พิมพ์หน้านี้ - ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: powl-the-2nd ที่ 08-08-2014 22:35:22

หัวข้อ: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 08-08-2014 22:35:22
อ้างถึง

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



#สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย




---------------- รายละเอียดการจองเล่ม --------------------



(https://s23.postimg.org/s9xqhgsiz/1491670731550.jpg)


พรตพรานตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ FaCai Novels นะคะ
พรีออเดอร์ได้ที่ลิ้งก์นี้นะคะ >>> http://facainovels.lnwshop.com/  (http://facainovels.lnwshop.com/)


เปิดพรีถึงวันที่ 30 เม.ย. 2560 ค่ะ หลังจากนี้ซื้อได้อยู่แต่จะไม่มีของแถมนะ

ในเล่มจะมีตอนพิเศษอีก 5 ตอน โดยจะมีทั้งคู่หลักและคู่พี่พฤตค่ะ และมีโดจิน3หน้า

ในเล่มจะมีการตัดเนื้อหาบางส่วนออกและรีไรท์บางส่วนเพื่อนความกระชับสมบูรณ์ของเรื่องนะคะ

รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จากเพจของสำนักพิมพ์เลยค่ะ https://www.facebook.com/Facai.Publishing/

ฝากตัวด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า  :-[ :-[






---------------------------------------------------------------------------------------------

*** อยากให้ทุกคนอ่านกันก่อนนะคะ ***

เรื่องนี้มีจุดประสงค์หลักๆ คือ จดบันทึกการรับน้องของตัวเอง และพอดีว่ามันตรงกับช่วง hashtag ในทวิตเตอร์กำลังเป็นที่ฮือฮา เลยเอามารวมในเรื่องทันที555

...ก่อนอื่น อยากขอโทษและแจ้งไว้ตรงนี้ว่า เราไม่รับประกันว่าจะแต่งจบหรือไม่ดองได้รึเปล่า
เพราะที่คณะรับน้องเยอะและงานหนักมากจริงๆ  o1

เอาเป็นว่า เราแค่อยากถ่ายทอดสิ่งที่ได้เจอให้คนอื่นได้ร่วมสนุกไปด้วยกันค่ะ




ปล.การรับน้องในเรื่องนี้ไม่ใช่ในมหาลัยเราอย่างเดียวนะคะ มีการใส่ไข่และเอาของม.อื่นมารวมด้วยมากมาย


**** ปล2. ถึงจะรู้สึกคุ้น แต่อย่าเอ่ยชื่อสถาบันนะคะ...มันค่อนข้างเป็นความลับ ขอความร่วมมือด้วยค่ะ


ขอบคุณทุกคนค่ะ  :กอด1:





---------------------------------------------------------------------------------------------------

แฟนเพจ >>  https://www.facebook.com/powl.the.2nd
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 08-08-2014 22:39:36

:: บทนำ ::



 

            “พี่พราน!! ตื่น!!!! พี่ติดถาปัตย์แล้ว!!!”

            ผมงัวเงียผงกหัวขึ้นจากหมอนก็เห็นน้องสาวคนเดียวที่อายุห่างกันปีกว่าเปิดประตูแล้ววิ่งตรงเข้ามาหาพร้อมตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง ปกติเวลาเก้าโมงแบบนี้ผมยังคงอยู่บนเตียงแต่ดันต้องมาตื่นก่อน แล้วเมื่อกี้มันว่าไงนะ วันนี้วันอะไรวะ...

            “เฮ้ยยยย!! เดี๋ยว...มันประกาศหกโมง”

            “รายชื่อคนท็อปมันจะออกมาก่อนไงล่ะ”

            ผมลุกพรวดทันทีพอดีกับน้องสาวรีบนั่งลงบนเตียงข้างๆ แล้วส่งไอแพดที่เปิดทวิตเตอร์อัพเดตข่าวการศึกษามาให้ดู มันเป็นรายชื่อสั้นๆ พร้อมกับคะแนนแอดมิชชั่นและชื่อคณะอยู่ข้างๆ ส่วนชื่อของผมอยู่ในอันดับท้ายๆ ก่อนจะไล่ย้อนขึ้นไปดูบรรทัดบนสุด

            ‘รายชื่อนักเรียนที่ได้คะแนนแอดมิชั่นสูงสุด’

            “!!!!”

            “พี่พรานเทพไปป่ะ”

            ผมขยี้ตาตัวเองอีกทีแบบไม่อยากเชื่อ ช่วงยื่นคะแนนนผมเครียดมาก คะแนนปีนี้มีคนขู่ว่าโคตรสูง แต่เพราะมันเป็นคณะที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองที่สุด เลยสละสิทธิ์คณะอื่นไปเรียบร้อยแล้ว ใครจะไปคิด...ว่าผมทำมันสำเร็จได้

            “...”

            “สมองน่ะ พลูขอบ้างเหอะ”

            ผมยังคงพูดอะไรไม่ออก มันเป็นความรู้สึกดีใจที่อธิบายไม่ถูกเวลาความฝันมันเป็นจริงขึ้นมา เหมือนกับความทุ่มเทพยายามมาตลอดปีจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ยิ่งเหนื่อยมากแค่ไหนผลของมันยิ่งคุ้มค่ามากเท่านั้น จนกระทั่งน้องสาวยกมือขึ้นมาเขกหัวผมนั่นแหละ ผมถึงได้เรียกสติตัวเองคืนมาก่อนหันไปยิ้มแล้วโผเข้ากอดคนข้างๆ เต็มแรง

            “เฮ้ยๆๆ ตัวสั่นเลยเหรอ ใจเย็นพี่พราน”

            “ฮ่าๆๆ ดีใจนี่หว่า แล้วแม่รู้ยัง”

            ความรู้สึกตอนได้เห็นชื่อตัวเองพิมพ์คู่กับคำว่าสถาปัตย์นั้นเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ตลอดสามปีตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมา ผมได้แต่เขียนชื่อคณะไว้เป็นความฝัน เป็นแรงผลักดัน จนมาถึงตอนนี้ ผมจะมีโอกาสเพิ่มชื่อตัวเองไว้ด้านหน้าตัวอักษรเดิมๆ ที่กลายเป็นความจริงแล้วในวินาทีนี้   

            “รู้แล้วดิ พี่พรานรู้คนสุดท้าย”

            “อ้าว ทำไมเป็นงั้นไปได้”

            “ก็ตื่นสายเอง...เออ นี่”

            ใบพลูดึงไอแพดกลับไปแล้วเลื่อนหาอะไรในทวิตเตอร์สักพักก่อนจะยัดกลับมาให้ผมดูอีกครั้ง แต่คราวนี้มันถูกเปลี่ยนจากรายชื่อเมื่อกี้กลายเป็นรูปใครไม่รู้อยู่เต็มหน้าจอ

            “...”

            “เด็กถาปัตย์หล่อมาก”

            “อืมม”

            “พี่พรานอย่าลืมแนะนำด้วยเข้าใจไหม”

            “...อือๆ”

            ผมรับคำน้องสาวไปเรื่อยๆ ตอนนี้ในหัวมีแต่คำว่า ‘สถาปัตย์’ ทั้งภูมิใจทั้งแน่ใจ ผมอยากจะบอกคนทั้งโลกว่าพวกคุณจินตนาการไม่ออกหรอกว่าผมดีใจขนาดไหน อยากจะตะโกนบอกทุกคนว่าผมได้เรียนคณะนี้แล้ว อยากบอกเพื่อนว่าผมเป็นคนที่โชคดีมาก






            ...โดยที่ไม่รู้เลยว่า คำว่า ‘อือ’ ที่ตอบไปเมื่อกี้มันจะส่งผลกระทบกับชีวิตขนาดไหน


 

 
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 08-08-2014 22:48:51

::: CHAPTER 1 :::


 

            “พราน มึงอยู่ไหน”

            “หน้าคณะแล้ว ทำไมกูไม่เห็นสักคนเลยวะ”

            ผมพยายามกวาดสายตามองหาคนที่ดูเข้าข่ายว่าจะมางานแรกพบในวันนี้ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นเด็กคณะอื่นเกือบทั้งหมดแล้ว นี่มันก็เลยเวลาที่พี่เขานัดไว้เกือบสิบนาทีแล้ว ทำไมไม่มีใครมานั่งรอหน้าคณะเลยสักคน

            “ไอ้เชี่ย แล้วมึงจะเห็นได้ไง ทุกคนเข้าคณะมาหมดแล้ว”

            “...” อ้าว แล้วผมจะไปรู้ได้ไง

            “มึงรีบนะเว้ย ใกล้ปิดประตูแล้ว”

            “เออๆ กูไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

            ผมกดวางสายแล้วยัดมือถือลงกระเป๋าอย่างลวกๆ ก่อนเดินหาประตูทางเข้า นี่เป็นการมาคณะครั้งแรกเลยทำให้ไม่รู้ว่าควรจะเข้าทางไหนกันแน่ ก่อนเสียงโห่เชียร์จะดังออกมาเหมือนบอกว่ากิจกรรมกำลังจะเริ่มแล้ว ผมเลยเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วมุ่งไปหาเสียงเชียร์นั้น

            ‘ผลั่ก!!’

            แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีผู้ชายรูปร่างสูงคนหนึ่งวิ่งอย่างรวดเร็วดูรีบมากจนเหมือนหนีอะไรบางอย่างมากกว่า ก่อนจะเบียดชนเข้ากับผมอย่างจัง ทำเอาผมที่กำลังรีบอยู่เหมือนกันนั้นถึงกับเซไปนิดนึง ผมอดไม่ได้ที่จะมองตามแผ่นหลังที่เดินนำหน้าไป เข้าใจนะว่ารีบแต่ทำไมวิ่งไม่ดูคนเลยวะ

            “เฮ้ย โทษที”

            “อือๆ ไม่เป็นไร”

            เขาเอ่ยขอโทษเร็วๆ โดยไม่หันกลับมา ผมเลยได้แต่อือๆ ไปแล้วจัดกระเป๋าสะพายที่ถูกแรงผลักไปด้านหน้าให้เข้าที่ เสียงโห่เชียร์ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เร่งให้ผมรีบเดินเข้าไปประตูทางเข้า แต่แล้วผู้ชายคนเดิมกลับชิงผลักประตูนั้นเปิดออกแล้วเบียดเข้าไปก่อน ทำเอาผมหยุดแทบไม่ทัน

            “เออนี่ ชื่ออะไร อยู่ภาคไหน”

            ผมชะงักไปนิดนึงเมื่อคนที่เดินนำเข้าไปก่อนกลับหันกลับมาแล้วยืนรอให้ผมเดินเข้ามา ทั้งที่เมื่อกี้ตัวเองกำลังรีบแล้วทำไมมาชวนคุยตอนนี้วะ ผมไม่เข้าใจ

            “นายพราน ถาปัตย์ภายใน”

            “อืม...พรต ถาปัตย์หลัก”

            พอผมตอบเสร็จเขาก็แนะนำตัวทันทีจนดูเหมือนจะไม่ใส่ใจจะฟังชื่อผมเลยสักนิด ความจริงถามชื่อไปตอนนี้ไม่มีใครจำได้หมดหรอก ต้องคุยกันไปทำกิจกรรมกันไปสักพักถึงจะเริ่มจำได้ แต่สำหรับคนที่ถือเป็นเพื่อนใหม่คนแรกในคณะแบบนี้ก็คงจำได้ล่ะมั้ง

            ผมเดินตามพรตเดินไปนั่งต่อแถวเพื่อนคนอื่นซึ่งนั่งล้อมลานเล็กๆ กันแน่นขนัด และดูเหมือนจะเริ่มกิจกรรมกันมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ทันจะนั่งลงไปอยู่ๆ รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้ากิจกรรมซึ่งนั่งอยู่กลางลานก็หันกลับมามองผมกับพรตทันที

            “น้องที่เข้ามาใหม่ ไหว้เจ้าที่ด้วยครับ”

            พรตชะงักไปนิดนึง ก่อนจะหันมามองผมเมือนชวนกันลุกขึ้น ผมเลยจำใจเดินไปกลางลานท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ บนแท่นที่พวกรุ่นพี่นั่งอยู่มีโฟมรูปที่แกะและพ่นสีให้เป็นรูปศาลเจ้าเล็กๆ ผมเลยค่อยๆ ก้าวเข้าไปหา

            “นั่งท่าเทพบุตรด้วยครับ”

            ผมค่อยนั่งลงอย่างเก้ๆ กังๆ ให้ตายเถอะ พยายามไม่ทำตัวเป็นคนเด่นในคณะเพราะต่อไปคนโดนเรียกโดนอะไรหลายๆ อย่าง แต่นี่แค่วันแรกก็โดนซะแล้ว

            “น้องยกมือขึ้นอย่างนี้แล้วทำตามพี่”

            รุ่นพี่คนหนึ่งที่นั่งอยู่บนแท่นลงมานั่งข้างๆ ผมแล้วแบมือยกแขนชูขึ้นให้ทำตาม ก่อนพี่เขาจะเหวี่ยงตัวไปทางขวาอย่างแรงจนผมสะบัดแล้วก้มเอาหน้ากับมือที่ชูขึ้นวางลงแนบกับพื้น ผมหันไปมองพรต จึงได้เห็นว่าเขาดูตกใจไปนิดนึง คงคิดเหมือนผมบ่ะมั้ง ขืนทำท่านี้อยู่กลางลานสองคนเพื่อนทั้งรุ่นคงจำได้

            “เอ้า! น้องทำเลย สามครั้งนะ สะบัดแรงๆ”

            เวรแล้วไง คราวนี้พรตเลยหันมามองผมเหมือนจะเกี่ยงว่าเอาไงดี แต่แล้วเจ้าตัวกลับยกมือขึ้นแล้วเหวี่ยงแรงจนผมเกือทำตามไม่ทัน ผมทำเท่าที่จะทำได้ท่ามกลางเสียงปรบมือเสียงโห่ของรุ่นพี่และเสียงหัวเราะของเพื่อนบางคน ทำให้เวลาประมาณสามสิบวินาทีนี้ยาวนานเหมือนสามชั่วโมง

            “ดีมาก ไปนั่งที่ได้”

            ผมลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้รุ่นพี่ด้วยอารมณ์ที่เหมือนนักเรียนไหว้ครูหลังโดนทำโทษ ขอบคุณที่ปล่อยกูไปอะไรทำนองนี้ และพอนั่งลงในแถวกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็หันมามองผมกับพรตยิ้มๆ แล้วเหมือนจะหันไปซุบซิบกับเพื่อนต่อ ถามว่าอายไหม...มาก แต่ทำอะไรไม่ได้

            “โอเค ถ้ามากันครบแล้วก็ ขอต้อนรับเข้าสู้คณะสถาปัตย์อีกครั้งครับ!!!”

            รุ่นพี่รุ่นน้องปรบมือโห่กันกระหึ่ม ทำเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้ มันอาจเป็นประโยคธรรมดาที่รุ่นพี่พูดขึ้นพอเป็นพิธี หรือเป็นประโยคที่เพื่อนบางคนปรบมือตามเพราะคนอื่นทำก่อน แต่มันฟังดูโคตรยิ่งใหญ่สำหรับผมเลย เหมือนกับจะบอกกับผมว่าในที่สุดมึงก็พาตัวเองฝ่าฝันมานั่งอยู่ตรงนี้จนได้

            ผมละสายตาจากรุ่นพี่แล้วหันไปมองคนข้างๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาหันมามองผมก่อนอยู่แล้ว ผมชะงักไปนิดนึงแล้วยิ้มให้เขาเก้อๆ ถึงความจริงอยากจะถามทำนองว่ามองทำไมมากกว่าก็เหอะ แต่ยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นจะถามคงน่าเกลียดไปหน่อย

            “เดี๋ยวพี่จะให้น้องยืนขึ้นแนะนำตัวทีละคนนะครับ”

            เสียงจากรุ่นพี่ทำให้ผมละสายตาจากพรตแล้วหันไปกลางลานแทน ไม่ค่อยเข้าใจว่าจะให้แนะนำตัวกันทำไม เพราะคงไม่มีใครจำชื่อเพื่อนเป็นร้อยได้ในครั้งเดียวหรอก รอให้ค่อยๆ รู้จักกันไปก่อนดีกว่า เพราะถึงตอนนั้นก็รู้ชื่อเองแบบไม่ต้องนั่งท่องชื่อเพื่อนกันแล้ว

            “เริ่มจากน้องที่เข้ามาหลังสุดเมื่อกี้เลย”

            อ้าว ชิบหาย กลายเป็นว่าผมต้องลุกขึ้นมาคนแรกท่ามกลายเสียงปรบมือจากทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ นี่แค่ไหว้เจ้าที่คนเดียวก็เด่นพอแล้วจะให้แนะนำตัวอีกคงไปกันใหญ่

            “นายพราน สถาปัตย์ภายในครับ”

            พอพูดชื่อเสร็จ เสียงปรบมือของเพื่อนก็ดังขึ้น ผมเลยนั่งลงไปเหมือนเดิม แต่แล้วพี่ที่ยืนมองอยู่จากระเบียงด้านบนกลับตะโกนห้ามทันที

            “อย่างเพิ่ง!! เต้นก่อนแล้วค่อยนั่ง”

            “!!”

            ช็อคสิครับ ผมถึงเหวอไปเลยครับ ก่อนเพื่อนจะส่งเสียงเชียร์ให้เต้นกันยกใหญ่ มาถึงตอนนี้ก็เลี่ยงอะไรไม่ได้อยู่แล้ว มีหนทางเดียวคือทำให้มันจบๆ แล้วนั่งลง ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เรียกได้ว่าแทบจะสบตากับเพื่อนทุกคนเลยล่ะ ผมยิ่งเป็นคนที่รู้สึกกดดันได้ง่ายตอนอยู่ต่อหน้าคนมากๆ ด้วยสิ

            เป็นไงเป็นกันวะ! ผมยืนคิดครู่นึงแล้วหลับหูหลับตาเต้นภายในห้าวินาที ก่อนเสียงหัวเราะจะดังลั่นจนผมแทบนั่งลงไปไม่ทัน ที่ทำไปถึงจะดูกล้าแต่ไม่ใช่ไม่อายนะเว้ย ผมพยายามคุมสติตัวเองกลับมาเหมือนเดิมก่อนที่จะตื่นเต้นไปมากกว่านี้

            “ฮ่าๆๆ ตลกว่ะ”

            พอนั่งลงเท่านั้นแหละ คำที่เหมือนพูดลอยๆ เหมือนตั้งใจพูดกับตัวเองของพรตก็แทงใจผมทันที อะไรวะ ขนาดคนที่เพิ่งรูจักกันแบบนี้ยังขำไม่หยุด ชิบหายแล้วกู เข้ามานี่เกิดแน่ๆ

            “ตลกแต่อายเว้ย”

            “ดีแล้วๆ” พรตพูดไปหัวเราะไป

            คือมันดีตรงไหนวะ ผมไม่เห็นว่ามันจะโอเคเลยสักนิด แต่เอาเถอะ ทำให้จบๆ ไปก่อน สักพักทุกคนคงลืมมันไปเอง 

            “พรต ถาปัตย์ ถาปัตย์ ครับ”

            และในขณะที่ผมกำลังจะเป็นบ้ากับเหตุการณ์เมื่อกี้นั้นพรตก็ยืนขึ้นแนะนำตัว ผมเลยพับความอายของตัวเองเก็บไว้ก่อนแล้วสนใจเพื่อนใหม่แทน พอแนะนำตัวเสร็จพรตก็นั่งลง แต่...

            “น้องครับ!! หมุนตัวก่อน”

            นั่นไง เสียงพี่ตะโกนลงมาทำให้ชะตากรรมของพรตไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ แต่ก็ถิอว่าโคตรโชคดีถ้าเทียบกับผมเพราะพี่แค่บอกให้ชูมือขึ้นแล้วหมุนโชว์ตัวเท่านั้น แถมยังมีเสียงกรี้ดของเพื่อนกับรุ่นพี่ผู้หญิงดังเป็นระยะๆ

            ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง และ...เออ จะว่าไปมันก็หน้าตาดีใช้ได้ ผิวขาว ตาคม อย่างที่ผู้หญิงชอบทุกประการ แต่การแต่งตัวกับทรงผมคงจืดไปหน่อยเลยทำให้ผมไม่รู้สึกถึงความหล่อของมันเลยจนถึงวินาทีนี้ และถ้าไม่มีใครกรี้ดผมก็คงไม่ทันสังเกต

            พรตหมุนตัวอยู่สองรอบแล้วนั่งลงเหมือนเดิม เสียงกรี้ดยังดังไม่หยุดแต่เขากลับดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด คราวนี้ล่ะ ผมเลยได้ทีแหย่กลับบ้าง

             “หล่อมากกก” ผมลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน

            “ฮ่าๆๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”

            พอคุยกันแบบนี้เลยได้รู้ว่าพรตเป็นคนยิ้มง่ายคุยง่ายกว่าที่คิด นี่ถ้าไม่ติดว่าตอนเจอกันหน้าประตูเขารีบมาก ความประทับใจแรกคงเกินร้อยไปแล้วล่ะ

            ผมนั่งฟังเพื่อนทุกคนแนะนำตัวกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสองชั่วโมง และอย่างที่บอกล่ะ ไม่มีใครจำเพื่อนได้เท่าไหร่ แถมบางคนยังพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ผมเลยนั่งเบื่อบ้างหันไปคุยกับพรตบ้างพอจะฆ่าเวลาสองชั่วโมงได้ ความจริงผมกะจะนั่งเล่นมือถือแต่รอบข้างไม่มีใครหยิบขึ้นมาเลยทำให้ผมไม่กล้าทำอะไรนอกจากนั่งฟังไปเรื่อยๆ

            ในที่สุดเมื่อคนสุดท้ายแนะนำตัวเสร็จ รุ่นพี่เลยย้ำอีกครั้งถึงเรื่องกำหนดการของวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันสัมภาษณ์ของเด็กแอดมิชชั่นซึ่งเข้ามาทีหลังรอบสอบตรง

            “แอดมิชชั่นมาสัมภาษณ์แปดครึ่ง ส่วนรับตรงก็มาด้วยนะ ใส่ชุดนักเรียน”

            และในขณะที่ผมกำลังนั่งฟังรุ่นพี่สรุปงานอยู่นั้น จู่ๆ พรตก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นเอง

            “เข้ามารอบแอดป่ะ”

            “อืม ใช่ พรตล่ะ”

            “...เหมือนกัน”

            ผมพยักหน้ารับรู้แล้วหันกลับไปฟังพี่สรุปงานต่อ ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยผมก็มีคนรู้จักมาสัมภาษณ์พรุ่งนี้ด้วยสักคนเพราะเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันทุกคนที่เข้าคณะนี้ก็เข้ารอบรับตรงแล้วทั้งนั้น มีแต่ผมนี่แหละที่เหลือเป็นติ่งอยู่คนเดียว

            “เฮ้ย ฝากกระเป๋าหน่อย จะไปฉี่”

            อยู่ๆ พรตก็หยิบมือถือออกจากกระเป๋าแล้วส่งย่ามทั้งใบมาให้ ผมเลยรับมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เข้าห้องน้ำก็ถือกระเป๋าไปได้ ต่อให้ไปขี้ก็ยังมีที่แขวนกระเป๋าให้อยู่แล้ว ผมวางย่ามสีน้ำตาลไว้ข้างตัวแล้วนั่งฟังพี่สรุปต่อ แต่ผ่านไปเกือบสิบนาทีพรตก็ยังไม่กลับมา เลยทำให้ผมเริ่มคิดแล้วล่ะว่ามันไปขี้หรือตกส้วมตายที่ไหน

            “เอ้า! วันนี้ปล่อยแค่นี้ ขอบคุณครับ!!”

            แต่ไม่ทันจะสงสัยอะไรมากขึ้น เสียงรุ่นพี่ที่อยู่กลางลานก็บอกให้น้องกลับบ้าน ทำให้คนจำนวนหลายร้อยลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนเดินกลับบ้านกันพลุกพล่านจนแทบดูหน้าไม่ทัน ผมมองย่ามที่ถือติดมือมาด้วยแล้วตัดสินใจเดินไปตามถึงห้องน้ำ

            “อ้าวไอ้พราน กูกำลังหามึงอยู่ มาเลยๆ”

            และก่อนจะได้บอกผมก็โดนลากออกจากประตูคณะที่เข้ามาเมื่อเช้า พอคนไม่ค่อยพลุกพล่านแล้วผมเลยถือโอกาสชิงพูดก่อนทันที

            “กูต้องเอากระเป๋าไปคืนเพื่อน มันฝากไว้ตอนเข้าห้องน้ำ”

            คราวนี้ ‘โอม’ เพื่อนสนิทจากโรงเรียนเก่ามันเลยชี้ให้ดูคนที่กำลังทยอยเบียดกันออกมาจากประตูกันยกใหญ่

            “มึงจะเข้าไปอีกเหรอ”

            แล้วจะให้ผมทำไงล่ะ มีย่ามของใครไม่รู้อยู่ด้วย จะให้ถือกลับบ้านไปด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ขี้เกียจเบียดคน’ ก็แย่ไปหน่อย พรุ่งนี้ต้องสัมภาษณ์อีก ถ้ามีของสำคัญหรือหลักฐานการสอบอะไรอยู่ในกระเป๋านี้ขึ้นมาผมจะกลายเป็นคนเลวทันที

            “เดี๋ยวกูมา มึงรออยู่นี่แล้วกัน”

            พูดจบผมก็เบียดกลับเข้าไปในประตู และมันยากกว่ามากที่จะเบียดสวนทางกับคนจำนวนมากที่เดินออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินกันเลยสักนิด กว่าผมจะเบียดเข้าไปทำเอาเหงื่อแตกเต็มหลัง และทันทีที่รอดมาได้ผมก็รีบดิ่งไปยังห้องน้ำชาย

            ผมเดินผ่านโถฉี่ที่มีเพื่อนสองสามซึ่งไม่เคยห็นหน้ามาก่อนยืนใช้อยู่ เลยเดินเข้าไปถึงโซนส้วม วนสองสามทีแล้วไล่ผลักประตูดูข้างในจนครบ


            ...แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครอยู่




           

            หลังจากกินข้าวเดินเล่นกับเพื่อนเสร็จแล้วผมก็กลับมาถึงบ้านตอนเย็นๆ ซึ่งตรงกับตอนที่น้องสาวผมออกไปกินข้าวกับเพื่อนพอดี ผมเลยโล่งใจไปหนึ่งเปลาะว่าไม่ต้องมานั่งตอบคำถามเยอะๆ อย่างที่มันชอบทำอยู่บ่อยๆ

            ผมเดินเข้าห้องนอนอย่างเหนื่อยๆ เหวี่ยงกระเป๋าสะพายกับย่ามของพรตไว้บนพื้นข้างเตียง ก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงโดยไม่เอาผ้าคุมออกแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเช็คเล่น เปิดแอพลิเคชั่นนู่นนี่ไปเรื่อยๆ จนมาถึงโปรแกรมแชทชื่อดังที่ขยันเด้งเตือนจบางทีผมแทบลบทิ้ง

            พอเปิดมาก็มีคำทักทายจากคนนู้นคนนี้เรียงกันเต็มไปหมด รวมถึงกรุ๊ปแชทที่มีแต่คนสามสี่คนคุยกันเป็นพันให้คนอื่นอ่านเล่นโดยที่เขาไม่ได้อยากรู้ และล่าสุดเป็นของใบพลูน้องสาวผมเอง ดูเวลาแล้วช่วงนั้นผมยังไม่ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ ความจริงจะเดินมาพูดตรงๆ กันเลยจะดีกว่าด้วยซ้ำ หรือมีอะไรลึกลับขนาดคนอื่นได้ยินไม่ได้...

            และเมื่อผมกดเข้าไปดูนั่นแหละ ถึงได้เป็นรูปผู้ชายที่จัดว่าหล่อคนหนึ่งกำลังยืนหันข้างเหมือนเหม่อมองอะไรอยู่แล้วโดนแอบถ่าย เป็นธรรมชาติของพลูที่จะชอบกรี้ดผู้ชาย แต่คราวนี้ข้อความด้านล่างไม่ใช่แค่ส่งมากรี้ดธรรมดาเหมือนที่เคยทำ

            ‘คนนี้สเป็คมาก อยู่คณะพี่พรานอ่ะ ถ้าเจอขอเบอร์ขอไลน์ให้หน่อย’

            ผมเคยเสนอข้อแลกเปลี่ยนน้องไว้ว่าถ้ามีอะไรช่วยได้ก็จะช่วย ผมเคยถ่ายรูปเพื่อนตัวเองมาให้น้องหรือทำอะไรทำนองนั้นอีกสองสามอย่างเพราะมันก็ถ่ายรูปเพื่อนมาให้ผมเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีถึงขนาดขอเบอร์เลยสักครั้ง ผมเลื่อนขึ้นไปถึงรูปนั้นอีกครั้งแล้วพยายามซูมเพื่อให้เห็นหน้าชัดๆ และด้วยความที่เป็นรูปด้านข้างทำให้ระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คงไม่ใช่รุ่นเดียวกันแล้วล่ะ

            ‘ไม่ใช่ปีหนึ่งนะ เขาอยู่ปีไหนก็ไม่รู้ ช่วยสืบที’



            ...งานเข้าแล้วกู





-----------------------------------------------------------------------------------
บทแรก ลุ้นๆ กันไปก่อนเนอะ  o18

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: num-arch52 ที่ 08-08-2014 23:23:49
เรื่องสถาปนิกอีกแล้ว คิดแล้วเศร้าเพราะเราก็สถาปนิกเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-08-2014 01:39:29
น่าสนุก ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 09-08-2014 06:26:06
รอตอนต่อไปคราบ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 09-08-2014 09:07:29
น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 09-08-2014 09:37:32
โปรดติดตามตอนต่อปายยยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy0189 ที่ 09-08-2014 09:46:33
น่าสนุกๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-08-2014 11:12:49
อินเทรนด์มาก
รออ่านอยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-08-2014 14:51:01
น่าติดตาม ในรั้ว มหาลัย ..
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 09-08-2014 17:35:31
 :-[  :-[ :-[  :-[ :-[ วัยใสๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 09-08-2014 20:34:05
ช่วงรับน้องพอดีเลย 5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 09-08-2014 21:01:33
เอาอีก เอาอีก เอาอีก :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 10-08-2014 07:06:39
มารอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย :::
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 10-08-2014 11:21:17
ชอบๆรออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 10-08-2014 22:26:51
::CHAPTER 2::
 




            ‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด’

            ผมงัวเงียลุกขึ้นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกตอนหกโมงก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดโดยที่ยังไม่ลืมตา แต่แล้วอีกสิบห้านาทีถัดมาก็ถึงกับสะดุ้งรีบลุกขึ้นมาจากเตียง เฮ้ย! ...วันนี้สัมภาษณ์ ห้ามไปสายเกินแปดโมง ควรจะออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงแล้วนี่หกโมงสิบห้า ยังไม่ได้กินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน

            ผมรีบคว้าชุดนักเรียนที่แขวนไว้เข้าไปในห้องน้ำ วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะแบกชื่อเสียงของโรงเรียนไว้กับตัว เมื่อคืนตั้งใจว่าจะพยายามจดจำความรู้สึกของการใส่ชุดนักเรียนครั้งสุดท้ายเอาไว้ให้มากที่สุด แต่พอดีวันนี้รีบว่ะ ไว้ค่อยเอามาคิดถึงทีหลังแล้วกัน

            พอแต่งตัวเสร็จผมก็หยิบเอกสารของตัวเองขึ้นมาเช็คอีกรอบแล้วยัดใส่กระเป๋าสะพายออกจากห้อง ก่อนจะวกกลับไปเอาย่ามของพรตที่กองทิ้งไว้ข้างเตียง ผมมองมันอย่างลังเลอยู่นิดนึงว่าจะเปิดดูดีไหม เผื่อมีเอกสารสำคัญอะไรติดมา แต่มันก็รู้สึกล่วงล้ำไปหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่เผื่อมีเอกสาร แต่...เอาก็เอาวะ ผมอยากรู้

            ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดเป็นอย่างแรก มีรูปนักเรียนที่หน้าตาดูแย่กว่าตัวจริงในชุดเครื่งแบบของโรงเรียนชายล้วนที่ถือว่ามีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง โพรไฟล์ดีไม่เบา และดูเหมือนกระเป๋าสตางค์จะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ผมเลยข้ามไปเช็คที่ช่องใส่ธนบัตรต่อ และพอเปิดดูเท่านั้นแหละผมก็แทบวิ่งออกจากห้องไม่ทัน

            มันคือบัตรนักเรียน...หลักฐานชิ้นที่สองของการสอบสัมภาษณ์

 




            ด้วยความรีบส่วนตัวปนกับการที่มีบัตรนักเรียนของเพื่อนร่วมรุ่นอยู่กับตัวทำให้ผมมาถึงมหาลัยในสภาพเหงื่อไหลเต็มหน้าเหมือนอาบน้ำมาใหม่ๆ ผมยืนรอจนถึงเวลานัดก็ยังไม่เห็นเงาของพรต แล้วทำไมคนอื่นดูเอื่อยกันจังวะ ไม่มีใครคิดจะเข้าไปเช็ครายชื่อสัมภาษณ์อะไรกันเลยหรือไง

            สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าผมทนไม่ไหวแล้วเดินไปเช็ครายชื่อที่แปะไว้ตรงโถงคณะเองคนเดียว บัตรนักเรียนยังไงก็คงได้ให้ก่อนสัมภาษณ์อยู่แล้วล่ะ ผมไล่สายตาเช็ครายชื่อของตัวเอง พร้อมเทียบรหัสสอบกับใบสมัครเรียบร้อย พอตรวจชื่อเสร็จผมก็จะเขยิบออกหลบทางให้คนอื่นมาดูต่อ แต่เมื่อหันไปด้านข้างเท่านั้นแหละ...

            “พรต!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

            พอได้ยินเสียงผม พรตเลยเงยหน้าขึ้นมาทักทาย

            “เมื่อกี้ ทำไมเหรอ”

            คำตอบเป็นคำถามปลายเปิด แถมถามเสร็จยังหันกลับไปเช็คชื่อตัวเองอีกรอบแล้วค่อยเดินออกมาพร้อมผม ทำเอางงครับ ทั้งที่บัตรนักเรียนกับย่ามทั้งใบอยู่กับคนอื่นแท้ๆ ยังไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไรเลยสักนิด ผมเลยรีบส่งย่ามที่สะพายมาคืนให้ทันที

            “เมื่อวานลืมย่ามไว้ป่ะ”

            “เฮ้ย! เออ ลืมเลย ขอบคุณมาก”

            พรตดูตกใจแบบงงๆ ยังไงไม่รู้ก่อนรับย่ามตัวเองกลับไปแล้วเปิดหยิบบัตรนักเรียนไปรวมกับแฟ้มเอกสารที่หิ้วมาพร้อมพอร์ทรวมผลงาน เห็นเพื่อนหอบงานมาให้อาจารย์ดูแบบจัดเต็มขนาดนี้ทำเอาผมหน้าซีดไปเลย

            “มันต้องใช้พอร์ทด้วยเหรอ”

            “ไม่รู้ว่ะ เอาติดๆ มาก่อน”

            ไอ้การ ‘เอาติดมา’ ของพรตฟังดูสวนทางกับแฟ้มขนาดเอสองหรือเท่าเอสี่เรียงกันสี่แผ่นโดยสิ้นเชิง เอาแล้วไง ทำไมในเว็บบอร์ดทุกคนยืนยันแล้วยืนยันอีกว่าไม่จำเป็นต้องใช้พอร์ท แล้วทีนี้ผมจะเอางานที่ไหนไปโชว์อาจารย์

            “ชิบหายละ ไม่ได้เอามาเป็นไรป่ะ”

            “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงก็ต้องรับ”

            ...อืม พูดได้ดี แต่ผมอยากให้มันราบรื่นว่ะ ถ้าอาจารย์ถามว่ามีงานไหม ตอบ ‘ไม่มี’ มันดูไม่ค่อยลงทุนยังไงไม่รู้ เดี๋ยวเขาจะได้ย้อนกลับมาว่า ‘ตกลงคุณอยากเข้าคณะนี้แน่เหรอ’ ถ้ารู้ว่าจะมีคนทำมา ผมคงผลิตงานล็อตใหม่มาโชว์ด้วยซ้ำ

            “เฮ้ยๆๆ ไม่เป็นไรเว้ย อาจารย์ไม่ว่าหรอก”

            ผมคงแสดงสีหน้าออกไปเต็มที่ว่ากังวล พรตเลยพูดยิ้มๆ ติดจะขำยังไงไม่รู้

            “แน่ใจ?”

            “มั้ง”

            อ้าวเวร พูดเหมือนจะรู้แต่สุดท้ายคือไม่รู้งั้นเหรอ ความจริงผมไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลยสักนิดแต่พอลองแอบดูคนอื่นแล้วก็มีบางคนเหมือนจะมาตัวเปล่าอย่างที่ในเน็ตบอกกันจริงๆ ทำให้รู้สึกมีพรรคพวกขึ้นมาหน่อย

            “น้องขึ้นไปเตรียมเอกสารได้เลยนะคะ”

            และก่อนที่ผมจะกังวลนู่นนี่ไปเรื่อย ก็มีรุ่นพี่เดินลงมาประกาศให้น้องตามขึ้นไปบนชั้นสองของอาคาร ผมกับพรตเลยเดินขึ้นไปด้วยกัน ถึงจะเพิ่งรู้จักเมื่อวานแต่ผมก็ไม่มีคนรู้จักติดรอบแอด ซึ่งพรตก็คงเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เมื่อวานผมไม่เห็นเขาทักใครเลยสักคน

            ขั้นตอนการเตรียมเอกสารไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่ต้องกรอกประวัติตัวเองกับเอาเอกสารที่เตรียมมาไปตรวจสอบเท่านั้น และตรวจเอกสารกันเร็วมากจนเรียกได้ว่าแทบไม่เปิดดูเลยด้วยซ้ำ อย่างนี้จะให้ผมเตรียมมาเยอะแยะทำไมวะ พอตรวจเอกสารเสร็จนั่งรอสักพักก็มีพี่เข้ามานำน้องไปที่หน้าห้องสัมภาษณ์เป็นแถวๆ ทีละห้าคน

            บรรยากาศหน้าห้องสัมภาษณ์จะว่ากังวลก็กังวลจะว่าเบาใจก็เบาใจ รู้แน่ๆ ว่าถ้าไม่เป็นบ้าหรือโรคจิตจริงๆ เขาก็ไม่ตัดออกหรอก แต่ด้วยการที่พรตและอีกหลายๆ คนหิ้วผลงานมาโชว์อย่างเต็มที่ทำให้ผมอดรู้สึกกลัวไม่ได้ว่ามันจะออกมาไม่ดีอย่างที่คาดไว้

            “ยังไม่เลิกกังวลอีกเหรอ ไม่เป็นไรเว้ย”

            อยู่ๆ พรตที่นั่งรอข้างผมก็พูดขึ้นพลางเอามือมาโบกขึ้นลงตรงหน้า ทำให้ผมต้องหยุดความคิดเอาไว้แล้วหันกลับมา

            “อืม...ขอบคุณ แต่กูไม่ได้เอาพอร์ทมาไง”

            “เฮ้ย ก็บอกว่าไม่เป็นไร”

            สำหรับคนขี้กังวลมันเลิกคิดไม่ได้อยู่แล้ว ผมเป็นคนประเภทที่อยากให้ทุกอย่างมันออกมาราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างสัมภาษณ์ถ้ารู้ก่อนว่าคนอื่นจะเอาพอร์ทมาผมคงไม่ลังเลที่จะทำขึ้นมาใหม่ทั้งเล่มโดยไม่คิดว่าเสียเวลาเลยสักนิด

            “เบอร์ แปด เข้าเลยค่ะ”

            ...ชิบหาย

            เสียงเรียกที่เหมือนสัญญาณเตือนภัยสำหรับผมดังขึ้น ผมเลยสะบัดหัวไล่ความขี้กังวลของตัวเองแล้วตั้งสมาธิเตรียมเข้าห้องสัมภาษณ์

            “โชคดี”

            พรตพูดตามหลังมาทำให้ผมยิ้มออกมาได้ แล้วหันไปขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องไป และผมก็ได้ยินรุ่นพี่ที่เฝ้าห้องอีกคนจะออกมาเรียกพรตมาเตรียมตัวบ้าง แต่ผมคงไม่ต้องอวยพรอะไรเขาหรอกเพราะยังไงแค่พอร์ทที่หิ้วมาก็กินขาดอยู่แล้ว

            ห้องสัมภาษณ์ห้องหนึ่งมีหกโต๊ะ เลยทำให้ผมได้เข้าไปพร้อมกับพรตและเพื่อนอีกหลายคน ผมโชคดีที่ได้อาจารย์ผู้หญิงทีดูท่าทางใจดีกว่าที่คนอื่นเจอ ผมรีบยกมือไหว้แล้วปั้นสีหน้ายิ้มแย้มสุดชีวิต

            “สวัสดีครับ”

            อาจารย์คนนั้นยิ้มตอบนิดๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาคงจะอารมณ์ดี ก่อนจะเริ่มพลิกแฟ้มประวัติของผมเรื่อยๆ แล้วเริ่มถาม

            “อืม...บ้านคุณอยู่แถวไหน”

 




            สรุปว่าเขาไม่ได้ขอดูผลงานผมเลยสักนิดในขณะที่ผมเหลือบเห็นอาจารย์โต๊ะข้างๆ กำลังนั่งเปิดพอร์ทของพรตอย่างเอาจริงเอาจัง การสัมภาษณ์ของผมมีคำถามจริงจังอยู่สองสามข้อ และนอกนั้นเต็มไปด้วยคำถามเช่น ‘มีพี่น้องกี่คน’ จนไปถึง ‘เล่นกีฬาอะไรบ้างไหม’

            ผมออกมาจากห้องสัมภาษณ์ก่อนพรตนิดหน่อย และเมื่อทุกคนมากันครบแล้วก็มีรุนพี่คนมารับผมกับเพื่อนทั้งสี่คนรวมถึงเพื่อนจากแถวอื่นประมาณสิบคนเดินไปทางบันได ทำเอางงกันทั้งแถว เพราะไม่มีใครบอกล่วงหน้าว่าจะต้องทำอะไรหลังสัมภาษณ์เสร็จ

            “นี่ไปไหนอ่ะ”

            ผมหันไปถามพรตที่ยังคงเดินตามพี่เงียบๆ แต่พอหันมาผมเลยได้เห็นว่าสีหน้าเขาก็ดูแปลกใจไม่ต่างจากคนอื่น

            “ไม่รู้ว่ะ”

            สุดท้ายผมเลยได้แต่เดินลงบันไดตามพี่ไปเรื่อยๆ อย่างไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ แต่เมื่อเดินเลยชานพักเท่านั้นแหละ ก็ได้เห็นรุ่นพี่ตั้งแถวรับเรียงรายยาวเหยียดลงไปถึงข้างล่าง และเมื่อน้องใหม่เดินลงมาก็มีเสียงปรบมือและโห่ดังสนั่นจากพี่ทุกชั้นปีที่ยืนล้อมน้องอยู่แน่นขนัด ผมยิ้มให้กับภาพที่เห็น เหมือนตัวเองกลายเป็นคนสำคัญและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคณะนี้

            ผมเดินตามทางที่ถูกขนาบทั้งสองฝั่งจนไปถึงลานกลางที่ใช้รับน้องเมื่อวาน ก่อนพี่บางคนจะเข้ามานำให้ทุกคนยืนเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานหลายๆ แถว ท่ามกลางเสียงโห่ที่ดังไม่หยุดจนผมอดเหนื่อยแทนไม่ได้ ผมกวาดสายตาไปรอบตัวด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก พี่ทุกคนตั้งใจมารับพวกเราด้วยความยินดี ทุกคนเปล่งเสียงและปรบมือสุดแรง

            จนกระทั่งแถวสุดท้ายลงมาเรียบร้อยแล้ว พี่ก็เปลี่ยนจากเสียงโห่เป็นเสียงร้องเพลงบูมคณะที่พร้อมเพรียงกึกก้องไปทั้งตึก ส่วนน้องใหม่อย่างผมที่ยังร้องไม่เป็นก็ได้แค่ปรบมือตามจังหวะ ด้วยความตั้งใจว่าปีหน้าถ้ามีโอกาสได้ยืนรับน้องจะร้องเพลงให้ดังที่สุดเท่าที่จะตอบแทนพี่เขาได้...ปีหน้าจะร้องให้ดังกว่าปีนี้ เพื่อให้ปีถัดไปร้องดังขึ้นเรื่อยๆ

            สุดท้ายเมื่อเพลงจบ พี่เขาก็เริ่มกิจกรรมโดยการให้นั่งลงบนพื้นซึ่งมันเบียดมากในอากาศที่ร้อนชื้นจนเหงื่อหยดเป็นสาย แต่ก็ไม่มีครคิดจะบ่นอะไรออกมาให้ได้ยินเลยสักคน อย่างมากที่สุดก็ยกมือขึ้นมาพัดเท่านั้น...เพราะถ้าน้องร้อน พี่ก็ร้อน

            “เอาล่ะ พร้อมหน้ากันขนาดนี้...พี่ก็ขอต้อนรับอีกครั้งนะครับ!”

            เสียงโห่ต้อนรับของวันนี้ดังกว่าเมื่อวานมาก ถึงพี่จะไม่ได้มาครบทั้งคณะ แต่ก็ดังพอที่จะสร้างความประทับใจให้น้องใหม่จดจำไปตลอด

            “เราจะมาทำอะไรครับ”

            พี่ที่เป็นคนนำในกิจกรรมรับน้องหันไปพูดกับพี่อีกคนที่ออกมาพร้อมกัน

            “รับน้องไงครับ”

            “เอ้อ!!/เอ้อ!!”

            เสียงอุทานเกินจริงของพี่สองคนที่พูดออกมาพร้อมกันเรียกเสียงหัวเราะจากน้องได้อย่างดี นักศึกษาในคณะนี้แต่ละคนดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงซึ่งบอกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยสักคน

            “รับน้องได้ไง โรงเรียนยังไม่เลิก”

            “เอ้อ!!/เอ้อ!!” ...ผมขอตกใจนิดนึงกับมุกที่เขาพยายามเล่น

            “เฮ้ยๆ เอาดีๆ ดิวะ”

            “โอเค เราจะมาแนะนำตัวกันครับ!!”

            เสียงบ่นทำนองว่า ‘อีกแล้วเหรอ’ ดังขึ้นทั่วสารทิศ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ เมื่อวานก็แนะนำกันไปทีนึงแล้ว มันใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงโดยที่ไม่มีใครจำใครได้มากขึ้นเลย จะเป็นไปได้ยังไงที่จะจำเพื่อนเป็นร้อยๆ คนได้ภายในครั้งเดียว

            “บอก ชื่อ ภาค แล้วก็ชั้นปีนะครับ”

            ผมนั่งฟังเพื่อนแนะนำตัวไปทีละคนๆ แล้วก็ได้เห็นว่าบางคนก็เป็นรุนพี่มาแฝงปะปนอยู่กับน้อง ซึ่งทุกคนไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่เพราะมันเห็นค่อนข้างชัดเจนว่าพี่แต่ละคนโดดเด่นและแนวเกินกว่าจะเป็นเด็กมัธยมที่ยังไม่เข้ามหาลัย

            “โม ถาปัดหลักสาม ครับ”

            พี่ปีสามคนแรกที่ปนมานั้นเป็นผู้ชายไว้ผมประบ่า ในทรงแบบที่คงไม่มีโรงเรียนไหนยอมให้ไว้หรือไม่มีทางที่ผมทรงนักเรียนยาวทันได้เลยในช่วงปิดเทอมไม่กี่เดือนนี้ รวมถึงการพูดจาที่ผมเคยได้ยินและคาแรคเตอร์ดูแปลกกว่าคนทั่วไป และเมื่อพูดจบเขาก็หันไปโบกมือให้เพื่อนปีหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเดินกลับไปยืนรวมกับพวกปีสามด้วยกันทั้งชุดนักเรียน

            “อ้าวเฮ้ย คนนั้นพี่เนียนเหรอ”

            เสียงอุทานของพรตดังขึ้นพลางจับจ้องไปที่พี่คนนั้น

            “อืม ไมอ่ะ”

            ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าตกใจตรงไหน ชัดเจนซะขนาดนั้นทำไมยังดูไม่ออกอีกวะ

            “เมื่อวานพี่ทำหน้างงแล้วถามกูว่าห้องน้ำไปทางไหน”

            “ฮ่าๆๆ เจ๋งว่ะ”

            เมื่อฟังเหตุผลของมันแล้วผมก็อดหัวเราะไม่ได้ อะไรจะทุ่มเทหลอกกันขนาดนั้น แต่ถ้าผมโดนบ้างผมก็คงไม่เชื่อสนิทใจอย่างพรตหรอกนะ ยังไงพี่เขาก็ดูจัดจ้านเกินกว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันอยู่ดีแหละ นี่โชคดีเป็นพรตที่ดูหลอกง่ายหน่อย

            กว่าจะฟังห้าแถวแรกแนะนำกันเสร็จก็เป็นชั่วโมง เรียกได้ว่าผมแทบลืมไปเลยว่าตัวเองต้องแนะนำด้วย จนคนข้างๆ สะกิดนั่นแหละ ผมถึงได้พรวดพราดลุกขึ้นไป

            “นายพราน ถาปัดภายในหนึ่ง ครับ”

            แต่พอผมแนะนำตัวเสร็จจนนั่งลงแล้ว พรตก็ยังคงนั่งเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหนโดยไม่สนใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด ผมเลยใช้ศอกกระทุ้งเบาๆ แล้วหันไปเตือน

            “พรต มึงอ่ะ”

            พอเรียกเสร็จพรตเลยสะดุ้งหันกลับมา ผมเลยชี้ขึ้นเป็นทำนองว่าให้ยืน พรตคงเข้าใจได้ไม่ยากเลยรีบลุกพรวดยืนขึ้นแล้วแนะนำตัวทันที

 

            แต่แทนที่จะแนะนำตัวเขากลับยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองแล้วกระชากผมตัดสั้นทรงนักเรียนของตัวเองออก เผยให้เห็นผมสีดำยาวระต้นคอ กัดสีอ่อนตรงปลายคอนทราสต์กับสีธรรมชาติโดยสิ้นเชิง เป็นทรงผมที่เห็นแล้วเรียกได้ว่าแปลกและเซอร์ ซึ่งพรตในลุคใหม่นี้ทำเอาคนทั้งลานอุทานด้วยความตกใจ และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาชัดๆ อีกครั้งก็ต้องชะงัก

            ...งานเข้าแล้วกู


 

            “พรต ถาปัดหลักสามครับ”







---------------------------------------------------------------------------------------
...วันนั้นโดนพี่เนียนหลอกไปห้าคนค่ะ ดังนั้นเราจะไม่ถูกหลอกคนเดียว  o18

ปล.ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเยอะขนาดนี้ ดีใจ  :กอด1: :กอด1:
ปล2. วันนี้รีบมาต่อให้ก่อนเปิดเทอมค่ะ ใกล้มากแล้วเดี๋ยวไม่มีโอกาส...ไว้จะพยายามหาเวลามาแต่งนะคะ 
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-08-2014 22:40:57
 :katai1:
โว๊ะ อะไรกันนี่
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 10-08-2014 22:46:12
นายพรานโดนหลอกซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-08-2014 23:00:04
น้องพรานโดนหลอกเลย คนในรูปน่าจะเป็นพี่พรตนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: on_2542 ที่ 10-08-2014 23:05:33
สนุกมากเลยค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ อิอิ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-08-2014 23:17:43
เนียนสุดๆเนียนมว้ากกดดด

งานนี้เงิบกันทั้งบาง :o
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Zliezen ที่ 10-08-2014 23:30:26
ยังดีนะแค่พี่ปีสาม ไม่ใช่พี่ปีบัณฑิต เงียบกว่านี้อีก 55555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-08-2014 00:07:13
ใครกันแน่ที่ถูกหลอกง่าย สงสารพรานจัง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy0189 ที่ 11-08-2014 00:24:40
สนุกค่ะๆๆ
รอตอนต่อไป :hao7: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 11-08-2014 05:47:51
พรต นายแน่มาก!
หลอกเราสำเร็จด้วย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 11-08-2014 06:43:39
ห้ะ! 555555555555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 11-08-2014 09:25:11
 :a5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-08-2014 15:07:37
ฉากสุดท้ายนี่มันโดนจริงๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 11-08-2014 16:54:18
 :hao7: :hao7:
ติดตามมมม มาต่ออีกน๊าาา   :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 11-08-2014 19:01:42
นายพรานโดนเข้าแล้ว :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 11-08-2014 21:22:21
โดนซะแล้วฟฟ
พรานอยู่ภาคเดียวกันเลย ปีเดียวกันด้วย  :ling1: :ling1:
แต่คนละมอ 555
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: num-arch52 ที่ 11-08-2014 21:40:28
โดนหลอกแค่วันสองวันไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนเข้าเรียนปีหนึ่งผมยังโดนปีสองหลอกว่าเป็นรุ่นเดียวกันเกียบสสามอาทิตย์เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 11-08-2014 21:42:44
ว่าแล้วว่าพรตต้องเป็นพี่เนียน555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 11-08-2014 21:54:31
เคยโดนหลอกเหมือนนายพรานเป๊ะ   เงิบไปเหมือนกันทั้งกลุ่มมี10คนเป็นพี่หลอก5คนด้วยความบังเอิญ
แอบถามตัวเองเงียบๆในใจว่าแล้วกูจะมีเพื่อนไหมนี่
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 11-08-2014 23:01:21
ตบเข่าฉาดดดด
ว่าแล้วว่านายพรตต้องเป็นพี่เนียน
เพราะเคยเป็นพี่เนียนหลอกน้องอยู่เหมือนกัน(เกี่ยวไหมหว่า)5555555555555555555555

สงสัยก็แต่ตาพรตทำยังไงถึงไปสัมภาษณ์ได้ด้วย(?)

เนื่องจากเป็นว่าที่สถาปนิกเหมือนกัน
ขอติดตามสุดขั้วหัวจัยส์ค่ะ55555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 11-08-2014 23:12:07
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พี่พรตแว่บเว่อออออ พี่พรตดูดี ง๊ออออออ
น้องหละหลงรักผู้ชายคณะนี้จริงๆ  ว่าแต่น้องพรานหายเงิบยังจ้ะ 555555555555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 12-08-2014 02:08:34
พรตเป็นพี่เนียนสินะ 555+
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 12-08-2014 02:49:33
คณะนี้คนหล่อเพียบ รุ่นพี่หลอกพรานสนิท
ชอบจังสถาปัตย์ อ่านแล้วฟินพอๆกับวิศวะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 12-08-2014 03:29:33
แอร้ยยย.. ผู้ชายถาปัตถ์ :hao7:
กะแล้วเชียว เนียนชัวร์ๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 12-08-2014 04:23:01
อ้ากกกกกก โดนหลอกกกกกก เนียนเลยนะพชร
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 12-08-2014 12:33:28
กร๊ากกกกกกกกกกกก อิพี่พรตเนียนมาก ยังมีการไปนั่งสอบสัมภาษณ์ด้วยนะ
หน้ามึนมาก ใส่วิกอีกตั้งหาก ลงทุนไปมะ!  :hao3:
แต่ก็นะ ความสุขของพี่ค่ะกับการแกล้งน้อง 55555555555555555555
การเป็นพี่เนียนแล้วไม่โดนจับได้คือที่สุดของมิสชั่นคอมพลีท 555 :katai3: :katai3:
พรตๆ อย่าแกล้งน้องแรงนะ อิ๊อิ๊  :hao6:
คนแต่งมาไวๆนะคะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 12-08-2014 13:05:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-08-2014 13:40:28
คิดอยู่เหมือนกันว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 2]
เริ่มหัวข้อโดย: rainbowbim ที่ 12-08-2014 13:40:57
คิดถึงสมัยปีหนึ่ง นี่โดนพี่หลอกมาเป็นเดือน ปล่อยไก่ไปก็หลายตัว
แย่สุดคือไปกรี๊ดๆเพื่อนพี่เค้าให้พี่เนียนฟัง อ๊ายอายยยย โดนล้อไปเป็นเดือนเลย :o12:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 12-08-2014 22:37:42


:: CHAPTER 3 ::

 


            หลังจาก ‘พี่’ พรตแนะนำตัวเสร็จแล้วผมก็พูดอะไรไม่ออกอีกเลย รู้แค่ว่าเขาหันมาโบกมือแล้วเดินไปรวมกับพวกพี่ปีสามคนอื่นๆ ที่ปรบมือต้อนรับกันสนั่น ใครจะไปคิดล่ะครับว่าเขาโตกว่าผมสองปี แล้วทำไมพอมองอีกทีมันคุ้นจังวะ

            ...หรือว่าเป็นคนที่พลูถามถึง

            “ฮ่าๆๆ สรุปเพื่อนมึงนี่เป็นพี่เนียนใช่ป่ะ”

            เสียงไอ้โอมที่กำลังลากผมเข้าไปคุยเรื่องเมื่อวานหัวเราะร่า ทำเอาผมรู้สึกเจ็บแค้นขึ้นมาอีกระลอก เข้าใจทำนะพวกพี่เนียนนี่ เล่นล่อให้ผมจ้องแต่พวกที่คาแรคเตอร์จัดๆ จนไม่คิดเลยว่าพวกเงียบๆ ดูไม่ค่อยประสีประสาจะลุกขึ้นกระชากวิกผมออกมาเป็นรุ่นพี่ที่ดูจัดจ้านสุดๆ ได้เลย

            “เออ ไง”

            ผมตอบไปส่งๆ แม่งเอ๊ย...ผมยอมรับว่าจำไม่ได้จริงๆ เพราะพออยู่กับผมนักเรียนแล้วดูจะจืดชืดไม่เตะตาด้วยซ้ำ แต่พอเปลี่ยนทรงเท่านั้นแหละ ใบหน้าก็ดูโดดเด่นสมกับที่จะให้น้องสามผมกรี๊ดได้เลย

            “แล้ววันนี้พี่เขาจะทำอะไรอีกวะ”

            ผมไม่ค่อยคาดหวังอะไรจากการรับน้องวันที่สองแล้วหลังจากถูกหลอกจนเปื่อยไปเมื่อวาน อะไรวะ ทำถึงขนาดทิ้งกระเป๋าใส่บัตรนักเรียนเอาไว้ คงกะให้รีบเอามาคืนตอนเช้า แล้วผมคงพลาดเองแหละที่ไม่ได้เช็คให้แน่ใจว่าบัตรนักเรียนมันหมดอายุไปตั้งแต่ปีไหน

            “ก็คงไม่มีอะไรมากมั้ง วันที่สองเองมึง”

            “เออๆ เดี๋ยวกูแวะซื้อน้ำแปป”

            ผมนำไอ้โอมไปเซเว่นที่ไกลจากคณะไปไม่มาก คิดว่าคงไม่ได้มีโอกาสกลับออกมาซื้อน้ำแล้วล่ะ ผมเดินไปต่อแถวประมาณคนที่สามโดยมีโอมยืนรออยู่ข้างๆ และเมื่อผมเตรียมหยิบเงินออกมาเรียบร้อยแล้วไอ้โอมก็สะกิดผมรัวๆ

            “เฮ้ยมึง รุ่นพี่”

            ผมรีบหันตามโอมไปทางม้านั่งข้างเซเว่น เลยได้เห็นกลุ่มรุ่นพี่ประมาณสี่ห้าคนใส่เสื้อสีเดียวกันเป็นทีมนั่งรวมกันอยู่ คิดว่าคงจะแวะซื้อของก่อนเข้าไปจัดกินกรรมรับน้องเหมือนกันล่ะมั้ง

            “คนนั้นพี่มึงป่ะ”

            “คนไหน...”

            และก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไรไปมากกว่านี้ ผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ ที่นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมที่มองไปพอดี ก่อนเขาจะโบกมือทักทายเหมือนเจอเพื่อน ทำเอาผมชะงักไปนิดนึงแล้วโบกมือกลับ

            “เฮ้ยมึง รุ่นพี่ ต้องไหว้เว้ย”

            ...ชิบหาย พอไอ้โอมพูดผมเลยเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วรีบยกมือไหว้ทันที ความจริงผมค่อนข้างจริงจังกับการนับรุ่นนะ มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง แต่อะไรวะ ผมยังชินกับการเรียกชื่อ ‘พรต’ อยู่เลยด้วยซ้ำ ถึงจะเพิ่งได้รู้จักแค่สองวันก็เถอะ

            พอซื้อน้ำจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วผมเลยถือโอกาสบ่นระหว่างทางเดินไปคณะ

            “กูยังไม่ชินเลยว่ะ”

            “เอ้า! มึงก็รีบชินดิวะ”

            โอเค สรุปว่าพรานผิดเองแหละ...ผมเลยไม่อยากบ่นอะไรให้มันฟังไปมากกว่านี้ เดินดูดน้ำเงียบๆ จนเดินเข้าประตูกลางของคณะ ทั้งเพื่อนและรุ่นพี่เดินกันพลุกพล่านจนแทบไม่มีที่ยืนที่จะไม่เกะกะ จนสุดท้ายผมเลยไปยืนรอริมกำแพงใกล้ลานกิจกรรม

            “น้องเข้าเลยครับ!”

            พอได้ยินเสียงตะโกนของพี่แล้ว ปีหนึ่งทุกคนเลยทยอยกันเดินเข้าไปนั่งตรงกลางลาน พร้อมพี่สองสามคนเดินเข้ามาข้างหน้าแล้วให้น้องนับเลขต่อกันไปเรื่อยๆ เพื่อสรุปจำนวนคนมาในวันนี้ และเมื่อคนสุดท้ายนับเสร็จก็เป็นจำนวนประมาณสองร้อยกว่า ซึ่งถือว่าเยอะพอควร

            “น้องครับ! เมื่อวานเราแนะนำตัวกันไปแล้ว วันนี้พี่จะให้ป้ายชื่อ ใส่มาทุกวันด้วยนะครับ”

            ผมเห็นด้วยกับไอเดียป้ายชื่อนะ สำหรับคนขี้ลืมอย่างผมอย่างน้อยพอนึกชื่อใครไม่ออกจะได้แอบเหลือบดูป้ายได้ อีกอย่างคือจะได้ชินว่าหน้าตาแบบนี้คือคนชื่อนี้เป็นต้น

            “พี่ช่วยไลน์น้องไปหาพี่หกคนนี้ด้วยครับ”

            พอพูดจบ ก็มีรุ่นพี่เข้ามายืนหน้าแถวแล้วพาลุกไปหาทีมเขียนป้ายชื่อซึ่งยืนรออยู่ข้างม้านั่งโดยมีกองป้ายชื่อทำจากกระดาษแข็งสีเหลือกผูกเชือกและปากกาตราม้าอยู่ในมือ ไม่รู้โชคร้ายเกินไปรึเปล่าผมกับไอ้โอมเลยต่อเป็นคนสุดท้ายของแถวที่ยาวที่สุด จนแถวอื่นเริ่มจะเสร็จกันหมดแล้วแถวผมยังคงยาวอยู่เหมือนเดิม

            ผมพยายามสบตากับพี่ที่พาไลน์แถวเข้ามาซึ่งกลังเดินไปเดินมาอยู่แถวนั้น และเหมือนโชคจะเข้าข้างอยูบ้างเพราะเขาหันกลับมาเห็นพอดี

            “ทำไมกายมันเขียนช้าจังวะ...น้องไปต่อแถวนั้นแทนเลยค่ะ”

            ผมเลยถูกพาไปอีกแถวแทน และแถวนี้ขยับเร็วกว่ามากจริงๆ รอไม่นานผมก็ได้เลื่อนเป็นคนหน้าๆ แล้ว บรรยากาศตอนนี้วุ่นวายมากเพราะการเขียนป้ายชื่อของคนสองร้อยคน ต้องมีพี่คอยเคลียร์ให้น้องกลับไปนั่งที่ลานกิจกรรม พี่ที่เขียนป้ายชื่อก็รีบเขียนกันมือเป็นระวิง

            “มาเลยครับ”

            ผมมัวแต่มองนู่นมองนาจนถึงคิวตัวเอง และเมื่อหันกลับไปหาพี่ที่จะเป็นคนเขียนป้ายชื่อให้ก็ต้องชะงักไปนิดนึง...พี่พรต

            เขายิ้มให้เหมือนทักทายก่อนจะหันไปหยิบป้ายชื่อแผ่นใหม่ขึ้นมา แล้วเอ่ยปากถามโดยที่เอาแต่ก้มหน้ามองกระดาษเตรียมจรดปากกาเขียนชื่อให้

            “น้องชื่ออะไรครับ”

            เอ่อ...เมื่อกี้พี่เขายังโบกมือทักทายผมอยู่เลย อย่าบอกว่าจำได้แค่หน้า

            “นายพรานครับ”

            “ไม่เอาชื่อเต็มดิ เอาชื่อเล่น”

            ผมไม่เข้าใจคำถาม เมื่อกี้ผมก็บอกชื่อเล่นไปแล้ว จะถามอะไรอีก

            “นายพรานครับ”

            พอตอบไปแบบเดิม พี่พรตก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมขมวดคิ้วเหมือนไม่ได้อย่างใจ ก่อนจะพูดรัวใส่ด้วยท่าทางเร่งรีบสุดชีวิตอย่างกับว่ามีคนต่อแถวอีกยี่สิบคนทั้งที่ผมเป็นคนสุดท้าย

            “ไม่ๆๆ ก็บอกว่าไม่เอาชื่อเต็มไง ชื่อที่ไม่ใช่พวก ‘นาย’ ‘นางสาว’ ไรงี้”

            “...พราน ครับ”

            “เออ นั่นแหละ”

            พอได้คำตอบที่พอใจแล้ว พี่พรตก็เขียนให้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงสามวินาทีแล้วยื่นป้ายชื่อให้ ก่อนผมจะถูกพี่ไลน์แถวบอกให้กลับไปนั่งรวมกับคนอื่น ผมเลยได้แต่ไว้อาลัยให้กับชื่อเล่นที่แม่บรรจงตั้งให้อยู่เงียบๆ หยิบป้าชื่อมาคล้องคอก่อนจะก้มลงไปอ่านมันอีกครั้ง

            ‘พราน IA’

            ตัวอักษรไอเอคือชื่อภาคของผมครับ ย่อมากจาก Interior Architecture หรือสถาปัตยกรรมภายใน และเมื่อกี้ผมยังไม่ได้บอกภาคของตัวเองแสดงว่าพี่พรตคงพอจำได้บ้างว่าผมอยู่ภาคไหน แต่ก็นั่นแหละ จำภาคไปแล้วได้อะไรวะ สุดท้ายเป็นเพื่อนก็ไม่ใช่

            “น้องยืนแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ!”

            หลังจากทุกคนกลับเข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ว พี่ก็สั่งให้แนะนำชื่ออีกครั้ง ทำเอาผมกับเพื่อนอีกหลายคนบ่นงึมงำแข่งกันจนเสียงกระหึ่ม และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งรุ่นพี่ตั้งแต่สองวันแรก ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าใครจะแนะนำตัว ยังไงก็จำไม่ได้ภายในวันนี้ มันต้องค่อยๆ รู้จักถึงจะจำได้ป่ะวะ

            ผมเปิดโปรแกรมแชทขึ้นมาและพบว่าใบพลูส่งไลน์มาสิบกว่าข้อความ แต่เมื่อกดเข้าไปก็เห็นรูปผู้ชายเต็มจอ ตอนนี้อย่างน้อยถ้าผมคุ้นหน้าถูกคน ผมคิดว่าผมจะสามารถตอบน้องได้แล้วล่ะว่าชื่ออะไร อยู่ปีไหน ดีไม่บอกว่าโดนหลอก

            ‘ตกลงรู้รึยังว่าปีไหน’

            ‘คิดว่าเป็นคนนี้ ชื่อพรต อยู่ปีสาม’

            ผมพิมพ์กลับอย่างรวดเร็ว และมันขึ้นว่า read ทันที ท่าทางน้องผมจะอาการหนัก อะไรจะอยากรู้ขนาดนั้นวะ แค่ผู้ชายคนเดียวทำไมจะต้องติดใจอะไรมากมาย

            ‘เคยคุยยัง? ขอไลน์ให้หน่อยดิ’

            อ้าวเวรแล้วไง ได้คืบจะเอาศอก ผมรีบพิมพ์ตอบกลับให้น้องมันเปลี่ยนใจ แต่แล้วก็มีรุ่นพี่คนนึงตะโกนเสียดังลั่นทั้งลาน ทำเอาทุกคนหยุดนิ่งรวมถึงการแนะนำตัวชะงักไป

            “จะเล่นมือถือหรือฟังเพื่อนแนะนำตัวครับ?!?”

            เสียงโหดๆ จากรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้นจากกลางวง ผมไม่รู้หรอกว่าใครพูดแต่แค่เสียงก็ไม่กล้าหันหลังกลับไปแล้วล่ะ ผมกับเพื่อนหลายคนรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าแต่โดยดีแล้วนั่งฟังเพื่อนแนะนำตัวไปเรื่อยๆ เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงโดยที่ยังจำใครไม่ได้เหมือนเดิม หรือเป็นเพราะผมจำชื่อคนไม่เก่งเองกันแน่วะ

           





            ในที่สุดพอกิจกรรมแนะนำตัวจบลง รุ่นพี่ก็ปล่อยให้ไปเช็คชื่อตามภาควิชาของแต่ละคนซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจากทำความรู้จักเพื่อนร่วมภาคและรุ่นพี่ในภาคซึ่งมีเยอะเกินที่ผมจะจำได้อยู่ดี สุดท้ายวันนี้เลยเหมือนกับผมมาเสียเวลาฟรีแค่การแนะนำตัวให้เพื่อนฟังเท่านั้นแหละ

            ไม่นานหลังจากพี่ในภาคปล่อยให้น้องกลับบ้านได้ ไอ้โอมก็รีบฝ่าฝูงชนที่ทยอยเดินออกมาหาผมทันทีพร้อมคว้าแขนไว้แน่นเหมือนกลัวเด็กหลง

            “มึงไปห้องทะเบียนกับกูหน่อยดิ”

            “ไปทำไมวะ”

            ผมว่าแล้วว่ามันต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างถึงได้ลงทุนเดินมาหาขนาดนี้ เพราะปกติมันจะชอบรออยู่ที่หน้าประตูเลยมากกว่า

            “กูยังไม่ได้ส่งรูปให้ทะเบียน มึงแค่รออยู่หน้าห้องก็ได้เว้ย เดี๋ยวกูเข้าไปเอง”

            “เออๆ รีบหน่อยแล้วกัน กูหิว”

            ความจริงถึงมันไม่ถามผมก็ต้องเดินไปกับมันอยู่แล้วล่ะ รอเพื่อนแค่ห้านาทีสิบนาทีไม่ได้ทำให้ผมหิวมากขึ้นเท่าไหร่ แถมยังเป็นเพื่อนคนเดียวในคณะที่รู้จักอีกต่างหาก จะให้กลับบ้านหรือไปกินข้าวกับคนอื่นมันก็ไม่ใช่แล้วล่ะ

            ห้องทะเบียนของคณะต้องเดินไปฝั่งซ้ายของอาคารซึ่งเป็นโซนที่เด็กปีหนึ่งอย่างผมไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่ เพราะรุ่นพี่เคยบอกว่าช่วงนี้ให้พวกเราใช้แค่ลานกิจกรรมและที่นั่งฝั่งซ้ายของตึกเท่านั้น แต่เมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ผมกับโอมเลยต้องเดินผ่านกลุ่มรุ่นพี่ที่นั่งคุยกันอยู่บริเวณนั้นไปอย่างเร็วและเงียบที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ

            จนเดินไปถึงหน้าประตูห้องทะเบียนซึ่งอยู่ถัดจากลานนั่งเล่นของรุ่นพี่พอดี โอมก็หันมาพูดกับผมด้วยเสียงที่เบากว่าปกติ

            “มึงรอข้างประตูนี้แล้วกัน คงไม่มีใครสังเกต”

            ผมพยักหน้าก่อนเบี่ยงตัวออกมายืนพิงกำแพง มองกลุ่มรุ่นพี่หลายกลุ่มนั่งคุยกันเฮฮาจนรู้สึกอยากเดินเข้าไปร่วมด้วย ที่ลานนี้มีโต๊ะไม้ติดเก้าอี้ประมาณสิบโต๊ะ บางกลุ่มที่มีคนเยอะหน่อยก็เลื่อนโต๊ะมาชนแล้วสุมหัว ผมหวังว่าปีหน้าผมจะได้มีโอกาสนั่งอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ สนุกไปด้วยกันแบบที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้ และเมื่อยิ่งมองรุ่นพี่ผมก็ยิ่งคิดนะว่า ช่วงเวลาห้าปีต่อจากนี้นี้คงเหมาะสมกับการถูกเรียกว่า ‘สนุกที่สุดในชีวิต’ แล้วล่ะ

            “เฮ้ย! น้อง มานี่หน่อย”

            ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา ความจริงผมจะไม่สนใจแล้วล่ะถ้าไม่ติดว่าตรงนี้มีผมที่เป็น ‘น้อง’ และเมื่อผมหันไปเห็นคนเรียกเท่านั้นแหละผมก็แทบหันกลับทันที

            ...พี่พรต

            รู้ๆ กันอยู่ว่าถ้ารุ่นพี่เรียกมันก็ขัดไม่ได้ ถึงจะเป็นรุ่นพี่ที่หลอกผมได้อย่างเจ็บแสบแค่ไหนก็เถอะ แต่ไม่มีใครอยากมีปัญหาอะไรกับรุ่นพี่ตั้งแต่สองสามวันแรกหรอก ผมแอบเหลือบเข้าไปในห้องทะเบียนไอ้โอมก็ยังจัดการธุระไม่เสร็จสักที...เอาก็เอาวะ ยังไงพี่เรียกก็ต้องไป

            ผมเดินไปที่โต๊ะซึ่งมีพี่พรตกับรุ่นพี่ที่ผมไม่รู้จักอีกห้าคนล้อมวงกันอยู่โดยมีกล้องตัวนึงวางอยู่บนโต๊ะและทันทีที่เดินไปถึงพี่พรตก็ชิงถามขึ้นก่อน

            “น้องชื่ออะไรนะ”

            “...นายพรานครับ”

            เป็นครั้งที่สามที่คนๆ นี้ถามชื่อผม เข้าใจว่าพี่เขาคงมีปัญหากับการจำชื่อคนไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกแต่อย่างน้อยคนที่เจอกันบ่อยๆ มันควรจะจำได้โดยอัตโนมัติไม่ใช่เหรอ

            “อ้าว แล้วทำไมป้ายชื่อเขียนว่า พราน”

            “กูเขียนเองแหละ รีบ”

             “พรตแม่งมั่ว มึงแหย่น้องอ่ะดิ”

            บทสนทนาที่ดูเหมือนจะคุยกันเองแต่มีผมเป็นหัวข้อเล่นเอาทำตัวไม่ถูก หนึ่ง เรียกผมมาทำไม สอง พี่พรตดูไม่เหมือนกับคนที่อยู่ด้วยกันวันนั้นเลยสักนิด ตอนนั้นดูผู้ดีและคุยง่ายกว่านี้ แล้วนี่มันอะไรกันวะ

            “เฮ้ยๆๆ พวกมึงหยุด น้องพรานครับ”

            พี่พรตหันกลับมามองหน้าผมอีกรอบ พร้อมกับหยิบกล้องโปรที่วางอยู่กลางโต๊ะขึ้นมากดซ้ำไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังหารูปอะไรบางอย่าง

            “ไอ้เชี่ยพรตมึงอย่าแกล้งน้อง”

            “รักหรอกจึงหยอกเล่น”

            เอ่อ...ผมว่ามันไม่ใช่แล้วว่ะ แม่งไม่ได้รักผมหรอก แต่ไอ้แกล้งนี่ท่าทางจะทำจริง

            “ฮิ้วววว...ถุ้ย!! น้องอย่าไปฟัง ไอ้นี่มันสำส่อน”

            “ไอ้กล...นี่มึงกล้าด่ากูเหรอ”

            “เปล่า กูด่าไอ้เป้”

            “เฮ้ย กูนั่งของกูเฉยๆ มึงอย่าโยนขี้”

            ผมกลั้นหัวเราะกับการด่าแบบโยนกันไปโยนกันมา ก่อนพี่พรตจะเขยิบมานั่งข้างๆ แล้วส่งกล้องในมือมาให้ผมดู และเมื่อเห็นรูปที่พี่พรตตั้งใจหามาให้ก็แทบจะเขวี้ยงกล้องทิ้งแล้วกระทืบซ้ำคาพื้นตรงนั้น...แม่งเอ๊ย จะตอกย้ำเหรอวะ

            “โคตรตลกอ่ะ”

            พี่พรตยื่นมือมากดซูมแล้วเลื่อนจนเห็นใบหน้าผมในระยะประชิด มันเป็นรูปตอนวันแรกพบที่ผมโดนพี่สั่งให้เต้นและท่ามันทุเรศมาก จำได้ว่าวันนั้นไอ้พี่พรตยังนั่งขำอยู่ข้างๆ และที่ผมนั่งเงียบไม่โวยวายแบบนี้นี่ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไร แต่แค่เห็นว่าเป็นรุ่นพี่

            “น้องคนนี้ที่มึงลงทุนขุดเอาบัตรนักเรียนไปฝากไว้คืนนึงป่ะ”

            อยู่ๆ รุ่นพี่อีกคนที่นั่งอยู่ก็ถามแทรกขึ้นมา อะไรนะ...

            “เฮ้ย นี่พี่ตั้งใจเหรอ”

            คราวนี้ผมอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกไปโดยไม่สนใจความเป็นรุ่นพี่หรืออะไรอีกต่อไป ไม่คิดว่าจะลงทุนหลอกกันขนาดเตรียมย่ามใส่บัตรนักเรียนแล้วทิ้งให้ผมเอากลับบ้านไปด้วยทั้งคืนแบบนี้ แค่ใส่ชุดนักเรียนกับใส่วิก ขอโทษนะครับ...ผมก็เชื่อจะตายห่าอยู่แล้ว

            “รักหรอกน่า”

            “ไอ้พราน!! ทำไมไปนั่งตรงนั้นวะ”

            ทันทีที่ได้ยินเสียงไอ้โอมเรียกผมก็รีบลุกพรวดแล้วเดินเร็วๆ ออกมาจากวงล้อมรุ่นพี่โดยไม่สนใจอะไรอีก ตอนนี้ขอผมหนีก่อนนะไอ้ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเอาไว้ทีหลังแล้วกัน ผมเร่งฝีเท้าออกจากลานนั้นให้เร็วที่สุดก่อนที่ไอ้โอมจะยกมือขึ้นโอบบ่าแล้วหันมากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

            “เมื่อกี้เกิดไรขึ้น”

            “พี่แม่งแกล้ง”

            ผมตอบตามความเป็นจริงไป แต่เหมือนความสงสัยของไอ้โอมจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น



           “แล้วทำไมกูได้ยินเขาบอกรักมึงวะ”







------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เห็นทุกคนชอบเลยฮึดขึ้นมาแต่งให้อีกตอนค่ะ พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วว ตื่นเต้นแบบขี้เกียจๆ 555 :ruready

ขอบคุณนักอ่านทุกนะคะ ปลื้มมาก :กอด1: :กอด1:

ปล. ขอแยกเป็นอีก reply เพื่อตอบคอมเม้นท์นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 12-08-2014 23:07:48
วรั้ย พี่พรตเล็งพรานไว้ปะเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-08-2014 23:11:07
ลงทุนหลอกกันมาก น้องจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 12-08-2014 23:16:46
พอความจริงเปิดเผย พี่แม่งเปลี่ยนจริง ขี้แกล้งว่ะ
ว่าแต่.. รักจริงใช่ป่ะพี่พรต :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-08-2014 23:24:03
รักจริงป่ะ :P
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 12-08-2014 23:28:02
พรตเสี่ยวมาก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอบcomment 1-2
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 12-08-2014 23:34:35
:: ตอบคอมเม้นต์ ::

:: บทที่1 ::

 num-arch52 : ชักอยากรู้แล้วค่ะว่าชีวิตในคณะจะเป็นแบบไหน 555
 B52, imac, Takarajung_TK,  black sakura, enjoy0189 : ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 malula : จริงๆ เริ่มเขียนตอน1ไว้แล้ว แต่พอมีแทคนี้โผล่มาปิ๊งชื่อเรื่องทันทีค่ะ 
 Dee^daY, rk : วัยนี้กำลังน่าฟัด อั้ยย่ะ  :-[
 Veesi3 : อยู่ในช่วงนี้ต้องรีบเขียน เดี๋ยวลืมความรู้สึกแล้วจะไม่อิน 555   
 บ๊ายบายโพ : จัดไปปป
 Takarajung_TK : กลับมารอแต่เช้าเลย 55 ดีใจจัง ขอบคุณค่าา  :กอด1:
 MaNaSsAwEe : ขอบคุณค่ะ


:: บทที่ 2 ::

 k2blove : เราจะไม่โดนหลอกคนเดียว เราจะไม่โดนคนเดียว 55555 
 imac : พรานยังโดนแกล้งอีกเยอะค่ะ อิอิ
 ♠DekDoy♠ : อ๊ะๆๆ เข้าทางๆ
 on_2542 : อั้ยย ขอบคุณค่าา
 Takarajung_TK : มาโดนหลอกไปด้วยกันค่ะ 5555
 บ๊ายบายโพ : เป็นอย่างนั้น นั่นแล 5555555
 DZiik : อีโมนี้ใช่มาก!!
 insomniac : เหมือนวางระเบิดไว้ที่ประโยคสุดท้าย  :laugh:
 QueenPedGabGab : แอบสงสารพรานนิดนึง ถถถ
 Wannida : ถ้างานไม่เยอะจะมาต่อทันทีค่ะ
 Palmpalm : ทำไมเราเริ่มรู้สึกสะใจพราน 555
 Babelilong : อ้าว แบบนี้ก็ภาคเดียวกับเราด้วยค่ะ เพราะเราเขียนข้อมูลของพรานตามตัวเองเลย  o13
 num-arch52 : ใช่ค่ะ รุ่นพี่ก็พูดแบบนี้กันหมด จินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าโดนเป็นอาทิตย์จะช็อคขนาดไหน 555
 MaNaSsAwEe : ถะ...ถูกต้องนะครับบ!! เดาเก่งจัง
 loveview : อารมณ์เดียวกับเราเลยค่ะ 555 เพื่อนหายไปเกือบครึ่งกลุ่ม  o22
 xyxear : ปีหน้าก็คิดจะเป็นพี่เนียนเหมือนกันค่ะ ชอบบ 555 เรื่องสอบสัมภาษณ์เพื่อนเห็นพี่เนียนเขาหิ้วพอร์ทเข้าด้วย
                        เลยค่ะ ตกใจเหมือนกัน 555 (หรือจะเข้าไปแล้วรีบแอบออกมาอันนี้ไม่แน่ใจค่ะ)
 GETIIZ : อย่าดูพรตที่ภายนอก...นายพราน ไม่ได้กล่าวไว้
 saruttaya : ตามนั้นค่ะ 5555
 nutty, PaTtO : ใช่ค่ะ ยอมรับเลยว่าคณะนี้คนหน้าตาดีเยอะ แต่ห้ามดูที่หน้าตาเด็ดขาด!!  :laugh:
 Moose : บิงโกกก !! พรตหลอกสำเร็จอีกคนแล้ว 5555
 Autonomyz : รุ่นพี่เขาลงทุนกันจริงจังมากค่ะ ปีหน้ากำลังคิดอยู่เลยว่าจะเนียนแบบไหนดี 555
 hibarihao : ขอบคุณเช่นกันค่าา
 sirin_chadada : เดาเก่งจังง ขอบคุณนะคะ จะพยายามมาต่อเร็วๆ ค่ะ  :กอด1:
 rainbowbim : มีเพื่อนโดนเหมือนกันค่ะ นินทาพี่เนียนอีกคนให้พี่เนียนฟัง ขำแทบตาย 55555 ดีที่เราโดนแค่สองวัน

ฮู่วว ครบแล้ว  :mc1:
เราจะบันทึกเอาไว้ว่าตอบคอมเม้นท์เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่ทำก่อนเริ่มชีวิตมหาลัย เย้!!

ขอบคุณอีกทีนะคะ   :L2:

ปล. สำหรับบทที่3 รอก่อนน้าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-08-2014 23:39:12
รักจริงอย่างที่พูดก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 12-08-2014 23:43:10
ขี้แกล้งเกินไปเปล่า เดี๋ยวนายพรานโกรธล่ะตัวใครตัวมัน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 12-08-2014 23:43:43
พี่พรตแอบคิดไรกับนัองพราวเปล่านี่ ??  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: shabushabu4 ที่ 13-08-2014 00:35:13
บอกรักแล้วฮิ้ววววว :hao7: :hao7://โดนนายพรายต่อย

พี่พรตนี่ยังไงคะ เล็งไว้อ้ะป่าว :hao3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy0189 ที่ 13-08-2014 00:38:29
พี่พรตแอบชอบพรานเปล่าเนี้ย :hao6: :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-08-2014 01:25:11
เห้ยยยย ชอบแนวนี้

รออ่านอยุ่ อัพไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 13-08-2014 06:07:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-08-2014 06:35:29
 :katai5: :katai5:
นายพรานไปไม่ถูกเลยงานนี้
โดนตีตราจองตั้งแต่วันแรกแล้วหรือนี่
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 13-08-2014 06:47:33
ชอบเรื่องนี้นะคะ น่ารักดี นายพรานถูกเล็งไว้แล้วสินะ
ปล.ถ้าลงวันที่ที่อัพกับหน้าที่ลงด้วยก็ดีนะคะ จะได้หาอ่านง่ายๆ^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 13-08-2014 07:50:28
เข้าใจฟีลที่โดนหลอกค่ะ

เพราะโดนมาเหมือนกัน T__T
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 13-08-2014 11:02:24
พี่พรตไปแกล้งน้องเดี๋ยวน้องงอนขึ้นมาละจะยุ่ง
เดี๋ยวเค้าทบต้นทบดอกน้าาาาาาาาาาาาาาาาาา :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 13-08-2014 16:34:00
 o13 o13 o13 :katai4: :katai4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: whipcream ที่ 13-08-2014 16:53:10
พี่พรตขี้แกล้งไปนะ 555 ก็ดีนะ จะได้สนิทกันไวๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 13-08-2014 17:01:42
โอ๊ยยยยย ยังฮาอย่างต่อเนื่องเพราะนายพรานน้อยซื่อเหลือเกิน
555555555555555 :m20: :m20:
พรตนี่เห็นหน้าน้องเหวอๆเอ๋อๆ เลยแกล้งสนุกเลยละสิ
แหม่ๆ ผช คณะนี้มันร้ายจริง 555 :laugh:
หมาหยอกไก่นี่หว่า คึคึคึคึ
#สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย กำลังมาแรง
อยากจิหาแฟนถาปัตย์เลย 555555
ขอคนหล่อเยอะๆนะคะจะได้สมกับชื่อเรื่อง
คนอ่านจะได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ 5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 13-08-2014 19:09:35
รัก!  จริงหรอพรต
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 13-08-2014 21:12:57
 :hao7: :hao7: :hao7: มาต่อเร็วๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: praew_meng ที่ 13-08-2014 22:07:45
สนุกมากเลยค่ะ ชอบมาก มารอทุกวันเยย อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: [ตอน 3]
เริ่มหัวข้อโดย: feather7074 ที่ 13-08-2014 22:15:29
ทำแบบนี้เกินไปน๊ะ  :angry2:
สมควรที่นายพรานจะโกรธแล้ว ว  :katai1:
อิน ฟิน ติดตามจร่า า  :L2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Maple ที่ 14-08-2014 02:09:36
คุณพี่พรตนี่ย้ำจังนะค่ะว่ารัก  :hao7:
แล้วน้องโอมทำไมต้องเสียงดังด้วยค่ะ นี่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อป่ะเนี่ยยย
น้องพรานมาแบ้วๆ สายอ่อนแต่ไกลเลยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: AvvyLady ที่ 14-08-2014 02:14:41
พึ่งเข้ามาอ่านค่าา อ่านจบ3ตอนแล้วรู้สึก ห้ะ อะไรนี่อ่านไป3ตอนแล้ว อ่านเพลินมากเราอมยิ้มทั้งเรื่องเลย xD เรื่องก็ดูน่ารักค่อยเป็นค่อยไปดีจังเลยค่ะ เราชอบแนวนี้ ฮือออ ข่วนๆๆๆ เอาตอน4มาอีกกก <3 <3

ปล. เราเดาออกละว่าสถาปัตย์ที่ไหน555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 14-08-2014 02:37:17
ถ้าพี่พรตจะลงถึงขนาดไปขุดบัตรนักเรียนมาแกล้งน้อง
เรื่องนี่ต้องมีเงื่อนงำ  แอบรักน้องพรานมานานแลวใช่มั้ย !! 55555555555
หลุดคำว่ารักไปหลายครั้งแล้วนะพี่พรตตตต  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 14-08-2014 19:43:41
วันนี้มหาลัยเปิดเทอมแล้ว
น้องนักเขียนจะมาลงตอนต่อไปรึเปล่าเนี่ย

รออยู่น้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 14-08-2014 22:02:28
อืม..เรื่องสนุกน่ารัก น่าสนใจดี

แต่จะให้ดี ขอนายเอกเสน่ห์แรงๆ สู้คนหน่อยนะ อิอิ

แบบว่านายเอกในฝันเลย

นิสัยพี่พรต(พระเอก)ก็ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: on_2542 ที่ 14-08-2014 22:21:36
เขินนน พี่พรตต กรี๊ดดดดดด รออยู่น้า มาต่อเร็วๆนะคะ อิอิ :katai2-1: :o8:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-08-2014 22:27:25
อ่านทันแล้ว
พี่พรตแอบคิดไรกับนายพรานป่ะเนี่ย
เหมือนๆ จะเนียนๆบอกรักเลยนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 14-08-2014 22:49:28
พี่พรตขี้แกล้งจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-08-2014 00:13:08
น่าติดตามมากกกก อีกเรื่อง!!
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lattemilkk ที่ 16-08-2014 02:18:55
อ่านแล้วฟินจัง คิดถึงตอนสมัยเรียนจังเลยค่า
สมัยเราปีหนึ่งให้พี่บัณฑิตมาหลอกกกกกกกกก :-[
เพราะว่าพี่บัณฑิตจะหน้าเด็กดูดีกว่าพวกปีสามปีสี่ปีห้าหลายเท่า ออร่าผ่องอออกกกก :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: meili run ที่ 17-08-2014 00:25:18
แหม รักเกินไป หยอกซะแรง อิอิ :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 17-08-2014 19:23:17
เข้ามารอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: done_dirt_cheap ที่ 17-08-2014 19:46:59
ชื่อก็คล้องกันน้องพรานพี่พรต เกิดมาคู่กันอยู่แล้ว
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน3 : P2 : 12.08.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 22-08-2014 23:00:46
 :call:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 11-10-2014 00:33:10


:: CHAPTER 4 ::





       หลังจากเมื่อวันก่อนผมก็ได้เรียนรู้และสำนึกแล้วว่าพี่พรตไม่ใช่อย่างที่ผมรู้จักตอนแรก แถมยังโคตรขี้แกล้ง เอาเป็นว่าผมจะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาในสถานการณ์รุ่นพี่ล้อมวงแกล้งแบบนั้นแล้วกัน

            วันนี้เป็นวันรับน้องวันที่สามในคณะถ้านับจากวันสอบสัมภาษณ์และยังมีหลายวันต่อจนถึงเปิดเทอม ถึงจะดูเหนื่อยแต่ต้องยอมรับว่าเหตุผลหนึ่งของการเลือกเข้าคณะนี้คือการรับน้องนี่แหละ ดังนั้นผมจะพยายามมาให้ครบวันเท่าที่จะทำได้

            “เฮ้ย พี่เรียกรวมแล้วว่ะ”

            “มึงไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป”

            ผมหันไปหยักหน้าให้โอมก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่มอีกรอบแล้วรีบวิ่งไปนั่งข้างๆ ไอ้โอม ก่อนพี่จะเริ่มให้นับจำนวน แน่นอนว่าวันนี้คนมาน้อยกว่าเมื่อวานหลายสิบ แต่ก็ยังถือว่าส่วนใหญ่อยู่ดี วันนี้เป็นอีกวันที่ชื่อกิจกรรมแปลกจนผมเดาไม่ถูกว่าพี่จะให้ทำอะไร

            “เชิญพี่ไลน์น้องครับ”

            พอพี่เดินเข้ามาประจำแต่ละแถวแล้วก็พาพวกเราเดินออกนอกอาคารไปยังสนามหญ้าใหญ่หน้าคณะก่อนจะให้นั่งลงเหมือนเดิม และหลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มได้ยินเสียงตีกลองเป็นจังหวะค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดกลายเป็นเสียงดังพร้อมเพรียงจากทั่วทิศรอบตัว ถึงตอนนี้ทุกคนพากันเหลือบมองหาที่มาของเสียง

            ทันทีที่เห็นน้องปีหนึ่งเริ่มหันซ้ายหันขวา อยู่ๆ เสียงกลองก็หยุดลงกระทันหัน ก่อนรุ่นพี่หกคนจะเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ซึ่งปลูกล้อมสนามที่พวกเรานั่งพร้อมไม้กลองอยู่ในมือ ทำให้ทุกคนถึงกับอุทานขึ้นมาเบาๆ

            “ขอต้อนรับพี่กลองครับ!!”

            เสียงกรี๊ดพร้อมปรบมือของปีหนึ่งดังขึ้น ก่อนพี่ตีกลองจะเดินกลับไปหลังต้นไว้แล้วย้ายกลองจากหลังต้นไม้ออกมาเรียงกันด้านหน้าแทน พี่กลองคนแรกที่อยู่ริมสุดดูจากทรงผมแล้วออกแนวเถื่อน แต่ด้วยความที่หน้าตาโดดเด่นผิวขาวตาคมเลยทำให้ความเถื่อนนั้นกลายเป็นเท่ทันที เพื่อนผู้หญิงหลายคนถึงกับกรี๊ดกันดังลั่น เรียกได้ว่าพี่คนนี้กลบรัศมีของพี่กลองคนอื่นไปหมด

            และไม่รู้เขาจงใจหรือเปล่า แต่เขาวางกลองทับเท้าพี่หัวหน้ากิจกรรมที่ยืนอยู่ด้วยซึ่งถ้าไม่ตั้งใจแล้วคงไม่วางพอดีขนาดนั้นได้ เล่นเอาพี่หัวหน้าที่กำลังยืนมองน้องอยู่รีบก้มลงมองเท้าตัวเองแล้วชักเท้าหนีทันที

            “อะไรของมึงวะ”

            พอพี่หัวหน้าหันไปด่าให้ทุกคนได้ยิน พี่กลองก็กลับหันมามองปีหนึ่งพร้อมกระตุกยิ้มนิดๆ แล้วยกกลองไปวางทับเท้าพี่หัวหน้าอีกรอบ

            “ไอ้จักรมึงต้องการไร”

            “กลองทับ”

            ...

            ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่เขาต้องการจะสื่อ...พี่ครับ กล้าเล่นนะ ไอ้กลองทับ-กองทัพเนี่ย ปีหนึ่งทุกคนเงียบไปนิดนึงก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา แต่ผมเชื่อว่าความฝันของผู้หญิงหลายคนดับไปแล้วล่ะ หน้าอย่างหล่อแต่มุกที่เล่นนี่ควายโคตรๆ

            “ใครก็ได้เอามันออกไปที”

            “อ้าว มาถึงก็ไล่กูเลยเหรอ”

            พี่จักรทำหน้าตาน่าสงสารแล้วหันกลับมามองน้องที่นั่งอยู่เหมือนขอความเห็นใจจนทุกคนอดโห่ไม่ได้

            “เดี๋ยวนี้มึงใช้หน้าตาหากินขนาดนี้เลยเหรอวะ”

            พี่กิจกรรมทำท่าเหมือนบ่นกับตัวเองแต่เรียกเสียงฮาได้อีกระลอก

            “กูเปล่า! วันนี้นะครับ พี่จะมาแนะนำ...กลองทัด!!”

            “กลองทับ!”

            “ทัด!!”

            “ทับ!”

            “เออ! กองทัพโว้ย ไอ้กันต์มึงหยุด”

            ผมหัวเราะการเถียงกันไปเถียงกันมาของพี่สองคน คนเรียนคณะนี้แค่มายืนคุยกันผมก็ว่าฮาแล้วล่ะ ยิ่งเป็นพี่ที่มุกเยอะๆ แล้วยิ่งไปกันใหญ่ พี่จักรเลยรีบตัดบทแล้วจะเลื่อนกลองทัดที่วางอยู่ข้างๆ ออกมาไว้ตรงกลางให้ทุกคนได้เห็น

            “อย่าเอามาทับตีนกูอีกนะ”

            พอเหมือนจะมีสาระขึ้นมาทีนึงพี่กันต์ก็รีบพูดแทรกก่อนกระโดดหลบซึ่งมันดูเกินจริงจนทุกคนขำ ตั้งแต่มานั่งตรงนี้ฮาไปไม่รู้กี่รอบแล้วล่ะ

            “เอ้า! น้องครับ ขอสาระสักหนึ่งนาที พี่จะเล่าอะไรให้ฟัง”

            พี่จักรทำหน้าจริงจังแล้วหยิบไม้กลองยกขึ้นสุดแขนเหมือนเป็นสัญญาณให้เงียบ ซึ่งมันดูเป็นเรื่องใหญ่จนทุกคนต้องหยุดหัวเราะแล้วเงยหน้ามองตามไม้กลองนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “ขอให้ตั้งฟังใจนะครับ สาม...สอง...หนึ่ง...”

            “ไปคาบมา!”

            “เฮ้ย!!/เฮ้ยย!”

            ...เออะ

            จนถึงตอนนี้ทุกคนเลิกสนใจไม้กลองแล้วก้มหน้าก้มตาหัวเราะกันแล้วล่ะ บทจะจริงจังก็จริงจังจนน้องตั้งใจแล้วหักมุมซะอย่างนี้ พี่เล่นอะไรกันวะเนี่ย

            “ไอ้กันต์มึงหุบปากไปเลย กูจะเล่าเรื่องกลองให้น้องฟัง”

            “เออๆๆๆ ครับๆ”

            สุดท้ายพี่กันต์เลยยอมหลบกลับไปยืนด้านหลัง ปล่อยให้พี่จักรอยู่ตรงกลางคนเดียว คราวนี้เลยได้ฤกษ์มีสาระสักที

            “กลองประจำคณะเราคือกลองทัด เป็นกลองพระราชทาน เป็นเอกลักษณ์ของคณะเรา ขอให้ภูมิใจไว้นะครับ...จบแล้วสาระ”

            เอ่อ...สาระ ‘หนึ่งนาที’ ของจริงว่ะ

            “เอาเป็นว่า ใครอยากตีกลองหลังรับน้องเจอกันครับ!”

            พี่จักรตั้งใจส่งยิ้มให้น้องแล้วเดินกลับไปในแถวเหมือนเดิม ตามด้วยเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดจากเพื่อนผู้หญิง เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนแทบจะอยากตีกลองกันทั้งคณะแล้วล่ะ

            “โอเค ได้ยินกันแล้วนะ ใครอยากตีกลองมาได้เลย ใครอยากได้ไลน์ไอ้จักรก็มาได้”

            “วู้ววว”

            เอาแล้วครับ เย็นนี้ผู้หญิงทุกคนคงอยู่กันพร้อมหน้า

            “ไอ้พราน”

            ระหว่างที่เพื่อนหลายคนยังเคลิบเคลิ้มกับรอยยิ้มพี่จักร อยู่ๆ โอมที่นั่งอยู่ด้านหลังก็สะกิดเรียกแรงๆ ผมจนต้องหันหน้ากลับไปหา

            “มีไร”

            “จะลงกลองป่ะ”

            ตอนแรกผมว่าจะไม่ลงนะ แต่พอไอ้โอมพูดแบบนี้ผมเลยเริ่มคิดตาม จริงๆ มันก็น่าลองเล่นอยู่หรอกเพราะที่ผ่านมาตอนม.ปลายเคยตีแต่กลองยาว เลยยังไม่เคยรู้ว่ากลองทัดเป็นยังไง ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีและจะได้ทำมีส่วนร่วมกับกิจกรรมคณะมากขึ้น

            “มึงอยากได้ไลน์พี่จักรก็ขอตรงๆ ดิวะ”

            “ไอ้เชี่ยพราน!”

            ผมแกล้งหัวเราะใส่ไอ้โอมดังๆ รู้หรอกว่ามันแค่อยากตีกลองแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแซว ส่วนถ้ามันอยากได้ขึ้นมาจริงๆ นี่ผมคงหมดคำพูด และสุดท้ายผมเลยรีบสร้างเงื่อนไขกับไอ้โอมทันที

            “โอเค ถ้ามึงลงกูจะลง”

 

 



            หลังจากรับน้องเสร็จ คนที่สนใจจะเป็นมือกลองของคณะก็มารวมตัวกันที่กลางลานกิจกรรม ส่วนคนที่ไม่สนใจก็กลับบ้านได้ และปรากฏว่าคนส่วนใหญ่ดูจะไม่สนใจกันเท่าไหร่โดยเฉพาะผู้หญิง ถึงจะมีพี่จักรออกมาโปรโมตด้วยตัวเองแต่ผมว่าแบบนี้มันถูกแล้วเพราะการตีกลองต้องใช้แรงเยอะในการตีต่อเนื่อง ให้ผู้ชายตีคงจะเหมาะกว่า

            “ไอ้จักร ไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่มีใครอยากได้ไลน์มึง ให้กูขอก็ได้...”

            “ไอ้เชี่ยกันต์เลิกไร้สาระ...เอ้า น้องครับเดี๋ยวพี่จะสอนตีเลยนะ”

            คำพูดของพี่กันต์เรียกเสียงหัวเราะจากน้องได้เหมือนเดิม ก่อนจะพี่จักรจะตัดบทแล้วเริ่มตีกลองเป็นจังหวะเพลงเชียร์ของคณะด้วยท่าทางเชี่ยวชาญจนทุกคนอดอุทานด้วยความชื่นชมไม่ได้

            “วันนี้จะให้ลองตีตามจังหวะก่อน ขยับมือเฉยๆ หรือตีกับพื้นก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยเอาไม้กลองมา”

            เมื่อทุกคนวางมือกับพื้นเตรียมจะตีแล้ว พี่จักรเลยเริ่มตีจังหวะชุดแรกให้ฟังช้าๆ พร้อมค่อยๆ ท่องจังหวะให้ฟังตามลำดับ พี่เขาตีพลางท่องจังหวะให้ฟังซ้ำไปซ้ำมาอยู่สามสี่รอบจนทุกคนเริ่มจำได้ และเริ่มขยับมือตีตามไปเรื่อยๆ

            ตอนแรกๆ ที่ตีกลองผมก็ไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่หรอก เหมือนต้องใช้สมาธิเยอะตั้งใจมากเพื่อตีตามจังหวะ แต่เมื่อได้ตีซ้ำไปซ้ำมาเหมือนมือมันจะจำได้และขยับไปโดยอัตโนมัติเองโดยไม่ต้องใช้สมาธิมากเท่าครั้งแรกๆ แล้ว ทำให้ผมสามารถร้องเพลงเชียร์เบาๆ ตามจังหวะไปได้

            “เมื่อกี้มึงบอกถ้ากูลงมึงจะลง แล้วนี่อะไร ท่าทางฟินขนาดนี้”

            ผมหันไปมองไอ้โอมที่เริ่มตีจังหวะคล่องพอจะตีไปหันมาแซวผมได้ ก่อนจะตอบแบบกวนๆ กลับไป

            “อ้าว ก็ชอบได้ป่ะล่ะ”

            “เออดิ ก็แค่คิดว่าถ้ากูไม่ลงมึงจะลงรึเปล่า”

            ...จริงของมัน ถ้ามันไม่ลงผมคงไม่ยอมมาตีกลองคนเดียวหรอก นี่ขนาดตีกับพื้นยังรู้สึกสนุก ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าได้ตีกลองทัดของจริงจะมันส์ขนาดไหน

 

            “เอ้า! น้องครับ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้อย่าลืมไม้กลองนะ”

            หลังจากผ่านการตีจนพี่เห็นว่าท่องจังหวะได้กันหมดแล้วเลยปล่อยทุกคนกลับบ้าน แต่ไอ้โอมดันบอกพ่อให้มารับที่คณะตอนทุ่มนึง ผมเลยตัดสินใจอยู่รอเป็นเพื่อนมันเพราะยังไงกลับรถไฟฟ้าเองจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ระหว่างที่ผมกำลังนั่งตอบไลน์ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างๆ

            “อ้าวไอ้พรต น้องมึงมาทำอะไรตรงนี้”

            ผมสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองอย่างเร็ว เลยได้เห็นรุ่นพี่ในกลุ่มพี่พรตที่นั่งอยู่ด้วยกันตอนนั้นเดินเข้ามาหาก่อนจะหันไปเรียกเจ้าตัวที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดี พี่พรตพอเห็นผมเท่านั้นแหละ เขาก็หัวเราะทันที...อะไรวะ ผมไปทำอะไรให้

            “ไง ‘นาย’ ”

            “เรียก ‘พราน’ ก็ได้ครับ”

            ไม่รู้พี่พรตแม่งจะแกล้งเหมือนตอนเขียนป้ายชื่อรึเปล่า แต่คำว่า ‘นายพราน’ นี่ ถ้าตัดให้เหลือพยางค์เดียวผมว่ายังไงก็ไม่ใช่ ‘นาย’ ว่ะ

            “นาย ตีกลองเหรอ”

            “... ‘พราน’ ครับ ไอ้โอมก็ตีด้วย”

            ผมพยายามแก้ชื่อตัวเองอีกครั้งเผื่อพี่พรตจะเปลี่ยนความคิด

            “คนชื่อโอมนี่เพื่อนนายเหรอ”

            ...โอเค ผมยอมแพ้ เพราะนอกจากจะเรียกคำเดิมแล้วยังพาดพิงไอ้โอมโดยไม่สนใจเลยว่ามันจะนั่งอยู่ไกลจากผมไม่ถึงหนึ่งเมตร ทำเอาไอ้โอมหัวเราะออกมาทันที

            “พรานกูไปแล้วนะ...พี่พรตหวัดดีครับ”

            ...อ้าวเชี่ย ทิ้งกู

            ไอ้โอมรีบคว้ากระเป๋าแล้วยกมือไหว้พี่พรตซึ่งพี่พรตก็รับไหว้ยิ้มๆ เหมือนรู้ทัน คือนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วมันยังรีบชิ่งออกไปก่อนด้วยสีหน้าที่ต่อให้ใครมาเห็นก็ต้องรู้ว่าแม่งตั้งใจจะทิ้งผมเอาไว้ในสภาพนี้

            “เฮ้ย!!! ไอ้พรตแกล้งน้องอีกแล้วเหรอวะ”

            และคนที่เข้ามาช่วยผมไว้จริงๆ คือพี่จักรซึ่งเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะหลังจากเก็บกลองเรียบร้อยแล้ว รวมถึงพี่กันต์ที่เดินตามมาสมทบทีหลัง ก่อนจะทักทายพี่พรตด้วยประโยคที่ฟังแล้วผมถึงกับสะดุ้ง

            “นี่น้องคนที่มึงชอบแกล้งป่ะ”

            นี่กลายเป็นว่าผมเป็นที่รู้จักในนามคนถูกแกล้งไปแล้วเหรอวะ

            “ถามน้องหน่อยมั้ยว่าชอบรึเปล่า”

            “ไม่/ชอบ!!!!”

            ผมตอบกลับไปเสียงดังว่า ‘ไม่’ แต่พี่พรตแม่งแย่งตอบด้วยเสียงที่ดังกว่า ทำเอาพี่ทั้งกลุ่มส่งเสียงโห่ดังลั่นเหมือนจะแซว นี่ดีแค่ไหนที่ทุกคนกลับบ้านไปสักพักแล้วเลยไม่มีใครเดินผ่านแถวนี้อีก

            “โว้ย น้องยังไม่ได้ตอบเลยไอ้พรต”

            พี่พรตหันไปยักคิ้วกับเพื่อน แล้วปีนขึ้นมานั่งลงบนโต๊ะเหมือนจงใจขวางหน้าผมซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนหันกลับมามองผมอีกรอบด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้

            “เฮ้ย ไปกินข้าวกันป่ะนาย”

            ผมอึ้งไปนิดนึงกับคำถามเพราะไม่รู้ว่ามันเป็นเจตนาที่ดีจริงๆ หรือต้องการอะไร แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไรออกมา พวกพี่คนอื่นๆ กลับแย่งตะโกนขึ้นมาเหมือนอดอยากกันมานาน

            “ไป!! กูรีเควสก๋วยเตี๋ยว”

            “มึงอยากชวนกูก็ไม่บอก”

            “เอาร้านใกล้ๆ นะเว้ย กูรีบ”

            พี่ทุกคนดูเอาจริงเอาจังกับอาหารมื้อนี้มากจนพูดแข่งกันไม่หยุด แต่พี่พรตกลับส่งเสียงชู่วยาวๆ ออกมาให้ทุกคนเงียบก่อนพูดขึ้นกลางวง

            “โว้ย น้องมันยังไม่ตอบเลยไอ้พวกตะกละ”

            “มึงอ่ะเงียบไอ้ห่าพรต...เอ้า! น้องตามมาดิ”

            สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าผมเดินตามกลุ่มพี่ปีสามไปโดยไม่ทันได้ตอบตกลงอะไรไปเลย ส่วนไอ้คนชวนก็พูดคุยเฮฮากับเพื่อนเสียงดังตลอดทาง ซึ่งมันเป็นเรื่องดีที่อย่างน้อยผมจะไม่ต้องต่อกรกับพี่พรตจนถึงร้าน แต่ขอโทษนะ...จะชวนกูทำไม

 




            ร้านก๋วยเตี๋ยวตอนสามทุ่มไม่ได้คึกคักน้อยกว่าช่วงหกโมงเย็นเลยสักนิด เพราะทั้งร้านเต็มไปด้วยวัยรุ่นที่น่าจะเป็นนักศึกษาที่กำลังอยู่ในช่วงรับน้องเหมือนผมกับพวกพี่พรต พวกเราเดินผ่านลูกค้าคนอื่นอยู่หลายโต๊ะ จนในที่สุดเมื่อหาที่นั่งได้แล้วพี่กันต์ก็หยิบกระดาษมาเขียนสั่งอาหารให้ทุกคน

            “ไอ้เป้เส้นอะไร”

            “เล็กน้ำ”

            “ไอ้พรตอ่ะ”

            “เล็กต้มยำน้ำข้น ไม่เผ็ด”

            พอได้ยินคำตอบของพี่พรต พี่กันต์ก็ถึงกับหยุดจดแล้วเงยขึ้นมามองหน้าคนสั่งทันที...เออ ผมก็ว่ามันดูขัดๆ กันยังไงไม่รู้

            “ต้มยำน้ำข้นไม่เผ็ด สั่งอะไรของมึงวะพรต”

            “ตามนั้น”

            พี่พรตพูดส่งๆ โดยสายตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือ พี่กันต์เลยหันมามองผมพร้อมทำหน้าประมาณว่าช่างหัวแม่งแล้วเขียนลงไปตามนั้น ก่อนจะจดของคนอื่นต่อไปเรื่อยๆ ต่อจนเสร็จ จากนั้นก็เอาไปยื่นให้คนรับออเดอร์หน้าร้าน

            พอสั่งอาหารเสร็จผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็คไลน์ไปพลางๆ ระหว่างรอ และก็เห็นว่าใบพลูเพิ่งทักมาหาไม่นาน ผมเลยรีบกดเข้าไปอ่านทันที

            ‘รู้ป่ะว่าพี่พรตชอบกินอะไร’

            ผมใช้เวลาคิดไม่ถึงหนึ่งนาทีสำหรับคำถามนี้และพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

          ‘เส้นเล็กต้มยำน้ำข้น’

            เมื่อพิมพ์เสร็จผมก็ละสายตาจากมือถือขึ้นมาเพื่อมองว่าก๋วยเตี๋ยวได้รึยัง แต่ก่อนจะได้รู้อะไรก็ดันสบตากับพี่พรตเสียก่อน และทันใดนั้นผมก็รีบหยิบมือถือเปิดไลน์ขึ้นมาใหม่ พิมพ์ต่ออีกข้อความส่งให้พลูด้วยความไวแสง

 



            ‘เผ็ดมาก’





----------------------------------------------------------------------------------------------------
โฮฮฮฮ ไม่อยากจะพรรณนาเลยว่าคิดถึงขนาดไหน                                                             
วันนี้เป็น 'วันแรก' ตั้งแต่เปิดเทอมที่ไม่มีงานค่ะ เลยได้โผล่มาอัพ อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ :sad4:
และเข้ามาคอนเฟิร์มอีกเสียงว่าเรียนคณะนี้หนักจริง อดนอนเป็นปกติจริง (โดยเฉพาะช่วงรับน้องเหนื่อยมากก)
...แต่ถึงจะหนักขนาดไหน อยากคอนเฟิร์มว่าสังคมดีจริงค่ะ ใครอยากเข้าก็ลองคิดดีๆ 55555

ปล. ตอน4นี่คือวันไหนพอมีเวลาก็เข้ามาเขียนเติมทีละห้าบรรทัด สิบบรรทัด จนได้มาตอนนึงอย่างที่เห็น  :katai4:
ปล2.หวังว่าคงจะได้เจอกันอีกในเร็ววันนะคะ   :pig4:


           
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 11-10-2014 01:52:02
 :katai2-1: เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกดีจ้า พี่พรตดูขี้แกล้งจังเลย
ไม่รู้คิดไรกับเด็กหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 11-10-2014 04:33:08
"เผ็ดมาก"

บอกเลยว่าหลุดหัวเราะก๊ากค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-10-2014 09:56:59
กว่าจะมาได้นะ มัวแต่ไปรอก๋วยเตี๋ยวเผ็ด ๆ นี่เอง
ขอบคุณคนเขียนจ้าาาาาา  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 11-10-2014 10:42:49
ว้าววววววว มาต่อแว้ววววววว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 11-10-2014 11:28:42
แจ่ม!!!! อ่านละติดเลย 555
พี่พรตนี่เนียนดีจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 11-10-2014 12:55:25
หนุกๆ ที่ม.เราไม่ยักหนุกงี้
นายพรานน่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 11-10-2014 13:14:01
ร้ายกาจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 11-10-2014 13:15:38
มาต่อเร็วๆนะคะ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy0189 ที่ 11-10-2014 13:30:14
คิดถึงพี่พรตกับน้องพรานมากเลยค่ะๆๆ :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 11-10-2014 13:32:10
o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 11-10-2014 16:02:13
แอบแค้นเบาๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-10-2014 16:41:44
มุกนี่ฮากริบได้อีก เอาหน้าตาเข้าสู้สินะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-10-2014 17:05:24
เข้ามาตามแท็ก ตามกลิ่นผชหล่อมาแฮ่ 5555555

เรื่องพี่เนียนก็เคยโดนเหมือนกันค่ะ แต่ของเราจะเรียกว่าพี่แฝง โดนไปสองเดือนกว่า ตอนรู้นี่เงิบกันทั้งชั้นปี ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 11-10-2014 17:08:45
สนุกมากๆเลยค่ะ
รอติดตามนะคะ
มาต่อบ่อยๆน้าาาา

พี่พรตจีบน้องแหงๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 11-10-2014 17:26:41
เห้ยยย น่ารักกก !!!!
ชอบอะ เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ
สำนวนดี เนื้อหาโอเค
ที่สำคัญรู้สึกหล่อออออออออออออ
สถาปนิกด้วยยย พลาดไม่ได้จริงๆ
อย่าทิ้งเรื่องนี้นะ อัพช้าแค่ไหนก็อย่าทิ้ง 5555 5
ชอบ ๆ นานๆเจอเรื่องที่มีเนื้อหาแบบเป็นนิยายที่อ่านแล้ว
จะอยู่ในความทรงจำบ้าง ฮ่าๆๆ
#นี่คืออินจัด

รอตอนต่อไปน้าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 11-10-2014 17:45:32
อยากเป็นนายพราน.. จะล่าเนื้อ o18
สั่งต้มยำไม่เผ็ด เก๋นะคะพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 11-10-2014 17:51:58
เผ็ดมาก แลดูนายพรานจะสะใจเล็กๆนะ 55555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 11-10-2014 21:41:03
ยังไม่มีการพัฒนาการของตัวละคร

หมายถึงความสัมพันธ์ของพระเอกกะนายเอกนะ

ติดตามต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 11-10-2014 22:16:52
คิดว่าพี่พรตจะนิ่งกว่านี้ พระเอกของฉัน 55555 จีบน้องให้ติดเร็วนะเค่อะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 11-10-2014 23:01:06
สนุกดีจ้า รออ่านต่อ
อยากรู้พี่พรตจะมาแนวไหน จีบหรือแค่หยอกไก่
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lovegoldfish ที่ 12-10-2014 18:42:11
เรื่องน่ารักมากกกก
นี้พี่พรตแกแอบจีบหรือตั้งใจแกล้งจริงๆเนี้ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 15-11-2014 22:43:26
แง้ เมื่อไหร่จะมาอัพง่ะ
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: shabushabu4 ที่ 15-11-2014 22:49:28
มาต่อเถอะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 15-11-2014 23:04:48
เอาเผ็ดมากกก เลยหรอออ
555 
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 15-11-2014 23:35:54
บอกคำเดียว ชอบบบบบบบบบบบบบบบบค่ะ อยากให้มาต่อไวๆ
รอดูว่าที่พี่พรตทำอยู่คือจีบหรือเอ็นดู 55555555

ถือว่าเป็นอะไรที่ใกล้ๆกันนะคะ วิศวะโยธา กับถาปัต  :hao7:
เช็คแฮนด์หน่อยค่ะะะะ ;)
อ่านนิยายเรื่องนี้ทำเอาอยากเข้าถาปัตเลยค่ะ โยธาไม่มีอาหารตาเลย เสียใจ ว้าเหว่ 555555555 มีแต่เถื่อนๆทั้งชายหญิง
ซิ่วตอนนี้ทันไหมเนี่ยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: .antiiiiquex- ที่ 17-11-2014 16:19:05
ฮื้ออออออ ชอบบบบบบบบ
ชอบมากกกก มาต่อไวๆนะคะ

เราเองก็อยากเข้าคณะนี้มากกกก
ที่อ่านมาก็คุ้นๆเหมือนจะเป็นของม.ที่อยากเข้าด้วย
(อยากเข้ามาก ขนาดว่าชอบเข้าไปดูในไอจีของคนที่เรียนที่นั่นเลย555 ;;)

รอตอนต่อไปนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 17-11-2014 17:46:33
สนุกๆ
รอในอีกเร็ววันค่ะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 17-11-2014 21:40:17
ฮึฮึ รักหลอกจึงหยอกเล่นสินะ   o18
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน4 : P3 : 10.10.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 17-11-2014 23:54:44
ชีวิตพรานเหมือนชีวิตเราตอนปี 1 เลย
เจอพี่เนียนชื่อ พรต เหมือนกัน อยุ่ปี 3 เหมือนกัน จำได้ว่าด่ามันไปเยอะมาก 555
พอเฉลยว่าเป็นพี่เนียน ขอโทษแทบไม่ทันเลย
ติดตามต่อจ้า น่าสนใจดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 22-12-2014 22:53:12



:: CHAPTER 5 ::


 

            “พี่พราน วันนี้ออกไปไหนป่ะ”

            ผมหันไปหาน้องสาวตามเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เลยได้เห็นพลูอยู่ในชุดเสื้อลายทางกางเกงขาสั้นพร้อมสะพายกระเป๋าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก

            “อือ ไปดิ มีรับน้อง”

            “โอยอิจฉา รับน้องบ่อยขนาดนี้ก็ได้เจอพี่พรตบ่อยอ่ะดิ”

             เฮ้ย ผมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องน่าอิจฉานะ แต่โอเค...ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอกคงเป็นเรื่องน่าอิจฉาสำหรับผู้หญิง ถ้ามองจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมคงน่าหลีกเลี่ยงมากกว่า

            “แล้วพี่พรานออกกี่โมง พลูนัดเพื่อนไว้จะได้ไปด้วยกัน”

            “รับน้องช่วงบ่าย คงกินข้าวเสร็จแล้วออกมั้ง”

            ผมตอบส่งๆ ระหว่างเดินไปนั่งเก้าอี้ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเช็คไลน์ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ โดยมีพลูตามมายืนอยู่ข้างๆ และเหมือนจะส่งสายตาอ้อนวอนมาที่ผม

            “ไปหาอะไรกินกับพลูก่อนดิ พลูจะดูหนังรอบเที่ยงอ่ะ”

            ผมเงยหน้ามองน้องแล้วถอนหายใจเบาๆ ถ้าจะไปกินข้าวให้ทันเที่ยงก็ต้องออกจากบ้านเร็วกว่าเดิมสองชั่วโมงและผมขี้เกียจมาก ถึงความจริงมันจะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่เลวก็เหอะ เพราะปิดเทอมแบบนี้ก็ชักจะเบื่ออาหารที่บ้านอยู่เหมือนกัน

            “โอเคๆๆ ออกเลยก็ได้ ขอเปลี่ยนชุดก่อน”

            ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงนาที กดปิดหน้าจอมือถือแล้วรีบหยิบเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงกีฬามาใส่ตามระเบียบชุดรับน้องที่พี่ตั้งไว้ตั้งแต่วันแรกๆ ก่อนจะหยิบรองเท้าผ้าใบคู่โปรดออกไปใส่ที่ประตูหน้าบ้านซึ่งมีใบพลูยืนรออยู่ก่อนแล้ว

            “นั่นถุงอะไร”

            เมื่อใส่รองเท้าเสร็จผมก็ชี้ไปที่ถุงกระดาษสีสวยที่ใบพลูถือมาด้วยเพราะปกติไม่ค่อยเห็นพลูถือของอะไรเยอะแยะ แต่เจ้าตัวกลับยิ้มแล้วให้คำตอบในแบบที่ทำให้ผมไม่อยากถามอะไรต่ออีก

            “เดี๋ยวพี่พรานก็รู้”

           




             เราไปถึงห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากมหาลัยและโรงหนังเท่าไหร่เพื่อจะได้ออกทันเวลากันทั้งคู่ แต่ก่อนจะได้ไปเลือกร้านอาหารกัน พลูก็แวะเข้าห้องน้ำแล้วให้ผมยืนรอข้างนอกอยู่สักพักใหญ่ๆ ผมเลยได้เห็นเพื่อนร่วมรุ่นเดินผ่านบ้างประปราย คิดว่าคงจะหาข้าวกินแถวนี้เหมือนกัน เห็นแล้วก็อยากทักอยู่นะแต่ยังไม่รู้ชื่อดีพอจะทักได้

            ระหว่างที่ยืนมองคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย จู่ๆ ใบพลูก็รีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำพร้อมทำหน้าเหมือนหนีแมลงสาบทั้งฝูงมาแล้วตรงเข้ามาดึงแขนผมให้วิ่งตามไปทันที

            “เฮ้ย เดี๋ยว เกิดไรขึ้น”

            “พี่พรานอย่าเพิ่งถามน่า ตามพลูมาด่วนเลย”

             ผมที่กำลังตกใจอยู่เลยรีบวิ่งตามแรงกระชากของพลูไปเรื่อยๆ ส่วนน้องสาวผมก็วิ่งสุดชีวิตจนไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างเลยสักนิด เดี๋ยวก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเหมือนชำนาญทางทั้งๆ ที่พลูก็ไม่ได้มากินข้าวที่นี่บ่อย ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ...

            “ถึง...แล้ว”

            สุดท้ายพลูก็ชะงักฝีเท้าหยุดลงโดยไม่ได้ตั้งตัว ทำเอาผมแทบเบรคไม่ทัน จากนั้นเราก็ยืนก้มหน้าหอบกันอยู่หลายนาทีจนพอจะตั้งสติได้ และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองเท่านั้นแหละ ผมก็เจอร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง

            ...เดี๋ยวนะ

            “จะกินข้าวทำไมต้องรีบขนาดนี้”

            แต่คิดเหรอครับว่าพลูจะยอมตอบ น้องสาวผมชะเง้อเข้าไปในร้านแวบหนึ่งเหมือนไม่ได้ยินคำถามของผมแล้วหันไปพูดกับพนักงานที่เข้ามาต้อนรับทันที

            “สองคนค่ะ พี่คะ...ขอที่ริมด้านในสุด”

            เมื่อพนักงานพาเข้ามานั่งที่แล้วผมก็เปิดเมนูสั่งอาหารตามปกติ ในขณะที่ใบพลูซึ่งทุกครั้งจะเลือกมากและเรื่องมากกลับชิงสั่งอาหารก่อนผมจะเลือกเสร็จเสียอีก ผมรอให้พนักงานจดรายการอยู่สักพักจนเดินกลับออกไปถึงถามน้องสาวอีกรอบ

            “ทำไมต้องรีบด้วย”

            สายตาของพลูไม่ได้อยู่ที่ผม แต่กลับมองผ่านผมไปทางด้านหลัง

            “พี่พรานๆๆๆ ดูนั่น!”

            ผมหันหลังกลับไปมองตามสายตาของพลูแล้วก็ได้พบกับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่เหมือนจะกินข้าวเสร็จแล้วแต่ยังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ ผมพยายามเพ่งมองหน้าคนกลุ่มนั้นซึ่งให้ความรู้สึกคุ้นตาอย่างหน้าประหลาด และแล้วก็ต้องอุทานออกมา

            “เชี่ย นั่นรุ่นพี่”

            “ไม่ใช่ นั่นพี่พรต”

            พลูพยายามแก้คำพูดให้ผมพร้อมหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข แต่ผมไม่มีความสุขด้วยเลยสักนิด ก่อนจะรีบหันหน้ากลับไม่ให้พี่กลุ่มนั้นเห็น แต่มันเหมือนจะช้าไปหน่อยเพราะดันมีพี่คนหนึ่งหันมาสบตากับผมเข้า

            ...ชิบหาย

            ใบพลูเหมือนไม่พยายามเข้าใจหรือสนใจสถานการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ ซ้ำยังยกมือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป ผมเลยต้องรีบเอื้อมมือไปกดมือถือน้องสาวลงกับโต๊ะ ก่อนพลูจะแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

            “พี่พรานเป็นระ...”


            “เฮ้ย ‘นาย’มากินข้าวเหรอ”


            ...

            ผมมองใบหน้าที่คุ้ยเคยเป็นอย่างดีซึ่งถือวิสาสะเข้ามายืนข้างๆ โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าผมจะนั่งกินข้าวอยู่กับใคร ส่วนคำถามของพี่พรตจะให้ตอบยังไงวะ เออ...เห็นนั่งอยู่ในร้านอาหารนี่คงมาซักผ้ามั้ง

            “เออ กูก็ไม่น่าถาม”

            “นั่นดิ”

            ไม่รู้อะไรทำให้ผมเริ่มอยากจะเลิกเกรงใจคนๆ นี้ถึงจะเป็นรุ่นพี่ก็เหอะ รู้แค่ผมว่าอยากตอบโต้อะไรบ้างและรู้สึกว่าชักเจอหน้ากันบ่อยไปแล้ว เมื่อวานตอนเย็นก็กินข้าวด้วยกันแล้ววันนี้มากินข้าวเที่ยงกับน้องสาวยังจะเจออีก   

            แต่เมื่อผมหันไปเห็นสีหน้าแฮปปี้สุดๆ และเขินเหมือนตัวจะแตกของน้องสาวที่ยังนั่งอึ้งเหมือนพูดอะไรไม่ออกก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ยาก

            ...กูก็ว่าทำไมรีบจังวะ

            “แฟนน่ารักว่ะ”

            คราวนี้ล่ะครับ ไม่ต้องหันไปมองหน้าพลูก็เดาอกแล้วล่ะว่าจะยิ้มหน้าบานขนาดไหน ส่วนผมก็ได้แต่จำใจต้องตอบไป แอบหวังนิดหน่อยนะว่าพี่พรตจะไม่สนใจอะไร

            “ไม่ใช่ นี่น้องสาว”

            “ชื่อใบพลูค่ะ หนูติดตามพี่พรตมานานแล้ว อยากเจอตัวจริงมาก...”

            แทนที่จะได้ยินคำตอบของพี่พรต กลายเป็นน้องสาวตัวดีที่แทบจะร่ายสาแหรกของตระกูลให้มันฟัง นี่ถ้ามีเวลาเพิ่มสักชั่วโมงสองชั่วโมง พี่พรตแม่งคงมีความรู้พอๆ กับลูกเขยลูกสะใภ้ในอนาคต แต่ดูท่าพลูมันคงอยากอยู่แล้วล่ะ

            “พลูหยุดน่า”

            “เฮ้ยๆๆ นายมึงอ่ะหยุด น้องพลู เรามาแลกเปลี่ยนกันไหม”

            พอได้ยินแบบนี้ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ เอ้ย! ผมนี่นั่งหลังตรงเลยครับ นอกจากพลูจะได้แนวร่วมแล้วผมยังเหมือนโดนแสกหน้าเต็มๆ ตกลงกูผิดอยู่คนเดียวใช่ป่ะ ดูจากสายตากรุ้มกริ่มของไอ้พี่พรตตอนนี้แล้วแม่งความหน้าไว้ใจเป็นศูนย์

            “ได้ค่ะ”

            ...เฮ้ย! ตกลงก่อนฟังเงื่อนไขได้ไง

            “งั้น ถ้าพลูอยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่ พี่จะบอกให้หมด แต่...”

            อยู่ๆ ไอ้พี่พรตก็เหลือบตามามองผมแวบหนึ่งพร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ชั่วร้าย ก่อนจะหันกลับไปคุยกันเหมือนเดิม เส่นเอาผมเสียวขึ้นมาโดยไม่จ้องพึ่งหนังเอวีเลยครับ ถ้าจะให้คำนิยามของผู้ชายที่นั่งข้างๆ ตอนนี้แล้วคงมีคำว่า ‘ชั่วร้าย’ คำเดียว

            “...ถ้าพี่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับนายพราน ต้องบอกพี่นะ”

            ถ้าถามว่าตกใจไหม ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของผมเท่าไหร่หรอก คนที่มีความสุขจากการแกล้งคนแบบนี้ถ้าชี้โพรงแล้วจะยังไงมันก็คงเข้า แต่หมั่นไส้ครับ เล่นพูดด้วยน้ำเสียงชวนเคลิ้มขนาดนี้ บอกให้ลงไปนอนกลิ้งกับพื้นตอนนี้น้องผมก็คงทำ

            “โอเคพี่พรต บอกแอคเคาท์มาเดี๋ยวพลูแอดไป”

            ...เออ น้องกูก็ร้ายไม่ใช่เล่น ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ กับหน้าตาที่บ่งบอกชัดเจนว่า ‘ฟิน’ ของน้องสาว นี่เรียกได้ว่าระดับพอๆ กับตอนพลูมันไปคอนเสิร์ตเกาหลีเมื่อปีที่แล้วแล้วได้จับมือเลยครับ ผมมองพลูก้มหน้าจิ้มมือถืออย่างตื่นเต้นแล้วหันไปมองคนข้างๆ ที่ยิ้มด้วยท่าทีเหมือนทำภารกิจสำเร็จ และเมื่อเห็นผมมองมามันก็ยักคิ้วให้ด้วยสีหน้าที่เห็นแล้วน่ายกตีนขึ้นมาถีบ

             “อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่พรานอ่ะ”

            “ทุกอย่าง”

            ไอ้พี่พรตตอบโดยไม่ต้องคิด ส่วนน้องสาวนี่ก็ขายพี่ชายจัง

            “ชื่อนามสกุลรู้แล้วมั้ง ก็เกิดวันที่...”

            “ยังๆๆ ไลน์มาดีกว่า เดี๋ยวพี่ต้องพานายพรานไปคณะ”

            “เฮ้ย ผมไปเองได้”

            ผมสวนกลับแทบจะทันที แต่ไอ้พี่พรตกลับลากแขนให้ลุกออกไปด้วยกันจนผมต้องจำใจลุกตาม วันนี้มันวันอะไรกันครับ โดนทุกคนลากไปลากมา คราวแรกก็พอเข้าใจพลูได้อยู่นะ แต่คราวนี้ไม่เข้าใจว่ะ มหาลัยใครๆ ก็ไปเองได้ จะไปพร้มอกันทำไม



            “เอ้อ! พี่พรตรอแปปนึงค่ะ”

            แต่ก่อนที่มันจะลากผมไปไกลกว่านี้ พลูก็ท้วงขึ้นแล้วรีบหันไปหยิบถุงกระดาษที่ถือมาด้วยเมื่อเช้าก่อนจะยื่นให้พี่พรตที่มองถุงแบบงงๆ

            “พลูซื้อมาให้ ไม่รู้จะเผ็ดพอรึเปล่า”

            “อะไรน่ะ”

            “ก็พี่พรานบอกว่าพี่พรตชอบกินเส้นเล็กต้มยำน้ำข้น ‘เผ็ดมาก’ ”

            ผมแทบจะหลุดหัวเราะกับประโยคนี้ ขำตรงที่พลูมันดันเชื่อที่ผมไลน์ไปให้จริงๆ แล้วยังบ้าจี้ซื้อมาฝากอีก ส่วนไอ้พี่พรตนี่อึ้งไปเลยครับ สงสัยยังปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ถูก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ค่อยไปเข้าใจตอนกินละกัน

            “นายพรานบอกเหรอ”

            “อ้าว พี่พรานหลอกพลูป่ะเนี่ย”

            แทนที่จะตอบพี่พรต ใบพลูกลับหันมาถามผมแทน ส่วนผมถ้าตอบก็โง่แล้วครับ ปล่อยให้งงแบบนี้สะใจกว่า อย่างน้อยพอเห็นท่าทางเหมือนทำตัวไม่ถูกของพี่พรตก็รู้สึกเหมือนได้แกล้งอะไรคืนบ้าง แต่ความสะใจของผมมันไม่ยั่งยืน เพราะก่อนพี่พรตจะรับถุงนั้นไป รุ่นพี่อีกคนที่เพิ่งเดินมาถึงก็ตัดหน้ารับของไปดื้อๆ


            “น้องพลูครับ อย่าแย่งพี่ตัวเองดิ”


            “ใครแย่งไรวะ...”

            พี่พรตขมวดคิ้วไม่เข้าใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแกมหงุดหงิดแล้วหันมามองผมเหมือนจะถามอะไรสักอย่างซึ่งผมก็ไม่เข้าใจพอกัน เลยแค่มองกลับไปนิ่งๆ แต่แล้วพอได้มองสบกับดวงตาคมสีดำสนิทแวบหนึ่งก็ต้องรีบละสายตาออกมาทันที เชี่ย...กูเข้าใจแล้วว่ะ

            “เฮ้ยพี่ ผมไม่เอา! / ไอ้เชี่ยเป้ จะให้กูได้กับมันเลยป่ะ”

            พี่พรตก็เหมือนจะเข้าใจได้พร้อมๆ ผมเลยกลายเป็นว่าเราโพล่งออกมาพร้อมกันพอดี อะไรวะ นอกจากโดนแกล้งแล้วถ้ายังโดนจับคู่กับไอ้พี่พรตอีกนี่พูดได้คำเดียวว่า ‘ซวยหมา’ ผมก็ไม่ใช่จะหาแฟนไม่ได้นะครับ แค่ช่วงนี้ยังไม่มีใครเท่านั้นแหละ

            “โห นี่ขนาดตอบยังพร้อมกัน”

            “ไม่ให้เรียกว่าเนื้อคู่ได้ไง”

            “ฮิ้วววววว”

            “...”

            ระหว่างที่พี่เป้แซวเล่นอยู่นั้น พี่ในกลุ่มที่เหลือเข้ามาสมทบด้วยและดูเหมือนเขาจะฟังอยู่สักพักแล้วล่ะ ตามด้วยเสียงโฮ่แซวอย่างพร้อมเพรียงของเพื่อนอีกหลายคน ผมเหลือบมองใบพลูที่ทำหน้าเหวอแล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างปลงตกอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อหันไปหาคู่กรณีผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาเรียบนิ่งผิดปกติไม่พูดไม่จาหรือรับมุกเพื่อนอย่างที่เคย

            “พี่พราน...คบกับพี่พรตเหรอ”

            “เปล่า!”

            “ใช่ดิน้อง ดูทีท่าก็รู้แล้ว ฮ่าๆๆ”

            ใบพลูเหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทั้งที่พี่ชายตัวเองก็ได้ปฏิเสธสุดความสามารถไปแล้ว ว่าแต่พวกเพื่อนกลุ่มพี่พรตนี่กลายเป็นรวมหัวกันแกล้งผมแล้วใช่ไหม

            “พอเหอะ”

            อยู่ๆ น้ำเสียงราบเรียบแฝงด้วยความไม่พอใจก็ดังขึ้นจากด้านข้าง ทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อยจนต้องรีบหันกลับไปมองพี่พรตและได้เห็นสายตาที่เหมือนจะสื่อว่าเรื่องนี้จริงจังขนาดไหน

            “เอาหน่อยดิวะมึง”

            “ถ้าเป็นน้องพรานพวกกูรับได้นะ”

            เพื่อนในกลุ่มคนอื่นยังเล่นไม่เลิกในขณะที่ผมกลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าคนข้างๆ เริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยากจะเตือนทุกคนให้เปลี่ยนประเด็นก่อนบรรยากาศจะแย่ไปกว่านี้

            “กูเคยบอกว่าอย่าเล่นก็อย่าเล่น”

            “...”

            “ไอ้พรต..”

            “มันไม่ใช่เรื่องที่พวกมึงจะเอามาเล่นได้”

            น้ำเสียงเย็นเยียบน่าขนลุกดังขึ้น และมันน่ากลัวจนผมไม่กล้าที่จะหันไปมองเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งพี่พรตเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงออกจากวงสนทนาไปเงียบๆ ทิ้งให้คนอื่นยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องพูดถึงใบพลูที่กลายเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์แบบไม่ทันตั้งตัวเลยว่าจะช็อคขนาดไหน เพราะขนาดเพื่อนสนิทของพี่พรตยังดูตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน

            ผมยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมพี่จู่ๆ พี่พรตที่เป็นคนขี้แกล้งยิ่งกว่าใครกลับอารมณ์เสียได้เพราะเรื่องที่แซวเล่นๆ กันในกลุ่ม หรือมันอาจเป็นเรื่องที่พี่พรตจริงจังโดยที่ผมไม่ทันคิดพอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ครับเพราะผมก็เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เป็นคนก่อให้เกิดเองก็เถอะ

            “...ใกล้ถึงเวลารับน้องแล้ว ปะ ไปเถอะ”

            พี่เป้คงเห็นบรรยากาศไม่ชอบมาพากลเลยเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ แล้วเดินนำออกไปจากร้านตามด้วยเพื่อนอีกหลายคนที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวแล้วทยอยเดินตามกันไป ในขณะที่ผมและพลูยังมองหน้ากันทำตัวไม่ค่อยถูก

            ผมมักจะรู้สึกไม่ดีเวลาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหรือทำให้ใครต้องเสียความรู้สึก ถึงจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่ง ยิ่งกับคนที่ปกติจะกวนตีนไปวันๆ ดูไม่คิดอะไรมาก พออารมณ์เสียขึ้นมาทีนึงนี่จะน่ากลัวมาก

            “เฮ้ย น้องอย่าคิดมากดิ”

            อยู่ๆ เพื่อนกลุ่มพี่พรตที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเข้ามาคุยกับผมพลางยิ้มให้น้อยๆ

            “ไอ้พรตน่ะ ถึงเห็นแบบนี้แต่แม่งบูชาความรักชิบหาย”

            ผมได้แต่คิดตามอย่างเงียบๆ ในชีวิตนี้ผมเคยรู้จักคนที่พร่ำบอกว่าตนเองบูชาความรักอยู่มากซึ่งผมมองว่าไม่ต่างจากคนมีความรักทั่วไปแต่คราวนี้ผมได้มีโอกาสสัมผัสโดยตรงและนี่คงเป็นสาเหตุที่ผมได้เห็นพี่พรตในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน



            “กูเป็นเพื่อนกับมันตั้งแต่ม.ห้า”


            “...”


            “และตลอดสี่ปีนี้ มันไม่เคยเลิกคบกับแฟนเลย”




------------------------------------------------------------------------------------

โฮ่วววววว ในที่สุดก็ได้อัพ
ดูวันที่ที่อัพครั้งสุดท้ายแล้วต้องกราบขออภัยงามๆ เลยค่ะ
ทั้งโปรเจกต์ ทั้งไฟนอล ต่อด้วยอะไรเยอะแยะ ทำให้เวลาเป็นของหายากไปเลย  :sad4:


ขอบคุณที่รอกันอยู่นะคะ ยังเสียวอยู่ว่านานแบบนี้นิยายจะโดนลบออกไปรึเปล่า
แต่พอเปิดมาเห็นคอมเม้นแล้วซึ้งใจมากค่ะ รักทุกคนจัง :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: shabushabu4 ที่ 22-12-2014 23:05:37
 :ling3: จะดรามามั้ยเนี่ยยย

ไม่เอานะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 22-12-2014 23:17:45
กรี๊ดดดดดดดด  ดีใจที่เห็นเรื่องนี้มาต่อค่าาาาา
คราวนี้มาต่อเร็วๆบ่อยๆน๊าาาาาาา  ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
แต่ตอนนี้เริ่มงงกับพี่พรตแล้วเด้
ยังไงๆๆๆๆๆ ใครแฟนพี่ค้าาาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 22-12-2014 23:21:55
ดีจายยยในที่สุดคนเขียนก็กลัยมาแย้ววววแต่ว่ามันยังค้างนะค่ะมาดราม่าต่อเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 22-12-2014 23:31:29
เราขอนายพรานใส่ถุงได้มั้ย น่ารักอะ แบบมึนๆๆๆ
เอาแหล่ว อิพี่พรตก็ดันมีแฟน ปล่อยยยยๆๆๆ ขอคนใหม่แซ่บกว่าเดิมนะคะ พี่มือกลองก็แจ่ม  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-12-2014 23:38:14
เอาละวางระเบิดไว้แล้วมาเก็บด้วย

แบบว่าค้างมากๆ

พี่พรตมีแฟนแล้ว

แล้วแบบนี้จะมาม่าป่าวเนี้ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 22-12-2014 23:47:45
มาต่อบ่อยๆนะครับ
รอออยู่ครับบ
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-12-2014 23:55:52
พี่พรตมีแฟนแล้วหรอ :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: dr.nr ที่ 23-12-2014 00:10:56
เราพลาดเรื่องนี้ได้ไง!!ต้องติดตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 23-12-2014 00:13:07
:: ตอบคอมเม้นต์ #2 ::


:: บทที่ 3 ::  บทนี้คนพูดถึงพี่พรตเยอะ เลยขอเชิญเจ้าตัวมาตอบเองนะ

quiicheh. : เดี๋ยวก็รู้ครับ ;p
♠DekDoy♠ : ไม่หรอกครับ น้องมันชิน 555555555555
PaTtO : ก็ไม่ได้เเปลี่ยนนะ มันคือการเปิดเผยตัวตน 55
bulldog17 : ขอผ่านครับ
malula : อูยยย ผมนี่ยืนขึ้นเลย
loveview : อย่างนายพรานไม่โกรธหรอกครับ 555
saruttaya : คำถามนี้ขอผ่านอีกได้มั้ยอ่ะ
shabushabu4 : ขอผ่านครับ
enjoy0189 : ผ่านน ครับ
THiiCHA : ชอบแนวผมเหรอ เขินจัง ขอบคุณครับ
hibarihao : เช่นกันครับ
k2blove : คำถามเกี่ยวกับพราน ผมขอผ่าน 55555
kail : ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ แก้ไขเรียบร้อยแล้ว
Celestia : ถถถถถถ โอ๋นะ
black sakura : กำลังอยากให้ทบต้นทบดอกอยู่พอดี ;p
Roman chibi : ขอบคุณเช่นกันครับ
whipcream : ก็ไม่ได้ขนาดนั้นนน
Autonomyz : หาแฟนคณะนี้ มาช่วยตัดโมก็ได้แล้วล่ะครับ 55555
Takarajung_TK : ผ่านนนน ครับบ ขอบคุณมากครับ เข้ามารอหลายทีเลย ดีใจจจ  :กอด1:
rk : ต้องไปบอกกับอาจารย์ครับ
praew_meng : ขอบคุณมากครับ
feather7074 : พรานมันโกรธจริงอ่ะ?
Maple : พรานมันไม่เห็นแบ๊วเลย มันแค่น่าแกล้ง ;)
AvvyLady: ขอบคุณครับ ปล.ชู่ววว เงียบไว้นะครับ 5555
GETIIZ : การแกล้งคนต้องลงทุนครับ
deshiwa : ขอบคุณครับ นักอ่านในฝันเหมือนกัน ฮิ้ววววว
on_2542 : เขินผมเหรอ ;p
snowboxs : ขอบคุณครับ แต่ผ่านนน ผมขอไม่ตอบ555
bun : อุฮิ :hao6:
•♀NoM!_KunG♀• : ขอบคุณครับ
lattemilkk : ไอเดียพี่บัณฑิตน่าสนใจแฮะ ไว้ผมจบแล้วจะกลับมาเล่นมั่ง
meili run : ไม่แรงหรอกกก
done_dirt_cheap : ไม่มั้งงง อย่าเลยยย


:: บทที่ 4 ::   กลับมาตอบเหมือนเดิมแล้วค่ะ

[N]€ẃÿ{k}uñĢ : ขอบคุณค่าา
Celestia : 55555 ถูกแกล้งเยอะๆ ขอเอาคืนมั่ง
k2blove : รอก๋วยเตี๋ยวเผ็ดๆ จากอาจารย์ค่ะ 5555
hibarihao : ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
gneuhp : ขอบคุณค่าา
yisren. : เราเอาของม.อื่นมาแทรกด้วยแหละ ทุกม.ก็สนุกกันคนละแบบเนอะ
Fuzz : อ่านเม้นนี้แล้วตกใจเลยค่ะ ใจตรงกับที่พรานคิดไว้ตอนล่าสุดเป๊ะ!
enjoy0189 : คิดถึงคนอ่านเช่นกันค่ะะ มากมากกก แต่ติดงานตลอดเลย T________T
Roman chibi : ขอบคุณค่า
buathongfin : แน่นอนน 555
sirin_chadada : ขอบคุณค่ะ ยังกลัวอยู่เลยว่าคนอ่านจะฮารึเปล่า 55
Snowermyhae : โห โดนยาวมากค่ะ เป็นเราคงช็อคน่าดู
toou : ขอบคุณค่าา ช่วยลุ้นพี่พรตด้วยกันนะคะ
xeruoh : เม้นที่100 อ่านแล้วลอยเลยอ่ะ มีกำลังใจแต่งต่อ ขอบคุณนะคะ ><
PaTtO : จริงๆ ต้มยำน้ำข้นไม่เผ็ดนี่คือเมนูที่เราสั่งเองเวลาไปกินก๋วยเตี๋ยวค่ะ คือชอบต้มยำข้นๆแต่ไม่ชอบเผ็ด อธิบายไม่ถูกอ่ะ5555
kail : ใช่เลยค่ะ สะใจมากด้วย 55555
deshiwa : เรื่องนี้จะดำเนินช้าหน่อย แต่จะพยายามกระชับลงหน่อย ขอบคุณค่าา
ohuii : นังพรตมันไกลจากคำว่านิ่งมากอ่ะ 5555
ReiSei : อันนี้ต้องรอดูต่อไปค่า
lovegoldfish : ขอบคุณค่าาา
xeruoh : ฮืออ อุตส่าห์มารอ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
shabushabu4 : ขอบคุณที่รอนะคะะ
ronlbb : 5555 ตามนั้นค่ะ
suck_love : ขอบคุณค่าา ที่นี่มีอาหารตาก็จริงแต่ก็ได้แต่ดูนะ5555 มาเลยยมาอยู่ด้วยกันน
.antiiiiquex- : อั้ยย่ะะะ จะรอรับน้องนะ งานหนักจริงตามคำขู่แต่ก็สนุกตามคำโฆษณาจริงๆ คิดดีๆ มีอะไรสงสัยอะไรถามได้นะะ inboxมาในเพจก็ได้ ตื่นเต้นอยากให้มาอยู่ด้วยกัน 5555
fanglest :  ขอบคุณที่รอค่าา 
jamlovenami : ถามพี่พรตต
○MilkTéa○ : ตกใจเลยค่ะ เคยมีพี่เนียนชื่อพรตจริงดิ นี่คิดว่าไม่ค่อยมีใครชื่อนี้แล้วนะคะ ยังปีสามเหมือนกันอีก ถถถถถถ
 

ตอนแรกว่าจะไม่ตอบเพราะกลัวมันยืดยาวแล้วทำให้รำคาญ แต่อ่านคอมเม้นต์ทุกอันแล้วอดใจไม่ได้จริงๆ
เลยอยากให้อะไรตอบแทนที่มากกว่าอัพตอนใหม่เฉยๆ
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ บางคนเข้ามารอตั้งหลายที  :กอด1: :กอด1:

ปล.ขอตอบคอมเม้นต์รอบละสองตอนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 23-12-2014 02:02:24
อะรายยย ทำไมใจร้ายละ

เอารเบิดมาวางทิ้งแล้วก็หนีหาย

เชอะ!!!

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 23-12-2014 02:26:18
ถ้าจะคบกันยืดขนาดนั้นนะะ
ยังดีที่นายพรานมารู้ว่าพี่พรตมีแฟนตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้สึกดีๆด้วย
เลยไม่รู้สึกดราม่าเท่าไหร่ เย้เย่
เดี๋ยวก็เลิกใช่มั้ย (ไม่ได้แช่งเลยนะ)

รอติดตามตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 23-12-2014 02:39:33
เปลี่ยนพระเอกกกกกกกก 555555
ไม่ชอบแย่งคนมีเจ้าของ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-12-2014 07:33:59
อ้าวๆยังไงกัน พี่ทิ้งระเบิดไว้อย่างนี้ได้ไง

มากู้หรือเก็บซากไปด้วยนะคะ ทำเค้ากร่อยกันทั้งกลุ่มเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 23-12-2014 09:35:57
พี่พรตองค์ลง 55555555
พี่พรตมีแควนแล้วซะงั้น งั้นน้องพรานสะบัดบอบหาคนอื่นเลยลูก หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 23-12-2014 10:10:02
พี่พรตมีแฟน?????????????????????? ว้าทททททท
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: โชกุน ที่ 23-12-2014 15:14:22
เอิ่ม พอบอกมีแฟนแล้วและดูท่าจะรักแฟนมากด้วย ชะงักแปบ เงิบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hayatosan ที่ 23-12-2014 15:24:17
อร๊ายยยย  ถาปัตย์  ถาปัตย์  ถาปัตย์  เฮ่!!!!   :hao6:

รอตอนต่อไปค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 23-12-2014 16:07:08
ถอนหายใจหนึ่งเฮือก... มีแฟนแล้ว!?! :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 23-12-2014 16:51:50
เฮ้ยยยยยยยยยย

"ขอให้ความรัก เธอนั้นร้าวราน"
เลวเบาๆ
 o18
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-12-2014 17:22:27
พี่พรตเป็นไรเนี่ยยยย  ค้างค่ะค้างมาก มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 23-12-2014 17:47:05
 :L1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-12-2014 19:38:38
ทุกครั้งที่เจอหน้าน้องพราน พี่พรตเป็นต้องรำป้อเข้ามาเชียว
แต่พอเพื่อนยุให้เอาจริง ทำซีเรียส
เล่นไรอะ งง
ที่สำคัญมีแฟนแล้ว???
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 23-12-2014 19:42:01
หุหุ เรื่องนี้เขาน่ารัก คนบูชาความรักเขาห้ามเล่นเเบบนี้  เเล้วที่มาเทียวไล้เทียวขื่อน้องนี่คืออารายยยยยยยยค้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 23-12-2014 20:02:26
อ้าวๆๆ เอ๊ะ พี่พรตมีแฟนแหล่ว หรือพี่พรตจะไม่ใช่พระเอก ถ้ารักกับแฟนดี ๆ จะแยกจากกันเพื่อมาคู่นายเอกก็ไม่ใช่ละ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lovegoldfish ที่ 23-12-2014 21:45:49
 “และตลอดสี่ปีนี้ มันไม่เคยเลิกคบกับแฟนเลย”
หมายความว่าไง  :z3: มาต่อด่วนนนน คาใจมากกกก :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 23-12-2014 21:47:26
 :sad4:  ดีใจที่กลับมาเขียนต่อ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 23-12-2014 21:56:51
สี่ปีไม่เคยเลิกคบกับแฟน มันฟังแปลกๆมีดราม่าแน่ๆ แฟนพรตยังอยู่ใช่มั้ย หรือว่าป่วยหนัก เป็นเจ้าหญิงนิทรา โอ้ จินตนาการชั้นล้ำเลิศไปละ 555 ประโยคเดียวคิดไปไกลเลย
ดีใจที่กลับมาเขียนต่อนะคะ ชอบนายพรานกับพี่พรตมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ZiiZone ที่ 24-12-2014 00:34:09
เห ??????????  :z3: ค้างงงงง มาต่อด่วนนนน ><!!!!
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 24-12-2014 01:17:10
 :katai4: :katai4: :katai4:

จากความหิว บรรดา  อาหารเส้นๆๆๆ ตอนตี่ 1 

 o22 o22 o22 o22

กลับกลายเป็นความมึน จังงัง  นายพราน นายพรต

 :hao4: :hao4: :hao4:

รอต่อตอนต่อไป คร๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 24-12-2014 19:18:21
พี่พรตมีแฟนแล้วววว???
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 24-12-2014 20:20:15
ตกลงมานคืออารั้ยพี่พรตเข้ามาป้อพรานเพื่อ? เด่ะหาจิ้นใหม่ให้พรานดีกว่า คึคึ o18
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 24-12-2014 21:03:41
ชอบบรรยากาศมากเลยค่าาาา
อ่านเเล้วนึกถึงตอนรับน้องนึกถึงตอนหลอกน้องว่าเป็นพี่เนียน
นี่ก็พึ่งจบรับน้องแบบบริบูรณ์มาหมาดๆเองค่า แต่เผิอญ ว่าเป็นคนรับละ 55+

พี่พรตมีแฟนแล้วอะ!!!
0.0!!
แต่ไม่เป็นไรเดี่ยวก็เลิกเชื่อสิ 555+ อยู่มาสามปี ดูมาทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง
จุดแตกหักมันอยู่ตรงนี้ี่ละ!!! ปี 3 เนี่ยละ เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาหลายรุ่น
แฟนอยู่คณะอื่นมักไม่เข้าใจบอกไม่มีเวลาให้ T^T แหม่ถ้าซื้อเวลามาให้ได้นี่ทำไปแล้ว!!
สุดท้ายแล้วก็ต้องมากินกันเองT^T

ตอนนี้กำลังเดาอยู่ละว่าเจ้าของกระทู้ อยู่คณะสถาปัตย์ ม.ไหน 55+
พยายามเก็บข้อมูล
มีทั้งปัตหลัก ปัตภายใน
รุ่นนึงมีประมาณ 200 คน
อยู่ใกล้รถไฟฟ้า
ใช้กลองทัดที่มีหลายตัว
มีห้างใกล้ม.
ที่จริงใกล้รถไฟฟ้าก็มีไม่กี่ม.หรอกเนอะ 55+

ยังก็สู้ๆนะคะ รู้ละว่าปีหนึ่งต้องปรับตัวแถมมีรับน้องอีก แถมงานยังเยอะมากมาย
ช่วงนี้ก็ปิดเทอมแล้ว หาเวลามาอัพบ่อยๆนะคะ (//หุๆๆๆๆ บังคับ)
อาจเจอกันแวบๆตอนเชียร์โต้คะ //55+
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน5 : P4 : 22.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 24-12-2014 22:43:51
มีเมียแล้วซะงั้น
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 27-12-2014 21:11:21


::CHAPTER 6::

                         



            “พราน มึงจะแต่งตัวไงวะ”

            ผมยกมือถือขี้นมาแนบหูไว้ในขณะที่กำลังเปิดคอมพ์หาภาพตัวอย่างของเสื้อผ้าใน ‘ธีม’ ที่พี่ปีสามกำหนดให้ใส่มาในวันรับน้องวันสุดท้ายก่อนเปิดเทอม ใช่ครับ...ฟังไม่ผิดหรอก พรุ่งนี้จะเป็นการรับน้องครั้งสุดท้ายระหว่างปิดเทอม และหลังจากเปิดเทอมแล้วการรับน้องจะมีช่วงเย็นหลังเลิกเรียนทุกวันแทน

             “ไม่รู้ดิ กำลังหาข้อมูลอยู่”

            แค่ผมไล่สายตาดูคร่าวๆ ยังรู้สึกได้ถึงความยากเลยครับ แต่ยังไงก็คงต้องเอาสักแบบล่ะ ยิ่งพี่รีเควสกันมาว่าขอเด็ดๆ เพราะเป็นวันเดียวที่เปิดให้ ‘จัดต็ม’ มาคณะด้วยแล้ว ยิ่งสร้างภาระอันหนักหน่วงให้จิตใจของรุ่นน้องยิ่งนัก

            “ทำไมมันดูแกรนด์จังวะ”

            ธีมของพรุ่งนี้คือ ‘Gatsby’ เป็นสไตล์การแต่งตัวในยุคสมัยที่เศรษฐกิจในอเมริการุ่งเรืองถึงขีดสุด จึงจะเน้นความหรูหราโอ่อ่า และความโทนสีที่เห็นมากๆ คือ ครีม ดำ ขาว ทอง ถ้าเป็นผู้หญิงอาจประดับด้วยขนนก หรือลูกไม้ ส่วนผู้ชายนั้นที่ผมเปิดเจอคือชุดสูทที่ดูอลังการกว่าที่เห็นทั่วไป

            ผมคิดว่าตัวเองเลือกรูปที่รู้สึกว่าพอเข้าท่าไว้บางส่วนแล้วนะ แต่เมื่อเปิดดูทีละรูปอีกรอบก็อดถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านไม่ได้

            “ไอ้โอมมึงแต่งเต็มป่ะ”

            “โห ตอนแรกกูว่าจะเต็มนะ แต่ดูรูปแล้วกูพอใจแค่เสื้อเชิ้ตกางเกง”

            ผมเห็นด้วยกับไอ้โอมนะ คือชุดอลังการขนาดนี้ถ้าแต่งตัวตั้งแต่ก่อนจากบ้านเขาคงมองว่าจะไปเป็นเจ้าบ่าวที่ไหน ซึ่งผมไม่เอาแน่ถ้ายังหาเมียไม่ได้

            “โอเค งั้นกูก็คงไม่เยอะหรอก”

 




            ผมเช็คสภาพตัวเอาในกระจกอีกครั้งเป็นครั้งที่ห้าก็ว่าได้ มองเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีเทาเข้มของตัวเอง ปกติผมไม่ค่อยใส่ใจกับการแต่งตัวมากนักแต่คราวนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วล่ะครับ กลัวแต่น้อยไปแล้วจะโดนพี่หาว่าไม่ตั้งใจรึเปล่า  คิดไปคิดมาสุดท้ายผมก็หันกลับไปรื้อตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อกั๊กสีกรมท่าที่มีกระดุมผ่าหน้ามาสวนทับเชิ้ตอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้ดูเป็นแกสท์บี้มากขึ้นนิดหน่อย

            ผมหันไปมองกระจกอีกครั้งแล้วก็ต้องหันกลับไปที่ตู้เสื้อผ้าอีก คราวนี้ครับ สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้มันดูเข้าธีมที่สุดคือโบว์หูกระต่าย ผมเลยจัดการรื้อลิ้นชักล่างสุดของตู้ซึ่งเก็บพวกชุดออกงานสมัยประถมเอาไว้ โชคดีครับที่ตอนนั้นแม่ให้ผมไปกล่าวอะไรสักอย่างในงานเลี้ยงของญาติโดยตอนนั้นเป็นวัยที่ยังใส่หูกระต่ายได้โดยไม่น่าเกลียด

            ค้นอยู่ไม่ถึงนาทีผมก็พบกับโบว์หูกระต่ายสีแดงเลือดนกที่ดูจะเล็กไปถ้าเทียบกับคอผมในตอนนี้ แต่ช่างมันเถอะ ผมหยิบมันใส่กระเป๋าไว้ไปติดที่คณะ ก่อนจะตรงไปหน้าบ้านใส่รองเท้าหนังสีดำที่เตรียมไว้ แต่งตัวขนาดนี้ก็คงพอจะโอเคแล้วล่ะมั้ง แค่นี้ผมก็ว่าเยอะกว่าปกติมากแล้วนะ

 

            ทว่าเมื่อผมไปถึงคณะ ความคิดที่ว่า ‘เยอะ’ ของผมก็เป็นอันต้องพับเก็บไปเพราะเพื่อนร่วมรุ่น ‘เยอะ’ กว่าผมเยอะ มันก็มีแหละที่ใส่เชิ้ตกับกางเกงธรรมดาแบบไอ้โอมแต่ถือว่าส่วนน้อย ส่วนผมถึงจะพอไปวัดไปวาแต่คนใส่สูทจัดเต็มนี่มีมากกว่าครึ่ง และไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงเลยครับ ขนนกนี่ฟูฟ่อง บางคนก็ใส่เดรสปักเลื่อมแววาวทั้งตัวจนแทบจะเป็นกระจกส่องหน้าได้

            “รวมครับ!”

            เสียงพี่นำกิจกรรมดังขึ้นทำให้ทุกคนเริ่มทยอยไปนั่งอยู่ที่ลาน วันนี้เหมือนปีสามจะเล่นด้วยครับ ส่วนใหญ่ถึงจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ปกติเหมือนทุกวันแต่วันนี้บางคนก็ใส่สูทคลุมไว้ ไม่ก็ติดโบว์ตรงคอ ส่วนพี่ผู้หญิงบางคนก็ใส่เดรสสีเรียบๆหรือไม่ก็ที่คาดผมบ้างพอเป็นพิธี

            “วันนี้รู้ไหมครับว่าเราจะทำอะไรกัน”

            “เอ้อ!/เอ้อ!”

            พอพี่สองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเริ่มพูดทุกคนก็เงียบเสียงลงทันทีเหมือนกำลังลุ้นว่าที่ลงทุนแต่งตัวมาวันนี้จะได้ทำอะไร มันก็น่าลุ้นอยู่หรอก ดูแต่ละคนลงทุนกับชุดไม่ต่ำกว่าสองพันแน่ๆ

            “เดี๋ยวพี่จะแบ่งน้องออกเป็นห้ากลุ่มก่อนแล้วค่อยอธิบายกิจกรรมวันนี้ให้น้องฟัง แต่ละกลุ่มจะทำไม่เหมือนกันนะ...ขอพี่ไลน์น้องด้วยครับ”

            จบคำก็มีพี่มานำแต่ละแถวให้ลุกไปอยู่แยกกันเป็นกลุ่ม ซึ่งจำนวนคนที่มารับน้องวันนี้ก็นั่งกันประมาณสิบแถวเลยจัดให้สองแถวไปรวมเป็นกลุ่มเดียว โดยแถวของผมโดนไลน์ไปอยู่ด้านหนึ่งของลานกิจกรรม ก่อนจะมีพี่อีกสองคนเดินตามมาพร้อมถือถังพลาสติกสองใบมาวางเรียงกันไว้

            คราวนี้ผมไม่ได้อยู่กับไอ้โอมเพราะมันดันมาสายเลยไปนั่งอยู่แถวหลัง เลยจงใจนั่งใกล้เพื่อนที่หน้าตาดูน่าไว้วางใจได้หน่อยเผื่อมีเหตุการณ์จะต้องคุยอะไรกันขึ้นมา

            “ขอผ้าขนหนูด้วย”

            พี่กลุ่มซึ่งเป็นผู้หญิงท่าทางทะมัดทะแมงหันไปบอกพี่ที่เพิ่งถือถังเข้ามาเมื่อกี้ และไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมผ้าคนหนูผืนเล็กแพ็คหนึ่ง ซึ่งพี่กลุ่มก็รับมาเปิดห่ออย่างรวดเร็วแล้วสั่งเพื่อนอีกรอบ

            “ให้น้องคนละผืน”                                                           

             ผมรับผ้าขนหนูที่ส่งต่อๆ กันมาแล้วส่งต่อจนปลายแถวได้แล้วเลยค่อยหยิบของตัวเองไว้ และเชื่อว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่นึกสงสัยอยู่ตอนนี้ว่าจะเอาผ้าขนหนูไปทำอะไร

            “ได้ผ้าขนหนูกันแล้วให้ทุกคนเดินกันมาชุบน้ำในถังแบบนี้นะ”

            พี่กลุ่มหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาจุ่มลงบนน้ำแล้วบิดให้ดูเป็นตัวอย่าง

            “แล้วเอาไปเช็ดขี้ฝุ่น ผนังก็เช็ดด้วย ตามซอกก็ต้องเช็ด”

            ...ฮะ?!?

            “กิจกรรมของวันนี้คือ ‘ทำความสะอาด’”

            ...เฮ้ย เดี๋ยวนะ แล้วเสื้อผ้าที่แต่งกันมาเต็มที่นี่คือแต่งมาเพื่อมาเช็ดขี้ฝุ่นเนี่ยนะ เล่นเอาอึ้งกันทั้งบางครับ ทุกคนยังคงนั่งนิ่งเหมือนตัดสินใจทำอะไรไม่ถูกจนพี่กลุ่มต้องกระตุ้น

            “รออะไรอยู่ รีบลุกขึ้นมาได้แล้วน่า”







            ระหว่างที่ผมกับเพื่อนกลุ่มในชุดอันหรูหรากำลังเช็ดขี้ฝุ่นที่มีเยอะไม่ใช่เล่น คนที่สนุกที่สุดเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ครับ เพราะเห็นหลายคนถือกล้องมาถ่ายน้องกันไม่ได้ขาด ผมนั่งยองๆ เช็ดเกล็ดหน้าต่างของประตูห้องประชุมไปเรื่อยๆ ก่อนจะหันมาเห็นว่าน้ำในถังกลายเป็นสีดำไปเรียบร้อยแล้ว เล่นเอาไม่กล้าจุ่มมือลงไปเลยครับ มันดูน่าขยะแขยงเสียจนผมถึงกับยอมอาสาเอาน้ำไปเปลี่ยนให้เพื่อนเลยล่ะ

            “ทุกคน เดี๋ยวกูเอาน้ำไปเทนะ”

            ผมพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วหิ้วถังน้ำเดินไปถึงห้องน้ำ ระหว่างทางเดินนั้นผมก็ได้เห็นเพื่อนกลุ่มอื่นกำลังทำความสะอาดกันอย่างขะมักเขม้น บางกลุ่มนี่ขนาดผมเป็นหนึ่งในเหยื่อที่โดนหลอกด้วยผมยังฮาเลยครับ อย่างกลุ่มขัดพื้นนี่ผมเห็นเพื่อนใส่เดรสสีทองอย่างหรูกับพี่คาดผมขนนกฟูฟ่องกำลังก้มหน้านั่งขัดพื้นเอาเป็นเอาตาย โดยมีพี่ปีสามที่ถ่ายรูปไปหัวเราะไปอยู่แถวนั้น

            “เฮ้ยๆๆ มึง เหมือนซินเดอเรลล่าเลยว่ะ”

            “เออ เต็มสัด ฮ่าๆๆๆ”

             ผมเดินถือถังไปพลางหันไปมองรุ่นพี่ยืนคุยกันอยู่แล้วก็ต้องหัวเราะตาม ใครจะไปคิดว่าจะโดนหลอกกันยกรุ่นแบบนี้ พี่ปีสามแม่งก็แกล้งน้องกันได้ทั้งรุ่น         

            ‘ปึก!’

            “เฮ้ย เอ่อ...ขอโทษครับ”

            ผมหันกลับมาตามแรงสะเทือนของน้ำในถังที่เหมือนจะไปชนกับผู้หญิงที่เดินสวนมาพอดีอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความผิดของผมเองแหละที่เดินไม่มองทาง แต่พอผมหันไปขอโทษไปกลับได้สายตาที่แสงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจพร้อมน้ำเสียงห้วนปนจิกกัดเล็กน้อย

            “เวลาจะเดินก็ช่วยมองทางด้วยนะ”

            เขาไม่รอให้ผมได้แก้ตัวหรือตอบโต้อะไรต่อแล้วเดินผ่านไปด้วยท่าทางที่ให้นิยามว่า ‘มั่น’ ก็ได้ เล่นเอาผมถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ เขาใส่ชุดเดรสสีพื้นเรียบๆ ซึ่งเหมือนที่พี่ปีสามผู้หญิงส่วนใหญ่ใส่ในวันนี้ ที่แน่ๆ คือคงไม่ใช่รุ่นผมหรอกเพราะดูไม่ได้จัดเต็มอะไร คือผมก็ไม่ได้อยากจะนินทารุ่นพี่อะไรหรอกนะแต่...ผู้หญิงอะไรวะโหดชิบหาย

            ผมส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ ก่อนยกถังน้ำเดินไปห้องน้ำตามเดิมโดยไม่คิดถือสาอะไรอีก จนถึงห้องน้ำชายเลยเลี้ยวเข้าไปปกติ แต่ดันมีคนลักษณะเหมือนรุ่นพี่อีกคนยืนอยู่หน้าประตู

            “ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”

            พี่เขาเบี่ยงตัวหลบตามคำพูด แต่เมื่อเดินผ่านไปแล้วผมก็ต้องชะงัก ก่อนจะหันกลับไปอีกรอบ

            “เอ่อ...ห้องน้ำหญิงอยู่ทางนั้นครับ”

            ผมว่าพลางชี้ไปทางซ้าย ที่คณะห้องน้ำหญิงกับชายมันแยกที่กันน่ะครับ ของผู้หญิงจะต้องเดินเลยไปอีกหน่อย เลยไม่ค่อยแปลกใจที่มีผู้หญิงหลายคนจะมาหยุดงงอยู่หน้าห้องน้ำชาย

            ผมเดินไปถึงอ่างแล้วยกถังขึ้นเทพรวดเดียว แอบย่นจมูกนิดหน่อยเพราะกลิ่นมันไม่โสภาเอาซะเลย ผมรีบเปิดน้ำล้างถังสองสามรอบก่อนจะเติมน้ำใหม่แล้วถือเดินออกจากห้องน้ำ และในขณะเดียวกันนั้นก็มีคนเดินสวนเข้าห้องน้ำมาพอดี

            ...เพื่อนพี่พรต

            “อ้าวพี่ หวัดดีครับ”

            “วันนี้เป็นไงบ้าง จัดเต็มมาอ่ะดิ”

            “ก็ไม่ขนาดนั้น”

            ผมตอบพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนวางถังน้ำลง

            “นี่จำชื่อพี่ได้ป่ะเนี่ย”

            มีเรื่องนึงอยากจะบอก คือผมพยายามแล้วครับ ผมพยายามแล้ว แต่...

            “ไม่ได้ครับ”

            “โห่ ไรวะ จำได้แต่ไอ้พรต”

            ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงจะเถียงไปแล้วล่ะ แต่พอคิดถึงชื่อนี้แล้วก็อดคิดถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นพี่พรตในแบบนั้นมาก่อน ถึงยังไงผมก็ไม่อยากเป็นตัวการทำให้รุ่นพี่โกรธเลยว่ะ แล้วนี่ไม่รู้หายโกรธหรือยัง

            “แล้วพี่พรต...”

            “อ้อ เรื่องเมื่อวานน่ะเหรอ”

             พี่เขาขัดขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ ซึ่งผมไม่เห็นว่ามันจะขำตรงไหน

            “เฮ้ยอย่าเครียด ไอ้พรตมันแค่อารมณ์เสีย...เออ แล้ววันนี้หลังเลิกซ้อมกลองก็ไปกินข้าวด้วยกันอีกดิ”

            “...”

            “แต่ไม่พาไปร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วนะ ไอ้พรตมันรีบ”

 

 


            เมื่อจบกิจกรรมรับน้องและซ้อมกลองแล้วผมเลยบอกให้ไอ้โอมมันกลับไปก่อนได้เลยเพราะรุ่นพี่เอ่ยปากนัดขึ้นมาเอง เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอตรงโต๊ะกินข้าวซึ่งผมว่ามันกลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์แล้วล่ะ เพราะนอกจากจะนั่งกินข้าวแล้วบางโต๊ะก็ยังมีเศษโมเดลวางกองอยู่แม้จะเพิ่งผ่านการทำความสะอาดไปเมื่อตอนกลางวัน แต่ผมก็พอเข้าใจนะว่าเศษพวกนี้กำจัดยังไงก็ไม่หมดหรอกเพราะมันมีมาเรื่อยๆ

            รอไปได้สักพักกลุ่มพี่พรตก็เดินคุยกันเข้ามาในบริเวณที่ผมนั่งอยู่ และเหมือนพี่คนนั้นจะจำได้เลยเดินนำทั้งกลุ่มเข้ามาหาผมทันที

            “เฮ้ย พาน้องไอ้พรตไปแดกไรหน่อยดิ”

              ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินคำเรียก...ชิบหายแล้วไง เรื่องเมื่อวานยังไม่หาย ยังจะลากให้ผมไปมีประเด็นอะไรกับพี่พรตอีกเหรอวะ แต่ระหว่างที่ผมกำลังจะอ้าปากเถียอยู่นั้น ก็ได้หันไปสบตากับพี่พรตที่มองตรงมาด้วยสายตาขำๆ และผมเองก็ต้องเป็นฝ่ายชะงักไป

            วันนี้พี่พรตใส่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยสูทสีน้ำตาลเข้มที่ขับให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วให้สว่างกว่าเดิม และเมื่อรวมกับกางเกงยีนส์สีเข้มก็ยิ่งทำให้ดูเท่แบบเซอร์ๆ ส่วนที่ทำให้รู้สึกแปลกตากว่าทุกครั้งคือทรงผมที่จัดมาอย่างดี ผมบางส่วนที่ปกติเคยปล่อยให้ลงมาปรกใบหน้าถูกเซ็ตเสยขึ้นเผยให้เห็นโครงหน้าคมได้รูป ขนาดผมที่โดนแกล้งบ่อยๆ และมีความหมั่นไส้เป็นทุนเดิมยังยอมรับเลยครับว่าวันนี้พี่พรตดูดีขึ้นมากจริงๆ

            “แขนจะเป็นขาแบบนี้ยังต้องแดกอีกเหรอวะ”

            ...เอาแล้ว ให้ผมอยู่ในภวังค์สักสามนาทีได้มั้ยวะ

            “นี่มึงเอาตีนดูป่ะวะ น้องเค้าอ้วนตรงไหน”

            “ทุกตรง”

            พี่พรตพูดพลางยักคิ้วให้ทางผม เล่นเอาปรับอารมณ์ไม่ทันเลยครับ เขาดูเป็นคนละคนกับเมื่อวานนี้โดยสิ้นเชิงเหมือนเรื่องราวทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

            “เฮ้ย ไปกันได้ยังวะ วันนี้กูรีบ”

 


 

            ร้านอาหารที่เราไปฝากท้องไว้เป็นร้านข้าวแกงข้างถนนธรรมดา เนื่องจากพี่พรตจะไปไหนต่อสักที่เลยขอให้ไปร้านที่อยู่ใกล้ๆ มหาลัย แต่กลายเป็นว่าตัวคนรีเควสเองกลับไม่สั่งอาหารเลยสักอย่างนอกจากน้ำดื่มแก้วเดียวจนผมอดสงสัยไม่ได้

            “พี่พรตไม่สั่งข้าวเหรอ”

            “พอดีไดเอ็ตว่ะ ‘นาย’ก็ไดเอ็ตได้แล้วนะ”

            โห...ผมนี่แทบสำลักข้าวเลยครับ จะไม่กินก็บอกไม่กินดิวะ ไม่ใช่ไม่กินแล้วบอกว่าตัวเองไดเอ็ต จะยัดเยียดให้ผมบอกว่าตัวเองอ้วนให้ได้เลยใช่ป่ะ

            “แหย่น้องอีกละไอ้พรต”

            “มีน้องให้แกล้งก็แกล้งดิวะ”

            ไอ้พี่พรตแม่งตอบได้หน้าตาเฉยมากครับ สงสัยจะถือคตินี้ตั้งแต่ผมก้าวเท้าเหยียบเข้าคณะมาเลยด้วยซ้ำ

            “อ่าวไอ้เชี่ย น้องพรานเล่นมันกลับหนักๆ เลยครับ”

            ...ก็อยากจะเล่นหนักๆ อยู่หรอกนะ แต่รอให้สนิทกว่านี้อีกหน่อยก่อนผมถึงจะจัดการให้สมกับที่โดนแกล้งมาตลอดได้อย่างสบายใจ อย่างน้อยก็ให้สนิทจนอ่านอารมณ์คนๆ นี้ออกบ้างก็พอ

            “ไม่ต้องเล่นตัวก็หนักอยู่แล้วล่ะ”

            “ไอ้เลวพรต”

            “ทำไม เรียกกูนี่คิดถึงเหรอ”

            “มึงแม่ง...”

            ผมแทบจะด่าแล้วล่ะถ้าไม่ติดว่ายังกังวลเรื่องเดิมอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าที่พี่พรตกลับมาแกล้งกลับมากวนตีนอย่างนี้จริงๆ แล้วเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ลึกๆ อาจยังโกรธแต่ทำเป็นพูดดีอะไรทำนองนั้น กำลังคิดว่าหลังกินข้าวเสร็จคงต้องหาทางไปคุยให้มันไม่ค้างคาใจสักหน่อย

            “เฮ้ย ทุ่มนึงแล้ว กูไปละ”

            แต่แล้วจู่ๆ พี่พรตกลับพูดตัดบทสนทนาหน้าตาเฉย ก่อนจะยกแก้วกระดกน้ำรวดเดียวแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋าทำท่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะ...เวรแล้วไง อย่างนี้ผมจะไปเคลียร์ตอนไหนวะ และผมก็มีเวลาบ่นไม่มากหรอกครับเพราะไอ้พี่พรตเลื่อนเก้าอี้แล้ว

            “เดี๋ยวครับพี่พรต!”

            พอพี่พรตหยุดหันมาทางผม ผมก็หลบสายตาหันกลับไปมองหน้ารุ่นพี่ทั้งกลุ่มก่อนจะตัดสินใจ เอาก็เอาวะ ตอนนี้ก็ตอนนี้วะ

            “มีไร”

            “เมื่อวานผมทำให้พี่โกรธป่ะ”

            นี่เป็นคำถามที่คาใจผมมาตั้งแต่ตอนเที่ยงของเมื่อวานและคิดอยู่นานมากว่าจะควรถามให้ฟังดูดีรึเปล่า แล้วจะถามยังไงให้ดูน่าเห็นใจที่สุด แต่พอลงสนามจริงกลับโดนสถานการณ์บีบให้ถามอย่างไม่ทันตั้งตัว...เอาเป็นว่าช่างแม่งเหอะ ถามตรงๆ ไปเลย

            พอเจอคำถามแบบนี้ พี่พรตเลยกลายเป็นฝ่ายชะงักไปพลางมองผมด้วยสายตาที่เหมือนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวอะไรเท่าไหร่

            “ไม่นิ มึงทำอะไรวะ”

            ...เฮ้ย นี่คือผมคิดมากอยู่คนเดียวหรือยังไง ทั้งที่เมื่อวานตัวเองเป็นคนแผ่จิตสังหารออกมาจนบรรยากาศมาคุกันไปทั้งกลุ่ม วันนี้กลับทำตัวเหมือนลืมทุกอย่างไปแล้วงั้นแหละ

            “เออๆๆ กูต้องไปละ ไว้ค่อยคุยกันใหม่”

            และแล้วพี่พรตก็รีบเดินออกไปจากโต๊ะ ทิ้งให้ผมกับรุ่นพี่คนอื่นมองตามแบบงงๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อกันเงียบๆ เหมือนไม่สนใจอะไร และพฤติกรรมแบบนี้มันทำให้รู้สึกค้างคาใจจนในที่สุดผมก็ทนไม่ได้เอง

            “นี่พี่พรตลืมจริงป่ะ”

            คำถามของผมทำเอาทุกคนหันมาให้ความสนใจกันอย่างพร้อมเพรียงจนเหมือนลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองถือช้อนส้อมอยู่ในมือ แต่ที่หันมานี่ก็ใช่ว่าจะให้ความสนใจคำถามของผมหรอกครับ หันมาคุยกันเองเสียมากกว่า

            “สังเกตป่ะว่าวันนี้ไอ้พรตมันอารมณ์ดี”

            “ใช่ๆๆ แม่งพอแฟนมานี่ลืมทุกอย่าง”

            “แล้วแม่งบอกว่าไดเอ็ตอีกนะ คงจะไปกินข้าวกันต่อชัวร์”

            “โห ตอนกลางวันก็ทั้งวันแล้วนะ ต่อเย็นอีกเหรอ”

            “หมั่นไส้โว้ย”

            ผมเหมือนหลุดมาอยู่ในวงนินทาพี่พรตไปซะงั้น ทั้งที่ผมเป็นคนเริ่มถามคนแรกยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นวันนี้เลยสักนิด กลับกลายเป็นว่ามานั่งฟังพี่เขานินทากันเองอีก ผมเลยยื่นมือไปกลางวงเพื่อเบรคบทสนทนาเอาไว้ก่อนจะเลยเถิดไปกว่านี้

            “เดี๋ยวๆ พี่ เล่าให้ผมรู้เรื่องหน่อยดิ”

            พวกพี่คงพอจะเมตตาผมอยู่บ้าง เพราะในที่สุดพี่ที่เจอในห้องน้ำก็หันกลับมาคุยกับผม



            “วันนี้แฟนไอ้พรตมาที่คณะเว้ย”


            “...”


            “แต่พรานน่าจะได้เจอดิ”


            “...”


            “เห็นเค้าพูดถึงคนถือถังน้ำ”







-------------------------------------------------------------------------------
เมื่อคืนแต่งถึงตีสามครึ่ง! เพราะความระทึกกับเกรดที่เพิ่งออก แรงกระตุ้นจากคอมเม้นท์ และความอยากรู้ส่วนตัว(เหมือนเขียนเองอยากรู้เอง 55555) ถือว่าเป็นตอนที่คิดยากมากค่ะว่าจะคุมอารมณ์พี่พรตไปในแนวไหนดี
...ก็ไม่รู้ว่าเผลอวางกับดักอะไรไว้อีกมั้ย แต่เราไม่ได้ตั้งใจน้าาา  :laugh:

ปล.เห็นเงียบๆ งานสตูเหลือเพียบนะคะ ถถถถถถถถถ  :katai4: :katai4: :katai4:

ปล2. หลังวันที่30 จะไม่อยู่อีกแล้วว ถ้าอัพอีกตอนไม่ทันก็สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ! ขอให้2558เป็นปีที่ดีของทุกคน ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ ><
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-12-2014 21:40:43
เงิบแทนนายพราน นี่แฟนเฮียพรตคือยัยเจ๊โหดนั่นหรอน่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 27-12-2014 21:55:27
พรตมีแฟน แล้วพรานล่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 27-12-2014 22:16:36
มันยังงัยอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 27-12-2014 22:20:48
ยัยเจ๊โหดนั่นเหรอ :m16:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 27-12-2014 22:32:54
โอ่ยยยยยยยยยยยชะนี 555555555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-12-2014 22:38:29
แม่งอิพี่พรตชอบแกล้งชอบแหย่น้อง ขอให้อกหักแม่งเลยจะได้มาจีบน้องแทน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-12-2014 23:03:35
ไม่ปลื้มนะที่พี่พรตมีแฟน

แบบว่านิสัยก็ไม่ดี(ตัดสินก่อนละ)

คือแบบว่าไม่น่าคบกันมาถึง4ปี

คงรักกันมาก แบบนี้นายเอกของเราไม่แย่เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 27-12-2014 23:06:22
เอ๊ะ!?อะไร ยังไง
แฟนพี่พรตไม่ได้โหดนะ หยิ่งไปป๊ะ
อย่างนี้ต้องเลิก!!!
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 27-12-2014 23:48:42
ลัลลาจนน่าหมั่นไส้อะพี่พรต ขอให้ถูกทิ้ง  :katai3: 555555555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-12-2014 00:34:57
แฟนพี่พรตนิสัยไม่ดีอะ :hao3: (หล่อนเอาอะไรไปตัดสินเขาหะ  :hao7:)
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-12-2014 01:43:00
รู้สึกเกลียดแฟนพี่พรตจังเลยค่ะ นี่ขนาดออกแค่นิดเดียว  :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-12-2014 09:33:27
เอาแฟนพี่พรตไปเก็บทีค่าา5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 28-12-2014 11:31:43
 :hao7:  มาต่อเร็วๆน้าาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-12-2014 12:18:52
เดาถูกด้วยค่ะว่าน่าจะแฟนพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 28-12-2014 17:17:42
 :L2: มอบให้เป็นกำลังใจ
ความแรงของอดีตแฟน เอ้ย.... พิมพ์ผิด 555.....                                                                                                                                                    แฟนนายพรต นี่ สร้างความรู้สึก ด้านลบ ทันทีที่เปิดตัว
+1 ให้ครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 28-12-2014 19:30:02
คิดถึงเรื่องนี้นะ เปิดเทอมหวังว่าจะสนิทกันขึ้นอีก
ว่าแต่แฟนคือคนไหนเนี่ย คนหน้าห้องน้ำ?
รักกันขนาดแล้วนายพรานจะมาวินตอนไหน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: AvvyLady ที่ 29-12-2014 00:04:39
แฟนพรตนิสัยไม่น่ารักเลย ไม่เอาแบบนี้นะะะ  :ling1: :serius2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 29-12-2014 12:29:30
ติดตาม ชอบๆเรื่องนี้ค่ะ
พี่พรตมีแฟนแล้ว เสียใจๆ ^^
อย่าดราม่ามากน่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 30-12-2014 01:13:53
ติดตามๆด้วยคนจร้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-12-2014 10:23:41
โถ่...น้องพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน6 : P5 : 27.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyYY ที่ 30-12-2014 20:15:28
คนที่เดินชนอ่ะนะ -_- ชิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 31-12-2014 00:11:28
หาตอนที่ 7ไม่เจอค่ะ.  รอรอรอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 31-12-2014 00:12:49


:: CHAPTER 7 ::

 




            วันเปิดเทอมวันแรกเป็นวันสำคัญครับ ผมเชื่อว่าหลายๆ คนยังคงจำบรรยากาศของชีวิตมหาลัยวันแรกของตัวเองได้อยู่ เพราะมันเป็นวันแห่งการกำหนดชีวิตรวมๆ ของเราตลอดการเรียนในคณะ อย่างที่บางคนเคยพูดกับผมไว้ว่าชีวิตในตลอดห้าปีนี้จะตัดสินกันด้วยสองสามอาทิตย์แรกที่เข้ามา

            ผมตั้งสมาธิจดจ่อกับการก้าวเท้าเข้าประตูใหญ่ของคณะซึ่งจะเปิดให้ใช้แค่ช่วงเปิดเทอม คือวันรับน้องที่ผ่านมาต้องอ้อมไปเข้าประตูเล็กตลอด...มันอาจฟังดูบ้าไปหน่อยที่มัวแต่สนใจอะไรแบบนี้ แต่ผมว่าก้าวนี้ก็สำคัญครับ มันต่างจากก้าวอื่นๆ ตรงที่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาทางประตูหลักของคณะและในชุดนิสิตอย่างเต็มภาคภูมิ ในอนาคตผมอาจก้าวเข้าประตูอีกเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง แต่ก้าวแรกก็เป็นก้าวแรกครับ ไม่มีครั้งไหนจะลบล้างความเป็น ‘ครั้งแรก’ ได้

            บรรยากาศคณะในวันเปิดเรียนแตกต่างจากรับน้องโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อผมเดินผ่านบริเวณโต๊ะของรุ่นพี่ก็ได้เห็นทุกคนในชุดนิสิตถูกระเบียบบ้างไม่ถูกบ้างยืนคุยกันเป็นกลุ่มๆ บางคนก็ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะบ้างดีดกีต้าร์บ้าง ท่าทางดูสบายใจจนแค่เห็นก็รู้สึกแล้วว่าทุกคนเห็นคณะเป็นบ้านตัวเองจริงๆ

            “เฮ้ย ไอ้พราน กูไปเช็คห้องมา พวกเราเรียนชั้นสามเว้ย ไปกันๆ”

            อยู่ๆ ไอ้โอมก็เดินเข้ามาขัดจังหวะทำให้ผมต้องยอมเดินไปเข้าห้องเรียนพร้อมมัน วิชาแรกในชีวิตมหาลัยของผมคือวิชากลักการออกแบบครับ ผมว่าฟังดูน่าสนใจแต่รุ่นพี่กลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าเบื่อเชี่ยๆ

            “ไอ้โอม เลี้ยวซ้ายเว้ย”

            พอขึ้นมาถึงชั้นสาม ไอ้โอมก็ทำท่าเหมือนจะเลี้ยวไปทางขวาซึ่งผมเห็นแค่ป้ายห้องน้ำติดอยู่ในขณะที่ฝั่งซ้ายเป็นห้องเรียนยาวตลอดทาง

            “เออๆๆๆ”

            ผมกับไอ้โอมเดินตามทางพลางไล่สายตามองหมายเลขห้องไปเรื่อยๆ ตรงทางเดินมีรุ่นพี่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนเดินผ่านไปมาและมีประตูห้องเปิดอยู่ ผมเลยมองเข้าไปในห้องเรียน เหมือนกับว่าพี่เขาจะมีเรียนใกล้ๆ ห้องที่สอนปีหนึ่งพอดี

            ‘ปึก!’

            “ขอโทษครับ”

            ช่วงนี้ผมเป็นอะไรวะ พอละสายตาจากทางเดินหน่อยเดียวมีอันต้องไปชนอะไรสักอย่างเข้า ผมรีบหันกลับไป และ...แจ็คพ็อตครับ พี่คนเดียวกันกับเมื่อวาน

            “อีกแล้วเหรอ มองทางเป็นรึเปล่า หรือมีปัญหาอะไรกับพี่”

            ...ทำไมแค่เดินชนต้องชักสีหน้าขนาดนี้ด้วยวะ คำพูดไม่ค่อยเท่าไหร่ครับถ้าเทียบกับสายตาที่แสดงออกว่าไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเมื่อวาน นอกจากจะเป็นสายตาจิกกัดของผู้หญิงที่เห็นได้ทั่วไปจากตัวร้ายในละครแล้ว ยังเหมือนมีจิตสังหารบางอย่างแผ่ออกมาจากสายตาคู่นี้ด้วย และจะว่าไปพอพูดถึงจิตสังหารผมก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมา

            ...พี่พรต

            “เชี่ยพราน มึงหยุดเดินหาไรวะ ไปเร็วดิ”

            และผมก็ถูกไอ้โอมลากเข้าห้องเลกเชอร์โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหาห้องเจอตอนไหน เพราะความคิดยังจดจ่อวนเวียนอยู่กับสิ่งที่รุ่นพี่กลุ่มนั้นพูดกันที่ร้านข้าวแกง เหตุการณ์เมื่อวาน และเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอมาในวันนี้



            ...หรือว่าเขาคือแฟนพี่พรต


 

 

            พอจบคาบเรียนแล้วก็ถึงเวลาพักเที่ยง การเรียนในมหาลัยแตกต่างจากมัธยมมากพอควร เพราะคาบเรียนนึงแทนที่จะเป็นห้าสิบนาทีแบบปกติกลับกลายเป็นสามชั่วโมง เรียนยันเที่ยงเลยครับ และพอคลาสจบพร้อมๆ กันหลายชั้นปี ทุกคนก็จะหอบความหิวลงมายืนอัดกันอยู่หน้าร้านข้าวซึ่งเล็กมากถ้าเทียบกับจำนวนคนและพื้นที่ว่างในกระเพาะอาหาร

            โชคยังดีที่ผมฝากไอ้โอมสั่งข้าวเอาไว้ตั้งแต่ช่วงพักครึ่งคลาส เลยแค่แหวกฝูงชนไปเอาข้าวที่หน้าร้านเฉยๆ โดยไม่ต้องยืนรอ ผมอาศัยความคล่องตัวเดินแทรกคนนั้นคนนี้จนไปถึงร้านด้วยสภาพค่อนข้างยับเยิน ไม่เคยมีประสบการณ์ซื้อข้าวในคณะมาก่อนก็เงี้ยแหละ

            ผมเกาะขอบเคาน์เตอร์หน้าตู้กับข้าวอย่างเหนื่อยๆ ด้านข้างมีรุ่นพี่ยืนรออาหารอยู่พลางคุยกับป้าขายข้าวเหมือนสนิทกันมาจากไหน ตอนแรกผมไม่ได้สนใจอะไรหรอกแต่เฮ้ย...แต่ทำไมเสียงคุ้นจังวะ

            “อ้าว พี่พรต หวัดดีครับ”

            ผมเอ่ยขึ้นพร้อมๆ กับที่เขาหันหน้ามาแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วป้าร้านอาหารก็ขัดขึ้นมาก่อน

            “ข้าวไก่กระเทียมได้แล้ว”

            พี่พรตรับข้าวมาจากมือป้าแล้วหยิบแบงค์ร้อยส่งให้ ผมแอบเร่งพี่พรตให้จ่ายเงินให้เสร็จเร็วๆ เพราะจะได้มาเอาข้าวของตัวเองสักที แต่แล้วปัญหาดันเกิดครับ เมื่อป้าดันยื่นแบงค์ร้อยกลับคืนให้เสียอย่างนั้น

            “มีแบงค์ย่อยมั้ยลูก พอดีตอนนี้ป้ามีทอนไม่พอ”

            “เอ่อ...หาแปปนะครับ”

            พี่พรตก้มหน้าก้มตาหาเงินในกระเป๋าจนผมชักทนไม่ไหวเอง เลยตัดสินใจหยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองมาเปิด ผมไม่ค่อยรู้ราคาข้าวที่นี่เลยหยิบแบงค์ยี่สิบสามใบส่งไปให้ก่อน...ถ้าไม่คืนก็ถือว่าทำบุญเลี้ยงข้าวรุ่นพี่ เพราะถ้ารอพี่หาต่อไปก็คงอีกเป็นชาติ

            แต่แทนที่จะรับไปจ่ายก่อน พี่พรตกลับไม่สนใจแล้วหันไปมองพวกอาหารที่มีคนสั่งไว้ ซึ่งพอทำตามออเดอร์เสร็จป้าจะห่อพลาสติกแปะชื่อคนสั่งแล้ววางกองไว้ริมเคาน์เตอร์สำหรับหยิบส่งให้ทันทีถ้าคนที่สั่งไว้กลับมาเอา พี่พรตมีทีท่าเหมือนทำอะไรไม่ถูกก่อนจะยื่นแบงค์ร้อยกับไปใหม่

            “งั้นจ่ายให้จานที่เขียนว่า ‘นายพราน’ ด้วยครับ”

            ...เฮ้ย นี่เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน คนขี้แกล้งแบบนี้เนี่ยนะจะมาซื้อข้าวให้ฟรีๆ แม่งต้องมีเบื้องหลังอะไรอยู่แน่ คงจะจ่ายไปแล้วมาคิดบัญชีอะไรต่อจากนี้อีก นึกแล้วมันไม่น่าไว้ใจยังไงไม่รู้ว่ะ

            “พี่พรต ไม่เอา”

            “เออๆ ถือจานตามกูมาเหอะ”

            แต่ไอ้พี่พรตไม่ยอมเปิดโอกาสอะไรทั้งสิ้น กลับถือข้าวที่ผมสั่งเดินแหวกฝูงชนออกไปเสียดื้อๆ แล้วอย่างนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากถือข้าวของมันตามไปด้วย...เพราะนั่นก็ข้าวกูครับ

            จนแหวกฝูงชนออกมาด้วยความยากลำบากแล้วถึงได้เห็นพี่พรตนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่ไม่ไกลจากร้านมากเท่าไหร่ ผมไม่รอช้าตามไปหาทันที ก่อนจะส่งจานข้าวที่ถือมาและยื่นแบงค์ยี่สิบเหล่านั้นไปให้เหมือนเดิม และมันไม่รับครับ...

            “กินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”

            “เฮ้ย ไม่เอา พี่พรตก็ให้เพื่อนกินเป็นเพื่อนดิ แล้วเอาตังค์ไปด้วย”

            ใครจะไปกล้ากินด้วยทั้งที่รู้อยู่ว่าจะโดนแกล้งวะ ผมยื่นแบงค์ไปให้อีกรอบแต่พี่แกก็ยังไม่สะทกสะท้านอะไร แถมยังเลื่อนข้าวที่ผมสั่งมาไว้ข้างหน้าให้ด้วย

            “งั้นกินข้าว ‘เป็นน้อง’ หน่อย”

            เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมอึ้งเพราะคนๆ นี้...มุกเชี่ยไรครับพี่ แล้วยิ่งมองเห็นแววตาอ้อนวอนที่จ้องมาแล้วยิ่งรู้สึกหมั่นไส้

            “พี่พรตเปลี่ยวมากป่ะเนี่ย”

            “มาก”

            พี่พรตตอบยิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นแล้วไม่สบายใจเลยว่ะ

            “กูไม่รับเงินคืน จ่ายค่าข้าวให้ แต่มึงจะไม่นั่งกับกูเหรอ”

            โห...พูดขนาดนี้ ใครฟังมันก็ต้องไปกระตุ้นต่อมจิตสำนึกอยู่แล้วล่ะวะ

            “เออๆๆๆ ครับๆ กินก็กิน”

            ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงประชดนิดๆ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามพี่พรต รับช้อนส้อมมาแล้วเริ่มตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่ไอ้พี่พรตกลับยังนั่งมองผมกินเรื่อยๆ โดยไม่ยอมแตะจานข้าวตัวเองเลยสักนิด

            “กินเร็วมันทำให้อ้วนนะ”

             เอ่อ...ผมที่เคี้ยวๆ อยู่นี่ชะงักเลยครับ จะเล่นงี้กับผมใช่ป่ะ

            “ไม่กินเลยเดี๋ยวร่างกายดูดขี้ไปเลี้ยงสมองแทนนะ”

            นับเป็นครั้งแรกที่ผมแอบยกนิ้วให้ตัวเองที่ไม่ค่อยได้คิดตอบกวนตีนใครบ่อยๆ ถือว่าทำเวลาได้เร็วถ้าเทียบกับการกวนตีนครั้งล่าสุด...แล้วนี่ผมจะทำสถิติหาอะไรวะ

            “เดี๋ยวมึงโดนๆ”

            พี่พรตพูดปนหัวเราะพลางหยิบส้อมขึ้นมาชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ แล้วเริ่มกินข้าวแต่โดยดี แต่พอกินไปได้สักพักพี่พรตก็เงยหน้ามาหาผมอีกรอบ

            “เออ เมื่อวานมึงโกรธเรื่องไรวะ”

            ...ฮะ?!? ผมไปโกรธอะไรพี่วะครับ เมื่อวานผมถามว่าทำให้พี่โกรธรึเปล่า ทำไมวันนี้กูกลายเป็นฝ่ายโกรธได้วะ

            “ไม่ ผมดิ ทำให้พี่โกรธ”

            พี่พรตทำหน้างงๆ และใช้เวลานิ่งคิดอยู่พักใหญ่ถึงจะนึกออก นี่ถ้าเป็นคนอื่นโมโหขนาดนั้นคงจำได้ไปหลายวัน แล้วนี่มันอะไร

            “นึกออกละ วันที่น้องมาด้วยใช่ป่ะ”

            “ใช่ๆ นั่นแหละ”

            “กูไม่ได้โกรธมึงเว้ย คิดมาก”

            พี่พรตพูดแล้วยกส้อมขึ้นมาเลียทีนึงก่อนจะพุ่งตรงมาจะจิ้มหัวผม แต่ผมไวพอครับ หลบได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด...ไม่ใช่เก่งหรอกครับ แค่เตรียมตัวไว้แล้วล่ะว่าจะเจออะไรแบบนี้

            “อย่าเพิ่งนอกเรื่อง พี่โกรธไรวะ”

            พอผมถามแบบนี้ไปพี่พรตเลยนิ่งไปนิดนึงเหมือนกำลังเรียบเรียงว่าจะพูดอะไรต่อ มันเป็นช่วงที่ผมอดลุ้นตามไม่ได้ว่าเขาจะเล่าอะไรออกมาให้ฟัง

            “ไอ้เป้บอกว่ากูเป็นคนบูชาความรัก เคยได้ยินป่ะ”

            “เออๆ เหมือนวันนั้นมีคนพูดเหมือนกัน”

            “นั่นแหละ กูไม่รู้มันเป็นไงนะ แค่รู้สึกว่าไม่ชอบใครมาจับคู่มั่วๆ เพราะกูมีแฟนอยู่แล้ว คือกูจริงจังกับความรักมาก”

            “...”

            “เฮ้ย อย่าทำหน้างั้นดิ มึงไม่ได้ผิด”

             ความจริงจนถึงนาทีนี้ผมไม่ได้รู้สึกผิดอะไรแล้วล่ะครับ แค่มันเหนือความคาดหมายนิดหน่อยพอได้ยินจากปากพี่พรตเอง และพอนึกไปถึงผู้หญิงที่ผมเดินชนเมื่อตอนเช้าก็รู้สึกว่าคนแบบนั้นไม่สมควรได้รับความรักที่จริงจังขนาดนี้ ถึงไอ้พี่พรตจะกวนตีนขี้แกล้งยังไง แต่ผมสัมผัสได้นะ ว่าความรักของพี่เขาแม่งไม่ใช่เล่นๆ เหมือนนิสัย

            “เปล่าๆ ไม่ได้คิดงั้น แค่ไม่รู้จะบอกพลูยังไง”

            ใครจะไปกล้าบอกล่ะว่าผมด่าแฟนเขาอยู่ เลยต้องรีบเบี่ยงประเด็นทันที

            “โห น้องมึงรู้อยู่แล้วมั้ง”

            “ก็ไม่แน่”

            หลังจากนั้นผมก็นั่งกินข้าวของตัวเงียบๆ โดยไม่เปิดประเด็นอะไรขึ้นมาใหม่ ผมอาจดูเป็นคนคิดมากนะ และใช่...ผมคิดมากโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนหรือคนรู้จัก เหมือนเวลาที่เริ่มสนิทหรือเริ่มอยู่กับใครบ่อยๆ แล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเขามีแฟนและรักกันมาก มันอดคิดลึกๆ ไม่ได้ว่ะ ว่ามันเหมือนเรามีความสำคัญลดลง

            “เออพี่ ผมไปละ เดี๋ยวไอ้โอมด่าเอา”

 

 


            การรับน้องช่วงปิดเทอมจะจัดขึ้นหลังเรียนคาบบ่ายจบ รวมกินข้าวเปลี่ยนชุดกันก็กลายเป็นเริ่มหกโมงพอดี และเพราะแบบนี้ล่ะครับ พวกซ้อมกลองที่อยู่ต่อหลังกิจกรรมอย่างผมเลยต้องกลับบ้านสามทุ่ม ยังดีที่วันแรกยังไม่มีงาน ผมเลยมีกะจิตกะใจอยู่ต่อจนถึงตอนนี้

            ผมแยกกับโอมตั้งแต่กิจกรรมเลิกเพราะมันกลับคนละทางกับผม รายนั้นมันมีพ่อมารับถึงหน้าคณะส่วนผมไปบีทีเอส เลยถือโอกาสอยู่ช่วยพี่เก็บกลองก่อนแล้วค่อยเดินออกมาคนเดียว จะกลับพร้อมพี่ก็กลัวว่าเขาจะประชุมรับน้องอะไรกันต่ออีกนาน

            “เฮ้ย ‘นาย’ไปบีทีเอสป่ะ”

            แต่เหมือนผมจะเข้าใจผิด เพราะก่อนจะเดินออกจากประตูคณะก็มีเสียงอันคุ้นเคยเรียกเอาไว้ก่อน ...ขออย่าเลยเหอะ ตอนกลางวันก็อยู่ด้วยกันมากพอแล้ว

            “ครับ”

            “งั้นกูไปด้วย”

            ดูเหมือนคำขอของผมจะไม่เป็นผล เพราะพี่พรตดันจะไปบีทีเอสพอดี เลยกลายเป็นว่าผมต้องเดินร่วมทางไปกับพี่เขาจนถึงสถานี แต่แปลกใจนิดหน่อยที่เขาไม่พูดหรือแกล้งเหมือนที่ชอบทำ สงสัยคงเหนื่อยเกินจะกวนตีนอะไรต่อแล้วล่ะมั้ง

            ผมกับพี่พรตเดินเงียบๆ จนมาถึงสถานี ผมเลยหันไปถามตามมารยาทของคนที่เดินมาบีทีเอสด้วยกัน

            “พี่พรตลงไหน”

            “ไม่เป็นไร มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูมีนัดต่อ”

            คำตอบของเขาทำเอาผมชะงักไป...สงสัยนัดกับแฟนว่ะ พี่พรตแม่งทุ่มเทจริงๆ เห็นหน้าแล้วก็รู้ว่าเหนื่อย ยังจะฟิตไปเดทต่ออีกนะ

            “โอเค งั้นไปละ”

            “เออ กลับบ้านดีๆ”

 

 


            ในเวลาสามทุ่มสิบห้าบนสถานีบีทีเอส พรตยืนรอ ‘ใครบางคน’ พลางเล่นไอโฟนฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนถึงสามทุ่มครึ่ง เขาจึงปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วละสายตาเหม่อมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแทน ความจริงวันนี้ไม่ใช่ไม่เหนื่อย แต่ความอยากเจอก็มีมากพอจะลบล้างเหตุผลต่างๆ นานาออกไปได้ เพราะตั้งแต่เธอเข้ามหาวิทยาลัยก็มีเวลาว่างน้อยลง ดังนั้นมันเลยเลือกเวลามากไม่ได้

            และแล้วหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษาก็ยื่นมือมาโบกขึ้นลงตรงหน้า ซึ่งมันทำให้พรตถึงกับสะดุ้ง ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของหญิงสาวคนนั้น

            “พี่พรตอดหลับอดนอนจริงๆ ด้วย”

            และเสียงหัวเราะของเธอก็ทำให้เขายิ้มตาม

            “อืม นี่อุตส่าห์ไม่นอนเพื่อจะเจอใครไม่รู้”

            เธอคนนั้นหัวเราะเบาๆ ใบหน้าเรียบๆ ของเธอไม่ถึงกับโดดเด่นแต่ก็เรียกได้ว่าน่ารัก ยิ่งรวมกับรอยยิ้มแล้วก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่น่ามองคนหนึ่ง

            “แล้วนี่พี่พรตมากับใครอ่ะ”

            “รุ่นน้องน่ะ”

            “เอ๊ะ เดี๋ยว...”

            หญิงสาวมีท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามต่อ

            “ใช่คนที่ถือถังน้ำวันนั้นป่ะ เมื่อกี้เหมือนเดินสวนกันในนั้น”

            เธอชี้ย้อนเข้าไปทางประตูทางเข้าสถานีที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่หลังจากนั่งรถไฟมาลงที่นี่ ส่วนพรตเองก็ไม่ได้ฉุกใจอะไรเลยแต่ตอบไปตามน้ำ

            “คงใช่มั้ง”

            “โห ถ้าใช่นี่จะบอกว่าเขาดีมากเลยนะ”

            หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นด้วยความคิดว่าพรตคงไม่รู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่กลับกลายเป็นว่าพรตไม่ได้ตกใจที่ได้รับรู้ แต่ตกใจที่หญิงสาวเป็นคนเอ่ยปากชื่นชมรุ่นน้องที่คณะออกมา


            “วันนั้นที่ไปคณะอ่ะ มิวได้เจอ”


            “...”



            “เขาบอกทางไปห้องน้ำให้ด้วย”





-----------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดก็ปั่นทันปีใหม่!! พรุ่งนี้จะไปปฏิบัติธรรม5วัน จะเอาบุญมาฝากนะคะ   :กอด1:
อัพวันที่ 31 พอดีเลย ขอให้ทุกคนมีีความสุขตลอดปีค่ะ สำหรับพี่/เพื่อนถาปัด ขอให้ไม่เดือด เวลานอนเฉลี่ยสี่ชั่วโมงขึ้นไป เก็ทเอ //ฟังดูเพ้อฝันมาก ถถถถถ
 
ปล. ความจริงอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิดว่ามันจะเป็น บางทีคนที่แค่เดินผ่านหน้าเราไปเฉยๆ อาจมีบทบาทต่ออนาคตมากกว่าคนที่เดินเข้ามาคุยกับเราก็ได้ ...ตั้งใจจะสื่อประเด็นนี้อ่ะ

ขอบคุณทุกคนค่าา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 31-12-2014 00:14:02
อ้อ ที่แท้แฟนพี่พรตคือคนที่พรานบอกทางไปห้องน้ำให้นี่เอง นึกว่าจะเป็นยัยชะนีโหดดดนั่นซ่ะอีก
@มิว นี่แลดูเป็นคนดีไม่น่าจะร้าย(ใช่ไหม) ยังไงก็เถอะ เรื่องนี้ไม่มี 'นาง'เอก มีก็แต ่'นาย'เอก นะจ้ะ มิวเลิกกับพี่พรตเหอะไปหาคนอื่น ส่วนพี่พรตเป็นของน้องพรานนนน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2014 00:29:53
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 31-12-2014 00:30:02
มาให้กำลังใจก่อนจ้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 31-12-2014 01:09:58
แฟนพรตคนเดียวกับที่คิด
แต่เรื่องนี้ใครจะเป็นพระเอกล่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-12-2014 01:15:22
แฟนพรตนี่ให้ฟีลลิ่งต่างกันลิบลับเลยนะตอนที่อยู่กับคนอิ่นกับตอนที่อยุ่กับพรต ตอนที่เจอพรานนี่ดูเหวี่ยงน่าดู
นิสัยสองหน้าแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้พรตไม่รู้ว่าแฟนตัวเองเป็นไงถึงได้คบมาได้ตั้งสี่ปี?

แล้วอะไรกันกับน้องพรานล่ะ  เจอกันตลอด กลัวใจน้องเอานะสิว่ากว่าจะรู้ตัวตาก็มองหาพี่พรตไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-12-2014 01:18:01
น้องพรานจะเสียใจไหม? เหมือนน้องจะมีใจให้พี่พรตบ้างแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 31-12-2014 01:30:04
ว้ายๆๆๆๆ ต่อเลยได้ม้ายยย

อย่าให้ช้าไปกว่านี้เลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 31-12-2014 01:35:47
อ่อออ คนละคนกัน
แต่ชะนีนางที่เดินชน นางเป็นบ้าป่ะ แค่เดินชนเอง :beat:
มีแฟนแล้ว รักแฟนมาก แล้วน้องพรานของพี่จะไปแทรกได้ตอนไหน :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 31-12-2014 02:28:01
 :z1: :z1: :z1:

จะเป็นยังไงต่อ


พราน พรต พรานพรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 31-12-2014 04:31:45
ละช่องว่างระหว่างเธออยู่ไหนล่ะ
จะให้แทรกตรงไหนอะพี่พรต รักมากขนาดนั้น  :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 31-12-2014 09:28:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-12-2014 11:01:39
อ่อ คนละคน แสดงว่าคนนี้น่าจะนิสัยน่ารัก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 31-12-2014 11:38:27
 :hao6:  บางที หนูมิวอาจจะคิดแค่พี่น้องกับพรตก็ได้นะ อิๆๆ แบบนี้พรานก็มีหวังนะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 31-12-2014 12:40:42
ที่แท้ก็คนละคนกัน
แต่ยังไงซะเด๋วพรานก็ต้องเป็นของพรต >.<
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 31-12-2014 14:52:58
ไปนานจัง รอนะะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 31-12-2014 15:20:11
สงสารพรตได้แฟนแย่แบบนี้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lovegoldfish ที่ 31-12-2014 19:01:01
นึกว่าแฟนพรตเป็นคนที่พรานเดินชนซะอีก
อย่างน้อยก็ยังดีที่พรตไม่มีแฟนเป็นคนนิสสัยเสีย o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-01-2015 21:33:00
แฟนดี แฟนน่ารัก แล้วเมื่อไหร่พระเอกกับนายเอกจะได้รักกันละเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 02-01-2015 22:32:46
พรานนนนนน หนูเข้าใจผิดคนแนะแจ๊ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 02-01-2015 23:44:14
หนูพรานพลาดอย่างแรง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 04-01-2015 20:11:51
แฟนพรตดไม่มีพิษมีภัยอ่ะะ
ดีนะที่ไม่ใช่เจ๊โหดคนนั้นนนน
ว่าแต่เจ๊โหดคนนั้นจะมามีบทอะไรต่อไปน้าาา
รอติดตามตอนต่อไปอย่เสมอค่าา
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 05-01-2015 22:01:54
พี่พรตตตต เลิกเดี๋ยวนี้เลยย
บางทีแฟนอาจเป็นสาววายก็ได้  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 06-01-2015 18:47:42
แล้วน้องพรานจะคู่ใครรรรรรรรรอ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 06-01-2015 19:57:42
เรื่องชักจะไม่สวยแล้ว มีแฟนแล้ว คบกันมา4ปี บูชาความรัก รักใครรักจริง
ยังมองไม่เห็นเลยว่าพรตมันจะเป็นฝ่ายนอกใจก่อนได้ยังไง ส่วนน้องผู้หญิงแฟนพรตก็ดูน่าจะดีนะ
สรุปคือไม่น่ามีปัญหากันจนเกิดช่องว่างให้พรายมาเสียบแทนได้
เราถึงกับเชียร์ไม่ขึ้นเลยนะเนี่ย จะไปเชียร์ให้คนที่ดูรักกันดีเลิกกันได้ไงวะ
เอาเป็นว่าพรานาตบยุงรอ เผื่อวันหนึ่งเขาเลิกกันแล้วแกค่อยเสียบ แต่ทางที่ดี หาคนใหม่ดีกว่าม้างงงงงง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: meeyeon ที่ 19-02-2015 00:07:31
หายไปนานแล้วนะคะ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน7 : P6 : 31.12.14 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 24-02-2015 01:11:12
ว่างเมื่อไหร่ อย่าลืมมาแต่งต่อน้าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 10-06-2015 00:26:44


:: CHAPTER 8 ::





...ชีวิตมหาลัยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว



            วันนี้เป็นวันเปิดภาคการศึกษาในคณะและมหาวัทยาลัยแห่งนี้ครับ ผมเดินเข้ามาด้วยชุดนักศึกษาเต็มยศ ถึงผมจะคุ้นเคยกับคณะนี้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเรียนก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิงเพราะตลอดการรับน้องช่วงปิดเทอมนั้นคณะเรามีแค่ปีสามกับปีหนึ่ง แต่วันนี้มันกลับคึกคักขึ้นมาจากเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของรุ่นพี่ทุกชั้นปี

            วิชาของคณะตัวแรกเป็นวิชาออกแบบซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่ผมเข้าใจว่าเหมือนเป็นหัวใจของคณะ เพราะเห็นรุ่นพี่พูดถึงกันมากที่สุด โอดครวญกันเยอะที่สุด ถามว่าตื่นเต้นแค่ไหนก็มากอยู่ล่ะ เพราะรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าเหล่าอาจารย์จะมีวิธี ‘รับน้อง’ แตกต่างกันไปทุกปี

            ปีนี้ก็ต้องลุ้นกันล่ะว่าจะโดนอะไร

             ผมมองอาจารย์ทุกคนแนะนำตัวไปเรื่อยๆ เห็นได้เลยล่ะว่าอาจารย์ก็คือรุ่นพี่พวกเราทั้งนั้น บางคนเป็นสถาปนิกชื่อดัง  บางคนเพิ่งจบมาได้ปีสองปีด้วยซ้ำ และความที่จบตามกันมานั้นน่าจะทำให้ปีหนึ่งสนิทกับอาจารย์ได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็เพราะความเป็นพี่เป็นน้องนี่แหละครับ ใบหน้าของอาจารย์แทบทุกคนถึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารอคอยการ ‘รับน้อง’ อย่างใจจดใจจ่อ

            “รุ่นพี่พวกคุณคงจะขู่กันมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งไปเชื่อมากแล้วกัน เพราะตอนนี้ผมยังไม่เชือดพวกคุณหรอก”

            เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของเพื่อนส่วนใหญ่ดังขึ้น

            “เฮ้ย เดี๋ยวๆ ที่ผมไม่เชือดตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เชือดนะ”

            และประโยคนี้ทำเอาพวกเราต้องสูดลมหายใจกลับไปใหม่และจดจ่อกับอะไรก็ตามที่อาจารย์กำลังจะสั่งออกมา แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่พูดอะไร  เลยกลายเป็นว่าการเรียนสามสี่ชั่วโมงนี่จบลงแค่การแบ่งกลุ่มนิสิตปีหนึ่งให้แยกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละประมาณสิบคนซึ่งเราเรียกกันทั่วไปว่า ‘เซค’หรือ เซคชั่น โดยอาจารย์ประจำเซ็คจะเข้ามาอธิบายวิธีการเรียนการสอนของวิชานี้

            ระหว่างอาจารย์พูดนั้นผมก็พยายามจำหน้าเพื่อนร่วมเซ็คไปด้วย อย่างน้อยเอาให้ได้มากที่สุดเพราะไอ้โอมมันถูกจับแยกกับผมครับ เลยกลายเป็นว่าเหลืออยู่ตัวคนเดียวซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผมไม่ชอบเท่าไหร่ และในระหว่างที่กำลังนั่งฟังพลางมองคนนั้นคนนี้อย่างง่วงๆ อยู่ดีๆ อาจารย์ก็วางระเบิดครับ!

            “เนื้อหาก็ประมาณนี้แหละ เออ พรุ่งนี้ขอดูฝีมือการทำโมเดลของพวกคุณหน่อยสิ”

            “!!!”

             ทั้งผมกับเพื่อนนี่กำลังเคลิ้มได้ที่จนถึงประโยคที่หลุดออกมาเหมือนไม่ตั้งใจของอาจารย์

            “ฮะ? เดี๋ยวครับอาจารย์”

            “นั่นแหละ ทำไม่ได้ก็ลองไปกราบกรานรุ่นพี่ให้สอนละกันนะ”

            ...เชี่ย นิสิตทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนทำสีหน้าตกใจพร้อมปากที่ขยับเป็นคำสบถต่างๆ นานา ก่อนอาจารย์จะวางชีทปึกหนึ่งลงกับโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ

            “เฮ้ยทำไงกันดีวะ”

            “เออไง พี่รหัสก็ยังไม่มี”

            “สั่งอะไรมาตั้งแต่วันแรกวะ”

            พออาจารย์เดินออกไปเท่านั้นแหละ ทั้งเซคของผมต่างก็เต็มไปด้วยเสียงบ่นนู่นนี่ดังไม่หยุด ต่างคนต่างก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ และพอเดินไปหยิบชีทโจทย์ที่มีรูปผังพื้นหรือแปลนพร้อมรูปด้านของโมเดลก็แทบช็อคกันไปหลายที

            ผมเก็บใบงานลงกระเป๋าแล้วเดินลงบันไดไปจนถึงโรงอาหารคณะ และจู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่กลางหลัง ทำเอาผมหันกลับไปแทบไม่ทัน

            “ไรวะไอ้ เอ่อ...พี่พรต”

            เชี่ย ตอนแรกผมคิดว่าเป็นไอ้โอมด้วยซ้ำ คราวนี้แทบยกมือไหว้ไม่ทัน แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะแล้วผมว่าไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้นแหละ

            “ฮ่าๆ หน้ามึงแม่งจี้ จะเตือนว่าวันนี้มีห้องเชียร์ อย่าเพิ่งรีบกลับบ้าน”

            “ครับ ”

            ผมมองตามหลังพี่พรตที่เดินจากไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ อะไรวะ ยังไงวันนี้ปีหนึ่งทุกคนก็ต้องไม่ลืมอยู่แล้วว่าจะมีการเปิดห้องเชียร์ซึ่งผมว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของการรับน้องเสียด้วยซ้ำ และพี่ทุกคนก็ได้โพสนัดเวลาไว้เรียบร้อนตั้งแต่เมื่อคืน






            “เห้ย น้อง ตั้งแถวขึ้นห้องเชียร์เลย บอกเพื่อนด้วย แต่งตัวถูกระเบียบนะครับ”

            พอเดินต่อไปอีกหน่อยผมก็โดนรุ่นพี่ที่คอยคุมน้องอยู่ในบริเวณนั้นกวาดต้อนให้ไปเข้าแถวตรงกลางลาน จริงๆ ผมก็ไม่ต้องบอกเพื่อนแล้วล่ะเพราะยังไงพี่เขาก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ ผมเลยจัดการดึงแขนเสื้อตัวเองลงมาพร้อมติดกระดุมแขน ก่อนจะเดินไปเข้าแถวตรงลานที่แดดเปรี้ยงและไม่มีอะไรบังแดดเลย

            ...ร้อนชิบหายครับ เสื้อแขนยาวติดกระดุม และแดดตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง

            ที่แย่ไปกว่านั้นคือผมต้องยืนรอเพื่อนที่ยังมัวแต่ยืนรวบผมจัดระเบียบตัวเองให้ลงมาเข้าแถวทุกคนก่อน พูดง่ายๆ คือลงมาก่อนยืนตากแดดนานสุด

            “เห้ย ลงมาดิ อย่าเอาเปรียบเพื่อน เพื่อนยืนนานแล้วเห็นมั้ย ถ้าไม่ครบก็ไม่ขึ้นนะเว้ย”

            คราวนี้พี่ที่ยืนเป็นหัวแถวอยู่กลางลานเริ่มกดดันคนที่ยังยืนหลบร่มให้เดินมากลางลาน ซึ่งทุกคนก็ทำหน้าเจื่อนๆ แล้วเดินลงมาตากแดดเข้าแถวแต่โดยดี

            ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีนั่นแหละคนถึงจะครบ ทำเอาผมเหงื่อออกจนแทบขาดน้ำเลยล่ะครับ แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายพี่คุมระเบียบก็เดินตรวจน้องอีกรอบ พี่คุมนี้ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่กลับมีท่าทางสีหน้าเข้มงวดจนต้องทำตาม

            “น้อง เงยหน้าขึ้นค่ะ”

            เสียงเรียบๆ ที่พูดใส่ผมดูเยือกเย็นและคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นก็พบว่า...เป็นพี่คนเดียวกับที่จิกตาใส่พร้อมกับด่าตอนถือถังน้ำไปชนนั่นแหละ

            ...แฟนพี่พรต

            ว่าแต่คนนี้ใช่แฟนเหรอวะ?!?

            ผมเหลือบมองพี่เขาที่เดินกลับไปยืนหน้าแถวแล้ว ดูจากบุคลิกเป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเปรี้ยวพอควรแต่ติดจะดุเกินไปหน่อย ซึ่งผมว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นคนที่พี่พรตคบว่ะ ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่ใช่แนวที่จะมาคบกับผู้ชายอย่างพี่พรตมากกว่า เอาเหอะ...ไม่แน่ว่าวันที่ถือถังน้ำอาจมีผู้หญิงคนไหนมาเห็นผมอีกก็ได้

            “น้องขึ้นได้ค่ะ”

            ผมเลิกคิดเกี่ยวกับพี่พรตแล้วเร่งฝีเท้าเดินตามแถวตัวเองไป มีรุ่นพี่ยืนขนาบข้างตลอดทางเดินและทางขึ้นบันได พี่เขาตัวตรงสีหน้าเรียบเฉยจนผมไม่กล้าหันไปมอง และแสงสว่างรอบตัวก็มืดลงเรื่อยๆ จนเหมือนการยืนกลางแดดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมเดินตามขึ้นไปถึงชั้นสาม และชั้นสามนั้นเรียกได้ว่าแทบจะปิดไฟมืด

            ท่ามกลางความสลัวนั้น ทั้งแถวก็ถูกพาเดินเข้าไปในห้องที่มีขนาดใหญ่เหมือนห้องประชุมห้องหนึ่งซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะเดินให้ไม่ชนเพื่อนข้างหน้า อุณหภูมิในห้องถูกปรับไว้เย็นเฉียบไม่ต่างจากบรรยากาศและพี่ที่ยืนล้อมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง และก่อนสายตาจะปรับชินกับความมืดได้นั้นผมก็เข้ามายืนประจำที่เรียบร้อยแล้ว

            ผมกวาดสายตามองไปรอบห้องอย่างไม่รู้จะกลัวหรือตื่นเต้นดี บริเวณหน้าห้องเหมือนจะมืดกว่าส่วนที่ผมยืนจนมองไม่เห็นอะไรเลย จนสายตาค่อยปรับชินกับความมืดแล้วจึงได้เห็นเหมือนเงารางๆ ของผู้ชายสองคนอยู่ในเงามืดนั้น

            “คุยทำเหี้ยอะไร!!”

            ...เชี่ย

            จู่ๆ ก็มีเสียงเกรี้ยวกราดตวาดลั่นจนผมแทบสะดุ้ง

            “เดินเร็วๆ ไม่เป็นเหรอวะ!!!”

            เสียงที่สองซึ่งดังไม่ต่างกันตะโกนตามออกมา เพื่อนที่กำลังเดินเรียงกันเข้ามาบางคนถึงกับสั่น ด้วยความที่ต้องเร่งเดินทั้งที่สายตายังไม่ชินกับความมืด รวมถึงอุณหภูมิที่เย็นขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ

            จนในที่สุดเมื่อทุกแถวเดินเข้ามาครบแล้ว ประตูบานใหญ่ก็ค่อยๆ ปิดลง คราวนี้ห้องเลยยิ่งมืดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

            “ผมนัดคุณกี่โมง”

             ด้วยการพูดที่ห้วนจัดทำให้หลายคนต่างพึมพำออกมาพร้อมกันกลายเป็นคำตอบงึมงำที่ปนกัน  ในใจผมว่าแย่แล้ว เพราะคำตอบมันตีกันมั่วไปหมด

            “ผมถามว่านัดกี่โมง!! ตอบดีๆ ดิวะ!!”

            ผมถึงกับเผลอกลั้นลมหายใจเมื่อเสียงตวาดดังขึ้นอีกรอบ

            “สิบเอ็ดครึ่งครับ!”

            “แล้วรู้มั้ยว่านี่กี่โมง!!!!!”

            ไม่มีใครกล้าตอบคำถามนี้เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเวลามันล่วงมาจนถึงเที่ยงแล้วด้วยซ้ำ

            “วันนี้ไม่เป็นไร ผมยังยกโทษให้คุณ แต่หลังจากนี้จะไม่มีการยกโทษอะไรทั้งสิ้น...เข้าใจมั้ย”

            “เข้าใจครับ/ค่ะ”

            “ผมถามว่าเข้าใจมั้ย!!!”

            “เข้าใจครับ/ค่ะ!!!”

            “สอถอศูนย์หก เข้าใจมั้ย!!!!!”

            “เข้าใจครับ!!!”

            ผมแอบระบายลมหายใจด้วยความโล่งอกที่ตัวเองไม่โดนเรียกตอบ และโล่งใจแทนเพื่อนทั้งรุ่นที่จะไม่โดนด่าอะไรหลังจากตอบเสียงดังเป็นที่พอใจของพี่ว้ากแล้ว

            “พรุ่งนี้บอกเพื่อนมึงให้มากันด้วยนะเว้ย เวลาคุณมีไม่เยอะ”

            พอประโยคนี้จบลงก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นอีกเลย จนผมได้ยินเสียงประตูปิดลงนั่นแหละถึงได้เข้าใจว่าพี่ว้ากคงออกไปจากห้องแล้ว หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องที่ผมเข้ามาก็เปิดออก ทำให้มีแสงสว่างผ่านเข้ามาพอให้เห็น แล้วพี่ที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ค่อยๆ คุมแถวน้องลงไปจนถึงข้างล่าง

            และทันทีที่พวกเราลงมาถึงโรงอาหารคณะ เสียงพูดคุยระบายความอัดอั้นก็เซ็งแซ่กันอยู่นาน โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิงที่เหมือนจะทนความกดดันได้น้อยกว่าผู้ชาย ส่วนผมเองนั้นยอมรับว่าในห้องเชียร์ก็รู้สึกกดดันจริงๆ แต่หลังจากออกมาแล้วมันกลายเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับคลายความสงสัยว่าพี่ว้ากเป็นแบบนี้นี่เอง ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในชีวิตเลยทีเดียว

         




            “ไปกันไอ้พราน”

            ไอ้โอมเดินมาเรียกผมให้รีบกลับพร้อมเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินออกจากคณะ

            “เออๆ มึงจะกลับบ้านเลยป่ะ”

            “เปล่า กูว่าจะไปหาไรกินกับกลุ่มนั้น”

            ผมมองตามมือโอมไป จึงได้เห็นว่าหนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นเพื่อนที่มีรหัสติดกับมัน เลยพอเข้าใจได้ว่ามันคงคุยกันหลังลงมาจากห้องเชียร์

            “เอ่อ...กูคงไม่ไปนะ”

            ผมไม่ชอบการอยู่ในที่ๆ มีคนไม่รู้จัก ไม่ได้รังเกียจอะไรนะครับแต่พยายามจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ ความจริงพวกรุ่นพี่หรือพี่พรตเองผมยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนคุยง่ายเลยโอเคขึ้นหน่อย มันเหมือนกับว่าการจะรู้สึกคุ้นเคยกับใครช่างยากเย็นมักใช้เวลานานเสมอ จะบอกตรงนี้เลยแล้วกันครับว่าในชีวิตนี้ผมมีเพื่อนไม่เยอะเท่าไหร่

            “มึงสังสรรค์หน่อยดิวะไอ้พราน จะได้รู้จักพวกนี้ด้วย”

            “ไม่ดีกว่ามึง”

            “เออๆๆ งั้นกลับดีๆ นะมึง”

            ผมพยักหน้าแล้วโบกมือให้มัน ยังดีที่โอมมันยังเข้าใจผมบ้างเพราะอยู่กันมาหลายปี และยังดีหน่อยที่เป็นรุ่นเพื่อน จะได้ไม่ต้องเกรงใจกันเท่ารุ่นพี่อย่างที่ผมเคยไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอย่างมึนๆ เมื่อวันก่อน และจำชื่อพี่คนไหนไม่ได้เลยนอกจากไอ้พี่พรต

            “น้องพราน”

            ...เฮ้ย!

            ผมหันไปตามเสียงก็เห็นเพื่อนกลุ่มพี่พรตคนนึงที่เคยถามผมว่าจำชื่อเขาได้ไหมแต่ผมเสือกจำไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าคำถามนั้นทำให้ผมจำหน้าได้แทน เหมือนพี่คนนี้จะเป็นหนึ่งในพี่กลองที่ออกมาโชว์กลองในวันนั้นด้วย

            “ไอ้พรตบอกว่าให้รอสักสิบนาที มันอยากเจอมึง..เอ้ย น้อง”

            ผมหัวเราะเบาๆ กับท่าทีแอ๊บสุภาพของพี่

            “เรียก ‘มึง’ ก็ได้ครับ”       

             “เออ แล้วนี่จำกูได้ป่ะ”

            ผมที่พยายามนึกชื่อมาตั้งแต่เห็นหน้าพี่เค้าเลยได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ชื่อคนแม่งจำยากยิ่งกว่าตอนเรียนชีวะ

            “ขอโทษครับ แต่จำไม่ได้จริงๆ”

            เห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของผมแล้วเขาคงขำอยู่ไม่น้อย เลยจ้องหน้าผมตรงๆ แล้วย้ำทีละคำ

            “ฟังให้ดีนะ กูชื่อกันต์”

            ...โอเค คราวนี้ผมจะพยายามจำ ถ้าจำพี่คนนี้ได้อย่างน้อยก็ได้รู้จักคนในคณะเพิ่มคนนึงล่ะวะ หลังจากหมดธุระแล้วพี่เขาก็หันหลังเดินออกไป แต่หลังจากเดินไปสองก้าวเขาก็หันกลับมาพูดกับผมอีกรอบ




            “อย่าลืมรอไอ้พรตมันล่ะ”




----------------------------------------------------------------------------------------------------
ฮือออ หายไปนานมากๆๆๆๆ จนคนเขียนเองยังคิดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ
เหมือนไม่ได้เขียนนิยายนาน และไม่ได้เจอน้องพรานนานมากแล้วด้วย  :sad4:

ปิดเทอมแล้วตอนแรกนึกว่าจะว่างแต่ไม่เลย...เรียกได้ว่าแทบไม่ได้พัก  :serius2:
ชีวิตวุ่นวายมาก แต่จะพยายามมาต่อนะคะ 
รักคนอ่าน ขอบคุณที่ยังรอค่ะ :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: daadaadaa ที่ 10-06-2015 00:37:44
พึ่งเข้ามาอ่านอีกรอบเมื่อกี้
พอเห็นอัพรีบกดเข้ามาอ่านเลย ฮรือออ
เม้นก่อนค่อยอ่าน ดีใจจ
  :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-06-2015 03:50:43
อร้ายยยยมาต่อเเล้ว

คล้ายคณะเราเลยพี่ว้ากอะ
ละมีประธานเชียร์ไหมอะ ถาปัต????
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 10-06-2015 10:16:58
เย้ๆๆๆๆๆน้องพรานกลับมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 10-06-2015 10:24:15
ดีใจที่มาต่อนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-06-2015 10:39:13
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 10-06-2015 11:03:13
ดีใจมากๆๆๆที่มาต่อน้า o13
อย่าหายไปแบบนี้อีกได้ไหมมมม รอจนจะลืมเบยยย
แต่เรายังมองไม่เห็นเลยว่าจะมาชอบกันยังไงน้า
ถ้าพี่พรตยังไม่มีแฟนจะฟินมากๆๆๆ เพราะฟินมากเบยตอนแรกที่คิดว่าพี่พรตยังไม่มีแฟนอ่ะ
เครียดๆๆๆ  :sad4:

แงๆๆๆ พี่พรตมีแฟนแล้ววว. แล้วน้องพรานเราอ่าาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-06-2015 11:31:33
คนเขียนหายไปนานมากกกกก กลับไปอ่านใหม่อีกรอบ
พี่พรตนี่จะเอายังไงกับน้องพราน โฉบไปเฉี่ยวมา มีแฟนแล้วไปไกล ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: BlackClover ที่ 10-06-2015 13:25:38
อ่านจบถึงตอนล่าสุด ... คิดในใจ  มันจะเป็นยังไงต่อเนี้ยยยยยยยย
พรานอาจจะคู่กับคนอื่นก็เป็นได้  หุๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 10-06-2015 17:12:03
ดีใจที่กลับมา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 10-06-2015 18:03:01
ไอ้พี่พรตจะเอาไงกันแน่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วยังจะมาอ่อยน้องพรานอีก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 10-06-2015 18:07:50
 :katai2-1: ดีใจที่ยังได้อ่านนะ นึกว่านิยายเรื่องนี้จะไม่มาต่อแล้วซะอีก หายไปนานมากกก จนตอนเห็นชื่อเรื่องนี้คิดว่าเป็นเรื่องใหม่รึป่าว หรือจะเป็นเรื่องที่เคยอ่าน พอเปิดมาแล้วเฮ้ยเรื่องนี้ที่เคยอ่านคือบอกตรงๆ ว่าดีใจ อย่าหายไปนานนะค่ะ จะรออ่านนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 10-06-2015 19:10:02
แล้วเค้าจะรักกันอย่างไงเนี้ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 10-06-2015 20:22:55
ดีใจมาต่อแล้ว
แต่ยังสั้นอยู่เลย
ไม่หายคิดถึงอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 10-06-2015 21:51:47
โอ้ววว เรื่องน่าสนใจมาก
ว่าแต่พรตมีแฟนแล้ว แล้วจะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย หรือจะให้พรานคู่กับกันต์ดีล่ะ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 10-06-2015 23:17:47
ดีใจที่กลับมาอัพค่ะ
เกลียดตอนโดนว้ากมาก
แค่อ่านยังรู้สึก หัวใจเต้นรัว แบบกดดัน ฮ่าๆๆ
แต่พอผ่านไปก็แค่นั้นเองง

แล้วนี่พี่กันต์จะมาจีบน้องรึเปล่านะ ฮ่าๆๆ
แอบเชียร์ คือหมั่นไส้พี่พรต แอบมีแฟนไปก่อน เชอะ !

รอตอนต่อไปค่า
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-06-2015 23:24:51
มาแอบตามอ่านด้วยอีกคนนน
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 10-06-2015 23:38:05
อีกนานมั้ยนะกว่าจะมาต่ออีก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 10-06-2015 23:56:28
เย้ๆ มาแล้ว น้องพรานของพี่ พี่พรตทำไมต้องให้เพื่อนมาก่อนตัวเองไปไหนน๊า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 11-06-2015 03:01:34
งื้อออ ทำไมพี่พรตต้องมีแฟน แถมรักมากด้วย
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 11-06-2015 05:14:57
พรตแกเอาไงว่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-06-2015 07:47:18
พรตคิดแค่ว่าแกล้งน้องหนุกดี?
 เอาน่ะ เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน เจอหน้าบ่อยแต่ปุบปับจะให้หลงน้องเลยก็ยังไงอยู่

แต่ที่อยากดูคือถ้าพรตหลงน้องแล้ว จะไปบอกเลิกแฟนยังไง????
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 11-06-2015 10:28:04
พี่พรตจะเอายังไงฟะ ไม่จีบแต่เอ็นดูหรอ แต่มันก็นะ ตามติดชีวิต พรานมากเกินไปปะ นัดกินข้าวกันทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 11-06-2015 17:52:12
พรต ขอร้องอย่าอ่อยน้องพรานให้มาก มีแฟนอยู่แล้วนี่ รักกันมากด้วย
ปล1. ว่าแต่เรื่องนี้ใครเป็นพระเอกคะ
ปล2. เราไม่สนับสนุนให้น้องพรานทำตัวเป็นนางเอกไทยนะคะ ที่มาทีหลังแล้วได้พระเอกไปน่ะ!
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 11-06-2015 19:04:57
จะต้องรอทำไมอะ
หรือว่าอยากจะขอบคุณที่พรานช่วยแฟน?
 :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: philosopher ที่ 11-06-2015 19:39:55
 :katai5: :katai5:

ตื่นเต้นเหมือนได้ไปสัมผัสเองค่า555555

ตกลงอะไรยังไงค่ะพี่พรตจะปล่อยน้องพรานของเราให้ชายอื่นหรอค่ะ

งอลแรงงงงง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Banarot ที่ 11-06-2015 21:18:51
ไม่ใช่พี่พรตใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 11-06-2015 22:28:49
ใครจะเป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 11-06-2015 23:30:41
คิดถึงน้องพรานนนนน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน8 : P7 : 10.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: away3g ที่ 12-06-2015 10:34:04
 :impress2:สนุกๆมาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 14-06-2015 01:04:21


:: CHAPTER 9 ::




            ผมยืนตอบไลน์รออยู่ประมาณสิบนาทีกว่าๆ ตามที่พี่กันต์บอกไว้ จนกระทั่งเห็นกลุ่มพี่ปีสามเริ่มทยอยเดินลงมานั่นแหละ ผมถึงได้กดปิดจอมือถือแล้วเริ่มกวาดสายตามองหาพี่พรต และหลังจากพี่ไลน์แถวลงมากันหมดแล้ว ผมถึงได้เห็นเขาที่กำลังรีบเดินตรงมาหา

            “ไงนาย ห้องเชียร์เป็นไง”

            “ก็ดีครับ”

            “พี่ว้ากน่ากลัวป่ะ”

            “ก็นิดหน่อย แต่แปลกดี”

            “ไม่อยากรู้เหรอว่าใครเป็นพี่ว้าก”

            พี่พรตมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อพูดถึงพี่ว้าก คิดว่าคงคาดหวังให้น้องทุกคนกลัวห้องมืดกับพี่ว้ากที่ไม่เห็นหน้า ซึ่งผมก็...

            “ไม่ครับ”

            ผมตอบไปตรงๆ ตามที่รู้สึก แต่เดี๋ยวนะ ถ้าพี่พรตจะขอให้รอเป็นสิบนาทีเพียงเพื่อถามเรื่องแค่นี้มันจะไร้สาระไปหน่อยมั้ยวะ ผมจดจ้องไปที่สายตาของเขาแล้วเริ่มพิจารณาอย่างละเอียด และพอเห็นแววตาที่ดูเป็นประกายกรุ้มกริ่มก็เริ่มรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก

            “น้องพรานครับ”

            “ฮึ?!”

            ผมเผลออุทานออกมาอย่างลืมตัว นี่ถ้ากินน้ำอยู่คงพุ่งออกมาใส่หน้าคนเรียกแล้วล่ะครับ ไอ้คนชื่อพรตที่ร้อยวันพันปีได้แต่แกล้งน้อง จู่ๆ ก็พูดสุภาพ แถมยังเรียกชื่อเล่นจริงๆ ของผมอีก นี่มันมันโคตรไม่น่าไว้ใจ

            “น้องพรานคงจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าในบรรดาน้องใหม่ปีนี้พี่ไม่สนิทกับใครเท่าน้องพรานเลย เรียกว่าไม่คิดจะเข้าหาเลยสักคน แต่กับพรานมันแตกต่างอออกไป มันเป็นความรู้สึกที่...ไม่รู้สิ ตั้งแต่พี่เห็นพรานครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตา”

            “...”

            เชี่ย...ผมถึงกับนิ่งอึ้ง พยายามถามตัวเองซ้ำๆ กำลังฟังไม่ผิด ยิ่งรวมกับสายตาฉายแววจริงจังของพี่พรตแล้วเรียกได้ว่าช็อคจนแทบทรงตัวไม่อยู่ นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยมั้ง บรรยากาศแบบนี้นี่มันคล้ายกับการสารภาพรักยังไงไม่รู้

            “น้องพรานครับ”

            พี่พรตเรียกชื่อผมด้วยเสียงนุ่มทุ้ม ผมเงยหน้าสบกับดวงตาคมกริบที่จ้องตอบมาเหมือนวิงวอน

            “เอ่อ...พี่พรต”

            “น้องพราน พี่ไม่เคยพูดแบบนี้กับใคร แต่คืนนี้...”


            “...”


            “มาช่วยพี่ตัดโมหน่อยครับ”



 



            ผมหันไปมองคนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกขำปนหมั่นไส้ ท่าทีของเขาตอนนี้กับตอนอยู่ที่คณะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง คล้ายกับภาพบรรยากาศของฟุตปาธในตอนนี้ซึ่งผมกำลังยืนรอข้ามถนนที่ช่างแตกต่างจากตอนกลางวันราวกับไม่ใช่ที่เดียวกัน ผมมองตามใบหน้าที่เงยหน้าขึ้นเหม่อมองป้ายโฆษณาอีกฟากหนึ่งของถนนเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง

             บางทีผมก็อยากรู้ว่ามีความซับซ้อนแบบไหนบ้างที่ประกอบรวมเป็นจิตใจของคนๆ หนึ่ง

            “มองอะไรน่ะ”

            เขาให้เวลาผมไม่ถึงหนึ่งนาทีในการแอบมอง

            “...เปล่าครับ”

            “หรือจะไม่ไปช่วยงานแล้ว เฮ้ย ก็เดี๋ยวช่วยโมเดลของนายไง”
             
             พี่พรตพูดด้วยท่าทีร้อนรนและทำสีหน้าเหมือนเดือดร้อนมากจริงๆ และพยายามคิดแล้วคิดอีกว่าจะรั้งผมไว้ยังไง ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางตีโพยตีพายของเขา ...ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าผมเป็นคนขี้เกรงใจและปฏิเสธรุ่นพี่ไม่ลง

            “พี่พรตครับ...ผมไม่ได้พูดสักคำเลยนะว่าจะไม่ไป”

            โดยเฉพาะกับคนตรงหน้านี้ ไม่รู้ทำไม แต่พอเขาพูดอะไรผมมักจะเผลอตอบตกลงทุกที

 




            สถานที่ทำโมเดลหรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘หอพัก’ ของพี่พรตนั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมาก ใช้เวลาเดินประมาณสิบห้านาทีก็ถึงแล้วล่ะครับ ถ้าเทียบกับบ้านผมคือสะดวกกว่ากันมากๆ ผมเคยขอแม่อยู่หลายครั้งแล้วว่าอยากอยู่หอ แต่เหมือนแม่ยังไม่ไว้ใจแถมพลูก็ไม่อยากให้ผมไปอยู่ไกลด้วย วันนี้เลยถือเป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่ผมจะได้ไปสัมผัสหอพักจริงๆ ของนักศึกษาสักที

            ผมมองเลข ‘702’ หน้าห้องระหว่างรอพี่พรตไขประตู ดูจากบรรยากาศภายนอกก็เป็นหอที่ใหม่สะอาดดี แต่เมื่อพี่พรตเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไปเท่านั้นแหละผมก็ต้องกลืนคำพูดตัวเอง

            “โห นี่อยู่กันกี่คนวะ เอ่อ...ครับ”

            พี่พรตหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของผม

            “แล้วคิดว่ากี่คนล่ะ”

            เขาหันมาถามเมื่อผมเดินไปถึงเตียงเดี่ยวซึ่งสภาพโคตรไม่เหมือนที่นอนของคน เพราะมันเต็มไปด้วยกองกระดาษร้อยปอนด์และแบบแปลนของบ้านที่มีรอยปากกาแดงและลายมือหวัดๆ ขีดอยู่หลายที่จนแทบดูของเดิมไม่ออก

            “คนเดียวครับ”

            ผมมองกองกระดาษบนเตียงอย่างปลงๆ แล้วเริ่มมองหาที่ว่างในห้องที่พอจะหย่อนก้นตัวเองลงไปได้ นอกจากกองร้อยปอนด์บนเตียงแล้วยังมีเศษซากโมเดลที่หลุดเป็นชิ้นๆ อยู่บนพื้นห้อง กระดาษร่างแบบที่ผ่านการร่างอย่างบ้าคลั่ง กองแผ่นรองตัดที่แทบจะปูแทนพรมบนพื้น และเศษกระดาษชานอ้อยที่ใช้ทำโมเดลเกลื่อนอยู่เต็มไปหมด  เรียกได้ว่าผมไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าห้องนี้สวยหรือไม่สวยยังไง

            เพราะแม่งโคตรรก

            ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีโมเดลที่ละเอียดประณีต และแบบที่เขียนอย่างสะอาดเรียบร้อย ถือกำเนิดขึ้นในห้องที่มีสภาพแบบนี้ได้

            “รอแปปนะ กางโต๊ะก่อน”

            พี่พรตพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกแล้วเดินไปหยิบไม้กวาดขึ้นมาจัดการเคลียร์พื้นที่โดยกวาดกองกระดาษ เศษโมเดลต่างๆ ให้ไปกองรวมกันอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างลวกๆ จากนั้นก็หยิบโต๊ะญี่ปุ่นที่ใหญ่พอสมควรมากางไว้ข้างหน้าผม ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ตัดโมเดลทั้งหลายมาวางให้อีกที

            ความจริงห้องนี้ก็ไม่ได้คับแคบอะไร ดูเหมือนอยู่กันได้หลายคนด้วยซ้ำ แต่เพราะกองขยะทั้งหลายทำให้มันดูเล็กกว่าที่ควรจะเป็น ผมมองหน้าใบหน้าได้รูปที่ใบพลูทั้งรักทั้งหลงของเจ้าของห้องแล้วหันกลับมาดูสภาพห้องด้วยความอเนจอนาถ ทำไมมันต่างกันได้ขนาดนี้วะ

            “ไหน ขอดูใบงานมึงหน่อย”

            พี่พรตทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ผมเลยส่งใบงานที่ได้ไปวันนี้ให้ดู และพี่พรตก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งกลับมาให้ผมรับไป

            “แลกกัน”

            ผมดูรูปสเก็ตช์ที่จะต้องกลายเป็นโมเดลอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ หนึ่งคือผมไม่มีประสบการณ์ ยังตัดโมไม่เป็นด้วยซ้ำ สองคือ ผมไม่ใช่คนคิด สามคือ ผมไม่มั่นใจฝีมือตัวเองเอาเสียเลย

            “อย่าคิดมากดิ”

            พี่พรตยิ้มให้อย่างใจเย็นแล้วหยิบดินสอ แผ่นรองตัด คัตเตอร์ กาวและกระดาษชานอ้อยมาวางไว้ให้ เขาดึงกระดาษร่างไปจากมือผมแล้ววางไว้ฝั่งหนึ่งของโต๊ะแล้วเอาใบงานของผมวางไว้คู่กัน จากนั้นก็เงยหน้ามองผม

            “เห้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวสอนทำโมให้”

            “ถ้าออกมาเละก็ช่วยไม่ได้นะ”

            ผมลองหยั่งเชิงดู เพราะไม่เคยทำมาก่อนจริงๆ

            “เออน่า มีเสร็จทันส่งพรุ่งนี้ก็บุญมากแล้ว”

            ทำไมมันฟังดูปลงตกแบบนี้วะ ผมเคยเห็นคำบ่นต่างๆ นานาในเฟซบุคของรุ่นพี่ที่เรียนสถาปัตย์มาหลายครั้งแล้ว พอได้มาเห็นสภาพจริงที่เป็นอยู่ตรงหน้านี้ถึงได้รู้เลยว่าคำบ่นพวกนั้นมันไม่ได้เกินความเป็นจริงเลยสักนิด

            “แล้วโทรบอกแม่ยัง”

            “บอกทำไมครับ”

            ...เดี๋ยวนะ ทำไมการมาช่วยงานพี่ต้องโทรบอกแม่ด้วยวะ ปกติกลับดึกนิดหน่อยแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

            “กูว่าคืนนี้อีกยาวเลยว่ะ”

            พี่พรตพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองผม เอาแต่นั่งง่วนอยู่กับการแก้แบบของตัวเอง เลยไม่ได้เห็นสีหน้าผมที่ชะงักไปนิดนึง แล้วค่อยๆ หยิบมือถือขึ้นมาไลน์บอกแม่

            ...เอาเหอะ ถือว่าช่วยพี่แล้วกันวะ

            “พี่พรต แล้วทำไมงานมันเร่งแบบนี้ล่ะ”

            “ก็ทำรับน้องไง”

            พี่พรตงึมงำตอบเหมือนติเริ่มไม่อยู่กับตัวแต่ไปลงกับแบบแทน เอาเป็นว่าผมจะสรุปเองแล้วกันว่าพี่ต้องใช้เวลาไปกับการต้องเตรียมกิจกรรมรับน้องทำให้ไม่มีเวลาทำงาน ถ้าเป็นเหตุผลนี้ก็ถูกต้องแล้วล่ะที่ผมควรจะมาช่วยทำงาน

            “เอ้า ตัดกระดาษสามคูณสี่เซนออกมาหกชิ้น”

            “ครับ”

            “เออๆ ใช้ใบดำอันนี้จะได้คมหน่อย ระวังมือด้วย”

            ผมกำลังจะหยิบไม้บรรทัดออกมาวัดแล้วตัดตามที่พี่พรตบอก แต่พี่พรตก็ยื่นคัตเตอร์ที่มีใบมีดสีดำมาให้ ซึ่งเป็นใบมีดที่คมกว่าคัตเตอร์ปกติมาก ทำให้กระดาษชานอ้อยที่แข็งกว่ากระดาษทั่วไปไม่ได้ตัดยากเย็นอะไร

            ผมนั่งตัดกระดาษไปเรื่อยๆ ตามคำสั่งแต่ละครั้งแล้ววางกระดาษที่ตัดเสร็จแล้วแยกไว้เป็นกองๆ มันก็ไม่ได้เนี้ยบอะไรมากมายแต่ทำนานพอควร

            “เฮ้ย นาย...อยากกินไรป่ะ จะไปต้มมาม่า”

            ผมละสายตาจากแผ่นรองตัดขึ้นมาพร้อมส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าไม่หิวแต่ที่อยากกว่ากินคืออาบน้ำครับ เหงื่อออกจนตัวเหม็นมากมาตั้งแต่ตากแดดเข้าแถวรอขึ้นห้องเชียร์ ถ้าให้อธิบายชัดกว่านั้นคือ ‘ตัวเมือก’ ครับ

            “อยากอาบน้ำมากกว่า”

            “เออ งั้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อเอาในตู้เลย กางเกงในใหม่ก็มี”

            พี่พรตตอบอบย่างส่งๆ ก่อนจะเดินไปต้มมาม่าที่โซนครัวของห้อง ส่วนผมก็ลุกขึ้นปัดเศษกระดาษออกจากตัวก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีสภาพดูดีกว่าห้องนิดหน่อยแล้วเลือกเสื้อกับกางเกงมาอย่างไม่เรื่องมาก ยังไงผมก็คงใส่ไซส์พี่พรตได้อยู่แล้วล่ะ

            แต่ระหว่างที่ผมกำลังคุ้ยกางเกงใหม่จากลิ้นชักล่างสุดอยู่นั้น ก็มีเสียงริงโทนมือถือที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ผมเลยรีบเดินไปดูบนโต๊ะเลยได้เห็นว่าโทรศัพท์ของพี่พรตกำลังสั่นอยู่

            “พี่พรต! มือถือดัง”

            “เออๆๆ รับให้หน่อย”

            ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบรับโทรศัพท์ให้ใครเพราะรู้สึกว่าเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเขามากไปหน่อย แต่สำหรับพี่พรตที่ตอบกลัยมาเหมือนไม่คิดอะไรมากแบบนี้ ผมเลยหยิบมือถือเขาขึ้นมาแล้วสไลด์รับสาย

            “ฮัลโหล?”

            ผมพูดไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่แล้วกลับได้ยินเสียงของผู้หญิงตอบกลับมา




            “พรตเหรอ มิวซื้อขนมมาฝากอ่ะ ลงมาหน่อย ตอนนี้รออยู่ข้างล่างหอแล้ว”





-----------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณนักอ่านที่ยังคิดถึงกันนะคะ
จริงๆ ไม่อยากจบแค่ตรงนี้เลย 555 แต่พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า เดี๋ยวมาต่อให้แน่ๆ ค่ะ
ขอบคุณค่า  :กอด1: :กอด1:
           
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-06-2015 01:34:16
 :pig4:  :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 14-06-2015 01:41:00
มีคนโทรมาน้องรับแบบนี้จะเกิดไรไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 14-06-2015 01:42:09
อยากให้เรื่อนี้ไม่มีผญ. 5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 14-06-2015 01:46:26
เมียมาน่ะพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 14-06-2015 03:49:17
แง้ ไม่อยากให้แฟนพี่พรตมาเลยอ่ะ
คือถ้าแฟนพี่พรตดูร้ายๆแบบเจ๊นั้นอ่ะ ยังจะยุให้เลิก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 14-06-2015 09:09:00
แฟนพี่พรตก็ดูเป็นคนดี แล้วจะฟินได้ตอนได้อ่าาาาา แงๆๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 14-06-2015 09:53:16
พรตแฟนมาแหนะ มีแฟนแล้วอย่ามาอ่อยน้องสิ   :m16:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 14-06-2015 09:53:43
อุ๊ย แฟนมา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 14-06-2015 10:24:35
 :hao7: :hao7: เอาแล้วไงจะมีการเข้าใจผิดอ๊ะเปล่านิ
พี่พรตอ่อยจังมาหาน้องพรานบ๊อยบ่อย555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 14-06-2015 11:11:34
คือมันยังไงๆเนี้ย  ตกลงมีแฟนแล้ว
แล้วแฟนชื่อมิว
คงต้องคอยดูกันต่อไปล่ะนะ
 :ling2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 14-06-2015 12:16:55
แฟนมาแล้วเเน่ะ อ่อยอยู่ได้ น่าหมั่นไส้จริงๆ
o13 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 14-06-2015 12:40:15
 :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 14-06-2015 13:04:07
จะเป็นไงต่อล่ะเนี่ย :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 14-06-2015 13:44:56
ตอนนี้ไม่คิดอะไรไม่เป็นไร
แต่ถ้าต่อไปคิดนี่..
สงสารแย่

นายพรานไปหาโอมดีกว่าาา พี่กันต์ก็ได้ กลับบ้านเลยลูกก
อย่าไปสนใจพี่พรตมัน !!
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-06-2015 14:30:51
อ้าว แฟนมาอ่ะ หวังมาคงไม่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นน่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 14-06-2015 18:49:24
รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-06-2015 20:01:27
จะสปาร์คกันยังไงล่ะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 14-06-2015 20:12:13
คนเขียนมาต่อเร็วเร็วๆ น้า/อ้อนวอนนนน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 14-06-2015 22:30:44
แฟนมาซะงั้น โหยยยยยย  จะรักกันยังไงเนี้ยะ
((((;゚Д゚)))))))
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 14-06-2015 23:10:37
มาต่อเร็วๆนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 15-06-2015 00:21:00
ไม่อยากจะนึกว่าจะเป็นยังไงต่อไป เฮ้ออออ พรานอย่ารักพี่พรตเลยยย ปล่อยพี่มันรักแฟนมันต่อไปเถอะ ไม่อยากเห็นใครเจ็บ //ดราม่าล่วงหน้า ฮาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 15-06-2015 18:07:59
พระเอกนี่ใช่พี่พรตรึเปล่าค่ะคุณนักเขียน..  :z3: :z3: :z3: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-06-2015 19:30:13
 :z6: ไม่เชียร์พี่พรตอ่ะบอกตรงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (50%) : P8 : 14.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 15-06-2015 23:17:14
ขึ้นชื่อว่าชะนีในนิยายวาย มัก..ไว้ใจไม่ได้ และเราจะคาดเดาอารมณ์และสถานะของเธอไม่ถูก555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 17-06-2015 02:01:56

:: CH9 (ครึ่งหลัง) ::




           ผมเดินลงบันไดไปจนถึงโถงรับแขกของหอพัก ใจหนึ่งก็แอบด่าพี่พรตว่าทำไมแฟนตัวเองมาไม่ลงไปรับเอง แต่อีกใจหนึ่งก็แอบตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้เห็นแฟนพี่พรตตัวจริงสักที เสียงในโทรศัพท์เมื่อกี้ไม่เหมือนพี่ขี้วีนคนนั้นเลยสักนิด

            เมื่อลงไปถึง ก็เจอกับผู้หญิงในชุดนักศึกษาคนหนึ่งกำลังยืนถือถือถุงขนมอยู่ในมือ ดูจากรองเท้าแล้วน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งที่อยู่คนละมหาลัยกับผม ดูจากสีหน้าและบุคลิกแล้วเหมือนเป็นคนค่อนข้างเรียบร้อยน่าคบอยู่พอควร และทันทีที่เธอหันมาเห็นผม ก็ยิ้มให้แล้วเดินมาหาทันที

            “รุ่นน้องพี่พรตใช่มั้ย”

            “ใช่ๆ มิวเป็นแฟนพี่พรตเหรอ”

            ผมขอถือวิสาสะพูดไม่มีหางเสียงเลยละกัน ยังไงก็คงอายุเท่ากันอยู่แล้ว ซึ่งเธอก็ยิ้มให้อย่างสดใส เรียกได้ว่าเป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วคนอื่นคงอยากจะยิ้มตาม

            “ใช่ จำเราไม่ได้เหรอ วันนั้นที่เธอบอกทางไปห้องน้ำไง”

            ฟังถึงตรงนี้ผมก็ถึงกับร้องอ๋อขึ้นมา ไม่น่าล่ะมิวถึงเห็นผมถือถังน้ำ

            “อ้อๆ จำได้แล้ว”

            “เอ้านี่ มิวซื้อขนมมาฝากพี่พรตกับนายพราน”

            เธอส่งถุงขนมมาให้ ในนั้นมีทั้งกล่องเค้ก คุกกี้ และขนมอีกสองสามอย่าง เยอะขนาดที่กินกันสองคนคงจะอิ่มได้เลยล่ะ ผมอดยิ้มในความโชคดีของผมไม่ได้ นี่มันเหมือนกับมิวรู้ว่าผมจะมาค้างกับพี่พรตเลยได้ซื้อขนมมาเยอะขนาดนี้

            “ขอบคุณมากนะ”

            “ไม่เป็นไรๆ ไปเถอะ มิวมาแค่นี้แหละ ขอให้งานเสร็จทันนะ”

            เธอโบกมือให้แล้วเดินออกจากหอพักไป ผมเลยก้มลงมองขนมในถุงอยู่พักนึง คนมีแฟนดีก็ดีแบบนี้แหละนะ จริงๆ ก็แอบตกใจนิดนึงว่าพี่พรตที่ชอบแกล้งคนนั้นจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วย ส่วนหนึ่งในใจผมก็ดีใจกับเขานะ แต่ส่วนอีกส่วนหนึ่งมันเหมือนใจหาย

            ...ใจหายอะไรวะไอ้พราน

            ผมสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆ ออกไปแล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดกลับห้องตามเดิม

 




            หลังจากหิ้วถุงขนมขึ้นมาบนห้องได้พักหนึ่ง พี่พรตก็เริ่มเปิดถุงเสบียงแล้วมองดูว่ามีอะไรที่พอจะประทังชีวิตได้ในตอนนี้ งานของพี่พรตเพิ่งเสร็จไปได้ครึ่งเดียวและมันก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว ถามว่างานเร่งขนาดไหนก็ต้องขอบอกเลยว่าเดือดมากพอควร

            “อ่ะ กินดิ”

            พี่พรตยื่นเค้กมาให้ ผมเหลือบมองแล้วเห็นว่ามันเป็นเค้กช็อคโกแลตซึ่งผมชอบพอดี แต่ด้วยมือที่กำลังจับกระดาษสองชิ้นประกบกันระหว่างรอกาวแห้งก่อนทำให้ไม่สามารถขยับตัวไปทำอะไรได้ทั้งนั้น

            “ให้กาวแห้งก่อน พี่พรตวางไว้ตรงนั้นเลยครับเดี๋ยวกิน”

            พูดจบผมก็ก้มลงไปมองชิ้นส่วนโมเดลในมืออีกครั้ง กาวพริตนี่จะบอกว่าแห้งช้าก็ช้านะ มันไม่ได้หยอดแล้วติดทันทีเหมือนกาวร้อน แต่ข้อดีของมันคือสามารถขยับได้นิดหน่อยระหว่างกาวยังไม่แห้ง เกิดว่าติดเบี้ยวก็ยังมีโอกาสเลื่อนให้มันตรง

            “ไม่กินตอนนี้เดี๋ยวหมดนะ”

            “เฮ้ย พี่พรตรอแปปดิ”

            “ไม่รอ กูหิวมาก”

            น้ำเสียงกวนตีนที่แสนคุ้นหูดังขึ้น ทำเอาผมถึงกับต้องละสายตาจากโมเดลที่ทำอยู่

            “ก็บอกว่าให้วางไว้งะ...อึก!!”

            ในจังหวะที่ผมกำลังอ้าปากเถียงอยู่นั้น เค้กคำโตก็ถูกยัดเข้ามาในปากเต็มแรง ทำเอาผมแทบจะงับเข้าไปไม่ทัน มือที่ทำโมอยู่ก็ยังปล่อยไม่ได้

            เชี่ยพี่พรตแม่ง...

            “ฮ่าๆๆๆๆ กินไม่พูดไม่จาแบบนี้ อร่อยอ่ะดิ”

            ผมมองกลับด้วยสายตาคาดโทษ อึดอัดชิบหาย จะด่าก็ยังด่าไม่ได้เพราะมีเค้กเต็มปาก จะเอื้อมมือไปทำร้ายร่างกายหรือชูนิ้วกลางสักหน่อยก็ทำไม่ได้เพราะกาวไม่แห้ง ผมเลยรีบเคี้ยวรีบกลืนเค้กในปากให้หมดโดยเร็วที่สุด

            “โอ้ย พี่พรตขำมากดิ”

             “ก็มากอยู่”

            ผมเลยปล่อยมือจากโมเดลที่กาวเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น แล้วแย่งช้อนในมือพี่พรตมาตักเค้กแล้วเอื้อมไปยัดเข้าปากคนตรงหน้าบ้าง และการหลบของพี่พรตนั้นทำให้เค้กเปื้อนหน้าของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

            “ฮ่าๆๆ รีบเช็ดนะเดี๋ยวสิวขึ้น”

            ผมได้ทีหัวเราะเยาะบ้าง รู้สึกเหมือนได้แก้แค้นแล้วสะใจไม่เบา

            “ทำเองเช็ดเองดิ นี่กูพี่มึงนะ”

            ...สายตาจริงจังนี่มันอะไรกันวะ

            ผมชักงงขึ้นมานิดหน่อยแล้ว เมื่อกี้เขายังแกล้งผมแต่พอผมแกล้งกลับบ้างกลายเป็นว่าเขาดูซีเรียสขึ้นมาทันที คนๆ นี้เป็นคนแบบไหนกันนะ บทจะแกล้งก็แกล้งชิบหายแต่แล้วประโยคถัดมาก็ทำบรรยากาศมาคุไปซะอย่างนี้

            พอเห็นท่าไม่ดี ผมเลยค่อยๆ เอื้อมมือไปปาดรอยเค้กออกจากหน้าของพี่พรตออกจนหมดก่อนจะชักมือกลับ แต่แล้วพี่พรตกลับหันมางับนิ้วผมอย่างรวดเร็ว

            “เฮ้ยย!”

            ...พี่แม่งเล่นเชี่ยไรวะ

            พอหันไปสบกับสายตาแปลกๆ ของตรงหน้าแล้ว ผมก็รีบดึงมือกลับมาแล้วหลบสายตาทันที เมื่อกี้อะไรวะ พี่พรตมองมาเหมือนจะขำ จะยิ้ม จะเยาะเย้ย หรืออะไรสักอย่าง แต่มันมีส่วนหนึ่งในแววตานั้นที่ผมไม่เคยเห็นและเป็นเหตุให้ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขาอีกเลย

           





:: [พรต] ::

 



            ...ตีสาม

            ผมยังคงนั่งตัดโมเดลคลอเสียงเพลงที่เปิดไว้คลายความเงียบ ยิ่งดึกยิ่งเดือดครับ เหมือนกับว่าพอเดือดแล้วทั้งผมทั้งพรานไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย ต่างคนต่างนั่งตัดนั่งประกอบไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้โมเดลผมก็ใก้ลจะเสร็จแล้วล่ะ เหลือแค่ติดหลังคาที่ผมโยนให้นายพรานทำก็จะมีงานส่งครบพรุ่งนี้แล้ว

            อีกนิดเดียวนั้น...เอาหน่อยเว้ยไอ้พรต!

            “ขอหลังคาหน่อยดิ”

            “...”

            “นาย...ขอหลังคา”

            “...”

            “เฮ้ย...นายพราน”

            ความเงียบที่ตอบกลับมาทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากงานแล้วมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามซึ่งตอนนี้ไม่ได้มองสบตากับผมแล้วเพราะมันสัปหงกคาแผ่นรองตัดอยู่แบบนี้...

            ...ใช่ครับ มันหลับ

            ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ที่อีกคนจะไม่ได้ร่วมฉลองการทำงานเสร็จในครั้งนี้ ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบโมเดลหลังคาที่เสร็จเรียบร้อยมาติดลงบนตัวโมเดลที่ผมทำ จับทิ้งไว้จนกาวแห้งก่อนจะนั่งชื่นชมผลงานของตัวเองอยู่สักพัก ผมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายโมเดลเป็นที่ระลึกก่อนที่มันจะกลายเป็นขยะในมืออาจารย์หลังจากการตรวจแบบ

            ระหว่างที่ผมกำลังหมุนโมเดลหามุมสวยๆ เพื่อถ่ายนั้น สายตาก็บังเอิญไปเห็นกลุ่มผมของคนที่สลบคาแผ่นรองตัด ผมมองแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง...มีอะไรสนุกๆ มาให้ทำอีกแล้ว

            ผมยกโมเดลของตัวเองไปวางไว้ข้างๆ แล้วค่อยๆ คลานเข้าไปหาคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง จากนั้นก็เริ่มกดถ่ายรูปรัวๆ ซูมหน้าบ้าง ถ่ายมุมเสยบ้าง โอกาสแบบนี้นานๆ ทีคงจะมีสักครั้งครับ เพราะงั้นน้ำขึ้นให้รีบตัก นายพรานหลับให้รีบถ่าย เผื่อวันเกิดมันจะได้มีรูปเด็ดๆ ไว้อวยพรบนไทม์ไลน์

            ระหว่างที่ผมกับลังหามุมเพื่อถ่ายนั้น มือผมก็เผลอไปโดนหน้ามันเบาๆ ทำเอาผมต้องรีบเก็บมือถือซ่อนไว้เมื่อเห็นมันเริ่มขยับ

            “อื้อ...”

            นายพรานส่งเสียงเหมือนรำคาญนิดๆ แล้วหันหน้าตะแคงไปอีกฝั่งหนึ่ง ทำให้ผมหมดโอกาสจะถ่ายเพิ่มอีก และผมจะไม่ตกใจอะไรเลยถ้าพรานไม่ขยับมือที่จับชานอ้อยย้ายไปวางบนโมเดล

            “เชี่ย!”

            เด็กสถาปัตย์นั้นรักโมเดลที่ยังไม่ได้ส่งอาจารย์ยิ่งชีพใครก็รู้ ผมเลยรีบเขยิบออกมาแล้วดึงโมเดลออกจากมือนายพรานโดยด่วน ก่อนจะหันกลับไปมองด้วยสายตาคาดโทษทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกคนไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วผมก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดแน่นเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง คนอะไร...ขนาดตอนนอนยังน่าแกล้ง

            เมื่อจัดแจงถ่ายรูปโมเดลเสร็จเรียบร้อย ผมก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งตรากตรำทำงานมาจนถึงตีสาม บิดขี้เกียจไปบิดขี้เกียจมาผมก็ก้มหน้ามองลูกมือที่หลับเป็นตายอยู่บนโต๊ะแล้วก็เริ่มคิด พรานมันคงจะเมื่อยพอกันนั่นแหละ

            ...พาเข้านอนดีมั้ยวะ

            คิดอย่างนั้นแล้ว ผมเลยกวาดของที่กองมั่วๆ อยู่บนเตียงให้ลงมาที่พื้น ตบๆ ฝุ่นที่เตียงนิดหน่อย จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะญี่ปุ่น ค่อยๆ ดึงตัวมันขึ้นมาจากกองกระดาษและแผ่นรองตัด แล้วอุ้มไปวางไว้บนเตียง ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวพรานไว้อย่างลวกๆ และกำลังจะเดินไปเก็บกวาดเศษโมเดลแต่ก็ดันเห็นคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมตั้งแต่เมื่อกี้เข้าซะก่อน

            ผมเลยตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วยกมือนวดเบาๆ ระหว่างคิ้ว ความสบายนี้คงทำให้เจ้าตัวคลายปมนั้นออกอย่างว่าง่ายจนผมเผลอยิ้มกับตัวเองอีกรอบ จากนั้นก็เริ่มแกล้งแอ๊บเสียงพูดกับมันอย่างดัดจริต ถ้าเพื่อนผมมาเห็นตอนนี้ต้องหาว่าทำงานจนบ้าไปแล้วแน่ๆ

            “โอ๋ๆๆ ทำไมตอนหลับว่าง่ายจังน้องนาย”

            “...”

            “วันหลังมาช่วยงานอีกเนอะ โอเคนะ”

            “...”

            “ถ้าน้องนายไปตื่นพี่จะถือว่าตอบตกลงน้า”

            “...”

            “ตกลงแล้วอ่ะดิ ฮ่าๆๆ”

            ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวคนหลับไม่รู้เรื่องจนยุ่งก่อนจะหัวเราะตัวเอง แม่งกูต้องบ้าไปแล้วจริงๆ แหละ ผมส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะญี่ปุ่น ปัดเศษกระดาษทั้งหมดลงพื้นเพื่อจะพับโต๊ะเก็บและใช้พื้นที่ตรงนั้นในการนอน แต่ก่อนจะได้เคลียร์โต๊ะผมก็เหลือบเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง

            ...ใบงานของพราน

            และมันเหมือนกับฝันร้ายเลยล่ะ ผมยืนนิ่งทั้งตัวอยู่สักพักเหมือนถูกสาป...เชี่ยแม่ง กูลืมเลยไปว่าพรานมีงานโมเดลที่ต้องส่งพรุ่งนี้ คืองานตัวเองเดือดไง ลืมไง และตอนนี้ยังไม่ได้ได้เริ่มไง และนี่ตีสามแล้ว และความชิบหายบังเกิด และคนที่ยังตื่นอยู่คือผม และสัดเอ๊ย คืนนี้กูคงจะไม่ได้นอนจริงๆ

 




            ...หรือว่านี่เป็นการใช้กรรมที่แกล้งมันไปเยอะวะ






---------------------------------------------------------------------------------------
เหมือนว่าหลายคนจะเริ่มไม่เชียร์นังพรตแล้ว :laugh:
รอดูกันต่อไปเนอะ

ชีวิตปิดเทอมตารางแน่นกว่าเปิดเทอมอีก จะพักผ่อน จะนอน จะโวยวาย
#จะเดือดกว่าพรตก็ฉันนี่แหละ ถถถถถถ

ขอบคุณคนอ่านค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 17-06-2015 04:34:49
55555555 ซวยไปนะพี่พรต แกล้งน้องไว้เยอะ ทำงานให้น้องเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-06-2015 06:18:35
น่ารักกกก  :mc4:

เรายังเชียร์พรตอยู่น้าา  :hao6:

แต่ว่ามิวล่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 17-06-2015 07:14:58
ถ้าพรตไม่มีมิว อะไรๆคงจะง่ายขึ้น
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 17-06-2015 07:59:38
รับกรรมไปนะพี่พรต
ดูท่าจะอีกนานกว่าจะรักกันอีพี่พรตดันมีแฟนอยู่แล้วไงแถมนิวก็นิสัยดีอีก
เพราะฉะนั้นเปลี่ยน พระเอกให้น้องพรานเลย :serius2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-06-2015 09:21:03
ดีทำงานแทนน้องไป ไม่ต้องนอน
บอกทีว่าพี่พรตไม่คิดอะไร แค่หลอกน้องมันมาช่วยงาน
แต่ใกล้ชิดกันบ่อย ๆ แบบนี้น้องพรานเริ่มคิดแล้วนะเว้ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 17-06-2015 10:44:07
พี่พรตขี้อ่อย
พี่พรตใจดีว่ะ จะทำงานให้ด้วย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 17-06-2015 10:54:23
อ่านเรื่องนี้ละชอบบบบบบบ
แต่ติดที่พี่พรตมีแฟนแล้ว.....
ตอนหน้าอยากให้อธิบายหน้าตาของพรานหน่อยค่ะคือจิ้นไม่ออกจริงๆ55555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-06-2015 11:28:03
จะว่าไงดี กรรมตามสนองแล้วพี่พรต แกล้งน้องไว้เยอะ เป็นไงล่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-06-2015 11:48:23
กรรมตามสนองนะคะพี่พรต ไม่น่ามีมิวเป็นแฟนเลย นิสัยมิวก็ดี เราเชียร์พรตพรานไม่ออกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 17-06-2015 12:11:51
 555555555555555555555555555555555555555

สงสารพรตเนอะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 17-06-2015 13:21:44
เชียร์พรตๆๆๆๆ   :hao7: :hao7: :hao7:
แต่ช่วยหาแฟนหล่อๆดีให้มิวด้วยน้าาา น้องจะได้ปล่อยพรตไปหาน้องพรานของเรา 555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 17-06-2015 13:47:26
เเล้วนางก็เผางานให้ เริศค่าาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 17-06-2015 14:31:02
 :mew1:  สมน้ำหน้านังพี่พรต 555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 17-06-2015 15:36:21
ยังเชียร์พี่พรตอยู่น้าาาาา เราว่ามิวต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ แบบแอบนอกใจไรยังงี้ //หาเหตุผลให้เลิกกันอยู่ เลยพยายามคิดในแง่ร้ายไว้ก่อนน //ถ้ามิสเป็นคนดีบางครั้งก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกนางนะ //คิดหนักเลยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-06-2015 15:37:15
แกล้งน้องดีนัก เป็นไงละ กรรมตามทันจ้าาาาาาาา :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 17-06-2015 16:49:37
เหมือนมิวจะชอบพราน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-06-2015 16:51:10
ขอยกมือขึ้น ไม่เชียร์พี่พรตจริงๆนะ

ไม่ปลื้มอ่ะๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-06-2015 18:33:17
แกล้งเค้าไว้ ทำงานเลยพรต ตีสามพรุ่งนี้น้องเรียนกี่โมง ส่งงานกี่โมง
ทำให้ทันด้วย สมน้ำหน้าแกล้งน้องดีนัก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 17-06-2015 21:21:12
สมน้ำหน้า !
 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 17-06-2015 21:44:20
มันจะเชียร์ไม่ออก เพราะมิวออกจะเป็นคนดีนี่แหละนะ :hao4: :hao4: :hao4:
แต่ว่าโมเดลจะเสร็จทันไหมนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-06-2015 21:48:12
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 17-06-2015 22:06:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 18-06-2015 19:52:30
 น้องพราน :man1: :man1: พี่พรต  o18
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 19-06-2015 00:20:46
สนุกมากจ้า
เพื่อนสนิทอยู่ภาคถาปัตหลักเหมือนกันเข้าใจเลยว่าเดือดที่แท้จริงเป็นยังไง555
เราอ่านพลาดไปตรงไหนรึเปล่า ไม่เข้าใจคำว่าไลน์บางคำในเรื่อง มันไม่ได้หมายถึงแอพไลน์ใช่ปะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 19-06-2015 00:24:06
รออ่านต่อครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 19-06-2015 01:36:10
ชอบมากมากมากมาก เป็นกำลังใจให้น้า :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 19-06-2015 12:56:42
มาบวกเป็ดให้ครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 19-06-2015 23:02:18
ใครจะจีบใครล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน9 (100%) : P9 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-06-2015 19:02:07
จะไปรักกันยังไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 21-06-2015 02:16:33


::: CHAPTER 10 :::



           

            “เฮ้ยพราน พี่พรตตัดโมให้มึงเลยเหรอวะ”

            ผมหันไปมองตามเสียงทักของไอ้โอมแล้วพยักหน้าอย่างเหนื่อยๆ วันนี้เรียนตอนบ่ายแต่อาจารย์นัดให้มาส่งงานตั้งแต่เก้าโมง และที่แย่ไปกว่านั้นคือถ้าเกินจากเก้าโมงตรงไม่ว่าจะครึ่งนาทีหรือสองวินาทีก็ตาม อาจารย์จะล็อกหน้าต่างห้องส่งงานทันที ซึ่งนั่นหมายความว่างานที่มาส่งไม่ทันจะถูดตักเกรดเป็นเอฟไปเลย และกฎข้อนี้เลยทำให้ทุกคนเรียนรู้ว่าต้องวิ่งขึ้นมาหน้าห้องก่อนเวลาอย่างน้อยสิบนาทีเพราะต้องเผื่อเวลาต่อคิวส่งงานกับเพื่อนที่มาในเวลาเดียวกัน

            ไม่แปลกเลยที่จะเห็นเด็กปีหนึ่งหลายคนใส่เกียร์หมาวิ่งลงจากแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์และตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องส่งงาน เสียงฝีเท้าหนักๆ หลายสิบคู่ดังจนผมอดกลัวไม่ได้ว่าพื้นไม้อายุหลายสิบปีของคณะจะพังลงสักวัน

            และเท้าของผมก็คงร่วมเป็นหนึ่งในสาเหตุของการพังนั่นแหละ

            ณ จุดนี้ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้ำสักหยด เอาจริงๆ คือผมยังไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟัน ล้างหน้า หรืออะไรที่ควรจะทำในตอนเช้าเลยครับ คงไม่ต้องถามเหตุผลนะ

            “ทำไมพี่พรตดีกับมึงจังวะ”

            ประโยคนี้ทำเอาผมถึงกับต้องหันขวับ

            “ดีเชี่ยไรล่ะ กูไปนั่งตัดโมให้ทั้งคืน”

            “เห้ยย พี่เค้าเรียกมึงไปเลยเหรอ”

            “เออไง”

            ผมส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของไอ้โอม ปกติแล้วก่อนจะประกาศน้องรหัสผมก็ไม่คิดว่าจะมีการเรียกช่วยงานอะไรหรอกนะ แต่เอาเถอะ ถือเป็นประสบการณ์ตัดโมครั้งแรกที่เล่นเอาหลับคางานละกัน ยอมรับว่ารู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มคลุม และยังสงสัยอยู่ตอนนี้ว่าคนอย่างไอ้พี่พรตเนี่ยนะจะลำบากยกผมขึ้นมานอนบนเตียงให้ แล้ว...

            ...โมเดล!

            ความคิดที่สองหลังจาก ‘กูมานอนบนเตียงได้ยังไง’ คือ ‘โมเดลกูล่ะ!’ ตอนนั้นหัวใจผมเต้นแรงและเร็วมากเท่าที่หัวใจดวงนึงจะทำได้ จนกระทั้งได้เห็นโมเดลบ้านหลังน้อยที่หน้าตาเหมือนในใบงานวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ ความรู้สึกมันเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยล่ะครับ จากนั้นผมแทบพุ่งเข้าไปสำรวจผลงานและพบว่ามัน...ห่วย!

              จะพูดว่าห่วยก็อาจแรงไป แต่สภาพที่ผมเห็นคือมันไม่เรียบร้อยเอาซะเลย บางรอยต่อยังมีรอยกาวเลอะอยู่ ไม่ใช่ว่าผมเรื่องมากนะ แต่งานโมเดลของพี่พรตเองมันดูดีกว่านี้ เอาเถอะ ยังไงผมก็เผลอหลับไปเองล่ะ พี่เขาทำให้แบบนี้ถือว่าเป็นพระคุณมากแล้ว

            ถัดจากโมเดลก็มีกระดาษชานอ้อยที่ตัดเป็นแผ่นเอาไว้พร้อมกระดาษโน้ตที่มีลายมือรีบๆ ซึ่งเชื่อว่าเขาคงเขียนไว้วินาทีสุดท้ายก่อนออกจากห้องไปส่งงาน ผมเลยหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งสายตาอ่าน

            ‘อย่าลืมเขียนชื่อ กูไม่รู้รหัสนิสิตมึง’

            ความเป็นห่วงของพี่พรตทำเอาผมยิ้มออกมา คนๆ นี้จะว่าไปก็ใส่ใจดีเหมือนกัน ผมเลยขอแอบบวกคะแนนความประทับใจให้พี่พรตหนึ่งแต้ม ก่อนจะทรุดลงนั่งคัดลายมือเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษที่ตัดไว้ แล้วค่อยเอาไปลงบนฐานโมเดล เป็นอันเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง

             ผมหยิบโมเดลและกำลังจะลุกไปหาอะไรกินก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาปลุกที่โต๊ะเล็กๆ ด้านข้าง ผมเห็นเขาตั้งเวลาไว้ที่แปดโมงและกำลังแอบชื่นชมอยู่ในใจว่าอาจบวกคะแนนความใส่ใจให้อีกหนึ่งแต้ม ถ้าไม่ติดว่าเข็มนาฬิกามันชี้ที่แปดโมงครึ่ง

            ...ชิบหายละ คือกูส่งงานเก้าโมงไง!

             เชี่ย พี่พรตแม่ง...ลืมเปลี่ยน พีเอ็มเป็นเอเอ็ม!!

            หลังจากนั้นก็ไม่ต้องเดาเลยครับ ผมไม่ทำอะไรเลยนอกจากเปลี่ยนเสื้อ คว้ากระเป๋า ถือโมเดลแล้ววิ่งสุดฝีเท้าตั้งแต่ออกจากห้องพี่พรต ขึ้นบีทีเอส วิ่งมาตลอดทางจนถึงมหาลัย ตอนนี้ไม่สนว่าใครจะมองไม่มองแล้วล่ะครับ ขอกูอย่าเอฟเป็นพอ

            และนี่คือสาเหตุของสภาพที่เหมือนไปฟัดกับหมาตั้งแต่เช้า

            “ฮ่าๆๆ ปากมึงเหม็นว่ะพราน”

            ไอ้โอมเหมือนจะสังเกตเห็นสภาพเน่าๆ ของผมก่อนจะได้ขอสรุปมาแบบนี้ โอเค ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันว่ะ รู้สึกได้ถึงแบคทีเรียที่เริ่มเจริญเติบโตมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น

            “เออๆ งั้นกูไปแดกข้าวแปป”

            “ไม่แปรงฟันหน่อยเหรอมึง”

            “ไม่ว่ะ ไม่มีแปรง”

            “...”

            “แต่อย่างน้อยปากก็จะได้เป็นกลิ่นข้าวแกงแทนกลิ่นแบคทีเรีย”




 

 
            ทั้งการส่งงานทั้งวิชาสตูดิโอวันนี้ผ่านไปอย่างเหน็ดเหนื่อยเหมือนพลังชีวิตของผมถูกดูดออกจากร่างไปหมด ทั้งโปรเจกต์จริงจังชิ้นแรกของเทอมที่เพิ่งได้รับมอบหมายมาก็ดูจะยากเหลือเกิน ขนาดห้องเชียร์ยังไม่สามารถเอาชนะความเหนื่อยของผมได้เลยครับ ผมยืนอย่างเนือยๆ จนพี่ปล่อยกลับนั่นแหละ นี่ตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปนอนด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่า...

            “น้องพราน!!! ไอ้พรต น้องพรานลงมาแล้วๆๆ”

            เอาแล้วครับ ทันทีที่ก้าวเท้าลงมาเหยียบบริเวณโรงอาหารก็เห็นกลุ่มเพื่อนพี่พรตนั่งจ้องเหมือนรอให้ผมลงมาตลอด และสมาชิกที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มพี่พรตคือมิวที่นั่งอยู่ท่ามกลางวงนั้น

            “อ้าวนาย ส่งงานทันป่ะ”

            พอเห็นผมลงมา พี่พรตก็รีบถามขึ้นทันที

            “เกือบไม่ทันครับ”

            “อ้าว ได้ไงวะ กูตั้งไว้แปดโมงเลยนะ”

            ทำไมพอเห็นสีหน้าเหลอหลาไม่รู้เรื่องรู้ราวของพี่พรตตอนนี้ผมกลับรู้สึกอยากยกตีนไปประทับมากกว่าจะขอบคุณที่ทำงานให้เสียอีก

            “พี่พรตตั้งไว้เป็นพีเอ็ม”

            และคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้ทุกคนในกลุ่มระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

            “ฮ่าๆๆๆ ไอ้สัดพรต”

            “มึงมันโง่”

            “ด่ามันเลยน้องพราน”

            แหม ผมก็อยากด่าเขาเหมือนกันล่ะครับ ถ้าไม่ติดว่าเขาทำงานให้จนเสร็จ

            “เฮ้ย พวกมึงหยุดเลย ก็เดี๋ยวกูพาน้องไปเลี้ยงข้าวไง”

            ...ฮะ?!? พี่พรตเนี่ยนะ?

            “มึงจ่ายเองนะเว้ยไอ้พรต ไม่ใช่ให้พวกกูแชร์”

             “เออๆๆๆ ก็น้องช่วยงานกูคนเดียวไง”

            ผมที่ยังคงรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้า ผมไปช่วยพี่พรตตัดโมแล้วเขาก็ทำงานให้ผม นั่นไม่ได้ถือว่าหักล้างบุญคุณกันไปแล้วเหรอวะ เอาจริงๆ ผมติดหนี้มากกว่าด้วยซ้ำเพราะผมแค่ช่วยส่วนหลังคา แต่พี่พรตทำโมของผมทั้งหมด

            “มิวเลือกร้านให้แล้ว เป็นอาหารญี่ปุ่นนะ”

            “พรานกินได้หมดแหละ”

            ผมหันไปพูดกับมิวเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดินเข้ามา ร้านที่มิวเลือกมานั้นก็อยู่ในห้างที่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก ซึ่งถือว่าโอเคเลยล่ะ





 

            เมื่อเลือกร้านได้แล้ว พวกเราก็พากันเดินไปจนถึงร้านอาหาร ร้านที่มิวเลือกมาก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงและราคาก็พอสมควรอยู่ ผมเลยพยายามเลือกสั่งเมนูที่เป็นอาหารจานเดียวเช่น ข้าวหน้าหมู ข้าวหน้าเนื้อ ถึงจะเห็นว่าซาชิมิน่ากินกว่ามากก็ตาม...เอาเถอะ ตอนนี้ขอเห็นใจคนเลี้ยงก่อน แล้วค่อยมากินอีกทีกับแม่หรือชวนพลูมากินก็ได้วะ

            พูดถึงพลูแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกที่บ้านเลยว่าจะไม่กลับไปกินข้าวเย็น ผมเลยรีบเปิดโปรแกรมแชทเพื่จะพิมพ์หาน้องสาว

            แต่กลายเป็นว่ามีข้อความจากใบพลูส่งมา

            และกลายเป็นผมที่ต้องลุ้นจนตัวโก่งว่าใบพลูจะถามอะไรผมอีกรึเปล่า เพราะช่วงนี้ดูเธอจะคลั่งไคล้ไอ้พี่พรตมากเป็นพิเศษ ชมแล้วชมอีก ส่งมาแต่ละทีไม่เคยหลุดหัวข้อของคนๆ นี้สักครั้ง

            และครั้งนี้ก็เช่นกัน

            ‘พลูรู้นะว่าพี่พรานไปกินกับพี่พรต’

            ‘เซลฟี่มาให้หน่อยดิ’

            ...โอ้โห งานเข้าแล้วกู

            แต่เอาก็เอาวะ ยังไงก็ถือว่าผมไม่ได้บอกพลูก่อนและเห็นแก่ความทุ่มเทแรงใจติดตามพี่พรตมาตลอดเหมือนไอ้คนตรงหน้านี่มันเป็นไอดอล ซึ่งผมในฐานะพี่ชายถ้าน้องสาวอยากจะให้ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ที่จะเก็บไปเป็นความสุขได้ในอีกหลายวันข้างหน้า ผมก็คงไม่ปฏิเสธที่จะทำหรอกครับ

            ถึงหน้าตาผมวันนี้จะไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ก็เหอะ

            ผมเลยปิดหน้าจอมือถือและเงยหน้าขึ้นมามองพี่พรตที่กำลังฟังหนักงานทวนรายการอาหารอยู่ จนในที่สุดพอพนักงานเดินออกไปแล้วผมเลยถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองราวกับจะไปออกรบ มองดูแล้วจำนวนคนในโต๊ะตอนนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ทั้งมิว ทั้งพี่กันต์และเพื่อนกลุ่มพี่พรต จะให้เซลฟี่เลยก็ยังไงอยู่ เอาเป็นว่าผมขอใช้โอกาสระหว่างนั่งรออาหารละกันวะ!

           

            “พี่พรตครับ”

            “...?”

            “ออกไปกับผมหน่อยดิ”




---------------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้อาจต้องขออนุญาตอัพทีละ 50% นะ มีกิจกรรมของคณะที่ต้องทำอยู่ค่ะ  :sad4:
+ไม่มีเวลาตอบคอมเม้นท์เลยง่ะ ถ้ามีเวลามากกว่านี้จะพยายามตอบนะคะ

ได้รับกำลังใจมากมายจริงๆ ขอบคุณค่า  :-[

ปล.ถ้าใครเอาไปฟินต่อหรือคอมเม้นอยู่ในทวิต ติดhashtagด้วยน้าา ตั้งแต่เขียนเราก็เข้าไปดูแทคบ่อยมากๆ ตื่นเต้นน อยากรู้feedback55555


ปล2. คำว่า 'ไลน์' ที่เป็นกิริยา(ที่ไม่ใช่โปรแกรมไน์)  แปลว่าส่งต่อเป็นแถวนะ เช่น ไลน์น้ำ คือการส่งน้ำต่อไปเรื่อยๆ ตามแถว เป็นวิธีที่เวิร์คมากถ้าต้องขนของเยอะๆ อาจให้เพื่อนช่วนไลน์ คือยืนเรียงแล้วส่งต่อๆ กัน ทำเป็นทีมเวิร์ค จะประหยัดแรงขึ้นเยอะ ไม่ต้องเดินไป-กลับทุกคน ไม่ต้องถือหนักนานๆ ด้วยค่ะ 

(ขอบคุณ คุณycrazy ค่ะ ช่างสังเกตมากๆ เราลืมไปเลยว่าควรอธิบายคำนี้เพิ่มเติม)
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 21-06-2015 05:30:32
55555555 พี่พรต ดีนะที่พรานตื่นไปส่งทันอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-06-2015 06:32:37
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 21-06-2015 07:44:18
มันร้าย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 21-06-2015 08:30:35
แหมม
เล่นแบบนี้เลย
55555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 21-06-2015 08:49:34
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-06-2015 09:01:50
นายพราณรักน้องสาวจังเลยนะนี่
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 21-06-2015 10:13:15
โอ้มาต่อแล้ววววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 21-06-2015 11:08:22
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 21-06-2015 13:28:56
พึ่งได้อ่านค่า สนุกมากดลย แต่แอบงงกับนิสัยของพรตนิดนึง 55 เหมือนเป็นคนสองบุคลิกเลย..

รออ่านตอนต่อไปนะคะ นายพรานน่ารักกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 21-06-2015 14:11:27
พี่พรตคิดไรกะน้องป่ะเนี้ยะะะะ 
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 21-06-2015 14:18:56
พรานนนน  หมักหมมอะ..... :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 21-06-2015 14:53:25
ไม่มีความคืบหน้าเลยอะคู่นี้้ :a5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 21-06-2015 20:24:16
เมื่อไรจะรักกัน.....

 :a5: :a5: :a5:

 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-06-2015 20:29:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-06-2015 20:32:01
เราเชียร์ไม่ค่อยออกเลย คือมิวก็ดี ฮือออออออออออออ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 21-06-2015 22:00:40
จะมารักกันอีท่าไหนหว่า :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 21-06-2015 22:22:09
ถ้าจะรีบขนาดไม่แปรงฟันนะ..

รอตอนต่อไปป
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (50%) : P10 : 21.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 22-06-2015 01:50:49
ขอถ่ายรูปหน่อยครับ
เซลฟี่ด้วยนะหนู ถ่ายคู่ ไม่ใช่ให้พี่เค้าเซลฟี่หน้าตัวเอง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 27-06-2015 03:09:02
::: CHAP10 100% :::


         ผมลุกขึ้นแล้วดึงข้อมือพี่พรตออกจากร้านไป ค่อนข้างโล่งใจหน่อยที่อีกฝ่ายเหมือนจะเดินตามมาโดยดีแบบไม่เล่นตัวอะไร ผมเลยลากมาถึงซอกทางเดินเข้าห้องน้ำ มองซ้ายมองขวาเพื่อเช็คว่าจะไม่เป็นเป้าสายตาของใคร คนน้อยดีและเป็นจุดที่ผู้ชายสองคนมาเซลฟี่กันแล้วไม่แปลก
         ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วส่งให้คนข้างๆ แต่พอหันไปหาแล้วกลับเห็นว่าสายตาเขาไม่ได้จับจ้องมาที่มือถือผม แต่กลับก้มหน้ามองอะไรไม่รู้พร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ ผมจึงไล่สายตามองตามเข้าและพบว่า
         ...ผมยังจับข้อมือเขาอยู่
          “เอ่อ...”
         พอรู้ตัวผมเลยรีบปล่อยข้อมือเขาออกเหมือนจับของร้อน แต่แล้วกลับโดนมือที่ใหญ่กว่าข้างนั้นคว้าไว้ทันทีพร้อมแรงจับที่แรงมากจนผมไม่คิดจะดึงออก
         มันให้รู้สึกแปลกๆ
         ถึงมือของเขาค่อนข้างหยาบตามธรรมชาติของมือผู้ชาย แต่มันกลับมีบางอย่างที่รู้สึกว่าจับเพลิน เหมือนพอดีกับมือของผมมากจนรุ้สึกอยากจับต่อไปเรื่อยๆ ให้ตายเหอะ...ผมไม่เคยจับมือใครแล้วติดลมแบบนี้เลย
         “เซลฟี่ใช่ป่ะ”
         ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยจนถึงขั้นยืนเหม่อไม่รู้สึกตัว เสียงของคนข้างๆ ก็ช่วยเรียกสติผมกลับมาที่สถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
         “เฮ้ย ทำไมพี่พรตรู้อ่ะ”
         “ก็ใบพลูส่งไลน์มา”
         พี่พรตตอบหน้าตาเฉยขณะที่ผมแอบขมวดคิ้วให้กับความยุ่งยากของน้องสาวตัวเอง ก่อนจะใช้มือข้างที่ถือโทรศัพท์อยู่กดเปิดกล้องแล้วยื่นออกไป คงต้องรีบทำอย่างรวดเร็วเฉียบขาดเพื่อจะได้ไม่ผิดสังเกต เพราะแม่งโคตรน่าอาย ผมกดเซลฟี่รัวๆ เผื่อไว้หลายรูปและกำลังจะเก็บมือถือลง
         “เฮ้ยๆๆ แค่นี้เรียกเซลฟี่เหรอ”
         “เออไง”
         ไอ้พี่พรตเองก็เรื่องมากใช่เล่น เซลฟี่คือถ่ายหน้าตัวเองที่ติดหน้าพี่พรตเฉยๆ ไม่ใช่เหรอวะ
         “เอามานี่ กูถ่ายเอง”
         พูดจบพี่พรตก็เขยิบเข้ามายืนใกล้ผม ย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วจู่ๆ ก็ยื่นหน้าเข้ามาชิดจนแก้มของเราชนกันหน่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเอาขนนกเส้นละเอียดมาวางไว้ข้างผิวหน้า และผิวสัมผัสนั้นทำเอาผมต้องเป็นฝ่ายยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่
         ผิวของพี่พรตเนียนกว่าคิดไว้มาก และความร้อนที่แตะกันอย่างแผ่วเบาชั่วขณะหนึ่งก็ทำให้ผมแยกไม่ออกว่ามันมาจากใบหน้าของผมเองหรือของเขา
         “พราน”
         “อะไร”
         เสียงของพี่พรตทำให้ผมเรียกสติคืนได้อีกครั้ง ช่วงนี้ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ มีความรู้สึกแปลกใหม่อยู่หลากหลายแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน และไม่รู้จะจัดมันเข้าหมวดความรู้สึกที่ดีหรือไม่ดี
         “เดี๋ยวกูส่งให้พลูเอง”
         อ้าว...ผมหันมามองโทรศัพท์ของตัวเองที่ยังถือไว้ในมือ...เมื่อกี้พี่พรตลงทุนขนาดใช้กล้องมือถือของตัวเองเลยเหรอวะ และพี่พรตก็ไม่ปล่อยให้ผมอ้ำอึ้งอยู่นานนัก เขาออกแรงดึงมือที่จับไว้เพื่อให้ผมเเดินกลับไปที่ร้านอาหารพร้อมกัน แต่ทันทีที่เข้าใกล้ร้านอาหารนั้นเขาก็ปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปยังที่นั่งข้างๆ มิว

         ทิ้งให้ผมก้มลงมองมือขวาของตัวเองด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
   



         หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย กลุ่มพี่พรตก็มายืนรวมตัวกันอยู่นอกร้าน พี่กันต์กับเพื่ออีกหลายคนซึ่งผมยังทำความรู้จักไม่หมดจะกลับบีทีเอสพร้อมกัน และมีบางคนรวมถึงพี่พรตที่อยู่ต่อ ส่วนผมนั้นต้องลงไปซื้อของในซุปเปอร์ให้แม่ก่อนเพราะแม่เกิดอยากกินคุกกี้ขึ้นมา ผมที่อยู่นอกบ้านพอดีเลยต้องรับหน้าที่ซื้อของส่งส่วยไปโดยปริยาย
         “พรต พวกูกลับก่อนนะ อย่าชวนน้องมิวเที่ยวเพลินล่ะ”
         “ไม่หรอกๆ เดี๋ยวมิวกลับแล้วเหมือนกัน”
          คำปฏิแสธของมิวทำเอาผมเลิกคิ้ว นึกมาตลอดว่าพี่พรตคงตั้งใจไปเที่ยวกับแฟนเลยพามากินข้าวด้วย แบบนี้แสดงว่ามิวเลิกเรียนเสร็จต้องเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อกินข้าวมื้อเดียวเนี่ยนะ อะไรจะเป็นคู่รักลงทุนขนาดนั้น เหมือนยอมเดินทางไกลเพื่อได้เจอสักชั่วโมงก็ยังดี
         “วันนี้กูมีธุระต่อน่ะ ไปละ”
          พี่พรตอธิบายเหมือนไม่คิดอะไรมากก่อนจะโบกมือให้เพื่อนทั้งกลุ่มแล้วเดินแยกออกจากกลุ่มไป วันนี้รู้สึกว่าพี่พรตดูลนลานตั้งแต่ช่วงสิบห้านาทีที่แล้ว ขนาดมิวที่ปกติจะห่วงกันมากกลับโบกมือลาอย่างง่ายๆ โดยไมพูดอะไรยืดยาว
         “น้องพรานล่ะ”
         “เดี๋ยวจะลงไปซื้อของให้แม่ครับ พี่ๆ กลับไปก่อนได้เลย”
         “โอเค งั้นกลับดีๆ ละกัน”
          ได้ยินแบบนี้กลุ่มพี่ก็พยักหน้ารับรู้ แล้วทยอยกันเดินออกไปพร้อมมิว
          เมื่อทุกคนกลับไปแล้วผมก็เดินเลี้ยวไปห้องน้ำ คนที่มีระบบขับถ่ายดีอย่างผม กินข้าวเย็นไปเยอะขนาดนี้แถมยังเดินต่อทันที จะให้เก็บไปปล่อยที่บ้านก็คิดว่าคงไม่ทัน ปกติแล้วผมจะพยายามอั้นไว้เพราะคนอื่นจะได้ไมต้องรอ แต่ยังไงวันนี้คนอื่นก็กลับไปแล้วขอใช้โอกาสสักหน่อยละกัน
         ผมใช้เวลาสิบนาทีก่อนจะกลับออกมาจากประตูห้องน้ำและกำลังจะเดินไปทางบันไดเลื่อนเพื่อลงไปซื้อของที่ซุปเปอร์ แต่แล้วผมก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อได้เห็นคนที่ไม่คิดว่าจะยังอยู่

         ...พี่พรต

         ที่ผมต้องหยุดไม่ใช่เพราะตัวเขาหรอกครับ แต่ประเด็นคือ...พี่พรตกำลังอยู่กับใคร
         ผมมองหน้าตายิ้มแย้มที่กำลังพูดคุยปนเสียงหัวเราะของพี่พรตกับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจทันทีว่าจะไม่เดินเข้าไปทักโดยเด็ดขาด ผมถอยออกไปอีกสองสามก้าวให้รู้สึกปลอดภัยจากการมองเห็นมากขึ้นทั้งที่ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นคนทั้งคู่ก็ไม่มีทีท่าจะสังเกตหรือใส่ใจอะไรกับสิ่งทีเกิดขึ้นรอบตัวเลย พี่พรตยังยิ้มและคุยเหมือนเดิม คราวนี้ผมเริ่มสังเกตเห็นว่าในมือข้างหนึ่งของเขากำลังถือถุงกระดาษแบรนด์เนมใบใหญ่อยู่
         จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เอื้อมมือไปควงแขนพี่พรตเล่นทั้งๆ ที่ยังยืนอยู่เฉยๆ และแกว่งไปมาเหมือนกำลังอ้อนอะไรอยู่ ผมกวาดสายตาสำรวจผู้หญิงคนนี้ทันที เธอไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแต่ใส่เดรสเข้ารูปสีเรียบยาวเหนือเข่า กระเป๋าที่สะพายอยู่นั้นดูออกได้ทันทีว่าเป็นแบรนด์เนม การแต่งตัวถือว่าอยูในระดับที่เรียกว่าดูดีมาก เมื่อรวมกับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ลิปสติกสีสดและกริยาแฝงด้วยจริตของผู้หญิงแล้ว ถือว่าเธอ ‘เปรี้ยว’ ไม่เบา
         ระหว่างที่กำลังสังเกตท่าทีอยู่นั้น จู่ๆ พี่พรตก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นจากกระเป๋าก่อนจะทำท่าเหมือนขออนุญาตจากผู้หญิงคนนั้น แล้วหมุนตัวเดินตรงมาทางผม!

         ...เชี่ย

         ผมรีบเหวี่ยงตัวเข้าไปหลบหลังผนังที่เป็นทางเลี้ยวหักมุมก่อนถึงห้องน้ำ และเหมือนพี่พรตจะเดินมาได้ใกล้กับตำแหน่งของผมเหลือเกิน ขนาดที่ว่าผมได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน...นี่ถ้าพี่เขาเดินมาอีกสองก้าวแล้วหันมาทางซ้ายก็คงจะเห็นผมยืนกลั้นหายใจอยู่แน่
         “ไม่เอาน่ามิว พี่บอกแล้วไง”
          ชื่อ ‘มิว’ ที่ได้ยินนั้นทำให้ผมยิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าคุยโทรศัพท์กับแฟนตัวเองแต่ต้องหลบขนาดนี้แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ธรรมดา
         “วันนี้พรตติดธุระจริงๆ ไว้วันหลังเนอะ”
         “...”
         “ก็...ตอนนี้พรตมาหาหมอน่ะ พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบาย”
         นี่ถ้าไม่ติดว่าผมยังคุมสติตัวเองได้ คงออกไปชี้หน้าด่าพี่พรตแล้วล่ะ ทำไมต้องโกหกมิวถึงขนาดนี้เลยล่ะ
        “พรตไม่เป็นไรจริงๆ เลยไม่อยากให้มิวเป็นห่วง”
         ...และคนที่พูดว่า ‘จริงๆ’ มากกว่าครั้งเดียว มักจะพูดไม่จริง
         “ครับๆ คราวหน้านัดใหม่เนอะ”
         ผมได้ยินเสียงพี่พรตยัดโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าคงมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้แน่นอน
         เมื่อเสียงฝีเท้าของพี่พรตค่อยๆ ไกลออกไปแล้ว ผมจึงออกมาจากที่ซ่อนโดยอาศัยปะปนกับกลุ่มคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ ผมค่อยๆ เดินเข้าไปในระยะที่จะสามารถได้ยินบทสนทนาของพี่พรตกับผู้หญิงคนนั้น
         “เมื่อกี้คุยกับใครน่ะ”
         “อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ แม่โทรมาเฉยๆ”
          คำตอบนี้ทำเอาผมขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
         “งั้นเราไปช็อปกันต่อเถอะค่ะ”
          ผู้หญิงคนนั้นใช้สองมือจับแขนพี่พรตอย่างออดอ้อนพร้อมกรีดรอยยิ้ม และพี่พรตก็ยังหันไปยิ้มกับเธออย่างอ่อนหวาน
         “ได้ครับ”
         เมื่อคนทั้งคู่เดินจากไปแล้วผมจึงผ่อนลมหายใจยาวๆ ที่หนึ่ง เอนหลังทิ้งน้ำหนักตัวลงบนผนังอย่างอ่อนแรงก่อนจะหลับตาลงเพื่อตั้งสติเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

         พี่พรตที่ผมรู้จักเป็นคนแบบไหน? เป็นพรตปีหนึ่งหรือพี่พรตปีสาม เป็นคนขี้แกล้งกวนตีนหรือคนที่ยอมอดนอนเพื่อช่วยผมทำงาน เป็นคนที่มักจะชวนผมไปไหนมาไหนหรือคนที่ใช้มือถือตัวเองถ่ายเซลฟี่ เป็นคนที่หนักแน่นมั่นคงในความรักหรือคนที่โกหกเป็นกิจวัตร เป็นแฟนที่ดีของมิวหรือคนที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ด้วยคำว่า ‘จริงๆ’

         พี่พรตเป็นใคร?


         ไม่ใช่คนที่บูชาความรักแล้วเหรอ.



------------------------------------------------------------------------------
อยากมีเวลาแต่งให้ครบ 100%เหมือนเดิมบ้างมันจะได้อารมณ์ที่เราต้องการสื่อมากกว่า แต่กลัวคนอ่านรอนานง่ะ :sad4:
เริ่มรู้สึกเหนื่อยกับกิจกรรมที่ม.ช่วงนี้ มันเยอะเกินกว่าที่คิดมากๆ  :ling1:

อย่าเพิ่งคิดว่าความสัมพันธ์ตัวละครดำเนินช้าเลยนะะ เหมือนความรักของคณะเราจะเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเนียนไปกับกิจวัตรน่ะค่ะ ไม่ได้จีบแบบรุกทีเดียว จะเป็นการค่อยๆ อดนอนด้วยกัน นั่งเผางานด้วยกัน ผ่านทุกข์ผ่านสุข และผ่านเกรด5555 เลยพยายามเขียนให้ออกมาเหมือนที่สุด

ขอบคุณคนอ่านค่ะ  :กอด1: 

ปล. รู้สึกว่าตัวอักษรมันอัดกันไปหน่อย เดี๋ยวจะ edit แก้ให้นะคะ มีปัญหากับ formatของมันนิดหน่อยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 27-06-2015 04:35:12
ทำไมพี่พรตทำอย่างนี้ พี่พรตทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง ไม่เข้าใจตามพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-06-2015 07:14:31
ไม่เข้าใจเหมือนพรานเลยว่าพี่พรตทำแบบนี้ทำไม คือไม่รักแล้วหรือไม่เราก็อยากให้เคลียร์กันให้รู้เรื่องไม่ใช่จับปลาสองมือแบบนี้อ่ะ มันน่าสงสารมากสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบมิวอ่ะ พี่พรตมาเคลียร์ด่วนเลยเรื่องนี้ และเรื่องของพรานพรตก็ทำเหมือนหมาหยอกไก่ตลอดจะว่าสนใจแบบรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องมันก็เหมือนจะเกินๆ ไปนิดนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 27-06-2015 07:40:08
มาเป็นกำลังใจให้คนเขียน กลับมาเขียนตอนต่อไปเรื่อยๆนะ ชอบเรื่องแนวนี้. เก๊าอยากมีแฟนเปนเด็กถาปัตย์ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 27-06-2015 07:47:56
จำนิสัยไวนะพราน

อย่าได้ไปหลงรักเชียว

 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 27-06-2015 08:01:11
พี่พรตทำไมทำตัวแบบนี้ว้ะะะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: niji-fa ที่ 27-06-2015 09:45:50
รู้สึกงงๆ มึนๆ สรุปพี่พรตเป็นคนยังไง -0-
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 27-06-2015 10:04:15
อะไรของอิพี่พรตวะ ขอความกระจ่างงงง
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-06-2015 10:45:47
ชอบความรู้สึกของนายพราณ
ที่มีต่อพรตตอนนี้จัง
คือเหมือนจะรู้จัก
แต่ก็ไม่รู้จัก

เขียนดีอ่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 27-06-2015 11:02:36
ไอ้พี่พรต ทำอะไรเนี้ย
คิดอะไรอยู่กันแน่
 :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kukkikkooka ที่ 27-06-2015 11:05:10
เออออ พี่พรตนี่เป็นคนยังไงงงง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-06-2015 11:37:00
ซับซ้อนมาก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 27-06-2015 12:22:37
อ้าว อะไรยังไงต่อล่ะเนี่ย
55555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 27-06-2015 12:37:57
พี่พรตเจ้าชู้งั้นหรอเนี่ย? โอ้วววววววว โนววววววววววว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 27-06-2015 12:59:18
สรุปพรตเป็นคนยังไงว้าาาาา พรานอย่าไปหลงหมอนี่เชียวนะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 27-06-2015 13:45:59
อึ้งไปกะอีพี่พรต นี่มันมีแฝดป่ะเนี่ยะ จะเป็นลม  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-06-2015 14:03:28
เคยบูชาความรักป่ะ เเค่เคยอะ
เเต่ตอนนี้ไม่เเล้ว
เเละไม่เชื่อว่าความรักมีจริง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 27-06-2015 16:51:19
พี่พรตนี่ยังไงกันแน่
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ammie_mn ที่ 27-06-2015 17:06:22
แม่ไม่ปลื้มค่ะ จบ :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 27-06-2015 19:30:11
ไม่รู้จะบอกยังงัย แต่รอตอนต่อไปดีกว่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: @milan ที่ 27-06-2015 19:42:25
 :a5: :z6: :beat:ไมทำแบบนี้อะไอ้พี่พรต มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 27-06-2015 19:47:01
นายพรานยังอยู่นอกสายตา ผู้หญิงคนนั้นเหรอที่พี่มันบูชาความรัก
มิวเป็นแค่แฟน บังหน้าสินะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-06-2015 21:15:10
อ้าวพี่พรต ไมทำงี้ล่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 27-06-2015 21:25:22
น้องพรานไม่ออกไปตบพรตซักทีเลยละลูกกก (แรงไป ๆ)
หมั่นไส้จริง
ทำหยั่งงี้หวังว่ามีเหตุผลนะ

รอตอนต่อไปค่า
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 27-06-2015 22:20:19
อ่านเรื่องนี้เเล้วรู้สึกนุ่มนิ่ม55555555555

รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 27-06-2015 22:24:38
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: AttoSama ที่ 28-06-2015 03:09:05
อ่านรวดเดียวเลย 5555
ไอ้พี่พรตตตตตต
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 28-06-2015 09:25:29
ไม่ไหวนะแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-06-2015 09:44:14
เริ่มชอบน้องก็บอกมาเถอะพรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 28-06-2015 19:44:23
 :angry2:
 :serius2:
 :m16:
 :m31:
 :katai1:
 :mew5:


 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 28-06-2015 23:22:50
พรตกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-06-2015 23:36:37
เปลี่ยนพระเอกเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 28-06-2015 23:56:23
อ้าว พี่พรต ยังไงเนี่ย  :a5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 29-06-2015 00:50:40
อะไร  ยังไง  ทำไม  มาต่อไวๆ ค้างงงงงงงง   อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 29-06-2015 19:51:15
พี่พรต คือผู้บูชารัก
พากันไปแซลฟี่เร็วววว(เมนต์อะไรเนี่ยย)
ผู้หญิงคนนั้นคือใครอ่ะ คู่หมั้นรึป่าว พี่สาวของพี่ชายที่เป็นลูกของอาญาติทางฝ่ายพ่อลำดับที่สิบแปด ใช่ม่ะ
รอตอนต่อไปว่านางนั้นคือใครรร

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-06-2015 20:51:06
นั่นน่ะสิ พรตเป็นคนยังไงกันแน่
พรานอย่าพึ่งถลำลึกก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-06-2015 21:00:55
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 03-07-2015 01:44:54



:: CHAPTER 11 ::



 

            “สามร้อยยี่สิบเจ็ด!”

            เมื่อเสียงนับจำนวนของคนสุดท้ายหมดลง ก็ตามด้วยเสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่สบายใจของแทบทุกคนในห้องเชียร์ ปีหนึ่งทั้งหมดมีประมาณสามร้อยกว่าคนแต่ในวันนี้กลับขาดไปเกือบแปดสิบผมไม่อยากคิดเลยว่าจะโดนพี่ว้ากทำโทษอย่างไร เพราะเมื่อวานเหมือนพี่เขาจะโกรธเรื่องการมาไม่ครบคนมากเป็นพิเศษ และขู่ไว้ว่าถ้าวันนี้ยังมาไม่ครบตามจำนวนที่เขาขอ ‘พวกมึงโดนแน่’

            “เมื่อวานกูขอเท่าไหร่”
            “สามร้อย...ห้าสะ..”

            ทุกคนตอบตะกุกตะกักเหมือนไม่กล้าพูดออกมาเต็มเสียง ทั้งที่รู้จำนวนกันแน่ๆ อยู่แล้ว

            “กูถามว่าเท่าไหร่”

            “สะ...สามร้อยห้าสิบ”

            “เท่าไหร่!!!”

            “สามร้อยห้าสิบครับ!”

            ถึงเสียงทุกคนจะเริ่มสั่น แต่พอโดนพี่ว้ากตะคอกจนแทบสะดุ้งเลยต้องตอบเสียงดังฟังชัดทั้งที่ตัวเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัวปนตื่นเต้น เพราะวันนี้คงต้องโดนทำโทษอะไรอย่างแน่นอน

            “ขอแค่นี้ยังทำไม่ได้เหรอวะ!”

            ...เอาแล้วไง

            ผมเห็นเพื่อนข้างๆ แอบส่งสายตาเป็นกังวลเหมือนพยายามจะสื่อว่า ‘ชิบหายแล้วมึง’ ซึ่งผมก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบเบาๆ แบบที่มั่นใจว่าจะไม่เป็นจุดสังเกตของพี่ปีสาม เนื่องจากการเข้าห้องเชียร์นั้นมีกฎว่าห้ามคุยกับเพื่อนเด็ดขาดและต้องยืนนิ่งตัวตรงมองไปข้างหน้าตลอดเวลา

            หลังจากผ่านช่วงนาทีชีวิตของปีหนึ่งไปแล้ว พี่ว้ากก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้อีก และเริ่มสอนร้องเพลงเชียร์คณะเพิ่มอีกเพลงจากเมื่อวาน ซึ่งทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาแหกปากร้องกันอย่างสุดเสียง จนเป็นที่พอใจสำหรับพี่ว้ากแล้วถึงได้ไม่ต้องตะโกนร้องให้แสบคอต่อไปอีก

            “วันนี้พอแค่นี้ เชิญ”

            ทุกคนลอบถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนพี่นำแถวจะเข้ามายืนประจำที่เตรียมพาปีหนึ่งออกไปจากห้องเชียร์ แต่แล้วน้ำเสียงเย็นเยือกจนน่าขนลุกของพี่ว้ากกลับดังขึ้นอีกครั้ง


            “เพื่อนข้างๆ ใครไม่มา อยู่ก่อน”


            ...เชี่ย

            คราวนี้ทุกคนมีทีท่าแตกตื่น ต่างหันซ้ายหันขวาอย่างลืมตัวเพื่อเช็คอีกทีว่าเพื่อนข้างๆ ตนเองมาแน่รึเปล่า และผมก็โชคดีพอที่เพื่อนรหัสติดกันของผมมาทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของผมนั้นจะโชคไม่ดีเท่าไหร่ เพราะหมายเลขที่อยู่ถัดจากผมไปสองเบอร์นั้นกลับเป็นที่ว่างที่ไม่มีใครยืนอยู่

            ผมมองใบหน้าที่เจื่อนลงและสีหน้าที่ไม่สู้จะดีนักของเธอแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ ท่าทางดูหวาดกลัวเหมือนจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น แต่ผมก็สงสารเพื่อนได้ไม่นานก่อนจะถูกพาตัวออกไปจากห้องเชียร์ ทิ้งให้เพื่อนคนนั้นยืนเหลืออยู่คนเดียวในแถวกับเพื่อนแถวอื่นที่ยืนกันอยู่ประปราย

 

 

            ผมเดินลงมาข้างล่างช้าๆ และเมื่อลงมาถึงก็ได้ยินกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นที่พากันพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ทุกคนดูร้อนรนมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนบางคนต้องมารับบาปแทนคนอื่นที่ไม่มา

            “วันนี้กูแอบคิดว่ารุ่นเราจะรอดแล้วนะเว้ย แม่ง...โหดสัด”

            “ไอ้แทนมันเข้าห้องเชียร์ทุกวัน ทำไมต้องโดนวะ”

            “ถ้าทุกคนมาก็ไม่มีใครต้องโดนด่าแล้วป่ะ”

            เสียงพูดคุยดังผ่านเข้าหูตลอดทางที่ผมเดินไปประตูด้านหลังคณะ วันนี้ผมต้องออกประตูเล็กเพราะด้านหน้าเต็มไปด้วยกลุ่มเพื่อนที่ยืนรอคนที่ยังอยู่ในห้องเชียร์ ส่วนวันนี้ผมไม่ต้องรอใครเพราะไอ้โอมไม่มาครับ แต่มันมีเหตุผลคือแม่ไม่ค่อยสบายเลยต้องรีบกลับบ้านช่วงนี้ ผมเลยได้แต่ภาวนาในใจให้คนที่ยืนข้างๆ ไอ้โอมอยู่รอดปลอดภัย

            “แม่ง ทำไมไอ้พวกนี้ไม่รักเพื่อนเลยวะ”

            “กูไม่อยากร่วมรุ่นกับมันเลย”

            ผมนึกตกใจกับประโยคที่เพิ่งได้ยินแล้วก็ครุ่นคิดกับตัวเองซ้ำไปมา คำพูดเมื่อกี้ถือว่าแรงมากพอควร ไม่รู้ว่าการรับน้องที่พูดกันว่ามีจุดประสงค์ให้ทุกคนรักกันและรวมกันเป็นรุ่น ถึงเวลาแล้วมันกลับกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนไม่ชอบกันแล้วไม่อยากเป็นรุ่นขึ้นมา คิดแล้วก็เหมือนวนไปมานั่นแหละครับ จากเพื่อนกันกลายเป็นเกลียด และจากเกลียดเลยต้องทำให้เป็นเพื่อน พูดกันตามจริงคือผมยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่ามันดีหรือไม่ดี ส่วนตัวแล้วก็มีทั้งได้เพื่อนและมีคนที่เห็นแล้วไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยเช่นเดียวกัน

            ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ เพิ่งมาเห็นวันนี้แหละที่เพื่อนในรุ่นเหมือนแตกแยกกันเป็นกลุ่มที่ขึ้นห้องเชียร์กับพวกไม่ขึ้นห้องเชียร์ ถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่ในฐานะคนขึ้นห้องเชียร์ทุกครั้งแต่ผมว่ายังไงเราก็ควรเคารพการตัดสินใจของเพื่อนเหมือนกัน อย่างไอ้โอมมันก็มีเหตุผลของมัน คนอื่นก็คงมีเหตุผลของเขาเช่นเดียวกัน

            ผมส่ายหน้าไล่ความคิดที่ตีกันจนยุ่งเหยิงเต็มหัวออกไปก่อนจะเอื้อมมือผลักประตูเล็กด้านหลังคณะออกไป แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง


            ...พี่พรต


            คนๆ นี้ก็เป็นอีกคนที่เข้ามากวนความคิดของผมอยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้ คนที่ผมต้องคอยถามตัวเองว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ แต่ละครั้งที่เจอกันนั้นเขา...เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า

            ตามปกติแล้วด้านหลังของคณะจะไม่ค่อยมีคนมานั่งเล่นเท่าไรนัก เพราะบรรยากาศมันไม่โสภาสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่ใช้ขนขยะออกไปทิ้ง หรือให้ร้านอาหารเอาของเข้าร้าน อธิบายง่ายๆ คือเป็นส่วนเซอร์วิสที่เน้นการใช้สอยเบื้องหลังมากกว่า และอีกประเด็ที่ทำให้ผมสงสัยคือพี่พรตมาอยู่ที่นี่ได้ไง ทั้งที่ปีสามยังอยู่บนห้องเชียร์ทั้งหมด

            “ก็พรตบอกไปแล้วไงครับ”

            พี่พรตคุยโทรศัพท์อยู่โดยมีผู้หญิงคนเดิมยืนอยู่เหมือนวันนั้นไม่มีผิด และผมก็ได้แต่ยืนนิ่งๆ เท่านั้นเนื่องจากไม่มีที่ไหนให้หลบได้เลย ยังดีที่พี่เขานั่งหันหลังอยู่ และน้ำเสียงที่เขาใช้กรอกลงไปในโทรศัพท์นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากวันก่อน ชวนให้รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้

            ...โกหก

            เป็นคำเดียวที่ผมสามารถใช้อธิบายน้ำเสียงของเขาได้ เมื่อไหร่ที่เขาพูดแบบนี้ผมจะมีความรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังหลุดออกมาจากปากของพี่พรตนั้นไม่ใช่ความจริง

            “พรตไม่ว่างจริงๆ มิวก็รู้”

            ผมสงสารมิวครับ นี่เป็นความรู้สึกที่รุนแรงกว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่มีกับพี่พรต ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าเขาเป็นพี่ปีสามครั้งแรก ตอนที่เซลฟี่กัน นั่งตัดโม กินข้าว จับมือกันหรือตอนไหนๆ ผมไม่ปฏิเสธเลยครับว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี แต่ในความรู้สึกเหล่านั้น ถ้าถามตรงๆ แล้วผมคงจะยอมเอามาแลกกับความสงสารในตอนนี้อย่างแน่นอน

            ในขณะนั้นเอง ผู้หญิงที่กำลังกอดอกยืนอยู่ข้างๆ พี่พรตก็สะกิดเบาๆ ลงที่ไหล่ของเขา เธอชักสีหน้ามองเหมือนรำคาญเต็มทนโดยที่มั่นใจว่าพี่พรตจะไม่เงยขึ้นมาเห็น ส่วนพี่พรตนั้นทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่รวบเอามือบางที่เอื้อมมือมาสะกิดเมื่อครูเอาไว้

            ...จู่ๆ ผมก็นึกไม่ชอบกริยา ‘จับมือ’ ของพี่พรตเอาซะเลย

            “โอเคมิว พรตต้องไปแล้ว”

            “…”

            “ไว้คราวหน้าเนอะ”

            พี่พรตกดวางสายแล้วเก็บมือถือลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาโดยไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับผู้หญิงคนนั้นไว้ เขาส่งยิ้มให้เธอเหมือนไม่เคยได้โกหกมิวและพากันเดินออกไปจากคณะด้วยท่าทีสบายใจ

            แต่เดินไปได้เพียงสามก้าวพี่พรตก็หันกลับมา


            ...และสบตากับผม


            ทั้งผมและพี่พรตชะงักไปทันที เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งลงที่สายตาผม ระหว่างผมกับพี่พรตนั้นไม่มีใครขยับหรือเอ่ยอะไรขึ้นมาก่อน ในดวงตาของเขาฉายแววตกใจที่มีความเจ็บปวดแฝงอยู่เล็กน้อยเหมือนเจ้าตัวพยายามซ่อนเอาไว้ แต่ทั้งที่เห็นเพียงแค่ความตกใจและความเจ็บปวด ทำไมผมรู้สึกว่าเขากำลังขอร้องอะไรบางอย่าง

            หรือผมรู้สึกไปเอง

            ผมไม่รู้ว่าแววตาของผมสื่ออะไรออกไปบ้างแต่ผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายหลบสายตา มือของผมจับสายกระเป๋าไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว ผมตัดสินใจเดินหลบคนทั้งคู่ที่ยังยืนนิ่งอยู่แล้วเดินผ่านออกไปทางหน้าคณะ

 

            “...นายพราน”


            ผมลังเลอย่างหนักว่าจะยอมหันไปคุยกับเขาดีหรือเปล่า ผมรึ้กว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเองและไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะเข้าไปยุ่งเลยสักนิด แต่ผมก็ยังจำสายตาที่มีความรู้สึกหลากหลายเมื่อกี้ได้ดี เหมือนว่าพี่พรตกำลังส่งสายตาพูดกับผมว่า ‘อย่าไป’

            ชั่วขณะหนึ่ง ผมนึกเกลียดความลังเล ความใจอ่อน และความขี้สงสารของตัวเองขึ้นมา

            และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประโยคที่สองของพี่พรตดังขึ้นอีกครั้ง

            “นุ่น ไปก่อนเถอะ วันนี้ฉันไม่ว่างแล้ว”

            เสียงอิดออดของผู้หญิงที่พี่พรตเรียกว่า ‘นุ่น’ เหมือนเรียกสติผมกลับมาอีกรอบว่ากำลังจะกลายเป็นตัวกลางในปัญหาของคนสองคนรึเปล่า ผมพยายามลืมเรื่องที่ผ่านมา เหมือนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วมองมาที่ตำแหน่งของตัวเอง ผมเป็นเด็กปีหนึ่งที่บังเอิญไปเห็นว่าผู้ชายบูชาความรักกำลังอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพี่พรตกับผู้หญิงคนนี้เป็นไปในแนวทางไหน แต่ถ้ามันทำให้เขาต้องถึงกับโกหกมิว ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

            เอาวะ ยังไงก็ต้องหันกลับไปคุยให้รู้เรื่อง

            “พี่พรต...ไม่ต้อง”

            “นุ่น เมื่อกี้ฉันพูดว่าไง”

            กลับกลายเป็นผมเองที่อดตกใจกับท่าทีและคำพูดของพี่พรตไม่ได้ ทำไมคนที่ขี้แกล้งขนาดนั้นกลับพูดด้วยน้ำเสียงห้วนจัด แววตาที่เพิ่งหยอกล้อกับเธอคนนี้ จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นสายตาเยือกเย็นจนน่ากลัว

            ผมไม่เคยเห็นพี่พรตเป็นแบบนี้

            อย่าว่าเป็นแบบไหนเลยดีกว่า เพราะจากคนที่กำลังเริ่มสนิทกันกลายเป็นว่าผมรู้สึกว่าตัวเองก้าวถอยห่างออกไปอีก

            “แต่พรตบอกว่าว่างแล้วไง”

            ผู้หญิงชื่อ ‘นุ่น’ เริ่มโวยวายขึ้นมา จะโทษเธอที่ทำตัวเหมือนเหวี่ยงก็ไม่ได้ล่ะมั้งเพราะถ้าเป็นผมก็คงไม่ยอมเหมือนกันแหละ ถ้าจะถามว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่อง คงต้องตอบว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมนี่แหละ     

            “ก็ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว”


            “อย่าบอกนะว่า...นี่ก็เป็นแฟนพรตอีกคนงั้นเหรอ”


            คำว่า ‘อีกคน’ ทำให้ผมเผลอหันไปมองพี่พรตซึ่งหันมามองผมตั้งแต่แรกแล้ว หมายความว่าพี่พรตไม่ได้มีแค่มิวคนเดียวอย่างแน่นอน และก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ เสียงของพี่พรตก็ดังขึ้นเบาๆ

 

             “อือ”                 




-------------------------------------------------------------------------------------------
50%อีกแล้ว เมื่อไหร่เราจะเพิ่มสปีดการเขียนของตัวเองได้สักที  :katai4:
จะพยายามมาเร็วๆ นะะ

ขอบคุณคนอ่านค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-07-2015 02:29:20
ห่ะพี่พรต ทำไมนายเป็นคนอย่างนี้
จับฟาดเลยลูก นายพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 03-07-2015 03:40:02
เหอะ พรานคนแบบนี้ต้องอยู่ให้ห่าง  สงสารมิวจับใจ  สายตาที่ส่งมาจะบอกอะไรก็ขั่งมันดูไ่มีค่าเลยนะแบบนี้

ควรบอกมิวดีมั๊ย เดี๋ยวก็หาว่าจุ้น ทำไรก็ไม่ได้อีกเห้อ เห็นในายพรานจิงๆ

ไม่ได้มีแฟนคนเดียวจิงดิ งงจริง เป็นคนยังไงกันแน่พรต ใหนว่าบูชาความรัก สร้างภาพชัดๆ แหวะ

ถอยออกมาโดยเร็วนายพราน ไมควรไปยืนในที่แบบนั้น  :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 03-07-2015 03:56:32
 :mew5: :angry2:



 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 03-07-2015 05:31:59
พี่พรตเป็นคนเเบบนี้เหรอนึกส่าเข้าใจผิด :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 03-07-2015 07:25:52
ตามที่เรามโนเองนะ

บางทีที่พรตทำอาจเพราะมีเหตุผลบางอย่าง

มโนว่า พรตอาจจะแอบชอบพรานตั้งแต่เรียนม.ปลายแล้ว? เพราะเรียนที่เดียวกัน? แต่ด้วยความที่นายพรานยังเด็ก?

หรือเพราะกลัวนายพรานปฎิเสธเลยไม่กล้า? หรือตอนนั้นพึ่งคบกับมิว?

ตอนนี้เลยอยากเลิกเลยหาเรื่องมีผู้หญิงอีกคนจะได้เลิกแล้วจีบนายพรานแบบจริงจังอะไรเงี่ย

อันนี้มโนเองหมดแบบว่ามันอาจเป็นไปได้

หรือ นี่อาจจะคือเรื่องจริง ๆ ใอ้พี่พรตมันเจ้าชู้หลบในว่ะงง?   :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 03-07-2015 07:26:08
เดินหนีไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 03-07-2015 07:27:55
พรตจะเอายังไงกันแน่!??  :m31:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 03-07-2015 07:32:15
พี่พรตของเรามีเหตุผลอยู่แล้ววว
คนที่จะมาเป็นพระเอกคงไม่เลวขนาดนั้นหรอกกกก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 03-07-2015 07:41:19
พรตหน้าด้านไปมั้ย ตัวตนจริงๆของแกนี่ไว้ใช้กับแฟนคนไหนเหรออ หรือยังมีที่ซุกซ่อนไว้อีก
น้องพรานอย่าถลำลึกไปกว่านี้นะ สงสารน้องมิวด้วย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-07-2015 07:47:13
พี่พรตมีอาชีพรับจ้างเป็นแฟนเหรอ แฟนเยอะดี
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 03-07-2015 08:35:44
งานงอกแล้วพราน
ทำไมพี่พรตทำแบบนี้อ่ะ ชอบน้องรึไง?
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 03-07-2015 08:36:10
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-07-2015 09:24:02
พี่พรตมีแฟนเยอะอย่างแรง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-07-2015 10:43:59
กระทืบพรตไหม
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 03-07-2015 10:50:36
เปลี่ยนพระเอก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 03-07-2015 11:50:42
เออ มันยังไงกันวะผู้ชายคนนี้
ถ้าเราเป็นนายพรานเราไม่คงไม่หันกลับไป
เชิญจัดการปัญหาสับรางกันเอาเอง

บูชาความรักแค่กับปากอะสิ การกระทำคนละเรื่องเลย
ถึงจะบอกว่ามีเหตุผลส่วนตัวอะไรก็เหอะ ใช่เรื่องไหมต้องมาทำอะไรแบบนี้
ประสาท
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-07-2015 12:04:23
พี่พรตทำไรอยู่เนี่ย สงสารมิววววววววว  :sad4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-07-2015 12:26:31
เกิดอะไรขึ้นกับคนบูชาความรัก
ไม่ชอบให้ใครๆจับคู่ให้
แต่ก็จับหลายคนเหรอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 03-07-2015 14:03:51
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ ตอนนี้จะเรียกว่าเป็นสถาปนิกได้ไหมไม่รู้ อย่าพึ่งเลย พึ่งจะจบมาเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง ฮ่ะๆๆๆๆ

อ่านตอนแรก... คิดในใจเลยนะว่าพรตเนี่ยเป็นพี่เนียนชัวร์ๆ (เคยเจอมาเมื่อตอนปีหนึ่ง เลยมีสัญชาตญาณบอกว่าต้องมีพี่เนียนแน่ๆ!) ไม่รู้อะไรดลใจให้คิดแบบนั้น แต่คิดว่าใช่ แล้วยิ่งตอนที่น้องใบพลูส่งรูปมาให้บอกให้ไปหาไลน์มาให้หน่อยคิดเลยว่าต้องพรตอ่า พอมาเจอตอนสองเฉลย นั่นไง... ใช่จริงด้วย 55555555 แต่เรื่องจริงกับในนิยายต่างกันนิ๊ดนึง ในชีวิตจริงหาคนหล่อๆ ยาก 5555555

ตอนแรกๆ อ่านคือกำลังคิดว่าพี่พรตรักกับแฟนขนาดนี้จะมีสาเหตุอะไรให้เลิกรักกัน แล้วมาสนใจพราย แต่พออ่านมาถึงตอนล่าสุดแล้วชักจะไม่แน่ใจ

ที่พรตซีกับคำว่า บูชาความรัก เป็นเพราะแกล้งทำเพื่อให้ใครๆ มองว่าเป็นคนแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นหรอ

แลดูกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือไปซะอย่างนั้นอะ แต่อาจจะมีเหตุผลอะไรอีกก็ได้นินะ

รอดูต่อไปก่อนแล้วกัน....
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 03-07-2015 14:09:44
งงกับพรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-07-2015 14:57:32
เงิบกับพี่พรต  ตกลงเป็นคนยังไงกันแน่  สับสน

เนี้ยหรอ คนบูชาความรัก หึหึ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 03-07-2015 16:50:18
ถ้าเป็นพรานจะยืนตรงนั้น (ขออนุญาตหยาบคาย) กูเสือก กูอยากรู้ แต่เงียบไว้ก่อน
ค่อยนั่งตะลอมถามเอา บอกแล้วว่าเสือก ถถถถถถถ ล้อเล่นๆ
เอาเป็นว่าจะคอยดูเหตุผลที่พรตทำแบบนั้น
รอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 03-07-2015 18:49:44
เงิบ... คำเดียว บอกตรงๆ
อะไรคือ บูชาความรัก
สร้างภาพ?

มีกี่บุคลิกเนี่ย ผช คนนี้..  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 03-07-2015 22:03:31
ถ้าต้องพูดหยาบคายกับผู้ชายที่ชื่อพรตในเรื่องนี้ก็ต้องเป็นประโยคว่า
"เหี้ยไรมึงเนี่ยยยยยยยยย "

แต่ไม่ได้ค่ะ นี่อาจจะเป็นการเข้าใจผิดและมีเหตุผลบางอย่าง
แต่อย่างไรก็ตาม คะแนนพรต ติดลบหนักมาก
เกลียดมาก สงสารมิวมาก (ในกรณีที่มิวไม่รู้ว่าพรตมีแฟนอีกคนที่ชื่อว่านุ่นน่ะนะ)
ส่วนนายพราน ถ้าชั้นเป็นแก ชั้นจะไม่สุงสิง ไม่ฟังเหตุผลไปแล้วอะ

คนบ้าไร บูชาความรัก.. โถ

เอาความสงสัยในตัวพรตไปสงสัยโอมดีกว่าว่ามันจะโดนเพื่อนเหยียดโดนไรไม่
ไม่เข้าห้องเชียร์นี่

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 03-07-2015 22:14:39
มิวหาแฟนใหม่เหอะ เอามาควงเย้ยอีพรตมันด้วย
ส่วนพราน เอามันให้อยู่นะน้อง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 03-07-2015 22:23:23
เลวหว่ะ...  อิพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 03-07-2015 22:24:14
หืออออออออออออออออออออออออออออออออ
 :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 04-07-2015 10:08:10
เกลียดพระเอก

55555555

 :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 04-07-2015 10:47:45
มิว ถอยออกมาจ้ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 04-07-2015 11:15:28
 :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 04-07-2015 11:27:00
ค้างกระแด่ว รออีก ที่เหลือ มาเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-07-2015 12:58:37
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 04-07-2015 17:22:42
พรตนายแน่มากกกกก 5555 งงกับฮี มันคงมีเบื้องหลังกับการกระทำนี้แต่เราสงสารมิว จบ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Tsumsome ที่ 06-07-2015 23:12:38
พรต นายมันคนหลายใจ :o12:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 07-07-2015 22:23:15
พรต นี่สรุปนายเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (50%) : P12 : 03.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 12-07-2015 10:47:45
หายไปไหนครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 17-07-2015 01:53:35
 


           คำพูดของพี่พรตทำให้ผู้หญิงชื่อนุ่นยอมกลับไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทิ้งให้ผมกับพี่พรตยืนอยู่กันสองคน ผมทำตัวไม่ถูกว่าควรจะเดินเลี่ยงออกไปหรือจะอยู่รอคุยกับพี่พรตดีเพราะเมื่อกี้เขาแสดงท่าทีเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่าง

            “พราน มาคุยกันหน่อย”

            เสียงเครียดๆ ของพี่พรตทำลายความอึดอัดนั้นลง ก่อนเขาจะทรุดตัวลงนั่งบนขั้นบันไดตามเดิม ผมเลยค่อยๆ นั่งลงข้างพี่พรต

            “เมื่อกี้มีเรื่องนิดหน่อย”

            โหไอ้พี่พรต ผมนี่ไม่รู้เลยครับว่ามีเรื่อง ‘นิดหน่อย’ ดูจากสีหน้าเหมือนคนคิดมากกับเสียงถอนหายใจของพี่พรตแล้วผมยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ให้ถามตรงๆ ว่าพี่เป็นใครกันแน่ก็ยังไงอยู่ แต่มาถึงขนาดแล้วจะไม่ถามอะไรเลยมันก็ผิดปกติไปหน่อย เอาวะ...จะว่าผมเสือกก็ขอยอมรับแต่โดยดีครับ อย่างน้อยก็จะได้รู้สถานการณ์ของตัวเองที่เหมือนถูกลากเข้ามาเกี่ยวมากขึ้นหน่อย

            “คนเมื่อกี้คือแฟนพี่พรตเหรอ”

            “ไม่ ไม่ ไม่ๆๆ”

            พี่พรตส่ายหน้าไปมาพร้อมพึมพำคำว่า ‘ไม่’ ซ้ำๆ เหมือนไม่ได้กำลังพูดกับผมแต่กำลังบอกย้ำกับตัวเองอย่างเหม่อลอย จนผมทนไม่ไหวแล้วเขย่าไหล่พี่พรตเบาๆ เพื่อเรียกสติ

            “เฮ้ย พี่พรตใจเย็นดิ”

              จนในที่สุดเขาก็เงียบลงแล้วหันมามองหน้าผมแวบหนึ่ง ท่าทีเหมือนคนหลีกหนีความจริงทำเอาผมตัดสินใจในทันทีว่าจะไม่ถามอะไรต่ออีก จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ถึงค่อยได้ยินเสียงของพี่พรตค่อยๆ เรียบเรียงคำของตัวเองออกมาทีละนิด

            “ไม่คือ...นุ่น...ไม่เลย ไม่ใช่แฟน”   

            “...”

            “นุ่นไม่ใช่แฟน กูแค่คบไว้แล้วเขาก็โอเค”

            คำพูดตรงไปตรงมาของพี่พรตทำเอาผมชะงักไป มันเหมือนคำพูดของคนไม่รับผิดชอบ มันเหมือนไม่ใช่คำพูดของคนที่โกรธตอนมีใครมาจับคู่ให้ตัวเอง และยิ่งไม่เหมือนคนที่มีความรักมั่นคงกับผู้หญิงคนเดียวมาตลอด

            ผมขอไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า

            “พราน กูสับสนไปหมดเลยว่ะ”

            ...ไม่ใช่แค่พี่หรอกครับที่สับสน ผมเองนี่แหละที่น่าจะสับสนมากกว่า อยู่ๆ ก็บอกว่ามีแฟนคนเดียว อยู่ๆ ก็บอกว่าผมเป็นแฟน อยู่ๆ ก็บอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกับนุ่นแต่แค่คบเฉยๆ

            “เมื่อกี้พี่พรตบอกว่าพรานเป็นแฟนทำไม”

            “ก็...”

            เขาหลบสายตาผมทันที

            “คือกู...พราน เรื่องวันนี้มึงอย่าไปบอกใครได้ป่ะ”

            นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้วยังโดนปัดมาแบบนี้อีกเหรอ ในใจของผมตอนนี้ตะโกนตอบไปแล้วว่า ‘ไม่ได้’ คนที่มาขอร้องว่า ‘อย่าบอกใคร’ แสดงว่าคนๆ นั้นรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด แต่ยังต้องการกลบเกลื่อนไม่ให้คนอื่นรู้เท่านั้นเอง

            “ทำไม”

            “...”

            “พี่พรตไม่สงสารมิวบ้างเหรอ”

             คำถามนี้ทำเอาพี่พรตกลายเป็นนิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ ผมอาจไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้หรอก เพราะคำถามของผมมันต้องแลกด้วยความรู้สึกแย่ของพี่พรต


            “กู...”



            “เฮ้ย! ไอ้พรต!!! มีน้องหัวแตก!!”


            ทั้งผมและพี่พรตต่างก็ลุกขึ้นยืนโดนไม่รู้ตัวหลังได้ยินคำว่า ‘หัวแตก’ จากปากของรุ่นพี่ปีสามที่มีสภาพเหมือนเพิ่งวิ่งอย่างรีบเร่งลงมาจากด้านบน ในขณะที่พี่พรตนั้นยืนนิ่งเหมือนช็อคไปจนไม่รู้สึกตัว

            “น้องเป็นลม คนข้างหน้าไม่อยู่ เลยล้มหัวฟาดพื้น”

            หลังพี่คนนั้นเดินพ้นประตูไปยืนรอด้านนอกอาคารแล้ว ก็มีรุ่นพี่สองสามคนช่วยกันหามผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ และเมื่อผมมองเห็นเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้นแหละ ผมก็สามารถบอกได้เลยว่าเธอคือคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมในห้องเชียร์นั่นเอง ผ้าก็อซที่แปะไว้บริเวณแผลนั้นมีรอยเลือดซึมออกมา รวมถึงกระดาษทิชชู่ในมือของพี่ที่เดินตามมาก็ชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดง

            เป็นภาพที่แทบจะทำให้ผมเลือกไม่ถูกว่าจะโทษใคร

            เพื่อนที่ยังสลบอยู่คือรุ่นผม ส่วนคนที่ยืนช็อคไปตั้งแต่เมื่อกี้และคนที่แสดงท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนคือรุ่นพี่ของผม ผมควรจะโกรธรุ่นพี่รึเปล่าที่กดดันน้องด้วยวิธีแบบนี้ เข้าใจว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์นี้ ไม่มีใครตั้งใจทั้งนั้น หรือผมควรจะโกรธเพื่อนอีกคนที่ไม่เข้าห้องเชียร์ แต่ถ้าเพื่อนคนนี้ไม่เข้าห้องเชียร์เสียเอง คนที่หัวแตกจะกลายเป็นผมหรือเปล่า

            จนพี่กลุ่มนั้นนำตัวเพื่อนของผมขึ้นรถและขับออกไปแล้ว จึงได้มีรุ่นพี่อีกคนเดินกลับเข้ามาในบริเวณที่ผมกับพี่พรตยืนอยู่

            “ไอ้พรต! ใช่เวลาที่มึงจะยืนเฉยเหรอวะ มึงไม่ใช่เหรอที่เป็นคนคิด!!”

            ...พี่พรตเป็นคนคิดกิจกรรมนี้งั้นเหรอ

            เสียงตวาดนั้นทำเอาผมถึงกับสะดุ้งแล้วหันกลับมามองคนที่ยืนเงียบไปตั้งแต่เมื้อกี้ช้าๆ สีหน้าของเขายิ่งดูแย่ลงไปใหญ่ แต่อย่างน้อยเขาก็มีสติพอจะรีบซ้อนมอเตอร์ไซค์ของรุ่นพี่อีกคนที่ขับตามรถคันนั้นไป

            “เออ นี่น้องไอ้พรตใช้มั้ย งั้นไปด้วยกัน”     

            ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามพี่คนนั้นออกไปเรียกแท็กซี่แต่โดยดี ตอนนี้ผมทั้งเป็นห่วงเพื่อนและกังวลกับท่าทางแปลกๆ ของพี่พรตในเวลาเดียวกัน เลยไม่ได้ออกปากปฏิเสธอะไรไปแม้แต่คำเดียว

 

 



            พวกเราใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีในการฝ่าการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนกรุงเทพมาถึงหน้าโรงพยาบาล และที่ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะคำว่า ‘รีบมาก’ ของรุ่นพี่ที่นั่งมากับผมเนี่ยแหละครับ อย่าถามว่าพี่คนนี้เป็นใครนะครับเพราะผมแทบไม่รู้จักใครนอกจากแกงค์ของพี่พรตเลย แค่รู้สึกว่าคุ้นหน้าก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว

            เมื่อลงจากรถเรียบร้อยก็ได้เห็นว่ามีรุ่นพี่อีกประมาณห้าหกคนยืนรออยู่ด้านหน้าแล้ว ก่อนทุกคนจะทยอยเดินเข้าโรงพยาบาลเมื่อเห็นว่าพวกผมมาถึงแล้ว เสียงพูดคุยของรุ่นพี่ที่เดินอยู่หน้าผมฟังดูเคร่งเครียดจนไม่กล้าเอ่ยถามอะไรออกไป จนกระทั่งพวกเราเลี้ยวมาถึงบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินนั่นแหละ ถึงได้เห็นพี่พรตกำลังจ้องหน้าเพื่อนของเขาด้วยสายตาที่เหมือนจะปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

            “มึงคิดว่ากูอยากให้มันเกิดหรือไง!”

            “เออ ก็มึงไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด แต่มันก็เกิดป่ะ”

            “มึงไม่ใช่เหรอที่เชียร์ให้กูทำ”

            “ก็มึงคิดไงกูเลยเชียร์”

            “แล้วมันคือความผิดของกูเหรอวะ?!!!!”

            “เฮ้ยไอ้พรต...”

            พอเห็นท่าไม่ดี รุ่นพี่ที่นั่งแท็กซี่มากับผมเลยเข้าไปดึงตัวพี่พรตเอาไว้ก่อนที่เขาจะเกิดอาการเลือดขึ้นหน้าอย่างที่ทุกคนกลัว เสียงตะโกนของพี่พรตเมื่อกี้ทำเอาผมตัวชาไปชั่วขณะ ถึงจะไม่ได้ดังอะไรมากแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันน่ากลัวว่าเสียงพี่ว้ากในห้องเชียร์อีกวะ

            “ไอ้กร กูคุมตัวเองได้”

            พี่พรตไม่ได้พูดว่า ‘ปล่อยกู’ เหมือนที่คนอื่นมักจะทำเวลามีเรื่องกับใคร เขาดูมีสติมากพอจะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่แต่น้ำเสียงเย็นเยียบนั้นไม่ได้น่าไว้ใจน้อยไปกว่าแววตาที่เอาแต่จับจ้องคู่กรณีของตัวเองซึ่งตอนนี้เบนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนพยายามสะกดอารมณ์อยู่

            “มึงมานั่งกับกูดีกว่า นี่น้องมึงก็มา”

            พี่พรตเหลือบสายตามาทางผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามเพื่อนที่โดนเรียกว่า ‘กร’ เมื่อครู่

            “มึงพามันมาเหรอ”

            “เออ เห็นมึงยังคุยกับมันไม่เสร็จ”

            ผมเห็นพี่พรตพยักหน้าเบาๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหันมาคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นนอกจากพี่กรเลยสักคน เพื่อนพี่พรตหลายคนเริ่มกระจายกันไปนั่งที่อื่นหรือไปเดินเล่นที่อื่นบ้างระหว่างรอผลการรักษา ทำให้บรรยากาศหน้าห้องฉุกเฉินที่เหลือแค่ผม พี่พรต พี่กร ดูมาคุยิ่งกว่าเดิม

            “ไอ้กร...”

            “...”

            “กูผิดเหรอวะ”

            ไม่มีใครตอบคำถามนี้ของพี่พรตเลยสักคน จะว่าเขาผิดเต็มๆ ก็ไม่ใช่ ถึงผมจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ในห้องเชียร์ด้วยตัวเอง แต่แน่นอนว่าพี่พรตมีส่วนผิด เพราะยังไงคนริเริ่มความคิดก็ต้องผิดคนแรกอยู่แล้ว แต่จะบอกว่าผิดทั้งหมดคงไม่ใช่ เพราะทุกคนในรุ่นที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจก็มีส่วนผิดเช่นเดียวกัน ถ้าบอกว่าพี่พรตไม่คิดให้รอบคอบก่อนเสนอความคิด คนอื่นก็ไม่รอบคอบก่อนจะลงมติจัดกิจกรรมเช่นเดียวกัน

            ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่พรตที่นั่งเท้าแขนก้มหน้าอยู่กับเข่าของตัวเองแล้วก็พอจะเห็นว่ามีหลากหลายความรู้สึกอัดแน่นอยู่ในความคิดของพี่พรต เหมือนเขากำลังโทษตัวเองและกดดันตัวเองอย่างหนัก

            “กูไปห้องน้ำแปป”

            จู่ๆ พี่กรก็เหมือนทนไม่ไหวจนลุกออกไป จริงๆ ผมก็รู้สึกยากหนีจากตรงนี้ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่ แต่ยิ่งมองพี่พรตผมก็ยิ่งรู้สึกว่าถึงบรรยากาศรอบๆ ตัวที่เขาสร้างขึ้นมาจะอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกยังไง ก็ควรมีสักคนที่ยังนั่งอยู่

            หน้าที่ของคนที่นั่งอยู่ก็ไม่มีอะไรไปกว่าหายใจหรอกครับ แต่การหายใจทิ้งๆ ขว้างๆ เนี่ยแหละที่น่าจะช่วยอะไรได้มากกว่าอย่างอื่น ผมพยายามลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่พรต ทั้งความลังเลสงสัยหรือเรื่องที่เขาโกหกต่างๆ นานา โอเค...ผมยังรู้สึกไม่ค่อยดีกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขาเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ตามในเวลานี้ แม้แต่ศัตรูที่ผมเกลียดที่สุดก็คงต้องการเพื่อน

             ระหว่างที่ผมนั่งเงียบมอง จู่ๆ ตัวของพี่พรตก็สั่นขึ้นมาอย่างน่าเป็นห่วง แต่ด้วยความที่เขานั่งงอหลังก้มหน้าลงทำให้ผมไม่สามารถเห็นสีหน้าได้เท่าที่ควร และในวินาทีนั้นเองผมก็ยื่นมือออกไปแตะลงบนไหล่ที่กำลังสั่นเทิ้มของพี่พรตเบาๆ

            ทันทีที่มือของผมสัมผัสลงพี่พรตก็ชะงักนิ่งไปเหมือนโดนคำสาป เขาชะงักค้างไปชั่วขณะก่อนใบหน้าจะค่อยๆ หันกลับมาทางผมแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง

 

            และแววตาของพี่พรตในยามนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคำสาปสำหรับผมเหมือนกัน เพราะมันทำให้ผมดึงมือตัวเองออกจากไหล่นั้นในวินาทีเดียวกับที่เสียงของพี่พรตดังขึ้น



            “กลับไป”


            “...”


            “กูอยากอยู่คนเดียว”






-----------------------------------------------------------------------------------
จะขอสารภาพบาปว่าที่หายไปนานเพราะไปเที่ยวมาค่ะ ลงนิยายไม่ได้เลย เค้าขอโทษษ   :sad4:
ยอมรับว่าตอนนี้เป็นตอนที่เขียนยากพอควร เลยยังกังวลอยูว่ามันจะออกมาดีรึเปล่า

ขอบคุณทุกคนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-07-2015 02:08:31
พี่พรตท่าจะดวงตก 
ระเบิดหลายตู้มมาทีเดียว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 17-07-2015 02:35:17
พี่พรตหลายบุคลิกหรอ ที่จริงเรื่องนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัยนะ ถ้าจะผิดก็ควรจะรับผิดร่วมกันดิไม่ใช่โยนกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 17-07-2015 02:52:18
โอ๊ย พี่พรต สงสารพราน คนอุตส่าห์หวังดีอยู่เป็นเพื่อน จริงๆพรานควรอยู่ต่อนะ ถ้าเพื่อนฟื้นมาอย่างน้อยจะได้อุ่นใจที่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันรออยู่ไม่ใช่เจอแต่รุ่นพี่ที่ไม่รู้จัก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 17-07-2015 07:26:02
รู้สึกเหมือนบุคลิกของพรตจะเปลี่ยนๆ พรตเป็นคน2บุคลิกหรือเปล่า

เพราะตอนนี้งงกับพรตมากอะไรหลายๆ อย่างแลดูขัดกัน

รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 17-07-2015 07:28:14
โหย พรานอุตส่าห์หวังดี พูดไล่ซะ เหอะ เข้าใจนะว่าเครียดอยู่ คือไม่ต้องการเพื่อนเลยว่างั้น? สับสนกับอิพี่พรตจริงๆ #ทีมพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 17-07-2015 07:36:08
ยิ่งอ่าน ยิ่งไม่เข้าใจพรต เหมือนมีกำแพงหนาๆกั้นตลอดเวลา.... น้องพรานก็คงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปอ่า  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 17-07-2015 07:48:32
เอิ่ม......บอกว่าเกลียดได้มั้ย  :mew5:

อยากให้พรตเมินมันไปเลย

ไม่ต้องไปสนใจ พวก..... (เรียกไม่ถูก 5555555)

รออออออออ

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-07-2015 09:14:01
พี่พรตเป็นหลายโรคเลยนะนี่
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 17-07-2015 09:17:57
อิพี่พรตเหมือนเหมือนคนป่วยอ่ะแถมสติแตกง่าย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-07-2015 09:37:55
ขอบอกว่าไม่เข้าใจพี่พรตเลยจริงๆ ตอนนี้ รู้ว่าผิดแต่ยังทำ มีแฟนอยู่แล้วแต่ก็คบกับคนอื่น
และยังทำท่าจะมาจีบน้องพรานอีก อย่างนี้มันหมายความว่ายังไงไม่เข้าใจเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 17-07-2015 09:59:19
พรตมีหลายบุคลิก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 17-07-2015 13:15:30
พี่พรตเป็นอะไร ท่าทางเหมือนคนป่วยทางจิต
 :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 17-07-2015 13:17:09
นังพี่พรตนี้เป็นอะไร นางมีหลายตัวตนในคนเดียวรึ
สงสารน้องพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 17-07-2015 13:24:13
แอบสงสัยเหมือนหลายๆคน
พี่พรตแม่มเป็นโรคหลายบุคลิกปะเนี่ย
สงสารน้องนายพรานนนนน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 17-07-2015 14:31:59
พรตเป็นไบโพล่าหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-07-2015 14:35:12
เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นสถาปิกซวยโคตรบอกต่อด้วย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 17-07-2015 14:56:46
พี่พรตเป็นไรมากป่ะเนี๊ยะ
พรานถอยออกมาเหอะลูกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-07-2015 15:26:40
อะไรยังไง มาแบบนี้ไม่เคลียนะ
รอตอนต่อไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 17-07-2015 18:44:41
ไม่ถึงไหนสักที
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 17-07-2015 20:27:24
ทำไมพี่พรตทำงี้

รออยู่ค่าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 17-07-2015 21:50:01
เบื่ออิพี่พรตมากค่ะ. โดดเตะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-07-2015 22:05:39
เออเลิกยุ่งกะคนแบบนี้เถอะพราน อะไรก็ไม่รู้ มั่ว งง ไม่เสถียร
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 17-07-2015 22:29:27
เอื่ม คือไรหรอ งงแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-07-2015 22:52:18
ช่วงประชุมเชียร์หรือรับน้อง ยังไงอุบัติเหตุมันเกิดได้ตลอดอยู่แล้วนิ การที่โทษคนๆเดียวแบบนี้มันไม่ถูกนะ ก็ตอนเขาเสนอคุณตอบรับเห็นดีกับเขาทำไมล่ะ แต่พอเกิดเรื่องปุ๊บก็โยนความผิดให้คนคิดคนเดียว แบบนี้เรียกเพื่อนได้หรอ?  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Tsumsome ที่ 17-07-2015 23:54:34
ถ้าเราเป็นพรานนะ เราคงพูดได้ว่า กูเอ๋อยังไม่หายเลยสาส
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 18-07-2015 00:11:36
รอติดตาม
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 18-07-2015 05:36:22
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: niji-fa ที่ 18-07-2015 07:47:43
งงกับพี่พรตอะ อยากรู้เรื่องราวด้านพี่พรตบ้าง
ว่าพี่คิดยังไงกันแน่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kukkikkooka ที่ 20-07-2015 11:05:40
อ้าวพี่พรตตต อะไรเนี่ยยย สงสารน้องพรานนนน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 20-07-2015 19:39:08
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ รู้สึกว่าพี่พรตแกนีี่บุคลิกเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ (ไม่ได้หมายถึงคนเขียนเขียนไม่ดีน้าาา หมายถึงพี่แกจิตรึเปล่าวะ>>ไม่ได้ดีขึ้นเลย) เอาเป็นว่ารออ่านต่อไปดีกว่าเนอะ
ปล.รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 20-07-2015 22:17:35
CHAPTER 12

 



            ...พี่พรตรำคาญผมหรือเปล่า



            ความสงสัยที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิดเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้เจอหน้าพี่พรตมาสามวันเต็มๆ ความจริงเป็นผมเองนี่แหละที่พยายามเลี่ยงการพบเจอกับคนๆ นี้ เพราะระยะหลังที่พี่พรตทำตัวแปลกออกไปเรื่อยๆ นั้น ผมรู้สึกเหมือนเราไม่รู้จักกัน

            อาจมีบางมุมของพี่พรตที่ผมไม่รู้จัก แต่สายตาของเขาที่โรงพยาบาลนั้นดูราวกับว่าผม ‘ไม่เคย’ รู้จักกับเขาไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม มันเป็นสายตาของคนที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ ดูปิดกั้นและระแวงอย่างมากจนผมถึงกับต้องปล่อยมือออก

            เหมือนเขากำลังบอกให้ผม ‘ไปให้พ้น’ อย่างไรอย่างนั้น

            “เฮ้ยพราน งานถึงไหนแล้ววะ”

            เสียงของโอมและมือที่โบกไปมาด้านหน้าช่วยเรียกผมที่นั่งเหม่อคิดนู่นนิดนี่อยู่กลับมา ก่อนจะหันไปตอบ

            “เหลือเพลทหนึ่งแผ่นกับโม”

            “เหยด โหดสัด”

            สีหน้าเว่อร์เกินจริงของโอมพอจะทำให้ผมยิ้มออกมาได้บ้าง จริงๆ ผมไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอก ช่วงนี้ออกจะไม่ค่อยมีสติด้วยซ้ำ อาจดีอย่างหนึ่งที่เป็นคนคิดแบบเร็ว งานไม่ถึงกับเอแต่การคิดแบบเร็วทำให้งานไม่เร่งจนเกินไปนัก

            “ไม่หรอก”

            “แล้วแบบลงตัวหมดแล้วเหรอวะ”

            “อือ กูตัดจบ”

            “โห่ไอ้พราน กูไม่น่าถามมึงเลย”

            ผมหัวเราะเบาๆ กับเสียงโอดครวญของโอม แต่ถึงแบบยังไม่เสร็จงานมันก็คงไม่เดือดหรอกครับ เพราะวันนี้ปีหนึ่งเลิกเที่ยง แล้วงานส่งพรุ่งนี้ ยังไงก็มีเวลาอีกทั้งบ่ายบวกกับทั้งคืนอีก

            “แล้วทำไมมึงดูเครียดๆ วะ”

            ...ผมดูเครียดงั้นเหรอ?

            “ไม่มีไรหรอก”

            ผมตอบส่งๆ แล้วจัดแจงเดินเอาจานข้าวที่กินเสร็จสักพักแล้วไปวางเก็บไว้ ก่อนจะกลับมาเอากระเป๋าบนโต๊ะ และเพราะงานผมไม่ค่อยเดือดมากเลยมีที่ๆ อยากไปก่อนกลับบ้านทำงาน

            “โอม มึงอยากไปเยี่ยมเพื่อนกับกูป่ะ”

            ไอ้โอมหันมาทำหน้าประหลาดใจนิดหน่ย ก่อนจะร้อง’อ้อ’เบาๆ เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่น่าเสียดายที่มันกลับส่ายหน้าให้ผม

            “ไม่ไหวว่ะ กูเดือดมาก แบบก็ยังไม่มี”

            “โอเค งั้นไปละ”

            แต่เหมือนไอ้โอมจะไมยอมให้ผมไปง่ายๆ มันรั้งสายกระเป๋าของผมเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาผมเหมือนพยายามจะอ่านความคิดให้ออก

            “มึง...เครียดเรื่องเมื่อวานใช่มั้ยวะ”

            ผมหลุบสายตาลงแล้วยอมรับอย่างจนใจ

            “มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”

            “มีคนบอกกูว่าพี่พรตเป็นคนคิดที่จะให้คนข้างๆ ยืนต่อในห้องเชียร์...” โอมพูดได้แค่นั้นก็รีบละล่ำละลักพูดต่อทันที “เชี่ยเดี๋ยว...ไอ้พราน...เพื่อนที่หัวแตกคือคนยืนข้างกูป่ะวะ”

            “เฮ้ยไม่ใช่ เป็นผู้หญิงที่ยืนข้างกู พอดีคนที่ถัดจากกูไปสองคนมันไม่มา”

            “แล้วเป็นไรมากป่ะวะ”

            “เห็นเค้าว่าไม่มีไร หัวแตกเฉยๆ”

            ไอ้โอมพยักหน้าให้ผมเหมือนโล่งใจ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ของผมไว้แน่น

            “เยี่ยมเผื่อกูด้วย”

            “โอเค งั้นกูไปละ”

            ผมเชื่อว่าทุกคนในรุ่นตอนนี้คงจะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนไม่น้อย เพราะทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพูดคุยถึงประเด็นนี้กันทั้งวัน มีหลายความคิดเห็นที่กล่าวโทษรุ่นพี่ว่าไม่คิดให้รอบคอบ และมีอีกหลายคนที่ทั้งเป็นห่วงเพื่อนทั้งห่วงพี่ไปพร้อมๆ กัน เหมือนทุกคนพยายามลุ้นว่ารุ่นพี่จะไม่ถูกเอาเรื่องเพราะมันก็เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ

            การที่รุ่นพี่จัดกิจกรรมทั้งหมดนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อรุ่นน้องงั้นหรือ เจตนาที่ต้องการจะทำให้น้องเกิดการเรียนรู้เหมือนที่ตนเองเคยได้รับมันเป็นการแสดงออกของพี่น้องซึ่งไม่ควรโดนต่อว่าอะไร จริงอยู่ที่ความรอบคอบนั้นสำคัญแต่มันก็มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เกิดขึ้นได้กับทุกคนทั้งน้องทั้งพี่หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ก็ตาม ไม่มีเหตุผลอะไรจะไม่ให้อภัยเมื่อกิจกรรมเหล่านี้คือสิ่งที่รุ่นพี่คิดว่าดีที่สุดสำหรับน้อง ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดนั้นอาจไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็ได้

 

 

            เมื่อถึงโรงพยาบาลผมก็รีบเดินเข้าไปหาพยาบาลตรงเคาน์เตอร์เพื่อถามเลขห้องของเพื่อน แต่ในเมื่อจำชื่อใครไม่ได้เลยได้แต่พูดชื่อคณะกับมหาวิทยาลัยไป โชคดีหน่อยที่ตอนนั้นผมเห็นพี่ปีสามคนหนึ่งเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี เลยรีบบอกขอบคุณพยาบาลคนนั้นแล้วเดินออกมาหารุ่นพี่ทันที

            “พี่ หวัดดีครับ”

            “อ้าว น้องไอ้พรต มาเยี่ยมเพื่อนป่ะ”

            “ใช่ครับ พี่พอรู้มั้ยว่าอยู่ห้องไหน”

            พอได้เบอร์ห้องเรียบร้อยแล้วผมก็ไม่รีรอที่จะเดินไปกดลิฟท์ ก่อนจะเดินไล่เลขห้องผู้ป่วยไปเรื่อยๆ ตลอดทางเดินของชั้นนั้นด้วยความตื่นเต้น แต่แล้วผมก็ต้องชะงักฝีเท้าหลีกทางให้ชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินสวนมา เหมือนทั้งผมทั้งเขาต่างไม่ได้ดูทางและรีบทั้งคู่จนทำให้เกือบชนกัน

            “เอ่อ...ขอโทษครับ”

            ฝ่ายชายพยักหน้าให้ผมอย่างไม่ถือสาและเดินต่อไปอย่างเดิม แต่กลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายหันกลับไปมองแผ่นหลังของคนที่เพียงเห็นหน้าผมก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด รู้สึกเหมือนผมเคยเจอพวกเขามาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

            ผมสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆ ออกไปแล้วเดินไปหาห้องของเพื่อนต่อและในที่สุดเมื่อเจอห้องที่ต้องการแล้วผมก็แนบหูฟังเสียงให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในนั้นก่อนผลักประตูเข้าไปช้าๆ

            เพื่อนของผมผงกหัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิดออก ผมเห็นสายตาที่กลับมาเหมือนปกติโดยไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดบนสีหน้าแล้วถึงกับลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกโล่งใจไปเยอะเมื่อเห็นว่าหลักฐานหนึ่งเดียวที่มีคือผ้าก็อซสีขาวแผ่นหนึ่งบนหน้าผาก

            “หายเจ็บยัง”

            ผมเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง เธอจึงกดปิดทีวีที่ดูอยู่ ลุกขึ้นเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิคุยกับผม

            “หายแล้วล่ะ”

            ผมยิ้มรับอย่างดีใจ แต่แล้วก็นึกเรื่องสำคัญมากๆ เรื่องหนึ่งขึ้นมาได้...จนถึงวินาทีนี้ จะเสียมารยาทป่ะวะถ้าผมจะถามว่า

            “เธอชื่อไรนะ”

            “ห้ะ? อ้อ...เราชื่อน้ำ”

            ผมท่องชื่อเธอไว้ในใจ ถึงจะน่าอายนิดหน่อยเพราะเหมือนเธอจะรู้จักผมมาก่อนแล้ว แต่อย่างน้อยก็เป็นถือว่าได้รู้จักเพื่อนอีกคนล่ะวะ ยืนข้างหันในห้องเชียร์มาหลายทีแล้วจะไม่รู้เลยมันก็ยังไงอยู่

            “นี่จะออกจากโรงบาลวันไหนอ่ะ”

            “วันนี้แล้วแหละ นี่รอพ่อแม่มารับอยู่”

            ทำไมพอได้ฟังคำตอบแล้วผมกลับนึกไปถึงชายหญิงคู่หนึ่งที่เพิ่งเดินสวนกับผมเมื่อกี้ และเป็นช่วงเดียวกับที่ความรู้สึกและสัญชาตญาณบางอย่างบอกกับผมว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกัน

            “พ่อแม่ได้ขึ้นมาบ้างป่ะ”

            น้ำนิ่งคิดไปแปปนึงแล้วค่อยเอ่ยตอบ

            “ไม่ได้ขึ้นนะ แต่เมื่อกี้มีคนสองคนเข้ามาถามน้ำเหมือนกัน ดูเครียดมากแล้วถามหาพ่อกับแม่”

            “แล้วตอนนี้สองคนนั้นไปไหน”

            “เราบอกไปว่าอยู่ชั้นสองอ่ะ ตอนนั้นแม่เพิ่งจอดรถเสร็จ”

            อยู่ๆ ผมรู้สึกร้อนใจขึ้นมา แน่นอนว่าสองคนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่จะมีเหตุผลอะไรที่เร่งด่วนขนาดต้องเข้ามาถึงห้องพักคนป่วยและออกไปอย่างรีบร้อนจนเกือบชนกับผมตรงทางเดิน จะมีเหตุผลอะไรที่พ่อแม่ยังไม่มารับทั้งที่ลูกหายดีเรียบร้อยแล้ว

            “แล้วรู้ป่ะว่าสองคนนั้นเป็นใคร”

            ผมนั่งลุ้นด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้นระหว่างรอคนตรงหน้าเรียบเรียงเหตุการณ์ออกมาเป็นคำพูดที่ทำให้ผมแทบทรุด



            “เออ...ใช่ เหมือนจะเป็นพ่อแม่พี่พรต”   

 



 



[พรต]

 



            “ถ้ามันไม่ใช่แค่หัวแตกล่ะ จะรับผิดชอบยังไง!!”

            ผมยืนนิ่งก้มหน้าฟังไปเรื่อยๆ พยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้พูดอะไรออกไป

            “ไอ้พวกนี้ก็คิดได้แค่นี้แหละ”

            ผมเผลอกำมือแน่นเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่โดนใส่ไม่ยั้งอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ผมหันไปสบตากับเพื่อนอีกหลายคนที่เหมือนพร้อมจะระเบิดอารมณ์ได้ทุกเมื่อไม่ต่างกันเท่าไหร่

            “ฉันถามหน่อย คนที่คิดอะไรไม่เป็นอย่างแกสอบเข้ามาได้ยังไงวะ!”

            ผมถึงกับกำหนดลมหายเข้า-หายใจออก กับตัวเองทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ พยายามห้ามตัวเองด้วยความสามารถทั้งหมดเท่าที่มี ถ้าผมหลุดปากออกไปแม้คำเดียวมันจะไม่จบแค่นี้ และอาจทำให้เพื่อนทั้งรุ่นเดือดร้อนไปตามๆ กัน

            “ใครเป็นคนกักตัวเด็ก”

            สายตาเกรี้ยวกราดเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อตวัดมองผมและเพื่อนทุกคนที่ยืนอยู่ ในขณะที่พวกเราสบตากันไปมาเหมือนพยายามปรึกษาหารือผ่านสายตา ไม่มีใครอยากยอมรับหรืออยากให้เพื่อนยอมรับ โอเค...ผมรู้ตัวว่าเป็นคนเริ่มคิด และในเมื่อเพื่อนทุกคนเห็นดีเห็นงามกัน ส่วนนึงใจผมก็คิดว่าน่าจะมันเป็นเรื่องที่รุ่นของเราควรรับผิด’ร่วมกัน’

            “จะไม่มีใครรับผิดชอบเลยเหรอ!!!”

            ผมหันไปมองเพื่อนอีกครั้ง แต่สายตาของทุกคนกลับจับจ้องมาที่ผม และผมจะไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเองนั้นผิดหวังขนาดไหน...แบบนี้อีกแล้วเหรอ ผมอีกแล้วเหรอ

            ความคิดที่แล่นขึ้นมาในหัวทำให้ผมตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ในเวลานี้ถึงผมจะอยากอยู่คนเดียวแค่ไหนก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมเม้มปากแน่นแล้วพยายามเรียกความมั่นใจเพื่อให้เสียงที่พูดออกไปไม่สั่นจนน่ากลัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยออกไปอย่างหนักแน่นทั้งที่ทั้งร่างกายแทบทรงตัวไม่อยู่

            “ผมเองครับ”

            ผมไม่กล้าหันไปมองว่าสีหน้าของเพื่อนทุกคนเป็นแบบไหน อาจไม่เห็นด้วยที่ผมออกรับคนเดียว หรืออาจเห็นว่าถูกต้อง แต่ผมขอปกป้องความสึกตัวเองไว้ก่อนโดยไม่หันไป เพราะมันคงจะเสียความรู้สึกไม่น้อยหากได้เห็นสายตา ‘มึงสมควรรับผิดคนเดียว’ จากกลุ่มเพื่อนที่ผ่านอะไรกันมาหลายอย่าง จากกลุ่มเพื่อนที่ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน       

            ผมบังคับสายตาของตัวเองให้จับจ้องไปแค่ใบหน้าคาดโทษที่มุ่งมายังผมโดยตรง พยายามอย่างหนักในการเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อที่ห่วงลูก ของเพื่อนที่ห่วงตัวเอง

            “เรียกพ่อแม่มาคุยกับฉัน”

            ...ไม่! ไม่ ไม่เอา

            ผมได้ยินเสียงของตัวเองตะโกนตอบอย่างแทบไม่ต้องคิดอยู่ในใจ

            “คุยกับผมก็ได้ครับ”

            ขออะไรก็ได้ที่จะจบลงกับตัวผมคนเดียว อย่าได้เข้าไปในความรับรู้ของครอบครัวผมอีกเลย

            “ไม่ ฉันจะคุยเรื่องยื่นฟ้อง”

            ผมขมวดคิ้วพลางหาหนทางให้ตัวเองทันที คำตอบนี้ถือเป็นคำตอบที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่จะจินตนาการถึง ยื่นฟ้องงั้นหรือ มีวิธีไหนที่สามารถยื่นฟ้องได้โดยไม่มีพ่อแม่บ้างรึเปล่า ผมคิดพลางใช้มือข้างหนึ่งจับอีกข้างไว้เพื่อเป็นการเรียกสติก่อนที่ตัวผมเองจะเป็นบ้าไปเสียก่อน

            ผมไม่เคยโชคดีเลยล่ะ

            ...และนั่นไง

            ผมยกริมผีปากเผยรอยยิ้มอย่างสิ้นหวังทันทีที่เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังมุ่งตรงเข้ามาหาพร้อมกับชายหนุ่มผู้แสนจะโดดเด่นอีกคนที่เดินตามมาติดๆ

            “เกิดอะไรขึ้นพรต แล้วนี่...”

            แม่ของผมเป็นคนเปิดฉากขึ้นมาก่อน จากเดิมที่เข้ามาถามผมคนเดียวและเหมือนชะงักไปเมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนรอบตัว จนสุดท้ายก็หันไปมองพ่อแม่ของน้องปีหนึ่งเหมือนต้องการคำอธิบายเพิ่ม โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าตกใจของคู่กรณีเลยแม้แต่น้อย

            “อ้ะ...คุณสุวัตร คุณพิมพ์ผกา มาทำอะไรที่นี่ครับ”

            ผมไม่แปลกใจเลยที่ทั้งพ่อและแม่ของน้องเอ่ยทักทายเหมือนรู้จักกัน และพ่อแม่ของผมก็รับไหว้พลางทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อีกแล้วงั้นสิ คงอับอายเหลือเกินที่จะรับว่าเกี่ยวข้องกับผม

            “คุณพฤตก็มาด้วย สวัสดีครับ”

            นอกจากจะเอ่ยทักทายพ่อกับแม่แล้ว เขายังหันไปทักพี่ชายผู้แสนดีของผม ซึ่งพี่พฤตก็ทำเพียงยกมือไหว้ ส่วนผมนั้นก็ได้แต่หมั่นไส้กับท่าทางนอบนอบจนเกินเหตุของทั้งคู่ คนอื่นก็เป็นซะอย่างนี้ ถ้าดูจริงๆ แล้วพี่ผมก็เพิ่งจบมาได้สองปี ถึงเขาจะจบด้วยเกียรตินิยมอะไรก็ช่าง แต่มันดูโคตรเฟคที่คนอายุมากกว่าเป็นสิบๆ ปีต้องมาทำกิริยานอบน้อมกับเด็กเพิ่งจบ 

            “เอ่อ...คุณพฤตมีธุระอะไรที่นี่หรือครับ”

            ผมถึงกับภาวนาอย่างหนักให้ตัวเองหายไปจากตรงนี้ในวินาทีก่อนที่พี่ชายผมจะตอบคำถามนั้น ซึ่งผมก็ได้แต่คิดแหละครับ เพราะพี่ผมตอบแทบจะทันที

            “ผมมาหาน้องชายครับ”

            “อ้าว คุณพรตเป็นอะไรครับ”

            พี่พฤตทำหน้าสงสัยนิดหน่อยก่อนจะชี้มาที่ผม เล่นเอาผมแทบจะกลั้นใจตายอยู่ตรงนั้น

            “พรตก็อยู่นี่ไง”

            ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของรุ่นน้องคนนั้นอาการหนักที่สุด เพราะทั้งคู่หน้าซีดเหมือนเห็นผี นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผมคงจะหัวเราะไปแล้วถ้าไม่ติดว่าจะเหลือบไปเห็นพ่อกับแม่ที่จ้องตรงมาเสียก่อน...เอาอีกแล้ว สีหน้าแบบนี้อีกแล้ว

            “ค...คนนี้คือพรตเหรอ”

            “ใช่ครับ ทำไมเหรอ”

            พี่ชายของผมยังมีท่าทีเหมือนไม่เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างอยู่

            “พฤต”

            “พรตมาคุยกับพ่อหน่อย”

            เสียงแม่ปรามพี่ชายดังขึ้นพร้อมเสียงเรียบนิ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนโดนมีดเย็นๆ จ่ออยู่กลางหลัง ทำให้ผมจำใจต้องเลี่ยงออกจากวงท่ามกลางสายตาของพ่อแม่คู่นั้น ก่อนจะเดินตามหลังพ่อตัวเองไปยังทางเดินอีกอันที่อยู่ไกลพอจะไม่ให้คนอื่นได้ยิน

           


 


            “เล่ามา!”

            พ่อของผมตวาดใส่เบาๆ เหมือนพยายามคุมเสียงไม่ให้ดังจนเกินไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของพ่อลดน้อยลงไปกว่าครั้งก่อนๆ

            “น้องเป็นลมในห้องเชียร์ครับ”

            “แล้วแกเกี่ยวอะไร”

            ผมควรจะชินกับคำถามนี้ได้แล้ว ผมไม่กล้าคาดหวังหรอกว่าพ่อจะถามคำถามเช่น ‘น้องเป็นอะไร’ หรือ ‘ทำไมเป็นลม’ หรอก พ่อต้องการแค่รู้เท่านั้นแหละว่าฝ่ายเราเกี่ยวข้องยังไงและมันทำให้ครอบครัวของเขาเสียหายไปมากเท่าไหร่

            “ผมเป็นคนคิดกิจกรรม”

            “ฉันบอกแล้ว! ฉันบอกแล้วใช่มั้ย กิจกรรมพวกนี้จะเข้าไปยุ่งทำไม”

            “พี่พฤตยังเป็นเฮดรับน้องเลย”

            “ก็นั่นพฤต ไม่สร้างปัญหาเหมือนแก!”

            คำพูดนั้นดังสะท้อนอยู่ในภวังค์ของผม ...เหมือนเป็นคนที่คอยสร้างจุดด่างพร้อยให้ครอบครัวอย่างไรอย่างนั้น ประวัติของผมไม่มีทางดีเท่าพี่ เท่าพ่อ หรือแม่ ได้หรอก

            “แต่ผมไม่ได้ผลักน้อง”

            “แกจะทำหรือไม่ทำอะไรมันก็เกิดปัญหาทั้งนั้นแหละ”

            “...”

            “ฉันกล้าพูดนะว่าพฤตเป็นเฮดที่ดี แต่แกไม่ใช่”

            ผมถึงกับสะอึก พี่พฤตถือว่าเป็นเฮดรับน้องที่ดีเพียงเพราะไม่มีใครมาหกล้มหัวแตกในห้องเชียร์งั้นหรือ อย่างนี้ถ้าจะให้เฮดรับน้องทุกปีเป็น ‘เฮด’ที่ดี ก็เลิกกิจกรรมห้องเชียร์ไปเลยดีกว่ารึเปล่า แค่ให้น้องนั่งร้องเพลงเหมือนนกแก้วขุนทองใช่ไหมถึงจะเป็นการรับน้องที่ดี

            การเรียนรู้ มิตรภาพ และประสบการณ์ มักจะได้มาด้วยความยากลำบาก เหมือนดอกไม้จะเบ่งบานได้หลังผ่านพายุฝน  ถึงผมจะไม่ใช่เฮดรับน้องหลักในปีนี้ แต่ผมไม่มีทาง ไม่มีวันจะจัดกิจกรรมเพียงเพื่อจะปกป้องชื่อเสียงของตัวเองโดยที่น้องไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับไปอย่างแน่นอน

            การรับน้องคงไม่ต่างอะไรจากการใช้ชีวิตในคณะมากเท่าไหร่ เราอยากให้น้องเข้าใจ อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองเข้าใจ เพราะการทำงานที่หนักหนาสาหัสนั้นเป็นครูที่ดีที่สุดของเราเสมอ สิ่งที่ได้เรียนรู้ที่จากการปฏิบัติผสมกับความยากลำบากเป็นอะไรที่เราจะได้ติดตัวไปโดยไม่ต้องพยายามหมั่นท่องจำ มันเหมือนหลอมรวมเข้าไปฝังอยู่ในมุมมองความคิดที่จะใช้ไปตลอดชีวิต และถ้าเป็นไปได้...ทำให้โลกของคนๆ หนึ่งเปิดกว้างขึ้นสักนิดก็ยังดี

            “กี่รอบแล้วที่ฉันต้องมาคอยตามเช็ด”

            “พ่อก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ปล่อยผมไปแบบนี้สิ”

            ความจริงผมไม่จำเป็นต้องดีให้ได้เท่ากับพ่อก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีบริษัท ไม่ต้องเป็นสถาปนิกโด่งดังมีชื่อเสียงกันทั้งตระกูล ไม่ต้องมีผลการเรียนสวยหรูเหมือนพี่

            “แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอพรต! คิดถึงครอบครัวเราบ้างมั้ย”

            ครอบครัวงั้นเหรอ...ของผมคงเป็นครอบครัวที่มีรูปอยู่แต่ในหนังสือประวัติหรือโล่เกียรติคุณเสียมากกว่า และผมก็เบื่อเต็มทนแล้วที่ต้องมาปั้นแต่งตัวเองให้ดีพอจะได้อยู่ในนิตยสารสักเล่ม หรือให้สามารถยืนถ่ายรูปคู่กับพี่ชายได้โดยที่พ่อไม่มองว่าผมด้อยกว่า เพราะผมไม่ปฏิเสธเลยว่าความสามารถของผมด้อยกว่าพี่ และไม่เห็นว่าจะต้องพยายามให้มันไปเท่ากับใคร


            ถึงเวลาประกาศจุดยืนแล้ว


            ผมก้มลงมองมือสั่นระริกของตนเองที่ต้องคอยจับกันแน่น แล้วก็หวนไปคิดถึงมือของอีกคนที่เคยจับไหล่ผมไว้ให้หยุดสั่น และไม่เคยมีใครทำได้ผลเหมือนเขา ผมเรียกสติของตนเองกลับมาและเงยหน้าสบตากับพ่อพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชืด


            นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่าหากมีใครสักคนมายืนอยู่ข้างๆ


 

            “พ่อรู้มั้ย ผมมีเรื่องที่แย่กว่านี้อีก”

            “...”

            “พ่ออาจไม่ได้เจอมิวแล้วนะ”


            “...”


            “เพราะผมเริ่มจะชอบผู้ชายคนนึงแล้ว”






----------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้มาช้าหน่อยเพราะต้องแต่งให้จบตอนค่ะ เพราะถ้าอัพครึ่งอาจทำให้เสียอรรถรสมาก

** มีข่าวมาแจ้งค่ะ!
เราจะมี hashtag อย่างเป็นทางการของเรื่องนี้แล้วนะ
จะด่าพี่พรตนอกรอบก็ใส่แทค  #พรตพราน ได้เลย
แล้วเราจะย่องไปอ่าน 55555

(edit: เราแก้แทคเป็น #พรตพราน แล้วนะ ตอนแรกใช้พรานพรตเพราะมันคล่องปากกว่า แต่กลัวเข้าใจผิดกัน555)


ขอบคุณทุกคนค่ะ  :กอด1:


           
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-07-2015 22:35:22
ไม่รู้สิ ก็ไม้เข้าใจพรตอยู่ดี

แต่สาเหตุน่าจะมาจากครอบครัวนี่ล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 20-07-2015 22:39:32
ปัญหาครอบครัวเหรอ ทำให้พี่พรตเป็นแบบนี้
ก็ยังไม่เข้าใจพี่พรตอยู๋ดี
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 20-07-2015 22:47:57
คบกับมิวเพราะครอบครัวหรือเปล่าเนี่ย?
แล้วที่ไปวุ่นวายกับผู้หญิงคนอื่นเพราะหาเหตุผลจะขอเลิกกับมิว
แล้วอะไรคือเทิดทูนบูชาความรัก หลอกตัวเองอยู่หรอ? หรือยังไง?

หรือที่พูดกับพ่อไปอย่างนั้นก็แค่ข้ออ้าง ลากพรานมาเป็นข้ออ้างทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะนะ
ตามบายพี่ จะรอดูปมในใจและเหตุผลที่สมเหตุสมผลนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-07-2015 22:50:02
เป็นเพื่อนที่ดีจริงนะ โยนความผิดให้เพื่อนทั้งหมด ตัวเองรอด
ครอบครัวพรตนี่คงรักพี่เพราะเก่ง แต่มองน้องเป็นตัวปัญหาเลยใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 20-07-2015 22:50:17
งง ว่ะ มิวเกี่ยวไรด้วย
แล้วทำไมต้องทำกันแบบนี้
ครอบครัวเหรอ?
ใจร้ายเกินไปรึเปล่าสำหรับคนเป็นพ่อแม่
 :ruready
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kukkikkooka ที่ 20-07-2015 22:57:01
ปัญหาพี่พรตส่วนนึงคงมาจากครอบครัว

แต่ว่าการคบใครหลายๆคนพร้อมกันนี่คืออะไรยังคงสงสัยอยู่

รอตอนต่อไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-07-2015 23:01:59
หลายเรื่องประดังประเดจังเลยพี่พรต ยังไงก็สู้ ๆ ละกัน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 20-07-2015 23:09:28
เพราะรอบครัวเหรอ? o12
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-07-2015 23:25:36
ทำไมคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงไม่เข้าใจลูกตัวเอง ลูกแต่ละคนก็นิสัยไม่เหมือนกันชอบอะไรก็ต่างกัน
จะบังคับให้พรตดีเหมือนพี่เค้าได้ยังไง มันคนละคนกันนะ ทำไมไม่ทำความเข้าใจพรตบ้างล่ะ
ไม่มีใครชอบหรอกนะกับการโดนเปรรียบเทียบกับคนอื่นน่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-07-2015 23:39:10
พรานพรต หรือ พรตพราน เอ๊ะ!!
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 21-07-2015 00:31:37
มาเป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 21-07-2015 00:45:54
เข้าใจพรตที่เป็นแบบนี้แหละ เพราะครอบครัวสินะ
ดูจากที่คุยกับพ่อละ เข้าใจเลย เฮ้อ สงสารอ่า

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 21-07-2015 04:25:48
เพื่อนพี่พรตนี่ดีจริงๆ แต่ละคนแค่ตัวเองรอดก็ไม่สนใจเพื่อนแล้วอ่ะ ปัดสวะแบบไม่สนใจความรู้สึกเพื่อนเลยอ่ะ ครอบครัวพี่พรตก็เหมือนจะคิดถึงหน้าตาตัวเองอย่างเดียวไม่คิดถึงใจลูกเลย เราว่าทุกบ้านที่มีพี่น้องต้องเป็นอ่ะไม่ชอบสุดๆ ไอเปรียบเทียบเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: niji-fa ที่ 21-07-2015 06:47:44
ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบรวมกันดิ ทำไมต้องเป็นคนๆเดียวรับผิดชอบ
เสียความรู้สึกกับเพื่อนพี่พรตอะ ...
อ่านตอนนี้แล้วเข้าใจพี่พรตขึ้นมานิดๆ สงสารพี่พรตอะ  :m15:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 21-07-2015 07:19:27
เราเป็นคนไม่ซับซ้อน พอเจอแบบนี้ มึนค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 21-07-2015 07:23:17
ถึงจะเป็นแบบนี้ สงสารแค่ไหนก็เถอะ

แต่เราก็สงสารพรานมากว่าพรต

ทุกครั้งที่ไล่ รู้สึกแย่มาก

 :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 21-07-2015 07:35:32
ค้างคา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-07-2015 08:04:03
นายแค่เอาพรานมาเอี่ยวกับสงครามเปล่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-07-2015 09:43:39
ครอบครัวกดดันมาตลอดซินะ
คงกดดันทุกเรื่องและยาวนาน
คำพูดพ่อโหดร้ายมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 21-07-2015 10:07:30
พรตดูน่าสงสารบุคลิคของเค้าเหมือนคนป่วยเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 21-07-2015 10:54:49
เหมือนจะเข้าใจพรต แต่ก็ไม่เข้าใจ

สาเหตุส่วนหนึ่งคงมาจากครอบครัวที่เหมือนจะกดลูกตัวให้ต่ำกว่าพี่ชาย ซึ่งนั่นคงทำให้พรตกดดันมาก แล้วผลกระทบนี้ทำให้พรตกลายเป็นคนมีสองบุคลิกหรือเปล่า เพราะบคุลิกของพรตยังคงเป็นปริศนา ปรับไปเปลี่ยนมา

มิวเกี่ยวข้องอะไรด้วย?? ครอบครัวบังคับให้คบกัน?? งงค่ะ

รออ่านตอนต่อไปเพื่อจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 21-07-2015 14:17:15
เรื่องจริงคือ มิวกับพฤต โดนบังคับให้คบกันอะไรแบบนี้ป่ะ? แล้ว ผญ คนอื่นที่เข้ามาหาพฤต ก็คือมาชอบพฤตเอง ด้วยความที่พฤตอาจจะเป็นคนแบบนี้ เลยคบแบบมั่วๆซั่วๆ ประชดชีวิตไรแบบนี้ป่ะ ? 5555 เราเดานะ  แต่พฤตน่าสงสารตรงที่พ่อเอาไปเปรียบกับพี่คนโต เฮ้อ รออ่านตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Sahrapova ที่ 21-07-2015 17:49:43
เริ่มเข้าใจพี่พรตขึ้นมานิดนึง แต่ตอนนี้จุกมากตรงเรื่องเพื่อน มันแบบสื่อให้รู้เลยว่าเพื่อนแบบนี้มันมีอยู่จริงๆ เวลามีสุขร่วมเสพกันแต่เวลาทุกข์กลับไม่เคยจะยื่นมือเข้ามาช่วย เรื่องครอบครัวก็อีกเรื่อง ไม่มีใครชอบหรอกการเปรียบเทียบอ่ะทำไมคุณพ่อทำแบบนั้นฮะ ยิ่งคำพูดที่ใช้คือสะอึกแทน เอาเป้นว่าสงสรพี่พรตแต่สงสารพรานมากกว่า  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 21-07-2015 18:02:04
เหมือนจะเข้าใจพรตมาแล้วนิดนึง แต่พรตไล่พรานแบบนี้ คนเค้ามีความรู้สึกนะ เสียใจเป็นเหมือนกัน แล้วจะทำไงต่อล่ะคะ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 21-07-2015 21:13:49
พรตน่าสงสารจัง แต่ดูเหมือนปมจะยังคลายไม่สุดนะ รอๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Tsumsome ที่ 22-07-2015 00:19:38
เอาไงกันแน่พรต :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 22-07-2015 01:05:25
เอาเรื่องเพื่อนก่อนเลยนะ  เพื่อนแดกทั้งก๊กอะ  ใหนที่ร้านอาหารบอกว่ารักกันรู้ใจกัน โถ่..เพื่อนแท้เชี่ยๆ
นี่เลยของจริง ไอ้พ่อแม่รังแกฉัน  กดดันมันเข้าไป คงทำมาตั้งแต่พรตมันหัดเดินล่ะมั๊ง มันถึงได้ดูเหมือนเก็บจนจะกดไม่ไหวอยู่แล้ว
มิว เป็นเมียน้อยหรือกิ๊กพ่อพรตปะ  แบบให้ลูกคบบังหน้าแทนตัวเองไรงี้  แต่ก็เห็นพรตเอาอกเอาใจกันดี เลยยังไม่เข้าใจ ไว้คนเขียนมาคลายปม หรือจะผูกมากกว่าเดิมก็ไม่รู้ดีกว่า
แต่ถึงยังไงก็ไม่เห็นด้วย ที่จะดึงพรานมาเกี่ยว ทั้งที่รู้ว่าน้องมันจะซวยด้วยหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-07-2015 01:14:19
เราเข้าใจพี่พรตนะ ไม่ว่าอะไรเลย ทีมพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 22-07-2015 06:36:36
เข้ามารออออออออออ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 23-07-2015 06:39:48
มาอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-07-2015 23:19:58
พรตชอบพรานแล้วสินะ เฮ้อ ชีวิตพระเอกดูเก็บกด

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 24-07-2015 22:40:15
รอออออ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 24-07-2015 22:53:10
แอบอ่านมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ เพิ่งจะได้กลับมาตามเมื่อไม่นานมานี้
หวังว่าพี่พรตจะเคลียร์ตัวเองนะคะ น้องพรานเองก็จะได้เข้าใจ
เพื่อนๆ และปัญหาทั้งหลาย ก็จะได้คลี่คลายลงไปบ้าง

(แต่ดูเหมือนพี่พรตจะวิ่งเข้าหาปัญหาเลยเนอะ...โดยเฉพาะกับที่บ้าน
เฮ่อ!...แม่ป้าล่ะเปลี้ย)

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 25-07-2015 20:11:53
แวะมาดัน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 26-07-2015 06:40:23
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 26-07-2015 11:54:09



:: CHAPTER 13 ::




[พรต]


           

            “พรต  เล่าให้พี่ฟังหน่อย”

            ผมเงยหน้ามองคนที่กำลังทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หลังจากที่ผมคุยกับพ่อเสร็จและกำลังนั่งพยายามสงบสติอารมณ์อยู่

            พี่พฤต...พี่ชายผู้แสนดี เพียบพร้อมไปด้วยประวัติสวยหรู ความภาคภูมิใจของครัว ทุกอย่างเท่าที่คนๆ นี้ทำจะทำให้คนอื่นภาคภูมิใจที่ได้เกี่ยวข้องกับเขา

            พี่ชายของผมจะเป็นคนนั่งปลอบเสมอหลังจากโดนพ่อหรือแม่ดุ เพราะความ ‘แสนดี’ นี่ไง ที่ทำให้ผมทั้งรักทั้งหมั่นไส้เขาไปในตัว เกลียดที่เป็นคนเพอร์เฟ็คเพียบพร้อมและเป็นที่รักของคนทั่วไป แต่ยังรู้สึกมีบุญคุณอยู่ในฐานะที่เขาเป็นคนๆ เดียวในโลกที่จะมานั่งข้างๆ ผมและพูดคุยกันอย่างจริงจัง

            ไม่ว่ามีปัญหาอะไรพี่พฤตก็จะมา

            “พี่เห็นพ่อโกรธมากเลยนะ”

            ผมเหลือบไปมองพี่พฤต ยังไงพ่อสมควรโกรธอยู่แล้วล่ะ เขารับไม่ได้หรอกว่าลูกตัวเองทำให้น้องเป็นลม แล้วยังประโยคสุดท้าอีกล่ะ นั่นคงพอที่จะทำให้พ่อแทบเป็นบ้าไปเลย

            “รับน้องมันก็มีปัญหาแบบนี้แหละ เพื่อนพี่ก็...”

            “พี่พฤตหยุด!”

            “หยุดอะไรพรต ทำไมพูดแบบนี้”

            สิ่งหนึงที่ผมเกลียดมากที่สุดคือ คำปลอบโยนเหมือนเข้าอกเข้าใจกันของคนที่เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุของทุกเรื่อง ถ้าพี่พฤตดีน้อยกว่านี้สักครึ่ง ถ้าไม่เก่งสักเรื่อง ทำไม่ได้สักเรื่อง ผมคงไม่โดนนำมาเปรียบเทียบและด่าทออย่างน่าสมเพชแบบนี้หรอก

            แล้วยังมีหน้ามาปลอบผมอีก

            ผมคงจะเกลียดตัวเองพอๆ กับที่เกลียดคำปลอบโยนเหล่านั้น เพราะเป็นผมเองนี่แหละที่ยอมให้ตัวเองเล่าความทุกข์ให้พี่ชายฟังตั้งแต่เด็ก ยอมให้พี่ชายเข้ามาช่วยทำการบ้านทำโปรเจกต์เพื่อให้มีผลงานที่ดีพอที่พ่อจะไม่ด่า ตั้งแต่เด็กผมก็เคยชินกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจนเพิ่งจะมารู้สึกเอาตอนนี้ว่ามันควรจบได้แล้วล่ะ

            การต่อต้านในใจของผมแรงขึ้นเรื่อยๆ และนั่นทำให้ตัวผมเริ่มสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมพยายามจับตัวเองไว้ให้มันหยุดอย่างที่ทำมาตลอด แต่แล้วก็มีมือหนึ่งจับลงที่ไหล่ของผมเหมือนพยายามช่วย ผมปัดออกทันที

            “ออกไป”

            “...”     

            “ผมอยากอยู่คนเดียว”

            พี่พฤตชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะระบายลมหายใจยาวๆ เขาไม่ได้เดินออกไปไหนแต่กลับนั่งเงียบๆ อยู่อย่างนั้นแทน

            คำว่า ‘อยากอยู่คนเดียว’ เป็นคำที่ผมอยากจะพูดกับพี่พฤตที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เคยกล้าพอที่จะปัดความช่วยเหลือของพี่ให้พ้นตัวแต่แล้วผมกับ...ไปลงกับอีกคนก่อน

             คิดถึงตรงนี้ ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาหาผมเหมือนคลื่นลูกใหญ่ ผมควรจะยั้งสติให้ทันก่อนพูดอะไร แต่ดูเหมือนนาทีนั้นผมไม่ค่อยรับรู้อะไรเท่าไหร่ ถ้าหากว่าพรานไม่เข้ามาจับไหล่เหมือนที่พี่พฤตชอบทำ ผมคงไม่พูดไปแบบนั้นและพรานคงไม่วิ่งออกไปแบบนั้น

            ผมจะไม่โทษว่าการจับไหล่เพื่อปลอบมันเป็นปมในใจที่มีกับการปลอบโยนของี่ชายซึ่งเป็นตัวเปรียบเทียบอันสมบูรณ์แบบของผม จะไม่บอกว่าพรานมาอยู่ผิดที่ผิดเวลา ผมไม่มีข้ออ้างอื่นนอกเสียจากยอมรับว่าตัวเองพูดไปโดยไม่มีสติจริงๆ เลยทำให้ไประเบิดอารมณ์ใส่คนที่ผมควรจะดีด้วยที่สุด

            มันเป็นพฤติกรรมมนุษย์ที่ผมนึกรังเกียจที่สุด เมื่อเรารู้สึกสบายใจและไว้วางใครมากๆ เมื่อเราเห็นว่าเขาสำคัญ เราก็มักจะพูดจากับเขาไม่ดีเท่าเดิม ทำตัวไม่ดีกับเขา เปิดเผยด้านที่ไม่ดีของตัวเองให้เขา เหมือนกับที่หลายคนมักจะเถียงคนใกล้ตัวด้วยถ้อยคำรุนแรง ในขณะที่พูดจาอย่างดีกับคนที่เพิ่งรู้จักไม่นาน ความจริงแล้วคนที่เป็นห่วงเราที่สุดไม่ใช่หรือ ที่สมควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกลับคืนไป

            ผมรู้ว่ามันหมายถึงการเปิดใจ การเปิดเผยพฤติกรรมที่ฝังลึกในจิตใจที่ดูดีให้ใครสักคนรับรู้ แต่ในการเปิดใจนั้น ทำไมถึงต้องมีการทำร้ายจิตใจของคนอื่นด้วย มันเหมือนกับการที่เราต้องใช้ดาบอันคมกริบกรีดลงไปเพื่อเปิดทางให้ตนเองก้าวเข้าไปอยู่ในใจของอีกคนหรือเปล่า แน่นอนว่าเขาคงจะเจ็บบ้าง แต่เมื่อเข้าไปแล้วเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่จิตใจของเขา

            การที่คำพูดของผมทำร้ายพราน ผมจะถือว่ามันเป็นการเปิดทางเข้า และตอนนี้นี้ผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ตัวเองจะกรีดจิตใจของตัวเองให้พรานเข้ามาเช่นเดียวกัน

            “เฮ้ย ใจเย็นดิ”

            “พรตบอกว่าอยากอยู่คนเดียว”

            “เมื่อกี้คุยกับพ่อแม่น้องปีหนึ่งให้แล้ว”

            “...”

            “พี่กับแม่แทบจะไหว้เขาเลยล่ะ”

            พี่พฤตพูดแบบนี้คงคิดว่าผมจะรู้สึกผิด แต่ผมกลับไม่คิดว่ามันเป็นบุญคุณอะไรแม้แต่นิดเดียว

            “...”

            “สุดท้ายเขาโอเคว่าจะไม่ฟ้อง แต่บอกว่าให้ไปขอโทษ”

            ผมควรจะยอมขอโทษใช่ไหม อย่างน้อยก็ให้เรื่องมันจบๆ ไปโดยไม่เป็นเรื่องใหญ่ ถึงในใจจะคิดว่า ถ้าไม่เป็นพ่อแม่หรือพี่ชายตัวผมเองนั้นจะได้รับการลดหย่อนอะไรแบบนี้หรือเปล่า พวกฐานะหรือเส้นสายในสังคมช่างน่าเบื่อ

            “โอเค พรตจะทำ”

            ...อย่างน้อยก็เพื่อรุ่นละกันวะ

            พอตกลงกันได้แล้วผมเลยตั้งใจจะปลีกตัวไปบอกข่าวให้เพื่อนรู้กันก่อนว่าผมจะเคลียร์เอง แต่พอกำลังจะเดินไปเท่านั้นแหละ พี่พฤตก็คว้าแขนผมเอาไว้ก่อน

            “แล้วที่พูดกับพ่อหมายความว่าอะไร”

            “พี่พฤตได้ยินเหรอ”

            พี่พฤตพยักหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าเหมือนรู้ทัน ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่ยืนคุยกับพ่อ ทั้งเรื่องปัญหารับน้อง เรื่องครอบครัว เรื่องพราน...

            พี่พฤตยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนตกใจที่ห้ามไว้ไม่อยู่ของผม ตอนนั้นนอกจากพ่อแล้วผมไม่คิดว่าจะมีใครมาได้ยินอีก ตอนนี้ก็เอาแล้วไง คนอย่างพี่พฤตไม่ยอมปล่อยให้ผมมีความลับอะไรหรอก

            “มีคนที่ชอบแล้วเหรอ”

            “...”

            “พี่จะพลาดได้ไงล่ะ เรื่องใหญ่ของน้องชายเชียวนะ”

            “อือ” ผมพยักหน้ารับ

            “เฮ้ยย พี่ไม่เคยได้ยินพรตพูดว่าชอบใครเลยนะ”

            สีหน้าตื่นเต้นจนเกินเหตุของพี่พฤตทำเอาผมยิ้มออกเป็นครั้งแรกของวัน ยังไงพี่พฤตคนนี้ก็เป็นพี่ชายของผม ยังไงคนที่เป็นต้นเหตุของการเปรียบเทียบทั้งหมดก็ยังเป็นพี่ที่ดูตื่นเต้นกับเรื่องของผมราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง

            ความใส่ใจนั้นทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย

            “เออดิ เป็นคนแรกที่พรตอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ”

            “เค้าเป็นคนยังไง”

            ถ้าจะให้ตอบว่าพรานเป็นคนยังไงงั้นเหรอ...

            “ใจดี แกล้งสนุกมาก ก็ไม่ใช่คนกว้างขวางเท่าไหร่แต่ทำกิจกรรม”

             “โห หน้าตาเคลิ้มเชียว เพิ่งชอบเค้าเหรอ”

            “ก็รู้จักกันสักพักแล้ว แต่วันนี้มีเรื่องนิดหน่อย เลยเพิ่งมาคิด”

            พี่พฤตหรี่ตาลงเหมือนพยายามจะจับผิดอะไรบางอย่างในคำพูดของผม แต่สุดท้ายกลับเอ่ยปากถามอีกคำถามขึ้นมาแทน

            “บอกชื่อได้ป่ะ”

            มีความลังเลบางอย่างเกิดขึ้นเหมือนผมไม่อยากให้ใครได้รู้ แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของพี่ชายแล้ว ผมเลยตัดสินใจปัดความคิดนั้นก่อนและพูดออกมา


            “เขาชื่อนายพราน เป็นน้องปีหนึ่ง”



            แต่แล้วสายตาของผมก็เผลอไปสบตากับ ‘เจ้าของชื่อ’ ที่จู่ๆ ก็เดินเลี้ยวเข้ามาในทางเดินนี้เหมือนรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง และเมื่อสายตาของเราสบกันแล้ว เขาก็ถอยหลังสองสามก้าวแล้ววิ่งออกไปทันที


            ...เดี๋ยวก่อน!!!


            “พรต!”

            ในวินาทีนั้นผมก็ออกวิ่งตามเขาไปทันทีโดยไม่สนใจว่าจะยืนคุยกับพี่พฤต หรือจะมีเรื่องอะไรที่ยังพูดไม่จบ ต้องเป็นตอนนี้เท่านั้นที่ผมจะสามารถแก้ไขอะไรได้ก่อนพรานจะโกรธผมไปมากกว่านี้ ก่อนที่พรานจะเก็บคำพูดนั้นไปนั่งคิดมากคนเดียวแบบที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ ผมยอมรับเลยว่าผมไม่เคยต้องการที่จะคุยกับพรานมากเท่าครั้งนี้

            ผมวิ่งไปจนสุดทางเดินและหักเลี้ยวไปทางขวาตามที่เห็นพรานวิ่งไป และเมื่อเลี้ยวไปผมก็เห็นแผ่นหลังไวๆ วิ่งเลี้ยวไปอีกทางพอดี ผมหอบหายใจออกมาก่อนจะเร่งฝีเท้าตามไปอีกที แต่เหมือนพรานเองก็จะไม่หยุดด้วยเช่นกันแม้จะรู้ว่าผมวิ่งตามมาเพราะเสียงฝีเท้าที่ของเขายังคงดังต่อเนื่องตามทางเดิน

            ผมยังคงเร่งความเร็วของตัวเองเรื่อยๆ แม้จะหอบเหนื่อยมากกว่าเดิม ผมเริ่มเข้าใกล้พรานมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงในระยะที่แขนผมสามารถเอื้อมไปถึงตัวของเขาได้ ผมจึงใช้สองมือรวบตัวของพรานไว้จากด้านหลังทันที


            “พรานหนีทำไม”

             คำถามของผมไม่ได้รับคำตอบอยู่สักพักหนึ่ง และเมื่อเสียงหายใจแรงๆ จากความเหน็ดเหนื่อยเบาลงบ้างแล้ว พรานก็เริ่มขยับตัวให้หลุดออกจากแขนของผมซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ยอม พรานจึงหยุดและตอบลับมาอย่างช้าๆ

            “แล้วพี่พรตตามมาทำไม”

            คำพูดนี้ทำเอาผมเป็นฝ่ายนิ่งไปเสียเอง คำตอบน่ะมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่เหมือนอารมณ์ของพรานตอนนี้มันน่ากลัวยังไงไม่รู้ เพราะผมไม่เคยเจอพรานถามย้อนหรือมีน้ำเสียงจริงจังแบบนี้มาก่อน ผมเลยตัดสินใจคลายแรงที่กอดพรานไว้ แล้วหันตัวเขากลับมาเผชิญหน้าแทน

            และเขาไม่ยอมมองหน้าผม

            โอเค เขาอาจเกลียดผมไปแล้ว แต่อย่างน้อยผมอยากไถ่โทษเรื่องที่เคยปฏิเสธความหวังดีของเขา ไม่อยากให้มีเรื่องค้างคาใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น


            “นายพราน”


            “...”


            “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”



 

 

[พราน]

 



            ผมนั่งลงข้างๆ พี่พรตทั้งที่ความจริงยังอดเสียใจอยู่ไม่ได้ที่เขาออกปากไล่ผมคราวก่อน ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมการพยายามจะทำให้ใครสักคนรู้สึกดีมันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วมาวันนี้หลังจากที่ผมรู้ว่าเดินสวนกับพ่อแม่พี่พรต มันคล้ายกับเป็นลางสังหรณ์น่ะครับว่าเหมือนมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เลยรีบวิ่งลงมาข้างล่างและเดินหาอยู่นานามาก จนผมได้ไปเห็นพี่พรตกำลังพูดชื่อของผมอยู่กับใครอีกคนที่ไม่ใช่พ่อแม่

            ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมที่วิ่งหนีมาก่อนเป็นฝ่ายต้องการคำอธิบายเสียเอง

            ทั้งเรื่องพี่พรตเอง เรื่องรับน้อง เรื่องมิว และเรื่องของผม

            “มีเรื่องอะไรอยากถามมั้ย”

            ผมหันไปมองพี่พรตอย่างอึ้งๆ เหมือนเขาจะรู้ตัวดีว่าก่อความสงสัยให้ผมไม่น้อย ผมเลยพยายามเรียบเรียงความคิดไว้เป็นข้อๆ เพื่อไม่ให้คำถามตีกันมั่วเกินไป

            “คนเมื่อกี้เป็นใคร”

            “พี่พฤต เป็นพี่ชายกูเอง”

            “ผมหมายถึง มีอะไรพิเศษกว่านั้นมั้ย”

            ผมเห็นพี่พรตนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะให้คำตอบเหมือนจะระบายทุกอย่างออกมาด้วยความอัดอั้น

            “พี่พฤตห่างจากกูห้าปี จบด้วยเกรดสามจุดเก้า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของปีนั้นแล้ว งานไม่เคยต่ำกว่าบีบวก เข้าทำงานกับบริษัทของพ่อแม่ ตอนนี้เป็นคนระดับบริหาร อ้อ...เป็นคนหล่อมีเสน่ห์ เลยได้ถ่ายละครตั้งแต่สมัยเรียน ตอนนี้ยังรับงานเดินแบบกับงานเล็กๆ น้อยๆ อยู่เพราะไม่ค่อยว่างแล้ว รู้จักคนกว้างขวาง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ทำอะไรก็ราบรื่นไม่มีปัญหา”

            “..”

            “และพ่อแม่ภูมิใจมาก”

            ยอมรับว่าประวัติของพี่พฤตทำเอาผมอึ้งและชื่นชมอยู่เหมือนกัน แต่การที่พี่พรตต่อประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงเหมือนเจ็บปวด ผมเลยไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดอะไร

            “ถามต่อสิ”

            เมื่อพี่พรตพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมก็คงจะถามต่อ ถึงมันจะเป็นอะไรที่อาจฟังดูละลาบละล้วงและเป็นส่วนตัวไปหน่อย แต่ผมรู้สึกค้างใจตั้งแต่ตอนขึ้นไปเยี่ยมน้ำแล้ว

            “คือผมรู้สึกคุ้นหน้าพ่อแม่พี่พรตมาก เลยกำลังคิดว่าอาจเคยเจอที่ไหนมาก่อน”

            “อ้อ ต้องเคยเห็นอยู่แล้วล่ะ”

            มาถึงตรงนี้ผมก็เริ่มไม่เข้าใจ หรือว่ามีตอนไหนที่เราเคยเจอกันแล้วผมจำไม่ได้หรือเปล่า

            “เด็กถาปัดส่วนใหญ่รู้จักพ่อกับแม่ เอ่อ...จริงๆ แล้วอาจทั้งครอบครัวรวมถึงกูด้วย คือพ่อกับแม่กูเป็นคนก่อตั้งบริษัท L Arch”

            ...เชี่ย

            ทำไมผมไม่รู้มาก่อนเลยวะ บริษัทนี้ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทสถาปนิกที่ได้รับการยอมรับมากมายกว้างขวางและได้ร่วมทำงานกับชาวต่างชาติอยู่หลายโปรเจกต์ ผมยังเคยไปดูนิทรรศการของบริษัทนี้อยู่ครั้งหนึ่ง เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาพ่อแม่ของพี่พรตเหลือเกิน

            ผมหันไปมองพี่พรตอีกรอบ ไม่น่าเชื่อว่าคนขี้แกล้งที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทที่มีชื่อเสียง เพราะที่ผ่านมาเขาทำตัวธรรมดาและกวนตีนมาก

            “พราน กูยังเป็นคนเดิมอยู่นะ”

            ได้ยินแบบนี้ผมถึงกับยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าลูกชายเจ้าของบริษัทชื่อดังจะกลัวการมีชื่อเสียงของตัวเองเหลือเกิน

            “ก็ไม่ได้บอกว่าเปลี่ยน แค่ตกใจเฉยๆ”

            “โอเค แล้วไป”

            เขาเหมือนผ่อนคลายอย่างมากเมื่อรู้ว่าผมไม่ได้เห็นเขากลายเป็นคนอื่น และผมก็รู้สึกเหมือนได้รู้จักเขามากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็นั่นแหละ ยังเหลืออีกประเด็นนึงที่ค้างคาใจมานานกว่านั้น และคงเป็นคำถามที่คงจะละเอียดอ่อนในความรู้สึกของพี่พรตพอควร

            “พีพรต”

            “หืมม?”

            “พี่คบกับมิวจริงๆ เหรอ”

             ผมแทบกลั้นหายใจระหว่างรอคำตอบ พี่พรตเงียบไปนานมาก จนผมรู้สึกอึดอัดเหมือนอยากหายไปจากตอนนี้และแอบคิดว่าไม่น่าถามคำถามนี้เลย แต่ไม่นานหลังจากนั้น พี่พรตกลับถอนหายใจเบาๆ และหันตัวกลับมานั่งมองผมตรงๆ

            “เอ่อ...พี่พรตไม่ต้องเล่าก็ได้”

            “ไม่เป็นไร กูกะจะเล่าอยู่แล้วล่ะ”

            “...”

            “คือ อย่างที่บอกแหละว่าพ่อแม่กับพี่กูประวัติดีกันทั้งครอบครัว เหมือนมีคนรู้จักเยอะ พ่อแม่เลยเลี้ยงมากับการสร้างชื่อเสียง อธิบายไงดีวะ...เหมือนจะต้องการให้เป็นคนเพอร์เฟ็คเป็นหน้าเป็นตาในสังคม เช่นแบบ เรียนดี ทำกิจกรรมได้ดี อะไรแบบนี้”

            “...”

            “แล้วพอดีพี่พฤตก็ทำได้อย่างที่พ่อแม่ชอบ พวกเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ คนอื่นๆ ก็ชื่นชมพฤตไปด้วย อารมณ์เหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ลูกคนที่สองอย่างกูทำไม่ได้ไงเลยโดนเปรียบเทียบตั้งแต่เด็ก อะไรก็ไม่ดีเท่าพี่พฤต จริงๆ กูเป็นคนระดับปกติทั่วไปเลยอาจไม่ดีพอสำหรับความคาดหวังของพ่อแม่มั้ง ก็มีพี่พฤตแหละที่เข้ามาปลอบมาช่วยทำงานให้เกรดมันออกมาดีพอสำหรับมาตรฐานพ่อแม่”

            “...”

            “แต่มึงเข้าใจป่ะ กูอึดอัดที่ต้นเหตุของการเปรียบเทียบแม่งเป็นคนมาปลอบกู เป็นพี่ที่ดีชิบหายจนทำให้กูรู้สึกผิด ทั้งรักทั้งเกลียดว่างั้น”

            ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าแต่เหมือนพี่พรตจะเริ่มตัวสั่นขึ้นมาอีกรอบ บางทีอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเครียดมากๆ ผมเหลือบไปมองมือของพี่พรตที่สั่นนิดๆ อย่างคุมไม่อยู่ คราวนี้ถ้าจะทำอะไรให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง ผมคงไม่จับที่ไหล่เด็ดขาด

            ผมค่อยๆ เลื่อนมือไปจับมือของพี่พรตเอาไว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าเขาจะไล่ผมเหมือนที่เคยทำรึเปล่าหรือจะมองผมด้วยสายตาแบบไหน แต่ทันทีที่มือสัมผัสกัน พี่พรตก็เป็นฝ่ายรวบมือของผมไปจับไว้แน่นราวกับว่ามือของผมเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เขามี

            “พี่พรต...”

            “กูคบกับมิวตั้งแต่ม.ห้า เป็นคนขอคบเอง ไม่มีใครมาบังคับหรอก”

            “...”

            “โอเค อาจว่ากูเลวก็ได้ ปีนั้นพี่พฤตทำงานได้ดีมากทำให้กูโดนเปรียบเทียบมากกว่าเดิม ส่วนพี่พฤตที่ทำได้ดีไปซะทุกด้านกลับเริ่มมีข้อเสียเรื่องผู้หญิง เหมือนเขาเปลี่ยนแฟนบ่อยมากในปีนั้น”

            “...”

            “ตอนนั้นกูเลยเริ่มสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ จะเป็นยังไงก็ช่างแต่พ่อกับคนภายนอกต้องมองกูว่าเป็นคนรักเดียวใจเดียวบูชาความรัก ต้องมีแฟนดี ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่พอจะดีกว่าพี่พฤตได้”

            พี่พรตบีบมือผมแน่นขึ้นอีก

            “พอดีมิวเป็นลูกเพื่อนแม่ที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน คือกูเคยเห็นมิวมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยง่ายและกูคิดว่าคงจะอยู่กับเค้าหลายๆ ปีได้ คิดว่าอีกหน่อยคงชอบกันไปเอง แต่กูคิดผิดเพราะเวลามีผู้หญิงคนอื่นเข้ามากูไม่ได้รู้สึกมีภาระติดพันอะไร กูยังรู้สึกว่าอยากรู้จักอยากลองคบ อยากลองดูว่าคนไหนจะหยุดกูได้ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มีสามแต่กูยังไม่รู้สึกว่าใครโอเค”

            คำสารภาพอย่างตรงไปตรงมาของพี่พรตทำเอาผมคิดว่าถ้ามิวมาฟังอยู่ตรงนี้คงเจ็บเจียนตายไปเลยมั้ง คนที่คบกันนานขนาดนี้อยู่ๆ มาพูดเหมือนไม่เคยมีเยื่อใยอะไรมันก็คงเกินไปหน่อย


            “มิวรู้เรื่องนี้มั้ย”

            “มิวรู้ ทุกคนที่กูคบรู้หมด เราคุยกันแล้ว ตกลงว่าถ้ามิวมีใครที่ชอบจริงๆ ขึ้นมาก็เลิกกันได้ทุกเมื่อ เหมือนพ่อแม่มิวก็ชอบให้มีแฟนโปรไฟล์ดีๆ เหมือนกัน กูชนะพี่พฤตในเรื่องนี้ส่วนมิวไม่โดนพ่แม่ด่าเรื่องแฟน เท่านี้ก็วินวินแล้ว”

            “...”

            “มึงไม่ต้องเข้าใจก็ได้นะ ไม่ค่อยมีใครเข้าใจกูหรอก”

            “เฮ้ย ก็กำลังพยายามเข้าใจอยู่เนี่ย”

            ผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมา ก็นั่งอยู่ตรงนี้จับมือยู่ตรงนี้เลย จะบอกว่าไม่มีใครเข้าใจก็จะเกินไปหน่อยมั้งไอ้พี่พรต

            “นายพราน”

            “อะไร”

            อยู่ๆ พี่พรตก็เผยอรอยยิ้มนิดๆ เหมือนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามปกติของเขา แล้วจ้องลึกลงมาเหมือนจะอ่านความคิดผมให้ได้ ซึ่งนั่นทำให้ผมเขยิบถอยหลังและพยายามแกะมือออก แต่มือของพี่พรตกลับจับแน่นขึ้นกว่าเดิม


            “เมื่อกี้คุยกับพี่พฤตว่ากูรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับมึง”


            “...”


            “และกูก็ไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟังเยอะขนาดนี้”


            “...”


            “คือ...ลองคบกับกูได้ป่ะ”



            ผมไม่ได้งี่เง่าขนาดจะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ โอเค...การที่ผู้ชายมาขอคบนั้นเขาคงคิดมาดีระดับนึง ผมก็รู้สึกว่าอยู่กับพี่พรตแล้วสนุกเหมือนกัน แต่ในเมื่อความชอบของพี่พรตมันปนอยู่กับความรู้สึกเหมือนผมเป็นที่พึ่ง พอถามว่าผมไว้ใจเขาแค่ไหน ผมเลยยังไม่กล้าบอกว่าไว้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์

            “ช่วงนี้เหมือนมิวก็ห่างกูไปเหมือนกัน มิวเพิ่งเข้ามหาลัย รู้สึกว่าจะมีคนมาชอบเยอะขึ้นเรื่อยๆ คงถึงเวลาจะปล่อยเขาไปแล้ว ส่วนคนอื่นๆ กูจะไปบอกเลิก”

            “พี่พรต คือ...”

            “ส่วนเรื่องที่กูอยากให้คนอื่นมองว่ารักเดียวใจเดียว มันไม่สำคัญแล้วล่ะ”

            “เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นดิ ผมยังไม่ว่าอะไร”

            จากน้ำเสียงร้อนรนและสีหน้ากระวนกระวายใจ ดูเหมือนพี่พรตจะกลัวการปฏิเสธของผมมาก

            “แล้วคำตอบล่ะ”


            “พี่พรต...ผมยังไม่ตอบตอนนี้ได้มั้ย”


            พี่พรตนิ่งไปพักใหญ่ นิ่งเหมือนตอนที่ผมถามเรื่องมิวไม่มีผิด คิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาผมชักกังวลขึ้นมาแล้วว่าจะทำให้เขาเครียดมากกว่าเดิมรึเปล่า แต่แล้วผมก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา

 

            “โอเค ยังไม่ต้องตอบก็ได้”


            “...”


            “แต่กูจะทำให้มึงเปลี่ยนใจเอง”





-----------------------------------------------------------------------------------------
เอาแล้วว พระเอกเรา :katai5:
ตอนนี้เป็นตอนที่เขียนเหนื่อยตอนนึงเลยค่ะ5555 จริงๆ เขียนเมื่อวานแต่หมดแรงก่อนเลยเพิ่มาอัพวันนี้


ขอบคุณคนอ่านค่าา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 26-07-2015 12:08:19
เฉลยหมดแล้ว พรานคบกับพรตเถอะน่ะๆๆๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 26-07-2015 12:10:28
พรตรุกหนักๆไปเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 26-07-2015 12:35:52
ไอ้พี่พรตเอาจริงแล้วนายพรานหนีไม่รอดแน่นอนคิคิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 26-07-2015 12:42:07
 :pig4: :pig4: :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 26-07-2015 12:49:53
ฮึ!! ไรว้าพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 26-07-2015 12:55:31
เหนื่อยแทนพี่พรตเลยอ่ะ มีพี่เก่งเกินไหนจะความคาดหวังของพ่อแม่ ไหนจะการเปรียบเทียบของคนรอบตัวอีก คบกับพี่พรตเถอะพราน รีบๆ หลง รีบๆ รักพี่พรตซะนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 26-07-2015 13:13:14
เค้าขอคบกันแล้วววววววว
ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-07-2015 13:21:13
ให้จริงเถอะพี่พรตที่ว่าจะบอกเลิกกับคนอื่น อย่าทำให้น้องพรานต้องเสียใจนะพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-07-2015 14:06:29
เครียดนะมีครอบครัวแบบนี้

เข้าใจคนโดนเปรียบเทียบนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 26-07-2015 14:13:37
พรานอย่าเพิ่งใจง่ายนะเล่นตัวอีกนิด5555555
ทำไมรู้สึกชอบคุณพี่ชาย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 26-07-2015 14:28:15
ปมมาม่าเริ่มคลี่คลาย
คอยลุ้นพี่พรตน้องพรานต่อไป  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 26-07-2015 14:28:57
อ๊ากๆ พี่พรตจะเดินหน้าจีบพรานละหรอ 5555+

อ่านตอนนี้แล้วเข้าใจพรตอย่างท่องแท้ อะไรที่สงสัยมาตั้งแต่ต้น หายหมดละ :)
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-07-2015 15:08:38
พี่พรตชัดเจนซะทีนะ...จะรุกน้องพรานแล้ว...
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 26-07-2015 15:31:09
อั่นน่อววววว พี่พรตเริ่มเปิดใจ
แถมขอน้องพรานคบอีกต่างหาก

แต่เราเป็นพรานเราก็ไม่เต็มร้อยนะ
เหมือนยังไม่รู้จักดีพออ่ะ
เอาเป็นว่า พรตสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-07-2015 16:02:42
หง่อววววว จัดเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 26-07-2015 17:20:01
อย่าใจอ่อนนะ!!!!

 :angry2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 26-07-2015 19:21:58
โอ้ยยยยย จะมัวคิดไรอีก ผช ยิ่งไม่ค่อยจะมี
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 26-07-2015 19:41:58
เอาแล้วว
รุกแล้วพรตตตต
น่ารักที่สุดดดดดด
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 26-07-2015 20:02:27
เหนื่อยเลยกว่าเริ่มคลี่คลาย :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-07-2015 20:14:58
รุกหนักเบย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 26-07-2015 20:27:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-07-2015 20:33:01
นายพราน คนอ่านขอเชียร์พี่พรตนะ ฮิ้วววว
มีความรู้สึกว่า ถ้าพี่พรตคบกับนายพราน
อะไรๆในตัวพี่พรตจะดีขึ้นๆ เรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 27-07-2015 17:09:37
อ่อ
อย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 27-07-2015 17:29:20
ทุกอย่างเป็นเพราะความกดดันของครอบครัวก็เข้าใจนะ เป็นใคร ใครก็เครียดอะ เราเองยังเคยโดนพ่อเปรียบกับพี่ เข้าใจเลยว่าพรตรู้สึกยังไง แต่เราดีกว่าพรตเพราะเคยโดนเปรียบเทียบแค่ครั้งเดียว เพราะเรากับพี่มากันคนละสาย คนละเส้นทาง ฮ่าา....

ส่วนเรื่องมิว... ถ้าตกลงกันแน่นอนแล้วก็โอเคไปนะ ถ้าฝ่ายนู้นไม่คิดมีใจก็ดีอะ จะได้ไม่มีประเด็นให้พรานรู้สึกผิดหรือไม่ดี

ส่วนพี่พฤต... คนนี้ดีจริงใช่ไหม?? แอบกลัวว่าแกล้งทำดีไรงี่ อาจจะคิดมากไป... แหะ...

รออ่านตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 27-07-2015 18:16:55
แอร๊ยยยยยยยย
พี่พรตเอาจริงซักทีสินะ
พี่น้อง นี่ยังไงก็คงนิสัยคล้ายๆกันล่ะน้าาา
พี่พรตก็พยายามเข้า
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 29-07-2015 03:19:07



:: CHAPTER 14 ::




 

            “นาย เย็นนี้ว่างป่ะ”

            ผมเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวและเส้นที่คีบค้างไว้ หันไปมองไอ้พี่พรตที่ตั้งแต่วันนั้นก็เหมือนจะเข้ามาคุยกับผมทุกครั้งที่มีโอกาสจนผมชักจะชินแล้ว อย่างวันนี้ขนาดพักเที่ยงที่เลทจนเหลือแค่ครึ่งชั่วโมงยังจะพยายามมาเลย

            “ว่างครับ ทำไมเหรอ”

            “จะไปขอโทษพ่อแม่น้องแล้วก็ไปคุยกับมิว”

            ผมขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร คือจริงๆ เรื่องนี้ผมไม่ควรไปยุ่งไม่ใช่เหรอ เรื่องขอโทษเป็นของพี่ ส่วนเรื่องมิวนี่จะไปยืนให้เขาตบหน้าหรือไง ถึงจะรู้ว่ามิวเองก็คบพี่พรตเพราะจุดประสงค์บางอย่างเหมือนกัน แต่การที่คนสองคนคบกันสี่ห้าปี เป็นผมก็คงรู้สึกใจหายบ้างแหละ

            พูดตามตรงแล้ว ผมเองก็รู้สึกนิดๆ ว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่พรตตัดสินใจเลิกกับมิว

            “เฮ้ย คิดมากเหรอๆ”

            พี่พรตพูดพลางเอานิ้วจิ้มสีข้างของผมซ้ำๆ เหมือนจะแหย่เล่น

            “โอ้ยพี่พรต หยุดด”

            และความจั้กจี้ก็เข้าเล่นงานตามประสาคนบ้าจี้ จนผมต้องเขยิบตัวออกห่างแล้วหันไปโวยใส่พี่พรตถึงจะกินต่อได้ แอบหมั่นไส้นิดหน่อยกับท่าทีร่างเริงของพี่พรต ทีวันก่อนเครียดจนจะเป็นบ้าพอวันนี้นี่คึกจนนึกว่าเป็นบ้าไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็โล่งใจนะที่พี่พรตคนเดิมกลับมา

            “ไปเป็นเพื่อนหน่อย”

            “ไม่เอา”

            ผมคีบลูกชิ้นเข้าปาก

            “ไปด้วยกันหน่อยน่า”

            “ไม่”

            ผมปฏิเสธแบบไม่หันไปมอง เล็งลูกชิ้นที่เหลือเป็นลูกสุดท้ายใจชามแล้วค่อยๆ คีบขึ้นมาอย่างตั้งใจ แต่แล้วไอ้คนข้างๆ กลับก้มลงมาเร็วมากแล้วงับลูกชิ้นไปจากตะเกียบต่อหน้าผม

            “เชี่ย! พี่เล่นไรเนี่ย”

            พี่พรตไม่มีท่าทางรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ แถมยังยื่นหน้ามาพร้อมเคี้ยวโชว์ด้วยสีหน้าที่ดูฟินจนเกินไป ลูกชิ้นอะไรมันจะอร่อยขนาดนั้นวะครับ

            ผมวางตะเกียบพาดไว้บนขอบจานอย่างจนใจแล้วหันไปคุยกับพี่พรตด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “จะให้ไปด้วยได้ยังไง มีแต่รุ่นพี่ แล้วก็มิว”

            “ไม่มีใครหรอก กูคงต้องไปขอโทษคนเดียว”

            ฟังมาถึงตรงนี้ผมเลยต้องยั้งตัวเองไว้ก่อนจะปฏิเสธซ้ำไปอีก ผมเกือบลืมไปแล้วว่าพี่พรตเหมือนโดนกลุ่มเพื่อนโยนความผิดมาให้ทั้งที่ควรจะรับผิดด้วยกันเป็นรุ่น ตอนที่เขาเล่าให้ฟังวันก่อนนั้นสีหน้าดูเศร้าและโดดเดี่ยวจับใจ ผมเงยหน้าสบกับดวงตาที่กำลังรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อของพี่พรต และในช่วงนาทีนั้นเองผมก็ตอบรับโดยไม่คิดทบทวนอะไรอีก

            “ก็ได้”

            พอผมพูดไปแบบนั้น พี่พรตก็ยิ้มออกมาทันที เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นเลยในช่วงหลายวันมานี้ มันดูสดใสเหมือนออกมาจากความรู้สึกจริงๆ เห็นแบบนี้ผมเลยยิ้มตอบเขาไปบ้าง ก่อนจะเป็นฝ่ายละสายตาออกแล้วหยิบกระเป๋าสะพายที่วางไว้ข้างๆ ขึ้นมาเตรียมไว้ นี่มันเกือบบ่ายโมงแล้ว และผมควรขึ้นไปรอบนสตูดิโอก่อนคลาสเริ่ม

            “ขอกอดทีดิ”

            ...ฮะ?

            และก่อนที่ผมจะได้ตกใจไปมากกว่านี้ พี่พรตก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดทันที ความรู้สึกแปลกๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเหมือนถูกกระตุ้นขึ้นมาใหม่จนผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดี เลยได้แต่นิ่งอยู่อย่างนั้นจนพี่พรตเป็นฝ่ายคลายอ้อมแขนออกเอง

            และทันทีที่เขาปล่อยผมออกเป็นปกติ ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่า

            ...เมื่อกี้ตัวพี่พรตอุ่นมาก

            เป็นช่วงเวลาที่แปลกมากสำหรับผมและสำหรับพี่พรตด้วย เพราะทั้งผมและพี่พรตต่างก็นั่งเงียบๆ กันทั้งคู่ซึ่งผิดวิสัยเอามาๆ แต่แล้วเขาก็เริ่มทำลายความเงียบด้วยการล้อผมเล่นเหมือนที่ชอบทำ

            “อะไรๆๆ เขินอ่ะดิ”

            ผมมองหน้าพี่พรตแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงนี่ไม่เหมือนท่าทางเอาซะเลย ถ้าจะพูดว่าผมเขินพี่เขายิ่งดูอาการหนักกว่า เพราะเขากำลังหลบสายตามองไปทางอื่นแล้วเกาหัวตัวเองสองสามทีเหมือนไม่รู้จะเอามือไปไว้ที่ไหน

            “พี่พรตนั่นแหละเขิน”

            “โอ้ย โดนนน้องแกล้ง ไปดีกว่า”

            “เออ! ไปเลย”

            ผมออกปากไล่พี่พรตพลางหัวเราะกับท่าทางเด็กๆ ที่ดูตอแหลมาก ผมมองตามจนเขาเดินขึ้นบันได้ไปก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาเพื่อไปที่ชั้นเรียน พี่พรตวันนี้ดูต่างจากวันก่อนลิบลับจนผมไม่รู้สึกเป็นห่วงอะไรอีกต่อไป จะมีแค่เรื่องเพื่อนของพี่เขานั่นแหละที่เหมือนยังไม่ค่อยลงรอยกัน ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง

 

 

            “พรานตอนเย็นว่างป่ะ”

             ผมหันไปตามเสียงเรียกของโอมแล้วก็ต้องส่ายหน้าให้มัน วันนี้ผมเกิดฮอทอะไรขึ้นมาวะ ทำไมมีคนมาถามคำถามเดียวกันแบบนี้ตั้งสองครั้ง

            “ไม่ว่ะ ถ้ามึงถามตอนเช้าอ่ะกูจะว่าง”

            “หมายความว่าไงวะ”

            “กูต้องไปกับพี่พรต”

            ผมอ่านความประหลาดใจในสายตาของไอ้โอมออกได้อย่างง่ายดาย

            “ทำไมช่วงนี้พี่พรตดูติดมึงจังวะ”

            “เอ่อ...ไว้กูจะเล่าให้มึงฟังละกัน”

            ไม่ใช่ว่าอยากจะเก็บเป็นความลับอะไรหรอกนะ แค่ไม่รู้จะพูดยังไงน่ะครับ ถ้าบอกไปตรงๆ ว่า’พี่เค้าอยากลองจีบกู’ มีหวังไอ้โอมคงช็อคจนตกเก้าอี้ และส่วนหนึ่งในใจผมก็ยังไม่ชัวร์ด้วย เลยคิดว่าคงจะดีที่สุดถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเรื่อยๆ ก่อน

            ผมรวบกระดาษร่างที่ใช้ส่งแบบกับอาจารย์ที่ตอนนี้มีคอมเม้นท์แก้หลายแผ่นมาซ้อนกัน ก่อนจะม้วนใส่ลงในกระบอกซูมสีดำแล้วยกขึ้นพาดไหล่ ผมหันไปทางโอมอีกรอบแล้วโบกมือให้

            “กูไปละ เจอกันพรุ่งนี้”

            “อืม อย่างลืมเล่าด้วย”

           

 


            วันนี้พี่พรตเอารถมามหาลัยเลยทำให้เราไปถึงโรงพยาบาลช้ากว่าที่ควร ได้ยินถูกแล้วล่ะครับ เพราะรถตอนห้าโมงกับการจราจรผ่านถนนใหญ่เป็นอะไรที่ทำให้ผมต้องคิดทุกครั้งว่าเดินเอาคงเร็วกว่า แต่เอาเถอะ ยังไงผมกับพี่พรตก็ก่อนเวลานัดประมาณห้านาที

            ผมกับพี่พรตเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ด้วยความที่พ่อของน้ำทำงานอยู่ในโรงพยาบาลนี้พอดี เลยทำให้เราต้องกลับมาขอโทษที่นี่ซึ่งเป็นที่ๆ ทุกเรื่องเกิดขึ้นและคลี่คลาย ผมเห็นสีหน้าของพี่พรตที่แย่ลงเรื่อยๆ ตั้งแต่เอารถเข้ามาจอดและเดินเข้ามา

            “อย่าเครียดดิ”

            สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้ที่จะเตือนสติเขา ความจริงผมแค่พยายามจะแสดงให้พี่พรตว่ามีคนอยู่ข้างๆ เท่านั่นแหละ ถ้าอุตสาห์มาด้วยแล้วเขายังเครียดเหมือนเดิมผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมาด้วยเหตุผลอะไร และนั่นก็ทำให้พี่พรตหันมามองด้วยสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติ

            “อือๆ ไม่ได้เครียด”

            “ครับบ ครับ ไม่เครียดเลยครับ”

            ผมพูดย้อนแบบลากเสียงยาว พี่แม่ง...พูดมาได้ว่าไม่เครียดทั้งที่คิ้วนี่ขมวดจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว

            “เฮ้ย นายกวนตีนว่ะ”

            “ก็ได้มาจากพี่พรตไง”

            “อ้าว โดนด่าเฉย”

            ผมยิ้มนิดๆ กับสีหน้าที่ดูดีขึ้นมาจากเมื่อกี้ ตอนนี้เหมือนเขาไม่ได้คิดมากแล้วซึ่งทำให้ผมสบายใจขึ้นมาบ้าง ผมกับพี่พรตเดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดินโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก จนกระทั่งใกล้ถึงห้องทำงานพ่อของน้ำนั่นแหละ พี่พรตก็หยุดเดินแล้วหันมาหา

            “พราน”

            “?”

            “จับมือหน่อยดิ”

            ...อะไรของพี่วะเนี่ย วันนี้ก็กอดไปทีนึงแล้ว นี่จะจับมืออีก ผมคงมีท่าทางลังเลอย่างเห็นชัด เพราะพี่พรตเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ในระดับสายตาแล้วจ้องผมตรงๆ ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ซึ่งมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม

            “ไรว้า แค่ขอกำลังใจเฉยๆ จะได้ไม่เครียดไง”

            “ก็กอดไปแล้ว”

            “แค่นั้นไม่พอหรอก เห็นมั้ยเนี่ย ยังเครียดอยู่เลย”

            “หมั่นไส้พี่พรตว่ะ”

            ผมพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่ดังพอจะให้คนข้างๆ ได้ยินชัดเจน ซึ่งนั่นทำให้พี่พรตหัวเราะออกมาแล้วเดินต่อโดยไม่เรียกร้องอะไรต่อ แต่แล้วพี่พรตกลับชะลอผีเท้าลงและชะงักไปในที่สุด ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องหยุดและมองตามไปยังเก้าอี้นั่งรอที่อยู่หน้าห้องที่นัดหมายกันไว้

            ...พี่กันต์ พี่จักร พี่กร กับรุ่นพี่อีกประมาณสิบกว่าคน

            “มึงมาทำไมวะ”

            พี่พรตเหมือนจะมีความหงุดหงิดเจืออยู่ในน้ำเสียง คงเพราะเขาฝังใจว่าตัวเองผิดอยู่คนเดียว กลุ่มเพื่อนที่มากับพี่พรตวันนั้นไม่มีใครรับผิดแทนเลยสักคน แต่อยู่ดีๆ วันนี้ ในขณะที่เขาเริ่มทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้ว กลับกลายเป็นว่ามีเพื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

            และเมื่อผมกับพี่พรตเดินไปถึง รุ่นพี่เหล่านั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพากันยืนมุงกันโดยมีพี่พรตอยู่ตรงกลาง

            “ไอ้พรต กูมารับผิดกับมึง”

            “คนไหนจะโทษมึงก็ช่างหัวมันเถอะ”

            “กูไม่ทิ้งมึงหรอกพรต”

            “สอนน้องให้รักเพื่อนรักรุ่น แล้วทำไมกูจะไม่รักบ้างวะ”

            “พวกเราถูกรับมาด้วยกันนะเว้ย”

            มิตรภาพมากมายถูกยื่นมาในรูปแบบของคำพูด มันมีพลังจนผมสัมผัสได้แม้จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในรุ่นของพี่เขา ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนเพียงสิบกว่าคนจะสามารถมอบมิตรภาพที่มากล้นเหมือนไม่สิ้นสุดในความรู้สึกได้ บางทีจำนวนมันก็ไม่ไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย ถึงจะอยู่ท่ามกลางศัตรูจำนวนมากขอเพียงแค่มีมิตรภาพอย่างจริงใจจากคนเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะลบความรู้สึกไม่ดีนั้นออกไปได้จนหมดสิ้น


            อยู่ๆ พี่พรตก็ตัวสั่น


            ผมรีบหันไปด้วยความตกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย แล้วนี่เขาเครียดขึ้นมาอีกรอบป่ะวะ หรือว่าเขาจะคิดมากเรื่องเพื่อนอีก ผมมองมือที่กำลังสั่นอยู่ด้วยความลังเลว่าจะจับดีหรือเปล่า แต่ก่อนจะได้ตัดสินใจทำอะไรสายตาผมก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของเขา



 


            ...และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นพี่พรตร้องไห้







----------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับเข้าสู่เทศกาลอัพ 50% เพราะไม่ค่อยมีเวลาอีกแล้วค่ะ  :katai4:
นี่ใกล้เปิดเทอมอยู่แล้วค่ะ แต่ทำไมรู้สึกได้พักผ่อนน้อยจัง
นี่พิมพ์เสร็จแล้วรู้สึกเหมือนจะหมดแรงเลย สงสัยแก่ขึ้น 555

ขอบคุณคนอ่านค่ะ  :กอด1:

 
ปล.เขียนแล้วคิดถึงช่วงรับน้องซะเองเลย ฮืออ ความเป็นรุ่นมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-07-2015 05:02:24
กว่าเพื่อนจะคิดได้นะ แต่ก็ยังไม่สาย สู้ๆ นะพี่พรต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 29-07-2015 05:35:08
รู้สึกได้ถึงความอ่อนไหวของพี่พรตคร๊าาาาา


แบบว่าต้องตั้งแตเริ่มเปิดใจพี่พรตขรึม ๆ หายไปแล้วกลายเป็นพี่พรตขี้อ้อนหึหึ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 29-07-2015 06:47:50
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-07-2015 08:46:41
หลายอย่างคลี่คลาย แต่ยังไงพี่พรตก็ควรไปเลิกกับผู้หญิงของพี่ก่อนที่จะมาขอคบกับน้องพรานจะโอกว่านะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-07-2015 09:15:51
กำลังใจดีละตอนนี้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-07-2015 09:43:25
ดีใจแทนพรต ที่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนร่วมรุ่น
ที่เรียกว่าเพื่อน ถึงพวกเขาจะรู้ตัวช้าไปสักหน่อย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 29-07-2015 11:29:35
อิมเมจตัวละครพี่พรต เดาทางยากมาก ถึงแม้จะพอรู้เยื้องลึกเบื้องหลังมาบ้างแล้ว แต่เกราะป้องกันตัวสูงมาก คนเราเวลาเจ็บปวด จะอดทนได้เมื่ออยุ่กับตัวเอง แต่เมื่อไหรก็ตามที่เจอคนที่รัก คนที่ไว้ใจ เกราะป้องกันจะแตกเพล้ง เลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 29-07-2015 12:06:56
พี่พรต มีเพื่อนดีๆกับเค้าเหมือนกันนะเนี้ย
ชีวิตมันก็ไม่ได้โหดร้ายไปหมดทุกเรื่องหรอกน่า
 :mew6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-07-2015 13:08:02
เพื่อนมีหลายประเภท คบดีก็ดีไป พรานต้องอยู่ข้างๆพรต

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 29-07-2015 13:34:37
ครึครึ

น่ารักมากอ่า  :mew3: :mew3:

รอครบ 100
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 29-07-2015 15:58:18
รอคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 29-07-2015 18:46:36
โอ้ยยย ใช่อ่ะ ใช่เลย
มาต่อให้ครบร้อยไวๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kukkikkooka ที่ 30-07-2015 15:55:03
พี่พรคเริ่มดีแล้วใช่ไหมคะ สู้ต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 02-08-2015 17:55:43
พี่พรตๆๆๆๆๆ
น่ารักอ่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: cocoagx ที่ 03-08-2015 21:17:03
เพิ่งเข้ามาอ่านขอเม้นรวดเดียวเลยงับบ
ตอนแรกๆนี่กะมาซึมซับความรู้สึกตอนเจอพี่เนียนเต็มๆเลยนะ
สาขาเราไม่มีพี่เนียนอะ เสียจุยยยยย ไม่มีคนหล่อด้วย 55555555
หูยยยย เพื่อนพี่พรตนี่แปลกๆเนอะ เพิ่งรู้สึกหรอว่าต้องรับผิดด้วยกัน
หมั่นไส้แรง
เข้าใจพี่พรตนะฟีลตอนโดนเปรียบเทียบกับพี่งี้ พี่พฤตแม่งก็เพอร์เฟ็คไป (พี่พฤตมีคู่มั้ยคะะ /สมัครค่ะ อุ่ยยลืมตัว)
แต่ยังคาใจที่พี่พรตมีคนอื่นอีก คือแบบเพราะเค้าเสนอเลยสนองแค่นี้อ่อ
ส่วนเรื่องมิว คือมิวน่ารักนะ แต่มิวจะเข้าใจง่ายๆใช่มั้ยอะ ผญจะยอมคบกับคนที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยฟรีๆงี้หรอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 03-08-2015 23:13:58
ง่อว เพิ่งเข้ามาอ่าน
ชอบมากเลย เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกละมุนแม้จะเดาเรื่องง่ายในบางที
แต่ก็ยังอยากติดตาม ด้วยเนื้อหาที่ไม่หนักจนเกินไป ถึงคนแต่งจะงัดพลังออกมาแต่งเยอะก็เถอะ
ชอบคาแรกเตอร์ตัวละครของนายพรานนะ ดูเป็นคนไม่มีอะไร แต่ความไม่มีอะไรนั่นแหละที่น่าสนใจ
ชอบคาแรกเตอร์ตัวละครอื่นด้วย พี่พรตนี่ถึงแม้เขาจะทำตัวไม่ดีไปบ้าง แต่ก็มีเหตุเรื่องทางบ้าน เก็บกด
โกรธไม่ลง หวังว่านายพรานจะเป็นตัวช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมความคิดที่ไม่ดีของพี่พรตนะ
ติดตามค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ ต้องเรียนทำงานแล้วมาแต่งอีกเนอะ
รอเสมอค่ะ ชอบมากจริงๆ ปกติเป็นคนไม่เม้นยาวนะเนี่ยยย555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 08-08-2015 22:53:09
แวะมาส่อง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 10-08-2015 03:53:50
 





           “หมายความว่า ที่ผ่านมากูโดนหลอกเหรอวะ”

            ผมหันไปมองพี่กันต์ที่โพล่งขึ้นมาทันทีหลังจากฟังพี่พรตเล่าเกี่ยวกับมิว แต่เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องพี่พฤตหรือเรื่องโดนเปรียบเทียบอะไรเลย แต่ผมก็ว่ามันพอแล้วล่ะสำหรับตอนนี้ที่พี่กันต์ พี่เป้ รวมถึงผมกำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะตัวเล็กที่มีแก้วเหล้าวางอยู่

            คงเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ค่อนข้างหนักสำหรับทุกคนและมิวไม่ว่าง

            “เออ”

            “ไอ้เชี่ยพรต มึงแม่ง...”

            พี่กันต์เหมือนอยากจะด่าแต่ด่าไม่ออกซึ่งผมพอจะเข้าใจเลยล่ะ จริงๆ คงเพราะไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่ามากว่า เพราะเวลาเพื่อนพยายามผิดบังอะไรแล้วค่อยมาบอกทีหลังนี่มันคันปากจริงๆ ครับ

            “เห้ยๆๆ ก็นีไง เลยชวนมาแดกเหล้า”

            “ไอ้พรต มึงเลว..”

            “เห้ยกันต์ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”

            “มึงคิดว่าวิธีนี้จะทำให้กู...”

            “เอาน่า กูตั้งใจพามึงมาเลยนะ”

            ...ถุย!

            จริงๆ ที่ผมมานั่งอยู่ตรงนี้เป็นเพราะมิวดันไม่ว่างให้พี่พรตคุยด้วยต่างหาก พี่พรตเลยเปลี่ยนใจไปกินหล้าแทนเพราะเห็นว่าเป็นวันศุกร์ที่น่าฉลองหลังจากผ่านเหตุการณ์ค่อนข้างหนักหน่วงในความรู้สึก และไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผมกับพี่กันต์ที่อยู่ด้วยตอนนั้นหลังจากคนอื่นกลับไปแล้ว เลยจำใจต้องมาเป็นเพื่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้

            “ไอ้พรต มึงตอแหลงี้อายน้องบ้างมั้ย”

            “ไม่ อายทำไมวะ”

            พี่พรตตอบส่งๆ พลางยกแก้วขึ้นดื่ม พี่พรตไม่ได้ดื่มรวดเดียวหลายๆ อึกเหมือนที่หลายคนชอบทำ แต่เขาเหมือนแค่จิบนิดหน่อยแล้ววางแก้วลงตามเดิม

            “น้องพรานดูไว้นะ ไอ้นี่มันหน้าด้าน”

            “มันไม่เคยอายอะไรหรอก”

            “อ้าว ด่ากูเฉย”

            ผมหัวเราะเบาๆ ระหว่างมองพี่พรตกับกลุ่มเพื่อนคุยกัน ความรู้สึกคิดถึงก็แหมือนกับไม่ได้อยู่ท่ามกลางวงสนทนาที่จริงใจและสบายใจอย่างนี้มานานแล้วตั้งแต่เผลอไปเห็นพี่เขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เหมือนว่าผมไม่ได้เจอพี่พรตคนนี้มานานและคิดถึงมากจริงๆ

            “นายกินเหล้าบ่อยป่ะ”

            ผมสะดุ้งนิดๆ ที่พี่เขาหันมาอย่างกระทันหัน และเหมือนพี่พรตเองก็ตกใจเหมือนกันเมื่อเห็นว่าผมมองมาก่อนอยู่แล้ว

            “ไม่บ่อยหรอกครับ เพื่อนชวนก็ไป”

            พี่พรตหรี่ตามองผมอยู่ครู่นึง ก่อนจะถามต่อ

            “เคยเมาบ้างป่ะเนี่ย”

            ถึงคำถามนี้แล้วผมก็ต้องนิ่งคิด เอาไงดีวะ ถ้าตอบว่าไม่เคยแล้วจะโดนมอมรึเปล่า ความจริงเหตุผลของการไม่เคยเมาก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่ว่าผมไม่ชอบตอนที่คุมตัวเองไม่ได้ และเกลียดการไม่เป็นตัวของตัวเองต่อหน้าคนอื่นมาก แต่เอาก็เอาวะ โดนแกล้งก็แกล้ง อย่างน้อยก็สบายใจไปอย่างนึงว่าคนที่ถามคือพี่พรต

            “...ไม่เคยครับ”

            “ดีละ”

          ...หือ?

            นี่มันผิดคาดนิดหน่อย ผมไม่คิดว่าคนขี้แกล้งอย่างเขาจะปล่อยให้ผมไม่เคยเมาแบบนี้ต่อไป แถมยังพูดว่า ‘ดี’ ด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าความขี้เล่นของพี่พรตก็มีขอบเขตเหมือนกัน เขารู้ว่าควรแกล้งอะไรและไม่ควรทำอะไร ไม่ใช่คนที่เล่นไปทั่วโดยไม่สนใจคนอื่น

            “อ้าวไอ้พรต แล้วมึงเคยมอมเหล้ากู”

            “ก็นั่นมันมึง”

            “อ้าว สองมาตรฐานเหรอมึง น้องพรานครับ...”

            “อะไรๆๆ แดกเหล้าไป อย่ารุ่มร่าม”

            อยู่ๆ พี่พรตก็ยกมือขึ้นมาดึงตัวพี่กันต์ที่กำลังเอียงมาทางผมให้นั่งตรงเหมือนเดิม ก่อนจะส่งแก้วเหล้าให้เพื่อนตัวเองแบบที่เรียกว่ายัดเยียดจะดีกว่า

             “โห่ไรวะ พอไม่มีมิวนี่เอาใหญ่นะมึง”

            “เออ ว่าแต่เรื่องมิว...”

            พอมาถึงประเด็นนี้พี่เป้ที่นั่งดื่มเงียบๆ มาตลอดก็ขัดขึ้นมา ทำเอาทุกคนในโต๊ะถึงกับหยุดและตั้งหน้าตั้งตาฟัง

            “มึงไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ”

            “ยังไงวะ”

            พอพูดถึงความแปลก แน่นอนต้องมีอยู่แล้วล่ะ ถึงพี่พรตจะบอกว่ามิวก็มีเหตุผลที่จะคบกับพี่พรตเหมือนกัน แต่คนเราจะคบด้วยเหตุผลได้ยืนยาวแบบนี้เลยเหรอ

            “ทำไมน้องเค้าจะไม่ว่างตอนนี้วะ”

            “...”

            “ปกติเค้ามาหามึงทุกศุกร์เลยนิ”

            ผมไม่เคยเจอพี่พรตก่อนหน้านี้ เลยไม่รู้ว่าคำพูดนี้เป็นข้อเท็จจริงแค่ไหน แต่เมื่อมองจากท่าทีครุ่นคิดของพี่พรตแล้วมันก็คงจะจริงล่ะมั้ง ฟังแล้วก็อดรู้สึกแย่หน่อยๆ ไม่ได้ หรือมิวจะรู้แล้วว่าพี่พรตชอบผมเลยไม่ยอมมารึเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงเหมือนเป็นคนผิดยังไงไม่รู้

            ถ้าไม่มีมีเรื่องเกิดขึ้น หรือพี่พรตไม่พูดมันออกมา จริงๆ ตรงนี้ควรจะเป็นที่ของมิวหรือเปล่า แต่แล้วเสีงของพี่พรตก็แทรกขึ้นกลางบรรยากาศตึงเครียดนั้นทันที

            “เอาน่าพวกมึง วันนี้เค้าอาจไม่ว่างจริงๆ ก็ได้”

 






            หลังจากการฉลองเล็กๆ น้อยๆ ของวันศุกร์จบลงอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ที่ว่าสำเร็จนี่คือไม่มีใครเมาครับ แม้แต่พี่เป้ที่เหมือนดื่มไปเยอะสุดก็ยังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ และผมซึ่งปกติจะถูกทิ้งให้เป็นคนเก็บศพเพื่อนเลยไม่ต้องทำหน้าที่ ทุกคนลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่เซเลยสักนิด และหลังจากนั้นก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้าน

            ผมก้มมองดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง แล้วเงยหน้ามองสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดไฟสว่างอยู่ ยังไงก็ทันบีทีเอสล่ะ แต่แย่หน่อยว่าบ้านผมนั้นต้องไปต่อรถไฟใต้ดินอีก เลยเริ่มกังวลว่าจะทันเที่ยวสุดท้ายของใต้ดินหรือเปล่า บางทีอาจต้องต่อแท็กซี่...

            “บ้ายนายอยู่ไหน”

            “ลาดพร้าวครับ”

            “แล้วกลับไง”

            “บีทีเอสต่อใต้ดิน”

            พี่พรตขมวดคิ้วหน่อยๆ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแล้วหยุดไป ก่อนควักมือถือขึ้นมากดดูเวลา

            “ทันเหรอ”

            “ผมต่อแท็กซี่ได้”

            พี่พรตพยักหน้าเบาๆ แต่แล้วเขาก็เหมือนจะพูดอะไรขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่ยอมพูดออกมาสักที จนผมเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เลยก็ได้มั้ง

            “เฮ้ย มาค้างกับกูดีกว่า อยู่แค่ตรงนี้เอง”

            “คือ...”

            “กูไลน์ไปบอกพลูให้แล้ว”

            “เห้ยพี่ เร็วไปป่ะ”

            ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าไปแบบไหน แต่มันทำให้พี่พรตหัวเราะและมองหลับมาด้วยดวงตาพราวระยับที่เขามักจะทำเวลาแกล้งผมสำเร็จหรือวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งมันดูไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด ผมมองหน้าเขาพลางชั่งใจอยู่เงียบๆ ขนาดตอนนี้ยังมีท่าทีว่าจะโดน ถ้าไปค้างแล้วจะโดนแกล้งขนาดไหนวะเนี่ย

            “อะไรๆ มองกันแบบนี้หวั่นไหวนะเว้ย”

            “โอ๊ย อะไรของพี่วะ”

            ผมโวยขึ้นมาแต่พี่พรตไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่เดินนำผมไปเรื่อยๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมเลยหันไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเดินไปด้วยกัน ระหว่างผมกับพี่พรตมีแต่ความเงียบ แต่เป็นความเงียบที่อัดแน่นไปด้วยความสุข เสียงฝีเท้าสองคู่ลากเอื่อยๆ ไปพร้อมกันภายใต้แสงไฟนีออนริมถนน ไม่นานหลังจากนั้นเราก็เลี้ยวเข้าไปในซอย แสงสียามค่ำคืนเริ่มเลือนหายไป มีเพียงไฟดวงเล็กๆ จากหน้าบ้านคนเท่านั้นที่ส่องนำทาง

            เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าความเงียบให้ความสุขมากกว่าบทสนทนา และแสงไฟข้างทางให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าการเดินอยู่ในแสงไหนๆ มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่น่าเก็บรักษา

            และเหมือนว่าคอนโดของพี่พรตจะใกล้ไปหน่อย เพราะไม่นานหลังจากนั้น เราก็เดินเข้าสู่แสงสว่างของตัวอาคารที่ผมเคยเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่าความเงียบเมื่อครู่กำลังจะหมดลง บางทีผมก็นึกอยากให้มันอยู่ไกลกว่านี้อีกสักหน่อย



            ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงหน้าห้อง พี่พรตไขกุญแจเข้าไปแล้วจัดแจงเปิดไฟเปิดแอร์ให้เรียบร้อย ก่อนจะหันมาหาผมอีกรอบเหมือนกำลังคิดว่าจะให้ทำอะไรต่อไปดี

            “เดี๋ยวจะนอนเลยป่ะ”

            ผมพยักหน้าเบาๆ ยังรู้สึกอาลัยกับความเงียบเมื่อครู่จนไม่อยากพูดอะไรออกมา

            “งั้นมึงไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเคลียร์พื้นที่ให้”

            ผมแอบขำเมื่อสภาพห้องนอนของพี่พรตในวันนั้นฉายขึ้นมาในความคิด ห้องนอนที่มองแทบไม่เห็นที่ว่างเหมือนเดินอยู่ในทะเลกระดาษ และเตียงที่เต็มไปด้วยเศษเล็กเศษน้อยของโมเดล เกิดเป็นเด็กถาปัดต้องอดทนครับ เหมือนบุคคลต้องสาปที่จะไม่สามารถนอนบนเตียงและมีห้องที่สะอาดได้เลยก่อนส่งโปรเจกต์

            ยังดีที่คอนโดของพี่พรตแบ่งเป็นสองห้อง คือห้องนั่งเล่นที่มีมุมแพนทรี่สำหรับทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ผมกวาดสายตาไปรอบห้องก่อนจะหยุดลงที่โซฟาและโต๊ะรับแขกซึ่งมีเสื้อผ้าและกองผ้าห่มวางไว้ ผมคิดว่ามันเป็นผลกระทบจากการที่ห้องนอนสูญเสียจุดประสงค์ของมันไปแล้ว แต่นี่ก็เป็นข้อดีของการมีสองห้อง เพราะหมายความว่าอีกห้องน่าจะสามารถนอนได้อยู่

            “จริงๆ ผมนอนห้องนี้ก็ได้”

            ได้ยินแบบนี้ พี่พรตที่กำลังเปิดประตูเข้าห้องนอนเลยหยุดแล้วหันกลับมาเหมือนจะสำรวจว่าสภาพมันดีพอหรือเปล่า

            “เออ ได้ๆๆ”

            “แล้วมึงใส่เสื้อตัวนั้นได้ป่ะ”

            ผมมองตามมือของพี่พรตไป แล้วหยิบเสื้อยืดสีเหลืองตุ่นที่ดูเหมือนว่าได้ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วงขึ้นมาดู ยังดีที่ตัวผมไม่ได้ต่างกว่าพี่พรตมากนักเลยน่าจะใส่ได้สบาย แต่เห็นสภาพอย่างนี้แล้วมันอดไม่ได้ที่จะแอบอยากให้ตัวเองตัวใหญ่หรือเล็กเกินกว่าจะใส่เสื้อตัวนี้ได้

            “เอ่อ...โทษที มันอาจเก่าไปหน่อย กูไม่มีเวลาซักเสื้อตัวอื่น”

            โอ้

            เป็นเหตุผลฟังดูทุเรศจนผมเกือบหัวเราะออกมา นี่เหรอลูกชายเจ้าของบริษัทอันดับหนึ่ง น้องชายของสถาปนิกและนายแบบชื่อดัง คนๆ นี้น่ะเหรอที่ได้อยู่ในคอลัมน์สัมภาษณ์ของนิตยสารหลายฉบับร่วมกับครอบครัว แทนที่จะอยู่ในบ้านหลังใหญ่สะดวกสบาย กลับมาอยู่ในคอนโดขนาดกลางเต็มไปด้วยกองกระดาษและกองเสื้อที่ไม่ได้ซัก

            โอเค...เด็กถาปัดไม่ว่าจะรวยจะจนยังไง ทุกคนมีสภาพเท่าเทียมกันเสมอ

            “สรุปใส่ได้ป่ะ”

            “ได้ครับ”

            “ยิ้มน่ารักจัง หวั่นไหวเลยอ่ะ” 

            ...เอ่อ

            “นี่ต้องให้ผมทำหน้านิ่งเลยป่ะพี่ถึงจะไม่หวั่นไหว”

            พูดจบ ผมก็รีบคว้าเสื้อกับกางเกงแล้วเดินเข้าห้องน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ก่อนจะเหวี่ยงประตูให้ปิดตามหลัง ผมยืนหันหน้าเข้าหากระจกทันที มองสบตากับกับเงาของตัวเองและได้เห็นว่าใบหน้าขึ้นสีชมพูนิดๆ พร้อมความร้อนจากผิวแก้มที่เพิ่มขึ้นเมื่อเสียงของพี่พรตผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง


          ‘ยิ้มน่ารักจัง หวั่นไหวเลยอ่ะ’

          ‘ยิ้มน่ารักจัง หวั่นไหวเลยอ่ะ’


            “โอ๊ย แม่งงง”


            ...รู้ทั้งรู้ว่าเขาจงใจแกล้ง จะเขินทำเชี่ยไรเนี่ย


            ผมหายใจเข้าออกลึกๆ สองสามที พยายามตั้งสติ และสายตาก็เหลือบไปเห็นไอโฟนที่เผลอหยิบติดตัวมาเข้าห้องน้ำพร้อมกับชุดนอน ผมจึงเบี่ยงความสนใจของตัวเองไปลงในโปรแกรมแชทแทน เผื่อมันจะขัดเกลาจิตใจผมกลับมาอยู่ในสภาพปกติได้อีกครั้ง

            ...ซึ่งผมคิดผิด


            ‘นี่ๆ พี่พรานดูดิ พี่พรตลงนิตยสาร’

            ‘โอ้โห รูปนี้หล่อมาก มุมดีมาก’

            ผมมองรูปที่ใบพลูส่งมา เป็นรูปของพี่พรตถ่ายคู่กับพี่ชาย ต้องยอมรับว่าเขาดูดีและดูเหมาะสมกับบริบทรอบตัวทุกอย่าง แต่ผมพนันได้เลยว่าเขาต้องเก๊กสุดๆ ถึงจะได้รูปออกมาแบบนี้


            ‘คนอะไรไม่รู้หล่อก็หล่อ รวยก็รวย เพอร์เฟคมากก’


            ผมเบ้ปากใส่ข้อความนั้น แล้วพิมพ์ตอบกลับไปทันที

            ‘ไม่ใช่หรอก’

            ‘เขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ’



            ‘ตัวจริงจัญไรและชุดนอนสกปรกมาก’






             ...ผมไม่ได้ส่งข้อความสุดท้าย






-----------------------------------------------------------------------------------------------
กลับมาแล้วค่าา นีี่รีบเขียนมาลงเลยรู้สึกทิ้งไปนาน
แต่จะเปิดเทอมแล้วค่ะ กลับไปสู่วงจรเดิมอีแล้ว ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอาา ฮือออ :ling1: :ling1:


ขอบคุณคนอ่านค่า  :กอด1:


หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 10-08-2015 05:19:37
งั้นพรานก็ย้ายมาอยู่ห้องพี่พรตจะได้สะอาด ๆ ไงจ๊ะ อิอิ

มาอยู่ด้วยกันแบบนี้พรานได้เสร็จพี่พรตเปล่าเนี่ยอร๊ายยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-08-2015 08:25:27
ยังเชียร์ไม่เต็มที่ รอลุ้นมิวว่ายังไง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-08-2015 08:37:06
ตลกประโยคสุดท้าย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-08-2015 09:13:53
นายพรานจะโดนล่าก็คราวนี้
ว่าแต่มิวนี่ยังไงกันนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-08-2015 10:43:01
มันก็ยังแปลกๆอยู่อ่ะเรื่องพรตกับมิว 

ก็ยังรู้สึกว่าประเด็นเรื่องความรักของพรตมันยังดูคลุมเครือ ไม่ชัดเจนไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-08-2015 12:04:20
5555 ชอบบรรทัดสุดท้าย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 10-08-2015 12:26:52
ชัดเจนสักทีสิความสำพันธ์ของทั้งสองคนนี้ ฮึ พรตจะเอายังไงกับน้องก็ว่ามา ทำอย่างนี้มันไม่ดีต่อผลระยะยาวนะยะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kukkikkooka ที่ 10-08-2015 14:19:36
อยากให้พี่พรตเคลียร์เรื่องมิวแบบจริงจังสักที

นายพรานน่ารักเหมือนเดิมมมม  อิอิ

คนเขียนสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-08-2015 19:37:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 10-08-2015 19:40:39
ถถถถถถ5555555555555555
ฮาประโยคปิดท้ายมากอะ
55
เดาว่ามิว หลงักพี่พรตเข้าแล้ว
แล้วไม่อยากเลิก ชิมิล่า
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 10-08-2015 22:10:40
ง่อว น่ารัก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-08-2015 23:14:12
มารอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 12-08-2015 00:20:29
น่ารัก
รอตอนต่อไป

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 12-08-2015 00:26:34
ปัญหายังคงคาราคาซัง พรานน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 12-08-2015 02:03:53
5555 ชอบประโยคที่ไม่ได้ส่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 12-08-2015 04:28:58
 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: cocoagx ที่ 12-08-2015 05:56:10
พี่พรตทำไมขี้อ่อยยยยยยยยย
มิวนี่ยังไงนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 12-08-2015 08:19:29
แหน่ะ! น้องพรานทำมาเป็น...
เดี๋ยวน้องพรานก็จะได้คนจังไรเป็นแควนแล้วน้า ^^

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 12-08-2015 22:36:28
หลงมาอ่านแล้วก็ติด แต่คาใจเรื่องเพื่อนพรต ตอนที่พ่อแม่เด็กปี1 มา ไม่เห็นมีใครออกมาเลย ตอนมาขอโทษกลับมา หรือพึ่งคิดได้ ดูชีวิตพรตงงๆ หรือเราอ่านไม่เข้าใจเอง 555 แต่ยังเชียร์ไม่เต็มที่ ดูพรตยังไม่เปิดใจมาก ทำอะไรครึ่งๆกลางๆอะ ดูคลุมเครือทุกอย่างเลย ครอบครัวอีก  ทุกอย่างดูครึ่งๆกลางๆไปหมดเลยอะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-08-2015 20:40:31
โดนหยอดบ่อยชักเริ่มหวั่นไหวแล้วล่ะสิ นายพรานนนนนนนน :mew4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 18-08-2015 20:04:42
55555555555ข้อความสุดท้าย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 28-08-2015 21:01:03
หายเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 29-08-2015 05:34:58
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 10-09-2015 01:59:51



:::CHAPTER 15:::




           ...เฮ้ย!!!


            ผมสะดุ้งแล้วรีบผุดลุกขึ้นนั่งทันทีที่ตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกไม่คุ้ยเคยอย่างรุนแรงพร้อมกระพริบตาสองสามที เช็ดขี้ตาออก จากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อนปรับอารมณ์ตัวเองสักหน่อย ผมไปค้างบ้านคนอื่นอย่างเป็นกิจจลักษณะแบบนี้ไม่บ่อย พอตื่นมาในบรรยากาศที่ไม่ชินเลยต้องตั้งสตินิดนึง

            แต่เมื่อไล่สายตาไปเห็นก้อนกลมๆ ที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ต้องเบ้ปาก อะไรวะ...เมื่อคืนผมเป็นคนนอนไปก่อนโดยที่พี่พรตบอกว่าจะไปนอนโซฟาให้ แล้วนี่หมายความว่าไง โคตรสุภาพบุรุษเลยครับ

            คนที่หลับอยู่เหมือนจะรู้ว่าโดนด่า เพราะก้อนผ้าห่มกลมๆ นั่นเริ่มขยับ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ครับ คนตัวโตเป็นควายแบบนี้กลับนอนเหมือนเด็กห้าขวบ ผมนั่งกอดเข่าพลางหันไปมองใบหน้าที่ปกติจะกวนตีนแต่ตอนนี้กลับนิ่งสงบอย่างน่าประหลาด แสงแดดยามเช้าที่อาบไล้ใบหน้าของพี่พรตเหมือนยิ่งทำให้เขาดูน่ามองผิดปกติ

มองไปมองมาอย่างนี้ พี่พรตแม่งก็หล่อใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า ผมเลยถือโอกาสนั่งสำรวจตั้งแต่เส้นผมเหมือนจะยาวขึ้นมากจากตอนที่เจอกันครั้งแรก ขนตายาวใช้ได้ จมูกโด่งได้รูปน่าอิจฉายิ่งเป็นสันชัดเจนเมื่อมีเงาตกกระทบ และก่อนที่จะได้สำรวจอะไรเพิ่มผมก็เหลือบไปเห็นเส้นผมสองสามเส้นพาดอยู่ที่ปากของเขา

            โดยไม่รู้ตัว ผมค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วปัดเบาๆ ให้เส้นผมเหล่านั้นออกไปพ้นจากใบหน้า แต่เหมือนความแผ่วเบาของปลายนิ้วผมคงไม่เพียงพอ เพราะคนที่หลับอยู่กลับลืมตาขึ้นทันที

            ...ชิบหายละ

            พี่พรตมองหน้าผมด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้อยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างมีเลศนัยแบบที่ผมเห็นแล้วนึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้

            “แน่ะ เดี๋ยวนี้ถึงขั้นลักหลับแล้วเหรอ”

            “โอ้ยพี่พรต แค่ปัดผมให้เฉยๆ”

            “อยากทำมากกว่านี้ก็บอก”

            พี่พรตหลิ่วตาให้อย่างน่าหมั่นไส้

            “อยากมากกกก มากๆๆ”

            ผมลากเสียงประชดเต็มที่ ทำเอาพี่พรตหัวเราะออกมายกใหญ่ แต่นั่นก็ดีแล้วครับเพราะเขาจะได้หยุดพูดจาล่อแหลมสักที คือถึงผมจะปล่อยให้เขาจีบได้แต่กับคำพูดพวกนี้ยังไม่ค่อยชินว่ะ

            “ฮ่าๆๆ นายตลกจังวะ”

            โอ้โห พูดซะเหมือนผมอยากให้ตัวเองดูตลก ผมมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของพี่พรตอย่างอ่อนใจ ทำไมรู้สึกว่าตอนเช้าๆ แบบนี้ รอยยิ้มของเขาดูสดใสเหมือนจะแข่งกับแสงตะวันเลยทีเดียว แต่ถึงจุดนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์มาชื่นชมสุนทรียภาพของรอยยิ้มพี่พรตอะไรแบบนี้แล้วล่ะครับ ความคิดตอนนี้มีแต่ หิวข้าว และ กลับบ้าน

            “พี่พรตมีไรกินป่ะเช้านี้”

            “ไม่มีเลยว่ะ เดี๋ยวไปหาไรกินกัน”

            ผมพยักหน้าแล้วหันไปหยิบกระเป๋าทันทีก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องต่อโดยไม่รอเจ้าของห้อง เดี๋ยวนี้บางวันถึงผมจะไม่ทันทำอะไรก็หิวชิบหายแล้วครับ เหมือนระบบเผาผลาญของร่างกายมันพังตั้งแต่รู้จักกับการอดนอน

            “ขอเปลี่ยนเสื้อแปป”

พี่พรตเดินเลี่ยงไปที่โซฟาก่อนจะหยิบเสื้อตัวนึงมาปัดๆ พลิกหน้าพลิกหลัง เห็นแล้วก็คิดถึงเสื้อที่ยืมพี่พรตใส่อยู่ตอนนี้ ตัวที่ผมใส่นี่คงสภาพดีสุดแล้วมั้ง อย่างน้อยก็ซักแล้วละกันวะ แต่ระหว่างที่ผมกำลังพยายามจินตนาการถึงการซักเสื้อครั้งสุดท้ายของพี่พรต เจ้าตัวกลับถอดเสื้อนอนแล้วใส่อีกตัวอย่างไม่ลังเล แถมยังโยนเสื้อนอนตัวเดิมลงบนโซฟา

              ...โอ้โห

            ผมว่าไอ้เสื้อที่พี่พรตเพิ่งเปลี่ยนนี่อาจเป็นเสื้อนอนของสามคืนที่แล้วที่พี่พรตโยนลงไปบนโซฟาก็ได้ เอาจริงๆ พี่เขาคงใส่ไม่กี่ตัวแล้วเวียนกันมากกว่า ถึงผมจะไม่ใช่คนรักความสะอาดมาก แต่เจอแบบนี้แค่คิดก็สยองแล้วว่ะ

            “แน่ะ แอบมองเราถอดเสื้อด้วย”

            “แอบไรพี่พรต ก็มองปกติ”

            “อุ้ยเขินจัง”

ผมทำปากเป็นสระอิใส่พี่พรตอย่างสุดความสามารถจนเขาหัวเราะออกมา ผมไม่อยากอธิบายด้วยคำนี้เลยครับ แต่มันดูตอแหลมากจริงๆ แถมยังทำท่าทางเหมือนกลัวคนมอง น่าดูมากเลยครับ ซิกซ์แพคก็ไม่มืเสื้อก็ไม่ซัก

            “ฮ่าๆ ไปๆๆๆ”

            พี่พรตที่เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วเดินตรงมา ก่อนจะยกมือขึ้นพาดไหล่ผมแล้วออกแรงดึงให้ผมเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างที่กำลังยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้ แต่มันก็ดีแล้วล่ะ เขาไม่ค่อยเหมาะกับดาร์กโหมดเหมือนที่เพิ่งผ่านมาเท่าไหร่

            ผมค่อยๆ ยิ้มตาม

            และมันเป็นภาพที่น่าจดจำมากขึ้นทันทีเมื่อเรายิ้มทั้งสองคน

            แต่ระหว่างที่ผมกำลังมองรอยยิ้มของเขาอยู่เพลินๆ เจ้าตัวก็ดันหันหน้ากลับมาสบตากับผมทันที เขาขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนพยายามไตร่ตรองอะไรบางอย่างแบบจริงจัง

            “วันนี้ ทำไม...”

            “...”

            “นายน่ารักจังวะ”

 

           



            ผมเงียบมาตลอดทางหลังจากโดนประโยคนั้นเข้าไปจนถึงตอนนี้ที่นั่งจ้องหน้ารอคนเสิร์ฟกันอยู่ในร้านแคบๆ ร้านหนึ่ง จะว่าเขินก็ไม่เชิงหรอกแต่มันไม่ค่อยชินเวลาใครชมว่าน่ารัก และเหมือนพี่พรตจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเมื่อผมเงียบไป เพราะเขาก็ไม่ได้แหย่อะไรอีกเลย เมื่อพนักงานในร้านเดินมาผมเลยถือโอกาสสั่งก๋วยเตี๋ยวก่อน

            “พี่ครับ เส้นเล็กน้ำหนึ่ง...”

            “เผ็ดมาก”

            ...เชี่ยพี่พรต

ผมหันกลับไปหาไอ้คนด้านหลังทันที พี่พรตยิ้มด้วยสีหน้าเหมือนผู้ชนะ เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ ผมส่งสายตากลับไปอย่างคาดโทษก่อนจะตั้งใจสั่งก๋วยเตี๋ยวต่อ

            “พี่ครับ ขอเล็กน้ำอีกชาม ต้มยำน้ำข้น เอาเผ็ดกว่าชามเมื่อกี้”

            “เฮ้ยๆ”

            “แค่นี้แหละครับ ขอบคุณครับ”

            ผมสั่งแบบตัดจบ หันมายักคิ้วกวนประสาทให้พี่พรตที่ยังทำหน้าเหมือนตมไม่ทัน ก่อนจะรีบลากเขาเข้าไปนั่งในร้านทันที ต้องเอาให้เถียงอะไรไม่ทันครับ และเหมือนมันจะได้ผลเพราะตอนนี้พี่พรตกำลังทำหน้าเหวอ

            “ฮ่าๆๆ พี่พรตลองดูนะว่ามันเผ็ดสู้ของพลูได้รึเปล่า”

            ผมยังครึ้มอกครึ้มใจไม่หายเพราะคงเป็นครั้งแรกละมั้งที่ได้แกล้งพี่พรตสำเร็จในแบบที่เรียกว่าชนะใสๆ อีกอย่างคือ พอได้แกล้งแบบนี้แล้วรู้สึกว่าบรรยากาศมันค่อยเป็นธรรมชาติขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่แบบเมื่อกี้ที่อยู่ๆ ก็จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

            “อะไรวะ”

            “แกล้งนิดเดียวเอง บ่นอะไร”

            “เปล๊า แค่ไม่ค่อยเป็นฝ่ายถูกกระทำ”

            “ดีเลย งั้นยิ่งสมควรโดน”

            ถ้าผมได้มองกระจกในตอนนี้คงจะได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของตัวเองแน่ๆ แต่นี่มันก็เหมาะสมดีแล้วล่ะ ทำคนอื่นไว้เยอะก็ต้องชดใช้บ้าง

            ไม่นานเกินรอ ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟครับ ผมรีบชะโงกหน้าไปดูในชามทั้งสองทันที...โอเค ชามแรกมีพริกอยู่ไม่เยอะมาก แต่อีกชามเนี่ยสิ...อื้อหือ เหมือนใส่น้ำพริกนรกไปทั้งกระปุก ผมหัวเราะเบาๆ กับตัวเองก่อนจะ เอื้อมมือไปคว้าชามที่สองมาไว้ข้างตัว แต่ที่เหนือความคาดหมายคือไอ้พี่พตแม่งเร็วกว่าครับ และตอนนี้ก็เหลือแต่ชามนรกนี้ที่อยู่เบื้องหน้าของผม

            “เชี่ย ไอ้พี่พรตอย่าเลว”

            “ใครพี่ใครน้องครับ”

            พี่พรตพูดด้วยสีหน้าจริงจังพลางใช้ตะเกียบชี้มาที่หน้าผม ตอนนี้ผมชักหัวเราะไม่ออกแล้ว ช่วงหลังบางทีพี่พรตก็ทำให้ผมลืมตัวไปเลยว่ากำลังคุยกับ ‘รุ่นพี่’ มันเหมือนพอได้คุยได้รู้จักกันมากขึ้นแล้วก็จะละเลยเรื่องนี้ไปโดยอัตโนมัติ แต่คราวนี้มันคงล้ำเส้นไปหน่อยละมั้ง ผมมองพี่พรตที่ก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

            “ขอโทษครับ”

            แต่ปฏิกิริยาของพี่พรตทำให้ผมรู้เลยว่าตัวเองพลาดมาก เพราะเขาถึงกับสำลักน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กำลังซดอยู่ เขารีบคว้าแก้วน้ำมาดื่มแล้วตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะผมในแบบที่ดูแล้วรู้เลยว่า ‘ตั้งใจ’มากๆ

            “ฮ่าๆๆ น้องนายครับอย่าเครียดดิ”

            “...”

            ผมมองพี่พรตอย่างเซ็งๆ อะไรวะ เล่นพูดแบบนี้จะเป็นปีหนึ่งคนไหนก็ต้องกลัวเหมือนกันนั่นแหละเพราะเรื่องการเคารพพี่เป็นเรื่องสำคัญในคณะเรา แล้วผมก็ยังไม่ได้รุ่นเลยด้วยซ้ำ และพอคิดแบบนี้เลยเริ่มรู้สึกเหมือนวางตัวไม่ถูกยังไม่ไม่รู้ แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าต่อจากนี้จะพูดสุภาพกับพี่พรตดีมั้ย เสียงของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน


            “นี่”


            “...”


           “กินก๋วยเตี๋ยวได้แล้วเดี๋ยวเส้นอืด”


            ผมดึงความคิดเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องกลับมาจดจ่อกับชามก๋วยเตี๋ยวและกองพริกด้านหน้าแทน  โอเค ผมไม่คิดมากเรื่องความสุภาพละ ที่สำคัญตอนนี้คือก๋วยเตี๋ยวครับ เมื่อกี้คงหน้ามืดตามัวอยากแกล้งเขามากไปหน่อยเลยสั่งมาเป็นก๋วยเตี๋ยวใส่พริกทั้งสองชาม แต่ผมเคยบอกพี่พรตยังวะ





           ...ว่าผมกินเผ็ดไม่เป็น





---------------------------------------------------------------------------------
งืออ ขอโทษจริงๆ ที่หายไปทั้งเดือนนะคะ งานเยอะและเหนื่อยมาก รู้สึกแก่ขึ้นมากด้วย555
ดีที่ตอนนี้แบบค่อนข้างลงตัวแล้วเลยพอหาเวลาได้บ้าง :เฮ้อ:
ไม่อยากพูดเลยว่าเขียนครึ่งตอนใช้เวลาหกวันค่ะ โหดร้ายมาก เวลา24ชั่วโมงเหมือนจะไม่พอ
 

ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ ซึ้งใจมากจริงๆ  :กอด1:


ปล.อ่านแล้วตรงไหนแปลกๆ หรือพิมพ์ผิดทักได้นะคะ สติไม่ค่อยมีแล้ว ถถถถถ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-09-2015 08:23:36
รอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-09-2015 14:33:16
โธ่ น้องนายจะแกล้งเขาโดนเองเลยซะงั้น  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-09-2015 15:05:29
แล้วทีนี้ตะทำอย่างไรล่ะนาย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 10-09-2015 21:12:35
อย่ายอมกินเผ็ดๆ นะคะน้องนายพราน
ไม่งั้นควันออกหูแน่ค่ะ อิอิ
มาๆ เดี๋ยวพี่สั่งชามใหม่ให้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 10-09-2015 22:40:48
งานนี้นายพรานเดี้ยงแน่ ทะเลพริกขนาดนั้น  :m20:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kukkikkooka ที่ 13-09-2015 03:38:35
ลุ้นต่อๆ แอบหมั่นไส้พี่พรต

คนเขียนสู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 16-09-2015 23:51:53
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(50%) : P18: 10.09.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 23-09-2015 01:54:26
มาทีละ50
ขอให้มาบ่อยๆครับ
รอนานเกิ๊นนนน (กด นอ หนู ค้าง 2 วัน)
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 04-10-2015 02:01:25





        สุดท้ายก็เป็นผมที่เดินออกจากร้านมาพร้อมถุงก๋วยเตี๋ยวเผ็ดๆ ที่ผมสั่งห่อกลับบ้านหลังจากอดทนกินอย่างสุดความสามารถจนน้ำหมดไปเกือบหกแก้ว พี่พรตเลยจำใจต้องยอมให้ผมห่อกลับ แต่ประเด็นคือ ถึงเอากลับไปบ้านผมก็กินไม่ได้อยู่ดี

            “แล้วนี่ใครจะกินล่ะ”

            “งั้นฝากให้ใบพลู”

            ...โอ้โห

            เรียกได้ว่าผูกความแค้นกับพลูมาตั้งแต่ตอนที่น้องพาผมวิ่งเอาห่อก๋วยเตี๋ยวไปให้เลยใช่มั้ย  ผมเลยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาลอยๆ กับตัวเอง

            “พี่พรตแม่งเจ้าคิดเจ้าแค้นจังวะ”

            “อะไรๆๆๆ”

            “เปล๊า”

            ผมหัวเราะเบาๆ ด้วยความสะใจ ก่อนที่พี่พรตจะขัดจังหวะขึ้น

            “จะไปไหนต่ออ่ะ”

            “กลับบ้านดิ”

            “เฮ้ย จะกลับเลยเหรอ”

            “เออ จะให้ไปไหนล่ะ แม่ตามแล้ว”

            ความจริงแล้วแม่ไม่ได้ตามหรอก แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่อยากไปไหนกับพี่พรตหรอกนะ แต่ตอนนี้คือผมรู้สึกว่าตัวเองสกปรกแบบจริงจัง โอเค ถึงเสื้อที่ผมใส่อยู่นี่จะสภาพดีสุดบนโซฟาของพี่พรต แต่ถ้าเทียบกับเสื้อของผมเองแล้วนับว่าความสะอาดห่างชั้นกันมาก ซึ่งถ้าบอกแบบนี้ไปมีหวังโดนไอ้พี่พรตต่อยเอา

            ...แต่แม่งก็สกปรกจริงว่ะ

            “แล้วกลับไง”

            “บีทีเอสตรงหน้านี่แหละครับ”

            “โอเค เดี๋ยวเดินไปส่ง”

            ผมเหลือบมองสีหน้าที่เหมือนโดนขัดใจของพี่พรตแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ คนอะไรทำตัวเป็นเด็กทั้งที่โตเป็นควายขนาดนี้แล้ว มีแฟนไปแล้วคนนึงด้วยซ้ำ ยังโตไม่พออีกเหรอวะ







            เมื่อเดินไปถึงสถานี ผมก็โบกมือให้แล้วเดินขึ้นสถานีโดยไม่สนใจสายตาละห้อยของอีกคน มองดูจากจำนวนคนบนชานชาลาแล้ว ถ้าผมขึ้นรถไฟฟ้าในเวลาที่คนแน่นแบบนี้พร้อมถุงก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ คงโดนคนอื่นด่าในใจแน่ๆ ผมเลยหยุดเดินมาหลบแถวๆ ที่ซื้อบัตรแล้วเปิดกระเป๋าสะพาย ยัดก๋วยเตี๋ยวอุ่นๆ เข้าไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมากก่อนจะแตะบัตรเข้าชานชาลาไป แต่ก่อนจะได้ทำอะไรต่อผมก็ได้ยินเสียงตะโดนเรียกชื่อดังมา

            ผมหันซ้ายหันขวาพยายามมองหาต้นตอของเสียงนั้นอย่างสงสัย คือใครจะมาเรียกผมตอนนี้วะ จะพี่พรตก็ไม่ใช่เพราะเมื่อกี้มันเสียงผู้หญิง ผมกวาดสายตามองคนมากมายที่กำลังแตะบัตรเข้ามาแต่ก็ยังมองไม่เห็นใครที่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยสักคน

            “นายพราน!”

            ผมสะดุ้งเมื่อมีแรงสะกิดจากด้านหลัง และเมื่อรีบหันกลับไปดูแล้วก็ต้องชะงักไปนิดนึงเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงที่ดูคุ้นตาเหลือเกิน


            ...มิว


            “อ้าว มิวมาทำอะไรเนี่ย”

            “มาซื้อหนังสือนิดหน่อยน่ะ”

            ผมมองถุงหนังสือที่มิวถืออยู่ในมือแล้วก็พยักหน้าเบาๆ ตั้งใจจะจบบทสนทนาให้เร็วสุด เพราะมันเหมือนมีชนักติดหลังยังไงก็ไม่รู้ครับ เขาเป็นแฟนเก่า ในขณะที่พี่พรตกำลังจีบผมอยู่ เชื่อว่าสภาพจิตใจของเขาอาจไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่หรอก

            “แล้วพรานล่ะ”

            แต่เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนี้ผมเลยจำใจต้องตอบไปตามมารยาท

            “ไปกินข้าวมาน่ะ”

            “กับพี่พรตเหรอ”

            ...เชี่ย

            ผมสาบานได้เลยว่าตัวเองไม่ได้มีจุดประสงค์จะโยงมาที่ประเด็นของคนๆ นี้เลยสักนิด แต่ในเมื่อมิวดันเริ่มขึ้นมาเอง ผมจึวพยายามเลี่ยงให้อย่างสุดความสามารถ

            “เอ่อ...เปล่า”

            ผมเผลอจับกระเป๋าสะพายของตัวเองแน่นขึ้นเมื่อมิวหรี่ตามองเหมือนจะไม่เชื่อในคำปฏิเสธของผม

            “ไม่ต้องหรอกพราน มิวเข้าใจ”

            ผมพยักหน้าด้วยความที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเหมือนอยากหายไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้อย่างไรอย่างนั้น

            “พี่พรตเป็นคนดีนะ”

            “...”

            “พรานอาจพอรู้เรื่องที่พี่พรตถูกดดันมาบ้างแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่เขามาคบกับมิว แต่ก็...ช่างเถอะ มันคงเป็นความผิดของมิวเองแหละ”

            “...”

            “เราตกลงว่าจะคบกันไปเฉยๆ ทั้งพ่อแม่ของมิวกับพี่พรตก็โอเคกันหมด มิวก็เลยตอบตกลงเพราะพี่พรตเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ไม่เคยผูกมัดอะไรให้อึดอัดเลย กลายเป็นมิวนี่เองแหละที่อึดอัดเอง”

            ผมฟังแล้วก็พจะจับประเด็นได้ว่าสองคนนี้คบกันด้วยสาเหตุทางครอบครัวโดยไม่ได้รักกันเป็นจริงเป็นจัง แต่จากระยะเวลาสี่ปีที่เขาคบหากันและจากคำว่าอึดอัดของมิวเมื่อกี้ มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าถ้า...

            “มิวชอบพี่พรตเหรอ”

            ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมเลือกที่จะถามออกไปตรงๆ แบบนี้แต่มิวดูมีท่าทางเหมือนร้อนตัวชอบกล เขาก้มหน้ามองพื้นอยู่สักพัก และมันเป็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจการกระทำของตัวเองเมื่อมิวค่อยๆ พยัก

หน้าด้วยสีหน้าเศร้าๆ

            “เอ่อ แต่มิวไม่ได้จะมาทวงพี่พรตคืนหรืออะไรแบบนั้นนะ”

            ...นี่มันตลกร้ายชัดๆ

            “อือๆ เรารู้”

           และผมก็ได้รู้เลยว่าเมื่อคนสองคนมีความรู้สึกไม่เหมือนกัน คนที่ลำบากใจย่อมไม่ได้มีแค่สองคน

            “เอ้อ มิวต้องไปแล้วล่ะ”

            ผมจับตามองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าที่กำลังละล่ำละลักหาข้ออ้างเพื่อจะออกจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุดแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ผมรึเปล่าที่ควรเป็นฝ่ายร้อนรน และมิวควรจะเป็นฝ่ายที่ยืนมองผมนิ่งๆ แบบนี้แทน

            “โอเค โชคดีนะ”

            ผมไม่รู้จะหาคำไหนดีกว่าคำนี้อีกแล้ว แต่ก่อนจะได้เดินออกไปจริงๆ มิวก็พูดขัดขึ้นมาก่อน


            “ฝากดูแลพี่พรตด้วยนะ”



            มิวหันหลังเดินออกไปเหมือนเดินและผมรู้สึกเหมือนก้าวขาไม่ออกเลยยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นต่อ ทำไมมิวซึ่งรักพี่พรตมากต้องมาฝากฝังเขาไว้กับผมที่ยังไม่แน่ใจในตัวเองเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำว่าจะรู้สึกกับเขาได้เท่ากับที่มิวรู้สึกรึเปล่า แล้วผมควรดูแลพี่พรตให้ดีได้ยังไง หรือด้วยการพาเขาไปหาคนที่รักเขาได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ

            ผมสะบัดหัวไล่ความคิดของตนเองออกไปแล้วเริ่มถามตัวเองว่าต่อไปจะทำตัวยังไงกับพี่พรตดี แต่ก่อนจะได้ทำอะไร มือที่เผลอจับกระเป๋าไว้แน่นด้วยความกังวลนั้นก็สัมผัสโดนอะไรเปียกๆ ร้อนๆ


            ด้วยความเร็วจากสัญชาตญาณโดยไม่ผ่านสมองเลยสักนิด ผมรีบปล่อยมือออกจากกระเป๋าและยกขึ้นมาดมทันที




            มันเป็นกลิ่นต้มยำ




            ...ชิบหายละ ถุงแตก








-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่าา midterm crisis&project crisis อันหนักหน่วงเพิ่งผ่านพ้นไปค่ะ  :เฮ้อ:
เรียกได้ว่าแทบไม่มีแรงทำอะไรต่อเลยจริงๆ ค่ะ ตอนนี้อาจสั้นหน่อยตามพลังชีวิตที่เหลืออยู่ o6
ต่อไปจะพยายามมาเป็น 100% ค่ะ จะได้อ่านกันต่อเนื่องหน่อย


ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และขอบคุณที่ยังรอคอยกันนะคะะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 04-10-2015 09:28:11
คนเขียนสู้ๆน้าา  o13 o13
รอๆนะค้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-10-2015 09:34:29
ลาก่อย ต้มยำ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 04-10-2015 10:08:19
ถุงแตก 555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 04-10-2015 10:27:25
สู้นะคุณว่าที่สถาปนิก ;)
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-10-2015 13:18:22
กำลังหม่นๆซึ้งๆอยู่ดี มาฮาตรงถุงแตกนี่แหล่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 04-10-2015 13:47:55
หลากหลายอารมณ์จริงๆเรื่องนี้  ^^

*นายพรานน่ารัก*  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 04-10-2015 13:51:06
จะบอกลากระเป๋า หรือบอกลาก๋วยเตี๋ยวต้มยำดีล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kukkikkooka ที่ 05-10-2015 00:54:25
ตอนแรกนายพรานพาเข้าดราม่าละนะ

แต่ช่วงท้ายนี่ฮาเลยยยย 555555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-10-2015 04:05:11
เกืิอบดราม่า ถุงแตกฮาเลย โอ้ยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 05-10-2015 05:53:02
มิวเป็นคนดีกว่าที่คิด

นึกว่าจะตามมาเอาเรื่องกับพรานซะอีก


กลายเป็นนางฟ้าเลยงานนี้


แต่พรานกับพรตนี่มะไรจะลงเอยดี ๆ สักทีล่ะคนอ่านลุ้นนะเฮ้ยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 05-10-2015 08:20:01
ถุงแตกกก !!!! คิดอะไรเนี่ยฉันนน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 06-10-2015 23:37:10
บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 14-11-2015 19:00:27
หายเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 22-11-2015 20:35:55
 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 25-11-2015 06:57:42
 :call:  :call:  :call:  :call: จงมาๆๆ 5555555555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-11-2015 21:18:34
มารอตอนต่อไป
จงมาาา จงมาาาาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: away3g ที่ 01-12-2015 14:39:53
 :sad4มาต่อเร้วๆนะครับ  รอรอรอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: gimini ที่ 02-12-2015 23:27:32
รออยู่นะจ๊ะ น่ารักมากกกกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 03-12-2015 18:22:00
น่ารักนะเนี่ย ตอนแรกอึนๆหน่วงๆ แต่สนุกๆติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 04-12-2015 19:51:19
555 โอ้ยย อุสาห์ดองไว้ตั้งนาน
สุดท้ายก็ได้อ่าน 50%ที่เหลือ ที่เคยดองไว้
รอตอนต่อไปนะคะ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-12-2015 19:58:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 07-12-2015 19:36:37
ถุงแตก55555555555555555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 25-01-2016 00:08:04
มิสยูว  :m22: :undecided: :a11: :a12: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 06-03-2016 01:12:57




: CHAPER 16 :

 




            “โอม ขึ้นเลคเชอร์กัน”

            ผมสะกิดเรียกไอ้โอมที่นั่งกินข้าวอยู่เมื่อเห็นว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนคาบเช้า ปกติแล้วเป็นคาบที่มีคนเรียนจริงๆ ไม่ถึงครึ่งห้องแต่เพราะอาจารย์เช็คชื่อทุกครั้งเลยมีความจำเป็นต้องเข้าไปตรงเวลาทุกครั้ง

            “อ้าว มึงไม่รอพี่พรตเหรอ”

            ไอ้โอมย้อนถามกลับมา

            “ทำไมต้องรออ่ะ”

            “ก็ปกติวันจันทร์เห็นเจอกันตลอด”

            มันก็จริงที่ปกติแล้วพี่พรตกับผมจะได้เจอกันก่อนเข้าเรียนในเช้าวันจันทร์เพราะตารางเรียนของปีหนึ่งกับปีสามมีคาบเช้าที่ตรงกัน แต่วันนี้พี่พรตก็ยังไม่มาและผมคงไม่รอ ...เอาจริงๆ คือ หลังจากเจอมิวเมื่อวาน ถึงเขาจะเหมือนยอมปล่อยพี่พรตแล้วแต่ผมแอบรู้สึกผิดไม่ได้เมื่อได้รู้ว่ามีผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งชอบพี่พรตมากและผมเหมือนเป็นสาเหตุทางอ้อมที่ทำให้เขาเลิกกัน

            “มึงมีปัญหาอะไรกันป่ะวะ”

            ไอ้โอมคงเห็นผมดูกังวล แต่จริงๆ มันเป็นเรื่องในความคิดของผมเท่านั้นแหละ พี่พรตไม่เกี่ยวอะไรหรอก

            “เปล่าๆ กูแค่อยากได้เวลาปรับความรู้สึกสักวัน”

            โอมพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรต่ออีกก่อนจะยกจานไปเก็บแล้วเดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกัน แต่ระหว่างที่มันเดินขึ้นบันไดมันก็หันกลับมาทางผมแล้วทำหน้าเหมือนกำลังชั่งใจว่าควรพูดหรือไม่พูดดี

            “มึงระวังพี่พรตคิดมากนะเว้ย”

            “อือ ขอวันเดียวแหละ พอดีกูรู้สึกผิดนิดหน่อย”

            “กับแฟนเก่าน่ะเหรอ”

            ไม่รู้ว่าไอ้โอมแม่งเดาถูกได้ยังไง แต่เอาเหอะ ผมไม่ว่าอะไรหรอกถ้ามันจะรู้เรื่องนี้ไปด้วย ผมพยักหน้าตอบไปโดยไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้มันฟัง แต่ไอ้โอมคงมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มากกว่าผมมันเลยดูไม่ค่อยแปลกใจ

            “แล้ววันนี้มึงอยู่รับน้องป่ะ”

            “อยู่ดิ”

            “อืม ดีละ เห็นพี่ย้ำนักย้ำหนาว่าอยากใหอยู่วันนี้”

            พอได้ยินไอ้โอมพูดมาแบบนี้ทำเอาผมอดลุ้นไม่ได้ว่าพี่จะให้ทำอะไร อย่างน้อยการรับน้องวันนี้ก็ดึงผมออกจากความคิดเรื่องพี่พรตได้สักนิดก็ยังดี จะว่าไปแล้วช่วงนี้เห็นเพื่อนคณะอื่นลงรูปถ่ายกับสายรหัสบ้างแล้วแต่ไม่เห็นคณะเราจะมีการเฉลยสายรหัสอะไรกันสักที

            “เออมึง พอจะรู้เรื่องสายรหัสบ้างมั้ยวะ”

            “ไม่ว่ะ แต่เดี๋ยวก็คงมีแหละ”

            “ดีๆๆ กูแอบลุ้นอยู่”

            ไอ้โอมมองผมด้วยสายตาจับผิดก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย

            “เสียใจด้วยมึง เค้าแบ่งตามภาคว่ะ มึงจะไม่ได้สายพี่พรต”

            ...เฮ้ยเดี๋ยว ทำไมมันคิดว่าผอยากได้สายรหัสไอ้พี่พรตวะ แค่นี้ผมว่ามันก็เจอกันบ่อยแล้วนะ ถ้าได้เป็นสายรหัสนี่คงเบื่อกันชิบหาย

            “กูไม่ได้อยากอยู่สายนั้นหรอก”

            “ครับๆๆ คุณน้องนาย”

            บางทีผมก็รู้สึกเกลียดมันว่ะ เดี๋ยวนี้พอรู้เรื่องผมกับพี่พรตแล้วมันก็ชอบล้ออะไรอย่างนี้มากขึ้น คือไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ทำบ่อยๆ กูก็เขินเหมือนกันโว้ย

            “ขอให้มึงได้สายพี่จักร”

            “ฮะ พี่จักรทำไมวะ”

            “เปล๊า ก็เห็นพี่เขาเป็นเพื่อนพี่พรตไง”

            ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ถ้ามันคิดจะแซวผมกับพี่พรต ผมก็ขอชงอะไรกลับไปบ้างละกัน เอาให้มันสับสนเล่นสักนาทีสองนาที อย่างน้อยกเป็นความสุขของเพื่อน

            “เออๆๆ เอาที่มึงสบายใจเลย”

 



 

            หลังเลิกจากวิชาสตูดิโอตอนบ่าย ผมกับเพื่อนก็จัดแจงเปลี่ยนชุดแล้วลงมากินข้าวเย็นกันเพื่ออยู่กิจกรรมรับน้องของวันนี้ต่อ เมื่อลงมาถึงโรงอาหารแล้วผมแอบรู้สึกดีที่ไม่เห็นพี่ปีสามอยู่ในบริเวณนี้เท่าไหร่ คิดว่าพี่ๆ คงยุ่งกับการเตรียมกิจกรรมเยอะพอสมควร และอีกอย่างผมจะได้ไม่ต้องเจอพี่พรตด้วยแหละ ยังรู้สึกไม่ค่อยพร้อมยังไงไม่รู้ ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้ววางจานข้าวลงบนโต๊ะข้างๆ โอม

            “เฮ้ยมึง ไปฉี่แปบ ฝากข้าวด้วย”

            “เออ รีบหน่อยนะมึงพี่นัดรวมห้าครึ่ง”

            ผมก้มดูนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่ามันห้าโมงสิบกว่าแล้ว...โอ้โห ทำไมมันจะเหนื่อยทั้งวันเลยวะ ตั้งแต่ตรวจแบบส่งแบบจนมาถึงรับน้อง แต่ก็นั่นแหละ มันก็สนุกและคุ้มที่จะเหนื่อยแบบนี้แหละ

            ผมเดินเร็วๆ ไปถึงห้องน้ำแล้วตรงไปล้างมือเพื่อเอาพวกเศษกาวเศษกระดาษจากการตัดโมออกไป แต่แล้วเมื่อผมเงยหน้ามองกระจก คนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำทำเอาผมตกใจจนเกือบหลุดสบถอะไรออกมา

            ...เชี่ย พี่พรตจะมาปวดฉี่อะไรตอนนี้วะ


            “เฮ้ย ไอ้พรต”

            ผมนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่ดลใจให้มีคนเข้ามาทักพี่พรตในตอนนี้ เลยทำให้หพี่พรตที่กำลังเดินเข้ามาหันไปหาต้นตอของเสียงทันทีก่อนจะสังเกตเห็นผม ผมเลยใช้โอกาสนี้รีบปิดก็อกน้ำแล้วเข้าไปหลบในห้องน้ำทันที

            ไม่กี่อึดใจต่อมาผมก็ได้ยินเสียงพูดคุยของพี่พรตและเพื่อนคนนั้นค่อยๆ ดังขึ้นเหมือนเขากำลังเข้ามาในห้องน้ำกันทั้งคู่

            “โห ละงี้ก็ชิลแล้วดิ”

            “ก็ไม่หรอกพี่ ยังต้องพัฒนาแบบต่อ”

            “แล้วช่วงนี้ชีวิตเป็นไงบ้าง”

            “ผมก็เรื่อยๆ ปกติดี”

            “แน่ใจนะ กูได้ยินไอ้พฤตมันบอกว่ามึงเพิ่งมีแฟนใหม่”

            ...เชี่ย ผมถึงกับกัดปากโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำถามนี้ ผมพอจะเดาได้ว่าคนที่พี่พรตกำลังคุยด้วยอาจเป็นรุ่นพี่พฤตที่จบไปสักสองสามปีได้ แล้วเรื่องของผมมันไปไกลขนาดนี้แล้วเหรอวะ

            “อย่าเรียกว่าแฟนเลยพี่ จีบยังไม่ติดเลย”

            คำพูดติดตลกของพี่พรตทำเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้ ทำไมผมรู้สึกว่าคำปฏิเสธนี้มันน่ารักดี บางทีพี่พรตที่ดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ กลับดูให้เกียรติผมมากกว่าที่คิด ผมยังไม่ตกลงเขาก็บอกตามตรงว่าจีบไม่ติดไม่ใช่

            “แล้วคนนี้เป็นไง”

            “อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจดี เป็นตัวของตัวเอง...พูดอย่างนี้ก็ได้มั้ง”

            ผมเผลอยิ้มกับตัวเองเป็นครั้งที่สอง รู้สึกเขินนิดๆ ที่พี่พรตพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไอ้พี่พรตนี่ก็กล้าพูดนะว่าเป็นตัวของตัวเอง...แต่ผมเนี่ยแหละที่จะไม่เป็นตัวของตัวเอง ผู้ชายคนนี้มันยังไงไม่รู้ว่ะ ชอบทำให้ผมเขินกับตัวเองอยู่เรื่อย

            “เออ พี่ ผมต้องไปเตรียมรับน้องแล้ว”

            “โอเค งั้นไว้เจอกัน”

            ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเสีงผีเท้าของพี่พรตเดินออกไปจากห้องน้ำ ผมดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง...ชิบหาย นี่ห้าโมงยี่สิบห้าแล้ว ผมเลยรีบทำเป็นกดชักโครกแล้วเดินออกมาล้างมือ แต่แล้วผมก็ชะงักไปเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ที่พี่พรตคุยด้วยเมื่อกี้ยังยือยู่

            ผมก้มหนาก้มตาล้างมือเงียบๆ ถึงจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังมองมา ก่อนจะรีบเดินกลับออกไปด้านนอกทันที ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้กลับมาเหมือนเดิม เมื่อกี้แม่งทั้งตื่นเต้นทั้งเขิน พูดไปก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติผมจะไม่ใช่คนที่มีอารมณ์หลากหลายขนาดนี้เท่าไหร่ 

            “ไอ้พราน มึงตกส้วมตายหรือยังไงวะ”

            “พอดีเจออะไรนิดหน่อย”

            พอผมเดินไปถึงโต๊ะ โอมก็รีบผลักจานพร้อมส่งช้อนส้อมมาให้ทันที ผมรีบรับไว้แล้วนั่งกินทันที

            “รีบกินมึง อีกห้านาที”

           






            “น้องเข้าได้เลยครับ”

            เสียงของพี่ที่เป็นหัวหน้ากิจกรรมดังขึ้นพร้อมกับพี่ๆ เริ่มเข้ามายืนในลาน เพื่อนๆ จึงเริ่มทยอยมานั่งตรงกลางพร้อมเสียงพูดคุยที่ค่อยๆ ดังขึ้นๆ ผมกับโอมเดินเข้าไปร่วมกับเพื่อน บรรยกาศตรงนี้ครึกครื้นและสนุกแม้จะเป็นการนั่งรวมตัวกันธรรมดาก็ตาม ผมกวาดสายตามองทุกอย่างรอบตัวยิ้มๆ จะนับว่ามันเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของการรับน้องก็ว่าได้ ที่เมื่อถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนและรุ่นพี่ เมื่อวางความจริงและความเครียดไว้ที่อื่น ‘จะทำเชี่ยอะไรก็สนุก’

            น่าเสียดายที่มันเป็นสิทธิ์พิเศษสำหรับปีหนึ่งเท่านั้น

            เหลือเวลาอีกเท่าไหร่นะ...สองสัปดาห์?

            “น้องครับ เข้าแถวแบ่งภาคเรียงตามรหัสเลย”

            พี่นำกิจกรรมที่ปกติจะร่าเริงและเล่นมุกตลอดเวลา ตอนนี้กลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำเอาทุกคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานรอกิจกรรมชักจะรู้สึกไม่ชอบมาพากลจนหยุดคุยกันไปโดยปริยาย ก่อนจะเข้าแถวเรียงเหมือนตอนจะขึ้นห้องเชียร์ตามคำสั่งเมื่อครู่

            เมื่อเข้าแถวเรียบร้อยแล้ว พี่แต่ละคนก็เข้ามายืนประจำตรงหัวแถวของทุกแถว และพี่คนอื่นๆ ก็เริ่มเดินตรวจเครื่องแบบทีละคน

            “น้องผูกเนกไทค์ให้เรียบร้อยด้วยค่ะ”

            “ติดกระดุมแขนเสื้อด้วยครับ”

            ผมกวาดสายตาสำรวจชุดนักศึกษาของตัวเองทันทีเมื่อเพื่อนด้านข้างโดนให้จัดเนกไทค์ใหม่  รู้สึกกดดันขึ้นมาทันทีเหมือนครั้งแรกที่ได้ขึ้นห้องเชียร์ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นก็ไม่ได้มีโอกาสขึ้นอีกเลย

            ...แล้ววันนี้ ทำไม?

            “พี่ไลน์น้องเลยครับ”



            เมื่อแถวแรกเดินนำไปที่บันไดขึ้นห้องเชียร์ เพื่อนที่รหัสติดกันก็แอบสบตากับผมด้วยความสงสัยซึ่งผมเองก็ไม่มีคำตอบอะไรให้กับเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่มีใครตอบได้เลยว่า ทำไมจู่ๆ พี่ก็พาเข้าห้องเชียร์ทั้งที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์เป็นเรื่องเป็นราวเมื่อหลายวันที่แล้ว จะบอกว่าพี่ไม่เข็ดก็ไม่ใช่เพราะห้องเชียร์ที่มีทุกวันก็ถึงกับหยุดไปอาทิตย์นึงเต็มๆ

            ไม่นานเกินรอ แถวของผมก็ถูกนำตามขึ้นไป ผมพยายามไม่หันมองซ้ายขวาเมื่อเห็นพี่ยืนคุมกันเป็นแถว แต่ความสงสัยของผมมีอยู่ไม่น้อยเลยเผลอแอบมองบ้างตามประสา

            “มองทำเชี่ยอะไรวะ!”

            ...ชิบหาย

            ผมถึงกับสะดุ้งแล้วรีบก้มหน้ามองทางทันที ไม่รู้ว่าพี่ว้ากอยู่ตรงไหนเพราะผมไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง แต่เหมือนกับว่าจะตะโกนลงมาจากด้านบนซึ่งจะเงยหน้าขึ้นไปมองก็ยิ่งไม่ได้

            ในที่สุดผมก็เดินมาถึงบริเวณหน้าห้องเชียร์ที่มีบรรยากาศมืดๆ และกดดันเช่นเคย เพียงแต่วันนี้นอกจากเสียงตวาดห้ามเมื่อครู่ก็ไม่ได้ยินเสียงเร่งให้เดินเร็วๆ ดังเดิม ทำเอาผมแอบรู้สึกไม่ชอบมาพากลยังไงไม่รู้ มันเหมือนไม่คุ้ยเคยเอาเสียเลย  และเมื่อก้าวเข้าไปในห้องเชียร์ ผมก็ถึงกับเผลอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ


            ห้องเชียร์วันนี้...สว่าง


            แสงสว่างจากไฟนีออนเป็นเหมือนตัวประหลาดสำหรับห้องเชียร์แห่งนี้ ทุกคนที่เข้ามาใหม่ล้วนมองซ้ายขวาอย่างตกใจ แต่เมื่อโดนเสียงตวาดดังสนั่นของพี่ว้ากก็รีบก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองเสียยกใหญ่ บางทีผมก็เผลอลืมไปว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ว้าก ไม่ว่าจะเจอเรื่องแปลกประหลาดแค่ไหนก็จงทำตัวเหมือนปกติ


            “พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!!! กูบอกให้มองตรง!!!!”


            ทุกคนเหมือนจะสะดุ้งพร้อมกันเมื่ออยู่ๆ พี่ว้ากก็ระเบิดเสียงขึ้นมาเหมือนอารมณ์เสียมากๆ รูปการณ์แบบนี้เรียกว่าไม่ค่อยดีแล้วล่ะครับ

            “วันสุดท้ายแล้ว พวกมึงทำให้กูไม่ได้เหรอวะ!!!”

            หากแต่ประโยคถัดมาทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปโดยสินเชิง ไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นหลังจากคำว่า ‘วันสุดท้าย’ และผมเชื่อว่าความเงียบนี้ไม่ได้มาจากคำสั่งแต่มาจากอาการตกใจและใจหายของทุกคน

            เมื่อทุกคนเข้ามายืนเรียงแถวกับเรียบร้อยแล้ว ประตูห้องเชียร์ก็ถูกปิดลงและเสียงอันคุ้นเคยของพี่ว้ากก็ดังขึ้นสลับกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกเลยที่ผมจับได้ว่าเสียงพี่ว้ากนั้นมีทั้งหมดสี่คน

            “พวกคุณอาจสงสัย ว่าวันนี้ผมเรียกมาทำอะไร”

            ผมข่มใจอย่างที่สุดไม่ให้เงยหน้าไปมองว่าพี่ว้ากหน้าตาเป็นยังไง เพียงแต่เห็นแวบๆ ว่าเขายืนหลบมุมอยู่ใต้เงาของประตู


            “พวกผมขอรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด...”

 

            “...ด้วยการประกาศปิดห้องเชียร์”




            ทั้งห้องเงียกริบเหมือนไม่มีใครกล้าสงสัยอะไรอีกเลย ห้องที่มีแสงไฟสว่างชัดกลับให้ความรู้สึกเหมือนห้องที่มืดสนิท

            ห้องเชียร์ของรุ่นผมคงจะจบแค่ตรงนี้จริงๆ



            “และผมต้องขอบคุณพวกคุณ....”



            เสียงพี่ว้ากพูดถึงแค่นี้ เสียงของพี่ปีสามทั้งรุ่นก็ดังขึ้นพร้อมกันเป็นเพลงประจำคณะ ผมรู้สึกเหมือนทั้งตัวชาวาบ เป็นความรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มอย่างทะนุถนอม ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไล่สายตามองรุ่นพี่ที่ยืนรายล้อมรอบทั้งห้องไปทีละคนๆ เห็นหยาดเหงื่อทุกหยด เห็นความตั้งใจของทุกคนที่พยายามร้องอย่างสุดเสียง และในวินาทีนั้นริมฝีปากของผมก็เริ่มขยับตาม เสียงของนักศึกษาสองรุ่นดังผสานกันอย่างพร้อมเพรียง เป็นบทเพลงที่ร้อยเรียงคำขอบคุณของคนกว่าสี่ร้อยชีวิตไว้ด้วยกัน

     
            การร้องเพลงบูมคณะครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ผมจะจดจำไปตลอด เป็นฉากจบที่งดงามที่สุดเท่าที่กิจกรรมห้องเชียร์จะให้พวกเราได้

           

            ในที่สุดเมื่อเพลงจบลง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นเดิม แต่ความเงียบในครั้งนี้ปะปนไปด้วยความตื้นตันและเสียงสะอื้นเบาๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องยืนนิ่งกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเสียงของพี่ว้ากจะดังขึ้นอีกครั้ง


            “เอาล่ะ ผมจะขอถามเป็นครั้งสุดท้าย....”

            “พวกคุณ... ยินดีรับผมเป็นรุ่นพี่รึปล่า!!”

 

            “สอถอศูนย์หนึ่ง!”

            “รับครับ!!”

            “สอถอศูนย์สอง!”

            “รับครับ!!!”

            “สอถอศูนย์สาม!”

            “รับค่ะ!!!”

            “สอถอศูนย์สี่!!”

            “รับครับ!”

            “สอถอศูนย์ห้า...”

 

            หลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อพี่ว้ากตะโกนสุดเสียงขานรหัสของทุกคนไปทีละคนๆ โดยไม่สนใจว่าเสียงจะเริ่มแหบไปตั้งแต่สิบคนแรก เมื่อเสียงใกล้หมดจนตะเบ็งออกมาไม่ได้ พี่ว้ากอีกคนก็รับช่วงขานต่อไปเรื่อยๆ จนเสียงหมดเช่นกัน


            “สอนอสามสิบสี่!!!”


            เสียงของรุ่นพี่ที่แหบจนต้องเค้นออกมาอย่างยากลำบากนั้นขานรหัสผมสุดเสียง


            “รับครับ!!!!”


            ผมได้ยินเสียงตัวเองตอบไปอย่างมั่นใจและดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือผมสั่นด้วยความตื้นตั้นที่อธิบายไม่ถูก และเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต

            หากห้องเชียร์จะจบลงทันทีหลังจากคำว่า ‘รับครับ’ ของผม ผมก็จะไม่เสียใจอะไรอีกเลย

 

 

            ช่วงเวลาในห้องเชียร์ผ่านไปในที่สุด ใบหน้าผมและเพื่อนที่ค่อยๆ เดินลงมาจากชั้นบนล้วนมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมนึกย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่ผเดินลงมาจากห้องเชียร์ท่ามกลางเสียงบ่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ของเพื่อนร่วมรุ่น น่าแปลกที่เหตุการณ์ไม่กี่นาทีนั้นทำให้ผมรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าจะสามารถหันไปยิ้มกับเพื่อนที่ยืนข้างๆ ได้เหมือนที่ผมทำกับเพื่อนสนิท

            มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนเพื่อนน้อยอย่างผม

            “พราน มึงจะกลับยัง”

            ขณะที่ผมกำลังมองเพื่อนไปเรื่อยโอมก็เดินเข้ามาถาม ผมนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

            “กูยัง”

            “มึงอยู่รออะไรวะ งั้นกูกลับก่อนนะ”

            ผมพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร จนเมื่อโอมเดินออกไปสักพัก เพื่อนคนอื่นๆ ก็ทยอยกลับกันไปจนเหลืออยู่ไม่กี่คน ผมจึงเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่าผมรอ ‘ใคร’


            ...ตอนนี้ยังจำเป็นอยู่รึเปล่า


            แต่เมื่อผมกำลังตัดสินใจไม่รอ เสียงของรุ่นพี่ปีสามก็ค่อยๆ ดังขึ้น ทำเอาผมหันกลับไปมองทันที จึงได้เห็นกลุ่มของพี่ๆ กำลังเดินลงมาจากชั้นบน รวมถึงกลุ่มของพี่พรต

            ผมยกมือไหว้พี่จักรและพี่ในกลุ่มโดยพยายามจะไม่สบสายตากับพี่พรตโดยตรง ด้วยยังรู้สึกไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน ซึ่งดูเหมือนว่าคนอื่นในกลุ่มพรตจะไม่ได้สังเกตเรื่องนี้และเดินเข้ามาหาผมตามปกติ

            “เป็นไงบ้างพราน”

            คำถามนี้ผมจะตอบยังไงดี

            “ก็...ดีครับ”

            ผมคิดอะไรที่นอกเหนือจากคำว่า ‘ดี’ ไม่ได้จริงๆ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เก็บไว้เองคนเดียวจะดีกว่า


            แต่ประโยคถัดมาของพี่จักรก็ทำให้ผมนิ่งค้างไปทันที


            “ฮ่าๆๆ ดีก็ดีแล้วล่ะ ไอ้พรตออกมาจากห้องเชียร์เสียงแหบจนไปใบ้ไปละ”


            “...”


            “กูบอกให้พอมันก็จะเอาถึงรหัสพรานให้ได้”


            “...”


            คำพูดของนี้เหมือนแทงลึกเข้าในจิตใจทันที ผมก้าวเข้าไปหาคนตัวสูงกว่า สบตากับเขาด้วยสายตาที่มีความรู้สึกหลากหลายตีกันไปหมด ก่อนจะค่อยๆ โอบรอบตัวเขา และเหมือนเขาจะรับรู้ด้วยการโอบกลับเช่นเดียวกันพร้อมกดใบหน้าลงกับไหล่ของผม



            และโดยไม่รู้ตัว ผมได้ยินเสียงของตัวเองพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา



            “ขอบคุณครับพี่พรต”










--------------------------------------------------------------------------------------
หายไปนานเป็นชาติเลย ฮื้ออ คิดถึงมากๆๆๆๆๆ จะขอชดเชยด้วยตอนนี้ละกันเนอะ
ฉากในห้องเชียร์เขียนยากเพราะต้องดึงความรู้สึกตอนนั้นมาใช้เยอะ เหมือนเราถ่ายทอดผ่านทางพรานก็ว่าได้
ตอนรับน้องนี่พีคมากๆ มีความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตเกิดขึ้นสองที และมันอธิบายไม่ได้จริงๆ
เขียนไปก็อินไป การบูมล้อมของพี่ยังติดหูจนถึงทุกวันนี้ ประทับใจมากจริงๆ ค่ะ


ใครว่าปีสองไม่หนัก สำหรับเราก็ยังว่าหนักอยู่ดีค่ะ *หัวเราะทั้งน้ำตา*
วันนี้เป็น'วันแรกและวันเดียว' ในเทอมนี้จริงๆ ที่ได้หยุดโดยไม่มีงานด่วนเพราะมิดเทอมก็เพิ่งผ่านพ้นไป
(แต่ไม่ใช่จะไม่มีงาน วันนี้แต่งนิยาย พรุ่งนี้ใช้กรรมค่ะ ถถถถถ)

สำหรับคนที่ยังรอ ขอบคุณมากๆ นะคะ ซาบซึ้งใจจริงๆ  :hao5:

แล้วเจอกันค่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 06-03-2016 03:56:16
มาแล้วว
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
ถ้าว่างอีกก็อย่าลืมเรื่องนี้นะคะ
.
พี่พรตก็ดูโรแมนซ์ดีเหมือนกันนะเนี้ย
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-03-2016 06:20:11
นึกว่าตาฝาด ดีใจนะคะที่มาอัพให้อ่านค่ะ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 06-03-2016 07:30:24
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ คิดถึงพี่พรตกับพรานมากเลยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-03-2016 11:29:00
อ่านแล้วรู้สึกตามนายพรานไปเลย
พี่พรตก็น่ารักอ่ะ (ฉากในห้องน้ำ)
แถมยังมุ่งมั่นเรื่องนายพรานอีก

ดีใจที่มาต่อให้ได้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 06-03-2016 11:56:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-03-2016 12:25:19
มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-03-2016 12:29:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 06-03-2016 13:28:27
มาต่ออีกบ่อยๆน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 06-03-2016 17:27:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 06-03-2016 19:50:01
 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 07-03-2016 15:38:37
Chapter นี้ พี่พรตเอาไปเต็มสิบ

อินกับห้องเชียร์

 :a2: :a2: :a2: :a2: :a9:


..
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 07-03-2016 18:10:07
ฮือออออ มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-03-2016 20:04:27
เล่นเอาซึ้งเลยอ่ะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-03-2016 01:17:52
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ดีใจมากๆเลย

คนเขียนสู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: semen ที่ 11-03-2016 13:57:09
 :z13: :call: รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 11-03-2016 18:08:15
อ่านแล้วอมยิ้ม
ตอนนี้มันละมุนๆเนอะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: semen ที่ 13-03-2016 14:57:21
 :z13: :call: รออ่านตอนต่อไปอยู่อ่ะคร้าฟฟฟ รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: thanapontigy ที่ 16-03-2016 20:25:18
แปะๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 17-03-2016 01:45:20
 :-[ o13 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 25-03-2016 01:21:59
เพิ่งได้มาอ่านนน
รอนะ
พรตพรานนนน ชอบบบ
แลน้องเข้าใจทุกอย่าง
ว่าแต่พรตบอกเลิกคนทีเหลือยัง คงไม่ตามราวีนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-05-2016 14:18:38
(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/994/43994/images/When_Wait/lonely.gif)
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 23-05-2016 17:57:50
มารออ คิดถึงพรตพรานน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 24-05-2016 20:33:36
เอาตรงๆถ้าพระเอกนิสัยแบบนี้ก็ไม่อยากให้คู่กับนายเอกนะ

นายพรานดูนิสัยดีสมควรจะได้เจอคนดีๆมากกว่า

ในกรณีที่พรตเป็นพวกคบซ้อนตอแหลไม่จริงใจเจ้าชู้หมาหยอกไก่กับชาวบ้านเขาไปทั่วน่ะนะ

แต่ถ้าที่ทำอยู่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอค่อยว่ากันทีหลัง

อีกประเด็นที่คิดคือพระเอกไม่ใช่คนนี้รู้สึกเรื่องเดินช้ามาก

เหมือนโฟกัสที่ความรู้สึกแบบบางเบา

แต่เน้นหนักไปทางชีวิตมหา'ลัยมากกว่าเรื่องงานเรื่องเรียนไรงี้

เขาจะได้คู่กันไหม? สู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 24-05-2016 21:04:55
ผิดหวังที่พอหาคนรับผิดชอบเรื่องนี้แล้วเพื่อนร่วมรุ่นต่างโยนมาให้พรตคนเดียว

ทั้งที่ตอนเริ่มก็เห็นดีเห็นงามด้วยกันหมดพอมีปัญหาก็โยนให้คนต้นคิด

ถ้าคิดว่าพอมีปัญหาแล้วตัวเองไม่อยากรับผิดชอบร่วมก็ควรจะคัดค้าน

แต่นี่ยินยอมทำตามที่พรตคิดดังนั้นถ้าจะผิดควรรับผิดชอบกันทั้งหมด

 เพราะงั้นไอ้ที่บอกให้รักกันช่วยกันมันก็เป็นแค่ลมปากที่พูดให้สวยหรู

บอกให้รุ่นน้องทำแต่ตัวรุ่นพี่เองกลับไม่เข้าใจความหมายของมันซะเอง

มันก็ไม่ประโยชน์อะไรที่จะต้องรับน้องเข้าห้องเชียร์ เมื่อตัวพวกคุณยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ปัญหาครอบครัวคือส่วนนึงด้วยใช่มั้ยที่ทำให้กลายเป็นคนมีปัญหา

เหมือนพรตมีปัญหาทางจิตด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 24-05-2016 21:28:46
เฉลยมาแบบนี้ค่อยหายอึดอัดหน่อย

เป็นคนนึงที่อยากจะบอกว่าปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาหลักๆของเด็กเลย

มีหลายเคสมากที่รู้จักก็เริ่มจะสถาบันครอบครัวนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 24-05-2016 22:07:13
พรตเป็นคนอ่อนไหวง่ายรึเปล่า รู้สึกจะเซนซิทีฟกับทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 27-05-2016 20:51:28
พี่พรตน้องพราน ~  เกือบจะร้องตอนบอกจะปิดห้องเชียร์ :(
แต่จะร้องเลยล่ะ ถ้านักเขียนไม่มาต่อและดองฟิค 5555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 27-05-2016 22:44:54
น้ำตาคลอเลย เดาถูกอ่าว่าเป็นพี่พรต
ติดตามค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: JARKISREAL ที่ 28-05-2016 16:40:38
รอค่ะ สนุกมากกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: semen ที่ 02-06-2016 18:13:07
แวะมารอพี่พรต :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 29-06-2016 16:45:23



:: CHAPTER 17 ::






            วันนี้เป็นวันเสาร์

            วันหยุดสุดสัปดาห์ของชาวคณะเราไม่เหมือนวันหยุดสักเท่าไหร่เพราะต้องตื่นเช้ามาทำงานอยู่ดี วันจันทร์ผมต้องตรวจแบบและอาจารย์ขอดูโมเดลอีกทำให้ผมแทบนอนไม่หลับเพราะแบบยังไม่ลงตัว แต่ก่อนผมเคยสงสัยว่าทำไมพี่ๆ ที่เรียนคณะนี้จะเดือดและทำงานแทบไม่ทันกันตลอด ตอนนี้มาเรียนเองเข้าใจแล้วครับ เพราะก่อนจะเริ่มเขียนแบบตัดโมเดลได้มันต้องคิดนานมากจริงๆ ซึ่งส่วนมากผมก็จะคิดทั้งวันแล้วใช้เวลาในวันสุดท้ายเขียนแบบกับตัดโมเดลเหมือนกัน

            ผมลากดินสอไปเรื่อยๆ ตามประสาคนคิดไม่ออก อาจารย์ไม่แก้พวกฟังก์ชั่นแล้วแต่ก็บอกผมว่าคอนเสปท์ไม่ค่อยแรง ทำนองว่างานของผมยังสื่อสิ่งที่คิดเอาไว้ได้ไม่ครบซึ่งตรงนี้ยากกว่าจัดฟังก์ชั่นอีกครับ ผมนั่งไปนั่งมาแล้วลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน ถือว่าพักสมองก่อนละกันวะ

            “พี่พรานตื่นเช้าจัง”

            เสียงงัวเงียของใบพลูดังขึ้นด้านหลัง ผมเลยหันไปทักทาย

            “อืม ยังคิดงานไม่ออกน่ะ”

            ใบพลูพยักหน้าเบาๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาหาของกินในตู้เย็นเหมือนผม ก่อนจะหยิบนมและซีเรียลออกไปอย่างไม่เลือกมาก ผมลังเลนิดหน่อย หยิบขนมปังชิ้นเล็กๆ ไปกินเล่นแล้วเดินตามน้องไปที่โต๊ะกินข้าวซึ่งมีกระดาษแบบร่างกองเต็มอยู่

            “พี่พรตเป็นไงบ้างอ่ะ ทำไมช่วงนี้ในไอจีดูแปลกๆ”


          พรืดดด


            ผมที่กำลังกินขนมปังไปร่างแบบไปถึงกับสำลักทันทีที่ ได้ยินชื่อคนๆ นี้แล้วผมคิดไปถึงเมื่อวานทันที ยอมรับว่าผมรู้สึกดีมากตอนพี่พรตกอดกลับ ตอนนั้นตัวของพี่พรตอุ่นมากจนผมไม่อยากผละออกเลย คิดถึงตรงนี้ผมก็ต้องเรียกสติตัวเองกลับมาอย่างด่วน แม่งเอ๊ยยย ผมได้ทำอะไรน่าอายไว้ใช่มั้ยวะ

            “เอ้ย พี่พรานใจเย็น ทำไมตกใจขนาดนั้น”

            ผมไอสองสามทีแล้วกินน้ำตามเข้าไปอึกใหญ่ ปรับอารมณ์ ตั้งสติอีกรอบแล้วค่อยตอบ

            “คงเครียดๆ เรื่องรับน้องมั้ง”

            “ใช่เหรอ...ทำไมพลูอ่านแคปชั่นแต่ละอันแล้วมันเหมือนคนมีความรักอ่ะ”

            ....เชี่ย ประโยคนี้ทำเอาผมเกือบสำลักอีกที

            ใบพลูหรี่ตามองผมอย่างคาดโทษ สงสัยผมคงเผลอทำหน้าตกใจโคตรๆ ออกไปอีกล้ว

            “ไม่ใช่ว่าพี่พรตมีแฟนใหม่แล้วพี่พรานไม่บอกพลูหรอกนะ”

            “ไม่มีๆๆ”

            ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะคุมเสียงตัวเองไม่ให้สูงกว่าปกติ ผมเป็นคนโกหกไม่เก่งเลยแต่คราวนี้มันจำเป็นจริงๆ ขอให้มันเนียนด้วยเถอะ

            “แน่นะ? แล้วทำไมแคปชั่นเมื่อวาน...”

            “ไหน เอามาดูดิ๊”

            ผมตะปบเอาโทรศัพท์จากมือพลูมาดูทันที ผมได้ยินพลูหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่เพราะพลูต้องยังไม่รู้แน่นอน จากนั้นก็ไล่ดูรูปและแคปชั่นในไอจีพี่พรตทันที ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าแม่งจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดโคตรๆ



            รูปแรกเป็นรูปท้องฟ้าที่มีเมฆประปราย ดูโคตรติสท์เลย



            ‘น่ารัก’



            จากนั้นก็เป็นคอมเม้นท์แซวของพวกพี่ๆ ปีสามที่เดาจากชื่อได้ไม่ยากเลยว่าเป็นใครบ้าง โอ้โห นี่ผมไม่ได้ฟอลพี่พรตเลยไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง คำแซวของพี่ๆ ทำให้ผมรู้สึกประหม่ายังไงไม่รู้ทั้งที่ก็ยังไม่รู้ว่าพี่พรตต้องการจะสื่อถึงอะไร

            ผมเลื่อนต่อไปเรื่อยๆ รูปส่วนใหญ่ก็เป็นแนวเซเลปคือมุมแปลกบ้างล่ะ ของกิน หน้าตัวเอง กับแคปชั่นที่เหมือนพูดขึ้นมาลอยๆ โดยไม่ค่อยเกี่ยวกับรูปที่ลงเท่าไหร่ เหมือนกับว่ามีเขาคนเดียวที่เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างแคปชั่นกับรูปภาพ ผมอดไมได้ที่จะแอบเหลือบขึ้นไปดูยอดฟอลโล่ว์ที่เห็นแล้วน่าอิจฉามาก...เหอะ อะไรมันจะเซเลปขนาดนั้น ลองให้พี่พรตถ่ายสภาพห้องมาลงสักรูปสองรูปนะ คนคงอันฟอลเป็นหมื่นๆ

            จากนั้นผมจึงเลื่อนมาจนถึงรูปล่าสุดที่เห็นแล้วก็ต้องชะงัก มันเป็นรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อสองสามวันก่อนตอนเข้าแถวเตรียมเข้าห้องเชียร์ เป็นมุมที่ถ่ายด้านหลังของปีหนึ่งที่เข้าแถวตามภาคและหนึ่งในนั้นมีหลังของผมติดอยู่ด้วยเพราะผมยืนอยู่หลังสุด



            'ขอบคุณเช่นกันครับ รอคำตอบอยู่นะ : )’



            ผมกัดปากตัวเองเบาๆ รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงคำขอบคุณที่พูดกับพี่พรตหลังจบห้องเชียร์ ทำไมคนๆ นี้ชอบทำให้ผมเขินอยู่เรื่อยนะ


            “นี่ๆ คนนี้พี่พรานป่ะ”

            ใบพลูชี้คนที่อยู่กลางรูป ผมจึงพยักหน้าเบาๆ เพราะยังไม่พร้อมจะพูดอะไรจริงๆ ความรู้สึกมันล้นขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของพี่พรตมาก่อนและเขาก็คงรู้แหละว่าผมคงจะไม่เห็นเหมือนกัน

            “พี่พราน...หน้าแดงมากอ่ะ”

            เฮ้ย!
     
             ผมรีบดึงกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาหน้าทันที ทำไมทุกคนรุมเร้ากูจังวะ รู้สึกอยากระเบิดตัวเองตอนนี้เลย

            พลูยิ้มแล้วมองผมด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

            “ยังไม่ได้ตอบอะไรพี่พรตรึเปล่าน่ะ”

            ...เชี่ยยย

            ผมมาถึงจุดนี้ได้ไงวะ ทำไมใบพลูถามเหมือนจะรู้เรื่องทั้งหมดทั้งที่ผมไม่เคยเล่าเลยสักครั้ง ผมกระดาษแน่นเมื่อคำถาม ‘ลองคบกันได้ป่ะ’ ของพี่พรตตีขึ้นมาในหัวอีกครั้ง หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วแต่ผมก็ยังทำเป็นลืมและไม่พูดถึงมันอีก ส่วนพี่พรตก็ไม่ได้พูดอะไรจนผมคิดว่าคงไม่ต้องตอบเพราะทุกวันนี้ก็ไปไหนมาไหนกันบ่อยมากแล้ว เพิ่งมารู้จริงๆ เนี่ยแหละว่าเขายังรออยู่

            “ไม่มีอะไรนิ”
 
             โอ้ยย ไม่ตอบแม่ง เขินเว้ย!

             “งั้นพลูถามพี่พรตให้”

             “เฮ้ย ไม่ต้อง!”

             ผมเอื้อมมือไปดึงมือถือพลูไว้อีกรอบ ทำเอาน้องสาวผมหัวเราะออกมาเบาๆ

             “สายไปละพี่พราน พี่พรตบอกพลูในไลน์แล้ว”

             ...เชี่ย ผมลืมไปได้ไงวะว่าพี่พรตเคยขอไลน์น้องผมไว้คราวนั้น ผมเป็นคนเดียวสินะที่ไม่ได้อัพเดทอะไรเลย นี่ไม่รู้ไอ้พี่พรตมันไปเสี้ยมอะไรพลูไว้บ้าง

             “พี่พรตบอกว่าไรบ้าง”

             “ก็ไม่อะไรหรอก แค่บอกพลูให้ช่วยเตือนพี่พรานว่าอย่าลืมให้คำตอบ”

              ดูจากสีหน้ากรุ้มกริ่มของน้องสาวแล้วทำไมผมรูสึกว่ามันไม่น่าเชื่อถือเลยวะ ไอ้พี่พรตแม่งแกล้งผมอีกชัวร์ๆ ผมพยายามปรับสีหน้าตัวเองให้ปกติแล้ววางกระดาษร่างลงบนโต๊ะ ทำทีเป็นคิดแบบต่อ

             “เดี๋ยวทำงานต่อละ พี่พรตพูดอะไรอย่าเพิ่งเชื่อนะ”

             “เออๆๆ พลูจะพยายามไม่เชื่อละกัน”

              ถึงจะพูดออกมาแบบนี้แต่เห็นหน้าน้องสาวแล้วผมเชื่อว่าต้องเชื่อพี่พรตแน่ๆ แต่เอาเหอะเพราะผมก็ห้ามอะไรไม่ได้อยู่ดี

              ผมก้มหน้าก้มตาคิดแบบต่อไปแต่ก็ไม่มีสมาธินัก จะไปมีได้ไงล่ะ ผมยังไม่รู้เลยว่าถ้าพี่พรตถามคำถามนั้นขึ้นมาอีกผมจะให้คำตอบแบบไหน ไม่ใช่ผมไม่ชอบแต่ผมยังไม่มั่นใจจริงๆ ว่ะ คนที่มีเพื่อนน้อยและเข้าสังมไม่เก่งอย่างผมแต่ละคนที่ผมเลือกจะเปิดใจให้ย่อมต้องมีความหมายกับมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว และผมจะรู้สึกเสียใจหรือเจ็บมากจริงๆ หากโดนคนๆ นั้นหักหลังหรือทำอะไรไม่ดีใส่

               ครืดด ครืดด

              ผมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นที่มาจากใต้กระดาษแบบร่างเลยรีบกวาดอุปกรณ์ทุกอย่างออกไปแล้วความหาโทรศัพท์ยกใหญ่ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้จอแล้วก็ต้องตกใจอีกรอบ


                  ‘พี่พรต’


                  ...ตายยากว่ะ
 
                   ผมกดรับอย่างไม่ลังเลแต่เสียงแหบๆ ที่ลอดออกมาทำให้ผมขมวดคิ้ว



                  ‘มาช่วยตัดโมหน่อยดิ’












            สุดท้ายผมก็มายืนอยู่หน้าหอของพี่พรตพร้อมส่งไปหาว่ามาถึงแล้ว ผมหิ้วกระบอกซูมใส่แบบร่างของตัวเองมาด้วยเพราะงานตัวเองก็ยังไม่เสร็จเลย แต่คิดว่าพี่พรตต้องอาการหนักกว่าแน่ๆ แล้วยังต้องรับผิดชอบเรื่องรับน้องเพิ่มอีกถ้าผมช่วยอะไรได้ก็อยากจะช่วยเขาบ้าง

            คนที่ลงมารับผมข้างล่างไม่ใช่พี่พรตแต่เป็นพี่กันต์ซึ่งดูสภาพที่ใส่ชุดนอนและตาคล้ำๆ ก็ทำให้พอจะเดาสภาพของพี่พรตได้อยู่ ผมยกมือไหว้พี่เขายิ้มๆ

            “งานเหลือเยอะเหรอครับพี่”

            พอถามเสร็จพี่กันต์ก็เหมือนองค์ลงทันที

            “เออดิ อาจารย์แม่งสั่งมาเหมือนกูไม่มีรับน้องอ่ะ ประชุมเสร็จก็ทำงานไม่ได้นอน นี่วันจันทร์พินอัพเค้ายังก็ขอโมอีก เค้าลืมไปป่ะวะว่ากูยังเป็นคนอยู่”

            ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเล่าสถานการณ์ของตัวเองให้ฟังบ้าง

            “ของผมก็ขอโมวันจันทร์เหมือนกันพี่”

            “อ้าว แล้วเสร็จยังเนี่ย”

            “แบบยังไม่มีเลยครับ”

            “เออๆๆ เดี๋ยวช่วยกันทำละกัน อย่างน้อยก็มานั่งด้วย”

            ผมพยักหน้าเบาๆ อดรู้สึกขำไม่ได้ว่าชะตากรรมของเด็กคณะเรามันก็แบบนี้แหละ บางทีงานตัวเองยังไม่เสร็จแต่คนอื่นเหลือเยอะกว่าก็จะมาช่วยกันทำแบบนี้ ถึงจะไม่ได้ช่วยเต็มที่เพราะมีงานตัวเองมันก็จะไม่เหงาและรู้สึกสนุกมากกว่านั่งทำเงียบๆ คนเดียวอยู่แล้ว แค่มานั่งหายใจข้างๆ ก็ถือเป็นกำลังใจแล้วครับ ผมเข้าใจข้อนี้ดีเพราะผมชอบให้มีคนมานั่งด้วยตอนทำงานเหมือนกันถึงคนๆ นั้นจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็เถอะ

            ผมเดินตามพี่กันต์ขึ้นมาถึงหน้าห้องพี่พรตแล้วเปิดประตูเข้าไป ผมถึงกับผงะเมื่อเห็นสภาพห้องแบบเต็มตาเป็นครั้งแรก คราวที่แล้วที่มีเสื้อกองอยู่เต็มไปหมดผมว่ามันก็แย่มากแล้วนะ นี่คือมีทั้งถ้วยมาม่าเปล่าที่แห้งกรังไปแล้ว เศษขยะเศษทิชชู่ทิ้งเกลื่อน แล้วยังกระดาษแบบร่างกระดาษชานอ้อยที่กระจายเต็ห้องไปหมดจนไม่รู้จะเดินเข้าไปได้ยังไงโดยไม่เหยียบงาน

            “เออเดี๋ยวกูออกไปซื้อข้าวก่อนนะ เอาไรป่ะ”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมกินมาแล้ว”

            พี่กันต์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป ผมเลยปิดประตูแล้วหันไปเผชิญหน้ากองขยะ เอ้ย กองงานของพี่พรตอีกที

            “เดินมาเลย”

            ผมมองหาแหล่งกำเนิดเสียงถึงได้รู้ว่าพี่พรตในชุดนอนนั่งขดอยู่ที่พื้นมุมห้องพร้อมคอมพิวเตอร์บนตัก ผมแทบจะหยิบมือถือมาถ่ายรูปไปให้พลูดูเดี๋ยวนั้น นี่คือสภาพลูกชายเจ้าของบริษัทสถาปนิกใหญ่ครับ!

            ผมพยายามมองหาพื้นที่ๆ ไม่มีงานวางอยู่แล้วจึงตัดสินใจกระโดดผ่านแผ่นรองตัดเข้าไปหาพี่พรต กวาดกระดาษแถวนั้นออกไปแล้วนั่งข้างๆ

            “มีไรให้ช่วยอ่ะ”

            “เดี๋ยวขอพล็อตแผ่นนี้เสร็จก่อน จะให้ตัดโม”

            พี่พรตพูดเบาๆ ตามประสาคนไม่ค่อยมีเสียงโดยสายตายังคนจ้องคอมพ์อยู่อย่างนั้น ใบหน้าของพี่พรตดูอิดโรยจนไม่เหลือเค้าความเป็นคนดังที่ผู้หญิงตามกรี๊ดเลยสักนิด ผมยุ่งหน้าหมอง ใส่แว่นเลนส์เหลืองตัดบลูไลท์ที่ทำให้ดูแก่ขึ้นประมาณี่สิบปี เสื้อยืดเก่าๆ และกางเกงขาสั้นที่ใส่นอนก็ดูเน่าเหมือนไม่ได้ซักมาหลายวันแล้ว

            ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าพี่เขาทำงานตลอด เพราะถึงจะเดือดแค่ไหนก็น่าจะมีเวลาเดินไปเปลี่ยนเสื้อบ้างป่ะวะ ผมว่าเป็นเพราะเขาเป็นคนซกมกโดยนิสัยมากกว่า



            “พี่พรตเปลี่ยนชุดหน่อยมั้ย”


            ประโยคนี้ทำเอาพี่พรตเงยหน้าขึ้นมาจากจอก่อนส่ายหน้า

            “ไม่เอา ก็ไม่ได้ออกไปไหน”

            ไม่ได้ออกไปไหนแต่กูเหม็นโว้ยย

            “เดี๋ยวผมเอาเสื้อให้ดีกว่า”

            ผมเลยลุกขึ้เดินไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่อีกห้องนึง แต่แล้วเสียงพี่พรตก็ดังขึ้น


            “นี่...เปลี่ยนให้ด้วยสิ”


            เห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มและสายตาแพรวพราวดูจงใจกวนตีนของเขาแล้วผมแทบจะยกนิ้วกลางใส่เลยครับถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นรุ่นพี่ งานก็เดือดยังมีอารมณ์มาอะไรกับผมอีกนะ ผมเลยแยกเขี้ยวใส่อย่างหมั่นไส้แล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อกับกางกงที่คิดว่าสะอาดที่สุดแล้วเดินกลับออกมา

            “อ่ะ นี่”

            ผมวางเสื้อกับกางเกงไว้ข้างๆ แต่พี่พรตกลับไปสนใจเอาไปใส่แต่กลับมองหน้าผมแล้วชูแขนขึ้นเหมือนเด็กที่กำลังอ้อนขอให้ถอดเสื้อให้

            “เปลี่ยนให้หน่อยๆๆๆๆ”

            ใจผมตอนนี้อยากไปทำงานของตัวเองต่อแล้วถ้าพี่พรตยังจะแกล้งอะไรอีก คราวนี้คงต้องยอมให้มันจบๆ ไปแต่ผมไม่มีวันทำให้ฟรีหรอกนะ

            “โอเค! แต่พี่พรตต้องช่วยคิดแบบ”

            พี่พรตขมวดคิ้วอย่างลังเลอยู่แปปนึงก่อนจะตอบตกลง

            “เออ ดีล!”

            ผมจัดการดึงเสื้อพี่พรตออกแล้วก็อดสำรวจไม่ได้ จริงๆ พี่พรตดูเป็นคนหุ่นดีมากเลยนะ แต่ก่อนคงออกกำลังกายมีซิกซ์แพคอย่างที่หลายคนกรี๊ด แต่นี่เพราะงานหนักหรือไม่มีเวลาแม้กระทั่งอาบน้ำเลยทำให้ตัวของพี่พรตดูย้วยๆ อย่างบอกไม่ถูก ไม่ถึงกับนุ่มนิ่มแต่ก็รู้เลยว่าเป็นหุ่นของคนที่เคยมีแพคแล้วเสียมันไป

            “มองอะไร หุ่นแซ่บใช่มะ”

            “แซ่บอะไรพี่พรต เหลวจนจะเป็นน้ำอยู่ละ”

            คนอะไรไม่รู้โคตรหน้าหมั่นไส้

            “รอปิดเทอมจะฟิตให้ดู”

            พี่พรตไม่ว่าเปล่าแต่จู่ๆ ก็เขยิบเข้ามาหาผมแบบไม่ทันตั้งตัวจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ผมเผลอขยับตัวออกทำอะไรไม่ถูก แต่พี่พรตเหมือนจะไม่หยุดแต่นั้นเพราะเขายังเขยิบตามมาอีก

             “ขอกอดหน่อย”

            สุดท้ายผมเลยรีบผุดลุกขึ้นแล้วก้มลงมองคนที่ทำสีหน้าเหมือนเสียดายยกใหญ่

            “เดี๋ยว ทำงานดิ คิดแบบให้ก่อนแล้วจะให้กอด”

            ผมเดินไปไปเปิดกระบอกซูมของตัวเองโดยไม่สนใจจะเปลี่ยนเสื้อให้ต่อ คลี่การดาษร่างออกมาไว้หน้าพี่พรต เขาทำหน้ามุ่ยก่อนจะใส่เสื้อใหม่ด้วยตัวเองแล้วหยิบกระดาษร่างของผมมาดู

            “อาจารย์บอกคอนเสปท์ยังไม่แรง”

            “อืม...”

            พี่พรตจ้องแบบของผมอยู่ยกใหญ่ก่อนจะหยิบกระดาษสองแผ่นมาให้ผมแทน

            “ระหว่างกูคิด เอาแปลนกับเซคชั่นชั้นสองไปตัดโมเดลให้หน่อย หนึ่งต่อร้อย”

            ผมพยักหน้าแล้วหยิบแบบของพี่พรตไปนั่งศึกษาก่อนลงมือตัดโมเดล ผมเดินไปหยิบแผ่นรองตัดที่เพิ่งข้ามไปเมื่อกี้ หาเศษชานอ้อยตามพื้นแล้วหยิบคัตเตอร์กับกาวใต้โต๊ะญี่ปุ่นขึ้นมา ดูงานพี่พรตแล้วโคตรอลังการ ยังไงก็ไม่น่าจะต่ำกว่าบีบวกแหละ แต่พอยิ่งดูแปลนในงานแล้วก็อดมองสภาพห้องอีกทีไม่ได้ เทียบคุณภาพของงานกับคุณภาพชีวิตนี่แม่งแปรผกผันต่างกันราวฟ้ากับเหว

            ไม่เกินชั่วโมง พี่พรตก็ยื่นกระดาษที่มีรูปสเก็ตช์สองสามแบบคืนมาให้ ผมอดมองด้วยความทึ่งไม่ได้ นี่ขนาดผมนั่งคิดมาตลอดช่วงเช้ายังได้แค่แบบเดียวและไม่สมบูรณ์ ส่วนพี่พรตที่ดูเหมือนเล่นไปวันๆ แล้วก็แกล้งนู่นนี่แม่งโคตรเทพ ถึงเขาจะบอกว่าตัวเองไม่เก่งเท่าพี่ชายพ่อแม่และโดนเปรียบเทียบบ่อยๆ แต่สำหรับผมแล้วก็ยังเก่งอยู่ดีนั่นแหละ


            “โห อย่างโหด ขอบคุณครับ”



            “กอด”



            พี่พรตไม่ตอบรับคำขอบคุณแต่กลับกางแขนรอผมเต็มที่ดูน่าหมั่นไส้ ผมเลยจำใจต้องวางชานอ้อยที่กำลังตัดอยู่แล้วโอบแขนกอดพี่พรตตามสัญญา พี่พรตกระชับตัวผมไว้แน่นมากจนผมได้สัมผัสถึงความอุ่นเหมือนเมื่อวาน พี่พรตกดหน้าลงบนไหล่ผมก่อนจะถอนหายใจเหมือนคนคิดมากซึ่งผมก็ทำได้แค่คาดเดาไปเรื่อยว่าพี่พรตคงงานหนักและเครียดเรื่องห้องเชียร์ไม่น้อยจึงก็ตัดสินใจปล่อยให้เขากอดไปเรื่อยๆ โดยไม่ดึงแขนออก หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อตระหนักว่าตัวผมกับเขาอยู่ใกล้กันขนาดไหน แต่แล้วจู่ๆ พี่พรตก็เงยหน้าขึ้นแล้วกระซิบข้างหูด้วยเสียงแผ่วเบา






            “นี่...เราเป็นแฟนกันได้ยัง”










------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วววววววว   :katai4:
มาแบบเดือดๆ นิดหน่อยแต่ก็มาเนอะ!
เข้ามาหน้านิยายแล้วปริ่มมาก มีคนรออยู่ด้วย
ขอบคุณนะคะ เจอกันตอนหน้าค่าา
คิดว่าไม่นานเพราะปิดเทอมแล้วค่ะะ เยย้  :mc4:

มีอะไรมาต่อได้ในทวิตเตอร์ #พรตพราน นะคะ เราเล่นอยู่คนเดียวเลยอ่ะะ เหงาแรง5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 29-06-2016 19:15:42
รอนะ คิดถึงงง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 29-06-2016 19:39:54
เป็นแฟนกันๆๆๆๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 29-06-2016 19:51:39
นึกว่าตาฝาด 555 รอตอนตรอไป :pig4: :mc4: :L2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-06-2016 19:57:54
ตอบไปเล้ย เป็นตั้งนานแล้ว :กอด1: :L2:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 29-06-2016 20:12:07
อั้ยยะ พี่ทนไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 29-06-2016 20:47:06
พรตร้าย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-06-2016 21:07:28
พี่พรตน่ารักขึ้นป่ะเนี่ยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 29-06-2016 21:46:01
เราคงต้องกลับไปฟื้นความทรงจำอีกซักพัก 5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-06-2016 23:47:41
อ่านรวดเดียว 2 ชม. 17ตอน คือน่ารักอะ
ถึงตอนแรกๆจะงงๆกะพฤติกรรมของพรต แต่พออ่านๆไปละก็มีแต่คำว่าน่ารักๆๆๆ พรานดูเป็นคนเงียบๆ แต่น่ารัก ตอบตกลงเค้าไปลูก เป็นแฟนกันให้มันจบๆไป 555555 o18
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: baniola ที่ 30-06-2016 07:34:23
ฮือออออ เป็นแฟนกันได้ยังงงงง ?
โหง่ยยยยน่ารักกกกกกกกกกก :z3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-06-2016 08:44:29
พรานตอบตกลงไปเลยซิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-06-2016 12:55:04
พี่พรต รุกหนักมากกกกกกกกกกก





พี่กันต์ ออกไปซื้อ ข้าวด้วยชุดนอนเน่าๆและน้ำไม่อาบ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Nanook ที่ 30-06-2016 15:18:05
ชอบอ่ะ รอออออออออออออ :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-07-2016 11:53:00
จะตอบเลยมั้ยนะนายพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 10-07-2016 10:38:29
ตกลงไปพรานถ้าจะหวานกันขนาดนี้ 55
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 10-07-2016 11:15:33
เขามาต่อตอนไหน????
ฉันอ่านเมื่อนานมาแล้ว
ประมาณว่าเขาหายไป
แล้วเขามาต่อตอนไหน ???
ฉันพลาดแล้วววววส
เขาจะมาต่อจนจบป่าวนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 17-07-2016 12:00:50
รอครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: PKrabKrab ที่ 29-07-2016 21:59:18
มาต่ออีกนะ ชอบเรื่องนี้มากเลยจ่ะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 29-07-2016 22:16:46
เป็นแฟนเลยเถอะ. อย่าอิดออดน่าาา
><
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-07-2016 00:41:12
โอ้ยขำตัวเอง
เห็นวันที่อัพ 29 กดเข้ามาอย่างไว
ที่ไหนได้คนล่ะเดือนกันอ่ะนะ
อ่านตอนเดิมไปก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 30-07-2016 07:04:56
โอ้ยขำตัวเอง
เห็นวันที่อัพ 29 กดเข้ามาอย่างไว
ที่ไหนได้คนล่ะเดือนกันอ่ะนะ
อ่านตอนเดิมไปก่อน อิอิ

เราก็ไม่ต่างกัน 555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2016 10:21:52
เหมือน รี ข้างบน เลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Lavo mai ที่ 06-08-2016 09:44:10
 :o8: :-[ :mew1:
ชอบอะ ><
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Lavo mai ที่ 12-08-2016 02:20:26
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่าาา  :z3: :hao5: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Lavo mai ที่ 12-08-2016 14:20:34
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่าาา  :z3: :hao5: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 12-08-2016 19:25:27
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: tnkgif ที่ 07-10-2016 23:08:29
แง๊งงง อยากอ่านต่อเเล้ววว โลกให้อภัยเเล้วกลับมาต่อนะคะ555555555555  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 08-10-2016 19:38:13
เอ่า .. แบบนี้เลย กรี๊สสส ค้างค่าาา รอต่อนะคะ ><
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน17 : P20: 29.06.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Bangzazazall ที่ 08-10-2016 21:27:34
นังพี่พรต บทจะแย่ก็แย่ บทจะน่ารักนี่ก็เล่นเกิ๊น ชักจะเอาใหญ่555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน18 : P21: 08.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 08-12-2016 22:06:11






:CHAPTER 18:





 

            “อะไรนะ”


            ถ้าถามว่าเรื่องไหนในโลกที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ผมคงตอบว่าเรื่องที่อยู่ตรงหน้านี่แหละครับ จะว่าไม่น่าเป็นไปได้ก็อาจไม่ถูกนักหรอก แต่มันเป็นไปได้เร็วกว่าที่ผมคิดมากจนรู้สึกอยากต่อยหน้าตัวเองสักครั้งเผื่อจะตื่นขึ้นมา

            “ลองดูก็ได้”

            ผมเขยิบตัวออกเล็กน้อยเพื่อจะสบตากับคนตรงหน้าได้เต็มที่ แต่แล้วผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเขาตอบด้วยเสียงที่เบาลงและเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปก่อน ทุกท่าทางที่เขาแสดงออกมาดูเป็นธรรมชาติมากเสียจนผมเองยังรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ

...ผมบอกแล้วว่าเขา ‘น่ารัก’

            “จริงจัง?”

            “เออดิ ก็ตอบแล้วไงพี่พรตจะเอาไร”

            ผมหัวเราะเบาๆ ดีใจจนแทบบ้าเมื่อได้ยินปลายเสียงห้วนซึ่งตรงข้ามกับแก้มที่เริ่มแดงและการไม่กล้าสบตา ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นนายพรานเขิน แต่รอบนี้เหมือนเจ้าตัวจะเขินจนไม่รู้จะหนีไปไหน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้แม่งกระตุ้นความปากหมาของผมเอามากๆ

            “น่ะ เขินอ่ะดิ”

            “...”

            นายพรานไม่ตอบ และยิ่งเขาไม่ตอบผมยิ่งอยากแกล้ง ผมเขยิบเข้าไปใกล้เขากว่าเดิมแล้วเอี้ยวตัวไปเพื่อสบกับสายตาที่เบือนหนีไปเมื่อครู่

            “เขินเหรอๆๆๆ”

 

            “...”

และเมื่อโดนบังคับมากๆ เข้า คราวนี้ขาเลยเปลี่ยนใจจ้องตาผมกลับแทน

            “โอ๊ยพี่พรตอย่าแกล้ง” พรานโวยวายขึ้นมาทั้งที่หน้ายังคงแดงอยู่ เขาก้มลงไปแปปนึงเพื่อรวบรวมสติแล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ “ถามขนาดนี้ รู้จักเขินบ้างป่ะเนี่ย”

            ให้ตายเหอะ ผมโคตรชอบความตรงไปตรงมาของคนๆ นี้เลย

            “ไม่อ่ะ เคยถามไปแล้วนี่ ตอนนั้นก็เขินอยู่นะ แต่ตอนนี้ชินแล้ว”

            ผมไม่เคยนึกขอบคุณความสามารถเขินหลบในของตัวเองมากเท่าวันนี้เลย ไม่รู้สึกอะไรก็ก็แย่แล้วเว้ย ทำท่าทางน่ารักขนาดนี้ ผมยังคงมองอีกฝ่ายไม่วางตา เขินก็จริงแต่สิ่งที่มากกว่าคือความดีใจที่ทำให้ผมยิ้มไม่หยุดเหมือนคนบ้ามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

 นายพรานค้อนใส่ผม แต่ทำได้ไม่กี่วินาทีก็หลุดยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะ เพราะนี่คือนายพรานในมุมที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่เคยยิ้มกับตัวเองแบบนี้ต่อหน้าผมเลยสักครั้ง และหากจะถามผมอีกว่าอะไรที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาได้ ผมขอตอบโดยไม่ลังเลเลยว่ารอยยิ้มแบบนี้แหละครับ

            ผมค่อยๆ ดึงตัวนายพรานเข้ามากอดอีกรอบ กดใบหน้าลงเพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าไปเต็มปอด และเขามอบความรู้สึกดีให้ผมได้เสมอ การอยู่กับเขา ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ทุกอย่างนี้ทำให้ผมสบายใจพอที่เป็นตัวของตัวเองได้ในทุกๆ ครั้ง รวมถึงความเป็นคนเรียบๆ ตรงไปตรงมา ทำให้ผมไม่ต้องคอยกังวลหรือคิดมากอะไรเลย

            “พี่พรต”

            “หืม?”

            ผมกดใบหน้าให้แน่นขึ้นอีกแล้วไล้ไปถึงต้นคอของอีกฝ่าย ผมจะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดีนะ ดีใจมาก ดีใจโคตรๆ ดีใจชิบหาย...เหมือนฝัน...ละมั้ง


            “นี่ๆ พี่พรต”


            “...”


            “พี่พรต”


            “อือ รู้แล้ว”


            “...โมยังไม่เสร็จนะ”

 


 

 

 

            ...โคตรโรแมนติกเลยครับ

            ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังทากาวกระดาษชานอ้อยมือเป็นระวิงอยู่ข้างหน้าแล้วแอบรู้สึกสมน้ำหน้าขึ้นมาไม่ได้ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นวะ ไอ้พี่พรตขอผมคบรอบที่สองท่ามกลางเศษซากโมเดลกับเสื้อที่ไม่ได้ซักเหล่านี้น่ะเหรอ

            ...โคตรโรแมนติก

            แต่ที่ผมบอกว่า ‘ลองดู’ นี่คือหมายความตามตัวอักษรทุกตัวนะ ผมไม่ได้ตกลงใจแน่นอนแต่ผมก็ไม่ต้องการปฏิเสธว่ารู้สึกดีเมื่อได้อยู่กับพี่พรตเหมือนกัน เขาเคยขอคบตรงๆ รอบนึง ซึ่งตอนนั้นด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้ผมยังไม่กล้าพอ แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเลย ไปกินข้าว ช่วยตัดโม หยอกล้อกัน เหมือนอะไรที่ทำให้รู้สึกดีเราทั้งคู่ก็ทำตามความรู้สึกไปเรื่อยๆ จนบางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีการคบกันของผมกับพี่พรตคือการที่ความสัมพันธ์ยังคงเหมือนเดิม แค่มีชื่อเรียกเท่านั้นเอง

            “น่ะ แอบมองอีกละ”

             ผมมองพี่พรตอย่างหมั่นไส้ แม่งเป็นคนที่ชอบทำลายความโรแมนติกในใจของผมทุกที ถึงเขาจะดูง่ายๆ กวนตีนแบบนี้ แต่ในความคิดผมเขาเป็นคนโคตรซับซ้อนเลย

             “จะเอามั้ยโมเดลอ่ะ”

             ผมชูชิ้นผนังที่กำลังจะติดขึ้นมาขู่แต่เหมือนจะไม่เวิร์คเพราะเขายังคงหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน

             “ทำไมเวลาเขินต้องโหดด้วยอ่ะ”

             “เปล่านี่”

            ผมตัดสินใจเงียบแล้วตัดโมต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะเข้าตัวมากกว่านี้ ผมไม่มองพี่พรตแล้วแต่กลายเป็นว่าพี่พรตเป็นฝ่ายจ้องผมแทน จ้องจนผมคิดว่าเขาอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดขึ้นมาสักที ซึ่งผมก็ทำเนียนเหมือนไม่รู้เรื่องจนเขาเลิกมองไปเอง

            ผมกับพี่พรตนั่งตัดโมโดยไม่พูดอะไรกันอีก เชื่อผมสิว่าเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคนแบบพี่พรตไม่มีทางนั่งเงียบๆ ได้เกินครึ่งชั่วโมงแน่ ผมรวบรวมความกล้าอีกรอบหลังจากยังคงใจเต้นกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่

            “พี่พรตกินข้าวกันป่ะ”

            พอถามไปแบบนี้พี่พรตถึงกับชะงักจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้...เหอะ เมื่อกี้ใครเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นนี้ ใครเป็นคนบอกว่าไม่เขินๆๆ ผมยิ้มล้อเลียนเมื่อเห็นพี่พรตไม่ตอบสักคำ ก่อนจะตัดสินใจเอาเองโดยไม่ถามต่อ

            “พี่พรต เที่ยงแล้ว ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวหน้าคอนโดกัน”

            “ไหนว่าเดือด”

            “ก็เดือดครับ แต่มีพรุ่งนี้อีกวัน”

            พี่พรตหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาปัดเศษกระดาษที่ติดอยู่ตามตัวออก ก่อนจะลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตังกับมือถือจากเคาน์เตอร์มาเตรียม

            “งั้นก็มาดิ อย่าสั่งเผ็ดอีกล่ะ”

            ผมกำลังจะลุกขึ้นบ้างแต่เมื่อสำรวจการแต่งตัวของพี่พรตแล้วก็ต้องส่ายหน้า เสื้อตัวที่ใหม่ที่สุดที่ผมหยิบให้ไม่ได้เข้าอะไรกับกางเกงนอนย้วยๆ เลยสักนิด พี่พรตแม่งเป็นคนหน้าตาดีที่โคตรเสียเปล่า ในวันปกติเขาก็ดูจะใส่ใจกับภาพลักษณ์ประมาณนึงนะ แต่พอเป็นตอนทำงานแบบนี้เรียกได้ว่าไม่สนเชี่ยไรเลย

            “พี่พรตเปลี่ยนกางเกงก่อนมั้ย”

            พี่พรตก้มลงมองกางเกงเหมือนเพิ่งรู้ตัว

            “ไม่ต้องหรอก แค่นี้เอง”

            “หยิบให้เอาป่ะ”

            ผมเสนอขึ้นมา เผื่อเขาแค่ขี้เกียจหากางเกงหรืออะไรแบบนี้ แต่ก่อนจะได้ทำอะไรพี่พรตก็เอ่ยแทรกขึ้นมาพร้อมสายตากรุ้มกริ่มเสียก่อน

            “ถ้าเปลี่ยนให้ด้วยจะยอม”

            “ฝันไปเหอะ”

            ผมกรอกตามองบน ล้มเลิกความตั้งใจทันที เลยตรงไปหยิบของแล้วเดินไปที่ประตูห้องท่ามกลางเสียงบ่นกระปอดกระแปดของคนข้างๆ ที่เอามือมาจิ้มๆ แขนผมไปตลอดทาง

            “ทำไมต้องโหดด้วยอ่ะ”

            ผมไม่ตอบอะไรแต่หันกลับมาพูดเสียงเรียบแทน

            “พี่พรตครับ งั้นผมสั่งก๋วยเตี๋ยวเผ็ดให้นะ”

 


           

            การกินก๋วยเตี๋ยวครั้งนี้ถือว่าผ่านไปได้อย่างราบรื่นถ้าเทียบกับการกินครั้งแรก ที่ว่าราบรื่นคือไม่มีส่วนไหนของก๋วยเตี๋ยวที่เผ็ดเลย และพี่พรตก็ไม่ได้แกล้งอะไรเหมือนครั้งแรกๆ ด้วย การลงไปกินข้าวทำให้บรรยกาศที่อึดอัดหลังขอคบกลับมาเป็นปกติขึ้นนิดนึง แต่ก็นั่นแหละครับ มันก็ยังแปลกอยู่นิดหน่อย

            “ซื้อขนมไปกินมั้ย”

            ผมถามเมื่อเดินผ่านเซเว่น พี่พรตไม่ตอบแต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปเลยสักนิด ผมเลยไม่พูดอะไรแล้วเดินต่อ บรรยกาศเริ่มอึดอัดอีกแล้ว ผมเสมองข้างทาง ดูรถวิ่งไปมาและความวุ่นวายบนท้องถนนเพลินๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีอีกมือดึงมือของผมไว้ ประสานนิ้วเข้ามาแล้วกระชับให้แน่น ผมสะดุ้งตกใจจนเกือบดึงมือกลับ เชี่ย...พี่พรตแม่ง... อยู่ๆ มาจับมือ จะใครก็ต้องมีตกใจบ้างล่ะวะ

            “พรานมือไม่นิ่ม”

            เขาลูบไปมาแล้วยกมือผมขึ้นมาดูเหมือนพิจารณา เออ จะไปนิ่มเหมือนก่อนเข้าคณะได้ไงวะ วันๆ จับไม้ จับคัตเตอร์ กระดาษนู่นนี่

            “โห มือตัวเองนี่โคตรรรนิ่ม”

            ผมลากเสียงประชด มาหาว่าผมมือไม่นิ่ม มือตัวเองยิ่งกว่าผมอีกครับ พี่พรตหัวเราะกับคำประชด เขาจับมือผมแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี กับแค่การจับมือกันไว้หลวมๆ บรรยากาศรอบตัวที่คุ้นเคยก็เหมือนจะสวยงามราวภาพวาด ผมมองความวุ่นวายของท้องถนนด้วยสายตาที่อ่อนลง ผมไม่เคยเชื่อในการสัมผัส ไม่เคยเชื่อว่าการจับมือจะทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนชัดเจนขึ้นจนกระทั่งเมื่อครู่ และผมจะจดจำมันเอาไว้ว่า


            ...นี่เป็นครั้งแรกที่เราจับมือกัน


            เสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่พรตมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่ แต่ผมกลับไม่แน่ใจเลยว่ารอยยิ้มของเขาหรือผมตอนนี้อ่อนโยนกว่ากัน


            “ดีมั้ย”


            “อะไรดี”


            “ที่เป็นแฟนกันอ่ะ”


            “อืม”


            พี่พรตแม่ง ถามแบบนี้ใครจะกล้าตอบวะ!


            “นายน่ารักอ่ะ”


            นี่กะจะให้ผมระเบิดตัวตายตรงนี้เลยป่ะวะ แล้วทำไมอีพี่พรตก็หน้านิ่งเหมือนพูดออกมาได้ง่ายๆ ขนาดนี้ เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ผมพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันไปบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทั้งที่พยายามคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ให้หลุดยิ้มอย่างสุดความสามารถ


            “เออๆ รู้แล้วน่า”

           

 




             ผมกับพี่พรตมีช่วงพักผ่อนได้แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นแหละ หลังจากขึ้นไปถึงห้องแล้วเราสองคนก็กลับมาเป็นปกติ มีงานต้องส่งวันจันทร์ก็แบบนี้แหละครับ ถึงจะเพิ่งเป็นแฟนหรืออะไรแต่เราสองคนก็ต้องช่วยกันทำโมเดลต่ออยู่ดีและคิดว่าต้องยาวๆ กันไปนั่นแหละ เราตกลงกันว่าข้าวเย็นจะกินบนห้องเลยจะได้ไม่เสียเวลาเดินลงไปอีก แล้วพี่พรตก็จัดแจงไลน์ไปบอกใบพลูเองเสร็จสรรพว่าผมจะค้างอีกคืนโดยไม่ถามความเห็นของผมเลยว่ารู้สึกยังไงที่ต้องมาใส่ชุดนอนไม่ได้ซักของมัน

             “นายมาค้างบ่อยๆ ก็ดีนะ”

            เขาละสายตาจากโปรแกรมแชทหลังจากที่ใบพลูตอบกลับมา ก่อนจะโยนมือถือขึ้นไปบนโซฟาอย่างไม่ค่อยระวังเท่าไหร่

            “จะบ้าเหรอพี่ ผมต้องกลับบ้าน”

            “ก็จริง”

            พี่พรตตอบรับเบาๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เพิ่งนึกขึ้นได้ เขาไม่แสดงความเห็นอะไรแล้วนั่งตัดโมต่อแต่ทำไมผมรู้สึกว่าเขาดูเหงาจังเลยวะ

            “แล้วพี่พรตไม่กลับ...เอ่อ ขอโทษครับ”

            เชี่ย ผมพลาด ผมพลาดมากๆ เมื่อหลุดถามไปถึงกลางประโยคแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลที่เขาไม่ชอบอยู่บ้านเท่าไหร่ ถึงผมจะรู้เพียงผิวเผินแต่มันก็ดูหนักสำหรับเขาเหมือนกัน

            “ไม่เป็นไร”

            “...”

            “อย่าคิดมากน่า”

            พี่พรตคงเห็นผมเงียบไปเลยตบหัวผมเบาๆ สองสามทีเหมือนจะปลอบ พี่พรตก็พูดแบบนี้ตลอดแหละ พูดเหมือนไม่เป็นอะไร ไม่ซีเรียส แต่ผมว่าเมื่อกี้ผมเห็นความเหงาของเขาชัดเจน

            “อือ ไว้จะมาบ่อยๆ ละกัน แต่อาจค้างไม่ได้นะ”

            “ครับ”

            พี่พรตตอบแค่นั้นแล้วยิ้มให้ผม จากนั้นผมก็นั่งประกอบผนังของชั้นสุดท้ายไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็เสร็จสมบูรณ์ ผมหันไปมองพี่พรตที่ยังทำดีเทลแผ่นหลังคายังไม่เสร็จ เลยฆ่าเวลาด้วยการลองเอาแมสของแต่ละชั้นมาลองวางซ้อนกันแล้วหมุนดู เรียนมาไม่ถึงเทอม ผมอาจยังไม่ค่อยเข้าใจความงามของที่ว่างเชิงสถาปัตยกรรมสักเท่าไหร่ แต่ในสายตาของผมแล้วถือว่าเป็นแบบที่ดีมากเลยที่ทีเดียว

            “สวยว่ะพี่พรต"

            “ผู้ชายเขาต้องชมว่าหล่อ”

            ผมหันไปมองทันทีเพราะรับไม่ได้ แต่ปรากฎไอ้พี่พรตมันยังคงนั่งติดระแนงหลังคาแบบละเอียดละไมอยู่ครับ นี่ขนาดไม่ได้ใช้สมาธิยังตอบกลับได้น่าถีบมาก ถุย!

            “ผมพูดถึงโมเดลเว้ยพี่พรต”

            “อ้าวๆ เดี๋ยวนี้ขึ้น เว้ย เลยเหรอ”

            พี่พรตละสายตามามองผมโดยที่มือยังจับไม้ระแนงอยู่ ผมถอนหายใจยาวอย่างปลงตกแล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ดูกวนตีนไม่แพ้กัน

            “ผมพูดถึงโมเดล ‘ครับ’ พี่พรต”

            “ฮ่าๆๆ นายตลกจัง”

            ผมอยากจะย้อนไปว่า ‘ตลกพ่อง’ แต่ยังไงไอ้พี่พรตนี่ก็แก่กว่าผมสองปี และด้วยความที่ผ่านรับน้องมาเป็นระบบห้องเชียร์ ทำให้ผมค่อนข้างเกรงอยู่บ้างถึงเขากับผมจะสนิทกันแล้วก็เหอะ รอไว้ผ่านไปอีกหน่อยผมจะตอกทุกประโยคเลยคอยดู

            “ทำหน้างี้ด่าในใจแน่ๆ”

            พี่พรตหรี่ตามองผมอย่างล้อเลียน โอเค กล้าถามก็กล้ายอมรับครับ

            “ก็เออดิ”

            “อ้าว ยอมรับเฉย”

            “เป็นคนไม่ปากหนักไง”

            “ไหน เบาอย่างที่เคลมรึเปล่า”

            พี่พรตใช้เวลาไม่นานเลยกับการวางทุกอย่างในมือแล้วเคลื่อนตัวมาหาผม ทำเอาผมที่กำลังหมุนโมเดลอยู่ต้องรีบผลักมันออกไปให้พ้นทางด้วยสัญชาตญาณ เกิดอะไรขึ้นโมเดลต้องรอดก่อนครับ แต่เมื่อผหันกลับมาพี่พรตก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเข้ามา ผมเลยรีบกระเถิบไปด้านหลังเรื่อยๆ จนหลังชนกำแพง พี่พรตหยุดตามเมื่อเขาเข้ามาชิดกับขาของผมที่นั่งขัดสมาธิอยู่ แต่กระนั้นแล้วเขายังคงค้อมตัวลงมาต่ออยู่ดี

            “เฮ้ย พี่พรตทำไร”

            “ชู่วว”

            เขาไม่ตอบแต่สั่งให้ผมเงียบแทน ผมจ้องตาเขาแต่เขากลับไม่สบตาเลยแม้แต่น้อย เขามองริมฝีปากของผมเหมือนพิจารณาอย่างหนัก ทำเอาผมเข้าใจทุกอย่างและเตรียมจะยกมือขึ้นปิดปาก แต่พี่พรตไวกว่า เขารวบมือของผมไว้ทันทีและยิ่งเข้ามาใกล้อีก จนตอนนี้ใบหน้าของเขากับผมอยู่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตร ผมกำลังจะโวยขึ้นมาแต่สติสัมปชัญญะของผมเตือนว่าในสถานการณ์แบบนี้ห้ามเปิดปากเด็ดขาด ผมเลยยังคงนั่งนิ่งและจ้องเขาอยู่อย่างนั้น

            แต่พี่พรตเหมือนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป ริมฝีปากของเขาเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของผมเต้นราวกับจะหลุดออกมาให้ได้ ผมหลับตาลงเพื่อข่มมันไว้แต่เหมือนจะไม่เกิดผลอะไรเลย และทันทีที่ริมฝีปากของผมรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นนั้น ตัวผมเองถึงกับสะบัดมือหลุดแล้วผลักตัวพี่พรตออกไปทันที

             พี่พรตที่โดนผลักออกไปอย่างรุนแรงจนเซถึงกับแสดงความสงสัยออกมาอย่างไม่ผิดบัง ผมก้มลงมองมือตัวเองอย่างตกใจ มันสั่นนิดๆ อย่างควบคุมไม่อยู่ ผมสาบานเลยว่าผมไม่ได้ต้องการจะทำแบบนี้ ตอนแรกใจของผมยอมให้เขาจูบแล้ว แต่พอสัมผัสจริงๆ บางอย่างในตัวผมกลับตีขึ้นมาและปฏิเสธโดยสิ้นเชิง 


            “ไม่ชอบเหรอ”


            “เปล่า”


            “...”


            “พรานก็ไม่รู้เหมือนกัน”


            ผมพึมพำเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า ผมไม่ได้รังเกียจ... ไม่เคยรังเกียจอยู่แล้วล่ะ เต็มใจอยู่แล้วในเมื่อเราเพิ่งคบกัน แต่ไม่รู้ทำไมร่างกายของผมถึงต่อต้านอย่างควบคุมไม่ได้ขึ้นมาเอง


            “อืม...แต่พี่ชอบให้พรานเรียกตัวเองแบบนี้นะ”

 


            พี่พรตยิ้มให้เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร



            และหัวใจผมก็กระตุกอีกหนึ่งที








----------------------------------------------------------------
สวัสดีค่า ไม่ได้เจอนานมากกกก ปีสามนี่หนักจริงอย่างที่พี่ๆ ขูู่เอาไว้เลย
มีงานให้ปั่นคืนต่อคืนเลยค่ะ เดือดเป็นขี้หมา เพิ่งเป็นไทจากทุกอย่างก็วันนี้เอง ถถถถถ
หลายคนมาทวงและเมนชั่นมาหาด้วย รู้สึกปริ่มมากๆ ดีใจมากจริงๆ ขอบคุณที่ยังรอนะคะ

มีข่าวดีมาแจ้งว่า มีสำนักพิมพ์ติดต่อรวมเล่มมาค่ะ ปกยังไม่ออกแต่เข้าไปส่องได้นะคะ
>>> https://www.facebook.com/Facai.Publishing

(เลยทำให้ต้องปั่นสุดชีวิตเพื่อให้ทันเดดไลน์ เดือนนี้เราเจอกันบ่อยแน่ๆ ค่ะ555555555  :katai4: :katai4: :katai4:)
ยังไงก็ขอฝากพี่พรตน้องพรานไว้ด้วยนะคะ

ปล.แฮชแทค#พรตพราน ยังอยู่นะะ เข้าไปคุยกันได้ค่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน18 : P21: 08.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2016 22:21:10
พรต พราน คบกันละ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน18 : P21: 08.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 09-12-2016 19:36:04
กำลังหวานๆ 'โมยังไม่เสร็จนะ' คำเดียวจบ 55555 ตอนนี้น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน18 : P21: 08.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-12-2016 20:24:39
ขอสารภาพว่าลืมอ่ะ มาอ่านต่อแบบมึนๆและพยายามมโนตอนแล้วววววววววววววววววววววววววเอาอ่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน18 : P21: 08.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-12-2016 08:27:04
ตกใจหรืออะไรนะพราน
แล้วพี่พรตจะคิดมากมั้ยนี่
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน18 : P21: 08.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 12-12-2016 22:58:52
รอ รอ รอ ตอนต่อไป  :o12:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน18 : P21: 08.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 13-12-2016 16:18:38
เข้ามาส่องมารึยังตอนต่อไป  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 13-12-2016 21:57:28





:: CHAPTER 19 :::





            ...วันนี้เป็นวันเฉลยสายรหัส


            สายรหัสเป็นเรื่องที่เพื่อนทุกคนรวมถึงผมตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเนื่องจากยังไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อนเลยเพราะเหมือนพี่ทุกคนพยายามเลี่ยงการพูดถึงอย่างสุดความสามารถ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจะได้ยินเพื่อนมัธยมมาเล่าเรื่องพี่รหัสให้ฟังบ่อยๆ ในกลุ่มไลน์ซึ่งผมฟังแล้วก็อดคิดถึงพี่รหัสของตัวเองไม่ได้

            “พี่พรต”

            ผมเรียกคนที่นั่งกินข้าวผัดอยู่ตรงข้าม หลังจากวันนั้นทุกเที่ยงผมกับพี่พรตจะได้นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวันครับ ส่วนตอนเย็นถ้ามีโอกาสหรืองานไม่เยอะผมก็จะแวะไปนั่งเล่นบ้างทำงานบ้างที่คอนโดพี่พรตเพื่อให้เขาไม่เหงาเกินไป

            “ว่า?”

            “พี่รหัสจับกันยังไงอ่ะ”

            “ไม่บอก”

            “อ้าว”

            พี่พรตปฏิเสธโดยที่ไม่ละสายตาขึ้นจากจานข้าวจนเห็นได้ชัดว่าปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจมาก ยังไงเขาคงไม่บอกเพราะถือว่าเย็นนี้ก็ได้รู้อยู่แล้วแหละ จากที่ฟังเพื่อนผมเล่ามาคือพี่รหัสจะจับกันตามรหัสส่งงานในภาควิชา เลยไม่ต้องลุ้นว่าผมจะได้พี่พรตรึเปล่าเพราะไม่ได้แน่ๆ ซึ่งนั่นก็ดีแล้วล่ะ

            “ตื่นเต้นอ่ะดิ”

            “แหงสิ เพื่อนโรงเรียนผมมีพี่รหัสกันไปหลายคนแล้ว”

            “รอดูเย็นนี้ละกัน เล่นใหญ่ๆ ด้วยล่ะ”

            พี่พรตตอบยิ้มๆ ก่อนจะเลี่ยงบทสนทนาด้วยการเอาชามขึ้นไปเก็บแล้วแยกย้ายขึ้นไปสตูพร้อมโมเดลที่ผมไปช่วยทำเมื่อวันเสาร์ แต่หลังจากถูกแก้ไปมาระหว่างการตรวจแบบสองครั้งทำให้รูปลักษณ์งานดูไม่คุ้นตาและมีรอยกาวอยู่เยอะมาก

            “พี่พรตส่งโมเก่าเลยเหรอ”

            “อืม แก้เอาเนี่ยแหละ”

            ผมมองรอยกาวที่เป็นคราบแล้วแอบรับไม่ได้ ผมนี่เปลี่ยนแบบทีก็ทำโมใหม่ทุกที

            “อาจารย์ไม่ว่าเหรอครับ”

            “นี่...” พี่พรตหยุดเดินแล้วหันตัวกลับมาขวางผมไว้ทำเอาผมเกือบชน “จะบอกอะไรให้ แก่แล้วเค้าไม่ทำโมกันทุกครั้งหรอก” เขายิ้มล้อเลียนพร้อมยกมือขึ้นมาจิ้มหน้าผากผมทีหนึ่ง

            ผมมองโมเดลแบบร่างอันใหม่ของตัวเองที่เพิ่งทำปั่นเสร็จเมื่อเช้าเทียบกับของพี่พรต อาจจริงอย่างที่พี่พรตว่าก็ได้ อีกหน่อยเมื่อเรียนไปเรื่อยๆ ผมคงมีวิธีปรับตัวให้ชีวิตดีขึ้นมาเองบ้างละมั้ง

            “เหม่ออะไร ถึงสตูแล้ว”

            ผมละสายตาขึ้นมาจากโมเดลตามคำเรียกของพี่พรต เลยได้เห็นเพื่อนในเซคกับไอ้โอมมองผมอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ผมเลยหันกลับไปโบกมือให้พี่พรต

            “สรุปคืนนี้ค้างป่ะ”

            “เมื่อกี้แม่แล้วครับ เดี๋ยวแม่ตอบมาแล้วจะบอกอีกที”

            ตอนแรกวันนี้กะว่าจะไม่ค้างแล้วนะ แต่พี่พรตแอบมาเสี้ยมว่ากลับดึกแน่ๆ ซึ่งผมขี้เกียจกลับบ้านเองตอนดึกอยู่แล้วแถมพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียนด้วย สุดท้ายผมเลยจัดการไลน์ไปบอกแม่เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเช้าและแน่นอนว่าไอ้คนชวนดีใจออกนอกหน้าจนจะกระดิกหางอยู่แล้ว

            “โอเค วันนี้อย่าลืมเล่นใหญ่ๆ นะ”

            “อืม ไปละนะ ขอให้อาจารย์ชอบ”

            “แต้งกิ้ว”

            ผมโบกมือให้พี่พรตอีกรอบก่อนจะผลักประตูกระจกของสตูเข้าไป บรรยากาศบนสตูตอนอาจารย์ยังไม่มานี่มันโคตรครึกครื้น เพื่อนผู้หญิงจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส ส่วนเพื่อนผู้ชายก็ไถเก้าอี้เล่นกันเป็นแถวเหมือนเด็กๆ  เอาจริงผมชอบสตูมากนะ มันเต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศที่เพื่อนทุกคนช่ยกันสร้างขึ้นมา ชอบจนบางครั้งคิดอยากเก็บช่วงเวลานี้ไว้อีกนานๆ

            “ไอ้พรานนนน”

            เสียงโอมดังขึ้นไม่นานผมก็ถูกดึงตัวไปที่โต๊ะตรวจแบบของเซคมันทันที พร้อมด้วยเพื่อนในเซคผมกับเซคมันที่มองผมมาตั้งแต่อยู่หน้าสตู ไม่ต้องเดาเลยครับว่ามันลากผมมาที่นี่ทำไม

            “มึงกับพี่พรตแล้วเหรอวะ”

            “โอ้โห เมื่อกี้เดินมาส่งกัน”

            “มึงร้ายจังวะ”

            “เฮ้ย หยุดเลยๆๆ ฟังไม่ทัน”

            ผมรีบค้านขึ้นมาก่อนที่พวกมันจะรัวคำถามมาเพิ่มอีก ดูเหมือนว่าการกินข้าวด้วยกันทุกมื้อของผมกับพี่พรตจะไม่หลุดรอดสายตาของไอ้พวกนี้เลย ถึงผมจะยังไม่บอกโอมกับคนอื่น แต่ขนาดี้แล้วผมก็ว่ามันเดาได้เองแล้วล่ะครับ

            “สรุปยังไงมึง เล่ามาเลย”

            “ก็ทำนองนั้นแหละ”

             “หมายความว่าไงไอ้พราน คบแล้วใช่ป่ะ?!”

            “เออ”

            “เชี่ย...”

            หลังจากนั้นทั้งวงที่ล้อมผมอยู่ก็โห่แซวพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทำเอาผมรู้สึกเขินๆ ไม่ได้ พอไอ้พวกนี้รู้เดี๋ยวทั้งรุ่นแม่งก็รู้แล้วครับ

            “พี่เค้าขอเมื่อไหร่วะมึง”

            เป็นไอ้โอมที่มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นมากกว่าใครเพราะที่ผ่านมามันอยู่กับผมเยอะกว่าคนอื่น แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังอยู่ดี

            “วันเสาร์ ตอนกูไปช่วยตัวโม”

            “โอ้โหหห มีการเรียกไปด้วย”

            เสียงแซวดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง แค่ไปช่วยตัดโมครั้งนึงมันก็ดูฟินชิบหายแล้ว นี่ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ไปค้างมาหลายคืนแล้ว แถมบางทีพี่พรตเป็นฝ่ายตัดโมให้ไม่รู้มันจะล้อไปอีกกี่ชาติ

            “เออน่าพวกมึง อาจารย์เซคกูมาละ เจอกันตอนเย็น”

            ผมรีบถือโอกาสปลีกตัวออกจากวงสนทนาทันทีที่เห็นอาจารย์เดินออกมาจากลิฟท์ ท่ามกลางเสียงโห่อย่างเสียดายของเพื่อนทั้งกลุ่ม จริงๆ ก็ไม่ต้องรีบขนาดนี้หรอกครับ ยังไงวันนี้ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องคิวตรวจแบบเพราะต้องยู่ถึงเย็นอยู่แล้ว แต่ถ้านั่งในวงต่อไปผมคงถูกซักจนพรุน แล้วยิ่งถ้าเผลอไปแสดงอาการเขินขึ้นมานี่พวกมันก็จะยิ่งล้อยิ่งกว่าเดิมอีกนั่นแหละครับ

           







            การตรวจแบบเป็นไปอย่างตื่นเต้นเพราะสมาธิผมไม่อยู่กับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตอนเย็นเสียมากกว่า ผมจดคอมเม้นท์อาจารย์ลงแบบไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้คิดตามเท่าไหร่ อย่าหาว่าผมเลวเลยนะ แต่วันนี้ผมฟังคำตำหนิของอาจารย์แบบผ่านๆ ให้จบๆ ไปงั้น เดี๋ยวค่อยมาอ่าที่จดแล้วตั้งใจคิดตามละกันวะ

            “ผมว่าคุณต้องเน้นทางเข้ากว่านี้นะ ระบบเซอร์คิวเลชั่นของคุณยังดูไม่มีไฮอาร์คคี่เลย”           

            “ครับ”

            ถ้าอาจารย์เงยหน้าขึ้นจากแบบคงได้ด่าผมแน่ๆ

            “นั่นแหละ ไปแก้ตรงนี้มาก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องอื่น”

            “โอเคครับ ขอบคุณครับ”

            ผมดึงกระดาษร่างของตัวเองออกจากโต๊ะตรวจแบบด้วยความรวดเร็ว ไม่มีการถามนู่นถามนี่หรือสงสัยอะไรเหมือนครั้งก่อนๆ ซึ่งผมจะคอยถามตลอด อาจารย์ขมวดคิ้วมองผม มองไปรอบตู ก่อนจะถามขึ้น

            “อ้อ วันนี้เปิดสายใช่มั้ย”

            “ใช่ครับ”

            “ฮ่าๆ ก็ว่าทำไมคุณรีบจัง”

            ผมหัวเราะแห้งๆ ให้อาจารย์เหมือนยอมรับความผิด แต่อาจารย์ไม่ได้อะไรอยู่แล้วครับ เป็นที่รู้กันของอาจารย์ปีหนึ่งว่ากิจกรรมรับน้องที่คณะค่อนข้างเยอะรวมถึงอาจารย์เองก็เคยผ่านมันมาก่อนเหมือนกัน เลยทำให้ทุกอย่างในวันนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับเข้าใจได้

           



 

            ในที่สุดก็ถึงเวลานัดรวมที่ลานกิจกรรม วันนี้คนนั่งเต็มลานดูเยอะผิดจากวันก่อนมาก ผมลองกะจำนวนแล้วคิดว่าน่าจะมากันทุกคนเลยล่ะครับ เพระาปกติมากันร้อยกว่าๆ ซึ่งก็นั่งได้ประมาณเกือบครึ่งลา มาวันนี้นั่งแถวกว้างขึ้นและเบียดกันไปหมด ก็อย่างว่าแหละ ใครจะไม่มาวันเฉลยพี่รหัสล่ะครับ ผมนั่งรอเรื่อยๆ มองคนนู้นคนนี้จนเมื่อพี่นำกิจกรรมนับจำนวนเสร็จแล้วก็ประกาศเปิดวันเหมือนเดิม

            “เอ้า น้องครับ! วันนี้เป็นวัน เฉลยสายรหัส!”

            พี่กันต์เป็นคนพูดเปิดกิจกรรมพร้อมเสียงปรบมือ

            “ที่เป็นใบเขียวๆ ป่ะ”

            “นั่นมันสลัด!”

            “ที่ชอบส่งโปรเจกต์ไม่ทันป่ะ”

            “นั่นมันไอ้จักร!”

            “ที่เป็น...”

            “ไอ้เหี้ยกร มึงหยุด!”

            เสียงของพี่จักรที่โพล่งขึ้นมาและการต่อมุกง่ายๆ นี้เรียกเสียงฮาได้รอบด้าน ทั้งสีหน้าท่าทาง จังหวะการพูด แม่งจี้เส้นจริงครับ ผมรับรองเลยว่าลองมารับคณะน้องสักครั้งจะทำให้เส้นลึกขึ้นมากเพราะมุกมันตลกจริงๆ แล้วจะเริ่มไม่ขำกับมุกของคนทั่วไปอีกต่อไปเลยครับ

            “เชิญพี่ๆ เลยครับ!”

            เสียงดังขึ้นเมื่ออยู่ๆ รุ่นพี่ที่ดูจำนวนแล้วน่าจะมากกว่าสองร้อยคนค่อยๆ เดินเข้ามาล้อมลานกิจกรรมไว้จนแน่นไปหมด ผมกวาดตามองไปรอบๆ มีทั้งพี่ปีสอง ปีโต ปีแก่ ไปจนถึงพี่ที่ทำงานแล้วจำนวนมาก ผมอดทึ่งไม่ได้ เมื่อกี้ลงมากินข้าวรอเรียกรวมผมยังไม่เห็นพี่ๆ ในคณะสักคน คณะดูปกติมากจนไม่คิดว่าจะมีอะไรพิเศษด้วยซ้ำ

            “เชี่ย พี่เค้าวาร์ปกันมาจากไหนวะ”

            “เออ กูก็สงสัย”

            เสียงไอ้โอมทักขึ้นมาทำเอาผมเห็นด้วยอย่างแรง พี่กันต์ทำสัญญาณมือให้ทุกคนเงียบ จากนั้นก็เริ่มพูดกำหนดการและสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้

            “น้องครับ! เดี๋ยวขึ้นไปดูนะว่าตัวเองต้องทำอะไร แล้วลงมารวมกันที่ลานกิจกรรม”

            “เล่นใหญ่ๆ นะเว้ย พี่ๆ คาดหวัง”

            จากนั้นพี่นำแถวก็เดินมาให้เพื่อนค่อยๆ ทยอยลุกขึ้นไปท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องของพี่ๆ ที่ยืนอยู่รอบลาน

           




            พอผมเดินขึ้นมาถึงสตูก็เห็นเพื่อนที่มาถึงก่อนแล้วยืนกันอยู่ตามโต๊ะแล้วกำลังเปิดอะไรสักอย่างอ่านกันอย่างขะมักเขม้น บางคนถึงกับหัวเราะออกมาบางคนก็ทำหน้าเครียด ผมแยกกับโอมแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้พบกับกะละมังที่ใหญ่มากหนึ่งใบวางคว่ำอยู่ ทำเอาผมต้องรีบหันไปดูโต๊ะข้างๆ ซึ่งก็จะมีแต่ของพวกกระปุกแป้ง สีทาตัว กระดาษสี เทป หมวกอบน้ำ วางอยู่เป็นชุดๆ บางคนเด็ดหน่อยก็มีเป็นชุดมาให้ใส่เลย แต่ไม่มีใครได้เป็นกะละมังสักคน

            ...เชี่ย ทำไมกูสังหรณ์ใจไม่ดีเลยวะ             

            ผมค่อยๆ หยิบกระดาษที่พับไว้ข้างๆ ขึ้นมาอ่าน

          ‘สวัสดีน้องพราน พี่จะให้น้อง ‘ซักผ้า’ ใส่ผ้ากันเปื้อนก่อน(แต่ไม่ต้องถอดเสื้อนะ) มัดผมขึ้น แล้วใช้ผงซักฟองที่อยู่ใต้กะละมัง ตีให้เป็นฟอง พูดซ้ำๆ ว่า ‘รับซักผ้าครับ’ จนกว่าจะมีคนเอาผ้ามาให้ซัก น้องต้องซักให้เสร็จแล้วเอาไปคืนลูกค้าด้วย’

            อ่านเสร็จผมก็รีบเปิดฝากะละมังออกทันที ผมเกือบหลุดคำหยาบออกมาเมื่อเห็นผ้ากันเปื้อนสีชมพูนีออนเหมือนจะเรืองแสงได้ จากนั้นก็เป็นผงซักฟอกปกติ หนังยางเส้นเล็กๆ ทั้งถุง ผมลังเลอยู่นานมากว่าจะทำยังไงกับตัวเองดี จนกระทั่งไอ้โอมในชุดขนสัตว์กางเกงขาสั้นและปากสีแดงสดจากลิปสติกเดินเข้ามาหา

            “เชี่ยโอม ฮ่าๆๆๆๆๆ”

            ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยหัวเราะอะไรขนาดนี้มาก่อน ไอ้โอมดูเป็นกระเทยควายมากในชุดแบบนี้ และหลังจากวันนี้ผมว่าผมคงไม่ได้เห็นมันในสภาพแบบนี้อีกแล้วแหละ

            “เออ พี่แม่งให้ไปรูดเสา กูโคตรขำ มึงโดนไรวะ”

            “ซักผ้า”

            “ฮ่าๆๆ เชี่ย กูอยากเห็นละ”

            มันหยิบกระดาษที่ผมวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่านแล้วก็หัวเราะอีกรอบ หันไปมองกล่องหนังยางและหัวผมด้วยความสนใจ

            “มา กูจะมัดผมให้มึง”

            หลังจากนั้นหัวของผมก็ถูกมันยำเละเลยครับ มันจับมัดเป็นกระจุกๆ และด้วยความที่ผมไม่ได้ยาวมากเลยทำให้กลายเป็นทรงชี้ๆ แบบหมาชิสุ แต่มันทำทั้งหัวจนหนังยางหมดกล่องเลยครับ จนผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าหน้าตัวเองจะยังเหมือนคนอยู่รึเปล่า ยิ่งไอ้โอมทำไปหัวเราะไป ผมก็ยิ่งรู้สึกสยอมมากขึ้นเท่านั้นล่ะครับ

            “เอ้า เสร็จละ ฮ่าๆๆ มึงใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย”

            มันไม่รอคำตอบของผม แต่ถือวิสาสะหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมให้เสร็จสรรพ แถมยังผูกเชือกด้านหลังให้เรียบร้อยจนผมแขวะในใจไม่ได้ ทีกับเรื่องแกล้งเพื่อนี่ทำเร็วเชียวนะไอ้โอม

            เมื่อถูกเปลี่ยนสภาพแล้วผมเลยเดินไปหยิบผงซักฟองมาแกะกล่องแล้วเทลงไปในกะละมัง ส่วนน้ำผมว่างคงต้องลงไปเอาข้างล่างล่ะครับเพราะถ้ากะละมังใหญ่ขนาดนี้คงหนักมากถ้าน้ำไปอีก จากนั้นผมก็นั่งดูเพื่อนแต่งตัวไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีพี่ขึ้นมาบอกว่าให้ลงไปที่ลานได้เลย ผมเลยเดินตามเพื่อนไปเรื่อยๆ โดยให้ไอ้โอมช่วยถือกะละมังด้วยอีกคน

           







            บรรยากาศลานข้างล่างเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่ที่เดิมเมื่อเต็มไปด้วยคนแต่งตัวประหลาดๆ มีทั้งสัตว์มหัศจรรย์ โปเกม่อน แม่ชี เดินปะปนกันไปหมด เมื่อกี้ตอนแต่งตัวผมว่าไอ้โอมกับผมเองก็เด่นมากแล้วนะ แต่พอมายืนรวมกันแบบนี้มันปกติไปเลย ผมหัวเราะกับภาพที่เห็น ถึงจะบ้าไปหน่อยในชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้แต่งตัวทำอะไรสุดโต่งแบบนี้อีกแล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้นคืนนี้ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้เต็มที่ให้สมกับเป็นครั้งเดียวในชีวิต

            ผมลากไอ้โอมให้ไปเติมน้ำใส่กะละมังของผมก่อนแล้วค่อยช่วยกันยกไปวางไว้ในลาน ผมนั่งลงแล้วตีน้ำให้เกิดฟองฟูๆ เต็มกะละมัง ภารกิจที่ผมได้รับทำให้ผมจำเป็นต้องนั่งอยู่ที่เดิมเพราะไม่สามารถยกไปเดินรอบลานได้เหมือนเพื่อนคนอื่น ผมมองเพื่อนบางคนที่เข้าไปขายของหรือเต้นใส่หน้าพี่ที่ยืนรอบวงด้วยความสนุกสนาน เพื่อนบางคนก็เริ่มมีพี่เข้ามาทักหรือให้ทำอะไรเพิ่มบ้างแล้ว

            ผมกวนฟองในกะละมังไปเรื่อยๆ พร้อมตะโดหาลูกค้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีพี่คนนึงมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้า ผมจึงเงยขึ้นไปพูดเขาอีกรอบ

            “รับซักผ้าครับ!”

            พี่คนนั้นมองผมอย่างพิจารณาแล้วก็หัวเราะออกมา ก่อนจะนำผ้าที่ถือไว้มือมาส่งให้ผม

            “งั้นฝากตัวนี้ด้วย”

            “ครับ”

            ผมไม่เคยเห็นพี่คนนี้มาก่อน คุ้นหน้านิดหน่อยตามประสาคนคณะเดียวกันแต่ก็ไม่ได้เห็นบ่อยเท่าไหร่ คิดว่าเป็นพี่ปีสองแหละครับเพราะถ้าเป็นปีสามผมน่าจะคุ้นกว่านี้ แต่ถึงจะไม่รู้จักผมก็ยื่นมือมารับผ้ามาแล้วเอาไปลงอ่าง           

            ผมคลี่เสื้อตัวนั้นออกมาเตรียมขยี้ มันเป็นเสื้อสีเหลืองแขนยาว เนื้อผ้าหนาหน่อย รู้สึกคุ้นมืออย่างน่าอย่างประหลาด ผมเลยลองกลับด้านนอกออกมาเพื่อมองลายสกรีนตัวอักษรบนเสื้อ

            ...เชี่ย เสื้อพี่พรต

            จะไม่ให้คุ้นได้ไงครับ เพราะผมเองเคยยืมเสื้อตัวนี้ไปใส่อยู่คืนนึง มันเป็นเสื้อที่สภาพดีสุดในคืนนั้นแล้วล่ะ ทีนี้ผมก็เริ่มคิดแล้วล่ะ ถ้าเสื้อของพี่พรตมาอยู่กับพี่รหัส แสดงว่าพี่รหัสของผมอาจเป็นเพื่อนกับพี่พรตรึเปล่า...ผมเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ แม่งร้ายมาก ขี้เกียจซักก็บอก

                    ผมซักต่อไปเรื่อยๆ ก็มีคนเดินเอาเสื้อมาหย่อนเพิ่มเรื่อยๆ จนตอนนี้มีเสื้อกางเกงอยู่ประมาณห้าตัวในกะละมัง ซึ่งเป็นเสื้อที่ผมคุ้นตาทั้งนั้น อย่างตัวที่สองกับสามนี่เพิ่มใส่เมื่อวันเสาร์

            “น้องคะ”

            ผมเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ในใจนี่คิดว่าจะได้เสื้อเพิ่มอีก แต่พี่คนนี้ไม่ได้ถือเสื้ออยู่ในมือสักตัว

            “ครับ”

            “พี่รหัสฝากบอกมาว่าให้เอาเสื้อไปคืนเจ้าของแล้ว”

            “โอเค ขอบคุณมากครับ”

             ผมรีบเอาผ้าทั้งหมดขึ้นมาจากกะละมัง บิดให้หมาดโดยไม่ล้างฟองและไม่คิดจะเอาไปล้างให้ด้วย หมั่นไส้ครับ จากนั้นก็คว่ำกะละมังให้น้ำลงไปในท่อระบายข้างๆ ลาน ผมเดินฝ่าเข้าไปถึงใต้ถุนที่พี่ปีสามรวมตัวกันอยู่ และมันไม่ยากเลยที่จะเห็นพี่พรตนั่งอยู่บนโต๊ะ

            “พี่พรต นี่เสื้อ”

            ผมส่งเสื้อหมาดๆ แต่มีฟองฟ่อดให้เขาหน้าตาเฉย พี่พรตหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยิบถุงพลาสติกมาใส่

            “เก่งมากนาย”

            “วันหลังซักเองเหอะพี่พรต”

            ผมมองแรงใส่พี่พรตรอบนึง ก่อนจะมองรอบๆ เพื่อหาพี่รหัส เมื่อกี้พี่เขาบอกให้มาหาพี่พรตไม่ใช่เหรอวะ ผมเห็นเพื่อนหลายคนมีพี่รหัสลงไปรับจากกลางลานมาเรียบร้อยและเตรียมออกไปจากคณะกันแล้ว แต่ตัวผมยังไม่เจอพี่ในสายเลยสักคน

            “พี่พรต”

            “หืม”

            “พี่รหัสผมล่ะ”

            พี่พรตไม่พูดอะไรแต่ชี้ให้ผมหันไปมองทางฝั่งลิฟท์ ผมจึงได้เห็นพี่เจ็ดคนเดินออกมาพร้อมถือป้ายเป็นรูปหน้าผมอันใหญ่มาก มันเป็นรูปที่เอามาจากโพรไฟล์เฟซบุ๊คของผมเองล่ะครับ

            “โห เล่นใหญ่มาก...แล้วไหนน้องพี่พรตอ่ะ”

            “ปีสองไปรับอยู่ เดี๋ยวออกไปเจอหน้าประตู”

            “อืม งั้นผมไปแล้วนะ”

            “เสร็จเมื่อไหร่โทรบอกด้วย”

            “โอเค เจอกันครับพี่พรต”

            หลังจากคุยกันแล้วผมเลยรีบเดินเข้าไปหาสายรหัสซึ่งกำลังทำท่าเหมือนมองหาผมอยู่ และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้พอจะเห็นหน้าพี่ปีสามแล้วก็ต้องตกใจอีกรอบครับ

            เขาคือพี่ที่เช็คแถวก่อนเข้าห้องเชียร์ และผมจำได้แม่นเลยว่าเขาเป็นผู้หญิงที่โคตรโหด เป็นคนที่น่ากลัวมากในสายตาเพื่อนทั้งรุ่น

            “เฮ้ยๆๆ ไอ้ว่าน นั้นน้องพรานใช่มั้ย”

            ...เชี่ย พี่เขาเห็นแล้ว

            ผมเลยหมดเวลาลังเลแล้วเดินตรงเข้าไป ยกมือไหว้พี่อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่เขายิ้มรับอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนซึ่งนั่นทำให้กำลังใจผมดีขึ้นมาก เพราะปกติพี่เขาหน้าดุหน้านิ่งจนดูเข้มงวด ผมยังจำสีหน้าเหวี่ยงๆ ของเขาได้ดีตอนที่ผมถือถังน้ำไปชนคราวนั้น

            “สวัสดีครับ”

            “น้องพราน พี่ชื่อแพรนะ นี่ว่านปีสอง แล้วก็พี่หวานปีสี่ พี่ซันห้า แล้วก็พี่ที โอเค ไปกินข้าวกัน”

            พี่แพรแนะนำตัวทุกคนเร็วมากจนผมแทบไม่มีเวลาจำอะไรเลยเพราะต้องเดินตามพี่เจ้าตัวซึ่งนำทุกคนออกไปทางประตูคณะแล้ว ผมยอมรับเลยว่าแปลกใจกับการคิดเร็วทำเร็วของพี่แพรมาก ปกตินอกจากดุแล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจะเร็วเลยนะ

            “ฮ่าๆ พี่แพรก็งี้แหละ”

            พี่ปีสองที่ชื่อว่านลดฝีเท้ามาเดินข้างผม พี่เขาเป็นคนที่ดูน่ากลัวน้อยสุดในนี้แล้วเพราะเป็นผู้ชายตัวไม่ใหญ่มากและใส่แว่นดูคงแก่เรียน แล้วอาจด้วยความที่เป็นปีใกล้กันด้วยล่ะมั้งเลยทำให้ผมค่อนข้างรู้สึกสบายใจที่จะคุยตอบ

            “ครับ แล้วเดี๋ยวเราไปที่ไหนกันอ่ะ”

            “พี่ซันจองร้านสเต๊กไว้แล้วน่ะ แถวพญาไท”

            “น้องพรานกินได้ป่ะ”

            อยู่ๆ พี่ซันซึ่งเดินคุยอยู่กับพี่แพรข้างหน้าก็หันกลับมาถาม

            “ได้ครับ กินได้หมดเลย”

            “เฮ้ยพี่ซัน แต่น้องมันกินไม่ได้อยู่อย่างนึง”

            แต่แล้วพี่แพรก็เอ่ยขัดขึ้น ทำเอาผมงงเลยครับว่าพี่แพรรู้ได้ยังไง ผมพยายามทบทวนว่าตัวเองกินอะไรไม่ได้บ้างแต่ก็ไม่เคยบอกใครเลยนะ

            “ไรอ่ะแพร”

            “ก๋วยเตี๋ยว ‘เผ็ดมาก’”

            ...ไอ้เหี้ยพี่พรตตตต

 

 


 

            “สรุปคบกันแล้วใช่ป่ะ”

            ผมแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่เมื่อพี่แพรยิงคำถามนี้ขึ้นมากลางโต๊ะอาหารที่ห้อมล้อมไปด้วยสายรหัสทั้งสาย ผมเลยรีบคว้าทิชชู่มาเช็ดปากให้เรียบร้อยก่อนตอบ

            “ก็ทำนองนั้นครับ”

            “โห ไรวะ พี่ปีสี่แล้วยังไม่มีเลย นี่โสดคนเดียวในสายแล้วมั้ง”

            คนถามเป็นพี่แพร แต่คนที่โวยวายขึ้นมากลับเป็นพี่หวาน ทำเอาผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ เพราะไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี

            “แล้วคือไอ้พรตมันขอก่อนเหรอ”

            “ครับ”

            “โอ้โห ไอ้พรตแม่งร้ายมาก”

            บางทีผมก็รู้สึกฝืนๆ ในการตอบคำถามต่อหน้าคนที่ยังไม่สนิทหลายๆ คนนิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องพี่พรตนี่แหละครับ บอกเลยว่าโคตรเขินแต่ต้องปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ

            “ไอ้พรตชอบมาปรึกษานู่นนี่ จนสุดท้ายพี่ด่ามันให้ไปขอคบอีกรอบซะ”

            ผมหัวเราะ ทำไมไม่รู้มาก่อนเลยวะ ว่าพี่พรตที่ทำตัวชิลไปวันๆ นี่จะมีโมเม้นท์มาปรึกษาเรื่องความรักให้เพื่อนสาวช่วยกับเขาด้วย คิดภาพแล้วตลกชิบหาย

            “แต่นี่ก็แฮปปี้ใช่มะ”

            “ก็ดีครับ”

            “อือ ดีแล้วล่ะ ยินดีด้วย”

            ไปๆ มาๆ ผมกับพี่แพรคุยกันเยอะที่สุดเลยล่ะครับ ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ว่าพี่แพรที่คุยอย่างอารมณ์ดี ดูร่างเริงคนนี้จะเป็นคนเดียวกับพี่ระเบียบที่ทั้งรุ่นกลัวและเกรงพอๆ กับพี่ว้าก...คณะผมแม่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ นั่นแหละ

            “อะไรอ่ะแพร เอาตัวน้องไปคุยอยู่คนเดียว น้องครับๆ”

            ผมหันไปทางพี่ปีเก้า ซึ่งเพิ่งตรงมาจากที่ทำงานและมาเจอที่ร้านเมื่อกี้โดยไม่ได้เข้าไปคณะ พี่เขาชื่อโย เป็นคนที่พี่ว่านเล่าให้ฟังว่าเก่งมากจนถูกทาบทามไปทำงานในบริษัทสถาปนิกอันดับต้นๆ ของประเทศตั้งแต่เรียนยังไม่จบ และตอนนี้ก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายดีไซน์ของบริษัทที่งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย

            “ครับ”

            “น้องพรานอยู่เซคสตูกับใคร”

            “อาจารย์กิ๊กครับ”

            “อ้อ...พี่เคยอยู่ๆๆ”

            “เฮ้ย เค้าโหดป่ะครับ เห็นหลายคนบอกว่าเกรดโหดมาก”

            “ก็ไม่ขนาดนั้นนะ...”

            ผมนั่งคุยกับพี่รหัสคนนู้นที่คนนี้ทีอย่างสนุกสนาน ตอนแรกถ้าดูจากหน้าตาก็ดูน่ากลัวกันหมดนะ แต่พอเริ่มได้คุยก็พบว่าทุกคนเฟรนด์ลี่และพยายามชวนผมพูดตลอดจนผมไม่รู้สึกเกร็งอีกต่อไป ไม่ใช่แค่กับผมซึ่งเป็นน้องปีหนึ่งเท่านั้นนะครับ แต่ยิ่งเห็นพี่ๆ ปีโตในสายพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ทำให้ผมรู้สึกว่าสายนี้เป็นสายรหัสที่เหนียวแน่นน่ารักและให้บรรยากาศเหมือนครอบครัวมากๆ เราคุยกันต่อทั้งที่สเต๊กในจานหมดไปนานแล้ว เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงโดยไม่มีใครรู้ตัว

            “พี่ๆ ร้านจะปิดแล้วนะ” พี่ทีโพล่งขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นบริกรเริ่มเก็บจานชาม

            “เฮ้ย สี่ทุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

            “เชี่ย เม้าท์เพลินเลย...น้องพรานกลับไงอ่ะ”

            “เดี๋ยวแฟนเค้ามารับ”

            คนที่ตอบไม่ใช่ผมนะครับ เป็นพี่แพรที่พูดด้วยท่าทีติดจะหมั่นไส้ ทำเอาผมอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้

            “อ้อ เราก็ลืม โทษๆ”

            จากนั้นพี่ๆ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ บางคนที่ไม่ได้เอารถมาก็ติดรถไปลงที่สถานีบ้าง จนสุดท้ายเหลือแค่ผมที่รอพี่พรตมารับกับพี่แพรซึ่งมีคอนโดอยู่แถวนี้และกำลังจะเดินกลับไปเอง ผมยกมือไหว้พี่แพร แต่แทนที่เขาจะกลับพี่แพรกลับดึงผมเอาไว้ก่อน

            “อ้อพราน ช่วงนี้ดูแลไอ้พรตมันหน่อยนะ”

            “หืม ทำไมล่ะครับ”

            เท่าที่ดูพี่พรตก็ปกติทุกอย่างนะ โปรเจกต์สตูก็ดูไปได้สวย มีแค่ดูเหงาๆ นิดหน่อยซึ่งผมก็จะไปค้างด้วยแล้ว

            “มันกำลังปั่นโปรเจกต์ประกวดน่ะ”

            “อ้าว มีงานนอกด้วยเหรอครับ”

            “จริงๆ มันก็ทำอยู่บ่อยๆ นะ ช่วงที่มันให้พรานช่วยโปรเจกต์ของอาจารย์ไง”

            “...”                                                       

            “พ่อชอบมันให้ลงประกวดน่ะ คอยดูๆ หน่อยละกัน ครั้งนี้น่าจะโดนกดดันเยอะอยู่”

            เอาจริงนอกจากขอให้ช่วยงานแล้วพี่พรตก็ไม่เคยบ่นอะไรเกี่ยวกับงานให้ผมฟังเลยซึ่งนั่นทำให้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ คิดว่าเขาแค่เรียกไปตามประสาคนที่เดือดเป็นประจำเฉยๆ และเท่าที่ไปห้องมาหลายครั้งเรียกได้ว่าไม่เคยเห็นพี่พรตทำงานอื่นนอกจากงานคณะเลยด้วยซ้ำ




            “ได้ครับ เดี๋ยวผมดูให้เอง”





-----------------------------------------------------------------------------------------------------
สสัสดีค่ะ ตอนนี้มาเยอะหน่อยเพราะเดี๋ยวจะไปค่าย7วันเลยค่ะและไม่มีสัญญาณอะไรใช้เลย 555
แต่จะฝากเพื่อนเข้ามาอัพให้สักประมาณคืนวันเสาร์นะคะ (น่าจะได้สัก50%ของตอนค่ะ)

ขอบคุณที่รอนะคะ ฝากพรตพรานด้วยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2016 22:26:23
พราน ชุดแจ๋วซักผ้า น่าจะน่ารักนะ
โดนพี่พรต แกล้งอีก
พราน โชคดีได้สายรหัสที่ดี เหนียวแน่น :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: pizza2011 ที่ 13-12-2016 22:31:08
คบกันเพราะจะหลอกน้องพรานมาตัดโมป่าวเนี่ยพรต 5555  นี่มันโรงงานตัดโมนรกนี่  ตอนนี้ก็คบกัน รออ่านดราม่าบ้านพรตค่ะ  ดุเดือดเเน่นอน
ปล. อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ เราว่าตัวเรื่องยังมีจุดงงๆหลายจุด เหมือนคนเขียนจะทิ้งปมทิ้งตัวละครไว้ให้สงสัย  คนเขียนอย่าลืมนะ  แล้วก็ตอนช่วงรับน้อง ที่มีคนหัวแตกในหัวเชียร์ เราว่าเรื่องดำเนินแปลกๆนะ ดูไม่สมจริงเท่าไร timing สับสน  ( อันนี้เราอาจคิดมาก 555) แต่ละตอนมันยาวโอเคนะ เราชอบแต่ความก้าวหน้าในแต่ละตอนน้อย  เราว่าสิบกว่าตอนผ่านมา พรตกับพรานยังดูมีความประทับใจต่อกันน้อย  มันยังไม่กร๊าวใจเลย 5555 ถือว่าพรานใจอ่อนมาที่ยอมคบกับพรต เป็นเรา เรายังไม่สนใจพรตเลย 555
เป็นกำลังใจให้แต่งจนจบนะค่ะ  จะรออ่านเหมือนกัน  อย่าทึ้งกันไปนาน กลัวจะลืมแล้วก็หาทางมาอ่านกันไม่เจอ 5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 14-12-2016 17:20:36
 :z1:พรตพราน พรตพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 14-12-2016 19:16:37
พี่พรานเนียนโคตร แผนเอาผ้ามาให้ซักใช่มะ 555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 14-12-2016 19:23:08
เพิ่งเห็นว่าพี่พรตน้องพรานกลับมาแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆ อย่าหายไปอีกน้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-12-2016 20:54:30
แหมๆ พี่พรตเนียนเลยนะ
ไม่ทีขัดหรอกเรื่องเสื้อน่ะ
แล้วก็นะพี่พรตกับพี่แพรเขาสนิทกัน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 16-12-2016 01:34:58
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 17-12-2016 17:31:33
ตอนใหม่ยังไม่มา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 17-12-2016 22:48:17


::: CHAPTER 20 :::





         ตอนที่พี่พรตขับรถมารับผมที่ร้านสเต๊กก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มซึ่งสายของเขากินเสร็จกันสักพักแล้ว พี่พรตเลยขับรถมาจอดรอแถวพญาไทเพื่อคอยรับพอดี ทำให้ผมเลยไม่ต้องยืนคอยนานเท่าไหร่ก่อนจะเห็นรถสีขาวคันหนึ่งจอดเทียบบริเวณฟุตบาธที่ผมยืนอยู่ และเมื่อมองเห็นพี่พรตแล้วผมก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งทันที

            “เลี้ยงสายเป็นไงครับ”

            “ดีนะ น้องรหัสเป็นผู้หญิงชื่อน้ำ พรานรู้จักป่ะ”

            “อ้อ รู้ครับ แต่ไม่ค่อยสนิท”

            เพื่อนที่ชื่อน้ำคนนี้เป็นคนที่ไม่ได้มารับน้องบ่อยเท่าไหร่เลยไม่ค่อยรู้จักกันครับ แต่ผมก็เคยทำงานกลุ่มด้วยครั้งหนึ่งซึ่งเขาก็เป็นคนนิสัยโอเคเลย

            “แล้วไอ้แพรเป็นไง”

            “โหพี่พรต ผมนึกว่าพี่เขาจะดุ ตอนแรกกลัวนะแต่กลายเป็นว่าเฟรนด์ลี่มาก คุยกับผมตลอดเลยอ่ะ”

            ผมรัวใส่พี่พรตเหมือนได้ระบายความอัดอั้นออกมาจนหมด และพอพี่พรตได้ยินก็หัวเราะออกมาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปบนถนน

            “ฮ่าๆ แพรก็งี้แหละ สายมันตื่นเต้นมาก เสิร์ชหาเฟซบุ๊คพรานกันตั้งแต่ปิดเทอม”

            “จริงป่ะเนี่ย ผมก็กลัวอยู่ตั้งนาน ตอนนั้นเคยถือน้ำไปชนทีนึงโคตรน่ากลัวอ่ะ”

            “มันคงตั้งใจโหดใส่”

            “ไม่น่าล่ะ...”

            ผมยังจำได้ดีว่าวันนั้นพี่แพรเหวี่ยงจนผมงงเลยว่าทำไมจะต้องชักสีหน้าใส่กันขนาดนี้ ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์เลยครับ ปีหนึ่งแม่งเป็นช่วงเวลาที่ถูกหลอกง่ายมากๆ คงเป็นเพราะจากโตสุดในโรงเรียนกลายเป็นน้องเล็กสุดในมหาวิทยาลัยทำให้สกิลการวางตัวเป็นผู้นำนั้นลดลงไปค่อนข้างมาก เหมือนทำอะไรก็จะเกรงๆ นี่ก็โดนหลอกมาหลายเรื่องแล้วตั้งแต่เฉลยพี่เนียน และผมว่ายังมีอีกหลายเรื่องเลยที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น

            อีกเรื่องที่ผมคาใจมากในวันนี้คือเรื่องงานประกวดของพี่พรต จะนับว่ามันป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นก็ว่าได้ ผมเชื่อมาตลอดจริงๆ ว่าพี่พรตเป็นคนขี้เดือด หมายถึงเป็นบุคคลที่จะเดือดอยู่บ่อยๆ จนต้องเรียกผมมาช่วย ไม่คิดเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่พรตจะต้องทนทำสองโปรเจกต์ไปพร้อมกันแบบนี้

            “พี่พรต”

            “ว่า?”

            “พี่พรตทำประกวดแบบอยู่เหรอ”

            สายตาของพี่พรตยังคงจ้องมองไปด้านหน้าแต่ท่าทางเขาเหมือนชะงักไปนิกนึง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับในที่สุด

            “อืม ก็ทำเรื่อยๆ แหละ”

            “เสร็จยัง ให้ช่วยไรมั้ย”

            “ยังไม่เสร็จ แต่ไม่ต้องหรอก”

            ...พี่พรตก็เป็นแบบนี้ตลอด เขาไม่ชอบเล่าอะไรให้ใครฟังเท่าไหร่ เขาไม่เคยเอาเรื่องเครียดๆ ของครอบครัวหรือเพื่อนมาปรึกษาของผมเลย ครั้งเดียวที่ผมได้รับรู้คือเรื่องตั้งแต่ที่โรงพยาบาลคราวนั้น แต่หลังจากนั้นเขาก็ทำตัวเหมือนโอเคมาตลอด รวมถึงที่เขามีทีท่าอยากให้ผมมาค้างคอนโดด้วยบ่อยๆ อาจเพราะต้องการให้ช่วยเหลือรึเปล่า



            “พี่พรต เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อยดิ”



            พี่พรตถอนหายใจแล้วเงียบไปอีกแล้ว เขาไม่ตอบหรือพูดอะไรอีกเลย จนในที่สุดก็มาถึงหน้าคอนโดที่คุ้นเคย เขาหักเลี้ยวเข้าที่จอดแล้วดับเครื่องลง


             “ถึงแล้ว”

             




             
              ผมไม่แปลกใจเลยเมื่อพี่พรตเปิดประตูห้องมาแล้วได้เห็นกระดาษร่างหลายแผ่นวางเกลื่อนอยู่บนพื้น ผมไล่สายตามองแต่ละแผ่นก็พบว่ามันไม่ใช่แบบร่างของงานชิ้นที่ผมมาตัดโมเดลให้ แต่มันคงเป็นโปรเจกต์ประกวดที่เขากำลังทำอยู่

            “อันนี้งานประกวดใช่ป่ะ”

            “ใช่ เดี๋ยวคืนนี้ต้องทำต่อน่ะ”

            ผมหันกลับไปมองสีหน้าเซ็งๆ ของพี่พรตแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ถึงผมจะช่วยอะไรมากไม่ได้แต่อย่างน้อยก็อยากให้เขาไม่รู้สึกแย่กับมัน

            “เดือดมั้ย”                                               

            “จะว่าไงดีอ่ะ...คืนนี้คงยาวแหละแต่เสร็จแน่ๆ นายนอนก่อนได้นะ”

            “เฮ้ย งั้นเดี๋ยวช่วย พรุ่งนี้พรานไม่มีเรียน”

            ผมรีบสวนกลับด้วยความติ่นเต้น รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่พี่พรตไม่มีท่าทางเหมือนอยากปิดบังเหมือนอยู่บนรถเมื่อกี้

            “เรียกตัวเองว่าพรานอีกแล้ว”

            ...เชี่ย เมื่อกี้ผมไม่ได้สังเกตตัวเองเลย

            แต่ผมก็นึกชมตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้พี่พรตหัวเราะออกมาเบาๆ เขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก และยกมือขึ้นมายีหัวของผมจนยุ่งไปหมด ผมรู้สึกเขินขึ้นมาทันทีแต่ก็แสร้งทำเป็นโวยวายจนเขาเอามือออกไป

            “น่ารักจัง มากอดทีดิ”

            “เล่นงี้เลยเหรอ”

            ผมโวยขึ้นอีกทีเมื่อพี่พรตจับตัวผมให้หันเข้าไปหา เขาจ้องผมอย่างจริงจังจนทำให้ผมไม่กล้าสบตากลับ แต่แล้วเสียงงอแงที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่พรตก็ดังขึ้น พี่พรตแม่ง...เดี๋ยวก็ซีเรียสเดี๋ยวก็เหมือนเด็ก ผมชักเอาใจตามไม่ถูกแล้ว

            “เดี๋ยวนี้นายไม่ยอมให้กอดแล้วเหรอ ทำไมอ่ะๆๆ”

            “เออ งั้นมาดิ”

            ผมเลยจำใจเป็นฝ่ายโอบแขนรอบตัวพี่พรตก่อนอย่างหลวมๆ ซึ่งเหมือนจะไม่ค่อยถูกใจเขาเท่าไหร่ เพราะยังไม่ทันโอบรอบพี่พรตก็เป็นฝ่ายดึงผมเข้าอ้อมกอดของเขาเสียเอง หัวใจพี่พรตเต้นแรงไม่แพ้ของผม สักพักเขาก็ค่อยๆ กดหน้าลงกับไหล่ข้างนึงแล้วค้างไว้อย่างนั้นแล้วเริ่มต่อรอง

            “ขอห้านาที”

            “นานไป พรานเมื่อย”

            “งั้นสี่นาที”

            “ให้สาม”

            เขาไม่ต่อรองอะไรอีกแต่ยังคงกอดค้างไว้อย่างนั้นจนผมว่ายังไงมันน่าจะเกินสามนาทีชัวร์ๆ ผมเริ่มรู้สึกเมื่อยขึ้นมาจริงๆ เลยพยายามจะดันตัวเองออกมา แต่ก็นั่นแหละครับ พี่พรตก็ยังไม่ยอมอยู่ดี ซ้ำยังออกแรงมากขึ้นด้วย จนในที่สุดเขาก็คลายอ้อมแขนแต่ก็ยังไม่ปล่อยตัวผม


            “นี่”

            “อะไรอีก พรานเมื่อยแล้วนะ”

            “เมื่อกี้ซักเสื้อไม่สะอาดเลยอ่ะ”

           

            สุดท้ายคืนนี้ผมกับพี่พรตก็ลงมานั่งบนพื้นทำงานกัน แบบประกวดดีอย่างครับคือไม่ขอดูโมเดล งานส่วนมากเลยเป็นงานที่ทำในคอมพิวเตอร์ซึ่งผมยังทำไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ พี่พรตเลยให้ผมทำงานที่ไม่ต้องใช้โปรกแกรมเฉพาะทางแต่ให้ทำโฟโต้ช็อปแทน นี่ยังดีหน่อยที่ผมยังพอตัดต่อรูปเป็นเลยได้เอารูปทัศนียภาพที่เรนเดอร์ขึ้นมาในโปรแกรมไปแต่งให้ดูสมบูรณ์ขึ้น ถึงผมทำแล้วจะไม่เชี่ยวชาญหรือคุณภาพดีเท่าที่พี่พรตทำเองแต่ก็ยังดีกว่าถ้างานจะลดลงแหละครับ

            พี่พรตนั่งทำงานไปฮัมเพลงที่เปิดคลอไว้ไป ผมเห็นท่าทางของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นก็ค่อยสบายใจหน่อย นี่ถ้าผมไม่ดึงดันจะช่วยทำ มีหวังเขาจะต้องทำคนเดียวแล้วเครียดอีกแน่ ผมคิดนู่นคิดนี่พลางแปะต้นไม้ต้นสุดท้ายลงบนรูป ปรับความเข้มของเลเยอร์แล้วย่อขยายให้ได้รูปทรงและตำแหน่งที่ต้องการ

            “หืม สวยนิ”

            อยู่ๆ พี่พรตก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมเบี่ยงหลบเกือบไม่ทัน  ประเด็นคือไม่ใช่ใกล้หน้าจอคอมพ์นะครับแต่ใกล้หน้าผมเนี่ยแหละ


            “นี่ ขอกำลังใจหน่อย”

            อยู่ๆ พี่พรตก็หันมาพร้อมสายตากุ้มกริ่มทำเอาผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ ผมเลยต้องทำใจดีสู้เสือแล้วถามเอง


            “กอดเหรอ”


           “ขอมากกว่านั้นได้ป่ะ”



            แรงสะกิดที่เพิ่มขึ้นทำให้ผมจำใจต้องละสายตาจากงานที่ทำอยู่แล้วหันไปสบตากับเขา


           
           “จะขออะไร”



            “จูบ”









--------------------------------------------------------------------

เดี๋ยวมาต่ออีก 50ให้หลังลงจากค่ายนะะ

เจอกันค่าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 17-12-2016 23:07:03
แง้งงง รอค่าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-12-2016 23:54:57
งื่อออออออออออออออออออออ รอออออออออออออออออออออออออ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-12-2016 00:06:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 18-12-2016 00:22:06
แอร๊ยยยยยยย ค้างค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
รอต่อน้าาาาา
T^T
 :mew6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ตะวันฉาย ที่ 18-12-2016 05:54:20
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกดีครับ
รอติดตามอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 18-12-2016 11:05:46
พี่พรต เนียนนะเนียนนมากกกก งุ้ย ขอเติมพลังแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-12-2016 12:23:48
น่ารักกกกอะ รอพี่พรตน้องพรานค่าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 18-12-2016 16:49:50
เอาแล้วๆ พี่พรต...
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 18-12-2016 21:43:56
รอ รอ รอ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 19-12-2016 00:03:54
อื้อหือ!!! อัพรัวๆๆๆ หลังจากหายไปนานเลย
ชอบๆๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะ   o13 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 19-12-2016 02:32:10
พี่พรตดูเล่นมากเกินไปจนดูไม่น่าไว้ใจเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-12-2016 06:28:53
กอดก็กอดแล้ว
กะอีแค่จูบ สบายๆนะพราน :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน19 : P21: 13.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 19-12-2016 07:17:40
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 20-12-2016 04:22:30
มารออีกครึ่ง  :o8:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-12-2016 06:43:05
ขอกันแบบนี้เลยเหรอค่ะพี่พรต แล้วน้องพรานจะยอมมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-12-2016 22:28:00
ขอกันตรงๆเลยเหรอพี่พรต
คงอยากรู้แหล่ะว่าพราณจะรู้สึกยังไง
เพราะครั้งแรกมันดูแบบว่าๆๆๆ อะไรดีหว่า 5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 21-12-2016 20:12:53
เมื่อไหร่นข.จะกลับมาาาาา อยากอ่านต่อแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 : P21: 17.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ZiiZone ที่ 25-12-2016 01:35:49
 :z3: มาต่อไวๆนะะะะะะะ

 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 27-12-2016 00:30:50


: CHAPTER20 (100%) :





         ผมถึงกับชะงักกับคำขอครั้งนี้ ไม่ใช่ไม่อยากให้นะครับ แต่ผมกลัวการถูกจู่โจมในรูปแบบนี้ที่สุด คราวที่แล้วผมก็ไม่รู้ตัวเลยตอนผลักพี่พรตออก และถ้าให้เลือกได้ผมก็ไม่อยากเป็นฝ่ายผลักเขาออกอีกรอบเลยคิดว่าการปฏิเสธแบคุยกันก่อนอาจทำให้มันดูนุ่มนวลขึ้นก็ได้

            “ไม่เอาพี่พรต”

            “ทำไมอ่ะ”

            พี่พรตถามเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าแล้วทำปากยื่นเหมือนผู้หญิง ทำเอาผมอดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้

            “คิดว่าน่ารักมากดิ”

            “มาก”

            ผมเบ้ปากทีนึงก่อนจะค่อยๆ เขยิบตัวออกห่างให้เนียนที่สุด แต่พี่พรตกลับไหวตัวทันแล้วดึงแขนผมเอาไว้ก่อน ทำให้ผมจำใจต้องเลิกขืนแล้วนั่งลงอย่างเดิม

            “ไม่ให้เหรอ”

            ผมถอนหายใจ บางทีมันก็อธิบายยากเหมือนกันนะ

            “ไม่ใช่หรอก ลองดูอีกก็ได้แต่พรานกลัวเฉยๆ”

            “ทำไมกลัว”

            พี่พรตดูกังวลขึ้นมาทันที ทำให้ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเล่าให้กังวลเพิ่มอีกดีมั้ย

            “ตอนเด็กเหมือนเคยโดนอ่ะ แล้วมันไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ หลังจากนั้นเลยกลัวมาตลอด”

            พี่พรตไม่ว่าอะไร เขาแค่พยักหน้าเหมือนเข้าใจซึ่งผมรู้สึกขอบคุณมากที่เขาหยุดลงแค่นั้น เพราะผมยังคงจำเหตุการณ์     นั้นได้ดีและไม่อยากให้ใครรู้เท่าไหร่ ตอนนั้นใบพลูมันคบรุ่นพี่ซึ่งโตกว่าผมปีนึงเขามาที่บ้านแล้วผมก็แอบเห็นเขาจูบกับใบพลูในห้องครัวซึ่งทำให้ผมช็อคมากเพราะที่ผ่านมาผมออกตัวว่าหวงน้องสาวมาตลอด และมันไม่จบแค่นั้นครับ ช่วงที่ใบพลูไปเข้าห้องน้ำอยู่ๆ รุ่นพี่คนนั้นก็ตรงเข้ามาแล้วจูบผมอย่างรุนแรงพร้อมกับบอกทำนองว่าผมน่ารักดี

            เขาอาจล้อเล่นและทำไปตามความคึกคะนองของวัยรุ่น แต่ตอนนั้นเหมือนเป็นฝันร้ายที่เห็นภาพของน้องสาวตอนถูกจูบมาซ้อนทับกับตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ผมถึงกับวิ่งไปอาเจียนอย่างหนักในห้องน้ำด้วยความขยะแขยง หลังจากนั้นมาถึงจะมีแฟนยังไงผมไม่เคยจูบเลยครับ เพราะมันจะทำให้ผมนึกไปถึงช่วงเวลานั้นจนได้

            “อืมๆ โอเค ไม่ทำแล้ว”

            พี่พรตปล่อยมือออกจากแขนผมอย่างว่าง่าย...ง่ายจนผมรู้สึกเกรงใจเลยล่ะ เขานิ่งจนผมรู้สึกเหมือนทำบรรยากาศเสียเอง เขาจะคิดมากหรือโทษตัวเองอะไรมั้ยเนี่ย

            “เอ่อ หมายถึง...กลัวที่ตัวพรานเองนะ ไม่ได้กลัวพี่พรต”

            “อื้อ เข้าใจแล้ว”

            พี่พรตมองผมด้วยสายตาเหมือนกำลังเอ็นดูอยู่อย่างไรอย่างนั้น ทำเอาผมเริ่มรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นมาเลย พี่พรตดีกว่ารุ่นพี่คนนั้นหลายเท่าและยังอยู่แล้วสบายใจกว่าแฟนคนที่ผ่านมาของผม เป็นคนที่เข้ามาแล้วทำให้ผมได้รู้ว่าผู้ชายคบกันไม่ได้เลวร้ายสักหน่อย แต่ผมกลับไม่สามารถทำใจให้ยอมรับได้อยู่ดี


            “คือวันนั้นพรานโดน...”


            ผมไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป เพราะก่อนที่ผมจะได้เข้าเรื่อง พี่พรตกลับเอามือมาปิดปากเอาไว้ไม่ให้พูดต่อ


            “ไม่ต้องเล่าก็ได้นะ”


            “แต่...”


            “อะไรที่ไม่สบายใจจะพูด ไม่ต้องฝืนเล่าหรอก”


            “...”


            “พรานแคร์คนอื่นมากพี่รู้ แต่ตอนอยู่ด้วยกัน พี่ก็อยากให้พรานสบายใจในทุกเรื่อง”


            “...”


            “เข้าใจนะครับ”


            ผมพยักหน้าแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของพี่พรต ยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกว่าตัวเองโชคดียังไงไม่รู้ที่ได้มาเจอเขา แต่ไหนแต่ไรมานิสัยของผมที่อยากแก้ไขมาตลอดคือการเป็นคนที่ใส่ใจรอบตัวมากกว่าตัวเองและขี้กังวลว่าคนจะมองตัวเองแบบไหน เลยทำให้บางทีไม่ค่อยกล้าพูดกล้าทำอะไรเท่าที่ควร


            “พี่พรตก็เหมือนกัน”


            “...”


            “เครียดอะไรมาก็พูดกับพรานได้”


            พี่พรตยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่ดูสบายใจมากจนผมอดยิ้มตอบไม่ได้ เขายกมือขึ้นลูบหัวผม การกระทำนี้ทำให้ผมชะงักไปครู่หนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่พี่พรตเหมือนตั้งใจสื่อความรู้สึกอย่างระมัดระวัง มือของพี่พรตอบอุ่นมากในความรู้สึกและอ่อนโยนเหลือเกินเมื่อเขาบรรจงลูบเบาๆ ไปมา

            “น่ารักจัง มากอดอีกที”

            “เห้ยไม่เอา ทีเดียวพอ”

            ขอพูดตรงๆ เลยว่าผมโคตรเขิน ไม่เอาแล้ว

            “ยังก็ได้ เดี๋ยวตอนดึกขออีกที”

            พี่พรตคงเห็นผมเขินจนออกนอกหน้าเลยลดมือลงแล้วจงใจมองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มแทน หมดกันเลยครับบรรยากาศเมื่อกี้ พี่พรตกลับมาเป็นโหมดกวนตีนตามปกติแล้ว ผมเลยผลักตัวพี่พรตออกแล้วออกปากไล่

            “ไปนั่งนู่นเลย”

            “อะไรอ่ะเมื่อกี้ยังยอม”

            “ไปทำงานเลยพี่พรต เรนเดอร์ยังไม่เสร็จอย่ามาอู้”

            “ครับๆ ดุจัง”

            ผมถลึงตาใส่ด้วยความหมั่นไส้ เบนสายตาไปมองกรอบรูปที่ตั้งเรียงรายอยู่หน้าทีวี ส่วนมากเป็นรูปถ่ายแบบของพี่พรตสำหรับบทสัมภาษณ์ในเพจและนิตยสารตามโอกาสต่างๆ แล้วยังมีรูปตอนเผลอจากแฟนคลับในมหาลัยที่มีโน๊ตติดไว้ทำนองว่าพี่พรตหล่อมากซึ่งผมเชื่อว่าหนึ่งในนั้นอาจมีของพลูด้วยก็ได้ พอมองกรอบรูปพวกนั้นแล้วผมก็นึกขำอยู่ในใจไม่ได้ทุกที ผู้ชายอะไรวางตัวดีและดูดีในสายตาคนภายนอกเหลือเกิน แต่ในความเป็นจริงแม่งโคตรกวนตีน ถ้าจะบอกว่าเสียดายหน้าตาก็คงไม่แรงไปหรอกครับ

            “หล่ออ่ะดิ”

            “เออ! หล่อมากกกกกกกกกกกกก”

            ถ้าไม่ติดว่าเป็นรุ่นพี่จะยกนิ้วลางใส่แล้วครับ ช่วงนี้ผมยกนิ้วกลางจนชินมือเพราะติดมาจากเพื่อนในรุ่น บางคนนี่ถึงขนาดทักทายเพื่อนผู้หญิงด้วยการชูนิ้วกลางด้วยซ้ำ

            “ฮ่าๆๆ นายตลกอีกแล้ว”

            “ทำงานดิพี่พรต”

            “ครับๆๆๆ”

           



           
            ผมกับพี่พรตนั่งทำงานกันเงียบๆ ผมนั่งนับรูปที่อยู่ในโฟลเดอร์รูปที่เสร็จได้ประมาณสิบสองรูป ก็นับว่าพี่พรตทำเรนเดอร์ได้เร็วอยู่และไม่ต้องมาแต่งอะไรมากด้วย ผมอดชื่นชมไม่ได้ สกิลไม่ได้เลวร้ายสักหน่อยแล้วทำไมพี่พรตชอบบอกว่าตัวเองทำไม่ดีวะ อย่างรูปนี้ก็แค่เอาคนกับพวกองค์ประกอบอื่นมาใส่ คัดเงาเพิ่มนิดหน่อยก็ออกมาดูโอเคแล้ว

            “ไปขี้แปปนะ”

            “อือ”

            ผมตอบโดยไม่ละสายตาจากจอคอมพ์ ค่อยๆ ตัดรูปเก้าอี้อย่างระมัดระวังไม่ให้มันล้ำเข้าไปในตัวรูป จากั้นก็ลากเข้าไฟล์ของพี่พรตเพื่อปรับขนาดให้เข้ากัน


            ครืด ครืด


            เสียงสั่นจากโทรศัพท์ของพี่พรตที่วางไว้บนโต๊ะทำให้ผมจำใจต้องปล่อยเมาส์แล้วลุกไปดูหน้าจอให้ พอเห็นเป็นพ่อเขาโทรมาผมเลยกลัวว่าอาจมีเรื่องด่วนอะไร จึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าประตูห้องน้ำทันที

            “พี่พรต พ่อโทรมา”

            “รับไว้ก่อนๆ”

            ผมเลยกดรับแล้วยกขึ้นแนบหูพลางเดินกลับไปนั่งที่หน้าจอเหมือนเดิม

            “ฮัลโหล”

            “ไอ้พรต นี่อะไรของแกวะ!”

            เสียงโวยวายที่ดังแทรกขึ้นมาทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วแล้วดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู จัดว่าโคตรดังเลยครับ เหมือนพ่อพี่พรตกำลังไม่พอใจอะไรเอามากๆ และรัวประโยคจนทำให้ผมไม่มีช่องว่างจะพูดแทรกอะไรได้เลย

            “แบบห่วยขนาดนี้ยังกล้าเขียนออกมาอีกนะ พฤตไม่อยู่แล้วก็ออกแบบไม่เป็นแบบนี้ นี่ถ้าแม่แกเห็นคงไม่ปล่อยไว้”

            “คือ...”

            “แกไม่ต้องพูดอะไรอีก! พรุ่งนี้เข้าบริษัทด่วนเลย เราต้องคุยกันยาว”

            “ผม...”

            “นี่ เข้าบริษัทพรุ่งนี้ จบนะ ฉันต้องเคลียร์แบบลูกค้าต่อ ไม่ว่างมาวิจารณ์แบบห่วยๆ ตอน...”

            ขณะที่ผมกำลังตอบอะไรไม่ถูกอยู่นั้น โทรศัพท์ที่ถือไว้ก็ถูกดึงไปเสียก่อน ผมหันไปมองพี่พรตที่ออกมาจากห้องน้ำตอนไหนไม่รู้ พ่อพี่พรตโมโหขนาดนี้ผมก็กลัวขึ้นมาเลยว่าเขาจะต้องเครียดมากแน่ เลยมองตามพี่พรตไปอย่างเป็นห่วงซึ่งภาพที่ผมเห็นคือเขาเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานพร้อมตอบรับปลายสายไปด้วยท่าทางปกติเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น

            “เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมเข้าไป”

            พี่พรตวางโรศัพท์ลงกับโต๊ะแล้วหันกลับไปทำเรนเดอร์ในคอมพ์ต่อเหมือนเดิม ทำเอาผมอดร้อนใจแทนไม่ได้

            “พี่พรต...ไม่เป็นไรนะ?”

            “อืม พ่อก็แบบนี้แหละ”

            เขาตอบโดยไม่หันมาสบตาผม ดูปกติเกินไปจนดูไม่ปกติเลยล่ะ

            “แน่ใจ?”

            “น้องพรานครับ...อยากกอดเหรอ”

            คราวนี้พี่พรตหันทั้งตัวกลับมาผมแล้วมองด้วยสายตาของคนขี้แกล้งอย่างที่เขาถนัด แต่เมื่อมองตาเขาจริงๆ แล้วผมรู้เลยว่าเขายังคงติดใจกับเรื่องเมื่อกี้อยู่ ถึงจะบอกว่าชินแค่ไหนยังไง คงไม่มีใครชินกับความรู้สึกที่เหมือนทำพ่อตัวเองผิดหวังได้หรอก

            “ไปทำงานเลยไป!”

            “โดนน้องพรานไล่อีกแล้ว”

            พี่พรตทำปากยื่นอีกครั้งผมเลยถลึงตากลับไปอย่างเคย ซึ่งนั่นทำให้พี่พรตหัวเราะออกมาเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมคิดว่าเขาคงสบายใจขึ้นนิดนึงแล้วจึงหันกลับไปทำโฟโต้ช็อปต่อตามเดิมโดยไม่พูดอะไรอีก แต่ผมก็ยังคงเห็นจากหางตาว่าได้พี่พรตยังนั่งนิ่งมองผมอยู่อย่างนั้นพักใหญ่เหมือนคิดอะไร และก่อนที่ผมจะเอ่ยปากถามเขาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาในที่สุด


            “พรุ่งนี้มาค้างใช่มั้ย จะกลับดึกนิดนึงนะ”


            “...อืม”

 
           ผมตอบรับในลำคอทำเป็นเหมือนไม่ได้ใส่ใจมากเ แต่ลึกๆ แล้วผมก็ดีใจนะที่ได้เป็นคนรับโทรศัพท์

 

           ...อย่างน้อยพี่พรตก็ไม่ต้องได้ยินประโยคครึ่งแรกแล้วกัน








-----------------------------------------------------------------------------
Happy Boxing Day ค่าา วันนี้ไปช็อปกันมารึยัง5555

ลงค่ายมาแล้วป่วยและต้องทำงานนอกด้วยเลยเพิ่งมาต่อให้เนอะ
เดี๋ยวก็เจอกันอีก มีพรตพรานให้อ่านระหว่างหยุดยาวแน่ๆ ค่า  :-[


ปล.มหาลัยฉลองวันนี้ด้วยการบอกเกรด นี่เห็นแล้วอยากระเบิดร่างตัวเองทิ้งเลยค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-12-2016 01:01:27
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-12-2016 03:38:21
ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้น้าพ่อของพี่พรตนี่
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-12-2016 04:13:23
เปรียบเทียบกับคนข้างบ้านหรือคนอื่นก็ว่าแย่แล้ว
นี่เปรียบเทียบกับพี่น้องตัวเอง ยิ่งรู้สึกแย่หนักไปอีก
ช่วงนี้พี่พรตมรสุมหนักนะ ไหนจะเรื่องพ่อ เรื่องงาน
ที่สำคัญเรื่องเหมือนจะไม่สามารถทำให้นายพราณ
ไว้ใจในความรู้สึก เชื่อเถอะยังไงก็อดน้อยใจไม่ได้
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2016 07:42:15
พราน รู้สึกดีๆ กับพี่พรต
งั้นพรานต้องเข้าหาพี่พรตบ้าง
แค่เข้าไปใกล้ชิด ยอมกอดหอมเล็กๆน้อยๆ
น่าจะทำให้พี่พรต รู้สึกดี ชื่นใจ
ที่ผ่านมาพราน ค่อนข้างเกร็ง กลัว
กับการโดนปล้ำจูบ
พราน ต้องปรับตัวเรื่องนี้กับคนที่รักเราด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 29-12-2016 04:08:40
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: sweet.egg ที่ 29-12-2016 06:12:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน20 (ครบแล้ว) : P22: 27.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-12-2016 15:17:18
พ่อพี่พรตนี่ยังไงนะ ทำไมเปนคนแบบนี่
มีอีโก้ที่สูงมากๆๆๆๆๆจริงๆอะ
พี่พรตน่าสงสาร ทั้งพ่อ ทั้งงาน
กำลังใจอย่างน้องพรานก้มีปมให้เปนห่วงอีก
เราว่าปมเรื่องจูบของพรานอะ
ถ้าโดนจูบแล้วทำให้นึกถึงเรื่องไม่ดี
ลองเปนฝ่ายจูบพี่มันแทนมั้ย ต่างกันนะ ค่อยๆแก้อะ
รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 31-12-2016 01:27:35


::: CHAPTER 21 :::





            สัปดาห์นี้ผมมาค้างคอนโดพี่พรตค่อนข้างบ่อยเพราะเป็นช่วงใกล้ส่งแบบประกวดแล้ว และไม่ได้ชนกับการส่งแบบไฟนอลของวิชาสตูทำให้ผมยังสามารถเจียดเวลามาช่วยทำได้อยู่ อีกอย่างคือผมแอบเป็นห่วงที่เขาเครียดจากการโดนกดดันด้ยแหละ วันนี้ผมไม่ได้กลับมาพร้อมกับพี่พรตแต่พี่พรตให้กุญแจห้องไว้ให้ผมเนื่องจากบางวันเราเลิกไม่พร้อมกันจะได้กลับเข้ามาทำงานก่อนโดยไม่ต้องรอ

            ผมหิ้วถุงชิ้นส่วนโมเดลถุงใหญ่ที่แวะไปเอาจากร้านเลเซอร์คัทให้พี่พรต เดินไปถึงหน้าห้องด้วยความเคยชินก่อนจะหยิบกุญแจออกมาอย่างทุลักทุเลแล้วใช้ตัวผลักประตูเข้าไปในห้องอย่างแรง

            “พรานมาแล้วก็พูดเลยสิ”

            เสียงเรียบๆ ของพี่พรตทำเอาผมชะงัก วางของในมือลงแล้วหันไปมองทันที และภาพที่เห็นทำเอาผมยิ่งตกใจกว่าเดิม เพราะคนที่นั่งอยู่บนโซฟาคือพ่อของพี่พรต

            ...เชี่ย คุณสุวัตรตัวเป็นๆ กำลังมองมาที่ผม

            “สวัสดีครับ”

            ผมยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มให้อย่างเกร็งๆ ผมไม่รู้ว่าเขามาด้วยเรื่องอะไร แต่เห็นท่าทางที่รับไหว้ด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ก็ทำให้ผมอดกังวลไม่ได้

            “ผมรู้ว่าพ่อพูดมาหลายทีแล้วแต่ผมจะไม่เลิก”

            “แล้วจะไปบอกใครต่อใครได้ยังไง”

            “ทำไมจะบอกไม่ได้ ก็พูดความจริง”

            “แกนี่มันชอบหาเรื่องให้ฉันจริงๆ”

            “ใครจะเหมือนพี่พฤตล่ะ”

            “ไอ้พรต!”

            การเถียงกันอย่างดุเดือดทำเอาผมที่เพิ่งเข้าห้องมาปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ผมอดห่วงพี่พรตไม่ได้แต่เหมือนเจ้าตัวเองเองจะดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ซึ่งพี่พรตเองก็แบบนี้ ถึงจะแสดงเหมือนไม่ใส่ใจแต่จริงๆ แล้วเขาโคตรกังวล สายตาของผมยังคงจับอยู่ที่พี่พรตแต่แล้วพ่อของเขาก็ปรายสายตามามอง ทำเอาผมที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงทางเข้ารีบเดินเข้าไปในส่วนแพนทรี่แล้วทำเป็นจัดนู่นจัดนี่ทันที

            “แบบประกวดแก้ตามที่ฉันบอกรึยัง”

            “แก้แล้วครับ”

            พี่พรตไม่สบตา แต่กลับเอนหลังพิงพนักแล้วกลอกตามองนู่นมองนี่รอบห้องอย่างเบื่อๆ

            “พฤตได้มารีเช็ครึเปล่า”

            “แล้วครับ”

            “ตอนนี้งานถึงไหน”

            “ผมจะเรนเดอร์ต่อ พรานจะช่วยช็อป ถ้าเสร็จเร็วจะให้พรานขึ้นโมคร่าวๆ เลย ส่วนผมจะคิดแบรนด์ดิ้งกับเพลทพรีเซนท์”

            พี่พรตพูดรวดเดียวโดยที่สายตายังมองไปที่อื่นอยู่โดยไม่คิดจะหันไปหา ถ้าเป็นพ่อกับแม่ผมคงโดนด่าว่าไม่มีมารยาท แต่นี่เหมือนนอกจากเรื่องงานแล้วพ่อพี่พรตดูก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย

            “อืม จะปริ้นท์ก็ส่งมา”

            “...”

            “แล้วเรื่องนั้นค่อยว่ากัน”

            คราวนี้พี่พรตที่นั่งเรื่อยเปื่อยบนโซฟาถึงกับเปลี่ยนเป็นนั่งหลังตรงแล้วหันไปสบตาพ่อเขาอย่างจริงจัง

            “ค่อยว่ากันอะไร ผมพูดเคลียร์แล้วไง ถ้าพ่อไม่ให้คบ ผมจะไม่ทำงานประกวดอีกเลย”

            ผมถึงกับเผลอจ้องพี่พรตอย่างลืมตัวอีกครั้ง ตั้งแต่เจอกันมาผมไม่เคยเห็นพี่พรตอารมณ์ร้อนเหมือนตอนนี้เลย คราวนี้เหมือนพ่อพูดอะไรขึ้นมาเขาจะสวนกลับไปทันที

            “ฉันไม่เดือดร้อน”

            “เหรอ งั้นถึงพ่อให้คนในออฟฟิสทำแล้วยื่นประกวดด้วยชื่อผมอีก ผมก็จะประกาศให้ทุกคนรู้”

            “แกจะทำอย่างนั้นไม่ได้!”

            “ทำไมจะไม่ได้”

            คุณสุวัตรถอนหายใจเฮือกใหญ่  ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ซึ่งนี่เหมือนที่พี่พรตพูดทั้งหมดว่าพ่อของเขาเป็นคนห่วงหน้าตาในสังคมมากกว่าทุกอย่าง เบื้องหลังเป็นยังไงไม่สนใจแต่ภาพที่ออกมาเบื้องหน้าจะต้องสวยงามสมบูรณ์แบบ

            “พ่อก็รู้ ผมไม่ได้ชอบอะไรเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมเลย”

            “ก็ใช่ แต่...”

            “เราตกลงกันแล้วนี่ ผมยอมให้แค่ห้าปี โอเคมั้ย”

            “...”

            “แล้วพ่อห้ามยุ่งกับพราน ทีพี่พฤตพ่อยังไม่ด่าอะไรเลย”

            ประโยคนี้เหมือนทำให้พ่อพี่พรตซึ่งเหมือนจะสงบลงไปแล้วกลับขึ้นเสียงอีกครั้ง

            “แต่แฟนไอ้พฤตมันผู้หญิง!”

            “ผู้หญิงแล้วไง พี่พฤตก็มีหลายคนแต่ผมมีคนเดียวแล้วกัน”

            ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ผมคงเข้าไปกอดเขาแล้วล่ะครับ พี่พรตชัดเจนกับผมมาตลอด เขากล้าพูดกล้าทำและมั่นใจมากกว่าตัวผมเองเสียด้วยซ้ำ และความมั่นใจของเขานี่แหละทำให้ผมรู้สึกว่าบางทีหลังจากนี้ผมควรจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนขนาดนี้เหมือนกัน ผมอาจเคยกลัวเรื่องความไม่มั่นคงของความรู้สึก แต่เมื่อได้เห็นพี่พรตแล้วทำให้ผมได้รู้เลยว่า...มันอาจไม่มั่นคงเสมอไปหรือไม่ยืนยาวเป็นสิบปีแต่อย่างน้อยในห้วงขณะนี้มันก็ชัดเจน

            ...แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

            “เอางี้ คบกันก็ได้ แต่ต้องเจอกันน้อยลง”

            “ผมกับพรานเรียนคณะเดียวกัน พ่อจะทำอะไรได้”

            “ฉันจะส่งแกไปเรียนAA”

            “...”

            ไม่ใช่แค่พี่พรตที่เงียบไปแต่ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน มันกระทันหันเกินไปและไม่คิดว่าพ่อพี่พรตจะเล่นหนักขนาดนี้ AAเป็นโรงเรียนสถาปัตย์แนวหน้าของโลกซึ่งอยู่ที่อังกฤษ นักเรียนส่วนมากที่นั่นนอกจากจะเป็นระดับท็อปแล้วยังต้องสามารถสู้ค่าเทอมได้อีกด้วย

            “แกก็รู้ว่าฉันรู้จักหลายคนที่นั่น ไม่มีปัญหาเรื่องการทรานส์เฟอร์แน่นอน”

            สถานการณ์ดูแย่ลงเพราะพ่อพี่พรตมีท่าทีจริงจังขึ้นมาราวกับว่าเขาได้วางแผนเอาไว้นานแล้ว ผมเผลอขบริมฝีปากล่างอย่างเป็นกังวลในขณะที่พี่พรตซึ่งนั่งเงียบไปกลับค่อยๆ ยิ้มออกมา

            “แล้วพ่อจะรับได้เหรอ ถ้าผมห่วย”

            “...”

            “ที่นั่นไม่มีพี่พฤตตรวจให้ แล้วพ่อจะกล้าสู้หน้าเพื่อนพวกนั้นได้ไง”

            “...”

            “ผมจะเตือนอีกครั้งนะครับ ว่าผมไม่ได้มีความสนใจในด้านนี้และไม่ใส่ใจด้วย”

            “...”

            “แต่ถ้าพ่อรับได้ ผมคงไม่ขัด”

            พี่พรตพูดพร้อมรอยยิ้ม สบสายตาของผู้เป็นพ่อโดยไม่หลบอีกเลยซึ่งผมเห็นแล้วว่ามันเหมือนรอยยิ้มที่เยาะเย้ยพ่อของเขาอยู่กลายๆ และนั่นทำให้คุณสุวัตรถึงกับนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง หยิบกระเป๋าแล้วเดินไปที่ประตู

            “พรุ่งนี้อย่าลืมมาบริษัท”






            พี่พรตไม่ตอบและไม่เดินมาส่ง ทำให้ผมซึ่งอยู่ตรงแพนทรี่จำเป็นต้องรับหน้าที่เดินไปปิดประตูให้โดยปริยาย ผมยกมือไหว้ ยังดีที่อย่างน้อยพ่อพี่พรตก็รับไหว้แล้วเหลือบมองผมแวบหนึ่งก่อนแล้วค่อยเดินออกจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีกเลย ผมล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อนหันกลับมามองคนที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา พี่พรตทิ้งตัวลงกับพนักแล้วเงยหน้ามองเพดานอยู่อย่างนั้น

            ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไร ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหลังมือของเขาเบาๆ และนั่นทำให้พี่พรตหันกลับมาทันที

            “พราน”

            “...”

            “กูแม่งโคตรเลว”

            “เฮ้ย พี่พรตใจเย็น”

            ผมว่าแล้ว พี่พรตต้องเสียใจที่ตัวเองไปเถียงพ่อแบบนั้นแม้เขาจะทำไปเพื่อประกาศจุดยืน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจตัดสินได้เต็มปากหรอกว่าพี่พรตทำดีแล้วหรือพี่พรตทำไม่ถูกได้ทั้งหมด เขาอาจพูดแรงไปหน่อยกับคนที่แรงอย่างคุณสุวัตรด้วยเลยทำให้เรื่องมันไม่จบ แต่การที่จะรักษาจุดยืนของตัวเองแล้วไม่ยอมทำตามที่พ่อบังคับนั่นผมก็ว่ามันไม่ผิด ถ้าพี่พรตเกลียดานด้นสถาปัตย์จริงก็ถือว่าโคตรดีแล้วล่ะที่ยอมเรียนห้าปีแล้วยังยอมทำงานประกวดให้อีก

            “กูไม่ได้หัวอ่อนเหมือนพี่พฤตที่พ่อพูดอะไรก็ทำ แล้วนั่นมันวินวินด้วยเพราะพี่พฤตชอบอยู่แล้ว แต่กูทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ”

            “พรานว่าตรงนี้ไม่ผิดว่ะ”

            “ตรงไหน”

            “มันก็ปกตินะที่เลือกทำตามตัวเองอ่ะ”

            “...ก็จริง”

            ถึงพี่พรตจะตอบรับแบบนั้นแต่เขาก็ยังไม่ได้ลุกไปทำงานต่อหรือคุยอะไรกับผมตามปกติ ผมบีบมือของพี่พรตให้แน่นขึ้นเพื่ออย่างน้อยก็เป็นการเตือนว่าผมยังอยู่กับเขาตรงนี้ แต่นั่นเหมือนจะยังไม่พอเพราะเขาไม่ได้ตอบรับอะไรเลย ผมมองใบหน้าของเขาอย่างเหม่อลอย ไล่สายตาจากหัวคิ้วที่ยังคงชนกันอย่างคนคิดมาก จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีมฝีปากได้รูปสวย

            ผมอยากช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของคนตรงหน้าได้บ้าง

            ...และนี่อาจเป็นหนทาง

            “พรานให้ครั้งเดียวนะ”

            “อะไร”

            พี่พรตซึ่งกำลังเงยหน้ามองเพดานหันกลับมามองผมด้วยสายตาเหมือนไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ ผมขบริมฝีปากตัวเองเบาๆ และจับจ้องไปที่ริมฝีปากของพี่พรตอย่างเป็นกังวล มือของผมสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้จึงรีบดึงมือออกมาจับกันเองแทน

            ผมค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของพี่พรต สายตายังคงจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปากแต่ก็ยังสามารถเห็นความตกใจที่ฉายชัดบนใบหน้าของพี่พรตได้อยู่ดี มือทั้งสองของผมสั่นมากขึ้นเมื่อผมขยับเข้าไปใกล้ขึ้น และทั้งตัวของผมเหมือนจะสั่นด้วยความกลัวเมื่อริมฝีปากของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงเซนต์ ผมจิกมือตัวเองจนรู้สึกเจ็บเมื่อแนบริมฝีปากสัมผัสกัน ความนุ่มหยุ่นที่ติดอยู่บนริมฝีปากไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย กลับทำให้รู้สึกขยะแขยงอย่างห้ามไม่ได้ เหมือนของในกระเพาะผมจะย้อนขึ้นมาให้ได้อย่างไรอย่างนั้น ผมเลยรีบยันตัวเองออกทันที

            ทว่าพี่พรตกลับไม่ปล่อยให้ทำอย่างนั้น เขายกมือขึ้นและออกแรงดันท้ายทอยไม่ให้ใบหน้าผมขยับออกห่าง พี่พรตยิ้มน้อยๆ แล้วกระซิบชิดริมฝีปากผมเบาๆ

            “ให้แล้วไม่ใช่เหรอ”

            “...ใช่”

            ผมให้แล้วจริงๆ แต่เหมือนคำว่าให้ของพี่พรตกับผมจะไม่เท่ากัน เพราะพี่พรตอาศัยจังหวะที่ผมเปิดปากตอบแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปาก ผมร้องประท้วงอย่างรุนแรง ทั้งตัวสั่นด้วยความรู้สึกต่อต้านที่แทบจะทนไม่ไหว ผมดันตัวออกอย่างรุนแรงทว่าพี่พรตกลับยิ่งกดใบหน้าของผมให้ประกบกันแน่นขึ้นอีก ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อลิ้นของพี่พรตตวัดพันลิ้นของผมไว้ แรงดูดเบาๆ ทำเอาผมแทบสิ้นสติ มือที่สั่นยกขึ้นดันตัวพี่พรตออกห่างโดยอัตโนมัติแต่มันก็ไม่อาจสู้แรงของพี่พรตได้อยู่ดี แน่นอนว่าผมไม่อยากทำให้ความตั้งใจของผมใครคราวแรกพังทลายลงแต่สัญชาตญาณกลับทำงานให้ผมหาทางเอาตัวรอดอย่างหนัก

            เสียงดูดอย่างจาบจ้วงดังขึ้นกลบประสาทสัมผัสทั้งหมด น้ำตาของผมเริ่มไหล ในขณะที่มือของพี่พรตก็ยังออกแรงกดให้ริมฝีปากของเราประกบอยู่อย่างนั้น ลิ้นของพี่พรตแทบจะรุกล้ำทุกส่วนในปากของผม มันคงเป็นจูบที่แย่มากสำหรับพี่พรตเมื่อผมไม่สามารถทำใจตอบรับสัมผัสไหนได้เลย ผมอยากทำให้ดีกว่านี้จริงๆ แต่ตัวผมสั่น ร่างกายผมกำลังต่อต้านอย่างหนัก

            ในที่สุดพี่พรตก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก ผมรีบสูดหายใจเข้าเหมือนคนขาดอากาศ มือยังคงสั่นไม่หาย เป็นช่วงเวลาที่เหมือนยาวชั่วกัปชั่วกัลป์ ผมยังคงไม่อาจยอมรับได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ความชื้นยังติดอยู่ที่ริมฝีปากและนั่นทำให้ผมรู้สึกต่อต้านขึ้นมาอีกรอบ

            แต่แล้วสัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้มก็ทำให้ผมดึงตัวเองออกมาจากความชื้นบนริมผีปาก ผมเงยหน้าขึ้นมองคนข้างหน้าที่กำลังทอดสายตามองผม ใบหน้าของพี่พรตมีรอยยิ้มเล็กๆ แต้มอยู่ มือของเขากำลังเช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้าให้ผมอย่างแผ่วเบา

            “ขอบคุณนะ”

            เมื่อได้ยินเสียงนั้น เหมือนน้ำตาของผมจะยิ่งไหลออกมาไม่หยุด ผมยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูก รู้แค่ว่าตอนนี้มันดีเหลือเกินที่ผมสามารถลบความหม่นหมองออกไปจากพี่พรตได้สำเร็จแล้ว

            ...รสชาติของการแบ่งเบาความรู้สึกมันเป็นแบบนี้

            รสจูบที่ใครต่อใครบอกว่าหวานสำหรับผมแล้วมันขมจนแทบทนไม่ไหว แต่รสชาติของการได้ซับเอาความไม่สบายใจของเขาออกไปนั้นมันกลับหวานจนน่าลิ้มลอง

            “ลำบากใจหรือเปล่า”

            “...”

            ผมส่ายหน้าไปมา ยังไม่มีสติพอจะพูดอะไรอทั้งนั้น ซึ่งพี่พรตก็ยิ้มรับแล้วเขยิบเข้ามาโอบผมเอาไว้ทั้งตัว เขาโยกผมไปมาพลางหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี

            “โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องนะๆๆๆๆ”

            ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อพี่พรตดัดเสียงแล้วทำท่าทางเหมือนปลอบเด็ก ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาพี่พรตก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นคนหน้าหมั่นไส้ได้เสมอ แต่นั่นถือเป็นข้อดีเพราะอย่างน้อยก็ทำให้ผมเขินน้อยลงบ้าง

            “ไปทำงานได้แล้ว”

            ผมผลักตัวเขาออกแล้วรีบลุกไปที่แพนทรี่ซึ่งวางถุงบรรจุชิ้นส่วนโมเดลเอาไว้ แต่ถึงรีบขนาดนี้แล้วก็ยังทันได้ยินเสียงพี่พรตที่พูดไล่หลังตามมา

            “นายเขินน่ารักจัง”

            ผมมองค้อนใส่พี่พรต รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เรียกได้ว่ถ้ามีกระจกเงามาตั้งตรงหน้าในตอนนี้ ผมคงไม่กล้ามองตัวเองเท่าไหร่

            “มองไร ทำเรนเดอร์ไปดิ”

            ผมตอกกลับไปเมื่อสายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่ตัวผม ซึ่งพี่พรตก็ตอบรับด้วยเสียงหัวเราะเหมือนรู้ทันและสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะหันไปเปิดคอมพิวเตอร์แต่โดยดี นี่ดีนะที่มีงานเยอะ ไม่อย่างนั้นไอ้พี่พรตมันคงไม่ยอมไปทำงานแน่ๆ

            เมื่อเอาชิ้นส่วนโมเดลออกมาจัดหมวดหมู่บนโต๊ะแล้ว ผมก็เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาเพราะเมื่อกี้ร้องไห้ไปเยอะมาก ผมพยายามห้ามตัวเองไม่ให้บ้วนปากเกินสองครั้งเพราะไม่อยากทำให้ตัวเองคิดว่าการจูบมันน่าขยะแขยงอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกต่อต้านนี้อาจไม่สามารถกลบเกลื่อนได้หมดแต่ผมจะพยายามสะกดจิตตัวเองให้มันน้อยลงก็แล้วกัน

 

 



            หลังจากล้างหน้าเรียบร้อยผมก็กลับมานั่งประจำที่ของผม เปิดโน๊ตบุคดูตัวอย่างงานของสถาปนิกคนอื่นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจสำหรับโปรเจกต์ของตัวเองไปพลางๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านเรื่องจูบเมื่อกี้และรอไฟล์เรนเดอร์จากพี่พรตมาตัดต่อเหมือนเดิม

            “พราน”

            “อะไร”

            “จะให้ครั้งเดียวจริงๆ เหรอ”

            ผมหันไปมองพี่พรต แต่ก็พบว่าเขาหันมามองผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาเขาดูอ้อนวอนอย่างจริงจังทำเอาผมรู้สึกเขินขึ้นมาอีกรอบไม่ได้ ผมโคตรเกลียดเลยเวลาแสดงอาการอะไรออกมาต่อหน้าคนอื่น ผมจึงพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด

            “ดูก่อน”

            “ไม่เอาคำตอบนี้ดิ เอาใหม่ๆ”

            “...”

            นี่ถ้าพี่พรตไม่หยุดแซวผมจะลุกออกไปจริงๆ ให้ตายเถอะ เขาโคตรเก่งเลยสำหรับการทำให้ผมเขินเนี่ย


            “แน่ะ ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าให้อีกใช่ป่ะ”


            “พี่พรตก็ลองขอพรานดูสิ”






----------------------------------------------------------
อัพส่งท้ายปี Happy New Yearค่ะทุกคน ขอให้มีความสุขกันมากๆ นะคะ
ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันถึงปีนี้นะคะ ขอบคุณจริงๆ  :กอด1:
เจอกันปีหน้าค่าา :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-12-2016 04:18:59
ถ้ายังไม่เป็นแฟนกันแบบนี้เรียกว่าอ่อย
แต่เป็นแฟนกันแล้วแบบนี้เขาเรียกว่ายั่วนะนาย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 31-12-2016 11:36:43
น่ารักค่ะ  เอาใจช่วยพี่พรตและน้องพรานจ้า
อิอิ  อยากอ่านNC  อ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 31-12-2016 13:25:05
โอ้ยยยย น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 31-12-2016 19:28:13
อ่อยยเหลือเกินนนนน น้องพรานนนน
พี่พรตจะไม่ทนเอานะะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 31-12-2016 21:59:08
อ่อยแบบนี้ พี่พรตคงตบะแตกเข้าสักวันแหละ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 31-12-2016 22:25:43
พี่พรตก็สู้ๆน้า
พรานก็สู้ๆ
ทั้งสองคนก็สู้ๆ
ทำไมพ่อถึงเป็นคนแบบนี้ล่ะ
ฮื่อออ
happy new year 2017 นะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-01-2017 22:16:54
 :L2: :pig4:

ลุ้นไปอีก

Happy 2017!
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-01-2017 16:39:06
ทำไมคุณพ่อถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ย ทำไมต้องบังคับกันซะขนาดนี้ด้วย
ส่วนเรื่องคนรักของลูกน่ะ เปิดใจหน่อยค่ะสมัยไหนแล้วค่ะคุณพ่อขาาาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 03-01-2017 23:17:35
แค่จูบน้องยังกลัว+ขยะแขยงขนาดนี้ ฉากป่ามป๊ามคงไม่ต้องหวังอ่ะ 5555555
แต่ตอนบรรยายฉากจูบนี่ทำเอาเราขยะแขยงแล้วก็เกร็งตามไปด้วยเลยอ่ะ รู้ถึงเข้าถึงมากๆ  o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน21 : P22: 31.12.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 04-01-2017 19:58:52
พ่อนี่ โอ๊ยยยยย :z3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 05-01-2017 22:38:58
::: CHAPTER 22 :::





          ผมเข้าบริษัททันทีหลังเลิกเรียนและบอกพรานเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้ไม่ต้องมาค้างเพราะงานน่าจะทำทันเวลาได้เอง จริงๆ ผมไม่กล้าพูดหรอกว่าที่ไม่อยากให้มาคอนโดวันนี้เพราะเมื่อวานดูจากสีหน้าท่าทางของพ่อแล้วคาดว่าเรื่องคงไม่จบง่ายๆ แค่นั้นหรอก แต่พอดีพรานอยู่ด้วยพ่อผมเลยไม่พูดอะไรมากแล้วนัดมาเจอที่บริษัทแทน จากประสบการณ์ที่ทะเลาะกับพ่อมาตั้งแต่เด็ก เชื่อว่าพ่อผมต้องทำอะไรแน่ๆ เพราะเขาไม่เคยเสียเปรียบอะไรอยู่แล้ว เหมือนทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เช่น ผมยอมเรียนถาปัตย์และทำงานประกวดแบบห้าปีเพื่อจะต่อโทในสายที่ชอบได้

            “น้องพรตมาหาคุณพ่อเหรอคะ”

            “อ้าว สวัสดีครับพี่มุก ใช่ครับ พ่อติดประชุมหรือเปล่าครับ”

            ผมทักทายพนักงานรีเซพชั่นของบริษัทอย่างร่าเริงทั้งที่ผมกำลังเซ็งมาก พี่เขาลุกไปดูในห้องทำงานพ่อให้ก่อนจะเดินกลับมาบอกว่าให้เข้าไปได้เลย ผมกล่าวขอบคุณตามมารยาทก่อนจะเดินไปห้องทำงานของพ่ออย่างเคยชิน

            ทุกครั้งที่มาบริษัทผมอดไม่ได้ที่จะเดินช้าๆ ตลอดทางไปห้องพ่อซึ่งต้องผ่านส่วนออฟฟิศออกแบบเพื่อดูชีวิตการทำงานของสถาปนิก ดูแบบก่อนสร้างที่วางไว้เป็นตั้งๆ ตามชั้น มองผ่านโมเดลผลงานสำคัญๆ ที่ถูกวางไว้ชิดกระจกเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท ผมถอนหายใจยาวกับตัวเอง ถึงแม้ว่าผมมีข้อแลกเปลี่ยนกับพ่อแล้วว่าพ่อบังคับได้แค่จบป.ตรี แต่ผมคิดว่าในอนาคตคงต้องเข้ามาช่วยพี่พฤตดูแลบริษัทต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้

            ผมจะไม่เถียงว่าผมระลึกบุญคุณของสายอาชีพนี้อยู่เสมอ ผมมีชีวิตที่สะดวกสบายไม่ลำบากอะไรเพราะบริษัทนี้และเพราะการที่พ่อกับแม่เหนื่อยผลักดันจนบริษัทมีหน้ามีตาและใหญ่โต แน่นอนว่าพ่อต้องการให้ความยิ่งใหญ่ของมันยังคงอยู่และคาดหวังให้ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของครอบครัวตกมาถึงตัวผมด้วย

            “เข้ามาสิ”

            พ่อเห็นผมก่อน เขาละสายตาจากเอกสารที่ถืออยู่ในมือแล้วหันไปบอกแม่บ้านที่เดินตามผมมาให้เอาน้ำมาเสิร์ฟ

            “พ่ออ่านอะไรครับ”

            ผมนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานพ่อ เหลือบมองเอกสารสัญญาอะไรบางอย่างที่อยู่บนโต๊ะ เห็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษยาวเหยียดและลิสท์ของอะไรสักอย่างที่ยาวไปถึงอีกหน้า

            “เนี่ย ฉันว่าจะบอกแกอยู่เลย”

            อยู่ๆ พ่อก็หยิบเอกสารปึกนั้นส่งให้ผมดู มันเป็นอีเมลฉบับหนึ่งซึ่งเมื่อเห็นข้อความพาดหัวทำเอาผมถึงกับชะงักไปเพราะมันเป็นชื่อของมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าทางด้านสถาปัตยกรรมในอเมริกา ทำไมผมจะเดาไม่ออกว่าพ่อกำลังทำอะไร

            “เมื่อคืนฉันกับแม่แกคุยกันแล้ว ฉันจะส่งแกไปอเมริกา”

            “ก็ไม่ต่างอะไรจากที่พ่อจะส่งไปAA”

            ผมพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจแล้วตีสีหน้าเรียบเฉยตอบกลับไปอย่างใจเย็น

            “ต่าง...พี่พฤตจะไปด้วย”

            “จะไปได้ไง”

            มาถึงตรงนี้ผมก็แทบจะปิดบังความตกใจของตัวเองไม่มิด ก็พี่พฤตเป็นกำลังช่วยพ่อทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ จะไปไหนมาไหนยังไงได้

            “ปีหน้าพี่พฤตจะไปเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนที่นั่น”

            “แค่ปีเดียวนี่”

            “แล้วทำไมฉันจะขอให้อยู่สองปีไม่ได้”

             บางทีผมก็ลืมไปว่าพ่อมีเครือข่ายเพื่อนอยู่ในโรงเรียนสถาปัตย์ชั้นนำหลายแห่งในโลก มันจะไปยากอะไรถ้าพ่อจะขอเพื่อนให้ช่วยรับลูกชายตัวเองไว้อีกคน อย่าว่าแต่พี่พฤตซึ่งมีฝีมือขึ้นชื่อในแวดวงเลย ประวัติของผมที่พ่อคอยเคี่ยวเข็นก็ไม่เลวร้ายสำหรับวงการนี้เลยสักนิด ประกวดแบบคราวไหนก็ไม่เคยต่ำกว่ารางวัลที่สาม เกรดเรียนก็ดี ทุกอย่างเป็นไปตามที่พ่ออยากได้ทั้งนั้นแล้วใครจะกล้าปฏิเสธ

            เมื่อพ่อปักใจให้ผมไปแล้วผมน่าจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงแน่ๆ ทนเรียนไปไม่กี่ปีคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะกลับมาก็จะได้อิสระทันที แต่อยู่ๆ ผมก็นึกถึงกลุ่มเพื่อน นึกถึงพราน ไม่รู้สังคมนั้นจะสนุกเท่านี้หรือเปล่าและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในทั้งชีวิตจะได้สนุกแบบนี้อีกรึเปล่า

            “พ่อจะทรานส์เฟอร์ไปปีไหน”

            “ปีหน้า”

            “ไม่ไปได้ไหม”

            ยังไงถึงถามไปพ่อก็ไม่มีวันเปลี่ยนความคิดหรอกครับผมรู้ดี ผมแค่ถามไปด้วยความปากไวเท่านั้นแหละ แต่ถ้าผมยอมขนาดไปเรียนเมืองนอกแล้ว ผมก็หวังว่าพ่อจะไม่บังคับอะไรในชีวิตผมอีก ที่ผ่านมาทั้งช่วงที่อยู่โรงเรียนจนมาถึงมหาวิทยาลัยผมเหมือนจะทำตามความต้องการของพ่อมาตลอด

            “แล้วพ่อจะสัญญาได้รึเปล่า ถ้าผมยอมตอนนี้กลับมาพ่อจะไม่บังคับอะไรอีก”

            “...”

            “พ่อรู้ไหม ผมไม่มีความสุขเลย”

            “...”

            “ถ้าจะให้ไปจริงๆ ผมจะยอมเป็นเรื่องสุดท้าย”

            พ่อของผมนิ่งคิดไป อย่างน้อยเขาก็ต้องยอมรับว่าผมไม่ค่อยมีหัวด้านการออกแบบเท่าไหร่และนั่นถือว่าไม่ตอบโจทย์กับคนคลั่งความสมบูรณ์แบบอย่างพ่อแน่นอน ก่อนเข้าคณะเขาอาจมองว่ายังพอมีหนทาง แต่นี่ผ่านมาถึงปีสามเขาคงต้องเข้าใจบ้างแล้วว่ามันบังคับกันยากลำบากแค่ไหน ไม่ใช่แค่ผมที่เหนื่อยแต่ทางพ่อก็เหนื่อยเหมือนกันที่ต้องมาคอยแก้แบบลุ้นผลประกวดให้ผมแบบนี้ ผมไม่ใช่คนที่เกิดมาเพื่อออกแบบแน่นอน และสำหรับผมแล้วการฝืนธรรมชาติในลักษณะนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่าชีวิตมันยากเหลือเกิน                                 

            “เอางี้ อย่างน้อยก็เรียนจบโรงเรียนสถาปัตย์ดีๆ เข้าใจไหม”

            “...”

            “แล้วถึงไม่เข้ามาเป็นหัวหน้าดีไซน์คนอื่นจะได้มองว่าแกพอมีความรู้บ้าง”

            “...”

            “ไม่งั้นแกจะคุมคนอื่นไม่ได้ เขาจะหาว่าไม่รู้อะไรแล้วมาสั่ง”

            ผมเข้าใจพ่อทุกอย่าง หากผมเรียนจบนอกมามันจะทำให้ทุกคนในบริษัทเคารพและเชื่อฟังผมมากขึ้น พ่อคงกลัวว่าถ้าผมเข้าบริษัทในตำแหน่งอื่น พี่ๆ ในออฟฟิศจะหาว่าผมออกแบบไม่เป็นแล้วจะดูถูกผมว่าไม่รู้เรื่องอะไรทำนองนี้

            พ่อถอนหายใจหนักๆ เหมือนคิดไม่ตก เขาหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นไปพิจารณาอีกรอบ ผมเพิ่งเห็นว่าข้างๆ กันนั้นมีใบทรานส์คริปท์วางอยู่ด้วย ซึ่งพ่อหยิบขึ้นไปดูพร้อมกันแล้วหันมามองผมอีกครั้ง

            “ตอนนี้ถึงเกียรตินิยมแล้วใช่ไหม”

            “ครับ”

            ถ้าให้ทายคือพ่อกำลังชั่งใจระหว่างเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยที่พอมีชื่อเสียงของที่นี่กับประวัติสำเร็จการศึกษาจากมหาลัยระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่าการตัดสินใจไม่ยากเลยแม้แต่น้อย

            “พ่อจะส่งพรตไป ที่นั่นเรียนสี่ปีแต่แกต้องเทคคลาสที่ไม่มีที่นี่ซ้ำอีกหนึ่งปี”

            สรุปคือถึงจะทรานส์เฟอร์ได้บ้างก็ยังมีตัวที่ผมต้องเรียนเสริมวิชาอื่นตามหลักสูตรเขาอีกปีนึง กลายเป็นผมเรียนห้าปีเหมือนเดิมนั่นแหละ คือเรียนเสริมสองเทอมเรียนจริงอีกสอง

            “ตกลงกับผมอีกรอบ กลับมาผมจะไม่ทำงานออกแบบ”

            “ได้ ฉันตกลง”

            “โอเค”

            มาถึงจุดนี้ผมคงต้องยอมแลกช่วงเวลาที่สนุกที่สุดในชีวิตสองปีไปเพื่ออนาคตที่ไม่ต้องฝืนใจตัวเองมากนัก ถ้าผมไม่ตกลงคงจะต้องเป็นสถาปนิกหรือเฮดของฝ่ายดีไซน์อย่างที่พ่ออยากให้เป็นแน่ๆ เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็ได้มีช่วงเวลานี้ไปแล้วตลอดปีหนึ่งถึงปีสาม ช่วงมัธยมปลายของผมก็ไม่นับว่าเลวร้ายมาหรอกถ้าไม่นับเรื่องที่ว่าต้องเรียนพิเศษหนักมากเพื่อเตรียมตัวเข้าคณะนี้

            “แล้วเรื่องพราน...ถ้าเขายอมรอสองปีได้ ฉันจะไม่ห้ามอีก”

            ผมเกือบลืมไปเลยว่าเหตุผลหนึ่งที่พ่อจะส่งไปต่างประเทศเพราะอยากให้ห่างออกจากพราน พ่อคงเห็นว่าหากแยกผมกับเขาออกเดี๋ยวผมกับพรานก็เลิกกันไปเองล่ะมั้ง ถึงจะไม่บังคับเลิกแต่ผมเชื่อว่าลึกๆ เขาก็คาดหวังให้เลิกนั่นแหละครับ ซึ่งผมไม่ใส่ใจเท่าไหร่เพราะเชื่อว่าแค่สองปีมันไม่ได้ส่งผลอะไรมากสำหรับผมอยู่แล้วล่ะ แต่ก็ต้องยอมรับสำหรับพรานมันก็ไม่แน่เหมือนกัน

            “ผมขอถามเขาก่อน”

            “ได้ ฉันขอคำตอบภายในศุกร์นี้ เดี๋ยวต้องฝากเรื่องทรานส์เฟอร์อีก”

            แค่นี้สำหรับผมก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้พรานกับผมจะไม่ต้องกังวลอะไรหรือมีปัจจัยอื่นมาคอยแทรกอีก พ่อผมอย่างน้อยก็เชื่อถือได้ล่ะวะ เวลาทำข้อแลกเปลี่ยนอะไรถ้าพ่อบอกว่า ยอมคือยอมจริงๆ เหมือนตอนที่ผมขอไปปาร์ตี้กับเพื่อนแล้วยื่นข้อเสนอว่าจะทำคะแนนวิชาเลขให้ได้สูงๆ พอทำได้พ่อก็ยอมตามที่ตกลง ผมเมาเละเทะอย่างเต็มที่ในที่สาธารณะโดยพ่อไม่ว่าอะไรสักคำเลยจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในตอนนั้น เนื่องจากพ่อจะห้ามตลอดว่ายังไม่จบม.ปลายอย่าเพิ่งไปเมาที่ไหน คงกลัวผมไปเจอคนรู้จักของเขาด้วยล่ะมั้ง

            แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากความรู้สึกในใจพรานไม่เพียงพอที่จะรอ ผมคงจะต้องตัดสินใจอีกรอบ หรือไม่แน่บางทีผมอาจไม่มีทางเลือกเลยก็ได้ เพราะถึงอยู่ต่อผมอาจโดนห้ามด้วยวิธีที่หนักกว่านี้ หากเรียนต่อแล้วพรานไม่รอความสัมพันธ์ก็จบลงอยู่ดีไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง คนที่มีทางเลือกว่าจะเอายังไงกับผมคงเป็นพรานแล้วล่ะ

            “ปีนี้ก็ทำเกรดสวยๆ ด้วย”

            “ครับ”                                                     

            ผมไม่ได้พูดอะไรต่อกับพ่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องประกวดแบบหรือเรื่องอื่น และพ่อก็ยอมปล่อยตัวผมไปง่ายๆ เหมือนจงใจ ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณมากที่ไม่ถามอะไรตอนนี้เพราะความคิดผมยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องที่พ่อให้ไปเรียนต่อ จะไม่ตกใจได้ยังไงครับในเมื่อที่ผ่านมาผมคิดภาพตัวเองเรียนจบจากที่นี่มาตลอด จริงๆ ผมจะโทษใครมากก็ไม่ได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจเอง แต่ข้อแลกเปลี่ยนของพ่อมันค่อนข้างคุ้มที่จะเสี่ยงทำตามด้วยแหละผมเลยคิดจะทำตาม

            ผมมองเข้าไปในออฟฟิศออกแบบอีกครั้ง เห็นความวุ่นวายและแรงใจที่ผมไม่เคยมี บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่าหากผมชอบในสายอาชีพนี้อะไรหลายๆ อย่างมันคงราบรื่นกว่านี้ สถปนิกคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดีแล้วทักทาย ผมจึงยกมือไหว้ตามมารยาท...ทุกคนก็อย่างนี้แหละ คุ้นเคยกับผมในฐานะที่คิดว่าต่อไปจะได้ทำงานร่วมกัน

            และโดยไม่คิดอะไรมาก ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์แล้วโทรออกทันที


            “ไอ้กร เย็นนี้ออกมาเจอหน่อย”

                                                                         




 

            “เฮ้ย ไอ้พรตใจเย็น”

            เสียงของไอ้กรที่พยายามตะเบ็งคุยกับผมท่ามกลางเสียงดนตรีสดซึ่งอยู่บนเวทีกลางร้าน ไม่สามารถห้ามผมให้หยิบเครื่องดื่มสีสวยที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาได้ ปล่อยให้มันไหลลงลำคออย่างช้าๆ พยายามตั้งใจลิ้มรสขมบาดคอเจือความหวานราวกับเป็นเครื่องดื่มชั้นดี

            “กูขอวันนึง”

            “แต่มึงเมาง่าย”

            “อือ กูอยาก”

            “นี่มึงไปเจออะไรมาวะ”

            ผมมองไอ้กรที่กำลังขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งก็น่าจะไม่เข้าใจล่ะครับเพราะปกติผมไม่ค่อยออกมากินเหล้าเท่าไหร่ อย่างมากสุดก็จะกินแค่ไม่กี่แก้วแล้วต้องกลับไปทำงานต่อ แต่ไม่ใช่วันนี้ไม่มีงานนะครับ ผมแค่ยอมไปเดือดเอาวันอื่น ยังไงวันนี้ก็ขอสักวันเถอะ

            “เล่าให้ฟังไหวป่ะ”

            “เดี๋ยวบอก”

            ไอ้กรบ่นออดแอดเป็นคนแก่ทันทีเมื่อผมยังไม่บอกมันตอนนี้ ผมยังมีสติค่อนข้างครบและเป็นคนไม่ชอบพูดเรื่องซีเรียสเท่าไหร่ ไว้รอเหล้าเข้าปากอีกนิดผมจะเป็นคนพูดเก่งขึ้นไปเองล่ะครับ ผมมองสีหน้าหงุดหงิดเหมือนค้างคาใจของไอ้กรขำๆ ไม่รู้ว่าตอนไปเรียนที่นั่นแล้วจะมีคนออกมาดื่มเป็นเพื่อนแล้วสนิทใจขนาดนี้อีกรึเปล่า

            “แล้วนี่เรียกกูมาทำไมวะ น้องพรานก็อยู่”

            “ไม่อยากกวน”

            ผมเป็นคนบอกพรานไม่ให้มาหาวันนี้เองแหละ ซึ่งผมคาดการณ์ไม่ผิดเลย พ่อคุยนานและเป็นเรื่องที่จริงจังจนทำให้ผมอยากออกมาดื่มเลยเนี่ย ไม่ใช่เพราะอยากลืมความจริงอะไรหรอกนะครับ ผมรู้ว่ามันลืมไม่ได้และเสียเวลาเปล่าถ้าเอาแต่ปฏิเสธ ผมมาเพื่อให้ชีวิตช่วงนี้สนุกขึ้นมาสักนิดเท่านั้นแหละครับ คงไม่ได้ดื่มให้ถึงขั้นเมาไม่ได้สติแต่เอาให้พอสนุกปากเท่านั้นแหละ

            “อ้าวเชี่ย หมายความว่ากูนี่กวนได้ใช่ป่ะ”

            “เออดิ”

            “หมั่นไส้ว่ะไอ้สัด บอยบีฟอร์เฟรนด์”

            “ฮ่าๆๆๆ ตลกละ”

            ผมนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกับไอ้กรต่อเรื่อยๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นมันที่คอยถาม ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากรู้ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงชวนมันออกมามากกว่า ผมมองบรรยากาศรอบตัว ที่นี่เป็นร้านแถวมหาลัยทำให้ผมคุ้นหน้าคนในร้านมากกว่าครึ่ง ทุกคนล้วนมาที่นี่ด้วยเหตุผลแตกต่างกัน บางคนก็ดูเหมือนมีความสุขเหลือเกินบางคนก็ทุกข์เหลือเกิน ดูแล้วก็อดหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้ ไอ้กรคงหาว่าผมใกล้บ้า แต่จริงๆ ผมแค่กำลังคิดว่าถึงแม้จะเป็นสถานที่เดียวกันในเวลาเดียวกันคนเราก็มีจุดประสงค์ที่หลากหลายดี ผมดื่มเข้าไปอีกแก้ว เริ่มรู้สึกเหมือนพร้อมจะเล่าอะไรได้มากขึ้นแล้ว จึงค่อยๆ เปิดประเด็นขึ้นมา

            “พ่อให้กูไปเรียนต่อ”

            “เฮ้ย มึงเมาแล้ว”

                    ผมยิ้มให้มันแล้วส่ายหน้าเบาๆ ไอ้กรก็แบบนี้ เป็นคนขี้ตกใจขี้เป็นห่วงที่สุดในกลุ่มผมทุกคนแล้วล่ะ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเจาะจงเรียกมันออกมา ถ้าบอกมันเดี๋ยวคนอื่นในกลุ่มก็รู้ตามอยู่ดี แล้วผมจะได้ไม่ต้องเล่าต่อหน้าคนหลายๆ คนด้วย

            “เปล่า นี่พูดจริงเมื่อกี้เพิ่งไปหาพ่อมา”

            “...พ่อมึงบ้าป่ะเนี่ย”

            “หยาบสัด ฮ่าๆๆ”

            “เห้ยโทษ เออนั่นแหละ สรุปทำไมยังไง”

            “ก็...แลกกับการที่กูไม่ต้องเป็นเฮดดีไซน์ของบริษัท”

            “...”

            “พ่อบอกอย่างน้อยกูจะได้ดูมีความรู้ในสายตาของพี่ๆ ที่ออฟฟิศ”

            พอผมเล่าจบไอ้กรก็ถอนหายใจออกมายาวๆ มันทำหน้าเหมือนมันโดนส่งไปเรียนแทนอย่างไรอย่างนั้น ผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยว่าอย่างน้อยก็ได้เล่าให้ใครฟังสักคน

            “แล้วน้องพรานอ่ะ”

            “พ่อบอกว่ากลับมาถ้าพรานยังรอ ก็จะไม่ห้ามกู”

            “เชี่ย พ่อมึงยอมขนาดนี้เลยเหรอวะ”

            “อือ เขาคงอยากให้กูไปมาก”

            “เกิดเป็นมึงแม่งลำบากจังวะ”

             จริงอย่างที่ไอ้กรว่าแหละครับ ข้อเสนอนี้ถ้าเทียบกับอันอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พ่อผมยอมให้เยอะมากแล้ว เพราะผมจะไม่ต้องทำงานออกแบบและยังได้คบกับพราน ส่วนหนึ่งอาจเห็นว่าคนสมัยนี้มีผู้ชายคบกันเยอะขึ้น ยิ่งในสายอาชีพนี้ผมว่าผมก็เห็นหลายคู่พ่ออาจพอทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว

            “มันก็ขึ้นอยู่กับพรานด้วยแหละ”

            “กูไม่รู้จะช่วยไงว่ะ ต้องลองถามดู”

            “ก็คงต้องงั้น”

 






            ผมเล่าเรื่องทุกอย่างแบบลงรายละเอียดให้ไอ้กรจนหมดและนึกขอบคุณแอลกอฮอลล์ขึ้นมาเพราะมันทำให้ผมรู้สึกดีกับการเล่ามากขึ้นด้วย ซึ่ง่ไอ้กรก็นั่งฟังอย่างใจเย็น มันไม่เร่งหรือถามอะไรเยอะแยะแต่คอยให้ผมค่อยๆ เล่าออกมาตามที่สะดวกใจ เวลาผ่านไปเท่าไหร่ผมไม่รู้ แต่จากการประมาณเอาคาดว่าน่าจะสักสองสามชั่วโมงได้ ในร้านเริ่มครึกครื้นเมื่อลูกค้าส่วนมากเริ่มขาดสติ บางโต๊ะพูดคุยเสียงดัง บางโต๊ะร้องเพลงแข่งกับดนตรีสดอย่างไม่เกรงใจ

            “กลับกันมั้ย”

            ผมไม่ชอบร้านตอนใกล้ดึกเลย มันเหมือนเป็นศูนย์รวมคนที่อยู่ๆ จะแปลงร่างได้อย่างไรอย่างนั้น จากตอนหัวค่ำยังดีๆ กันอยู่ ตอนนี้เริ่มออกลายแล้วครับ ผมนึกขอบคุณตัวเองที่ดื่มแค่ให้เล่าเรื่องได้คล่องปากเท่านั้นและไม่เมาเละเทะรบกวนคนอื่น

            “มึงไหวแน่นะ”

            “อือ แต่อาจต้องให้มึงไปส่งว่ะ”

            “เออ กูเตรียมใจมาแล้วเพื่อน”

            “รู้งานดีจังวะ”

            ผมนั่งมองนู่นมองนี่อีกสักพักเพื่อรอ ผมไม่อยากเมากลับไปจึงพยายามดื่มแบบค่อยๆ จิบแทนที่จะกระดกเข้าปากทีเดียว สุดท้ายผมจึงหยิบแก้วที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาจรดริมฝีปากเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจะดื่มเหล้าส่วนที่เหลืออยู่ก้นแก้วให้หมด

            “ไอ้พรต โทรศัพท์”

            “หือ?”

            ผมวางแก้วลง แล้วหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาดู และชื่อบนหน้าจอทำเอาผมถึงกับชะงักไปเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก จนไอ้กรต้องเตือนให้ผมสไลด์เพื่อรับสายและผมก็ทำตามแบบไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่

            “...”

            [พี่พรตผมจะ...เฮ้ย นี่พี่อยู่ไหน]

            “พราน”

            [พี่พรตทำอะไรอยู่ทำไมเสียงดังมาก]

            น้ำเสียงจากปลายสายดูร้อนรนไม่ต่างกับอุณหภูมิของแอลกอฮลล์ที่เพิ่งเข้าไปในร่างกาย แต่ผมไม่สนใจหรอก

 
            “พรานฟังนะ”

     
             [...]


            “พราน”


            [...]




            “รอพี่ได้รึเปล่า”








--------------------------------------------------------------------------------
เปิดเทอมแล้วค่ะ เปิดพร้อมงานที่หนักอย่างเดิม  :sad4:
แต่ตอนนี้งานยังไม่บึ้มค่ะ ยังอัพได้เรื่อยๆ  :laugh: :laugh:

ขอมีมาม่าแบบไม่เผ็ดมากนิดนึงง เดี๋ยวมันจะผ่านไปค่ะ 555555

เข้าไปเล่นแฮชแทคได้นะคะ เหงาแล้วว :-[ >>> #พรตพราน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-01-2017 23:52:09
กลัวตรงนี้แหละ
กลัวคนรอเหนื่อยที่จะรอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 06-01-2017 00:53:52
สงสารพี่พรตกับน้องพรานจัง :mew6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-01-2017 10:32:54
เพิ่งจะเป็นแฟนกัน ก็ต้องห่างกัน
สงสารชีวิตแบบพรตเนอะ
เรื่องออกแบบพรตไม่ชอบ
แต่พราณชอบนี่นา อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 06-01-2017 14:13:01
ได้สิ นะๆๆๆๆๆ พรานรอพี่พรตหน่อยนะะะะะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-01-2017 16:09:00
ไม่ชอบพ่อพี่พรตเลย ทำไมต้องบังคับลูกตัวเองซะขนาดนี้ด้วย
ไม่เห็นเหรอว่าลูกตัวเองไม่ได้มีความสุขเลยกับสิ่งที่พ่อเป็นคนเลือกให้อ่ะ
ไม่รู้จะบังคับไปถึงไหน ปล่อยให้ลูกมันได้มีอิสระบ้างเหอะ อย่าบังคับกันมากเกินไปเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-01-2017 17:27:48
สตงสติไปหมดละพรตเอ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-01-2017 18:33:41
พ่อพี่พรต ตั้งใจแยกพี่พรตกับพราน
ส่งไปเรียนเมืองนอก ห่างระยะทาง ไม่เจอกัน
พอห่างกัน ความสัมพันธ์ก็จืดจางได้
พบคนใหม่ๆ ก็เปลี่ยนใจกันได้
พรต พราน สู้ๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 07-01-2017 05:43:59
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่พรตเป็นแบบนั้น กดดันแล้วยังควบคุมตัวเองได้ขนาดนี้ ถือว่าเก่งมากแล้วนะ สงสัยจังว่าทำไมพ่อไม่ให้พี่พรตเรียนสาขาที่ชอบ จะได้ทำให้มันดีสุดๆไปเลยงี้ เฮ้อ...ไม่เข้าใจโลกแบบนั้นเท่าไหร่ เห็นใจ แอบสงสารพี่พฤตนิดๆ 5555 พี่เขาจะรู้ตัวมั้ยหนอว่าน้องชายทั้งรักทั้งเกลียด แต่เราชอบพี่พฤตนะ น่ารักดี ต้องรอดูต่อไป อีกอย่างทั้งพ่อทั้งลูกก็แรงพอกันนะ แต่ดีที่หยวนๆให้บ้างแล้ว สงสารก็แต่น้องพราน จะยอมรอมั้ยหนอ? น้องน่ารักนะ ชอบเขินจนน่าแกล้งจริงๆ หวังว่าน้องจะหายจากอาการแขยงจูบได้เร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 08-01-2017 01:14:35
รักแท้ไม่แพ้ระยะทาง  :oo1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 08-01-2017 08:21:09
โอ่ยยยย ลุ้นด้วยคน
น้องพรานจะว่ายังไงนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-01-2017 13:52:46
ฮอลลลล รอกันไปรอกันมา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 08-01-2017 14:04:03
อุปสรรคเรื่องเวลากับระยะทางนี่น่ากลัวนะ :o12:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน22 : P22: 05.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 09-01-2017 17:10:19
มานั่งรอตอนต่อไป  :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 15-01-2017 23:32:41
 



CHAPTER 23



             รอพี่ได้รึเปล่า


            “พี่พรตอยู่ไหน!”

            ผมไม่ได้ตอบคำถามที่พี่พรตพูดมาแต่เป็นฝ่ายถามกลับด้วยความร้อนรน และเหมือนพี่พรตเองก็จะไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่เพราะเขาเฝ้าถามคำถามเดิมซ้ำไปมาจนผมรู้สึกผิดปกติ เสียงบีทเพลงที่ดังเป็นระยะและเสียงพูดคุยดังลอดเข้ามาทางโทรศัพท์ทำให้ผมรู้ในทันทีว่าพี่พรตไม่ได้อยู่ที่บ้านแน่ๆ และเมื่อประกอบกับคำพูดแปลกๆ แล้วเป็นไปได้อย่างมากว่าพี่พรตกำลังเมา

            ...แล้วอยู่กับใคร

            ผมเริ่มนั่งไม่ติด พี่พรตไม่เคยเมาให้ผมเห็นเลยสักครั้งแต่ถ้าให้เดาจากการพูดซ้ำไปมาแล้วถึงไม่เมาก็ต้องดื่มไประดับนึงแหละ และคงไปเครียดอะไรมาอีกแน่ๆ เขาเป็นคนประเภทไม่บอกไม่กล่าวอะไรอยู่แล้วซึ่งนั่นทำใหผมยิ่งกังวลมากขึ้น ผมจำได้ว่าเคยขอเบอร์เพื่อนพี่พรตเอาไว้ แต่หลังจากพยายามไล่เบอร์ในมือถือก็ไม่มีเบอร์ใครเลย ผมจึงลุกขึ้นมาที่โต๊ะดราฟ พยายามมองหากระดาษหรือสมุดเผื่อผมจดแล้ววางทิ้งไว้บ้าง และในจังหวะนั้นสายตาผมก็สะดุดเข้ากับกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งบนโต๊ะ

            ...ใบสายรหัส                                           

            ผมรีบหยิบกล่องนั้นขึ้นมาเปิดโดยเร็ว แล้วดึงกระดาษที่พับทบในแบบญี่ปุ่นคลี่ดูรายชื่อสมาชิกในสายไล่มาเรื่อยๆ จนถึงชื่อพี่แพรซึ่งผมจำได้ว่าเขาสนิทกับพี่พรต

            ผมกดเบอร์อย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นานปลายสายก็กดรับ

            “พี่แพร นี่พรานนะ”

            [อ้อ ว่าไง]

            “พี่พอรู้มั้ยครับว่าตอนนี้พี่พรตอยู่ไหน”

            [หือ ไม่รู้เลยอ่ะ พี่ทำสตูอยู่ที่บ้าน]

            “คือ...”

 




 

            “ไปสาทรครับ”

            ผมไม่ขับรถและไม่เคยคิดว่ามันดือดร้อนอะไรจนกระทั่งวันนี้ ผมมองแผนที่ในมือถือพลางกดให้มันนำทางไปตามเส้นทางเพื่อคอยบอกแท็กซี่เป็นระยะๆ ผมมองรูปด้านหน้าของร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งซึ่งพี่แพรบอกว่าพี่พรตชอบไปนั่งดื่มเสมอเวลามีเรื่องเครียดอะไร ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าจะเจอเขาจริงๆ

            เวลายี่สิบนาทียาวนานเหมือนเป็นชาติเมื่อความคิดของผมเอาแต่วนเวียนอยู่กับพี่พรต จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงครับ ตอนบ่ายก็บอกว่าไม่ต้องมาค้างเพราะงานใกล้เสร็จแต่ตัวเองกลับไปดื่ม ซ้ำยังไม่รู้ว่าไปคนเดียวรึเปล่าและจะกลับยังไง

            “ตรงนี้เลยครับพี่ ไม่ต้องทอนนะครับ”

            ผมยื่นธนบัตรให้แท็กซี่แล้วรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีก่อนเดินฝ่าผู้คนเข้าไปในร้าน กลิ่นเหล้าและบุหรี่อบอวลไปทั่วพร้อมเสียงดนตรีดังจนปวดหู ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย เหมือนยิ่งดึกยิ่งคึกแหละครับ ทุกคนพยายามตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงดนตรีทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์เลยทั้งเสียงคุยและเสียงดนตรี

            ผมเดินฝ่าคนและพยายามหลบเลี่ยงบางคนที่เดินเข้ามาทักทายไม่หยุด จนสุดท้ายก็เดินไปถึงส่วนริมของร้านซึ่งจัดเป็นโต๊ะขนาดนั่งได้สามสี่คน ผมก็เดินไล่ดูต่อไปเรื่อยๆ จนถึงโต๊ะตัวเกือบสุดท้าย

            ...นั่นพี่พรต

            ความรู้สึกตอนนี้เหมือนถูกหวยเลยครับเพราะตอนแรกเผื่อใจไว้ว่าอาจไม่เจอ ผมยิ้มนิดๆ กับตัวเองแล้วก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือแก้วเหล้าเข้ามาเพื่อจะขอชนแก้วพร้อมแตะไหล่พี่พรตอย่างจงใจ ซึ่งพี่พรตซึ่งพี่พรตเองก็ทำท่าทีพอใจและหันไปชนแก้วกับผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน ฝั่งตรงข้ามพี่พรตเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งผมคุ้นว่าน่าจะเป็นพี่กรเพื่อนในกลุ่มเขานั่นแหละ ทำให้ผมค่อยโล่งใจหน่อยว่าอย่างน้อยพี่กรคงช่วยดูพี่พรตได้ระดับนึง

            “พี่พรต”

            ผมเอ่ยทักขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ ทำให้พี่พรตหันกลับมามองด้วยสีหน้าที่เหมือนชะงักไปทันที พร้อมกับพี่กรที่รีบหันมามองด้านหลังเช่นเดียวกัน

            “อ้าวน้องพรานมาได้ไง”

            “พี่พรตโทรมาผมเลยถามพี่แพรครับ”

            ผมตอบพี่กรแบบไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่เพราะสมาธิผมไปอยู่กับพี่พรตหมดแล้ว เขามองผมมาโดยตรงไม่หลบสายตาแต่ดวงตาดูลอยๆ ปนเศร้าอย่างบอกไม่ถูก สภาพแบบนี้พี่พรตเครียดอยู่แน่ๆ และดูทีท่าว่าบางทีอาจเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวผมด้วยซ้ำ

            “เออ มาก็ดีแล้ว ตอนแรกมันบอกจะไม่เมาๆ พอคุยกับพรานเสร็จแม่งเป็นบ้าไปเลย”

            ได้ยินอย่างนี้แล้ผมยิ่งขมวดคิ้ว มองแบบนี้พี่พรตเด็กจังเลยวะ เหมือนคนคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ยังคงว่างอยู่ซึ่งพี่พรตก็ลากสายตามองตามไม่หยุด

            “นี่พูดรู้เรื่องป่ะครับพี่กร”

            “ไม่ค่อยว่ะ”

            ผมถอนหายใจแล้วหันกลับไปสบตากับคนที่มองผมตลอดเวลา จริงๆ ผมควรจะสงสารเขานะ แต่ในใจตอนนี้กลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก นี่ถ้าพี่กรบอกว่าพี่พรตไม่เมามากผมจะตรงเข้าไปจับตัวเขาเขย่าๆ แล้วตะคอกอัดหน้าว่าเครียดอะไรให้ระบายออกมาให้หมดแล้วล่ะครับ

            “เออพราน ไปส่งมันไหวป่ะ งานกูยังไม่เสร็จ”

            ผมนิ่งคิดครู่หนึ่ง ผมไม่มีรถก็จริงแต่การลากไอ้พี่พรตไปเรียกแท็กซี่คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอกมั้ง

            “น่าจะได้นะครับ”

            แต่พี่กรเองกลับมองผมสลับกับพี่พรตที่ถึงสติจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวแต่น่าจะเดินเองได้บ้าง ก่อนจะพยักหน้าให้ผม

            “งั้นเดี๋ยวให้เบอร์กูไว้ก่อน ไม่ไหวยังไงก็โทรมา”

            “ได้ครับ”

            ผมส่งมือถือตัวเองให้พี่กรกดเบอร์เรียบร้อย  เขามองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาติดจะเป็นกังวล

            “ขอบคุณมาก ดูแลมันหน่อยนะ”

            “ครับ”
            หลังจากพี่กรลุกออกไปแล้ว ผมก็หันกลับมอมองคนที่นั่งข้างๆ พี่พรตแม่งเหมือนเมายายังไงไม่รู้เลยว่ะ คือไม่ได้เมาเละเทะแต่สติหลุดไปหมดแล้ว ผมเอื้อมมือไปแตะเขาเบาๆ ก่อนจะถาม

            “พี่พรตเดินไหวรึเปล่า”

            “พราน”

            “...”

            “รอได้รึเปล่า”

            “รออะไรครับ”

            “...ได้ไหม”

            ต้องการจะสื่ออะไรวะ

            ผมเพิ่งเข้าใจว่าคนเมาคุยไม่รู้เรื่องมันเป็นยังไง ตั้งแต่ในโทรศัพท์เมื่อกี้พี่พรตก็ถามคำถามนี้มาครั้งหนึ่ง เสียงพี่พรตที่ถามขึ้นเหมือนมีความไม่มั่นใจและกังวลอยู่หลายส่วนแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ผมมองคนที่นั่งหลังตรงและสงบเหมือนสภาพปกติมากๆ จนดูเหมือนไม่เมาแต่ดันคุยไม่รู้เรื่องอย่างปลงๆ จะให้มันอธิบายอะไรตอนนี้คงไม่ไหวแน่ ผมจึงตัดสินใจเอาเลยว่ายังไงต้องพาพี่พรตออกจากที่นี่ก่อน

            “เดี๋ยวกลับก่อนจะตอบ มาเร็วพี่พรต”

            ผมลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายลุกตาม แต่เขาดูไม่มีทีท่าจะทำตามเลยสักนิด

            “พี่พรตมาเร็ว”

            ... เขายังคงจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น

            ในเมื่อเขาไม่ขยับไปไหน ผมเลยจำใจต้องย่อตัวลงไป จับแขนพี่พรตพาด่าตัวเองแล้วค่อยๆ ดึงตัวเขาขึ้นมา พี่พรตไม่ขืนตัว ไม่เดินเซแต่เขาก็ไม่คิดจะเดินเองเลยสักนิด ผมนึกดีใจที่ตัวเองไม่ได้เตี้ยจนเกินไปนักเลยสามารถหิ้วปีกได้โดยไม่ลำบากอะไร แต่ลำพังตัวเองมาคนเดียวก็เบียดจะแย่อยู่แล้วการค่อยๆ พาผู้ชายทั้งคนฝ่าฝูงคนออกไปเลยย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

            “พราน...”

            พี่พรตเริ่มงอแงขึ้นมาอีกรอบ แต่ผมไม่มีเวลามานั่งตั้งใจฟังอะไรแล้วล่ะครับ ออกไปให้ได้ก่อนเป็นพอ ผมเลยหันไปกระซิบพี่พรตถึงข้างหูด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

            “เออ หุบปากน่าพี่พรต”

            ผมตอบพลางยิ้มนิดๆ แล้วเอื้อมมือข้างที่ว่างอยู่ไปปิดปากพี่พรตอย่างหมั่นไส้ ในภาวะปกติใครจะไปกล้าสั่งให้รุ่นพี่ ‘หุบปาก’ ล่ะครับ ผมรู้ว่ามันเครียดอยู่แต่ถือเป็นการแกล้งเล็กๆ น้อยๆ ก่อนมันจะกลับมามีสติแล้วกันอย่างน้อยก็ได้ล้างแค้นที่ไอ้พี่พรตชอบแกล้งผมสักครั้งก็ยังดี ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่พรตแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าทำไมต้องมีอะไรทำให้คนๆ นี้เครียดซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ถึงสาเหตุที่จะทำให้พี่พรตเข้าโหมดดาร์กจะเป็นอะไรก็เถอะ ผมสบายใจขึ้นแล้วครับ


            เพราะอย่างน้อยพี่พรตก็อยู่กับผม






 

            การจราจรตอนเที่ยงคืนไม่เลวร้ายนักจึงทำให้แท็กซี่มาส่งหน้าคอนโดของพี่พรตได้ภายในสิบห้านาที ผมล้วงหาคียการ์ดจากกระเป๋ากางเกงพี่พรตอย่างทุลักทุเล ไม่อยากให้คนภายนอกเห็นว่าหื่นหรอกครับแต่มันจำเป็นจริงๆ และพอได้การ์ดแล้วผมก็ใช้ตัวดันประตูเข้าไป ผมปล่อยแขนพี่พรตเมื่อไปถึงโซฟาซึ่งพี่พรตก็นั่งตรงและมองผมเหมือนที่ร้านนั่นแหละ

            ผมเดินไปเช็คประตูห้องว่าล็อคหรือยังแล้วค่อยทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พี่พรตก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากเขาดูเผื่อว่าจะเป็นไข้หรือไม่สบายอะไรหรือเปล่า แต่นอกจากสภาพมึนๆ เขาก็ดูปกติดีทุกอย่าง คราวนี้ผมเลยเริ่มถามเขาก่อน

            “เกิดอะไรขึ้น”

            พี่พรตชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยคำถามเดินอีกครั้ง

            “ตอบมาก่อนว่ารอได้รึเปล่า”

            “จะตอบได้ไง รออะไรยังไม่รู้เลย”

            พี่พรตดูงอแงมากจนผมเริ่มไม่โอเคเลยตอบอย่างฉุนๆ ไป ผมไม่ใช่คนขี้รำคาญแต่อย่างน้อยก่อนจะตกลงรับปากใครผมต้องการความแน่นอน ซึ่งพี่พรตเองก็ชะงักไปและมีสีหน้าลำบากใจเหมือนกำลังใคร่ครวญอย่างหนัก ซึ่งท่าทางแบบนั้นทำเอาผมเริ่มใจอ่อนและอารมณ์เย็นลง

            “ค่อยๆ พูดก็ได้ครับ”

            “ปีหน้าพ่อจะส่งกูไปเรียกเมกา”

            ...เชี่ย

            ไม่ใช่แค่พี่พรตหรอกที่รู้สึกช็อค ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อวันก่อนที่ได้ยินคุณสุวัตรมาพูดที่ห้องก็นึกว่าปิดประเด็นไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ ผมเหม่อมองพี่พรตอย่างลืมตัว นึกสงสารคนข้างๆ ขึ้นมาจับใจ พี่พรตนั่งห้มหน้าแต่ผมพอจะเห็นได้ว่าสีหน้าเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่

            “ต้องไปจริงๆ เหรอ”

            “อืม...พ่อบอกถ้าจบนอกก็ไม่ต้องเป็นเต็ก”

            ผมเข้าใจดีว่าการตัดสินใจมันยากเสมอ โดยเฉพาะให้เลือกการที่ไม่ต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบกับการทิ้งเพื่อนฝูงและผู้คนซึ่งตัวเองผูกพัน แต่ยังไงผมก็เชื่อว่าพี่พรตมีคำตอบในใจที่ชัดเจนอยู่แล้ว เขาย่อมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่ต้องเป็นสถาปนิก มันเป็นการตัดสินชีวิตของตัวเองในระยะยาว เพื่อนและสังคมไม่ได้ยืนยาวเท่าตัวเขาเองอยู่แล้วซ้ำยังเป็นความสัมพันธ์ที่ถึงห่างกันไปก็ยังคงอยู่ กลับมาอีกทีก็ยังไม่เปลี่ยน แต่แน่นอนว่าเลือกทางไหนก็เจ็บปวด ผมรู้ดีว่าพี่พรตรักคณะและสังคมของพวกเรามากกว่าใครเพราะมันเป็นความสุขเดียวที่เขาจะได้รับจากการเรียนในสายอาชีพนี้

            มือของพี่พรตจับกันแน่นจนผมอดไม่ได้ที่จะแตะเบาๆ แล้วแทรกมือตัวเองลงไประหว่างมือทั้งสองข้างของพี่พรต เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะคลายมือออกจากกันแล้วเปลี่ยนมาจับมือผมเอาไว้หลวมๆ

            “พรานรอได้นะ”

            ความสัมพันธ์นี้สำหรับผมเพิ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นานแต่สำหรับพี่พรตอาจยาวนานกว่านั้น ผมขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยว่าผมอาจไม่ได้ชอบพี่พรตเท่าที่เขาชอบผม ความรู้สึกของผมไม่มากเท่าคนอื่นหรอก แต่พี่พรตก็เป็นคนแรกที่พยายามเข้าหาและทำให้ผมเปิดใจให้มากกว่าคนก่อนๆ ที่ผ่านมา อาจเพราะความกวนตีนอย่างตรงไปตรงมา การวางตัวสบายๆ หรืออะไรก็ตามทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงเขาได้ง่ายและเข้ามาถึงผมง่ายเช่นเดียวกัน คนเรียบๆ ที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอย่างผมจึงรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เขาทำให้ชีวิตผมเหมือนมีสีสันขึ้นมาจนตัวเองยังนึกแปลกใจ

            พี่พรตเป็นคนที่เจิดจ้าสำหรับผมเสมอ ถึงแม้ตัวเขาเองอาจไม่คิดอย่างนั้น แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ผมกล้าที่จะรอ

            “กูไม่อยากให้ฝืน”

            “พรานไม่ฝืนหรอก”

            พี่พรตถอนหายใจ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแล้วก็หยุดไปหลายครั้ง สายตาของเขาบ่งบอกว่ากลัวและไม่กล้า แต่สุดท้ายยอมเอ่ยปากออกมาในที่สุด

            “มันยากนะพราน”

            “...”

            “ถ้าเมื่อไหร่ไม่อยากรอแล้วก็บอกได้เลยนะ”

            เสียงของพี่พรตเบาจนน่าใจหาย ผมรู้ดีว่าตัวเองจินตนาการไม่ถูกหรอกว่าเขาเจ็บปวดหรือทรมานแค่ไหนกับการเอ่ยประโยคนี้ จึงได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆ โดยไม่ตอบอะไร แต่พี่เขาก็ยังคงมีสีหน้ากังวลเหมือนเดิม

            “พี่พรตใจเย็น สองปีพรานว่าไม่นานนะ”

            “...”

            “แต่ถ้าจะไม่รอจะบอกตรงๆ เลย”

            ถึงผมจะพูดแบบนี้พี่พรตก็ยังจะถามขึ้นมาอีกรอบ

            “ต้องบอกนะ”

            “เออน่า”

            ผมนึกถึงคำพูดของพี่กรที่บอกไว้ก่อนกลับมาว่าพี่พรตยังไม่มีสติพอจะพูดให้รู้เรื่อง ผมว่าเขาไม่ได้ไม่เข้าใจหรอกแต่เหมือนเป็นภาวะถามย้ำๆ พูดซ้ำๆ เพื่อให้ตัวเองมั่นใจขึ้นมากกว่า เหมือนคนที่กลัวความไม่แน่นอนทุกอย่าง ทั้งที่ผมจะตอบชัดเจนมากขนาดนี้แล้วเขาก็ยังมีสีหน้าเป็นกังวลเช่นเคย ผมอยากทำให้เขาเลิกกังวลเสียทีและรู้ด้วยว่าทำยังไงแต่จะให้ทำอีกครั้ง มันเหมือนที่ผมเคยปลอบเขาครั้งนั้นแต่เมื่อหันไปมองพี่พรตผมก็รู้ตัวเลยว่าคงยากเพราะแค่คิดก็กลัวแล้ว

            ...แค่กอดก็ได้มั้ง

            “พี่พรต”

            “อะไร”

            ผมเปลี่ยนจากนั่งห้อยขาปกติมาเป็นขัดสมาธิแล้วหันทั้งตัวไปทางพี่พรตโดยตรงก่อนจะจับบ่าเขาให้หันมาทางผมเช่นเดียวกัน พี่พรตมองผมเหมือนไม่เข้าใจแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เขาเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิตามผมแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน ผมจึงอ้าแขนกว้างพร้อมยิ้มให้เขา


            “มานี่”                                                             


            พี่พรตชะงักไปนิดนึงก่อนจะยิ้มตอบแล้วเอนตัวมาหาผมทั้งตัว เขาทิ้งน้ำหนักลงเต็มที่ เอาหน้าซุกลงกับไหล่ผมแล้วกอดเอวเอาไว้หลวมๆ ผมโอบรอบตัวเขาไว้แล้วลูบหลังเบาๆ ก่อนจะเริ่มโยกตัวเหมือนที่พี่พรตเคยทำตอนปลอบผมด้วยท่ากล่อมเด็ก ผมยังไม่ทิ้งคอนเสปท์กวนตีนมากวนตีนกลับไม่โกงหรอกนะครับ

            “ร้าย”

            พี่พรตหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามาทางผมโดยที่ยังหนุนไหล่อยู่ ทำให้จมูกของเขาแตะกับต้นคอผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ให้ตายเหอะ ผมว่าไอ้พี่พรตมันจงใจแน่เลย ลมหายใจร้อนๆ ที่สัมผัสได้ทำเอาผมเริ่มหน้าร้อนตาม พี่พรตยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะค่อยๆ ไล้ปลายจมูกไปตามซอกคอ

            “พี่พรตอย่าซน” 

            ผมพยายามดันใบหน้าเขาออกแต่พี่พรตกลับเอามือล็อคผมไว้ได้ทัน คราวนี้เขาเลื่อนจากปลายจมูกมาเป็นริมฝีปากแทน เขาไล้ตั้งแต่ซอกคอไปตามแนวกระดูกไหปลาร้า ใช้มือข้างนึงค่อยๆ ปลดกระดุมเม็ดแรกของผมออกแล้วเลื่อนริมฝีปากตามมา อุณหภูมิบนผิวของผมกับริมฝีปากของพี่พรตตัดกันอย่างสิ้นเชิง สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ละเลียดแผ่วเบาเหมือนเว้าวอนอยู่มนตัวนั้นทำให้ผมรู้สึกวูบจนต้องพยายามดันตัวออกมาอีกรอบ                               

            “อย่าดิ้นสิ”

            “งั้นพี่พรตต้องหยุด”

            ผมไม่เคยว่าอะไรหรอกถ้าเขาอยู่อย่างสงบแต่นี่เล่นมาทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนไปด้วย ผมเองก็เป็นผู้ชายทำไมจะไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไร พี่พรตถอนหายใจแรงเหมือนจงใจให้ผมได้ยินชัดๆ ซึ่งมันโคตรน่าหมั่นไส้ แต่เขาก็ยอมหยุดแล้วกอดผมไว้เหมือนเดิมแต่โดยดี พี่พรตยังคงซบใบหน้าลงกับไหล่ผมแล้วช้อนสายตามอง

            “พรานรู้นะว่าพี่พรตอยากทำอะไร”

            “เปล่านี่”

            “ยังไม่ใช่ตอนนี้ โอเคนะ”

            พี่พรตยิ้มให้ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบจมูกผม

            “เดี๋ยวนี้ร้ายอ่ะ”

            “ไม่เลยเหอะ ถ้าเทียบกับพี่พรตเมื่อกี้”

            เขาหัวเราะในลำคอซึ่งผมฟังแล้วมันโคตรชั่วร้าย แต่แล้วเขาก็หันกลับมามองอย่างอ้อนวอนอีกครั้ง


            “พราน”


            “อะไรอีก”


            “ขอทำต่อได้ป่ะ”








----------------------------------------------------------------------------
จริงๆ จะมาเร็วกว่านี้แล้วแต่คณะเราไม่หยุดเหมือนคณะอื่นเลยเดือดกันไป ถถถถ  :katai4:
มาถึงช่วงท้ายๆ ของเรื่องแล้ว ปริ่มม รู้สึกยาวนานมาก5555
เจอกันค่าา :กอด1:


หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-01-2017 00:10:51
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-01-2017 09:15:11
อะ มาขออะไร ไม่นะ พราน ไม่นะ ไม่ปฎิเสธพี่เขานะ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Orangeship ที่ 16-01-2017 10:30:15
เอ๊ะ ฟินๆ ขอมากกว่านี้ได้ป่ะะะะ

 :hao6: :m3: :m3: o22
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-01-2017 10:34:59
พี่พรต ขอไรพรานอะ  :katai1:
พราน ก็ให้ๆไปเถ้อ ดีกับคนอยากได้นะ
เหมือนเป็นการลงนามให้คำสัญญารัก
คนอ่านก็ชอบบบบบ  :z1: :haun4: :ling1: น้ำลายหกและ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-01-2017 16:00:35
555 พี่พรตบอกแค่นี้ไม่พอนะนายพราณ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-01-2017 17:10:23
ขอทำต่อ ทำอะไรคะพี่พรตตตตตต
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Arzumi ที่ 16-01-2017 18:26:03
โอ๊ยยยยถ้าพี่พรตจะะอ้อนขนาดนี้ :katai1: แล้วพรานจะใจแข็งได้แค่ไหนเชียวว แต่ที่แน่ๆคนอ่านนนระทวยแล้วจร้าาา ฮ่าๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 16-01-2017 20:00:45
อยากอ่านนะ แต่อย่าพึ่งเลย ถ้าเผื่อทำไปแล้ว ละ2ปีที่พรตไปเมกา เกิดใครทนไม่ได้ก่อนขึ้นมานี่แย่เลยนะ พรานอย่าพึ่งให้พี่เค้านะลูกกกก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 17-01-2017 00:22:38
อ่านบทนี้แล้วมันอึนๆ
เหมือนเรื่องที่พ่อพี่พรตสั่งให้ไปเรียนต่อเมกามันกะทันหันเกิน
ความสัมพันธ์ของพรตกะพรานยังไม่แนบแน่นพอเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน23 : P23: 15.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-01-2017 13:37:13
ขอมาได้นะ พรต :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 : P23: 26.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 26-01-2017 21:49:13



:: CHAPTER 24 ::







            “พรุ่งนี้พี่พรานไปค่ายเหรอ”

            ผมเงยหน้ามองใบพลูที่กำลังยืนพิงวงกบประตูห้องนอนแล้วกวาดสายตามองข้าวของที่วางกระจัดกระจายเต็มพื้นซึ่งผมกำลังพยายามยัดลงกระเป๋าหูหิ้วที่ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ ผมออกแรงม้วนเสื้อแล้วอัดมันลงก้นกระเป๋าได้ในที่สุด ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อแพคเสื้อทุกตัวลงเรียบร้อย ยอมรับเลยว่าการจัดกระเป๋านี่ทำให้ผมบรรลุศาสตร์ของการจัดของแล้วล่ะครับ และหลังจากจัดการเสื้อตัวสุดท้ายเสร็จแล้วผมจึงเริ่มให้ความสนใจคนที่ยืนอยู่ต่อหน้า

            “อืม ออกเช้าเลย”

            ใบพลูหรี่ตามองผมเหมือนจะจับผิด คงผิดวิสัยนิดหน่อยเพราะแต่ไหนแต่ไรมาพอปิดเทอมผมก็หมกตัวอยู่บ้านตลอด

            “ไม่น่าเชื่อ อย่างพี่พรตเนี่ยนะจะไปค่าย”

            “เห็นแบบนี้ก็ทำกิจกรรมนะเว้ย”

            ผมตอบอย่างอวดๆ พร้อมส่งยิ้มให้ ทำเอาพลูถึงกับหัวเราะ

            “ไปเพราะพี่พรตมากกว่ามั้ง”

            “เบื่อคนรู้ทัน”

            ผมย่นจมูกให้พลู มันก็จริงล่ะครับ ตั้งแต่ไหนแต่ไรผมก็ไม่ค่อยทำกิจกรรมส่วนรวมอะไรเท่าไหร่หรอก ยิ่งตอนม.ปลายผมแทบจะจำศีลที่บ้าน พอเข้ามหาลัย การไปรับน้องนี่ถือว่าทำกิจกรรมสุดชีวิตผมแล้วล่ะครับ ซึ่งโดยรวมก็ชอบนะ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นปิดเทอมสุดท้ายของพี่พรตก่อนไปเรียนต่อผมคงไม่ไปค่ายแน่นอน

            “พี่พรตเป็นไงบ้าง”

            “ก็ไม่เห็นอะไรเลย”

            “อือ พี่พรตคงทำใจไแล้ว”

            “คงอย่างนั้นแหละ”

            ผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมยังรู้สึกโหวงอย่างอดไม่ได้เมื่อคิดว่าเทอมหน้าเขาก็ไม่อยู่แล้ว แต่ตัวพี่พรตเองกลับดูนิ่งกว่าผม หลังจากคืนนั้นที่ไปร้านเหล้าเขาก็ไม่เคยแสดงอาการอะไรอีกเท่าไหร่ จนถึงเมื่อวันก่อนนั่นแหละที่เขาเดินมาบอกผมว่าจะไปค่ายและอยากให้ผมไปกับเขาด้วย พูดตรงๆ คือผมขี้เกียจ แต่พี่พรตชวนขนาดนี้แล้วก็ต้องไปละครับ มันคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ไปค่ายกับเพื่อน

            “ดูแลพี่พรตด้วยนะ”

            “อือ”

            “พี่พรตชอบดูพระอาทิตย์ตก”

            “อือๆ”

            ผมรับคำในลำคออย่างไม่ค่อยมีสมาธิในขณะที่ก้มหน้าก้มตาจัดของตามเดิม มีกางเกงอีกห้าตัวที่ผมยังไม่ได้ยัดลงไปทั้งที่กระเป๋าก็ใกล้จะเต็มแล้ว ผมเลยต้องขุดผ้าเช็ดตัวออกมาเปลี่ยนรูปแบบการจัดอีกรอบ ผมม้วนแทนพับ พับแทนม้วน สลับลองไปเรื่อย การจัดของนี่แม่งโคตรยุ่งยาก

            “พี่พรตย้ำมาว่าชอบพอๆ กับพี่พรานเลย”

            “อือ...เห้ย คุยกันอยู่เหรอ”

            “ฮ่าๆๆ ไม่อยากจะอวด แต่ช่วงนี้พี่พรตคุยกับพลูทุกวัน”

            ใบพลูหัวเราะพร้อมชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดู และด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมก็รีบลุกไปคว้ามือถือของพลูมาเลื่อนดูเอง แชทพี่พรตในเครื่องพลูโคตรเยอะ ดีไม่ดีจะเยอะกว่าในเครื่องผมด้วยซ้ำ ผมไล่ดูไปเรื่อยๆ เกือบทุกครั้งพี่พรตเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะเริ่มอ่านผ่านๆ

            ‘น้องพลูครับ พรานชอบกินอะไรเหรอ’

            ‘ใบพลูแอบถามให้หน่อย พรุ่งนี้พี่พรานว่างรึเปล่า’

            ‘ไม่ต้องบอกพรานนะว่าพี่ถาม’

            ‘บอกพรานให้หน่อยว่าพี่พรตชอบดูพระอาทิตย์ตก’

            ผมกัดปากตัวเองเบาๆ หน้าร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ...เขินว่ะ พี่พรตแม่งมีมุมแบบนี้ด้วย

            “พี่พรตนี่ดูชอบพี่พรานมากเลยนะ”

            ใบพลูยังแซวไม่หยุดทั้งที่เห็นอยู่กับตามว่าผมหน้าแดงไปถึงหูแล้ว แม่งจงใจแกล้งผมทั้งน้องทั้งพี่พรตเลยเว้ย ผมส่งมือถือคืนพลู พยายามไม่สบสายตาที่มองมาด้วยสายตาล้อเลียนและทำเป็นจัดกระเป๋าต่อเรื่อยๆ ทั้งที่ใจเต้นเหมือนจะออกจากตัวให้ได้ ใบพลูเงียบไปครู่หนึ่งจนผมนึกว่าออกจากห้องไปแล้วด้วยซ้ำแต่แล้วน้องก็พูดขึ้นมาอีกรอบ

            “เออ เนี่ย เทอมหน้าพี่พรตก็ไปเมืองนอกแล้ว”

            “อือ รู้แล้ว”

            ทำไมพลูต้องยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้งด้วยวะ ผมขวดคิ้วกับตัวเองอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ยังคงก้มหน้าก้มตาจัดของต่อไปตามปกติพร้อมเตือนตัวเองในใจซ้ำๆ ...ผมจะไม่เงยหน้าขึ้นไปเด็ดขาด ผมจะไม่เงยหน้าแน่นอน ผมต้องโดนล้อหนักกว่าเดิมและไม่รู้จะทำยังไงให้คนพวกนี้เลิกแกล้งผมเสียที           

            “เทอมหน้าแล้วนะ”

            “อือ”

            “เมืองนอกเลยนะ”

            “...”

            สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายยอมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อตัดรำคาญ ไม่รู้ใบพลูเอาการพูดย้ำๆ ซ้ำๆ มาได้ยังไงแต่ผมโคตรแพ้การทำแบบนี้ ผมเลิกพันผ้าเช็ดตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมาตั้งใจฟังแทน ต้องเป็นไอ้พี่พรตคอยเสี้ยมอยู่ในไลน์แน่ๆ ไม่อย่างนั้นใบพลูคงไม่มีนิสัยร้ายกาจแบบนี้หรอก

            “อะ ว่ามา”

            ใบพลูหลุดยิ้มเมื่อได้รับความสนใจก่อนจะพิมพ์มือถืออย่างรีบร้อน นั่งไงผมว่าแล้ว พี่พรตแม่งกำลังบงการอยู่ในไลน์ชัวร์ๆ จากนั้นใบพลูเงยหน้าขึ้นมาอีกที

            ...ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลยว่ะ

            “ว่ามา พี่พรตพูดอะไรบ้าง”

            ใบพลูกระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “นี่พี่พรานรู้ใจพี่พรตขนาดนี้แล้วเหรอ”

            “เออน่ะ ว่าไรบ้าง”

            “พี่พรตบอกว่า”

            “...”

            “พาไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยนะ”

 

           






            กว่าจะมาถึงค่ายได้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ผมยกมือขึ้นบิดขี้เกียจทันทีหลังจากวางสัมภาระและถุงนอนลง แม่งแบกมานานมากครับเพราะเป็นทางขึ้นเขาและไม่มีรถเข้าไปส่ง หลังจากมาถึงและประชุมรวมกันแล้วผมเลยได้มาเดินตรงลานกว้างซึ่งได้มีการกั้นเป็นสัดเป็นส่วนแยกออกมาจากส่วนอื่นเรียบร้อย ผมเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับเป็นที่หลับนอนไปตลอดอีกห้าวันที่เหลือ ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอยู่เหมือนกัน

            “ตรงนี้เลยมึงๆ”

            “เออ ได้ๆ”

            ไอ้โอมรับคำก่อนจะก้มลงไปเปิดถุงเต็นท์ที่ช่วยกันหิ้วมา ผมนั่งยองๆ ลงตามมันแล้วช่วยดึงโครงเหล็กออกมาทีละท่อนก่อนจะตามด้วยผ้าใบผืนใหญ่ ชีวิตนี้ไม่เคยกางเต็นท์เองเลยครับ บอกตรงๆ ว่าโคตรตื่นเต้น ผมพยายามมองหาเต็นท์เพื่อนบ้านเพื่อจะได้ศึกษาว่าเขาเริ่มกางกันอย่างไร

            “เฮ้ยพราน โอม มึงอยู่ตรงนี้ใช่ป่ะ งั้นกูกางข้างๆ นะ”

            “เออได้ๆ มาช่วยกูกางด้วย”

            ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีพระมาโปรด ผมมองไอ้โจ้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเซคด้วยสายตาชื่นชม

            “กูก็ไม่เป็น

            “อ้าวเวร”

            สุดท้ายก็ไม่มีปฏิหารย์ใดๆ เกิดขึ้นกับผมและโอม สุดท้ายพวกเราเลยได้แต่ช่วยกันมองเต็นท์ที่อยู่ถัดไปสองสามหลังแทนเพื่อดูวิธีการตั้ง เราช่วยกันแผ่ผ้าใบเต็นท์ลงบนพื้นแล้ววางโครงเหล็กไขว้กัน ก่อนจะค่อยๆ หนีบพลาสติกริมเต็นท์ให้เข้ากับโครงเหล็กเป็นระยะๆ พอมาถึงขั้นตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะว่าจะประกอบต่ออย่างไร ผมกับโอมนั่งติดผ้าใบเข้ากับโครงเรื่อยๆ จนครบ แล้วเริ่มตั้งโครงขึ้นมา

            “เชือกนี้ไว้ทำไรวะ”

            ผมหยิบเชือกที่ติดตรงกลางผ้าใบขึ้นมาอย่างสงสัย มันเป็นเชือกสองเส้นเล็กๆ ไม่ยาวมาก เชื่อมกับผ้าและอยู่ในตำแหน่งเดียวกับจุดที่โครงเหล็กไขว้กันพอดี และจากการคาดเดาของผมคิดว่าด้วยความยาวเท่านี้ตำแหน่งนี้มันต้องเอาไว้ผูกยึดกลางโครงแน่ๆ

            “ไอ้โอม แบบนี้ป่ะวะ”

            ผมลองผูกเชือกนั้นเข้ากับโครงและมันก็ดูเหมือนจะถูกต้องอยู่นะครับ ไอ้โอมเดินมามองใกล้ๆ อย่างพิจารณาแล้วหันไปเทียบกับเต็นท์ข้างๆ แล้วพยักหน้า

            “กูก็คิดงั้นนะ กูไม่เห็นละพวกไอ้วินก็ตั้งเสร็จแล้ว”

            “เออๆ งั้นดัดเลยละกัน”

            ผมกับโอมจัดการเอาปลายโรงเหล็กเสียบเข้ากับตัวยึดพื้นครบทั้งสี่ด้านแล้วเอาปลยด้านหนึ่งปักยึดกับดินในขณะที่ไอ้โอมอ้อมไปฝั่งตรงข้าม แล้วดัดโค้งเพื่อเอาปลายอีกด้านหนึ่งไปปักดินเช่นกัน ผมอดจับโครงหล็กไว้ไม่ได้เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามันโค้งมากจนฝืน

            “เห้ยไอ้โอม มันจะไม่เป็นไรเหรอวะ”

            “เออ ไม่เป็นไรหรอกน่า มันก็ต้องโค้งแบบนี้”

            ผมมองไอ้โอมดัดโครงต่อ ในใจเกิดกังวลขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ก็เห็นอยู่กับตาว่ามันดูเหมือนจะฝืนมากแล้วแต่ไอ้โอมก็ยังพยายามโค้งให้ปลายโครงปักลงดินอยู่ดี

            “ไอ้โอม กูว่า...”

            ‘เป๊าะ’

            “ไอ้เชี่ย!”

            ทั้งผมและโอมอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย มองอดีตโครงเต็นท์ที่ตอนนี้กลายเป็นซากอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว ผมก้มลงพิจารณารอยหักของมันอยู่พักใหญ่และค้นพบว่าไม่มีวิธีเชื่อมอะไรเลยจริงๆ เนื่องจากพลาสติกแตกเป็นผง ผมแอบเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยว่าส่วนหนึ่งที่มันหักก็คงเพราะพลาสติกเปราะเองด้วยมั้งเลยรับแรงดึงมากไม่ได้เท่าที่ควร

            “มึง กูว่าเราลองประกอบให้เสร็จกันก่อนมั้ยวะ”

            “เออได้”

            จากนั้นผมกับโอมก็ช่วยกันประกอบเต็นท์ต่อไปจนจบขั้นตอน โชคดีหน่อยที่โครงอีกเส้นไม่ได้หักไปด้วย แต่การโรงด้านหนึ่งหักก็ทำให้เต็นท์ของผมกับโอมมีรูปทรงไม่เหมือนเต็นท์สักเท่าไหร่ มันดูเป็นฟรีฟอร์มเหมือนสถาปัตยกรรมของซาฮ่า ฮาดิด ซึ่งเป็นสถาปนิกระดับเจ้าแม่ที่ทำอาคารรูปทรงแปลกตาเป็นเอกลักษณ์และมีพื้นที่ภายในที่แปลกใหม่ แต่เต็นท์ผมไม่ใช้แบบนั้นเว้ย ผมต้องการแค่ที่นอนไม่ได้ต้องการให้อลังการอะไรเลย และตอนนี้มันดูเหมือนจะนอนไม่ได้

            “มึงว่ามันนอนไหวมั้ยวะ”

            “เดี๋ยวกูเข้าไปดู”

            ไอ้โอมคลานเข้าไปภายในเต็นท์ก่อนจะตอบกลับมาว่าพอนอนไหว ผมขมวดคิ้วชั่งใจ มันดูเหมือนจะนอนไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น แต่เอาเถอะ ไอ้โอมบอว่าได้ก็คงได้แหละ และเมื่อคิดอย่างนั้นผมจึงทย­อยส่งกระเป๋าสัมภาระที่วางนอกเต็นท์เข้าไปโดยมีไอ้โอมคอยจัดพื้นที่ด้านไหนอยู่ ผมส่งของเข้าไปจนครบและรอไอ้โอมคลานกลับออกมา แต่แล้วระหว่างนั้นก็มีมือหนึ่งมาจับบ่าผมไว้

            “เต็นท์นายเป็นไรอ่ะ”

            ...ไอ้พี่พรต

            คนๆ นี้แม่งมาโคตรได้จังหวะ ผมมองใบหน้าด้านข้างของพี่พรตที่ไม่หันมาทางผมแต่กำลังมองเต็นท์แทน จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของเลยสักนิด

            “ฟอร์มแม่งโคตรเฟี้ยว ฮ่าๆๆๆ”

            “...”

            “สเปซข้างในต้องดีแน่ๆ”

            “พอเลยพี่พรต”

            ผมปรามเขาเบาๆ กูเครียดอยู่นะครับพี่พรต! ถ้าต้องย้ายไปนอนเต็นท์คนอื่นแม่งเบียดแน่ๆ เพราะทุกคนจับกลุ่มนอนกันเรียบร้อยตั้งแต่ที่กรุงเทพฯ แล้ว คงไม่มีใครเอาเต็นทำรองมากันหรอกครับ ถ้าจะต้องไปอาศัยคนอื่นจริงๆ คงต้องไปนอนกับพวกที่มีเต็นท์หลังใหญ่ๆ คนเยอะๆ นั่นแหละ

            “ไปนอนกับกูป่ะ”

            “ได้ไงล่ะ พี่พรตนอนกับพี่กรแล้ว ไปอีกก็เบียด”

            “...ก็จริง”

            พี่พรตพึมพำออกมาเป็นเชิงว่าเห็นด้วย ทำเอาผมอดโล่งใจไม่ได้ว่าอย่างน้อยเวลาที่ผมกำลังตัดสินใจเขาก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายขึ้นมา

            “เฮ้ย เหมือนเต็นท์กูจะมีโครงสำรองอยู่อันนึง”

            ผมกับไอ้โอมหันไปมองพี่พรตทันทีอย่างมีความหวังขึ้นมา

            “แต่ต้องตอกสมอบกเอานะ ไปหาค้อนมาเดี๋ยวทำให้”

            ผมหยักหน้ารับก่อนจะไปขอค้อนจากเพื่อนที่กำลังรื้อของออกจากลังพอดี จากนั้นก็วิ่งกลับมาที่เต็นท์ทันที เลยได้เห็นพี่พรตกำลังต่อโครงใหม่ให้อย่างเชี่ยวชาญ ผมมองพี่พรตที่กำลังก้มหน้าก้มตาซ่อมอย่างขมักเขม้นก็ได้แต่ยิ้มออกมา ผมแทบไม่เคยได้เห็นพี่พรตที่โคตรกวนตีนมีท่าทางตั้งใจขนาดนี้และทำให้พี่พรตแม่งดูดีขึ้นเป็นสิบเป็นร้อยเท่า รับรองว่าพลูมาเห็นนี่คงกรี๊ดลั่นลานไปแล้ว

            พอนึกถึงใบพลูและพี่พรตในคราบผู้ชายในอุดมคติแล้วผมเลยรีบส้งค้อนไปให้ไอ้โอมถือแทนแล้วดึงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็แอบถ่ายรูปพี่พรตเอาไว้แบบรัวๆ เพื่อะส่งไลน์ไปอวดน้องสาวผู้คลั่งไคล้ แต่โชคคงไม่เข้าข้างผมสักเท่าไหร่เพราะไอ้พี่พรตดันเงยหน้าขึ้นมาขอค้อนพอดี ทำเอาผมต้องรีบเก็บมือถือ แต่ก็นั่นแหละครับ ยังไงก็เก็บไม่ทันสายตาเจ้าตัวอยู่ดี พี่พรตมองผมยิ้มๆ ก่อนพูดขึ้นทันที

            “เดี๋ยวนี้นายแอบถ่ายเราด้วยอ่ะ”

            “...”

            “เรามีค่าตัวนะรู้มั้ย”

            ผมถลึงตาใส่ด้วยความหมั่นไส้ เมื่อกี้ยังทำตัวหล่อๆ อยู่เลย ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาเป็นภาคปกติเสียแล้ว ผมส่ายหน้าอย่างเสียดายก่อนจะเอาค้อนในมือโอมส่งให้พี่พรตทันที

            “ทำงานไป”

            “จ่ายค่าตัวด้วย”

            “เออน่าๆ”

             ดูจากสีหน้าไอ้โอมแล้วมันคงรู้สึกเหมือนมาอยู่ผิดที่ผิดทางยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกสงสารมันขึ้นมาเลยพยายามตัดบทไอ้พี่พรตให้อย่างสุดความสามารถ แต่เหมือนอีกฝ่ายกลับต่อความยาวเสียอย่างนั้น

            “คิดยังว่าจะจ่ายเป็นอะไร”

            รอยยิ้มกรุ้มกริ่มและดวงตาที่มองมาอย่างมีความหมายทำเอาผมเริ่มทำตตัวไม่ถูกอีกรอบ ผมเหลือบมองไอ้โอมที่มองมาอย่างล้อเลียนแล้วรู้สึกโคตรเสียฟอร์มที่โดนพี่พรตแกล้งอะไรแบบนี้ต่อหน้ามัน ผมจึงสูดหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมาและควบคุมอารมณ์ใหกลับเป็นปกติอีกครั้ง ผมเรียบเรียงคำตอบในหัวตัวเองพักหนึ่งก่อนจะโพล่งออกไปโดยไม่ลังเล

            “เดี๋ยวพาไปดูพระอาทิตย์ตก จบนะ”









             

            ผมนัดไอ้พี่พรตเอาไว้ตอนใกล้หกโมง โชคดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันแรกของค่ายผมเลยยังไม่ได้มีหน้าที่ทำอะไรจึงสามารถใช้การดูพระอาทิตย์ตกมาล่อพี่พรตได้เต็มที่ ค่ายนี้อยู่ติดแม่น้ำ เพราะฉะนั้นบรรยากาศมันเลยค่อนข้างดีและการมารอพี่พรตเพื่อดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันนี่แม่งเป็นอะไรที่โคตรโรแมนติกจนผมขนลุกเลยครับ เกิดมาไม่ค่อยสุนทรีย์หรือทำแบบนี้อะไรกับใครเขาสักเท่าไหร่

            “ไงนาย”

            ไม่นานนักคนเข้าปัญหาก็โผล่มาในที่สุด พี่พรตเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อยืดเก่าๆ และขาสั้นสบายๆ ซึ่งผมคุ้นเคยดีว่าแม่งเป็นหนึ่งในเสื้อไม่ได้ซักที่กองมั่วกันอยู่บนโซฟานั่นแหละ เขาเดินเข้ามาหาแล้วก็ถือวิสาสะยกแขนพาดกับไหล่ผมไว้ด้วยท่าทางที่ไม่แนบเนียนเท่าไหร่ เขายิ้มโดยไม่พูดอะไรแล้วออกแรงดันผมให้เดินไปถึงริมแม่น้ำก่อนจะค่อยๆ นั่งลงบนพื้นดิน ผมจึงทรุดตัวลงนั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ พร้อมกวาดสายตามองทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า สายน้ำอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผมพยายามเก็บทุกรายละเอียดของผิวน้ำที่ต้องลมจนเป็นลายสวยงาม ก่อนจะสูดหายใจเอาอากาศสะอาดๆ เข้าปอด ช่วงเวลาแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ แน่นอน

            “ใกล้ตกแล้ว”

            สายตาของพี่พรตจับจ้องอยู่ที่ท้องฟ้าซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีฟ้าขลิบชมพูสวยงามดังท้องฟ้าในภาพวาดยุคเรเนซองส์ ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ผมละสายตาจากท้องฟ้ามามองคนข้างๆ อย่างลืมตัว แสงจากท้องฟ้าที่สะท้อนในดวงตาของพี่พรตเป็นสีประหลาด มันสวยงามและสดใสกว่าของจริงมากสำหรับผม ผมจดจ้องแสงเหล่านั้นเหมือนหยุดไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นใครหลงใหลความเป็นไปของท้องฟ้าถึงขนาดนี้ และอีกไม่นานเขาคงได้มีโอกาสจ้องมองสิ่งเดียวกันนี้จากอีกมุมหนึ่งของโลก

            “คิดอะไรอยู่”

            แต่แล้วจู่ๆ คนตรงหน้าก็ละสายตาจากท้องฟ้าหันกลับมาสบตากับผม แสงสะท้อนในดวงตาไม่สวยเท่าตอนที่มันสะท้อนท้องฟ้า

            “เปล่า”

            “ต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ”

            พี่พรตเหมือนจงใจพูดให้เหมือนคำถามปลายเปิด แต่ผมไม่ตอบหรอกครับ ความคิดมันลอยไปเรื่อยๆ จนจับประเด็นไม่ได้เลยว่าคิดอะไรไปบ้างและคิดอะไรอยู่บ้าง ผมจึงหันกลับไปเงยหน้ามองฟ้าเช่นเดิม

            “พราน”                                                   

            “ว่า?”

            ผมยังไม่ทันหันกลับไปมองก็สัมผัสได้ถึงวัตถุบางอย่างที่แนบอยู่กับข้อเท้า ผมเกือบชักเท้ากลับตามสัญชาตญาณ แต่แล้วก็ได้เห็นเส้นหนังถักสีดำทาบอยู่บนข้อเท้าเรียบร้อย พี่พรตก้มลงผูกอย่างละเมียดละไมเป็นพิเศษ มองจากสีหน้าแล้วเขาใส่ความตั้งใจลงไปอย่างเต็มที่ นิ้วที่ค่อยๆ พันเชือกไปมานั้นดูแผ่วเบาเป็นพิเศษ บางครั้งปลายนิ้วของพี่พรตก็เฉียดข้อเท้าผมไปมาทำเอาผมเริ่มเขินขึ้นมาอีกรอบ การกระทำนี้ยาวนานนับนาทีแต่ผมไม่อยากให้มันจบลงเลย

            “คิดมาตลอดเลยว่านายน่าจะเหมาะกับการใส่ข้อเท้า”

            ถ้าผมบอกว่าพี่พรตโคตรน่ารักจะเป็นการขัดกับที่ผ่านมาหรือเปล่า ผมคงหน้าแดงขึ้นมาจริงๆ เพราะพี่พรตยิ้มไม่หยุด แต่ช่วยไม่ได้นี่ครับ พอคิดว่าเขาต้องไปเลือกซื้อมาเตรียมไว้และไม่รู้จงใจรึเปล่าที่เลือกเอามาให้ตรงนี้ในบรรยากาศแบบนี้

            “ชอบไหม”

            “ชอบสิ”

            ผมก้มลงมองการถักอย่างละเอียดลออของเส้นหนังสามเส้นที่ไข้วกันไปมาด้วยแพทเทิร์นแปลตาแล้ว คาดว่าพี่พรตคงใช้เวลาเลือกอยู่นานพอสมควรและเลือกระมัดระวัง ผมไม่กล้าบอกเขาหรอกว่าผมชอบและดีใจมากจริงๆ ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าพี่พรตสังเกตมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใส่ใจมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

            “พี่พรต”

            “หืม?”

            “พี่พรตไม่ได้ชอบดูพระอาทิตย์ตกใช่ป่ะ”

            ถึงจะเห็นท่าทางเหมือนอินกับพระอาทิตย์มาก แต่หลังจากเขาจงใจให้กำไลข้อเท้าเส้นนี้กับผมในบรรยากาศแบบนี้ ประกอบกับนิสัยของพี่พรตเองและการโน้มน้าวเกินพอดีของใบพลู จึงทำให้ผมสรุปได้ไม่ยากเลยว่าบางทีเขาแค่อ่อยให้ผมเป็นฝ่ายพาเขามาดูดวงอาทิตย์

            “ฮ่าๆ รู้แล้วเหรอ”

            “เออดิ ลูกไม้เดิม”

            “อะไรนายงอนเหรอๆๆ”

            พี่พรตเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม พระอาทิตย์ตกไปแล้ว รอบข้างมืดลงกว่าตอนที่เราเดินมาค่อนข้างมาก เลยทำให้ผมเห็นสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่

            “ก็ชอบ แต่อยากให้มากกว่า”

            “...”

            “พรานชอบพระอาทิตย์ตกป่ะ”

            “ก็ชอบนะ”

            ผมไม่ปฏิเสธว่ามันสวยจับใจในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ถึงจะเป็นการโดนหลอกมาหรือมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอะไรก็เถอะ ผมยังถือว่าโดยรวมมันน่าประทับใจอยู่ดี


            “แล้วชอบมากขึ้นรึเปล่า”


            “ชอบอะไรมากขึ้น”


            “กูอ่ะ”








--------------------------------------------------------------
พี่พรตอ่อยขั้นสุดดด55555555
อัพไวสุดเท่าที่ปีสามเทอมสองจะทำได้แล้วค่ะ  :katai4: :katai4:
ไว้เจอกันนะะ ไม่เกินอาทิตย์แน่นอนค่า

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 : P23: 26.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 26-01-2017 22:01:39
ชอบมากขึ้นค่ะ ฮรือออออ  :z3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 : P23: 26.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 26-01-2017 22:11:51
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด  เราชอบพี่พรตค่ะน้องพราน 
โรแมนติกที่สุดจ้า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 : P23: 26.01.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 04-02-2017 16:04:15
ติดแล้วครับติดแล้ว ฮือออออ
โรแมนติกดีนะฮะ  o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 +แจ้งข่าว: P23: 04.02.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 04-02-2017 23:54:25
++++++ แจ้งข่าว +++++

สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคนพี่พรตกับน้องพรานก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ใกล้จบมากแล้ว555

มีข่าวดีจะมาแจ้งว่าพี่พรตน้องพรานจะตีพิมพ์รวมเล่มกับสำนักพิมพ์ Facai ค่ะ
จะมีการเปิดจองกลางเดือนนี้ (ประมาณวันที่14ก.พ.) รอติดตามรายละเอียดได้นะคะ ถ้าเปิดจองแล้วจะแจ้งทันทีเลยค่ะ

(https://s28.postimg.org/jfawlst8d/16427587_672684889601635_2796649975016399089_n.jpg)


ในเล่มจะมีตอนพิเศษเพิ่มอีกประมาณ6ตอนนะคะ ที่วางไว้จะประกอบด้วยพรตพราน3ตอน กับคู่xxx(ยังไม่เฉลย555) อีก 3 ตอนต่อเนื่องค่ะ

ขอบคุณมากจริงๆ ที่รอคอยและสนับสนุนกันมาตลอดนะคะ เจอกันอีกสี่ตอนค่าา  :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 +แจ้งข่าวตีพิมพ์ : P23: 04.02.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-02-2017 21:25:22
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 +แจ้งข่าวตีพิมพ์ : P23: 04.02.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 08-02-2017 22:59:50
รอเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 +แจ้งข่าวตีพิมพ์ : P23: 04.02.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 11-02-2017 00:09:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน24 +แจ้งข่าวตีพิมพ์ : P23: 04.02.17 :::
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 15-02-2017 17:15:03
 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 16-02-2017 21:44:14

::: CHAPTER 25 :::







               ชีวิตที่ค่ายเร็วเสมอ อาจเป็นเพราะการได้ล้อมวงคุยกับเพื่อน เล่นเกมส์ ร้องเพลง ใช้เวลาผ่านไปแต่ละวันโดยไม่ต้องคิดอะไรมากซึ่งต่างจากตอนอยู่ที่บ้านโดยสิ้นเชิง ที่นี่มีธรรมชาติที่ดีและเข้าถึงได้ง่าย ถึงสภาพความเป็นอยู่จะลำบากไปหน่อยเพราะมันไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยวามสะดวกเท่าไหร่ แต่พอผ่านไปหลายวันผมก็เริ่มคุ้นชินและปรับตัวได้มากขึ้นแล้วล่ะครับ

               รู้ตัวอีกทีนี่ก็เป็นอาหารเย็นมื้อสุดท้ายที่นี่  ผมนั่งกินข้าวข้างพี่พรตเช่นเคยแต่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เรานั่งกินข้าวกันโดยใช้แสงสว่างจากตะเกียงแบบนี้ พูดถึงพี่พรตผมก็ยังคงรู้สึกอายเรื่องเมื่อวานอยู่ไม่หาย และนึกโทษตัวเองอยู่นิดๆ ว่าอะไรทำให้พลั้งปากตอบไปว่า ‘ชอบสิ’ ในตอนสุดท้ายแล้วต้องมานั่งเขินเองอยู่แบบนี้

               “หลังกินข้าวมีอิจกรรมให้เล่นนะ อย่าลืมไปด้วยล่ะ”

               “กลุ่มพี่พรตอยู่ที่ไหน”

               “หน้าลานนอน”

               “อืม ได้”

               เป็นที่รู้กันว่าในค่ำคืนสุดท้ายรุ่นพี่จะมีกิจกรรมให้ทำเป็นกลุ่มย่อยและขึ้นอยู่กับว่าใครจะจัด โดยไม่กำหนดว่าใครจะต้องเข้ากลุ่มไหนหรือบางคนไม่เข้าร่วมเลยก็ได้เช่นกัน แต่สำหรับผมแล้วพี่พรตมาชวนขนาดนี้คงต้องไปที่กลุ่มของพี่พรตเป็นที่แรกเลยแล้วแหละ

               “งั้นกูไปละนะ เดี๋ยวจัดเก้าอี้ไม่ทัน”

               “โอเคครับ เจอกัน”

               ผมกินข้าวต่อเรื่อยๆ โดยย้ายไปนั่งวงเไอ้โอมแทน และหลังจากกินข้าวกันเสร็จเอาจานไปเก็บเรียบร้อยแล้วพี่ประจำค่ายก็ออกมาบอกให้ทุกคนนั่งรวมตัวกันเพื่อประกาศเริ่มกิจกรรมทันที ซึ่งก็เป็นการแจ้งเรื่องทั่วไปว่าใครอยากเข้ากลุ่มไหนก็เข้า แต่จะไม่บอกว่ากลุ่มไหนทำอะไรบ้างเพื่อเป็นการให้ไปเจอเอาเองโดยแต่ละกลุ่มก็กระจัดกระจายกันไปในแต่ละที่ในบริเวณค่าย

               ไอ้โอมเริ่มชวนผมไปเดินทางน็นทีทางนี้ทีอย่างตื่นเต้น เด็กกิจกรรมตัวจริงอย่างมันย่อมรู้สึกตื่นต้นมากกว่าผมอยู่แล้วครับ แต่คราวนี้ผมคงไปกับมันเลยไม่ได้เมื่อรับปากพี่พรตไปแล้ว ผมจึงได้แต่ปรามมันเบาๆ แล้วชวนมันไปด้วยกันแทน

               “เดี๋ยวมึง ไปกลุ่มพี่พรตกันป่ะ”

               “เฮ้ย ไปๆๆ”

               “ดีมาก ไปเป็นเพื่อนกู”

               ผมว่าไอ้พี่พรตต้องมีเจตนาอะไรไม่ดีแน่หรือไม่ก็หาเรื่องแกล้งผมอีกจนได้ การไปคนเดียวเลยดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ สู้ลากไอ้โอมไปด้วยอีกคนดีกว่า

               “พี่พรตชวนมึงล่ะสิ”

               “ใช่”

               “ฮ่าๆๆๆ พี่พรตน่ารักจังวะ”

               ผมก้มลงมองกำไลข้อเท้าแวบหนึ่งก่อนจะเดินนำไอ้โอมออกไปทางลานที่พี่พรตบอกทันที


                ...เออ น่ารักก็น่ารักวะ






                ในที่สุดผมก็มองเห็นกลุ่มของพี่พรต พื้นที่กิจกรรมเก้าอี้ถูกจัดเป็นวงกลมอย่างง่ายๆ โดยเพื่อนพี่พรตรวมถึงเจ้าตัวนั่งล้อมวงกันแน่นขนัด และยังมีพี่อีกส่วนหนึ่งยืนล้อมอยู่รอบๆ หลังเก้าอี้อีก ดูท่าทางแล้วแอบน่ากลัวเหมือนเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่าง

               แต่แล้วโชคก็ไม่ค่อยเข้าข้างผมเท่าไหร่เพราะพี่พรตดันสังเกตเห็นตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง เลยรีบกวักมือเรียกผมเข้ามาในวงทันที ผมจึงหันไปมองไอ้โอมเป็นเชิงขอความช่วยเหลือแต่เหมือนมันจะไม่คิดช่วยอะไรเลยซ้ำยังยอมเบี่ยงตัวไปยืนอยู่ข้างๆ พี่ที่มันรู้จักอีกต่างหาก

               “น้องพรานนั่งเลยครับ”

               พี่กรเป็นคนเรียกผมขึ้นมาก่อนพร้อมเสียงโห่ของคนในวงทุกคน ทำให้ผมจำใจต้องนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวที่ว่างอย่างเลี่ยงไม่ได้

               “ไอ้พรตมึงสลับที่กับกู”

               “อ้าวไอ้ห่ากรอย่าแกล้งน้อง”

               “ไอ้โจ้ มึงเป็นคนคิดไม่ใช่เหรอวะ”

               “เออๆๆๆ มา เดี๋ยวกูไปนั่ง”

               พี่พรตตัดบทแล้วเปลี่ยนที่นั่งมาอยู่ข้างผมตามที่เพื่อนบอก พวกพี่ทั้งในวงและนอกวงเริ่มส่งเสียงแซวขึ้นมาอีกรอบ

               “เอาล่ะ เพื่อนครับ เราจะไม่แกล้งน้องกันเนอะ”

               “...”

               “แต่เราจะแกล้งไอ้พรตแทน”

               “ดีล!”

               “เอาๆๆๆ”

               “ไอ้โจ้ มึงทำดีมาก”

               เสียงตอบรับเป็นเสียงเดียวกันทำเอาผมนึกขำไปด้วย พี่พรตแม่งคงแกล้งเพื่อนมาเยอะเหมือนที่ผมโดนบ่อยๆ พอได้เป็นฝ่ายโดนแกล้งบ้างทุกคนเลยสะใจกันรอบวง

               “เอาล่ะครับ เรามาเริ่ม ‘คุย’ กันดีกว่า”

               “เออมาเลย”

               พี่พรตดูผ่อนคลายจนหน้าหมั่นไส้ ทำให้พี่โจ้ยิ้มกริ่ม เท้าแขนลงกับศอกทั้งสองข้างแล้วจ้องพี่พรตสลับกับผมไปมาจนผมอดรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเหมือนเห็นลางร้ายบางอย่าง

               “เดี๋ยว ต้องบอกน้องพรานก่อน กิจกรรมนี้เป็นการพูดคุยธรรมดาก็จริง”

               “...” ผมพยักหน้ารับและตั้งใจฟังประโยคถัดไป

               “แต่ท็อปปิกมันไม่ธรรมดาหรอกนะ”

               ผมรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเลยครับ จากนั้นพี่โจ้ก็เริ่มเปิดวงด้วยการพุดคุยไปเรื่อยๆ ก่อนเพื่อเป็นการหลอกล่อให้ตายใจก่อนจะพุ่งประเด็นมาที่พี่พรต

               “ไอ้พรต”

               “ว่ามา”

               “มึงกับน้องพรานคบกันแล้วใช่ป่ะ”

               “อืม”

               “แล้วเคยยังวะ”

               ...เชี่ย

               แค่คำถามแรกก็ทำเอาผมแทบตกเก้าอี้เลยครับ ท็อปปิกแม่งไม่ธรรมดาจริงๆ ผมมองพี่กรซึ่งถามพี่พรตแต่สายตานั้นจับจ้องมาที่ผมอย่างมีเลศนัย ทำเอาผมเริ่มนั่งไม่ติดเลยครับ ถามก็ถามไปสิ ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็ได้แต่ไม่ใช่กับการมานั่งจ้องเอาๆ แบบนี้โว้ย ผมเริ่มวางตัวไม่ถูกจนต้องเปลี่ยนจุดสนใจหันไปมองพี่พรตแทนเพื่อหาตัวช่วยแต่กลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดเพราะพี่พรตมองผมมาก่อนอยู่แล้ว แม่งเอ๊ย...ผมยิ่งเขินกว่าเดิมอีก

               “ยัง”

               พี่พรตตอบทั้งที่ยังสบตาผมอยู่อย่างนั้น ก่อนที่เขาจะละสายตาออกไปท่ามกลางเสียงโห่ของเพื่อนและพี่ที่อยู่รอบวง ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองไอ้โอมเพราะรู้ดีว่ามันต้องเตรียมเก็บข้อมูลไปล้อผมทีหลังแน่

               “เห้ย ได้ไงไอ้พรต”

               “ให้น้องรอมันไม่ดีนะเว้ย”

               “สิ้นลายเหรอมึงน่ะ”

               “เฮ้ย พวกมึงพอๆๆ”

               พี่กรยกมือห้ามทุกคนวงให้เบาเสียงลงก่อนจะโยนระเบิดมาอีกครั้ง

               “มากสุดถึงไหนวะไอ้พรต”

               พี่พรตหัวมามองผมเหมือนจะขอคำตอบจากผมแทน ผมกัดปากตัวเอง ภาพวันนั้นแม่งขึ้นมาในหัวเลยครับ นี่โชคดีที่เขาหยุดไปก่อนเพราะถ้าพี่พรตทำต่อแล้วเอามาพูดในวันนี้ผมคงโดนแซวไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วครับ

               “ซอกคอ”

               “ฮิ้ววว ไม่เบาๆๆ”

               “กูว่ามันได้อีกเว้ยไอ้พรต”

               “เฮ้ยๆ พวกมึงหยุดเลย น้องเขินแล้ว”

               ถ้าไปส่องกระจกตอนนี้ผมคงหน้าแดงเป็นมะเขือเทศ แต่มันช่วยไม่ได้ว่ะ เล่นมาพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผมไม่เขินก็ไม่ใช่คนแล้วมั้ง กิจกรรมนี้แม่งเป็นเกมทรูธออร์แดร์ที่มีแต่ทรูธชัดๆ คือถ้าจะโกหกก็ทำได้แหละแต่ก็ถือว่ากล้าถามกล้าตอบล่ะครับ และที่ผมอดแปลกใจไม่ได้คือถึงแม้ว่าพี่ที่นั่งล้อมในวงจะเป็นผู้ชายทั้งหมดแต่คนที่ยืนล้อมวงมีผู้หญิงค่อนข้างเยอะ แล้วไม่มีใครรู้สึกอะไรกับการฟังเรื่องที่โคตรส่วนตัวของผู้ชายเลยเหรอไง

               “ทำไมไม่ทำต่อวะ”

               พอพี่กรถามคำถามี้เสร็จกลายเป็นว่าผมกลายเป็นเป้าสายตาแทนเลยครับและคำตอบของพี่พรตก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยสักนิด

               “ถามคนนี้ดีกว่ามั้ง”

               “อ้าวมันโยนแล้ว ว่าไงครับน้องพราน”

               ...อ้าว ไอ้พี่พรต

               ผมกวาดตามองพี่ทุกคนที่จับจ้องมาเหมือนอยากรู้สุดๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจแล้วยอมตอบในที่สุด แม่งเอ๊ย ผมไม่ถนัดพูดอะไรในที่สาธารณะอยู่แล้ว และถึงจะสนุกแต่ผมไม่ชอบการเป็นจุดสนใจเท่าไหร่

               “ผม...ยังไม่พร้อม”

               เอาเป็นว่าขอตอบแค่เท่านี้ก่อนละกัน ผมไม่ค่อยอยากอธิบายเท่าไหร่หรอก

               “น้องไม่ยอมแล้วมึงทำไงหลังจากนั้น ไปห้องน้ำป่ะ”

               “ไปดิวะ”

               “แล้วกี่รอบ”

               “สอง”

               ...เชี่ย ไอ้พี่พรตแม่งกล้าตอบออกมาได้ไงวะ

               ผมมองพี่พรตซึ่งตอบหน้าตายเหมือนกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศก็รู้สึกอายแทนไม่ได้ แต่เขาคงชินล่ะครับแต่ผมเพิ่งเคยโดยเลยไม่ค่อยชินเท่าไหร่ อย่างว่าล่ะครับ คนที่สนุกน่าจะเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่รอบวงมากกว่า ยิ่งพวกรุ่นพี่ยิ่งแล้วใหญ่ เรียกได้ว่ามีการกรี๊ดเบาๆ เกิดขึ้นจากทุกคำตอบของพี่พรตและผม

               “น้องพรานล่ะครับ ได้ไปห้องน้ำหรือเปล่า”

               “ไม่ครับ”

               “ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

               “ก็...นิดหน่อย”

               แหม โดนพี่พรตไล้ลงมาถึงซอกคอจนเกือบเข้าเสื้ออยู่แล้วถ้าไม่รู้สึกอะไรก็คงเกินไปหน่อย

               “คราวหน้าถ้าทำอีกจะยอมป่ะ”

               ถ้าเอาความจริงแล้วผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย มันตอบไม่ได้หรอกว่าจะโอเคหรือไม่โอเค ถ้ามาถามเอาตรงๆ แบบนี้ตอนนี้ผมคงปฏิเสธแน่ แต่เพราะของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับบริบทเกือบทั้งหมด อย่างตอนที่จูบพี่พรตนั่นก็ด้วย ผมยังไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายจูบและยอมใครขนาดนี้ ดังนั้นผมคิดว่าคำถามข้อนี้มันไม่มีคำตอบตายตัวหรอก


               “ผมตอบไม่ได้”


               “ทำไมอ่ะ”


               “มันเป็นเรื่องของตอนนั้นครับ”


               คำตอบของผมจบลงพร้อมเสียงโห่ที่ดังเป็นพิเศษของทุกคน ทำเอาผมเขินขึ้นมาอีกรอบอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งพี่พรตนี่ออกตัวโคตรแรงเขาถึงกับเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ เหมือนมีความหวังขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น นี่ไม่ได้อยากให้ความหวังหรือจะมาปรัชญาอะไรหรอกนะ แต่คำตอบมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ เท่านั้นแหละ

               “ไอ้พรต มึงแม่งเจ๋งสัด”

               “เจ๋งไรวะ”

               “ที่ได้คบน้องพรานอ่ะ”

               “ก็ยากอยู่”

               พี่พรตตอบด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนไม่คิดอะไรมากแต่ผมนี่หันไปมองเลยครับ ผมรู้นะว่าเขาจริงจังในทุกคำพูดและขอหลายอย่างกับผมทั้งที่ผมไม่เคยพร้อมจะให้ ซึ่งพอได้ยินอย่างนี้แล้วผมก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าควรจะให้เขาบ้างแล้วเพราะผมไม่อยากให้เขารู้สึกว่าการคบกับผมหรือการเข้าหาผมมันเป็นเรื่องยากเลย

               “ทำไมอ่ะครับน้องพราน ชอบอะไรซับซ้อนเหรอ”

               “คือ...”

               “เฮ้ย พอๆๆ ไม่เล่นแล้ว”

               ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองทำสีหน้าออกไปแบบไหนพี่พรตที่นั่งชิลอยู่เลยออกปากออกมาแบบนี้ ผมเลยพยายามดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง แต่พี่พรตเหมือนจะไวกว่าอยู่ดีเพราะเขารีบบอกเพื่อนให้หยุดแล้วพาผมลุกออกมาจากวงทันที

               “แหมๆ ไอ้พรตไปซะแล้ว”

               “แตะไม่ได้เลยนะ”

               “หวงเหรอๆๆ”








               ถึงผมจะลุกออกมาแล้วแต่เสียงแซวในวงยังคงดังออกมาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเปลี่ยนเรื่องไปเมื่อมีเพื่อนของผมคนอื่นเข้าไปนั่งที่เก้ากี้ตัวนั้นแทนและเริ่มโดนคำถามที่ไม่ต่างจากของผมเท่าไหร่ แต่เหมือนเขาจะน่าสงสารกว่าตรงที่ไม่มีใครมาช่วยตอบเหมือนที่ผมมีพี่พรต กิจกรรมนี้จะว่าจัญไรมันก็จัญไรแหละครับ สำหรับบางคนอาจถึงกับรับไม่ได้และพยายามหลีกเลี่ยง แต่มันก็ยังมีมุมที่น่ารักอย่างการได้พูดคุยเปิดอกแบบตรงไปตรงมากับรุ่นพี่ ซึ่งจุดนี้เลยล่ะครับที่ทำให้คณะเรามีความเป็นพี่เป็นน้องที่เหนียวแน่นไปตลอด 

               ผมยืนกอดอกฟังเพื่อนตอบคำถามไปเรื่อยๆ โดยมีพี่พรตยืนอยู่ข้างๆ คนที่เป็นเหยื่อการถามคำถามเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ และผมก็ส่งเสียงโห่แซวคนในวงไปตามเรื่อง บางคนแม่งเหนือความคาดหมายไปมากเลยครับ เห็นเรียบร้อยแบบนี้กลับกลายเป็นประสบการณ์โชกโชนระดับโปร หรือบางคนหน้าตาดูแบดบอยแต่จริงๆ ยังไม่เคยเลยก็มี

               ผมยืนฟังเพลินจนกระทั่งเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา ตอนแรกว่าจะไปเล่นกิจกรมอื่นอยู่บ้างนะครับแต่เหมือนสภาพร่างกายผมจะไม่ไหวแล้ว สุดท้ายเลยหันไปสะกิดพี่พรตซึ่งกำลังยืนฟังอยู่อย่างตั้งใจ

               “ง่วงแล้ว ไปนอนเลยได้ป่ะ”

               “ได้ๆ เดี๋ยวไปส่ง”

               “อือ”

               ผมตอบในลำคอพร้อมหาวอัดหน้าพี่พรตทีนึงเพื่อจะสื่อว่าง่วงแล้ว ซึ่งพี่พรตก็พยักหน้ายิ้มๆ แล้วเดินออกไปลานนอนพร้อมผม ผมไม่อยากให้คืนสุดท้ายจบเร็วขนาดนี้หรอกนะแต่ตาก็จะปิดแล้ว ผมอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองท้องฟ้าระหว่างทางเดินกลับเต็นท์ ดาวที่นี่เยอะจนผมนึกอยากจะเก็บกลับไปสักสองสามดวงเลยล่ะครับ น่าเสียดายที่ผมเก็บได้เพียงห้วงเวลาเท่านั้น

               “เมื่อกี้คิดมากป่ะเนี่ย”

               ผมละสายตาจากท้องฟ้ากลับมามองคนที่เดินอยู่ข้างๆ พี่พรตคงเห็นผมเงียบไปเลยนึกเป็นห่วงขึ้นมา

               “เฮ้ยไม่ๆ แต่แค่คิดว่าผมควรยอมบ้างแล้วแหละ”

               “จริงนะ”

               ...อ้าว ไอ้พี่พรตครับ ไหนเมื่อกี้ยังดูเป็นห่วงเป็นใยผมแต่พอเข้าประเด็นนี้นี่ทำไมเปลี่ยนอารมณ์เร็วขนาดนี้วะ

               “เออ จริงก็ได้”

               “จะคอยดู”

               พี่พรตยิ้มล้อเลียนอย่างคนอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ หรือผมควรปล่อยให้คนแบบนี้จมอยู่กับความรู้สึก ‘ยาก’ ต่อไปดีวะเนี่ย

               เราเดินคุยกันมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงโซนนอนซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้ามานอนกันหรอก ผมนี่แหละที่ง่วงเร็วเอง ผมลองมองลอดเข้าไปในเต็นท์เพื่อนบ้านรอบๆ ยังไม่มีใครเข้านอนกันสักคน สุดท้ายผมเลยตัดใจเลี้ยวผ่านเต็นท์ไอ้แบงค์ไปที่เต็นท์ตัวเอง ...เออ นอนคนเดียวก็ได้วะ

               แต่แล้วภาพที่เห็นก็ทำเอาผมแทบจะหลุดปากอุทานออกมา แม่งอย่าเรียกว่าเต็นท์เลยครับ เรียกว่ากองผ้าใบจะดีกว่า

               “เฮ้ย มันพังได้ไงวะ”

               “แล้วพรานจะนอนไงเนี่ย”

               ผมเดินเข้าไปสำรวจซากเต็นท์อย่างเซ็งๆ แม่งอยากนอนเต็มที่แล้วดันมาพังตอนนี้อีกแถมยังเป็นคืนสุดท้าย นี่จะทนให้กูนอนอีกคืนไม่ได้เลยเหรอวะ ผมดึงโครงเต็นท์ขึ้นมาดูและพบว่าโครงฝั่งหนึ่งที่เป็นโครงเก่าแล้วแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนนั้นหักตรงกลางเลยฉุดเต็นท์ทั้งหลังให้ลงไปด้วย

               “ไปนอนเต็นท์กูก่อนป่ะ”

               “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวรอไปนอนเต็นท์ไอ้แบงค์ก็ได้”

               ผมปฏิเสธแล้วทำท่าจะเดินกลับไปที่ลานซึ่งยังคงมีกิจกรรมเล่นกันคึกคักเหมือนเดิม คิดว่ากว่าจะเข้านอนกันก็คงเลยเที่ยงคืนแหละผมจึงเตรียมทำใจว่าคงต้องไปนั่งรอสักพัก แต่แล้วพี่พรตกลับดึงตัวผมเอาไว้ก่อน

               “แบงค์เป็นใคร”

               “เพื่อนในเซคไง ที่เคยทำงานกลุ่มด้วยกัน”

               “...”

               พี่พรตเงียบไปแล้วทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวสลับกับมองหน้าผมเหมือนกำลังตัดสินใจ อย่าบอกนะว่าพี่พรตนึกเป็นห่วงอะไรขึ้นมา ปกติผมไปกับเพื่อนก็ไม่เคยงอแงเลยสักครั้ง หรือเพราะเมื่อกี้ผมโดนกลุ่มในวงถามเยอะไปวะ นึกแล้วผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นพี่พรตในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน หมั่นไส้ว่ะ ทีตัวเองแกล้งผมเอาๆ พอเพื่อนถามนิดถามหน่อยทำมาเป็นหวง

               “อะไรๆๆ เดี๋ยวนี้หวงแล้วเหรอ”

               “อืม”

               “แต่ก่อนไม่เห็นว่าอะไร”

               “ไม่พูดไม่ได้หมายความว่าจะไม่คิดนะ”

               “น่อวว”

               ผมลากเสียงล้อเลียน นานๆ ทีจะได้รู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะสักที ต้องเล่นให้คุ้มครับ เหมือนที่พี่สอนมาตลอดว่าทำอะไรต้องทำแล้วเต็มที่ ถ้าปล่อยโอกาสผ่านไปโดยไม่ทำเต็มที่เราอาจมารู้สึกเสียดายภายหลังได้ ยิ่งเห็นพี่พรตดูนิ่งไปไม่ยอมสบตาผมก็รู้เลยว่าพี่พรตแม่งเขินแน่ๆ ผมหัวเราะแล้วกระทุ้งศอกไปที่ลำตัวเขา


               “เขินเหรอๆๆๆ”


               “พรานครับ”


               “....”


               อยู่ๆ พี่พรตก็หันมาทันทีพร้อมรวบแขนของผมเอาไว้ ทำเอาผมไปต่อไม่ถูกเลยครับ เมื่อกี้เขนอยู่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นจริงจังไปซะงั้น เขาจ้องผมอย่างตั้งใจจนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาหนีก่อน


               “อะไรพี่พรต” ผมพยายามทำใจดีสู้เสือโดยการหันไปหาเขาอีกรอบซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องรึเปล่า


               “ถ้ายังไม่หยุดล้อ...”


               “...”


               “พี่จะขอทำต่อนะครับ”







---------------------------------------------------
ฝ่าวิกฤตงานและการอดนอนมาอัพให้ค่ะ :katai4:  ปีนี้มันหนักหน่วงและพีคจริงๆ


*****แต่!!! มีข่าวดีมาแจ้งอีกว่า :: นิยายเปิดจองแล้วค่าา :::   :mc4: :mc4: เยยย้ ***

เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ fb page ของสำนักพิมพ์นะคะะ >>  https://www.facebook.com/Facai.Publishing/

ขอบคุณค่าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 17-02-2017 08:37:17
 :z13:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 17-02-2017 09:11:01
ทำต่อเลยค่าาาาาาาาา
รออยู่
 :o8:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-02-2017 10:12:13
แอบหึงแอบหวงเหมือนกันนะพี่พรต
ว่าแต่จะทำต่อที่ค่ายนี้เลย
หรือจะต่อที่ห้องกันดีล่ะ ฮิ้วววว
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2017 15:21:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-02-2017 21:00:13
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: virgo ที่ 19-02-2017 19:56:25
จง ทำ ต่อ!  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 19-02-2017 21:24:14
ทำต่อเลยพี่พรต ฮ่าาาาาา

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-02-2017 23:04:15
พี่พรตหาประโยชน์เข้าตัวชิมิ 5555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 20-02-2017 04:24:49
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 21-02-2017 17:24:32
แน่จริงทำต่อเลยสิ :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน25 ::: P24 ::: 16.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 24-02-2017 14:33:30
 :o8: ถ้าพี่ทำต่อน้องพรานจะไหวมั๊ย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 27-02-2017 22:10:08




    ::: CHAPTER 26:::







               หลังจากลงค่ายมาสิ่งแรกมาสิ่งแรกที่ทำคือหาของกินครับ ตลอดห้าวันมานี้ผมไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่ด้วยความที่อาหารบนค่ายนั้นไม่สามารถเลือกได้เพราะมันอยู่ไกลจนต้องขนอาหารกันไปเอง พอรถจอดลงหน้ามหาลัยแล้ว กลุ่มพี่พรตกับผมเลยตกลงกันว่าจะไปกินบุฟเฟ่ต์เนื้องย่างด้วยกันทันทีหลังจากช่วยพี่ๆ เก็บของจนหมด

               “ไปด้วยกันป่ะโอม”

               ผมลองชวนโอมไปด้วยเพราะไม่ค่อยอยากเป็นปีหนึ่งคนเดียวในกลุ่มนั้นเท่าไหร่ แต่ไอ้โอมกลับมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด

               “ไม่อ่ะ ไม่อยากไปเป็นก้าง”

               “เฮ้ยไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก พี่แม่งไปเยอะอ่ะ”

               ไอ้โอมลังเล มันคงอยากไปเป็นเพื่อนแต่ในขณะเดียวกันก็กลัวผิดที่ผิดทางด้วยล่ะมั้ง มันหันซ้ายหันขวาก่อนจะชี้ไปทางไอ้แบงค์ซึ่งกำลังดึงเต็นท์ออกมาจากกองกระเป๋าที่พนักงานขับรถเพิ่งเอาออกมาวางไว้ให้

               “งั้นชวนไอ้แบงค์ด้วย”

               “เออ ได้ๆ”

             

               หลังจากผมเอากระเป๋าและสัมภาระอื่นจากรถลงเรียบร้อยแล้วก็ไปช่วยรุ่นพี่ไลน์ของเข้าคณะต่ออีกสักพักหนึ่ง ผมเพิ่งมารู้เอาตอนนี้แหละครับว่าสัมภาระที่เอาไปด้วยมันมีเยอะขนาดไหน ผมกับเพื่อนต้องตั้งแถวส่งของกันไปจนถึงห้องเก็บของในคณะซึ่งมีรุ่นพี่คอยดูแลจัดการเอาของเข้าห้องเป็นหมวดๆ และถึงขนของเสร็จแล้วแต่ก็ต้องรอพวกพี่พรตออกมาจากห้องเก็บของอยู่ดี ผมเลยออกมานั่งรอหน้าประตูคณะกับโอมพลางมองคนเดินผ่านไปมาเรื่อยๆ แต่แล้วผมก็เห็นคนคู่หนึ่งเดินอยู่ด้วยกันไม่ไกลมากนัก ทำเอาผมต้องขมวดคิ้วหันไปจ้องอีกรอบให้แน่ใจ

               ...พี่พฤตกับไอ้แบงค์?!

               ผมแทบอยากขยี้ตามองอีกครั้ง พี่พฤตมานี่ผมยังไม่ค่อยแปลกใจเพราะเขาอาจมากินข้าวแล้วรอกลับพร้อมพี่พรตเลย แต่ทำไมไปอยู่กับไอ้แบงค์ได้วะ

               “ไอ้แบงค์!!”

               เหมือนกับว่าคนที่สงสัยไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวเพราะไอ้โอมไม่รรอที่จะตะโกนเรียกมัน จนไอ้แบงค์ได้ยินแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมพี่เขาด้วย ซึ่งเมื่อสังเกตเห็นผมพี่พฤตก็ยิ้มทักทายทันทีและผมก็ยกมือไหวตามมารยาท

               “สวัสดีครับพี่พฤต”

               “เฮ้ย มึงรู้จักพี่เค้าเหรอวะ” ไอ้แบงค์ถึงกับแทรกขึ้นมาทันที

               “อ้าวก็พี่ชายพี่พรตไง มึงไม่รู้จักแล้วทำไมเดินมาด้วยกัน”

               “คือ...” คราวนี้พี่พฤตเป็นฝ่ายตอบให้ “พอดีพี่เอารถไปจอดตึกข้างๆ แล้วเห็นน้องเขากำลังยกลังกลับไปคณะเลยช่วยถือไปไว้ห้องภาคนน่ะ”

               “อ้อ แล้วพี่พฤตไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ”

               “ไปสิ มีเรื่องอยากบอกพรตมันหน่อย...จริงๆ ก็จะมาบอกเราด้วยแหละ”

               เอาล่ะสิ ทำไมผมรู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากลวะ ข่าวที่พี่พฤตถึงกับต้องมาบอกกับตัวนี่คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วล่ะมั้ง และด้วยความสงสัยผมเลยเอ่ยปากถามก่อนโดยไม่รอพี่พรตมาเจอเอง

               “เรื่องอะไรครับ”

               “ไว้บอกพร้อมไอ้พรตละกัน”

               พี่พฤตตัดบทผมไปทั้งอย่างนั้น ผมเลยจำใจต้องเลิกสงสัยและรอจนกว่าพี่พรตจะมา  ไอ้โอมเลยถือโอกาสแทรกถามไอ้แบงค์ทันที

               “มึง ไปบุฟเฟ่ต์กันป่ะ”

               “บุฟเฟ่ต์ไรวะ”

               “เนื้อย่าง กับพวกพี่พรต”

               “ก็ได้นะ”

               ไอ้แบงค์ตอบตกลงโคตรเร็วและนั่นทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย ถึงจะมีทั้งเพื่อนพี่พรตและพี่พฤต ผมก็ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นถึงสองคน เรายืนคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อจนกระทั่งพี่พฤตเรียกขึ้นมาก่อน

               “ไอ้พรตมาแล้ว”

             






               พวกเราเข้ามาในโต๊ะใหญ่สุดของร้านเนื้อย่านแถวมหาลัยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คาดว่าคงเป็นพวกนักศึกษาที่อยู่หอแถวนี้แหละครับเพราะร้านค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงมหาลัยทั้งในแง่ของราคาและปริมาณ แต่อย่าคาดหวังอะไรกับรสชาติและคุณภาพเลยครับ มันไม่ใช่อาหารที่ดีเลิศอะไรเท่าไหร่แต่ถือว่าโอเคแล้วสำหรับการกินหลังกลับมาจากค่าย

               สรุปพี่พฤตก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่ดี เพราะเมื่อเนื้อจานแรกมาเสิร์ฟทุกคนก็ช่วยกันคีบลงเตาอย่างขมักเขม้นและกินเอาๆ โดยไม่พูดไม่จากันเลยสักนิด พี่พรตเองก็เช่นกัน เขานั่งอยู่ข้างผมก็จริงแต่ไม่เสียสมาธิในการกินเลยสักวินาทีเดียว ตั้งใจกินเนื้อทุกชิ้นที่เข้าไปในปากและลิ้มรสอย่างจริงจังยื่งกว่าทำสตูเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่อดมาทั้งสัปดาห์

               อยู่บนค่ายมันไม่ได้หิวหรอกครับ แต่มัน’โหย’

               เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยถ้ามาเห็นกลุ่มพี่พรตไม่พูดกันเหมือนในเวลานี้ ส่วนพี่พฤตเองก็เหมือนจะรู้สึกสนุกไปกับบรรยากาศแบบนี้ การที่ทุกคนกินเอาๆ จึงทำให้เขาจำต้องรับหน้าที่คีบเนื้อไปโดยปริยาย แต่พี่พฤตเองก็ดูไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่เพราะมีร้อยยิ้มบางๆ ประดับริมฝีปากอยู่แทบทุกครั้งที่ผมเงยหน้าขึ้นมามอง จนผมอดคิดตามไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งสมัยเรียนเขาคงเคยขึ้นค่ายอาสาแบบนี้และกลับมาสวาปามกับเพื่อนเช่นกัน และบางทีเขาอาจคิดถึงบรรยากาศแบบนี้ไม่น้อยเลย

               ช่วงชีวิตมหาลัย...สนุกนะ

               แม่ผมชอบพูดประโยคทำนองนี้ให้ฟังบ่อยๆ ซึ่งผมเองก็พยายามใช้เวลาเหล่านี้อย่างคุ้มค่าและพยายามละเลียดและรับรู้ทุกเวลาที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าให้ได้มากที่สุด แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะรู้สึกได้ถึงความ ‘คิดถึง’ ในมุมมองของรุ่นพี่และคนที่เคยสัมผัสมาก่อนอย่างที่สายตาของพี่พฤตกำลังสื่อออกมา

               เมื่อกินเนื้อเข้าไปพอสมควรแล้วพี่พรตก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้นก่อน

               “เออพี่พฤตมาทำไมอ่ะ”

               “เดี๋ยวค่อยบอกละกัน”

               “อ้าว” แต่พี่พรตเองก็ดูไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนักเพราะสายตายังคงอยู่ที่เนื้อในเตาเช่นเคย

               “เออ แล้วค่ายเป็นไงบ้าง”

               พี่พฤตชวนคุยเรื่องบนค่ายต่อซึ่งผมรู้ดีว่ามันเป็นการเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนมากกว่า และเมื่อเป็นแบบนี้ผมก็ได้แต่ตอบคำถามไปเรื่อยๆ

               “ค่ายปีนี้สร้างไรวะ”

               “เรือนครัวกับเรือนเก็บของครับพี่”

               “สวยมะ”

               “ก็จั่วธรรมดาแหละ”

               “โห ตอนปีพี่นะ...”

               ดูจากมุมนี้แล้วพี่พฤตที่ปกติจะดูเป็นคนเนี้ยบมาดดีเหมือนอยู่ในนิตยสารตลอดเวลาก็กลายเป็นคนปกติธรรมดาที่มีช่วงชีวิตมหาลัยที่น่าจดจำไม่แพ้คนอื่น เขาคุยอย่างเป็นกันเองจนไม่น่าเชื่อว่านี่ผมกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติกับสถาปนิกระดับผู้บริหารบริษัทสถาปนิกแนวหน้าของประเทศ

               “ปีพี่แม่งโคตรเจ๋งอ่ะ”

               “ปีหน้าก็ทำแบบนี้ดิ”

               “โอเคครับ เดี๋ยวผมลองคิดดู”

               พี่พฤตยังคงคุยเหมือนไม่ได้คุยมาหลายปี ในตำแหน่งผู้บริหารนั้นคงไม่ได้สนุกแบบนี้เท่าไหร่ ยิ่งได้เจอกับรุ่นน้องที่ไม่ใช่ในที่ทำงานแล้วคงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาละมั้ง วงเนื้อย่างดูคึกครื้นขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มพูดคุยกัน พี่พฤตดูกลมกลืนไปกับพวกพี่และผมเหมือนไม่มีรุ่นพี่ไม่มีรุ่นน้องเลยทั้งที่ถ้านับอายุแล้วพี่พฤตกับผมคงห่างกันมากพอสมควร แถมยังมีการสั่งเบียร์มากินเพิ่มกันยกใหญ่เหมือนลืมความเหนื่อยที่สะสมมาจากบนค่ายไปทั้งหมด

               จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงคนในร้านก็เริ่มบางตาลง ผมมองนาฬิกาที่ผนังร้านซึ่งบอกเวลาห้าทุ่มแล้วก็อดรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้ว่าจะกลับบ้านไม่ทันเพราะรถไฟฟ้าปิดเที่ยงคืน

               “เดี๋ยวผมต้องกลับแล้วนะครับ”

               “อ้าว น้องพรานจะไปแล้วเหรอครับ”

               “งั้นแยกวงเลยละกัน นี่ก็ดึกแล้ว”

               พี่กรพูดพลางหยิบเงินในกระเป๋าออกมาเตรียมเรียบร้อย ด้วยความเป็นบุฟเฟ่ต์การหารเงินค่ากินเลยไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่และสามารถแยกย้ายได้โดยไม่เสียเวลามากนัก  ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านรวมถึงผม แต่แล้วพี่พฤตก็เรียกเอาไว้เสียก่อน

               “พรานอย่าเพิ่งไป”

               “ผมต้องรีบแล้วครับ เดี๋ยวรถไฟหมด”

               “เอาน่าๆ แปปเดียว ถ้ารถหมดจะไปส่ง”

               เมื่อเป็นแบบนี้ผมเลยต้องเดินกลับมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เรายืนกันอยู่หน้าร้านซึ่งค่อนข้างมืดและยุงเยอะมาก ดังนั้นถึงจะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องสำคัญผมก็แอบรู้สึกอยากให้พี่พฤตรีบบอกรีบกลับ

               “พี่พฤตมีไรครับ”

               “คือ...”

               พี่พฤตเงียบไปพักใหญ่ โอเค ผมไม่อยากเร่งหรอกแต่ยุงแม่งกัดขาลายไปหมดแล้วครับ พี่พรตเองก็เหมือนอยากไปจากตรงนี้เหมือนกันเลยเร่งพี่ชายตัวเอง

               “พูดเลยพี่พฤต”

               “พ่อจะส่งพรตไปตั้งแต่เทอมหน้านะ”

               “อะไรนะ”

               “...”

               ผมทวนคำด้วยความตกใจในขณะที่พี่พรตเงียบไปทันที อย่าว่าแต่พี่พรตเลยครับผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เหมือนตอนแรกก็ทำใจไว้แล้วว่าจะอยู่กับพี่พรตได้อีกหนึ่งเทอมจึงวางแผนสิ่งที่จะทำด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกันไว้เรียบร้อยภายในช่วงสามเดือนที่เหลือและไม่ทันตั้งตัวว่ามันจะเร็วขึ้นหรืออะไรเลย

               “พ่ออยากให้ไปเรียนภาษาก่อนเข้ามหาลัย”

               “แล้ววิชาเทอมสองทำไง”

               “พรตคงต้องลงเพิ่มตอนซัมเมอร์อีกตัวอ่ะ พี่ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

               ผมนึกสงสารพี่พรต ทำไมพ่อเขาต้องบังคับลูกตัวเองถึงขนาดนี้ ทั้งที่พี่พฤตและพี่พรตก็ไม่ได้ทำตัวเหลวไหลอะไร ผมไม่ยอยากคิดเลยว่าตอนพี่พฤตเรียนนี่คงโดนเยอะเท่านี้หรือดีไม่ดีอาจมากกว่าพี่พรตด้วยซ้ำ

               พี่พรตเงียบไปนานจนผมต้องเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้เสียเอง พี่พรตเป็นแบบี้อีกแล้ว และผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากให้กำลังใจเขาเพราะผมก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้อยู่แล้ว ไม่มีใครทำได้นอกจากตัวคุณสุวัตรเองแล้วล่ะครับ ไม่มีใครจะเปลี่ยนเขาได้แน่นอนนอกจากตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามผมจะพยายามช่วยพี่พรตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน

               ผมเห็นพี่พฤตมองผมกับพี่พรตด้วยสายตาเหมือนอึดอัดอยู่ครู่หนึ่งเหมือนไม่รู้จะวางตัวอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้าดีจนในที่สุดจึงทำลายความเงียบเสียเอง


               “พราน งั้นพี่ไปสูบบุหนี่แปปนึงนะ”

 





[พฤต]




               ทันทีที่เดินเลี้ยวมาถึงมุมตึกแล้วผมถึงกับถอนหายใจยาวออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  ผมเกลียดเวลาที่ตัวเองต้องทำอะไรแบบนี้ที่สุด ต่อให้คนที่โง่ที่สุดคงรู้ในทันทีว่าผมไม่ได้ออกมาสูบบุหรี่ห่าเหวอะไรหรอก แค่บรรยากาศเมื่อกี้มันทำให้รู้สึกผิดที่ผิดทางซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ผมพยายามเลี่ยงอย่างสุดความสามารถ ยิ่งเห็นสีหน้าของน้องนายพรานที่มองไอ้พรตแล้วผมยิ่งรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง

               ...แม่งเอ๊ย กูทำอะไรผิดหรือเปล่าวะ

               ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด พับแขนเสื้อไปถึงศอก ดึงชายเสื้อออกนอกกาเกงและปลดกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตเพื่อระบายความอึดอัดทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตามแต่ผมก็ทำแบบนี้ในทุกครั้งที่อึดอัดอยู่ดีแหละครับ จากนั้นผมก็หยิบบุหรี่กับไฟแช็กขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ความจริงผมไม่อยากมาสูบบุหรี่ในสถานการณ์และสถานที่แบบนี้หรอกนะแต่ด้วยความี่เกลียดการโกหกมากกว่าเลยต้องขอสูบให้มันเป็นความจริงเสียหน่อย

               ผมจุดบุหรี่แล้วเก็บไฟแช็กเข้ากระป๋าอย่างคล่องแคล่ว ผมกล้าพูดเลยว่าสามารถทำกริยานี้ได้อย่างอัตโนมัติเหมือนกับการเขียนแบบ ผมรู้ดีว่าภาพลักษณ์ตัวเองไม่เหมือนคนสูบบุหรี่จัดสักเท่าไหร่แต่ถ้าใครเจอผมบ่อยๆ ก็จะรู้ไปเองในที่สุด

               ครืด ครืด

               ...ใครโทรมาตอนนี้วะ

               ผมดึงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าอีกข้าง คนที่จะโทรมาหาผมมันก็มีไม่กี่ประเภทนั่นแหละครับ บางครั้งผมก็รู้สึกเบื่อจนไม่อยากรับสายสักแต่ถ้านับเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่มันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน

               “ครับ”

               [พี่พฤต นี่นาเองนะคะ พรุ่งนี้เจอกันกี่โมงดีคะ]

               ...พรุ่งนี้กี่โมงคือเชี่ยไรวะ

               “อ่า...พรุ่งนี้พี่ไม่ค่อยว่างแล้วน่ะครับ พอดีมีงานด่วนเข้ามา”

               [อ้าว โห นาก็อุตส่าห์ตื่นเต้นแทบตาย]

               “พี่กำลังจะโทรไปบอกเราพอดีน่ะ ขอโทษจริงๆ ครับ ไว้วันหลังนัดกันใหม่นะ”

               ...เฮ้อ

               ถ้าผมถอนหายใจมากไปกว่านี้ผมต้องแก่ลงเป็นห้าปีสิบปีแน่ครับ ผมเก็บมือถือเข้าที่เดิมแล้วเริ่มสูบบุหรี่ต่อ ผู้หญิงชื่อ ‘นา’ คือใครวะ รู้สึกจะเป็นคนที่...ผิวขาวหน่อย...ผมสั้น...สีน้ำตาลเข้ม ถูกมั้ยวะ แล้วตาล่ะ...ตาโต จมูกรั้นนิดๆ ...ปากบาง...มีอะไรอีกวะ อ้อ ตัวสูงและผอม...ชอบถือกระเป๋าอะไรนะ...อ้อ...กระเป๋าสีดำของโค้ช...โอเค...ชอบใส่เดรส...ใช่ นั่นแหละ คนนี้เลย

               ...นึกออกแล้ว

               ผมไม่ใช่คนที่จำชื่อใครได้แม่นเท่าไหร่ อย่างถ้ามีใครมาถามผมว่าจำคนชื่อนั้นชื่อนี้ได้หรือเปล่าผมจะคิดไม่ออก แต่เมื่อให้เวลาผมในการค่อยๆ ประกอบความจำสักเล็กน้อยผมถึงจะนึกออก หลายครั้งเลยที่ผมมักจะแทนคนอื่นด้วยสรรพนามเนื่องจากคิดไม่ทันจริงๆ แต่ถ้าไปเจอหน้ากันตัวต่อตัวนี่ผมจะไม่มีปัญหาเลย

               ระบบความคิดของผมไม่ได้จำเป็นสิ่งนี้เท่ากับสิ่งนี้แต่เป็นเหมือนจำเป็นเศษๆ แล้วค่อยประกอบกันนั่นแหละครับ มันไม่ได้เป็นอาการอะไรหรอกแต่เป็นเพียงกลไลการจำอย่างหนึ่งของสมอง แค่มันทำให้ผมเจอสถานการณ์โป๊ะแตกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เช่นการจำชื่อลูกค้าคนสำคัญไม่ได้แล้วต้องใช้เวลากว่าจะค่อยๆ เรียบเรียงว่าเขามีลักษณะแบบไหน ซึ่งกว่าผมจะจำได้คู่สนทนอาจเปลี่ยนเรื่องไปแล้วด้วยซ้ำ

               ...อย่างน้องพรานก็เหมือนกัน

               ไอ้พรตมันไม่เคยรู้หรอกว่าตอนมันบอกว่ามีแฟนแล้วนั้นผมถึงกับไปตามหารูปน้องพรานมานั่งจำเหมือนเป็นโรคจิตเพื่อที่เวลาพรตหรือใครพูดถึงจะได้มีภาพขึ้นมาในหัวทันที ในมือถือของผมจึงต้องมีโฟลเดอร์รวมรูปคนที่ผมมีความจำเป็นจะต้องจำได้ทันทีเมื่อใครพูดชื่อเอาไว้และคอยเอามาทบทวนเสมอๆ ไม่ค่อยมีใครเข้าใจความยากลำบากส่วนนี้ของผมเท่าไหร่หรอกครับ

               ผมมองบุหรี่ที่ถืออยู่ในมืออย่างเหม่อลอย พยายามคิดว่าผมทิ้งช่วงออกมานานพอหรือยังสำหรับไอ้พรตกับน้องพราน นี่ผมควรทำเป็นสูบต่อไปเรื่อยๆ หรือเอากระเป๋าของทั้งสองคนขึ้นรถแล้วแยกกันกลับบ้านเลยดีวะ ความจริงผมอยากกลับตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยเพราะผมนอนน้อยมาหลายคืนแล้วและวันนี้เป็นวันส่งมอบแบบให้ลูกค้า กินข้าวก็เสร็จแล้วด้วยเลยทำให้ความเหนื่อยที่สะสมมามันเลยประดังกันเข้ามาอย่างเต็มที่

               ‘ปึก’

               ...เสียงไรวะ

               ผมแทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของกระทบผนังซึ่งอยู่ห่างจากผมไม่มากนัก ผมค่อนข้างมั่นใจนะว่าตอนมายืนตรงนี้ยังไม่มีใครและผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะเจอใครมากกว่านี้แล้ว แค่ออกมารับไอ้พรตก็รูสึกว่าจะเจอคนในคณะมากพอสำหรับวันนี้ ผมมองบุหรี่ที่เหลืออยู่เกือบเต็มมวนแล้วแอบเสียดายนิดหน่อยที่ต้องดับมันลงไปเพราะเห็นทีผมคงต้องเป็นฝ่ายหนีจากตรงนี้แล้วล่ะ

               แต่ก่อนที่จะได้ขยับตัวอะไรผมกลับได้ยินเสียงจูบอย่างดูดดื่มดังตามขึ้นมาทำเอาผมแอบขมวดคิ้วไม่ได้ แน่ล่ะ...เขาไม่รู้หรอกว่ามีคนยืนอยู่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำเสียงดังไม่เกรงใจใครขนาดนี้ และความที่เขาไม่รู้นี่แหละทำให้ผมไม่กล้าขยับตัวสักมิลเดียว แม่งกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องยืนอยู่ตรงนี้ทั้งที่อยากลับบ้านจะตายห่าอยู่แล้ว

               แล้วทำไมมันเริ่มมีเสียงหอบปนวะ

               “พี่ ตรงนี้อีกสิ อืม...”

               ...เดี๋ยว ทำไมเสียงโคตรคุ้น

               ผมมั่นใจมากว่าเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อนแน่นอนแต่ผมนึกไม่ออกหรอกนะครับว่าใครเพราะนั่นเกินความสามารถผมไปมาก แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้ผมค่อยๆ ขยับตัวอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงและค่อยๆ พาตัวเองไปตามต้นกำเนิดเสียง ผมสูดหายใจลึกด้วยความตื่นเต้นเมื่อเริ่มเห็นเงาของคนสองคนพาดลงนกำแพง

               ...ผู้ชาย?

               ผมเขยิบเข้าไปใกล้กว่าเดิมจนกระทั่งเห็นทั้งสองคนชัดเจน คนหนึ่งยืนพิงผนัง สีหน้าดูเหนื่อยมากเสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยและหอบไม่หยุดส่วนอีกคนยืนหันหลังให้ผมและคลอเคลียอีกฝ่ายไม่หยุด ผมไล่สายตากับไปมองที่ใบหน้าของคนพิงกำแพงอีกครั้งและเริ่มเก็บองค์ประกอบมาต่อกัน...ผมสีน้ำตาเข้ม...ตาตี่สไตล์ลูกคนจีน...แว่นกรอบดำ...ไม่อ้วนไม่ผอม...อือ คุ้นจังวะ...กางเกงสีดำถูกระเบียบ  ผมไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลาประกอบภาพนี้นานเท่าไหร่แต่เมื่อได้ภาพคร่าวๆ ในหัวแล้วผมก็เกือบหลุดอุทานออกมา

               ...นี่มันเด็กที่ผมช่วยยกลังให้เมื่อเช้า อย่าพูดถึงชื่อเลยเพราะถึงจะเพิ่งเจอกันมาเมื่อกี้ผมก็จำได้แค่ว่าชื่อเขามีตัวอักษรง.งู และไม่รู้ว่าเป็นอักษรตัวหน้าหรือหลังด้วย แต่ที่มั่นใจมากคือเขาเป็นเพื่อนน้องนายพราน

               ที่ผมจำได้อีกอย่างคือเขาโคตรเรียบร้อยโคตรสุภาพและดูสะอาดสอ้าน แต่งตัวตามกฎมหาลัยจากหัวจรดเท้าอย่างที่หาได้ยากยิ่งในคณะ เขาพูดครับกับผมทุกคำจนผมเองแทบรู้สึกเกรงใจแทน ผมค่อนข้างมั่นใจนะว่าเป็นคนเดียวกัน การคิดด้วยการนำองค์ประกอบหลายๆ อย่างมารวมกันแบบนี้ของผมมักจะถูกต้องแม่นยำ ผมจึงมั่นใจเต็มที่ว่าคนๆ นี้เป็นคนเดียวกัน แต่เมื่อตัดภาพมาที่ผู้ชายหน้ายืนหอบกับเสื้อผ้าหลุดลุ่ยพร้อมคำพูดคล้ายเชิญชวนแบบนี้แล้วแม่งทำลายภาพจำของผมที่มีต่อเด็กคนนี้ไปหมดเลย


               คนเราแม่ง...รู้หน้าไม่รู้ใจ


               ผมโคลงศีรษะให้กับความเสือกของตัวเอง เขาจะทำตัวผิดจากรูปลักษณ์มันก็ไม่ผิดอะไรหรอก ผมแค่ตกใจเองเพราะเคยคุยกัน แต่ก็นั่นแหละครับ ผมควรออกไปหาไอ้พรตกับน้องนายพรานแล้ว แล้ะเมื่อคิดได้อย่างนี้ผมจึงค่อยๆ ก้าวกลับไปอย่างระมัดระวังเหมือนตอนเดินเข้ามา แต่ใครจะไปรู้ละครับว่าเท้าของผมจะ...


               ‘แกร๊บ’


               “เฮ้ย ใครอยู่ตรงนั้นวะ?!”









------------------------------------------------------------------
มาแล้ววว พี่พฤตก็มาด้วยย :katai4:
เป็นช่วงอาทิตย์ที่หนักหน่วงมากเลยค่ะ เพิ่งส่งงานชิ้นแรกไป :sad4:
ขอไปปั่นงานชิ้นที่สองก่อนนะคะ 55555

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 03-03-2017 08:53:55
เราชอบเรื่องนี้มากกกกกก วันแรกที่อ่านเริ่มอ่านห้าทุ่ม กว่าจะได้นอน ... 55555555 มันติดมากจริงๆๆ
 :laugh: :laugh: :laugh:
ดีใจที่อ่านทันแล้ว อิอิ
ไอ้พี่พรต เป็นคนเข้าใจยากจริงๆนะ ชอบพี่พรตมุ้งมิ้ง แหย่ อ้อน พราน
พรานก็ใจอ่อนตลอดดดด ก็มันรักอ่ะเนอะ 555
กลัวใจทั้งคนรอและคนไปมีสังคมใหม่  :เฮ้อ:
รอติดตามฮะ สู้ๆกับการปั่นงานส่งนะฮะ เดือดมั้ย 555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-03-2017 20:06:24
เห่อๆ พี่พฤต ไม่เหมือนที่รู้จักผ่านพ่อเลยแฮะ
เหมือนพี่พฤตจะโก๊ะๆอยู่เหมือนกันนะนี่
แล้วดูการจำคนไม่ค่อยได้ ลำบากน่าดูเลย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: Skycooper ที่ 10-03-2017 03:11:52
 :o8:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-03-2017 13:55:46
ความลำบากของพี่พฤตช่างเหมือนเราจริงๆ ฮืออออออ จำคนไม่ได้เหมือนกันเลยยยยย :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 10-03-2017 22:23:58
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 11-03-2017 03:52:49
 :o12:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน26 ::: P24 ::: 27.02.16
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 13-03-2017 06:14:42
 :z3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 15-03-2017 20:10:39




:: CHAPTER 27 ::








            “พี่พรตจัดของถึงไหนแล้ว”

            ผมเอ่ยถามขึ้นระหว่างดึงเสื้อตัวหนึ่งซึ่งถูกเบาะโซฟาทับไว้ออกมา มองแล้วก็ไม่รู้ว่าพี่พรตหมกไว้ตั้งแต่ชาติไหนเพราะสภาพมันเหมือนถูกลืมไว้นานมากแล้ว โซฟาพี่พรตนี่ก็เหมือนกระเป๋าโดราเอมอน ไม่ว่าผมจะดึงเสื้อออกมามากเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที เหมือนจะสามารถบรรจุได้ตั้งแต่เสื้อหนาวไปถึงบ็อกเซอร์ ตั้งแต่พาดไว้จนถึงอยู่ตามซอกเบาะเลยล่ะครับ

            “ก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะ”

            “อืม ดีแล้ว”

            ผมกวาดสายตามองไปรอบห้องที่คุ้นเคยเหลือเกิน ผมยังจำความรกอันเป็นความประทับใจแรกของมันได้อยู่และยังเป็นสิ่งที่ผมเอาไปบ่นกับคนอื่นเสมอๆ ทั้งซากโมเดลกระจัดกระจาย กระดาษร่างที่กองตามพื้น หรือแม้แต่โซฟาที่เหมือนถูกเปลี่ยนฟังก์ชั่นเป็นตะกร้าผ้า ในวันนี้มันกลับโล่งจนผิดตา ข้าวของที่คนสกปรกอย่างพี่พรตดองเอาไว้ถูกเคลียร์ไปจนเรียบ ทำเอาผมอดใจหายไม่ได้เลยครับ มองแล้วรู้สึกเหมือนเอกลักษณ์ของห้องนี้ถูกทำลายไปเสียแล้ว

            ...ก็คนจะไม่อยู่แล้วนี่

            ถึงพี่พรตจะตัดสินใจไม่ขายห้องหรือให้คนอื่นเช่าระหว่างไปเรียนต่อซ้ำและยืนยันว่าพอกลับมาจะกลับมาอยู่ห้องนี้ดังเดิม แต่ผมก็ยังอดรูสึกใจหายไม่ได้อยู่ดี

            “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”

            “เฮ้ย!”

            ผมแทบสะดุ้งเมื่อจู่ๆ พี่พรตก็ยื่นมือมาโบกขึ้นลงตรงหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว ...นี่ผมเหม่อไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

            “ทำหน้าเหมือนหมาหางตก”

            “เออ ก็ต้องอย่างนั้นดิ”

            ได้ยินอย่างนี้ผมก็อดฉุนขึ้นมาไม่ได้ อีกวันเดียวตัวเองก็ไปแล้วแท้ๆ ยังคาดหวังให้ผมมีความสุขหน้าตาชื่นบานอีกเหรอวะครับ ผมตามความคิดของไอ้พี่พรตไม่ค่อยทันเลยให้ตายสิ เขาดูโคตรปกติเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับการไปเรียนต่อเป็นปีๆ เลยสักนิดทั้งที่ผมเองยิ่งใกล้วันยิ่งคิดนู่นคิดนี่ ผมเห็นเขาซึมไปเพียงไม่กี่วันหลังพี่พฤตมาหาเท่านั้นแหละ คิดว่าเขาคงปลอบใจตัวเองเสร็จเรียบร้อยไปแล้วตั้งแต่สองสามวันนั้นแล้วมั้ง

            “งั้นเอางี้ เดี๋ยวพานายไปกินข้าวดีกว่า”

            “ยังเก็บกองนี้ไม่เสร็จ” ผมชี้ไปที่เสื้อผ้าที่วางๆ เอาไว้ข้างโซฟา

            “เออน่ะ เดี๋ยวค่อยมาเก็บต่อ”

            “แปปนึง”

            ผมส่ายหน้ากับสิ่งที่ยิน พี่พรตก็ชอบอย่างงนี้อยู่เรื่อย เหมือนการเก็บห้องแม่งเป็นกิจกรรมที่ถูกจัดอันดับไว้ล่างสุดสำหรับเขาเสมอ ผมเองเลยตั้งใจจะเก็บกองนี้ให้เสร็จก่อน แต่กลายเป็นว่าไอ้พี่พรตไม่ยอมขยับไปไหนแล้วยืนกอดอกจ้องผมพับเสื้อผ้าตัวเองเสียอย่างนั้น เหมือนถูกกดดันว่าถ้าผมไม่ไปเขาก็ไม่ขยับ

            ...ทำไมยิ่งวันยิ่งดื้อวะ

            “โอเค ไปก็ไปครับ”

            สุดท้ายผมก็ต้องยอมเป็นฝ่ายยอมแพ้ลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าสตางค์เอง  ส่วนไอ้พี่พรตี่ก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างหน้าหมั่นไส้  ผมถอนหายใจเบาๆ พลางปลอบตัวเองว่าให้พี่มันไปเถอะครับ เพราะผมคงจะไม่ได้หมั่นไส้ใครขนาดนี้ไปอีกนานเลย

            “เดี๋ยวผมเลี้ยงพี่พรตเลยละกัน”

            “จริงดิ”

            “จริงครับ อยากกินไรล่ะ”
 

            “ก๋วยเตี๋ยวหน้าคอนโด”

            “ดีกว่านี้ก็ได้นะ”

            “น้องพรานครับ”

            “...”

            “พี่อยากกินก๋วยเตี๋ยวจริงๆ”







                                                                         

            ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างคอนโดในตอนเที่ยงยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายเหมือนทุกวัน จะแตกต่างแค่พวกเราเองนั่นแหละครับ ผมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะริมสุดอย่างเคยชินพลางนึกอยากจะเก็บความเคยชินนี้ให้อยู่กับตัวนานกว่านี้อีกสักหน่อย ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่พรตถึงอยากกินก๋วยเตี๋ยวในมื้อสุดท้ายที่เราจะได้กินร่วมกันก่อนพี่พรตไป เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าอีกสองสามปีข้างหน้าร้านนี้จะเป็นอย่างไรหรือผมกับพี่พรตจะได้มานั่งด้วยกันอย่างนี้อีกรึเปล่า

            “คิดไรอีกเนี่ย”

            พี่พรตเปิดเมนูแล้วยัดเข้ามาในมือผมอย่างถือวิสาสะเมื่อเห็นผมนั่งเงียบไป ผมจึงได้แต่ก้มดูเมนูแล้วชี้เอาเส้นเล็กน้ำธรรมดาที่มันไม่เผ็ด ส่วนพี่พรตก็สั่งต้มย้ำน้ำข้นไม่เผ็ดเช่นเคย เราสั่งอาหารกันโดยไม่พูดอะไรอีกแต่ดูเหมือนพี่พรตจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้เสียเอง

            “ตอนอยู่ก็บอกไม่เอาๆ พอจะไปจริงนี่หงอยเชียว”

            “อะไร”

            “เปล่า แค่พูดลอยๆ”

            ...ไอ้พี่พรตแม่ง

            ผมถลึงตาเขาทีหนึ่ง

            “น่ะ เขินแล้วๆๆ”

            “โอ๊ยพี่พรตหยุดเลย”

            ผมพยายามระงับความเขินทั้งที่รู้ว่ามันไม่ค่อยได้ผลอะไรเท่าไหร่ ผมแม่งแพ้สไตล์การพูดแซวแบบพี่พรตจริงๆ ผมจ้องไปที่ภาพวาดบนผนังบ้าง เมนูบ้างเพื่อจะหลีกเลี่ยงการสบตาอย่างสุดความสามารถ ผมรู้นะว่าควรเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้เอาไว้ แต่ให้ตายเหอะ ผมโคตรไม่ชอบการเขินในที่สาธารณะ

            “จะเศร้าอะไรครับน้องพราน”

            “...”

            “เดี๋ยวตอนปิดเทอมก็กลับมาแล้วน่า”

            “ก็ใช่ แต่...”

            “แต่อะไรครับน้องพราน”

            พี่พรตหรี่ตามองด้วยสายตากรุ้มกริ่มปนคาดหวัง ทำเอาผมยิ่งเขินขึ้นไปอีก พี่พรตเองก็ถนัดเหลือเกินกับการทำแบบนี้...เออ เอาก็เอาวะ ผมยอมแพ้ก็ได้

            “คิดถึง”

             “เล็กน้ำ กับต้มยำไม่เผ็ดได้แล้วค่ะ”

            ...เชี่ยเอ๊ย

            ผมมองพนักงานที่กำลังวางก๋วยเตี๋ยวสองชามลงบนโต๊ะพร้อมการระเบิดเสียงหัวเราะของพี่พรตอย่างไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี ทำไมจังหวะชีวิตของผมมันพังจังครับ พอยอมแพ้ก็ดันมีคนมาได้ยินมากกว่าหนึ่ง เอาเป็นว่าผมอย่าพูดอะไรดีกว่ามั้ง พนักงานเองดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไรเพราะเธอแค่จัดชามให้แล้วเดินกลับออกไปอย่างปกติ แต่ไอ้คนที่ไม่ปกติคือคนที่อยู่ตรงหน้าผมนั่นแหละครับ

            “โอ๊ย พี่พรตหยุดล้อเลย”

            “อ่ะ หยุดแล้ว”                                         

            ...หยุดแล้วแต่ยังยิ้มนี่หมายความว่าไงวะ

            สุดท้ายเมื่อห้ามอะไรไม่ได้ผมก็ได้แต่ปล่อยพี่พรตให้ยิ้มต่อไปจนเขาเลิกไปเอง  ผมมองคนตรงหน้าก้มหน้าก้มตาสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากด้วยท่าทางมีความสุข พี่พรตนี่ถึงจะคุณชายแค่ไหนก็เลี้ยงง่ายอยู่ดี ความจริงแล้วผมตั้งใจจะเลี้ยงมื้อเที่ยงพี่พรตแบบพรีเมี่ยมด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวดันขอแค่ก๋วยเตี๋ยว ทำเอาเงินที่ผมเตรียมมาเป็นหมันไปเลยทีเดียว

            “ตอนเย็นไปกินข้าวด้วยกันมั้ย”

            “หืม กินกับที่บ้านพี่พรตเนี่ยนะ”

            “อืม”

            “ไม่เอาอ่ะ ยังไม่พร้อม รอพี่พรตกลับมาก่อนดีกว่า”

            ผมไม่อยากปฏิเสธหรอกนะครับแต่ผมยังจำสีหน้าพ่อของพี่พรตที่มองผมได้อยู่ มันเหมือนเขายังไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ ยิ่งถ้าไปที่บ้านเลยนี่ผมว่าเขายังไม่โอเคหรอก เอาไว้พี่พรตทำตามที่ตกลงไว้กับพ่อได้เมื่อไหร่ค่อยไปกินข้าวแบบดีๆ คงไม่สาย

            “โอเค ไม่เป็นไร”

            “...”

            “แค่คิดว่าอยากกินข้าวกันอีกมื้อเฉยๆ”

            “โอ๋ๆ ไว้ไปส่งที่สนามบินเนอะ”

            ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลยปลอบไปอย่างนั้น พี่พรตเองก็เหมือนจะงอแงไปตามเรื่องเพราะผมเองก็เคยยืนยันไว้แล้วตั้งแต่เขาชวนไปกินข้าวที่บ้านตั้งแต่ครั้งแรกๆ

            “พราน”

            “หืม?”

            “มีไรจะให้”

            ผมเงยหน้าขึ้นจากชามก๋วยเตี๋ยวอย่างประหลาดใจ อยู่ๆ พี่พรตก็ดูนิ่งขึ้นมาจนผมชักไม่แน่ใจว่าของที่จะให้นี่คือจะแกล้งหรือให้แบบจริงจัง ผมควรรู้สึกกลัวหรือดีใจกันแน่วะ

            “แกล้งป่ะเนี่ย”

            “เฮ้ยไม่แกล้งๆ ยื่นมือมาดิ”

            ...นี่ยิ่งไม่น่าไว้ใจเข้าไปใหญ่

            แต่เอาวะ วันสุดท้ายแล้วต้องยอมให้มันหน่อย คิดอย่างนั้นผมจึงแบมือแล้วยื่นไปด้นหน้าแต่โดยดี พี่พรตยื้มให้ก่อนจะเอาของซึ่งกำไว้ในมืออย่างมิดชิดมาวางบนมือผมแล้วผละออกไป ผมเลยก้มลงมองมันทันที

            ...กุญแจห้อง

            ความรู้สึกหลากหลายเหมือนตีเข้ามาหาผมอย่างห้ามไม่อยู่ คอนโดของพี่พรตนี้ถึงจะรกไปหน่อยแต่ผมรู้ว่าพี่พรตรักมาก มันเป็นที่ๆ เดียวที่สามารถหลบหนีความเครียดจากทางบ้านได้ พี่พรตอยู่ที่นี่มากกว่าบ้านตัวเองเสียอีกจนเรียกได้ว่าห้องนี้แหละที่เป็นพื้นที่ของพี่พรตเองจริงๆ มันแฝงตัวตนของคนอยู่ไว้ในทุกๆ ตารางเมตรและมีความทรงจำของเราอยู่มากมาย

            “พี่พรต...”

            “ฝากดูแลด้วยนะ”

            ผมพยักหน้า คิดคำพูดดีๆ อะไรไม่ออกเลยสักคำ พี่พรตไว้ใจผมมาก...มากขนาดที่นำของที่ตนรักมาฝากไว้กว่าผม และแน่นอนว่าความไว้ใจที่เข้ามาให้นั้นมันมากกว่าความไว้ใจที่ผมมีให้เขาอย่างแน่นอน ผมรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองให้เขาเยอะมากแล้วแต่ดูเหมือนจะเทียบอะไรกับสิ่งที่ได้รับไม่ได้เลย

            “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”

            ผมไม่รู้ว่าพี่พรตลุกขึ้นมานั่งข้างๆ ผมตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้เขากำลังหันทั้งตัวมาทางผมแล้วนั่งจ้องอยู่อย่างนั้น ทำเอาผมยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

            “นายน่ารักจังอ่ะ”

            ผมกัดปากตัวเองพยายามระงับความเขินอย่างสุดความสามารถ ตอนนี้ ไม่รู้สึกเศร้าหรือน้อยใจตัวเองที่ไม่ได้ตอบแทนอย่างที่ควรหรืออะไรแล้วล่ะครับแต่กูเขิน ผมพยายามมองซ้ายมองขวาหาวิธีเอาตัวรอดจนกระทั่งเหลือบไปเห็นพนักงานกำลังสแตนด์บายรออยูไม่ไกลเลยรีบเรียกมาทันทีก่อนจะหันไปบอกพี่พรตอย่างรวดเร็ว

            “กินเสร็จแล้วใช้มั้ยพี่พรต เช็คบิลเลยนะ”





           

           

            กลายเป็นว่าวันสุดท้ายของผมและพี่พรตดำเนินไปอย่างปกติและธรรมดามาก แต่ผมกลับเห็นว่าความธรรมดานี่แหละเป็นสิ่งพิเศษที่สุด ผมเดินออกมาจากโรงหนังกับพี่พรตพร้อมฉีกตั๋วที่นั่งแบ่งให้เขาคนละครึ่งเผื่อว่าเขาจะอยากเก็บเอาไว้ซึ่งพี่พรตก็รับไว้พลางสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหันมาคุยกับผมต่อ

            “ตัวร้ายหน้าโคตรเหมือนอาจารย์ทรงพล”

            “ฮ่าๆๆ เออใช่เลย ก็ว่าคุ้นๆ”

            “เทอมนี้ได้อยู่เซคเค้าป่ะ”

            “เนี่ย ผมตรวจกับเขาโปรเจกต์นี้เลย”

            “เดือดมั้ยอ่ะ ไอ้กรมันเคยอยู่แล้วเขาสั่งงานโคตรเยอะ”

            “เดือดดิ ถามได้”

            ผมพยายามจะไม่คิดเรื่องงานที่เหลืออยู่มากมายดุจเกลือในมหาสมุทรในวันนี้แต่พี่พรตก็อุตส่าห์กวนตะกอนขึ้นมาจนได้ พี่พรตพูดถูกครับ อาจารย์แม่งสั่งงานเยอะเหมือนผมไม่ใช่คน มีการล้มแบบให้คิดใหม่แทบทุกอาทิตย์ทั้งที่เพื่อนเซคอื่นเริ่มลงแปลนลงเสากันไปหมดแล้ว

            “ทำไมไม่บอกก่อน”

            “ไม่ต้องช่วยหรอก ไปจัดของไป”

            “อ้าว ไล่เฉย เมื่อกี้ในร้านยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่เลย”

            ผมถลึงตาใส่พี่พรตอีกรอบ คนอะไรชอบแซวกันจังวะ ผมไม่ตอบอะไรแล้วเดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่แล้วพี่พรตก็เอามือแทรกเข้ามาประสานกับมือผมโดยไม่บอก ทำเอาผมตกใจจนเกือบจะสะบัดออกเลยล่ะครับ แต่มันยิ่งทำให้พี่พรตกระชับมือผมไว้แน่นขึ้นพร้อมขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมแล้วกระซิบที่ข้างหู

            “วันนี้ขอเดินจับมือได้รึเปล่า”

            ผมหันไปสบตากับเขา เราไม่เคยเดินจับมือกันในที่สาธารณะแบบนี้เลยสักครั้ง อาจเป็นเพราะพี่พรตกลัวผมจะรู้สึกเขินและผมเองก็ไม่ทันได้คิดว่าเรามีความจำเป็นต้องเดินจับมือหรืออะไรด้วยเลยทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่ามันสำคัญเท่าไหร่ แต่อย่างที่บอกล่ะครับ วันนี้ผมจะยอมเขาเต็มที่

            “อยากทำอะไรก็ทำสิ”

            พี่พรตยิ้มด้วยสีหน้ามีความสุขก่อนจะแกว่งแขนผมไปมาอย่างอารมณ์ดี ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา พี่พรตยังคงเป็นคนที่มีสีสันเสมอในสายตาของผมตั้งแต่วันแรกที่เจอกันในฐานะพี่เนียนจนถึงวันนี้ ผมมักจะนึกกลัวขึ้นมาว่าระยะเวลาที่ห่างกันไปจะทำให้เขาเปลี่ยนทั้งที่ทุกสิ่งย่อมต้องเปลี่ยนไปอยู่แล้ว ตัวผมเองนั้นยังอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวและเก็บพี่พรตที่ผมรู้จักเอาไว้ให้ได้นานที่สุด


            “พี่พรต”


            “?”


            “อีกสามปีข้างหน้าอย่าเพิ่งเปลี่ยนไปได้ไหม”


             “ไม่เปลี่ยนหรอกน่า”



            พี่พรตหัวเราะในลำคอพลางยกมือขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ ผมรับสัมผัสและคำตอบนั้นโดยดี แต่ความจริงผมเองก็รู้ดีว่าอะไรมันก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น พี่พรตไม่สามารถเป็นคนเดิมได้เสมอรวมถึงตัวผมเองก็ด้วย แต่ผมจะระลึกไว้ว่าในระยะเวลาหลายปีที่กำลังจะถึงนี้ ไม่ว่าในอนาคตเขาจะเติบโตไปเป็นคนแบบไหน หรือระหว่างผมกับเขาจะเหลือเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งในชีวิตของกันและกัน จะจบสวยหรือจบเศร้าก็ตาม ผมก็รู้สึกดีใจที่ได้รู้จักกับเขา                                 





            ...ผมดีใจนะที่เราได้รู้จักกัน









-------------------------------------------------------------------------
ไม่ได้เจอกันนานเลยย ปีสามเทอมสองเดือดสุดเท่าที่เคยเจอมาจริงๆ เดือดจนต้องร้องขอชีวิต ฮือออ
 :fire::katai4: :katai4:
ใครคิดจะเรียนคณะนี้คิดดีๆ อีกครั้งนะะ 55555555

มายืนยันว่าเรื่องนี้จบดีแน่ๆ ค่าไม่มีดราม่าแล้ว น้องพรานแค่จะสื่อว่า เขาไม่สนใจว่าความสัมพันธ์จะเป็นยังไงแค่รู้สึกดีใจที่ได้เจอกันก็พอ

ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วนะคะ เจอกันค่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 16-03-2017 05:10:57
 :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-03-2017 10:28:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-03-2017 11:42:09
พี่พรตไม่ไปไม่ได้หรออออออ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-03-2017 15:54:24
ทำไมเราอ่านตอนนี้แล้ว เรารู้สึกเหงาๆ จังเลย :undecided:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-03-2017 15:59:25
ไวไป พรตจะไปแล้ว
คุณพ่อใจร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน28 (จบ) ::: P24 ::: 17.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 17-03-2017 23:04:15


:::: CHAPTER 28 ::::

 





[พฤต]

 

            “คุณพฤต รบกวนเซ็นเอกสารแผ่นนี้ให้ได้ไหมครับ”

            ผมเกือบยั้งฝีเท้าไม่ทันเมื่อสถาปนิกคนหนึ่งในบริษัทเปิดประตูพรวดออกมาแล้วขวางทางผมเอาไว้ ผมเหลือบสายตามองกระดาษแนบท้ายสัญญาของโปรเจกต์ที่กำลังทำอยู่ อ่านผ่านรวดเดียวก่อนจะหยิบปากกาหมึกซึมที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าเสื้อออกมาเซ็นให้แต่โดยดี

            ...บ่ายสองแล้ว

            ยิ่งก้มลงมองนาฬิกาตัวเองแล้วยิ่งต้องรีบ ถ้าไม่ติดว่าผมต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือต่อหน้าลูกน้องทุกคนในบริษัทแล้วผมคงใส่เกียร์หมาวิ่งไม่ลืมหูลืมตาเหมือนตอนปีหนึ่งที่ส่งงานไม่ค่อยทันแน่ครับ พ่อนี่ก็เหลือเกินนะ ตัวเองอยากนั่งอยู่บ้านช่วยดูไอ้พรตแต่ให้ผมมารับกรรมเซ็นเอกสารทั้งหมดของช่วงเช้าแทน

            “เรียบร้อย”

            “ขอบคุณครับ”

            ผมเหน็บปากกาเข้าที่เดิมด้วยท่าทางนิ่งสงบเหมือนคนไม่รีบ ก่อนจะก้าวเร็วๆ ออกจากตรงนั้นทันที แต่เชื่อสิครับว่าไอ้พวกนี้ต้องไม่ปล่อยผมไปแน่

            “คุณพฤตคะ! รบกวนเซ็นนี่ด่วยเลยค่ะ”

            ...บ่ายสองห้านาที

            ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองดูเอกสารที่น้องผู้หญิงถือมาด้วยความเร่งรีบและพบว่ามันมีเป็นปึก กะด้วยสายตาคือมากกว่ายี่สิบแผ่น ซึ่งพูดตามตรงคือผมยังไม่มีเวลาอ่านเอกสารเยอะขนาดนี้ในตอนนี้หรอก ถ้าให้อ่านจบนี่เครื่องไอ้พรตคงบินไปถึงพม่าก่อนแล้ว

            “ไว้ผมกลับมาเซ็นนะครับ”

            “แต่พรุ่งนี้...”

            “เดี๋ยวผมกลับมาครับ”

            เมื่อได้ยินผมยืนกรานปฏิเสธแบบนั้นเธอเลยถอยทัพและยอมจำนนในที่สุด ผมรู้ดีว่าเอกสารฉบับนี้ไม่ด่วนเท่าไหร่หรอกเพราะลูกค้านัดผมเอาไว้มะรืน พรุ่งน้ค่อยมาเซ็นยังทันเลยครับ เพราะฉะนั้นตอนนี้คงไม่มีอะไรด่วนเท่ากับเรื่องที่ไฟล์ทไอ้พรตจะออกห้าโมงหรอกครับ ผมลองคำนวณเวลาดูคร่าวๆ...จากบริษัทไปสนามบินก็ประมาณหนึ่งชั่วโมง กว่าจะเจอไอ้พรตคงปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว

            “คุณพฤตครับ!”

            “เดี๋ยวผมกลับมาครับ วางไว้บนโต๊ะเลย!”

            ผมตะโกนกลับไปเมื่อเห็นสถาปนิกในทีมคนหนึ่งรีบเปิดประตูออกมาพอเห็นผมเดินผ่าน บางทีผมก็โคตรเกลียดทางเดินยาวติดกระจกที่ต้องเดินผ่านห้องทำงานเหล่านี้จริงๆ ผมรู้ว่าคอนเสปท์ของมันคือการให้ลูกค้าได้เห็นบรรยากาศการทำงานที่ดูโปรเพื่อให้เขาตัดสินใจเลือกบริษัทเรา มันได้ผลก็จริงครับ แต่โทษของมันคือเวลาผมจะไปไหนมาไหนแม่งเห็นกันทั้งบริษัท และจะเกิดการเปิดประตูออฟฟิศออกมาตั้งด่านขอลายเซ็นอย่างกับเซเลปเช่นนี้อยู่บ่อยๆ

            ผมเร่งฝีเท้าอย่างสุดความสามารถ พยายามเดินผ่านออฟฟิศทั้งหลายโดยไม่สบตาใครนอกจากปลายเท้าของตนเอง จนในที่สุดผมก็ฝ่าฝูงพนักงานและเอกสารออกมาได้ถึงลานจอดรถ ผมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ปลดเนคไทด์ตัวเองลงมาพร้อมพับแขนเสื้อขึ้นก่อนจะสตาร์ทรถขับออกมาทันที

 

 




            โชคดีที่เป็นวันอาทิตย์ ทำให้การจราจรในประเทศกรุงเทพฯ แห่งนี้ไม่ได้เลวร้ายมากเกินไป ผมมาถึงบ่ายสามได้ตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อผมจอดรถเสร็จเรียบร้อยเลยเดินเข้าไปในเทอร์มินัลทันที แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินผ่านประตูนั้น จู่ๆ ก็มีวัยรุ่นผู้ชายคนหนึ่งมายกมือไหว้เสียก่อน

            “หวัดดีครับพี่พฤต”

            ผมพิจารณาหน้าตาเขาพลางเค้นสมองใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง ...ผมสีน้ำตาเข้ม...ตาตี่สไตล์ลูกคนจีน...แว่นกรอบดำ...ไม่อ้วนไม่ผอม...คุ้นมาก...แต่เหมือนกางเกงกับเสื้อจะไม่ใช่ ...อ้อ น่าจะเป็นเพื่อน้องนายพรานคนนั้น ผมมองเขาอีกครั้ง พอไม่ใส่ชุดนิสิตแล้วแทบจำไม่ได้เพราะเขาดูเด็กลงมาก และที่หนักกว่านั้นคือเขาทักผมแต่ผมจำชื่อของเขาไม่ได้

            “สวัสดีครับน้อง...ง”

            ...น้องอะไรก็ช่างแม่งไปก่อน แต่ที่แน่ๆ ลงท้ายด้วยง.งู

            ผมรับไหว้ทักทายน้องไปตามมารยาทโดยไม่หยุดเดินไล่หาเคาน์เตอร์เช็คอินที่ไอ้พรตบอกย้ำมาเมื่อเช้า ซึ่งน้องเขาก็เดินตามมาด้วยกันหน้าตาเฉย ผมเลยคิดว่าเขาคงมาส่งพรตเหมือนกันนี่แหละครับเพราะเขาไม่ได้สงสัยหรือพถามอะไรต่อ ผมเดินผ่านมาถึงปีกซ้ายของอาคาร...รู้สึกจะเป็นโซนอีนี่แหละ

            เมื่อเจอโซนที่ต้องการแล้วผมจึงสะกิดคนข้างๆ ซึ่งกำลังหันไปมองอีกทางก่อนจะพาเดินไล่หาตั้งแต่เคาน์เตอร์แรกในโซนจนถึงเคาน์เตอร์สุดท้าย แต่ถึงผมจะเดินครบทุกแถวทุกแนวแล้วก็ยังไม่เห็นใครที่คุ้นหน้าเลยครับ จะบอกว่าเป็นเพราะผมจำหน้าคนไม่ได้ก็ไม่ใช่ อย่างน้อยก็ต้องเห็นไอ้พรตล่ะวะ ผมก้มลงดูเวลาอีกครั้ง...ผ่านไปสิบห้านาที

            ผมเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะกดโทรหาไอ้พรตเพื่อเช็คหมายเลขเคาน์เตอร์ให้แน่ใจอีกครั้ง แต่แล้วน้องที่เดินมาด้วยกันกลับทักขึ้นมาก่อน

            “พี่มาส่งพี่พรตเหรอครับ”

            “ใช่สิ” ...ถามอะไรของมันวะเนี่ย

            “พี่พรตเช็คเคาน์เตอร์บีนะครับ ไม่ใช่อี”

            ...นี่จะบอกกูพรุ่งนี้เลยมั้ยไอ้หอยหลอด

 




 

[พราน]

            “พี่พรตเช็คอินเรียบร้อยแล้วยัง”

            “เช็คแล้ว”  พี่พรตพูดพลางโชว์ตั๋วให้ผมดู

            เห็นตั๋วเครื่องบินแล้วก็อดใจหายขึ้นมาไม่ได้ถึงแม้ผมจะเตรียมใจมาสักพักใหญ่ๆ แล้วก็ตาม ผมมองไปที่คุณพ่อคุณแม่ของพี่พรตที่ต่างก็จับจ้องมาที่ลูกชายตัวเองไม่วางตา ผมนึกขอบคุณเขาที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ห้ามให้ผมมาเจอและพูดคุยกับพี่พรตแบบนี้ ถึงจะบังคับอะไรยังไงก็คงต้องเป็นห่วงมากกว่าใครอยู่ดีแหละนะ

            “พี่พรต ไปที่นู่นแล้วอย่าทำตัวสกปรกอีกนะ”

            “เออน่า”

            ...พูดแบบนี้คือต้องสกปรกแน่ๆ

            ผมหัวเราะเบาๆ พี่พรตยังคงไม่ทิ้งความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเลยสักนิดแม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการอำลาที่น่าใจหายเสียเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกสบายใจที่เขาดูอารมณ์ดีและไม่มีเรื่องเครียดอะไร

            “โทรมาบ่อยๆ ด้วยนะ”

            “ครับ แหม เป็นห่วงล่ะสิๆๆ”

            “อืม”

            ผมรับคำง่ายๆ พลางเช็คสภาพเสื้อผ้าหน้าผมให้พี่พรต วันนี้เขาแต่งตัวดีเป็นพิเศษซึ่งผมว่าคุณสุวัตรจัดการให้เองมากกว่า ผมไม่ค่อยได้เห็นพี่พรตในลุคนี้เท่าไหร่นัก ขนาดใบพลูที่ขอตามผมมาส่งพี่พรตด้วยกันเห็นแล้วยังถึงกับยกกล้องขึ้นถ่ายรูปรัวเลยล่ะครับ

            “พี่พฤตมาแล้ว!”

            “ทำไมมากับน้องแบงค์อีกแล้ววะ”

            “สองคนนี้มันยังไงเนี่ย”

            เสียงฮือฮาจากกลุ่มเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องที่มารอส่งทำให้ทั้งผมและพี่พรตต้องหันไปดู จึงได้เห็นพี่พฤตเดินคู่มากับไอ้แบงค์อย่างที่เขาพูดกันและทั้งพี่พรตและผมก็หันหน้ามาหากันโดยไม่ได้นัดหมาย

            “นี่ผมนึกว่าพี่พฤตออกมาจากบ้านพี่พรตนะเนี่ย”

            “พ่อให้มันไปดูบริษัทตอนเช้า แต่ทำไมมากับน้องแบงค์ก็ไม่รู้”

            “ฮ่าๆ ผมว่ามันแปลกอยู่นะ”

            ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด ควรจะรู้สึกยังไงดีครับ ผมเคยรู้มาแค่ว่าพี่พฤตเป็นคนเพอร์เฟ็คและผู้หญิงเยอะมากแต่นี่ผมเห็นเขาเดินมากับแบงค์สองครั้งแล้วนะ

            “พราน”

            “หืม?”

            “ตอนไม่อยู่อัพเดทให้ฟังหน่อยนะ”

            คำพูดของพี่พรตทำเอาผมหันกลับมาทันที จึงได้เห็นสายตากรุ้มกริ่มที่จับจ้องไปทางพี่ชายของตนเอง พี่พรตดูตื่นเต้นไม่น้อยกับภาพเบื้องหน้าและนั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาก่อนรับคำแต่โดยดี

            “ได้เลยพี่พรต เดี๋ยวให้พลูช่วยดูอีกคน”

            “ดีมาก”

            ผมกับพี่พรตพูดคุยรอเวลากันตามปกติโดยมีเพื่อนในกลุ่มของเขาเวียนเข้ามาถ่ายรูปด้วยบ้าง ถามนู่นนี่บ้าง ผมสัมผัสได้เลยว่าทุกคนใจหายมากแค่ไหน หากขาดไปจากกลุ่มคงทำให้หมดสนุกได้ง่ายเช่นเดียวกับที่ผมรู้สึก ผมมองพี่พรตและกลุ่มเพื่อนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสแล้วก็ต้องย้อนกลับมามองตัวเอง ชีวิตในคณะนับจากนี้ไปคงจะต้องเหงากว่าเดิมไม่น้อย

            “น้องพรานครับ”

            “ครับ?”

            อยู่ๆ พี่กรก็หันมาทางผมแล้วเรียกเข้าไปในวง ผมจึงจำใจต้องเดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนของพี่พรตอย่างเลี่ยงไม่ได้

            “เมื่อกี้ไอ้พรตมันฝากพวกกูดูแลน้องพราน”

            “หวงจนหยดสุดท้าเลยนะมึงอ่ะ”

            “งุ้ย เอ็นดูจังอ่ะ”

            “โอ๊ย หยุดแซวน้องได้แล้วไอ้เป้”

            ...เชี่ย ทำไมเข้ามาอยู่ในวงเพื่อนพี่พรตแล้วต้องโดนแซวแบบนี้ทุกครั้ง และที่แย่กว่านั้นคือผมเสือกรู้สึกเขินทุกครั้งด้วยน่ะสิครับ

            “พอเลยพวกมึง”

            พี่พรตเหมือนจะรู้งานที่สุดเพราะเขาเอื้อมมือมาดึงแขนผมให้ไปยืนข้างตัวเองแทน ก่อนจะหันมาบอกกับผมด้วยท่าทางจริงจัง

            “เวลามีปัญหาอะไรถามไอ้พวกนี้ได้นะ ถึงพวกมันจะเป็นแบบนี้ก็เหอะ”

            ผมกวาดสายตามองเพื่อนพี่พรตทุกคนที่อยู่รอบตัว ตอนนี้ทุกคนเงียบลงกันหมดแล้วและไม่มีใครมีท่าเหมือนจะเริ่มแซวขึ้นมาอีก ทำเอาผมอดคิดไม่ได้ว่าพอพวกพี่ทั้งกลุ่มเงียบกันแบบนี้แล้วรู้สึกไว้ใจได้ขึ้นเป็นกอง ผมหัวเราะกับสภาพผิดปกติของพี่ทุกคนก่อนจะเอ่ยปากรับคำกับพี่พรต

            “โอเค ขอบคุณครับ”

 

            เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารไฟลท์พี่พรตดังขึ้นก่อนเวลาขึ้นเครื่องประมาณหนึ่งชั่วโมง ทำเอาทุกคนที่มาส่งมีสีหน้าเจื่อนลงทันที คุณสุวัตรพร้อมกับคุณพิมพ์ผกาเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นด้วยสีหน้าที่หมองลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาจับไหล่ของพี่พรต

            “เข้าเกทได้แล้วพรต”

            “ครับ”

            ผมมองภาพเบื้องหน้าอย่างอธิบายไม่ถูก ผมเคยเห็นแต่คุณสุวัตรที่คอยบังคับพี่พรตเสมอ แต่มาวันนี้เขากลับมีท่าทางเหมือนเศร้ายิ่งกว่าใคร ตัวพี่พรตเองก็พูดกับพ่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่าเห็นได้ชัด

            “กลับมาแล้วก็พาน้องเขามากินข้าวที่บ้านนะ”

            คุณสุวัตรพูดพลางหันมามองทางผม สายตาที่เขามองมานั้นทำให้น้ำตาของผมรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พี่พรตเองก็เหมือนชะงักไปครู่หนึ่งเช่นกัน

            “ขอบคุณครับพ่อ”

            คุณสุวัตรเอื้อมมือไปโอบไหล่พี่พรตอีกครั้งหนึ่งก่อนที่คุณพิมพ์ผากจะเข้ามาสวมกอดลูกชายของตนเองเช่นกัน ถึงจะเคยส่งพี่พฤตไปเรียนเมืองนอกแล้วหนึ่งคนแต่ก็คงไม่สามารถทำใจให้เคยชินได้ง่ายๆ

            “เดินทางปลอดภัยนะ”

            “ครับ”

            คนที่เดินมาหาอีกคนคือพี่พฤต เขามีทีท่าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดมากมายแต่สุดท้ายเขาก็ทำเพียงแค่มองพี่พรตแล้วตบไหล่เบาๆ เท่านั้น

            “โชคดี”

            พี่พรตพยักหน้ารับพร้อมสวมกอดพี่ชายตัวเองเสียแน่น ก่อนจะผละออกมาและหันมาทางผม

            “พราน ไปแล้วนะ”

            ทั้งสีหน้าและแววตาของพี่พรตในตอนนี้ทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบอย่างห้ามไม่อยู่ ผมค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปหาพี่พรตแล้วโอบรอบตัวเขาแน่นพร้อมฝังใบหน้าของตัวเองไว้ที่ไหล่ของพี่พรต ผมได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของพี่พรตก่อนที่เขาจะกอดตอบผมแน่นกว่าเดินแล้วซบใหน้าลงกับไหล่ของผมเช่นกัน

            “ดูแลตัวเองดีๆ”

            ผมพยักหน้าทั้งที่ยังแนบอยู่กับไหล่ของเขา ผมอยากจะบอกเขาเช่นกันว่าให้ดูแลตัวเองดีๆ แต่ในตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนจะพูดอะไรไม่ออกเลยครับ ผมกับพี่พรตกอดกันอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ก่อนพี่พรตจะเป็นฝ่ายผละออก ผมเงยหน้ามองเขา พยายามเก็บทุกรายละเอียดของพี่พรตไว้ให้ได้มากที่สุด

            “พี่พรตครับ”

            “...”

            “มีของมาให้”

            ผมหยิบสร้อยข้อมือเชือกถักออกมาจากกระเป๋าอย่างระมัดระวัง ของชิ้นนี้ผมเป็นคนทำขึ้นเองหลังจากได้รับสร้อยข้อเท้าจากพี่พรต ผมตั้งใจทำให้มันเป็นเซ็ทเดียวกันโดยการใช้แพทเทิร์นและสีคล้ายกัน แต่ของพี่พรตจะสีสดกว่าเล็กน้อย

            ผมอาศัยจังหวะที่พี่พรตนิ่งไปค่อยๆ ดึงมือเขาเข้ามาหาแล้วสวมกำไลให้อย่างตั้งใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมคาดหวังมากเลยนะว่าอีกสามปีให้หลังผมจะยังได้เห็นสร้อยเส้นนี้อยู่บนข้อมือของเขา เมื่อผมผูกเสร็จเรียบร้อยพี่พรตก็ยกข้อมือตัวเองขึ้นไปพิจารณาและหันมายิ้มให้ก่อนจะทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เขาบรรจงแตะริมฝีปากลงบนสร้อยข้อมือเส้นนั้นอย่างแผ่วเบาโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของผม

            “ขอบคุณครับน้องพราน”

            เมื่อเห็นท่าทางนุ่มนวลและสายตาพราวระยับของพี่พรตแล้วผมก็แทบระเบิดตัวเองอยู่ตรงนั้น ส่วนพี่พรตก็อาศัยจังหวะที่ผมทำอะไรไม่ถูกเดินลากกระเป๋าออกไปทันที จากนั้นจึงหันหลังกลับมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมอีกครั้งหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในที่สุด ทิ้งให้ผมยังคงมองอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ที่เดิม




            เมื่อกี้พี่พรตแม่งโคตรเลว



            ...แต่ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย








---------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้วววว รู้สึกแต่งมาหลายปี5555555555 ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
เป็นนักเขียนที่ไม่ดีเลย ให้ทุกคนรอแล้วรออีก ถถถถ ขอโทษจริงๆ ค่ะ ตอนที่เริ่มแต่งยังไม่เปิดเทอมปีหนึ่ง
พอเรียนแล้วรู้เรื่องเลยว่าการไม่มีเวลาจริงๆ เป็นยังไง555
เรื่องต่อไปอาจต้องสักพักเลยนะคะ กลัวว่าจะต้องอ่านๆ หยุดๆ แบบนี้กันอีก ถถถถถถถ


เดี๋ยวจะลงบทส่งท้ายกับจะลงตอนพิเศษให้สองตอนนะคะ ส่วนในเล่มจะมีตอนพิเศษเพิ่มมาอีกค่า รับรองฟินน


ขอบคุณทุกคนมากๆ อีกทีค่ะะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 18-03-2017 02:33:17
จบ!!! พออ่านมาถึงคำว่าจบแอบตกใจ แต่พอบอกมีตอนพิเศษเราค่อยโล่งอก555  :laugh: ชอบเรื่องนี้มาสนุกจริงๆ คือเราชอบเข้าเล้าตอน4ทุ่มแล้วลิมิตตัวเองไม่เกินเที่ยงคืน คืออ่านนิยายด้วยเล่นไปด้วยยังไงก็อย่าเกินเที่ยงคืน แต่พอเที่ยงคืนเรายังอ่านเรื่องนี้ไม่จบ แต่เรื่องมันสนุกและเราชอบ เราเลยลากยาวมาถึงตี2เลย555  :hao7: เราชอบตัวละครนายพรานมากอะ คือจะนิ่งก็ไม่นิ่งคือมีอะไรอื่นๆให้เห็นตลอดจากตัวละครนี้ น่ารักดีเราชอบ  o13  ส่วนพรตชอบตอนที่มาดีๆอะไม่เหวี่ยงไม่สวิง ตอนที่พูดอ้อนๆทำให้เขินๆน่ะ  :-[ แอบลุ้นคู่พฤตแบงค์ด้วยหล่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 18-03-2017 04:44:11
ห๊ะ...จบจิงอ่ะ ขอตอนพิเศษรัวๆๆค่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-03-2017 05:38:43
พี่พนต พราน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พี่พฤติ นี่ถ้าจะถูกแบงค์จับจองละม้าง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-03-2017 05:48:22
พี่พรต พราน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พี่พฤต รู้สึกจะพบแบงค์บ่อยปะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 18-03-2017 07:42:08
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 19-03-2017 08:55:27
ตอนแรกตกใจเลยจบแบบนี้ 5555555
รอบทส่งท้ายกับตอนพิเศษนะคะ ^^
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆนะคะ เราชอบเรื่องนี้นะ
เป็นกำลังใจให้สำหรับเรื่องเรียน เรื่องงานด้วยนะคะ สู้ๆค่าา~~
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน27 ::: P24 ::: 15.03.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-03-2017 10:54:21
อ่านทีเดียวยันตอนจบ จบดีอ่ะ

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 19-03-2017 21:57:32




::: บทส่งท้าย :::



 

            11:29:32



            ผมเฝ้ามองตัวเลขบนบอร์ดที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปในทุกวินาทีอย่างเชื่องช้า บางทีผมก็รู้สึกว่ามันช้ากว่าปกติเหมือนกับถ้าผมยิ่งรีบมันก็ยิ่งช้าอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ ผมกวาดสายตามองผู้คนที่ยืนเบียดกันอยู่รอบตัวพลางเขยิบไปชิดกระถางต้นไม้อีกหน่อยเพื่อให้คนข้างๆ มีที่ยืนในสังคมมากขึ้น เห็นบรรยากาศตอนนี้แล้วอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ วันเชี่ยอะไรคนเยอะจังวะครับ ผมด่าในใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะเงยหน้ามองตัวเลขบนบอร์ดอีกครั้ง

            11:32:40

            ...เครื่องลงแล้ว!

            ผมยิ้มกับตัวเองความยินดีก่อนจะเปิดรูปเที่ยวบินของพี่พรตเช็คดูอีกครั้ง...ใช่แล้วครับ เครื่องลงแล้วจริงๆ แต่กว่าจะออกมาคงใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้ง ผมรู้สึกเหมือนจะรอไม่ไหวทั้งที่เป็นช่วงเวลาแค่สามสิบนาทีสุดท้ายของสามปีที่พี่พรตไม่อยู่

            ความจริงผมก็ได้เจอพี่พรตทุกวันในวิดิโอคอลและได้เจอทุกปิดเทอมนั่นแหละครับ แต่ถึงยังไงมันก็เทียบไม่ได้เลยกับการที่เขาจะกลับมาอยู่ถาวรซ้ำยังยังยืนยันว่าจะกลับไปอยู่คอนโดเดิมอีก สามปีนี้พี่พรตโตขึ้นครับ ผมไม่ได้หมายความว่าตัวใหญ่ขึ้นหรือเลิกกวนตีนอะไรหรอกนะครับ แต่ผมแค่มีความรู้สึกว่าเขาดูพึ่งพาได้และน่าไว้ใจมากกว่าปกติ

            ...อ้อ เขาไว้หนวด

            นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอย่างเดียวที่เกิดขึ้นกับพี่พรตในช่วงเทอมสุดท้ายก่อนพี่พรตจะจบการศึกษา เขาไม่ได้ไว้ยาวเป็นเคราะหรือดูไม่ดีอะไรหรอกนะครับ เขาดูติสท์ขึ้นเยอะจนใบพลูเห็นแล้วกรี๊ดอัดหน้าผมทันที แต่ผมเองกลับชอบลุคเดิมตอนไม่มีหนวดมากกว่าจึงได้บอกพี่พรตไว้เรียบร้อยแล้วว่าถ้ากลับมาแล้วไม่ยอมโกนผมจะจับโกนให้เกลี้ยง

            ...นั่นไง มาแล้วครับ

            พี่พรตเดินตรงมาหาผมทันทีที่สังเกตเห็นแต่ผมก็ไม่รอที่จะเดินเข้าไปหาเขาเหมือนกัน จนได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขานั่นแหละผมถึงได้ยิ้มให้แล้วดึงกระเป๋าลากใบหนึ่งของพี่พรตมาลากเอง

            “ยังไม่โกนอีกเหรอ” ผมเอื้อมมือไปดึงปลายหนวดของเขาเบาๆ อย่างมันเขี้ยว

            “ก็คนแถวนี้บอกจะโกนให้เลยเหลือไว้”

            “นี่...วันหลังนึกจะโกนแล้วก็โกนเองดิ”

            “ฮ่าๆ พรานยังเหมือนเดิมเลยนะ”

            “พี่พรตก็เหมือนน่า”

            เอาจริงแล้วเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลยในทุกครั้งที่กลับมาเจอกันตอนปิดเทอม จะมีผมนี่แหละที่รู้สึกแก่ลงทุกวันตามชั้นปีแถมยังอ้วนขึ้นอีกนิดหน่อย ปีนี้ผมอยู่ปีสี่แล้วครับ ได้ผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดอย่างปีสามมาเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่งหนักอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ผมเป็นพี่รับน้องแล้วด้วยครับและก็เป็นช่วงรับน้องนี่แหละที่ผมคิดถึงพี่พรตมากที่สุด

            “ปีสี่เดือดมั้ย”

            “เดือดทุกปีนั่นแหละ”

            “ฮ่าๆๆ ก็จริง”

            ...มา ‘ก็จริง’ อะไรวะ ผมเห็นพี่พรตชีวิตโคตรดี ลงรูปไปเที่ยวกับเพื่อนแทบทุกอาทิตย์ด้วยซ้ำ จนบางครั้งผมยังอดนึกอิจฉาไม่ได้ว่าอยากให้ระบบการเรียการสอนของที่นี่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทรมานเด็กน้อยลงสักหน่อย

            “นี่ไม่ได้เอาโซฟาตัวนั้นกลับมาใช่มั้ย”

            “ก็พรานไม่ให้”

            “เออดีแล้ว ยกให้รูมเมทไปเหอะ”

            อยู่ที่อเมริกาพี่พรตก็ยังจะอุตส่าห์มีโซฟาที่เป็นตะกร้าผ้าใช้แล้วอยู่เหมือนเดิมไม่มีผิด ความจริงมันเป็นอะไรที่พี่พรตปิดบังผมไว้ตลอดเมื่อวิดิโอคอลกัน แต่พอดีอยู่มาวันหนึ่งรูมเมทของพี่พรตดันเปิดประตูเข้ามาเลยทำให้ผมสามารถมองไปเห็นโซฟาที่รกมากตัวนั้นเข้าจนได้ และมันทำให้ผมได้รู้ว่าพี่พรตแม่งยังเป็นคนสกปรกอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ

            ผมเดินลากกระเป๋าพาพี่พรตเดินไปที่จอดรถซึ่งผมขับวนมาจอดรอตั้งแต่แรกก่อนจะช่วยกันยกกระเป๋าเข้าท้ายรถทีละใบจนเสร็จ พี่พรตเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามคนขับอย่างรู้งานก่อนที่ผมจะเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ

            “ตื่นเต้นอ่ะ น้องนายพรานขับรถเป็นแล้ว”

            “ไม่ต้องมาตื่นเต้นเลย รู้อยู่แล้วนี่”

            “ก็ไม่เคยนั่งไง”

            ผมหัวเราะเบาๆ พลางสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งในทุกขั้นตอนนี่พี่พรตก็เอาแต่มองมาด้วยสายตาเหมือนพ่อมองลูกที่โตแล้วอะไรทำนองนั้นเลยล่ะครับ

            “แล้วพี่พรตจะไปไหน คอนโดหรือบ้าน”

            จะว่าไปแล้วผมยังไม่ได้ถามเขาเลยว่าจะไปเก็บของที่คอนโดหรือจะเข้าบ้านก่อน เพราะเหมือนพี่พรตจะเคยพูดตอนก่อนกลับมาว่าจะไปอยู่คอนโดทันที แต่กลายเป็นว่าผมกลับได้รับคำตอบเป็นสายตากรุ้มกริ่มที่คุ้นเคยมานานและคำพูดที่ทำเอาผมเป็นฝ่ายชะงักไปเอง




            “บ้านสิครับ”


            “...”


            “พ่อพี่รอกินข้าวมื้อแรกกับน้องพรานอยู่นะ”








-----------------------------------------------------------------------------------------
จบโดยสมบูรณ์แล้วววว เยยย้  :mc4:
ขอบคุณที่ตามกันมาถึงตอนนี้นะคะะ  :กอด1: :กอด1: เจอกันตอนพิเศษค่าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-03-2017 23:25:14
จบแค่นี้จริงๆหรอคะ 
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-03-2017 09:04:17
จบลงด้วยดีเนอะ
พี่พรตกับนายพรานก็ยังเหมือนเดิม
ที่บ้านก็ไฟเขียวให้แล้วเนอะ
แต่บ้านนายพรานรู้ยังน้ออ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 20-03-2017 11:27:45


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-03-2017 14:25:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 20-03-2017 17:05:49
 :3123:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-03-2017 17:54:41
จบแบบนี้เลยเหรอ ไรท์ ค้างงงงง
ไม่มีหวานๆ เอ่อ.....nc ไรๆ อ่ะ เฝ้ารอนะเนี่ย  :z3: :z3: :z3:
ขอตอนพิเศษของสถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: Faiia ที่ 20-03-2017 19:45:11
ขอตอนพิเศษหน่อยค่ะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-03-2017 23:06:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 22-03-2017 05:13:56
ตัดที่คำว่าจบออกได้ม๊ายยยย
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 22-03-2017 07:14:41
รอตอนพิเศษ อยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 22-03-2017 08:30:42
ขอบคุณนะคะ เรื่องนี้น่ารักดี จบด้วยดี อิอิ
แอบรอตอนพิเศษด้วยคน ^_^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 22-03-2017 12:44:40
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-03-2017 19:15:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 26-03-2017 06:11:04
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 30-03-2017 04:59:34
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 31-03-2017 19:35:53
ชอบโมเม้นแบบนี้ค่อยๆไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็งงกับพี่พรต
ยังดีที่นายพรานเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย อ่านรวดเดียวจบ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 31-03-2017 20:23:50
ขอตอนพิเศษต่อเลยคร่า
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: บทส่งท้าย (END) ::: P.25 ::: 19/03/17
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 31-03-2017 20:47:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 02-04-2017 01:11:27




::: SPECIAL 1 :::








           “เฮ้ย ไอ้พรตมาทางนี้ๆ”
 
            ชื่อผมที่ดังแทรกเสียงเพลงและเสียงพูดคุยฟังไม่ได้ศัพท์ทำเอาผมรีบกวาดสายตาไล่มองใบหน้าของผู้คนแต่ละโต๊ะเพื่อตามหาใบหน้าที่ผมคุ้นเคย วันนี้เป็นวันส่งโปรเจกต์มิดเทอมซึ่งเวลากำหนดส่งคือเก้าโมงเช้า เพื่อนในกลุ่มทุกคนเลยกะจะไปกินชาบูเลี้ยงฉลองจบโปรเจกต์ สำหรับพวกเราแล้วการส่งงานชิ้นหนึ่งก็เทียบได้กับการสอบเสร็จ ถึงพวกเราจะยังไม่ได้สอบเลยสักวิชาก็ตามแต่ตอนนี้ชีวิตมันเหมือนผ่านช่วงพีคไปแล้วน่ะครับ และเพราะเมื่อคืนผมไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่เลยไม่อยากถ่างตากินชาบูอีก จึงได้ตกลงกับเพื่อนในกลุ่มว่าจะเลื่อนการฉลองมาเป็นที่ร้านเหล้านั่งชิลล์แถวคอนโดแทน ซึ่งผมก็ไปนอนยาวๆ มาจนเพิ่งตื่นเมื่อกี้นั่นแหละครับ

            “ไอ้พรตหันซ้าย”

            เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเรียกอีกครั้งผมเลยหันซ้ายตามที่ได้ยิน จึงได้เจอกับกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่กันพร้อมหน้า พวกมันโบกมือให้ผมด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้เจอกันมาชาติเศษก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปนั่งทันที

            “มึงสั่งไรมาแล้วบ้างวะ”

            ผมปรายตามองจานเปล่าสามสี่ใบซึ่งไม่สามารถบอกได้แล้วว่ามันเคยใส่อะไรมา

            “ก็เบียร์สองทาวกับข้อไก่อ่ะ”

            “ทั้งหมดคือข้อไก่อ่ะนะ”

            “เออ”

            ผมโคลงศีรษะอย่างปลงๆ ไอ้พวกนี้ไม่ว่าจะมากินกี่ครั้งกี่หนมันก็จะสั่งข้อไก่ทอดมาหลายๆ จานและหมดทุกทีเลยครับ ความจริงผมไม่ค่อยชอบมากหรอกแต่เริ่มชินแล้วเพราะพวกมันเล่นสั่งอย่างเดียว คราวนี้ผมมาทีหลังจะถือว่าเป็นข้อเปรียบละกันครับเพราะพวกมันจัดการกันไปเรียบร้อยแล้ว เลยตัดสินใจสั่งเปาะเปี๊ยะมาจานนึงแทน แต่แล้วไอ้กรก็ดันหันมาอีกครั้ง

            “ข้อไก่อีกจานด้วยครับ”

            “มึงพอเลย หน้าจะเป็นไก่อยู่แล้ว”

            “เออน่า เอาตามนั้นครับ”

            ผมถือวิสาสะดึงแก้วช็อตมาจากหน้าไอ้โอม กดเบียร์ให้ตัวเองแล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวพร้อมมองเพื่อนๆ ไปด้วย ผมจึงได้เห็นไอ้น็อตเพื่อนร่วมเซคที่มาดื่มด้วยวันนี้กำลังมองไปด้านซ้ายไม่หยุด และเมื่อมันละสายตาออกมาเพื่อกดแก้วใหม่มันเลยเห็นว่าผมมองอยู่ก่อนแล้ว

            “นี่ๆ ไอ้พรต” จู่ๆ มันก็โน้มตัวลงมาเพื่อให้เข้าใกล้ผมขึ้นมาอีก

            “มีไร”

            “น้องคนนั้นน่ารักป่ะวะ”

            พอมันพูดอย่างนี้ผมเลยรีบหันไปตามทิศทางนั้นทันทีและได้เห็นว่าเป็นแกงค์ผู้ชายที่หน้าตาดูเด็กน้อยรวมถึงผมตัดสั้นอย่างทำให้ผมขอฟันธงว่าไม่น่าจะเกินม.ปลาย

            “นี่มึงเอาเด็กขนาดนี้เลยเหรอวะ”

            “แล้วไม่น่ารักเหรอ”

            ผมหันไปมองอีกครั้ง ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าคำว่าน่ารักของไอ้น็อตมันเป็นแบบไหนเพราะผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมมีแฟนเป็นผู้หญิงและมองไม่เป็นด้วยว่าผู้ชายที่น่ารักสำหรับผู้ชายมันเป็นยังไง ผมพิจารณาใบหน้าของน้องแต่ละคนในโต๊ะนั้น มีคนหนึ่งที่ดูคล้ายผู้หญิงที่สุดผมเลยลองเดาดู

            “คนริมขวาเหรอวะ”

            “เปล่า”

            “อ้าว แล้วใครวะ”

            “คนกลาง”

            ผมหันกลับไปมองอีกครั้งก่อนจะพบว่าคนกลางที่มันพูดถึงนี่ดูยังไงก็ไม่เห็นน่ารักหรือหน้าตาดีเท่าอีกสองคนที่นั่งขนาบกันเลยสักนิด น้องเขาก็ไม่ได้หน้าตาแย่หรอกครับ เรียกได้ว่าอยู่ในระดับกลางที่ไม่ได้โดดเด่นสะดุดตาอะไรด้วยซ้ำ

            “น่ารักตรงไหนวะ”

            “โอ๊ยอีพรต มึงแม่งดูไม่เป็น”

            “ก็เออดิ”

            “มานี่ กูจะสอนให้”

            มันผลักหน้าผมให้หันกลับไปอีกครั้งซึ่งผมก็ทำตามแต่โดยดี สายตาของผมจับจ้องไปที่ใบหน้าของน้องผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางพลางพยายามพิจารณาไปด้วยว่าอะไรทำให้เพื่อนของผมพูดให้ฟังแบบนี้

            “มึงดูดีๆ นะ เขาน่ามองไหมล่ะ”

            ผมไม่รู้จะจตอบยังไงครับเพราะผมก็ต้องมองเขาอยู่ดีไม่ใช่เหรอ จึงพยักหน้าไปตามมัน

            “ท่าทางการพูดุย สีหน้า รอยยิ้ม อะไรแบบนี้ก็ด้วย”

            ผมจ้องมองอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะได้เห็นเขาหัวเราะออกมา ผมจึงเริ่มเข้าใจสิ่งที่ไอ้น็อตมันพูดขึ้นมานิดหน่อย...ท่าทางตอนหัวเราะของเขาน่ารักดี แต่ผมก็แอบคิดไม่ได้ว่าคนด้านขวาหรือคนอื่นในวงก็อาจหัวเราะได้น่ารักไม่แพ้กันป่ะวะ

            ...แต่เอาเหอะ ขอตอบไปส่งๆ ก่อนละกันเพราะผมคงไม่เข้าใจประเด็นของมันอยู่ดีนั่นแหละ

            “เออ ก็น่ารักดี”

            “เห็นมะ กูมองมาตั้งแต่เข้ามาเลยเนี่ย”

            เห็นเพื่อนทำสีหน้าภูมิใจขนาดนั้นผมก็ดีใจด้วยครับ ผมเลยได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับมันไปงั้นก่อนจะหันกลับมารินเบียร์ให้ตัวเองอีกช็อตแล้วนั่งดื่มพลางเคาะเท้าตามจังหวะเพลงไปเรื่อย ผมมองไปรอบร้าน คนที่มาดื่มกันในวันนี้ดูจากหน้าตาแล้วเชื่อว่าส่วนมากก็เป็นเด็กมหาลัยแหละครับ แค่ไม่มีใครใส่ชุดนักศึกษามาก็เท่านั้น

            “มึงเนี่ยนะไอ้พรต เวลามองคนให้มองจากท่าทางไม่ใช่หน้าตา เคป่ะ”

            “เออๆ”

            ผมตอบไปเพื่อตัดบท แต่เหมือนไอ้น็อตจะไม่ยอมให้ประเด็นนี้ไหลไปตามบนสนทนาได้ง่ายๆ เพราะมันดันหันไปคุยให้คนอื่นมาฟังด้วย

            “ดูท่าทางที่เขานั่ง การจับตะเกียบ การยกแก้ว สีหน้าในแต่ละช่วง การพูดคุย สังเกตด้วยนะว่ารอยยิ้มเขาเป็นยังไง ยิ้มบ่อยแค่ไหน”

            ผมพยักหน้าพลางมองไปที่ผู้ชายที่ไอ้น็อตบอกว่าน่ารัก ถึงมันจะพูดขนาดนี้และผมพยายามมองตามและสังเกตประเด็นต่างๆ ตามมันแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแตกต่างหรือน่ามองกว่าคนอื่นเลยสักนิด เขาก็เป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไปนั่นแหละ

            “ก็ธรรมดานี่มึง”

            เหมือนไอ้กรจะรู้ใจผมดีเกินไปเสีแล้ว มันพูดขึ้นโดยไม่ไว้หน้าคำชื่นชมที่ไอ้น็อตมันพยายามอธิบายเลยสักนิด ทำเอาไอ้น็อตหันกลับมาหาไอ้กรททันที

            “มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว”

            “...”

            “ความธรรมดานี่แหละที่น่ารัก”

            “ถุย อย่าให้เห็นมึงเปลี่ยนใจไปเต๊าะคนซ้ยแทนนะ”

            “เออ เดี๋ยวทำให้ดูเลย”

            คราวนี้ไอ้น็อตไม่พูดเปล่าเพราะมันยกมือเรียกบริกรที่เดินไปมาอยู่แถวนั้นเข้ามาแล้วกระซิบด้วยระดับเสียงเหมือนจงใจให้พวกผมได้ยินพร้อมกัน

            “พี่ขอค็อกเทลแก้วนึง ให้คนกลางโต๊ะนั้นหน่อยครับ...ฝากบอกด้วยว่า น่ารักจัง”

            บริกรคนนั้นพยักหน้ายิ้มๆ เหมือนเข้าใจก่อนจะเดินไปทางบาร์

 





            ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ได้เห็นบริกรคนเดิมเดินถือถาดที่มีแก้วค็อกเทลสีสวยตรงเข้าไปหาโต๊ะนั้นโดยที่มีกลุ่มเพื่อนของผมทั้งกลุ่มมองตามอย่างตั้งใจยิ่งกว่าตอนทำโปรเจกต์ แม้ตัวผมเองยังอดลุ้นไปกับไอ้น็อตไม่ได้ ผมไม่ค่อยรู้หรอกว่าเวลาจีบคนในร้านเหล้าเขาทำกันยังไงเพราะไม่ค่อยจีบใครจากในนี้เท่าไหร่ และยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ชายนี่ยิ่งเป็นอะไรที่ผมคิดเสมอว่าไอ้น็อตแม่งกล้าเข้าหาได้ไงวะ

            คนในโต๊ะนั้นยังคงคุยกับอย่างครื้นเครงจนกระทั่งบริกรเดินไปถึงแล้ววางค็อกเทลลงตรงหน้าเป้าหมาย และเราถือว่าโชคดีที่โต๊ะไม่ได้อยู่ห่างกันมากจึงพอจะได้ยินเสียงพูดคุยโต้ตอบได้

            “ผมไม่ได้สั่งแก้วนี้ครับ”

            “มีคนสั่งมาให้”

            “ใครครับ”

            ผมเห็นท่าทางสับสนและการมองกวาดไปรอบร้านของเขาแล้วหลุดขำออกมา ถ้าให้เดาจากลักษณะนี้คือเขาคงเป็นคนไม่เก็บอารมณ์เท่าไหร่ เรียกได้ว่าไม่สนใจภาพลักษณ์เท่าไหร่นั่นแหละ

            “โต๊ะฝั่งนั้นครับ”

            ...ฉิบหายละ

            ผมตั้งใจจะหลบสายตาแต่เหมือนจะไม่ทันเพราะเขาหันมาหาเร็วมากและการที่กลุ่มของผมทั้งกลุ่มกำลังมองไปที่โต๊ะนั้นก็ทำให้เห็นได้ไม่ยากเลย ผมก้มหน้าหลบทันทีเมื่อสายตาของเขาเลื่อนมาสบกับผม เชี่ย...ความรู้สึกแม่งเหมือนตอนนินทาเพื่อนแล้วถูกจับได้เลยครับ

            “ไอ้พราน มึงตอบเขาหน่อยสิ”

            “ฮิ้วว เสน่ห์แรงนะมึงน่ะ”

            ผมไม่กล้าเงยหน้าไปมองที่โต๊ะนั้นอีกเลยแม้บทสนทนาที่ได้ยินแม่งชวนให้หันไปเสือกเอามากๆ ซึ่งเพื่อนทั้งหมดในโต๊ะก็หลบตากันยกใหญ่ไม่ต่างกันยกเว้นเจ้าตัว ยิ่งรวมกับคำพูดของไอ้น็อตที่บอกว่าน้องเขาน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ขาดปากแล้วใครกล้าหันไปก็หน้าด้านมากแล้วครับ...นี่ผมไม่ได้ด่าไอ้น็อตนะ ไม่ได้ด่าจริงๆ

            “มึงว่าคนไหนวะ”

            เสียงที่ยังดังจากโต๊ะนั้นอย่างต่อเนื่องทำเอาผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

            “ไม่รู้ว่ะ”

            “กูว่าคนที่นั่งริมคนที่สองจากซ้ายหล่อดีนะ มึงตอบกลับดิพราน”

            “ก็แย่ละ”

            ผมรู้สึกเบาใจไม่น้อยเมื่อเจ้าตัวเป็นคนตัดจบหัวข้อสนทนานี้ด้วยตนเอง ไอ้น็อตหันกลับมาเมื่อบทสนทนาของโต๊ะนั้นเปลี่ยนไปเป็นการพูดคุยสัพเพเหระตามปกติ โต๊ะเราเองเลยเริ่มพูดคุยเหมือนอย่างเดิมต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนส่วนมากก็เป็นเรื่องงานและการเรียน จะคาดหวังเรื่องอะไรได้จากวงเหล้าของเด็กถาปัดที่เพิ่งส่งโปรเจกต์ไปเมื่อเช้าล่ะครับ ผมพูดคุยกับเพื่อนพลางหัวเราะเสียงดังเมื่อใครเล่นมุกอะไรสักอย่างขึ้นมา ร้านเหล้าก็แบบนี้แหละครับ เป็นสถานที่ๆ ผมสามารถหัวเราะได้เต็มเสียงหน่อยเพราะเสียงในร้านมันดังกลบเสียงผมได้และการนั่งจิบเบียร์ไปหัวเราะไปก็ไม่เลวนักหรอก

            ในระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศอยู่นั้น จู่ๆ เสียงในโต๊ะของผมกลับเงียบลงและทุกคนหันไปมองด้านหลังผมกับทั้งหมด ด้วยความสงสัยผมจึงหันกลับไปดูบ้างและได้เห็นบริกรถือถาดที่มีค็อกเทลแบบเดียวกับที่สั่งให้โต๊ะนั้นเข้ามา ความหน้ากลัวยิ่งกว่าคือบริกรคนนั้นเดินมาถึงแล้ววางแก้วค็อกเทลไว้ด้านหน้าของผมพอดี

            “น้องครับ โต๊ะนั้นฝากมาให้”

            ...ไอ้ห่า กูคือคนที่สองจากซ้ายเหรอวะ

 



           

    สองปีต่อมา






            [เห้ย ไอ้พรต อยู่ไหนแล้ววะ]

            “เออๆ กูกำลังจะลงแท็กซี่แล้วรอแปป”

            [เออรีบมาเร็ว ไอ้กรจะบรีฟแล้ว]

            “โอเค”

            ผมเก็บโทรศัพท์มือถือ หยิบเงินออกมาจ่ายค่าแท็กซี่แล้วเปิดประตูลงจากรถทันที วันนี้เป็นวันแรกพบของมหาวิทยาลัยที่จะให้น้องใหม่ของแต่ละคณะมาเจอกันก่อนวันเปิดเทอม คณะผมเลือกสถานที่เป็นลานกลางของคณะซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากคณะอื่นที่จะทำเป็นซุ้มยิ่งใหญ่ และปีนี้รุ่นผมเป็นทีมจัดงานครับเลยทำให้ทุกคนต้องช่วยกันอย่างที่ทำอยู่

            ผมยัดชายเสื้อเข้ากางเกงนักเรียนพร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง รู้สึกกไม่ชินเท่าไหร่เพราะผมไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนเต็มรูปแบบมานานมากแล้ว แต่วันนี้ยังไงก็มีความจำเป็นที่จะต้องใส่เนื่องจากโดนไอ้กรมาทาบทามกึ่งบังคับให้ไปเป็นพี่เนียนและจะมีบรีฟก่อนเริ่มงานนิดหน่อยซึ่งผมมาสายแล้วครับตอนนี้ เหมือนประตูคณะเองก็ใกล้จะปิดแล้วด้วยซ้ำ ผมเลยไม่มีทางเลือกมากนอกจากจับวิกที่ใส่อยู่บนหัวให้แน่นแล้วเริ่มออกวิ่ง

            ผมพยายามกวาดสายตามองหาเพื่อนที่มาเป็นพี่เนียนด้วยกันแต่ตรงนี้ไม่ค่อยมีใครเลยครับ ผมเลยเดินผ่านจุดรับส่งไปอย่างปลงตก ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของน้องผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเหมือนจะเพิ่งลงจากรถมาได้ไม่นาน

            ...คุ้นมาก

            ผมยังคงวิ่งแต่จับจ้องอยู่ครู่ใหญ่เพราะรู้สึกเหมือนเคยเจอเขามาก่อนแน่นอน ผมลองสังเกตดูกริยาการเดิน การพูดคุยแม่งก็ยิ่งคุ้นเข้าไปอีก และโดยเฉพราะท่าทางของเขาในตอนนี้ทำให้ผมนึกไปถึงประโยคที่ไอ้น็อตพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว

            ‘ความธรรมดานี่แหละที่น่ารัก’

            ...เชี่ย นี่มันเด็กคนนั้นป่ะ สุดท้ายมาเข้าคณะเราเหรอวะ

            มีไม่กี่ครั้งหรอกที่โลกจะกลมจนน่ากลัวขนาดนี้ ผมหลบเล็กน้อยเพื่อให้ไม่วิ่งไปชนเขาแต่แล้วจู่ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้าโดยไม่คาดคิด     

            ‘ผลั่ก’

            สุดท้ายผมก็ชนเขาอย่างแรงจนเจ้าตัวเซไปนิดนึง ผมจึงรีบเอ่ยขอโทษโดยพยายามไม่หันกลับไปสบตา  แม่งเอ๊ย โคตรกลัวน้องมันจะจำได้และจับได้ตั้งแต่ครั้งแรก จากนั้นผมเลยรีบผลักประตูคณะเข้าไปแต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือกิจกรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เออ...ยังไงผมก็มาสายแล้วล่ะครับ และไอ้กรคงรู้ว่ามาถึงขั้นนี้คงจะบรีฟอะไรผมไม่ทันแน่  ดูจากรูปการณ์แล้วผมเลยตัดสินใจหันกลับไปหาน้องคนนั้นที่เดินตามเข้ามาทีหลังแล้วเริ่มทำหน้าที่เป็นพี่เนียนที่ดีอย่างเลี่ยงไม่ได้

            “เออนี่ ชื่ออะไร อยู่ภาคไหน”

            เขาชะงักไปเล็กน้อยและมองมาด้วยสีหน้างุนงง ผมแอบดีใจไม่น้อยเมื่อมั่นใจว่าเขาคงจะจำผมไม่ได้จริงๆ ก่อนที่เขาจะบอกคำตอบที่ผมไม่เคยลืมอีกเลย


             “นายพราน สถาปัตย์ภายใน”







--------------------------------------------
ตอนพิเศษตอนแรกมาแล้ววว  :katai5:
เรียกได้ว่ามีงานจนต้องพิมพ์วันละหน้ามาตลอดอาทิตย์จนครบเลยค่ะ งืออ :katai4: :katai4:
วันนี้เป็นวันแรกและวันเดียวที่ได้พักผ่อนเลยค่ะ T_T

ตอนพิเศษนี้จะลงให้2ตอน แล้วไปเจอกันในเล่มอีก5ตอนนะคะ เยย้
           
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-04-2017 12:59:31
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-04-2017 13:07:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 02-04-2017 13:12:53
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-04-2017 14:20:19
แหมๆ พี่พรต ไหนว่านายพรานไม่น่าสนใจ
จำเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลยนะ
ทั้งๆที่เห็นแป็บเดียว และผ่านมาตั้ง 2 ปีแระ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-04-2017 14:59:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-04-2017 15:09:01
เคยเจอกันมาก่อนแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 03-04-2017 17:54:43
 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 04-04-2017 00:44:04
เป็นคู่ที่มุ้งมิ้งน่ารักมาก
แต่ยอมรับว่าพี่พฤตโผล่มาเล่าเรื่องเองแค่ตอนแรก
ความสนใจเราก็เทไปที่พี่เค้าหมดเลยค่ะ
55555555555555555
เรื่องต่อไปขอรีเควสนะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 04-04-2017 17:57:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน10 (100%) : P11 : 27.06.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 00:18:26
พี่พรตนี่ยังไง มองอีกแง่คือ คนเรามันก็มีทั้งดีและไม่ดีในตัวอะ แต่อะไรคือคบมิว แล้วมีผญอีกคน คืออันนี้ก็ไม่ไหวนะ รอดูต่อไปป
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน11 (100%) : P13 : 17.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 00:39:17
พรตนี่ยังไงกันแน่
แต่เรื่องรับน้องแล้วทำให้น้องเป็นแบบนั้นเราว่าก็ผิดทุกคนอะ หมายถึงพี่อะนะ ไม่ใช่โยนให้คนใดคนนึงผิด
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน12 : P14 : 20.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 00:59:12
มิวนี่ที่คบเพราะ ครอบครัว หรอ งง แต่ตอนไปรอมิวที่สถานีรถไฟฟ้า ดูแบบรักมิวนะ หรือเราตกหล่นไรไป
แล้วที่ไม่ชอบให้จับคู่เพราะโดนจับคู่กับมิวโดยครอบครัวหรอ เดามั่วอะ 555555
 แต่พ่อแม่แบบ คือถ้าลูกทำผิดก็ตักเตือนอะ ไม่ใช่เปรียบเทียบว่าพี่ดีกว่าน้อง ไรงี้
แล้วคือเพื่อนในรุ่นนี่แบบ นี่เพื่อนหรอ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน13 : P15 : 26.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 01:20:29
พี่พรตคือรวดเร็ว คือก็ดูๆกันไปก่อนเนอะ อย่าเร่งน้อง
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(50%) : P16 : 29.07.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 01:35:01
อย่างน้อยพี่พรตก็ยังมีเพื่อน ที่เป็นเพื่อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน14(100%) : P17 : 10.08.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 01:46:24
มันฟินไม่สุดเพราะมิวเนี่ยแหละ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน15(100%) : P18: 04.10.15 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 01:59:26
มิวคนดีไปอีกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: #ตอน16 : P19: 06.03.16 :::
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-04-2017 02:20:13
ตอนเรารับน้อง พอจบการรับน้องรู้สึกว่ามันว่างแบบแปลกๆทุกที แบบจากที่ต้องวิ่งไปรวมที่รับน้อง พอจบแล้วก็ไม่ต้องไปมันรู้สึกขาดๆหายๆไปงี้ รับน้องมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่เรามองบวกกับสิ่งที่้ราเจอ สำหรับเรารับน้องมันดีอะ แบบคิดไปถึงช่วงนั้นมันตลก ถึงแม้ว่าตอนรับมันเหนื่อยมากก็เถอะ 555555พี่พรตนี่เป็นว้ากหรอออ มีต้องขานให้ถึงรหัสของพรานด้วย แม้จะเสียงแหบเสียงแห้ง 555555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-04-2017 17:02:58
น่ารักอ่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย
นายพรานจับนักพรตได้อยู่หมัดมาก
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-04-2017 00:56:33
เราชอบความธรรมดานี้มาก ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 1 ::: P.25 ::: 02/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 08-04-2017 01:50:43
ที่แท้พี่พรตก็จำน้องได้แต่แรกเลยอ่ะ
เคยเจอมาก่อนหน้านี้ด้วย เป็นไงละตกหลุมรักความธรรมดาที่น่ารักซะเลย
ส่วนตัวที่อ่านเรื่องนี้โอเคนะคะ ช่วงแรกๆที่มาหลอกเป็นพี่เนียน
เป็นเราจะเฟลนิดนึง เพราะดูสนิทกันสองคนแล้วคนนี้เป็นพี่ต้องไปหาเพื่อนใหม่ ฮา
ในเรื่องพี่เนียนแค่วันเดียว ยังพอให้อภัย
แต่ตอนมอเรากิจกรรมประมาณ 3 วันมั้ง พี่เนียนเฉลยตอนท้าย จบข่าว 555555
อีกเรื่องที่ชอบคือไม่ดราม่ามาก พี่พรตหล่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 08-04-2017 23:01:59

::: SPECIAL 2 :::





---------------------------------------------------------------------------------------


ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายที่ลงในนี้แล้วนะคะ
ขอบคุณที่ยังตาอ่านมาตลอดทั้งที่ไม่ค่อยว่างอัพเท่าไหร่
ซึ้งใจมากเลย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ :กอด1: :กอด1:


ไว้เจอในเล่มได้อีก 5 ตอนนะคะ มีทั้งคู่หลักและคู่พี่พฤต
ยังพรีออเดอร์กันได้อยู่ถึง 30 เมษาเลย แปะรายละเอียดไว้ที่หน้าหลักนิยายแล้วค่า

---------------------------------------------------------------------------------------








            ...ตีสามแล้ว

            ผมเงยหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนไว้บนผนังหน้าห้องนอนอย่างเป็นกังวล พรุ่งนี้พี่พรตไม่มีเรียนก็จริงแต่เขาก็ยังไม่กลับห้องมาสักที ปกติแล้วถึงพี่พรตจะไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนในคืนวันศุกร์แบบนี้ก็จะไม่กลับดึกขนาดนี้นะครับ ในบางครั้งที่ผมมานอนคอนโดของเขาในคืนวันศุกร์เขาจะบอกให้ผมเข้านอนไปก่อน ซึ่งคราวนี้ผมก็นอนไปก่อนแล้วนะครับแต่อยู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาเองด้วยความกังวล

            ...เขาเป็นอะไรหรือเปล่า

            ผมลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาในห้องอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี ผมโทรหาพี่พรตหลายสิบสายก็แล้วแต่เขาไม่รับเลยสัดครั้ง สุดท้ายผมเลยตัดสินใจกดโทรหาพี่กรแทนซึ่งพี่กรไม่ทำให้ผมผิดหวังเนื่องจากเขารับสายเร็วมาก

            “พี่กร พี่พรตอยู่ตรงนั้นไหมครับ”

            [อยู่...เชี่ย ไอ้เป้มึงแบกดีๆ]

            ผมขมวดคิ้วกับถ้อยคำที่พี่กรตวาดออกมา เมื่อเย็นพี่พรตบอกว่าไปกับเพื่อนสองคน และถ้าคนที่รับโทรศัพท์คือพี่กรซึ่งหันไปพูดกับพี่เป้ อีกคนที่กำลังถูกแบกก็คือพี่พรตสิครับ

            “เอ่อ...พี่พรตเมาเหรอครับ”

            [เออ เมาโคตรๆ เมาเป็นหมา]

            คราวนี้คนตอบกลับมาไม่ใช่พี่กรแต่เป็นพี่เป้ที่พูดแทรกเข้ามาในสาย แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมตกใจเท่าเนื้อหาของประโยคหรอกครับ

            ...พี่พรตไม่เคยเมาขนาดนี้

            อย่างน้อยก็ไม่เคยเมาหนักตอนผมมาอยู่ด้วยล่ะครับ

            “พี่พรตเครียดเหรอครับ”

            [เปล่าหรอก มันสนุกไปหน่อย]

            อืม โอเคครับ”

            [จะถึงห้องแล้วเปิดประตูให้หน่อย]

            “ได้ครับ”

            ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูทันทีด้วยความร้อนใจพร้อมก้าวออกจากห้องมาดูเองด้วยซ้ำ จึงได้เห็นพี่กรและพี่เป้กำลังแบกพี่พรตมาอย่างยากลำบาก ตัวพี่พรตเองก็ดูเหมือนจะไม่สามารถคุมสติอะไรเองได้เลย แต่กระนั้นแล้วเมื่อเข้ามาในห้องเรียบร้อยและมองเห็นผม พี่พรตก็เอยประโยคที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องออกมา ทำเอาพี่กรกับพี่เป้ส่ายหัวด้วยความระอาใจ

            “พวกกูผิดเองแหละ ชวนมันเล่นทรูธออ์แดร์”

            “อ้อ”

            ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ถ้าพี่พรตจะไม่ยอมบอกความจริงอะไรแล้วยอมกระดกเหล้าเข้าปากแทนจนเมาเละแบบนี้

            “รบกวนน้องพรานด้วยนะ เดี๋ยวพวกพี่ไปแล้ว”

            “ครับ”






            หลังจากี่พี่ทั้งสองคนออกจากห้องไปแล้วผมก็เดินเข้ามาหาคนเมาไม่รู้เรื่องแล้วมองอย่างยุ่งยากใจ ตอนแรกว่าจะให้พี่พรตนอนทั้งอย่างนี้แหละแต่เมื่อได้กลิ่นเหล้าที่ออกมาจากตัวพี่พรตแล้วผมจึงจำใจต้องจัดการทำความสะอาดแทน จะให้นอนทั้งอย่างนี้ไม่เวิร์คแน่ครับ นอกจากจะเป็นการสนับสนุนคนโสโครกอย่างเขาแล้วมันก็ยังจะทำให้ห้องนี้สกปรกขึ้นไปอีก

            คิดได้ดังนั้นผมจึงกึ่งลากกึ่งจูงพี่พรตไปกองที่โซฟาอย่างทุลักทุเล ถึงจะตัวไม่ได้ต่างกันนักแต่มันก็ยากอยู่ดีล่ะวะ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อลากเขามาพิงโซฟาได้สำเร็จในที่สุดจากนั้นก็กวาดสายตามองสภาพพี่พรตซึ่งดูไม่ได้เลยจากหัวจรดเท้าจากนั้นก็หันกลับไปมองรูปถ่ายในกรอบที่พี่พรตตั้งไว้แล้วได้แต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้  ไอ้ผู้ชายมาดนายแบบกับซากด้านหน้าผมนี่มันคนจริงๆ เหรอวะ  แล้วผมจะจัดการกับมันยังไงดี

            ...โอเค ก่อนอื่นต้องเช็ดตัว

            ผมจัดแจงเตรียมกะละมังและผ้าขนหนูมาพร้อม ผมคงอาบน้ำให้เขาไม่ไหวหรอกเพราะฉะนั้นผมจึงหยิบชุดนอนติดออกมาด้วย กะว่าจะเช็ดตัวให้พอเป็นพิธีแล้วก็จับเปลี่ยนชุดนอนเลยครับ

            ผมค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อพี่พรตออกทีละเม็ดแล้วดึงสาบเสื้อออกจากกันเผยให้เห็นผิวเรียบเนียนและมัดกล้ามที่เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นไขมัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไล้มือไปตามลอนบางๆ ของกล้ามเนื้ออย่างนึกเสียดาย พี่พรตนี่ถ้าได้ออกกำลังกายคงจะเป็นคนที่หุ่นดีไม่ใช่เล่นเลยล่ะ ยิ่งรวมกับผิวเนื้อที่ตึงหยุ่นกำลังดีแล้วแทบทำให้ผมไม่อยากหยุดมือตัวเองเลย

            แต่ถึงจะเพลินแค่ไหนผมก็จำใจดึงมือออกแล้วหันไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาจุ่มน้ำ บิดให้หมาดแล้วค่อยไล่เช็ดไปเรื่อยอย่างเบามือที่สุดเพราะไม่อยากให้คนที่เมาสลบไปแล้วรู้สึกตัวขึ้นมาอีก ผมทำอย่างใจเย็นทั้งที่มันดึกมาแล้วและง่วงมากแต่ผมกลับรู้สึกดีจังที่ได้คอยดูแลเขาแบบนี้ ผมวางผ้าขนหนูที่เช็ดลำตัวของพี่พรตเสร็จแล้วพาดไว้ที่ขอบขันน้ำ ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อยืดใส่ให้จนเรียบร้อย จากนั้นผมก็มองมาที่กางเกงยีนส์


            ...ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าอย่าทำเลย

            แต่ผมก็ทนเห็นเขานอนไม่สบายไม่ได้จริงๆ ว่ะ


            สุดท้ายผมเลยกลั้นใจเลื่อนมือไปแกะกระดุมกางเกงอย่างเบามือ ถ้าพี่พรตแม่งตื่นมาตอนนี้ผมต้องถูกล้อถูกแซวยันลูกบวชแน่นอน ผมรูดซิปต่ออย่างระมัดระวังจนไม่เกิดเสียงเลยและ...สำเร็จครับ! ไอ้พี่พรตไม่แม้แต่ขยับตัวอะไรเลย และนั่นทำให้ผมเริ่มได้ใจดึงกางเกงเขาลงมา ผมพยายามอย่างมากที่จะปลอบใจตัวเองว่ามันก็เหมือนของคนอื่นนั่นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่กล้ามองตรงๆ อยู่ดี จึงเบี่ยงสายตาไปโฟกัสด้านข้างแทน


           ‘หมับ’


           “เชี่ย!”


           แต่แล้วแรงกดที่แขนทำให้ผมถึงกับสะดุ้งและอุทานออกมาอย่าห้ามไม่อยู่ก่อนจะพบว่าไอ้พี่พรตไม่ได้ลืมตาและเหมือนจะแค่ละเมอไป แต่คนละเมออะไรมันจะจับแขนผมได้แม่นยำขนาดนี้วะครับ

          “เฮ้ย พี่พรตหยุดเลย”
 
            ผมเริ่มโวยวายเมื่อพี่พรตเริ่มดึงตัวผมเข้าไปใกล้ขึ้นและเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือของผมมากขึ้นก่อนจะรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้ในมือข้างเดียว ผมไม่ค่อยเข้าใจการกระทำนี้สักเท่าไหร่แต่แล้วสัมผัสเย็นๆ ที่หน้าท้องทำเอาผมถึงกับชะงักไปอีกที

            “พี่พรตเดี๋ยว”

            แต่เหมือนกับมือข้างนั้นจะยังไม่หยุดเมื่อมันยังคงไล้กับผิวหน้าท้องผมไปมาก่อนจะเลื้อยขึ้นไปถึงหน้าอก ถึงตรงนี้ผมจึงต้องดิ้นให้หลุดซึ่งกลายเป็นว่าไร้ประโยชน์เพราะพี่พรตเหมือนเตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้วว่าผมจะดิ้นจึงออกแรงมากเป็นพิเศษ ผมพยายามดันตัวเองออกพลางมองไปที่ใบหน้าพี่พรตซึ่งยังคงหลับตาอยู่...แบบนี้แม่งต้องเมาการเมืองชัวร์ๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้พิจารณาอะไรไปมากกว่านี้ มือที่ล้วงเข้ามาในเสื้อผมก็ลากผ่านผิวเนื้อและสะกิดยอดอกของผมเบาๆ เหมือนจงใจ เจอแบบนี้เข้าไปก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

            “เชี่ย พรานไม่เล่นแล้วนะ”

            คิดเหรอครับว่าเขาจะฟัง เพราะมือข้างนั้นก็ยังคงวนเวียนและเค้นคลึงที่ตำแหน่งเดิมซ้ำๆ จนผมเริ่มหายใจหอบและควบคุมตัวเองไม่ได้ เสื้อนอนของผมถูกเลิกขึ้นจนถึงคอ มือข้างหนึ่งนั้นยังคงลูบไล้ในขณะที่มืออีกข้างเริ่มเปลี่ยนจากการรวบข้อมือของผมมาจับอยู่บริเวณเอวของผมแทน จากนั้นเขาก็เริ่มไล้วนลงไปจนถึงขอบกางเกง ปลดตะขออย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆ ดึงลง

            ถึงตรงนี้ผมจึงพยายามรวบรวมสติของตนเองกลับมาทั้งที่มันทำได้ยากเหลือเกิน ผมหายใจหอบและถูกเร้าอารมณ์อย่างต่อเนื่อง ผมหันไปมองใบหน้าของพี่พรตซึ่งตอนนี้ลืมตาขึ้นแล้วแต่สายตาของเขาดูอย่างไรก็ยังไม่ได้สติเต็มร้อยอยู่ดี และด้วยสีหน้าเช่นนี้ทำให้ผมยิ่งพยายามต่อสู้กับการเล้าโลมของพี่พรต

            “พี่...พรต..”

            เสียงของผมเริ่มขาดห้วง ...แน่นอน ผมยอมให้เขาได้ แต่ครั้งแรกผมอยากให้เขารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่หรือรู้สึกอย่างไร อย่างน้อยผมอยากให้เขา...จดจำ

            แต่เหมือนไม่ว่าผมจะเรียกยังไงพี่พรตก็ยังคงไม่ได้สติและพยายามดึงกางเกงของผมลงอยู่ดี ผมเรียกสติตัวเองแล้วหาหนทางอย่างสุดความสามารถ ผมจ้องไปที่ดวงตาของพี่พรตเพื่อให้เขาสบกลับมา แต่เขากลับหลุบสายตามองไปที่กางเกงของผมอย่างเดียว ผมจึงไล่มองใบหน้าของพี่พรตต่อมาเรื่อยๆ จนหยุดลงที่ริมผีปาก


            ...ผมตัดสินใจทำสิ่งที่ผมเคยบอกตัวเองว่าจะไม่ทำอีกแล้ว


            ผมยันตัวขึ้น เคลื่อนใบหน้าไปหาพี่พรต เม้มปากนิดๆ ก่อนจะกดมันลงเบียดกับริมฝีปากของพี่พรต มือของเขายังคงวนเวียนเค้นคลึงอยู่ที่หน้าอกของผม แต่ในขณะนี้ความรู้สึกที่ตีขึ้นทำให้ผมหันมาสนใจกับผิวสัมผัสบริเวณริมฝีปากแทน ผมรู้สึกต่อต้านน้อยลงก็จริง ควบคุมได้มากขึ้นก็จริง แต่มือของผมก็ยังคงสั่นเหมือนเคย

            ดูเหมือนการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ผิดนัก เพราะพี่พรตถึงกับชะงักไปนิดนึงก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายจากกางเกงของผมมาเป็นที่ท้ายทองแทน พี่พรตออกแรงกดที่ท้ายทอยเพื่อให้ผมถอนริมผีปากไม่ได้เหมือนครั้งแรกที่เราจูบกัน พี่พรตเริ่มเอียงใบหน้าให้ได้องศาที่ต้องการก่อนจะใช้ลิ้นดุนริมฝีปากของผมให้เผยอออกแล้วแทรกเข้าไปในโพรงปากทันที

            ผมเกือบออกแรงผลักตัวเขาออกเมื่อลิ้นของพี่พรตไล้ไปตามแนวฟันแล้วเริ่มตวัดพันลิ้นของผม ผมเริ่มจิกมือตัวเองเพื่อระงับความรู้สึกกลัวขณะที่ลิ้นของพี่พรตยังคงเกี่ยวกระหวัดอย่างต่อเนื่อง เสียงดูดที่ดังขึ้นในความเงียบทำเอาผมอยากร้องไห้ออกมาอีกรอบ ตัวของผมสั่นไปหมดอย่างห้ามไม่อยู่ ผมเริ่มหายใจไม่ทันและขัดขืนอย่างรุนแรง


            ...แต่แล้วพี่พรตก็หยุด


            เพราะพี่พรตเป็นฝ่ายหยุดแล้วปล่อยตัวผมไปทำให้ผมสามารถขยับออกห่างได้ในที่สุด ผมหอบหายใจถี่จนไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด มือที่สั่นระริกของผมค่อยๆ ดึงเสื้อและกางเกงของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบเข้ากับสายตาของพี่พรตซึ่งตอนนี้กลับมาชัดเจนเหมือนคนไม่เมา ผมมองเขาอย่างคาดโทษ ผมทำทุกอย่างตามความปราถนาดีแต่สุดท้ายเขากลับทำแบบนี้

            พี่พรตเหมือเดาอารมณ์ของผมออก เขาดึงมือของผมขึ้นไปจับไว้แล้วลูบไปมาอย่างแผ่วเบา เป็นสัมผัสที่เหมือนพยายามปลอบโยนและขอโทษอย่างจริงใจไปในตัว มือของผมเริ่มสั่นน้อยลงและเริ่มควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง เมื่อเห็นดังนั้นพี่พรตถึงได้ยิ้มออก

            “...ขอโทษ”

            “อือ”

            ผมพยักหน้ารับ ผมรู้ว่าตอนแรกพี่พรตก็ไม่ค่อยได้สติจริงๆ นั่นแหละ แต่เมื่อถูกจูบไปก็เหมือนสติจะกลับมาได้ทันที เป็นแบบนี้ผมเองก็ไม่ได้ถือสาอะไร และเมื่อเขาเห็นอย่างนั้นเขาจึงถามขึ้นมาอีกครั้ง


            “งั้นขออีกอย่างได้ป่ะ”


            “อะไรอีก”


            ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของพี่พรต และคำตอบที่ได้รับก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของผมไปเท่าไหร่


            “คิสมาร์ก”


            ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ


            “อืม เอาดิ”








-------------------------------------------------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Katzube ที่ 08-04-2017 23:29:13
อร้ายยยยยยยยยย พราน-พรต ฟินไปอีกกก

ปล.อยากได้เล่มแล้วค่า ขอรายละเอียดอีกรอบได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 09-04-2017 00:04:45
อร้ายยยยยยยยยย พราน-พรต ฟินไปอีกกก

ปล.อยากได้เล่มแล้วค่า ขอรายละเอียดอีกรอบได้ไหมคะ

เมื่อกี้ลงรายละเอียดเล่มไว้หน้าแรกเรียบร้อยแล้วค่าา  ขอบคุณนะคะะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 09-04-2017 00:54:53
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 09-04-2017 22:34:25
สนุกมากๆๆครับ ฟินๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2017 22:49:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 10-04-2017 00:12:58
เย่จบแล่ว อ่านค้างไว้แล้วมาอ่านใหม่หมดเพราะลืมเนื้อเรื่อง + จำไม่ได้ว่าอ่านถึงไหน

สนุกโพด ได้ทุกอารมณ์ รักพี่พรตและเกลียดความกะล่อนไม่รู้ตัวของนังจริงๆ .. นุ้งพรานก็น่ารักอะแง น่าอุ้มไปเลี้ยงที่บ้าน

ว่าจะไม่เสียตังค์แล้วนะ (เพราะไม่มีให้เสียแล้ว) แบบนี้ก็ซวยดิ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 10-04-2017 00:59:45
โอ้ยยยลุ้นค่ะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่เค้าจะได้กันนี่ล่ะ
//อินี่หื่น
555
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 10-04-2017 05:39:38
 :o8:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-04-2017 07:20:53
ไรท์ ลงหน้าผิดนะ  P.65 ต้องเป็น  P.26
พี่พรต พราน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.65 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 10-04-2017 08:01:50
^^
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-04-2017 20:25:08
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-04-2017 21:10:13
เฮ้ออออ ไม่น่าหยุดเลยยยยยยย :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-04-2017 22:51:10
เมื่อไรนายพรานจะไม่กลัวการจูบจากพี่พรตล่ะ
คงต้องค่อยๆทำความคุ้นเคยซินะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: heyguy ที่ 13-04-2017 21:39:35
พี่พรตน่ารักจัง ทั้งขี้อ้อน ทั้งทะเล้นนนนนน
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 15-04-2017 08:40:03
 :-[
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Alinrat ที่ 30-04-2017 15:28:53
อ่านตอนนี้ของพรตแล้วอุทานเบาๆกับตัวเองว่า "เหี้ยไรวะ ไอ้นี่..." คือไม่รู้จะใช้คำๆไหนกับพรตจริงๆ ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังแต่แบบ อะไรของมัน เหมือนจะเป็นคนชิลล์ต่อโลก ต่อมาก็เหมือนคนเห็นแก่ตัว พออีกสักพักก็เหมือนคนสับปลับ ยังไงก็ไม่รู้ งงเด้ งงเด้ :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Alinrat ที่ 30-04-2017 15:51:19
ปมพรตเยอะไป๊!!? นี่พูดเลย คนเรามันจะมีภาวะกดดันจากครอบครัวอยู่นะ แต่สับสนว่าที่พรตเป็นอยู่น่ะคืออะไร ?
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Alinrat ที่ 30-04-2017 17:26:22
จะว่ายังไงดีละ จะว่าวินวินก็ไม่ถูกแฮะ เพราะมิวก็โทรเช็คตลอด แต่พรตไม่เคยพูดความจริงเลยสักครั้ง ที่คุยกันมาดีแล้วคงไม่รวมเรื่องที่นอกใจด้วยมั้ง ต่อให้เป็น เฟรนด์ วิท เบเนฟิท ก็คิดว่าไม่โอเคกับตัวมิวเองเท่าไหร่  :katai5:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 25-05-2017 08:48:21
พรมลิขิตเนี้ย ดีเนอะ
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 29-05-2017 13:49:57
ขอบคุณค่า
น่ารักมากค่ะ
 :L1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 10-06-2017 23:37:30
ปมเยอะมากกกกก
สนุกนะคะะะะ แต่บางช่วงยังงงๆนิดหน่อย
ขอบคุณมากค่าา
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Benzsu ที่ 26-08-2017 10:39:53
อ่านรวดเดียวจบเลยย งือออ น่ารักทั้งพราน ทั้งพรตเลยย  :mew1: :mew1: :hao7: :z2:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 02-09-2017 01:10:13
อยากจะกรีดร้องงงงงงงงงงง เมื่อไหร่เค้าจะได้กัน ชั้นรอคอยมาเนิ่นนาน 55555555 เราจะตามไปอ่านตอนพิเศษในเล่มต่อนะ รักคนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 12:40:11
 :jul3:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-03-2018 15:45:55
 o13
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 04-03-2018 00:20:44
อ๊ากกก
ชอบบบบบบบบบบบบ
เป็นเรื่องที่มีหลายอารมณ์มากๆเลย
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ::: #สถาปนิกหล่อบอกต่อด้วย ::: ตอนพิเศษ 2 ::: P.26 ::: 08/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 08-02-2019 18:07:06
อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงบรรยากาศในมหาลัยเลยอ่ะ
ตอนกลางๆเรื่องไม่ชอบนิสัยพี่พรตเลยแต่พอรู้ความจริงคือเห็นใจพี่พรตเลยอ่ะ ยังไงก็ขอบคุณคุณพ่อที่ยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่พรตนะ

ส่วนพรานเป็นคาแรคเตอร์ที่ตามตอนพิเศษบอกเลย
เป็นคนธรรมดาที่น่ารักกกกกก