พิมพ์หน้านี้ - Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: HalF_EighT ที่ 07-03-2014 13:01:27

หัวข้อ: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 07-03-2014 13:01:27
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 07-03-2014 13:02:35
ตอนที่ 1 นี่ นี่ห้องกูใช่มั๊ย

   “....สรุปแล้ว งานวิจัยนี้เป็นระดับ 1a recomendation เพราะมันใช้ RCT ถึงกลุ่มจะเล็ก...”

   “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!!!! แกจะบ้าเหรอ อาจารย์บอกว่าระดับ 1 คือมันต้องมี Pooled Estimate แต่นี่ไม่มีเลยนะ”

   “ไม่ใช่แก เค้าจดมาอย่างนี้ อาจารย์บอกว่าระดับ 1 จริงๆ”

   ระหว่างที่อีดรีม กับไอ้อาท กำลังเถียงกันเสียงดังจะเป็นจะตาย ตัวผมกับเพื่อนๆ ในกลุ่มอีกสี่คนที่เหลือ ไอ้ต้น ไอ้ไวน์ หญิงเนิส และยัยน้อง ก็ได้แต่นั่งมองหน้าสองคนนี้เถียงกัน ติวสอบกันต่อไม่ได้ซะที

   สวัสดีครับ ผมชื่อ “แก๊ง” นักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ ชั้นปีที่สอง มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่เปรียบได้ว่าเป็นเหมือนจังหวัดอีกจังหวัดนึงทางภาคอีสาน กำลังประสบปัญหากับเพื่อนๆในกลุ่ม เกี่ยวกับวิชาเรียนเล่มบางๆ แต่เต็มไปด้วยอักษรกรีกโบราณทางสถิติอยู่เต็มหน้ากระดาษ

   ส่วนเหตุผลที่ผมต้องมานั่งกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ฟังสองคนนี้เถียงกันเรื่องค่า Pooled Estimate กลางโรงอาหารคณะตัวเองอย่างนี้ เพราะช่วงนี้ทั้งมหาวิทยาลัยคือฤดูกาลสอบปลายภาคเทอมสองครับ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาจนถึงกลางมีนารวมสองสัปดาห์กับอีกสี่วัน  และวันนี้ก็เป็นวันที่ 14 ของฤดูกาลสอบ เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายแล้ว บางคณะหรือบางชั้นปีตอนนี้ก็สอบเสร็จไปแล้ว จบไปแล้ว  ปิดเทอมไปแล้ว ก็โชคดีกันไป

   แต่พวกผม เภสัชศาสตร์ชั้นปีที่สอง ยังเหลือของวันพรุ่งนี้เป็นวิชาสุดท้าย คือวิชา Research หรือ “วิธีวิจัยทางเภสัชศาสตร์” ที่เพื่อนดรีมกะเพื่อนอาทมันเถียงกันอยู่เนี่ยล่ะครับ  เถียงกันเสียงดังซะจน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนมาอ่านที่คณะผมแล้วเพราะเริ่มสอบเสร็จกันไป แต่ผมคิดว่าคนทั้งโรงอาหารมองมาทางนี้หมดล่ะ แถมมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่หกโมงเย็น จนตอนนี้ก็สี่ทุ่ม ข้าวเย็นก็ยังไมได้กิน เหลือหัวข้อสุดท้ายคือเรื่อง Pooled Estimate แต่ก็สรุปในกลุ่มไม่ได้สักที ก็เลย

   ลุกขึ้น เก็บตำรา ปากกา และโน้ตย่อยส่วนของตัวเองลงกระเป๋า

   “อ้าว เฮีย! ไม่ติวต่อแล้วเหรอ?”

   เสียงไอ้ไวน์มันทักพอเห็นผมเก็บของ

   “เออ ว่าจะไปอ่านเองที่ห้อง พวกแกสองคนเถียงกันเริ่มไม่เข้าใจ ที่อ่านๆ มาตอนแรกเข้าใจอยู่นะ แต่พอพวกแกสองคนพ่นพิษใส่กันนี่ล่ะ กูงงเลย”

   “เฮียแก๊ง! ดรีมขอโทษ ผิดที่ไอ้อาทเลย มันไม่เข้าใจสักที”

   “เฮ้ย! ไม่ใช่นะเฮีย เป็นความผิดดรีมตะหาก มันไม่จดตามที่ครูบอก”

   “ก็หนังสือมันเขียนอย่างเนี่ย! มึงก็มีแต่โทษจารย์’ๆ ตอนเรียนเห็นแต่หลับ ไม่ต้องมาว่าจดเลยไอ้ฟายย”

   “เอ้าพอๆๆ แก๊งไม่โทษใครหรอก แก๊งแค่บอกว่างง จะไปอ่านเองที่ห้อง ก็ออนเฟสไว้ล่ะกัน เผื่ออะไรไม่เข้าใจจะได้เฟสไทม์ถาม โอเคนะ”

   “เดี๋ยวเค้าออนเองเฮีย แต่อย่าดึกเกินนะ เค้าก็ว่าจะกลับตอนเกือบๆ ตีหนึ่ง”

   หญิงเนิส สาวใจดีประจำกลุ่ม ผู้มีไอแพดติดตัวตลอดก็ตอบรับคำขอร้องผมด้วยเสียงหวานๆ

   “ใครเค้าจะอยู่ดึกเกินนั้นครับเนิส! พรุ่งนี้สอบเช้า ตัวสุดท้ายด้วย วิชายากสี่หน่วยอีก ไม่นอนก็ตอบไม่ถูกล่ะครับ”

   ไอ้ต้น หนุ่มหล่อหุ่นดีขี้กวน ชอบอ่านหนังสือไม่ให้ใครเห็นจนคนเค้าคิดว่าไม่อ่าน แต่คะแนนเกินมีนตลอด

   “อย่าเถียงกัน นะ..ก็นั่นล่ะ พวกแกก็อย่าดึกเกินแบบไม่หลับไม่นอนไปสอบล่ะกัน เดี๋ยวเค้าขอกลับก่อน”

   “เออๆ โชคดีเฮีย”

      ผมก็โบกมือบ๊ายบายไอ้ไวน์ ยัยน้อง และคนอื่นๆ ในกลุ่มก่อนจะเดินลงไปที่ลานจอดมอไซค์



   ขับกลับมาถึงหอ จอดรถไว้ตามปกติ มองขึ้นไปที่ห้องตัวเองเพราะหอผมเป็นอาคารรูปตัวทีสองชั้น และห้องของผมก็อยู่ชั้นสองด้านที่มองเห็นจากที่จอดรถด้วย พบว่า....

   “อ้าว ลืมปิดไฟเหรอเนี่ย อะไรวะ”

   รีบเลย.. แปลก..ปกติผมไม่สะเพร่านะ ลืมปิดไฟได้ไง รีบวิ่งขึ้นเฉลียงผ่านเคาท์เตอร์ธุรการหอ ก่อนจะไปที่ประตู

   “น้องแก๊งงง!!!”

   เสียงป้าอุไร ป้าเจ้าของหอผมครับ เรียกผมจากในเคาท์เตอร์ธุรการ.. เบรกตัวเองเกือบไม่ทัน

   “มีอะไรครับป้า”

   “ป้าจะถามว่ารีบไปไหน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะเรา”

   “แหะๆ ครับ ช่วงนี้ผมยุ่งๆ พอดีตะกี๊ผมเห็นห้องผมไม่ได้ปิดไฟก่อนออกไปอ่านหนังสือ เลยกะจะรีบขึ้นไปดูครับ”

   “เอ้า ทำไมไม่ปิดไฟล่ะครับ ค่าไฟบานพอดี ระวังคุณพ่อด่านะ”

   “สงสัยผมคงลืม งั้นผมขึ้นไปก่อนนะครับป้า”

   “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

   ผมก็เดินเร็วๆ เข้าประตูหอ ขึ้นบันไดไปถึงห้อง รีบไขกุญแจเปิดเข้าไป อย่างแรกที่ผมรู้สึกได้ คือ แรงดันและลมเย็น

   “เชรี่ย แอร์ด้วย”

   หอผมเป็นหอสวัสดิการนอกรั้วมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มีเจ้าของเป็นคนต่างชาติครับ ป้าอุไรแต่งงานกับลุงคาร์ล จำไม่ได้ว่ามาจากประเทศไหน แต่ก็ร่วมหุ้นกันทำหอพักนี้ขึ้นมา เอาไว้ให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนหรือนักศึกษาที่เข้าตาป้าอุไรมาพักขณะเรียนอยู่ ซึ่งหอผมตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ติดประตูรั้วมหาลัยฝั่งตะวันตก เข้าออกมหาลัยได้ตลอดทั้งวัน มีบริการอินเตอร์เน็ต เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม แอร์ และเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ

   กระทั่งประตูห้องครับ เป็นประตูเนื้อไม้จากต่างประเทศ ไม่มีลูกบิด หรือพูดให้ถูกคือลูกบิดแบบต่างประเทศที่มันเป็นลูกบิดผสมกลอนกุญแจ การจะไขเปิดหรือล็อกห้องจากข้างนอกต้องใช้กุญแจเท่านั้น ส่วนข้างในเป็นกลอนมือที่ได้แค่หมุนเปิดกะหมุนปิด ดังนั้นเวลาจะล็อกห้องจากข้างนอก ต้องใช้กุญแจไขอย่างเดียวครับ เป็นการป้องกันไม่ให้เวลาออกไปข้างนอกลืมกุญแจไว้ในห้องด้วย เว้นเสียแต่ว่าจะลืมไขปิดล็อกห้องเท่านั้น

   และด้วยความเป็นไม้เนื้อแข็ง แรงดันเวลาเปิดประตูจะสัมผัสได้ทันทีถ้าข้างในเย็นกว่าข้างนอก เพราะประตูชนิดนี้จะเก็บเสียงและเก็บความร้อนได้ดี เมื่ออากาศข้างนอกร้อนและข้างในเย็นเพราะเปิดแอร์ จะทำให้ความดันต่างกัน เวลาเปิดเข้าไปคือเชื่อมต่อสองระบบที่ไม่เท่ากันเข้าด้วยกัน จะเกิดแรงผลักและลมหมุนขึ้นมาตีหน้าที่ประตู ผมเลยรู้ว่า

   กระทั่งแอร์ ผมก็ลืมปิด

   อะไรจะสะเพร่าขนาดนี้ว่ะ อยู่มาตั้งสี่ปี.. รีบผลักเข้าไปในห้อง

   แต่...............

   เชรี่ย............



   ใครรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!!!!



   ใครมันนอนอยู่ในห้องผม

   ที่เตียง!! กูเลย ผมเปิดเข้าไป เห็นผู้ชายนอนลงบน เตียง ผม

   นี่กู! ไขผิดห้องรึปล่าวว่ะ!??? ผมมองรอบๆ ห้อง ก็! ห้องกู! หนังสือ US และ British Pharmacopoeia ทั้งสิบเล่ม อยู่บนชั้น มีหนังสือการ์ตูน เกย์ สองสามเล่มอยู่ข้างหมอน ลายปลอกหมอน ลายผ้าปูที่นอน ก็ ห้อง ห้องผมนี่

   มองไปนอกห้อง ตรงข้างประตูจะมีหมายเลขกำกับ ห้องผม 214 ก็!!!..... ก็ห้องหมายเลข 214 นี่
   มองมาที่บนเตียง รอบห้อง.... มองไปนอกห้องอีกทีสิ.... ก็ห้องกูหนิ.... 214
   มองมาที่เตียงอีกที มองไปข้างนอกอีกที ห้องกูเลยยยยยยย!!! ห้องกูเลยยยยยยยยยยยย!!!!!! 214

   แล้ว แล้วใคร ใครนอนที่ห้องผม ผู้ชาย น่าจะสูงร้อยเจ็ดสิบเกือบร้อยแปดสิบได้ หน้าตา... ตอนหลับ มองไกลๆจากประตูห้อง หน้าตาดีอ่ะ ผิวขาวๆ ผมยุ่งๆ กระเซิงๆ ตอนนอน ใส่ชุดบอลแมนยู เอโอเอ็นสีแดง น่าจะของแท้ กางเกงเจเจสีน้ำตาลอ่อน (โครตเข้ากันสุดๆ) แต่ไม่ใช่เวลาที่กูต้องพิจารณาถึงความหล่อมั๊ย!??

   มึง!! เป็น!! ใคร??....

   แล้วววววว เข้ามา!! ห้องกู!! ได้ยังไง??

   ผมไม่ถึงกับสะเพร่าไม่ล็อกห้องนะครับ เพราะผมอยู่ที่นี่มาสี่ปีแล้ว ก่อนออกไปข้างนอกผมล็อกเสมอ

   ก็ว่าอยู่ ว่า ไม่ปิดไฟ ไม่ปิดแอร์ กูสะเพร่าขนาดนั้นเลยเหรอ อยู่มาตั้งสี่ปี

   แสดงว่า มึง คือ....

   ไม่รอช้าครับ

   “ป้าอุไรรรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

   หน้าตาตัวเองผมไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่รีบวิ่งลงบันไดทีละสองชั้นชนิดกระโดดลงมา เบรกตัวเองเหมือนพุ่งมาเกือบร้อยกิโลต่อชั่วโมงแล้วหยุดกระทันหันหน้าเคาท์เตอร์ธุรการ ป๊ะหน้าป้าอุไรพร้อมกับเสียงเรียกลากยาวๆ มาตั้งแต่ชั้นสอง

   “น้องแก๊ง มีอะไร ตื่นเต้นอะไร มีอะไรครับ!???”

   ผมพยายามหายใจหายคอให้ทั่วท้องก่อนจะอธิบายทุกอย่างว่า.....



   “น้องกร!! น้องกร!! น้องกรครับ”

   ป้าอุไรที่กำลังปลุกคนบนเตียงในห้องผมให้ตื่น ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดจริง..... ลุงคาร์ลรีบวิ่งขึ้นมาพร้อมถือพวงกุญแจสำรองของทั้งหอพักมาทดสอบกลอนประตูห้องผมทันที

   “เดี๋ยวลองดูนะแก๊ง”

   ลุงคาร์ลพูดเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วครับ ผมก็คุยภาษาอังกฤษกับลุง

   “ลองดูสิครับลุง น่าจะเป็นอย่างที่ป้าเค้าว่า”
   
   ดอกแรกที่ไม่ใช่ของห้องผม.....ไขได้
   ดอกที่สองที่ไม่ใช่ของห้องผม.....ก็ไขได้
   ดอกที่สามที่ไม่ใช่ของห้องผม.....ง่ายซะยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก

   “ไขได้หมดเลยใช่ไหมลุงคาร์ล”
   
   เสียงป้าอุไรถามเป็นภาษาอังกฤษ

   “ไขได้หมดเลยจริงๆ ด้วย อุไร สงสัยคงต้องเปลี่ยนกลอนให้น้องแก๊งแล้วล่ะ”

      “โอ้ยยยย น้องแก๊ง ป้าอุไรขอโทษครับ”
   
เฮ้อออออ ซวยเลย

   สาเหตุมาจากเมื่อวันก่อนครับ เพราะเป็นวัสดุที่ทำมาจากต่างประเทศและลุงคาร์ลก็สั่งมาเอง ทำให้ข้อเสียของกลอนแบบนี้จะไม่เหมาะกับชีวิตคนไทย คือ ตัวลูกกุญแจจะมีลักษณะค่อนข้างแบนๆ ครับ เวลาไขเข้าออกไปนานๆ หลายๆ ครั้ง มันจะเริ่มฝืดขึ้นเรื่อยๆ และฝืดง่ายมากๆ แต่ลุงคาร์ลก็สั่งผงอะไรสักอย่าง คล้ายดินปืนสีดำสนิท เอาไว้ใส่ในรูกุญแจ เหมือนเอาไปขัดภายในรูนั่นล่ะครับ มันจะช่วยให้รูกุญแจลื่นขึ้นเวลาไขเข้าไป ซึ่งผมเองก็บอกให้ป้าอุไรช่วยเอามาขัดทุกปีอยู่แล้ว

   แต่เมื่อวันก่อน อุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ขัด ป้าอุไรเกิดทำหายครับ เลยใช้ “ลวด” เอามาดัดแทนอุปกรณ์ที่ว่า

   ก็คงจะขัดแรงชนิดที่เหมือนโจรพยายามไขกุญแจเข้ามานั่นล่ะครับ ซึ่งมันก็ต้องขัดอย่างนั้นอยู่แล้ว ตอนขัด ผมเห็นเลยว่าช่วงแรกๆกลอนห้องผมมันก็ไม่ลั่นง่ายๆ แต่พอขัดไปขัดมาก็ลั่นเองใหญ่เลย ซึ่งมันก็เหมือนกับใช้อุปกรณ์ขัดนั่นล่ะครับ ไม่ได้ผิดสังเกตุตั้งแต่ตอนนั้น แต่ลืมไปนะครับ ว่ามันคือลวด มันคงไปทำให้ดอกรับกุญแจภายในพังหรือ “สึก” จนเกือบหมดทั้งรู กุญแจห้องไหนๆ ที่แบนๆ และมีดอกกุญแจคล้ายกับของห้องผมอย่างนี้ เลยไขได้หมดเลย

   ส่วนที่ว่า ไอ้ที่กำลังนอนห้องผม เป็นใครน่ะเหรอครับ

   ชื่อพี่กร ห้อง 216 อยู่คณะแพทย์ปีสาม เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ตอนต้นเทอมที่ผ่านมา เป็นเพื่อนข้างห้องผมฝั่งเดียวกันกับผมครับ เพราะผังห้องของหอนี้คือ ห้องเลขคู่อยู่ฝั่งทิศตะวันออกรับแดดเต็มที่ ติดกับลานจอดรถ และห้องเลขคี่อยู่ฝั่งทิศตะวันออก มีวิวสวนสวยๆ ติดกับต้นไม้หลังหอ

   ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมถึงมานอนให้ห้องผมได้

   คำเดียวครับ “เมา”

   ตอนเดินไปปลุกพี่เค้ากับป้าอุไร ได้กลิ่นเหล้าหึ่งเลย นอนอ้าปากพ่นกลิ่นแอลดีไฮด์ออกมาเต็มที่ ท่าทางจะกินหนักมาก สงสัยคงจะไปกินเหล้าตามร้านแถวๆ นอกมอฝั่งทิศใต้ แถวนั้นมีร้านเหล้าเยอะแยะ แถมนอกมอฝั่งทิศใต้ก็ใกล้กับหมู่บ้านนี้ที่อยู่นอกมอฝั่งทิศตะวันตก พี่แกคงจะไปสักสองสามร้าน เมาแอ๋ ขับกลับมาถึงหอไม่มีสติแล้วไขกุญแจเข้าผิดห้อง ซึ่งมันจะไขเข้ามาไม่ได้เลยถ้ารูกุญแจมันไม่สึก แต่ก็พอดีอีกนั่นล่ะที่มันสึก เลยไขเข้ามานอนในห้องผมอยู่อย่างนี้

   “น้องกร!! น้องกรครับ”

   “อืมมมมมมมม ครายยยยยย”

   เหมือนจะไม่สร่าง ไม่รู้สึกตัว ก็นะ เล่นกินซะมีกลิ่นแอลดีไฮด์ บ่งบอกว่าร่างกายไม่ได้แข็งแรงแต่กินเยอะขนาดไหน อยู่คณะแพทย์ซะเปล่า ไม่ดูแลตัวเองเลย.... ผมก็เลยไปที่ตู้เครื่องยาข้างตู้เย็น แล้วเอาเถาบอระเพ็ดยาวๆที่เก็บเอาไว้ออกมา

   ชุบน้ำกินในขวด 1.5 ลิตรแบบผ่านๆ พอให้เปียก แล้ววววว.......รูดปากพี่เค้าอย่างช้าๆ หนึ่งที

   “เชรี่ยยยยยยย!!!!!! ขม!!!!!!!”

   ถึงกับดีดตัวเองออกมาไม่ทัน ...นึกว่าจะหมดประสาทสัมผัสซะละ ไม่งั้นคงได้ใช้ดีหมูในตู้เย็น

   “น้องกร น้องกรครับ น้องกรนอนผิดห้องนะครับ”

   ป้าอุไรพยายามอธิบายคนเมาที่น่าจะสร่างนิดๆ กับบอระเพ็ด ฝ่ายพี่กรก็ถุยน้ำลายเช็ดปากตัวเองใหญ่ เพราะขมจัด  แล้วค่อยมองเห็นเจ้าของหอที่กำลังพยุงตัวเองไว้อยู่

   “ป้าอุไร.....”

   “พี่มองไปรอบๆ ตัวเองหน่อยครับ ว่าใช่ห้องตัวเองรึปล่าว”

   ผมบอกไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจ พี่กรเลยจ้องหน้าผมนิดๆ ก่อนจะรู้ตัวว่าถูกปลุกด้วยอะไร และฝีมือใคร  ค่อยๆมองไปรอบๆ ห้องและเตียงนอนที่ตัวเองนอนอยู่

   “ทำไม ผมมาอยู่ห้องนี้”

   “น้องกรไขเข้ามาผิดห้องนะ... พอดีกลอนห้องน้องแก๊งเค้าสึก น้องกรเลยไขเข้ามาได้”

   พี่กรก็มองหน้าผม

   “น้องแก๊ง ห้องนี้ของน้องแก๊งเหรอครับ”

   อุต๊ะ! ห้องนี้ของพระพุทธเจ้ามั้ง ตรัสรู้ได้แล้วว่าเข้าผิดห้อง... แต่ไม่อยากด่าคนเมาเพิ่งสร่างนะ ให้ป้าเค้าพูดไปล่ะกัน

   “ห้องนี้ห้อง 214 ห้องน้องแก๊งครับน้องกร แต่ห้องน้องกรห้อง 216 จำไม่ได้เหรอ”

   “เอ่อ ครับ จำได้แล้ว”

   “น้องกรไขผิดห้องครับ กลับไปนอนห้องตัวเองนะ เดี๋ยวน้องแก๊งจะโกรธป้าไปมากกว่านี้”

   ป้าอุไรก็มองยิ้มๆ มาที่ผม แหะๆ... จะว่าโกรธมั๊ย ก็ไม่นะ แต่ไม่พอใจไอ้กรมากกว่า คือ ยังไงล่ะ ต้องเสียบอระเพ็ดเถาสวยๆ ไปเถานึงเลย ยิ่งไม่ค่อยมีตัวอย่างสมุนไพรสวยๆ แบบนี้ เอาไว้ทำพรีเซ็นต์ตอนปีสามอยู่เนี่ย

   ลุงคาร์ลก็เข้ามาพยุงพี่กรกลับห้องตัวเองไป ผมก็เดินมาส่งป้าอุไรที่ประตูหน้าห้อง

   “วันนี้ก็ลงสายยูล็อกห้องไปก่อนนะน้องแก๊ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าจะเปลี่ยนกลอนให้”

   “ครับป้า ไม่เป็นไรครับ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นขโมยซะอีก”

   “โอ้ยยย ขมงขโมยอะไรล่ะน้องแก๊ง หอเราออกจะปลอดภัย มีทั้งลุงยาม มีทั้งป้าคอยคุม แล้วไหนจะต้องแสกนลายนิ้วมือ กล้องวงจรปิดอีก คิดมาก!!!!”

   ป้าอุไรถึงกับตบตูดผมด้วยอารมณ์หมั่นไส้

   “ห่ะห่ะ ครับ อย่างนี้ก็ไม่มีอะไร ราตรีสวัสดิ์นะครับป้าอุไร”

   “จ้า อย่าลืมลงสายยูนะ”

   “ครับป้า”

   พอส่งป้า ล็อกห้อง จากที่นิสัยไม่เคยลงสายยู ก็ลงสายยูอย่างที่ป้าเค้าแนะนำ ใจจริงอยากจะหยิบเทปกาวในเก๊ะออกมาแปะติดตามซอกกับบานประตูเพิ่มด้วยซ้ำ แมร่ง ตอนนี้ อีไหนๆ ในหอก็ไขเข้าห้องกูได้หมดล่ะ

   ถึงจะบอกว่าเป็นพี่ห้องข้างๆ แต่มองไปรอบๆ ห้อง มันก็.....ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี

   จน...... ตรวจของในห้องตามจุดต่างๆ เรียบร้อย ไม่มีอะไรหาย ไม่มีของมีค่าอะไรสึกหรอหรือสาบสูญ ค่อยโล่งใจหน่อย ทอดกายให้หายเหนื่อยลงบนเตียง แล้วหยิบเอาไอโฟนขึ้นมาดูว่า

   “ขอบคุณนะ ตีสาม!! ไม่ได้อ่านแล้ว Research กู”

   คงไม่มีใครออนหรอก อ่านไปก็เท่านั้น ต้องนอนอย่างเดียวแล้วล่ะ ขืนไม่นอนนะ  ตอบข้อเขียนของอาจารย์ไม่ได้แน่ๆ แถมยังไม่เข้าใจอะไรห่าเหวเกี่ยวกับพวก Pooled Estimate อะไรนั่นเลย สงสัยงานนี้มีสิทธิ์ติดเอฟว่ะ เฮ้อ..ก่อนสอบพรุ่งนี้ค่อยขอให้หญิงเนิสติวให้แบบรวบรัดล่ะกัน... หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพาดบ่าว่าจะไปล้างหน้ากับแปรงฟันในห้องน้ำ

   อนิจจา เพราะมันไม่มีของมีค่าสำคัญอะไร เลยชะล่าใจไม่ตรวจห้องน้ำ เมื่อเปิดเข้าไป.....

   “เฮ้ยยยยยย!!!!”

   กางเกงยีนต์ กางเกงในรอสโซ่ เสื้อยืดคอปกสีดำลายแดง เข็มขัดด้วย รองเท้าอีก ไม่ใช่ของกูแน่นอนนนนนน

   ของพี่กร!!!!!!!! แมร่งในห้องน้ำก็กลิ่นอ้วกหึ่งเลย กูรู้เลยว่า.....

   เดี๋ยว!!.... เดี๋ยวนะ...... ถ้าเกิดเสื้อผ้าไอ้กรมันระเกะระกะอยู่ตรงพื้นห้องน้ำกูอย่างนี้ แล้วววววว

   ไอ้เสื้อบอลแมนยูเอโอเอ็นสีแดงเหมือนของแท้ กะกางเกงเจเจนี่ อย่าบอกนะว่า

   “เชรี่ยยยย!!!!!! เสื้อบอลพ่อกู กางเกงกู”

   ฉิบหายล่ะ!! ยิ่งกว่าติดเอฟ!!!  ของมีค่าจากสนามบอลอังกฤษ ที่กว่าจะได้มาต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงานและความสามารถขนาดไหน ขืนพ่อรู้นี่..........................................

ไอ้แก๊ง
...มึงตายแน่นอน!!!!!...

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: Fay_ya ที่ 07-03-2014 13:27:58
มาเจิมเรื่องนี้ซะหน่อย^^

แก๊งเอ้ยน่าสงสาร สาวนน้องกรก็เปิดมาตอนแรกหลงรักเลย555
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 07-03-2014 14:13:13
มาเปิดเรื่องใหม่ อิอิ รออ่านตอนต่อไปครับ เป็นกำลังใจให้นักเขียน  :mew1:


 :m7: แอบเจาะไข่นักเขียน อิอิ  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: กำแพงเมืองจีน ที่ 07-03-2014 17:53:09
น่าสนุกดี

รอตอนต่อไนะค่ะ   :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-03-2014 18:06:17
 :m20: มันฮาาาาาาาาาาาาาาาาาา

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 07-03-2014 18:20:15
 :impress2: :impress2: :impress2: สนุกกกกกกมากกกกกกกกกก เฮียแก๊ง น่ารัก
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 07-03-2014 19:26:47
ท่าจะเขม่นกันอีกสักพัก  :hao6:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 07-03-2014 19:32:09
มีแววจะเป็นเรื่องฮาขวัญใจชาวเล้าเป็ดเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 07-03-2014 20:57:56
ท่าทางคืนนี้จะอีกยาวไกลนะเฮียยยยยแก๊ง -..-
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 07-03-2014 21:46:15
วุ่นวายดีเนอะ 555+

รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-03-2014 21:56:32
พี่กรแกมึนจัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 1]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 07-03-2014 22:27:17
ตอนที่ 2 เสื้อบอล
   
   เช้ามา ด้วยความที่ไม่ได้อ่าน ผมควรจะไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ พร้อมกับขอร้องว่า ‘เมื่อคืนไม่ได้อ่าน ติวหน่อย’ เหมือนที่วางแผนเอาไว้เมื่อคืน....แต่มันกลับกลายเป็นว่า

   “เฮียแก๊ง!! เป็นอะไร?? คือดูเครียดแถะ!?? ไม่ได้นอนเหรอ”

   หญิงเนิสถึงกับเข้ามาทักผมที่นั่งก้มหน้าปวดหัวอยู่หน้าห้องสอบ อีกไม่กี่สิบนาทีก็ต้องเข้าไปสอบวิชาสุดท้ายสี่หน่วยกิตที่ยากที่สุดในบรรดาวิชาที่ลงทะเบียนของเทอมนี้ทั้งหมด แต่เมื่อคืน ผมคิดเรื่องเสื้อบอลพ่อจนนอนไม่หลับ

   หลายคนคงจะเห็นว่ามันเป็นแค่เสื้อบอลของแท้ธรรมดาสินะครับ จะเครียดถึงขนาดไม่หลับไม่นอนไปทำไม แต่ถ้าผมบอกว่า มันคือเสื้อบอลที่ได้จากนักเตะโดยตรง พร้อมลายเซ็นต์นักเตะจากสนามบอลที่ประเทศอังกฤษเลยล่ะ จะว่าอย่างไร

   อาจจะไม่น่าเชื่อ แต่เรื่องมันเป็นอย่างนี้

   ต้องบอกก่อนว่า พ่อผมเป็นข้าราชการผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมที่ทำงานเครือข่ายไปด้วย ผมขอเรียกชื่อบริษัทเครือข่ายนี้ว่า “บีเอ็น” เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากต่างประเทศ ที่ตอนนี้ ทำให้พ่อผมเค้ากลายเป็นเศรษฐีเงินล้านไปแล้ว

   และเมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา พวกผู้บริหารบีเอ็นตำแหน่งเดียวกันกับคุณพ่อผม เค้าลงทุนไปดูบอลนัดสำคัญที่ทีมแมนยูเจอกับทีมปืนใหญ่มั้ง ถ้าจำไม่ผิด เพราะพ่อผมเค้าเป็นแฟนแมนยูอยู่แล้ว ตอนแรกน่ะผมไม่ไปเพราะมีแต่พวกบีเอ็นระดับสูงๆ กลัวว่าจะไปวางตัวไม่เหมาะสม แต่พ่อบอกว่าไม่มีเพื่อน ผมไปด้วยได้ ก็เลยไปซะเลย จะได้ไปเที่ยวอังกฤษด้วย

   แต่พอดูบอลเสร็จ พวกนักเตะเค้าก็เข้ามาทักทาย เพราะผู้บริหารสโมสรฟุตบอลและบริษัทบีเอ็น เค้าเป็นหุ้นส่วนในการจัดการแข่งขันกัน โอ้ย ตอนนั้นผมแทบช็อก นักเตะชื่อดังเข้ามาทักทายคุณพ่อและหัวหน้าทีมผู้บริหารบีเอ็นกัน มีนักเตะคนนึงเข้ามาจับมือผมด้วย ไวยากรณ์อังกฤษผมตอนนั้นเลยง่อยเป็นเด็กทารกทันที ตอบอะไรเค้าก็ไม่ได้

   นักเตะพวกนั้นก็มอบเสื้อที่ใส่แข่งในนัดนั้นพร้อมลงลายเซ็นต์ให้กับพวกผู้บริหารเป็นที่ระลึก อันที่จริงพวกผู้บริหารก็ขอมาด้วยนั่นล่ะ โห ประทับใจกันเป็นแถบๆ ซึ่งผมเองก็อยากได้ แต่เค้าให้พ่อผมมาตัวเดียว เมื่ออยากได้ แต่มีตัวเดียว.....

   ลูกอ้อน ลูกตื้อ และลูกยอมทำตามทุกอย่างที่ต้องการ ก็ต้องงัดเอาออกมาใช้ให้คุ้มล่ะครับ

   ผมเลยยอมทั้งทำงานส่วนของผู้บริหารโรงเรียน จัดการบัญชีรายชื่อ และโทรนัดลูกค้าเครือข่ายบีเอ็น เป็นธุระแทนให้พ่อในหลายๆ เรื่องเกือบเดือน กว่าพ่อจะยอมให้เสื้อบอลแมนยูเอโอเอ็น ไซส์แอล เกรดนักบอลของแท้จากตัวนักเตะ พร้อมลายเซ็นต์นักเตะจากสนามบอลอังกฤษ ของแท้ แน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์... ก่อนให้ พ่อก็ทำหน้าเสียดายนิดๆ พร้อมกับบอกว่า

   “รักษาให้ดีนะ ขืนรักษาไม่ดี พ่อเอาตายจริงด้วย”

   ผมรู้ครับ ว่าการให้สมบัติที่หายาก กับคนที่ตัวเองรักและไว้ใจที่สุด มันคือความเชื่อใจระดับไหน ซึ่งผมเองก็ไม่เคยเอาเสื้อตัวนั้นใส่ไปไหนเลย นอกจากงานราตรีหรืองานสังคมใหญ่ๆ ของคณะ นอกนั้นก็เก็บเอาไว้กับไม้แขวนราคาแพงที่สุดในห้อง แขวนโชว์ไว้ที่ราวประดิษฐ์ฝีมือตัวเองเป็นเครื่องตกแต่งห้องอย่างดี ไม่ให้มีฝุ่นเกาะเลยล่ะ

   และทุกครั้งที่พ่อผมมาเยี่ยม ก็จะขอดูเสื้อว่าผมซักแรงไปจนลายเซ็นต์ที่กลางหลังเสื้อมันเลือนมั๊ย หรือเก็บไม่ดีรึปล่าว มีฝุ่นเกาะหรือไม่ แน่นอน ผมเป็นคนรักษาของ ยิ่งเป็นของดีด้วยแล้ว ไม่มีทางที่ผมจะได้คำด่าอะไรมาจากพ่อแน่นอน

   เพราะผมรู้ดี คำว่า “พ่อเอาตาย” คือความน่ากลัวที่สุดในชีวิตของบุตรแล้ว ว่า พระบิดาจะเหี้ยมโหดถึงเพียงใด

   แต่ครั้งนี้ มันเป็นความสะเพร่าของผมเองที่ไม่ดูราวแขวนข้างชั้นหนังสือให้ดีๆ ว่า เสื้อบอลมันหายไป เพราะผมแขวนพวกเสื้อสวยๆ เอาไว้ด้วยกันทั้งหมด มันเลยสังเกตุไม่เห็นถ้ามองผ่านๆ แถมตอนตรวจห้องผมก็ไม่คิดว่ามันจะเอาเสื้อผ้าผมไปใส่ซะด้วย เพราะเท่าที่ดู ตัวไอ้พี่กรมันใหญ่กว่าผม ผมใส่แต่เบอร์ M แต่พี่กรน่าจะ L ขึ้นไป เลยชะล่าใจไปอีก  ลืมไปว่าเสื้อบอลอันล้ำค่า ณ ราวแขวน มันเป็นเบอร์ L ไอ้คุณกรตอนมันเมา มันคงจะถอดทุกอย่างไว้ในห้องน้ำแล้วคว้าเสื้อจากราวประดิษฐ์เอามาใส่เพราะตัวใหญ่ที่สุดในห้อง พร้อมค้นตะกร้าผ้าเอากางเกงเจเจผมมาใส่เพราะมันฟรีไซส์แน่นอน

   เมื่อรู้ตัว ก็คิดจะเอาเสื้อผ้าของมันแลกกับเสื้อบอลผมคืน ณ เดี๋ยวนั้น แต่อนิจจา เราดันรู้ตัวตอนตีสาม (มันคงจะตื่นให้กูแหละ เมาขนาดนั้น) เอาไงดี เสื้อบอลสำคัญมาก ต้องได้คืนภายในวันนี้เท่านั้น

   เพราะสอบเสร็จ วันนี้ พ่อบอกว่าจะมาเยี่ยมผมด้วย เพราะมีงานประชุมบีเอ็นแถวมหาวิทยาลัยผม ก่อนเข้าประชุมเลยอยากพาไปกินข้าวเที่ยงกะพวกผู้บริหารในทีมของพ่อ เพราะผมก็บอกพ่อว่าสอบเสร็จวันนี้พอดี

   งานนี้มีแต่คำว่า ตาย ตาย ตาย ถ้าไม่ได้เสื้อบอลคืนตอนสอบเสร็จก่อนเที่ยงนี้นะ ไอ้แก๊ง มึงตายแน่ๆ

   เลยทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืน ต้องคอยคิดตลอดว่าจะทำยังไงดี แค่คิดว่าพ่อตัวเองจะกลายเป็นทศกัณฐ์ตอนรู้เรื่องเสื้อบอล แค่นั้นก็ทำให้ผมพยายามหาทางเอาเสื้อบอลคืนให้ได้ภายในวันนั้น เดี๋ยวนั้น ทั้งคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน

   คิดออกทางเดียวเท่านั้น ที่เราจะหลุดพ้นจากความตาย คือ ต้องรีบทำข้อสอบรีเซิจให้เสร็จก่อนเวลา ออกห้องสอบก่อนเวลา ไปเอาเสื้อบอลคืนจากไอ้พี่กรก่อนเที่ยง แล้วรีบตรวจสภาพมันให้ดีที่สุดก่อนพ่อจะมาเที่ยงหรือบ่ายวันนี้ แต่ว่า........

   “โอ้ย เนิส ช่วยแก๊งด้วย ตอนนี้ในหัวไม่มีความรู้เกี่ยวกับที่จะสอบเลย”

   มีแต่คำว่า ตาย ตาย ตาย นี่ล่ะ.... พูลเอสติหม่ง เอสติเมตอะไร ไม่มีในหัวกูล่ะ

   “โห้ยย ไม่มีอะไรในหัวยังไง เมื่อคืนคงไม่ได้นอน อ่านทั้งคืนล่ะสิแก๊ง มีแต่บอกให้พวกกูนอนนะ”

   ไอ้ต้นเดินเข้ามาพูดใส่ตามนิสัยของมัน

   “อ่านทั้งคืนบ้านมึงสิ!! ถ้ากูอ่านทั้งคืนคงไม่ต้องขอให้เนิสช่วยมั๊ย??  ป่ะเนิส ขอตัวสักยี่สิบนาที ติวอะไรก็ได้ให้แก๊งหน่อย ก่อนเข้าห้องสอบ... ไม่ไหวจริงๆ ไม่มีอะไรในหัวเลย”

   “อะไรอ่ะเฮีย?? ปกติเฮียออกจะเป๊ะ ไม่เคยเห็นบ่นว่าไม่มีอะไรอยู่ในหัว”

   “เออน่า... ไม่มีอะไรในหัวจริงๆ พ่นอะไรก็ได้ออกมาเลยเนิส เฮียจะตั้งใจฟังอย่างเดียว”

   “โอเค งั้น เรื่องแรก สถิติพรรณานะเฮีย มันคือเรื่อง......”



   และแล้วก็ออกห้องสอบมาแบบมึนๆ งงๆ ตอนเวลาสี่โมงครึ่ง ใช้เวลาไปสองชั่วโมง ช้ากว่าเพื่อนๆ ในห้องสอบไปเจ็ดแปดคนที่ออกมาก่อน และแน่นอน ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับเพื่อนเจ็ดแปดคนที่ออกมาก่อนหรอกว่า ข้อสอบข้อนั่นข้อนี้ของอาจารย์คนนี้คนนั้น ทำไมออกยากจัง ออกง่ายจัง มันตอบอย่างนั้น อย่างนี้ ใช่ไหม..

   พุ่งตรงไปที่รถมอไซค์ แว๊นกลับหออย่างไวยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยขับ ปาดหน้าคันนู้นคันนี้แบบไม่สนใจด้วยสกิลการขับมอไซค์ภายในมหาลัยมาสี่ปี ยิ่งกว่าพวกขับมอไซค์’วิบากซะอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเองจะโดนด่าพ่อด่าแม่แค่ไหน

   ขับกลับมาถึงหอโดยสวัสดิภาพ รีบขึ้นไปที่ชั้นสอง เข้าไปที่ห้องตัวเองคว้าเอาถุงเสื้อผ้าไอ้คุณชาย แล้วรีบวิ่งมาเคาะประตูห้อง 216 ด้วยกำปั้นที่แข็งและดังที่สุดเท่าที่จะดังได้

   “ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!!!!...พี่กร พี่ตื่นยังครับ นี่แก๊งครับ ห้องข้างๆพี่!!!!”

   ไร้การตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ก็ต้องเอาอีกรอบ

   “ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!!!....พี่กะ...”

   “แกร๊ก!!!! แอ๊ดดดดดดดด.......ไม่ต้องเคาะขนาดนั้นก็ได้ มีอะไรครับน้องแก๊ง??”

   สภาพ!??... เหรอนั่น... ผมกระเซิงกว่าสิงโต หน้ามีคราบน้ำลาย เบ้าตาดำขี้ตาหนา หน้าคล้ำๆ ไม่ต่างอะไรกับคนเมาค้าง แถมยังอยู่ในชุด.....ที่ผมต้องการเอาคืนมากที่สุดในโลก..ด้วย..... เชรี่ยยยย....คราบ... คราบอ้วกมัน....เสื้อกู!!

   “คือ พี่กร...นี่ นี่เสื้อผ้าพี่ครับ.. ตอนนี้พี่ใส่เสื้อผมอยู่ ผมขอเสื้อคืน...ด้วย....ครับ”

   ยื่นเสื้อผ้าให้คุณกรด้วยอารมณ์ กลั้นสะอื้นเต็มที่.. อยากร้องไห้ให้สวรรค์ได้รับรู้ เสื้อบอลแมนยูกู ไปแล้วววววว

   “ห๊ะ อะไร...น่ะครับ??”

   พี่แกยังเกาหัวงัวเงีย ผมว่า ผมพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ... คงต้องใช้ระบบ.... รด.!!!

   “คือ!!! นี่เสื้อผ้าพี่ครับ!! เสื้อที่พี่ใส่อยู่น่ะของผม ผมอยากได้เสื้อบอลผมคืนครับ!!!!”

   ถึงกับผงะ..ก็แน่สิครับ ผมเล่นเสียงดังลั่นหอเลยเหอะ หวังว่าช่วงนี้คงไม่ค่อยมีใครอยู่นะ.. พี่แกก็ค่อยๆ มองดูสภาพตัวเอง จับเสื้อบอลขึ้นมาดู... เอิ่มม ช่วยจับดีดีหน่อยนะมึง ของแท้นะมึง ของแท้!!... แค่มีรอยอ้วกกูก็เครียดตายห่าแล้วเนี่ย

   “อ๋อ!! เอ่อ ไม่ใช่ ของพี่ เหรอครับ?”

   “ไม่ใช่ของพี่ครับ พี่ลองถอดแล้วดูข้างหลังสิครับ จะเห็นลายเซ็นต์อยู่กลางหลัง แสดงว่ามันเป็นของผมครับ”

   พี่แกก็ถอดมันตรงนี้เลย... เอิ่มมมม กูพลาดแล้ววว... คนอะไรวะ ขาวชะมัด กล้ามท้อง ซิกแพ็คเป็นมัดๆ หน้าท้องรูปตัววี แมร่ง! หุ่นจะดีอะไรขนาดนี้ แสดงว่าเล่นเวทเล่นกล้ามแน่นอนว่ะ แต่เฮ้ย!! อย่าเพิ่งพิจารณา เสื้อบอลสำคัญกว่า

   “เออ มีจริงๆ ด้วย”

   “งั้น.. ผมก็ขอเสื้อคืนด้วยครับ แล้วนี่ก็เสื้อผ้าพี่ที่ถอดทิ้งไว้ในห้องผมครับ”

   “อ่อ พี่ขอโทษนะครับน้องแก๊ง เมื่อคืน พี่คงเมามากไปจริงๆ เดี๋ยวพี่ซักให้ก่อนแล้วค่อยคืนนะครับ”

   “ไม่เป็นไร!! ไม่เป็นไรเลยครับพี่กร!.. น้องเองก็ยังไม่ซักเสื้อผ้าพี่กรเลย น้องไม่ถืออะไรทั้งนั้น น้องขอแค่เสื้อบอลคืนตอนนี้เลยนะครับพี่กร”

   ขืนมึงซักนะ ลายเซ็นต์กูหายนะ ชีวิตกูก็คงหายไปจากโลกนี้เหมือนกัน... รีบยัดถุงเสื้อพี่กรใส่มือแล้วฉกเอาเสื้อบอลตัวเองมาแบบไม่สนมารยาทอะไรทั้งนั้น ในหัวผมตอนนี้มีแต่วิธีซักเสื้อบอลจากรอยอ้วกนี้เท่านั้น ผมรีบหันไปทางประตูห้องตัวเองเพื่อทำตามแผนในหัวอย่างไม่รอช้า

   “เดี๋ยวครับน้องแก๊ง”

   “อะไรครับ!!???”

   “คือ กางเกงนี่ก็ของน้องแก๊งใช่มั๊ยครับ เดี๋ยวพี่คืนให้เดี๋ยวนี้”

   “เอ่ออออออ.....ไม่ต้องก็ได้ครับ พี่เอาไปเหอะ จะเอาไปเป็นผ้าขี้ริ้วหรืออะไรก็ได้น้องไม่เอาแล้วครับ ไปนะครับ”

   บ้านมึง!! กางเกงเจเจเปื้อนไอ้นั่น ตรงนั้น อันนั้น.. เปื้อนอันนั้นของมึงแล้วน่ะ เพราะเมื่อคืน มันมีกางเกงในรอสโซ่ของมึงถอดทิ้งไว้ในห้องน้ำด้วย และห้องกูก็ไม่มีกางเกงในขนาดเท่าเอวมึง และกางเกงในห้องกูก็ไม่หายซักตัว กูรู้เลยว่าข้างใต้เจเจนั้นมีกรน้อยหลับไหลโดยไม่มีอะไรกั้นกะกางเกงเจเจกูเลย สมควรมั๊ยกับการที่กูจะขอคืน กูถือนะเรื่องนี้.....



   พยายามซักเสื้อไม่ให้โดนลายเซ็นต์ด้านหลัง ดีนะที่รอยอ้วกมีแค่ตรงด้านหน้า แช่ไว้ซักสิบนาที ขยี้เบาๆ ก็น่าจะหลุดทั้งคราบทั้งกลิ่นแล้วล่ะ ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มตั้งสองฝา ผงซักฟอกตั้งสองช้อนเพื่อเสื้อแมนยูสุดเลิฟของเรา

   “ตืด ตื่อ ดึ้ง ตื่อ ดึ้ง... ตืด ตื่อ ดึ้ง ตื่อ ดึ้ง”

   ไอโฟนดัง ใครกัน??......โอ้วววววววววววววว ยมบาลเตรียมรับลูกช้างเข้าสู่นรกแล้วหรือนี่

   “ว่าไงครับพ่อ”

   “...เอ้อ อีกประมาณชั่วโมงนึงพ่อจะถึงนะ เดี๋ยวออกไปกินแถวริมบึงกัน เดี๋ยวพ่อจะไปรับ ตอนนี้แก๊งอยู่ไหน??...”

   เชรี่ย อีกชั่วโมงนึงเหรอ มาเที่ยงพอดีเลยเหรอนี่ อะไรดลใจให้พ่อกูตรงเวลาขนาดนี้ ปกติต้องสายหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ นี่!!...แผนที่กูวางไว้ ล่มหมดเลย....

   “...ว่าไง น้องแก๊ง อยู่ไหน!???....”

   “เอ่อ อยู่หอครับพ่อ เอร้ยๆ!! อีกชั่วโมงให้หลังผมว่าน่าจะอยู่คณะ”

   ยังไงก็เอาพ่อให้ห่างจากหอให้มากที่สุดล่ะกัน

   “...ทำไมไปอยู่คณะล่ะ??...”

   “พอดี...... วันนี้วันสอบวันสุดท้ายไงพ่อ!! เพื่อนๆ ในชั้นปีเค้าก็อยากจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าจบปีสองแล้ว”

   ตอแหลสุดๆ มันไม่มีหรอกไอ้อารมณ์แบบนั้นน่ะ มีแต่นัดไปกินเลี้ยงกัน แต่ คิดได้แค่นี้จริงๆ

   “...อะไรวะ จบปีสองก็ต้องถ่ายรูปด้วยเหรอ...”

   “ก็เพื่อนเค้าคิดกัน ผมเองก็หนึ่งในรุ่นก็ต้องตามๆ เพื่อนไป”

   “...เออๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อจะไปรับที่คณะ ใส่เสื้อบอลแมนยูตัวนั้นมาด้วยนะ...”

   “ห๊ะ!!!! อะไรนะครับ??”

   “...พ่อบอกให้ใส่เสื้อบอลแมนยูตัวนั้นมาด้วย พวกผู้บริหารเค้านัดกันใส่มาอวดตอนกินข้าววันนี้ พ่อบอกคนอื่นไปว่าให้เราแล้ว ก็เลยอยากให้น้องแก๊งใส่มาให้หน่อยไหนๆ ก็สอบเสร็จแล้วด้วย พ่อจะได้มีเรื่องคุยกับพวกผู้บริหาร...”

   คิดว่า.. อารมณ์ผมตอนนี้.. อยู่ใน.. ระดับไหนครับ...........

   “...ทำไม!! มีปัญหาอะไรกับเสื้อบอลพ่อรึปล่าว??...”

   “ปล่าวเลยครับ!! ปล่าวเลย!!!! เดี๋ยวผมจะใส่ไปนะครับพ่อ”

   “...โอเค งั้นแต่งตัวหล่อๆ เลยนะ อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่คณะ พ่อถึงแล้วจะโทรหา แค่นี้นะ...”

   “ครับ..”

   ลดโทรศัพท์ลง ก้มลงมองเสื้อบอลแมนยูด้วยอารมณ์ที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงไหนของโลกนี้แล้ว เหมือนตอนนี้อยู่โลกที่สาม ที่สี่ ที่ห้า เหมือนอยากตายแล้วเกิดใหม่ เหมือนอยากใช้ชีวิตให้ไกลจากความจริง ณ จุดนี้ แต่มัน......คือความจริง

   “สัดเอ้ยยยยยยยย!!!!!!!!!”

   ไม่สงไม่สนว่าลายเซ็นต์กลางหลังจะเป็นยังไงล่ะ ขยี้แรงๆ จุ่มขึ้นจุ่มลงด้วยความเร็วให้คราบอ้วกมันหายไปให้เร็วที่สุด บิดเสื้อด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ล้างน้ำก๊อกบนซิงค์ให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วบิดให้หมาดยิ่งกว่าอะไร

   อาบน้ำ แต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใส่เสื้อบอลทั้งที่เปียกๆ บิดหมาดๆ รอยยับๆ ยู่ยี่เต็มเสื้อไปหมด

   ไม่มีวิธีอื่นแล้วที่จะทำให้เสื้อบอลผมแห้งทันก่อนหนึ่งชั่วโมงที่จะถึงนี้ นอกจาก

   ใช้ประโยชน์จากวันนี้ อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ลมแรง แดดจ้า ฟ้าเปิด กับขนาดของมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่เปรียบเหมือนจังหวัดอีกจังหวัดหนึ่ง การสัญจรที่ดีและรวดเร็วที่สุดคือ การใช้รถมอเตอร์ไซค์

   ผมจึงขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสภาพเสื้อเปียกๆ อย่างนั้น แล้ววววว

   บิดสู้แดด แว๊นสู้ลมให้ทั่วมหาวิทยาลัยสักสองสามรอบ ให้พลังธรรมชาติและเครื่องยนต์สี่จังหวะช่วยทำให้เสื้อของเราแห้งภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ ไม่สงไม่สนว่าใครจะมองผมว่าบ้ายังไง และไม่สนว่าน้ำมันจะแดกห่าเช่นไร สนแค่ว่าชีวิตมึงจะเป็นอย่างไร ถ้าพ่อรู้ว่าเสื้อบอลแมนยูของแท้เกรดนักเตะพร้อมลายเซ็นต์ตัวนี้ มึงริอาจหาญให้คนอื่นใส่แถมเปื้อนอ้วกด้วย แค่นี้ประตูนรกก็เปิดต้อนรับมึงแล้วถ้ามึงไม่ทำแบบนี้...

   จนในที่สุด!!!.......ณ หน้ากระจกในห้องน้ำของคณะ

   เสื้อแห้งกำลังพอดี แต่รอยยับยังมีอยู่บ้างและบริเวณตะเข็บยังเปียกอยู่หน่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เมื่อคุณพ่อโทรมาขณะที่เรากำลังเช็คร่างกายตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เพื่อให้ตัวเองหล่อที่สุดตามคำสั่งของคุณพ่อ

   “...น้องแก๊ง ตอนนี้พ่ออยู่คณะ ลูกอยู่ตรงไหนครับ ได้เวลาไปแล้วนะ...”

   “อยู่นี่ครับพ่อ!!”

   เอาล่ะ!! ไอ้แก๊ง!! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่สายตาพระบิดาได้แล้ว ไปเลย.....



   และแล้ว เรื่องนี้ก็จบด้วย Happy Endding มั้ง...

   ก็โดนด่าเรื่องลายเซ็นต์จางเพราะซักแรง แต่มันก็จางแค่นิดหน่อยถือว่าไม่มาก โชคดีที่นักเตะเค้าใช้หมึก Permanent คุณภาพดีตอนเซ็นต์ เจอแรงขยี้แรงๆ กับการชุบน้ำของเราไปขนาดนั้นยังไม่จางมากก็ถือว่าโอละนะ

   ขับรถมอไซค์กลับหอ มาถึงเกือบจะบ่ายสาม

   สงสัยเป็นเพราะเจออะไรเยอะไปหน่อย เลยทำให้ตอนนี้ผมก็มึนๆ เบลอๆ หน้าร้อนๆ เหนื่อยๆ เมื่อยล้าไปหมดทั้งตัว พอมันสบายใจหมดแล้ว อะไรๆ ก็ประเดประดังเข้ามาหมด ทั้งเครียดตอนรู้ว่าเสื้อบอลตัวเองโดนขโมยใส่จนไมได้นอน

   พอเช้าขึ้นมาก็ต้องเครียดตอนสอบเพราะไม่รู้อะไรเลย ทำข้อสอบได้ไม่ได้ก็ไม่รู้ ตามที่หญิงเนิสติวนั่นล่ะ ว่าจะตรงก็ตรงอยู่แต่มันก็ไม่รู้จะถูกมั๊ยเพราะเราจำเข้าไปสอบอย่างเดียว ไม่ได้ทำความเข้าใจอะไรเลย ไม่ตรวจด้วย รีบออกมาอย่างเดียว

   พอเสร็จแล้วก็ต้องรีบมาเอาเสื้อคืน พอได้เสื้อคืนก็ต้องรีบซักรับหน้าพ่อ แถมยังต้องใส่ทั้งเปียกๆ ขับไปตากแดดตากลมเพื่อให้มันแห้งอย่างกับผีบ้าเข้าสิง กว่าจะได้หายใจหายคอทั่วท้อง กลับมาเป็นคนปกติก็ตอนส่งพ่อขึ้นประชุมผู้บริหารบีเอ็นที่โรงแรมประจำมหาวิทยาลัย แล้วได้เป็นตัวของตัวเอง ขับมอไซค์กลับมาถึงหออย่างนี้เนี่ยล่ะ

   หลังจากนี้ ไม่อยากจะทำอะไรเลย นอกจาก...... นอนนนนนนนน บนเตียงอุ่นๆ นุ่มๆ ห้องแอร์เย็นๆ

   เดินก้มหน้าโต๋เต๋ยิ่งกว่าคนหมดอาลัยตายอยากไปที่ห้อง มองไปเห็นป้าอุไรกับลุงคาร์ลพอดี เหมือนกำลังเก็บเครื่องมือช่างอะไรบางอย่างจากหน้าห้องผม

   “อ้าว น้องแก๊ง กลับมาแล้วเหรอ?? พอดีเลย ป้าว่าจะโทรไปหาพอดี”

   “กลับมาแล้วครับป้าอุไร มีอะไรเหรอครับ??”

   “ก็ที่ป้าจะเปลี่ยนกลอนไง ป้าเปลี่ยนให้แล้วนะ อ่ะนี่!! กุญแจกลอนห้องอันใหม่”

   “ขอบคุณครับป้า แล้วผมต้องคืนอันเก่าด้วยมั๊ยครับ”

   “คืนมาดีกว่า เดี๋ยวน้องแก๊งจะงง”

   “ครับ”

   ผมก็เอากุญแจอันเก่าออกมาจากพวง พร้อมกับร้อยอันใหม่เข้าไปในพวงเหมือนกัน

   “ขอบคุณมากๆ นะครับที่เปลี่ยนกลอนให้ผมแล้ว”

   “โอ้ยยย ไม่เป็นไร มันหน้าที่ป้าอยู่แล้ว แล้วน้องแก๊งจะออกไปไหนต่อเหรอครับ??”

   “ว่าจะนอนแล้วล่ะครับ วันนี้เหนื่อย”

   “ตั้งแต่เย็นเลย ระวังตอนดึกๆ จะตื่นขึ้นมานะ”

   “ผมเหนื่อยขนาดนี้ รับรองครับว่ายาวไปจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะครับ”

   “โอเค งั้น ฝันดีนะครับ”

   “คร้าบ”

   ก็โบกมือบ๊ายบายส่งป้าอุไรกับลุงคาร์ลจนพ้นสายตา แล้ว ก็ไขกุญแจเข้าไปในห้อง วางกระเป๋าและสัมภาระทุกอย่าง เปิดแอร์ 24 เร่งอุณหภูมิให้เย็นเร็วที่สุด ถอดเสื้อบอลอันมีค่าใส่ไม้แขวนห้อยไว้ที่แขวนประดิษฐ์เหมือนเดิม เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อนอนลายสก๊อตสีขาวทั้งเสื้อและกางเกง.. ทอดกายลงบนเตียงอันมีค่าก่อนจะค่อยๆ โรยตัวเองไปปิดไฟเพื่อบิ๊วให้สภาพภายในห้องนั้นมืดอย่างเหมาะสม น่านอน ขณะที่มือกำลังจะถึงสวิตซ์ไฟเลยนะครับ

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก.... น้องแก๊งครับ นี่พี่กรเอง อยู่ในห้องรึปล่าวครับ”

   ไอ้สัส!!!..... มึงถูกจังหวะมาก

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก.... พี่รู้นะครับว่าน้องแก๊งอยู่ในนั้น พี่ได้ยินเสียงแอร์ เปิดให้พี่หน่อยครับ”

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-03-2014 22:49:21
เกิดเป็นแก๊งมันไม่ง่ายจริงๆ5555
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Tinkerbell ที่ 07-03-2014 22:50:37
ในหัวเราคิดเป็นรับxรับล่ะ -..-   

มาต่อไวๆนะค่ะชอบค่ะ


เราปาดรึเปล่าเนี่ย?
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 07-03-2014 22:52:14
รีบมาต่อตอนต่อไปเร็วนะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-03-2014 23:10:35
 :m20: ฮาแก๊งจริงๆ

พี่กรจะมาก่อกวนอะไรป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 07-03-2014 23:28:13
อยากจะเป็นน้องแก๊ง ถ้าพี่หมอจะหุ่นน่ากินขนาดนี้ ก็ยอมให้มาวุ่นวายทุกช่วงเวลา ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 07-03-2014 23:47:27
 :pig4: ขอเข้ามาอ่านเงียบๆ คงไม่ว่าอะไรกันนะ รออ่านตอนต่อไป
ป.ล.ชอบเนื้อเรื่องเจ๊นะ สนุกดี เหมือนเคยอ่านอีกเรื่องหนึ่งแต่คล้ายว่าแต่งไม่จบ #31
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 08-03-2014 09:06:24
ชีวิตไม่ง่ายอย่างที่ใจคิดหรอกนะแก็ง :m20:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 08-03-2014 09:33:32
 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:

น่าสงสารน้องแ๊ก๊งจริงๆ เลย   :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-03-2014 10:00:40
รู้สึกหงุดหงิดพี่หมอออ มารบกวนแก๊ง
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-03-2014 10:10:19
ใครจะชอบใครก่อนล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 08-03-2014 11:55:32
ตอนที่ 3 ไข้หวัด แดก...

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก...”

   “พี่กร!!! มีอะไรคร้าบ??? น้องจะนอนแล้ว...”

   ช่างเป็นคนที่ขวางทางความสุขของชีวิตไอ้แก๊งได้ดีจริงๆ นี่แค่วันที่สอง ของการรู้จักกัน เองนะ เว้ยยย

   “อ้าว เหรอครับ?? พี่ว่าจะชวนเราไปกินข้าวเย็น กะจะเลี้ยงขอโทษเรื่องเมื่อวาน...”

   โอ้วพระเจ้า.. จบเรื่องราววุ่นวายของกูกะมึงไว้แค่นี้เหอะ! กูขอร้องงง ... เสื้อผ้าก็คืนให้กันแล้ว ไม่ต้องขอทงขอโทษอะไรทั้งนั้น กูไม่ต้องการรรรรรรรร!!!!!

   “แกร๊ก....”

   ก็เปิดประตูไปคุยกับพี่แกหน้าห้องดีดี เพราะประตูมันเก็บเสียง ต้องตะโกนถึงจะได้ยิน เดี๋ยวข้างห้องจะรำคาญ

   “น้องจะนอนแล้ว พี่ไปกินเหอะ.. ไม่ต้องขอโทษหรือทำอะไรหรอกครับ เรื่องมันจบไปแล้ว... น้องไม่คิดมาก..”

   “แหม เสียงเซ็กซี่ในชุดนอนน่ารักเชียวนะครับ อ่อยพี่ป่ะเนี่ย”

   อยากจะด่าออกไปจากใจว่า พ่องงงงงง! ฟังกูบ้างป่ะเนี่ย!!.............. แต่แค่แรงจะลืมตา ไอ้แก๊งยังไม่มีเลยครับ ตอนนี้

   “เฮ้อออ (เสียงถอนหายใจเบาๆ)...พี่จะว่ายังไงก็ช่างพี่เหอะ น้องง่วงนอนแล้ว และกำลังจะนอนด้วย แค่นี้นะครับ”

   ก็กำลังจะปิดประตู แต่ว่า... มือไอ้พี่กร มันก็มาจับประตูไม่ให้ผมปิด

   “เดี๋ยวครับ!!”

   “อะล่ะ!????? (อะไร แต่ทำเสียงไม่พอใจสุดๆ)”

   “พรุ่งนี้เช้า ไปกินข้าวเช้ากันมั๊ยครับ ถ้าข้าวเย็นวันนี้ไม่ได้ เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเช้าพรุ่งนี้แทนล่ะกัน”

   “พี่เข้าใจคำว่า ‘เรื่องมันจบไปแล้ว’ มั๊ยครับ!??... น้องก็บอกไปแล้วว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นครับ น้องไม่ต้องการ”

   “ป่าวครับป่าว นี่ไม่ใช่เพื่อขอโทษ....... แต่...พี่อยากเลี้ยง”

   “งั้นก็ไม่ไปครับ แค่นี้......ปึ้ง!! แกร๊ก!!! แช๊ะ!!!”

   เสียงปิดประตู ลงกลอน ปิดไฟเข้านอน ดังตามลำดับ ไม่สนว่าคุณชายนายแพทย์ห้องข้างๆ จะว่าอย่างไร

   หันหลังกลับไปเอนตัวเองล้มลงบนเตียง ปึ้ง! แล้วหลับตา.. พลางคิดๆ ว่าพรุ่งนี้ปิดเทอมวันแรกด้วย อุตส่าห์ปิดตั้งหกเดือนเพราะมาตรการเข้าสู่อาเซียนของมหาลัยด้วย จะทำอะไรดีน้า.. อยากนู่น อยากนี่ มีนัดตรงนู้น มีนัดตรงนี้เต็มไปหมด

   ก็ค่อยๆ เคลิ้มหลับไป....



   และแล้วก็ถึงเช้าวันแรกของการปิดเทอมหน้าร้อน แสงแดดสดใสที่ลอดเข้ามาปลุกสายตาน้องแก๊งพร้อมกับเสียงนกกระจอกตรงระเบียง ทำให้รู้ว่าเป็นเช้าที่น่าสดชื่นขนาดไหน ก็ว่าจะลุกขึ้นไปสูดอากาศตรงระเบียง.. ยามเช้าๆ......

   แต่ว่า....! ทำไม....? มันรู้สึก ปวดเนื้อปวดตัว.. ปวดหัว มึนหัวอย่างนี้... คอแห้ง แสบคอ คันคอด้วย มีน้ำมูกอีก แถมตัวก็ร้อนๆ ร้อนจนเหงื่อตกเหงื่อแตกไปหมดทั้งที่เปิดแอร์ตั้ง 24 แถมพยายามจะลุก ก็ลุกไม่ขึ้นอย่างนี้นะ

   เดี๋ยวก่อน!.. ไม่นะ!.. ไม่นะไม่....ไอ้กฤษกร!! (ชื่อจริงผมเองครับ) ไม่นะ! แกอย่าเป็นอย่างนี้!!

   โธ่... เพราะใส่เสื้อเปียกๆ ขับรถตามแดดตามลมทั่วมหาลัย แถมร่างกายเราก็ใช่ว่าจะแข็งแรงกะเรื่องพวกนี้ด้วย

   ไข้หวัด!! แดก!! กู!! แน่ๆ เลย!!.....

   “โอะ โอะ โอ้ยยยย แอ่ก แค่กๆๆ!! (เสียงไอ)

   โอ้ยตาย ทั้งไอ ทั้งไข้ มึนหัว ตัวร้อนไปหมด แค่จะลุกขึ้นพยุงตัวเองมานั่งบนเตียงยังลำบาก ปวดไปหมดทั้งตัว สภาพตอนนี้รู้เลยว่า แค่จะไปเข้าห้องน้ำ ก็แทบจะคลานไปเลยก็ว่าได้ คงต้องคว้าไอโฟนตัวเองที่ข้างหมอน แล้ว...

   “ฮัลโหลลลล (เสียงยังกะควายออกลูก ขอบคุณมาก..) พี่ต้อมครับ แก๊งคงไปส่งพี่ไม่ได้ล่ะครับ......”



   ทั้งยกเลิกนัดพี่ต้อม ทั้งยกเลิกนัดพี่ก้อย ยกเลิกนัดพี่ๆ ในกลุ่ม เพื่อนๆ ในทีม และคนอื่นๆ ที่อุตส่าห์นัดไว้ตั้งแต่ก่อนช่วงสอบว่า ถ้าสอบเสร็จแล้ว จะไปเล่นที่นู่น จะไปเที่ยวที่นี่ จะไปออกงานตรงนั้นตรงนี้กัน สรุปคือ ยกเลิกหมดเลยยยยย

   ก็ใครมันจะไปรู้ ว่าตัวเองจะเป็นไข้หน้าร้อนแบบนี้ แถมเป็นวันแรกของการปิดเทอมอีก

   ไหนๆ ก็ไหนๆ ล่ะ คงต้องดูแลตัวเองไปก่อน...ดีที่เราเป็นนักศึกษาเภสัช ซื้อพวกยาคุณภาพดีในราคารุ่นพี่รุ่นน้องเก็บเอาไว้เป็นสามัญประจำห้อง รับมือกับโรคไม่ร้ายแรงอย่างไข้หวัดอย่างนี้ไว้แล้ว เลยอุ่นข้าวต้มในตู้เย็นออกมากินเป็นข้าวเช้า แล้วจัด Loratadine กะ Ibuprofen กินหลังข้าวเช้าไปก่อน ดื่มน้ำตามเยอะๆ แล้วจิบยาน้ำแก้ไอมะขามป้อมที่ซื้อเก็บเอาไว้เป็นโหล จิบแก้ไอไปเรื่อยๆ จากนั้นนอนพักสักนิด ก็น่าจะดีขึ้น ค่อยออกไปตรวจกับพี่ก้อยตามที่ตกลงไว้กับพี่แก

   (เพราะยังไม่รู้ว่าที่ไอนี่มาจาก Bacteria หรือเปล่า ต้องไปตรวจก่อน ค่อยตัดสินใจเพิ่มยา Amoxycilin ลงไป)

   เพราะตะกี๊ที่โทรยกเลิกนัดพี่ก้อย ที่เป็นแพทย์เรียนจบไปแล้ว และทำงานเปิดคลีนิคอยู่แถวๆ มหาลัย.. เล่าอาการทั้งหมดไปให้พี่แกฟังก็บอกว่าจะมาหาเดี๋ยวปิดคลีนิคก่อน แต่เราบอกไปว่าไม่ต้อง ไม่ได้ถึงกับลุกไม่ไหวเลย มันก็แค่แทบจะคลานเฉยๆ แต่พอฝืนๆ ได้คงจะดีขึ้นเอง ถ้าดีขึ้นกว่านี้หน่อยก็คงจะออกไปข้างนอกได้ เลยบอกพี่ก้อยว่าไม่ต้องปิดคลีนิค ขอกินยาสักรอบก่อนพอให้รู้สึกดีขึ้น แล้วเราจะออกไปตรวจกับพี่แกที่คลีนิคเลย

   ตอนนี้ก็พอจะเดินเหินไม่เจ็บไม่ปวดอะไรบ้างแล้ว แต่ก็ยังมึนๆ ตัวก็ยังร้อนๆ เหงื่อออกเต็มไปหมด จัดน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่นมาใส่กะละมังพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ว่าจะเริ่มเช็ดตัวเองก่อนแล้วค่อยนอนต่ออีกสักรอบ คงดีขึ้น...

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!... น้องแก๊งครับ นี่พี่กรเอง ตื่นแล้วใช่มั๊ยครับ??”

   สัสสสสส!! มึงคือมารผจญความสุขกูชัดๆ!! ไม่!!! เราต้องทำเป็นยังไม่ตื่น ไม่รู้สึกตัว

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ตะกี๊พี่ได้ยินเสียงน้องแก๊งเข้าห้องน้ำ น้องแก๊งตื่นแล้วใช่มั๊ยครับ เปิดให้พี่หน่อย”

   เชรี่ยย!! บ้านมึงเป็นญาติกะสุนัขรึไง หูดีขนาดหนัก ความโชคร้ายของห้องกูที่ห้องน้ำอยู่ผนังฝั่งติดกับห้องมัน

   “แกร๊ก.... มีอะไรครับ??”

   ก็ต้องเปิดออกไปให้มันได้ยลโฉมแก๊งเวอร์ชั่นไข้หวัดแดกหน่อย จะได้เลิกยุ่งกับกูซะที

   “ก็...ที่พี่จะชวนไปกินข้าวเช้า...นี่น้องแก๊งเป็นอะไรครับนี่”

   “พี่ไม่เห็นเหรอว่าน้องป่วย แถมเมื่อวานน้องก็พูดชัดเจนไปแล้วนี่ แอ่ก แค่กๆๆๆ!! ว่าไม่ต้องการ ไม่ไป แถมน้องก็ป่วยอย่างนี้ คิดจะให้ออกไปข้างนอก แค่กๆๆๆ!! รึยังไงครับไอ้คุณหมอ?? แค่นี้นะครับ”

   ว่าจะปิดประตู แต่มันก็อีกล่ะ เอามือมาจับไม่ให้เราปิด

   “เดี๋ยวครับ!???”

   “มันจะต้องให้บอกอีกกี่รอบถึงจะพอใจ!! เฮื้ออก (เสียงรวบหายใจเข้าก่อนไอ) แค่กๆๆๆ

   “พี่ขอตรวจหน่อย ดูน้องแก๊งจะไม่ไหวแล้วนะครับนี่ ไอหนักขนาดนี้”

   “ไม่จำเป็นครับ น้องกินยาแล้ว ถ้าดีขึ้นเดี๋ยวน้องไปตรวจกับหมออีกทีเอง”

   “ลืมไปรึไงครับว่าพี่ก็หมอ อย่าปฏิเสธ!! มานี่เลย”

   “เฮ้ย!! เดี๋ยว เฮื้ออ แค่กๆๆ!!....ปึง!! แกร๊ก!!....โอ้ยพี่กร!! เบาๆ ครับ น้องเจ็บไปทั้งตัวอยู่ ตอนนี้”

   ไอ้หมอกรจอมป่วนมันก็เข้ามาในห้อง ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย คว้ามือผมที่อยากจะขัดขืนแทบตายแต่ก็ปวดเนื้อปวดตัว แรงขัดขืนก็แทบจะไม่มี ก็ต้องยอมให้มันลากพามานั่งที่เตียงเนี่ยล่ะครับ ไม่อยากจะเถียงมันล่ะ กูมึนหัว อยากจะทำอะไรก็เชิญ ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ค่อยเก็บเป็นบัญชีแค้นกับมันทีหลัง

   “พี่ขอโทษนะครับน้องแก๊ง มีไฟฉาย กับปรอทวัดไข้มั๊ยครับ”

   “อยู่ในเก๊ะน่ะครับ แค่กๆๆ!!

   ชี้ไปตรงเก๊ะเครื่องยาสามัญประจำห้อง ข้างในนั้นจะมีพวกปรอทวัดไข้และไฟฉายด้วย พี่แกเปิดแล้วก็หยิบออกมา

   “อ้าปากก่อนครับ พี่ขอดูลิ้นไก่เราหน่อย”

   “อ้า.........”

   พี่แกส่องไฟฉายเข้ามา มองดูในปากเราสักพัก ก็ค่อย...

   “อมอันนี้เป็นอยู่นะครับ”

   ยื่นปรอทวัดไข้มา... นะ!!.... ของห้องกูนะไม่ใช่ของมึง.. ผมก็เปิดเครื่องเพราะมันเป็นปรอทดิจิตัล รอมัน Calibrate อุณหภูมิว่า OK แล้วก็อมไว้ใต้ลิ้น จนมันดัง “ตี๊ดดด”... พี่แกก็ค่อยจับไปดูว่าเท่าไหร่

   “โหหห 38.5 ไข้สูงมาก มิน่าเหงื่อน้องแก๊งออกขนาดนี้เลย... แล้วที่ไอนี่!?? มีเสมหะมั๊ยครับ”

   “ก็....มีครับ แอ่ก แค่กๆๆ!!  สีข้นๆ เขียวๆ เพิ่งสังเกตุตอนเข้าห้องน้ำเมื่อเช้า”

   “น่าจะติดเชื้อแบค เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอล่ะกัน พี่ยังไม่แน่ใจ ไปตรวจให้มันดีดี”

   “งั้นก่อนหน้านั้นพี่ก็ช่วยเอา Amoxy ในเก๊ะมาให้หน่อยล่ะกันครับ แอ่ก แค่กๆๆ!! น้องกินพวก Lora กะ Ibuprofen ไปแล้ว แอ่ก แค่กๆๆ!! แต่ยังไม่ได้กิน Amox เพราะไม่คิดว่าจะเจ็บคอเชื้อแบค”

   “หยุดเลย!.. จะกินอะมอกเลยเหรอ? ยาปฏิชีวนะเลยนะ! ไปตรวจก่อนกับคุณหมอดีๆ กว่านี้ก่อนมั๊ย? เดี๋ยวพี่พาไป”

   ผมก็มองหน้าไอ้พี่กร แบบว่า....ก็ไหนว่ามึงบอกว่าเป็นหมอ แต่ก็เออ....ก็จริง.... แล้วค่อย

   “แอ่ก แค่กๆๆๆ!!!!

   “กินน้ำอุ่นก่อน.... มีน้ำอุ่นมั๊ยครับ...”

   “กดจากเครื่องแล้วผสมน้ำเย็นให้น้องหน่อยครับ แค่กๆๆ!! อย่าหาว่าใช้เหอะ น้องปวดไปหมดทั้งตัวเลย ตอนนี้”

   “ไม่เป็นไรครับ น้องแก๊งจะใช้พี่ได้เท่าไหร่ก็ได้เลยครับ พี่เต็มใจเสมอ ถ้าเป็นน้องแก๊ง”

   แล้วพี่กรก็ทำให้ มองไปมองมาก็ดูตั้งใจทำดีนะครับ ระหว่างที่รอผมก็เปิดยาน้ำมะขามป้อมขึ้นมาดื่มเป็นอึกเลยทีนี้ เพราะมันไอหนักขึ้นเรื่อยๆ.. พี่แกก็ค่อยยื่นน้ำอุ่นมา มองดูกินแล้วอมยิ้มเหมือน..

   “เป็นผีบ้าอะไร... มองดูคนป่วยกินน้ำแล้วก็ยิ้ม”

   “ไม่มีอะไรครับ... แล้วนี่... กะละมังอันนี้เอาไว้ทำอะไรครับ จะเช็ดตัวเหรอครับ??”

   “ครับ แต่ยังไม่ได้เช็ด.. เพราะพี่กรเคาะห้องพอดีตอนจะเช็ด”

   “เดี๋ยวพี่เช็ดให้ครับน้องแก๊ง เช็ดเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่พาไปหาหมอดีดีให้”

   “ไม่เป็นไรครับพี่กร น้องเช็ดเองได้ ขอบคุณนะครับ... เดี๋ยวน้องเช็ดแล้วจะพักผ่อน ค่อยออกไปหาหมอที่น้องนัดไว้”

   ใครจะบ้าให้คนที่ยังไม่รู้จักเช็ดตัวให้ ผมพยุงตัวเองว่าจะไปแย่งเอากะละมังมา แต่... คนป่วย หรือจะสู้คนสุขภาพดี

   พี่กรแกก็เข้ามาชาร์จเอากะละมังเช็ดตัวของผมไปอย่าง... หน้า.... ตา... เฉย.... เลย....

   “ไม่เป็นไรครับน้องแก๊ง พี่เต็มใจเช็ดให้อย่างยิ่ง แถมน้ำในนี้ก็เย็นหมดแล้วด้วย เดี๋ยวพี่ไปทำมาให้ใหม่นะครับ เช็ดเสร็จแล้ว... พี่ก็จะได้พาเราไปตรวจกับหมอที่น้องแก๊งนัดไว้ด้วย นะ...”

   มึงก็ไม่รอให้กูปฏิเสธเลยนะ วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แบบ..เฮ้อออ กูเพลียยย จะทำอะไร ก็เรื่องของมึงล่ะกัน กูไม่สู้ล่ะ



   “ถอดเสื้อเร็วครับ คนเก่ง”

   ออกมาพร้อมกับอุปกรณ์เช็ดตัวเรียบร้อย น้ำที่มึงเตรียมนี่ ควันฉุยยเชียว จะลอกผิวให้กูด้วยรึไง

   แต่หมดอารมณ์บ่น ไม่มีอารมณ์เถียง ผมก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนอน ถอดเสื้อตามคำสั่งคุณหมอจอมป่วน

   “เดี๋ยวพี่ปิดแอร์ก่อน....อ่ะ เรียบร้อย... ให้พี่ช่วยถอดเสื้อมั๊ยครับ??”

   “ม่ายยยยยยยยย ถอดเองเป็น ไม่ต้องงงงงงงง...”

   หน้ามึงนี่!! กูรู้สึกว่ามันไม่ใช่คุณหมอแล้วนะ มันเป็นไอ้หื่นบ้ากามแถวไหนก็ไม่รู้ แมร่ง กูเริ่ม....ไม่ไว้ใจล่ะ

   “ก่อนจะเช็ดตัว... น้องถามพี่กรก่อน”

   “อะไรเหรอครับ??”

   “พี่กรเป็นเกย์มั๊ย!??”

   จ้องตาแบบว่า กูเอาคำตอบจริง กูเอาความจริงเท่านั้น... พี่แกก็ยิ้มๆ แล้ว เริ่มชุบน้ำ บิด แล้วจับแขนเราไปเช็ด

   “พี่เป็นเกย์ครับ”

   อยากเอาแขน.... ชักกลับมา... อยากเอาหน้า... มุดลงดิน.... แต่.... เฮ้ออออ แรงไม่มี

   “แล้วน้องแก๊งล่ะครับ เป็นเกย์เหมือนกัน ใช่มั๊ยล่ะครับ??”

   ผมมองหน้าพี่กรที่ส่งยิ้มมาแบบอบอุ่น

   “น้องเป็นเกย์ที่ตอนนี้กลัวเกย์ด้วยกันเอง (หมายถึงมึงนั่นล่ะ)”

   “ทำไมล่ะครับ หรือว่าตอนนี้ น้องแก๊งมีแฟนแล้ว”

   “แฟนเหรอครับ เรื่องแบบนั้น ไม่มีหรอกครับ...”

   “อ้าว ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ”

   “น้องไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร หนึ่ง... สองคือ น้องไม่กล้า... สามคือ ไม่มีใครมาสนใจน้องเลยตั้งแต่เข้ามหาลัยมา ตอนนี้ก็อยู่แบบปกติธรรมดาอย่างนี้ล่ะครับ”

   “พี่ว่าไม่ใช่หรอก น้องแก๊งน่ะคิดไปเอง”

   “อะไรนะครับ”

   พี่กรก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ เช็ดตรงแถวๆ ไหล่ หน้าอก คอ แล้วค่อยๆ ไล้ลงมาโอบหลังผมไว้ จน... ตอนนี้หน้าผม กับหน้าพี่กร ห่างกันแค่ ประมาณ... หนึ่งฝ่ามือได้ ใกล้เว่อร์.....

   “น้องแก๊งน่ะ ทั้งขาว ทั้งหล่อ น่ารัก มีตาหวานๆ ชนิดที่พี่มอง ก็แทบละลายอยากมาอยู่ข้างๆ อย่างนี้ไงครับ”

   เสียงนุ่มๆ หน้าใกล้ๆ ผมเลย... คือ อกผมตอนนี้มัน ไม่เป็นจังหวะ.... แต่ผม ก็ทำเสียงนุ่มๆ กลับไปเหมือนกันว่า

   “จะเช็ดตัวหรืออยากโดนถีบตกเตียง เลือกเอาครับ”

   “เลือกเช็ดตัวครับ แล้วก็ขอท่านี้ ไปเรื่อยๆ.....ไม่อยากตกเตียงครับ”

   “ไม่เอาท่านี้ครับ”

   “เอาท่าไหนล่ะครับ พี่ได้ทุกท่า”

   “ไม่เอาท่าไหนล่ะครับ พี่กรออกไปนะครับ”

   เริ่มสั่นๆ อ่ะ มันทำไม...สั่น หน้าใกล้กันมาก ใกล้กันเกินไป

   “ถ้าพี่จะขอจีบน้องแก๊ง ได้มั๊ยล่ะครับ”

   “พี่ขอจีบน้อง...ใน....ท่านี้ เนี่ยนะ......”

   “ทำไมล่ะครับ ท่านี้ เสียวดีออก... ถ้าไม่ยอม พี่ก็จะอยู่ท่านี้จนกว่าจะยอม”

   แล้วพี่แกก็ไม่เช็ดตัวต่อ เอาแขนตัวเองออกมากั้นผมทั้งสองทางซ้ายขวา!! ปิดทางหนี!!... แล้วค่อยๆ โน้มตัวมาจนผม.. เริ่มเอนไปด้านหลังเรื่อยๆ

   “พี่.. พี่กร!!!”

   ท่านี้... ท่านี้มันเหมือนในหนังสือการ์ตูนเกย์ที่กูอ่านประจำ มันคือฉากที่อุเคะกำลังจะโดนซะเมะ... มัน...

   “ตกลงจะยอม ไม่ยอมครับ”

   เอนจนนอนลงไปกับเตียงแล้วววววว..... ไอ้คุณหมอมันก็ค่อยๆ คลานขึ้นมาคร่อมกู กั้นไม่ให้กูหนีอีก

   “พี่กร!! เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะพี่กร เราเพิ่งรู้จักแค่ชื่อกันเองนะครับ”

   “ทำก่อนค่อยเป็นแฟนกันก็ได้ ค่อยมารู้จักกันทีหลัง แบบนั้นน้องแก๊งจะได้เป็นของพี่คนเดียว”

   “ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา... ทำทีหลังเป็นแฟนมันดีกว่านะ.. นะ นะ นะ”

   เสียงเด็กๆ ตาโตๆ เอาความแอ๊บแบ๊วเข้าสู้...มึงว่ากูน่ารักใช่มั๊ย?? มึงต้องฟังกู เมื่อกูทำน่ารักเช่นนี้

   “คิดว่าทำแบบนี้ แล้วพี่จะปล่อยไปเหรอครับ... ทำน่ารักใส่พี่อีก...รู้มั๊ย... ว่ามันจะทำให้พี่....หื่น”

   ม่ายยยยยยยย กูพลาดแล้วววววววว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ช่วยลูกช้างด้วยยยยยยยยยยย

   “พี่จะทำเบาๆ นะครับ”

   ไม่นะ ไม่เอา ไม่เอาๆๆๆ หน้าใกล้เข้ามาแล้ว ม่ายยยยยย



   “ปึ้ง!!! โครมมมมมมม กุบกับๆๆๆๆ”

   เสียง.... เสียงสวรรค์..... ขาเรามัน......

   ไปเตะกะละมังเช็ดตัวที่ไอ้พี่กรมันเสือกวางบนเตียงพอดี

   น้ำหกใส่เตียงเกือบหมด ตัวกะละมังกระเด็นกลิ้งไปเล่นกายกรรมอยู่บนพื้น โอกาสอันดีที่ไอ้แก๊งจะ

   “ฮึบ!!!!”

   รีบใช้จังหวะที่พี่กรเผลอ หลบออกจากเตียงลุกขึ้นมาหยิบเสื้อในตะกร้าสักตัวมาใส่อย่างเร็ว ต่อให้ปวดเนื้อปวดตัวแค่ไหน แต่ตะกี๊นี้คือ... ตะกี๊นี้มันคือ... แล้วถ้ามันไม่มีกะละมังนะ...ถ้ามันไม่มีกะละมัง่ะนะ...ตอนนี้กูคงจะ ผมจ้องหน้าไอ้พี่กรด้วยอารมณ์ ทั้งสับสน และอยากด่า แต่ว่า....

   “พี่ขอโทษนะครับน้องแก๊ง พี่ไม่น่าเอากะละมังขึ้นมาวางบนเตียงเลย เตียงน้องแก๊งเปียกหมด เดี๋ยวพี่จะเอาผ้าปูเตียงกับพวกหมอนไปซัก ไปตากให้นะครับ คืนนี้น้องแก๊งมานอนห้องพี่ก็ได้”

   โฮ๊ะ!!!! มองหน้าไอ้พี่กรที่มัน มัน..... มันอยากจะหาอะไรหนักๆ หยิบมาฟาดใส่มันจริงๆ

   “ไม่!!! ไม่เป็นไรครับพี่กร น้อง... แค่กๆๆ!!!

   เชรี่ย กลับมาไอจนได้

   “น้องแก๊ง เป็นอะไรมากมั๊ยครับ เดี๋ยวพี่รีบพาไปหาหมอ....”

   “พี่กรกลับไปก่อนเหอะครับ!!!!”

   “แต่ว่า... เราต้องไปหาหมอ...”

   “พี่กร!! กลับไปก่อน!! นะครับ!!!!!!!!!!”

   ผมมองพี่กรด้วยสายตาโกรธสุดๆ โกรธจริงๆ พี่กรก็ค่อยๆ เดินไปทางประตูห้อง

   “ถ้ายังไง...ถ้าจะไปหาหมอ...ก็เรียกพี่นะครับ”

   แล้วออกไปจากห้องพร้อมสายตาเป็นห่วงก่อนจะปิดประตูลง... ผมก็ค่อยๆ ทิ้งตัวเองลงกับพื้น จากที่ปวดๆ เริ่มจะหาย ตอนนี้มันกลับปวดทั้งตัวไปมากกว่าเดิมอีก... พยุงตัวเองไปที่ไอโฟนบนเตียง... แล้ว

   “ฮัลโหล... พี่ก้อย... ช่วยมารับแก๊งที่หอหน่อยครับ....”

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 08-03-2014 13:12:39
ยอมๆพี่เค้าไปเถอะค่ะไข้จะได้ลด พี่เค้าอุส่าหวังดีจะรักษาให้ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 08-03-2014 13:21:53
 o13
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 08-03-2014 13:50:29
รุกเร็วจริงอะไรจริง

 :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-03-2014 14:04:36
พี่กร..น่ากลัว.. o13 o13
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 2]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 08-03-2014 14:18:44
ดูแล้วยุ่งๆแบบมึนๆดีอ่ะครับ รอตอนต่อไปนะครับ ลุ้นว่าทั้งคู่จะเริ่มรักกันยังงัย
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 08-03-2014 21:01:58
เอ่อ   เช็ดตัวนี่ไม่ใช่ต้องใช้น้ำค่อนข้างเย็นหรอครับ


เพราะมันเปนการเอาความร้อนออกจากร่างกาย    ถ้าเอาน้ำอุ่นมาเช็ดอีก อุณภูมิจะลดหรอครับ



ปล.  ไม่ใช่แพทย์นะครับ  แต่ก้แค่สงสัย
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 08-03-2014 21:17:32
แอบอ่อยเหมือนนะเราอะ น้องแก๊ง
=..= แทนตัวเองว่าน้องด้วยอะ น่ารักซะไม่มี
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-03-2014 21:34:03
พี่กรมาแบบจัดหนัก5555
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 08-03-2014 22:29:05
 :z1: ทั้งฮา ทั้งฟิน ทั้งหื่น
พี่กรรุกเร็วถูกใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แก๊งก็เอาๆไปเหอะ ของดีรีบคว้าไว้นะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 08-03-2014 22:39:11
รุก ได้น่ากลัวชิบ! เหอเหอ :a5:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Satanza321 ที่ 08-03-2014 23:18:23
พี่กรเค้าออกตัวแรงไปปะ :o  แก๊งออกจะกลัวๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูน้อย ที่ 08-03-2014 23:28:46
นิดนุงนะ
ตามอารมณ์ตัวละครแล้วมันขัดใจ พี่กรรุกเร็ว ขอให้น้องอย่าพึ่งยอมพี่กรง่ายๆ นะ
กลัวความกะล่อนพี่แกจริงๆ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-03-2014 23:35:10
สมน้ำหน้าพี่กร
โดนน้องโกรธเลย


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Firebird ที่ 08-03-2014 23:36:58
Ibuprofen กับ paracetamol จัดอยู่ในกลุ่ม NSAIDs เหมือนกัน มีฤทธิ์ต้านอักเสบเหมือนกัน กินแค่ตัวใดตัวหนึ่งก็พอ กินคู่เท่ากับคุณกำลังทำร้ายไตและตับของคุณอย่างหนัก
ส่วนการดูต่อมทอลซิลที่คอ ไม่สามารถบอกได้หรอกนะคะว่ามีหนอง เห็นแค่มันแดงใหญ่ขึ้นเท่านั้น ถ้าเห็นหนองที่ทอลซิลแสดงว่าคุณไม่แค่เป็นหวัดแน่นอน แล้วการที่ทอลซิลขยายไม่ใช่แค่ติดแบคนะคะ ติดเชื้อรา ไวรัสก็ขยายเหมือนกัน เหตุผลแค่นี้ตัดสินว่ากิน amoxy ไม่ได้นะคะ ผลของยาปฏิชีวนะแรงและนานกว่าที่คิดนะคะ
เตือนเพราะว่าการกินยาผิดวิธีส่งผลทั้งชีวิตนะคะ ถ้าเป็นโรคร้ายแรงมีสิทธิ์ที่ยาจะไม่ได้ผล ต้องใช้ยาแรงขึ้น ทำร้ายร่างกายมากขึ้น ดังนั้นสงสารร่างกายคุณเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 09-03-2014 02:28:59
ครับผม ตอนที่สามนี้ก็แก้ไขแล้วนะครับ

ถึงคุณ daboo นะครับ
คือ อ้างถึงเว็บไซด์นี้ประกอบนะครับ :: http://guru.sanook.com/8325/เช็ดตัวลดไข้-ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น/
....เมื่อเป็นไข้ ตัวร้อน หลายๆ คน จะรีบหยิบยาลดไข้มารับประทาน แต่ถ้าตัวร้อนจนรู้สึกเพลียมากๆ แม้รับประทานยาไปแล้ว อาการที่เป็นดูจะยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ก็คงต้องเพิ่มตัวช่วยอย่างการนำผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติมาประคบลงบนหน้าผาก แล้วนอนพักผ่อน

ทว่ารู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาอีก กลับพบว่าอาการไข้ยังมีอยู่ คงต้องเช็ดตัวลดไข้ช่วยอีกทางหนึ่ง แต่ดูเหมือนบางคนก็ใช้น้ำเย็น บางครั้งถึงกับเอาน้ำแข็งมาผสมใส่น้ำ ขณะที่บางคนกลับเลือกใช้น้ำอุ่น แล้วในความเป็นจริง น้ำเย็น หรือน้ำอุ่น กันแน่ ที่ใช้เช็ดตัวแล้วช่วยให้ไข้ลดได้

คำตอบของข้อข้องใจนี้ ก็คือ 'น้ำอุ่น'
เนื่องจากผ้าที่ชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ นำมาเช็ดตามตัวให้ผิวหนังออกแดงๆ จะช่วยให้เหงื่อออก ถือเป็นการช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนจากพิษไข้ออกมา ลดอุณหภูมิของร่างกายลงอย่างได้ผล

เหตุที่ไม่ควรใช้น้ำเย็นมาเช็ดตัว
เพราะน้ำเย็นจะยิ่งทำให้คนเป็นไข้ยิ่งรู้สึกหนาวสั่นกว่าเดิม แถมความเย็นจากน้ำ ยังทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังหดเกร็ง ถือเป็นการเพิ่มการใช้พลังงาน ทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม เวลามีไข้ นอกจากการรับประทานยาลดไข้ ประคบผ้าชุบน้ำไว้ที่หน้าผาก เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแล้ว ยังควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องให้มากๆ ก็ช่วยได้เช่นกัน....
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

และก็มีคำตอบจากรุ่นพี่สายแพทย์ด้วยนะครับ ว่าใช้น้ำอุ่นจะดีกว่า แต่พวกน้ำเย็นหรืออะไรก็ใช้ได้ แต่อย่าเย็นเกิน แค่พอให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ซึ่งตัวเอกของเราก็ไข้สูงถึง 38.5 แสดงว่าระบบเผาพลาญกำลัง Overworking อย่างหนักเลย เพื่อเป็นการลดพลังงานก็อย่าให้ร่างกายได้กระตุ้นพลังงานเพิ่มอีก ผู้แต่งจึงบอกว่าเลือกให้ตัวเอกใช้น้ำอุ่นมาเช็ดตัวครับ

ส่วนคุณ Firebird นะครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ :L1: :3123: จากใจของผู้แต่งและผมด้วยครับ
 
เพราะว่าบางครั้งคนแต่งเองก็อาจจะหลงๆ ลืมๆ หรือไม่หาข้อมูลก่อนแต่งนิยายให้ดี เพราะเรื่องแบบนี้เราต้องให้ความรู้กับคนอ่านด้วย เผื่อเค้าจะปรับและนำไปใช้

ซึ่งตอนนี้ผมก็รีเควสคนแต่งให้แก้ไขเนื้อเรื่องตอนที่สามใหม่แล้วนะครับ
และผมก็ตรวจทานเอามาลงใหม่แล้ว

เนื้อเรื่องถูกต้อง และดีขึ้นในระดับนึงแล้วนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับสำหรับคำแนะนำ  :pig4:

ส่วนตอนที่ 4 5 ตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับไฟล์ตัวอักษรที่ส่งมาจากผู้แต่ง
ว่ามัน... เป็นภาษาต่างดาว ตอนนี้ผมเลยยังไม่ลงตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ภายในคืนนี้ได้นะครับ
อยากจะลงเร็วๆ อยู่นะครับ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคร้าบบบบ เพราะผมเองแค่คนที่เอามาลงเฉยๆ

ร่วมสร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ให้ดี และถูกต้อง ร่วมกันในสังคมชาวเล้าเป็ดด้วยกันนะครับ
ขอบคุณมากคร้าบบบบบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 3]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 09-03-2014 06:59:30
ตอนที่ 4 แผ่นหลังที่มองเห็น

   “เอาเป็นว่า น้องแก๊งก็นอนพักที่นี่ซะนะ เดี๋ยวพี่จะเรียกพวกเฟิน ฟ่าง เอิน อ้อย อิ๋งอิ๋ง มาอยู่เป็นเพื่อนกะเราด้วย”

   หลังจากที่ผมโทรเรียกพี่ก้อยให้ออกมารับผมที่หอ ผมก็โทรรายงานคุณพ่อว่าตัวเองป่วยและกำลังจะให้พี่สาวบ้านข้างๆ ที่เรียบจบแพทย์ไปแล้ว มารับไปตรวจที่คลีนิคของพี่เค้า

   เพราะผม... รู้สึกว่ามันหนักขึ้น มันไม่ไหวจริงๆ

   และด้วยความที่คุณพ่อไม่สามารถมาดูอาการได้ด้วยตัวเองเพราะติดประชุมบีเอ็นอยู่ ก็รีบโทรหาพี่ก้อย ใช้ความเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทชิดเชื้อขอร้องให้ตรวจผมอย่างละเอียดที่สุด และให้ผมรักษาตัวยังไงก็ได้ให้อยู่ในสายตาของพี่แก เนื่องจากผมอยู่หอนอกมหาลัยคนคนเดียว และไม่ค่อยมีคนที่น่าเชื่อใจแถวนี้ที่จะฝากผีฝากไข้ไว้ได้ ถึงจะมีป้าอุไรก็ตาม...

   เลยเป็นเหตุให้ผม ต้องขนเสื้อผ้าบางส่วนออกมารักษาตัวอยู่ที่บ้านของพี่ก้อย อันที่จริงบ้านของพี่ก้อยก็เป็นทาวน์โฮมสามชั้นสามคูหาที่ดัดแปลงชั้นล่างของทาวน์โฮมให้เชื่อมติดกันเป็นคลีนิคอยู่แล้ว ตั้งอยู่แถวๆ หน้าหมู่บ้านจัดสรรราคาหลายล้านสำหรับคนรวยๆ ใกล้รั้วมหาวิทยาลัย ก็เลยมีห้องนอนจัดเตรียมเอาไว้ให้ญาติๆ ที่มาเยี่ยมพี่ก้อยได้นอนพักกันอยู่หลายห้อง ซึ่งพี่ก้อยก็ให้ห้องนอนห้องนึง ข้างๆ ห้องพี่แกเป็นที่พักชั่วคราวของผม

   ผมจึงอยู่ในชุดนอนผ้าซาตินโทนสีน้ำตาลเหลืองลายแมวโปโยะ กลมกลืนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุตกับชุดผ้าปูซาตินโทนสีน้ำตาลอย่างดี ในห้องนอนขนาดเกือบเท่าๆ ห้องที่หอผม บริเวณชั้นสองของบ้านพี่ก้อย ที่ตกแต่งภายในห้องด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นโทนสีน้ำตาลสลับขาว มองดูหรูหราดั่งโรงแรมห้าดาว ยิ่งกว่าห้องที่หอผมซะอีก

   นี่กูต้องใช้ห้องนี้ใช่ไหม!??.....คืนนี้กูจะนอนหลับมั๊ยเนี่ย!??

   “ขอบคุณมากนะครับพี่ก้อย”

   ถึงไม่รู้ว่าจะนอนหลับมั๊ย แต่พี่ก้อยก็ใจดีเหมือนเดิม แถมตะกี๊พี่เค้าก็บอกว่าจะชวนพวกพี่ฟ่าง พี่เฟิน พี่เอิน พี่อ้อย พี่อิ๋งอิ๋ง หรือพี่ๆ พริตตี้ที่อยู่ในวงดนตรีเดียวกันที่ผมสนิทมากที่สุด และพี่ก้อยเองก็รู้จัก ให้มาอยู่เป็นเพื่อนผมด้วย รู้สึกซาบซึ้งกับความเป็นนางฟ้าของพี่ก้อยมาก

   “ไม่เป็นไรจ๊ะน้องแก๊ง ยังไงพ่อเราก็ฝากเรามาให้พี่ดูแลอยู่แล้ว..แล้ววว..บอกคุณพ่อเรื่องนี้ว่ายังไงล่ะครับน้องแก๊ง??”
   ผมมองพี่หน้าก้อย ที่ส่งสายตาของคนสนิทมา กับประโยคที่มีความหมายไม่ใช่อารมณ์ของคุณหมอที่ถามคนไข้

   เพราะยังไง มันก็โกหกไม่ขึ้น.. พี่ก้อยตรวจผมแล้ว ว่า เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา และที่ผมไอ มีเสมหะสีเขียว ก็มาจากสาเหตุอื่นๆ ที่ยังไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งตรวจโดยรวมๆ แล้ว มันก็น่าจะเป็นแค่หวัดที่มีไข้อ่อนๆ แต่ทำไมผมถึงมีไข้สูงขนาดนี้ ซึ่งคนเฉลียวและฉลาดสุดๆ อย่างพี่ก้อย ที่สนิทกับผมมากว่าสิบปีเพราะเป็นพี่บ้านข้างๆ มาตั้งแต่ผมเกิด

   ผมรู้ดีว่า...โกหกยังไง... กับคนนี้... มันก็โกหกไม่ขึ้น

   “ผมบอกไปว่าเครียดกับที่สอบวิชาสุดท้ายน่ะครับ”

   แต่ผมบอกกับพี่ก้อยถึงเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้น ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของการปวดเนื้อปวดตัว คันคอ แสบคอ ไอ และไข้สูงขนาดนี้...ซึ่งมันทำให้ผมได้ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง และค้นพบว่า

   สาเหตุมันมาจากคนคนเดียวเลย...... ไอ้กร

   “ถ้ายังไงพอพวกฟ่างเฟินมาแล้ว (หมายถึงทั้งห้าคนเลยครับ แต่เรียกย่อๆ ว่า ฟ่างเฟิน) ก็อย่าไปเล่านะ.. พวกนั้นยิ่งเข้าใจอะไรผิดง่ายๆ อยู่... ทำใจให้สบาย แล้วนอนพักซะนะ ถึงเวลากินยาแล้วเดี๋ยวพี่จะขึ้นมาปลุก”

   “ขอบคุณครับพี่ก้อย ตั้งใจทำงานนะครับ”

   พี่ก้อยก็ส่งยิ้มมาหนึ่งครั้ง ก่อนจะคว้าเสื้อกาวน์คุณหมอเดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้ผมพักผ่อนอยู่ในห้องตามลำพัง



   “ไอ้แก๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” (พี่อ้อย)

   “อุ๊บสสสสสศ์!!!!!!!!!!!!!”

   เขามีแต่สำนวนที่ว่า ‘ยกภูเขาออกจากอก’... แต่นี่มัน ‘มีเอเวอร์เรสสองลูกมาทับทั้งตัวกูเลย’ ใครกันว่ะ!??

   “ไอ้พี่อ้อย!!”

   มากันแล้วเรอะ! กลุ่มสาวงามระดับพริตตี้ ดีกรีนางงามเวทีการประกวดตามรายการต่างๆ พร้อมกับความสามารถทางดนตรีที่ทำให้มารวมตัวกันกับผม เกิดเป็นวงดนตรีที่ดังที่สุดในร้านเหล้า พวกพี่ฟ่าง พี่เฟิน พี่เอิน พี่อ้อย และพี่อิ๋งอิ๋ง

   “แก๊งน้อยยยยย ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้เนี่ยยย ดูสิ!?? สภาพโทรมสุดๆ” (พี่เฟิน)

   เสียงพี่เฟินที่นั่งอยู่ปลายเตียง ผมมองกวาดสายตาขึ้นไปก็เห็นพี่ฟ่างนอนอยู่ข้างๆ พี่เอินนั่งอยู่ข้างเตียง กับพี่อิ๋งๆ ที่เดินไปจัดของอะไรสักอย่างบนโต๊ะในห้องนอน

   “โห พี่เฟิน อ่ะแค่กๆๆ ก็น้องไม่สบายอ่ะ ให้ทำไง”

   “ใช่เฟิน! คนป่วยแต่ยังดูดี กรีดตาหนา ขนตาปลอม มีที่ไหน!? นอกจากนางเอกช่องเจ็ด! (55555) อ่ะนี่จ๊ะแก๊ง พี่ก้อยบอกว่าแก๊งถึงเวลากินข้าวกินยาแล้ว รีบลุกขึ้นมากินเร็ว.. แต่แกก็หลบสิอีอ้อย!! ไปทับน้องอย่างนั้นน้องจะได้ตายห่าเพราะหนองโพมึงพอดี” (พี่อิ๋งอิ๋ง)

   พี่อิ๋งๆ เดินมาพร้อมกับอาหารเที่ยง ยา และแก้วน้ำอุ่น ส่วนพี่อ้อยก็ลุกขึ้นและค่อยๆ พยุงผมให้ขึ้นมากิน

   “พี่ใจหายหมดเลยตอนรู้ว่าไม่สบาย กะจะโทรชวนไปกินเสต๊กก่อนออกไปซ้อมที่สตูฯ ซะหน่อย...” (พี่ฟ่าง)

   “ใช่ๆ พี่ก้อยโทรมาบอกพี่ ว่าเราไม่สบาย พี่กับพี่ฟ่างแทบไม่เชื่อว่าแก๊งจะเป็นไข้ตอนหน้าร้อนอย่างนี้” (พี่เอิน)

   “เค้าว่า... แค่กๆๆ มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่เป็นไข้หน้าร้อน น้องคงจะบ้าจริงๆ”

   “ใครว่าแกบ้า แก๊ง แกน่ะไม่ได้บ้าเลย.. เวลาคนจะป่วยน่ะมันต้องมีสาเหตุไม่ใช่เหรอ ช่วยเล่าให้พวกพี่ฟังหน่อยสิว่าทำไมแกถึงป่วยได้เนี่ย.. ตะกี๊พี่ถามพี่ก้อย พี่ก้อยก็บอกว่าแกเครียดเรื่องสอบมากเกินไป มันจริงใช่มะ??” (พี่เฟิน)

   ผมก็นึกถึงคำพูดของพี่ก้อย ที่พูดทิ้งไว้....เมื่อประมาณสองสามชั่วโมงที่แล้ว

   “ก็อย่างที่พี่ก้อยพูดนั่นล่ะพี่เฟิน แค่กๆๆ น้องเครียดสอบเกินไปจริงๆ คงไปทำลายสุขภาพจนน้องป่วยอย่างนี้”

   “โธ่แก๊ง น้องของพี่... หักโหมเกินไปแบบนี้อีกแล้ว พี่อุตส่าห์เตือนว่าอย่าหักโหม ก็เอาจนได้” (พี่เฟิน)

   “นั่นสิ! เครียดอะไรของมึง? เป็นเภสัชประสาอะไรว่ะ ปล่อยให้เครียดจนหวัดแดก” (พี่อ้อย)

   “ก็ใครมันจะไป แค่กๆๆ เหมือนพี่ล่ะครับ พี่อ้อยหนองโพ แค่กๆๆ ตะกี๊นี่เล่นซะเกือบหายใจไม่ออก”

   “แหม่ๆ พูดอย่างนี้นี่ อยากโดนอีกใช่มะ! ห๊ะ??” (พี่อ้อย)

   “พอเลยพอ.. อีอ้อย! เรามานี่มาเฝ้าไข้แก๊งนะไม่ใช่มาแกล้งเหมือนทุกครั้ง ทำตัวให้มันดีดีหน่อย” (พี่อิ๋งๆ)

   “จ๋าจ๊ะ คุณแม่หมอฟัน” (พี่อ้อย)

   “ขอบคุณ แค่กๆๆ มากๆ ที่มาเฝ้าไข้น้องนะครับ พี่พี่”

   “ไม่เป็นไรเลย พวกพี่เต็มใจ แถมคุยกันแล้วนะว่าจะมาอยู่ที่นี่ มาดูแลแก๊งจนกว่าแก๊งจะหายป่วย” (พี่เฟิน)

   “พวกพี่เลยขนเสื้อผ้ามาอยู่เป็นเพื่อนด้วย นี่ไง! เห็นป่าว?” (พี่ฟ่าง)

   พี่ฟ่างก็ชี้ไปที่กองกระเป๋ากะถุงพลาสติก ที่อยู่มุมห้องตรงข้างประตู

   “เดี๋ยวคืนนี้พี่ขอเช็ดตัวให้แก๊งนะ” (พี่เอิน)

   “เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อของที่เซเว่น อยากกินอะไรมั๊ย พี่เลี้ยง” (พี่เฟิน)

   “พี่ก็จะขอลงไปคุยเรื่องอาการของเรากับพี่ก้อยด้วย ถึงพี่จะเป็นแค่ทันตะ แต่แค่ไข้หวัดน่ะพี่ก็น่าจะช่วยได้” (พี่อิ๋งๆ)

   “อยากกินอะไรล่ะแก๊ง เดี๋ยวกูออกไปซื้อให้เลย เอาขนมไทย หรือสเต๊กที่แกชอบมั๊ย” (พี่อ้อย)

   “อีอ้อย! คนป่วยเค้ากินของแบบนั้นได้รึไง? อีปัญญาอ่อน! มึงอ่ะออกไปกะเฟินเลยถ้าอยากจะซื้อของกินให้น้อง แมร่ง แต่ละอย่าง เอาซะกูอยากป่วยแทน” (พี่อิ๋งๆ)

   “ขอบคุณ พี่พี่ มากเลยครับ แค่กๆๆ อยากร้องไห้จัง พี่พี่น่ารักมาก ไม่คิดว่าตัวเอง จะ.... เจอเรื่องแบบนี้”

   “อะไรแก๊ง? พวกกูเต็มใจนะเว้ย! มึงง่ะก็เหมือนน้องรักของพวกกูที่ไม่มีใครแทนได้เลยนะมึง” (พี่อ้อย)

   “ใช่แก๊ง พวกเราถ้าใครคนนึงป่วย ก็ต้องไปอยู่เฝ้าไข้ให้จนกว่าจะหาย มันก็เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ” (พี่เอิน)

   “แกก็อย่าคิดมากอะไรกะของแค่นี้สิแก๊ง พักผ่อนเหอะแก เดี๋ยวมันจะไม่หายนะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “ระหว่างที่พวกพี่คนอื่นๆ เค้าออกไปซื้อของ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน” (พี่ฟ่าง)

   “แล้วแก๊งอยากกินอะไรก็บอกพวกพี่ได้ เดี๋ยวพวกพี่จะไปซื้อมาให้” (พี่เฟิน)

   “ขอบคุณครับ”

   น้ำตาผม มันไหล ไม่อยากให้เห็นเลยมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มซะเลย...ไม่ใช่เพราะพิษไข้ หรือจากอาการป่วย
   ถึงมันจะดูวุ่นวายไปบ้าง แต่มันก็เป็นการป่วยที่คุ้มค่ามาก... ถึงมันจะทรมานเพราะอาการตามร่างกายต่างๆ แต่ในใจผมกลับแข็งแรง และอบอุ่นยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยรู้สึก

   ทั้งมุขตลกที่พี่อิ๋งๆ แสนเย็นชา จะชอบกัดพี่อ้อยที่ขี้ปากเสีย พี่เอินที่แสนใจดี พี่เฟินที่ชอบเป็นห่วงผมเหมือนพี่สาวแท้ๆ และพี่ฟ่างทอมบอยที่มีความเป็นผู้ใหญ่ พูดคุยได้เกือบทุกเรื่อง มันทำให้ผม ค่อยๆ หายจากอาการป่วยที่ผมไม่คิดว่า มันจะหายได้แบบปลิดทิ้ง ชนิดที่กลับมาเป็นปกติทั้งหมด ไม่ไอ ไม่เจ็บ ไม่เหลือความแสบคอ ไม่เหลือเสมหะ ไม่ปวดตามเนื้อตามตัวอะไรอีกเลย ภายในเวลาเพียงแค่.... 4 วัน...



   “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะมารับไปซ้อมนะแก๊ง สักบ่ายสาม” (พี่เฟิน)

   “ขอบคุณมากนะครับพี่เฟิน พรุ่งนี้บ่ายสามเจอกันครับ”

   “อย่าลืมเอาโน๊ตเพลงมาด้วยนะย่ะ ยิ่งขี้ลืมๆ อยู่” (พี่อ้อย)

   “ก็อย่าลืมไปลดขนาดนมบ้างนะพี่อ้อย เดี๋ยวไหล่พี่มันจะใหญ่กว่าผม เพราะรับน้ำหนักเกิน”

   “นี่แกกัดชั้นเหรอ!??” (พี่อ้อย)

   “โอเคๆ อย่ากัดกัน... นมมึงก็ใหญ่จริงอีอ้อย ห้ามเถียง... พักผ่อนให้ดีๆ นะแก๊ง คืนนี้อ่ะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “ครับพี่อิ๋งๆ พากันขับรถกลับดีดีนะคร้าบบ... พี่ฟ่าง อย่าพาพี่พี่ไปชนเสาไฟต้นไหนนะ”

   “ขนาดนี้ล่ะไอ้น้อง ไม่ต้องห่วง”

   แล้วประตูรถโตโยต้าอัลฟาดไฮบริด คันสีหมอก (TOYOTA ALPHARD HYBRID) ก็ปิดลง ขับถอยออกไปทางประตูรั้วหอผมอย่างชำนาญ ก่อนที่จะพุ่งตรงไปทางถนนใหญ่ให้ผมสบายใจได้ว่า พี่ฟ่างจะไม่ไปขับชนจริงๆ อย่างที่พูด

   ไม่ได้กลับหอตัวเองมา.. ถ้าให้นับจริงๆ ตั้งแต่วันที่พี่ก้อยมารับ จนถึงรวมวันนี้ด้วย ก็น่าจะ 5 วันพอดี กลับมาถึงตอนบ่ายสาม (นี่กูเป็นอะไรกะเวลานี้มากมั๊ยนี่) พร้อมสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่หลัง สองมือถือถุงของสดที่พี่พี่พาไปแวะซื้อที่ตลาดเมื่อตะกี๊ พะรุงพะรังเดินขึ้นมาที่หน้าห้องตัวเองแบบมีความสุข ล้วงเอากุญแจ..กำลังจะไขเข้าไปในห้อง

   “ตึงๆ แกร๊ก!!!!!!..................น้อง น้องแก๊ง”

   เสียงความรีบร้อนออกมาเปิดประตูของไอ้ห้อง 216... นี่ กูลืมไปเลยนะเนี่ยว่ามึงคือเพื่อนข้างห้องกู ไอ้ต้นเหตุของเรื่องอัปรีย์จัญไรทั้งหมดที่ผมไม่อยากจะเจอหน้าอีกเลย.... ไอ้พี่กร

   “นี่.. นี่น้องแก๊งยังไมได้ กลับบ้านเหรอครับ... ไปไหนมา.. ทำไม.. ของเต็มเลย”

   พี่กรในสภาพเสื้อก้ามกางเกงบ๊อกเซอร์ หัวยุ่งๆ หน้าดูเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน ก็เดินเข้ามาหาผม แต่...

   “หยุด!!....”

   ผมชี้นิ้ว พูดด้วยเสียงแบบ รด. คำเดียว... มันก็หยุดตามที่พูด..

   “น้อง.. น้องแก๊งยังโกรธพี่อยู่เหรอครับ”

   “ไม่ใช่ธุระที่ต้องรับรู้... จบเรื่องวุ่นวายไว้แค่นี้เหอะครับพี่กร นี่คือความอดทนสุดท้ายแล้วที่น้องมี”

   “พี่ขอโทษครับ! แก๊ง วันนั้น.. พี่ไม่ได้จะทำให้เราไม่พอใจเลย พี่ชอบ..”

   “ขืนพี่พูดคำนั้นออกมา พูดอะไรออกมามากกว่านี้.. น้องจะฟ้องป้าอุไร รวมถึงเรื่องที่พี่ทำกับน้องด้วย”

   อย่าลืมนะ ว่ากูอยู่ที่นี่มาแล้วสี่ปี สนิทกับป้าอุไรและลุงคาร์ลเหมือนพ่อแม่กูอีกคน ถ้าลูกตัวเองโดนลวนลามจนต้องเข้าโรงพยาบาล อย่างน้อยๆ ก็โดนไล่ออกจากหอนั่นล่ะ

   “งั้น... พี่.. กลับเข้าห้องนะครับ”

   “เชิญ...”

   “แต่... พี่อยากบอกกับน้องแก๊ง ว่าพี่จริงจังนะครับ สี่วันที่น้องแก๊งหายไป พี่เครียดตลอดเลยว่า... น้องแก๊ง... จะเป็นยังไง พี่เห็นผู้หญิงมารับเราไปแล้วก็หายไปเลย พี่เป็นห่วง...นะครับ”

   ผมปล่อยให้พี่แกพูดไป จนจบ... พี่แกก็ค่อยหันหลังกลับไปทางห้องตัวเอง

   ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ... ให้ผมมองแผ่นหลังของพี่กร สะท้อนออกมาเป็นภาพตอนที่พี่แก กำลังตั้งใจทำน้ำอุ่นให้ผมกิน แล้วมันก็กลับมาเป็นมุมมองที่ชวนให้รู้สึก.. สงสาร.. เหมือนที่ไอ้พี่กรหัวยุ่งๆ.. เหมือนที่ไอ้พี่กรมันมีสภาพไม่ได้นอน

   มันเป็นเพราะ.....

   “ช่วยน้องเก็บของหน่อยครับ”

   ไอ้หมอมันก็ชะงัก หันหลังกลับมามอง

   “อะไร นะ ครับ??...”

   “เสื้อผ้าในกระเป๋าที่หลังน้องหนักมากเลย ไหนจะถุงพวกนี้อีก ช่วยน้องเก็บของหน่อยได้มั๊ยครับ.....พี่กร”

   “ทำ...ทำไม”

   “ไม่อยากช่วยก็ไม่เป็นไรนะครับ ถ้าคนบางคนจะผิดคำพูด ที่เคยบอกว่าใช้พี่เท่าไหร่ก็ได้ พี่เต็มใจ”

   ก็ไม่รู้ว่าพี่แกจะเข้าใจมั๊ย ว่าเรา...... ผมก็เปิดกุญแจห้องเข้าไปว่าจะขนของเองแล้วล่ะ

   “มาเลยครับ.. เดี๋ยวพี่ช่วย”

   “เฮ้ย!!!”

   คือ ตั้งแต่ตอนไหน.. แค่หันหน้ามาไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง พี่แกก็เข้าชาร์จมาข้างๆ แล้วถือถุงพวกของสดหมดทุกถุง ไว้ที่มือหมดแล้ว

   “เร็วไปป่ะ”

   “สำหรับน้องแก๊ง พี่ถือว่าช้าครับ”

   “ไม่ต้องมาหยอดเลยไอ้หมอหน้ามึน ไปเลย เข้าไปเก็บข้างในเลย”

   “คร้าบบ”

   น้ำเสียงดูดีขึ้นเป็นกอง ผมก็อดยิ้มไม่ได้ว่าบางทีพี่กรก็มีมุมน่ารักเหมือนเด็กแบบนี้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เข้าห้อง

   “เดี๋ยวก่อนครับน้องแก๊ง! พี่ขอล็อคห้องพี่ก่อน”

   พี่กรแกก็พรวดพราดออกมา วิ่งไปที่ห้องตัวเอง คว้ากุญแจ แล้วปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ก่อนจะเข้ามาชาร์จตัวผมที่ยังอยู่หน้าห้องอีกรอบเพราะความอึ้ง ดึงกระเป๋าที่ผมสะพายหลังพาดบ่าอยู่ ยกข้ามไหล่เอาไปถือเฉยเลย

   “ป่ะครับ น้องแก๊ง เข้าห้องกัน”

   “นี่ใครเค้าบอกกันว่าจะให้พี่เข้ามาในห้องด้วย แค่ช่วยถือเข้ามาในห้องเฉยๆ นะ”

   “เอ้า ให้พี่ช่วยถือ ก็ต้องให้พี่ช่วยจัดของด้วยสิครับ มันเป็นมารยาทในการใช้งานนะครับ รู้มั๊ย”

   “มารยาทบ้านพี่ไม่ได้สอนเหรอครับว่าให้รู้จักทำตามแค่ที่สั่ง”

   “แต่บ้านพี่สอนมาครับ ว่า โดนใช้ก็ต้องเอาให้คุ้ม.. ป่ะครับ! เข้าห้องกัน”

   คือ... ตีเนียน ปีนเกลียว เข้าไปในห้อง เรียบร้อยเลย..

   สรุปแล้ว ที่กู ลืมว่ามึงคือสาเหตุอันอัปรีย์แห่งชีวิตกูทั้งปวง ยกโทษ และสงสารมึงเนี่ย มันช่วยสอนหรือสร้างประสบการณ์ในหัวมึงบ้างป่ะ แต่เฮ้อออ.. ต่อให้โลกนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทิศตะวันตก สันดานมันคงไม่เปลี่ยนจริงๆ



   “ขอบคุณนะครับ ที่ยกโทษให้พี่”

   ระหว่างที่ผมกำลังจัดแยกของสดเข้าตู้เย็น และพี่กรก็อาสารื้อเสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋าออกมาออกมาพับเก็บให้ คำพูดนี้ก็โผล่ขึ้นมาทำลายความเงียบในห้อง

   “น้องไม่ได้ยกโทษให้พี่สักหน่อย”

   “อ้าว... แล้วทำไม ถึงยอมให้พี่ช่วยถือของล่ะครับ”

   “เรื่องที่ผิดยังไงมันก็ผิด แต่พี่ก็ยังมีข้อดีไง.. น้องก็แค่... ไม่อยาก... ทำให้พี่เสียใจ”

   “พี่ขอกอดน้องแก๊งตอนนี้ได้มั๊ยครับ”

   สะดุ้ง!!! หยิบแตงกวาในถุงแล้วกลับหลังหัน ตั้งท่าขู่ที่ใช้แตงกวาแทนมีด (มันคงจะได้ผลแหละแก๊ง)

   “นี่ยังไม่สำนึกใช่มั๊ย!?? ออก...”

   “เดี๋ยวๆๆ พี่ขอโทษครับ พี่ขอโทษ.. ฟังพี่ก่อนนะครับแก๊ง คือ... พี่เป็นคนแบบนี้ พี่คิดอะไร พี่อยากทำอะไรพี่ทำเลย ซึ่งตอนนี้พี่คิดว่าอยากกอดน้องแก๊งจริงๆ แต่พี่รู้ว่าถ้าพี่ทำไปเลยมันก็จะเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว พี่เลยพูดขอไป... แต่พี่ไม่ได้คิดทะลึ่งอะไรแบบนั้นเลยนะครับ พี่แค่.. อยากกอด แบบ ขอบคุณ แบบเพื่อนน่ะครับ”

   “หา????....”

   “แล้วก็พี่อยากอธิบายน้องแก๊ง ว่าที่พี่ทำไปเมื่อตอนนั้น คือ ตอนแรกพี่กะว่าจะแค่เช็ดตัวจริงๆ นะครับ แต่น้องแก๊งน่ารักเกินไป ทั้งขาว ตาหวานๆ ปากอิ่มๆ ตัวเล็กๆ ผอมๆ นุ่มๆ นิ่มๆ ไปหมดตอนเช็ดตัว มันเลยทำให้พี่อยากเข้าไปใกล้ๆ อยากรู้ว่าตรงคอ ตรงหลัง ตรงอกจะเป็นยังไง พอเข้าไปใกล้ๆ แล้วมันก็เหมือนจะอดไม่อยู่ เลยทำแบบนั้นไป มันเหมือนมีอะไรเข้ามาในหัวพี่ให้พี่เริ่มอยากจูบ อยากจับกด อยากกัดตรงคอ อยาก....”

   “STOPPPPPP!!..... ถ้าพูดไปมากกว่านี้ น้องไล่พี่ออกจากห้องจริงๆ ด้วย”

   ถึงกับต้องหลบหน้า.. อะไรวะ!! พูดเรื่องแบบนั้น ออกมา หน้าตาโครตจริงจัง.. มึงไม่ได้สกรีนคำพูดมึงเลยใช่มั๊ย!?.. 18+ สัส!!.. อยากให้กระทรวงวัฒนธรรมมามีประโยชน์ตอนนี้มาก.. กูอยากจะบ้าตาย..... ใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วกู

   “แค่ตอนนี้ น้องแก๊งยกโทษให้พี่ แล้วไม่โกรธพี่ ให้พี่ได้มีโอกาสจีบน้องแก๊ง ได้มั๊ยครับ”

   ผมเงยหน้าขึ้นมามองไอ้หมอ คือ พี่แกก็เปลี่ยนจุดเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้มาก ห่างกันน่าจะสักสองไม้บรรทัดได้ แต่ประเด็นมันอยู่ที่.. “สีหน้า” ..สีหน้าของพี่กรที่ดูเหมือน.. จะอ้อน

   “พี่กร”

   ผมมองตา ไอ้คุณชาย ที่ตอนนี้ นั่งห่างกันสองไม้บรรทัด........

   แต่รู้สึกเหมือน อยู่ห่างกัน.... แค่ปลายจมูก


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-03-2014 07:31:12
ให้รางวัล หมอหน้ามึน กับ หมอสุดตื้อ  ไปเลยครัชชชชช    อิๆ  สรรพนามที่เฮียแก๊งใช้นี่น่ารักอ่ะ!!! 
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 09-03-2014 08:16:23
ครับผม ตอนที่สามนี้ก็แก้ไขแล้วนะครับ

ถึงคุณ daboo นะครับ
คือ อ้างถึงเว็บไซด์นี้ประกอบนะครับ :: http://guru.sanook.com/8325/เช็ดตัวลดไข้-ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น/
....เมื่อเป็นไข้ ตัวร้อน หลายๆ คน จะรีบหยิบยาลดไข้มารับประทาน แต่ถ้าตัวร้อนจนรู้สึกเพลียมากๆ แม้รับประทานยาไปแล้ว อาการที่เป็นดูจะยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ก็คงต้องเพิ่มตัวช่วยอย่างการนำผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติมาประคบลงบนหน้าผาก แล้วนอนพักผ่อน

ทว่ารู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาอีก กลับพบว่าอาการไข้ยังมีอยู่ คงต้องเช็ดตัวลดไข้ช่วยอีกทางหนึ่ง แต่ดูเหมือนบางคนก็ใช้น้ำเย็น บางครั้งถึงกับเอาน้ำแข็งมาผสมใส่น้ำ ขณะที่บางคนกลับเลือกใช้น้ำอุ่น แล้วในความเป็นจริง น้ำเย็น หรือน้ำอุ่น กันแน่ ที่ใช้เช็ดตัวแล้วช่วยให้ไข้ลดได้

คำตอบของข้อข้องใจนี้ ก็คือ 'น้ำอุ่น'
เนื่องจากผ้าที่ชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ นำมาเช็ดตามตัวให้ผิวหนังออกแดงๆ จะช่วยให้เหงื่อออก ถือเป็นการช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนจากพิษไข้ออกมา ลดอุณหภูมิของร่างกายลงอย่างได้ผล

เหตุที่ไม่ควรใช้น้ำเย็นมาเช็ดตัว
เพราะน้ำเย็นจะยิ่งทำให้คนเป็นไข้ยิ่งรู้สึกหนาวสั่นกว่าเดิม แถมความเย็นจากน้ำ ยังทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังหดเกร็ง ถือเป็นการเพิ่มการใช้พลังงาน ทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม เวลามีไข้ นอกจากการรับประทานยาลดไข้ ประคบผ้าชุบน้ำไว้ที่หน้าผาก เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแล้ว ยังควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องให้มากๆ ก็ช่วยได้เช่นกัน....
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

และก็มีคำตอบจากรุ่นพี่สายแพทย์ด้วยนะครับ ว่าใช้น้ำอุ่นจะดีกว่า แต่พวกน้ำเย็นหรืออะไรก็ใช้ได้ แต่อย่าเย็นเกิน แค่พอให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ซึ่งตัวเอกของเราก็ไข้สูงถึง 38.5 แสดงว่าระบบเผาพลาญกำลัง Overworking อย่างหนักเลย เพื่อเป็นการลดพลังงานก็อย่าให้ร่างกายได้กระตุ้นพลังงานเพิ่มอีก ผู้แต่งจึงบอกว่าเลือกให้ตัวเอกใช้น้ำอุ่นมาเช็ดตัวครับ

ส่วนคุณ Firebird นะครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ :L1: :3123: จากใจของผู้แต่งและผมด้วยครับ
 
เพราะว่าบางครั้งคนแต่งเองก็อาจจะหลงๆ ลืมๆ หรือไม่หาข้อมูลก่อนแต่งนิยายให้ดี เพราะเรื่องแบบนี้เราต้องให้ความรู้กับคนอ่านด้วย เผื่อเค้าจะปรับและนำไปใช้

ซึ่งตอนนี้ผมก็รีเควสคนแต่งให้แก้ไขเนื้อเรื่องตอนที่สามใหม่แล้วนะครับ
และผมก็ตรวจทานเอามาลงใหม่แล้ว

เนื้อเรื่องถูกต้อง และดีขึ้นในระดับนึงแล้วนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับสำหรับคำแนะนำ  :pig4:

ส่วนตอนที่ 4 5 ตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับไฟล์ตัวอักษรที่ส่งมาจากผู้แต่ง
ว่ามัน... เป็นภาษาต่างดาว ตอนนี้ผมเลยยังไม่ลงตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ภายในคืนนี้ได้นะครับ
อยากจะลงเร็วๆ อยู่นะครับ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคร้าบบบบ เพราะผมเองแค่คนที่เอามาลงเฉยๆ

ร่วมสร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ให้ดี และถูกต้อง ร่วมกันในสังคมชาวเล้าเป็ดด้วยกันนะครับ
ขอบคุณมากคร้าบบบบบบ  :pig4:


รับทราบครับผม
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 09-03-2014 09:58:10
อ่านไปนั่งบิดไป แอร๊ย!!  :hao6:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 09-03-2014 11:50:02
บ๊ะ น้องน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 09-03-2014 12:06:18
อย่างน่ารัก o18
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-03-2014 12:26:22
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 09-03-2014 12:33:33
แหมๆๆ เนียนได้โล่จริงๆพี่หมอ
ชอบอ่ะ เวลาแก๊แทนตัวเองว่าน้อง
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 09-03-2014 13:36:35
พี่หมอรุกเร็วมาก อ่านไปเขินไป น่ารักดี  :-[
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 09-03-2014 13:43:45
คุณหมอเนียนเกินละ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 09-03-2014 14:26:26
รอตอนต่อไปนะครัช
เรื่องนี้สนุกครับผม
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 09-03-2014 16:33:58
พี่กรนี่กับคนป่วยก็ไม่เว้นเลยนะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 09-03-2014 17:40:54
อร้ายยยยยย น้องแก๊งพี่กร น่ารักอ่า ชอบเวลาน้องแก๊งแทนตัวเองว่าน้อง ><

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: Satanza321 ที่ 09-03-2014 22:18:24
ว่าที่หมอกร น่ารักอะ :m3: เนียนเวอร์ :laugh:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-03-2014 22:33:16
 :hao7: เชียร์พี่กร
เอาให้อยู่หมัดนะพี่
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 4]
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 09-03-2014 23:06:23
คุณพี่กรแอ๊ใช่ม้ายยย ฮี่ๆๆ  แต่พี่เล่นพูดออกมาซะหมดนี่หว่า :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 + บทพิเศษ]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 10-03-2014 05:31:23
สำหรับตอนต่อไปนี้

มันคือความทรมานของคนตรวจทานเลยครับ  :m31:  :katai1:

เพราะมีทั้งเนื้อเรื่องหลักความยาวสุดๆ หนึ่งตอน
บวกกับเนื้อเรื่องพิเศษที่เป็นกิจกรรมของตัวเอกอีก

ดังนั้น ถ้าผมจะค่อยๆ ลง คงไม่ว่าอย่างไรชิมิครับ
ขอค่อยๆ ลง นะคร้าบบบบบบ มันเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 + บทพิเศษ]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 10-03-2014 05:34:33
ตอนที่ 5 เอาเป็นว่า [+ บทพิเศษ] PART 1

   “น้องแก๊ง ว่ายังไงครับ?... พี่รอฟังคำตอบอยู่นะ”

   ผม ตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปหาพี่กร แล้วหยิบมือพี่เค้ามาหนึ่งข้าง

   “มานี่สิครับ”

   ยกพี่เค้าขึ้นมาจากที่นั่งพื้น ให้มานั่งข้างๆ ผมบนเตียง.. และยังจับมือพี่เค้าไว้อย่างนั้น

   “คือน้อง อยากให้พี่กร ตัดใจนะครับ”

   “ว่าไงนะครับ!? หรือว่า น้องแก๊งมีแฟนแล้ว? แต่น้องแก๊งบอกกับพี่คราวที่แล้วว่าไม่มี...”

   “เดี๋ยวสิครับพี่กร! น้องไม่มีแฟนหรอกครับ”

   “แล้วทำไม? บอกให้พี่ตัดใจ”

   “คือว่า.. พี่กร น้องไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีอะไรกับใคร และไม่ใครรักใครมาก่อน พอจะเข้าใจมั๊ยครับ?”

   พี่กรก็จ้องตาผมไม่กระพริบ ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมา รู้ความหมายเลยว่า ไม่เข้าใจ

   “คือ.. น้องไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง น้องกลัว น้องกลัวที่น้องจะโดนหลอก เพราะน้องเป็นเกย์ ความรักจริงมันหายาก พี่ๆ เพื่อนๆ ที่น้องรู้จักว่าเป็นเกย์หรือสาวประเภทสองต่างก็เคยมาปรึกษากับน้องตอนถูกทิ้ง และบอกน้องเสมอว่าของพวกนี้มันไม่มีจริงหรอกถ้าไม่โชคดีจริงๆ มีแต่เค้าจะมาหลอกเอาเงิน มาหลอกให้เลี้ยง มาหลอกให้อยากแล้วจากไป ไม่จริงใจ ไม่มีเราแค่คนเดียว เล่นๆ หัวๆ แค่ของน่าลองคั่นเวลา.. มันเลยทำให้น้องกลัว ไม่กล้าที่จะรักใครเลย
   ไม่ใช่น้องไม่อยากมีแฟน แต่น้องไม่อยากถูกหลอก ไม่อยากเสียใจ และไม่อยากแขวนชีวิตตัวเองไว้กับรักแท้ที่หาได้ยากในหมู่เกย์ แถมตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา น้องก็ไม่มีใครเข้ามาจีบสักคน ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยน้องคงไม่มีเสน่ห์ หรือว่าน้องมันคงไม่ถูกชะตาพวกเกย์ๆ น้องก็เลยตัดใจว่ายังไงน้องก็คงไม่มีแฟน ก็เลยอยากให้พี่กรตัดใจ ยังไงน้องก็คง..”

   “นี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ? ว่าแก๊งเป็นคนไม่เปิดโอกาสให้กับคนอื่น และกับตัวเองแบบนี้”

   ผมมองหน้าพี่กรกลับ พี่เค้ากำมือผมแน่น สีหน้าเหมือนไม่พอใจจนคิ้วจะม้วนเป็นโบว์หูกระต่าย

   “น้องแก๊งกลัวโดนหลอก แถมคิดว่าตัวเองไม่มีเสน่ห์ ก็เลยปฏิเสธพี่ บอกให้พี่ตัดใจ!? พี่บอกได้เลยว่าไอ้ที่น้องแก๊งกลัวน่ะมันไม่ใช่เลย อย่างน้อยพี่ก็รับประกันได้ว่าพี่ไม่มาหลอก.. ตอนนี้แก๊งยังไม่รู้ว่าพี่พูดจริงรึปล่าว แต่ถ้าแก๊งเปิดโอกาสให้พี่ได้เข้ามาในชีวิต เข้ามาจีบ เข้ามาดูแลเรา พี่สัญญาเลยว่าจะไม่ทำตัวแบบนั้นกับแก๊งเด็ดขาด”

   “พี่กร?”

   “และก็! ไม่รู้ตัวเลยใช่มั๊ยว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน แต่เพราะเราน่ะจะชอบ... ช่างเหอะ!! ให้พี่เล่าคงยาวว.. แต่ทั้งหมดมันคือเหตุผลให้พี่ตัดใจงั้นเหรอ? มันไม่ใช่นะแก๊ง!..  ถึงแก๊งจะไม่ยอม ยังไงพี่ก็จะตื้ออยู่อย่างนี้แหละ พี่ไม่ฟังหรอกครับกับเหตุผลแค่นั้น ถ้าแก๊งพูดอย่างนี้.. พี่ก็จะฟังแต่ความคิดของพี่เท่านั้นว่าอยากทำอะไร จะไม่ขอแก๊งสักคำเลย พี่บอกไว้ก่อน”

   “พี่กร อันนั้นมัน เข้าข่ายขู่บังคับแล้วนะ”

   พี่เค้าก็เขยิบเข้ามาทำท่าจะกอด แต่ผม ตอนแรกก็ผงะไปด้านหลังนิดหน่อย ค่อยปล่อยให้ไอ้หมอเข้ามากอดผม

   “ก็แก๊งดื้ออ่ะ แก๊งไม่ยอมฟังพี่เลย แค่จะบอกว่าพี่รู้สึกดีขนาดไหนที่แก๊งให้พี่ยอมอยู่ข้างๆ ยังทำไม่ได้เลย”

   ไม่รู้ว่า ผมคิดไปเอง หรือเพราะอยู่ในกอดของพี่กร ผมรู้สึกว่าหน้าอกตัวเองไม่ได้มีจังหวะเต้นแค่จังหวะเดียว มันมีอีกหนึ่งจังหวะที่แรงกว่า เร็วกว่า และอบอุ่นมากๆ ส่งผ่านเข้ามา.. จนผม ยกแขนขึ้นมากอดพี่กรกลับเหมือนกัน

   “ถ้าพี่กรพูดอย่างนี้ น้องก็ ยอมครับ”

   “อะไรนะครับ!?... ตะกี๊แก๊งพูดว่า ยอม เหรอ?”

   ไอ้หมอถึงกับคลายกอดมามองหน้าผม

   “น้องพูดว่าน้องยอมให้พี่กรจีบน้องได้ แต่แค่จีบนะครับ น้องยังไม่ลืมที่พี่ทำอะไรไว้นะ ถ้าทำอีก โดน!!”

   “น้องแก๊ง................. ตอนนี้พี่อยากจูบแก๊งมากเลย”

   “ปล่อยน้องเลยถ้าคิดยังงี้! ปล่อยเลยย!!”

   “ไม่ปล่อย! และพี่ก็ไม่ทำหรอกครับ พี่แค่บอกว่าอยากจูบ พี่รู้ดีว่ายังไงแก๊งก็ไม่ยอมหรอก”

   แล้วก็เข้ามาซุกในอก ส่ายหัวตัวเองไปมาขยี้กับหน้าอกผมจนจั๊กจี๊

   “พี่กร ไม่เอา มันจั๊กจี๊”

   “จูบไม่ได้ ก็ขอทำแบบนี้ล่ะกัน”

   พอฟังพี่แกพูดไป ผมก็จับหัวพี่เค้าที่เข้ามาซุกตรงอก มองด้วยอารมณ์ที่.. คิดว่า...ไอ้หมอหน้ามึนนี่น้า...

   “พี่กร เงยหน้ามาหน่อยครับ”

   พี่เค้าก็เงยหน้าขึ้นมา.. ผมก็ก้ม.. จุ๊บที่กลางหน้าผากพี่เค้าเบาๆ หนึ่งที แล้วมองหน้า.. เหมือนจะอึ้งๆ

   “น้องจูบแล้วนะพี่กร ทีนี้ก็ปล่อยน้องได้แล้วนะครับ น้องจะได้เก็บของต่อซะที”

   “________________________________________________________________ ขี้โกง!!”

   “ขี้โกงอะไรครับ? พี่ต่างหากที่ขี้โกง น้องทำให้ขนาดนี้แล้วยังไม่ปล่อยน้องอีก”

   “ถ้าพี่เป็นแฟนเราได้เมื่อไหร่นะแก๊ง เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย พี่ไม่เอาเราไว้แน่ๆ!!”

   แล้วมันก็ปล่อยผม ลุกขึ้นไปนั่งหันหลังใส่! กลับไปพับเสื้อผ้าให้เหมือนเดิม

   คือ... งง!?? กูทำผิดอะไร มาบอกว่าไม่เอาผมไว้แน่ๆ แล้วอย่างนี้ ผมจะกล้าเหรอ พี่กรก็ขู่ซะแบบนี้ เอาเรางงเลย



   “แก๊งคร้าบบบบบ”

   ผมที่จัดห้องเสร็จแล้ว ก็กำลังแพ๊คพวกชีทเรียนกับหนังสือของเทอมนี้มารวมๆ กัน เพื่อที่จะเอาไปทิ้ง เพราะยังไงถึงจะขนของพวกนี้เอาไปให้รุ่นน้อง น้องก็ได้ของใหม่อยู่ดี สู้เอาไปชั่งโลขายแล้วได้ตังค์จะดีกว่า

   แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ไอ้หมอจอมตื้อมันยังไม่กลับห้องของตัวเองครับ มันยังนั่งช่วยผมแพ๊คหนังสืออยู่ข้างๆ พร้อมกับส่งเสียงปัญญาอ่อนเรียกชื่อผมยาวๆ แบบเมื่อกี๊ ทำลายบรรยากาศดีดีหายไปหม๊ดเลย

   “อะไรครับพี่กร?”

   “พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันครับ พี่เลี้ยง”

   “พรุ่งนี้ไมได้ครับพี่กร น้องมีนัดแล้ว”

   “นัด!?? นัดอะไร!? กับใคร!? ที่ไหน!? ยังไง!? บอกพี่มานะครับ บอกให้หมด!!”

   “ใจเย็นๆ ก่อนครับไอ้คุณชาย นัดที่ว่าน่ะกับพี่พี่ในวงดนตรีครับ ตอนบ่ายสาม ที่สตูดิโอแถวก่อนถึงห้าง__ พอดีน้องต้องไปซ้อมร้องเพลง กะว่าคืนนี้จะพักผ่อนให้เต็มที่แล้วตื่นขึ้นมาวอร์มเสียง ปริ้นพวกโน้ตเพลง ซ้อมร้องสักหน่อย ก่อนอาบน้ำแต่งตัว จะได้ออกไปตอนบ่ายสามพอดีครับ เลยไปกับพี่ไม่ได้จริงๆ เข้าใจรึยัง?”

   “แล้ว พี่พี่ในวงที่ว่า มีผู้ชายรึปล่าวครับ”

   “ไม่มีครับ มีแต่ผู้หญิง... อะไรเนี่ยพี่กร!?? ไม่ทันจะได้เป็นแฟน แค่อยู่ในขั้นจีบ หวงน้องซะละ”

   “ไม่หวงได้ไงล่ะ ว่าที่แฟนตัวเอง... งั้นพรุ่งนี้พี่ไปด้วยนะครับแก๊ง”

   “หา!???... ไปทำไม มีแต่ผู้หญิง... น้องคนเดียวเป็นผู้ชาย พี่จะอายซะเปล่า แถมถ้าพี่ไป น้องก็ไม่กล้าร้องอีกอ่ะ”

   “พี่ไม่สนหรอกครับแค่มีแต่ผู้หญิง แล้วแก๊งไม่กล้าร้องอะไรล่ะครับ พี่ก็อยากฟังเสียงแก๊งบ้างนะ”

   “พี่กรไม่รู้หรอก ว่าน้องร้องเพลงสองเสียง”

   “หา!???... จริงเหรอครับ สองเสียง สองเสียงยังไง”

   “ก็เสียงนึงเป็นเสียงผู้ชายปกติครับ แต่อีกเสียงนึงก็ผู้หญิงๆ คีย์สูงๆ เลย”

   “เฮ้ย!! อยากฟัง”

   “ไม่เอาอ่ะ! อาย กลัวตลกน้องด้วย ใครจะกล้า ไม่ต้องไปหรอกครับพี่กร ถือซะว่าน้องขอร้อง”

   พี่กรก็ขยับเข้ามา.. กอด.. อีกล่ะ!... กูรู้เลยว่าถ้าพี่กรเข้ามากอดแบบนี้ มึงต้องอย่าใจอ่อนเด็ดขาด ไอ้แก๊ง

   “น๊า น๊า น๊า... อยากฟัง อยากไปด้วย น๊า เค๊าจาเป็นเด็กดี เค๊าจาไม่เกเร จาพาไปด้วย แก๊งพาพี่ไปหน่อยน๊า..”

   “คิดว่าแอ๊บแบ๊วแล้วน้องจะยอมเหรอ”

   “ปิ๊ง ๆ ๆ ๆ (เสียงพี่แกพูดพร้อมทำหน้ากัดปาดอ้อนวอน ตาโตๆ กระพริบๆ....)”

   “ซ้อมร้องเพลงของน้อง มันไม่ใช่ซ้อมร้องเพลงธรรมดาๆ นะ ทั้งซ้อมโหด ซ้อมหนัก และมันก็ต้องใช้เวลาตั้งแต่บ่ายสามจนเกือบจะถึงเที่ยงคืนเลยล่ะ จะทนไหวเร้อออ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิครับ พี่จะได้ดูแลเราด้วยไง จะออกไปซื้อข้าวเย็นให้กิน แถมไปรับไปส่งด้วย.. พี่มีรถใหญ่นะ”

   “ไอ้เรื่องรถน่ะไม่ต้องห่วงครับ เค้ามีรถตู้มารับกันไปเป็นกลุ่มอยู่แล้ว.. แถมรถใหญ่น้องเองก็มีเหอะ แค่จอดทิ้งไว้ตรงลานจอดรถข้างล่างเฉยๆ ไม่เอามาขับ”

   เพราะการสัญจรที่ดีที่สุดในมหาลัยนี้คือ ‘มอเตอร์ไซค์’ แต่พ่อผมก็ถอยรถใหญ่ออกมา เผื่อเรื่องฉุกเฉินที่ผมจะต้องออกไปนอกมหาลัยเช่นเข้าไปในเมืองหรือทำงาน ซึ่งโอกาสแบบนั้นก็มีบ่อยครั้ง แค่ช่วงหลังๆ มานี่ไม่ค่อยได้ขับเฉยๆ ครับ

   “ง่ะ! เห็นแต่แก๊งขับมอไซค์อ่า... แต่ยังไงก็ให้พี่ไปด้วยนะครับ นะ นะ นะ”

   “ก็ถ้าให้พี่ไปด้วย น้องก็ไปรถตู้กับพวกพี่พี่ในวงไม่ได้สิ”

   “ก็ให้พี่ไปส่งไง เอารถพี่ไปนะ รถแก๊งจอดไว้นี่แหละ”

   “พี่กร ไม่ต้องไปหรอกนะ น้องก็อายเป็นเหมือนกันนะครับ”

   “จะอายอะไรล่ะครับแก๊ง.. ถ้าแก๊งไม่ยอมให้พี่ไปนะ พี่จะกอดแก๊งอยู่อย่างเนี่ยล่ะ จนกว่าจะยอม”

   แล้วกูจะปฏิเสธยังไงล่ะทีนี้ แมร่ง ไม่ยอมอย่างเดียว.. ต้องใช้ไม้แข็ง.. ดึงขนแขนไอ้หมอซะเลย

   “โอ้ย! แก๊ง! ทำอะไรพี่เนี่ย?”

   ถึงกับสะดุ้ง แต่.. โอ้ยยย บ้านมึงเป็นญาติกับงูรึไงเนี่ยยยย รัดแขนแน่นกว่าเดิมอีก..

    “โอ้ยพี่กร! ยอมล่ะยอม! พี่กร ยอมแล้ว ยอมแล้วคร้าบบบ...เฮ้ออ งั้นก็เอาโทรศัพท์น้องมาให้หน่อยครับ”

   “จริงเหรอครับ ให้พี่ไปด้วยได้แล้วนะ”

   “ก็ปล่อยน้องก่อน แล้วเอาโทรศัพท์น้องมาให้หน่อยครับ น้องจะโทรไปบอกพี่เค้าว่าน้องจะไปเอง ไม่ต้องมารับ”

   พี่กรก็ปล่อยผม แค่ข้างเดียว (เจริญญญ) แขนอีกข้างยังกอดผมไว้ และเอื้อมไปเอาโทรศัพท์มาให้ผม

   “จะปล่อยดีดีน่ะได้มั๊ย?”

   “โทรศัพท์ครับที่รัก”

   หน้าตามึงนี่.. อยากจะเอาเหล็กมาเฉาะฟันขาวๆ ให้ยิ้มไม่ได้อีกตลอดชีวิต! เฮ้ออ.. ผมก็รับโทรศัพท์จากมือพี่เค้ามา

   “ฮัลโหล พี่ฟ่างเหรอครับ คือพรุ่งนี้น้อง....”



   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก...”

   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร บ่ายสองครึ่งแบบเป๊ะๆ จะตรงเวลาไปมั๊ยว่ะ

   “แกร๊ก... ครับพี่กร?”

   “เสร็จแล้วใช่มั๊ยครับ ป่ะครับ ไปกัน”

   “เอิ่มมมม คือออออ พี่กรมีไปไหนต่อเหรอครับ?”

   ใครก็ได้ช่วยวิจารณ์ไอ้หมอในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำลายตัดขาวแบบโมเดิร์น ติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ดเห็นเสื้อก้ามสีเทาเว้าคอขาวๆ กับกางเกงยีนต์กระบอกสีดำแดงกับรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ในผมจัดทรงพระเอกเกาหลี คือ หุ่นมึงก็แน่นอยู่แล้วนะ พอแต่งตัวแบบนี้แล้ว คือ.. กับน้องที่ใส่แค่เสื้อยืดคอวีสีดำกะกางเกงวอร์มและรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบนี้.. คือ..

   กูจะกล้าเดินข้างๆ มึงเหรอออ

   “ไม่ได้ไปไหนครับ พี่ก็แค่อยากหล่อให้สมกับแก๊ง มาครับกระเป๋า เดี๋ยวพี่สะพายให้”

   “ตกลงนี่จะส่งแค่น้องไปซ้อม แต่แต่งตัวแบบนี้ นี่พี่กะจะแต่งตัวไปให้สาวๆ ในวงน้องกรี๊ดรึไง...”

   ไอ้หมอมันก็ยิ้ม แล้วคว้ากระเป๋าผมไปจากมือ แถมยื่นอีกมือมาดึงผมเข้าไปกอดไหล่

   “หึงเหรอครับที่รัก? ไม่ต้องกลัวครับ พี่มีเราแค่คนเดียว ป่ะครับ ไปกัน...”

   “ไม่ได้หึง!.. แล้วก็ไม่ต้องกอดก็ได้ครับ ปล่อย!!”

   ไอ้หน้ามึนมันก็ไม่สนหรอกว่าผมจะพยายามเขี่ยมือมันออกจากไหล่แค่ไหน มันก็เดินโอบไหล่ผมอย่างนั้น



   จนมาถึงที่หมาย เป็นห้องสตูดิโอผสมครับ กว้างมาก มีผนังสองด้านติดกระจกและเครื่องดนตรี ใช้ซ้อมร้อง หรือซ้อมเต้นก็ได้..ผมเปิดเข้าไปในห้อง ก็เห็นพี่พี่กำลังตั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรี วอร์มเสียง ไม่ก็ยืดเส้นยืดสายกับราวบัลเล่ต์อยู่

   “สวัสดีครับพี่พี่ มากันก่อนเลย”

   “อ้าวแก๊ง! มาแล้วเหรอ วอร์มเสียงมาก่อนรึยัง? ถ้ายังก็.........ใคร????????????????” (พี่เฟิน)

   รู้เลยว่าสายตาทุกคนมองไปทางไหน เพราะพยายามบอกแล้วว่าไม่ต้องเข้ามาด้วย มันก็ยังด้านนนนนนนน

   “เอ่อ พี่พี่ทุกคนครับ นี่พี่กร... พี่ที่ข้างห้องผม เค้าบอกว่าอยากมาด้วยน่ะครับ”

   “สวัสดีครับ กรครับ ว่าที่แฟนน้องแก๊ง”

   เชรี่ยมึง!! เสนอมาก!! ผมยังไม่ทันได้ชักสีหน้าใส่กับคำพูดเมื่อตะกี๊

   “ว่าที่แฟนน!!!” (พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ ถึงสอนคนนี้จะไม่ค่อยถูกกัน แต่เวลาแบบนี้จะประสานเสียงกันดีมาก)

   “เป็นเกย์เหรอเนี่ย หน้าตาดีมาก!” (พี่เอิน นี่พี่ถึงกับอึ้งเลยเหรอนี่)

   “เดี๋ยวๆ!! กร!! ใช่กรเดือนคณะแพทย์ปีเราใช่มั๊ยอิ๋งๆ” (พี่อ้อย)

   “เออสิ!!” (พี่อิ๋งๆ)

   ห๊ะ!?? เดือน.. เดือนคณะแพทย์ ผมหันไปมอง.. ไอ้หมอมันก็ยิ้มแฉ่งกลับมาสู้หน้าผม

   “นี่แก.. แกมีแฟนทำไมไม่บอกพวกพี่สักคำล่ะแก๊ง” (พี่ฟ่าง)

   “เดี๋ยวๆ!! ฟังก่อนครับพี่พี่ น้องแค่รู้จักพี่เค้าเมื่อสองวันก่อนที่น้องจะป่วยครับ ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”

   “แต่แกก็ไม่เล่าให้พี่ฟังเลยนะ ว่า... กรเดือนคณะแพทย์ อยู่ข้างห้องแก” (พี่อิ๋งๆ)

   “คือ ผมแค่รู้ว่าชื่อพี่กร เรียนคณะแพทย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ (แล้วก็มองหน้าไอ้หมอมัน)... ผมก็เพิ่งรู้”

   “แล้วทำไมตอนแก๊งป่วย แก๊งไม่เล่าเรื่องพี่กรให้พวกพี่เลยล่ะ เห็นคุยไม่หยุด แต่ไม่มีเรื่องนี้เลย” (พี่เฟิน)

   คือ... ให้ทำไงล่ะ... ตอนที่ผมป่วยอยู่ พี่ก้อยก็ห้ามผมไม่ให้บอกเรื่องพี่กรกับทุกคน ผมเลย ไม่หลุดปากเรื่องนี้ออกมาแม้แต่นิดเดียวเลยตอนพักอยู่ที่ห้องพี่ก้อย

   “น้อง น้องคิดว่า.. พวกพี่พี่คงไม่รู้จัก น้องพูดไปคงเท่านั้นน่ะครับ เลยไม่เล่า แฮะๆๆ”

   “แปลกนะแก๊ง ปกติแกเวลาอยู่กับพี่พี่ อะไรนิดหน่อยก็เล่าแท้ๆ” (พี่อิ๋งๆ)

   “อ่าครับ แหะๆ!..”

   ไปต่อไม่เป็นแล้วกู อุตส่าห์บอกแล้วว่าอย่าเข้ามา สุดท้ายก็ต้องวุ่นวายแบบนี้ล่ะ

   “เอาเหอะๆ มันสายแล้วล่ะทุกคน รีบซ้อมกันได้แล้ว เรามีงานแสดงในอีกไม่กี่วันแต่เพลงยากนะทุกคน” (พี่ฟ่าง)

   “โอเคๆ แก๊ง! มาเอาโน๊ตตรงนี้เร็ว...” (พี่เฟิน)

   “ครับผม!!”

   ผมรีบไปทิ้งกระเป๋าตรงเก้าอี้ข้างลำโพง ควานหาโน๊ตเพลงจนเจอ แล้วกะจะวิ่งไปตามที่เรียก แต่.. มือ.. พี่กร

   “พี่กรรอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวถ้าพักแล้วน้องจะค่อยเข้ามาหานะครับ”

   “ตั้งใจซ้อมนะครับ”

   คือ..ไม่อยากมีปัญหา...ค่อยๆ ปล่อยมือพี่กร แล้วก็รีบวิ่งไปหาพี่พี่ตามเสียงเรียก

   
**_บทพิเศษที่ 1 :: My long Forgotten Cloistered Sleep & อย่าโทรมาหา_**

   “มาแล้วครับพี่พี่!”

   “อ่ะนี่โน๊ตของเธอ แก๊ง” (พี่เฟิน)

   ผมก็รับกระดาษมา แต่ในมือผมก็ถือมาเหมือนกัน คือ..อะไร?..ยังไง?.. ผมก็ก้มลงอ่านโน๊ตที่พี่เฟินส่งมาให้

   “เดี๋ยวนะครับ? ไหนเมื่อคืนพี่ฟ่างส่งเพลง Maybe Tomorrow มาให้.. แต่ทำไมมันเป็น My long Forgotten Cloistered Sleep ไปได้ล่ะครับ”

   ถึงจะเป็นของนักร้องคนเดียวกันก็เหอะ แต่ระดับการร้องมัน มันคนละอย่างกันเลยนะ

   “คือเมื่อวานตอนดึกๆ พี่ได้รับงานมาใหม่.. สัปดาห์หน้าเราจะมีงานแสดงร้องเพลงที่โรงแรม____ต้อนรับการประชุมอะไรสักอย่างนี่ล่ะ แล้วเจ้าของงานเค้าเคยเห็นคลิปที่เราร้องเพลงนี้ในงานศพคาทอลิกเมื่อปีที่แล้ว เค้าอยากได้เพลงนี้ เลยติดต่องานมาเมื่อคืน วันนี้ก็เลยจะซ้อมเพลงนี้กัน ไม่ใช่ Maybe Tomorrow แล้วล่ะครับ” (พี่ฟ่าง)

   “สรุปง่ายๆ คือเรามีงาน วันนี้ก็ต้องซ้อมร้องเพลงนี้ใช่มะ พรุ่งนี้ค่อยมาซ้อมเต้นใช่ป่ะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “ถะ ถะ ผิดนะคร้าบบบ!!! ไม่ถึงกับไม่ได้ซ้อมเต้นหรอก วันนี้ก็ซ้อมเหมือนเดิมนั่นล่ะ” (พี่ฟ่าง)

   “เพลงนี้นี่ คนร้องนำในกลุ่มเรามีแค่ เฟิน กะแก๊ง เท่านั้นใช่มะ” (พี่เอิน)

   “อืม เพราะสองคนนี้เป็นเสียงโซปราโน่ แก๊งร้องเสียงผู้หญิงนะ ขึ้นต้นด้วย” (พี่ฟ่าง)

   “อ้าวพี่ฟ่าง ให้คนอื่นขึ้นต้นก็ได้นี่ครับ แถมไม่ต้องถึงกับโซปราโน่ก็ได้นี่ ลดโน๊ตลงมาก็ได้”

   “คือเจ้าของเค้าอยากได้เหมือนที่เราร้องในคลิปงานศพเลยน่ะแก๊ง บับว่า (แบบว่า) อิ๋งๆ เล่นอิเล็กโทน เอินสีไวโอลินตอนโซโล่ เธอกับเฟินร้องนำ ค่อยให้ที่เหลือตามทีหลัง” (พี่ฟ่าง)

   “เอิ่มม ฟายมากกกก ขอบคุณนะ ลูกค้าผู้น่ารัก งานหนักกูเลยนะนี่”

   ผมก็เอาโน๊ตไปติดกับขาตั้งที่วางโน๊ต ก้มมองดูเนื้อหา แบบว่า.. อย่างต่ำก็ Alto ล่ะว้าเพราะเป็นเพลงผู้หญิง แต่ทำไมมันมีแต่กุญแจโดเกี่ยวเส้น Mezzo-Soprano กับ Soprano ทั้งนั้นเลยว่ะ โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย..

   “ร้องใส่ไมค์นะทุกคน หยิบไมค์ไวไฟมาใส่กันรึยัง?” (พี่ฟ่าง)

   อ้าว! ร้องใส่ไมค์เหรอ? เออ.. พี่พี่เค้าใส่กันหมดแล้วเหลือแต่กู รีบไปเอาไมค์มาใส่เลยครับ

   “พร้อมนะทุกคน!” (พี่ฟ่าง)

   “แก๊ง เล่นอะไรอยู่!??” (พี่เฟิน)

   ผมรีบเอาไมค์มาใส่ เปิดเครื่อง พูดทดสอบใส่ไมค์เลย

   “โอเคแล้วครับ” (ออกไมค์อย่างดัง)

   “โอเค... เริ่ม!!” (พี่ฟ่าง) (http://www.youtube.com/watch?v=FbGKf6RhE58 (http://www.youtube.com/watch?v=FbGKf6RhE58))

   แล้วดนตรีก็ขึ้นต้นด้วยเสียงให้จังหวะสามครั้ง ก่อนที่จะบรรเลงไปพร้อมกับอิเล็กโทนของพี่อิ๋งๆ

..........(ดนตรี)...........
(แก๊งเสียงผู้หญิง ขึ้น “Alto”)
In my long forgotten cloistered sleep, (ในการหลับใหลอันร่มรื่นที่ยาวนานของฉัน)
You and I were resting close in peace. (เราสองคนต่างใกล้ชิดกันในความสุขนั้น)
Was it just the dreaming of my heart? (แต่มันกลับเป็นเพียงฝันในใจฉันได้อย่างไร)
Now I'm crying, don't know why (แล้วทำไม ฉันต้องร้องไห้อย่างนี้ เพราะอะไร)

(แก๊ง,เฟิน ขึ้น “Alto”, (Chorus ฟ่าง))
Where do all the tears come from? (to my eyes) (น้ำตาทุกหยดหลั่งไหลมาจากที่ใด (สู่ดวงตาของฉัน))
Could no one ever dry up this spring? (คงไม่มีใครทำให้ชีวิตฉันมีความหวังใดใด)
If you find me crying in the dark, (หากคุณเห็นฉันร้องไห้ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้แสงไฟ)
Please call my name from the heart. (โปรดเรียกฉัน เรียกชื่อฉันออกมาจากใจ ได้โปรด)

..(ดนตรี)..
(แก๊ง,เฟิน ขึ้น (Mezzo-Soprano) อ้อย,ฟ่าง ขึ้น (Alto), (Chorus ฟ่าง))
Sing with me a tiny autumn song, (ร่วมร้องเพลงเล็กๆ แห่งฤดูใบไม้ร่วงกันกับฉัน)
with the melodies of the days gone by. (ด้วยท่วงทำนอง แห่งคืนวันที่ล่วงเลยผ่านไป)
Dress my body all in flowers white, (แต่งเติมร่างกายของฉันทั้งหมดด้วยดอกไม้สีขาวน้อยใหญ่)
So no mortal eye can see. (จึงไม่มีดวงตาใครคนไหน มองเห็นฉันเลย)

Where have all my memories gone? (and lost) (ความทรงจำทั้งหมดของฉัน (หาย) ไปอยู่ที่ใด)
Should I roam again up yonder hill? (ฉันควรจะเดินเตร่ไปยังเนินเขาแห่งนั้นอีกครั้ง หรือไม่)
I can never rest my soul until (ฉันไม่เคยพักผ่อนจิตวิญญาณของฉันได้สักครั้ง จนกระทั่ง)
You call my name, you call my name from the heart. (คุณเรียกชื่อฉัน คุณเรียกชื่อของชั้นออกมา จากหัวใจ)

.....(ดนตรีห้องแรก (อิเล็กโทน Solo พี่อิ๋งๆ)).....

   ระหว่างที่ดนตรีกำลังบรรเลงไปเรื่อยๆ ผมก็ปิดไมค์ แล้วเหลือบไปมองพี่กร เห็นทำท่าตบมือ ยกนิ้วโป้ง ขยับปากบอกกับผมว่าเยี่ยมมาก... ผมก็สบตาไม่นานอ่ะ หันกลับมาทางเดิม

   “มองใครอยู่ค่ะน้อง?” (พี่อ้อย ปิดไมค์แล้ว)

   “ป่าววว”

   “ฮั่นแน่ๆ บอกไม่ได้เป็นแฟนกันนะ” (พี่อ้อย)

   “อย่าแกล้งน้องง!!”

   “เสียงดังไปแล้วแก๊ง เข้าไมค์พี่แล้วเนี่ย” (พี่เฟิน ปิดไมค์ก่อนแล้วค่อยว่าผม)

   “ก็พี่อ้อยแกล้งอ่ะพี่เฟิน”

   “แกก็แซวน้องจังอ้อย ไม่แซวมันจะตายมั๊ย” (พี่ฟ่าง ปิดไมค์ก่อนแล้วค่อยว่าให้พี่อ้อยเหมือนกัน)

   “ก็น้องมันมองไปที่ใครล่ะ ไม่มีสมาธิร้องเพลงดีดีรึยังไง”

..........(ดนตรีเบาเข้าห้องที่สอง (ไวโอลิน Solo พี่เอิน), (พี่อิ๋งๆ อิเล็กโทนประกอบ))..........

   “น้องไม่ได้ร้องเพลงไปด้วยแล้วมองพี่กรไปด้วยสักหน่อย”

   “ตะกี๊ก็เห็นๆ กันอยู่” (พี่อ้อย)

   “พอพอ ทั้งสองคน เตรียมตัวได้แล้ว ดนตรีไวโอลินโซโล่แล้วนะมึง” (พี่ฟ่าง)

   ผมก็เงียบ เปิดไมค์ ก้มหน้ามองโน๊ตที่อยู่ตรงขาตั้งก่อนที่พี่พี่คนอื่นๆ ก็จะทำเหมือนผม เตรียมพร้อมเข้าสู่การร้องท่อนสุดท้าย ซึ่งมันจะขนลุกมาก ถ้าให้เอาตามที่เหมือนในวิดีโองานศพนั้น... เพราะว่า

(ดนตรีหยุด)
(อิเล็กโทนขึ้นเสียงกลอง ดนตรีเริ่ม!)
(แก๊ง,เฟิน “Soprano” อ้อย,ฟ่าง “Alto” เอิน,อิ๋งๆ เล่นไปด้วยร้องไปด้วย “Mezzo-Soprano”, (Chorus ฟ่าง))
(แก๊งขึ้น) La! LaLaLa LaLaaa LaLa
(เฟินเสริม) LaLaLa LaLaLa LaLaLaaa LaLa
(แก๊ง เฟิน อ้อย ฟ่าง) La! LaLaLa LaLaaa LaLa
(ทุกคน) Laaa La! LaLaLa LaLaLaaa LaLa
La! La!! LaLaLaLaLaa La Laa
LaLaLa LaLaLa LaLaaa LaLa (LaLaLa)
La! La!! LaLaLaLaLaa La Laa
LaLaLa LaLaLa LaLaaa LaLaLa LaLaaaa
In my long forgotten cloistered sleep, (ในการหลับใหลอันร่มรื่นที่ยาวนานของฉัน)
Someone kissed me whispering words of love. (มีบางคนจุมพิตฉันและกระซิบรักจากหัวใจ)
Is it just a longing of my heart? (มันแค่ความปราถนาที่เกิดขึ้นภายในใจฉันหรือไม่)
Such a moment of such peace. (ช่างเป็นความสุขที่เกินบรรยาย)

Where do all the tears come from? (to my eyes) (น้ำตาทุกหยดหลั่งไหลมาจากที่ใด (สู่ดวงตาของฉัน))
With no memories why should I cry? (ไร้ซึ่งความทรงจำ แต่ทำไมฉันถึงร้องไห้)
I can never rest my soul until you call my name, (ฉันไม่เคยพักผ่อนจิตวิญญาณของฉันได้สักครั้ง จนกระทั่ง คุณเรียกชื่อฉัน)
You call my name, you call my name. (คุณเรียกชื่อของฉัน คุณเรียกชื่อเพียงหนึ่งเดียวของฉัน)
Call my soul from the heart...........(แก๊ง ลากเสียงยาว) (เรียกจิตวิญญาณของฉันออกมา จากหัวใจ)
(ฟ่าง เฟิน เอิน อ้อย อิ๋งๆ) Laaaa Laaaa Laaaa! Laaaaaa LaLa
La! LaLaLa LaLaLaa LaLa!
(แก๊งลากเสียงยาวจบ) (ทุกคน) Laaaa Laaaa Laaaa! Laaaaaa LaLa
La! LaLaLa LaLaLaa LaLa!

.................(ดนตรีเล่นจนจบเพลง)..............
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 10-03-2014 07:09:28
พี่หมอกร น่ารักอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 10-03-2014 11:42:24
นี่แค่เปิดโอกาสให้จีบนะเนี่ย
แต่ทำไมเหมือนคบกันแล้ว คริคริ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 10-03-2014 12:15:43
พี่หมอกร สกิลมุ้งมิ้งสุดชีวิตเลยนะนั้น
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 10-03-2014 13:26:06
อิตาพี่หมอเนียนตลอดเลยนะ  :-[
บรรยากาศสีชมพู  :mew3:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 10-03-2014 13:45:32
 :o8: :o8: :o8: :o8:
พี่หมอน่ารักมากกกกกกกก

เวลาน้องแก๊งแทนตัวว่าน้องกับพี่หมอ แลดูน่ารักมุ้งมิ้งมาก

โอ๊ย รอติดตามนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-03-2014 13:56:20
พี่กรตื้อๆๆๆ... :hao6:  :hao6: :hao6:
 
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 10-03-2014 15:03:39
แก๊งน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 10-03-2014 15:23:50
พี่หมอกร น่ารักมุ้งมิ้งสุด

รอตอนต่อไปนะครับ

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 10-03-2014 16:03:40
น่ารักจังงงง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 10-03-2014 21:36:12
สนุกๆ แก๊งแทนด้วยเองว่าน้องน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 10-03-2014 22:11:33
อิพี่หมอรุกเร็วมากกกกกกกก น้องแก๊งตั้งตัวไม่ทัน 555555555555555555
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 15%]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 10-03-2014 23:58:12
 :hao7: ปลาบปลื้มกับพี่กร สร้างอารมณ์พระเอกและมุ้งมิ้งได้ภายในตอนเดียว
ถ้าเป็นแฟนกันแล้วมุ้งมิ้งทั้งคู่คงจะ ฟินนนนนนนนนนนนนนน

รูปอวาตาร์ของ คนโพสต์นี่เราคุ้นๆอ่ะ เหมือนเคยอ่านในเรื่องซักเรื่องแล้วเคยเจอ
ชื่อเดียวกับ นายเอกในเรื่องนี้เลย ใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 50%]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 11-03-2014 17:01:26
ตอนที่ 5 ตกลงครับ [+ บทพิเศษ] PART 2

   “แปะ แปะ แปะๆๆๆๆๆๆ”

   พี่กรถึงกลับปรบมือรัวดังลั่นห้องซ้อม

   “ปรบมือให้กับพลังเสียงของแฟนที่ร้องไปเมื่อกี๊เหรอกร?” (พี่เฟิน)

   “เพราะมากครับทุกคน แก๊งร้องเก่งมาก”

   “ไม่คิดจะชมคนอื่นเลยเหรอกร?” (พี่อ้อย)

   “มึงก็แขวะจั้งงง อีอ้อย! เค้าเชียร์แค่แฟนก็ปล่อยให้เค้าเชียร์แค่แฟนไปสิย่ะอีนมหมดอายุ” (พี่อิ๋งๆ)

   “อ้าว อิ๋งๆ หนองโพ.. นมโต.. กูไม่ว่า แต่นมหมดอายุนี่ กูไม่ยอมนะ” (พี่อ้อย)

   “ก็แล้วจะทำไม!??” (พี่อิ๋งๆ)

   ก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม ผมก็เดินไปที่เครื่องเสียง ปล่อยให้คุณทันตะกะยัยหนองโพสู้กันไป จิ้นคู่นี้อยู่นะ ยูริยูริดี

   “จะร้องเพลงอะไรเหรอแก๊ง?” (พี่ฟ่าง)

   พี่ฟ่างเดินเข้ามาถามผมที่กำลังกดเพลงในเครื่องเล่นไปเรื่อยๆ ครับ

   “อ่อ!!.. คือออ.. น้องขอร้องเพลงนี้เป็นการวอร์มเสียงนะครับ ตะกี๊ก่อนมา น้องไม่ได้วอร์มเสียงผู้หญิงเลย วอร์มแต่เสียงผู้ชาย.. พอวอร์มแล้วไม่ใช้มันก็ แสบๆ อ่ะครับ เลยอยากจะร้องเสียงผู้ชายสักเพลงหน่อย”

   พี่ฟ่างก็ก้มมองหน้าปัดเพลงที่ผมเลือกไว้ แต่ยังไม่เล่น

   “อ๋อออ เพลงนี้ โอเคๆ เดี๋ยวพี่บอกทุกคนก่อน...ทุกคน!!!! แก๊งจะร้องอย่าโทรมาหาเมลล์เวอร์ชั่น (Male Version)”

   “หา!! อะไรนะ” (พี่เฟิน)

   “อย่าโทรมาหางั้นเหรอ, Male Version ด้วย! ว๊ายยยยย นั่งแกนั่ง” (พี่อ้อย)

   “จริงๆ นั่งฟังเลย กูยอมเลยอ่ะถ้าไอ้แก๊งจะร้องเพลงนี้เวอร์ชั่นผู้ชาย” (พี่อิ๋งๆ)

   “ทุกคน เดี๋ยวก่อน!! น้องแค่วอร์ม”

   แมร่ง เตรียมตัวนังฟังผมกันหมดทุกคนล่ะ พี่ฟ่างทำอะไรลงไปเนี่ยย

   “แค่วอร์มก็ไม่เป็นไร พวกพี่ก็แค่ฟัง เนอะ!!.... แถมพี่กรสุดที่รักของเธอก็จะได้ฟังด้วย ดีมั๊ยค่ะกร!??” (พี่อ้อย)

   ผมก็มองไป ไอ้หมอมันก็ยิ้มแฉ่งพยักหน้าเลย... เฮ้ออออ อุตส่าห์ไม่อยากให้มาแล้วนะเนี่ย

   “เปิดเลยแก๊ง! วอร์มเลยวอร์ม! ร้องใส่ไมค์เลยแก๊ง! เดี๋ยวพวกพี่จะฟังอย่างตั้งใจ” (พี่อ้อย)

   “คร้าบบบ”

   ผมก็กดเล่นเพลง...อย่าโทรมาหา ของพริกไทย (http://www.youtube.com/watch?v=VCDGtJQMvHk (http://www.youtube.com/watch?v=VCDGtJQMvHk))


(แก๊ง ร้องเสียงผู้ชาย “Base”)
อือ หืม ฮื้อ ฮือออ!! ฮือออือออ เออ เฮ้อออ

   “กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!! หล่อมากกกกกกกกกกกกก” (พี่อ้อย)

   “มึงจะกรี๊ดหาอะไรอีนี่!! ไหนบอกจะไม่ขัด!! นั่งฟังดีดี” (พี่ฟ่าง)

อือ หืม เฮ้ออออ เอ้อเฮออออ เอออ เฮอออ
อือ หืม ฮื้อ ฮือออ!! เอ้ออ เอออ เออ เฮ้อออ
อือ อือ หืมมมมมม เอ้อเฮออออ เอออ เฮอออ

(พี่อิ๋งๆ ก็เข้ามาดีดอิเล็กโทนเสียงเปียโนเพิ่มเข้ามา)
อย่าเลยไม่มีอารมณ์จะฟัง
ไม่อยากได้ยินพอแล้ว พอแค่นี้จริงจริง
เมื่อเธอพูดมาน้ำตาจะไหล
ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว ฉันแค่ขอเธอ

(พี่เอินก็เอากับเค้าด้วย ลุกขึ้นมาสีไวโอลินเพิ่มเข้ามาตามทำนอง)
* อย่าโทรมาหา อย่าลำบากเลย
ให้เราห่างเพื่อทบทวน เรื่องระหว่างเราสักคืน
อย่าโทรมาหา อย่าโทรมานะ คนดี
ยังไม่พร้อมจะรับฟัง ใจฉันมันยังอ่อนแอ
อยากอยู่คนเดียว ให้ฉันได้เศร้าสักพักคืนเดียวก็หาย
จะโทรไป เมื่อฉันทำใจได้ลง *

..........(ดนตรี)...........
อยากอยู่เงียบเงียบคนเดียวได้ไหม
นั่งมองแสงดาวบนฟ้า ไม่ต้องพบใครใคร
ถ้าเธอไม่มีอะไรกับฉัน
ถ้าเธอไม่มีธุระที่มันสำคัญ
** อย่าโทรมาหา อย่าลำบากเลย
ให้เราห่างเพื่อทบทวน เรื่องระหว่างเราสักคืน
อย่าโทรมาหา อย่าโทรมานะ คนดี
ยังไม่พร้อมจะรับฟัง ใจฉันมันยังอ่อนแอ
อยากอยู่คนเดียว ให้ฉันได้เศร้าสักพักคืนเดียวก็หาย
จะโทรไป เมื่อฉันทำใจได้ลง **

..........(ดนตรี)...........
โววววววววววววววว.... เอ้ออ เอออออออออ
โว้ววววว โวววววววววว.....โฮ้!!!!!!!!!!!!...........
*** อย่าโทรมาหา อย่าลำบากเลย
ให้เราห่างเพื่อทบทวน เรื่องระหว่างเราสักคืน
อย่าโทรมาหา อย่าโทรมานะ คนดี
ยังไม่พร้อมจะรับฟัง ใจฉันมันยังอ่อนแอ
อยากอยู่คนเดียว ให้ฉันได้เศร้าสักพักคืนเดียวก็หาย
จะโทรไป เมื่อฉันทำใจได้ลง ***

อือ หืม ฮื้อ ฮือออ!! ฮือออือออ เออ เฮ้อออ
อือ หืม เฮ้ออออ เอ้อเฮออออ เอออ เฮอออ
อือ หืม ฮื้อ ฮือออ!! เอ้ออ เอออ เออ เฮ้อออ
อือ อือ หืมมมมมม เอ้อเฮออออ เอออ เฮอออ
.................(ดนตรีเล่นจนจบเพลง)..............

   “กรี๊ดดด วี้ดวิ้วๆๆๆๆ” (พี่อ้อย)

   “หล่อมากค่ะแก๊ง! หล่อมากกกกก!!!! เสียงหล่อมาก หล่อมาก เอาเมียค่ะเอาเมีย” (พี่อิ๋งๆ)

   “บ้านแกสิอิ๋งๆ ผัวน้องเค้าอยู่นี่ทั้งคน” (พี่ฟ่าง)

   โหพี่ฟ่าง คำพูดพี่นี่! รู้เลยว่าหมายถึงใคร.. มองไปทางไอ้หมอ... มันกำลังทำอะไรสักอย่างกับขวดน้ำ แล้วผม..

   “ฮื้ก!! ฮื้มม แค่กๆ”

   ลืมไปเลยว่าเพิ่งหายไข้ ร้องสองเพลงแถมใช้ทั้งสองเสียงไปในแบบที่ต้องส่งพลังเสียงเต็มที่ มันก็เลย..

   “แก๊งครับ กินน้ำก่อนครับ”

   “ห่ะ!??”

   เงยหน้าขึ้นมา คือ.... มึงเข้ามาชาร์จกูตั้งแต่... ตอนไหน? บ้านมึงเป็นญาติกะแฮร์รี่ พอตเตอร์ใช่มั๊ย

   “กรี๊ดดด ว้ายยยยยย จะละลายยยยย ไอ้แก๊งมีผัวดี น่ารักมากกก” (พี่อ้อย)

   “อ้อยๆ หันมาทางนี้.... กินน้ำก่อนครับ (ทำเสียงแมนๆ หล่อๆ)... ว๊ายยยยยยยยยยแกกกกกกก เริ่ดเว่อร์!!!!!” (พี่อิ๋งๆ)

   “นี่ๆๆๆ!! อะไรกัน พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ พวกพี่สองคน ทำไมเวลาแบบนี้มันเข้าข้างกันดีจังง่ะ นี่น้องพี่นะ!!”

   “อย่าเพิ่งตะโกนสิแก๊ง กินน้ำก่อนครับ”

   “ว๊ายยยยยย ดุด้วย ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยย” (พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ)

   คือนี่มึง!??... ไม่ดูสถานการณ์เลยใช่ป่ะว่า พี่เค้าแซวกูอยู่เนี่ยย.. โอ้ยยย อายก็อายย น้ำก็อยากกิน... คว้าขวดน้ำมาปุ๊ปดูดกินรวบเดียวหมดเลยครับ เหลือแต่ขวด ส่งคืนไอ้หมอไป

   “เอาไปเก็บให้ด้วย แล้วไม่ต้องเดินมาแบบนี้อีก ถ้าน้องหิวน้ำน้องจะเดินไปกินเอง.. ครับบ!”

   “ไม่ต้องหรอกครับแก๊ง พี่เต็มใจ พี่เห็นก็รู้แล้วว่าเราอยากกินน้ำ..”

   “แห๊มมมมมมม หวานนนนนนนนนนนนนนน แทนตัวเองว่าน้องด้วยยยยยย เริ่ดเฟ่ออออออออออ” (พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ)

   “พวกแกสองคนนี่ก็เข้าขากันดีจั๊งพอเป็นเรื่องแบบนี้ พอได้แล้ว! น้องมันอายหมดแล้วเห็นมั๊ย!.. แต่สองคนนี้ก็อย่ามาหวานกันแถวนี้ให้เค้าแซวสิ แก๊ง!! ยังซ้อมกันไม่เสร็จ ไปหวานกันที่ห้องครับ” (พี่ฟ่าง)

   “เห็นไหม (หันกลับไปมองหน้าไอ้หมอ) ไปได้แล้ว”

   “เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อข้าวเย็นมาให้นะครับ”

   “เออน่า ไปได้แล้วววว”

   ผมก็รีบผลักๆ ดันๆ ไอ้หมอให้ไปตามทางที่มันอยากไป จนมันออกไปจากห้อง

   “ไปซะล่ะ” (พี่อ้อยกับน้ำเสียงเสียดาย)

   “ช่างเหอะครับพี่พี่ ซ้อมกันต่อเหอะครับ”

   “งั้นก็พักสิบนาที ต่อไปเราจะซ้อมเต้นกัน วันนี้สอบเป็นเมดเล่ย์นะทุกคน” (พี่ฟ่าง)

   “โห่วววววว” (ทุกคน)

   ใครว่าทีมนี้มีแต่คนสวยแล้วจะซ้อมสบาย เปล่าเลยครับ วงนี้ได้ดีมาได้เพราะซ้อมหนัก และมีหัวหน้าอย่างพี่ฟ่างนี่ล่ะ  มีดีกรีเป็นถึงครูสอนร้อง สอนเต้น แถมยังสวยขนาดได้ตำแหน่ง Gossip Girl อีก แต่เป็นทอมนิดๆ โหดสัสๆ อยู่ทีมเดียวกับพี่ฟ่างมีความสุขก็จริง แต่ตอนซ้อมนี่เหนื่อยสัสๆ..

   ระหว่างที่พัก.. ผมก็โดนถาม โดนเล่าเรื่องพี่กรจากพี่พี่คนอื่นเป็นชุดเลยทีนี้ จนครบ สิบนาที

   “อ่ะๆ สิบนาทีล่ะ เตรียมตัวนะทุกคน เพลงแรก ไป!!” (พี่ฟ่าง) (http://www.youtube.com/watch?v=Hfcqk6GoPxU (http://www.youtube.com/watch?v=Hfcqk6GoPxU))

   ลุกขึ้นประจำที่ พอดนตรีขึ้นเท่านั้นแหละ โห!!.... เพลงนี้ ไม่คิดจะให้กูสบายเลยนี่หว่า เต้นตั้งแต่จังหวะแรก แถมในเพลงนี้กูก็ต้องเต้นเป็นอี Zinni อีก (เสื้อเทาครึ่งตัว กางเกงวอร์ม)...บีบอยกระจายยยยยย!!!

   ไอ้พี่หมอก็เข้ามาพร้อมกับถุงเซเว่น ตอนผมกำลังเริ่มซ้อมเต้นเพลงที่สาม (http://www.youtube.com/watch?v=8rm-__8PePM (http://www.youtube.com/watch?v=8rm-__8PePM) กำลังเป็น Kiseop เสื้อขาวๆ ที่ต้องเต้นตอนแรกเลย เหนื่อยเว่อร์) พอพี่เค้าเข้ามา จังหวะที่ผมได้พักระหว่างที่เต้น ก็เห็นหน้าไอ้หมอมองมาทางผมตาเป็นมันเลย แถมเพลงนี้ผมต้องเต้นเด่นอยู่บล็อกหน้าหลายจังหวะ มันก็ยังเห็นไอ้หมอมองมาแต่ทางกูเท่านั้นอ่ะ.. คือมึงจะมองไปทางอื่นบ้างก็ดีนะ... อยากจะพูดแทบใจจะขาด แต่แรงหายใจยังไม่มี

   ต่อด้วยเพลงที่สี่ ที่ผม พี่เฟิน พี่เอิน ต้องลงโซโล่ด้วยกัน (http://www.youtube.com/watch?v=__qqLhCKN2k (http://www.youtube.com/watch?v=__qqLhCKN2k) ผมเป็นฮโย พี่เฟินเป็นยูริ พี่เอินเป็นซูยอง) ซึ่งบล็อกผมอยู่ตรงกลางเลย เหลือบมองไปเห็นพี่กรยังจ้องมาไม่วางตา คือ.. เพลงนี้มันแต๋วๆ อะ ต้องเต้นแถมเล่นสีหน้ากับเพลง ผมมองหน้าพี่เฟินที่รู้ใจกันเลยว่า ไม่อยากเต้นเพลงนี้ ตอนที่ ยังมีไอ้พี่นี่กรอยู่ แต่พี่เฟินก็พยักหน้าหงึกๆ ตอบกลับมาว่า ‘เอาเหอะ เต้นไปเหอะ’

   ก็ไม่รู้ว่าจะยังไงล่ะ เต้นๆ ไปทั้งอย่างนี้เลยล่ะกัน

   จนจบ สิบเพลง ถึงเวลาพัก ขอบคุณมากครับ...ไอ้แก๊งถึงกับกองอยู่บนพื้นห้องซ้อมตรงนั้นเลย ส่วนพี่พี่คนที่เหลือก็ไปเข้าห้องน้ำกันหมดเพราะเหงื่อมันชุ่มจนหน้าไหล (แต่งหน้ามาซ้อมทำไมกันก็ไม่รู้) เลยเหลือแต่ผมกับพี่กรในห้อง..

   “กินน้ำครับแก๊ง นี่ครับน้ำ”

   “พี่กร.. แฮ่ก ๆ ๆ... ขอบคุณมากครับ”   

   พี่กร เดินเข้ามากับขวดน้ำ ผมเองก็เหนื่อยที่จะเดินไปกินด้วย เลยรับน้ำพี่เค้ามา...ซดรวบๆๆๆ ใหญ่เลย

   “เหนื่อยมากมั๊ย?? ต้องซ้อมอย่างนี้ เวลานี้ ทุกวันเลยเหรอครับ”

   “ฮ่าห์!!.. ก็ไม่ถึงกับทุกวันหรอกครับพี่กร แค่สามสี่วันต่อสัปดาห์ มีพักบ้าง มีมาสายได้บ้างถ้าติดธุระจริงๆ”

   “งั้นเหรอครับ.. เก่งจังเลยนะครับ ตัวแค่นี้ ร้องก็ได้ เต้นก็ได้ แถมร้องไปด้วยเต้นไปด้วยก็ได้อีก”

   “ของอย่างนี้มันต้องฝึกครับพี่กร น้องเองฝึกมาได้สี่ปีแล้ว”

   ยกเทที่เหลือล้างหัวซะเลย ค่อยไปเช็คสภาพตัวเองในห้องน้ำล่ะกันก่อนซ้อมอีกรอบ.. พี่กรก็ลงมานั่งข้างๆ ผม

   “แล้วพี่ต้องใช้เวลาถึงสี่ปีเลยรึปล่าว กว่าน้องแก๊งจะยอมให้พี่เป็นแฟน”

   “โป๊ง!!!....กร๊อง กลึงๆๆๆ”

   ไม่ต้องแปลกใจว่าเสียงอะไรครับ เสียงขวดน้ำเปล่าที่ผมฟาดใส่หัวไอ้หมอ แล้วกลิ้งไปนอนกับพื้น.. ผมก็ลุกขึ้นออกไปหาพี่พี่ที่ห้องน้ำ ปล่อยให้ไอ้หมอมันหัวเราะคิกคักของมันไป ค่อยได้กลับมาซ้อมต่อที่ห้อง จนเที่ยงคืน

**__จบเนื้อเรื่องพิเศษที่ 1__**

   “เพลงแรก...”

   “ครับ!!??”

   ผมกำลังกลับครับ ซ้อมเสร็จแล้ว ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ จู่ๆ ไอ้หมอมันก็ทำลายความเงียบอีกรอบด้วยคำว่าเพลงแรก

   “เพลงแรกเพราะมาก ไม่คิดว่าน้องแก๊งจะร้องเสียงสูงขนาดนั้นได้ เหมือนผู้หญิงเลย แถมตอนประสานกัน พี่ขนลุกเลยนะครับ พอมาเพลงที่สอง พี่ไม่คิดว่าแก๊งจะร้องคนเดียวแล้วต่ำขนาดนั้น แต่เพราะมาก แก๊งหล่อมากเลยกับเพลงที่สอง”

   “คงตลกล่ะสิ น้องร้องเพลงสองเสียง”

   “ไม่เลย มันเพราะจริงๆ พี่ขนลุกเลยนะครับ แถมพี่ไม่คิดว่าแก๊งจะเต้นเป็นด้วย เต้นเก่งมาก ร้องไปด้วยอีก เก่งสุดๆ”

   “ก็!.. น้องฝึกมาสี่ปีแล้วครับ ฝึกอย่างนี้สัปดาห์ล่ะสามสี่วัน มันเลยสะสมมากกว่าครับ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก”

   “นะ มาถ่อมตัวอีก...แล้วว รู้จักกับพี่พี่วงนี้ได้ไงครับ”

   “ครับ!??”

   “วงนี้พี่รู้จัก ดังมากเลยนี่ เพราะแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น เห็นแต่ละคนทำงานนางแบบ พริตตี้ เอ็มซี แถมพี่เฟินก็ดาราไม่ใช่เหรอครับ ดังมาก ไปร้านเหล้าร้านไหนร้านไหนต้องมีวงนี้ตลอด แต่... พี่ไม่เคยเห็นเรากับคนที่ชื่ออิ๋งๆ เลยนะครับ”

   “น้องกับพี่อิ๋งๆ เรียนสายแพทย์ครับ พี่อิ๋งๆ เรียนทันตะ ไปร้องตามร้านเหล้าช่วงสามทุ่มสี่ทุ่มไม่ไหวครับ เลยไม่ค่อยได้ไป แต่ก็มาซ้อมตลอดครับ เก็บเอาไว้ร้องในร้านเหล้าตอนปิดเทอม หรือออกงานแบบอะไรที่น้องจะได้ไปนี่ล่ะครับ”

   “อ๋ออ ครับ แล้วแก๊งทำไมได้มาอยู่ในวงนี้ล่ะครับ รู้จักพี่พี่เค้าได้ไง”

   “ก็!!... เอิ่มม... เอาเป็นว่าน้องรู้จักล่ะกันนะครับพี่กร ตอนนี้น้องยังเล่าอะไรให้ไม่ได้จริงๆ เกี่ยวกับพี่พี่ในวง”

   เพราะมันเกี่ยวพันกับเรื่องในตอนนั้น “โศกนาฏกรรม” กับ “มรดกเลือด” มัน...ผมเลยเล่าไม่ได้

   “งั้นเหรอครับ งั้นก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นพี่ขอถามอีกข้อนะครับ”

   “อะไรเหรอครับ”

   “น้องแก๊งทำไมร้องเพลงสองเสียงได้ล่ะครับ พี่เห็นบางคนร้องได้หลายเสียงก็จริง แต่มันก็ไม่นุ่ม ไม่ชัด และแยกคีย์ชัดเจนขนาดนี้ น้องแก๊งไปฝึกมาจากไหนเหรอครับ”

   จะให้ผมตอบ... มันก็... มันก็ทำให้นึกถึง.. “พี่กิ๊ง” กะ “น้องก๊อง” ไม่เอา ไม่นะไม่.. อย่าร้องนะแก๊ง

   “คือ.. ขอโทษนะอีกครั้งนะพี่กร... น้องก็บอกเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน”

   “อ้าว! มีความลับกับพี่ซะแล้ววว สงสัยเย็นนี้คงต้องไปเค้นความจริงกันหน่อยล่ะ”

   มองหน้า!! คือ... อะไรคือการเค้นความจริงที่มึงหมายถึง....

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 11-03-2014 17:10:06
เป็นความเหนื่อยที่สุดของการอัพเลยครับตอนนี้
รวมรวมแล้ว
12 หน้ากระดาษเอสี่ครับ ปกติเนื้อเรื่องหลักจะมีแค่ตอนละ 5 หน้ากระดาษเอสี่ แต่นี่คือรวมเนื้อเรื่องพิเศษตอนแรก ที่คุณหมอกับแก๊งได้เข้าไปในห้องซ้อมด้วยกันครับ

"ทั้งหมด 7 หน้า รวม 12 หน้า"

แล้วคนที่ต้องตรวจทานกะพิสูจน์อักษรคืออะล่ะ... :ling3:

ถึงคุณ IsDeer นะครับ
ภาพผมครับ ภาพผมเอง ผมเอาขึ้นมาเองแต่ผมไม่ได้ชื่อแก๊งนะครับ
ผมชื่อ........

เอาเป็นว่าเนื้อเรื่องตอนนี้จะมีการแปลเพลงภาษาอังกฤษ ซึ่งตอนส่งมาต้นฉบับตอนแรก คือไม่มีนะครับ
ผมเป็นแปลและเพิ่มลงไปเอง เลยช้า
ถ้ายังไงก็ช่วยกันแปลด้วยนะครับ

อ่อ เพื่อภาษาสละสลวย ผมก็เลยเลือกบางคำที่ไม่มีมาทำให้ร่ำรวยและเหมือนเป็นเพลงด้วยนะครับ
แต่บางคำผมก็แปลไม่ออกจริงๆ เช่น Dry up this spring อย่างนี้นะครับ
เพราะผมไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรง

ยังไงก็ ขอบคุณมากนะครับที่ติดตาม
ตอนที่หกลงวันนี้ครับ ไม่มีบทพิเศษ
มีแต่บท....... :haun4: ไม่ถึงกับเสียเลือด แต่แค่ นิดหน่อย มุ้งมิ้งน่ารักๆ นะครับ  :hao6:  :hao7:

เจอกันคืนนี้ครับ

ปล. คนเขียนเรื่อง G Story บอกว่า จะให้ผมเขียนต่อ
ซึ่ง ผมเขียนแนวแฟนตาซี นี่มันแนววว....... เอิ่มมมมมม
ผมขอบอกเลยนะครับว่า ไฟล์ G Story ในเครื่องผมมันหาย ผมเลยขอเจ้าของเรื่องว่าต่อรึยัง เจ้าของเรื่องก็บอกว่ายังและให้ผมต่อ มันคือความรับผิดชอบของผมใช่ไหม
ตอบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 11-03-2014 18:06:23
รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-03-2014 18:23:29
 :pig4: :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 11-03-2014 21:00:45
รอพี่กรเป็นแฟนแก๊ง จะได้รู้ความลับซักที
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 11-03-2014 21:05:39
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ขอบคุณค่ะ น้องแก๊งน่ารักอีกแล้ว รอติดตามนะคะ

ปล.รูปโปรไฟล์น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-03-2014 21:21:08
 :m20: แก๊งนี่ฮา เพราะอยู่กับสาวๆมากไปใช่มั้ยเนี่ย

อาาาาาา ขอโทษทีนะ สงสัยเราจำผิด เราว่ารูปคุณมันเหมือนกับที่โพสต์สักเรื่องในบอร์ดเลยอ่ะ แต่เราจำชื่อเรื่องไม่ได้แล้วววว

เรื่อง G Story ก็อยากอ่านต่อนะ รบกวนไปตามจิกคนเขียนให้หน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า
เพื่อคนในบอร์ด  :hao7:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 11-03-2014 22:50:43
เรื่องนั้น ??  เรื่องอะไรหว่า :m28:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 11-03-2014 23:45:16
ชอบคาแรคเตอร์พี่กรอ่ะ ดูมึนๆ มุ้งมิ้งๆ ดี 555
ติดตามค่าา  :-[
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 12-03-2014 02:53:24
ตอนที่ 6 หมอนข้างคุณหมอ [+ บทพิเศษ] (ยังไม่ตรวจทาน) PART 1

   ถึงหอ...ผมไม่เปิดช่องว่างให้ไอ้หมอมันเค้นความจริงอะไรอย่างที่มันพูด

   “พี่กร น้องขึ้นห้องก่อนนะครับ พอดีคิดได้ว่ามีธุระ ขอบคุณนะครับที่วันนี้ไปด้วยกัน บายยยย”

   “เดี๋ยวแก๊ง!! เดี๋ยวว!!!”

   จะอีกกี่เดี๋ยวแก๊งก็ขึ้นห้องไปอย่างไว ใครมันจะเสี่ยงกับคำพูดไอ้หมอจอมกวนอย่างมึงกันห่ะ



   อาบน้ำ แต่งตัว เอาผ้าขนหนูมายีผมที่สระเสร็จแล้วให้หมาดๆ ก็ว่าจะเช็คเฟสบุ๊คซะหน่อย

   หืมม โทรศัพท์ ไอโฟนผมไปไหน ทำไมในกระเป๋าสะพายมันไม่มี

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก... น้องแก๊ง อาบน้ำเสร็จแล้วใช่มั๊ยครับ”

   “คะ... ครับ”

   “โทรศัพท์เราอยู่กับพี่ ตะกี๊พี่บอกว่าเดี๋ยวเราก็ไม่ฟัง เปิดประตูให้หน่อยครับ”

   อ้าว เหรอ อยู่กับพี่กรตอนไหนว่ะ.. ก็เปิดประตูขอโทรศัพท์คืน

   “แกร๊ก... ครับผม... ขอบคุณครับพี่กอ...”

   เปิดประตู...ยังไม่ทันได้เงยหน้ามอง

   “เฮ้ย!!!....... ปึ้ง!! แกร๊กก!! ครึก!!!”

   ไอ้พี่กร ไอ้หมอเลว มัน.... มันกอดผมไว้ แล้วดันตัวเองเข้ามาในห้อง ปิดประตูลงกลอน ใส่สายยูเฉยเลย

   “พี่กร! พี่กรๆๆ จะทำอะไร ปล่อยยยย........อุ๊บ!!!”

   แล้วก็ถอยรวดดดดดดดดดดดด จนเซ ล้มใส่เตียงในท่า....ไอ้หมอคร่อมอยู่ข้างบน ส่วนผม ก็ข้างล่าง

   “พี่กร... น้องบอกแล้วไงว่า ไม่เอา”

   หน้าไอ้หมอ ยิ้มมมมมมม จนแก้มจะปริเลย

   “ก็คนดื้อ.. ไม่ยอมบอกที่ถาม มีความลับกับพี่ ต้องดัดนิสัยซักหน่อย ก่อนจะเป็นแฟนกัน”

   “เฮอะ... นี่พี่... ยังติดใจเรื่องน้องเข้าวงได้ยังไง กับเรื่องทำไมน้องร้องเพลงสองเสียง จนต้องทำอย่างนี้เลยเหรอ”

   “ก็ป่าว... แต่พี่ไม่ชอบ ไม่อยากให้แก๊งมีความลับเดี๋ยวมันจะติดนิสัย”

   “พี่กร.. น้องบอกแล้วไงว่าน้องพูดไม่ได้จริงๆ”

   “ไม่เอา!! พี่ไม่ชอบคำนี้ จะพูดไม่พูด!!”

   “เฮ้ยเดี๋ยว! เดี๋ยวๆ พี่กร ทำอะไร??”

   มือ มือไอ้หมอกร มือมัน มือมันจับเอวผม

   “จะบอกไม่บอก”

   “พี่กรอย่า!! อย่า!! ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ก๊อนนน น้องบ้าจี๊ อ๊ากกก อย่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...!!”

   “ถ้ายังไม่บอกพี่ก็จะทำอยู่อย่างนี้ล่ะ จะบอกไม่บอก”

   “พี่กร น้องบอกไม่ได้ อ๊า!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

   “จะบอกไม่บอกครับที่รัก”

   “พี่กร ขอ..อ๊า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่กร อ๊า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ พอครับพอ พอๆ น้องบอกแล้ว ยอมแล้ววว”

   มันก็ค่อยหยุดไต่มือไปมาตามจุดบ้าจี๊ผม สภาพผมตอนนี้ แทบหายใจโรยริน ไม่มีแรงสู้

   “ตาลอยเชียว.. แห๊ม น่าขย้ำจริงๆ”

   “เฮ้อ เฮอ เฮอ... ไอ้หมอบ้า!!”

   “ว่าอีกเดี๋ยวพี่จูบปากเลย จะว่าไปแก๊งไม่มีแรงแบบนี้ก็ดีนะ จะทำอะไรก็ได้ ไหน ดูสิ”

   ได้ทีไอ้หมอมันก็จะถกเสื้อกูขึ้นเลย... พยายามเอาแรงน้อยๆ ดันเอาไว้ก่อน

   “โอเคครับพี่กร ยอมล่ะ ยอมจริงๆ จะเล่าให้ฟังแล้ว ขอพักหายใจก่อน เฮอ เฮอ เฮอ...”

   “คร้าบบๆ ไม่เล่นล่ะ”

   “แล้ววว จะให้น้องเล่าท่านี้เหรอครับ”

   คือ ยังคร่อมทับผมอยู่เลยไอ้พี่กร.. ถามมันไปก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม แล้ว... ล้มไปนอนกอดผมอยู่ข้างๆ

   “เปลี่ยนท่าก็ได้ครับ เอาท่านี้ล่ะ เห็นหน้าแก๊งใกล้ดี แถมแก๊งจะได้ไม่หนีพี่ด้วย”

   เฮ้ออออ... หมดคำจะพูด

   ผมก็เงยหน้ามองเพดานสีขาวสักนิด นึกเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมด.. ก่อนจะเริ่มคำพูดว่า

   “พี่กร... เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องเมื่อห้าปีก่อน ตั้งแต่ตอนที่น้องยังอยู่ ม.4 เองครับ จริงๆ แล้ว ครอบครัวน้องไม่ได้มีแค่ตัวน้องคนเดียวหรอกครับ น้องยังไงพี่สาวกับน้องชายอยู่...”

**__เนื้อเรื่องพิเศษที่ 2 :: อดีตอันขมขื่น กับรอยยิ้มเมื่อร้องเพลง__**

   บ้านผมเค้ามีลูกสามคนครับ คนโตเป็นผู้หญิง เกิดก่อนผมหนึ่งปี ชื่อพี่กิ๊ง ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชาย เกิดทีหลังผมสามปี ชื่อน้องก๊อง พวกผมสามคนเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางอันแสนอบอุ่น มีพ่อเป็นครู มีแม่ทำงานเปิดร้านขายอาหารอยู่ในเมือง ชีวิตในตอนแรกถึงจะมีหนี้สินติดตัวอยู่บ้าง แต่ก็อยู่กินกับแบบสบายๆ ครับ

   แล้วครอบครัวผม เค้าก็มีงานอดิเรกอย่างนึงที่เหมือนกันครับ คือ “ร้องเพลง”

   ซึ่งตั้งแต่เด็กๆ ผมก็ได้ฟังพี่กิ๊งร้องเพลงอะนิเมะการ์ตูนต่างๆ ได้อย่างไพเราะมาก แถมน้องก๊องก็เป็นคนมีลูกคอ ร้องเพลงบัลลาดทรงพลังได้อย่างน่าขนลุกตั้งแต่ยังไม่เข้าประถม ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังแค่ ป.1 ร้องเพลงได้ห่วยแตกสุดๆ เพราะยังไม่รู้ว่าต้องร้องยังไง

   แต่ด้วยความทะเยอทะยานที่มีพี่สาวร้องเสียงผู้หญิงก็เพราะ มีน้องชายที่ร้องเสียงผู้ชายได้อย่างทรงพลัง น่าขนลุก มันทำให้ผมพยายามฝึกและฝืนให้ตัวเองทำทั้งสองเสียงได้มาตั้งแต่เด็ก จนมันกลายเป็นการบังคับกล้ามเนื้อตรงลูกกระเดือกได้ ทำให้ผมสามารถร้องเพลงสองเสียงได้ในปัจจุบัน

   เมื่อพี่กิ๊งขึ้น ม.4 มา พี่กิ๊งสอบเข้าโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมได้ และด้วยความที่ร้องเพลงเพราะ พี่กิ๊งเลยได้เจอกับ พี่ฟ่าง พี่เฟิน พี่เอิน พี่อิ๋งๆ ที่เรียนอยู่สาธิตที่เดียวกัน เลยรวมตัวกันทำวงดนตรีขึ้น เรื่องทั้งหมดเลยเริ่มจากจุดนั้น

   จนเมื่อผมขึ้น ม.4 มาเหมือนกัน แต่สอบเข้าโรงเรียนสาธิตของพี่กิ๊งไม่ได้ ก็ไม่เสียใจ ยังตั้งใจเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดให้ได้เกรดดีๆ ไม่ทำให้พี่กิ๊งและพ่อแม่ลำบากใจ

   จนเมื่อปิดเทอมหน้าร้อนปีนั้นเริ่มขึ้น......................คือวันที่ทั้งพี่สาว และน้องชายผม เค้าถูกฆ่าตาย

   เพราะพ่อแม่ผม ก่อนที่จะคบกัน แม่ผมเค้าไม่ใช่ลูกชาวบ้านคนธรรมดา บ้านแม่ผมเป็นถึงเจ้าของกิจการที่มีเงินทุนระดับใหญ่โตของประเทศ มีทรัพย์สินและที่ดินประเมินเป็นตัวเลขเก้าขึ้นไป แต่ในขณะที่พ่อผมเค้าเป็นแค่ลูกชาวนาธรรมดา ตอนแรกก็ยากจน พอได้มาพบรักกับแม่ ความรักเป็นไปไม่ได้จึงเกิดขึ้น พ่อกับแม่ผม เลยหนีตามกันมาสร้างครอบครัวใหม่

   แต่จะไปว่าแม่ผมไม่ดีก็ไม่ได้ เพราะทางบ้านฝั่งคุณตาคุณยาย ท่านมีลูกสี่คนต่างก็ทำแบบนี้ทั้งหมดหมด เพราะคุณตาคุณยายเป็นพวกหัวโบราณ เข้มงวด และตีกรอบลูกมากเกินไป ทำให้ลูกตัวเองต้องทำแบบนี้เมื่ออยากจะสมหวังในรัก นั่นรวมไปถึงแม่ผมด้วย เมื่อหนีตามกันไป และความกลัวในนิสัยของคุณตาคุณยาย จึงไม่มีใครกลับมาเหลียวมองพ่อแม่ตัวเองเมื่อเริ่มแก่เฒ่าและดูแลตัวเองไม่ได้ ทำให้คุณตาคุณยายท่านเสียใจ และคับแค้นใจทุกคนมาก.... ยกเว้น ครอบครัวผม

   ถึงแม้แม่ผมจะหนีตามพ่อผมมาเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ แต่แม่ผมเป็นคนเดียวในบ้านที่หิ้วหลานๆ ทั้งสามคนกลับมาเล่นกับคุณตาคุณยายทุกปี แถมตอนนั้นผมยังเด็ก ไม่รู้ประสีประสาอะไร รู้แต่ว่าตอนนั้นคุณตาคุณยายใจดีมาก ทำให้พวกผมอยากไปบ้านคุณตาคุณยายทุกวัน แต่แม่ก็บอกว่าพวกเราไปได้แค่ปีละสองสามครั้งเท่านั้น เพราะตอนนั้น แม่ผมยังรู้ว่ายังไงคุณตาคุณยายก็คงไม่ให้อภัย ถึงแม้จะหอบหลานไปเล่นทุกวันก็ตาม

   จนเมื่อคุณตาคุณยายท่านเสียด้วยโรงมะเร็งทั้งคู่ พวกผมก็ไม่ได้ไปงานศพ

   คุณแม่บอกว่างานศพของพวกท่านมีแต่พี่น้องคุณแม่ที่มีนิสัยหน้าเลือดทั้งนั้น ต่างพากันรอมรดกของคุณตาคุณยายที่เขียนเอาไว้ในพินัยกรรม ว่าอย่างน้องน่าจะตกถึงพวกตัวเองสักเจ็ดหลักแปดหลัก ซึ่งคุณแม่ไม่อยากให้พวกผมสามคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรต้องไปอะไรเจอแบบนั้น เลยตั้งใจไปงานศพ และฟังพินัยกรรมเพียงคนเดียวโดยไม่เอาพวกผมและคุณพ่อไปด้วย
   เมื่อคุณแม่กลับมา ท่านก็หน้าเสีย และเล่าให้คุณพ่อฟังอย่างเดียว ไม่บอกพวกผมว่า

   คุณตาคุณยาย ท่านยกพินัยกรรมให้พวกผมสามคนทั้งหมด!

   เพราะแค้น เพราะเสียใจ และเพราะรักพวกผมที่มาใหม่ ทำให้คุณตาคุณยายตัดสินใจเปลี่ยนพินัยกรรม ยกมรดกทั้งหมดเกือบสิบหลักให้พวกผมถือครองโดยพ่อและแม่พวกผมจะเข้ามาจัดการแทนไม่ได้ เรื่องวุ่นวายทั้งหมด จึงเกิดขึ้น

   วันนั้น เพราะพ่อติดสอน แม่จึงพาพวกผมสามคนไปรับพินัยกรรม เพราะวันนั้นแม่ผมเค้าอยากได้มรดกบางส่วนมาใช้หนี้ที่บ้าน แต่มรดกมันตกเป็นของพวกผมสามคน โดยที่พ่อกับแม่ก็จัดการอะไรไม่ได้ตามคำสั่งในพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกแทนจึงตกเป็นของทนาย แม่จึงไม่ปรึกษาพ่อและใช้โอกาสที่พ่อติดสอน แอบพาพวกผมสามคนไปรับมรดกกับคุณลุงทนายเพื่อมาใช้หนี้ ทั้งที่พ่อก็บอกแม่ไปแล้วว่า อย่าไปยุ่งอะไรเลย

   แต่แม่ผมเค้าก็ไม่ฟัง และไม่คิดว่าพี่น้องในไส้ของตัวเองจะวางแผนตลบหลัง

   ในเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ระหว่างทางที่สองข้างทางเป็นป่ารก ไร้ผู้คน รถพวกผมก็ถูกเจาะยางที่นั่น

   พวกผมถูกพวกพี่น้องคุณแม่ที่ปลอมตัวมาเป็นโจรเข้ามาดักทำร้าย แม่กับพี่กิ๊งพยายามช่วยผมและน้องก๊องให้หนีสุดชีวิต พวกผมเลยหนีไปได้ โดยที่ไม่รู้เลยว่า นั่นคือการแลกชีวิตของพี่กิ๊งไปแล้ว ซึ่งพวกโจรก็พยายามจะไว้ชีวิตแม่ผมไว้เพราะพวกพี่น้องยังคิดว่ามีประโยชน์

   แต่ผู้ร้าย มันก็เร็วของมัน มันไล่ล่าพวกผมทันจนคว้าตัวผมไว้ได้ แต่น้องก๊องก็พยายามให้พวกมันปล่อยผมจน

   น้องก๊อง ถูกยิงตาย ต่อหน้าต่อตาผม

   จังหวะที่คนร้ายคิดว่าอะไรอะไรมันก็เป็นไปแล้ว เมื่อทายาทมรดกสองคนตายไป ถ้าอีกคนตายมรดกก็ต้องตกไปตามลำดับของผู้ถือครอง นั่นก็คือพ่อกับแม่ผม โดยที่ไม่มีข้อความว่าเข้ามาจัดการแทนไม่ได้เหมือนในพินัยกรรมที่เขียนเอาไว้ พวกมันจึงคิดว่าง่ายขึ้น เลยเล็งปืนขึ้นมากำลังจะยิงผม

   แต่โชคดี ที่พ่อของผม เค้าพกคุณลุงที่เป็นตำรวจตามมาทันเวลา และช่วยชีวิตผมไว้ได้

   แต่ผลลัพธ์สุดท้าย มันก็สายไปแล้ว ทั้งพี่กิ๊ง และน้องก๊อง

   ไม่เหลือใครอีกแล้ว

   ผมกลายเป็นเด็กซึมเศร้า พูดอะไรไม่ออก พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกัน เพราะเรื่องที่พ่อผมพยายามไม่ให้แม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพินัยกรรม แต่แม่ดื้อเพราะเรื่องหนี้สินทำให้ต้องเสียพี่กิ๊งกับน้องก๊องไป สุดท้ายแม่จึงตัดสินใจรับผิดชอบทุกอย่าง ด้วยการหย่าร้างกับคุณพ่อ และติดต่อกับคุณลุงทนายเพื่อขอยืมบางส่วนให้พ่อพาผมหนีไปที่ไหนก็ได้ที่ไกลที่สุด เพื่อที่จะได้ปกป้องชีวิตสุดท้ายของผม
   แต่ผมก็ไม่ไป.. ผมดื้อ และไม่อยากไปไหน

   ผมไม่รับรู้อะไรเลย ไม่รับรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายแค่ไหน ผมรู้แค่ว่าที่นี่คือบ้านของผม มีพี่กิ๊ง มีน้องก๊อง มีเสียงเพลงที่พวกผมสามคนร้องด้วยกัน มันเป็นเพลงที่ไม่รู้ความหมาย แต่เป็นเพลงที่เพราะที่สุดเท่าที่ผมเคยร้องในสมัยนั้น

   เพลง TsuKiAKaRi Ochitekuru YoRu จากเรื่อง Crayon Shinchan
(เนื่องจากเพลงนี้โดนล้างเหี้ยนออกไปจากยูทูปแล้ว แต่คนอัพมีคลิปเพลงเต็มอยู่นะครับ ถ้าใครอยากได้ จะคงให้นะครับ)

   “แก๊ง พี่อยากให้แก๊งร้องเพลงนี้แบบเสียงผู้หญิงทั้งเพลงนะ แถมจะดีด้วยนะถ้าจะเต้น พี่เองก็อยากเต้น อะชึบๆ!”

   “พี่แก๊ง แก๊งชอบเสียงผู้หญิงพี่แก๊งนะ แต่เสียงผู้ชายพี่เพราะกว่าอ่ะ เพลงนี้ร้องผู้ชายเหอะ ไม่ต้องเต้นด้วย”

   “ใครว่าล่ะก๊อง เพลงนี้ต้องเสียงผู้หญิงสิ แถมถ้าเต้นนะ มันจะสวยมาก”

   “ผู้ชาย!! ไม่เต้น เต้นทำไมจังหวะช้าๆ แต๋วแตกพอดี”

   “ผู้หญิง!! เต้น จะทำไม”

   “ผู้ชาย!! ไม่เต้น”

   ประโยคที่ทะเลาะกันทุกครั้งเมื่อผมร้องเพลงนี้ มันยังจำในหัวผมไม่ลืม เมื่อผมเปิดเพลงนี้ และร้องไปตามท่อนของตัวเอง ตาก็จะมองไปที่เฉลียงนอกบ้าน เห็นภาพพี่กิ๊งกับน้องก๊องร้องเพลงนี้ไปด้วยกัน

   แต่มัน.... ไม่มีแล้วว ภาพของทั้งสองคนที่กำลังยิ้ม ค่อยๆ หายไป กลายเป็นภาพสีขาวดำที่เขียนว่าชาตะ...กับมรณะ

   “ฮืออออออออออ”

   ผมได้แต่ร้องไห้ ไม่มีแม้แต่จะเปล่งคำแรกออกมาเป็นโน๊ตตัวได้เลย

   เมื่อผมดื้อไม่ออกจากบ้าน แม่ผมจึงตัดสินใจที่จะกลับไปที่บ้านใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับพี่น้องของตัวเอง ดึงความสนใจและถ่วงเวลาให้ผมได้มีโอกาสรักษาตัวกับจิตแพทย์เนื่องจากโรคซึมเศร้า จนให้ปากคำกับตำรวจไม่ได้ ต้องรักษาจิตใจให้หายก่อนจนกว่าตำรวจจะยอมรับว่า พร้อมต่อการให้ปากคำแล้ว ดังนั้นแม่ผมจึงพยายามยืดคดีนี้ให้นานที่สุด ถึงแม้จะต้องขายพี่น้องกันเองก็ไม่ยอมให้คนชั่วลอยนวล แต่จนแล้วจนรอด สองเดือน ผมก็ยังไม่ดีขึ้น

   และคนที่มาเปิดใจผมคนแรก คือพี่ก้อย พี่สาวข้างบ้าน

   พี่เค้าค่อยๆ เปิดใจผมทีละนิดๆ จนเข้าสู่เดือนที่สาม ผมเริ่มมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า พระธรรม

   พี่ก้อยใช้พระธรรมค่อยๆ พาผมออกมาจากโลกแห่งความฝันที่ผมสร้างเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเอง พี่ก้อยเตือนสติให้ผมกลับมาจากจุดนั้นเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก และสิ่งแรกที่ผมควรจะทำนั่นก็คือ

   การให้ปากคำกับตำรวจ

   แต่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ผมคงบอกได้เต็มปากเลยว่า ฝ่ายพี่น้องของแม่ผมเค้าใต้โต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว

   ผมคงช้าไป และหนทางที่จะสู้เพื่อพี่น้องของตัวเอง ก็คงเหลือแต่ทางสุดท้าย

   วันนั้น ผมปรึกษากับพ่อ เพื่อแผนการทั้งหมด เรียกญาติพี่น้องฝ่ายแม่ที่เกี่ยวข้องมาที่บ้านสวนริมแม่น้ำ พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์อัดวิดีโอและอัดไฟล์เสียงไว้เรียบร้อย จึงเหลือขั้นตอนแค่ผม ใช้มรดกมากองตรงหน้าพวกนั้น แล้วพยายามคุยเพื่อเค้นความจริงและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมา

   เมื่อเงินตรงหน้าทำให้คนหน้ามืดฆ่าคนตายได้ นับประสาอะไรกับการจะพูดความจริง แผนการนี้สำเร็จด้วยดีเพราะพ่อผมก็ช่วยมาคิดให้มันรัดกุมยิ่งขึ้น แถมมันทำให้ผมกับพ่อสนิทกันมากขึ้นอีกด้วย เมื่อคนร้ายทุกคนจับได้โดยละม่อมพร้อมหลักฐานที่ดิ้นไม่หลุด ภาพที่ผมเห็นน้องก๊องยิงตายต่อหน้าต่อตา ก็ค่อยๆ เลือนหายไป

   จนมันกลายเป็นแค่ความทรงจำ.... เมื่อในกฏหมายลงโทษญาติพี่น้องของแม่ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด ว่า ประหารชีวิต และไม่มีการอุทรณ์หรือฏีกาใดๆ ทั้งสิ้น

   เหมือนจิตใจของผม ได้เริ่มต้นใหม่ อีกครั้ง..

   ผมเหมือนได้เกิดใหม่ เมื่อหลับตาลงไปก็ไม่มีภาพน้องก๊องถูกฆ่า หรือภาพศพพี่กิ๊ง แต่ผม.. ผมได้ยินเสียง..

   “แก๊งรู้มั๊ย พี่ไปเรียนที่สาธิต เจอเพื่อนห้าคนที่สวยมาก ร้องเพลงเก่งเหมือนกันเลย แถมตั้งวงดนตรีแล้วนะ”

   “จริงเหรอพี่กิ๊ง ดีจังเลย แก๊งอยากทำแบบนั้นบ้างจัง”

   ประโยคที่แว่บเข้ามาในหัวผม ทำให้ผมรีบค้นในของใช้ส่วนตัวของพี่กิ๊ง จึงเห็นรูปถ่ายหกคนที่เขียนไว้ข้างหลังภาพว่า “วงดนตรีในฝัน” ผมรู้ทันทีเลยว่า นี่คือโอกาสอันเดียวของผม ที่จะทำให้ผมกลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง ผมเลยไปขอพ่อว่าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากเดินตามรอยเท้าพี่กิ๊งที่ทิ้งไว้ ไม่อยากให้มันหายไป พ่อผมจึงใช้เงินที่เหลือจากการทำงานเป็นครูช่วยสนับสนุนให้ผมสอบเข้า ม.5 ที่โรงเรียนสาธิตมหาลัยของผมในปัจจุบันด้วยวิธีการพิเศษ

   และมันก็เข้าได้ มันทำให้ผมได้พบกับพี่เฟิน พี่ฟ่าง พี่เอิน พี่ออย พี่อิ๋งๆ

   ผมจำได้เลยว่า วันแรก ที่ผมเข้าไป.. ผมกำลังเห็นพี่พี่ทั้งห้าคนที่พี่กิ๊งเคยเล่าให้ผมฟังและอยู่ในรูปถ่ายของพี่กิ๊ง กำลังเดินผ่านผมไปโดยไม่สนใจว่าผมจะหน้าตาเหมือนใคร ผมจึงร้องเพลง TsuKiAKaRi Ochitekuru YoRu จากเรื่อง Crayon Shinchan ออกไปตามสไตล์พี่กิ๊ง แต่ใช้ทั้งเสียงผู้ชาย และเสียงผู้หญิง

   ซึ่งพวกพี่เค้าก็สะดุด หันกลับมาฟัง และจำได้ทันที ว่าสไตล์การร้องแบบนี้ คือใคร พวกพี่เค้าถึงได้นึกออก ว่าผมคือน้องชายที่รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้นของครอบครัวผม เริ่มสนิทสนม เริ่มยอมรับในตัวผม และรับผมเข้าไปอยู่ในวงที่พี่กิ๊งภูมิใจ ถึงแม้จะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในวงก็ตาม

   จนสี่ปีผ่านไป ผมเข้าเภสัชได้ พี่อิ๋งๆ เรียนทันตะ พี่ฟ่างเรียนวิทยาการจัดการกับพี่อ้อย พี่เฟินเรียนศิลปกรรม และพี่เอินเรียนมนุษย์ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งหมด ซึ่งพวกเราทุกคนต่างมีกันและกันตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

   มันคือความสุขเดียวที่ทำให้ผมได้นึกถึงรอยยิ้มของพี่กิ๊ง เมื่อผมร้องเพลงเสียงผู้หญิง

   มันคือความเข้มแข็งเพียงหนึ่งเดียว ที่ทำให้ผมได้นึกถึงความน่ารักของน้องก๊อง เมื่อผมร้องเพลงเสียงผู้ชาย

   และเมื่อผมได้เต้น มันคือการปลดปล่อยให้ตัวเองได้ลืมเรื่องทั้งหมด ให้พี่กิ๊งที่ชอบการเต้นแต่เต้นไม่ค่อยเก่ง กับน้องก๊องที่ไม่ชอบการเต้นเท่าไหร่แต่ถ้าให้เต้นก็ได้ ได้มาเต้นอยู่ข้างๆ ผม

   เหมือนผม ต้องมีความสุขให้ได้ เพื่อคนที่เสียไปแล้ว

   เพื่อพี่กิ๊ง เพื่อน้องก๊อง ที่ถูกจบชีวิตไปด้วยมรดกเลือดกองนั้น ผมจึงซ่อนมัน ซ่อนมรดกมันเอาไว้ในมุมที่ไม่ให้ใครเห็นอีก ไม่ให้ใครรับรู้ได้อีกว่า มรดกพันล้าน มันเป็นของผม

   ทุกวันนี้ หลังจากที่พ่อผมเลิกกับแม่ ชีวิตพ่อผมก็ดีขึ้น เมื่อผมตัดสินใจมาเรียนที่นี่ พ่อผมจึงเริ่มเข้างานเครือข่ายบีเอ็นจนปัจจุบันนี้ พ่อผมก็กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านมีความสุขไปแล้ว

   ส่วนแม่ผม หลังจากที่คดีทั้งหมดจบลง ก็แต่งงานทางธุรกิจเพื่อวงศ์ตระกูลของตัวเอง เนื่องจากไม่มีพี่น้องที่สืบเชื้อสายจากคุณตาคุณยายโดยตรงและใช้นามสกุลเดิมของตระกูลแล้ว คุณแม่จึงไม่มีที่ไป และก็ไม่คิดจะกลับมาคืนดีกับพ่อ ตัดสินใจต่อสู้กับความลำบากนั้นต่อไปโดยไม่มีเวลาให้ผมเลย แต่ผม ก็ไม่เป็นไร

   เพราะตอนนี้ ผมมีความสุขดี

   ถึงแม้ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องนี้.. มันจะทำให้ผม

   ร้องไห้ เพราะคิดถึงพี่กิ๊ง

   ร้องไห้ เพราะผมปกป้องน้องก๊องไม่ได้เลยในตอนนั้น

   ร้องไห้ ไปกับเพลง TsuKiAKaRi Ochitekuru YoRu

   แต่ผมก็จะ ปาดน้ำตาด้วยความเข้มแข็งให้ได้ทุกครั้ง แล้วร้องเพลงออกมาทั้งเสียงผู้ชายและเสียงผู้หญิง เพื่อที่จะส่งเพลงนั้นด้วยรอยยิ้ม ไปให้ทั้งสองคนบนสวรรค์ว่า

   แก๊งมีความสุขดี

**__จบเนื้อเรื่องพิเศษที่ 2__**

   น้องเล่าจนจบ น้ำตาน้องมันก็ไหลออกมา ถึงจะพยายามใช้มือและแขนปาดออกไปเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที จนพี่กรก็เอานิ้วมาเช็ดให้

   “นี่ล่ะครับ พี่กร.. คือเหตุผลทั้งหมดว่าทำไม น้องถึงร้องเพลงสองเสียงได้ น้องถึงอยู่กับพี่พี่ในวงดนตรีได้ ทั้งหมด มันเกี่ยวกับ พี่สาวและน้องชายน้องเอง....”

   “พี่ขอโทษนะแก๊ง พี่ไม่น่าถามเราเลย”

   “ไม่เป็นไรครับพี่กร”

   ผมมองหน้าพี่กรแล้ว... แล้วมัน...อย่าทำหน้า...

   “อย่าทำหน้าอย่างนี้สิพี่กร.. น้องไม่เป็นไรจริงๆ ถึงเห็นอย่างนี้ น้อง!... น้องก็ฝันถึงพี่กิ๊งกับน้องก๊องบ่อยอยู่นะ อึ๊ก!!.. ฮึก!!.. แง๊!!!!!!!!!........”

   ไอ้หมอบ้า ทำหน้าสงสารกูทำไม เอาหน้าตัวเองเข้าไปซุกที่อกเลย ฮืออออออ ลูบหัวกูอีก!! ฮือออออ

   “โอ๋ๆ อย่าร้องนะคนดี พี่ขอโทษครับแก๊ง พี่ขอโทษ.. ต่อไปพี่จะไม่เค้นเราล่ะถ้าเราบอกว่ามันลำบากใจที่จะเล่า”

   “ฮืออออ... น้อง! น้องคิดว่าน้องจะไม่ร้องแล้ว! ฮือออออ... เพราะมันก็ตั้งสี่ปีมาแล้วอ่ะ! ฮึก ฮือออออ... แต่!.. แต่มันทำไมยังร้องก็ไม่รู้!!! ฮือออออ.....”

   “ร้องออกมาเลยคับน้องแก๊ง ร้องให้พอเลยครับ พี่จะอยู่ตรงนี้เอง ไม่ไปไหนแล้ว”

   “แง๊!!!!!!!!!!!”

   ผมร้องไห้อยู่ในอกพี่กรไม่รู้นานเท่าไหร่ รู้แค่ว่า ผมหลับไป

/////////////////////////////////////////////////////PART 1///////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 12-03-2014 02:54:57
ตอนที่ 6 หมอนข้างคุณหมอ [+ ตอนพิเศษ] PART 2 (ยังไม่ตรวจทาน)


   จนผมฝัน

   ในฝัน ผมกำลังนั่งหนาวๆ อยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีแดด มันหนาวมาก หนาวจริงๆ ผมพยายามมองหาอะไรก็ได้ที่มันจะช่วยให้ผมอุ่น ก็เห็นงูตัวนึง ใหญ่มากกกกจนน่ากลัว เลื้อยออกมาจากมุมมืด

   ผมกลัวงูตัวนั้นมาก พยายามว่า พยายามด่าด่า หาอะไรมาตั้งท่าขู่มันไม่ให้มันเข้ามาใกล้ แต่มันก็ไม่กลัว ค่อยๆ เลื้อยเข้ามารัดผมตั้งแต่เอวจนคลุมหน้าผมมิดเลย ไม่รัดขา ตอนแรกผมก็ดิ้นๆ แต่มันอุ่นขึ้นมาจริง ผมก็ค่อยๆ นิ่งไป

   จนวิวทิวทัศน์ข้างนอกอุ่นขึ้น งูที่เข้ามารัดผมก็ค่อยๆ คลายผมออกมา ผมเลยเปลี่ยนฝันมาเป็นท่ามกลางทุ่มดอกไม้ มีดอกไม้สีสดอย่างกุหลาบที่ไม่ค่อยมีหนาม เบญจมาศ ชบา ดอกบัวเต็มไปหมด

   ผมก็หยิบกุหลาบสักดอกก่อนที่จะส่งให้งู น่าจะกินได้ แต่.. มันไม่ใช่งูแล้ว มันกลายเป็น เทพบุตรที่มีผิวเป็นเกล็ดงู

   เทพบุตรก็ส่งดอกบัวมาให้ผมโดยที่ไม่รับกุหลาบที่ผมยื่นไปให้ ผมก็รับดอกบัวมา เทพบุตรตนนั้นจึงโอบไหล่ผมแล้วชี้ไปที่อีกทาง ให้ผมมองตามไป

   ผมเห็น.. พี่กิ๊ง ข้างๆ พี่กิ๊งที่กำลังเล่นน้ำอยู่นั่นก็ น้องก๊อง ทั้งสองคน มีความสุขดีมาก

   พี่กิ๊งเหมือนกลายเป็นกินรี ส่วนน้องก๊องกลายเป็นพญานาค เล่นน้ำในสระกันอย่างสนุกสนาน ผมกะว่าจะไปเล่นกับพวกเค้าสองคนด้วย แต่ว่า.. เทพบุตรงูก็ดึงผมไว้ ผมเลยแปลกใจ ทำไมดึงผมไว้ล่ะ

   เทพบุตรงูก็ช้อนผมขึ้นมาอุ้มท่าเจ้าหญิง ผมก็ตกใจ กอดคอใหญ่.. ทำไมล่ะ

   พอค่อยๆ เดินเข้าไปในสระที่พี่กิ๊งกับน้องก๊องเล่นน้ำกัน ผมเลยรู้ทันทีว่า มันลึกมาก เทพบุตรงูค่อยๆ เปลี่ยนกายตัวเองท่อนล่างให้กลายเป็นงูเพื่อพยุงตัวผมไว้ เปลี่ยนมือทั้งสองข้างให้กลายเป็นงูตัวเล็กๆ คอยรัดบริเวณลำตัวกะแขนไม่ให้ผมจม แล้วก็โอบกอดผมพาไปเล่นน้ำทั้งอย่างนั้น แต่แปลก น้ำไม่ยักจะเย็นเลย เหมือนอุ่นๆ ไปทั้งตัว

   เมื่อผมพอพยุงตัวเล่นน้ำได้ ก็มองไปทางพี่กิ๊งกับน้องก๊อง ทั้งสองคนก็ดีใจมากรีบมาหา แล้วเล่นน้ำกับผม

   จนฝันเปลี่ยนอีกครั้ง มาเป็นโขดหินข้างสระน้ำ พี่กิ๊งกับน้องก๊องกำลังคุยกับผมอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ผมก็นั่งตักเทพบุตรงู แล้วใช้มือโอบกอดผมไว้ระหว่างที่คุยกัน

   “พี่มีความสุขดี พี่ยังไม่ไปไหน”

   “ก๊องก็รอให้พี่แก๊งมีความสุขกว่านี้ก่อน”

   “เรื่องของเรายังไม่จบ แก๊ง เธอยังเหลือที่ต้องสู้”

   “ก๊องกับพี่กิ๊งจะอยู่ข้างๆ เสมอ”

   ผมพูดอะไรออกไปไม่ได้ สี่ประโยคนั้นทำให้ผมอยากถาม แต่เทพบุตรงูก็ใช้นิ้วมาปิดปากผมไว้ ไม่ให้พูด

   จากนั้นพี่กิ๊งก็ยื่นลูกอมมาให้ ผมรู้เลยว่าเป็นลูกอมที่อร่อยแน่นอน สีชมพู รสหวาน ผมก็รีบอมเข้าไปในปากอย่างไว

   แต่ทำไม มันไม่มีรสชาติ

   รู้ว่ามันหวานแน่ๆ อร่อยแน่ๆ แต่ทำไม มันไม่รู้รสอะไรเลย ก็...ในฝันนี่น่ะ แต่ทำไม...

   ลูกอมก็กลิ้งไปกลิ้งมาหนีลิ้นผมจัง แถมจะดิ้นหลุดจากปากผมด้วย เกือบดูดกลับมาไม่ทัน

   ในฝัน ผมจบฝันตัวเองที่สู้กับลูกอม แล้วววว



   “อืมมม”

   “ตื่นแล้วเหรอครับ”

   ผมได้ยินเสียง แต่ไม่เห็นหน้า เห็นแต่สีเทาๆ น่าจะเป็นเสื้อก้าม.. ห่ะเดี๋ยว นี่มันรอยกล้ามเนื้อ หรือว่า มองขึ้นไป

   “พี่กร!!”

   คือ.. อยู่ในท่าที่ผม กำลังกอดพี่เค้าเลย กำลังนอนตะแคงกอดไอ้หมอซะเต็มแขน ก็ปล่อยแขนออกมา แต่ว่า

   “เดี๋ยวครับแก๊ง”

   “โอ๊ะ โว้วววว โว้ว”

   พี่กรคว้าตัวผมไว้แล้วกลิ้งไปครึ่งตัว เปลี่ยนท่าให้ผมนอนทับตัวพี่กรอยู่ด้านบน โดยที่มือไอ้หมอมันรัดผมตรงเอวเอาไว้ ผมก็ไม่มีแรงต้านเลยอยู่บนตัวพี่กรไปเรียบร้อย

   “วิวดีจัง ท่านี้”

   ผมเงยหน้ามองไอ้หมอจอมกวน

   “พี่กร!! ทำไมไม่กลับห้อง”

   “ก็ใครไม่รู้รัดพี่แน่นทั้งคืนเลย พี่ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าน้องแก๊งจะติดหมอนข้างขนาดนี้”

   “ห่ะ..เอิ่มคือ..(ใครมันจะไปกล้าบอกล่ะว่ะว่าติดหมอนข้างมาตั้งแต่เด็ก)”

   “แถมตะกี๊ก็ฝันดีอีกสิท่า ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว ฝันถึงพี่เหรอครับ”

   “ฝันถึงพี่กรอะไรล่ะ ไม่ได้ฝันสักหน่อย”

   หรือว่าฝันว่ะ เทพบุตรงูตัวนั้นมันพี่กรรึปล่าวว่ะ

   “นะ เป็นไงล่ะครับแก๊ง เอาพี่เป็นหมอนข้างทั้งคืนเลย สบายมั๊ย หมอนข้างคุณหมอ”

   มองหน้าไอ้หมอ คือ.. พูดออกมา กวนได้...

   “ไม่เห็นสบายเลย แน่นเกิน ไม่นิ่มเลย มีแต่กล้าม”

   “พูดอย่างนี้ แต่ก็เห็นกอดแน่นทั้งคืนเลยนะครับ แถมตอนร้องไห้ ร้องซะเสื้อนอกพี่เปียกหมด ต้องถอดเลยเห็นมั๊ย”

   “ก็.. ก็ใครล่ะทำให้ร้อง”

   “พี่ขอโทษคร้าบ อ่ะ พี่ให้หอมแก้มหนึ่งทีแทนคำขอโทษ”

   “ป๊าบบบบ....”

   ไม่ใช่เสียงอะไรครับ เสียงกูตบหน้ามันนี่ล่ะ ใช้มือซ้ายจุมพิตทั้งฝ่ามือลงไปบนแก้มมันเลย

   แต่ไอ้หมอ มันก็ไม่สะท้าน ค่อยจับมือผมแล้ว... เอาไปหอมกับปากมัน แล้วเหมือน เหมือนจะเลียด้วย

   “สกปรก พี่กร”

   เกือบดึงมือออกมาไม่ทัน

   “ไม่ต้องอายครับ ไหนๆ เราก็จะเป็นแฟนกันแล้ว”

   “ยัง”

   “อีกสักหน่อยพี่ก็ได้เลียแก๊งตัวแล้ว ฝึกตอนนี้แค่มือไปก่อนก็ได้นี่ครับ”

   “โรคจิตรึไง เรียนจนสติแตกแล้วเรอะ”

   “เรียนไม่สติแตกหรอกครับ แต่แก๊งไม่ยอมให้พี่เป็นแฟน พี่สติแตกแน่นอน”

   “แหวะ”

   “แพ้ท้องแล้วเหรอ”

   “เพียะ!!!!!!!!”

   เสียงฝ่ามือประกบหน้า เต็มเบ้าสองข้างเลยครับ ไงล่ะมึง ดังเพียะเลย

   “เจ็บนะ ไอ้หมอยา”

   “ทำไมล่ะ ไอ้หมอคน”

   “เดี๋ยวจับทำเมียตอนนี้ซะเลย”

   “จับสิ ถ้าแน่” (ไม่ได้คิดว่ามันจะเอาจริงนะ)

   “อยู่แล้วว”

   “โว้ววววว”

   ไอ้พี่กรมันก็กลิ้งอีกรอบ กลับมาท่าเดิม คร่อมผมอยู่ข้างบน ส่วนผมก็... อยู่ข้างล่าง ไปไหนไม่ได้

   “ยอมเหรอ”

   “ไม่ยอม”

   “ยอมนะ”

   “ไม่มีทาง”

   “พี่เงี่ยนมากเลยตอนนี้อ่ะ”

   “ไปช่วยตัวเองในห้องน้ำนู่นไป”

   “นะ นะ นะ นะ นะ นะ”

   “อย่ามามุ้งมิ้งแถวนี้ ไม่เอา ไม่ชอบ”

   “ปิ๊งๆๆๆๆ (ท่าเดิมมันเลย กระพริบตาปริบๆ พร้อมทำเสียง)”

   “ประยุกต์บ้างก็ได้นะกะอีท่าเมื่อกี๊เนี่ย”

   “พี่ได้ทุกท่า แต่แก๊งชอบท่านี้”

   “รู้ได้ไงว่าชอบ”

   “เห็นยอมพี่ท่านี้ตลอด....นะ นะครับ นะนะนะ ขอหน่อยนะ”

   “พี่กร...หน้าพี่ใกล้ไปแล้ว... เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะครับ น้องไม่ยอมหรอกนะ”

   “โหยย... ทำแล้วก็เป็นเลยไม่ได้เหรอ หรือเป็นตอนนี้แล้วให้พี่ทำเหอะนะ พี่อยากมากเลย”

   “ไปมีอารมณ์มาแต่ไหนเนี่ยห๊ะ”

   “แก๊งไม่รู้ตัวเหรอว่าตะกี๊ทำอะไรพี่ไป”

   ผมก็จ้องหน้าพี่แก มองไปด้านซ้าย มองไปด้านขวา แล้วมองกลับมาที่ไอ้คุณหมอ ตอบไปว่า

   “จำไม่ได้”

   “แก๊งทำพี่มีอารมณ์ รู้ไว้ซะด้วย อุตส่าห์ทนได้ที่นอนกอดพี่ทั้งคืน แต่เมื่อเช้า แก๊งทำพี่มีอารมณ์เลย”

   “น้องไปทำอะไรพี่กรตอนไหน ก็ตื่นมาก็เห็นพี่นอนข้างน้องแล้วเนี่ย”

   พี่แกก็จ้องหน้าผม แล้วค่อยก้มหน้าลงมาต่ำจนจมูกจะชนกันอีกรอบ

   “พี่กร มันใกล้...”

   “พี่ขอจูบได้มั๊ย”

   “ไม่ ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”

   “ใจคอจะทำร้ายพี่ไปถึงไหนครับคนดี นะนะนะ ตอนนี้พี่ทั้งเงี่ยน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พออยู่ท่านี้ ก็ทำอะไรไม่ได้อีก พี่ขอแค่จูบนะครับ นะนะนะ ถือซะว่าให้พี่นะครับ”

   “จูบแรกน้องนะนั่น”

   พี่กรถึงกับชะงัก!! เบิกตาโต จ้องตาผมใหญ่เลย แล้วเริ่มยิ้มที่มุมปาก

   “จูบแรก เหรอครับ!?? ยังไม่เคยให้ใครมาก่อนเลยเหรอ”

   “ก็น้องไม่เคยมีแฟน จะให้ได้ยังไง”

   “ว๊าวว เอิ่มมม คืออออ”

   “ปล่อยน้องเลย....”

   ก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ไอ้หมอถึงอึ้งได้กับคำว่าจูบแรกของเรา ผมก็รอดพ้นจากท่าคร่อมไอ้หมอมาหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไปเลย ปล่อยให้ไอ้หมออยู่ในสภาพอย่างนั้นนั่นล่ะ...

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 12-03-2014 06:49:21
ชีวิตแก๊งเศร้าอะ :hao5: ให้พี่กรเข้ามาช่วยเติมเต็มน่ะดีแล้ว
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 5 [+ บทพิเศษ] อัพแล้ว 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 12-03-2014 09:26:47
บทพิเศษไม่มีตอน [บทพี่กร] :: พี่กรขโมยจูบ

   ผมไม่น่าไปเค้นน้องเค้า จนต้องเล่ามาทั้งหมดเลย

   น้องเลยร้องไห้หนักมาก ซุกเข้าไปร้องระบายทั้งน้ำตาในหน้าอกผมจนหงอยหลับไป.. ผมเห็นอย่างนั้น ก็ค่อยๆ ดึงผ้าห่มมาขึ้นมาคลุมให้น้องเค้า พอเห็นว่าหลับสนิทดีแล้ว ก็ลุกขึ้น ว่าจะกลับไปนอนห้องของตัวเอง

   “ฮืออออออ ฮือออออออ.....ปัปๆๆๆๆ”

   น้องก็ละเมอตบเตียงตรงที่ผมนอนเมื่อตะกี๊ใหญ่เลย.. คือ.. อาการแบบนี้.. ผมเคยเห็น อย่าบอกนะว่าน้องแก๊ง.. ผมก็ลอง ขยับเข้าไปใกล้ๆ แขนน้องเค้าดู

   “หื้มมม.... หือออ อืมมมมมมม”

   จับ! กอดแน่นเลย! ซุกด้วย! สรุปคือติดหมอนข้าง!!.. ไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องแก๊งก็เป็น แล้วท่าทางจะหนักด้วย

   เพราะน้องเค้าไม่รู้สึกตัวเลยว่า หมอนข้างของตัวเองจริงๆ มันอยู่ข้างหลัง คงจะชินกับที่ผมไปเป็นหมอนข้างเมื่อตะกี๊นี๊.. แต่ไม่เป็นไร.. ถ้าน้องแก๊งจะเอาพี่กรเป็นหมอนข้างอย่างนี้ คืนนี้ก็คงต้องนอนด้วยนะครับที่รัก..

   ผมก็ค่อยๆ ถอดเสื้อนอกออกเพราะมันเปียกน้ำตาน้อง เอาวางไว้ข้างๆ แล้วค่อยๆ สอดตัวเข้าไปนอนกับน้องเค้า

   “อืออออออ”

   จัดแขนน้องเค้าดีๆ ไม่ให้โดนผมทับ แล้วผมก็กอดน้องเค้าเอาไว้.. หลับไปทั้งอย่างนั้นด้วยกัน จนเช้า



   คือออ.. ผมตื่น!! คืออ.. ถูกปลุก เพราะมือ!!... มือน้องมันเลื้อยอ่ะ

   ผมถูกปลุกเพราะน้องแก๊งเอามือมาเลื้อยลูบไล้ผมไปมา แถมตะกี๊เหมือนสอดเข้ามาในเสื้อผมอีก

   เอาซะพี่กรมีอารมณ์แต่เช้าเลยนะครับแก๊ง โอ้ยน๊อ!! ทั้งพี่ทั้งน้อง ตื่นหมด... ไอ้หมอยาน่ารักเอ๊ยย!!

   แต่ระดับนี้ก็พอทนได้อยู่ มองหน้าหมอยาว่าที่แฟนตัวเอง กำลังนอนหลับตาพริ้ม อ้าปาก น้ำลายยืด คิดสภาพได้อยู่นะครับ นอนหลับอ้าปากด้วย ท่าทางจะหลับลึกเกิน แต่แขนยังกอดผมไว้แน่นอยู่นะครับ

   ก็เช็ดน้ำลายให้น้องเค้าหน่อย ไหลยืดหมดล่ะ.. อยากตีน้องเค้าจริงๆ.. ไม่ยอมพี่กรสักที จะได้ดูแลได้ดีกว่านี้แท้ๆ

   “อืมมม แจ๊บๆๆๆ อา...”

   คงจะหลับลึกมาก เช็ดปากให้ขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัวอีก.. ผมก็ค่อยๆ ลูบปากน้องเค้าไปเรื่อยๆ จน...

   ทำไม??.. ปากน้องแก๊งมันทำไมน่ารักจัง ผมลองใช้นิ้วโป้งเล่นแถวๆ ปากล่าง... มันก็..

   นุ่มมากๆ น่ากินจัง อยากลองกินจังอ่ะ... น้องเค้าจะตื่นมั๊ยว่ะ? แต่หลับลึกขนาดนี้ คือ... คงไม่ตื่นหรอกมั้ง

   “ขอสักนิดนะครับน้องแก๊ง พี่กรอยากลอง..”

   ก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ๆ

   “อืม...”

   ผมส่งจูบเข้าไปในปากน้องเค้า สอดลิ้นเข้าไปว่าจะทำให้รู้สึกดี อา..ปากแก๊ง นิ่มจริงๆ ผมเริ่มอดใจไม่ไหว

   แต่ทำไม น้องแก๊ง.. ลิ้นน้องแก๊งมัน เฮ้ยๆ!!... ลิ้นน้องมัน...ลิ้นน้องมันสู้ลิ้นผม

   “อึ อืมมมมม”

   เชรี่ยยย ดูดด้วย.......... ซี๊ดดดด แย่แล้ว ทำไมลิ้นน้อง

   “ฮ่าห์...แก๊งครับ อึ อื้มมมมม อืมมมมมม”

   ผมลองถอนจูบน้องเค้าดู คิดว่าน้องเค้าตื่นแล้ว แต่ไม่ ตายังหลับอยู่ แถมยังดูดลิ้นผมกลับเข้าไปในปากน้องอีก

   “อื๋ออออ อืมมมมมมมมมมมมม”

   โอ้ย นุ่ม...ในปากนุ่มไปหมด... นี่แก๊งฝันอะไรครับ? พี่กรจะไม่ไหวแล้วนะ!!

   เชรี่ยแล้วกู ไม่คิดว่าน้องจะจูบเป็น ไปฝึกมาจากไหนว่ะเนี่ย แต่เหมือนลิ้นน้องยังเล่นลิ้นผมไปทั่ว ยังไม่เก่งเท่าไหร่ แต่แค่นี้ก็ เอาซะผม..เคลิ้มอ่ะ แบบว่ามือผม.. ไปแถวๆ บั้นเอวน้องแล้ว

   “ฮ่าห์... แก๊งครับ พี่ไม่ไหวแล้วนะ”

   ผมถอนจูบมาได้ แต่น้องยังหลับอยู่ แน่นอนผมตอนนี้ไม่เหลือสติอะไรให้คุมล่ะ โดนสู้จูบไปขนาดนั้น แถมเช้าๆ อย่างนี้ยังโดนน้องแก๊งปลุกด้วยการลูบไล้ไปทั้งตัว จนไอ้น้องชายผมมันสู้ ความอดทนพี่กรก็มีขีดจำกัดนะครับน้องแก๊ง

   ไม่ต้องถามว่าตอนนี้ผมอยากทำอะไร ผมเริ่มไซร้ไปที่คอขาวๆ ของน้องเค้าก่อนเลย

   “ฮึก ฮื้ออออ อื้ออออออออ”

   น้องเริ่มดิ้น แต่ไม่ใช่ดิ้นปฏิเสธ กอดผมเอาไว้แล้วดีดตัวเองขึ้น แมร่ง ตอบสนอนแบบนี้ ร่างกายพร้อมแล้วนี่หว่า

   “เล่นแบบนี้พี่ไม่ยั้งมือแล้วนะ”

   จะว่าผมลักหลับก็ได้นะครับ แต่กับแฟนผมน่ะ มีปัญหารึอะไรป่าวล่ะ!??

   ไม่ไหวแล้วครับแก๊ง ขอที่ปากอีกรอบล่ะกัน... มาครับที่รัก วันนี้พี่จะไม่ให้เราลุกจากเตียงเลยล่ะ



   “ตืดดดดดด ตืดดดดดดดดดดดด”

   “โอ๊ยเชรี่ย ใครโทรมาตอนนี้วะ”

   กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อที่ถอดไว้ข้างๆ ออกมาดู

   “ว่าไงไอ้ไม้!?? มึงโทรมาหาเชรี่ยไรมึงตอนเจ็ดโมงเช้า!!”

   แถมขัดลาภกูมาก ไอ้สัส!!

   “...เสียงมึงคือหงุดหงิดจังไอ้กร?? เออๆ กูจะบอกว่าวันนี้ตอนบ่ายคิวเรานะเว้ย...”

   “อันนั้นก็รู้แล้ว มึงไม่ต้องโทรมาบอกกูกะด้ายยย”

   “...เอ้า!! เออๆ โอเคๆ ถือว่ามึงรับรู้แล้วนะ...”

   “เออๆ แค่นี้แหละ”

   กดวางอย่างไว แมร่ง เสียอารมณ์หมด..คนกำลังจะจู๋จี๋กันชอบมีเรื่องแบบนี้มาอยู่เรื่อย.. มาครับน้องแก๊ง มาให้พี่กรมุ้งมิ้งต่อดีกว่า หันหลังกลับไปว่าจะเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น

   “อืมมมมมม ฟุบบบ”

   น้องแก๊ง เข้ามากอดผมแน่นในฐานะหมอนข้างเหมือนเดิม แถม เหมือนจะ...ตื่นแล้ว

   สวรรค์!! อย่าเพิ่งให้น้องตื่นตอนนี้ได้มั๊ย โธ่..... โอกาสของพี่กร แห้วไปอีกแล้ววว

   “ตื่นแล้วเหรอครับ”

   น้องแก๊งก็เหมือนพิจารณาอะไรสักอย่างก่อน ค่อยเงยหน้าขึ้นมามองผม.... ที่กำลังเสียดายอย่างสุดซึ้ง

   “พี่กร!!”


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 6 [+ บทพิเศษ] [+ ตอนพิเศษ]]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 12-03-2014 09:38:24
ตอนที่ 6 มาแล้ว สมบูรณ์แล้วนะครับ พร้อมตอนพิเศษของพี่กรด้วย อิอิ
:katai2-1:  :katai4:
เมื่อคืน ผมพยายามแทบตายกว่าจะอัพได้ แต่ก็อัพไม่ได้
เน็ตหลุด
:hao5:  o22

เปลี่ยนชื่อตอนไม่ได้สักที เฮ้อออ
วันนี้เตรียมพบกับตอนที่เจ็ดได้เลยนะครับ
ช่วงนี้ผมว่าง ลงถี่แน่นอน

แล้วผมจะรีบตรวจทานตอนที่ห้า กับตอนที่หกให้เร็วที่สุดนะครับ

ส่วนคุณ IsDeer นะครับ
คือ ผมรู้แล้วล่ะ เรื่อง Hey Bro น้องๆ มาเป็นแฟนพี่มา อะไรเทือกนี้รึปล่าวครับที่เค้าเอาผมไปเป็นตัวละคร
แต่เรื่องนี้ลบไปเแล้ว เพราะคนเขียนไม่มีเวลา
ซึ่งผมก็เค้นเรื่องนี้ออกมาจากคนที่เคยไปเที่ยวน้ำตกด้วยกันครับ
ก็ถึงบางอ้ออกันไป  o18

ผมเปลี่ยนรูปอวาร์ตาร์แล้ว คราวนี้จะได้ไม่คุ้นนะครับ อิอิ
(ป่าวหรอก มันว่าง รอตอนที่แปดอยู่ ขี้เกียจอัพตอนที่เจ็ดขึ้นเลยต้องตรวจก่อนว่าเนื้อเรื่องมันต่อกันดีหรือโดดข้ามกันมั๊ย)

ส่วนความคืบหน้าเรื่อง G Story นะครับ
ยังไม่สามารถตามจิกคนเขียนให้กลับมาเขียนได้
แต่ช่วยเห็นใจหน่อยนะครับ คนเขียนเค้าเป็นเกย์คิง ผมก็กล้าซะที่ไหนที่จะจิกถี่ๆ
ไอ้คนเขียนเรื่องนี้ยิ่งม่อๆ อยู่ เห็นใจผมหน่อยนะ ผมไม่ใช่คนเขียน แค่คนตรวจทานแล้วก็อัพอ่า งือๆๆๆๆ 

:mew2:  :mew6:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 6 [+ บทพิเศษ] [+ ตอนพิเศษ]]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 12-03-2014 13:55:32
น้องแก๊งยั่ววว  :z1: :impress3:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 6 [+ บทพิเศษ] [+ ตอนพิเศษ]]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-03-2014 14:20:43
อดีตน้องน่าสงสาร :sad4:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 6 [+ บทพิเศษ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 12-03-2014 15:18:02
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้
น่ารักมากกก มุ้งมิ้งทั้งตัวพี่และตัวน้อง
ชอบค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 6 [+ บทพิเศษ] [+ ตอนพิเศษ]]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 12-03-2014 16:38:42
ชอบอ่ะ ชอบ

แต่อดีตของ น้องแก๊ง ช่างเศร้าจริงอะไรจริง

รอติดตามนะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 6 [+ บทพิเศษ] [+ ตอนพิเศษ]]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-03-2014 21:55:40
ตอนนี้ทั้ง
ฮา  :m20:
ดราม่า  :m15:
มุ้งมิ้ง  :o8:
แอบหื่น  :z1:

เรื่อง G story ไม่ต้องจิกบ่อยก็ได้
กลัวคนโพสต์จะโดนคนเขียนจับกดซะก่อน  :hao6:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 7]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 13-03-2014 01:44:20
ตอนที่ 7 ไปเที่ยวด้วยกัน ครั้งแรก

   ผมออกมาจากห้องน้ำ ไอ้พี่กรก็ไม่อยู่แล้ว เดินไปแถวๆ โต๊ะเครื่องเขียนในห้อง ก็เห็นพี่เค้าเขียนโน๊ตทิ้งไว้

   ‘ถ้าจะออกไปไหน โทรบอกพี่ด้วยนะครับ 08X-XXX-XXXX รักนะ.. พี่กรสุดหล่อ’

   “หล่อตายล่ะมึง”

   ทิ้งโน๊ตเอาไว้ที่เดิม เฮ้ออ อยากจะบ้าตาย กะไอ้คุณหมอห้องข้างๆ จริงๆ.. ทิ้งตัวเองลงไปนอนบนเตียงอีกรอบ

   “เฮ้ออ พี่กรนะพี่กร”

   มองเพดานไปก็คิดไป ทำไมมาชอบคนแบบผมได้นะ ผมมีอะไรดีเหรอ?.. ก็ไม่นะ.. แค่ขาว อื้ม ยอมรับว่าขาวครับเพราะพ่อผมเค้าก็ขาว แต่หล่อเหรอ? น่ารักเหรอ?.. ไม่ม้างงง!! คนน่ารักกว่าผมตั้งเยอะแยะ แถมพี่กรก็หล่อระดับเดือนคณะแพทย์ด้วยนี่หว่า เออ.. จำได้ ลืมถามไปเลย

   แล้วทำไมเรากับพี่กรเจอกันได้ว่ะ??

   เออใช่ๆ! วันนั้นเลย วันนั้น! พี่กรเมา เมาแอ๋เลยล่ะ.. แล้วกลอนห้องเราสึก พี่เค้าก็ไขเข้ามาผิดห้อง มานอนในห้องเรา

   หลังจากนั้นก็นรกเลยล่ะ จากปกติที่เราแค่อยู่คนเดียว ทำกับข้าวกินเองบ้าง หรือออกไปกินข้างนอกกับพวกพี่พี่ ไม่ก็ไปเที่ยวด้วยกัน ไปซ้อม กลับมาตอนดึกๆ ก็อาบน้ำนอน.. ทั้งหมดมันเปลี่ยนไปเลยล่ะหลังจากวันนั้น จนถึงวันนี้

   แล้ว... เราคิดยังไงกับพี่กร??

   คิดยังไงน่ะเหรอ!?.. ก็.. พี่เค้าเป็นคนหน้าตาดี ทั้งหุ่นดี ขาว หล่อ ล่ำ กล้ามบึ๊กเลยล่ะ แถมที่รู้มาเพิ่มอีกตอนซ้อมกับพี่พี่ ก็บ้านรวย เป็นคนมีข่าวลือตั้งแต่ปีหนึ่งเรื่องเป็นเกย์อยู่แล้ว แต่ก็ยังได้เป็นเดือนเพราะหน้าตาที่หล่อจริงอะไรจริง เลยมีพวกผู้ชายไม่ก็ผู้หญิงที่ไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้นมาติดพันกันเยอะแยะ แต่ข่าวมันก็หายไปตอนขึ้นปีสอง...

   จะว่าไป ตอนพี่กรขึ้นปีสองนี่เราก็เพิ่งเข้าปีหนึ่งมานี่หว่า.. ก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้ล่ะมั้ง เลยทำให้เราไม่รู้จักพี่เค้า
   คิดๆ ไปมันก็....ตลกว่ะ.... พี่กรมาชอบเรางั้นเหรออออ เฮ้ออออออ เป็นไปได้ไงวะเนี่ยยยยยย



   เผลอหลับ ไปครับ

   “....ตืด ตื่อ ดึ้ง ตื่อ ดึ้ง... ตืด ตื่อ ดึ้ง ตื่อ ดึ้ง”

   ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรเข้าไอโฟน เลยคว้ามันมาดูสายว่าใครโทรเข้า แต่ยังไม่ทันจะได้ดูครับ สายตัดซะก่อน สงสัยรอสายมานานแล้วผมเพิ่งตื่น เฮ้ออ เผลอหลับไปได้ไงเนี่ย

   เวลา...ตอนนี้... ไม่จริง

   ม่ายยยยยยยยยยยยย!!!!! บ่ายสองครึ่ง!!! มีนัดซ้อมเต้นบ่ายสาม แถมที่โทรมาตะกี๊ก็พี่ฟ่างอีก แทบดีดตัวเองลุกขึ้นมานั่งบนเตียงไม่ทัน กดไอโฟนโทรกลับหาพี่ฟ่างทันที

   “ตรู๊ดดด...ฮัลโหลแก๊ง นอนเพิ่งตื่นรึยังไง...” (พี่ฟ่าง)

   “ขอโทษครับพี่ฟ่าง!! ขอโทษๆ น้องเพิ่งตื่น พี่ฟ่างจะมาถึงแล้วใช่มั๊ยครับ เดี๋ยวน้องจะรีบแต่งตัวลงไปเดี๋ยวนี้”

   “...ไม่ๆ เดี๋ยวๆ ฟังก่อนแก๊ง วันนี้ไม่มีซ้อม...”

   “ห่ะ!?? อะไรนะครับ”

   “...วันนี้ไม่มีซ้อมครับ พรุ่งนี้ก็ไม่มี มาอีกทีมะรืนเลยนะ สองวันนี้พวกพี่ พี่เอิน พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ จะไปเลือกซื้อผ้ามาตัดชุดคอสตูมงานแสดงของเราที่จะถึงนี้ล่ะ เข้าไปซื้อที่กรุงเทพเลย วันนี้กับพรุ่งนี้เลยไม่มีซ้อมนะจ๊ะ ขอโทษล่ะกันที่เพิ่งบอก เพราะพวกพี่ก็เพิ่งนัดกันเองเมื่อเช้านี้เหมือนกัน ถ้ายังไงจะนอนก็นอนต่อได้เลยนะแก๊ง...”(พี่ฟ่าง)

   “เอ่อ ขอบคุณมากครับพี่ฟ่าง”

   “...จ้า ไม่เป็นไร ฝันดีนะ รักษาสุขภาพ...”

   “ครับ”

   ผมก็กดโทรศัพท์พี่ฟ่างลง

   สรุปคือ วันนี้ว่าง... พรุ่งนี้ก็ว่าง ทั้งวันเลยด้วย... บ่ายสองครึ่งอย่างนี้ มองไปที่ประตู ไอ้คุณหมอจอมกวนมันก็ไม่เคาะห้องรบกวนความสุขแบบที่เป็นเหมือนทุกครั้ง เมื่อมันเป็นแบบนี้...

   แฮปปี้สิครับ!!!! ลัลลัลล้า... รีบแต่งตัวจัดทรงผมใหม่ดีกว่า แต่งตัวหล่อๆ เช็ครอบหนังดูสิ!? ว๊าวๆๆ เรื่องนี้ๆ หนุ่มวายอย่างผมไม่ควรพลาด แถมจะออกโรงพรุ่งนี้แล้วด้วย ต้องรีบไปดูๆ รอบเย็นสี่โมงครึ่งงั้นเหรอ ทั๊นนน ยังไงก็ทัน

   เช็คหน้ากระจกอีกครั้ง ชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวลายขีดสองเส้นสีดำที่กระเป๋าข้าง พับแขนเสื้อขึ้นทั้งสองแขน กับกางเกงยีนต์ขาเดฟกัดสีพร้อมลายขาดๆ แบบเท่ๆ ปิดท้ายด้านนอกด้วยเสื้อกันแดดสีดำ รองเท้าคัชชูไม่หุ้มส้นสีน้ำตาลอ่อน... อื้มมม พร้อมออกจากห้องไปกับกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดสีน้ำตาลลายธงชาติหลายๆ ประเทศแล้ว

   แผนการเที่ยวเตรียมพร้อม เปิดประตูออกไป....ก็ต้องพบกับความ....................ฉิบหาย!!!!!!!!!

   ไอ้หมอ ในชุดเสื้อกาวน์สีขาว กางเกงดำถูกระเบียบ จะเอ๋กันพอดีขณะที่มันกำลังเดินผ่านหน้าห้องผม

   “เอ่อ..สวัสดีครับพี่กร”

   “น้องแก๊ง.. จะออกไปไหนครับแต่งตัวแบบนี้?”

   ซวย ซวยกูเลย.. จะเอายังไงดีวะ อยากจะออกไปเที่ยวคนเดียวแท้ๆ

   “คือ... พี่กร ไปไหนมาล่ะครับ แต่งตัวคุณหมอเต็มยศมาเชียว (พยายามเลี่ยงประเด็น)”

   “วันนี้พี่มีประชุมกลุ่มเล็กตอนบ่าย ก็เสร็จแล้วล่ะครับไม่มีอะไรแล้ว ว่าแต่แก๊งเหอะ.. จะออกไปไหนครับ”

   “เอิ่ม... คือ.... (มันทำไมกลับมาประเด็นเดิมได้ว่ะ)”

   “อย่าปิดบังพี่! จะออกไปไหนครับ แล้วทำไมไม่โทรบอกพี่ก่อน ไม่เห็นโน๊ตที่เขียนไว้เหรอครับ?”

   อิ๊บอ๋าย... ลืมไปเลยว่ามันทิ้งโน๊ตเอาไว้แบบนั้น เอาไงดีว่ะ..

   “ก็!...เห็นครับ แต่น้อง จะออกไป เที่ยว คนเดียว เพราะวันนี้ ไม่มีซ้อม”

   “แล้วไม่คิดจะบอกหน่อยเหรอครับ”

   “ก็จะบอกทำไม ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แถมน้องอยากเที่ยวคนเดียวด้วย ไม่อยากบอกพี่กร..”

   มองฟ้ามองฝนไม่สนไอ้หมอ ก็คนมันอยากเที่ยวคนเดียวอ่ะ แถมอยู่ในขั้นจีบแท้ๆ จะให้โทรบอกทำไม

   “ได้!! ได้ครับน้องแก๊ง งั้นรอพี่ตรงนี้เลย ห้ามหนีไปไหนนะ ไม่งั้นโดนแน่!!”

   คือขู่! แล้ววว มันขู่แล้วก็กลับเข้าไปในห้องเลย... งงสิครับ ยืนงงไม่ถึงห้านาที... ไอ้หมอมันก็ออกมาพร้อมกับ...ชุดเสื้อก้ามดำสวมแขนยาวทหารสีเขียวพับแขนขึ้น กางเกงยีนต์ขาเดฟสีดำไม่กัดสีกับรองเท้าสีขาว..แล้วล็อกห้อง เรียบร้อย

   “ป่ะครับ.. ไปเที่ยวกัน เดี๋ยวใช้รถพี่นะ รถแก๊งจอดไว้นี่แหละ”

   “ใครบอกว่าจะให้พี่ไปด้วย น้องบอกแล้วว่าน้องจะ...”

   “พี่ว่า ไปคนเดียวมันสนุกตรงไหน สู้ไปกับพี่สองคนดีกว่า สนุกกว่าเยอะ ไปครับแก๊ง ปัง!! แกร๊ก!! เดี๋ยวพี่พาไป”

   คือ..แย่งกุญแจห้องไป ล็อกประตูให้ แล้วจับมือผมจูงไปเลย

   เฮ้ออ กูว่าแล้ว ว่ามันต้องจบแบบนี้ แมร่ง.. หลังจากที่ผมเจอกับไอ้หมอโรคจิตข้างห้องคนนี้ ชีวิตผมไม่เคยเป็นไปตามที่คิด ที่วางแผนอะไรไว้เลยสักอย่าง ตั้งแต่เรื่องเสื้อบอล เรื่องไปซ้อม จนมาถึงเรื่องนี้ มันต้องมีไอ้หมอคนนี้เสมอ จนผมเอือมอ่ะ เอือมที่จะปฏิเสธความดื้อ ความมึน ความเนียน ปีนเกลียว หรือความกะล่อนของมันแล้วเนี่ยย



   จนมาถึงที่หมาย ห้างสรรพสินค้า__ใจกลางเมือง

   “กินอะไรรึยังครับน้องแก๊ง?”

   ระหว่างที่ผมเดินเข้ามาพร้อมกับไอ้หมอ มันก็ประกบข้างผมอยู่ตลอด ไม่แคร์สายตาคนมองเลยใช่มั๊ย!? ว่าเค้าจะมองมึงกะกูออกมาในรูปแบบไหน.. ไม่สนชื่อเสียงกูกะมึงเลยใช่มั๊ย!? ว่ามันจะกลายเป็นยังไง

   “พี่กร เดินห่างๆ น้องหน่อย”

   “จะเดินห่างทำไมล่ะครับ ให้พี่เดินใกล้เราน่ะดีแล้ว”

   เอรี้ยยย แขน... กอดไหล่กูไว้อีก.. มองไปสองข้างทาง...ฮือออ กูสิ้นแล้วซึ่งความเป็นส่วนตัว มองมาทางนี้หมดเลยย

   “กินอะไรดีครับน้องแก๊ง”

   “ฮึ!! เอาอาหารญี่ปุ่น พี่กรเลี้ยงด้วย (กูประชดสุดชีวิต)”

   “ได้ครับ งั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน เย้!”

   “เฮ้อออออ”

   เสียงถอนหายใจของผมที่ออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่ว่า... อยากตายย



   “เอ้าอ้ามมม”

   อะไรคือความหมายของการที่น้องตั้งใจกินเกี๋ยวซ่า แต่พี่กรส่งซูชิหน้าปลาดิบเข้ามาจ่อปากผมแล้ว

   “น้องกินเองได้ครับ ไม่เป็นไร”

   “ถ้าไม่กินที่พี่ป้อน พี่จะจับจูบเราตรงนี้เลย..”

   “อ้ำ!!!!”

   เชรี่ยแมร่ง แทบจะทันทีทันควัน... มึงพูดอะไรหัดดูโต๊ะข้างๆ เค้าซะมั้ง มองมาทางนี้หมดและ

   “แหม่ แฟนใครเนี่ยย น่ารักจัง... เอาหน้าอะไรต่อไปดีครับน้องแก๊ง”

   “เอาหน้ามึงมาให้กูตีหน่อยดิ๊ (ส่งเสียงเป็นแบบกระซิบพร้อมกับซูชิที่ยังเต็มปาก)”

   “ห่ะ! เอาหน้าพี่มาให้กินหน่อยดิ๊”

   “เอาหน้าไข่หวาน!!”

   “โอเคครับ อ่ะ ไข่หวานๆ จากพี่กร อ้ามมม”

   “งั่มม!!!”

   อื้มมม ดี....เต็มปากเต็มคำกูเลย.. ตอนนี้อยากเป็นญาติกะเฮอร์ไมโอนี่มาก จะได้สาปไอ้ห่านี่ให้หยุดนิ่งซะที แมร่ง.. ขยับทีไร สองโต๊ะข้างผมเป็นผู้หญิงมากันกลุ่มใหญ่ก็ซุบซิบยิ้มเล็กยิ้มน้อยตลอด.. กูอยากอายยยยยยยยยยยยยยยยยยย



   กินเสร็จ ก็สี่โมงเย็นพอดี รีบเลยครับ หน้าโรงหนัง

   “จะดูหนังเหรอครับแก๊ง เรื่องอะไรเหรอครับ?”

   “เรื่องนี้ครับพี่กร น้องตั้งใจจะมาดูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เห็นมาลงก่อนสอบ แต่ไม่มีโอกาสสักที”

   ผมชี้ไปที่เรื่องเรื่องนึงตรงหน้าจอบอร์ด เป็นรูปโปสเตอร์สีฟ้าที่ข้างในมีผู้ชายหันหน้าใส่กันสองคนด้วยแววตาสุดลึกซึ้ง ส่อเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแบบไหน อิอิ... อยากดูตั้งนานล่ะ แต่อย่างที่พูดล่ะครับ ติดสอบ ไม่มีโอกาสสักที

   “เรื่องนี้พี่ก็ยังไม่ดูเลย อยากดูเหมือนกัน”

   ตกใจสิผม มองหน้าพี่กร

   “พี่จะดู เหรอครับ?”

   “ใช่สิครับ กับเราไง ตอนนี้เลย ดีซะอีกที่เป็นเรื่องแบบนี้ จะได้...”

   “นั่งคนละแถวเลย!!..”

   “ไม่เอา นั่งแถวเดียวกัน”

   “น้องจะจ่ายตังค์เอง”

   “แต่พี่มีบัตรส่วนลดพิเศษ พร้อมของแถมเป็นน้ำโค้กกะขนมระหว่างดูหนังถ้าซื้อสองที่..”

   ห๊ะ หันกลับมาด้วยความติดใจในของแถม พี่กรก็โชว์บัตรจองหนัง สีดำ ขอบทอง... เชรี่ยย บัตรพิเศษจริงด้วย

   “...แต่พี่ขอสองที่ติดกัน เอาไงครับ”

   “ฮึ๊ก... ก็ด๊ะ(ก็ได้)”

   “น่ารักจังเลยย”

   แล้วก็ยีหัวผมเล่นจนเสียทรง ค่อยเดินไปทางเครื่องจองตั๋วที่นั่งออกมาสองใบ ผมก็ขอบัตรพี่กรมาดูว่าจองตรงไหน

   “ป่ะครับ ทีนี้ก็เอาบัตรไปซื้อของกินที่เคาท์เตอร์กันครับ”

   ผมก็ไม่ได้สนใจว่าพี่กรกำลังโอบไหล่ผมไปทางเคาท์เตอร์ซื้อของ ผมกำลังสนตั๋วที่นั่งอยู่ ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ใส่ไอโฟนแล้วอัพขึ้นเฟสบุ๊คซะหน่อย แต่เอิ่มมม ไม่ดีกว่า... มันสองใบติดกัน เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราไปดูกะใครอีก ขี้เกียจอธิบาย

   จนผมเข้ามาดูหนัง เมื่อหนังเริ่มไปเรื่อยๆ จนถึงฉากที่พระเอกกำลังเสียใจที่นายเอกเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวตัวเอง

   มือพี่กร จับมือผม เสร็จเลย..ผมพยายามมองซ้ายมองขวา ไม่มีใครมองอยู่ใช่มะ

   “พี่กร!!... ปล่อยมือน้องนะ (เสียงกระซิบกระซาบ)”

   “พี่อยากจับมืออย่างนี้ นะ!”

   แมร่ง แย่แล้ว สองคนข้างๆ ผมเป็นผู้หญิงสองคน ข้างพี่กรก็ผู้หญิงสองคนอีก มองมาทางนี้หมดแล้ว

   “พี่กร เค้ามองมาแล้วนะ”

   “สนอะไรครับแก๊ง ดูหนังต่อไปดีกว่า”

   แล้วก็ประสานมือกำซะแน่นเลย ผมก็มองซ้ายตัวเอง เห็นผู้หญิงสองคนข้างผมก็ยิ้มๆ หัวเราะ แล้วค่อยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดูหนังต่อไป พอมองไปด้านขวา ก็ผู้หญิงสองคนข้างพี่กรก็ทำท่ามุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งใส่กัน

   เฮ้ออออ... เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน มาถึงขั้นนี้ล่ะ ผู้ชายสองคนนั่งข้างกันมาดูหนังเกย์ ใครไม่คิดก็บ้า...

   พอมาถึงฉากที่พระเอกกับนายเอกรู้ใจกัน... ฉากนี้มีอิทธิพลกับสาววายอย่างมาก จน...

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด....บึกๆ!!!”

   “เออะ!!! เอิ้ววว โอ้วววว (พยายามจะไม่ส่งเสียงดังไปมากกว่านี้)”

   “ว๊าย!! น้องค่ะ พี่ขอโทษค่ะน้อง พี่ขอโทษ เจ็บมากมั๊ยค่ะ”

   เสียงบึกคือเสียงพี่ผู้หญิงข้างผม เค้าฟินตัวแตกจนเหยียบเท้าผมเข้า (ย้ำด้วยครับ สองรอบ) เค้าเลยกระซิบขอโทษผมใหญ่เลย... โอ้ยยย เท้าซ้ายผม...เป็นไรมั๊ยเนี่ย ขอบคุณคุณผู้หญิงข้างผมมากนะครับ ที่ใส่ส้นสูงมาดูหนังเกย์

   “เป็นอะไรมากมั๊ยแก๊ง?”

   พี่กรก็เข้ามาถามทันที เพราะมือขวาผมยังโดนที่กรกุมอย่างนั้น ผมเลยประคองเท้าที่โดนเหยีบได้แค่มือซ้ายข้างเดียว

   “ไม่เป็นไรครับพี่กร ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไรครับพี่ครับ ไม่เป็นไร”

   “ขอโทษนะคะน้อง ขอโทษนะคะ”

   “ไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่เป็นไรจริงๆ ดูหนังต่อดีกว่านะครับ เดี๋ยวฉากดีดีไปหมดจะเสียดายนะครับ”

   พี่เค้าก็ยิ้มให้นิดหน่อยก่อนจะโดนเพื่อนข้างๆ ตัวเองดึงตัวเข้าไปตบหัว เข้าไปด่า ได้ยินเลยว่าจะฟินไปไหน.. ก็จริง เล่นซะเหยียบเท้าคนข้างๆ นี่ไม่ใช่ฟินธรรมดาเลยนะ ผมก็กลับมามองหน้าพี่กร

   “เจ็บเหรอ? (เสียงกระซิบ)”

   พยักหน้าสิครับ.. ส้นสูงนะ สองรอบด้วย ไม่น่าใส่คัชชูไม่หุ้มส้นมาเลย.. เต็มๆ ตีนเลยทีนี้

   “โอ๋ๆ.. ดูหนังเร็วครับ เดี๋ยวพี่หมอจะพาไปทำแผลให้ทีหลังนะคนเก่ง ฟอดดด”

   ห่ะ!...มึง!.. หอมแก้ม กู....เชรี่ยเลย..มองซ้าย สองสาวข้างผมก็แทบจะกรี๊ด มองขวา สองสาวข้างพี่กรก็กุ๊งกิ๊งกอดกันกลมมองมาที่ผม คือตกลง.. พวกมึงสี่คนไม่ดูหนังแล้วใช่มั๊ย!?? (ดูพวกกูแทนแล้วใช่มั๊ย)



   ดูหนังเสร็จ ออกมาจากโรง ผมตรงดิ่งให้พี่กรพากลับหอทันทีทั้งที่โปรแกรมในหัวผมมีต่อร้านกาแฟ แต่ไม่ปงไม่ไปมันล่ะ อาย เจ็บเท้าด้วย ออกมาข้างนอกพี่กรก็ค่อยเห็นว่าเท้าผมมันเป็นแผลมีเลือดซึมนิดๆ ก็รีบพามาทำแผลในรถเพราะมีชุดปฐมพยาบาลเก็บไว้อยู่ ทำแผลเสร็จ พี่กรก็รีบพาผมขับกลับมาส่งที่ห้องทันที..จนมาถึงประตูหน้าห้อง

   “วันนี้เที่ยวแค่นี้ก่อนนะครับน้องแก๊ง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พาไปตรวจว่ามันจะติดเชื้ออะไรมั๊ย ว่างใช่มั๊ยครับ!??”

   “พี่กร..ว่างน่ะมันก็ว่างครับ แต่มันเว่อร์ไปมั๊ย แค่ส้นสูงเหยียบเองนะ”

   “อย่าประมาทสิครับแก๊ง ของแค่นี้อาจจะติดบาดทะยักมาก็ได้ พี่ไม่อยากให้คนรักของพี่ตายไปก่อนพี่หรอกนะ”

   “อีกล่ะพี่กร เว่อร์อีกล่ะ...แผลมันก็แค่ที่เท้า ไกลหัวใจตั้งเยอะ ไม่ตายหรอก แถมน้องก็เป็นเภสัชนะ ถ้ามีความรู้ว่าเป็นอะไรก็หายากินได้อยู่แล้ว”

   “น้องแก๊งต้องเรียนรู้จากพี่อีกเยอะครับ ก่อนหน้านั้นก็เรียนรู้ไปหนึ่งอย่างก่อนว่า พรุ่งนี้ ต้องยอม! ให้พี่พาไปตรวจ พาไปหาหมอดีดีๆ ห้ามดื้อ ห้ามขัดขืน ห้ามซน และเมมเบอร์พี่ที่เขียนเอาไว้ด้วยนะครับ โทรหาพี่ด้วย พี่ยังไม่มีเบอร์เรา”

   “มาเป็นชุดเลย (เสียงกระซิบไม่พอใจ)”

   ง่อมแง่มก้มหน้ามองไปทางอื่น...พี่กรก็เอามือมาจับแก้มผม

   “เพื่อสุดที่รักของพี่ไงครับ”

   เฮ้อออ คำก็รัก สองคำก็ที่รัก สามคำก็สุดที่รัก กริยารักสามช่องของไอ้หมอกร.. ไอ้แก๊งฟังจนเดาได้หมดล่ะว่าต่อไปมันจะใช้ช่องไหน... มองหน้าพี่หมอ อย่างน้อยวันนี้มันก็ ช่วยผมไว้เยอะอยู่นะ

   “พี่กร ก้มหน้ามาหน่อยสิครับ น้องมีอะไรจะกระซิบบอก”

   “อะไรครับแก๊ง”

   พี่กรก็ก้มหน้ายื่นหูมาให้ผม ทีนี้ ผมก็....

   “จุ๊บบบบ (หอมแก้มพี่กรหนึ่งที)”

   ไอ้พี่กรก็ตกใจ จับที่ผมหอมแก้มพี่เค้าแล้วหันมาจ้องด้วยอารมณ์......งง.....งงล่ะสิ อิอิ

   “ถือว่าเป็นคำขอบคุณ ที่วันนี้พาน้องไปเที่ยว แล้วก็ทำแผลให้น้องนะครับ”

   “เอิ่มม คือ...”

   “ไม่ชอบเหรอ ที่น้องหอมแก้ม”

   “ป่าวครับป่าว... แต่... พี่ไม่คิดว่าเราจะ ทำแบบนี้”

   “ก็..เซอร์วิส และแก้แค้นที่พี่ทำน้องวันนี้ในโรงหนังไงครับ งั้นก็... ฝันดีนะครับ”

   “อ่า.. ครับ ฝันดีครับ”

   “ฮึบ!!... จุ๊บบบบบ

   ผมก็กระโดดไปหอมแก้มไอ้หมออีกทีก่อนแล้วค่อยปิดประตูลงกลอน อิอิ เจอแบบนั้นเข้าไป มันจะทำหน้ายังไงน้า

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 6 [+ บทพิเศษ] [+ ตอนพิเศษ]]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 13-03-2014 01:59:46
รอตอนต่อไปนะครับ เรื่องราวน่าติดตามมากๆ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 7]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 13-03-2014 07:39:50
เพิ่งเห็นและมีโอกาสเข้ามาอ่าน เรื่องนี้น่ารักมากเลย ชอบสุดๆ แถวเป็นมอดังแถวบ้านอีกแบบนี้ฟินกระจายเลย อิอิ ยังไงก็ขอมาอ่านเรื่องนี้ด้วยคนนะจ๊ะ รอตอนต่อไปจ้า \^.^/
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 7]
เริ่มหัวข้อโดย: LiqueuR ที่ 13-03-2014 08:06:18
มีใจให้พี่กรแล้วอะดิ๊?

 :impress2:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 7]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 13-03-2014 09:19:32
น้องเซอร์วิสเต็มที่แบบนี้ เกิดพี่กรอดใจไม่ไหวขึ้นมา ทำไงล่ะเนี่ยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 7]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 13-03-2014 14:29:13
เล่นแบบนี้ระวังอีพี่มันทนไม่ไหวจับ  :oo1: :oo1: นะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 7]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-03-2014 22:23:09
 o13 พี่กรรุกเร็วถูกใจ
รู้สึกน้องแก๊งก็ใจอ่อนไปเยอะแล้ว
เหลือแค่กลัวๆว่าพี่กรจะจริงจังขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 8 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 14-03-2014 15:58:36
ตอนที่ 8 [บทพี่กร] กางเกงสีน้ำตาลกับภาพแอบถ่าย

   จะทำตัว...น่ารัก... ไปไหนครับไอ้หมอยา

   จับแก้มตัวเอง เดินไปหน้าห้อง แมร่ง ตะกี๊ไอ้หมอยามันกระโดดมาหอมแก้มด้วย

   ระวังให้ดีเหอะแก๊ง คราวหน้า พี่ไม่ปล่อยเราไว้แน่ๆ หึหึ

   “แกร๊ก...”

   ผมเปิดประตูห้องเข้าไป วางของ ถอดเสื้อทิ้งลงบนเตียง แล้วเดินไปหน้ากระจกที่เต็มไปด้วย รูปภาพ

   รูปภาพของน้องแก๊ง มาจากฝีมือแอบถ่ายด้วยกล้องมือถือของผมและเพื่อนๆ ผมก็พยายามเก็บรวบรวมมา แล้วเอาไปล้างมาติดเต็มกระจก ทั้งภาพตอนที่น้องเค้ากำลังยิ้มกับเพื่อนๆ ในโรงอาหารคณะ ภาพตอนที่น้องเค้ากำลังอ่านหนังสือที่ห้องสมุดคณะผม ภาพตอนที่น้องเค้ากำลังใส่เสื้อกาวน์สวมแว่นนิรภัย ถือตระกร้าแล็บเดินไปแบบรีบๆ ทุกภาพ.. น้องไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกแอบถ่ายอยู่

   แต่มันยังมีภาพ ภาพแรกสุดที่แอบถ่ายน้องเค้า ด้วยฝีมือผมเอง มันไม่ได้ติดอยู่บนกระจก

   ผมเดินไปที่ชั้นวางหนังสือ ชั้นล่างสุด มีกางเกงสีน้ำตาลของน้องแก๊งที่ผมซักแล้วพับเก็บเอาไว้ บนกางเกงตัวนั้น มีภาพภาพหนึ่ง วางอยู่ เป็นภาพน้องแก๊งที่กำลังหัวเราะกับหนังสือ พร้อมเงาเลือนๆ ของเพื่อนๆ ในโรงอาหารคณะผม ซึ่งเป็นภาพที่ผมพยายามถ่ายจากมุมไกลๆ โดยแหวกเพื่อนๆ ของน้องเค้าออกให้หมด เหลือแต่โฟกัสเฉพาะน้องแก๊งเท่านั้น

   ผมหยิบภาพนั้นขึ้นมาดู แล้วนึกถึง.. วันแรก.. วันแรกที่ผมได้เจอน้องแก๊ง

   และเป็นวันที่ผม ตัดสินใจ ที่จะจริงจังในเรื่องความรักกับคนคนเดียว

   วันนั้น.. ที่โรงอาหารคณะแพทย์ตอนที่ผมอยู่ปีสอง เทอมสอง ระหว่างที่ผมกำลังทำรีพอตส่งอาจารย์กับเพื่อนๆ



   “น่ารักโครตตตตต ปึ้งงงงง!!!!”

   ไอ้ไม้!! เพื่อนในกลุ่มผม มันเดินเข้ามาทิ้งหนังสือกลางหน้าผมกับไอ้นันระหว่างอ่านทำรีพอตส่งอาจารย์อยู่บนโต๊ะ

   “มึงเป็นอะไร ไอ้ไม้ มาดีๆ ไม่เป็นรึไง ทิ้งหนังสือกลางหน้ากูเลยเนี่ย...” (ผมเอง)

   “ไอ้นัน ไอ้กร มึงมองไปตรงนั้นหน่อย ตรงนั้นเลย ตรงนั้นน่ะ”

   “ไหน!??.......(ไอ้นันก็หันไปตามที่ไอ้ไม้มันชี้)......เฮ้ยย! เชรี่ยยย! ไอ้ไม้ น่ารักโครตตตต” (ไอ้นัน)

   “ใช่มะนัน กูเดินผ่านมายังตกใจเลย”

   “อะไรของมึงว่ะ?”

   ผมเลยหันหลังมองไปตามที่ไอ้ไม้มันชี้ สิ่งแรกที่ผมเห็น คือ

   โต๊ะเดียว มีโต๊ะเดียวเท่านั้นที่ไอ้นันมันชี้ไป ภาพเด็กผู้ชาย ตัวเล็กๆ ขาวๆ ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยสีขาวแขนยาวพับแขนขึ้นครึ่งแขน สวมเนคไทสีเขียว มีป้ายชื่อสีเขียวกรอบทอง บ่งบอกว่าเป็นนักศึกษาเภสัช แต่มองไกลๆ ผมก็รู้ได้ทันที

   น่ารักมาก... ขาว ผมดำตัดรองทรงเข้ากับหน้า หน้าหวาน หล่อๆ ทำหน้าขรึมๆ เข้มๆ ปากเลยห้อยนิดๆ เหมือนกำลังตั้งใจอ่านหนังสือไม่สนอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกแรกที่ผมเห็นเด็กคนนั้นเลย คือ... มันใช่!!

   “กูรู้ด้วยว่าชื่ออะไร!” (ไอ้ไม้)

   ห่ะ... ผมกลับมามองไอ้ไม้

   “ชื่ออะไรวะไม้” (ไอ้นัน)

   “ชื่อน้องแก๊ง เรียนเภสัชปีหนึ่ง เห็นว่าเป็นเด็กไม่เด่น ไม่ค่อยทำกิจกรรมอะไร แต่ในคณะก็ดังมากในเรื่องความน่ารักอ่ะมึง แต่ไม่ค่อยมีคนเคยเห็นตัวน้องเค้าเท่าไหร่ ตอนแรกที่กูรู้ว่าคนนี้ชื่อน้องแก๊งของคณะเภสัชนะ กูโครตตกใจ”

   “ทำไมว่ะ” (ไอ้นัน)

   “ก็น่ารักกว่าที่เค้าพูดๆ กันสิว่ะ มึงดูสินัน มึงดูเลยย น่ารักขนาดไหน แมร่ง น้องหลุดมาอยู่นี่ได้ไงว่ะ” (ไอ้ไม้)

   “คงจะมาเรียนอ่ะ คณะน้องเค้าตอนปีหนึ่งเทอมสองมีเรียนที่คณะเราด้วยมั้ง” (ผมเอง)

   “กูจะไปขอเบอร์!!” (ไอ้นัน)

   ไอ้นัน มันลุกขึ้นดึงไอโฟนตัวเองออกมาเตรียมพร้อม

   “เฮ้ยๆๆๆ!! ไอ้นัน!! อะไรของมึง!? น้องแก๊งน่ะของกู กูเอาหนังสือที่กูยืมจากห้องสมุดมาให้พวกมึงล่ะ เดี๋ยวกูจะไปขอเบอร์น้องแก๊งก่อน มึงหยุดอยู่นี่เลยไอ้นัน!!” (ไอ้ไม้)

   “เฮ้ยๆๆๆ หยุดเลยไอ้ไม้ หยุดเลย น้องแก๊งไม่ใช่ของมึง ใครดีใครได้เว้ยยย”

   ไอ้นันมันกำลังวิ่งออกไป แต่ไอ้ไม้สกัดไว้ก่อน

   “ฮึ้ยย ไอ้ไม้!! กูจะไป”

   “ไอ้นัน!! มึงอย่า!! น้องแก๊งของกู”

   “ไอ้ไม้!! มึง”

   ผมมองไอ้สองคนนี้มันทะเลาะกัน แล้วหันหลังกลับไปดูน้องแก๊งที่ยังตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่สนใจอะไร.. มันก็...

   “กูไปล่ะ!!”

   หยิบไอโฟนตัวเองสิครับ น่ารักขนาดนี้..

   “เฮ้ย ไอ้กร!! มึง เฮ้ยอย่า!! มึงก็ปล่อยกูสิว่ะ”

   วิ่งสิครับ ไอ้สองคนนั้นหลุดจากกันเมื่อไหร่ ผมหมดโอกาสแน่ๆ.. อีกนิดเดียว อีกนิดเดียววว

   “เฮียแก๊ง!!! อยู่ตรงนี้นี่เอง ติวไบโอเคมให้ดรีมหน่อย”

   อุ๊!!

   “เฮียแก๊ง!! มาทำอะไรตรงนี้ค่ะเนี่ย อ่านหนังสือรึยัง”

   “อย่างเฮียน่ะเหรอ จะยังไม่อ่าน น้องน้อง ไม่มีทาง”

   “มึงหุบปากไปเลยไอ้อาท เลวๆ อย่างมึงไม่มีสิทธิ์พูด!!”

   “เอ้าๆ อย่าทะเลาะกันสิ ไหนว่าจะมาให้ติวไบโอเคมให้ไง ก็หาที่นั่งกันก่อน จะได้เริ่ม”

   เสร็จ.. กัน.. เพื่อนน้องแก๊ง มากันเต็มโต๊ะเลย หกคน รวมน้องแก๊งอีกก็เป็นเจ็ด... ซวยเลย จะกล้าขอ...ได้ไงวะ

   แล้วเพื่อนผมทั้งสองคน มันก็เข้ามาจับไหล่ผมทั้งสองข้าง

   “เป็นยังไงล่ะ มึงกล้าขอเบอร์น้องเค้ามั๊ยครับ?? ไอ้หมอกร” (ไอ้นัน)

   “เนี่ยล่ะน้า เร็วกว่าพวกกู ทั้งที่มึงก็มีน้องน่ารักๆ คอยระบายความใคร่มึงอยู่ล่ะ.. มึงจะอะไรอีกว่ะ!?? น้องแก๊งเค้าใสๆ นะเว้ย มึงอย่าเอาชีวิตตัวเองมาทำให้เป็นจุดด่างพร้อยยยยของน้องเค้าเลยว่ะ กูขอร้อง” (ไอ้ไม้)

   “เออออ!! เสือกไรมึง ถ้าพวกมึงกล้าก็เข้าไปขอดิ ไป!!”

   แมร่ง... เสียอารมณ์เลยกู เดินกลับโต๊ะแบบคอตก

   ยอมรับนะครับว่าเจ้าชู้ เพราะตั้งแต่เข้าปีหนึ่งมาแล้วได้เป็นเดือน ...มัน..คึกอ่ะ มันแบบ..โก้อ่ะ แบบ เดือนคณะแพทย์ เลยนะ มีแต่น้องน่ารักๆ เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ผม ผมก็เลือกแต่น้องผู้ชายนะครับ ผู้หญิงไม่เอา

   แต่ก็ยุ่งกับคนนั้นได้ไม่ถึงเดือน ประมาณสัปดาห์นึง ก็เลิก.. เพราะนิสัยไม่เข้ากันบ้างล่ะ เจ้าชู้บ้างล่ะ คิดว่าผมไม่รัก ไม่มีเวลาให้บ้างล่ะ อันที่จริงผมก็มองเห็นเป็นแค่เพื่อนนอน ไม่ก็คู่ขานะ ไม่คิดอยากจะมีแฟนจริงๆ หรอก

   พอกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเองทั้งหมด ไม่มีใครกล้าไปขอหรอกครับ คนเยอะขนาดนั้น..ผมก็มองไป

   รอยยิ้ม.. น่ารักมาก หน้าหวานๆ ดูสวยขึ้นมาเลย เวลาน้องเค้าหัวเราะแล้ว ทำไม... โลกนี้มันดูสดใสไปหมดเลยว่ะ

   ตอนนั้นนั่นล่ะครับ ผมเลยหยิบไอโฟนตัวเองขึ้นมา พยายามซูม ปรับโฟกัสให้ได้ แล้วถ่ายน้องแก๊ง จากตรงนั้น..
   หลังจากวันนั้น ผมก็ลืมรอยยิ้มน้องเค้าไม่ลงจริงๆ

   ทุกคืนก่อนนอน ผมต้องเปิดภาพแอบถ่ายภาพแรกนี้ขึ้นมาดู แล้วก็ยิ้มตาม พลางคิดอยากได้คนนี้มาอยู่ข้างๆ จัง โลกผมคงสดใสขึ้น เลยพยายามให้ตัวเองได้สนิทกับน้องเค้าให้ได้ แค่ได้คุยก็ยังดี

   แต่ทุกอย่าง มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดหรอกครับ

   น้องแก๊ง ยอมรับเลย ว่า การ์ดหนามากกกก!!!

   ผมเคยไปเฝ้าที่โรงอาหารคณะน้องเค้า เพราะอยากเจอ อยากขอเบอร์น้องเค้าจริงๆ ตอนนั้นน้องเค้าก็ลงมานะครับ แต่!.. แค่ลงมาซื้อแซนด์วิชกิน แล้วกลับขึ้นไปเรียนใหม่อย่างรีบๆ ผมที่มารอตั้งแต่ก่อนเที่ยง ก็เลย...อดเลย แห้วววว

   มาอีกครั้ง คราวนี้น้องเค้าก็ลงมากินจริงๆ ครับ แต่กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม เต็มโต๊ะเลยย.. อดเลยครับ แห้วเลยครับ ได้แต่เอาไอโฟนตัวเองขึ้นมาแอบถ่ายน้องเค้าไว้ เฮ้อออ คนอะไรไม่รู้ น่ารักชะมัด

   มาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ที่คณะน้องเค้า เป็นที่ห้องสมุดคณะผม ดีใจมว๊ากกก เห็นน้องเค้ากำลังเลือกหนังสือตรงชั้นอ้างอิงมานั่งอ่านอย่างตั้งใจ ตอนนั้นผมก็แอบถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วรอให้น้องเค้าอ่านให้เสร็จก่อน เพราะเข้าไปทักตอนอ่านหนังสือแบบนั้นมันไม่ดี จน..โทรศัพท์น้องเค้าเข้า ก็รีบเก็บของ แล้วออกไป เลยยย ไปเลย....ทำไมใจร้ายกับพี่กรอย่างนี้ล่ะครับแก๊ง!!

   มาอีกครั้ง คราวนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า ผมเลยมาดักรอน้องเค้าที่คณะตั้งแต่บ่ายเลย เห็นว่าขับมอไซค์ก็ว่าจะดักดู แล้วขับสะกดรอยตามไปที่หอซะเลย คลาดกันดีนัก... อ๊ะนั่น.. นั่นน้องแก๊ง ในชุด...อ๊ากกก น่ารักมว๊ากกก เสื้อกาวน์แล็ปสีขาวจั๊วะสวมแว่นตานิรภัย ถือตระกร้าแลป รีบเดินผ่านโรงอาหารคณะไป ตอนนั้นผมรีบเอาไอโฟนตัวเองขึ้นมาถ่าย แล้ววว...ก็ไป.. หายไปเลย ไม่ผ่านทางโรงอาหารคณะเภสัช อีกเลยยย

   หลังจากนั้นก็มีอีกสิบกว่ารอบได้ครับ ทั้งมากับเพื่อนบ้างล่ะ ทั้งหายไปตอนเย็นเลยบ้างล่ะ ทั้งรีบบ้างล่ะ ทั้งกำลังมีสมาธิสูงมากบ้างล่ะ ไม่สนใจอะไรรอบข้างบ้างล่ะ แต่ที่เด็ดที่สุดก็นี่เลยครับ จำได้เลย วันนั้นเป็นตอนซัมเมอร์ปีสองของผม ซึ่งตรงกับซัมเมอร์ปีหนึ่งของน้องเค้า

   ดีใจมากก น้องเค้ามีเรียนวิชา ANATOMY ที่คณะผม เลยลงมากินข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆ นึกว่าซัมเมอร์นี้จะไม่เห็นหน้าน้องแก๊งซะแล้ว.. จังหวะที่น้องเค้ากำลังเลือกซื้อกับข้าว ผมก็เข้าไปชาร์จซื้ออยู่ข้างๆ ด้วย พอซื้อเสร็จ คิดในใจว่าทำเป็นไหล่ชนกันนิดหน่อย จะได้รู้จักหน้ากัน บางทีน้องเค้าก็อาจจะตกหลุมรักในหน้าตาอันหล่อเหลาของ... อ๊ากกก แผนเพอร์เฟ็คสุดๆ

   แต่... ใครมันจะไปรู้ล่ะครับ ว่าน้องแก๊ง....

   ผมพยายามเอาไหล่ตัวเองไปชนน้องเค้า แต่.. น้องเค้า.. มีฟุตเวิร์ค หลบได้ มีเอี้ยวตัว มีหลบหลีก มีสเตปเท้า สับไปมาพร้อมกับยักไหล่ขึ้นลง หลบพ้นนนน หมดทุกท่า เลยยยย

   นี่!! นี่น้องไปเรียนอะไรมาครับเนี่ยยย (ก็ ที่เต้น COVER ไง มันเลยหลบแบบนั้นได้หมด แบบว่า ต้องเต้นกับพี่พี่ที่จัดบล็อกกิ้งได้วุ่นวาย ทั้งไหล่ชนกัน ตัวชนกัน มันเลยชินที่ พอจะมีใครซักคนเข้ามาชน มันจะหลบได้ทันที)

   “ดูท่าไอ้กรมันจริงจังวะ”

   ไอ้นันมันพูดขณะที่ผมเอาจานข้าววางบนโต๊ะ แสดงว่า มันเห็นเมื่อตะกี๊นี๊

   “กูถามจริงเหอะกร!! มึงมีน้องตั้งเยอะแยะ มึงจะอะไรกับน้องแก๊งอีกว่ะ กูบอกแล้วนะเว้ย ว่ามึงน่ะไม่คู่ควรกะน้องเค้า น้องเค้าเป็นคนดี ส่วนมึงอ่ะ ฟันใครเค้าไปทั่วแล้วนะไอ้กร” (ไอ้ไม้)

   “ก็แล้วจะทำมะ!?.. กูไม่ได้ฟันใครเค้าไปทั่วซะหน่อย เค้าเข้ามาให้กูฟันเอง แถมที่สำคัญ กูก็ชอบน้องเค้าจริง”

   “คร้าบๆ พ่อรูปหล่อเดือนคณะแพทย์ กูยอมรับเลยว่ามึงหล่อออ หล่อลากไส้” (ไอ้ไม้)

   “เออ!!.. ทั้งเล่นกล้าม ทั้งบ้านรวย แถมเป็นหมอมีคุณวุฒิอีก อีน้องคนไหนมันจะอยากทิ้งมึงกันวะ มีแต่มึงนั่นล่ะ คิดฟันแล้วทิ้งเค้าไปทั่ว.. แล้วนี่มึงคิดอย่างนั้นกับน้องแก๊งอีก พวกกูไม่ยอมนะเว้ย” (ไอ้นัน)

   “ก็กูบอกแล้วไง!! ว่ากูชอบน้องเค้าจริงๆ”

   “ถ้ามึงชอบน้องเค้าจริงๆ แล้วทำไมมึงยังทำตัวแบบนี้อยู่ล่ะว่ะ” (ไอ้ไม้)

   “ใช่!! พวกกูไม่เคยเห็นมึงเปลี่ยน เมื่อคืนไปเล่นท่ายากกับใครล่ะครับไอ้หมอกร?” (ไอ้นัน)

   “ไม่ได้เล่นเว้ยยย กูไม่ได้จริงจังกับใครก่อนหน้านี้สักคน”

   “เออ!! ใช่ไง! แล้วมึงจะจริงจังกับน้องแก๊งรึไง ถุยยย!! เอามึงให้รอดก่อนเหอะ ถ้ามึงคิดว่าน้องแก๊งเค้ารับมึงได้ ก็เชิญ!! แล้วพวกกูจะรอดูว่า ใครมันจะได้น้องแก๊งไปกัน ระหว่างมึงที่มีประวัติ กับพวกกูที่จริงใจกว่า” (ไอ้ไม้)

   “คิดง่ายๆเลยนะ ถ้ามึงคบกับแก๊งได้ พวกอีตัวที่มึงเคยคบเค้าจะเป็นยังไง แค่นี้กูก็สงสารน้องเค้าแล้วว่ะ” (ไอ้นัน)

   ผม.. เถียงพวกมันไม่ออกจริงๆ

   หลังจากนั้น ผมก็เริ่มปฏิวัติตัวเอง บอกเลิกทุกคนที่เคยยุ่งทั้งหมด บอกเลิกทุกอย่าง เลิกพฤติกรรมเลวๆ ที่ชอบไปหลอกฟันคนอื่นไปทั่วอย่างที่ไอ้นันกับไอ้ไม้มันพูด ใช้เวลาไปเทอมกว่าๆ กว่าจะจบเรื่องไปกว่าครึ่ง เลยย้ายหอ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่สักที ระหว่างนั้น กำลังใจเดียวที่ผมมีอยู่ คือ รูปภาพบนกระจกพวกนี้ที่เต็มไปด้วยสีหน้าต่างๆ ของน้องแก๊ง ที่ช่วยให้ผมคิดว่า ผมอยากจริงจังกับน้องเค้า แค่คนเดียว

   คืนนั้น เป็นคืนสุดท้ายที่ผมจบเรื่องราวทั้งหมดของความด่างพร้อยในชีวิตผม ที่ร้านเหล้า

   “เอ้าชนนนนนนนนนนนน” (ผมเอง)

   “กูยอมรับเลยว่ะ ไอ้กรมันแน่จริง ดูหน้ามันสิ โดนตบจนแดง” (ไอ้ไม้)

   “สรุป! คือมึงยอมจริงจังกับน้องแก๊งจริงๆ เหรอว่ะ แล้วตอนนี้! น้องเค้าอยู่ไหน?” (ไอ้นัน)

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูรู้แค่ว่ากูห่างจากน้องเค้ามา แล้วทำตัวเองให้ดีขึ้นก่อน ค่อยกลับไปจริงๆ” (ผมเอง)

   “เอ้าไอ้กร!! แล้วมึงไม่กลัวหมาตัวอื่นจะคาบไปแดกเหรอว่ะ” (ไอ้นัน)

   “กลัวสิว่ะ!! แต่กูก็เชื่ออย่างนึง อย่างที่กูเล่าไป การ์ดน้องเค้าหนามาก กูเชื่อว่าทุกวันนี้น้องเค้ายังโสด” (ผมเอง)

   “มันก็จริงที่การ์ดน้องเค้าหนา แต่การ์ดพวกนั้นที่มึงเล่า มันแค่การ์ดบังเอิญ มึงเข้าใจมะ แบบ การ์ดบังเอิญอ่ะ การ์ดกันพวกมีสามัญสำนึกได้อ่ะ แต่ถ้าน้องเจอพวกคนที่มันโรคจิต หน้าด้านๆ เข้าไปทักเลยล่ะ กูว่าก็มีสิทธิ์อยู่นะ” (ไอ้ไม้)

   “เออว่ะ เฮ้ยย!! มีใครรู้ข่าวน้องแก๊งตอนนี้บ้าง” (ผมเอง)

   “ฮื่อออๆๆๆ!!!” (ส่ายหัวทั้งคู่)

   “งั้น มีใครได้เบอร์น้องเค้าแล้วบ้าง” (ผมเอง)

   “ฮื่อออๆๆๆ!!!” (ส่ายหัวทั้งคู่เหมือนเดิม)

   “โหยไอ้กร การ์ดหนาอย่างนั้น พวกกูก็มีสามัญสำนึกอยู่นะโว้ยย” (ไอ้ไม้)

   “ใช่ แค่ไปคุยยังไม่ได้เลยเหอะ ล่าสุดที่กูเจอน้องเค้านะ มันน่าจะพร้อมกับมึงล่ะ ตอนซัมเมอร์” (ไอ้นัน)

   “อะไรว่ะ ที่กูถามเพราะคิดว่าจะเพื่อเพื่อนนะเนี่ย แต่พวกมึงก็ยังเล็งน้องกรอยู่เหรอว่ะ” (ผมเอง)

   “เอ้าไอ้กร ของอย่างนี้มันก็ต้องมีแข่งกันบ้างล่ะครับ” (ไอ้ไม้)

   “ใช่ ใครมันจะไปให้คนอย่างมึงกันล่ะ แต่เดิมทีพวกกูก็ชอบน้องแก๊งเหมือนกันนะเว้ยย” (ไอ้นัน)

   “เอ้อออ พวกมึงพูดอย่างนี้ ได้!!! งั้นวันนี้ รูเล็ต ยกเพียว ใครแพ้ ห้ามจีบ ห้ามเข้าใกล้น้องแก๊ง ตกลงมะ!!” (ผมเอง)

   “เออ!! มาเล้ยยย พวกกูพร้อมล่ะ”



   ... หึหึหึหึ แล้วคนชนะ ก็ผมนี่ล่ะครับ.. เพื่อน้องแก๊งของผม แค่นี้ ทนด้ายยยยยยยย

   ก็เมาแอ๋ กลับมาที่หอ ไขเข้าไปในห้อง เปิดแอร์ เปิดไฟ...งืมๆ ห้องมันทำไมดูแปลกจังว่ะ ช่างเหอะ.. ถอดชุดในห้องน้ำ.. ว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ทำไมมันมีแต่ตัวเล็กๆ ว่ะ... เอ้อๆ ตัวบนราวนี้ตัวใหญ่ใส่สบายดีว่ะ....ก็เซๆ ไปหลับบนเตียงสักหน่อย เฮ้ออ ทำไมเตียงมันหอมจังหวะ ใช่เตียงกูป่าวว่ะเนี่ย ช่างเหอะ หลับดีกว่าว่ะ... แมร่ง กำลังสบายย

   หืม...อะไร.....อะไรมันกำลังผ่านปากผม...รสชาติ....เชรี่ยยย

   “เชรี่ยยยยยยย!!!!!! ขม!!!!!!!”

   โอ้ย ใครกันว่ะเนี่ยยยย เอาอะไรมาผ่านปากกูว่ะ แมร่ง ขมฉิบหายยย

   “น้องกร น้องกรครับ น้องกรนอนผิดห้องนะครับ”

   “พี่มองไปรอบๆ ตัวเองหน่อยครับ ว่าใช่ห้องตัวเองรึปล่าว”

   ห๊ะ!! ไม่จริง เสียงนี้มัน...

   ไม่จริง...คนที่อยู่ตรงหน้าผมนี่มัน...

   น้องแก๊ง!!!!



   สวรรค์จริงๆ

   ถึงแม้มันจะน่าอายนิดๆ ที่ผมไขผิดห้อง แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องเค้าอยู่หอนี้ แถมผมยังได้มาอยู่ข้างห้องน้องเค้าอีก อะไรจะทำให้เป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะครับ นอกจากชะตาฟ้าลิขิต

   ยิ่งจังหวะที่น้องเค้ามาขอเสื้อคืน ผมแทบดีใจ ผมได้ใส่เสื้อน้องเค้าด้วย แถมได้ใส่กางเกงน้องเค้าอีก

   “เดี๋ยวครับน้องแก๊ง...”

   “คือ กางเกงนี่ก็ของน้องแก๊งใช่มั๊ยครับ เดี๋ยวพี่คืนให้เดี๋ยวนี้”

   “เอ่ออออออ.....ไม่ต้องก็ได้ครับ พี่เอาไปเหอะ จะเอาไปเป็นผ้าขี้ริ้วหรืออะไรก็ได้น้องไม่เอาแล้วครับ ไปนะครับ”

   จะให้พี่เอากางเกงตัวนี้ไปเป็นผ้าขี้ริ้วงั้นเหรอครับ.... ไม่มีทาง!!

   สุดท้าย กางเกงตัวนั้นผมก็ซักให้เรียบร้อย แต่ไม่คืนครับ เพราะน้องบอกว่าให้ผมแล้ว ถึงแม้ผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมน้องไม่เอาคืน.. แต่มันก็กลายเป็นของที่ระลึกของพี่กร พร้อมๆ กับภาพแอบถ่ายภาพแรก ที่ผมเก็บไว้ด้วยกันแล้วล่ะครับ

   กลายเป็นเครื่องเตือนใจ ให้ผมมีแรงสู้ สู้ที่จะได้สมหวัง... แต่การ์ดน้องแก๊ง ก็หนายิ่งกว่าอะไร

   ถ้าอยากจะทลายการ์ดหนาๆ ชนิดที่ว่าไม่รู้อะไรเลยนั้นให้ได้ ผมคงต้องรุก!! รุกให้มากที่สุด....

   แต่ก็เกือบไป.. ผมเกือบจะทำเกินไปตอนน้องเค้าป่วย แต่ในความโชคร้ายนั้นก็ยังมีความโชคดีอยู่ที่ผมได้เช็ดตัวน้องเค้า แต่หลังจากนั้น ผมก็แทบบ้า..น้องเค้าหายไปหลายวัน กลับมาอีกครั้งผมก็ดีใจ แทบอยากเข้าไปกอด.. แต่ น้องก็ยังโกรธผมอยู่ที่ไปทำแบบนั้น ตอนแรกนึกว่าผมคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว จนกระทั่ง

   “ช่วยน้องเก็บของหน่อยครับ”

   หลังจากนั้น ผมก็พยายามทำดีกับน้องมาตลอด แต่ยังต้องรุก รุกให้มากที่สุด เพราะน้องเค้าการ์ดหนา และไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองเป็นคนยังไง ตัวเองนั้นน่ารักขนาดไหน ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้เพราะมันจะทำให้ผมเป็นห่วงว่าหมาตัวไหนจะคาบไปแดก เลยต้องทำแต้มให้ได้ ต้องยอมให้น้องเค้ามอบโอกาสให้ผม จีบน้องเค้าได้ จนได้เป็นแฟนกัน

   และเมื่อถึงตอนนั้น.. คนดีของพี่.. พี่จะเฝ้าบอกคำว่ารักทุกวัน

   เพื่อที่จะรอวันนั้น รอวันที่เรา...

   บอกกับพี่ว่า....รัก

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 8 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 14-03-2014 17:10:05
แหม่ พี่กรนี่เจ้าชู้ใช่ย่อยนะเนี่ย

แต่เพื่อน้องแก๊งพี่กรยอมเลิกทุกอย่าง น่ารักจริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 8 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-03-2014 22:35:17
ต้องดูกันยาวๆนะพี่กร
พี่เคลียร์กับคู่ขาแล้ว แต่จะจบรึเปล่าเนี่ยสิ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 15-03-2014 01:54:31
ตอนที่ 9 เสียจูบแรก (รึปล่าว) ให้พี่กร

   ตื่นเช้าขึ้นมา อาบน้ำแต่งตัว เช็คตัวเองอยู่หน้ากระจกก่อนที่จะ

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก...”

   ไอ้พี่กรแน่นอน เปิดออกไป.... โห แต่งตัวหล่ออีกล่ะ ชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก๊อตสีแดงเขียว กางเกงยีนต์ทรงกระบอกแบบเท่ๆ กับรองเท้าผ้าใบสีดำ หื้มมมม สงสัยชุดเสื้อก้ามดำทับเชิ๊ตสีขาวไม่ติดกระดุมทำเป็นกั๊กด้านนอก กับกางเกงยีนต์เดฟสไตล์ของผม คงต้องหาหมวกแก๊ปมาใส่เพิ่มซะแล้วล่ะ

   “ไปกันรึยังครับน้องแก๊ง”

   “เดี๋ยวครับรอแป๊ปนึง....โอเคครับ เรียบร้อยแล้ว”

   “ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ หมวกน่ะ มันไม่ร้อนซะหน่อย”

   “ไม่เอา กลัวหล่อไม่เท่าพี่กร... จะไปกันรึยังล่ะครับ แต่อันที่จริงไม่ต้องไปก็ดีนะครับ มัน เว่อร์ไป”

   “555 ใครว่าล่ะครับ ต้องไปตรวจให้แน่ใจสิครับ มาครับ ไปกัน...”



   “นั่งรอตรงนี้นะครับแก๊ง เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน ค่อยรอสั่งพร้อมกัน ตกลงนะครับ รอได้นะ..”

   “ครับผม รอได้ครับรอได้”

   ผมก็นั่งลง กลางโรงอาหารคณะแพทย์ พี่กรก็รีบวิ่งไปทางห้องน้ำทันที

   ตรวจเสร็จแล้วครับ สรุปก็ไม่มีอะไรมาก “จะตรวจไปทำไมก็ไม่รู้” โดนว่าแบบนี้กลับมาด้วยนะครับ

   จริงๆ ก็แค่ถลอก ได้ยาแก้ปวดกับล้างแผลให้ แค่นั้น ที่เหลือก็ไม่มีติดเชื้อบาดทะยักอะไรตามที่ไอ้หมอมันกังวล (ก็ใช่น่ะสิ) ตรวจเสร็จก็เที่ยงๆ เกือบบ่าย บ่นหิวข้าวสิผม เลยมานั่งกินที่โรงอาหารคณะเจ้าถิ่นพี่กร ระหว่างนั้นก็รอให้ไอ้หมอมันเข้าห้องน้ำให้เสร็จก่อน ผมก็เล็งไปรอบๆ ว่าอยากกินอะไรดี...อืมมม เอาตามสั่งร้านนั้นดีกว่า...

   “เอ่อ.. น้องแก๊ง ใช่มั๊ยครับ?”

   “ห่ะ!...ครับ?”

   เสียง เสียงมาจากทางไหน... ข้างหลังผม.. ใครกัน คุณหมอ ไม่ใช่ๆ นักศึกษาแพทย์ เสื้อกาวน์แบบนี้

   “คือ... มาคนเดียวเหรอครับ”

   “ครับ...เอ่อ คือ มากับเพื่อนอีกคนน่ะครับ ตอนนี้ไป เข้าห้องน้ำ”

   ใครกันว่ะ เข้ามาทักกูเฉยเลย.. หน้าตา ดูกวนตีนๆ หน่อยๆ ผิวเหลืองๆ สูง น่าจะเกือบเท่าพี่กรอ่ะ ใครกันว่ะ เพื่อนพี่กรเหรอ

   “พี่ชื่อ.. พี่ไม้นะครับ อยู่แพทย์ปีสามขึ้นปีสี่”

   “อ่าครับ ชื่อแก๊งครับ อยู่เภสัชปีสองขึ้นปีสาม”

   “ครับผม น่ารักจังเลยนะครับ พี่ขอ..เบอร์ เราได้มั๊ย”

   “ห๊ะ!!..เอิ่มม คือออ”

   เอาไงดีว่ะเนี่ย มาจากไหนวะเนี่ย

   เดี๋ยวๆ เดี๋ยวนะ...แพทย์ปีสามขึ้นปีสี่ ก็.. ชั้นปีเดียวกันกับพี่กรเลยนี่หว่า!!

   “ไอ้ไม้!!!! ป้าบบบ!!”

   พี่กร.. เดินมาพอดี.. แถมตบหัวไอ้พี่ไม้ที่กำลังยืนจ้องผมอยู่

   “โอ้ยเชรี่ย...ใครวะ!?? เห้ย! ไอ้กร! มาตบหัวกูทำไมเนี่ยย! แมร่งโครตเจ็บ”

   “กูต้องถามมึงสิ!! มายืนตรงนี้ทำเชรี่ยไรเนี่ย.. ทำไมไม่ไปทำงานเข้ากลุ่มมึงดีดี มาล้อเล่นอะไรกะว่าที่แฟนกู”

   “ก็กูพักเที่ยง กูเลย.. หือ!?... มึงพูด... มึงพูดว่าอะไรนะ!??...”

   “ว่าที่แฟนกู...(พี่กรก็คว้าไหล่ผมไปกอดหนับ) เนี่ย!! คนเนี่ย น้องแก๊ง ว่าที่แฟนกู ตะกี๊มึงคุยอะไรกับน้องห๊ะ!??”

   “ว่าที่แฟนมึง...นี่! นี่น้องแก๊งรู้จักกับไอ้กรด้วยเหรอครับ”

   ผมก็มองหน้าพี่กรว่าจะเอายังไง ก็จ้องกลับมาแบบว่า... เอ่อออ นะ ผมเลยพยักหน้าไป

   “ครับ คือ น้องกับพี่กร อยู่ห้องข้างกันครับ”

   “อะไรนะครับ!? แล้วนี่ น้องแก๊งเสร็จไอ้กรรึยังครับเนี่ย!?”

   “ไม่ครับพี่ไม้!! คือ แค่เพื่อนกัน...”

   “มึงจะเสือกอะไรนักหนา ไอ้ไม้ ไปตามทางของมึงเลยไป!!”

   “แหนะๆ ทำเป็นมาไล่กูนะ... ได้น้องแก๊งสมใจมึงเลยล่ะสิ มองตั้งแต่น้องเค้าอยู่ปีหนึ่งเลยหนิมึงอ่ะ”

   “อะไรนะครับ!? มองตั้งแต่ปีหนึ่ง (มองหน้าไอ้หมอสิผม)”

   “ไอ้ไม้!! มึงพูดอะไร ระวังปากมึงหน่อย”

   “น้องแก๊ง รู้ไว้เลยนะครับ แต่ก่อนไอ้กรมันเจ้าชู้มาก ตอนปีหนึ่งมันคบเด็กเป็นว่าเล่น”

   “ไอ้ไม้!!!”

   “นิสัยก็ไม่ดี ฟันคนอื่นไปทั่ว แถมมันก็ขี้เมา เหี่ย ใช้เหล้ามาปิดปากพวกพี่”

   “มึงไปไหนก็ไปเลยไป!!”

   คือ..กูตั้งใจฟังเต็มที่ แต่พี่กรก็ลากพี่ไม้ไปนอกโรงอาหารเรื่อยๆ

   “เชื่อพี่นะครับน้องแก๊ง!! ไอ้กรน่ะมันโรคจิต!! มันมองน้องแก๊งตลอด!! ห้ามไม่ให้พวกพี่เข้าใกล้แก๊งด้วย!!...”

   “ไปเลยไป!!! ไปทำงานมึงโน่นป๊ายยยยยย!!!”

   แล้วก็ลับสายตา... ค่อยรอพี่กรกลับมาในอีกห้านาที

   “เฮ้อออ... ไปสั่งข้าวกันดีกว่านะครับแก๊ง”

   ผมไม่ลุก... จ้องหน้าไอ้หมอ

   “เอ่อ.. ไปต้องไปฟังไอ้ไม้มันหรอกครับ มันโรคจิต มันชอบว่าคนอื่นไปทั่ว”

   “เหรอออออออ.......(พร้อมกับสีหน้าหางตาเหยียดหยาม)”

   “จริงครับ พี่รับประกันได้”

   “แล้วที่พี่ไม้พูด มันไม่จริงหมดเลยรึไง!??”

   มันก็..ไม่สู้สายตาผม ฮู้ยยยย รู้สึกดี...แมร่ง ตอนนี้เหมือนถือไพ่เหนือกว่าเป็นไหนๆ ต้องเค้น เค้นออกมาให้ได้

   “ไปซื้อข้าวดีกว่านะครับคนเก่ง”

   “เล่ามาให้หมดเลยยย! อย่ามามีความลับ! ไหนบอกไม่ชอบไงครับ”

   “ไม่ต้องฟังหรอกครับ เรื่องของพี่ มันแค่...”

   ผมก็ตีสีหน้าเศร้าๆ

   “อะไรกัน น้องอุตส่าห์เล่าเรื่องอดีตอันแสนขมขื่นอย่างนั้นไปแล้ว แต่เรื่องของตัวเองกลับไม่เล่าให้น้องฟัง ใครกัน?  ใจร้ายเป็นบ้า....ฮืออออออออ (นางเอ๊ก นางเอกเลยกู ตอนนี้)”

   “โอเค!! โอเคๆๆ โอเคครับ เล่าแล้วก็ได้”

   “เย้!!...”

   ต้องขอบคุณสกิลการแสดงของพี่พี่ที่สอนเรามา ใช้ได้ดีกับเรื่องแบบนี้จริงๆ...พี่กรก็นั่งลงตรงข้ามผม

   “สัญญามาก่อนว่าจะไม่หัวเราะ”

   “สัญญาครับ!!”

   “โอเค....คือ เมื่อตอนพี่ปีหนึ่ง...”

   ผมก็ตั้งใจฟังเรื่องพี่กรเล่า__________________________________________________________

   จนจบ... หน้าพี่กรก็มองมาแบบ คนเสียวไส้..

   “นั่นล่ะครับ เรื่องทั้งหมด ส่วนที่พี่ไม่อยากบอก เพราะว่า พี่ กลัว น้องแก๊ง จะไม่เข้าใจ”

   ถามว่า.. ผม.. รู้สึกยังไง กับ เรื่องพี่กรเมื่อตอนปีหนึ่ง และ พี่กรเจอกับผมครั้งแรกน่ะเหรอ มันก็......

   “พี่กร เอามือถือพี่กรมาครับ”

   “ห่ะครับ!??”

   “เอาไอโฟนพี่กรมาครับ น้องขอหน่อย”

   “อะ ครับๆ!??”

   พี่กรก็หยิบไอโฟนตัวเองมาให้ ผมก็... กดสิ่งที่พี่กรน่าจะอยากได้มากที่สุด แล้ว ยื่นกลับไปให้ไอ้หมอ

   “เครือข่าย__ นะครับ ถ้าพี่กรไม่สะดวกโทรก็ไม่เป็นไร ยิงมาหาน้องได้เดี๋ยวน้องโทรกลับ ถ้า น้องอยากโทรนะครับ”

   “น้องแก๊ง ให้เบอร์ พี่... เหรอครับ”

   “น้องเมมเบอร์พี่กรไว้ในเครื่องแล้ว ไม่ต้องห่วงครับ”

   “แก๊ง....ขอบคุณมากนะครับ พี่อยาก...”

   “ห้ามคิดอะไรพิลึก และ! อยากทำอะไรพิเรนกลางโรงอาหารคณะตัวเอง ขอร้อง!!”

   แห๊มม กูรู้เลย.. ถ้าหน้าไอ้พี่กรเป็นแบบนี้นะ มันคงคิดอยากจะกอด อยากจะอะไรของมันแน่ๆ ต้องห้ามไว้ก่อน

   “แหะๆ...ก็.. งั้น ไปซื้อข้าวมากินกันครับ น้องแก๊งหิวไม่ใช่เหรอ?”

   “เอ้อ!! ใช่ครับ งั้น..”

   เพิ่งคิดได้ว่าหิวข้าว นั่งฟังพี่กรเล่าไปเกือบจะชั่วโมงครึ่งได้ รีบลุกขึ้นเลยกู เล็งไว้ล่ะ ร้านตามสั่งเจ้าประจำ...

   “แก๊งกินอะไรครับ เดี๋ยว พี่พาไปซื้อ”



   “ถึงห้องแล้ววว”

   จบทริปวันนี้ตอนบ่ายสามครับ (กูเป็นอะไรกะเวลานี้มากมั๊ยเนี่ย) ขึ้นหอมาหน้าห้องตัวเอง ผมก็หยุดอยู่ที่ประตูห้อง 214 ส่วนพี่กร ก็โบกมือบ๊ายบายอยู่ข้างๆ

   “งั้นวันนี้ พอแค่นะครับ พักผ่อนนะที่รัก เดี๋ยวดึกๆ พี่โทรไปหานะ”

   ผมก็มองหน้าไอ้หมอ แล้วมอง ผ่านหลังมันไปที่...ห้อง 216

   “อะไรเหรอครับ?”

   “น้องอยากเข้าไปดูห้องพี่”

   “ห่ะ!! แก๊งอยากเข้าไปดูห้องพี่ อย่าเลยครับ ไม่ต้องๆ ห้องพี่รก ไม่เอาดีกว่า”

   “อยากอ่ะ”

   เสียงเริ่มอ่อยล่ะกู ก็นะ.. เล่าซะว่าเอารูปผมไปติดเต็มกระจก ใครมันจะไม่อยากดูกันล่ะว่ะ แถม ไม่เคยให้ผมเข้าห้องพี่กรสักที มากที่สุดก็ตอนขอเสื้อคืนที่หน้าห้อง แล้วอย่างนี้ มีหรือ น้องแก๊งจะอดใจไหว... เอี้ยวตัวหลบไปหน้าห้องพี่กร

   “ไม่เอาครับแก๊ง!! พี่อาย”

   ถึงกับวิ่งตามเอาตัวมาบังไว้เลย แหม๊!! มันชักจะอยากดูข้างในจนอดใจไม่ไหวแล้วสิ...

   “พี่กรรร..(สีหน้าเริ่มอ้อน น้ำเสียงน้อยๆ ร้องขอความเห็นใจ) น้องคนนี้อยากดูห้องพี่กรจริงๆ นะคร้าบบบ”

   “ไม่!! พี่ไม่ยอม ไม่ต้องเข้าไปหรอก แก๊งกลับห้องดีกว่านะ”

   “พี่กรรรรร..(ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วจับที่หน้าอกพี่กร)”

   “ไม่!! เรื่องนี้ พี่จะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด”

   “พี่กรรรรรรรรร.. (แนบตัวเองเข้ากับอกพี่กร เงยหน้ามองตาใสๆ จมูกใกล้ๆ แค่ไม่กี่เซ็น)”

   “แก๊ง.. ทำอย่างนี้พี่อดใจไม่ไหวนะ”

   “ยอมน้องหน่อยน๊า.. ขอเข้าไปหน่อยนะคร้าบบบบบบ (ไม้ตาย! กัดปากล่าง ตาละห้อย เสียงน้อยๆ ลากยาวๆ)”

   “อึก!! ยอมล่ะ... ยอม”

   “เย้!!”

   ต้องขอบคุณพี่พี่อีกรอบ ที่สอนวิธีการอ้อนเป็นไม้ตาย ให้ไอ้แก๊งติดตัวไว้ใช้ในเรื่องแบบนี้ อิอิ ได้ผลดีจริงๆ

   “แต่.. ต้องสัญญามาก่อนว่า จะไม่ว่าพี่อะไรทั้งนั้น เพราะ..พี่กลัวว่าเราจะไม่พอใจพี่ ถ้าเข้าไปเห็นข้างใน”

   “สัญญาครั๊บ!”

   พี่กรก็เปิดเข้าไป.. ข้างใน.. ยอมรับเลยว่ารกนิดๆ พี่กรก็ค่อยสับสวิตซ์ไฟให้เห็น ภาพทั้งหมด ของห้อง

   คือ..มันมากกว่าที่ผมคิดอีกอ่ะ แบบ ภาพผม.. ติดเต็มกระจกจริงด้วย ทั้งภาพนั้น จำได้ว่า.. น่าจะเป็นตอนรีบไปทำแล็ป เฮ้ย!! มีภาพตอนที่ทำละครเวทีด้วย นั่น!! ภาพตอนที่ผมไปขอรับบริจาคที่งานศาลากลางจังหวัดนี่หว่า แล้ว.. มีภาพตอนที่ผมเล่นกับเพื่อนในคณะอีก นี่มัน..เยอะมาก..เยอะจนแทบจะมองไม่เห็นเงาคนในกระจกเลยเหอะ

   แถม.. บนชั้นหนังสือที่รกๆ จะมีชั้นล่างสุดที่อยู่ระดับเอว จะไม่มีหนังสืออะไรเลย แต่จะมีกางเกงสีน้ำตาลพับวางไว้อยู่ ผมเดินไปดูก็จำได้ทันที ว่าเป็นกางเกงเจเจของผม แล้วบนกางเกงนั้นก็... ภาพ ภาพเลือนๆ ของผม วางทับอยู่

   ผมจับภาพนั้นขึ้นมาดู นี่มัน... ตอนปีหนึ่ง ตอนผมอยู่ปีหนึ่งจริงด้วย จำได้เลย

   “คือ... ไม่ว่าพี่ใช่มั๊ย?”

   เสียงพี่กรแบบเกรงใจๆ ดังมาจากข้างหลัง.. ผมเงยหน้ามองกลับไป ก็เห็นพี่เค้ายืนชิดอยู่ข้างหลังผมด้วยสีหน้า.. กลัวๆ.. ผมก็เลยหัน กลับมามองตัวเองในรูปอีกครั้ง

   “คือ.. น้อง.. แค่อึ้งๆ... น่ะครับ ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้”

   “แล้ว.. คิดว่าแค่ไหนล่ะครับ”

   “ห่ะครับ!?... หวายยยยยยยย!! อะไรเนี่ยยยยย!!”

   หันไปมองพี่กรอีกรอบ แต่.. ไอ้พี่กร มันช้อนผมขึ้นมาอุ้มท่าเจ้าหญิง... เฉยเลย

   “พี่กร อะไรอ่ะ! ปล่อยน้องลงนะ”

   “ไม่ปล่อย เสร็จพี่แล้วแก๊ง เข้ามาในห้องพี่เองนะ”

   “พี่กร!!!!”

   “หึหึหึ...”

   หน้าตา กับเสียงหัวเราะของไอ้หมอ.. มัน.. แล้วก็ค่อยๆ เดินไปทิ้งผมลงบนเตียง ตั้งท่ากลับมาอยู่ ท่าเดิม พี่กรคร่อมผมอยู่ข้างบน ส่วนน้องแก๊ง ก็ข้างล่าง

   “พี่กร.. ปล่อย!! ไม่งั้นภาพอันนี้พี่น้องจะฉีกทิ้งเลยนะ.. อ๊ะ!!”

   ผมขู่ พร้อมภาพบนกางเกงที่อยู่ในมือผมให้พี่กรดู.. แต่พี่กร.. ก็ฉกมันไปจากมือผมแบบนิ่มๆ

   “แก๊งจะฉีกวันแรก ที่พี่ เจอกับแก๊งเหรอครับ.. ใจร้ายจัง”

   เสียง เสียงนุ่มๆ มาเลย... โอ้ยกู.. ใจสั่น ไม่มองหน้ามันล่ะ หันไปทางอื่น

   “ก็ ใครแถวนี้มันจะทำทะลึ่งใส่อ่ะ”

   “ป่าวซะหน่อย แค่อุ้มที่รักมานอนเตียงเองนะ ถึงเวลาต้องนอนแล้วรู้มั๊ย”

   “เฮอะ!! ท่านี้เนี่ยนะ แล้วถ้าถึงเวลานอน ทำไมไม่อุ้มน้องไปที่ห้องน้องล่ะ อุ้มมาเตียงพี่ทำไม!??”

   “วันนี้นอนนี่นะครับแก๊ง”

   มองหน้าไอ้หมอ ถึงกับ... เงิบสิครับ

   “พี่กร! จะบ้าเหรอ!? น้องก็มีห้องน้องนะ จะนอนทำไมห้องพี่กร”

   “นะครับ”

   หน้าพี่กรก็ใกล้เข้ามา จนอีกนิดล่ะ อีกนิดก็จะโดนปากกูล่ะ

   “พี่กร หน้าพี่น่ะ เอาออกไปได้มั๊ย น้องรู้สึกไม่ดี”

   “แก๊งครับ”

   “พี่กร.. เดี๋ยว น้องบอกแล้วไงว่า.. อึ อื้มมมมม อื้มมมมมม”

   ปาก ปากพี่กร เข้ามาชนกับปากผม ลิ้นพี่เค้าพยายามเปิดปากผม จนได้.. แล้วจูบ จูบแรกของผมก็..

   แต่มันก็ รู้สึกดี.. พี่เค้าค่อยๆ เอามือมาจับแก้มแล้วไล้ไปแถวๆ คอ .. จนผมรู้สึกผ่อนคลาย แล้วปากผม.. ก็ตอบสนองกับจูบพี่กรไป.. จนหลุดออกจากกัน

   มองหน้าพี่กร ที่ยังคร่อมผมอยู่ไว้อย่างนั้น

   “จูบแรกน้อง...”

   “หึหึ ไม่ใช่หรอกครับ..”

   “อย่ามาว่า น้องไม่เคยจูบกับใครก่อนหน้านี้นะ”

   “นะ!! พี่เชื่อ แต่จูบตะกี๊ไม่ใช่จูบแรกครับ”

   “หมายความว่าไง!?”

   “พี่ได้จูบแรกของเราก่อนหน้านี้ไปแล้ว”

   “อะไร!! พี่กร!! ตอนไหน!??...อึ อื้มมมม”

   ไอ้พี่กร มันก็ซ้ำเข้ามาอีกรอบ คราวนี้มันไล้สีข้างผมจน... เผลอดิ้นดีดตัวเองไปตามมือพี่กร จนพี่เค้า กอดผมไว้ได้

   “น่ารัก..”

   “น้อง.. ยังไม่ได้เป็นแฟนกับพี่นะ ทำอะไรมากไปกว่านี้ล่ะก็”

   “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้พี่ก็ดีใจล่ะที่ได้กอดเรากับจูบเราแล้ว”

   “เฮอะ!! บังคับน้องทั้งนั้นอ่ะ”

   “แล้วไม่ชอบเหรอ”

    ผมก็มองหน้าพี่กร อารมณ์ผมตอนนี้ เหมือน เมื่อวาน ที่ผม กระโดดหอมแก้มพี่กรไป

   “ก็ ไม่ได้ไม่ชอบ แค่.. ไม่อยากเสียใจ”

   “คร้าบบบบบบ”

   พี่กรก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง.. เฮ้อออ ผมจะเชื่อใจคนคนนี้ได้มั๊ยเนี่ยย

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 15-03-2014 02:20:27
คราวนี้ก็คบกันได้แล้วววววววววววว  :katai2-1:
เป็นแฟนกันนี่น้องแก๊งเสร็จแน่  :hao3:
พี่กรแกใจเร็วใจด่วน
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 15-03-2014 03:06:15
อยากอ่านพาร์ทของกรอีกอ่ะ
หวังว่ากรทำดีพยายามเพื่อน้องมาเป็นปีแบบนี้
พอได้น้องแล้วหวังว่าคงไม่ดีแตกนะ
กลัวมาม่าชามโตเพราะกรนอกกายนอกใจเนี่ยแหละ
เรื่องครอบครัวกีดกันยังทำใจรับได้มากกว่าเรื่องนี้นะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 15-03-2014 03:38:27
คืบหน้าเยอะเลยนะพี่กร 555555
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 15-03-2014 03:38:58
รู้สึกขัดๆกับสรรพนามแทนตัวของแก๊งคือจริงๆมันก็น่ารักดีอยู่หรอก
แต่ดูเวลาคิดหรืออะไรไม่น่าใช่คนเรียบร้อยขนาดนั้นอ่ะ ดูเป็นคนดื้อๆ
แล้วก็เรื่องคำแทนตัวกับเพื่อนอ่ะคะ แก็งนี่เป็นเด็กซิ่วหรอ
บางทีก็เรียกเฮีย เดี๋ยวก็เปลี่ยน

ปล.น่ารักใสๆดีนะคะแต่พี่กรจีบน้องเร็วไปหน่อย
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 15-03-2014 04:49:40
ลุ้นๆรอตอนต่อไปนะครับ

เป็นกำลังใจให้ จขกท นะครับ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 15-03-2014 06:40:25
น่ารักกันจิงๆ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-03-2014 09:46:15
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

พี่กรกะน้องแก๊ง น่ารัก เวอร์ :-[

อยากให้เขาคบกันเร็วๆจังเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 9]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-03-2014 21:47:22
เพิ่งได้เข้ามาอ่านอ่ะ  :mew1:
บอกได้คำเดียว ฟินเว่ออออ  :hao7:  :hao7:
น้องน่าระกมากๆๆอ่ะ พี่กรก้ดูเหมือนจะรักจิงใจกับน้องมากๆๆเลยอะ
ปลื้มมมมมมมมม  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 10]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 16-03-2014 12:36:29
ตอนที่ 10 คุยกับพี่พี่เรื่อง.. พี่กร

   ผม ก็ไม่ได้โดนพี่กรทำอะไรมากไปกว่าจูบ แล้วปลอบโยนอย่างสบายจนเคลิ้ม หลับไป...

   ถึงจะจูบกันแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เชื่อใจหรอกครับ ยังไม่ได้รับว่าพี่กรเป็นแฟนจริงๆ ซึ่งพี่กรก็รู้ว่าผมยังนับพี่เค้าแค่ขั้นจีบ เพราะหลังจากนั้นไม่ว่าใครจะมาถามว่าพวกผมสองคนเป็นอะไรกัน ผมก็จะตอบไปว่าพี่กรเป็นเพื่อน และพี่กรก็จะตอบไปว่าผมเป็นว่าที่แฟน ซึ่งผมก็ชินที่พี่เค้าจะพูดอย่างนั้นแล้ว

   แต่ชีวิตผม ก็ค่อยๆ มีพี่กรเข้ามาเรื่อยๆ

   ทุกเช้า ผมจะตื่นมาในกอดของพี่กร เพราะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะมานอนอะไรเป็นเพื่อนผมนักหนา แรกๆ ผมก็ทั้งด่า ทั้งบอกว่าไม่ต้อง แต่ผมก็ทนความกะล่อนของไอ้หมอมันไม่ไหว หลังๆ มาก็ค่อยๆ ยอมเรื่อยๆ จนชินครับ.. แต่พี่เค้าก็ไม่ทำอะไรผมนะครับ แค่นอน นอนกอดผมอยู่ข้างๆ เท่านั้น

   หลังจากที่ตื่นนอน ผมจะเข้าห้องน้ำทำธุระคนเดียว แต่บางวันก็ทนความประหลาดของไอ้หมอไม่ไหว เข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันด้วยกันก็มี.. แล้วถ้าวันไหนผมมีโปรแกรมไปไหนและพี่กรก็ว่าง เช่น ไปซ้อมกับพี่พี่ ไปซื้อของ ไปทำงาน หรืออยากไปเที่ยวข้างนอก อยากไปร้านการ์ตูน ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านวิดีโอ พี่กรก็จะอาสาเป็นคนพาไปรับ ไปส่ง พาไปเที่ยว ไปทำงาน บางทีมีไปเฝ้าก็มี.. ชีวิตและสถาณที่ส่วนตัวของผมโดนไอ้หมอรู้เรื่องหมดเลย

   แต่ถ้าวันไหนที่ผมมีโปรแกรมและไอ้หมอก็มีเรียน เพราะมันอยู่คณะแพทย์ ปิดเทอมหกเดือนของมหาลัย คณะแพทย์เค้าไม่ปิดแบบนั้นด้วยหรอกครับ ยิ่งเป็นแพทย์ปีสามขึ้นปีสี่ด้วยนี่ บางวันไอ้หมอมีเรียนทั้งวันก็มี ผมก็ต้องยอมลูกอ้อนของมันขับรถไปส่งที่หน้าคณะ พอผมจะออกไปไหนก็ต้องโทรรายงานพี่กรตลอดเพราะไม่งั้นจะเป็นห่วง งอแงเหมือนเด็ก

   ตกเย็น ผมต้องมีนัดกับใครสักคนก่อนให้ได้ ไม่อย่างนั้นไอ้หมอจะเอะอะชวนเที่ยวตลอด ทั้งไปกินข้าว ไปดูหนัง เดินตลาด หรือเลือกซื้อของกินกันแค่สองคน ผมถึงต้องหานัดใครให้ได้ก่อนเย็น ไม่อย่างงั้นล่ะมันหลายเรื่อง.. แต่ก็มีบางวันที่พี่กร WANT จริงๆ และผมก็มีนัดไปเที่ยวข้างนอกกับพี่พี่แล้ว ก็ยังกล้าออกมากับผมเที่ยวกับพวกพี่พี่ด้วยนะ เชื่อเขาเลย

   ยิ่งเป็นวันที่น้องทำงานตอนกลางคืนร้องเพลงที่ร้านเหล้ากับพี่พี่ หรือออกงานอีเว้นท์ตามที่ต่างๆ เช่น ไปเปิดบูท เปิดงาน หรือไปประสานเสียงในโบสถ์คริสตจักรบางโอกาสที่เค้าต้องการ พี่กรน่ะ ตามตลอด ไม่ว่าจะเปิดโต๊ะกินเหล้ากินเบียร์รอให้ผมร้องเพลงที่ร้านจนเสร็จ หรือจะเข้าไปนั่งในโบสถ์ดูพวกผมกับพี่พี่ร้องประสานเสียงไปเรื่อยๆ ไม่สนใจคริสตชนคนอื่นๆ เลย ว่าเค้าจะมองยังไง... แรกๆ ก็รำคาญนะครับ.. หลังๆ มาก็เริ่มชิน ปล่อยให้พี่เค้าทำไปเหอะ ดีซะอีก ร้องเพลงเสร็จตีหนึ่งตีสองก็จะได้ให้พี่กรพากลับเลย

   หลังจากที่เสร็จภารกิจในแต่ละวัน มันจะมีโมเม้นท์ที่ห้องผมไม่ก็ห้องไอ้หมอที่พี่เค้าจะจับผมนั่งตัก แล้วกอดเอาไว้ ถามว่าพรุ่งนี้ทำอะไรครับ พี่ไปด้วยได้มั๊ย ถึงจะบอกว่าไปไม่ได้ แต่ถ้าพี่เค้ารู้ว่ามันไม่ได้ซีเรียสอะไรที่จะพาคนนอกเข้าก็จะงอแงอยากไปให้ได้ แต่ก็มีบางงานนะครับที่ผมบอกว่าไปไม่ได้จริงๆ เพราะเค้าซีเรียสเรื่องนั้น พี่เค้าก็ไม่ไป

   แล้วสุดท้าย ก็แยกย้ายกันทำภารกิจส่วนตัว จนเสร็จ พี่กรก็จะมึนๆ ตีเนียนเข้ามานอนในห้องผม แรกๆ ผมก็ปฏิเสธบอกว่าเข้ามาทำไม นอนใครนอนมัน! แต่หลังๆ ก็เริ่มชิน พอเข้ามาในห้องก็กอดผมหนับ รอให้ผมทำงาน อ่านการ์ตูน หรือดูหนังให้เสร็จก่อน แล้วค่อยพาผมเข้านอน ปิดไฟให้ นอนกอดผมหลับไปด้วยกัน จนถึงเช้า

   กิจวัตรประจำวันของผมหลังจากวันที่พี่กรจูบผมไปแล้ว ก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ล่ะครับ

   จนครบ....... หนึ่งเดือน

   ช่วงใกล้สงกรานต์แล้ว ผมกับพี่พี่มีงานอีเว้นท์เยอะมากที่ต้องสรุป เช้าวันนี้ผมเลยตื่นขึ้นมาบอกพี่กรว่าต้องไปคุยงานกับพี่พี่ที่ร้านกาแฟ ไอ้หมอก็มาส่งแต่ติดธุระ เลยทิ้งผมไว้ที่ร้านบอกว่าเสร็จธุระแล้วจะมารับ แต่ผมก็บอกไปว่าไม่เป็นไร เพราะไม่รู้ว่าจะเลิกตอนไหน แถมเผื่อมีธุระไปต่ออะไรอีก ให้พี่พี่ไปส่งดีกว่า พี่กรเลยไว้ใจ ไม่ว่าอะไรแล้วจากไปทำธุระดีดี

   ตอนนี้ ผมก็เลยนั่งล้อมวงกับพี่พี่อยู่บนโต๊ะกาแฟในมุมส่วนตัวของร้าน คุยเรื่องสงกรานต์นี้กันอย่างเคร่งเครียด

   “โอเค งั้นตกลงตามนี้ สรุปก็คือ ก่อนสงกรานต์นี้ ใครมีงานอะไร ก็ทางใครทางมัน” (พี่ฟ่าง)

   “โอเค แล้วเจอกันวันที่ 14 ไปออกคอนเสิร์ตที่ศาลากลางจังหวัดใช่มะ” (พี่อ้อย)

   “ไม่ใช่ไปเป็นพริตตี้เหมือนปีที่แล้วใช่ป่ะ ยืนถือปืนฉีดน้ำตั้งนานกว่าจะได้ตังค์ โครตเหนื่อย” (พี่อิ๋งๆ)

   “ไม่ไม่ เค้าติดต่อมาแล้วว่าให้เราขึ้นเป็นนักร้องเลย ไม่ต้องห่วง เงินดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน” (พี่ฟ่าง)

   “งั้นน้องไปด้วยได้ใช่มั๊ยครับ ปีนี้” (ผมเอง)

   “ได้สิแก๊ง พี่ติดต่อล็อกงานนี้เพื่อให้เราออกงานกับพวกพี่ได้โดยเฉพาะเลยนะ” (พี่ฟ่าง)

   “โอเคครับ” (ผมเอง)

   “งั้นเป็นอันตกลง จบการประชุม เย้!!...” (พี่เฟิน)

   ดีใจ ปีนี้ผมไม่ต้องหม้ายสงกรานต์เหงาตายอยู่ที่ห้องเพราะไม่เพื่อนแล้ว พี่พี่ล็อกงานให้ผมไปทำงานด้วยวันที่ 14 ยาวไปจนถึง 17 เลย อีกสามวันก็สงกรานต์ล่ะ...

   เดี๋ยวนะ!? อีกสามวัน...

   แย่ล่ะสิ!!.. ลืมเรื่องนี้ไปได้ไงว่ะ

   “ตกลง! เรื่องเธอกับกร เป็นยังไง” (พี่เฟิน)

   “ห๊ะ! ครับ?”

   ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ พี่เฟินก็ขัดขึ้นมาพอดี

   “พี่ดูแล้วนะแก๊ง มันไม่ใช่อารมณ์คนกำลังจีบกันอ่ะ” (พี่เฟิน)

   “อือ พวกเธอเป็นแฟนกันแล้วใช่ป่ะ” (พี่เอิน)

   “ไม่ใช่นะครับ พี่กรตอนนี้กับน้องยังแค่จีบกันอยู่ น้องยังนับพี่กรแค่เพื่อนนะครับ” (ผมเอง)

   “เพื่อนบ้าอะไร มารับ มาส่ง แถมทั้งห่วงทั้งหวง ตามติดชีวิตขนาดนั้นค่ะน้อง” (พี่อ้อย)

   “แก๊ง ตั้งแต่ตอนเธอป่วยแล้วนะ เธอมีอะไรปิดบังพวกพี่รึปล่าว??” (พี่ฟ่าง)

   ผมก็ มองหน้าพี่พี่สิครับ.. ทั้งพี่ฟ่าง พี่เฟิน พี่เอิน พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ สายตาทุกคนจ้องมาที่ผมและบ่งบอกว่า

   ‘ปิดบังอะไรอยู่ บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้’ เฮ้ออ... เล่าตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ

   “คือ.. ไอ้เรื่องที่ปิดน่ะมันก็มีอยู่หรอกครับ ก็ตั้งแต่ที่ป่วยนั่นล่ะ พอดีพี่ก้อยบอกว่าอย่าบอกพวกพี่ เดี๋ยวพวกพี่ จะเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ เพราะพวกพี่ เข้าใจผิดกันง่ายมากๆ” (ผมเอง)

   “อะไรกัน!!???” (พี่อิ๋งๆ พี่อ้อย พี่เอิน พร้อมกันเลย)

   “นี่แกเห็นพี่เป็นอย่างนั้นด้วยเหรอแก๊ง” (พี่เฟิน)

   “คือ!! น้องก็ไม่ได้อยากจะปิดหรอกนะครับ แต่มันเป็นเรื่องวุ่นวายจริงๆ ถ้าตอนนั้นพวกพี่รู้เข้าล่ะก็ น้องว่า.. คงไม่จบแค่น้องหายป่วยหรอกครับ” (ผมเอง)

   “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะแก๊ง” (พี่ฟ่าง)

   “เกี่ยวกับกร เหรอ!??” (พี่อ้อย)

   ผมก็พยักหน้าหงึกๆ ปากพลางดูดโกโก้ที่สั่งเอาไว้บนโต๊ะด้วยอาการ... เจี๋ยมเจี๊ยมกับเหล่าสายตาของพวกพี่พี่

   “งั้นก็เล่ามาเลย อย่าหมกเม็ด อย่ากั๊ก และอย่าปิดบังอะไรอีก” (พี่อ้อย)

   “ใช่!! ถ้ายังเห็นว่าพวกพี่เป็นพี่เธออยู่ล่ะก็...” (พี่เฟิน)

   เอาสิผม!! ว่าจะเล่าไม่หมดก็คงไม่ได้.. แต่ไม่เป็นไรหรอก ตรงนี้มันมุมส่วนตัวในร้าน ไม่ค่อยมีคน

   ก็เลยเริ่มต้นเล่าตั้งแต่วันสอบวันสุดท้าย โดยละเอียดเป็นฉากๆ ต่อไปเรื่อยๆ

   จนจบเรื่องเล่าทั้งหมด ณ ตรงที่ พี่กร..มาส่ง..วันนี้

   “เรื่องทั้งหมด ก็.. อย่างนี้ล่ะครับ”

   จ้องหน้าพี่พี่ที่ยังอยู่ในท่าตั้งใจฟังตั้งแต่ต้น ท่าเดิม คือ..ทนได้ไงว่ะ ตั้งเกือบสองชั่วโมง

   “สรุป!! คือเธอนับว่าพี่กรยังเป็นเพื่อนเธอ” (พี่อ้อย)

   ผมก็พยักหน้า

   “แต่!! เธอกับพี่กรก็ทั้งจูบกันแล้ว กอดกันแล้ว และยังนอนด้วยกันอีก ถึงจะยังไม่มีอะไรกันก็เหอะ” (พี่อิ๋งๆ)

   ผมก็...พยักหน้า

   “ซึ่ง.. พี่กรก็ยังเข้าใจว่า เธอ!! นับพี่เค้าเป็นแค่เพื่อน และเธอ!! ก็ยังไม่เคยบอกชอบพี่เค้าตรงๆ” (พี่เอิน)

   ผมก็...พยักหน้า พร้อมกับโกโก้ที่ละลายจนไม่เหลืออะไรแล้ว

   “เฮ้อออออออออออ หมดคำจะพูดดดดดดดด” (ทุกคนเลย ทำไมพร้อมกันจังว่ะ)

   “อ้าว! ทำไมพี่พี่พูดอย่างนั้นล่ะครับ” (ผมเอง)

   “คือ... มันก็ดีนะแก๊งที่เธอคิดอย่างนั้น แต่.. เธอก็ยอมพี่กรเกินไปนะบางที” (พี่เฟิน)

   “จนตอนนี้พี่ว่ามันเกินเพื่อนอ่ะ” (พี่เอิน)

   “ไม่หรอกเอิน เฟิน น้องเราเป็นคนยังไงเราเองก็รู้ ไม่แปลกที่ไอ้กรมันจะทำแบบนั้น” (พี่ฟ่าง)

   แล้วทุกคนก็มองมาที่ผมด้วยสายตา... เอิ่ม.. คือ... ทำไมมันดูกินเลือดกินเนื้อจังวะ

   “คือ.. พี่พี่ น้องเป็นคนยังไงเหรอ??”

   “แก๊ง แกไม่รู้ตัวเลยใช่มั๊ยว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน” (พี่อ้อย)

   “พี่จะบอกให้เลย.. เธอน่ะน่ารักมาก ทั้งขาว ทั้งหน้าหล่อ ยิ้มแล้วดูสวย เสียงก็เพราะ พูดจาก็ดี นิสัยก็ดี ชอบถ่อมตัวเพราะที่บ้านมีพ่อเป็นครู เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน พอมาอยู่กับพวกพี่บ่อยๆ ตั้งแต่ ม.5 แก๊งเลยติดที่จะใช้สรรพนามแทนตัวเองส่วนใหญ่ว่า “น้อง” กับคนที่เป็นรุ่นพี่ตัวเองมาตลอด” (พี่เฟิน)

   “แต่เธอไม่รู้ตัว พวกพี่น่ะรู้นิสัยเธอดี จริงๆ มันจะมีมุมที่ดื้อ ซน แต่พอเธอจะมีความคิดแบบนั้นยังไงตามสไตล์ของตัวเอง การพูดของเธอจะทำให้เธอดูน่ารักขึ้นมาตลอด พอมันรวมๆ กันแล้ว เธอเลยดูน่ารักมากกกกก” (พี่เอิน)

   “และอย่างที่แกเล่า ที่พี่กรพูดว่าชอบเธอมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งเพราะเรื่องอะไร แต่แกก็ การ์ดหนา และถูกบอกว่าไม่รู้ตัวเองว่าเป็นคนยังไง พี่เลยเข้าใจว่าทำไมไอ้กรมันรุกเธอหนักขนาดนี้” (พี่ฟ่าง)

   “แถมแกก็ใจอ่อน ไม่ก็ปล่อยมันไปทั้งอย่างนั้น การป้องกันตัวก็ไม่มี ไม่รัดกุม เปิดช่องให้ไอ้กรได้ง่ายๆ” (พี่อิ๋งๆ)

   “พอมันรวมกันอย่างนั้น ก็ไม่แปลกที่ไอ้กรจะยอมถึงแม้แกจะนับว่ามันเป็นแค่เพื่อนก็ตาม” (พี่อ้อย)

   “เพราะเธอมันแอบซื่อบื้อเรื่องแบบนี้ แก๊ง เธอชอบคิดว่าตัวเองไม่มีเสน่ห์กับคนอื่นๆ” (พี่เอิน)

   “ฟังแต่คนอื่น กลัวว่าตัวเองจะไม่เจอรักแท้ แต่มันก็ดีที่เธอคิดป้องกันตัวแบบนั้น แต่เธอก็ไม่มั่นใจในตัวเองเกินไปนะบางที ทั้งที่เต็มไปด้วยรูปสมบัติและความสามารถ บวกกับที่เธอเรียนเภสัชอีก” (พี่เฟิน)

   “ไม่แปลกที่จะมีใครเข้าหาเธอบ้าง อย่างไอ้กร ถึงมันจะเข้ามาแบบนั้นก็เหอะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “แถมภายนอกแกที่ดูเรียบร้อย แต่ข้างในจริงๆ มันมีอะไรให้รู้อีกเยอะ แก๊ง แกไม่รู้ตัวหรอก ว่าตัวเองเป็นคนน่าค้นหาแค่ไหน มันทำให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นกองเลยล่ะ” (พี่ฟ่าง)

   “ใช่!.. ขนาดพวกพี่เองอยู่กับเธอมาสี่ปี ยังคิดกันเลยว่าเธอมันน่ารัก น่าค้นหา มีเสน่ห์สุดๆ” (พี่เอิน)

   “ใช่ๆ.. ไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถนะ ทั้งบุคลิก ความคิด การตัดสินใจ มันมีอะไรให้ประหลาดใจอยู่ตลอด” (พี่อ้อย)

   “แต่บางทีมันก็น่าเป็นห่วง พี่เชื่อว่าเธอดูแลตัวเองได้ แก๊ง แต่บางครั้งก็อดห่วงในบางเรื่องไม่ได้” (พี่เฟิน)

   “จริง..มันเลยทำให้เธอดูเด็ก ต้องดูแล.. คือเธอดูแลตัวเองได้ก็จริง แต่ก็ยังมีโมเม้นต์ที่ต้องให้ห่วงนิดๆ อยู่” (พี่เอิน)

   “เช่นเรื่องความคิด เรื่องการใช้ชีวิต ไม่ก็การตัดสินใจ่ในบางเรื่อง แกน่ะ ยังคิดไม่เป็นก็มี” (พี่อ้อย)

   “ไม่งั้นพวกพี่จะห่วงแก๊งเรื่องนี้ขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแก๊งน่ะ ยังไม่เคย...” (พี่เฟิน)

   “เอิ่ม... คือ....”

   คือเหมือนเด็ก งั้นเหรอ...ทำไมฟังๆ ไปแรกๆ เหมือนถูกชมนะ แต่หลังๆ เหมือนถูกด่านิดๆ อ่ะ

   “แล้วว..นี่ที่แกยังนับพี่กรแค่เพื่อน เพราะยังห่วงเรื่องความจริงใจใช่มะ!??” (พี่ฟ่าง)

   “เอ่อ.. ครับ เพราะพี่กรเข้ามาแบบนั้น แถมยังเล่าว่าเคยเจ้าชู้อีก น้องเลยย ยังไม่แน่ใจว่าพี่เค้าจะจริงจัง”

   “อืมมมมมมมมม” (ห้าสาวคิดหนัก)

   “เฮ้อออ ก็รอดูล่ะกัน” (พี่เอิน)

   “เข้าใจไอ้กรมันเลยล่ะว่าทำไมตามติดชีวิตแกขนาดนี้ แกคิดมั๊ยว่าจุดนี้มันทำให้ดูว่ามันจริงจังเรื่องแกอยู่บ้าง” (พี่อ้อย)

   “ก็.. คิดนะครับ แต่น้องก็กลัว ว่าบางที มันจะมีช่วงหมดโปรเหมือนกัน”

   “อืมมมมมมมมม” (ห้าสาวคิดหนักรอบที่สอง)

   “ก็!! เอาเป็นว่าแกคิดยังไง ตัดสินใจยังไงต่อไป ก็บอกพวกพี่ล่ะกัน อย่าปิดบัง” (พี่ฟ่าง)

   “ใช่! พวกพี่ไม่ชอบ มัน.. ดูไม่เป็นความเชื่อใจ ดูไม่เป็นทีมเดียวกัน” (พี่อ้อย)

   “จริง ทั้งที่เราก็คบกันมาตั้งสี่ปี พี่เข้าใจนะ ว่าแก๊งก็เจออะไรมาเยอะ เป็นผู้ใหญ่บ้างแล้ว แต่บางเรื่องแก๊งก็ยังไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง ยังไงก็ให้พวกพี่เป็นที่ปรึกษาได้นะแก๊ง” (พี่ฟ่าง)

   “เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่แกต้องคิดเองด้วย แกต้องคิดดีๆ นะแก๊ง! ก่อนจะตัดสินใจอะไร” (พี่อิ๋งๆ)

   “ถ้างั้น พวกแก ที่ตอนนี้น้องแก๊งมันไม่ยอมคบ มันดีแล้วเหรอ?” (พี่เฟิน)

   “มันก็ดี แต่มันไม่ดีก็ตรงที่ กิจวัตรประจำวันของน้องมันกลายเป็นแบบนั้นไปแล้วน่ะสิ” (พี่เอิน)

   “แต่แบบนั้น มันผิดที่ใครล่ะ ผิดที่น้อง หรือผิดที่ไอ้กรมัน” (พี่เฟิน)

   “อืมมมมมมมมม” (ห้าสาวคิดหนักรอบที่สาม)

   เอาแล้วๆ เริ่ม DISCUSSION กันล่ะ คงต้อง.. พอแค่นี้ล่ะนะ เดี๋ยวมันจะเลยเถิดไปกันใหญ่

   “โอเคครับพี่พี่!! ต่อไปนี้น้องจะไม่ปิดบังพวกพี่อีกล่ะ ถ้าน้องคิดอะไร ตัดสินใจอะไร จะบอกพี่พี่ ไม่ก็ปรึกษาพี่พี่ก่อนล่ะกันนะครับ”

   “คิดให้มันดีดีนะแก๊ง” (พี่เฟิน)

   “พี่ขอเตือนเลยนะ ถ้าแกตัดสินใจลงไปแล้ว มันเอาคืนไม่ได้นะแก๊ง ยิ่งเป็นเรื่องแบบนี้” (พี่อิ๋งๆ)

   “ถ้าอะไรที่มันไม่แน่ใจ ปรึกษาพวกพี่ก่อนเลยนะ” (พี่ฟ่าง)

   “คร้าบๆๆ ครับผม ขอบคุณมากนะครับพี่พี่ แต่ก่อนหน้านั้น พรุ่งนี้วันอะไร ลืมหรือยัง”

   ผมตัดบทด้วยประโยคเดียวเลย.. รอคอยสีหน้าพี่พี่ให้คิด.. ให้ออก

   “พรุ่งนี้..” (พี่อ้อย สีหน้าครุ่นคิดหนัก)

   ผมก็พยักหน้า

   “วันที่ 11 เมษายน..” (พี่เอิน สีหน้าเริ่มจะปากหวอๆ กับอะไรบางอย่าง)

   ผมก็พยักหน้าอีกสองรอบ

   “แย่แล้ว!! ลืมไปได้ไงเนี่ยยย” (พี่ฟ่าง พี่เฟิน พร้อมกันเลยครับ)

   อ่ะโห.. เรื่องสำคัญแบบนี้ ลืมกันทั้งกลุ่มเลยครับ แต่อย่าว่าแต่พี่เค้าเหอะ ตะกี๊เราเองก็เพิ่งนึกได้เหมือนกัน

   “ตายแก๊งตาย จะเอากูตายมั๊ยว่ะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “แต่พวกเราก็ติดธุระกันตั้งแต่เย็นนี้เลยนะ ทำไงดี ลืมไปได้ไงเนี่ย สำคัญขนาดนี้” (พี่เฟิน)

   “แต่น้องไม่ติดนะ..”

   สิ้นประโยคนั้น..พวกพี่ก็มองมาที่... ผม

   “เอ้ออ!!! แก๊งมันยังว่างนี่หว่า ให้แก๊งไปแทนให้มั๊ยปีนี้” (พี่อ้อย)

   “ได้นะครับ”

   “โอเคเลย งั้นรีบไปซื้อของกันเลย ซื้อแยกหรือรวมดี” (พี่ฟ่าง)

   “แยกดีกว่ามั๊ยแก!?? แสดงถึงความจริงใจ” (พี่อิ๋งๆ)

   “ขอร้องเหอะครับ รวมเหอะ น้องตั้งใจจะไปคนเดียว”

   “หา!???” (พี่ๆ ทั้งห้าคน)

   “เธอจะไปคนเดียว.. แล้วพี่กรล่ะแก๊ง เธอก็บอกเรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ” (พี่เฟิน)

   “โธ่พี่เฟิน ก็น้องบอกแล้วว่าพี่กรน่ะแค่เพื่อน แถมเอาจริงๆ ให้พี่กรไปด้วย น้องคง....”



   หลังจากนั้น ผมกลับมาที่หอพร้อมของพะรุงพะรังมาเต็มสองมือ หนักมาก!! นี่ขนาดบอกให้พี่พี่ซื้อรวมกันแล้วนะ เล่นซื้อพวกของยิบย่อยกระจุกกระจิกเต็มไปหมด ก็บอกอยู่นะเว้ยว่ากูไปคนเดียว... แต่ก็ไม่ถึงกับขนขึ้นหอไม่ได้นะครับ ถึงหน้าห้อง แล้วรีบไข เปิดเข้าไปแล้วทุ่มของเข้าห้อง ค่อยปิดประตู ลากของพวกนั้นไปที่ข้างชั้นหนังสือทันที เฮ้อออ...หนัก

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. น้องแก๊งครับ พี่กรเอง กลับมาแล้วใช่มั๊ยครับ ตะกี๊พี่ได้ยินเสียงเปิดเข้าห้อง”

   อ้าว พี่กร... ก็กำลังจะเดินไปเปิดประตูให้... แต่...ผมมองกลับหลังหันมาดูของที่ซื้อกับพี่พี่... แล้วนึกถึง... เรื่องที่ผมตัดสินใจ..แล้วมองไปที่ประตูหน้าห้อง..ยังไงไอ้หมอมันก็ฉลาด มันคงนึกออกแน่ๆ ถ้าเห็นของพวกนี้

   เลยดันของพวกนี้ไปแอบแถวริมๆ ห้อง แล้วเอาผ้ามาคลุมไว้ จากนั้นก็คว้ากุญแจห้อง แล้ว...

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. คร้าบๆ...แกร๊กก!!”

   ก็เปิดประตูออกไป เจอกับไอ้หน้าหล่อหุ่นดีที่กำลัง...

   “ยิ้มหน้าบานเชียวนะพี่กร มีอะไรรึไง”

   “กลับมาแล้วเหรอครับที่รัก (ก็เข้ามากอดผมเหมือนเดิม) แต่ตะกี๊ ทำอะไรอยู่ครับ ทำไมเปิดประตูให้พี่ช้าจัง”

   พี่กรก็พยายามมองผ่านหลังผมไป... คิดล่ะว่าต้องผิดสังเกตุไอ้หมอ แต่ก็เตรียมไว้ล่ะ

   “เอ่อ.. พี่กรๆ วันนี้น้องนอนห้องพี่นะ.....ปึ้ง!! แกร๊ก!!”

   รีบดันพี่กรออกไปนอกห้อง ปิดประตูลงกลอนอย่างไว.. ค่อยหันหลังกลับมายิ้มใส่ไอ้หมอคืนเหมือนกัน

   “แก๊งจะนอนห้องพี่!?? วันนี้แก๊งเป็นอะไรครับ ปกติเห็นแต่นอนห้องตัวเอง”

   “เอ่อคืออ (คิดสิแก๊ง คิดดด!!!) คือพี่กรมานอนห้องน้องจนค่าไฟบานแล้วอ่ะ น้องนอนห้องพี่บ้างสิ”

   “หืมม มันก็ได้อยู่หรอก แต่แก๊ง พี่ว่ามันแปลกๆ นะ”

   “ไม่อยากให้น้องอยู่ข้างๆ เหรอ (จ้องหน้าพี่หมอกับเสียงเศร้าๆ ทำหน้าน้อยใจ)”

   มุขนี้ค่อนข้างได้ผลเกือบทุกงาน ไอ้หมอมันก็เข้ามากอดแล้วหอมแก้มผมใหญ่ แล้วค่อยกอดคอผมไปที่ห้องพี่แก ก่อนที่ผมจะหัน
หลังกลับไปมองห้องตัวเอง พลางคิดไปว่า.....

แค่พรุ่งนี้เท่านั้น
ที่ไม่อยากให้พี่กรรู้

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 10]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 16-03-2014 15:35:23
 :katai1: พรุ่งนี้มีอะไร ทำไมรู้ไม่ได้
วันเกิดก็ไม่น่าใช่ ครบรอบที่พี่สาวน้องชายเสียก็ไม่น่าใช่

แก๊งนี่ชอบกรแล้วชัดๆ เพราะปกติแก๊งระวังตัวมาก ผ่อนขนาดนี้แล้วก็ต้องชอบแหละ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 10]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 16-03-2014 20:14:26
พรุ่งนี้ ? อะไร? ยังงัย?
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 10]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 16-03-2014 21:58:39
น้องปิดพี่กรแบบนี้ ถ้ามันมารุ้ทีหลัง ระวังระเบิดลงนะคะ555 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 11 กล่องสองใบ]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 17-03-2014 01:48:19
ตอนที่ 11 กล่องสองใบ

   ผม.. ลืมตาตื่นขึ้นมา กลางดึก เหลือบมองไปดูนาฬิกาตรงชั้นหนังสือของไอ้หมอ

   ตีสอง เวลากำลังเหมาะเลย พี่กรยังนอนกอดผมไว้อยู่ข้างๆ ผมก็ค่อยๆ ลุกตัวเองขึ้น

   “อืมมมม”

   อุ๊!! รัดแน่นมาก เอาไงดีว่ะ

   เล่นวิธีนี้ล่ะกัน... เอื้อมไปคว้าหมอนข้างมา... สอดเข้าตรงกลางระหว่างผมกับไอ้หมอ แล้วใช้จังหวะนี้มุดออกซะ

   “อืออออออ”

   สะดุ้ง... มองไอ้หมอดีดีว่ามันจะตื่นรึปล่าว.. โอเค.. ไม่...พี่กรครางที่ผมขยับนิดหน่อย และมือก็ไปกอดรัดหมอนข้างแทนล่ะ เท่านี้... เราก็จะได้ไปตามภารกิจของเราซะที

   มืดๆ สลัวๆ พยายามควานหากุญแจห้องตัวเอง และกุญแจห้องไอ้หมอ จนเจอ..

   ไขประตูออกไปนอกห้อง แล้วล็อกห้องพี่กรอย่างเบาๆ ก่อนจะไปที่ห้อง 214 เข้าไปเปิดไฟภายในห้องให้สว่างขึ้นมา

   แล้วจ้องไปที่... มุมห้อง... ที่ที่มี...  สิ่งของ... สำหรับวันนี้อยู่

   ผมเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่อาบน้ำ เพราะเดี๋ยวไอ้หมอมันตื่น ถึงจะอยู่คนละห้องก็เหอะ แต่หูมันดีจะตาย ทุกขั้นตอนในการขยับตัวของผมต้องเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ เก็บของใช้บางส่วน แล้วก็ ตรวจเช็คความเรียบร้อย

    จากนั้นก็ขนของที่ซื้อมากับพี่พี่ลงไปยังรถใหญ่ของผมด้านล่าง ขนสองรอบก็เรียบร้อยแล้วครับ สุดท้าย..ก็

   ผมหยิบกระดาษมาในห้องหนึ่งแผ่น แปะกุญแจห้องอยู่มุมกระดาษด้วยเทปใส ที่เหลือก็เขียนข้อความลงไปว่า

   ‘พี่กรครับ น้องมีธุระสำคัญ ต้องไปทำคนเดียว ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เสร็จแล้วน้องจะโทรหา ไม่ต้องตามนะครับ จาก แก๊ง ปล.ถ้าน้องกลับมาก็ห้ามโกรธด้วย ห้ามถามด้วยว่าไปทำอะไรมา ไม่งั้น งอน’

   ตรง ปล. ผมตั้งใจเขียนให้เน้นย้ำเต็มที่ ค่อยสอดกระดาษเข้าไปตรงช่องระหว่างพื้นหอกับประตูห้อง 216

   ทีนี้ ก็..ออกเดินทางไปกับลูกสาว หรือรถ SUZUKI SWIFT 1.2 รุ่น GLX สีฟ้าลายลูฟเมไจสุดเลิฟ (เพราะลูกชายกำลังติดการ์ตูนเรื่อง MAGI THE LABYRINTH OF MAGIC อยู่ ตอนได้คันนี้มา คุณลูกก็เอาไปพ่นสีลายนี้ทันที จี๊ดจ๊าด ถูกใจที่สุด) รถคันนี้คุณพ่อซื้อมาให้ใหม่ๆ เมื่อตอนขึ้นปีสองมาใหม่ๆ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผ่านมาหนึ่งปีล่ะ ทั้งใบขับขี่และชั่วโมงการขับ ผมก็ไม่หวั่นกระทั่งถนนเส้นโหดๆ อย่างมิตรภาพแน่นอน

   ออกมาจากหอตอนตีสาม ขับออกไปทางนอกมอ พุ่งตรงสู่จุดหมายของวันนี้

   คือจังหวัด...บ้านเกิด...ของผม



   ขับมาได้สามชั่วโมง ใกล้จะถึงบ้านผมล่ะ

   หกโมงเช้าเหรอ หกโมงครึ่งคงถึง เฮ้อ... เมื่อยๆ เพลียๆ เหมือนกันครับ เลยแวะพักกินข้าวเช้ากับเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. ข้างทางก่อนถึงบ้าน เส้นทางแถวนี้ผมรู้จักดี พอได้ล้างหน้าหายเหนื่อยกับเติมพลังทั้งรถทั้งคนแล้ว ก่อนหน้านั้นก็โทรหาพ่อหน่อยล่ะกัน...หยิบไอโฟนขึ้นมา โทรหาพระบิดาสุดที่รัก วันนี้วันสำคัญ น่าจะอยู่ที่บ้าน

   “ตรู๊ดดดด.... อืมมม แก๊ง มีอะไรลูก โทรมาแต่เช้า”

   “พ่อตอนนี้อยู่บ้านใช่มั๊ยครับ..”

   “ไม่ลูกไม่ พ่อตอนนี้อยู่__มาประชุมงานบีเอ็น”

   “ห๊ะ!?? (อะไรกัน แม้แต่พ่อก็ด้วย) พ่อ... พ่อลืมวันนี้แล้วเหรอ”

   “ลืมวันนี้ ... อะไรลูก วันนี้มันวันอะไร วันเกิดแก๊งเหรอ ก็ไม่ใช่นะ”

   “ป่าวพ่อ ... ก็วันนี้ไง 11 เมษายน”

   “...(ค้างสายนานนี่ กำลังนึกใช่มะ)...เฮ้ยย พ่อลืมมม แก๊ง พ่อขอโทษ พ่อลืมม”

   “คงไม่ทันแล้วล่ะพ่อ บอกแล้วนี่ว่าอยู่บีเอ็น”

   “โอ้ยแก๊ง แล้วตอนนี้ลูกอยู่ไหนหนิ”

   “อยู่ตรงปั๊ม ปตท. ตรงทางไป__ เกือบถึงบ้านเราแล้วพ่อ อีกไม่ถึงสามสิบนาที”

   “อ้าว.. จะถึงบ้านแล้วเหรอ”

   “ก็ถึงได้โทรมาถามพ่อไงว่าอยู่บ้านใช่มั๊ยครับ จะได้ไปด้วยกัน นึกว่าพ่อจำวันนี้ได้ซะอีก นึกว่าอยู่ที่บ้าน”

   “โอ้ยแก๊งง พ่อขอโทษ งั้นเอางี้ เดี๋ยวพ่อโอนเงินส่วนของพ่อให้ แก๊งกับพี่พี่ไปทำแทนได้มั๊ย”

   “พี่พี่ก็ไม่มาครับพ่อ ติดงานกันทั้งนั้น มีแต่แก๊งมาคนเดียว”

   “อ้าว.. เหรอ งั้นแก๊งจะไปคนเดียวเหรอครับ”

   “ก็ในเมื่อพ่ออยู่บีเอ็นอย่างนี้ ไปด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะครับ ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมกับพี่พี่ซื้อของที่จะใช้มาหมดแล้วล่ะครับ พ่อไม่ต้องห่วง ทำงานบีเอ็นไปเหอะครับ”

   “อ่า โอเคครับ ขอโทษนะลูก เดี๋ยวเสร็จแล้วยังไงโทรบอกพ่อด้วยนะ”

   “ครับผม”

   ผมก็กดโทรศัพท์พ่อลง เฮ้ออออ เอาไงเอากัน ไปคนเดียวก็ได้ว่ะ



   ขับมาถึงหมู่บ้านผมแล้ว แต่ยังไม่ตรงไปที่บ้านผม สิ่งแรก ที่ผมตรงไปเป็นจุดหมายจริงๆ ของเช้าวันนี้ คือ...

   วัด.. ของหมู่บ้าน

   เมื่อผมขับมาถึง หาที่จอดรถ ขนของทั้งหมดลงแล้วตรงไปที่ศาลาธรรมทันที

   เอาของทั้งหมดที่ซื้อออกมาจากชุด คือชุดสังฆทานสองชุดพร้อมกับปัจจัยสิ่งของอื่นๆ ที่ผมกับพี่พี่รวมกันซื้อ นำมาจัดตั้งไว้และเขียนสังฆทานชุดนึงว่ามาจากพี่พี่รวมกัน (ใช้ชื่อเล่นนะครับ เขียนชื่อจริงตายห่าพอดี ได้ฉลุลายให้ถังสังฆฑานกันเลยก็ว่าได้) ส่วนอีกชุดก็เขียนว่ามาจากผมและครอบครัว แล้วนำไปถวายหลวงพ่อที่วัดประจำหมู่บ้านผม

   จากนั้นก็นั่งฟังธรรมเทศนา กรวดน้ำแผ่เมตตา แล้วค่อยถือของพวกผ้าขี้ริ้ว ถังน้ำเล็กๆ ที่ใส่น้ำไว้ ดอกไม้ ธูป เทียน อย่างละสองชุด น้ำอบ และน้ำมนต์กรวดอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล เดินไปทางหลังวัด

   ระหว่างทาง ผมก็เห็นเด็กสามคน ชายสอง หญิงหนึ่ง กำลังวิ่งเล่นไล่จับกันบนลานโล่งอย่างสนุกสนาน

   มันทำให้ผม นึกถึง พี่กิ๊ง ผม และน้องก๊อง ผมก็พิจารณาเด็กๆ ทั้งสามคนได้ไม่นาน ก็ต้องเดินไปทางหลังวัดต่อ

   เมื่อไปถึง ภาพที่เต็มไปด้วยเจดีย์เล็กๆ มากมาย ตกแต่งหลากสีสันแต่ละหลังด้วยกระจกเล็กๆ หรือหินสีดูสะดุดตา แต่เจดีย์เหล่านี้ไม่ใช่เจดีย์ธรรมดา มันคือ “เจดีย์เก็บอัฐิ” ที่ตั้งเอาไว้อย่างสงบภายในหลังวัดมาโดยตลอด

   ผมตรงไปยังเจดีย์อัฐิเด่นๆ สององค์ติดกัน ที่ดูสูง รูปทรงงดงาม ตัวเจดีย์ทำเป็นรูปหกเหลี่ยมดูสวยงามกว่าเจดีย์โดยรอบ มองจากภายนอกก็รู้ได้ทันทีว่าวัสดุที่ทำเจดีย์ทั้งสององค์คือหินอ่อนอย่างดี แต่ต่างกันตรงที่การตกแต่งด้วยกระจกที่องค์นึงจะใช้โทนสีเขียว ส่วนอีกองค์จะใช้โทนสีฟ้า

   แล้วนั่งลง หน้าเจดีย์ทั้งสอง ตั้งชุดดอกไม้ จุดธูป จุดเทียน อย่างละชุดหน้าเจดีย์แต่ละองค์ด้วยความนิ่งสงบ ก่อนที่จะเริ่มกรวดน้ำ แล้วเงยหน้ามองภาพสลักบนเจดีย์ เขียนถึงชื่อเจ้าของเจดีย์ที่กำลังหลับใหลอย่างสงบมาโดยตลอด

   องค์สีฟ้า ของพี่กิ๊ง และองค์สีเขียว ของน้องก๊อง

   ใช่แล้วครับ วันที่ 11 เมษายน ไม่ใช่วันครบรอบวันตายของพี่กิ๊งและน้องก๊องหรอกครับ... แต่เป็นวันเผา

   เพราะตายด้วยสาเหตุคือฆาตกรรม การชันสูตรพลิกศพเพื่อหาหลักฐานรูปคดีก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางยุติธรรม แน่นอนครับ ถึงจะมีการสวดเจ็ดวันหลังจากที่พี่น้องทั้งสองของผมเสียทันทีก็ยังไม่ได้เผา ยังคงเก็บศพไว้เพื่อรอการตรวจทางนิติเวชต่อไปอีกสามสิบวันเนื่องจากยังหาหลักฐานสรุปสำนวนได้ไม่ครบ คงจะรู้นะครับว่าทำไม

   จนศพของทั้งสองเริ่มไม่ไหว หนึ่งเดือนกว่าๆ หลังจากนั้น พ่อแม่ผมเลยตกลงที่จะเผา ไม่เก็บศพให้ทางนิติเวชตรวจสอบต่อถึงแม้จะยังทำเรื่องขอได้อีกก็ตาม

   ซึ่งตอนนั้น ผมก็ยังอยู่ในภวงค์ซึมเศร้า ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากกล่องสีขาวสองใบของพี่กิ๊งและน้องก๊อง จนถึงตอนใส่ชุดสีดำสนิททั้งตัว ยืนถือภาพของพี่กิ๊งขึ้นสู่เมรุ ส่งพี่เค้าเข้าไปสู่เปลวเพลิงภายในนั้นด้วยจิตใจที่แตกสลาย น้ำตาผมก็ไหลไม่หยุด แต่ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีเสียงอะไรมาอีกแล้ว เมื่อพี่กิ๊งเผาเสร็จในวันแรก น้องก๊องก็ตามมาในวันที่สอง วันนั้นผมแทบจะล้มทั้งยืน
   เพราะกล่องทั้งสองใบของผม กล่องทั้งสองใบที่ใส่พี่น้องของผม ได้กลายเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว

   หลังจากนั้นก็ทำบุญอัฐิ แล้วเก็บกระดูกของทั้งสองคนไว้ในเจดีย์ที่แม่ของผมสั่งเตรียมไว้ให้ ตั้งภายในวัดอย่างสงบเรียบร้อยทั้งสองคนในวันที่ 11 เมษายน

   ซึ่งในงานพิธีศพของทั้งสองคนนั้น ทั้งพี่พี่ และคนรู้จัก ต่างมาร่วมงานกันทั้งสิ้น

   ถึงผมจะยังอยู่ในภวังค์แห่งความเศร้า ไม่รับรู้ถึงตัวตนของใครเลยแม้กระทั่งพี่พี่ แต่พี่พี่ก็จำผมได้จากวันนั้น และจำวันที่เผาทั้งสองคนเสร็จและเก็บกระดูกไว้ในอัฐิได้เป็นอย่างดี

   ผมจึงตกลงกับทุกคน ทั้งพี่พี่ และพ่อ ว่าวันที่ 11 เมษายน พวกเราทุกคนควรจะทำบุญให้พี่กิ๊งและน้องก๊องทุกปี เพราะเป็นวันที่เผาและเก็บกระดูกของทั้งสอง และเป็นวันที่มีความหมายในหลายๆ อย่างของการเจอกันครั้งแรกระหว่างผมกับพี่พี่ พร้อมกับต้อนรับสงกรานต์หรือวันพระใหญ่ที่จะทำให้พี่กิ๊งและน้องก๊องได้บุญใหญ่อีกด้วย

   ผมจึงถือว่าวันนี้ สำคัญมาก... ต่อให้ใครไม่มาเป็นเพื่อนผมก็ตาม ผมก็ต้องมาให้ได้

   ส่วนเหตุผล ที่ผม ไม่ยอมให้พี่กรมาด้วย ก็เพราะว่า...

   ผมกรวดน้ำเสร็จ ก็เริ่มเอาผ้าขี้ริ้วขึ้นมาชุบน้ำนิดนึง บิดให้หมาด แล้วเริ่มเช็ดไปที่ภาพสลักของเจดีย์พี่กิ๊งก่อนเลย

   “พี่กิ๊ง ขอโทษแทนพี่พี่กับคุณพ่อด้วยนะครับ พอดีว่า ทุกคนติดงานหมดเลย ปีนี้ น้องเลยมาคนเดียว”

   ช่วงวันแบบนี้ เวลานี้ แถวนี้จะไม่ค่อยมีคน ผมเลยกล้าที่พูดหรือส่งเสียงไปโดยไม่ต้องสนว่าใครจะได้ยินหรือเปล่า เพราะแถวนี้ มีแต่คนตาย

   จากนั้นก็ชุบอีกรอบ เช็ดที่ภาพสลักเจดีย์น้องก๊อง

   “น้องก๊องก็ด้วยน๊า ถึงไม่สนิทกับพี่พี่ ก็อย่าไปโกรธคุณพ่อที่เค้าไม่ว่างนะครับ”

   เมื่อเช็ดเสร็จแล้ว ผมก็เขย่าขวดน้ำอบ เปิดฝา พรมลงไปบนภาพสลักอย่างเป็นจังหวะ

   “สงกรานต์ปีนี้ก็อย่าลืมออกมารับบุญใหญ่กับที่วัดด้วยนะครับ เห็นเมื่อกี๊คนเริ่มกลับบ้านจากต่างจังหวัดมาทำบุญกันเยอะแยะเลย ถ้าพระท่านสวดอะไรก็อย่าดื้อนะแก๊ง ยิ่งเป็นเด็กสมาธิสั้นตอนฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่ด้วย”

   พอผมพรมเสร็จ... ปิดขวดน้ำอบ... ผมก็ยังนั่งอยู่หน้าเจดีย์ของทั้งสองอย่างนั้น

   “พี่กิ๊ง น้องก๊อง รู้รึปล่าว มีคนเข้ามาจีบแก๊งด้วยนะ ชื่อพี่กร อยู่คณะแพทย์ ดูยังไงก็ไม่รู้.....”

   พลางเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น... แบบรวบรัด ถึงจะไม่หมด แต่ก็เพื่อให้ผมรู้สึกว่ายังได้คุยกับสองคนนี้

   แล้วน้ำตาผม.. มันก็ไหล...

   ใช่ครับ..นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ผม ถึงไม่อยากให้พี่กรมา

   ผมไม่เคยหยุดน้ำตานี่ได้สักครั้ง เมื่อมันเกี่ยวกับเรื่องพี่กิ๊ง และน้องก๊อง ถึงผมจะบอกว่าเข้มแข็งขึ้นแล้ว แต่ภาพเด็กตัวเล็กๆ สามคนที่กำลังวิ่งเล่นกัน กลายมาเป็นภาพเด็กผู้ชายคนนึงมองเห็นกล่องสองใบที่ใส่ร่างไร้วิญญาณของพี่น้องตัวเองเข้าสู่เปลวไฟ มันไม่เคยทำให้ผมหยุดน้ำตาได้เลยสักครั้ง แม้จะอยู่ต่อหน้าพี่พี่ ต่อหน้าพ่อก็ตาม

   ซึ่งพี่พี่ก็เข้าใจ พ่อก็เข้าใจ ว่าผมร้องไห้ทำไม

   แต่ผม..ถึงจะเล่าให้พี่กรฟังไปแล้ว.. ก็กลัว ว่าพี่กรจะไม่เข้าใจ

   ผมไม่แน่ใจว่าพี่กรเค้าจะมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมรึปล่าว และผมก็ไม่กล้าเอาสิ่งที่ไม่แน่ใจมาอยู่ต่อหน้าพี่กิ๊งและน้องก๊องได้ เพราะทั้งสองคนคือสิ่งที่แน่นอนแต่ก็สูญเสียไปแล้ว น้องไม่อยากแสดงความอ่อนแอในเรื่องนี้ของน้องให้พี่กรเห็น เพราะยังไม่รู้ ว่า...พี่กร จะจริงจังกับน้อง

   “ฮึก..แล้วไอ้หมอบ้านั่นนะพี่กิ๊ง..ฮืออออ.. ก็ชอบทำอะไรงี่เง่าอย่างนั้นตลอดเลยล่ะ.. ฮึก ฮึก..”

   ผมพยายามเช็ดน้ำตาตัวเองอยู่หน้าเจดีย์ของทั้งคู่

   “ซึบ ซึบ ซึบ...”

   เสียงคนเดินมาทางนี้... อะไรกัน!! แถวนี้ไม่ค่อยมีคนนี่นา หรือว่า.. สัปเหร่อรึปล่าว พระมั้ง รีบเช็ดน้ำตาดีกว่า

   “ร้องไห้ตลอดเลย ไอ้ขี้แงของพี่”

   ห่ะ เสียง เสียงนี้... แล้วมือก็เข้ามาจับไหล่ผม นั่งลงอยู่ข้างๆ พร้อมกับใบหน้าหล่อๆ ในชุดสีขาวเหมือนผม

   “พี่!! พี่กร....มา... มาได้ยังไง”

   มันก็ยิ้มมาที่ผม หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาผมเบาๆ แล้วหอมแก้ม

   “พี่กร!! นี่ นี่มันหน้าเจดีย์พี่กิ๊งกับน้องก๊องนะ รู้รึปล่าว”

   “รู้ครับ... แต่พี่ก็มีเรื่องจะบอกเหมือนกัน (แล้วหันไปทางเจดีย์ของทั้งสองคน)”

   “รู้มั๊ยครับ ทั้งสองคน แก๊งของทั้งสองคนน่ะ เค้าทั้งน่ารัก ทั้งดื้อ ซน และชอบปิดบังขนาดไหน”

   “พี่กร!!”

   “ดีแต่ว่าผมตะกี๊นะครับ ไม่ดูตัวเองเล้ยย ชอบทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงอยู่เรื่อย”

   “พี่กร นี่มันหน้า...อ๊ะ!! (ผมสะดุด เพราะไอ้พี่กรมันคว้าตัวผมเข้ามากอดแน่นๆ)”

   “แต่ผมให้สัญญาอย่างนึงกับทั้งสองคนนะครับ ว่าถึงผมจะทำตัวงี่เง่า บ้า ดูหน้ามึน หน้าไม่อาย หรืออะไรอย่างที่น้องแก๊งเค้าว่า แต่ผมก็จะทดแทนทั้งสองคนนะครับ จะเป็นพี่ชายที่ดีแทนทั้งสองคนที่ต้องจากไปแล้ว..(แล้วก้มลงมองผม) จะเป็นผู้ชายที่ดีที่ปกป้องน้องแก๊ง..(กลับไปมองที่เจดีย์อีกรอบ) จะเป็นคุณหมอที่ดีที่จะดูแลน้องแก๊งทุกครั้งเวลาป่วย”

   จากนั้น...ก็ค่อยๆ ก้มลงมาจูบที่ปากผม แค่จูบแบบ จุ๊บ นิดนึง...นะครับ

   “และจะเป็นคนรักที่ดี ที่จะรักแต่น้องแก๊งคนเดียว ตลอดชีวิต แน่นอน... ผมสัญญาครับ”
   ฮึก!! อึ๊ก... นี่มัน...จ้องตาผมด้วย

   “ออกไปเลย!! ยังไม่ได้เป็นแฟนกันซักหน่อย (พลางดีดตัวเองออกมาจากอกไอ้หมอมัน)”

   “5555 หยุดร้องเถอะครับแก๊ง”

   พี่กรก็ยีหัวผมอยู่อย่างนั้นนะ หน้ากระดูกพี่กิ๊งกับน้องก๊องอ่ะ คือ... ไม่อายคนตายเค้าบ้างเลยรึไง



   “ยังไม่บอกน้องเลย!!”

   ตอนนี้น้องกับพี่กรออกมาจากวัด มาที่บ้านน้องแล้วครับ น้องตั้งใจจะมากวาดบ้านถูบ้านซักรอบก่อนค่อยกลับมหาลัย พี่กรก็ตามมาช่วยอีกแรงนึง.. เลยทำลายความเงียบด้วยคำถามนี้ซะเลย เพราะตะกี๊ยังมึนๆ งงๆ ร้องไห้ๆ อยู่ จู่ๆ พี่แกก็เข้ามาได้ยังไง แล้วมาพูดแบบนั้นใส่หน้าเจดีย์พี่กิ๊งกับน้องก๊องเฉยเลย

   “อะไรนะครับ”

   “มาที่นี่ได้ยังไง น้องอุตส่าห์ปิดเป็นความลับ โอ๊ยยย...”

   เดินเข้ามาหยิกแก้มผมครับ โอ้ยยยย เรื่องความเร็วนี่ต้องยกให้ไอ้หมอมันเลย ไม่รู้ตัวผมก็โดนหยิกแก้มล่ะ

   “นี่ล่ะพี่ไม่ชอบเลย ถ้าเป็นเรื่องสำคัญๆ ก็บอกกันนะครับ”

   “แย้ว ยายี่นี่ไย้ยังไยยะ (แล้ว มาที่นี่ได้ยังไงอะ พยายามพูดขณะโดนหยิกแก้มครับ)”

   แล้วไอ้หมอก็จูบปากผมหนึ่งที ก่อนจะรวบน้องเข้าไปกอดพร้อมกับไม้กวาดในมือ

   “พี่เห็นเราผิดสังเกตุตั้งแต่ตอนเย็นวานนี้แล้วล่ะครับ เลยแอบไปดูตอนเราเพิ่งหลับว่ามุมห้องมันมีอะไร เท่านั้นพี่ก็รู้ทันทีครับว่าเราจะทำบุญ แต่ยังไม่รู้ว่าบุญอะไร และทำไมไม่ยอมบอกพี่ แถมไม่ให้พี่มาด้วย พอเราตื่นแล้วเอาหมอนข้างมาสับ พี่น่ะตื่นก่อนหน้านั้นแล้วครับ ก็รอให้เราออกรถไปก่อนพี่ก็ขับสะกดรอยตามมาเรื่อยๆ ไม่ให้เราสังเกตุได้ จนมาหยุดอยู่ที่วัดนั่นล่ะครับ”

   “อะ.. อะไรกัน..ร้ายกาจมาก... ซ้อนแผนน้องเหรอ”

   “จะเป็นแฟนกับคนดื้อ มันก็ต้องมีแผนรับมือบ้างล่ะครับ ดีซะอีก พี่จะได้มาไหว้หลุมศพพี่กิ๊งกับน้องก๊องเค้าด้วย”

   “เช๊อะ! มาไหว้หรือมาอนาจาร แถมใครว่ามันเป็นหลุม มันเป็นเจดีย์ พูดดีๆ หน่อย โอ๊ยยยย... (โดนขย้ำหัวครับ)”

   “กวนพี่อย่างนี้นี่ ไม่โกรธพี่แล้วใช่มะ”

   ผมก็ เงยหน้ามองพี่กรนิดนึง ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่น

   “น้องว่า รีบทำความสะอาดบ้านกันเหอะครับ จะได้กลับมอ”

   “ยังไม่ตอบพี่เลย... พี่ยังอยากถามเราอีกนะครับว่าทำไมไม่ให้พี่มากับเราด้วย ตอนแรก”

   “เรื่องนั้นก็ด้วยครับ เดี๋ยวค่อยตอบ ทำก่อน...นะ...ปล่อยน้องนะ”

   “อะอะ โอเคครับ ยอมล่ะยอม”

   พี่กรก็ค่อยปล่อยให้ผมทำงานบ้านไป จนเสร็จ

   เพราะขับรถมาคนละคัน มันเลยทำให้ผมได้มีเวลาคิด ระหว่างทางที่ขับรถกลับมอไปเรื่อยๆ

   กับคำพูด ที่พี่กร พูดหน้าเจดีย์ของพี่กิ๊ง กับน้องก๊อง..

   “เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่แกต้องคิดเองด้วย แกต้องคิดดีๆ นะแก๊ง! ก่อนจะตัดสินใจอะไร

   เสียงของพี่อิ๋งๆ ลอยเข้ามา มันช่วยตอกย้ำ กับความคิดของผมในตอนนี้ จนผมตัดสินใจ ออกไปว่า....

พวกพี่ครับ เรื่องพี่กร...
น้องว่าน้อง คิดได้แล้วล่ะครับ

//////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 11 กล่องสองใบ]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 17-03-2014 10:14:01
ค้างๆยังงัยต่อไป รอตอนหน้านะครับ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 11 กล่องสองใบ]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-03-2014 10:14:58
 :z13: ก่อน

พี่กรนี่มึนตลอด แต่น่ารักมากๆเลย

หวังว่าน้องแก๊งเราจะตัดสินใจคบกับพี่กรนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 11 กล่องสองใบ]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 17-03-2014 16:31:30
ว่า............จะตกลงเป็นแฟนกะพี่กรใช่ม่ะน้องแก๊ง555555


 :oo1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 11 กล่องสองใบ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-03-2014 16:59:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 11 กล่องสองใบ]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-03-2014 23:15:40
 :mew1: ราศีพระเอกจับเต็มๆ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 12 สารภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 18-03-2014 00:13:11
ตอนที่ 12 สารภาพ

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พ่อประชุมต่อเลยนะแก๊ง”

   “ครับพ่อ ไม่มีอะไรแล้วครับ ประชุมให้สนุกนะครับพ่อ... บายครับ”

   แล้วก็กดโทรศัพท์ลง

   กลับมาถึงหอเรียบร้อยแล้วครับ ตอนเที่ยงๆ มาถึงผมก็รีบเข้าห้องตัวเอง พี่กรก็เข้ามาด้วย แต่เรื่องปกติครับ ตะกี๊ผมก็โทรรายงานพ่อตามคำสั่งเสร็จไป พอผมกดวางสายเท่านั้นล่ะครับ

   “แก๊งคร้าบบบบบ”

   หนับเลย พี่กร กอดผมจากด้านหลังแล้วเอาคางมาเกยไหล่ผม

   “มีอะไรครับพี่กร กอดน้องบ่อยจนน้องเริ่มจะชินแล้วนะ”

   “ดีแล้วววว แต่ตอบคำถามพี่ได้รึยัง ว่าทำไมไม่พาพี่ไปด้วย ตอนแรก”

   หันมามองหน้าไอ้หมอตรงไหล่ผม...

   “ก็.. ถ้าอยากรู้คำตอบ ปล่อยน้องก่อนสิครับ”

   “ไม่เอา”

   “น้องไม่หนีไปไหนหรอกคร้าบ เชื่อเหอะ ในห้องน้องเองน้องจะหนีไปไหนได้ ปล่อยน้องก่อนนะครับ”

   พี่กรก็ปล่อยนะ อารมณ์แบบว่า หน้ามุ่ยๆ ไม่อยากปล่อย เฮอะๆ น่ารักดีแฮะ

   ผมก็จับมือพี่เค้าครับ... แล้วลากให้เดินมาที่เตียง จากนั้น ก็จับพี่เค้า นั่งลงไปตรงริมเตียง... เท่านี้ความสูงก็โอเคค่ะ

   “ว่าไงครับน้องแก๊ง”

   “ก็...”

   จับหน้าพี่เค้าเงยขึ้นมา แล้วก้มตัวเองลงไป ให้ปากผม..... ไปชนกับปากพี่กร

   ผมรู้เลยว่าไอ้หมอมันอึ้ง แต่ผมก็ค้างอยู่อย่างนั้นจนพี่กรกอดผมคืน แล้วสอดลิ้นเข้ามาให้ผมค่อยๆ เปิดปากรับจูบพี่เค้าอย่างเต็มใจ ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะตัวเองจูบไม่เป็นครับ ถึงจะโดนพี่กรจูบบ่อยแทบทุกวันแต่ไม่เคยเรียนรู้สักที พี่กรก็ไม่สอนเพราะสงสัยกลัวว่าผมไม่อยากเรียนรู้ (ซึ่งมันก็จริง) มันก็เลย ต้องทำแบบนี้

   จนผมคลายออกมา แต่ก็ยืนไม่มั่นแล้วเพราะพี่กรกอดผมแน่น ผมเลยค่อยๆ นั่งลงไปบนตักไอ้หมอที่อยู่บนเตียงแล้วกอดคอมันไว้ ทำให้หน้าผมกับหน้าไอ้หมอตอนนี้ มันใกล้กันมากกว่าทุกครั้ง.. คือจมูก ชนกันจริงๆ เลยครับ..

   “แก๊ง.. จูบพี่ก่อน”

   “น้องขอโทษนะครับพี่กร ที่วันนี้ไม่พาพี่กรไปด้วย ตอนแรก”

   “ครับ..”

   “เพราะน้องกลัวว่าพี่กรไม่จริงใจ อันที่จริงคือน้องยังไม่เชื่อใจพี่กร เพราะน้องคิดว่ายังไงพี่กรก็เคยเจ้าชู้มาก่อน ไม่รู้สิครับ น้องมันไม่เคยมีความรัก น้องไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง น้องก็เลย ไม่พาพี่กรไปด้วยตอนแรก นั่นล่ะครับ”

   พี่กรเอาหน้ามาซุกอกผม แล้วกอดรัดผมซะแน่นมากๆ.. รู้เลยว่าไม่พอใจนิดๆ กับเรื่องเมื่อกี๊ที่ผมพูดออกไป

   “พี่จะบอกยังไงดีล่ะ!? แก๊ง!!.. เรื่องที่พี่เคยเจ้าชู้มาก่อนมันก็จริง พี่ยอมรับ แต่ตอนนี้ก็พี่เลิกไปแล้วนะครับ หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้พี่อยู่กับแก๊งแค่คนเดียวแก๊งก็รู้ ถ้าพี่จะไปไหนก็ไปแต่กับแก๊ง ถ้าจะกินข้าวกับใครก็กินแต่กับแก๊ง จนแม้แต่จะนอนพี่ก็ยังมานอนข้างแก๊งทุกวันเลย นี่.. ที่พี่ดูแลแก๊งทั้งหมดนั้น มันยังไม่พิสูจน์ความจริงใจของพี่อีกเหรอครับ”

   “น้องขอโทษนะครับ ที่คิดแบบนั้น แต่น้องยอมรับเลยนะครับ ว่าที่พี่ทำทั้งหมดตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา น้องมีความสุขจริงๆ แล้วพอมาวันนี้ ที่พี่กรบอกอย่างนั้นตรงหน้าเจดีย์ของพี่กิ๊งกับน้องก๊อง มันเลย...”

   “มันเลย!??... มันเลยอะไรครับ”

   พี่กรรีบเงยหน้าขึ้นมาฟังใหม่อีกรอบ คราวนี้ผมก็จับหน้าพี่เค้าไว้ให้ตั้งใจฟัง
   “มันเลยทำให้น้องคิด ระหว่างทางที่มาที่นี่ คิดถึงเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้น ตั้งแต่น้องเจอพี่กร จนมาถึงวันนี้ น้องคิดดีแล้วล่ะครับ ว่าน้อง อยากบอกพี่กรว่า.....”

   “ว่า..!??”

   ผมก็มองหน้า... แล้วจูบพี่กรก่อนอีกรอบ ครั้งนึง... ก่อนจะยิ้ม แล้วพูดออกมาว่า

   “น้องก็ชอบ พี่กร เหมือนกันนะครับ”

   “อะ.. อะไรนะครับ”

   เอ้าอะไร ตะกี๊ก็หูดีๆ อยู่เลย ไม่เป็นไร... อีกรอบล่ะกัน

   “คือออ...น้องก็ชอบ พี่กร นะครับ ตอนนี้พี่กรเป็นแฟนน้อง นะครับ”

   “อะอะ...อะไรนะครับ”

   เอ๊ะไอ้นี่! ใกล้กันจนหายใจรดใส่กันขนาดนี้ อะไรมันเข้าสิงมึงรึงไง...ตะเบ็งเสียงด้วยระบบ รด. แถมขยี้หัวแบบมิซาเอะทำกะชินจังใส่ไอ้หมอมันเลยกู

   “หนอยย... น้องชอบพี่กร!! พี่กรไม่อยากเป็นแฟนน้องรึไง!!”

   แล้วทีนี้ มันก็... ยิ้มร่าเลยครับ

   “แก๊งคร้าบบบบบบบบ พี่ดีใจที่สุดเลยยยยย”

   “โอ้วโว้วโว้วววววววววววว”

   รัดผมซะแน่นแล้วลุกขึ้นอุ้มผมหมุนไปรอบเลยทีนี้ เสียหลักจนต้องกอดคอไอ้หมอเหมือนเดิม... โอ้ยยพอ กูมึนนน

   “พี่กร... อย่าควงน้องสิครับ น้องมึน อ๊ะ แอร่กก!!!”

   ควงงงงหมุนนนนติ้ววววจนเซล้มลงไปบนเตียงเลยครับ แต่ไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอกครับ เตียงห้องผมมันนุ่มพอดี พอตั้งหลักได้พี่กรก็รีบคร่อมผมมาอยู่ในท่าประจำที่พี่กรชอบทำทันที (คือคร่อมผมอยู่ข้างบน ส่วนตัวผม ก็อยู่ข้างล่าง)

   “ในที่สุด วันที่แก๊งบอกชอบพี่ก็มาซะที ตอนนี้ พี่เป็นแฟนแก๊งได้แล้วใช่มั๊ยครับ”

   “ก็.... ได้ยินไปแล้วนี่” (แล้วก็ก้มลงมากอดผมเลย)

   “เฮ้อออ กว่าจะรู้ตัวว่าชอบพี่นะแก๊ง เอาซะพี่หงุดหงิด เกือบหมดความอดทนไปตั้งหลายรอบ”

   “อะไรพี่กร.. ทำไมพูดแบบนั้น น้องกว่าจะรู้ตัวว่าชอบพี่เนี่ยนะ!!” (พี่กรก็เงยหน้าขึ้นมา)

   “ก็แก๊งซื่อบื้ออ่ะ แก๊งไม่รู้ตัวหรอก แก๊งน่ะชอบพี่ตั้งนานแล้วเหอะ ตั้งแต่ยอมให้พี่จูบแล้วมั้ง พี่น่ะดูออก แต่แก๊งน่ะสับสน พี่เลยรู้ว่ายังมีความหวังอยู่บ้าง แค่รอให้เรารู้สึกตัวเท่านั้น พี่ก็ทั้งช่วย ทั้งทำ ทั้งอ้อน ทั้งจริงจังกับเราให้เรารู้ตัวซักที แต่มันก็นานอ่ะ ตั้งเดือนนึง เอาซะพี่หงุดหงิดตั้งหลายรอบ แต่ก็ช่างเหอะ เพราะพี่มีความสุขมากที่ได้อยู่ข้างๆ แก๊ง ได้ดูแลแก๊ง ได้ทะเลาะกับแก๊ง พี่เลยคิดว่าพี่รอได้ รอจนกว่าแก๊งจะรู้ตัวว่าชอบพี่สักที”

   “ห่ะ...”

   ปากพี่กรก็เข้ามาจูบผมอีกรอบนึง... สอดลิ้นเข้ามาทำให้ผมเริ่มเคลิ้มตาม

   “พี่รักแก๊งนะครับ รักมาก พี่ไม่เคยคิดเลยว่ารอยยิ้มแก๊งแค่วันแรกที่เจอกัน จะเปลี่ยนพี่มาได้ขนาดนี้ ยิ่งได้มาอยู่ใกล้ๆ พี่ยิ่งรู้เลยว่าแก๊งน่ะใช่ มันไม่ใช่แค่น่ารัก ไม่ใช่แค่หน้าตาดี แต่พี่รู้ว่าแก๊งต้องมีพี่ ต้องเป็นพี่เท่านั้น..
   เพราะไม่ว่าจะความดื้อ ความซื่อบื้อ ติ๊งต๊อง ไม่รู้ประสา มีมุมแบบเด็กๆ มันทำให้พี่ต้องห่วง ต้องดูแลอยู่เรื่อย แต่พี่ก็ชอบที่แก๊งเป็นแบบนั้น พี่อยากดูแล และพี่ก็รู้ว่ามีแค่พี่เท่านั้นที่ทำได้
   แต่ถ้าวันไหนที่พี่ไม่อยู่ แก๊งก็ดูแลตัวเองได้ มีความรับผิดชอบ ใส่ใจกับทุกคำที่พี่พูด ที่พี่สอน มันเลยทำให้พี่ไม่ต้องห่วงอะไรมาก แค่ต้องสอนย้ำกันสักหน่อยเพราะเรายังดื้ออยู่บ้าง เรื่องนี้แก๊งไม่รู้ตัวใช่มั๊ยครับ”

   ส่ายหน้าสิผม

   “แก๊งน่ะเป็นแบบนี้แหละ ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในหัวทำไมถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้ ยอมพี่มาตั้งนานแล้วแต่ไม่นับว่าเป็นแฟนกันเฉยๆ พี่ได้ยินทีไรล่ะอยากจะตีจริงๆ
   แล้วไหนจะเรื่องครอบครัว เรื่องความรัก หรือเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกของเรา เราน่ะชอบขี้กลัว ชอบร้องไห้ ชอบไม่ค่อยเก็บอารมณ์เวลาอยู่กับพี่เท่าไหร่ แต่กับคนอื่นน่ะแทบไม่เคยเห็นแก๊งเป็นแบบนั้นเลย มันเลยทำให้พี่คิดว่าพี่กลายเป็นคนพิเศษสำหรับแก๊งไปแล้ว
   แต่ต่อไปนี้เราก็รู้ตัวสักที และจะได้เป็นแฟนกัน พี่ขออย่างเดียวนะครับ มีอะไรก็อย่าปิดบังพี่ พี่ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังเราแล้ว หลังจากนี้เราก็นับพี่เป็นแฟนแล้ว อย่ามีความลับนะครับ กฏข้อแรก...”

   “โห.. เป็นกฏ เลยเหรอ”

   “สำหรับแก๊งน่ะพี่อยากยัดกฏให้อีกเป็นสิบๆ ข้อเลยครับ มีเรื่องน่าห่วงเป็นกะตั๊กเลย คนอะไรไม่รู้ น่ารักแล้วยังทำตัวให้น่าห่วงนี้ ไม่จับยัดล่ามโซ่ไว้ที่ห้องก็ดีเท่าไหร่แล้วครับ”

   “ก็อย่าจับล่ะกัน น้องไม่เอาด้วยหรอก ไอ้หมอใจร้าย”

   ฮึ.. อะไรว่ะ พล่ามออกมาคนเดียวแล้วยังจะล่ามโซ่เราไว้อีก หน้ามึนเป็นบ้าเลย...

   “อ๊ะ!!... พี่กร... มือ”

   มือพี่กร ล้วงเข้าไปในเสื้อผม... แล้ว

   “พี่กร... ฮื้อออ อืออออออออ”

   พี่กรก็ก้มลงจูบผม แต่ครั้งนี้... ไม่เหมือนทุกครั้งที่จูบกับพี่เค้า

   ลึกกว่าเดิม พี่กรสอดลิ้นเข้ามาลึกกว่าเดิม มือและขาพี่เค้าค่อยๆ ลูบไปตามแขนขาแล้วจับผมให้รัดเข้าไปใกล้ตัวพี่กรมากขึ้น... มากขึ้น จนตัวผม... แทบ... ฮึ๊กก

   “พี่กร... ฮ่ะ.. อ๊ะ... ตรง ตรงนั้น”

   พี่กรคลายจูบออกมาแล้วเริ่มไล้ไปตามคอผมเรื่อยๆ มือพี่เค้าค่อยๆ ถกเสื้อผมขึ้นมาจนถึง... หัวนม

   “ไหนๆ ก็เป็นแฟนกันแล้ว.. พี่ไม่อดทนแล้วนะครับที่รัก.. พี่ขอเลยล่ะกัน...จุ๊บบ”

   “พี่กร.. ตรงนั้น..อ๊า!!”

   ไอ้หมอมันเล่น เล่นหัวนมผม... ไม่นะ.. จะไม่ไหวแล้ว...

   รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย แล้ววว

   “พี่กร!! ฟังน้องก่อนนนนนน”

   จับหัวไอ้หมอขึ้นมาจากบริเวณหน้าอกของผม... เกือบไปแล้วไอ้แก๊ง ต้องบอก บอกเรื่องนี้พี่กรก่อน.. แฮ่ก ๆ ๆ

   “ทำไมครับแก๊ง ไม่พร้อมเหรอ หรือกลัวเจ็บ.. ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวพี่ทำเบาๆ ให้ ครั้งแรกแก๊งใช่ม้า..”

   “พี่กร หยุดก่อน...แฮก ๆ ๆ... ฟังน้องก่อน น้องไม่อยาก ให้พี่กร ทำตอนนี้ครับ”

   “อ้าว!! ทำไมครับ??”

   “คือพี่กร... น้องกลัวตัวเอง... น๊อตหลุด”

   “น๊อตหลุด!???” ผมก็พยักหน้าหงึกๆ “คืออะไรครับ น๊อตหลุด..”

   ผมก็พยายามรวบรวมลมหายใจมีสติเล่าทั้งหมด ตะกี๊น๊อตกูเกือบหลุดแล้วมั๊ยล่ะ

   “พี่กรรู้อยู่ใช่มั๊ย ว่าน้องชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเกย์”

   “อ่า ครับ ทำไมเหรอ”

   “ไม่รู้ว่าพี่กรเคยอ่านมั๊ย แต่ในนั้น มันจะมีฉากที่เค้าจะได้กัน”

   “อาฮะ ครับ พี่ไม่เคยอ่านหรอก แต่พี่พอจะรู้ ทำไมเหรอครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับน๊อตหลุด”

   “คืองี้..พี่กร... น้องไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย พี่กรตั้งใจฟังให้ดีนะครับ
   น้องอ่านของพวกนั้นมาสี่ปี บวกกับร่างกายน้องที่เป็นเกย์ และไม่เคยมีแฟน มันเลยทำให้น้องอิน อินว่าตัวเองกลายเป็นตัวละครภายในนั้น แต่ละเล่ม แต่ละเล่ม สะสมกันมากกว่าพันเล่นจนน้องเกิดความต้องการสูงมาก (ไม่อยากเล่าต่อเลยแฮะ แต่ต้องพูด) นั่นล่ะครับ ความต้องการนั้นน้องก็จะลงด้วยการไปดูหนังเรียลเกย์เอากันเพื่อระบาย
   แต่มันก็สร้างจินตนาการน้องต่อ
   จินตนาการพวกนั้นส่งผลให้น้องสะสมครับ สะสมความเครียดจากการที่ไม่มีแฟน จากการที่ยังไม่เคยเสียซิง ความรู้สึกอยากทำแบบในหนังสือการ์ตูนหรือในหนังก็จะตามมาเรื่อยๆ น้องจึงปิดกั้นพวกนั้นด้วยการขันน๊อตความอดทนเอาไว้ หรือง่ายๆ คือตั้งสตินั่นล่ะครับ พอน้องทำได้ น้องก็จะค่อยยังชั่ว
   แต่มันระเบิดออกมาได้ครับ ความรู้สึกพวกนั้น
   มันจะระเบิดตอนที่น้องช่วยตัวเองอยู่หน้าวิดีโอเรียลเกย์ หรือตอนที่น้องเอาตัวเองเข้าไปจิ้นในตัวละครการ์ตูนวาย หรือเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพวกนี้ มันทำให้น้องไม่มีความยั้งคิด กล้า และทำเรื่องประหลาดๆ แบบในการ์ตูนหรือในหนังได้ครับ น้องเลย.. เรียกอาการนั้นว่า น๊อตหลุด นั่นล่ะครับ”

   ผมก็มองพี่กร... หลังจากอธิบายทุกอย่างจบ.. ทำไมพี่กรดูตั้งใจฟังจังวะ

   “ก็.. นั่นล่ะครับ น้องยังไม่อยากน๊อตหลุดตอนนี้นะครับพี่กร น้องกลัว.. พี่กร จะรับไม่ได้”

   “แก๊ง...”

   “ครับ...”

   “คิดว่าพี่ได้ยินแบบนั้นแล้ว ไม่อยากทำงั้นเหรอครับ”

   “ห๊ะ...”

   “จะน๊อตหลุดหรืออะไรก็ไม่ต้องกลัวหรอกครับแก๊ง ปล่อยมาเลย พี่จะเป็นคนแรกของแก๊งเองนะครับ”

   “พี่กร ม่ายยยยย....... อ๊า!!!”

   ไม่นะ.. ไม่อยากน๊อตหลุดตอนนี้ แต่... ไม่ไหวแล้ววว พี่กรรุกผมเรื่อยเลย ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาจูบผมที่ริมฝีปาก อีกรอบ

   “ไม่ต้องเกร็งนะครับ ที่รัก”

   ‘กลึ๋ง!!!!!!!’............................................
น๊อต หลุด แล้ว

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 12 สารภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 18-03-2014 00:15:54
ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยได้อัพแบบตรงเวลานะครับ
เพราะว่ามีโปรเจ็คเขียนเรื่อง

WIZET : ศึกรักนักเวทย์กะไอ้โหดมาเฟีย

เรื่องนิยายเกย์แนวแฟนตาซีของผมนะครับ

ซึ่ง กำลังเขียนไทม์ไลน์ร่างไว้อยู่
เลยทำให้ผมมึนๆ นะคร้าบบบ
 :really2:  :really2:  :really2:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 12 สารภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 18-03-2014 01:31:43
น๊อต หลุด ซะแล้วยังงัยต่อ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 12 สารภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 18-03-2014 06:24:13
น๊อตช้านนนนนก้อหลุดไปแล้วเหมือนกรรรร รอๆๆๆ ตอนต่อไป ฮึบ :z10:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 12 สารภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-03-2014 07:05:37
กรี๊ดดดดด..................น้องน๊อตหลุดแล้ว จัดเต็มไปเลยพี่กร หึๆ แต่อยากเห็นจังว่าแก๊งน๊อตหลุดจะร้อนแรงแค่ไหน คิๆ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 12 สารภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 18-03-2014 10:50:31
อยากดูน้องแก๊งน็อตหลุด อร๊ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 12 สารภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 18-03-2014 15:22:19
ตอนที่ 12 : [บทพี่กร] น๊อตหลุด (LS)

   ในที่สุด...ไอ้หมอยาก็ยอมรักผมสักที

   ไม่ทนแมร่งมันล่ะ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นอนกอดน้องทุกวัน.. อยากทำแทบบ้า แต่ก็ทำไม่ได้

   วันนี้ล่ะครับไอ้ตัวเล็ก น้องจะได้เป็นของพี่สักที... อา.. คอขาวๆ ผิวนุ่มๆ ลื่นๆ.. ยิ่งจับยิ่งอยากฟัดไปทั้งตัวเลยว่ะ แต่พี่จะพยายามยั้งมือนะครับ เพราะเป็นครั้งแรกของที่รัก เดี๋ยวที่รักพี่จะเจ็บ...

   “พี่กร...”

   น้องเรียก ทำไมเสียง ดูนิ่มๆ น่ารักจัง มองไปตาก็ปรือๆ แล้ว....เฮ้ยย!! อะไร ถอดเสื้อเองเลยเหรอครับ.. โอ้วว ผิวขาวมาก หัวนมชมพูน่าฟัดสุดๆ

   “พี่กรครับ...อือออ...จุ๊บ...แผล่บบบบ”

   อ๊ากกก ที่รัก เข้ามาจูบผมก่อนด้วย สอดลิ้นเข้ามาอีก ครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ.. กูก็จะช้าอะไรล่ะครับ รีบสนองสิ

   “อึ อืมมมมมมมม...จุ๊บบบบ....อ่า... แก๊งครับ”

   “พี่กร.. ต่อ.. นะครับ”

   โอ้ววว เสียงนิ่มๆ ตาปรือๆ ชวนให้ทำต่อด้วย แก๊งเป็นอะไรครับนี่... ทำไมเชิญชวนพี่ขนาดนี้

   หรือว่า.... ไอ้อาการน๊อตหลุดของน้องแก๊งที่เล่าเมื่อตะกี๊เหรอ

   โอ้ว สุดยอดดด เซ็กซี่มาก ยั่วพี่สุดๆ ไม่คิดว่าจะมีมุมแบบนี้ ไม่ไหวล่ะ ตอนนี้ผมไม่สนล่ะ

   ซุกคอเข้าไปกัดใบหูน้องเค้าแล้วใช้สองมือเล่นหัวนม

   “อ๊ะ.. อา...อื้ออออ”

   น่ารักมาก.. สั่นนิดๆ ด้วย ครั้งแรกน้องจริงๆ.. ที่ต่อไปก็ค่อยๆ เลียไปตามตัวเรื่อยๆ

   “พี่กร... ตรงนั้นน้อง จั๊กจี๊ อ๊า!!”

   ดิ้นเลยครับตรงหลังเอว จุดเสียวน้องเค้าเลย เอาซะผมจับแล้วไล้นวดตามจังหวะแทบไม่ทัน ผมก็ค่อยๆ ถอดกางเกงน้องเค้าออก ค่อยๆ ลูบ.... ตื่นตัวเต็มที่แล้วสิเนี่ย

   “น่ารักจังเลยนะครับ...”

   “อ๊ะ...พี่กร... อย่าเล่นตรงหัวมันครับ มันเสียว อ๊า!!!”

   ค่อยๆ ใช้ปากทำให้น้องเค้าไปเรื่อยๆ น้องก็สั่นนิดๆ พลางจับหัวผมไป ผมก็ใช้มือตัวเองรวบมือน้องเค้าไว้

   “อ๊ะ พี่กร พี่กร.. น้อง น้องจะถึงแล้ว” จะถึงแล้วเหรอครับ

   ผมคายออกมาแล้วทีนี้...ใช้มือเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ

   “พี่กร... น้อง... อ๊า!!!!!!!!”

   พุ่งออกมาเต็มพุงน้องเลยครับ... ท่าทาง จะเก็บกดไว้เยอะจริงๆ

   ผมคลานขึ้นไปหยิบทิชชู่บนหัวเตียงมาเช็ดออกพอนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปจูบปากน้องที่หายใจอ่อนๆ ตายังปรือๆ

   “แก๊งเสร็จแล้ว...ต่อไปก็ตาพี่ เดี๋ยวพี่จะทำเบาๆ นะครับ”

   ผมก็เริ่มถอดเสื้อ แต่...จังหวะที่ผมโยนเสื้อทิ้งไปข้างเตียง น้องแก๊ง..ลุกขึ้นมา แล้วปลดกางเกงผมลง

   “ห่ะ... แก๊ง...แก๊งจะทำอะไรนะครับ”

   ไม่จริง.. น้อง น้องหยิบกรน้อยออกมาแล้ว....อัครรรรร

   “ซี๊ดดด แก๊งงงง อ่าห์.. ทำไม โอ้ววว ซี๊ดดด”

   แย่แล้ว ไม่คิดว่าน้องจะทำให้ แถมยัง... เก่งมาก...ซี๊ดดด... ประสบการณ์ที่อ่านการ์ตูนเกย์และหนังเรียลมันสอนน้องแก๊งผมได้ขนาดนี้เลยเหรอ โอ้ววว เริ่มไม่ไหวแล้ว...

   น๊อตหลุด... ทำไมถูกใจพี่กรอย่างนี้ครับแก๊ง... อ่าห์ อีกนิดครับเมีย อีกนิดครับ

   “แก๊ง ซี๊ดดด พี่จะออกแล้ว อ่าห์.....แก๊งครับบบ มันจะ....โอ้วววววว”

   ผมกลัวมันจะแตกใส่ปากน้องเลยหยิบรีบออกมา

   แต่ไม่พ้นครับ กรน้อยไม่ฟังเจอพลังดูดน้องแก๊งเข้าไป แตกใส่หน้าน้องเต็มรักเลยทีนี้

   “แก๊งครับ! มาครับ! เดี๋ยวพี่เช็ดให้” รีบเอาทิชชู่เช็ดหน้าน้องเลยทีนี้...

   แต่เฮ้ยย! อะไร? น้องเอานิ้วตัวเองมาลูบน้ำรักบนหน้า...... แล้วเข้าปากชิม

   โอ้วแก๊งงงง!!!! ท่านี้เลย ตาปรือๆ น้ำรักเต็มหน้า แล้วเอานิ้วดูดเข้าปากดูเซ็กซี่... โอ้ววว ไอ้กรน้อยผมมันไม่ถอยแล้วครับ สู้หนักกว่าเดิมอีก...น้องก็คลานเข้ามากอดผมเลยทีนี้

   “พี่กรครับ...”

   “คะ ครับแก๊ง...” โอ้ยย เสียงผมสั่น เช็ดหน้าให้แบบสั่นๆ..

   นี่เมียใครว่ะ โครตน่ารัก..แต่เฮ้ย!!.. น้อง น้องจับของผมอีกรอบ...

   “ของพี่กรยังแข็งอยู่เลย จะเข้ามามั๊ยครับ”

   อ๊ากกกกกกก ฆ่าพี่เลยแก๊ง ถ้าจะน่ารักถูกใจพี่ขนาดนี้..ใครจะรอช้าล่ะ เมียถามว่าจะเข้ามั๊ย ผัวพร้อมอยู่แล้วก็ต้องเข้าสิครับ ผลักน้องกลับไปนอนเหมือนเดิม แล้วคร่อมที่รักลงไปจูบ กระตุ้นอารมณ์อีกรอบ

   “อืมมม...อ๊า!!.. พี่.. พี่กร.. ทำเบาๆ นะครับ น้องกลัวเจ็บ” อ๊าก!! กลัวเจ็บด้วย น่ารักเกิ๊นน..

   ค่อยๆ เลียไปตามตัวเรื่อยๆ อีกรอบ ยกขาน้องเข้าขึ้น แล้วไล้ดูดต้นขาด้านในแรงๆ

   “อ๊ะ!! ตรงนั้น อ๊า...” ว๊าวว ดิ้นดีดตัวใหญ่เลย เสียวสินะเมียพี่..

   ทีนี้ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาแถวบั้นท้าย แล้ว.. เอาลิ้นเข้าไปนวดนิดนึง

   “พี่กร... อ๊า!! พี่กร... น้อง...” น้องร้องเสียวใหญ่เลย.. ต้องทำใช้ชินครับ ไม่งั้นมันจะเจ็บ

   ทีนี้ก็เริ่มเลียนิ้วตัวเอง แล้วค่อยๆ ลูบไปที่บั้นท้ายน้องเค้า

   “อ๊ะ...พี่กร”

   “ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่จะทำค่อยๆ นะ จุ๊บบบบ” เข้าไปดูดปากน้องเค้าให้ผ่อนคลาย

   ผมก็เริ่มคลึงนิ้วแรกไปเรื่อยๆ อือออ ข้างในน้องมันทำไมตอดดีจังวะ เอานิ้วที่สองเลยล่ะกัน

   “อา อา...พี่กร...จุ๊บบบบ อืออออ”

   จูบน้องไปเรื่อยๆ ไม่ให้เกร็ง เดี๋ยวมันจะไม่ชิน... อืม นิ้วที่สองก็ค่อยดีขึ้นล่ะ สอดนิ้วที่สามเข้าไป

   “อ๊า... พี่กร...อื้อออ อ๊า.....!!!!” ที่ปากท่าจะไม่หาย..ดูดหัวนมน้องซะหน่อยจะได้รู้สึกดี

   “อ๊ะ!! พี่.. พี่กร” แต่เฮ้ยย!! ผ่อนคลายเยอะจริงๆ แสดงว่าจุดรู้สึกน้องก็อยู่หัวนมอีกนะเนี่ย ต้องจำๆ

   แต่ทำไมข้างในน้องมันทำไมตอดดีจังวะ แล้วจุดกระสันมันอยู่ตรงไหนน๊า... มันน่าจะอยู่... ตรงนี้

   “อ๊า!!! อ๊า!!!!!!! อ๊า!!!!!!!” ทั้งดิ้นทั้งเสียงหลงเลย ตรงนี้ชัวร์....

   แต่น้องแก๊งก็จับหัวผมขึ้นมา

   “พี่กร... เข้ามาเลยเหอะครับ... น้องไม่ไหวแล้ว.. น้องเสียว”

   ‘เปรี๊ยะ!!!!!!’................................. เสียงสติพี่กรขาด

   โอ้ววว น่ารักเกินไปไหมมม ไม่รอให้ชินแล้วครับ.. ยกขาน้องเค้าขึ้น เอาหมอนข้างมารองสะโพกดีดี แล้วค่อยดันกรน้อยเข้าไป โอ้ว... จะเข้าได้มั๊ยเนี่ย รูน้องเล็กเกิน... ค่อยๆ ดันเข้าไปล่ะกัน

   “พี่กร...อื้อออ น้อง น้องเจ็บ”

   “ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวพี่จะค่อยๆ เข้านะ ซื้ดดดด อย่าเกร็งนะครับ”

   โอ้ว ถึงจะบอกว่าไม่เกร็ง แต่แค่ทางเข้านะ ตอดเอาๆ เลยเหอะ

   “พี่กร... น้องแน่นตรงท้องอ่า มัน..เจ็บ.. อึ๊ก อ๊า”

   “ไม่ต้องเกร็งนะครับ เดี๋ยวมันจะเจ็บนะ”

   ไปได้ครึ่งนึงล่ะ อีกนิด อีกนิดนะครับน้องแก๊ง

   “พี่กร... น้องเจ็บ..รู้สึก แปลกๆ..ทำไม..อ๊า... มันยาวจัง”

   “อย่าเกร็งนะ เหลืออีกนิดนึง...ซื้ดดดด ค่อยๆ นะ”

   โอ้ววว ตอดใหญ่เลย อีกนิดล่ะ อีกนิด... รู้เลยว่าที่เข้าไปต่อไม่ได้เพราะน้องยังเกร็งอยู่ คงต้องให้น้องคลาย

   ผมก็ประทับจูบดูดหัวนมน้องเค้าอีกรอบ

   “อ๊า!!!” เท่านั้นล่ะ ไหลเข้าไปจน...

   “อึ๊ก... ซื้ดดดดดดดด อ่าห์.... สุดแล้ววววครับแก๊ง” ข้างในน้อง.. มันร้อน มันแน่นไปหมด..ซี๊ดด รู้สึกดีสุดๆ

   “พี่...พี่กร... น้องเสียว” น้องจิกแขนผม บิดตัวเองใหญ่เลย

   ทำมุมโดนจุดพอดีล่ะสิครับ ตอดพี่ใหญ่เลยนะแก๊ง... หน้างี้ตาปรือๆ ปากหอบๆ น่าฟัด หน้าแดงไปหมด

   “เริ่มนะครับที่รัก”

   ซี๊ดดด รัดแน่นมาก คราวหน้าต้องซื้อเจลหล่อลื่นมาด้วยไม่งั้นแย่แน่ๆ แต่ไม่เป็นไรครับ ครั้งแรกน้อง ต้องเรียนรู้ก่อนว่าจุดไหนดี จุดไหนน้องชอบ ครั้งหน้าจะได้ทำให้น้องรู้สึกดีกว่านี้อีก

   แต่ผมว่า แค่นี้... ที่รักของพี่ก็รู้สึกดีจะตายแล้วใช่มั๊ยครับ ทั้งบอกว่าเสียว ทั้งตาปรือ หน้าแดงขนาดนี้

   “พี่กร.. อึ๊ก.. จูบ จูบน้องหน่อยครับ” โอ้วว.. แล้วกางแขนรับให้ผมเข้าไปจูบอีก..

   “แก๊งยั่วพี่มากอ่ะ รู้มั๊ยย... ต่อไปน๊อตหลุดแต่กับพี่คนเดียวนะ เดี๋ยวจะสนองให้ทุกอย่างเลย จุ๊บบบบ”

   ผมก็ก้มลงไปจูบพลางขยับสะโพกทีละนิดๆ ให้น้องเริ่มชิน

   “เป็นไงมั่งครับ ซี๊ดดด ชอบมั๊ย”

   ตาปรือ ปากหอบๆ กอดคอผมแน่นขนาดนี้ ไม่ต้องตอบพี่ก็รู้แล้วครับแก๊ง.. โอ้ยแน่นนน เสียวมากก

   “อุ อึ๊ก อ๊ะ.. พี่กร น้องเสียววว อ๊า!!”

   “ซื้ดดดด ทนไหวนะครับ พี่ก็เสียวเหมือนกัน แต่พี่เอาออกไม่ได้แล้ว”

   ถึงผมจะไม่ค่อยอ่านการ์ตูนเกย์เหมือนน้อง แต่ผมเคยได้ยินคำนึงที่ว่าร่างกายเข้ากันได้ นี่ใช่มั๊ย ที่ว่าเข้ากันได้ น้องก็ทั้งเสียว ส่วนผมก็เสียวอย่างนี้ไปด้วย โอ้ยยย เพิ่งขยับเบาๆ เองนะนี่

   “พี่กร.. อึ๊ก!! ขยับแรง..กว่านี้ได้นะครับ น้องจะ...น้องอยาก.. อึ๊ก” อ๊ากกกกก...อยากด้วยยยยย

   “งั้นพี่ไม่เบามือแล้วนะครับ..” ไม่ทนแล้ววววว เมียน่ารักเกิ๊นนนนน

   “อึ๊ก.. อ๊า!! พี่กร... น้อง.. อ๊า!!”

   ผมเร่งจังหวะให้น้องเค้าตามต้องการ โอ้ววว ทางผมก็แย่เหมือนกัน

   “ซี๊ดด แก๊งงง สุดยอดเลย พี่เสียวมาก” ข้างในน้องตอดผมใหญ่แล้ว

   “พี่กร แรงกว่านี้ก็ได้ครับ อ๊า!!!” ห่ะ..แรงกว่านี้ ทะ ที่รัก ยั่วพี่ใช่มั๊ยย!?

   ใส่แรงไม่ยั้งแล้วทีนี้ โอ้ยย ทางผมก็เสียว น้องก็คราง ก็ดิ้น เข้าจังหวะใหญ่เลย

   “อ๊า.. พี่กร..พี่...พี่กร”

   “แก๊ง... ซี๊ดดดด ข้างในรัดพี่แน่นมาก ซื้ดดดดดดดด” โอ้วว ใส่จังหวะไม่ยั้งแล้ว จน...

   “อึ๊กก!!..” ต้องหยุด เพราะผมใกล้จะถึงอีกรอบ แต่ยังไม่อยาก..  แล้วก้มลงไปกอดน้องเค้า

   “แฮก แฮก แก๊งครับ จุ๊บ... อืออออ” จูบที่รักของผมสักนิด ขอพลังงานให้พี่หน่อยนะแก๊ง

   เมียพี่เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้... แต่พอน๊อตหลุด ก็อึดมากกก...ทั้งยั่ว ทั้งเซ็กซี่สุดๆ.. เอาซะพี่หอบเลยนะไอ้หมอยา

   “พี่กร.. พี่นอนลงนะครับ”

   ห่ะ อะไร... น้องแก๊งค่อยๆ พลิกตัวผมให้นอน.. แล้วก็...อ๊ากกกก!! ท่านั่ง!! ผมนอน.... แล้วน้องก็อยู่ข้างบน

   “แก๊ง!! ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะครับ” แต่น้อง...ก้มลงมาจูบผม

   “จุ๊บบบ อืออออ... ไม่เป็นไรครับพี่กร น้องอยากทำ..”

   โฮ้วววว คุณพระ.... เมียกูน๊อตหลุด!!! เรียกเลือดกูเลยย

   “อึ๊ก แก๊ง... ซี๊ดดด เบาๆ ครับแก๊ง พี่จะถึง.. อึ๊ก อ่าห์...”

   โอ้ววว การ์ตูนเล่มไหนเรื่องไหนสอนให้เมียผมยั่วขนาดนี้... เห็นแต่ซื่อบื้อ ไม่ค่อยประสีประสาอะไร แต่ทำไม เรื่องแบบนี้... โอ้ววว ซี๊ดดด แก๊งครับ ขยับแรงไปแล้ว พี่กร...

   “แก๊ง โอ้ววววแก๊ง แก๊งครับ พี่จะถึงแล้ว...”

   ผมพยายามจับสะโพกน้องเค้าไว้ไม่ให้ขยับต่อ แต่.. น้องก็ก้มลงมาจูบ

   “พี่กร.. ไม่เป็นไรครับ ข้างในน้องเลย...” อ๊ากกกกกก ใครจะทนไหว

   “อึ๊ก แก๊งงงงงงงง” ไม่ไหวแล้ววว ใส่จังหวะสุดท้ายเข้าไปให้หมด

   “อ๊ะ พี่กร..อ๊ะ.. อา!! อ๊า!!!!”

   น้องเลยโดนแรงสุดท้ายก่อนรับน้ำรักเข้าไปในตัว จนหมด... ท่าทางจะเสียวจนร้องตะกี๊เสียงหลงไปเลย แล้วค่อยๆ หมดแรงก้มลงมาแนบกับหน้าอกผม

   “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก.. แก๊งครับ ให้พี่กรจูบหน่อย” น้องก็เงยหน้าขึ้นมาให้ผมจูบ

   “จุ๊บบบ อือออ” ไอ้หมอยา.. ไอ้น่ารักเอ้ยย.. เป็นเมียพี่โดนสมบูรณ์แล้วนะไอ้ซื่อบื้อ...

   “พี่กร..” น้องก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงนิ่มๆ

   “ว่าไงครับ.. มีอะไร”

   “ช่วยน้องหน่อยครับ คือน้องรู้สึก อีกรอบ..”

   อ๋อออ แก๊งน้อยที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ อยู่บนตัวผมเลย แห๊มมม... น่ารักกก ขอให้ผมช่วยอีก

   “มาครับแก๊ง เดี๋ยวพี่ช่วย ค่อยๆ ลุกไปจากตัวพี่นะครับ ซี๊ดดดด”

   โอ้ววว ข้างในน้องรัดแน่นมาก กว่าผมจะดึงออกมาได้

   ทีนี้ ก็จับน้องพลิกตัวมานอนหงาย แล้วเอาปากละเลงไปที่หัวนม ก่อนใช้มือคลึงไปที่แก๊งน้อยอย่างเป็นจังหวะ

   “อึ๊ก!! พี่กร... ตรงนั้น” ดิ้นเชียวนะครับเมีย.. สำรวจร่างกายน้องดีกว่า

   จำได้ว่า จุดเสียวจะมีอีกที่ตรงรักแร้ แล้วเมียพี่จะเป็นยังไงบ้างน้า

   “ฮึก อึ๊ก...อ๊า!! พี่กร... มันเย็นน”

   อืออ ถึงบ้าจี๊ แต่ตรงรักแร้ก็ไม่เท่าต้นขาด้านใน แล้วถ้าเป็นที่หูล่ะ

   “อ๊า!! อ๊า!!! อ๊า!!!!”

   เสียงร้องนี่ สุดๆ.. ดิ้นใหญ่เลย ตะกี๊แค่กัด แต่ถ้าใช้ลิ้นด้วยนี่.. เมียพี่เสียงหลงเลยครับ

   “พี่กร.. อึ๊ก... น้อง...”

   ผมก็ค่อยๆ ไล้ลงไปเรื่อยๆ แล้วใช้ปากกับแก๊งน้อยอีกรอบ

   “อึ๊ก!! พี่กร.... น้อง... น้องจะถึงแล้ว”

   ท่าทางน้องเริ่มไม่ไหวล่ะ ผมเปลี่ยนใช้มือแทน... แล้วล่นลิ้น แถวๆ บั้นท้ายเนียนๆ ของน้องเป็นจังหวะ

   “อ๊า!! พี่กร... น้อง น้องงง อ๊า!!!!!”

   เสร็จ....อีกรอบครับ... เมียผมถึงกับหมดแรงอยู่บนเตียง

   “ว่าไงครับที่รัก.. เสร็จแล้ว... หือ ครั้งแรก.. รู้สึกดีมั๊ย จุ๊บบบ” ฟัดปากที่รักเล่นสักหน่อย น่ารักเกินไปล่ะ

   “อืออออ...พี่กร น้องเหนียวตัว ขอไปอาบน้ำนะครับ”

   ท่าทางเริ่มมีสติกลับมาล่ะ คำพูดเริ่มกลับมาเป็นแก๊งคนเดิม ถ้างั้น ก็...

   “มาครับ...เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำ”

   “อ๊ะ!!” ผมก็จับน้องเค้าอุ้มเจ้าหญิง แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

   น้องก็ไม่โวยวายนะครับ สงสัยสติยังกลับคืนมาไม่หมด.. เข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้น จน....



   “ซ่า........” เสียงฝักบัวกำลังกระทบผมกับน้องแก๊งอยู่

   แต่ตอนนี้ ...โอ้วววว.... ผมกับน้องไม่ได้อาบน้ำ

   “ซี๊ดดดด  อ่าห์...แก๊ง ยั่วพี่เองนะครับ”

   “อื้อออ... พี่กร น้อง อ๊า! ยั่วพี่ตอนไหน อ๊ะ!!... พี่กร... น้อง...น้องจะกลั้นเสียงไม่อยู่นะครับ อื้อออ”

   ซี๊ดดด เข้ามาอาบน้ำห้องน้ำได้ไม่เท่าไหร่ครับ ได้ทำอยู่ในห้องน้ำต่ออีกรอบ

   สาเหตุก็มาจากแก๊งนั่นล่ะครับ น๊อตไม่กลับมารึไงก็ไม่รู้.. พอผมอาบน้ำให้น้องเค้าเรื่อยๆ น้องเค้าก็เอาฟองน้ำมาขัดให้ผมเหมือนกัน แต่ขัดเบามือเกินไปจนไอ้กรน้อยของผมมันตื่น ผมก็พยายามไม่ให้น้องเห็นแล้วเพราะกลัวน้องจะตกใจ แถมเพิ่งเสร็จครั้งแรกไปตะกี๊อีก แต่ว่า...น้องแก๊งก็เห็น

   เลยจูบผม ถามผมด้วยสายตาปรือๆ ของอาการที่น๊อตยังไม่กลับมา ว่า...

   “พี่กร..ให้น้องใช้ปากช่วย ได้มั๊ยครับ?”

   โฮวววววววววว เท่านั้นล่ะครับ เมียผมยั่ว..... ผมทนไม่ไหวหรอก

   “มาครับแก๊ง จับพี่ไว้นะครับ”

   ผมพลิกตัวน้องให้กอดผมแน่นๆ แล้วค่อยๆ ขยับสะโพกให้ตัวเองเข้าไปในเป็นจังหวะ

   “อื้ออ พี่กร... ในห้องน้ำ เสียง เสียงน้องงงง”

   ห้องน้ำเสียงมันก้องครับ แถมนี่ก็หออีก ผมรู้ว่าน้องห่วงอะไร เลย...

   “อื้มมมมมม!!!!!!....” จูบปากน้องเค้าเอาไว้ก่อนจะส่งเสียงดังออกมา ระหว่างที่ผมก็ยังใส่จังหวะลงไปไม่ยั้ง

   “อึก อึก อื้อออ พี่กร.. น้องเสียวว อ๊ะ อ๊ะ”

   “ซื้ดดดดดด แก๊งครับ พี่ก็เสียว”

   โอ้ยยยย ร่างกายเข้ากันได้เกินไป ผมเสียวจนเริ่มยืนไม่ไหวแล้ววว

   “แก๊งงงง พี่จะถึงแล้วววว”

   “น้องก็ อ๊ะ!! ก็เหมือนกัน อ๊ะ!...พี่...พี่กร อย่าแรง อ๊า!! อื้ออ”

   “พร้อมกันนะครับที่รัก พี่ขอข้างในนะ จุ๊บบบบ” จูบน้องเข้าไปแทบจะประสานกับลิ้นน้องเค้า จน...

   “อื้ออออออออออ!!!!!!!!!”



   หลังจากทำในห้องน้ำอีกรอบ แก๊งก็สลบเลยครับ เลยได้อุ้มอาบน้ำ แล้วมาเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้

   ผมว่าดีแล้วล่ะ ขืนยังตื่นขณะน๊อตหลุดนะ คงได้ต่อรอบที่สาม  (หื้อ หรือกูนับผิดว่ะ บนเตียงสองรอบ ห้องน้ำอีกรอบ) เออช่างเหอะ ขืนต่อรอบที่เท่าไหร่ก็ช่างนะครับแก๊ง พี่น่ะไม่เป็นไรหรอก แต่กลัวแก๊งจะเดินไม่ได้เนี่ยสิ รับของพี่ไปขนาดนั้น
   เสร็จก็วางน้องลงบนเตียง ห่มผ้าห่มให้

   “อืออออ พี่กร.....” หื้อ!! หลับอยู่.. แต่ส่งเสียง!! เสียงเรียกชื่อผม ว้าวววว ละเมอถึงผมอ่ะ

   น้องตอนนอนชอบละเมอครับ ให้ผมเดาก็คงจะละเมอสิ่งที่อยู่ในฝันน้องอ่ะ ฟังฟังไปบางทีผมก็รู้ว่าอะไร แต่บางทีฟังไปไม่รู้เรื่องก็มีนะครับ แต่นี่ละเมอถึงผมอ่ะ... โอ้ยยยยย น่ารักเฟ่ออออ

   “เรียกพี่เหรอครับที่รัก ไม่ต้องกลัวครับ พี่อยู่ข้างๆ แล้วน้า...”

   ก็ทำเหมือนเดิมครับ สอดตัวเองเข้าไปนอนข้างๆ แล้วกอดน้องเข้าไว้ให้มาซุกในอกผม

   “อืมมมมมม”

   โอ้ววว ด้วยความเคยชินที่ที่ผมนอนข้างๆ ตลอดหนึ่งเดือน และติดหมอนข้าง น้องเลยพลิกตัวเข้ามาซบอกกอดผมเลย.. น่ารักมาก สมแล้วที่ผมอยู่ข้างๆ ตลอดเดือนนึง กอดผมแน่นเลย.. ที่รักจ๋า.. เมียของพี่.. วันนี้ฝันดีด้วยกันนะคร้าบบบ

   “อืออออ พิซซ่า...” หื้ม ละเมออีกล่ะสิ

   สงสัยอยากกินพิซซ่า เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้กินจุนะครับขอบอก เดี๋ยวเย็นนี้โทรสั่งพิซซ่าให้ไอ้ตัวเล็กดีกว่า

   “ตืด ตื่อ ดึ้ง ตื่อ ดึ้ง... ตืด ตื่อ ดึ้ง ตื่อ ดึ้ง”

   เชรี่ยๆๆๆ ไอโฟนแก๊ง... ไม่ปิดเสียง ดีที่อยู่บนเตียง รีบคว้ามาปิดเสียงเลยครับ

   “อือออออออ”

   เฮ้ออ.. เกือบตื่น.. ใครโทรมาวะเนี่ย... หือ...พี่อ้อย... อ๋อออออ อ้อยนั้นแน่เลย กดรับให้ล่ะกัน

   “ฮัลโหลอ้อย นี่กรนะ มีอะไรรึปล่าว”

   “อ้าวกร!?? ทำไมรับโทรศัพท์น้องล่ะ น้องอยู่ใกล้ๆเหรอ ขอสายน้องหน่อยสิพอดีมีเรื่องด่วน”

   เอาไงล่ะทีนี้.. มองหน้าที่รักที่กำลัง.. กอดผมหลับตาพริ้มเลย
จะเริ่มยังไงดีล่ะ.. จะบอกไงดีวะเนี่ยย

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 18-03-2014 15:43:42
 :pighaun:  น๊อตหลุดแล้วน้องแก๊งร้อนแรงมากกกกกก
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 18-03-2014 16:37:11
 :haun4:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-03-2014 17:11:03
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เลือดหมดตัว สมกับรอคอย

น้องร้อนแรงมาก เป็นดเราก็อดใจไม่ไหวหรอกนะ

ก็น้องยั่วซะขนาดนั้น หุหุ :hao6:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 18-03-2014 17:52:26
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 18-03-2014 20:00:20
น๊อตหลุด.......น้องแก๊งน่า...รักเกิ้น

พี่อ้อยมีเรื่องด่วนอะไร?
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 18-03-2014 21:07:45
ตอบดีๆนะพี่กร เดี๋ยวแก๊งงอน
พี่ๆเขายิ่งหวงแก๊งอยู่  :mew2:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-03-2014 22:11:09
อ๊ายยยย เลือดสาดกระจาย

น็อตหลุด
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 19-03-2014 04:03:58
เอาเลยกร บอกเลยๆ  :jul1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 19-03-2014 13:52:59
 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 13 [บทพี่กร] น๊อตหลุด]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 19-03-2014 16:38:31
ThankS
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 14 [บทพี่กร] ความฝัน] 60%
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 21-03-2014 00:13:13
ตอนที่ 14 [บทพี่กร] ความฝัน

   “คือ... อ้อย... แก๊งเค้า... กำลังนอนอยู่ข้างๆ กรน่ะ..”

   บอกไปตรงๆ ล่ะกัน.. มั่นใจว่าโกหกไปยังไงแก๊งก็พูดความจริงกับพี่พี่ทีหลังอยู่ดี สู้กูพูดไปเลยจะดีกว่า

   “...(เงียบไปสักนิด)............ งั้นเหรอ แล้วแกทำอะไรน้องชั้นอยู่มะเนี่ย!??...”

   “เปล่าหนิเปล่า แค่นอนอยู่ข้างๆ” แค่ตอนนี้นะ ไม่นับที่ผ่านมา..

   “...เออๆ งั้นก็ ฝากบอกน้องด้วยนะว่าตื่นแล้วให้โทรกลับมาหน่อย...”

   อ้าวแฮะ.. ผิดคาด นึกว่าจะถามกูมากกว่านี้ซะอีก.. ทำไมดูเข้าใจง่ายจังว่ะ (พี่กรครับ แก๊งเล่าไปหมดแล้ว)

   “เอ่อ..ฝากไว้กับเค้าก็ได้หนิ อ้อย เรื่องด่วนไม่ใช่เหรอ”

   “...คือมันด่วนก็จริง แต่ไม่ถึงกับด่วนมากไงกร แถมแกรู้ไปแกก็จะงงนะชั้นว่า ให้น้องตื่นมารู้เองดีกว่า...”

   สรุปคือจะว่ากูโง่ตรงๆ ก็ได้นะอ้อย กูไม่ถือ...

   แต่ช่างเหอะ แค่ไม่ถามต่อว่าทำไมนอนข้างๆ นี่ก็โล่งแล้วล่ะ

   “โอเคๆ งั้นถ้าน้องตื่นเมื่อไหร่เดี๋ยวกรบอกให้ งั้นแค่นี้นะอ้อย”

   “...แล้วอย่าทำอะไรน้องกูนะ!!...”

   “คร้าบบบบ” แค่ตอนนี้นะ อนาคตไม่แน่..

   แล้วก็กดวางไป..เฮ้อออ โล่งงงง.. ไม่รู้ทำไมว่าไม่สงสัยอะไรเลยที่ผมนอนข้างๆ ถือว่าโชคดีล่ะกันวะกู..

   จากเท่าที่ผมดูเลยนะ แก๊งจะเป็นที่รักที่เป็นห่วงของพี่พี่มาก ก็แน่ล่ะ แฟนผมมันน่ารักขนาดนี้.. เฮ้อออ คิดแล้วหมั่นไส้.. หอมแก้มเมียตัวเองอีกรอบ

   แล้วนอนกอดไอ้ตัวเล็กหลับไป...ด้วยกัน



   “กร..”

   อะไร.. ผมได้ยินเสียงผู้หญิง.. เบาๆ

   “พี่กร...”

   แล้วนี่...นี่ก็เสียง...เด็กผู้ชาย

   “กร.. ตื่นมาฟังสักนิดเถอะนะ”

   เสียงผู้หญิงบอกให้ผม.. ผมก็..สะลึมสะลือ มองไป...

   นี่คืออ.. ฝัน..ใช่มั๊ยย ผมกำลังฝันว่ากอดน้องแก๊งอยู่บนเตียงในห้องเหมือนทุกครั้ง แต่ในห้อง มันมืด แล้วก็มี..

   ผู้หญิง ผมยาวตรง อยู่ในชุดสีขาว ชุดขาวเหมือนพราหม์ณ... กับเด็กผู้ชาย ผมสั้นๆ อยู่ในชุดเดียวกัน ยืนอยู่ถัดจากเตียงผมไม่ไกลเท่าไหร่

   แต่หน้าตา...หน้าตานี้มัน..ผมจำหน้าตาสองคนนั้นได้จากภาพใส่กรอบที่แขวนในบ้านน้องแก๊ง

   หน้าพี่กิ๊ง กับหน้าน้องก๊อง.... ที่กำลังยิ้ม

   “ไม่ต้องกลัว เรามาดูน้องเรามีความสุข และมาบอก”

   “พี่แก๊งทนอดทนมาหลายปีแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ทำให้เจอพี่ได้สักที”

   “เราเลยมาบอก ว่าต่อไปนี้ให้รักน้องให้มากๆ เพราะความรักของพวกเธอสองคนจะมีอุปสรรคมากมาย”

   “จากเวรกรรมของพี่กรที่ทำไว้ และตัวพี่แก๊งต้องเข้มแข็งขึ้นให้ได้”

   “เพราะน้องแก๊งเราจะมีวิบากกรรมใหญ่รออยู่ ซึ่งมันต้องมีเธอ กร เธอต้องอยู่ข้างๆ น้องตลอด”

   “พี่กรคือเนื้อคู่พี่แก๊ง อย่าทิ้งพี่แก๊งไปนะครับพี่กร”

   “เธอสัญญากับเราแล้ว ว่าเธอจะรัก และดูแลน้องตลอดไป เธอต้องไม่ควรผิดสัญญา”

   “เพราะถ้าพี่ผิดสัญญา เราก็จะไม่ช่วยพี่อีกแล้ว”

   “พวกเราอยู่ข้างๆ น้องแก๊งอยู่เสมอ แต่แก๊งไม่รู้ตัว เพราะแก๊งยังไม่ถึงเวลาที่ควรรู้ตัว”

   “ฉะนั้นเรื่องที่พี่กรเห็นพวกเราสองคนวันนี้ ก็ปิดเป็นความลับด้วยนะครับ”

   “สุดท้ายเราอยากขอบคุณ ที่เธอพูดคำนั้นต่อหน้ากระดูกของพวกเรา”

   “เพราะถ้าช้ากว่านี้...พี่แก๊งคง....”


   วูบบบบบบบบบบบบบบบบบ

   “ห่ะ!!!!” ผม...สะดุ้งตื่น...

   มองรอบตัวผม.. ยัง.. เหมือนเดิม ตอนนี้.. หนึ่งทุ่ม

   ตะกี๊.. ตะกี๊นี้อะไร.. เรื่องจริงใช่มั๊ย แล้ว แล้วน้องแก๊งผม...

   ยังหลับสนิทซุกอยู่ในอกผมเหมือนเดิม แล้วตะกี๊คือ..ผมก็มองไปยังจุดเดียวกันในฝัน... แสดงว่า.. ทั้งสองคน

   “...อย่าลืมปิดเป็นความลับนะ...” แว่วเสียง... แว่วเสียงมาจากไหน แต่ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ.. คือ...

   แสดงว่าตะกี๊ที่ผมฝัน มันเป็นน....

   ผมนึก ทบทวนทั้งหมด แล้วมองมายังสุดที่รักของผม

   “อา... แก๊งครับ”

   ผมก้มลงไปกอดน้องเค้าให้แน่นที่สุด ทั้งหอมแก้ม ทั้งจูบปาก จนลืมไปว่า... น้องกำลังหลับอยู่

   “อืออออออ”

   น้องก็ดิ้นเบาๆ บิดตัวไปเรื่อยๆ แต่ผมก็ยังไล่จูบ ไล่หอมน้องไป

   “อืออออ พี่กร น้องจั๊กจี๊นะครับ”

   น้องเลยตื่น.. เอามือมาจับหัวผมให้หยุดเอาไว้ก่อนที่ผมจะลงไปต่ำว่าคอ

   “ตื่นแล้วเหรอครับแก๊ง”

   “ก็พี่กรนั่นล่ะปลุก จะทำอะไรน่ะครับ น้องเพิ่งตื่นนะ อะ อื้มมมมม”

   ผมจูบปากน้องเค้า สอดลิ้นไปให้ลึก... จน

   “อื้อ!! อื้ออๆๆๆ” น้องต้องผลักต้องตีผมให้ปล่อย

   ก็จูบอย่างนั้น สักพัก ค่อยปล่อยออกมาจ้องหน้าน้องที่ลืมตาเต็มที่ ไม่ปรือตาเหมือนตอน...

   “กลับมาเป็นแก๊งขันน๊อตแล้วเหรอครับ..”

   “ถ้าให้น้องได้นอน หรือปล่อยไว้สักพักก็จะกลับมาเองครับ”

   “ว๊า... พี่กระตุ้นอีกสักรอบดีมั๊ยน๊า” พลางใช้มือไล้ไปที่เอวน้อง

   “พี่กร...ไม่เอาครับ (น้องก็เอามือมาเบรคไว้) น้องเพิ่งโดนพี่ทำเมื่อกี๊นี้เองนะ” เห... มองหน้าไอ้ตัวเล็ก

   “หึหึ.. จำได้ด้วยเหรอครับ เห็นน๊อตหลุดขนาดนั้น อย่างกับคนละคน”

   หน้าไอ้หมอยาก็ค่อยๆ.. แดงงงง.... น่าร๊อวก์อ่ออออออ

   “ก็....ก็มันนนน” หึหึหึ

   “ก็มัน...จำได้ล่ะสิท่า”

   5555 น้องหยิบหมอนขึ้นมาฟาดหน้าผมเลยครับ.. เฮ้ออ ไอ้ตัวเล็กของพี่ หอมแก้มอีกทีก่อนเอาจมูกตัวเองไปชนกับจมูกน้องเค้า

   “จูบพี่หน่อยสิครับ”

   “เอามาใกล้ขนาดนี้คือไม่ทำเองโลดล่ะ”

   “ก็อยากให้เมียเริ่มก่อนบ้างอ่ะ” น้องก็มองหน้าผม.. แล้ว..

   คือผมคิดว่าน้องจะไม่ยอมเพราะผมเรียกน้องว่าเมีย.. แต่เฮ้ย!! น้อง..น้องก็จับหน้าผมให้ลงไปจูบ นิดนึง.. น่ารักม๊ากกก สอดลิ้นเข้าด้วย.. ผมก็ค่อยๆ เอามือเข้าไปสอดด้านหลังน้อง ลูบร่องสันหลังจน..

   “อื้ออออ!!!....” น้องดีดตัวเองขึ้นมาให้ผมกอด แล้วค่อย.. ปล่อยจูบออกมา....

   “ไหนบอกแค่จูบ!?? จะให้น้องน๊อตหลุดอีกรอบรึไง!!” หึหึ โกรธเชียว

   “ไม่หรอกครับ พี่รู้ว่าเราคุมได้...” หึหึหึ...ไอ้หมอยาก็หน้าแดงแปร๊ดมองไปทางอื่นเลยครับ น่ารักมว๊าก

   “ฟอดดด” นี่แน่ะ หอมแก้มซะเลย

   เฮ้ออ แก๊งนะแก๊ง... รู้รึปล่าวครับว่าตะกี๊พี่ฝันถึงอะไร.. ยิ่งคิดยิ่งอยากกอดเอาไว้ไม่ให้ไปไหนจริงๆ

   “จ๊อกกกกกกกกกกกก”

   เสียง.... เสียงท้องร้องที่ชัดมาก...ของ... น้องแก๊ง

   “อุ๊บบ...(พยายามกลั้นหัวเราะ) หิวแล้วเหรอครับแก๊ง!?”

   “อย่าหัวเราะ ฮึ่ยย!!” หน้าแดงเชียว

   ก็นะ.. ไม่ได้กินเย็นนี่ครับ ทุ่มนึงแล้วด้วย

   “ไม่หัวเราะแล้วคร้าบบบ ป่ะครับ ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวออกไปกินพิซซ่ากัน” รู้นะครับว่าอยากกิน อิอิ

   ผมก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับดึงตัวน้องแก๊งขึ้น แต่...

   “อุ๊!???”

   จู่ๆ น้องก็หน้าซีด.. แล้วเซไปนอนเตียงอีกรอบ

   “เป็นอะไรครับแก๊ง!??...” คือห่วงจริงๆ แต่...

   น้องมองผมตาขวางเลย.. แล้วว.. เอาหมอนมาฟาดใส่.. อะไรกันครับ...

   “ไอ้หมอบ้า!!!!! เจ็บบบบบบบ!! สะโพก.......” อ๋ออออออออออออออ

   “55555555 มาครับมา เดี๋ยวพี่อุ้มเนาะ”

   “ฮึ่ยยย!!!”

   ฮ่าๆๆๆ หน้าแดงเชียว... มันก็ไม่ดื้อ ให้ผมยอมอุ้ม แล้วค่อยๆ ประคองลงกับพื้นดีดีนะครับ ผมก็ให้รางวัลด้วยการหอมแก้มอีกรอบนึง แล้ว....

   “เอ้อๆ!! แก๊งครับ ตะกี๊พี่อ้อยโทรมาบอกว่า.....”



   “แก๊งๆ!! ทางนี้ๆ”  เสียงอ้อยที่นั่งอยู่บนโต๊ะในมุมส่วนตัวของร้าน กำลังเรียกน้องให้ไปหาอยู่ตรงนั้น

   ผมก็ค่อยๆ พยุงน้องไป

   น้องโทรกลับหาอ้อยตามที่ผมบอก เห็นว่ามีเรื่องด่วนที่น้องต้องออกมาเจอกันให้ได้ เลยนัดเจอกันที่ร้านกาแฟ

   จากนั้นก็รีบแต่งตัวออกมาแบบทุลักทุเลเพราะยังเจ็บสะโพก ผมก็ต้องคอยช่วย คอยพยุงน้องตลอดเวลา จนมาถึงร้าน ผมยังพยุงน้องเดินเรื่อยๆ กว่าจะถึงโต๊ะ

   “เออๆ พยุงกันเข้าไป!!... แกเป็นอะไรอ่ะแก๊ง!? ทำไมต้องให้กรพยุงขนาดนั้น”

   “เอ่อ.. คือ”

   น้องก็ค่อยๆ ปล่อยมือผม แล้วพยายามพยุงตัวเองนั่งลงไป.. ผมก็ค่อยตามลงไปนั่งข้างๆ

   “แหมๆ มานี่ตัวไม่ห่างกันเลยนะ เป็นผัวเป็นเมียกันแล้วรึไงห๊ะ กร!? แก๊ง!?” อุ๊ เซ้นต์แรง...

   “พี่อ้อย..คือ..พูดเรื่องด่วนมาดีกว่านะครับ น้องง...” มองหน้าพี่ทำไมล่ะครับ

   “อ่ะๆๆ ไม่แซวแล้วก็ได้!.. หลังสงกรานต์นี้แกต้องไปญี่ปุ่นกับพวกพี่นะ”

   “ห่ะ!!!!” ทั้งผมทั้งน้องเลยครับ แต่ผมไม่เสียจังหวะ..

   “ไป.. ไปวันไหนอ้อย”

   “ถามแทนเมียรึไงย่ะ!? (สะอึกเลยกู)...ก็กำลังจะบอกนี่ล่ะ ไป 20 – 31 เมษานี้ เพื่ออัดเสียงทำ Vocaloid ตัวใหม่ของบริษัทแอนิเมชั่นชื่อดังของที่นู่น เห็นว่าทางนู้นได้ไฟล์ฟังเสียงเราจากที่ส่งไปประกวดเมื่อคราวที่แล้ว เลยติดต่อหายัยฟ่างเมื่อกลางวันว่าช่วยมาให้หมดทั้งกลุ่มหน่อย อยากให้มาอัดเสียงสิ้นเดือนนี้ มีค่าตอบแทนให้ และออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
   พวกพี่เลยตกลง เพราะเห็นว่ามันเป็นบริษัทแอนิเมชั่นชื่อดัง ยังไงก็น่าจะปลอดภัย แถมช่วงนั้นเราก็กูว่างๆ งานก็ไม่ค่อยยาก มีค่าใช้จ่ายให้แถมยังได้เงิน และได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยเลย ทีนี้ก็เหลือแต่แกที่ยังไม่รู้เรื่อง.. เลยจะถามว่า
   แกไปกับพวกพี่ด้วยมั๊ย!??” อ้อยก็มองมาที่....เอิ่ม กูเกี่ยวอะไรด้วยครับ

   ผมเลยมองหน้าน้อง...ที่.... ยิ้มกว้างเลยครับ

   “ไปสิครับพี่อ้อย! ไปครับไป.. แก๊งก็ว่างช่วงนั้นพอดีเหมือนกันครับ..” ตอบกลับอย่างไว เมียผมนี่ชอบร้องเพลงจริงๆ

   แต่...ตั้ง 10 วันเลยเหรอว่ะ

   เฮ้ออ... แก๊งไม่เห็นใจพี่กรก่อนตัดสินใจสักนิดเลยเหรอครับ

   “โอเค!.. ถ้างั้น ที่พี่เรียกแกมาและบอกว่ามันเป็นเรื่องด่วนก็เพราะเจ้านี่ (อ้อยก็ก้มๆ เอากระดาษในกระเป๋าออกมา) เอกสารรับตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากบริษัทของที่นู่น เหลือแต่แกคนเดียวแล้วที่ยังไม่เซ็นต์ เพราะต้องยืนยันเอกสารและ FAX กับ Maill ส่งคืนที่นู่นก่อนพรุ่งนี้เช้าเพื่อยืนยันว่าเราไปก่อนที่เค้าจะติดต่อทีมอื่น...เนี่ยล่ะ!! มันเลยด่วน”

   “อ๋อ.. น้องแค่เซ็นต์ลงไปในนี้ใช่มั๊ยครับ”

   “พวกพี่เซ็นต์กันหมดแล้ว ก็เหลือแต่แกนั่นล่ะแก๊ง..รีบเลย!! เดี๋ยวพี่จะได้เอาไปยืนยันต่อนี่ล่ะ”

   อ้อยก็ยื่นปากกาให้น้องหยิบไปเซ็นต์เรียบร้อย ระหว่างนั้นผมก็ก้มๆ ดูกับน้องว่ามันเป็นเอกสารแบบไหน ก็.. จากบริษัท__ ดังอยู่นะ ผมดูการ์ตูนบ่อยๆ เลยรู้จักบริษัทนี้

   จนน้องเซ็นต์เสร็จ ก็ยื่นเอกสารคืนก้อยพร้อมปากกา

   “โอเค เท่านี้ก็เรียบร้อย.. (อ้อยเอาเอกสารกลับคืนกระเป๋าเหมือนเดิม) ทีนี้...กร! แก๊ง! ถามอะไรหน่อยดิ”

   “ครับ!??” พร้อมกันอีกล่ะ ทั้งผมทั้งน้อง มองหน้ากันเลยทีนี้

   “คนถามอยู่ทางนี้!! (หันกลับไปเลยครับ)...เอออ..นะ พวกแกสองคน ได้กันแล้วใช่มะ”

   เงิบบบบบบบ!!!!!

   ทำไม... ทำไมอ้อยมัน...

   “พี่... พี่อ้อย น้องก็บอกเมื่อวานแล้วนี่ครับ...” น้องรีบตอบเลยครับ... แต่เสียงมันสั่นนะแก๊ง

   “เมื่อวานกะวันนี้มันคนละเวลากัน แก๊ง.. พวกพี่บอกแล้วไงว่ามีอะไรอย่าปิดบัง..
   ตะกี๊แกเดินเข้ามาก็ให้กรพยุงขนาดนั้น ไม่อายคนในร้านบ้างรึไง.. แถมมาถึงนี่ หน้าแกแบบ รู้เลยอ่ะ.. หน้ากรนี่ก็แบบ หื้มมม ใช่เลยอ่ะ.. แล้วที่เดินแบบนั้นน่ะ เจ็บขาก็ไม่ใช่นะ พี่มองดูขาแกแล้ว ก็ยังดีอยู่ ไม่งั้นจะกล้าใส่เดฟขายาวรึไงถ้าได้แผลที่ขา พอมองดีดีนะแก๊ง ตอนแกพยุงตัวเองมานั่ง มันเหมือนคนเจ็บสะโพกมากกว่า” อึ๊กกกกก
   มองหน้าน้องเลยทีนี้.. แมร่งง อ้อยโครตเซ้นต์ดีเว่อร์...

   “ว่าไง... ทั้งสองคน... อย่าคิดนะว่าดูไม่ออก”

   “เอิ่ม..คืออ...” น้องเริ่มก้มต่ำแล้วล่ะ...

   เอาไงเอากันว่ะ... พี่ตอบแทนเองครับแก๊ง

   “อ้อย แก๊งกับกร คบกันแล้วล่ะ” น้องใส่สีหน้าผมทันที

   “นั่นไง!! กูว่าแล้วววววววววว แล้วเพิ่งได้กันเมื่อตะกี๊ใช่มั๊ย!!???” ผมก็มองหน้าน้อง..

   แล้วเอามือข้างนึงไปโอบไหล่น้องเข้ามากอดแทนคำตอบ จนอ้อย ขย้ำทิชชู่บนโต๊ะขึ้นมาเขวี้ยงใส่ผมเลยครับ

   “นี่แน่ะ ไอ้กร!! เอาซะน้องกูเจ็บสะโพกนะไอ้ห่า อย่าท่ายากนักดิว๊ะ..”

   “5555 ก็น้องอ้อยมันน่ารักอ่ะ” น้องชกท้องผมล่ะ..

   “พี่กรน่ะ... ฮึ่ยยยย พี่อ้อยก็ด้วย....” 5555 ถึงกับหน้าแดงจนมาซุกที่เสื้อโค้ทผมเลยครับ น่ารักจริงๆ

   “แหมๆ ไอ้แก๊ง ได้แฟนแล้วลืมพี่เลยนะ” 5555 น้องก็หยิบทิชชู่ที่อ้อยโยนมาตะกี๊ โยนคืนอ้อยไปเลยครับ

   จะทำตัวน่ารักไปไหนห๊ะแก๊ง.. อดเอาแขนเข้าไปกอดไม่ได้เลยว่ะ คนอะไรวะ... น่ารักตลอดเวลา

   “เอาน่าๆๆ.. พวกพี่แค่ล้อเล่นน่ะแก๊ง ไม่ต้องซุกขนาดนั้นก็ได้..”

   แต่น้องก็ซุกเหมือนเดิมครับ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเลย ผมก็เอาแขนที่กอดไปลูบให้ใจเย็นๆ ซักหน่อย

   “กร...”

   “ห๊ะ!?? ว่าไงอ้อย” จู่ๆ อ้อยก็เรียกครับ ผมเลยเงยหน้ามอง

   “รักมันให้มากล่ะ.. พวกกูน่ะรักมันมากนะเว้ย ถ้าเกิดมึงทำอะไรน้องกูร้องไห้ล่ะก็...”

   “ไม่มีทางหรอกอ้อย (ผมก้มหน้ามองสุดที่รักของผม) กรไม่ทำให้น้องอ้อยร้องไห้เด็ดขาด”

   “ให้มันจริงเหอะ..” ผมก็ยิ้มกลับไป... เข้าใจอยู่นะว่าอ้อยห่วงอะไร แต่กรเลิกแล้วล่ะ.. ไม่มีทางทำให้น้องเสียใจแน่

   ผมมองข้ามไหล่อ้อยไป มีผู้ชาย กำลังเดินมาทาง... นี้ แล้วเข้ามาสะกิดไหล่....อ้อย

   “อ้อยๆ” อ้อยหันกลับไปตามเสียง... ไอ้นี่มัน คุ้นๆ..ว่ะ

   “อ้าวต้อม!!??? นี่พอดีเลย แก๊งก็อยู่นี่พอดี” น้องก็เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วไอ้ผู้ชายมันค่อยมองมาที่พวกผม

   ไอ้นี่...ผมจำไอ้นี่ได้ล่ะ.. กอดน้องแก๊งสุดพลังเลยกู

เพราะไอ้นี่.... มันเป็นเกย์.....
ที่เคยมีเรื่องกับผม..เมื่อปีที่แล้ว

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 14 [บทพี่กร] ความฝัน] 60%
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 21-03-2014 08:37:42
 :z13: ก่อนเดี๋ยวมา
*********************************

มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงง

มาเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 14 [บทพี่กร] ความฝัน] 60%
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 21-03-2014 13:33:11
บอกว่า...  บอกว่า!!!! บอกว่าอะไรเล่า กลับมาบอกกันก๊อนนนนนน
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: HalF_EighT ที่ 25-03-2014 01:18:10
ตอนที่ 15 (บทพี่กร) ศัตรูเก่าที่น้องรู้จัก

   “อ้าว.. นั่นใช่ กร คณะแพทย์รึปล่าวน่ะ”

   ผมจ้องตามันไม่กระพริบ แถมยังกอดน้องเอาไว้อยู่... จน

   “พี่กร..แง่งๆๆๆ ฮึบบ” น้องดิ้นออกไปได้

   “อ่อใช่!!.. ต้อม นี่กร คณะแพทย์ แฟนน้องแก๊ง” ขอบคุณมากอ้อย ที่พูดทุกอย่างชัดเจน

   ผมมองไอ้ต้อมที่.. รู้เลยว่ามันอึ้งกับคำตอบ.. อึ้งจน...รู้เลยว่ามันรู้สึกยังไง...

   มันก็มองไปทางสุดที่รักของผม

   “อ่อเหรอ!!?? อ้าวไอ้ตัวเล็ก.. มีแฟนกับเค้าแล้วเหรอ!??” ผมมองน้องแก๊ง

   คือ.. ไม่พอใจตะกี๊มาก ที่มันเรียกน้องแก๊งว่า ‘ไอ้ตัวเล็ก’.. จับมือน้องไว้แน่นเลยกู

   “ก็... ครับ เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันวันนี้ล่ะคับพี่ต้อม แหะๆ นี่พี่ต้อมกลับมาจากอเมริกาแล้วเหรอครับ”

   น้องก็พยายามเอามือออก แต่ผมก็กำแน่น จนน้องมองหน้า.. เลยบอกด้วยสายตาว่าขอนะ ขอกำมือไว้.. น้องก็ปล่อยเลยตามเลยเอาอีกมือหยิบเมนูขึ้นมาดู

   เพราะผมรู้... ผมรู้ว่าไอ้ต้อมมันต้อง...

   “ว้า.. เสียดายจัง” นั่นไง!!...

   นั่นคือคำตอบมึงใช่มะ ไอ้ต้อม!.. มันก็ค่อยๆ ขยับตัวเองนั่งลงข้างๆ อ้อย... ตรงข้ามกับผม

   “พี่ก็กลับมาช่วงสงกรานต์นี่ล่ะครับ วันสุดท้ายที่เราจะส่งพี่ขึ้นเครื่องแต่ป่วยก่อนใช่มั๊ย น่าเสียดายมากเลย”

   วันสุดท้ายก่อนส่ง.. น้องป่วย.. อ๋อ วันนั้นแน่ๆ..

   “ไม่เจอกันนานเลยนะกร ดูดีขึ้นเยอะเลย” มันทักทายผมด้วยสีหน้า...

   “เหมือนกันครับ”

   ผมพยายามพูดดีๆ.. แต่สายตากับท่าทางของผมไม่รับประกัน พยายามจับมือน้องไว้ ให้มันรู้ว่าผมคิดยังไง.. มันก็รู้ล่ะครับ รู้จากสายตากับท่าทางของผม.. เลยหันไปทางไอ้หมอยา

   “แล้ว.. ไปเจอกับกร เป็นแฟนกันได้ยังไงล่ะแก๊ง”

   ผมมองหน้าตัวเล็กที่.. กำลังเปิดเมนูเกี่ยวกับขนมปัง.. ลืมไปเลยว่ะว่ายังไม่กินเย็น

   “เอิ่ม.. พี่เค้าอยู่ห้องข้างๆ น้องน่ะครับ ก็มีเรื่องด้วยกันนิดหน่อย เลยได้สนิทกันน่ะครับ”

   “อ๋อออ เหรอครับ” มองมาทางนี้อีก

   ไม่อยากให้มันชวนที่รักกูคุยว่ะ... ผมโบกมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ขัดจังหวะซะ

   “รับอะไรดีค่ะ” (พนักงาน)

   “แก๊งหิวมั๊ยครับ เอาเป็นข้าวมั๊ย” ผมถามน้องด้วยรอยยิ้ม

   น้องก็ค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกครับ (อายพนักงานล่ะสินะ) แล้วปิดเมนูสั่งออกไปว่า

   “เอาสปาเก็ตตี้ผัดเผ็ด กับขนมปังไข่ดาว ขอเครื่องดื่มเป็นบลูฮาวาเอี้ยนเย็นกับชามะลิร้อนด้วยนะครับ”

   “โอเคค่ะ.. รอสักครู่นะคะ” พนักงานก็จดๆ แล้วเดินจากไป

   ไม่รอช้า..

   “กินเยอะตลอดเลยนะ” ผมก็ลูบหัวน้องทันที

   “แง่งๆๆๆ พี่กรรร... ลูบหัวน้องทำไม อายพี่ต้อมหน่อยยย” หึหึ.. อย่าพยายามเอามือพี่ลงเลยครับ

   พี่ต้องทำให้มันรู้ซะหน่อยว่าแก๊งเป็นของพี่.. พี่ขอโทษนะครับ

   “นั่นสิครับ กินแต่ของรสจัดด้วย เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” เฮ้ยยย ไอ้นี่!!..

   ไอ้ห่านี่... นี่กูอุตส่าห์ทำให้รู้ว่ากูหวงแล้วนะ...หรือเรื่องเมื่อตอนนั้น มึงยังง...!??

   มองสายตามันที่...คือสายตามึงแบบนี้ ยิ้มใส่กูนี่.. ที่กูคิดคือถูกต้องใช่มั๊ยที่มึงจะ..

   “เอ้าๆ!! กร แก๊ง หวานกันต่อหน้าชั้นเข้าไป.. ตะกี๊รับออเดอร์ก็ไม่รอชั้นเลยนะแก๊ง พี่ค่ะพี่!!..”

   “สั่งไปเลยนะอ้อย เดี๋ยวต้อมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หื้อ.. เข้าห้องน้ำ..

   พอมันลุกไปเท่านั้นล่ะครับ



   “ต้องการอะไรกันครับ”

   ผมไปดักอยู่ในห้องน้ำหลังจากที่มันทำธุระเสร็จ.. มันออกมาแล้ว... ล้างมือ... ทำหน้ายิ้มๆ

   “เป็นแฟนกับน้องแก๊งสุดน่ารักแล้วหนิ.. ไม่เบานะมึงอ่ะ”

   “กูถามว่าต้องการอะไร!!”

   ขึ้นเสียงใส่ดังๆ อีกรอบ... มันก็ยิ้ม

   “พยายามทำใส่กูขนาดนั้น.. คิดว่ากูชอบน้องแก๊งรึไง”

   “แล้วชอบมั๊ยล่ะ!??” หน้ามัน...กวนตีนใส่...

   “หึ!!... แล้วแต่มึงจะคิด” ไอ้เชรี่ยนี่

   “จะเอายังไงกับกู!!” ผมเข้าไปชาร์จคอเสื้อมัน..

   “คนเป็นหมอ... ทั้งชอบแย่งของชาวบ้าน กับใจร้อนขนาดนี้เลยเหรอว่ะ” ไอ้นี่..

   “นี่มึงยังไม่ลืมเรื่องตอนนั้นใช่มั๊ย!??” มันสะบัดมือผมออก

   “ถ้าใช่!!... แล้วจะทำไม!?? กูเห็นหน้ามึงกูก็อยากชกจะตายห่าล่ะ!!”

   “ก็เออ!! ก็เอาดิว่ะ!!.. กูบอกเลยนะต้อม น้องแก๊งไม่เกี่ยวอะไรด้วย”

   “เฮอะ!! ทีของมึงมึงหวง แล้วมึงไม่นึกถึงกูตอนนั้นรึไง”

   “อย่าเอาเรื่องนั้นมารวมกับเรื่องนี้.. มึงมีอะไรมึงลงกับกู อย่าเอาน้องไปเกี่ยว น้องมันไม่รู้เรื่อง”

   “เออ!! น้องมันไม่เกี่ยว!! แต่กูชอบน้องจริงๆ”

   ห๊ะ!!.... ไอ้เวร... กูว่าแล้ว... ที่มึงอึ้ง พยายามทำให้รู้ว่าหวงแทบตายแต่มึงยังจะ...

   “ยิ่งมึงได้น้องไป.. กูไม่อยากจะยอมรับว่ะ.. ชั่วๆ ในชุดขาวอย่างมึงน่ะ มันจะรักน้องแก๊งจริงเหรอวะ”

   “กูไม่ใช่คนเดิม!!”

   “สันดานมึงยังไงก็ไม่เปลี่ยนหรอก กร... กูถามหน่อย ตอนนี้ปอนด์เป็นไงมั่ง”

   ไอ้!!.... ไอ้เชรี่ยนี่... มัน... มันเอาเรื่องเก่ามาพูด

   “กูถามว่าปอนด์เป็นไง!!!”

   “มึงอยากรู้มึงก็ไปถามปอนด์เองดิว่ะ!!!”

   “หึ.. นั่นไง.. แล้วมึงคิดเหรอ.. ว่าน้องแก๊งจะรับได้ ถ้ารู้เรื่องมึงกับปอนด์... และกู!!” อึ๊กก

   ไอ้นี้... มันขู่...มันเข้ามากำคอเสื้อผม

   “ถ้ากูชกหน้ามึงแล้วกูหาย!! กูทำไปแล้ว... แต่มึงยังมาแย่งน้องแก๊งอีก.. แค่กูไปเมกาแป๊ปเดียวน้องได้มึงเป็นแฟน เฮอะ.. กูว่าแล้ว.. ว่าชั่วๆ อย่างมึงต้องมีเรื่องกับกูอีกในสักวันแน่ๆ” ผมสะบัดมือมันออก

   “หึ.. แต่ไม่เป็นไร มึงเพิ่งคบกันวันนี้วันแรกไม่ใช่รึไง!??”

   ไอ้!!.. ไอ้นี่!!.. จะง้างมือชกมันแล้วนะ

   “อย่าคิดนะว่าชกกูแล้วเรื่องจะจบ..ข้างนอกยังมีแฟนมึง (เบรกมือไว้เลย) กับกูยังมีเบอร์ปอนด์อยู่นะ ไอ้คุณหมอ”

   คือแมร่ง กูสู้ กูสู้ไม่ได้ จริงๆ...



   “แก๊งครับ! พี่นึกขึ้นได้ว่าเรามีธุระด่วน.. รีบไปกันเหอะครับ”

   “ซู้ดด...หื้อออ!???” น้องกำลังสูดเส้นสปาเก๊ตตี้อย่างเอร็ดอร่อย

   คือ.. พี่ขอโทษนะแก๊ง ที่พี่ขัดเราเวลากิน แต่ว่า...

   แมร่ง... มันออกมาจากห้องน้ำเดินมาทางนี้ล่ะ

   “อะไรกร..ธุระด่วนอะไรของแก..”

   “อื้อๆ ถุยะอาไยยับ (น้องพยายามเคี้ยวแล้วกลืนส่วนที่กินไปตะกี๊) น้องว่างนี่ครับพี่กร”

   โอ้ยยย ไม่รับมุขกูเลยยย....แมร่ง... เอาไงดีว่ะ

   “พี่ครับ!!” พนักงาน.. เรียกพนักงานเลยครับ

   “อะไรค่ะ” (พนักงาน)

   “ช่วยห่อสี่รายการนี้หน่อยนะครับ คิดตังค์ด้วยเลย เร็วๆ ด้วยนะครับ”

   “หา!!!!?????” (เสียงแก๊งกับอ้อยประสานกัน)

   แล้วพนักงานก็หยิบถาดใกล้ๆ มือมายกสี่รายการของน้องแก๊งไปต่อหน้าต่อตา.. ทุกคน

   “พี่.. พี่กร.. นี่มันเรื่องอะไรกัน”

   “ป่ะครับแก๊ง ไปกันครับ เดี๋ยวสายนะครับ..” ผมดึงมือน้องขึ้น

   “เดี๋ยวสิกร ธุระด่วนอะไรของแก ไหนน้องบอกว่าว่างไง” (อ้อย)

   “นั่นสิครับพี่กร น้องจำไม่ได้เลยนะว่าวันนี้มันมีอะไรอีก” โอ้ยแก๊ง เออออตามพี่หน่อยครับ

   แมร่ง จะคิดมุขไม่ทันล่ะ... คิดสิว่ะ...คิดดดดด

   “คือ.. ตอนเราหลับ พี่รับโทรศัพท์ได้น่ะครับว่าเรามีที่ต้องไปอีก แต่พี่ลืมบอกไป ป่ะครับ ไปกัน”

   “อ้าวๆ.. กร.. อะไรกันเนี่ย” (อ้อย)

   คือไม่สนใจว่าใครจะรั้งน้องไว้ล่ะ รีบพาน้องไปที่เคาท์เตอร์คิดเงินกับเอาของห่อทันที....แต่ว่า

   “แก๊งครับ!”

   เสียง เสียงไอ้ต้อมมันเรียก... ทำเอาน้องสะดุดดึงมือผมไว้ว่า.. ให้หยุดฟังก่อน

   “สงกรานต์นี้.. ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ พี่วางแพลนไว้แล้ว” อะ..ไอ้นี้

   หน้าตามึงนี่.. ตั้งใจจะกวนตีนกูใช่มั๊ย.. กอดน้องแล้วพาเดินไปคิดตังค์กับรับอาหารห่ออย่างเร็วเลยครับ



   ขับกลับมาถึง หอพัก

   จอดรถ.. ดับเครื่อง ค่อยถอนหายใจโล่งออกมา

   “อ้าว!??..ธุระด่วน??” น้องมองหน้าผมเลย

   “พี่กรเป็นอะไรครับ ขึ้นรถมาก็หน้าบึ้งจนน้องไม่กล้าถาม บอกมีธุระด่วนก็พากลับหอเฉยเลย มีอะไรรึปล่าวครับพี่กร วันนี้พี่ดูแปลกๆ นะ”

   ผมก็.. เอื้อมไปคว้าถุงของกินมา

   “ป่ะครับแก๊ง ลงรถ.. เดี๋ยวขึ้นห้องพี่เล่าให้ฟังทั้งหมดเองครับ”

   “อ่ะ ครับๆ”

   น้องก็ลงรถตามผม จน.. ไขเข้ามาในห้องแก๊งครับ

   วางของทุกอย่างลง น้องก็เข้าห้องน้ำล้างหน้า ส่วนผม เปิดแอร์ จัดเตียง แล้วค่อยรอจังหวะให้ไอ้หมอยามันออกมาจากห้องน้ำ เดินไปทางกระจกเพื่อ...

   “ห่ะ!?? พี่กร โว้ววววววว”

   ไอ้หมอยาตัวเล็กอ่ะ เห็นบอกว่าสูง 170 (แต่ผมดูจริงๆ 165 กว่าๆ ไม่ถึง 170 หรอกครับ) หนักก็แค่ 55 กว่าๆ มีเนื้อนิดหน่อยแต่ก็ผอมอ่ะ เทียบกับผม 182 หนัก 80 กว่าๆ แน่นๆ เล่นกล้าม อุ้มไอ้ตัวเล็กขึ้นมากอดได้สบายเลยครับ

   “พี่ก๊อนนน!! อะไรเนี่ยย!?? น้องจะทาครีมมม” หึหึ.. ยังเช็ดหน้าไม่เสร็จเลยครับ จัดการวางลงเตียง

   แล้ว... ก้มลงฟัดปากกับที่รักให้หนำใจสักรอบก่อน

   “อือออ อื้ออออ” กอดผมด้วยล่ะ... น่ารักจริงๆ

   น้องใช้มือดันผมออกมานิดๆ ผมก็คลาย....พอจะรู้ล่ะครับว่าทำไม

   “พี่กร?? วันนี้พี่กรเป็นอะไรไปครับ ทำไม..โกหกพี่อ้อยพาแก๊งกลับมาแบบนี้”

   “เฮ้อออ....” จะซื่อบื้อไปไหนครับไอ้หมอยาของพี่.. กอดไอ้ตัวเล็กแน่นเลยครับ

   “แก๊งครับ.. พี่มีเรื่องจะบอก”

   “อะไรเหรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตาไอ้ตัวเล็ก

   “สัญญามาก่อนครับ.. ว่าแก๊งจะไม่โกรธพี่” น้องก็พยักหน้า..แบบงงๆ

   “งั้นก็.. มาครับ” เปลี่ยนท่าก่อน

   ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ดึงที่รักตัวเองเข้ามานั่งบนตักให้หันหน้าออกไป แล้วกอดเอาไว้เอาหัวที่รักมาพิงอกผม

   อา.. ชอบท่านี้จัง.. เวลาอยู่ท่านี้น้องจะเงยหน้ามองผมทันทีเพราะสูงต่างกันเยอะ

   “พี่กร.. มีอะไรจะเล่าเหรอครับ” หึหึ..จุ๊บหน้าผากเบาๆ ซะเลย ก่อนจะเล่า....ว่า..

   “แก๊งพอจะรู้มั๊ย.. ว่าพี่ต้อมเป็นเกย์”

   “ห๊ะ!??? จริง???” นั่นไง!! ว่าแล้วว่าไม่รู้

   “แก๊งดูไม่ออกเหรอครับ”

   “ไม่มีใครรู้เลยครับพี่กร.. พี่พี่ก็ไม่รู้ ไม่มีใครบอกแก๊งเลย” อ้อยก็ไม่รู้งั้เนหรอ.. แต่ดูท่าทางจะรู้อยู่บ้างล่ะนะ

   “งั้นเหรอครับ.. ช่างเหอะ.. เรื่องที่พี่จะเล่ามันเกี่ยวกับพี่ต้อมนั่นล่ะครับ”

   “ยังไงเหรอครับ”

   “คือ..เมื่อปีที่แล้ว.. พี่กับพี่ต้อม มีเรื่องชกต่อยกัน เพราะพี่ แย่งแฟนพี่ต้อม..”

   มองหน้าน้องที่เงียบลงไปเลย.. เล่าต่อล่ะกัน

   “อันที่จริงพี่ไม่ได้แย่งหรอก เรื่องมันเกิดตอนพี่ไปเที่ยวกับพวกไอ้ไม้ ไอ้นันนั่นล่ะครับ วันนั้นไอ้นันพาไอ้ต้อมมาด้วย เห็นว่าเป็นเพื่อนโรงเรียนกัน พี่เห็นตอนแรกพี่ก็ไม่คิดว่าต้อมจะเป็นเกย์เหมือนแก๊งนั่นล่ะครับ
   จนพวกพี่สนิทกันในระดับนึง แล้วนัดมาเที่ยวด้วยกันอีกรอบ ต้อมก็เอาแฟนมา พี่เลยรู้ว่าเป็นเกย์
   แฟนต้อมตอนนั้นเห็นว่าเป็นรุ่นน้องคณะมนุษย์ ชื่อปอนด์ มาถึงก็นั่งกินเหล้าธรรมดา พี่ก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ
   แต่สายตาที่ปอนด์ส่งมาให้พี่ระหว่างอยู่บนโต๊ะ พี่รู้เลยว่าปอนด์อยากเล่นกับพี่ คือตอนนั้นพี่เองก็ยังทำตัวไม่ดีอยู่ พี่เลย.. เล่นกับเค้าด้วย ก็..นั่นล่ะครับ ไปมีอะไรกัน...” มาถึงตรงนี้ผมก็.. หยุดนิดๆ

   น้องหยิกแขนผมล่ะ...หึหึ น่ารัก กอดเอาไว้แน่นกว่าเดิมล่ะกัน

   “แต่พี่ก็ไม่ได้จริงจังนะครับ ตอนนั้นพี่มันชั่ว.. พอได้กันพี่ก็เลิก.. แต่ปอนด์เค้าไม่เลิก เค้าว่าพี่ต้องรับผิดชอบ.. แต่พี่ก็บอกไปว่าพี่ไม่ได้จริงจัง แค่ได้กันวันไนท์แสตนด์ต่างคนก็ต่างไปเพราะปอนด์เองก็มีแฟน..
   ปอนด์เลยไปบอกเลิกไอ้ต้อมนั่นล่ะครับ
   หลังจากนั้นไอ้ต้อมก็มาหาเรื่องพี่ที่คณะ มันบอกว่าพี่ไปอ่อยแฟนมัน ไปแย่งปอนด์มาจากมันทำให้พวกมันเลิกกัน.. พี่ก็ทั้งอธิบายไปว่าปล่าว ทั้งบอกไปว่าพี่ไม่ได้แย่งปอนด์มา แค่เล่นด้วย.. ตอนนั้นพี่ก็เลยโดนต่อยไปสองสามที พี่ก็ว่าจะต่อยคืนนะครับ.. แต่พอดีอาจารย์หมอเค้ามาห้ามไว้ก่อน.. พี่เลย ทำตัวดูดี”

   “ชั่วจริงๆ...” ด่าพี่เหรอไอ้หมอยา.. หึ หอมแก้มซะเลย

   “ฟอดดด เฮ้ออ.. ก็นั่นล่ะครับ (กอดเหมือนเดิม) พี่มันชั่ว หลังจากนั้นพี่กับปอนด์ก็ไม่ได้มีอะไรกันอีกนะครับ รู้แค่ว่าปอนด์ก็ไม่ได้กลับไปหาไอ้ต้อมมันหลังจากวันที่มันมีเรื่องกับพี่ที่คณะ แถมพี่ก็ไม่เคยขอเบอร์ปอนด์อยู่แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก คราวนี้ต่างคนต่างอยู่กันจริงๆ.. จนมาวันนี้นั่นล่ะครับ
   พี่เจอมันอีกรอบนึง แต่พี่ก็กลับตัวกลับใจแล้ว.. เพราะพี่มีเรา.. แต่ไอ้ต้อม มันไม่เชื่อ ตะกี๊ พี่ไปมีเรื่องกับมันในห้องน้ำ มันบอกว่าชอบแก๊ง มันจะแย่งแก๊งคืนไปจากพี่.. พี่เลย พาเรากลับมานี่ล่ะครับ”

   “ห๊า!!?? พี่ต้อมเนี่ยนะ ชอบน้อง พี่กรจะบ้ารึปล่าว” น้องหันหน้ามาถามเลยครับ

   “ใช่ครับ พี่เค้าพูดกับพี่อย่างนั้นจริงๆ แก๊งสนิทกับพี่ต้อมขนาดไหนแล้วล่ะครับ”

   “พี่กร.. น้องรู้จักพี่ต้อมเมื่อปีที่แล้วเองนะครับ..”

   “หืม.. ยังไงครับ”

   “คือวันนั้น.. พี่ต้อมมาเมาที่ร้าน__วันที่พวกน้องกับพี่พี่ไปร้องเพลงพอดี เมามากเลยล่ะครับ พาลมาขอเพลงหน้าเวทีแถมไปมีเรื่องกับพวกโต๊ะด้านหน้าจนพวกผมต้องเรียกพนักงานให้เข้ามาห้าม.. หลังจากนั้นพี่เค้าก็มาขอโทษ แล้วเริ่มมาสนิทกับพวกผมหลังจากนั้นล่ะครับ มากินเหล้าที่ร้านวันที่พวกผมมีร้องเพลง ขอเบอร์พวกผมชวนกันไปเที่ยวทั้งกลุ่ม แต่ไม่มีชวนกันไปสองต่อสองนะครับ น้องสาบานได้.. มันไม่มีท่าทีอะไรที่พี่ต้อมจะชอบน้องเลยนะครับ พี่กรคิดมากรึปล่าว..”

   “งั้นเหรอครับ...” ผมว่าไอ้ห่านั่นมันไม่ได้ล้อเล่นหรอก.. เพราะเรื่องปอนด์มันก็พิสูจน์อยู่แล้วว่ามันเป็นเกย์

   “อย่าบอกนะว่า” น้องทำท่า.. เหมือนคน..คิดหนัก

   “มีอะไรเหรอครับ!??” น้องก็ส่ายหน้า งงสิผม

ทำไมน้องทำท่าเหมือน โคนัน
กำลังคิดอะไรอยู่ล่ะครับ... มีอะไรบอกพี่สิแก๊ง

///////////////////////////////////////////////////////////////////
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-03-2014 01:28:00
 :hao4: ทิ้งปมอีกแล้ว
สรุปน้องคิดเรื่องอะไร
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: pumpui ที่ 04-04-2014 23:16:04
พี่กร หาย  :sad4:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-04-2014 09:27:45
.......หรือว่า...............พี่ต้อมชอบพี่กร       กร๊ากกกกกกกกกกกกก

ทำไมหายไปเลยไม่มาต่อ หร์อว่าปิดเทอมน้อ :hao4:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 01-05-2014 00:24:33
หายไปนานแล้วนะคร๊าบ
มาต่อได้แล้วนา  แห่ๆ
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 18-03-2015 12:53:11
คือออออ รอฉันรอเธออยู่ววววววว


เอ่อมมมม ค้างไว้นานมว๊ากกกก 1 ปีที่รอคอยก็ว่าได้


คนแต่งหายไปหนายยยยยย :ling1: :ling1: :ling1:


อยากร้องไห้ :hao5: คิดถึงพี่กรน้องแก๊งมากกกก


มาต่อสักที ขอให้กลับมาต่อไวๆนะ เนื้อเรื่อสนุกมากกกก


ไม่อยากให้ทิ้งไปเลยอ่ะ  :mew2: :z3: :ling2: :z13:
หัวข้อ: Re: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 24-12-2017 20:06:30
ยังรออยู่  :monkeysad: :o12: :hao5: