พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] Crimson Tears - ฝนน้ำตา ...หยดสุดท้าย ห่าฝน... จบแล้ว 24/8/2557
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Titania ที่ 22-08-2014 19:33:21
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Crimson Tears – ฝนน้ำตา
หยดแรก ตั้งเค้า
'กันย์' ผู้ชายที่สร้างโลกทั้งใบของผม
และ 'กันย์' ผู้ชายคนเดียวกันที่พังทลายโลกของผม
...ยับเยิน...ไม่มีชิ้นดี...
“พี่กันย์” ผมเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แนบใบหน้านวลลงตรงอกแกร่ง สูดกลิ่นกายหอมและฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะที่ไพเราะที่สุดสำหรับผม วงแขนเรียวเล็กวาดโอบรอบเอวหนา เป็นสัมผัสของผมที่ไม่เคยมีให้ใครนอกจากเขาคนนี้
“หืม” เสียงทุ้มรับคำ แต่ก็คงเป็นเพียงเพราะสัญชาตญานการตอบรับ เพราะแววตาของเขายังคงไม่มองมาที่ผม คล้ายล่องลอยอยู่ในห้วงความคิดและความกังวล ที่ผมเองไม่สามารถรับรู้ได้ หรืออันที่จริงแล้วผมไม่อยากที่จะรับรู้มันกันแน่
“พี่กันย์จ๋า” ผมพยายามดึงความสนใจของเขาออกจากมิติทางความคิดที่เขาสร้างขึ้นมาอีกครั้ง เพราะผมกลัวเหลือเกินว่าเขาจะถูกดูดกลืน ถูกครอบงำจนสิ่งที่เป็นเพียงนามธรรมเหล่านั้นจะมีรูปมีร่าง กลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา
“พระจันทร์” เขาเรียกชื่อของผม ดันตัวผมให้ผละออกก่อนจะมองตรงมาที่ผม แต่มันไม่ใช่ มันไม่เหมือนเดิม เขามองด้วยมาสายตาที่ผมไม่เข้าใจ มองด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบเพราะดวงตาคู่สวยที่ผมหลงใหลไม่ได้สะท้อนภาพของผมอีกต่อไปแล้ว “กี่ปีแล้ว”
“ครับ?” ผมไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร
“กี่ปีแล้วที่เราคบกัน?”
“5เกือบ6ปีแล้วครับ ตอนที่พี่จีบพระจันทร์ ตอนนั้นพระจันทร์เพิ่งจะม.5เองนะ จำได้ไหมครับ พี่กันย์ที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาแล้วมาดักรอพระจันทร์ที่หน้าโรงเรียนทุกวันน่ะ” ผมตอบเขา และท้าวความให้ฟัง เพื่อให้เขานึกถึงช่วงเวลานั้นให้มากๆ นึกถึงบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขของเรา และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อยืดเวลาเหล่านั้นให้นานออกไปอีกสักนิด ผมไม่อยากให้ทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้ ไม่อยากเลยจริงๆ
“นั่นสินะ ตอนนั้นเรายังเด็กมาก และโลกของเราก็ยังคงเป็นเพียงแค่โลกใบเล็กๆ เป็นพื้นที่คับแคบที่ให้เรามองเห็นแค่ตัวเราเอง”
“พี่หมายความว่ายังไง? พระจันทร์ไม่เข้าใจ” เข้าใจสิ ผมเข้าใจทุกอย่าง ผมแค่เสแสร้ง ทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อให้บทสนทนามันยาวขึ้น ให้เขาลังเลที่จะพูดต่อ อยากจะให้ให้เขา 'เปลี่ยนใจ'
“พี่อยากเลิก ขอโทษนะ แต่พี่อยากเลิกกับพระจันทร์” ทั้งตัวของผมชาวาบ เหมือนหัวใจหยุดเต้น ราวกับสัมผัสทุกส่วนหายไป มีเพียงแต่คำตัดสัมพันธ์ที่ยังคงก้องกังวาลย้ำๆซ้ำๆอยู่แบบนั้น เพื่อตอกย้ำว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มี ‘เรา’ ทั้งๆที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมเขาถึงพูดมันออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติทั่วไป เขาขอโทษผม แต่ผมอยากจะถามเขาเหลือเกินว่าขอโทษทำไม หากรู้สึกผิด หากรู้ว่าผมจะเสียใจ ทำไมต้องพูดประโยคที่ทำร้ายจิตใจกันอย่างแสนสาหัสนั้นออกมาด้วย แต่ผมก็ไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออก เพราะว่ารู้ดีว่าทำไม
...ผมรู้ดีว่าโลกของเขามันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากที่มีแค่ตัวเขา ก็มีผม จนกลายเป็นเรา และตอนนี้เขาก็มี 'สังคม'...
...แต่เขาคงไม่รู้เลยว่าในขณะที่โลกของเขากว้างขึ้น โลกของผมกลับเท่าเดิม โลกของผมยังคงเป็นเพียง 'กันย์' เหมือนเดิม...
...เขาคือโลกทั้งใบของผม โลกที่ล่มสลายไปในตอนที่รู้ว่าต่อจากนี้ผมจะไม่มีเขาอีกแล้ว…
“ทำไม?” ราวกับเนิ่นนานกว่าที่ผมจะสามารถรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อตั้งคำถามนี้กับเขา แต่เสียงที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว ไร้เรี่ยวแรง แล้วยังเป็นเพียงคำถามโง่ๆของคนคนโง่ๆที่อยากจะทำให้ตัวเองเจ็บยิ่งกว่านี้เพื่อที่จะได้ลืมความเจ็บปวดในตอนนี้
“...” เขาเงียบ แต่ความเงียบไม่ใช่คำตอบที่ผมต้องการ มันไม่ใช่คำตอบที่พอจะทำให้ผมคลายความรู้สึก 'แย่' ที่มันอัดอั้นอยู่ในใจของผมจนแทบจะระเบิดออกมา แต่เพราะรักมาก จึงไม่เอาความรู้สึกพวกนั้นมาเป็นแรงในการต่อว่าต่อขานเขา ไม่อยากเอาความโกรธความเกลียดมาลงที่เขา ทำไม่ได้ ทำไม่ได้เลยจริงๆ
“เพราะพี่พิมพาเหรอครับ?” ผมเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามออกไป ไม่อยากปล่อยให้ความเงียบกินระยะเวลานานไปกว่านี้ ผมยอมรับผมกลัวคำตอบ กลัวว่าตัวผมเองคือสาเหตุที่ทำให้เขาสะบั้นเยื่อใยของเรา และผมก็เลือกผู้หญิงคนนั้นให้เป็นสาเหตุความเจ็บปวดของผม เลือกให้ผู้หญิงคนนั้นรับเอาความรู้สึกด้านลบของผมไปทั้งหมด เพื่อที่ผมจะได้เหลือเพียงความรู้สึกดีดีเอาไว้ให้เขาเหมือนที่ผ่านมา แต่ก็คงเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ผู้หญิงคนนั้น 'พิมพา' เธอเป็นเพื่อนสนิทของเขา วางตัวดี น่ารัก อ่อนหวาน เธอคอยให้คำปรึกษาเขาทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของเรา
ใช่...สำหรับเขาคือคำปรึกษา แต่สำหรับผม มันคือคำ 'ยุแยง' เธอคอยแต่จะเป่าหูเขาเรื่องสังคมบ้าๆนั่น เพราะเธอคิดเกินเลย เธออยากไปให้ไกลกว่าคำว่าเพื่อนสนิทที่เป็นคำจำกัดความของเธอสำหรับเขา ผมเกลียดเธอ แต่ไม่เคยพูดหรือแสดงออกไป เพราะเธอเป็นเพื่อนเขา และเพราะผมเชื่อใจเขา แต่มาวันนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องเก็บกักมันไว้อีกต่อไป ไม่มีอีกแล้วความเชื่อใจ ไม่ต้องคอยห่วงความรู้สึกของเขา เพราะเขาเองก็ทำร้ายผมได้อย่างเลือดเย็นเหลือเกิน
“ก็ส่วนหนึ่ง พี่เป็นลูกชายคนเดียว ครอบครัวพี่ก็มีหน้ามีตาในสังคม พ่อกับแม่พี่ก็คงคาดหวังให้พี่ประสบความสำเร็จทั้งด้านธุรกิจ และครอบครัว พิมเองก็เป็น 'ผู้หญิง' ที่เพียบพร้อม ทั้งนิสัยใจคอ ชาติตระกูล และหน้าที่การงาน ที่สำคัญคือพิมสามารถทำให้พี่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบได้” จริงสินะ พิมพาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป ส่วนสาเหตุที่เหลือยังไงก็คงเป็นผมเองสินะที่ไม่ดีพอ และผมคงต้องยอมรับมันเพราะนี่คือตัวผม
พิมพาผู้เพียบพร้อมในสายตาเขา ส่วนผมมันก็แค่คนที่ไม่คู่ควร เป็นแค่เด็กสลัม ไม่มีพ่อ ส่วนแม่ก็จากผมไปในที่ที่ไกลแสนไกล อนาคตจบออกมาคงจะเป็นได้เพียงจิตรกรไส้แห้ง ผมเป็นผู้ชาย ต้องคอยปกปิด มีลูกไม่ได้ สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ในแบบที่เค้าต้องการให้ถูกใจใครต่อใครไม่ได้
...แต่ยังไงก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความจริงที่ว่าเธอคือคนที่เขาเลือก...และเขาไม่ได้เลือกผม
...พิมพา ผู้หญิงที่กำลังจะมาแทนที่ผม ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าผู้หญิงที่กำลังจะมาอยู่ในที่ที่สูงกว่าผม ที่ที่ผมไม่มีวันเอื้อมถึง...
“หึ” ผมได้แต่หัวเราะในลำคอเยาะเย้ยตัวเอง ทำได้เพียงยืนก้มหน้าเพื่อไม่ให้เขาเห็นดวงตาแดงก่ำของผม กัดปากตัวเองจนช้ำ กำมือแน่นจิกเล็บลงกับฝ่ามือตัวเพื่อกลั้นน้ำตาแห่งความขมขื่นเอาไว้
...แม้จะสูญเสียโลกทั้งใบไปแล้ว ผมขอเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเป็นของผม ให้ผมได้มีพื้นที่เพียงเสี้ยวให้ยืน ได้มีอากาศเพียงน้อยนิดให้หายใจ ให้ผมสามารถมีชีวิตอยู่ในห้วงแห่งความเวิ้งว้างแห่งนี้ และผมขอซื้อพื้นที่ตรงนั้นไว้ด้วย 'น้ำตา' ที่ผมจะไม่ยอมให้หลั่งรินเพื่อเขา จะไม่ร้องไห้เพราะเขา…
ติดตามตอนต่อไป
ช่วงสนทนา
สวัสดีจ้า เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของเนียนะคะ
เป็นเรื่องสั้นลองเชิงก่อน แบบว่ายังหาแนวตัวเองไม่เจออ่ะ
เคยลองเขียนเรื่องยาว วางพล็อตเรียบร้อย
แต่แป้วอ่ะ ไปต่อไม่ถูก ที่เขียนมาไม่ถูกใจเลย ทุ่มลงถังไปแล้ว
ยังไงอ่านแล้วก็ช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ
หวังว่าเนียคงจะหาแนวทางของตัวเองเจอเข้าสักวัน
ไว้เจอกันตอนหน้านะ
ปล.เรื่องนี้แต่งจบแล้วจ่ะ จะมาลงให้เรื่อยๆนะคะ
-
หยดที่ 2 โปรยปราย
ผมเดินจากเขาไปอย่างเงียบๆ ออกไปจากคอนโดของเขา ออกไปจากชีวิตของเขานับแต่นี้ เพราะมันคงไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้อีกแล้ว ไม่มีทางที่จะทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นเป็นจังหวะเดียวกันได้อีกต่อไป
ผมหอบเอาความเจ็บช้ำกลับมาที่บ้านรูหนูในสลัมที่เคยอยู่กับแม่ เพราะทิ้งไปนาน จึงไม่ค่อยได้กลับมาดูแลบ้านหลังนี้ จากที่ทรุดโทรมอยู่แล้วก็ดูจะแย่ยิ่งกว่าเดิมจนแทบจะอาศัยอยู่ไม่ได้ คิดว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้จะไม่จบลง เคยตัวกับชีวิตสุขสบายที่เขามอบให้ หลงระเริงไปกับคำรักและสัมผัสอ่อนโยนที่ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าครั้งหนึ่งสิ่งเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริงหรือเป็นแค่เรื่องจอมปลอม
ตอนนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น ได้แต่ทิ้งตัวลงบนที่นอนเก่าๆฝุ่นเขรอะ พอเจอบรรยากาศเดิมๆที่อยู่มาตั้งแต่เกิดก็หวนนึกถึงคำของแม่ขึ้นมา ในตอนที่ผมถามถึงพ่อแล้วแม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ยอมให้น้ำตามันไหลออกมา ตอนนั้นผมไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่พูด แต่ตอนนี้ผมพอจะรู้แล้วว่าแม่รู้สึกยังไง
'พระจันทร์ เอ็งจำไว้นะลูกนะ คนเราถ้ามันทุกข์เพราะคนอื่นจนอยากร้องไห้น่ะ ก็เป็นเพราะว่าเราให้เขาไปมาก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือความรู้สึก ถ้าเราให้ไปแล้ว แต่เค้ากลับทำร้ายเราด้วยการเหยียบย่ำทำลายมันทิ้งไป เค้าก็ไม่สมควรได้รับอะไรจากเราอีก แม้ว่าจะเป็นเพียงน้ำตาหยดเดียว ก็อย่าได้เสียให้คนคนนั้นอีก'
“แม่ พระจันทร์จะทำยังไงดี พระจันทร์ให้เค้าไปมากมายเหลือเกิน ให้ทั้วตัว ทั้งหัวใจ ความรักของพระจันทร์ไม่มีค่าเลยเหรอ เค้าถึงได้ย่ำยี ไม่แยแสอะไรพระจันทร์แบบนี้ พระจันทร์เจ็บจังเลยอ่ะแม่ เจ็บจนอยากร้องไห้ออกมาดังๆ แต่พระจันทร์ไม่อยากให้อะไรเค้าไปมากกว่านี้แล้วครับแม่ เพราะผมกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะหายไป”
ผมเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อย ล้าทั้งกายล้าทั้งใจ พอตื่นมาอีกครั้งพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที แต่ตอนนี้เรื่องอื่นคงต้องพักไว้ก่อน ผมควรจัดการทำความสะอาดเพื่อให้บ้านรูหนูของผมเป็นที่ที่พอจะอาศัยอยู่ได้ มองไปรอบๆแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถึงจะไม่กว้างขวางมากแต่สภาพที่เหมือนบ้านร้างแบบนี้ก็คงจะกลายเป็นงานช้างได้เหมือนกัน
ฟึ่บ
“หืม บัตรอะไร” ผมก้มลงหยิบบัตรที่หล่นลงมาจากชั้นไม้เก่าๆที่ผมกำลังปัดฝุ่นอยู่ ปรากฏว่าเป็นคีย์การ์ดสำรองของคอนโดที่เขาเคยให้ไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่ผมลืมทิ้งไว้เพราะไม่เคยได้ใช้ เราจะออกจากห้องและกลับเข้าไปพร้อมกันเสมอ วันไหนที่ผมเลิกเรียนเร็วผมก็จะรอเขา วันไหนที่ผมเลิกช้าเขาก็จะมาคอยผมเป็นประจำ แม้แต่วันหยุดหากเราไม่ได้ใช้เวลาว่างอยู่ด้วยกันที่คอนโด ก็จะออกไปหากิจกรรมทำด้วยกันเสมอ ผมมีความสุข และไม่เคยเหงา แต่ทุกอย่างก็เป็นได้เพียงแค่อดีตที่ฝากรอยแผลลึกเอาไว้และผมรู้ดีว่าแผลของผมไม่มีวันที่จะรักษาให้หาย
.
.
.
ผ่านมาเกือบ3เดือนแล้วที่ความสัมพันธ์ของเรายุติลง เวลาของผมกลับมาเดินเร็วเหมือนเดิม 24ชั่วโมงต่อวันแทบจะไม่พอใช้ด้วยซ้ำ ชีวิตมีแต่เรื่องเรียนและทำงานพิเศษหลายที่เพื่อหารายได้ เป็นวังวนเดิมๆของชีวิตก่อนที่ผมจะได้พบกับเขา ก่อนที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ก่อนที่เขาจะคอยดูแลและจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆให้ คิดๆดูแล้วผมเองก็ไม่ต่างอะไรกับปลิงที่คอยแต่จะเกาะเขากินเลย นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งหรือเปล่านะที่เขา...ไม่สิ ก็เราตกลงกันแล้วนี่นาว่าเราอยากจะใช้เวลาด้วยกันมากกว่าจะให้ผมทุ่มเวลาที่เหลือจากการเรียนให้กับงานแบบนั้น อ่า...เผลอคิดเรื่องเขาอีกแล้วสิ
วันนี้เป็นวันจันทร์ซึ่งผมไม่มีเรียนและทำงานช่วงเช้า และเขาก็คงจะเข้าไปทำงานที่บริษัทแล้ว ผมจะเอาคีย์การ์ดไปฝากไว้ที่ล็อบบี้คอนโดของเขา เพราะถ้ามันยังอยู่ที่ผม ผมก็คงจะฟุ้งซ่านมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว และตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าคอนโดเขาได้สักพักแล้วครับ แต่ยังรวบรวมความกล้าได้ไม่มากพอที่จะเข้าไป แม้จะเป็นเพียงแค่ตรงส่วนของล็อบบี้ก็ตาม
...แต่เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ภาพความทรงจำต่างๆกลับผุดขึ้นมาราวกับเครื่องฉายหนังที่ไม่มีวันจบ...
...กระบอกตาร้อนผ่าว น่ากลัวเหลือเกินว่าทำนบน้ำตาจะทานแรงดันจำนวนมหาศาลได้ถึงเมื่อไหร่กัน...
ผมสูดหายใจลึกๆอยู่หลายรอบกว่าจะสงบใจลงได้ ผมตัดสินใจก้าวเข้าไป ปกติพอมีก้าวแรกก้าวต่อมาก็ง่ายขึ้น แต่สำหรับผมมันกลับกัน ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเหมือนกับได้รับแรงกดดันที่พาให้ตัวหนักอึ้งจนแทบจะยกเท้าก้าวเดินต่อไปไม่ไหว มันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ใช้เวลาอยู่นานหลายนาทีกว่าผมจะพาตัวเองเข้ามาอยู่ตรงล็อบบี้ได้สำเร็จ
“สวัสดีครับพี่เจิ้น” ผมทักทายพี่เจิ้นที่ประจำอยู่ที่เคาเตอร์ตอนนี้
“อ้าว คุณพระจันทร์ สวัสดีครับ หายหน้าหายตาไปนานเลยนะครับ ไปไหนมาครับเนี่ย แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหมครับ” พี่เจิ้นทักทายกลับพร้อมป้อนคำถามด้วยรอยยิ้มประจำตัว ทั้งๆที่เป็นรอยยิ้มสดใสที่ทำให้ผมยิ้มตามได้ทุกครั้งแท้ๆ แต่คราวนี้ผมกลับยิ้มไม่ออก จะกลับมาอยู่ที่นี่น่ะเหรอ ผมคงไม่เป็นที่ต้อนรับสักเท่าไหร่หรอก เลยได้แต่ปฏิเสธไป
“เอ่อ ป่าวครับพี่ ผมย้ายออกไปแล้วล่ะครับ ผมเอาคีย์การ์ดสำรองมาคืนเจ้าของห้องเค้าน่ะครับ พอดีมันติดไปด้วย ว่าจะฝากไว้ที่ล็อบบี้ ยังไงรบกวนพี่เจิ้นคืนให้เค้าด้วยนะครับ” ผมบอกเป้าหมายที่มาในวันนี้พร้อมกับยื่นคีย์การ์ดให้ แต่พี่เจิ้นกลับไม่รับเอาไว้
“ผมว่าคุณพระจันทร์เอาขึ้นไปคืนบนห้องเลยดีกว่าไหมครับ ยังไงก็คุ้นที่คุ้นทางดีอยู่แล้ว พอดีวันนี้ผมมีธุระน่ะครับกำลังจะออกไป คงไม่ได้เจอคุณกันย์”
“อ้าว แล้วเดี๋ยวใครเข้ากะแทนเหรอครับ”
“เด็กใหม่น่ะครับ เพิ่งมาทำได้ไม่ถึงอาทิตย์ ยังไม่ค่อยเป็นงาน ผมก็เลยไม่กล้าฝากเรื่องเอาไว้ เดี๋ยวจะทำป่วนอีก”
“แต่...” ผมทำใจให้ขึ้นไปข้างบนนั้นไม่ได้จริงๆ
“เถอะครับคุณพระจันทร์ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่หรอกครับ คุณกันย์ออกไปทำงานแล้วกว่าจะกลับก็คงเย็นๆนั่นล่ะครับ” ได้ยินพี่เจิ้นพูดแบบนั้น ผมก็ค่อยหายเกร็งขึ้นมาหน่อย เพราะเอาจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้รู้แน่ชัดว่าเขาไปทำงานหรือเปล่า
“งั้น ผมเอาขึ้นไปเองก็ได้ครับ” เป็นไงเป็นกัน เอาขึ้นไปวางไว้แล้วกลับเลยก็ได้
“ดีเลยครับคุณพระจันทร์ โชคดีนะครับ” โชคดี? เรื่องอะไร?
“ครับ” ผมตอบรับแบบงงๆแล้วเดินไปยังลิฟท์ คล้อยหลังได้ยินพี่เจิ้นบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ทะเลาะกันสินะ เฮ้อ เจอกันแล้วก็ปรับความเข้าใจกันซะนะครับ ผมจะเอาใจช่วย อ๊ะ เดี๋ยวบอกให้ไอ้เด็กใหม่จอมจุ้นนั่นคอยกันผู้หญิงที่ชื่อผีผาคนนั้นไว้ด้วยดีกว่า เสนอหน้ามาได้ทุกวัน วันนี้ไม่รู้จะโผล่มาตอนไหนอีก”
ผมขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่ต้องการ ความคุ้นเคยเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอมและเจ็บปวดไปในเวลาเดียวกัน ผมหยุดอยู่หน้าประตูหมายเลขห้องที่ติดตาและจำขึ้นใจ ผมตัดสินใจแตะคีย์การ์ดและเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย แอร์เย็นเฉียบทำให้ผมสั่นสะท้าน เพราะคิดว่ามีคนอยู่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาชอบลืมปิดแอร์เวลาจะออกไปข้างนอก ซึ่งปกติแล้วจะเป็นผมซะมากกว่าที่จะคอยเช็คน้ำเช็คไฟว่าปิดเรียบร้อยดีแล้ว พอคิดได้แบบนั้นมันก็รู้สึกดีใจ เขายังคุ้นเคยกับการที่มีผมอยู่ด้วยรึเปล่านะ ถึงได้ละเลยหน้าที่ในส่วนที่เป็นของผมไป
แต่แล้วผมก็ต้องหนาวยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจเมื่อเห็นรองเท้าส้นสูงแบรนด์ดังถอดเอาไว้เคียงคู่กับรองเท้าหนังของเขา ใจนึงผมก็อยากจะกลับออกไปซะเดี๋ยวนี้ แต่อีกใจนึงผมก็อยากรู้ว่าที่ๆเคยเป็นของผม มีใครอีกคนเข้ามาจับจองแล้วจริงๆหรือเปล่า
ผมเบนจากเป้าหมายแรกของผมคือโต๊ะรับแขกที่ตั้งอยู่กลางห้องไปยังประตูห้องนอนที่ปิดสนิท ใจของผมเต้นระรัว ลมหายใจถี่กระชั้น มือกำแน่นจนชื้นเหงื่อ แต่ละย่างก้าวไม่มั่นคงเลยสักนิด แทบจะหมดแรงล้มลงไปตรงนั้นเสียให้ได้
ความเย็นจากลูกบิดประตูซึมผ่านผิวทางฝ่ามือและกระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งตัว ลูกบิดค่อยๆหมุนออก บานประตูค่อยๆเปิดแง้ม ภายในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงจากดวงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาทางรอยแยกของผ้าม่านผืนหนา ที่พอจะทำให้มองเห็นร่างเปลือยเปล่าของคนสองคนที่ตระกองกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง
สภาพภายในห้องนอนราวกับผ่านสมรภูมิอันหนักหน่วงและยาวนาน ไม่รู้ว่าท่วงทำนองไฟรักของทั้งคู่เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่และจบลงเมื่อใด แต่มันก็คงจะเร่าร้อน สูบพลังงานจนไร้เรี่ยวแรงถึงกับไม่ยอมละจากห้วงนิทราจนสายตะวันโด่งแบบนี้
เพลงรักของคนสองคนที่รักกันจบลงด้วยอ้อมกอดที่ถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กันและกัน คงมีเพียงผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ จบลงตรงนี้ด้วยความหนาวเหน็บเพียงลำพัง เตียงที่ผมเคยนอนเคียงข้างเขา ในวันนี้กลับรองรับร่างของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้
…เจ็บ…
ในที่สุดก็ประคองตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ได้แต่ทรุดตัวนั่งลงตรงนั้น ท่ามกลางสถานที่อันอบอวลไปด้วยความทรงจำ สถานที่ที่เรียกได้เต็มปากเต็มคำและสุขใจทุกครั้งที่ได้เรียกที่แห่งนี้ว่า 'บ้านของเรา'
...แต่มันคงไม่มีอีกแล้ว ไม่มีบ้านของเราให้กลับมาอีกแล้ว...
ผมได้แต่มองไปรอบๆห้อง ทุกๆที่ ทุกๆมุมที่ผ่านเข้ามาในกรอบสายตามีภาพแห่งช่วงเวลาระหว่างเราปรากฏขึ้นมา แต่เพียงเสี้ยงวินาที ภาพของผมก็ค่อยๆเลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยภาพของใครอีกคน ‘พิมพา’
เนิ่นนานกว่าที่ผมจะมีแรงพาร่างกายและหัวใจที่บอบช้ำออกมาจากที่นั่น ผมวางคีย์การ์ดเอาไว้บนโต๊ะกลางห้องแล้วเดินออกมาจากประตูบานเดิม ทอดน่องไปตามหนทางเส้นเดิม เหมือนกับวันนั้น แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือภาพที่มองเห็นมันพร่าเบลอ ไม่ชัดเจน ด้วยม่านน้ำตาที่บดบังเอาไว้
...กลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป...
...สุดท้ายเขาก็ได้มันไปหมดทุกอย่าง...
ติดตามตอนต่อไป
ช่วงสนทนา
ตอนหน้าจะจบแล้วนะคะ เหลืออีกหนึ่งตอนกับส่งท้ายนิดหน่อย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ^^
-
ตอนหน้าจบแล้วหรอออ สงสารพระจันทร์จังเลยย
-
o13 :sad4: :sad4: :sad4:
-
น่าสงสาร พระจันทร์
-
หยดสุดท้าย ห่าฝน
เฮือก
ผมสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาเพราะความฝันบ้าๆนั่น ความฝันที่มีแต่สีแดงและกลิ่นคาวคลุ้งเต็มไปหมด เหงื่อกาฬไหลย้อย หัวใจเต้นระรัว หายใจหอบถี่ สายตาของผมยังคงมองเห็นเพียงสีแดง กลิ่นคาวคลุ้งยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก
“เป็นอะไรคะกันย์” เสียงของพิมพาเรียกสติของผมให้กลับมา พยายามสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ปรับสายตาให้ชินกับสิ่งรอบข้าง เพื่อพบว่าผมนั่งอยู่บนเตียงของตัวเองในห้องนอนของตัวเองที่สภาพยับเยินไม่น่ามองสักเท่าไหร่นัก “กันย์ ฝันร้ายเหรอคะ” เธอถามพร้อมเอื้อมแขนโอบรอบตัวผม แล้วซุกหน้าลงตรงไหล่
“อืม ฝัน แต่ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษนะที่ทำให้ตื่น พิมพ์นอนต่อเถอะ” ผมบอกเพื่อให้เธอคลายกังวล
“ฮิฮิ นอนอะไรอีกละคะกันย์ นี่มันบ่ายแล้วนะคะ วันนี้วันจันทร์ด้วยสิ คงโดยคุณพ่อเอ็ดใหญ่เลยที่หายหน้าหายตาไม่ยอมเข้าบริษัท กันย์จะรับผิดชอบยังไงคะเนี่ย” เธอกระเซ้าออดอ้อนผม ซึ่งผมมองว่ามันเป็นกริยาที่น่ารัก แต่กลับไม่น่ารักเท่าใครอีกคน “รู้สึกเหนียวตัวไปหมด อาบน้ำด้วยกันไหมคะกันย์” เธอพูดพร้อมกับส่งสายตาเชิญชวนอย่างไม่ปิดบัง แต่ผมไม่มีอารมณ์
“พิมพ์อาบก่อนเถอะ เดี๋ยวผมขอโทรคุยกับคุณวสาก่อน ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าวันนี้จะไม่เข้าไป ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องเร่งด่วนอะไรรึเปล่า” ผมปฏิเสธโดยการอ้างถึงเลขาของผม เธอค้อนผมอย่างพองามก่อนจะยิ้มน้อยๆแล้วพาร่างเปลือยเปล่าหายเข้าไปหลังบานประตูห้องน้ำ
ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของผมกับเธอในรูปแบบนี้ก็ดีไม่น้อย เธอช่างเอาใจ เร่าร้อนและตอบสนองความต้องการของผมได้ดี แต่ผมกลับรู้สึกไม่เต็ม เหมือนมันมีอะไรขาดหายไป กับพิมพามันเหมือนเป็นแค่การระบายอารมณ์ อิ่มกายแต่ไม่เคยอิ่มใจ ไม่เหมือนกับพระจันทร์
ไม่เคยมีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงพระจันทร์ และไม่เคยมีวันไหนที่ผมไม่เจ็บปวดที่ทำแบบนั้นลงไป แต่ในเมื่อผมเป็นคนตัดสินใจที่จะเลือกให้มันเป็นแบบนี้ ผมก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนยึดติดกับการตัดสินใจของตัวเอง ยึดติดกับเหตุผลมากกว่าความรู้สึก และมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกนั้นจะทำให้เราเจ็บปวดน้อยที่สุด เพราะผมมองเห็นปัญหาที่จะตามมาหากยังยื้อความสัมพันธ์ของผมกับพระจันทร์เอาไว้ จึงเลือกที่จะทิ้งมันไป
...ทิ้งหัวใจตัวเอง...
ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อที่จะไปอาบน้ำอีกห้อง เพราะพิมพาเธอใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวนานเสมอ เมื่อผมจัดการตัวเองเรียบร้อยก็เข้าครัวเพื่อหาอะไรที่พอจะทำอาหาร สุดท้ายก็ได้วัตถุดิบพอที่จะทำชุดอาหารเช้ายามบ่าย 2 ชุด
แกร๊ก
เสียงประตูห้องนอนเปิดออก พร้อมกับร่างสะโอดสะองในชุดลำลองสบายๆเดินออกมาจากห้อง
“หอมจังเลยกันย์ ไหนดูสิมีอะไรให้ทานบ้าง” เธอเดินมาคลอเคลียผมที่กำลังรินน้ำผลไม้ แล้วเดินอ้อมไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผม “กันย์คะ งานวันเกิดของคุณแม่วันเสาร์หน้า ไหนๆทุกคนก็มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง 2 ครอบครัว พิมพ์ว่าเราให้ของขวัญวันเกิดกับคุณแม่เป็น ‘การแต่งงาน’ ของเราดีไหมคะ” แล้วมื้ออาหารง่ายๆก็เริ่มขึ้นพร้อมบทสนทนาที่ชวนอึดอัดใจ
“ก็แล้วแต่พิมพ์สิครับ” ผมเลือกแล้วที่จะให้ชีวิตของผมเป็นแบบนี้ แต่งงาน มีลูก ดูแลธุรกิจของครอบครัว ทำทุกอย่างตามที่ผมสมควรจะทำ
“งั้นหลังจากที่เรียนให้ผู้ใหญ่ทราบแล้ว เราไปดูฤกษ์กันนะคะ สถานที่ก็เอาเป็นโรงแรมใจกลางเมืองในเครือของกันย์ ออแกไนเซอร์ก็เอาบริษัทเดียวกับที่เคยจัดงานให้พี่พัฒน์...” ผมไม่ได้ใส่ใจนิ่งที่เธอพูดนัก ได้เพียงแต่ยิ้มและตอบรับไปเป็นครั้งคราว ตักอาหารเข้าปากพลางกวาดสายตากวาดมองไปรอบๆห้อง แล้วคิดได้ว่าเรือนหอจะต้องไม่ใช่ที่นี่ ผมเปรยกับเธอหลายครั้ง แต่เหตุผลหลายๆอย่างของเธอก็เอาชนะผมทุกครั้งไป แต่ผมก็ยังอยากเก็บความทรงจำที่มีพระจันทร์เอาไว้ในบ้านของเรา ตอนนี้พิมพายังไม่มีสิทธิ์เต็มที่ในการปรับเปลี่ยนโยกย้ายข้าวของภายในห้องนี้ แต่หลังจากแต่งงานแล้วมันก็เป็นอีกเรื่องนึง ไม่อยากให้เธอยัดเยียดตัวตนของเธอเข้ามามากไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่สิ..ผมต่างหากที่เป็นคนทำให้ตัวตนของเธอชัดเจนขึ้นมา ผมอยากจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องเหมือนกับที่คิดเอาไว้ แต่ก็ยังคงอยากเก็บเงาของใครอีกคนเอาไว้เช่นกัน
...เห็นแก่ตัว...
ผมกำลังจะพูดเรื่องนเรือนหอกับเธอย่างจริงจัง แต่แล้วสายตาของผมสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างบนโต๊ะรับแขก
...คีย์การ์ด...
ผมผุดลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวแล้วรีบเดินไปหยิบคีย์การ์ดใบนั้นขึ้นมา ใช่ใบเดียวกับที่ผมเคยให้พระจันทร์เอาไว้ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เอามาคืนงั้นเหรอ มาตอนไหน แล้ว...เห็นอะไร
“กันย์ จะไปไหนคะ” ผมไม่ตอบคำถามของเธอ ในใจมันร้อนรุ่มไปหมด คว้ากุญแจรถได้ก็รีบวิ่งออกมาทันที พระจันทร์จะเป็นยังไงบ้าง ยิ่งหวนคิดไปถึงความฝันนั่น ยิ่งทำให้ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
ผมจอดรถเอาไว้ริมถนนแล้วพาตัวเองเดินเข้ามาในตรอกเล็กๆ ลัดเลาะไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่กั้นขึ้นมาด้วยไม้กับสังกะสีเก่าๆ ร่างกายและหัวใจหนักอึ้งเพียงแค่ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ที่ดังลอดออกมาราวกับจะขาดใจ
...แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นไร ยังร้องไห้ได้ และยังมีลมหายใจ...
ผมเลือกที่จะหันหลังเดินจากมา เพราะถ้าเดินเข้าไปผมคงไม่สามารถทำใจให้เดินออกมาได้อีก ทั้งจากห้องนั้นและจากชีวิตของพระจันทร์ ผมคงเป็นคนใจร้ายที่ปล่อยพระจันทร์เอาไว้แบบนั้นแต่เพราะผมรู้ว่าเขาจะผ่านมันไปได้ พระจันทร์ถึงแม้จะดูเปราะบาง แต่จริงๆแล้วเขาเข้มแข็ง เขาเคยร้องไห้แบบนี้ เสียใจแบบนี้ตอนที่แม่ของเขาจากไป แต่เขาก็กลับมายืนได้อีกครั้ง เป็นพระจันทร์ที่สดใสงดงามเหมือนเดิม
ผมขับรถไปเรื่อยๆพลางหวนคิดถึงเรื่องราวของเรา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วผมก็ตกหลุมรักรอยยิ้มของเขาในทันที คิดถึงตอนที่ผมคอยตามจีบเขาด้วยวิธีแบบเด็กทั้งๆที่ตัวเองอยู่มหาลัยแล้วแท้ๆแต่ก็ยังทำเพราะใบหน้าเวลาเขินอายของเขามันช่างน่ารัก
คิดถึงตอนที่เขาตอบตกลงที่จะคบกันในวันเกิดของเขา เขาบอกกับผมว่า “วันนี้เป็นวันเกิดพระจันทร์ พระจันทร์อธิษฐานว่าอยากได้สิ่งดีดี แล้วพี่กันย์ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพระจันทร์ เพราะงั้นเราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
คิดถึงเดทแรกของเรา เป็นครั้งแรกที่พระจันทร์ได้ไปเที่ยวสวนสนุก เขาดูตื่นตาตื่นใจไปกับทุกอย่าง ท่าทางแบบเด็กๆนั่นทำให้ผมมีความสุข ดีใจที่ได้เป็นคนที่เติมเต็มชีวิตของเขาให้สมบูรณ์
คิดถึงครั้งแรกของเรา รู้ดีว่าพระจันทร์จะต้องเจ็บมากแน่ๆ รู้ดีว่าเขากลัวมากแค่ไหน แต่เขาก็อดทนเพราะอยากให้ผมมีความสุข เขาพยายามเต็มที่เพื่อความสุขของเรา
คิดถึงอาหารมื้อแรกที่พระจันทร์ทำให้ทาน เป็นอาหารง่ายๆแต่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา เพราะเขาใส่ใจ และเขาดูมีความสุขมากๆ เพียงแค่ผมบอกว่าอร่อย
คิดถึงช่วงแห่งความสุข คิดถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
...คิดถึง คิดถึง คิดถึง...
น่าแปลกที่ผมคิดถึงเรื่องแย่ๆระหว่างเราไม่ออกเลยแม้แต่เรื่องเดียว ไม่มีเลยสักครั้งที่เราจะทะเลาะกัน แล้วผมทำแบบนั้นลงไปได้ยังไงกัน ทั้งๆที่มีคนรักที่ดีขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ทั้งทั้งที่มีคนรักที่พร้อมจะประคับประคองความรักของเราไปด้วยกัน แต่ผมกลับทำทุกอย่างพังเพียงเพื่อจะปกป้องตัวเอง
ผมมัวแต่ใช้ความคิด ใช้หลักการเหตุผลงี่เง่ามาเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ของเรา มีแต่ผมที่คิดเองเออเอง มีแต่ผมที่คิดว่าทำแบบนี้แล้วเราจะเจ็บปวดน้อยกว่า แต่มันจะดีกว่านี้ไหมถ้าเราจะผ่านความเจ็บปวดเหล่านั้นไปด้วยกัน ผ่านอุปสรรคที่จะเผชิญไปด้วยกัน ดีกว่าต่างคนต่างเจ็บอยู่แบบนี้เวลาที่ไม่มีคำว่า ‘เรา’
จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะทิ้งเหตุผลทั้งหมด แล้วทำตามความรู้สึกของตัวเอง
...มันจะไม่เป็นอะไรเลย...
...ถ้าผมไม่คิดได้ในตอนที่สายเกิน...
.
.
.
ในตอนนั้นถ้าผมไม่เลือกที่จะเดินจากมา ผมก็คงไม่ต้องกลับไปเพียงเพื่อที่จะเห็นร่างไร้วิญญาณที่นอนจมกองเลือดอยู่ในห้องเล็กๆนั่น...อย่างเดียวดาย
ผมพยายามยามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คนรักของผมกลับคืนมา พยายามห้ามเลือดที่ยังคงไหลออกมาจากข้อมือไม่หยุด ทำทุกอย่างเพื่อให้หัวใจของเขากลับมาเต้นอีกครั้ง ทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีลมหายใจอีกครั้ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ผมเป็นคนพรากสิ่งเหล่านั้นไปจากเขา มันก็สมควรแล้วที่เขาจะไม่กลับมา
ผมเอาอะไรไปตัดสินกันว่าพระจันทร์เข้มแข็ง ในเมื่อตอนที่เขาอ่อนแอผมเป็นคนที่อยู่ข้างๆเขา ที่เขาลุกขึ้นยืนได้เพราะผมเป็นคนพยุงเขาเอาไว้ เขาผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้เพราะผม เขายกผมให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเขา แต่ผมกลับทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง ผมรู้แล้วว่าผมเองที่ไม่คู่ควรกับความรักของพระจันทร์
...สุดท้ายก็ทำได้แค่กอดร่างเย็นชืดนั้นไว้ แล้วร่ำไห้อยู่แบบนั้น จนน้ำตาไหลลงไปรวมกับเลือด หยดแล้วหยดเล่า...
...สุดท้ายก็ได้แต่จมอยู่กับความเจ็บปวด สีแดงคล้ำและกลิ่นคาวของเลือดทั้งในความฝันและโลกแห่งความจริง...
...นั่นก็คงเป็นบทลงโทษที่เหมาะกับคนอย่างผมแล้ว...
อวสาน
ช่วงสนทนา
จบแล้วนะคะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "มันเป็นเรื่องสั้น" เฮ้ย ไม่ใช่ละ แต่ก็สั้นจริงๆนั่นแหละนะ
เอาเป็นว่าอย่ารู้ตัวเมื่อสายก็แล้วกันเนอะ อย่าลืมให้ความสำคัญกับคนที่สำคัญกันนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
แล้วเจอกันใหม่นะคะ บ๊าย บาย
-
ไอ้พี่กันย์แม่งงง :sad4:
ไม่อยากใช้เป็นห้องหอ? อยากเก็บห้องของเราเอาไว้?
แต่เล่นไปมีอะไรกับสาวใน ห้องของเรา???
ในความคิดเรามันจริงอย่างที่น้องบอกเลย
โลกของพระจันทร์คือพี่กันย์ แต่พระจันทร์เป็นได้แค่เสี้ยวเล็กๆในโลกของพี่กันย์...
ปล.รู้สึกคอมเมนท์ฮาร์ดคอมาก พอดีอินเกินไปนิด orz
-
พระจันทร์ไม่น่าทำแบบนี้เลยอ่ะะ ไอพี่กันย์นิสัยไม่ดี ไม่สงสารกันย์หรอกนะชิ
-
น้ำตาท่วมจอ :o12: :o12:
ชอบจ้า
ข้าพเจ้าไม่เก่งเรื่องการใช้ภาษาจึงขอวิจารณ์ตามความรู้สึกล้วนๆเลยนะ
ชอบการเปรียบเปรย พระจันทร์ กับโลก มันเห็นภาพเลย พระจันทรที่หมุนรอบโลก โลกที่เป็นทุกอย่างของพระจันทร์
ไม่มีโลกแล้วพระจันทร์ก็อยู่ต่อไม่ได้ ตรงนี้แซดมาก :hao5:
และการพูดถึงเรื่องความรักกับสังคมมันสะเทือนใจดี
ตอนพูดถึงพิมพาข้าพเจ้ารู้สึกว่าถ้าเอาให้กระชับกว่านี้สักนิดน่าจะอ่านลื่นไหลกว่านี้
และทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาไม่มีหลักการใดๆ มาจากใจล้วนๆ :laugh:
แอบพาลอยากไปดักตบ พนักงานล็อบบี้ หวังดีแต่ไม่มีประโยชน์เลยกลับส่งผลเสียด้วย
ถ้าจันทร์ไม่ขึ้นไปเห็นภาพบาดใจคงไม่คิดสั้น :sad4:
สุดท้ายขอบคุณนักเขียน จ้า :L2: :L2: :pig4:
-
เศร้าจัง ..... ขอบคุณครับ
-
ชีวิตและโลกทั้งใบให้เขาไปหมด ผู้ซึ่งไม่สมควรได้รับมัน เกิดชาติหน้าให้เจอคนที่ดีนะพระจันทร์ แต่ไม่รู้จะได้เกิดป่าวเพราะ.... มันเศร้า ขอเหล้าเข้มๆ :hao5:
-
:o12: