ้อมกอดแล้วก็แนบริมฝีปากลงบนหน้าผาก



“มึงอ่ะหน้าด้าน...กูที่เป็นแฟนมึงเลยซึมซับพฤติกรรมาหมด ไม่ต้องห่วง...กูเดินเข้าไปหามึงเองจะมาโกรธมึงทำไม”



ผมหัวเราะให้กับคำตอบที่ได้ยิน....



ผมชอบความตรงไปตรงมานี้ที่สุดเลย...



“พ่อแม่ไม่อยู่บ้านคราวหน้าชวนมาค้างอีกนะ”กระเซ้าแหย่ด้วยรอยยิ้ม ผลที่ตามมาคือเสียงอู้อี้ของคนในอ้อมอก ได้ยินแว่วๆว่า ไม่เอาแล้ว เข็ด หรืออะไรทำนองนั้น



“ฮ่าๆๆๆๆ”



วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ...



++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 2/07/15 [ บทที่ 22 part3 ] น้องบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 28-07-2015 16:47:32
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/07/15 [ บทที่ 23 ] เล่นกับไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 30-07-2015 16:14:15



บทที่23 เล่นกับไฟ


...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...มีชายหนุ่มผู้โง่เขลานามอิคาลอส...



เขาได้รับปีกที่สามารถโผบินได้อย่างอิสระจากบิดา...เขาล่อนเหินไปในอากาศอย่างรื่นรมย์



สายลมที่พัดผ่านร่างกายและภาพของผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ก่อร่างความกำเริบเหิมเกริมขึ้นในจิตใจ...



...ถ้าเราบินขึ้นไปเรื่อยๆ จะแตะต้องพระอาทิตย์ดวงนั้นได้ไหมนะ...



ความคิดซึ่งนำจุดจบของชีวิตมา เขาทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆจนปีกทนต่อไปไม่ไหว...



อิคาลอสผู้ไม่เจียมตัว ร่วงหล่นสู่ความตาย...



ผมปิดหนังสือนิทานก่อนนอนของน้องสาวลง แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างแก่ผมภายในห้องนอนของน้ำตาล เสียงเครื่องปรับอากาศดังคลอไปกับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของน้องสาว ผมลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู แม้เธอจะเข้าสู่ห้วงนิทราตั้งแต่ผมเริ่มอ่านคำว่ากาลครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม...



 “โอยยย...เมื่อยตัวชะมัด อาบน้ำนอนบ้างดีกว่า”



ผมเพิ่งทราบความจริงว่าพ่อต้องไปประชุมที่ต่างจังหวัดแม่ก็เลยต้องตามพ่อไปด้วยเพราะแม่กับพ่อผมทำงานอยู่ที่เดียวกัน


ตำแหน่งก็ทำนองพ่อเป็นหัวหน้าแผนกแม่เป็นเลขา สามวันนี้ผมและน้องจึงต้องอยู่บ้านกันแค่สองคน...อา ยกเว้นเมื่อวานที่มีคนมาอยู่ด้วยอ่ะนะ



แต่ผมขอไม่พูดถึงดีกว่า...



ห้องนอนใหญ่ของบ้านที่เคยนอนกันสามคนเหลือเพียงน้ำตาลคนเดียว ผมหย่อนขาลงจากเตียงจากนั้นก็เดินด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด ดับโคมไฟและออกจากห้องไป



จะว่าไปแล้ว...อย่างเรานี่นับว่าเป็นอิคาลอสไหมนะ...



   ผมหัวเราะให้กับความสร้างสรรค์ของตัวเอง เพราะใครหลายๆก็เปรียบไอ้เปลวเป็นพระอาทิตย์อยู่แล้วนิ...



“ถ้างั้นตอนจบก็ต้องตายน่ะสิ?”ก่อนจะคิดได้ว่าเผลอแช่งตัวเองไป”งั้นไม่เป็นละ”



คืนนั้นนายน้ำเงินอาบน้ำแล้วก็เข้านอนตั้งแต่หัววันอย่างที่วางแผนไว้ เครื่องมือสื่อสารอย่างมือถือถูกเสียบชาร์ตเอาไว้ปลายเตียง พรุ่งนี้ไม่มีซ้อมที่โรงเรียนจึงปิดเสียงกันคนรบกวนไว้เสร็จสรรพ...จะได้ตื่นสายให้เต็มที่และลืมตรรกะง่ายๆอย่าง’โทรคุยกับแฟนก่อนนอน’เสียสนิท



“พี่ไอริณ โอย....”



วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เหล่าเด็กนักเรียนมาซ้อมงานกีฬาห้องกัน ม.ต้นที่ต้องซ้อมแสตนด์ก็ซ้อมกันไป รุ่นพี่ที่คุมแสตนด์ก็คุมกันไป บางคนเบื่อๆก็ไปซ้อมกีฬา วงโยเองก็ซ้อมเพลงสำหรับเดินในงานและจังหวะก้าวเท้ากันอยู่อย่างแข็งขัน หากแต่...ตำแหน่งของคฑากรซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวเอกของงานนี้ นายน้ำเงินนักเรียนชั้นม.5ใช้ไม้คฑาค้ำยืนต่างไม้เท้า ยืนพักหลบแดดอยู่ใต้ร่มไม้และเอ่ยปากโอดครวญรอบที่แปดร้อยของวัน



เด็กสาวคนสวยเจ้าของตำแหน่งดาวโรงเรียนถอนหายใจแล้วก็ส่ายหน้าไปมา...



“อย่างอแงสิจ๊ะ มาเร็ว”



“ก็ผมทำได้แล้วหนิ”



“แต่ยังไม่คล่องนี่จ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องซ้อมเดินกับวงโยแล้วด้วย”เธอกล่าวพลางเดินเข้าไปลากแขนจอมอู้



“เที่ยงแล้ว หิวแล้ว กินข้าวกันเถอะคร้าบบ...”



“เห้อ...ให้ตายสิ พี่ไม่เคยใจแข็งกับเราได้เลย ก็ได้จ่ะ ไปกินข้าวกัน”พี่ไอริณถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอตีสีหน้าระอาปนเอ็นดูแล้วก็เดินเข้ามาลูบหัวผมเบาๆ



“วันนี้กินอะไรดีฮะ”เพราะเราซ้อมกันแค่สองคน เวลากินข้าวก็เลยไปกินด้วยกันสองคน



พักหลังๆมานี่เด็กคนอื่นแอบจิ้นคู่ของผมกับเธออยู่ไม่น้อยทำเอาไอ้เปลวหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินข่าวลือ มันกะจะมากินข้าวกลางวันที่โรงเรียนกับผมด้วย ดีนะที่ผมห้ามทัน...เสียสติมากมึง คือมึงโดดคุมแสตนด์ โดดซ้อมกีฬาอยู่บ้านสบายใจได้แล้วจะนั่งรถมาแดกข้าวกับกูทำไม...



“วันนี้คนน้อยจัง”ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วแต่กลับมีเด็กม.ปลายนั่งอยู่แค่สี่ห้าโต๊ะเท่านั้น



“ใกล้ถึงวันซ้อมแสตนด์วันสุดท้ายแล้วเขาเลยฝึกหนักกันหละมั้งจ๊ะ น้ำเงินก็ดูเอาไว้เป็นตัวอย่างนะ”



“เห...ทำไมล่ะ นี่เพิ่งครึ่งเดือนเองนะ พวกเราต้องซ้อมต่อถึงเปิดเทอมเลยไม่ใช่เหรอครับ”



“ก็เพราะพวกเขาซ้อมกันทุกวัน ส่วนพวกเราซ้อมอาทิตย์ละ2-3วันเพราะน้ำเงินต่อรองกับพี่ไว้ไงล่ะจ๊ะพี่สาวคนสวยกล่าว เธอชี้นิ้วชี้มาจิ้มระหว่างคิ้วของรุ่นน้อง



ท่าทางเหมือนขุ่นแม่กับขุ่นลูกนั้นไม่อาจรอดพ้นสายตาของ FCที่เดินผ่านมาพอดี



“ต๊าย! น้ำเงินของชั้น! มาอี๋อ๋ออะไรกันกลางโรงอาหารจ๊ะเนี่ย มันแสลงใจนะรู้มั๊ย!!”เสียงดังมาก่อนจะเห็นตัว ตุ๊ดทัพบกเดินจีบปากจีบคอเข้ามาทักทาย



“เอ๋ออ๋ออะไรของมึง”ผมตีหน้าเข้ม



“เห๊อะ!! ทิ้งเทยไปหานี น้ำเงิน จำไว้!!!”



“เดี๋ยวนะ ทิ้งเทย เทยที่ว่าคือมึงอ่อ ฮ่าๆๆๆ มั่นมาก แล้วนี่ไม่ต้องคุมน้องเหรอ?”



“ใส่ใจกันบ้าง ทางนี้เป็นหลีดย่ะ เชียร์หลีดเดอร์!!”แม่นางเท้าเอวแหวใส่ เชียร์หลีดเดอร์โรงเรียนผมก็ไม่เหมือนชาวบ้านอีกนั่นแหละ ของที่อื่นเขาจะเชียร์สีใครสีมัน แต่ของผมจะให้เชียร์ห้องใครห้องมันก็คงโหดไปเลยแบ่งเป็นชั้นปีเอา โดยปีที่จะส่งหลีดเข้าประกวดได้ก็มี ม.3-ม.5



“ปีนี้ม.5แพ้แน่มีมึงอยู่ด้วย”



“ต๊ายยย นั่นปากเหรอจ๊ะ ไหน มาลองจูบทีซิ!”



“ไม่ใช่ละ ไปไหนก็ไปเลยไป ชู่วๆ!!”ตุ๊ดก็คือตุ๊ด มันเดินสะบัดตูดออกไปอย่างเฉิดฉาย ผมมองตามแบบยิ้มๆแล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากพี่ไอริณ



“คุยกันน่ารักจังเลย ท่าทางจะสนิทกันเนอะ”เธอทัก ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที ผมแค่ถูกมันตามแอ่วตามประสาคนหล่อแหละกระเทยซึ่งมีความสัมพันธ์กันแบบผู้ล่าและเหยื่อเท่านั้น...



หลังจากนั้นก็จัดการกินข้าวกันเสร็จแน่นอนว่าคนอยากอู้ก็จงใจกินช้าถ่วงเวลาให้มากที่สุด



“กินขนมมั้ยครับ”



“ไม่เอาจ่ะ ไปซ้อมกันเถอะ”



“ผมเลี้ยง”



“ไม่จ่ะ”



“นะ”



“เห้อ แพ้อีกจนได้ พี่ไม่ค่อยแพ้ใครบ่อยๆหรอกนะ ไปซื้อมาสิจ๊ะ แค่ของตัวเองนะ”



ผมหัวเราะร่า ดูเหมือนพี่เขาจะชินกับพฤติกรรมของผมแล้วนะ ผมสั่งขนมปังน้ำแดงกับป้าขายขนมป้าแกก็ทักขึ้นมาว่า”แฟนสวนนะเรา”



“เอ่อ...พวกเราไม่ใช่แฟนกันหรอกครับ”ให้ตายเถอะ ทำไมหลังจากที่ผมมีแฟนแล้วถึงได้มีคนมาจิ้นผมกับพี่ไอริณด้วย น่าจะจิ้นตอนยังโสดจะได้ถือโอกาสจีบ...แต่จะว่าไปก็คิดถึงไอ้เปลวมันเหมือนกันนะ วันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย...



ผมรับของหวานมาและเดินกลับไปยังโต๊ะเห็นพี่ไอริณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เธอเห็นผมเดินมาก็ลุกออกไปคุยตรงอื่นไม่ไกลนักท่าทางเป็นเรื่องซีเรียสเพราะท่าทางเธอดูเกร็งๆ



ผมตั้งถ้วยน้ำแข็งไสไว้หน้าตัวเองนั่งจ้องรอพี่เขากลับมากินพร้อมกัน รออยู่ไม่นานเธอก็วางสายแล้วก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่พยามทำให้ดูปกติที่สุด...”ไม่เป็นไรนะครับ”ผมถาม



“อะ อื้ม”พี่เขาตอบกลับยิ้มๆก่อนจะนั่งลง”ของพี่เหรอ”เธอถามถึงถ้วยตรงหน้าเธอ ผมพยักหน้าแทนคำตอบ



ช่วงเวลาแบบนี้ก็ไม่เลวนะ นั่งกินน้ำแข็งไสกันเงียบๆ ดูเหมือนผมที่พยามอู้จะกินเร็วกว่าพี่สาวตรงหน้าด้วยซ้ำ ท่าทางเรื่องที่คุยในโทรศัพท์จะเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่ก็...คนที่คุยด้วยเป็นคนที่ไม่อยากคุยเท่าไรนัก...



“น้ำเงินจ๊ะ....คือ...”จู่ๆไอริณก็วางช้อนลงทั้งๆที่น้ำแข็งยังพร่องไปไม่ถึงครึ่ง



ผมรีบวางช้อนและมองสีหน้าอ้ำอึ้งของเธอด้วยแววตาจริงจัง”ครับ?”



“วันนี้เราพอเท่านี้ได้ไหม คือพี่มีเอ่อ...ธุระ...”



“ครับ...”ท่าทางของเธอตอนนี้ธุระที่ว่าคงไม่ใช่ธุระธรรมดาแล้วล่ะ”มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”มันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้ แต่เผื่อกรณีที่ไม่ใช่ผมควรจะถามเธอไว้ก่อน



“ความจริงแล้วพี่อยากให้เราไปเป็นเพื่อน...ไม่สิ คนที่พี่จะไปหาเขาให้พี่พาเราไปด้วย”



“...”



“ได้ไหมจ๊ะ”



ผมเงียบอย่างครุ่นคิด พี่ไอริณไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรเลย เธอเพียงแค่ชวนให้ผมไปเจอ’ใครสักคน’ใน’ที่แห่งหนึ่ง’เท่านั้น...ผมกวาดตามองพี่สาวดาวโรงเรียนซึ่งสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและปล่อยออกมาอยู่สองถึงสามครั้ง เธอคนนี้เป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมทั้งรูปลักษณ์ สติปัญญา กิริยามารยาท



...ในชีวิตนี้คงมีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นข้อผิดพลาด...



...ผู้ชายที่เธอรัก...



....เปลวตะวัน...



.



.



“ได้สิครับ ผมไปด้วย”



   
ดูเหมือนพวกแสตนด์จะไปพักกินข้าวกันแล้วนะ...ผมคิดในใจเมื่อปรายตามองไปทางจุดซ้อมแล้วเห็นแต่อุปกรณ์แปรอักษรวางไว้
แต่ไร้เงาผู้คน หลังจานจัดการกับของหวาน(ของพี่ไอริณ)จนหมดพวกเราก็ตัดสินใจเอาคฑาไปเก็บและก็เดินออกมาทางประตูหลัง



ให้ตายเถอะ เรียนที่นี่มาตั้งแต่ม.1เข้าออกทางประตูหน้าตลอดแต่มาปีนี้กลับได้ใช้ประตูหลังเรื่อยๆ อย่างนี้นี่มันลางห์บอกเหตุอะไรรึป่าวเนี่ย...หึหึ



“แดดร้อนนะ เข้าร่มมั้ย”เสียงใสเอ่ยถาม พี่ไอริณซึ่งกางร่มสีชมพูหวานแหววหันมาถามผมซึ่งเดินเหงื่อตกตามหลังเธอด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ



“อา...ไม่ดีกว่าครับ”



ระหว่างเดินมาพวกเราเดินกันโดยไม่พูดอะไร ไม่ได้เดินคู่กันด้วยซ้ำซึ่งมันผิดวิสัย...แสงแดดยามบ่ายอ่อนทำลายเซลล์สมองของนายน้ำเงินไปหมดแล้วหรือไม่ก็ท่าทีปริศนาของหญิงตรงหน้านั้นยากจะเข้าใจกันแน่ ทำไมผมคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเลยว่าเธอกำลังจะทำอะไร



เดินล้วงกระเป๋าเรื่องเปื่อยจนคนข้างหน้าหยุดฝีเท้า ผมเหลือบตามองไปรอบๆสถานที่ที่เธอพามาด้วยแววตาระแวดระวัง...
ที่ดินร้าง?



สิ่งก่อสร้างที่คิดว่าเป็นตึกแถมซึ่งสร้างไม่เสร็จถูกขีดเขียนพ่นสีโดยมือดีและมีหญ้าขึ้นรก ระยะห่างจากโรงเรียนใกลพอสมควร ที่แห่งนี้หากเป็นช่วงเปิดเทอมจะมีอาจารย์มาเดินตรวจเพราะมันเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กเกเรในชุมชน



“พี่ไอริณครับ...ผมว่าที่นี่ไม่เหมาะมั้ง?”



ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอไรก็ตามผู้หญิงสวยๆอย่างเธอก็ไม่ควรมาอยู่ในที่เปลี่ยวแบบนี้



พี่คงไม่คิดว่ามีน้ำเงินอยู่ด้วยก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่หรอกนะ...คือไอ้น้องน้ำเงินของพี่มันไม่สามารถปกป้องพี่ได้หรอกนะ ถึงเวลาจริงตัวใครตัวมันนะ



คนสวยหันเลิ่กลั่กเหมือนกำลังมองหาใครสักคนไม่สนใจคำพูดของผมสักนิด ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจ เดินเข้าไปคว้าข้อมือบางเอาไว้



“มันอันตรายนะครับ พี่นัดใครไว้ผมไม่รู้แต่ผมว่าพี่นัดเจอเขาที่อื่นเถอะครับ”เธอผวาแล้วก็หันกลับมา สีหน้าฉายแววกังวลชัดเจน
ผมออกแรงดึง แต่เธอกลับยื้อเอาไว้และสะบัดหลุดไป ผมหรี่ตามองเธออย่างคาดคั้น



“พี่ไอริณเป็นอะไร ปกติพี่ไม่ใช่คนแบบนี้นี่ครับ”ก็พี่น่ะทั้งฉลาดและรอบคอบ พี่ไอริณคนนั้นไม่มีทางพาตัวเองมาอยู่ในบริเวณที่เสี่ยงต่อการถูกฉุดขนาดนี้หรอก



“ไม่...พี่ไม่ไป...พี่ต้องเจอคนๆนึงที่นี่”เธอกล่าวเสียงสั่นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้



ให้ตายเถอะ! ผมตามอารมณ์ผู้หญิงไม่ทันจริง



“เหรอ...งั้นพี่ก็อยู่รอเขาไปคนเดียวแล้วกัน ผมกลับล่ะ”ผมหันหลังให้หล่อนแล้วก็ก้าวเดินออกจากสถานที่แห่งนั้น ผมไม่ได้คิดจะทิ้งเธอไว้จริงๆหรอกครับ ผมแค่ขู่ให้เธอวิ่งตามมาแล้วเราจะได้ออกจากที่นี่ด้วยกันเท่านั้นแหละ



ตึก ตึก



เป็นไปตามคาด มีเสียงฝีเท้าดังไล่หลังมา ผมกระตุกยิ้มมุมปาก



มือเรียวคว้าข้อสองผมเอาไว้ ในที่สุดพี่เขาก็ยอมกลับแล้วสินะ....



“อย่าไปนะ! อยู่รอกับพี่ก่อนเถอะ! ขอร้องหละ!”ผิดคาด ผมเบิกตากว้างแล้วหันไปมองหน้าเธอชัดๆอีกครั้งว่าผู้หญิงคนนี้คือพี่ไอริณตัวจริงหรือไม่”คนๆนั้นเขาบอกให้พี่พาน้ำเงินมาด้วยแล้วเขาจะเล่าความจริงให้พี่ฟังทุกอย่าง ขอร้องล่ะ พี่แค่อยากรู้...”



“อยากรู้?”ผมเลิกคิ้วถาม ลมเย็นๆซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหนพัดเข้ามาภายในตัวอาคารทำเอาขนทั่วตัวพร้อมใจกันลุกซู่...”พี่อยากรู้อะไรกันแน่”ผมกุมมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมา



นัยน์ตาคู่กลมสวยประดับแพขนตางามเสมองไปทางอีก เธอกัดริมฝีปากแน่น



“ตอบสิครับ! พี่อยากรู้อะไรทำไมไม่ไปถามแชคล่ะ...ระ...หรือว่า...”



คราวนี้เป็นผมเองที่หัวใจเต้นระรัวเหมือนถูกกลองทุบ”เปลว...”คำสั้นๆเพียงคำเดียวดังขึ้นและจากนั้นระหว่างเราก็มีเพียงความเงียบ เธอมีท่าทีแปลกใจเมื่อผมเอ่ยคีย์เวิร์ดนั้นออกมา



“ใช่...พี่อยากรู้...ว่าใคร...คือแฟนของเขา...เขาคนนั้นที่พี่รักมาตลอด...”



“พี่ไอริณ...”ผมเปล่งเสียงแบบไร้เรี่ยวแรงเมื่อได้ยินคำตัดพ้อของเธอ...



เพราะที่ผ่านมาเธอทำตัวเหมือนปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเรื่องที่เปลวบอกปัดคำสารภาพรักของเธอมันก็ตั้งหลายเดือนแล้ว...ผมประเมินความรักของพี่สาวคนนี้ผิดไป...



“พี่แค่อยากรู้เฉยๆ!! ตอนนี้พี่ไม่มีทั้งความอิจฉาหรืออะไรแล้ว!! พี่ก็แค่อยากเห็นหน้าแฟนของเขา!! คนที่ได้รับความรักจากผู้ชายที่พี่เฝ้ามองเสมอมา...ฮึกๆ”และหยาดน้ำใสๆก็ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาผู้หญิงในอุดมคติตรงหน้าผม



ผมยกมือขึ้นหมายเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่ก็ต้องชะงักค้าง...



เมื่อมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น...เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคย...



“น้ำเงิน”



ดังหลังจากเสียงจอดรถและเสียงปิดประตู...




ตรงหน้าทางเข้า...ปรากฏร่างสูงใหญ่เจ้าของผิวสีเข้มซึ่งยังติดพลาสเตอร์ทำแผลเอาไว้หลายจุด...



อีกคนที่โง่เขลาเพราะความรัก...เม่น...



“คนที่เธอกำลังตามหาอยู่ ก็คือน้ำเงิน!!”เม่นกล่าวย้ำ พี่ไอริณเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง!




........................................................................

ลงให้ยาวๆเลย เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว ><
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/07/15 [ บทที่ 23 ] เล่นกับไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 02-08-2015 09:45:08
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/07/15 [ บทที่ 23 ] เล่นกับไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-08-2015 19:35:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/07/15 [ บทที่ 23 ] เล่นกับไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 04-08-2015 09:02:27
น้ำเงินขี้ยั่วมากกกก

เม่นนี่ยังไม่เลิกจองเวรกับเปลวและผองเพื่อนอีกหรอเนี่ย

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/07/15 [ บทที่ 23 ] เล่นกับไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 04-08-2015 11:11:50
โอ๊ะโอ~ หลังจากนี้จะเกิดอะไีรขึ้นหว่าาาา เปลวตามมาช่วยน้ำเงินจากสถานการณ์นี้เร็ววววว
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 08/08/15 [ บทที่ 24 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 08-08-2015 21:11:30




บทที่23 อดทนเวลาที่ฝนพรำ




วันนี้เป็นวันที่ผมจะจำไปจนตาย...




แรงบีบที่ข้อมือทำเอาผมต้องเบ้หน้าเพราะความเจ็บปวด มือหยาบอย่างคนเล่นดนตรีของเพื่อนไอ้เม่นมันแข็งอย่างกับคีม



ท่ามกลางความเงียบสงบและเสียงเครื่องยนต์ของรถตู้ทางปิดม่านรอบทิศมิดชิด พี่ไอริณสะอื้นไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นรถมา เธอกำลังถูกเพื่อนของเม่นอีกคนมัดมือไขว้หลัง พอไอ้เวรนั่นมัดผู้หญิงเสร็จแล้วก็เคลื่อนมาหาผม



เชือกป่านเก่าๆที่พวกมันเตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วพันเกี่ยวรอบข้อมืออย่างแน่น...



โดยไม่มีการขัดขืนจากผมแม้แต่น้อย...



ผมเสมองร่างบางที่สั่นไม่หยุดและเบือนไม่หน้าไปทางอื่น...เหมือนถูกประชด เพราะพริบตาที่ผมเห็นเม่น ผมก็รู้แล้วว่าพี่ไอริณต้องโดนมันหลอกมาแน่ๆผมเลยคว้ามือเธอแล้วก็วิ่งหนี...



แต่น่าเสียดาย...เพื่อนของมันล้อมเอาไว้หมดแล้ว



ผมขัดขืนแล้วก็ต่อรองให้ปล่อยพี่ไอริณไปซะเพราะเธอไม่เกี่ยว อย่างน้อยก็ขอให้ผู้หญิงปลอดภัย...



ผลที่ได้ก็คือโดนกระทืบ...กระชากหัวให้ถอยห่างจากพี่ไอริณแล้วก็ต่อยให้ที่มุมปาก เสียหลักล้มลงกับพื้น จากนั้นก็ไม่รู้ตีนใครเป็นตีนใครแม่งเหยียบกันมาเต็มนอนจุกลุกไม่ขึ้นแล้วมันก็ลากขึ้นรถตู้มาอย่างที่เห็น...แต่ว่าบนหน้ากลับมีแค่แผลโดนต่อยตอนแรกเท่านั้น



“จะพาไปไหนเนี่ย”ผมถามเสียงนิ่ง หลับตานั่งพิงเบาะแบบหมดสภาพ



“อยู่เฉยๆไปอย่าพูดมาก”คนหนึ่งตอบกลับ



พวกมันไล่ให้ผมกับพี่ไอริณถอยไปนั่งเบาะหลัง ทำให้ผมสังเกตการณ์พวกมันได้ง่ายขึ้น ในรถตอนนี้ประกอบด้วยห้าคน...หนึ่งคือคนขับซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ผมไม่เคยเห็นหน้า ที่เหลือก็คือเม่นแล้วก็เพื่อนของมัน



“พี่ขอโทษ”พี่ไอริณกล่าวเสียงสั่นเครือ เธอกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ผม”เจ็บไหม พี่ขอโทษ”น้ำเสียง สีหน้าและสภาพของเธอที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเพราะถูกกระชากตอนวิ่งเข้ามาช่วยผม เห็นแบบนี้แล้วใครที่ไหนจะไปโกรธลง



“พี่โง่เอง พี่ขอโทษ ดูก็รู้แล้วว่าพวกมันไม่น่าไว้ใจแต่พี่ก็ยัง...”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้เรามาหาทางหนีกันก่อนเถอะ”ผมปลอบและขยับตัวหมายจะไปเปิดม่านดูทาง...



“ทำอะไร!!!”ฉับพลันเสียงของคนขับก็ดังลั่น เล่นเอาสะดุ้งกลับไปนั่งเรียบร้อยเหมือนเดิม



“น้ำเงินรู้จักคนพวกนี้ไหม เขาต้องการอะไรเหรอ”พี่ไอริณถาม



“พี่ไม่รู้จักพวกนี้เหรอครับ”เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่นผมก็เลยกล่าวเสริม”ก็พวกที่มาหาเรื่องเปลวในงาน first night ไงครับ”



“เอ๋...มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยเหรอ!?”



“พี่ไม่รู้เหรอครับ”น่าแปลกนะ ข่าวนี้เขารู้กันทั่วเลยหนิ



“พอสอบเสร็จพี่ก็รีบไปขึ้นเครื่องเลย เอ่อ...ไปดูมหาลัยที่นู่นน่ะจ่ะ ก็เลยไม่รู้อะไร”ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ



“เปลวบอกว่าพวกมันไม่ใช่นักเลงแต่กลับอุ้มคนขึ้นรถตู้แบบนี้มาเฟียเลยตะหาก”ผมบ่น ไอ้มั่วเปลวมึงรู้มั้ยว่าอริเพื่อนมึงมาโหดขนาดไหน...



“เม่น...เจ้าตัวหันมาตามเสียงเรียก หน้างงๆผมรู้เลยว่ามันโง่



“มึงจะไม่ทำอะไรผู้หญิงใช่ไหม”เห็นมันคล้อยตามผมก็รีบยิงคำถามที่คิดว่ามันน่าจะตอบมากที่สุดออกไปก่อน งานนี้ต้องงัดสมองทั้งหมดที่มีออกมาใช้งานแล้วล่ะครับท่านผู้ชม...



“อืม”มันตอบสั้นๆสงสัยโดนไอ้คนขับรถนั่นกำชับว่าอย่าพูดอะไรมาก



“เตรียมใจไว้แล้วใช่ไหม”เพราะไม่อยากให้คนขับซึ่งน่าจะโหดสุดได้ยินผมเลยพูดเสียงเบาๆเม่นที่หูไม่ได้และไม่มีสมองก็เลยต้องเขยิบมานั่งข้างๆผม เห็นแบบนี้ผมก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้



นอกจากคนขับรถที่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วพวกที่เหลือก็แค่เด็กม.ปลายธรรมดาไม่มีพิษภัยอะไร พอมองดูดีๆแล้วเพื่อนของไอ้เม่นทุกคงมีท่าทีกลัวๆอยู่ด้วยสงสัยกลัวโดนผมแจ้งตัวรวจจับ



“เตรียมใจไรวะ”



“อ่าว ก็ที่จับกูมานี่ไง”มันนิ่วหน้า แสดงออกชัดเจนว่าหยามผมมาก หน้าอย่างผมไม่มีปัญญาทำอะไรมันได้หรอกทำนองนั้น
ต้องใส่ไข่เพิ่มอีก”อุ๊ย!? มึงไม่รู้เหรอว่าแฟนกูอ่ะ ระดับหลานนักการเมือง ลูกนายพลเชียวนะ”



ก็ไม่รู้หรอกนะว่าบ้านเหี้ยเปลวทำมาหากินอะไร เมื่อกี้มั่วครับ แต่เห็นหน้ามันมีบารมีก็เลยเสริมอาชีพให้บุพการีมัน
ไอ้เม่นตาโตทำท่าตกใจอย่าบอกนะว่ามันเชื่อจริง...”เหรอ!! มิน่าล่ะ”



ไอ้พวกนี้แรกเริ่มเดิมทีมันแค้นไอ้ฟงก็เลยมาลงกับเปลว ตอนนี้แค้นเปลวเลยมาลงกับผมงั้นสินะ โห...ตรรกะควายมากมึง



“ฟงมาขู่กูว่าอย่าหือกับเปลว อย่าหาว่าไม่เตือน ถ้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกครั้งมึงจะไม่มีที่ยืนในแผ่นดิน!”



“โห...”ผมอดร้องโหไม่ได้ ฟงแม่งขู่เว่อร์วังกว่าผมเยอะเลยครับ...



“แล้วคนขับรถนั่นใคร”



“พี่ชายไอ้กล้วย...เอ่อ เพื่อนกูคนนู้นนะ”



ผมพยักหน้า เท่านี้ก็สบายใจไปหลายขุมแล้ว...



หนึ่งคือมันโง่...



สองคือมันโง่...



สามคือมันโง่...



.




   .



ร้อยคือมันโง่



ที่สำคัญก็คือคนบนรถนี้ไม่มีใครเป็นนักเลงหรือมาเฟียถือปืนสักคน...ผมเลิกถามเพราะไอ้เม่นมันรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกถาม(ช้ามาก)จึงนั่งต่อไปแบบสงบเสงี่ยม




เนื่องจากเราถูกยึดมือถือ นาฬิกา กระเป๋าไปจนหมด ทำให้ไม่รู้เวลาและแอบติดต่อใครไม่ได้เลย เท่าที่กะคร่าวๆตั้งแต่ขึ้นรถมาคงเกือบชั่วโมงได้แล้ว ผมไม่รู้ว่าพวกมันจะพาพวกเราไปที่ไหน ไม่นานนักรถก็หยุดทีแรกคิดว่าติดไฟแดงแต่พอ’ลูกพี่’ดับรถและเปิดประตูคนขับพร้อมหันมาตวาด



“นั่งโง่ทำไม!!? พาพวกมันลงมาเซ่!!”



เม่นกระตุกแขนผมแล้วก็ลากให้เดินตามมันลงไป ท่าทางมันจะโกรธที่ผมไปหลอกถามมันเมื่อกี้เลยตีหน้าซะเข้มเชียว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ช่วยกลัวหน่อยแล้วกัน



“เดี๋ยว!! เม่น ที่นี่ที่ไหน!? มึงจะทำอะไรกับพวกกู!!?”ใบหน้าหล่อเหลาของคฑากรโรงเรียนฉายแววตื่นตระหนก ร่างโปร่งสั่นระริกเหมือนลูกแมวตกน้ำ ดวงตากลมโตฉายชัดถึงความหวาดกลับ...ตอแหลสัด!



ผมเดินลงจากรถอย่างชวยไม่ได้สถานที่คือโกดังร้างแห่งหนึ่ง มองไปรอบๆไม่เห็นเงาคนสักคนเดียวมีแต่โกดังร้างหลายแห่งตั้งเรียงกันไปแนวยาว พวกมึงเลือกสถานที่ได้เหมาะกับการฆ่าปิดปากมากมันสั่งให้ผมกับพี่ไอริณเดินเข้าไปในโกดังหมายเลข 4



“อดตายอยู่ตรงนี้แหละ!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!!!”หัวเราะลั่นเสร็จแล้วก็หันหลังกลับขึ้นรถตู้ไป...ผมมองตามรถโดยสารสี่ประตูที่เคลื่อนตัวออกจากสถานที่เปลี่ยวไปจนลับตาก่อนจะหันมาหาพี่สาวคนสวยข้างตัวพร้อมพูดด้วยสีหน้าปลอบประโลมว่า



“ไปกันเถอะครับ...ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เราอยู่ไม่ไกลจากย่านชุมชนมากลองเดินไปขอความช่วยเหลือพวกเขาดู”



เธอย่นคิ้วอย่างสงสัยว่าผมรู้ได้อย่างไรผมจึงต้องอธิบายเสริม...



“ก็เมื่อกี้นี้เราติดไฟแดงครั้งหนึ่งใช่ไหมครับ แถมพอหลุดจากไฟแดงแล้วรถกลับเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ลดลงทั้งๆที่ถนนก็ไม่ได้แย่อะไร...”ผมหันไปทางทิศถนนซึ่งรถตู้เพิ่งคล้อยหลังไป มันถูกลาดยางอย่างดีด้วยซ้ำ



“ก็หมายความว่าที่รถแล่นช้าก็เพราะติดรถคันอื่นอยู่ใช่ไหมล่ะ สำคัญเจ้าพวกนั้นไม่ได้เลวร้ายอะไร ไม่ได้เจตนาฆ่าให้ตายอย่างมากก็แค่ทำให้ขวัญเสียเล่น แถมยังขับรถออกไปต่อหน้าต่อตาให้พวกเราเห็นทิศที่ควรเดินออกไปอีกแบบนี้...”



“น้ำเงินเก่งจัง...”ดวงตาคู่สวยของเธอกลับมาฉายประกายอีกครั้ง ดูเหมือนจะใจชื้นขึ้นมาก ผมยิ้มน้อยๆรับคำแล้วก็ออกเดินนำไปโดยไม่รอช้า ตอนนี้ก็บ่ายคล้อยแล้วขืนโอ้เอ้เดี๋ยวพระอาทิตย์ตกดินจะแย่เอายิ่งเป็นฤดูหนาวด้วย...



ภายใต้ท้องฟ้าสีครามยามบ่ายของฤดูหนาว ผมและหญิงสาวผู้สวยที่สุดในโรงเรียนเดินเคียงคู่กันไปตามทางที่ทอดยาวโดยไม่มี



คำพูดใดใดสื่อสารระหว่างกัน...หัวใจในอกซ้ายเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น...



บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อยถ้าไม่นับมือที่โดนเชือกมัดเอาไว้แล้วก็ความกลัวจนใจสั่นนั่นน่ะนะ...



.



.



“ตายแล้ว พ่อหนุ่ม ทำไมถึงอยู่สภาพนั้นได้หล่ะ”และแล้วคำถามที่ผมเฝ้ารอมาเกือบชั่วโมงก็ดังขึ้น หญิงวัยกลางคนรีบผุดลุกจากที่นั่ง เดินอ้อมร้านส้มตำริมทางของเธอมายังพวกเราสองคนที่อยู่ในภาพดูไม่จืด...



ซ่าๆ...



หยาดน้ำจากฟากฟ้า...อีกชื่อหนึ่งคือฝนนั่นแหละ ร่วงหล่นลงมาแบบไม่ปราณีนักเดินทางทั้งสอง แม้มันจะไม่แรงเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ไอ้การเดินตากละอองฝนเป็นชั่วโมงก็เสี่ยงจับไข้ ผมเดินหน้าซีดปากสั่นไปหาป้าแกก่อนจะกล่าวเสียงอ่อย”แกะเชือกให้หน่อยครับ...”



ดังคาด พอเดินมาแล้วก็เจอย่านชุมชนจริงๆ แต่ผมกะเวลาผิดไปหน่อย...ไม่คิดจะนานขนาดนี้ ลืมไปว่าเวลาเดินกับเวลานั่งรถมันต่างกันโข...



พี่ไอริณก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกันป้าแกรีบพาพวกเราเข้าไปหลบฝนในร้าน แกะเชือก แล้วก็หยิบผ้าขนหนูมาให้



“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย หือ?! ให้แจ้งความไหม!!?”เธอทำท่าควักมือถืออกมาด้วยสีหน้าเอาเรื่องผมต้องรีบร้องห้ามไว้แทบไม่ทัน



“เอ้อ!! คือไม่ต้องครับ พวกเราก็แค่ เอ่อ...”เสมองไปยังพี่ไอริณ ก่อนหน้านี้คุยกันแล้วเธอก็เห็นด้วยที่จะไม่แจ้งความ...



คุณป้านิ่วหน้ามองเราอย่างไม่เห็นด้วย”ห้ามทำไมล่ะอิหนู ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ ปล่อยให้ผู้หญิงมาเดินตากฝนในที่แบบนี้” ผมหดคอกับคำนั้น...เสื้อนักเรียนของพี่ไอริณเปียกฝนแนบเนื้อผมที่เดินมาด้วยกันเลยต้องนำมาก่อนก้าวหนึ่ง



“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คือเราไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ คนทำก็คงไม่ได้มีเจตนาแบบนี้”พี่สาวซึ่งนั่งดื่มไมโลอุ่นๆช่วยชี้แจง



“ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ”ป้าที่ทำเหมือนจะเอ่ยปากค้านก็ยืนลังเลอยู่อึดใจก่อนจะส่งมือถือมาให้ผม



ผมกดหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของแม่ซึ่งจำได้ขึ้นใจลงไป แต่ก่อนจะกดโทรออกก็ถูกพี่ไอริณกล่าวห้ามไว้เสียก่อน



“น้ำเงินกำลังจะโทรหาใครน่ะ อย่าบอกนะว่าคุณแม่ เดี๋ยวคุณแม่ก็ให้ไปแจ้งความหรอกจ่ะ”ทำให้ผมคิดได้แล้วก็หันไปยิ้มแหยให้เธอ



“อ่า...แล้วเราจะโทรหาใครดีล่ะครับ”



ไม่รู้ส่วนไหนในประโยคทำให้ใบหน้าสวยๆประดับด้วยรอยยิ้มเสมอของพี่ไอริณแปรเปลี่ยนเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดแทน



เธอถอนหายใจเฮือกให้ วางแก้วไมโลลงแล้วก็เอ็ดผมเสียงเข้มว่า”ถ้าพี่เป็นแฟนน้ำเงินพี่คงร้องไห้”



“เอ๋!?”



เหมือนได้ยินเสียงฟ้าฝ่าแว่วๆราวกับมันฝ่าลงมากลางหัวผม”ลืมไปซะสนิทเลย ฮ่ะๆๆๆ”ผมหัวเราะแห้งๆยกมือลูบหัวแก้เก้อ



ความจริงแล้วผมไม่ได้ลืมหรอกครับ...ผมแค่เกรงใจพี่แก คือสภาพพี่เค้าตอนนี้โทรมมาก ถ้าเรียกไอ้เปลวมาก็เกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจอีก



“...แค่นี้นะ!!”ผมกดวางหูแทบไม่ทัน หลังจากถามที่อยู่และทางมาจากป้าร้านส้มตำซึ่งไม่มีลูกค้าแล้วก็โทรมาบอกให้แฟนมารับ ก็โดนคุณแฟนเทศน์ชุดใหญ่จนผมต้องรีบตัดจบวางสายแทบไม่ทัน



“เห้อ...แค่นี้ก็แย่แล้วยังมาดุกันอีก”



“คิกๆ...”เสียงหัวเราะจากคนข้างๆเรียกให้ผมหันมามองหน้างอ



“หัวเราะอะไรมิทราบครับ”



“ก็ทั้งสองคนน่ารักดีนี่นา...พี่ไม่เคยเห็นเปลวเหวี่ยงใครขนาดดังลอดโทรศัพท์ขนาดนี้มาก่อน เขาต้อง...รักน้ำเงินมากแน่ๆเลย...”



แม้ว่าสีหน้าจะหมองลงตอนพูดคำสุดท้าย แต่เธอก็ยังคงรอยยิ้มมุมปากเอาไว้



“ขอโทษครับ”



“ขอโทษพี่เรื่องอะไรเหรอ”เธอเอื้อมมือเย็นเฉียบมาแตะมือของผมซึ่งอุณหภูมิไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก



มองออกไปข้างนอกร้านสายฝนก็เทลงมาหนักขึ้น...โชคดีที่เราเจอที่นี่ก่อน



ผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบเธอว่าอย่างไรดี...



ขอโทษที่แย่งคนที่พี่ชอบครับ?


ขอโทษที่ปิดบังพี่ครับ?



งั้นเหรอ...ใครมาได้ยินเข้าคงขำแย่ ผมสบตาคู่สวยของเธอแทนคำตอบ เห็นดังนั้นเธอจึงระบายรอยยิ้มอุ่น



“พี่ดีใจนะที่เป็นน้ำเงิน...น้องชายที่น่ารักของพี่”



.............................................................................


ผู้หญิงที่พูดจาดีๆแล้วเข้าใจนี่น่ารักจริงๆ คนแต่งชอบผู้หญิงแบบนี้นะคะ 5555555555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 08/08/15 [ บทที่ 24 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-08-2015 22:20:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 16/08/15 [ บทที่ 25 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 16-08-2015 17:12:42



บทที่25


“อืม...ปวดหัวจัง”ผมปรือเปิดตาขึ้นช้าๆ... เมื่อต้องแสงไฟนีออนดูเหมือนจะลืมตาได้ลำบาก รู้สึกปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุม



“ดูเหมือนจะตื่นแล้วนะ”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นด้านข้าง แต่เพราะยังปรับสภาพไม่ได้ทำให้ผมลืมตาไม่ขึ้น



“อืม”



“งั้นกูไปรอห้องพี่ไอริณแล้วกัน เชิญมึงตามสบายเลย”



“เห้ย! อย่าไปทำอะไรพี่เขาล่ะ”



“เออๆ ห่วงแฟนมึงไปเหอะ”



แล้วก็ตามด้วยเสียงปิดประตู อา...เสียงแบบนี้มันเสียงของฟงกับ...”เปลว...”



ผมเอ่ยเรียกคนที่ยังอยู่ในห้องด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงพลางมองสภาพรอบๆห้อง...



ที่ที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นห้องขนาดใหญ่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงอันได้แก่เตียงขนาดคิงไซส์ โซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่ตั้งเคียงกับทีวีจอกว้าพร้อมลำโพงยกชุด...ผมในชุดนอนคนป่วยมองซ้ายมองขวาแบบงงๆ?



“ที่นี่ที่ไหน? โรงพยาบาลเหรอ ไม่น่าใช่นะ หรือบ้านมึง?”



“หึหึหึหึ ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”เปลวตะวันลูบหัวผมแผ่วเบาแล้วก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี”ที่นี่คือโรงแรม”



เป็นคำตอบที่น่าตกใจไม่น้อย



“หา?”



“ตอนกูไปถึงมึงกับพี่ไอริณก็นั่งพิงกันหลับไปแล้ว ได้ป้าร้านส้มตำนั่งดูให้ลำบากกูต้องให้เงินตอบแทนเขาไปแล้วก็พาพวกมึงขึ้นแท็กซี่มานี่แหละ”



“มึงมากับฟงอ่อ?”



“อืม”



ไม่มีคำพูดมากไปกว่านั้นเพราะริมฝีปากของผมถูกทาบทับด้วยอีกคน เปลวตะวันน้อมตัวลงมาแล้วก็มอบสัมผัสแผ่วเบาที่กลีบปากก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้ามาอย่างห่วงหา



“ทำไมชอบทำให้เป็นห่วง...หืม”



“อืม..กูขอโทษ”พวกเราผละออกจากกัน เปลวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผมออกไป



“แล้วจะไม่เอาความพวกนั้นจริงๆน่ะเหรอ”ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้เรี่ยวแรงเริ่มกลับมาแล้ว ที่ผล็อยหลับไปเมื่อบ่ายคงเป็นเพราะล้าเท่านั้นไม่ได้เป็นไข้อะไร...



“อืม พวกนั้นก็แค่คลุ้มคลั่ง ถ้าเราไม่ตอบโต้มันก็จะคิดว่าตัวเองชนะแล้วก็เลิกไปเอง แต่ถ้าเราไม่ยอมเรื่องก็ไม่จบ...”



“แล้วทำไมคนที่เดือดร้อนต้องเป็นน้ำเงินกัน...รู้ไหม ตอนที่มึงโทรมา กู...ตกใจขนาดนไหน”มันว่าด้วยสีหน้าโกรธแค้นและเจ็บปวด...



โกรธที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้...



เจ็บเพราะน้ำเงินต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้...



ผมเห็นท่าไม่ดีจึงออกแรงรั้งคอมันลงมา มันก็ยอมแต่โดยดี พวกเราแลกจูบกันดูดดื่ม...ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ



เพราะพึ่งผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมา...



ความเร่าร้อนซึ่งเกิดจากอาการผิดปกติบางอย่างคุกรุ่น ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็มองร่างสูงของคนชื่อเหมือนแสงสว่างซึ่งนั่งอยู่ขอบเตียงและมองมาด้วยแววตาเว้าวอน



“ได้ไหม”ถึงมันจะถามไม่ชัด แต่ผมก็เข้าใจ เพราะสัมผัสร้อนวาบจากฝ่ามือที่กำลังลูบไล้ผิวกายของผม...ตั้งแต่ต้นคอ ช่วงอก...ปลดกระดุมเสื้อผู้ป่วยตัวหลวม...ลากต่ำมาจนถึงท้องน้อยและสัมผัสเบาๆตรงส่วนอ่อนไหวภายใต้กางเกง...



“หึ...มึงถาม...แต่มึงไม่รอคำตอบ”



“กูตอบให้แทนมึงแล้วไง...ว่าได้...”ผมมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะปรือตาลงแล้วก็กัดฟันเพื่อข่มเสียงซึ่งหลุดลอดออกจากริมฝีปาก   เม้มปากแน่นเชิดใบหน้าขึ้นเมื่ออีกฝ่ายดึงมือกลับแล้วหันมาใช้ลิ้นแทน...   



   มันดันให้ผมล้มตัวลงนอนแล้วก็ดึงชุดคนป่วยออกไป  ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ผมหนาวแต่หนาวได้ไม่นานก็ถูกความร้อนโหมใส่ระลอกใหญ่ ลิ้นอุ่นๆของเปลวตะวันไล่เรียงจากต้นคอแล้วก็ลงไปดูเม้มยอดอกอย่างไม่เกรงใจเจ้าของ



“อะ...มึง! ตรงหน้าไม่...อื๊อ...”ในที่สุดผมก็กลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหว คำพูดเพื่อห้ามถูกกลืนหายไปพร้อมกับความเสียวซ่านจนอดใจไว้ไม่ไหว



       รู้ตัวอีกที่กางเกงก็หลุดลงไปกองที่ปลายเท้าเสียแล้ว...



   “เปลว...”ผมเรียกชื่อคนที่กำลังกอบกุมตรงนั้นของผมเอาไว้ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้ม มันก้มหน้าและไปใช้มือขยับขึ้นลงและใช้ลิ้นแตะสัมผัสพร้อมหยอกเย้าด้วยโพรงปาก



“เด็กโง่ต้องโดนสั่งสอน”



“อา...โง่อะไร”



“ต้องสอนให้จำว่าคราวหลังอย่าไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้า”มันตอบช้าเพราะปากมันไม่ว่าง



เปลวละจากสิ่งที่มันกำลังทำอยู่หันไปหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเป้ของมัน จังหวะนั้นผมรีบเอามือปิดหน้าตัวเองด้วยความอายแทนที่จะไปปิดโคมไฟหัวเตียง(?)



“ถ้าเจ็บก็บอกนะ”เปลวตะวันหันมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



ผมมองเจลในมือมันแบบหวั่นๆ”มึงจะหยุดรึไง”ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครมันหยุดหรอก อย่างมากก็จูบปลอบแล้วก็พูดว่าไม่เจ็บนะครับคนดีเท่านั้นแหละ...



“อืมหยุดสิ”แต่คำตอบกลับผิดคาด โดยไม่มีเวลาให้ผมตกใจร่างสูงก็ทาบทับลงมาแล้วบดเบียดริมฝีปากกันครู่ใหญ่”ก็ไม่อยากให้น้ำเงินเจ็บนี่”มันหยอกกระเซ้า



นิ้วอุ่นเรียวยาวหยอกล้อเล่นกับช่องทางที่ปิดสนิทช่วงล่างของผู้อยู่ใต้ตน ผมเผลอกำที่นอนด้วยความเกร็งแต่มันก็เลื่อนมือผมไปจับบ่ามันแทน...



“ฮ......”   เสียงหอบหายใจเบาๆหลุดรอดจากริมฝีปาก เมื่อถูกบางอย่างที่มากกว่านิ้วลุกล้ำเข้ามา



ผมจิกมือไปที่แผ่นหลังของมันอย่างแรงก่อนจะครูดไปมาเมื่อมันขยับเข้ามาลึกขึ้น”จะ เจ็บเหรอ!?”เปลวตะวันถามอย่างตกใจ ทำท่าจะผละตัวลุกผมก็เลยต้องรั้งมันเอาไว้...



“เจ็บ อือ...เจ็บแต่...ห้าม...ห้ามหยุดนะ...”ใบหน้าร้อนจนไม่รู้จะร้อนอย่างไรแล้ว เกิดมาต้องพูดคำนี้ด้วยเหรอเนี่ย...



แล้วก็หลุดร้องออกมาอีกครั้ง“อะ.....อ....” ใบหน้าเชิดขึ้นส่งเสียงครางแผ่วเบาราวกับไม่อยากให้คนด้านบนได้ยิน...คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บ



“อื๊อ...ยังไม่สุดอีกเหรอ...”ผมถามขณะพยามปรือตาขึ้นมาคนด้านบนแล้วก็เห็นรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าหล่อเหลานั่น...



“ไม่ไหวแล้วเหรอครับ เพิ่งเข้ามาได้ครึ่งเดียวเองนะ”



อา...รอยยิ้มนั้นคือรอยยิ้มดีใจของคนใหญ่คนโตสินะ เมื่อรู้ว่าพลาดแล้วผมก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปาก จากนั้นก็หลับตาปี๋รอรับความรุ่มร้อนที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาต่อไป...จนสุด...



“อ..อ๊ะ!!!!”แม้จะปิดปากซ่อนหน้าแดงๆเอาไว้แล้วก็ไม่อาจกักกั้นเสียงซึ่งหลุดรอดออกมาเมื่อมีการเคลื่อนกายขึ้นหลังค้างนิ่งเพื่อให้ผมปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง



และนั่นก็ถี่กระชั้นและรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ           



ปลายเท้าจิกลงพื้นด้วยความเสียวซ่าน  ดวงเนตรปรือหลับลงเม้มปากแน่นไม่ยอมหลุดเสียงที่น่าละอายออกมา  แต่เหมือนโดนแกล้งให้หลุดออกมาอยู่ตลอด  จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายเคลื่อนสะโพกตามผสานไปกับจังหวะเดียวกัน 



       “ของมึงแน่นมากจนไม่อยากเชื่อเลยนะ”   ขยับเพียงนิดเดียว ผมก็หลุดเสียงครางหวานออกมาแล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดแบบนี้....ผมคลี่ยิ้มบางๆ ให้คนที่จงใจพูดเพื่อกลั่นแกล้งกัน



“อ้าวๆ...ก็ ...อา...เป็นครั้งแรกนี่ ฮ๊า...”ร่างกายสั่นไหวไปตามแรงขยับกายของอีกฝ่าย



       “รู้น่า”   เปลวสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้มให้กับผม...คนที่ยอมแต่โดยดี พร้อมขยับกายรวดเร็วขึ้นจนผู้ถูกกระทำมิอาจเอ่ยสิ่งใดได้อีก



คลื่นความปารถนารุนแรงโหมในร่างกายของคนทั้งสอง   ปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์



“น้ำเงิน...เปลวรักน้ำเงินนะ รักมากๆเลย”



       “อะ อืม กูก็รักมึงเหมือนกัน...อ๊ะ..อ๊า!!”ผมเปล่งเสียงตอบพร้อมกับอุณหภูมิในกายซึ่งขึ้นสูง หยาดปรารถนาของพวกเราปลดปล่อยหลังจากนั้น   



แลกเปลี่ยนจุมพิตดื่มด่ำท่ามกลางความเงียบงันซึ่งได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจ  และเสียงหัวใจซึ่งกลับเป็นจังหวะถี่ราบเรียบดังเดิม 
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 26/08/15 [ บทที่ 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 26-08-2015 19:04:14



บทที่ 26




ให้ตายเถอะ ผมว่าผมกำชับนักกำชับหนาแล้วนะว่าอย่าทำอะไรพวกเม่น...แต่ทว่าไอ้คุณเปลวมันไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย...
เมื่อกี้ไอ้แชคมันเพิ่งโทรมารายงานข่าวด่วนให้ผมฟัง...ไอ้เม่นและเพื่อนพร้อมครอบครัวถูกย้ายไปต่างจังหวัดคนละทิศละทางเลยด้วย!!



พระเจ้า!!



นายน้ำเงินใช้เวลาของวันหยุดวันสุดท้ายในการเดินทางไปหาเปลวตะวันตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาโมโหขนาดนี้ถึงบ้าน...หลังทราบข่าวจากแชคเพื่อนรักผมก็รีบถามที่อยู่เปลวจากมันทันที



ท่ามกลางความงุนงงของป้าตาแม่บ้านผู้กำลังยืนกวาดบ้านอยู่ หล่อนเห็นผมแต่งตัวอย่างหล่อเดินลงมาจากชั้น2 ก็รีบวางไม้กวาดแล้วรั้งตัวผมไว้อย่างแปลกใจ”เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ”ท่าทางตกใจเหมือนเห็นผีนั่นมันอะไรครับป้า



ผมขยี้หัวแบบเซ็งๆ”ป้าครับ การที่ผมจะออกจากบ้านในวันหยุดวันสุดท้ายมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
เชอะ”



“แปลกสิลูก แปลกมากๆเลย ปกติจะต้องฝังตัวอยู่หน้าคอมแล้วก็คร่ำครวญอยากอยู่บ้านให้นานที่สุดไม่ใช่เหรอคะ”



“อืม...นั่นก็เพราะว่า...ผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วยังไงล่ะ!!!”จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งยิ้มยิงฟันโพสต์ท่าหล่อ(?)แล้วก็แจ้นออกจากบ้านไปทันที ขืนอยู่ต่อป้าแกคงซักไม่เลิก



“แท็กซี่!”ผมโบกรถที่หน้าปากซอยแล้วก็เข้าไปนั่งแบบมั่นใจไม่กลัวคนขับปฏิเสธ”ไปที่xxxxx ครับ!”พูดจบผมก็นั่งพิงเบาะ ลุงคนขับแกก็ทำหน้าเหรอหราแล้วก็ยอมออกรถไปแต่โดยดี...



ใช้เวลานานกว่าที่คิด รวมรถติดแล้วก็เป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงผมลอบกลืนน้ำลายมองมิเตอร์แสดงราคาค่าโดยสารแบบหวาดๆ...เข้าใจเลยว่าทำไมไอ้เปลวมันถึงติดนิสัยขึ้นแท็กซี่...ถึงจะแพงก็เถอะแต่ผมว่าขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงกับเงินแค่นี้หรอก
ขนาดนั่งรถแท็กซี่มาทางลัดยังใช้เวลาขนาดนี้ถ้านั่งรถเมล์ล่ะจะขนาดไหน...



“นี่ครับ”ผมยื่นเงินให้ลุงแกก่อนทำท่าจะลงจากรถไป



“เดี๋ยว!”แต่ก็ถูกเรียกไว้ก่อน



“เอ็งรู้จักคนที่นี่ด้วยเหรอ”คำถามของลุงทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็พยักหน้าแล้วก็ก้าวลงจากรถไปแบบไม่คิดอะไร...แต่ทันทีที่ผมก้าวขาลงจากรถและเห็นภาพ’บ้าน’ตรงหน้าชัดๆผมก็แทบจะปิดประตูกลับเข้าไปใหม่แล้วก็ถามลุงแกว่าพามาถูกที่แล้วจริงหรือด้วยความตกใจ...



“บะ...บ้าน?”



ตรงหน้าผมคือคฤหาสน์ จากจุดที่ยืนอยู่ทำให้ถูกรั้วสีขาวทองลวดลายสวยงามตระกาลตาบดบังสวนด้านใน...แต่ถ้าเป็นตัวคฤหาสน์สูงเด่นเป็นสง่าล่ะก็เห็นนะ...เห็นชัดจนไม่กล้าไปกดออดเพราะกลัวมาผิดบ้านแล้วจะโดนยามหน้าเข้มซึ่งยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจวกเอา...



“มาหาใครครับ”



สุภาพกว่าหน้าตา...ผู้รักษาความปลอดภัยเดินออกมาจากป้อมหน้าประตูและสอบถามผมอย่างเป็นมิตร



“เอ่อ มาหาเปลวครับ...”



“โอ้ว! เพื่อนคุณเปลวเหรอครับ เชิญเลยครับเชิญเลย”ว่าจบแกก็วิ่งเหยาะๆไปกดเปิดประตูให้



“...”



“...”



“เข้าไปได้เลยครับ ผมติดต่อแม่บ้านข้างในให้แล้วครับ”



ผมพยักหน้ารับคำแล้วก็ก้าวขาสั่นๆเดินเข้าไปในตัวบ้าน...ไอ้เวรแชค ไอ้เลว...มึงไม่บอกกูว่ากูจะมาเจอกับอะไร...มึงจำไว้เลยนะ!!



ผมเดินตัวแข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์ผ่านน้ำพุตรงกลางสวนไปก่อนจะเห็นว่ามีแม่บ้านสองคนเปิดประตูบ้านออกมาแล้วก็ก้มหัวแสดงความเคารพผมเล็กน้อย”ห๊ะ! เอ่อ ไม่ต้องก็ได้ครับ!!”เดือดร้อนเด็กสุภาพต้องโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน


“เชิญเข้ามานั่งด้านในก่อนค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอะไรคะ เดี๋ยวดิฉันจะได้รายงานคุณเปลวถูก”



“อ่า...น้ำเงินครับ”



พูดเหมือนคนติดอ่าง ผมเงยหน้ามองเพดานซึ่งสูงพอจะติดโคมแชนเดอร์เรียคริสตัลขนาดใหญ่เป็นเมตรได้แบบหวาดๆว่ามันจะร่วงใส่หัวก่อนจะถูกพาไปนั่งที่โซฟาห้องรับรองแขก...



“วันนี้พวกคุณท่านไม่อยู่มีคุณเปลวอยู่บ้านแค่คนเดียว...เชิญตามสบายนะคะ”เธอกล่าวก่อนจะเดินหายลับเข้าไปที่ไหนสักแห่ง...สงสัยจะเดินไปตามเปลว...ผมคิดในจังหวะเดียวกับถ้วยชาพร้อมแก้วใส่น้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า แม่บ้านอีกคนนำเครื่องดื่มมาเสริฟแล้วก็เดินค้อมหัวจากไปแบบเงียบๆ



เว่อร์วังมาก!!!



เกิดมาผมไม่คิดว่าจะได้ใช้คำนี่ในสถานการณ์ที่เหมาะกับมันขนาดนี้เลย



บ้านมันทำมาหากินอะไรกันแน่!!?



“คุณเปลวเพิ่งตื่น เขาบอกให้คุณรอสักครู่เขากำลังรีบอาบน้ำครับ”ยังไม่ทันได้สำรวจบ้าน’เพื่อน’แล้วเสร็จก็มีเสียงคนทักขัดจังหวะเสียก่อน ผมรีบหันขวับไปตามเสียงแล้วก็พบเข้ากับชายชราเส้นผมสีขาวถูกเสยเรียบร้อยในชุดเครื่องแบบที่ทำให้แขกรู้ว่าเป็นพ่อบ้าน



“อ่า...ครับ”



“เชิญขึ้นไปรอที่ห้องของคุณเปลวก่อนสิครับ”ชายแก่กล่าวก่อนเดินนำไปทำให้ผมต้องลุกตามอย่างว่างาย



“ปกติแล้วคนที่มาหาคุณเปลวก็มีแค่คุณฟงเท่านั้นแหละครับ พอคุณมาพวกเด็กๆก็เลยตื่นเต้นกันใหญ่”



ว่าสิ..ตั้งแต่เข้ามาก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา...



“ที่นี่ครับ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกได้นะครับ”คุณพ่อบ้านคนนั้นกล่าวลา



“ขอบคุณครับ”ผมรีบยกมือยกไม้ขอบคุณแกก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในด้าน...ห้องนอนของเปลวตะวัน...พระเอกที่เพิ่งมาเปิดเผยฐานะทางบ้านตอนจบเรื่อง



“ห้องนอนมันใหญ่พอๆกับห้องเรียนเลย”เดินเข้าไปก้มๆเงยๆรอบห้อง ทั้งเปิดเครื่องเสียงข้างโทรทัศน์คลอเพลงสากลคลาสสิคไปพลางถือวิสาสะขึ้นไปกลิ้งบนเตียงคิงไซส์สี่เสาสบายใจ



ซ่า...



ทันใดนั้นเองเสียงปริศนาก็ดังเรียกสายตามาจากบานประตูบานเล็กๆข้างทางเข้าห้อง...ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ...



อย่าบอกนะว่าบ้านนี้สร้างห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนลูกทุกคน



นึกถึงข้อมูลที่แชคเคยบอก...เห็นว่าครอบครัวเปลวประกอบไปด้วยคุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ คุณพี่ชายคนโต คุณพี่สาวคนรองและคุณพี่ชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกคนก่อนหน้ามัน...



ครอบครัวใหญ่มากและทุกคนก็ทำงานทั้งหมดทำให้ช่วงกลางวันแบบนี้ไม่มีคนอยู่สินะ...



“ไม่คิดเลยนะว่าจะกล้าขึ้นมาจริงๆ ติดใจเมื่อคืนนั้นสินะ...”คำพูดถากถางทำให้ผมต้องกระเด้งตัวขึ้นมามองหมายจะตอบโต้เสียหน่อย...แต่กลับเป็นฝ่ายนิ่งเสียเอง...



เปลวตะวันในสภาพผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวปกปิดร่างกายเผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งและหยดน้ำที่ไหลเอื่อยผ่านกล้ามท้อง! มือใหญ่วางผ้าขนหนูผืนเล็กบนศีรษะก่อนจะขยี้พอหมาด การกระทำดูเป็นธรรมชาติแต่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มมุมปากน้ำเอาคนเห็นลอบกลืนน้ำลายหวาดๆ



แทนที่จะไปหยิบเสื้อกลับทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง



“มาหาทำไม คิดถึงเหรอ...หืม?”



กลิ่นหอมจากแชมพูและอะไรต่อมิอะไรทำให้น้ำเงินเมามาย



ร่างสูงไม่ปล่อยให้เสียโอกาส เขาเคลื่อนตัวเบียดประชิดคนที่ยังรวบรวมสติไม่ได้ทันที



ผมรับหันหน้าไปทางอื่นเพื่อนซ่อนความเขินและตอบเสียงอู้อี้ไปว่า”ก็กูบอกแล้วว่าอย่าไปเอาเรื่องเม่น...”



“แต่ที่น้ำเงินทำอย่างนั้นไม่ใช่เพราะสงสารแต่เป็นเพราะไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดไม่ใช่หรือไง...”ว่าพลางตวัดแขนพาด
ไหล่”เปลวก็จัดการให้เรื่องจบบริบูรณ์แล้วนี่ ไม่ดีเหรอ?”



กระซิบข้างหู!!



ไอ้เลวเปลวมันกระซิบข้างหูทำเอาคนถูกแกล้งตั้งแต่หัววันอย่างผมขนลุกซู่!



“วะ...ว่าแต่มึงแน่ใจได้ยังไง...ว่าเรื่องจะจบ บ้านมึงทำอะไรกันแน่!!?”



“อ้าว...นี่ยังไม่เคยบอกเหรอ?”



“ก็ยังนะเซ่!!”



“หึหึ มิน่าล่ะถึงกล้ามาถึงนี่ ฮ่ะๆๆๆ”ดูมันหัวเราะเยาะ



“ก็เป็นข้าราชการเก่าแก่เลยพอมีอำนาจอยู่บ้าง รู้เท่านี้ก็พอ...ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ทำอยู่ไม่ใช่หรือไง?”



“ทะ...ทำอะไรน่ะ”ผมแหวประโยคโง่เง่าเต่าตุ่นออกมา เมื่อถูกจับกดลงกับเตียงและถูกขึ้นคร่อม



“ก็เห็นจ้องมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วไม่ใช่หรือไง หึหึ”รอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของเปลวตะวันถูกแทนที่ด้วยการแสยะยิ้มร้าย นัยน์ตาพราวระยับเมื่อได้ของถูกใจมาไว้ในมือ ด้วยความอายจนไม่กล้าสู้หน้าผมจึงหลุบตาลงต่ำและ...ก็พบว่าเจ้าผ้าขนหนูผืนน้อยกำลังจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่จากเอวแกร่ง



“อา...น้ำเงิน...ยั่วกันสินะ”เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูก่อนจะซุกไซ้ตรงซอกคอ



“ไม่ได้ยั่วนะ!!”



“ไม่เชื่อ...”ยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว ทำไมผมต้องมาแพ้ให้สีหน้าลำพองใจของคนด้านบนนี้ตลอดเลยล่ะ...น่าหมั่นไส้จะตาย
มือแกร่งคว้าข้อมือของผมเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วก็รวบไว้ด้วยมือข้างเดียวเหนือหัว...



“เสียงหัวใจมึง มันดังจนกูได้ยินแล้วน”พูดจาแบบนี้...  ก็ตายสิรออะไร...ผมจิ๊ปากแสร้งทำเป็นไม่พอใจกับคำพูดของมันแต่
ร่างกายกลับไม่ต่อต้านการคุกคาม...เสื้อตัวเก่งที่อุตส่าห์ซักรีดแต่เช้าถูกถอดปลิวตกอยู่ข้างเตียงตามมาด้วยกางเกง...



ผมคงถูกสะกดให้หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นจากเจ้าของลิ้นร้อนๆซึ่งกำลังลากเลียปะป่ายไปทั่วร่างนี้สินะ...


มันร้อน...ร้อนจนพร่าเรือนไปหมด...


มือใหญ่ปาดป้ายมอบสัมผัสไปทั่วร่างของผม  ริมฝีปากคลอเคลียแลกเปลี่ยนความหอมหวานไม่ยอมห่างกัน...


.


.



เสียงเครื่องยนต์ maseratiดังแว่วเขาหูเปลวตะวันค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาขยี้ผมสองสามครั้ง ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมบางอย่างทำให้เขาไม่อยากลุกไปไหน...



...เสียงรถของพี่ฟ้าสินะ...



เพราะอาทิตย์นี้ไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากเขาแลพี่ชายคนรองอีกแล้ว..



เปลวตะวันเลิกให้ความสนใจ เขาล้มตัวลงนอนอีกครั้งและรวบร่างโปร่งข้างกายเข้ามาในวงแขนเจ้าของเรือนผมสีดำขลับผู้อุตส่าห์มาหาถึงบ้านหลับไหลเพราะความเหนื่อย...กระชับผ้าห่มผืนหนาให้ห่อหุ้มร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้



“เดี๋ยวตื่นแล้วพาไปหาพี่ฟ้าดีกว่า...”ลูบเรือนผมนุ่มนั่นอย่างอ่อนโยน... พลางคิดใบหน้ายามล่วงรู้ความลับของพี่ชาย...   



พี่ฟ้าอย่างมากก็แค่ตกใจ...เขาเกิดมาในครอบครัวเก่าแก่แต่ก็ทันสมัย(?)ไม่มีใครกีดกันหรอก



”ก็เปลวรักน้ำเงินขนาดนี้ ใครจะมาห้ามได้ล่ะเนอะ”  โน้มก้มใบหน้าลงแนบสัมผัสริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนขาว...   



จะปกป้องดูแลตลอดไป



จะมอบความรักให้เพียงคนเดียว



หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 26/08/15 [ บทที่ 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 26-08-2015 19:14:13
ตอนต่อไปจะมีดราม่ามั้ยเนี่ยยยยยย

 :hao7: :hao7: :hao7:

บ้านเปลวจะรับได้จริงๆหรอออออ หวังว่าเปลวคงไม่ได้คิดไปเองคนเดียวว่าที่บ้านจะโอเคนะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 26/08/15 [ บทที่ 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 27-08-2015 00:30:10
อิอิ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 26/08/15 [ บทที่ 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 27-08-2015 11:40:42
น้ำเงินนนนน ทำไมหนูมาให้เค้างาบถึงที่เลยล่ะะะ แหมมมม เปลวนี่ก็ไม่ได้ให้น้ำเงินได้ตั้งตัวเลยทีเดียว รวบหัวรวบหางเสร็จ เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 26/08/15 [ บทที่ 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-08-2015 10:49:48
อ่านถึงบทที่ 4 ขอจีบน้ำเงินเหรอเปลวตะวัน น่าร๊อกอ่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 26/08/15 [ บทที่ 26 ]
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 30-08-2015 16:05:57
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 30-08-2015 16:12:51




บทส่งท้าย




เอาล่ะครับ...จากนี้ไปคือปัญหาใหม่ของผมซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องอาหารของบ้านไอ้เปลว นายน้ำเงินผู้เมื่อยล้าไปทั้งกายและใจกำลังนั่งฉีกยิ้มแห้งเหือดส่งไปให้ร่างโปร่งตรงหน้าในขณะที่เปลวตะวันขอตัวไปรดน้ำต้นไม้ในสวน...



เลวมากมึง ใช้คนสวนรดให้ก็ได้ไหม ทำไมต้องโดดออกไปตอนสำคัญแบบนี้ด้วย



คนที่อยู่ตรงหน้าของผมก็คือพี่ชายของไอ้เปลว...พี่ฟ้าซึ่งเห็นหน้าแวบแรกผมคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง



ทั้งผิวพรรณขาวละเอียด ร่างกายบอบบางและส่วนสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบต้นๆ นัยน์ตากลมใสสีเดียวกับท้องฟ้ายามราตรีกำลังจับจ้องมายังผมซึ่งนั่งประสานมือไว้บนตักตัวลีบเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงข้ามพี่แก



“ขออนุญาตค่ะ”แม่บ้านนำเค้กกับน้ำชามาเสริฟช่วยลดทอนความตึงเครียดให้ผมได้หน่อยหนึ่ง



แต่ก็นะ ขอชมอีกทีเถอะ...สวยมาก สวยจนไม่คิดว่าจะเป็นผู้ชายและเป็นพี่ชายของเปลวได้เลย...



“ระหว่างชอกโกแลตกับสตรอเบอรี่ชอบกินอะไรมากกว่ากันเหรอ?”



หะ...คำถามของคนตรงหน้าหมายความว่ายังไงกัน!?...เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าอยากพิสูจน์เกย์เขาจะถามว่าชอบองุ่นหรือแตงโมมากกว่ากันซึ่งผมที่อ่านผ่านๆก็จำไม่ได้ว่าเฉลยคืออะไร หรือนี่จะเป็นหนึ่งในวิธีลองเชิงของพี่เขย!!!!?



ว่าแต่เราก็เป็นเกย์ไปแล้วจะนั่งเหนียมไปทำไม



“อ่า...สะ สตรอเบอรี่ครับ...”ผมไม่ชอบกินหวานจัดก็เลยไม่ชอบช็อกโกแลต ไม่ใช่ว่าชอบตอแหลนะครับคุณพี่”แต่ที่ชอบที่สุดจริงๆคือบลูเบอรี่ครับ”



“เหรอ เหมือนกันเลย พี่ก็ชอบลูเบอรี่ที่สุด พวกเราน่าจะเข้ากันได้ดีนะว่าไหม”



“ครับ!!”



“คิกๆ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้น่า ว่าแต่คบกันมานานหรือยัง ในบ้านนี้พี่สนิทกับเปลวที่สุดเขาก็เลยพูดถึงเราให้ฟังบ่อยๆ แต่ไม่ได้บอกสถานะ”พี่ฟ้าเว้นจังหวะ มือเรียวยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสลัวแล้ว แถมโดนสายตาคมกริบจ้องทะลวงร่างขนาดนี้ผมว่าผมพรุนแน่



“อ่า...ครับ ก็สนิทกันพอสมควร”



“สนิทกันขนาดไหนเหรอ?”



ผมว่าพี่ชายคนนี้คงระแคะระคายเรื่องของเราพอสมควร ตอนที่เปลวจูงมือผมลงบันไดมาหาพี่แกที่ห้องนั่งเล่นแกก็ถามออกมาทันทีว่า...น้ำเงินใช่ไหม....ด้วยสีหน้าแววตายิ้มแย้ม ไม่ได้ตกใจที่น้องชายเดินจูงเพื่อนผู้ชายในบ้านแม้แต่น้อย



เอาอย่างไรดีล่ะทีนี้...คำถามเรื่องบลูเบอรี่เมื่อกี้อาจจะถามเล่นๆแบบชวนคุย แต่คำถามนี้ใช้ลองใจของจริง



เปลวไม่เคยบอกว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ก็เล่าเรื่องของผมให้พี่ฟ้าฟังเป็นการบอกโดยนัย



ถ้าบอกว่าสนิทกันแบบเพื่อนพี่เขาจะไม่ประทับใจ...



แต่ถ้าบอกว่าอ๋อ เราเป็นแฟนกันครับ...ก็เกรงว่าจะไร้ยางอายเกินไป ผู้ดีอาจจะรับไม่ได้



ทำไงดี...!!!!?



“หืม ว่าไง สนิทกันขนาดไหนเหรอ?”ชายหนุ่มตรงหน้าเอียงคอถาม จังหวะเดียวกับเปลวตะวันเปิดประตูเข้ามาในห้อง



“อ้าว...ยังคุยกันไม่เสร็จอีกเหรอ?”มันทักขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าถอดสีของผมและสีหน้ามีเลศนัยน์ของพี่ฟ้า



ชัดเลย เมื่อกี้นี้มันจงใจปล่อยผมไว้แล้วก็เดินออกไป



“เปลวมึง...”



“เปลว ในห้องเก็บไวน์มีไวน์ปี 1957อยู่ขวดหนึ่งไปเอามาให้พี่ทีสิ”



จะแว๊กกกก...คุณพี่ครับ นี่มันคือการไล่ต้อน!! คำถามของคุณพี่เล็กน้อยมาก แต่แรงกดดันของคุณพี่จะทับผมแบนแล้วนะครับ จิตสังหารน่ะ ช่วยลดลงหน่อยได้ไหม!?



“ยี่ห้ออะไรล่ะครับ ในคลังเรามีไวน์เป็นร้อยๆขวดเลยนะ”เปลวหันมาสบตากับผมอย่างชั่งใจ ผมเลยรีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือออกไป...มึงไปกูงอน โอเค๊!?



“เปลว...พี่ฟ้าของเราเป็นคนใจร้ายเหรอไง? รีบไปได้แล้ว”และแล้วพี่ฟ้ากับรอยยิ้มหวานละไมก็เป็นฝ่ายชนะ ในห้องอาหารกว้างขวางเหลือเพียงเราสองคนอีกครั้ง



“คำตอบล่ะน้ำเงิน”



คนถูกถามหลุบตามองพื้นด้วยความประหม่า รู้สึกน่ากลัวยิ่งกว่าโดนสุชาติเรียกไปพบอีก แต่ก่อนลงมาไอ้เปลวมันบอกว่าพี่ฟ้าเป็นคนใจดีและเข้าถึงง่ายที่สุดในบ้านแล้ว



เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถ้าสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่น่าเป็นห่วงจริงๆมันคงไม่หันหลังเดินออกไปง่ายดายขนาดนี้หรอก



ผมสูดหายใจลึกก่อนจะตอบคำถามตามที่อีกฝ่ายต้องการออกไปด้วยสีหน้านิ่งสงบ...เพราะคำตอบนี้จะแสดงความลังเลออกไปไม่ได้เด็ดขาด



“สนิทกันขนาดคบเป็นแฟนครับ”



กลั้นใจตอบออกไปก่อนใจที่เย็นชืดจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอื่น รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าหวานละไมของพี่ฟ้าทำให้ความตื่นเต้นทั้งหมดของผมสงบลงอีกฝ่ายเอื้อมมือมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม ผมจึงเอามือของตัวเองวางทาบทับลงไปอย่างรู้หน้าที่ของตัวเอง



มือของพี่ฟ้านิ่มจัง...ผู้ชายบ้านนี้ยิ้มแล้วโลกสว่างขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย



“น้ำเงินน่ารักจัง พี่ชักชอบแล้วสิ สนใจมาเล่นชู้กับพี่ไหม...อ๊ะ แต่เราอยู่ตำแหน่งเดียวกันนี่นะ ฮ่ะๆๆ”



“ห๊ะ...”ถึงจะเสียมารยาทก็เถอะแต่พอได้ยินคำพูดของพี่แกแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะหลุดร้องออกมา พี่ฟ้าหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าเงิบเบาๆของผม



ร่างโปร่งเดินย้ายมานั่งข้างผมแล้วก็สวมกอดหลวมๆ กลิ่นหอมจากตัวของอีกฝ่ายทำเอาผมเคลิบเคลิ้มเผลอเอื้อมมือสวมกอดกลับ



“พี่ชื่อฟ้าจากคำว่าท้องฟ้าก็จริง แต่เพื่อน้องชายที่น่ารักคนนี้พี่จะเปลี่ยนเป็นฟ้าจากสีฟ้าแล้วกันเนอะ”เสียงหวานกระซิบข้างใบหูเล่นเอาผมขนลุก รู้สึกหวิวๆในช่องท้อง



พี่แกเล่นหวานยิ่งกว่าเค้กที่กินเมื่อกี้ขนาดนี้ ถึงผมจะไม่ชอบหวานจัดแต่นานๆก็อยากชิม



พี่ครับ ผมสนใจข้อเสนอเล่นชู้ตอนนี้ทันไหม...เดี๋ยวผมเป็นฝ่ายเปลี่ยนตำแหน่งให้...



“เห้ๆ ทำอะไรกันอยู่น่ะ อย่าบอกนะว่าเล่นชู้?”



ทันใดนั้นเองเสียงมารที่ถูกสั่งให้ไปหาไวน์ก็ดังแทรกบรรยากาศละมุนละไมเข้ามา พี่ฟ้าถอนตัวออกจากผมอย่างอ้อยอิ่งสีหน้าแสนเสียดาย ส่วนผมหันไปยิ้มแห้งๆให้มันซึ่งมองพวกเราแบบงงๆ



คงไม่คิดหรอกว่าไอ้ที่มันแซวเล่นเมื่อกี้ผมจะแอบคิดจริง...อย่าไปบอกมันนะครับ!!



“กำลังกอดน้องสะใภ้”พี่ฟ้าเอาแขนมาคล้องรอบคอผมอย่างแสดงความเป็นเจ้าของซึ่งคนถูกเรียกว่าลูกสะใภ้ก็น้อมรับแต่โดยดีไม่มีการปฏิเสธเก้อเขิน นั่นทำให้เปลวที่พลาดช่วงสำคัญไปถึงกับงง



มันเดินมาหาผม วางขวดไวน์ปี 1957สามขวดลงบนโต๊ะแล้วก็เข้ามาดันตัวพี่ชายออกไป มันทั้งดึงทั้งผลักอยู่นานก็กำจัดพี่ฟ้ามือปลิงออกไปไม่ได้สักที ถ้าใช้ตีนยันได้มันคงทำไปแล้ว



“เชอะ”ในที่สุดพี่ฟ้าก็ยอมแพ้ เลิกแกล้งน้องตัวเองแล้วก็เดินกลับที่ไป



“สนิทกันได้ไงวะ เมื่อกี้ยังเห็นนั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่เลย”เปลวกระซิบถามอย่างค้างคาใจ



“ก็ไม่ทำไม พี่ชายคนนี้ใจดีแล้วก็เข้าถึงง่ายที่สุดในบ้านแล้วไม่ใช่หรือไง หึหึ”ผมตอบกลับแบบกวนประสาต คนโดนย้อนขมวดคิ้วไม่พอใจแต่ผมก็ไม่สนใจหันไปจัดการเค้กที่เหลืออยู่เกินครึ่งชิ้นต่อ



ขณะที่กำลังกินของหวานในเวลาอาหารเย็นอยู่นั้นเองพี่ฟ้าก็แทรกขึ้นมาว่า”คืนนี้จะค้างที่นี่ไหม”



“อะ ไม่ล่ะครับ พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว กลับบ้านดีกว่า”



“แต่คืนนี้พ่อแม่แล้วก็พี่อีกสองคนไม่กลับบ้านนะ”ข่าวใหม่บวกกับการคะยั้นคะยอของอีกฝ่ายเริ่มทำให้ผมเขว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ



“ผมว่าไว้มาใหม่วันหลังดีกว่าครับ”ผมปฏิเสธแบบสุภาพครั้งแรกในชีวิต โหย...มีมารยาทมากอ่ะ สมแล้วที่หม่อมแม่อบรมมาดี(?)



“เหรอน่าเสียดายจัง แล้วจะอยู่ทานข้าวเย็นก่อนไหม ถ้ารีบเดี๋ยวให้เขาอามาเสริฟให้ตอนนี้เลยก็ได้นะ”



“เอ้อ...”เอาแล้วไงครับน้ำเงินคนมารยาทงามอยากกลับไปกินข้าวบ้านแล้วแต่จะปฏิเสธพี่เขาบ่อยๆก็ดูไม่ดี ทำไงดีวะ...ทางออกของผมคือหันขวับไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ



“หิวแล้วเหรอ เพิ่งกินเค้กไปไม่ใช่เหรอไง”แล้วมันก็รู้งาน คำถามที่มันส่งมาเรียกรอยยิ้มพอใจบนใบหน้าของผม



“ยังอิ่มอยู่เลย เอาไว้กลับไปกินบ้านดีกว่าเนอะ”



“งั้นจะกลับเลยใช่ไหม เดียวให้คนขับรถไปส่ง เปลวก็นั่งไปด้วยกันสิ นี่อ่ะ พี่ฝากไวน์สองขวดนี่ไปสวัสดีพ่อแม่เราด้วยนะ”มือเรียวหยิบยกเอาขวดไวน์ซึ่งใช้ให้เปลวไปหาส่งมาให้ผมสองขวด ส่วนอีกขวดสงสัยเก็บไว้กินเอง



ก่อนจะมีมือที่สาม(?)ยื่นมารับขวดไวน์ไปถือไว้เอง ผมเหลือบตามองเปลวตะวันซึ่งไม่พูดไม่จาอะไร มันสบตากับพี่ชายของมันซึ่ง
ยืนมอบยิ้มละไมกลับไปให้ เหมือนกำลังสื่อสารบางอย่างด้วยสายตากันอยู่และในที่สุดก็ละสายตาจากกันแล้วร่างสูงก็หันมาบอกให้ผมเดินตามเขาไปที่รถ



.



.



“ส่งไวน์มาสิเดี๋ยวกูเอาไปให้แม่เอง”ผมกล่าวหลังจากนั่งรถมาสักพัก ดูแล้วอีกไม่นานก็จะถึงบ้านของผม ที่เบาะหลังของรถยุโรปผมกับลูกชายเจ้าของรถนั่งสบตากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนว่าเปลวกำลังคิดอะไรอยู่เลยไม่ตอบอะไรกลับมา สีหน้าของมันติดจะจริงจังจนคนมองไม่กล้าทักอะไร



“เดี๋ยวกูเอาไปให้เอง”มันตอบกลับมา



เล่นเอาผมแปลกใจไม่น้อย งั้นก็แสดงว่ามันจะลงไปทักทายพ่อกับแม่น่ะสิ...เห้ยๆ ในฐานะอะไรวะ อยู่ๆก็เอาไวน์โคตรแพงมาให้ชาวบ้านเขาตอนค่ำมืดแบบนี้



“อย่าบอกนะว่ามึง!”คนที่เพิ่งเข้าใจความหมายที่สองพี่น้องสื่อสารกันทางสายตาอย่างผมอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง มองคนข้างกายที่มีอาการเกร็งไม่น้อยเหมือนกันอย่างไม่อยากจะนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้



“ครอบครัวกูรับรู้แล้ว ครอบครัวมึงก็ควรจะรู้เช่นกัน”



“!!!”



เหมือนพระเจ้าจะไม่ต้องการเวลาให้ผมปฏิเสธเมื่อผ่านไปแค่อึดใจรถก็แล่นเข้ามาในหมู่บ้านของผมแล้ว เปลวเปิดประตูรถลงไปก่อน ตอนนี้เวลาเกือบๆสองทุ่ม ไฟในบ้านยังเปิดอยู่แต่รถของพ่อไม่ได้จอดอยู่ในโรงรถ



“เห พ่อยังไม่กลับเหรอ”ผมเอียงคออย่างสงสัย แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ ที่สำคัญก็คือไอ้คุณเปลวที่เดินลิ่วไปเอาโซ่คล้องรั้วออกแล้วก็ผลักประตูเข้าไป เอาที่มึงสบายใจเลย คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองเลย เหอะๆ



“สวัสดีครับ ผมพาน้ำเงินมาส่งครับคุณแม่”



นอกจากมันจะคิดว่าเป็นบ้านของตัวเองแล้วยังฝากฝังตัวเป็นลูกชายของแม่ผมเรียบร้อยแล้ว แต่พอพวกเราถอดรองเท้าแล้วก็เดินเข้ามาในบ้านกลับไม่มีวี่แววว่าจะมีใครเดินออกมาดูสักคน



“แม่!?”ผมลองตะโกนเรียกแม่ดูอีกครั้งหนึ่งก่อนร่างเล้กจิ๋วของน้องสาวผู้น่ารักจะเดินลงมาจากชั้นสอง



“พี่น้ำเงินคะ...”ดวงตากลมใสของเด็กน้อยเต็มตื้นไปด้วยหยาดน้ำตา น้ำตาลวิ่งเข้ามาหาพวกเราด้วยความดีใจ ดูท่าเธอจะอยู่คนเดียวแล้วก็รู้สึกกลัวเลยเปิดไฟเอาไว้ทั่วบ้านขนาดนี้



เด็กหญิงผู้กำลังหวาดหวั่นจนตัวสั่นโผเข้ากอดร่างสูงอันเป็นที่พึ่งทางใจ น้องสาวของผม...วิ่งเข้าไปกอดไอ้เปลวแน่นแล้วก็ปล่อยโฮออกมาแบบไม่ใยดีพี่ชายตัวเอง



เอิ่มคือ...



“โอ๋ๆ น้ำตาล เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”เปลวเอามือลูบหัวทุยๆของน้ำตาลซึ่งร้องงอแงไม่ยอมหยุด



“วันนี้คุณพ่อไม่กลับบ้าน...น้ำตาลอยู่กับแม่สองคน แล้วก็...คุณแม่ก็...ฮือออ ทำกับข้าวให้น้ำตาลอยู่ดีๆก็ล้มพับลงไป พี่เปลวคะ คุณแม่จะเป็นอะไรมั้ยคะ”เธอถามขณะเกาะบ่าเปลวแน่น มันหันมามองหน้าผมอย่างขอคำปรึกษาก่อนจะอุ้มน้องสาวผมขึ้นมาแล้ก็ถามว่า



“ตอนนี้คุณแม่อยู่ไหนครับ?”



เออ...มองหน้าถามกูแต่ไม่รอคำตอบ เมินกันเข้าไป ทั้งสองคนเลย ชิส์



ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นตามที่น้ำตาลบอก ผมช็อคมากตอนเห็นแม่นอนแผ่อยู่บนพื้นสภาพเสื้อผ้ายับเยิน



“แม่ครับ!! แม่!!”ผมรีบปราดเข้าไปดูอาการของกร่อนด้วยสีหน้ากังวล



“อืม...อ้าว น้ำเงินเหรอลูก เอ๋ แม่มานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงเนี่ย อืม...อ้าว เปลวก็อยู่ด้วยเหรอลูก แล้วน้ำตาลร้องไห้เป็นอะไรเหรอคะ”น้ำเสียงอ่อนโยนและท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนมากกว่าคนเพิ่งฟื้นไข้นั่นทำให้คนมองรู้สึกโล่งใจ



“คุณแม่เป็นลมไป น้ำตาลคงพาคุณมาที่นี่ พวกเรากลับมาพอดีตอนที่คุณตื่นครับ”ลูกเขย(?)ช่วยอธิบาย แม่ของผมก็พยักหน้าตามอย่างไม่เอะใจคำที่มันใช้เรียกแม้แต่น้อย



“เหรอ ขอบคุณนะจ๊ะเปลว ขอบคุณน้ำตาลด้วยนะ”เปลวปล่อยน้ำตาลเป็นอิสระ เด็กน้อยวิ่งเข้ามากอดแม่แน่น
แล้วทำไมถึงไม่ขอบคุณผมด้วยล่ะ...เชอะๆๆๆ



“ตายล่ะ ข้าวเย็นไหม้หมดแล้วแน่เลย เดี๋ยวแม่ไปดูก่อนนะ ฝากน้ำตาลด้วยนะเปลว”แม่ส่งน้องสาวให้เปลวซึ่งน้อมรับไปอุ้มไว้ด้วยความยินดีมันยื่นน้องสาวส่งคืนมาให้ผมที่ยืนหน้ามุ่ยเหมือนเป็นคนนอกอยู่ด้วยรอยยิ้มแพรวพราว



“ฝากน้องเดี๋ยวเดียว ไปเอาขวดไวน์ที่วางไว้หน้าบันไดก่อนนะ”



ให้ตายเถอะ...แล้วมันก็เดินหายลับไป ผมเลยอุ้มน้องเดินมานั่งที่โซฟา



“พี่น้ำเงินคะ”



“หืม?”



“ทำไมพี่เปลวมาบ้านเราบ่อยจังคะ เพื่อนคนอื่นๆของพี่มากันแค่ครั้งเดียวเอง”



จึก!!(เสียงโดนแทงใจดำ)



น้องบ้า เด็กรู้มาก เด็กบ้า!!! ผมกระพริบตาถี่ๆจ้องตาน้องสาวช่างสงสัย งานเข้ากูอีกแล้วไง!!



“อย่าถามพี่เขาแบบนั้นสิคะน้ำตาล”ฉับพลันเสียงของแม่ที่ควรอยู่ในครัวก็ดังขึ้น จังหวะเดียวกับเปลวที่ถือไวน์เดินกลับเข้าไปในห้องพอดี



“เรื่องแบบนี้ต้องรอให้พี่เขาเป็นคนบอกเองนะจ๊ะ”



“เอ๋..!?”



“แต่ว่าน้ำตาลอยากรู้นี่คะ”



“ไม่ได้จะไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไปรู้ไหม”แม่ย่อตัวลงไปลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยน



“แต่...ครั้งที่แล้วที่พี่เปลวมาค้าง พี่เค้าเข้าห้องน้ำไปทำอะไรกันก็ไม่รู้สองคนตั้งนานนี่คะ ตอนแรกน้ำตาลก็ยืนรอจะได้เข้านอนพร้อมกันแต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มีใครออกมา พอไปแอบฟังก็ได้ยิน....”



“ว๊ากกกกกกกกก!!!”



เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ตอนนั้นจำได้ว่าผมส่งน้ำตาลเข้าห้องเรียบร้อยแล้วนี่ แล้วทำไมล่ะ ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



นายน้ำเงินตอนนี้สติแตกหน้าแดงแจ๋ยกมือยกไม้ปัดป่าย เดือดร้อนคนเป็นแม่ที่ลอบมองด้วยสายตาเอ็นดูปนขำขันต้องช่วย
เปลี่ยนเรื่องให้



“ดูเหมือนแม่จะปิดแก๊สก่อนจะเป็นลมไปนะจ๊ะ เอาล่ะ เด็กๆมากินข้าวกันได้แล้ว เปลวด้วยนะลูก”หล่อนยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิมแต่คำพูดที่แม่ทิ้งเอาไว้ทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าเปลวอย่างแปลกใจ



น้ำตาลวิ่งตามแม่เข้าไปในครัว ส่วนผมเดินเข้าไปหาร่างสูง



เจ้าของใบหน้าชวนหลงส่งยิ้มมาให้”ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอไง”มันไม่ได้กล่าวอะไรมากกกว่านั้น แต่กลับเดินตามทั้งสองคนเข้าไปในครัวด้วยรอยยิ้มอิ่มใจ ความตึงเครียดที่มันแอบแสดงออกมาให้เห็นในรถสลายไปหมดแล้ว



และนั่น...ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้จริงๆ



ร่างสูงโปร่งของคฑากรโรงเรียนเดินยิ้มเบิกบานเข้ามาที่โต๊ะอาหาร...แม่รู้เองแล้วแบบนี้ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องบอกให้เมื่อย ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจับสังเกตได้ตอนไหนแต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ต้องค่อยเป็นค่อยไปแบบที่แม่ว่า



เอาไว้ค่อยบอกหลังจากจบม.ปลายแล้วก็ไม่สาย



ชามแกงจืดเต้าหูถูกนำมาวางก่อนแม่ครัวที่ทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกสำหรับผมจะตักข้าวให้ลูกๆทีละคน เมื่อพร้อมแล้วผมก็ตักซุบเข้าปาก



อื้ม...อร่อย



“คุณแม่ครับ”ขณะดื่มด่ำกับรสชาตอยู่นั้นเอง ไอ้คนที่ควรจะนั่งกินข้าวเงียบๆแล้วก็กลับบ้านดันพูดโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง มือหนาเอื้อมไปอุดหูน้ำตาลเหมือนว่าเรื่องที่เขาจะพูดต่อไปนี้เด็กไม่ควรได้ยิน



“ผมรักน้ำเงินครับ”



เคร้ง!



ผมเผลอปล่อยช้อนในมือด้วยความตกใจ แต่สีหน้าแน่วแน่จริงจังของมันทำให้ผมไม่กล้าขัดหรือแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น



รักน้ำเงินก็บอกน้ำเงินสิจ๊ะ มาบอกแม่ทำไม”แม่ยิ้มล้อๆ ท่าทางจริงจังแต่ไม่ตึงเครียด




“บอกแล้วครับ”



“เหรอ แล้วน้ำเงินว่าไงล่ะจ๊ะ”



“เขาก็รักผมเหมือนกันครับ”



“ก็ดีแล้วนี่จ๊ะ”



“ครับ ดีแล้วครับ”



“!?”



แล้วพวกเราก็นั่งกินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซะที่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวสิ การสนทนาเมื่อกี้นี้มันอะไร ทำไมถึงพูดเรื่องแบบนั้นกันหน้าตาเฉย



ไอ้เปลว มึงต้องตื่นเต้นสิ มึงอยู่ต่อหน้าแม่ของแฟนนะ!!



แม่ด้วย ลูกเป็นเกย์นะแม่ แถมพาแฟนเข้าห้องน้ำกันนานสองนานอีก แม่ไม่คิดจะห้ามปรามอะไรหน่อยเหรอไง!?



จากนั้นไม่นานพวกเราก็กินกันเสร็จ น้ำตาลขึ้นห้องแปรงฟังนอนไปแล้วส่วนผมกับเปลวที่ถูกใช้ไปล้างจานก็เพิ่งเดินออกมาจากครัว เดินมาหาแม่ซึ่งนั่งพลิกขวดไวน์อยู่ตรงโซฟา



“แม่ครับ...”ผมเอ่ยเรียกเสียงอ่อย



“ทั้งสองคนมานั่งตรงนี้ซิ”



สิ้นคำเปลวก็สะกิดให้ผมที่ยืนตัวแข็งเดินตามมันไปนั่งข้างๆแม่



“คืนนี้เปลวจะค้างที่นี่รึป่าวลูก”



“ค้างได้เหรอครับ”



“ได้สิจ๊ะ”



“งั้นค้างครับ”



“เห้ย!! มึง...”ผมอ้าปากเตรียมขัดความกล้าหาญชาญชัยของไอ้เปลวแต่เจ้าตัวก็เอามือมาปิดปากผมส่วนมืออีกข้างก็เอามาโอบไหล่ คือมึงพีคมาก ไปเอาความแข็งแกร่งขนาดนี้มาจากไหนวะ



“พวกเราคบกันได้ใช่ไหมครับ”คำถามของมันซื่อตรงเหมือนแสงตะวัน ผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง แม่ที่ตีหน้าเข้มมาตลอดเจอมุกนี้เข้าไปก็เริ่มหลุดบท



ปกติแม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดีแล้วก็เข้าอกเข้าใจคนอื่น ที่ตีหน้าเข้มเมื่อครู่คงแค่จะขู่หรือลองเชิงอะไรนิดหน่อย แต่เจอไอ้เปลวมั่นกลับไปแม่เลยเสียศูนย์



ใบหน้าซึ่งเริ่มมีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาหลุดรอยยิ้มขบขันออกมา แม่ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นใจครู่หนึ่ง สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก็ยิ้มกว้างให้พวกเรา



“พี่เอิร์ทเขามาเลียบๆเคียงๆบอกแม่เรื่องของพวกเราตอนก่อนจะปิดเทอม แล้วก็บอกเรื่องที่รู้สึกอึดอัดตอนโดนแม่ของตัวเองไล่บี้ด้วย เขาบอกว่าไม่อยากให้ลูกศิษย์ของตัวเองเจอเรื่องแบบเดียวกันก็เลยมาขอร้องให้แม่พยายามทำความเข้าใจแล้วก็รับฟัง...”
พี่เอิร์ทงั้นเหรอ...พี่เอิร์ทที่ผมเอาเรื่องที่เขาเป็นเกย์ไปบอกแม่เขาคนนั้นน่ะเหรอ



“แม่เองตอนแรกก็ทำใจไม่ได้ แต่พอเปลวมาบ้านเราบ่อยๆแม่ก็เริ่มสนิทแล้วก็ไว้ใจเขา แค่มองดูแม่ก็รู้แล้วว่าเปลวรักลูกชายของแม่ขนาดไหน ใช่ไหมจ๊ะ”



“ครับ”คนถูกถามยืดอกยอมรับ ส่วนผมก็ก้มหน้างุดๆด้วยความอาย



“น้ำเงินนี่ไม่ไหวเลย เด็กคนนี้เขาขี้อายอย่าไปถือสาเลยนะเปลว อ๊ะ ว่าแต่ไวน์พวกนี้...”



“พี่ชายฝากเอามาให้ครับ”



“ขอบคุณมากเลยนะลูก ของดีซะด้วยสิ หืม...พี่ชายก็รู้เรื่องแล้วเหรอ”



“ครับ เมื่อกี้นี้เองครับ”



“งั้นพวกเราก็น่าจะเหนื่อยกันแย่ หมายถึงลุ้นจนเหนื่อยนะจ๊ะ งั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนกันได้เลย อ้อ ส่วนเรื่องของพวกเรา แม่จะลองเปรยๆกับพ่อ พวกเราก็อย่าเพิ่งออกตัวแรงล่ะ เดี๋ยวพ่อเขาช็อคตายเลย คิกๆ”



ง่ายดายเหลือเชื่อ ผมที่ใช้ห้องอาบน้ำบนชั้นสองอาบน้ำเรียบร้อยแร้งกำลังนั่งเอาพัดลมเป่าผมอยู่บนพื้น ก่อนอีกคนที่ลงไปอาบน้ำชั้นล่างเปิดประตูตามเข้ามาติดๆ



ผมปรายตามองใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มกว้างของมันอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้




“มีความสุขสิมึง”ผมทักด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้



ร่างสูงเดินมานั่งขัดสมาธิข้างตัวผม ยื่นหัวเบียดเข้ามาในกรอบพัดลมเพื่อเป่าผมบ้าง เจ้าของห้องที่ถูกเบียดกระเด็นออกไปหน้างอ แยกเขี้ยวใส่ไอ้คนที่ยักคิ้วกลับมาให้



“หาเรื่องเหรอ”ผมถามด้วยสีหน้าแสร้งทำเป็นนักเลง ยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วก็ลอยหน้าลอยตาถาม



มันหัวเราะแล้วก็ส่ายหัวไปมา”น่ากลัวจังเลย ยอมแล้วคร้าบ...”ก็เลยได้ค้อนไปวงใหญ่



หึหึ...ทั้งๆที่พรุ่งนี้จะเปิดเทอมอยู่แล้วแท้ๆแต่กลับเกิดเรื่องต่างๆขึ้นมากมาย แม้ว่าความรักครั้งนี้จะดำเนินมาแบบราบเรียบ อาจจะมีสะดุดหรือมีคนอื่นเข้ามาทำให้ใจหายไปบ้าง แต่พอได้มองหน้าของมันแล้วก็ยิ้มให้กันแบบนี้ ทั้งความเครียดแล้วก็ความกังวลกลับหายไปเหมือนมีเวทมนต์



สำหรับผม...เปลวคือที่ยังไม่ทันได้พูดคำว่า’ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปได้ด้วยดีเอง’เลยด้วยซ้ำ แต่แค่คิดถึงมันผมก็รู้สึกว่าต้องไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ



“จริงสิ ถ่ายรูปกันไหม”ผมถาม โดยไม่รอคำตอบก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มา ตั้งท่าเตรียมเซลฟี่ ในขณะที่อีกคนยังทำหน้างงๆแบบคนตามไม่ทันอยู่ดี



“เป็นที่ระลึกไง วันแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆจริงไหมล่ะ”



“แต่งตัวแบบนี้เนื่ยนะ”



“คนหล่อใส่ชุดอะไรก็หล่อ”ผมยิ้มหน้าแป้นแล้วก็เบียดตัวเข้าไปกอดคอมันให้เข้ามาในเฟรม



กดบันทึกภาพเอาไว้เป็นตัวแทนของความทรงจำ...ในวันข้างหน้า...อีกสักสิบปีหรืออีกร้อยปีจะได้เปิดดูด้วยกัน...เปิดดูแล้วก็หวนย้อนคิดถึง...




ดูสิว่าวันนี้พวกเรามีความสุขขนาดไหน



“จะเอาไปโพสต์หรือเอาไปเก็บไว้ดีวะ”



“โพสต์สิ ไม่เห็นเป็นไรเลย”



“แล้วจะเขียนแคปชั่นว่าอะไรดี”



เปลวตะวันยกมือขึ้นลูบคางครุ่นคิดกับคำถามของผม ความจริงการเอารูปถ่ายในชุดนอนลงแบบนี้ออกจะล่อแหลมเกินไปหน่อยแต่ถ้าไม่ถ่ายตอนนี้ก็จะยิ้มได้ไม่สวยเท่านี้แล้ว



“ถ้าเปลวตะวันคือพระอาทิตย์ น้ำเงินก็คือท้องฟ้าสีคราม ส่วนรักของเราก็คือฤดูร้อนที่อบอุ่นแล้วก็สดใส”



มันพูดกลั้วหัวเราะ สีหน้ายิ้มล้อๆแบบรู้ดีว่าผมต้องไม่เอาคำบรรยายนี้ไปประกอบภาพแน่ๆ



แล้วมันก็ต้องตกใจเมื่อผมหันไปก้มหน้าพิมพ์แล้วก็โพสต์ออกไปแบบนั้นจริงๆ



ถ้ารูปถ่ายนี้คือระเบิด คำบรรยายใต้ภาพคงเป็นตัวชนวน ส่วนผู้เคราะห์ร้ายก็คงเป็นเหล่าผู้ติดตามที่ตื่นตระหนกแล้วก็เข้ามาคอมเม้นต์ถามกันจ้าละหวั่น ส่วนหน่วยกู้ระเบิดคงเป็นเพื่อนรักอย่างแชคและฟงที่รีบเข้ามาพิมพ์ล้อเหมือนเป็นเรื่องหลอกกันเล่น



ส่วนผู้ก่อการร้ายสองคนก็นั่งหัวเราะแล้วก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มและความสุข
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-08-2015 16:15:13
จิ้มจึกๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 05-09-2015 02:31:50
เป็นนิยายที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งเลย
ชอบเปลวมากกกกกกกก น้ำเงินยิ่งน่ารัก
ชอบสำนวนของคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-09-2015 13:21:54
 o13
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Zyse ที่ 05-09-2015 16:21:41
จบแล้ววววววว  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
เรื่องจบ อารมไม่จบบบบ
สนุกมากกกเลยยยยยยยยย
เปลวกับน้ำเงินน่ารักมากๆๆๆๆๆๆ
พี่ฟ้ามาทีหลังแต่แจ่มว๊าวววววววสุด ๆๆๆๆ :-[ :-[ :-[

ขอบคุณนะค๊าาาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 05-09-2015 17:51:40
เพิ่งได้มาอ่าน ชอบเรื่องนี้มากๆเลยจ้า
อยากอ่านตอนของฟงต่อจัง
อ๊ะ เรื่องตำแหน่งของพี่ฟ้าด้วย 55555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-09-2015 23:04:07
อยากอ่านตอนพิเศษจัง...แม่เป็นลมน่ากลัวนะ...
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 06-09-2015 01:25:07
น่ารักกกกกกกกกก >< เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 06-09-2015 08:49:56
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 07-09-2015 10:30:19
เผลอๆน้ำเงินนี่จะเป็นพระเอกแทนเปรวได้เลยนะนั่น ชอบมากเลยอ่ะนิสัยแบบนี้ ง่ายๆสบายๆ มีเหตุผล จิตใจดี พ่อคุณเอ้ยย อ่านแล้วอิจ อยากได้ 5555555555 ชอบความสัมพันธ์ระหว่างคู่หลักค่ะ อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในสถานะผู้หญิง บอยๆดี รอตอนพิเศษนะคะ ทิ้งอะไรไว้หลายอย่างมาก ไหนจะเรื่องแม่เป็นลม ไหนจะพี่ฟ้า ไหนจะเจ้าฟง 5555555 ป.ล.ชั้นว่าแล้วว่าชั้นเห็นรังสีเคะจากแกฟง
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 08-09-2015 01:55:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-09-2015 07:00:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 08-09-2015 14:19:00
คู่นี้น่ารักกกกกกกกกก..น้ำเงินเป็นคนที่น่ารักไม่เรื่องมากออกจะมองโลกใน

แง่ดีเกินไปด้วยซ้ำสมแล้วที่เปลวรักนักรักหนา :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-09-2015 16:15:08
น่ารักมากเลยอะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-09-2015 19:47:41
 :mew2: :mew2: :mew2:

สนุกอะ ชอบมาก อยากอ่านต่อ มีอีกม่ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-09-2015 20:31:25
ขอบคุณค่ะ...
จะมีเรื่องต่อไปมั้ยคะ รู้สึกเหมือนปูพื้นทางฟงไว้เยอะเหมือนกัน กับคู่ของซีซีอีก
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: @causeshinki ที่ 08-09-2015 21:38:06
อ่านรวดเดียวจบเลย. น่ารักมาดเลย อยากอ่านคู่ฟงต่อจังเลยยย.  :impress2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamung ที่ 08-09-2015 23:47:16
 :z3:ไม่อยากให้จบเลยยยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 09-09-2015 15:57:15
มีตอนพิเศษมั้ยคะ อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มีคู่อื่นอีกมั้ยย แชคซีซีว่างายยย ฟงกับหนุ่มนิรนามล่ะก๊ะ
พี่เอิท พี่ฟ้าอีกกกกกกกกกก ฮอลลลลลลลลลลลลลลลล
ได้กัน 2 ตอนเองงงงง ถถถถถถถถถ เรื่องนี้น่ารักมากๆค่ะ ชอบมากๆเลยยยยย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 09-09-2015 20:00:15
มาต่อนะ......pleaseeeee :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 10-09-2015 09:30:44
ชอบเรื่องนี้อะ ไม่ยาวไปไม่สั้นไป เนื้อเรื่องดูสมจริง นายเอกไม่ง้องแง้ง คือดูเป็นเกย์แบบแมนๆดี ทั้งพระเอกและนายเอกดูเป็นเด็กผู้ชายปกติดี ชอบมากอะ อยากต่อให้ยาวกว่านี้จังครับ
ขอบคุณผู้แต่งมากครับ ชอบจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 11-09-2015 21:15:01
แปะ เดียมมาอ่า (4)
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-09-2015 23:18:55
สนุกดี  ขอบใจมากนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆ ขึ้นมาให้เราอ่านและประดับไว้ในเล้า
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 11-09-2015 23:56:11
สนุกมากๆเลยครับ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 12-09-2015 15:01:48
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ

น้ำเงินน้อยน่ารักมากกกก ไม่แปลกใจที่เปลวจะประทับใจตั้งแต่เจอกันครั้งแรก >.<~
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 13-09-2015 03:50:55
สนุกมากๆเลย  o13 o13 รอดูคู่อื่นๆ

อยากให้เขียนต่อจนเป็นผู้ใหญ่จัง :hao7:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: decem ที่ 13-09-2015 21:03:27
ชอบจัง สนุกมากเลย
ขอบคุณค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 17-09-2015 18:15:21
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆเลย เพิ่งมีโอกาสได้เห็น

ขอบคุณนักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 24-09-2015 23:36:00
สดใส เหมือนอยู่ในวัยเด็ก
สวยงาม เหมือนอยู่ในความฝัน
อบอุ่น เหมือนอยู่ใต้ผ้านวมในวันอากาศหนาว
Feel good o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 02-10-2015 21:11:48
จบแล้ววววว ;;-;;
น่ารักมากๆค่ะ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มานะคะ
ว่าแต่คู่ของฟงเป็นยังไงล่ะเนี่ย
แล้วพี่ฟ้านี่จะมีคู่ไหมน้อออ 55555(ถ้าไม่มีเราขอเอง--)

สนุกมากค่ะะะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 03-10-2015 11:53:05
น่ารักมากๆ เลย
ขอบคุณนะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 04-10-2015 21:56:34
ตามมาจากห้องแนะนำนิยายน่าอ่านแค่อ่านตอนแรกก็น่าติดตามแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 06-10-2015 04:25:58
สนุกมากเลยยย แต่อยากได้เรื่องฟง ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 06-10-2015 07:50:15
เพื่อนแชคขี้เสือก55. อ่านแล้วสนุกดีคะ. พี่เอิทมาเป็นอาจารย์ด้วย เรื่องสนุกกำลังจะเกิดขึ้นแล้วจิ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 10-10-2015 08:49:25
เป็นเรื่องราวที่น่ารักมาก ใสๆวัยรุ่นชอบ  :L2:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 10-10-2015 14:06:13
ชอบคู่นี้มาก...เปลวเป็นคนรักจริง กล้าแสดงออกว่ารัก...แมนมากๆ
แต่คนที่มาที่หลังแต่แรงได้ใจ คิอพี่ฟ้า..อยากติดตามชีวิตคนงามจัง
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-10-2015 20:46:49
มีต่อมั้ยยยย อยากรู้เรื่องของฟง แล้วก็เรื่องของเซคกะซีซีด้วยง่าาา
ส่วนน้ำเงินกะเปลวน่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 11-10-2015 22:01:16
อ่านจบแล้วสนุกดีคะ. น้ำเงินน่ารัก เปลวเท่ห์. ผองเพื่อนที่อบอุ่น. อยากรุ้เรื่องของแชคและซีซีคะ. ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 13-10-2015 22:44:19
ต๊าลล๊ากกกกกกกก
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆน่ารักๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 15-10-2015 01:39:29
เป็นนิยายอีกเรื่องที่เราอ่านแล้วรู้สึกสนุกจนอดไม่ได้ที่จะมาคอมเม้นต์
พร็อตเรื่องน่าสนใจมากค่ะ อ่านแล้วหลงรักตัวละครทุกตัวเลย
แต่เราว่าสั้นไปนะ เพราะปมในตัวละครหลายๆตัวยังไม่กระจ่าง. เช่น ฟ่ง ทวน ซีซี คุณแม่ที่เป็นลม
แต่โดยรวมแล้วเราชอบนะ  ไม่หวานมากไป เคะไม่งี่เง่าเกินไป หวังว่าคงมีโอกาสได้อ่านงานเขียนอื่นๆอีกนะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-10-2015 13:39:01
น่ารักมากค่า อ่านแล้วอารมณ์ดีอบอุ่นจริงๆ
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: YJoum ที่ 19-10-2015 08:49:05
สนุกมากจ้าาา
เนื้อเรื่องดีมาก
รอสนับสนุนผลงานเลย  o13
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: MissM ที่ 21-10-2015 20:55:19
น่าร๊ากกกกกกกกก  :กอด1: :o8:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 21-10-2015 23:18:33
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... 30/08/15 [ บทส่งท้าย ]
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 30-10-2015 17:39:57
เห็นหลายคนถามถึงคู่ฟงกับคุณพี่คนนั้น แล้วก็แชคซีซี

เลยขอชี้แจงไว้ ณ ที่นี้ว่า





ฟงมีเรื่องแยกของตัวเองต่างหากค่ะ!! :heaven

(ส่วนจะได้ฤกษ์แต่งเมื่อไหร่นั่นอีกเรื่อง ฮ่าๆๆๆ)






ส่วนแชคกับซีซีนั้นตอนแรกพล็อตที่วางไว้คือจะให้แชคชอบพี่ไอริณ แล้วเรื่องของทั้งสองคนจะจบด้วยการอกหักทั้งคู่และมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย...ซึ่งมันโหดร้ายเกินไป แต่งมาสักระยะแล้วกลับมาดูพล็อตคู่นี้อีกทีรู้สึกมันขัดแย้งกับบรรยากาศมิตรภาพอบอุ่นในเรื่องมาก น่าสงสารซีซีสุดๆ ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย!!? :katai1: เหมือนกับเอาความหม่นหมองทั้งหมดในนิยายมากองอยู่ในส่วนของคู่นี้เลย :ling2:




แต่เพราะเนื้อเรื่องช่วงแรกที่ให้นายแชคหนีหน้าซีซีเพราะคิดแค่เพื่อนเท่านั้นมันค้ำคออยู่หากทั้งคู่สมหวังกันมันจะย้อนแย้งเกินไป เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนพล็อตให้ทั้งสองคนจบแบบปลายเปิดค่ะ











สิ่งเดียวที่จะทำให้ความรู้สึกของแชคเปลี่ยนไปก็คือ'เวลา'

และเวลาที่ว่าก็ไม่ใช่เดือนสองเดือน...หรือปีสองปีเสียด้วย

แต่ยังไงสองคนนี้ก็ตัดกันไม่ขาดหรอกค่ะ ช่วงชีวิตสิบกว่าปีที่ใช้ร่วมกันมาหลอมรวมจิตใจของพวกเขาเข้าด้วยกันแล้ว

เหลือแค่รอให้เวลาที่ขาดซีซีไปเป็นตัวกล่อมเกลาความรู้สึกของนายแชคเท่านั้น







ปล.ชื่อของแชคนั้นเขียนด้วยตัวช.ช้าง สระแอ ค.ควายนะเออ เห็นหลายคนเรียกผิด...แทบจะทุกคนเลยมากกว่าที่เรียกผิด :z3:
มาแก้ให้ช้าไปมั้ยคะ เรื่องจบเป็นเดือนๆแล้วเนี่ย 5555555
(ชื่อนี้มาจากชื่อนักบาสดังของ NBA ชื่อแชคอะไรสักอย่าง...?)
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... ชี้แจงเรื่องแชคxซีซี
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 27-11-2015 22:46:52
โอเครับทราบ รอฟง รอแชค
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... ชี้แจงเรื่องแชคxซีซี
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 14-12-2015 23:28:25
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ อ่านไปเขินไป
น่ารักทั้งคู่อ่ะ น่าร๊ากกกกกก  :o8:
แต่หมั่นไส้พวกอิเม่นมากค่ะ
มีภาคขยายวิธีจัดการเม่นมั๊ยคะ
ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... ชี้แจงเรื่องแชคxซีซี
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet Coffee ที่ 15-12-2015 17:02:20
สนุกค่ะ อ่านไปยิ้มไป

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านนะค่ะ

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... ชี้แจงเรื่องแชคxซีซี
เริ่มหัวข้อโดย: Titan23 ที่ 19-12-2015 18:22:37
 :katai1:
รอเรื่องน้องฟง...น้า

ปล.สั่งพรีเรื่องนี้ไปแล้ว อิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... ชี้แจงเรื่องแชคxซีซี
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 27-12-2015 18:32:04
นิยายเรื่องนี้ได้ร่วมเล่มกับสำนักพิมพ์ RainyNight นะคะ


ระยะเวลาการเปิดจองตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559
ราคา 330 บาท
ของแถมรอบจอง + เล่มตอนพิเศษ



ในรวมเล่มจะมีตอนจบของแชคซีซีอยู่ด้วย
แล้วก็มีตอนพิเศษทั้งในเล่มหลักและเล่มแถมค่ะ
โดยจะแบ่งเป็นช่วงงานกีฬากับช่วงเรียนมหาลัยแล้วนะคะ

http://rainynight.lnwshop.com/ (http://rainynight.lnwshop.com/)

เพจสำนักพิมพ์ค่ะ :: https://www.facebook.com/rainynightpublishing/

(http://www.mx7.com/i/43f/1ZIR6J.png) (http://www.mx7.com/view2/yOzXGhYAl9K0HyxP)
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-12-2015 20:52:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 01-01-2016 23:09:36
โอ้ยชอบเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่มีอะไรขัดใจ
แต่จบเร็วอะ จริงๆมันก็พอดีแล้วแหละที่จะจบตอนนี้ แต่เรารู้สึกยังไม่พออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-01-2016 03:03:51
อ่านรวดเดียวจบบบบ
สนุกมากก อ่านได้เรื่อยๆไหลๆเลยค่ะ55555
เปลวบุคลิกแปลกดีค่ะ
เหมือนเปนการผสมผสานพระเอกแบบมาดนิ่งกับพระเอกอบอุ่น
เอามาปั่นรวมละก้ได้เปลวตะวันคนนนี้ 55555
น้ำเงินก้น่ารักรั่วๆดี แต่ก้มีความมั่นคง มั่นใจ หนักแน่นและไม่หนีปัญหา
คู่นี้แบบลงตัวเพอเฟค อยู่กันไปไม่มีปัญหาแน่ๆค่ะ55555
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ
รอฟง รอซีซีแชค
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-02-2016 14:50:46
สนุกมากกก ปริ่ม คู่นี้น่ารัก อีกคนหน้ามึนมั่นตัวพ่อ อีกคนมองโลกในแง่ดีอย่างร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 11-02-2016 01:28:22
น่ารักมากกกกก สนุกกระชับฉับไว 555555
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 12-02-2016 10:33:43
น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 19-02-2016 12:32:08
น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 20-02-2016 14:55:20
ตั้ลล้ากกกกกกกกกกกกกก
อ่านสบายๆไม่เครียดดีค่ะ ชอบๆ
จบแล้วคิดถึงทั้งคู่แย่เลย
รอเรื่องของอีก 2 คู่นะคะ

หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 21-02-2016 05:18:51
น่ารัก อ่านแล้วอิ่มอกอิ่มใจ ชอบน้ำเงินมากเลย เป็นคนซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองแล้วก็มีความหนักแน่นบางอย่าง ชวนตกหลุมรักมากๆ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 08-04-2016 05:56:08
น่ารักมากกกกก อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Nunnaly ที่ 13-06-2016 14:58:11
น่ารักมากๆเลยค่ะ 5555
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 16-06-2016 15:33:02
เนื้อหาสบายๆๆ อ่านแล้วฟีลกู๊ด อบอุ่นดี
น่ำเงินน่ารักมาก เปลวก็ดี แอบชอบเค้ามานาน กิ๊วๆ~
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 17-06-2016 22:51:56
 :mew1:

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสดใสซาบซ่านจริงๆด้วย
ชอบมากๆ ไม่มีดราม่า 555

ปล.อยากอ่านเรื่องของฟงมากๆเลยค่ะ และคิดว่าคนที่ปราบฟงได้เนี่ยคงเจ๋งสุดๆ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-06-2016 21:18:03
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 31-07-2016 22:42:36
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-08-2016 16:14:34
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 08-08-2016 06:52:09
ชอบมากกกกกกกก
ผู้ชายแบบเปลว จะหาได้ที่ไหนอีก
เจ๊จะสู้ยิบตาเลย
 :m3:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 13-09-2016 15:03:26
 :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 04-10-2016 16:52:48
ละมุนมากกกก น่ารักค่ะเรื่องนี้  o13
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: mayachiwit ที่ 01-07-2017 05:11:36
ชอบมากกกกกกก น่ารักและดีต่อใจที่สุด ชอบทั้งเปลวและน้ำเงิน ฟงก็ชอบ แชคก็ดี พี่ทวนก็น่าสนใจ 
 พี่เอิร์ธก็น่าติดตาม พี่ไอริณยังน่ารักอ่ะ ไม่มีช่วงไหนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวละครหลักงี่เง่าหรือน่ารำคาญ
 เลย ชอบนิยายแบบนี้ที่สุด ขอบคุณมากนะคะที่แต่งนิยายที่สนุกจนสามารถทำให้เราอ่านทุกตัวอักษร
 โดยไม่ข้ามเลยได้  o13
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ 02-07-2017 08:08:38
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ใสๆ ฟีลกูดดี ชอบ :mew1:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-04-2018 21:56:26
ตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำ สนุกดีค่ะ ขอบคุณๆมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 15-04-2018 18:10:02
จบแบบไม่ทันตั้งตัวเลยแหะ
น่ารักกกก น้ำเงินน่ารักก อยากอ่านอีกกกกก
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: mamamamuay ที่ 16-04-2018 20:55:33
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ น่ารักสดใสมากกกก
น้องๆเกงขาสั้น ในเรื่องชอบนิสัยน้ำเงินนะคะ
เจ้าเปลวก็น่ารักมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่มอบความสุขให้กันนะคะ

รัก
หัวข้อ: Re: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: piakunaa ที่ 21-06-2020 12:29:33
ในที่สุดเราก็เจอนิยายแนวมัธยม​  :katai3: