รัก (หลอก) ลวง (เรื่องสั้นๆ) “หลอก“ 2.1 พี่กุ้ง กิติกร Date 02-9-14
2.1 หลอก – กิติกร กุ้ง
"พี่กุ้ง เจรักพี่กุ้งนะครับ"
"พี่กุ้ง เจรักพี่กุ้งนะครับ"
"พี่กุ้ง เจรักพี่กุ้งนะครับ"
ผมดูคลิปในมือถือคลิปนี้ ช้ำแล้วช้ำเล่า มันถูกส่งมาจากเพื่อนของเจไม่คนใดก็คนหนึ่ง คลิปที่ถูกตัดมาจากกล้องวงจรปิดในห้องนั้น ความชัดเจนของภาพไม่มีสักนิด แสงสว่างที่มีท่ามกลางความมืด มาจากโทรศัพท์ในมือของเจเท่านั้น
ฮึกกก ฮือออ..
เสียงร้องไห้คร่ำครวญของร่างเล็กที่ได้ยิน ทำให้ขนลุกซู่ไปทุกรูขุมขน ทุกสรรพสิ่งรอบด้านในคืนนั้นมันเงียบมาก มากเหมือนกับคืนนี้ จะผิดกันก็ตรงแค่ห้องนอนของผมมีแสงสว่างจากดวงไฟนีออนชัดเจน
"มึงมันใจร้าย ฮืออ" เสียงร้องไห้ เสียงคร่ำครวญ” ปริ่มใจจะขาดด้วยความเจ็บปวด มือผมสั่นเทาไปหมดเมื่อรับรู้ว่าได้ คนที่ผมเคยรักทุกข์ทรมานขนาดไหน “เจ พี่ขอโทษ แต่พี่ไม่ผิด เจต่างหากที่อ่อนแอจนเกินไป” มันคือข้ออ้างที่ผมมีเพื่อปลอบใจตัวเอง ไม่อยากคิด ไม่อยากรับรู้ ทั้งที่รู้แก่ใจตัวเองดี ว่าคนตัวเล็กต้องฆ่าตัวตายเพราะอะไร
ภาพในคลิปเคลื่อนไหวไปช้าๆ ดึกสงัดของเมื่อสามคืนก่อนเงียบงัน จนกระทั่งได้ยินเสียงร่ำร้องที่น่าสงสารในคลิปนั่นชัดเจน มันชัดมาก มากจนคิดว่าเรื่องราวในคืนนั้น กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าผมในตอนนี้จริงๆ
เจนั่งเอาหลังพิงเตียงนอนเอาไว้ สายตามองโทรศัพท์ในมือตลอดเวลา ผมรู้ว่าเจมองอะไรในนั้น ทำไมผมรู้น่ะเหรอ เพราะผมเป็นคนส่งภาพพวกนั้นให้เจกับมือน่ะสิ รูปภาพเพียงภาพเดียวที่มันกรีดใจคนดูให้ยับเยินได้เป็นชิ้นดี รูปที่ผมจงใจใช้มันเพื่อสลัดเจออกไปชีวิตผม
ภาพของผู้ชายสองคนที่กำลังกอดคอกัน ด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข มันจนเจ็บไม่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดเลยทีเดียว เมื่อผู้ชายคนหนึ่งในภาพนั้นคือผม และผู้ชายอีกคนนั่น คือคนรักคนใหม่ของผม อะไรไม่สำคัญเท่า
คนสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ในสภาพที่ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น...
“พี่ไม่ผิดนะเจ ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้ เจก็ตัดใจจากพี่ไม่ได้” หยาดเหงื่อซึมทั่วตัวไปด้วยความร้อนรุ่ม ผมไม่เคยคิดว่าวิธีการนี้มันโหดร้าย ไม่เคยรู้ว่ามันเลือดเย็นขนาดที่หนึ่งชีวิตต้องหมดลมหายใจ
อึกกก...
แค่กกก
"ฮึกกก ไอ้เจ คนไม่มีค่าแบบมึง อยู่ไปก็ไม่มีความหมาย ฮือออ ตายๆ ไปซะก็ดี" สิ่งที่อยู่ในมือยังดำเนินเรื่องราวไปเรื่อยๆ เจเอาอะไรบางอย่างกรอกเข้าปากตัวเอง มันจะคงเป็นยาหลายสิบขนานตามที่เพื่อนเจบอกล่ะมั้ง ก่อนจะคว้าแก้วที่วางข้างตัวยกขึ้นดื่ม ดูเหมือนน้ำสีทองอำพัน มันคงจะทำปฎิกิริยากับเจ้าเม็ดเล็กๆ
เจ้าของร่างถึงได้โก่งคออาเจียนออกมาจนหมด
อ๊วกกก
น้ำตาผมไหลลงมาเมื่อเห็นภาพนั้น ถึงแม้ผมจะเลิกรักแล้ว แต่กว่าสองปีที่ผูกพันธ์ มันก็ไม่ง่ายเลยจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เห็น
“ฮึกกก เจพี่ขอโทษ” ผมไถลตัวที่นั่งพิงหัวเตียงลงนอนบนฟูกหนาอย่างอ่อนแรง พร้อมๆกับร่างเล็กในจอมือถือกำลังไถลตัวเองให้นอนลงไปพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ
ใบหน้าเจจมอยู่บนกองอาเจียนของตัวเอง ท้องไส้ผมปั่นป่วนไปหมด พะอืดพะอมอยากจะอาเจียนออกตามภาพที่กำลังจับจ้อง เจหยิบเม็ดยาเล็กๆ หลายเม็ดที่ถูกขับออกมาเข้าปากตัวเองอีกครั้ง
โอ๊กกก
ชะโงกส่วนหัวให้พ้นเตียงนอน โก่งคออาเจียนออกมาเมื่อไม่ควบคุมได้อีกต่อไป
“เจทำแบบนี้ ทำไม พี่กุ้งขอโทษ ฮึกก อ๊วกก” ครั้งเล่าครั้งที่ผมเอาสิ่งที่มีในกระเพราะออกมา เสียงอาเจียนของผมกับในจอนั่นสลับกันไปมา ผิดตรงที่คนที่ยังหายใจเมื่อสามวันก่อน หยิบเอายาเม็ดเล็กกลับเข้าไปในปากตัวเองทุกครั้งที่ได้ขย้อนมันออกมา
"พี่กุ้ง เจหนาวจังเลย" เสียงคร่ำครวญสุดท้ายเบาหวิวคล้ายกระซิบ ผิดกับสิ่งที่หูผมได้ยิน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ทั้งฝ่ามือ ฝ่าเท้าเย็นยะเยือก หนาวเหน็บไปถึงสุดขั้วหัวใจ ร่างเล็กพยายามเอาเรี่ยวแรงสุดท้ายที่เหลือขึ้นผงกหัวขึ้นมามอง ตาผมเบิกโพลงเมื่อเจเงยหน้าขึ้นมากล้องอย่างพอดิบพอดีราวกับตั้งใจ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะขนลุกเกรียวไปหมด สายลมวูบใหญ่เข้ามาทางหน้าต่างของบ้านปะทะแผ่นหลังจนต้องนั่งตัวแข็งไม่ไหวติง
สายตาประสานกับอดีตคนที่เคยรักผ่านหน้าจอ เจอ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะพูดอะไรออกมา หลายครั้งหลายครา ความอยากรู้ของผมทำให้สิ่งที่อยู่ในมือมาจ่อที่หน้าตัวเอง
"พี่กุ้ง เจรักพี่นะครับ"
ลาก่อน !!
ภาพสุดท้ายที่หยุดเคลือนไหว คือภาพที่เจ้าของร่างมีน้ำลายฟูมปาก ดวงตาใสที่สดสวยเหลือกโปนออกมาแทบจะทะลุออกมาจากเบ้า ร่างเล็กดิ้นกระตุกไปมาสองสามนาทีก่อนที่จะแน่นิ่งไป บนจอภาพบอกวันที่และวินาทีสิ้นใจชัดเจน 29/8/2014 – 23.59 น.
“ฮึกกก ฮือออ” สิ้นเสียงสุดท้ายผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ปล่อยเจ้าจอสี่เหลี่ยมในมือให้ตกลงฟูกหนาอย่างไม่ไยดี “เจ พี่ขอโทษ” น้ำตาไม่ได้ช่วยให้ใครฟื้นคงจะเหมือนกับวันที่ คนร่างเล็กอ้อนวอนกราบกรานให้ผมกลับไป
"พี่กุ้ง เจรักพี่กุ้งนะครับ"
"พี่กุ้ง เจรักพี่กุ้งนะครับ"
"พี่กุ้ง เจรักพี่กุ้งนะครับ"
กึกกก
อารมณ์ร่ำไห้หยุดลงกะทันหัน ผมจ้องโทรศัพท์มือถือที่คว่ำหน้าลงเขม็ง สมองผมตรึงเครียดจนแทบจะระเบิดออกมา เมื่อประโยคพี่เจพูดก่อนตายดังช้ำไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพวีดีโอนั่นมันเปิดเล่นเองได้ยังไง ในเมื่อมือผมไม่ได้สัมผัสหน้าจอเลยแม้แต่น้อย แล้วเสียงที่ได้ยินเป็นประโยคเดียวกัน คล้ายกับการกรอเทปภาพตรงนั้นกลับไปกลับมา
มือไม้สั่นระริก ค่อยๆ ยื่นเข้าไป หวังจะหงายหน้าจอที่พลิกคว่ำขึ้นมา
“ฟู่ววว” ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่เมื่อทุกอย่างเป็นปกติ หน้าจอปิดล็อคตามระยะเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน “สงสัยเครื่องจะรวน”
ตึงงง
พรึ่บบบ
เฮ้ยยย
สะดุ้งเฮือกเมื่อลมวูบใหญ่กรรโชกรุนแรง ดึงหน้าต่างทั้งสองบานช้าย ขวา ที่ทำจากไม้ปิดลงดังสนั่น ประจบเหมาะกับที่แสงไฟนีออนดับลงพร้อมๆ กัน
“ตินฑ์ ตินฑ์ช่วยด้วย” ร้องเสียงหลงด้วยความหวาดผวา ยามนี้หัวใจผมเต็นแรงราวกับจะมันทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว
“ตินฑ์ ได้โปรดกลับมาซะที” ที่พึ่งสุดท้ายในเวลานี้ก็คงจะเป็น ตินฑ์ คนรักคนใหม่ของผม “บ้าเอ้ย ทำไมต้องมามีสัมมนาวันนี้ด้วยนะ ตินฑ์” กวาดตามองรอบห้องท่ามกลางความมืดมิด
อึกกก
เสียงกลืนน้ำลายลงคอยังได้ยินชัดเจน กว่าจะปรับสายตาให้เข้ากับความืดได้ก็นานพอดู คลำหาเจ้าจอสีเหลี่ยมบนฟูกนอนจนเจอ นิ้วมือปัดป่ายลงไปตามความคุ้นชิน สายตาแลช้าย ขวา อย่างหวาดระแวงตลอดเวลา
ปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ได้แล้ว จึงอาศัยความสว่างของมันช่วยบรรเทาความมืดและความกลัว ภาพที่เห็นครั้งแรกยามแสงไฟให้ผมเกือบซ็อค
เฮือกก
มันคือภาพสุดท้ายของวีดีโอที่เพิ่งดูจบไป 23.59 น. ทุกอย่างยังค้างท่าเดิม เอ๊ะ 23.59 ห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที เป็นเวลาที่เจสิ้นลมหายใจเมื่อสามวันก่อน กับเวลาบนหน้าจอมือถือผมในตอนนี้เท่ากับแบบพอดิบพอดี 23.59 น. นาทีนี้ครบสามวันพอดีที่เจจากโลกนี้ไปแล้ว
สามวัน....
สามวัน ตามคำเชื่อของคนโบราณ วิญญาณของคนที่ตาย จะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาตายไปแล้ว
และกลับมาในยังที่ๆ เขาเคยอยู่ตอนยังมีชีวิต
ไม่นะ...ไม่จริง ที่นี่ไม่ใช่บ้านเจ มันคงไม่ใช่
“มันแค่บังเอิญน่าไอ้กุ้ง มันไม่มีอะไรหรอกน่า” ความรู้สึกบางอย่างมันเริ่มชัดเจน แม้จะพยายามหลอกตัวเองแล้วก็ตาม มือผมสั่นเทายามที่พยายามจะกดออกจากหน้าวีดีโอ
พรึ่บบบ
“เฮ้ยย” อาจจะเป็นมือที่สั่นจนควบคุมไม่ได้ จึงทำให้แทนที่จะปิดออกไป กับขยายภาพตรงหน้าให้ใหญ่ขึ้น เจ้าของร่างมีน้ำลายฟูมปาก ดวงตาใสที่สดสวยเหลือกโปนออกมาแทบจะทะลุออกมาจากเบ้า
ตัวผมแข็งทื่อกระดิกไม่ได้เลย เมื่อดวงตาเหลือกที่ถูกขยายใหญ่กำลังกรอกไปมา ริมฝีปากที่มีน้ำลายฟูมปากสแยะยิ้มออกมาได้อย่างน่าเกลียดน่ากลัว
“ชะ ช่วย...” ราวกับต้องมนตร์ ไม่มีแม้แรงจะเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือ มือผมกำสิ่งที่ถือแน่นขึ้นอย่างกับกลัวว่าจะหลุดร่วงลงมา ทั้งที่ในใจของผมจริงๆ อยากจะขว้างมันทิ้งไปเสีย
“จะ เจ พี่ขอโทษ” ควบคุมอะไรบนร่างกายไม่ได้สักอย่าง สมองสั่งให้ลุกวิ่งหนีไปจากตรงนี้ ความหนักอึ้งของตัวกลับมีร้อยเท่ากว่าความเป็นจริง ขนาดจะหันหน้าหนีเพื่อไม่มองภาพตรงหน้ายังทำไม่ได้
ดวงตาผมถลนด้วยความกลัวที่ถึงขีดสุด เมื่อภาพใบหน้าในจอมือถือนั่น คล้ายดั่งสามภาพสามิติทะลุอกมา ดวงตาเหลือกโปนแดงก่ำ หน้าตาถมึงทึงด้วยโกรธเกลียด แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตและพยาบาท
“ไหนมึงบอกว่ารักกูไง ไอ้คนโกหก” เสียงคำรามชิงชังดังกึกก้อง
“ไอ้คนทรยศ มึง ต้องตายยย !!!”
***เรื่องสั้นๆ ช่วงนี้มีไฟ ขยั้น ขยันอัพ แหะๆ ไฟมอดเมื่อไหร่หายหัวนานเลย เนอะๆ***