ที่พูดมานั่นน่ะ คิดดีแล้วใช่ไหม!!"
.
.
.
"เอ่อใช่!! ผมขอลาออก ทั้งจากชมรมทั้งจากชีวิตพี่นั่นแหละ"
เพียงเพราะคำพูดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
ชีวิตรักสองปีของขุนก็พังทลาย
.
.
.
อนึ่งฟิกเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม
“เรื่องสั้นแนววาย หัวข้อ ‘ท่านขุน’”
ของสมาคมนัก(อยาก)เขียนฝึกหัดในเว็ปเด็กดีค่ะ
ผ่านมานานมาแล้วครึมอกครึมใจอยากเอามาลงค่ะ
จริงๆ อาจเคยมีใครเห็นเป็นเรื่องยาวลงอยู่ในนี้ด้วย
กราบขออภัยจริงๆ ที่ลบไปแล้วนะคะ
ความผิดพลาดทางการวางพล๊อตจริงๆค่ะ มันจะไปต่อไม่รอด
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
ระฆังหยกอ้วนกลม
Tittle :SINGLE PARTY โสดให้รู้ว่ารัก!
ผู้แต่ง : ระฆังหยกอ้วนกลม
-1-
เด็กหนุ่มยืนพิงกำแพง สายตามองผ่านผู้คนมากมายในหอประชุมไปยังจอโปรเจกเตอร์ที่อยู่หน้าสุด เสียงเพลงบรรเลงดาวน์อารมณ์เรียกน้ำตาได้จากหลายต่อหลายคน
...วีดีทัศน์อำลาของพิธีจบการศึกษาชั้นม.หกอันศักดิ์สิทธิ์...
คงจะซาบซึ้งได้มากกว่านี้หากตัวเขาเองไม่ได้อยู่แค่ม.ห้า
เพลงและภาพยังคงหมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก่อนดนตรีจะค่อยๆเฟตเบาลง หน้าจอสีดำปรากฏขึ้นตามด้วยข้อความขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วม และหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกันอีก
ไฟหอประชุมค่อยๆเปิดสว่าง หากแต่วีดีทัศน์ที่ควรจะจบกลับไม่จบ ข้อความสุดท้ายของวีดีทัศน์ลอยขึ้นมาเด่นชัดในดวงตาของเด็กหนุ่มแม้ว่าจะถูกสะท้อนด้วยแสงไฟก็ตาม
‘ตัดต่อโดย P’ซัน (ห้องหก) และ N’ขุน(มอ.ห้า) ชมรมโสตทัศนศึกษา’
ข้อความนั้นค้างอยู่ไม่นานก่อนตัวหนังสือจะวิ่งออกจากหน้าจออย่างช้าๆ แทนที่ด้วยรูปภาพรูปหนึ่ง รูปของเด็กหนุ่มสองคนยืนข้างกัน คนตัวสูงกว่าหน้าตาคมสวย แว่นใสไร้กรอบเสริมให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ควรเป็น ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มน้อยๆแต่จริงใจ ส่วนอีกคนหน้าตาสดใสยิ้มกว้าง ดูร่างเริง ต่างจากความเป็นจริงในตอนนี้ลิบลับ เพราะเจ้าตัวกำลังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เสียงโห่แซวของรุ่นพี่ที่อยู่ร่วมพิธีเรียกสติของ ‘ขุน’ ให้กลับมา เด็กหนุ่มกวาดสายตามองหาอีกคนที่ยืนเคียงเขาในภาพ...
‘พี่ซัน’
…การหาคนๆนึงในคนมากมายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่ถ้าเราใช้หัวใจหามันก็ไม่ยากเช่นกัน…
เขาอยู่ตรงนั้น ตรงประตูทางออกฝั่งด้านหน้าของหอประชุม
สายตาสองคู่ประสานกันอยู่ชั่วนาที ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะหันหลังเดินผ่านประตูออกไป คล้ายเป็นสัญญาณ...
...หากพลาดคราวนี้ ความรักที่เขาทำพัง คงไม่มีโอกาสได้มันคืนมาอีก...
รู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็เริ่มออกวิ่ง วิ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่หัวใจจะสั่งการได้
...หากพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ผมสัญญาเลยว่า ผมจะไม่ดื้อกับพี่อีกแล้ว...
[/b]
-2-
เสียงพูดคุยภายในห้องเล็กๆ ค่อยๆ เงียบหาย หลายคนเริ่มขยับตัวเข้าหากันเว้นระยะจากบรรยากาศมาคุของเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง
“นายจะเอายังไงว่ามาขุน” เสียงของซันที่เปล่งออกมานั้นฟังดูเนิบนาบแต่ก็แฝงไปด้วยความกดดัน
หากแต่รุ่นน้องหนุ่มที่อยู่ในโหมดโกรธไร้สติกกลับไม่ยอมลงให้ แถมยังทวีความรุนแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“มึงนั่นแหละจะเอายังไง เอะอะอะไรก็ด่าๆ กูไม่ใช่เครื่องจักรนะโว้ย จะได้ทำทุกอย่างตามใจมึงได้!!”
คนทั้งห้องแทบลืมหายใจด้วยความหวาดผวา กล้าขึ้นมึงกูกับพี่ซัน น้องขุนไม่ได้ตายดีแล้วเป็นแน่แท้
“ก็ นายมันไร้ความรับผิดชอบ รับงานไปเป็นเดือนแล้วยังไม่ทำให้เสร็จ งานมันต้องใช้พรุ่งนี้แล้ว ความรับผิดชอบน่ะมีไหม” เขาก็โกรธเป็นเหมือนกัน ไว้ใจให้ทำงานเพราะรู้ว่ามีความสามารถ แต่เด็กตรงหน้ากลับไม่ใสใจ
ขุนหลุบตาลงต่ำ อดกลั้นไม่ให้ตัวเองเผลอต่อหน้าประธานชมรมโสตทัศนศึกษาเข้าให้
...แม้กระทั้งตอนนี้ก็ยังจะบ่นเขาไม่เลิก...
“พอกันที” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองคล้ายตัดสินใจอะไรได้ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้เขารู้สึกรำคาญสุดหัวใจ
“ผมขอลาออก” ขุนประกาศกร้าวจ้องตาอีกฝ่ายอย่างท้าท้าย อยากทำให้เขาเจ็บปวดได้บ้างสักนิดก็ยังดี
“ที่พูดออกมาน่ะ คิดดีแล้วใช่ไหม” ซันยังคงพยายามใจเย็นพูดให้เด็กในปกครองได้สติ หากแต่ความโกรธของคนอายุน้อยกว่ายังคงบังตาไปเสียหมด
...โกรธที่ไม่ว่าจะตั้งใจขนาดไหน อีกฝ่ายก็ยังมองเขาเป็นเป็นเด็ก
โกรธที่ไม่เคยรักษาน้ำใจกัน
โกรธที่แม้แต่ยามที่ทะเลาะกัน อีกฝ่ายยังคงความเยือกเย็นไว้ได้...
.
.
”ผมลาออก” คำที่ถูกเน้นย้ำ แม้เพียงเป็นสามคำสั้นๆ แต่กลับมีอิทธิพลมหาศาล ซันยืนนิ่งงันอยู่แบบนั้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กนี่จะกล้าทำกับเขาแบบนี้
...ขุนเดินจากไปแล้ว ไปพร้อมความสัมพันธ์สองปีของพวกเขาที่จบลง...
-3-
เด็กหนุ่มนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงเป็นร้อยตลบก็ไม่อาจข่มตาหลับได้
มันไม่เชิงเป็นครั้งแรกที่ขุนทะเลาะกับพี่ซัน เคยมีเคืองๆ กันบ้างนิดหน่อยเป็นบางครั้ง แรกๆ ก็สะใจอยู่หรอกตอนปันจี้สาวน้อยน่ารักประจำชมรมโทรมาต่อว่าเขาเรื่องที่ทำให้พี่ซันฟิวล์ขาด แอบคิดว่าในที่สุดเขาก็ทำให้อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกออกมาได้
แต่ยังไงต่อจะให้ร้ายแรงขนาดไหนก็ไม่เคยเย็นชาขนาดนี้ไม่ใช่หรือไง คราวก่อนที่เขาดื้อไม่ยอมอ่านหนังสือสอบจนพี่ซันไม่ยอมพูดด้วย พอตกค่ำเจ้าตัวก็ส่งมาไม่ใช่เหรอ
...ราตรีสวัสดิ์ครับ...
อย่างน้อยๆ ก็...
...หลับซะ... เหมือนตอนที่เขางี่เง่าคราวก่อนก็ยังดี
ได้แต่คิดน้อยใจ ทั้งๆที่รู้เต็มอกว่ามันไม่ได้เหมือนเดิม รู้ทั้งรู้ว่าการขอลาออกครั้งนี้มันมีความนัยซ่อนอยู่ เป็นการบอกเลิกความสัมพันธ์อันยากจะระบุของพวกเขาทั้งสองคน
...เดินออกจากชมรม...ก็เหมือนเดินออกจากชีวิตพี่ซัน...
ความจริงข้อนั้นขุนรู้ดีอยู่แล้ว สถานะความสัมพันธ์ซับซ้อนของพวกเขาในเฟสบุ๊คมันก็ยากจะระบุดังชื่อ เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องในชมรมที่มากกว่าพี่น้อง เขาที่คิดจะออกจากชมรมมันก็ควรจะรับผลที่ตามมาให้ได้
...ก็เห็นทุกทีแม่งไร้ความรู้สึก ใครจะไปรู้ว่าคราวนี้จะโกรธตอบวะ...
“บ้าเอ๊ย!!” น้องขุนได้แต่ก่นด่าตัวเอง
รู้ตัวอีกทีเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตีห้า ตะวันจะขี้นอยู่ในอีกไม่ถึงชั่วโมงยังไม่ได้หลับเลยแม้แต่วินาทีเดียว
‘...เห้อ...ไปโรงเรียนเลยก็ได้วะ...’
เคยเดินในโรงเรียนตอนเช้ามืดกันหรือเปล่า...หากลองสักครั้งจะรู้ว่าต่อให้ไม่มีจิตสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงพลังงาน (?)
เช้าขนาดนี้ขึ้นตึกไม่ได้อยู่แล้ว ขุนจึงเดินไปตามทางเดินชั้นหนึ่งที่คุ้นเคย คล้ายมีพลังงานชักพา จนมาหยุดที่หน้าประตูบานหนึ่ง
น้องขุนเปิดประตูเข้าไปด้วยความคุ้นชินเช่นปกติ ก่อนจะพบว่า
...นี่กูมาทำอะไรที่นี่!...
ใช่แล้ว นี่คือห้องชมรมที่เขาพึ่งประกาศลาออกไปเมื่อวาน ไอ้ครั้นจะหันหลังกลับ ตาก็ดันไปเห็นแสงไฟที่ลอดช่องใต้ประตูอีกบานด้านในซะได้
...ห้องตัดต่อยังคงมีคนทำงาน...
ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในจิตใจ เพราะเขาที่ยังทำงานไม่เสร็จแล้วชิ่งลาออก จึงได้ทิ้งภาระให้คนอื่นต้องมาทำแทน
...ไร้ความรับผิดชอบ...
คำต่อว่าของรุ่นพี่หนุ่มดังก้องในสมอง พาให้สองขาเดินไปยังแสงไฟนั่น เข้าไปขอโทษคนที่ต้องมาลำบากแทนเขาสักนิดก็ยังดี
แต่ผิดคาด...ทันทีที่เปิดเข้าไปในห้อง หน้าจอคอมฯกลับไม่ถูกเปิดใช้ แผ่นดีวีดีใส่กล่องใสเรียบร้อยวางอยู่บนคีบอร์ด บนแผ่นนั้นมีลายมือสวยงามที่นึกอิจฉามาโดยตลอดเขียนเป็นข้อความสั้นๆว่า
...อำลาม.6 / ปี25XX...
รู้ได้ทันทีว่าใครกันที่ต้องมารับผิดชอบแทนเขา... รุ่นพี่หนุ่มที่ตอนนี้ใช้โซฟาแทนเตียง เหนื่อยมากจนลืมถอดแว่นเสียด้วยซ้ำ ชีทสรุปเนื้อหายังคงคาอยู่ในมือ ทั้งๆ ที่วันนี้มอหกมีสอบวันสุดท้าย กลับต้องมารับผิดชอบงานของเขา
สองมือค่อยๆ ประคองแว่นของรุ่นพี่ออกอย่างเบามือ ใบหน้ายามหลับของซัน ทำให้ขุนเป็นกังวล แม้กระทั่งตอนหลับ ยังจะขมวดคิ้วได้อีก
“ขุนทำให้พี่เครียดมากสินะครับ”
เด็กหนุ่มเผลอนวดหัวคิ้วประธานชมรมเบาๆคล้ายจะคลายจุด หากแต่นั่นก็ทำให้อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว...
-4-
แฮก แฮก แฮก
เด็กหนุ่มหอบหายใจด้วยความเหนื่อยผสมตื่นเต้น ขณะพิงตัวกับกำแพงห้องน้ำ สมองค่อยๆ ประมวลผลเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สักห้านาทีเพื่อตีความ
ในห้านาทีก่อนเขาคงตั้งใจมองหน้ารุ่นพี่มากไปหน่อย จึงได้เผลอคิดถึงพี่ซันตอนเจอกันครั้งแรกขึ้นมา
...รุ่นพี่ผู้เข้มงวดและจริงจังกับงานชมรมเสมอ...
...“ตั้งใจหน่อยสิ”...
...“ต้องทำแบบนี้กดตรงนี้ เวลาสอนก็ตั้งใจฟังหน่อย”...
...“เย็นนี้ว่างก็เข้าชมรมด้วย”...
จำได้ว่าแต่ไหนแต่ไรก็มักจะได้ยินคำพูดแบบนี้เสมอ ยิ่งกับเขาที่พี่ซันโดนฝากฝังให้สอนงาน ยิ่งถูกต่อว่ามากเป็นสองเท่า
เคยหมั่นไส้หน้าพี่คนนี้มากๆ จนคิดว่าจะทำตัวให้เก่งขึ้นจนพี่ซันหาข้อติเขาไม่ได้อีก แต่ก็เท่านั้นแหละ คนขี้บ่นก็ยังคงเป็นคนขี้บ่น
...“ช้าอีกแล้ว เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน มืดแบบนี้พี่ก็ต้องแวะไปส่งเราอีก” ...
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่มีพี่ชายคนนี้นั่งรถไปส่งบ้านทุกวัน
...ราตรีสวัสดิ์ครับ...
ตั้งแต่เมื้อไหร่กันนะที่คำๆ นี้มีผลต่อการนอนหลับของเขา
...พี่ติวก็ตั้งใจฟังหน่อยสิ...
...ขุนไม่เป็นไรนะครับ คราวหน้าลองดูใหม่ก็ไม่สาย...
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ชีวิตเขามีแต่ผู้ชายคนนี้อยู่เต็มหัวใจ
‘...พี่ซัน...’
“ขุน...”
เพราะมัวแต่เหม่อ เลยไม่รู้สึกตัวว่าคนที่เขาเผลอจ้องมองได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
ขุนเบิกตากว้างมองรุ่นพี่ด้วยความตกใจ สมองสั่งการให้ร่างกายหันหลังกลับและวิ่งหนี
‘หมับ’
แต่คงช้าไป เพราะถึงแม้จะคว้ามือไว้ไม่ทันแต่ชายเสื้อที่ตั้งใจปล่อยทิ้งไว้ให้ผิดระเบียบเล่นๆ กลับถูกจับไว้ได้
“ขุน...เย็นนี้...”
“พี่ซันอี้มาช่วยแล้ว!!”
ยังไม่ทันฟังคำพูดของพี่ซันรู้เรื่อง คนเขียนก็ได้ส่งตัวละครอื่นเข้ามาขัดขวาง
อี้หนุ่มน้อยมอสามที่เปิดประตูเข้ามาผิดเวลาหน้าซีดเผือด คล้ายว่าเขาคงมาขัดจังหวะอะไรสักอย่าง
ใช่!! เสียงตะโกนก่นด่าของผู้อ่านว่าอย่างนั้น
“อ้าวน้องอี้ แฮะๆ พี่ไปก่อนนะ” ขุนจึงรีบใช้โอกาสนี้ชิ่งหนีไปในทันที เหลือแต่พี่ซันและน้องอี้ที่นอนเงิบยืนเงิบไปตามๆกัน
กลับมาที่ฉากก่อนการย้อนความ ขุนได้แต่ก่นด่าตัวเอง ที่วิ่งหนีออกมาทั้งๆ ที่ยังฟังพี่ซันพูดไม่จบประโยค และแอบด่าคนขัดจังหวะเบาๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเขินจนต้องหนีออกมา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเขินอะไรก็ตาม
...ตอนเย็น?...พี่ซันต้องการบอกอะไรเขานะ...
คำสั้นๆ ที่ไม่ได้ใจความเช่นนี้ทำเอาน้องขุนชักปวดหัว คงไม่ใช่จะบอกว่าดีแล้วที่เราจบกันหรอกนะ หรือดีใจที่สุดที่ไม่ต้องเจอนายอีก แค่คิดก็จิตตกแล้ว ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย
...อย่างน้อย ขุนก็จะอยู่ขอโทษพี่ซัน...ให้ได้พูดกันอีกสักคำก็ยังดี...
-5-
ทันที่ที่วีดีทัศน์อำลาจบลง ทันทีที่พี่ซันเดินไป หัวใจของขุนก็สั่งให้เขาวิ่งตาม
...โอกาสสุดท้าย...หากปล่อยไปคราวนี้คงไม่มีความกล้าที่จะพูดกันอีก...
“พี่ซันครับ!” จึงได้แต่ตะโกนเรียกอีกฝ่ายในสถานที่ที่เราเคยเจอกันครั้งแรก
...ห้องโสตทัศนศึกษา...
ร่างสูงโปร่งหยุดชะงักก่อนหันมาเผชิญหน้ากับรุ่นน้องที่มาทำให้ ‘หัวใจ’ ของเขาวุ่นวาย เด็กหนุ่มที่หอบหายใจเพราะการวิ่งสุดชีวิต เพื่อที่จะตามเขาให้ทัน
“พี่ซันยกโทษให้ผมนะครับ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะครับ”
...ไม่กล้าขอไปมากกว่านี้....เพราะกลัว...กลัวว่าจะต้องผิดหวัง...
“ไม่...”
...แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมากไป...
เด็กหนุ่มก้มหน้าลง หมายจะซ่อนขอบตาที่ร้อนผ่าวให้พ้นจากอีกฝ่าย เจ็บ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อน
“เป็นอะไร ก้มหน้าทำไม ฮึ” ซันที่เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยถาม
“ผม...ก็...พี่...” ได้แต่อึกอัก น้อยใจ ผิดหวัง เสียใจ ควรตอบไปว่ายังไงกัน
ซันเผลอยิ้มกับท่าทีตะกุกตะกักนั้น...ยังคงเป็นคนที่เดาออกง่ายไม่เคยเปลี่ยน...
“ไม่อยากเป็นเหมือนเดิม”
...เพราะแค่พี่น้องมันไม่พอสำหรับเขาอีกต่อไป...
คนฟังเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ รอยยิ้มเอ็นดูที่ส่งมาทำให้เขาใจเต้นผิดจังหวะ
“คบกับพี่นะครับ”
เท่านั้น น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมา
“ฮึก...”
...ไม่ใช่การคิดไปเองฝ่ายเดียวอีกต่อไป...เครียดแทบบ้า...เพราะโดนตามใจจนเคยตัว...
“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้นะครับ”
ฝามือที่คุ้นเคยบรรจงลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน ความอบอุ่นเข้ากอบกุมหัวใจของคนทั้งสองคน ขุนปาดน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะมองพี่ซันอย่างจริงจัง
...เพราะพี่ชายคนนี้ทำเพื่อเขามาทุกอย่าง...คงไม่ผิดหากจะเพื่ออีกฝ่ายบ้าง...
“ครับ...คบกันนะ...”
...ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังอีก...ผมสัญญา...
.
...หลังจากวันนี้ห้อง ‘โสตฯ’ ก็จะไม่เป็นห้องของคน ‘โสด’ อีกต่อไป...
THE END
TaLk
จบแล้วค่ะ
อารมณ์อาจจะตะกุกตะกักหน่อยเนอะ เพราะตอนนั้นกติกาบังคับให้เขียนให้สั้นที่สุดและต้องแบ่งเป็นห้าตอนค่ะ ฮา
ยังไงก็จะกลับมากับเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นนิยายยาวนะคะ ตัวละครคงเปลี่ยน เหตุการณ์คงเปลี่ยน แต่ทีมเรื่องทีมเดิมค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกยังไงบอกกันได้นะคะ -ระฆังหยกอ้วนกลม