พิมพ์หน้านี้ - ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: tamako ที่ 12-07-2014 21:13:21

หัวข้อ: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 12-07-2014 21:13:21
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 12-07-2014 21:36:17
สวัสดีครับ/คะ นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน :katai2-1:

ทักทายกันเป็นครั้งแรกสำหรับการเป็นนักเขียนครั้งแรกสำหรับบอร์ดนี้ หลังจากที่อาศัยเป็นนักอ่านอยู่ในเว็บมาเกือบ 4 ปีคะ
สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่นำมาลงในบอร์ดนี้นะคะ  หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมหัวข้อเรื่องขึ้นต้นว่า By นางมารปีกขาว  แต่คนเอาลงดันชื่อ tamako แล้วดันบอกว่าเป็นเรื่องแรกในฐานะนักเขียนของที่นี้ซะอีก

คำตอบก็คือ tamako = นางมารปีกขาวคะ
(ไม่รู้ว่าตั้งหัวข้อแบบนี้จะผิดหรือเปล่า ฮ่าๆ ผิดถูกยังไงรบกวนโมทั้งหลายบอกกล่าวกันได้นะคะ)

ก่อนอ่านเรื่องนี้มาทำความรู้จักกันสักนิดเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันนะคะ
 
tamako หรือ นางมารปีกขาว เป็นสาววายคะ 
เริ่มอ่านนิยายวาย บอยเลิฟ หรือว่า yaoi ตั้งแต่สมัย ม. ต้นเริ่มจากการอ่านธรรมดาก็เริ่มอ่านเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น  อ่านไปอ่านมาไม่ได้ดังใจจึงค้นพบแนวทางของตัวเองเเล้วเริ่มต้นเขียนเรื่องของตัวเองเรื่องแรกตั้งแต่ปี 2551 เป็นบอยเลิฟแบบแฟนตาซีเริ่มลงในเด็กดีที่เดียวคะ จากนั้นก็ยังเขียนกันมาเรื่อยๆ จนมาสมัครเป็นสมาชิกที่ไทยบอย อาศัยว่าอ่านที่นี้อย่างเดียวยังไม่ได้เอาเรื่องมาลงเพราะตอนนั้นแอบคิดว่าเรื่องเรายังไม่ดีพอ(สมัยก่อนนิยายส่วนมากในไทยบอยจะออกแนวชีวิตและค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่ด้วยหละคะ) ด้วยแนวแบบแฟนตาซีเลยไม่กล้าลงคะ หลังจากผ่านไป 4 เริ่มกล้ามากขึ้นก็เลยตัดสินใจเอาเรื่องมาลงเพื่อหวังให้สมาชิกในเว็บได้อ่านและได้ชี้แนะเเนวทางให้คะ

   สำหรับอายุคนเเต่งตอนนี้ก็ 20 up แล้ว เรียกขานลำดับอายุกันได้ตามสะดวก  จะเรียกนักเขียน  คนเขียน นางมาร หรือ tamako ก็ได้ตามสะดวก(แต่ไม่ขอไรเตอร์นะคะ)

    พูดถึงนิยายกันบ้างนิยายเรื่องนี้เป็นแนวเเฟนตาซี มาเฟียนะคะ  แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบรรเทิง 100 % อาจมีการอ้างอิงถึงสถานที่จริงหรืออุปกรณ์ที่มีอยู่ในชีวิตจริงเพื่อความสมจริงบ้าง แต่ยังยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนานการ 100 % อ่านเพื่อความสนุกสนานและความบรรเทิงนะคะ

     สนุกไม่สนุกขาดเหลือตรงไหนหรือผิดพลาดแนะนำกันได้คะ tamako(นางมารปีกขาว) ยินดีน้อมรับคำแนะนำและคำติชมจากทุกคนคะ



ตอนที่ 1 อย่าตามสัตว์สี่เท้านั้นไปมันจะนำภัยมาสู่ท่าน       14/08/2013

ปัง !!
   เสียงปืนแผดดังไปทั่วตรอกแคบๆ ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความหนาแน่นของบ้านที่ก่อจากอิฐสีน้ำตาลหรือแดงสลับเบียดแน่นกันขึ้นไปบนเนินเตี้ยๆ แต่ก็ไม่ดังเกินกว่าเสียงฝนที่กระหน่ำราวฟ้ารั่ว ไม่งั้นคงมีไอ้หน้าโง่มากกว่า  1 ที่โผล่ออกมาให้เขาเอาปืนเจาะกะโหลก

   “หึ  อยากตายมากนักก็แห่กันเข้ามาไอ้ลูกหมา”ริมฝีปากสีส้มที่ดูค่อนข้างซีดเซียวยกยิ้มอย่างสนุกสนานในมือคือปืนไรเฟิลด้ามโตที่ราวกับมัจุราชสังหารอย่างดีเมื่อมาอยู่ในมือของ คาเซอริโอ ซิสิอาโน

   “รีบๆออกมาสิว่ะ”เจ้าของปืนพูดด้วยความตื่นเต้นปากเคี้ยวหมากฝรั่งแก้เครียดเพราะสูบบุหรี่ไม่ได้  ในความมืดแบบนี้แค่ประกายไฟเพียงวูบเดียวก็ชี้เป้าให้กระสุนเจาะเข้าหัวได้แล้ว  แต่ก็นะ การมานั่งนิ่งๆบนยอดตึกแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับชี้เป้าตัวเองกลายๆนั้นแหละ แต่ใครสนหละว่ะ

   “มาแล้วๆ”เสียงพึมพำดังขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยภาษาสเปนและเสียงฝีเท้าคนจำนวนมากที่กำลังวิ่งซอกซอนเข้ามาตามตรอกเล็กๆของริโอ

   “มากันเงียบๆไม่เป็นรึไง”พึมพำเหมือนดุแต่คนพูดกลับเหนียวไกทันทีที่เห็นเงาตะคุมโผล่ออกมาจากซอกตึก  เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นเมื่อหนึ่งศพล้มลง  ลูกกระสุนมากมายสาดขึ้นมาตามยอดตึกเพื่อหาตัวมือปืน

   “กระจอก”คนพูดปรามาสก่อนจะเหนียวไกซ้ำอย่างรวดเร็ว  ศพที่ 2 3 4 5

ฟุ๊บ!!

   “โอ๊ะ”ร่างสูงถลาลงพื้นเมื่อกระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าที่กรอบหน้าต่างข้างตัว  เสียงตะโกนโหวกเหวกที่ดังไม่รู้เรื่องแต่ประมาณว่ามันอยู่นั้นดังมาพร้อมเสียงฝีเท้า 

   ดวงตาสีเทาเหลือบมองประตูไม้ที่ปิดสนิท รอยยิ้มแย้มขึ้น  มือแข็งแรงเอื้อมคว้ากระเป๋าสีดำใต้เตียงเก่าๆ หยิบเอาเจ้า Colt 1902military 2 กระบอกออกมาเหน็บใส่ซองปืนข้างตัว พร้อมแมกกาซีนอีกนิดหน่อย ตบท้ายด้วย Calico M950 สีดำเมื่อมตัวเอกของค่ำคืนนี้ เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆยิ่งเร่งให้ฉีกยิ้มมากขึ้น ร่างสูงเร้นกายในเงามืดของผ้าม่านรอคอยอย่างใจเย็น

ปัง!!!

ปัง!!! ปัง ปัง

   ประตูถูกถีบออก กระสุนมากมายพุ่งออกจาก Calico ทะลุร่างที่พรวดเข้ามาเอาตัวรับกระสุน เสียงปลอกกระสุนหล่นลงพื้นพร้อมศพผู้เคราะห์ที่มีมากกว่าหนึ่ง พวกหน่วยกล้าตายชุดแรกหมดไปแต่ไม่นานคงแห่ตามกันมาซ้ำนั้นแหละจะยิ่งสนุก

   “ตามมาๆ” ส้นรองเท้าเฟอรากาโม่กระแทกโครมจนบานหน้าต่างหลุด  ร่างสูงในโค๊ตสีดำกระโจนออกนอกหน้าต่างกลิ้งไปตามพื้นกำแพง 2 รอบก่อนจะเหนี่ยวไกปืนซ้ำกลับไปในห้อง คนที่เพิ่งตามเข้ามาร่วงไปอีก 4-5 ร่างแต่กระสุนบางนัดก็เจาะเข้าข้างรองเท้าหนังคู่สวยจนต้องออกแรงวิ่ง กระโจนไปตามหลังคาที่ก่อมาจากอิฐเก่าๆหรือกระเบื้อง เสียงปืนดังตามหลังมาไม่ขาด 

   “โอ๊ะ  แมว”

เหมียว!!

ปัง!!

   กระสุนหนึ่งนัดวิ่งเฉียดแขนซ้ายจนเลือดซิบ  ร่างสูงหมุนขวับปืนในมือสาดกระสุนใส่คนที่บังอาจทำแขนเขาเป็นแผล

   “โดดมาทำบ้าอะไรว่ะไอ้แมวเปรต”แมวเปรตที่บังอาจโดดขวางหน้าเขาหายไปในความมืดแต่ไอ้พวกตัวป่วนข้างหลังยังตามมาไม่เลิก

   “มากันเลยจะได้ส่งลงนรกให้หนำใจ”ร่างสูงวิ่งต่อไปข้างหน้าก่อนจะยิงประตูบานหนึ่งจนมันเปิดออก  วิ่งโครมๆลงมาตามบันไดบ้านไม่สนใจเสียงของเจ้าบ้านที่โผล่ออกมายิงปืนพกใส่แต่ก็ต้องรีบหดหัวกลับไปเมื่อโดนปืนในมือเขายิงสวน

   “สมเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนซะจริงๆ” คาเซอริโอ ชมที่แทบทุกบ้านพกปืนไว้ต้อนรับเสมอแต่ก็แน่หละเขารับคำสั่งดอนมาทวงของที่ริโอเขาก็ต้องเตรียมใจมาเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเมื่อฉกของที่ถูกชิงไปกลับมาได้แล้วเรื่องมันจะกลับตละปัดเมื่อพวกที่ไม่ค่อยมีส่วนได้ส่วนเสียดันอยากได้เสียขึ้นมาซะอย่างนั้นไม่รู้โผล่มาจากไหนกันมากมาย ญาติไอ้มาเฟียกระจอกที่เขายิงหัวทิ้งก็ไม่ใช่หรือจะคิดประกาศอำนาจกับแก๊งค์เขาก็เดาไม่ถูก  แต่ที่แน่ๆแทนที่เขาจะได้นั่งเครื่องกลับไปพักที่อิตาลีกลับต้องมาติดเหง็กอยู่ที่ริโอลูกน้องก็แยกกระจายหายไปจนเขาหมายมาดกับตัวเองว่าเจอเมื่อไหร่จะอัดให้น่วมหรือไม่ก็ยิงสักนัดที่ปล่อยให้เขาต้องมายิงล่อคนกลางเมือง  ถึงมันจะสนุกแต่มันก็เหนื่อยนะโว๊ยเจ้าพวกบ้า

   เสียงพูดคุยที่ดังมาใกล้ทำให้มาเฟียหนุ่มชะงักหลบนิ่งพิงกำแพงปืนในมือที่กระสุนแทบไม่เหลือกระชับแน่นอยู่ตรงหน้า  สายตาสีเทาคมจับจ้องเงาดำที่ทอดผ่านข้างกำแพงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ 1 2 ประมาณ 4 คน รอยยิ้มถูกจุดขึ้นบนริมฝีปาก ลมหายใจถูกกำหนดให้ช้าลงจนแทบเป็นปกติ ทันทีที่เงาดำเข้ามาใกล้ระยะ ร่างสูงหมุนตัวขวับปืนในมือสาดกระสุนใส่ 4 ร่างที่ยิงปืนสวนมาแต่ช้ากว่าทั้ง 4 ร่างล้มลงเหมือนใบไม้ล่วง ตายไป 3 จากระสุนปืนอีก 1 ตายเพราะขายาวที่พาดเข้าคอเต็มแรงจนอัดกระแทกกับพื้นปูน

   “ชิ  ยังเหลืออีกเท่าไหร่ฟ่ะ”คนพูดจิปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะโยนปืนที่หมดประโยชน์ทิ้งไปกระโดดถีบประตูแล้วพุ่งออกนอกบ้านก่อนชะงักเข้ากับป้ายร้านเหล้าตรงหน้าที่เป็นรูปคนขี่ม้า

   “อย่าตามสัตว์สี่เท้านั้นไปมันจะนำภัยมาสู่ท่าน”  แว่วเสียงของยิบซีเร่ร่อนขึ้นมาในหัว มือทั้งสองข้างล่วงเอา Colt 1902military มาไว้ในมือก่อนจะเอี้ยวตัวกลับไปและเหนียวไก

ปัง  ปัง

   “อุ๊บ”กระสุน 1 นัดพุ่งทะทุข้อแขนพร้อมกับคนยิงที่สมองกระจายเอนร่างพิงกำแพงตรอกข้างๆ

   “บ้าเฮ้ย วันเฮงซวยอะไรกันแน่ว่ะ”ขาสองข้างออกวิ่งเมื่อสดับเสียงที่ยังตามมาไม่ห่าง  เขาไม่เคยพลาดไม่เคยเกิดเหตุการณ์นั้น แต่เสียงของยิปซีแก่เมื่อวานก็ดังแทรกเข้ามาในหู อย่าตามสัตว์สี่เท้านั้นไปมันจะนำภัยมาสู่ท่าน เสียงบอกกล่าวแก่เขาที่เดินผ่านที่ทำงานของหล่อนเขาแค่ปรายตามองแต่ไม่ได้เข้าไปดูดวงต่อเพราะคนอย่าง คาเซอริโอ ซิสิอาโน เชื่อการกระทำของตนเองมากกว่าคำทำนาย แต่ไอ้แมวดำที่กระโดดตัดหน้ากระสุน  1 นัดเลยยิงเฉี่ยวแขนซ้ายเขา พอเจอป้านหน้าร้านเหล้ารูปม้าเขาดันโดนยิงทะลุแขนข้างเดียวกัน

   “นรก”โยนโบยให้สิ่งอื่นเสร็จสรรพก็ยืนหอบจนต้องทรุดลงนั่งยองๆข้างกำแพงปูน  ฝนที่ตกหนักเปลี่ยนเป็นละอองฝอยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ที่แน่ๆคือเขาหนาวเกินจะทน  มือข้างที่ไม่เจ็บเอื้อมไปในกระเป๋าเสื้อโค๊ตควานหาบุหรี่แต่เมื่อพบว่าทั้งซองเปียกฝนเกินกว่าจะจุดติดเขาก็ต้องปามันทิ้งไป

จี๊ด ๆๆ

   เสียงเล็กแหลมเรียกดวงตาคมให้ตวัดไปมอง  ก่อนจะเห็นบางอย่างในท่อระบายน้ำเก่าๆข้างตัวที่กำลังจ้องมาทางเขา

   “หนู”ตาสีเทาเบิกกว้างขาสองข้างออกแรงถีบตัวก่อนกระสุนนัดแรกจะเจาะเข้าตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นที่ตั้งหัวเขา ร่างกายพลิกกลับไปด้านหลัง  ปืนสองกระบอกในมือปล่อยกระสุนเข้ากลางหน้าผากของคนลอบยิง แผ่นหลังที่กระทบพื้นเสียดวูบจนคนโดนหน้ามุ่ย  ขาสองข้างพาเจ้านายออกวิ่งอีกครั้ง  มือรีบเปลี่ยนกระสุนชุดใหม่ก่อนจะยิงสวนใส่กลุ่มที่ดักซุ่มเขาที่ตรอกกำแพง  จนกระทั่งร่างสุดท้ายล้มลง  คนทำถึงได้ยืนหอบอยู่ท่ามกลางความเงียบของยามราตรี

กึก!!

   เสียงบางอย่างที่ทำให้เย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง  เสียงพูดขึ้นด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจแต่ก็ยอมยกมือขึ้นช้าๆทั้งสองข้าง  ปล่อยให้ปืนทั้งสองกระบอกตกลงข้างตัวจนถึงระดับเอวทั้งร่างจึงหมุนกลับพร้อมหยิบปืนกระบอกใหม่ที่ซ่อนไว้ยิงสวนไป  กระสุนหนึ่งนัดพุ่งเข้ากลางขาจนทรุดฮวบ ปืนสั้นในมือที่หมดกระสุนถูกแทนที่ด้วยปืนสองด้ามที่ถูกทิ้งก่อนหน้า  เสียงกระสุนนัดสุดท้ายเงียบลงพร้อมตัวเขาที่ฟุบหน้าลงกับพื้นเปียกๆท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน  เลือดสีแดงสดไหลออกจากร่างกายละลายไปอย่างช้าๆ

   “ให้ตายสิ”คนที่น่าจะตายพึมพำกับตัวเอง เขาถูกยิงไปกี่ที่แล้วนะ 6หรือ 7นะ ที่แน่ๆกระสุนฝังใน 1 นัดที่ขานั่นไง

   “บัดซบ”คำพูดเหมือนกรนด่าตัวเองเมื่อตาพร่าลงเรื่อยๆพร้อมความหนาวที่เริ่มคืบคลานเข้ามา น่าสมเพชมาเฟียอย่างเขาที่ต้องมานอนตายจมกองเลือดแบบไม่เท่สักนิด

   “เหอะๆ”เจ้าของนัตย์ตาสีเทาเหมือนจะหัวเราะเยาะตัวเองก่อนจะมองเห็นเงาดำบางอย่างเคลื่อนเข้ามาใกล้  มันดำสนิทจนต้องเพ่งสายตามองก่อนจะมองเห็นว่ามันคือลูกหมา  ลูกหมาตัวเล็กสีดำที่มองแทบไม่เห็นดวงตากลมๆนั้น ลูกหมาตัวน้อยที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าทำให้อดไม่ได้ที่จะเหลือบลงไปนับขาของมันด้วยตาที่พร่าเลือน 1 2 3 4 อืม แล้วไอ้ตอสั้นๆนั้นขาด้วยไหมนะ คงใช่ อ่า 5 นับได้ 5 ขาพอดี งั้นคราวนี้คงไม่ซวยแล้วสินะ




====================================
   ฟู่ ลงตอนแรกครบแล้ว ถูกใจไม่ถูกใจแนะนำกันมาได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==
เริ่มหัวข้อโดย: meili run ที่ 12-07-2014 22:16:24
ติดตามค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==
เริ่มหัวข้อโดย: t_cus ที่ 13-07-2014 01:19:39
ตามมาจาก Dek-D จ้า

แบบว่า...มารออ่านฉากที่ลงในนู้นไม่ได้อะ  อิๆ :-[
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 13-07-2014 01:30:11
เอ๊ะใจว่าทำไมชื่อเรื่องคุ้นมาก

ที่แท้ก็เคยอ่านในเด็กดีนี่เอง

เปงกำลังใจงับ :L2:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 13-07-2014 10:08:26
ติดตามคืะ น่าอ่านมากเลย
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 15-07-2014 11:08:24
ว๊าวๆๆ เปิดเรื่องมาก็บู๊กันระเบิดเลยนะเนี่ย >^<
สู้กันเลือดสาดกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆ สัตว์4เท้าในโลกนี้เยอะนะ
แอบสงสาร มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - == ตอนที่ 2 : บางทีการตามสัตว์...
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 16-07-2014 16:08:01
ตอนที่ 2 : บางทีการตามสัตว์สี่เท้าไปอาจไม่ใช่โชคร้ายที่สุด                                       15/08/2013
                                                       08/05/2014



   แสงแดดสีทองค่อยๆส่องรอดชั้นหนาๆของเมฆลงมาเบื้องล่าง  ละอองน้ำที่ยังเหลืออยู่ทอประกายระยิบระยับงดงาม

   “งืม  อย่ากวนน่า”เสียงงึมงำดังออกจากปากคนที่นอนฟุ่บหน้าอยู่บนพื้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบริเวณใบหน้า

บ๊อก!!

   เสียงบางอย่างกระตุ้นให้คิ้วสีทองขมวดเข้าหากันก่อนเจ้าของจะลืมตาสีเทาขึ้นมองตัวขัดขวางความสุขในการนอน  เงาสีดำบางอย่างตั้งอยู่ข้างหน้าก่อนจะแลบลิ้นสีชมพูออกมาและเริ่มส่งเสียง บ๊อก

   “หมา”เสียงที่ออกจากปากค่อนข้างแหบก่อนคนเปล่งเสียงจะหลับตาลงช้าๆด้วยความมึน  คิ้วสีทองที่น่าจะคลายออกกลับขมวดเข้าหากันซ้ำเมื่อเรื่องราวบางอย่างเริ่มแล่นเข้าหัว  จำได้ลางๆว่าเมื่อวานวิ่งเล่นอยู่ที่ริโอ ยิงกระสุนเล่นไปหลายนัด คนตายไปก็หลายคน  ฝนก็ตกถ้าฟื้นขึ้นมาได้จากความตายภาพที่เห็นมันก็น่าจะเป็นภาพเงาของตึกและพื้นหินแข็งๆแต่สัมผัสแบบนี้มันไม่น่าจะใช้ หรือว่าเขาจะตายไปแล้ว

   “โอ๊ย  นรก”คนที่เพิ่งพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองด้วยการขยับตัวแล้วเจ็บแปลบไปทั่วร่างร้องสบถด่าลั่น  เมื่อมันเจ็บจนเหมือนเขายังไม่ตายและยังนอนท่าอนาถท่าเดียวกับเมื่อวานคว่ำหน้าจูบปากกับพื้นเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือแทนที่พื้นจะเป็นหินมันกลับกลายเป็นหญ้าที่คันหน้าหน่อยๆ กำแพงข้างๆกลับกลายเป็นต้นไม้ ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ไม่สิที่เหมือนเดิมคือตัวเขายังนอนที่เดิมพร้อมหมาตัวเดิม

   “ซี๊ด”คนตัวสูงครางออกมาเมื่อลืมตาตื่นอีกรอบและยกหัวตัวเองโงนเงนขึ้นมาจากพื้น  มึนหัวจนต้องเอามือสองข้างเท้าลงกับพื้นหญ้า

   “ที่ไหนกันว่ะเนี่ย”คำถามที่คงไม่มีคนตอบ เมื่อดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบๆตัวแล้วพบแต่ป่าและป่าไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากเขาและเจ้าลูกหมาสีดำ ประสาทหูที่เปิดตัวเต็มที่เปิดรับเสียงต่างๆ ดวงตากวาดมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังก่อนจะค่อยๆพยุงร่างตัวเองไปพิงไว้กับต้นไม้ต้นใหญ่  อาการปวดแปลบที่ขาขวาเรียกให้ดวงตาสีเทาตวัดกลับมามองท่อนขาใต้กางเกงแสลคเนื้อดีที่มีรูขาดเล็กๆก่อนมือจะกระชากกางเกงออกจนมองเห็นรูที่เจาะทะลุเข้าไปในเนื้อและเลือดที่ไหลซึมออกมา

   “คงต้องจัดการมันก่อนสินะ”มือหนาตบปุปะไปรอบตัวก่อนรื้อเอาทุกอย่างที่ยังมีติดตัวอยู่ออกมาจากร่างกาย

   “ไฟแซ๊ค  มีดยาว  มีดพับสั้น  ขวดเหล้า หึก็ยังดี”คนพูดสรุปกับตัวเองเสร็จสรรพก่อนจะกวาดมองรอบๆตัวอีกครั้ง  ไม่มีสัญญาณอันตรายเงียบสงบเหมือนจะดี  แต่ไม่ดีตรงที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่  คงต้องออกสำรวจแต่ก่อนหน้านั้นเขาคงต้องผ่าเอากระสุนออกก่อน

   มือขาวเอื้อมหยิบมีดด้ามสั้นกว่าขึ้นมาและจุดไฟแช๊คที่โชคดียังใช้ได้ รนปลายใบมีดด้วยความร้อนก่อนจะเทเหล้าที่เหลืออยู่น้อยนิดลงบนแผล

   “ซี๊ด”ความแสบร้อนวิ่งขึ้นมาจนต้องซี๊ดปากก่อนมีดในมือจะจรดปลายลงบนเนื้อขาวที่หน้าแข้งกรีดปลายมีดคมลงบนเนื้อสีขาวช้าๆ เลือดสีแดงสดทะลักออกมาตามรอยกรีดเป็นสาย  ปลายใบมีดถูกบังคับให้ควานเข้าไปในเนื้อก่อนจะกระทบกับวัตถุแข็งๆแล้วสะกิดดันจนกระสุนหนึ่งนัดทะลุออกมาตามรอยกรีด กระสุนถูกหยิบออกก่อนคนทำจะคลายริมฝีปากที่กัดจนเลือดซิบแล้วหันไปหยิบเหล้าที่เหลือเทราดจนหมดขวด

   “อ๊าก”เสียงร้องที่พยายามกั้นให้เบาดังขึ้นจากปากเมื่อการผ่าตัดเอากระสุนและฆ่าเชื้อด้วยเหล้าจบลง  ชายขากางเกงข้างเดียวกันถูกฉีกยาวขึ้นมาใช้เป็นผ้าพันแผล  คนทำแผลให้ตัวเองเอนหลังพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะลองขยับแขนขาที่เหลือ  รอยยิงจากกระสุนนัดอื่นๆเหมือนจะไม่ร้ายแรงอะไรนักแค่แสบๆคันๆ มองไปรอบตัวก็ให้หงุดหงิด  หงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหากรู้สถานที่อยู่  ต่อให้มีศัตรูรอบข้างยังไม่สร้างความกังวลให้กับ คาเซอริโอ ซิสิอาโน เท่านี้

   ร่างสูงเก็บรวบรวมข้าวของต่างๆใส่กระเป๋าเสื้อโค๊ต  เก็บมีดพกด้ามสั้นเข้าซองที่ข้างขา ส่วนมีดยาวถูกถือเอาไว้ในมือขวาเพราะมันเป็นอาวุธเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้  ดวงตาสีเทากวาดมองรอบตัวอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน ขาขวาเจ็บแปลบเมื่อเผลอลงน้ำหนักแต่ความพยายามในการสำรวจมีมากกว่าเมื่อเขาฝืนสังขารจนสามารถออกเดินได้อย่างเชื่องช้า

   เท่าที่มองเห็นที่ๆเขาโผล่มาอยู่มันเป็นป่าแปลกๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ต้นไม้ที่มองเห็นก็แปลกตาเกินกว่าจะค้นสมองว่ามันคือต้นอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่ามันคือต้นไม้ธรรมดาไม่ใช่ต้นไม้กินคนตามนิยายขายฝันทั้งหลาย พื้นหญ้าที่เหยีบอยู่ก็เป็นพื้นหญ้าสีเขียวธรรมดา  ดินที่เหยีบอยู่ก็ค่อนข้างชื้นเพราะฝนเพิ่งหยุดตกไป

   เสียงสวบสาบที่ดังจากด้านหลังทำให้ขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักก่อนจะนิ่งงันและเงี่ยหูฟังเสียงสวบสาบที่ดังแผ่วเบาแต่ไม่เกินความสามารถในการได้ยินของเขาดวงตาสีเทาตวัดกลับไปมองก่อนจะขมวดคิ้วฉับเมื่อมองเห็นเจ้าลูกหมาสีดำขนหยิกหยองกำลังเดินดุ๊กๆออกไปทางขวามือของเขา  เจ้าลูกหมาที่กล้าเอาลิ้นเล็กๆเลียปลุกเขาตัวนั้นแหละ

   “ก็แค่หมาตัวหนึ่ง”ปลอบใจตัวเองแบบนั้นทั้งๆที่คิดว่ามันแปลกก่อนจะก้าวเดินอีกครั้งแต่เสียงสวบสาบก็ยังตามมาไม่ห่างจนต้องหันไปมองอีกรอบเจ้าลูกหมาหยุดฝีเท้าเงยคอสั้นๆขึ้นมามองก่อนจะเดินมาเคียงข้างแล้วเดินนำหน้าออกไป

   “เฮ้ย  ใครให้แกเดินแซงว่ะ”มือข้างที่ว่างคว้าหลังหมาก่อนจะยกมันมาจ่อตรงหน้า  เจ้าหมาบ้านั้นดิ้นรนเพื่ออิสระแต่คนจับก็ไม่สน  ดวงตากวาดมองรอบๆก่อนจะพบว่ามันมีสี่ขา  และขาที่ห้าที่คนอย่าง คาเซอริโอ เห็นดันเป็นกระจู้อันน้อยของเจ้าหมาตรงหน้า  คิ้วสีทองขมวดมากขึ้นเมื่อตระหนักได้ว่าเขากำลังเดินตามหลังสัตว์สี่เท้าเหมือนในคำทำนายบ้าๆนั้นอีกครั้ง

   “ไปให้พ้นเลยไป”ว่าแล้วก็เหวี่ยงเจ้าหมาไปข้างหลังไปยินเสียงตุ๊บก่อนจะก้าวเดินอีกครั้ง

   “โอ๊ย”ฟันเล็กๆจากไอ้หมาไม่รักดีกัดหมับเข้าที่ขาข้างขาวที่ปราศจากกางเกงหุ้ม  คิ้วของคนเป็นมาเฟียกระตุกยิกๆก่อนจะยกขาขึ้นมาสะบัดๆแรงๆแต่ไอ้หมานั้นก็ไม่ปล่อยจนต้องเอื้อมมือไปจิกหลังคอมันอีกรอบ

   “แกจะเอายังไงกับฉันห๊ะ”ถามพลางจ้องหน้าเจ้าตัวจ๋อยที่ดิ้นจนน่ายิงทิ้งหากให้มือเขามีปืน เจ้าหมาไม่ตอบทำได้เพียงดิ้นและเห่าประท้วง

   “อย่าหาเรื่องฉันถ้าไม่อยากโดนแทงไส้ไหล”ว่าจบก่อนปล่อยเจ้าหมาลงจากมือ  เจ้าตัวเล็กหล่นตุ๊บขู่กรรโชกก่อนจะวิ่งเข้าใส่ ขาขวางขวาจึงเตะโครมเข้ากลางลำตัว

เอ๊ง เอ๊ง เอ๊ง

   ก้อนขยุกสีดำกลิ้งหลุนๆไปก่อนจะแน่นิ่งไปสักพักจนคนเตะแอบคิดว่ามันตายแล้วแต่ไม่นานเจ้าก้อนนั้นก็ขยับตัวขึ้นยืนช้าๆจุดรอยยิ้มที่เจือด้วยความหมั่นไส้และความถูกใจบนปากของคาเซอริโอ

   “แกนะมานี้สิ”คนพูดนั่งยองๆลงกับพื้นแล้วจ้องตากับเจ้าจนฟู่สีดำที่มองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจซึ่งคนเป็นมาเฟียคิดเองว่ามันมองตนเองด้วยสายตาเช่นนั้น

   “ตามใจแกจะมาไม่มาฉันอุตสาห์ใจดีด้วยแล้วนะ”คนพูดถอนหายใจเหนื่อยๆทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นแต่เจ้าลูกหมานั้นก็วิ่งเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าและจ้องเขาด้วยตาวาวๆ

   “หึ คอยว่าง่ายหน่อย  ถ้าแกยังอยากมีชีวิตอยู่ก็ทำตัวดีๆ  ฉันกับแกมาจากที่เดียวกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะดูแลแกนะ  ไอ้หมาน้อย  อืมแกนี้มันดำน่าเกลียดจริงๆว่ะ ชื่อซ๊อคแล้วกัน ซ๊อคที่มาจากซ๊อดโกแลตตามสีตัวแก  กับความซ๊อคของฉันที่มาโผล่ที่บ้าๆนี้ ทำตัวดีๆว่าง่ายๆนะเจ้าซ๊อค”พูดเสร็จก็เอาใบมีดเคาะลงบนตัวทุยๆนั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

   พอคิดไปแล้วคนพูดก็อดขำกับตนเองไม่ได้ที่คุยกับหมาเป็นตุเป็นตะเหมือนมันฟังภาษาคนรู้เรื่อง แล้วยังดันไปตั้งชื่อให้มันอีก ถ้าจะเพี้ยนจนประสาทกลับแต่ก็ต้องบอกว่าเขาถูกใจเจ้าลูกหมาไม่น้อยที่มันอึดเอาเรื่องขนาดถูกเขาเตะแล้วยังลุกขึ้นมาได้ ซ้ำมันกับเขายังมาจากที่เดียวกันด้วย  มีเพื่อนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงเพื่อนเขามันจะเป็นแค่ลูกหมาก็เถอะ  นี้ถ้าดอนหรือพวกลูกน้องเขารู้คงได้ทำตาโตเพราะคนอย่างเขาไม่เคยชอบสิ่งมีชีวิตเล็กๆมาก่อน พูดถึงดอนกับพวกลูกน้องก็ให้อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ อยากกลับไปหาแต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องหาให้ได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน  เขาคงต้องเดินไปเรื่อยๆแล้วถามคนแถวนี้ถ้ามันมีให้ถามนะ

   ร่างสูงยังคงก้าวอย่างเชื่องช้าไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าเขาเดินมาไกลเท่าไหร่  รู้แค่ว่ามันไกลมากพอจะทำให้เหงื่อไหลซึมจากใบหน้าขาวจนหยดลงมาบนปลายคาง  ร่างกายที่เดินมานานประท้วงว่าหิวน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ เท้าที่เดินหยุดนิ่งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง  คิ้วขมวดลงด้วยความไม่แน่ใจว่าตนเองอาจหูแว่วเพราะหิวน้ำมากจนได้ยินเสียงน้ำ  ตาสีเทาจึงกวาดมองไปรอบๆก่อนจะสะดุดเข้ากับบั้นท้ายกลมๆที่มีขนหยิกหยอย จ้าตัวที่ออกวิ่งไปทางที่เขาได้ยิน

   “ยังไงหูหมาก็ดีกว่าหูคนสินะ”เปรยกับตัวเองเสร็จก็รีบสาวเท้าเดินตามเจ้าหมาที่วิ่งนำหน้าไปไกล ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่เขาก็ได้ยินเสียงน้ำมากขึ้นเท่านั้น  ก่อนจะเบิกตากว้างให้กับความงดงามที่ไม่เคยเห็นมาตลอดชีวิตไม่สิอาจงดงามจนไม่สามารถหาได้จากโลกที่เขาอยู่

   ตรงหน้าคือผืนน้ำกว้างใสสีฟ้าสะอาดตา  ด้านกว้างของมันอาจกว้างมากกว่าถนน 6 เลนที่เคยเห็น สองฝากฝั่งคือพื้นดินสีน้ำตาลอ่อนปนเทาที่สะอาดปราศจากขยะมีเพียงเศษใบไม้หรือกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่น ถัดออกมาจากพื้นดินริมน้ำคือแนวต้นไม้น้อยใหญ่ที่บางส่วนยื่นกิ่งก้านลงไปจนถึงขอบฝั่งน้ำ

   “ที่นี้มันที่ไหนกันแน่”รำพึงกับตนเองเสร็จคาเซาริโอก็ก้าวลงไปที่ริมแม่น้ำเลือกยืนเหนือน้ำในตำแหน่งที่เจ้าซ๊อคลูกหมาขนปุยว่ายอยู่  จัดการวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าและดื่มกินดับกระหายก่อนจะกรอกบางส่วนใส่แทนขวดเหล้าที่ว่างเปล่า  อาการกระหายน้ำที่หมดไปเหมือนจะทำให้สมองทำงานดีขึ้นจนเริ่มแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ยืนอยู่ที่ริโอหรืออาจจะไม่ได้อยู่ในโลกแต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่  ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณพระเจ้าในความดีข้อนี้หรือเครียดแค้นแทนดี

   “ขึ้นมาจากน้ำ”เสียงเหี้ยมหันไปสั่งเจ้าลูกหมาที่หยุดว่ายราวกับเข้าใจภาษาแล้วรีบพาตัวที่เปียกลู่ขึ้นมาจากน้ำ  ดวงตาสีเทากวาดมองตามต้นน้ำขึ้นไปทางขวามือ  ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นรอยเลือดที่ลอยมาตามน้ำ ท่าจะไม่ดีซะแล้ว

   “ถ้าไม่อยากเป็นหมาถูกเชือดก็รออยู่ตรงนี้”สั่งเสร็จไม่รอเสียงตอบรับร่างสูงก็รีบหมุนตัวขึ้นไปทางขวา  สังหรณ์บางอย่างทำให้เขารู้สึกไม่ดีแต่บางอย่างที่เห็นก็สั่งให้ตัวเองออกเดินไปทางต้นน้ำ มันเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงในบางอย่างที่หาสาเหตุไม่ได้เพราะแบบนี้แหละถึงต้องไปดูเห็นกับตา

   ร่างสูงในรองเท้าหนังเฟอรากาโม่ก้าวช้าๆไปตามริมน้ำพยายามนิ่งเงียบให้มากทีสุดเท้าที่ขาทั้งสองข้างจะเอื้ออำนวย  เหนือขึ้นไปมากเท่าไหร่ยิ่งมองเห็นก้อนหินน้อยใหญ่ที่ทำให้เขาต้องปีนขึ้นลงมากเท่านั้น  มันเป็นเหมือนปราการตามธรรมชาติที่ปกปิดสายตาคนนอกจากความอยากรู้อยากเห็น เงาร่างสูงยอบตัวลงเมื่อได้ยินเสียงวักน้ำก่อนจะค่อยๆคลานหมอบไปตามซอกหินและเพ่งมองสิ่งตรงหน้าชัดๆ

   “เรื่องนรกอะไรของมันอีกว่ะ”









โผล่เอาตอนที่ 2 มาลงคะ   ดีใจที่มีนักอ่านตามมาและมีหลายๆคนที่จำเรื่องนี้ได้  แล้วก็ยินดีต้อนรับนักอ่านใหม่ทุกคนคะ

 สำหรับตอนที่ 2 ก็เริ่มจะได้กลิ่นอายแฟนตาซีกันแล้ว

   
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - == ตอนที่ 2 : บางทีการตามสัตว์...
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-07-2014 00:07:51
 o13
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - == ตอนที่ 2 : บางทีการตามสัตว์...
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-07-2014 21:46:46
 :katai2-1: :katai2-1:
มาติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่3 เชื่อสิ่งที่ตา......20/7/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 20-07-2014 15:21:46
ตอนที่3 เชื่อสิ่งที่ตาเห็นบ้างก็ดีนะ                                                                    17/08/2013




   นี้เป็นอีกครั้งที่คนอย่าง คาเซอริโอ ซิสิอาโน อยากตบหน้าตัวเองให้ตื่นสักทีเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝัน  แต่ก็นั้นหละใครจะตบตัวเองให้เจ็บตัวเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองตื่นอยู่และไม่ได้ฝันแม้ภาพที่เห็นตรงหน้ามันจะเป็นอะไรที่อธิบายยาก  กับภาพคนๆหนึ่งตัวขาวจั๊วที่ยืนเปลือยอยู่ตรงหน้ามันคงไม่แปลกอะไรถ้าวูบหนึ่งตาเขาไม่มองเห็นขาขาวๆนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นหางสีน้ำตาลยาวแค่วูบเดียวที่กระพริบตาคนที่อยู่ห่างไปเกือบ 10ก้าวก็มาโผล่ตรงหน้าแบบประชิดยิ่งกว่าภาพสามมิติและบางอย่างก็แทบจะกระแทกดวงตาสีเทานั้น


   “เฮ้ย  ยังไงก็ใส่เสื้อหรือหาอะไรมาปิดก่อนได้ไหม”คนพูด พูดไม่เต็มเสียงและพยายามจะเบี่ยงสายตาออกจากอะไรบางอย่างที่มันแทบทิ่มตา


   “โอ้  ขอโทษที”เสียงนุ่มหูว่าขึ้นแล้วก็แย้มรอยยิ้มที่แสนจะดูดี


   “ขอโทษแล้วก็หาอะไรมาปิดสิว่ะมันอุจาด”คนพูดผุดลุกขึ้นเพื่อให้สายตาไม่ตรงกับของสงวนเพศชายและเป็นโอกาสให้ได้สังเกตคนตรงหน้า


   คนตรงหน้าสูงมากกว่าเขาไปประมาณคืบหนึ่งได้  เส้นผมสีทองที่มีลายสสับดำแบบที่พวกวัยรุ่นชอบทำยาวสลวยถึงกลางหลัง คิ้วสีทองอ่อนพาดเหนืองดวงตาคมเรียวที่หางตาตวัดขึ้นเล็กน้อย  ดวงตาสีทองที่มีกรอบสีดำรอบๆแบบที่คนมองได้แต่แอบซ่อนความสงสัย  จมูกโด่งเป็นสั้นยาวพร้อมรูจมูกที่ดูจะเล็กกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย  ริมฝีปากบางเฉียบ  กับโครงหน้าเรียว   ผิวขาวจนเหมือนซีด  หุ่นแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นอย่างดีแต่ดูผอมกว่าคาเซอริโอพอสมควร


“เป็นครั้งแรกเลยนะที่ถูกพูดแบบนั้น”เจ้าคนที่เพิ่งจะหาผ้ามาพันปิดของสงวนแบบลวกๆเปิดปากพูดอีกครั้ง


   “หึ  ฉันเป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่มีรสนิยมมองกระแป๋งของผู้ชายด้วยกัน”


   “งั้นเหรอ มนุษย์สินะ”


   “ก็คนนะสิ”สิ้นคำพูดนั้นคาเซอริโอก็รู้สึกอยากกัดลิ้นตายไปให้รู้แล้วรู้รอดหากไม่คิดได้ว่ามันเป็นการตายที่ดูปัญญาอ่อนจนเกินไปนักเมื่อเจ้าสิ่งที่เขาคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่คนตรงหน้าแย้มรอยยิ้มที่ดูพิลึกในสายตาเขาขึ้นมา


   “แล้วมาทำอะไรไกลขนาดนี้หละเจ้ามนุษย์”


   “หาของป่า”เขาเลือกที่จะโกหกปกปิดบางอย่างออกไปเมื่อสำนึกได้ว่าการพูดความจริงว่าตนเองหลงทางหรือไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี้ได้ยังไงดูจะไม่ปลอดภัยมากนัก


   “งั้นเหรอ งั้นเจ้าคงเป็นพรานป่าที่โง่หน้าดูชมเชียว”คำว่าโง่ทำเอาคิ้วของคาเซอริโอกระตุก  ไม่ได้โดนด่าว่าโง่ต่อหน้ามานานเท่าไหร่แล้วนะจำได้ว่าคนสุดท้ายที่พูดแบบนั้นเขาเอาปืนกรอกปากส่งมันไปนรกเรียบร้อยแล้ว


   “พูดได้เจ็บดี”


   “ข้าพูดความจริงและดูเหมือนเจ้าหนูข้างหลังเจ้ายังจะฉลาดมากกว่า”ดวงตาสีเทาเหลือบมองข้างหลังดูหน้าเจ้าหนูที่มันพูดถึง  ซึ่งก็คือไอ้หมาขนหยิกที่ไปแอบอยู่หลังก้อนหินทำตัวเป็นหมาติดไข้จับสั่น  มันกล้าบอกว่าเขาฉลาดน้อยกว่าหมา


   “มันคงมีสัมผัสของหมาที่รู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับตัวประหลาดอย่างแกหละมั้ง”


   “ตัวประหลาด”คิ้วสีทองหยักโค้งขึ้นเหมือนสงสัย


   “แค่เอาตาดูก็รู้แล้วว่าแกไม่ใช่คน”


   “อืม  ดูเหมือนเจ้าก็ไม่ได้โง่ไปสักเท่าไหร่นัก  แล้วทำไมคนฉลาดอย่าเจ้าถึงไม่กลัวข้าหละ”คนพูดโน้มหน้าเข้าใกล้แบบที่คาเซอริโอได้แต่ขมวดคิ้วฉับเพราะไม่คิดพิศวาสจะมองหน้าผู้ชายด้วยกันใกล้ๆแบบประชิดแทบเห็นกันทุกรูขุมขน


   “มันคงช้าไปที่จะกลัว  ถ้ากลัวก็คงไม่มาแอบดูตั้งแต่แรกหรอกมั้ง”


   “อืม  งั้นข้าคงต้องชมว่าเจ้ากล้าน่าดู  แต่มันคงเป็นความกล้าที่อาจจะนำความตายมาสู่เจ้าได้นะเจ้ามนุษย์”คนพูดแลบลิ้นแผล่บและถ้าตาไม่ฝาดคาเซอริโอแอบเห็นว่าลิ้นสีแดงนั้นแบ่งออกเป็นสองแฉก


   “ถ้าจะเอาแบบนั้นก็ได้แต่จะคิดอีกทีก็ไม่ว่ากันหรอกนะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของคาเซอริโอเรียกให้สิ่งตรงหน้าชะงักและเหลือบตามองที่หน้าท้องของตนเองซึ่งบัดนี้มีมีดด้ามยาวจ่ออยู่และบางส่วนของปลายมีดได้หายเข้าไปในเนื้อสีขาวที่กำลังมีเลือดไหลซึมออกมา


   “ไม่น่ารักเอาซะเลยนะ”เสียงที่เคยทุ้มนุ่มและเย็นสบายเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบขึ้นมาฉับพลัน


   “เข้าป่าแปลกๆแบบนี้มันก็ต้องมีสิ่งป้องกันตัวเอาไว้บ้างจริงไหม”


   “แล้วคิดหรือว่ามีดของเจ้าจะเร็วกว่าข้า”


   “ไม่ลองไม่รู้แต่ที่แน่ๆฉันไม่ยอมเจ็บตัวคนเดียวแน่นอน”คาเซอริโอยกยิ้มเยือกเย็นที่มุมปาก  สบกับตาสีทองที่ฉายแววนิ่งก่อนประกายตาบางอย่างจะแทรกเข้ามา


   “ตกลง ข้ายอมแพ้”สิ่งมีชีวิตประหลาดถอยห่างออกไปก่อนจะยกนิ้วขาวปาดเลือดที่หน้าท้องและแลบเลียมันด้วยปลายลิ้นสองแฉกแต่นั้นก็ไม่น่าตกใจเท่าแผลที่เคยโดนมีดนั้นกำลังสมานกันช้าๆด้วยการก่อตัวของผิวหนังที่ดูเหมือนเกร็ดสีน้ำตาลขึ้นมาปิดแผลนั้นและจางลงเหลือเพียงผิวเนื้อขาวๆที่ปราศจากรอยใดใด


   “รักษาได้น่าสนใจดีนี้”


   “หืม  เห็นแบบนี้แล้วยังอยากเล่นกับข้าอีกรึเปล่า”


   “ถ้าคิดว่าไหวก็ลองดูสิ”คาเซอริโอยิ้มก่อนจะนั่งลงที่โขดหินแล้วถอนหายใจเบาๆออกมาเมื่อขาที่เพิ่งผ่ากระสุนออกไปเจ็บจี๊ด


   “เจ้าเป็นมนุษย์แบบที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”สิ่งประหลาดตรงหน้าพูดออกมา


   “ขอบคุณ”คาเซิอริโอตอบก่อนจะค่อยๆเกะผ้าออกดูและพบว่าแผลบวมเป่งแต่เลือดที่เคยไหลออกมาหยุดไปนานแล้ว


   “ใจเย็นเหลือเกินนะ  ไม่คิดหรือว่าข้าจะพุ่งเข้าไปแล้วจับเจ้าหักคอกินเป็นอาหาร”


   “ถ้าจะทำแบบนั้นก็คงทำไปนานแล้วไม่ใช่รึไง”คนพูดปรายตาขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมัดผ้าพันแผลต่อ


   “ฮ่าๆๆๆ  น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆด้วย”คาเซอริโออดยอมรับไม่ได้จริงๆว่าเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแบบนั้นมันทำให้สิ่งที่เขามั่นใจว่ามันไม่ใช่คนดูดีจนเหมือนพวกนายแบบที่หลุดออกจากนิตยสาร  นิตยสารสัตว์ประหลาดนะ


   “แล้วทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี้ได้หละ”พูดจบก็เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะทิ้งระยะห่างไปเล็กน้อยเมื่อดวงตาสีเทาดุจ้องตอบ


   “ก็บอกแล้วว่ามาหาของป่า”


   “เจ้าดูเหมือนไม่ใช่พรานโง่พวกนั้นนะสิ”พูดจบก็ยิ้มแบบที่คาเซอริโอต้องแยกเขี้ยวรับ สรุปได้ว่าเจ้าตัวตรงหน้ามันกวนกว่าที่คิดเอาไว้มาก


   “ไม่รู้”


   “หืม  ไม่รู้”คิ้วสีทองนั้นเลิกขึ้นเหมือนจะไม่เชื่อ


   “เฮ้อ  ก็แค่หลับไปแล้วอยู่ๆก็มาโผล่กลางป่านี้แล้ว”


   “หืม”


   “ไม่น่าเชื่อรึไง”


   “ข้าเชื่อว่าเจ้าพูดจริง  เพราะแววตาของเจ้าไม่ได้โกหก”


   “จะถือว่านั้นเป็นคำชม”


   “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดนัก เพราะข้าเริ่มชอบเจ้าขึ้นมานิดๆแล้ว”


   “ฉันเป็นผู้ชายที่ยังชอบสาวๆอกโตก้นใหญ่  ไม่ใช่สัตว์ประหลาดอย่างแก”


   “หืม  ข้าก็ไม่ได้พิศวาสมนุษย์นิสัยประหลาดอย่างเจ้าเท่าไหร่หรอกนะแต่จะดีมากหากเจ้าเลิกเรียกข้าว่าสัตว์ประหลาด”


   “หน้าตาแบบแกดูยังไงก็สัตว์ประหลาด”


   “ข้าว่าข้าดูเหมือนมนุษย์นะ  และออกจะหน้าตาดีด้วย”นั้นเป็นคำยอตัวเองที่คาเซอริโอเถียงไม่ออกได้แต่เหลือบมองสิ่งประหลาดตรงหน้าแล้วถอนหายใจออกมา  จะคนหรือสัตว์ประหลาดก็หลงตัวเองทั้งนั้น


   “ข้าชื่อ คูลาตัส”


   “คาเซอริโอ”คาเซอริโอแนะนำตัวตามมารยาท


   “เรียกยากนะ  ไม่มีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้รึไง”ดวงตาสีเทาปรายมองด้วยความหงุดหงิดแล้วชื่อคูลาตัสมันเรียกง่ายนักรึไง


   “คาโล”


   “โอ๊ะ  เรียกง่ายกว่ากันเยอะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้ามนุษย์”


   “รู้จักกับงูประหลาดๆมันคงน่ายินดีพิลึก”


   “หืม ทำไมถึงคิดว่าข้าเป็นงูหละ”คาเซอริโอไม่ตอบแต่ชี้ที่ตาตัวเองเหมือนจะบอกใบ้ว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น  หางยาวๆสีน้ำตาลสลับดำที่เห็นเลือนลานเหมือนภาพหลอน บวกกับสัญชาตญาณบางส่วนในตัว


   “ดูเหมือนเจ้าจะเชื่อในตัวเองสูงเหลือเกิน และบ้าบิ่นแบบไม่น่าอภัยอีกด้วยซึ่งมันน่าจะนำผลเสียมาหาเจ้ามากกว่าผลดีนะ”


   “มีคนบอกมาหลายคนแล้วหละ”คนพูดยืนขึ้นทำท่าเหมือนจะเดินจากไปเมื่อไม่เห็นว่าการพูดคุยกับงูประหลาดตรงหน้าจะมีประโยชน์


   “นั้นเจ้าจะไปไหน”


   “เดินทางต่อ”คนพูดมองไปรอบๆก่อนจะมองเห็นเจ้าลูกหมาขนหยิกที่นั่งแอบมองเขาอยู่ในซอกหิน


   “ไปทั้งๆที่บาดเจ็บและไม่รู้ทางนะเหรอ”


   “มันคงดีกว่านั่งอยู่ในดงสัตว์ประหลาดไม่ใช่รึไง  อีกอย่างคุยกับแกไปก็ไม่มีประโยชน์”


   “เจ้าปากร้ายกว่าที่ข้าคิดมากนัก”


   “ฉันไม่เคยปากหวานอยู่แล้วโดยเฉพาะกับตัวผู้อย่างแก”คาเซอริโอเริ่มออกเดินอีกครั้ง


   “หึหึ หมู่บ้านของมนุษย์อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตก”ขาที่กำลังก้าวออกไปหยุดชะงัก


   “ไกลแค่ไหน”


   “อืม  ก็ประมาณ 3 เดือน”


   “ห๊ะ 3เดือน”คาเซอริโอหันมามองเจ้างูด้านหลังที่ยิ้มระรื่น


   “อืม  ถ้าเป็นข้านะ”คูลาตัสโคลงหัวก่อนจะเดินมาเคียงข้างคาเซอริโอที่เหลือบมองเจ้างูประหลาดแล้วให้หงุดหงิดในใจ  สามเดือนจากนี้หึ  ถ้าเลื่อยไปแบบมันก็คง 3 เดือนจริงๆนั้นหละ


   “ถ้าเดินไปหละ”ประกายแพรวพราวด้วยความถูกใจปรากฏขึ้นบนดวงตาสีทองขอบดำของคูลาตัส เจ้ามนุษย์นี้ฉลาดและน่าสนใจเกินกว่าจะปล่อยให้ตายไปง่ายๆ สงเคราะห์สักหน่อยคงไม่เสียหาย


   “ถ้าเป็นเจ้าคงไม่ถึงเดือน  แต่ข้าก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเจ้ามนุษย์พวกนั้นจะยังมีชีวิตอยู่รอเจ้า  หรือเจ้าอาจไปไม่ถึงในสภาพนี้”คำตอบที่ก่อให้เกิดความหงุดหงิดในใจคนฟัง แน่หละหากให้เขาเดินไปมันก็คงไม่นานนักหรอกเพราะการเดินข้ามป่าหากใช้เวลาเดินทางขนาดนั้นก็หมายความว่าป่าบ้าๆนี้อาจเกินพื้นที่มากกว่าค่อนของประเทศถึงใช้เวลาในการเดินทางขนาดนั้นซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นไปได้ยาก ต่อให้ป่าแถบนี้สมบูรณ์แค่ไหนก็ตาม  ซ้ำเจ้างูนั้นยังบอกว่าหากพวกนั้นมีชีวิตอยู่หรือเขารอดไปได้ก็แสดงว่าอยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่อย่างมากถ้าเดินตรงไปแบบราบรื่นอาจกินเวลามากกว่า 10 วันแต่จากคำพูดของมันการเดินทางคงไม่ราบรื่นนัก ป่านี้มันคงไม่ใช่ป่าธรรมดาที่มีแค่กระรอกกับกระต่ายอยู่แล้ว หากเจองูที่แปลงเป็นคนได้เขาอาจเจออะไรมากกว่านั้น


   “ต่อให้ลำบากยังไงก็ต้องหาทางกลับไปให้ได้”ใช่ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไปให้ได้  กลับไปหาคนๆนั้น


   “ดูท่าเจ้าจะมีคนสำคัญให้กลับไปหาสินะ”


   “ใครๆก็มีคนสำคัญด้วยกันทั้งนั้น”ขายาวๆก้าวเดินอีกรอบโดยมีงูในร่างคนเดินตามมาช้าๆ


   “ไม่มีอะไรทำรึไงห๊ะ”คาเซอริโอถามอย่างเหลืออดเมื่อเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่เขาบ่ายหน้าออกมาจากแม่น้ำไปทางทิศตะวันตกก็ยังมีเจ้างูในร่างคนเดินเอื่อยๆตามมา


   “ตอนนี้ยังไม่มี”


   “โว๊ย  มีไม่มีมันก็เรื่องของแกแต่ช่วย...”


กรร!!


   เสียงขู่คำรามทำให้การโต้เถียงหยุดชะงัก  ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบๆตัวดึงใจตัวเองให้กลับมาสงบอีกครั้ง  เสียงขู่คำรามที่ดังมาพร้อมกับเสียงสวบสาบเหมือนบางอย่างที่มีขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนผ่านไปบนผืนหญ้า


   “เจ้าไม่อยากไปทางนั้นแน่”เสียงเตือนจากงูไม่ได้ทำให้ขาที่กำลังก้าวไปในทิศทางตรงข้ามกับเมื่อครู่นั้นชะงัก


   “ฉันอยากไป”


   “ข้าบอกแล้วว่าความบ้าบิ่นของเจ้ามันจะนำพาความลำบากมาให้เจ้า”งูหนุ่มบ่นเอือมๆก่อนจะเดินตามไปช้าๆพร้อมกับเจ้าลูกหมาที่วิ่งจู๊ดตามเจ้ามนุษย์นั้นไปเหมือนกลัวที่จะอยู่ใกล้เขา  ตามดูอีกหน่อยก็ไม่เสียหายอยากรู้เหมือนกันว่าเจ้านั้นจะทำให้เจ้ามนุษย์ตรงหน้ากลัวได้หรือไม่ หรือจะเป็นเจ้ามนุษย์นั้นที่จะทำให้เขาประหลาดใจได้อีกครั้งกันแน่












    มาต่อตอนใหม่แล้วคร๊า  เริ่มเป็นแฟนตาซีขึ้นมาอีกนิดกับการปรากฏตัวของพ่องูคูลาตัส  พ่องูที่มีแฟนคลับเยอะซะจนนางมารยังแอบอิจฉา

    ตอนนี้ลองเว้นวรรคแต่ละช่วงให้ห่างกันมากขึ้นไม่รู้จะอ่านได้ง่ายกว่าเดิมรึเปล่า  ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามแล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่3 เชื่อสิ่งที่ตา......20/7/57
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-07-2014 16:08:47
 o13
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่4 เรื่องของคน....25/07/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 25-07-2014 16:22:13
ตอนที่ 4 เรื่องของคนอื่นยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง               19/08/2013




   นี้อาจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ซึ่งไม่สามารถนับได้ที่คนอย่างคาเซอริโอ ซิสิอาโน อยากปลุกให้ตัวเองตื่นจากความฝันแต่แน่นอนว่าไม่ได้ทำให้ตื่นด้วยการตบหน้าตัวเองอย่างที่เคยคิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น เพราะมันเจ็บตัวฟรีและเป็นการกระทำที่สิ้นคิดสิ้นดี  ตอนนี้เขารู้อยู่เต็มอกว่าเขาตื่นอยู่และเพิ่งเห็นอะไรประหลาดๆมาอย่างเจ้างูที่แปลงร่างได้และตอนนี้เขากำลังเห็นอะไรที่ดูจะประหลาดกว่านั้นอย่างงูและหมาที่กำลังสู้กันอยู่ 


   โอเคฟังผ่านๆมันอาจไม่ประหลาดแต่มันจะประหลาดเมื่องูที่ว่าไม่ได้ตัวเท่าขายาวเท่ารถ  แต่มันดันตัวใหญ่หนายังกะท่อนไม้ขนาดใหญ่ ถ้าวัดขนาดคงไม่ต่ำกว่า 1 แขนเด็กโอบ ความยาวก็เพิ่มขึ้นแต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันยาวเท่าไหร่ รู้แค่ว่ายาวมาก รวดรายบนตัวก็สวย เป็นสีทองสลับด้วยสีน้ำตาลเกร็ดเลื่อมเป็นมันสะท้อนแสงแดดสวย  และเจ้างูตัวนั้นกำลังรัดเหยื่อของมันอยู่ และเหยื่อของมันที่ว่าก็คือหมาแต่ไม่ใช่หมาตัวจิ๋วเหมือนไอ้ซ๊อคกลับกลายเป็นหมาขนสีน้ำตาลสั้นปานกลาง ใบหูสีน้ำตาลแหลมตั้งชัน  ขนในหูเป็นสีขาว  ขนที่บริเวณเหนือตาลากยาวมาจรดปากเป็นสีขาวสะอาดเช่นเดียวกับขนช่วงท้อง  ดวงตาสีดำกลมอยู่ในเป้าตาที่ค่อนข้างรี  จมูกสีดำค่อนข้างแหลม  หางฟูเป็นฟู่  ขายาวแข็งแรงและมันคงจะดูสง่ากว่านี้ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพที่ถูกงูรัดและเอาปากข้างหนึ่งงับใต้หัวงูลงมาทำให้งูไม่สามารถเขมือบมันได้


   “โอ๊ะ  นั้น...”เจ้างูข้างตัวมันอุทานออกมาเมื่อเห็นภาพ  หลังจากเจ้าตัวเดินเอื้อยจนมาทัน


   “รู้จักเหรอ”


   “อืม  ไม่แน่ใจเท่าไหร่”เจ้างูคูลาตัสพูดไปแบบนั้นแต่คิ้วสีทองก็ขมวดเข้าหากันแน่นเหมือนคิดอะไรอยู่


   “ที่นี้ดูเหมือนอะไรจะตัวใหญ่กันไปหมดเลยนะ”คาเซอริโอเปรยขณะมองดูเจ้าหมานั้นสู้กับงูที่พยายามรัดมันอยู่โดยการกัดด้วยเขี้ยวแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเพราะงูยังขยับตัวรัดเรื่อยๆและเหมือนแรงดิ้นมันจะเริ่มแผ่วลง


   “ถ้าเป็นสายพันธุ์สัตว์ประหลาดอย่างที่เจ้าว่า”


   “แล้วเจ้าพวกนั้นแปลงเป็นคนเหมือนแกได้ไหม”


   “แล้วเจ้าคิดว่าไหงหละ”


   “หึ  ถ้าเป็นคนจริงมันคงแปลกพิลึกนั้นแหละ”


   “สัตว์ใหญ่ย่อมกินสัตว์เล็ก”


   “เหมือนพวกมีอำนาจที่รังแกคนอ่อนแอกว่าใช่ไหม”คูลาตัสยิ้มพราย


   “เจ้าไม่เข้าไปช่วยหรือไงอุตสาห์เดินมาดูทั้งที”


   “ไม่ใช่เรื่องนี้ แค่อยากมาดูว่ามีใครพอจะถามทางได้บ้างแต่ดูแล้วถ้าจะไม่มี”คาเซอริโอตอบง่ายๆ ใช่ เขาแค่คิดจะมาดูเท่านั้นแหละ ถึง 2 ตัวนั้นจะแปลงเป็นคนได้แต่คงไม่มีอารมณ์มาตอบคำถามเขาหรอก ถ้าไม่แยกจากกันไปแบบบาดเจ็บไปคนละน้อย ก็คงมีฝ่ายไหนตายไม่ก็กลายเป็นอาหาร แต่ก็ไม่แน่ว่าเจ้าสองตัวนั้นจะมาอารมณ์ดีหยอกล้อกับเขาไม่เหมือนเจ้างูข้างตัวที่มันกินอิ่มแล้วยังอุตสาห์เดินไปล้างเลือดออกจากตัวได้อย่างนี้หรือเปล่า


   “ตอบได้เห็นแก่ตัวดี”


   “ก็คงงั้น  ฉันมันแค่คนธรรมดาจะเอาอะไรไปสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างพวกแกได้”


   “นั้นสินะ  แต่ดูเจ้าหนูนั้นจะไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ”คำว่าเจ้าหนูนั้นทำให้คาเซอริโอหันขวับก่อนจะกวาดตามองหาไอ้ขนหยิกสีดำไปทั่ว


   “ไอ้หมาไม่เจียมสังขาน”คาเซอริโอคำรามลั่นในลำคอเมื่อเจ้าหมาที่ว่ากำลังกัดหมับเข้าที่ปลายหางของงูยักษ์อย่างไม่เจียมในขนาดตัวและขนาดเขี้ยวของตัวเอง


   “คนธรรมดาอย่างเจ้าจะเดินไปช่วยเจ้าหนูนั้นหรือปล่อยให้ตายกันหละ”คาเซอริโอมองเจ้าหมาสีดำที่โดนสะบัดครั้งเดียวปลิวเมื่องูพลิกตัวรัดเหยื่อให้แน่นขึ้น เจ้าตัวกลิ้งหลุนๆจนฟุ่บตัวพาให้คนมองอย่างเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่ไม่นานเจ้าตัวก็ตั้งขาขึ้นมาใหม่และวิ่งเข้าไปกัดที่ส่วนหางของงูอีกครั้ง


   “เจ้างี่เง่า”คาเซอริโอกรนด่าหมาที่หาเรื่องไม่เข้าท่าแต่ที่สมควรด่ามากที่สุดคงเป็นตัวเขาเองที่กระโดดเข้ากลางวงต่อสู้ก่อนจะปักมีดลงปนปลายหางใหญ่ ความรู้สึกแรกคือความแข็งก่อนมีดจะทะลุลงไปถึงครึ่งแล้วโดนกระชาก  ปลายหางใหญ่สะบัดพรวดด้วยความเจ็บปวดดีดเอาหมาที่ไม่เจียมตัวลอยหายไปในพงหญ้าและมนุษย์ที่อาจหาญอย่างเขาจนกระเด็นไปตกอยู่บนพื้น  ร่างยักษ์นั้นคลายออกเป็นผลให้เจ้าหมาสีน้ำตาลที่โดนรัดอยู่หลุดออกมายืนโงนเงนอยู่บนพื้น


   “เจ็บครั้งนี้ถือว่าคุ้มจริงไหม”พูดกับตัวเองทั้งๆที่คนพูดเริ่มเครียดเมื่อดวงตากลมโตบนหัวทู่ๆนั้นสะบัดหันมามอง  เห็นลายสีทองและขาวบนหัวยาวทู่นั้นชัดเจน ความรู้เรื่องงูครั้งเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สมัยเด็กถูกเรียกกลับขึ้นมาอย่างกระท่อนกระแท่น เมื่อเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่างูตรงหน้ามันเป็นประเภทไหนกันแน่ ตอนเจอเจ้างูชื่อคูลาตัสเป็นการเดาสุ่มผสมความบ้าบิ่นล้วนๆที่เขาคิดว่ามันอิ่มแล้วและคงไม่อยากหาอาหารเพิ่มซึ่งมันก็ถูกแต่เจ้าตัวนี้แม้จะแอบคล้ายกับตัวแรกอยู่บ้างแต่ก็มีจุดที่ต่างนั้นคือมันเผชิญหน้ากับเขาในสภาพงูเต็มตัวที่กำลังหิวโซไม่ได้อิ่มเหมือนตัวที่แล้ว


   หัวสีน้ำตาลทองก้มลงตัวแทบจะขนานไปกับพื้น  ลิ้นสีแดงสด 2 แฉกแล่บออกมาในชั่วพริบตาก่อนที่มันจะเลื่อยพุ่งมาตรงหน้าด้วยความเร็วแบบที่คนเห็นต้องเบิกตากว้าง


   “เวรเฮ้ย”คาเซอริโอพุ่งตัวออกไปด้านข้างสุดแรงก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อส่วนหางพลิกม้วนงอจนฟาดเข้าเต็มๆช่วงท้อง ทั้งแน่นจะจุกแถมซ้ำรอยเดิมแม่นแบบน่าฆ่าทิ้ง  มีดในมือกระชับแน่นตาสีเทาจ้องประสานกับตาสีดำที่ปูดนูนออกมาด้านนอก หัวสีทองกลมต่ำก่อนจะเลื่อยเข้ามาอีกรอบด้วยความเร็วที่ทำให้สงสัยในสายพันธุ์ คาเซอริโอเอี้ยวตัวหลบมองตามส่วนหัวที่พุ่งผ่านไปพรางอมยิ้มก่อนจะยิ้มค้างเมื่อส่วนลำตัวใหญ่สะบักพรึบพาดกลางสีข้างจนล้มกลิ้ง  มีดที่อยู่ในมือกระเด็นหลุดออกไปยังไม่ทันจะตั้งหลักส่วนลำตัวก็ตวัดและเริ่มรัดเข้ารอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว


   “นรกแล้ว”ร่างสูงดิ้นรนเมื่อแรงรัดมากขึ้นเรื่อยๆแต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนถูกรัดแน่นเข้าเรื่อยๆจนเริ่มปวดร้าวไปรอบๆลำตัวและแขนที่ถูกรัด  ดวงตาสีเทาจ้องประสานกับตาโปนคู่สีดำอีกครั้ง ลิ้นสีแดงสองแฉกแล่บออกก่อนปากทู่ๆนั้นจะอ้ากว้างจนมองเห็นฟันซี่แหลมๆในปากที่พุ่งเข้าหา


   ขาสองข้างที่เป็นอิสระออกแรงถีบเข้าที่ลำตัวงูทำให้ตัวของเขาเบี่ยงออกมาพ้นจากวิถีปากของงูที่รีบเอี้ยวคอกลับมาทันทีที่รู้ว่าพลาด  แรงรัดที่แน่นขึ้นและถูกพลิกในลำตัวอยู่ในแนวขนานกับพื้นทำให้คนโดนงูรัดเริ่มทรมานกับแรงรัดที่มากขึ้นและทางรอดที่น้อยลง


   “อึ่ก...”ดวงตาสีเทาเหลือบมองข้ามศีรษะเห็นปากที่อ้ากว้างและเขี้ยวคมนั้นอีกรอบ  โดนงับที่เดียวรับรองเขาไม่เหลือซากกลับไปแน่  ไม่ตายทันทีก็คงโดนกลืนลงท้อง  ความตายที่คืบคลานอยู่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้หวาดกลัวได้เท่ากับความเสียใจที่ผิดสัญญากับคนสำคัญ


กรร!!!


   หัวงูสะบัดออกเมื่อโดนกัดจมเขี้ยวด้วยหมายักษ์ที่น้ำตาล ร่างถูกปล่อยร่วงลงพื้น คาเซอริโอรีบหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดด้วยความรู้สึกที่ร้าวไปทั่วซี่โครง ขาสองข้างวิ่งออกมานอกวงต่อสู้ก่อนจะกวาดตามองหามีดและจับให้กระชับมืออีกครั้ง


   “ถือว่าฉันกับแกหายติดค้างกันแล้วนะเจ้าหมา”แรงที่มีเหลืออยู่น้อยนิดพาตัวเองให้วิ่งกลับเข้าไปอีกครั้ง  หลบหลีกลำตัวที่สะบัดไปมาด้วยความเจ็บปวด  ปักมีดลงบนแผลเดิมที่หางงูจนมิดด้าม


   “อ๊ากกก”ข้อมือทั้งสองข้างจับด้ามมีดก่อนจะออกแรงลากเปิดเป็นแผลยาวขึ้นไปตามลำตัว ปลายหางยักษ์สะบัดเร่าเมื่อส่วนหางถูกมีดที่ยาวเกือบฟุตปาดลึกเป็นทางยาวขึ้นไปกว่าเมตร มันสะบัดห่างพลิกลำตัวจนมนุษย์ที่อาจหาญมาทำร้ายกระเด็นหลุดออกไป  ดวงตาสีดำหันมามองมนุษย์ตัวจ่อยด้วยดวงตาวาวโรจน์ก่อนจะยอมลามือยอบหัวลงต่ำและเลื่อยหนีไป


   “ฮ่าๆ วันที่น่าบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์”คาเซอริโอยิ้มให้ตัวเองก่อนจะพยุงตัวจนสามารถนั่งทับส้นทั้งสองข้างได้แม้จะโงนเงนไปบ้าง  ตามลำตัวมีแต่รอยช้ำและรอยถลอกจากการถูกกระแทกซ้ำ  แผลที่ขาก็เหมือนจะปริจนเลือดซึมแถมทั้งตัวยังอาบไปด้วยเลือดของเจ้างูที่เขาเพิ่งปาดหางมันไป


   “หึ ไง  แกอยากจะสู้กับฉันไหมหละ”ดวงตาสีเทาที่ยังทอประกายแข็งกราวมองเจ้าสัตว์สี่เท้าสีน้ำตาลที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้  แม้จะบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่แต่ถ้าให้สู้กันจริงๆในสภาพนี้คาเซอริโอชักไม่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะ


กรร!!


   “หึ จะขู่ทำไมอยากทำอะไรก็เข้ามาเลย”


กรร!! 
 

บรู๋ว!!   


   สิ้นเสียงหอนยาวนั้นเหมือนแว่วเสียงหอนตอบกลับและเสียงสวบซาบของพุ่มไม้ร่างที่ยังโงนเงนหันมองไปรอบตัวก่อนจะถูกบางอย่างพุ่งกระแทกให้ล้มลง  ศีรษะพาดกับพื้น ดวงตาพร่าเลื่อนเห็นเพียงดวงตาสีน้ำตาลของหมาร่างใหญ่ที่จ้องมาก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป













    ตอนที่ 4 มาต่อแล้วคะ  ตอนนี้ถือเป็นตอนที่สยองขวัญมากสำหรับคนแต่งเพราะการหาข้อมูลเรื่องงูและนั่งดูรูปงูเป็นร้อยๆรูปมันออกจากน่าขยาดอยู่เหมือนกัน   แต่ถึงขนาดนั้นฉากการต่อสู้ระหว่างงูกับน้องหมาก็ยังคงคลุมเครือ แต่งโดยอาศัยจินตนาการค่อนข้างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่อยากมีเพื่อนเป็นผู้เชียวชาญเรื่องงูสักคนคะ

หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่5 ขีดความอดทนของ...3/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 03-08-2014 12:20:30
ตอนที่ 5 ขีดสุดความอดทนของคนเป็นมาเฟีย                                                                    28/08/2556



           บางทีเมื่อคนเราฝันร้าย  เราพยายามให้ตัวเองตื่นจากฝันร้าย  เฝ้าบอกตัวเองว่าตื่นๆ จงตื่นขึ้น บางทีก็สำเร็จแต่ส่วนมากจะไม่สำเร็จหรอก ถึงอย่างนั้นก็น่าแปลกที่ความจำของมนุษย์เหมือนจะถูกสั่งให้ลืมเรื่องร้ายๆพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย  พอตื่นขึ้นมาเรื่องที่ฝันร้าย น่ากลัวนักหนาก็กลายเป็นความทรงจำที่เลือนราง คาเซอริโอ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นที่ชอบฝันร้ายแม้ไม่บ่อยแต่เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็ลืมทุกอย่างได้อย่าง่ายดาย  อ๊า  นั้นสินะ  ก็แค่ฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น  แค่ฝันร้ายแค่คืนเดียวเมื่อเช้าและเขาตื่นขึ้นทุกอย่างจะเลือนรางและหายไปทั้งเรื่องป่าบ้าๆที่เขาโผล่มา  ปีศาจงูที่กลายร่างเป็นคน  หมาตัวเขื่องที่กัดกับงูยักษ์ ลืมตาขึ้นมาเขาคงกลับไปอยู่ที่ริโอหรือไม่ก็อิตาลี อืม เตียงนอนนี้มันนุ่มจริงๆนะ  ถึงจะรู้สึกว่าเล็กไปสักหน่อย อืม ก็เตียงที่ห้องเขาเป็นเตียงคิงไซต์ที่สั่งทำพิเศษนี่นะ เอ๊ะ


               เปลือกตาที่ขยับยุกยิกอยู่หลายนาที เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะกระพริบปริบๆเพื่อปรับโพกัสให้เด่นชัดขึ้น  ภาพเบื้องหน้าที่เห็นไม่ใช้เพดานสีเทาควันบุหรี่ของห้องนอนที่น่าจะคุ้นเคย และไม่ใช่เพดานสีขาวเรียบแบบที่น่าจะเห็นได้บ่อยๆตามโรงแรม  แต่กลับเป็นเพดานไม้  ไม้ที่เหมือนเปลือกหรือลำต้นของต้นไม้ที่แซมไปด้วยไม้แผ่นขนาดเล็กตีเรียงกันไม่ค่อยเป็นระเบียบเกิดเป็นช่องว่างให้แสงสีส้มทอดผ่านรอยแยกเข้ามาในห้อง 


                มาเฟียหนุ่มรีบผุดลุกขึ้นรู้สึกมึนวูบจนต้องเอนหลังพิงหัวเตียงที่ให้สัมผัสประหลาดจนอดหันไปดูไม่ได้ สิ่งที่เขาพิงไปเมื่อกี้คือส่วนของแผนไม้ที่มีขนาดใหญ่จนน่าเหลือเชื่อตีขนาบไปด้วยแผ่นไม้ขนาดกว้างประมาณหนึ่งฝ่ามือ  ส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นเตียงเขานั้นเหมือนโพรงไม้ขนาดใหญ่รูปครึ่งวงกลม ที่เอาไม้กระดานมาตีปิดรอยแตกไว้ ความกว้างน่าจะประมาณ 3 ฟุต ส่วนความยาวคงราวๆ 5 ฟุตครึ่ง ซึ่งคงยาวไม่พอสำหรับคนที่สูงกว่า 6 ฟุตอย่างเขา เตียงนอนแม้จะนุ่มแต่ก็ไม่ได้นุ่มจากใยสังเคราะห์หรือขนเป็ด มันน่าเป็นอย่างอื่นซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ตัวที่นอนเป็นสีน้ำตาลออกแดงเหมือนสีเปลือกไม้ หมอนที่หนุนอยู่ก็น่าจะยัดสิ่งเดียวกับที่นอนแต่ยัดเอาไว้แน่นกว่ามาก ส่วนผ้าห่มก็เป็นผ้าเนื้อหยาบที่ไม่ค่อยนุ่มผิวสีน้ำตาลเหมือนกันแต่อุ่นน่าดู


   “ที่นี้มันที่ไหนอีกว่ะ”คาเซอริโอพึมพำเมื่อรู้สึกตื่นเต็มตาและออกจะงงๆกับสถานที่ใหม่ของตัวเอง


   “ตื่นแล้วหรือคะ”เสียงหวานใสเรียกให้ดวงตาสีเทาตวัดมามองก่อนจะหรี่ตาให้กับแสงจ้าที่ส่องเข้ามาพร้อมกับเงาร่างของคนๆหนึ่ง


   “ท่านหลับไป 3 วันเต็มๆ ไข้ขึ้นสูงมากจนข้ากังวลไปหมดกลัวว่าท่านจะเป็นอะไรไป ดีจังเลยนะคะ ที่ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาสักที”คนพูดร่ายประโยคยาวๆออกมาก่อนจะยกเอาถังน้ำมาวางไว้ข้างเตียง


   “ที่นี้ที่ไหน”คาเซอริโอคว้าบีบแน่นที่ข้อแขนเล็ก ดวงตาสีเทาเป็นประกายโรจน์


   “อ๊ะ  ที่นี้คือบ้านของข้าเองคะ”หญิงสาวตอบเสียงสั่นเมื่อแรงบีบที่แขนมากเกินกว่าความคาดคิด


   “เธอเป็นใคร”


   “ข้าเป็นพี่สาวของชินอู  น้องชายข้าที่ท่านช่วยไว้ยังไงหละคะ  ที่นี้เป็นบ้านของข้าท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกคะ  ที่นี้ปลอดภัยพักให้สบายเถอะนะคะ”ฝ่ามือขาวข้างที่ไม่ถูกจับกุมยกขึ้นตบบนมือใหญ่เบาๆเหมือนให้กำลังใจ


   “ขอโทษ เจ็บรึเปล่า”คาเซอริโอรีบปล่อยมือออกจากข้อแขนที่เริ่มแดงเพราะแรงบีบ


   “ไม่หรอกคะ  ข้าผิดเองที่ทำให้ท่านตกใจ ท่านเพิ่งฟื้นไข้ขึ้นมาแท้ๆ”รอยยิ้มสว่างใสเล่นเอาคนมองตาพร่า  อ่าช่างสวยงามจริงๆ  นี้เขาพลาดไปได้ยังไงนะถึงไม่สังเกตเห็นถึงความสวยของคนตรงหน้า


   เปลือกตาบางกระพริบปริบๆก่อนจะมองคนตรงหน้าให้ชัดๆ  เส้นผมสีน้ำตาลยาวล้อมกรอบใบหน้าเรียวยาวได้รูป  คิ้วสีน้ำตาลโก้งโค้งเล็กน้อย  จมูกโด่งจิ้มลิ้ม  ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสดใส ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เมื่อยามแย้มยิ้มจะเห็นฟันสีขาวเรียงกันเป็นระเบียบเป็นยิ้มที่ทำให้โลกสดใส  ลำคอเรียวระหงมีเส้นเชือกสีน้ำตาลห้อยไว้ด้วยหินสีแดงรูปหยดน้ำเม็ดเล็ก  ลาดไหล่เล็กภายใต้เสื้อแปลกตาที่ดูเหมือนชุดคลุมอาบน้ำที่ทำจากผ้าเนื้อหนาสีน้ำตาล  คาดทับให้แน่นหนาด้วยเส้นเชือกสีน้ำตาลจากใต้ทรวงอกที่ดุนดันเนื้อผ้าให้นูนออกมา  กะด้วยสายตาคงประมาณคัพซีขึ้นไปหละนะ อืมเสื้อตัวในนั้นก็ดูเหมือนเกาะอกเล็กๆ เส้นเชือกที่สานกันอยู่ใต้อกยาวลงมาจรดหน้าท้องเน้นให้เห็นเอวบางคอดกิ่วที่คงกอดได้พอดีมือ ต่ำลงมาก็สะโพกพายได้รูปใต้กระโปรงพลิ้วๆสีน้ำตาลที่ยาวลงมาจนแทบจรดพื้น น่าเสียดายจริงๆ    ที่ไม่ได้เห็นขาสวยแต่ดูจากท่อนแขนกลมกลึงนอกแขนเสื้อสั้นๆนั้นก็คงขาวน่าดู


   “เอ่อ..คือ..”เสียงหวานเอ่ยติดขัดเมื่อรู้สึกว่าดวงตาสีเทาคู่คมนั้นกวาดมองเธอไปจนทั่วร่าง


   “อ๊ะ ขอโทษที่เสียมารยาท  ผมคาเซอริโอ”คาเซอริโอรีบฉีกยิ้มเจือประกายขอโทษเมื่อเห็นสาวเจ้าหน้าแดงด้วยความเขินอายที่ถูกเขาจ้องไปทั่วเรือนร่างก็นะ  เดาจากหน้าตาอายุคงประมาณ 20 ต้นๆ เท่านั้นกำลังดีเลยทีเดียว


   “อ่ะคะ  ข้าชินริคะ  เป็นพี่สาวของชินอู”หญิงสาวก้มตัวน้อยๆทำให้ผมสีน้ำตาลที่มัดเป็นเปียไว้ข้างหนึ่งโค้งลงมาเบื้องหน้าและทำให้มีโอกาสเห็นทรวงอกขาวๆที่เบียดอัดกันอยู่ อืม  คัพซีจริงๆด้วย


   “ชินอูงั้นเหรอ”แล้วไอ้เด็กที่ชื่อชินอูนั้นมันใครกัน  ไปเผลอช่วยไว้ตอนไหนอีกหละนั้น


   “อ๊ะ  ท่านอาจจะจำไม่ได้  อืม  ตอนนี้ชินอูก็ออกไปข้างนอกซะด้วยสิ  เดี๋ยวเขากลับมาแล้วข้าจะรีบพาเขามาขอบคุณท่านนะคะ จริงสิ  ท่านเพิ่งตื่นยังไงก็เช็ดตัวก่อนดีกว่านะคะ   ข้านำน้ำเข้ามาให้แล้ว  ท่านเพิ่งซ่างไข้อย่าเพิ่งอาบน้ำเลยดีกว่า  แล้วเดี๋ยวข้ายกอาหารกับยาเข้ามาให้นะท่านเออ  คาเซอ..”


   “หึหึ  เรียกคาโลก็ได้ ขอบคุณนะที่ช่วยดูแลมาตลอด”คาเซอริโอยิ้มถือโอกาสคิดเอาว่าหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าเป็นคนดูแลตนเองมาตลอดช่วงเวลาที่ไข้ขึ้น


   “อ๊ะ  ไม่ลำบากอะไรหรอกคะ  ท่านเองก็เป็นผู้มีพระคุณ  เออ  ยังไงข้าขอตัวก่อนนะคะ”หญิงสาวโค้งตัวเร็วๆก่อนจะวิ่งจู๊ดหน้าแดงออกไปนอกห้อง


   “หึหึ  ไร้เดียงสาจริงๆนะ”คาเซอริโอยิ้มขำให้กับหญิงสาวที่เขินจนหน้าแดงเมื่อเห็นช่วงบนเปลือยเปล่าของเขาภายใต้ผ้าห่มที่เลื่อนลงมาได้ถูกจังหวะ มันทำให้นึกเอ็นดูน่ารักน่าแกล้งมากกว่าคิดในเชิงชู้สาวซะแล้วสิ


   ดวงตาสีเทามองถังน้ำเตี้ยๆที่ทำมาจากไม้ที่น่าจะชันรอบๆด้วยยางไม้เพื่อไม่ให้มีรอยรั่วก่อนจะก้มลงมองแผลที่ช่วงอกและช่วงท้อง  ยังมีจุดม่วงจ้ำๆจากรอยช้ำที่เขาน่าจะได้มาจากการสู้กับงูเพื่อช่วยเจ้าหมานั้น  พูดถึงช่วงก็ชวนให้นึกถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้นหึ  หวังว่าน้องชายของชินริจะไม่ใช่เจ้าหมานั้นหรอกนะ  หึ  คิดไปก็เท่านั้นแหละ  ยังไงตอนนี้เขาก็ปลอดภัยแล้วในบางส่วนแถมอาการที่ดีขึ้นมาก  ไอ้ใบไม้เขียวๆที่ถูกทำให้ละเอียดแล้วโปะไว้ตามตัวพวกนี้คงเป็นยาดีที่ทำให้เขาหายได้เร็ว แผลถูกยิงที่ขาขวาก็เหมือนจะดีขึ้นมาก  พักอีกไม่กี่วันคงหายคงต้องขอบคุณชินริแล้วสิ  ตอนนี้ขอพักให้สบายก่อนตื่นอีกรอบค่อยว่ากัน สังหรณ์ว่ามันคงต้องมีเรื่องเข้ามาอีกเพราะฉะนั้นนอนเก็บแรงไว้คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด





========================================





   เรื่องยุ่งๆที่คิดว่าจะมาก็มาไวดังใจคิด  หรือบางทีมันอาจจะไวเกินไปเมื่อเขาหลับได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกปลุกด้วยเด็กหนุ่มที่สูงเพียงแค่อกเขาพร้อมแนะนำว่าตนเองคือชินอู  เจ้าหมาที่เขาเพิ่งเสี่ยงชีวิตไปสู้กับงูเพื่อช่วยมันมา  ความจริงที่รู้เหมือนโดนไม้ตีแสกหน้า มันทั้งอึ้งทั้งมึนงงและสังหรณ์แบบแปลกๆ ใช่  สังหรณ์แปลกๆนั้นโดยเจ้าเด็กชินอูที่ลากเขาออกมาและเอามาทิ้งไว้กลางดงหมา หมาที่แปลงเป็นคนได้  ตัวผู้ทั้งนั้น  นอกจากจะไม่เจริญหูเจริญตาแล้วยังชวนเส้นเลือดในสมองแตกอีกด้วย


   “ข้าสนับสนุนให้จับขังเอาไว้ก่อน ยังไงมนุษย์ก็ไว้ใจไม่ได้”เสียงดังชวนเอาลูกปืนกรอกปากดังมาจากเจ้าตัวทางด้านขวา  เจ้าตัวผอมสูงโย่ง  หัวสีเทาจางชี้ฟูเหมือนหัวนกแก้ว  หางตาและคิ้วที่ชี้ขึ้นบอกได้คำเดียวว่าไม่ค่อยเข้าตาคาเซอริโอสักเท่าไหร่


   “ข้านึกว่าเจ้าจะเสนอให้ฆ่าซะอีก”อีกเสียงดังมาจากทางด้านซ้ายคน(หมา)ที่พูดยืนพิงต้นไม้ด้วยท่าทางสบายๆชวนยียวนแบบที่เส้นอารมณ์ของคาเซอริโอได้แต่กระตุกยิกๆ


   “ฆ่าไม่ได้นะคะ”เสียงหวานที่แทรกขึ้นมาของชินริทำให้คาเซอริโอแอบใจชื้นที่ได้ยินเสียงหวานๆบ้างท่ามกลางเสียงแตกๆทุ้มๆที่ฟังไม่เจริญหูโดยเฉพาะยามที่พวกมันกำลังพูดเรื่องของเขาอยู่โดยไม่ถามความเห็นจากเขาแม้แต่น้อย


   “ก็นั้นแหละ อย่างที่ชินริพูด ฆ่าไม่ได้เพราะอย่างน้อยเจ้านั้นก็ช่วยชินอูไว้”เจ้านกแก้วหัวเทาพูดขึ้น  เมื่อดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาหาเรื่องใส่ตัวจะเป็นเหมือนโชคช่วยให้ถูกมองดีขึ้นหรือคิดได้อีกอย่างคือมันกำลังพยายามเอาใจชินริ


   “มันอาจจะไม่ใช่การช่วย  ไม่เคยมีมนุษย์น่าโง่ที่ไหนออกมาช่วยพวกเรา”เจ้าตัวที่ยืนพิงต้นไม้เถียงขึ้นมาอีกรอบ เหอะ อยู่ดีๆเขาก็ถูกยกตำแหน่งมนุษย์หน้าโง่ให้


   “แล้วเจ้าจะให้ทำยังไง  หรือต้องฆ่าเจ้าถึงจะพอใจ”เจ้านกแก้วหัวเทาสวนขึ้นบ้างด้วยเสียงที่เริ่มจะมีแววโมโห


   “ถ้านั้นเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกตนในกลุ่ม”


   “ไม่ได้นะคะท่านวูฟเทอรีน”ชินริพูด ดวงตาสีน้ำตาลเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา


   “ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้าแต่เราปล่อยเจ้านั้นไว้ไม่ได้”วูฟเทอรีนพูดขึ้น


   “เลิกงี่เง่ากันได้แล้วโว๊ย”มนุษย์คนเดียวในกลุ่มตะโกนออกมาด้วยความเหลืออด เส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ เมื่อเส้นอารมณ์ขาด ใครบอกว่าคาเซอริโอ ซิสิอาโน เป็นคนความอดทนเป็นเยี่ยม  ปรับตัวได้เก่ง ตัวเองมาโผล่ที่ไหนไม่รู้ก็ยังไม่โวยวาย  เจองูแปลงเป็นคนได้ยังคุยสนิทสนม  โดดเข้าไปสู้กับงูยักษ์ได้โดยไม่เกรงกลัว ใครมองแบบนั้นก็คิดผิดถนัด  เพราะถ้ามันแค่ช่วงแรกๆ หรือมีไม่กี่เรื่องก็คงไม่เท่าไหร่  แต่หลายๆเรื่องเข้ามันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน และตอนนี้ความอดทนของเขามันก็มาถึงขีดสุดแล้ว


   “เหอะ  ปล่อยไว้ไม่ได้บ้างหละ  ต้องฆ่าให้ตายบ้างหละ ต้องขังเอาไว้บ้างหละ ถุย ไอ้ที่พูดๆไปนั้นนะถามฉันบ้างรึยังห๊ะ ว่าอยากตาย อยากโดนขังเหมือนที่พวกแกว่ารึเปล่าไอ้ลูกหมาเอย”ทั้งการถมน้ำลายและการพูดด่าว่าพวกมันเป็นลูกหมาเหมือนจะทำให้พวกมันอึ้งได้บ้างที่เจอพฤติกรรมชวนสั่งสอนให้หลาบจำจากมนุษย์คนหนึ่ง


   “ท่านคาโลคะ”เสียงชินริเรียกอ่อยๆที่ข้างหลัง


   “เงียบซะชินริ  นี้ไม่เรื่องของเธอ ฉันช่วยชินอูไม่ได้คิดถือเป็นบุญคุณ อนาคตฉัน  ฉันตัดสินได้เองไม่ต้องให้ใครมาคิดแทน”ดวงตาสีเทากวาดมองบรรดาหมาปีศาจรอบข้างนิ่ง


   “ปากกล้าเหลือเกินนะ”เจ้าคนที่ยืนพิงต้นไม้ที่บังเอิญรู้ว่าชื่อวูฟเทอรีนพูด


   “รนหาเรื่องแท้ๆ”เจ้านกแก้วหัวเทาพูดบ้าง


   “จะรนหาเรื่องไม่รนหาเรื่องเดี๋ยวก็รู้”ร่างที่นั่งติดอยู่กับพื้นมาตลอดผุดลุกขึ้น  มือที่ถูกจับมัดไพล่หลังด้วยเชือกสะบัดออกพร้อมเชือกที่ร่วงลงจากพื้น  เจ้าตัวที่อยู่ใกล้เขาที่สุดผวาลุกขึ้นตามก่อนจะพุ่งเข้ามา


   “ช้าไปแล้วไอ้หนู”คาเซอริโอยกยิ้มเหี้ยมเอี้ยวตัวหลบฟันศอกเข้าเต็มหลัง  หมุนตัวพร้อมตวัดขาซ้ำที่กลางหลังจนทรุดฮวบ  ร่วงไปหนึ่งจุดประกายให้ที่เหลือ  เจ้าตัวทางขวาอีกคนกระโจนเข้าหาพร้อมกงเล็บที่ตวัดวูบ  เฉียดแก้มจนได้เลือดซึมออกมา


   “ไม่เบานี้หว่า”มือขาวยกขึ้นปาดเลือดที่แก้มก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือแล้วออกแรงทุ่มมันลงไปนอนที่พื้น  ขาในรองเท้าหนังเนื้อดีกระทืบเข้าเต็มยอดอกก่อนจะเสยปลายคางหวังให้น๊อคแต่เหมือนคางของหมาปีศาจจะแข็งกว่ามนุษย์จึงทำได้แค่สร้างความมึนงงแต่คนออกแรงทุ่มถึงกับเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย บ้าเฮ้ย แผลยังไม่หายดีแล้วยังต้องออกมาออกแรงแบบนี้อีก สงสัยต้องรีบแล้ว


   “อยากเจ็บตัวก่อนก็ไม่บอก”เจ้านกแก้วหัวเทาพุ่งเข้ามาพร้อมกงเล็บแหลมในมือ


กึก!!


   “ชิ”มีดด้ามยาวในมือทอประกายวาววับท้าทายศัตรูที่หลบฉากได้ทันก่อนมีดจะบั้นเข้าที่ข้อมือ


   “ของฝากนะ คมดีใช่ไหมหละ”แม้จะหลบการถูกฟันข้อมือขาดได้สำเร็จแต่เล็บยาวที่กางออกมาเมื่อครู่ก็โดนตัดจนทื่อ และเขาหวังว่ามันจะไม่งอกเร็วนัก


   “เป็นเพียงแค่มนุษย์คิดว่าจะสู้เผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างพวกเราได้รึไง”วูฟเทอรีนเริ่มขยับตัวบ้าง บรรดาหมาปีศาจตัวอื่นๆเมื่อเห็นวูฟเทอรีนกับเจ้านกแก้วขยับก็เริ่มตีวงออกห่างเป็นเพียงการคุมเชิง  เหมือนเจ้า 2 ตัวนี้จะแน่อยู่ไม่เบาพวกมันถึงได้ขยับออกห่างเป็นการให้เกรียติหรือไม่ก็รอซ้ำเมื่อเจ้า 2 ตัวนั้นพลาดท่า


   “อยากรู้ก็เข้ามา”วูฟเทอรีนตอบรับคำท่าด้วยการโค้งหลังลงต่ำ ใบหูแบบมนุษย์กลายเป็นใบหูแหลมที่มีขนสีน้ำตาลแซมเหมือนหูหมา  ใบหน้าและลำตัวมีขนสีน้ำตาลยาวขึ้นทั่ว  กรงเล็บในมือยืดยาวออก แปลสภาพไปคล้ายๆกับมนุษย์หมาป่า


กรร!!


   รูปร่างใหญ่โตของมนุษย์หมากระโดดเข้าหาคาเซอริโอที่รีบเอี้ยวตัวหลบมีดในมือถูกจับให้กระชับแน่น  รอรับการพุ่งตัวเข้ามาหาอีกครั้ง


   “เปลี่ยนร่างได้น่าเกลียดดีนี้หว่า”กรงเล็บข้างหนึ่งพุ่งตะปบเข้าหา คาเซอริโอเอี้ยวตัวหลบอีกรอบ รอยยิ้มที่มุมปากกระตุกขึ้น  ความตื่นเต้นที่ทำให้เส้นเลือดในสมองกระตุกมันสนุกน้อยซะเมื่อไหร่


   ร่างของมนุษย์หมาที่พลาดเป้าเอี้ยวตัวกลับมา ย่อตัวจนเหมือนยืนสี่ขา แรงดีดตัวจากขาทั้ง 4 ทำให้การเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ปากที่อ้ากว้างทำให้เห็นเขี้ยวแหลมที่ยืนยาวจนน่ากลัวว่าหากถูกกัดคงกลายเป็นโรคพิษสุนัขบ้า คาเซอริโอยิ้มเหี้ยมก่อนจะเอี้ยวตัวหลบไปทางขวามีดในมือตวัดวูบเฉือนรอยไว้บนหลังมนุษย์หมาที่พลิกตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียดแผลจึงไม่ลึก เงาร่างที่วูบไหวทางด้านหลังทำให้คาเซอริโอต้องเอี้ยวตัวกลับ ดวงตาสีเทาทันเห็นกงเล็บยาวที่ยื่นออกมาก่อนมันจะหวดเข้ากลางหลัง  ขาของเหยื่อจึงตวัดวูบเข้ากลางลำตัวมนุษย์หมาหัวนกแก้ว หลบได้แต่ไม่ทั้งหมด สัมผัสเหนอะที่แผ่นหลังตามมาด้วยความแสบของแผล แผลไม่ลึกเท่าไหร่ แต่มันคงทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง


กรร!!


   เสียงขู่ขำรามจากด้านหลังดังขึ้น คาเซอริโอออกแรงกระโดดหนีการปะทะ  มนุษย์หมาที่พุ่งตัวพลาดตะกุยขากับพื้นเอี้ยวตัวกลับ พุ่งเข้าหา ขายาวตวัดวูบแต่มนุษย์หมาเอี้ยวตัวหลบได้ มีดในมือฟาดเป็นวงไปด้านข้าง  พร้อมกับกรงเล็บที่พุ่งเข้ามา


   “พอได้แล้ว”เสียงตวาดดังก้องจากหนึ่งในฝูง  มนุษย์หมาวูฟเทอรีนหยุดกึกเพราะมือที่คว้าเข้ากลางลำคอกับปลายมีดที่จ่อติดหน้าอก ส่วนอีกตัวถูกหยุดด้วยฝ่ามือที่กระชากไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้


กรร!!


   มนุษย์หมาครางในลำคอด้วยความไม่พอใจ ดวงตาตวัดมองผู้หยุดตนเองด้วยการคว้าเข้าเต็มลำคอเช่นเดียวกับคาเซอริโอที่มองเจ้าตัวที่สอดมือมายุ่งด้วยความหงุดหงิด


   “หัวหน้าบอกให้หยุด  ข้าก็เลยช่วยหยุดให้”เจ้าตัวยุ่งบอกเสียงร่าเริงก่อนจะหันมายิ้มกว้างส่งประกายตาวิบวับในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นให้คาเซอริโอ ใบหน้ายิ้มแย้มที่ไม่ได้เข้ากับการกระทำที่คว้าจับได้รุนแรงจนเจ้าหมาที่ถูกคว้าคอถึงกับไอคอกแค่กเพราะขาดอากาศ


   “หึ ยุ่งจริงนะ”คาเซอริโอบ่นด้วยความเสียดายปนโล่งอก  ถ้าเสียงเมื่อกี้ไม่ดังขึ้นเจ้ามนุษย์หมาที่ชื่อวูฟเทอรีนอาจได้ตะปบเขาและถูกมีดในมือเขาเสียบทะลุอก ส่วนเจ้าหัวนกแก้วข้างหลังคงได้พุ่งเข้ามาหาตัวเขาพอดี  สถานการณ์ 1 ต่อ 2 ที่ไม่รู้ว่าใครจะชนะทำให้รู้สึกเสียดายปนโล่งอกนิดๆไม่ได้


   “เจ้าต้องการอะไร”เจ้าตัวที่น่าจะเป็นหัวหน้าซึ่งนั่งเงียบมานานพูดขึ้นบ้างหลังจากหยุดมวยคู่เอกให้แยกย้ายกันไปคนละมุมได้  ดวงตาสีแดงจ้องมองเขานิ่ง  ก็นะ กว่าจะพูดออกมาได้นึกว่าเป็นใบ้ไปซะแล้ว


   “ออกไปจากที่นี้”


   “ไม่ได้นะคะ  ร่างกายท่าน..”


   “เงียบก่อนชินริ”เจ้าตัวหัวหน้าหันไปปรามก่อนจะกลับมาจ้องหน้าคาเซอริโออีกครั้ง


   “ตามกฎของเราแล้ว  เราไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์  หากถูกรุกรานเราคงต้องป้องกันตัว แต่ในกรณีเจ้าได้ช่วยชินอูเอาไว้ถือเป็นกรณีพิเศษ  หากเจ้ามีเจตนาบริสุทธิ์ การขอออกไปของเจ้าคงไม่ใช่เรื่องยากที่ทางเราจะอนุญาตให้ได้  แต่ตอนนี้กลุ่มของเรามีปัญหาบางอย่างจึงไม่สะดวกที่จะให้ใครเข้าออกได้ในเวลานี้หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”คำพูดฟังแล้วอาจสวยหรู แต่ประเด็นจริงๆในความหมายนั้นคือ  หากเป็นปกติเจอมนุษย์เข้าคงฆ่าทิ้งเพราะมนุษย์กับปีศาจก็ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกันอยู่แล้ว  แต่ตอนนี้ติดปัญหาบางอย่างอยู่ ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ว่าเป็นปัญหาจริงหรือปัญหาหลอกๆที่พวกมันอ้างขึ้นมาเพื่อขอกักตัวเขาเอาไว้ในกลุ่ม  ทำนองว่าฆ่าทิ้งก็ไม่ได้ แต่จะปล่อยให้ออกไปลอยนวลข้างนอกในตอนนี้ก็ไม่ได้


   “แล้วไง  จะจับฉันขังไว้หรือเอาโซ่ล่ามดี”คาเซอริโอมองนิ่ง  มีดในมือยังคงจับแน่นท่าทางที่พร้อมต่อสู้บอกให้รู้ว่าเขาจะไม่ยอมโดนจับขังกรงหรือลามโซ่แบบหมาแน่ๆ


   “คงต้องขอกักตัวเจ้าเอาไว้สักพัก  ส่วนวิธีการ...”


   “จับขัง..”


   “ข้าดูแลให้เอง”เสียงเจ้าหัวนกแก้วถูกขัดด้วยอีกเสียงที่ดังกว่า


   “นะทิเบอริส  ให้ข้าดูแลเอง”เจ้าตัวที่พูดยิ้มกว้างหน้าระรื่นได้ขัดกับสถานการณ์รอบด้านเป็นที่สุด  ไอ้ตัวที่เป็นคนกระชากคอวูฟเทอรีนออกไปนั้นแหละ


   “เจ้ามั่นใจว่าทำได้งั้นเหรอ”


   “อืม  คิดว่านะ  ถ้าไม่ไหวยังไงก็มีเยอร์เซ็พ แล้วก็พวกเจ้าคอยดูนี้”ดวงตาสีแดงของหัวหน้าเผ่ามองคนพูดก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


   “ตามนั้น”เสียงคัดค้านดังขึ้นเบาๆแต่มันไม่เข้าหูคาเซอริโอที่ตวัดไปมองเจ้าหมาตาสีน้ำตาลที่ราวกับรู้ว่าตัวเองถูกจ้องจึงได้หันมายิ้มให้  ด้วยดวงตาเป็นประกายที่เรียกให้คาเซอริโอปวดขมับๆตุ้บๆ และวิงเวียนขึ้นมาทันทีก่อนจะล้มฟุ่บลงไปกองกับพื้นโดยมีรอยยิ้มนั้นติดตามไป












     ตอนใหม่มาแล้วคะ เป็นการเปิดตัวเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลคู่ใส่เเจ่วผู้จะมาทำคะแนนเรียกร้องความสนใจจากคาโลของเรา

     แหมๆตอนโผล่มาตอนแรกๆไม่รู้ทำไมน้องหมาของเราถึงได้บ๋องแบ๋วน่ารักแบบนี้นะ

     แต่เขียนๆไปชักรู้สึกว่าทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งน่าแกล้งยังไงก็ไม่รู้สิ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
         
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่5 ขีดความอดทนของ.......3/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 04-08-2014 02:43:05
กรี๊ดๆ คาโลคะ นายยังเป็นคนอยู่ป่ะ? ทำไมโดนไล่ฆ่าที่ริโอ สลบจนตื่นมาที่ป่า
เจองูแปลงร่างได้ ช่วยหมาที่กำลังสู้กับงู สลบต่ออีก3วันก็มีคิวบู้กับมนุษย์หมา
ถามจริง นายทำได้ไง อึดไปไรไปป่ะ 555555 เรื่องนี้น่าสนใจมากๆเลย
ภาษาสวย อธิบายซะเห็นภาพเลย คิวบู้ก็มันส์ได้ใจมากด้วย ชอบจังเลย
มาต่ออีกไวๆนะคะ เราจิปูเสื่อรออ่านน้า > 0 <
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่6 ไม่ได้มีมนุษย์...5/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 05-08-2014 14:25:04
ตอนที่ 6 ไม่ได้มีมนุษย์แค่คนเดียวในกลุ่มหมาปีศาจ                           29/09/2556
                              12/05/2557









   “จะเป็นอะไรมากไหมคะหมอ”


   “อืม  แผลก็หนักเอาการทีเดียว ร่างกายก็สะบักสะบอมมากอยู่แล้ว  แต่เขาเองก็แข็งแรงมาก คงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอกครับ”เสียงใคร น่ารำคาญจริงๆ


   “คะ”


   “ถ้ายังไงรบกวนไปต้มน้ำเตรียมยาให้หน่อยแล้วกันนะครับ”


   “ได้คะ”เสียงเหมือนใครสักคนเดินออกข้างนอกแล้วความเงียบสงบก็กลับมาเยือน


   “เฮ้อ  คุณนี้ก็หาเรื่องเก่งจริงๆนะครับ ผมยังไม่เคยเห็นใครบ้าบิ่นแบบคุณมาก่อนเลย”


   “งั้นก็เห็นซะสิ”ดวงตาสีเทาลืมพรึ่บมือทั้งสองข้างจับยึดข้อมือคนพูดก่อนจะเหวี่ยงลงบนเตียงและตรึงไว้แน่น เจ้าตัวที่บังอาจขโมยช่วงเวลาการนอนอันสงบสุขของเขา


   “แกเป็นใคร”คาเซอริโอถามเสียงเหี้ยม ในใจคิดถึงเจ้าปืนลูกรักถ้ามีเขาคงได้เอามาจี้สมองมันไปแล้ว


   “อะ  เออ ผมเป็นหมอครับ ชื่อฮิโตะ  ยังไงปล่อยผมก่อนดีกว่าไหม”เจ้าคนเอเชียตรงหน้าพูดเสียงสั่น  ตาดำๆคู่นั้นไหวระริก เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นที่ไรผมสีดำ


   “หมอ  เป็นคนหรือพวกปีศาจ”คาเซอริโอถามด้วยความไม่แน่ใจ  เพราะตั้งแต่มาโผล่ที่นี้เขาเห็นปีศาจกลายเป็นคนก็มาก  ไอ้บ้าที่บอกว่าตัวเองเป็นหมอตรงหน้าอาจเป็นพวกปีศาจแปลงมาก็ได้


   “ผมเป็นคนครับ  มาจากญี่ปุ่น คุณน่าจะรู้จัก”


   “หืม  ญี่ปุ่น”


   “อ๊ะ  japan นะครับ”คิ้วเข้มบนใบหน้าคนฟังขมวดฉับก็พอจะเคยได้ยินมาบ้าง


   “แกอยู่ที่นี่กับหมาพวกนี้ได้ยังไง”สมองคนถามเริ่มแล่นฉิว ถ้าเขาไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ท่ามกลางพวกปีศาจเขาอาจจะได้คำตอบถึงสาเหตุบ้าๆที่ทำให้เขามาโผล่ที่นี้ก็ได้


   “อ๊ะ  ผมก็จำไม่ค่อยได้ด้วยสิครับ  มันนานเหมือนกันนะ  แต่ยังไงช่วยปล่อยผมก่อนได้ไหมจะได้ทำแผลให้คุณต่อ”พูดถึงแผลความเจ็บก็แล่นแปลบมาจากกลางหลังแต่ก็น้อยกว่าตอนโดนครั้งแรกพอสมควร


   “เจ็บชิบ  ไอ้บ้านั้นดันฟาดมาได้”นึกถึงเจ้าตัวที่ทำแล้วก็อดคิ้วกระตุกยิกๆด้วยความโมโห  ก่อนจะเผลอถอนหายใจแล้วเอนตัวทับคนด้านล่างด้วยความเหนื่อยหน่าย ก็ตัวเขาเองไม่ใช่รึไงที่หมดความอดทนท้าสู้พวกมันเหย่งๆจนได้เรื่อง


   “อ๊ะ เออ คุณคาโลครับปล่อยผมก่อนนะ  ผมหนักนะครับ”เสียงประท้วงดังมาจากเจ้าคนที่เขาเอนตัวทับมัน


   “รู้จักชื่อฉันได้ยังไง”คาเซอริโอตะแครงหน้าไปทางคนพูดมองเห็นแค่กลุ่มผมสีดำและใบหูที่แดงก่ำไม่รู้ว่าเกิดจากความอายหรือหนักกันแน่  ดูแล้วก็ทำให้อารมณ์หงุดหงิดคลายลงบ้าง


   “เออคุณชินริเป็นคนบอกผมนะครับ”


   “อ๋อ”คาเซอริโอครางยาวในลำคอ  ถึงว่าห้องนี้ถึงได้คุ้นๆก็ห้องเก่าที่เขาเคยนอนนั้นแหละ  ถ้าอย่างนั้นเสียงผู้หญิงที่เขาได้ยินเมื่อกี้ก็คงเป็นชินริสินะ


   “นายดูแลฉันมาตั้งแต่ครั้งแรกเลยงั้นเหรอ”คาเซอริโอถามไปพลางก็ขยับตัวให้นอนสบายไปพราง จัดการเอาหน้าซุกเข้ากับซอกคอขาวได้กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนสมุนไพร  สบายจมูกดีแหะ


   “เออครับ  คุณคาโลครับปล่อยผมเถอะนะ”


   “หืม  อายอะไรหึ ผู้ชายเหมือนกัน”ว่าแล้วก็อดจุ๊บเบาๆลงบนซอกคอขาวๆหอมๆนั้นไม่ได้  อารมณ์อยากแกล้งคนมีมากจนแทบไม่สนแล้วว่าไอ้ที่แกล้งอยู่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็นั้นแหละพวกคนเอเชียก็ตัวเล็กๆหน้าตาแยกออกยากว่าชายหรือหญิงอยู่แล้วด้วย


   “หว่าๆ ไม่ได้นะครับ  ปล่อยผมเถอะ”


   “หืม  หอมดีออก”มือแข็งแรงรวบมือที่ผลักไสไว้เหนือหัว  อดไม่ได้ที่จะซุกไซร์ให้มากขึ้น 


   “ปล่อย”เสียงเย็นๆที่มั่นใจว่าไม่ใช่เสียงของเจ้าคนที่เขานอนทับอยู่ดังขึ้นเหนือหัวเรียกให้ดวงตาสีเทาละออกจากซอกคอขาวแล้วหันมามอง หน้าคุ้นๆแหะ


   “เยอร์เซ็พ ช่วยผมด้วยครับ”แล้วแรงกระชากที่ไหล่ก็ดึงเขาให้ลุกออกจากตัวหมอที่รีบไถลลงจากเตียง  จัดเสื้อผ้าไปหน้าแดงไปได้อย่างน่าแกล้งเป็นที่สุด


   “อ่ะ ขอบคุณมากนะเยอร์เซ็พ ไม่มีอะไรแล้วหละ”ดวงตากลมๆนั้นหันมามองคนช่วยที่ยังจ้องตากับเขาไม่เลิก  ถ้าบอกว่าหมอเหมือนกระต่าย  เจ้าบ้าที่กระชากไหล่เขาออกมาก็คงเหมือนหมาตัวโตๆที่จ้องจะจับกระต่ายหละมั้ง ทั้งผมฟู่ๆสีดำ คิ้วหนาสีเดียวกัน ตาสีทองแดง  ใบหน้าเป็นสันที่ดูเถื่อนๆดุๆเหมือนพวกทหารที่เพิ่งผ่านออกจากสนามรบนั้นด้วย


   “เจ้าหนูนั้นบอกว่าไม่มีอะไรแกก็ปล่อยได้แล้วมั้ง”คาเซอริโอบอกเสียงเรียบก่อนมือใหญ่ๆนั้นจะปล่อยไหล่เขา  เจ็บเหมือนกันแหะจับมาไม่ได้ออมแรงเลยนะ  เจ้าบ้านี้มันสูงเท่าไหร่กัน 2 เมตรได้หละมั้ง สูงจริงๆ ถ้าจำไม่ผิดเจ้านี้น่าจะเป็นหนึ่งในผู้คุมที่เจ้าหมาตาสีน้ำตาลนั้นพูดถึง เจ้าหมาตาสีน้ำตาลที่จ้องเขาด้วยตาใสแจ๋วนั้น


   “เออ  ยังเจ็บแผลที่หลังอยู่ไหมครับ”


   “ก็นิดหน่อย”คนตอบขยับแขนและไหล่ถึงได้รู้ว่าแผลจะเจ็บเมื่อตอนขยับตัวเท่านั้น  นั่งนิ่งๆก็ไม่เจ็บ


   “ดีจังเลยนะครับ  คุณคาโลนี้แข็งแรงดีจัง”คนตรงหน้าพูดไปยิ้มไปพร้อมกับจัดอุปกรณ์ที่ที่วางบนโต๊ะไป  กวาดตาดูแล้วก็เห็นมีดเล็กๆที่เหมือนมีดผ่าตัด ผ้าสีขาวๆที่เหมือนผ้าพันแผล แล้วกระปุกเล็กๆที่เหมือนกระปุกยานั้นอีก คงไม่ได้โกหกสินะที่บอกว่าเป็นหมอ


   “หันหลังมาสิครับ ผมจะได้ดูแผลให้”คาเซอริโอเหลือบมองคนพูดก่อนจะหันหลังให้ช้าๆ


   “นายยังไม่ตอบคำถามฉันว่ามาอยู่กับพวกปีศาจนี้ได้ยังไง”เจ้าหมาเยอร์เซ็พเหลือบตามองเขาแว๊บหนึ่งก่อนจะเลี่ยงไปยืนที่กรอบประตู  เหมือนจะมีมารยาทไม่รบกวนแต่ก็คอยคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง


   “เรื่องนั้นผมเองก็จำไม่ค่อยได้หรอกครับ นานมาแล้วเหมือนกัน  ผมจำได้แค่ว่าตัวเองถูกรถชนแล้วก็ตกลงไปในแม่น้ำ  รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี้แล้ว”เสียงทุ้มเล็กๆตอบพร้อมกับมือเย็นนิ่มที่จับลงบนแผ่นหลังก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างเหนอะๆที่ป้ายลงมาบนแผล


   “นั้นอะไร”


   “อ๋อ ยาสมุนไพรนะครับ แถวนี้ไม่มียาเหมือนที่โลกยังไงก็ต้องใช้ยาสมุนไพรไปก่อน แต่ก็สะอาดนะครับผมเตรียมเองกับมือ  สรรพคุณดีด้วย”


   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร”


   “อ๊ะครับ  งั้นเดี๋ยวผมพันแผลให้นะ”มือขาวๆเอื้อมมาที่ด้านหน้าก่อนจะตวัดผ้าสีขาวที่เหมือนผ้าพันแผลนั้นไปรอบๆแผ่นอกและแผ่นหลัง


   “พันเอาไว้แบบนี้ก่อนอย่าเพิ่งให้แผลถูกน้ำถึงจะผ่านมา 2 วันแผลเริ่มหายบ้างแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้นะครับ”


   “สองวันงั้นเหรอ”


   “ครับคุณหลับไป 2 วันเต็มๆเลย มีไข้นิดหน่อย ดีที่แผลไม่อักเสบ ถ้าแข็งแรงแบบนี้อีกไม่กี่วันก็หายแล้วหละครับ”คนพูดยิ้มให้เมื่อพันแผลเสร็จเรียบร้อย


   “ขอบใจ”


   “ไม่เป็นไรครับ  ยังไงผมขอตัวก่อนดีกว่าคุณคาโลจะได้พักผ่อนเดี๋ยวคุณชินริคงยกยาเข้ามาให้  ทานให้หมดนะครับ ยังไงผมจะมาดูอาการเรื่อยๆ”


   “อืม”เจ้าหมอตัวผอมโค้งให้เขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกประตูไปโดยมีเจ้าหมาร่างใหญ่นั้นเปิดผ้าบังสายตาให้  ดวงตาสีทองแดงนั้นหันมามองเขาแว๊บหนึ่งก่อนจะเดินตามหมอออกไป


   ดีเหมือนกันนะผู้คุมแบบนี้  มีก็เหมือนไม่มี ช่างไม่กลัวเขาหนีเอาซะเลย แต่ก็แปลกที่ตอนนี้เขายังไม่มีความคิดหนี  อย่างน้อยก็เจอคนที่มาจากโลกเดียวกันแล้วถามข้อมูลไว้หน่อยก่อนไปก็คงจะดีกว่าเดินดุ่มๆออกโดยไม่รู้อะไรเลย  คงต้องเสียเวลาเพิ่มสักหน่อย  รอหน่อยแล้วกันนะยังไงฉันก็จะกลับไปให้ได้แน่นอน





   




    มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ช่วงนี้ส่งถี่นิดหน่อยชดเชยตอนก่อนๆที่เลทไปนะคะ

    ขอบคุณ rinny สำหรับคอมเม้นยาวๆ ความจริงแล้วคาโลก็ออกจะอึดเกินมนุษย์ไปนิดหนึ่งคะ แต่ที่อึดนะเพราะใจล้วนๆ

ประมาณว่าใจสั่งให้กล้าร่างกายมันก็บ้าตาม  แต่เจ็บได้ป่วยได้คะ ยิ่งช่วงหลังๆพอใจอ่อนนี้ป่วยง่ายเลยคะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่6 ไม่ได้มีมนุษย์...5/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: pattyyaoi ที่ 05-08-2014 17:37:08
แล้วใครจะคู่กับคาโลน้า

แอบหวังให้คาโลเป็นรับอยู่นะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่6 ไม่ได้มีมนุษย์...5/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-08-2014 07:54:22
เรื่องนี้น่าสนใจ ยิ่งอ่านยิ่งเพลิน คาโลเป็นคนน่าสนใจดีถึงจะเป็นมาเฟียก็เถอะ แต่รู้อะไรไหมมาเฟียอิตาลีน่ะเท่มาก.........ช่วงนี้ชีวิตน่าตามติดดี แล้วนี่เจ้าหมาน้อยกับงูคา(จำไม่ได้)อะไรนั่นไปไหนแล้ว?   จะรอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่6 ไม่ได้มีมนุษย์...5/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-08-2014 21:55:13
 :mew1: :mew1:

ว่าแต่ ใครคู่คาโลน้าาา

เจ้าหมาสีดำหายไปไหน?
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่7 การรวมพลของคน...10/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 10-08-2014 16:16:29
ตอนที่ 7 การรวมพลของคนที่เกือบถูกลืม            19/10/2556
                              13/05/2557




   แสงแดดสีทองของยาวเช้าส่องผ่านต้นไม้สูงใหญ่ลงสู่พื้นดินสีแดงเหลือง  ไอหมอกจางๆที่ยังเหลืออยู่ลอยอ้อยอิ่งท้าแสงยามเช้า  บรรยากาศธรรมชาติที่หาได้ยากยิ่งในเมืองใหญ่ที่เขาทำงานอยู่ แม้รอบๆเมืองจะพอมีธรรมชาติสีเขียวๆให้ชื่นชมอยู่บ้างแต่ก็เป็นธรรมชาติที่เกิดจากเกษตรกรรมของมนุษย์ไม่ใช้แบบที่ธรรมชาติสรรสร้างแบบนี้


   “จะไปซักผ้าเหรอชินริ”เสียงเปิดประตูจากด้านหลังทำให้คาเซอริโอเอ่ยปากทักทั้งๆที่ยังไม่ได้หันไปมอง  การอยู่อาศัยที่บ้านโพรงต้นไม้หลังนี้มาเกือบอาทิตย์ทำให้รู้ว่าทุกๆวันในเวลานี้ชินริจะเดินถือตะกร้าไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำสายเล็กๆที่ไหลผ่าน


   “เปล่าคะ วันนี้ข้าว่าจะไปท้ายกลุ่มสักหน่อย ท่านคาโลจะไปด้วยกันไหมคะ”คำว่าท้ายกลุ่มทำให้ดวงตาสีเทาตวัดมองคนพูด  ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเคยตามชินริไปที่ลานซักผ้าและพบว่าถึงแม้มันจะมีสาวๆสวยๆไปก้มโค้งซักผ้าให้ดูเป็นขวัญตาชวนเจริญใจแต่ก็มักจะมีผู้คุมไปคุมอยู่กับสาวๆอย่างน้อยก็ 2 คนเพื่อความปลอดภัยที่เขาเองก็กำลังสงสัยว่าใครกันแน่คือภัยคุกคามพวกหมาป่าปีศาจพวกนี้ 


   แต่พอตามไปได้สัก  2 วันเขาก็เริ่มเบื่อเพราะมันมีดีแค่ให้ดู  คุยด้วยก็ยาก  จับต้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง  แม้ผู้คุมสองตัวทั้งเจ้าหมาตาใส่แจ๋วและเจ้าล็อตไวเลอร์หัวฟูจะไม่ตามประกบก็เหมือนมีผู้คุมคอยจับตาตลอดเวลาเพราะพวกตัวผู้ในกลุ่มเหมือนจะไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่ แอบไปคุยกับสาวไหนเป็นโดนเขม่นตลอด  แม้สาวเจ้าหลายตัวจะเล่นหูเล่นตาด้วยเขาก็สนองไม่ได้เพราะบรรดาตัวผู้ทั้งหลายพากันแยกเขี้ยวใส่แบบที่พร้อมจะกระโจนเข้าหาทุกเมื่อ ด้วยบรรยากาศที่แสนน่าเบื่อแบบนั้นทำให้เขาอยู่รอบๆบ้านโพรงไม้ของชินริและเดินออกสำรวจเป็นระยะทางใกล้ๆเท่านั้น


   “ก็ดี  ขอไปด้วยคนก็แล้วกันนะ”รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้าหวาน  ก่อนจะเริ่มออกเดินนำไปทางท้ายกลุ่ม ทางทิศใต้สินะ


   ตลอดการเดินทางเขาพบเห็นประชากรหมาปีศาจบ้างประปราย  มีบ้างที่สาวๆหมาปีศาจสวยๆปลายตามองและส่งยิ้มหวานให้ ซึ่งเขาก็ยิ้มตอบกลับไปก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ มองผ่านๆก็เหมือนมองดูธรรมชาติ  มองดูความสวยงามของสาวๆ ก็อยากทำอย่างนั้นอยู่หรอกนะถ้าไม่ติดว่าสถานะที่กำลังเป็นอยู่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่


   จากที่มองเห็นบ้านพักส่วนใหญ่ที่นี้สร้างขึ้นทั้งแบบถาวรและกึ่งถาวร บางส่วนจะอาศัยเจาะเข้าไปในต้นไม้ใหญ่ที่ตรงโคนต้นพองออกมาเป็นโพรง แล้วสกัดหรือต่อเติมเพิ่มเพื่อให้อยู่อาศัยได้  มองผ่านก็เหมือนโพรงต้นไม้ธรรมดาที่มีหน้าต่างกับประตูถึงบางหลังจะสภาพไม่น่าเรียกว่าประตูเท่าไหร่ก็เถอะ  ที่เหลืออีกบางส่วนก็เป็นพวก บ้านที่เหมือนกระท่อมที่สร้างมาจากเศษผ้าปะปะเป็นทรงกระโจม ไม่ก็เอาไม้มาตอกเป็นเพิงซึ่งเขาไม่เห็นว่ามันต่างกับกรงหมาตรงไหน


   “ถึงแล้วคะ”ชินริหันมายิ้มให้คนเดินตาม ก่อนจะเดินไปเคาะบ้านโพรงไม้ที่ดูหรูกว่าหลังอื่น มันสร้างจากโพรงไม้ที่ใหญ่และยังมีส่วนยื่นต่อออกมาเหมือนบ้านเล็กๆอีกหลายส่วนและที่น่าสนใจคงไม่พ้นไอ้หลังใหญ่สุดที่ดูเหมือนโรงจอดรถนั้น


   “ท่านคาเพนเตอร์อยู่ไหมคะ”เสียงหวานของชินริตะโกนถามเมื่อเคาะแล้วยังไม่มีเสียงตอบออกมา


   “ข้าอยู่ข้างบ้านชินริ”เสียงตอบดังมาจากส่วนที่คาเซอริโอคิดว่ามันเหมือนโรงจอดรถ


   “สงสัยจะทำงานอยู่แน่เลยคะ  เราไปทางนั้นกันดีกว่า”คำว่าทำงานทำให้คาเซอริโออดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจไม่ได้ เท่าที่สังเกตเขายังไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่าการทำงานได้จากพวกหมาป่าปีศาจแน่หละว่าพวกมันไม่มีทางใส่สูทผูกไทด์ไปทำงานแน่ๆ


   ชินริพาคาเซอริโอเดินอ้อมไปทางโรงจอดรถก่อนจะมองเห็นหลังกว้างๆของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆกองไม้ขนาดใหญ่  แผ่นหลังนั้นกว้างซะจนเหมือนหมีตัวยักษ์ที่ยืนสองขาได้ถ้าไม่ติดว่าคาเซอริโอมองเห็นหูสีดำที่เหมือนหูหมากระดิก ดิกๆยามมีแมลงมาตอม


“ขยันจังเลยนะคะท่านคาเพนเตอร์”


   “ก็แน่หละ ข้ามีงานอยู่แค่อย่างเดียวนี้จะให้ออกไปสู้รบปรบมือกับพวกหนุ่มๆนั้นคงไม่ไหว”ชายร่างหนาเหมือนหมีหันมาตอบทำให้คาเซอริโอตอบไม่ได้ว่าใบหน้าของคนพูดเหมือนอะไรมากกว่ากันระหว่างหมีตัวใหญ่ที่มีหนวดเคราเต็มหน้า หรือหมาป่าที่มีขนฟูเต็มตัว


   “นั้นสินะคะ งานไม้แบบนี้ไม่เคยมีใครทำได้ดีเกินท่านอีกแล้ว”


   “ฮ่าๆ ว่าแต่วันนี้เจ้าอยากได้เท่าไหร่หละ”


   “ข้าอยากได้ไม้ไปซ่อมตรงหลังคาสักหน่อยนะคะ เห็นท่านโฮโรเน่บอกว่าอีกไม่นานฝนคงเข้ามากลุ่มใหญ่ ตรงนั้นรั่วกว้างน่าดู กลัวท่านคาโลเปียกไปซะก่อน”คาเซอริโอหันไปมองคนพูด คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจที่ตัวเองกลายเป็นประเด็นในการมาครั้งดี เช่นเดียวกับช่างไม้ที่ตั้งชื่อได้สมตัวที่ชำเรืองมามองเขาเพียงครู่แต่เขาก็ประสานสายตาได้ทัน


   “งั้นเหรอ  ไม้ทำหลังคาสินะ  อืมจำได้ว่าวางเอาไว้ตรงนี้ รอเดี๋ยวนะ”หมีร่างยักษ์หันหลังกลับเข้าไปในกองไม้ทำให้คาเซอริโอได้มีโอกาสสำรวจเห็นอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งขวานโบราณที่เคยเห็นแต่ในพิพิธภันฑ์หรือหนังย้อยยุคกับอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่แน่ใจว่าจะเรียกชื่อยังไงแต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจก็คือ ยุคสมัยของที่นี้ไม่ใช่ยุคหินแต่เป็นยุคที่มีเหล็กใช้และความเรียบคมของเครื่องมือก็ดีพอจะให้เขาลอบยิ้มและอาจต้องแวะมาเยือนแถวนี้บ่อยๆเพื่อหยิบยืมอุปกรณ์บางอย่างไปเสริมให้กับมีดเล่มยาวที่เหน็บอยู่ตรงท่อนขาเขาในตอนนี้


   “อ๊ะ  เท่านี้ข้าคิดว่าน่าจะพอ”แผ่นไม้ขนาดขนาดกว้างเท่าผ่ามือ ยาวเกือบศอกแต่หนาเพียงนิ้วหลายสิบแผ่นถูกวางลงตรงหน้า


   “ข้าไม่แน่ใจว่าเอามาพอรึเปล่านะสิคะ”


   “แล้วเจ้าได้อะไรมาหละ”ชินริวางตะกร้าที่ถือมาด้วยลงก่อนจะเปิดผ้าสีตุ่นที่ปิดด้านบนไว้ออกและหยิบหนังสัตว์บางอย่างออกมา  ดูคล้ายๆหนังหมาแต่คงไม่ใช่หนังหมาปีศาจอย่างพวกมันแน่


   “โอ้ หนังหมาจิ้งจอก นี้ฝีมือชินอูใช่ไหม ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”คาเพนเตอร์หยิบแผ่นหนังไปมองใกล้ๆด้วยแววตาชื่นชม


   “คะ ฝีมือชิ้นเอกเลยหละคะ  กว่าข้าจะขอมาได้แทบแย่สถานการณ์ช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกนั้นเองก็...”


   “ฮ่าๆ ข้าเข้าใจ เอาเถอะแค่นี้ก็พอแล้วหละ”ตาแก่คาเพนเตอร์หัวเราะร่วนแบบที่คาเซอริโอได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อโดนมันขัดเต็มๆกำลังจะได้ฟังเรื่องอะไรดีๆอยู่แท้ๆเชียว


   “อยู่ที่นี้คงลำบากสินะ  คาโล”เสียงทุ้มแหบของหมาป่าค่อนข้างสูงวัยหันมาถาม


   “ก็ไม่สบายเท่าไหร่ อยากออกไปอยู่เหมือนกัน”


   “นั้นสินะ  อดทนหน่อยแล้วกันอีกไม่นานมันคงจะดีขึ้น”ตาแก่คาเพนเตอร์ยิ้ม เหอะ  ดีขึ้นงั้นเหรอเขาไม่ยักจะสังเกตเห็นว่ามันจะดีขึ้นตรงไหนมีแต่แย่ลงนะสิไม่ว่า ดูจากไอขมุกขมัวที่แต่ละตัวปล่อยออกมาก็รู้แล้ว


   “งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะคะ”ชินริก้มตัวขอลากลับ ก่อนจะก้มลงไปรวบแผ่นไม้มาถือไว้


   “ฉันจัดการเอง”คาเซอริโอหันไปแย่งแผ่นไม้นั้นมาจากหญิงสาว ตาแก่คาเพนเตอร์ก็แสนดีเอาเชือกเถาวัลย์มาผูกให้เขาสะพายขึ้นหลังดีเหลือเกินที่ชินริหาเสื้อสีน้ำตาลตุ่นๆให้ใส่ไม่งั้นเขาคงไม่อยากเอาฝุ่นไม้มาประทับบนหลังเสื้อเชิ๊ตตัวสวย แต่ตอนนี้จะเรียกว่าตัวสวยก็ไม่ถูกเพราะสภาพมันก็ล่อแล่เต็มทน


   “ขอบคุณนะคะ”หญิงสาวยิ้มให้เขินๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินดุ่มๆกลับไปที่บ้านโดยมีคาเซอริโอเดินตามหลังไปช้าๆ


บ็อก!!


   เสียงเห่าเล็กๆเรียกให้คนฟังขมวดคิ้วฉับก่อนจะเอาเท้าเขี่ยเจ้าก้อนสีดำที่เขาไม่เห็นมันมาเกือบอาทิตย์ให้ออกห่างจากทางเดิน  พอวางไม้ที่แบกมาบนหลังเจ้าขนฟูก็เข้าไปหาอย่างสนอกสนใจ


   “หายขนไปตั้งอาทิตย์จะโผล่มาก็ดันมาง่ายๆเลยนะแก   เฮ้ย”


จ๊อก!!!


   ฉี่สายน้อยราดเป็นทางลงบนกองไม้ที่เขาเพิ่งวางลงไป  ฉี่ที่ออกมาจากจู๋เล็กๆที่เขาดันตาลายจนนับผิดเป็น 5 ขาเลยดันซวยมาโผล่ที่นี้


   “ไอ้หมาเฮงซวย”มือขาวเอื้อมหยิบเจ้าตัวก่อเรื่องมาไว้ในมือก่อนจะเขย่าๆจนสองขาหลังห้อยต้องแต่ง ครางหงิงๆด้วยความมึน


   “ว๊าย  เกิดอะไรขึ้นค่ะท่านคาโล”ชินริที่เดินกลับออกมาจากบ้านถามด้วยความตระหนกเมื่อเจ้าหมาน้อยที่เธอแสนเอ็นดู นอนตัวอ่อนปลวกเปียกอยู่ในอุ้งมือใหญ่


   “เหอะ ไอ้หมาไม่รู้จักรักษาความสะอาด”คาเซอริโอบ่นฉุนๆนี้หละสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ชอบหมาก่อนจะปล่อยเจ้าตัวในมือให้ชินริที่เอื้อมมาขอ  ไอ้ตัวดำได้โอกาสก็ครางหงิงๆเหมือนจะฟ้อง


   “ท่านคาโลทำเกินไปนะคะ ซ๊อคแค่ฉี่ใส่ท่อนไม้เอง  หมาก็ต้องมีการประกาศ อาณาเขตบางสิคะ”


   “พูดเหมือนฟังมันเข้าใจอย่างนั้นแหละ”


   “ก็ต้องเข้าใจสิคะ  เจ้าพูดเข้าใจง่ายออกนะซ๊อค”


บ๊อก!!


   “อ๋อ  ลืมไป..”


   “ลืมอะไรคะ”


   “เปล่าหรอก”คาเซอริโอยั้งปากได้ทันก่อนจะได้ตอบไปว่าที่เจ้าหล่อนเข้าใจที่หมามันพูดก็เพราะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน  ขืนตอบไปแบบนั้นไม่โดนด่าก็โดนตบ  แต่คิดอีกทีเจ้าหล่อนก็เป็นจริงๆเขาอาจจะไม่โดนทำอะไรเลยก็ได้


   “ท่านรู้ไหมว่าซ๊อคนะห่วงท่านแค่ไหน ตอนที่ท่านหลับอยู่นะเขาอยู่ข้างๆท่านตลอดเลยนะคะ”คาเซอริโอแอบเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งโดยที่ชินริไม่ทันไม่สังเกตเห็น  หากเจ้าหมานั้นมันหวงเขาจริงอย่างปากสาวเจ้าว่าทำไมตอนเขาฟื้นขึ้นมาเขาไม่เห็นมัน มันตัวเล็กเกินไปหรือเป็นการหวงแบบห่างๆกันแน่ จะยังไงก็ช่างเถอะเขาไม่ควรไปคิดมากเรื่องการห่วงของหมาให้มันปวดสมอง


   “แล้วจะทำยังไงกับไม้พวกนั้น”


   “อ๊ะ ข้าจะเอาขึ้นไปซ่อมบนหลังคาที่รั่วนะคะ ท่านคาโลเข้าไปนั่งรอในบ้านก็ได้นะคะ ข้าทำเดียวเดี๋ยว”ชินริวางเจ้าหมาขนฟูลงพื้นก่อนจะเดินไปหยิบเชือกเส้นเล็กๆกับอุปกรณ์อีก 2-3 อย่างเตรียมปีนขึ้นหลังคา


   “เดี๋ยว”


   “มีอะไรรึเปล่าคะ”เท้าที่กำลังเหยียบรากไม้เตรียมปีนหยุดชะงัก  คาเซอริโอถอนหายใจก่อนจะกวักนิ้วเรียก


   “คะ”ร่างบอบบางเดินกลับมาด้วยใบหน้างุนงงก่อนจะเหวอไปเล็กน้อยเมื่อโดนฉวยเชือกและอุปกรณ์ในมือไป


   “ฉันทำเอง บอกมาแล้วกันว่าทำยังไง”


   “อ๊ะ  แต่ว่าแผลท่าน”


   “เลิกหวงเถอะน่า  ฉันยังไม่อยากอยู่ฟรีกินฟรีเท่าไหร่หรอกนะ”คาเซอริโอตอบสั้นๆเพื่อตัดปัญหาค้างคา  อันที่จริงเขามีเหตุผลร้อยแปดในการห้ามชินริทำงานแต่เหตุผลหนึ่งที่มันเด่นชัดมาก คือมันขัดกับความเป็นสุภาพบุรุษในตัวที่จะให้หญิงสาวร่างเล็กบอบบางทำงานแบบนี้  แม้หญิงสาวคนนั้นจะทำได้และเขาจะทำไม่เป็นก็เถอะ


   “ขอบคุณมากนะคะ”รอยยิ้มบางๆตอบกลับมาพร้อมแก้มที่แดงระเรือและดวงตาที่เป็นประกาย


   “อืม  ถ้าสัญญาว่าจะจัดการสิ่งที่เจ้าช๊อคทำก่อนส่งไม้ขึ้นไปนะ”


   “คะ  ได้คะ”ชินริยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งไปนั่งข้างกองไม้ปล่อยให้คาเซอริโอถอนหายใจออกมาเบาๆและเริ่มปีนรากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่พันเรื้อยกันขึ้นไปยากกว่าการวิ่งข้ามหลังคาไล่ล่าคู่อริแต่ก็ไม่ยากจนในที่สุดเขาก็มานั่งแปะอยู่บนหลังคาบ้านที่ทำลาดเอียงลงมาเพื่อระบายน้ำและหิมะ  โชคดีที่หลังคาไม่แหลมและสูงมากเขาจึงไม่ต้องคิดให้ยากลำบากว่าจะปีนยังไงให้ถึงยอด


   “ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นนะ”


   “เฮ้ย”คนที่กำลังเหม่อหงายหลังร่วงลงมาจากหลังคา  สัญชาติญาณในหัวร้องดังสนั่นถึงความเจ็บตัวหากเขาร่วงลงไป


หมับ!!


   “ไอ้หมาเวร”คนที่ฉวยกิ่งไม้ได้ทันกัดฟันกรอดพร้อมด่ามันไปเสร็จสรรพ  ไม่มีฉากหน้าอนาถที่หล่นก้นกระแทรกพื้น  ไม่มีฉากหวานแหวที่พระเอกรับนางเอกได้ทันก่อนตกถึงพื้น  มันไม่ใช่พระเอก  เขาไม่ใช่นางเอกและไม่มีทางจะเป็น  ผลสรุปของเหตุการณ์จึงมีเพียงเขาที่ห้อยต่องแต่งอยู่เหนือพื้นดิน


   “ข้าได้ยินนะ”เสียงตอบกลับมาจากเจ้าคนทักพร้อมรอยยิ้มกว้างและตาสีน้ำตาลใส่แจ๋วที่กำลังเป็นประกายระยิบระยับ ที่เห็นแล้วชวนให้เส้นฝ่าเท้ากระตุกเป็นที่สุด


   “ได้ยินก็เรื่องของแก”คาโลทิ้งตัวลงพื้นก่อนจะปัดบรรดาเศษไม้เศษดินออกจากตัว  หันมองเจ้าคนที่เกือบจะพาซวยด้วยหางตา  ความรู้สึกแรกที่บังเกิดขึ้นมาคือไม่ชอบหน้ามันอย่างแรง  ทั้งเจ้าผมสีน้ำตาฟูๆเหมือนขนหมา ใบหน้าค่อนข้างเหลี่ยม คิ้วเข้มเหมือนเอาสีทา  ตาสีน้ำตาใสแจ๋วที่น่าเอานิ้วจิ้ม จมูกโด่งเหมือนเขา  ปากหนาๆห้อยๆ ตัวสูงใหญ่ที่น่ากระทืบสักทีโทษฐานตัวใหญ่กว่าเขา


   “ยังน่าสนใจเหมือนเคยเลยนะ  ทำอะไรอยู่เหรอ”เจ้าตัวที่ถามฉีกยิ้มกว้างแทบจะเห็นฟันหมดปาก


   “คิดเอง”ตอบเสร็จสรรพก็จัดการปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านอีกรอบ


   “อ้าว ท่านซาเวียร์  ท่านริวจิ มาทำอะไรกันคะเนี่ย”ชื่อสองชื่อที่ชินริเอยถึงทำให้คนที่นั่งหันหลังอยู่บนหลังคาต้องเหลือบสายตามามอง  ซาเวียร์คงเป็นชื่อเจ้าตาใสนั้น  ส่วนริวจิคงเป็นชื่อเจ้าคนเอเชียรูปร่างพร้อมสูงที่มีผ้ากันแผลที่หน้าผากและใส่เสื้อสีหม่นๆ


   “ข้าแวะมาเยี่ยมนะชินริ”เจ้าซาเวียร์ยิ้มกว้างให้ชินริก่อนจะเลยมายิ้มให้เขาทั้งๆที่ไม่อยากได้


   “พอดีข้าแวะมาแทนหมอฮิโตะนะครับ  วันนี้ท่านหมอไม่ว่าง”เจ้าริวจิพูดก่อนจะยืนถ้วยบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นถ้วยยาให้ชินริและหันมายิ้มให้เขา  รอยยิ้มที่คาโลรู้สึกแปลกๆ  ตลอดเวลาที่รักษาอยู่กับหมอฮิโตะเขาไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้  ผู้ชายที่เจ้าฮิโตะบอกว่าเป็นผู้ช่วยหมอและเป็นมนุษย์อีกคนในกลุ่มหมาป่า  เจ้าผู้ชายที่ชอบทำตัวลึกลับ


   “อ๊ะ  ขอบคุณมากนะคะ”ชินริรับถ้วยยามา  คาโลได้แต่แอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วเจ้าบ้าฮิโตะก็ยังไม่ยอมให้เขาเลิกกินยาขมๆนั้นทั้งๆที่เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว  สงสัยต้องบุกไปหาอีกรอบซะหละมั้ง


   “ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”เจ้าคนเอเชียนั้นโค้งตัวให้ชินริก่อนจะผงกศีรษะให้เขาหนึ่งครั้งและเดินจากไป  ไม่ชอบหน้าเจ้าบ้านั้นเลยแหะ  เฮ้อ  เหมือนช่วงนี้เขาจะหงุดหงิดง่ายขึ้นแหะ


   “ซ่อมหลังคากันอยู่สินะ  ข้าช่วยแล้วกัน”ว่าเสร็จเจ้าคนพูดก็กระโดดแผล่วขึ้นมานั่งข้างคาโล


   “ตะ  แต่ว่าข้า...”


   “ไม่เอาน่าชินริ  ไม่ต้องเกรงใจหรอก  ช่วยๆกันจะได้เสร็จไวไวไง”ว่าจบก็หันมายิ้มกว้างให้คาโลที่ได้แต่กัดฟันกรอดห้ามมือที่จะชกมันให้หน้าหันเอาไว้  มันไม่ได้ทำอะไรผิด  ไม่ได้หาเรื่องเขา  แต่ทำไมเขาถึงได้คิดว่ามันกวนประสาทและหน้ากระทืบสักทีสองทีแบบนี้นะ










       



        กลับมาแล้วคะ  วันนี้เอาบรรดาพลพรรคที่นักอ่านทั้งหลายถามหามาส่งคะ เป็นการรวมตัวละครที่มากที่สุดตอนหนึ่งก็ว่าได้

        เป็นอีกตอนที่ยังคงเรื่อยๆ งดเรื่องบู๊ล้างผลาญของพ่อมาเฟียเขาไปสักพักก็เเล้วกันนะคะ  เเล้วพบกันใหม่ตอนหน้า

        ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามคะ

pattyyaoi   เรื่องรับเรื่องรุกเรามีเฉลยในเรื่องนะคะ  ตามอ่านกันไปอีกสักนิดได้คำตอบแน่นอน

aoihimeko หมาน้อยยังโผล่ๆหายๆ ส่วนพ่องูเราเก็บเข้ากรุชั่วคราวคะ

double9JH หมาน้อยยังไม่หายนะคะ  แค่แว๊บๆไปชั่วคราวเท่านั้นเอง   


หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่ึ7 การรมพลของคนที่....10/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 10-08-2014 18:08:34
โอ๊ะ !! หมาน้อยแวบมาแล้ววว  o18 o18

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่ึ7 การรมพลของคนที่....10/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 13-08-2014 12:11:29
เพิ่งเห็นว่ามาต่อ

ช่วงนี้คาโลดูชิวมากเลย

แต่อยากรู้จริงๆปัญหาที่เกิดตอนนี้คืออะไร

ซาเวียร์นี่แลดูกวนมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่ึ8 เดินชมจันทร์ยาม15/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 15-08-2014 21:46:11
ตอนที่ 8 เดินชมจันทร์ยามค่ำคืน                                                           13/01/2557
                              22/05/2557





   เสียงหรีดหริ่งเรไรยามค่ำคืน ดังเคล้าคลอมากับเสียงเสียดสีของใบไม้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คาเซอริโอเคยชินแต่เขาก็ต้องทำตัวให้ชินและพยายามปรับตัวอยู่กับมันให้ได้  นับๆไปเขาก็มาอยู่ที่นี้ได้นานพอสมควรแล้ว  คุ้นชินกับสถานที่และผู้คนมากขึ้นแต่ก็นั้นแหละ หมาพวกนั้นยังคงไม่คุ้นชินกับเขาอยู่ดี  เขายังคงถูกมองด้วยสายตาเหินห่างและหวาดระแวง แต่ก็น่าแปลกที่พวกผู้คุมของเขาเหมือนไม่ว่างจะมานั่งคุมเขาได้อย่างที่รับปากเอาไว้ได้  วันนี้ก็เหมือนกันหลังจากที่ช่วยซ่อมหลังคากับเจ้าหมาตาแป๋วนั้นได้เกือบเสร็จ  มันก็โดนเจ้าหัวนกแก้วลากตัวหายไป  ถึงแม้เจ้าตัวจะอิดออดและหันมามองเขาด้วยสายตาละห้อยแค่ไหนแต่ก็ต้องรีบผละจากไปเพราะโดนลากและนี้อาจจะเป็นเรื่องแรกที่เขานึกขอบใจเจ้าหัวนกแก้วเพราะตลอดเวลาที่ซ่อมหลังคาเขาหวิดจะกระทืบมันไปกองกับพื้นก็หลายครั้ง  ทั้งตาใส่แจ๋ว  ทั้งปากหนาๆที่ชอบส่งถ้อยคำชวนรำคาญใจนั้นอีก 


   “เฮ้อ  แล้วจะไปคิดมากวุ่นวายทำไม”คาเซอริโอเอ่ยกับตัวเองเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นยีหัว  เรื่องที่เขาควรให้ความสนใจตอนนี้มันน่าจะเป็นการที่จะออกไปจากที่นี้ได้ยังไงมากกว่า ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆเจ้าหมานั้นก็ถูกลากออกไป 


   “ยังไงมันก็วนเวียนอยู่ที่เรื่องของเจ้านั้นอยู่ดีไม่รึไงวะ”คาเซอริโอพูดกับตัวเองปลงๆก่อนคิ้วจะขมวดเข้าหากันน้อยๆ  บรรยากาศแปลกๆรอบๆหมาพวกนั้นเหมือนจะตรึงเครียดมากขึ้น  ลางสังหรณ์บางอย่างเตือนเขาว่าน่าจะมีเรื่องบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้นแต่ก็อีกนั้นแหละเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นมันก็ไม่สำคัญกับเขาเท่าไหร่ ขอแค่มันไม่มายุ่งเกี่ยวกับเขาเองก็เพียงพอแล้ว เขายินดีจะยืนอยู่นอกวงไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเพราะการเอาตัวเข้าไปเรื่องชาวบ้านทำให้เขาต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี้ไม่ใช่รึไง  ยุ่งเรื่องของตัวเองก็เหนื่อยมากพอแล้ว คิดมาถึงตรงนี้ก็ชวนให้หงุดหงิดอยู่นิ่งไม่ได้จนต้องเดินหายออกมายามวิกาลเพื่อเดินทางไปพบตัวปัญหาทำการเจรจาให้เรื่องจบๆไปสักที


ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก


   ยกมือเคาะไปบนบานประตูที่คุ้นตาก่อนจะนิ่งมองแสงไฟที่รอดออกมาจากร่องไม้ เสียงก๊อกแก๊กเงียบไปก่อนจะตามมาด้วยเสียงย่ำเดิน


   “ลืมอะไรอีกงั้นเหรอครับ  อ่ะ  คุณคาโล..”ดวงตาสีดำคู่โตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจและดูเหมือนจะกว้างมากขึ้นเมื่อเขาดันตัวหมอหน้าขาวเข้าไปในบ้านและลงกลอนเรียบร้อย


   “คุณคาโลมาหาผมดึกๆแบบนี้มีอะไรรึเปล่าครับ”คาเซอริโอกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะหันกลับมามองคนถามและหยิบถ้วยดินเผาใบเล็กๆส่งให้


   “อ๊ะ ถ้วยยา”


   “อืม ฉันเอามาคืนและไม่ต้องส่งยาไปให้ฉันอีกนะ”


   “เอ๊  แต่แผลคุณ”


   “บอกว่าไม่ต้องไง”ดวงตาสีเทาตวัดมองคนตัวขาวด้วยแววตานิ่งเฉียบ  เรื่องนี้แหละที่เขาต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องเพราะถึงคาเซอริโอจะเป็นมาเฟียผู้ชอบพอกับเขม่าปืนและคราบเลือดแต่เรื่องที่เขาไม่ถนัดเลยแม้แต่น้อยคือเรื่องยา  เขาเป็นคนที่กินยาได้ยากมากถึงมากที่สุด   เขาเกลียดยาขมๆให้เขาสู้กับศัตรู 10 ต่อ 1 ซะยังดีกว่าบังคับให้เขากลืนยาขมๆสักเม็ด


   “แต่ว่าผมเป็นหมอนะครับ แล้วเรื่องแผลคุณ...”


ปัง!!


   “หมอ  บอกว่าไม่ต้องไง”มือหนาท้าวลงข้างใบหน้าขาว  ใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงคืบ


   “เอ่อ  คือว่า...”ใบหน้าขาวๆนั้นเสไปมองข้างๆเหมือนกระอักกระอวน  แก้มที่เดียวขาวเดียวซีดน่าแกล้งซะจนอดใจแทบไม่ไหว


   “ก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้วไงหรืออยากให้ฉันพิสูจน์ว่าตัวเองแข็งแรงดีแค่ไหน”เสียงนุ่มๆกระซิบข้างหูก่อนจะผ่อนลมหายใจเบาจนคนฟังขนลุกเกรียว


   “อ๊ะ  เอ่อ  ไม่ดีกว่าครับผมว่า  หือ..”


   “อย่าโวยวายเสียงดังหนักซิ  อยากให้คนอื่นมาเห็นรึไงกัน”คนพูดไม่ได้สนใจกับมือที่เพียรพยายามดันหน้าอกเขาให้ออกห่าง ตอนนี้มีเพียงความสนุกที่ได้แกล้งเท่านั้น


   “งั้น  คุณคาโลก็ปล่อยผมสิครับ”

   “ไม่”คาเซอริโอตอบเสียงเฉียบก่อนจะเปลี่ยนมือทั้งสองข้างมาโอบรอบเอวคอดดึงคนที่บางกว่าตนเองมากอดและจงใจกดจมูกโด่งๆลงข้างซอกคอขาวๆนั้นเพื่อสูดเอากลิ่นสมุนไพรที่ดมแล้วสบายจมูก


   “หือ  อย่าครับ...”


ก๊อก  ก๊อก


   “ท่านหมอขอรับ”เสียงเคาะและเสียงเรียกหน้าบ้านทำให้คนทั้งคู่ชะงัก


   “อย่าเอ๊ะอะโวยวายหละ”คาเซอริโอยอมปล่อยหมอตัวขาวก่อนจะเร้นกายหายไปหลังตู้เก็บยาหลังสูงและส่งสายตาให้หมอตัวขาวปิดปากเงียบเรื่องที่เขามาที่นี้ เจ้าหมอฮิโตะสูดลมหายใจเข้าลึกๆจัดเสื้อสีขาวที่เหมือนเสื้อกาวน์หมอให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปเปิดประตู


   “ครับมาแล้วครับ  อ่ะคุณริวจิ”คาเซอริโอมองออกไปที่ประตู จากมุมที่เขาแอบอยู่มองเห็นประตูได้ถนัดแต่คนที่ประตูไม่มีทางมองเห็นเขาได้อย่างแน่นอน


   “เออ คือว่าข้าจะมาบอกท่านว่าข้ากำลังจะออกไปเก็บสมุนไพรนะครับ”


   “อ๊ะ  ได้เวลาเก็บสมุนไพรแล้วเหรอครับเนี่ย  แต่ว่าวันนี้ไม่ต้องออกไปเก็บก็ได้นะครับมัน...”


   “ไม่ได้หรอกขอรับ ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องใช้สมุนไพรตัวนี้มาก”


   “แต่ว่า ไปเก็บตอนกลางวันก็...”


   “ไม่ต้องห่วงหรอกครับท่านฮิโตะ  ข้าเก็บสมุนไพรดึกๆแบบนี้มาหลายคืนแล้ว  ข้าจะระวังตัว ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ”


   “อืม  ถ้าอย่างนั้นรอเดี๋ยวนะครับ”หมอตัวขาวหมุนตัวกลับเข้ามาในห้องก่อนจะเดินไปค้นอะไรกุกกักพักหนึ่งและกลับมาพร้อมอุปกรณ์ที่เหมือนตะกร้า


   “ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะครับ”


   “ได้เลยขอรับ”ริวจิโค้งตัวเบาๆก่อนจะเดินจากไป  คาเซอริโอรอจนเสียงฝีเท้าเงียบไปจึงออกมาจากที่ซ่อน


   “คุณคาโลไม่น่าซ่อนตัวเลยนะครับ  ริวจิไม่ใช่คนน่าสงสัยอะไรสักหน่อย”


   “เฮ้อ  นายนี้นะ  อย่าลืมสิว่าตอนนี้ฉันถูกหมาป่าพวกนั้นจับตาดูอยู่ เกิดมีคนอื่นมาเห็นว่ามาหานายตอนดึกแบบนี้ก็เป็นเรื่องนะสิ”


   “อ๊ะ  จริงด้วยครับผมก็ลืมคิดไป”คาเซอริโอเหล่มองคนพูดด้วยแววตาหน่ายๆที่เจ้าหมอฮิโตะคงไม่มีทางได้เห็น  เหตุผลที่เขาบอกไปมันก็แค่ของอ้างเท่านั้นแหละแต่เหตุผลจริงๆที่เขาหลบนะไม่มีหรอกมันก็แค่สัญชาตญาณล้วนๆ


   “แล้วเจ้านั้นออกไปทำอะไรดึกๆดื่นๆ”


   “อ๋อ ไปเก็บสมุนไพรนะครับ”


   “หืม เก็บสมุนไพร”คนพูดเลิกคิ้วสูงเหมือนสงสัยเสียเต็มประดา  หรือพูดให้ถูกคือเขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปเก็บสมุนไพรตอนกลางคืน


   “มีสมุนไพรบางตัวที่จะออกฤทธิ์ได้ดีเมื่อเก็บได้ถูกที่ถูกเวลานะครับ  แต่ความจริงแล้ว rotundus จะเก็บตอนกลางวันก็ได้...อ๊ะ  คุณคาโลคงไม่รู้จักสินะครับ นี้นะครับเป็นยาที่ใช้สมานแผลให้คุณไง”มือขาวๆยืนต้นบางอย่างที่ดูยังไงก็เหมือนหญ้าต้นสูงในสายตาคาเซอริโอมาให้ดู


   “งั้นเหรอ”


   “ครับ  สรรพคุณดีมากๆเลยนะครับ  รักษาแผลได้ดีนักเชียว”หมอฮิโตะยิ้มกว้างกับตัวเองตีความว่าการพยักหน้าของคาเซอริโอคือความสนใจในเจ้าหญ้าชื่อประหลาด แต่ที่เขาสนใจจริงๆคือประโยคก่อนหน้านั้นต่างหาก  ฝืนออกไปตอนกลางคืนทั้งๆที่ออกไปตอนกลางวันก็ได้งั้นเหรอ   แล้วยิ่งช่วงนี้


   “ฉันกลับก่อนดีกว่า”


   “อ๊ะ..”


   “หายออกมานานแล้วเดี๋ยวชินริจะสงสัยเอา ถ้ามีคนอื่นมาอีกคงไม่ดีเท่าไหร่”


   “อ๊ะ  จริงด้วยนะครับ”


   “กลับหละ”


   “อ๊ะครับ  เดินกลับดีนะครับ”


   “อืม  อ๋อแล้วไม่ต้องเอายาไปฉันกินอีกแล้วนะ”


   “อ๊ะเอ่อ  ได้ครับ”คาเซอริโอยกยิ้มให้กับใบหน้าที่แดงระเรื่อก่อนจะเดินหายไปในเงามืดของแสงจันทร์ที่เหว้าแหว่งไม่เต็มวง  ประโยคสนทนาเมื่อครู่ยังวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนของหวานที่วางล่อให้เด็กๆเดินไปติดกับดักแม่มด


   “ให้ตายสิ”มาเฟียหนุ่มสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียที่ใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องและอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย  แต่ที่กำลังหงุดหงิดอยู่นี้ก็เพราะลางสังหรณ์ส่วนตัวล้วนๆแทนที่จะรีบกลับไปเพราะชินริคงรู้แล้วว่าเขาหายออกมา แต่ลางสังหรณ์บางอย่างก็ทำให้เขาตัดใจเดินเลี้ยวไปอีกทางจนได้


   ฝีเท้าเงียบกริบก้าวย่างช้าๆไปตามแนวป่า อาศัยเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเป็นตัวนำทาง รอยเท้าและรอยหักของกิ่งไม้ยังคงทอดยาวไปเรื่อยๆ  รอยบนดินที่แตกระแหงเหมือนว่าคนที่เขากำลังสะกดรอยตามออกวิ่งด้วยความรวดเร็วไม่สนใจจะกลบรอยตัวเองให้เหมือนมืออาชีพหรือคิดอีกทีคงไม่มีเวลามากกว่า


   “อะไรจะรีบได้มากขนาดนั้นนะ”คาเซอริโอพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนตาสีเทาจะเบิกกว้างมากขึ้นเล็กน้อยและแหวกโพรงหญ้าข้างหน้าดูให้ชัดๆ  รอยเท้าที่มากกว่า 2 รอยและย้ำซ้ำๆอยู่กับที่เหมือนหยุดยืนและปรึกษากันด้วยเรื่องเคร่งเครียดก่อนจะแยกย้ายกันออกไป บ้าเอ้ย แสดงว่าเขามาไม่ทันสินะ


   ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบๆขณะชั่งใจว่าจะตามต่อดีหรือไม่ ประสาทตาและหูเปิดรับให้มากขึ้นก่อนที่ใจจะตัดสินใจว่าจะตามดูอีกหน่อย  ตามรอยเท้าที่ดูใหญ่กว่ารอยเดิมและลงน้ำหนักลึกกว่ารอยเดิม  มือขาวเอื้อมหยิบมีดยาวที่ข้อเข่าถือให้กระชับก่อนจะออกเดินตามไปช้าๆระแวดระวังมากกว่าเดิม  รอยใหม่แม้จะดูเร่งรีบแต่ก็อันตรายมากกว่าเพราะเหมือนจะมีรอยเท้าถึง 4 รอยอีกทั้งต้นไม้ใบหญ้าก็ถูกทำลายน้อยลงเหมือนพวกมันระมัดระวังไม่ให้เกิดรอยจนตามตัวได้ รอบครอบเหลือเกินนะ


   “ชิ  เดี๋ยวก่อน  หยุดสักพักได้ไหมพี่”เสียงพูดแปร่งทำให้คาเซอริโอแฝงตัวเข้าไปในแนวพุ่มไม้ข้างหลัง


   “อะไรของแกว่ะ”


   “ปวดเบาว่ะพี่ทนมานานขอหน่อยได้ไหม”


ปึก!!


   “ไอ้นรกเอ่ยมาปวดอะไรตอนนี้เดี๋ยวมันก็ได้แห่มาคาบคอหรอก”คนที่ตัวผอมกว่ายกมือขึ้นคลำหัวที่ถูกตบไปฉาดใหญ่


   “โถ่พี่มันทนไม่ไหวจริงๆนี้หว่า อีกอย่างเจ้านั้นมันก็บอกเองว่าวันนี้พวกหมานั้นไม่ได้มาตรวจทางนี้”เจ้าคนผอมกว่ายังคงเถียง


   “เออๆ  เร็วๆหละพวกนั้นยิ่งจมูกดีๆอยู่ด้วยขืนตามกลิ่นแกมาได้ตายกันหมด”


   “คร๊าบๆ  อูยรอเดี๋ยวนะพี่”คนร่างผอมวิ่งแยกไปอีกทาง  ดวงตาสีเทากวาดมองคนที่ยังคงยืนนิ่งพร้อมกระชับอาวุธในมือแน่น  ปืน  หึงานนี้คงน่าสนใจกว่าทีคิด  เงาดำพลิ้วตัวจากหลังเงาไม้เร้นกายหายไปในความมืด


   “อูย  ไม่ไหวแล้วโว๊ยขอหน่อยเถอะ”


จ๊อก!!!


   น้ำสายเล็กๆหยดลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก  คนปล่อยออกยิ้มกว้างก่อนจะผิวปากเบาๆ


   “อารมณ์ดีเหลือเกินนะ”เสียงเยียบเย็นกระซิบขึ้นจากด้านหลัง ดวงตาสีดำเบิกกว้างก่อนจะเบิกค้างเมื่อคมมีดวาววับสะท้อนกับแสงจันทร์เป็นจังหวะเดียวกับที่เลือดสีแดงสดพุ่งทะลึกออกจากแผลลึกบริเวณลำคอ  ลำแขนขาวค่อยๆปล่อยให้ร่างที่แน่นิ่งร่วงลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง ลำเลือดสีแดงยังคงพุ่งกระตุกออกมาตามแรงเต้นของหัวใจก่อนจะแผ่วลงช้าๆจนกลายเป็นไหลเอื่อยออกมาในที่สุด


   “ไปดีนะ”ริมฝีปากยกยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะลงมือค้นตัวศพอย่างรวดเร็ว  ปืนพกสองกระบอก  มีดยาวๆ1เล่มและแผ่นหนังที่มองไม่ชัดว่าเขียนอะไรไว้


   “น่าสนใจกว่าที่คิด”คาเซอริโอมองของในมือก่อนจะตัดสินใจโยนมีดด้ามยาวนั้นทิ้งเพราะเกะกะเกินกว่าจะพกพาตัดสินใจหยิบเพียงปืนสองกระบอกและแผ่นหนังไปเท่านั้น


   “ทำบ้าอะไรของแกว่ะช้าชิบหาย”


   “อืม โทษทีหาของนานไปหน่อยนะ”


   “แก..”ร่างชายอีกคนหันขวับปืนยาวในมือยกขึ้นชี้ตรงมายังคนแปลกหน้าที่ปรากฏตัวมาแทนลูกน้องของเขา


   “โอ๊ะ ๆๆอย่าดีกว่าเกิดโป้งป้างขึ้นมาพวกหมานั้นได้แห่กันมาแน่”


   “แกเป็นใคร  พวกหมาปีศาจงั้นเหรอ”


   “เปล่าๆแค่คนธรรมดา”


   “แกต้องการอะไร”คาเซอริโอมองคนพูดก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย  คิดว่าเจ้าบ้านี้อาจจะคุยได้ง่ายกว่าคนที่เขาเชือดคอมันไปเพราะดูท่าจะฉลาดมากกว่าแต่คงฉลาดกว่ากันไม่มากเท่าไหร่นักหรอก


   “คุย”


   “คุยเรื่องอะไร”


   “พอดีฉันสงสัยอะไรหลายๆอย่างนะ  ยกตัวอย่างเช่นแกได้ปืนในมือมาได้ไง”เจ้าคนถูกถามลดสายตาลงมองปืนที่ถือในมือก่อนจะตวัดตากลับมามองเขาโดยยังไม่ยอมลดปืนลง


   “แกรู้จัก”


   “ก็ประมาณนั้น  เอาอย่างนี้ดีกว่าพอดีฉันอยากรู้ว่าแกได้ปืนมาได้ยังไง  แค่ตอบมาก็จบแล้ว”


   “ใครจะไปตอบแก”


ปัง!!


   “ชิส์  บอกให้คุยกันดีๆไง”ร่างที่เซถลาไปเพราะแรงอัดของกระสุนปืนกัดฟันอย่างหัวเสียก่อนจะพุ่งเข้าปะทะเจ้าคนยิงปืนที่กำลังจะพยายามบรรจุกระสุนนัดใหม่


   “นรก บอกให้คุยกันดีๆไม่รู้เรื่อง”


พลั่ก!!


   หมัดหนักๆจากมือขาวพุ่งเข้ากระแทกแก้มซ้ายเต็มแรงจนหน้าหัน  เลือดสีแดงสดทะลักออกจากปากและจมูก


   “ตอบมา  แกไปเอาปืนนั้นมาจากไหน”ปืนสั้นในมือถูกเปลี่ยนไปจ่อหน้าผากคนที่เป็นรอง  มือยาวๆที่เอื้อมไปคว้าปืนถูกเหยียบกระทืบจนได้ยินเสียงกร็อบ ลำตัวที่พยายามลุกจากพื้นถูกเข่าหนาๆกระแทกกลางอกจนจุก


   “ถ้าไม่อยากมีกระสุนในหัวก็ตอบมา”


   “ฉันไม่บอก”หลังมือข้างที่ว่างฟาดเข้าเต็มซีกหน้าจนเลือดกบปากแต่คนโดนทำเพียงแค่ถลึงตามองและถมเลือดใส่หน้าเขาเท่านั้น


   “หึ อยากรู้อะไรอีกไหม”


   “นั้นสินะ”มือข้างที่ว่างป้ายเลือดพร้อมน้ำลายออกมา  ดวงตาสีเทามองปลายนิ้วที่ที่เปื้อนเลือดและน้ำลายนิ่งๆ


ปัง!!


   “อ๊าก!!!”


   “โสโครกจริงๆ”มือที่เปื้อนป้ายคราบเลือดปนน้ำลายลงบนใบหน้าที่หูข้างซ้ายหายไปตามแรงอัดของกระสุน 


   “อุตสาห์ว่าจะเล่นเงียบๆคงไม่ทันซะแล้ว  ป่านนี้พวกนั้นคงกำลังแห่กันมาหละมั้งเสียงปืนดังลั่นป่าขนาดนี้”คาเซอรโอยกยิ้มมุมปากนิ่งๆก่อนจะตบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ


   “แกเป็นใครกันแน่”


   “ฉันอนุญาตให้แกถามฉันด้วยงั้นเหรอ  จำได้ว่าฉันถามให้ตอบนี้น่า”คำพูดเรียบๆออกจากปากพร้อมปลายกระบอกปืนที่กดแนบกับหน้าผากความร้อนที่ปลายกระบอกดูจะน่ากลัวน้อยกว่าความคิดที่ว่าลูกกระสุนกำลังจะพุ่งเข้าเจาะสมองหละมั้ง


   “หะ  หัวหน้าให้ฉันมา”


   “จากไหน”


   “ฉันไม่รู้  หัวหน้าให้พวกเรามา สอนให้พวกเราใช้”


   “แกเป็นคนที่ไหน”


   “ซอเซียร์  ข้าเป็นชาวซอเซียร์”


   “หืม”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้คิ้วเข้มกดลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


   “งั้นเหรอ  งั้นแสดงว่าแกคงไม่รู้อะไรเพิ่มแล้วสินะ”


   “ม๊ะ ไม่ใช่นะ  ข้าแค่ทำไปตามคำสั่งของหัวหน้าเท่านั้น  ข้าแค่ล่าพวกนั้นตามคำสั่งของหัวหน้าเท่านั้น  เจ้านะปล่อยข้าไปเถอะนะแล้วมาแบ่งเงิน  เงินนะ พวกตัวเมียกับพวกลูกๆมันนะข้าแบ่งให้เจ้าก็ได้นะ  เท่าไหร่ก็ได้แค่ปล่อยข้าไป..”


   “เฮ้อแกนี้นะ..”


โฮก!!


ปัง!!


   เสียงสะท้อนของปืนดังมาพร้อมเสียงขู่กรรโชกและแรงกระแทกที่ส่งให้ตัวเขาลอยละลิ่วไปกระแทกกับต้นไม้


   “ไอ้บ้าเอ้ย”ดวงตาที่เผลอปิดไปชั่วครู่จากแรงกระแทก ลืมขึ้นอีกครั้งเพื่อพบว่าภาพตรงหน้าถูกย้อมด้วยสีแดงและอาการปวดหัวตุ๊บ


กรร!!!!


โบ๋ว!!


   เงาร่างสูงใหญ่หันขวับกลับมามองพร้อมดวงตาสีน้ำตาลที่ทอประกายในแสงจันทร์ ปากที่เต็มไปด้วยฟันขาวอ้ากว้างก่อนจะงับเข้าเต็มไหล่ เร็วเกินกว่าที่จะเปล่งเสียงร้องร่างทั้งร่างก็ลอยวืดขึ้นไปบนหลังตัวอะไรสักอย่างที่ออกวิ่งด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า  ท่ามกลางเสียงด้านหลังทีห่างไกลออกไปและสติสัมปชัญญะที่ดับลง















      รอบนี้แวะมาส่งตอนใหม่ตามกำหนดคะ  ทางนู่นลงไม่ได้แต่ทางนี้ลงได้ตามปกติอีกไม่นานคงตามทันแน่นอน

      สำหรับตอนนี้คาโลไม่ชิวแล้วแต่มีเรื่องให้ยิงปืน ฆ่าคนผ่านเข้ามา   คาโลอาจจะโหดไปสักหน่อยแต่พ่อหนุ่มของเราก็เป็น

มาเฟียสายบู๊นี้นะ  แล้วพบกันตอนหน้าคะ :hao7:
 
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่9 ร่วมชายคาใต้ผา.20/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 20-08-2014 20:06:16
ตอนที่ 9 ร่วมชายคา   ใต้ผาสีดำ                                                               15/01/2557





   “เหม่ออะไรอยู่เหรอคาโล”เสียงทุ้มที่คุ้นหูเรียกให้คนที่กำลังเหม่อมองน้ำพุกลางสวนสวยด้านหน้าตวัดสายตากลับมามองคนพูดที่เห็นเพียงแผ่นหลังที่ก้าวย่างไปหย่อนตัวบนเก้าอี้


   “เปล่าครับดอน”


   “ดูห่างเหินจังนะ”คนพูดหัวเราะในลำคอก่อนจะยกแก้วใบเล็กๆขึ้นจิบ


   “หึ  ขอโทษครับ”


   “ช่วยอะไรหน่อยสิ”


   “ครับ”


   “ไปทวงของที่ริโอให้หน่อย”คิ้วสีทองขมวดฉับก่อนจะตวัดมองคนพูดแม้อยากจะเขม่นมองว่าคนพูดมีสีหน้ายังแต่ก็ไม่อาจมองเห็นได้เพราะแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องผ่านร่างนั้นเหมือนรัศมีทำให้คนที่ต่ำต้อยอย่างเขามองเห็นเพียงเงาเลือนรางที่กำลังห่างออกไปเรื่อยๆ


   “อเรสซิโอ”เสียงเรียกที่เปล่งออกจากปากเหมือนเสียงที่เปล่งไปไม่ถึงเจ้าของชื่อ  ในหัวหนักอึ้งชวนให้หลับตาลงอีกครั้งก่อนจะลืมขึ้นมาเพื่อพบกับแสงสว่างที่แยงตาเพียงไม่นานก่อนจะมีเงาดำของบางอย่างมาบดบังแสงนั้นไว้เหมือนเอื้ออาทรจนกระทั่งดวงตาสีเทาสามารถปรับตัวเข้ากับแสงได้จึงได้เห็นภาพตรงหน้าชัดๆ


   “เฮ้ย”


พลั่ก!!


   “โอ๊ย”เงาดำที่ทาบทับอยู่บนตัวหายไปพร้อมแรงหมัด  มือที่เอื้อมไปหยิบปืนข้างเอวชะงักก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ให้เขาคิดทบทวนตัวเองอีกครั้ง


   “อะไรกันเจ้าทำกับผู้มีพระคุณอย่างนี้เหรอ”เสียงโอดครวญชวนสั่นประสาทดังขึ้นข้างๆเรียกให้ดวงตาสีเทาคู่สวยตวัดไปมองก่อนคิ้วสีทองจะขมวดฉับเมื่อเห็นชัดได้เต็ม 2 ตาว่าไอ้ที่เขาเพิ่งหมัดฮุกใส่เมื่อกี้คือไอ้หมาตาแป๋ว


   “น่าจะมีปืนแถวนี้นะจะได้ยิงทิ้งสักที”คนพูดถอนหายใจปลงๆเมื่อพบว่าปืนไม่มีจริงตามคิด


   “เจ้าหมายถึงสิ่งนี้หรือ”วัตถุสีดำเมื่อมถูกยื่นมาจ่อตรงหน้าแบบแปลกๆเหมือนคนที่ถือปืนไม่เป็นแต่ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปคว้าเจ้านั้นก็ปาปืนทิ้งไปข้างหลังเหมือนทิ้งขยะ


   “เฮ้ย”คาเซอริโอถลาตามออกไปด้วยความเร็วสูงก่อนจะเบรกตัวเองแทบไม่ทันเมื่อเบื้องหน้าเขาคือหน้าผาสูงลิ่วที่ด้านล่างมีแม่น้ำเชี่ยวกรากและซากปืนที่ตกน้ำหายไปช้าๆ


   “แก”มาเฟียผู้เสียดายปืนพุ่งไปบีบคอไอ้หมาไม่รู้จักค่าของปืนด้วยความโมโห  ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้เขาตามหาปืนแถบตายแต่มันดันทิ้งของที่เขาอยากได้เหมือนทิ้งขยะก้อนหนึ่งได้หน้าตาเฉย


   “แอ๊ก  หะ  หายใจไม่ออก”หมาในร่างคนพูดเสียงกระท่อนกระแท่นเมื่อเขาบีบคอมันแน่น มือใหญ่ๆสองข้างเอื้อมมาหมายดึงมือเขาออกแต่เขาก็ปล่อยก่อนที่มือนั้นจะได้เตะตัวเขาจริงๆ


   “แค่กๆ เป็นมนุษย์ที่มือหนักจริงๆนะ”คาเซอริโอขี้คร้านจะใส่ใจคำบ่นลอยๆนั้นจึงได้หันไปสนใจรอบๆตัวและนึกได้ว่าภาพตรงหน้าเขาไม่คุ้นตาแม้แต่น้อย ที่ๆเขาอยู่มันดูเหมือนโพรงถ้ำเล็กๆที่ด้านหนึ่งเจาะเป็นช่องที่เมื่อกี้เขาเกือบโง่ถลาลงไป  ส่วนอีกด้านเป็นทางเดินมืดที่น่าจะนำไปที่ไหนสักแห่ง อย่างที่เขาไม่กล้าสำรวจด้วยสภาพร่างกายแบบนี้


   “ที่ไหน”


   “หืม  ที่นี้นะเหรอ”รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาพร้อมคำถามที่คาโลตวัดสายตาเย็นเฉียบมองตาม แต่ก็ไม่สามารถทำให้หมาที่ถูกมองสะท้านกลัวได้นอกจากจะโคลงหัวเล่นและหัวเราะเบาๆเหมือนดีใจที่ยั่วโมโหเขาได้


   “บ้านข้าเอง”


   “บ้านแก”


   “อืม  น่าอยู่ไหมหละ”คนฟังขมวดคิ้วพยายามเข้าใจคำถามสลับการมองไปรอบๆ  โพรงถ้ำที่อากาศติดจะเย็นหน่อยๆกับมุมหนึ่งที่นั่งอยู่ซึ่งปูรองด้วยหนังสัตว์บางอย่างที่มองผ่านๆเหมือนหนังเสือด้านบนทับด้วยผ้ารองนุ่มๆแบบที่เขาเคยเห็นที่บ้านชินริ  ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นเหมือนกองข้าวของบางอย่างที่ดูเหมือนจับทุกอย่างมากองรวมกันทั้งอาหารหรือเครื่องใช้ต่างๆ


   “หึ  บ้านหมาชัดๆ”คาเซอริโอบ่นเบาๆแต่คงไม่รอดพ้นหูหมาที่อะไรทำกุกกักอยู่บนกองข้าวของที่เหมือนกองขยะนั้น ใบหูมันกระดิกนิดหน่อยเหมือนรับรู้แต่ก็ยังทำอะไรกุกกักต่อไปตัวใหญ่ๆที่ไม่สวมเสื้อนั้นทำให้เขาไม่รู้จริงๆว่าเจ้าหมานั้นทำอะไรอยู่เพราะมันดันบังซะมิด


   “อะ  กินซะ”ถ้วยดินเผาถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับน้ำสีเขียวข้นด้านในที่มองผาดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นยา


   “ฉันไม่กิน”คาเซอริโอปฏิเสธเสียงแข็ง


   “หืม  เจ้าบาดเจ็บนะ กินหน่อยเถอะ”


   “ไม่”


   “เฮ้อ  หรือว่าเจ็บจนกินเองไม่ไหว  แต่ก็พูดได้นี้น่า  ไม่เป็นไร”คาเซอริโอลอบถอนหายใจ  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นมึนงงเมื่อเจ้าหมานั้นกินยาในถ้วยเขาไปซะเอง มันบาดเจ็บงั้นเหรอ


   “เฮ้ย”ตัวหนาๆพุ่งเข้าหาพร้อมปากที่ประกบแนบกับปากของเขามือที่แข็งเหมือนคีมเหล็กง้างปากเขาออกจนรู้สึกได้ถึงรสชาติยาที่ไหลผ่านลงคอ  แม้จะออกแรงผลักดันเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่เป็นผลเพราะน้ำหนักทั้งตัวของเจ้าหมาที่ทับลงมามันหนักซะจนคนอย่างเขาขยับไม่ได้


   “อืม”


   “หือ”


โครม!!


   หมาตัวใหญ่ลอยละลิ่วจากตัวเพราะแรงถีบที่อยู่ดีๆก็มากขึ้นกะทันหันทันทีที่สัมผัสได้ถึงบางอย่างหยุ่นๆที่สอดเข้ามาในปาก


   “ไอ้หมานรก”


   “นุ่ม”ขายาวๆที่หมายเสยปลายคางหมาตัวก่อเหตุเป็นอันหวืดจากเป้าหมายเมื่อได้ฟังข้อความที่ชวนขนลุกท่ามกลางรอยยิ้มกระจ่างใสของคนพูด


   “แกตาย”คาเซอริโอพุ่งเข้าหาหมาในร่างคนที่กระโดดหลบไปรอบๆโพรงถ้ำอาศัยซอกของหินและความชำนาญเป็นตัวหลบหลีก


   “สภาพร่างกายเจ้าตอนนี้ตามข้าไม่ทันหรอกน่า  นอนพักดีกว่าเดี๋ยวแผลที่ข้าอุตสาห์ทำให้แยกเปล่าๆข้ายังไม่อยากทำแผลให้เจ้าใหม่นะ  แต่ถ้าอยากให้ข้าเช็ดตัวให้ใหม่ก็ได้นะ”ขาที่กำลังหวดเตะชะงักค้างกลางอากาศก่อนจะก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วพบว่าเขายังอยู่ในชุดกางเกงผ้าดิบสีน้ำตาลยาวตัวเดิมที่ไม่เหมือนเดิมคือมันสะอาดขึ้นและเสื้อเขาหายไป  มันจะสะอาดขึ้นได้ยังไงหละถ้ามันไม่ถูกใครแถวนี้ถอดออกไปซัก


   “นรก”ขายาวๆเตะใส่แง่งหินย้อยจนส่วนปลายหัก  กระแทกเข้ากับหัวหมาเต็มแรง


   “โอ๊ยเจ้า”


   “แกอย่าอยู่เลย”คาเซอริโอกระโดดปะทะจนทั้งหมาทั้งคนล้มหงายกันไปทั้งคู่  คนที่ตั้งตัวได้ก่อนนั่งทับอยู่ด้านบนมือเงื้อหมัดขึ้นสูง


   “มนุษย์ทำกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ”ปลายหมัดชะงักห่างผิวแก้มไปเพียงเส้นขนกั้น  เจ้าหมาเหลือบมองมือขาวๆที่กำหมัดแน่นก่อนจะลอบถอนหายใจและยิ้มกว้าง


พลั่ก!!


   “โอ๊ย”ใบหน้าเหลี่ยมนั้นสะบัดตามแรงต่อย  เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากมุมปากคาดว่าข้างในคงแตกไม่ก็ฟันหัก


   “นี่เจ้า..”


   “ตอบแทนการป้อนยาของแกเมื่อกี้”คาเซอริโอตอบก่อนจะลุกออกจากตัวหมาแล้วเดินวนไปหยุดหน้าฟูกนอนก่อนจะเปลี่ยนใจเดินออกไปอีกทางที่เขาเห็นว่าเป็นทางเดินมืดๆ


   “เจ้าอยากอาบน้ำเหรอ  แต่ข้าก็เช็ดตัวให้เจ้าไปแล้วน๊า  หรือว่าไม่สะอาดพอคิดว่าเช็ดทุกซอกทุกมุมแล้วเชียวนะ”


ตุ๊บ!!


   ก้อนหินสีน้ำตาลเหลือบดำร่อนกะเทาะลงบนพื้นตามแรงชกของคาเซอริโอ


   “แหะๆ  ข้าว่าเจ้ามานั่งคุยกันดีๆดีกว่าไหม  เดี๋ยวแผลก็แยกหรอก”คำว่าแผลแยกทำให้คาเซอริโอนึกขึ้นได้พร้อมกับอาการเจ็บที่ไหล่ซ้ายซึ่งเต้นตุ๊บๆเหมือนจะประท้วงกับการออกกำลังกายของเขาเมื่อครู่


   “ทำไมฉันมาอยู่ที่นี้ได้”คาเซอริโอตัดสินใจสงบศึกชั่วคราวก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนผูกนุ่มๆที่น่าจะเป็นบริเวณที่น่านั่งที่สุดของโพรงถ้ำที่เจ้านั้นเรียกว่าว่าบ้าน


   “ข้าพาเจ้ามาเองหละ”


   “แกพาฉันมา  ยังไง”


   “คาบขึ้นหลังมา”คำว่าคาบทำให้คิ้วสีทองขมวดเข้าหากันแทบจะทันทีก่อนจะนึกได้ว่าก่อนเขาสลบไปเหมือนเห็นหมาเข้ามาหาแล้วโดนงับที่ไหล่  ดวงตาคู่สวยตวัดมองไหลซ้ายก่อนจะเห็นรอยฟันเรียงกันเป็นตับข้างๆรอยกระสุนถาก  หลักฐานยืนยันคำพูดชั้นดีเลยทีเดียว


“อ๊า  ข้าอาจกัดแรงไปหน่อย พอดีข้าไม่เคยพามนุษย์ขึ้นหลังมาก่อน”เจ้าตัวที่พูดยิ้มน้อยๆก่อนจะเกาหัวแกรกๆ


   “ช่างมันเถอะ แล้วเพื่อนแกตัวอื่นหละ”คาเซอริโอนิ่ง  ถ้าเจ้านั้นแบกเขาขึ้นหลังมาจริง บางทีเขาอาจจะไม่ถูกพวกนั้นสงสัยเรื่องศพ 2 คนนั้นก็ได้


   “อืม  น่าจะอยู่บ้านหละมั้ง”คนที่กำลังรอฟังคำตอบเผลอกำหมัดแน่น


   “ฉันหมายถึงพวกมันตามแกทันรึเปล่า”


   “อ๋อ  ไม่ทันหรอกเพราะตัวที่วิ่งเร็วกว่าข้ามีแค่ 2 ตัวเท่านั้นแต่ก็ตามมาไม่ทันหรอกนะ เจ้าไม่ต้องห่วง”


   “อืม  ดีแล้ว”คาเซอริโอพึมพำเบาๆแต่ก่อนที่เขาจะได้ดิ่งสู่ความคิดตัวเองก็ต้องชะงักเพราะคำถามใหม่ซะก่อน


   “เจ้าฆ่าพวกนั้นทำไม”ดวงตาสีเทาตวัดมองเจ้าคนถามที่นั่งยองๆอยู่บนขาหลัง 2 ข้างเหมือนที่หมานั่งรอเจ้าของแล้วก็ให้นึกแปลกๆขึ้นมาในหัว


   “ฉันฆ่าให้ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง  พวกแกน่าจะขอบใจฉันนะที่อุตสาห์ฆ่าเจ้าพวกที่รุกรานฝูงพวกแกได้นะ”คาเซอริโอตอบแม้ว่ามันจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกแต่ก็ถือเป็นผลพลอยได้ที่เจ้าหมาพวกนั้นน่าจะพอใจ


   “เจ้าฆ่าทำไม”คำถามเดิมจากหมาตัวเดิมที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยเรียกรอยโมโหให้แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ


   “แกจะอะไรนักหนา ฆ่าไปแล้ว ยังไงก็พื้นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ”


   “เจ้าตอบไม่ตรงคำถาม  หรือว่ามนุษย์เพียงฆ่าเพื่อความสนุกเท่านั้น”


   “แก”คาเซอริโอพุ่งเข้าไปกระชากคอหมาตรงหน้า


   “หากเจ้าไม่ได้ฆ่าพวกนั้นเพื่อความสนุกก็ตอบข้ามาสิว่าทำไม”ดวงตาสีน้ำตาลที่ทอแววขี้เล่นเสมอแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังแบบที่คนมองได้แต่ถอนหายใจและยอมปล่อยคอหนานั้นให้เป็นอิสระ


   “แค่อยากรู้อะไรนิดหน่อย”คาเซอริโอตอบก่อนจะถอยกลับไปนั่งที่เดิมขยี้ผมสีทองของตัวเองด้วยความหงุดหงิด แต่ถึงแม้เขาจะพยายามเลี่ยงการตอบคำถามแค่ไหนแต่ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็ยังคงจ้องมองด้วยความแน่วแน่ เฮ้อ ให้มันได้แบบนี้สิ


   “ปืน  ไอ้ของที่แกเพิ่งโยนทิ้งไปเมื่อกี้นั้นแหละ ถ้าให้ฉันคิดมันไม่น่าจะเป็นของที่ทำขึ้นจากที่นี่ มันทำขึ้นจากที่ที่ฉันจากมา ถ้าบางทีฉันรู้ว่าพวกนั้นเอามันมาได้ไงฉันอาจจะ..”


   “งั้นเหรอ”คนที่นั่งฟังอย่างสงบเสมอขัดขึ้นกลางประโยค  คิ้วสีทองขมวดฉับด้วยความโมโห  บทมันจะให้เขาพูดมันก็จ้องเอาจ้องเอา  แต่พอเขาพูดมันดันขัดขึ้นมากลางทางซะงั้นมันน่าเอาเท้ากระทืบปากหมาๆนั้นให้แตกไปสักทีจริงๆ


   “ตามมาสิ”เจ้าหมาตัวโตยืดตัวขึ้นยืนสองขาแม้จะไม่สามารถตั้งหลังตรงได้เหมือนมนุษย์ทั่วไปแต่ความสูงระดับนี้ก็สูงกว่าคาเซอริโออยู่ดีและนี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ชอบมันก็ได้ ถึงจะเจอคนสูงกว่าตัวเองมาพอสมควรแต่ทำไมพอเป็นไอ้หมานี้ถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้ก็ไม่รู้


   หมาในร่างคนที่ทำเพียงเอาผ้าดิบมาพันส่วนล่างลวกๆเดินนำเขาไปยังทางเดินมืดนั้นก่อนจะเลี้ยวไปด้านขวามือคว้าก้อนหินสองก้อนขึ้นมาสีกันเบาๆจนเกิดประกายไฟติดบนคบเพลิงที่ทำมาจากกิ่งไม้และฟางแห้งๆพอเป็นแสงสว่างนำทางให้ให้พวกเขาเดินไปตามช่องหินมืดๆที่ทั้งชื้นและเย็น


   “ถึงแล้ว”


   “นี้มัน”หลังจากเดินมาไม่ไกลนักสิ่งที่คบเพลิงนั้นส่องให้เห็นคือกองอาวุธสีดำมะเมื่อมที่บางส่วนยังสะท้อนแสงเป็นมันเงา


   “ทำไมของพวกนี้ถึง..”


   “มนุษย์อย่างพวกเจ้าเป็นคนนำมันเข้ามาเพื่อล่าพวกเรา”เจ้าหมาตัวโตพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้นก่อนจะหันหลังกลับไปโดยทิ้งคบเพลิงไว้กับเขา    ดวงตาสีเทากวาดมองกองปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมากบนพื้น  ความไม่เข้าใจมากมายตีกันวุ่นในหัว   อากาศเย็นๆชื้นๆแบบนี้ทำให้บางส่วนขึ้นสนิท  และบางส่วนอาจใช้การไม่ได้แล้ว


   “เฮ้ย นั้น”ข้อมือขาวคว้าคบเพลิงที่วางทิ้งไว้บนพื้นมาถือก่อนจะใช้มือแหวกบรรดาปืนและกระสุนมากมายออกไปเพื่อคว้าหยิบปืนสองกระบอกที่ทำให้หัวใจเต้นแรง  คบเพลิงถูกวางไว้บนพื้นเมื่อมือทั้งสองข้างไม่ว่างพอจะถือมัน


   “สงสัยต้องไปขอบคุณเจ้าหมานั้นหน่อยแล้ว”คาเซอริโอคว้าปืนสองกระบอกนั้นขึ้นมาก่อนจะค้นหากระสุนที่ยังใช้การได้
 

   “มืดแล้วงั้นเหรอ”ดวงตาสีเทามองรอบถ้ำที่มืดลงถนัดตา  แสงสว่างที่เรือเรืองมาจากกองไฟข้างๆกองขยะที่น่าจะถูกสะเก็ดไฟกระเด็นใส่และไหม้หายไปซะในเร็วๆวันนี้


   “ถ้าเจ้าอยากกลับไปคงต้องเป็นพรุ่งนี้แล้วหละ”เจ้าหมาที่นั่งชันเขาอยู่ริมผาหันกลับมามอง รอยยิ้มบนใบหน้านั้นจางหายไปเล็กน้อยเมื่อมองเห็นของในมือเขาก่อนจะแปรกลับไปเป็นรอยยิ้มกว้างตามเดิม


   “นั่งสิ  เจ้าคงหิวแล้ว”คำว่าหิวทำให้คาโลตวัดไปมองกองไฟขนาดย่อมที่ก่อเอาไว้ในมุมถ้ำด้านหนึ่งซึ่งกำลังย่างบางอย่างที่ส่งกลิ่นชวนน้ำลายสอ


   “กระต่ายป่า  ข้าล่าได้เมื่อกี้”เจ้าหมาตัวโตยิ้มร่าอวดฟันขาวก่อนจะแบ่งเนื้อกระต่ายออกเป็น 2 ส่วนแล้วส่งส่วนหนึ่งให้เขา


   “ขอบใจ”คาเซอริโอเอ่ยคำขอบคุณออกมาเป็นครั้งแรกซึ่งเขาหมายรวมถึงการขอบคุณที่เจ้าหมานั้นช่วยเขา  เรื่องปืน เรื่องอาหารและอีกหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้


   “อืม  ไม่เป็นไร”เจ้าหมานั้นยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะกัดเนื้อกระต่ายส่วนของตัวเองเข้าปาก


   “ฉันนึกว่าแกกินอาหารดิบๆซะอีก”


   “กินได้ทั้ง 2 แบบนั้นแหละแต่ถ้าอยู่ในร่างหมาก็กินเลยแบบดิบๆ ร่างหมามันก่อไฟไม่ได้นี้นะ”คาเซอริโอแยกเขี้ยวให้กับมุขตลกฝืดๆ ดวงตาสีเทามองเจ้าหมานั้นสลับกับทานเนื้อกระต่ายย่างของตัวเองช้าๆ


   “เจ้าพวกนั้นก่อนจะตายมันบอกฉันว่าจะจับตัวเมียกับพวกเด็กๆไป”ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นตวัดมองเขา ชะงักการกินไปเพียงเล็กน้อย


   “อืม สิ่งที่พวกข้ากำลังทำอยู่ก็คือการปกป้องตัวเมียกับเด็กๆ  ก็มันเป็นหน้าที่ของตัวผู้นี้นะ”เจ้าตัวยิ้มกว้างก่อนจะลงมือกินต่อ


   “ในกลุ่มพวกแกมีหนอน”


   “ห๊ะ”


   “ในกลุ่มพวกแก  มีใครสักคนที่ร่วมมือกับพวกมัน”ปากที่กำลังกินอาหารหยุดลง  ดวงตาที่ทอประกายขี้เล่นแข็งกราวขึ้นมาทันควันกับคำพูดของเขา


   “แกคงไม่บอกฉันหรอกนะว่ากลุ่มพวกแกรักกันปานจะกลืนกินจนไม่มีใครกล้าทรยศ”


   “ไม่หรอก  มันอาจจะมี เพียงแต่ข้าพยายามไม่นึกถึงมัน”เหมือนไหล่กว้างนั้นจะลู่ลงเล็กน้อยแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  การบอกว่าในกลุ่มตัวเองมีคนทรยศมันคงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะรับฟัง  ตอนแรกเขาคิดว่าคงได้เห็นเจ้าหมานั้นเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องคนทรยศแต่ดูจากปฏิกิริยาที่แสดงออกมาเมื่อครู่ พวกมันคงพอรู้เรื่องนี้บ้างแต่คงไม่พยายามนึกถึงเรื่องนี้เหมือนที่เจ้าตัวพูด  เป็นเขาเองหากมีใครบอกว่าในแก๊งค์ของเขามีคนทรยศเขาคงขำไม่ออก


   “แล้วแกจะทำยังไงต่อ”


   “ทิเบอริสยังไม่ได้ตัดสิน  เรายังทำอะไรไม่ได้เพราะพวกมันยังไม่ลงมือจริงจัง ทำได้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น”คาเซิอริโอถอนหายใจออกมาเบาๆลองเจ้านั้นพูดออกมาแบบนี้ก็คงเป็นตามนั้น  หัวหน้ายังไม่ได้ตัดสิน  เจ้าพวกนั้นก็ยังไม่ได้ลงมือแถมยังมีหนอนคอยสอดแนมภายในแบบนี้ ต่อให้บอกว่าตั้งรับแต่ดูยังไงก็เสียเปรียบชัดๆนึกไปแล้วก็ชวนให้ห่วงชินริขึ้นมาแบบบอกไม่ถูกเพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งในตัวเมียที่เป็นเป้าหมายในครั้งนี้


   “เสื้อฉันอยู่ไหน”เจ้าหมาตาสีน้ำตาลเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะชี้นิ้วไปยังกองฟูก  คาเซอริโอเดินไปค้นๆอยู่สักพักก่อนจะโยนแผ่นหนังสีน้ำตาลให้


   “เอา  ฉันได้มาจากหนึ่งในพวกมัน น่าจะมีประโยชน์บ้าง”แผ่นหนังสีน้ำตาลหล่นแหมะลงตรงหน้าเจ้าหมาที่รีบวางกระต่ายในมือลงและหยิบแผ่นหนังขึ้นไปดู  แสงไฟที่สาดกระทบทำให้เห็นว่าแผ่นหนังนั้นเหมือนแผนที่ที่ถูกฉีกออกมาส่วนหนึ่ง  ประกอบด้วยเส้นยึกยือที่เป็นขีดๆเป็นสัญลักษณ์ของที่ต่างๆ


   “แผนที่ของป่านอร์ซีร่า ตรงนี้คือแม่น้ำคีอานูฟ  ถัดขึ้นมาทางเหนือคือแม่น้ำอาเรมที่ๆพวกตัวเมียชอบไปซักผ้าส่วนนี้คือส่วนต้นของแม่น้ำอาเรม  แนวภูเขาที่ข้ากับเจ้าอยู่  ส่วนสัญลักษณ์นี้คือ..”ปลายนิ้วแข็งๆหยุดที่จุดกากบาทสีดำบนแผนที่ซึ่งถูกกาเอาไว้หลายตำแหน่ง ปนๆขึ้นทั่วทั้งแผ่นหนัง


   “สถานที่นัดพบหละมั้ง”คาเซอริโอเอ่ยขึ้นมาลอยๆตอบแทนที่เจ้านั้นอุตสาห์บอกตำแหน่งบนแผนที่ให้เขารู้  ตามที่เจ้านั้นว่ามาหากเขาเดาไม่ผิดป่าที่เขาอยู่นี้คือป่านอร์ซีร่าที่กินพื้นที่ค่อนข้างกว้างดูจากเส้นยึกยือที่วาดแสดงอาณาเขตแนวป่า ส่วนแม่น้ำคีอานูฟคงเป็นแม่น้ำที่เขาพบกับเจ้าคูลาตัส เจ้างูประหลาดนั้นเพราะเมื่อลากเส้นมาทางเหนือเขาก็พบว่าแม่น้ำคีอานูฟแตกแขนงออกไปเป็นแม่น้ำสายเล็กๆที่มาบรรจบกันและหนึ่งในนั้นที่อยู่เยื้องมาทางขวามือของเขาก็คือแม่น้ำอาเรมที่พวกตัวเมียชอบไปซักผ้า  ซึ่งพอประติดประต่อกันแบบนี้แล้วก็มีความเป็นไปได้ที่จุดที่เขาโผล่ลงมาจะเป็นใกล้แม่น้ำคีอานูฟ 


   ตอนแรกเขาคิดว่าหากกลับไปสำรวจที่เดิมที่เขาจากมาเขาคงได้รู้อะไรบ้างแต่ดูจากเจ้าสองคนที่เขาฆ่าทิ้งไปเมื่อวาน หมอฮิโตะ  ปืนในถ้ำของเจ้าหมานี้ หากเขาไปจริงอาจไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยก็ได้เพราะหากมีคนมากกว่า 1 ที่ถูกส่งมาที่นี้ก็หมายความว่าสิ่งที่ส่งเขามาที่นี้มันอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือที่ไหนก็ได้  ซึ่งอาจกำหนดแน่นอนไม่ได้แต่จากคำพูดของเจ้าตัวเมื่อคืนที่บอกว่าหัวหน้ามันเป็นคนเอาปืนมาให้  มีความเป็นไปได้ที่จะมีคนบังคับเจ้าสิ่งนั้นเพื่อให้ส่งปืนจากยุคเขามาให้  แม้จะดูน่าเหลือเชื่อที่จะมีใครหรืออะไรบังคับสิ่งที่ดูเหมือนเครื่องข้ามมิติได้ก็เถอะ  แต่มันก็เป็นข้อมูลที่เข้าใกล้ความจริงมากที่สุดและเป็นข้อมูลที่ให้ความหวัง  เขาและมนุษย์เองก็ชอบที่จะอยู่ต่อไปอย่างมีความหวังแม้ความหวังนั้นจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆก็ตาม


   “ดูจากที่ฉันเจอเจ้าสองคนนั้นเมื่อวานกับเจ้าหนอนบ่อนไส้นั้นคิดว่าพวกมันคงลงมือเร็วๆนี้หละมั้ง”


   “เจ้าเจอคนทรยศงั้นเหรอ”


   “ไม่  ตามไม่ทัน แต่ถ้าให้ลองเดาดูจากความเร่งรีบในการนัดเจอทั้งๆที่พวกแกก็เฝ้าเวรยามเช้าเย็นแบบนี้แสดงว่าอีกไม่นานพวกมันก็น่าจะลงมือ”ท้ายประโยคจางหายไปในลำคอเพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันจะเริ่มลงมือแบบจริงๆจังๆตอนไหน  แต่ถ้าเป็นเร็วๆนี้แบบที่เขาคิดก็คงดี ใช่ดีแต่แค่กับเขาหละนะ


   “หึ  เจ้านี่น่าสนใจจริงๆด้วย  ชักชอบมากขึ้นแล้วสิ”


   “เฮ้ย”แขนหนารวบตัวเขาไปกอดแน่น แน่นจนเหมือนถูกมัดด้วยเชือกเส้นหนา  พอเขาออกแรงดิ้นมันก็รีบปล่อยออกและกระโดดสี่ขาออกไปไกลเกินระยะฝ่าเท้า


   “เจ้าอยู่ที่นี้ไปก่อนเดี๋ยวข้ากลับมา อย่าออกไปเดินข้างนอกมืดๆหละ”


   “ไอ้หมาเวร”เสียงสั่งความดังหายไปพร้อมเสียงสบถของเขา อึ๋ย  เล่นกับหมา หมาเลียปากแท้ๆ











          ตอนที่ 9 มาแล้วคะ ตอนนี้คาเซอริโอฝันถึงเหตุการณ์ในอดีต  เป็นการบอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวของคาโลและเปิดตัว

  ตัวละครฝั่งมนุษย์อีกคนหนึ่งคะ  ส่วนฟากพ่อหมาของเราก็ยังคงหวานกันเพิ่งขึ้นมาอีกนิด  ฉากสวีทหวานในตอนเป็นเพียง

น้ำจิ้มน้อยเท่าๆนั้นคะ  แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่9 ร่วมชายคาใต้ผา......20/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 21-08-2014 16:25:49
ดีใจที่มาต่อ

คาโลเริ่มได้เบาะแสอะไรแล้ว

และเรื่องกำลังจะข้นขึ้นเรื่อยๆ

คนที่สั่งให้คาโลไปทวงของนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องไหมนะ

มาต่ออีกนะ จะรอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่9 ร่วมชายคาใต้ผา......20/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 23-08-2014 00:34:19
เราหายไปแปปเดียวพี่คาโลก็เจ็บตัวอีกจนได้ แหมๆ จะว่าหาเรื่องใส่ตัว หรือเรื่องวิ่งเข้าใส่ดีน้า~?
คิวบู้มันส์หยดติ๊งๆเลย ฮ่าๆ แหมๆ พี่คาโลนี่ดูจะเป็นที่ถูกใจของเจ้าหมาตาใส่นะเนี่ย~~
ทั้งช่วยซ่อมหลังคา ทั้งทำแผล ทั้งดูแล ทั้งเช็ดตัว แถมมีป้อนยาปากจ่อปากอีก กรี๊ดแปป เขิน~
อดีตของพี่คาโลหรอ งืมๆ เจ้านั่นมันเป็นใคร แล้วคาโลต้องกลับไปหาใคร
แล้วทำไมผู้ร้ายมีปืน ใครจะเป็นหนอนกันนะ โอ๊ย~ อยากรู้แล้วค่า มาต่ออีกนะ เราจะรอนะ >_<
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่10 การปะทะกันของ..25/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 25-08-2014 01:11:47
ตอนที่ 10 การปะทะกันของหมาและคน(1)                                            03/02/2557


   อากาศเย็นๆที่เกิดจากลมพัดปะทะเข้ากับละอองจากน้ำตกทำให้อากาศในถ้ำค่อนข้างชื้นบวกกับความเย็นของพนังหินทำให้เหมือนอยู่ในห้องแอร์ที่แสนเย็นสบาย  บรรยากาศที่เย็นเหมือนฝนตกใหม่ทำให้คนที่นอนอยู่คร้านที่จะตื่นหากไม่ใช่สัมผัสนุ่มๆของอะไรบางอย่างที่ปัดผ่านผิวแก้ม


   เปลือกตาสีขาวกระพริบถี่ก่อนจะลืมขึ้นช้าๆจะพบบางอย่างที่วูบไหวไปมาด้านข้างแก้ม  แกว่งไปทางซ้ายทีขวาทีจนคนมองได้แต่ถอนหายใจและตัดสินใจเอื้อมมือไปจับเจ้าสิ่งนั้นไว้ให้หยุดเคลื่อนไหว แต่พอเขาปล่อยมันก็โบกไปมาอีกรอบเหมือนสนุกเสียเหลือเกินกับการโบกหางสั้นๆใส่แก้มเขา


   “แกปลุกฉันดีๆไม่เป็นรึไงห๊ะ”มือขาวขยุ้มคอตัวปัญหาขึ้นมา พลิกจากท่านอนตะแคงมาเป็นนอนหงายพร้อมกับมือที่หิ้วเอาเจ้าก้อนปุกปุยสีดำขึ้นมาชูไว้ตรงหน้า


บ๊อก!!


   เสียงเห่าเบาๆพร้อมลิ้นสีแดงสดที่แลบออกมา  มองยังไงก็ดูน่าลักน่าฆ่าทิ้งจริงๆนั้นแหละ


   “แล้วไอ้หมานั้นไปไหนของมัน”เจ้าขนปุยที่เขาเพิ่งปล่อยลงข้างตัวเงยขึ้นมองเหมือนจะสงสัยว่าเขาถามหาหมาที่ไหนในเมื่อมันก็อยู่ข้างๆ


   “ฉันไม่ได้หมายถึงแก  ว่าแต่ช่างเถอะ..”คนที่เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกลับเงียบไปเพราะคิดสะระตะไปแล้วหากเขาถามว่ามันมาอยู่ที่นี้ได้ไง  เขาคงบ้าไม่น้อยที่คิดถามแบบนั้นกับหมาที่ไม่สามารถอ้าปากตอบให้เขาได้


   ส่วนไอ้หมานั้นเขายังไม่เห็นมันและไม่รู้สึกถึงการมาของมันก็หมายความว่าเมื่อคืนมันไม่มา  ประสาทสัมผัสของเขาไม่น่าพลาดหากมันกลับมาจริงเขาก็น่าจะรู้สึกตัว  ส่วนไอ้หมาขนปุยนั้นคงอยู่ในข้อยกเว้นที่สัญชาตญาณของเขาไม่เคยจับการมาของมันได้สักที


   “เฮ้อ”ร่างขาวๆผุดลุกขึ้นจากฟูกนอนที่ยึดเป็นของตัวเองเมื่อคืนนี้  ยืนบิดซ้ายขวาก่อนจะพบว่าแม้ร่างกายฝืดๆไปบ้างแต่แผลก็หายดีเกือบเต็มร้อย  แผลกระสุนก็จางไปมากเหลือแค่เจ็บจี๊ดๆคงเพราะยาดี


   ดวงตาสีเทาเบิกกว้างเมื่อคิดถึงยาดีและวิธีการป้อนยาเมื่อวานขนทั่วแขนขาก็พร้อมใจพากันลุกชันที่ แน่ๆไม่ได้เกิดจากอากาศหนาวเพราะเขาไม่ได้ใส่เสื้อแน่ๆ


   ดวงตาสีเทากวาดไปทั่วผนังถ้ำแสงแดดที่สาดส่องมาทางช่องที่เปิดออกสู่น้ำตกและช่องบนเพดานถ้ำทำให้มองเห็นบริเวณโดยรอบได้ดีกว่าปกติ  ทางเดินมืดที่เขาเห็นเมื่อวานกลายเป็นทางเดินสว่างๆที่มีซอกมีแง่งให้ค้นหา  หินงอกหินย้อยเปล่งประกายสะท้อนกับแสงแดดถ้าไม่นับเรื่องความรกก็นับว่าเจ้าหมานั้นหาที่อยู่ได้ดีไม่น้อย


   ขายาวๆก้าวไปตามเส้นทางเดิมที่เจ้าหมานั้นเคยพาเขาไปดูปืนแต่เดินไปได้แค่พักเดียวเขาก็เลี้ยวไปอีกด้านจำได้ว่าไอ้หมายักษ์นั้นมันทักเขาเอาไว้ว่าเขาคงอยากอาบน้ำ  มือขาววางเปะปะไปตามทางเดินกว้างขนาดที่คนโตๆสวนกันได้ค่อนข้างลำบาก แนวแตกที่ร่องหินทำให้มองเห็นทางเดินจากแสงแดดที่รอดเข้ามาและเมื่อมองไปด้านล่างผ่านร่องหินที่แตกขนาดที่คนเท่าเขาจะกระโดดออกไปได้สบายก็พบว่าด้านล่างเป็นเหมือนผาขนาดเล็ก  ตกลงไปคงไม่สวยแต่หากกระโดดพุ่งไปเกาะต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปเกือบจะ 2เมตรมันก็เป็นเส้นทางไปน้ำตกที่น่าตื่นเต้นดีไม่น้อย


    เขาละสายตาจากภาพมุมด้านข้างของน้ำตกก่อนจะเดินเรื่อยเข้าไปข้างใน  ความมืดที่เริ่มมากขึ้นทำให้เขาเริ่มหงุดหงิดและเผลอคิดไปว่าโดนเจ้าหมานั้นหลอกแต่ก่อนจะได้กรนด่ามันในใจก็พบแสงสว่างเบื้องหน้าที่สาดส่องลงมาจากโพรงถ้ำกว้างเกือบ 2 เมตรที่ด้านบนปกคลุมด้วยเถาวัลย์หนา ทำให้แสงแดดที่ส่องผ่านใบของพวกมันเข้ามากลายเป็นจุดสีส้มเล็กๆที่วูบไหวได้ยามเมื่อลมผ่าน ริมฝีปากสีส้มยกยิ้มให้ตัวเองก่อนจะเดินผ่านแนวแสงธรรมชาติเขาไปด้านใน


   ซอกหินแตกเป็นแนวเล็กๆขนาดกว้างประมาณ 2 ฟุตที่มีน้ำตกไหลพุ่งลงมาทำให้ดูเหมือนซาวเว่อร์อาบน้ำดีๆนี้เอง


   “อาบน้ำด้วยกันไหมซ๊อค”ริมฝีปากสีส้มสดเหยียดยิ้มให้ลูกหมาขนปุยที่ยืนอยู่ห่างออกไปเกือบ 2 เมตรหลังแนวแสง


   “เหอะ ไอ้หมาสกปรก”ว่าเสร็จคนว่าก็ยื่นมือเขาไปใต้น้ำก่อนจะพบว่าน้ำนั้นเย็นเหมือนแช่น้ำแข็ง  มือขาวสะอาดรองน้ำเย็นๆมาลูบหน้าหลายๆครั้งก่อนจะค่อยๆปลดกางเกงผ้าสีน้ำตาลเนื้อหนาพร้อมรองเท้าสานที่ชินริหามาแทนเฟอรากาโม่คู่เก่าออกแล้วโยนพวกมันทิ้งไปด้านที่เจ้าหมาขนปุยนั้นอยู่


   “หึ  ฉันไม่ชอบให้ใครมาดูตอนอาบน้ำนะจำไว้”ก้อนกลมๆที่โดนกางเกงทับค่อยๆมุดออกมาจนกระทั่งหัวเล็กๆนั้นสามารถโผล่ออกมาจากกองผ้าได้


   ภาพที่สะท้อนผ่านดวงตาสีดำคู่โตคือภาพขาวสร่างที่ยืนอยู่ใต้สายน้ำตกขนาดเล็ก  เส้นผมสีทองสะท้อนแสงแดดยามเช้าเป็นประกายเหมือนเส้นไหม เวลาโดนน้ำและมือขาวๆนั้นลากผ่านก็ราบไหวยาวไปจรดต้นคอขาว  ดวงตาสีเทาที่ปกติจะทอประกายดุกลับหลับพริ้มใต้ละอองน้ำที่สาดกระเซ็นมาโดนใบหน้า ก่อนมือขาวๆนั้นจะลูบน้ำผ่านหน้าผากเกลี้ยงเกลาลงมาที่คิ้วสีทองสวย ผ่านสันจมูกโด่งและสิ้นสุดที่ริมฝีปากสีส้มที่ชอบพูดคำแปลกๆที่ไม่เหมือนภาษาของมัน


   ใบหน้าได้รูปนั้นเงยหน้ารับน้ำอีกครั้งปล่อยให้หยดน้ำหยดจากปลายคางได้รูปไหลเรื่อยลงมาตามคอยาวขาว  แอ่งกระดูกที่ไหล่  แผงอกที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ  จุดแต้มสีชมพูสดบนหน้าอก  แนวกล้ามเนื้อที่วางเรียงเป็นคู่ๆ1 คู่ 2 คู่ 3 คู่ แนวสะดือที่บุ๋มเข้าไป ไรขนอ่อนที่แทบจะกลืนไปกับสีผิวลากยาวเป็นเส้นตรงลงมาด้านล่าง...  ภาพในดวงตานั้นเปลี่ยนมุมเมื่อแขนยาวเอื้อมไปเท้ากับพนังก้มหน้าลงปล่อยให้สายน้ำไหล่เรี่ยลงมาตามแผ่นหลังกว้าง สะบักไหล่ แนวกล้ามเนื้อที่ค่อยๆลู่ลงก่อนจะผายออกอีกครั้งพร้อมแนวโค้งที่นูนขึ้นเป็น.....


   “โอ๊ะ สะดวกดีแหะ”ดวงตาสีดำกลมตวัดมองมือขาวๆเอื้อมออกไปข้างสายน้ำตรงจุดที่มีรอยแตกยาวๆพอให้กิ่งไม้ 2-3 กิ่งจะลอดเข้ามาได้ ใบไม้สีเขียวๆที่กลิ่นค่อนข้างฉุนแต่ใช้สระผมแล้วสบายหัวอย่างหน้าเหลือเชื่อ 


   ใบไม้ 4-5 ใบในมือถูกขยี้ผสมกับน้ำจนเป็นฟองก่อนจะนำมาสระผม เขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือใบอะไร รู้แค่ว่าชินริแนะนำกับเขาว่ามันสระผมได้แค่ขยี้ให้เป็นฟองเอามาขยี้กับผมแล้วล้างออกก็แค่นั้น


   มือขาวๆนั้นสระผมไปช้าๆพอให้ทั่วก่อนจะล้างออกแล้วเอื้อมมือไปหยิบเอาใบไม้ของอีกต้นขึ้นมาขยี้ผสมกับดอกไม้สีม่วงสดจนเกิดฟองหากเป็นที่บ้านชินริเขาคงไม่ต้องมาขยี้เองเพราะชินริจะตากแห้งแล้วเก็บเอาไว้สำหรับอาบน้ำโดยเฉพาะแต่ที่นี้ก็นับว่าโชคดีที่ต้นไม้พวกนี้มาขึ้นอยู่ข้างๆที่อาบน้ำ


   มือขาวๆลูบเอาฟองของใบไม้ไปตามลำตัวช้าๆ  ก่อนจะขัดไปตามท่อนขายาวเคลื่อนผ่านรอยแผลเป็นจากกระสุนที่เขาเป็นคนกรีดออกและรอยแผลเป็นที่เกิดจากมีดยาวๆถากอีกข้างหนึ่ง  แผลเป็นที่เขาไม่เคยภาคภูมิใจกับมัน


   “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้ใครมาดูฉันอาบน้ำ”ใบหน้าเหลี่ยมเล็กเอียงมองด้วยความสงสัยก่อนดวงตาสีดำคู่โตจะเบิ่งกว้างเมื่อโดนหิ้วคอเข้าไปใต้น้ำตกจนขนดำๆนั้นเปียกลู่  มือขาวๆเอื้อมหยิบใบไม้สำหรับสระผมก่อนจะขยี้ลงบนตัวหมาที่พอขนลีบแล้วดูตลกมากกว่าน่ารัก 


   “แกนะมันสกปรกต้องอาบบ่อยๆรู้ไหม”ว่าไปมือก็ค่อยขยี้ไปตามขนสีดำนั้นเร็วๆ  ขัดไปทุกซอกทุกมุมจนแน่ใจว่าทั่วจึงยกตัวลูกหมาขึ้นไปใต้น้ำตกให้น้ำสาดโดนล้างฟองออกจากขนลีบๆนั้น


หงิง  หงิง!!


   “อะไรแค่นี้ทำเป็นหนาวแล้วเหรอ”ริมฝีปากจุดยิ้มขำเมื่อหมาตัวเปียกสั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนหมากลัวผี


ฮัดชิ้ว!!


   จมูกสีดำสั้นๆจามออกมาครั้งใหญ่  พาทำให้คนที่ไม่ชอบสิ่งมีชีวิตเล็กๆนึกเอ็นดูมันขึ้นมา


   “เป็นหมาต้องอดทนรู้ไหม”ปากว่าไปนั้นก่อนจะวางเจ้าตัวเล็กลงบนพื้นให้สะบัดจนน้ำกระจาย  มือที่กำลังเอื้อมไปหยิบกางเกงพลันนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่เอาเสื้อมาจากบ้านชินริเลย  เฮ้อ แบบนี้คงต้องใส่ตัวเก่าไปก่อนแล้วลงไปเอาซะแล้วหละมั้ง


   “ซ๊อค  จำทางไปบ้านชินริได้ไหม”หมาเจ้าของชื่อหันมามองก่อนจะสะบัดก้นเดินออกไปทั้งเปียกๆเหมือนงอน


   “เฮ้ย  อย่ามางอนนะโว๊ย  พาฉันไปบ้านชินริซะดีๆ”คนที่แต่งตัวด้วยกางเกงเรียบร้อยแล้วเดินตามหมาขนลีบออกไปยังโถงถ้ำกวาดตามองหาเสื้อตัวเองที่วางกองๆไว้ด้านข้างฟูกขึ้นมาสวม  ตั้งใจว่าคงต้องลงไปหาชินริซักที  เขาหายมาก็นานมากแล้ว  สาวเจ้าอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ว่าเขาหายมาเพราะไอ้หมานรก 1 วันเต็ม แต่อย่างน้อยๆเขาก็ควรโผล่หน้าไปให้เห็น ก่อนจะตัดสินใจต่อไปว่าจะทำยังต่อ


   “ไปกันเถอะซ๊อค”คาเซอริโอหันไปเรียกเจ้าลูกหมาที่ขนเริ่มแห้งหลังจากเก็บข้าวของเสร็จ  เจ้าตัวเล็กเดินนำออกไปตามทางเดินมืดๆที่เจ้าหมาบ้านั้นวิ่งหายไปเมื่อวาน  พอเป็นตอนกลางวันถึงได้รู้สึกว่าสว่างขึ้นมาหน่อย  ทางเดินกว้างประมาณ2 เมตรขนาบข้างด้วยหินแข็งแรงสลับ คดเคี้ยวกันไป  หากทำเป็นที่ซ่อนมันคงมีข้อเสียที่ไม่สามารถสังเกตศัตรูได้จากจุดที่พัก  แต่ข้อดีของมันคือความก้องของผนังหากไม่เดินเข้ามาดีๆแบบเงียบๆคนด้านในคงไหวตัวทันและหากจะหนีก็คงหนีได้ไม่ยากเพราะถ้ำที่มีซอกทางเดินมากขนาดนี้หากชำนานก็เป็นชัยภูมิที่ได้เปรียบแม้เขาจะเป็นมาเฟียที่ถนัดซ่อนตัวบนซากตึกหรือกองข้าวของมากกว่าแต่ก็ยังอดที่จะชอบถ้ำนี้ไม่ได้


   หลังเดินออกมาซักพักภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือปากทางเข้าถ้ำที่ปกคลุมด้วยแนวต้นไม้และเถาวัลย์มองผ่านๆคงมองไม่เห็นทางเข้า  เศษดินที่เริ่มปะปนกับเศษหินทำให้มองไม่เห็นรอยเท้าของเจ้าหมาปีศาจนั้นว่าหายไปทางไหน 
   ขายาวๆก้าวตามหมาตัวจ้อยที่เดินออกไปด้านขวา  ไต่เรียบไปตามแนวหินช้าๆ ทางเดินที่ลาดลงเรื่อยๆพร้อมเสียงน้ำตกที่แว่วห่างออกไป  หากวัดจากพื้นราบก็นับว่าเป็นถ้ำที่ไม่สูงมากนักไม่ต้องตะเกียดตะกายขึ้นไป  จากที่ตั้งของถ้ำน่าจะตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างแม่น้ำอาเรมและที่ตั้งของกลุ่ม  ถ้ำในภูเขานั้นน่าจะเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำอาเรม


   “ชักช้าเกินไปแล้ว”เมื่อเข้าใกล้แนวป่าที่เริ่มคุ้นตามือขาวก็ฉวยเอาเจ้าตัวเล็กมาอุ้มไว้ในมือข้างหนึ่ง  ดวงตาสีเทากวาดมองไปทั่วๆแนวป่าที่เริ่มบางลงก่อนจะเริ่มมองเห็นบ้านหลังแรกที่เก่าโทรมเหมือนไม่มีคนอยู่ ถัดมาคือบ้านใต้ต้นไม้ของช่างไม้คาเพนเตอร์  บรรดาหมาในร่างคนยังคงมองเขาด้วยสายตาแปลกๆเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนไปคือจำนวนคนในหมู่บ้านน้อยลง  บรรดาตัวผู้ในหมู่บ้านหายไปมากโดยเฉพาะพวกตัวรุ่นๆกับเจ้าหมานั้น  พวกที่ยังอยู่ก็ดูเหมือนจะเคร่งเครียดมองทุกคนตาขวางๆกันหมด  หึ  คงไม่พ้นแผนที่เมื่อวานที่เขาให้เจ้าหมานั้นไป  ป่านนี้อาจจะกำลังกระจายกำลังกันตรวจตามจุดกากบาทบนแผนที่นั้นก็ได้ อย่างน้อยการให้แผนที่กับเจ้าหมานั้นไปก็ไม่เสียเปล่าซะทีเดียวและดูเหมือนจะคุ้มค่าที่จะลงทุนหละนะ


   ปลายเท้าหยุดชะงักเมื่อก้าวมาถึงบ้านต้นไม้ที่คุ้นเคย  ความเงียบที่ปกคลุมเรียกให้ความรู้สึกบางอย่างแล่นขึ้นมาแต่เจ้าตัวก็ทำเพียงปัดมันออกไปและยกมือเคาะประตู


ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก


   ความเงียบที่ตอบกลับมาทำให้คิ้วเรียวสีทองขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป  ประตูไม่ได้ล็อคตามธรรมดาของบรรดาหมาๆทั้งหลายที่ไม่ชอบล็อคประตูบ้าน  เขาเคยแย้งไปแล้วรอบหนึ่งว่าเจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงน่าจะล็อคซักหน่อยแต่ชินริก็ทำเพียงยิ้มสว่างกลับมาเท่านั้น  ทำให้เขาเลิกที่จะแย้งเพราะยังไงซะความคิดของคนอย่างเขาก็ไม่เหมือนกับพวกหมาปีศาจอยู่แล้ว


   “ชินริ”คาเซอริโอออกปากเรียกในความเงียบ ลางสังหรณ์บางอย่างเรียกให้เลิกผ้าสีน้ำตาลตุ่นๆที่ปิดห้องสาวเจ้าไว้ออก  ภายในห้องเงียบไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต ขายาวๆก้าวไปอีกฟากเลิกผ้าดูห้องของเจ้าชินอูก่อนจะพบความว่างเปล่าอีกครั้ง  ความรู้สึกแปลกๆที่รู้สึกเมื่อก้าวมาถึงบ้านตีรวนขึ้นมาอีกครั้ง


   ขายาวๆก้าวไปที่อีกฟากบ้านซึ่งเคยเป็นที่นอนของเขาเลิกผ้าปูออกก่อนจะคว้าเอาห่อผ้าหนาๆขึ้นมา มือสองข้างรีบถลกขากางเกงข้างขวาขึ้นก่อนจะมัดซองมีดที่ขอให้ชินริเย็บให้ลงไปใส่มีดด้ามยาวลงแล้วรั้งกางเกงลงมาปิดเหมือนเดิมแล้วเลิกขากางเกงข้างซ้ายขึ้นตรวจสอบซองมีดสั้นที่เขามักพกติดตัวเสมอๆว่ายังเรียบร้อย  ซองปืนที่เอวถูกคว้าขึ้นมาจากห่อผ้า  มือขาวปลดแม๊กกาซีนลูกรักทั้งสองที่อุตสาห์นั่งทำความสะอาดทั้งคืนขึ้นมาเซ็คลูกกระสุนก่อนจะประกอบลงไปตามเดิมและเก็บเข้าซองที่เอวดึงเสื้อลงมาปิดให้เรียบร้อย Colt 1902military 2 กระบอก กับกระสุนนอกอีก 20 นัด ไม่พร้อมเท่าไหร่ นี้อาจเป็นครั้งแรกที่คนอย่างคาเซอริโอนึกไม่อยากยิงปืนขึ้นมาชั่วแว๊บ


   “ตามมา  ฉันยังจำเป็นต้องใช้จมูกของแกช่วย”มือขาวคว้าคอลูกหมาขนปุยสีดำขึ้นมาก่อนจะเดินเร็วๆไปที่เป้าหมายต่อไป ที่ๆอาจจะบอกเขาได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง


   “หมอ”


ปัง!!


   ประตูไม้บานหน้าถูกถีบออกกระแทกกับพนังดังโครม


   “อ๊ะ  คุณคาโลไปไหนมาครับ  เมื่อคืน..”


   “เจ้านั้นอยู่ไหน”


   “ใครครับ”


   “ผู้ช่วยหมอ  ไอ้คนที่ตัวเล็กๆมีผ้าพันแผลที่หัวนั้นนะ”


   “อ๋อ คุณริวจิ  ทำไมเหรอครับ”


   “ฉันถามว่ามันไปไหน”มือใหญ่กระชากแขนหมอร่างเล็กมาเขย่าด้วยแรงอารมณ์


   “เออ  คุณคาโลครับผม..”


   “เฮ้อ โทษที  ฉันใจร้อนไปหน่อย  ตอนนี้ฉันยังบอกอะไรไม่ได้นะ  แต่ช่วยบอกทีว่าเจ้านั้นมันไปไหน”คาเซอริโอรีบปล่อยแขนที่เขาบีบจนแน่นออก  เจ้าของแขนคลำแขนปรอยเหมือนเจ็บ


   “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ปกติเขาจะมาหาผมทุกเช้าแต่วันนี้ก็ยังไม่เห็นมาเลยสงสัยจะตื่นสายหละมั้ง”


   “เห็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”


   “เมื่อวานตอนเย็นๆหละมั้งครับ  ก่อนพระอาทิตย์ตกดินปกติเขาก็กลับบ้านเวลานั้น”คิ้วสีทองขมวดฉับใช้ความคิด  เมื่อวานหลังพระอาทิตย์ตกดินเขาก็ให้แผนที่นั้นกับเจ้าหมาไป  จากถ้ำมาถึงนี้ใช้เวลาไม่กี่นาที


   “พวกหมาตัวผู้ไปไหนหมด”


   “อ๊ะ เอ่อ  หมายถึงพวกผู้ชายเหรอครับ ผมเห็นวิ่งออกไปช่วงหัวค่ำนะครับ ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย แปลกเหมือนกันนะครับที่พวกเขาหายกันไปนานแบบนี้ ปกติต้องส่งคนกลับมาเปลี่ยนเวรไปแล้วแท้ๆ”ยังไม่กลับมา  หากดูจากระยะทางในแผนที่ถ้าพวกหมานั้นคิดจะไปดูทุกจุดตามแผนที่มันก็คงจะใช้เวลานานมากกว่าจะกลับมา เจ้าบ้านั้นก็ดันมาหายไปแบบนี้อีกสังหรณ์ใจแปลกๆ


   “วันนี้พวกผู้หญิงไปไหน”


   “เอ่อ  ไปซักผ้าตามปกตินั้นแหละครับ  ก็วันนี้ครบรอบซักผ้าพอดี”พอดีเกินไปนะสิ ถ้าแบบนี้มันก็หมายความว่า


บรู๊ววว!!


   “เสียงอะไรนะ”


   “เสียงหอนแบบนี้มัน  การสื่อสารของพวกเขานะครับ  แต่ผมว่ามัน……”


   “ของริวจิ  ของไอ้บ้านั้นอะไรก็ได้หยิบมาให้ที  เร็วๆเข้า”


   “อ๊ะ ครับๆ”หมอฮิโตะรีบหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะกลับออกมาพร้อมผ้าผืนใหญ่ 1 ผืน


   “อ๊ะ  นี้ครับผ้ารองไหล่เขาใช้ประจำเวลาเขาเอาตะกร้าไปเก็บสมุนไพร”มือขาวคว้าเอาผ้าผืนใหญ่ยื่นไปให้เจ้าลูกหมาที่ทำจมูกฟุดฟิตดมก่อนจะคว้าเอา Colt 1902military มากระชับไว้ในมือขวา


   “คุณคาโลเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”เสียงถามดังสั่นๆเมื่อมองเห็นอาวุธในมือเขา


   “ฉันก็ยังไม่แน่ใจ  นายรออยู่ที่นี้เตรียมตัวให้ดี แต่ถ้าเจอพวกที่ไปล่าตระเวนกลับมาหรือใครก็ได้ที่มันไว้ใจได้บอกให้ไปหาฉันที เข้าใจนะ”ว่าจบมือใหญ่ก็คว้าคอหมาสีดำมาไว้ในมืออีกข้างและผลุนผลันวิ่งไปทางแม่น้ำ  ภาวนาให้ลางสังหรณ์และอะไรที่เผลอคิดไปไม่เกิดขึ้น  ขอให้ทันทีเถอะ ชินริ










       มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  รอบนี้มาดึกเพราะกลัวไม่ได้ลงตามเวลาทีกำหนด  การทำงานเป็นกะๆนี้มันคุมเวลายากเอาการนะคะเนี่ย

       ตอนนี้เขียนไปน้ำลายคนเขียนก็หกไปแต่ไม่รู้นักอ่านจะเป็นเหมือนกันไหม  เพราะสำหรับคนเขียนแล้วฉากอาบน้ำของพ่อหนุ่มคาโลนั้นมันอิโรติคเข้าขั้นอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะบรรยายให้คนอ่านเห็นภาพได้เหมือนกันไหมนี่สิ

      ท้ายๆตอนเริ่มมีเนื้อหาที่คล้องกับชื่อตอน  เรายังคงนำเสนอฉากบู๊แบบต่อเนื่องจนไม่แน่ใจแล้วว่านี้นิยายแฟนตาซีหรือนิยายบุ๊ล้างผลาญกันแน่ ฮ่าๆ

     สุดท้ายขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ยังติดตามอ่านและเป็นกำลังใจให้เสมอมาคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่10 การปะทะกันของ..25/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 25-08-2014 07:56:37
 :z13:

****

อย่าบอกนะว่าวันนี้พวกชินริกำลังจะโดนจับไป

คาโลไปขัดขวางให้ได้นะ สู้ๆ

ตอนนี้เหมือนมันสั้นเลยเนาะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่10 การปะทะกันของ..25/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 25-08-2014 23:49:45
โหยๆๆ งานงอกละทีนี้ พี่คาโลพึ่งพักไปหมาดๆ มีงานด่วนอีกแล้วๆ
บอกก่อนเลยว่าฉากพี่คาโลอาบน้ำนี้อะเมซซิ่งมาก อยากจะแอบไปเกาะถ้ำ
แล้วแอบดูพี่คาโลอาบน้ำ คงจะฟินไม่ใช่น้อยๆเลย อิจฉาช๊อคแบบ - 3 -
เกิดเป็นหมาที่ได้แอบดูพี่คาโลอาบน้ำแถมพี่คาโลอาบน้ำให้อีก อิจๆๆๆๆๆ
รู้สึกพี่คาโลต้องบู๊อีกตามเคย คงบู๊แหลกกันไปข้างเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ น่าติดตามๆ
อยากอ่านต่อมากเลย ค้างสุดๆ มาต่อไวๆน้า คนเขียนสู้ๆ รักคนเขียนนะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่11 การปะทะกันของ..31/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 31-08-2014 12:05:10
ตอนที่ 11 การปะทะกันของหมาและคน (2)                                       05/02/2557



               ต้นไม้สูงใหญ่และเถาวัลย์มากมายผ่านตาไปด้วยความรวดเร็วเมื่อคนออกแรงวิ่งไม่ได้สนใจมอง  ภาพต้นไม้ที่คุ้นตาทำให้เขาแน่ใจว่าไปได้ถูกทางแต่ความอุดมสมบูรณ์ของป่าก็แสนจะน่าหงุดหงิดเมื่อเขาต้องคอยกระโดดหลบคอยวิ่งคดโค้งเพื่อหลบสารพัดก้อนหินหรือรากไม้  แต่เดิมหากเดินตามบรรดาสาวๆไปเรื่อยคงประมาณ 45 นาทีแต่หากเขาวิ่งไปเต็มฝีเท้าคงไปได้เร็วกว่านั้น แต่มันอาจจะนานไป


บ๊อก!!


   เสียงเห่าเล็กๆทำให้ขาที่วิ่งมาเต็มฝีเท้าชะงักลง  หูเงี่ยฟังเสียงสายน้ำอาเรมที่ดังอยู่ไม่ห่างก่อนจะพยายามปรับลมหายใจ  ตั้งสมาธิและก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ  สายน้ำที่เขามาเป็นเพื่อนซักผ้ากับสาวๆบ่อยๆ


   “บ้าชิบ  มาไม่ทันงั้นเหรอ”ดวงตาสีเทากวาดมองตะกร้าผ้าที่กระจัดกระจายด้วยความหัวเสีย  ก่อนจะสาวเท้าไปริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยรอยเท้าและเศษผ้า  รอยเท้ามากมายและรอยอุ้งเท้าคงเป็นของเจ้าของเสียงหอนเมื่อครู่  แต่รอยอุ้งเท้ามีน้อยเกินไป เธออาจทำได้เพียงคืนร่างเป็นหมาป่าก่อนจะถูกพาตัวไปแต่จะพาไปยังไงหละมนุษย์กับปีศาจหมาแรงผิดกันพอสมควรถึงจะเป็นพวกตัวเมียก็เถอะ


บ๊อก!!


   ดวงตาสีเทาตวัดมองเจ้าหมาขนปุยที่เห่าบอกพร้อมกับใช้ขาหน้าตะกุยบางอย่างอยู่ 


   “บัดซบ พวกมันใช้ยา”ซากเข็มที่กองอยู่กับพื้นคือหลักฐานอย่างดี  มันใช้เข็มฉีดยาแทนปืนยาสลบ  เข้ามาฉีดยาใกล้ๆได้แบบนี้แสดงว่าเจ้าบ้าริวจินั้นต้องมีเอี้ยวด้วยแน่นอน แต่ทำไมต้องเป็นเข็มฉีดยาแทนปืนยาสลบหละ  ยาในเข็มนั้นมันคือยาอะไรกันแน่  เอาไปให้หมอฮิโตะช่วยตรวจน่าจะดี


ปุ้ง!!


ปัง!!


   เสียงปืนเก็บเสียงดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาก้มลงหยิบหลอดฉีดยาที่ยังมีน้ำยาค้างอยู่ กระสุนจากลูกรักในมือจึงเจาะเข้ากลางกะโหลกคนยิง พวกมันอีก 1 คนสบโอกาสวิ่งหนี


   “คิดส่งคนไว้สกัดงั้นเหรอ  อย่างนี้ก็สนุกสิ”มือยาวหยิบหลอดยาที่ยังเหลือยาอยู่ขึ้นมาก่อนจะใช้ผ้าห่อเอาไว้


   “ถ้าแกยังอยากมีชีวิต อยู่นิ่งๆซะ”ปลายปากกระบอกปืนเบี่ยงไปด้านหลัง  ก่อนคนพูดจะยืดตัวขึ้นเผชิญหน้ากับหมาป่าร่างสูงที่ค่อยๆยืดตัวยืนบนขาหลังคืนร่างจากหมาสี่ขาเป็นมนุษย์หมาป่าที่มีหัวสีเทาชี้ๆเหมือนหัวนกแก้ว


   “ไอ้หัวนกแก้ว”


   “ข้าชื่อซาลูกิ ลดอาวุธในมือของเจ้าลงซะ  ข้าต้องตามมันไป”


   “ไม่”คาเซอริโอยกยิ้มโดยไม่ยอมลดปืนในมือลง


   “นี้เจ้า”หมาป่าส่งเสียงขู่ในลำคอและทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้ามา


   “เฮ้ย อย่าดีกว่า ขนาดข้ามแม่น้ำฉันยังยิงเจาะกะโหลกมันได้  ระยะแค่แกกับฉันแค่นี้ไม่มีพลาด  ถ้าอยากหัวกระจายก็เข้ามา แต่ถ้าอยากไปช่วยสาวๆพวกนั้นก็เงียบแล้วฟัง”


   “เจ้าจะตามไปช่วยพวกนางงั้นเหรอ ทำไม”


   “ชินริ ฉันต้องตามไปช่วยเธอ”


   “หึ ชอบนางงั้นเหรอ”คาเซอริโอถอนหายใจด้วยความหน่าย มันใช่เวลาที่เขาจะมาพูดเรื่องชอบไม่ชอบเอาตอนนี้รึไงวะ


   “ตอบแทนบุญคุณ แบบนี้ฟังขึ้นกว่าไหม”


   “ก็ดี  แล้วแผนหละ”


   “ไม่มี”


   “ห๊ะ เจ้าเสียสติไปแล้วรึไง  ไม่มีแผนแต่จะบุกตามไปงั้นเหรอ”


   “เออ  จะฆ่าคนทั้งทีมันไม่ต้องมีแผนหรอก  แค่คิดว่ายิงตรงไหนมันตายก็พอแล้วไม่ใช่รึไง”


   “เจ้านี้มัน...”


   “หุบปากแล้วคืนร่างเป็นหมาซะ”


   “ทำไม”


   “ฉันจะได้นั่งหลังแกไปไง”


   “หึ  ข้าไม่ยอมให้มนุษย์มานั่งอยู่บนหลังหรอก”


   “แกจะห่วงศักดิ์ศรีบ้าบออะไรก็เรื่องของแก  แต่ถ้าแกไม่ทำก็ไปตัวเดียวเลย  อยากโดนมันยิงทิ้งก็ตามใจหรือถ้าจะรอจนกว่าพวกเพื่อนๆแกจะตามมา  ก็เตรียมเก็บซากพวกสาวๆได้เลย”เจ้าตัวตรงหน้านิ่งไปเหมือนลังเล


   “ก็ได้  ข้าจะให้เจ้าขี่หลังไป  อย่ามาถ่วงข้าแล้วกัน”


   “หึ  นั้นมันคำพูดของฉันมากกว่า”ริมฝีปากสีส้มยกยิ้มขณะมองมนุษย์หมาป่าที่ค่อยๆก้มลงมาคลานสีขา  โครงหน้าแบบมนุษย์เริ่มหายไปกลายเป็นหมาที่ร่างสูงพอๆกับม้าขนสีเทาสั้นๆตรงช่วงลำตัว  ทิ้งขนยาวๆสีขาวเหลือบเทาตรงช่องหูและขาทั้งสี่ข้าง  ดูสง่าดีเหมือนกัน


   “โอ้ ตัวใหญ่เหมือนกันนี้”เพราะหันมาเร็วๆจึงไม่ทันได้มองแต่พอได้มองแบบนี้จึงรู้ว่าหมาปีศาจตัวเต็มวัยสูงใหญ่กว่าเจ้าชินอูที่เขาช่วยเอาไว้โดยบังเอิญมากทีเดียว


บรู๊ว  บรู๊ว


   เสียงหอนยาวนานเหมือนการส่งข่าวก่อนคาเซอริโอจะจับยึดกระดูกบนหลังและปีนขึ้นไปนั่งพร้อมกับวางเจ้าซ๊อคแหมะลงระหว่างหูลู่ๆที่ปกคลุมด้วยขนสีเทายาวๆ2 ข้างนั้น


   “วิ่งดีๆหละ  โดนลูกปืนยิงมาจะหาว่าไม่เตือนนะ”คาเซอริโอยิ้มขำก่อนจะคว้าจับรอบคอเมื่อเจ้าตัวออกวิ่งด้วยความเร็วที่อาจจะมากกว่าความเร็วของม้าและโลดโผนมากกว่า ข้ามฝากแม่น้ำอาเรมและวิ่งเรียบตามกลิ่นเจ้าคนเมื่อกี้ไป


   “อย่าลืมกลิ่นเจ้านั้นนะซ๊อค”


บ๊อก!!


   หมาตัวน้อยเห่ารับขณะจิกเท้ายึดเอาไว้แน่น  ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือตามพวกมันไป ถึงแม้มันจะทิ้งคนไว้สกัด อันตรายไปหน่อยแต่ก็สนุกดีกว่าแอบตามรอยเฉยๆแน่นอน


โฮ่ง!!


ปัง!!


   “อ๊าค”กระสุนนัดแรกดังขึ้นพร้อมเสียงขู่ ก่อนเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจะดังออกมาจากพุ่มไม้  คาเซอริโอกระโดดพุ่งตัวลงจากหลังหมา  กลิ้งตัวเองไปตามพื้นดิน  มือชักปืนอีกกระบอกออกมายิงเจาะเข้ากลางท้องอีกคน  ดวงตาสีเทากวาดมองเจ้าหมาที่กระโจนพรวดเดียวถึงตัว  กรามใหญ่อ้ากว้างก่อนจะงับลงที่ไหล่และฉีกกระชากเป็น 2 ชิ้นในครั้งเดียว


   “โหดได้ใจ”


ปัง!!


ปัง!!


   กระสุนเจาะทะลุหัวเจ้าตัวที่ยกปืนเล็งไปทางหมา  กระสุนพลาดเป้าพร้อมเลือดและเศษสมองที่สาดกระจาย


   “เฮ้อ ใครให้หยิบขึ้นมากันนะ”


ปัง!!


   “อ๊าค”กระสุนทะลุแขนข้างที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนพร้อมเท้ากระทืบลงซ้ำแผลกระสุนเดิมที่หน้าท้อง


   “พวกผู้หญิงไปไหน”คนถูกถามมองหน้าคนยิงเลิ่กลั่กก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นหมาที่เดินมายืนข้างหลังเขาพร้อมเลือดที่หยดแหมะลงมาจากปากที่แยกแสยะเขี้ยว


   “ฉันไม่ว่าหรอกนะถ้าแกจะกลัวไอ้ตัวข้างหลังกัดมากกว่ากลัวปืนที่กำลังจะเจาะกะโหลกแก  แต่ช่วยตอบมาหน่อยได้ไหมว่าแกพาพวกผู้หญิงไปไหน”


   “ไม่รู้   ฉันไม่รู้”


   “ฉันไม่ต้องการคำตอบแบบนี้นะ”


   “อ๊าค”ฝ่าเท้ากระทืบซ้ำลงที่แผลท้องไม่ไยดีเลือดที่ทะลักออกมาจนเปื้อนฝ่าเท้า


   “เอาหละถามใหม่อีกรอบและรอบสุดท้าย พวกผู้หญิงอยู่ไหน ถ้าแกตอบดีๆฉันอาจปล่อยก็ได้”


   “ไป  ไปทางแม่น้ำคีอานูฟ  ปะ  ปล่อยฉัน..”แม่น้ำคีอานูฟสินะ ขนคนไปมากขนาดนั้นถ้าไม่รถก็ต้องเรือสินะ  ถ้าใช้เรือจริงคงลำบากแน่เพราะแม่น้ำคีอานูฟกว้างเกินกว่าพวกหมาๆจะข้ามได้หรือถึงว่ายน้ำได้ก็เสียเปรียบอยู่ดี


   “ขอบใจ”


ปัง!!


   กระสุนเจาะทะลุกลางหน้าผาก  เลือดสีแดงสดกระเซ็นเปื้อนหน้าคนยิงและรินรดลงบนดวงตาที่เบิกกว้างของเหยื่อ


   “ไม่ต้องมองแบบนั้น ฉันบอกว่าอาจจะปล่อยไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยสักหน่อย”แขนเสื้อในมือใช้เช็ดเลือดต่างผ้าเช็ดหน้า


   “เพื่อนแกจะไปเจอพวกนั้นก่อนถึงแม่น้ำได้รึเปล่า  ถ้าไปไม่ทันพวกมันขึ้นเรือได้แกได้ว่ายน้ำไปช่วยแน่ๆ”ปลายจมูกเรียวๆก้มลงเหมือนจะพยักหน้าและส่งเสียงหอนอีกครั้งยาวๆ  ไม่รู้ว่าเสียงไปได้ไกลแค่ไหน แต่ก็คงไกลมากพอที่พวกนั้นจะได้ยินหละมั้ง


   คาเซอริโอกระโดดขึ้นบนหลังหมานั้นอีกครั้งก่อนจะรู้สึกว่าเจ้าหมาออกวิ่งด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม  พวกมันทิ้งคนดักเอาไว้ 4 คนจำนวนมากพอดู เทียบจากรอยเท้าที่เจอที่ริมน้ำแล้วปริมาณไม่มากเท่าไหร่แต่ทิ้งคนไว้ได้มากขนาดนั้น อาจมีพวกมันรออยู่ที่ปลายทางอีกมาก ก็ได้หวังแค่ว่าพวกนั้นจะมีจำนวนมากพอหละนะ














           ตอนใหม่มาแล้วคะ  ช้ากว่ากำหนดไป 1 วัน หุหุ  คงไม่ว่ากันนะคะ

 สำหรับตอนนี้เขียนไปก็รู้สึกเหมือนนั่งดูหนังบู๊ไป  เออ  คาโลโหดดีนะแต่เท่อ่ะ อารมณ์ประมาณนั้น

 อ๊ะ  นี้นางมารโดนจิ้มหรือคือเนี่ย  หุหุ  ตอนนี้สั้นๆเพราะมันถูกหั่นออกเป็น 3 ตอนย่อยคะ  ถ้าเอารวมกันมันจะยาวมากๆทะลุประวัติการณ์ ไหนๆที่โน่นก็แยกที่นี้ก็แยกด้วยแล้วกันเนอะ  สำหรับตอนนี้ถือเป็น 2/3 คะ  ตอนหน้าจะเป็น 3/3 ครบทั้ง 3 ตอนย่อย

   ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจคะ ตอนนี้เรามาได้ครึ่งทางของตอนในกรุแล้ว เกือบจะถึงครึ่งทางของเรื่องแล้ว  ตามคาดการณ์น่าจะมีประมาณ 30 กว่าตอนก็จบเรื่องคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่11 การปะทะกันของ..31/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 01-09-2014 00:32:46
ค้างค่ะ คิวบู้ค้างคาแบบเบรกหัวทิ่มเลย เหอๆ บู้มันส์......จบตอน
โหยยย~ พี่คาโลนี่โหดคงเส้นคงว่ามาก ฮ่าๆๆ ชอบจริงๆเลย~
สงครามของคนกับมนุษย์หมาป่า ใครจะชนะกันแน่น้า แล้วจะจับชะนี
เอ้ย! หมาตัวเมียไปไม? ทำลูก? ขาย? ดูเล่น? ล้อตัวผู้ออกมาฆ่า? น่าสงสัยจริง
ต้องรบกวนให้คนเขียนมาต่อให้จบซะแล้ว อิอิอิ มาต่อไวๆน้า ><
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่11 การปะทะกันของ..31/8/57
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 03-09-2014 13:18:33
ตามมาอ่าน NC ค่ะ#ผวั่ะ!(เอาใหม่)  ติดตามอ่านมาตั้งแต่ตอนเอาลงที่เด็กดี พอดีพึ่งอ่านตอนล่าสุดแล้วเห็นว่าฝากนิยายไว้ที่อื่นด้วยเลยเซิร์ทดู  ปรากฏว่า อ้า!!!มาอยู่ที่บ้านม่วงของพวกเราเหล่าชาวเป็ดนี่เอง
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่12 การปะทะกันของ..05/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 05-09-2014 01:02:05
ตอนที่ 12 การปะทะกันของหมาและคน (3)                                         05/02/2557    22/05/2557






   ภาพแนวป่าเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ เสียงสายน้ำแว่วมาพร้อมเสียงเห่า  เสียงขู่และเสียงปืน พวกนั้นตามมาทันที่ริมแม่น้ำงั้นเหรอ แบบนี้ท่าจะไม่ดีจริงๆซะแล้วสิ


   “ฉันจะลง”ว่าจบคนพูดก็กระโดดทิ้งตัวลงจากหลังหมาไม่สนใจว่าตัวเองจะหล่นกระแทกพื้นจนกลิ้งเข้าไปในโพรงหญ้า  เจ้าหมานั้นชะงักไปหน่อยก่อนจะวิ่งถลาเข้าไปในวงต่อสู้ที่ได้ยินเสียงปืน เสียงเห่า เสียงขู่ดังสนั่น


   คาเซอริโอผุดลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะวิ่งไปยังบริเวณที่ต่อสู้  เบื้องหน้าคือริมฝั่งแม่น้ำคีอานูฟที่ขณะนี้เต็มไปด้วยหมาร่างเท่าม้าตัวเต็มวัยเกือบ 20 ตัวที่กำลังต่อสู้กับมนุษย์ที่อยู่ในวงล้อมโดยพวกมันส่วนหนึ่งกำลังลำเลี้ยงหมาสาวๆที่ดูเหมือนคนเมาให้ลงไปในเรือแคบๆ


   “บัดซบเอ๊ย”คาเซอริโอกระชับปืนในมือแน่นก่อนจะออกวิ่งอ้อมไปหามุมที่ทำให้เขายิงได้ชัด  มุมที่จะสอยพวกมันก่อนจะออกเรือ


   “ให้ตายสิถ้ามีไรเฟิลสักกระบอกหละก็”แผ่นหลังพิงเข้ากลับต้นไม้  ปืน 1 กระบอกกระชับแน่นด้วยสองมือ ก่อนจะค่อยๆยกเล็งไปยังเป้าหมาย ระยะห่างขนาดนี้มันเสี่ยงเกินไป แต่ถ้าเขาไม่เสี่ยงก็ไม่มีทางชนะแน่


ปัง!!


   กระสุนนัดแรกเจาะทะลุหัวฝีพายด้านหลังล้มคอพับลงกับพื้นพวกที่อยู่บนเรือผุดลุกขึ้นปืนในมือกระชับแน่นดวงตาสอดส่ายหาที่มาของลูกกระสุน


ปัง!!


   กระสุนนัดที่สองเจาะทะลุอกเจ้าคนข้างๆจนล่วงลงน้ำ  พวกมันตื่นตระหนกมากขึ้นและพยายามจะยิงกระสุนสวนเข้ามาในแนวป่า  ถูกพวกหมาบ้าง  โดนต้นไม้บ้างแต่เจ้าพวกหมาปีศาจดูจะไม่ตื่นตระหนกกับเสียงปืนของเขาแสดงว่าเจ้าบ้าซาลูกิต้องบอกอะไรสักอย่างแล้ว


ปัง!!


   กระสุนนัดที่ 3 เจาะเข้าที่ไหล่แทนสมอง


   “บ้าเอ้ย”ฝ่ามือกำทุบต้นไม้ด้วยความหงุดหงิด  คิดถึงเจ้าลูกรักอีกกระบอกเสียดายหยิบติดมือมาจากที่นู่นไม่ได้ แม๊กกาซีนที่ว่างเปล่าถูกปลดออกเตรียมบรรจุกระสุนใหม่


ปัง!!


   ต้นไม้ด้านข้างถูกถากเป็นทางยาวตามแนวกระสุน  ร่างหมอบต่ำตามสัญชาตญาณดวงตาสีเทาตวัดมองที่มาของกระสุนนัดแรกซึ่งตอนนี้เรียกห่ากระสุนให้ตามมาด้วย


   “นรกเฮ้ย”พวกมันมาดักหลังได้ยังไง  วิ่งฝ่าออกมาจากวงล้อมงั้นเหรอ  เป็นไปไม่ได้หรือว่าพวกมันจงใจ  ทิ้งคนเอาไว้ด้านนอกแบบนี้ก็เท่ากับพวกหมานั้นโดนล้อมเป็นแบบนี้แย่แน่


ปัง!!!


เฮ๊ง  โบ๋ว


   ไม่ทันไรเสียงปืนก็รัวขึ้นพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด  รัวได้ขนาดนี้คงไม่พ้นปืนกล เขาต้องหามันให้เจอก่อนที่เจ้าหมาบ้าพวกนั้นจะพรุนเป็นพรมเช็ดเท้า


   กระสุนที่ถูกบรรจุใหม่จนเต็มถูกใส่กับเข้าที่  เขาถนัดปืนสองกระบอกมากกว่า 1 กระบอกหละนะ


ปัง  ปัง!!


   เสียงรัวกระสุนดังขึ้นพร้อมเสียงของหนักกระแทกพื้น เจ้ากลุ่มคนที่ยิงเขาล้มลงกระแทกพื้นเป็นใบไม้ร่วง


   “คราวหลังจะยิงใครหันหลบซะบ้างนะเจ้าพวกโง่”ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะก้าวไปตรวจศพช้าๆ  3 ศพนอนนิ่งเลือดอาบ


   “บ้าเฮ้ย  หาปืนที่มันดีกว่านี้ไม่ได้รึไงนะ”ปืนในมือถูกเบี่ยงออกไปด้านขวากระสุนสองนัดเจาะทะลุร่างคนที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาดูเพื่อน


   “แบบนี้สิค่อยน่าสนุก  ยืมนะ” Coltในมือถูกเก็บลงซองข้างเอวก่อนจะฉวยเอา MICRO TARVO x95ขึ้นมาจากพื้น ลงทุนค้นตัวหน่อยก็ได้แม๊กกาซีนเพิ่มมาอีก 1


   ขายาวๆรีบก้าวไปตามทางที่ได้ยินเสียงปืนกล  ปืนกลกับมาเฟียแบบเขาไม่ใช่ของที่เข้ากันได้เท่าไหร่แต่ครั้งนี้อาจจะต้องตัดปัญหานั้นทิ้งไปก่อนถ้าไม่อยากตายแบบศพไม่สวย


ปัง ปัง  ปัง!!


   สงครามสาดกระสุนเริ่มขึ้นทันทีหลังจากที่เขาเห็นเงาคนผ่านๆ มีเสียงของหนักตกกระทบพื้นพร้อมเสียงรัวของกระสุน แผ่นหลังหนารีบอาศัยต้นไม้เป็นแนวกำบังก่อนจะอาศัยจังหวะยิงกระสุนออกไปจนหมดแม๊กและหยิบแม๊กใหม่มาใส่แทนเมื่อกระสุนฝั่งนั้นเงียบไป


   “ไอ้มือปืนกลมันไปอยู่ไหนนะ”


ปัง!!


   “อุ๊บ”ไหล่กว้างสะบัดตามแรงกระสุน ขายาวรีบถีบตัวเองเข้าไปหลบหลังต้นไม้ต้นใหม่  แผลที่โดนกระสุนถากมีเลือดซึมออกมาแต่เจ้าของกลับไม่มีเวลาสนใจเมื่อเสียงฝีเท้า  เสียงตะโกนโหวกเหวกและเสียงปืนใกล้เข้ามา  ทำได้เพียงยิงปืนสวนออกไปเท่านั้น


แก๊ก!!


   “บัดซบ”ปืนที่หมดกระสุนถูกปาทิ้งไปด้านข้าง Colt 2 กระบอกถูกกระชับไว้ในมือก่อนเจ้าของจะพุ่งตัวออกจากที่กำบังพร้อมสาดกระสุนใส่ 1 ร่าง 2 ร่างที่ร่วงลง


แก๊ก!!!
   กระสุนหมด


   “นรกของแท้”ดวงตาสีเทาเบิกกว้างยามมองเห็นปืนกลสีดำในมืออีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า


ปัง!! 


กรร!!


   “อ๊าค”เสียงร้องโหยหวนพร้อมหยดเลือดที่สาดกระเซ็นเมื่อมือปืนถูกกรามใหญ่กัดเข้ากลางลำตัวแล้วเหวี่ยงไปกระแทกต้นไม้จนหักขาด2 ท่อน ปล่อยให้คนที่เกือบชะตาขาดมองตามซากแล้วเบิกตาค้าง


   “แก”ดวงตาสีเทามองสบกับดวงตาใส่แจ๋วที่จ้องมองมา ดวงตาสีน้ำตาลดวงเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อตอนสู้กับเจ้างู  ดวงตาเดียวกับที่มองเขาก่อนจะงาบขึ้นหลัง  ดวงตาเดียวกับที่จ้องเขาด้วยประกายสดใสตอนอยู่ในถ้ำ  ตัวเดียวกับที่วิ่งหายไปทั้งคืน


ปัง!!


   กระสุน 1 นัดพุ่งเจาะทะลุท่อนขาหลังหนาใหญ่เรียกคาเซอริโอขึ้นมาจากผวังดวงตาสีเทาตวัดมองเลือดสีสดที่อาบเลอะท่อนขารวมกับหยดเลือดส่วนอื่นๆ


   “อย่า”เสียงร้องห้ามเหมือนจะไปไม่ถึงเมื่อเงาร่างสูงใหญ่กระโจนพรวดเข้าหาคนยิง  เสียงกระสุนดังสนั่นท่ามกลางเสียงร้อง คาเซอริโอผุดลุกขึ้นจากพื้นวิ่งออกไปยังต้นไม้ฉวยเอา MICRO TARVO อีกกระบอกยิงไปยังเจ้า2 คนที่กำลังเล็งปืนไปยังหมาป่าสีน้ำตาลขาวตัวยักษ์


   “แกเสียสติไปแล้วรึยังไงห๊ะ”คนพูดตวาดเสียงสูงกับการกระทำที่บ้าระห่ำนั้น  กระโจนเข้าหาคนที่ถือปืน  มันบ้าหรือเสียสติไปแล้วรึไง


   “แกก็รู้จักปืนแล้วพุ่งเข้าไปทำไม  ทำไมไม่หลบห๊ะ”มือขาวๆจิกทึ้งเส้นขนตรงช่วงอกแต่สิ่งที่ได้กลับมาจากความกราดเกรียวคือลิ้นสีชมพูสดที่แลบเลียใบหน้าเขาด้วยความอ่อนโยนเท่านั้น


   “แกมันโง่"ฝ่ามือทั้งสองข้างปล่อยเส้นขนที่กำอยู่ถอยออกห่างไม่ให้มันมีโอกาสเลียได้อีก ไอ้บ้าเฮ้ย  หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังทำอะไรบ้าๆ


   “แกหลบๆไปซะ  เกะกะ”ว่าพลางยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำลายแล้วประทับปืนในมือก่อนจะก้าวไปตามเสียงปืนกลที่ยังดังอยู่เป็นระยะ


   พลปืนกล 1 ผู้ช่วยอีก 2 เล่นของหนักไม่เบา


   “เฮ้ย”ดวงตาสองคู่หันมามองตามเสียงแต่ยังไม่ทันขยับหันปืน กระสุน 1 นัดก็เจาะทะลุหัวผู้ช่วยฝั่งขวา เลือดสีแดงสดทะลักจากรูกลมกลางหน้าผาก อีกนัดเจาะเข้าที่อกคนฝั่งซ้าย ฝังอีกนัดซ้ำเข้าลำคอ พลปืนกลร่างยักษ์หันตามเสียงปืนนัดแรกแต่ช้าเกินกว่ามัจจุราชที่ก้าวย่างมาตรงหน้า


   “ระยะเผาขนแบบนี้หละถนัดที่สุด”


ปัง!!


   กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกเจาะทะลุหน้าผากเกลี้ยงก่อนทะลุออกด้านหลังหัวทิ้งเพียงรอยเลือดกระเซ็นเปื้อนหน้าคนยิงและเศษสมองสีขาวทะลักเปื้อนพื้นหญ้า


   “เล่นหนักเหมือนกันนี้”ขายาวก้าวผ่านซากศพเข้าไปหน้าปืนกลที่วางประทับบนฐานตั้งยิงที่ก่อบังเกอร์ง่ายๆก่อนขายาวๆจะถีบโครมจนล้มลงกับพื้นกระทบกับห่อผ้าสีดำเสียงเหมือนโลหะกระทบกันเรียกความสนใจจากเคาเซอริโอให้เดินเข้าไปรื้อค้นกล่องตรงหน้าพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก


   “มีของดีเหมือนกันนี้หว่า”มือขาวๆคว้าเอาเจ้ากระบอกสีดำยาวขึ้นมาก่อนเดินอ้อมไปหามุมเหมาะๆ  เมื่อไม่มีมือปืนกลพวกหมาๆก็ดูเหมือนจะได้เปรียบขึ้นมาเล็กน้อย  แต่เพราะบาดแผลที่มีกันเต็มตัวและจำนวนศัตรูที่เหลืออยู่มากสถานการณ์อาจพลิกได้เพราะแบบนี้แหละเขาถึงได้เป็นตัวแปร หากทำสำเร็จพวกสาวๆก็คงรอด  หากไม่ก็คงตาย


   “บอกพวกนั้นทีว่าอย่างขวางทาง”ปากสั่งการเจ้าหมาที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนจะจัดท่าโดยอาศัยซากบังเกอร์เก่าของพวกมันเป็นฐาน เสียงหอนยาวดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับหมาป่าที่กำลังสู้อยู่หลบเบี่ยงออกไปจากวิถีปืน


   “แบบนั้นหละหนูๆ”ดวงตาสีเทามองนิ่งไปยังเรือ 2 ลำที่เริ่มลอยออกห่างจากแผ่นดิน ลำแรกห่างจากขอบฝั่งเกือบถึงกลางลำน้ำ ช่วงกว้างกว่าแม่น้ำคีอานูฟที่เขาเจอในครั้งแรก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาหรอกถ้ามีเจ้าหนูนี้อยู่ในมือ


ปัง!!  ปัง!!   ปัง!!


   กระสุน 3 นัดที่ทิ้งระยะห่างกันเพียงชั่วครู่พุ่งไปที่เรือกลางแม่น้ำ นัดแรกเจาะเข้าที่หัวคนด้านหลังสุด ยังไม่ทันจะล้มลงกระสุนนัดที่สองก็เจาะเข้ากลางหน้าผากอีกคนที่หันมามอง นัดสุดท้ายจึงเจาะเข้าข้างแก้มอีกคนได้พอดี


   “เสร็จไปหนึ่ง”ลำเรือที่ปราศจากคนคุมลอยนิ่งๆไปกลางลำน้ำ  สาวๆบนลำเรือนั่งนิ่งเหมือนคนเมา  เข็มยานั้นคงเป็นยากดประสาทที่ฤทธิ์แรงน่าดู


   “ลำที่สอง”


ปัง!!   ปัง!!   ปัง!!   ปัง!!


   กระสุนกลุ่มที่ 2 เจาะทะลุเป้าหมายทั้งกลางลำตัว กลางช่องอก ส่งพวกมันลงน้ำไป 2 คน 2 คนที่เหลือก็ตายสนิท เพราะการตายของลำที่แล้วทำให้พวกมันขยับตัวไม่อยู่นิ่งเลยพลาดหัวไปน่าเสียดายจริงๆ


   “ก็เหลืออีกนิดหน่อยสินะ”การต่อสู้หยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อฝ่ายมนุษย์เริ่มเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาสีเทาก็ยังไม่ละออกจากเป้าหมายที่คราวนี้กลายเป็นลำที่กำลังจะลอยออกจากฝั่ง เจ้าคนที่กำลังหันหน้ามาทางนี้ท่าจะเหมาะ


ปัง!!


   “หยุด  ถ้าไม่หยุดฉันยิงแน่”เสียงขู่ของคนที่เริ่มพลาดท่าเมื่อคนด้านหลังโดนกระสุนไร้ที่มาเจาะเข้ากลางหน้าผากจนล้มลง


   “บอกให้มันออกมาไม่งั้นฉันยิง”


   “ชินริ”เส้นผมสีน้ำตาลยาวของตัวประกันยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง   ร่างบอบบางนั้นยืนโงนเงนอยู่ในวงแขนที่ล๊อคคอเธอเอาไว้พร้อมเอาปืนจ่อ


งี๊ด!!


   เสียงแหลมๆดังขึ้นข้างหูพร้อมลมหายใจร้อนๆที่เป่าลงมา


   “เฮ้อ  วุ่นวายซะจริง”คาเซอริโอขยับลุกออกจากที่ขยับมือเหวี่ยง MICRO TARVO ไปไว้ด้านหลัง หากมองด้านหน้าก็คงเห็นเพียงสายเชือกเก่าที่คล้องพาดไหล่อ้อมหายไปข้างเอว


   “ยอมแล้วๆมาคุยกันดีๆ ดีกว่าไหม”คาเซอริโอส่งเสียงออกไปก่อนตัว  มือทั้งสองข้างยกขึ้นข้างบ่า  ก้าวออกไปช้าๆพร้อมเจ้าหมาตาสีน้ำตาลนั้น


   “แก  แกเป็นคนยิงพวกนั้นงั้นเหรอ”เจ้าคนตัวหนาที่จับชินริเป็นตัวประกันหันมาถามเขาที่เดินออกไปโดยที่บรรดาหมาๆต่างหลีกทางให้  พวกคนที่เหลือรีบวิ่งไปรวมตัวหลังเจ้านั้นและจับผู้หญิงอีก 3 คนขึ้นมาเป็นตัวประกันโชคดีที่เรือ2 ลำลอยอยู่กลางน้ำไม่งั้นเขาคงจะปวดหัวแน่ๆ


   “อยากให้ฉันทำให้ดูอีกทีไหมหละ  กับพวกแกแค่ 10 คนแป๊บเดียวก็เสร็จ”


ปัง!!


   “หุบปากเน่าๆแกไปซะ”กระสุน 1นัดเจาะลงพื้นดินหยุดปลายเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้าพร้อมเสียงขู่คำรามที่ดังขึ้นจากโดยรอบ ดวงตาสีเทาตวัดมองคนยิงที่ยืนถือปืนอยู่ข้างๆ ปืนสีดำที่เริ่มสั่นน้อยๆ


   “มารยาทไม่ดีเลยนะ  แกควรสั่งสอนลูกน้องหน่อยว่าตอนนี้เรากำลังเจรจากันอยู่”คาเซอริโอหันกลับไปพูดกับเจ้าตัวที่จับชินริเอาไว้  ในบรรดา 10 คนที่ยืนอยู่ดูน่าจะเป็นหัวหน้า และในบรรดา 10 คนนั้นไม่มีเจ้าริวจิ ตลอดทางในป่าเขาก็ไม่เจอและหวังว่าจะไม่โผล่มาเพื่อให้เรื่องยุ่งยากขึ้นไปอีก


   “หึ  ฉันก็เห็นว่ามันทำตัวน่ารักออก”เจ้าตัวยิ้มขำโดยมีพวกที่เหลือหัวเราะเป็นลูกคู่


   “แล้วแกจะเอาไง”คาเซอริโอตัดสินใจยิงคำถามเพื่อตัดบทอะไรที่มันไม่สมควรจะยาวออกไปก่อนจะกวาดตามองหมาๆรอบตัว เจ้าซาลูกิที่อยู่มุมสุดขยับตัวเดินห่างออกไปช้าๆ เจ้าตัวสีดำขนหนาตัวใหญ่มองเขาก่อนจะครางเสียงต่ำในลำคอ


   “พวกมันทำอะไร”เสียงถามดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม


   “ไม่รู้สิ  ในเมื่อฉันเป็นคนไม่ใช่หมา”คาเซอริโอยิ้ม
 

   “แก  บอกให้พวกมันถอยไปซะ ไม่งั้นฉันจะยิงนังนี้”เจ้าตัวหัวหน้าพูดขู่


   “ฉันบอกแกไปแล้วนะว่าฉันเป็นคนพูดกับหมาไม่รู้เรื่อง”


   “แล้วแกมาช่วยพวกมันทำไม”เจ้าคนที่อยู่ทางซ้ายพูดขึ้นบ้าง


   “ใครบอกแบบนั้นกัน”


   “แกยิงพวกเรา”


   “ก็แล้วไง ฉันแค่อยากยิง”


   “งั้นแกคงไม่สนสินะว่านังนี้จะเป็นยังไง”เจ้าตัวหัวหน้ากดเสียงเย็นก่อนจะแนบปืนเข้าที่ขมับขาวมากขึ้น  ร่างที่โงนเงนเงยขึ้นมาสบตาเขาก่อนจะยิ้มให้  ยิ้มเหมือนวันแรกที่เขาเจอกัน


   “จะทำอะไรก็ทำสิ”


   “แก….”


ปัง!!

   ปืนกลางหลังถูกคว้าขึ้นจับทั้งๆยังไม่สิ้นเสียง กระสุน 1 นัดเจาะทะลุกลางศีรษะเลือดสีแดงสดไหลอาบพื้นพร้อมร่างบอบบางที่ล้มลง ปากกระบอกปืนมากกมายถูกชี้มาตรงหน้าพร้อมเงาสีดำที่พาดผ่านม่านตา


ปัง!!   ปัง!!   ปัง!!


   “อ๊าคค”เสียงปืนดังสนั่นพร้อมเสียงขู่คำราม เสียงเนื้อที่ถูกฉีกกระชากชั่วเสี่ยววินาทีที่เสียงเริ่มเงียบลงพร้อมเสียงโหยหวน ภาพเงาดำที่พาดผ่านสว่างขึ้นเมื่อเงาสูงใหญ่นั้นทรุดลง  ภาพเบื้องหน้าคือแม่น้ำเลือดที่ละเลงด้วยเลือดมนุษย์ที่ตอนนี้เป็นเพียงร่างที่ถูกกระชากจนขาดเป็นชิ้นๆ


   “ไอ้หมาโง่”ปืนในมือถูกทิ้งลงพื้นเพื่อประคองหัวใหญ่ๆนั้นขึ้นมา สบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตที่หรี่ปรือลงช้าๆ


   “เฮ้ย  เฮ้ย”













    ตอนใหม่มาแล้วคะ  ถือเป็นตอนที่ 3.3 ส่งครบทุกตอนย่อยแล้ว  ดีใจที่มาถึงหน้า 2 สักที งือ นึกว่าจะจบเรื่องในแค่หน้าเดียวซะแล้ว

    สำหรับตอนนี้เราจะเห็นฉากบู๊สนั่นและความบ้าดีเดือดของคาโลและพ่อหมา  แต่ก็มีแอบหวานกันนิดๆให้นักเขียนกระชุ่มกระช่วยกับฉากหวานๆแบบนี้ที่นานๆจะโผล่มาที  แต่ตอนนี้อาจหวานน้อยไป  ตอนหน้าเลยขอหวานมากกว่านี้  หยุดพักเรื่องรบๆกันชั่วคราวคะ

    ปล. เรื่องจับเหล่าตัวเมียเเละเด็กๆนั้น นางมารเตรียมคำตอบไว้แล้วคะ  แต่จะไม่เฉลยนะคะ คำตอบนั้นคงต้องรออีกสักนิด

     ปลล.  ที่นี้ถือเป็นบ้านอีกหลังไม่ใช่กรุนะคะ  นางมารมีกรุอีกที่หนึ่งเป็น blog ที่เอาไว้เก็บโดยเฉพาะ  ที่นี้ลงเพราะอยากแบ่งปันคะ ส่วนที่นี้จะลงวื้อหวาแค่ไหนนั้นขอคิดอีกทีคะ  เพราะที่นี้นักอ่านเป็นผู้ใหญ่กว่าที่โน้น แถมกฏก็ยังต่าง  เอาไว้พอถึงตอนนั้นก็จะได้รู้กันนะคะ :mew3:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่12 การปะทะกันของ..05/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 09-09-2014 03:39:15
เฮ้ยยย เกิดไรขึ้น จะมีใครตายมะเนี่ย? ลุ้นๆๆๆๆๆๆ
ฉากบู๊มันส์หยดสุดๆเลย อยากอ่านต่อแล้ว มาอัพไวๆน้า~
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่12 การปะทะกันของ..05/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 09-09-2014 06:19:13
กระหน่ำเลือดสาด



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่13 อ้อน......10/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 10-09-2014 01:06:33
ตอนที่ 13 อ้อน...                                                                                        24/02/2557 
                                                                                      22/05/2557




           บรรยากาศหลังสงครามบอกได้คำเดียวว่าเละเกินคำบรรยาย  หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาเขาคงบรรยายหรือนึกภาพได้ยากเพราะจากที่เคยผ่านงานมาไม่ว่าจะงานฆ่าหรืองานยิงถล่มกันกลางเมืองก็ไม่มีงานไหนเละได้ขนาดนี้ 


     มาเฟียคืองานใต้ดินที่ต้องทำเงียบๆ  กลบกลิ่นให้มิดแม้จะมีบ้างที่ยิงกันเปรี้ยงปร้างกลางเมืองแต่ก็ต้องทำแบบหลบๆหรือไม่ก็ทำในเมืองหรือสถานที่ที่สามารถโบยไปว่าพวกนักเลงเจ้าถิ่นตีกันเองหรือไม่ก็เมืองที่ยัดใต้โต๊ะปิดปากกันได้แต่แบบที่เล่นขนาดนี้เขาก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน


   ไม่มีกฎหมาย  ไม่มีการปิดปาก ไม่ต้องยัดใต้โต๊ะ  ไม่ต้องเก็บศพทำลายหลักฐานแค่ฆ่าเพื่อเอาตัวรอด  ฆ่าเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวและเพื่อนพ้อง  บอกไม่ถูกว่าแบบไหนดีกว่ากันระหว่างการฆ่าแบบมาเฟียและการฆ่าแบบสัตว์ป่าเพราะสำหรับเขาแล้วจุดลงเอยสุดท้ายก็เหมือนกัน เก่งกว่าก็รอด อ่อนแอกว่าก็ตาย


   เหมือนอย่างที่ริมแม่น้ำคีอานูฟที่ตอนนี้ฝั่งด้านหนึ่งเต็มไปด้วยเศษชิ้นเนื้อจากศพ  เสียงร้องโอดครวญจากพวกที่ยังมีลมหายใจและเลือดแดงฉานที่ยังไหลรินลงแม่น้ำ  พวกปีศาจหมาเป็นฝ่ายชนะแต่ก็บอบช้ำไม่น้อย พวกที่ยังพอยืนไหวก็ออกแรงงับแล้วลากเพื่อนพ้องที่บาดเจ็บหนักเข้าป่าตรงกลับกลุ่ม  บางตัวที่เจ็บไม่มากก็พยายามคืนร่างเป็นมนุษย์แล้วขี่หลังเพื่อนไป  พวกสาวๆเองก็ถูกลากเข้าฝั่งด้วยหมาอาสาสมัครที่ว่ายท่าลูกหมาตกน้ำไปลากขึ้นมา


   “เละได้ถึงที่สุดจริงๆนะ”ดวงตาสีเทากวาดมองริมแม่น้ำก่อนเท้าในรองเท้าสานจะก้าวพรวดไปตรงกองซากมนุษย์ข้ามชิ้นส่วนช่วงเอวที่ถูกขย้ำจนขาด มองเห็นลำไส้สีขาวๆกองเกะกะรวมอยู่กับแอ่งเลือด


   “ฟันคมดีจริงๆแหะ”ริมฝีปากสีส้มสดยกยิ้มก่อนจะล่วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงลงทุนค้นตัวเพราะอาจเจอสิ่งที่มีประโยชน์


กรร!!


   เสียงขู่คำรามดังขึ้นข้างตัว คาเซอริโอทำเพียงปลายตามองก่อนจะหยิบเอากิ่งไม้เปื้อนเลือดแถวนั้นขึ้นมาเขี่ยไส้ยาวๆนั้นให้พ้นทางแล้วฉวยเอาด้ามปืนสีดำขึ้นมา


   “ฉันขอแล้วกัน พวกแกคงไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าไหร่”ปากว่าไปมือก็เช็คสภาพปืนในมือที่อาบด้วยเลือดไปพลาง


   “เจ้าเป็นมนุษย์แบบที่ข้าไม่เคยเจอมาก่อน”เสียงพูดจากด้านหลังเรียกให้ดวงตาสีเทาหันไปมองก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง


   “แก..”คนตรงหน้าเขาคือผู้ชายหุ่นดีที่มีเพียงแผ่นหนังปิดของสงวนเอาไว้  เส้นผมสีดำยาวๆนั้นคงเงาสลวยดูดีถ้าไม่มีคราบเลือดเกาะกรัง ดวงตาสีแดงแบบนั้นเจ้าหัวหน้าสินะ


   “มีอะไร”คาเซอริโอถามเรียบๆก้าวข้ามส่วนของแขนที่ขาดรุ่งริ่งตั้งแต่ส่วนของไหล่ย่อตัวลงค้นตัวเจ้าคนที่นอนร้องโอดโอย  จับมือที่คว้าจับข้อเท้าด้วยแรงแค้นดึงออกจนได้ยินเสียงดังกึกและเสียงร้องโอดโอยที่สนั่นกว่าเดิมแต่ไม่มีมือมาคว้าจับให้รำคาญอีก


   “ข้าอยากคุยกับเจ้า”ดวงตาสีเทาเหลือบมองคนพูดก่อนจะเหลือบมองหมาสีน้ำตาลขาวเจ้าของเสียงขู่ที่ตอนนี้ถอยออกไปรวมกลุ่มกับพวกที่กำลังจะเดินทางกลับ


   “อืม”


   “เดินไปคุยไปแล้วกัน  เดี๋ยวจะยุ่งถ้าพวกนั้นมา”คาเซอริโอถอนหายใจออกมาเมื่อเดินรื้อค้นจนครบก่อนจะเดินลงไปล้างมือที่แม่น้ำแล้วตามเจ้าคนที่ยืนรออยู่ไปช้าๆ  ใจจริงเขาก็อยากรีบกลับหรอกนะแต่เหมือนสถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว


   “เจ้าคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสินะ”ดวงตาสีเทาทำเพียงเหลือบมองคนพูดที่เปิดประเด็นได้ชวนหัวเราะเป็นที่สุด


   “ฉันก็แค่คนธรรมดามีสองมือสองขาเหมือนพวกแกในร่างมนุษย์นั้นหละ”


   “ไม่มีมนุษย์เดินดินทั่วไปทำแบบเจ้าได้  ข้าว่าเจ้ารู้ดีว่าข้าหมายถึงอะไร”ดวงตาสีแดงนั้นมองสบเขาก่อนจะยกเศษผ้าจากไหนไม่รู้ขึ้นมาซับเลือดที่หัว คงจะเป็นแผลจากการต่อสู้นั้นแหละ


   “หึ”คาเซอริโอทำเพียงเปล่งเสียงในลำคอ  เดินไปเรื่อยๆรอดูว่าเจ้าหมาตรงหน้าจะพูดอะไร


   “ในฐานะหัวหน้ากลุ่มข้าอยากถามว่าเจ้ายังยืนยันคำเดิมเมื่อเราพบกันครั้งแรกหรือไม่”ขายาวๆหยุดชะงักก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาช้าๆแล้วก้าวต่อไป


   “ฉันยังยืนยันคำเดิม  ฉันต้องการออกไป”คนฟังยกยิ้มที่มุมปาก  ดวงตาสีแดงคู่นั้นยังคงมองตรงไปข้างหน้า


   “เช่นนั้นก็คงดีไม่น้อย  หากเจ้าได้จากไปดีๆ”คิ้วสีทองขมวดลงเล็กน้อย  จากไปดีๆงั้นเหรอ


   “แล้วคิดว่ายังไงหละ จะยอมปล่อยฉันไปดีๆหรือจะหาเรื่องกันสักยกก่อนดี”


   “หากข้าอยากรั้งเจ้าไว้ เจ้าคงไม่อยู่สินะ”คนฟังชะงัก  มองสบแผ่นหลังของคนพูดที่ตอนนี้หยุดเดินและหันมายิ้มให้เขาด้วยแววตาที่มั่นคงคู่นั้น


   “ไม่มีเหตุผลอะไรที่แกต้องรั้งฉันไว้”คาเซอริโอออกเดินอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าป่ารอบๆเริ่มมีเสียงดังสวบสาบ  สงสัยพวกกินซากจะเริ่มเคลื่อนไปที่ริมน้ำแล้วแน่ๆ


   “หึ  ตัวข้านั้นมีเหตุผลของข้าเอง แต่ก็คงจะไม่มีใครในกลุ่มที่สามารถรั้งเจ้าเอาได้สินะ ชายผู้มุ่งมั่น”คนฟังหมุนคิ้วด้วยความหงุดหงิดเมื่อคนพูดชักเริ่มจะตีรวนทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ


   “ฉันยังยืนยันคำเดิม”


   “นั้นสินะ  ถ้าเช่นนั้นช่วยจากไปเพียงแค่เจ้าได้หรือไม่”คาเซอริโอทำเสียงในลำคอด้วยความหงุดหงิดเมื่อคำพูดมันชักจะลากเรื่อยโยกไปโยกมาแบบที่คนถนัดฝ่ายบู๊แบบเขาเริ่มไม่ชอบ


   “ฉันก็ไม่ไม่คิดจะเอาอะไรติดไปอยู่แล้ว  เรื่องของพวกแกก็เป็นเรื่องของพวกแกไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”


   “เช่นนั้นข้าสมควรดีใจที่เรื่องของพวกข้ายังคงเป็นความลับ”คาเซอริโอเริ่มคลายหัวคิ้วได้บ้างเมื่อเรื่องที่คุยดูจะเป็นอะไรที่เข้าท่าสมกับที่หัวหน้ากลุ่มสมควรพูด คงกลัวว่าเขาจะเอาความลับของกลุ่มไปเปิดเผยสินะ จากที่คุยกันในครั้งแรกก็พอรู้แล้วว่าเจ้าพวกบ้านั้นไม่อยากเก็บเขาเอาไว้แต่ก็ต้องยั้งมือเอาไว้ก่อนเพราะมีเรื่องยุ่งๆในกลุ่มกับเรื่องที่เขาช่วยชินอูเอาไว้จึงได้แต่จับตาอยู่ห่างๆ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาคงทำให้เจ้าพวกนั้นต้องคิดกันใหม่เพราะจะจัดการเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  เขาคงไม่ยอมเป็นหมูในอวยให้พวกมันจัดการง่ายๆหรอก


   “ความลับของพวกแกไม่มีค่าอะไรกับฉัน  ฉันไม่นิยมชมชอบล่าหมาอย่างพวกมัน  ล่าหัวคนซะยังจะสนุกกว่า”


   “ได้ยินแบบนั้นข้าก็ดีใจ  พูดถึงเรื่องล่าคน ข้าควรขอบใจเจ้าเรื่องแผนที่แต่ดูเหมือนเราจะประมาทไปไม่น้อย”


   “ก็คงจะแบบนั้น ไม่งั้นพวกมันคงไม่ยกโขยงเข้าไปถึงกลุ่มแกได้หรอก”คาเซอริโอพูดเรื่อยๆ


   “กากบาทบนแผนที่นั้นพวกแกคงไปตรวจสอบมาแล้วสินะ”


   “เราตรวจสอบกันเป็นประจำนั้นแหละ”ลมหายใจของคนฟังสะดุดไปชั่วครู่ก่อนจะปรับให้เป็นปกติสีหน้ายังคงเรียบเรื่อยแต่สมองกับแล่นฉิว  ตรวจสอบกันเป็นประจำหมายความว่ากากบาทพวกนั้นไม่ใช่จุดนัดพบของหนอนแต่เป็นจุดลาดตระเวนของพวกหมา  คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้นึกกรุ่นโกรธในใจ  ข้างหนึ่งคือโกรธเจ้าหมาในถ้ำที่ไม่ยอมพูดอะไรให้กระจ่างแต่จะไปว่ามันก็ไม่ได้เพราะว่ามันเป็นเรื่องภายในเขาเป็นคนนอก  อีกส่วนที่โกรธคือโกรธตัวเขาเองที่หลงกลไปกับแผนที่  นั้นสินะใครมันจะเขียนจุดนัดพบพวกนั้นไว้โต่งๆกันหละแต่คิดอีกแง่หากพวกมันรู้จุดลาดตระเวนพวกนั้นก็หมายความว่าเจ้าหนอนคนนั้นได้ข้อมูลมาจากพวกหมาที่ไปลาดตระเวนหรือไม่ก็หนอนมีมากกว่า  1 ตัว


   “รู้แบบนั้นแล้วทำไมพวกแกถึงยังออกไป”


   “พวกนั้นรู้จุดลาดตระเวนก็เท่ากับรู้จุดที่หละหลวมนั้นแหละ”พูดแบบนี้ก็แสดงว่าเจ้าหัวหน้ามันก็ฉลาดไม่เบา มันออกไปลาดตระเวนทั้งในจุดที่เคยลาดตระเวนและในจุดบอดที่พวกนั้นสามารถหลบเลี่ยงเข้ามาได้


   “แต่ก็ไม่ดีพองั้นสินะ”คาเซอริโอเปรย  แม้เจ้าหัวหน้าจะสามารถลาดตระเวนได้ถูกจุดแต่ก็ช้าเกินไปไม่ทันการณ์  พื้นที่มันกว้างเกินไปและอีกฝ่ายรู้ความเคลื่อนไหวเร็วเกินไป  แน่หละมันไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดแต่ก็เป็นแผนป้องกันที่ดีแผนหนึ่ง  หากหาพวกมันเจอก่อนย่อมเป็นผลดี  แต่ข้อเสียของมันก็คือฝ่ายศัตรูเปลี่ยนแผนทันทีเช่นกันเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลง นั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่าในกลุ่มพวกนี้มีหนอน


   “ในกลุ่มคงมีคนทรยศจริงดังที่เจ้าพูด”คาเซอริโอขมวดคิ้วฉับเมื่อรู้สึกว่าเจ้าหมาในถ้ำมันจะเปิดปากเล่าเรื่องที่เขาคุยกับมันให้หัวหน้ามันรู้เกือบหมดไม่สิอาจจะบอกไปหมดเลยด้วยซ้ำ


   “หึ  แล้วรู้ตัวรึยังหละ”คาเซอริโอถามหยั่งเชิงแต่คนถูกถามก็ทำเพียงเงียบและก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆเท่านั้น แปลไม่ได้ว่ารู้หรือไม่รู้  แต่สำหรับเขาแล้วการที่พวกมันไม่รู้จะเป็นเรื่องที่ดีกว่า


   “ข้าคงต้องคอยจับตาเจ้าอย่างใกล้ชิดเสียแล้วสิ”คำพูดที่วกกลับมาเหมือนเงื่อนที่รัดตัวทำให้คนฟังอดทำหน้าเบื่อไม่ได้ นั้นหมายความว่าเขากำลังจะโดนจับตามองเพิ่มขึ้นเพราะดันรู้อะไรมากไปนั้นเอง


   “คงต้องขอให้เจ้าย้ายไปอยู่กับซาเวียร์”


   “ห๊ะ”คาเซอริโอแทบยกมือขึ้นกุมขมับแค่อยู่กับมันวันเดียวก็แทบจะเส้นเลือดในสมองแตกและมือก็ร่ำๆจะยกปืนขึ้นยิงเปรี้ยงปร้างแทบจะทุกๆ 5 นาที


   “ข้าเองก็อยากให้เจ้ามาอยู่กับข้าหรอกนะแต่ซาเวียร์คงไม่ยอม  ข้ายังไม่อยากมีเรื่องกับมือดีคนนี้ซะด้วยสิ”คาเซอริโอหมุนคิ้ว ให้เขาไปอยู่กับเจ้าหัวหน้าเนี่ยนะหึ  แต่ให้ไปอยู่กับเจ้าหมานั้นมันก็เข้าทางพอดี  เสี่ยงหน่อยแต่คุ้มค่าพอสมควรถ้าเขาไม่บ้าจนเป่าสมองมันไปซะก่อน


   “ฉันจะไปอยู่กับเจ้าหมานั้นแต่จะดีมากหากช่วยบอกมันให้อยู่นิ่งๆซะบ้างก่อนที่ฉันจะยิงมันทิ้ง”


   “ข้าเชื่อว่าซาเวียร์คงทนกับเจ้าได้ แต่หากเจ้าเปลี่ยนใจจะมาอยู่กับข้าก็ได้นะ”


   “แก..”คาเซอริโอคำรามในลำคอ ทนกับเขางั้นเหรอเขามากกว่าหละมั้งที่ต้องทนกับนิสัยหมาๆของมันนะ


   “ทีเบอริส”เสียงเรียกดังมาจากพุ่มไม้ก่อนคนพูดจะโผล่หัวออกมา  หน้ากวนๆยียวนแบบนี้มีตัวเดียวเจ้าวูฟเทอรีน


   “หืม ข้ากำลังจะไปเดี๋ยวนี้หละ  อ๋อคาโลข้าขอบอกเจ้าไว้อย่าง สำหรับชาวปีศาจอย่างพวกเราการเลือกคู่ครองไม่ได้จำเป็นจะต้องเลือกเพียงเพศตรงข้าม หากพึงใจที่จะชอบ ที่จะรัก ไม่ว่าใครชาวเราก็พร้อมที่จะมอบใจให้  หากเจ้าคิดจะไปแต่ตัวอย่างที่ปากพูดจริงโปรดระวังตัวไว้บ้างเพราะเสน่ห์ของเจ้าถูกใจใครมากมายกว่าที่เจ้าคิด”เจ้าหมาตาแดงนั้นยกยิ้มก่อนจะเดินจากไปโดยมีเจ้าวูฟเทอรีนที่มองเหมือนเขาไปยิงญาติมันตายเดินตามไป


   “ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้หมาปากบัดซบ”คาเซอริโอเตะหินแถวนั้นระบายความหงุดหงิดเมื่อพบว่าความหมายของคำว่าไปแค่ตัวของมันนอกจากเรื่องความลับบ้าบอคอแตกแล้วยังหมายรวมถึงเรื่องงี่เง่าพวกนี้ด้วย  เหอะ  เสน่ห์เหรอเสน่ห์ของลูกปืนกับลำแข้งเขาก็ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหน้าโง่ตัวไหนมันมาตกหลุม  คิดไปถึงตรงนี้ก็เหมือนหน้าเจ้าหมาบ้านั้นจะลอยขึ้นมา  นรกเอ่ย  งี่เง่าดีแท้


   เขาทำได้เพียงยกนิ้วขึ้นเสยผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดก่อนจะผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติแล้วบ่ายหน้าเข้ากลุ่มไปทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก



=============================



   บ้านพักของหมอฮิโตะตอนนี้เหมือนสถานพยาบาลขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บจากสงครามที่ผ่านมา เสียงร้องโอดโอยดังไปทั่วแต่ดูจากสภาพโดยรวมแล้วเหมือนจะเจ็บกันไม่มากเท่าไหร่ที่หนักๆก็มีบ้างแต่เทียบแล้วก็น้อยนับว่าอึดกันไม่เลวทีเดียว


   ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบๆก่อนขายาวจะก้าวเข้าไปในกระโจมสีขาวที่สร้างขึ้นมาลวกๆ  พวกสาวๆที่ถูกลักพาตัวไปมารวมตัวกันอยู่ในกระโจมถูกจัดให้นอนบนพื้นโดยมีผ้าสีน้ำตาลตุ่นๆปูรองไว้


   “เป็นยังไงบ้าง”ขายาวๆทรุดลงนั่งข้างหญิงสาวก่อนจะถือโอกาสมองสำรวจใบหน้าหน้าเกลี้ยงเกลาที่บัดนี้เปรอะด้วยคราบฝุ่นและดูอิดโรย


   “ข้าไม่เป็นแล้วคะ”


   “ขอโทษนะ”ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยที่ข้างขมับตรงจุดที่ถูกปืนจี้มีคราบเขม่าและรอยไหม้ขึ้นชัด


   “อ๊ะข้าไม่เป็นไรจริงๆคะ  ขอบคุณท่านมากนะคะที่ช่วยข้าไม่งั้นข้าคง”หญิงสาวปฏิเสธเร็วๆพร้อมหน้าที่เหมือนจะซับสีเลือดขึ้นมาบ้าง


   “หึ เพราะฉันต่างหากเธอถึงเจ็บตัวชินริ”วินาทีที่เจ้านั้นเอาปืนจี้หัวชินริไว้เขาเองก็ตกใจไม่น้อยหากเป็นคนอื่นเขาคงไม่ไยดีแต่นี้เป็นเธอที่คอยช่วยเขาเอาไว้ เขาไม่มีทางจะใจดำทิ้งได้ลงคอ แม้จะตอบว่าไม่สนใจที่ชินริถูกจับแต่นั้นมันก็แค่คำโกหกเพราะหากมันรู้ว่าเธอมีความสำคัญกับเขาแผนต่างๆคงไม่สำเร็จ  แผนที่เขาเอาเธอเข้ามาเสี่ยง 


   เขาจงใจยั่วให้มันโมโหให้มันโกรธและวินาทีที่มันเบี่ยงปืนจากหัวชินริมาเป็นหัวเขาก็เป็นวินาทีที่เขายิงเจาะกะโหลกมัน  มันเป็นแผนที่เสี่ยงและเขาก็ไม่คิดจะบอกเพราะบางที่หากชินริรู้ว่าเขาเอาไปล่อลูกปืนมีหวังเขาอาจโดนตบสักฉาดหรืออาจมากกว่านั้นเพราะหากมันไม่โกรธแล้วหันปืนมาทางเขาแต่ยิงชินริแทนเธอนั้นแหละที่จะตายเพราะแผนบ้าๆของเขา


   “เจ็บตัวเล็กน้อย แต่เทียบกับที่ท่านคาโลช่วยทุกคนไว้ข้าก็คิดว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงคะ”หญิงสาวยิ้มกว้าง  รอยยิ้มกว้างที่ทำให้โลกสดใสเหมือนวันแรกที่เราเจอกันและเหมือนตอนที่ทำให้เขาคิดแผนสุดระห้ำนี้ขึ้นมา  แต่ความคิดที่ว่าเขาคือผู้ช่วยชีวิตทุกคนไว้มันออกจะดูยกย่องเกินไปหน่อย เขาแค่คิดจะช่วยเจ้าหล่อนไม่ได้คิดจะช่วยคนอื่น ที่ทำมันก็แค่สถานการณ์พาไปกับผลพลอยได้ทั้งนั้น


   “ยังมึนหัวอยู่ไหม”


   “เหลือนิดหน่อยคะ  แต่ยาของท่านริวจิช่วยได้มากทีเดียว”


   “งั้นเหรอ  แล้วยังต้องกินยาอีกรึเปล่า”


   “กินคะช่วงนี้คงต้องกินยาเรื่อยๆนี้ก็ได้เวลากินยาแล้วแต่เหมือนท่านริวจิจะกำลังยุ่งๆ”


   “งั้นเหรอ รออยู่นี้นะเดียวฉันไปเอายามาให้”คาเซอริโอลุกขึ้นก่อนจะบ่ายหน้าออกจากกระโจมสาวเท้าเข้าหาแผ่นหลังที่ก้มๆเงยๆอยู่กับกองไฟและกลุ่มสมุนไพรขนาดย่อม  มือคว้าหมับเข้าที่แขนซึ่งพันผ้าที่ขาวไว้แล้วออกแรงบีบ


   “โอ๊ยท่าน ข้าเจ็บนะ”ใบหน้าเรียวเล็กหันมามองก่อนดวงตาสีดำคู่นั้นจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย


   “โทษทีฉันไม่นึกว่าจะได้แผลกับเขาด้วย  ไปทำอะไรมาหละ”คาเซอริโอปล่อยมือออกจากแขนนั้นก่อนจะถามเรียบๆ


   “ข้าหกล้มนะขอรับ  ท่านต้องการอะไรรึเปล่าขอรับ”


   “อ๋อ พอดีมาเอายาให้ชินรินะ”


   “อ๊ะ  รอสักครู่นะครับ”คนตัวเล็กหันกลับไปที่หม้อยาอีกครั้งเปิดโอกาสให้นิ่งคิด  หกล้มงั้นเหรอเป็นคำโกหกที่ไม่น่าฟังเอาซะเลยนะ 


   “ได้แล้วขอรับ”


   “ขอบใจ”คาเซอริโอรับถ้วยสีน้ำตาลไหม้ในมือมาถือไว้กลิ่นเหม็นของน้ำยาในถ้วยทำให้คนฟังหน้าเบ้นึกดีใจที่เขาไม่ได้เป็นคนกินยานี้เอง


   “เฮ้ย ชินอู”เจ้าของชื่อหยุดชะงักขาที่กำลังก้าวเข้าไปในกระโจมเมื่อโดนเรียก ดวงตาสีน้ำตาคู่คมหันมามองคนเรียกก่อนจะตีหน้ามุ่ยแบบที่ชอบทำเป็นประจำเมื่อเจอหน้าเขา  เจ้าเด็กโข่งที่เขาแทบไม่เจอหน้าอายุก็ไม่เท่าไหร่แต่ทำเก่งออกไปทำงานกับพวกรุ่นๆเป็นประจำ


   “นี้ยาพี่สาวแกเอาไปให้ทีฉันจะไปดูเจ้าหมาซาเวียร์สักหน่อย  รู้ไหมว่ามันอยู่ไหน”


   “ท่านชาเวียร์อยู่ในบ้านหมอฮิโตะ  กำลังจะผ่าตัดแต่คราวหลังจะเรียกชื่อใคร..”


   “เฮ้ยๆ  เอาน่าบ่นเป็นคนแก่ไปได้เจ้าเด็กนี้”มือขาวขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาสั้นจนยุ่งแล้วเดินจากไป ไม่สนใจเสียงบ่นโวยวายของหมาเด็กที่สูงไม่ถึงคอเขา  ผ่าตัดเลยงั้นเหรออาการมันหนักขนาดนั้นเชียว


   ขายาวๆก้าวฉับไปที่บ้านหมอฮิโตะเหลือบมองบานประตูที่วางเอียงพิงพนังอยู่ในสภาพเดิมกับที่เขามาก่อนหน้านี้ สงสัยจะพังเพราะแรงถีบของเขาหละมั้ง ช่างมันก่อนแล้วกันเดี๋ยวค่อยหาเวลามาดูให้


   “เป็นไงบ้างหมอ”ใบหน้าของหมอหน้าขาวหันมามองคนเรียกด้วยใบหน้าที่พราวด้วยเหงื่อ เสื้อคลุมสีขาวๆที่เหมือนเสื้อกราวหมอถูกถอดออกวางไว้ด้านข้างเพื่อความคล่องตัว


   “คาโล”เสียงเรียกคุ้นหูดังแทรกคำตอบของหมอหน้าขาว ดวงตาสีเทาตวัดมองเจ้าของเสียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าคลุมปิดช่วงล่างไว้หมิ่นเหม่และบาดแผลประปรายตามแผ่นอกและแผ่นหลัง  ที่หนักสุดคงจะเป็นแผลที่ต้นขาซ้ายซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมาคงเป็นแผลเดียวกับที่เขาเห็นมันถูกยิง  ส่วนอีกทีคือแผลที่ไหล่ด้านขวายังคงมีเลือดซึมออกมาแต่น้อยกว่า


   “ว่าไงหมอ”


   “อ๊ะครับ  แผลอื่นๆไม่เท่าไหร่แค่แผลถากๆแต่แผลที่ต้นขาซ้ายถูกยิงทะลุครับ  ถ้าห้ามเลือดได้ไม่น่าจะมีปัญหาแต่แผลที่ไหล่ด้านขวากระสุนฝังครับคงต้องผ่าออก”หมอหน้าขาวหันมาตอบเร็วๆก่อนจะหันไปสาละวนกับโต๊ะตัวเตี้ยที่เต็มไปด้วยมีดและผ้าพันแผลโดยมีเจ้าคน(หมา)ตัวยักษ์อย่างเจ้าเยอร์เซ็พ ยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆเหมือนหมาเฝ้าเจ้าของ


   “ไง”


   “เจ้าปลอดภัยใช่ไหม”เจ้าหมาถามเสียงจะติดกังวล


   “เออ สบายดี”คาเซอริโอตอบปัดๆหากเทียบกันแล้วมันเจ็บกว่าเขาเยอะ ตอนที่เห็นมันเอาตัวเข้าบังกระสุนให้เขา เขาคิดไม่ถึงว่ามันจะบ้าระห้ำได้ขนาดนั้น  อดวูบในอกไม่ได้เมื่อเห็นร่างใหญ่นั้นล้มตรงหน้าแต่พอเห็นว่ามันยังหายใจดีอยู่เขาจึงได้ผละไปไม่ได้มาดูมันแต่แรก  มันตอบได้ฉะฉานแบบนี้น่าจะไม่เป็นไรแล้วหละมั้ง


   “ดีแล้ว ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นอะไรไป”


   “หึ  ก่อนจะห่วงฉันห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหม  เดี๋ยวจะโดนผ่าแล้วนี้โชคดีนะ”คาเซอริโอตบไหล่เจ้าหมาโข่งแรงๆก่อนจะหมุนตัวเตรียมออกจากห้องเพื่อหลีกทางให้หมอถ้าไม่ติดว่ามือร้อนๆเอื้อมมาคว้ามือเขาเอาไว้ก่อน


   “อะไร”ดวงตาสีเทาเหลือบมองมือใหญ่ที่คว้ามือเขาเอาไว้ด้วยแขนข้างที่ไม่เจ็บเรื่อยยาวไปจนเจอเข้ากลับดวงตาสีน้ำตาใสที่ตอนนี้ทอประกายออดอ้อนเหมือนหมาอ้อนเจ้าของ


   “อย่าเพิ่งไปได้ไหม”


   “อยู่ทำไม อยู่ไปก็เกะกะหมอเปล่าๆ”


   “อยู่เป็นกำลังใจให้ข้าไง”เหมือนคนฟังสำลักน้ำลายกะทันหัน มือที่ถูกจับไว้สะบัดออกราวกับถูกของร้อน  ดวงตาสีเทาตวัดมองอีก 2 ชีวิตที่ยังทำหน้าที่ของตัวเองเงียบๆ


   “เหอะแกประสาทกลับรึไง  อยากได้กำลังใจก็ไม่ขอจากคนอื่นโว๊ยไม่ต้องมาขอกับฉัน”


   “แต่ข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าคนเดียวนี่”


   “แก”คนฟังถลาเข้าหาคนเจ็บคิดจะต่อยปากมอมๆนั้นสักหมัด


   “อย่าครับคุณคาโลคุณซาเวียร์เจ็บอยู่นะครับ”หมอฮิโตะรีบถลาเข้ามาห้ามเมื่อคนหน้าขาวถลาจะวิ่งเข้าไปวางมวยกับคนเจ็บ


   “อึ่ย  ฝากไว้ก่อนเถอะแก”คาเซอริโอถอยออกมา 1 ก้าวยืนสูดหายใจเข้าออกลึกๆให้ใจเย็นลง


   “ถ้าไม่เหลือบากกว่าแรงคุณคาโลช่วยอยู่ข้างในได้ไหมครับผมจะผ่าตัดเอากระสุนออก ที่นี่ไม่มียาชาเหมือนที่โลกเราคงต้องผ่าสด  ถ้าได้คุณอยู่ด้วยคุณซาเวียร์คงดีไม่น้อย”ดวงตาสีเทามองสบคนพูดก่อนจะเรื่อยไปถึงเจ้าหมาที่ยังนั่งทำหน้าอ้อนๆอยู่บนเตียง


   “เออ ก็ได้”คาเซอริโอถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดตัวเองที่เผลอใจอ่อน


   “ขอบคุณมากนะครับเดี๋ยวผมจะรีบทำรีบเสร็จนะครับ”


   “อืม”


   “เข้ามาใกล้ๆได้ไหม”


   “อะไรของแก”ดวงตาสีเทาดุตวัดมองคนพูดที่ได้คืบจะเอาศอก


   “ข้าแค่อยากให้เจ้าอยู่ใกล้”


   “โวย  อยู่ตรงไหนมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”


   “เจ้านี้ใจร้ายเป็นบ้า  ทั้งๆที่ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดีตอนที่เจ้าบาดเจ็บทั้งคอยเช็ดตัว คอยป้อน..”


   “พอๆแค่เข้าไปใกล้ก็พอใช่ไหม”คาเซอริโอรีบก้าวเท้าไปประชิดข้างเตียงทันควันก่อนที่ปากหมาๆนั้นจะปูดเรื่องที่ไม่ควรปูดออกมามากกว่านี้


   “หึหึ  เจ้านี้ใจดีจังนะ”


   “เออ  เฮ้ย”มาเฟียหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าหมาที่นั่งอยู่บนเตียงเอี้ยวตัวมากอดเอวเขาหมับ


   “ปล่อยเว้ย”มือขาวๆพยายามงัดเอาหมามือกาวที่เกาะหนึบที่เอวออก


   “อยู่อย่างนี้ก่อนไม่ได้เหรอ  อย่างน้อยข้าจะได้เจ็บน้อยลง เห็นแก่ที่ข้าคอยช่วยดูแลเจ้า”ใบหน้าคมเงยขึ้นจากช่วงเอวมองสบดวงตาสีเทาที่แทบจะมีไฟลุกพรึ่บด้วยแววตาออดอ้อน


   “แบบนี้ได้ไหมหมอ”ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบรับเจ้าหมานั้นก็หันไปถามหมอเสร็จสรรพแถมยังเนียนกอดเขาไม่ปล่อย


   “อะ  เอ่อก็ได้ครับ”หมอหน้าขาวที่ตอนนี้หน้าแดงระเรื่อพยักหน้าหงึกๆพยายามหลบตาของทั้งคู่


   “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”คาเซิอริโอบอกเสียงเบาตาจ้องกลุ่มผมสีน้ำตาลที่ตอนนี้กำลังซุกอยู่กับช่วงท้อง เขาใจอ่อนอีกจนได้สินะ


   “งั้นผมเริ่มนะครับ”เสียงหมอฮิโตะดังมาพร้อมกับตัวที่ขยับเข้ามาด้านหลังในมือคือมีดที่ดูเหมือนมีดผ่าตัด  อ้อมแขนที่เอวรัดแน่นรู้สึกได้ถึงแรงจับที่เสื้อด้านหลัง


   “อึ่ก”เสียงร้องดังออกมาจากลำคอเมื่อมีดกรีดลงที่แผลเพื่อเปิดปากแผลให้กว้างขึ้น


   “ทนเจ็บหน่อยนะครับ”เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้าหมอเมื่อมีดกดลึกลงพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาตามรอยกรีดโดยมีผู้ช่วยหมออย่างเยอร์เซ็พที่คอยยื่นเปลี่ยนผ้าซับเลือดให้


   “ผมจะเอากระสุนออกแล้วนะครับ”


   “หือ”เสียงครางหนักๆในลำคอดังขึ้นพร้อมแรงรัดที่แน่นจนเขารู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ปริปากบ่นอะไรออกไปทำเพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบผมสีน้ำตาลเบาๆเหมือนปลอมประโลมเมื่อมีดปลายแหลมคว้านลงไปในแผลเพื่องัดเอากระสุนออกท่ามกลางเลือดสีสดที่ไหลออกมาเป็นระยะ


   “อีกนิดเดียวครับ”เสียงดังกริกเบาๆเมื่อปลายมีดกระทบกับกระสุนก่อนหมอหนุ่มจะออกแรงงัดให้กระสุนหลุดออกมาด้านนอก


   “เรียบร้อยแล้วครับ”ใบหน้าขาวยิ้มกว้างรีบวางกระสุนปืนเลือดลงแล้วหันไปคว้าผ้ามาห้ามเลือด ไม่มีเสียงตอบรับจากคนเจ็บที่คงสลบไปตั้งแต่เริ่มคว้านกระสุนออกแต่ถึงจะสลบไปแล้วมือสองข้างก็ยังเกาะเขาไม่ปล่อย  เจ้าหมาโง่แกกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ













         มาส่งตอนใหม่ตามกำหนด ในเวลาของวันใหม่ที่ตาคนเขียนใกล้จะปิดคะ o19

         นี้ถือว่าเป็นตอนที่ชื่อตอนสั้นมากๆที่สุด  หวานน่ารักสุดๆตอนหนึ่งของเรื่องคะ เริ่มมีกลิ่นอายหวานๆกันมาบ้างแล้วหลังจากที่บู๊กันสนั่นเลือดสาดไปกันหลายตอน หวังว่าสีชมพูจางๆในตอนนี้จะช่วยลบรอยเลือดในตอนก่อนๆหน้าได้บ้างนะคะ

         ตอนหน้าความหวานลดลงเล็กน้อยแต่ความหื่นเพิ่มขึ้นหน่อยหนึ่ง  ฮ่าๆ อยากรู้ว่าจะเป็นแบบไหนติดตามกันได้ในตอนหน้าคะ  ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านและคอมเม้นให้กำลังใจนางมารคะ :m3:
   
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่13 อ้อน......10/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: t_cus ที่ 10-09-2014 10:03:53
หุๆๆ เห็นคนเขียน สปอย์ตอนหน้าแล้วอยากอ่านขึ้นมาทันที  :hao6:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่13 อ้อน......10/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 11-09-2014 05:11:15
โอ๊ย~ เจ็บแทนเลยนะเนี่ย แต่ตอนนี้หวานจริงไรจริง 5555
ชอบจัง เลือดสาดเสร็จก็หวาน รอตอนหื่นอยู่นะคะ อิอิอิ >___<
มาต่ออีกไวๆน้า เราจิปูเสื่อรอฉากหื่น > [] <
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่13 อ้อน......10/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 12-09-2014 20:24:12
มดขึ้นหน้าจอ หนุ่มล่ำบึ๊กขี้อ้อน เจอไม้นี้เข้าไปมาเฟียหนุ่มน้อย(หรือหนุ่มเหลือน้อยก็ไม่ทราบ ประสบการณ์ฆ่ามากเกิณอายุจริงๆ)ถึงกับใจอ่อนยอมให้แต๊ะอั๋งเล็กๆน้อยๆเลย
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่14 บางทีหมาก็.....15/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 15-09-2014 17:37:11
ตอนที่ 14 บางทีหมาก็มีนิสัยประหลาดที่คนไม่มีทางเข้าใจ?           01/04/2557
                              22/05/2557
                              11/06/2557
                              15/09/2557





   เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วทางเดิน แต่คงไม่ดังไปกว่าเสียงหัวใจของเจ้าของฝีเท้าที่ออกแรงวิ่งตรงไปยังประตูบานหนาสีเปลือกไม้


ปัง!!!


“ดอน”ดวงตาสีเทากวาดมองคนบนเตียงก่อนขายาวๆจะสาวเข้ามาใกล้แล้วเริ่มการจ้อง และคิ้วสีทองก็ขมวดฉับเมื่อมองเห็นว่าไหล่ข้างซ้ายของใครอีกคนถูกคล้องไว้ด้วยผ้าสีขาว ส่วนขมับข้างเดียวกันก็มีผ้าก๊อซแปะเอาไว้


   “มาแล้วเหรอคาโล”


   “ก็เออนะสิ  แล้วนี้อย่าบอกนะว่าแขนหักกับถูกยิงเฉี่ยวหัว”คนพูดพูดไปตามที่คิด  เพราะเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนเขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องว่ารถของดอนกลุ่มบอนซาลิโนถูกยิ่งถล่ม ในขณะที่มือขวาอย่างเขากำลังทำเรื่องเก็บกวาดอีกที่ทำให้เขาต้องรีบบึ่งรถมาที่คฤหาสน์แบบไม่สนกฎจราจร


“ก็แค่ล้มแล้วไหล่ซ่นกับหัวแตกเท่านั้นเอง”คนที่นั่งอยู่บนเตียงยิ้มตอบ


   “ไม่แค่เท่านั้นเองครับดอน รถของคุณเพิ่งถูกยิงถล่มมา  กระสุนโดนแขนทะลุคุณกระโดดหลบกระสุน ไหล่เลยกระแทกกับพื้นทำให้กระสุนเฉี่ยวหัวแทนที่จะทะลุเข้าไปตรงๆ”ดวงตาสีเทาตวัดไปมองคนพูดที่ขยับแว่นตรงดั้งจมูกด้วยความเคยชินแบบที่เขานึกหมั่นไส้และอดจะหาเรื่องไม่ได้ทุกครั้งไป  แต่อาจจะยกเว้นที่ครั้งนี้เขาดันรู้สึกเห็นด้วยกับเจ้ามือซ้ายนั้นขึ้นมา


“พูดเป็นเรื่องใหญ่ไปได้เทโซ”


   “เรื่องใหญ่ครับ  การที่คุณถูกยิงถล่มในขณะที่มาพักร้อนและคาเซอริโอไม่อยู่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี”


   “พวกกาโต้หรือออโลวัสงั้นสิ”แม้เขาจะไม่ค่อยฉลาดการวางแผนหรือคิดได้เร็วเท่าเจ้ามือซ้ายแต่เหตุใหญ่ๆแบบนี้ไม่มีกลุ่มไหนหรอกที่กล้า นอกจากเจ้าเสือสองกลุ่มนั้น


   “ยังสรุปไม่ได้หรอกนะ”เสียงตอบจากมือซ้ายหากฟังผ่านๆเหมือนคนพูดจะไม่แน่ใจ แต่สำหรับคนที่อยู่กับมันมานานจนเห็นว่าไส้มันมีกี่ขดอย่างเขารู้ดีว่ามันก็แค่พูดเหมือนไม่ใส่ใจไปอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่ความจริงก็รู้แต่ก็ชอบอมพะนำให้เขาคิดเองและเต้นตามเกมของมัน


   “เดี๋ยวเอากระสุนกรอกปากก็สรุปได้เองนั้นแหละ”พูดจบคนพูดก็หันหลังเตรียมออกจากห้องเพื่อไปหาข้อสรุป


   “เดี๋ยวก่อนคาโล”ปลายเท้าที่กำลังก้าวออกจากเตียงชะงักแล้วหันกลับมามองดอนที่จ้องเขานิ่ง


   “ขอคุยหน่อยได้ไหม”


“ถ้างั้นผมไปรอด้านนอกนะครับ”มือซ้ายโค้งหัวนิดๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปเหลือทิ้งไว้เพียงเขาและดอนที่นั่งอยู่บนเตียง


   “นั่งก่อนสิคาโล”เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ข้างเตียง  ในตอนนี้ใจเขาร้อนเหมือนโดนไฟลนแค่เห็นว่าคนตรงหน้าเจ็บ แต่เขาก็ต้องนั่งเงียบๆทำตัวเป็นลูกน้องที่ดี เพียงเพราะผู้ชายคนนี้เอ่ยปาก


   “งานที่ทำเป็นยังไงบ้าง”


   “เรื่องนั้นมันสำคัญที่ไหนกัน ตอนนี้การหาตัวว่าใครทำมันสำคัญที่สุดไม่ใช่รึไง”


   “ฉันไม่น่าถามเลยนะ  นายนะยังไงก็ไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว”


   “อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่องได้ไหมเล่า”


   “คนที่พยายามเปลี่ยนเรื่องนะมันนายต่างหาก  หรือว่าไม่จริง”ถอยคำง่ายๆที่ทำให้คนอย่างเขาหุบปากฉับไม่กล้าพูดไม่กล้าเถียง เพราะสำหรับคนๆนี้แล้ว ไม่ว่าจะบอกให้ทำอะไรเขาก็พร้อมจะทำให้ทุกอย่าง


   “ขอโทษครับดอน”


   “เอาน่าอย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นสิ  ถึงมันจะเป็นบุคลิกนายตอนนี้ไปแล้วก็เถอะ  ฮ่าๆ”มือหนาแบบผู้ชายตบปุบๆลงบนไหล่เรียกให้ดวงตาสีเทาเงยขึ้นมองคนหัวเราะที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจากเมื่อก่อนเลย ไม่ว่าเมื่อไหร่คนๆนี้ก็ดูอารมณ์ดีและสามารถเปล่งประกายได้เสมอ


   “หือ”เสียงงึมงำจากด้านข้างทำให้เหตุการณ์ในหัวพร่ามัวและจางหายไปเหมือนความฝัน ดวงตาสีเทากวาดมองคนที่เคยนอนเหยียดยาวอยู่ข้างๆแต่ตอนนี้กลับมานอนซุกอยู่บนตักเขา


   “จะออกไปดีๆหรือให้ถีบออก”ดวงตาสีน้ำตาลมองสบเหมือนยังไม่ตื่นเต็มตาก่อนจะปิดลงอีกครั้ง  เรียกความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นในใจคนที่ถูกอาศัยเป็นหมอนหนุนหัว


   “ถ้าแกหายดีแล้วก็เลิกสำออยสักที”คนที่เผลอนั่งหลับผุดลุกขึ้น ไม่สนใจว่าหัวสีน้ำตาลนั้นจะหล่นกระแทกกับพื้นถ้ำหรือไม่


   “โอ๊ย ทำอะไรของเจ้านะ ข้าเจ็บนะ”


   “เขี่ยหัวหมาออกจากตัว”พูดพลางก็ปิดตัวไล่ความเมื่อยขบเมื่อสำนึกตัวได้ว่าเผลอหลับไปพักใหญ่จนฝันบ้าๆนั้น พอมองดูหมาที่เมื่อคืนนอนซมด้วยพิษไข้ตอนนี้กลับสามารถขยับเขยื้อนตัวได้เหมือนจะหายดีขึ้นมาทันตาก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้


   “เจ้านี้ใจร้ายกับผู้มีพระคุณอย่างนี้เสมอเลยรึไง”หมาที่ลากสังขารกลับไปนอนบนกองฟูกหนังสัตว์ได้แล้วเปิดปากพูด


   “ผู้มีพระคุณ ใคร  แกเหรอ”


   “ก็ใช่นะสิ ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครที่เอาตัวบังไอ้ลูกแหลมๆที่พุ่งออกมาจาก  เออ ปืนนั้นแทนเจ้านะ”เจ้าหมาตัวยักษ์พูดไปหน้ามุ่ยไปได้เหมือนสาวน้อยขี้งอนที่ไม่ได้เจียมเลยสักนิดว่ามันไม่ใช่สาวน้อย แต่กลับเป็นหมาที่มีผ้าพันแผลเต็มตัว ไอ้ท่าทางหน้าหงิกทำปากยื่นนั้นจึงไม่ได้ดูน่ารักแต่ดูน่าเตะจนเกินบรรยาย


   “หึ  แล้วใครขอให้แกเอาตัวมาบังกระสุนแทนฉันกัน”


   “นี้เจ้า..”หน้าคนพูดสะบัดพรืดก่อนจะพลิกตัวตะแครงหนีเหมือนงอน แม้จะขยับไม่ถนัดแต่ก็พยายามจนสามารถตะแครงทั้งตัวหนีไปได้


   “เฮ้อ ไอ้หมาบ้า”คาเซอริโอถอนหายใจด้วยความปลงก่อนจะสาวเท้าไปทางห้องน้ำ ในหัวก็คิดเรื่อยเปื่อยไปถึงเรื่องที่มันช่วยเขาไว้เมื่อวาน มันช่วยเขาไว้อีกแล้ว กี่ครั้งแล้วนะ  การช่วยเหลือแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ความเป็นมาเฟียสอนให้เขาต้องยืนหยัดด้วยตัวเองหากล้มให้คนอื่นเข้าช่วยคงไม่แคล้วกลายเป็นบุญคุณที่คนไม่ชอบเนรคุณใครแบบเขาต้องลำบากแน่ๆและก็เหมือนเจ้าหมานั้นจะอยากมีบุญคุณกับเขาซะเหลือเกิน แล้วการขอทวงบุญคุณของมันก็ทำให้เขาอยากซัดมันสักหมัดให้หายเคือง


   “หันหน้ามาฉันจะเช็ดตัวให้”คาเซอริโอพูดก่อนจะวางอ่างดินเผาในมือลงข้างๆเจ้าคนที่นอนตะแครงซ้ายให้เขา  โชคดีที่มันยังสำนึกได้ว่าตัวเองเจ็บไหล่ขวาเลยงอนจะสะบัดไปทางซ้ายแทน


   “เจ้าพูดจริงนะ”ใบหน้าคมนั้นหันมาตามเสียงเรียกทันที


   “แกจะงอนให้นานกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง”


   “อะไรคืองอน แล้วเจ้าจะเช็ดตัวให้ข้าจริงๆนะ”


   “เออ  ลุกนั่งไหวรึเปล่า”


   “อืม  คิดว่าไหว”เจ้าหมาใช้มือซ้ายดันพื้นก่อนจะประคองตัวลุกนั่งแม้จะทุลักทุเลไปบ้างแต่ก็ทำสำเร็จด้วยดี สามารถลุกขึ้นมานั่งตรงๆได้ทำให้ผ้าที่คลุมท่อนเอวไว้ล่วงลงหมิ่นเหม่จนเขาอดจะเอื้อมมือจัดผ้าให้คลุมดีๆเหมือนเดิมไม่ได้


   “ปิดทำไมหละร้อนออก”


   “ถ้าอยากให้ฉันเช็ดตัวให้ก็หุบปากแล้วนั่งเงียบๆ”คาเซอริโอขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเมื่อเริ่มจะไม่ไว้ใจเจ้าหมาที่นั่งหน้าระรื่นและชอบฉวยโอกาส  แม้จะไม่เคยจีบผู้ชายและโดนผู้ชายจีบ แต่จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาก็ทำให้เขาคิดได้อย่างเดียวว่า เจ้าหมานี้กำลังคิดเรื่องอุบาทกับเขาอยู่ แล้วเรื่องอะไรที่จะต้องเปิดช่องให้มัน ในเมื่อมันเป็นตัวผู้และเขาก็ชอบผู้หญิงหรือไม่ก็พวกตัวเมียถ้าเป็นพวกนั้นเขาไม่หาผ้าปิดให้เมื่อยหรอก


   “หือ  หึ”เจ้าหมาส่งเสียงในลำคอเหมือนตอบรับโดยไม่เปิดปากแม้แต่น้อย  ช่างเชื่อฟังจนน่าเอ็นดูจริงๆ


   มือขาวๆตามเชื้อชาติเอื้อมหยิบผ้าดิบในอ่างดินเผาก่อนจะบิดหมาดๆแล้วตะปบลงบนผิวหน้าที่ผงะไปเล็กน้อยเพราะความรุนแรงให้คนทำแอบยิ้มสะใจ ก่อนจะค่อยๆเช็ดผ้าบนหน้าผากเกลี้ยงเกล้าเท่าที่มือของผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักเพียงการฆ่าและยิงปืนจะอ่อนโยนได้


   นี้อาจเป็นครั้งแรกที่เขาใส่ใจจะสังเกตเจ้าหมาตรงหน้าให้ชัดๆแน่นอนว่าเขาเจอหน้ามันบ่อยจนเริ่มเอียน แต่เอาเข้าจริงเขากลับไม่เคยจะสังเกตมันจริงๆจังๆเลยสักครั้ง


   เจ้าหมาตรงหน้ารูปร่างสูงใหญ่แบบที่ตัวผู้ส่วนมากในกลุ่มเป็น แต่ถ้าคิดแบบไม่ลำเอียงก็จะรู้ว่ามันจัดอยู่ในกลุ่มที่ตัวสูงใหญ่มากๆ สูงใหญ่กว่าเขาพอสมควรจนหน้าหมั่นไส้  ผิวทั่วตัวเป็นสีแทนสม่ำเสมอ ผมสีน้ำตาลที่ปกติฟูเหมือนขนหมาตอนนี้กลับโดนเหงื่อและความชื้นทำให้มันลู่ลงจนเขารู้ว่าผมมันค่อนข้างหยิกยาวเคลียลำคอ  คิ้วเข้มหนาสีน้ำตายุ่งๆ  ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตใต้เบ้าตาคมที่ตอนนี้ก็มองสบเขาด้วยประกายใสแจ๋ววาววับ จมูกโด่งเป็นสัน  ปากที่ค่อนข้างหนาแต่พอประกอบกับเครื่องหน้ากลับดูเข้าใจกันได้ดีถ้าหากไม่มองแบบลำเอียง ใบหน้าเหลี่ยมได้รูปนั้นก็ดูดีจนหน้ากระทืบ


   “ยิ้มอะไร”


   “หือ  อือ”หมาที่ถูกถามไม่ตอบ ทำเพียงยกยิ้มกว้างปิดปากเงียบส่งเสียงในลำคอตามคำสั่งเท่านั้น


   “ชิ”มือขาวๆจับผ้าจุ่มลงน้ำอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่บิดกลับแปะป้าบเข้าบนคอหนาและออกแรงเช็ดจนคอหนาๆนั้นขึ้นสีแต่ก็ดันมองไม่ชัดเพราะผิวสีแทนและเจ้าตัวไม่ส่งเสียงว่าเจ็บทำเพียงหุบยิ้มลงเล็กน้อยเขาจึงได้เบามือลงแล้วเช็ดไล่จากคอหนาไปที่ไหล่กว้างแน่นหนั่นด้วยกล้ามเนื้อ  หลีกเลี่ยงจุดที่โดนพันด้วยผ้าพันแผล  ลูบไปตามแนวกล้ามเนื้ออกที่เขาแอบอิจฉามันเล็กน้อย เพราะแม้เขาจะมีแต่ก็ไม่ได้มากจนขึ้นเป็นลูกชัดเจนเหมือนมันแต่ถึงจะขึ้นเป็นลูกขนาดนั้นกลับไม่ดูน่าเกลียด มันลงตัวกันดีกับกล้ามท้องที่เรียงกันเป็นลูก ไล่เรียงจากช่วงอกไปตามแนวกล้ามท้องจนถึงสะดือสีแทนสะอาด  มีไรขนสีน้ำตาลจางๆที่แผ่ตัวยาวหายไปใต้แนวผ้าคลุม


   “หือ  อ๊า”


   “ครางทำบ้าอะไรว่ะ”เสียงครางข้างหูทำเอาสะดุ้งเผลอผงะออกจากมันอย่างหมดท่า


   “กะ  ก็มันเสียวอ๊ะ”


   “แก  ไอ้หมานรก”ที่อย่างนี้ดันอ้าปากตอบ โว๊ย  กระทืบมันสักทีน่าจะดี


   “อย่า ข้าเจ็บอยู่นะ”เจ้าหมายกมือห้ามก่อนเขาจะได้ถีบสักป้าบ  เท้าที่ยกขึ้นแล้วจึงต้องยกลง  ทิ้งผ้าลงอ่างนับเลขในใจให้เย็นลงแล้วเดินอ้อมไปข้างหลัง


   “ห้ามส่งเสียงแปลกๆอีก ไม่งั้นฉันจะถีบแกให้คว่ำเลย”ขู่เสร็จเจ้าหมาก็พยักหน้ารับคอแทบหักเขาจึงแปะผ้าลงบนแผ่นหลังกว้างแล้วรีบๆถูให้เสร็จก่อนจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน


   “นั่งนิ่งๆเดี๋ยวฉันเปลี่ยนผ้าพันแผลให้”


   “เออ  แล้วข้างล่าง”


   “หือ  นี้แกอยากให้ฉันเช็ดให้ว่างั้น”


   “ได้ก็ดีนะ”


ป้าบ!!


ฝ่ามือหนาๆเน้นๆประทับป้าบลงบนหัวทุยจนเอียงไปข้างด้วยแรงตบแบบไม่ออมแรง


   “นี้เจ้า มันเจ็บนะ”


   “ตอบแทนปากเน่าๆของแกไง”


   “ใครบอกว่าข้าปากเน่า  ข้าก็แค่พูด..”


   “หุบปากถ้ายังอยากให้ฉันช่วยต่อ”เจ้าหมาตัวโตอ้าปากค้างก่อนจะหุบปากแล้วอ้าใหม่อีกรอบแต่พอสบกับดวงตาสีเทาที่วาววับก็ตัดสินใจหุบปากลงแล้วนั่งนิ่งๆ


   คาเซอริโอหยิบเอาอุปกรณ์ทำแผลที่หมอฮิโตะฝากขึ้นมาดู มีผ้าพันแผลที่ทำมาจากผ้าดิบสีขาวพับใหญ่วางเอาไว้กับถ้วยใบเล็กที่ใส่บางอย่างที่เหมือนใบไม้บดละเอียดเอาไว้


   ผ้าพันแผลที่ไหล่ขวาถูกแกะออกอย่างระมัดระวัง  คิ้วสีเข้มนั้นขมวดลงเล็กน้อยเมื่อเขาดึงผ้าชิ้นในสุดที่ติดกับแผลออก  แผลถูกยิงที่ไหล่จนต้องผ่ากระสุนออกยังคงบวมเล็กน้อย  ใบไม้สีเขียวๆที่แปะอยู่บนแผลก็แห้งกรอบจนเขาต้องช่วยเอาน้ำราดช่วยล้างใบเก่าๆออกจนมองเห็นแผลที่มีด้ายสีดำเย็บปิดอยู่ชัดเจน  แผลปิดไปแล้วไม่มีเลือดไหล่ซึมและเหมือนจะเริ่มสมานตัว  พวกปีศาจนี้มันมีอะไรประหลาดให้พิศวงเรื่อยๆ  มือขาวเอื้อมหยิบถ้วยยาก่อนจะโป๊ะลงบนแผลเบาๆแต่เจ้าหมาตัวใหญ่ก็ยังสะดุ้ง  พอแปะยาลงบนแผลเสร็จก็ต้องเอาผ้าพันแผลมาพันทับเพื่อให้ยาไม่ไหลออก  เป็นเรื่องลำบากสำหรับคนที่ไม่ถนัดทำแผลพอสมควรไหนจะตัวหนาๆของมันที่เขาต้องเอื้อมมือไปจนเกือบสุดแขนเพื่อให้สามารถพันแผลตรงช่วงอกกันไม่ได้ผ้าพันแผลเลื่อนได้สำเร็จ


   “เอาหละ..”ถ้อยคำถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อเอียงคอมาพบกับดวงตาสีน้ำตาลที่มองอยู่ในระยะใกล้  ดวงตาที่เหมือนมีประกายดึงดูดให้เขาจ้องมองโดยไม่ผลักมันออกปล่อยให้ดวงตานั้นเคลื่อนมาใกล้ ไม่ยอมหลบจนเห็นดวงตานั้นในระยะประชิดรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดใบหน้าและสัมผัสหยุ่นๆที่ริมฝีปาก  ไม่รู้เพราะอะไรร่างกายถึงได้แข็งทื่อ อาจเป็นเพราะดวงตาคู่นั้นหรือสัมผัสคลึงเคล้าที่ริมฝีปากเขาจึงนิ่งงันจนกระทั้งเผอเรอให้สัมผัสอุ่นแฉะแทรกเข้ามาในโผลงปากกวาดต้อนไปทั่ว ในขณะที่ตาสองคู่ยังสบกันนิ่งและเขาเป็นฝ่ายที่เริ่มขยับลิ้นตอบสนอง


   “อืม”สัมผัสในโพรงปากรัวเร้าเร็วขึ้น  มันอุ่น  นุ่มนิ่ม และทำให้ใจเต้นรัวด้วยความรู้สึกบางอย่าง  รุนแรงจนเหมือนจะหลอมละลายเปิดโอกาสให้โดนตักตวง เนิ่นนานจนรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่กอดประคองแผ่นหลัง


   “หือ  หยุดได้แล้ว”คนที่เพิ่งได้สติรีบผละออกห่าง   หอบหายใจด้วยความตระหนก เหลือบมองเจ้าหมาตัวโตที่แอบเลียริมฝีปากตัวเองพร้อมด้วยแววตาวาบวับ


   “ฉันจะออกไปข้างนอก”ว่าเสร็จก็หมุนตัวขวับ รู้สึกร้อนจนอยากออกไปสูดอากาศ  ขายาวๆก้าวฉับแต่หูก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ลอยมาตามสายลม


ปั๊ก!!


   “บ้าเฮ้ย”หมัดขาวๆกระทบกับลำต้นไม้จนกิ่งสั่นสะเทือน  มืออีกข้างที่ว่างเผลอยกขึ้นแตะริมฝีปากที่เมื่อกี้เขากับมันเพิ่ง..


   “มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ”ดวงตาสีเทาส่อประกายสับสน  ประกายที่คนอย่างคาเซอริโอไม่เคยชอบใจจนต้องขยี้ผมสีทองของตัวเอง ขาสองข้างออกเดินแล้วกลายเป็นวิ่งเพื่อให้สมองโล่ง  เลิกคิด  ไม่ต้องคิดแล้วคาโล  เลิกคิดอะไรบ้าๆได้แล้ว


   “อ้าว  คุณคาโลมาเอายาเหรอครับ”เสียงทักพร้อมร้อยยิ้มกระจ่างใสทำให้ฝีเท้าหยุดชะงักก่อนจะหันไปมองคนพูดที่ยังคงยิ้มกว้าง


   “หมอ”


   “ครับ  คุณคาโลมาเอายาให้คุณซาเวียร์ใช่ไหมหละครับ”


   “อะ  อ้อยา ใช่ๆ”


   “งั้นรอเดี๋ยวนะครับ  ผมไปหยิบยาก่อน”ตัวเล็กๆบางๆเดินหายเข้าไปในบ้านต้นไม้ทำให้เขาเขารู้ตัวขึ้นมาว่าตัวเองอยู่ที่หน้าบ้านหมอฮิโตะ นี้เขาเหมอจนเผลอวิ่งมาถึงนี้เลยงั้นเหรอ  ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ


   “อ๊ะ  ยาได้แล้วครับ  มียาทาแผลทำกับผ้าพันแผล ทำตอนเย็นอีกทีแผลก็น่าจะหายดีแล้วหละครับ พวกเขาสมานแผลไวมากจนผมเองยังทึ้ง ส่วนนี้ยาทานนะครับกลับไปก็ทานได้เลยนะครับ  ถ้าไม่มีไข้แค่นี้ก็น่าจะพอ แล้วคุณซาเวียร์มีไข้ไหมครับ”


   “ไม่  ไม่มีแล้ว”ความทรงจำเมื่อคืนวิ่งกลับเข้าสู่สมองเมื่อวานเจ้าหมานั้นไข้ขึ้น  เหงื่อออกเต็มตัว  ส่งเสียงงึมงำทั้งคืนมาดีขึ้นเอาตอนเช้าเขาถึงได้เผลอหลับแถมยังฝันบ้าๆจนเกิดเหตุการณ์บ้าๆนั้นขึ้น 


   “คุณคาโลเป็นอะไรรึเปล่าครับ”ดวงตากลมๆใต้กรอบตาชั้นเดียวมองสบ คนที่เขารู้สึกว่าวันนี้ดูแปลกๆไป


“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก  ไปนะ”มือฉวยเอาถาดยามือถือไว้เองก่อนจะหมุนตัวกลับไปตามทางเดิน ยังไงก็ต้องกลับไปอยู่ดีสินะ  หลบไม่ได้ด้วย  ไม่สิไม่ควรหลบ  เขาจะหลบไปทำไมหละ


   “อ๊ะเจ้า  คาโล”


“หืม”ดวงตาสีเทาหันมองคนที่รีบสาวเท้าเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง


   “แก  ซาลูกิ”


   “จำได้ด้วยสินะ”


   “ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมนี้  แกมีอะไร”


   “เออ  ข้าเอาเจ้าหนูนี้มาคืนนะ”ก้อนสีดำขยุกขยุยในมือถูกส่งมาตรงหน้าพร้อมเสียงเหาเล็กๆ ทำให้คาเซอริโอรู้ตัวว่าเขาเผลอลืมมันไปถนัดแต่ก็นั้นหละ มันเคยหายไปนานๆแต่ก็สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยตลอด


   “อืม ขอบใจนะ”มือขาวเอื้อมไปรับเจ้าก้อนดิ้นได้มา ตัวเล็กๆดิ้นไปมาประท้วงจนเขาต้องวางมันลงพื้น และโดนเขี้ยวเล็กๆนั้นกัดเอา


   “เฮ้ย เออรู้แล้วน่าอย่ามาทำใจน้อยเป็นพวกผู้หญิงหน่อยเลยแกนะ”สะบัดขาพอเป็นพิธีมันก็ยอมปล่อยแล้วเปลี่ยนเป็นดมๆตามตัวเขาแทน


   “เออ คือ..”ดวงตาสีเทาเงยขึ้นสบเจ้าคนที่ยืนนิ่งบิดไปมาเหมือนพวกคิดไม่ตกตรงหน้า


   “มีอะไร”


   “เออ  ข้าเพิ่งรู้มาว่าเจ้าไปอยู่กับซาเวียร์งั้นเหรอ”


   “หืม  ก็ใช่”


   “ทำไมหละ  ทำไมเจ้าถึง..”


“เจ้าหมานั้นเป็นคนขอหัวหน้าแกเอง อย่าบอกนะว่าแกลืม”


   “แต่ตอนนั้นเจ้าอยู่กับชินริ”


   “หัวหน้าแกอยากให้ฉันไปอยู่กับเจ้าซาเวียร์ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรด้วย”


   “ใหญ่สิ ก็ซาเวียร์นะ..”


   “เจ้าหมานั้นมันทำไม”คิ้วของคนถามกดลึกเมื่อเจ้าหัวนกแก้วยืนนิ่งหุบปากสนิทแต่กลับกระสับกระส่ายเหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก


   “ช่างเถอะ แล้วนี้เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”


   “ไม่  สบายดี”


“ดีแล้ว  ข้าดีใจนะที่เจ้าไม่เป็นอะไร”ซาลูกิยิ้มกว้างในขณะที่คนฟังขมวดคิ้วฉับ  มีอะไรบางอย่างแปลกไป


“แกไม่สบายรึเปล่า”


   “ห๊ะ  ไม่ ข้าสบายดีแค่เมื่อยตัวนิดหน่อย เจ้าเป็นห่วงข้างั้นเหรอ”ดวงตาสีดำของคนพูดเป็นประกายวาบขึ้นมา


“เปล่า  แค่เห็นแกดูแปลกๆไปเหมือนพวกเออ..ช่างเหอะ”จะบอกว่ามันดูแปลกๆไปเหมือนพวกบ้าที่กินยาลืมเขย่าขวดก็ดูจะแรงไปนิด มั้ง


   “ข้าแปลกไป  แปลกไปตรงไหนกัน”คาเซอริโอถอนหายใจ นี้มันยังไม่รู้ตัวอีกงั้นเหรอ


“แปลกสิ  ตอนแรกแกยังอยากเอานิ้วแกจิ้มไส้ฉันอยู่เลย  แต่ตอนนี้กลับมาถามว่าฉันสบายดีไหม ยังไงก็แปลก”


   “งั้นเหรอ  ขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าเข้าใจแบบนั้น แต่ว่าข้าก็ไม่ได้เกลียดมนุษย์หรอกนะ”


   “หือหึ  ดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น”


   “เออ งั้นเหรอ”นิ้วยาวๆนั้นยกขึ้นเกาหัวตัวเองแก๊กๆ  แปลกไปจริงๆนั้นแหละแต่ก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรที่เขาต้องเก็บมาใส่ใจหละมั้ง


   “เจ้ามาอยู่ที่นี้เอง”เสียงทักจากอีกข้างทำให้คาเซอริโอต้องหันไปมองและพบว่าวันนี้มันอาจจะเป็นวันรวมญาติอะไรสักอย่างของพวกหมาๆก็ได้


   “อ๊ะ  หัวหน้า”


   “เจ้าก็อยู่ด้วยงั้นเหรอซาลูกิ”


   “ครับ”คนตรงกลางเริ่มขมวดคิ้วเมื่อการรวมตัวของพวกหมาเหมือนจะเป็นการรวมตัวโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่การร่วมตัวของพวกมันเอง


   “ข้ากำลังจะไปหาเจ้าอยู่พอดีไม่นึกว่าจะเจอเจ้าอยู่ที่นี้”


   “ไปหาฉัน”


   “อืม  แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะที่เดียวหรอกนะ  ข้าคิดว่าจะไปเยี่ยมซาเวียร์และถือโอกาสไปดูเจ้าด้วยว่าสบายดีไหม”


   “อืม”คาเซอริโอตอบรับสั้นๆแต่ในใจกลับคิดไปถึงว่าวันนี้มีหมามาถามเขาว่าเขาสบายดีไหมถึงสองตัวแล้ว


“แต่ก็ดีแล้วหละ  เจ้ากำลังจะกลับสินะ งั้นข้าขอเดินไปด้วยคนแล้วกัน”


   “อืม”


“เจ้าจะไปกับข้าหรือเปล่าซาลูกิ”


   “อ๊ะ ไม่ครับ เออ งั้นข้าขอตัว”เจ้าหมาหัวนกแก้วหันมามองเขาก่อนจะเดินจากไป


   “อืม แบบนี้ท่าจะไม่ดีเท่าไหร่แหะ”เจ้าตัวหัวหน้าพึมพำบางอย่างกับตัวเอง


“งั้นเราไปกันเถอะคาโล”

   
“อย่ามาออกคำสั่งฉันด้วยหน้าแบบนั้นนะ”

   
“โอ้  ขอโทษด้วย”เจ้าตัวยกยิ้มแบบที่คนมองได้แต่ขมวดคิ้วฉับ เขาไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นเลย มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดเพราะเจ้าบ้านั้นมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่  ปิดบังเงื่อนงำบางอย่างที่ไม่อยากให้เขารู้  ชอบพูดด้วยคำพูดกำกวมและกวนโมโหเป็นที่สุด  เหมือนกันจริงๆกับเขาคนนั้น  เหมือนจนเกินไป











        มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  เหมือนการสปอยตอนต่อไปจะได้ผลนะเนี่ย

        สำหรับตอนนี้เรามีฉากหื่นเล็กอย่างฉากเช็ดตัวที่มีเสียงครางคลอเบาๆ  :hao6: :hao6: ฮ่า ๆหลายคนนอาจคิดว่ามันน้อยไปแต่นี้มันพึ่งเริ่มต้นคะ  อย่าเพิ่งรีบประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือ  คาเซอริโอกับซาเวียร์จูบกันแล้ว  :hao7: :hao7: ก้าวหน้ากันจริงๆ

      พอคู่นั้นก้าวหน้าก็เหมือนจะมีหมาที่ 3 เฮ้ย  มือที่ 3 เข้ามาแทรกซะแล้ว ซาลูกเราก็ออกตัวแบบไม่ธรรมดา  แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจคะ

      ปล. ที่เห็นตัวเลขวันที่จำนวนมากนั้นคือวันที่แก้ไขและ rewrite ตอนนี้คะเป็นตอนที่แก้ไขเยอะกว่าตอนอื่นมากจริง
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่14 บางทีหมาก็.........15/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 16-09-2014 00:58:12
กรี๊ดดด!!!!! น่ารักมากๆเลย ทำไมตอนนี้มันหวานแบบนี้
มีเช็ดตัว มีคราง มีจูบ แค่นี้ก็ฟินตัวลอยแล้ว >_____<
มีหมาที่3แบบนี้ พี่คาโลคงหนักอกหนักใจน่าดู ทั้งคู่นี่กินกันไม่ลง
แต่เราเชียร์พ่อซาร์เวียร์นะ นางออกตัวแรงตั้งแต่ต้นเลย ชอบๆๆๆ
อ่านเพลินสุด สนุกมากๆเลยค่า มาอีพอีกไวๆน้า จะรอน้า > 3 <

หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่14 บางทีหมาก็.........15/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 16-09-2014 16:17:50
ตอนนี้มันมีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปสินะ

อืมๆเดาไม่ได้เลย งั้นรอตอนต่อไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่14 บางทีหมาก็.........15/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 16-09-2014 20:32:09
โอ้ ตอนใหม่ขอบคุณค่ะ
คาซิโอเริ่มเสน่ห์แรงแล้ว ว่าแต่คิดถึงพ่องูไม่มีบทแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่14 บางทีหมาก็.........15/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 16-09-2014 21:02:06
การ์ดเริ่มอ่อนลงแล้วนะ ยอมให้จูบง่ายๆแบบนี้อ่ะ ฮิ้ว.ว.วว.ว.ว...ว. :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่15 ทักทายเพื่อน...20/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 20-09-2014 01:01:57
ตอนที่ 15 ทักทายเพื่อนเก่า? ที่กลับมา               27/05/2557
                              06/06/2557



   ต้นไม้หนาใหญ่โบกกิ่งก้านสาขาตามแรงลมที่กรรโชกอยู่ด้านบน  ลำต้นสีน้ำตาลแก่เต็มไปด้วยร่องรอยข่วนของเล็บมากมายที่อยู่สูงเกือบครึ่งต้นก่อนจะไล่เรื่อยต่ำลงมา  รอยที่แสดงถึงอายุของต้นไม้ที่อยู่คู่มากับกลุ่มหมาปีศาจกลุ่มนี้


พลั่ก!!
   

   กำปั่นหนักๆกระทบกับเปลือกต้นไม้ก่อนเศษเปลือกไม้บางส่วนจะล่วงลงพื้น  แรงกระแทกส่งให้เกิดความเจ็บที่มือแต่กลับไม่สามารถระบายความอึดอัดที่เกิดขึ้นในหัวใจตอนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย


   “หืม นานๆครั้งจะเห็นเจ้ามีท่าทางเคร่งเครียดเช่นนี้นะ”เสียงทักจากด้านหลังทำให้ดวงตาสีดำคู่คมเฉียงหันไปมองคนทัก


   “แซมเบอร์”ปากสีสดเอื้อนเอ่ยเรียกชื่อสหายสนิทแต่กลับไม่ยอมเอ่ยเรียกอีกคนที่เพื่อนเกาะเกี่ยวอยู่ข้างตัว


   “อ่าห๊ะ ก็ข้านั้นแหละแล้วเจ้าหละนึกอะไรขึ้นมาถึงได้มาต่อยต้นไม้เล่น”


   “ไม่มีอะไร”มือหนายกลงจากโคนต้นเหลือบมองคนที่เพื่อนโอบเอวไว้เพียงเล็กน้อย


   “หึหึ คิดจะหลอกข้ายังเร็วเกินไปนะ  ไปพวกนั้นเริ่มตั้งวงกันแล้ว”


   “ตั้งวง  ในเวลาแบบนี้งั้นเหรอ”


   “ก็เวลาแบบนี้นะสิ  เวลาแห่งการฉลองหวังว่าเจ้าคงไม่เครียดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องนี้ไปหรอกนะ ซาลูกิ


   “อ่า นั้นสินะ”เจ้าของชื่อซาลูกิถอนใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายในตนเอง นั้นสินะเวลานี้พวกเขาสมควรฉลองกันสักนิดหลังจากช่วยพวกตัวเมียออกมาได้ ขายาวก้าวเดินตามเพื่อนที่ตัวสูงไล่เลียกันไปช้าๆ ดวงตาที่ทองตรงไปข้างหน้าทำให้เผลอสบตาเข้ากับดวงตาชั้นเดียวเรียวเล็กนั้นเข้าโดยบังเอิญ


   “โอ้ นั้นซาลูกินี้  นานแล้วนะที่ไม่ได้ตั้งวงกับเจ้า”เสียงทักดังขึ้นก่อนคนทักจะเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆตบหนักที่ไหล่ทั้งสองข้างอย่างหยอกล้อก่อนจะลากตัวซาลูกิเข้าไปกลางวงเหล้าขนาดย่อมที่ประกอบไปด้วยหมาปีศาจตัวผู้ราว 5 รวมที่มาใหม่อีก 3 ก็กลายเป็น 8


   “นั่งๆข้ามีเรื่องสนใจอยากถามเจ้าเยอะเลย”มือหนากดไหล่ซาลูกิให้นั่งลงกับขอนไม้ที่ถูกจัดให้ตั้งล้อมวงเหล้าที่ขณะนี้มีกวางตัวใหญ่ย่างไฟส่งกลิ่นหอมอยู่


   “เรื่องถามข้างั้นเหรอ”


   “ไม่เอาน่าอย่าทำหน้าเครียดแบบนั้น เอากินๆ”น้ำสีใสในกระบอกไม้ขนาดสั้นถูกส่งเข้ามือแรงๆจนน้ำในแก้วไหวกระเพื่อมแทบจะหกออกมาด้านนอก


   “เฮ้ยๆ  อย่าให้หกเชียวเสียดายของแย่”เสียงประท้วงดังมาจากหมาปีศาจในร่างมนุษย์ที่ค่อนข้างเตี้ยแต่ร่างนั้นก็ประกอบด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น


   “อย่าบอกข้านะว่านี้เหล้าเจ้า”เสียงหยอกจากซาลูกิดังขึ้นเมื่อเห็นท่าทางหวงน้ำในแก้วอย่างออกนอกหน้า


   “อ๊ะแน่นอน  ข้าหมักเองกับมือ”รอยยิ้มจุดขึ้นทั้งบนปากคนพูดและคนถาม  ซาลูกิทำเพียงยิ้มขำก่อนจะยกเหล้ารสแรงกระดกเข้าปาก  รสเข้มร้อนไหลลงคอไปช้าๆแต่ถึงอย่างนั้นคนดื่มยังต้องสำลักจากรสชาติแปลกที่แฝงเข้ามาในเหล้า


   “นี่เหล้าอะไร”คนที่ไอจนหน้าแดงเปิดปากถามเพื่อนที่ตอนนี้นั่งหัวเราะจนน้ำตาไหล


   “ฮ่าๆก็แค่เหล้าธรรมดาที่ข้าหมักเองน่า”


   “ตอบข้ามาก่อนที่ข้าจะจับกรอกปากเจ้าวาเทส”ว่าพลางผุดลุกขึ้นให้เจ้าของชื่อวาเทสทำหน้าสยองเล่นๆ


   “ก็นะ  แค่ตะขาบนั้นแหละ”


   “ตะขาบ”คนได้ยินส่วนผสมทำหน้าพิลึกก่อนจะส่งแก้วคืนเจ้าของ


   “ไม่ลองสักหน่อยหละ”เจ้าของเหล้ายังคงยิ้มร่าแต่คนฟังอย่างซาลูกิแทบกินไม่ลง  ไม่ใช่เพราะความอันตรายเพราะอย่างวาเทสสามารถนำสัตว์ทุกชนิดมาใช้ในการทำเหล้าดองของตัวเองได้อย่างน่าเหลือเชื่อและแทบทุกอย่างก็ไม่เคยมีพิษหรือก่อให้เกิดอันตรายทั้งๆที่บางอย่างก็เกิดจากความคิดแปลกๆของวาเทสเองทั้งนั้น แต่ซาลูกิก็ไม่อยากลองเพราะมันแปลกเกินไปและไม่รับประกันผลข้างเคียงนั้นหละ


   “ขอแบบธรรมดาแล้วกัน”ซาลูกิบอกผ่านก่อนจะได้แก้วเหล้าแบบธรรมดามาในที่สุด


   “ไม่ลองอะไรใหม่ๆหน่อยรึไง”เสียงทักจากแซมเบอร์ดังขึ้น เจ้าตัวนั่งห่างออกไปอีกมุมหนึ่ง มือหนึ่งถือแก้วเหล้าส่วนอีกมือก็กอดเอวคนข้างตัวไว้แน่น


   “ไม่หละ  ตอนนี้ข้าอยากอยู่เงียบๆมากกว่า”ซาลูกิส่งเสียงตอบก่อนจะมองน้ำสีใสที่ไหวกระเพื่อมในมือ


   “เจ้าไม่เหมือนอยากอยู่เงียบๆคนเดียว แต่จำใจต้องอยู่เงียบๆมากกว่านะ”คนที่นั่งเงียบมาตลอดวงเหล้าเอ่ยขึ้น


   “ปากเจ้ายังคงร้ายเหมือนเดิมนะจายา”ซาลูกิยกยิ้มขณะเหลือบมองเพื่อนอีกคนที่นั่งเงียบได้ตลอดเสมือนไร้ตัวตนแต่กลับรู้เรื่องต่างๆดีกว่าใคร


   “เจ้าพูดเหมือนซาลูกิอกหักอย่างนั้นแหละ”เสียงถามดังขึ้นจากวาเทส


   “ก็อาจจะ”เจ้าของเรื่องยังคงนิ่งเงียบ อกหักงั้นเหรอ ไม่หรอกก็ข้ายังไม่ได้รักจะอกหักได้อย่างไรกัน


   “เจ้าบอกมีเรื่องจะถามข้าไม่ใช่รึชิลู”ซาลูกิหันไปถามเพื่อนคนที่ลากไหล่เขาเข้ามาในกลุ่ม


   “อ๋อใช่  พอดีข้าจะถามเจ้าเรื่องมนุษย์นั้นนะ”


   “มนุษย์ เจ้าหมายถึงคาโลงั้นเหรอ”ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะเมื่อชื่อบางคนถูกเอ่ยออกมา


   “ก็นั้นแหละคือพวกข้าอยากรู้เรื่อง เออ ประมาณว่าที่เจ้ากับมนุษย์นั้น..”คนพูดทำหน้าคล้ายคนพูดไม่ออกไปทุกขณะ


   “ที่ข้ากับคาโลร่วมต่อสู้ด้วยกันงั้นเหรอ”


   “ใช่  เราสงสัยเรื่องนั้นแหละ  เจ้าเองก็น่าจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพวกมนุษย์ดีไม่แพ้ใคร”จายาพูดขึ้นบ้าง


   “ไม่เอาน่ามนุษย์ก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกคนหรอกจริงไหม”แซมเบอร์เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะกดจูบลงที่ขมับคนข้างกาย


   “ข้าเห็นด้วยกับแซมเบอร์”ซาลูกิเอ่ยตอบในที่สุด


   “เจ้าเชื่อใจหรือหลงใหลกันแน่”


   “จายานี่เจ้า..”กายสูงเพรียวผุดลุกขึ้นยืนกะทันหันถ้อยคำเหมือนสบประมาทแล่นริ้วจนกรุ่นโกรธ


   “ใจเย็นน่า  จายาแค่พูดไปงั้นแหละ ใช่ไหม”


   “ข้าพูดตามที่เห็น หากเจ้าไม่ได้คิดเห็นเช่นนั้นก็ไม่ควรร้อนตัว  สำหรับข้ามนุษย์กับเราอยู่ร่วมกันยาก เจ้าอย่าลืมว่าที่เราล้มตายทุกวันนี้ส่วนมากเพราะใคร ไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ  แต่หากเจ้ายืนยันเรื่องมนุษย์คนนั้นก็ตามใจเจ้า ข้าแค่อยากเตือนให้เจ้าระวังเอาไว้บ้างหากทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็นภายนอก ในฐานะเพื่อน ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นหนึ่งในผู้ที่เสียใจ”


   “โทษที ข้าขอตัวก่อนแล้วกัน”ซาลูกิเอ่ยลาเสียงเรียบก่อนจะแยกออกจากกลุ่มไปโดยไร้เสียงคัดค้าน เขารู้ว่าจายานั้นหวังดีถึงจะปากร้ายแต่จายาก็เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กที่ไว้ใจได้และภักดีต่อกลุ่ม คำเตือนของเจ้านั้นยังไงก็ละเลยไม่ได้แต่แม้สมองจะสั่งแบบนั้นแต่ใจกลับเชื่ออีกอย่าง  เขาเชื่อในตัวคาโลว่าเจ้านั้นไม่เหมือนมนุษย์คนอื่น  ทั้งกล้า บ้าบิ่น และซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ และอาจจะเพราะนิสัยแบบนี้หละมั้งที่เขายอมมองเจ้านั้นใหม่ มองโดยไร้อคติว่าคาโลคือมนุษย์ที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วๆไป






..................................................................................


   “ฮัดชิ่ว”เสียงจามที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสะท้อนก้องไปในโพรงถ้ำ


   “เจ้าไม่สบายงั้นเหรอ”ดวงตาสีเทาคู่คมตวัดมองคนถามก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด  พอเจ้าตัวหัวหน้าไปเจ้าตัวลูกน้องก็ทำหน้าระริกระรี่ทั้งๆที่พออยู่ต่อหน้าหัวหน้ามันก็ทำตัวได้สมกับวัยดีหรอกแต่พอเหลือแค่เขากับมันและเจ้าหมาอีก 1 ตัวก็เหมือนมันจะกลับไปกวนประสาทได้เหมือนเดิม


   “ไม่ใช่เรื่องของแก”คาเซอริโอบอกปัดก่อนจะเอามือลูบขนเจ้าลูกหมาสีดำที่นั่งคลอเคลียอยู่ข้างขา


   “นี่คาโล”ดวงตาสีเทาเหม่อมองออกนอกร่องแตกของถ้ำที่สามารถมองเห็นกลุ่มดาวระยิบระยับได้แทนการจ้องเจ้าหมาตัวยักษ์ที่ทำให้เส้นเลือดในสมองเต้นยิกๆ


“นี่คาโล  คาโล”   


   “โว๊ย  อะไรหนักหนา..”คำพูดต่อไปถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากของคนพูดปะทะเข้าเต็มแก้มใครอีกคน


   “หึ หึ  นี่เจ้าฉวยโอกาสกับข้างั้นเหรอ”


ผลั่ก!!


   หัวทุยหนาสะบัดไปตามแรงฟาดของฝ่ามือทันควัน


   “นี่เจ้า”หมาปีศาจในร่างคนยกมือขึ้นกุมหัวข้างที่โดนทำร้าย


   “ถอยไปนั่งไกลๆเลยไป”คาเซอริโอแยกเขี้ยวเผลอแปบเดียวจากที่นั่งอยู่คนละมุมถ้ำไหงกลายเป็นว่าเจ้าหมานั้นดันมานั่งซะชิดพอเขาหันไปถึงได้กลายเป็นเอาปากไปแนบแก้มมันเต็มๆได้


   “แต่ข้าอยากอยู่ใกล้ๆเจ้านี่”ไม่ว่าเปล่าแต่มันดันขยับเข้ามาใกล้จนน่าหวาดเสียว คิดจะขยับหนีก็กลัวจะเสียมาดเลยตัดสินใจเอาขาไปยันตัวมันไว้แทน


   “เฮ้ย”เจ้าของขาร้องเสียงหลงเมื่อมือใหญ่จับหมับเข้าที่ข้อเท้าแล้วกระชากจนตัวหนาๆของคาเซอริโอไถลหวืดและมีตัวมันคร่อมอยู่ด้านบน


   “แก ไอ้หมาโรคจิต”คนที่โดนเอาเปรียบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อทั้งสองข้างถูกมือหนานั้นๆจับยึด ขาสองข้างก็โดนขามันทับไว้ ล่อแหลมไม่น่าไว้ใจเป็นที่สุด


   “อืม แบบนี้ไกล้ชิดดีออก”


   “ลุก”คาเซอริโอขู่เสียงเขียวเมื่อระยะห่างระหว่างตัวเขากับหมาโรคจิตใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆและไอร้อนผ่าวจากร่างกาย


   “ไม่”เสียงปฏิเสธดังมาก่อนสัมผัสนุ่มหยุ่นจะทาบทับริมฝีปาก ดวงตาสีเทาของคาเซอริโอเบิกกว้างแต่พอจะเบี่ยงหน้าหนีกลับรู้สึกเจ็บเพราะโดนกัด ระยะห่างที่ยังพอมีก็กลายเป็นไม่มีเมื่อเจ้าหมานั้นทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัว


   “หือ”ถ้อยประท้วงไม่อาจดังออกนอกริมฝีปากที่พยายามอย่างหนัก ซ้ำยังกลายเป็นเปิดโอกาสให้ลิ้นชื้นล้วงเข้ามาภายใน แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าหมาบ้านั้นมันจูบได้เก่งเหลือเชื่อ เก่งจนต้องเป็นฝ่ายไล่ต้อนลิ้นมันกลับเพื่อไม่ให้เสียเชิงเลยกลายเป็นว่าทั้งลิ้นเขาและมันพัวพันกันจนแทบแยกไม่ออก ใบหน้าที่ปรับเอียงให้ได้องศาทำให้การประลองลิ้นล้ำลึกยิ่งขึ้น  ยิ่งนานไปก็เหมือนสมองจะเริ่มขาวโพล่นจดจ่ออยู่เพียงความรู้สึกบนปลายลิ้นที่ถูกดูดกลืนจนร้อนฉ่าและสัมผัสของฝ่ามือหนาที่วางพาดลงบนหน้าท้อง


   “หือ”


ผลั่ก!!


   “โอ๊ย นี่เจ้า ข้าเจ็บนะ”เจ้าหมาที่ถูกผลักกระเด็นโวยเสียงดังมือกุมหัวที่กระแทกกับพื้นถ้ำเอาไว้แน่น


   “แก ไอ้หมาบ้า คิดจะทำอะไรห๊ะ”คาเซอริโอโมโหจนเลือดขึ้นหน้าเมื่อสำนึกสุดท้ายที่รู้สึกได้คือมือหนาๆของมันที่กำลังจะล้วงเข้าไปในกางเกง พอคิดถึงตรงนี้ขนในกายก็พากันลุกพรึ่บ ร้อนๆหนาวๆเหมือนจะเป็นไข้


“ก็ทำให้เจ้าเป็นของข้าไง”คำตอบเรียบง่ายพร้อมใบหน้ายิ้มระรื่นและดวงตาสีน้ำตาลพราวระยับทำให้คาเซอริโอได้ยินเสียงเหมือนบางอย่างในสมองปริขาด ขายาวๆจึงได้ย่างสามขุมเข้าหาพร้อมร้อยยิ้มก่อนจะเตะเสยเข้ากลางคางเหลี่ยมปล่อยเจ้าหมาให้ร่วงหงายหลังน๊อคแบบไม่ต้องนับ มือคว้าเอาเจ้าลูกหมาขนสีดำแล้วสาวเท้ายาวๆออกจากปากถ้ำไม่สนใจจะเหลียวดูผลงาน


   “โว๊ย  อะไรของมันกันหนักหนาว่ะ”ฝ่าเท้าเตะโครมเข้ากลางลำต้นไม้จนใบไม้ร่วงกราวให้เอามือปัดออกจากหัวด้วยความหงุดหงิด  เกิดบ้าอะไรขึ้นทำไมเขาต้องยอมมันขนาดนั้น  เปลืองตัวขนาดนั้นถ้าเป็นผู้หญิงเขาไม่เสร็จมันไปแล้วรึไง  ไม่สิ ไม่เขาเป็นผู้ชาย ไม่เคยคิดชอบผู้ชายด้วยกันแม้จะแกล้งเจ้าหมอฮิโตะได้เพราะมันก็หน้าสวยเกือบจะเหมือนผู้หญิงแต่เจ้าหมาตาสีน้ำตาลนั้นไม่เหมือนกัน มันไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผู้หญิง กล้ามก็เท่านั้น ตัวใหญ่ก็เท่านั้นดูยังไงก็ไม่ใช่แบบที่เขานึกชอบ  เขายังชอบผู้หญิงอกใหญ่ก้นบึ้มแล้วทำไม


   “หึย มันเกิดบ้าอะไรขึ้นว่ะ”คำถามที่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้คนพูดเลยได้แต่เดินย่ำข้ามน้ำตกเย็นๆไม่สนใจน้ำที่พัดแรงจนเซหรือความสูงที่มากขึ้นถึงกลางอกทำเพียงย่ำข้ามไปจนถึงฝั่งตรงข้ามหันมองกลับไปไม่เห็นอะไรตามมาด้วยถึงได้ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ


งี๊ด!!


   เสียงเล็กๆจากหมาขนฟูที่ดังขึ้นทำให้คาเซอริโอนึกได้ว่าฉวยเอามันติดมือมาด้วย ตัวเล็กๆที่สั่นอยู่ในมือข้างเดียวของเขาทำให้คิ้วสีทองขมวดฉับก่อนจะกวาดมองไปรอบๆ  ลมเย็นๆที่พัดกระทบกายทำให้หนาวสะท้านแต่กลับไม่มากเท่าเสียงเสียดสีของใบไม้ที่ทำให้มาเฟียอย่างเข้าตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังประมาท เพราะเหตุการณ์นรกแตกเมื่อครู่ทำให้เขาเดินข้ามน้ำตกมาโดยไม่ระวังตัวไม่ระวังสักนิดว่าตอนนี้เขากำลังถูกจ้องโดยบางอย่าง  ดวงตาสีดำคู่โตจ้องมาจากเงามืดของราวป่า  ดวงตาสีดำที่ทำให้นึกถึงบางอย่างที่เคยเจอมาและไม่คิดอยากจะเจออีกเป็นครั้งที่ 2


   “ชิบหายแล้ว”
   
   


















        สวัสดียามค่ำคะ  มาส่งตอนใหม่ในช่วงดึกๆอีกแล้ว

        สำหรับตอนใหม่นี้ตั้งชื่อตอนไว้สั้นๆตามเนื้อหาตอนบนๆของเรื่อง  ยกบทเด่นให้ซาลูกิไป  ตอนกลางเป็นฉากหวานน้ำตาลขึ้นของพ่อหมาน้อยกับมาเฟียหนุ่ม มีจูบนิด หอมแก้มหน่อยที่ทำให้ได้รู้ว่าพ่อหมาของเราก็ไม่ได้ซื่อไปซะหมด 

        จบฉากหวานๆเราก็ทำการทิ้งท้ายด้วยปริศนาดวงตาสีดำ ของใครกันนะ ที่เราจะมาเฉลยในตอนหน้า  ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นแล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่15 ทักทายเพื่อน.......20/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 24-09-2014 14:09:47
 o13. อะไรจะออกมาละอีกเนีย?  รอต่อไปนะ อิอิ. ขอบคุณที่มาต่อนะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่16 สัญชาตญาณที่...26/9/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 26-09-2014 01:03:56
ตอนที่ 16 สัญชาตญาณที่สั่งให้หลีกเลี่ยง                                             11/06/2557   
                                    17/06/2557





   เสียงใบไม้ที่ถูกพัดปลิวสลับกับเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงเต้นของหัวใจในตอนนี้  ดวงตาสีดำคู่นั้นเขามองเห็นมันและแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด


   ขาขวาค่อยๆขยับไปด้านหลังอย่างช้าๆ มือเอื้อมลงต่ำไปยังซองมีดที่ข้างขา  ทุกอย่างล่าช้าแต่อันตราย


ฟุบ


   ร่างกายถีบตัวออกจากที่เดิมตามสัญชาตญาณ  ดวงตาสีเทาคู่คมจ้องเขม็งยังตำแหน่งที่ตัวเองเคยยืนอยู่  กระต่ายป่าสีน้ำตาลตัวเล็กกระโดดไปแทนที่เขา หัวเล็กๆนั้นส่ายไปมาก่อนจะกระโดดหายไป  ทั้งๆที่ควรวางใจแต่ในใจลึกๆกลับบอกว่าไม่ใช่บางทีเจ้ากระต่ายนั้นอาจกกำลังหนีอะไรบางอย่างแบบเขาก็ได้


แกร๊ก


   “โอ๊ะ  ขอโทษที ข้าทำให้เจ้าตกใจงั้นเหรอ”คมมีดดาบยาววาววับอยู่บนลำคอขาวของคนแปลกหน้า ลมหายใจถี่กระชั้นตามจังหวะหัวใจที่บีบรัด


   “แกเป็นใคร”คาเซอริโอถามเสียงเข้มขณะตั้งตัวอยู่ในท่าระวังภัย ผู้ชายตรงหน้าตัวสูงประมาณเขา ผมสีดำยาว หน้าเรียว ดวงตาสีดำเฉียงจมูกโด่ง ผิวขาวเหลือง ร่างกายที่ค่อนข้างผอมและมีเพียงแผ่นหนังที่ปิดของสงวนเอาไว้แบบที่พวกปีศาจทั่วไปชอบทำ


   “อ๊า ข้าแค่บังเอิญผ่านทางมานะ  พอดีกำลังจะมีพายุเห็นแสงไฟลิบๆเลยว่าจะขอหลบพายุสักหน่อย”


   “ฉันถามว่าแกเป็นใคร”คาเซอริโอยังคงยืนยันคำถามเดิมไม่สนใจประโยคบอกเล่ายาวยืดที่คนหรือตัวอะไรสักอย่างตรงหน้าร่ายออกมา สัญชาตญาณสั่งว่าเขาควรรีบไปจากที่นี้ได้แล้ว


   “ใจเย็นน่าลดมีดลงก่อนดีไหม”คนพูดยิ้มระรื่น  คาเซอริโอฉีกยิ้มรับแต่กลับเสือกคมมีดเข้าชิดจนคมสีเงินวาวนั้นสัมผัสกับผิวเนื้อ เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมาตามรอยบาด


   “แกสมควรตอบคำถามฉันก่อนที่จะไม่มีหัวไว้ตอบคำถาม”


   “มั่นใจเหลือเกินนะ”ดวงตาสีดำทอประกายแข็งกราว ริมฝีปากหุบยิ้มลงทันที
 

   “ฉันทำอย่างที่พูดได้แน่”


   “เหมือนที่เคยบ้าบิ่นทำเอาไว้ตอนนั้นสินะ”


   “ซ๊อควิ่ง”คาเซอริโอตะโกนเสียงดังลั่น สบตากับเจ้าหมาตัวน้อยเพียงครู่ก่อนขาทั้ง  2 ข้างจะออกวิ่งไปคนละทางกับเจ้าซ๊อค หางตาสีเทาทันเห็นไอ้ตัวแปลกหน้าฉีกยิ้มแสยะก่อนที่ขาทั้ง 2 ข้างจะยืดยาวและปรากฏเกร็ดสีน้ำตาลสลับดำขึ้นมาทั่วทั้งขารวมทั้งบริเวณแผลยาวที่ข้างขาขวานั้นด้วย


   “เวรเฮ้ย”ขาทั้งสองข้างออกแรงวิ่งเต็มกำลังไปทิศตรงข้ามกับเจ้าหมาขนปุย หวังว่ามันจะตามใครหรือหมาสักตัวมาช่วยเขาทันเพราะตอนนี้ในหัวของคาเซอริโอไม่มีคำว่าชนะ มีเพียงแค่ทำยังไงให้ถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด  เจอกันครั้งที่แล้วเขาฝากแผลไว้บนหางของมันได้ ในสภาพที่เขาบาดเจ็บและมีเจ้าหมาชินอูช่วย ถึงตอนนี้เขาไม่ได้บาดเจ็บแต่ก็ไม่มีคนช่วย สถานการณ์ไม่ต่างกับครั้งที่แล้วหรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าเพราะคราวนี้ไอ้งูโรคจิตนั้นมาด้วยแววตาอาฆาตเต็มร้อย ต้องโทษไอ้หมาเวรนั้นที่ทำเรื่องบ้าๆนั้นกับเขาทำให้เขาเตลิดมา ความผิดมัน มันก็ต้องรับผิดชอบมาช่วยเขา ไม่สิคนอย่างเขายังไงก็ต้องเอาตัวรอดเองให้ได้ไม่สมควรเป็นหนี้ใครอีก


   “ชิบ”เงาร่างสูงกระโดดพุ่งตัวข้ามท่อนไม้เก่าที่ล้มขวางทาง   แผ่นหลังหนากระแทกเข้ากับลำต้นไม้ด้านหน้าเป็นกำบัง มือคว้าเจ้าลูกรักสีดำมะเมื่อมขึ้นมาแทนมีดด้ามยาว เสียงใบไม้ที่ไหวตามแรงลมทำให้การได้ยินเสียงเจ้างูตัวนั้นยากเข้าไปใหญ่


ฟ่อ


ปัง


   ร่างทั้งร่างพลิกตัวหงายไปด้านหลังพร้อมกระสุนที่วิ่งออกจากลำกล้องทะลุเปลือกไม้เฉียดปลายหัวทู่สีน้ำตาลทองไปเพียงนิ้ว  ลิ้นสองแฉกสีแดงสดแลบเลียออกมานอกปากก่อนปลายหัวจะโค้งต่ำลงแล้วพุ่งตัวมาหาเขา


   “ให้มันได้แบบนี้สิวะ”คาเซอริโอกัดฟันกรอดผุดลุกขึ้นจากพื้น กระโดดข้ามก้อนหินเตี้ย ตามองเห็นเพียงต้นไม้ที่เคลื่อนผ่านด้วยความเร็วด้านหน้า หูต้องคอยจับเสียงเลื้อยด้านหลังที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงพายุที่กำลังจะมาถึง


แปะ


   “โว๊ย มันอะไรกันหนักหนาว่ะ”คาเซอริโออยากเงยหน้าตะโกนด่าฟ้าที่ดันส่งฝนลงมาได้ทันเวลาแต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือวิ่ง วิ่งต่อไปข้างหน้าเท่านั้น


ฟุ่บ


   “เฮ้ย”ร่างเอี้ยวตัวไปด้านขวาตามสัญชาตญาณ ทันการก่อนที่เขี้ยวยาวนั้นจะฝังลงที่ต้นไม้ด้านซ้าย ชั่วอึกใจที่ปากกว้างอ้าออก ทิ้งรอยเขี้ยวเป็นแนวยาวไว้บนต้นไม้  ไม่มีพิษสินะแบบนี้คงไม่โดนกัดแล้วพิษเข้าหัวใจแต่คงโดนงับทีเดียวแล้วกลืนลงท้องมากกว่า


   “ฉันว่าเราน่าจะเปิดการเจรจากันนะ”คาเซอริโอออกปากเพื่อหาทางรอด แน่หละเขาเป็นมาเฟียไม่ใช่พระเอกหนังถึงจะเก่งพอยิงงูยักษ์ตัวเท่ารถบรรทุกให้ตายได้ก่อนที่มันจะเขมือบหัวเขาเข้าไป ต่อให้มั่นใจในฝีมือการยิงปืนของตัวเองแค่ไหน แต่งูปีศาจกับคนมันก็ดูจะห่างชั้นกันเกินไปหน่อย เพราะฉะนั้นทางรอดทางไหนหาได้ก็สมควรทำ


ฟ่อ


   “โอเค ไม่คุยก็ไม่คุยสิว่ะ”ขาสองข้างดันถีบตัวเองไปด้านซ้าย มือกระชับด้ามปืนก่อนจะลั่นไกเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หัวกลมๆนั้นพุ่งเข้าตำแหน่งเดิมของเขา  กระสุนสีเงินเจาะเฉียดปลายหัวทู่สะกิดเลือดสีแดงให้พุ่งกลืนกับน้ำฝน ตาสีดำวาววับหันควับตามเจ้าของปืน


ปัง


   กระสุนจากคนที่นอนพังพาบอยู่บนพื้นพุ่งทะลุเหนือตาข้างขวา หัวกลมๆนั้นชะงักเพียงเสี่ยววินาทีก่อนจะฉกลงพื้นข้างตัว ปลายเกร็ดแหลมเกี่ยวเอาแขนข้างซ้ายจนเลือดซิบ ขาสองข้างถีบตัวออกจากจุดเดิมไม่ทันได้ยืนขึ้นหัวกลมทู่นั้นก็หันกลับมา


ปัง ปัง


   กระสุนวิ่งทะลุเยื่อยุปากด้านในจนหัวงูสะบัด เลือดสีแดงสดซึมออกมานตามร่องปากที่อ้ากว้าง สบโอกาสให้มาเฟียข้างเขาถีบตัวขึ้นจากพื้นเฉอะแฉะแล้ววิ่งผ่านพายุอีกครั้ง


   เสียงต้นไม้เล็กๆด้านหลังที่ถูกโค่นเมื่องูยักษ์นั้นเลื้อยผ่านดังกลบเสียงพายุภายในหัวคาเซอริโอได้หมดสิ้น ปอดทั้งสองข้างถูกซี่โครงบีบรัดจนเจ็บ หลังปวดแปลบจากแรงกระแทก ขาทั้งสองข้างลื่นไถลไปบนพื้นโชคยังดีที่เขาพยุงตัวเอาไว้ได้ก่อนล้มหน้าทิ่ม


   “เฮ้ย”เท้าสองข้างชะงักกึก เศษดินจากปลายเท้าร่วงกราวลงไปในหลุมมืดที่มองไม่เห็นก้น


   “ชิบหายของจริงแล้ว”ร่างทั้งร่างหมุนกลับ  ปืนในมือลั่นไก


ปัง ปัง  ปัง


   ปลายหัวกลมทู่สะบัดตามแรงกระสุนที่เฉี่ยวตามใบหน้า หนึ่งนัดเจาะทะลุตาข้างขวาแต่ก็ไม่อาจหยุดงูที่พุ่งเข้ามาได้


   “เฮ้ย”


กรร


   ปลายปากที่กำลังจะงับคอคาเซอริโอกระเด็นเบี่ยงออกไปเมื่อช่วงคอหนาถูกกัดจนจมเขี้ยวด้วยหมาตัวใหญ่ขนสีน้ำตาล


   “ไอ้หมาโง่”หมอโง่ในความคิดของคาเซอริโอกัดคองูยักษ์จนจมเขี้ยว  ขาสี่ข้างออกแรงจิกพื้นในขณะที่เหวี่ยงหัวไปมาจนคองูสะบัด เจ้างูยักษ์ที่เริ่มเสียเปรียบดิ้นพรวดก่อนหางยาวๆจะขดม้วนตัว


   “ระวัง”คมเขี้ยวถอนออกก่อนที่หางงูนั้นจะทันถึงตัว ร่างสูงใหญ่กระโดดถอยไปตั้งหลักพร้อมๆกับงูที่ถูกกัดจนคอเหวอะค่อยๆชันหัวขึ้นมด้วยดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียว หัวกลมส่ายไปมามองสลับระหว่างเขากับเจ้าหมานั้น ชั่วเสียววินาทีแต่เหมือนนานเป็นชั่วโมงเมื่อหัวนั้นพุ่งมาหาเขา


   “เฮ้ย”ร่างทั้งร่างผงะหงาย แล้วล่วงลงไปในความมืด ทันเห็นเจ้างูตัวใหญ่ที่ล่วงพาดลงมาครึ่งตัวถูกเจ้าหมาสีน้ำตาลกัดกลางตัวจนจมเขี้ยวก่อนจะสะบัดจนเนื้อขาดวิ่น


   น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นว่ามันตายหรือเปล่าแต่ก็คงเจ็บพอดู เหลือแค่เขานี้หละที่อาจจะไม่รอด ไม่สิ ต่อให้เหลือแค่วิญญาณยังไงก็ต้องกลับไป กลับไปหาคนๆนั้นที่เป็นเจ้าของทุกอย่าง หึ ทั้งๆที่ในเวลาแบบนี้ เวลาที่คิดถึงใครคนนั้นแต่ทำไมกลับรู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินเจ้าหมานั้นหอนเหมือนจะขาดใจกันนะ


ตูม









                      มาต่อตอนใหม่แบบสั้นๆ และค้างได้อีก 55 นางมารไม่ได้ตั้งใจให้ค้างนะคะแต่มันเป็นไปเองตามบทของเรื่อง

    ตอนนี้พ่อหนุ่มคาโลของเราตกตามน้ำตูมไปแล้ว คงต้องตามต่อว่าจะเป็นยังไง  ส่วนตอนหน้าพบกับตอนร่างกายที่ทำงานสวน

ทางกับหัวใจ :hao6: ชื่อต่อแบบว่าเอิ่ม  ฮ่าๆแล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่16 สัญชาตญาณที่......26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-09-2014 08:15:05
จิ้มก่อนเดี๋ยวมา  :z13:

////////////////

แบบนี้แสดงว่าต้องแยกกันชั่วคราวสินะ

คาโลจะไปโผล่ที่ไหนนะ อยากรู้แล้ว

รีบมาต่อนะจ๊ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่16 สัญชาตญาณที่......26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: เกลียวคลื่น ที่ 26-09-2014 12:18:09
ชอบๆ จะมีกี่คนกันที่หลงเสน่ห์คาโล
  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่16 สัญชาตญาณที่......26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-09-2014 15:56:23
ไม่นะ!! คาโลที่ร๊ากกกกกกกกกก   :ling3:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่16 สัญชาตญาณที่......26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 28-09-2014 14:54:24
รออยู่นะคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่16 สัญชาตญาณที่......26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 29-09-2014 02:18:57
โอ้มายคาร์โล กรรมเวรแท้ๆเลย สู้ๆนะ รอดกลับมาให้ได้นะ
พ่องูนี่ก็เหลือเกินจริงๆ มาตามจองเวรถึงที่ พี่หมามาทันเวลา
แต่คาโลก็ตกลงไปในหลุมจนได้ เฮ้อ~ จะเจอไรอีกน้า อยากรู้ๆ
มาต่ออีกนะ มาไวๆน้า ค้างมากเลยอ่ะ รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่16 สัญชาตญาณที่......26/09/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 29-09-2014 06:23:00
สั้นมากค้างๆ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 05-10-2014 16:58:40
ตอนที่ 17 ร่างกายที่ทำงานสวนทางกับหัวใจ                                     17/06/2557
                              28/06/2557
                              05/10/2557





ปัง


   กระสุนสีเงินจากปากของเพชฌฆาตพุ่งทะลุกลางหน้าผากของเหยื่อเคราะห์ร้าย ดวงตาสีทองเบิกกว้างประกายตาสุดท้ายของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวก่อนที่เจ้าของร่างจะสิ้นลมหายใจล้มหงายลงกับพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงสดและเศษชิ้นเนื้อสมองที่สาดกระจายเปื้อนไปทั่วโกดังเก่า เมื่อหัวหน้าเปิดเกมลั่นไกลูกน้องทั้งหลายจึงสนองด้วยการส่งเหยื่อที่เหลือรอดลงนรก


   “ผ้าเช็ดหน้าครับ”ผ้าเช็ดหน้าสีเทาเข้มถูกส่งมาให้อย่างสุภาพจากคนที่เป็นเสมือนเงา


   “อืม ขอบใจ”มือขาวเอื้อมรับผ้าเช็ดหน้าก่อนจะเช็ดคราบเลือดสีแดงสดที่กระเซ็นเปื้อนใบหน้าตัวเองออก  เฮ้อแย่ชะมัดไม่น่าไปยิงระยะเผาขนแบบนั้นเลยให้ตายสิ เปื้อนไปหมด


   “ผมว่าครั้งหน้าคุณควรจะถอยกระบอกปืนออกมาสักหน่อยนะครับ”คำบอกกล่าวสุภาพที่ไม่ชินหูทำให้คาเซอริโอหันไปมองคนพูด เจ้าเด็กบ้าคนหนึ่งที่ยืนยิ้มกว้างสองมือล้วงกระเป๋า เท้าข้างหนึ่งกระดิกดิกๆแบบกวนประสาทได้ขัดกับคำพูดเป็นที่สุด


   “ผมก็แค่ห่วงว่าแม่บ้านที่คฤหาสน์จะเป็นลมเพราะเลือดที่เปื้อนเสื้อคุณก็เท่านั้น”


   “พวกนั้นคงชินแล้วหละ”มือขาวเสือกผ้าเช็ดหน้าคืนเจ้าของที่ทำเพียงใช้นิ้วคีบขึ้นมาแล้วเอาไปวางปิดหน้าศพเอาไว้ด้วยท่าทางยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด


   “เฮ้ย ไปกันได้แล้ว”เสียงออกคำสั่งเรียบๆแต่ดังก้องไปทั่วโกดังร้างริมท่าเรือที่ใช้เป็นสถานที่ฆ่าบรรดาผู้ทรยศ  เจ้าลูกน้องไม่รักดีที่หาทางรวยทางลัดด้วยการยักยอกยาเสพย์ติดของคนอื่นมาใส่ในเรือขนสินค้าของบอนซาลิโน  เป็นการหยามหน้าที่ดอนรับไม่ได้และหน้าที่ของเขาคือเก็บพวกมันทั้งกลุ่มให้เงียบที่สุดก่อนที่เจ้าพวกคู่อริที่กล้าหยามหน้าดอนจะไหวตัวทัน แต่ก็นั้นหละคงไม่ทันหรอกในเมื่อเขาเก็บมันไปก่อนหน้านี้แล้ว เหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี


   “อ๊า  แย่ละสิฝนตกอีกแล้วสิเนี่ย”เสียงบ่นหงุงหงิงจากเจ้าคนที่ยืนข้างๆทำให้ดวงตาสีเทาเงยหน้ามองฟ้าด้วยความหงุดหงิดก่อนจะหยิบเอาบุหรี่ในอกเสื้อออกมาจุดสูบ


   “ร่มครับ”ร่มสีดำถูกยื่นมาเหมือนคนถือจะกางให้แต่คาเซอริโอทำเพียงสาวเท้าออกไปด้านนอกโกดังเดินตากฝนในระยะสั้นๆเพื่อไปขึ้นรถสีดำที่จอดเปิดประตูรออยู่เท่านั้น


   “หว่าคุณเนี่ยนะยังระห่ำเหมือนเดิม รู้ไหมครับว่าฝนของอิตาลีนะเป็นฝนกรดเพราะโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ดีต่อสุขภาพแล้วยังบุหรี่...อ๊ะ ขอบคุณครับ”คำบ่นยาวเหยียดหยุดชะงักเมื่อเขายืนบุหรี่ไปตรงหน้า  มันรับไปจุดสูบอย่างรวดเร็วก่อนจะพ่นควันแข่งเขาในรถที่กำลังมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์  หยุดประโยคยาวๆที่ไม่รู้ว่ามันไปขุดมากจากไหน แล้วไอ้ความคิดที่ว่าเขาระห่ำเพราะเดินตากฝนนั้นก็ปัญญาอ่อนได้ถึงขีดสุด ไม่รู้มันไปจำมาจากใครทั้งที่เขาก็ไม่เคยสอนให้มันเป็นแบบนั้นสักนิด


“ถ้าแกพูดให้น้อยกว่านี้มันคงดีนะ เฟอร์ดิน”


   “ผมแค่เป็นห่วงคุณนะครับ”ดวงตาสีเทาปลายตามองคนพูดก่อนจะพ่นควันออกมาด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่ไอ้เด็กตรงหน้าทำเพียงหัวเราะคิกคักเหมือนคนเมากัญชาในบุหรี่  เจ้าเด็กที่จ้องเขาด้วยดวงตารื้นน้ำตาในวันนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงเจ้าเด็กกวนประสาทที่น่าจะโดนถีบสักวันหละหลายรอบอย่าง เฟอร์ดินา เกลเบียล เฟอร์โร่ ซิสิอาโน  เจ้าเด็กชื่อยาวที่คอยกวนประสาทเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


   “โอ๊ะ  ถึงแล้ว”เจ้าเด็กในแจ๊คแกตดำรีบถลาลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูให้เขาก่อนที่คนข้างคนขับจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองซะอีก


   “ดีนะครับเนี่ยที่ฝนหยุดตกแล้ว”


   “เออ”คาเซอริโอรับคำสั้นๆก่อนจะสาวเท้ายาวๆเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่โดยมีเจ้าเด็กชื่อยาว เจ้าคนขับรวมคนนั่งข้างคนขับมือซ้ายขวาของเขาตามมาด้วยเท่านั้น


   “อ้าวมาแล้วเหรอคาโลนั่งก่อนสิ”ชายที่นั่งโขกหมากรุกหันมาพูดโดยไม่มองก่อนบรรดาเมดสาว เจ้าเทโซและคนติดตามอื่นๆจะถอยออกไปเหลือแค่เขากับดอนที่นั่งเผชิญหน้ากันโดยมีกระดานหมากรุกที่ดอนกับเทโซเล่นไว้คั่นกลาง


   “เรียบร้อยดีสินะ”ใบหน้าขาวเงยขึ้นจากกระดานหมากรุกก่อนจะแย้มรอยยิ้มมุมปาก


   “ครับ”


   “หืม นั้นสินะก็เธอเป็นคนทำงานนี้น่า แต่เสื้อนะอย่าให้เปื้อนบ่อยนักสิ ฉันสงสารแม่บ้าน”


   “งั้นเดี๋ยวผมทิ้งไปเลยแล้วกัน”


   “ไม่เอาน่า ฉันว่าเสื้อสูทตัวนี้ก็เหมาะกับเธอออก”คาเซอริโอถอนหายใจรับคำพูดนั้น


   “แล้วเฟอร์ดินา เป็นยังไงบ้าง”


   “ก็ดี”


   “หืม”คิ้วสีทองเลิกสูงเหมือนต้องการคำอธิบายที่มากกว่าก็ดีของเขา


   “ใจแข็งดี เชื่อฟังคำสั่ง แต่ปากมากทำเกินหน้าที่ไปหน่อย”


   “อืม  ยังไงก็ฝากเธอด้วยแล้วกันนะ  เขายังเด็กคงทำเรื่องลำบากให้เธอพอสมควร”


   “เหอะ”


   “เดินด้วยกันสักตาไหม”


   “คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบเกมกระดานที่ใช้สมองเท่าไหร่”


   “เอาน่าลองสักหน่อย”ดวงตาสีเทากวาดมองกระดานสี่เหลี่ยมที่ชวนลายตาก่อนจะหยิบเจ้าหมากดำที่มีหัวแหลมๆเดินตรงไปข้างหน้าโดยกระโดดข้ามหัวหมากขาวไป


   “เฮ้ บิชอปเดินตรงๆได้ยังไงหละ เฮ้อ ฉันชักเชื่อแล้วสิว่าเธอไม่เคยชอบกระดานพวกนี้เลยตั้งแต่เด็กจนโต”คาเซอริโอเบ้หน้าให้คนพูดที่ยังจำเรื่องที่เขาไม่ถนัดได้แต่ก็ยังบังคับให้ทำอยู่เสมอ  เอาแต่ใจไม่มีใครเกินแต่ก็คงเป็นเพราะเขาเองที่ยอมตามใจไปซะทุกเรื่อง





..............................................................





   เสียงร้องของนกที่เขาไม่รู้จักชื่อดังแทรกเข้ามาในหูพร้อมกับความหนาวเหน็บที่มาเยือนจนต้องซุกร่างเขาหาไออุ่นด้านหลัง  รู้สึกหนักๆที่ช่วงแขนกับขาแต่มันก็อุ่นจนไม่อยากลืมตามองจนกระทั่งบางอย่าแฉะๆหยุ่นๆเลียลงมาบนหน้า


   “เฮ้ย หยุด”มือขาวจัดการดันเจ้าปากแหลมและจมูกสีน้ำตาลนั้นไปให้พ้นหน้าตัวเองแต่กลายเป็นว่าจากเลียหน้าเขาดันโดนเลียมือจนชุ่มแทน


   “โว๊ย หยุดทำตัวสมสายพันธุ์ตัวเองได้แล้ว”การเลียแบบแทบเอาน้ำลายชโลมหยุดชะงักก่อนที่จมูกแหลมๆนั้นจะดุ้นมือเขาและพยายามหาทางเข้ามาใกล้หน้าเขาอีกครั้ง


   “แกนี้มัน”คาเซอริโอรีบดันตัวออกจากตำแหน่งเดิมเมื่อเริ่มจะคิดได้ว่าการเอามือห้ามของตัวเองไม่เป็นผล


   ดวงตาสีเทาคู่คมกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะขมวดคิ้วฉับเมื่อเหตุการณ์ล่าสุดเริ่มกลับเข้ามาในหัว จำได้ว่าตัวเองกระโดดหน้าผาหนีงูแล้วหล่นลงน้ำ ทำไม ตอนนี้ถึง....ใบหน้าคมหันควับกลับไปด้านหลังก่อนจะมองเห็นแม่น้ำสายเล็กๆที่ทอประกายล้อแดดสีส้มแล้วหันกลับมา ทันก่อนที่จมูกยาวๆนั้นจะโดนหน้าเขาอีกรอบ  อย่าบอกนะว่าไอ้ความอุ่นๆที่เขารู้สึกได้คือตัวโตๆของหมาข้างหน้า


   “หยุดอยู่ตรงนั้น ฉันจะไปอาบน้ำ”ขายาวถีบตัวเองขึ้นจากพื้นแต่ก็ยืดตัวได้ไม่เต็มความสูงเพราะที่ๆเขาอยู่คือโพรงต้นไม้ขนาดยักษ์ที่เจ้าหมานั้นพาเขามาหลบฝน


   พอเดินออกมาด้านนอกเขาถึงได้เห็นว่าตามใบหญ้ายังคงมีหยดน้ำเหลืออยู่ประปรายแสดงว่าพายุเพิ่งหยุดไปไม่นาน  ทั้งๆที่แดดก็อ่อนลงจนเหมือนช่วงบ่ายนี่แสดงว่าเขาหลับไปนานพอสมควรเลยสินะ


   น้ำเย็นที่สัมผัสปลายเท้าทำให้สมองกลับมาสดชื่นได้เต็มร้อยอีกครั้ง อาการระบมตามร่างกายก็เหมือนจะกลับมาแต่ยังไม่เท่ากับอาการขัดยอกที่ทำให้ต้องบิดร่างกายไล่ความเมื่อยขบและเดินเอื้อยๆลงน้ำ ปล่อยให้ระดับน้ำลอยสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วตัดสินใจปล่อยให้ตัวเองจมลงในกระแสน้ำเย็นเฉียบ สมองหวนคิดกลับไปถึงความฝันก่อนตื่นขึ้นมา เขาฝันถึงดอน ฝันถึงผู้ชายคนนั้นที่เป็นเป้าหมายในการกลับไปของเขา  เขามาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ  นานเท่าไหร่แล้วที่เขาออกห่างจากผู้ชายคนนั้น


ซ่า


   “เฮ้ย  แค๊กๆ ทำบ้าอะไรของแกวะ”คาเซอริโอโว๊ยเสียงลั่นเมื่ออยู่ดีๆก็ถูกระชากขึ้นจากน้ำจนสำลักไอเพราะไม่ทันตั้งตัว


   “เจ้านั้นแหละทำบ้าอะไร ลงไปอยู่ในน้ำนั้นทำไม”ข้อมือแข็งแรงสองข้างบีบไหล่เขาจนเจ็บ แต่มันก็ไม่น่าแปลกเท่าดวงตาสีน้ำตาลแข็งกราวคู่นั้น ดวงตาที่ทอประกายกราดเกรี้ยว


   “แค่ไปทำให้หัวมันเย็นลงแค่นั้น”


   “เจ้า..”


   “เออ ฉันยังไม่คิดทำอะไรโง่ๆอย่างฆ่าตัวตายหรอกนะ”


   “ข้าแค่กลัวเจ้าจะเป็นอะไรไป”


   “เหอะ ชีวิตฉันเป็นของฉันไม่ต้องให้ใครมาห่วง”คาเซอริโอสะบัดตัวออกจากมือนั้นเมื่อเห็นว่าการยืนคุยกับมันกลางน้ำเย็นๆและลมแรงๆเริ่มจะทำให้หนาวขึ้นมาจริงๆ


   “ขอแค่ข้าได้ห่วงเจ้าไม่ได้รึไง”อ้อมแขนจากด้านหลังพร้อมคำที่กระซิบข้างหูทำให้ร่างทั้งร่างหยุดชะงักปล่อยให้อ้อมแขนนั้นรัดแน่นขึ้น  สัมผัสหยุ่นที่ข้างใบหูกลับไม่ได้ทำให้เขาสะบัดมันออก


   “ปล่อยได้แล้วฉันหิว”


   “เจ้าอยากกินอะไร”


   “แกจะไปหามันให้ฉันรึไง”


   “อืม ทุกอย่าง ขอแค่เจ้าบอกมา”


   “หึ  เอาแบบที่กินได้มาก็พอ  ปล่อย”


   “สัญญากับข้าก่อนว่าเจ้าจะขึ้นจากน้ำ”


   “เออ  ปล่อยได้รึยัง”คาเซอริโอรีบรับปากเมื่อลมเย็นๆเริ่มทำเขาขนลุก  เจ้าหมาในร่างคนปล่อยเขาเป็นอิสระลมเย็นที่พัดมาทำเอาสะท้านจนต้องรีบสาวเท้าตามเจ้าหมาที่วิ่งนำหน้าเพื่อไปก่อกองไฟ


   “เจ้ากินนี้รองท้องไปก่อนเดี๋ยวข้ามา  รอไม่นานหรอก”ผลไม้หน้าตาประหลาดบ้าง คุ้นตาบ้างถูกยืนส่งมาให้ทั้งพวง


   “ขอบใจ”


   “หืม เจ้าว่าอะไรนะ”


   “ฉันบอกว่าขอบใจ  พอใจรึยัง”


   “อืม พอใจแล้วหละ”เจ้าหมาตัวโตยิ้มตาแทบปิด ดวงตาคู่นั้นกลับมาทอประกายแวววาวอีกครั้ง


   “พอใจแล้วก็ไปสักที”


   “อย่าไปไหนนะแล้วข้าจะรีบกลับมา”


   “เออ สั่งยังกับฉันเป็นเด็ก ชิ ”ท้ายประโยคเหมือนเสียงกระซิบที่อีกคนไม่มีทางได้ยินเมื่อเจ้าตัวรีบกระโดดพุ่งทะยานสี่ขาก่อนร่างจะเปลี่ยนกลายเป็นหมาปีศาจตัวใหญ่แล้วกระโจนหายไปในแนวป่า


   คาเซอริโอหันกลับมามองกองไฟขนาดย่อมที่เจ้านั้นก่อเอาไว้ก่อนจะเอาไม้เขี่ยเพื่อให้ไฟโหมแรงขึ้น  เจ้าบ้านั้นดีกับเขาเกินไปแล้ว ทั้งช่วยชีวิต ทั้งดูแล ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วยนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ


   ผลไม้ที่ได้มากินไปยังไม่ถึงครึ่งท้องเจ้าหมาตัวใหญ่ก็กลับมาพร้อมกับซากกวางตัวเขื่องในปาก พอคายมันลงที่พื้นคาเซอริโอก็ต้องรีบหลบสายตาเมื่อร่างมนุษย์ของมันยืนโทงๆให้เห็นตรงหน้า


   “นี่แกไม่มีเสื้อผ้าใส่รึยังไงกัน”


   “ข้ารีบวิ่งออกมานะ ไม่ได้ถือติดมาด้วย แต่ข้าชินแล้วหละ”แกชินแล้วแต่ฉันยังไม่ชินโว๊ย


   “เจ้ามีมีดใช่ไหม ข้ายืมก่อนนะ”คาเซอริโอหันควับตามเสียงทันเห็นมันหยิบมีดยาวของเขาออกมาจากมุมหนึ่งแล้วเดินหายออกไปก่อนจะกลับมาพร้อมกับไม้ท่อนยาวจัดการกวางตัวโตจนมันขึ้นมาส่งกลิ่นหอมอยู่บนกองไฟได้ นี้เขาประมาทจนเผลอปล่อยอาวุธทิ้งให้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเพียงกางเกงตัวเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  เขาไว้ใจมันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่


   “น่าจะได้แล้วหละ”มีดที่เคยเอาไว้ป้องกันตัวกลายเป็นมีดทำครัวที่ยื่นออกไปตัดเนื้อส่วนสะโพกเป็นชิ้นแล้ววางไว้บนใบไม้บางอย่างก่อนจะยื่นส่งมาให้เขา


   “กินสิ”คาเซอริโอแบ่งเนื้อชิ้นยักษ์ออกเป็นชิ้นที่พอกัดได้ก่อนจะเอาเข้าปาก  ความร้อนของเนื้อแผ่ซ่านตัดกับความเย็นของอาการศยามใกล้ค่ำ  เนื้อกวางธรรมดาที่รสชาติไม่ปรุงแต่งแต่กลับอร่อยลิ้น


   “อืม  ก็พอกินได้”


   “หืม งั้นกินเยอะๆนะ”เจ้าหมาพ่อครัวยิ้มร่าก่อนจะตัดเนื้ออีกหลายชิ้นมาวางบนใบไม้ของเขา


   “เฮ้ย พอก่อน เดี๋ยวก็กินไม่หมดหรอก”


   “หืม แต่เจ้าต้องกินเยอะๆนะเจ้าไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว”


   “เออ  แต่ยังไงฉันก็ไม่กินเยอะขนาดนั้นหรอก แกก็กินๆเข้าไปบ้าง”


   “เป็นห่วงข้าเหรอ”


   “ฉันแค่เสียดายของ”


   “หือหึ”เจ้าหมาบ้าส่งเสียงในลำคอก่อนจะยิ้มกว้างทั้งๆที่เนื้อเต็มปาก  คาเซอริโอทำเพียงถอนหายใจแล้วจ้องเข้าไปในเปลวไฟ  มองเปลวไฟที่ไหวระรัวเพราะลมเย็นก่อนที่พายุฝนจะกระหน่ำลงมา  อากาศหนาวเย็นขึ้นแต่เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่สนใจอากาศหนาวเย็นที่เริ่มแทรกเข้ามาเพราะความฝันและภาพเหตุการณ์ต่างๆยังวิ่งวนอยู่ในหัวจนกระทั่งอะไรอุ่นๆบางอย่างมาซ้อนที่ด้านหลังและรัดแน่นขึ้นจนเริ่มเจ็บ


   “ปล่อย”


   “ไม่”ถอยคำฟังดูอู้อี้เพราเจ้าคนพูดเอาแต่ซุกอยู่บนไหล่พร้อมกับอ้อมแขนที่รัดแน่นขึ้น


   “ปล่อยฉันซาเวียร์”อ้อมแขนด้านหลังอ่อนแรงลงแบบที่เขาต้องการแต่มันก็มาพร้อมกับแรงสะท้านจากร่างกายที่สั่นเทา


   “มองข้า  ได้โปรดมองข้า”มือใหญ่สองข้างประคองหน้าให้เขากลับไปมอง  ตรงหน้าเขาไม่ใช่เจ้าหมาตัวโตที่ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นทอประกายสดใส  แต่กลับเป็นดวงตาสีน้ำตาลคู่หนึ่งที่กำลังเว้าวอนเขา


   “คาโล  มองแค่ข้าได้โปรด”ถ้อยคำเรียบๆที่เขาเองก็รู้ความหมายของมันดี  ความหมายที่ทำให้เขาต้องหลบสายตาคู่นั้น


   “หือ”ริมฝีปากสีส้มเย็นถูกครอบครองด้วยริมฝีปากอีกคู่ที่ปิดทาบทับลงมา ความหยุ่นร้อนที่ขยับไหวอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นและเริ่มเจ็บจนต้องเอื้อมมือไปจิกเส้นผมสีน้ำตาลนั้น


   “ปล่อยฉัน”


   “ไม่”ริมฝีปากหนาปิดทับลงมาอีกครั้งพร้อมน้ำหนักที่โถมจนร่างทั้งร่างล้มปะทะกับพื้นดินแข็ง  ปล่อยให้ริมฝีปากถูกขบเม้มและเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนๆนั้นแทรกเข้ามาด้านใน  สงครามปลายลิ้นที่เริ่มขึ้นทำให้สมองขาวโพลนดึงเขาออกจากความคิดวุ่นวายและความฝันให้หัว  สมองที่ว่างเปล่าทำให้จดจ่ออยู่กับปลายลิ้นที่ขยับไหวในโพรงปาก  ความอุ่นร้อนท่ามกลางพายุฝนที่กระหน่ำจากด้านนอก


   “คาโล  คาโล”เสียงแหบพล่าดังกระซิบจากริมฝีปากที่เพิ่งผละห่างก่อนสัมผัสเปียกร้อนจะแนบลงที่ลำคอ ขบเม้มและดูดเลียจนร่างกายร้อนผ่าว


   “คาโล  คาโลของข้า”เสียงอ่อนๆริมหูเหมือนเสียงกระซิบจากพวกภูติพรายที่ทำให้ทั้งร่างอ่อนแรงลง  ทำให้ดวงตาสีเทาที่แข็งกราวไหวระริกและมือทั้งสองข้างเอื้อมไปรั้งลำคอหนาให้แนบชิดมากขึ้น  บางทีเขาคงห่างหายจากเรื่องพวกนี้มานานเกินไปแล้วสินะ


   “อ๊ะ”เสียงประหลาดเปล่งออกมาจากลำคอเมื่อสัมผัสเจ็บจี๊ดบนไหล่แล่นริ้วขึ้นมาจนถึงสมองแต่ไม่ทันได้โวยวายสัมผัสอุ่นร้อนจากลิ้นที่ประทับลงบนริมฝีปากก็ทำให้เขาไม่ว่างพอจะประท้วง  ลิ้นร้อนๆที่กวาดคว้านไปทั่วกำลังทำให้เขามึนเบลอมือหนาตรงสีข้างกำลังทำให้ร่างทั้งร่างร้อนผ่าว


   “คาโลของข้า”ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระก่อนทั้งร่างจะสะท้านเฮือกเมื่อริมฝีปากอุ่นแนบเข้าที่ฐานคอแล้วไล่ต่ำลงไปตรงช่วงอกก่อนจะวกไปทางด้านซ้าย


   “อย่า อ๊ะ”เสียงประหลาดที่ออกจากปากทำให้ร่างทั้งร่างสะท้านเฮือก มือสองข้างพยายามผลักไหล่หนาออกแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะร่างกายอ่อนแรงทันที่ที่ยอดอกข้างหนึ่งถูกดูดหายเข้าไปในปาก แรงดูดรุนแรงจนแผ่นอกขาวๆนั้นแดงซ้ำ ปลายยอดเปลี่ยนเป็นสีสดก่อนจะแข็งค้างเมื่อลิ้นร้อนๆเลียตรงปลาย แรงหอบหายใจทำให้แผ่นอกไหวสะท้านล่อลวงให้ริมฝีปากดูดดึงจุดแต้มด้วยแรงที่มากขึ้น ขณะที่อีกข้างก็ถูกฝ่ามือหน้าเค้นคลึงจนกล้ามอกขาวขึ้นสีเรื่อเป็นรอยนิ้วมือ


“หือ พอ  พอแล้ว”แม้ปากจะร้องห้ามไปแบบนั้นแต่เจ้าหมานั้นกลับทำเพียงย้ายจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งแล้วดูดกลืนมันเข้าไปในปากจนแผ่นหลังสะท้านเฮือกสายฟ้าแล่นปราบไปทั่วร่างมือที่จิกทึ้งเส้นผมสีน้ำตาลนั้นไม่ทำให้มันเบาลงสักนิดแต่กลับดูดดึงจนได้ยินเสียงหน้าอายดังแข่งกับพายุฝนด้านนอก


   ริมฝีปากสีจัดผละออกจากออกด้านขวาก่อนจะไต่ต่ำลงไปตามแนวกล้ามท้องทิ้งรอยสีกุหลาบไว้บนกล้ามอกและกล้ามท้องสีขาวที่ตอนนี้ไหวสะท้านเหมือนคนออกกำลังหายอย่างหนัก  มือสองข้างถูกใช้เค้นคลึงยอดอกที่ตอนนี้เปียกแฉะและแดงเรื่อจนเหมือนจะปริแตก


   “อ๊ะ อ๊า”เสียงน่าอายดังออกจากริมฝีปากก่อนที่เจ้าของเสียงจะเม้มปากเน้นและเปลี่ยนเป็นจิกทึ้งเส้นผมสีน้ำตาลแรงๆ สัมผัสอุ่นร้อนบางอย่างกำลังรุกรานแก่นกายเขาผ่านกางเกงผ้าเนื้อหนาสีตาล ปลายฟันคมขบเบาๆพอให้สะท้านมือที่พยายามผลักไสก็กลายเป็นอ่อนแรงเพราะจุดสำคัญที่ตกเป็นเหยื่อให้เจ้าหมาบ้ามันละเลงลิ้น ข้อเสียของผู้ชายแทบทุกคนที่เมื่อส่วนสำคัญถูกรุกรานก็ยากจะห้ามปรามไม่ให้ไปต่อ


   “อ๊ะ”


   “สวย”


   “หุบปากนะ”ริมฝีปากสีส้มตวาดแต่เสียงก็ไม่ได้ดังไปกว่าการกระซิบเมื่อกางเกงถูกกระชากลงจนอวัยวะบางอย่างถูกปลดปล่อยให้ออกสัมผัสอากาศเย็นภายนอก แต่ไม่นานมันก็ถูกโอบล้อมด้วยปลายนิ้วแข็งๆและสัมผัสหยุ่นๆที่รุกรานส่วนปลาย


   “อ๊า”ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านก่อนจะเกร็งเขม็งเมื่อโพรงปากอุ่นร้อนครอบลงไปตามความยาว


   “หือ ไอ้หมาบ้า  อย่า ละ  อ๊ะ”เสียงหวีดร้องหวานหูดังออกมาไม่ขาดสายเมื่อส่วนกลางตัวถูกครอบครองสัมผัสอุ่นร้อนและปลายผมที่ระเรื่อยไปมาเมื่อเจ้าของขยับปากขึ้นลง  ความรู้สึกดีที่วิ่งพล่านจนเผลอกดให้ริมฝีปากนั้นจมลึกมากขึ้น  กล้ามเนื้อหน้าท้องและช่วงอกเกร็งจนขึ้นลูก  มือข้างหนึ่งคว้าจับมือหนาที่ยังขยี้อกขาวไม่ปราณี  ลำคอขาวที่ประดับด้วยรอยสีกุหลาบแหงนหงายไปด้านหลังจนเส้นเอ็นปูดโปน เส้นผมสีทองเกลี่ยเรื่อไปบนพื้นดินเมื่อเจ้าของร่างถูกส่งไปถึงห่วงสุดของอารมณ์


   “หือ”เสียงครางดังอยู่ในลำคอเพราะเจ้าของเม้มปากเน้นแต่ร่างกายที่เกร็งกระตุกและหยาดน้ำมากมายที่ถูกฉีดพ่นออกมาก็ทำให้รู้ว่าร่างทั้งร่างถูกส่งสู่เป้าหมายโดยริมฝีปากที่ดูดกลืนทุกอยาดหยดแห่งความสุขสมเข้าไป


   “ ปะ ปล่อยฉัน”


   “ไม่”ริมฝีปากที่เพิ่งปล่อยส่วนสำคัญให้เป็นอิสระแย้มยิ้ม ผละมือทั้งสองข้างออกจากอกขาวถูกที่เค้นคลึงจนแดงไปดึงกางเกงผ้าเนื้อหนาจนคนตรงหน้านอนเปลือยเปล่าท่ามกลางเปลวไฟที่ไหวระริก


   “แกจะทำอะไร  อย่านะ เฮ้ย”มือผวาคว้าจับไหล่หนาเมื่อขาทั้งสองข้างถูกกระชากเข้าหา แผ่นหลังถูกกระชับก่อนตัวจะลอยขึ้นจากพื้นถูกพาไปวางบนแผ่นใบไม้แผ่นใหญ่ที่มันหามาปูให้เขา


   “ข้าก็จะกินเจ้านะสิ คาโล”ประกายตาสีน้ำตาลคู่นั้นพราวระยับในขณะที่คนมองอย่างเขาเริ่มสั่นสะท้าน  เปลวไฟที่มอดลงถูกโหมขึ้นเพื่อเริ่มบทรักฉบับเต็มอีกครั้งและอีกครั้ง















      โอ๊ย  เหนื่อยคร๊า  ส่งตอนใหม่นี้เหนื่อยจริงๆ  ยาวไปไหน

      เริ่มต้นตอนเป็นการย้อนไปในอดีตของคาโลสมัยยังเป็นมาเฟียหนุ่มสุดโหด ถือโอกาสเปิดตัวหนุ่มน้อยหนึ่งในตัวละครใหม่ไปด้วยในตัว  หนุ่มน้อยที่เพิ่งโผล่มาเขาจะสำคัญยังไง

      ตอนต้นมาแบบบู๊ทำไมตอนกลางๆถึงได้อึนด้วยบรรยากาศหนักหน่วงขนาดนั้นก็ไม่รู้  เจ้าหมาของเราทำตาอ้อนตาเศร้าได้แล้วนะคร๊า  แต่ตอนท้ายๆที่แบบว่า ....  :hao6:ขอให้สนุกกับการอ่านนิยาย  ขอบคุณสำหรับทุกเเรงใจแล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน....5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 05-10-2014 20:16:10
กรี๊ด ตัดฉับๆๆๆ อ้า......  :ling1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน....5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 05-10-2014 20:44:55
มาต่อเร็วเร็วนะคะ อยากเสียเลือด  :hao7:  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน....5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: ncnck.p ที่ 05-10-2014 22:27:11
ค้างมากกก ตัดกันงี้ได้ไงงงง :ling1: :ling1:

รอต่อไปค่าาา :katai5:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน....5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 06-10-2014 01:57:07
กรี๊ดๆๆๆๆๆ โดนแล้วววว พี่คาโลโดนกินซะแล้ววววว
เป็นของซาร์เวียร์แบบสมบูรน์แบบ โอ๊ย ฟินค่ะฟิน ฟินมากๆเลย
ทำไมตอนกลางๆมันหน่วงขนาดนี้ก็ไม่รู้นะเนี่ย หน่วงจนเราซึมเลย
อดีตมา ปมมา คนเยอะก็ปัญหาเยอะ เฮ้อ~ รักพ่อหมาเร็วๆนะพี่คาโล
มาต่ออีกน้า มาอีกไวๆน้า คิดถึง > ^ <
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน....5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: อินะซัง ที่ 06-10-2014 02:40:56
ค้าง ง ง  ขอNCแบบจัดเต็มได้ป่ะ   :haun4: :haun4:
มาต่อเร็วๆน้า า า  :hao6: :hao6: เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน....5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 06-10-2014 06:16:15
เอ้ากำลังจะโดนกินแล้ว


จะรอดหรือยังไงเนี่ยค้างงงงง


รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่17 ร่างกายที่ทำงาน....5/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-10-2014 09:30:22
กรี๊ดดดดดดดดดดด  ซาเวียร์  แกกินคาโลแล้วหรอ.......

ฉันนึกว่ามันต้องรอนานกว่านี้ซะอีก.............. :hao6:

เฟอร์ดินสินะที่คาโลถวิลหา แต่บุคลิกเหมือนซ้อนทับกันกับซาเวียร์เลย

อยากอ่านแบบเต็มจัง จัดมาสักชุดไม่ได้หรอ... :z1: :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่18 ผลลัพธ์ของการ.11/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 11-10-2014 17:52:28
ตอนที่ 18 ผลลัพธ์ของการกระทำ                                                        01/07/2557
                                                                  12/07/2557
                                                                                      11/10/2557

   

     ดวงตาสีเทาคู่สวยเปิดลืมพร้อมแสงของวันใหม่ที่สาดส่องเข้ามากระทบกับใบไม้และตกกระทบบนใบหญ้าที่ยังพราวไปด้วนหยาดน้ำค้าง  พายุฝนผ่านพ้นไปแล้วแต่อากาศยังคงหนาวเหน็บจนชวนให้ซุกตัวเข้าหาผ้านวมอุ่นๆ  แต่ยังไม่ทันได้คิดจะทำอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนยิ่งกว่าผ้านวมก็แนบลงบนไหล่แผ่วเบา


   “เจ้าตื่นแล้ว”เสียงคุ้นกระซิบข้างหูก่อนตัวจะถูกคว้าเข้าไปแนบกับอกอุ่นกว้างๆนั้นแน่นตามมาด้วยจูบที่ประทับลงมาบนลาดไหล่ เชื่องช้าและยาวนานจนเขาคร้านจะไล่ แม้มันจะทำแบบนั้นมาทั้งคืนแต่มันก็ไม่มีทางว่าจะเบื่อ เขาเลยกลายเป็นฝ่ายเบื่อที่ต้องห้ามปรามมันแทน


“ฉันอยากอาบน้ำ”


   “หืม”เสียงครางในลำคอเหมือนตอบรับแต่แขนเข็งๆนั้นก็ยังไม่ปล่อยเขาเป็นอิสระ


   “ปล่อย”คาเซอริโอกดเสียงเข้มเมื่อเริ่มจะเมื่อยและอยากขยับไปอาบน้ำจริงๆอย่างที่ปากว่า


   “ข้าอาบด้วย”


   “เออ ปล่อยได้แล้ว”แขนที่กอดแน่นผ่อนแรงกอดลงเมื่อสิ้นประโยคตอบรับ ไม่รู้ว่าเพราะมันเข้าใจหรืออะไรก็ตามแต่ อย่างน้อยเขาก็เป็นอิสระจากมันแม้จะแค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ตาม


   ร่างกายที่ทำเพียงขยับตัวลุกขึ้นนั่งก็ร้าวไปทั่วร่างจนเหมือนกับผ่านสงครามแย่งชิงแก๊งค์ทำให้คาเซอริโอนิ่วหน้าก่อนจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นช้าๆ แม้จะรู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกเป็นส่วนๆ  ขาจะอ่อนเหมือนไม่มีแรง  แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ล้มพับให้ขายหน้าก็มีมือแข็งๆเอื้อมมาประคองเอาไว้ ก็ยังดีที่มันประคองไม่คิดจะทำอย่างอื่น ไม่อย่างนั้นเขาคงยินดียอมคลานไปดีกว่าให้มันพาไป


   น้ำในลำธารยังคงเย็นจนเหมือนแช่น้ำแข็งแต่อย่างน้อยมันก็มีข้อดีที่ทำให้กล้ามเนื้อชาจนลืมความเจ็บไปได้สักพัก แม้หลังจากนี้กล้ามเนื้ออาจจะประท้วงเพราะถูกความเย็นทำให้เกร็งจนปวด


   ความเงียบโรยตัวลงช้าๆระหว่างเขากับเจ้าหมาที่ยืนช่วยเอาน้ำลูบตัวเขาอยู่ทางด้านหลัง  ไม่มีคำกล่าวโทษ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีคำพูดหวานหู  เพราะสำหรับเขามันไม่จำเป็น  มันไม่ใช่ข้อผิดพลาดแต่มันคือความพลั้งเผลอปนความยินยอม เขาจึงไม่ต้องโวยวาย  ไม่มีคำพูดหวานหูเพราะไม่ใช่คู่รักหลังเข้าหอ เขากับมันไม่ได้เป็นคนรักกัน สำหรับมาเฟียแบบเขามันอาจจะเป็นเรื่องที่รับได้ยากกับการทอดกายใต้ร่างผู้ชายสักคน แต่ก็นั้นแหละเรื่องนี้มีแค่เขากับมันแค่สองคนที่รับรู้ ไม่มีการป่าวประกาศ ไม่มีพยาน  ไม่จำเป็นต้องตื่นตูมเพราะมันคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว


   “เจ้ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่คาโล”เสียงถามดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับมือที่ช่วยวักน้ำมาลูบช่วงไหล่ให้ แม้มันจะทำให้ตัวที่อยู่พ้นผิวน้ำหนาวจนสั่นสะท้านแต่เขาก็ไม่ได้ห้ามมัน


   “เรื่อยเปื่อย”   


   “คิดเรื่องของข้าบ้าง”


   “ทำไม  ทำไมอยากให้ฉันคิดเรื่องแก”


   “เพราะข้าคิดแค่เรื่องของเจ้าแทบตลอดเวลา”


   “หึ  ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหรือพวกตัวเมียที่แกต้องมาปากหวานด้วย”   


   “ข้ารู้ เจ้าเป็นชาย  ชายที่ทำให้ข้าหลงใหล และหลงรักเจ้าได้”คำว่ารักของมันทำให้เขาชะงัก  คำว่ารักที่มันพร่ำบอกเขามาทั้งคืนเหมือนหมาบ้า มันทั้งสร้างความเรียบง่าย ความตื่นเต้นดีใจและความเศร้าให้เขาได้ทุกครั้งที่ฟัง


   “หมาอย่างแกนะเหรอรักฉัน แปลกดีพิลึก”เขาเลี่ยงที่จะใช้คำว่าตลกทั้งๆที่ในใจเสี้ยวหนึ่งรู้สึกแบบนั้น  เขากับมันไม่ใช่คนที่พบกันอย่างหน้าประทับใจไม่มีส่วนไหนที่ทำให้หลงใหลกันและกันได้เลย


   “เจ้าอาจมองว่ามันพิลึก มันเป็นเรื่องตลก  อาจดูถูกคำว่ารักของข้า  แต่ข้าพูดความจริงคาโล  ข้ารักเจ้า แม้จะไม่ใช่รักแรกพบแต่ข้ารัก  รับรู้และยอมรับว่าข้ารักเจ้าแล้วเจ้าหละคาโลรักข้าบ้างหรือไม่”ดวงตาสีน้ำตาลที่ทอประกายแน่วแน่สบตาเขาเมื่อทั้งตัวถูกจับให้หันกลับไปมองก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายหลบตาคู่นั้นอีกครั้ง  ทุกสิ่งที่มันทำดีกับเขา ที่มันช่วยเหลือ เขาคงไม่ต้องไปแสวงหาคำตอบแล้วว่าทำไม เมื่อมันบอกเองว่ามันทำทุกอย่างเพื่อความรักและสิ่งที่มันต้องการตอบแทนก็คือความรักของเขา แค่รัก


   “ฉันหนาวแล้ว  ขึ้นหละ”


   “คาโล”แขนขว้างหนึ่งถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่จะทันได้ก้าวออกไป เลยกลายเป็นว่าเขากำลังยืนหันหลังให้มันทั้งๆที่ตัวครึ่งหนึ่งกำลังแช่อยู่ในน้ำที่เย็นจัดและอีกส่วนกำลังโดนลมปะทะ หนาวจนขนลุก


   “ปล่อย ฉันหนาว”


   “บอกข้า  ข้ายังมีโอกาสได้รักตอบจากเจ้าบ้างหรือไม่คาโล  บอกข้าที”


   “หึ  ฟังดูไม่เหมือนแกเลยนะซาเวียร์”


   “ข้ากลัวคาโล  ข้ากลัวจะเสียเจ้าไป”อ้อมกอดอุ่นๆจากด้านหลังช่วยให้ผิวกายอุ่นแต่กลับหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ  บางทีเจ้าหมานี้มันอาจจะรู้คำตอบของเขาอยู่แล้ว  รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะตอบมันแบบไหนแต่ก็ยังยืนยันที่จะถาม ทั้งๆที่ถ้าคำตอบนั้นออกจากปากเขาบางที..


   “ชายคนนั้น  ชายคนที่เจ้าฝันถึง อเรสซิโอ เขาเป็นใคร”ร่างทั้งร่างเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินเมื่อชื่อของใครคนนั้นออกจากปากหมาด้านหลัง  มันเหมือนถูกตีด้วยด้ามปืนจนมึนงงและทำให้ตื่นตัวไปพร้อมๆกัน  แต่เขายังเลือกที่จะยืนเงียบๆในขณะที่อ้อมแขนด้านหลังรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเจ็บ  และเขาคงยืนนิ่งต่อไปแบบนั้นถ้าไม่รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก


   “ผู้ชายที่ฉันสาบานกับตัวเองทันที่มาโผล่ที่นี้ ว่าจะกลับไปหาเขาให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”ประโยคยาวๆที่ความหมายไม่ได้ต่างไปจากสิ่งที่เขาบอกกับทิเบอริส  เพียงแต่ครั้งนี้เขาบอกกับใครอีกคนที่เป็นฝ่ายถามเขาขึ้นมาเพราะความอยากรู้  บรรยากาศที่แตกต่างและความรู้สึกที่ต่าง


   “คนๆนั้นคงสำคัญกับเจ้ามากสินะ”


   “ใช่ สำคัญที่สุด”อ้อมแขนที่รัดแน่นคลายลงเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง เสียงไหลของน้ำไม่อาจดังกลับเสียงฝีเท้าที่เดินถอยหลังออกห่างช้าๆทันพอที่ดวงตาของเขาจะเห็นว่าร่างของมนุษย์ผู้ชายโผกระโจนกลายเป็นปีศาจหมาร่างยักษ์แล้วหายไปในแนวป่า


   “เจ้าโง่”คาเซอริโอรำพึงกับความว่างเปล่ารอบตัวก่อนจะหันมองดวงอาทิตย์ที่เริ่มขึ้นสูง  บรรยากาศเริ่มอุ่นแต่เขายังคงหนาวจนต้องก้าวขึ้นจากน้ำเร็วๆแม้จะยังไม่เร็วได้เท่าที่ต้องการเพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยแต่ก็เร็วพอที่เขาจะหลบหนีจากความหนาวมาคว้านหาเสื้อจากสถานที่หลบภัยที่เละเหมือนเกิดสงครามขึ้น


   ดวงตาสีเทากวาดมองรอบๆโพรงไม้ที่เขากับเจ้าซาเวียร์อยู่ด้วยกัน เจ้าหมาที่ได้ครอบครองร่างกายของเขาและตอนนี้มันก็หนีหายไปเหมือนหมาไร้ความรับผิดชอบแต่ก็นั้นหละเขาโกรธมันไม่ลงหรอก ออกจะสงสารมันด้วยซ้ำที่มารักคนแบบเขาคนแบบคาเซอริโอ ซิสิอาโน


   มือขาวคุ้ยหาอุปกรณ์จุดไฟก่อนจะโยนมันเข้าไปในกองไม้แห้งเฝ้ามองกองไฟขนาดเล็กค่อยๆลุกโหมพร้อมๆกับที่หยิบเศษไม้ที่พอจะแห้งบ้างโยนเข้าไปด้านในจนโพรงไม้ขนาดกว้างเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันสีดำที่ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า


กรร!


   เสียงคำรามด้านหลังทำให้เขาต้องละสายตาจากกองเพลิงที่ดูท่าจะไม่ลุกลามไปมากกว่านี้เพราะความชื้นโดยรอบ หันกลับไปมองเจ้าหมาปีศาจสีขาวร่างสูงที่ยืนอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำก่อนจะก้าวขาข้ามลำธารเล็กๆไปหามัน สิ่งที่เขาต้องทำเป็นอย่างต่อไปคือกลับไปที่กลุ่มและเริ่มที่จะทำสิ่งที่ต้องการจะทำเป็นอย่างแรกที่มาถึงที่นี้


งี๊ด


   เสียงครางแหลมๆพร้อมหัวยาวๆที่ยื่นมาขว้างทางทำให้การเดินเท้าของคาเซอริโอหยุดชะงัก


   “อะไรของแก”


งี๊ด


   เจ้าหมานั้นไม่ตอบทำเพียงร้องครางหงิงๆและเอี้ยวคอไปด้านหลังซ้ำๆเหมือนกำลังพยายามจะบอกบางอย่าง


   “แกอยากให้ฉันขี่แกกลับ”ไม่มีเสียงตอบกลับมีเพียงหมาปีศาจร่างยักษ์ที่เลิกส่งเสียงประหลาดและย่อตัวลงพอให้เขาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังมันได้  ทันทีที่เขาขึ้นไปนั่งได้สำเร็จร่างนั้นก็ยืดตัวสูงแล้วเริ่มต้นกระโจนไปตามซอกหินริมแม่น้ำอย่างช้าๆปล่อยให้เขาได้มองหัวกลมๆจากด้านหลังและตัดสินใจซุกหน้าตัวเองลงกับท่อนคอหนาและกำขนสีขาวในมือแน่น ไม่ว่ายังไงหมาโง่ก็ยังคงเป็นหมาโง่สำหรับเขา





   เสียงพูดคุยถกเถียงที่ดังมากกว่าปกติทำให้คาเซอริโอต้องเงยหน้าออกมาจากกลุ่มขนเพื่อพบกับภาพของกลุ่มที่เหมือนโดนบางอย่างบุก  กิ่งไม้และต้นไม้หลายต้นหักสะบั้น เศษผ้าสกปรกวางเกลื่อนพื้น  ส่วนที่เคยเป็นบ้านเหมือนมีบ้างอย่างทะลุผ่านไป มันเกิดอะไรขึ้น 


    ขาทั้งสองข้างพาตัวเองปีนลงมาจากหลังหมาปีศาจตัวยักษ์ก่อนจะฉวยเอาเศษผ้าเปียกๆขึ้นมาจากพื้น  ผ้าที่เปียกสีแดงของเลือด


   “มีใครบางคนหรืออะไรสักอย่างบุกเข้ากลุ่มตอนที่ข้ากับเจ้าไม่อยู่”


   “ก็น่าจะเป็นแบบนั้น”คาเซอริโอทิ้งผ้าในมือลงแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เจ้าหมาปีศาจในร่างคนที่มีเพียงเศษผ้าปิดของสงวนก้าวมายืนข้างๆเขาทำจมูกฟุตฟิตเหมือนดมหาอะไรบางอย่าง


   “ทางนี้”เสียงเรียกเบาๆทำให้คาเซอริโอก้าวตามแผ่นหลังนั้นไป  ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม  มันกลับมาพูดกับเขาเหมือนเดิมแต่ตัวเขาเองที่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม  เจ้าหมานั้นกำลังปกปิดบางอย่างเอาไว้เหมือนอย่างที่เขาเองก็กำลังกดความรู้สึกบางอย่างเอาไว้เช่นกัน


   ตลอดทางเดินจากขอบกลุ่มที่ตอนแรกไร้ซึ่งหมาปีศาจตอนนี้คาเซอริโอมองเห็นเป้าหมายที่เจ้าหมานั้นพามาหาแล้ว


   “เยอร์เซ็พ”เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก  ผิวด้านบนที่เปลือยเปล่าทำให้คาเซอริโอมองเห็นรอยแดงเถือกบริเวณกลางลำตัวรอยแดงที่เหมือนโดนบางอย่างรัดหรือฟาด


   “เจ้านั้นเอง ข้านึกว่าเจ้าโดนนางจัดการไปแล้วซะอีก”คำเรียกขานถึงบางสิ่งทำให้คิ้วสีทองของคนฟังอย่างเขาขมวดเข้ากัน


   “ข้าแค่ออกไปทำธุระบางอย่าง  มันเกิดอะไรขึ้น”เจ้าหมาตอบเรียบๆแบบที่คาเซอริโอได้แต่ถอนหายใจและแอบนึกขอบคุณมันในใจมันที่ยังมีสมองพอจะนึกถึงใจเขาบ้างแม้จะโดนดวงตาสีทองแดงของเจ้าหมาเยอร์เซ็พจ้องมาแบบนึกสงสัยก็ตาม


“เราโดนบุกเมื่อเย็นวาน  นางเข้ามาที่นี้กรีดร้องและเริ่มโจมตี”


“มีใครเป็นอะไรบ้างไหม”


   “หนักๆมีไม่เท่าไหร่แต่เจ็บเล็กๆไปก็มาก ที่สำคัญคือนางหนีไปได้หลังจากอาละวาทไปเต็มที่”


   “ผิดวิสัยไปพอสมควร ไม่แน่บ้างทีนางอาจกลับมาอีก”เสียงเจ้าหมาสองตัวโต้ตอบกันไปมาในเรื่องที่คาเซอริโอไม่เข้าใจและมันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด


   “เดี๋ยวนะ มีใครพอจะช่วยบอกฉันได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”การสนทนาของ2 หมาปีศาจหยุดชะงักลงก่อนดวงตาสองคู่จะหันมามองเขา แล้วเจ้าหมาเยอร์เซ็พจะเป็นฝ่ายตอบ


   “เราถูกโจมตีโดยนางงู”


   “นางงู  งูงั้นเหรอ”คิ้วสีทองขมวดฉับด้วยความไม่เข้าใจ


   “อืม  งูตัวเมีย”ซาเวียร์ช่วยพูดเพิ่มแต่ก็เหมือนไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจอะไรได้มากขึ้น


“ทำไม”


   “เราเองก็ไม่รู้  เพียงแต่นางอาละวาทกรีดร้องหาคู่ของนาง ใส่ร้ายว่าเราทำร้ายคู่ของนาง บางทีถ้าเจ้าเห็นงูอยู่แถวนี้เจ้าอาจมีเรื่องที่ต้องอธิบาย”ดวงตาคู่คมของเยอร์เซ็พจ้องเจ้าหมาข้างตัวเขาก่อนจะเลยมามองเขา  ถ้าเป็นเรื่องงูที่ถูกเล่นงานหละก็คงไม่พ้นเจ้าตัวที่ทำเขาตกหน้าผาและเป็นตัวเดียวกันกับที่เจ้าหมาซาเวียร์กัดจนจมเขี้ยว


   “ข้าต้องไปหาทีเบอริส  เจ้ากลับไปรอที่ถ้ำก่อน”   


   “หึ  อย่ามางี่เง่า  ถ้าแกจะไปก็พาฉันไปด้วยเพราะเรื่องนี้ฉันก็มีส่วน”


   “แต่ว่า..”      


   “ไม่มีแต่  ถ้าไม่อยากให้ฉันหงุดหงิดจนต้องอัดแกสักหมัดก็ให้ฉันไปด้วย”คาเซอริโอยืนยันเสียงแข็งไม่ใช่เพราะกลัวที่จะปล่อยเจ้าหมาบ้านั้นไปสารภาพเรื่องราวต่างๆกับหัวหน้ามันตัวเดียว  แต่เขากลัวว่าเรื่องนี้มันจะไม่จบง่ายๆแค่ครั้งเดียว  เพราะหากอาฆาตจนบุกเดี่ยวมาเล่นงานถึงกลุ่มแล้วยังรอดออกไปได้  ครั้งหน้าก็อาจกลับเข้ามาได้ใหม่และหากครั้งใหม่ไม่รอดออกไปบางทีอาจมีทั้งพ่อแม่พี่น้องแห่กันมาเล่นงานกลุ่มหมาปีศาจก็ได้  ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกงูๆก็เถอะแต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามันจะไปจบง่ายๆแค่นี้   














            มาส่งตอนใหม่หลังฉากรักร้อนแรงที่จบลง  เหมือจะทำให้นักอ่านหลายๆคนค้างคา  ถ้านางมารบอกว่ามันจบแค่นั้นจริงๆจะเป็นอะไรไหมคะเนี่ย  หุหุ :hao7: :hao7:

           มาพูดถึงตอนใหม่กันดีกว่า  หลังฉากรักอันร้อนแรงสองหนุ่มเขาก็มาอาบน้ำด้วยกัน เหมือนจะหวานแต่ขอบอกว่าหน่วงอย่างแรงเมื่อมีชื่อมือที่ 3 อย่างอเรสซิโอเข้ามา  พ่อหมาเราถึงขั้นหนีออกไปชี้ช้ำดื้อๆ ก่อนจะกลับมาแล้วพบว่ากลุ่มโดนบุก แน่นอนว่าตัวละครใหม่โผล่เข้ามา  เพื่อกระตุ้นอะไรบางอย่าง  อยากรู้ต้องติดตามกันต่อตอนหน้า  :mew1:
         
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่18 ผลลัพธ์ของการ.....11/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 11-10-2014 18:23:03
โธ่ อย่าปิดกั้นความรู้สึกเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่19 การประชุมของ..15/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 15-10-2014 17:11:00
ตอนที่ 19 การประชุมของหมาที่มีคนเข้าไปเกี่ยว                                     20/07/2557




   บรรยากาศภายในกระโจมผ้าสีขาวอันเป็นที่พักของหัวหน้ากลุ่มหมาปีศาจอย่างทิเบอริสเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและเสียงปรึกษาหารือที่ดังจนเหมือนเสียงคำราม แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักเพียงเพราะเขาก้าวเข้ามาพร้อมกับเจ้าหมาสองตัวด้านหลัง ช่างเป็นการต้อนรับที่คาเซอริโอไม่รู้สึกยินดีและออกจะหงุดหงิดคั่นเนื้อคั่นตัวประหลาด


   “มากันแล้ว นั่งสิ”ทิเบอริสอมยิ้มที่มุมปากชวนทุกคนนั่งเหมือนจะไม่รับรู้สถานการณ์ต่างๆรอบด้าน หรือคิดอีกทีคือพยายามแก้สถานการณ์แบบชาญฉลาด


   “คิดว่าเยอร์เซ็พ คงเล่าอะไรให้พวกเจ้าฟังบ้างแล้ว”ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าตัวที่ถูกถามมีเพียงการพนักหน้าตอบรับแทนเท่านั้น


   “เอาหละ  ข้าคิดว่าเราคงเริ่มประชุมกันได้อีกครั้งและคาโล...”ดวงตาสีแดงสดมองมาที่เขาเหมือนจะถามว่ามานั่งเสนอหน้าอะไรในที่ประชุมของหมาๆแบบนี้


   “ฉันคิดว่าบ้างทีเรื่องนี้ ฉันอาจมีเอี่ยว”


   “หึ สุดท้ายก็ไม่พ้นเจ้าสินะ”เจ้าหัวชมพูที่ชื่อวูฟเทอรีนสอดปากขึ้นมาเป็นตัวแรก


   “หมายความว่าเจ้ามนุษย์นี้เป็นตัวนำความซวยงั้นสิ”เสียงไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่ปากหมาๆนั้นพูดจบ  ตัวนำความซวยงั้นเหรอ คาเซอริโอตวัดมองหมาเจ้าของคำพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดพิลึกก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อมองเห็นหน้าเจ้าของประโยคชวนกระทืบนั้นได้ชัด 


   “เงียบก่อนจายาเรายังไม่รู้เรื่องทั้งหมด”เจ้าหัวนกแก้วที่นั่งข้างๆกันออกปากห้ามปรามทำให้คิ้วของคาเซอริโอขมวดลงเล็กน้อย


   “เจ้าปกป้องมัน”


   “ข้าแค่พูดตามความจริง”


   “เหอะ  ความจริง  ความจริงที่เจ้ากำลังปกป้องมัน”เจ้าตัวที่ชื่อจายาหันไปเอาเรื่องกับเจ้าหัวนกแก้วในประเด็นที่คาเซอริโอไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก


   “ข้าไม่ได้..”


   “เงียบกันทั้งคู่นั้นแหละ”คำห้ามปรามจากหัวหน้าที่ขาดบทบาทไปชั่วขณะ ทำให้การทุ่มเถียงของสองหมาปีศาจเงียบลงได้


   “ข้าคิดว่าบ้างที คงต้องให้เจ้าอธิบายให้เราฟังว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่”ทิเบอริสสบตากับมนุษย์คนเดียวในกลุ่มการประชุม


   “ก็แค่วันก่อน...”


   “ข้าเพิ่งเล่นงานงูตัวหนึ่งไปเมื่อวันก่อน”เจ้าหมาตัวข้างๆพูดแทรกประโยคที่เขากำลังจะพูด เสียงหือฮาดังขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่างูตัวหนึ่งถูกเล่นงานไป


   “หมายความว่าไงที่เจ้าเล่นงานงูไปตัวหนึ่ง”เสียงถามดังขึ้นมาจากใครคนหนึ่งที่คาเซอริโอไม่สนใจจะมอง เพราะตอนนี้เขากำลังจ้องหน้าหมาข้างตัวและกำลังนึกสงสัยว่ามันกำลังจะทำอะไร  อะไรบ้างอย่างที่เขาคงไม่ชอบ


   “ข้าเจองูตัวหนึ่งตรงชายป่า มันกำลังเล่นงานคาโล”


   “งั้นเจ้าก็หาเรื่องมาให้เราเพราะปกป้องมนุษย์”จายาเจ้าเก่าสอดปากขึ้นมาทันที


   “หากเจ้าเห็นว่าเป็นอย่างนั้นก็ตามใจ”นี้เป็นอีกครั้งที่คาเซอริโอต้องหันมองหมาข้างตัว คำตอบของมันช่างน่ากระทืบแต่อาจจะน่ากระทืบสำหรับจายานะไม่ใช่น่ากระทืบสำหรับเขา


   “เจ้า  อย่ามาปากดีกับข้า”จายาทำท่าจะถลาเข้ามาวางมวยแต่เจ้าหัวนกแก้วกับใครอีกสักตัวก็คว้าคอได้ทัน


   “ข้าอยากได้คำอธิบาย”คำถามของทีเบอริสทำให้เหตุการณ์สงบลงบ้างเมื่อทุกตัวเบนเป้าหมายมาหาเจ้าหมาโง่กันหมด


   “ข้าแค่ปกป้องคู่ของข้า”คำพูดเรียบๆแต่สะท้อนในใจคนฟัง  อาการเงียบที่บอกไม่ได้ว่าคนฟังอึ้งหรือซ๊อคเกิดขึ้นกะทันหัน  แต่สำหรับคาเซอริโอมันเป็นทั้งสองอย่างก่อนที่จะรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหลายพากันตีขึ้นด้านบนจนหน้าร้อนหูร้อนเหมือนจะมีควันพุ่งออกมา  ต้องหันไปคว้าคอเจ้าหมาตัวข้างๆแล้วจับเขย่าๆเสียจนหัวนั้นสั่นไปมาเหมือนจะหลุดเสียให้ได้


   “แกพ่นอะไรออกมาห๊ะเจ้าหมาโง่”คาเซอริโอกระซิบเสียงรอดไรฟันหวังให้แค่เขาและมันได้ยิน


   “ข้า แค่ก  ข้าแค่พูดความจริง อึก ปล่อย”


   “ความจริงอะไรของแกว่ะไอ้หมางี่เง่า”นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วคาเซอริโอยังออกแรงบีบมากขึ้นจนเจ้าหมานั้นหน้าเขียวหน้าแดง


   “ความจริง อึก ที่ว่าเจ้าเป็น ของข้า..”


   “ห๊ะ ว่าไงนะ”และก่อนที่เขาจะได้บีบคอมันจนตายคามือดังใจคิดก็มีมือปริศนามาคว้ามือเขาด้วยแรงมหาศาลจนต้องปล่อยคอสีน้ำผึ้งที่บัดนี้มีรอยแดงรูปมือขึ้นจนน่ากลัว


   “แกอย่ามายุ่ง”คาเซอริโอสะบัดมือออกให้หลุดจากการเกาะกุมซึ่งเจ้าตัวที่ทำก็ยอมปล่อยแต่โดยดี


   “ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าทำร้ายเพื่อนของข้า และนั้นก็คือคู่ของเจ้า”


“แกหมายความว่าไงห๊ะ”คาเซอริโอหันกลับไปเอาเรื่องกับหมาข้างหลัง เจ้าเยอร์เซ็พที่ตอนนี้กำลังยิ้มแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ้มแบบสมใจและเจ้าเล่ห์แบบที่คาเซอริโอเห็นแล้วน่าเอาปืนกรอกปาก


   “ข้าพูดตามความจริง เพราะว่ากลิ่นที่ติดอยู่บนตัวเจ้ามันฟ้อง”คำพูดเรียบๆแต่เหมือนไม้ตีแสกหน้าสำหรับมาเฟียอย่างเขา  กลิ่นงั้นเหรอ ตัวเขาไปติดกลิ่นจากมันตอนไหนกัน  อ่ะ เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆทำให้คาเซอริโอนึกปวดหัวขึ้นมาทันควัน เขาเพิ่งขี่หลังมันมาและก่อนหน้านั้นเขากับมันเพิ่ง


   “เจ้าพูดเรื่องจริงงั้นเหรอซาเวียร์”ทีเบอริสที่ดูจะตั้งสติได้ก่อนใครถามขึ้น ด้วยสีหน้าที่พยายามปรับให้เป็นปกติที่สุด


   “ข้าไม่มีความจำเป็นต้องโกหก”


   “เจ้าเลือกมนุษย์เป็นคู่”


   “แชมเบอร์เองก็เลือกมนุษย์”เสียงอือฮาดังขึ้นและเป็นตัวเรียกสติกลับมาหาคาเซอริโออีกครั้ง เจ้าหมาที่ชื่อแชมเบอร์มีคู่เป็นมนุษย์หากเจ้าเยอร์เซ็พมีคู่เป็นหมอฮิโตะแบบที่เขาคาดเดาแล้วคู่ของเจ้าหมาแชมเบอร์หละคงไม่ใช่


“แต่นั้น..”เจ้าหมาจายาเหมือนจะใบ้กินกะทันหัน


   “ริวจิไม่เคยทำเรื่องเดือดร้อนให้เรา”เจ้าตัวที่น่าจะชื่อแชมเบอร์แก้ตัวแทนขึ้นมาทันที แบบนี้ก็ลงล็อคว่าคู่ของเจ้าแชมเบอร์คือริวจิผู้ช่วยหมอที่แสนจะน่าสงสัย ไม่ทำเรื่องเดือดร้อนงั้นเหรอ เดือนร้อนจนพวกแกคิดไม่ถึงเลยต่างหาก


   “เอาหละ  หากซาเวียร์ทำไปเพื่อปกป้องคาโลคู่ของเขามันก็เป็นเรื่องที่ฟังขึ้น ต่อไปเรา..”


   “ไม่ได้นะทีเบอริส เจ้ามนุษย์นั้นจะนำความหายนะมาให้เรา”จายาคนเดิมยังไม่ละความพยายามที่จะหาทางเขี่ยมนุษย์อย่างเขาให้พ้นทาง ในโลกของเขามีการเหยียดสีผิวเหยียดชนชาติ ไม่ยักรู้ว่าในโลกของพวกปีศาจก็มีการเหยียดเผ่าพันธุ์ไม่ต่างกัน


   “เราปกป้องคนของเราเสมอ”ทีเบอริสพูดเสียงเรียบ  ดวงตาสีแดงคู่นั้นเริ่มทอประกายกร้าวเหมือนมันจะพยายามข่มอารมณ์อยู่ไม่น้อย


   “แต่มันไม่ใช่คนของเรา มนุษย์นั้นไม่ใช่คนของเรา มันไม่ใช่มาตั้งแต่แรก  เราไม่ควรเอากลุ่มเข้าไปเสี่ยง เจ้าต้องไล่มันออกไป  ไหนๆมันก็เคยอยากจะออกไปอยู่แล้วนี่”ดวงตาของเจ้าหมาจายาตวัดมองเขาด้วยแววตาอาฆาตเหมือนเขาไปฆ่าครอบครัวมันตายซะอย่างนั้น แต่อย่างน้อยวันนี้มันก็พูดถูกอย่างหนึ่งว่าเขาเคยพูดว่าจะออกไป ใช่ นั้นคือสิ่งแรกที่เขาคิดจะทำทันทีที่โผล่มาที่นี้


   “หากคาโลไป ข้าจะไปด้วย”เสียงหือฮาดังขึ้นอีกรอบเมื่อเจ้าหมาข้างตัวพูดออกมาโดยไม่มีแววขี้เล่นเหมือนเดิม


   “แกพูดบ้าอะไร ใครอนุญาตห่ะ”เจ้าหมานั้นไม่ตอบทำเพียงหันมามองเขาแล้วยิ้ม  ยิ้มด้วยดวงตาที่เป็นประกายเหมือนวันแรกที่มันขอเป็นคนดูแลเขา


   “เอาหละ  พอได้แล้วในเมื่อคาโลเป็นคู่ของซาเวียร์ก็เท่ากับเขาเป็นคนของเรา ซาเวียร์เป็นคนของเรา  เราปกป้องคนของเราและครอบครัวของเขาเสมอ ดังนั้นจะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น ข้าตัดสินใจแล้ว”เสียงหือฮายังคงดังขึ้นรอบๆแต่ไม่มีเสียงขัดอีกแล้ว


   “เจ้าช่วยเล่าเรื่องงูตัวนั้นให้ข้าฟังหน่อยได้ไหมซาเวียร์”


   “งูนั้นเป็นตัวเดียวกับที่ทำร้ายชินอู”ประเด็นใหม่เรื่องงูดึงความสนใจออกไปจากเรื่องคู่บ้าบอได้ทันควันและเจ้าชินอูที่นั่งอยู่ในนั้นก็เผลอสะดุ้งตัวขึ้นมา


   “เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ”


   “ข้าแน่ใจ ที่หางของมันที่แผลที่คาโลทำเอาไว้”เสียงหือฮาดังขึ้นอีกรอบ  เสียงที่เหมือนแมลงหึ่งๆจนเขาปวดหัว


   “เป็นจริงอย่างนั้นรึเปล่าชินอู”


   “เจ้างูนั้น  ข้าจำได้ มันถูกคาโลเอามีดแทงที่หางเป็นแผลยาว”เจ้าหมาชินอูตอบสีหน้ามีแววกังวลเด่นชัด


“หากเป็นจริงเหมือนที่ซาเวียร์และชินอูพูด ก็หมายความว่าเรากำลังถูกงูคุกคามอีกครั้ง”


   “หากงูนั้นกลับมาเพื่อแก้แค้นก็พอเข้าใจได้ แล้วนางงูนั้นหละ เกี่ยวอะไรด้วย”วูฟเทอรีนที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นบ้าง


   “นางมาโวยวายว่าเราทำร้ายคู่ของนาง หากตัวที่ซาเวียร์เล่นงานไปเป็นคู่ของนางทุกอย่างก็เข้าเค้า”เยอร์เซ็พออกความเห็น


   “แต่ตามปกติแล้วงูไม่ยึดติดกับคู่  ผสมพันธุ์กันแล้วก็แยกย้าย”


“นั้นมันงูธรรมดา พวกงูปีศาจที่แปลงเป็นมนุษย์ได้ก็อาจจะมีการโกรธ หลง ได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป”เยอร์เซ็พออกความเห็นทำให้คาเซอริโอได้ความรู้เรื่องงูเพิ่มขึ้นเหมือนกับอุณหภูมิในตัวเขาที่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ


   “เจ้าไหวรึเปล่า”เสียงกระซิบเบาๆจากข้างหูที่เขาทำได้เพียงส่งเสียงตอบในลำคอไปเบาๆ รู้สึกเหมือนคอแห้งและเจ็บคอมากขึ้นพอๆกับที่ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะเป็นไข้ ใช่คนอย่างคาเซอริโอที่แข็งแรงมาตลอด  กำลังจะเป็นไข้  ไข้ที่ไม่ได้เกิดจากพิษบาดแผลเวลาต่อสู้


“ไปพักกันดีกว่า”เจ้าหมาข้างตัวพึมพำอะไรสักอย่างข้างหูที่ตอนนี้เขาเริ่มจับใจความไม่ค่อยได้


   “ข้าจะพาคาโลไปพักฝากเจ้าตามต่อด้วยนะเยอร์เซ็พ”ซาเวียร์หันไปบอกกับเพื่อนก่อนจะหันไปขออนุญาตกับทีเบอริส


“ดูเหมือนคาโลจะไม่สบายข้าขอพาเขาไปพักก่อน”


   “อืม แล้วข้าจะให้เยอร์เซ็พไปบอกแล้วกัน ถ้ายังไงก็อย่าลืมแวะไปหาฮิโตะหละ”


   “เข้าใจแล้ว”ข้อมือแข็งฉวยเอาแขนคนที่เริ่มนั่งตาแดงขึ้นมาพยุงไว้


   “ฉันไหวน่า”เสียงแหบแห้งเหมือนคนเจ็บคอทำให้คิ้วสีน้ำตาลขมวดฉับก่อนจะพยุงร่างที่เริ่มจะโงนเงนออกไปข้างนอก


   “อ๊ะ ท่านคาโล ท่านซาเวียร์”เสียงทักที่ดังคุ้นๆทำให้คาเซอริโอหรี่ตาที่เกือบจะปิดขึ้นมองอีกครั้ง


   “ชินริ”


   “ข้าเองคะ พอดีข้าเป็นห่วงเห็นว่าท่านหายไปก็เลย  ตายแล้วท่านไม่สบายนี้คะท่านคาโล  รีบไปหาหมอกันเถอะคะเดี๋ยวข้าจะ..”


   “ไม่เป็นไร ขอบใจ ข้าดูแลคู่ของข้าได้”เสียงเจ้าหมาตอบนิ่งๆเหมือนเป็นเรื่องปกติแม้เขาอยากจะอัดมันให้เงียบก็ทำไม่ได้  ทำไม่ได้แม้มันจะพ่นคำพูดทำให้คนฟังอย่างเขาและชินริหน้าเผือดสี


“คู่ของท่าน..”   


   “ใช่  ข้าทำให้เขาเป็นแบบนี้ก็ต้องรับผิดชอบ โทษทีนะข้าต้องรีบไปหาฮิโตะ”คาเซอริโอรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นก่อนจะมองเห็นเพียงกลุ่มผมสีน้ำตาลและแรงสะเทือนเวลาที่เจ้าหมานั้นออกวิ่ง  เขากำลังถูกแบกขึ้นหลัง หึ ผู้ชายน้ำหนักอย่างเขากลับถูกหมานี้แบกขึ้นหลังได้สบายๆ  น่าแปลกที่พวกหมานั้นดันแข็งแรงจนน่าตกใจแต่มันกลับทำให้เขาอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



















        มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ตอนใหม่นี้มีประโยคชวนฟินอย่าง ข้าแค่ปกป้องคู่ของข้า :hao6: :hao6: กรี๊ด  เขียนเองก็ฟินเอง

       หลังบทรักสุดร้อนแรงพ่อหนุ่มคาโลของเราก็ไม่สบายซะแล้วหละคะ ส่วนคนดูแลก็คงไม่พ้นพ่อหมาของเรา แหมหวานกันได้อีก  แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่19 การประชุมของ......15/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: อินะซัง ที่ 15-10-2014 18:19:40
 :haun4: :haun4: :haun4: โอ้!!!  ไม่สะบาย *,,* ฮุฮุ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่19 การประชุมของ......15/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 16-10-2014 05:23:38
โอ้ยอายๆเปิดเผยเต็มๆ


รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่19 การประชุมของ......15/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 16-10-2014 13:21:51
มาต่อแล้ว....บวกๆๆๆๆไปเลย

เขาประกาศออกตัวกันด้วยล่ะ ถึงจะแค่ซาเวียร์ก็เถอะ ...ฮ่าๆ

คาโลไม่สบายเสียแล้ว  แบบนี้ต้องดูแลดีๆ...หุหุ

เรื่องมือที่สามช่างหัวมันไปก่อน เอาแค่เราสองคนก่อนพอ....อิอิ



ปล.มีตัวร้ายมาเพิ่ม และเมื่อไหร่ริวจิจะโดนกระชากหน้ากากนะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่20 สิ่งมีชีวิต..20/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 20-10-2014 22:17:47
ตอนที่ 20 สิ่งมีชีวิตคุ้นหน้าผู้มาเยือน                                                      21/07/2557






   เสียงพูดคุยงึมงำข้างหูก่อให้เกิดความรำคาญจนคิ้วสีทองขมวดเข้าหากันก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดเมื่อเสียงนั้นไม่ได้เบาลงเลยแต่กลับดังชัดขึ้นเรื่อยๆและกำลังรบกวนการนอนของเขาจนต้องลืมตาขึ้นมอง  ภาพแรกที่เห็นคือภาพเพดานถ้ำสีดำและแสงสีทองที่ส่องผ่านมาจากด้านน้ำตก  ความเมื่อยขบทำให้อยากขยับร่างแต่พอลองขยับกลับพบว่าร่างกายทุกส่วนติดขัดและยอกเจ็บต้องร้องครางออกมา


   “อึก”เสียงเบาๆของเขาแต่ไม่อาจรอดพ้นหูของคนที่กำลังคุยกันอยู่ ร่างขาวๆในเสื้อกราวถลาเข้ามาเป็นคนแรกก่อนจะตามด้วยสองหมาที่หนึ่งในนั้นรีบถลาเข้ามาแต่ก็ช้ากว่าอีกตัวที่รีบเอาลิ้นสีชมพูนั้นมาเลียแก้มเขา


บ็อก


   “ซ๊อค”คาเซอริโอปรายตามองเจ้าหมาขนฟูที่กระดิกหางสีดำสั้นๆของมันเร็วๆแต่เพราะหางที่สั้นเกินไปเลยดูเหมือนมันพยายามส่ายก้นจนดูตลก


   “เจ้า/คุณ เป็นยังไงบ้าง”เสียงที่ถามขึ้นพร้อมกันระหว่างหมอฮิโตะกับเจ้าหมาตาสีน้ำตาลทำให้เกิดความเงียบตามขึ้นมา


   “ปวดหัว หิวน้ำ”เสียงตอบของเขาก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ต่างกันของคนและหมา ในขณะที่คนเป็นหมอรีบหันไปด้านข้างเพื่อทำอะไรสักอย่างกับกองสมุนไพร เจ้าหมาที่อยู่อีกข้างก็พุ่งตัวไปยุ่งกับบางอย่างที่ดูเหมือนหม้อน้ำ ในขณะที่หมาอีกตัวทำเพียงนั่งนิ่งๆและจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีทองแดงคู่นั้นเงียบๆ


   “น้ำ  กินช้าๆนะ”น้ำในถ้วยดินเผาถูกยื่นมาให้เขาที่พยายามจะลุกกินน้ำโดยมีมืออีกข้างของเจ้าหมาคอยประคองหลัง  ดูเหมือนคู่รักหวานแหวแต่ในวินาทีที่หิวน้ำจนแทบขาดใจใครจะมองยังไงเขาไม่สน  อาการรีบร้อนเพราะความกระหายทำให้ไอสำลักและมีมือดีมาคอยลูบหลัง แม้บางจังหวะจะแรงจนเหมือนตบหลังมากกว่าก็เถอะ


   “ยาแก้ปวดครับ ดื่มสักหน่อยจะได้ดีขึ้น”ถ้วยยากลิ่นเหม็นเขียวถูกยื่นมาจากอีกด้าน คาเซอริโอทำได้เพียงขมวดคิ้วก่อนจะรับถ้วยยานั้นมากระดกเข้าปากไปแบบเร็วๆแล้วคว้าเอาถ้วยน้ำจากเจ้าหมาล้างปากตาม


   “ฉันมา..”


   “นอน”ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเจ้าหมาที่อยู่ข้างๆก็สวนขึ้นมาทันควัน คิ้วสีทองขมวดฉับก่อนจะหันไปสบตาตากับหมาที่พยามยามจะประครองเขาให้นอนลง


   “ฉันจะนั่ง”


   “เจ้าต้องนอน  เจ้าไม่สบายไข้ขึ้น เพราะฉะนั้นต้องนอนมากๆ”เจ้าหมาตัวข้างๆยังเถียง  ตาสีน้ำตาลนั้นทอแววดุแบบผู้ใหญ่ดุเด็ก ซึ่งมองแล้วมันขัดใจผู้ใหญ่อายุเลยเลข 3 อย่างเขาเป็นที่สุด


“อย่ามาสอนฉัน”


“ข้าไม่ได้สอนเจ้า  ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า ตรงไหนที่ข้าสอนเจ้ากัน”คำพูดซื่อๆกับดวงตาใสแจ๋วทำให้คาโลนึกอยากกุมขมับและเขาก็กุมขมับจริงๆด้วยความปวดหัวก่อนจะยอมเอนหลังนอนลงไปดีๆและสัมผัสได้ว่าผูกนอนมันนุ่มสบายกว่าเดิมเหมือนมันจะหนาขึ้น ได้แบบนั้นก็ดีแล้วไม่ปวดหลังปวดเอว


   “เอาหละ ตอบฉันมาได้แล้วว่าฉันหลับไปนานแค่ไหน”


   “ถ้านับจากตอนที่คุณซาเวียร์พาคุณไปหาผมก็หนึ่งคืนกับอีกครึ่งวันครับ”คาเซอริโอส่งเสียงตอบรับในลำคอ  เขากับเจ้าหมาซาเวียร์เดินทางกลับกลุ่มตอนสายๆ มาถึงก็เข้าประชุม หลังจากนั้นเขาก็ไข้ขึ้น ตื่นอีกทีก็สายของวันใหม่ นับๆไปแล้วก็หนึ่งวันครึ่งเกือบ 2 วันได้แล้ว


   “แล้วทำไมนายมาอยู่นี้หละฮิโตะ”คาเซอริโอหันไปหาอีกคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ในถ้ำนี้ได้


   “เออ  พอดีตอนกลางดึกคุณคาโลไข้ขึ้นสูง คุณซาเวียร์ก็เลยไปตามผมมาดูแลแล้วก็เช็ดตัวให้นะครับ”พูดจบคนพูดก็เขินหน้าแดงอายม้วนเหมือนสาวน้อยจนคาเซอริโอต้องขมวดคิ้วฉับเพราะไม่เข้าใจและคิดทบทวนคำพูดของหมอฮิโตะใหม่อีกครั้งเขาไข้ขึ้นตอนกลางคืนเจ้าหมานั้นไปตามฮิโตะมาคงเพราะดูแลไม่เป็นหละมั้งขนาดลูบหลังยังเหมือนจะตบหลังเขาหักเลย  ส่วนเรื่องเช็ดตัว 


พอคิดถึงเรื่องนี้หน้าของคาเซอริโอก็เหมือนจะเผือดสีลงไป ยิ่งมองเห็นหน้าหมอฮิโตะที่ยังทำเป็นมองนกมองไม้ทั้งๆที่มันไม่มี  มือบิดชายเสื้อไปหูแดงไปเขาก็ยิ่งเข้าใจอะไรได้กระจ่างมากขึ้น  แบบนี้คงรู้แล้วสินะว่าเขาป่วยเพราะอะไร  เป็นหมอจะรู้มันก็ไม่แปลก แล้วยิ่งรอยบนตัวที่เจ้าหมานั้นทำไว้  แม้ไม่มีกระจกให้ส่องเขาก็พอเดาได้ว่ามันเป็นยังไง ตอนอารมณ์หื่นบังตาทุกอย่างก็ดูสนุกหรอก แต่ตอนอาบน้ำแล้วแสบตามตัวนี้สิเป็นหลักฐานชิ้นดีว่ามันเล่นงานเขาไว้ไม่น้อย


   “เออ ยังไงก็ขอบใจนะ”


   “อ่ะครับ  ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้คุณคาโลก็ดีขึ้นมากแล้ว..”


   “กลับ”เจ้าตัวที่นั่งใบ้อยู่นานพูดขึ้นก่อนเดินดุ่มๆถือวิสาสะกวาดบรรดาอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆแล้วฉุดแขนหมอให้ลุกขึ้น  ดูจากท่าทางแล้วการมาดูแลเขาคงทำให้เจ้านั้นหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะสินะ


   “ไปเถอะฉันไม่เป็นอะไรแล้วหละ  เดี๋ยวหมาบ้างตัวจะเส้นอารมณ์ขาดซะก่อนแค่นายมาเช็ดตัวให้ฉันแบบถึงเนื้อถึงตัวก็เกรงใจแย่แล้ว”


   “อ่ะ ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ”อาการตอบรับเพราะความซื่อและหน้าแดงๆเหมือนระเบิดชั้นดี ทำให้เจ้าหมาจอมหวงตวัดตาสีทองแดงมามองเขาด้วยสายตากรุ่นโกรธเหมือนเขาไปเหยียบหาง ไม่สิไปพรากของรักมันมายังไงอย่างั้น  ยั่วขึ้นจริงๆแหะ


“กลับได้แล้ว”มือใหญ่ๆนั้นกระชากทีเดียวร่างที่บางกว่าก็แทบปลิวไปปะทะอกก่อนจะเดินตามแรงคนลาก ที่เดินดุ่มออกไปไม่สนใจ


   “อ๊ะ  อย่าลืมกินยาให้ครบด้วยนะครับ  อากาศเย็นต้องห่มผ้าหนา ห้ามอาบน้ำเย็นๆนะครับ อ๊ะ คุณเยอร์เซ็พช้าลงหน่อยสิครับ”คาเซอริโอโบกมือน้อยๆให้หมอหน้าขาวพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหันมาปะทะกับหมาอีกตัวที่นั่งหน้าหงิกอยู่ข้างๆ


   “เป็นอะไรของแก”คาเซอริโอแกล้งถามขณะยื่นมือไปเกาท้องเจ้าหมาซ็อคที่ลงไปนอนหงายสี่ขาให้เขาเกาท้องให้   


   “หึ”เสียงเบาๆในลำคอพร้อมหน้าที่สะบัดไปอีกทาง  ถึงไม่บอกเขาก็รู้ว่ามันงอนแต่จะเรื่องอะไรนั้นเขาขี้เกียจจะใส่ใจ อีกอย่างท่างอนสะบัดหน้านั้นไม่เข้ากับหน้าโหดๆร่างยักษ์ของมันสักนิด


   “ฉันหิวแล้ว มีอะไรให้กินไหม”คาเซอริโอถามขึ้นลอยๆและแน่นอนคำตอบคือความเงียบ


   “ฉันถามว่ามีอะไรให้กินบ้าง ไม่ได้ยินรึไง”เขาตัดสินใจยื่นมือข้างหนึ่งไปจับคางหนาให้หันมามอง  สบกับดวงตาสีน้ำตาลนั้นก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วจงใจไล้ปลายนิ้วโป้งจากขอบปากไปตามแนวคางที่สัมผัสถึงตอหนวดได้จางๆ


   “ว่าไง”      


   “มีกระต่ายป่าย่าง รอเดี๋ยว”เจ้าหมาปีศาจในร่างคนยักษ์ผุดลุกขึ้นก่อนจะสาวเท้าเร็วๆไปที่กองไฟทำอาหาร จับนู่นทำนี้ให้วุ่นวายทั้งๆที่หูสองข้างนั้นแดงเรื่อ


   “อะไรของมันกันนะ”คาเซอริโอหันไปมองหาเจ้าหมาซ็อคที่มองเขาอยู่ แล้วใช้มือข้างเดียวกันนั้นจับหน้าเล็กๆแล้วเอานิ้วโป้งลูบคอสั้นๆนั้นเล่น


   “ทั้งๆที่ฉันก็ทำแบบเดียวกับที่ทำกับแกแท้ๆ”


   สรุปแล้วมื้อเที่ยงของเขาก็เป็นกระต่ายป่าย่างที่พอกินอิ่มท้องเขาก็หลับยาวก่อนจะตื่นมาอีกครั้งพร้อมกลิ่นหอมของปลาแม่น้ำย่างและความมืดมิดของท้องฟ้า  หลังจากกินปลาพร้อมกับยาลดไข้เสร็จเขาก็ซักจนได้ความว่า ที่เจ้าหมาซาเวียร์ไปช่วยเขาทันก็เพราะเจอกับเจ้าซ็อคที่วิ่งกลับมาหลังจากที่เขาถ่วงเวลาให้มันหนี  นับว่าแผนของเขาได้ผล  แม้จะไม่มั่นใจว่าหมาประหลาดแบบเจ้าซ็อคจะทำได้ แต่มันก็ทำสำเร็จสมกับที่ชอบผุดๆโผล่ๆและทำสิ่งต่างๆให้ประหลาดใจอยู่เรื่อย


   ส่วนเจ้างูที่เล่นงานเขาตัวนั้นได้ความว่าหลังจากที่ถูกกัดครึ่งตัวจนเนื้อวิ่นก็ตกกระแทกหินหายไปในความมืด  แม้ไม่เห็นกับตาว่าตายแต่เจ้าหมาตาใสนั้นก็ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าตายแน่เพราะมั่นใจว่าตัวเองกัดไม่พลาด และไม่นานคงรู้ความจริงว่าตายรึเปล่าเพราะทีเบอริสสั่งให้บรรดาหมาตัวผู้ออกตามแล้ว หากตายจริงเหมือนที่ซาเวียร์โม้แผนป้องกันนางงูคงต้องรัดกุมขึ้น เพราะถูกทำร้ายให้บาดเจ็บกับถูกทำร้ายให้ตายโทษของมันต่างกันมากนัก การมาของนางงูครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่คาเซอริโอเห็นทั้งกลุ่มเตรียมพร้อมรับมือ  เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อเขาคงต้องติดตามดู แต่เป็นไปได้เขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง  เขาอยากดูอยู่ห่างๆและหาช่องทำเพื่อทำบางสิ่งที่เขาสมควรทำสักที 


อ้อมกอดอุ่นๆในคืนที่มีไข้และอากาศหนาวรุมแบบนี้  สมองก็เหมือนจะล้าลงเรื่อยๆลำพังแค่ฟังเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาเขาก็เพลียแทบหลับ ดังนั้นคืนนี้เขาจะยอมนอนเป็นหมอนข้างให้มันอีกคืน ก่อนที่พรุ่งนี้ทันทีที่ดีขึ้นเขาคงต้องเริ่มคิดถึงบางอย่างแบบจริงจัง



   

   แสงแดดยามสายส่องผ่านช่องแตกของหินริมฝั่งน้ำตกเข้ามาแตะระเรี่ยข้างฟูกนอน เงาของน้ำที่สะท้อนแสงอาทิตย์กลายเป็นล่อนคลื่นที่เปรียบเสมือวอลเปเปอร์  ผ้าห่มผืนหนาที่อุ่นจัดทำให้หนึ่งคนและหนึ่งหมานอนหลับสนิทมาตลอดทั้งคืน  แม้อีกหนึ่งหมาปีศาจจะลุกออกไปก็ไม่อาจปลุกผู้หลับใหลให้ตื่นได้  นอกเสียจากผู้หลับใหลนั้นจะอยากตื่นเองเช่นครั้งนี้


เปลือกตาเปิดออกให้โอกาสดวงตาสีเทาสัมผัสกับแสงแดดยามสายก่อนเจ้าของร่างจะกระพริบตาแล้วเปลี่ยนตัวเองจากท่านอนตะแครงเป็นท่านอนหงาย  คิ้วสีทองขมวดเข้าหากันเหมือนใช้ความคิด  อาจเพราะฟูกที่อุ่นจนเกินไปหรือเพราะวอลเปเปอร์ม่านน้ำลายแปลกก็ไม่รู้ที่ทำให้หัวเขาไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างที่อยากคิด ร่างสูงๆนั้นจึงลุกขึ้นจากฟูกจัดการธุระส่วนตัวแล้วเดินมาหยุดที่ช่องแตกริมน้ำตก


   ช่องแตกที่สูงกว่าหัวเขาไปกว่าคืบ และกว้างประมาณเขาเหยียดแขนออกจนสุด  ถัดออกไปคือต้นไม้เล็กที่สูงชะรูดและเถาวัลย์เส้นยาวที่พันกันจนยุ่งเหยิงหากไม่สังเกตดีๆคงมองไม่เห็นช่องตรงที่เขายืนอยู่แต่เขากลับมองเห็นน้ำตกด้านล่างได้อย่างชัดเจน  เห็นถึงความแรงของน้ำที่ตกกระทบพื้นจนแตกกระจายเป็นฟอง  ปลายเท้าเปล่าเปลือยก้าวถอยไปข้างหลังก่อนจะออกแรงวิ่งแล้วพุ่งตัวลงไปหากระแสน้ำ เสี่ยววินาทีที่หูได้ยินเพียงเสียงน้ำและภาพละอองสีขาวที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


ตูม   


   ร่างทั้งร่างหล่นกระแทกกับผืนน้ำแล้วร่วงลงไปด้านล่างตามแรงโน้มถ่วงและแรงกดของน้ำ  ขาและแขนทั้งสองข้างออกแรงดำดิ่งลงไปเรื่อย  แสงแดดที่ส่องเข้ามาไม่ทำให้เขามองเห็นอะไรได้นอกจาก ฝุ่นและเศษไม้ เศษหินที่ปลิวว่อนเพราะแรงกระแทกของน้ำ  คาเซอริโอปล่อยให้กระแสน้ำพัดตัวเขาออกไปเรื่อยๆก่อนจะตัดสินใจโผล่ขึ้นเหนือน้ำเมื่ออากาศใกล้หมดจากปอด  มือขาวคว้าจับเข้าที่โขดหินก่อนจะโหนตัวให้ร่างกายไปนอนแผ่อยู่บนหินกว้าง ปล่อยให้ปอดและซี่โครงทำงานอย่างหนักเพื่อโกยอากาศเข้าปอด มือที่เหมือนจะอ่อนแรงลงเพราะออกแรงว่ายน้ำยกขึ้นลูบน้ำออกจากหน้าก่อนเจ้าของมือจะชูมือขึ้นสูง
 

   นานเท่าไหร่แล้วที่มือคู่นี้ไม่ได้สัมผัสกับปืน  นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับเลือดมนุษย์  นานแค่ไหนแล้วที่รู้สึกว่ามันอุ่นขึ้นเพราะสัมผัสจากใครอีกคน  เมื่อวานมันดูเหมือนนาน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว มันสั้น  ความอบอุ่นนั้นมันสั้น  มันเหมือนวันพักร้อนสำหรับเขา  วันพักร้อนที่เขาไม่ได้มีมานาน  เมื่อมีและอยู่กับมันจนเริ่มจะชินชามันก็ถึงเวลาที่ต้องหยุด  หยุดพักร้อนแล้วกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง  กลับเป็นสู่โลกของเขาที่เคยเป็น  หากเป็นการพักร้อนธรรมดามันคงง่ายที่จะกลับไป แม้จะแอบเสียดายความสงบแต่เขาคงเต็มใจที่จะกลับไป  กลับไปทำตามคำสัญญา  ทำตามคำสั่งสอน กลับไปหาดอนของเขา  แล้วทำไมครั้งนี้ แค่คิดว่าต้องกลับถึงได้เหนื่อยนัก


    เหนื่อยจนต้องวางมือแผ่ไว้ข้างตัว  เหนื่อยจนต้องนอนนิ่งๆ แล้วปิดเปลือกตาลงปล่อยให้แสงแดดยามสายที่ส่องผ่านยอดไม้ลามเลียผิวกายและเสื้อผ้าจนแห้ง ปล่อยลมและสายน้ำไหลผ่านรอบตัวไปช้าๆ  เหมือนเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติไม่ใช่มนุษย์ที่วิ่งไปมาและเคลื่อนที่เหมือนเช่นเคยเป็น


   “ข้าว่าหากเจ้านอนนานกว่านี้ จากตากแดดเจ้าจะได้ตากน้ำค้างด้วยนะ”เสียงพูดที่ดังขึ้นเหนือหัวและเงามืดที่ทาบทับบดบังแสงอาทิตย์ยามเย็นทำให้คิ้วสีทองขมวดฉับก่อนจะเปิดขึ้นเพื่อมองคนหรืออะไรก็ตามแต่ที่บังอาจขัดขวางก่อนพักผ่อนของเขา


สิ่งมีชีวิตที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้คิ้วขมวดเข้ากันมากกว่าเดิม  สิ่งมีชีวิตประหลาด เจ้าตัวที่มีตาสีทองกรอบดำ  ใบหน้าเรียว รูจมูกที่เล็กกว่ามนุษย์และเส้นผมสีทองที่มีล่อนคลื่นสีดำ  และตอนนี้เส้นผมยาวๆนั้นก็กำลังคลอเคลียกับใบหน้าเขาเพราะระยะห่างที่ใกล้เกินไปของเขากับมัน


   “แก.”


   “โอ้ หน้าแบบนั้นแสดงว่าจำกันได้สินะ”


   “ไสหัวไปให้พ้นๆไป”มือหนาตวัดเข้าหาซอกคอขาวจนเหมือนซีดแต่เจ้าบ้านั้นก็ดันเหมือนนกรู้ รีบหลบฉากออกไปก่อนที่เขาจะทันได้คว้าคอมัน


   “ยังกล้าและบ้าบิ่นเหมือนเดิมเลยนะ”


   “แกมาทำอะไรที่นี่   คูลาตัส”คาเซอริโอผุดลุกขึ้นก่อนจะหันไปสบตากับเจ้างูประหลาดที่พอนั่งแบบนี้ทำให้เขาเห็นว่าผมสีทองนั้นยาวจนละไปตามพื้น น่าจับไปทำไม้กวาดจริงๆ


   “ข้ามาเยี่ยมญาติ”


   “ญาติ  ไม่ยักรู้ว่าแกมีญาติเป็นหมาด้วย”คิ้วงูปีศาจขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะคลายออกพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก


   “เจ้ายังคงปากร้ายเหมือนเคย”


   “ถ้าแกยังจำได้ว่าฉันปากเสีย  งั้นแกก็คงจำได้เหมือนกันว่าฉันไม่เคยพูดหวานๆกับพวกตัวผู้”


   “หืม  คลายๆว่าเจ้าเคยพูดเอาไว้แบบนั้น”


   “สรุปแกจะบอกฉันรึเปล่าว่ามาทำอะไรแถวนี้”คาเซอริโอถามขณะขยับเปลี่ยนท่า ทั้งแก้เมื่อยและเป็นการตั้งรับไปในตัว  ช่วงนี้เขายิ่งมีคดีกับงูซะด้วย


   “ข้าบอกเจ้าไปแล้วคาโลว่าข้า มาเยี่ยมญาติ”รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นยังคงเหมือนเดิม แต่เขากลับรู้สึกว่าบางอย่างไม่เหมือนเดิม เจ้านั้นจงใจเดินทางมาที่นี้  มาในดงของหมาแม้จะยังไม่เข้าใกล้กลุ่มแต่ก็ใกล้จนน่าหวาดเสียวและไม่แน่ว่ามันอาจจะรู้หรือไม่รู้เรื่องที่พวกหมากำลังเตรียมการรับมือกับนางงู  มันมาในเวลาที่เสี่ยง ถ้ามาเพราะไม่รู้จริงๆก็คงไม่พ้นงูโง่ๆตัวหนึ่ง แต่ถ้ามาทั้งๆที่รู้สถานการณ์บางทีเรื่องนี้อาจยากกว่าที่คิด


   “เจ้าเห็นรึเปล่าญาติข้าคนนั้นนะ”


   “ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ๆน้องๆแก แล้วจะรู้ได้ไงว่าญาติแกเป็นตัวไหน  งูเล็กน้อยๆแถวนี้ก็มีให้เห็นเกลื่อน”


   “อย่าเอาข้าไปรวมกับพวกงูตัวเล็กแบบนั้นสิ  เจ้าบอกไม่เคยเห็นหน้าญาติข้า  ข้าว่าเจ้ากำลังพูดผิดไปนะ  ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้น คิดสิคิดคาโล”รอยยิ้มที่กว้างขึ้นบนมุมปากเริ่มทำให้มาเฟียอย่างเขาเครียดมากขึ้น  งูที่เขาเคยเห็นหากไม่นับเจ้าพวกตัวเล็กอย่างที่มันว่าก็เหลือเพียงตัวเดียว  ตัวที่เล่นงานชินอูและเป็นตัวเดียวกับที่ถูกเจ้าหมากัดจนตัวขาดวิ่นและตอนนี้ยังไม่รู่ว่าจะตายหรือยัง


   “บางที เรื่องบางเรื่องมันก็ตลกร้ายกว่าที่คิด”ใบหน้านั้นยื่นเข้ามาใกล้  ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจและบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวแผ่วเบา ขาสองข้างออกแรงถีบตัวไปในอากาศแต่ก็ยังช้าเกินไป  เขาถูกจับรัดด้วยหางงู  หางงูสีดำที่มีลวดลายสีเหลืองทองพาดผ่านเป็นริ้ว


   “แก...”คาเซอริโอกำลังอับจนด้วยคำพูดกับเรื่องที่เกิดขึ้น  เขากำลังถูกหางงูที่มีขนาดใหญ่เท่าต้นไม้รัด  มันกำลังออกแรงรัดเขาช้าๆจากข้อเท้ายาวขึ้นมาจนถึงช่วงเอว


   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ  ถึงแม้มันจะน่าสนใจมากก็เถอะ”ตัวส่วนบนที่ยังคงสภาพแบบมนุษย์กลับยิ่งทำให้ขนในกายคนมองอย่างเขาลุกชันเพราะตอนนี้มันเหมือนเขากำลังดูหนังแฟนตาซีสยองขวัญที่ตัวเองกำลังเป็นตัวแสดงนำ


   “แกต้องการอะไร”คาเซอริโอเปิดปากถาม


   “ไม่เอาน่า  ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าแบบนั้น รู้ไหมเจ้าเป็นเหยื่อคนแรกเลยนะที่ถูกข้ารัดแล้วไม่ทำหน้าหวาดกลัวข้านะ”ใบหน้าเรียวได้รูปนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนลิ้นสีแดงสองแฉกนั้นสามารถเลียแก้มเขาได้ถนัด


   “อืม  อร่อย”   


   “ไอ้งูโรคจิต”คาเซอริโอเบี่ยงหน้าหลบ  สัมผัสของน้ำลายที่ข้างแก้มทำให้คั่นเนื้อคั่นตัวแบบแปลกๆ


   “งั้นข้าคงโรคจิตไม่ต่างจากเจ้าหมาที่อยู่ข้างกายเจ้า”ดวงตาสีทองตวัดมองเจ้างูที่มีครึ่งตัวเป็นร่างคน  มันรู้


   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ  ก็ตัวเจ้านะมีรสชาติของหมา  ถึงแม้จมูกข้าจะไม่ดีเท่าพวกนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้ารับรสไม่ได้หรอกนะ”


   “ปล่อยฉัน”คาเซอริโอออกแรงดิ้นมากขึ้น  ตอนนี้เขากำลังโกรธ  โกรธที่มันบอกว่าเขารสชาติเหมือนหมา


   “ไม่เอาน่า เจ้าไม่อยากรู้เรื่องญาติข้ารึไง”


   “หึ  ไอ้งูที่กำลังจะกลายเป็นศพนะ ฉันไม่อยากรู้หรอก”ข้อมือที่ถูกรัดอยู่ข้างเอวออกแรงกระชาก  ปลายมีดแหลมคมกรีดเข้าที่เกร็ดสีดำ  รอยบาดลึกจนเลือดสีแดงสดทะลึก ขดหางคลายออกตามสัญชาตญาณ ร่างของมนุษย์ที่ถูกรัดจึงร่วงน้ำก่อนที่เจ้าของจะพาตัวเองผุดขึ้นมาที่หินอีกฝั่ง


   “ความบ้าบิ่นของเจ้ากำลังทำความลำบากให้ข้านะคาโล”เจ้างูปีศาจยังคงพูดเรื่อยๆแม้บาดแผลที่หางจะกว้างและยังมีเลือดไหลซึม


   “แต่มันคงทำความโชคดีให้ฉัน”


   “เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะหนีไปจากข้าได้ ในสภาพนั้น”เจ้างูยิ้มกว้างขณะมองตรงมาที่เขา ใช่เขาหลุดออกมาจากหางมันได้โดยแลกมากับรอยบาดเป็นทางยาวที่ช่วงสะโพก  การชักมีดที่ติดอยู่ที่ปลอกข้างตัวในช่วงที่มันชะงักเพราะคำพูดของเขา  มีดด้ามยาวที่ถูกรัดอยู่ระหว่างตัวเขากับหางงู  มันเจ็บ  เขาเจ็บ


   “มันก็ไม่แน่  ตอนนี้ฉันมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น ไม่รอดก็ตาย”


   “ทำไมเจ้าไม่เลือกทางที่ 3 ให้ตัวเองหละคาโล”เจ้าคนครึ่งงูยังคงพูดต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน แน่หละบาดแผลของมันแม้จะใหญ่แต่ถ้าเทียบกับขนาดตัวคงเหมือนถูกมีดทำครัวบาดนิ้วนั้นหละ


   “ทางเลือกอะไรของแก”


   “ข้าถูกใจเจ้านะคาโล  ทำไมไม่..”


   “หยุดความคิดอุบาทของแกซะ”แค่คิดตามที่มันคิดเขารู้สึกขนลุกจนเกินทนแล้ว 


   “เจ้านี้ใจแคบจังนะ  ยอมให้เจ้าหมานั้นได้แต่ไม่คิดจะยอมข้างั้นเหรอ ข้าเชื่อว่าข้าเองก็มีดีไปไม่น้อยกว่าเจ้าหมาขนยุบยับที่รสชาติไม่ได้เรื่องนั้น”เจ้างูนั้นยังคงยกหางตัวเองต่อไปอย่างไม่ยี่ระ


   “ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับแก  ฉันมีทางเลือกให้สองทางเท่านั้น”


   “แย่จริง  ทั้งๆที่อยากคุยด้วยนานกว่านี้แท้ๆ”ลิ้นแดงสดนั้นเเล่บเลียออกมานอกปาก  ก่อนใบหน้านั้นจะเคลื่อนเข้ามาใกล้  มีดด้ามยาวในมือกระชับมั่นแต่ก่อนที่เขาจะได้จ้วงแทง มันก็หยุดชะงัก


   “งูที่เจ้าบอกว่ากำลังจะกลายเป็นศพนะเป็นน้องชายของข้าเอง”มีดที่ยกขึ้นค้างกลางอากาศเมื่อคำพูดของมันทำให้เลือดในกายของคนฟังอย่างเขาเย็นเฉียบ


   “ไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้น  แม้จะเป็นน้องชายก็เป็นน้องชายที่ยังไงดีหละแค่ออกมาจากท้องแม่ตัวเดียวกัน  แค่เห็นหน้ากันตอนเกิดแวบเดียวทันก่อนที่มันจะฆ่าข้าก็เท่านั้น หึ”เจ้างูตรงหน้ายังคงพูดเรื่อยๆในเรื่องที่คนอย่างคาเซอริโอยากจะทำความเข้าใจถึงการสืบพันธุ์อะไรของงูพวกนั้น


   “ที่ฐานะที่เจ้าทำให้ข้าถูกใจ ขอเตือนอะไรไว้อย่างนะ  แม้ข้าจะไม่สนใจว่าคีอานัส  น้องชายห่างๆนั้นมันจะเป็นหรือตายแต่มาเรียอานะนางไม่ใช่  นางหลงใหลคีอานัส  หลงใหลจนผิดวิสัยงูและนางเป็นคนอารมณ์ร้ายแบบที่ข้าเองก็ยังไม่นึกชอบใจเพราะฉะนั้นอยู่ห่างๆนางนะคาโล  เพราะหากนางทำอะไรเจ้าขึ้นมาข้าเองคงเสียใจน่าดู”ฝ่ามือที่ขาวจนซีดเหมือนศพยกขึ้นไล้ข้างแก้มเขาชั่วสัมผัสเดียวก่อนที่เขาจะสะบัดหน้าหนี


   “แล้วเจอกันนะ”เจ้างูนั้นยิ้มกว้างก่อนจะพุ่งตัวเลื้อยหายไปในแนวป่า ปล่อยให้เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ทั้งๆที่ในสมองกำลังสับสน  วิทยาศาสตร์สอนว่าโลกของมนุษย์นั้นกลมแต่ไม่ได้บอกเอาไว้ด้วยว่าโลกของปีศาจนั้นมันทั้งกลมและเล็ก  มีเรื่องเข้ามาให้คิดไม่หยุดหย่อนเลยจริงๆ


หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่20 สิ่งมีชีวิตคุ้น...20/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 20-10-2014 22:21:02
   “คาโล”เสียงน้ำที่แตกกระจายและเสียงเรียกทำให้ทันเห็นเจ้าหมาที่กลายเป็นคนกำลังวิ่งลุยน้ำมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมๆกับเพื่อนหมาปีศาจอีก 3-4 ตัว


   “อะไร”


   “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”


   “ฉันสบายดี”คาเซอริตอบแม้จะยังเจ็บแผลที่สะโพกเมื่อขยับตัวลุกขึ้น


   “ข้าได้กลิ่นงู  นั้นมันเลือด”เจ้าหมาตัวแสบคว้าหมับที่สะโพกของเขาเร็วเกินที่จะได้อ้าปากประท้วงมันก็กระชากกางเกงเขาจนล่วงมากองหมิ่นเหม่ที่สะโพก เผยให้เห็นแผลบาดเป็นทางยาวกว่าฝ่ามือที่ยังมีเลือดไหลซึมออกมา


   “เกิดอะไรขึ้น  ใครทำอะไรเจ้า  บอกข้าสิคาโล”


   “เลิกทำหน้าเหมือนหมากังวลแบบนั้นสักทีเถอะ”คาโลปัดมือมันออกจากกางเกงและพยายามจะดึงมันขึ้นก่อนจะพบว่ามันขาดออกจนไม่สามารถเกาะอยู่บนเอวได้ ให้ตายสิไอ้หมาบ้า


   “ตอบข้ามาคาโล  ใครทำร้ายเจ้า”มือใหญ่นั้นออกแรงกระชากแขนเขาจนเกือบเผลอปล่อยให้กางเกงร่วงลงไปกอง  แรงบีบที่แขนเจ็บแต่ไม่น่าโมโหเท่าที่มันเกือบทำกางเกงเขาร่วง ก่อเรื่องอนาจารท่ามกลางสายตาหมาๆอีก 3 ตัว


   “แกนี่มัน”คาเซอริโอสบกับดวงตาสีน้ำตาลที่เหมือนมีประกายแห่งความโกรธลุกโชนอยู่ภายใน


   “คาโลได้โปรด  เจ้ากำลังทำให้ข้าบ้ารู้ตัวบ้างไหม”เขาเองก็อยากตอบกลับไปเหมือนกันว่ามันกำลังทำให้เขาเส้นเลือดในสมองแตกเพราะอยู่ใกล้ๆมัน


   “ฉันทำตัวเอง”


   “คาโล ขอร้อง..”


   “หรือแกคิดว่าฉันโกหก”คาเซอริโอจ้องกลับเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น  มันกำลังจะทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว


   “ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น”


   “เหอะ  หุบปากซะ ฉันพูดเรื่องที่ควรพูดไปแล้ว”คาเซอริโอสะบัดตัวออกจากแขนนั้น  เขากำลังโมโห ใช่  กำลังโมโหที่มันหาว่าเขาโกหก งี่เง่าสิ้นดี


   “พวกข้าได้กลิ่นงู  ถึงได้ตามมา  เจอว่าเจ้ามีบาดแผล แต่พอถามเจ้ากลับบอกว่าทำตัวเอง แล้วกลิ่นงูนั้นหละมันอะไร”ขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก ลมอุ่นระอุถูกระบายออกจากจมูกก่อนที่เขาจะกลับไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง


   “ถ้าพวกแกจมูกดีจนได้กลิ่นงูจริงทำไมไม่ตามกลิ่นมันไปหละ มาเสียเวลาถามฉันอยู่ทำไม  ตามมันไปสิ มันหนีเข้าป่าโน่นไปแล้ว”คาเซอริโอตะโกนเสียงดังก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ทันได้ยินเสียงเห่าหอนและเสียงฝีเท้าที่วิ่งตะกุยเข้าไปในป่า ทางเดียวกับที่เจ้างูโรคจิตนั้นหายไป  อารมณ์โมโหกำลังครอบงำทุกอย่าง มันกำลังทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง  ทำไมเขาต้องโมโหขนาดนั้น  ทำไมกัน


   “คาโล”เสียงเรียกพร้อมกับแรงคว้าจับที่ข้อมือทำให้เขาต้องกันกลับไปหามัน


ผลั่ก


   หมัดหนักๆกระทบเข้าข้างแก้มสีน้ำผึ้งนั้น เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาตามมุมปาก หมัดนั้นคงหนักพอควรเลยหละ


   “ข้าขอโทษ”


   “เรื่องอะไร”


   “เรื่องที่ข้า...”


   “ที่แกคิดว่าฉันโกหก”คาเซอริโอมองตรงไปด้านหน้าแต่เจ้าหมานั้นกลับหลบตาเขาและมันกำลังทำให้เขาอึดอัด  อึดอัดจนต้องถีบไปเต็มๆหน้าท้องเปลือยเปล่านั้น แรงถีบนั้นทำให้มันล้มลงแต่กลับไม่ทำให้ความโกรธของเขาลดลง  เท้าเปลือยเปล่าย่างสามขุมไปหาก่อนจะกระทืบลงบนหน้าท้องนั้นอีกรอบ  เตะอัดเข้าที่สีข้างนั้นอีกครั้ง  แต่พอจะกระทืบซ้ำเท้าก็ถูกกระชากจนร่างล้มโครม  แผ่นหลังกระแทกเข้ากับดินแข็งๆแต่หัวกลับกระแทกเข้ากับท่อนแขนที่ยื่นมารองรับ


   “พอใจรึยัง”เจ้าหมาที่ปากแตกเพราะแรงหมัดถามขึ้น


   “ปล่อยฉัน”


   “ไม่  จนกว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้า”


   “งั้นก็ปล่อยให้ฉันกระทืบแกจนกว่าจะพอใจสิ”


   “ตอนนั้นข้าอาจช้ำในตาย  มีใครเคยบอกรึเปล่าว่าเจ้าหมัดหนักแถมแรงก็เยอะอีกด้วย”เจ้าหมานั้นยิ้มให้เขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย  มันบอกว่าเขาแรงเยอะแต่เขากลับไม่เคยหนีจากอ้อมกอดมันได้สักครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน  เขาไม่มีแรงที่จะหนีไปจากมัน ยิ่งพอมันก้มหน้าลงมาเขากลับรู้สึกว่าแรงมันหายไปดื้อๆ  ปล่อยให้มันเลาะเล็มปากเขาอย่างย่ามใจ  ยิ่งตอนเปิดปากให้มันหายเศษหาเลยกับลิ้นตัวเองได้เขายิ่งโมโห โมโหจนต้องดูดลิ้นมันแรงๆและทำให้มันดูดลิ้นเขาแรงกลับมาเป็นเท่าตัว


   “อืม”เสียงครางที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครทำให้รสจูบกลางแสงจันทร์เร่าร้อนขึ้น ริมฝีปากสองคู่ที่แนบกันได้สนิทเหมือนกับร่างสองร่างที่กอดรัดกันจนแนบแน่น


   “ตัวเจ้ามีกลิ่นงูนะรู้ไหม”ประโยคแรกที่มันพูดกับเขาหลังปล่อยปากเขาเป็นอิสระคือตัวเขามีกลิ่นของงู ในขณะที่เจ้างูนั้นบอกว่าเขามีรสชาติของหมา


   “ไปให้พ้น”คาเซอริโอตัดสินใจผลักมันออกไปให้พ้นตัวแล้วเดินดุ่มๆหนีไปอีกด้าน


   “นั้นเจ้าจะไปไหน”


   “ไปอาบน้ำ”พอตะโกนออกไปแล้วเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้านั้นเขาก็อยากเอาปืนยิงหัวตัวเองทิ้งจริงๆ  ยิ่งพอเขาเดินหนีแล้วมีเจ้าหมาเดินยิ้มกว้างตามมาก็ยิ่งต้องออกแรงเดินให้เร็วขึ้นจนกลายเป็นวิ่ง  แสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาทำให้มองเห็นเจ้าหมาขนปุยสีดำที่จ้องมองมาทางเขาก่อนจะเอาหัวสั้นๆนั้นหันไปอีกทางแล้วหลับตาลงเหมือนจะไม่สนใจเขาอีกครั้ง มันหน้าหงุดหงิดจนเขาต้องเดินหนีไปอีกทางไปตามทางเดินแคบๆที่มีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาตามรอยแตกและพาตัวเองเข้าไปยืนอยู่ใต้สายน้ำเย็นๆให้หัวมันเย็นลง  เขาพูดบ้าทำบ้าอะไรลงไป  แล้วทำไมเขาต้องมายืนอยู่ใต้น้ำด้วย แบบนี้ไม่เหมือนกับว่าเขากำลังเชิญชวนมันเหรอ  คิดได้แบบนั้นขาทั้งสองข้างก็เตรียมพาเจ้าของหนีแต่กลับช้ากว่าบางตัวที่รวบกอดเขาแน่นจากด้านหลัง


   “เจ้ากำลังยั่วข้านะคาโล”


   “ใครยั่วแกกันห๊ะ”พอจะหันไปด่าดันกลายเป็นว่าเขาโดนมันจูบ  จูบร้อนแรงที่ต้อนให้เขาก้าวมายื่นข้างสายน้ำ ลิ้นร้อนที่กวาดคว้านไปทั่วปากกำลังทำให้เขามึนงง  อารมณ์ที่ถูกปลุกอย่างง่ายดายจนน่าโมโหแต่ตอนนี้เขากลับไม่มีแรงปฏิเสธนอกจากร่วมมือกับมันเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ที่โหมกระพืออยู่ให้ลดหายไป


   “หืม”เสียงครางครือในลำคอเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกโหมกระพือให้สูงขึ้น แรงบดเบียดที่ริมฝีปากแนบแน่นและรุนแรงจนหยดน้ำใสไหลซึมออกมาปะปนกับน้ำ ฝ่ามือสีน้ำผึ้งปะป่ายไปบนแผ่นหลังก่อนจะฉีกกระชากเสื้อผ้าดิบจนกลายเป็นริ้ว เปิดโอกาสให้ฝ่ามือสัมผัสแนบแน่นกับแผ่นหลังขาวที่เปล่าเปลือยแล้วไล่เปะปะลงไปด้านล่างกระชากเอากางเกงที่กองหมิ่นเหม่ออกไปให้พ้นทางเพื่อกอบกุมก้อนเนื้อหนั่นแน่นคู่เต็มไม่เต็มมือ


   “หือ  อ่ะ”ริมฝีปากหนาผละออกจากกลีบปากที่แดงเรื่อก่อนไต่ไปตามลำคอที่แหงนหงายไปด้านหลังเปิดโอกาสให้ริมฝีปากนั้นจู่โจมได้ถนัด  ออกแรงดูดแรงๆที่ตุ่มเนื้อสีทับทิมทั้งสองข้างก่อนจะถูกฝ่ามือขาวกดให้เคลื่อนต่ำไปตามแนวกล้ามท้องแต่ริมฝีปากนั้นกลับเบี่ยงออกไปด้านข้างแล้วหยุดชะงัก


   “รอยมีด”คาเซอริโอเปิดเปลือกตาก่อนจะมองสบกับดวงตาสีน้ำตาลของเจ้าตัวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า


   “ข้าน่าจะมาเร็วกว่านี้”ยังไม่ทันได้ถามว่ามันคิดไปไกลถึงไหนลิ้นสีแดงสดก็แลบเลียไปตามรอยแผลที่ยังมีเลือดซึมออกมา สัมผัสแสบร้อนแล่นจากรอยแผลไปทั่วไขสันหลังก่อนจะลามไปทั่วร่างเมื่อริมฝีปากนั้นวกกับมาครอบครองที่ส่วนกลางลำตัวอีกครั้ง  ส่วนสำคัญที่ถูกดูดเลียจนต้องครางในลำคอเหมือนคนกินของเผ็ดร้อน  อารมณ์แห่งความปรารถนาถูกโหมกระพือจนเกือบจะถึงจุดหมายทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อความอุ่นร้อนนั้นหายไปจนต้องหันไปมองด้วยความมึนงง


   “อย่าเพิ่งรีบสิ”ร่างทั้งร่างถูกพลิกกลับหลังและถูกดันจนต้องยันมือไว้กับพนังถ้ำปล่อยให้ริมฝีปากร้อนๆแนบลงมาบนฐานคอ  ใบหน้าถูกคว้าจับให้หันไปรับจูบร้อนรู้สึกถึงแผ่นอกกว้างที่แนบเข้ามาพร้อมบางอย่างที่ถูกแทรกเข้ามาจากด้านหลังผ่านแก้มก้นทั้งสองข้างมาคลอเคลียที่ลูกแฝดด้านหน้าและขยับเสียดสีจนด้านล่างนั้นร้อนผ่าว


   “อ๊ะ”ริมฝีปากที่ถูกปล่อยเป็นอิสระเปล่งเสียงประหลาดเมื่อแรงเสียดสีที่ส่วนล่างและด้านหน้าจากมือหนาทำให้เสียวแปลบจนต้องบีบขาเข้าหากันและกลายเป็นว่าได้ยินเสียงทุ้มในลำคอดังตอบกลับมา อับอายจนต้องก้มหน้าแต่กลับมองเห็นส่วนปลายแดงก่ำที่ยาวเลยออกมา  ส่วนปลายแดงก่ำที่เสียดสีจนเสียวปลาบและร้อนผ่าวจนต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปรับป้อนจูบร้อนๆ มือที่ท้าวอยู่กับผนังถูกกอบกุมด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว  เอวถูกดึงรั้งด้วยมืออีกข้างจนต้องแอ่นไปด้านหลังให้สัมผัสเสียดสีกับสะโพก  อารมณ์ที่ถูกปลุกจนโหมกระพือ ทรมานจนต้องเอื้อมมือมาสาวชักให้ตัวเองแต่กลับถูกกอบกุมซ้ำด้วยมือใหญ่ที่กระชับแน่นและเป็นตัวกำหนดจังหวะพร้อมกับขาสองข้างที่ขยับมาโอบด้านข้างเป็นตัวยึดให้สะโพกแกร่งสวนเข้าออกผ่านร่องเหลือบแคบๆนั้น รุนแรงและร้อนผ่าว เสียงเสียดสีดังกระหน่ำเคล้าคลอไปกับเสียงครางก่อนที่สองร่างและเกร็งกระตุก


   “อ๊า”อารมณ์ที่ถูกดันจนถึงจุดสูงสุดกลายเป็นกระแสน้ำสีขาวที่พวยพุ่งกระทบพนังถ้ำระลอกแล้วระลอกเล่าก่อนจะหยุดลง


   “คาโล  คาโลของข้า”ถ้อยคำแหบกระเส่าถูกกระซิบข้างหูก่อนขาข้างหนึ่งจะถูกยกขึ้นและร่างถูกจับหันให้กลับมารับจูบร้อนๆ ฝ่ามือสองข้างตะปบลงบนก้อนเนื้อแน่นก่อนจะออกแรงยกจนต้องผวาไปคว้าคอสีน้ำผึ้งนั้น ปล่อยให้ร่างกายเปล่าเปลือยถูกกระเตงออกจากห้องน้ำ  หลายครั้งที่ต้องหยุดกลางทางเพื่อให้สะโพกหนานั้นขยับเสียดสีเข้ากับร่องเหลือบ  ใช้เวลาไปนานกว่าจะถูกปล่อยลงบนฟูกได้ยินเสียงร้องขู่เบาๆของเจ้าตัวเล็กแต่ทุกอย่างก็หายไปจากสมองเมื่อถูกตะโบมจูบ  ขาทั้งสองข้างถูกจับยกขึ้นพาดบ่าก่อนอวัยวะบางอย่างจะขยับเสียดสีกับช่องด้านหลังจนอารมณ์ที่เพิ่งถูกปลดปล่อยกระพือสูง


   รสจูบร้อนๆหายไปพร้อมร่างที่ถดลงไปด้านล่างตลอดทางที่ริมฝีปากนั้นลากผ่าย รอยกัดและดูดมากมายก็ปรากฏขึ้นบนผิวหนัง พอถึงส่วนกลางลำตัวริมฝีปากนั้นกลับผละหนี  ปลายมือหนาคว้าจับข้อเท้าก่อนริมฝีปากร้อนๆจะครอบลงบนปลายนิ้วและดูดเลียเหมือนมันเป็นอาหารอันโอชะ


   “อ๊ะ  ยะ อย่า”ปลายผมสีทองสะบัดหงายแผ่กระจายไปทั่วฟูกหนา  ซีโครงหอบกระชั้นจนเหมือนจะบีบปอดให้แตก ยิ่งเมื่อปลายลิ้นนั้นลากไปตามฝ่าเท้าก็ยิ่งทรมานจนต้องจิกมือลงบนชายฝูก ดวงตาสีเทาที่เหลือบมองไปด้านข้างสบกับดวงตาสีดำกลมโตของเจ้าหมาน้อยที่มองมาอย่างสงสัย  พอจะเดินเข้ามาใกล้กลับโดนเสียงขู่จากเจ้าตัวโตจนหูลู่หางตกวิ่งหายไป


   “แก  แกขู่ อ๊ะ มันทำไม”


   “เจ้าเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้นคาโล”เสียงทุ้มแหบกระซิบขู่แม้จะรู้สึกขำแต่กลับทำให้ใจพองโตก่อนจะเผลอหวีดร้องเมื่อลิ้นอุ่นชื้นแยงเข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับปลายนิ้วที่คว้านควักจนได้ยินเสียงเหนอะหนะชัดเจน  ไม่มีเสียงฝนกระหน่ำกลบมีเพียงเขากับมันแค่สองคนเท่านั้น


   “คาโลของข้า”ปลายนิ้วและลิ้นหายไปแต่ถูกแทนที่ด้วยบางอย่างที่ใหญ่กว่า  ร้อนกว่าและยาวกว่า  ความเจ็บปวดแล่นลิ่วขึ้นมาพร้อมความเสียวเสียดยังไม่ทันได้ออกปากประท้วง เจ้าท่อนเนื้อด้านล่างก็ถูกดึงออกสั้นๆก่อนจะดันยาวๆกลับเข้ามาและดึงออกอีกครั้ง ทำสลับกันไปจนมันสามารถจมเข้ามาด้านในได้หมด


   อารมณ์เสียดเสียวโหมกระพือด้วยจังหวะที่ร้อนแรงมากขึ้นเมื่อแรงอัดกระแทกด้านล่างเริ่มแรงขึ้นและเร็วขึ้น  รสจูบร้อนๆที่พรมจูบไปทั่วใบหน้าปลุกอารมณ์ให้ไม่ขาดห่วง  ไม่มีโอกาสแม้จะปฏิเสธท่อนล่างที่ขยับจนโลกทั้งโลกของเขาโยกไหว สมองขาวโผน  ลมหายใจถี่กระชั้นจนแทบขาดห้วง มันรุนแรงและเต็มอิ่มจนต้องหวีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่ออารมณ์ถูกดันมาถึงขีดสุดเป็นครั้งที่สองในราตรีอันยาวนานนี้









              กลับมาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ก่อนอื่นขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ  ทุกcomment และทุกบวกเป็ดนะคะ  :mew1:

        สำหรับตอนนี้เป็นตอนหลังป่วยของคาโล  ขออภัยที่ไม่มีฉากดูแลหวานหยดขอเป็นฉากดูแลตอนเล็กๆก็แล้วกันนะคะ  ตอนที่แล้วมีการโผล่เข้ามาของนางงู  ตัวละครใหม่  แต่ตอนนี้เป็นการกลับมาของพ่องูคูลาตัส  ยังจำพ่องูตัวนี้กันได้ไหมคะ  การโผล่มาครั้งนี้มาแบบไม่ธรรมดาเพราะเจตนาในการถูกใจคาโลนั้นแสดงออกเด่นชัดมาก ซ้ำยังมีการเกี่ยวพันกันของพ่องูคูลาตัสกับนางงูด้วย  โลกปีศาจทั้งกลมและเล็กเกินไปเหมือนที่คาโลบอกจริงๆนั้นแหละคะ

       ตอนนี้แสดงไว้ ทั้ง หวง  หึง  ไม่เข้าใจ ห่วงและหื่น ครบในตอน เป็นอีกตอนที่ปล่อยของแบบเต็มๆไม่ค้างคาเหมือนตอนที่แล้วหวังว่าจะทดแทนกับตอนที่แล้วที่ทำให้นักอ่านหลายๆท่านค้างคาได้นะคะ  เฮ้อไม่น่าเชื่อว่าจะมีฉาก NC ถี่และเยอะขนาดนี้  ตอนคิดเรื่องแพลนเอาไว้แค่ประมาณ 2 ตอนแต่ไหงเขียนจริงๆมันโผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดขนาดนี้  ถือเป็นเซอวิสเล็กๆให้นักอ่านแล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
       ปล.  ถือเป็นครั้งแรกที่ต้องแยกเป็น 2 comment เพราะเนื้อหายาวเกินเลยนะคะเนี่ย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่20 สิ่งมีชีวิตคุ้น...20/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 21-10-2014 21:04:29
ติดตามอ่าน รออยู่นะ~~~~ คิดถึง  :กอด1: มาลงให้นักอ่านให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่20 สิ่งมีชีวิตคุ้น...20/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-10-2014 14:54:46
ดีใจมากที่มาต่อ

และแล้วก็มีบทให้คาลูตัสออกมา ฮ่าๆ

ถ้าถูกใจแล้วไม่ทำร้ายกันก็พอ

ตอนนี้ซาเวียร์น่ารักอ่ะ.....หึง งอน ๆ

คาโลนี่พอเป็นซาเวียร์ก็ยอมนะ.... :-[ :hao6:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่20 สิ่งมีชีวิตคุ้น...20/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 23-10-2014 08:47:22
อ้ากกกกตอนใหม่เรียกเลือด


โธ่คาโลโดนกดอีกแล้วไง
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่20 สิ่งมีชีวิตคุ้น...20/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 23-10-2014 18:45:20
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่20 สิ่งมีชีวิตคุ้น...20/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 23-10-2014 18:48:05
ซาเวียร์นี่พออยู่กับคาโล

เป็นเด็กไปเลยนะ ขี้งอนและเอาแต่ใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่21 บางครั้งเรื่อง26/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 26-10-2014 19:14:58
ตอนที่ 21 บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็วุ่นวายเกินทำความเข้าใจ      03/08/2557





   แสงแดดสีส้มจางสาดส่องผ่านช่องแตกของน้ำเข้ามาภายในถ้ำที่เคยมืดมิด  มอบแสงสว่างและความอบอุ่นให้แก่สองร่างที่กอดกายกันอยู่บนฟูกนิ่ม  ดวงตาสีเทาคู่สวยเปิดลืมขึ้นรับแสงแดดก่อนจะขยับกายไล่ความเมื่อยขบแล้วพบว่าเขาขยับไม่ได้


   จมูกโด่งพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะยกท่อนแขนสีน้ำผึ้งและท่อนขาขนาดใหญ่ออกจากตัว  เจ้าหมาในร่างมนุษย์ขยับตัวเหมือนรำคาญแต่ก็ยังไม่ตื่น นี้อาจเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่ามันขี้เซาและถือโอกาสได้พิจารณาหน้ามันชัดๆ ทั้งเส้นผมสีน้ำตาลยุ่งๆ  คิ้วเข้มสีเดียวกัน  ขนตายาวสีน้ำตาล  จมูกโด่งและริมฝีปากหนานั้น  ไม่นับรวมดวงตาที่เมื่อก่อนมักทอประกายสดใสจนหน้าหมั่นไส้แต่ตอนนี้ในบางครั้งเขากลับเห็นมันหม่นลงและทอประกายเศร้า ซึ่งทั้งหมดก็เกิดจากเขาเอง


   จากมาเฟียคนหนึ่งที่หลงเข้ามาในป่าบ้าๆและจับพลัดจับพลูเข้ามาอยู่ในกลุ่มหมาปีศาจเพียงเพราะช่วยลูกหมาตัวหนึ่งเอาไว้   เขาไม่เคยรู้ว่าเมื่อก่อนมันเป็นแบบไหน  นิสัยยังไง มีแววตาแบบไหนเพราะมันไม่เคยเล่าและเขาไม่เคยถาม  ครั้งแรกที่เห็น มันก็มองเขาด้วยดวงตาเป็นประกายคู่นั้นแล้ว  เขาไม่รู้ว่ามันรักเขาตรงไหนและไม่รู้ว่าคำว่ารักที่มันบอกหนักแน่นและเชื่อได้มากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาอยากจะภาวนาวิงวอนกับพระเจ้าที่ไม่เคยเชื่อว่ามีจริง  ขอให้ความรักที่มันบอกกับเขาเป็นแค่เรื่องขำขันหรือไม่ก็เป็นรักที่ไม่นานก็ลืมลง แม้จะคิดแบบนั้นแล้วหน่วงในอกแต่มันก็ดีแล้ว  มันไม่สมควรมารักคนแบบเขา  คนแบบคาเซอริโอ ซิสิอาโน ที่ไม่เหลือหัวใจไว้รักใครอีก


   “แกควรเลิกโง่ได้แล้วเจ้าหมา”มือขาวลูบเบาๆที่เส้นผมสีน้ำตาลก่อนจะยันตัวลุกขึ้น  เจ้าตัวด้านข้างส่งเสียงึมงำเหมือนขัดใจแต่ไม่นานก็นิ่งไปเหมือนเดิม  แม้จะขัดยอกไปทั่วร่างแต่ในที่สุดเขาก็สามารถสะสางทำความสะอาดร่างกายที่เหมือนผ่านสงครามจากเมื่อคืนไปได้ พอเดินออกไปที่หน้าถ้ำก็พบว่ามีเจ้าหมาตัวเล็กกำลังนอนหมอบมองเขาด้วยแววตาเศร้า  นั้นสินะเมื่อคืนมันโดนขู่ไล่ออกมานี่น่า


   “ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”มือขาวฉวยเอาตัวกลมอ้วนขึ้นมาโดยไม่รอคำตอบ แล้วออกเดินโดยมีเจ้าหมาขนหยิกอยู่ในมือข้างหนึ่ง


   “แกกับฉันมาอยู่ที่นี้นานแค่ไหนแล้วนะ  คิดถึงบ้านที่โน่นแล้วรึยัง”มืออีกข้างที่ว่างเอื้อมไปลูบหัวกลมนั้นเบาๆ


บ็อก!!


   “นั้นสิ กลับบ้านกันดีกว่า  แกอยากไปอยู่กับฉันไหม”


บ็อก!!


   “ฮ่าๆ เอางั้นเหรอแต่ที่นั้นมีแต่หมาตัวใหญ่ๆนะ มันอาจจะกัดแกเล่นก็ได้”


หงิ๊ง


   “เอาเถอะ บางทีเฟอร์ดินน่าจะช่วยดูแกได้”คาเซอริโอยกยิ้มแม้จะไม่แน่ใจนักว่าเจ้าเด็กเฟอร์ดินนั้นจะชอบ  แต่ถ้าเป็นคำสั่งเขาเจ้าหนูนั้นขัดไม่ได้อยู่แล้ว  ส่วนเรื่องกลับไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแต่คงมีใครบางคนที่ช่วยเขาได้แน่ๆ  แต่ไม่รู้จะยอมช่วยเขาดีๆรึเปล่า ถ้าไม่ก็คงต้องขู่ ถึงเขาจะไม่ชอบขู่พวกลูกกระจ๊อกที่จับได้เพราะความอดทนไม่ถึงจนยอมยิงทิ้งก่อนก็เถอะ  ภาวนาให้มันไม่หาเรื่องเขาจนเกินพอดีก็แล้วกัน


   เป้าหมายที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้คาโลทั้งอยากถอนหายใจและอมยิ้มในเวลาเดียวกัน เมื่อหมอหน้าขาวที่เป็นเป้าหมายยืนอยู่ข้างเจ้าหมาร่างยักษ์ที่ตวัดตาสีทองแดงคู่นั้นมองเขาทันทีที่เข้ามายืนใกล้ในระยะ 2 เมตร


   “ไงฮิโตะ”คนที่กำลังง่วนอยู่กับการตากกองเศษไม้อะไรสักอย่างเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเดินเร็วๆมาหา เหมือนหมาเวลาที่ถูกเจ้าของเรียก  น่าเอ็นดูปนหมั่นไส้นิดๆ


   “คุณคาโลเป็นยังไงบ้างครับ”


   “ก็ดี  คิดว่าไม่ได้เป็นไรอะไรมาก”


“แน่ใจแล้วเหรอครับ ผมว่ายังไงทานยา..”


   “อย่าทำตัวเป็นหมอเรื่องมากแถวนี้น่า”


   “ก็ผมเป็นหมอจริงๆนี้ครับ”คนที่อ้างตัวว่าเป็นหมอเริ่มนิ่วหน้าเมื่ออดีตคนไข้อย่างเขาเริ่มดื้อ


   “เอาเป็นว่าฉันรู้ตัวเองดีว่าไหวไม่ไหวและไม่ต้องบังคับให้ฉันกินยาอีกถ้าไม่อยากโดนเหมือน..”


   “ก็ได้ครับ”คนหน้าขาวที่บัดนี้หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อสวนขึ้นทันควัน


“ซาเวียร์ไปไหน”เจ้าตัวที่ยืนเงียบอยู่นานเปิดปากถามขึ้น


   “นอน”คำตอบสั้นๆของเขาทำให้เจ้าหมาตัวยักษ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งจะด้วยไม่เข้าใจหรือสงสัยอะไรก็แล้วแต่  ส่วนหมอข้างๆก็ดันหน้าแดงหนักขึ้นไม่รู้คิดไปไกลถึงไหนกับแค่คำว่านอนคำเดียวของเขา


   “นึกว่ามันจะตามเจ้าต้อยๆ”


“ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่ต้องการผู้คุมประพฤติแบบมัน”


   “คุมประพฤติ อ๋อ เจ้านั้นขอเป็นคนดูเจ้าตอนเข้ามาใหม่ๆสินะ”คำพูดเรียบๆของเจ้าหมาเยอร์เซ็พทำให้คาเซอริโอเข้าใจอะไรบ้างอย่างได้มากขึ้น  เจ้าหมานี่มันไม่ได้สนใจที่จะเป็นผู้คุมเขาแต่แรก ก็แค่โดนหางเลขจากเจ้าซาเวียร์ลากมาเอี่ยวพอให้น่าเชื่อถือเท่านั้นสินะ


“แล้วคุณคาโลลงมาที่นี้มีอะไรรึเปล่าครับ”


“ฉันอยากคุยกันนาย ตามลำพังได้ไหม”หมอหน้าขาวทำหน้านิ่วเหมือนเขาขอในเรื่องที่ตัดสินใจยาก ก่อนจะหันไปมองหมายักษ์ข้างตัวที่กลับมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง


   “ก็ได้”เสียงผู้คุมออกปากอนุญาตก่อนเจ้าตัวจะเดินไปยืนพิงต้นไม้ที่อยู่ห่างตัวบ้านออกไปเล็กน้อย


   “งั้นเชิญข้างในก่อน  คุณคาโลรับชาไหมครับ”


   “ไม่หละ  ฉันไม่ถนัดเท่าไหร่”


   “เออ  คงเหลือแค่น้ำเปล่า  ยังไงผม..”หมอหน้าขาวทำท่าลำบากใจที่ไม่มีของมารับแขกดังใจคิด


   “มีอะไรก็เอามาเถอะ”คาเซอริโอตอบตัดปัญหา เป้าหมายของเขาในการมาครั้งนี้ไม่ใช่มากินแต่มาหาข้อมูลอะไรบางอย่างต่างหาก


   “ครับ  งั้นนั่งก่อนนะครับ”เจ้าบ้านเชื้อเชิญให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ไม้ข้างโต๊ะรกๆที่เจ้าของรีบกวาดบรรดาเศษไม้ทีเรียกว่าสมุนไพรมากมายออกจากโต๊ะก่อนจะเดินว่อนไปทั่วบ้านเพื่อหาน้ำมาให้เขา
 

   “ได้แล้วครับ  แล้วเรื่องที่เออ..”


“เรื่องของริวจิ”


   “ครับ”คิ้วของหมอหน้าขาวขมวดฉับก่อนใบหน้านั้นจะฉายแววกังวล


   “ฉันรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด แต่ถึงฉันไม่พูดตอนนี้เดี๋ยวก็มีคนพูดอยู่ดี”


   “คุณคาโลหมายถึง..”


   “ริวจิเป็นสายให้มนุษย์ที่เข้ามาล่าพวกหมา”


   “ล้อเล่นใช่ไหมครับ”


   “หน้าฉันเหมือนล้อเล่นรึไง”คาเซอริโอตอบเรียบๆแต่ดวงตาของคนตรงหน้ากลับไหวระริกเหมือนคนคิดอะไรบางอย่างในใจ


   “แต่ว่าคุณริวจิเขาอยู่ที่นี้มานานแล้ว  แม้จะไม่นานเท่าผม แต่ผมคิดว่า ไม่มี...”


   “แล้วเวลาสำคัญยังไง ในเมื่อทรยศก็คือทรยศ”


   “คุณมีหลักฐานอะไร”คนตรงหน้าเริ่มขึ้นเสียง


   “ไม่มี”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบ  แน่นนอนว่าเขาไม่มี เขาไม่ใช่พวกตำรวจที่ต้องหาหลักฐานมาก่อนจะจับคนร้าย  เขามันผู้ร้ายที่ทำตามสัญชาตญาณและสัญชาตญาณของเขาก็บอกออกมาแบบนี้  เจ้านั้นมีหลายอย่างให้เข้าสงสัยทั้งบุคลิกแปลกๆ ดวงตาที่ดูหลุกหลิกนั้น 


   “ถ้าไม่มีคุณก็ไม่ควรปรักปรำเขา”


   “ฉันก็ไม่ได้จะปรักปรำ แค่พูดไปตามที่คิดเท่านั้น”


   “คุณคาโล”ดวงตาสีดำคู่นั้นมองเขาด้วยความตกใจและผิดหวัง


   “ฉันแค่บอกให้รู้ในฐานะที่นายรู้จักเจ้านั้น แล้วก็อยากถามอะไรบางอย่างด้วย”


“แล้วถ้าผมไม่บอกหละครับ”


   “ฉันก็คงต้องไปหาทางเค้นเอาจากเจ้าตัวแทน”


   “คุณกำลังขู่ผม”


   “เปล่าเลยฮิโตะ  ฉันแค่พูด นายไม่อยากโดนมาเฟียอย่างฉันขู่หรอกจริงไหม”ร่างผอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามเกร็งตัวขึ้นมาทันที


   “ฉันแค่อยากรู้ว่าเจ้านั้นเข้ามาในกลุ่มนานแค่ไหนแล้ว”


   “เออ..ราวๆ 3 ปีครับ”หมอหน้าขาวตอบเสียงอ่อน


   “เข้ามาได้ยังไง”


   “ผมไม่ทราบเรื่องดีนัก รู้แค่ว่าเขาถูกพาเข้ามาในกลุ่ม ในสภาพเออสะบักสะบอมเหมือนโดนซ้อม เออเขา..”


   “ใครเป็นคนพาเข้ามา”คาเซอริโอตัดบทคำพูดที่น่าจะยาวยืดออกไปไกล มันจะเข้ามาแบบไหนไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจสักเท่าไหร่


   “เออ  เหมือนจะเป็นคุณแซมเบอร์นะครับ”


   “แซมเบอร์”คาเซอริโอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อที่เหมือนจะคุ้นหู


“เขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคุณจายาแล้วก็คุณซาลูกิ”


   “อ๋อ”ใบหน้าพยักขึ้นลงน้อยๆเหมือนเข้าใจ เจ้าหัวนกแก้วซาลูกิเป็นแนวหน้าของพวกหมาปีศาจ เพื่อนของมันก็ไม่น่าจะต่างกัน แนวหน้าจะออกไปเจอมนุษย์ในป่าบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


   “แล้วเจ้าริวจิสนิทกับแซมเบอร์อะไรนั้นแค่ไหน”


   “เออผมก็ไม่แน่ใจครับ แต่เคยได้ยินมาว่าพวกเขา..”พูดไปคนพูดก็เขินน่าแดงไป เท่านี้ก็นิยามความสัมพันธ์พิลึกของพวกนั้นได้แล้ว ในตอนที่ประชุมกันเจ้าหมาซาเวียร์ก็พูดอกมาว่าแซมเบอร์เลือกคู่เป็นมนุษย์และเวลาที่อยู่ที่นี้มาก็ทำให้รู้ว่าในกลุ่มตอนนี้มีมนุษย์แค่ 3 คนเท่านั้น 1 คือเขา 2 ก็เจ้าหมอฮิโตะ 3 ก็ริวจิ


   “เข้าใจหละ  ขอบใจ”


   “แต่ว่าคุณคาโลครับ  คุณริวจิเขาเป็นคู่ของคุณแซมเบอร์ไม่มีทางที่เขาจะทรยศ”


“อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรง่ายๆแบบนั้นสิเด็กน้อย  โลกนี้น่ากลัวกว่าที่นายคิด”


   “คุณคาโลหมายถึง..”


   “ถ้าริวจิทำอย่างที่ฉันพูดจริง เจ้านั้นก็อันตรายที่สุดและที่น่าสงสารที่สุดคงไม่พ้นเจ้าหมาแซมเบอร์นั้น  ลาละ”คาเซอริโอเดินออกไปที่ประตูเงียบๆทิ้งให้หมอหน้าขาวนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง  แน่นอนว่าทันทีที่ก้าวออกมาจากบ้านเขาก็เจอดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องเขม็งมาก่อนเจ้าตัวจะหันหลังเดินจากไป เหมือนจะส่งสัญญาณให้เขาตามไป และแน่หละเขาไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธ


   “เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร”ออกมาได้ห่างจากบ้านพอที่คนข้างในจะไม่ได้ยินมันก็เปิดปากถามขึ้น


   “ทำเรื่องที่สมควรทำ”


   “เจ้าจะไม่บอกข้า”


   “ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องบอก ที่แน่นอนคือฉันไม่ดึงฮิโตะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”


   “ก็ดี”


   “มีแค่นี้ใช่ไหมเรื่องที่แกอยากถาม ฉันมีธุระต้องไปจัดการ”


“เรื่องซาเวียร์ เจ้าตัดสินใจแล้วงั้นเหรอ”


   “หืม  ตัดสินใจเรื่องอะไร”


   “ซาเวียร์เลือกเจ้า  คิดว่าเจ้าไม่น่าจะลืม  และเรื่องที่เจ้ากำลังคิดจะทำ”ประโยคยาวๆของเยอร์เซ็พทำให้เขาเงียบไป


   “มันเคยอยู่มาได้โดยไม่มีฉันยังไง มันก็อยู่ต่อไปแบบนั้นหละ”


   “เจ้ากำลังคิดจะไป”คาเซอริโอเลิกคิ้วก่อนจะถอนหายใจปลงๆ เขาเพิ่งปล่อยไก่เรื่องที่จะทำให้มันฟัง  เป็นไก่ตัวใหญ่ที่น่ายิงทิ้งซะด้วย


   “ฉันก็บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วนิ”


   “ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ”


   “ทำไมคิดว่าฉันต้องเปลี่ยนใจ”


   “ซาเวียร์ไม่น่ามารักคนแบบเจ้า”ประโยคเรียบๆแต่เจ็บหน่วงในใจคนฟังอย่างเขา  ใช่ มันไม่สมควรมารักคนแบบเขาตั้งแต่แรก


   “งั้นก็ฝากแกช่วยหาคนหรือหมาที่คู่ควรให้ด้วยก็แล้วกัน”


   “หากเจ้าจะทำอะไรก็รีบทำเพราะฝั่งนั้นเองก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”


   “แกแอบฟังฉัน”เจ้าหมาตรงหน้านั้นไม่ตอบแต่เคาะนิ้วที่หูตัวเองเบาๆแทน  นั้นสิเขาก็ลืมไปว่าเจ้าหมาปีศาจพวกนี้มันหูดี  เขาเองก็ไม่ได้คุยแบบกระซิบกระซาบมันจะได้ยินก็ไม่แปลก  แต่เรื่องที่มันพูดนั้นหละ


   “แกสงสัยเรื่องนี้ตั้งแต่แรก”


   “ไม่ใช่แค่ข้า  ทุกคนก็สงสัย ตั้งแต่ตอนที่ได้แผนที่แผ่นนั้นจากเจ้า”


   “อ๋อ”คาเซอริโอส่งเสียงในลำคอ เริ่มสงสัยกันแล้วสินะ แล้วก็สงสัยคนเดียวกับเขาด้วย


   “งั้นทำไมไม่ทำอะไรสักอย่างหละ”


   “แซมเบอร์เลือกเขาเป็นคู่”


“หืม”  คราวนี้คาเซอริโอส่งเสียงในลำคอด้วยความสงสัย  เลือกเป็นคู่แล้วยังไงทำผิดแล้วเล่นงานไม่ได้รึไง จะปล่อยเมียที่ฆ่าพวกพวงของตัวเองไปงั้นเหรอ


“พวกแกนี้มันชอบมีเรื่องมาให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อย”


   “เราไม่มีหลักฐานเรื่องนี้  หากฝืนทำอะไรลงไปเราอาจเสียแซมเบอร์และมือดีหลายคน ตอนที่กำลังมีปัญหาแบบนี้การรวมกลุ่มกันไว้สำคัญที่สุด”ประโยคยืดยาวของมันอธิบายเรื่องได้หลายอย่าง มันรู้มากพอกับที่เขารู้  สงสัยอย่างที่เขาสงสัยแน่นอนว่าการพุ่งเป้าไปสงสัยที่คนนอกมันง่ายกว่าที่จะสงสัยพวกเดียวกัน  แต่ถึงจะเป็นคนนอกแต่ก็เป็นคนนอกที่เป็นคู่ของหมาปีศาจ  เขาไม่รู้ว่าคำว่าคู่ของพวกมันสำคัญแค่ไหน  จะแค่คู่นอนวันเดียวแบบของมนุษย์  คู่แต่งงานที่แค่จดทะเบียนแล้วพร้อมเซ็นต์ใบหย่าหรือคู่แท้ชั่วฟ้าดินสลาย แต่การที่พวกมันไม่บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปก็คงเพราะคำว่า “คู่” นั้นแหละนะ  แม้จะสงสัยแต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรทำอะไรเพราะหากแซมเบอร์ไม่เล่นด้วยงานนี้คงได้มีพังกันไปข้าง  แตกคอกันเพราะมนุษย์คนเดียวที่ยังไม่รู้ว่าทำผิดจริงหรือเปล่ามันก็ไม่คุ้ม  แต่หากมนุษย์นั้นหายไปเพราะมนุษย์ด้วยกันมันก็อีกเรื่องสินะ


   “แกมีหลักฐานเรื่องนี้มากแค่ไหน”


   “ไม่มี  มีแค่คำบอกเล่าที่เห็นริวจิหายออกไปตอนกลางคืนบ่อยๆและกลิ่นมนุษย์คนอื่นที่ติดมาบนเสื้อเท่านั้น”


   “แค่นั้นก็มากพอแล้ว ไม่เห็นต้องมายืมมือฉัน”


   “เจ้าต่างหากที่ต้องยืมมือพวกข้า”คาเซอริโอหรี่ตามองหมาในร่างคนยักษ์ตรงหน้า  ใครบอกว่าหมาฉลาดน้อยคงไม่จริงแล้วสินะโดยเฉพาะหมาที่แปลงเป็นคนได้แบบนี้


   “งั้นก็แสดงว่าเจ้านั้นเป็นของฉันแล้วสินะ”


   “ถ้าเจ้าอยากให้เป็นแบบนั้น”


   “หึ  งั้นก็ขอบใจล่วงหน้าแล้วกันที่จะอำนวยความสะดวกให้”


   “เจ้าจะลงมือเมื่อไหร่”


“เร็วที่สุดหลังจากที่ทุกอย่างลงตัว  หากเป็นแบบที่แกพูดจริงมันคงเร็วกว่าที่คิด”


   “ข้าจะรอ”เจ้าหมาเยอร์เซ็พพูดเสียงเรียบก่อนจะหมุนตัวจากไปเงียบๆ ไม่ได้กลับเข้าไปที่บ้านหมอฮิโตะแต่กลับมุ่งตรงเข้าไปที่กลางกลุ่มคงไปรายงานใครสักคน คงไม่พ้นทีเบอริส


   เขาเองก็มีอีกที่หนึ่งต้องไปเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไปลาสักหน่อยก่อนหายไป  เขายังไม่ได้ขอบใจเจ้าหล่อนเลยสักนิดที่ช่วยดูแล


   “ไงชินริ”


   “อ่ะ  ท่านคาโล”ภาพสาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาจากราวไม้ข้างบ้านเพื่อมายิ้มให้เขาเป็นภาพที่ดูเจริญหูเจริญตาเป็นที่สุดยามที่แขนเสื้อและกระโปรงยาวนั้นถูกถลกขึ้นเพื่อไม่ให้เปื้อนน้ำจากการตากผ้าที่ทำพื้นดินรอบๆแฉะ


   “ฉันแวะมาเยี่ยมนะ”


   “อ่ะคะ  เข้าไปด้านนั้นก่อนไหมคะ”


   “ไม่หละฉันแค่แวะมาแป๊บเดียวเท่านั้น”


   “อ่ะคะ  ข้า..”ใบหน้างดงามนั้นสลดลงพร้อมกับใบหน้าที่ก้มต่ำ


   “ไม่เอา อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเดี๋ยวไม่สวยนะ”มือขาวของเขาวางปุบลงบนหัวของเจ้าหล่อนคนที่เขานึกเอ็นดูแบบน้องสาว


   “ข้า  ข้าแค่..”


   “อย่าขี้แยสิสาวน้อย”ปลายนิ้วโป้งเอื้อมไปปาดน้ำตาที่ข้างแก้มใสนั้นให้  บางทีพวกผู้หญิงก็แสนจะดูออกง่ายว่าคิดอะไรอยู่แต่บางทีก็ดูยากยิ่งกว่าการดูลายแทงขุมทรัพย์


   “ข้าไม่ได้ขี้แยนะคะ  ข้าแค่..”


   “เอาเถอะข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนเข้มแข็ง  และแข็งแกร่งมากพอที่จะดูแลตัวเองได้”ดวงตากลมโตคู่นั้นเงยขึ้นมองเขาก่อนน้ำใสๆจะไหลออกมาอีกครั้ง


   “เป็นจริงสินะคะที่ท่านซาเวียร์พูด เรื่องที่ท่านกับท่านซาเวียร์....”คาเซอริโอลอบถอนหายใจที่การล่ำลาของเขาเพราะจะกลับบ้าน เจ้าหล่อนดันเข้าใจกลายเป็นอีกเรื่อง ให้มันได้แบบนี้สิน่า


   “เธอเสียใจงั้นเหรอ”


   “อ๊ะ  ไม่  ไม่คะข้า  ข้าดีใจเพราะท่านคาโลเป็นคนดีแล้วท่านซาเวียร์ก็เป็นคนดี”


   “งั้นเหรอ  แต่ฉันอาจไม่ใช่คนดีแบบที่เธอคิดหรอกนะ”


   “เอ๊ะ  ทำไมท่าน..”


   “เพราะคนดีๆเขาคงไม่หักอกสาวน้อยน่ารักแบบเธอหรอก”


   “คือ  ข้า ข้าไม่เป็นไรคะ  บางทีความรักก็กำหนดไม่ได้นี้คะ  ขอแค่ท่านคาโลมีความสุขข้าก็.”


   “เด็กโง่”ร่างบอบบางนั้นถูกเขาดึงมากอดก่อนที่เจ้าหล่อนจะสะอื้นแล้วเริ่มร้องไห้กับอกเขา  นี่เขาหักอกเจ้าหล่อนเข้าให้จริงๆแล้วสินะ  แม้จะแอบเสียใจที่ทำสาวน้อยแสนสวยร้องไห้แต่เหตุผลที่เจ้าหล่อนเข้าใจผิดจนร้องไห้โฮนี้สิมันไม่น่าปลื้มใจสักนิด แต่ก็เอาเถอะ ถึงชินริจะเข้าใจไปแบบไหนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเธอก็คงไม่ต่างกัน เป็นแบบนี้บางทีมันอาจจะดีแล้วก็ได้

   

   “ขอบโทษคะ  ข้าทำเรื่องขายหน้าแล้วยังเสื้อท่าน”เนินนานกว่าที่ชินริจะหยุดร้องไห้และเขารู้สึกว่าอกเสื้อตัวเองเหนอะไปด้วยคราบน้ำตา


   “ร้องไห้ไม่ใช่เรื่องขายหน้าหรอกนะ”คาเซอริโอจ้องตอบดวงตาคู่นั้นที่บัดนี้เริ่มแดงก่ำ


   “คะ”


   “ดูแลตัวเองด้วยนะชินริ”


   “เออ  ท่านคาโลคะ”


   “หืม  มีอะไรรึเปล่า..”


   “เปล่าคะ”


   “งั้นข้าไปก่อนนะ”


   “คะ  แล้วพบกันใหม่นะคะ”คาเซอริโอไม่ตอบทำเพียงโบกมือให้เจ้าหล่อนเท่านั้น  เจอกันใหม่งั้นเหรอ ไม่รู้จะมีโอกาสรึเปล่านะสิ


   “จะไปไหนเหรอชินอู”เจ้าเด็กหัวน้ำตาลหยุดตามเสียงเรียกก่อนจะตวัดตาขวางๆนั้นมองเขา


   “ข้าก็จะไปทำเรื่องที่ผู้ใหญ่อย่างข้าสมควรทำนะสิ”


   “เรื่องของผู้ใหญ่งั้นเหรอ”คาเซอริเปรยเรียบๆก่อนจะยิ้มให้เจ้าเด็กที่สูงไม่ถึงคอเขาดี


   “นี้เจ้า ชิ  อย่างน้อยข้าก็ได้เข้าร่วมกับการตามนางงูนั้นหละ”


   “อ๋อ  ฟังดูหน้าสนใจ  งั้นก็แสดงว่าเห็นนางแล้วสินะ”


   “เออ  อืมมีคนเห็นงูแว๊บๆนะพวกข้าก็เลยจะไปดู”


   “อืม งั้นเหรอคงไม่ใช่เจ้าตัวที่ตายแล้วใช่ไหม”


   “ใช่ซะที่ไหนกันหละเจ้าตัวนั้นตายที่หน้าผาพวกข้าเพิ่งเห็นมันเมื่อสาย  ส่วนตัวนี้นะ..”


   “เป็นอีกตัวงั้นสิ”


   “เจ้ารู้ได้ยังไง”


   “ก็เจ้าเพิ่งบอกข้าไปเองว่าเจ้าตัวนั้นตายอยู่หน้าผา ส่วนตัวนี้..”


   “ชิ อึ๊ย  เจ้ากำลังทำข้าเสียเวลา ไปรวมไม่ทันนะรู้ไหม”


   “อ๋อ งั้นเหรอ ตามสบายนะ”คาเซอริโอเอื้อมมือไปขยี้ผมสีน้ำตาลนั้นจนยุ่งไม่สนใจเสียงโวยวายที่ดังลั่นมาตามหลัง  เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำ


     เจ้างูตัวนั้นตายจริง  หากนางงูนั้นรู้ ไม่นานก็คงมาถล่มที่นี้แน่ๆคงได้วุ่นวายกันใหญ่ เจ้าพวกหมาเจอซากงูแล้วเมื่อตอนสายๆแล้วงูอีกตัวที่เห็นแว๊บๆนั้นหละนางงูหรือเจ้าตัวประหลาดคูลาตัสหรือจะเป็นงูตัวอื่น  แต่ไม่ว่ายังไงตอนนี้พวกนั้นก็กำลังยุ่งเป็นโอกาสที่เขาจะลงมือทำอะไรบางอย่าง


ขาสองข้างออกแรงพาเจ้าของเดินไปตามที่ใจหมายและเมื่อไปถึงถ้ำเขาก็ไม่เห็นเจ้าหมาซาเวียร์เหมือนจะถูกเรียกไปอย่างที่เจ้าหนูนั้นบอก แบบนี้ก็ทางสะดวกเขาไม่ต้องล่ำลาไม่ต้องคอยหาเรื่องปลีกตัวแบบนี้หละดีแล้ว


   ข้าวของไม่กี่ชิ้นที่ติดตัวมาจากโลกโน้นถูกกวาดใส่กระเป๋า  ปืนลูกรักและกระสุนสำรองอยู่ในสภาพพร้อมใช้  ดวงตาสีเทาคู่คมกวาดมองไปรอบๆถ้ำก่อนจะระบายลมหายใจเพื่อบรรเทาอาการอัดแน่นในอก การพักร้อนของเขาสิ้นสุดลงถึงเวลาต้องไปแล้ว


   “กำลังจะไปไหนงั้นเหรอ”










    มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ดีกันได้ไม่นาน หวานๆกันได้สักแป๊บก็เหมือนจะมีเรื่องอึนๆแทรกเข้ามาอีกแล้ว

   ครั้งนี้คาโลของเราตั้งมั่นแล้วว่าจะกลับไปให้ได้ คว้าของเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางเรียบร้อย  อยู่ๆก็มีเสียงปริศนาโผล่ขึ้นมาอยากรู้ว่าเป็นเสียงใคร คาโลจะได้เดินทางกลับไหมต้องติดตามต่อตอนหน้าคะ

    ปล.นักอ่านหลายท่านบอกว่าซาเวียร์ขี้อ้อน เหมือนเด็กเวลาอยู่ใกล้คาโล  ส่วนคาโลก็ใจอ่อนกับซาเวียร์ บังเอิญคนเขียนชอบคาเเรคเตอร์ที่ประมาณว่ากับคนอื่นดูโหดดูน่ากลัวแต่กลับคนของตัวเองดันน่ารัก  ประมาณนี้คะ ตัวละครก็เลยออกมาแนวนี้   แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่21 บางครั้งเรื่อง....26/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 26-10-2014 21:29:09
อะไรอ้าาาา จะดราม่าแล้วหรอ เรายังไม่พร้อมจะดราม่านะ
ฮือๆๆๆ ทำไมนะ ทำไมพี่คาโลไม่รักซาเวียร์เลย หัวใจไปอยู่ที่ใครกันแน่
อยากรู้จริงๆเลยใครเป็นคนที่ได้หัวใจคาโลไป มาต่ออีกไวๆน้า ><
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่21 บางครั้งเรื่อง....26/10/57
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 10-11-2014 21:32:09
นั้นสิ  .....จะไปไหนหรอจ๊า  :hao7:   :impress2: :impress2: มายังๆ มาต่อนะ เค้ารอยุ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่22 ไม่ได้มีแค่...11/11/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 11-11-2014 00:02:44
ตอนที่ 22 ไม่ได้มีแค่มนุษย์ที่หูหนวกตาบอดเพราะรัก                         13/09/2557
                                10/11/2557




   “กำลังจะไปไหนงั้นเหรอ”


เสียงถามที่ดังขึ้นท่ามกลางกระแสความเงียบผ่ากลางลงมาเหมือนกระแสฟ้าผ่าในคืนฝนตก  มันส่งผลให้คนที่ได้ยินชะงักเท้าที่กำลังก้าวเพื่อพาเจ้าของหลบหนี ดวงตาสีดำในเบ้าตาเรียวเล็กหันมามองคนเรียกก่อนร่างที่ค้อมต่ำจะยืดตัวขึ้นแล้วฉีกยิ้มแบบที่มันชอบทำแต่เขาไม่เคยชอบใจ


   “อ๋อ  คุณคาโลนั้นเอง”


   “ก็ฉันนะสิ  คิดว่าใครงั้นเหรอ”คาเซอริโอยังคงยืนนิ่งทั้งที่ในใจกำลังขำกับคนที่ทำเหมือนพวกเด็กนักเรียนที่แอบอาจารย์ปีนรั่วหนีเที่ยว


   “เปล่าครับ  คุณคาโลมาเงียบๆผมก็เลยตกใจนิดหน่อย”


   “งั้นเหรอ แล้วกำลังจะไหนกันหละ”


   “เออ  พอดีกำลังคิดว่าจะไปเก็บสมุนไพรนะครับ”คาเซอริโอยังคงนิ่งขณะเหลือบตามองท้องฟ้าที่ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะคล้อยไปทางทิศตะวันตก พร้อมเมฆสีดำจำนวนมาก


   “เวลาใกล้ค่ำและฝนกำลังตกแบบนี้งั้นเหรอ”


   “เออ  ครับ คุณคาโลคงไม่ทราบว่าสมุนไพรบางตัวจะออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้นหากเก็บได้ตรงเวลา”


   “งั้นเหรอ  แล้วถุงนั้นเอาไว้เก็บสมุนไพรด้วยรึเปล่า”เป้ที่ทำมาจากผ้าสีน้ำตาลถูกซ่อนไว้ด้านหลัง ดวงตาสีดำคู่นั้นหลุกหลิกก่อนเจ้าของมันจะหันมายิ้มกว้างกับคนถาม


   “ครับ พอดีผมจะเอามันไปใส่สมุนไพร”


   “เฮ้อ  ฉันว่าเราเลิกเล่นเกมกันดีกว่า”


   “เล่น  เล่นเกม อะไรเหรอครับ”รอยยกยิ้มมุมปากที่คนตรงหน้าเคยชินที่จะทำมันทำให้มาเฟียอย่างเขายิ่งหงุดหงิดใจ รอยยิ้มที่ปากแต่ไม่สว่างไปถึงดวงตาหลุกหลิกคู่นั้น


   “เอาหละในเมื่อนายยังไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร  ฉันแค่จะเตือนว่าเรามีเวลาไม่มากก่อนที่เจ้าหมาแซมเบอร์นั้นจะกลับมา”รอยยิ้มบนใบหน้านั้นจางไป ก่อนที่เจ้าของมันจะจุดขึ้นมาอีกครั้ง


   “คุณแซมเบอร์นะเหรอครับ  เขาไม่ว่าหรอกครับถ้าผมจะออกไปเก็บสมุนไพร  เขาเข้าใจผมดีที่เดียว”


   “งั้นเหรอ  ถ้าแค่ในฐานะผู้ช่วยหมอมันก็คงพอจะเข้าใจอะไรได้หละนะ  แต่ในฐานะอื่นก็ไม่แน่”


   “คุณคาโลหมายความถึงอะไรเหรอครับ”


   “นายรู้คำตอบดีริวจิ รู้ดียิ่งกว่าฉันด้วยซ้ำ  นายรู้ดีว่าวันนี้ตัวเองไม่ได้จะออกไปเก็บสมุนไพรเหมือนทุกวัน ไม่สิ  ทุกทีนายก็ไม่เคยออกไปเก็บสมุนไพรอยู่แล้ว”คาเซอริโอโยนหินถามทาง เขาใบ้มาหลายครั้งแล้วว่าเขารู้แต่เจ้าคนตรงหน้าก็ยังคงตีหน้าซื่อไม่รับรู้ได้อย่างหน้าหงุดหงิดเป็นที่สุด เขากำลังหงุดหงิดที่ทุกอย่างมันไม่ได้ดังใจ ชักช้าเกินไปจนหน้าโมโห


   “ผมว่าบ้างทีคุณคาโลอาจกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป แต่ก็นั้นแหละครับไม่ว่าคุณจะเข้าใจถูกหรือดผิดแต่หากไม่มีโอกาสเอาไปบอกใครมันก็ไม่มีค่าอะไรอยู่ดี”มัจจุราชขนาด 9 มม. ถูกจ่อมาตรงหน้า  คิ้วที่ขมวดมุ่นเริ่มคลายออก แบบนี้สิค่อยน่าสนุกหน่อย


   “แน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้”


   “ครับ  ถึงแม้คุณซาเวียร์จะหลงใหลคุณมาก แต่ในสถานการณ์แบบนี้เขาคงมาช่วยคุณไม่ทัน อย่างดีก็คงทำได้แค่เก็บศพคุณ”คำพูดเรื่อยๆว่าจะฆ่าคนพร้อมร้อยยิ้มที่ยังฉาบอยู่บนใบหน้าชวนให้หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง  นี่เขากำลังคุยกับคนปกติหรือพวกฆาตกรโรคจิตกันแน่นะ  แต่ก็ช่างเถอะ มันจะเป็นอะไรก็ช่างขอแค่มันทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้ก็พอ


   “แล้วคิดว่าจะทำได้จริงๆงั้นเหรอ”


   “แน่นอนครับ  ถึงผมจะยิงปืนไม่เก่งแต่ระยะแค่นี้ไม่พลาดแน่”กระบอกปืนถูกปลดเซฟเป็นเวลาเดียวกับที่คาเซอริโอเอี้ยวตัวไปด้านข้าง  มือคว้าหมับเข้าที่ข้อมือจับบิดจนได้ยินเสียงดังกึกพร้อมปืนที่ร่วงลง  ศอกอีกข้างฟาดเข้าที่ท้ายทอยเสียงดังอั๊กส่งผลให้คนโดนล้มคว่ำตามด้วยเท้าที่กดกระแทกไปบนไหล่  และช่วงขาอีกข้างที่เหยียบอยู่บนแผ่นหลังมัจจุราชสีดำเปลี่ยนมือในทันใด


   “ระยะแค่นี้ของแก ถ้าต่อหน้าคนอื่นมันคงไม่พลาดแต่ต่อหน้าฉันมันคงอีกเรื่อง  ส่วนไอ้หมาซาเวียร์นั้นฉันไม่เคยจำได้ว่าอนุญาตให้มันเป็นคนส่งศพฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”


   “ผมนี้ไม่น่าประมาทคุณเลยนะครับ”คำพูดที่ยังคงดูสุภาพแม้เจ้าตัวจะเป็นรอง  แต่คำพูดพวกนั้นมันกลับไม่หวานหูเขาแม้แต่น้อย  เขาไม่เคยชอบพวกใช้คำพูดเฉือดเฉือน พูด 1 คำแปลได้หลายอย่าง มันน่ารำคาญและสมองเขาไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้รองรับเรื่องยากๆพวกนั้นได้


   “ความประมาทสร้างเรื่องที่เหนือการคาดเดาให้เกิดขึ้นได้เสมอ เอาหละพาฉันไปหานายของแกซะ”


   “นาย คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน”


   “ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแกหรอกนะ  บอกมาว่าจะไปหรือไม่พาไป”


   “ฮะ  ฮะ  ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณพูดเรื่องอะไรแล้วจะพาไปได้ยังไงหละครับ”เสียงหัวเราะหยันๆที่ทำให้เส้นเลือดในสมองเต้นตุบ


   “ฉันบอกแล้วนะว่ามีเวลาไม่มาก”มือข้างที่ว่างคว้าแขนของเหยื่อก่อนจะดึงกระชากไปด้านหลังจนได้ยินเสียงดัง กึก ไหล่หลุด


   “อึก ชิบ คุณมัน”ร่างที่เคยนอนนิ่งเพราะจำยอมดิ้นพลาดๆเมื่อแขนข้างหนึ่งไหล่หลุดทั้งๆที่ข้อมือเคล็ดไปก่อนหน้านั้น


   “ฉันบอกแล้วว่าฉันมีเวลาไม่มาก เอาหละฉันว่าเราเปลี่ยนที่คุยกันหน่อยดีกว่า”เชือกที่หยิบมาเผื่อฉุกเฉินถูกเอามามัดมือของเหยื่อไพล่หลัง


   “เอา  เดินไป”ร่างผอมถูกผลักจนเซไปด้านหน้าแต่เจ้าตัวก็ไม่มีท่าทีว่าจะก้าวไปมากกว่านั้น


   “ผมไม่ไป”


   “แกนี้มันเจ็บไม่จำจริงๆนะ”คนที่ยืนอยู่ด้านหลังออกเดินนำหน้าโดยลากเอาหางเชือกที่ผูกโยงกับมือคู่นั้นไปด้วย  เมื่อคนหนึ่งออกแรงต้านแต่คนดึงแรงมากกว่าอีกคนจึงล้มไม่เป็นท่า แต่คาเซอริโอก็ไม่คิดจะช่วยนอกจากออกแรงลากจนร่างนั้นครูดไปกับพื้นดิน  แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะลากมันไปทั้งอย่างนี้ให้มันหนักเล่นๆเขาแค่อยากเริ่มการสั่งสอนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น


   “เอ๊า  ว่าไงจะเดินดีๆหรือให้ลากไป”


   “ผมไม่ไป  คุณอยากฆ่าผมก็ทำเลยผมจะรอคุณแซมเบอร์”


   “อ๋อ เจ้าหมานั้นมันคงไม่กลับมาง่ายหรอก และถึงมันกลับมาก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะเรื่องที่แกทำมันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว  ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกอยากจับพวกตัวเมียกับเด็กๆไปทำไมแต่เรื่องที่แกขายพวกมันให้เจ้านายแกไม่ได้มีแค่ฉันที่รู้”เสียงประท้วงและอาการดิ้นรนหายไปก่อนดวงตาคู่นั้นจะหลุบต่ำ


   “คุณพูดเรื่องอะไร”คาเซอริโอถอนหายใจก่อนจะย่อตัวลงให้ต่ำพอจะกระซิบบางอย่างได้


   “เลิกเกรงโง่ทำเป็นไม่รู้เรื่องสักทีเถอะ  เจ้าสองตัวนั้นที่แกไปหาตอนกลางคืนก็ถูกฉันเชือดทิ้งไปแล้ว แผนที่ๆแกอุตสาห์หามาฉันก็เอาไปให้พวกหมานั้น  เท่านี้แผนแกก็ถูกเปิดเผยหมดแล้ว จะอยู่รอความตายที่นี้หรือจะไปกับฉันก็เลือกเอา”ขาทั้งสองข้างยืดตัวขึ้นก่อนจะเดินห่างออกไป  ทุกอย่างที่เขาบอกมันคือเรื่องจริงที่เขาทำยกเว้นเพียงแต่เรื่องที่เขาเดาสุมเอาเองว่ามันเป็นคนทำ  เพราะคืนนั้นที่มันรีบร้อนออกไปเก็บสมุนไพรก็น่าสงสัย  มันช่างพอดีที่มันออกไปและเจ้าสองคนนั้นที่เข้ามา  แผนที่ๆที่ได้มา  แผนที่การลาดตระเวนของพวกหมาที่น่าจะเป็นความลับเพราะแม้แต่ชินริที่เป็นพี่สาวชินอูก็แค่รู้มาบ้างว่าน้องชายตัวเองจะไปที่ไหนแต่ไม่เคยรู้จุดลาดตระเวนทั้งหมด  พวกตัวเมียและเด็กๆรู้เพียงการป้องกันตัวแต่ไม่เคยรู้เรื่องการป้องกันกลุ่ม  คนที่หาข้อมูลพวกนี้ต้องเป็นคนใน และแน่นอนว่าต้องใกล้ชิดกับพวกที่ลาดตระเวนมากพอที่จะตะลอมถามข้อมูลมาได้เรื่อยๆ จนมันกลายเป็นแผนที่ แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักเมียๆพวกลาดตระเวนทั้งหมด แต่ก็เหมือนอย่างที่เจ้าหมาเยอร์เซ็พนั้นพูด การสงสัยพวกเผ่าพันธุ์อื่นมันง่ายกว่าสงสัยพวกเดียวกันที่อยู่ด้วยกันมานาน 


   กลุ่มหมาปีศาจที่พวกตัวเมียมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเป็นเหมือนทรัพยากรที่ต้องสงวนไว้ โอกาสน้อยมากที่พวกมันจะขายพวกเดียวกันเอง ทางเดียวที่ดีที่สุดในตอนนี้คือเดาว่าคนทำคือพวกเผ่าพันธุ์อื่น นั้นอาจจะเป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่พวกมันทำท่าไม่ต้อนรับเขา  และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอฮิโตะเจออะไรมาบ้างขณะที่อยู่ร่วมกับพวกหมาพวกนั้น  แต่นั้นมันก็ไม่สำคัญแล้วเพราะเขากับเจ้าหมอฮิโตะคงไม่ได้อยู่ร่วมพูดคุยกันอีกและถ้าหากเรื่องที่เขาเดามันถูกต้อง  เขาก็อาจจะได้กลับบ้าน ความหวังที่จะได้กลับไปเริ่มกลับมาอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่ากลับยังไง แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าเขาจะได้กลับไป


   “ตัดสินใจได้แล้วงั้นสินะ”ร่างที่นอนคลุกฝุ่นพยุงตัวเองขึ้นมาช้าๆก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะยกยิ้มอีกครั้ง


   “ครับ  ผมจะพาคุณไปหาเจ้านายผมอย่างที่คุณต้องการ แต่ก่อนอื่นช่วยทำอะไรกับไหล่ผมหน่อยได้ไหม”


   “แกไม่ขอให้ฉันแก้มัดเชือกให้แกงั้นเหรอ”


   “ผมไม่ขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรอกครับ หากคุณคิดว่ามัดผมไว้แล้วสบายใจก็ทำเถอะครับ”ถ้อยประโยคชวนปวดหัวกลับมาอีกครั้ง  มันคงคิดอะไรบางอย่างได้และอาจจะไม่เป็นผลดีกับเขาแต่ก็นั้นแหละแบบนี้ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน


   “ก็ได้ตกลงตามนั้น”คาเซอริโอเดินตรงไปหาเจ้าของยิ้มประหลาดก่อนจะแก้มัดแล้วดึงไหล่ที่หลุดข้างนั้นให้เข้าที่แล้วเปลี่ยนมามัดมือไว้ด้านหน้าแทน   ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อยเขากับมันที่จำใจต้องเป็นเพื่อนรวมทางกันก็ต้องรีบออกเดินทางเพราะลมที่แรงขึ้นและท้องฟ้าที่มืดลงส่อเค้าว่าอาจจะมีพายุเกิดขึ้นหรือหากไม่มีพายุอาจมีใครบางตัวตามมาทันได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นตัวไหนจะเจ้าหมาซาเวียร์หรือเจ้าแซมเบอร์ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรทั้งนั้น เพราฉะนั้นจากคนที่ขัดขืนในตอนแรกจึงรวมมือในการเดินทางอย่างดี  2 คนกับอีก 1 หมาที่เขาหิ้วใส่เป้มาด้วยจึงได้ออกเดินทาง ท้องฟ้าที่ทอประกายสีส้มมืดลงจนกลายเป็นแสงสลัวพร้อมลมที่แรงขึ้น ระยะทางที่ไกลออกไปเรื่อยๆและการเดินทางที่เร่งรีบทำให้เหนื่อยจนหอบ แน่นอนว่าเจ้าคนตัวผอมที่เดินตามหลังเขามาย่อมเหนื่อยมากกว่า เจ้าหมาพวกนั้นยังไม่ตามมาถือเป็นโชคดีแต่ไม่รู้ว่าจะโชคดีไปได้อีกนานแค่ไหน


   “พักก่อนได้ไหมครับ ผมไม่ไหวแล้ว”แรงฉุดกระชากจากเชือกในมือเกิดขึ้นเมื่อคนที่ถือห้อยมาด้วยซวนเซไปชนต้นไม้จนเกือบล้ม


   “เราไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น”


   “แต่ผมไม่ไหวแล้ว พักหน่อยไม่ได้รึไง”


   “ข้าเห็นด้วยกับเขานะ”เสียงหวานเย็นเยียบดังขึ้นจากพุ่มไม้พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงเผลอมองจนตาค้างด้วยใบหน้าเรียวสวย ริมฝีปากสีแดงสด  ผิวขาวซีดและรูปร่างสะโอดสะอง หน้าอกหน้าใจที่ล้นจนผ้าผืนน้อยปิดแทบไม่มิด  สะโพกพายได้รูปนั้น  ใช่เมื่อก่อนเขาคงจ้องจนตาค้างตามประสาผู้ชายที่เห็นสาวสวยหุ่นสะบึ้มมายืนอยู่ตรงหน้า แต่สาวสวยในเสื้อผ้าน้อยชิ้นกลางป่าแบบนี้  ทั้งดวงตาสีรีเล็กที่มีขีดสีดำพาดผ่านและรูจมูกที่เล็กจนแทบมองไม่เห็นนั้น มันคล้ายกับใครบางตัวที่เขาเคยเห็นตรงหน้าและบางทีครั้งนี้ไม่ต้องพึ่งลางสังหรณ์ก็พอจะเดาได้อย่างแม่นย้ำว่าเป็นใคร เชือกในมือถึงได้ถูกกระตุกจนใครอีกคนต้องถลามายืนอยู่ข้างๆพร้อมปืนที่กระชับมั่นในมือ


   “ว้าว  กล้าต้อนรับข้าด้วยอาวุธที่อันตรายขนาดนั้นเชียวรึ”เท้าเปลือยเปล่าก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ในขณะที่คนข้างตัวก็เบียดเข้ามาชิดเขามากขึ้นหนึ่งก้าว


   “คุณคาโลครับนี้มันเรื่องอะไรกัน”   


   “อุ๊  บางทีมนุษย์นั้นคงไม่ฉลาดเหมือนเจ้า”ริมฝีปากสีแดงสดเหมือนเลือดนั้นยกยิ้มด้วยรอยยิ้มยั่วที่ไม่ทำให้เกิดอารมณ์หื่นเมื่อริมฝีปากสีแดงสดนั้นมีหยดบางอย่างค่อยๆไหล่ซึมออกมาจากมุมปากซึ่งเจ้าหล่อนก็ทำเพียงตวัดลิ้นสองแฉกสีแดงเลียมันเข้าไปเท่านั้น และนั้นทำให้การคาดเดาของเขาถูกต้อง  นางงูที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ทำไมถึงมาที่นี้


   “ต้องการอะไรมาเรียอา”รอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั้นหายไปทันทีที่เขาเผลอไปเรียกชื่อเจ้าหล่อนเข้า ใบหน้าที่เคยงดงามเย้ายวนแปรเปลี่ยนไปเป็นนางมารร้ายเมื่อคิ้วเรียวนั้นขมวดมุ่น  ดวงตาแข็งกราว  ริมฝีปากฉีกกว้างด้วยความกราดเกรียว รอยเกร็ดจ้างๆผุดขึ้นบนใบหน้าเนียน


   “อย่าเอาปากสกปรกของเจ้ามาเรียกขานชื่อข้าเจ้ามนุษย์โสโคก ใครมันบังอาจบอกชื่อข้ากับเจ้า ไม่สิ  ข้าน่าจะรู้ อ๊า คูลาตัสสินะ ข้าเห็นเขาแว๊บๆที่นี้  ทั้งๆที่ข้าหลงใหลเขาไม่แพ้ใคร  แต่เขากลับไม่สนใจข้า  สนใจเพียงเจ้า  เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำที่เกือกกลั้วกับพวกหมาชั้นต่ำ แล้วยังบังอาจล่อลวงคีอานัสจนเขาต้องสิ้นชีพด้วยเจ้าหมานั้น คู่ของเจ้าฆ่าคู่ของข้า  ข้าก็จะฆ่าเจ้าเพื่อตอบแทนเช่นกัน”   คาเซอริโออยากจะยกมือกุมขมับด้วยความเครียดเมื่อนางงูจับเรื่องนั้นผูกเรื่องนี้ได้อย่างน่าชวนปวดหัวเป็นที่สุด  ช่างคิดไปได้นะผู้หญิง  แต่น่าเสียดายที่มือเขาไม่ว่างพอจะทำแบบนั้น


   “นี้ผู้หญิงคนนี้มาตามคุณงั้นเหรอครับ”


   “ดูท่าจะเป็นแบบนั้น”   


   “งั้นผมคงคิดผิดแล้วสิครับที่เผลอร่วมทางมากับคุณ”


   “แล้วคิดว่าเปลี่ยนใจตอนนี้ทันรึไง วิ่ง”คาเซอริโอตะโกนเสียงดังเมื่อหญิงสาวสวยที่บัดนี้เปลี่ยนท่อนร่างเป็นงูพุ่งตัวเข้ามาหาพวกเขาด้วยความอาฆาต  ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไงมายังไงหรือเจ้าหล่อนจะเข้าใจไปแบบไหนแต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาจะอธิบายหรือพูดให้เจ้าหล่อนฟังและความจริงที่ว่างูคีอานัสนั้นมันตายเพราะเจ้าหมาซาเวียร์และเขาก็เป็นเรื่องจริงที่แก้ตัวยังไงก็ไม่ขึ้น


   “ทำไมต้องเป็นผู้หญิงด้วยว่ะ”คาเซอริโอบ่นพึมพำด้วยความขัดใจเพราะแม้เจ้าหล่อนจะไม่ใช่ภรรยาที่ต้องให้ความเคารพหรือเมียเพื่อนที่ต้องให้เกียรติแต่ความเป็นผู้ชายก็ไม่ควรจะไปหาเรื่องผู้หญิงแบบที่สุภาพบุรุษที่ดีควรทำ แน่หละถ้าเจ้าหล่อนเป็นชายเขาคงไม่ลังเลที่จะยิงทิ้งไปตั้งแต่เจ้าหล่อนพุ่งเข้ามาแล้ว


   “กำลังคิดอะไรอยู่งั้นรึ”


   “เฮ้ย”เสียงหวานที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้ต้องก้มหลบทันก่อนที่เล็บยาวเฟื้อยนั้นจะตวัดคอเขาขาด  แม้จะหลบทันแต่ปลายเล็บแหลมคมนั้นก็เกี่ยวไหล่เขาจนเลือดซิบ


   “ไม่คิดว่าเลือดเจ้าจะหวานไม่น้อยนะ  หวานกว่าเลือดสัตว์พวกนั้นซะอีก ชักอยากกลืนลงท้องทั้งตัวแล้วสิ”ลิ้นสองแฉกแลบเลียปลายเล็บที่มีเลือดของเขาติด ริมฝีปากแสยะยิ้มก่อนร่างครึ่งงูจะเลื่อยปราดเข้ามาด้วยความเร็วสูง  คาเซอริโอวิ่งหลบหลีกไปตามต้นไม้หางตาทันเห็นร่างไวไวของใครบางคนที่หันหลังวิ่งห่างออกไป


   “ให้มันได้แบบนี้สิว่ะ”ปืนในมือลั่นกระสุนออกไปดังใจคิด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นป่า  ไหล่บอบบางภายใต้เนื้อผ้าสะบัดตามแรงกระสุน  ดวงตาคู่คมของอสุรกายร่างงูหันมองตามเสียงร้องก่อนจะเลื้อยไปอีกทาง


   “จะรีบไปไหนหละ”   


ปัง!


   กระสุนนัดที่สองเจาะเข้ากลางหลังเปลือยเปล่า เจ้าของปืนนึกขอโทษเจ้าหล่อนอยู่ในใจที่ยิงปืนเข้าใส่สุภาพสตรีในร่างอสูรกาย แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้วหากไม่ยิงเจ้าหล่อน ไอ้หนังตาชั้นเดียวนั้นได้ตายแน่


   “เจ้า”เสียงหวานหวีดสูงด้วยความเจ็บแค้นแผ่นหลังที่มีเลือดไหลซึมตวัดมาตามเสียงก่อนครึ่งบนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นงูเต็มตัว


   “แบบนี้ค่อยยิงได้ง่ายหน่อย”


ปัง!  ปัง!


   กระสุนมากมายรัวออกจากปากกระบอกปืนจนหมดแม๊ก  มือขาวรีบเปลี่ยนกระสุนชุดใหม่ในขณะที่ขาก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ และงูสาวตรงหน้าก็ยังคงเลื้อยเข้ามาเรื่อยๆแม้แผลจะมีเลือดไหลซึมออกมามากมายก็ไม่สามารถหยุดเจ้าหล่อนได้


   “อย่าทำแบบนี้เลยน่า”ปืนที่พร้อมยิงอีกครั้งประทับแน่นบนมือทั้งสองข้าง  ปากกระบอกเล็งตรงไปยังดวงตาโปนคู่นั้น แผ่นหลังที่แนบชิดกับต้นไม้ทำให้ใจเต้นรั่วเร็วขึ้น เช่นเดียวกับเจ้าหล่อนที่หยุดนิ่งห่างเขาไปไม่ไกล  แม้ภายนอกจะนิ่งแต่ภายในใจของคาเซอริโอกลับวิ่งวุ่น  นึกอยากให้อะไรสักอย่างหรือหมาสักตัวได้ยินเสียงปืนแล้วแห่มาทางนี้ แวบหนึ่งในความคิดที่หวนคิดถึงดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น


   “อย่าโทษกันเลยนะ”


ปัง!


ฟ่อ!


กรร!


   
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่22 ไม่ได้มีแค่.......11/11/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 11-11-2014 00:05:35
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกจังหวะเดียวกับที่หัวกลมทู่นั้นฉกลงมา คาเซอริโอรีบพลิกตัวหลบไปด้านหลังต้นไม้ทันได้ยินเสียงขู่ของอะไรบางอย่างตามมาด้วยเสียงดังโครมใหญ่  ดวงตาสีเทามองเขม็งก่อนคิ้วจะขมวดฉับ  นึกถึงหมา หมาก็มาแต่นั้นมันใครหละ


   ภาพแม่งูสาวที่ตอนนี้โดนกรามขนาดใหญ่กัดแน่นจนจมเขี้ยวช่วยให้ใจชื่นขึ้นแต่เพียงไม่นานก็ต้องเปลี่ยนเป็นตระหนกเมื่อหางขนาดใหญ่ตวัดฟาดจนหมาโชคร้ายกระเด็นชนต้นไม้


   “เฮ้ย”คาเซอริโอกระโดดออกจากหลังพุ่มไม้ปืนในมือยิงเข้าใส่ลำตัวสีทองจนหมดแม๊กสกัดไม่ให้เจ้าหล่อนตามเข้าไปซ้ำเจ้าหมาสีดำที่นอนหมอบอยู่บนพื้น  แน่นอนว่าเจ้าหล่อนไม่เข้าไปซ้ำหมาแต่หันหัวมาหาเขาแทน


   “หาเรื่องจริงๆเลย”ปืนอีกกระบอกที่ข้างเอวถูกหยิบมา หัวใหญ่โตที่คอมีแผลเหวอะจากรอยกัดและเลือดที่ไหลย้อยจากรอยกระสุนพุ่งมาทางเขา  กรามอ้ากว้างเตรียมฉกแต่ก่อนที่เจ้าหล่อนจะเข้ามาก็มีเงาบางอย่างโฉบเข้าไปหา  กรามเข็งแรงกัดขย้ำเข้าที่คอซ้ำแผลเดิมก่อนจะกระชากจนก้อนเนื้อสีสดขาดวิ่น  คออีกข้างก็โดนเจ้าหมาขนเกรียนสีดำตัวเดิมขย้ำจนจมเขี้ยวแล้วกัดกระชากจนเนื้อหลุด  ลำตัวสีทองสะบัดเร่าดิ้นหนี โดนเจ้าหมาสองตัวนั้นจนกระเด็นไปแต่ไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะตั้งตัวได้ หมาสีขาวที่คุ้นตาก็กัดกระชากที่หางจนหัวโตๆนั้นเสียหลักฟาดพื้นเสียงดังสนั่น  หมา 3 ตัวที่รุมขย้ำงูยักษ์ตัวเดียวเริ่มจะสูสีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจเมื่อเผลอหันไปสบตากับเจ้าหมาสีขาวทีคุ้นแสนคุ้น หัวก็เริ่มเดาได้ไม่ยากว่าอีก 2 ตัวนั้นคงเป็นใครที่เขาไม่อยากเสวนาด้วย


   “ลุกขึ้น  เราต้องไปแล้ว”


   “คุณยิงผม”คนที่มีเลือดไหลอาบไหล่อ้าปากต่อว่า


   “แค่ถากๆไม่ตายหรอกนะ”คาเซอริโออกแรงกระชากแขนของคนที่นั่งอยู่ในลุกขึ้น เสียงการต่อสู้ด้านหลังยังคงดังมาให้ได้ยิน  แต่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจพวกมันตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือหนี  หนีทั้งงูและต้องหนีหมา 3 ตัวนั้นไปด้วย


   “ปล่อยนะ  ผมไม่ไปกับคุณ”


   “หรือจะอยากกลับไปหาเจ้าหมา 3 ตัวนั้น ฉันรู้ว่าแกรู้จักพวกมันดีกว่าฉัน เลือกเอา”แม้ปากจะบอกให้เลือกแต่เขาก็ยังฉุดแขนข้างนั้นให้วิ่งตามไปอย่างทุลักทุเลเมื่ออีกคนแทบจะไม่ให้ความร่วมมือ


   “บัดซบเอ้ย”เท้าของทั้งคู่หยุดวิ่งกะทันหันเมื่อเบื้องหน้าพวกเขาคือหน้าผากว้าง  ดวงตาสีเทาสอดส่ายมองหาทางข้าม  ทางขวาคือหน้าผาสูงชันที่มีน้ำตกไหลแรง  ข้างซ้ายคือช่วงผาสูงที่มีน้ำตกไหล่ยาวเลื่อนหายไปในความมือยามราตรี  เสียงหอบหายใจแรงๆเรียกให้หันกลับมาสนใจด้านหลังและเผชิญหน้ากับเจ้าหมา 3 ตัวที่ร่างอาบไปด้วยเลือด ตัวแรกเจ้าหมาสีดำขนเกรียน ที่ช่วงอกและขาเป็นสีน้ำตาลแต่บัดนี้ปากและตัวครึ่งหนึ่งอาบไปด้วยเลือด อีกตัวคือเจ้าหมาสีขาวเหลือบเทาที่คุ้นตา ตัวครึ่งหนึ่งแม้จะอาบไปด้วยเลือดแต่ก็ดูเจ็บน้อยกว่าตัวแรก ตัวสุดท้ายดูคล้ายเจ้าตัวแรกแต่ตัวใหญ่กว่า


   “เคยโดดหน้าผามาก่อนรึเปล่า”


   “ห๊ะ  คุณว่าอะไรนะ”คนข้างตัวหันมามองคาเซอริโอเต็มตาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด  หรือไม่ก็อาจคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว แน่นอนว่ามันบ้าแต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว หากเขายอมกลับไปกับพวกมันหรือปล่อยให้คนข้างตัวกลับไปกับพวกมันเขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางออกไปอีกได้แน่ เพราะฉะนั้นทางเลือกของเขามีเพียงทางเดียวคือเดินหน้าต่อไปเท่านั้น และเพราะผาที่กั้นเอาไว้เขาจึงมีทางเลือกเพิ่มอีก 2 ทางคือไม่โดดข้ามไปก็ต้องโดดลงน้ำแล้วว่ายไป


   “อย่างที่ได้ยินนั้นแหละ  เราจะกระโดดลงไป”   


   “คุณเสียสติไปแล้วรึยังไงกัน  ผมไม่ทำอะไรบ้าๆแบบคุณแน่”


   “แล้วแกมีทางอื่นรึไงที่จะหนีไปจากพวกมันได้”


กรร!


   คำว่าหนีไปก่อปฏิกิริยาได้เร็วกว่าที่คิดเมื่อพวกมันเริ่มส่งเสียขู่และเจ้าตัวที่โชกเลือดที่สุดก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมๆกับที่คนข้างตัวเขาก้าวไปข้างหลัง 1 ก้าว


   “อย่างน้อยเราน่าจะเจรจาแล้วหาทางข้ามไป ถ้าเดินตามน้ำตกไปเรื่อยๆมันจะมีช่วงที่ข้ามได้”คนข้างตัวกระซิบ


   “เราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น  แค่ 3 ตัวก็มากพอแล้ว”ใช่แค่ 3 เขาก็รับมือยากแล้วและถ้าเจ้านั้นมาเขามั่นใจว่ามันไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแน่


   “ริวจิ”เสียงเรียกของบุคคลที่สามดึงความสนใจได้ชะงัก  ร่างหมาโชกเลือดหายไปเหลือเพียงร่างชายหนุ่มที่ลำตัวซีกซ้ายโชกไปด้วยเลือดและถ้าดูไม่ผิดเหมือนแขนข้างเดียวกันจะห้อยร่องแร่งและเนื้อตรงช่วงเอวหายไปหย่อมเลือดถึงได้ทะลักออกเป็นน้ำประปาแตกขนาดนั้น


   “คุณแซมเบอร์”


   “เจ้ากำลังทำอะไร”


   “ผม  ผม..”บรรยากาศชวนอึดอัดสีดำปนม่วงทำให้คาเซอริโอต้องถอนหายใจเมื่ออะไรๆมันชักจะยุ่งยาก


   “เจ้ากำลังจะไปไหน ไม่จริงใช่ไหมที่พวกนั้นบอกข้า  ว่าเจ้าทรยศ”


   “เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว ว่าคนของเจ้ากำลังจะหนียังต้องการอะไรอีก”เจ้าตัวที่ 3 ที่กลายร่างเป็นคนสอดปากขึ้นบ้าง


   “หุบปากนะจายา  บอกข้าทีว่าพวกนั้นเข้าใจเจ้าผิด”ดวงตาสีดำของคนพูดเว้าวอนแบบที่คนมองอย่างคาเซอริโอได้แต่เบือนหน้าหนี  คำว่าคู่ที่เคยสงสัยกระจ่างชัดในที่สุด  ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นสินะที่หูหนวกตาบอดเพราะความรัก


   “ปล่อยผมไปเถอะนะ”


   “พวกนั้นบังคับเจ้าสินะ  บอกข้าสิว่าพวกนั้นบังคับเจ้า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาข้ารู้จักเจ้าดี ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางทำแบบนั้น”


   “อย่าเข้ามานะ”คนข้างตัวตวาดเสียงลั่นเมื่อแซมเบอร์ก้าวเข้ามาหา  เท้าที่ก้าวถอยหลังไปทำให้พวกเขาหมิ่นเหม่ที่ขอบเหวแน่นอนว่าอีกก้าวเดียวก็ได้โดดหน้าผาสมใจ


   “ริวจิ  กลับมาหาข้านะ มาอยู่กับข้าแค่เรา  ข้าสัญญาว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม ได้โปรด ข้ารักเจ้านะ”


   “หึ  รักเหรอ อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ  แล้วรู้ไหมว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมาผมเจออะไรมาบ้าง กับพวกนั้น กับพวกหมาๆพวกนั้น คิดว่าคนแบบผมจะทนอยู่กับหมาโสโครกแบบคุณไปได้เท่าไหร่กัน”


   “นี้เจ้า”ดูเหมือนคำว่าหมาโสโครกจะทำให้จายาเดือดได้ไม่น้อยแต่ก่อนที่จะได้พุ่งเข้ามาก็โดนเจ้าซาลูกิที่กลายเป็นคนจับแขนเอาไว้


   “หึ  3 ปี  3 ปีที่มีแค่ความทุกข์ทรมาน รักงั้นเหรอ แล้วไง คนกับหมามันจะไปรักกันลงได้ยังไงกัน”


   “ไม่จริง  เจ้ามีความสุข  เจ้าบอกว่าเจ้ามีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน เจ้ารักข้า”


   “ผมโกหก”คำเรียบๆพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มที่คุ้นเคยคงเหมือนอะไรที่ยอกแสยงใจคนฟังอย่างแซมเบอร์สีหน้าเจ้านั้นเลยเหมือนจะตายให้ได้ซะเดียวนั้น


   “ไอ้มนุษย์ชั้นต่ำ”คำสอดเรียบๆจากจายาที่คนโดนเต็มๆอย่างริวจิไม่สะทกสะท้านและคนโดนผ่านๆอย่างเขาไม่คิดจะเข้าไม่ยุ่ง


   “มันก็แค่การเอาตัวรอดนะครับ  คนแบบผม  คนอ่อนแอแบบผมที่โดนรังแกมาตลอดจะอยู่รอดยังไงหละในดงหมาแบบนั้น การหาใครสักคนมาคุ้มครองมันน่าจะง่ายกว่าจริงไหม  ใช่เล่ห์นิดหน่อย คำหวานสักนิดก็หลอกหมาโง่ๆได้แล้ว”


   “เจ้าไม่เคยรักแซมเบอร์เลยงั้นเหรอ”ซาลูกิที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง


   “หึ  ทำไมคนอย่างผมต้องไปรักหมาด้วยหละครับ  ที่บ้านผมนะหมามันก็แค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ”


   “เจ้า..”เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับร่างของหมายักษ์ที่พุ่งเข้ามา  เขี้ยวที่แยกกว้างหมายเอาชีวิต  ปืนในมือถูกยกขึ้นเล็งไปยังเป้าหมายแต่กลับช้ากว่าเงาสีน้ำตาลที่พุ่งเข้ากระแทกจนร่างนั้นปลิวชนต้นไม้  เสียงคำรามดังลั่นป่าเมื่อหมาปีศาจสีน้ำตาลขาวและหมาสีดำเผชิญหน้ากันด้วยท่าทีคุกคาม


   “แก  ซาเวียร์”คาเซอริโอเรียกชื่อหมาข้างตัวที่เดินวนเวียนไปตรงหน้าเขา กันท่าไม่ให้เจ้าตัวสีดำเข้ามาใกล้  มันตามมาทันจนได้


   “เจ้าเองเหรอซาเวียร์  เจ้าเลือกแล้วงั้นเหรอ”เสียงระโหยโรยแรงจากคนที่ถูกซาลูกิหิ้วปีกไว้หยุดเสียงขู่ของหมาสองตัวได้ชะงัก  ดวงตาสีดำที่มองตรงมายังริวจิมันเต็มไปด้วยความรักเทิดทูลที่คาเซอริโอเห็นแล้วได้แต่เบือนหน้าหนี  เจ้านั้นรักจริงแบบไม่ต้องสงสัย แต่คนข้างตัวเขาหละรักหรือไม่รักตามปากบอกเขาก็ไม่รู้


   “หากเจ้าเลือกแล้ว ข้าเองก็จะเลือกทางของข้าเหมือนกัน”เสียงแผ่วเบาท่ามกลางฝนที่ค่อยๆกระหน่ำลงมาช้าๆก่อนจะลงเม็ดหนักกลายเป็นพายุในช่วงเสี้ยววินาที


   “หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่เลือกคนของเจ้าเหมือนข้า ริวจิแม้เจ้าจะไม่รักข้าก็ช่างเถอะ  อย่างน้อยข้าก็ได้ทำเพื่อคนที่ข้ารัก ไปซะ  ไป!!”ซาลูกิถูกผลักด้วยคนที่เจ้าตัวประคองตัวอยู่ ร่างโชกเลือดเปลี่ยนกลับเป็นหมาอีกครั้งก่อนจะกระโจนเข้าหาหมาสีดำอีกตัวพร้อมเสียงขู่  เสียงเห่ากรรโชกและต้นไม้ที่ล้มระเนระนาด  ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมตวัดมามองเขาก่อนเขี้ยวขาวจะงับเข้าที่ไหล่ซ้ายแล้วเหวี่ยงเอาเขาที่หิ้วปีกเจ้าริวจิขึ้นมากลางหลัง  ร่างสูงใหญ่วิ่งกลับไปในแนวป่าไม่ห่างกับหมาสองตัวที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาจนม่านตาพร่าเลือน  อุ้งเท้าทั้ง 4 จิกพื้นดินแน่นก่อนจะเหวี่ยงตัวกลับแล้วตะกุยดินห้อตะบึงไปด้านหน้า มุ่งหาหน้าผาด้วยความเร็วสูง  เจ้าหมาสีขาวตัวใหญ่ยืนจังก้าขวางอยู่ด้านหน้าแต่ก่อนเขี้ยวขาวนั้นจะพุ่งลงมากลับโดนกระแทกจากเจ้าหมาสีดำที่ร่างอาบไปด้วยเลือดกระเด็นหล่นไปจนขอบหน้าผาปล่อยให้หมาสีน้ำตาลร่างยักษ์กระโดดข้ามหน้าผาและวิ่งหายไปในแนวป่าฝั่งตรงข้ามพร้อมพายุที่โหมกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด


   









        มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ตอนนี้ล่าช้าไปหลายวันเนื่องจากนางมารเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด  ขออภัยที่ไม่เเจ้งล่วงหน้าทำให้นักอ่านต้องรอกันนะคะ

        สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนต่อการลาของคาโลจากตอนที่แล้ว  คาโลเราหาทางกลับแล้วด้วยการฉุดตัวนำทางอย่างริวจิไปด้วยประเด็นเรื่องการหาทางกลับยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่แต่ไม่นานคะเพราะนางมารมีคำเฉลยรอเอาไว้แล้ว  อดใจกันสักนิด

       ชื่อตอนสำหรับตอนนี้หน่วงมากๆและเนื้อหาในตอนก็หน่วงมากๆด้วยคะ  เขียนเองก็แอบสงสารแซมเบอร์เอง ริวจิออกปากว่าไม่เคยรักแซมเบอร์เลยตลอด 3 ปีที่อยู่ด้วยกันมาแต่ถึงอย่างนั้นแซมเบอร์ก็ยังรักและช่วยให้ริวจิกับคาโลหนีไปได้  งือ  ความรักของน้องหมาเเซมเบอร์ชั่งยิ่งใหญ่  ซาเวียร์เองก็ตามมาทันแล้วเเบกคาโลกับริวจิขึ้นหล้งหนีไป  จะหนีกันไปได้เเค่ไหน จะรอดจนกลับไปได้รึเปล่ายังต้องตามกันต่อคะ  แล้วกันใหม่ตอนหน้าคะ  :mew1: :mew1:

     
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่22 ไม่ได้มีแค่.......11/11/57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-11-2014 08:31:43
 :z13: ไว้ก่อน



ไม่รู้ทำไมเราถึงคิดว่าแซมเบอร์มันน่าสงสาร

คาโล...ซาเวียร์ตามมาทันแล้ว จะไปด้วยกันรึเปล่า

รึจะทิ้งกันอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่22 ไม่ได้มีแค่.......11/11/57
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 11-11-2014 10:22:38
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่23 บางอารมณ์ที่..21/11/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 21-11-2014 00:11:08
ตอนที่ 23 บางอารมณ์ที่ไม่อยากเข้าใจ               28/09/2557

 

   คาเซอริโอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่แบบนี้มานานเท่าไหร่ จากพายุที่โหมกระหน่ำเหลือเพียงสายฝนที่ตกพอให้ตัวเปียก  เสียงฟ้าร้องเหลือเพียงเสียงลมที่หวีดหวิว  ร่างกายที่หนาวและมือที่เย็นจัดแปรเปลี่ยนเป็นชา  ฝ่ามือที่กำแน่นอยู่บนกลุ่มขนที่เปียกลู่ชาจนแทบไร้ความรู้สึก  คนที่เกาะอยู่ด้านหลังก็นิ่งไปจนเผลอนึกว่าตายถ้าไม่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะแผ่นหลัง  แต่เจ้าหมาที่เหวี่ยงเขาขึ้นมากลับยังไม่หยุด  มันยังไม่ยอมหยุดฝีเท้า  ทำเพียงวิ่งตรงไปข้างหน้า  แม้หลายครั้งมันจะลื่นไถลเพราะน้ำฝนหรือวิ่งชนต้นไม้เล็กๆเพราะหลบไม่ทัน  ฝ่าเท้าทั้ง 4 ข้างนั้นก็ไม่ยอมหยุด และมันกำลังทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ


   “หยุด ฉันบอกให้แกหยุดเดี๋ยวนี้เข้าใจไหมไอ้หมาโง่”ปากตะโกนบอกพร้อมฝ่ามือที่จิกขนยาวนั้นแน่น  แต่ถึงแบบนั้นเจ้าตัวสี่ขาก็ยังวิ่งไปข้างหน้า  แม้จะโดนจิกจนขนหลุดออกมาเป็นหย่อมๆก็ไม่ยอมหยุด


   “แกหูหนวกรึไงซาเวียร์ หยุดเดี๋ยวนี้”มือขาวเอื้อมไปกำรอบลำคอหนาแม้จะกำได้ไม่มิดแต่ก็ทำให้เจ้าหมานั้นชะงักไปแค่ครู่เดียวแต่ขานั้นมันก็ไม่หยุดวิ่ง ยิ่งทำให้คาเซอริโอหงุดหงิดเข้าไปใหญ่


   “แก..”อารมณ์โมโหทำให้กระโดดทิ้งร่างลงมาจากหลังหมาปีศาจที่มีความสูงมากกว่าม้าหนุ่มวัยฉกรรจ์ ไม่สนว่าตัวเองจะหมุนกลิ้งไปหลายตลบ  ไม่สนผู้โดยสารอีกคนที่โดนหางเลขจนหล่นเข้าไปในพุ่มไม้  ไม่สนเสียงร้องด้วยความเจ็บจากเจ้าหมาสีดำตัวน้อยที่กลิ้นหลุนๆหายเข้าไปในพงหญ้า


   หมาสีน้ำตาลขาวตัวใหญ่หยุดวิ่งในที่สุด หน้ากลมและปลายจมูกแหลมหันกลับมามองพร้อมลิ้นสีแดงสดที่แลบยาวออกมาข้างปาก  ลมหายใจอุ่นร้อนปล่อยควันมากมายให้กลืนหายไปกลับสายฝน


   “แกเป็นบ้าอะไรห๊ะ  เกิดบ้าอะไรขึ้นมา”ทันทีที่ลุกขึ้นได้สิ่งแรกที่คนอย่างเขาทำไม่ใช่ตรวจดูว่าตัวเองเจ็บตรงไหนแต่กลับเป็นการกระชากกระจุกขนบนแผงคอนั้นเต็มแรง  กระชากจนหัวกลมๆที่เปียกลู่ต้องก้มลงมอง  ท่าทีที่นิ่งเงียบมันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด  เขาไม่รู้ว่ามันคิดอะไร  ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรต่อไป รู้แค่มันไม่เหมือนเดิม  เจ้าหมานั้นมันวิ่งทั้งๆสมองไม่ได้จดจ่ออยู่กับทางตรงหน้า  หลายครั้งที่วิ่งชนต้นไม้ทั้งๆที่มันหลบได้สบาย  บ่อยครั้งที่ลื่นไถลเพราะวิ่งไม่ระวัง  มันกำลังคิดอะไรอยู่  บางอย่างที่อยู่ในหัวมัน  บางอย่างที่มันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด


   “ตอบฉันมาไอ้หมาโง่  แกกำลังทำอะไรอยู่ห๊ะ  ทำ..”คำต่อว่ากลืนหายลงไปในลำคอเมื่อลิ้นสีแดงสดเลียเบาๆที่ข้างแก้ม  ปลายจมูกสีน้ำตาลนั้นยื่นมาคลอเคลียที่ข้างแก้มเหมือนกำลังอ้อนให้เขาใจเย็นลง


   “แกไม่น่าตามฉันมา”เสียงที่พูดออกมานั้นเบาลงแต่เขามั่นใจว่าระยะที่มีเพียงลมหายใจคั่นมันต้องได้ยิน


   “แกทำอะไรลงไปรู้บ้างรึเปล่า  เมื่อไหร่แกจะเลิกทำอะไรโง่ๆแบบนี้สักที”คาเซอริโอซบหน้าลงกับแผงอกนุ่ม รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของช่วงอกตามการหายใจ มันทำให้เขาสงบลงแต่ความอึดอัดในหัวใจไม่ได้เบาบางลงเลย  สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นแล้ว เจ้าหมางี่เง่าตามเขามาทันและไม่ใช่แค่ทันแต่มันเป็นคนพาเขาหนี  สู้กับพรรคพวกเดียวกันเพื่อพาเขาหนี  มันทรยศพวกพ้องของตัวเองเพื่อเขา


   “แกมันโง่ซาเวียร์  ทำไมต้องทำขนาดนี้”ปลายจมูกยาวที่ก้มต่ำถูกคว้าเอาไว้เพื่อให้เขาจ้องมันได้ถนัด  จ้องดวงตาสีน้ำตาลที่ตอนนี้มีเพียงเงาของเขาสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น


   “กลับไปซะซาเวียร์ มันไม่ใช่เรื่องของแกแล้ว  กลับไป”ถ้อยคำหนักแน่นที่พูดออกไปสร้างความเงียบให้เกิดขึ้นรอบๆตัว แม้ฝนจะยังตกกระหน่ำลงมาแต่คาเซอริโอกลับรู้สึกว่ารอบๆตัวเงียบสนิทและเต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัด  ราวกับเนินนานกว่าที่หัวกลมๆนั้นจะยกขึ้น  ร่างที่ยืดตัวจนสุดราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ทำให้คาเซอริโอต้องลอบยิ้มก่อนความเจ็บที่ไหล่ซ้ายจะพุ่งเข้ามารู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ปลิวมาหล่นอยู่บนแผ่นหลังกว้าง


   “เฮ้ย”มาเฟียอย่างคาเซอริโอแหกปากร้องด้วยความตกใจเมื่อหมาตัวใหญ่ออกวิ่ง หางตาทันเห็นริวจิและเจ้าซ๊อคยืนเคียงกันที่พุ่มไม้ก่อนจะถูกบังด้วยบรรดาต้นไม้ที่วิ่งผ่านและปลายหางของเจ้าหมา


   “แกกำลังทำบ้าอะไรว่ะ  เฮ้ย”คาเซอริโอออกปากร้องอย่างหมดมาดอีกครั้งเมื่อทั้งตัวลอยวืดขึ้นจากหลังหมาก่อนจะหล่นตุบลงบนพื้น  เจ็บยอกไปทั้งหลังจนอยากด่าไปถึงบรรพบุรุษตัวก่อเรื่องแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร แขนที่วางแผ่อยู่ข้างตัวก็ถูกอุ้งเท้าปุกปุยเหยียบเอาไว้  แรงกดที่มากจนรู้สึกเหมือนแขนจะหัก ดวงตาสีเทาคู่คมจึงได้เงยขึ้นจ้องกับเจ้ามาที่ก้มลงมาจนดวงตาสีน้ำตาลนั้นประสานสายตากับเขา


   “ปล่อยฉันเดียวนี้นะไอ้หมาเวร”คาเซอริโอออกแรงขยับแต่แขนสองข้างกลับนิ่งเหมือนถูกรัดด้วยคีมเหล็ก  ตัวใหญ่โตที่ก้มลงมาใกล้ทำให้ความคิดที่จะยกขาขึ้นแตะมันผ่านเข้ามาในหัวแต่กลับช้ากว่าลิ้นสีแดงสดที่แลบเลียไปบนใบหน้า มันไม่ใช่การเลียเร็วๆแบบที่เจ้าหมายักษ์ที่เฟอร์ดินาเลี้ยงเอาไว้พยายามทำกับเขา แต่มันกลับเป็นการเลียช้าๆเหมือนจะชิมรส จากช่วงกรามวาดผ่านช่วงแก้มไปจนจรดหางตาก่อนจะวกกลับไปวุ่นวายกับช่วงคอ ปลายลิ้นที่สากด้วยปุ่มรับรสทำให้ความรู้สึกแปลกๆผุดขึ้นที่หัวใจ ร่างที่นอนนิ่งงันถึงได้ออกแรงดิ้นสุดชีวิต ช่วงที่ปลายลิ้นนั้นกำลังยุ่งกับช่วงอกจนเผลอยกขาออก แขนทั้งสองข้างจึงเป็นอิสระ คาเซอริโอรีบพลิกตัวกลับ  ขาสองข้างยันพื้นเพื่อลุกขึ้นแต่กลับเป็นความคิดที่ผิดเมื่อด้านหลังเขาคือต้นไม้ใหญ่ที่ขวางกั้นทางรอด มือที่คว้าจับลำต้นสั่นสะท้านเมื่อคอเสื้อด้านหลังโดนกัดจนตึงแน่น แรงกระชากมาหาศาลทำให้ผ้าดิบเนื้อดีขาดออกเป็นชิ้นๆ  แผ่นหลังเปลือยที่กระทบกับสายฝนไม่ทำให้สั่นสะท้านได้เท่ากับสัมผัสร้อนระอุของลมหายใจและลิ้นสากที่ลากจากสะบักไปยังไหล่และซอกคอ  สัมผัสที่ทำให้ลมหายใจขาดห่วง


   “หยุดนะ..”
.
.
.
.
.
ริมฝีปากอุ่นระอุประทับจูบไปตามหลังคอขาวทิ้งร่องรอยสีกุหลาบพร้อมกับสูดกลิ่นกายหนุ่มเข้าจมูก  เลียกินเหงื่อที่หลั่งออกมาภายหลังถึงจุดสุดยอด  ยิ่งกลืนกินก็ยิ่งกระหายจนต้องขยับบางส่วนที่แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำทำหน้าที่ แต่ขาขาวที่อ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ทำให้ต้องรีบโอบประคองแนบแล้วตวัดเอาตัวเองลงมาด้านล่างให้อีกคนขึ้นมาอยู่ด้านบนในขณะที่ยังขยับด้านล่างไม่ให้ขาดช่วง ให้อีกคนได้มองเห็นกลุ่มดาวที่เริ่มจะทอแสงภายหลังฝนหยุด  ให้มองเห็นท้องฟ้าเต็มตาก่อนที่จะถูกพาไปทั่งสวรรค์อีกครั้งและอีกครั้ง




   เสียงนกร้องในยามสายและเหล่าแมลงตัวน้อยที่บินบนรอบๆทำให้ใบหูยาวแหลมนั้นขยับส่ายไล่ความรำคาญ หัวโตๆขยับหนีแต่ก็ไม่อาจปลุกให้หมาตัวใหญ่ตื่นขึ้นมาได้ ทำเพียงเหยียดขาสี่ข้างออกไล่ความเมื่อยและขดตัวนอนตะแคงต่อ ผิดกับอีกคนที่รู้สึกตัวเพราะขาหนักๆที่กายอยู่บนตัวนั้นขยับเปลี่ยนที่ อากาศยามเช้าที่เคยเย็นสบายก็เปลี่ยนเป็นไม่สบายเมื่อเริ่มสายก็เริ่มร้อนจนคนผิวขาวต้องลืมตื่นขึ้นมาพบกับพระอาทิตย์ที่เคลื่อนขึ้นสูง  แขนขาขยับไล่ความเมื่อยขบก่อนจะทิ้งหัวพิงกับอกอุ่นๆที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ขยับตัวเข้าใกล้ขนยาวที่ตอนนี้ฟูหนาแถมอุ่นสบายช่วยปกป้องความหนาวยามค่ำคืนได้ดี  ปกติเขาก็ไม่ใช่คนขี้หนาวหรอกนะแต่ในสภาพที่ต้องนอนตัวเปล่าเสื้อผ้าไม่ใส่กลางป่าตอนกลางคืนที่ฝนตกปอยๆมันก็ยังไงอยู่


   พูดถึงเสื้อผ้าก็ทำให้หงุดหงิดจนต้องเงยมองเจ้าตัวตนเหตุแล้วตะปบมือสองข้างปิดจมูกสีน้ำตาลชื้นคู่นั้น  ไม่นานเจ้าหมาตัวยักษ์ก็สะบัดหน้าหนีก่อนจะจามออกมา2-3 ครั้งให้คนทำยกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ


   “ตื่นแล้วก็อย่าคิดจะไปนอนต่อ”คาเซอริโอเงยหน้าพูดกับเจ้าหมาต้นเรื่องที่ยังนอนตาปรือไม่รู้เรื่องรู้ราว


   “แกนี้มันตัวหาเรื่องจริงๆนะ”ปากบ่นไปมือก็ทึ้งจนขนช่วงคอหลุดออกมากำเล็กๆเจ้าหมานั้นสะดุ้งน้อยๆยิ่งทำให้สะใจมากขึ้นไปอีก


   “กัดเสื้อชั้นขาดแบบนั้นฉันจะไปหาที่ไหนมาใส่ห๊ะ แกคิดจะให้ฉันเดินตัวเปล่ากลางป่ารึไงว่ะ”พูดเสร็จก็นิ่งไปทั้งคนทั้งหมาก่อนที่หัวโตๆนั้นจะพยักหน้าขึ้นลงหมั่นไส้จนต้องฟาดมันไปที


   “ชิบ หาเรื่องจริงๆให้ตาย”พูดจบก็ต้องขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดเพราะจะโทษมันฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกเรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดัง  ตอนนี้เขาอยากหาเสื้อใส่กางเกงยังคงสภาพดีใส่ตัวเดิมได้แต่เสื้อนี้สิกลายเป็นเศษผ้าขี้ริ้วไปแล้ว โชคยังดีที่เขาหยิบสำรองมาชุดหนึ่ง คงตกอยู่แถวๆที่เขากระโดดลงมานั้นแหละ กลับไปหาดูคงเจอ แต่อาการขัดยอกไปทั่วตัวแบบนี้ก็ชวนเอาไม่อยากขยับตัวสักนิด


   “เฮ้ยลุก  รีบไปกันได้แล้วไม่รู้พวกนั้นไปถึงไหนแล้ว  อยากตามมาก็อย่าทำตัวถ่วงฉันเข้าใจไหม”พูดเสร็จคนพูดก็ลุกขึ้นแต่สัมผัสเหนอะหนะที่ด้านหลังกลับทำเส้นประสาทในสมองเต้นตุ๊บ


   “หลับตาแล้วหันหน้าไปทางอื่นด้วย”หันไปตวาดหมาที่นอนชูคอมองตาแป๋วเสร็จก็เดินแปลกๆไปหยิบกางเกงที่กองไว้ทาง ซากเสื้อที่กระเด็นไปอีกทาง หาพุ่มไม้สักพุ่มทำธุระส่วนตัว  การอยู่กับพวกหมาๆมานานทำให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีแทบตลอดเวลาแบบเขาเริ่มจะใช้ชีวิตแบบป่าๆได้มากขึ้น  ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่ทำอะไรไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่องจนยากจะจับปืนมายิงตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด 


   แม้จะอยากอาบน้ำล้างหน้าก็ทำไม่ได้เพราไม่มีแหล่งน้ำ อย่าว่าแต่ล้างหน้าแค่หาน้ำกินยังยาก สงสัยเขาคงต้องรองน้ำมาเก็บไว้ก่อนที่จะอดน้ำตายกลางทางซะแล้วหละมั้ง


   “ไปกันได้แล้ว”หันไปออกปากเรียกเจ้าหมาที่นั่งเลียขาหน้าตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างก่อนจะจ้องตรงไปยังดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น


   “นำไปสิ”เจ้าหมานั้นเหลือบมองเขาหน่อยหนึ่งก่อนจะเดินนำออกไปด้านหน้าด้วยขาสี่ข้างนั้น เป็นความผิดของมันที่ดันพาเขามาแบบกะทันหันทำให้เขาจำทางไม่ได้


   เสียงเห่าเล็กๆดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามายังแนวป่าคุ้นตา  ลูกหมาสีดำขนหยิกรีบวิ่งตรงเข้ามาหาก่อนจะยกขาหน้าสองข้างตะกุยขาเขาอย่างบ้าคลั่ง


   “เออๆ  พอได้แล้ว  แล้วเจ้านั้นมันไปไหน”ถามจบก็มองไปรอบๆเพื่อหาใครอีกคนที่เขาหิ้วคอมันมาด้วย ลูกหมาสีดำเห่าอีกครั้งก่อนจะพาวิ่งไปยังกลุ่มไม้เลื้อยที่สานกันหนาจนเหมือนกำแพงพอแหวกเข้าไปถึงได้เห็นว่ายังมีใครอีกคนที่นอนตัวสั่นหน้าซีดอยู่ด้านใน


   “เป็นอะไรของมัน”คาเซอริโอย่อตัวลงด้านข้างก่อนจะยื่นมือไปเตะหน้าผากรู้สึกถึงไอร้อนผ่าวที่ลอยออกมา  เป็นไข้แบบไม่ต้องสงสัย  ถ้าไข้แบบธรรมดาก็ไม่เท่าไหร่แต่ถ้าไข้ป่าแบบที่เจอในประเทศเขตร้อนเขาคงไม่พ้นต้องฝังศพมันทิ้งในป่า


   “ให้มันได้แบบนี้สิว่ะ”คาเซอริโอลุกขึ้นยืนด้วยความหัวเสียก่อนจะหันไปเจอเจ้าคนตัวสูงผิวสีแทนที่กำลังเดินตามเข้ามา


   “มันเป็นไข้ แกมียาแก้ไหม”


   “ยา”


   “เออ จะยา  ใบไม้หรือสมุนไพรก็เอามาเถอะ”คนพูดขยี้หัวตัวเองหวังระบายความยุ่งยากในหัว  ป่วยแบบนี้ก็ยิ่งแย่กันไปใหญ่  กว่าจะหายพอเดินทางได้คงอีกนานหรือไม่บางทีมันก็อาจจะตายไปก่อน


   “คิดว่ารู้จัก”


   “เออ  เอามาให้ทีก่อนที่มันจะตายๆไปซะก่อน แล้วแถวนี้มีน้ำไหม”   


   “มีทางน้ำเล็กๆอยู่ห่างออกไป”      


   “ทางไหน”นิ้วสีแทนยาวชี้ไปอีกด้านของแนวป่า


   “แกไปหายามาแล้วไปเจอฉันที่นั้น”


   “แต่ว่า..”หมาในร่างคนมีท่าทางอำอึ้งเหมือนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อ


   “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าจะตามฉัน ก็อย่าเป็นตัวถ่วง”คาเซริโอหิ้วปีกคนที่ไข้จับขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะพยุงกึ่งลากมันไปตามที่ไอ้หมานั้นชี้


   “เราจะไปเจอกันที่นั้นใช่ไหม”


   “คิดว่าฉันจะหลอกแกรึไง”ตอบทั้งๆที่ขาก้าวไปข้างหน้าแต่ถึงแบบนั้นเจ้าหมาประหลาดก็ยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งหายไปอีกด้านปล่อยเขาให้เดินตามเจ้าหมาสีดำ ที่เดินดมซ้ายดมขวานำไปจนมาถึงทางน้ำเล็กๆที่น่าจะแยกมาจากน้ำตกที่ไหนสักแห่ง เล็กขนาดที่กระโดยาวๆก็ข้ามไปได้ น้ำตื้นๆที่สูงแค่ข้อเท้าแต่น้ำไหลผ่านตลอด ใสสะอาดและเย็นจัดคุ้มค่าเหนื่อยที่เดินหามากว่า 2 ชั่วโมง 


   คนเป็นไข้ถูกทิ้งลงบนพื้นหญ้าก่อนคาเซอริโอจะเดินลุยลงน้ำวักเอาน้ำเย็นจัดขึ้นมาล้างหน้าล้างตัวแบบรวกๆหยิบเอาเศษเสื้อตัวเองมาชุบน้ำก่อนจะสาวเท้าไปหาอีกคนที่นอนซม  ทันทีที่ผ้าเย็นๆโป๊ะหน้าคนที่นอนเพ้อก็สะดุ้งเฮือก ตาที่ปิดมาตลอดลืมขึ้นเพียงครึ่งตาก่อนจะสะบัดหน้าหนี


   “อยู่นิ่งๆสิว่ะ”คาเซอริโอตวาดเบาๆแต่แน่นอนว่าคนที่เพ้อด้วยพิษไข้ก็ยังเพ้อต่อไปไม่ยอมอยู่นิ่งจนเขาต้องใช้วิธีกระชากเสื้อมันออกแล้วเช็ดตัวแทน  ตัวขาวๆผอมๆนั้นแดงเรื่อด้วยพิษไข้และร้อนผ่าวจนน้ำเย็นในมือเขาอุ่นขึ้นทันตา คาเซอริโอสบถด้วยความหงุดหงิดขณะเช็ดตัวให้แบบเร็วๆจัดการถอดกางเกงออกเพื่อเช็ดให้เสร็จๆ


   “นั้นเจ้าทำอะไรนะ”เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นไม่ทำให้การเช็ดตัวหยุดชะงักไปแม้แต่น้อย


   “แกรู้อยู่แล้วจะถาทำไม”   


   “แต่เจ้ากำลังเปลื้องผ้าริวจิ”


   “เช็ดตัวมันก็ต้องถอดเสื้อเป็นธรรมดาหรือแกไม่ถอดเสื้อตอนเช็ดตัว  เอายามาได้แล้ว”


   “แค่เช็ดตัวแน่นะ”


   “ก็เออสิวะ มันจะอะไรหนักหนา เอายามา”คาเซอริโอเงยหน้าขึ้นจากร่างเกือบเปลือยได้ในที่สุด สบตากับดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่ดูเหมือนจะน้อยใจ ไหนจะปากที่เหมือนจะคว่ำลงไปนั้นอีก


   “นี้แกกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวห่ะ คิดว่าฉันคิดอะไรกับมันรึไง”


   “เออ  ก็  ไม่ใช่ แต่ข้า...”เจ้าหมาในร่างคนยักษ์ยกมือขึ้นเกาหัวแกร๊กๆแต่กลับไม่ยอมพูดอะไรให้กระจ่างขึ้น


   “แล้วแกเป็นอะไรห๊ะ คันหัวมากรึไง”


   “ไม่ใช่  ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นนอกจากข้า”เหมือนโดนหมัดฮุกเข้าเต็มหน้าจนสมองมึนงง  มันรู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา  คำพูดที่เหมือนจะหึงเขาแบบนั้นมันคืออะไร มันเข้าใจถึงสิ่งที่มันพูดออกมารึเปล่า  ไม่แน่ บางทีมันอาจจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ได้และดีแล้วที่มันจะไม่รู้อะไรไปแบบนั้นเรื่อยๆ


   “เลิกคิดอะไรงี่เง่าแล้วส่งยามาได้แล้ว”   


   “เจ้าไม่ได้คิดอะไรจริงๆใช่ไหม”


   “เออ ฉันเป็นผู้ชายมันก็เป็นผู้ชายจะให้ฉันคิดอะไรกับมัน”


   “แต่เจ้ากับข้าก็เพิ่ง..”


   “หุบปากแล้วส่งยามา”คาเซอริโอตวาดเสียงเขียวทันเห็นหมาสองตัวสะดุ้งพร้อมกันแล้วหุบปากฉับ ทันก่อนที่มันจะปูดเรื่องที่เขาไม่อยากฟังออกมา  เรื่องเมื่อคืน ถึงแม้เขาจะอยากลืมแต่ก็ลืมไม่ได้เพราะมันเพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆแล้วเขายัง.. ช่างมันเถอะ ลืมไม่ได้แต่ไม่พูดถึงนั้นแหละดีที่สุดแล้ว ถ้าขืนมันยังพูดเรื่องบ้าๆนั้นออกมาบ้างทีมันอาจจะเละเหมือนใบอะไรสักอย่างที่เขากำลังบดอยู่นี้ก็ได้


   “เอา  กินเข้าไปซะ”คาเซอริโอประคองคนที่เลิกเพ้อขึ้นมาก่อนจะเอาใบไม้อะไรสักอย่างที่โดนบดจนละเอียดผสมกับน้ำ  รองด้วยใบไม้ใบใหญ่แล้วจับกรอกปากคนที่ป่วยด้วยพิษไข้


   “อืม  หือ ไม่”


   “กินๆเข้าไปเถอะน่า”มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยให้เชิดขึ้นก่อนจะจับยากรอกเข้าไป ไม่สนอาการสำลักที่เกิดขึ้น ขอแค่ยาลงไปในคอมันก็พอ


   “ฉันให้เวลาแกพักแค่วันนี้ พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางต่อ”คนป่วยนอนสงบนิ่งไม่รับรู้คำสั่ง เขาต้องรีบไปไม่มีเวลามาเออระเหยแล้ว ถึงมันจะไม่หายยังไงเขาก็ต้องเดินทางต่อ ไหนๆก็มีหมาตัวยักษ์มาเป็นพาหนะแล้วทั้งทีก็ต้องใช้ให้คุ้ม












      เป็นตอนใหม่ที่คำผิดเพียบ นางมารแก้ไปแล้วเหลือตรงไหนยังผิดก็ comment บอกได้นะคะ

    ส่วน ....ที่มันหายไปนางมารจงใจนะคะเพราะมันไม่เหมาะกับเว็บไหนทั้งนั้น  นางมารสัญญากับตัวเองว่าจะtalk ให้สั้นลง ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและ comment แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่23 บางอารมณ์ที่......21/11/57
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 21-11-2014 13:25:49
 :z13: จิ้มๆ.  ยังรออ่านอยู่นะ.. :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่23 บางอารมณ์ที่......21/11/57
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 29-11-2014 16:27:46
กรี๊ดๆๆๆๆ น่ารักอ่ะ พี่หมาหึงได้น่าฟัดมากกกกก
จะหนีไปได้ถึงไหนกันนน้า อยากอ่านต่อแล้วๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่24 สิ่งที่เห็น...01/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 01-12-2014 21:43:48
ตอนที่ 24 สิ่งที่เห็นเมื่อหลับตา                                                              10/10/2557


   บรรยากาศหลังฝนฟ้าคะนองครั้งใหญ่สดใสอย่างน่าเหลือเชื่อ  ไม่มีท้องฟ้าที่ทำทะมึนเพราะเมฆฝนเช่นเมื่อคืน มีเพียงท้องฟ้าที่มีเมฆสีขาวปกคลุมประปราย  อากาศหนักอึ้งด้วยหยาดฝนเปลี่ยนเป็นอากาศโปร่งสบายเจือความชื้นที่ลอยมาตามลม ไม่มีน้ำนองที่ปลายเท้า มีเพียงหยาดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนยอดหญ้า


    กำหนดการเดินทางคือเช้าพระอาทิตย์ขึ้นเท้าเริ่มย่าง แต่กลับกลายเป็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นสูงเกือบตรงหัวถึงได้ออกเดินทาง  เรื่องง่ายๆที่ทำให้กลายเป็นเรื่องยากโดยเจ้าหมาสี่ขา ที่ตอนนี้เดินหน้างอจ้ำพรวดๆไม่รอใครอยู่หน้า แม้จะอยู่ในร่างหมาแต่ใครๆก็ดูออกว่าเขาโดนงอน  การงอนที่เขาไม่เห็นความจำเป็นในการง้อ  มันจะอะไรกันหนักหนาแค่ขอให้แบกเจ้าริวจิที่ยังไม่สร่างไข้ขึ้นหลังเท่านั้นเอง


   เรื่องง่ายๆที่เขายืนเถียงกับมันตั้งแต่เช้ายันสาย เมื่อเขายืนยันที่จะออกเดินทางทันทีแต่ติดที่เจ้าคนนำทางที่ยังไม่สร่างไข้  แผนการที่เคยคิดไว้เล่นๆอย่างเอาหมามาเป็นพาหนะจึงได้ใช้จริง  แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างใจคิดเมื่อเจ้าพาหนะสี่ขาส่ายหน้าปฏิเสธที่จะให้ริวจิขี่หลัง 


     คาเซอริโอขมวดคิ้วฉับ คำว่าศักดิศรีของพวกหมาๆน่ารำคาญขึ้นมาทันทีเมื่อมันกำลังจะทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยาก มันไม่ยอมให้ริวจิขี่หลังเด็ดขาดหากเขาไม่ขี่ด้วย มันเสนอทางเลือกสองทางคือเขาต้องขึ้นไปนั่งพร้อมเจ้าริวจิ ไม่ก็ไม่ต้องขึ้นมันทั้งสองคน


   สองทางเรื่องที่ทำให้คนอย่างคาเซอริโอปวดหัวจี๊ด คิดง่ายๆกับการให้คนหนึ่งคนขี่หลังกับคนสองคนขี่ คนเดียวมันก็ต้องสบายกว่าเบากว่าอยู่แล้ว แถมเจ้าริวจินั้นก็ตัวเล็กกว่าเขามาก เบากว่าสองคนเป็นไหนๆแต่ไม่รู้ทำไมเจ้าหมานั้นดันไม่คิดเหมือนเขา ยืนกรานข้างเดียวว่ามีทางให้เลือกแค่สองทางเท่านั้น  แน่นอนว่าเขาไม่เลือกทั้ง 2 ทางเขาเลือกทางที่ 3 คือการบังคับให้เจ้าหมานั้นเอาริวจิขึ้นหลังได้สำเร็จภายหลังลงไม้ลงมือกันไปเล็กน้อย


   เจ้าหมาสี่ขายังจ้ำพรวดๆข้างหน้าเห็นเพียงหางสีขาวที่โบกไปมานานๆครั้ง  บ่อยครั้งที่มันเดินหายไปจากสายตาเขาแต่ไม่ทันได้ออกปากเรียกก็เห็นฟู่หางสีน้ำตาลปนขาวนั้นกลับเข้ามาในสายตาอีกครั้ง  ไม่รู้ว่ามันกลัวตัวเองหลงหรือกลัวเขาหลงกันแน่


   พระอาทิตย์สีส้มทองขึ้นเด่นกลางศีรษะและเริ่มต้นคล้อยไปทางทิศตะวันตก  อากาศเย็นๆเริ่มร้อนจนเหยื่อออก หยาดเหงื่อมากมายไหลหยดลงจากใบหน้าไล่ไปปลายคาง หายลับไปกับฝ่ามือที่ยกขึ้นปาดออกก่อนจะได้หยดแหมะลงพื้น


   การเดินทางที่เริ่มต้นตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจบลงเมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำ ก่อกองไฟง่ายๆเพื่อไล่สัตว์ร้ายและแมลง  การเดินทางในป่าที่ไม่คุ้นเคยกับหมาปีศาจร่างยักษ์เป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิดเพราะไม่มีสัตว์ใหญ่ๆเข้ามารั้งควาญ อาจเป็นเพราะกลิ่นสาปหมาหรืออะไรก็แล้วแต่  ซึ่งคาเซอริโอก็ได้แต่นึกขอบคุณมันอยู่ในใจ ไม่มีกองคารวานหมาๆตามมาด้านหลัง  พวกเขาเหมือนถูกตัดขาดออกจากกลุ่มหมาปีศาจโดยสิ้นเชิงและนั้นอาจเป็นสัญญาณที่ดี  ทำให้เขาวางใจได้บ้างแต่บางอย่างกลับไม่ได้เบาบางไปอย่างทีคิด


   ริวจิหายไข้ในที่สุด  อาการดีขึ้นแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือเจ้านั้นเงียบลง แม้จะไม่เคยคลุกคลีจนรู้ได้ว่าเป็นคนนิสัยแบบไหน แต่ดวงตาสีดำเรียวรีที่ชอบทอดมองออกไปยังทิศทางที่ผ่านมา มันก็มากพอจะบอกอะไรได้หลายๆอย่างไม่มีใครพูดเรื่องนี้ออกมา ทุกคนเลือกที่จะเงียบ


   เช่นเดียวกับเจ้าหมาซาเวียร์ที่ไม่ยอมคืนร่างเป็นคนอีกเลยตั้งแต่เช้าวันที่เขาทะเลาะกับมันเรื่องหมาพาหนะ เมื่อมันอยู่ในร่างหมาแน่นอนว่าไม่มีทางพูดหรืออกความเห็นเรื่องอะไรได้ คาเซอริโอเคยคิดว่ามันโกรธเขาแต่ร่างสูงใหญ่ที่มานอนเคียงข้างเป็นผ้าห่มให้ทุกคืนก็ทำให้เขาปัดเรื่องรกสมองพวกนี้ทิ้งไปได้ง่ายๆ  มุ่งมั่นกับการเดินทางที่คาดคั้นจนได้ความว่าหากเดินทางด้วยความเร็วเช่นนี้อีกไม่เกิน 2-3 วันพวกเขาจะเข้าใกล้หมู่บ้าน หมู่บ้านแรกที่เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านของมนุษย์อย่างแท้จริง


   ทันทีที่พระอาทิตย์ฉายแสงตอนรับวันใหม่คาเซอริโอก็ส่งเสียงเรียกเพื่อนร่วมทางให้ออกเดินทางไปยังจุดหมาย แน่นอนว่าเจ้าริวจิเองก็ต้องมาเดินไปกับเขาด้วยเช่นกัน  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม 2 คนกับอีก 2 หมาและความเงียบที่แสนจะน่าอึดอัด แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นตัวของเขาเองที่รู้สึกหนักอึ้งแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ลมหายใจที่เป่าออกมาร้อนผ่าวจนเหมือนจะลวก ลมที่พัดมาเบาๆกลับทำให้หนาวจนต้องยกมือกอดตัวเองไว้ หนาวทั้งๆที่แดดส่อง ร้อนทั้งๆที่มีลมพัด อาการแปลกๆที่ทำให้เขากลายเป็นฝ่ายล้าหลังจนต้องตีคู่ไปข้างๆริวจิที่ช้าที่สุด


   “ดูเหมือนคุณอาการไม่ค่อยดีนะครับ”


   “ก็คงงั้น”เสียงแหบแห้งเกินกว่าจะเป็นเสียงของตัวเองดังออกมาจากปาก  ความเจ็บแสบในลำคอจากการออกเสียงทำให้คิ้วสีทองขมวดฉับ ความคิดแปลกๆบางอย่างกำลังทำให้เขาหงุดหงิดหัวใจ


   “พักหน่อยไหมครับ”


   “ไม่ต้อง  เรามีเวลาไม่มาก”


   “ผมก็ไม่ได้หนีไปไหนนิครับ พักหน่อยก็ได้”


   “หุบปากแล้วเดินไป”คาเซอริโอออกแรงผลักคนพูดมากให้เดินไปข้างหน้า  แรงผลักเบาๆที่ทำให้มันเดินไปข้างหน้าแต่คนผลักแบบเขาแทบเซ เงาดำบางอย่างวูบผ่านจนต้องกระพริบตาถี่ๆ แต่ยิ่งทำแบบนั้นกลับเหมือนยิ่งมืดลงกว่าเดิน  อาการวูบเอียงของพื้นที่ยืนอยู่ทำให้ร่างทั้งร่างโงนเงน  ก่อนตาทั้งสองข้างจะปิดลงและทิ้งร่างลงสู่พื้น


ตุ๊บ


   น้ำหนักของร่างในอ้อมแขนไม่ทำให้คิ้วสีน้ำตาลขมวดหนักได้เท่ากับไอร้อนที่ออกมาจากร่างกาย คนที่ดื้อดึงมาหลายวันในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหว นึกอยากให้คนในอ้อมแขนออกปากออกมาสักนิด  แค่นิดเดียว หากขอให้รอข้าก็พร้อมจะรอ  หากขอให้หยุดข้าก็พร้อมจะหยุด แต่ริมฝีปากสีส้มสดที่บัดนี้แห้งแตกก็ไม่เคยเอ่ยคำนั้นออกมา  ไม่เคยแสดงด้านอ่อนแอของตัวเองออกมา  ไม่เคยร้องขอ  มีเพียงคำพูด คำสั่ง และการบังคับให้ทำเท่านั้น


   “ผมเตือนเขาแล้วนะครับ แต่เหมือนเขาจะไม่ฟัง”สมาชิกรวมทางอีกคนบอกพร้อมกับรอยยิ้มที่มักมีประดับไว้บนใบหน้าเสมอ


   “วันนี้เราจะพัก”


   “ตามนั้นครับ  แล้วเราจะพักที่ไหนกันดี”ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ถูกถามมีเพียงดวงตาสีน้ำตาลคู่คมที่มองผ่านก่อนร่างในอ้อมแขนจะถูกช้อนอุ้ม แบบที่หากคนในอ้อมแขนรู้สึกตัวข้าคงไม่พ้นถูกเจ้าทำร้ายร่างกายสินะ


   ขาแข็งแรงสองข้างก้าวตรงไปข้างหน้าอย่างมั่นคง  จมูกโด่งเป็นสันขยับฟุดฟิดเหมือนหาอะไรบางอย่าง  กลิ่นความชื้นที่ลอยมาเรียกให้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าก้าวเข้าไปหา ไม่รู้ว่าคนในอ้อมแขนหนักหรือเบาเพราะไม่เคยมีน้ำหนักของคนอื่นมาเปรียบเทียบ  เขาพอใจที่จะทำแบบนี้ในร่างของมนุษย์แบบนี้แทนที่ร่างของหมาปีศาจ


   กองเถาวัลย์ที่ถูกทักทอจนหนาตามธรรมชาติใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างจากธารน้ำเล็กๆคือเป้าหมายที่พักในครั้งนี้  ร่างในอ้อมแขนถูกวางลงบนหญ้านุ่มๆ  เจ้าลูกหมาสีดำแสนประหลาดขยับเขามาใกล้  ลิ้นเล็กๆนั้นทำท่าจะเลียไปบนใบหน้าขาวที่แดงระเรื่อนั้น แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงขู่คำรามดังออกมาจากหมาปีศาจในร่างคน


   ฝ่ามือสีน้ำผึ้งคุ้ยหาเศษผ้าค่อนข้างกว้างมาพันรอบเอว แม้ไม่แน่ใจว่าคาโลหยิบมาติดมาด้วยทำไมแต่ตอนนี้มันก็มีประโยชน์ในการปกปิดร่างกายเขาจากมนุษย์อีกคนที่เดินทางมาด้วย  ฝ่าเท้าเปลือยก้าวไปตามแนวดินก่อนจะใช้ผ้าผืนเล็กๆอีกผืนชุบน้ำเพื่อมาเช็ดตัวให้ใครอีกคนเหมือนที่เคยทำ


   ผ้าดิบเนื้อหยาบที่บิดน้ำจนหมาดวางแนบลงบนหน้าผากเนียนที่ตอนนี้มีหยดเหยื่อเม็ดเป้งผุดพราย


   “อื้อ”เสียงครางเพราะโดนกวนทำให้คิ้วสีน้ำตามขมวดเข้าหากันก่อนจะคว้าจับมือที่พยายามปัดมือเขาออก  ขนาดป่วยยังแรงเยอะอีกนะ


   “ยังไงให้ผมช่วยไหมครับ ผมเคยทำงานเป็นผู้ช่วยหมอมาก่อน”เสียงเสนอความช่วยเหลือดังขึ้นจากด้านข้าง


   “ไม่เป็นไร เจ้าไปพักเถอะ”ดวงตาสีน้ำตาลละจากคนป่วยหันไปรื้อกระเป๋าที่เจ้าตัวเอาติดมาเพื่อหาผ้าที่เจ้าตัวชอบเอามาปูรองนอน จับคนป่วยที่ดิ้นกระสับกระส่ายนอนบนผ้าดีๆแล้วหันไปมองอีกคนที่นั่งห่างออกไปยังโคนไม้ข้างๆ ขยับเปลี่ยนท่าคนป่วยจนแน่ใจว่าอีกคนที่มองไม่เห็นจึงได้ปลดเสื้อผ้าคนป่วยออกอีกครั้ง แน่หละก็ข้าหวงนี้


   ผิวกายขาวตามเชื้อชาติตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ไหนจะเสียงครางเครือเมื่อโดนน้ำเย็นๆนั้นอีก


   “อย่ายั่วข้าให้มากนักหละ  รู้ไหมคาโล”พูดกับคนป่วยที่นอนครางเครือกว่าจะถอดเสื้อตัวบางๆนั้นได้หมดก็เล่นเอาเหนื่อย  ฝ่ามือสีน้ำผึ้งขยับจับผ้าเช็ดเบาๆไปบนผิวขาวๆที่เมื่อก่อนเคยแอบสงสัยว่าทำไมมนุษย์ที่มีผิวขาวขนาดนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี้  ปกติพวกมนุษย์ผิวขาวจนเกือบซีดพวกนี้จะอาศัยอยู่ในเทือกเขาทางเหนือ  หน้าแปลกจนน่าตกใจ 


   แต่ที่น่าตกใจกว่าคงเป็นครั้งแรกที่ข้าเจอเจ้าหละมั้ง ผิวขาวๆที่ถูกอาบไปด้วยเลือด  ร่างกายโงนเงนที่ทรงตัวอยู่บนเข่าทั้งสองข้างที่แนบติดพื้น  มือข้างหนึ่งที่กำมีดด้ามยาวเอาไว้ไม่ปล่อย แววตาสีเทาที่ไม่ได้มีแม้แต่ความหวาดหวั่น  มันฉายวับเป็นประกายเหมือนคนสนุก  เหมือนคนตื่นเต้นที่ได้ล้อเล่นกับความตาย  ประกายตาสีเทาคู่นั้นที่สะกดเขาตั้งแต่แรกเห็น  แม้จะอยู่กลางฝูงหมาปีศาจดวงตาคู่นั้นก็ไม่เคยฉายแววหวาดกลัวแม้แต่น้อย  ริมฝีปากสีส้มนั้นกลับกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับปีศาจ ไม่รู้ว่าตอนนั้นเจ้าคิดอะไรอยู่  แต่เพราะแบบนั้นแหละทั้งดวงตาคู่นี้  ทั้งปากสีส้มนี้ทำให้ข้าสนใจเจ้า


   “อื้อ”ริมฝีปากสีส้มที่เผยอค้างถูกริมฝีปากของใครอีกคนประกบทับ ละเลียดชิมเติมความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปากที่แห้งผากจนกลับมานุ่มและช่ำด้วยน้ำลายก่อนจะฉวยโอกาสล่วงล้ำเข้าไปด้านใน  ถือวิสาสะดึงลิ้นร้อนๆนั้นมาเกี่ยวพันตามแต่ใจปรารถนา แม้เจ้าของจะพยายามหลบหลีกแต่ก็ดึงดันที่จะดูดกลืนความหวานจากปลายลิ้นนั้น ดึงดันที่จะดูดกลืนสัมผัสลื่นไหลที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวจนปล่อยผ้าในมือเพื่อให้สามารถคว้าจับผิวขาวนั้นได้เต็มไม้เต็มมือ บีบคั้นจนขึ้นรอยแข่งกับสีแดงจากไอร้อน


   “อื้อ”ใบหน้าได้รูปสะบัดหนีจนริมฝีปากหลุดจากการดูดชิม แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ริมฝีปากร้อนๆนั้นดูดเข้าที่ซอกคอขาว  ให้จมูกโด่งได้สูดดมกลิ่นเหงื่ออ่อนๆสัมผัสไรหนวดจางๆที่เหมือนเดิมจากวันแรกที่เห็น  ขบกัดเพื่อทิ้งรอยไว้บนซอกคอนั้น  มือสองข้างต่างช่วยกันบีบและปัดป่ายไปบนผิวขาว ลากยาวจากแผ่นอกไปยังหน้าท้องที่กล้ามเนื้อเรียงได้รูปสวย


   “อ๊ะ  ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ”เสียงทักจากด้านบนทำให้ริมฝีปากที่กำลังรุกรานคนป่วยชะงัก แต่คนทำกลับไม่คิดจะขยับออกจากท่าเดิมที่ชวนให้เข้าใจผิด


   “มีอะไร”


   “คือพอดีผมรู้สึกหิวขึ้นมาก็เลย ..”


   “ข้าได้กลิ่นผลไม้อยู่แถวนี้  เดี๋ยวให้ซ๊อคนำทางไป”


   “จะให้ผมไปหาเองหรือครับ”


   “ใช่”


   “แล้วไม่กลัว..”


   “ถ้าคิดว่าหนีได้ก็ลองดูสิ”


   “ฮ่าๆ  แค่ล้อเล่นนะครับ  งั้นเดี๋ยวผมกลับมานะครับ”เสียงฝีเท้าเดินออกห่างไปร่างที่แทบจะทาบทับไปกับอีกคนถึงได้ขยับลุกออกมานั่งดีๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่


   “เฮ้อ  เกือบไปแล้วไหมหละ”ฝ่ามือใหญ่จับผ้าขึ้นมาเพื่อเช็ดตัวคนป่วยอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ผ่านไปได้แม้จะทุลักทุเลออกนอกเส้นทางไปบ้างจนหากคาโลตื่นมาเห็นร่องรอยบนตัว เจ้าตัวคนทำอาจโดนดีไม่ใช่น้อย  กว่าจะเช็ดตัวและจับกินยาได้ก็เล่นเอาเหนื่อย  พระอาทิตย์คล้อยต่ำจนมืดมิดคนที่นอนกระสับกระส่ายมาตลอดถึงได้หลับสนิทลงได้


   “ขออภัยที่ให้รอครับ”เสียงดังมาพร้อมกับฝีเท้าที่ก้าวมานั่งข้างๆผลไม้พวงใหญ่ถูกวางลงบนพื้นก่อนคนเก็บจะส่งยิ้มกว้างมาให้


   “พอดีเห็นเยอะก็เลยเก็บเพลินไปหน่อยนะครับ”ข้อมือเล็กจัดการเรียงผลไม้เป็นกลุ่มๆก่อนจะหยิบเอาเจ้าลูกสีเขียวใบใหญ่ขึ้นมา


   “ทานสักหน่อยนะครับ  ผมรู้ว่าไม่ถูกปากเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรตกถึงท้อง”


   “ขอบใจ”ฝ่ามือสีน้ำผึ้งเอื้อมไปรับผลไม้มาก่อนจะกัดไปคำใหญ่ ดวงตาทอดมองคนที่นอนนิ่งสนิทอยู่ด้านข้าง


   “อาการเป็นยังไงบ้างครับ”


   “ดีขึ้นมากแล้ว”


   “นั้นสินะครับ คุณคาโลแข็งแรงมากแบบนี้ไม่นานก็คงหาย แต่คงลำบากไม่น้อยเหมือนกัน”ถ้อยคำที่ขัดแย้งกันเองไม่น่าสนใจเท่าผลไม้อีกลูกที่ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม


   “ข้าเต็มใจ”


   “น่าอิจฉานะครับที่คุณคาโลมีคุณคอยดูแล  แข็งแกร่งขนาดนั้นแต่ก็มีคนที่พร้อมจะคอยปกป้อง ไม่เหมือนผม”ดวงตาสีดำคู่เรียวทอดมองมาก่อนใบหน้าเศร้าๆนั้นจะก้มต่ำ


   “เจ้าเองก็มีคู่ที่พร้อมจะดูแลเจ้านี่”


   “คู่หรือครับ  ผมเป็นได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมเองยังไม่แน่ใจเลย ขนาดอยู่กับเขามาขนาดนั้น ไม่เหมือนคุณ..  ชัดเจนดีจังนะครับ”


   “หากการที่แซมเบอร์สละชีวิตตนเองเพื่อเจ้ามันไม่ชัดเจนพอแล้วหละก็ เจ้าก็ไม่สมควรจะได้รับความรักนั้นตอบ”


   “คุณซาเวียร์...”เสียงแผ่วที่ครางเรียกชื่ออีกคนหายไปในลำคอ เมื่อดวงตาคู่นั้นทอดมองเขาด้วยแววตาที่เหมือนสัตว์ป่า  สัตว์ป่าที่ทระนงตน  ดวงตาที่เขาเคยเห็นมาตลอด ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานเมื่อทอดมองใครบางคน


   “หึ  แปลกนะครับ  ทำไมใครๆก็หลงรักคุณคาโล  ทั้งๆที่เขาเองก็..”


   “หุบปากของเจ้าซะ  แล้วจำไว้ว่าข้าไม่เคยใจดี”คำพูดที่กำลังจะต่อขาดหายเมื่อคนพูดหุบปากฉับทันทีที่สัมผัสได้ถึงอารมณ์บางอย่างที่ไม่ปกติ  ก่อนจะขยับไปนั่งที่โคนต้นไม้อีกต้น


   ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมละสายตาจากมนุษย์ร่างเล็กนั้นหันมามองคนป่วยที่ขดตัวนอนด้วยความหนาวแล้วช้อนเข้ามานอนในอ้อมกอด  คนป่วยขืนตัวออกด้วยความไม่เคยชิน  ปากสีส้มนั้นครางพึมพำอะไรบางอย่างก่อนจะนิ่งไป  คำพึมพำที่ทำให้อ้อมกอดนั้นกระชับแน่น  แน่นจนร้อน


   “อเรสซิโอ”












            มาส่งให้อีกตอนแล้วคะ  ตอนนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าน้องหมาของเรานั้นแสนหื่น  ขนาดคนเป็นไข้ยังลวนลามได้  หุหุ

      ฝั่งนี้นางมารจะส่งตอนใหม่ได้ค่อนข้างสม่ำเสมอแต่ฝั่งโน้นตอนใหม่ยังไม่ได้อัพเนื่องจากสังขารนางมารไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่คะ ตอนนี้งานยุ่งมากแต่ละวันมีเวลาพักหายใจไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องกลับไปทำงานต่อ  สมองตีบตันไปหมด ขออภัยในความล่าช้า แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่24 สิ่งที่เห็น.......01/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 20-12-2014 09:20:49
รออยู่นะ ติดตามๆ  :impress2: :impress2: สู้ๆละ   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่25 ดักปล้นรถม้า...13/1/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 13-01-2015 17:16:53
ตอนที่ 25 ดักปล้นรถม้า            15/10/2557



   อากาศเย็นๆที่แทรกเข้ามาทำให้อดไม่ได้ที่จะขดตัวให้แน่นขึ้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวที่พัดเข้ามาลดลงแม้แต่น้อย  ลมเย็นๆยังคงพัดเข้ามาจนต้องขยับตัวดิ้นหนีเพื่อหาไออุ่น ก่อนอ้อมกอดแข็งแรงจะสวมกอดมาจากด้านหลังและริมฝีปากร้อนๆจะบรรจงจูบบนลาดไหล่  ความหนาวเย็นที่พัดเข้ามาเริ่มไม่เป็นผล เมื่อทั้งแขนและขาถูกกอดเกี่ยวแน่น มันน่าจะดีกว่านี้หากริมฝีปากที่มีหนวดเคราจางๆจะหยุดแค่จูบเดียว ไม่ใช่พรมจูบไปทั่วทุกตารางนิ้วแบบนี้


   “หือ”


   “ตื่นแล้วเหรอ”


   “เออ  แล้วก็เลิกจูบฉันได้แล้ว”


   “ยังไม่อยากเลิกเลยแหะ”


   “แก..”ริมฝีปากอุ่นร้อนประกบปิดปากที่กำลังจะส่งเสียงด่า  ลิ้นร้อนๆแทรกเข้าไปในโพรงปากตวัดเกี่ยวลิ้นที่นอนนิ่งให้ขยับตามจนกลายเป็นสงครามลิ้นที่ร้อนฉ่า  ร่างที่เคยนอนซ้อนอยู่ด้านหลังเขยิบพลิกตัวจนขึ้นมาทาบทับอีกคนได้สำเร็จ  ฝ่ามือสีน้ำผึ้งตรึงศีรษะได้รูปไว้แน่น ขณะขยับเบี่ยงใบหน้าไปตามมุมองศาเพื่อให้จูบได้ถนัด  กวาดคว้านทั่วปากนั้นได้ทุกซอกทุกมุม เกี่ยวประคองจนสัมผัสได้ทุกส่วนของลิ้นนั้น


   “หือ”เสียงประท้วงในลำคอดังขึ้น จูบร้อนๆถึงได้ถอนออกก่อนกลีบปากหนาจะก้มลงดูดเลียริมฝีปากที่ฉ่ำน้ำลาย อีกครั้งและอีกครั้งเหมือนคนที่ยังไม่หายยาก  เสียงจูบดังจ๊วบจ๊าบเคล้าคลอกับแสงตะวันที่เริ่มสาดส่องเข้ามา


   “อืม  พอได้แล้ว”คาเซอริโอปรามทั้งๆที่ลมหายใจยังคงร้อนผ่าว  มือข้างหนึ่งต้องจิกผมสีน้ำตาลนั้นไว้เพื่อไม่ให้มันก้มต่ำจนฉวยโอกาสเอากับเขาได้อีก


   “ข้ายังไม่อิ่มเลย”


   “ฉันไม่ให้อาหารของแกนะ”


   “เจ้าเป็นยิ่งกว่าอาหารคาโล  ยิ่งกินก็ยิ่งหิว”คำพูดที่ครั้งหนึ่งเหมือนจะเคยใช้กับสาวๆถูกย้อนกลับมาพูดให้ตัวเอง ด้วยหมาปีศาจในร่างมนุษย์ คนที่เคยพูดแล้วต้องมาฟังเองอย่างเขาถึงได้คันในหัวใจแปลกๆ


   “ลุกออกไปได้แล้ว”


   “หือไม่เอา  เดี๋ยวเจ้าหนาว”


   “แดดส่องขนาดนี้ใครมันจะไปหนาวห่ะ”


   “เจ้าไง  เมื่อคืนเจ้ากอดข้าแน่นเชียว ข้ายังจำได้เลยนะตอนที่เจ้า...”


   “หุบปาก”มือหนาตะปบหมับเข้าที่ปากหนาๆนั้นก่อนที่มันจะได้พ่นอะไรออกมาให้คนฟังอย่างเขาได้อาย  คิ้วสีน้ำตาลของเจ้าหมายักษ์ขมวดฉับก่อนสัมผัสชื้นบางอย่างจะลากเลียที่ฝ่ามือช้าๆจนเจ้าของฝ่ามือขนลุกซู่ สะบัดมือออกแทบไม่ทันท่ามกลางรอยยิ้มที่แทบจะเห็นฟันครบทุกซี่ของเจ้าหมาหื่น


   “เจ้าหนาแดงแล้วนะ”


   “โว๊ยไอ้หมาเวร”ด่าเสร็จขาก็ถีบโครม หมายักษ์ที่ไม่ทันตั้งตัวหล่นตุ๊บลงข้างเตียงเสียงดังสนั่น  คนถีบถึงได้ลุกขึ้นนั่งแล้วมองสำรวจไปรอบๆตัว ทั้งๆที่เคยคิดว่าตัวเองอยู่ในป่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในบ้านสักหลัง


   “ที่นี้ที่ไหน”ความตกใจทำให้ออกปากตวาดเสียงดังลั่น  ตกใจที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน กลัวเมื่อเผลอคิดไปว่าเจ้าหมาบ้านั้นพาเขากลับมาที่กลุ่ม


   “อูย ถีบมาได้เจ็บนะ”


   “ตอบฉันมาว่าที่นี้ที่ไหน”ร่างถลาลงไปหาเจ้าหมาบนพื้นก่อนจะกระชากไหล่กว้างนั้นให้เงยขึ้นมาสบตา


   “อะไรของเจ้าเนี่ยข้าเจ็บนะ”


   “ที่นี้ที่ไหน”หัวใจเต้นแรงขึ้นตามเสียงตวาดที่ดังลั่นก่อนความเงียบจะแผ่กระจายไปทั่วห้องเมื่อดวงตาสีน้ำตาลนั้นเงยสบ  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อจนใจคนมองอย่างเขาเจ็บหน่วง


   “เจ้าไม่เชื่อใจข้าเลยงั้นเหรอ”


   “ฉัน.”ความอึดอัดที่หาที่มาไม่ได้จุกตันที่ลำคอ ต้องหันหลบสายตาสีน้ำตาลคู่นั้น


   “เจ้าคิดว่าข้าจะทรยศเจ้างั้นหรอ”คำถามที่ไร้คำตอบ เสี่ยวหนึ่งของหัวใจที่อยากตอบปฏิเสธแต่อีกเสี่ยวหนึ่งกลับยากเชื่อ มันทรยศเผ่า ทรยศกลุ่ม ทรยศคนที่เป็นเหมือนพี่น้องอยู่กันมานานเพียงเพื่อเขาที่เจอกันได้ไม่เท่าไหร่ จะให้เขาเชื่องั้นเหรอว่ามันจะไม่ทรยศเขา เสี่ยวหนึ่งในหัวใจแอบดีใจเพราะมันตามมา แต่อีกเสี่ยวหนึ่งกลับปวดร้าว มันทรยศคนที่เป็นเหมือนครอบครัวได้แล้ววันหนึ่งมันจะไม่ทรยศคนที่เพิ่งเจอกันแบบเขางั้นเหรอ น่าขำนี้เขากำลังคาดหวังอะไรกันแน่


   “แต่งตัวเถอะ บางทีเจ้าอาจจะหิวแล้ว”ฝ่ามือที่ผลักให้เขาออกห่างจากตัว  แม้จะเป็นแรงผลักเบาๆแต่มันก็ทำให้คนแบบเขาเซจนหล่นแปะอยู่บนพื้นขณะที่คนทำอย่างมันขยับตัวเดินหนีไปอีกด้าน ลมหายใจถูกระบายออกมาหวังบรรเทาความหน่วงในอกซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่วางกองไว้ข้างๆเตียงขึ้นมาใส่


   “ฉันหลับไปนานแค่ไหน”


   “2 วัน”เสียงตอบเรียบๆดังมากจากมุมห้อง


   “งั้นเหรอ”เสียงตอบรับดังเบาๆแต่เขาเชื่อว่ามันต้องได้ยิน


   “นี่ของเจ้า”กระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมกับซองปืนถูกยื่นส่งมาทำให้เขาได้หันมองมันเต็มๆตาอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้วฉับเมื่อเห็นหมาอย่างมันใส่เสื้อผ้า  มันใส่เสื้อผ้าทั้งๆที่ปกติชอบเดินโท่งๆดีหน่อยคือมีผ้าผืนน้อยมาปิดของสงวนเอาไว้  แต่นี้มันใส่เสื้อผ้า  เสื้อสีน้ำตาลเนื้อหยาบแขนกุดที่ไม่มีกระดุมสักเม็ดเหมือนของเขา  กางเกงขายาวสีเดียวกันและรองเท้าสานแบบที่เขาใส่ คลุมปิดช่วงไหล่กว้างด้วยผ้าเนื้อหนาสีน้ำตาลที่ชายลากยาวเกือบจรดพื้น


   “มีอะไร”เสียงถามทำให้คาเซอริโอหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกด้านเมื่อรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว


   “ไม่มีอะไร”แม้ปากจะตอบแบบนั้นแต่แว๊บแรกที่เห็น ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือมันดูดีเกินไปแล้ว หล่อจนก้อนเนื้อในอก เดี๋ยวก่อนนี้เขากำลังคิดว่าเจ้าหมาตัวผู้ที่มีดุ้นเหมือนตัวเองหล่องั้นเหรอ


   “หึหึ  น่ารัก”เสียงหัวเราะชวนประสาทหลอนดังมาพร้อมคำชมที่ทำให้คันในหัวใจได้ไม่เท่ากับริมฝีปากที่ฉวยโอกาสสูดดมกลิ่นจากผิวแก้ม


   “แก..”


   “ไม่ไถ่โทษหน่อยเหรอ”   


   “ไถ่โทษอะไร”      


   “ไถ่โทษที่เจ้าไม่เชื่อใจข้าและทำให้ข้าเสียใจไง”เสียงที่ดังขึ้นทำให้คาเซอริโอต้องหันไปสบตามันอีกรอบก่อนจะพบว่าดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองเขาด้วยความคาดหวัง


   “ชิ แกนี้มัน”ฝ่ามือคว้าเข้าที่ผมสีน้ำตาลก่อนจะกระชากให้มันเข้ามาหา แนบริมฝีปากเข้าปากหนาๆนั้นจูบไถ่โทษที่คิดว่าจะทำแค่ภายนอกกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อฝ่ามือสีน้ำผึ้งนั้นกดศีรษะได้รูปให้โน้มเข้าหา อีกข้างออกแรงรั้งเอวจนแนบชิดฝ่าเท้าสองข้าดันตัวเองไปข้างหน้าจนคาเซอริโอต้องเดินถอยหลัง  รสจูบที่ริมฝีปากกำลังทำให้มึนงงจนเผลอจูบตอบมันไป ความคิดในสมองที่เคยแล่น  ความกลัวที่มีหายไปตั้งแต่เห็นมันแต่งตัว  มันไม่มีทางแต่งตัวแบบนี้หากอยู่ในกลุ่ม แสดงว่าเขาต้องยังไม่ได้กลับไปและหากมีบ้านแบบนี้บางที่เขาอาจจะมาถึงหมู่บ้านแล้วก็ได้


   “หือ อืม”


เคร้ง


   เสียงเหมือนบางอย่างตกทำให้สงครามริมฝีปากหยุดชะงัก  ริมฝีปากถอยห่างจากกันแค่พอมีช่องว่างแต่เหมือนเจ้าหมาบ้านั้นยังไม่พอถึงได้พยายามดูดกินปากเขาเรื่อยๆ


   “เสียงอะไร”


   “อย่าสนใจเลยน่า”เสียงแหบๆครางในลำคอก่อนจะดูดปากเขาแรงๆจนเหมือนจะให้หลุดติดปากมันไป


   “หือ หยุดก่อน”แม้จะออกปากห้ามแต่ก็ทำได้ไม่เต็มเสียงเมื่ออารมณ์ร้อนๆถูกปลุกขึ้นมา แล้วก็ใครใช้ให้มันมาจูบเขาตอนเช้าๆแบบนี้หละ เวลาเช้าแบบนี้สำหรับผู้ชายที่ยังสุขภาพดีมันก็แน่อยู่แล้วที่บางส่วนมันจะแข็งขึ้นง่ายกว่าปกติ


   “ไม่เอาน่าคาโลมันแข็งแล้วนะ”ไม่ว่าเปล่าแต่บางส่วนที่แข็งขืนกำลังถูกดันให้บดเบียดกับบางส่วนของเขา


   “หือ  ถ้าแกไม่ตอบ ก็หยุด ฉันจะออกไปดู”


   “เสียงเจ้าริวจิ”เสียงตอบมาพร้อมกับใบหน้าที่โน้มลงมาแต่เขาเบี่ยงหน้าหลบได้ก่อน


   “หมายความว่ายังไง หรือว่า...ฉันจะออกไปดู”ความคิดที่ว่าบางที่เชลยที่จับมากำลังจะหนีทำให้เบี่ยงตัวออก แต่เจ้ามือปลาหมึกที่เกาะแน่นก็ไม่ยังไม่ยอมปล่อยซ้ำริมฝีปากร้อนๆนั้นกัดลงบนซอกคอจนเจ็บจี๊ด


   “ไม่หนีไปไหนหรอกน่า  สงสัยเพิ่งตื่นเลยดิ้นเท่านั้นเอง”


   “แกหมายความว่ายังไง”หันกลับมาถามเลยโดนดูดปากเข้าไปเต็มๆจนต้องกระทืบเท้ามันแรงๆเพื่อให้หมาบ้ามันหยุดหื่นกามแล้วหันมาตอบคำถามของเขา


   “เจ้าน่าจะขอบใจข้ามากกว่านะที่อุตสาห์หิ้วเจ้านั้นมาด้วยแล้วมัดมันเอาไว้  พยศหน้าดู แต่มัดเอาไว้แบบนั้นคงหลุดไปไหนไม่ได้หรอก”คำบอกเล่าเรียบๆทำให้สมองประมวลผลคำพูดมันจนไม่ทันได้เฉลียวใจว่าเปิดคอข้างหนึ่งในมันดูดจนขึ้นรอย


   “หือ”เสียงครางแหบๆในคอดังขึ้นด้วยความพอใจ มือใหญ่ตะปบเข้าที่แก้มก้นแน่น มือออกแรงดันจนร่างของคาเซอริโอกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะก่อนจะยกตัวเขาขึ้นเกยอยู่บนโต๊ะในสภาพที่มีมันแทรกอยู่ตรงกลาง


   “เฮ้ย  อืม”ปากที่กำลังประท้วงถูกปิดทับแน่นด้วยริมฝีปากร้อนที่ช่วยโอกาสสอดลิ้นเข้ามารุกราน  พอหายเครียดหายสงสัยเหมือนอะไรจะไปได้เร็วจนหน้าใจหาย  ลมหายใจหอบกระชั้นจนกลัวว่าจะหายใจไม่ทัน ปากแยกออกห่างจากกันเพียงชั่วครู่เพื่อสูดหายใจแต่ก็ยังวนเวียนดูดดึงจนเสียงน่าอายดังคลอไปทั่วห้อง  ส่วนล่างเสียดสีกันจนร้อนผ่าวก่อนฝ่ามือใหญ่ที่ไต่ลงไปด้านล่างจะกระตุกปมเชือกผูกเอวเบาๆทำให้กางเกงผ้าเนื้อหยาบร่นไปกองอยู่บนสะโพกเปิดเผยบางส่วนให้ดีดตระหง่านออกมาสัมผัสกันจนร้อนผ่าว


   “หือ  ทำให้ทีสิคาโล”คำบอกกล่าวยังไม่ทันได้อธิบายให้ชัด มือข้างหนึ่งก็ถูกมันรวบให้ลงไปด้านล่าง จับท่อนเนื้อสองท่อนจนแนบชิดแล้วรูดขึ้นลงตามอารมณ์ที่พุ่งสูง


   “หือ อ๊ะ”เสียงครางดังในลำคอเมื่อหน้าอกข้างหนึ่งถูกดูดหายเข้าไปในปาก อีกข้างถูกขย้ำย้ำยีจนต้องแหงนหน้าสูดปากด้วยความเสียดเสียว ในขณะที่ฝ่ามือก็รีบขยับรูดเพื่อให้อารมณ์ร้อนๆทะยานขึ้นไป  สัมผัสหยาบร้อนจากภายนอก สัมผัสที่ไม่มีการรุกล้ำแต่ทำให้ร่างกายร้อนจนเหมือนถูกร่วมรักจริงๆ ทุกอย่างเสมือนจริง เหมือนทั้งร่างโดนกกกอดและสอดใส่ ร้อนแรงจนในที่สุดหยาดน้ำสีขาวขุ่นก็พวยพุ่งอกมาเมื่อทุกอย่างถึงจุดหมาย  ริมฝีปากสองคู่โผเข้าหากันเหมือนคนกระหายที่พบเจอบ่อน้ำ ดูดคลึงทำสงครามจนอารมณ์ร้อนๆค่อยคลายลงและรีบผละจากก่อนที่จูบล้ำลึกนั้นจะปลุกบางอย่างให้โหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง


   “หืม  ไหนว่าจะไปอะไรกินไง”   


   “เดี๋ยวก่อนไม่ได้รึไง”


   “พอได้แล้วน่า”ฝ่ามือกระชากเส้นผมสีน้ำตาลจนเจ้าของผมหน้าแหงนหงายปล่อยบางส่วนหลุดออกจากปาก  บางส่วนที่มันดูดเลียจนแข็งเป็นไต แดงเรื่อและเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำลาย  ไม่รู้ว่าหน้าอกแบนๆแข็งๆมันดีกว่าอกนิ่มของสาวๆตรงไหนเจ้าบ้านั้นถึงได้ดูดได้เลียเหมือนเด็กหิ้วนมแบบนั้น


   “ไปได้แล้วฉันหิว”คาเซอริโอออกแรงผลักมันให้พ้นตัวลงยืนบนพื้นและจัดการตัวเอง กระจกสีเหลืองบานเล็กในห้องส่องให้เห็นเงาตัวเองรางๆ ก่อนที่มือจะคว้าเอาผ้าคลุมของเจ้าหมายักษ์มาคลุมปกปิดหน้าอกตัวเองแทน  แว่วได้ยินเสียงหัวเราะของมันดังขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็ต้องทำเป็นไม่สนใจเมื่อตอนนี้หน้าร้อนจนเหมือนจะไหม้กับร่องรอยที่มันทิ้งไว้บนตัวเขา


   ประตูไม้ที่ถูกผลักเปิดออกเผยให้เห็นซากปรักหักพังของห้องนั่งเล่นที่มีฝุ่นเขรอะและเศษเก้าอี้เศษโต๊ะกระจัดกระจาย เขาน่าจะคิดได้ว่าบ้านที่อยู่ใกล้กลุ่มหมาปีศาจไม่น่าจะมีสภาพที่ดีนักแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเละจนเหมือนผ่านสงครามมาแบบนี้


   “ตื่นกันแล้วเหรอครับ”เสียงทักแบบสุภาพที่ไม่ได้ยินมาสองวันเต็มทำให้ดวงตาต้องตวัดมองบางคนที่นั่งกองอยู่บนพื้นในสภาพที่มือข้างขวาถูกมัดติดไว้กับเสาบ้าน อีกข้างปล่อยว่างไว้โดยมีบางอย่างที่เหมือนโถเหล็กตกอยู่ใกล้ๆนี้สินะที่มาของเสียง


   “อืม เป็นไงหลับสบายดีไหม”คาเซอริโอถามเสมือนมองไม่เห็นว่าคนถูกถามถูกจับมัดแขนไว้ข้างหนึ่งท่ามกลางกองฝุ่นและซากปรักหักพัง


   “ก็คงไม่สบายเหมือนพวกคุณสองคนเท่าไหร่หรอกครับ”


   “งั้นเหรอ ยังไงเดี๋ยวจะหาโรงแรมดีๆให้นอนแล้วกัน”เชือกที่มือถูกแกะออกแน่นอนว่าถูกแกะออกจากเสาแต่ไม่ได้ถูกแกะออกจากแขนข้างนั้น  เจ้าของแขนคว้าเอาข้างที่ถูกมัดทำเหมือนพยายามจะแกะเชือกออกแต่ก็หยุดไปเมื่อสบตากับเจ้าหมาร่างยักษ์ที่ปลายตามองนิ่งๆ สงสัยสองวันที่เขาหลับไปคงมีอะไรดีๆเกิดขึ้นหละมั้ง


   “สภาพแบบนี้แกคงไม่บอกหรอกใช่ไหมว่ามีร้านอาหารดีๆตั้งอยู่ข้างนอก”


   “แถวนี้ไม่มีหรอก แต่ถ้าเข้าเมืองไปอีกหน่อยก็ไม่แน่”เสียงตอบจากเจ้าหมาด้านหลังทำให้ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความหน่าย มันทำเหมือนชวนเขาไปทานข้าวเช้าแสนอร่อยในภัตตาคารแต่งตัวซะหรูแต่ดันเดินออกมาจากบ้านร้างและบอกว่าภัตตาคารต้องเดินเข้าไปในเมืองและหิ้วท้องรอจนกว่าจะหาเจอ  หากนี้เป็นการชวนเดทหละก็บอกได้เลยว่าคะแนนของมันติดลบ แต่ก็นั้นแหละมันไม่ใช่การชวนเดทและแค่มันหาที่ซุกหัวนอนให้เขาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว หายปวดหลังไปได้เยอะ


   “แล้วแกคิดจะเข้าเมืองไปยังไง”


   “เดินไปหละมั้ง”เสียงตอบจากด้านหลังไม่ได้ทำให้คาเซอริโอหงุดหงิดได้เท่าที่ควรจะเป็นเพราะแค่ก้าวผ่านประตูที่ผุจนหลุดไปข้างแล้วออกมาพบทางเดินโล่งๆก็ทำให้เขาใจชื้นได้แล้ว อย่างน้อยการมีทางเดินมันก็ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาเข้าใกล้หมู่บ้านของมนุษย์เข้าไปทุกที่


   “เดินไป  กว่าจะถึงพวกเราคงหิวตายกันพอดี”คนที่น่าจะรู้อะไรดีกว่าเพื่อนพูดขึ้นมาจากด้านหลัง


   “หรือแกมีอะไรแนะนำที่ดีกว่านี้”คาเซอริโอถามเรียบๆขณะเดินไปตามถนนดินที่มีลอยบางอย่างเหมือนลอยเกวียนหรือรถลากผ่านไป  ลอยเก่ามากแล้วเหมือนกัน


   “ก็  ตอนนี้ยังไม่มี”ริวจิตอบมาอย่างจนปัญญา แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเท้าตามถนนเส้นนี้ไปเรื่อยๆแต่บางทีก็ไม่แน่หรอก อาจมีเรื่องโชคดีเกิดขึ้นมาได้เหมือนกัน


   “หูหมาๆของแกได้ยินอะไรบ้างไหมซาเวียร์”คาเซอริโอหันไปถามเจ้าหมาที่เดินทอดน่องไปข้างๆกัน


   “ตอนนี้ไม่ชัดเท่าไหร่แต่อีกสักพักคงได้เรื่อง”เจ้าหมาข้างตัวตอบทำให้รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากของคาโล  เมื่อก่อนก็เคยปล้นรถชาวบ้านเขามาไม่น้อยตอนเข้าตาจน ตอนนี้จะขอปล้นเกวียนบ้างคงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก


   ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งพบความหนาแน่นของตัวบ้านที่เพิ่มมากขึ้น แต่แน่นอนว่าบ้านทุกหลังเป็นบ้านร้างที่นอกจากจะร้างแล้วบ้างหลังยังมีสภาพที่เหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา ทั้งซากธนูที่กองเกลื้อน กำแพงที่ฉาบทาด้วยกลุ่มสีสีคล้ำ กลิ่นเน่าของบางอย่างที่ชวนคลื่นเหียน  และเสียงร้องของนกกาสีดำ


   “มาใกล้แล้ว”เสียงจากเจ้าหมาที่ดังอยู่ข้างตัวดังให้ดวงตาสีเทาละออกจากซากสีคล้ำบางอย่างที่ถูกนกนับ 10จิกทึ้ง


   “นานแค่ไหน”


   “ไม่เกินชั่วโมง”      


   “มีอะไรบ้าง”


   “เสียงฝีเท้า น่าจะม้าสองตัวตัว  ไม่สิสักสี่  หกตัวได้ กับเสียงคน  เสียงโลหะ”


   “มีมากกว่า 1”


   “คิดว่าน่าจะใช้”


   “พวกคุณพูดอะไร บอกให้ผมเข้าใจบ้างสิ”


   “ถ้าไม่อยากเดินเท้าไปเรื่อยๆก็เงียบเหอะน่า”คาเซอริโอบอกในขณะที่สมองเริ่มคิดคำนวณ ขบวนคาระวานสินะ แต่ไม่รู้ว่าพวกมันขนอะไร สินค้าทั่วไปหรืออาวุธ คำว่าโลหะก็บอกได้ชัดเท่าไหร่ แต่ก็นั้นหละเดินทางในป่าที่ใกล้พวกปีศาจขนาดนี้จะมีคนกับอาวุธไว้ป้องกันตัวบ้างก็ไม่แปลก


   “เจ้ามีแผนรึยัง”


   “ไม่มีหรอก”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบ เขาเองก็ไม่ใช่พวกชอบวางแผนเป็นพวกลงมือทำและชอบทำไปตามสัญชาตญาณซะด้วย  ดวงตาสีเทากวาดมองทางเดินรอบๆตัวอีกครั้ง

 
   “อุ๊ก”เสียงคลื่นเหียนดังขึ้นมาจากด้านหลังก่อนที่คนจิตอ่อนบางคนจะโกงคออ้วกเอาน้ำย่อยออกมากองข้างพื้นถนน  ขนาดเขาที่ฆ่ามามากยังอดจนพะอืดพะอมไม่ได้


   “รีบเดินกันหน่อยดีกว่า”คาเซอริโอออกปากเร่งซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธโดยเฉพาะเจ้าตาชั้นเดียวที่รีบเดินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง   ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบๆตัวที่มีนกสีดำมากมายกำลังจิกทึ้งกองอาหารสูงที่ส่งกลิ่นเหม็นก่อนขายาวๆจะเดินเลี้ยวลงไปด้านขวา  เสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้นเมื่อเขาเดินเข้าไปหาซากอาหารของพวกมัน หลายตัวพยายามบินเข้ามาหาเขาแต่พอได้ยินเสียงขู่คำรามจากเจ้าหมาด้านหลังก็บินแตกฮือขึ้นไปบนฟ้า


   “บินซะเด่นเลย”คาเซอริโอถอนหายใจเบาๆเมื่อนกพวกนั้นแต่อือขึ้นไปบนฟ้าไม่รู้ว่าพวกคาระวานพวกนั้นจะเห็นไหมแต่ก็ช่างเถอะมันไม่สำคัญแล้วหละ  มือขาวเอื้อมไปหยิบบางอย่างออกมาจากซากศพที่บิดงอ ส่วนล่างแหลกเละจนไม่แน่ใจว่าส่วนไหนเป็นข้างไหน  หรือท่อนขาที่กองอยู่นั้นเป็นของใคร


   “ขอนะ”วัตถุแวววาวในมือศพถูกหยิบขึ้นมาก่อนเศษผ้าเปื่อยผืนยาวจะถูกหยิบมาเพื่อเช็ดคราบเหนียวๆออกและห่อพันของในมือไว้


   “คุณหยิบมันขึ้นมาทำไม”เจ้าคนผิวเหลืองเบ้หน้าและยกมือขึ้นปิดจมูกเมื่อเขาเดินมาพร้อมของในมือ


   “เอามาปล้น”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบขณะเร่งฝีเท้าให้ผ่านกลุ่มซากศพไปอย่างรวดเร็ว  ทันทีที่พ้นจากแนวซากศพ เสียงร้องและเสียงควบตะบึ้งของบางอย่างก็ตามมาด้านหลัง ดวงตาสีเทาหันไปมองทางเดินด้านหลังชั่วแว๊บก่อนจะกระชับผ้าคลุมให้ปกปิดใบหน้าแน่นเหลือเพียงดวงตา


   “แกถนัดอาวุธประเภทไหน”


   “ข้าไม่ใช้อาวุธ”


   “อย่าเป็นตัวถ่วงฉันแล้วกัน”


   “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยเป็น”


   “หึ”


   “เฮ้ พวกคุณจะทำอะไรกันนะ”เสียงถามดังมาจากด้านหลังเมื่อเสียงควบตะบึงดังเข้ามาใกล้มากขึ้น เจ้าของเสียงรีบเร่งฝีเท้ามาจนชิด


   “อยากนั่งเกวียนหรืออยากเดิน”


   “ห๊ะ  คุณพูดเรื่องอะไรนะ”ม้าสีดำพวงพีสองตัวห่อตะบึ่งเข้ามาจนฝุ่นตลบ  ม้าสองตัวพวงเกวียน 1 หลังม้า 6 ตัวกับเกวียน 3 หลัง คนขับ 1 คน คนนั่งด้านในไม่รู้


   “ระวังนะ”


   “ระวัง ระวังอะไร  เฮ้ย”คนที่เดินอยู่ข้างทางดีๆเซถลาเข้าไปกลางถนนร่างที่ล้มลุกคลุกคลานกระเสือกตัวขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อม้าสองตัวกำลังห่อตะบึ้งเข้ามา  เจ้าม้าสองตัวตะกายขาหน้าขึ้นฟ้าเมื่อคนถือบังเหียนเห็นว่ามีบางอย่างขวางทางอยู่


   “ช่วยมันหน่อย”   


   “เจ้ามันโหดร้ายกว่าที่คิด”


   “ก็มันนิสัยฉันนี้”เจ้าหมาในร่างคนยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะวิ่งเข้าไปตัดหน้า  มือหนาสีน้ำผึ้งคว้าเข้าที่คอม้าสีดำตัวหนึ่งก่อนจะออกแรงเหวี่ยงมันจนล้มโครม  เจ้าม้าที่ถูกพวงมาด้วยกันจึงโดนดึงจนล้มกองพร้อมกับเกวียนทั้งหลังที่พลิกตะแครงไม่เป็นท่า  เสียงหวีดร้องแหลมสูงของพวกม้าดังขึ้น  ขาหน้าถูกยกตะกุบขึ้นฟ้าเมื่อถูกดึงเชือกให้หยุดกะทันหัน  เกวียนสองเล่นจอดสนิทด้านหลังห่างจากเกวียนที่ล้มโครมไม่เป็นท่า เจ้าคนบังคับม้าของเกวียนคันที่สองตวัดดวงตามองพวกเจาด้วยท่าทางตื่นตระหนกก่อนคนในเกวียนจะโผล่หน้าอูบอวมออกมาจากด้านใน


   “เกิดอะไรขึ้น”เสียงตวาดดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าแฉล่มของหญิงสาวที่โผล่ออกมาเคียงข้าง  ดูท่าพวกเขาจะปล้นเกวียนของเศรษฐีเข้าแล้วสิ


   “เกวียนลำแรกของพวกเราโดนเล่นงานขอรับ”เจ้าคนขับเกวียนคันที่สองบอกก่อนที่พวกที่อยู่ในเกวียนลำสุดท้ายจะแห่กันลงมา 4 คนไม่นับคนขับเกวียนอาวุธครบมือทั้งมีด ดาบและหน้าไม้


    “แกเล่นเจ้าตัวถือหน้าไม้นั้นซะ ที่เหลือฉันลุยเอง”แม้จะเพิ่งหายไข้แต่จากสภาพร่างกายตอนนี้คาเซอริโอคิดว่าเขามาแพ้แน่


   “เจ้าจะเอาเกวียนหลังไหน”


   “เอาที่เจ้าอ้วนนั้นนั่ง ถ้าจะมีของกิน ฉันเริ่มหิวแล้วสิ”


   “ตามนั้น”


   “แกรออยู่ตรงนี้หละ อย่าไปไหนเข้าใจนะ”ริวจิพยักหน้าหงึกๆทั้งๆที่ตัวสั่นก่อนจะถอยออกไปด้านหลัง


   “จัดการพวกมันซะ เสียเวลาชะมัด”เจ้าอ้วนที่น่าจะเป็นเจ้าของเกวียนสั่งก่อนจะมุดหายเข้าไปในเกวียน  มันคงคิดว่าคนของมันเก่งน่าดูแต่ก็เอาเถอะดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าคนของมันกับมาเฟียและหมาปีศาจข้างหลังเขาใครมันจะเก่งกว่ากัน


   เจ้าพวกที่ถือมีดและดาบยาว 3 คนวิ่งถลาเข้ามาหา เจ้าคนที่ถือหน้าไม่ยกขึ้นประทับในตำแหน่ง หมาข้างตัวออกวิ่งแม้จะอยู่ในร่างคนแต่ก็เร็วจนเห็นเพียงหลังไวๆ หน้าไม้ถูกปล่อยลูกออกมาคาเซอริโอเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ดวงตาสีเทาที่จ้องคนถือหน้าไม้อยู่ตลอดเวลาละออกเมื่อเสียง กร๊อบดังขึ้น คอสีคลำบิดได้รอบเมื่อเจ้าหมายักษ์จับบิดและหักในครั้งเดียว เสียงล้มโครมเรียกพวกที่วิ่งเข้ามาให้เสียสมาธิหันไปมองและนั้นเป็นโอกาสของเขา ผ้าสีคลำหลุดออกจากคมมีดด้ามยาว ประกายวาวเล็กๆสะท้อนแสงแดดก่อนจะพาดลงเต็มหลังคนแรก


   “อ๊าก”เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมเลือดที่กระฉูดจากแผ่นหลังก่อนเจ้าของร่างจะล้มลง ดาบยาวในมืออีกคนวาดมาให้คาเซอริโอยกของในมือตั้งรับ ขายาวถีบเข้ากลางหน้าท้องมือสองข้างออกแรงเหวียงดาบกลับไล่ต้อนมันไปที่เกวียนหลังที่สอง แผ่นหลังหนากระแทกเข้ากับตัวเกวียนดวงตาฉายแววตระหนกชั่วแว๊บก่อนที่ปลายอาวุธในมือจะแทกซวบเข้าที่อกด้านซ้ายทะลุเข้าไปในตัวเกวียนเสียงหวีดร้องดังขึ้นก่อนจะดาบจะถูกกระชากออกปล่อยเลือดให้พุ่งกระฉูดพร้อมร่างสองร่างที่ล้มโครม  หนึ่งจากการโดนดาบแทงทะลุอีกหนึ่งจากการโดนหักคอโดยเจ้าหมา


   “ทางนั้นเสร็จแล้วรึไง”   


   “เรียบร้อย”เจ้าหมาพูดเรียบๆดวงตาสีเทากวาดมองเกวียนอีกหลังที่คนขับคอหักพับไปกับตัวเกวียน


   “งั้นก็เหลือ”


ซวบ


   “อ๊าก”ด้ามดาบยาวแทงทะลุจากด้านหลังคนขับเกวียนหลังที่สองที่กำลังวิ่งหนี ขาสองข้างทรุดฮวบโดยที่เจ้าของร่างมีดาบเสียบทะลุหลัง


   “คิดว่าฉันลืมแกรึไง”มือกระชากดาบออกจากร่างศพก่อนจะเดินกลับไปที่เกวียนซึ่งมีเจ้าหมายืนรออยู่  ผ้าปิดท้ายเกวียนถูกกระชากเปิดออก  ร่างอ้วนนอนหงายตาเหลือกค้างเหมือนคนซ๊อคข้างๆศพของหญิงสาวหน้าแฉล้มที่มีเลือดซึมออกมาจากอกอึ้ม


   “โทษทีนะคนสวย”


   “เจ้ายังอยากจะได้เกวียนหลังนี้อยู่ไหม”


   “ไม่ วิวไม่ดีแล้ว”เสียงหัวเราะแว่วดังขึ้นด้านหลังก่อนร่างของเจ้าอ้วนจะถูกลากลงจากเกวียน  คาเซอริโอก้าวขึ้นไปด้านบนก่อนจะค้นเกวียนหรู  หีบใบเล็กหนาหนักถูกงัดออกมาเป็นใบแรก  แสงแวววาวจากของสิ่งของด้านในทำให้เจ้าตัวยกยิ้มก่อนจะปิดกล่องแล้วผลักออกไปด้านนอกให้อีกคนที่รอรับอยู่  ถาดอาหารหรูๆที่ตอนนี้แม้จะกระจัดกระจายถูกผลักออกเป็นอย่างต่อไป ตามด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีที่พอใส่ได้เป็นอย่างสุดท้าย ร่างกระโดดลงจากเกวียนเดินอ้อมไปด้านหน้าตัดเชือกที่ผูกติดกับม้าทั้งสองตัวออกตบสะโพกนั้นแรงๆไม่นานทั้งสองตัวก็วิ่งหายลับไปจากสายตา


   “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม รีบไปขึ้นเกวียนได้แล้ว”คนโดนสั่งพยักหน้าหงึกๆก่อนจะวิ่งเร็วไปขึ้นเกวียนที่เหลืออยู่พยายามไม่มองศพอดีตคนขับเกวียนที่โดนเจ้าหมาลากลงมาทิ้ง


   “แกขับเกวียนเป็นไหม”


   “ไม่เป็นแต่คิดว่าคงไม่อยาก”เจ้าหมาคำรามบางอย่างในลำคอม้าสีดำสองตัวยกขาหน้าตะกุยอากาศก่อนจะพ่นลมหายใจเสียงดัง เมื่อทุกคนขึ้นนั่งเสียงห้อตะบึ้งก็ดังขึ้นทันที  ไม่ยักรู้ว่าหมามันคุยภาษาม้าเข้าใจด้วย















        กลับมาแล้วคะ หลังจากพักร้อนยาวช่วงปีใหม่ ปีใหม่เข้ามาแล้วขอให้นักอ่านทุกท่านโชคดีกับปีใหม่นี้ แล้วก็อย่าลืมติดตามอ่านนิยายของนางมารปีกขาว(tamako) ไปนานๆนะคะ

       อืม อ่านตอนนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนนิยายของตัวเองเหมือนนิยายรักซาดิสเข้าไปทุกที  หวานๆหื่นๆจนร้อนระอุได้ไม่นานก็ฆ่าฟันกันจนเลือดสาด บรื้อ หรือว่านิยายเรื่องนี้มันเป็นแบบนี้มานานแล้วนะ :mew5:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่26 การร่วมมือของ...3/2/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 03-02-2015 23:20:30
ตอนที่ 26 การร่วมมือของหมาและคน               24/10/57




   เสียงพูดคุยอึกทึกของย่านการค้ายามบ่ายแก่ๆของวันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจากเมื่อวันก่อน  เมื่อวันก่อนที่พวกเขาเพิ่งเข้าเมือง  หนีจากเมืองร้างที่โดนบางอย่างถล่มจนย่อยยับ ปล้นชิงรถม้าเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองของอีกเมือง  เมืองที่แตกต่างจากเมืองแรก ไม่มีซากปรักหักพัง  ไม่มีกลิ่นคาวเลือด ไม่พบซากศพกองเกลื่อนข้างถนน  มีเพียงเสียงหัวเราะ  เสียงพูดคุยถามไถ่  เสียงร้องทักเรียกลูกค้าที่ดังสนั่นและยิ่งดังขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน


   “ปวดหัว”เสียงบ่นเบาๆดังขึ้นข้างๆถึงไม่ได้ตั้งใจจะฟังก็ยังได้ยินเมื่อมันเดินมาซะชิดจนแทบจะสิงตัวเขาได้ ตัวมันก็ออกจะใหญ่ไม่รู้เป็นอะไรหนักหนายิ่งคนเยอะก็ยิ่งเบียดแน่นจนเขาเดินสะดุดอยู่หลายรอบ


   “อะไรของแกหนักหนาวะ”คนที่หมดความอดทนหยุดยืนกลางถนนเอาซะดื้อๆทำให้เจ้าหมาในร่างคนยักษ์ต้องหยุดชะงักไปด้วย  ดวงตาสีน้ำตาลมองคนที่หยุดเดินคิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นขณะหันซ้ายหันขวาเหมือนรำคาญอะไรสักอย่าง


   “แกเป็นอะไรของแกห๊ะ”คาเซอริโอถามซ้ำเมื่อมันไม่ยอมตอบ กลับยิ่งหน้ามุ่ยหนักเข้าไปใหญ่


   “ปวดหัว”คำสั้นๆเหมือนเดิมที่ไม่ได้ทำให้เข้าใจได้มากกว่าเดิมทำให้คิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากันด้วยความครุ่นคิด


   “ไม่สบาย”เจ้าหมาหันมาสบตาคนถามก่อนจะทำหน้าเหมือนหนักใจที่เขาถามอะไรแบบนั้น


   “ปวดหู”มันย้ายจากปวดหัวมาเป็นปวดหู แต่คนฟังแบบเขาเริ่มปวดขมับและคันมือคันเท้าแบบแปลกๆ


   “ตกลงแกจะบอกฉันได้รึเปล่าห๊ะว่าเป็นอะไรกันแน่”


   “คนเยอะ  เสียงดัง ปวดหัว  ปวดหูด้วย”ดวงตาสีน้ำตาลมองอ้อนๆมาแบบที่คนดูแบบเขาได้แต่ถอนหายใจเฮือก


   “ทำใจซะ เพราะแถวนี้ไม่มีที่อุดหูให้แก และบางทีมันอาจดังขึ้นกว่านี้อีก”คำตอบแปลกๆของเขาทำให้หมาตัวโตหันมามอง แต่เขาก็หาคำตอบให้มันไม่ได้นอกจากเดินลากมันเข้าไปในร้านเหล้าที่เสียงดูจะอึกทึกกว่าข้างนอก


   “นั่งดีๆถ้าโชคดีแกกับฉันอาจไม่ต้องอยู่ที่นี้นาน”เสียงเรียบปรามเจ้าหมาที่เริ่มหันซ้ายหันขวาด้วยความหงุดหงิด  และนี้อาจเป็นครั้งแรกที่เขานึกดีใจที่ไม่ได้หูดีเหมือนหมา


   “เจ้าหิวงั้นเหรอ”ซาเวียร์ถามเมื่อเนื้อย่างจานใหญ่วางลงตรงหน้าพร้อมเหยือกเหล้าและแก้วเปล่า


   “ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้วนะ”คาเซอริโอตอบก่อนจะหยิบมีดหันเนื้อออกเป็นชิ้นๆและใช้ส้อมจิ้มมันเข้าปาก  แม้รสชาติจะไม่ดีเหมือนสเต๊กเนื้อราคาแพงแต่ก็ดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก


   “กินสิไม่หิวรึไง”คาเซอริโอบอกอีกคนที่ยังนั่งนิ่งทั้งทีเมื่อเช้าก็ไม่ได้ทานอะไรเหมือนๆเขา


   “ข้าไม่ถนัด  ตัดให้หน่อยสิ”คิ้วสีทองของคนฟังขมวดฉับมือที่กำลังถือมีดชะงักค้างเมื่อเจ้าคนที่เคยเอามีดด้ามยาวของเขาไปตัดเนื้อกวางดันบอกว่าตัวเองไม่ถนัดใช้มีด แต่ก่อนที่เขาจะได้อ้าปากด่ามันก็ชิงพูดขึ้นก่อน


   “ข้าไม่ถนัดใช้มีดเล็กๆ หรือเจ้าจะให้ข้ากัดกินทั้งชิ้น”ขอเสนอของมันทำให้คนฟังขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อเผลอคิดตาม ก่อนจะใช้มีดตัดเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำแล้วส่งใส่จานไปให้มัน  หมายักษ์ในร่างคนยิ้มกว้างก่อนจะใช้มือจับส้อมจิ้มเนื้อเข้าปากแบบเก้ๆกังๆ


   “อร่อย”ผู้ชายตัวใหญ่ยังกับยักษ์ยิ้มตาปิด ในมือยังถือส้อมค้างเอาไว้แม้หน้าตามันจะพอดูได้แต่ท่าทางแบบนี้บอกได้คำเดียวว่าหมดมาด และดูเหมือนการทานอาหารแบบเงียบๆโดยที่มันยิ้มจนตาปิดก็ไม่ได้เลวร้ายนัก


   “ทำไมเจ้าปล่อยริว..เออเจ้านั้นไปแบบนั้น”เพราะตาดุๆที่เขาเหลือบมองมันถึงได้หุบปากเปลี่ยนสรรพนามก่อนจะเผลอพ่นชื่อที่ไม่ควรพูดออกมา


   “บางทีเราก็ควรปล่อยให้มันมีอิสระบ้าง”ส้อมถูกวางลงในจานเปล่าก่อนเหล้ารสแรงจะถูกยกขึ้นล้างปาก


   “เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ”


   “ทำไม”คาเซอริโอถามเสียงเรียบในขณะที่ใจกำลังนึกสนุก ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นมันทำหน้าจริงจังและสนใจเรื่องอื่นบ้างนอกจากเรื่องของเขา


   “ข้าแค่กลัวว่ามันจะเหมือนการปล่อยเสือเข้าป่า”


   “แล้วไม่ดีรึไง  มันหายไปฉันก็กลับไปไม่ได้  ดีออก”คำพูดเรียบๆที่ออกจากปากเรียกกลับคืนไม่ได้แล้วเมื่อมันก่อให้เกิดความเงียบขึ้นท่ามกลางพวกเขาอีกครั้ง ความเงียบที่แสนจะอึดอัดท่ามกลางความอึกทึกที่มากขึ้นและพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำจนแทบจะตกดิน


   “เจ้าเป็นคนโลเลง่ายขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”หลังการถอนหายใจเฮือกใหญ่มันก็พูดประโยคยาวๆที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกชมและประชดไปในคราวเดียว


   “มั่นใจในตัวฉันขนาดนั้น”


   “ข้ามั่นใจในตัวเจ้าเสมอ  ยกเว้นว่าเจ้าไม่มั่นใจในตัวเอง”ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมที่มองตรงมาทำให้เขาต้องเสหลบ  ดึงความสนใจทั้งหมดให้จดจ่อไปลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่พอเริ่มเมาก็เริ่มจะคุยเสียงดังขึ้นจนไม่จำเป็นต้องเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเรื่องที่คุยกันได้อย่างชัดเจน


   “ฉันมั่นใจในตัวเอง และเป็นพวกไม่เปลี่ยนใจจากอะไรง่ายๆด้วยสิ”


   “ไม่มีทางเลยงั้นเหรอ”ประโยคคำถามที่มันเองก็รู้ดีว่าเขาพูดอะไรและมันถามเพื่อต้องการคำตอบแบบไหน


   “แกอยากได้คำตอบแบบไหนหละ  แบบเดียวที่ฉันเคยตอบแกที่น้ำตกหรือให้ฉันโกหกเพื่อรักษาน้ำใจแกกัน”


   “หากให้โกหกเจ้าจะบอกข้าว่ายังไงกัน”คำถามที่เขาไม่เคยคิดคำตอบเอาไว้  หากให้โกหกเพื่อรักษาน้ำใจมันเขาควรจะตอบมันว่ายังไงงั้นเหรอ  ตอบไปว่ามันสำคัญกับเขา  เขารักมันงั้นเหรอ  งี่เง่าสิ้นดี


   “แน่ใจว่าอยากได้คำตอบ”ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องมาที่เขาก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายหลบตา


   “งั้นการไม่พูดอาจจะดีที่สุด”เหล้าในมือหมาปีศาจถูกยกกระดกจนหมดในครั้งเดียว  ทำเหมือนวัยรุ่นอกหักไปได้


   “ไม่ยักรู้ว่าหมาอย่างพวกแกก็ชอบหลอกตัวเองไม่ต่างกัน”


   “หลอกแล้วมีความสุข กับความจริงที่แสนโหดร้ายเจ้าอยากเลือกแบบไหนมากกว่า”คำตอบเรียบๆที่บอกผ่านโดยไม่มองหน้ากันเหมือนเคย  อึดอัดจริงๆแหะ


   “นั้นสิเลือกแบบไหนดีนะ”คาเซอริโอผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวฉับๆไปที่เคาร์เตอร์บาร์โยนเหรียญที่ใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินไปให้เจ้าของร้านก่อนจะคว้าเอาเหยือกเหล้ากับกุญแจแล้วก้าวฉับๆขึ้นไปด้านบน ดวงตาหวานหยดจากหญิงสาวในเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่เขาเดินผ่านไม่ได้ทำให้เขาหลุดออกจากความคิดที่วุ่นวายในหัวได้  มือข้างหนึ่งไขกุญแจก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องพักเล็กๆที่มีเพียงเตียงหลังเล็กกับชุดเก้าอี้เก่าๆ เท่านั้น  เหล้าในมือถูกยกขึ้นดื่ม หูได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงปิดประตู  เหยือกเหล้าในมือถูกขว้างทิ้ง  มือสองข้างกระชากคอเสื้อก่อนจะผลักคู่กรณีกระแทกผนังเสียงดังลั่น  ริมฝีปากสีส้มสดบดกระแทกกับริมฝีปากหนาแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด เป็นดั่งสัญญาณเริ่มสงครามน้ำลาย จูบจ้าบจ้วงที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ มันไม่ได้อ่อนหวาน  ไม่ได้นุ่มนวล แต่กลับรุนแรงเหมือนพายุ เหมือนเจ้าของริมฝีปากต้องการต่อสู้ประลองกันเองมากกว่าการยืนจูบกันหวานๆ  เนินน่านกว่าที่จังหวะจูบจะเชื่องช้าลงจนกลายเป็นเพียงการบดเบียดริมฝีปากกันเพียงภายนอก  อากาศรอบๆตัวเหมือนจะเย็นลงสวนทางกับลมหายใจร้อนๆที่ยังคงเป่ารดกันไม่ห่าง


   “เจ้ามันใจร้ายรู้ตัวบ้างไหมคาโล”ริมฝีปากกระซิบแหบพร่าแนบริมฝีปากก่อนจะริมฝีปากล่างของเขาจะถูกมันขบกัดเขาๆ หัวถูกมันจับเอียงเพื่อให้แทะเล็มได้ถนัด มืออีกข้างกอดรัดแน่นรอบเอวเหมือนอ้อมกอดของงู


   “ฉันก็ไม่เคยบอกว่าฉันใจดี”ฝ่ามือขาวสอดแทรกเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มก่อนจะขย้ำเล่นเบาๆตามแรงอารมณ์


   “เจ้าใจร้ายมาก”


   “แล้วทำไมแกไม่ไปจากฉันหละ”ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่งสงครามสายตาที่ไม่มีใครยอมใคร


   “หากทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้นก็คงดี”


   “แกกำลังยึดติดเจ้าหมาโง่”คาเซอริโอโขกหน้าผากกับมันเบาๆก่อนจะลากหัวเตียงออกมาทางหน้าต่างแล้วจัดการเปิดหน้าต่างบานเล็กนั้นขึ้น ใช้ไม้ยันไม่ให้กรอบหน้าต่างนั้นปิดลงมาก่อนจะมองไปด้านล่าง พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ผู้คนมีมากขึ้นอึกทึกมากขึ้นแต่โชคดีที่เสียงไม่ค่อยดังมาถึงข้างบนเท่าไหร่


   “หากการอยากอยู่ใกล้ๆเจ้า มันทำให้เจ้าคิดว่าข้ายึดติดก็ไม่เป็นไร”หัวทุยสวยเอนซบมาที่อก  เอวถูกโอบกอดด้วยท่อนแขนหนา  หนักเอาการที่มันทิ้งตัวพิงเขาแบบนี้แต่ก็แปลกที่เขาไม่ผลักมันออกไป กลับทำเพียงกระชับอ้อมกอดมันให้มากขึ้นและวางคางลงบนกลุ่มผมนั้น


   “ปล่อยไปไม่ได้เหรอ  ปล่อยไป แล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิม เป็นไอ้หมากวนประสาทตัวนั้น ไม่ก็ ก่อนที่จะเจอฉัน”อากาศหนาวที่พัดผ่านหน้าต่างทำให้ต้องโอบกอดมันแน่นขึ้น


   “นอกจากจะใจร้ายแล้วยังโหดร้ายเป็นบ้า”


   “มันอาจจะดีกับแกกว่าตอนนี้ก็ได้”


   “ข้าไม่แน่ใจว่ามันจะดีกว่า”


   “แกไม่น่าจะใช่หมาที่ถูกเลี้ยงมาแบบโหดร้ายแบบนั้นนะ”


   “ไม่  ข้าไม่ได้ถูกเลี้ยง มาแบบนั้น”


   “งั้นคงดีกว่าอยู่กับฉัน  คนที่ไม่มีทางรักแกได้”เปลือกตาคนพูดปิดลงช้าๆมีเพียงความเงียบที่แทรกเข้ามาพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นจนตัวมันเองแทบจะจมหายลงไปในอกเขา


   “ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่มันก็ยังดีกว่า  ดีกว่า  อย่างน้อยข้าก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไปทำไม  อยู่ไปเพื่อใคร”


   “รันทดจังนะ  แล้วคิดจะอยู่ไปจนถึงเมื่อไหร่”ดวงตาสีเทาเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างที่แปลกไป  กลุ่มคนในชุดคลุมที่ทยอยเข้ามาในร้านจากชั้นล่าง


   “ไปจนกว่า  ข้าจะทนไม่ไหวหละมั้ง”


   “ไม่มั่นคง ไม่มีความแน่นอนเลยนะ”คาเซอริโอพูดเสียงเรียบ  ฟังเหมือนเขาเป็นพวกที่เสียเปรียบมันยังไงไม่รู้แหะ


   “อืม  ก็คง จนกว่าเจ้าจะไม่ต้องการข้าหละมั้ง”


   “งั้นขอบอกไว้เลยว่าตอนนี้ฉันต้องการแกที่สุด”ลูกรักที่ข้างเอวถูกหยิบมาถือไว้ในมือซ้ายที่ยื่นตรงไปทางประตู


   “ล็อคประตูรึเปล่า”


   “ทำไม่ทัน เจ้าผลักข้าซะก่อน”   


   “ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลาพังประตูให้ยุ่งยากถ้าพวกมันไม่โง่หละนะ”


ปัง!!


   บานประตูไม้สีน้ำตาลแก่หลุดกระแทกชนกับชุดเก้าอี้


   “โง่กว่าที่คิด”      


ปัง  ปัง


   กระสุนสีเงินพุ่งออกจากปากกระบอก เสียงโครมเหมือนอะไรบางอย่างล้มก่อนเงาดำวูบไหวจะหายไปหลังม่านประตู เสียงกระจกแตกดังตามมาติดๆเมื่อเจ้าหมาในร่างคนยันโครมเดียวแตกกระจาย  ร่างสูงกระโดดนำออกไปก่อนอย่างคล่องแคล่วไม่เข้ากับขนาดตัว  คาเซอริโอกระโดดตามออกไปหลังคาเล็กที่ยื่นออกมาทำให้พวกเขามีที่ยืน ปืนในมือสาดกระสุนออกจนหมดแม๊กก่อนจะกระโดดลงมาท่ามกลางเสียงกรี๊ดร้องและเสียงปืนที่ดังตามหลังมาติดๆจนแทบจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผดเผาด้านหลัง


   “เหมือนเจ้าจะล่อเสือได้หลายตัว”แผ่นหลังหนากระแทกเข้ากับกำแพงดิน  แม๊กกาซีนในมือถูกเปลี่ยนออกใหม่ท่ามกลางเสียงปืนและเสียงกรีดร้อง


   “หมายักษ์อย่างแกกลัวลูกเสือตัวน้อยด้วยงั้นเหรอ”   


   “หึ ไม่เท่าไหร่หรอกน่า”


   “หาตัวที่ดูท่าจะมีข้อมูลเก็บไว้ด้วยหละ”


   “เจ้าจะรีดข้อมูลจากมัน”   


   “แน่นอน  ไม่งั้นฉันจะลงทุนปล่อยเสือเข้าป่า เอาตัวมาล่อกระสุนทำไมหละ”


   “แผนเจ้ามันบ้าบิ่นเกินไป”   


   “แล้วจะช่วยไหม”


   “กลับใจตอนนี้ทันงั้นเหรอ”ดวงตาสีตาลของเจ้าหมาพราวระยับ


   “งั้นก็อย่าถ่วง อย่าตายหละ”มือขาวกระชากเจ้าหมาเข้ามาใกล้จูบเบาๆที่ปราศจาการล้วงล้ำ  ดวงตาสองคู่ที่สบกันก่อนที่เขาและมันจะวิ่งแยกกันไปคนละทางเพื่อล่อเหยื่อที่ล่วงมาให้ถึงที่


   หัวใจที่เคยนิ่งสงบเต้นรัวขึ้น  ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะความเหนื่อยที่ต้องออกแรงวิ่งหรือเพราะความตื่นเต้นจากอะไรบางอย่างแต่มัน
ก็ทำให้รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากของคนอย่างคาเซอริโอได้


ปัง


   กระสุนสีเงินวิ่งทะลุกำแพงหินของบ้านข้างๆ คาเซอริโอโผหลบเข้าที่มุมตึก  ดวงตาสีเทาคู่คมสบกับเงาคนยิงเสี้ยววินาทก่อนที่มันจะล้มลงเพราะปืนในมือเขา  1 คน 2 คน ก่อนที่เงาวูบวาบมากมายจะปรากฏขึ้นเบื้องหลังสลับกับกระสุนที่สาดออกมาเป็นระยะ ระวังตัวมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีพอ พวกที่ส่งมาล่าเขาพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง อย่างน้อยพวกมันก็ยิงปืนเป็นและพกปืนมาด้วย คงต้องขอบคุณเจ้าริวจิที่คาบข้อมูลเข้าไปบอก


   ลูกแมวที่เขาจงใจปล่อยมันให้หนี  ทำเป็นชวนเจ้าหมายักษ์ออกมาเดินเล่นตั้งแต่ช่วงสาย   ชวนออกมาโดยปล่อยเจ้านั้นทิ้งไว้ที่โรงแรมเล็กๆชานเมืองพร้อมกับมือที่มัดติดไว้ด้วยเชือก  จากสายไปจรดเย็นก็มีพวกนักเลงปลายแถววิ่งมาเก็บเขา2 คนพร้อมอาวุธปืนครบมือ ไม่รู้ว่าเจ้าริวจิมันไปปล่อยข่าวแบบไหน แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเป้าหมายในการล่อลูกเสือออกมาจากถ้ำของเขามันก็สำเร็จ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือการหาเหยื่อ เหยื่อโชคร้ายที่มีดีพอจะเป็นแหล่งข้อมูลของเขา


   “มาลองดูกันดีกว่าว่าพวกแกจะมีดีแค่ไหน”รอยยิ้มร้ายจุดขึ้นที่มุมปาก  ลูกรักสองกระบอกประทับแน่นในมือ  ข้อเท้าออกแรงถีบตัวเองออกจากที่ซ่อน  กระสุนมากมายพุ่งออกจากปากกระบอก  เงาดำวูบไหวร่วงลงเหมือนใบไม้ล่วง แผ่นหลังกระแทกเข้ากับกำแพงของบ้านอีกหลัง  เสียงปืนจากอีกฝั่งดังลั่นอย่างต่อเนื่อง  ลังไม้เก่าๆด้านข้างเป็นบันไดชั้นดีในการปีนขึ้นไปด้านบน เสียงปืนด้านล่างยังคงดังสนั่นกลบเสียงเดินของเขาได้สนิท  บรรดาพายุกระสุนค่อยๆหยุดลงเมื่อไม่มีการยิงตอบโต้กลับมาเหมือนเคย


   “เงียบไปแล้ว”


   “ไปไหนของมันว่ะ”


   “เฮ้ย  ไปดูสิ”คนที่ยืนอยู่หน้าสุดหันมามองคนพูดก่อนจะเดินออกไปช้าๆทั้งที่เหงื่อผุดพรายเต็มหน้า


   “ตายไปแล้วหละมั้ง”


   “ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็คงดี”เสียงพูดเรียบๆจากคนที่ยืนอยู่กลางเพื่อนทำให้รอยยิ้มจุดแต้มที่มุมปากของคนฟังอย่างเขา  ดวงตาสีเทามองจับจ้องคนพูดกับเหยื่อที่ถูกส่งออกไปดูตำแหน่งเดิมที่เขาเคยอยู่  หากเขายังอยู่ที่เดิมเพียงก้าวแรกของมันคงโดนเขายิงทิ้ง  แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไปแล้ว


   “มันหายไปแล้ว”เสียงตะโกนขอคนดูลาดเลาทำให้พวกมันอีก 2 -3 คนวิ่งตามออกไป หากเจ้านั้นมันตาถั่วพวกแรกที่ตามไปคงไม่รอด น่าดีใจที่คนที่เขาเล่งไว้ไม่ได้ตามไป มันทำเพียงนิ่งและมองไปรอบๆ ตรอกแคบๆที่คั่นกลางระหว่างบ้านสองหลัง เริ่มใช้ได้ขึ้นมานิดหน่อย


   “เฮ้ย”


ปัง


   ดวงตามากมายหันมองขึ้นตามเสียงเรียกก่อนเพชฌฆาตสีเงินจะพุ่งเจาะกลางอก บางส่วนพุ่งเข้าที่ลำตัว  ความประมาททำให้มากกว่าครึ่งล่วงไปเหมือนใบไม้ร่วงไม่ทันได้ยกปืนมายิงสวน


ปัง   


   “โอ๊ะ”เสียงอุทานดังออกจากปากเมื่อกระสุนจากด้านล่างพุ่งทะลุปลายหลังคาขึ้นมา  ดวงตาสีเทามองสบกับคนยิง เจ้าคนที่เขาหมายตา ดวงตาสีดำคู่นั้นมองสบกับเขาปืนในมือออกแรงยิงตอบโต้ก่อนขาสองข้าจะออกแรงวิ่งพาเจ้าของหายไป


   “โอ๊ะ  เหยื่อหนีไปซะแล้ว”คาเซอริโอมองตามร่างที่วิ่งหนีไป เท้าทั้งสองข้างถอยหลบเข้ามาด้านในท่ามกลางเสียงกระสุนที่ดังอย่างต่อเนื่อง ปืนในมือถูกเก็บไป 1 กระบอกเพื่อให้เคลื่อนไหวง่ายขึ้น


   “เกมเริ่มแล้วเจ้าหนู”เท้าทั้งสองข้างออกแรงวิ่งไปบนหลังคา  ก้าวกระโดดไปยังหลังคาบ้านอีก  ดวงตาสีเทามองตามแผ่นหลังกว้างที่ออกแรงวิ่งเต็มฝีเท้าเช่นเดียวกับเขา


ปัง


   “ชิบ”กระสุนสีเงินพุ่งถากแขนซ้ายจนเลือดซิบตัวที่เอี้ยวหลบเสียหลักจนแทบจะตกจากหลังคา


   “คาโล”เสียงตะโกนเรียกทำให้เขว้  กระบอกปืนในมือเบี่ยงตำแหน่งก่อนเงาดำวูบไหวที่มุมหางตาจะล่วงลงพื้น


   “ทำบ้าอะไรของแก”ตะโกนใส่เจ้าคนที่เรียกจนเขาเสียสมาธิ  เจ้าตัวที่วิ่งกระหืดกระหอบมาตามตรอกแคบๆก่อนทีแสงจันทร์จะสาดให้เห็นบางอย่าง


   “แก..”เลือดมากมายที่เกาะตามผิวสีน้ำผึ้งทำให้คนมองอย่างเขาใจกระตุกจนต้องกระโดดลงจากหลังคาเพื่อไปดูให้ชัดๆ


   “เลือดพวกนี้”      


   “ห่วงข้างั้นเหรอ”น้ำเสียงยียวนและประกายพราวระยับในดวงตาคู่นั้นทำให้คนมองอย่างเขาฉุนกึก


   “หุบปากแล้วบอกมาว่าเลือดใคร”


   “ข้าบอกแล้วไงว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงเจ้า  เลือดพวกมันทั้งนั้น ตัวข้ามีแค่รอยถากนิดหน่อย”แขนข้างซ้ายถูกยกขึ้นเพื่อให้มองเห็น
ลอยกระสุนถากที่มีเลือดไหลซิบออกมา


   “แกทำให้เหยื่อของฉันหนีไป”คาเซอริโอถอนหายใจยาว ทั้งโล่งอกและเหนื่อยใจกับเจ้าหมายักษ์อย่างประหลาด


   “คนที่เจ้ากำลังวิ่งตาม”   


   “เออ”


   “เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าข้าเป็นใคร”ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งก่อนที่รอยยิ้มจะจุดขึ้นที่มุมปากของคาเซอริโออีกครั้ง


   “งั้นก็รีบนำทางไปสิ”ฝ่ามือสีน้ำผึ้งถูกยื่นออกมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มที่พราวระยับของเจ้าของ  ดวงตาสีเทาเหลือบมองมือข้างนั้นสลับกับรอยยิ้มบนใบหน้าคมนั้นก่อนจะตัดสินใจวางมือข้างที่ว่างทับลงไป  ความอุ่นร้อนที่แผ่ถึงกันก่อนที่เจ้าของมือข้างนั้นจะฉุดให้เขาออกวิ่ง  แผ่นหลังกว้างที่ตั้งตระหง่านเหมือนหินผาวิ่งนำไปด้านหน้าอย่างมั่นคง  ความอุ่นร้อนที่กระชับแน่นตรงฝ่ามือทำให้รอยยิ้มบางๆจุดขึ้นมาบนปากของมาเฟีย  รอยยิ้มอ่อนโยนจากหัวใจที่รู้สึกอบอุ่น










      กลับมาอีกครั้งหลังจากหายหัวไปนานและดูเหมือนนักอ่านจะหายหน้ากันไปด้วย 55

    ว่าแล้วก็เดินทางมาถึงตอนที่ 26 คิดว่าจะอัพตามทางนั้นให้ทันจะได้อัพไปพร้อมกันแต่ก็ไม่ทันสักที  ฝั่งนี้ถึง 26 ฝั่งโน้นถึง 29

     ตอนที่ 30 เสร็จแล้วเหลือเก็บตกนิดหน่อยแล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะทันหละเนี่ย  :mew2:  :mew5:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่27 ความหวังอัน....10/2/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 10-02-2015 08:59:15
ตอนที่ 27 ความหวังอันเลื่อนลาง                  19/11/2557



   แสงสีส้มจากตะเกียงเล็กๆทอแสงสลัวไปทั่วบ้านร้างซ่อมซ่อ  กลิ่นอับลอยปะปนกับกลิ่นไม้และฟางที่ถูกความชื้นหมักหมมเกิดกลิ่นเหม็นอับที่ไม่พึ่งประสงค์  บ้านร้างหลังเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหลังสังคมแห่งความสนุกสนานและความรื้นเริง  เบื้องหลังอันแสนโสมม แม้จะต้องนิ่วหน้าเมื่อได้กลิ่นหรือสำลักไอเพราะฝุ่นก็ต้องยอมทนเพราะเขาจำเป็นต้องใช้มันในการสอบสวนเหยื่อ


   ดวงตาสีเทาทอดมองดวงไฟในจะเกียงก่อนจะเบือนมาสบกับร่างของเหยื่อที่ถูกมัดมือติดกันและมีสภาพเหมือนถูกรุมซ้อมโดยกลุ่มคน  หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่ดุมากๆอย่างหมาปีศาจที่กำลังยืนหน้านิ่วอยู่ข้างๆเขาและกำลังย่นจมูกเป็นระยะเพราะประสาทสัมผัสด้านกลิ่นที่ดีเกินไปตามสายพันธุ์


   “รีบออกไปจากที่นี้กันเถอะ”


   “อย่างอแงน่าเดียวมันก็จบแล้ว ไม่นานหรอก”คาเซอริโอยกยิ้มที่มุมปากขณะตรวจสอบกระสุนลูกรักสีเงินในมือให้พร้อมใช้ง่านอย่างน้อยก็ 1 นัดเพื่อจบชีวิตไม่ก็อาจจะหลายนัดหน่อยเพื่อทรมาน


   “จะแกล้งทำเป็นหลับแบบนั้นอีกนานไหม”ฝ่าเท้ายันเข้ากลางไหล่ที่บิดผิดรูป พลิกให้คนที่นอนตะแครงซุกหน้าลงกับพื้นฟางเน่าเงยขึ้นพบกับแสงตะเกียง เหยื่อที่เขาเล็งมาเอาไว้ตั้งแต่แรก  เหยื่อที่มีค่าพอให้วิ่งตาม


   “ทำไมไม่ฆ่าทิ้งไปเลยหละ”เสียงถามดังออกมาจากปากที่ครึ่งหนึ่งบวมเจ่อและยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา


   “ถ้าจะฆ่าแกให้ตายง่ายๆแบบนั้นฉันไม่วิ่งตามจับให้เหนื่อยหรอกนะ  แกก็ดูฉลาดน่าจะคิดได้ว่าฉันไว้ชีวิตแกทำไม”ดวงตาสีดำของเหยื่อมองตอบกลับมา  ดวงตาที่ถึงแม้รอบตาจะช้ำแต่ตาคู่นั้นยังคงทอประกายไม่ยอมแพ้ แบบนี้สิค่อยน่าเล่นด้วยหน่อย เหยื่อที่อึดและทนแบบนี้จะทรมานได้นาน


   “ฉันไม่มีคำตอบอะไรให้แกทั้งนั้น”


   “อย่าเพิ่งรีบตอบแบบนั้นสิ”ปืนคู่ใจกระบอกสีเงินถูกวางลงบนม้านั่งที่เขาอุตสาห์หาเจอท่ามกลางซากกองปรักหักพังก่อนเจ้าของจะก้าวไปหาเหยื่อแล้วทรุดลงนั่งข้างๆ


   “ฉันว่าระดับแกน่าจะมีคำตอบให้ฉันไม่มากก็น้อย แค่คำถามง่ายๆ บอกฉันมาว่าแกได้ปืนพวกนั้นมาจากไหน”ดวงตาสีดำหันกลับมาสบตาเขาก่อนจะหันไปมองรอบๆอีกครั้ง


   “อยากรู้ไปทำไม หรืออยากเอาไปใช้เองหละ”


   “อืมนั้นสินะ  คนอย่างฉันคงดูเหมือนพวกที่อยากได้ปืนไปใช้เองสินะ  เอาเถอะจะเข้าใจไปแบบไหนมันก็เรื่องของแก  ตอบฉันมา
ดีกว่าว่าแกได้ปืนมาจากไหน”


   “ถ้าอยากเอาไปใช้ก็ไม่น่าจับฉันมาแบบนี้ คุยกันดีๆก็ได้นิ”


   “ตอบคำถามฉัน”


   “ฉันว่าบางทีถ้าแกตกลงกันดีๆเราอาจจะเป็นหุ้นส่วนกันได้  ดีกว่ามาตั้งตัวเป็นศัตรูกันเป็นไหนๆ อย่างแก...”


อ๊าก!


   ประโยคพูดยาวเหยียดกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนเมื่อมีดด้ามยาวที่ตอนนี้กลายเป็นมีดคู่ใจปักเฉือนเข้าข้างคอด้านซ้าย ปลายมีดปักทะลุเข้ากับพื้นดิน ปล่อยให้เลือดสีแดงคล้ำไหลอาบปากแผลและหยดลงย้อมฟางเป็นสีแดง


   “คำถามเดิม  แกได้ปืนมาจากไหน”คำถามเรียบๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดที่มีเพียงดวงตาสองคู่เท่านั้นที่จ้องตอบกันไปมา  คู่หนึ่งเรียบนิ่งและเริ่มมีแววสนุกในขณะที่อีกคู่แม้จะยังคงนิ่งแต่กลับมีประกายหวาดกลัววาดผ่าน


   “บางทีฉันอาจถามไม่ชัด”มือคว้าหมับเข้าที่ด้ามมีดก่อนจะออกแรงกระชาก  เสียงร้องโหยหวนดังลั่นเสื้อของเหยื่อโชคร้ายถึงได้ถูกฉีกเพื่ออุดปากกั้นเสียงร้อง  เหยื่อที่นอนดิ้นกระสับกระส่ายด้วยความเจ็บปวด เหยื่อผุดพรายบนใบหน้าทั้งๆที่อากาศเย็น


   “ข้าว่าเจ้าปิดปากมันช้าไปนะ”เสียงทักดังขึ้นจากหมาปีศาจที่ย้ายตัวเองไปนั่งแทนเขา รั้งตำแหน่งผู้สังเกตการณ์แบบห่างๆ


   “โทษทีลืมคิดไปนะ”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบขณะฉีกชายผ้าส่วนหนึ่งออกมาเช็ดเลือดที่อาบย้อมบนใบมีด  ผู้ชายร่างใหญ่โตที่ตอนนี้ขาหักข้างหนึ่งผลจากการวิ่งไล่จับกำลังพยายามใช้ขาข้างที่ดีกระเสือกกระสนเพื่อให้ห่างจากเขาไปช้าๆ


   “เอาหละ  ฉันแค่ถามว่าแกเอาปืนมาจากไหนไม่ได้ถามสักหน่อยว่าเจ้านายแกเป็นใครทำอะไร ยังไง  แค่คำถามง่ายๆ แค่บอกฉันมาว่าพวกแกได้ปืนมายังไง”คาเซอริโอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินวนไปรอบเหยื่อช้าๆ แสงจากตะเกียงทำให้เกิดเงาวูบไหวตามกำแพงและเงาความกลัวที่สะท้อนอยู่ในแก้วตาสีดำ


   “ช้า”


อั๊ก  หือ


   เสียงอื้ออึงดังขึ้นพร้อมตาที่เบิกว้างเมื่อฝ่าเท้าหนากระทืบลงข้อเข่าที่บิดหักผิดรูปก่อนมีดด้ามยาวจะแทงย้ำลงไปเหนือส่วนที่ถูกกระทืบเล็กน้อย  แรงกระชากทำให้แผลเปิดเป็นรูกว้าง  เศษเนื้อสีคลำที่บัดนี้อาบด้วยสีแดงของเลือดห้อยร่องแร่งอยู่ตรงโคนขาด้านใน


   “เจ้าลืมปล่อยปากมันนะ”เสียงเตือนดังขึ้นอีกครั้งจากเจ้าหมาตัวเดิม  เสียงเตือนที่ทำให้คาเซอริโอยกยิ้มอยู่ในใจ เจ้าหมาปีศาจที่คอยอ้อนคอยตามเขาจนน่ารำคาญพอถึงบทที่ต้องสู้มันก็ทำได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้จะเคยเห็นมันสู้ในร่างหมาแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมันสู้ในร่างของมนุษย์ที่มีพละกำลังเหมือนปีศาจแบบเต็มๆตา  ปลายเท้าที่ออกแรงไล่กวาดเหยื่อ  ฝ่ามือหนาทรงพลังที่สามารถจับยึดเหยื่อเอาไว้ได้  ความว่องไวในการหลบหลีกคมอาวุธ  ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมที่มุ่งมั่นไม่วอกแวกขณะจัดการศัตรู  การลงมือโหดเหี้ยมทั้งหักแขนข้างที่ถือปืน และหักขาเพื่อไม่ให้มันหนีได้ก่อนจะออกแรงลากผู้ชายตัวโตๆคนหนึ่งให้มาที่บ้านร้างหลังนี้


   “อ้าวเหรอ โทษทีนะ”ฝ่ามือขาวกระชากผ้าปิดปากที่ชุ่มด้วยน้ำลายออกก่อนจะโยนทิ้งไปข้างๆ


   “ว่าไงตอบได้รึยัง”


   “ไม่รู้”


   “แน่ใจนะ”ปลายคมของมีดเกลี่ยเบาๆที่ข้างแก้มของเหยื่อ


   “ไม่รู้จริงๆเพราะมีคนส่งต่อ  ส่งปืนต่อมาให้อีกที”


   “น่าเสียดายนะ  ข้อมูลน้อยไปหน่อย แบบนี้คงไม่คุ้มค่ากับการปล่อย”


   “ดะ  เดี๋ยว  แต่ฉันเคยเห็น  เคยเห็นนะ  ละ ลมพายุ พายุประหลาดที่พาปืนกับอาวุธพวกนั้นมา”


   “พายุงั้นเหรอ”เสียงถามแผ่วเบา วันที่เขามาที่นี้วันนั้นก็ฝนตก  ฝนตกหนักก่อนจะแผ่วลงไปช้าๆตอนที่เขาถูกยิง


   “ใช่  พายุ  พายุ”


   “เห็นที่ไหน”คาเซอริโอถอนหายใจยาวพยายามระงับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น


   “เคยเห็นนอกเมืองครั้งหนึ่ง”


   “แล้วครั้งอื่นๆหละ เกิดที่ไหน”


   “ไม่รู้  ไม่รู้”


   “แกแน่ใจเหรอห๊ะว่าไม่รู้  ตอบมา  ตอบมาสิวะ”ฝ่ามือหนากระชากคอเสื้อเหยื่อขึ้นมาก่อนจับเขย่าจนคนโดนหัวสั่นพร่า  ไอค็อกแค็ก


   “ใจเย็น”ฝ่ามือหนาสีน้ำผึ้งคว้าจับเข้าที่ไหล่ แรงบีบที่ส่งมาทำให้มือทั้งสองชะงักปล่อยเหยื่อที่ไอหน้าดำหน้าแดงให้เป็นอิสระ ยืดตัวสูงขึ้นก่อนฝ่ามือจะทุบโครมเข้าที่ผนัง  แค่มันตอบ  แค่มันบอกเอามาเขาก็จะรู้ทางกลับบ้าน  รู้ทางกลับไปหาคนๆนั้น


   “บอกมาสิโว๊ยว่ามันอยู่ที่ไหน บอกว่า”คาเซอริโอกระชากเสียง ปืนที่วางแน่นิ่งถูกหยิบขึ้นมายกเล็งไปทางเหยื่อ


   “ไม่รู้  ฉันไม่รู้จริงๆ  ทุกครั้งมันจะเปลี่ยนไป  มันไม่เคยเหมือนเดิม”


   “แกไม่รู้แล้วใคร  ใครรู้ว่าไอ้พายุบ้าๆนั้นมันจะเกิดขึ้นที่ไหนห๊ะ”


   “ไม่  ไม่รู้”


ปัง


   “บอกมา”กระสุนพุ่งทะลุช่องท้อง  เลือดสีแดงสดทะลักออกมาตามรูกระสุนเหยื่อผู้โชคร้ายร่างเกร็งกระตุกก่อนจะบิดทุรนทุราย


   “เจ้าบ้าไปแล้วรึไงเดี๋ยวพวกมันก็แห่กันมาหรอก”


   “มาสิดี  แห่มาให้หมด จะได้รู้ไปไงว่าไอ้หน้าไหนมันตอบคำถามฉันได้บ้าง  ว่าไงแกจะตอบฉันได้รึยัง”


   “หึ เดี๋ยวพวกนั้นต้อง  ตามเสียงปืนมาแน่”


   “แล้วไง  แล้วคิดว่าแกจะมีชีวิตอยู่รอจนพวกมันมาถึงงั้นเหรอ”ฝ่าเท้าสาวเข้าหาเหยื่อก่อนจะย่อตัวลง  ปากกระบอกปืนประกบแน่นเข้ากับหน้าผากสีคลำ


   “ตอบมา  แลกกับการยื้อชีวิตแก”ดวงตาสีดำกลอกหลุกหลิกไปมาก่อนริมสีปากแตกระแหงนั้นจะพูดบางอย่าง


   “ละ ลีโอ  มันรู้  มันรู้ว่าพายุนั้นจะเกิดขึ้นที่ไหน”


   “ก็เท่านี้”คาเซอริโอลุกขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะไปหาใคร น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าลีโอนะคนไหน  ใช่คนที่รู้จริงๆหรือเปล่า  บางทีคงต้องใช้งานลูกแมวน้อยที่เขาปล่อยไปให้นำทางไปซะแล้ว


   “มากันแล้วนะ”เสียงเรียกจากเจ้าหมาปีศาจปลุกเขาออกจากภวังค์ความคิด


   “ใกล้แค่ไหน”


   “จากด้านหน้าห่างไปไม่ไกล”


   “กำลังดี”คาเซอริโอเก็บมีดที่ไม่ได้ใช้งานเข้าซองก่อนจะเดินนำไปด้านหลังช้าๆช่องแตกของผนังด้านหลังทำให้พวกเขาเดินออกไปได้ง่ายๆ พระจันทร์ที่เริ่มคล้อยลงต่ำทำให้รู้ว่าพวกเขาเสียเวลากับงานนี้มากเกินไปแล้ว  ควรจบงานรีบไปนอนได้แล้ว


   “แกขว้างของเก่งไหม”


   “ห๊ะ ของแบบไหน”


   “ก็พวกแบบขว้างหินอะไรแบบนั้น”


   “ก็พอได้”


   “แค่นั้นก็พอ”มือขาวล้วงเข้าไปในถุงที่เอาติดมาด้วยก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา


   “นั้นอะไร”หมาปีศาจถามขึ้นเมื่อเห็นบางอย่างในมือเขา


   “เดี๋ยวก็รู้ แค่ขว้างมันออกไปก็พอ  เร็วๆแรงๆและตรงเป้าแค่นั้น  ทำได้ใช่ไหม”


   “อืม”


   “งั้นก็ลงมือซะ”คาเซอริโอคว้าหมับเข้าที่มือหน้าก่อนวางบางอย่างลงในมือแล้วดึงสลักสีเงินออก


   “ขว้าง”


ตูม


   “เสียงระเบิดดังสนั่นทันทีเมื่อกระทบเข้ากับเป้าหมาย  บ้านร้างที่พวกเขาเพิ่งจากมาถล่มเพราะแรงระเบิด  เศษซากมากมายกระเด็นไปทั่วบริเวณ  เสียงร้องโวยวายดังสลับกับเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดท่ามกลางเปลวไฟสีส้มที่พวยพุ่งขึ้นมา ท่าจะโดนกันไปเยอะจบงานของวันนี้ด้วยความอึกทึก


   “นั้นอะไร”


   “ระเบิด”


   “อะไรนะ”


   “ระเบิด แบบตูมเดียวจอดนะ”


   “แล้วนั้นเจ้าจะไปไหน”


   “หาที่นอน”


   “ห๊ะ”


   “หูหนวกรึไง  หาที่นอนไง ตามมาได้แล้ว”ฝ่ามือออกแรงกระชากแขนหมาปีศาจที่เกิดอาการหูอื้อขึ้นมากะทันหันให้เดินตาม  เขาเพิ่งยิงถล่มกับพวกมันไปตอนหัวค่ำ ตอนดึกก็เพิ่งปาระเบิดถล่มพวกมันไป  เปิดฉากได้ร้อนแรงและอึกทึกเป็นที่สุด แน่นอนว่าเขาไม่ต้องคอยหลบพวกมันตั้งแต่จงใจปล่อยเจ้าริวจิไปแล้ว เจ้านั้นคงปูดเรื่องพวกเขาไปหมด เรื่องพื้นฐานอย่างหน้าตาพวกเขาคงไม่ต้องพูดถึง  ที่ทำไปเมื่อกี้มันก็แค่การขู่  ขู่ให้พวกมันรู้ว่าเขาไม่ใช้หมูในอวยให้มันมาเล่นด้วยง่ายๆ  แน่นอนมีผลดีก็ย่อมมีผลเสีย  เขาเพิ่งเหยียบจมูกมันในถิ่นของมันไป ไม่เต้นก็คงน้อยไปจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้เขาคงต้องคอยเฝ้าดูแต่ตอนนี้หาที่ซุกหัวนอนได้ก่อนจะดีที่สุด










            มาส่งตอนใหม่แล้วคะ ตอนนี้เราก็ยังคงส่งความบู๊กันแบบต่อเนื่อง ไม่หวาน ไม่ดร่าม่ากันไปอีกสักตอน แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่27 ความหวังอัน........10/2/58
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 10-02-2015 10:09:19
 o13 o13. ลึกลับดีจัง รอต่อไปนะคะ เอาใจช่วยนักเขียนนะ สู้ๆละ  :กอด1:


ขอบคุณที่มาต่อนะ :ruready
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่27 ความหวังอัน........10/2/58
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 08-03-2015 15:02:54
โหยยยย สนุกๆ ชอบพี่คาโลจังเลย ทั้งโหดทั้งใจร้าย
ฉากบู๊นี่มันส์สะใจจริงๆ แอบสงสารพี่หมาแปป โดนใจร้ายใส่แบบนั้นแท้ๆ
เฮ้อ คาโลนี่นะ เปิดใจรักพี่หมาหน่อยก็ไม่เสียหายหรอก มาต่อออีกไวๆน้า รอๆ ><
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่28 ทางแยกที่......17/3/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-03-2015 22:42:40
ตอนที่ 28 ทางแยกที่ต้องเลือก 1                                                              10/12/2557



   “คาโล”


   “คาโล”


   “คาเซอริโอ”ร่างทั้งร่างทะลึ่งพรวดจากเตียง เหงื่อมากมายไหลอาบใบหน้า  หายใจหอบแรงเหมือนไปวิ่งมาเป็นกิโลทั้งๆทีเขาเพิ่งตื่น  ตื่นขึ้นจากฝันร้าย


   “เจ้าเป็นอะไร”เสียงถามเบาๆพร้อมฝ่ามือที่เอื้อมสัมผัสไหล่ทำให้สมองเริ่มทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เขาหลับไป  เพิ่งตื่นขึ้นมา นั้นหมายความว่าเขาฝัน


   “เจ้าฝันร้ายงั้นเหรอ  มีแค่เด็กเท่านั้นนะที่ฝันร้าย”


   “อืม”ครางรับในลำคอเบาๆก่อนจะใช้มือเสยผมที่ปรกหน้าผากออก เหนียวไปทั้งตัวจนอยากจะอาบน้ำ


   “เป็นยังไงบ้าง”


   “เริ่มมืดแล้ว”


   “แล้วพวกนั้นหละ”


   “เดินกันให้วุ่น แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร”


   “อืม”ส่งเสียงตอบรับในลำคอก่อนจะปลดเสื้อออกจากตัว อย่างน้อยอาบน้ำล้างตัวสักหน่อยคงจะทำให้เขาหัวโล่งกว่านี้และบางทีอาจลืมความฝันนั้นไป


   “แกนอนบ้างก็ได้นะ”


   “เป็นห่วงข้างั้นเหรอ”เสียงที่ดูสดใสจนเกินพอดีทำให้คาเซอริโอตวัดมองเจ้าหมาในร่างคนที่นั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง แต่รอยยิ้มกลับประดับเต็มหน้าและตาพราวระยับ


   “คืนนี้ฉันคงต้องใช้งานแกอีกเยอะ”


   “งานอะไรข้าก็เต็มใจทำให้เจ้าทั้งนั้น”รอยยิ้มบนใบหน้านั้นฉีกกว้างขึ้นและทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาหาเขา


   “หาทางให้ฉันกลับบ้าน”ปลายเท้าของคนฟังหยุดชะงัก รอยยิ้มที่เคยมีจางหายไปก่อนมันจะถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มดูฝืนไม่เหมือนเดิม


   “อืม  กลับบ้าน ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอก”หมาปีศาจทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้และหันออกไปดูสถานการณ์ที่หน้าต่างอีกครั้ง  ดวงตาสีเทามองแผ่นหลังกว้างที่ไม่ตั้งตระหง่านเหมือนเคยก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำและเปิดให้สายน้ำเย็นจัดราดลงบนหัว ภาพแผ่นหลังกว้างที่งองุ้มนั้นซ้อนทับกับภาพของเด็กคนหนึ่ง เด็กในความฝัน เด็กตัวเล็กๆที่วิ่งตามบางอย่างสุดฝีเท้า เสียงร้องเรียกที่ออกจากปาก แม้จะไม่ได้ยินแต่เขากลับรู้สึกได้ว่าเจ้าเด็กนั้นตะโกนสุดเสียง เพื่อให้ใครหรืออะไรสักอย่างที่กำลังวิ่งตามหันกลับมา  แม้จะล้มลุกคลุกคลานตามขาเปื้อนไปด้วยคราบโคลนและเลือดที่ไหลอาบเพราะหกล้มก็ไม่ยอมแพ้  น่าเสียดายที่เจ้าเด็กนั้นยังตามไม่ทันเขาก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงของเจ้าหมาซะก่อน  หมาที่เขากำลังจะทำให้มันกลายเป็นเด็กน้อยคนนั้น  เขากำลังจะทิ้งมัน  ทิ้งมันอีกครั้งหลังจากที่ความพยายามครั้งแรกไม่สำเร็จ ทั้งๆที่เขาไม่อยากให้มันตามออกจากกลุ่มเพราะเขากลัว  คนอย่างคาเซอริโอกำลังกลัว  กลัวการจากลา  จากลาจากมัน บางทีหากหายไปโดยไม่บอกลามันอาจจะดีกว่า  แต่เจ้าหมานั้นก็ยังตามมา  เฝ้ามองเขาทุกฝีก้าวแม้จะไม่ถึงจับจ้องตลอดเวลา แต่เขาก็รู้ว่ามันมากกว่าทุกครั้ง สายที่จับจ้องมา  อ้อมกอดที่รัดแน่นกว่าทุกคืน  เจ้าหมานั้นกำลังกลัวการจากลาที่เขากำลังจะหยิบยื่นให้มัน


   “แกหลับไปนานแค่ไหน”หมาปีศาจหันมาตามเสียงถามก่อนจะหันกลับไปมองที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง


   “แค่หลับสั้นๆเท่านั้น แต่แค่นั้นก็พอแล้วหละ”


   “แกน่าจะเก็บแรงเอาไว้”คาเซอริโอเดินมายืนข้างๆที่หน้าต่าง ดวงตาสีเทามองลงจากชั้น 3 ของโรงแรมเก่าๆที่เขาเข้ามาพักเมื่อเกือบรุ่งเช้า โรงแรมเก่าๆที่หากมองออกไปก็จะเห็นตอกเล็กตันที่ด้านข้าง ด้านหน้าติดกับตัวตลาด คนละด้านกับทางที่เขามาถึง


   “ข้า  เจ้าไม่รู้รึไงว่าข้าแข็งแรงแค่ไหน”หมาปีศาจในคราบคนยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายระยับแบบที่น่าเอานิ้วจิ้มให้ตาบอด


   “หึ  ไปกันได้แล้ว”


   “ไป  ไปไหน”คาเซอริโอแอบถอนหายใจ บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันฉลาดแสนเจ้าเล่ห์  แต่บางครั้งกลับรู้สึกว่ามันโง่จนเกินบรรยาย  หากดูผ่านๆมันก็เหมือนผู้ชายวัยรุ่นประมาณด้วยสายตายังไม่ถึง 30 ดี แต่บางครั้งเขากลับรู้สึกว่ามันเด็กซะจน…
 

   “หาข้าวกิน หิวแล้ว”


   “เจ้าจะลงไปสภาพนั้น”ดวงตาสีน้ำตาลที่เหลือบมองมาแบบสงสัยทำให้คาเซอริโอต้องก้มลงมองการแต่งตัวของตัวเองอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่ขึ้นมาใส่เพื่อปิดบังใบหน้า


   “บางทีฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้าย”


   “อืม  เจ้าก็ดูเหมือนนะ”เสียงเรียบๆจากคนที่เดินตามมาข้างหลังทำให้ปลายเท้าหยุดชะงักก่อนหันกลับไปมองหมาที่อยู่ในชุมคลุมรุ่มร่ามไม่ต่างออกไปจากเขา


   “ถ้าฉันเป็นผู้ร้าย แล้วแกที่เดินตามฉันมันอยู่ในฐานะอะไรหละ”


   “อืม คนรู้ใจของผู้ร้ายหละมั้ง”


   “เหอะ”เสียงประหลาดดังรอดออกจากปากในหัวใจคันยิบๆจนต้องรีบสาวเท้าผ่านบันไดแคบไปเร็วๆ เหมือนหูจะแว่วได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆจากด้านหลัง แม้เท้าจะอยากหันกลับไปประเคนถีบให้มันสักครั้งสองครั้งแต่จากสภาพการณ์บนบันไดแบบนี้ ยังไงเขาก็เสียเปรียบมันเป็นที่สุด


   “แล้วเจ้าจะตามหาเป้าหมายยังไง”เสียงถามจากเจ้าหมาที่นั่งลงประจันหน้า  จานเนื้อย่างที่มีกลิ่นคาวคุ้งและขนมปังที่แข็งจนแทบกินไม่ได้ทำเอาความอยากอาหารลดลงไปหลายจุด  แต่อย่างน้อยก็ยังมีกิน ดีกว่าตอนที่โดนไล่ล่าจากศัตรูจนไม่มีเวลาแม้แต่จะหาน้ำ


   “ตามลูกแมวน้อยไป”


   “แมวน้อย  เจ้าหมายถึงริวจิ”


   “อือหึ”แก้วเบียร์ในมือถูกยกขึ้นจิบเพื่อดับกลิ่นคาวเนื้อในปาก


   “แต่เจ้าปล่อยไปแล้ว  ปานนี้คงไม่อยู่รอเจ้าหรอก”


   “ใช่  แต่แกตามหามันให้ฉันได้ใช่ไหมหละ”ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นข้างหนึ่งก่อนเจ้าของดวงตาจะขยับเข้ามาใกล้


   “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่ค่อยสนใจกลิ่นใครนอกจากกลิ่นเจ้า อุ๊ก”ขนาดปังแข็งๆท่อนใหญ่ถูกยัดใส่ปากหมาๆเมื่อมันกำลังพ่นคำที่ทำให้หัวใจคันยิบๆอีกครั้ง


   “ตกลงแกหามันให้ฉันได้ไหม ถ้าไม่ได้ฉันจะไปหาคนอื่น”


   “เจ้าไม่ต้องไปหาใครทั้งนั้น”เสียงที่แข็งขึ้นมาทันควันทำให้คนฟังอย่างเขาขมวดคิ้วฉับ เป็นบ้าอะไรของมัน


   “แล้วตกลงว่าได้หรือไม่ได้”


   “ข้าทำให้เจ้าได้ทุกอย่างคาโล”เสียงเรียบตอบกลับมาก่อนที่อาหารมื้อเย็นจะดำเนินไปเงียบๆ ทำให้ได้ทุกอย่างงั้นเหรอ  ฟังแล้วทั้งรู้สึกดีและแย่ไปพร้อมกัน



    อากาศเย็นๆของยามค่ำตามมาพร้อมหมอกหนาที่ค่อยๆพรางพรมลงมาโดยเฉพาะในตรอกแคบๆที่เต็มไปด้วยขยะ  ตรอกที่มีเพียงแสงไฟจากมุมถนนและแสงจันทร์ที่ส่องให้เห็นเพียงเงาตะคุ่มเท่านั้น  น่ากลัวจนแม้แต่มองเข้ามายังไม่กล้า แต่ถ้ามองดีๆกลับพบว่าผู้คนมากมายที่คลุมตัวเองด้วยเสื้อคลุมเก่าๆแต่กลิ่นน้ำหอมฟุ้งกลับทยอยเดินเข้ามาเรื่อยๆ


   “แกแน่ใจนะว่าไม่ผิดที่”กระซิบถามเจ้าหมาที่ยืนแอบอยู่ข้างๆตัว


   “ไม่ผิด ถึงจะมีกลิ่นหอมฉุนๆพวกนั้นเต็มไปหมดก็เถอะ”เจ้าหมายกมือขึ้นถูจมูกจนปลายจมูกโด่งนั้นแดงเรื่อ


   “เป็นหมาจมูกดีมันก็ลำบากเหมือนกันนะ”


   “นั้นอะไร”เสียงถามดังขึ้นเมื่อมองเห็นผ้าแถบผืนยาวในมือเขา


   “ปิดไว้ บางทีมันอาจจะช่วยได้ ข้างในอาจจะกลิ่นแรงมากกว่านี้”มือขาวตามเชื้อชาติเอื้อมไปด้านหลังกลุ่มผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงเพื่อผูกผ้าปิดจมูกให้  ระยะที่ห่างเพียงฝ่ามือคั้นและดวงตาสีน้ำตาลคมที่จ้องมาทำให้หัวใจกระตุกแปลก  รู้ตัวอีกทีก็เผลอประทับจูบเบาๆกับริมฝีปากหนานั้นผ่านผ้าแถบผืนยาว แม้จะแผ่วเบาแม้จะไม่ล้ำลึกแต่ก็ทำให้หัวใจอุ่นขึ้นได้อย่างประหลาด


   “มาคิดกันดีกว่าว่าเราจะเข้าไปยังไงโดยไม่ต้องเล่นงานเจ้าทึ่มสองคนนั้น”ดวงตาสีเทาหันมองเจ้าคนเฝ้าประตูสองคนที่ยืนหน้ายักษ์อยู่ที่ประตูเก่าๆที่แทบจะใช้การไม่ได้ แต่กลับมีคนเฝ้าร่างใหญ่เหมือนหมีถึงสองคน


   “พวกนั้นเอาบางอย่างให้สองคนนั้นดู”


   “บางอย่างแบบไหน”


   “ไม่แน่ใจ  ขนาดประมาณฝ่ามือ สีทองสะท้อนแสงเหมือนอัญมณี”


   “แบบนี้รึเปล่า”ป้ายทองคำขนาดเท่าฝ่ามือ ประดับด้วยอัญมณีสีสวยถูกหยิบขึ้นมา


   “ข้านึกว่าเจ้าขายไปแล้ว”


   “ก็เกือบ แต่พอดีนึกอะไรได้บางอย่าง”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบขณะมองของในมือ  ของมีค้าที่ฉกได้มาจากขบวนรถม้าที่พวกเขาเพิ่งปล้นไป  ของมีค่าหลายอย่างเขาเอาไปแลกเป็นค่าที่พักและค่าอาหารจนเกือบหมด แต่ชิ้นนี้เขากลับไม่ขายไป  ป้ายทองคำทรงรีที่ประดับด้วยอัญมณีแวววาวมากมาย ป้ายที่ไม่ได้อยู่ในลังสมบัติแต่กลับไปซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าเนื้อดีของเจ้าอ้วนนั้น


   “เจ้าคิดว่ามันอาจเป็นอะไรที่ทำให้เราผ่านไปได้”


   “ฉลาด”


   “แล้วถ้าไม่ใช่”


   “ก็ทำให้มันเข้าได้สิ  ในเมื่อแกบอกว่าเจ้าริวจิอยู่ด้านในยังไงก็ต้องเข้าไป  ไปกันได้แล้ว”


   “เดี๋ยว”


   “อะไร  อืม..”ฝ่ามือถูกคว้าจับแน่นพร้อมกับริมฝีปากที่จู่โจมลงมา ริมฝีปากที่ปราศจากผ้าแถบคั่น  ริมฝีปากอุ่นร้อนที่จู่โจมอย่างหิวกระหายจนเข้าต้องเปิดปากเพื่อให้ลิ้นมันควานเข้ามาภายใน  อ้อมแขนที่รัดแน่นและร่างที่บดเบียดเข้ามาทำให้เผลอยกมือคว้าลำคอหนานั้นเอาไว้แน่น เบี่ยงองศาหน้าเพื่อให้จูบได้ถนัด  นึกขอบคุณตรอกแคบๆที่พวกเขาแอบอยู่มันมืดและเหม็นซะจนไม่มีใครจะเข้ามาสนใจ


   “แฮ่ก  ไปกันได้แล้ว”


   “อืม จุ๊บ”สัมผัสอุ่นชื้นเฝ้าวนเวียนอยู่ที่ปากเนินนานกว่าจะยอมถอนออกไป  เจ้าหมาปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระก่อนจะเริ่มจัดเสื้อผ้าที่เขาเผลอดึงทึ้งให้เข้าที่ บ้าชิบ


   “ขอดูสัญลักษณ์ด้วย”เสียงห้าวดังพร้อมมือที่ยื่นมาขว้างทำให้คาเซอริโอต้องลอบถอนหายใจก่อนจะยื่นป้ายในมือไปให้ดูในขณะที่มืออีกข้างกำแน่นที่ด้ามของลูกรัก  ไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากใช้หรอกนะ


   “แล้วท่านเซอริคไปไหน ทำไมไม่มาเอง”คาเซอริโอเหลือบมองคนถาม  บัตรผ่านน่าจะใช้ได้แต่ตัวคนถือบัตรนี้สิ


   “ท่านไม่ค่อยสบาย  ก็นะ มีเมียสวยๆแบบนั้นจะเหนื่อยจนมาไม่ไหวบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”คาเซอริโอยกยิ้มที่มุมปากหลังจากแต่งเรื่องโม้แบบสดๆออกไป ก็หวังว่ามันจะเชื่อ


   “เจ้าดูไม่คุ้นหน้า”


   “ไม่เอาน่าพี่ชาย คงไม่บอกหรอกนะว่าจำหน้าพวกฉันได้ทุกคนนะ  อีกอย่างเจ้านายฉันก็ไม่ชอบพวกพูดมากถามซอกแซกซะด้วยสิ”ดวงตาสีเทาสบนิ่งกับคนถามก่อนจะแอบเห็นลูกกระเดือกใหญ่ๆนั้นขยับจากการกลืนน้ำลายที่คงจะฝืดคอหน้าดู


   “เออๆ เข้าไปได้แล้ว”


   “ขอบคุณ”


   “เดี๋ยว ทำไมเจ้านั้นต้องปิดหน้าขนาดนั้น”ขาที่กำลังก้าวเข้าไปด้านในหยุดชะงักเมื่อคนด้านซ้ายปล่อยผ่านแต่เจ้าโง่ด้ายขวากลับไปยอม


   “มันไม่สบายนะ เป็นโรคแพ้น้ำหอมแพงๆ ปากบวม หน้าบวม น้ำมูกยืด คงไม่อยากให้มันเปิดออกให้ดูใช่ไหม”


   “เออๆ   ช่างมัน คงทุเรศน่าดูตัวก็โตแต่ดันแพ้อะไรปัญญาอ่อน”


   “ขอบคุณ”


   “นั้นมันโรคบ้าอะไรของเจ้านะ”เสียงกระซิบถามดังขึ้นเมื่อพวกเขาผ่านประตูเข้ามาด้านในได้


   “ช่างมันเถอะน่า  เข้ามาได้แบบไม่ต้องเปลืองแรงก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง”คาเซอริโอพึมพำขณะเดินลงบันไดแคบๆไปยังชั้นใต้ดินและผลักประตูอีกบานเข้าไป


   “ว้าว”เบื้องหลังประตูเก่าโกโรโกโสคือภาพของคลับที่ค่อนข้างหรูหรา  เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มจนหัวใจสะเทือนไปตามจังหวะ สาวๆที่กำลังโยกย้ายไปตามเสียงเพลงทำเอาเผลอคิดไปว่าได้กลับไปใช้ชีวิตเดิมๆอีกครั้ง


   “นี้มันไม่ใช่แค่ลักลอบค้าอาวุธแล้วมั้ง”คาเซอริโอเผลอผิวปากด้วยความถูกใจหลังจากได้รับยิ้มหวานจากแม่สาวชุดแดง แบบนี้สิค่อยสนุกหน่อย นานแค่ไหนแล้วนะที่ต้องอยู่กับพวกหมาที่มีแต่ตัวผู้ถึกๆเป็นโขยง นานๆที่ได้กลับมาเห็นอะไรแบบนี้บ้างมันก็กระชุ่มกระชวยดีไม่น้อย


   “หนวกหู”เสียงบ่นจากข้างตัวทำให้อารมณ์ดีๆแทบดับวืด เมื่อกี้แอบเผลอลืมไปแวบว่ามีมันมาด้วย


   “หึ เรื่องธรรมดา”


   “ธรรมดายังไงไอ้เสียงโหวกเหวกพวกนี้”


   “ที่โลกฉัน ของแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาน่า”


   “เจ้าชอบมัน”


   “แล้วผู้ชายที่ไหนไม่ชอบบ้างหละวะ”


   “ตอนนี้ข้าก็ไม่ชอบ”น้ำเสียงที่ออกจากหงุดหงิดทำให้คาเซอริโอเหนื่อยเกินจะถามว่าที่มันไม่ชอบนะคือไม่ชอบเสียงดังหรือไม่ชอบอาหารตาวับๆแวมๆแถวนี้กันแน่ และแน่นอนการถามออกไปบางที่มันก็เข้าตัวแปลกๆ


   “แกได้กลิ่นริวจิบ้างไหม”


   “จางๆ แถวนี้มีแต่กลิ่นอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด”


   “อือหึ”คงไม่พ้นกลิ่นน้ำหอมของพวกสาวๆนั้นหละ  ดูผ่านๆที่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกสถานท่องเที่ยวยามราตรีทั่วไป แต่หากมองดีๆก็จะเห็นบาร์เทนเดอร์ที่มีกล้าแขนเป็นมัดๆที่ไม่น่าจะเกิดจากการเล่นเวท ดวงตาที่มองหลุกหลิกไปทั่วร้านจนเหมือนพวกกล้องวงจรปิด  กลุ่มผู้ชาย 2-3 ที่นั่งดื่มกันในมุมอับและคอยสอดส่องสายตาไปทั่วร้าน ลูกค้าที่เดินเปะปะไปมาแต่หากมองดีๆก็จะเห็นพวกผู้ดีที่แต่งตัวหรูเดินแยกไปอีกทาง


   “ขอแบบนั้น 2”ขวดเหล้าทรงคุ้นตาสองขวดถูกส่งมาก่อนขวดหนึ่งจะถูกยกขึ้นจิบ อีกขวดถูกส่งให้หมาที่พอเหล้าเข้าปากก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง


   “ไปกันได้แล้ว”ขวดเหล้าเปล่าถูกวางลงบนพื้นเคาเตอร์แต่ขาที่ออกเดินนำไปก่อนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหมาปีศาจที่กำลังควรจะก้าวตามมาดันหยุดนิ่งอยู่กับที่


   “เป็นอะไรของแก”


   “เจ้าจะไปไหน”


   “ทางนั้น”


   “แต่ข้าว่าทางนี้”คาเซอริโอขมวดคิ้วฉับเมื่อเจ้าหมาข้างตัวดันชี้ไปคนละทางกับเขา ไม่ทันจะได้ค้านอะไรมันก็ลากแขนเขาเดินดุ่มๆไปแล้ว


   “เฮ้ย นี้แก..”คำประท้วงถูกกลืนลงคอเมื่อมันลากเขาจนมาเผชิญหน้ากับพี่เบิ้มสองคน ทำไมคนเฝ้าประตูของพวกมันถึงได้ตัวใหญ่เป็นยักษ์กันไปหมดนะ


   “จะไปไหน”


   “ด้านในนั้น”


   “ลูกค้าใหม่รึไงวะ ทางโน่นเข้าไม่ได้เข้าได้เฉพาะVIP เท่านั้น”


   “ใจเย็นน่า  โทษทีนะ พอดีเพื่อนฉันมันใจร้อนไปหน่อย”ฝ่ามือประทับลงบนช่วงไหล่แข็งเบาๆเชิงให้หมาข้างตัวมันใจเย็นแต่ดวงตาสีน้ำตาลที่เบือนมาสบกลับทำให้ต้องขมวดคิ้ว มันเห็นอะไรของมันกัน


   “ไม่แน่ใจว่าป้ายนี้มันจะ VIP พอรึเปล่า”ป้ายทองคำในมือถูกโชว์ให้ยักษ์เฝ้าประตูเห็น


   “ทีหลังจะไปไหนก็อย่าลืมบัตรผ่านหละ ไปได้แล้ว”


   “โทษทีนะ”คาเซอริโอยิ้มรับก่อนที่จะถูกหมาข้างตัวลากหลุนๆเข้าไปด้านใน


   “แกเป็นบ้าอะไรของแกห๊ะ”


   “ข้าไม่แน่ใจ”


   “ไม่แน่ใจแต่แกลากฉันเข้ามาแบบนี้ เกิดมันผิดทางฉันกับแกไม่กลายเป็นผีไปเลยรึไง”


   “หรือเจ้ากลัว”


   “แค่ยังไม่อยากจะหาเรื่องเท่านั้นแหละ”หมาปีศาจข้างตัวยกยิ้มขณะเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมแดง  แม้จะมีทางแยกมากมายแต่มันกลับลากเขาเดินดุ่มไปเรื่อย เลี้ยวซ้ายขวาเหมือนมันรู้ทางหรือไม่ก็กำลังตามอะไรบางอย่างอยู่  เสียงบางอย่างที่ดังแว่วออกมาจากหลังประตูบานหนาทำให้จังหวะฝีเท้าแทบกลายเป็นวิ่ง


   “เฮ้ย..บ้าน่า”เสียงเหมือนถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อภาพเบื้องหลังประตูปรากฏให้เห็น  ห้องทรงกลมขนาดห้องประชุมเล็ก  พวกเขากำลังยืนอยู่บนพื้นยกระดับขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยชุดเก้าอี้หรูหราและอาหารเลิศรส ในขณะที่ด้านล่างของห้องคือพื้นไม้ยกระดับที่กำลังมีพิธีกรชายยืนพูดบางอย่างอยู่เบื้องหน้าด้านหลังคือกรงขังเหล็กขนาดใหญ่ที่ด้านในขังผู้หญิงและเด็ก 4 คนเอาไว้ ผู้หญิง 2 และเด็กอีก 2 บางคนก็นั่งสะลึมสะลือเหมือนโดนยา ในขณะที่บางส่วนกำลังขู่คำรามในร่างกึ่งสัตว์ที่ด้านบนเป็นคน ด้านล่างเป็นหมา   


   เสียงคำรามในลำคอทำให้คาเซอริโอตวัดตามองหมาข้างตัว  ฝ่ามือคว้าเข้าไหล่กว้างก่อนจะออกแรงเหวี่ยงเต็มกำลัง แผ่นหลังหนาปะทะเข้ากับแพงเนื้อดีเสียงดังสนั่น


   “หยุดความคิดบ้าๆของแกเดี๋ยวนี้”


   “ปล่อยข้าคาโล”


   “แกกำลังจะพาเราไปตายไม่รู้รึไง”


   “พวกนั้นมันจับพวกข้าไป”


   “ฉันเห็นแล้ว แต่แกไม่เห็นรึไงว่าพวกมันมีมากขนาดไหน อยากตายรึไงห๊ะ”


   “เฮ้ พวก มีอะไรรึเปล่า”เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ต้องปล่อยมือที่จับยึดไว้เพื่อให้ไปเผชิญหน้ากับการ์ดสองคนที่ถูกเรียกมาเพราะเสียงดังเมื่อกี้


   “โทษที พอดีเพื่อนฉันมันเมามากไปหน่อยนะ”


   “แน่ใจนะ”


   “อืม โทษทีแล้วกัน”


   “อย่าให้มีอีก  ไม่งั้นแกสองคนถูกโยนออกไปแน่”


   “โทษทีๆ”การ์ดสองคนยอมล่าถอยไปในที่สุดแต่ก็ไม่วายที่จะเหลือบมามองพวกเขาเป็นระยะ ถูกจับตาจนได้


   “แกนี้มัน..”


   “เราต้องไปช่วยพวกนั้น”


   “ห๊ะ แกรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”


   “ข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกผู้หญิงกับเด็กเป็นอะไรไปแน่”


   “งั้นแกก็ไปคนเดียว”ถ้อยคำเรียบๆแต่กลับทำให้ฝ่าเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก  ดวงตาสีน้ำตาลหันกลับมาสบตากับเขาอีกครั้ง  ดวงตาที่กำลังส่อประกายสับสนระคนไม่แน่ใจ


   “คาโลนี้เจ้า..”


   “ฉันไม่เคยบอกว่าฉันจะช่วย  แกลืมไปแล้วรึไงว่าฉันมาที่นี้ทำไม ฉันมาตามริวจิ มาหาคนที่ชื่อลีโอ มาหาทางกลับบ้านไม่ใช่มาทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยทาส”


   “แต่พวกนั้นอาจกำลังจะ..”


   “แล้วยังไง จะตายจะถูกขายแล้วยังไง ซาเวียร์ฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่แกคิดหรอกนะ”


   “เจ้ากำลังทำให้ข้าผิดหวัง”คำพูดเรียบๆแต่เจ็บหนึบได้ถึงใจคนฟัง


   “ดีใจที่แกตาสว่างสักที”


   “เจ้ากำลังบอกข้าว่าจะไม่ไปช่วยผู้หญิงกับเด็ก  ทั้งๆที่เจ้าเคยช่วยชินริ”


   “ชินริมีบุญคุณกับฉันแต่พวกนี้ไม่มี ถ้าแกอยากไปก็ไปเลย แต่ฉันจะไปตามทางของฉันไปหาริวจิ  ไปหาทางกลับบ้าน”


   “นี้เจ้า..”


   “เลือกมาซาเวียร์  เลือกมาว่าแกจะทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยพวกผู้หญิงกับเด็กหรือจะไปกับฉัน”



หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่29 ทางแยกที่......17/3/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-03-2015 22:48:48
ตอนที่ 29 ทางแยกที่ต้องเลือก 2                                                              19/12/2557




   เสียงประกาศของพิธีกร เสียงโห่ร้องของบรรดาผู้ชมเสียงกรีดร้องของสินค้าที่ถูกขายไปไม่ได้ดังเข้าในหู  ภาพที่เหยื่อถูกฉุดกระชากออกจากกรงไม่ได้ผ่านเข้าไปในสายตา  สิ่งเดียวที่เขากำลังรับรู้คือรสชาติขมปร่าของเหล้ารสแรงที่กำลังไหลลงคอ


   “เลือกมาซาเวียร์  เลือกมาว่าแกจะทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยพวกผู้หญิงกับเด็กหรือจะไปกับฉัน”


   ประโยคที่เขาเป็นคนพูดออกไปกำลังดังกังวานอยู่ในหัว  วนเวียนไปมาพร้อมกับภาพดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่มองตรงมาที่เขาด้วยความผิดหวังก่อนที่เจ้าของดวงตานั้นจะหันหลังให้เขา มันจากไปพร้อมทางเลือกของมันในขณะที่เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมขวดเหล้าในมือ  หางตาเหลือบเห็นคนที่เหมือนเจ้าริวจิแต่เขากลับไม่มีแรงพอที่จะพาตัวเองลุกออกจากเก้าอี้เพื่อตามออกไป น่าสมเพช


   “กินมากขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหรอก”เสียงที่ดังคุ้นหูและร่างคุ้นตาที่ถือวิสาสะนั่งลงข้างๆทำให้เหล้าที่กำลังจะถูกยกเข้าปากชะงักค้าง


   “แก คูลาตัส”เจ้าของชื่อยกยิ้ม  รอยยิ้มที่คาเซอริโอรีบบอกตัวเองว่าไม่น่าไว้ใจสุดๆ


   “ดีใจจังที่เจ้ายังจำข้าได้”


   “ฉันยังไม่ความจำสั้นขนาดนั้น”ขวดเหล้าในมือถูกยกขึ้นอีกครั้งแต่เปลี่ยนจากการกระดกเป็นการจิบ เมื่อเจ้าของงูปีศาจในคราบมนุษย์ที่ใส่สูทเนื้อดีมันชวนในขนลุกขนพองซะยิ่งกว่าครั้งที่เขาเจอมันในป่า


   “งั้นเหรอ พูดแบบนี้ข้ายิ่งดีใจเข้าไปใหญ่”ฝ่ามือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหนึ่งถูกมันคว้าไปกุมไว้  สัมผัสของปลายนิ้วโป้งที่ไล้ไปตามหลังมือให้ความรู้สึกแปลกๆจนต้องรีบชักมือหนี


   “ไม่ยักรู้ว่าแกก็แต่งตัวดีๆแบบชาวบ้านเขาเป็นด้วย”


   “ข้าก็แค่ทำตามแบบที่มนุษย์เขาทำกันเท่านั้นหละ”


   “น่าทึ่ง”


   “ข้ายังมีอะไรให้เจ้าทึ่งอีกมาก”ฝ่ามือขาวซีดยกขึ้นเรียกบริกรก่อนไวน์ชั้นเลิศจะถูกวางลงบนโต๊ะ


   “สักหน่อยไหม”


   “มีแล้ว”


   “อ่า นั้นสินะเหล้าแรงๆแบบนั้นคงถูกปากเจ้ามากกว่า แต่กินมากไปก็ไม่ดีหรอกนะ”นิ้วเรียวยาวยกแก้วไวน์ส่งสูงขึ้นจิบ ดวงตาสีทองกรอบดำเหลือบมองเขาก่อนจะเหลือบไปมองบนเวทีพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก  เหล้าในปากเหมือนจะฝืดขึ้นมาทันควัน หากคิดตามสิ่งที่มันพูดดีๆ มันแอบดูเขามาสักพักแล้ว นานพอจะรู้ว่าขวดเหล้าที่เขากำลังถืออยู่มันพร่องลงไปจนเกือบหมด แต่เรื่องที่มันแอบดูเขา ดูจะน่าสนใจน้อยลงเมื่อเทียบกับเรื่องที่มันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง  ร่างสูงผอมในชุดสูทเนื้อดี ท่าทางการจิบไวน์ที่ดูราวกับคุ้นเคย ทุกอย่างที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันออกมาสังสรรค์กับพวกมนุษย์ ความเป็นกันเองกับบริกรบอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่มันมาที่นี้ งูปีศาจในคราบมนุษย์ท่ามกลางวงล้อมการค้าพวกหมาปีศาจตัวเมียและเด็กๆ


   “หึหึ หมู่บ้านของมนุษย์อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตก”

……

   “โอ๊ะ  นั้น...”เจ้างูข้างตัวมันอุทานออกมาเมื่อเห็นภาพ  หลังจากเจ้าตัวเดินเอื้อยจนมาทัน

   “รู้จักเหรอ”

   “อืม  ไม่แน่ใจแหะ”เจ้างูคูลาตัสพูดไปแบบนั้นแต่คิ้วสีทองก็ขมวดเข้าหากันแน่นเหมือนคิดอะไรอยู่

……

   “สัตว์ใหญ่ย่อมกินสัตว์เล็ก”

…..

   “งูที่เจ้าบอกว่ากำลังจะกลายเป็นศพนะเป็นน้องชายของข้าเอง”

…..

   “แล้วเจอกันนะ”

…..

   “แกต้องการอะไร”


   “ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นก็ได้น่า  ข้ากับเจ้าเราคุยกันได้  เหมือนทุกครั้งที่เราเคยคุยกัน”


   “หึคุยกัน  แต่เหมือนครั้งสุดท้ายมันจะจบไม่สวยเท่าไหร่นะ”รอยยิ้มมุมปากของคนฟังหุบฉับ ก่อนจะถูกแย้มขึ้นมาใหม่อีกครั้ง


   “ถ้าเจ้ายังจำการคุยครั้งล่าสุดของเราได้ คงจำได้ว่าข้าขออะไรกับเจ้าไปสินะคาโล ทางเลือกทางที่ 3”


   “ฉันยังคงยืนยันคำตอบเดิม”


   “เจ้าจะไม่เปลี่ยนใจ  แม้แต่ตอนที่เจ้าหมานั้นมันทิ้งเจ้าไปงั้นเหรอ”ขวดเหล้าเปล่าถูกกระแทกวางลงบนพื้นโต๊ะ แรงจนทั้งโต๊ะสั่นสะเทือนก่อนเหล้าขวดใหม่จะถูกยกขึ้นจิบช้าๆเหมือนเมื่อครู่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น


   “กินมากไปแล้วนะ”


   “แค่นี้มันไม่ทำให้ฉันเมาหรอก”


   “อ๊า  น่าสนใจ”


   “เลิกเปลี่ยนเรื่องแล้วตอบคำถามฉันมา แกต้องการอะไร”


   “เปลี่ยนใจเจ้าลำบากเหลือเกินนะ อืม ยังไงดีหละ ข้าก็แค่อยากช่วยเท่านั้น”


   “ช่วย เรื่องอะไร”


   “เรื่องที่เจ้าบอกข้าตอนที่เราเจอกันครั้งแรก เรื่องที่ทำให้เจ้าวิ่งสร้างความวุ่นวายไปทั่วเมือง เรื่องการกลับบ้านของเจ้า”


   “แกใจดีขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”


   “ข้าใจดีกว่าที่เจ้าคิด  อย่างน้อยก็คิดว่าดีกว่าเจ้าหมานั้นที่ทิ้งเจ้าไป”


   “มันไม่ได้ทิ้งฉัน คิดว่าหน้าอย่างมันมีปัญญาทิ้งฉันรึไง”


   “ว้าว  ใจเย็นน่า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะ เอาเป็นว่าเราจบประเด็นเรื่องนี้กันดีกว่า ความจริงคือข้าแค่อยากจะช่วยเท่านั้นเอง”


   “ฉันมีทางของฉัน ขอบใจ”


   “แล้วไม่อยากฟังทางของข้าเลยรึไง”คาเซอริโอเหลือบตามองคนพูดก่อนจะยกเหล้าขึ้นจิบช้าๆเป็นสัญญาณว่าเขาจะไม่ขวางหากมันคิดที่พูดอะไรออกมา


   “ความจริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องวิ่งตามเจ้าคนที่ชื่อริวจิอะไรนั้นหรอกนะ มันไม่มีความจำเป็น  เพราะยังไงซะเจ้าก็ไม่มีทางหาทางกลับได้อยู่แล้ว”


   “แกหมายความว่ายังไง”ประโยคยาวๆที่เริ่มฟังไม่เข้าหู ทำให้คนฟังอย่างเขาขมวดคิ้วฉับ


   “หมายความตามที่พูดทุกอย่าง  เจ้าไม่มีทางหาทางกลับไปได้ เพราะทางเส้นนั้นมันไม่มีอยู่”


   “นี้ไอ้งูผี ฉันไม่ถนัดมาเล่นคำกับแกหรอกนะ ถ้าอยากบอกก็ช่วยบอกอะไรที่มันเข้าใจง่ายๆไม่งั้นก็หุบปากของแกไปซะ”


   “ไม่เอาน่าคาโล คิดหน่อยสิ อย่างเจ้าน่าจะคิดออก”


   “รู้อะไรไหมคูลาตัส คำพูดของแกตอนนี้เป็นอะไรที่ฉันเกลียดที่สุดเลยว่ะ”คาเซอริโอพูดเสียงเรียบขวดเหล้าในมือถูกวางลงเพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาถือขวดเหล้าแต่มีอารมณ์จะหยิบอย่างอื่นมาถือมากกว่า


   “เฮ้อ เจ้านี้นะก็ได้ข้ายอมแพ้ เห็นแก่ที่ข้าถูกใจเจ้าหรอกนะ อย่างที่ข้าบอกคาโลเจ้าไม่มีทางหาทางกลับได้เพราะเส้นทางพวกนั้นมันไม่ได้มีอยู่จริง”


   “ไม่มีทางงั้นเหรอ”


   “อืม ไม่มีทางเพราะมันไม่เคยมีทางมาจึงไม่มีทางกลับ เจ้าน่าจะเคยได้ยินเรื่องพายุ ฝน หรืออะไรสักอย่างมาแล้ว”


   “อือหึ”คาเซอริโอส่งเสียงในลำคอไม่แสดงว่ารู้หรือไม่รู้


   “พายุนั้นเกิดขึ้นเอง ไม่รู้ที่มา ไม่รู้ที่ไป  ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่ แค่รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นเท่านั้น”


   “ไม่มีที่มา ไม่มีที่ไป ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นที่ไหน นี้สินะที่ไม่มีทางของแก”


   “เริ่มฉลาดขึ้นมาแล้ว”คาเซอริโอแทบจะกุมขมับหากเป็นอย่างที่มันพูดจริงเขาก็ท่าจะมีปัญหาแล้ว แต่ก็ยังติดสินไม่ได้เพราะเรื่องของเจ้าคนที่ชื่อลีโอนั้นอีก


   “แกมั่นใจเรื่องนี้แค่ไหน”


   “อืม ก็แค่ข่าวจากคนวงในหละนะ”งูประหลาดตรงหน้ายกไวน์ขึ้นจิบอย่างมีมาด มันบอกว่าข่าววงในแล้วไอ้วงในของมันนะวงในแค่ไหน แล้วเขาจะเชื่อใจได้แค่ไหนก็ไม่รู้ ปากมันบอกว่าจะช่วยเขาแต่คำพูดของมันกลับเป็นการตัดความหวัง ปากมันบอกว่าถูกใจเขาแต่ทุกอย่างที่มันทำกับเขามันน่าเอาปืนกรอกปากมันตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็นั้นแหละไม่ว่าเรื่องที่มันกำลังพูดอยู่จะจริงหรือไม่จริงแต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาคิดอะไรได้บางอย่าง


   “ขอบใจ อย่างน้อยครั้งนี้แกก็ช่วยฉันได้มากจริงๆ”


   “อือหึ ไม่มีปัญหา แล้วนี้เจ้าจะทำยังไงต่อ”


   “ก็ ในเมื่อมันไม่มีทางก็หาทางเองซะสิ”ขวดเหล้าเปล่าในมือถูกวางลงบนโต๊ะ ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้ว


   “หึหึ จะทำยังไงหละคาโล เหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบนั้นเจ้าจะทำยังไง เจ้าจะฝืนให้มันเกิดขึ้นงั้นเหรอ”


   “โทษที บังเอิญฉันไม่ใช่พระเจ้าว่ะ คงฝืนให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ แล้วถ้าแกถามว่าจะทำยังไง บอกได้เลยว่าฉันไม่รู้  แต่อย่างหนึ่งที่ฉันรู้คือหากมันส่งฉันมาได้มันก็ต้องส่งฉันกลับได้ แกบอกว่าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องเหลือธรรมชาติ ตลอดชีวิตฉันไม่เคยเจอเรื่องเหนือธรรมชาติ การเจอกับพวกแกก็เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างหนึ่งและฉันคิดว่าเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้มันสมควรจบลงได้แล้ว ตลอดมาฉันกำหนดโชคชะตาของตัวเองครั้งนี้ฉันก็จะจบโชคชะตานี้ด้วยตัวเอง”


   “เจ้าเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกันคาโล  แต่ก็เพราะความกล้าบ้าบิ่นของเจ้าแบบนี้หละมั้งถึงทำให้ข้าสนใจเจ้า”


   “เรื่องของแก ขอบใจที่ช่วย”เท้าสองข้างก้าวลัดเลาะไปตามชุดเก้าอี้ตาสอดส่ายบรรดาการ์ดมองหาเป้าหมายที่เขาจ้องมันมาตลอดจากโต๊ะ  ตลอดเวลาที่นั่งอยู่กับที่เขาจ้องมันตลอดจนกระทั้งเมื่อกี้  มันยังคงวนๆเวียนๆอยู่ที่เดิม ไม่ได้จากไปไหน และเจ้าหมานั้นก็หายไปนานแล้ว นานจนเขาคิดว่ามันอาจหลงทาง อุตสาห์รอให้มันเปิดเกมแต่อาจกลายเป็นว่าเขาคงได้เป็นคนเปิดเกมก่อน


   “จะไปไหน”การ์ดตัวยักษ์สองคนพุ่งเข้ามาขวางทันทีที่เขาเดินลัดเลาะมาถึงเป้าหมาย ชุดเก้าอี้หรูที่อยู่ในมุมลับตาที่สุดแต่กลับมองเห็นทั้งห้องได้ชัดเจนที่สุด


   “พอดีฉันมีเรื่องจะคุยกับเจ้านั้นนิดหน่อย”คาเซอริโอจงใจพยักเพยิดไปทางริวจิ เจ้าของชื่อที่นั่งหลบมุมอยู่ผุดลุกขึ้นทันควันที่เห็นหน้าเขา


   “แย่หละ รู้ตัวซะแล้ว”


ปัง


   เสียงเพชฌฆาตดังเปิดเกม  กระสุนสองนัดจากปืนสองกระบอกพุ่งเจาะกลางหน้าผากของการ์ดร่างยักษ์เร็วเกินกว่าที่พวกมันจะได้ตั้งตัว  เสียงกรีดร้องดังระงมเมื่อเลือดจากผู้เคราะห์ร้ายกระเด็นโดนสาวสวยที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน  ห่ากระสุนในมือสาดเข้าไปในกลุ่มผู้เคราะห์ร้าย  ขายาวก้าวเร็วๆเข้าไปตรงกลาง  มือคว้าเอาคอเสื้อเป้าหมายเหวี่ยงไปอีกด้านก่อนจะตามเข้าไปทันก่อนที่กระสุนนัดหนึ่งจะเจาะเข้าข้างกำแพงที่เขาแอบอยู่


   “คุณคาโล”


   “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะ”แม็กกาซีนในมือชุดใหม่ถูกเปลี่ยนก่อนปืนจะยิงเข้าใส่การ์ดโชคร้ายที่วิ่งเข้ามาหา วัตถุสีดำในมือถูกหยิบขึ้นมาก่อนปากจะถูกใช้เป็นตัวปลดสลักแล้วขว้างออกไป


   “ไป”มือคว้าเข้าที่คอเสื้อของตัวประกันก่อนจะออกแรงกระชาก  เสียงระเบิดดังสะนั่นหวั่นไหวจากด้านหลัง  ฝุ่นควันสีดำพุ่งกระจายไปในอากาศ  ประกายสีแดงพุ่งวาบและเริ่มลามเลียไปยังส่วนต่างๆ บรรดาแขกมากมายก่อนหน้านี้ต่างพยายามกระเสือกกระสนไปยังทางออกทางเดียวอย่างแออัด  สภาพชุดเก้าอี้ที่โดนระเบิดเละไม่มีชิ้นดี บรรดาการ์ดที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างกระเสือกกระสนเพื่อเอาชีวิตรอด เขามีเวลาอีกนิดหน่อยก่อนพวกการ์ดจะฝ่าบรรดาแขกเข้ามาได้


   “ใคร  คนไหนที่ชื่อลีโอ”


   “คุณว่าอะไรนะ”


   “ฉันถามว่าไอ้คนที่ชื่อลีโอนะคนไหน”ไม่ถามเปล่า ปืนในมือยกขึ้นจ่อบนหน้าผากคนถูกถาม ดวงตาสีดำเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นอย่างตระหนก


   “ผม..”


   “ตอบ”คาเซอริโอเร่งเมื่อดวงตาสีดำมองหลุกหลิกสลับไปมาระหว่างเขาและประตูที่ยังคงมีบรรดาแขกแออัดกันเพื่อออกไปในขณะที่การ์ดก็พยายามฝ่าเข้ามา


   “เขา  เขาตายไปแล้วตอนระเบิดนั้นไง”


   “งั้นแกก็ไร้ประโยชน์”


ปัง


   กระสุนสีเงินพุ่งเฉียดปลายผมเหยื่อ ความร้อนที่พุ่งออกมาทำให้เกิดรอยไหม้และทิ้งคราบเขม่าเป็นทาง


   “ไง มันตายรึยัง”


   “ยะ  ยัง  เขาอยู่ที่โกดัง เขาชอบอยู่ที่โกดัง”


   “หน้าตายังไง”


   “ตัวสูง ผิวคลำ  ผมเกรียน มีรอยสักรูปหมาที่ต้นคอ”


   “แน่ใจนะ”


   “แน่ใจ ไว้ชีวิตผมนะ”


   “หึ ขอบใจ ขอให้โชคดี”เหยื่อในมือถูกปล่อยให้เป็นอิสระปลายเท้าก้าวไปบนเวทียกระดับ  ดวงตาสีเทาเหลือบมองสิ่งมีชีวิตที่ถูกขังอยู่ในกรง 2 ตัวเก่าหายไปถูกแทนที่ด้วยตัวใหม่อีก 2 ตัว ปืนในมือยกขึ้นสูงก่อนจะเหนี่ยวไก


ปัง


   แม่กุญแจกรงขังแตกกระจายเป็นส่วนๆ หมาปีศาจในร่างคนและกึ่งคนเหลือบมองเขาก่อนจะคำรามลั่นและเปลี่ยนร่างเป็นหมาปีศาจเต็มตัว  เสียงคำรามดังลั่นไปทั่วห้องขนาดเล็ก เสียงกรงขังถูกเปิดออก หมาปีศาจทุกตัวพุ่งเข้าไปหามนุษย์ในห้องด้วยความโกรธแค้น หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าไปหาริวจิ กรามใหญ่กัดขย้ำลงบนแขนข้างที่ถือปืนเอาไว้ก่อนจะกระชากเต็มแรง  เลือดสีสดสาดกระจายไปทั่วห้องท่ามกลางเสียงกรีดร้อง


   ล็อคประตูถูกยิงจนกระจุยก่อนฝ่าเท้าจะยกขึ้นถีบ  บานประตูกระแทกเข้ากับผนังดังโครม ปืนในมืออยู่ในระดับเตรียมพร้อม ขายาวก้าวเข้าไปในประตู ทิ้งภาพความวุ่นวายและกลิ่นคาวเลือดของห้องประมูลไว้ด้านหลัง ดวงตาสอดส่องเข้าไปในทางเดินมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากคบไฟ  ทางเดินขนาดกว้างที่ปราศจากสิ่งมีชีวิต ไม่ได้ทำให้เขาไว้ใจอะไรได้เลย ทุกครั้งที่มีการประมูลและสินค้าตัวใหม่จะถูกนำขึ้นมามันจะถูกพามาทางประตูบานนี้ หน้าแปลกที่ตอนนี้มันกลับไม่มีใครอยู่ ดวงตาสีเทาคู่คมมองสำรวจประตูก่อนจะปิดมันกลับไปเหมือนเดิมเสียงจากห้องประมูลเบาลงจนแทบจะกลายเป็นปิดสวิตซ์  แบบนี้สินะเขาถึงไม่ได้ยินสัญญาณจากเจ้าหมานั้น


   ฝ่าเท้ายังคงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเหงื่อมากมายที่ไหลหยดมาตามปลายผม เสียงคำรามของบางอย่างทำให้คาเซอริโอหันควับดวงตาสีเทาตวัดมองไปตามทางเดินก่อนจะออกวิ่งผ่านทางเดินใต้ดินยาวๆ ยาวจนไม่รู้ว่ามันจะพาเข้าไปที่ไหน


กรร!!


   เสียงขู่คำรามพร้อมภาพด้านหน้าทำให้ใจเต้นระรัว ภาพหมาปีศาจตัวสูงสีน้ำตาลขาวกำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมของมนุษย์ที่มีอาวุธครบมือ จำนวนคนมันมากซะจนไม่มีใครประจำอยู่ตามทางเดิน ทุกคนต่างกำลังสนุกกับการต้อนหมาปีศาจที่บาดเจ็บ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลมันมากมายซะจนแทบจะอาบให้ร่างทั้งร่างกลายเป็นสีเลือด


   “ไอ้หมาโง่”


   “เอาดีๆนะโว๊ย นานๆทีจะมีรนมาหาถึงที่ ตัวผู้แบบนี้ขายได้ราคาดีไม่หยอก”เสียงพูดจากตัวที่น่าจะเป็นหัวหน้า ผู้ชายร่างสูงประมาณ 6 ฟุต ผิวคลำ ผมเกรียนและรอยสักรูปหมาขนาดยักษ์ที่ไม่ต้องเสียเวลาสังเกตเพราะมันพาดยาวจากต้นคอลงไปที่แผ่นหลังเปลือย


   “มันบ้าอะไรกันวะ”เป้าหมายที่อยากเจอตัวดันเป็นตัวสำคัญแถมยังอยู่ในวงล้อมลูกน้องเป็น 10 แบบนี้หายนะชัดๆ ในกระเป๋ายังเหลือระเบิดมืออีกลูก กระสุนอีกไม่เท่าไหร่ หากขวางระเบิดออกไปมีหวังได้เละกันหมด ถึงห้องมันจะไม่ถล่มแต่วงล้อมเล็กขนาดนั้นได้เละกันหมดแน่โดยเฉพาะเจ้าหมานั้น แต่จะให้ยิงเข้าไปมีหวังกระสุนเขาหมดก่อนเพราะของเขามันแค่ปืนพกสั้น ส่วนของพวกมันนะขนมาหมดทั้ง HK ทั้ง M


   “อย่าเพิ่งรีบตายหละเจ้าหมา”ปลายเท้าลัดเลาะไปตามลังไม้ที่เรียงกันเป็นทรงสูง หมอบตัวผ่านกรงขังเหล็กที่มีหมาปีศาจอยู่ด้านใน เสียงคำรามดังขึ้นเมื่อเขาก้มคลานผ่านแต่โชคดีเป็นของเขาที่เสียงต่อสู้จากกลางวงทำให้พวกมันเข้าใจว่าเป็นเสียงคำรามตามปกติ


   “หืม เหมือนชะตาแกยังไม่ถึงฆาตนะเจ้าหมา”ดวงตาสีเทาเป็นกระกายวาววับเมื่อมองเห็นลังไม้ด้านหน้า  ลังไม้ที่ถูกเปิดฝาออกค้างไว้  ด้านในคืออาวุธสีดำเมื่อมกระบอกยาว ปืนสั้นคู่ใจถูกเก็บใส่ซองก่อนปืนสีดำในกล่องจะถูกยกขึ้นมาเซ็คความพร้อม  ดวงตาสีเทามองหาเป้าหมายปืนในมือกระชับแน่นเข้ากับบ่า ระยะแค่นี้ยิงหวังผลได้สบาย


ปัง ปัง


   กระสุนสองนัดพุ่งออกจากกระบอกปืนเจาะเข้าหลังเป้าหมาย เสียงโห่ร้องหยุดลงเมื่อร่างหนึ่งร่วงไปกองกับพื้น ดวงตาหลายคู่เลิกหลั่กหาคนทำรวมทั้งเจ้าหมาที่เลือดอาบไปทั้งตัว  ดวงตาสีน้ำตาลหันมามองเขาก่อนทั้งร่างจะกระโจนพรวดคว้าเข้าที่ไหล่ตัวหัวหน้าพร้อมกับห่ากระสุนที่ดังออกจากปากกระบอกปืน เสียงดังยาวนานพร้อมกับร่างที่ค่อยๆล่วงลงไปทีละร่าง  ทีละร่างจนหมดพร้อมกับปลอกกระสุนที่หล่นเกลื่นพื้น ปลายเท้าย่างเข้าไปกลางวงช้าๆปืนที่หมดประโยชน์ในมือถูกโยนทิ้ง ปืนสั้นคู่ใจถูกควักขึ้นมา กระสุนในมือเจาะเข้ากลางศีรษะของเหยื่อที่พยายามจะยกปืนมายิงเขา


   “ไปจัดการเรื่องของแกก่อนที่พวกนั้นจะแห่กันลงมา”กรามกว้างปล่อยเหยื่ออกจากปาก ร่างที่แขนข้างหนึ่งห้อยร่องแร่งทรุดตัวลงกับพื้น  หมาปีศาจเดินผ่านไปด้านหลังก่อนเสียงลูกกรงที่ถูกฉีกกระชากจะดังขึ้น


   “ไง แกลีโอสินะ”


   “แกเป็นใคร”


   “เป็นใครไม่สำคัญ สำคัญว่าฉันจะได้อะไรจากแกมากกว่า”


   “แกต้องการอะไร”


   “ข้อมูลนิดหน่อย แลกกับการที่ไอ้หมาข้างหลังปล่อยแกไป”


   “แก..”


   “ว่าไง แกพอจะบอกฉันได้ไหมว่าแกไปเอาอาวุธพวกนั้นมาจากไหน”


   “แกสินะที่ไล่ฆ่าคนของเรา”


   “ก็น่าจะไม่ผิด จะบอกฉันได้รึยังว่ามันได้มาจากไหน”


   “หึ  บอกไปแล้วยังไง ไม่บอกแล้วยังไง”


   “ดูท่าแกจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องสินะ”ดวงตาสีเทาเหลือบมองไหล่ที่ยังคงมีเลือดไหลอาบก่อนกระสุนในมือจะพุ่งทะลุสีข้าง


   เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วห้องใต้ดิน


   “แก..คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรอดไปรึไง”


   “นั้นไม่ใช่เรื่องที่แกจะมาคิดแทน ตอบมาว่าได้มันมาจากไหน”


   “หึ มันก็ไม่ใช่ความลับหรอกนะ ปกติมันจะมีพายุพาของพวกนี้มาจากทางนั้น”


   “พายุ จะมาเมื่อไหร่”


   “หึ ฉันไม่รู้เพราะแบบนี้ไงหละมันเลยไม่เป็นความลับ”


   “แต่มีคนบอกฉันว่าแกรู้”


   “หึๆ  มันก็คงโกหกแกหละมั้ง ของแบบนี้ใครมันจะไปบอกได้”


   “แล้วแกตามไปเก็บมันมาได้ยังไงห๊ะ”ฝ่ามือคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อก่อนจะออกแรงเขย่า ความหวังที่กำลังจะริบหรี่กำลังจะทำให้เขาบ้า


   “หึหึ  สัญชาตญาณหละมั้ง”


   “แล้วตอนนี้สัญชาตญาณแกมันบอกยังไง  มันจะเกิดขึ้นที่ไหน”


   “ไม่รู้สิ”รอยยิ้มที่แย้มขึ้นทำให้ทำให้อารมณ์เดือดพุ่งสูงก่อนร่างทั้งร่างจะถูกปล่อยให้ร่วงลง ฝ่าเท้าประเคนซ้ำเข้าไปตามแรงอารมณ์ เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากปากของเหยื่อที่กำลังยิ้มกว้างและหัวเราะลั่น


   “นรกเฮ้ย”เขากำลังโมโห โมโหอย่างที่สุด เขามีเบาะแส มีความหวังแต่พอตามมาความหวังต่างๆกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง มันเหมือนเป็นความหวังลมๆแล้งๆที่เขาหวังไปเองคนเดียว  ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่บอกไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนเจ้าคนที่ควรจะบอกได้ก็ไม่รู้หรือบางทีมันอาจจะรู้แต่ไม่บอกออกมา และแน่นอนรอยยิ้มของมันเมื่อครู่เหมือนกับรอยยิ้มดับฝันของเขา วงการมืดที่อยู่มานานทำให้เขารู้ว่าคนประเภทไหนที่ทรมานแล้วจะได้คำตอบแต่ประเภทแบบมันเขาไม่มีทางได้คำตอบจากการทรมาน เขาต้องหาทางอื่นให้มันคายออกมาแต่เขาไม่มีเวลาอีกแล้ว ไม่มีโอกาสเข้ามาหามันเป็นครั้งที่ 2 แน่


   เสียงคำรามที่ดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ดวงตาสีเทาตวัดไปมองด้านหลัง ชายในชุดสูทเปื้อนเลือดคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาพวกเขาช้าๆ เสียงขู่คำรามจากหมาปีศาจที่ถูกปล่อยออกมาหลายตัวไม่ได้ทำให้ฝีเท้านั้นช้าลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเป็นพวกหมาที่เป็นฝ่ายถอยออกไปช้าๆ


   “แหมๆช่วยออกมาหมดแบบนี้ก็แย่สิ”


   “แก คูลาตัส”


   “ข้าบอกเจ้าไปแล้วนะว่ามันไร้ค่า”


กรร


   เท้าที่กำลังก้าวเข้ามาหยุดชะงักไปในที่สุดเมื่อหมาปีศาจตัวใหญ่กระโดดขวางหน้า หมาปีศาจที่ร่างกายทั้งร่างอาบไปด้วยเลือด


   “หึ เจ็บหนักเหมือนกันนี้ แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว”


   “แก อั๊ก”ร่างทั้งร่างลอยวืดก่อนจะปะทะกับลังไม้ด้านหลังแล้วไหลลงพื้น  แรงปะทะจากปลายหางขนาดใหญ่ ชั่วขณะที่เจ้าหมานั้นหันกลับมามองเขาร่างของมันก็โดนฟาดด้วยท่อนห่างใหญ่ขนาดต้นไม้ยักษ์ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ร่างงูของมันเต็มตาแต่ไม่เต็มใจที่จะเห็น


   “แกคิดจะทำอะไร”คาเซอริโอเค้นเสียงถามทั้งๆที่จุกไปทั่วท้องและเสียดไปทั่วแผ่นหลัง


   “รู้ไหมว่างูแบบข้านะกินเนื้อและเนื้อที่ข้าชอบที่สุดก็คือเนื้อของพวกมันโดยเฉพาะของพวกตัวผู้นะอร่อยและอิ่มนานอย่าบอกใคร”ร่างที่ท่อนบนยังคงสภาพคนหันมาตอบก่อนด้วงตาสีทองกรอบดำจะเหลือบมองหมาปีศาจที่กำลังพยุงตัวยืนด้วยขาสี่ข้าง


   “ไอ้หมาโง่ ระวัง”เสียงเตือนของเขาส่งไปทันการณ์ ร่างของหมาปีศาจกระโดดหลบจนตัวลอย ส่วนลำตัวที่พลาดเป้าจึงได้กระแทกเข้ากับกำแพง ฝุ่นผงมากมายล่วงลงมาพร้อมกับเศษไม้ของคาน ลำตัวส่วนบนที่เป็นคนค่อยๆเปลี่ยนเป็นงูช้า งูสีทองขีดดำตัวใหญ่ยักษ์


   “วันนรกของแท้”คาเซอริโอสบถในลำคอเมื่อหมาและงูเริ่มเข้าสู้กันเอง ห้องใต้ดินที่ดูเหมือนจะแข็งแรงในตอนแรกเริ่มถล่มลงมาเมื่อต้องเจอกับการต่อสู้ปีศาจสองตัว 


เปรี้ยง


   เสียงฟ้าผ่าทำให้เพดานที่กำลังจะถล่ม ถล่มลงมาในที่สุด  ฝุ่นควันดำคลุ้งกระจายไปทั่วก่อนจะจางหายไปเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา


   “นั้นมัน..”เสียงในลำคอของเขาดังขึ้นอย่างแหบแห้งเมื่อมองเห็นภาพด้านหลังของสายฝนได้อย่างชัดเจน ภาพของเมืองที่แสนคุ้นตา ภาพของบ้านที่เขาอยากกลับไปแทบขาดใจ ภาพที่มีเพียงป่าและถนนมืดๆแต่เขากลับจำมันได้ไม่เคยลืม


   “หึ มาได้ผิดที่ผิดเวลาจริงๆนะ”เสียงจากคนที่นอนหายใจรวยรินดังขึ้นจากด้านหลัง เลือดสีสดยังคงไหลออกมาจากปากแผลไม่ขาดสายและอีกไม่นานคงพรากลมหายใจของมันไป


   “ธรรมชาติรักษาสมดุลของมันเสมอเมื่อมีทางมาได้ก็มีทางกลับไปได้”คำพูดลอยๆที่เหมือนไม่ได้จงใจพูดกับเขา ดวงตาสีเทาหันไปไปมองที่สายฝนด้านบนอีกครั้งก่อนจะพบกับสิ่งมีชีวิตสีดำขนหยิกขนาดเล็ก


บ็อก


   “ซ็อค”เสียงเห่าเบาๆแต่ดังไปทั้งใจคนฟังอย่างเขา  ตอนเขามาเขาก็เห็นมันเป็นอย่างสุดท้ายแล้วหากเขาจะกลับ ยังไม่ทันจะหาคำตอบได้ขาสั้นๆนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปในภาพลางๆนั้น  ขาทั้งสองข้างออกแรงถีบตัวจากพื้นอาการจุกแทบจะหายไปเมื่อใจลิงโลดไปข้างหน้า  ฝ่าเท้าสองข้างออกแรงวิ่งไปจนถึงพื้นตรงที่ถล่มลงก่อนจะออกแรงปีนขึ้นไปด้านบน


ปัง  ปัง


   กระสุนที่ยิงมาจากด้านบนทำให้มือที่จับแน่นบนก้อนดินแทบหลุดพลาด ต้องขอบคุณสายฝนที่ทำให้มันยิงไม่แม่นนัก มือและขาสองข้างออกแรงปีนส่งเจ้าของขึ้นไปด้านบน  ร่างทั้งร่างหมอบแนบไปกับพื้นถนน ดวงตามองตรงไปยังร่างเล็กๆสี่ขาที่เหมือนจะยืนรอเขาอยู่  เข่าทั้งสองข้างออกแรงยันตัวเองอีกครั้ง กระสุนที่ยิงเข้ามาทำให้เขาต้องหมอบต่ำแต่กลับไม่สามารถหยุดขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าได้ ปลายนิ้วเอื้อมออกไปข้างหน้าตรงกลางของภาพมายาที่อีกด้านควรเป็นกำแพงแต่ปลายนิ้วเขากลับทะลุออกไป


   “ฮ่าๆๆ “คาเซอริโออยากหัวเราะให้สะใจกับความดีใจครั้งนี้ เขากำลังจะได้กลับบ้าน


กรร


   เสียงคำรามจากด้านหลังเรียกให้ดวงตาสีเทาต้องตวัดไปมอง  ภาพของหมาตัวใหญ่ที่ถูกงูรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา ลำตัวที่เต็มไปด้วยเกร็ดกำลังบีบรัดเหยื่อแน่นเข้า แน่นเข้าเรื่อยๆ  เหยื่อสี่ขาที่กำลังกระเสือกกระสนและตะกายตัว  ตะกายตัวเพื่อให้หลุดพ้นแต่แทนที่จะสนใจศัตรูดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกลับมองมาที่เขา มองมาทางเขาที่กำลังจะทิ้งมันไป


   เสียงคำรามของมันดังสวนทางกับเจ้าหมาตัวเล็กด้านหลัง ภาพมายาที่เขาเห็นกำลังเล็กลงและจางลงเรื่อยๆ กระสุนที่สาดมายังปลายเท้าทำให้เขาเผลอก้มตัวหลบ ดวงตาประสานกับเจ้าหมาที่ใช้ขาหน้าตะปบลงเกร็ดหนา  กรามกว้างอ้าออกกัดงับลงบนลำตัวงูจนเลือดอาบแต่ถึงแบบนั้นดวงตานั้นก็ไม่ยอมละไปจากเขา  มันกำลังอ้อนวอนเขา


   ปืนในมือที่ถืออยู่สั่นระริกหากเขากลับไปช่วยมันโอกาสกลับบ้านของเขาก็คงหมดไป และเขาก็อาจไม่มีโอกาสที่สอง แต่หากเขาไม่ช่วยมัน


บ็อก


   เสียงเห่าเรียกจากด้านหลังดังขึ้นพร้อมขาที่ก้าวไปด้านหลังและเสียงปืนที่ดังสนั่นจนหมดแม๊ก ร่างทั้งร่างถูกกระชากด้วยแรงมหาศาลลมรอบตัวตีกันอื้ออึ้ง  รุนแรงจนเหมือนจะเฉือนเนื้อให้ขาด ถูกจับเหวี่ยงไปมาเหมือนอยู่ในเครื่องปั่น ชั่วขณะที่เขาไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่มันกลับนานจนแทบขาดใจร่างก็ร่วงกระแทกพื้น  พื้นหญ้านุ่มๆที่คันยิบๆ


   ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยแตกยันตัวเองขึ้นจากพื้น  แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นแนวป่าจากด้านหลังและถนนเส้นเล็กที่อยู่ด้าน  แสงไฟจากบางอย่างสาดส่องเข้ามาก่อนจะหยุดนิ่ง  ขาทั้งสองข้างออกแรงดันตัวเองขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินเข้าไปช้าๆ  ฝ่ามือเคาะลงไปที่กระจกเสียงดังก่อนบานกระจกจะถูกลดลง


   “มีอะไรว่ะแมร่ง เฮ้ย”ร่างที่กำลังเริ่มต้นบทรักเร่าร้อนถึงกับผงะหงายเหมือนเห็นคนเรียกเต็มๆตา


   “ขอยืมมือถือหน่อย”ร่างที่นั่งอยู่ในรถหน้าซีดเผือดเมื่อปืนในมือจ่อประชิดกลางหน้าผาก


   “ครับๆ  เอาไปเลยครับ”มือถือสีดำเครื่องเล็กถูกรับมา ปลายนิ้วสั่นระริกกดเบอร์ปลายทางที่จำได้ใจขึ้นอย่างรวดเร็ว  เสียงรอสายที่ดังขึ้นช้าๆทำให้ใจเต้นกระหน่ำรัวขึ้นด้วยความหวัง ก่อนลมหายใจจะสะดุดเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย


   “ครับ”


   “ออกมารับฉันที เฟอร์ดิน”




หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่30 สิ่งที่แย่ยิ่ง.17/3/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-03-2015 22:52:29
ตอนที่ 30 สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการกลับไป                                                        03/02/2558


   ริมฝีปากบอบบางที่แตกระแหงตะโกนเสียงดัง เข่าเล็กๆคู่นั้นล้มกระแทกพื้นหินเมื่อฝ่าเท้าเปลือยเปล่าสะดุดล้ม ฝ่ามือสองข้างที่เต็มไปด้วยคราบสีแดงและเศษดินรีบยันกับพื้นเพื่อพยุงตัวขึ้น ฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยดินโคลนก้าววิ่งอีกครั้ง ไม่สนใจเลือดสีเข้มที่ไหลลงมาจากหัวเข่า เข่าที่แตกเพราะกระแทกพื้นหิน เนื้อตัวที่มอมแมมยิ่งกว่าเศษผ้าขี้ริ้ว ฝ่ามือเล็กๆยื่นออกมาข้างหน้าหวังไขว่คว้าบางอย่าง  ตะโกนบางอย่างสุดเสียง


   “คาโล”


   ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือก เหงื่อมากมายไหลอาบตัวจนเปียกชุ่ม หอบหายใจแรงเหมือนไปวิ่งมาเป็นกิโลๆ ลมหายใจกระชั้นจนเจ็บไปทั่วทั้งปอด ฝ่ามือขาวตามเชื้อชาติยกขึ้นเช็ดเหงื่อที่อาบไปทั่วหน้า ดวงตาสีเทาใต้เปลือกตากวาดมองไปรอบๆก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ห้องกว้างสีเทาควันบุหรี่ เพดานกว้างสีเดียวกันที่มีเพียงหลอดไฟทรงกลมสีขาวนวลที่บัดนี้ปิดสนิท เตียงกว้างขนาดคิงไซส์ที่มีหมอนหนานุ่มสีขาวเพียง 1 ใบและผ้านวมสีขาว เขากลับมาแล้ว


   ปลายเท้าเปลือยก้าวเหยียบลงบนพรมนุ่มก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ฝ่ามือเปิดน้ำเย็นให้รินรดตัวเองแทนน้ำร้อนที่น่าจะไม่ทำให้กายหนาวสะท้าน  แต่ข้อดีของน้ำเย็นคือมันทำให้เขาสดชื้นขึ้นสมองแล่นจนแน่ใจว่าเขาไม่เคยเห็นเด็กในความฝันมาก่อน แต่ทำไมเขาถึงได้คุ้นเคยกับมันขนาดนั้น คุ้นเคยจนเหมือนอยู่ด้วยกันมานาน


   น้ำเย็นถูกปิดลงไปก่อนคนที่เพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่จะเดินไปหยุดอยู่หน้าอ่างล้างหน้า ส่องกระจกดูบรรดาหนวดเคราที่ขึ้นครึ้มจนอดไม่ได้ที่ต้องหยิบเอาครีมโกนหนวดมาโป๊ะลงไปแล้วลงมือโกนเหมือนที่เคยทำ


   ดวงตาสีเทามองสบกับตัวเองในกระจกก่อนรีบโกนหนวดให้เสร็จแล้วถลาออกจากห้องน้ำทั้งๆที่มีผ้าเพียงผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว ถลาเข้าไปเปิดโทรทัศน์เพื่อให้แน่ใจบางอย่าง เสียงรายงานข่าวไม่น่าสนใจเท่ากับตัวเลขบางอย่างที่หมุนวนอยู่บนจอ  เลขของเวลาและวันที่


   “บ้าน่า”ขาทั้งสองข้างทรุดฮวบลงที่ปลายเตียง เขาเพิ่งหายไปแค่ 3 วัน 3 วันของที่นี้แต่ของที่นั้นมันยาวนาน เวลาที่แตกต่างกัน อยู่ที่นั้นเขาไม่ต้องโกนหนวดแบบที่เคยทำเป็นประจำ แม้จะดวงอาทิตย์ขึ้นและตกเหมือนกันแต่เวลากลับเดินต่างกันจนน่าเหลือเชื่อ


   “มีอะไร ได้ เดี๋ยวไป”เสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงปลุกเขาออกจากภวังค์ ลุกขึ้นไปแต่งตัว หยิบเสื้อเซิ๊ตจากหนึ่งในจำนวนมากมายที่แขวนเรียงกันอยู่ในตู้ หยิบเอากางเกงขายาวเนื้อนิ่มออกมาใส่ด้วยความเคยชิน คว้าเอานาฬิกาที่ใส่อยู่เป็นประจำขึ้นมาใส่ไว้ที่ข้อมือข้างซ้าย เซ็คตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง มองประตูห้องฝั่งตรงข้ามที่ปิดสนิท ก้าวลงบันไดและเลี้ยวเข้าสู่ส่วนของห้องครัว หยิบเอาขนมปัง 2 แผ่นใส่ลงในเครื่องปิ้ง หยิบเอากระติกเก็บความร้อนใบเล็กเทเอากาแฟที่ใครบางคนชงไว้ให้ใส่แก้ว คว้าเอาขนมปังสองแผ่นใส่ปากทั้งๆที่ร้อนจนแทบจะทำปากให้ลวกได้แล้วคว้าเอาแก้วกาแฟออกไปนั่งที่ชุดรับแขกซึ่งจะใช้เป็นที่นั่งเล่นมากกว่ารับแขก หยิบเอาหนังสือพิมพ์ที่มักวางอยู่บนโต๊ะกระจกตรงหน้าเสมอขึ้นมาอ่าน เลขวันที่ทำให้ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม ตั้งแต่กลับมาเขาก็หลับไป 1 วันกับอีก 1คืน ก่อนจะฟื้นมาอีกครั้งในเช้าวันนี้ แต่คงจะไม่เช้าเท่าไหร่เพราะไม่เห็นหัวเจ้าคนร่วมบ้านอีกคน


   กาแฟที่หมดแก้วถูกโยนลงอ่างล้างจานก่อนจะเปิดน้ำแช่มันไว้ ก่อนขายาวๆจะก้าวออกไปตามทางเดินหินกรวด ผ่านพุ่มกุหลาบที่ครั้งหนึ่งเคยมีเด็กบ้าบางคนสะดุดหน้าทิ่มลงพุ่มกุหลาบจนทั้งตัวลายพร่อยไปด้วยรอบข่วน ทางเดินหินกรวดเส้นเล็กที่ทอดยาวสู่คฤหาสน์สีขาว ตลอดทางเต็มไปด้วยชายชุดดำที่หันมาทักทายเขาด้วยคำสั้นๆก่อนจะหันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อหรือไม่ก็ก้าวเร็วๆไปทำงาน แต่บางคนก็บ้าพอจะเดินไปคุยไปตะโกนไปเพื่อให้ได้คุยกับเขามากขึ้น


   เสียงคุยทักทายเงียบลงเมื่อปลายเท้าเหยียบลงบนพื้นหินอ่อนแล้วเดินเลี้ยวไปตามทางเดินที่คุ้นเคย


   “ไง”คาโลส่งเสียงทักทายคนที่เพิ่งปิดประตูห้องออกมา  ดวงตาสีทองภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองคนทักเพียงเล็กน้อยก่อนจะใช้ปลายนิ้วดันแว่นที่ตกลงมาด้วยความเคยชิน พฤติกรรมแบบเดิมๆที่เขาเห็นกี่ทีก็ไม่เคยชอบใจ


   “ดีใจที่คุณกลับมา แต่คิดอีกทีกลับมาแบบนี้ สู้ไม่กลับมาจะดีกว่า”ถ้อยคำเรียบๆก่อนที่คนพูดจะเดินผ่านเข้าออกไป คำทักผ่านๆที่หากเป็นปกติเขาคงทำเป็นไม่ใส่ใจเจ้าคนที่ชอบพูดหนึ่งคำตีความได้หลายประโยค แต่ครั้งนี้อะไรบางอย่างเตือนเขาให้ใส่ใจคำพูดของมัน แต่กว่าเขาจะคิดได้และหันกลับไปถามมันก็เดินเลี้ยวหายไปซะแล้ว บางทีเขาคงต้องรีบถามเมื่อเจอมันอีกครั้ง


   “ขออนุญาตครับ”ประตูบานหนาสีเปลือกไม้ถูกผลักเข้าไปก่อนคนพูดจะก้าวตามไปติดๆและปิดงับประตูตามหลังลงอย่างเรียบร้อย


   “มาแล้วเหรอคาโล นั่งสิ”ขายาวขยับไปนั่งที่โต๊ะรับแขก ดวงตาสีเทาเหลือบมองคนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ผู้ชายที่เขาขวานขวายทำทุกอย่างเพื่อให้กลับมาหาคนๆนี้ได้อีกครั้ง ผู้ชายที่แม้จะอายุมากขึ้นแต่ก็ยังดูดีเหมือนวันแรกที่เขาได้เจอ เทวาที่ดึงเขาขึ้นมาจากปลักโคลน คนที่ผลักเขาให้เข้ามาในวงเวียนของกลิ่นคาวเลือด วงเวียนที่เขาใช้สองมือนี้ปลิดชีพเหยื่อมามากมายเพื่อให้ตัวเองได้อยู่เคียงข้างผู้ชายคนนี้ ยอมให้เลือดที่หลั่งรินของศัตรูเป็นเหมือนเชือกที่ผูกรัดเขาเอาไว้กับคนๆนี้ คนที่เขาผูกพันด้วยชีวิต


   “กลับมาแล้วครับดอน”


   “หายไปนานเลยนะ”


   “ขอโทษด้วยครับ”


   “ขอโทษเรื่องอะไร ฉันสิที่ควรขอโทษนาย”


   “ผม..”


   “ทั้งๆที่ฉันขอให้นายไปทำงานนี้ให้ แต่เพราะงานนี้นายกลับ  เฮ้อ...”


   “ขออภัยครับผม..”


   “หายไปไหนมาคาโล”ประโยคเรียบๆที่ทำให้ริมฝีปากคนฟังชะงัก แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าต้องถูกถามด้วยคำถามนี้แต่พอเอาเข้าจริงๆเขากลับพบว่าตัวเองไม่พร้อมที่จะตอบ


   “ขออภัยที่ทำงานผิดพลาดครับ”


   “หืม ผิดพลาดงั้นเหรอ”


   “ครับ ผมทำให้ดอนผิดหวัง ผมยินดีรับโทษทุกอย่างครับ”


   “นายแน่ใจแล้วเหรอที่พูดออกมาแบบนั้นคาโล”ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง แม้จะนั่งห่างกันมาก แม้จะไม่ได้เผชิญหน้ากันโดยตรงแต่คาเซอริโอกลับรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ทั่วท้อง


   “ครับ”


   “นายแปลกไปนะคาโล แค่ไม่กี่วันที่นายจากไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะคาโลว่านายหายไปไหนมา”


   “ผม..”


   “คาโล  คาโลหนอคาโล มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ”เสียงเบาๆเกิดขึ้นจากการเสียดสีของเนื้อผ้าเมื่อใครคนหนึ่งก้าวเดินช้าๆจากด้านหลังโต๊ะทำงาน เดินอ้อมมาหยุดอยู่ด้านหน้าเขาก่อนจะเดินช้าๆเพื่อมาทิ้งตัวนั่งลงบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ที่เขานั่ง ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมเย็นๆที่แสนคุ้นเคยของใครคนนั้น


   “นายกำลังปกปิดอะไรฉันงั้นเหรอ”


   “ขออภัยครับผม  ผมแค่..”


   “ไหนบอกฉันมาหน่อยสิว่าเธอปิดบังอะไรฉัน”ฝ่ามือขาวเอื้อมจับที่บ่าข้างหนึ่งก่อนจะบีบเบาๆ


   “วันนั้นที่ริโอ ผมเล่นงานพวกนั้นแต่ก็โดนต้อนจนมุม ตัวเองบาดเจ็บหนักของที่ได้มาก็เลย...”


   “หืมแล้วไงต่อ”


   “ผมบาดเจ็บก็เลยหนีไป ระหว่างนั้นก็ไปซ่อนตัว ก่อนจะหาทางกลับมาที่นี้”


   “อืม คงลำบากแย่เลยสินะ”


   “ขออภัยครับผม..”


เพียะ


   ใบหน้าสะบัดไปตามแรงฝ่ามือ ความเจ็บวิ่งริ้วมาพร้อมความแสบร้อนและรสเลือดที่ไหล่ซึมออกมาจากริมฝีปาก ทำได้เพียงใช้ชายแขนเสื้อเช็ดเลือดที่ไหลเลอะออกมาและกลืนกลิ่นรสคาวบางส่วนในปากลงคอไปเท่านั้น


   “นายทำให้ฉันผิดหวังนะคาโล เฮ้อ ฉันส่งนายไปเพื่อทวงของๆฉัน แต่กลับกลายเป็นว่านายหายไป รู้ไหมว่าตอนนั้นฉันห่วงนายแค่ไหน รู้บ้างไหม”ฝ่ามือที่มอบความเจ็บแสบที่แก้มลากแผ่วๆที่ข้างลำคอ ฝ่ามือที่แม้จะอบอุ่นแต่เขากลับรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งหัวใจ


   “แต่ก็เอาเถอะตอนนี้นายก็กลับมาแล้ว ของที่ให้ทวงก็ไม่ถือว่าเหลวซะที่เดียวหรอกนะ”ของบางอย่างถูกว่างลงตรงหน้า ปากกาสีดำราคาแพง ของที่ดอนให้เขาไปทวงถึงริโอ


   “ไปพักเถอะ เพิ่งฟื้นมายังไม่หายดีนิ”


   “ขอตัวครับ”แผ่นหลังที่งองุ้มลงเมื่อครู่ยืดตรงขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือที่เย็นเฉียบเอื้อมจับแน่นที่ลูกบิดประตู


   “อ๋อ แล้วก็แผลนั้นนะไปให้หมอดูหน่อยก็ดีนะ ถ้ามันรักษาได้ก็รักษาอย่าปล่อยให้เรื้อรัง แต่หากมันรักษาไม่ได้ก็ตัดมันทิ้งไปซะ รอยแผลนั้นไม่เข้ากับหน้าของนายหรอกนะ”เสียงทิ้งท้ายเรียบๆก่อนคนพูดจะกลับไปนั่งทำงานอีกครั้งปล่อยตัวมือขวาอย่างเขาให้เดินออกมาจากห้องเงียบๆ แผ่นหลังกว้างพิงเข้ากับบานประตูอย่างอ่อนแรง


   ความเสียใจท่วมท้นในอก อึดอัดจนเหมือนจะบีบหัวใจให้แตก เขาทำงานล้มเหลว ทำงานที่ดอนให้เหลวไม่เป็นท่า  งานชิงปากกา เหอะ การเจรจาที่ไม่ลงรอยเมื่อครั้งก่อนนำไปสู่การเขม้นกัน ขนสินค้าทับเส้นทาง ก่อกวน ทำให้ดอนต้องส่งเขาไปถึงริโอเพื่อไปชิงปากกาที่อดีตคู่ค้าชอบใช้ ส่งเขาไม่เล่นงานศัตรูแบบเบาะๆและหยิบเอาปากกาที่ราคาไม่เท่าไหร่จากคฤหาสน์พักร้อนของศัตรูเท่ากับการประกาศศักดาเหยียบจมูกกันแบบไม่ไว้หน้า ทันทีที่ได้ของและอาละวาดมาจนพอใจเขาก็แผ่นแผ่วออกมาด้านนอก แต่กลุ่มอื่นที่ไม่เคยมีส่วนได้ส่วนเสียดันเกิดอยากได้เสียมาซะงั้นทำให้ต้องยิงถล่มกันกลางริโอแล้วเขาก็พลาด


   พลาดจนไปโผล่ที่อีกโลกหนึ่ง หายไปจากโลกนี้หลังวันยิงถล่มกัน 3 วัน แน่นอนว่าดอนหาปากกาหนึ่งในภารกิจที่เขาต้องไปทำเจอ แต่กลับหาเขาไม่เจอและเขาทำให้ดอนเป็นห่วง เหนืออื่นใดคือเขาโกหกและดอนจับได้


   ปากกาแค่ด้ามเดียวในริโอ ดอนกลับหามาได้แล้วคนทั้งคนแบบเขาดอนกลับหาไม่เจอนี้สินะคำพูดของเจ้าเทโซ กลับมาแบบนี้สู่อย่ากลับมาซะยังจะดีกว่า แล้วยังคำพูดทิ้งท้ายของดอนที่ทำให้เขาต้องรีบสะบัดเรื่องของตัวเองให้ลงไปนอนตะกอนที่ก้นบ่อก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังด้านหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ ตรงสู่บ้านพักหลังเล็กที่ปลูกยื่นลงไปในบ่อน้ำที่ขุดเอง บ้านของหมอคิริว


โครม


   เสียงโครมครามเหมือนของหนักตกกระแทกพื้นทำให้เท้าที่เดินเร็วๆมาแทบจะกลายเป็นวิ่ง ยิ่งเห็นจำนวนคนมากมายที่ยื่นล้อมอยู่ด้านนอกบ้านยิ่งทำให้คิ้วสีทองกดลึกก่อนจะรีบแหวกบรรดามาเฟียมุงทั้งหลายเข้าไปในบ้าน


   “เฮ้ย”คนที่พรวดพราดเข้ามาร้องเสียงหลงเมื่อบางอย่าง หรือคิดอีกทีคือบางคนถูกเหวี่ยงลอยจนทั้งร่างกระแทรกโครมเข้ากับพนังที่หากเขาหลบไม่ทันอาจได้เป็นเบาะรองให้มันแทนที่กำแพง และเป็นเขาอีกนั้นแหละที่ต้องลงไปจุกกุมท้องอยู่บนพื้นแทนมัน


   “มันเรื่องบ้าอะไรกันห๊ะ”ยังไม่ทันจะได้มีใครหันมาตอบคำถามเขา เศษอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนเก้าอี้ก็พุ่งปะทะเข้ากับผนังเฉียดหน้าเขาไปไม่กี่เซ็นต์ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมที่วูบผ่านไป


   “ใครสักคนบอกฉันหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น”เจ้าเด็กที่หน้าตาคุ้นๆหันมามองเขาก่อนคิ้วคนมองจะขมวดฉับ


   “คาโล”


   “ก็ฉันนะสิ ไหนแกช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นห๊ะ เฟอร์ดิน”


   “โผล่มาทำไมตอนนี้ ห๊ะ ระวัง” ไอ้เด็กตรงหน้าร้องเสียงหลงเมื่ออะไรบางอย่างพุ่งมาหาเขา เร็วจนหลบไม่ทัน แรงจนทำให้ร่างทั้งร่างเซถอยหลัง ตกใจจนแทบจะสะบัดมันทิ้งหากไม่ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นหู


   “คาโล  คาโล”เสียงเรียกแผ่วเบาที่ดังขึ้นข้างหู พร้อมแรงกอดรัดที่แน่นจนกระดูกแทบแหลกเหลว ลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดขมับ กลิ่นคุ้นเคยที่อวนรอบกายทำให้ตัดสินใจยกมือขึ้นโอบรัดแผ่นหลังกว้างและลูบเบาๆก่อนแผ่นอกที่อิงซบจะค่อยๆผ่อนแรงลง เมื่อลมหายใจหอบกลายเป็นเพียงจังหวะธรรมดาถึงได้ออกแรงดันมันออกเบาๆเพื่อมองสบดวงตาสีน้ำตาลคู่คมคู่นั้น


   “ซาเวียร์”เจ้าของชื่อยิ้มกว้างกอดรัดเขากลับไม่เหมือนเดิมและก็เป็นเขาเองที่รีบดันมันออกเหมือนต้องของร้อนก่อนจะมองสำรวจไปทั่วแผ่นอกเปลือยเปล่าและช่องท้องที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวที่บัดนี้มีกลุ่มเลือดสีแดงซึมออกมา


   “แหม ถ้ารู้ว่าตามมาแล้วสงบง่ายแบบนี้ตามมานานแล้ว”เสียงพูดกวนๆดังขึ้นก่อนคนพูดจะโผล่ออกมาจากกรอบประตูที่ตอนนี้บานประตูหล่นหาย ในมือยังคงถือเข็มยาอันใหญ่เอาไว้


   “คิริว”


   “ไงคาโล ไม่เจอกันนานนะ”คนพูดยิ้มกว้างในขณะที่คนฟังอย่างเขาได้แต่ตีหน้าเรียบมองไปมาสลับระหว่างเจ้าหมอเถื่อนอย่างคิริว สภาพห้องที่เละเหมือนผ่านสงคราม ลูกน้องที่กองระเนระนาดเหมือนโดนพายุเล่นงาน


   “มันเรื่องบ้าอะไรกัน”


   “ก็แค่เด็กนั้นอาละวาดนะ”แม้คนพูดจะไม่ได้ออกชื่อว่าหมายถึงใครแต่ดวงตาสีฟ้าที่มองมายังคนที่ถือวิสาสะโอบเอวเขาเอาไว้ก็พอจะเดาได้ เจ้าหมาบ้าที่เขาเผลอใจอ่อนให้เสมอ หมาปีศาจที่แม้จะสู้ติดพันอยู่กับงูยักษ์แต่ดวงตาคู่นั้นไม่เคยละไปจากเขา ไม่แม้จะรู้ว่าเขาอาจจะกำลังจะทิ้งมันและมันก็ทำสำเร็จเมื่อเขาเผลอใจอ่อน ปืนในมือจึงยิงใส่เจ้างูนั้นจนหมดแม๊ก ความเจ็บปวดทำให้มันเผลอคลายแรงรัดเพียงชั่วขณะที่หมายักษ์กระเสือกกระสนวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อมาหาเขา เหมือนกับจะใช้แรงทั้งหมดวิ่งมาเพื่อให้ทันเขาและแน่นอนว่ามันมาทันเลยหล่นปุกลงข้างๆเขา ดีที่มันหล่นลงมาในร่างคน


   “งั้นเหรอ แล้วมันได้เผลอทำอะไรแปลกๆไปรึเปล่า”แม้จะพามันมาในร่างคนและแม้มันจะสลบไปในร่างคนแต่เขาก็ยังแอบหวั่นว่าระหว่างที่เขาหลับไปมันได้คืนร่างเป็นหมารึเปล่าเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องอะไรมันคงวุ่นวายกว่าที่คิด


   “ก็ไม่นิ..”


   “เหอะ น้อยซะเมื่อไหร่ครับ”เสียงกวนๆของเจ้าเด็กอีกคนดังแทรกเสียงพูดของหมอเถื่อน


   “มันทำอะไร”


   “เผื่อคุณไม่เห็นนะคาโล ไอ้บ้านั้นมันอาละวาดแบบนี้มาตั้งแต่เช้า แล้วดูที่มันทำ”เด็กบ้าจอมกวนโอ๊ยมีท่าที่หงุดหงิดเมื่อเห็นสภาพเละเทะของห้องและลูกน้อง


   “แล้วคุณหละคิดว่าไงหมอ”คนเป็นหมอหนึ่งเดียวในที่นี้เบิกตาก่อนจะยิ้มกว้าง


   “ก็แค่เด็กๆอาละวาดหละน่า ฉันคิดว่าบางทีเขาอาจจะแค่ตกใจที่ตื่นมาในที่ไม่คุ้นชินนะ”


   “แล้วตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่หละ”คาเซอริโอถามผ่านๆขณะที่ยกมือข้างหนึ่งไปลูบผมสีน้ำตาลที่เริ่มจับตัวกันเหนียว เจ้าคนโดนลูบหัวยิ้มกว้างก่อนจะเอนหน้าซบลงที่ไหล่เขา อ้อนเหมือนหมาตัวใหญ่อ้อนเจ้าของไม่มีผิด เรียกรอยยิ้มล้อเลียนจากหมอเถื่อนได้ไม่ยากในขณะที่เด็กอีกคนกลับหน้าหงิกแบบไม่ปิดบังสักนิด


   “ชิ อ้อนได้ทุเรศเหลือเกินนะครับ”


   “แหมๆ อิจฉาเหรอเฟอร์ดินา มาซบไหล่ฉันก็ได้นะ”คำพูดของหมอเถื่อนสูงวัยที่ไม่เจียมสังขารทำให้เจ้าของชื่อตวัดสายตาเฉือดเฉือนมองสบ


   “เก็บความหวังดีคุณไปเถอะครับหมอคิริว ผมไม่ต้องการ”ว่าจบคนพูดก็หมุนตัวเดินโครมๆออกไปข้างนอก ก่อนบรรดาลูกน้องชุดดำทั้งหลายจะค่อยๆหอบสังขารบอบช้ำออกไปด้านนอก เหลือเพียงเขากับคิริวหมอสูงวัยและเจ้าหมาที่ยังซบไหล่อ้อนเขาไม่เลิก


   “แล้วเข็มนั้นมันอะไรกัน”คาเซอริโอเหลือบมองเข็มยักษ์ในมือหมอเถื่อนอย่างไม่ไว้ใจ


   “อย่าสลบนะ พอดีฉันจะทำแผลให้เขาแต่เขาดันตื่นขึ้นมาแล้วอาละวาดนะ ทำยังไงก็ไม่ยอมสงบ พอดีเฟอร์ดินาผ่านมาเลยจะเข้ามาช่วยแต่ก็ไม่ไหวขนาดฉีดยาเข้าไปได้บางส่วนก็ยังไม่ยอมสงบอึดเป็นบ้า แถมแผลหายเร็วอย่าบอกใคร”คนเป็นหมอเดินไปวางเข็มขนาดยักษ์ลงบนโต๊ะที่สภาพไม่ค่อยจะเหมือนโต๊ะแล้วเดินไปเรื้อค้นบางอย่างที่เหมือนอุปกรณ์ทำแผลออกมาจากกองซากปรักหักพัง


   “คาโล  คาโล  &()_*_%##@f^&j)k^?@ ”เสียงเรียกชื่อทำให้คาเซอริโอหันมามองเจ้าหมาที่ทำตาปรอยก่อนตัวสูงๆนั้นจะค่อยๆทรุดลงโดยลากเอาตัวเขาไปด้วย


   “8($%*( )_+# @!#(?J } j” ดวงตาสีน้ำตาลนั้นปรือปรอยก่อนจะปิดลงทิ้งหัวใหญ่ๆลงนิ่งกับตักเขาที่ทรุดตัวนั่งเป็นหมอนให้มัน


   “อ๋อ นี้ก็อีกเรื่องที่จะถาม ไปเก็บมาจากไหนหละนั้น ตื่นขึ้นมาก็พูดอะไรไม่รู้  รู้เรื่องอยู่คำเดียวคือชื่อนาย นอกนั้นฟังไม่รู้เรื่องสักอย่าง ฉันว่าตัวเองก็เดินทางไปรอบโลกแล้วนะแต่ก็ไม่เคยได้ยินการออกเสียงทำนองนี้มาก่อนเลย”คนเป็นหมอลากเอาอุปกรณ์ทำแผลมานั่งลงข้างๆก่อนจะออกแรงผลิกร่างที่นอนคว่ำให้หงายขึ้น วูบหนึ่งที่ทั้งร่างนั้นเกร็งกระตุกเหมือนจะตื่น แต่พอเขาเอามือลูบไหล่เปลือยนั้นเบาๆมันก็กลับไปกรนสบายใจเหมือนเดิม


   “เชื่องกับนายดีนะ ขอทำแผลหน่อยก็แล้วกันนะไอ้หนู เฮ้อ แผลเปิดอีกแล้วสิเนี่ย”เสียงบ่นงึมงำของหมอสูงวัยไม่เข้าหัวเมื่อดวงตาสีเทาทำเพียงทอดมองหมาปีศาจในร่างคนที่หลับอุตุอยู่บนตักเขา


   มันพูดกับเขาไม่รู้เรื่อง ทำไมเขาไม่เคยสังเกตมาก่อนนะ เขาแทบไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าเจ้าหมานั้นคุยกันรู้เรื่องทั้งๆที่เขาพูดกับมันเป็นภาษาของตัวเอง ตอนที่เขาอยู่ที่นั้น  เขาพูดภาษาของตัวเองแต่พวกมันทุกตัวกลับตอบโต้เขารู้เรื่องและเขาก็ฟังมันรู้เรื่อง เขาไม่เคยเอะใจเรื่องนี้เลยสักนิดจนกระทั่งตอนนี้ที่เขาพามันมาด้วย เขายังคงพูดภาษาของตัวเองเหมือนที่เคยทำ มันก็ตอบโต้เขาเหมือนที่เคยแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเขาฟังมันไม่รู้เรื่องอีกต่อไป ทำไมเขาไม่เอ๊ะใจ ไม่เอ๊ะใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอพวกมัน ทั้งเจ้างูนั้น ทั้งเจ้าหมาทำไมเขาไม่เอ๊ะใจเลยสักนิด


   “นี้หมอ เอากลับไปด้วยได้ไหม”


   “อืม ความจริงฉันก็อยากให้นอนอยู่ที่นี้หรอกนะจะได้ดูอาการใกล้ๆแต่จากสภาพแล้วเอากลับไปเถอะ ฉันยังไม่อยากสร้างบ้านใหม่ตอนนี้หรอกนะ เอาเป็นว่าจะยอมเสียสละเวลาเดินไปบ้านนายแล้วกัน แผลก็ไม่ร้ายแรงเท่าไหร่แล้วด้วยหายเร็วเป็นบ้า”


   “อืม”คาเซอริโอตอบรับคำสั้นๆมองหมาปีศาจที่ยังคงหลับอุดตุบางทีถ้ามันตื้นขึ้นมาแล้วเขาคงต้องคุยกับมันให้รู้เรื่อง ถ้ายังคงคุยกันเข้าใจหละนะ



      
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่31 คนยิ่งมาก.....17/03/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-03-2015 22:58:15
ตอนที่ 31 คนยิ่งมากเรื่องยากยิ่งเยอะ                                                      18/02/2558



   ขวดเบียร์เล็กในมือถูกยกขึ้นจบ  รสชาติขมปร่าแล่นผ่านคอ แสงสว่างจากตู้แช่ขนาดเล็กในห้องทำให้ห้องที่สลัวด้วยแสงจากโคมไฟสว่างขึ้นไปอีกนิดก่อนจะมืดลงอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าเผลอเปิดตู้เย็นนานเกินควร เดี๋ยวเบียร์ที่เอาไปแช่ใหม่ก็เย็นไม่ทันกันพอดี


   “เฮ้อ”เผลอทอนหายใจออกมารอบที่เท่าไหร่ของวันก็สุดจะนับ มีคนเคยพูดว่ายิ่งถอนหายใจมากก็จะยิ่งแก่ไวและจากเหตุการณ์ในวันนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองคงแก่ขึ้นไปอีกหลายปี  อะไรบางอย่างที่เจ้าเฟอร์ดินมันเรียกว่าตีนกาคงชัดขึ้นอีกหลายเส้น


   “แกจะหลับไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหนหึ เจ้าหมา”อดจะเอาก้นขวดเบียร์เคาะหัวเจ้าตัวที่นอนหลับยึดเตียงเขาสบายใจด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้  แต่จะไปโทษใครนอกจากตัวเขาเองที่ดันทะลึ่งขอมันมาจากหมอ พอขอมาได้ก็ไม่รู้จะเอาหมายักษ์ขนาดมันไปทิ้งไว้ตรงไหน จะทิ้งไว้พื้นก็ดูจะทารุณเกินไปนิด ทิ้งไว้โซฟาก็ดูจะเกะกะขว้างทางนั่ง ถ้าจะเอามาไว้ในห้องนอนก็มีแค่ห้องเขากับเจ้าเฟอร์ดิน เลิกความคิดที่จะไปฝากไอ้หมาบ้าไว้ที่ห้องไอ้เด็กนั้นได้เลย ยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ขนาดเฟอร์ดินเจ้าเด็กที่เขาไว้ใจได้มากขนาดนั้นยังไม่ฝากไม่ได้ แล้วเขาจะไปฝากใครได้อีกหละ ดอนงั้นเหรอ ไม่มีทางเพราะเป็นผู้ชายคนนั้นเองนั้นแหละที่เอ่ยปากบอกให้เขาทิ้งมันไปซะ


   “......ถ้ามันรักษาได้ก็รักษาอย่าปล่อยให้เรื้อรัง แต่หากมันรักษาไม่ได้ก็ตัดมันทิ้งไปซะ รอยแผลนั้นไม่เข้ากับหน้าของนายหรอกนะ” รอยแผลบนหน้าที่ไม่มีจริง กับบางสิ่งหรือบางคนที่เขาหิ้วกลับมาด้วย แค่ดอนยอมให้เขาเอามันมาอยู่ในบ้านหลังนี้มันก็มากเกินไปแล้ว


   “ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ ไอ้หมาโง่”เส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวจนปิดเปลือกตาไปข้างหนึ่งถูกปลายนิ้วของคนที่นั่งอยู่ข้างๆปัดมันขึ้นไปจนเผยให้เห็นคิ้วหนา และขนตายาวบนเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้น ทำไมเขาถึงใจอ่อนให้มันตามมา  ทำไมกันนะ


   “ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”เสียงเรียกจากประตูห้องฉุดเรียกให้คนที่กำลังจมอยู่ในหวงความคิดลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง


   “อืม เดี๋ยวตามไป”คนที่มาเรียกปิดงับประตูลงอีกครั้ง ทำให้เผลอฉุกใจคิดได้ว่ามันลืมที่จะเคาะประตูหรือเขาใจลอยจนไม่ได้ยินเสียงเคาะกันแน่ อันตรายเกินไปแล้ว มาเฟียที่ปล่อยตัวเองให้ใจลอยแบบนี้ไม่ดีเลยสักนิด


   “แกทำอะไรกับฉันกันนะไอ้หมาโง่”เผลอบ่นทิ้งท้ายให้คนบนเตียงก่อนจะก้าวยาวๆลงไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเผชิญหน้ากับใครอีกคนที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้


   “แกมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”


   “ความจริงผมว่าจะชวนคุณดื่มสักหน่อย แต่เหมือนจะไม่ทันแล้วสินะ”ตาสีเขียวอมฟ้าทอดมองขวดเบียร์ในมือเขาก่อนจะยกแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง


   “แกคิดว่าฉันจะเชื่อเรื่องชวนดื่มไร้สาระของแกรึไง”คนพูดทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยกขาขึ้นวางบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าด้วยความเคยชิน


   “อ่า นั้นสินะครับ เป็นคุณคงไม่เชื่ออยู่แล้ว”


   “มีเรื่องอะไรก็ว่ามา อย่าอ้างนู่นนี้มันน่ารำคาญ”


   “งั้นเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมแค่อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”ขวดเบียร์ที่กำลังจะยกขึ้นดื่มหยุดค้างอยู่ท่าเดิม บทจะให้มันตรง มันก็ตรงอย่างเหลือเชื่อ


   “ผู้ชาย แกหมายถึงใครซาเวียร์งั้นเหรอ”


   “ถ้าเขาคือคนที่คุณอนุญาตให้นอนบนเตียงก็คนนั้นหละครับ”ทำไมเขาถึงได้รู้สึกนะว่าน้ำเสียงมันเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็นั้นแหละมันจะไม่พอใจเรื่องอะไรหละ ก็ในเมื่อนั้นมันเตียงเขา เขาจะให้ใครนอนเขาก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมันนี่


   “ไอ้คนที่นอนบนเตียงฉันนะมันชื่อซาเวียร์ แกมีปัญญาอะไรรึไง”


   “มีแน่นอนครับ”


   “หืม อย่าบอกนะว่าเรื่องนอนบนเตียงฉัน”คาเซอริโอเย้าเล่นขำๆ


   “นั้นก็เรื่องหนึ่งครับ แต่ก็มีเรื่องอื่นด้วย”


   “อ่าห่ะ  คิดเล็กคิดน้อยเป็นผู้หญิงไปได้แกนี่ เตียงนั้นมันก็เตียงฉันจะให้ใครนอนมันก็เรื่องของฉัน”


   “แต่คุณไม่เคยให้ผมนอนเลยนะครับ”


   “แกเป็นเด็กทารกรึไงถึงต้องนอนกับพ่อแม่นะห่ะ”


   “แล้วถ้าตอนนี้ผมจะขอนอนจะให้ผมนอนด้วยไหมหละครับ”


   “จะมานอนเบียดกันทำไมตั้ง 3 คน”


   “ถ้าหากไม่มีผู้ชายคนนั้น คุณจะให้ผมนอนด้วยไหมหละครับ”ประโยคสนทนายาวเหยียดที่เหมือนการโต้วาทีหยุดชะงักลงเหมือนปิดสวิตซ์ ดวงตาสองสีจ้องมองสบกันก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเป็นฝ่ายหลบสายตา แสร้งยกเบียร์ในมือขึ้นจิบแทน หากไม่มีซาเวียร์จริงๆเขาจะให้ไอ้เด็กบ้าตรงหน้าขึ้นไปนอนร่วมเตียงด้วยรึเปล่านะ แค่คิดก็ขนลุกพรึบไปทั้งตัวแล้ว แล้วทำไมเขาถึงยอมให้เจ้าหมานั้นเข้าไปนอนร่วมเตียงและหลายครั้งที่มันมากกว่าการนอนร่วมเตียงกันแบบธรรมดา


   “นี้แกจะมาเถียงกับฉันเรื่องนอนร่วมเตียงอะไรพวกนั้น งั้นเหรอ”


   “เฮ้อ ผมก็แค่ถามไปอย่างนั้นเองหละครับ เอาเถอะเรื่องจริงๆที่ผมอยากถามคือคุณหายไปไหนมาต่างหาก”ดวงตาสีเทามองสบคนถามก่อนจะเล่าวีรกรรมที่ตัวเองไปก่อมาให้เจ้าเด็กตรงหน้าฟัง แน่นอนว่ามันเป็นวีรกรรมแบบเดียวกับที่เล่าให้ดอนฟัง เขากำลังโกหก โกหกทั้งดอนและกำลังโกหกเจ้าเด็กตรงหน้าด้วยอีกคน


   “คุณบาดเจ็บแล้วหนีไปซ่อนตัว ส่วนคนที่ช่วยคุณไว้คือไอ้คนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของคุณตอนนี้”


   “ก็ทำนองนั้น”คาเซอริโอตอบรับเสียงเรียบ พยายามจะไม่ใส่ใจกับคำเรียกที่เจ้าเด็กตรงหน้าใช้เรียกใครบางคน


   “คุณโกหก”ดวงตาสีเทามองสบคนพูดก่อนจะยกขวดเบียร์ขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายๆไม่เดือดร้อนที่ถูกจับได้


   “ก็นับว่าแกฉลาด”


   “คุณ ทำไม ไม่สิ คุณคงไม่ได้บอกดอนแบบนี้หรอกใช่ไหมครับ”


   “หึ เสียใจด้วยเจ้าหนู ฉันบอกดอนแบบที่บอกแกทุกอย่าง”


   “คาโล นี่คุณ”ร่างสูงถลามาตรงหน้ามือแข็งแรงสองข้างกำแน่นที่ปกเสื้อออกแรงกระชากจนอึดอัด ดวงตาสองสีประสานกันเหมือนจะมองลึกลงไปให้เห็นถึงบางสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ภายใน ก่อนที่คนอายุน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายถอนหายใจยอมแพ้กลับไปนั่งในที่ตัวเองในที่สุด


   “ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับคุณดี”


   “ก็แค่พูดสิ่งที่แกคิดออกมา  คิดยังไงก็พูดออกมาแบบนั้น”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบยกเบียร์ขึ้นมาจิบอีกครั้ง ราวกับไม่สนว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขากับไอ้เด็กตรงหน้าเกือบจะได้ออกกำลังกายกันยามดึก แต่บางทีลูกผู้ชายคุยกันด้วยกำปั้นมันอาจจะง่ายกว่าพูดกันด้วยปาก


   “งั้นผมถามได้ไหมว่าคุณรู้สึกยังไงกับ ไอ้บ้าที่คุณปล่อยให้มันนอนบนเตียง”


   “นี่มันร่วมอยู่ในเรื่องที่ฉันต้องตอบแกใช่ไหม”


   “ใช่ครับ และมันก็เป็นคำตอบที่สำคัญมาก ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำบางอย่างลงไป”แน่นอนว่าตอนท้ายประโยคมันแผ่วเบาซะจนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับมันอย่างเขาไม่ได้ยิน  คิดยังไงกับมันงั้นเหรอ ดูเหมือนเขาจะถามตัวเองด้วยคำถามทำนองนี้มาหลายต่อหลายครั้ง ใช่  เขาถามตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแต่กลับไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้ง ไม่เคยเลย


   “ฉันไม่รู้”


   “หึ ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะครับ”


   “ฉันขอใช้สิทธิเปลี่ยนคำถามได้ไหม”


   “ก็ได้ครับ งั้นผมถามใหม่ คุณจะให้ไอ้บ้านั้นอยู่ที่นี้ในฐานะอะไรกัน”


   “แกแน่ใจนะว่าเปลี่ยนคำถามใหม่แล้ว”


   “แน่ใจครับและหวังว่าครั้งนี้คุณจะไม่ตอบผมว่าไม่รู้อีก เพราะถ้าหากคุณตอบแบบนั้นผมอาจต้องถามคุณว่าคุณยังจำได้รึเปล่าว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร มีหน้าที่อะไรและกำลังทำอะไรอยู่”


   “เหอะ  นี่แกคงไม่ได้กำลังสอนฉันอยู่ใช่ไหม”


   “ผมก็ได้แต่หวังว่าตัวเองไม่ต้องทำอะไรแบบนั้น”


   “มันจะมากไปหน่อยไหมไอ้ลูกหมา”


   “หึ ผมยินดีทำครับ หากมันทำให้คุณจำได้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรกันแน่ คุณรู้รึเปล่าว่าคุณเปลี่ยนไป  คุณไม่เหมือนเดิม คุณโกหกผม  คุณโกหกดอน”


เพล้ง


   “ฉันไม่ได้บอกแกเพื่อให้แกมาตวาดฉันแบบนี้นะไอ้เด็กเวร”ขวดเบียร์ที่ขว้างกระทบผนังแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ขวดเบียร์ที่ขว้างเฉียดหน้าเจ้าเด็กอวดดีไปเพียงนิด


   “แล้วทำไมคุณไม่บอกความจริงกับดอนไปหละครับ คุณโกหกดอนทำไม”


   “ฉันไม่ได้ตั้งใจโกหกดอน ฉันไม่มีวันโกหก ฉันไม่มีวันทรยศผู้ชายคนนั้น”


   “แต่คุณก็ทำไปแล้วไม่ใช่รึไงครับ”


   “ไอ้เด็กเวร”


พลั่ก


   หมัดหนักๆกระทบข้างแก้มคนอ่อนกว่าตรงหน้า  ใบหน้าขาวขึ้นรอยเปื้อนสีแดงที่ไม่นานคงปล่อยเป็นช้ำ เลือดสีสดไหลออกมาตามมุมปาก


   “นานแล้วนะครับที่ไม่ได้โดนคุณต่อยแบบนี้”


   “ก็เพราะแกยั่วโมโหฉัน”คนที่เพิ่งกระโดดข้ามโต๊ะไปวางมวยกับเด็กถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ


   “ผมแค่พูดความจริง แต่มันคงเป็นความจริงที่คุณไม่อยากฟัง”


   “เด็กอย่างแกจะมาเข้าใจอะไร”


   “แต่เด็กอย่างผมก็เป็นคนที่รักคุณและห่วงคุณที่สุดไม่ใช่หรือไงครับ”ดวงตาสีเขียวอมฟ้ามองสบคนอายุมากกว่า ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักอย่างสุดแสน


   “ผมเป็นห่วงคุณนะครับ ผมไม่อยากให้คุณทำผิดไปมากกว่านี้ หากถอนตัวได้ก็ถอนตัวซะ ผมไม่อยากเสียคุณไป”อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดแผ่นหลังเขาแน่น  แน่นจนเขาเผลอจูบขมับมันไปเบาๆก่อนที่ขยี้ผมนั้นจนฟู


   “ไปนอนได้แล้วไป  พรุ่งนี้แกต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่รึไง”


   “ผมเป็นห่วงคุณนะ”


   “อืม ฉันรู้ไปนอนได้แล้ว”อ้อมแขนที่รัดแน่นยอมผละออกในที่สุด  คาเซอริโอขยับไปยืนข้างๆเปิดโอกาสให้ไอ้เด็กที่ถูกเขาคร่อมมานานสองนานได้เป็นอิสระ


   “ราตรีสวัสดิ์ครับ”


   “ราตรีสวัสดิ์”คาเซอริโอตอบรับเสียงเรียบโดยไม่ได้หันไปมอง เขาเหนื่อยจนอยากจะพัก เครียดจนอยากจะหาอะไรมาคลายเครียดสักหน่อย บุหรี่ก็ดีนะ แล้วมันยังอยู่ไหมนะ เจ้าเด็กนั้นยังซื้อมาเขาเหมือนเดิมรึเปล่า


   “คาโล”เสียงเรียกแผ่วเบาจากด้านหลังทำให้คนที่อยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองหันกลับไปตามเสียงเรียก หมาปีศาจในร่างคนยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบันไดทางขึ้นชั้น 2


   “ตื่นแล้วเหรอ ตื่นนานรึยัง แกหิวรึเปล่า”เปิดปากถามไปเพื่อทำลายความเงียบแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับมาจากคนที่ถูกถาม  มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ


   “นั้นสินะ ฉันก็ลืมไปว่าแกไม่เข้าใจที่ฉันถามอีกแล้ว”ปลายเสียงสั่นไหว ไม่หนักแน่นเหมือนที่เคยเมื่อคิดได้ว่าคนตรงหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดอีกต่อไปแล้ว หรือบางที่เขาควรจะคิดเรื่องการสอนภาษามันแบบจริงๆจังๆสักทีนะ หากคิดที่จะอยู่ที่นี้ไปนานๆ บางทีเขาควรจะสอนมันพูด


   “คาโล”เจ้าของเสียงเรียกเดินตรงมาด้านหน้า  ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองตรงมาทางเขาและเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายหลบตาและเดินหนีมือที่พยายามคว้าเขาเข้าไปกอด


   “แกคงหิวแล้ว ฉันหมายถึงกินนะ”คาเซอริโอทำท่าทางเหมือนหยิบบางอย่างเข้าปากซึ่งเจ้าหมาตรงหน้าก็ทำเพียงพยักหน้ารับเบาๆเท่านั้น ก็ดีที่อย่างน้อยมันยังเข้าใจภาษาใบ้ของเขาหละนะ


   “อ๊า รอเดี๋ยวนะฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเฟอร์ดินมันทำอะไรไว้บ้าง โอ้นี้ไงสเต๊กกินได้ใช่ไหม  ว่าไง”มือชูกล่องใส่เนื้อสเต๊กที่ค้นเจอในตู้เย็นไปทางเจ้าหมาที่ยืนอยู่ด้านหลังและอีกครั้งที่มีเพียงการพยักหน้ารับ


   “คิดว่าคงกินได้หละนะ”มือวางกล่องใส่เนื้อหมักลงบนเคาเตอร์ครัวก่อนจะหันไปจับกระทะตั้งเตาใส่เนยไว้เตรียมพร้อมก่อนจะหย่อนชิ้นเนื้อลงไป แม้เขาจะไม่ถนัดทำอาหารแต่คิดว่าทอดสเต็กแค่นี้คงไม่ใช่ปัญหา


   “แกชอบแบบไหนหละ สุกไปเลยหรือสุกปานกลางดี แต่ฉันว่าแกคงกินได้ทุกแบบนั้นแหละนะ”


   “คาโล”อีกครั้งที่มันเรียกชื่อเขาแต่ครั้งนี้ที่ต่างออกไปคือมันกอดเขาได้สำเร็จ  แขนแข็งแรงสีน้ำผึ้งสอดมากอดเขาจากด้านหลัง  ปลายคางที่มีเคราจางๆซบลงที่ไหล่ก่อนออกแรงรัดช่วงเอวเขาแน่นจนเจ็บ  เจ็บแน่นที่หัวใจ บางทีหากเขาปล่อยแขนนี้ไปเขาจะยังเจ็บอยู่ไหมหรือไม่รู้สึกอะไรเลยกันแน่


   “ปล่อยเถอะ เดี๋ยวเนื้อไหม้หมดพอดี ไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่า”สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายแกะมือมันออกลากเอาตัวใหญ่ๆนั่นไปทิ้งลงบนโซฟาโดยไม่ยอมสบตากับดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น  บรรยากาศรอบตัวอึดอัดจนเผลอคิดไปว่าหากเปิดหน้าต่างออกบ้างจะดีไหมแต่ทั้งหมดนั้นก็เพียงความคิดจนกระทั่งเนื้อบนเตาเสร็จ ท่าทางก็ดูดีน่าจะกินไป


   “เรียบร้อย เบียร์สักหน่อยไหม”จานอาหารที่มีเพียงสเต๊ก 1 ชิ้นถูกวางลงตรงหน้าหมาปีศาจในร่างคน เบียร์ในมือถูกยื่นไปเสริมเมื่อมันพยักหน้ารับก่อนเขาจะยกเบียร์อีกขวดขึ้นมาจิบ นี้เขากินไปกี่ขวดแล้วนะ


   “ทำไมไม่กิน อร่อยนะเฟอร์ดินนะทำอร่อย อ๋อ ลืมไป”มือขาวตามเชื้อชาติลากจนอาหารมาไว้ตรงหน้าของตัวเองก่อนจะลงมือตัดเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆแล้วยื่นกลับไปตรงหน้าอีกครั้ง เหมือนจะมีครั้งหนึ่งที่มันเคยบอกเขาว่าไม่ถนัดใช้มีดตัดชิ้นเนื้อ


   “กินซะ”รอยยิ้มกว้างถูกจุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มนั้นอีกครั้งก่อนจะลงมือทานอาหารของตัวเองช้าๆ บรรยากาศที่หนักอึ้งเหมือนจะเบาบางลงนึกดีใจที่ไม่ได้ไปเปิดหน้าต่างแบบที่นึกเอาไว้


   “เสร็จแล้วก็ไปนอนกันเถอะ”จานอาหารที่หมดไปแล้วถูกคว้าไปวางบนอ่างรอคนมาล้างก่อนจะลากเอาเจ้าหมาตัวโตที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนเด็กเข้าไปด้วย  ตอนที่ขึ้นมาถึงชั้นบนประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็ปิดสนิทไม่มีแสงไฟลอดออกมา คงนอนไปแล้ว


   “แกอาบน้ำได้รึยังนะ  แผลหายดีแล้วใช่ไหม”เมื่อจัดการลากเอาเจ้าหมาตัวโตไปปล่อยไว้ในห้องน้ำเสร็จ เจ้าของห้องก็ง่วนกับการเดินหาผ้าขนหนูผืนใหม่และเสื้อให้เจ้าหมาปีศาจร่างยักษ์ใส่ แต่เสื้อตัวไหนๆของเขาก็เหมือนมันจะใส่ไม่ได้ทั้งนั้นแล้วเขาเองก็ไม่ใจด้วยว่ามันจะยอมใส่ไหมเมื่อเขาไม่เคยเห็นมันใส่เสื้อผ้ามาก่อน


   “คาโล”


   “หืม”เจ้าของชื่อเผลอตอบรับไปด้วยความเคยชินก่อนที่ตัวจะลอยวืดไปกองอยู่บนเตียงไม่นานก็ถูกทาบทับด้วยร่างหนาและริมฝีปากที่ประกบลงมาอย่างรุนแรง ริมฝีปากที่บดลงมาบนปากเขามันไม่มีความอ่อนหวาน มันมีเพียงความปรารถนาความต้องการที่ทำให้เขาสั่นสะท้านเมื่อนึกถึง จนต้องออกแรงผลักมัน


   “ปล่อยฉันซาเวียร์”


   “คาโล #%$ คาโล”ริมฝีปากหนาละจากริมฝีปากหันไปซุกไซ้ลำคอ ฝ่ามือทั้งสองข้างบีบขย้ำไปตามร่างกาย สัมผัสที่จาบจ้วงและรุนแรง


   “ฉันบอกให้ปล่อยไงวะ”เข่าข้างหนึ่งกระทุ้งเข้าเต็มท้องคนด้านบน เพียงชั่วขณะที่มันจุกเขาก็รีบผลักมันออก  ยันกายขึ้นบนเตียงแต่ฝ่ามือหนาก็คว้าหมับเข้าที่แขน สัญชาตญาณสั่งให้ฟาดมือไปด้านหลัง ฝ่ามือกระทบเข้ากับคอหนา ดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ ตัวหนากระโจนเข้าหา โถมทับจนเขาล้มไปกองกับพื้น  ริมฝีปากจู่โจมเข้าที่ลำคอเมื่อเขาเบี่ยงหน้าหลบ ดิ้นรนขันขืนสัมผัสในครั้งนี้  สัมผัสที่ทำให้เขาหวาดกลัว  มันกำลังทำให้เขาหวาดกลัวสัมผัสจากมัน


   “ปล่อยฉัน ซาเวียร์ ฉันบอกให้แกปล่อยหูแตกรึไงวะ”


   “คาโล เกิดอะไรขึ้นคุณเป็นอะไรรึเปล่า”เสียงทุบประตูโครมๆด้วยความร้อนรนจากคนร่วมบ้านอีกคนทำให้หมาป่าตรงหน้าชะงักเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาถดตัวไปข้างหลังมือสอดเข้าที่ด้านหลังโทรทัศน์เครื่องบางคว้าเอาบางอย่างสีดำเมื่อมออกมาไว้ในมือ


   “ฉันไม่เป็นอะไรแกไปนอนเถอะ”


   “คุณแน่ใจนะ  เปิดประตูให้ผมหน่อย”


   “ฉันบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นสิวะ ไปนอนได้แล้ว”คาเซอริโอตวาดลั่นมือที่ถือปืนไว้สั่นระริกจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาช่วยประคองไม่ให้มันสั่นไหว  เสียงหน้าห้องเงียบไปก่อนจะตามด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงบานประตูที่ปิดลง


   “หยุดอยู่ตรงนั้นซาเวียร์ อย่าเข้ามา อย่าคิดว่าฉันไม่กล้ายิงแก”คาเซอริโอพูดเสียงเบาน่าแปลกที่เสียงเขามันสั่นจนหน้าใจหาย  ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองสบตาเขาก่อนจะมองเลยไปยังมัจจุราชสีดำในมือของเขา แต่มันก็ไม่ได้หยุด มันยังคงคลานมาหาเขาช้าๆ


   “ฉันบอกให้หยุดไม่ได้ยินรึไง”คาเซอริโอตวาดซ้ำแต่คนตรงหน้ากลับทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงเขา  ขาสองข้างยังคงคลานเข่าเข้ามาหาเขาช้าๆมือมันข้างหนึ่งเอื้อมออกมาข้างหน้าแต่ก่อนที่ปลายนิ้วนั้นจะได้สัมผัสลงบนตัว ด้ามปืนก็พาดออกไปเต็มแรง


   ฝ่ามือสีน้ำผึ้งข้างนั้นชะงักก่อนจะปล่อยลงข้างตัวเหมือนคงหมดแรง ร่างนั้นหยุดชะงักกลับไปนั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าพร้อมหยดเลือดสีแดงสดที่ไหลลงมาจากขมับซ้าย ไหลเอื้อยลงมาจากแผลที่เขาเป็นคนทำ


   “สงบสติอารมณ์ของแกซะ”คาเซอริโอผวาลุกขึ้นเปิดประตูด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะก้าวออกข้างนอกแล้วปิดประตูลง ความเงียบสงบกลับมาเยือนอีกครั้งเงียบจนเขาไม่ได้ยินเสียงใดๆนอกจากเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงของตัวเอง








  กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน นางมารทำการอัพรวดเดียวเพื่อให้ทันกับฝั่งนู่น หลังจากตอนนี้จะเป็นการอัพคู่ขนาน สองเว็บในครั้งเดียวนะคะ

    เหตุผลที่ต้องรีบเนื่องจากเรื่องกำลังจะจบแล้ว และนางมารกำลังดำเนินการเรื่องการรวมเล่มจึงไม่อยากให้ค้างคา

    ในตอนนี้เหตุการณ์ก็เข้มข้นอีกแล้วคงต้องติดตามกันต่อไปว่าตอนจบจะเป็นยังไง ไม่นานเกินรอแน่นอน  ขอบคุณนักอ่านที่ยังติดตามทุกท่านคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่31 คนยิ่งมาก..........17/3/58
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 19-03-2015 12:39:48
โหยๆๆๆๆๆ เจ็บปวดสุดๆไปเลย สงสารคาโลแปป สงสารพี่หมาด้วย
ดราม่าน้ำตาตกเลยทีเดียว ฮือออ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่31 คนยิ่งมาก..........17/3/58
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 13-04-2015 20:41:28
มวั๊ยยยยยยยยยยย :mew4:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่32 เรื่องบางอย่าง.29/4/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 29-04-2015 20:00:11
ตอนที่ 32 เรื่องบางอย่างยิ่งคิดมากยิ่งทรมาน                                     08/04/2558




   “เฮ้อ”เสียงถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้เมื่อคนทำเหนื่อยเกินจะนับมัน  ดวงตาสีเทาที่เคยกร้าวแกร่งบัดนี้กลับอ่อนแสง  มันทอดมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย หลายครั้งที่มีประกายสับสนวาดผ่านก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆอีกรอบ


   “โอ๊ะ โอ้ นั่งอยู่แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วหละ”เสียงทักที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังแต่เขาก็ไม่ได้สนใจหันกลับไปมอง ทำเพียงยกเบียร์ในมือขึ้นจิบเบาๆเท่านั้น


   “ไม่รู้สิ”


   “ให้เดาไหม คงทั้งคืนงั้นสินะ”


   “ก็เรื่องปกติ”


   “ไม่ปกตินะ ทำเหมือนคนอกหักงั้นแหละ”


   “หึ เหมือนขนาดนั้นเชียว”


   “ก็ใช่นะสิ  เหมือนหนุ่มน้อยที่โดนหักอกดังเปราะจนต้องมาดื่มเหล้า เคล้าน้ำตาคนเดียว โอ๊ะโอ ใครกันนะผู้โชคร้ายคนนั้น ดอนงั้นเหรอ”


   “หมอ”เจ้าของฉายาหมอยกมือสองข้างเหมือนยอมแพ้ก่อนจะถอยห่างออกไปก้าวแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


   “ล้อเล่นนะ อย่างซีเรียส”


   “พวกลูกน้องมันคงไม่ขำด้วย”


   “ฮะๆ งั้นเหรอ คงไม่มีใครคิดหรอกเพราะอีกไม่นานเราคงมีข่าวดีกันแล้วกับคุณหนูอลิซาเบทนั้นไง”


   “อือหึ”คาโลทำเพียงตอบรับในลำคอก่อนจะยกเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้งเหมือนไม่ใส่ใจ เขารู้มานานแล้วเรื่องบอสกับคุณหนูอลิซาเบท ลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรูที่ครอบคลุมส่วนแบ่งการโรงแรมในอิตาลีกว่าครึ่ง


   “ไม่รู้สึกอะไรรึไง”


   “จะให้รู้สึกอะไรหละ ข่าวเก่าออกซะขนาดนั้น”


“อ๋า งั้นผู้โชคร้ายครั้งนี้คงไม่ใช่ดอนจริงๆสินะ”คนเป็นหมอพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเองเบาๆ


   “นายเปลี่ยนไปเยอะนะคาโล”


   “งั้นเหรอ”


   “นายอาจจะไม่รู้ตัว แต่นายเปลี่ยนไปมากจริงๆนะ ดู มีหัวใจมากขึ้นหละมั้ง”


   “หึ ฉันก็มีหัวใจอยู่เสมอนั้นแหละ”


   “นี่ไม่รู้จริงๆนะเหรอว่าตัวเองเลือดเย็นขนาดไหนนะ เอาเถอะ มันก็เป็นการเปลี่ยนที่ฉันค่อนข้างชอบหละนะ ถึงแม้อีกหลายคนอาจจะไม่ชอบมันก็ตาม”


   “พูดเรื่องอะไร”


   “เปล่า  อ๋อ เจอนายก็ดีเลยจะถามหน่อยว่าเจ้าเด็กนั้นเป็นยังไงบ้าง”


“เด็ก หมายถึงซาเวียร์งั้นเหรอ”


   “ถ้าใช่คนไข้รายล่าสุดของฉัน ก็คนนั้นแหละ”


   “อืม ก็ดี”คนฟังเลิกคิ้วข้างหนึ่งเหมือนต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม


   “ก็ดี แข็งแรง..ดีแล้ว”คำว่าแข็งแรงกลับทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่มันเหวี่ยงเขาลงบนเตียงและพยายามจะคุกคามเขาแบบนั้น


   “อ่างั้นเหรอ งั้นคงไม่น่าห่วงแล้วสินะพอดีฉันต้องเดินทางไปทำงานนะ”คาเซอริโอเหลือบมองคนพูดที่ยักไหล่เหมือนยอมรับสภาพตัวเอง


   “เอาเป็นว่าดูแลหน่อยแล้วกัน ถ้าปวดแผลก็หายาแก้ปวดให้กินเข้าไป ถ้าเป็นอย่างที่นายพูดคิดว่าแผลคงหายดีแล้ว งั้นเอาไว้เจอกันแล้วกัน เหมือนมีคนอยากคุยกับนายมากกว่าฉัน”คนเป็นหมอยกมือลาก่อนจะขอตัวเองออกไปจากซุ้มดอกไม้ทรงสูงที่เขาอาศัยเป็นที่ดื่มมาตลอดทั้งคืน  ซุ้มดอกไม้ที่กรุกระจกโดยรอบและชุดเก้าอี้สีขาวเป็นสถานที่อันเงียบสงบเหมาะสำหรับการดื่มและนั่งคิดอะไรเงียบๆ ที่เหมือนวันนี้จะไม่เงียบอย่างที่ใจคิด เมื่อเขามีแขกมาเยือนถึง 2 คน หนึ่งคือหมอฉายาหมอปีศาจที่เรียนจบมาหลายสาขาจนน่ากลัวจะตีกันมั่ว มือเปื้อนเลือดคนไข้มากพอๆกับเลือดเหยื่อที่ถูกฆ่าไป


   “คุณพอจะมีเวลาว่างคุยกับผมสักหน่อยไหมครับ”เจ้าของใบหน้าเรียบเฉย ทรงผมและชุดสูทสุดเนี๊ยบก้าวเข้ามาในซุ้มดอกไม้ของเขาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


   “ก็เข้ามาแล้วนี่”


   “งั้นผมก็จะถือว่าคุณอนุญาตแล้วนะครับ”เจ้าของเสียงพูดพลางใช้ปลายนิ้วดันแว่นให้เข้าที่แบบเดียวกับที่ชอบทำเสมอและเขาเองก็ไม่เคยชอบใจเลยสักครั้ง


   “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”ดวงตาใต้กรอบแว่นมองคนถามอย่างเขาด้วยความนิ่งสงบ


   “คนๆนั้นเป็นใคร”


   “หึ ใครหละที่แกหมายถึง”คาเซอริโอยิ้มแสยะ พอให้ถามมันก็ฟาดคำถามเปรี้ยงตีแสกหน้าทันที


   “ผมรู้ว่าคุณรู้ และตอนนี้คุณกำลังเลี่ยงจะตอบคำถามผม”


   “ใครว่าฉันเลี่ยง แล้วถ้าฉันเลี่ยงไม่ตอบจริงๆจะทำไม”


   “คุณก็รู้ดีว่าผมจะทำอะไร”


   “แกกำลังขู่ฉันงั้นเหรอ”


   “หึ ใครจะไปกล้าขู่มือขวาจอมบู๊แบบคุณหละครับ ผมก็แค่ถามดูในฐานะมือซ้ายเท่านั้น”ดวงตาสีเทาจ้องคนพูดนิ่ง เกมจ้องตาที่เขาต้องเป็นฝ่ายขอยอมแพ้ หากเขาอยู่ในฐานะฝ่ายบู๊มันก็อยู่ฝ่ายบุ๊น  หัวสมองเจ้าแผนการ


   “หากคุณรู้สถานะของคุณดี  คุณเองก็ควรรู้ฐานะของผมเหมือนกัน  ผมเป็นมือซ้ายของดอนทำทุกอย่าง คิดทุกอย่างเพื่อนดอน รวมถึงกำจัดสิ่งที่จะเป็นภัยกับดอนด้วยเช่นกัน”


   “แต่ฉันไม่คิดเหมือนแก”


   “งั้นเหรอครับ น่าเสียดาย”


   “หึ แกก็อยู่ส่วนแก อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน”


   “ผมคงต้องปฏิเสธเพราะการกระทำของคุณตอนนี้กำลังเป็นภัยกับดอน”


   “ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายดอน”


   “งั้นก็ตอบผมมาสิครับว่าผู้ชายคนที่คุณพามาเป็นใครกัน”


   “หึ แกกำลังสงสัยมัน  สงสัยคนที่ฉันพาเข้ามา ไม่เท่ากับสงสัยฉันรึไง”


   “โอ้ ไม่หรอกครับ ดอนไว้ใจคุณ ผมเองก็เช่นกันแต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่”


   “มันมากับฉัน”


   “ปกป้องถึงขนาดนั้นคงสนิทกันน่าดูสินะครับ  มันออกจะดูผิดวิสัยไปสักหน่อย”


   “ไม่นิ มันมีบุญคุณช่วยฉัน ฉันจะปกป้องมันบ้างก็ไม่แปลก”


   “อ๋อ งั้นหากผมขอให้เขาออกไปคุณคงไม่ว่าสินะครับ”


   “หมายความว่ายังไง”


   “คุณบอกกับดอน กับทุกคนว่าเขาคือคนที่ช่วยเหลือคุณเมื่อคุณพลาดท่า มาตอนนี้เขาบาดเจ็บคุณพาเขามารักษาถึงในแฟมมิลี่ของเราทั้งๆที่พาไปที่โรงพยาบาลดีๆสักทีก็ได้ มันก็น่าจะเหมาะสมกันแล้ว ตอนนี้เขาเองก็หายดี การจะให้เขาออกไปมันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ”ประโยคสาธยายยาวยืดของมัน บ่งบอกเป้าหมายของมันได้ดี มันกำลังจะไล่เจ้าหมาซาเวียร์นั้นออกไปโดยอ้างเหตุผลการตอบแทนบุญคุณที่เหมาะสมและเท่าเทียม แน่หละหากเป็นแค่การตอบแทนบุญคุณแค่ผู้ช่วยเหลือกับผู้ถูกช่วยเหลือมันก็สมควรแล้ว แต่เขากับมันไม่ได้อยู่ในฐานะที่เขาป่าวประกาศออกไป เขากับมันเป็นมากกว่านั้น อยู่ด้วยกันในฐานะ...


   “หากคุณเห็นด้วยผมจะให้คนพาเขาไปส่ง”


   “อย่ายุ่งเรื่องของฉัน”


   “มันไม่ใช่เรื่องของคุณตั้งแต่คุณพาเขาเข้ามาในแฟมมิลี่แล้ว เรื่องของคุณมันหมายถึงความลับของเราและความปลอดภัยของดอน”เสียงเรียบๆแต่คมยิ่งกว่าไม้แหลมที่เสียบเข้ากลางอก เขาพามันเข้ามาทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่เหมาะ รู้ว่าอาจไม่ปลอดภัยกับดอนแต่เขาปล่อยมือจากมันไม่ได้  ปล่อยมือจากหมาโง่ที่ดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อตามเขามาไม่ได้ ทำไมกัน  ทั้งๆที่เขากับมันก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ใช่มันไม่มีสถานะระหว่างเขากับมัน แค่คนที่นอนด้วยกันไม่กี่ครั้ง แค่คำรักที่มันบอก มันไม่ได้หมายความว่าเขากับมันเป็นคนรักกัน หากจะบอกว่าเป็นเพื่อนเขากับมันก็เลยสถานนะนั้นไปแล้ว เซ็กซ์แฟรนด์งั้นเหรอ ดูเข้าท่าที่สุดแต่ก็ยอมรับไม่ได้มากที่สุดเหมือนกัน


   “คุณเปลี่ยนไปนะคาโล”


   “ฉันก็ยังเป็นฉันเหมือนเดิม”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบ


   “คุณจะหลอกคนอื่นไปถึงเมื่อไหร่ คุณอาจจะหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกคนที่อยู่กับคุณมาทั้งชีวิตไม่ได้หรอกนะ และที่สำคัญที่สุดคือคุณไม่มีทางหลอกตัวเองได้”


   “หึ พูดเหมือนเป็นตัวฉันเองเลยนะ”


   “ผมแค่พูดไปตามที่เห็นเท่านั้นแหละครับ  สายตาที่คุณมองเขา  ไม่สิสายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองคุณ ผมเห็นแล้วขนลุกแทนจริงๆ หวังว่าคุณยังคงไม่ลืมกฎ 10 ข้อของเราหรอกนะครับ เพราะตอนนี้ผมเริ่มขนลุกขึ้นมาอีกแล้วสิ”


   “แก”คอเสื้อของคนตรงหน้าถูกกระชากเต็มแรงจนเจ้าของมันตัวลอยขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาใต้กรอบแว่นวาววับไม่มีแม่แต่ความตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว


   “หึ ใกล้ไปแล้วครับ เดี๋ยวคนอื่นๆก็เข้าใจผิดกันพอดี ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบคุณนะครับ”


   “ไอ้บัดซบ”ร่างทั้งร่างลอยวืดเมื่อโดนผลักเต็มแรง  คนที่ตัวบางกว่าล้มกระแทกกับพื้นเสียงดัง


   “ฉันไม่ได้เป็นแบบที่แกคิด”คอปกเสื้อเชิ้ตเนื้อดีถูกกระชากขึ้นมาอีกครั้ง


   “หึ แล้วเหตุผลอะไรหละครับที่ทำให้คุณพาคนๆนั้นเขามากกถึงในบ้านตัวเอง”


พลั่ก


   “แกกำลังดูถูกฉัน”ใบหน้าขาวหันไปตามแรงหมัด รอยปื้นสีแดงปรากฏขึ้นบนแก้มพร้อมรอยเลือดที่ถูกมันคายทิ้งจากปาก


   “แหมทำอะไรไม่กลัวคนสายตาคนอื่นบ้างเลยนะครับ”ดวงตาสีเทาเบิกกว้างก่อนจะละสายตาจากคู่กรณีมองไปรอบๆซุ้มดอกไม้ที่ตอนนี้มีบรรดาลูกน้องในชุดดำหลายๆคนเมี่ยงมองเข้ามาด้านใน


   “บัดซบ”


   “คุณทำตัวเองทั้งนั้น ผมเตือนคุณแล้วว่าหากกลับมาแบบนี้สู้ไม่กลับมาจะดีกว่า แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่ความที่อยู่ด้วยกันมานานผมจะถือว่าครั้งนี้คือการเตือน หากไม่อยากให้สิ่งที่ผมคิดกลายเป็นความคิดของคนอื่นคุณก็ควรจัดการอะไรให้ได้ดีกว่านี้ เรื่องวันนี้ผมจะแก้ตัวกับพวกข้างนอกเอง คุณก็อย่ากระโตกกระตากไปหละ”คนที่นั่งกองอยู่กับพื้นยื่นมือข้างหนึ่งมาด้านหน้า  คาเซอริโอมองมือข้างนั้นนิ่งก่อนจะคว้าจับแล้วดึงมันขึ้นมาแต่คนที่ถูกดึงกลับทำตัวโอนจนเซมาทางเขา ช่วงที่กำลังคิดจะผลักออก มันก็หยุดตัวเองได้ก่อน


   “รีบหน่อยก็ดีนะครับ แม้ตอนนี้จะมีแค่ไม่กี่คนที่สงสัย แต่คุณก็ไม่ควรลืมว่าความลับไม่มีในโลก คุณควรเลือกได้แล้วว่าจะเลือกใครระหว่างดอนหรือคนๆนั้นของคุณ ผมไปนะ”ฝ่ามือขาวยกขึ้นตบบ่าเขาเบาๆก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปเผชิญหน้าพวกที่อยู่ด้านนอก ไม่นานพวกนั้นก็แยกย้ายกันหายไปเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยื่นนิ่งอยู่ในซุ้ม


   “โธ่โวย”ชุดเก้าอี้ล้มระเนระนาดตามแรงแตะ  ฝ่าเท้าใต้รองเท้าหนังเจ็บแปลบเมื่อกระแทกเข้ากับชุดโต๊ะที่ทำมาจากเหล็ก แต่ความเจ็บมันกลับลากจากเท้าลามไปทั่วตัว  เขาต้องทำยังไง เขาต้องทำยังไงดี


   “ทำไมกลายเป็นแบบนี้ได้ว่ะ”ฝ่ามือขาวยกขึ้นขยี้ผมด้วยความกลัดกลุ้ม  ทำไมต้องกลุ้มใจ ทำไมต้องว้าวุ้นแค่เพียงมันบอกให้เขาเลือก ทำไม  ทำไมกัน


   “คาโล”เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองก่อนจะสบเขากับดวงตาสีน้ำตาลคู่หนึ่ง  ดวงตาของคนที่อยู่ในบทสนทนาของเขาและเจ้าแว่นบ้านั้นมาตลอด


   “คาโล %#^ILUN_)*&HRp”เสียงพูดที่เขาไม่เข้าใจความหมายและฝ่าเท้าที่ก้าวเข้าหาทำให้เขาเผลอก้าวถอยไปเรื่อย เขายังไม่พร้อม ยังไม่พร้อมจะเจอมันตอนนี้ เขายังไม่อยากเจอมัน เขาอยากได้เวลา อยากได้ระยะห่าง อยากได้ ทำไมหละ เพื่ออะไรกัน เขาแค่ยังไม่อยากเจอมัน ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่


   “หยุด  ออกไป  ออกไปจากตรงนี้  ฉันบอกให้ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกไม่ได้ยินรึไง”ท้ายเสียงตะโกนฝ่าเท้าคู่นั้นก็หยุดลงอย่างที่เขาต้องการ ความเงียบและบรรยากาศอันแสนอึดอัดกระจายไปทั่วซุ้มดอกไม้  อึดอัดจนหายใจไม่ออก


   “ได้ ก็ได้ ถ้าแกไม่ไป ฉันไปเอง”คาเซอริโอพูดเสียงเบา ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบแล้วสาวเท้าเร็วๆออกไปข้างนอกปล่อยให้เสียงเรียกชื่อตัวเองจากใครอีกจางหายไปกับสายลม













   สวัสดีคะนักอ่านทุกท่าน  คราวนี้กลับมาพร้อมกับตอนใหม่ที่ยังคงความเศร้าและเจ็บหน่วงได้อย่างถึงใจอีกตอน

คาโลกำลังอยู่ในภาวะสับสน  ต้องการตัวกระตุ้น  ส่วนพ่อหมาซาเวียร์เองก็อยู่ในภาวะแปลกๆแบบหาที่มาไม่ได้  แต่แน่นอนว่าเรา

มีเฉลยภาวะแปลกๆของพ่อหมาเอาไว้ในตอนหน้า ทนทรมานกับความหน่วงอีกนิดเพราะมันยังไม่จบหรอกนะ  555

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่32 เรื่องบางอย่าง.....29/4/58
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 29-04-2015 20:56:21
 :z3: หน่วงๆจังตอนนี้ อึดอัดแทนคาโล  :เฮ้อ:

รอคนเขียนนะ ให้กำลังใจนะจ๊ะ :กอด1:

ถึงไม่ได้มาแม้นบ่อย แต่ก็มาส่องถี่ๆนะจ๊ะ :impress2:

สู้นะ  :-[
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่32 เรื่องบางอย่าง.....29/4/58
เริ่มหัวข้อโดย: ncnck.p ที่ 29-04-2015 21:56:00
รอต่อไปปป

เป็นกำลังใจให้เน้ออ :hao7:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่32 เรื่องบางอย่าง.....29/4/58
เริ่มหัวข้อโดย: gwaiplay ที่ 29-04-2015 22:10:36
สงสารคาโล ฮรืออออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่32 เรื่องบางอย่าง.....29/4/58
เริ่มหัวข้อโดย: sowza3366 ที่ 30-04-2015 07:41:11
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่32 เรื่องบางอย่าง.....29/4/58
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 30-04-2015 10:35:43
ดราม่าน้ำตาตกในแปป สงสารคาโล พี่หมาก็หน้าสงสาร
โอ๊ยยยย จะเป็นไงต่อเนี่ย อยากรู้ๆ มาต่อไวๆน้า ><
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่33 When I fall....28/5/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 28-05-2015 19:41:30
ตอนที่ 33 When I Fall in LoVe                                                       28/04/2558




   ท่ามกลางความทรงจำที่แสนจะเลือนรางในวัยเด็ก  ความทรงจำที่ยังจำได้ติดตาคือ สีแดงฉานของเลือดและเสียงกรีดร้องโหยหวนของใครบางตน 


   “นะ  หนีไป”เสียงที่แหบพร่าจนแทบจะเลือนหายไปถูกเค้นออกจากปากที่ฉ่ำไปด้วยเลือด ร่างสีขาวที่เคยสวยงามบัดนี้กลับถูกอาบย้อมจนแดงฉาน ไหล่ข้างหนึ่งยังคงถูกเขี้ยวคมกัดจนจม  ฉีกขย้ำ สะบัดกระชากจนเลือดสีแดงสาดกระเซ็น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน  ฝ่าเท้าทั้งสี่ข้างสั่นเทา เรี่ยวแรงอ่อนล้าแทบจางหายก่อนเจ้าของมันจะสบกับดวงตาสีดำคู่วาวโรจน์  กรามคู่ใหญ่กัดขย้ำลงยังคอเหยื่อที่หมดสิทธิอุทธรณ์ขอชีวิต ปลิดลมหายใจสุดท้ายให้หลุดหายออกจากร่าง


   เจ้าของขาอันสั่นเทาหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตท่ามกลางเสียงขู่กรระโชกที่ตามมาจากด้านหลัง  ต้นหญ้าสูงขูดบาดไปตามแผ่นท้องขาวเนียน เส้นขนสองสีเปรอะไปด้วยเศษดิน ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายหวาดกลัว  สมองว่างเปล่าปราศจากคำสั่งการ  ร่างกายวิ่งตามสัญชาตญาณที่บอกให้วิ่ง ต้องวิ่งไปเพื่อให้ตนเองอยู่รอด


กรร


   เสียงขู่ดังมาพร้อมเสียงลมที่หวีดหวิวอยู่ข้างหู ร่างเอี้ยวหลบพ้นคมเขี้ยวแต่ก็แลกมาด้วยตัวที่ร่วงถลาไปในทางลาด  เล็บที่ยังไม่ถูกฝึกให้คมจิกเกร็งแน่นเพื่อยึดเศษดินไว้ แต่เรี่ยวแรงและความอ่อนล้าก็ทำให้ปลายเล็บนั้นเลื่อนไถล ร่างร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก  ภาพสุดท้ายที่เห็นคือดวงตาสีดำของหมาปีศาจตัวใหญ่ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนฆ่าแม่ของข้าตายต่อหน้าต่อตา


   แม้จะเชื่อว่าตัวเองตายไปแล้วแต่ความเจ็บปวดที่วิ่งเสียดแทงมาจากทั่วทั้งร่างก็ทำให้ข้ารู้ว่าตนเองยังไม่ตาย ร่างที่เล็กจนเหมือนซากขยะนอนนิ่งท่ามกลางความเย็นชื้นของพื้นดิน จมูกสีน้ำตาลอ่อนสัมผัสได้ถึงความชื้นก่อนที่ฝนแรกของการอยู่คนเดียวจะตกลงมา  ความหนาวเย็นคืบคลานมาตามกลุ่มขนที่เปียกชุ่ม ขาที่อ่อนแรงทั้งสี่ข้างยันขึ้นอย่างสั่นเทาก่อนจะล้มลงไปพร้อมความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นจากแรงกระแทก ความพยายามครั้งที่สอง สาม สี่เกิดขึ้นตามมาติดๆ หลายครั้งที่อ่อนแรงจนล้มลงทั้งๆที่เพิ่งเดินไปได้แค่ 2 ก้าวแต่ในที่สุดข้าก็สามารถพาตัวเองไปหลบฝนในโพรงที่เล็กจนเหมือนโพรงหนูได้สำเร็จ 


   ความเย็นจากสายฝนที่สาดผ่านโพรงเล็กๆเข้ามาทำให้ทั้งกายหนาวเหน็บแต่ที่หนาวเหน็บยิ่งกว่าคือใจเมื่อไร้ผู้เคียงข้าง  ผู้ที่เป็นแม่ แม้จะมีความทรงจำมากเท่าที่ลูกหมาตัวหนึ่งจะมีได้แต่มันก็เลือนราง เหลือเพียงภาพสีแดงฉานและความตายของผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งข้าเคยเรียกนางว่าแม่ 


   ตัวข้าผู้เป็นลูกของนางนั้น หลังข้าเกิดพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าก็ถูกหมาปีศาจตัวผู้ตัวใหม่โค่นลงเพื่อขึ้นเป็นจ่าฝูง  แน่นอนว่าตัวเมียทุกตัวเป็นสิทธิของจ่าฝูงตามกฎโบราณแสนคร่ำครึ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ข้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น และอีก 1 กฎที่ต้องทำคือการฆ่าลูกของหัวหน้าตัวเก่า นางยอมตายเพื่อปกป้องข้า ช่างเป็นความอ่อนแอที่น่าสมเพช หากนางกล้าพอที่จะหนีออกมาตั้งแต่วันที่ชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อข้าตาย หรือกล้าพอที่จะเก่งกล้ากว่านี้นางคงไม่ตาย นางตายเพราะความอ่อนแอของตนเอง ตายจากไปพร้อมกับความอบอุ่นข้างกาย ทิ้งข้าไว้เพียงลำพังท่ามกลางโลกที่โหดร้าย


   เมื่อปราศจากไออุ่นข้างกาย  ปราศจากคนหาอาหารให้สิ่งแรกที่ข้าต้องทำคือการเอาตัวรอดให้พ้นจากความอ่อนแอที่เกาะกุม  การออกล่าครั้งแรงด้วยตนเองล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อขาอ่อนทั้งสี่ข้างไม่อาจวิ่งทันลูกกระต่าย  ข้ามันอ่อนแอ  ท้องที่ส่งเสียงประท้วงด้วยความหิวทำให้ข้าพยายามอีกหลายๆครั้ง  หลายๆครั้งอย่างคนอ่อนแอที่น่าสมเพช ความหิวจนตาลายทำให้ข้าล่าหนูตัวน้อยที่วิ่งผ่านมาได้สำเร็จ กลิ่นเหม็นสาบของมันช่างน่าสะอิดสะเอียน แต่ก็ต้องกล้ำกลืนอาหารมื้อแรกที่หาได้ด้วยตนเอง  หนูสกปรกจาก 1 เป็น 2 นานนับอาทิตย์ที่หมาปีศาจอย่างข้าต้องจับหนูตัวสกปรกเป็นอาหารประทังชีวิต ทุกครั้งที่กินพวกมันข้าได้แต่สาปแช่งความอ่อนแอของตัวเอง ก่อนจะยิ้มร่าเมื่อจับกระต่ายตัวแรกได้สำเร็จ


   แต่มันก็แค่ความสำเร็จจอมปลอมที่ไม่สามารถชื่นชมได้นาน เมื่อกระต่ายตัวที่สองของข้าโดนแย่งไปจากอุ้งเท้าด้วยนักล่าอีกตัวที่ตะปบข้าจนกระเด็นติดต้นไม้  ความเจ็บปวดที่เพิ่งห่างหายพุ่งขึ้นมาตามร่าง  ดวงตาของข้าวาวโรจน์ก่อนจะกระโจนเข้าหาศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าเกือบ 2 เท่า คมเขี้ยวของข้าฉีกกระชากช่วงไหล่มันในขณะที่เขี้ยวของมันกระชากขาข้าแทบขาดแต่ท้ายที่สุดข้าก็ได้ชัยชนะ ชัยชนะที่มาพร้อมเลือดที่อาบร่าง ข้ากินเนื้อมันเป็นอาหาร เลือดที่หวานและหอมหวนด้วยชัยชนะอาบร่างของข้าจนแดงฉาน ข้าผู้ได้ชัยชนะต้องนอนซมไปอีกหลายวันและต้องกลับไปกินหนูสกปรกประทั่งชีวิตอีกครั้ง ศัตรูตัวนั้นมันสอนให้ข้ารู้จักสู้  รู้จักความยินดีในชัยชนะและความเจ็บปวดของการพ่ายแพ้


   ข้าออกเดินทางไปเรื่อยๆเพียงลำพัง การเดินทางสอนให้ข้ารู้จักอาหาร  การพบปะผู้อื่นสอนให้ข้ารู้จักประมาณตน  กาลเวลาทำให้ข้ากร้าวแกร่งและแข็งแรง  ร่างกายขยายขนาดใหญ่โตขึ้น กำยำด้วยกล้ามเนื้อ แต่ชีวิตอันโดดเดี่ยวทำให้ข้าลืมสิ้นซึ่งการพูดคุย  จนกระทั่งเจอนาง นางหมาปีศาจที่มีกายสีทองสง่า ตัวที่เล็กกว่าข้ากว่าครึ่ง



   ข้าไม่ได้สนใจนางไปมากกว่าผู้คนที่เคยพบพานแบบทั่วไป แต่นางกลับขยันที่จะวนเวียนมาหาข้า คอยพูดคุย คอยถามคำถามมากมายกับข้าและหนึ่งในคำถามมากมายพวกนั้นคือถามว่าข้าชื่ออะไร ข้าเข้าใจที่นางพูดเพราะเหมือนเมื่อนานมาแล้วเคยมีสตรีนางหนึ่งพูดคุยกับข้าด้วยการออกเสียงแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยได้ออกเสียงจึงลืมเลือนไปแล้วซึ่งการพูดคุย  ท้ายที่สุดความพยายามของนางก็สำเร็จผลเมื่อข้ามาเยือนที่ฝูงของนางตามที่นางต้องการ ฝูงที่มีจ่าฝูงเป็นหมาปีศาจสีดำตัวใหญ่ผู้มีดวงตาสีเงินสว่าง การเข้ามาของข้าทำให้ข้าได้พบกับหมาปีศาจที่ข้าสามารถบอกชื่อของตนได้เป็นครั้งแรก


   ชีวิตอันโดดเดี่ยวของข้าเริ่มมีสีสัน หัวใจที่เงียบงันเริ่มเต้นกระหน่ำเหมือนมีชีวิต  ร่างที่เคยเดิน 4 ขามาตลอดหัดที่จะเดิน 2 ขา หัดที่จะทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งหน้าแดงเมื่อเห็นข้าในร่างมนุษย์ครั้งแรก นางเกาะติดข้าก่อนจะกลายเป็นข้าที่เริ่มเกาะติดนาง แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ เปลี่ยนฝูงไปอย่างไรแต่กฎโบราณคร่ำครึก็ยังคงได้รับการสืบทอดเหมือนโรคร้าย ไม่นานเมื่อนางโตเป็นสาวสะพรั่ง วันนั้นก็มาถึง วันที่นางต้องเป็นของจ่าฝูง ประโยคแรกที่ข้าพูดกับนางคือ


   “หนีไป กับ ข้า...”


   แต่ประโยคของข้ากลับได้รับน้ำตาเป็นสิ่งตอบแทน  นางหลั่งน้ำตาก่อนจะหันหลังจากไปกลายร่างเป็นนางหมาปีศาจขนสีทองที่แสนสง่า ถูกจ่าฝูงตัวใหญ่เสพย์สมต่อหน้าข้าที่นางพร่ำบอกว่ารัก  ความรักคืออะไร  ความเจ็บปวดที่อกซ้ายมันคืออะไรข้าตัดสินใจยืนขึ้นอีกครั้งพุ่งกระแทกเจ้าหมากักขฬะจนล้มกันไปทั้งคู่ ทอดมองนางที่เคยบอกรักข้าทำตัวอ่อนแอเหมือนใครอีกตัวที่ข้ารู้จัก จัดการพวกตัวผู้ที่พุ่งเข้าหาและเผ่นทะยานออกมานอกฝูงอีกครั้ง แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือมีใครอีกคนตามข้ามาด้วย


   “ไง ข้าบอกชื่อตนเองแกเจ้าไปแล้วหลายรอบ ข้าชื่อเยอร์เซ็พ คราวนี้ข้าแหกคอกออกมากับเจ้า เจ้าจะบอกชื่อตนกับข้าได้หรือยัง”


   “ข้า  ซาเวียร์”ครั้งแรกที่ข้าบอกชื่อตนเองกับคนอื่น  ชื่อที่สตรีนางหนึ่งเรียกข้าครั้งแรกเมื่อข้าลืมตา  ชื่อที่ข้าไม่ได้บอกกับใครแม้แต่หญิงที่บอกว่ารักข้า แต่ข้ากลับบอกมันกับใครอีกคนที่วิ่งฝ่าดงเขี้ยวออกมาพร้อมข้า  การเดินทางเพียงลำพังสิ้นสุดลง ข้าอบอุ่นเมื่อมีคนข้างกาย  มีใครอีกคนคอยระวังภัย มีใครอีกคนสอนข้าพูดภาษาแบบมนุษย์จนมันเองก็กลายเป็นพวกพูดเยอะขึ้น  สอนข้าใช้ชีวิตแบบมนุษย์  เจ้าหมาที่ข้าเรียกได้เต็มปากว่าเพื่อน  เพื่อนที่แข็งแกร่งทัดเทียมกัน แต่แน่นอนว่าใจข้ายังหนาวเหน็บและว่างเปล่า  ช่องว่างที่เหมือนจะขยายกว้างกว่าเดิม


   การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่มาถึงเมื่อเราทั้งคู่เจอฝูงใหม่ แต่ฝูงนี้ต่างออกไป  ความแปลกประหลาดทำให้เราตัดสินใจจะซุ่มดู กลุ่มที่ปักหลักและใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์มากกว่าทุกกลุ่ม ย้ายถิ่นฐานเพียงนานๆครั้ง ปักหลักใกล้แหล่งน้ำเพื่อจับปลาทำอาหารเลี้ยงตนเอง ป้องกันตนเองด้วยกองกำลังพวกตัวผู้ ในวันหนึ่งที่ฝูงโดนบุกเป็นข้ากับหมาอีกตัวที่ข้าเรียกว่าเพื่อนกระโดดออกไปช่วยและนั้นทำให้ข้าได้รู้จักกับชายที่ชื่อว่าทิเบอริส   จ่าฝูงที่มีร่างใหญ่โตแต่กลับกระทำแตกจากจ่าฝูงทั่วไป ความแปลกประหลาดนั้นทำให้ข้าเฝ้ามองห่างๆ หาอาหารเลี้ยงตนเองไปท่ามกลางการเฝ้ามองฝูงใหม่นั้น


   ในวันหนึ่งชายคนนั้นได้เดินเข้ามาพร้อมบางอย่างในมือ


   “เนื้อกวางย่าง  ลองกินสิ ย่างไม่สุกนักหรอกถือว่าตอบแทนที่พวกเจ้าช่วยข้าเมื่อวันนั้น”พูดแบบนั้นแล้วก็เดินจากไปทั้งร่างมนุษย์ ปราศจากการป้องกันที่หากตะปบเพียงครั้งเดียวคออาจขาดได้ นั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ลิ้มลองอาหารอื่นๆนอกจากเลือดสดๆและเนื้อดิบๆ มื้อแรกนั้นทำให้ข้ากับเยอร์เซ็พเข้าร่วมฝูงใหม่  ฝูงที่มีจ่าฝูงชื่อทีเบอริส  ฝูงที่จ่าฝูงไม่ทำตามกฎบ้าๆแสนโบราณนั้น จ่าฝูงที่พูดว่า


   “...คิดซะว่าที่นี้เป็นที่พักอาศัยแล้วกัน มันอาจไม่ได้ดีจนเรียกได้ว่าเป็นบ้านแต่หากเหนื่อยและอยากพักก็มาที่นี้ได้เสมอ ข้ายินดีต้อนรับพวกเจ้าในฐานะสหาย..”และในที่แห่งนั้นเยอร์เซ็พก็ได้พบกับผู้ที่มันเรียกว่าคู่  ในฐานะเพื่อนข้ายินดีที่สหายได้พบกับคู่ของตนเอง เจ้ามนุษย์สีผิวขาวเหลืองตัวเล็กผอมที่มีวิธีการรักษาที่ประหลาด  ความจริงเจ้านั้นไม่ใช่มนุษย์คนแรกของที่นั้น มีอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วอีกคน แต่ข้าไม่ได้สนใจ เพราะขึ้นชื่อว่ามนุษย์ยังไงซะก็อ่อนแออยู่ร่ำไป



   วันเวลาของข้าผ่านไปอย่างเรียบเรื่อย มีความอบอุ่นข้างกายมากขึ้นแต่ใจข้ายังคงไม่อบอุ่น แม้จะมีสตรีมากกมายเมียงมองมาแต่ข้ากลับไม่สนใจเพราะพวกนางเหล่านั้นล้วนอ่อนแอ ความอ่อนแอที่ข้าแสนเกลียดชัง  จนกระทั่งวันหนึ่งที่ข้าได้พบกับเขา ชายผู้หนึ่งที่นั่งทับอยู่บนเข่าตัวเอง ตัวอาบไปด้วยเลือด  ร่างโงนเงนจนแทบจะพยุงตัวไม่อยู่แต่มือกลับไม่ปล่อยดาบเล่มสั้นนั้น ดวงตาสีเทาคู่นั้นมองตรงมาที่ข้ามันปราศจากความลังเล  ปราศจากความหวาดกลัวมีเพียงความมุ่งมั่นที่ทำให้ใจข้ากระตุก ก่อนที่ร่างทั้งร่างของมันจะล้มโครม


   นั้นเป็นครั้งแรกที่ใจข้ากระตุกเพราะใครบางคน ความรู้สึกที่ไม่ได้พบเจอมานานทำให้ข้าเริ่มสงสัยแม้ทั้งร่างจะอาบไปด้วยเลือดแต่ข้ากลับได้กลิ่นมนุษย์โชยออกมาชัดเจน  มนุษย์ที่จ้องข้าโดยไม่หลบตาไม่เคยมี แต่ตอนนี้ข้าพบแล้ว


   ครั้งที่สองกลางลานประชุมเป็นอีกครั้งที่ข้าอดแปลกใจไม่ได้เมื่อร่างกายนั้นเคลื่อนไหวต่อสู้ไปรอบๆวง การเคลื่อนไหวร่างกายที่เป็นจังหวะและแสนจะมีเสน่ห์ชวนมอง สะกดสายตาข้าให้จับจ้องอยู่เพียงคนๆเดียวท่ามกลางฝูงหมาปีศาจแต่เพราะความอ่อนแอของร่างกายนั้นทำให้พลาดท่าและเป็นข้าที่ถลาเข้าขวางและออกปากขอดูแลเพื่อเยื้อชีวิตอ่อนแอนั้นเอาไว้ ความสับสนนั้นวนเวียนในหัว ทั้งๆที่รู้ว่าอ่อนแอแต่ทำไมข้ายังสนใจสะดุดตาได้ขนาดนั้น  มันทำให้ข้าละสายตาไปไม่ได้จนต้องมองอยู่ห่างๆ


   ร่างกายที่อ่อนแอนั้นแข็งแรงขึ้นตามลำดับ  อยู่อาศัยและเคลื่อนไหวรวมกลุ่มไปได้อย่างแนบเนียน แต่ถึงแบบนั้นก็แสนจะดึงดูด มีหลายตัวที่จับตาดูอย่างใกล้ชิดแบบที่ข้าไม่ชอบใจจนต้องเดินออกไปทัก  การออกไปทักของข้าทำให้เจ้านั้นร่วงลงมาจากหลังคา ข้าเบิกตากว้างมองคนที่ห้อยต่องแต่งแต่กลับไม่ตกลงมาด้วยความสนใจ  ร่างกายตอบสนองเป็นเยี่ยมแถมปากยังร้ายสุดยอด ข้าตัดสินใจอีกครั้งว่าจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดแต่ก็ทำได้ไม่นานเมื่อถูกเยอร์เซ็พลากออกไปลาดตระเวนเพราะมันเป็นเวรข้า  แต่การลาดตระเวนที่แสนน่าเบื่อนั้นก็จบลงเมื่อข้าได้กลิ่นเลือดและได้ยินเสียงปืน


   ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้ออกวิ่งสุดฝีเท้า  กลิ่นจางๆที่ลอยมาตามลมทำให้ข้าออกออกแรงวิ่งเพื่อทิ้งระยะห่างเยอร์เซ็พที่ตามมาไม่ห่างช่วง เวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ข้าพุ่งชนใครบางคนที่เริ่มมีกลิ่นกายอันคุ้นเคยก่อนจะออกแรงคาบขึ้นบนหลังแล้ววิ่งหายไป ทิ้งซากศพมนุษย์พวกนั้นไว้ด้านหลัง  ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ข้ากลับเชื่อว่าหากปล่อยมนุษย์ที่ชื่อว่าคาโลเอาไว้ตรงนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่


   ช่วงเวลาที่คนตรงหน้าหลับทำให้ข้าได้พิจารณามันอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ทั้งเส้นผมสีทองแสนนุ่มมือที่มีกลิ่นแบบที่ข้าชอบ  หน้าผากเกลี้ยงเกลา ผิวที่ขาวเหมือนพวกทางเหนือ จมูกโด่งๆ ริมฝีปากสีส้มที่แสนนุ่มมือ ไรหนวดจางๆที่ทำให้คนตรงหน้าดูหล่อเหลา งดงาม ช่วงคอยาวที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วงไหล่กว้างที่แข็งแรงลงตัวได้รูปสวย แต่ชื่อบางคนที่ออกจากปากบางนั้นกลับทำให้ข้าชะงักก่อนจะโดนผู้ที่ได้ชื่อว่ามนุษย์ต่อย มนุษย์คนแรกที่กล้าต่อยข้าและมันเจ็บน่าดู


   การพูดคุยกับใครคนนั้นทำให้ข้าทั้งสนใจและหมั่นไส้ไปพร้อมกัน ริมฝีปากสีส้มที่ได้ครอบครองเพียงชั่วขณะกลับทำให้ใจเต้นกระหน่ำ โหยหาความนุ่มหยุ่นที่ได้สัมผัส เวลามันน้อยเกินไป  ข้าอยากได้มากกว่านี้  อยากครอบครองมากกว่านี้


   เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะการรุกรานจากมนุษย์ภายนอกทำให้ทั้งกลุ่มหวาดหวั่นแต่ความหวาดหวั่นนั้นไม่ใช่จากภัยภายนอก แต่เป็นภัยจากภายในที่มองไม่เห็นต่างหาก ทีเบอริสฉลาดและมองการณ์ไกล แต่เมื่อเขาไม่มีคำสั่งข้าก็ไม่จำเป็นต้องสอดจมูกเข้าไปยุ่ง เพียงแต่วินาทีที่ใครบางคนกระโดดเข้ามายุ่งมันกลับทำให้ใจข้าสั่นไหว สั่นไหวเพียงได้กลิ่นกายที่คุ้นเคย สมองข้าจดจ่อกับสถานการณ์วุ่นวายของพวกมนุษย์และพวกตัวเมียแต่ใจข้ากลับวิ่งไปอีกทาง และเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดมาจากทิศทางที่ใจใฝ่หาข้าก็วิ่งเต็มแรง เมื่อเห็นว่าใครคนนั้นต่อสู้อย่างห้าวหาญมันกลับทำให้หัวใจพองโตด้วยความปลาบปลื้มก่อนจะฝ่อลงเมื่อเห็นพวกลอบกัด ร่างกายที่เคลื่อนไหวไปเองทำให้ข้าเอาตัวเองบังทางกระสุนพวกนั้น  แม้จะเจ็บกายแต่พอได้เห็นดวงตาสีเทานั้นทอประกายห่วงใยมันกลับทำให้หัวใจที่เคยเย็นเฉียบนั้นอบอุ่น  หากข้าจะขอยึดความอบอุ่นนี้ไว้กับตัวมันจะได้หรือไม่


   ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับมนุษย์คนนั้นมันทำให้ข้าไม่เหงา  ทำให้หัวใจข้าอบอุ่นแต่ชื่อของ อเรสซิโอจากปากสีส้มนั้นกลับเหมือนหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงและข้ากลับปัดมันออกจากหัวได้ในวินาทีที่ได้ครอบครองร่างนั้น  ร่างกายที่สวยงาม กลิ่นกายที่ข้าหลงใหล ความสมบูรณ์แบบและความแข็งแกร่งที่ถูกข้ากลืนกลิ่นอย่างตะกุกตะกลาม เติมเต็มร่างกายและหัวใจที่ว่างเปล่าของข้าได้อย่างท่วมท้นจนล้นปรี่ มันเป็นวินาทีที่ข้ากล้ายอมรับกับตัวเองว่าข้าชอบทุกอย่างที่กำลังเป็นอยู่ ชอบผู้ชายที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดข้า ข้ากำลังหลงใหลร่างกายนี้ หลงใหลจนกระทั่งคลั่งไคล้ในตัวคนๆนี้ อยากอยู่ใกล้ อยากมองเห็น อยากได้กลิ่น อยากอยู่แบบนี้ มีชายคนนี้ในอ้อมกอดไปเรื่อยๆและหากสิ่งที่ข้าเป็นมันเรียกว่ารัก  ข้าคงตกหลุมรักชายคนนี้จนหมดหัวใจ 


   วินาทีที่ข้าแน่ใจว่ารักก็เป็นดั่งวินาทีที่เหมือนตกนรกเพราะชายคนที่ข้าเพียงเคยได้ยินชื่อ  ชายที่คาโลมักละเมอถึงออกมาและเป็นชายคนสำคัญของคนที่ข้ารัก อเรสซิโอ ข้าเกลียดมัน  เกลียดจนอยากฆ่าให้ตายด้วยมือคู่นี้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้ แม้จะอยากอาละวาดให้สาสมกับความทรมานในอก แม้จะอยากหนีไปให้ไกลจากคนที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์และตกนรกได้ในเวลาเดียวกันแต่ข้าก็ทำไม่ได้ เพียงแค่ดวงตาสีเทาคู่นั้นมองมาที่ข้าด้วยความอ่อนโยนข้าก็พ่ายแพ้ทุกอย่าง   พ่ายแพ้กับความพยามอันแสนจะอ่อนแอของตนเอง ข้ายอมก้มหน้ารับกับความขมขื่นเพื่อแลกกับเวลาแห่งความอบอุ่นและความสุขที่เคยได้รับ โดยหวังว่าสักวันข้าได้รับความสุขที่แท้จริงเสียที


   แต่วันนั้นมันไม่เคยมาถึง  และอาจไม่มีวันมาถึง แม้คาโลจะยอมให้ข้ากอด ยอมอยู่ในอ้อมแขนข้าแต่บ่อยครั้งที่ดวงตาแสนสวยคู่นั้นกลับทอดมองไปยังสถานที่ห่างไกล ทอดมองไปยังใครบางคนที่ข้าไม่มีสิทธิห้ามปราม  เจ้าอาจไม่รู้แต่ข้าทรมานทุกครั้งที่เห็นสายตานั้นจากเจ้า เพราะช่วงเวลานั้นใจเจ้าไม่ได้เป็นของข้า สิ่งที่ข้าทำได้คือกอดเจ้าได้เพียงกายแต่กลับไม่ถึงหัวใจ  ข้าอาจจะเป็นหมาโง่งมตัวหนึ่งที่หลงวนเวียนอยู่ในความเมตตาเพียงน้อยนิดที่เจ้ามอบให้  แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไง อยากหนีเพียงไหนก็ทำไม่ได้เพราะทุกครั้งที่พยายามจะตัดใจก็เป็นเจ้าเองที่ดึงข้ากลับมา แค่ความพยายามเพียงน้อยนิดของเจ้าก็ทำให้ข้ายอมสยบแทบเท้า หรือจะเป็นข้าเองที่อ่อนแอเกินกว่าจะเดินจากเจ้าไป  ขอเพียงเจ้าเมตตาข้าสักนิดข้าก็พร้อมจะอยู่ข้างเจ้า จนกว่าวินาทีที่เจ้าไม่ต้องการ แม้การอยู่ข้างเจ้ามันจะหมายถึงความสุขที่แสนทรมาน แต่ข้าก็จะทำแม้มันจะหมายถึงการทรยศต่อคนทั้งโลกก็ตามขอเพียงเจ้ามองมาที่ข้าบ้าง


   คำภาวนาของข้าไม่เป็นจริง สิ่งที่เจ้ามอบให้ข้าคือเศษเสี้ยวแห่งความสงสาร  ที่เจ้ามอบให้กับหมาตัวหนึ่ง  หมาโง่งมที่หลงรักความแข็งแกร่ง  ความสดใส ความเป็นตัวเจ้าจนหมดหัวใจ และแล้ววินาทีที่ข้าหวากลัวที่สุดก็มาถึง วินาทีที่เจ้าไม่ต้องการข้า


     แม้การอยู่กับคาโลมันจะทำให้ข้าทั้งสุขและทุกข์ไปในคราวเดียวกันแต่มันก็เป็นความสุขที่ข้าต้องการ และความทุกข์ที่ข้ายอมรับได้  แต่ทุกอย่างมันเริ่มเลวร้ายเมื่อคาโลต้องการจะกลับไป  กลับไปยังที่ๆเขาจากมา กลับไปหาใครคนนั้น


    คาโลมีความมุ่งมั่นและตั้งใจสูง เรื่องนั้นข้ารู้ดีและชื่นชอบมันเสมอ  แต่ความมุ่งมั่นที่จะกลับไปหาใครคนนั้นมันให้ข้าแสนเกลียดและหวาดหวั่น  ข้าหวั่นว่าหากกลับไปแล้วเขาจะลืมเลือนข้า หลงลืมหมาโง่ๆตัวหนึ่งที่หลงรักเขาอย่างงมงาย  ข้าอยากเยื้อเขาเอาไว้ อยากทำทุกอย่างเพื่อเยื่อเอาไว้แต่ข้ากลับทำไม่ลง  แค่เห็นความพยายามในดวงตาคู่นั้น  เห็นความผิดหวังเมื่อหนทางกลับนั้นแสนริบรี่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก ข้าพูดไม่ได้ ขอร้องให้เขาอยู่กับข้าไม่ได้ทำได้เพียงปล่อยให้เขาไป และตามติดเขาไปเหมือนหมาโง่ ด้วยความปรารถนาเพียงขอให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมแม้จะเจอใครคนนั้น


   และแน่นอนที่ความปรารถนาของข้าไม่เป็นจริงอีกครั้ง คาโลยินดีที่ได้กลับไปแต่ข้ากลับเศร้าตรม ข้ายินดีที่เห็นเขาอยู่ตรงหน้าแต่ก็ทรมานเมื่อเขามองข้าอย่างไม่เข้าใจ  ดวงตาสีเทาคู่นั้นเบิกกว้าง มันมองตรงมาที่ข้าเหมือนข้าเป็นตัวประหลาด  เขาไม่ตอบคำถามข้าเช่นเคยเป็น เหมือนเขาไม่เข้าใจ


     สิ่งที่ข้าคิดมันเป็นจริง  คาโลไม่เข้าใจข้า เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดอีกต่อไปแล้ว ความจริงที่ได้รับรู้มันทำให้ข้ารู้สึกว่าตนเองนั้นช่างแตกต่าง คาโลมีโลกที่เขาแสนคุ้นเคย โลกอันสมบูรณ์แบบมีคนที่เขารัก มีคนที่รักเขาซึ่งมันไม่มีข้า  ข้าพยายามแล้วที่จะสื่อสาร  พยายามแล้วที่จะเข้าใกล้แต่กลับเป็นเขาเองที่ถอยห่างจากข้าไป ไปอยู่ในอ้อมแขนของใครอีกคน  ใครอีกคนที่เจ้าสวมกอดเขาด้วยความยินดีและหมางเมินหนีจากข้า  แม้ท่าทางเจ้าจะเหมือนเดิมแต่แววตาเจ้ากลับไม่เหมือน แม้อาหารมื้อนั้นที่เจ้าทำให้ข้าทานจะเลิศรสเพียงใดแต่สิ่งที่ลิ้นข้าสัมผัสได้คือความขมปร่าและสากระคายยิ่งกว่าเนื้อหนูสกปรกที่ได้กินครั้งแรก


   ข้าพยายามเข้าหาเจ้าอีกครั้ง  อธิบายบอกเจ้าเป็นร้อยพันตะโกนบอกรักเจ้าเป็นล้านครั้งแต่เจ้ากลับไม่ได้ยิน  เพียงแค่คิดที่จะคว้าเจ้ามาอยู่ในอ้อมกอดเหมือนเคยกลับเป็นเจ้าที่เอาเจ้ามัจจุราชสีดำจ่อมาที่ข้า น่าแปลกที่ข้าไม่ได้กลัวมันหากยินดีรับมันด้วยความเต็มใจ  อย่างน้อยการได้ตายด้วยมือเจ้ามันคงรู้สึกดีมากกว่าการอยู่โดยถูกเจ้าหวาดกลัว  เจ้าหวาดกลัวข้าเสียแล้ว  ทำไมต้องกลัวข้าหละ  ข้าไม่มีวันทำร้ายเจ้าหรอกคาโล ข้าไม่มีวันทำร้ายดวงใจของข้าได้


   แต่ความในใจของข้ามันก็ไม่สามารถสื่อไปถึงเจ้าได้อีกแล้ว ไม่ได้อีกต่อไป เจ้าวิ่งหนีข้าเหมือนข้าเป็นสิ่งที่น่ารังเกลียดแม้ข้าจะนั่งรอเจ้าอยู่ตรงนั้นเจ้าก็ไม่ย้อนกลับมา  ข้าแพ้แล้วงั้นเหรอ  หัวใจที่เจ็บจนแทบร้าวรานสั่งให้ข้าไปหาเจ้าแต่ภาพความสนิทสนมที่เจ้าให้กับทุกคนยกเว้นข้ามันยิ่งทรมานแต่มันเทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่ข้ากลัวที่สุด  เจ้าไม่ต้องการข้าอีกต่อไป เจ้าออกปากไล่ดังเช่นที่หวาดหวั่น  ดวงตาคู่นั้นไม่สะท้อนภาพของข้าอีกแล้วแม้ข้าจะยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า ข้าพ่ายแพ้แล้วให้กับความอ่อนแอของตนเอง  พ่ายแพ้แล้วให้กับความแข็งแกร่งของเจ้าที่แม้จะไม่มีข้าเจ้าก็ยังคงเปล่งประกายน่าหลงใหล เป็นข้าเองที่หวังไปเพียงลำพัง ขอให้เจ้ารักข้าบ้าง แต่ความหวังนั้นก็ไม่เคยเป็นจริง  เจ้าไม่เคยรักข้าสินะคาโล










    ส่งตอนใหม่แล้วคร๊า  เป็นตอนใหม่ที่rewrite เป็นรอบที่สองเพราะหน่วงไม่สะใจเท่าไหร่  หวังว่ารอบนี้จะดีขึ้นแล้วหละนะ

    ตอนนี้ขอเสริฟความหน่วงแบบต่อเนื่องแต่เปลี่ยนมาเป็นบทของพ่อหมา  ทนกันอีกนิดบทหน่วงจะหายไปแล้ว


ปล.ขอบคุณนักทุกท่านที่ติดตาม เหมือนตอนที่แล้วจะความคิดเห็นเยอะสงสัยเพราะชอบตอนหน่วงๆเศร้าๆกันสินะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่33 When I fall........28/5/58
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 29-05-2015 16:55:34
ซืดดดด หน่วงสะใจซะจริงๆ อดีตของพ่อหมาอารมย์ดีช่างน่าสงสาร
ทำไมถึงน่าสงสารได้ถึงขนาดนี้นะ ฮืออออ น้ำตาไหลพรากๆเลย
คาโล มองที่น้องหมาตัวนี้หน่อยได้มั้ย รักพี่หมาสักนิดก็ยังดี แบบนี้มันเจ็บปวด
เจ็บทั้งคาโลทั้งพี่หมาเลย เฮ้อ~ มาซะหน่วงแบบนี้ มาต่อตอนใหม่เร็วๆเลยนะ เราจะรอนะ ><
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่33 When I fall........28/5/58
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-05-2015 17:55:15
 :3123: :pig4: :pig4: :pig4:
 
อ่านยาวรวดเดียวเลยค่า   :pig4:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่34 การตัดสินใจ...16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 16-06-2015 23:17:44
ตอนที่ 34 การตัดสินใจแห่งอนาคต               12/06/2558



   อาการปวดหัวที่พุ่งเข้ามาเหมือนสายฟ้าฟาดทำให้ตาที่เพิ่งลืมขึ้นต้องปิดลงและคงจะปิดเพื่อให้ได้หลับยาวไปอีกรอบหากบรรยากาศรอบข้างไม่แปลกไปจนต้องฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมามองให้ชัดๆ


   ที่ที่เขากำลังนอนอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ซุ้มดอกไม้ แต่กลับเป็นห้องนอนที่เขาจะแสนจะคุ้นเคย เขากลับมาได้ยังไง ใครพาเขามา ไม่สิเขามาเองนี่น่า หลังจากคุยกับเจ้าสองคนนั้นที่ทำเขาปวดหัวจนแทบระเบิด มันก็เดินเข้ามาหาเขา เจ้าหมาบ้านั้น มันพยายามพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็เป็นเขาเองที่ไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับมันจนต้องไล่มันไป แต่เมื่อมันไม่ไปก็เป็นเขาเองที่ต้องเป็นฝ่ายไป


   พอคิดมาถึงตอนนี้ก็ปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เขาเดินหนีมันมา แล้วมานอนบนนี้แล้วมันหละไปไหน ดวงตาสีเทาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังที่นอนข้างตัวมันวางเปล่าและแสนจะเย็นชืด หึ มันหายไปแล้วเขาจะไปนึกถึงมันทำไมกันนะ


   “เข้ามา”เสียงเคาะประตูเบาๆเป็นจังหวะทำให้หลุดออกจากภวังค์ความคิดและอนุญาตให้ใครก็ตามที่อยู่หน้าประตูได้เข้ามา


   “ผมนึกว่าคุณยังไม่ตื่นซะอีก”เจ้าเด็กหน้าคุ้นก้าวเข้ามาในห้องพร้อมบ้างอย่างในมือ


   “ก็กำลังคิดว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย”คนที่นอนอยู่บนเตียงยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะพบว่าตัวเองเปลือยท่อนบน แต่นั้นหละใครจะสน


   “ยังปวดหัวอยู่ไหมครับ”บางอย่างที่น่าจะเป็นอาหารเช้าพร้อมกาแฟกลิ่นหอมถูกวางลงข้างเตียง


   “นิดหน่อย นี้ฉันหลับไปนานแค่ไหน”


   “คืนหนึ่งได้ครับ”คืนหนึ่งงั้นเหรอ ก็แสดงว่าตอนนี้เจ้าหมานั้นหายไปจะครบ 24 ชั่วโมงอยู่แล้วสินะ


   “เห็นมันบ้างไหม”คนที่ยืนอยู่ข้างเตียงชะงักไปเพียงนิดก่อนจะหยิบเอาขวดน้ำออกมาจากตู้เย็นเล็กในห้อง


   “เห็นครั้งสุดท้ายเมื่อเช้าวานครับ”


   “งั้นเหรอ”มันหายไปจริงๆสินะ หายไปไหนกันนะ


   “คุณดูไม่ห่วงเท่าไหร่นะครับ”ขวดน้ำถูกวางลงข้างถาดอาหารเช้าแต่คนที่ทำตัวเหมือนบริกรโรงแรมก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปข้างนอกทั้งๆที่มันก็อยู่ในชุดที่พร้อมจะไปทำงานได้ทุกเมื่อ


   “มันโตแล้วดูแลตัวเองได้”


   “งั้น แปลว่าคุณจะปล่อยไป”ปล่อยไปงั้นเหรอ  หากเป็นที่นั้น เป็นที่ที่มันจากมาเขาคงไม่ห่วงที่มันหายไป 1 หรือ 2 วัน แต่ที่นี่มันไม่ใช่  มันเป็นที่ของเขาไม่ใช่ของมัน  มันมีเขาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวแล้วเขาก็เพิ่งไล่มันไปกับมือเมื่อวาน


   “แบบนั้นอาจจะดีกว่า”


   “ตัดสินใจเถอะครับ ดอนคงไม่รอไปมากกว่านี้อีกแล้ว”


   “แกหมายความว่ายังไง”


   “คนนอกในแฟมมิลี่ ไม่นานดอนคงมีคำสั่งมา หากคุณภักดีและเทิดทูลดอนจริง คงไม่พ้นที่คุณต้องฆ่ามันด้วยตัวคุณเอง”ดวงตาสองคู่ของคนสองวัยสบกันนิ่ง  ความเงียบที่แสนจะอึดอัดแผ่กระจายไปทั่วห้องก่อนที่คนอ่อนวัยกว่าจะเป็นฝ่ายหลบตา


   “ผมไปทำงานก่อนนะครับ  คงกลับมาพรุ่งนี้สายๆ คุณก็ทานอาหารด้วยนะครับเดี๋ยวจะปวดท้องเอา ในตู้เย็นมีอาหารที่ผมทำไว้นิดหน่อยหิวก็เอาออกมาทานนะครับ ผมไปหละ”เงาร่างสูงใหญ่หายไปหลังประตูพร้อมความเงียบที่มาเยือน  เสียงท้องร้องประท้วงว่าเขาขาดอาหารมานานเกินไปแต่อาการหน่วงๆในอกมันทำให้เขาแทบไม่อยากอาหาร  หัวที่เริ่มดีขึ้นก็กลับมาปวดอีกครั้งจนต้องทิ้งตัวลงบนหมอน แล้วนอนมองเพดานสีเทาควันบุหรี่ที่แสนจะคุ้นตา


   ทำไมทุกคนต้องบังคับให้เขาเลือกด้วยนะ  ระหว่างดอนกับเจ้าหมานั้น ไม่ต้องถามเลยหากให้เขาเลือก เขาก็ต้องเลือกดอนอยู่แล้ว แต่ทำไมในหัวถึงมีดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเข้ามาวนเวียนกันนะ  หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงเลือกดอนอย่างไม่ลังเล  เขาไม่ลังเลที่จะฆ่าทุกคนตามคำสั่งของผู้ชายคนนั้น  ให้มือตัวเองอาบเลือดเพียงเพราะผู้ชายคนนั้นต้องการ  ดิ้นรนทุกอย่างเพื่อกลับมาหาผู้ชายคนนั้น  กลับมาอยู่ข้างๆผู้ชายคนนั้น เทวดาของเขา หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ลังเลที่จะฆ่าใครก็ตามขอเพียงผู้ชายคนนั้นสั่ง  แต่ทำไมครั้งนี้เขาถึงไม่ทำ ดอนรู้เรื่องมันแล้วและเขาเลือกที่จะโกหกดอนเรื่องของมัน  แม้เรื่องที่เขาเจอจะดูน่าเหลือเชื่อแต่หากเป็นเขาเมื่อก่อนคงบอกดอนออกไปแบบไม่ลังเล แต่ทำไมครั้งนี้เขาต้องโกหก  ทำไมต้องพามันมาถึงที่นี่ทั้งๆที่รู้ว่าต้องมีเรื่องมากมายตามมา ไม่สิ เป็นเพราะมันเองต่างหากที่ฝืนตามเขามา แต่หากเขาไม่ต้องการมันจริงๆแค่สลัดมันทิ้งในโลกที่เขาคุ้นเคยมันก็ง่ายแสนง่าย แต่ก็เป็นเขาเองที่เอามันเข้ามาในบ้าน  ให้มันนอนบนเตียงทั้งๆที่ไม่ยอมให้เจ้าเฟอร์ดิน่าที่เป็นเหมือนลูกได้นอน ทำไมกัน  นี่ความรักของเขาที่มีให้กับดอนโดนมันสั่นคลอนงั้นเหรอ  เขารักดอน  รักดอนจริงๆหรือว่ารักใครกันแน่ ความรักของดอนมันเป็นแบบไหนกันนะ รักข้างเดียวงั้นเหรอ แล้วทำไมเวลาดอนจะไปกับผู้หญิงคนอื่นเขาถึงไม่รู้สึกอะไร แล้วถ้าเจ้าหมานั้นมันกอดกับคนอื่นต่อหน้าเขาหละ


   “ถ้าแกทำจริงๆฉันฆ่าแกแน่ๆไอ้หมาเวร”คำที่เผลอพูดออกไปทำให้ทั้งร่างชะงักมันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่  นี่เขาหงุดหงิดแค่เพราะคิดว่ามันมีใครอีกคนนอกจากเขางั้นเหรอ  ตอนนี้มันก็หายไป ถ้าหากตอนนี้มันไปกอดคนอื่นอยู่หละ ร่างที่นอนอยู่ทะลึ่งพรวดขึ้นบนเตียง ก่อนจะชะงักไปอีกครั้ง


   “ไม่มีทาง”ร่างถูกทิ้งบนเตียงอีกครั้งก่อนคนทำจะถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆ อย่างมันไม่มีทางไปหาคนอื่นหรอกก็มันหลงเขาออกขนาดนั้น  หลงเหรอ พอคิดถึงตรงนี้หน้าขาวๆก็แดงซ่านจนคนรับตัวเองไม่ได้ต้องยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเอง  แต่ถ้าตอนนี้มันไม่ได้ไปอยู่กับคนอื่นมันจะไปอยู่ไหน 


   “คนนอกในแฟมมิลี่ ไม่นานดอนคงมีคำสั่งมา หากคุณภักดีและเทิดทูลดอนจริงคงไม่พ้นที่คุณต้องฆ่ามันด้วยตัวคุณเอง”ดอนเคยมีคำสั่งเปรยๆกับเขามาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพราะเขาก็โกหกดอน ขนาดเจ้าพวกนั้นยังรู้สึกว่าเขาแปลกไปแล้วดอนหละ  เจ้าหมอนั้นหายไปทำงานตั้งแต่เมื่อวานเช้า  ส่วนเฟอร์ดินก็เพิ่งหายออกไป  แล้วถ้างานที่พวกมันต้องไปทำเกี่ยวข้องกับเจ้าหมานั้นหละ


   “ไม่จริงน่า”แค่คิดว่าเจ้าหมานั้นกำลังอยู่ในอันตรายใจที่เคยสงบก็เต้นรัวจนต้องผุดลุกขึ้นจากเตียง  หัวใจเต้นกระหน่ำและหวาดหวั่นกับบางสิ่งที่ไม่คุ้นเคย


   “ช่างหัวมัน เจอหน้ามันก่อนค่อยคิดแล้วกัน”คนที่ไม่ถนัดจะคิดอะไรวิ่งพล่านไปทั่วห้องเพื่อหาเสื้อและอุปกรณ์จำเป็นก่อนจะวิ่งลงมาด้านล่าง  พระอาทิตย์ที่อยู่ตรงกลางหัวทำให้รู้ว่าเวลามันเลยมานานแล้วตั้งแต่เขาคุยกับเจ้าเฟอร์ดินครั้งนั้น


   “บ้าจริง”มือขาวกระชากประตูรถกระโดดเข้าไปและปิดมันลงเสียงดังสนั่น เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มก่อนเจ้าพาหนะสีดำจะกระชากตัวออกไปวิ่งบนถนน มือข้างหนึ่งคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่เขาจำได้ขึ้นใจแต่กลับไม่สามารถติดต่อได้


   “บัดซบ”อีกเบอร์ของเจ้าหมอโรคจิตถูกกดเป็นเบอร์ต่อไป  แต่เบอร์นี้กลับไม่มีเสียงสัญญาณ


   “นรกเฮ้ย  พวกมันทำอะไรกันอยู่กันแน่”มือสองข้างทุบพวงมาลัยด้วยความกลัดกลุ้ม  พวกมันหายไปทั้งคู่  แล้วเจ้าหมานั้นหละ มันไปทำงานอื่นหรืองานของเจ้าหมานั้นกันแน่


   “แกหายไปไหนกันนะเจ้าหมาบ้า”ดวงตาสีเทากวาดมองไปบนท้องถนนก่อนจะหักรถกลับเข้าถนนอีกเส้นกะทันหันเสียงบีบแตรไล่จากรถคันอื่นดังระงม ตอนนี้เขาไม่รู้ว่ามันไปไหน เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มหามันจากที่ไหน รู้แค่ว่าเขาต้องหามัน  หามันให้เจอก่อนที่พวกนั้นจะหาเจอ  ก่อนที่มันจะเป็นอะไรไป


   เวลาเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆพร้อมความกังวลใจที่มากขึ้นจากเที่ยงเป็นบ่าย จากบ่ายเป็นเย็นจนค่ำ อากาศที่เริ่มเย็นและหมอกที่ลงหนาเริ่มทำให้ผู้ตามหาเริ่มกังวล หิมะอาจกำลังตก หนาวขนาดนี้มันจะไปอยู่ตรงไหนได้นะ


บรู๊วว


   เสียงหมาที่หอนยาวช่างคุ้นเคยในความทรงจำ


   “หมาจากไหนก็ไม่รู้หอนได้น่ากลัวเป็นบ้า”เจ้าเด็กปั๊มที่เขามาจอดเติมน้ำมันบ่น


   “ได้ยินเมื่อไหร่”


   “ห๊ะ”


   “ฉันถามว่าได้ยินเสียงตั้งแต่เมื่อไหร่”ความใจร้อนทำให้เผลอตะคอกไปจนเจ้าเด็กหน้าซีด


   “เมื่อคืนนะ เหมือนมีคนเห็นหมาป่าด้วยนะ เลยออกไล่มันใหญ่ไม่รู้ตัวเดียวกันรึเปล่า”


   “ไอ้หมาโง่  ไม่ต้องทอน”เงินฟ่อนใหญ่ถูกโยนให้เด็กปั๊มก่อนที่คนใจร้อนจะรีบบึ่งรถจากไป


   “อ้าวคุณ...”


   “อย่าเป็นอะไรไปนะ ไอ้หมาโง่”มือสองข้างกำแน่นที่พวงมาลัย เท้าเหยียบคันเร่งจนแทบมิด  บรรยากาศขมุกขมัวทำให้ทัศนวิสัยแย่แต่กลับไม่เป็นผลกับคนใจร้อนที่ขับรถไปตามจุดที่คาดว่าจะเป็นต้นกำเนิดของเสียง  กลุ่มคนที่มุ่งตรงไปทางเดียวกันพร้อมอาวุธทั้งมีดและปืนในมือทำให้ใจกระตุกก่อนจะตัดสินใจหักรถเข้าขวาง


   “เฮ้ย  ทำบ้าอะไรว่ะ”เสียงตะโกนดังลั่นด้วยความโมโหจากหนึ่งในกลุ่มคนที่เขาขับรถตัดหน้า


   “ไม่เอาน่าพี่ชาย หมาตัวนั้นนะให้ฉันจัดการเองดีกว่านะ”คาเซอริโอที่ก้าวลงจากรถมาพูดเสียงเรียบ อากาศด้านนอกหนาวจนเขาอดจะนึกห่วงหมาบ้าบ้างตัวไม่ได้


   “แต่ว่า..”เสียงของชายคนเดิมเงียบหายไปเมื่อเพื่อนสะกิดยิกๆให้มองมัจจุราชสีดำในมือคนมาใหม่


   “เออ  เอามันไปให้พ้นๆทีแล้วกัน”กลุ่มคนกลุ่มย่อยๆยอมถอยห่างไป  ดวงตาสีเทามองตรงเข้าไปในซอกตึกก่อนจะออกแรงวิ่งเมื่อเห็นเงาบางอย่างในหางตา


   “แกจะหนีฉันไปไหน”คาเซอริโอตวาดเสียงลั่นท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด  ดวงตาสีน้ำตาลบนใบหน้าแหลมยาวเหลือบมองมาทางเขาเพียงนิดก่อนจะวิ่งต่อไปข้างหน้า


   “แกคิดว่าจะหนีฉันพ้นงั้นเหรอ”มนุษย์สองขาที่ชินพื้นที่มากกว่าออกแรงวิ่งตามสุดฝีเท้า แม้จะคุ้นเคยพื้นที่มากกว่าแต่จะให้คนมาวิ่งตามหมายังไงก็ไม่มีทางทัน


   “แกบังคับฉันเองนะ”ปืนในมือถูกยกตรงไปข้างหน้าก่อนจะเล็งไปยังเป้าหมาย


ปุ้ง!


   เสียงสนั่นของกระสุนปืนถูกกลืนหายไปเกือบหมดด้วยกระบอกเก็บเสียง หมาปีศาจสีน้ำตาลขาวหยุดชะงักเมื่อกระสุนเจาะพื้นห่างปลายเท้าหน้าไปเพียงไม่กี่นิ้ว และนั้นเป็นเพียงโอกาสเดียวที่เขาจะกระโดดเข้าหามันและรัดมันแน่นด้วยสองแขนของเขา


   “แกจะหนีฉันไปไหน  ฉันไม่อนุญาตให้แกไปไหนทั้งนั้น”หมาในอ้อมแขนดิ้นรนหนีจากพันธนาการ  ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวอ้ากว้างส่งเสียงขู่ขำรามอย่างหน้ากลัวแต่เขากลับไปกลัวมันแม้แต่น้อย


   “แกต้องกลับไปกับฉันเข้าใจไหม”ดวงตาสองสีมองสบกันแม้มันจะไม่เข้าใจที่เขาพูดแต่เขาก็แน่ใจว่ามันต้องเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อแน่ๆ


   หมาปีศาจตัวใหญ่สงบลง มันยืนนิ่งมองตรงมาที่เขาก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายคลายแรงรัดลงและซบหน้าลงบนหน้าผากที่เย็นชื้นนั้น


   “ฉันขอโทษ อย่าหนีฉันไปไหนอีกเลยนะ”ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าหมาโง่มีเพียงลิ้นสีชมพูสดที่แลบเลียไปตามใบหน้าเป็นคำตอบเรียกรอยยิ้มให้แย้มขึ้นบนริมฝีปากของคนพูด















     มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  อ่านตอนนี้จบคงหายหน่วงกันแล้วเนอะ 555 แต่แหมเรื่องความรักมันยังไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกคะ       ก็คาโลเรายังไม่บอกรักพ่อหมาเลยนี่  จะบอกรักเมื่อไหร่ตอนไหน จะได้อยู่ด้วยกันไหมติดตามต่อได้เร็วๆนี้คะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่34 การตัดสินใจ.......16/06/58
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 09-07-2015 19:06:05
ขอบคุณค่ะ ในที่สุดคู่นี้ก็จบแฮปปี้แล้ว ว่าแต่จะมีภาคพ่องูไหมนะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รักEND9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 09-07-2015 23:24:07
ตอนที่ 35 รักหรือไม่รัก                  24/06/2558



   หิมะแรกตกมาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้จึงเหลือไว้เพียงความเย็นเฉียบและเกร็ดละอองสีขาวที่โปรยปรายไปทั่วทั้งถนนและบริเวณรอบๆเปลี่ยนบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยสีสันให้เหลือเพียงสีขาวที่เย็นชาและแสนเศร้า


   “ดอนต้องการพบคุณครับ”นั้นคือคำบอกกล่าวแรกทันทีที่ปลายเท้าในรองเท้าหนังมันปลาบเหยียบลงบนพื้นดินของคฤหาสน์


   “อืม”เสียงรับคำในลำคอแบบสั้นๆซึ่งผิดวิสัยทำให้คนสนิทผู้ไม่คุ้นชินตวัดตามองคนพูดก่อนจะปล่อยให้ความสงสัยตกเป็นตะกอนขุ่นไว้ด้านในเมื่อเจ้าของเสียงตอบรับแปลกๆในลำคอทำเพียงก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างมั่นคง ตรงไปสู้ด้านในของคฤหาสน์อย่างคุ้นเคย


   “ขออนุญาตครับ”


   “เข้ามาได้”ประตูไม้เนื้อหนาขยับเปิดออกโดยปราศจากเสียงก่อนจะปิดงับลงเช่นเดิม


   บรรยากาศในห้องนั่งเล่นของดอนอเรสซิโอเต็มไปด้วยความเงียบงัน นานๆครั้งถึงจะมีเสียงดังของหมากรุกที่ถูกจับวางในกระดานสีเหลี่ยมตรงหน้าชายผู้เป็นใหญ่ซึ่งนั่งเล่นกระดานหมากอยู่เพียงลำพัง


   “งานเป็นยังไงบ้างเฟอร์ดินา”


   “ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ”


   “งั้นเหรอ ฉันไว้ใจเธอได้สินะ”


   “ครับ แต่คงยังไม่ดีเหมือนตอนคาโล..”


   “ไม่เอาน่า เธอทำได้ดี ได้ดีเสมอตลอดเวลาที่ผ่านมา  ตลอดเวลาที่คาโลไม่อยู่”ดวงตาที่ก้มมองพื้นอยู่เสมอเผลอมองขึ้นสบตาคนพูด


   “ดอนหมายความว่ายังไงครับ”แม้น้ำเสียงจะดูเหมือนปกติแต่คนพูดกลับรู้สึกเหมือนน้ำลายนั้นช่างเฝื่อนคอนัก


   “หึ  นิสัยแบบนี้เหมือนคาโลนะ ไม่อ้อมค้อมตรงไปตรงมา”มือขาวจับหมากในกระดานขยับไปด้านหน้าก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ


   “คนๆนั้นเป็นยังไงบ้าง”


   “ดอนหมายถึง..”


   “คนนอก ผู้ชายคนนั้น”


   “ผม ไม่ได้สนิทกับเขานัก เขาพูดกับผมไม่ค่อยรู้เรื่องแต่โดยทั่วไปก็ไม่มีพิรุธอะไรครับ”


   “เธอ พูดจากใจจริงรึเปล่า จะโกหกฉันเหมือนคาโลอีกคนงั้นเหรอ”ฐานแก้วไวน์เนื้อดีกระทบเข้ากับโต๊ะแม้เสียงจะเบาแต่กลับกังวลไปทั้งใจของคนฟัง


   “ไม่ได้โกหกครับ ผมพูดความจริง”


   “งั้นเหรอ หึ ฉันจะถือว่าไม่ได้ยินแล้วกันนะ ส่วนเรื่องของคาโล ไม่สิของคนๆนั้นฉันคงปล่อยผ่านไปไม่ได้อีกแล้ว เธอเข้าใจความหมายของฉันใช่รึเปล่าเฟอร์ดินา”


   “เข้าใจครับ”เสียงตอบรับในลำคอเรียบเฉยแต่มือที่อยู่ข้างตัวกลับกำแน่นจนเล็บสั้นๆนั้นจิกเข้าไปในเนื้อ


   “นั้นสินะ  เธอฉลาด เรื่องแค่นี้คงเข้าใจได้ไม่ยาก หมากนะเราต้องรู้จักใช้ บางครั้งบางคราวเราก็จำเป็นต้องเสียสละหมากบางตัวเพื่อให้เราสามารถเดินต่อไปได้ ฉันหวังในตัวเธอนะเฟอร์ดินา ฉันไม่อยากผิดหวัง หัวใจฉันมันเจ็บช้ำมามากพอแล้วกับคนที่เปรียบเสมือนน้องชายเหมือนลูกของฉัน หึหึ อย่าถือสาคนแก่เลยนะฉันก็พูดไปเรื่อย  เธอไปพักเถอะ ยังไงฝากเรียกเทโซเข้ามาหาฉันที”


   “ครับ ผมขอตัวครับ”แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากพูดออกไปแต่กลับไม่มีคำไหนได้พูดออกมา มันเหมือนน้ำท่วมปาก ทุกอย่างน่าอึดอัดและตื้อไปหมด


   ประตูไม้บานหนาและหนักถูกเปิดออกและปิดลงอีกครั้งทิ้งห้องนั่งเล่นของดอนไว้เบื้องหลัง


   “คุณเฟอร์ดินาครับ”คนสนิทที่รออยู่ตรงหน้ารีบพุ่งมาหาเจ้าของชื่อที่มีสีหน้าไม่ดีนัก


   “ครับ ผมไม่เป็นหรอกแค่รู้สึกอยากพักสักหน่อยหลังไม่ได้นอนมาทั้งคืนแค่นั้นเอง”


   “เออ ครับ”แม้จะอยากถามแต่เพราะเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาทำให้ทั้งคู่ปิดปากเงียบ


   “สวัสดีครับคุณเทโซ ดอนรอพบคุณอยู่ด้านในนะครับ”


   “อืมงั้นเหรอ  สีหน้าแบบนั้นคำสั่งออกมาแล้วสินะ หึ ดอนคงเมตตาผู้ชายคนนั้นจริงๆสินะถึงได้ส่งเธอซึ่งเป็นเหมือนลูกไปจัดการ อย่าให้พลาดซะหละ”


   “ผมขอตัวครับ”ผู้อ่อนวัยกว่ารีบขอตัวแล้วสาวเท้ายาวๆเพื่อไปให้พ้นคนตรงหน้า  ผู้ชายคนนั้นกล้าดียังไงถึงได้พูดแบบนั้น กล้าดียังไงกัน


   “โธ่เว้ย”คนที่เก็บอารมณ์ดีได้เสมอมาเตะกระถางต้นไม้หน้าบ้านเต็มแรงจนกระถางเคราะห์ร้ายตกกระแทกพื้นแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆแต่คนทำกลับไม่ใส่ใจทำเพียงก้าวยาวๆเข้าไปในบ้านหลังเล็กแล้วกระชากประตูออก ก้าวขาผ่านห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่ว่างเปล่าเดินเร็วๆไปที่ชั้น 2 แล้วกระชากประตูบานหนึ่งออก


   “คาโล”ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อ ห้องที่น่าจะมีใครอีกคนนอนอยู่กลับว่างเปล่า เตียงนอนที่ยับย่นและถาดอาหารเช้าของเมื่อวานที่วางอยู่ที่เดิมโดยปราศจากการเตะต้อง  ฝ่ามือขาวตามเชื้อชาติหยิบเอาช้อนมาคนซุปที่เย็นชืดก่อนคนทำจะทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ยกมือสองข้างขึ้นกุมขมับอย่างครุ่นคิด


   ตลอดเวลาที่คาโลหายไปเขาเอาแต่ครุ่นคิดและเป็นกังวลไปต่างๆนานาๆ แม้คาโลจะหายไปทำงานนานๆบ่อยครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนเหมือนครั้งนี้ คาโลหายไปนาน ขาดการติดต่อเหมือนคนตายที่หายไปจากโลก เขาแทบบ้าเมื่อรู้ว่าติดต่อคาโลไม่ได้ แต่ก่อนที่เขาจะเสียสติไปจริงๆคาโลก็กลับมาพร้อมผู้ชายอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จัก ผู้ชายที่คาโลเป็นคนประครองเอาไว้ในอ้อมแขน  แววตาสีเทาที่ทอดมองไปยังคนๆนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้เจ้าตัวจะพยายามกลบกลื่นแค่ไหนแต่ทุกครั้งที่คิดว่าเขาไม่เห็นดวงตาคู่นั้นก็จะทอประกายอ่อนโยนออกมาเสมอ คาโลของเขาเปลี่ยนไป


   เมื่อก่อนเขาเคยนึกอิจฉาดอน  อิจฉาที่ได้ความรักความใส่ใจจากคาโลไป แต่เมื่อเขาโตขึ้นเขากลับเริ่มสงสัยในความรักนั้นของคาโล จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นก้าวเข้ามา ความสงสัยของเขาก็กลับกระจ่างใสขึ้น แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวก็ตาม คาโลไม่ได้รักดอนแต่กับผู้ชายคนนั้น


   คิดมาถึงตรงนี้มือทั้งสองข้างก็เผลอกำแน่นจนเจ็บนิ้ว ก่อนคนตัวสูงจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวยาวๆออกไปนอกบ้าน


   เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มก่อนตัวรถจะกระชากออกไปเต็มแรง


   “คุณทำแบบนี้ถือว่าเมตตามากไปนะครับ”


   “หือ นึกว่านายจะบอกว่าฉันโหดร้ายซะอีก”คนที่ยังนั่งโขลกหมากรุกอยู่ที่เดิมถามขึ้น


   “หึ นั้นสิครับ ให้คนที่เป็นเหมือนลูกไปฆ่าพ่อ ดูยังไงก็เป็นการลงโทษที่แสนจะทรมาน แต่หากคิดในมุมกลับนั้นเป็นการกระทำที่เมตตาอย่างถึงที่สุด หากเฟอร์ดินาจะแอบเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วปล่อยให้หายไปมันก็เป็นเรื่องง่ายๆเลยนะครับ”


   “นั้นสินะ แล้วนายคิดว่าเฟอร์ดิน่าจะเลือกทางไหน”คนที่ยืนมองจากหน้าต่างหมุนตัวกลับเข้ามาในห้องเมื่อมองเห็นรถอีก 3-4 คันขับตามคันแรกออกไป


   “มันไม่สำคัญหรอกครับว่าผมเลือกทางไหน มันสำคัญที่คนๆนั้นจะเลือกทางไหนมากว่า”


   หมากสีดำถูกผลักให้เดินไปด้านหน้าก่อนจะกวาดหมากสีขาวหนึ่งตัวออกจากกระดาน คำสั่งครั้งนี้เป็นคำสั่งที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว  ตัวแรกคือกำจัดคาโลไปให้พ้นทาง ตัวที่สองคือเฟอร์ดินา มันคือบททดสอบความสามารถและความจงรักภักดีของคนๆนั้น ฝีมือของเฟอร์ดินา คาโลเป็นคนถ่ายทอดให้ คาโลเป็นคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก กับดอนผู้เป็นเจ้านายและสมาชิกคนอื่นๆในแฟมมิลี่ เฟอร์ดินาต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกใคร



   เสียงเบรกห้ามล้อดังสนั่นก่อนรถสีดำสนิทจะจอดสนิทที่ด้านหน้าของโรงแรมขนาดเล็ก เสียงสัญญาณมือถือในมือกระพริบถี่ๆบอกได้ว่ามันพาเขามาถึงเป้าหมายแล้ว ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยนี้ที่ทำให้เขาไม่ต้องสะกดรอยตาม


   รองเท้าหนังมันปลาบก้าวลงมาจากรถ ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นกรอบดำมองรถป้ายทะเบียนคุ้นตาที่จอดอยู่ด้านหน้า  รถของคาโล ฝ่ามือขาวในเสื้อโค้ทกำแน่นจนขึ้นข้อ ก่อนจะก้าวช้าๆไปยังทางเขาด้วยใจที่เต้นระทึก


   “จะเปิดห้องงั้นเหรอ”เสียงทักมาจากด้านหลังลูกกรงจากคนที่ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์


   “อืม”


   “จ่ายมา ราคา..”เสียงบอกราคากลืนหายไปในลำคอเมื่อสิ่งที่ยื่นเข้าไปในช่องเล็กๆของลูกกรงไม่ใช่แบงค์ธนบัตรแต่เป็นวัตถุสีดำที่คร่าชีวิตคนได้


   “นั่งนิ่งๆไปเหมือนเดิมนั้นแหละ แล้วอย่าคิดจะแจ้งตำรวจหรือกดสัญญาณเตือนภัยที่ใต้โต๊ะหากยังไม่อยากให้กระสุนมันฝั่งเข้าไปในหัวนะครับ”เจ้าของปืนพูดเสียงเรียบก่อนจะคว้าเอากุญแจห้องพวงใหญ่ขึ้นมาจากเจ้าของ


   บันไดเล็กๆส่งเสียงดังทุกครั้งที่ถูกเหยียบย่างขึ้นไปด้านบน ประตูห้องถูกไขเปิดออกอย่างเงียบกริบที่ละห้อง ทีละห้อง


   “เฮ้ย อะไรวะ”เสียงผู้ชายตัวอ้วนที่เปลือยล่อนจ้อนตะโกนด่าเสียงดังเมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ก่อนที่จะได้อ้าปากโวยวายก็ต้องหุบปากหน้าซีดถอยไปรวมกับผู้หญิงที่นั่งสั่นอยู่หัวเตียงแทบไม่ทันเมื่อตามองเห็นมัจจุราชสีดำในมือ


   ดวงตาคู่สวยมองสัญญาณกระพริบบนมือถือที่ยังกระพริบอยู่ที่เดิมก่อนจะก้าวขึ้นไปบนชั้น 3 และลงมือไขประตูห้องช้าๆ


แกร๊ก


   เสียงลูกบิดที่ถูกปลดล็อคดังลั่นถามกลางความเงียบก่อนมือขาวจะดันประตูสีน้ำตาลบานเก่าให้เปิดออกช้าๆ ห้องขนาดเล็กที่สลัวด้วยแสงสีส้มจากโคมไฟอันเก่า บรรยากาศอึมครึมไม่ทำให้ใจคนมองเย็นเฉียบได้เท่ากับร่างของใครบางคนที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่า


   “คาโล”




หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 09-07-2015 23:36:14
กรร


   ขาวยาวที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องหยุดชะงักเมื่อหูได้ยินเสียงขู่จากใครบางคนที่นั่งอยู่บนเตียงในสภาพที่มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำใส่ไว้อย่างหมิ่นเหม่


   เหมือนมีสายฟ้านับพันฟาดลงมาบนใจของเฟอร์ดินา ห้องพักเก่าๆกับผู้ชายสองคนที่แทบจะไม่มีเสื้อผ้าติดกาย คนหนึ่งคือคาโลผู้ชายที่เขาคุ้นหน้า อีกคนคือคนแปลกหน้าที่ไม่อยากแม้จะมองหน้ามัน


   “แก”ปืนในมือถูกยกเล็งไปด้านหน้า สันกรามขบกันแน่นจนได้ยินเสียงลั่นเปรี๊ยะในสมอง แม้จะเผลอคิดไปถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ก่อนมาที่นี้ แต่พอมาเห็นเองกับตา กลับเป็นเขาที่ทนมองแทบไม่ได้ ในหัวเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ จนโป่งพองจนคล้ายระเบิดลูกยักษ์ที่รอเวลาระเบิดออก


   “ถอย ออกมาจากคาโลซะ  ออกมาจากตรงนั้น”เฟอร์ดินาตวาดก้อง หอบหายใจเหมือนคนเหนื่อยจัด ช่องอกบีบรัดจนเจ็บไปทั่ว และยิ่งเจ็บแน่นขึ้นไปเมื่อคนที่เขาต้องการให้มันออกห่างจากคาโลดันขยับเข้าไปชิดพร้อมทั้งขู่คำรามใส่เขา และในขณะเดียวกันเสียงตวาดของเขาก็ทำให้คนที่นอนนิ่งมาตลอดตื่นขึ้นมา


   “เฟอร์ดินา”ดวงตาสีเทาเบิกกว้างมองเจ้าของชื่อนิ่ง ก่อนจะมองสลับไปมาระหว่างเจ้าของชื่อและคนข้างตัว


   “เออคือ แกกำลัง คือ.”คนที่มั่นใจตัวเองอยู่เสมอกลับติดอ่างขึ้นมากะทันหัน มือขาวรนรานคว้าเอากางเกงเนื้อดีที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาใส่ แต่ยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟในคนหน้าห้อง ที่ขบกรามแน่นจนเส้นเลือปูดโปนขึ้นบนหน้าผาก


   “บ้าจริง มัน โธ่โว้ย..”คนที่เคยมีสติอยู่เสมอเหมือนจะสติแตกขึ้นมากะทันหันเมื่อเหตุการณ์มันไม่เป็นอย่างใจคิด ไม่สิเขาเคยคิดเอาไว้แต่คิดไม่ถึงเท่านั้นเองว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้


   “คุณทำแบบนี้ได้ยังไง”เสียงถามจากคนที่ยังยืนถือปืนนิ่งอยู่หน้าห้องทำให้ในอกเจ็บแปลบเหมือนมีมีดมาเฉือน มันคงผิดหวังในตัวเขาสินะ


   “ขอโทษทีนะ”


   “ขอโทษทำไม คุณทำอะไรผิด บอกผมมาสิ บอกผมมา”เสียงตวาดกร้าวจากเด็กตรงหน้าทำให้อดรู้สึกแปลกในอกขึ้นมาไม่ได้ เขาหวังว่ามันจะทำมากกว่ามายืนด่าเขาแบบนี้อย่างน้อยก็คิดว่าคงโดนสัก 2 หมัด


   “ก็อย่างที่เห็น”ดวงสีประหลาดของเด็กตรงหน้าเบิกกว้างขึ้น


   “คุณนอนกับมัน”


   “อืม”สิ้นเสียงตอบรับในลำคอ เงาสีดำก็วูบผ่านมาตรงหน้าก่อนหมัดขวาจะฮุกเข้าเต็มแก้มซ้ายแรงโถมปะทะและแรงหมัดทำให้ทั้งตัวล้มกระแทกพื้น


   “ไม่ต้อง”เสียงตวาดลั่นจากคนที่เป็นรองทำให้เจ้าหมาปีศาจตัวโตในร่างคนหยุดชะงัก อุ้งมือแข็งแกร่งสวนหมัดที่สองเข้าที่แก้มเขา รสเค็มประแล่มของเลือดกระจายในปากแต่เขากลับไม่คิดจะห้ามมัน


   “ทำไม ทำไมคุณทำแบบนี้ ทำแบบนี้ทำไม ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจ”หมัดที่สองหยุดลงไม่มีหมัดที่สาม เมื่อมือคนทำไม่ว่างพอ บัดนี้มือสองข้างที่กำลังเท้าคร่อมตัวเขามันสั่นระริก  เส้นผมสีทองสั้นยุ่งเหยิงและชื้นเหงื่อปิดบังซ่อนแววตานั้นจากเขา


   “คำตอบยังไงหละ คำตอบที่แกเคยถามฉัน”


   “ทำไมหละ คุณเลือกแล้วงั้นเหรอ”


   “ใช่ ฉันเลือกแล้ว”คาเซอริโอตอบเสียงเบาแต่กลับหนักแน่น คำถามที่มันเคยถามเขาเมื่อตอนที่เขากลับมาที่นี่ใหม่ๆ เขาคิดจะทำอะไร เขาคิดยังไงกับเจ้าหมาบ้าซาเวียร์ ตอนนี้เขาคิดว่าเขาตอบตัวเองได้แล้ว  ตอบได้แล้วว่าทำไมถึงไม่ยอมสลัดมันให้พ้นตัว ตอบได้แล้วว่าทำไมถึงยอมโกหกดอนเพื่อปกป้องเจ้าตัวโตหัวฟูนั้น และทำไมถึงต้องมาตามมันถึงที่นี่


   “งั้นหากผมจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างคุณคงไม่โกรธสินะครับ”


   “แล้วถ้าฉันโกรธแกจะไม่ทำงั้นเหรอ”


   “หึ นั้นสิครับ แต่ต่อให้คุณโกรธผมเกลียดผม ผมก็จะทำแม้มันจะหมายถึงการฆ่าคุณก็ตาม”ปืนพกสั้นอีกกระบอกถูกหยิบขึ้นมาจ่อหน้าเขา ท่ามกลางเสียงขู่คำรามของเจ้าหมาตาสีน้ำตาล


   “แกคิดจริงๆหรือว่าปืนแค่นั้นจะฆ่าฉันได้”คาเซอริโอถามเสียงเรียบไม่ยี่ระต่อปืนที่จ่อประชิดหน้าผาก


   “เมื่อก่อนถ้าเป็นผมสมัยยังเป็นเด็ก ผมคงไม่มีสิทธิแม้แต่จะเล็งปืนไปทางคุณด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ ผมในตอนนี้กำลังเอาปืนจ่อคุณอยู่นะครับคาโล”ดวงตาสีเขียวผมฟ้าสีนิ่งกับดวงตาสีเทา ช่วงเวลาสั้นๆที่แทนพูดได้มากมาย


   “ฉันคงทำให้แกผิดหวัง ขอโทษด้วย”


   “ผมผิดหวังเพราะคำขอโทษจากคุณมากกว่า คนอย่างคุณที่ไม่เคยขอโทษใคร แต่มาตอนนี้ หึ  ผมขอถามอะไรคุณเป็นอย่างสุดท้ายได้ไหมครับ”


   “ว่ามาสิ”


   “คุณมีความสุขรึเปล่า”บรรยากาศเงียบงันแผ่กระจายไปทั่วห้องพักขนาดเล็กก่อนที่คาเซอริโอจะยกยิ้มบางๆที่มุมปาก


   “นั้นสินะ”


   “ลาก่อนครับคาโล”รอยยิ้มจากคนสองคนที่ผูกพันกันมากว่าครึ่งชีวิต รอยยิ้มบางๆก่อนที่คนซึ่งเป็นรองมาตลอดจะเบี่ยงตัวหลบ มือประกบแย่งปืนมาพร้อมกับพลิกตัวขึ้นคร่อม


แกร็ก


ปัง


   กระสุนเพชฌฆาตพุ่งออกจากปากกระบอกปืนกระทบเข้ากับผนังห้องฝั่งตรงข้าม สกัดให้กลุ่มคนที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาชะงัก


   “ไป”ฝ่ามือขาวกระชากแขนเจ้าหมาที่ยืนนิ่ง ขายาวถีบโครมที่บานหน้าต่างเก่าจนหลุดกระเด็น โผตัวออกจากชั้น 2 อาศัยชั้นพักเล็กๆเป็นฐานในการกระโดดต่อมาชั้น 1 ต่างจากเจ้าหมาบ้าที่กระโดดพรวดเดียวถึงพื้น    


   ปืนในมือสาดกระสุนกลับไปบนช่องหน้าต่างก่อนจะออกแรงวิ่ง


   “เป็นอะไรไหมครับ”คนสนิทถามพร้อมพยุงคนที่ล้มไปกองอยู่บนพื้น


   “ไม่เป็นไร รีบตามไปเร็วครับ”เฟอร์ดินาพูดเร็วๆก่อนจะวิ่งลงไปที่ชั้น 1 กลุ่มคนกว่า 20 คนกระจายตัวกันอยู่ด้านหน้า ขายาวก้าวผ่านรถคันคุ้นตาที่จอดนิ่งไปยังด้านหลังโรงแรม ตรอกเล็กๆอันคดเคี้ยวเขามองไม่เห็นคาโลแล้วแต่ทันเห็นหลังลูกน้องไวไว


   “ตามไป”คนเป็นหัวหน้าออกคำสั่ง กลุ่มคนในชุดดำกลุ่มเล็กๆวิ่งตามไปทันทีรวมกับพวกก่อนหน้านี้ไม่น่าจะเกิน 10 คน


   “แล้วคุณหละครับ”คนสนิทหันมาถามคนที่ยังยืนนิ่ง


   “ผมจะไปดักอีกทางครับ  คนอย่างคาโลนะวิ่งหลบบนถนนเล็กๆได้ไม่นานหรอก”ร่างสูงตามวัยหมุนตัวกลับไปที่รถส่วนตัวก่อนจะกระชากรถออกไปด้วยความเร็ว ด้านหลังเป็นรถลูกน้องที่ขับตามมาอีก 3-4 คัน คุณทำตามการตัดสินใจของคุณงั้นผมก็ขอทำการ
ตัดสินใจของตัวเองบ้างนะครับ



   เสียงฝีเท้า 2 คู่วิ่งเคียงกันไปบนถนนเล็กๆของเมือง ยามเช้าที่อากาศแสนเย็นสบายผู้คนค่อนข้างน้อยแต่ก็มีให้เห็นบ้างประปราย เสียงกรีดร้องดังระงมเมื่อผู้ชายกลุ่มใหญ่วิ่งไล่กันมาพร้อมกับเสียงปืนที่ดังสนั่น


   “บ้าชิบ”คาเซอริโอพิงหลังเข้ากับพนังบ้านหลังหนึ่ง ปืนในมือเหลือกระสุนอยู่ไม่มาก เขาไม่มีเวลามากพอที่จะวิ่งไปเอาปืนที่รถ ทั้งของตัวเองทั้งของที่ชิงมาจากจ้าเฟอร์ดิน น่าจะต้านอยู่ไม่นาน แล้วยิ่งการยิงแบบไม่หวังชีวิตแบบนี้มันเปลืองกว่าการฆ่าทิ้งนะเจ้าพวกบ้า


ปัง ปัง


   กระสุนสองนัดถากกำแพงด้านข้างจนเสียงดังลั่น  คาเซอริโอคอยจับจังหวะก่อนจะยิงปืนสวนแล้วพุ่งตัวออกไปด้านหน้าปืนสองกระบอกในมือสาดกระสุนใส่พวกที่ตามมา หลายคนล้มลงไปนอนกับพื้น เขายิงสุ่มๆเพื่อสกัดมากกว่าหวังชีวิตแต่ก็ไม่แน่ว่าอาจมีบางคนดวงถึงฆาตตายไปบ้างและเขาก็ไม่มีเวลาว่างขนาดจะหันกลับไปดูขายาวๆรีบก้าวข้ามถนนไปพร้อมกับเจ้าหมาที่วิ่งตามมาติดๆ ปืนที่หมดประโยชน์ทั้งสองกระบอกถูกปาทิ้งไปข้างทาง ก่อนปืนคู่กายจะถูกหยิบขึ้นมา ขายาววิ่งเร็วๆไปด้านข้างเสียงบีบแตรดังลั่นเมื่อเขาโผล่พรวดไปกลางถนน ร่างสูงของใครบางคนที่วิ่งตามมาจากด้านหลังโผล่ขึ้นมาขวางหน้า เสียงเบรคดังสนั่น รถจอดสนิทชิดท่อนขายาวโดยที่ฝาประโปรงหน้ายุบไปหลายนิ้วเพราะฝ่ามือสีน้ำผึ้งคู่นั้น


   “เฮ้ยอยากตายรึไง..”


   “ยืมรถหน่อยสิ”เสียงตวาดด่าจากเจ้าของรถร่างยักษ์หลุดหายไปในลำคอเมื่อมัจจุราชสีดำจ่อประชิดหน้าผากก่อนที่เจ้าของจะรีบกระเสือกกระสนลงจากรถ เสียงปิดประตูสองข้างดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ฝ่าเท้ากระทืบลงบนคันเร่ง รถคันเล็กกระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเทามองกระจกส่องหลังสลับกับมองทางข้างหน้าเป็นระยะ พวกที่วิ่งมาเมื่อกี้คงตามมาไม่ทันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพวกที่ขับรถตาม


เอี๊ยด


   เสียงยางรถบดถนนดังสนั่นเมื่อรถสองคันหักหลบกะทันหัน


   “นั้นมัน”รถสีขาวคันคุ้นตาที่ขับตามมาติดๆคือรถของเจ้าบ้าเฟอร์ดิน มันขับพุ่งเข้ามาแทบจะชนเขาทำให้เขาต้องหักหลบแต่ที่เขาแปลกใจจริงๆคือเจ้าหมาสีดำตัวเล็กแสนคุ้นตาที่มุมถนนนั้นต่างหาก


   “ซ็อค”เสียงที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้นและมันตรงกับสิ่งที่เขาคิดมากที่สุด ไอ้หมาปีศาจที่หายไปทันทีที่เขากลับมาโผล่ที่นี่ มันโผล่มาหลังจากหายไปแบบนี้หมายความว่ายังไง


   “หมอบลง”ตวาดเสียงลั่นพร้อมมือที่กดหัวฟูสีน้ำตาลให้ก้มลง กระจกหลังแตกกระจายพร้อมเสียงปืนที่ดังสนั่น ช่วงขณะหนึ่งที่รถสีขาวด้านหลังเบี่ยงหลบออกไปด้านข้าง เจ้าลูกน้องด้านหลังก็ยิงปืนสวนขึ้นมา


   “อยากให้ตำรวจแห่กันมานักรึไงไอ้พวกโง่”คาเซอริโอบ่นเสียงดัง เจ้ารถคันขาวขับมาจ่อติดท้ายอีกครั้ง


   “คิดจะเทียบรุ่นกับฉันยังเร็วไปไอ้หนู”คาเซอริโอยกยิ้มที่มุมปาก มือจัดการหักพวงมาลัย เสียงล้อบดถนนดังสนั่นรถตีวงโค้งกลับเกือบ 180 องศาก่อนจะเบี่ยงอีกครั้งเพื่อวิ่งไปในทางแคบ เสียงกรีดร้องดังระงมเมื่อบรรดาเก้าอี้ที่ตั้งไว้เตรียมเปิดร้านถูกชนล้มระเนระนาด ดวงตาสีเทากวาดมองถนนเส้นเล็กก่อนะจะหักรถอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ถนนที่มุ่งตรงออกนอกเมือง ที่ปลายของฟ้าด้านหนึ่งปรากฏพายุที่แสนจะคุ้นเคยขึ้นมา นี้อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้


   “จับแน่นๆหละไอ้หมาโง่”ฝ่าเท้าเหยียบลงบนคันเร่งเกือบมิด รถคันเล็กพุ่งทะยานไปยังพายุด้านหน้า การหักเข้าทางลัดเมื่อครู่ทำให้เขาสะบัดพวกนั้นหลบไปได้แต่ก็ยังเหลือเจ้าเด็กบ้าคนหนึ่งที่ตามเขามาติดๆ


   “ตามมาให้ได้ตลอดนะเจ้าเด็กโง่”เสียงล้อรถบดถนนดังลั่นเมื่อรถตีวงโค้งกลับมาเกือบ 180 องศาและพุ่งทะยานตรงเข้าหารถยนต์สีขาว ระยะห่างที่น้อยลงเรื่อยๆเป็นเสมือนการวัดใจก่อนที่รถยนต์สีขาวจะเป็นฝ่ายหักหลบและจอดนิ่งที่ข้างทาง


   “ไง ทำได้แค่นี้งั้นเหรอ”ประตูสีขาวเปิดกระแทกออกจนคนที่คิดจะเดินมาทักจุกไปทั่วท้อง


   “ผมทำได้มากกว่าที่คุณคิด”เสียงจากคนที่เพิ่งออกจากรถดังลั่น ก่อนขาวยาวๆจะตวัดเข้ากลางลำตัว คาเซอริโอยกแขนขึ้นกัน มือคว้าจับที่ข้อเท้าพลิกกระชากอีกคนจนล้มหงาย ฝ่าเท้าตามกระทืบซ้ำ คนเด็กกว่ากลิ้งตัวหลบรีบพยุงตัวขึ้นหมักฮุกซ้ายขวาตามติดมาแต่คนที่มากประสบการณ์กว่าก็หลบได้ทุกครั้งก่อนหมัดหนักๆจะสวนเข้าเต็มท้อง ลมที่เริ่มพัดแรงขึ้นทำให้ฝุ่นหมุนวนจนแทบมองไม่เห็นแต่กลับไม่ส่งผลใดๆต่อเขากับไอ้เด็กตรงหน้า


   “คาโล”เสียงเรียกจากคนที่ถูกกันให้อยู่นอกวงดังขึ้น หลังจากคาเซอริโอถีบคนเด็กกว่าจนล้มไปกองกับพื้นอีกครั้ง


   ภาพมายาของป่าที่ไม่คุ้นตาปรากฏขึ้นที่ขอบเขาสูงด้านข้างทาง เจ้าหมาตัวโตในร่างมนุษย์ยืนนิ่งรอเขาอยู่ตรงนั้น อีกฝั่งคือเจ้าเด็กเฟอร์ดินที่ยังคงนั่งกองอยู่กับพื้น ด้านหลังคือรถสีดำที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้ของพวกลูกน้อง


   ตอนที่ถูกส่งไปที่โลกนู้นในใจเขาคิดเพียงการกลับ กลับมาหาดอนคนที่เป็นยิ่งกว่าพี่ เป็นยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ตลอดเวลาที่อยู่ที่โน่นเขาพยายามที่จะกลับมาตลอด แต่เมื่อได้กลับมาจริงๆเขากลับพบว่าการกลับมาที่เดิมมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดอีกต่อไป ดอนไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาอีกต่อไป ดอนไม่ได้เปลี่ยนทุกคนไม่ได้เปลี่ยนแต่เป็นเขาเองที่เปลี่ยน
ไป


   “แม้อยากจะขอโทษแค่ไหนแต่คิดว่าดอนคงไม่รับคำขอโทษจากฉัน”ดวงตาสีเทามองสบคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมา


ปัง


   “คาโล”เสียงตะโกนเรียกจากคนสองคนดังสนั่นหลังเสียงลั่นของกระสุนปืน แต่เสียงสนั่นนั้นก็เทียบไม่ได้กับอ้อมกอดที่โอบกอดเขาแน่นจนแทบจะจมหายไปในอก


   “คาโล”เสียงทุ้มๆที่แสนคุ้นหูกระซิบแผ่วเบาแต่เหมือนเสียงสะท้อนที่ดังก้องไปมาไม่จบสิ้น เป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่าเขาจะปลอดภัยจากแรงมหาศาลที่กำลังเหวี่ยงเขาไม่มาเหมือนกับเครื่องปั่น


   “ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้วไง”เจ้าของชื่อตอบเสียงเบาแต่กลับหนักแน่น ฝ่ามือโอบกอดแผ่นหลังกว้าง ความอ้างว้างที่เกิดขึ้นเหมือนจะถูกความอบอุ่นนั้นปัดเป่าให้หายไป มันอบอุ่นไม่ใช่แค่ที่กายแต่อุ่นไปถึงหัวใจ


   “ขอบคุณที่อยู่ข้างฉันแล้วก็ขอโทษที่ทำแบบนั้น”อ้อมกอดนั้นรัดแน่นขึ้นแต่มันกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย ตลอดเวลาเขาคิดเสมอว่าดอนคือทุกสิ่งทุกอย่าง แต่วันหนึ่งที่มีใครอีกคนก้าวเข้ามาเขากลับพบว่ามันไม่ใช่ ดอนคือเทวดาที่ช่วยพาเข้าออกมาจากความเลวร้ายในวัยเด็ก มอบเพชฌฆาตสีดำเป็นของขวัญให้เขาในวันแรกที่ได้อยู่ด้วยดัน เขาถูกเฟอร์โร่สอนให้ทำงานรับใช้ดอน มอบชีวิตให้ดอน เขามองเพียงดอน ทำงานตามคำสั่ง ต่อให้มือนี้จะต้องเปื้อนเลือด ต่อให้ต้องฆ่าคนที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทเคยพูดคุยด้วยแต่หากเป็นคำสั่งของดอนเขาก็พร้อมจะทำ แม้จะบาดเจ็บจากงาน หลายครั้งที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่พอเขาได้รับคำชมจากดอน ความเจ็บปวดนั้นก็หายไป แต่คนที่คอยดูแลเขากลับเป็นเฟอร์โร่คนตัวใหญ่ปากร้ายที่เลี้ยงเด็กไม่เป็นคนนั้น คนที่เขาเรียกได้เต็มปากว่าเป็นพ่อในวันที่ใครคนนั้นจากไป คนที่เคยบอกว่าเขาดูโดดเดี่ยวแม้จะมีผู้คนมากมายล้อมรอบ และในวันที่ผู้ชายคนนั้นจากไปเขาก็ได้ของขวัญเป็นเจ้าเด็กเฟอร์ดินคนที่ทำให้ชีวิตเขามีแต่ความยุ่งและวุ่นวาย


   เด็กขี้แยที่วันหนึ่งๆเอาแต่ตามเขาต้อยๆ เด็กที่โดนเขาขู่จนหยุดร้องไห้ เด็กที่เขาสอนให้จับปืนฆ่าคนเพื่อดอน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าเด็กนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปยังคงเป็นเด็กโง่ที่ยอมปล่อยเขามา มันยอมปล่อยเขามา  ยอมทำตามแผนของดอน


   หากเทวดาของเขาจะฆ่าเขาให้ตายมันมีทางที่ง่ายกว่านั้นอย่างเจ้าหมอโรคจิตหรือเจ้าเทโซนั้น แต่กลับสั่งให้เจ้าเฟอร์ดินมาจัดการเขา  เจ้าเด็กโง่ที่เขาเป็นคนสอนทุกอย่างให้มันเองกับมือคนนั้น  เทวดาคนนั้นใจดีเกินไป ปล่อยให้เขาไปแต่ก็ไปแบบคนทรยศ เขาไม่มีทางได้กลับไปที่นั้นอีกเมื่อขึ้นชื่อว่าทำร้ายมือขวาคนใหม่ของดอนอย่างเจ้าเฟอร์ดินและลูกน้องในแฟมมิลี่ ดอนบีบให้เขาออก ออกไปจากแฟมมิลี่ และต้องแน่ใจว่าเขาจะไม่เอาความลับของแฟมมิลี่ไปบอกใครจึงได้ส่งลูกน้องพวกนั้นตามมา แม้เจ้าเฟอร์ดินจะแอบช่วยเขาแต่นี้ก็เป็นทางเดียวที่มันไม่ต้องรับโทษ เขาต้องหายไปพร้อมความลับของแฟมมิลี่ การเลือกเดินทางมากับเจ้าหมาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อคนอื่น แต่ที่เขาทำแบบนี้มันเป็นการเลือกเพื่อตัวเองต่างหาก


   ดอนมอบอาวุธให้เขาใช้ฆ่าคน  เจ้าหมานั้นก็มอบปืนคืนให้เขาทั้งๆที่มันรู้ว่าเขาฆ่าคนด้วยปืนได้ ล่าพวกมันด้วยปืนได้แต่มันก็ทำ มันแสดงให้เขาเห็นว่าตัวเองแสนกวนประสาทเอาตัวมาเกี่ยวพันกับเขาทำตัวเหมือนหมาโง่ปัญญาอ่อน เพียงเพราะมันบอกว่ารักเขา แต่ความแกล้งโง่ของมันก็ทำให้เขาหลงกลมัน ยอมให้มันอยู่เหนือกว่า  ยอมให้มันกกกอด มอบความอบอุ่นที่เคยคิดว่าจะได้จากคนอีกคน  เจ้าหมาโง่มันทดแทนส่วนนั้นได้ดี ดีจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจูบมันได้โดยไม่รู้สึกผิดในใจ กอดมันได้โดยที่ไม่ต้องคิดเรื่องใดๆ อยู่ในอ้อมกอดของมันได้โดยที่สามารถหลับได้อย่างสบายโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก


   หมาโง่ที่ยอมอยู่ข้างเขาแม้เขาจะทำร้ายมันทุกทางทั้งร่างกายและจิตใจเขารู้ดีว่าการแอบปรารถนาให้คนที่เราหมายปองมองลงมามันทรมานแค่ไหน แต่เจ้าหมานั้นมันก็ยอมที่จะเจ็บ ที่จะทนเพื่อได้อยู่กับเขา  ยอมทรยศกลุ่มเพื่อทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง ขอร้องอ้อนวอนตามเขามาทั้งๆที่รู้ว่าต้องทรมาน แต่ก็ยังยอมเสี่ยง  เสี่ยงโง่ๆในแบบของมัน


   ตอนนี้ความพยายามและความเสี่ยงแบบโง่ๆของมันสำเร็จแล้ว ไม่สิ อาจจะสำเร็จตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขาไม่ยอมรับมัน เขายังคงรั้นที่จะกลับมาเชื่อว่าสิ่งที่เขามีให้ดอนคือความรักแต่ความจริงไม่ใช่เลย มันคือความเทิดทูลบูชา เขาบูชาดอนเหมือนเทวดาทำตามบัญชาทุกอย่างโดยไม่ปริปากบ่น  ในขณะที่มันมอบให้และอยู่เคียงข้างเขามาตลอด


   “ฉันรู้ว่ามันอาจดูไม่ดีเท่าไหร่ที่พูดแบบนั้นตอนนี้ ตอนที่ฉันตัดสินใจจะกลับมากับแกเหมือนคนที่ไม่มีที่ไป แต่ฉันอยากให้แกรู้ว่าครั้งนี้ฉันเลือกมากับแกด้วยความเต็มใจ และฉันไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก ฉันอาจจะเคยทำไม่ดีกับแกและจากนี้ฉันก็ไม่สัญญาว่าจะทำดีกับแกได้มากกว่าเดิม ฉันเป็นมาเฟียเคยฆ่าคน ไม่อ่อนหวานหรือน่ารักเหมือนหมอฮิโตะ ไม่ได้ตัวผอมเหมือนเจ้าริวจิ ฉันอาจจะทำร้ายร่างกายแกอีกในอนาคต แต่สิ่งที่ฉันสัญญาได้คือจะใจดีกับแกให้มากขึ้น ใส่ใจแกให้มากขึ้น ได้ไหมให้ฉันได้อยู่ข้างๆแกได้ไหม”


   “เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ข้าชอบที่เจ้าเป็นเจ้า รักเจ้าที่ความแข็งแกร่งนี้  ร่างกายนี้  หัวใจนี้ ต่อให้เจ้าไม่ต้องเปลี่ยนอะไร ข้าก็รักเจ้า ข้ารักเจ้าได้ยินไหมคาโล”


   “อืม ฉันยอมให้ขนาดนี้ถ้าทำฉันเสียใจหละก็ฉันยิงแกทิ้งแน่  แล้วก็ฉันก็รักแกนะไอ้หมาโง่”


   พูดออกไปแล้ว  ทำไมถึงได้รู้สึกร้อนไปทั้งตัวขนาดนี้ ตัวพองเหมือนจะลอยได้แต่อ้อมกอดที่รัดแน่นจนเจ็บนั้นก็ทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด แบบนี้ดีที่สุดแล้วหละ



                                                                                END














           มาส่งตอนจบ  ตอนสุดท้ายให้แล้วคะ  เย้ๆ

           ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบแบบแฮบปี้แม้จะยากลำบากกว่าคาโลจะบอกรักซาเวียร์แต่ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้เเม้จะต้องลุ้นกันจนจบเรื่องก็เถอะ  และเเม้จะเป็นคำบอกรักก็ยังไม่ทิ้งลายความเป็นคาโลอยู่ได้ โหดได้อีกแน่ใจนะว่านี่คือ นายเอก 555

           สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเล้าเป็ดที่เปิดพื้นที่ในการลงนิยายให้นะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังผ่านทางยอดวิวและคอมเม้นนะคะ  เเม้เรื่องนี้จะรีบๆลงทำให้ลงได้ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นักจนเผลอคิดไปว่าคงไม่มีใครมาคอมเม้นแน่แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดคะ ขอบคุณจริงๆคะ หากมีโอกาสจะนำเรื่องใหม่มาลงให้อ่านกันนะคะ ส่วนนักอ่านท่านใดที่สนใจเรื่องนี้ในรูปแบบหนังสือสามารถติดตามได้ที่เด็กดี ค้นหาโดยใช้ชื่อเรื่องนี้ได้เลยคะ ขออภัยที่ไม่ได้ลงที่กระทู้ซื้อขายให้เรียบร้อยเนื่องจากเป็นรอบพิเศษก่อนส่งต้นฉบับให้โรงพิมพ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-07-2015 23:50:39
 :3123: :L2: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 10-07-2015 10:37:49
สนุกมากกกก แต่งดีมากๆ อ่านรวดเดียวเลย

จะมีตอนพิเศษต่อไหมน้า :))
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 10-07-2015 11:03:51
 :L1:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 10-07-2015 12:19:54
โอ๊ยยย ปวดใจสุดๆ สงสารคาโลจริงๆเลย แต่ก็ยังดีนะที่พี่คาโลเลือกตามที่หัวใจเรียกร้อง
กว่าจะยอมรับนะ เกือบตายไปก็หลายรอบอยู่ =.=; เหอๆ ตอนจบนี้ยังบีบหัวใจได้อีก
จบแล้วววว ชอบๆๆ ชอบเรื่องนี้มาก ติดตามมาตลอด ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 24-09-2015 13:48:30
 o13
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 23-10-2015 11:12:44
ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 24-10-2015 03:20:58
นึกว่าฟาร์ดิน จะติดตามมาด้วยซะอีก ฮ่าๆๆๆ สนุกค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 02-11-2015 03:15:47
เกือบแล้ว เกือบไม่ได้เจอหมาโง่อีกแล้วนะคาโล
ต้องเจอตัวกระตุ้นแรงๆถึงจะรู้สึก
สงสารหมาโง่ตาใสๆที่รักและซื่อสัตย์เสมอ
สุดๆคงเป็นคูลาตัส งูที่สุดจะลึกลับ
สุดท้ายตัวเองเลวเอง อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2017 12:52:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-03-2017 11:57:18
สนุกมากค่า
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 28-03-2018 09:15:21
 :ling1:


โหยยยยยยยยยย เรื่องนี้

ทำไมเราเพิ่งได้อ่าน โฮฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 04-07-2019 07:23:59
 :sad4: :sad4:
 อยู่ในนี้ตั้งหลายปีพึ่งมาเจอเรื่องนี้
สนุกมากกกค่ะ :katai2-1: :katai2-1: