สวัสดีจ้า คุยกันก่อนเนอะ เรื่องนี้มีแรงบันดาลใจจากเพื่อนที่ชอบใช้น้ำหอม เวลาไปไหนเจอคนใช้กลิ่นเดียวกับเพื่อนก็จะหันไปมอง เลยคิดว่าถ้าตัวเอกของเราตกหลุมรักเพราะสะดุดกลิ่นหอมจะเป็นยังไง
ฝากด้วยนะจ้ะ
เนื้อเรื่องกับชื่ออาจไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่ ติชมกันได้ตามสบายแฮ :pig4:
******************************
สะดุดรัก...กลิ่นหอม
ผมเป็นหนุ่มหล่อ หึหึ หล่อมากเลยล่ะ
ผมไม่ได้หลงตัวเอง คนรอบข้างเขาบอกแบบนั้น
แต่ผมยังโสด...ก็ไม่มีคนที่เข้ากันได้น่ะ
แต่ผมไม่เจ้าชู้นะ!
ถ้าเจอคนที่ใช่ ผมก็ทุ่มหมดหัวใจเชียวล่ะ
ตอนนี้โสด แต่อีกสักพักคงไม่โสดแล้ว
เพราะผมกำลังสะดุดรัก ไอ้กลิ่นหอมนั่น
ผู้ชายตัวหอม
คนอะไรตัวหอมเป็นบ้า
ตอนที่1
เราเจอกันในร้านกาแฟ...กลิ่นหวานขมของกาแฟกับกลิ่นกายของเขา....
"ขอโทษครับ...ขอผมนั่งด้วยนะ" พูดจบผมก็ทิ้งตัวลงนั่งรีบกางโน๊ตบุ๊คออกส่งงานด่วนผ่านไวไฟของร้านอย่างรีบร้อน
"ฮาโหล...ผมส่งรายละเอียดไปได้รึป่าว ดูให้ดีนะรายนี้เค้าเน้นรายละเอียดมาก ฝากด้วยนะครับ"
เพราะคนเยอะ ไม่มีโต๊ะว่าง จึงต้องขอนั่งอย่างเสียมารยาท เคลียธุระเสร็จเก็บโน๊ตบุ๊คเข้ากระเป๋า เงยหน้ามาเจอเจ้าของโต๊ะที่นั่งอยู่ก่อน คนนี้หน้าคุ้นเคยเห็นในร้านนี้บ่อยๆ
"ขอโทษด้วยนะครับพอดีผมรีบ....โต๊ะเต็มหมด" ยิ้มอย่างขอโทษผมคงรบกวน เวลาเลิกงานคนกำลังแน่นร้านเลย
"ไม่เป็นไรครับ..."กล่าวยิ้มๆปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้มพลางยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วลุกเดินออกไป
ปลายจมูกผมสัมผัสเข้าอย่างจังกับกลิ่นหอมอ่อน...
กลิ่นที่ผมจำได้ดีชวนหวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยคุ้น
และก่อนที่ผมจะทันตั้งสติเขาก็เดินหายไปแล้ว
หลังเลิกงานผมรีบดิ่งมายังร้านกาแฟร้านประจำที่ๆจะทำให้ได้เจอกับเจ้าของกลิ่นหอมหวานนั้น....
ผมสั่งกาแฟและเค้กหนึ่งชิ้นเพื่อนั่งรอคนที่ผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ
นั่งรอกว่าชั่วโมงพยามยามมองคนที่เข้ามาในร้านว่าใช่รึป่าว ผมเห็นเขาหลายครั้งก็จริง แต่สารภาพเลยผมไม่เคยสังเกตตั้งใจจดจำ
ผมจำลักษณะด้านหลังเขาไม่ได้ ผมจึงต้องตั้งใจมองทุกคนที่เข้ามาเพราะกลัวว่าจะพลาดไป จะได้เจอรึป่าว เห็นบ่อยใช่ว่าจะมาทุกวัน
รอจนมืดแต่เขาก็ไม่มา.......
ผมไม่ละความพยายามสามสี่วันมาแล้วที่ผมมารอเขาทุกวันแล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้รอเก้อ ดวงหน้าขาวซีดปรากฏพร้อมกับเสียงกรุ้งกริ๊งของกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้น
"คาปูชิโน่ แล้วก็เค้กบลูเบอร์รี่"สั่งเสร็จก็กวาดสายตาคงมองหาที่นั่งผมจึงรีบทักออกไป
"สวัสดีครับ...วันนี้คนเยอะนะครับ....ถ้าไม่รังเกียจนั่งกับผมเถอะ"ผมดีใจตั้งแต่เห็นเขาเข้ามาในร้านแล้ว
ผมยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร แต่เขายังลังเลที่จะนั่งกับผม คนเยอะก็จริงแต่ใช่ว่าจะแน่นจนไม่มีโต๊ะว่าง
"ตอบแทนที่ให้ผมนั่งด้วยเมื่อวันก่อน"ผมยิ้มกว้างส่งสายตาอ้อนวอนให้เขามานั่งด้วยท่าทางเขายังลังเลแต่ก็ยอม
"ผมเห็นคุณบ่อยๆ คุณชอบทานเค้กหรอ"ผมเริ่มชวนคุยมองใบหน้าหน้าสีซีดที่ไม่บ่งบอกอารมณ์
"ครับ"
"ผมชื่อพัฒครับ...คุณล่ะ"
"เอ่อ...เรียกกิมก็ได้ครับ" ตอบพร้อมมองสบตานิ่ง นัยตาสีน้ำผึ้ง พาใจผมเต้นโครมครามนี่ผมเป็นอะไร?!!
"ขออนุญาตเสริฟครับ"เสียงบุคคลที่สามแทรกขึ้น
แอบโล่งอกเมื่อสายตาคู่นั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปมองเค้กตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มจางๆ
ถ้าเขาจ้องนานกว่านี้ผมคงหัวใจวาย
ผมมองพิจารณาคนตรงหน้าที่กำลังสนใจกับเค้กชิ้นเล็กน่ารับประทานกิมเป็นผู้ชายสูงโปร่งค่อนข้างผอม หน้าตาก็ธรรมดาไม่ได้หล่อเหลาอะไร แถมชอบทำหน้านิ่งๆอีกเหมือนคนเย็นชา ผมยาวหยักศกนิดๆที่ถูกรวบไว้หลวมๆ ปอยผมบางส่วนลงมาปรกคิ้วและแก้ม แต่ที่ทำให้รู้สึกสะดุดก็คงเป็นสีผิวที่มันขาวจัดจนเรียกว่า'ซีด'จะเหมาะที่สุด ในตาสีน้ำผึ้งภายใต้เปลือกตาสองชั้นที่ไม่ถึงกับโตแล้วพอพูดถึงดวงตาเจ้าของตาสีอ่อนก็มองสบตาผมอีกครั้งเล่นเอาผมหน้าร้อนผ่าวเลยแต่ผมก็ไม่ได้หลบตา
"เอ่อ...อร่อยมั้ย"รีบถามกลบเกลื่อน ดันเผลอจ้องซะนาน
"ครับ" ตอบก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม จ้องตาผมเขม็ง เฉยชาสุดๆ
"กิมอยู่แถวนี้หรอ"
"ครับ" ตอบสั้นอีกแล้ว นี่ใจคอเขาจะพูดอยู่คำเดียวนี่ใช่ไหม?
"ผมขอตัวก่อนนะครับ…มีงานต้องทำต่อ"
"เอ่อ...ครับ....พรุ่งนี้มามั้ย"ผมโพล่งถามทันทีที่เขาลุกขึ้น
"น่าจะครับ"ผมยิ้มดีใจกับคำตอบ เขาก็ยิ้มน้อยๆตอบกลับมาเช่นกัน
ยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มตามมารยาท...ยิ้มที่คิดว่ามาจากใจ เพียงเท่านี้หัวใจสั่นไปหมด มีเสน่ห์เหลือเกิน
ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งใจจะทำอะไรกันแน่แค่กลิ่นหอมที่ทำให้สะดุด ผมอยากเจอเขาอีก อยากรู้จักพูดคุย และอยากเห็นเขายิ้มอีกครั้ง
พอเลิกงานปุ๊บ ก็ดิ่งมาร้านกาแฟปั๊บด้วยใจที่เบิกบานโชคดีจริงๆที่ช่วงนี้ไม่มีโปรเจคใหญ่ ผมถึงได้เลิกงานตรงเวลา
วันนี้ผมมาเร็วและฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเขา คงมาได้สักพักแล้วดูจากเค้กที่แหว่งไปหลายคำ
แวบแรกผมเห็นเขายิ้ม ก่อนปรับเป็นสีหน้าเรียบเฉย
"สวัสดีครับ...กิมมานานแล้วหรอ"
"สักพักครับ"สั้นและนิ่งอีกเช่นเคย
"ขออนุญาตเสริฟครับ"
"วันนี้พี่พัฒไม่ทานเค้ก?" คำถามถูกส่งมาพร้อมคิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อย เขาชวนผมคุยรึนี่
"เครปเค้กเค้าหมดพอดีน่ะพี่ไม่ค่อยชอบอย่างอื่น" ตอบไปยิ้มไปครับ แอบดีใจนะเนี่ย เขาเรียกพี่ผมก็แทนว่าพี่เลยแล้วกัน
เขาน่าจะเด็กกว่าผมหลายปี
"กิมอายุเท่าไหร่ครับ"ถามให้หายข้องใจ
"24ครับ....พี่พัฒล่ะ"เขาเด็กกว่าผมจริงๆด้วย
"ลองทายดู"
"28มั้งครับ....."
ผมอึ้งนิดนึงไม่คิดว่าจะทายถูก
"เดาแม่นนะ...28แล้ว ดูแก่เลยมั้ย"
"....."ไม่มีคำพูดเพียงแค่ยิ้มนิดๆ พร้อมส่ายหน้าไปมา
"พี่พัฒเคยชิมเค้กบลูเบอร์รี่เขารึยัง...อร่อยนะครับ" พูดแล้วก็ตักเค้กบลูเบอร์ของตัวเองเข้าปากพร้อมอมยิ้ม ท่าทางมีความสุขคงจะชอบมาก เห็นเค้ายิ้มพลันหัวใจผมสั่นไหวขึ้นมาเสียดื้อๆ ยิ่งเขาสบตาใจก็ยิ่งเต้นเร็วแรงมันพองฟูย้ำชัดจนผมมั่นใจในความรู้สึก
'ผมชอบเขา' ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนนะ
ยามลิ้นเรียวไล้เลียขอบปากกระจับได้รูปที่เลอะครีม ใจผมสั่นไปหมด เขาตั้งใจยั่วรึป่าว
"กิม......"
มองผมนิ่งๆเมื่อผมเรียก เหมือนรอให้ผมพูดต่อ แต่พอสบตาผมแล้วกลับหลบตาเอียงอาย
ผมว่า....เขาคิดเหมือนผมนะ
"....มีแฟนรึยัง....."
อย่าเพิ่งมีนะ....
"......." หน้าที่ขาวจัดเริ่มขึ้นสีจนแดงจัด กัดริมฝีปากด้วย
.
"ไม่มีครับ" ก้มหน้างุดผมมองไม่เห็นหน้าแต่หูเขาแดงมากเลย เขินแบบนี้แปลว่ามีใจรึป่าว??
ผมกำลังตื่นเต้น และกำลังรอดูว่าเขาจะทำอย่างไร เราต่างคนต่างเงียบจนในที่สุดกิมก็พูดขึ้นก่อน
"เอ่อ.....ผมกลับก่อนนะครับ เอ่อ.....มีงานค้างอยู่" เขารีบลุกขึ้นท่าทางรีบร้อน คงจะทำตัวไม่ถูกสินะ
"เอ่อ...เดี๋ยวสิ!พี่ไปส่งนะ" ผมไม่อยากรออีกแล้วงานนี้ต้องรีบรุกสถานเดียว
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้วสายลมพัดผ่านจนผมกิมสะบัดหอบเอากลิ่นกายเขามาเข้าจมูก ผมแอบสูดกลิ่นเขาเต็มปอด
"พี่พัฒเป็นเกย์หรอ?"ผมยิ้มกว้างกับคำถามตรงๆของกิม
"อื้ม"
กิมก้าวขาเดินช้าๆโดยมีผมเดินข้างๆ ที่พักกิมอยู่ไม่ไกล เราจึงเดินมาด้วยกันอย่างใจเย็น
"รังเกียจพี่รึป่าว"
"ป่าวครับ!"ตอบทันที ท่าทางลนลาน ผมขำเบาๆ กิมมาดนิ่งคนที่ผมเจอในตอนแรกหายไปไหนแล้ว
"ไปกินข้าวกับพี่ก่อนได้ไหม....งานรีบรึป่าว"ผมอยากยืดเวลาออกอีกสักนิด
"ครับ" ก้มหน้าลงต่ำ ต้องเขินแน่
"ครับนี่...ไปครับหรือรีบครับ ??"ถามเขาหยอกๆ ชอบเวลาเขาเขินจัง
"ไปครับ!....พี่พัฒ....." ได้ผลครับหน้าเริ่มขึ้นสีแล้ว
"ทำไมต้องหน้าแดง" ผมคงเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหม
"ก็....ผมเขิน....."พูดเบาๆเหมือนพึมพำกับตัวเอง จริงๆแล้วผมเองก็เขินและตื่นเต้นเหมือนกันที่พูดแหย่แต่มันมีตวามสุขแปลกๆ
สีหน้าเปลี่ยนไปมา ไม่เหลือมาดนิ่งในคราวแรกที่เราเจอกันผิวที่ขาวซีดอยู่แล้วทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดมากขึ้น
เมื่อมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
"เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงร้านแล้วล่ะ"
"ระวังนะ....คนกำลังเยอะเลย"ผมโอบเอวบางของกิมเดินเข้ามาในร้านเบียดกับคนที่เดินสวนออกมา กลัวเขาโดนชนจนเซถลา ตัวยิ่งผอมๆอยู่
แต่หลังกิมเกร็งจนผมรู้สึกได้ ผมคงมือไวเกินไปรีบปล่อยมือเมื่อถึงโต๊ะ
กิมสั่งต้มจืดเต้าหู้ กับกุ้งผัดบล็อกโคลี่ ส่วนผมสั่งต้มยำกุ้งกับผัดหมูป่า แซบสะใจ
"อิ่มแล้วหรอเด็กน้อย...หึหึ"เอ่ยแซวเมื่อเห็นเขาวางช้อนยกน้ำขึ้นดื่ม
"อิ่มแล้วครับ!"ตอบแบบเคืองๆก็ผมแอบขำตั้งแต่ได้ยินเขาสั่งเมนูแล้ว เห็นตักมะเขือเทศในต้มยำกุ้งไปกินแค่คำเดียวกินน้ำหมดเป็นขวด
เจ้าตัวคงพอจะรู้ว่าผมขำเรื่องอะไร
"ก็กินเก่งนี่ทำไมถึงผอมแบบนี้ล่ะ"
"ผมกินยาก...นิยมแต่ผักแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลากิน"นึกแล้วเชียวเห็นตักกินแต่ผักต้มจืดก็กินแต่เต้าหู้
"งั้นหรอ...ไม่เป็นไรเดี๋ยวต่อไปพี่ขุนเองเอาให้กลมไปเลย......น้องเช็คบิลเลยครับ"
"กิมไม่ต้องนะ...พี่จ่ายเอง"กิมดึงบิลไปดู
"ไม่ได้หรอกผมเกรงใจ..คนละครึ่งละกัน" แล้วก็ส่งเงินให้พนักงานแต่ผมไวกว่าดึงมือกิมไว้แล้วส่งแบงเทาให้พนักงาน
"เอาไว้คราวหน้าค่อยเลี้ยงพี่"
"ผมเลี้ยงได้แค่ตามสั่งนะ... ผมจน"
"จ้า....พี่ก็ไม่ได้รวยมาจากไหนหรอกแต่วันนี้พิเศษ"พูดพร้อมกับอมยิ้ม กิมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
"ไปกันเถอะ...กลับเลยนะเดี๋ยวพี่เดินไปเป็นเพื่อน" ผมจับมือกิมไว้หลวมๆพาเขาเดินออกมาจากร้านที่คนเริ่มซาลงแล้ว
เราเดินมาด้วยกันต่างคนต่างเงียบเพียงแค่คอยสังเกตุสีหน้าด้านข้างของเขากิมคิ้วขมวดนิดๆตลอดทาง คงคิดอะไรอยู่