พิมพ์หน้านี้ - ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: อโลลาน ที่ 17-02-2014 18:21:32

หัวข้อ: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 17-02-2014 18:21:32
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


                                                                  ...............................................




                            "สวัสดีครับ....."


                            "..................."


                 เออ....ไม่ต้องมองคนอื่นหรอกครับ แกะคุยกับคุณนั้นแหละก็สวัสดีครับ แนะนำตัวกันหน่อยเนาะ แกะชื่อแกะนะครับอยากจะเรียกอะไรก็ได้ตามสบายเลยครับ


                 นิยายเรื่องนี้ไม่มีNCนะครับ...   

                 ก็หวังว่าพี่ปันกับน้องหมอกจะทำให้คนอ่าน'รู้สึก'ไปได้กับพวกเขานิยายเรื่องนี้จะจัดเป็นประเภทไหนก็ไม่รู้แกะก็แค่อยากเขียนเรื่องราวของคนคู่หนึ่ง...ก็แค่ความสัมพันธ์ปกติทั่วไปที่เราๆเรียกกันว่า'รัก'

                 ขอบคุณทุกคนมากครับ

                 แกะซ่า :กอด1:
 
 
                         -------------------------------------------------------------------
 
 
 
"หื่อ....อื่อ...เจ...เจ็บ พอแล้ว อย่...อย่า อื้ออออ "
 
 
เสียงข้างๆห้องของคนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ร้อนแรงดังขึ้นปลุกผมจากนิทรา 
 
อีกแล้วเหรอ  ? นี้มันวันจันทร์นะเว้ย !!! 
 
ถึงใจจะคิดแบบนั้นแต่ร่างกายก็ปฏิบัติตามคำสั่งในหัวอยู่ดี ผมลุกขึ้นบิดขี้เกรียจแบบไม่ยินดียินร้ายกับเสียง'คราง'ที่ยังคงดังลั่นต่อเนื่อง...
 
ชิน...
 
ถ้าจะใช้คำนี้ก็คงไม่ผิดนัก...ผม'ชินชา'กับอะไรพวกนี้ซะแล้ว...
 
'แอ๊ดดดดดด....'
 
ผมเปิดประตูแล้วเดินลงไปยังห้องครัวจากชั้น3ของตึก หาอ่างแสตนเลทเล็กๆเทน้ำร้อนใส่ลงไปแล้วผสมให้น้ำมันอุ่นๆพอประมาณ เตรียมผ้าผืนเล็กๆอีกผืนพร้อมยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบพ่วงด้วยพลาสเตอร์ปิดแผล...
 
ไม่อยากคิดสภาพจริงๆรอบนี้พี่เทสจะโดนแบบไหน...
 
พอย้อนกลับขึ้นมาบนห้องผมก็สวนทางกับ'ต้นเหตุ'ที่ทำให้เกิดเสียงครางดังขึ้น
 
"หวัดดี หนูน้อย"
 
'มัน'ทักผมพร้อมทั้งติดกระดุมเสื่อเชิ้ตไปด้วย ผมพยามเดินเลี่ยงด้วยการจะหลบไปอีกทางแต่อีกฝ่ายไม่ยอม
 
"ทำหน้าหงิกหน้าหงอแบบนั้นไม่พอใจอะไรรึไง ? ไม่ดีใจเหรอฉันมาใช้บริการแค่พี่ชายนายคนเดี่ยวนะ หึหึ"
 
".............................."
 
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนมันพูดใส่และไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำหน้านิ่งไม่ยินดียินร้ายใส่มัน 
 
เพราะอาการที่ตอบสนองเป็นแบบนั้นมันถึงได้เขม่นหน้าผมตลอดมา แต่ดูเหมือนครั้งนี้อีกฝ่ายต้องการจะเอาเรื่องผมเต็มที่ถึงขนานยืนมือโสโครกของมันมาจับที่ใบหน้าของผม
 
เสียดายจริงๆที่นี้ผม'ไม่มีสิทธิ์'ตอบโต้ลูกค้า...ไม่งั้นก็ได้มีสักหมัดสองหมัดล่ะนะ !!!
 
"หึ เก่งให้ได้ตลอดนะไอ้หนู...ฉันจะรอ...วันไหนที่แกขึ้นเป็น'สินค้า'ฉันนจะรอ'เปิด'แกคนแรกเลย เตรียมตัวไว้เถอะ"
 
พอมันพูดจบก็ปล่อยมือออกจากหน้าของผมก่อนที่จะเดินลงไปชั้นล่าง
 
นั้นสินะ...
 
ไม่นานผมก็คงไม่ต่างจากรุ่นพี่คนอื่นๆที่อยู่ที่นี้
 
เป็นได้เพียง....'เด็กขายน้ำ'
 
 
 
 
 
                                             .................................
 
 
 
'แอ๊ดดดดด'
 
"พี่เทส เป็นไงบ้าง ?"
 
ผมเปิดประตูห้องเข้าไปหาบุคคลที่เป็นปลายเสียงครางที่ดังปลุกผม ร่างหนาผงกหัวขึ้นมามองก่อนจะทิ้งตัวลงดังเดิมทั้งๆที่ทั้งตัวเหลื่อแค่เพียงผ้าขนหนูผืนเล็กที่ปิดปกคลุมจุดสงวนเอาไว้
 
"มีความสุขมั่งไอ้บ้า ก็เจ็บดิถามได้ ไอ้เหรี้ยนี้ก็จริงๆเลย เล่นยิงยาวจากตี2ยันเกือบสว่าง"
 
คนนอนหมดแรงร้องตอบกลับมาอย่างทรมานสังขาร ถึงจะเคย'ผ่าน'มาขนานไหน แต่ช่องทางที่ไม่ใช่ธรรมชาติย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา
 
"มา เดี่ยวหมอกเช็ดตัวให้"
 
คนถูกประนิบัติยันตัวขึ้นมาพิงขอบเตียงก่อนที่ผมจะค่อยๆไล่เช็ดน้ำโสโครกทั้งหลายที่หลงเหลือยู่บนร่างกายให้หมดไป พร้อมยื่นยาแก้ปวด แก้อักเสบแถมให้ด้วย
 
และผมคงต้องพูดประโยคเดิมอีกครั้ง มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ผมต้องมาช่วยเหลืออีกฝ่ายแบบนี้
 
"แล้วไปรร.ไหวมั้ย ?"
 
ผมถามพลางมองหน้าเหยเกของพี่เทสหลังจากผ้าของผมไล่โดนจุดที่เป็นรอยแดงจ้ำ'มัน'ก็ช่างเลวได้ใจ ชอบทิ้งรอยไว้ในที่ๆเห็นง่ายดูอย่างครั้งนี้สิครับเล่นตีตราไว้ที่ซอกคอ สารเลวได้ใจจริงๆ
 
ไอ้เลวเอ๊ย 
 
ผมสถบในใจอย่างหัวเสียก่อนจะพยายามเบามือเช็ดอีกฝ่ายต่อไป
 
"ต้องไหวดิ วันนี้กูมีเทสเคมี ขาดแล้วเดี่ยวพวกให้้กูแค่คาบเส้นอีก แถมเมื่อคืนเพราะมันนั้นแหละกูเลยไม่ได้อ่านหนังสื่อสักหน้า"
 
พออาการทางร่างกายเริ่มดีขึ้น พี่เทสหรือชื่อเล่นเต็มๆว่าเทสโต้ก็บ่นยาวาก่้อนควานหาแว่นตาแถวๆโคมไฟบนขอบเตียงพอได้มาเจ้าตัวก็สวมมันลง 
 
เจ้าของแว่นมองหน้าผมตรงๆอีกครั้ง...
 
....แววตาที่ส่งมาให้ผม มันสื่ออารมณ์ที่ทั้งขอบคุณและขอโทษ...
 
"เฮียเก่งอยุ่แล้ว แค่นี้จิ๊บๆ"
 
"ถ้ากูเก่งจริง กูคงพามึงหนีออกไปจากนรกนี้ได้แล้วล่ะ หมอก...กูขอโทษ กูไม่น่าชวนมึงมาอยู่กับกูเลย..."
 
คนพูดสื่ออารมณ์ที่จริงจังอีกครั้งหนึ่ง...
 
ผมทิ้งตัวลงไปนั่งที่ขอบเตียงข้างๆพี่เทสก่อนจะกุมมือข้างซ้ายเบาๆแล้วพูดตอบ
 
"มันไม่มีใครรู้หรอกพี่ว่าชีวิตเราจะเป็นแบบนี้หรือแบบไหน หมอกไม่อยากให้พี่โทษตัวเอง หมอกรู้...ว่าพี่หวังดีและไม่รู้เรื่องของ'ที่นี้' ตอนนั้นถึงได้ชวนหมอกมาอยู่ด้วยกันในบ้าน...ไม่สิ 'ซ่อง'แห่งนี้..."
 
ผมพูดแบบไม่ยินดียินร้ายอะไรนักกับชะตาชีวิตของตัวเอง
 
เด็กกำพร้าอย่างผมได้มาอยู่ที่นี้ก็เพราะการชวนจากพี่เทสที่ตอนนั้นก็อยู่บ้านกำพร้าหลังเดี่ยวกับผมเพียงแต่หลังจากนั้นพี่เขาก็ได้รับการอุปการเลี้ยงดูจาก'แม่เลี้ยงอรอนงค์'
 
เลี้ยง...เพื่อ'ขาย'
 
ด้วยความที่ยังเด็กและไม่ประสีประสา พี่เทสเองนั้นแหละที่เป็นคนเอ่ยปากชวนผมมาอยู่ที่นี้ แรกเริ่มทุกอย่างมันดูดีไปหมด มีบ้านที่มีที่นอนอุ่นๆ มีอาหารดีๆได้กินทุกวัน ได้เรียนโรงเรียนเอกชนหรูๆ 
 
ทั้งหมดที่ผมว่ามานั้นแม่เลี้ยงทำให้ก็แค่ต้องการ'เพิ่มมูลค่า'ของ'สินค้า'
 
เพราะเด็กเอกชนนั้นโก่งค่าตัวได้มากกว่าพวกเด็กโรงเรียนธรรมดาทั่วไป...
 
ที่นี้แค่เปลี่ยนจากเด็กผู้หญิงเป็นเด็กผู้ชาย ด้วยเหตุผลที่ว่า พวกผมนั้น'ท้อง'ไม่ได้ ไม่ต้องมาดูแลมากมายเหมือนเด็กผู้หญิง
 
....ถ้าจะเปรียบที่นี้เป็นสถานที่เลี้ยงดูสัตว์อะไรสักอย่างยังพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าใช่ ก็แค่เลี้ยงแล้วรอวันที่พร้อมจะขาย...
 
สาเหตุที่ผมรอดมาจนถึงทุกวันนี้เพราะอายุของผมยังไม่ถึง16...
 
หึ...อย่าคิดนะครับที่แม่เลี้ยง'ไม่ขาย'ผมตั้งแต่เด็กนั้นแกกลัวผมรับไม่ได้รึว่าอะไร
 
ก็แค่กลัวสินค้าเสียหาย ก่อนเวลาอันควร...
 
บัดซบจริงๆ....
 
"หมอก...รอพี่นะพี่จะรีบเรียนจบไวๆ พี่จะจบหมอให้ได้และพี่จะพาเราออกไปจากนรกนี้"
 
พี่เทสกุมมือของผมพร้อมบีบเบาๆแทนคำสัญญา ผมพยักหน้ารับก่อนจะพยายามสั่งให้ตัวเองฝืนยิ้มออกมา สักพักพออาการดีขึ้นพี่เทสก็ขอตัวไปอาบน้ำชำระคาบสกปรกต่างๆ...
 
ผมไม่รู้...ไม่รู้เลยจริงๆ
 
ว่าวันที่คำสัญญาของพี่เทสมันจะ...
 
มันจะมาถึงจริงๆรึเปล่า...
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
                                       .........................................
 
 
 
TBC. ****แก้ไขเพิ่มเติม


หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 17-02-2014 21:43:03
น่าสนุกมากค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รอตนต่อไปจ๊า  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 17-02-2014 21:50:43
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...
เริ่มหัวข้อโดย: kanokkan_kathi ที่ 17-02-2014 22:13:32
ชอบนิยายหน่วงจิตและเสพติดดราม่า  :hao3:

ใช่เลย มันใช่เลย เรื่องนี้เลยยยย  :hao7:

รอตอนต่อไปนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...
เริ่มหัวข้อโดย: supermyrainbow ที่ 17-02-2014 22:23:52
เนื้อเรื่องมันน่าติดตามมาก

นายเอกดูน่าสงสารมาก


พระเอกจะใช่คนนั้นหรือเปล่านะ

ติดตามตอนต่อไป ☺
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 18-02-2014 11:48:48


หลังจากพี่เทสเข้าไปอาบน้ำผมก็เดินกลับไปห้องตัวเองซึ่งอยู่ข้างๆแล้วจังแจงอาบน้ำแต่งตัวบ้างจะว่าไปแล้วไม่ใช่แค่พี่เทสหรอกที่วันนี้มีสอบ...

กูก็มีนิหว่า... แต่เมื่อคืนไม่ได้อ่านสักหน้า

ใช้เวลาไม่นานนักพอผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกไปรอพี่เทสที่ห้องครัวด้านล่าง จัดแจงอุ่นกับข้าวซึ่งผมทำไว้เมื่อวานพร้อมทั่งเสียบปลั๊กอุ่นหม้อหุงข้าว ข้าวสวยที่อุ่นยังไม่ทันร้อนพี่เทสก็เดินลงมาที่ห้องครัว

“วันนี้เราเลิกกี่โมง”

พี่เทสถามมาระหว่างนั่งรอข้าวเด้ง

“4โมงกว่า วันนี้หมอกมีงานที่ร้านพี่อินนะ”

ที่ต้องถามกันแบบนี้เพราะผมกับพี่เทสอยู่คนละรร.กันถึงจะเป็นเอกชนเหมือนกันก็เถอะแต่เราทั้งคู่ก็อยู่ในรร.ที่เป็นสาขาวงวานเดี่ยวกันอยู่ดีนะน่ะ

ไม่นานเกินรอข้าวก็เด้งขึ้นมา ผมตักเสิร์ฟข้าวสวยให้พี่เทสพร้อมของตัวเองก่อนจะตักกับข้าวกินตาม นั่งเขี่ยไปมาจนกับข้าวเริ่มหร่อยหรอ

“อ้าว ลูกๆตื่นกันแล้วเหรอ ?”

เสียงสาวๆดังขึ้นมาก่อนที่จะปรากฏร่างของแม่เลี้ยงอรอนงค์

หญิงสาววัยกลางคนเดินเข้ามาหาพวกเราก่อนจะเอือมมือมาลูบหัวของพี่เทสเหมือนแม่คนหนึ่งทีดูอบอุ่นและหยอกล้อเล่นกับลูกชายของตนถ้าเป็นคนอื่นที่มาเห็นภาพนี้คงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างรักลูกของตนเหลือเกินแต่ผมกับพี่เทสเราทั้งคู่กับมีความรู้สึกเดี่ยวที่ตรงกัน

ขยะแขยง...

“เทสโต้ ลูกทำได้ดีเหมือนเดิมนะ ‘ลูกค้า’พอใจมากเลยนะ...หึหึ วันนี้แม่ใจดีจะให้เงินลูกๆกันคนละพัน”

ปีศาจร้ายกล่าวกับพวกผมก่อนจะหันไปหอมแก้มพี่เทสพร้อมทั้งเปลี่ยนมาลูบหัวผมแทน...

ช่วยเอาออกไปที่เถอะ...ขยะแขยง.....

“หมอก...แม่จะรอนะ...”แม่เลี้ยงอรอนงค์พูดขึ้นที่ข้างๆหูผม

“รอวันที่ลูกจะอายุครบ16ปี....อีก2เดือนเท่านั้น....”

ใช่ครับ...อีก2เดือนจะเป็นเดือนเกิดของผมและผมจะอายุครบ16ปี...ไม่อยากให้มาถึงเลยจริงไอ้วันเกิดบ้าๆแบบนี้..
อยากตายจริงๆ

พอวางเงินที่ผมกับพี่เทสรู้กันดีว่าเป็นเงิน‘ส่วนแบ่ง’จากลูกค้าเมื่อคืนก็เท่านั้น นางปีศาจร้ายก็ย่างกายออกไปข้างนอก ดูจากทรงแล้วก็คงไปบ่อนแต่เช้าเหมือนเคย

น่าแปลกที่ยายปีศาจนี้ไม่เคยโดนจับเลยสักครั้ง ไม่ว่าบ่อนจะแตกหรือไม่ก็ตาม...

ผมกับพี่เทสหมดอารมณ์จะกินต่อต่างคนต่างเก็บจานไปล้างก่อนจะเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอยของพี่เทสนั่งต่อเดี่ยวก็ถึส่วนผมต้องไปทางBTSจึงจะถึงโรงเรียน

“เจอกันที่บ้านะ”

พี่เทสบอกกับผมก่อนจะก้าวขึ้นรถเมล์ไป

ผมยืนสูดหายใจลึกๆกับตัวเองก่อนจะเดินไปขึ้นวินมอไซร์และนั่งไปยังสถานนีBTSที่อยู่ใกล้ๆ….

เพราะชีวิตต้องเดินต่อไป....
 



                                ------------------------------------------------------
 

“โยธาวิน”

“มาครับ”

ผมขาดรับก่อนจะยกมือให้อาจารย์ที่กำลังเช็คชื่อเห็นตัวตน ตอนนี้กำลังเรียนคาบชีวะที่โคตรจะน่าเบื่อออแต่พอนั่งๆนอนๆผงกหัวถูไถไปกับโต๊ะไม่นานก็จบคาบชีวะลง ต่อไปก็คาบแนะแนว ดีหน่อยที่อาจารย์แนะแนวค่อนข้างใจดี

“นักเรียกทั้งหมดทำความเคารพ”

“สวัสดีครับ”

เสียงเด็กผู้ชายทั้งห้องดังขึ้นหลังอาจารย์สุดารันต์ผู้สอนวิชาแนะแนวเข้ามา

“สวัสดีนะค่ะนร.ทุกคน วันนี้ครูมีกิจกรรมดีๆมาฝาก เอาสมุดขึ้นมาแล้วลอกตามบนไวท์บอร์ดนะค่ะ”

คาบแนะแนวสำหรับม.4จะยังไม่มีอะไรมากครับ มีแค่แบบทดสอบทางจิตวิทยาเล็กๆน้อยๆหรือประชาสัมพันธ์การเรียนพิเศษอะไรราวๆนี้พอหลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ อาจารย์สุดารัตน์ก็ได้เชิญพี่ผู้หญิง2คนที่มาจากยูฯชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ

“เอาล่ะ วันนี้จะมีพี่ๆจาก...มาแนะนำข่าวดีให้กับนรนะค่ะ”

อาจารย์สุดารันต์กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะยกหน้าที่ส่งต่อให้พี่ๆทั้ง2คน

“สวัสดีค่าน้องๆ วันนี้นะค่ะพี่2คนเป็นตัวแทนจากคณะที่รวบรวมคนหน้าตาดีไว้ทั้งประเทศนะค่ะ ไหนในห้องนี้มีใครอยากเข้านิเทศฯบ้างค่ะ”

พี่ผู้หญิงตัวเล็กพูดขึ้นก่อนจะเอ่ยถึงคณะยอดฮิตคณะหนึ่งของประเทศเรา

“สำหรับวันนี้นะค่ะ พี่มีกิจกรรมดีๆสำหรับน้องๆที่ยังไม่แน่ใจว่า ตัวเองชอบคณะอะไรหรืออยากเรียนอะไร จำไว้เสมอนะค่ะการเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่น้องๆควรจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งแดงแจ๊ ไหนขอตัวแทนห้องนี้หน่อยสิ ขอ1คนค่า...”
พี่ผู้หญิงอีกคนที่ใส่แว่นตาสีดำอันโตพูดขึ้น


“.............................”

พวกที่นั่งเรียนในห้องเริ่มหันกันไปมองหน้าไปมา ผ่านเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นตัวแทนอาสากล้าตายดี

“ไอ้หมอก มึงยกดิ”

ไอ้เต้เพื่อนข้างๆผมไซโค...แต่ขอโทษกูไม่เอาหรอก

“ถ้าไม่มี อย่างงั้นพี่จะขอสุ่มเลขที่นะ ห้องนี้มีเลขที่ถึงเลขที่เท่าไหร่จ๊ะ”

“37ครับ”

ดนัยหัวหน้าห้องเป็นคนตอบ ก่อนที่พี่ทั้งสองคนจะหันกันไปซุบซิบเบาๆ

“วันนี้เลขที่18...งั้นพี่ขอเลือกเลขที่....”

เสียงพี่ผู้หญิงตัวเล็กดังขึ้นก่อนผมจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะตัวเองเลขที่17ครับ 18ก็ไอ้เต้พอดี กร๊ากกกกกกกก

“18 - 1ค่ะ”

“......................”

“เลขที่17นะคะ ใครค่ะออกมาเลย”

สายตาเพื่อนทั้งห้องเบนเข็มมาที่ผม เช๊ดโด่วววววว แล้วพี่จะลบเลขทำม๊ายยยยยยยครับเอา18ไปเลยก็ได้ ดูสายตาไอ้เต้สิ โคตรตอกย้ำผมอ๊ะ

“สวัสดีค่า น้องชื่ออะไรค่ะ ?” พี่ที่ใส่แว่นถามขึ้น

“หมอกครับ....”

“ว๊ายยย ชื่อน่ารักจัง พี่ชื่อนุ่มนิมค่ะ แล้วน้องโสดมั้ยค่ะ ?”

รอบนี้เป็นพี่ตัวเล็กพูดถามผม

“โสดครับ...”

“โอเคค่ะ งั้นเราไปจดทะเบียนสมรสกัน”

จบคำ พี่แกก็ทำท่า...ไม่สิ ควงแขนผมจะเดินออกไปนอกห้องจริงๆ พี่อีกคนต้องห้ามทัพตัดมุกไว้ได้ทัน ส่วนผมนะเหรอติดสตั้นไปแล้วครับ

แหม พี่เล่นง่ายนะ  แค่รู้จักชื่อจะดึงผมไปจดทะเบียบซะแล้ว

“มันยังไม่มีแฟนแต่มันมีผัวแล้วครับพี่”

เสียงทุ้มๆเสียงหนึ่งดังขึ้นทะลุกลางป้อง ทำให้ทั้งห้องหัวเราะกันระนาว ผมเองก็คงหัวเราะแล้วด่ามันกลับไปถ้าไม่ติดว่าเมื่อเช้าโดนคำพูดอะไรตอกหน้ามา

เริ่มรู้สึกว่าหน้าชา ไม่อยากมองหน้าใคร....

.....จนในเสียงในห้องเริ่มเงียบลงเพราะสังเกตเห็นได้

“เออ...หมอก กูขอโทษ กูล้อมึงเล่นเฉยๆ”

ร้อนถึงไอ้คนปากหมาต้องออกมาหน้าห้องเพื่อขอโทษผม

“ป่าว กูไม่ได้เป็นไร แค่อยากแกล้งมึงคืน”

เพื่อหยุดสถานการณ์ต่างๆรอบตัว ผมพยายามยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะหันไปหาพี่ทั้งสองคนเป็นเชิงชวนให้สันทนาการต่อ...

“โอเค เป็นวันว่าเราได้ตัวแทนทั้งสองคนแล้วละค่ะ ดีมากเลยน้องหมอกที่ชวนเพื่อนออกมาด้วย”
คนตกกระไดพลอยโจนที่กำลังทำท่าจะเดินกลับไปเข้าที่นั่งถึงกับสะดุ้ง ไม่ทันแล้วละครับ ไอ้ซั้ซ สมน้ำหน้ามึงงงงง 

“น้องชื่ออาราย น้องชื่ออาราย”

พี่นิ่มเริ่มเล่นอีกครั้งด้วยการร้องคล้ายๆทำนองเพลง

“สายฟ้า...ครับ”

“ฮิ้ววววววววว สายหมอก สายฟ้า แหมม เข้าก๊านเข้ากัน”

รอบนี้สะดุ้งคู่ครับ พี่เล่นจี้จุดที่ไม่อยากฟังมากที่สุดเอาซะได้

“เอาล่ะค่ะ พี่จะร้องเพลงแจว ถ้าน้องๆเต้นกันถูกใจพี่จะให้เข้าไปนั่งที่ตกลงนะครับ”
พี่ขนุน(ที่ผมรู้ชื่อมาจากพี่นิ่ม)พูดอีกครั้ง ก่อนผมและไอ้ฟ้าจะพยักหน้าตอบรับ

“เริ่มเลยค่ะ เพื่อนๆช่วยกันร้องด้วยนะค่ะ เอ๊า แจวมะแจวจำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว อ๊าววววววแจวมะแจวจำจึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื่อมะนาว แจวเรือไปซื่อมะนาว ขอให้น้องทั้งสอง เต้นท่าคู่กัน เอ๊า มะแจวจำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว.........”

เสียงจังหวะเพลงดังขึ้นก่อนที่ผมจะถูกดึงมือจากไอ้คู่หูจำเป็นซึ่งต้องคิดท่าเต้นคู่สด สุดท้ายเลยได้เป็นท่าประหลาดๆประกอบจังหวะเพลง อย่าถามนะครับว่าทำท่าอะไร ขอใบ้แค่ว่าชาตินี้จะไม่เต้นอีกแน่ๆ หึหึ

“แจว แจวเรือไปซื่อมะม่วง แจวเรือไปซื่อมะม่วง ขอเชิญน้องทั้งห้องลุกขึ้นมาแจว เอ๊า....”

หลังจากพวกผมเต้นจบ พี่ๆทั้งสองคนก็ยังคงสันทนาการต่อกับพวกเราทั้งห้อง จากที่ไม่สนใจเริ่มกลายเป็นความสนุกสนานมากยิ่งขึ้นเพราะแก๊งนางฟ้าในห้องเริ่มปล่อยลวดลายจนพี่ๆสองคนเริ่มเหวอ(ขอบอกอีกครั้งรร.ผมนะชายล้วนนะเว้ยเห้ย!!!)

หลังจากทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมอีกพอสมควร พี่ๆทั้งสองก็หยุดพักก่อนจะพูดต่อแบบเป็นการเป็นงาน

“สำหรับคณะของพี่ ในปีนี้ได้มีการเปิดค่าย แนะนำคณะของเรา พี่ขอบอกก่อนว่า การที่น้องติดค่ายไม่ได้หมายความว่าน้องจะติดคณะนี้ แต่การที่น้องได้ลองเปิดโลกกะทัด ได้ไปเจออะไรใหม่ๆ พี่ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า วันนี้พี่ๆก็เอาใบสมัครมาแจก น้องๆคนไหนสนใจอย่าลืมาสมัครกันนะ แล้วพี่ๆจะรอนะค่ะ อ้อ ค่ายของเราจัดขึ้นช่วงปิดเทอมซัมเมอร์นี้นะค่ะ ”

หลังจากพูดจบพี่ๆทั้งคู่ก็ช่วยกันแจกใบสมัครซึ่งมีคำถามทั้งหมด7ข้อให้พวกเราตอบซึ่งบางคนก็สนใจ บางคนก็เฉยๆ ผมนั่งมองใบสมัครตรงหน้าก่อนจะค่อยๆไล่ดูคำถามแต่ละคำถามซึ่งบอกเลย...น่าสนใจมากครับ

บางที่ซัมเมอร์นี้อาจจะไม่น่าหดหู่อย่างที่คิด...



                                                            --------------------------------------------------


แก้ไข 20/03/57

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: หมูน้อย ที่ 18-02-2014 12:12:23
ขอให้ออกไปได้นะน้องหมอก  ใครจะเป็นคนนั้นน้าาาา  :mew3:

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 18-02-2014 22:26:16
ลืมบอกไปครับเรื่องนี้จาแบ่งกันเล่านะครับมีแค่อินโทรกับบทแรกที่น้องครับต่อจากนีก็สลับกัน.;)
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-02-2014 00:49:37
 :o12: สงสารพี่เทสกับน้องหมอก
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 19-02-2014 00:54:03
มายาวดีจังกะลังดี มาแบบนี้ทุกวันได้ไหมครับ 4555555
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 19-02-2014 06:22:55
มายาวดีจังกะลังดี มาแบบนี้ทุกวันได้ไหมครับ 4555555


พยายามมาทุกวันครับ  ฮ่าๆ การได้ลงนิยายแล้วมีคนอ่านมีคนติดตามก็เป็นความสุขของผมเช่นเดี่ยวกันครับ  o13
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 19-02-2014 07:33:45
หมอกจะรอดมั้ยอ่ะ 2 เดือนเอง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 19-02-2014 12:03:34



“ไม่กิน!!!”

ผมกล่าวเสียงเรียบกับอาหารจานเดี่ยวที่อยู่ตรงหน้าไอ้ปันนะให้กินอะไรก็กินได้ยกเว้น...ผัก !!!!

“ไอ้ปัน มึงอ๊ะจะ24แล้วนะเว้ยแค่ผักเนี้ยนะกินไม่ได้ !!”

ไอ้ลูกหว้าเพื่อนสนิทผมอีกคนว่า

สวัสดีครับผมชื่อฐารักษ์ เจริญทรัพย์หรือนายแบ่งปันที่เพื่อนๆเรียกกันเต็มยศว่า ‘ไอ้เชรี้ยยยปัน’ ตอนนี้อายุจะย่าง24ในอีก2เดือนข้างหน้าและกำลังจะจบเป็นบัณฑิตของคณะนิเทศฯเต็มตัว แน่นอนถ้าเป็นตอนนี้คนอื่นๆคงกำลังวุ่นวายกับทีสิธส่วนผมนะเหรอ....

‘ผ่าน’แล้วครับ...

 T   T ดีใจมากกว่าตอนได้แฟนคนแรกอีก แม่มโคตรโคตระจะยากแต่ก็ผ่านแล้วล่ะนะ

“แม่ม ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบื่อยังเรือรบ เจือกแดรกผักไม่ได้”

มันบ่นต่อ

ก็แหม...จะกินทำไมครับ ไอ้สิ่งมีชีวิตสีเขียวๆที่เรียกว่าผักเนี่ยรู้มั้ยว่ามันเป็นการตัดไม้ทำลายป่า...หรืออะไรนะ ผักไม่ไช่ต้นไม้  เหรอ ? ยังไงๆมันก็ผลิตO2ได้นี้เพราะฉะนั้นกินผักเท่ากับทำให้โลกร้อน อย่ามาเถียงผมเชี่ยวนะ ผมนะสาวกน้องเนยตัวยงเลยละครับ (พวกเรานะหัวอกเดี่ยวกันไอ้พวกกินผักได้มันไม่เข้าจ๊ายยยยหรอกครับ)

ผมยิ้มแฉ่งให้มันก่อนจะเขี่ยๆผักไว้ข้างจานแล้วกินเนื้อในจานต่อ ต้องนี้สิ พวกเนื้อพวกนี้แหละเกิดมาเพื่อผม

ไอ้หว้ายังคงมองหน้าผมอย่างเอาเรื่องหน้าสวยๆของมันทำหน้ากึ่งบึ่งกึงขัน

“สาธุ ด้วยอำนาจสาววายของฉัน ขอให้แกเจอผู้ชายที่ทำให้แกกินผักได้ และแกจะหลงรักเขาหัวปลักหัวป้ำ”

มันร่ายคำสาปก่อนจะพนมมือสาธุ

จริงๆแล้วผมกับหว้าเป็นดาวและเดือนของคณะนิเทศตั้งแต่ปี1แล้วครับ ในสายตาของคนอื่นๆก็คงจะมองว่าแปลกที่ทำไมเราสองคนถึงไม่คบกันหรืออะไรยังไง มันมีสาเหตุอยู่ครับแต่ถ้าพูดไปมันจะเหมือนการเผาเพื่อนป่าวๆ

คืองี้ครับ ไอ้หว้านะ...มันชอบผู้หญิง!!!

จริงๆนะเห็นสวยๆใสๆหน้าหวานแบบนี้นะมันเป็น ‘รุก’นะครับแฟนมันก็น้องนิวสาวน้อยดาวคณะนิเทศฯปีนี้ล่ะครับแถมมันยังมีรสนิยมชอบเห็นผู้ชายได้กัน

ดั่งนั้นไอ้ที่เห็นผมไปไหนมาไหนกับมันนะมันแค่ต้องการเอาผมเป็นไม้กันหมาเท่านั้นแหละครับ เหอะๆ ส่วนผมนะเหรอก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.1จะปัดคำขอของเพื่อนสนิทก็กระไรอีกอย่างผมเองก็เอามันเป็นไม้กันหมาเหมือนกันนั้นแหละ ไม่ใช่ว่าผมชอบผู้ชายหรือว่าอะไรนะครับแค่ผมยังไม่อยากจะรับผิดชอบใครในตอนนี้(แค่ตัวเองจะรอดรึป่าวยังไม่ทราบเลยครับ)

ห๊ะ...อะไรนะ....ผมเผาเพื่อนตัวเองไปแล้วเหรอ ? ช่างมันเถอะอยากเผาครับหมั้นไส้ 555+

“เออๆ ถ้ามีผู้ชายมาทำให้กูรับประทานผักได้จริงๆ กูจะขอเขาแต่งงานและจะให้มึงเป็นเพื่อนเจ้าสาวเลยโอมั้ยมึง ?”

พูดเล่นๆไปงั้นแหละครับ ยังไงๆผมก็ไม่มีทางกินผักแน่นอนและไอ้เรื่องที่จะชอบผู้ชายก็ตัดทิ้งไปได้เลยครับ มันไม่ใช่แนวไอ้ปันสักกะผืกกกกกก -3-

“หึหึ เอาเถอะ ฉันจะรอดูแกวันแต่งงาน จำไว้นะเว้ยคำสาปสาววายมันแรงมาก”

มันย้ำอีกครั้งก่อนต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว ของผมต้องกลับบ้านครับเพราะพระบิดาและมารดาแทบไม่ได้เจอหน้าผมมาประมาณเกือบๆเดือนแล้วมั่งหลังจากที่ผมต้องหมกมุ่นกับไอ้ทีสิธจนอยากจะเอาหัวโมงพื้นโลกเต็มที่

จะว่าไปแล้ววาจาไอ้หว้านี้ผมก็เคยได้ยินตำนานผ่านๆหูมาบ้างเหมือนกันว่ามันปากศักดิ์สิทธิ์แต่ไอ้เรื่องที่มันพูดกับผมเนี้ยโอกาสเป็นไปได้เท่ากับ0.0000001%ครับ(ไม่ต่างจาก0%เท่าไหร่หรอกใส่ไว้ให้มันดูเหมือนมีความหวังของคุณหญิงหว้ามัน)

ผมเดินจนถึงรถเก๋งคันงาม จริงๆฐานะทางบ้านจะขับBMWก็ยังได้ แต่การอวดรวย ไม่ได้ช่วยทำให้คุณดูดีขึ้นมาหรอก คิดเหมือนผมมั้ย?

ผมขับรถไปเรื่อยๆก่อนราชรถคันงามจะพาผมมาหยุดแถวๆถนนใหญ่ก่อนเข้าหมู่บ้านถ้าให้เดาตอนนี้ท่านทั้งสองคนยังไม่กลับมาที่บ้านแม่คงไปชิลที่สปาส่วนพ่อผมก็คงเข้าไปที่ห้างสรรพสินค้าของเรา

บ้านเราทำธุรกิจด้วยการเปิดห้างสรรพสินค้าแถวย่านยอดฮิตครับ แม้จะเป็นการเปิดตัวครั้งแรก สาขาแรก ท่ามกลางห้างสรรพสินค้ายอดฮิตหลายๆที่ก็เถอะ แต่ดูเหมือนคุณพ่อท่านจะค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพของห้างของเราซึ่งผมที่เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนย่อมต้องเรียนสายบริหาร(ตอนปริญญาโทนะน่ะ)เพื่อสานต่อกิจการของพ่อตัวเองแน่นอน

ผมมีน้องสาวอีกคนชื่อแทน...ใช่ผมรู้...ชื่อมันเหมือนผู้ชายแต่มันเป็นน้องสาวของผมจริงๆครับชื่อเล่นเต็มๆของมันคือแทนใจครับอันนี้แม่เป็นคนตั้งให้เพราะแม่อยากได้ลูกสาวแต่เพราะผมดันเกิดมาแมนเต็มตัวซะได้ อ้อ..ส่วนชื่อผมมาจากคำว่า ‘แบ่งปัน’ครับอันนี้พ่อตั้งให้

ชื่อพวกเราสองพี่น้องมีแต่คนบอกว่าน่าจะสลับกันมากกว่าซึ่งผมก็คิดแบบนั้นและไอ้แทนมันอายุห่างจากผมเกือบๆเศษ1ส่วน4ของครึ่งอายุผมด้วยซ้ำ

เวลาที่ไอ้คุณหญิงหว้ามาบ้าน สามสาวต่างวัยจะครึกครื้นกันบ้านแตกครับเพราะอะไรนะเหรอ ?

อะไรนะเอ๊..มันคุ้นๆในหัว...ศัพท์ที่ไอ้หว้ามันพูด...

อ้อ สาววาย!!!

ใช่ครับ ไอ้หว้ามันมาแพร่เชื่อใส่น้องผม ส่วนคุณแม่ดูเหมือนจะมีเรื่องในใจอะไรสักอย่างทำให้อยากเห็นผมพาเด็กผู้ชายน่ารักๆอะไรนะ....เคะๆ...หรือศัพท์อะไรสักอย่างเนี้ยแหละสักคนเข้าบ้านหรือไม่ก็แต่งงานไปเลย

เจริญมั้ยครับบ้านผมนะ !!!

ดีแต่ว่าคุณพ่อของผมท่านยังคงเห็นใจลูกชายผู้ที่แทบจะไม่มีอำนาจใดๆในบ้านหลังนี้ ด้วยการส่งผมลี้ภัยไปเรียนที่ม.ไกลๆเพื่อหลีกหนีสามสาวสามมุมสามวายต่างวัย(ได้ข่าวว่ามึงแอดติดที่ไกลๆเองนะเว้ย : พ่อปัน)

เอาเป็นว่า ถ้าไม่นับเรื่องการโดนไซโคให้พาแฟนที่เป็นเด็กผู้ชายเข้าบ้าน ผมเองก็คิดว่าบ้านหลังนี้งบสุขมว๊ากกกกกกกกกกกกก(แน่นอนครับ จะมีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา ฮื่อ ฮื้ออออ)

ผมขับรถฮัมเพลงไปสบายใจเฉิบก่อนจะหักพวกมาลัยรถยนต์หลบสุดตัวเมื่อมีร่างๆหนึ่งวิ่งตัดผ่านหน้ารถ!!!!

เชรี้ยยยยยเกือบชนคนแล้วมั้ยล่ะ ?

ผมตั้งสติก่อนจะรีบเปิดประตูรถลงไปดูสถานการณ์ถึงแม้จะหักหลบแล้วแต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าหักพ้นจริงๆหรือว่าผมขับรถชนคนไป

ภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือภาพน้องม.ปลายเกงเกงน้ำเงินคนหนึ่งล้มตัวลงตรงริมฟุธบาต ดูจากสภาพคร่าวๆแล้วไม่ได้โดนชนแค่ล้มแล้วสลบลงไปพอดี ผมกำลังจะวิ่งไปถึงร่างๆนั้นแต่กับมีอีกคนที่ไวกว่า

“ไอ้เฟรม!!!”

ผมตกใจตะโกนชื่อของเพื่อนสนิทตัวเองที่วิ่งเข้าไปประครองร่างที่ไม่ได้สติ ดูเหมือนคนถูกเรียกก็ตกใจไม่แพ้ผม

“อย่าเพิ่งถามอะไรกู พากูกับน้องไปที่บ้านมึงก่อน”

มันว่าก่อนจะอุ้มร่างไม่ได้สติแบบยกทั้งตัว ..ขอตกใจนิดๆถึงมันจะตัวใหญ่กว่าน้องเขาแต่ก็ใช่ว่าร่างนั้นจะเบาๆนะครับแต่ดูเหมือนมันไม่ได้หวั่นไปกับน้ำหนักตัวของคนที่ถูกอุ้มเลยแม้แต่น้อยแถมเหมือนผมเห็นแว่นน้องเขาตกลงไปยังไม่ได้เก็บด้วย

ผมเองก็ตอบสนองมันไวเต็มที่ด้วยการวิ่งไปเปิดประตูรถ ก่อนจะปิดประตูแบบไม่กลัวมันหลุดแล้ววิ่งไปนั่งด้านคนขับ

“จับดีๆล่ะมึง กูจะรีบขับไปให้”

ผมพูดกับมันเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนเท้าจะเหยียบคันเร่งออกไป...



                                                                     .......................................




ตอนต่อไปก็น้องหมอกเหมือนเดิมนะครับ   :katai5: แล้วเจอกันEP.4จ้า


20/03/57
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: mamajie ที่ 19-02-2014 12:30:46
รอตอนต่อไปจ้าา :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-02-2014 16:08:41
 :hao6: ปันเอ๋ย คำสาปสาววายมันรุนแรงยิ่งนักเหอๆ

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ เป็นกำลังใจให้คนเขียน  o13
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 19-02-2014 22:15:48
:hao6: ปันเอ๋ย คำสาปสาววายมันรุนแรงยิ่งนักเหอๆ

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ เป็นกำลังใจให้คนเขียน  o13
พน.ลงตอนใหม่งับ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 19-02-2014 23:14:30
รอตอนต่อไปจ้าา :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 20-02-2014 01:44:24
รอติดตามต่อครับ ;)
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 20-02-2014 08:22:41
มารอชอบสนุกจังเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 20-02-2014 15:32:15
พน.ลงตอนใหม่งับ


วันนี้เกิดEventขึ้น หากไม่ได้ลงแกะขออัภัยมณี  :z3: :z3: จะลองปั้นดูสักครึ่งชั่วโมงแต่ไม่แน่ใจว่าจะทันมั้ยนะครับ TT
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.3
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 20-02-2014 16:15:56


หลังจากจบคาบแนะแนวเพื่อนๆหลายคนเริ่มทยอยกันกลับบ้าน ผมเองก็เช่นเดี่ยวกันแต่จุดหมายในวันนี้ยังมีอีก2ที่ที่อยากจะไปและตัวผมเองก็ไม่อยากจะรีบกลับไป‘นรก’เร็วนักหรอก

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมถ้ามันแย่นักผมถึงไม่แจ้งตำรวจหรือหนีออกไปจากที่นั้น ?

คุณครับ...นี้มันชีวิตจริงๆนะ มันไม่ได้ง่ายเหมือนในหนังหรอกนะที่จะหนีออกไปใช้ชีวิตสบายๆปุบปับแบบพระเอกนางเอกในละครน้ำเน่า(แม้ชีวิตผมจะเน่ายิ่งกว่าในหนังจริงๆก็เถอะ)

จะหนี...?

หนีไปไหนล่ะ  แล้วจะเอาอะไรกิน  จะอยู่ยังไง แล้วเอกสารทางราชการหลายๆฉบับล๊ะ

แจ้งตำรวจ.... ?

ไหนล่ะครับหลักฐาน ?

อีกทั้งคนๆนั้นยังได้ชื่อว่าเป็น‘แม่’ถึงจะเป็นแค่แม่เลี้ยงแต่ถ้าไม่มีคนๆนี้แล้วผมกับพี่เทสจะมีสภาพยังไง จะได้เรียนกันรึป่าว ? หรือยังอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าหลังนั้นต่อไป ถึงผมกับพี่เทสจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมายแต่พวกผมเองก็ไม่ได้เลวจนขนานไม่รู้บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนนะครับ

ไอ้ที่ทนๆกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะบุญคุณมันค้ำหัวจนไม่รู้จะแก้ให้ตกยังไงถึงจะทำให้พวกเราเป็นอิสระกันแบบไม่ต้องมีอะไรค้างคา...

สิ่งที่พี่เทสคิดไว้คือการที่ผมกับพี่เขาเรียนจบแล้วหาเงินไถ่ถอนตัวเราทั้งคู่ให้เป็นไท...

ฟังดูเหมือนทาสนะ แต่จริงๆผมกับพี่เทสก็ไม่ต่างจากทาสของแม่เลี้ยงเท่าไหร่หรอก คนๆนี้ทำให้ผมทั้งชังทั้งรัก(ในฐานะผู้มีบุญคุณ)ได้อย่างน่ากลัวจริงๆ

เอาเถอะครับ ..

ตอนนี้จะคิดมากก็กระไร อีกทั้งผมยังต้องไปทำงานพิเศษต่อตอนนี้ผมเป็นพนักงานประจำห้างเปิดใหม่ห้างหนึ่งใจกลางย่านธุรกิจครับ อาจจะสงสัยว่าทำไมผมอยู่แค่ม.4ถึงสามารถเป็นพนักงานประจำได้ สาเหตุที่ว่าอย่างแรกคือ‘เส้น’ครับ พี่พนักงานที่เป็นหัวหน้าแผนกรู้จักผมผ่านงานประกวดอาหารระดับภาค

อย่างที่สองคือ‘ความสามารถ’ครับ...

เห็นผมแบบนี้แต่ผมทำอาหารเก่งมากเลยนะ ไม่อยากจะคุย ทั้งของคาวของหวาน ที่ถนัดที่สุดก็คงจะเป็นพะโล้สูตรเด็ดจากอาม๊าที่อาศัยตึกแถวบ้านเป็นร้านขายของซึ่งผมมักจะมีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีกับแกบ่อยๆจนทำให้ผมได้สูตรลับพะโล้ตุ๋นของแก

ถ้าจะว่ากันตามตรงแล้วก็แกนั้นแหละครับที่สอนผมเข้าครัวจนทำให้ติดใจถึงขนานวางตะหลิวไม่ลง แรกๆก็รู้สึกอายเหมือนกันครับที่เป็นเด็กผู้ชายแต่ดันชอบทำครัว พอไปๆมาๆจับพลัดจับพลูได้เข้ามาคลุกคลีด้านนี้บ่อยเข้าทำให้เกิดเป็นความรักชนิดที่ว่าความอายแทรกไม่ลง

พอรู้ตัวอีกที่ผมก็ก้าวเข้ามาด้านในครัวซะแล้ว

“สวัสดีครับคุณเซฟใหญ่ วันนี้มาไวนะค๊า”

นั้นประไรมาถึงก็แซวกันเลยนะครับเจ๊อิน

เจ๊อินคือหนุ่มใจสาวที่รักในด้านการทำอาหารจนทำให้มีฝีมือเลื่องลื่อในการทำอาหาร ครั้งแรกที่ผมได้เจอเจ๊แกก็วันที่แกไปเป็นกรรมการตัดสินประกวดอาหารของผมนั้นแหละครับแรกๆผมก็เหมือนคนทั่วไปนะคือวางตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับหนุ่มใจสาวอย่างเจ๊แก แต่ด้วยความเป็นกันเองและความจริงใจทำให้ผมสนิทกับเจ๊แกในที่สุด

หลังจากจบการแข่งขันเจ๊แกก็โดนจ้างวานมาคุมครัวของร้านแห่งหนึ่งในห้างเปิดใหม่เนี้ยแหละครับ วันดีคืนดีผมบังเอิญได้มาเดินเที่ยวที่นี้กับพี่เทสเพื่อหาหนังสือกวดวิชาเตรียมแพทย์ของพี่มันแล้วได้มาเจอกันพอดีและก็ดูเหมือนจะเป็นโชคของผมที่วันนั้นครัวของร้านนี้ดันขาดคน ผลสุดท้ายคือวันนั้นผมต้องสลัดชุดนร.แล้วลงมือทำอาหารช่วยรับแขก พอหลังจบงานนั้นเจ๊แกก็เชื่อเชิญผมมาทำอาหารด้วยกัน เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆเหตุผลพี่เทสจึงดันผมเต็มที่

ด้วยเหตุฉะนี้แล สายหมอกคนนี้จึงได้มาทำงานหน้าครัวอยู่ในร้านอาหารหรูในฐานะ ‘พ่อครัว’มือรอง ...

“ดีครับพี่อิน วันนี้หมอกเลิกไวนะลูกค้าเยอะมั้ยครับ ?”

"พอสมควรจ้า"

ผมยกมือสวัสดีแกก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื่อผ้า เพื่อความคล่องตัวในการทำอาหารผมจึงมีชุดทิ้งไว้ที่ร้านสองสามชุดครับวันนี้เลยเลือกจะใส่กางเกงยีนต์กับเสื่อสีขาวก่อนจะเอายางมัดผมและใส่หมวกคลุมหัวอีกครั้งหนึ่ง

เมนูแรกที่ต้องทำในวันนี้คือไก่อบราดซอสซึ่งความจริงแล้วไม่ได้ยากแต่ก็ไม่ได้ง่ายเท่าไหร่เพราะที่นี้มีของสดที่พร้อมจะทำตลอดเวลาด้วยคุณภาพวัตถุดิบบวกกับฝีมือของเซฟทุกคนผมจึงไม่แปลกใจหากร้านอาหารที่นี้จะมีลูกค้าแน่นทุกวันเพราะราคาและคุณภาพร่วมทั่งรสชาตินั้นสมดุลกันดีแล้ว

พอทำอาหารไปได้สักพักผมก็ดันปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำพอถอดเอียมกับหมวกแล้วจึงขออนุญาตพี่อินออกไปนอกครัวพอเดินออกมาถึงหน้าร้านผมก็พบกับบริการสองคนซึ่งกำลังยืนเถียงกับลุกค้าคนหนึ่ง

“เออ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกันรึป่าวครับ ?”

ผมแทรกถามเมื่อทั้งสามบุคคลเงียบลง

“เออคือว่า...”

บริกรชายสองคนทำหน้าอึกอักก่อนจะบุ้ยปากไปทางลูกค้าคนนั้น

สภาพที่ผมเห็นเต็มๆตาอีกครั้งคือรองเท้าแตะแบบหนีบพร้อมด้วยเสื่อยืดซีดๆเหมือนใกล้จะขาดพ่วงด้วยกางเกงเก่าๆอีกหนึ่งตัว

นั้นเป็นสิ่งที่ไขข้อข้องใจของผมบริกรสองคนนั้นคงกลัวแขกคนนี้จะเข้าไปแล้วไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร ถึงแม้ที่นี้จะไม่แพงนักแต่ก็ถือว่าราคาอยู่ในระดับกลางๆ

“ผมต้องการเข้าไปทานอาหารที่นี้ แต่บริกรสองคนนี้ไม่ยอม”

คุณลูกค้ากล่าวอธิบาย

ผมมองหน้าบริกรทั้งสองคนยิ้มๆก่อนจะบอกให้พี่ๆเขาไปทำงานอื่นได้ซึ่งตอนแรกพี่ทั้งสองคนก็อึกอักไม่กล้าไปแต่เพราะผมยืนยันจะรับผิดชอบให้ ทั้งคู่จึงค่อยเดินออกไปนอกร้าน

“เชิญครับคุณลูกค้า ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทางเราเสียมารยาทไป”

ผมกล่าวกับคุณลุงคนนั้นก่อนจะผายมือเล็กๆไปที่โต๊ะอาหารซึ่งยังว่างอยู่ คุณลุงคนนั้นยิ้มตอบผมก่อนจะเดินเข้าไปในร้านตามคำเชื่อเชิญ

“คุณเป็นเจ้าของร้านเหรอครับ ?”

พอนั่งลงปุบคุณลุงก็ถามผมปับ

ผมหัวเราะนิดๆก่อนจะตอบไป

“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นแค่พ่อครัวของที่นี้”

“ดูคุณมีเพาเวอร์ดีนะครับ แค่ออกปากนิดหน่อยผมก็ได้เข้ามาทานอาหารในที่หรูๆแล้ว”

“ต้องขอโทษแทนพนักงานของเราด้วยจริงๆครับที่เสียมารยาท” ผมยืนก้มหัวให้คนตรงหน้าก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำตามความตั้งใจเดิมแต่เสียงของคุณลุงขัดผมไปก่อน

“จะเป็นการรบกวนมากไปมั้ยครับ ถ้าผมจะขอเลี้ยงคุณพ่อครัวน้อยด้วยอาหารจากฝีมือคุณสักมื้อ”

“ผมก็อยากทานนะครับแต่...มันยังเป็นเวลางานของผมนะครับ”

ผมชี้แจ้งเหตุผลพร้อมยิ้มต่อ

“งั้นถ้าหลังเลิกงานคุณคงว่างใช่มั้ยครับ ?”คุณลุงถามต่อ

“ก็...ว่างครับ”

“โอเค ผมจะรอจนกว่าจะหมดเวลางานของคุณ”

คุณลุงว่าก่อนจะเรียกบริกรมารับบิลซึ่งผมที่เดินออกมาห่างๆยังได้ยินเมนูที่ราคาเด็ดๆของร้าน หลายคนคงสงสัยทำไมผมถึงยอมให้คุณลุงมาเข้ามาทานอาหารในร้าน....

เหตุผลที่จะเรียกว่า ‘เซ้น’ ของผมก็ได้ครับ ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงมีอาการลังเลบ้างที่จะเข้าไปทานอาหารในร้านหรูๆ อีกทั้งร้านเราเคยมีประวัติในเรื่องทำนองนี้มาแล้วครับ


วันเกิดเหตุผมดันไม่อยู่พอดีแต่พี่อินเล่าว่ามีคุณป้าแก่ๆท่านหนึ่งที่แต่งตัวปอนด์ๆทำท่าจะเดินเข้ามาในร้านและโดนห้ามเอาไว้ ตอนนั้นพี่อินไปเข้าห้องน้ำพอดีจึงไม่ท่านได้ต้อนรับปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบริกร

ด้วยความที่กลัวจะโดนชักดาบ บริกรทั้งสองจึงไม่กล้าให้เข้าไปใช้บริการด้านใน ผลลัพธ์หลังจากนั้นคือคุณป้าคนดั่งกล่าวกลับมาที่ร้านอีกครั้งพร้อมสร้อยเพรชและเครื่องประดับที่บ่งบอกถึงฐานะเต็มตัว

เดือดร้อนไปถึงพี่อินและผมที่โดนกันเต็มๆแม้มันจะเป็นเหตุสุดพิสัยที่เราทั้งคู่ไม่อยู่ตอนเกิดเหตุแต่ด้วยความที่เราทั้งคู่เป็นหัวหน้าพ่อครัวซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจหลักของร้าน ทำให้เราต้องรับผิดชอบอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ต่อจากนั้นพี่อินจึงได้กำชับนักกำชับหนาว่าต้องบริการให้เท่าเทียมกันทุกคน ลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญของเรา วันนี้พี่บริกรสองคนนั้นเพิ่งมาใหม่จึงยังไม่ทราบกฎข้อนี้ดีนักทำให้ต้อนรับลูกค้าได้ไม่ค่อยดีนัก

ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดว่าคุณลุงคนนี้คงไม่ใช่คนธรรมดานักและค่าอาหารแค่หลักไม่กี่พันคงไม่สะทกสะท้านเป็นแน่แท้...

คิ้วข้างซ้ายผมกระตุกอีกหลายครั้งก่อนผมจะเดินไปเข้าห้องน้ำ...



                                                   ..............................................................



เห้ย ทันด้วย เย้ๆ   :hao5:  แต่ตอนนี้อาจจะมีการรีไรท์นะครับ เนื่องจากพิมพ์สดและลงเลย เลยยังไม่ทันได้มีเวลาตรวจทานสักเท่าไหร่


ปล. พาร์ทหน้ายังเป็นของน้องหมอกนะครับ เพราะตอนนี้ยาวมากจึงแบ่งเป็น2พาร์ทครับ   :mc4:

เจอกันEP.5ครับ   :impress2:


20/03/57
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4 น้องหมอกพาร์ท1
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 20-02-2014 21:18:55
ชื่อเรื่องน่าสนใจดีนะครับ ว่าแต่ว่า...พระเอกนางเอกห่างกันแปดปีเลยเหรอ? อืมมม์....

ความจริงผมว่าถ้าเป็นพี่ปัน-พี่เทส มันก็ยังพอรับได้หน่อยๆนะ ห่างกันหกปี (ก็ดูเยอะอยู่ดีแฮะ... เอาน่า อย่างน้อยก็ดีกว่าแปด 555)


พี่เทสมีคู่ของเขาแล้วครับ แถมคู่เขาห่วงมากกกกกกซะด้วย   :hao7: :hao7: :hao7:

ส่วนของน้องหมอก มันยังมีอีกหลายด่านครับ  รับประกันว่า เรื่องนี้ไม่ได้จบกันง่ายแน่นอน   :heaven  เพราะคนแต่งอยากดราม่าจัดๆมานาน  อาจจะจบแบบ.....   :z1:


ขอบคุณที่ติดตามครับ


ปล. จะว่าเรื่องนี้โลลิค่อนก็ได้เนาะ  5555+   :hao6:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4 น้องหมอกพาร์ท1
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-02-2014 21:51:53
หรือคุณลุงจะเป็นพ่อของพระเอก
โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง

สงสารเทสยังไม่หาย :hao5:  คู่น้องเทสมาช่วยน้องเทสเร็วๆ
คนที่มารักเทสนี่ต้องรักเทสจริงจังมากนะเนี่ย
ส่วนใหญ่แค่รู้ความจริงว่าเทสขาย(ถึงจะโดนบังคับ) ก็แทบจะไม่อยากยุ่งแล้ว
เรากลัวมันจะมีดราม่าคู่เทสจัง ประมาณว่าพระเอกรู้ความจริงแล้วเอามาแบล็กเมล์
น้องเทส ฮือออออออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4 น้องหมอกพาร์ท1
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 21-02-2014 00:05:51
 :a5: นึกว่าเป็นคนดีที่แท้ก็แม่เล้านี่เอง
โถน่าสงสาร น้องเทส กับน้องหมอก
 :o12:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4 น้องหมอกพาร์ท1
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 21-02-2014 01:50:30
เย่ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4 น้องหมอกพาร์ท1
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 21-02-2014 15:39:49
แจ้งข่าวสำหรับผู้อ่านทุกท่านนะครับ แฮ่ๆ ก่อนอื่นก็ขอขอบคุณทุกคนนะครับที่ติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้และเรื่องของน้องแกะ

จากที่เห็นจะเห็นใช่มั้ยครับว่าผมลงวันละตอน แต่ตอนนี้ผมต้องขอตัวก่อนประมาณเสาร์หน้าถึงจะว่างลง เพราะ จันทร์ พุธ ศุกร์หน้า ผมมีสอบไฟนอลครับ จำเป็นต้องไปเตรียมอ่านหนังสือครับ TT   :z3: (จะดิ่งข้อไหนดีหว่า -3-)


ขอบคุณทุกคนนะครับ เจอกันเสาร์หน้ากับน้องหมอกพาร์ท2 รับประกันว่าแซ่บแน่ๆกับฉากเจอกันตอนแรกของคู่นี้   :mc4:



[สปอย....]




‘เอี๊ยดดด’

ผมที่กำลังรอด้วยความกระวนกระวายถึงกับตกใจกับเสียงเบรกก่อนจะมองเห็นรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้าผมแต่พอมองเห็นด้านในเท่านั้นแหละ ผมใจหายมากขึ้นเมื่อเห็นร่างๆหนึ่งที่ไม่ได้สติอยู่บนรถด้านคนนั่ง พอคนขับลงมาจากรถผมไม่เหลือสติมากพอที่จะไต่ตรองอะไรอีกแล้ว



ต้องเป็น ‘มัน’แน่ๆที่ทำให้พี่ผมเป็นแบบนี้


ร่างกายตอบสนองไวเท่าความคิดก่อนหมัดเล็กๆของผมจะพุ่งตรงไปที่แก้มของคนขับ ถึงหน้าสวนสาธรณะตรงมุมนี้จะมืดมากจนมองไม่เห็นหน้า แต่จากรูปร่างลักษณะภายนอกแล้วก็ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ทั่งแว่นสีชาที่ชอบใส่ ไหนจะไอ้รถเก๋งรุ่นเดี่ยวกันอีก


“โอ๊ย”


คนที่ถูกผมชกแบบไม่ทันตั้งล้มลงไปกองกับพื่นก่อนแว่นสีชาจะตกลงพื่น


เห้ยยยยยยย !!!


ทั้งเสียงและหน้าที่ปรากฏ...ไม่ใช่นี้หว่า


   “อ้าว...คุณไม่ใช่.....?”


ผมพูดค้างก่อนจะนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก


“โหน้อง ตัวก็เล็กทำไมหมัดหนักแบบนี้ แล้วคิดว่าพี่เป็นใครครับเนี้ยมาถึง ถึงได้ชกเข้าหน้าแบบนี้”


อีกฝ่ายร้องประท้วงก่อนจะยันตัวยืนขึ้น...



                                                        ......................................................


TBC.  เป็นไงครับ น้องเขาทักทายกันน่ารักดีเนาะ  :z1: แล้วเจอกันครับ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4.1 [แจ้งข่าว+สปอยพาร์ท2]
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 21-02-2014 23:09:43
รออ่านตอนต่อไป วันเสาร์หน้า
 :pig4: ขอบคุณที่มาแจ้งข่าว
 ขอให้สอบผ่านไปด้วยดีนะ เป็นกำลังใจให้ :L2:  :3123:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4.1 [แจ้งข่าว+สปอยพาร์ท2]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 22-02-2014 06:07:59
รออ่านตอนต่อไป วันเสาร์หน้า
 :pig4: ขอบคุณที่มาแจ้งข่าว
 ขอให้สอบผ่านไปด้วยดีนะ เป็นกำลังใจให้ :L2:  :3123:
ขอบคุณครับผมเองก็ค่อนข้างคาดหวังพอสมควรครับ :a5:  ฝากรีน้องหมอกกันด้วยนะครับ :impress2:  ขอบคุณครับ   

แกะซ่า   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.4.1 [แจ้งข่าว+สปอยพาร์ท2]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 26-02-2014 12:41:09



"โอกาสหน้าเชิญใหม่คร๊าบบบ"

ผมกับพี่อินกล่าวเสียงใสก่อนจะช่วยกันส่งลูกค้าคนสุดท้ายที่เข้ามารับประทานอาหาร...

ไม่สิ...

ยังเหลืออีกคนครับ...

"หมอก ดูท่าเขาจะยังไงๆนะนั้นนะนั้น ยังไงๆก็ไปคุยกับเขาหน่อยเถอะอุตส่าห์อุดหนุนร้านเราซะเยอะแยะไหนจะสั่งห่อกลับบ้านอีก"

พี่อินกระซิบเบาๆกับผมหลังจากคุณลุงสั่งอาหารเกือบหมดทุกรายการยอดฮิตพร้อมจ่ายด้วยเงินสด พ่วงด้วยทิปอีกคนละพันให้กับบริกรสองคนที่หน้าหดเหลือสองนิ้วเพราะความตะขิดตะขวางใจ ยังดีที่ว่าคุณลุงดูเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเข้าใจและไม่ซ้ำเติมพี่บริกรทั้งสองคน
    
"ครับ หมอกก็กำลังจะไปคุยพอดีครับ"

พูดจบผมก็เดินเข้าไปหาคุณลุงที่มองมาพอดี

"ว่างแล้วเหรอครับ คุณพ่อครัวน้อย"

คุณลุงทักขำๆก่อนผมจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม อะไรบางอย่างบอกผมว่าคุณลุงคนนี้ ‘น่าสนใจ’

“มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ ?”

ผมเปิดประเด็น ก่อนคุณลุงจะหันมามองหน้าผมตรงๆอีกครั้ง

“ป่าวหรอก ลุงก็แค่อยากคุยนะ บอกตรงๆว่าตอนแรกคิดว่าคงไม่ได้เข้ามากินภายในร้านหรอก เพราะร้านนี้ก็ค่อนข้างหรู แล้วสภาพของลุงก็... ”

แกพูดก่อนจะก้มมองเสื่อผ้าอาภรณ์ของตัวเอง

“ร้านเราไม่ได้คัดเลือกลูกค้าจากลักษณะภายนอกนะครับ ถ้าเป็นควาต้องการของลุกค้าที่จะเข้ามารับประทานอาหารร้านเรา เราก็ยินดีต้อนรับทุกท่านนั้นแหละครับ”

ผมพยายามตอบกลับอย่างมีมารยาทและสุภาพที่สุด คุณลุงยิ้มพยักหน้าขึ้นลงคล้ายดูพอใจจากคำตอบของผมแล้วถามต่อ

“แล้ว...ถ้าเกิดผมสั่งแล้วไม่มีปัญญาจ่ายขึ้นมาจริงๆล๊ะ ?”

ผมเป็นฝ่ายยิ้มแทน

“อย่างมากผมก็โดนหักเงินเดือนครับ”

ผมตอบจากใจจริง ถ้าหากเกิดปัญหาอย่างว่าจริงๆ มากสุดผมก็โดนหักเงินเดือน หรือไม่ก็พักงาน

แววตาสีดำสนิทของคุณลุงมองผมอย่างพึงพอใจก่อนจะพูดต่อ

“ลุงเพิ่งเคยมาเที่ยวห้างนี้ อยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ย ? ห้างนี้ดี ไม่ดี ยังไง แล้วคุณคิดยังไงกับมัน อ้อ ลุงไม่ได้ให้เหนื่อยฟรีๆหรอกนะแต่จะมีค่าเหนื่อยให้นิดหน่อย”

ผมนั่งคิดพิจารณากับข้อเสนอก่อนสายตาจะเลือนมองนาฬิกา...จริงๆตอนนี้ก็แค่สามทุ่มเศษ ห้างนี้ก็ปิดตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ผมเดินไม่มากก็คงเสร็จ

“ได้ครับ ขอผมไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายสักครู่นะครับ”

ผมตอบรับข้อเสนอก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื่อผ้าเป็นชุดนร.พร้อมด้วยเป้สะพายอีกหนึ่งใบ ทำให้ตอนนี้ผมกับคุณลุงเหมือนพ่อลุกที่มาเดินเที่ยวกันตอนห้างใกล้ๆจะปิด

“จุดแรกที่ผมแนะนำก็คือลานน้ำพุ ข้างหน้าแห่งนี้ครับ”ผมพูดเมื่อเดินพาคุณลุงมาถึงบ่อน้ำพุใหญ่กลางห้างที่มีม้านั่งไว้สำหรับลุกค้าที่ต้องการพักเหนื่อย

“มันดีหรือไม่ดียังไง ?”

คำถามออกมาจากปากคุณลุง ผมฉีกยิ้มก่อนจะอธิบาย

“ถ้าถามว่าดีมั้ย ในความรู้สึกของผมตอนเจอมันครั้งแรก จริงๆมันก็ดูโอเคนะครับ ดูสวยงามน่าพักผ่อนดี แต่พอได้มานั่งจริงๆจะพบว่า ละอองน้ำมันสาดมาโดนได้นะครับ ถึงจะเป็นแค่ละอองแต่ในความรู้สึกก็ทำให้ไม่อยากเดินผ่านมาอีกครั้งอยู่ดี”

คุณลุงพยักหน้าก่อนจะเดินตามผม

“จุดที่สองคือที่นี้ครับ”

ผมพูดพร้อมผายมือไปข้างๆ

“ร้านหนังสือ ?”

“ใช่ครับ ร้านหนังสือ จริงๆแล้วร้านหนังสือแห่งนี้คือกิจการต่อยอดของห้างนี้ใช่มั้ยล่ะครับ พนักงานหรือพี่ๆที่อยู่ในร้านก็ดีครับเพียงแต่ .....”

ผมเว้นวรรคช่วงก่อนจะชี้นิ้วไปที่หนังสือแนะนำหน้าร้าน

“มันห่อปกเหรอ...?”

คุณลุงคาดเดา

“คือ...จริงๆการห่อพลาสติกคุ้มแบบนี้มันก็ดีสำหรับห้างนะครับในการรักษาสินค้า แต่การทำแบบนี้เป็นการทำให้เกิดผลเสียอยู่เหมือนกัน หนึ่งคือจะไม่มีเด็กๆหรือใครเข้ามายืนอ่านเพื่อส่งเสริมการค้า ประมาณ...ร้านนี้คนยืนอยู่เยอะ ทำให้ดูน่าสนใจหรืออะไรยังงี้นะครับ สองคือหนังสือบางประเภทแค่หน้าปกกับเนื้อเรื่องย่อผมว่ายังไม่เพียงพอในการให้ใครสักคนหนึ่งตัดสินใจเลือกซื่อครับ”

“แล้วถ้าลูกค้ายืนอ่านแบบนี้ในเมื่ออ่านแล้วเขาจะซื่อของเราเหรอ ?”

คุณลุงท้วงติงมา

“ครับ นั้นก็อีกแง่มุมหนึ่ง แต่คุณลุงครับงั้นผมถามหน่อย หนังสือพวกนี้ผมขอยกตัวอย่างนะครับ เช่นพวกวรรณกรรมที่ลงเวปออนไลน์ต่างๆ ทำไมคนที่อ่านในเน็ทแล้วทำไมเขาถึงยังรอที่จะซื่อตอนร่วมเล่มล่ะครับ ? ในเมื่อเขาก็อ่านแล้วนิ”

ผมตอบคำถามด้วยคำถาม เป็นอีกครั้งที่คุณลุงพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ

“นั้นสินะ เพราะว่าชอบก็เลยซื่อ...อื่มน่าสนใจดีนะ แล้วจุดไหนอีกล่ะที่อยากพาลุงไปดู”

ผมพยักหน้าก่อนจะพาคุณลุงเดินยาวไปถึงนอกห้าง แล้วหาระยะห่างมากพอที่จะเห็นห้างทั้งห้างโดยภาพรวมได้ ไม่นานก็ถึงทำเลที่ผมมอง

“คุณลุงว่า ถ้ามองห้างแบบนี้รู้สึกยังไงครับ ?”

คุณลุงยืนมองตามที่ผมบอกก่อนจะ

“อื้ม...ก็นะ มันเป็นห้างใหม่นี้ ก็น่าสนใจอยู่ละนะ”

แกตอบแบบไม่ได้คิดอะไร

“ครับ มันก็น่าสนใจเพราะยังเป็น‘ของใหม่’แต่พอเปิดตัวไปสักพักคนจะรู้สึกคุ้นชินและต่อจากนั้นก็อาจจะแป้กถ้าไม่มีอะไรที่ดึงดูดมากเพียงพอ”

รอบนี้คุณลุงขมวดคิ้วก่อนจะถาม

“อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณคะเนถึงขนานไหน”

“ผมแค่พูดตามหลักจิตวิทยากับความรู้สึกของผมนะครับ คนไทยเรามีลักษณะอย่างหนึ่งคือเห่อของใหม่แล้วก็เบื่อง่ายๆ ยกตัวอย่างก็เช่นตุ๊กตาที่เคยระบาดเมื่อช่วงเวลาหนึ่ง แต่พอต่อมาเลิกฮิตก็แทบจะขายไม่ออกเสียเลยด้วยซ้ำ กลายเป็นของตกเทรนอีกทั่งคนไทยไม่คุ้นชินกับของใหม่มากนัก เช่นห้างแบบนี้พวกห้างทั่วๆไปที่เปิดมานานแล้วย่อมได้เปรียบด้านความรู้สึกและด้านเครดิต ดั่งนั้นผมคิดว่าถ้าห้างเปิดใหม่แห่งนี้จะอยู่รอดได้ จำเป็นจะต้องสร้างจุดเด่น ลบจุดด้อยครับ อีกอย่างห้างแห่งนี้ยังมีจุดด้อยเล็กๆที่ข้อที่ผมมองเห็น”

ผมอธิบายยืดยาว คุณลุงรับฟังก่อนจะพยักหน้าเข้าใจแล้วถามต่อ

“อะไรคือจุดอ่อนที่ว่า ?”

“แสงสว่างครับ มันส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื่อเลยนะครับ โดยปกติห้างแห่งนี้จะหรี่ไฟลงที่ในช่วงกลางวัน ทำให้ไฟในห้างมันดูหมองๆ ตามความรู้สึกผมรู้สึกว่า มันไม่น่าเข้าไปซื่อหาหรืออะไรเทือกๆนี้นะครับ เพราะมันเป็นสัญชาติทยานของคนเราที่จะรู้สึกปลอดภัยเวลาที่ได้เห็นอะไรที่มันชัดเจน หลอดไฟพวกนี้ก็เหมือนกัน มันจะช่วยสร้างความรู้สึกด้านบวกจนทำให้เรากลับมาซื่อบ่อยๆครับ นี้เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ผมได้รับรู้มาจากร้านสะดวกซื่อนะครับ”

ผมเคยทำงานของร้านสะดวกซื่อแล้วลองสังเกตดูนะครับ

คุณลุงพยักหน้าขึ้นลงเช่นเดิมก่อนจะหันมามองผม

“คุณพ่อครัวอยากเรียนบริหารเหรอ ?”

“เปล่าครับ จริงๆต้องบอกผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปด้านไหนดี ตอนนี้เลยโดดมาศิลป์ภาษานะครับ”

ผมตอบแบบยิ้มๆ แม้พี่เทสจะเลือกเส้นทางของตัวเองแล้วแต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจครับเพราะยังลังเลกับอนาคตชีวิตของตัวเองอยู่

“คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมนะ นี้สำหรับค่าเหนื่อย”

คุณลุงว่าก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินล้วงแบงค์เทาๆสองใบมายื่นให้ ผมรับมันมาก่อนจะเดินไปหาตู้บริจาคเล็กๆของมูลนิธิเด็กกำพร้าที่มาขออาศัยพื่นที่ของห้างรับบริจาค

ก่อนจะหย่อนลงไป...

“ถือว่าคุณลุงทำบุญกับเด็กกำพร้าแล้วกันนะครับ ผมคิดว่าเดินพาเที่ยวห้างวันนี้เป็นเซอร์วิสจากร้านเราครับ”

ผมหันไปหาคุณลุงที่ทำหน้าอึ้งๆก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

“น่าสนใจจริงๆนั้นแหละ หวังว่าโอกาสหน้าเราจะได้คุยกันอีกนะครับ”

“เช่นกันครับ ขอบคุณที่ใช้บริการ”

ผมตอบรับก่อนจะยืนมือไปสัมผัสกับฝามือหนาตรงหน้า

ผมว่าผมรู้นะ...ว่าคุณลุงคนนี้เป็นใคร....

แต่ช่างเถอะครับ ในเมื่ออีกฝ่ายมาแบบไม่เป็นทางการ ผมก็ถือว่าอยู่ในฐานะแขก...



                                     .................................................


ทำไมพี่เทสไม่รับสาย ?

ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าๆแล้ว ผมเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น พี่เทสที่ปกติสมควรจะกลับถึงบ้านก่อนผมวันนี้หายตัวไป พอเช็คกับเพื่อนๆแล้วก็พบว่าไม่ได้ไปนอนค้างบ้านใคร อีกทั้งโทรศัพท์โทรไปก็ไม่รับ

แปลกมาก !!!

หนูติดจั่นอย่างผมเดินไปเดินมาไม่นานโทรศัพท์ในมื่อก็สั่นขึ้น หน้าจอแสดงถึงปลายสายที่กำลังโทรหา.

พี่เทส !!!

ผมรีบรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไป

“อัลโล พี่เทส อยู่ไหนอ๊ะ ทำไมไม่รับสายหมอกอ๊ะ แล้วนี้เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมถึงกลับช้าจัง”

แต่ปลายสายกลับเงียบจนผมกรอกเสียงลงไปสองสามครั้งถึงจะตอบกลับมา

“พี่มึงอยู่กับกู เดี่ยวจะพาไปส่งตรงสวนสาธารณะ...ไปรอที่ด้านหน้านะ สักพักจะขับรถไปส่งให้”

เสียงนี้มัน...

ไอ้เชรี้ยนั้นนี่หว่า !!!

ผมที่ยังไม่ได้สติมากพอที่จะด่ากลับก็พบว่าปลายสายตัดไปแล้ว สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือใส่เสื่อกันหนาวอีกตัวแล้ววิ่งลงไปข้างหน้า

“น้า ไปสวนสาธารณะ....ครับ”

ผมบอกชื่อส่วนสาธารณะใกล้ๆบ้านก่อนจะรีบกระโจนขึ้นไปนั่งบนเบาะ

ถ้ามันกล้าแตกต้องพี่ชายผม เดี่ยวได้เห็นดีกันบ้างล่ะมึง !!!

นั่งได้ไม่นานก็มาถึงสวนสาธาณะที่ว่าก่อนผมจะควักแบงค์50ให้คุณน้าแล้วไปรอด้านหน้าของสวน บ้าชิบ มุมนี้มันมืดจะตาย แสงสว่างจากหลอดไฟมันสาดส่องเข้ามาไม่ได้เพราะกิ่งไม้มันบังทางครับ

‘เอี๊ยดดด’

ผมที่กำลังรอด้วยความกระวนกระวายถึงกับตกใจกับเสียงเบรกก่อนจะมองเห็นรถเก๋งคัน หนึ่งจอดอยู่ด้านหน้าผมแต่พอมองเห็นด้านในเท่านั้นแหละ ผมใจหายมากขึ้นเมื่อเห็นร่างๆหนึ่งที่ไม่ได้สติอยู่บนรถด้านคนนั่ง พอคนขับลงมาจากรถผมไม่เหลือสติมากพอที่จะไตร่ตรองอะไรอีกแล้ว

ต้องเป็น ‘มัน’แน่ๆที่ทำให้พี่ผมเป็นแบบนี้

ร่างกายตอบสนองไวเท่าความคิดก่อนหมัดเล็กๆของผมจะพุ่งตรงไปที่แก้มของคนขับ ถึงหน้าสวนสาธรณะตรงมุมนี้จะมืดมากจนมองไม่เห็นหน้า แต่จากรูปร่างลักษณะภายนอกแล้วก็ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ทั่งแว่นสีชาที่ชอบใส่ ไหนจะไอ้รถเก๋งรุ่นเดี่ยวกันอีก

    “โอ๊ย”

    คนที่ถูกผมชกแบบไม่ทันตั้งล้มลงไปกองกับพื่นก่อนแว่นสีชาจะตกลงพื่น

    เห้ยยยยยยย !!!

    ทั้งเสียงและหน้าที่ปรากฏแม้จะมองไม่ค่อยชัดแต่...ไม่ใช่นี้หว่า

      “อ้าว...คุณไม่ใช่.....?”

    ผมพูดค้างก่อนจะนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก

    “โหน้อง ตัวก็เล็กทำไมหมัดหนักแบบนี้ แล้วคิดว่าพี่เป็นใครครับเนี้ยมาถึง ถึงได้ชกเข้าหน้าแบบนี้”

    อีกฝ่ายร้องประท้วงก่อนจะยันตัวยืนขึ้น...

    ซวยแล้วกู....



                                                                  .......................................


ด้วยบุญกรรมแต่ปางใดก็ไม่ทราบ ตอนนี้ได้น้องAมาอยู่ในการครอบครองแล้ว 4ตัว  :hao5: [อยากได้แบบนี้ตลอดไปจัง :heaven]


มาก่อนกำหนดคงไม่ว่ากันเนาะ  :hao7:

เจอกันEP.หน้ากับพี่ปันครับ  :bye2:

200703
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.5 [น้องหมอก]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-02-2014 16:39:39
มารอพี่ปันฮ๊าบบบบบบบบบ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.5 [น้องหมอก]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 27-02-2014 00:09:10
 :mc4: ยินดีด้วยนะคนเขียน ขอให้เก็บ A ให้หมดเลยนะ

ในที่สุด พระเอก ก็ เจอกับนายเอกแล้ว

น้องหมอกนี่ความคิดความอ่านนี่ล้ำหน้าดีนะ มีวิสัยทัศน์ดี
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.5 [น้องหมอก]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 27-02-2014 05:46:41
:mc4: ยินดีด้วยนะคนเขียน ขอให้เก็บ A ให้หมดเลยนะ

ในที่สุด พระเอก ก็ เจอกับนายเอกแล้ว

น้องหมอกนี่ความคิดความอ่านนี่ล้ำหน้าดีนะ มีวิสัยทัศน์ดี

สาธุ ขอบคุณครับ  :-)

ปล.ดีใจสุดๆในที่สุดก็หน้า2แล้ว
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.5 [น้องหมอก]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 28-02-2014 13:55:37
ผมขับรถไม่นานก็ถึงบ้าน พอถึงที่หมายไอ้เฟรมก็แทบจะกระโจนลงไปข้างล่าง มันอุ้มน้องเขาด้วยสองมือก่อนจะก้าวยาวๆแบบไม่รอผม

เดี่ยวนะมึง ตกลงนี้บ้านใครฟระ ?

"ป้าอิ่ม ขอน้าอุ่นกับผ้าเช็ดตัวหน่อยนะครับ"

มันบอกกับแม่อิ่มแม่นมของผมที่กำลังทำหน้าตื่นๆก่อนจะก้าวยาวๆขึ้นห้องผม ทำให้ผมได้แต่หวัดดีป้าแกแบบลวกๆแล้ววิ่งตามมันไป

พอถึงห้องมันก็ค่อยช้อนร่างไม่ได้สติลงเตียงอย่างเบามือ รอไม่นานป้าอุ่นก็นำของที่สั่งขึ้นมาบนห้อง จริงๆแกอาสาจะทำให้ แต่มันปฎิเสธพอป้าอุ่นออกไปจากห้อง มันก็ค่อยๆแกะกระดุมเสื่อนร.ที่มีคราบเลือดติดเป็นดวงในบางจุด

อยากถามใจจะขาดว่าตกลงเรื่องมันเป็นอะไรยังไง   

แต่เพราะสายตาของมันที่แสดงออกมาบังคับให้ผมต้องปิดปากของตัวเองไว้

มันกับผมเป็นเพื่อนที่สนิทกันแทบจะเหมื่อนพี่น้องร่วมสายเลือดบ้านเราก็รู้จักกันทั่งบ้านไม่แปลกอะไรที่มันจะขึ้นมาบนห้องแบบไม่มีคำขอ

มันเป็นเสือล่าสวาทต่างจากผมที่เป็นลูกแมว ทุกครั้งเสือร้ายอย่างมันจะมองทุกคนด้วยสายตาของผู้ล่าที่มองเหยื่อ

แต่ในวันนี้สายตาของมันเปลี่ยนไป

ดวงตากลมโตของมันสะท้อนออกมาเป็นความห่วงใย...

สายตาที่เคยมีแต่ศักดิ์ศรี บัดนี้ ...เปลี่ยนไป

ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ถูก การที่มันปลดเขี้ยวเล็บลงได้ก็เป็นเรื่องที่ดีแต่ที่ผมสงสัมก็คือ...

คนที่ปลดเขี้ยวเล็บนั้นเป็นเด็กผู้ชาย ถึงเพื่อนผมจะกินไม่เลือกก็เถอะแต่ผมขอรับรอง มันไม่ใช่เกย์แน่นอน

พอเช็ดเสร็จมันก็หันมาหาผม ตอนแรกก็กะจะถามแล้วครับแต่สายตามันตอนผมว่า มันเองก็ยังไม่พร้อมจะพูด
ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดกับมัน

"พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกกู โอเคนะเว้ย'เพื่อน'"

ผมเดินมาตบบ่ามันเบาๆ สายตาของมันส่งผ่านมาขอบคุณผมเบาๆ

ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นอะไร ยังไงก็เป็นเพื่อน...

:     )


                                                                       ...............................


ผมนั่งเงียบได้ไม่นาน คนไม่ได้สติก็ค่อยๆรู้สึกตัว พอตั้งตัวได้ก็ทำหน้าตกใจที่เห็นผมกับมัน

ความเงียบเข้าคลอบงำอีกครั้ง...

"เออ กูไปหาน้องกูก่อนนะ"

ผมบอกกับมันแบบนั้นก่อนจะจงใจตัดช่องน้อยแต่พอตัวเดินเลี่ยงออกมา

ไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกินครับ...

ห้องยัยแทนอยู่ถัดจากห้องผมไปนิดหน่อย จริงๆวันนี้ก็ไม่ได้บอกมันหรอกครับว่าจะกลับมาเยี่ยม ผมเดินเบาๆก่อนจะค่อยๆหมุนลูกบิด

บิงโก!!!

ผมมองเห็นเป้าหมายกำลังนอนเอกเขนกกลิ้งไปมาบนเตียง ในมือถือสมาร์โฟนยี่ห้อดังซึ่งกำลังรัวนิ้วพิมพ์โต้ตอบกับใครบางคนสาบานได้ว่าผมไม่ได้อยากรู้

ก็แค่สงสัย จนชโงกหน้ามองหน้าจอของน้องสาว

'เต้โหดกระโดดฟัน : แล้วอร่อยมั้ย ข้าวกล่องที่เราทำให้'

'แทนใจ : อร่อย นอนกินอยู่เนี้ย'

การกระทำของน้องสาวผมตรงกับคำพูด เจ้าตัวยื่นมือไปเปิดกล่องอาหารเล็กๆที่ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นก่อนจะตักเข้าปากไปหนึ่งคำ

"นอนกินไม่กลัวติดคอเหรอ"

"ติดคอก็กินน้ำสิ...ว๊ายพี่แทน"

มันหันมาทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีก่อนจะเด้งตัวนั่งพับเพียบกับเตียง

"เฮียมาตั้งแต่ตอนไหนอ๊า"

มันทำเสียงเล็กๆเหมือนเด็กที่หัดขโมยเงินแม่แล้วโดนจับได้

"ก็ตั้งแต่อาหารที่ผมทำอร่อยมั้ยครับ"

ตรงท้ายประโยคผมดัดเสียงล้อมัน คนถูกล้อทำหน้างอนแก้มป้องจิกตามองผม

"เชอะ ก็ดีกว่าพี่ชายที่เห็นธีสิสดีกว่าน้องแล้วกัน"

ดูครับ ดูมันพูด แหมมธีสิสนี้ก็ใบเบิกทางชีวิตกูนะครับมึง

ผมส่ายหัวปลงๆกับน้องสาวต่างวัยจอมบ๊องก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างมัน เกือบๆสามเดือนมั่งทำไงได้ครับมันจำเป็นจริงๆนิ

"ก็กลับมาหาแล้วนี้ไง"

ผมว่าก่อนจะขยี้หัวมันเล่นเป็นการง้อ

เราสองคนนั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องระหว่างที่ไกลกัน จริงอยู่แม้จะติดต่อกันได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่การได้คุยกันดรงๆล้วนมีความสุขกว่านิครับผมกับมันนั่งคุยกันจนลืมเวลา พอได้คุยกันแบบนี้แล้ว มันสบายใจครับ เรื่องบางเรื่องคุยกันผ่านมือถือมันไม่ได้อรรถรสต้องคุยกันแบบนี้

ผมคุยกับมันจนกระทั่งไลน์ในมือถือผมเด้งนั้นแหละ ถึงได้หยุดกันแปปแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู

'เฟรม ทัชกร : มาหากูที่ห้องมึงหน่อย'

ไอ้เฟรมเด้งไลน์มาก่อนผมจะขอตัวกับน้องสาวแล้วเดินออกไปหามัน พอมองเวลาในมือถือก็ปาไปสองทุ่มกว่าแล้วครับ...

หื้มมม  นี้กูคุยกับน้องสาวเพลินจนหัวค่ำเลยเหรอว่ะ ???

ที่เขาบอกว่า เวลาที่เรามีความสุข เข็มนาฬิกาจะเดินเร็ว คงเป็นเรื่องจริง...

ไม่สิ...ไอ้เรื่องนี้นะ ผมรู้กับตัวเองมานานมากแล้วต่างหาก... 

จริงมั้ยครับ ? ปราย ....

"มีอะไรว่ะ"

ผมถามมันเมื่อเดินมาถึงห้อง มันทำหน้าเครียดนิดๆก่อนจะหันหน้าไปทางเด็กคนนั้น

"ช่วยพาน้องไปกินข้าวหน่อยได้มั้ย ?"

"มึงจะไปไหน..."

มันทำหน้าอึกอักก่อนจะค่อยๆพูดต่อ

"ไปหาพลอย..."

จบคำของมัน แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดเจนแต่ผมเห็นว่าเด็กคนนั้นแอบบีบผ้าปูที่นอน ใบหน้าฉายแววเศร้าไม่นานก็หันหน้าไปสูดหายใจลึกๆสะกดกลั้นทุกอารมณ์เอาไว้ ไม่ใช่ผมคนเดี่ยวหรอกที่เห็นมันเองก็เห็นครับ พอจะมันจะเลือนมือไปวางซ้อน ไอ้ตัวเล็ก(ในสายตาควายๆอย่างพวกผม)ก็ปัดมือออก

"เฺฮ้ออ อื้มกูจะพาน้องไปกินข้าวให้ แล้วต่อจากนั้น ? "

"พาไปส่งบ้านที่..."

"ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไม่หิว ผมกลับเองได้"

ไอ้ัตัวเล็กแทรกตัดบทก่อนทำท่าจะเดินลุกออกไป

"ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าดื่อ สงสัยน้องมึงคงไม่ได้อยู่สบายๆล่ะนะ"

ประโยคลอยๆที่ออกมาจากปากเพื่อนสนิทผมทำเอาขาเรียวยาวหยุดกึก ไอ้ตัวเล็กหันมาทำหน้าโกรธๆก่อนจะเดินมานั่งข้างเตียงตามเดิม

"กูฝากด้วยนะแล้วก็...พรุ่งนี้จะไปหา"

ประโยคหลังมันหันไปพูดกับไอ้ตัวเล็กซึ่งเจ้าตัวก็เบือนหน้าหนี พอมันจะก้าวเดินผ่านน้องเขา มันก็ก้มลงไปหอมที่แก้มน้องเขาฟอดหนึ่งเล่นเอาคนโดนไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่มันจะรีบวิ่งออกจากห้องไป

เออ ... คือยังไงกูก็ยังอยู่นะ เกรงใจกูหน่อยก็ดีมั่ง

ผมพยายามทำหน้าเฉยๆเพื่อไม่ให้อีกคนหนึ่งอายไปมากกว่านี้ แค่นี้หน้าน้องเขามันก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วครับ 

เชื่อแล้วครับ ว่ามันจริงจังเพราะเล่น'แสดงความเป็นเจ้าของ'ซะขนานนี้  ....

"งั้นเราไปกินข้าวกันนะ พี่เชื่อปันครับ เพื่อนไอ้เฟรมนั้นแหละ"

ผมแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร

"ผมชื่อเทสครับ แต่เออ... พี่ครับ คือผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันหรอกนะครับ"

น้องเขาแนะนำตัวตอบพร้อมแก้ตัว

ครับพี่เชื่อ...เชื่อว่าเป็นแน่ๆ  -   -"

"งั้นไปกินข้าวกันเถอะ"

ผมว่าก่อนจะเดินนำหน้าน้องเขาไป พอเดินผ่านห้องไอ้แทน ผมชโงกหน้าบอกมันว่าออกไปกินข้าวนอกบ้านแล้วพาน้องเทสเดินไปต่อ

พอออกมาข้างนอกผมเลือกพาเทสไปกินอาหารร้านใกล้ๆบ้าน กะว่าค่อยพากลับตอนสักตอนสามทุ่มเศษให้น้องมันได้ผ่อนคลายหน่อย จริงๆเจ้าัตัวก็อิดออดนั้นแหละครับ คงเพราะยังไม่สนิทกับผมแล้วก็เกรงใจ ขนานตอนสั่งอาหารยังพยายามหาเมนูที่ถูกที่สุดในร้าน

จริงๆอย่างจะสั่งเหล้าหรือเบียร์สักขวด แต่ดูแล้วไอ้เด็กนี้คงจะกินไม่เป็น ครั้นจะสั่งมากินคนเดี่ยวก็กระไร ผมเลยเลือกสั่งไวท์ที่มีดีกรีเบาๆมาแทนสองขวด พอเครื่องดื่มแอลกอฮอร์เข้าปากรู้สึกว่าน้องเทสจะพูดง่ายขึ้นเยอะ ถามอะไรก็ตอบตามตรง ผมเลยถามในสิ่งที่ยังไม่ได้ถามไอ้เฟรม

ในเมื่อมึงยังไม่พร้อม กูถามคู่กรณีมึงก็ได้

ก็บอกแล้วไงครับ ผมอ๊ะ มันคนดีสุดๆ 

เรื่องราวมากมายหลั่งไหลออกมาจากปากน้องเทส จากเดิมที่ว่าจะพากลับสักตอนสามทุ่ม ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ เพราะข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าดูล้ำค่ามากกว่าเกินจะปล่อยเหยือ..เอ๊ยน้องเขากลับบ้านไปแบบคาราคาซังในใจผมแบบนี้

โอ้โห้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผมไม่ได้อยู่ติดกับไอ้เฟรม มันจะก่อเรื่องราวไว้มากมายขนานนี้ ผมนั่งนิ่งตั้งใจฟังน้องเขาพูด ผมเชื่ออย่างหนึ่งนะ คนเมานะไม่โกหกหรอก แล้วน้องเทสก็อยู่ในสภาพที่เข้าค่ายว่าเมามากจริงๆ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกทั้งสงสารทั้งฮา ผมเชื่อแล้วล่ะ ว่าพระเจ้าเล่นตลกกับคนสองได้ขนานนี้จริงๆ

และผมเชื่อว่าในความรู้สึกของน้องเทส คงไม่ได้คิดกับมันแค่คนรุ้จักแน่ๆ  แต่ที่สำคัญคือมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วล่ะสิครับ

เฮ้ออออ  คิดๆไปแล้วก็แอบกลุ้มตามครับ ไหนจะพ่อมันอีก โหดอิ๊บอาย...



                                                                    .........................

หลังจากหมดไวน์ขวดที่สาม ผมแชทไลน์กับไอ้เฟรมก่อนมันจะบอกทางไปสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มันบอกว่าจะมีญาติของน้องเขามารับครับส่วนสภาพน้องเขาตอนนี้นะเหรอ ? เมาแป๊ แึ้ค่ไวน์เบาๆนะครับเนี้ย[หรือผมคอทองแดง ???]

พอใกล้ถึงสวนสาธารณะ ผมเห็นเหมือนเงาตะคุ่มๆตรงหน้าสวน คือตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วนะครับ แล้วไหนจะกิ่งไม้พุ่มไม้ที่บังแสงอีก ทำให้ตรงนี้มันมืดมากจริงๆ ผมจอดรถแล้วเดินรถไปข้างหน้าพอจะอ้าปากทักคนที่ยืนอยู่กับปรากฏว่า...

'ตุ๊บ'

"โอ๊ยยยย"

หมัดเพรียวๆกระทบเข้าที่ใบหน้าก่อนผมจะล้มลงทั้งยืน ดูจากสายตาที่คะเนแล้ว หมัดมันไม่น่าจะหนักขนานนี้นะครับ แต่ทำไมเล่นเอาหน้าผมชาเลยล่ะ

 “อ้าว...คุณไม่ใช่.....?”

อีกฝ่ายทำท่าตกใจก่อนจะยืินงงๆ  เออ กูก็งงครับ อยู่ดีๆมาชกกูเนี้ย

“โหน้อง ตัวก็เล็กทำไมหมัดหนักแบบนี้ แล้วคิดว่าพี่เป็นใครครับเนี้ยมาถึง ถึงได้ชกเข้าหน้าแบบนี้”

ผมพยุงตัวขึ้นก่อนจะถามอีกฝ่ายแต่พอได้สบตากัน เห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นกลับสะท้อนเหมือนใบหน้าคุ้นเคยของที่ผมเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว

เหมือนต้องมนต์สะกดผมเดินไปจับไหล่อีกฝ่ายไว้ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายในเงามืดอีกครั้งหนึ่ง...

"ปราย !!!!"

ผมทั้งดีใจ ทั้งสงสัย ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันมั่วไปหมด

ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงได้ยืนอยุ่ตรงหน้าผมได้ !!!



                                                        ------------------------------------------------------------


อุบ๊ะ ปรายคือใครกันน๊าาาาาาาา ตอนหน้ายังเป็นพี่ปันนะครับ อีก1พาร์ท

ปล. ตอนนี้ยาวเนาะ ต้องทำใจหน่อย แกะกลัวเนื่อเรื่องวิ่งไม่ทันกันอ่า  :ling3:

200357
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.6 [พี่ปัน p.1] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-02-2014 17:05:44
 :katai1: โอย ทำไมมีแววมาม่าทั้งสองคู่เลยเนี่ย

เฟรมรู้จักกับเทสเหรอ คงไม่ใช่ไอ้คนร้ายๆที่โผล่มาตอนแรกใช่มั้ย
ปรายเป็นใคร เป็นแฟนเก่า?ปัน

ติดตามและเป็นกำลังใจให้คนเขียนปั่นเรื่องนี้กับอีกเรื่องหนึ่งเร็วๆ  :hao3:
ติดถึงหมีชล เอ้ย ผิดเรื่องล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.6 [พี่ปัน p.1] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 28-02-2014 20:43:16
:katai1: โอย ทำไมมีแววมาม่าทั้งสองคู่เลยเนี่ย

เฟรมรู้จักกับเทสเหรอ คงไม่ใช่ไอ้คนร้ายๆที่โผล่มาตอนแรกใช่มั้ย
ปรายเป็นใคร เป็นแฟนเก่า?ปัน

ติดตามและเป็นกำลังใจให้คนเขียนปั่นเรื่องนี้กับอีกเรื่องหนึ่งเร็วๆ  :hao3:
ติดถึงหมีชล เอ้ย ผิดเรื่องล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

แบบแม่นแท้เหลา555

คนๆเดี่ยวกันนั้นแหละครับ   :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.6 [พี่ปัน p.1] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 01-03-2014 14:39:18

"ปราย..."


ผมเรียกชื่อนั้นเสียงสั่น ความเยือกเย็นที่เคยมีบัดนี้พังทลายลง


เหมือนต้นไม้ใกล้ตายที่ได้รับความชุ่มชำจากสายฝน...ผมไม่ต่างอะไรเลยกับต้นไม้ต้นนั้น


ผมดึงร่างนั้นมากอด สัมผัสเก่าๆที่เคยนลืมเลือนบัดนี้หวนกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งจิตใจปฏิเสธตอนนี้ได้ยินแต่เพียง
เสียงของหัวใจที่ร้ำร้องให้กอดร่างตรงหน้าให้แน่นที่สุดด้วยความกลัว....


กลัวว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะหายไป


แต่ผมเองก็รู้ดีว่ากอดแน่นแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปล่อย


"เออ... คือว่า ผมไม่ใช่คนที่ชื่อปลายหรอกครับผมชื่อหมอก"


ร่างเล็กๆที่อยู่ในอ้อมกอดพยายามบอกผมก่อนที่เสียงคนเมาในรถจะดังขัดจังหวะ ผมปล่อยคนตรงหน้าออกจากอ้อมกอด ตอนนี้ทั้งคนกอด คนถูกกอดล้วนทำหน้ากันไม่ถูกก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะเดินเลี่ยงไปหาคนเมา


ผมยืนนิ่งเหมือนคนไม่สนิทจนกระทั่งมือข้างหนึ่งโดนดึงไป


"คือ ยังไงดี เออ ผมให้ครับ เช็ดหน้าก่อนนะ"


มันว่าก่อนจะยัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆให้ผมแล้วพยุงคนเมาเดินจากไป ผมเพิ่งรู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาของผมไหลรินออกมาทั้งสองข้าง


ทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ถึงสิบนาทีแต่ก็ช้าเกินกว่าจะตั้งสติทัน


ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองขับรถกลับถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที่ร่างกายของผมก็สั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่มบนที่นอน


ความคิดในหัววนเวียนไปมาจนนอนไม่หลับ เด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมหน้าตาถึงได้เหมือนกับปราย...


....ที่ตายไปแล้ว


ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกเลืิ่อนมาไว้ที่อก เสมือนอยากได้รับไออุ่นจากมัน เข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจ...

แม้จะไม่ใช่คนเดี่ยวกันแต่ผมอยากภาวนาเหลือเกิน...ภาวนาให้ผมได้พบเขาอีกสักครั้งหนึ่ง....


"ปราย.....หมอก....."


ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนความคิดในหมดจะดับวูปไป ภาพสุดท้ายที่เห็นคือสาวชาวเขาคนหนึ่งยิ้มจางๆให้ผมและภาพของคนที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก


ปราย...


หมอก....

                                                                  ...................................


"ลูกคิดว่ายังไง..ปัน...ไอ้ปัน"



"ครับพ่อ"


ผมสะดุ้งได้สติหลังจากการเรียกของบิดา ตอนนี้พ่อกับอาชาติหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อกับลังคุยงานกันอยู่ครับ เรื่องห้างใหม่นั้นแหละ


"ปันคิดยังไงถ้าห้างเราจะเพิ่มปริมาณหลอดไฟมากขึ้นเพื่อเพิ่มแสงสว่าง จากแนวคิดของอาชาติ"

พ่อผมถามต่อ

"เออ...ปันว่า...ก็ดีครับสว่างดี"

ผมตอบแบบขอไปที่ เห็นพ่อตัวเองขมวดคิ้วจุ๊ปากขัดใจก่อนจะบ่นต่อ

"ดูสิเนี้ย อาชาติเขาอุตส่าห์ไปเดินสำรวจห้างหาความคิดมาเสริมธุรกิจให้เรา แกยังทำเป็นเล่นอีก"

"ไม่ใช่ข้าหรอก ไอ้เด่น ความคิดพวกนี้ก็มาจากคนในห้างของแกนั้นแหละ"

อาชาติว่าต่อ(เด่นนี้ชื่อพ่อของผมเองครับ จากการเรียกกันห้วนๆคงรู้แล้วใช่มั้ยครับ ตาแก่สองคนนี้สนิทกันขนานไหน -  -)



"ใคร ?"



พ่อผมขมวดคิ้วถาม ผมยังคงใจลอยยกน้ำดื่ม



"พ่อครัวมือรองในร้านอาหารบนห้างของแก ชื่อหมอก"


จบคำของคุณหารอบนี้คิ้วของผมกับพ่อขมวดขึ้นมาพร้อมกัน


"จริงๆร้านนั้นเขามาขอเช่าพื่นที่ห้างของเรานะแหละนะ ชั้นเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่าร้านนั้นมีพ่อครัวที่อายุยังไม่ถึง18ด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดว่าความคิดพวกนี้ออกมาจากเด็กคนนั้น หรือแกอำชั้นเล่น ?"

พ่อผมว่าก่อนจะหันไปถามลุงชาติที่นั่งขำเบาๆ

หมอก...หมอกไหน คนเดี่ยวกับ...คนที่หน้าคล้ายปรายรึเปล่า ?

ผมเลือนมือไปดูแฟ้มเอกสารที่อาชาติเอามา ก่อนจะไล่อ่านแนวคิดและข้อเสนอที่อาชาติต้องการ ยิ่งอ่านผมก็ยิ่งเห็นด้วยกับแนวคิดดั่งกล่าว ทั้งเรื่องการห่อหนังสือและเรื่องแสงสว่าง


"ชั้นคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอำแกเล่นเพื่อสร้างผลงานให้เด็กคนหนึ่งหรอกนะ แต่แนวคิดทั้งหมดนี้ชั้นได้มาจากเด็กคนนั้นจริงๆ แกจะลองไปคุยด้วยตัวเองก็ได้นะ แต่ถ้าอยากได้ฟิลเดี่ยวกันชั้นขอแนะนำให้แกแต่งตัวแบบที่ชั้นชอบแต่ง หึหึ"

อาชาติว่า ก่อนผมจะนึกถึงการแต่งตัวของอาแก

แกเป็นคนรวยที่ชอบแต่งตัวด้วยชุดเก่าๆ ไม่ก็เสือยืดกางเกงขาก๋วยแบบที่ฮิตกันยุคคุณพ่อ เรียกได้ว่าแทบไม่มีมาดของเศรษฐีเลยแม้แต่น้อย

"ได้ ชั้นจะลองไปดู ส่วนข้อเสนอพวกนี้ชั้นจะเอาเข้าบอร์ดผู้บริหารเพื่อประชุมพรุ่งนี้"

พ่อผมตกปากรับคำก่อนทั้งคู่จะคุยกันเรื่องอื่นๆ

ในใจผมนึกเพียงแต่ว่า.... ใช่คนเดี่ยวกันรึเปล่า ?

คนที่ทำให้ผมรู้สึกทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอในเวลาเดี่ยวกันได้ขนานนี้...


                                                                ............................................


"แกว่าคนนี้เด็ดมั้ย ดูคำตอบดิ แม่งโคตรแนว"

เสียงของไอ้หว้าดังเรียกสติผม

อย่าถามว่าสติมันหายไปไหน คุณๆรู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว

ตอนนี้ผมกับมันและเพื่อนร่วมคณะนับเกือบๆสามสิบชีวิตกำลังนั่งอ่านใบสมัครของน้องๆที่สมัครเข้ามาค่ายของเราครับ ค่ายเราเองก็ฮิตทุกปี เด็กที่สมัครมาก็ร่วมๆสองพันกว่าคน แต่เราต้องการสมาชิกร่วมค่ายเพียง160คนเท่านั้นเองครับ เลยทำให้ต้องคัดเลือกไปเรื่อยๆเพื่อให้เจอเด็กที่น่าสนใจมากๆจริงๆ


ผมชโงกหน้าดูคำตอบที่มันคะยั่นคะยอให้ผมอ่าน...


อื้มหื้มม...ความคิดไม่เลวจริงๆด้วย


"คำถามถามว่า ถ้าให้เลือกได้คุณอยากจะแก้ไขอดีต หรืออยากจะกำหนดอนาคต น้องตอบมาว่า 'ผมจะเลือกไม่ทำอะไรเลย อดีตจะเลวร้ายขนานไหนมันก้หล่อหลอมให้ผมเป็นผม แล้วถ้ากำหนดอนาคต ผมจะรู้ได้ไงว่ามันไม่มีอนาคตที่ดีกว่ารออยู่ข้างหน้า'
เหยดดดดดดดด เป็นไง แนวป๊ะ ?"

มันว่าก่อนจะเลื่อนใบสมัครของน้องไปเข้ากองที่ผ่านการคัดเลือก อื้ม...ก็ตอบมาค่อนข้างโอเคล่ะนะ คำถามพวกนี้ส่วนมากใช้วัด
กึ้นของน้องๆครับ แต่ละปีก็แตกต่างกันออกไป


"มึง กูมีเรื่องจะถาม"

ผมว่าก่อนจะก้มหน้าอ่านในสมัครใบอื่นต่อ

"อะไร"

"มึงว่า มันจะเป็นไปได้มั้ยที่คนๆหนึ่งจะหน้าตาคล้ายกับคนที่เรารู้จักแบบเหมือนกันมาก แต่เขาสองคนอยู่กันคนละที่"

ยิ่งพุด...ยิ่งเจ็บ

ไอ้หว้าหยุดแปปไปกึกหนึ่งก่อนจะเงยหน้าสบตาผม


"ถ้าเป็นในละครหลังข่าวก็คงเป็นพี่น้องฝาแฝดที่พัดพรากจากกันตั้งแต่เด็กมั่ง ว่าแต่มึงเจอใครว่ะ ?"


"คนหน้าคล้าย...ปราย"

ผมตอบไปก่อนผมกับมันจะเงียบไป

"มึงกูมีเรื่องจะบอก"

"มึงกูมีเรื่องจะบอก"

อ้าว...ดันพูดพร้อมกันอีก แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เรื่องของไอ้หว้าคงสำคัญมากพอ เพราะเห็นมันทำหน้าเหมือนเจอผี


"มึงพูดก่อน"

ผมว่าก่อนจะก้มหน้าดูใบสมัครต่อ


"คนที่มึงเจอหน้าตาคล้ายปรายใช่มั้ย"

กึก...


ผมวางใบสมัครลงก่อนจะจ้องตากับมัน

"ใช่"

มึงจะย้ำทำไมว่ะ

"เป็นเด็กผู้ชายใช่มั้ย ?"

"ใช่"

"อยู่ม.4"

"อันนี้กูไม่รู้"

"และชื่อ...โยธาวิน"

วินาทีนั้นสายตาของไอ้หว้า ทั้งประหลาดใจและตกใจก่อนมันจะเงียบไป

"มึงรู้ได้ไงว่ากูเจอคนหน้าคล้าย...ปรายที่เป็นเด็กผู้ชายแล้วข้อมูลพวกนั้น...."

มันไม่รอให้ผมพูดจบแทนคำตอบ ใบสมัครชุดหนึ่งก็มาอยุ่ตรงหน้าผม


'ผู้สมัครหมายเลข1317 นายโยธาวิน'



บางครั้งโลกมันก็กลม...จนผมใจหาย


                                                 --------------------------------------------------------------



เจอกันตอนหน้ากับน้องหมอกครับ   :z2: :z2: :z2: :z2:


หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.6 [พี่ปัน p.1] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 01-03-2014 15:31:05
แบบแม่นแท้เหลา555

คนๆเดี่ยวกันนั้นแหละครับ   :hao7:

คุณแกะ ทำไมท่าทีไอ้พี่เฟรมมันถึงพลิกหลังตีนเป็นหน้ามือได้ขนาดนี้ แสดงว่าคู่นี่ดราม่าสุดๆ
ตอนแรกนึกว่าไอ้คนที่มาซื้อเทสจะเป็นพวกวัยทำงาน หน้าเหี้ย นิสัยเหี้ยซะอีก
แต่ของแอบโล่งใจเพราะความรุนแรงของตัวละคร มันน้อยลง เพราะเทสเสียตัวให้กับเฟรมคนเดียว  :เฮ้อ:

แต่เนื่อเรื่องเริ่มปูไปให้คู่น้องหมอกดราม่านิดๆแล้ว โอย สงสารน้องหมอกล่วงหน้า  :hao5:
กลัวจริงๆกับโมเมนต์ที่ว่า "เป็นได้แค่ตัวแทน"

รอคุณแกะมาต่อนะ ระหว่างนี้เราจะไปเสริมสร้างกำลังใจที่ดีมาคุ้มกันดราม่า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.7 [พี่ปัน พาร์ท2] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 01-03-2014 22:17:29
 ตอบรีบน

ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผลของมันครับ

และทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นครับ  หมอกยังต้องเจออีกเยอะยิ่งนัก

เป็นเรื่องแรกที่คนเขียนก็กลัวตอนจบ :z6:

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.7 [พี่ปัน พาร์ท2] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 02-03-2014 19:41:14
"ไม่!!!"


ผมพูดตัดบทไอ้เต้เสียงเย็น


"โหมึง กูเป็นเพื่อนสนิทมึงนะเว้ยช่วยกูหน่อยเถอะ"


มันพูดพร้อมทำตาน่าสงสาร ขอโทษเถอะน่าถีบมากกว่า


เรื่องของเรื่องคือเมื่ออาทิตย์ก่อนมันวานผมให้ทำข้าวกล่องให้มัน ตอนแรกผมคิดว่ามันจะกินเอง ปรากฏว่ามันดันเอาไปให้เด็ก
สตรีล้วนโรงเรียนข้างๆที่มันจีบ แถมยังแหลสดบอกตนทำเอง ที่นี้สาวเจ้าดันติดใจ เลยนัดมันไปทำให้กินเสาร์นี้ เรื่องมันเลยร้อนมาถึงผมนี้ไง พับผ่าสิ แถมเสาร์นี้ผมต้องทำงานที่ร้านอีกต่างหาก


"น๊าาา มึงช่วยกูหน่อยเถอะ กูสัญญากูจะบอกความจริงกับแทนว่ากูไม่ได้ทำเอง มึงต่างหากที่ทำ"


มันต่อรองพลางหว่านล้อมผมยังนู้นอย่างงี้ ก็เริ่มอยากจะช่วยนะแต่ติดงานเสาร์นี้จริงๆ แต่ไม่ทันถึงวินาทีมือถือผมก็ดัง


เป็นพี่อินนั้นเองที่โทรมา


"ครับพี่อิน หื้ม เสาร์นี้เหรอครับ อ้อครับ ขอให้แม่พี่หายไวๆนะครับ"


สรุปคือแม่พี่อินไม่สบายครับร้านเลยหยุดสองวันเสาร์อาทิตย์นี้ พอผมหันไปทางไอ้เต้ก็เห็นมันทำหน้าระรื่นน่าต่อยจริงๆ


"สรุปคือ มึงว่างแล้ว"


"เออ"


ผมกระแทกเสียงรับมันก่อนมันจะทำหน้าดีใจจนโอเวอร์ เอาเถอะยังไงผมกับมันก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานช่วยแค่นี้ไม่ตายหรอกครับ


พอหลังเลิกเรียนวันนี้ผมยังมีงานที่ร้านเช่นเดิม ผมเดินเข้าหลังครัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะพบคนแปลกหน้ายืนอยู่กับพี่อินในครัว


"เอา หมอกมาพอดีเลย นี้เด็กใหม่ของร้านเราชื่อนายสิน พวกครัวข้างบนส่งมาสอด เอ๊ยฝึกงานนะ"


พี่อินพูดเสียงเบาในประโยคหลังส่วนผมหันไปสำรวจเซฟมือใหม่ที่อยู่ตรงหน้า สูงประมาณ180กว่าๆ ผิวสีออกแทนแต่ผมหยิก ใส่แว่นกรอบหน้าแถมหนวดเฟิ้มอีกต่างหาก


รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนฟระ


"สวัสดีคุณสิน เคยทำอาหารมาก่อนมั้ย หรือถนัดทำอาหารประเภทไหนเป็นพิเศษรึป่าว"


ผมสอบถามข้อมูลเบื่องต้นกับคนตรงหน้าแต่


"........."


คนตรงหน้าผมนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรสักอย่าง ไม่หื้อไม่อื้อสักนิด


"เออ ในใบประวัติของนายสินระบุว่านายสินลิ้นไก่สั้นพูดไม่ได้นะ"


พี่อินเฉลย


"หวังว่าหูคงยังโอเคใช่มั้ยนายลิ้นสั้น"


ผมหันไปถามต่อ ร่างนั้นพยักหน้าตอบก่อนจะควักมือถือขึ้นมาพิมพ์อะไรหยุกหยิกพอเสร็จแล้วก็โชว์หน้าจอให้ผมดู


'คุยผ่านเฟสก็ได้นะครับ ขอโทษที่ผมลิ้นสั้น'


แววตาใต้กรอบแว่นหมองลงจนผมสังเกตได้


"เออ คือหมอกขอโทษ หมอกหมายถึง คุณยังรับรู้รสชาติของอาหารได้มั้ยนะครับ"


เป็นพ่อครัวถ้าไม่รู้รสจะทำอาหารยังไงครับ


คนตรงหน้าผมพยักหน้าหงึกๆแทนความหมายว่าเข้าใจ พี่อินหันมาสั่งงานผมนิดหน่อยก่อนแกจะออกไปทำธุระด้านนอกทิ้งไว้
เพียงผมกับเซฟใบ้สองคน


"งั้นเรามาเริ่มกันเลย"


ผมว่าก่อนจะเดินไปหน้าเตาแก๊ชและจุดไฟเป็นสัญญาณว่าทุกสิ่งกำลังจะเริ่มต้น



                                                                         -----------------------------------


"ไม่ได้เรื่อง นี้คุณเคยทำอาหารมาก่อนรึป่าว ทักษแย่มาก"


ผมกระแทกเสียงต่อว่า ต้องเข้าใจนะครับว่านี้คืองาน จะให้มาใจดีคอยบอกคอยสอนก็ใช้เรื่อง อีกทั้งตอนอยู่ในครัวผมจะโหดมำกนะครับ



ร่างสูงตรงหน้าทำตาจ๋อยสนิทผ่านกรอบแว่นตามาให้แทนคำขอโทษ


"ผมให้เวลาคุณสองวันเสาร์อาทิตย์นี้ที่ร้านปิด ไปฝึกทำอาหารมาให้ผมทานสักอย่าง ถ้าทำไม่ได้ก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟแทน วันนี้พอแค่นี้คุณไม่ต้องช่วยผมแล้ว"


ผมตัดบทก่อนคนตรงหน้าจะพยักหน้าตอบรับจากนั้นจึงถอดเอี๊ยมแล้วเดินออกไปนอกครัว ผมสะบัดตะหลิวก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารอีกครั้งตามบิลสั่งอาหาร


หวังว่าวันจันทร์คุณคงไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ


นายลิ้นสั้น...




                                                                    .............................................



เช้าวันเสาร์เดินทางมาถึง วันนี้ผมโดนไอ้คุณชายเต้ลากมาปฏิบัติการทำอาหารที่บ้านของแทน สาวน้อยน่ารักแก้มป้องที่อายุเท่าผมกับไอ้เต้


ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปหม้อยังไงถึงได้ถูกจีบติดและดูครับเอี้ยมที่แทนเตรียมให้ผมกับมัน ลายลูกแมวสีชมพูแปร๊น โอ๊ย หมอกอยากเป็นลม แล้วดูสายตาระยิบระยับตอนมองมาทางผมสิครับ ดีที่เต้มันลองแง้มๆถามดูถึงได้รู้ว่าที่มองๆเนี้ยเพราะผมดูอะไรนะ เคะๆแคะๆสักอย่าง(มันแปลว่าอะไรว๊ะ? )


แล้วพอมาหย่อนผมไว้ที่ห้องครัวปุบ มันก็ไปนั่งสวีทกับแทนที่สวนหลังบ้านพร้อมบอกความจริงเรื่องข้าวกล่อง


พูดความจริงมันก็ดี แต่มึงทิ้งกูให้ทำอาหารคนเดี่ยวเนี้ยนะไอ้เพื่อนแสนดี ดีออก!!!


ผมสับๆๆผักที่อยู่ตรงหน้าแล้วจินตนาการเป็นหน้ามันคลายเครียดก่อนประตูห้องครัวจะถูกเปิดและเสียงต้นเหตุจะดังขึ้นมา


"ปัน ไหนมึงบอกไม่มีค...ปราย! !!"


พี่ผู้หญิงที่เปิดประตูเข้ามาร้องเสียงหลงก่อนจะกระโดดกอดผมเต็มรัก


เดี่ยวนะนี้มันเดจาวูรึป่าวว๊ะ !!!


                                                                       ----------------------------------------



แกะทอล์ก : หวัดดีจ้า วันนี้ไปทำงานมาเป็นเด็กโบกธง จะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ว่ะฮะฮ่า

เริ่มแรกเลยชุดที่ทำงาน กางเกงสีน้ำเงินและตัวเล้กมาก ??? อยากจะถามว่าทำไมต้องกำหนดมาแบบนี้ฟระ แบบมันโคตรรัดตรงส่วนนั้นอ่ะ ทุกคนคงรู้กันดีว่าส่วนไหน ดีที่แกะเป็นเด็กใหม่ ทำงานแทนแค่วันเดี่ยวเลยใส่ยีนส์สบายๆส่วนพวกที่เหลือ โดนหมด !!! :hao7:

พอไปถึงแกะเจอเด็กวัยๆเดี่ยวกันเนี้ยแหละ มาทำงาน โอ้โห เพิ่งรู้ว่าเด็กสมัยนี้มีซิกแพกกันด้วย แบบมันยืนถอดเสื่อกันหน้าบริษัทนะน่ะ  :hao6: สาบานได้ว่าไม่ได้แอบมองแต่จ้องตรงๆเลย  55555+ :laugh:


พอตกเย็น ไอ้เด็กคนที่ใส่มีซิกแพท หรือโฟวแพทเนี้ยแหละ มองไม่ชัด มันโดนเพื่อนอีกสองคนแกล้งเอากระเป๋าเสื่อผ้าไปซ่อน แน่นอนว่าแกะรู้เห็นเหตุการณ์และแกะเป็นคนดีมาก


จึง...ไม่บอกมันแน่นอน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :z2:


แต่แบบ ยอมรับจากใจ มันแน่มากอ๊ะ เดินใส่บ็อกเซอร์กับเสื่อยืดตัวเดี่ยวมารับตังค์ โห แบบมึงโคตรใจอ๊ะ  o13 เอาเป็นว่าวันนี้เป็นการไปทำงานที่ฟินมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :hao3:

แล้วเจอกันตอนหน้ากับพี่ปันครับ ตัวต่อปริศนาค่อยๆกระดึบๆออกมาแว้ววววววววว :bye2:

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.8 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: prince magic ที่ 02-03-2014 22:03:33
รอตอนต่อไปนะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.8 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-03-2014 22:41:44
 :hao3: เดาว่านายลิ้นสั้นคือพี่ปัน
และปราย เอ๊ย หมอกก็จะสนิทกับนายลิ้นสั้น
แต่คงไม่ค่อยถูกกับปัน แล้วมันก็จะมีมาม่ามาเสิร์ฟเป็นระยะๆ เรื่องปราย

เดาไปไกลล่ะ ฟุ้งซ่าน รออ่านเอาดีกว่า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.8 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-03-2014 23:58:10
ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.8 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 03-03-2014 00:43:22
นายสินคือใคร ?

 :mew1: :mew1: :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.8 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 03-03-2014 02:47:13
อะไรยังไง
ก็รุ้ว่าตายไปแล้วไม่ใช่เร๊อะ -*-
อืมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ อืมๆ
ไงก็มาต่อเร็วๆน้าชอบๆ
รออยุ่จ้า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.8 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 03-03-2014 13:53:03

โหดชิบ หาย


ผมคิดกับตัวเองในใจหลังจากหัวหมุนไปกับการจำนู้น สับนั้น ใส่นี้ลงกะทะ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด ไหนจะคนตัวเล็กกว่าที่ยืนออกคำสั่งรัวเป็นชุด


ถ้าถามว่าทำไมผมต้องมาอยู่ในครัวอย่างนี้นะเหรอ?


ต้นเหตุมันเกิดจากเมื่อสองวันก่อน...


หลังจากที่ผมกับไอ้หว้าบังเอิญเจอใบสมัครของน้องหมอกหรือโยธาวินโดยบังเอิญ ไอ้หว้าถึงกับตะลึงในความเหมือนที่แตกต่างแม้จะเป็นเพียงรูปถ่ายขนาดนิ้วครึ่งก็ตาม แต่ใบหน้าที่ละหม้ายคล้ายกันอย่างกับแกะของหมอกกับปรายก็ทำให้ไอ้คุณหญิงลูกหว้าสั่งผมเด็ดขาดให้จัดการไปสืบสาวราวเรื่องซะว่าอะไรเป็นอะไร เพราะผมดันเล่าให้มันฟังหมดเปลือกว่าน้องเขาทำงานที่ห้างของผมเอง


ส่วนตัวมันเองก็ขับรถลงน่านไปคนเดี่ยว


เหตุผลที่ผมไปด้วยไม่ได้นั้นเราทั้งคู่รู้ๆกันดีและผมก็รู้ด้วยว่าไอ้หว้าไปน่านเพื่ออะไร


หว้ามันเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่ผู้หญิงและถ้าอยากจะรุ้อะไรมันจะตามเรื่องจนถึงขีดสุด


"กูไม่เชื่อหรอก ว่าถ้าคนมันไม่เกี่ยวข้องกันจะหน้าตาคล้ายกันได้ขนานนี้ หรือมึงไม่อยากรู้ ?"


มันบอกเหตุผลของมันก็จะบึ่งรถลงน่านไป ตัวผมเองก็ยอมรับว่าเรื่องนี้มันคาใจมากจริงๆ


ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ทำให้ใบสมัครของผมถูกประทับตราจากท่านประธานซึ่งก็คือบิดาแท้ๆของผมเนี้ยแหละดีที่ว่าผมไม่เคยเข้าไปในห้างพร้อมพ่อสักครั้ง เลยไม่ต้องกลัวจะเจอคนรู้จักแต่กับตัวหมอกเองผมไม่แน่ใจว่าจะจำผมได้มั้ย แถมเจอกันครั้งแรกผมก็ดันไปทำตัวรุ่มรามกับเขาอีก เลยจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นนายสิน พ่อครัวลิ้นสั้นเนี้ยแหละครับ


ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องทำอาหารเก่งเกินไป  หรือผมมันอ่อนเอง ซึ่งผมว่าคงเป็นเหตุผลได้ทั้งสองข้อ -  -)


"ผมให้เวลาคุณสองวันเสาร์อาทิตย์นี้ที่ร้านปิด ไปฝึกทำอาหารมาให้ผมทานสักอย่าง ถ้าทำไม่ได้ก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟแทน วันนี้พอแค่นี้คุณไม่ต้องช่วยผมแล้ว"



น้องหมอกพูดเสียงเด็ดขาดก่อนจะอนุญาต(ไล่)ให้ผมกลับบ้านไปได้



พอถึงบ้านโทรศัทพ์จากไอ้หว้าก็รายงานขึ้นมาว่าแม่เพลินไปทำบุญทอดผ้าป่าที่อื่นกว่าจะกลับก็ราวๆ2เดือนกว่า เรียกได้ว่ากลับมาหลังจากค่ายของพวกผมเสร็จสิ้นด้วยซ้ำ ส่วนตัวมันเองขับรถกลับมาถึงกรุงเทพแล้วตอนหัวค่ำ เราสองคนคุยกันถึงเรื่องนี้ก่อนจะแยกย้ายวางหู


                                                                   .............................



"มึง เอาผัดกาดด้วยมั้ย ?"


ผมถามมัน


ตอนนี้ผมกับมันกำลังอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตครับ จริงๆก็สงสารนะ เพิ่งขับรถกลับมาจากน่านแทเ้ๆ แต่ถ้ามันไม่ช่วยผมและผมโดนไล่ออก เรื่องทั้งหมดที่ช่วยกันวางแผนก็ล้มไม่เป็นท่า มันถึงได้ยอมลากสังขารตามผมมาซื่อวัตถุดิบไปทำอาหารซึ่งผมตั้งใจจะทำข้าวผัดครับ อีกอย่าง หว้ามันทำอาหารพอได้ครับเพราะสมัยที่มันยังเป็นผู้หญิง(?)มันเคยทำข้าวกล่องไปให้รุ่นพี่ที่มันชอบ ต่างจากผมที่เป็นผู้ชาย เคยเข้าครัวซะที่ไหน


"หยิบอะไรได้ก็เอาๆมาเถอะ เดี่ยวไปซื่อเนื้อสัตว์ด้วย"


มันตัดบทก่อนจะเข็นรถเข็น ร่อนโฉบ(?)เอาของลงรถเข็นไปเรื่อยๆ



ผมเดินวนกับมันเพื่อเลือกซื่อของที่จำเป็นพอเห็นว่าได้มาครบแล้ว ผมกับมันก็เดินกันไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์


ตามปกติแล้ววันหยุดพวกแม่บ้านที่บ้านผมจะได้หยุดด้วยทำให้วันนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่บ้านนอกจากน้องสาวผม ไอ้แทนที่มันเปรยๆมาว่าเพื่อนจะมาหา แล้วก็ป้าอุ่นที่พักอยู่กับบ้านของผม แกเองก็เหมือนญาติของผมคนหนึ่งครับเห็นมาตั้งแต่เด็กยันโตขนานนี้


ฉะนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่น่าฝึกทำอาหารมากที่สุดแล้วล่ะครับ


ผมขับรถมาถึงบ้าน ก่อนมันจะหอบหิ้วเอาของเดินนำเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงเตาแก๊สเปิดอยู่ สงสัยป้าอุ่นคงทำอาหารให้ยัยแทนล่ะมั่ง


"ปัน ไหนมึงบอกไม่มีค...ปราย! !!"


เสียงของไอ้หว้าดังออกมาจากในครัว ผมเผลอปล่อยมือทั้งสองข้างแล้วก้าวยาวๆเกือบจะวิ่งเข้าไปในครัว ภาพที่ปรากฏคือไอ้หว้ากำลังกอดน้องมันอยุ่ ซึ่งคนโดนกอดก็ได้แต่ทำหน้างงๆปล่อยให้ไอ้หว้ายืนกอดแล้วสะอื้นอยู่อย่างนั้น


"หว้า...ปล่อยก่อน...จะเหมือนขนานไหนยังไงก็'ไม่ใช่'ปราย"


ผมพูดประโยคหลังด้วยเสียงเบาหวิวจนตัวเองรู้สึกได้ ไอ้หว้าหยุดสะอื้นแล้วยอมปล่อยน้องเขาออกมา


"พี่...อึก...พี่ขอ..โทษนะ น้อง...หน้าคล้ายคนที่พี่รู้จักคนหนึ่งมากเลยนะ..."


ไอ้หว้าพูดอย่างยากลำบาก มันแทบจะทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยซ้ำดีที่ผมช่วยพยุงทัน ไอ้ตัวเล็กเองก็ทำแบบเดิมคือยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ไอ้หว้า(เดี่ยวนะ ผมกับไอ้หว้าโด้ผ้าเช็ดหน้ามันมาคนละผืนแล้วนะ)ก่อนมันจะพูดว่า


"เออ...เช็ดก่อนนะครับพี่"


มันยืนเก้อๆแบบคนทำตัวไม่ถูก ก็แน่ละ โดนผมกับไอ้หว้ากอดทั้งๆที่ไม่รู้จักกันไปคนละรอบนิ


"..............................."


ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าน้องมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ส่วนไอ้หว้าเองก็สติหลุดไปแล้ว ถ้าให้ผมเดามันก็คงกำลังคิดแบบผมนั้นแหละ



คิดถึง'บางสิ่ง'ที่เคยเกิดขึ้น...



"คือ...ผมเป็นเพื่อนไอ้เต้นะครับ วันนี้มันชวนผมมาทำอาหารเลี้ยงแทนกัน...เออ พี่ๆกินข้าวกันรึยังครับ ?"



ไอ้ตัวเล็กทำลายความเงียบด้วยคำถาม ผมแอบบีบมือไอ้หว้าเบาๆใต้โต๊ะเรียกสติก่อนมันจะปรับสีหน้าให้พยายามเป็นปกติมากที่สุด


"ยังเลย แล้วนี้...ชื่อหมอกใช่มั้ย ?"


"ครับ ผมชื่อหมอก"


มันว่า


"พี่ขอโทษนะที่ทำไปเมื่อกี้ คือ...หน้ามันคล้ายกันมากจริงๆนะ"


"ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่คนสวยกอดฟรีๆผมไม่เสียอะไรสักหน่อย อิอิ"


ไอ้ตัวเล็กหยอดมุกใส่ไอ้หว้าไปหนึ่งดอก ถึงมันจะไม่ใช่ผู้หญิงแล้วแต่ก็ยังแอบเขินอยู่ดี


"งั้น จะทานอะไรมั้ยครับ ? เดี่ยวผมทำให้กิน"


พอไอ้หว้าเลิกเขินมันก็พูดต่อ


"เอางี้ พอดีเพือนพี่มันอยากจะลองฝึกทำอาหารนะ หมอกสอนมันให้พี่หน่อยได้มั้ยครับ ?"


ผมหันขวับไปทางึคนออกความคิดเห็นทันที่


เห้ยเดี่ยวนะหว้า นี้มันบอกบทนะเว้ย แถมน้องหมอกตอนเข้าครัวเนี้ย...


"ได้สิครับ สบายมาก เดี้ยวหมอกสอนให้ : )"


มันว่าก่อนจะยิ้มแฉ่งให้ไอ้หว้า ที่หันมาขยิบตาให้ผม เห้ย เดี่ยวนะ นี้หมายความว่านรกจะเปิดอีกแล้วเหรอ


ผมได้แต่รำพึงในใจก่อนไอ้หว้าจะรีบระริ้วหายไปนอกครัว


ทิ้งไว้เพียงผม และไอ้พ่อครัวที่โคตรดุคนนี้


ซวยแล้วกู !!!!



                                                                 --------------------------------



เอาน่าพี่ปัน ฝึกทำสกิลอาหารไว้บ้างไม่เสียหายหรอก เนาะ  :z2: เพื่อวันใดศรีภรรยาไม่สบายจะได้ทำให้คุณเมียทานได้ไง อีกอย่าง น้องหมอกออกจะใจดี  :hao3:


ปล. ดีใจจังเลยมีคนรีกระทู้ตั้ง5คน จริงๆเห้นแกะลงเรื่อยๆใช่มั้ย ? แต่แอบนับเม้นท์ในใจเบาๆแกะลงสองที่ ทีนี้กับเด็กดี พอเม้นท์ของที่นี้กับเด็กดี รวมกันแล้วครบ2เม้นท์แกะก็ลงต่อ นึกว่าเรื่องนี้จะไม่มีคนสนใจซะแล้ว  :hao5:


คือแกะพูดแบบนี้ไม่ได้บังคับให้ต้องคอมเม้นท์หรืออะไรนะครับ มันเป็นสิทธิ์ของคนอ่านที่แกะจะเคารพเสมอๆเพราะแกะเองก็เป็นทั้งคนเขียน คนอ่าน


คอมเม้นท์แต่ละคอมเม้นท์เหมือนหยาดน้ำทิพย์ฃโลมใจคนเขียนจริงๆนะครับ ทุกวันนี้ที่ลงได้วันละตอนก้เพราะมีคุณ IsDeer ที่จะเม้นท์ให้ประจำเลย แถมเม้นท์ที่ยาวๆดีใจมากกับเพื่อนๆคนอื่นๆ


แกะขอขอบคุณนะครับ เราจะเดินไปด้วยกันพร้อมน้องหมอกและพี่ปัน ตอนนี้เนื่อเรื่องได้เกือบยๆ1ใน4ส่วนแล้ว แกะเองก็พยายามทยอยลงให้วันละตอนสมำเสมอ


ขอบคุณจากใจจริงๆครับ  :กอด1:


แกะซ่า  :z13:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.9 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 03-03-2014 20:31:15
ฝึกไว้ๆพี่ปันน ~ 555

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.9 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-03-2014 21:28:44
 :hao3: ว่าแล้วเดาถูกจริงๆด้วย

นายปันเตรียมโดนน้องหมอกโขลกสับก่อนแกจะสร้างดราม่าได้เลย

ยังรู้สึกคาใจเรื่องปรายอยู่เรื่อยๆ เหมือนจะเป็นคนสำคัญของเพื่อนๆนะ
แต่ถ้าเป็นแฟนปันมาก่อนนี่ เอ่อ มีมาม่าให้ซดจนอิ่มแน่

ยังรอตอนต่อไปจนกว่าน้องหมอกจะมีความสุขและถูกช่วยออกไป

ปอลิง: ดีใจจังเลยที่คุณแกะ มีกำลังใจจนเขียนได้ทุกวัน ยังเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆนะ  :katai2-1:
คุณแกะนี่เรียน ม ปลาย อยู่เหรอ รู้สึกและสัมผัสได้ประมาณนั้น เพราะเห็นว่าไปทำงานกะเด็กวัยเดียวกันมา ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.9 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: pancakesexy ที่ 04-03-2014 00:33:08
มาต่อบ่อยๆนะค่ะ น่าติดตามมากเลย แอบกลัวมาม่าในอนาคต เพราะดูจากปมตอนแรกๆแล้วนี่ ไม่น่าจะแก้ได้ง่ายๆเลย นอกเสียจากอาพี่ปันช่วยซื้อน้องออกมาเป็นลูกบุญธรรม 55+ แต่ก็ไม่อยากเดามาก เอาเป็นว่าสนุกมากค่ะ ชอบๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.9 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 04-03-2014 20:10:37
"ไม่ใช่ พี่จับมีดแล้วหั่นแบบนี้สิ หันแบบนั้นผักมันจะไม่สุก"


ผมว่าก่อนจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างแต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยังทำไม่ถูกอยู่ดี


ซื่อบื้อจัง - -


ผมถอนหายใจก่อนจะขยับเข้าไปชิดๆเมื่อกี้ยืนห่างกันมันสอนไม่ถนัดครับ


"จับมีดแบบนี้"


ผมกุมมือคนข้างๆหลวมๆก่อนจะขยับจัดให้ถูกทาง


"ต่อจากนั้นพี่จับผักแบบนี้"


ผมใช้มือซ้ายจับมืออีกข้างที่ว่างของพี่ปัน(ผมเรียกตามพี่หว้านะ)


"พี่ขยับเข้ามาใกล้ๆหน่อยสิครับ ผมจับไม่ถนัด"


คงเป็นเพราะความต่างจากส่วนสูงทำให้แม้จะยืนชิดกันแต่ผมก็จับไม่ถนัดอยู่ดี


ผมจุ๊ปากขัดใจก่อนจะดันอีกฝ่ายให้ยืนซ้อนด้านหลังตัวเองก็ขยับตัวไปแทรกอยู่ข้างหน้า


ค่อยถนัดหน่อย...


"โอเค ที่นี้พี่ก็ค่อยๆลงแรงลงไปบนมีด พยายามอย่ากดแรงมาก เดี่ยวผักจะช้ำ"


ผมว่าก่อนจะค่อยๆขยับมืออีกฝ่ายที่ผมกุมหลวมๆขยับขึ้นลงหั่นผักไปมาจนกระหล้ำปลีหัวใหญ่ตรงหน้าค่อยๆแยกส่วนสำเร็จ


"โอเค ต่อไปก็เนื้อสัตว์ พี่ชอบกินอะไร หมูหรือไก่"


ผมตั้งคำถาม


"......."


อ้าว ทำไมเงียบไปว๊ะ


ผมหันหน้ากลับมามองคนที่เงียบไปก่อนจะตกใจจนสะดุ้งที่ระยะห่างระหว่างใบหน้าเหลือน้อยมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่
รดลงมาแต่นั้นก็ไม่เท่ากับสายตากลมโตสนิทที่มองมา


แล้วกูจะไปมองตอบทำไมว่ะ  .... ?


สุดท้ายผมตัดสินใจหันกลับมาที่เขียงพอดีกับทีเสียงด้านหลังพูดตอบกลับมา


"พี่กินอะไรก็ได้ยกเว้น..."


"ยกเว้น ? "


ผมทวนคำก่อนจะจับมืออีกฝ่ายค่อยๆฝานเนื้อหมูติดมันที่เอาออกมาจากตู้เย็น





อีกฝ่ายพูดต่อ



อื้ม... กินเผ็ดไม่ค่อยได้เหรอ งั้นทำข้าวผัดแกล้มกับผัดผักแล้วกัน


ผมคิดในใจก่อนจะสอนอีกฝ่ายไปเรื่อยๆว่าหั่นควรหั่นเฉียงประมาณไหน ชิ้นใหญ่พอดีคำมั้ย? ในห้องครัวจึงมีแต่เสียงของผมอธิบายไปเรื่อยๆโดยคนถูกสอนก็มีถามบ้างเล็กน้อย แต่ด้วยความที่ยังไม่คล่องผมจึงกุมมือหลวมๆ แล้วทำให้ดูไปเรื่อยๆพออันไหนหั่นไม่ถูกก็ค่อยกุมมืออีกฝ่ายสอนเหมือนเดิม


คือผมเป็นพวกชอบทำให้ดูและให้อีกฝ่ายเรียนรู้ด้วยตัวเองนะครับถ้าสอนแบบนี้อีกฝ่ายจะเข้าใจง่ายและจะทำได้เอง
พอเตรียมวัตถุดิบเสร็จก็ถึงเวลาลงมือทำผมกะจะทำข้าวผัดก่อนแล้วถึงค่อยผัดผักแกล้ม


ขั้นตอนแรกก็ตั้งกะทะ เปิดไฟอ่อนๆ รอให้กะทะร้อนก่อนจะทุบกระเทียมกลีบเล็กลงไปในกะทะ กลิ่นกะเทียมจะช่วยดับกลิ่นคาวร่วมทั้งตัวมันเองก็เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งคนไทยนิยมกันมานาน


ต่อมาก็นำข้าวสวยร้อนๆลงกะทะผัดจนเริ่มเห็นสีเหลืองทองก็ใส่ไข่ที่เตรียมไว้ลงไป กะให้พอกับข้าวสวยที่ทำกินกัน พอเข้ากันก็ใส่เนื้อสัตว์ ปกติถ้าเป็นคนอื่นคงจะเสร็จแล้วแต่ของผมมีขั้นตอนเพิ่มเติมเล็กน้อย นั้นคือการนำฝาครอบกะทะ ลดไฟลงให้ไฟอ่อนที่สุด


การทำด้วยวิธีนี้นอกจากจะช่วยประหยัดแก็สแล้วยังช่วยให้สุกทั้งกะทะ แถมไขมันในเนื้อสัตว์ก็จะไม่สุกจนแห้งเกินไปทำให้เวลาทานรสชาติของอาหารจะแสดงความหวานอ่อนๆของวัตถุดิบที่เราใส่ลงไปออกมา


นี้ล๊ะ... การทำอาหารของผม


ผมปาดเหงือรอเวลาที่กะไว้ว่าคงไม่เกิน5นาทีก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งกับลูกมือชั่วคราวของตัวเองซึ่งพี่ปันก็ยิ้มจางๆตอบกลับ


"หมอกฝึกทำอาหารตั้งแต่เด็กเหรอ"


พี่ปันถามระหว่างที่รอ


"ครับ หมอกฝึกกับอาม่าข้างบ้าน แกคอยสอนหมอกเรื่อยๆจนหมอกชอบทำอาหารนะ"


พอพูดจบผมก็มองนาฬิกาพอเห็นว่าได้เวลาก็ลุกไปจัดการปิดหัวแก็สก่อนจะเตรียมใส่จานพร้อมเสิรฟ์


"พี่เห็นหมอกตั้งใจมากตอนทำอาหารนะ"


พี่มันพูดต่อ ผมหยุดจัดจานก่อนจะหันไปตอบสิ่งที่คิดในใจ


"มันเป็นความสุขของหมอกนะ...การได้ทำอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วผู้คนชื่นชมมัน มันให้ความรู้สึกดีจริงๆนะพี่..."


ผมพูดค้างก่อนจะจัดจานต่อแล้วพูดไปด้วย


"หมอกจะไม่เถียงหรอกนะ ว่าเรื่่องเงินก็สำคัญ ใช่...นั้นก็ส่วนหนึ่งแต่ความสุขจริงๆของหมอกคือ..."


"คือ...?"


พี่มันถามเมื่อผมพูดค้างอีกรอบ


"การเห็นคนที่หมอกทำอาหารให้ทาน เขาทานแล้วมีความสุข นั้นคือความสุขสูงสุดของพ่อครัวอย่างหมอก..."


ผมยิ้มแฉ่งอย่างกว้างที่สุดตอนตอบคำถามนี้


การทำอาหารคือความสุขของผมจริงๆครับ มันก็เหมือนเวลาคนเราทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง แล้วคนอื่นเขามีความสุขในสิ่งที่เราทำ มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากกว่าเงินทองที่กองได้ล้นฟ้าเสียอีก  :  )


พี่ปันฟังแล้วก็ยิ้มเีงียบๆช่วยผมจัดจานจนเสร็จ พอสอบถามถึงได้ความว่าวันนี้จะมีคนช่วยกันถลุงข้าวผัดนี้ ก็มี... ผม พี่ปัน พี่หว้า แทน ไอ้เต้ อ้อ พี่ปันแยกไว้ให้ป้าอุ่นที่พี่มันบอกว่าเป็นแม่นมอีกด้วย รวมทั่งหมด6คน


ผมช่วยพี่ปันค่อยๆยกไปจัดโต๊ะที่ห้องทานอาหารของบ้านหลังนี้ก่อนพี่มันจะอาสาไปตามคนที่่เหลือเพื่อมากินข้าวเที่ยงกัน จริงๆแล้วผมกะจะแยกตัวด้วยซ้ำเพราะไม่คุ้นชินเท่าไหร่แต่พี่มันขอด้วยเหตุผลที่ว่า'คนทำด้วยกันก็ต้องกินด้วยกัน'


เออใช่ ...ผมลืมผัดผัก !!!


ผมเดินกลับไปที่ห้องครัวก่อนจะจุดเตาแล้วเร่งมือทำผัดผัก จากบรรดาน้องผักที่หั่นแล้วมันเยอะเกินกว่าจะใส่ลงไปในข้าวผัด พร้อมทั้งฝานมันหมูใส่ลงไปด้วย มันหมูจะช่วยให้น้ำผักหวานขึ้นกว่าปกตินะครับ ดีที่กะทะยังร้อนๆผมจึงไม่ต้องรอนาน พอผัดเสร็จผมก็เทใส่จานก่อนจะยกไปที่โต๊ะ ตอนนี้สมาชิกที่จะทานร่วมกันครบทุกคนยกเว้นป้าอุ่นที่ยังไม่หิวเท่าไหร่


"พี่ปัน ผมผัดผักผัดมาแกล้มข้าวผักให้นะ"


ผมว่าก่อนจะวางจานผัดผักไว้กลางวงอาหาร เห็นพี่หว้าหันไปมองพี่ปันพร้อมๆกับแทนด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร


พอนั่งกันครบทุกคนก็เริ่มลงมือทานข้าวผัดกันไปคุยกันไป พี่ปันเป็นคนเดี่ยวที่ยังไม่แตะผัดผักของผมเลยแม้แต่คำเดี่ยว หรือว่ามันจะดูไม่น่าทาน ?


ผมคิดในใจเงียบๆก่อนจะพูดออกมากลางวง



"พี่ปัน ลองกินผัดผักหน่อยสิครับ"






                                                                 ........................................




จ้า.... กินเผ็ดไม่ได้ หึหึึ  :hao7: งั้นก็กินผักไปนะปันคุง

ตอนหน้ามาลุ้นกัน พี่ปันจะหาทางรอดจากน้องผักได้ยังไง   :mc4: :mc4: :mc4:


การทำอาหารคือความสุขของน้องหมอกฉันใด การแต่งนิยายแล้วคนอ่านมีความสุขมันก็เป็นความสุขของแกะฉันนั้น  :กอด1:


แกะซ่า :z6:




 





หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.10 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 04-03-2014 21:02:43
กินผัก กินผัก...  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.9 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 04-03-2014 21:39:27
:hao3: ว่าแล้วเดาถูกจริงๆด้วย

นายปันเตรียมโดนน้องหมอกโขลกสับก่อนแกจะสร้างดราม่าได้เลย

ยังรู้สึกคาใจเรื่องปรายอยู่เรื่อยๆ เหมือนจะเป็นคนสำคัญของเพื่อนๆนะ
แต่ถ้าเป็นแฟนปันมาก่อนนี่ เอ่อ มีมาม่าให้ซดจนอิ่มแน่

ยังรอตอนต่อไปจนกว่าน้องหมอกจะมีความสุขและถูกช่วยออกไป

ปอลิง: ดีใจจังเลยที่คุณแกะ มีกำลังใจจนเขียนได้ทุกวัน ยังเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆนะ  :katai2-1:
คุณแกะนี่เรียน ม ปลาย อยู่เหรอ รู้สึกและสัมผัสได้ประมาณนั้น เพราะเห็นว่าไปทำงานกะเด็กวัยเดียวกันมา ฮ่าฮ่าฮ่า


อย่...อย่าไปพูดถึงอายุเลยก๊าฟฟฟฟ   :hao5:

#ตอนไปทำงานเพิ่งโดนคุณป้าที่นั้นทักว่าจะ30หรือยัง ซี๊ดดดเลยที่เดี่ยว..... :mew5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.9 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 04-03-2014 21:52:46

อย่...อย่าไปพูดถึงอายุเลยก๊าฟฟฟฟ   :hao5:

#ตอนไปทำงานเพิ่งโดนคุณป้าที่นั้นทักว่าจะ30หรือยัง ซี๊ดดดเลยที่เดี่ยว..... :mew5:

 :z3: เข้าใจความรู้สึกนะ เคยโดนทักหน้าแก่กว่าอายุนี่กำลังใจหดหายเลยทีเดียว

ปันปันเอ๋ย น้องหมอกจะทำให้เจ้าได้กินผัก แล้วคำสาปของสาววายจะบังเกิดผล ฮ่าฮ่าฮ่า

ปันปันมันจะกินผักด้วยท่าทีแบบไหนน้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.10 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: pancakesexy ที่ 04-03-2014 22:28:11
ไม่กินเผ็ด และไม่กินผักสินะพี่ปัน 55+ เด็กจริงๆ ระวังน้องหมอกจับป้อนทุกวันนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.10 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 05-03-2014 02:00:44
สนุกอ่ะ มาติดตามด้วยคนค่าาาาาาา  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.10 [น้องหมอก] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 05-03-2014 20:32:25

มันค่อยๆสอนผมจากการหั่นผัก ก็น่าแปลกดีทีที่เวลาแบบนี้มันไม่ดุเหมือนตอนอยู่ในร้านอาหารแต่กลับค่อยๆสอนผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป


"พี่ขยับเข้ามาใกล้ๆหน่อยสิครับ ผมจับไม่ถนัด"


มันท้วงติงก่อนตัวมันจะแทรกตัวอยู่ด้านหน้าแล้วดึงมือผมไปกุมหลวมๆทั้งสองข้างก่อนจะค่อยๆลงมีดกับผัก ปากก็อธิบายไปแต่
สมองผมกลับคิดไปอีกเรื่อง


หอม...กลิ่นสบู่จางๆจากต้นคอมันลอยมาเตะจมูกผมตลอดเวลา


อุ่น...มือมันไม่ได้บอบบางเหมือนผู้หญิงที่ผมเคยสัมผัสแต่แค่กำหลวมๆก็อบอุ่นไปทั้งฝามือ


กอด...อันนี้ผมไม่รู้ว่ามันรู้ตัวไหม ว่าสภาพตอนนี้คือผมโอบกอดมันที่เอวหลวมๆแม้มันจะเป็นคนจัดท่านี้เองก็เหอะแต่การที่ผมไม่ขัดขืนแปลว่าผม


รู้สึกดี..... รึเปล่า ?


กลิ่นหอมจางๆเริ่มทำให้ผมค่อยๆก้มหน้าสัมผัสกับกลิ่นไปเรื่อยๆจากต้นคอและเส้นผมน่าแปลกที่กลิ่นหอมพวกนี้สะกดจนผมอยู่หมัด


ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นช้าๆบริเวณท้องน้อย


บางส่วนของร่างกายเริ่มตื่นตัวขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ


เห้ยยย!!!!


ผมอุทานลั่นในใจก่อนจะพยายามควบคุมสติเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด ณ ตอนนี้ เวลานี้คิดดูนะครับ...


เจอกันครั้งแรกผมก็กอดมันซะเต็มรัก แถมยังร้องไห้โชว์อีก


เจอครั้งที่สอง[ในฐานะปัน]ถ้าเกิดผม...'ตั้ง'กับมัน มันจะมองผมไปในทางไหนล่ะครับ....


ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องครัวก่อนจะพยายามสูดลมหายใจลึกๆเข้าออกเป็นจังหวะ เพื่อข่มอารมณ์กิเลสที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมา ทั้งที่ปกติแล้วผมเป็นคนที่'ตื่น'ยาก จะบอกว่าไม่ได้ทำนานแล้วมันเลยเกิดก็ไม่ใช่ เพราะบางครั้งยุ่งๆเกือบๆสองอาทิตย์ผมยังไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย


ก็แค่...กลิ่นจมูกอ่อนๆ....

ก็แค่...ความอบอุ่นจากฝามือ

ก็แค่...ผม'โอบกอด'มัน....


แล้วทำไมกูถึงได้'ตื่นเต็มตัว'แล้วว่ะ....!!!!


OK.ครับ ผมรู้สึกดีใจเหลือเกินจริงๆที่ใส่เอี๊ยมที่ไอ้ตัวเล็กมันยื่นมาอย่างน้อยๆมันก็ช่วยให้ไม่เห็นมากถ้าไม่สังเกตดีๆอ่ะนะ แต่ก็ใช้ว่าคนด้านหน้าที่อยู่ใกล้ชิดกันซะขนานนี้จะไม่รู้สึก


แล้วมันจะมองผมแบบไหนว่ะ ??? คงไม่ได้มองว่าผมโรคจิตหรอกใช่มั้ย


"โอเค ต่อไปก็เนื้อสัตว์ พี่ชอบกินอะไร หมูหรือไก่"


คำถามจากคนด้านหน้าเรียกสติผมกลับมาได้เฉียดฉิว แต่เพราะกำลังทำสมาธิกับการจัดการช่วยล่างผมเลยไม่ได้ตอบมันไปจนกระทั้งมันหันมา


แววตากลมโตสีดำสนิทคู่นั้นมองตอบผม ....


ระยะห่างของใบหน้าจัดว่าอยู่ในระยะอันตราย !!!


ผมท่องพุธ โท พุธ โท ในใจถ้าผมหันหน้าหนีมันเมื่อไหร่ รับประกันว่าไอ้คนตรงหน้าได้สัมผัส'ส่วนนั้น'แน่ๆไม่มากก็น้อย ผมเลยไม่กล้าขยับตัวหรือหันหน้าหนีจนมันเองเป็นฝ่ายหันกลับไป


พอตั้งสมาธิจนข้างล่างสงบสุขลงไปได้พอสมควรผมเลยตอบคำถามมันกลับไป


"พี่กินอะไรก็ได้ยกเว้น..."


"ยกเว้น ? "


มันทวนคำกลับก่อนจะจับมือผมหั่นเนื้อหมูต่อ เอาไงดีว่ะ ผมไม่กล้าบอกน้องมันหรอกว่าตัวเองกินผักไม่ได้ด้วยเหตุผลบางประการ แต่จะให้บอกว่ากินไม่ได้....กินอะไรไม่ได้ดีว่ะ ???


"พี่...กินเผ็ดไม่ค่อยได้นะ"


สุดท้ายผมตัดสินใจโกหกว่ากินเผ็ดไม่ได้ ทั้งๆที่จริงรสชาติจี๊ีดๆเผ็ดๆนี้ก็ของชอบผมเลยล่ะครับ แต่จะให้บอกว่ากินผิดไม่ได้ก็กลัวมันจะมองว่าโตแต่ตัวภาพลักษณ์ในสายตาได้เสียหายหมด


มันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะสอนผมไปเรื้อยๆ แน่นอนว่าทุกขั่นตอน มันก็กุมมือผมโอบเอวมันหลวมๆทำไปตลอดทั้งรายการนั้นแหละครับ จนกระทั้งเราทั้งคู่ช่วยกันเตรียมวัตถุดิบเสร็จผมถึงได้เลิกโอบมัน(หมายถึงมันปล่อยมือผมแล้วนะน่ะ - - )พอต่อจากนั้นมันก็เริ่มลงมือทำข้าวผัดจำนวนเพียงพอกับสมาชิกภายในบ้านตอนนี้ทั้งหกคนพอทุกอย่างเสร็จมันก็เอาฝาครอบกะทะก่อนจะชวนผมไปนั่งเล่นที่โต๊ะรอเวลาข้าวสุกสนิท



"หมอกฝึกทำอาหารตั้งแต่เด็กเหรอ"


ผมถามมันฆ่าเวลา



"ครับ หมอกฝึกกับอาม่าข้างบ้าน แกคอยสอนหมอกเรื่อยๆจนหมอกชอบทำอาหารนะ"


พอพูดจบเจ้าตัวก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะกุลีกุจรไปปิดแก๊สแล้วจัดการเตรียมจาน



"พี่เห็นหมอกตั้งใจมากตอนทำอาหารนะ"


ทุกครั้งที่มันทำอาหารแววตาของมันจะแสดงออกว่าจริงจังกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนผมอดนับถือไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะจริงจังมากจนโหดมากตามไปด้วยในเวลาทำงานก็ตาม ซึ่งผมก็เข้าใจล่ะนะว่าในห้องครัวของร้านอาหารมันจะชักช้าไม่ได้


มันหันมามองผมก่อนจะหยุดจัดจานแล้วพูดตอบที่ผมเปรยๆไว้



"มันเป็นความสุขของหมอกนะ...การได้ทำอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วผู้คนชื่นชมมัน มันให้ความรู้สึกดีจริงๆนะพี่..."


มันพูดค้างไปนิดก่อนจะพูดต่อ มือก็จัดจานไปด้วย



"หมอกจะไม่เถียงหรอกนะ ว่าเรื่่องเงินก็สำคัญ ใช่...นั้นก็ส่วนหนึ่งแต่ความสุขจริงๆของหมอกคือ...การเห็นคนที่หมอกทำอาหารให้ทาน เขาทานแล้วมีความสุข นั้นคือความสุขสูงสุดของพ่อครัวอย่างหมอก..."


พูดจบมันก็ยิ้มกว้างเห็นฟันใส่ผม


คำตอบของมันเคลียร์ทุกคำถามในใจของผม ตอนแรกผมก็สงสัยเหมือนกันว่าน้องมันเป็น...เออ....น้องมันอยากเป็นผู้หญิงรึเปล่าหรืออะไรอย่างงี้เพราะมันฝึกทำอาหาร คือจะอธิบายยังไงดีรอบๆตัวผมมันมีแต่เพื่อนผู้ชายถึกๆ ที่ไม่เคยเข้าครัวกัน(รวมทั้งผม)แต่น้องมันกลับชอบมันก็เลยน่าแปลกใจ


แต่จากคำตอบของมันทำให้ผมเข้าใจ


มันก็แค่ชอบ...ก็เลยทำ ไม่มากไปกว่านั้นและไม่น้อยไปกว่านั้น


เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่สามารถมีความสุขได้ถึงขีดสุขในสิ่งที่ตัวเองเลือก ก็เหมือนกับเด็กๆทั่วไปที่ตามหาความฝันของตัวเอง บ้างก็ร้อง บ้างก็เล่น บางก็เต้น ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่ปกติ หมอกเองก็เป็นแบบนั้น


ก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดาที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก...


พอจัดจานเสร็จผมกับมันก็ช่วยกันยกไปเสิร์ฟบนโต๊ะก่อนผมจะอาสาไปตามคนอื่นๆที่แรกน้องมันจะขอแยกตัวครับแต่ผมไม่ยอมเพราะอยากให้ทานด้วยกันทั้งหมด


ผมเดินไปตามไอ้แทนในสวนหลังบ้าน ซึ่งไอ้หว้าไปนั่งด้วยอยู่พอดี ก็ดีจะได้ตามครบที่เดี่ยวไม่เสียเที่ยวพอดีกลับที่ผมได้เจอน้องเต้ เพื่อนไอ้แทนซึ่งประเมินจากสายตาคร่าวๆแล้วคงไม่ใช่แค่เพื่อนหรอกครับ แต่ผมไม่ใช่พี่จอมหวงน้องสาวที่ต้องสวมบทบาทพ่อแม่คอยควบคุมดูแล


อีกทั้งไอ้แทนเองมันก็16แล้ว บ้านของผมสอนให้ลูกๆได้คิดกันเองในแนวทางที่ถูกที่ควรครับ ผมจึงไม่ต้องคอยห้ามปรามมันเรื่องแฟน ขอแค่มีแล้วไม่ทำอะไรที่มันไม่ถูกไม่ควรก็พอ


ผมกับสมาชิกที่เหลือเดินไปถึงที่โต๊ะอาหารแต่ไร้วีแววไอ้ตัวเล็กสงสัยคงไปเข้าห้องน้ำมั่ง ผมกับพวกที่เหลือเลยนั่งล้อมวงรอก่อนจะเห็นมันเดินมาพร้อมจานอาหารอีกใบในมือ ของใครว่ะ ? ก็ครบ5จานแล้วนิ

แล้วคำเฉลยของมันก็มาถึง


"พี่ปัน ผมผัดผักผัดมาแกล้มข้าวผักให้นะ"


ผมแทบสะดุ้งตัวตกใจเมื่อน้องมันวางจานผัดผักไว้กลางวง คือแบบมันก็น่ากินอ่ะนะ แต่ผม...


กินไม่ได้จริงๆครับ...


ผมเคยถูกพ่อกับแม่พาไปหาหมอแล้วเพราะอาการท้องผูกจากการไม่กินผักแต่พอหมอวิเคราะห์อาการให้พ่อกับแม่รับรู้พวกท่านเลยไม่บังคับให้ผมทานผักอีก ผมเองก็พยายามกินผลไม้ทดแทนเพื่อจะได้ไม่มีอาการท้องผูก แต่เนื้อสัตว์ก็กินในปริมาณที่พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป


เวลาผมทานผักไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ผมจะอ้วกออกมาจนหมดกะเพาะอาหาร ชนิดที่ว่าแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด มีครั้งหนึ่งเคยถูกเพื่อนที่คณะแกล้งหลอกให้ทานผักที่ซ่อนในข้าว... ผลลัพธิ์ครั้งนั้นทำให้ทุกคนไม่กล้าให้ผมทานผักหรือแม้กระทั้งน้ำแกงจากผัดผักอะไรพวกนี้


ผมแกล้งทำเป็นคุยกับพวกมันอย่างออกรสชาติ พยายามทานข้าวผัดในจานเยอะๆจนเวลาผ่านไปเรื่อยๆกระทั้ง...


"พี่ปัน ลองกินผัดผักหน่อยสิครับ"



คนทำผัดผักส่งคำถามที่ทำให้ผมสะอึกขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าน้องมันก่อนจะพบประกายตาหมองๆซ่อนอยู่ คงเพราะทุกคนอร่อยกับข้าวที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ชิมผัดผักกันทุกคนยกเว้น...ผม



เอาไงดีว่ะไอ้ปัน จะพูดตอนนี้มันจะช้าไปมั้ย ? หรือจะชิ่งดี



วินาทีนั้นไอ้หว้ากับยัยแทนหันมามองหน้าผมพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง ผมเงียบไปแปปเพื่อรวบรวมสมาธิหาทางออกพอสมองโล่งแล้วความทรงจำสั้นๆของใจความในจดหมายผุดขึ้นมาให้หัวผมอีกครั้ง


แม้ครั้งหนึ่งจะลืมมันไปจนเลือนลางแต่ตอนนี้มันกับชัดเจนในจิตใจ


ทั้งลายมือที่เหมือนจะสื่อน้ำเสียงของคนที่พูดออกมา...


'กิ๋นผักนักๆฮ่างกายจะได๋แข็งแฮง...ขอฮ้องเตอะ ดูแลตั๋วเก่าพ่อง....'




ข้อความที่สื่อสารกันครั้งสุดท้าย ...


แม้กระทั้งสิ่งสุดท้ายที่'เธอ'ต้องการจะสื่อสาร...ก้ยังเป็นความห่วงใยที่มอบให้แก่คนอ่อนแออย่างผม....


"อื้ม...พี่จะลองกินดูนะ"


ผมว่าก่อนจะตัดผักกาดขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา เห็นไอ้หว้ากับไอ้แทนทำตาเหลือกตกใจแต่ก็ช้ากว่าที่ผมตัดผักเข้าปากอยู่ดี


สัมผัสแรกที่ตามมาคือความหวานอ่อนๆของผักกาด ผมค่อยๆเคี้ยวก่อนจะกลืนลงไป...


วินาทีนั้นผมเองก็ลุ้นระทึกพอๆกับสองสาวที่ต่างรู้อาการผมดี แต่....


ไม่อ้วก...ไม่มีอาการอะไรเลย แถมผมยังรู้สึกว่ามัน...อร่อยดีด้วยซ้ำไป


ไอ้หว้าจ้องผมตาค้างช้อนหล่นใส่จาน ไอ้แทนทำหน้าเหมือนเห็นผี ส่วนตัวผมพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งด้วยการตักผัดผักใส่ปากแล้วเคี้ยวๆกลืนลงท้อง ทุกคำล้วนแล้วแต่ไม่มีผลข้างเคียงอย่างที่ผมกังวล


"ผัดผักที่หมอกทำ พี่ว่ามันอร่อยดีนะ"


ผมพูดก่อนจะยิ้มแล้วกินอาหารต่อไป แม้ตัวเองจะประหลาดใจแค่ไหนก็เถอะ...



                                                            ..............................................



หึหึ ก็ว่ากันไป  :z2: เจอกันตอนหน้าครับกับพี่ปันของเราจะโชว์ทักษะทำอาหารพิสูจน์ฝีมือได้เมพขนานไหน  :hao3:







หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.11 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 05-03-2014 20:59:20
อย่าลืมที่พูดไว้กับเพื่อนนะพี่ปันนนนน~  o18 o18
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.11 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 05-03-2014 21:28:19
 :hao7: กินผักแล้ววววววววววววววววว ช่างเป็นการกินผักที่คนอ่านลุ้นไปตามๆกัน

พี่ปันนี่มันแอ๊บหื่นเนอะ  :haun4: เจอฟีโรโมนน้องหมอกทีนี่หื่นขึ้นเลย ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.11 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 05-03-2014 22:17:55
กินผักได้แล้ว ไปสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวซะนะพี่ปัน  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.11 [พี่ปัน] หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 06-03-2014 03:01:56
มีแววว่าคำแช่งจะสัมฤทธิ์ผลนะ อิอิอิ
พี่ปันหื่นไวไปนะ เจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเอง
น้องหมอกน่ารัก ชอบที่นายเอกฉลาด ดูคนเป็นแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.11 [พี่ปัน] หน้า2 [08/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 06-03-2014 21:16:15
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ผมกับไ้อ้เต้ที่อิ่มท้องกันแล้วก็ขอตัวกลับบ้านเรื่องน่ายินดีที่เกิดขึ้นก็คือการที่ข้าวผัดของผมกับผัดผักหมดเกลี้ยงโดยที่คนกินผัดผักส่วนใหญ่เป็นพี่ปันที่หลังจากกินคำแรกก็ช้อนเอาๆ


ตอนแรกผมคิดว่าพี่มันกินประชดรึเปล่าแต่ไม่ใช่ว่ะ พี่มันก็กินปกติของมันจนหมดจานนั้นแหละ


พอหลังจากแยกกันตอนลงบีทีเอสผมนั่งวินมอไซร์กลับมาถึงบ้านก่อนจะพบว่าประตูปิด แสดงว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน ผมล้วงกุญแจก่อนจะนำขึ้นมาไขแล้วขึ้นไปนอนเล่นบนห้องฆ่าเวลา


อื้ม...การบ้านก็ไม่มี ทำไรดีว่ะ ???


ผมเปิดเฟสนั่งดูไทม์ไลน์แสดงสเตตัสของคนที่เป็นเพื่อนกันบนเฟสก่อนจะกดดูการแจ้งเตือนคนที่แอดเพื่อนมา


'ลูกน้องพี่สายหมอก พ่อครัวฝึกหัด ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ'


ผมขมวดคิ้วก่อนจะกดส่องโปรไฟล์ของบุคคลล่าสุดที่เพิ่งแอดเฟสผม รูปประจำตัวเป็นรูปตัวการ์ตูนชุดพ่อครัวที่มีผ้าปิดปากเล็กๆคาดไว้ รูปหน้าปกเป็นรูปเหมือนพ่อครัวในรูปโปรไฟล์กำลังโดนจิกหัวใช้


รู้สึกเหมือนโดนด่าอ้อมๆแหะ...


ผมกดรับแอดก่อนสักสามสี่นาทีอีกฝ่ายก็ทักแชทมา

':  )'



ผมกดอ่านก่อนจะพิมพ์ตอบกลับ



'พี่สินเหรอ ?'


อีกฝ่ายหายไปแป๊ปก่อนจะตอบผมกลับ


'ถั่วต้ม พี่ไปฝึกทำอาหารมาแล้วนะ'


เขาว่าก่อนจะส่งสติกเกอร์รูปแมวถือถาดอาหาร


'จะรอชิมนะ หวังว่าคงไม่ทำข้าวไข่ดาวให้ผมชิมหรอกนะ'



ผมพูดบลัพขู่ก่อนจะส่งอีโมยิ้มเท่ห์ตามหลัง อีกฝ่ายอ่านเสร็จก็ส่งอีโมคนพิ้วปากส่งคืนมาให้ผม


'แล้วนี้ทำไรอยู่'


พี่สินตอบกลับมาอีกครั้ง


'นอนกลิ้งตัวไปมาอ๊ะ ว่างจัดก็งี้หึหึ'


'เหรอ อิจฉาคนว่างจังครับ พี่ฝึกทำอาหารอยู่เนี้ย'


พอส่งตัวอักษรเสร็จพี่มันก็ถ่ายภาพวัตถุดิบที่อยู่บนเขียงมาให้ผมดู ทำไมผมรู้สึกคุ้นตากับเขียงในภาพก็ไม่ทราบ เหมือนๆเคยผ่านตาที่ไหนสักแห่งมันคุ้นๆอยู่ในใจเนี้ยแหละผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซานของตัวเองก่อนจะคุยแชทต่อ ก็ในเมื่อผมไม่เคยไปบ้านไอ้พี่สินแล้วผมจะเคยเห็นเขียงเขาได้ยังไงล่ะครับ  -   -


'ครับ ฝึกทำไปนะ แล้วหมอกจะรอชิม'


'เชื่อมือได้เลยครับ ลูกพี่ ขอตัวไปฝึกต่อก่อนนะ กลัวกะทะจะไหม้ 555+'


พอพูดจบอีกฝ่ายก็ออฟไลน์ไป ก่อนจะไปยังไม่วายส่งสติกเกอร์รูปคนทำวันทยาหัต ผมยิิ้มจางๆให้กับหน้าจอก่อนจะไล่ดูข้อความอื่นๆบนนิวฟีดที่น่าสนใจ จนลืมดูนาฬิกา...




                                                                       ..................



ไม่มา ?


วันนี้วันจันทร์แล้วแต่นายสินกลับไม่ปรากฏตัวที่ร้าน ทั้งๆที่เมื่อคืนวันอาทิตย์ยังคุยแชทกันอยู่ดีๆ แต่วันนี้กลับไม่เข้ามาที่ร้านซะงั้น
ผมทำอาหารไปหงุดหงิดใจไป ในชีวิตของไอ้หมอกมีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ไม่มากหรอกครับ เรื่องแรกผมไม่ชอบการโดนหลอก มันเหมือนกับอีกฝ่ายมองว่าผมโง่เลยหลอกผม เรื่องที่สองคือคนผิดสัญญาคือแบบ ถ้ามึงทำไม่ได้มึงจะพูดเพื่อ ???



แล้วการที่พี่สินบอกกับผมว่าจะมาทำอาหารให้ลองชิมแต่กลับไม่มาเนี้ย...มันเสียความรู้สึกนะครับ


ผมพยายามข่มอารมณ์แล้วคิดในแง่ดีว่า อีกฝ่ายอาจจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีธุระอะไรที่มันจำเป็นหรือสำคัญมากจริงๆ...


มากพอที่ผมจะถือว่าเป็นเหตุผลและไม่โกรธอีกฝ่าย ....


'ตี๊ด..ตี๊ดดดด'


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่กระเป๋าด้านหลังเป็ของผมที่แขวนไว้ตรงช่องเก็บของ ผมตัดอาหารใส่จานก่อนจะเดินไปรับมือถือพอกดดูหน้าจอถึงได้รุ้ว่าเป็นไอ้เต้


"มีไรว่ะมึง กูทำงานอยุ่"


ผมกรองเสียงลงไป



'มึง พรุ่งนี้มึงว่างมั้ยว่ะ ? มึงไปโรงบาลเป็นเพื่อนกูกับแทนหน่อยดิ'


มันตอบกลับมา


"ใครเป็นอะไรว่ะ ?"



'พี่ปันนะ... แทนโทร.มาบอกกุว่าพี่ปันช็อกเมื่อตอนกลางคืนวันเสาร์ ตอนนี้อยู่ในห้องICU คุณหมอตรวจดูอาการอยู่'


ผมใจหายวาบลงไป แม้จะไม่ได้สนิทอะไรและเพิ่งรู้จักกันแต่พอรุ้ว่าอีกฝ่ายเข้าห้องICUทั้งๆที่เพิ่งเจอหน้ากันสองสามวันก่อนมันก็ไม่แปลกอะไรหรอกมั่งครับที่ผมจะรู้สึกใจหายขนานนี้...


"ได้ เดี้ยวกูลางานไปเป็นเพื่อนมึง แล้วแทนบอกรึป่าวว่าพี่ปันช็อกเพราะอะไร ?"


ผมถามมันต่อด้วยเสียงสั่นๆ ไม่ชอบเลยครับ การที่คนรู้จักเข้าโรงบาลอย่างงี้


'แทนบอกว่าโรคประจำตัวมันกำเริบนะ พอช้อกเสร็จที่บ้านก็พาส่งห้องICUตอนนั้นเลย แต่จริงๆเห็นบอกว่าอาการคงที่แล้วล่ะนะเพียงแต่หมอต้องการดูอาการอีกรอบ เพื่อโรคมันกำเริบ'


"อื้ม....งั้นเดี่ยวพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนกูไปกับมึงเอง"


ผมกดวางสายก่อนจะเดินไปหน้าเตาแก๊สอีกครั้ง พี่ปันก็ไม่สบายๆจนเข้าห้องICU นายสินก็ไม่ยอมมาที่ร้านอาหาร


ผมได้แต่คิดว่า..ทั้งคู่ คงจะปลอดภัยดี



                                                            .................................................




ขอโทษนะครับที่วันนี้มันสั้นมากๆจริงๆ ...  เดี้ยวจะอีดิสเพิ่มเนื่อหาอีกรอบครับ   :z3: :z3: :z3:



ขอบคุณ ... ขอบคุณตัวเองที่อย่างน้อยๆก็มีงานอดิเรกเป็นการแต่งนิยายให้ได้ผ่อนคลายอารมณ์

ขอบคุณ ... ขอบคุณคนอ่าน ที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้

ขอบคุณ ... หนังสือพิมพ์วันนั้น ที่ทำให้แกะคิดโครงเรื่องน้องหมอกออกมาได้

นิยายเรื่องนี้พล็อตอาจจะหลวมๆ ภาษาที่ใช้ก็งั้นๆ ฉากอาจจะตัดงงๆข้ามไปข้ามมา


แต่แกะก็รักของแกะมาก....









จะเกิดเรื่องร้ายๆขนาดไหน สุดท้ายชีวิตแม่มต้องเดินต่อไป....


ขอบคุณทุกคนจริงๆที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ ...........


แกะไม่รู้เหมือนกันว่าจะว่ายังไงดี แต่แบบ... ขอโทษจริงๆนะครับที่ระบายอารมณ์ในนี้


พน.เดี้ยวจะอีดิสลบออกให้นะครับ


ขอบคุณที่อ่านจนจบ


แกะซ่า  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ปล. เพราะพน.ไม่มีงานทำ ไม่มีเพื่อนสนิทมากพอจะไปอาศัยบ้าน แกะอาจจะสิงสถิตร้านเกมแล้วปั่นนิยายให้ลืมโลกเลยก็ได้ อย่าแปลกใจถ้าพน.จะเป็นสักEp.19 ไรงี้ [ฝันมากกกกก ไอ้แกะ]


"จะเจอเรื่องร้ายๆขนานไหน ก็อย่าหยุดที่จะเดินต่อไปนะครับ...."



....................


"ขอบคุณมากครับ ทุกคน... :n1: "



 
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.12 [น้องหมอก] หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 06-03-2014 22:21:47
สู้ๆนะครับ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.12 [น้องหมอก] หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 06-03-2014 22:47:57
 :a5: พี่ปัน เข้าโรงพยาบาลเพราะผักใช่ป่ะ
เป็นเพราะของหมอกรึของที่ตัวเองทำเองกันเนี่ย

------------------------------------
 :hao5:
เข้าใจความรู้สึกคุณแกะส่วนหนึ่งนะ แต่ไม่ทั้งหมดเพราะชีวิตเรามันไม่เหมือนกันเนอะ
เห็นใจคุณแกะด้วย

เรื่องปัญหาสายตานี่เราก็เป็นแต่เราไม่เหมือนคุณแกะ คือเราจะรับภาพได้กึ่ง3มิติ แบบจับระยะไม่ได้อ่ะ T_T
เกือบๆจะเหมือนมองด้วยตาเดียว บางทีตาก็มัวไม่ก็มืดไปเลย แล้วตัวเองเป็นคนชอบอ่านชอบเล่นเน็ตด้วยล่ะสิ
ยังไงก็ต้องใช้ตาอ่ะ นี่ก็พยายามพักสายตาบ้าง แต่ก็ยังใช้สายตาเยอะอยู่ มันห้ามตัวเองไม่ได้  :z3:
บอกคนอื่นไม่ได้ บางคนก็ไม่เชื่อ พอทำงานออกมาไม่ดีก็โดนว่า

ตอนนี้เราก็เป็นกำลังใจให้คุณแกะนะ  เราพอเข้าใจว่าด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้ปัจจุบันหางานยากมาก

สำหรับเราการเพ้อฝันไม่ใช่เรื่องผิด อย่าลืมว่ามนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเรื่องเพ้อฝันมาเป็นเรื่องจริง
และแรงบันดาลใจได้นักต่อนักแล้ว
แต่ละคนให้ความสำคัญในแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการให้เรามีการงานที่มั่นคง เงินดี ตั้งใจทำงาน
เพราะเขาอยากเห็นเรามั่นคง จนเขาลืมไปว่าความปรารถนาของคนเราไม่เหมือนกัน

ยังไงชีวิตเราต้องเดินต่อไปนะ อย่าทิ้งความฝัน อย่าทิ้งหัวใจและความปรารถนาของตัวเอง
เพราะมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าเรารู้จักตัวเองแค่ไหนและมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

จะติดตามนิยายคุณแกะเสมอ  :mew1:
จะคอยให้กำลังใจคุณแกะเสมอ
เหนื่อยเมื่อไหร่ก็พัก เราสามารถเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นเพื่อนก็ขึ้นกับหัวใจของคุณแกะ
จะใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิดก็อยู่ที่หัวใจของคุณแกะ แต่เราอยากบอกว่า
"อย่าลืมว่าเราอยู่ห่างกันเพียงหน้าจอคอมพ์เอง"


ปอลิง :แสดงว่าที่ผ่านมาคุณแกะไปนั่งพิมพ์นิยายในร้านเน็ตตลอดเลยเหรอ ?
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.12 [น้องหมอก] หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-03-2014 22:48:46
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.12 [น้องหมอก] หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 07-03-2014 11:08:15
เรื่องของน้องหมอกก็อยากรู้ เรื่องน้องพี่เทสกับคู่สุดS นั่นก็อยากเห็น รับมาอัพน้า....
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.12 [น้องหมอก] หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 07-03-2014 15:23:50
'เชื่อมือได้เลยครับ ลูกพี่ ขอตัวไปฝึกต่อก่อนนะ กลัวกะทะจะไหม้ 555+'


หลังจากผมพิมพ์ตอบกลับข้อความของหมอกผมก็จัดการปิดเฟสแล้วมองจัดเตรียมวัตถุดิบที่อยู่ตรงหน้าิ


ตอนนี้ผมเลือกแล้วครับ กะว่าจะลองทำต้มซุปไก่ดู ....ดูจากในขั้นตอนหนังสือแล้วไม่่น่าจะยากเท่าไหร่ ตอนนี้ไอ้หว้ากลับหอไปนอนตีพุงแล้วครับเพราะธีสิสมันไม่เสร็จและเหนื่อยจากการเดินทางไกลๆ


อื้ม....เตรียมวัตถุดิบเสร้จก็ต้มน้ำให้เดือดพอประมาณงั้นเหรอ ? แล้วเนื้อไก่พวกนี้ผมฝานได้กำลังดีมั้ยเนี้ย ???


แวปหนึ่งในความรู้สึก ผมเผลมก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้โดนใครบางคนกุมไว้แล้วค่อยๆสอนไปเรื่อยๆจนกระทั้งผมพอทำเองได้


อยากให้น้องหมอกมาสอนอีกจัง...


ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดมึนๆในหัวของตัวเองก่อนจะค่อยๆใส่เครื่องเทศและสมุนไพรลงไปในหม้อ ในใจก็รู้สึกแปลกๆนิดๆทั้งการที่ผมกินผักได้โดยไม่อ้วกอีกทั้งยังอร่อยกับมัน


เป็นครั้งแรกในรอบสามปี หลังจากที่ใครบางคนจากไปแบบไม่หวนกลับผมกลับมากินผักได้อีกครั้งหนึ่ง...


ผมยิ้มจางๆอีกครั้งให้กับเงาตัวเองในหม้อแกงที่อยู่้บนเตา ภาพความทรงจำดีๆค่อยๆผุดขึ้นมา แม้ครั้งหนึ่งผมเองที่เลือกจะลืมเลือนมันแล้วคอยปลอบตัวเองว่ามันก็แค่ฝันร้าย


แต่ผมรู้...ความจริงของชีวิตมันโหดร้าย...


แม้ไอ้หว้ามันจะคอยบอกผมก็เถอะ เรื่องที่เกิดขึ้นผมแก้ไขอะไรไม่ได้และมันไม่ใช่ความผิดของผมแต่ถ้าเลือกได้ผมก็อยากจะมีเวลามากกว่านั้น ....


เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน มากกว่าแค่ความผูกพันที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งอาทิตย์


เรื่องมันเกิดเมื่อสองปีที่แล้ว กับโปรเจท์ภาควิชาเอกของผมกับไอ้หว้่า ผมกับมันลงทุนถ่อไปถ่ายทำหนังสั้นกันถึงจังหวัดน่าน อำเภอเมือง กับบ่อเกลือ ที่นั้นผมได้พบกับนักศึกษาในคณะที่ใกล้เคียงกับคณะของผม แต่เธอเป็นเหมือนเจ้าถิ่นที่ขับไล่ผมมากกว่า ที่กับไอ้หว้านะคุยกันกะดี๊กะด๊า...หึ


หนึ่งอาทิตย์ที่นั้นกับเรื่องราวมากมายที่เกิด...


ผมไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีให้กับคนบนฟ้าที่เขียนให้่เรื่องราวทั้งหมด มันเกิดขึ้นในรูปแบบนี้


ถ้าต้องพบกันเพื่อจาก เราสู้ไม่พบกันเลย...มันจะดีกว่ามั้ยนะ ???


"อ้าวปัน วันนี้อยู่บ้านเหรอลุก แล้วนั้นกำลังทำอะไรจ๊ะนั้น"


เสียงของแม่ปลุกผมจากภวังค์ความคิด ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปตอบท่าน


"ปันฝึกทำซุปไก่อยู่ครับแม่ แต่ไม่รู้จะได้เรื่องมั้ย"


ผมตอบยิ้มๆก่อนจะมองน้ำในหม้อที่กำลังเดือดปุดๆขึ้นมาเป็นฟอง ...จะเป็นสัปรดมั้ยว่ะเนี้ยกู  -  -


"อยากให้แม่ช่วยอะไรมั้ย ?"


คุณแม่ผมยิ้มพรายก่อนจะเดินมาดูหม้อน้ำข้างๆผม พลางหัวเราะเบาๆ


"ยินดีที่สุดครับแม่"


ผมหอมแก้มแม้ตัวเองไปฟอดก่อนจะกอดตัวคุณแม่แบบบอ้อนๆไม่ได้อ้อนนานแล้วครับ คิดถึงแม่มากๆครับ ก็อย่างที่บอกต่อให้โทร.คุยกันทุกวันก็ใช่ว่าจะไม่อยากเจอกันตัวเป็นๆนิครับ


มาถึงแม่ผมก็จัดการปิดแก๊สก่อนจะเอาผ้าไปจับหม้อแล้วยกเทน้ำออก


"น้ำมันเยอะเกินไป แล้วเครื่องแค่นี้มันจะหอมได้ยังไงล่ะปัน ไปหั่นมาเพิ่ม"


พูดจบแม่ก็ตั้งเตาแก๊สใหม่ก่อนจะไปเดินดุวัตดุดิบอื่นๆ


"ปันครับ แล้วน่องไก่แบบนี้ลูกต้องฝานบางๆเพื่อให้เนื้อในมันสุกนะครับ ไม่ใช่ข้างน้องสุก ข้างในดิบมันจะไม่น่าทานเอาได้นะครับ ว่าแต่ นึกคึกอะไรเนี้ยแหละมาลงมือเข้าครัวแบบนี้"


แม่ผมพูดไปด้วยฝานเนื้อไก่ไปด้วยพอๆกับผมที่กำลังฝานเครื่องเทศใหม่อีกหลายๆกำมือ


"ปัน...อยากลองทำใ้ห้ใครบางคนทานนะแม่"


ผมอ้อมแ้อ้มตอบ...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพูดตรงๆไม่ได้


แม่ของผมหันมาทำหน้าตกใจนิดหน่อยก่อนจะขยี้หัวผมเล่น


"ดีแล้วล่ะ เป็นผู้ชายก็หัดเข้าครัวไว้บ้าง วันไหนแต่งงานไปแล้วเขาไม่สบายเราจะได้ทำให้ทานได้ อาหารที่คนที่รักทำยังไงมันก็อร่อยกว่าไปซื่อเขานะลูก"


"โหแม่ ผมยังไม่ได้อยากจะแต่งงานตอนนี้สักหน่อย เพิ่งเรียนจบเองนะครับ เอาไว้ปันตั้งเนื้อตั้งตัวไ้ด้ก่อนแล้วกัน ปันจะหาผู้หญิงดีๆสักคนมาแต่งงาน"


แม่ผมทำปากเป็ดก่อนจะเอ่ยปากต่อ


"อยากไ้ด้ลุกสะใภ้เป็นผู้ชายอ๊ะ"



"แม่ไม่อยากอุ้่มหลานเหรอครับ ?"


ผมรู้ว่าแม่ชอบหยอกผมแบบนี้เสมอๆ แต่ใจจริงท่านก็คงอยากให้ผมได้แฟนเป็นผู้หญิงนั้นแหละ


"ปุนรู้ััมั้ย ตอนสมัยเด็กๆที่ปุนเพิ่งอายุได้สักสิบเอ็ดสิบสองมั่งแม่รู้จักกับเด็กคนหนึ่ง น่ารักมากเลย เสียดายที่ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่กับแม่ น้องน่ารักมากจริงๆจนถึงทุกวันนี้แม่ก็ยังจำหน้าน้องเขาได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้น้องจะเป็นยังไงบ้าง ถ้านับจากตอนนั้น ปีนี้น้องคงอายุสิบห้าสิบหกเองมั่ง"



แม่ผมเล่าต่อ



"อ้าว แล้วแม่ไปรู้จักน้องที่ไหนล่ะครับ"


"ตอนแม่เจอน้องเขา แม่เป็นคนพาน้องเขาออกมาจากรถปอเต็งตึงไปฝากไว้กับบ้านเด็กกำพร้านะ ตอนแรกแม่กับพ่อก็อยากจะเลี้ยงน้องเขานะแต่สมัยก่อนบ้านเรายังไม่ได้สบายเหมือนทุกวันนี้นะปุน... แม่พยายามกลับไปเยี่ยมน้องเขาทุกเดือนนั้นแหละ จนน้องเขาได้สัก5ขวบกว่าๆมั่งก็เห็นว่ามีคนรับไปอุปการะแล้ว พอแม่ถามที่อยู่ทางบ้านเด็กกำพร้าเขาก็ให้แม่มานั้นแหละ แต่พอไปหาสอบถามคนแถวนั้นเขาบอกว่าย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วนะ ถ้าแม่ยอมตัดใจรับน้องเขาเป็นลูกนะ แม่คงได้ลูกชายน่ารักๆเพิ่มอีกคนแล้ว ไม่ดื้อเหมือนเราด้วย"


ผมพยักหน้าขึ้นลงทำความเข้าใจกับเรื่องที่ได้รับรู้ นี้แปลว่าผมเคยเกือบมีน้องชายสินะ เสียดายเหมือนกันครับถ้าผมมีน้องชายด้วยก็คงจะดี ไอ้แทนมันเป็นผู้หญิงนิครับ ผมเล่นกับมันไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก


"แล้วน้องเขาชื่ออะไรล่ะครับแม่ ?"


"น้องเขาชื่อ..."


แม่ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของผมก็ดังขึ้น


"แปปนะครับแม่ ฝากเตาแปป"


ผมว่าก่อนจะเดินออกไปรับสายมือถือ


'ฮัลโล ปัน รายชื่อเด็กผ่านค่ายปีนี้ครบ120คนแล้วนะ จะให้เราโทร.บอกน้องเลยมั้ย ?'


เสียงไอ้เป้เพื่อนสาวในคณะของผมดังขึ้นมาจากปลายสาย


"อื้ม...เป้ไล่โทร.บอกให้หมดเลยก็ได้..."


'โอเคงั้นแค่นี้นะ'


"เดี้ยวๆเป้"


'ห๊ะ ...ว่าไง'


ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะแหงนหน้ามองเพดานบ้านแบบไม่มีสาเหตุ


"เด็กคนที่ชื่อโยธาวิน ชื่อเล่นชื่อหมอก ไม่ต้องนะ เดี้ยวเราโทร.เอง"


'โอเคๆ เด็กเส้นป๊ะว่ะนี้เฮียปันจะคุยเอง... ฮ่าๆ แค่นี้ก่อนนะเราจะลงไปกินข้าวกับพวกมันแล้ว'


เสียงไอ้เป้ดังตอบกลับมาก่อนผมจะได้ยินเสียงกุลีกุจรอีกหลายๆเสียง ตอนนี้มันคงกำลังร่วมกลุ่มกันไปกินข้าวล่ะมั่งครับ ก็นี้มันก็เย็นๆแล้วนิ


ผมกดวางสายก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ตอนนี้คุณแม่ขนเครื่องเทศกับเนื้อสัตว์ลงหม้อไปแล้วครับพอลงไปเสร็จแม่ผมก็อธิบายวิธีทำตลอดจนขั้นตอนต่างๆ ผมฟังไปด้วยพยายามจดจำไปด้วยเพื่อที่วันจันทร์จะได้ทำให้น้องหมอกทาน จนไปๆมาๆหม้อแกงซุปไก่ก็เสร็จสมบูรณ์โดยการช่วยของแม่


ผมกับแม่พร้อมป้าอุ่นที่เข้าครัวมาพอดีช่วยกันจัดโต๊ะก่อนที่พ่อผมจะลงมาทานด้วยกัน เป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนได้มั่งครับที่ได้ทานข้าวพร้อมกันเพราะผมติดธีสิสยาวมากจริงๆพวกเราคุยกันสนุกสนานตามประสาครอบครัวจนกระทั้งยัยแทนออกมานั้นแหละ


"เออ แม่ พี่ปันกินผักได้แล้วนะ วันนี้กินเอากินเอา"


ผมสะดุ้งกับคำพูดของมัน พอๆกับที่กับแม่หันมาถามผมนั้นแหละ


"จริงเหรอปัน แล้วมีอาการอะไรรึป่าว"


"ก็ไม่นะครับ  ปันทานเมื่อช่วงบ่ายแต่ก็ไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลย"


พ่อกับแม่ทำหน้าโล่งใจหน่อยๆ ก่อนผมจะหันไปหาตักผักชนิดใบเขียวชนิดหนึ่งที่มันอยู่ในจาน ผมลังเลเล็กน้อยก่อนจะเคี้ยวเข้าปากแล้วพบว่า...


ผมรู้สึกคลื่นไส้อย่างรุนแรงมากจนทนไม่ไหวต้องอ้วกออกมา หลังจากความรู้สึกนั้นแหละสิ่งที่ตามมาก็มีแค่ความเข็มในปาก กับบรรดาของกินที่ยัดลงไปในท้อง ผมอ้วนหนักกว่าทุกครั้งมากจนกระัทั้งแสบคอไปหมด


ตอนนั้นผมสติผมเหลือไม่เต็มร้อยแล้ววินาทีนั้นผมเห็นคนอื่นวิ่งวุ่นไปหมด ทั้งยัยแทนทั้งพ่อทั้งแม่


พออ้วกไปได้สามสี่รอบ ผมก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกเลย...




                                                                 ..........................................



เย้ๆ ขอบคุณป๊ากับม๊าที่เข้าใจนะครับ   :hao5:  เจอกันตอนหน้ากับน้องหมอกจ้า


สปอย ~



"มึง... กูว่ากูจะทำอาหารอ่อนๆไปเยี่ยมพี่ปันว่ะ"


ผมพูดกับไอ้เต้ก่อนจะเดินเข้าครัวไป


"มึงจะทำอะไรว่ะ"


"กูว่าจะทำโจ๊กทรงเครื่องที่ใส่ผักหลายๆชนิดว่ะ กูเห็นพี่มันชอบกินดี"


ก็วันนั้นผมเห็นพี่ปันกินเอาๆ ที่แท้ชอบกินผักก็ไม่บอกผมจะได้เน้นผักเยอะๆมากกว่าเนื้อ สงสัยคงจะกลัวผมมองว่าแปลกล่ะมั่งครับที่ชอบกินผัก


ผมคิดในใจอย่างก่อนจะลงมือปฏิบัติการเข้าครัวแบบเร่งด่วนก่อนจะไปเยี่ยมพี่มัน


หวังว่าโจ๊กที่ผมทำไปให้ พี่มันคงชอบกินนะ : )


                                                                     ...........................................


คนละเรื่องเลยไอ้หมอกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :hao7:


ปล. ขอเปลี่ยนที่อยู่ของปลายจากเชียงใหม่เป็นน่านแทนนะแจ๊ะ


ปล.2 เรื่องพี่เทสเร็วๆนี้ละครับ เรื่องนั้นมันต้องใช่ลมปราณมากกว่าปกติ  :hao6:


ปล.3 แกะปั่นในมือถือก่อนจะเอาลงเฟสแล้วก็อปลงเล้ากับเด็กดีอีกรอบครับ แต่ถนัดกับคีย์บอร์ดมากกว่านะครับ


ปล.4 ใกล้แล้วๆ สี่ยอดกุมารคนที่สองจะตามมา ขอไม่นับหนูชลนะครับ เพราะเรื่องนั้นจะเริ่มใหม่อีกรอบหนึ่ง เป็นเวอร์ชั้นตัวจริงของหนูชลแทน


ปล.5 ปล.จะเยอะไปไหนวะ  55555   :laugh:


ปล.6  เร็วๆนี้กับ 'good my love : พี่ผีร้าย...ที่รัก' น้องหมั้นโถกับพี่เซกิจ้า   :katai4:


ปล.7  สุดท้าย .... ขอขอบคุณทุกคนนะครับ ตอนนี้มีพลังสู้ต่อแล้ว แล้วเจอกันพน.งับ   :katai5:












หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.13 [พี่ปัน] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 07-03-2014 15:37:57
ปันกินผักที่หมอกทำให้ได้อย่างเดียวแน่ๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.13 [พี่ปัน] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-03-2014 16:50:57
 :hao7: ปันมันก็แอบเพ้อนะ ชอบหมอกแล้วชัดๆ

เรื่องของปรายยังทำให้คนอ่านกังวลใจ  :katai1:

น้องหมอกมันเข้าใจผิดแล้วจ้า ถ้าคนอื่นทำให้นี่อาการทรุดแน่ๆ  :m20:

ติดตามตอนต่อไป  :katai5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.13 [พี่ปัน] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-03-2014 16:56:20
กินผักได้ ถ้าคนทำเป็นน้องหมอกสินะ

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.13 [พี่ปัน] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 07-03-2014 19:44:33
เด๊กที่แม่พี่ปันพูดถึงเป็นหมอกรึเปล่าน้าาา  :impress2: :impress2:


พี่ปันเข้าโรงบาล

อ่า .. คงกินผักได้แต่ฝีมือหมอกหล่ะมั้งเนี่ยยย~  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.13 [พี่ปัน] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 07-03-2014 20:27:18
กินได้แต่ที่น้องหมอกทำสินะพี่ปัน   :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.13 [พี่ปัน] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 08-03-2014 12:07:20
"วันนี้พอแค่นี้ได้"


"นักเรียน เคารพ"


"ขอบคุณครับ"


เสียงของครูมนตรีดังขึ้นก่อนไอ้เป็ด(ที่เพื่อนๆชอบเรียกว่าเปรต)จะสั่งทำความเคารพ ทั้งสามสิบกว่าชีวิตบิดขี้เกรียจไปมาก่อนจะจับกลุ่มคุยบ้าง ลงไปกินข้าวบ้าง พวกอโลนก็มี ส่วนผมกับไอ้เต้ก็เหมือนเดิมคือมันมาแย่งข้าวที่ผมทำมากินตอนพักเที่ยง ไอ้เพื่อนชั่ว -3-


"มึงๆ เล่นไพ่สามก๊กกัน"


เสียงเพื่อนในห้องชวนก่อนคนอื่นๆจะล้อมวงร่วมทั้งผมและไอ้เต้ แหมของชอบนิครับ ผมกับไอ้เต้เล่นครั้งเดี้ยวก็ติดใจมากจนเล่นกับพวกมันเรื่อยมาเนี้ยแหละครับกล่องหนึ่งครบชุดทั้งสำรับตั้งห้าร้อยบาทถ้วน แถมคนซื่อลงทุนไปซื่อกล่องสามก๊กแท้มาจากญี่ปุ่นอีก(ไอ้รวยยยย)


วิธีการเลือดขั้นแรกคือจะมีการแจกใบคาแร็กเตอร์ครับ มีทั้งหมด4สถานนะ จักพรรด์ กบฏ ภักดี ทรยศ พอได้การ์ดสถานนะมาแล้วต้องเก็บไว้ครับห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด ไม่งั้นมันจะวางแผนตีกันไม่มันส์ 555+รอบนี้ผมได้.....


"กูเป็นจักพรรดิ์้เว้ย"


ผมคำรามลั่นก่อนจะหงายไพ่คาแร็กเตอร์สีเขียว มีเพียงจักพรรดิ์เท่านั้นครับที่ต้องโชว์การ์ดคาแร็กเตอร์ รอบนี้เล่นกัน8คนเท่ากับจะมีภักดี2คน กบฏ3 ทรยศ2คืองี้นะครับ วีธีการที่จะชนะได้ จักพรรดิ์ต้องร่วมมือกับภักดีฆ่าพวกทรยศกับกฏบให้หมดครับ แต่อย่าลืมว่า เราไม่รู้เลยใครจะเป็นภักดี กบฏหรือทรยศ เพราะฉะนั้นการตีผิดตัวก็ถือเป็นความสนุกในรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้งพวกทรยศชอบตีเนียนเป็นภักดี


กฏของเกมคือถ้าเผลอไปฆ่าภักดีล๊ะก็...จะต้องทิ้งการ์ดทุกอย่างครับ เหลือแค่ตัวล้อนจ้อนให้พวกกบฏเชือดนิ่มๆเลย เพราะงั้นจะตีใครก็ต้องระวังกันสุดพลังครับ...


ต่อไปก็เลือดการ์ดตัวละครครับ ก็พวกตัวละครในเรื่องสามก๊กนั้นแหละครับ คนแจกไพ่จะสุ่มแจกคนละสองใบใ้ห้เลือดได้แค่ใบเดี่ยว เลือดของแตาละคนจะมี สาม สี่ แตกต่างกันไปตามการ์ดที่เลือด มีเพียงผมที่เป็นจักพรรดิ์จะได้โบนัสเลือดเพิ่มเป็น5หน่วย


ผมสุ่มได้กาีร์ดขงเบ้งครับ เลือดสามพอบวกกับโบนัสก็เป็นสี่ ความสามารถพิเศษของผมก็คือสามารถเรียงไพ่ในสำรับได้ก่อนที่คนอื่นๆจะหยิบครับ เท่ากับผมอยากได้การ์ดใบไหนก็เรียงใบนั้นไว้ข้างบน แต่ละรอบของผู้เล่นจะจั่วได้เพียงแค่2ใบครับ


"ตากู ..ขอใช้สกิลขงเบ้ง"


ผมว่าก่อนจะหยิบการ์ดขึ้นมาดู 5ใบ ....อื้ม....เอาใบอะไรดีว่ะ เพิ่มเสบียงที่จะทำให้จั่วได้อีกการ์ดอีกสองใบหรือจะเอาไพ่ป้ิองกันดี


"ซั๊ซ เลือกไวๆดิวะ"

ไอ้สายฟ้าเร่งผม ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่มัน โ่ด่วววว ว่ากูเ้ลือกช้าตอนมึงเลือกก็เต่าเหมือนกันนั้นแหละวะ

"โอเคกูเลือกได้แล้ว.... สวมเกราะแปดทิศให้ขงเบ้ง ติดหน้าไม้ ใส่ม้า และโจมตีไอ้สายฟ้าาาาาาา"

ผมวางการ์ดพร้อมกัน5ใบ เล่นเอาทั้งวงตาเหลือก เพราะตัวละครของจักพรรดิ์จะเป็นตัวเปิดเกมเสมอๆแล้ววนขวาไปเรื่อยๆ ไอ้ฟ้านั่งห่างจากผมแค่คนเ้ดี่ยวคือไอ้เ้ต้เพราะงั้นผมตีมันได้ง่ายสุดครับ


"กัน"


มันว่าก่อนจะเปิดการ์ดป้องกันในมือให้ผมดู


"จบเทิร์น"


พอเห็นว่าทำอะไรไ่ม่ได้ผมเลยเลือกที่จะจบเทิร์น เทิร์นต่อไปเป็นตาไอ้สมิงเพื่อนสาวในห้องที่ชอบเล่นสามก๊กเหมือนกัน เพิ่งสังเกตเห็นว่ามันเล่นตัวโจโฉอยู่


พอเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ตอนนี้กบฏโดนเก็บไปแล้วครับ2คน ภักดีที่เป็นไอ้เป็ดเล่นก็โดนไปแล้ว(ดีนะผมไม่ได้ตีมัน)ส่วนกบฏเป็นไอ้เชี้ยเต้ที่ันั่งข้างๆผมนิเอง แม่มเกือบโดนลอบทำร้ายแล้วไงกู ทรยศโดนไป1คนครับเป็นไอ้กล้า ก็เพื่อนๆกันในห้องเนี้ยแหละ


สรุึปอีกครั้ง ตอนนี้ผู้เล่นเหลือ 4คน ผม ไอ้สายฟ้า ไอ้สมิง ไอ้ปาล์ม



แต่...ตอนผมไม่มีการ์ดป้องกันไอ้ฟ้ากันให้ผมสองใบแล้วครับ....หรือมันจะเป็นภักดี...


ก็ไม่แน่หรอกบางที่อาจจะเป็นทรยศตีเนียนก็ได้นี้หว่า  ... เอาเป็นว่าตอนนี้ ผมสุ่มสี่สุ่มห้่าตีไ้อ้สายฟ้าไม่ได้แล้วครับ เดี้ยวเกิดเป็นภักดีขึ้นมาละงานยุ่ง ตอนนี้เลือดผมเหลือ1 ไอ้เชี้ยฟ้ายังเต็ม4หน่วย เลือดไอ้สมิงเหลือ2  ไอ้ปาล์มเหลือ1 ตอนนี้เข้าตาเทิร์นผมอีกครั้งแล้วครับ


"กูขอตี....ไอ้ปาล์มกับไอ้สมิง"


ผมว่าก่อนจะวางการ์ดโจมตีสองใบ ไอ้สมิงเลือดลดไปอีกหนึ่งดอก มันหันมากรีดนิ้วมองผมก่อนจะพูด


"กูเป็นภักดีนะย่ะ เชื่อกูสิ"


ท่าทางมึงน่าเชื่อถือมากกกกกก ไอ้สึดดดด ไอ้สายฟ้าก็ยิ้มเจ้าเลห์พอๆกับเหม่งของมัน ส่วนไอ้ปาล์ม...ตายครับการจากโดนตีเมื่อกี้


"กูเป็น....กบฏ"


ไอ้ปาล์มพูดพร้อมล่วงการ์ดรูปมังกรสีขาวออกมา เยส !!!! ผมฆ่าไม่ผิดคน ว่ะฮะฮ่า


เท่ากับตอนนี้เหลือผมที่เป็นจักพรรดิ์ กับไอ้สองคนที่คนหนึ่งเป็นทรยศแน่ๆ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นภักดี เนี้ยแหละครับไคล์แม็กของเกม เลือดตีถูกคนคุณก็สบาย ชนะชิวๆ เลือกตีผิดคน คุณก็แพ้....


ผมเหล่มองหน้าไอ้สมิงที่พยายามพูดแบบไม่ออกเสียงว่า 'กูเป็นภักดี' กับไอ้สายฟ้าที่ทำหน้านิ่งๆ


ตีใครต่อไปดีว่ะ ???


"กูขอเลือกปล่อยเรือไฟ เริ่มจากไอ้ฟ้า"


ผมว่าก่อนจะโยนการ์ดเรื่อไฟใส่ไอ้ฟ้า ทุกท่านเคยดูสามก๊กตอนแตกทัพเรื่อใช่มั้ยครับ ? นั้นแหละเรื่อไฟที่ว่า เอฟเฟคของการ์ดนี้คือถ้าผู้เล่นคนไหนสุ่มได้การ์ด สามเหลี่ยมเรื่อจะระเบิดครับ จะเสียเลือดทั้งหมดสามหน่วย แต่การ์ดใบนี้ก็ถือว่่าเป็นดาบสองคมเพราะผมก็มีสิทธิ์โดนเองเหมือนกัน


"จบเทิร์นกูแล้ว"


ต่อไปตาไอ้สายฟ้ามัน มันจะต้องจั่วการ์ดตัดสิน และการ์ดที่มันจั่วออกมาคือ...


"กรี๊ดดดดดดดดดด สามเหลี่ยม ไอ้ฟ้ามึงโดนไปเลยสามหน่วย "


ไอ้สมิงระเบิดเสียงกรี๊ดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าไอ้สายฟ้าเปิดการ์ดพลาด มันทำหน้าเบื่อโลกก่้อนจะลดเลือดตัวเองเหลือแค่1


"กูขอตีไ้อ้ตุ๊ดสมิง"


ไอ้สายฟ้าว่าก่อนจะวางไพ่ดาบโจมตีหันไปทางไอ้สมิง


"มึงช่วยป้องกันให้กูหน่อยสิ กูเป็นภักดีจริงๆนะเว้ย"


มันหันมาพูดกับผม ใจจริงกูก็อยากจะช่วยมึงนะ แต่กูก็ไม่มีการ์ดป้องกันว่ะ โบเบ๋ -  -"


ผมหันไปส่ายหน้าจนปัญญา มันทำหน้าอิดออดก่อนจะควักไพ่คาแร็กเตอร์ออกมา


รูป....พยัคก์สีส้ม


ชิบหาย !!!! ไอ้สมิงเป็ฺนภักดีก็หมายความว่า...


"ไอ้ซั้ซฟ้าแม่มเนียนว่ะ"


ไอ้เต้ที่นั่งเชียร์พูดขึ้นหลังรู้ว่าใครเป็นใคร ผมเสี่ยวสันหลังวาบก่อนจะมองหน้าเจ้าเลห์ของมันเพราะถ้ามันตีมาอีกทีก็เกมโอเวอร์ครับ นั้นคือผมแพ้แน่นอน


"กูขอ.........."


มันพูดค้างก่อนจะดึงการ์ด....อย่านะเว้ย ไอ้แสรด ดดดดด อย่าเพิ่งตี


"จบเทิร์น"


มันว่าก่อนจะโยนการ์ดทิ้งเหลือแค่ใบเดี่ยวเท่ากับจำนวนเลือด


ฟู่....ผมถอนหายใจโล่งออก ก่อนจะจั่วการ์ดขึ้นมาอีก1ใบ


เยส !!! การ์ดโจมตี


"โจมตี"


ผมว่าก่อนจะหงายใพ่ใบสุดท้ายในมือ...



"กูไม่มีการ์ดป้องกัน...กูแพ้"


มันพูดยิ้มๆ


เยส !!! รอบนี้กูชนะโว้ย


ผมหันไปคุยโม้กับไอ้เต้ แต่ก่อนที่เพื่อนในกลุ่มที่เล่นการ์ดจะเก็บไพมาร่วมกันเพื่อสับใหม่อีกครั้งผมเหลือบมองไปเห้นการ์ดใบหนึ่งที่ไ้อ้สายฟ้าวางไว้ทิ้งไว้ก่อนมันจะเดินไปแดรกน้ำ


ผมคงไม่รู้สึกตะขิดตะขวางใจอะไร ถ้าการ์ดใบนั้นไม่ใช่การ์ดรูปเกราะสีเทา....


การ์ดป้องกัน...



                                                                    .....................................



พอหลังเลิกเรียนแล้วผมกับไอ้เต้แวะกลับมาที่บ้านก่อน มันยืมเสื่อผ้าผมเปลี่ยนก่อนจะเดินลงมาข้างล่างพร้อมกัน


"มึง... กูว่ากูจะทำอาหารอ่อนๆไปเยี่ยมพี่ปันว่ะ"


ผมพูดกับไอ้เต้ก่อนจะเลี้ยวเดินเข้าครัวไป จะไปเยี่ยมเฉยๆมันก็กระไรอยุ่เนาะ


"มึงจะทำอะไรว่ะ"


"กูว่าจะทำโจ๊กทรงเครื่องที่ใส่ผักหลายๆชนิดว่ะ กูเห็นพี่มันชอบกินดี"


ก็วันนั้นผมเห็นพี่ปันกินเอาๆ ที่แท้ชอบกินผักก็ไม่บอกผมจะได้เน้นผักเยอะๆมากกว่าเนื้อ สงสัยคงจะกลัวผมมองว่าแปลกล่ะมั่งครับที่ชอบกินผัก


ผมคิดในใจอย่างก่อนจะลงมือปฏิบัติการเข้าครัวแบบเร่งด่วนก่อนจะไปเยี่ยมพี่มัน


หวังว่าโจ๊กที่ผมทำไปให้ พี่มันคงชอบกินนะ : )


"เออ ไอ้หมอก กูมีเรื่องอยากจะถามมึงว่ะ ?"


ไอ้เต้ที่นั่งสิงตรงโต๊ะกินข้าวพูดออกมา


"อะไรว่ะ"


"มึงชอบ...คนแบบไหนว่ะ ?"


"มึงถามไปทำไมว่ะ ชอบกูขึ้นมารึไงหนุ่มน้อย"


ผมพูดแซวมันก่อนเมล็ดถั่วจะถูกปามาจากมัน เชรี้ยย เจ็บนะเว้ย


"ซั้ซ มีคนเขาฝากกูถามหรอก"


"ใครวะ ???"


มีใครที่ไหนตาบอดหลงมาชอบผมด้วยเหรอครับ


ผมหันไปมองหน้าคนถาม แต่มันเงียบกริบหันหน้าไปทางอื่นแทน


"เออไง เพื่อนกันบอกไม่ได้"


ผมแกล้งงอนมันเล่นๆ มันเลยเดินมาอนุเคราะห์เป็นการตบหัวผมแทน


"ไว้ถึงเวลา มันก็มาบอกมึงเองนั้นแหละ"


มันพูดแค่นั้นแล้วก็ยืนดูผมทำโจ๊กไปเงียบๆ เออ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ไม่อยากรู้ก็ได้แม่มชอบโหดร้ายกับคนหล่อ - 3-


ผมยืนทำโจ๊กกับมันไม่นานก่อนจะเตรียมตัวเสร็จรีบร้อย


"ป๊ะ โก โก โก ไปเยี่ยมพี่มันกัน"


พูดจบผมก็เดินนำหน้ามันออกจากบ้านไปในใจก็กำลังคิดว่า พี่มันจะดีใจมั้ยนะที่ผมทำโจ๊กสมุนไพรไปฝาก.... : )



                                                                    -----------------------------------



พี่ปันจะทำยังไงกับโจ๊ก โปรดติดตามตอนต่อไป  :hao7:


ปล. แกะได้งานใหม่ทำแล้วนะ เริ่มจันทร์นี้ครับ  :hao5:


หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.14[น้องหมอก]P.3[08/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 08-03-2014 14:13:04
พี่ปันจะช็อกอีกรอบป่าวเนี่ยยยย  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.14[น้องหมอก]P.3[08/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 08-03-2014 19:30:26
ทำไมสายฟ้าถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ  :ling1:


สมัครเป็น fc สายฟ้าทันมั้ยน๊อ  :hao5: :hao5: :hao5:


พี่ปันคงไม่เป็นไรกับโจ๊กหรอกมั้ง  :hao4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.14[น้องหมอก]P.3[08/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 08-03-2014 22:21:06
ฉันได้กลิ่นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ  :hao6:
ได้กลิ่นพระเอก และคนที่ดี
โจ๊กใส่ผักเยอะๆนะจ๊ะ เอาให้ตะลึงกันให้หมด
 

:mc4: ยินดีด้วยจ้าคุณแกะ หางานได้ไวมาก สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.14[น้องหมอก]P.3[08/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 09-03-2014 11:58:12

ที่นี้ที่ไหน...?


ผมถามตัวเองหลังจากม่านตาค่อยๆปรับโฟกัสจนเข้าที่เข้าทาง สิ่งที่ผมเห็นมีแต่แสงสว่างสีขาวสลัวๆให้ความรู้สึกลึกลับมากกว่าปลอดภัย


สิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุดคือความไม่รู้ผมเองก็คิดแบบนั้นเพราะกำลังรู้สึกกลัว


ความทรงจำล่าสุดที่ผมจำได้นั้นคือผมกำลังทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ ยัยแทน หลังจากนั้นผมก็ลองตักผักกินเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างแล้วโรคกลัวผักก็กำเริบ ผมอาเจียนจนสลบไป


แล้ว.... งั้นผมมาอยู่ที่ตรงนี้ได้ยังไง?


ผมมองเหลียวซ้ายแลขวาแต่ก็ยังมองไม่เห็นใครหรืออะไรอยู่ดี จนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างที่หางตา


เห็นเหมือนมีบางอย่างเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมเสียวสันหลังวูบหนึ่งก่อนจะสัมผัสได้ถึงสามลมรอบตัวที่พัดไปมาจนร่างกายรู้สึกเย็นเยือก ผมเอามือลุบแขนตัวเองทั้งสองข้างก่อนจะพยายามเดิมไปข้างหน้าแม้จะไม่เห็นสิ่งใดเลยก็ตาม


"......ปั๊น"


เสียงเล็กๆลอดเข้ามาในประสาทสัมผัสการรับรู้เสียงของผม ในชั่วชีวิตนี้คนที่เรียกชื่อผมแล้วเสียงเพี้ยนออกมายังงี้ก็คงจะมีแต่...


"ปราย...?"


ผมเรีัยกชื่อคนคุ้นเคยที่จากไปแล้วด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ก่อนจะค่อยๆหันหลังกลับไปมอง


ภาพที่เห็นเป็นภาพที่ทำให้ผมทั้งดีใจ ตกใจ และเสียใจในเวลาเดี่ยวกัน


"ดื้อจั๊งใดก็เหมือนเดิมก๋อมีเปลี่ยนเลยเนอ"


ร่างในชุดนักศึกษาที่ผมเจอเธอในครั้งแรกปรากฏตัวขึ้น ผมพยายามบังคับตัวเองให้เดินไปหาเธอแต่รุ้สึกได้ว่า ขาทั้งสองข้้างมันก้่าวไม่ออก


"ปราย...ขอโทษ"


ผมกล่าวความรู้สึกสุดท้ายที่มีกับเธอในใจออกมา ถ้าหากในครั้งนั้นผมมองเห็นเธอสำคัญมากกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ผมอาจจะำไม่ต้องเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ รางวัลการชนะเลิศหนังสั้นระดับประเทศที่ได้รับมา มันไม่มีค่าอะไรเลยถ้าในวันนั้นผมไม่มีเธอคนนี้ยืนอยูั่เคียงข้างกัน


ปรายที่ผมเห็นเพียงแค่ยิ้มจางๆก่อนจะเดินมาดึงมือผมไปช้าๆ น่าแปลกที่ผมกลับไม่รู้สึกถึงความเย็นหรือความร้อนจากมือคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย ผมไม่ขัดขืนเพียงแค่ก้าวช้าๆเข้าเดินไปกับปราย พอเดินมาได้สักพักสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือชิงช้า


"นั่งลงก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก"


ปรายกลับมาใช้ภาษากลางคุยกับผมอีกครั้งหลังจากพูดแต่ภาษาถิ่น จริงๆแล้วเธอเองก็พูดภาษาภาคกลางได้คล่องเพีัยงแค่ชอบพูดเหนือตอนจะด่าหรือตอบโต้ทำให้ผมไปไม่เป็นเองก็เท่านั้น


"ปราย..ปัน...ปันไม่รู้จะพุดอะไรดี...แล้วปันมาเจอปรายไ้ด้ยังไง ?"


นั้นคือสิ่งที่ผมอยากรู้ ...


ปรายแค่หัวเราะขำแล้วพูดตอบกลับมา


"คิดว่าเราเป็นผีเหรอ ?"


"ป่าว...ไม่แต่คือ...ก็ใช่"


"ปัน...สิ่งที่ัปันเห็นตอนนี้เป็นแค่ภาพในหัวของปันสร้างขึ้น คนที่ตายไปแล้วจะติดต่อกับปันได้ยังไงล่ะ ตาบ๊อง"


พอโดนด่าแบบนั้นผมก็ไปไม่เป็น นั่งอึนให้เธอหัวเราะ่ผมแบบนั้น


"แล้วสองปีที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นบ้าง  ? ตอนนี้เรียนจบรึยังเนี้ย "


ปรายถามต่อ


"จบแล้ว ....2ปีที่ผ่านมาก็ดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้า..."


"ไม่หรอก...ปัน อย่าลืมสิ่งที่เราขอสิ จดหมายฉบับนั้นปันคงยังไม่ลืมใช่มั้ย ? เราขอปันว่ายังไงบ้าง "


ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะนึกถึงข้อความสุดท้ายที่ได้คุยกันตอบออกไป


"อยากให้ปันอยู่กับปัจจุบัน และขอให้ปัน...เปิดใจในการกินผัก "


"ก็ยังจำได้นิ แล้วทำไมถึงไม่ทำตามที่พูด"


เธอหันมาค้อนใส่ผมในแบบที่เคยทำ พอจ้องหน้าปรายนานๆแบบนี้แล้วคิดถึงใครบางคนที่ทำให้ผมกินผักอีกครั้งหนึ่ง


"ก็..กินแล้ว...ตอนที่กินของน้องที่ทำให้ก็ไม่เป็นไรแต่พอกินของคนอื่นแล้วปันอ้วกอ๊ะ"


ปรายพยักหน้ารับรู้เข้าใจ แล้วมองออกไปด้านหน้า


"แล้ว...หมอกน่ารักมั้ย ?"


"ปรายรู้จักหมอกด้วยเหรอ ?"


ผมตอบคำถามนั้นด้วยคำถาม พลางหันไปมองหน้าปรายทีี่่ยังคงอมยิ้มเจ้าเลห์


"รู้จักสิ แต่เพิ่งรู้เหมือนกันประมาณสักสองปีก่อนไ้ด้มั่ง"


"แล้ว...แล้วทำไมหมอกกับปรายถึงได้หน้าตาคล้ายกัน...แบบนั้น"


"ความลับ อยากรู้ก็ไปตามหาคำตอบเอาเอง อิอิ"


เธอตัดบทผมก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น ผมเล่าเรื่องที่ผ่านมาในช่วงสองปีให้เธอฟัง เล่าถึงรางวัลที่ไปได้มาคราวก่อนและอีกหลายๆเรื่องราวทั้งของผมและไอ้หว้าที่พวกเราทั้งคู่ได้ไปตะลุยมาจนในความรู้สึกของผมเวลาได้ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ปรายยังคงทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี คอยพยักหน้าบ้างขำบ้างตอนผมเล่าเรื่องฮาๆของไอ้หว้าให้ฟังก่อนเธอจะพูดขึ้นมาบ้างด้วยน้ำเสียงจริงจัง


"ปัน...ถึงเวลาแล้วนะ"


"เวลา..อะไรอ๊ะ"


"ปันหมดเวลาพักผ่อนสบายๆแล้ว ได้เวลากลับไปโลกแห่งความเป็นจริงแล้วนะ"


เธอยิ้มพรายก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากชิงช้า ส่งผลให้ผมลุกขึ้นตาม


"ตอนแรกปรายก็หนักใจนะ ว่าปันจะกินผักได้มั้ยแต่ตอนนี้ปรายสบายใจแล้วล่ะ"


ปรายพูดก่อนจะเดินนำหน้าผมกลับไปทางเดิม


"เดี้ยวก่อน ปราย ปันยังไม่เข้าใจอะไรเลยนะ"


"เรื่องบางเรื่องปันต้องใช้สติคิดในรอบครอบ บางที่คำตอบของสิ่งที่ปันตามหาอาจจะไม่ได้อยู่ไกลตัวปันเลยนะ หัดมองภาพรวมกว้างๆ มองหลายๆุมุม ปันนะกำลังจะเป็นครีเอทีพ นะอย่าคิดคำตอบของคำถามแบบตรงไปตรงมาสิ อ้อ...แล้วก็ ถ้าหาทางออกไม่เจอปันก็เดินย้อนกลับไปทางเก่าก่อน มันก็ไม่แย่นักหรอกนะ...บายๆเจอกันเมื่อถึงเวลาที่สมควรจะเจอ โชคดีนะ... ปั๊น"


เธอเรียกชื่อผมด้วยเสียงเพี้ยนๆเหมือนเดิมก่อนจะเดินนำหน้าผมไปไวขึ้นๆ


"ปราย เดี้ยวก่อนอย่าเพิ่งไป ปราย !!!"


ผมทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกสุดเสียง แต่ร่างปรายคล้ายเดินไำปไวขึ้นกว่าเดิม


แสงสว่างสีขาวด้านหน้าผมเจิดจ้าขึ้นอีกครั้งจนแสบตา ผมยกแขนขึ้นมาป้องแสงจากดวงตา...


ก่อนสติของผมจะหายไปอีกครั้งหนึ่ง...


                                                                  --------------------------------



อุ่น...


สัมผัสตรงมือข้างซ้ายของผมรับรู้ได้อย่างนั้น ก่อนผมจะพยายามลืมตาดูต้นเหตุที่ทำให้รู้สึกอุ่น


"ปร...หมอก"


พอเห็นร่างที่นั่งกุมมือผมอยู่...ไม่สิ มือผมต่างหากที่กุมมือน้องมัีน


ร่้างเล็กๆสะลึมสะลือตื่นจากเสียงเรียกของผม ก่อนมันจะตาสว่างมือเห็นผมฟื่นแล้ว


"ฟื่นแล้วเหรอพี่ปัน ? เป็นยังไงบ้างครับ"


มันว่าก่อนจะพยุงตัวขึ้นแต่ติดมือผมที่กุมไว้ พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยรีบปล่อยมือออก


"คือ..ตอนแรกผมมาเยี่ยมพี่เป็นเพื่อนไอ้เต้กับแทนนะ แล้วสองคนนั้นหิวข้าวเลยลงไปหาอะไรทานข้างล่าง สักพักพี่ปันก็ร้องหา...เออ คนชื่อปรายนะครับ พอผมเข้ามาดูอาการพี่ก็..."


"ดึงมือเราไว้ ใช่มั้ย ?"


ผมต่อประโยคของน้องมัน


"ครับ หมอกเห็นสองคนนั้นยังไม่มาแล้วมือพี่...ก็ไม่ปล่อย หมอกเลยลากเก้าอี้มานั่งข้างๆแทนนะ"


นี้แปลว่ามือกุเหนี่ยวตุ๊กแกขนานนั้นเลยเหรอวะเนี้ย  -  - "


ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันหน้ามองหน้าน้ำ ตอนนี้รู้สึกคอแห้งผากไปหมดทั้งลำคอเลยครับแต่ดูเหมือนคนข้างๆเตียงจะรู้ความคิดของผม ไอ้ตัวเล็กเดินไปรินน้ำใส่แก้วก่อนจะยกมาประเคนถึงที่


"ขอบใจนะ"


มันพยักหน้ารับคำผมก่อนจะยกแก้วน้ำไปวางไว้ข้างๆ


"คือ..พี่ปันหิวมั้ย ? หมอกทำโจ๊กมาให้"


มันว่าก่อนจะเดินไปหยิบปินโตเล็กๆที่มีแค่2ชั้นพร้อมเปิดฝาออกมา ไอน้ำภายในลอยออกมาเล็กน้อยทำให้ผมรู้ว่าโจ๊กนี้เพิ่งทำได้ไม่นานเท่าไหร่แต่...


ประเด็นหลักคือ...ทำไมถึงมีแต่ผักลอยละล่องอยู่ในโจ๊กขนานนั้น ?


ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวก่อนผมจะพยายามยันตัวถึง แต่ทั้งตัวกลับไม่มีแรงเลย ขนานพยายามจะยกแขนยังทำไม่ไ้ด้ คือตอนนี้มันก็หิวไำงครับ ผมเลยกะจะกินโจ๊กนั้นแหละแต่พยายามเลี่ยงๆผักเอา


จะว่าไปแล้วอาหารที่หมอกทำ ต่อให้มีผักผมก็กินได้เฉยๆนี้หว้า แล้วทำไมอาหารที่คนอื่นทำแต่มีผักผมกลับกินไม่ได้ ? ยิ่งๆที่กินผักเข้าไปก็เพราััะผมเองนั้นแหละที่ต้องการพิสูจน์ว่้าผมกินผักได้เพราะทุกคนทำ หรือแค่ผมกินผักได้เพราะหมอกทำ ? ยังไงๆตอนนี้ผมก็อยู่โรง'บาลแล้วถ้าผมทานเข้าไปแล้วช็อกก็คง...ไม่เป็นไรหรอกมั่ง



                                                                 --------------------------------------



จบพาร์ทหนึ่งแล้วจ้า   :mc4: ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกบวกเป็ดครับ 

แกะซ่า  :กอด1:

ปล.พรุ่งนี้กับวันอังคารแกะไปทำงานแล้วอ่า เพราะงั้นวันนี้จะลงให้สองตอนครับ จบพาร์ทพี่ปันพอดี แต่ขอรอคนมาเจิมสักเม้นก่อนแล้วกันเนาะ 2ตอนนี้จะำได้ไม่ติดกันจนเกินไป  :z13:




 
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.15[พี่ปัน][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 09-03-2014 12:42:04

เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาเพื่อรับถาดปิ่นโตจากน้องมันแต่ก็อย่างที่บอกไปแขนทั้งสองข้างของผมมันไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อยและก็เป็นน้องมันอีกนั้นแหละที่สังเกตเห็นสุดท้ายมันคงทนความทุเรศไม่ไหวเอ่ยปากอาสาอีกรอบ


"จะถือมั้ยถ้าหมอกป้อน ?"


"ไม่หรอกครับ พี่จะถือทำไมล่ะ"


พอได้รับคำตอบของผม มันก็ลากเก้าอี้มาใกล้ๆก่อนจะช่วยพยุงผมขึ้นมาพิงขอบเตียงดีๆก่อนจะขยับโต๊ะตามมา


"ถ้าคำไหนร้อนให้บอกนะ หมอกจะเป่าให้ก่อน"


พูดจบมันก็ตักขึ้นมาคำแรก ที่พวกผักชีกับขิงอ่อนแทรกอยู่ในข้าวของโจ๊กปะปนมาด้วย น้องมันเปาสองสามที่จนมันคิดว่าคงเย็นแล้วก็มาจ่อกับปากผม ผมอ้าปากรับคำแรกมาก่อนจะค่อยๆเคี้ยวแล้วกลืนลงไปพร้อมทั้งนับเวลารอดูปฏิกิริยาของร่างกายว่าจะเกิดผลอะไรมั้ย ?....


เหมือนครั้งก่อนที่ผมกินผักของน้องมัน...ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย


พอเห็นว่าไม่มีอะไร ผมก็เคี้ยวไวขึ้นเรื่อยๆ มีผักหลายๆชนิดที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้ลองทานเลย เพิ่งได้มากินเนี้ยแหละ บ้างชนิดก็รสชาติจะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่ากินแล้วมันเย็นๆปากก็มี กินแล้วรุ้สึกอุ่นๆผักบางชนิดก็หวานกว่าที่ผมคิดไว้เรียกได้ว่าการกินครั้งนี้เป็นการเปิดกะเพาะรับผักมากขนานเลยก็ว่าได้ !!!


รสชาติของโจ๊กไม่เข้มข้นมากครับ คิดว่าน้องมันคงรู้มาว่าผมไม่สบายเลยพยายามปรุงรสชาติให้อยู่ในระดับอ่อนๆไม่ให้รสชาติมันจัดจ้านมากเกินไป ผมเองก็กินเอาๆเคี้ยวแก้มตุ้ยเพราะความหิว ก็แหม ตอนอ้วกเนี้ยมันไปหมดกะเพาะเลยนี้ครับ ต่อให้มีน้ำเกลือแต่ผมก็หิวอยุ่ดีอ๊ะ


ผมกินไปไ้ด้สัก15นาที่มั่งโจ๊กก็พร่องลงจนเกือบหมดถาดปินโตของน้องมัน


"อ๊ะ..พีี่ปัน อยู่เฉยๆนะ"


มันบอกให้่ผมนิ่งก่อนตัวมันเองจะเลือนหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วเอานิ้วโป้งเช็ดโจ๊กที่ติดเป็นคราบตรงมุมปากของผม


"กินเลอะเทอะอ๊ะ โจ๊กอร่อยมั้ยพี่"


"อื้ม...อร่อยมากเลย มาทำให้พี่กินบ่อยๆสิ"


"ฮ่าๆ ยังงั้นเลยเหรอ ? พี่ก็ตามไปกินที่ร้านผมได้นะ อ้อร้านผมอยู่ในห้าง...ที่เปิดใหม่นะพี่ ลองแวะไปดูได้นะเดี้ยวผมทำให้พิเศษเลย"


มันยิ้มหัวเราะชอบใจกับคำชมของผม


"งั้นพี่ขอเบอร์เราหน่อยสิ ?"


ยังไงๆผมก็ต้องโืทร.ไปบอกมันเรื่องค่ายอยู่แล้วนิครับ จริงๆจะบอกตรงนี้ก็ได้แต่...สภาพคนป่วยนอนเป็นผักแบบผมให้บอกตอนนี้มันก็ยังไงๆเนาะ


"ได้พี่ นี้เบอร์ผมนะ"


มันพูดแบบไม่คิดมากก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาจดเบอร์โทรมันใส่กระดาษๆเล็กๆไว้เสร็จแล้วก็หันเอามาให้ผม


"เดี้ยวพี่จะโทร.ไปหานะ"


"ได้ครับ อยากกินเมื่อไหร่ก็โทร.มาจองโต๊ะได้นะพี่"


โอเคครับ...ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงให้เบอร์ผมมาง่ายๆที่แท้มันคิดว่าผมอยากจะไปทานอาหารที่ร้านมันนี้เอง


ไอ้เราก็นึกว่า......


ช่างเหอะ


"อ้าวเป็นไรอ๊ะพี่ ทำหน้ามุ้ย ?"


หื้ม ??? แล้วกูไปทำหน้ามุ้ยตอนไหนวะ ?


"เปล๊าาา เอาไว้เดี่ยวพี่จะโทร.ไปบอกแล้วกันว่าอยากกินตอนไหน แล้วเดี่ยวจะแวะไปอุดหนุน"


ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากูจะเสียงสูงเพื่ออะไร แถมยังหันหน้าหนีน้องมันอีก พอมันเห็นแบบนั้นก็เกาหัวแกรกๆก่อนจะไปนั่งลงเงียบๆกับโซฟาที่ริมผนัง


"หมอกมีพี่น้องมั้ย ?"


ผมถามคำที่เพิ่งนึกออก



"มี พี่เทสไงพี่ชายหมอกเอง"



"มีแค่คนเดี่ยวเหรอ ?"



"อื้มแต่จริงๆแล้วหมอกกับพี่เทสนะเราเป็น...."


"อ้าวพี่ปันฟื่นแล้วเหรอ ?"


ไอ้ตัวเล็กยังไม่ทันพูดจบยัยแทนที่เปิดประตูเข้ามาพอดีก็ขัดจังหวะจนมันไม่พูดอะไรต่อ


พวกมันสามคนนั่งเล่นกันเรื่อยเปื่อยก่อนไอ้สองแสบจะชวนกันกลับบ้านเพราะเห็นว่าหกโมงเย็นแล้ว ไอ้ตัวเล็กเดินกลับมาเก็บปิ่นโตข้างเตียงก่อนจะหันมามองผมที่กำลังมองมันพอดี


"แล้วจะโทร.ไปนะ"


"ครับ ร้านเรายินดีต้อนรับเสมอครับ"


มันว่าเสียงใสก่อนจะก้าวออกจากห้องไปพร้อมกับไอ้เต้เพื่อนมัน พอพวกนั้นออกจากห้องไปไอ้แทนก็หันมาพูดกับผม


"พี่ปัน"


"อะไร ?"


"ทำไมต้องทำหน้าเป็นเป็ดแบบนั้นอ๊ะ"


"ไม่รู้  พี่ง่วงขอนอนก่อนนะ"


ผมไม่อยู่ให้มันซักไซรใดๆอีกรีบดึงตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับ


แปลว่าถ้าไม่ใช่เรื่องอาหาร กูจะโทร.หามึงไม่ได้ใช่มั้ย ???


                                                                    .........................................



"มันเป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่งครับ"


"ยังไงครับ ช่วยอธิบายให้ละเอียดที่"


ผมพูดกับคุณหมอประจำตัวที่คอยรักษาผมตั้งแต่เด็กๆจริงๆแล้วท่านเองก็เหมือนพ่อผมคนหนึ่งละน่ะเพราะรู้เรื่องราวประวัติการรักษาของผมดีตั้งแต่ตอนเข้าโรงพยาบาลใหม่ๆ


"คืองี้นะ อาการของปันนะคล้ายกับว่าปันกำลังปิดใจ ปันเคยได้ยินมั้ยว่า'จิตเป็นนายกายเป็ฺนบ่าว'นั้นแหละอาการของปัน คือตอนเด็กๆปันปฏิเสธตัวเองที่จะทานผัก พอนานวันๆเข้าร่างกายก็ทำตามคำสั่งส่วนลึกของจิตใจด้วยการต่อต้านผักทุกชนิดที่ปันกินเข้าไป ปันจะเห็นใช่มั้ยว่าอาการของปันไม่มีอะไรเลยแค่ทานผักเข้าไป ร่างกายต่อต้าน พออ้วกจนร่างกายขาดน้ำ ร่างกาบมันก็ช็อกสิ"


ผมพยักหน้าตอบรับว่าเข้าใจที่คุณหมอพูด ก่อนท่านจะอธิบายต่อ


"ที่นี้ ที่ปันถามว่าทำไมถึงกินไ้ด้บ้างไม่ได้บ้าง หมอก็ขออธิบายต่อจากที่กล่าวไปนะ นั้นคือคนที่ทำให้ปันทานอาจจะเป็นคนสำคัญที่มากพอในความรู้สึกของปัน ทำให้ปันเปิดใจรับสิ่งที่ทานเข้ามา พอจิตใจเปิดอาการต่อต้านของร่างกายก้เลยไม่เกิดขึ้น อันนี้หมออธิบายตามเคสที่เคยได้รับมานะครับ"


เป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้ารับรู้เข้าใจ


"งั้น...ก็แปลว่าคนที่ทำให้ผมทาน แล้วผมทานได้ คือผม...รักเขาเหรอครับ ?"


"ไม่ใช่หรอกครับ อาจจะยังไม่ถึงกับรักในความรู้สึกของคุณปัน แต่ภายในจิตใจลึกๆของปัน ณ ตอนนี้ ปันจะรู้สึกว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่นทั่วๆไปจนยอมเปิดใจนะครับ"


ผมพยักหน้าเข้าใจเป็นรอบที่สามก่อนคุณหมอจะขอตัวออกไปรักษาคนอื่นต่อ ตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้วครับ ยัยแทนกลับบ้านไปกับคุณพ่อผมแล้วครับ



พิเศษกว่าคนอื่นงั้นเหรอ ...


การที่อยากให้คนๆหนึ่งมาคอยทำอาหารให้เราทานบ่อยๆ...


แบบนี้มัน'พิเศษ'มั้ยนะ ?



                                                             -------------------------------------------------


จบพาร์ทสองแล้วจ้า แกะขอตัวไปทำงานบ้านก่อนเน๊อ :bye2:

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกบวกเป็ดครับ :call:


แกะซ่า  :L2:


หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.15[พี่ปัน][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: yamanaiame ที่ 09-03-2014 14:50:58
กำลังสนุกเลย มาต่อเร็วเน้ออ มาเปนแฟนคลับเรื่องนี้ อีกคน ^___^  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.16[พี่ปัน][พาร์ท2]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 09-03-2014 21:17:43

"สีน้ำเงินสู้ๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด"



"เสียงแดงอย่ายอมนะเว้ยยยย พวกมึงแบบรับศักดิ์ศรีัเด็กวิทย์นะ"



"อ้า่วไอ้เชรี้ยมึงไปกดดันแบบนั้นแล้วเพื่อนมันจะเล่นออกมั้ยว่ะ ?"



"กูพูดให้กำลังจายยยยยยยยยยยเว้ย  ฮ่าๆๆๆ"



เสียงดังสนั่นลั่นของเพื่อนๆร่วมห้องและต่้างห้องของโรงเรียนผมเองครับ เดาจากบทสนทนาด้านบนเพื่อนๆคนรู้ใช่มั้ยครับว่าตอนนี้กำลังทำอะไรกัน



มันเป็นสิ่งที่เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ตั้งตารอคอย(แน่นอนว่าร่วมถึงผม มันเป็นวันที่เพื่อนๆจะได้ปลดปล่อยกันได้เต็มที่ครับ) วันนี้จะไ้ด้เฉิดฉายและแสดงความสามารถที่เก็บสะสมเอาไว้...



ครับ...วันที่กล่าวถึงคือวันกีฬาสี



แต่....วันนี้ยังไม่ใช่วันกีฬาสีนะ เป็นการแข่งบาสฯรอบรองก่อนจะเข้าชิงกันวันกีฬาจริงๆนะครับ สีของห้องผมคือสีน้ำเงินครับส่วนคู่แข่งคือสีแดงห้องพวกสายวิทย์คณิตที่เจือกเล่นบาสฯเก่งพอๆกับพวกเด็กศิลป์อย่างห้องผม



ตอนนี้สกอล์คือสีแดงนำสีน้ำเงินอยู่42-38  เวลาการแข่งขันเหลืออีกประมาณ10นาทีกว่าๆ



อ้อใช่ วันนี้ไอ้เต้มันลากผมมาเชียร์สายฟ้าครับ ไม่น่าเชื่อว่าบ้าๆแบบมันจะเล่นบาสฯเก่งเหมือนกันเห็นชู้ตเอาๆลงหลายลูกแล้วครับผมกับไอ้เต้ก็นั่งกันอยู่ตรงสแตนข้างสนามนั้นแหละจนกระทั้งไอ้กราฟ เพื่อนในห้องที่ชอบอโลนมาเดินเข้ามาหาไอ้เต้



กราฟเป็นผู้ชายที่ผมคิดว่ากำลังออกไปทางผู้หญิงแต่ไม่เต็มร้อย..จะว่าไงดี เหมือนมันกำลังเตรียมความพร้อมมั่งครับ ? ผมอธิบายไม่เก่งอ๊ะ



"เต้ มานี้หน่อย เร็วๆ"



มันกวักมือจนไอ้เต้เดินไปยืนข้างๆ ผมเห็นมันซุบซิบอะไรก่อนไอ้เต้จะทำหน้าเหวอแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคื่องๆแทน ผมเห็นไอ้กราฟยัดแบงค์ร้อยสองใบใส่มือไอ้เต้ก่อนมันจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมเ้วยสีหน้าสะใจ



ตกลงพวกมึงทำอะไรกันวะ ???



ไม่ถึงนาทีไอ้เต้ก็เดินหน้ามุ้ยกับมาหาผมก่อนมันจะโยนคำถามมาใส่ผม



"มึงอยากให้ทีมชนะมั้ย ?"



"ห๊ะ"



"กูถามว่ามึงอยากให้ทีมชนะมั้ย ?"



"อยากดิ"



ผมตอบมันกลับ ก็แหมใครมันจะไม่อยากให้ทีมตัวเองชนะวะครับท่าน



"งั้นมึงมานี้ด่วนเลย"



มันว่าก่อนจะดึงแขนฉุดผมลงจากสแตนเชียร์ไปยืนข้างสนามก่อนจะป้องปากตะโกนตอนนักกัฬากำลังจะำัพักช่วงทดเวลาบาดเจ็บ



"สายฟ้า ไอ้หมอกบอกว่าถ้ามึงทำให้ทีมชนะได้ มันจะเลี้ยงสเวนเซนมึงงงงงงงงงงง"



เห้ย !!!



ผมหันขวับไปมองหน้ามันก่อนไอ้สายฟ้าจะวิ่งเหยาะๆมายืนใกล้ๆข้างสนาม



"จริงเหรอหมอก ?"



โอ้วววว สายตามึงอย่าคาดคั่นกุขนานนั้นได้มั้ยว่ะ ? 



ผมพยายามจะพูดปฏิเสธเพราะช่วงนี้กำลังกินแกลบแต่มือข้างที่โดนไอ้เต้ดึงไว้มันก็ยัดแบงค์ร้อยใส่มือผมก่อนจะขยิบตาให้ สรุปคือมึงไปรับส่วยมาจากไอ้กราฟสินะ ไอ้เพื่อนชั่ว - -



"อื้มม ถ้าชนะกูจะพามึงไปเลี้ยง'ติมเย็นนี้เลย โอป๊ะ"



ผมพูดเพราะเวลาการแข่งขันตอนนี้เหลือแค่10นาทีกว่าๆ ก็ตอนมันแข่ง20นาทีแรกมันยังชู้ตได้แค่10กว่าลูกเองนี้ครับ ไอ้เต้มันกระซิบกับผมด้วยว่าถ้ามันแพ้เงินสองร้อยไอ้กราฟมันจะให้ผมเลยหุหุ ได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง -..-



ไอ้สายฟ้าหันมามองหน้าผมก่อนจะชูนิ้วโป้งมาให้ ผมยิ้มจางๆส่งกลับให้มันก่อนจะทำแบบเดี่ยวกัน



"สู้ๆนะมึง"



ผมตะโกนไล่หลังตอนมันลงสนาม ถึงจะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ถ้ามันทำให้ทีมชนะผมก็โอนะ แต่สงสัยอยุ่ว่าไอ้กราฟเรียกไอ้เต้มันไปคุยทำไม จริงๆมันลงมาบอกไอ้สายฟ้าที่สนามเองก็ได้นี้หว้า ทำไมต้องผ่านไอ้เ้ต้ แล้วผ่านผมอีกรอบ ?



ช่างเถอะครับ เขาบอกว่าคนคิดมากจะแก่เร็ว



ผมเลิกคิดมากก่อนจะนั่งลงข้างๆสนามแม่มเลย ขี้เกรียจเดินกลับไปสแตนครับ ไอ้เต้ก็นั่งข้างๆผมนี้แหละ



แล้วเวลาแห่งการแข่งขันก็ดำเนินต่อไป





                                                              .............................................





"ไอ้ป๊วยยย"




ผมด่าไอ้สายฟ้าที่กำลังเดินข้างๆกันด้วยความโมโห ส่วนคะแนนบาสฯนะเหรอครับ



หึ...  42-.....59



ถ้ามึงจะทำได้ซะขนาดนี้แล้วจะยึกยักเพื่อ ??? หรือมึงอยากกินไอติมจนรอพวกคณะกรรมการของห้องมาปล่อยส่วยกันแน่



ถึงจะบอกว่าแต้มที่เหลือมันไม่ได้ทำเองหมดก็เถอะครับ แต่ผมกล้าพูดได้เลยว่าฟรอมของทีมสีน้ำเงินดีขึ้นมาหลังจากมันดังค์มรณะยัดเข้าห่วงไปชิวๆสองลูกจนทีมอีกฝ่ายรวน(เพิ่งรู้ว่ามันดังค์ได้ถึงมันจะสูงกว่าผมก็เถอะ) พอรวนปุบมันก็จัดการยัดเอาๆแทบจะวันแมนโชว์จนทีมพลิกกลับมาชนะขาดลอย



ไอ้สลัดผัก !!! ถ้าไม่มีไอติมมาล่อมึงจะชนะมั้ยวะถามจริง ?



"มึงอยากกิน'ติมขนานนั้นเลยเหรอวะ เล่นซะแป้นแทบพัง"



ผมเดินไปบ่นมันไป ตอนนี้เราทั้งคู่เดินกันอยู่ในห้างใกล้รร.ครับ จริงๆผมชวนเพื่อนทั้งทีมนั้นแหละมาเลี้ยงกะว่าจะซื่อถ้วยใหญ่แล้วแบ่งๆกันทานแต่พวกมันหันไปซุบซิบอะไรกันสักอย่างก่อนทุกคนในทีมจะหาเหตุผลมาอ้างว่าไม่ว่างกันยกทีมส่วนไอ้เชรี้ยเต้มันก็อ้างว่าไปรับแทน



อ้อ...ยกเว้นไอ้วันแมนโชว์นี้นะครับที่พอแข่งเสร็จก็มาทวงสัญญาเลย โถ้วววววไอ้ตัวห่วงกิน



"เปล่ากูไม่ได้อยากกินไอติม"



"แล้วมึงอยากกินอะไรวะ"



มันอมยิ้มขำผม อ้าวไอ้เชรี้ยนี้นิ คำถามกูมันน่าขำตรงไหน  - -



"กูอยากกิน...."



"อะไร"



"......อากาศ"



อะไรของมันวะ อยากกินอากาศ ?



แต่พอเห็นผมทำหน้างงมันก็เดินนำเข้าร้านซเว่นไปเลยอ้าวมาปล่อยมุกให้กูงงอีกแต่ผมก็เดินตามมันไปอยู่ดีมันเดินไปถึงก็จัดแจงเข้าไปจองโต๊ะใกล้ๆด้านในสุดเลยครับ ลืมบอกไปว่าตอนนี้มันอยุ่ในชุดบาสแขนสั้นเต็มยศติดตราโรงเรียน ส่วนผมปล่อยชายเสื้อนร.ออกนอกกางเกงครับ



"พี่ครับ เอาชุดนี้หนึ่งที่"



มันว่าก่อนจะจิ้มลงไปที่ไอติมชุดหนึ่งพร้อมทั้งเลือกรสที่ผมชอบแบบไม่ได้ถามจากปากผม(เยสสสสแมร่งเดาเก่งวะแต่ทำไมไม่สั่งแยกกินไปคนละถ้วยเลยวะ กินแบบนี้มันเหมือนแย่งกันเลยแหะ)



อาจจะเพราะวันนี้ไม่ึค่อยมีคนไอติมเลยมาแบบด่วนจี้ ประเด็นคือ...มีช้อนมาแค่คันเดียวผมเองที่เตรียมอ้าปากจะตะโกนขอช้อนอีกคันก็ถูกมันห้ามไว้



"สลับกันกินกับกูก็ได้ ...หรือมึงถือ"



มันยักคิ้วถามผม



"เออ กินคันเดี่ยวกันก็ได้กูไม่ได้ถือ"



พูดจบมันก็ยืนช้อนให้ผมตักกินก่อนครับ



"ไอติมมึง มึงก็ตักก่อนดิ"



ก็นี้มันเงินส่วยของห้องที่ทำให้มันพาทีมชนะ เท่ากับว่าไอติมนี้เป็นของมันไม่ใช่เหรอครับ ?



"กูยังไม่อยากกิน มึงกินก่อน"



อ้าว...เป็นงั้นไป



ผมไม่ว่าอะไรคว้าช้อนมันมาก่อนจะตักกินไปคำหนึ่ง รสชาติของไอติมค่อยๆละลายผ่านปาก .... เย็นดีจัง



พอผมกินมันก็เริ่มกินบ้างโดยการดึงช้อนจากมือผมไปตัดเข้าปาก



แล้วไหนมึงบอกไม่อยากกินไงวะ



ผมกับมันนั่งผลัดสลับกันทานไปเรื่อยๆแต่... ผมชอบทานเชอรี่มากครับแต่เชอรี่มันมีแค่ลูกเดี่ยวอ๊ะดิ



ทำไงดีวะ ???



"มึง ที่กูกินนี้มึงไม่ถือใช่มั้ย ?"



"ถ้ากูถือแล้วมึงจะไ้ด้นั่งกินกับกูยังงี้เหรอ"



"งั้นแบ่งเชอรี่กันคนละครึ่งลูกนะ"



ผมว่าก่อนจะหยิบลูกเชอรี่ขึ้นมากัดครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งผมยื่นไปจอไว้ตรงปากมัน



อ้าว ...แล้วมึงจะนิ่งทำไมวะ หรือมันโกรธผม



"กูแปรงฟันสะอาดแล้วนะ กัดเชอรี่ไปไม่เป็นพิษหรอก"



"เออ ก็ไม่ได้ว่าอะไร"



จบคำมันก็งับลูกเชอรี่อีกครึ่งหนึ่งตรงหน้า แม่มงับยังไงวะโดนนิ้วชี้ผมเข้าไปด้วย เค็มมั้ยล่ะมึง 555+



ต่อจากนั้นผมกับมันก็แย่งกันกินไอติมที่เหลือจนเกือบจะหมดถ้วย ตอนนี้5โมงกว่าๆแล้วครับ



"มึงจะรีบกลับไปไหนมั้ย ?"



มันถามผมก่อนจะช้อนไอติมเข้าปากไปอีกคำ



"ไม่อ๊ะ"



"งั้นไปดูหนังกัน กูอยากดูเดี่ยวกูเลี้ยงเอง"



ผมพยักหน้าตอบตกลง ของฟรีนะครับของฟรีอีกอย่างจะว่าไปแล้ว ผมกับมันยังไม่เคยมาดูหนังด้วยกันเลยนิหว่า




ื                                                                  -----------------------------------------------



ไหนขอเสียงFCพี่สายฟ้าหน่อยเร๊วววววววววววววววววววว   :mc4: :mc4: :mc4:


ปล. วันนี้แกะบ้าพลังจัง ลงไปได้ไง3ตอนรวด 5555+   :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:







หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.17[น้องหมอก][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-03-2014 21:38:56
 :hao7: มาสารภาพว่าแค่ตอนเดียวเทใจให้สายฟ้าไปเยอะเลย
ได้ความรู้สึกว่ามันจีบหมอกจริงๆ ฟินนนนนนนนนนนนนน
พี่ปันรีบๆนะ ไม่งั้นจะหนีไปเป็น FC สายฟ้าแล้ว

พี่ปันเริ่มเห็นหมอกสำคัญ ซึ่งตอนนี้เริ่มเบาใจว่าจะไม่ดราม่า? มั้ง
ปันก็น่ารักในแบบปัน

แต่ตอนนี้เชียร์สายฟ้ารัวๆ  :mew1:

ปอลิง: คุณแกะหายไปสองวันเลยเหรอ ตั้งใจทำงานนะ  o13
เรารออ่านนิยายด้วย(แบกดดัน) ได้อ่านทุกวันแล้วพอขาดหายไปมันแบบ.....  :hao5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.17[น้องหมอก][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 09-03-2014 22:27:41
กรี๊ดดดด fc พี่สายฟ้าค่าาาาาาาาาา  :m3: :m3: :m3:



พี่ปันยังไม่ทำคะแนนเลยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.17[น้องหมอก][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: atitayalnw ที่ 09-03-2014 22:34:24
 :-[ (0-0)/ เค้าๆๆ เค้าชอบผู้ชายอย่างสายฟ้า
น่ารักดีอ่ะ ชอบๆๆๆ โรแมนติกดีอ่ะ มีกินติมด้วย =\\\\=
 หมอกนี่ก็แบบอ่ะน่ะ เค้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก อึน หรือ อึน เนี้ย 5555
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.17[น้องหมอก][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 10-03-2014 00:17:26
ฮั่นแน่คิดอะไรกับหมอกอยู่จ๊ะตัวเอง  :-[
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.17[น้องหมอก][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: yamanaiame ที่ 10-03-2014 00:44:55
 :hao6: :hao6: กราฟ กราฟ กราฟ กราฟ กราฟ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.17[น้องหมอก][พาร์ท1]P.3[09/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 11-03-2014 13:04:12

หลังจากทานไอติมกันเสร็จผมกับไอ้ฟ้าก็ออกมาจากร้านซเว่นเซนด้วยอารมณ์กรุ่นๆของผม


ก็ดูสิครับ พอตอนสั่งเช็กบิลแทนที่มันจะให้ผมออกตังค์มันกลับยื่นแบงค์ร้อยของมันให้พนักงานแทนผมได้เงินมาเซฟก็จริงแต่นี้มันเงินมันนิครับ


"โกรธกูเหรอ"


มันคงสังเกตสีหน้าผมได้


"เออ กูโกรธ ไม่ชอบให้ทำงี้นี้มันเงินห้องที่เขาให้มึงไม่ได้ให้กู"


"งั้นเอางี้"


มันว่าก่อนจะแบมือมาขอแบงค์ร้อยซึ่งผมก็ส่งให้มันอยู่ดีก่อนเจ้าตัวจะกำเงินไว้แล้ววิ่งเหยาะๆไปที่ตู้บริจาคตู้เดิมที่ผมเคยหย่อนแบงค์พันของคุณลุงลงไปก่อนมันจะยัดแบงค์ร้อยสองใบลงตู้ไปก่อนมันจะวิ่งกลับมา


"สบายใจยังครับ"


มันถามหน้าทะเล้น


"ซั้ซ ไม่ต้องทำเสียงหวานพูดเพราะใส่กูเลยกูสยอง"


มาพูดคงพูดครับทำเสียงหวานๆนี้ไม่ไหวนะกูสยอง


มันเบ้ปากก่อนจะเดินเอาไหลมาคล้องคอแล้วเอามือขยี้หัวผมเล่นโหไอ้หมีควายตัวมึงก็ใหญแขนก็หนักยังจะมาพาดคอกูนั้น...ดูมันสิครับขนาดส่งสายตามองมันยังพิวปากกวนๆแล้วเดินคล้องไหล่ผมนั้นแหละ


เห็นว่าทำให้ทีมชนะหรอกนะ ยอมเมือยคอเป็นที่รองแขนให้มันสักวันก็ได้ครับ


เราเดินกันไปเรื่อยๆจนข้ามมาถึงโรงหนังเมเจอร์ฝั่งตรงข้ามครับ พอไปดูรอนหนังก็พอดีเลยมีรอบ17.20น.อยู่ครับตอนนี้5โมงสิบเองปัญหาคือเราจะดูเรื่องไรกันดี


"มึงอยากดูเรื่องไรอ๊ะ"


มันถามผม สายตาก็ไล่มองชื่อหนัง


จะว่ายังไงดีครับ คือผมก็ไม่ใช่พวกคอหนังแล้วก็ไม่ค่อยได้ดูหรอกครับส่วนมากทำงานซะมากกว่า


"กูดูเรื่องอะไรก็ได้อีกอย่างมึงเลี้ยงงั้นเลือกตามสบายเลย"


ผมตัดช่องน้อยแก้ปัญหาด้วยการให้มันคิดแทน


"งั้นเอาเรื่องนี้แล้วกัน"


มันว่าพร้อมชี้ชื่อหนังให้ผมดู เรื่องนี้เป็นหนังรักประเภทเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อครับคือผู้ชายนะมันแอบเผลอใจไปชอบเพื่อนมันเพราะคือช่วยเหลือกันตอนเด็กๆหรือยังไงเนี้ยละครับ ผมเองก็ลืมเรื่องย่อไปแล้วแต่เพิ่งรู้ว่ามันชอบดูหนังประเภทงี้(ขัดกับลุคหุ่นควายๆของมึงมากบอกตรง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะดูหนังบู๊แอคชั่นเดือดไรงี้ผิดคาดหนังรักเฉย)


พอเลือกหนังที่จะดูได้เจ้าภาพก็เดินไปซื่อตั๊วหนังกับของกินครับมันถือป็อปคอร์นแก้วใหญ่กับแป็ปซี่มาอย่างละแก้วครับ พอเสร็จสรรพพวกเราก็เดินเข้าโรงหนังกัน เพิ่งเห็นตั๊วว่ามันเลือกที่นั่งกลางๆครับ ไม่ใกล้ไม่ไกลกำลังพอดี เห็นจอชัดแต่ก็ไม่หนวกหูมากเกินไป


พอนั่งได้ที่ผมก็หยิบป็อปคอร์นเข้าปากดูหนังตัวอย่างไปพลางๆ อาจเพราะห้างนี้ใกล้รร.มั่งครับคนดูรอบนี้ส่วนใหญ่เลยเป็นพวกนร.เหมือนผมกันมันนั้นแหละเพียงแต่ส่วนมากเหมือนเป็นแฟนแล้วชวนกันมาดูนะครับ เห็นออเซาะกันเกิ้น คนโสดและหล่ออย่างผมอิจฉาครับ(กล้าพูดเนาะกู555)


"วันกีฬาสีรอบชิงมึงจะไปเชียร์กูมั้ย? "


มันถามลอยๆ


"ไปดิ ก็ห้องกูเหมือนกันนิ"


"งั้นกูจะชนะให้ดู แต่ถ้ากูแข่งชนะกูขออะไรสักอย่างได้มั้ยวะ"


ตามันมองหนังตรงหน้าที่กำลังเริ่มฉายแต่เสียงพูดมันดูจริงจังจนผมรู้สึกได้


"ถ้าให้ได้กูก็จะให้ บอกไว้ก่อนนะว่ากูไม่มีตังค์ซื่อของแพงๆให้มึงแน่"


จบคำผมมันก็หัวเราะร่วนก่อนจะเอามือมาขยี้หัวผมเล่นอีกรอบ(ชอบเล่นแบบนี้มึงตัดหัวกูเอาไปไว้เล่นเลยก็ได้นะ สึดดด)


"มึงให้กูได้แน่แต่จะให้กูรึเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง"


"อะไรนะ?"


มันพูดตอนเสียงหนังดังกลบพอดีครับ ฟังไม่ถนัดเลย ตกลงมันพูดอะไรวะ


มันไม่ตอบผมแต่ยิ้มพรายเจ้าเลห์แทน ผมขี้เกรียจเซ้าซี่มันเลยหันไปดูหนังต่อ


อื้ม.... แอร์เย็นดีจัง


ผมไม่ชอบฟื่นร่างกายตัวเองเท่าไรไม่นานผมก็ค่อยๆหลับลงไป



                                                                      ...........................................


"หมอก ไอ้หมอก"


เสียงไอ้สายฟ้าปลุกผมจากนิทราแถมหัวผมยังเอียงไปซบไหลมันอีก


"มึงหลับได้น่าเกลียดมาก"


มันว่าต่อ


ผมจุ๊ปากเบาๆเหล่ตามองมันก่อนจะสะบัดหน้าไล่ความเบลอหลังตื่นนอน


"ไม่ปลุกกูวะ"


"ก็เห็นกำลังหลับสบาย"


ผมไม่ว่าอะไรต่อแต่ลุกเดินตามมันไปเพราะคนเริ่มน้อยลงๆหลังหนังจบครับ


พอออกมาจากโรงหนังมันก็อาสาจะขี่มอไซร์ไปส่งที่บ้านมันบอกทางผ่านบ้านมันพอดีครับผมจัดแจ้งใส่หมวกกันน็อคสีเทาที่มันคว้ามาให้ก่อนจะโดดขึ้นซ้อนท้ายมัน


"จับดีๆนะมึง"


มันว่าก่อนจะบิดรถออกตัวไป


....แล้วก็ทำให้ผมสัญญากับตัวเองเลยว่า


กูจะไม่ซ้อนท้ายมึงอีกครั้งแน่นอน!!!!


"ขับนรกมากไอ้ซั้ซ"


พอถึงบ้านด้วยสภาพหัวฟู ผมอดไม่ได้จริงๆที่จะสถบออกมาส่วนมันนะเหรอครับ หัวเราะหน้าทะเล้นนี้ไง


"งั้นกูเข้าบ้านก่อนนะ"


"เดี่ยวๆ"


มันพูดก่อนจะควักอะไรบางอย่างออกมา พอเห็นเต็มตาเท่านั้นแหละผมแทบจะกระโดดตัวลอย


"กูให้"


มันพูดจบก็ยืนหนังสือ'108วิธีทำอาหารเยอรมัน'ให้ผม นี้มันแรร์บุ๊คเลยนะครับ!!!!! ผมเคยลากคอไอ้เต้ไปหาตามตลาดหนังสือเก่าๆหลามรอบแต่ก็ชวดหมดครับ


"ไอ้ฟ้าให้กูจริงเหรอ"


"เออ"


พอมันตอบรับทำนั้นแหละผมกระโดดกอดมันด้วยความดีใจ ต่อไปนี้ผมจะได้ฝึกทำอาหารได้มากขึ้น สกิลอาหารเยอรมันที่ไม่ถนัดผมจะได้ทำได้สักที่


"งั้นกูไปแหละ เจอกันพรุ่งนี้"


"เออ... เห้ย มึงไม่สบายป่าวหน้าแดงจัดเลยมึงเอายาไหม กูจะไปเอามาให้"


ผมทักตอนเห็นสีหน้ามัน แต่เจ้าตัวโบกมือปัดก่อนจะขับรถออกไป


ต่อให้ชีวิตผมมันจะเลวร้ายแค่ไหนแต่ผมดีใจนะที่ได้เจอเพื่อนดีๆอย่างไอ้ร่วมทั้งสายฟ้าด้วย


ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ....





                                                             ---------------------------------------------------


จริงๆแต่งเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่งานเมื่อวานบอกตรงๆว่าหนักมากที่สุดตั้งแต่เคยเจอมาเลย แต่ก็ดีนะ สนุกดี ได้เห็นแนวทางการตลาดใหม่ๆ  o13


เอาFCสายฟ้า เซอร์วิสจัดเต็มสุดๆเลยนะ   :hao7: :hao7: :hao7:


เจอกันEP.19กับพี่ปันครับ มารอดูกันว่า'คุณสิน'จะแก้ตัวยังไง   :z1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 11-03-2014 14:20:45
สายฟ้าน่ารักอ่ะ ไม่อยากให้เสียใจเลย


หาคู่ให้สายฟ้าด้วยได้รึเปล่าคะ  :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 11-03-2014 15:41:21
สายฟ้าน่ารักอ่ะ ไม่อยากให้เสียใจเลย


หาคู่ให้สายฟ้าด้วยได้รึเปล่าคะ  :impress: :impress: :impress:


หึหึหึ สงครามมันเพิ่งเริ่มครับ ......:hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 11-03-2014 15:47:57
+10 ให้สายฟ้า
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แปป  น่ารักมากข่าาาา ><
รู้สึกหลงรักตั้งแต่กันให้2เทิร์น +ขอจบ +ให้หมอกตีง่ายๆ #ทุกอย่างก็บอกไปป
ปลื้มมากข่าาาา   

$$$วิบัติเพื่อเสียง

ดราม่ายังไม่มาสายฟ้ายังมีสุข เกิดดราม่ามาละเดี๋ยวจะทุกข์แทน
เรื่องชีวิตกว้างๆนี่พี่ปันคงจัดการสินะฮะ ... ให้กำลังใจจจจค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 11-03-2014 16:52:28
อะเหื้ออ สายฟ้ามาไม่กี่ตอนดึคะแนนแม่ยกไปหมดเลย เปลี่ยนใจครั ขอสมัครFCสายฟ้าด้วยคน อร้ากกกกกกกกกกก
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 11-03-2014 20:13:59
ไม่รุ้จะ FC ใครดี  :impress2:

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-03-2014 22:21:07
เอ่อออออออออ อยากจะถามคุณแกะว่า
.......................
...............
..........
......

เปลี่ยนพระเอกตอนนี้ทันมั้ย  :mew1:
ถึงพี่ปันจะไม่ได้ผิดอะไรแต่ตอนนี้ เทใจให้สายฟ้าสุดๆแล้วอ่ะ
ตอนที่แล้วมุ้งมิ้ง ตอนนี้ก็ยังมุ้งมิ้ง สายฟ้าน่ารักอ่ะ
อยากจะจิ้นให้สองคนนี้เป็นแฟน ภาพมันลอยมาเป็นฉากๆยิ่งกว่าพี่ปันอีก ฮ่าฮ่าฮ่า
ตอนนี้สัมผัสความเป็นคนที่มีจิตใจดี? ที่น่าจะเข้ากับหมอกได้และ พร้อมที่จะอยู่กับหมอก
คอยเป็นห่วงเป็นใย ที่สายฟ้าพูดถึงงานีฬาสี น่าจะขอหมอกเป็นแฟน

หมอกเอ๋ยย ถ้า ผช คนนี้แกไม่เอา
ฉันขอเถอะนะ
#ไปซื้อแหมาจับสายฟ้าเข้าห้อง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 11-03-2014 22:42:50
เอ่อออออออออ อยากจะถามคุณแกะว่า
.......................
...............
..........
......

เปลี่ยนพระเอกตอนนี้ทันมั้ย  :mew1:
ถึงพี่ปันจะไม่ได้ผิดอะไรแต่ตอนนี้ เทใจให้สายฟ้าสุดๆแล้วอ่ะ
ตอนที่แล้วมุ้งมิ้ง ตอนนี้ก็ยังมุ้งมิ้ง สายฟ้าน่ารักอ่ะ
อยากจะจิ้นให้สองคนนี้เป็นแฟน ภาพมันลอยมาเป็นฉากๆยิ่งกว่าพี่ปันอีก ฮ่าฮ่าฮ่า
ตอนนี้สัมผัสความเป็นคนที่มีจิตใจดี? ที่น่าจะเข้ากับหมอกได้และ พร้อมที่จะอยู่กับหมอก
คอยเป็นห่วงเป็นใย ที่สายฟ้าพูดถึงงานีฬาสี น่าจะขอหมอกเป็นแฟน

หมอกเอ๋ยย ถ้า ผช คนนี้แกไม่เอา
ฉันขอเถอะนะ
#ไปซื้อแหมาจับสายฟ้าเข้าห้อง  :hao7:


ระวัง'ว่าที่'แฟนเขาหึ่งนะครับ 5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.18[น้องหมอก][พาร์ท2]P.3[11/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 13-03-2014 19:41:04

ตอนพิเศษที่คิดว่าคนอ่านคงไม่อยากอ่าน แต่คนเขียนอยากจะลง[ทำใจนะ แกะมันเกรียนนนนนนน 5555+ :hao7:]


"การผจญภัยของไอ้แกะกับงานพิเศษ[1]"


'เช้าแล้ววันนี้ยังไม่สาย ตื่นมาก็ร้องเพลงถึงเธอ...'


เสียงนาฬิกาปลุกดังรั่วๆก่อนนายแกะจะตาสว่างขึ้น แหมมมมม ฟังจากเพลงแล้วคิดว่าแสงแดดจะปลุกส่องแกะใช่ป๊ะ


โน !!! แสงแดดที่ไหนจะมีมาตอน'ตี4'ครับ  -   -


ไอ้แกะบิดซ้าย บิดขวา ก่อนจะกลิ้งตัวไปมาและ...'ตุ้บ'ตกเตียง


เอาเหอะ ข้ามๆฉากน่าเกลียดไปบ้างเนาะ เรื่องของเรื่องคือวันนี้มีจ็อบพิเศษครับ ต้องไปออกงานนอกสถานที่ซึ่งออฟฟิต(เขียนงี้ป๊ะ ???)ของแกะโคตรรรรรจะอยุ่ห่างไกล แล้วพี่เขาก็นัด6โมงเช้า อีแกะจึงต้องตื่นมาตอนตี4แบบบงัวเงีย(จริงๆพี่เขาถามเราแล้วล่ะว่าไหวมั้ย แต่ก็นั้นแหละ แกะมันงก งานไหนก็รับหมด :hao7:)


กายพร้อม ใจพร้อม แกะทำได้ !!!!....


ตี4 .30 แกะหายร่างไปอยู่ตรงป้ายรถเมล์อนุเสาว์รีชัยฯก่อนจะเดินไปซื่อของที่มินิ7-11 บอกพี่เขาว่า

"เอาลาเต้กับแซนวิสครับ ที่มันโปรโทชั่นนะ"

"มีแต่กาแฟธรรมดานะค่ะ"

แกะพยักหน้า ก่อนพี่คนขายจะหันไปกดน้ำแข็ง


เดี่ยวนะ ... คือ ....แกะสั่ง 'ลาเต้'ที่เป็นกาแฟกระป๋องกับแแซนวิส ไม่ใช่กาแฟเย็นเป็นแก้วแบบนี้นะครับ


แต่ก็นะ แกะเป็นคนง่ายๆครับ ช่างมันเถอะ [ไม่ค่อยมีปัญหาในการกินขอแค่เขมือบแล้วไม่ตายพอ -3-]


10นาทีผ่านไป แกะัหิวมากกกกกกกก แซนวิสทำไมอบนานจังวะ เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ -  -********


"ได้แล้วค่ะ ขอโทษนะค่ะที่ทำให้รอนาน พอดีเครื่องมันเำพิ่งเปิดนะค่ะ"


พี่คนสวย(มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)อีกคนที่มาขายด้วยเป็นคนยื่นแซนวิสให้แกะพร้อมกาแฟ


โอ้ววววววววววว ไม่เป็นไรครับพี่สาว แกะไม่ถือ [คนสวยส่งให้ทั่งที่ แหมมมมม อร๊อยอร่อย  :hao6:]


พอได้ของแกะก็เดินไปหาคนขายไก่


"น้าครับ มี4-2 ผ่านมั้ยครับ"


"มี"

คุณน้าว่าสั้นๆก่อนจะสับไก่ดังฉึก ฉึก ฉึก


"ขอบคุณครับ"


แกะรีบพูดก่อนจะเดินไปนั่งสงบตรงป้ายนั้น แบบ...กลัววะ แถวนี้ยังมืดๆอยู่ด้วย


5นาทีผ่านไป  แกะยังเฉยๆ


15นาทีผ่านไป  แกะเริ่มเดินไปเดินมา รถเมล์4-2ค่ะ คุณไปอยู่ไหน ???


การตื่นมาเตรียมพร้อมตั้งแต่ตี4ไม่ได้ช่วยอะไร หากรถเมล์ที่คุณจะไป... ยังไม่ออกวิ่ง #อีแกะกล่าวไว้ ณ จุดๆนั้น


จนกระทั้ง.....


'ตื่ดๆๆๆๆ'


แกะหยิบมือถะือขึ้นมาดูก่อนพี่ทีุ่คุมงานจะกรอกเสียงลงมา


"โหล น้องแกะอยู่ไหนแล้ว"


"อนุเสาวรีครับพี่"


"งานพี่เริ่ม 6โมงนะ"

แกะเริ่มกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะกรอกเสียงกลับไป


"ครับพี่ ถ้าไม่ทันเดี่ยวนะวินไปครับ"


พอวางสายปุบแกะก็เริ่มมองหารถวินก่อนจะเดินไปหาพี่วิน


แกะ : ไปหน้ารามเท่าไหร่ครับ

วินซี๊ด : 250ครับน้อง ราคานี้ถูกที่สุดแล้วนะ

แกะ : ....////นับเศษเงินในตัว รวมแล้วได้ทั้งหมด...73.50บาทถ้วน  -  -"

วินซี๊ด : ^_____^

แกะ : ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับพี่

แกะรีบจรรีเดินออกมาก่อนจะคิดวนไปวนมา เอาไงดีวะกู -  - ถ้าไปสายแย่แน่ๆ

สุดท้ายก็โบกแท็กซีแมน


แท็กซีแมน : ไปไหนครับน้อง

แกะ : ไปหน้ารามครับพี่

แท็กซีแมน : ตรงไหนครับน้อง ???

แกะ : ...////เพิ่งเคยไปออฟฟิตไม่กี่ครั้งเอาไงดีวะกู

แท็กซีแมน : มันมีจุดเด่นอะไรมัย้ ? แบบ ตรงข้ามห้างหรือไรงี้

แกะ : เออ พี่ มันมีไก่อ๊ะ ไก่ตัวใหญ่มากกกกกกกกกกก 2ตัวยืนคู่กัน

แท็กซีแมน : อ้อออออออออออ เคร่ๆน้องขึ้นมาเลย

สรุปแล้ว ขอบคุณคุณไก่มากครับ ถ้าไม่มีพี่ไก่ เช้านี้แกะคงไปไม่ถึงออฟฟิตวะ   :hao5:

พอไปถึงออฟฟิตรวมค่ารถแล้ว 105บาท ถูกกว่าพี่วินซี๊ดดดดด แบบไป-กลับยังเหลือเงินกินหนมตั้ง40บาท [พี่วินซี๊ดดดดดด โหดจัง กระซิกๆ]


แต่...อย่าลืมนะ ว่าแกะมีเงินแค่ 73.50บาท  - - 


"พี่Pครับ แกะยืมหน่อยครับ30บาท"

พี่P พี่สาวผู้แสนใจดีพ่วงด้วยตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลของที่นี้ควักเงินให้แกะแบบชิลๆ ก่อนอีแกะจะวิ่งหางชี้(?)ไปจ่ายเงินค่ารถ


ตอนนี้ที่ออฟฟิตกำลังวุ่นวายได้ที่เลยละครับ วันนี้เป็นวันส่งของให้ลูกค้านิ


"น้ิองแกะขึ้นแพ็คของข้างบนนะ แล้วแพ็คเสร็จค่อยลงมา"


แกะพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งขึ้นไปข้างบน แล้วค่อยๆแ็พ็กพี่โอ้ที่ละชิ้นๆ สักพักหนึ่งมี่ผู้ชายอายุมากกว่าแกะขึ้นมานั่งเล่นกับหมาตรงโต๊ะข้างบน


ใครวะ ??? ไม่เคยเห็นหน้าเลย หรือเด็กพาร์มไทม์


"นาย... นาย"


ผมเรียกมันก่อนไอ้คุณคนนั้นจะชีหน้าตัวเอง เออครับ กูเรียกมึงนั้นแหละ คงไม่ได้เรียกไอ้เพรชหมาที่นอนข้างๆมึงหรอก 


"เรียกเราเหรอ ?"


"อื้ม มาช่วยแพ็คของสิ เขาจ้างมาก็ทำให้คุ้มดิวะ อย่าอู้"


แกะบ่นยาวกว่านี้มาก แต่ขอพิมพ์แค่นี้พอ...


ด้วยการอนุมาน(มโน)ไปเองว่าไอ้เด็กนี้มันต้องทำพาร์ทไทม์กับที่นี้แน่ๆ เลยใช่มันมาช่วยแพ็คของซะเลย   :hao3:


มันก็ดีนะ โดนใช้ก็ไม่บ่นสักคำ เดินมานั่งลงช่วยแพ็คพี่โอ้ที่นอนกองกับพื่น


1ชม.ผ่านไป แพ็คเสร็จแล้วจ๊ะ ต้องขอบคุณไอ้เด็กนี้นะ อุส่าห์ช่วยจนเสร็จ  +  +


พี่Pขึ้นมาตรวจงานก่อนจะพูด


"อ้าวลูก ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ ?"


เดี่ยวนะค่ะเจ๊ เจ๊Pเรียกเด็กคนนี้ว่าอะไรนะ ??? เพื่อบ้างที่อีแกะอาจจะมีขี้หูหนามากจนทำให้ได้ยินอะไรเพี้ยนไป



"ครับแม่ พอดีSมาช่วย'น้อง'เขาแพ็คของนะครับ"



ถ้านี้เป็นนิยาย เชื่อมั้ยว่าอีแกะเหงือออกเต็มหน้าแล้วจ้าาาาา ต้องบอกว่าไม่มีหน้าแล้วสิ เพราะมัน'แตกละเีอียดยับ' =  ="   :z3:


"ไปอาบน้ำไป เดี่ยวไปเรียนไม่ทัน"


อาเจ๊ไล่ก่อนคุณพี่เข้าจะหันมายิ้มๆให้แกะแล้วเดินจากไป


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนคุณจะใช้งานคนไม่รู้จัก กรุณาสอบถามเขาก่อนว่าเป็นอะไรกับคนที่นี้รึเปล่า ??? ไม่เช่นนั้นอาจหน้าแตกละเอียดยับได้เหมือนแกะ 

หลังจากนั้น อีแกะก็ได้แต่ขนพี่โอ้ขึ้นรถไปแบบเงียบๆ ....

ประมาณครึ่งชม.เห็นจะได้ระหว่างที่แกะขนของขึ้น


ไอ้คุณS ที่ใส่เสื่อผ้านักเรียนเต็มยศพร้ัอมติดตราโรงเรียนเดี่ยวกับน้องหมอกเดินลงมาถึงชั้นล่าง


"แม่Sไปก่อนนะ ...พี่ไปก่อนนะ"


ประโยคหลังคุณท่านหันมาพูดกับแกะ


เชื่อมะ ??? แกะฟังแล้วนึกถึง'ไอ้เต้'ขึ้นมาเลย  - - 


แบบลุคส์ ประมาณนี้อ๊ะ กวนๆ แมนๆเต็มขั้น  แต่ไม่ขอเจอแบบนี้นะ มันหน้าแตกมากไปวะ   :heaven


หลังจากขนพี่โอ้ แพ็คของทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จ แกะก็เดินทางไปพร้อมกับพี่ๆ ในฐานะพนักงานเบ้ดเตล้ด


โอเค...พนักงานเบ็ดเตล็ด มันดูดีไป แปลง่ายๆนะครับ 'เบ๊สะดวกใช้ -  -'


หน้าที่ของแกะก็อย่างที่เกริ่นนำไป ยกของ ขนของ คอยอธิบายและประสานงานกับลุกค้า(ผู้แสนจะเรื่องมาก...เอ๊ย ละเอียดรอบครอบบบบบบ  -  - )


หน้่าที่สุดท้ายคือ... ยกของขึ้นรถ6ล้อ


คนขับรถคนนี้เป็นคนดีมากนะครับ....


ดีออกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


คิดดูนะ แกะแบกของไปมา 5ชม.เต็มๆ มันยืนสะกิดเท้ารอ โอ้... ไอ้....$$#$^$@#%


จนกระทั้งแกะขนของลงเสร็จแล้วนั้นแหละ เหลือฟิวเจอบอร์ดแผ่นหนึ่งที่ต้องเก็บเข้าไปไว้ในโรงงาน


อีคนขับรถ6ล้อเดินมาอย่างเท่ ก่อนจะยื่นฟิวฯแผ่นนั้นให้่บอร์ด


......เคยฟังเพลง อย่าเป็นคนดีในวินาทีสุดท้ายป๊ะ แบบฟิลนั้นแกะได้ยินเสียงพี่โฟร์พี่มดดังข้างหูมาเลยอ๊ะ แบบมึงครับ ไม่ต้องก็ได้นะ เกรงใจวะ ตั้งฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นหนึุ่งแนะ ดีออกกกกกกกกกกส์  -  -


หลังจากนั้นอีแกะที่หมดพลังงานไปกับการขนของขึ้นรถ ก็เหลือจุดหมายปลายทางสุดท้าย


'สถานที่ส่งของ'ครับ


เมื่อไปที่จุดหมาย พี่'เบาหวิว'ผู้ติดต่อประสานงานก็เดินมาหาเจ๊P


"เดี่ยวขนลงมากองไว้หน้าโกดังก่อนนะค่ะ"


ก่อนจะเข้าใจผิดกัน แกะขออธิบายรูปร่างพี่เบาหวิวก่อนนะครับ


คุณเคยเห็นโอ่งมังกรของเพรชบุรีแบบขนานใหญ่เวอร์มั้ยครับ ??? นั้นแหละ พี่'เบาหวิว' (ประชดสุดพลัง -  - นี้พุดเลย)


"น้องค่ะ ยกมาไว้ ตรงนี้ ๆๆๆๆๆๆๆ"


บลา บลา บลา ๆๆๆๆ  แกะก็ยกไปไว้ตามที่เขาสั่งและนะ เอาเถอะยังไงก็ได้


อนึ่ง สินค้าที่แกะนำไปส่งมันเป็นฟิวเจอร์บอร์ดใช่มั้ยครับ ? มันก็เบามากกกกกก แน่นอนว่าเปราะมาก ยกแต่ละที่นี้ต้องระวังกันสุดชีวิิต


พอเอาลงมาจากรถเสร็จ ตอนนั้นลมแรงมากครับ ฟิวเจอร์บอร์ดพี่โอ้ล้มละเนระนาดเลย  (พี่โอ้ของแกะะะะะะะ  T T)


ก่อนพี่เบาหวิวจะพูดกับเพื่อนเขาว่า


พี่เบาหวิว : ขวัญ ลมแรงจังเลย แบบนี้เบาหวิวจะปลิวมั้ยเนี้ย


คุณพระ !!!!


ถึงแกะจะอึด ถึก ทนปานน้องๆแรด ขนานไหนก็เถอะ แต่คุณกุเชื่อจริงๆนะว่า ยังไงๆผมก็เบากว่าคุณมรึงแน่นอน ขอโทษเถอะ ลมที่จะพัดเจ๊ขึ้นนะ มันต้องน้องๆพายุไซโคนู้นนนนนนนนน กะอีแค่สายลมแค่นี้ ถามจริงๆตอนมันพัดพี่รู้สึกรึเปล่าเหอะ


หลังจากขนตามที่คุณเบาหวิวสั่งจบ แกะก็เดินไปเคลียร์ของเตรียมตัวกลับ


ตอนนี้สภาพอีแกะเป็นเยี่ยงนี้


ปากอมชมพู(ซีดจนไร้เลือด)ผิวขาว(กว่าถ่านนิดหน่อย) ตาเป็นประกายล่องลอย(จะเป็นลมแดดแล้วครัชชชชชชช)


เหมือนตัวละครที่กำลังหมดแรงอ๊ะ นี้พูดเลย


หลังจากขึ้นรถแกะก็นอนพิงกระจกไป ก่อนรุ่นพี่อีก2คนที่เป็นเด็กช่างจะขึ้นมานั่งด้วย ก็เบียดๆกันไปนะน่ะ


แกะหลับไปสักพัก รู้สึกไหล่หนักๆวะ พอลืมตาขึ้นมาเห็นหัวไอ้คุณพี่เด็กช่างมานอนซบ


คิดถึงเรื่อง 'เด็กช่างรักจริง คุณเคยได้ยินมั้ยครับ ?' ที่พี่คนหนึ่งในเล้าเป็ดแต่งไว้เลย


คุณพี่ครับ นอนแบบนี้ถามจริง ไม่กลัวถูกลักหลับเหรอครับ ???


แน่นอนว่า ด้วยความที่แกะเป็นคนดีมากจึง....


เอาหัวคุณพี่ไปซบกับคุณเพื่อนมัน


คือแบบ ฟินมันก็ฟินนะ แต่กูหนักวะ แล้วหัวคุณมรึงเหงือทั้งนั้นเลยนะเว้ยยยยยยย   :serius2:


ไปอาบน้ำมาก่อนแล้วค่อยมาซบนะครับ พี่เด็กช่าง   :-[ (ได้ยินพี่เขาคุยกับว่าเรียนปีนี้จบแล้วนะ ดีเนาะ ขยันทำงานด้วย เรียนจบสุงด้วย พี่อยากได้ศรีภรรยาเป็นของแปลกมั้ยครับ  :impress2:  ??? 5555555555555555555555+)


สุดท้ายกลับมาถึงออฟฟิต อีแกะก็ขึ้นไปยืนรอรับเงิน


"อ๊ะ นี้ของน้องแกะนะ"


หากแกะเปรียบเสมือนตัวละครที่กำลังหมดแรง แบงค์สีม่วงตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรจากยาเพิ่มพลัง


"ขอบคุณครับพี่ พน.เจอกันครับ  :bye2:"


แกะรับมาก่อนจะสอดใส่ไว้ในกระเป๋าเงิน แน่นอนว่าให้แม่400ขอเก็บไว้ซื่อนิยาย100หนึ่ง
ครับ   :laugh:



จบแล้ว การผจญภัยหนึ่งวันของแกะ


เดี่ยวนะ ใครอยากฟังแกเล่าวะ ???


5555 ก็ไม่รู้่สินะ แกะอยากเล่าอ๊ะ  :hao7:


เอาเป็นว่า แป๊ปหนึ่งนะ เดี่ยวพี่ปันมาแน่ๆ คืนนี้แหละ ตอนนี้ขอตัวก่อนสักครู่แล้วเดี่ยวพี่ปันจะตามมางับ  :hao3:


ปล. พรุ่งนี้ไปใส่ชุดหมีด้วย  :impress2:  ไม่เคยใส่เลย น่าลองใส่เนาะ



หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...E.Pพิเศษ(มั่ง) ตอน แกะน้อยผจญงาน P.4 [13/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 13-03-2014 21:19:26
แทนคำขอโทษที่มาส่งพี่ปันไม่ทัน

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41333.0

สมใจแล้วนะครับ แม่ยกสายฟ้า  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...E.Pพิเศษ(มั่ง) ตอน แกะน้อยผจญงาน P.4 [13/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-03-2014 21:49:33
อ่านประสบการณ์คุณแกะ
ทั้งฮา  :m20:
ทั้งสงสาร  o18
ทั้งน่าจิ้น น่าฟิน  :impress2:
สนใจเด็กนักเรียนกับเด็กช่าง หึหึ

อ่านประสบการณ์คุณแกะพอเข้าใจแล้วว่าทำไม ได้แรงบันดาลใจบ่อย
ที่แท้มันมีอะไรให้จิ้นนั่นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า
ตอนนี้ในหัวกำลังจิ้นอยู่  :hao6:

ปอลิง: ทำร้ายสายฟ้าของฉันทำไม  o22
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...E.Pพิเศษ(มั่ง) ตอน แกะน้อยผจญงาน P.4 [13/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 14-03-2014 22:14:57

"แล้ว...ไปทานอะไรสงเดชถึงได้อาหารเป็นพิษ"
คนตรงหน้าผมถามขึ้นพร้อมสายตาสงสัยที่มองสลับกันไปมาระหว่างผมกับใบรับรองแพทย์ปลอมๆที่ไอ้เฟรมหามาให้ผม


'สงสัยผมล้างวัตถุดิบไม่สะอาดมั่งครับ'


ผมเขียนใส่กระดาษก่อนจะยื่นให้น้องมันอ่าน


"ระมัดระวังดีๆ ส่วนอันนี้เบอร์ผม ถ้าเกิดแอสซิเดนอะไรอีกก็ส่งข้อความมาหาผมได้"


เจ้าตัวว่าก่อนจะเขียนเลขสิบหลักส่งกลับมาให้ผมแล้วหันไปยุ่งกับกะทะต่อ


จะพูดยังไงดีว่ามีแล้ว


เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยผมรับกระดาษแผ่นนั้นลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปควัาเอี๊ยมแล้วเดินเข้าไปแต่งตัวหลังร้าน วันนี้ลูกค้าค่อนข้างหนาตาเป็นพิเศษครับอาจเป็นเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดยาว3วัน


ตอนนี้ในครัวกำลังวุ่นวายได้ที่เลยครับเพราะลูกค้ากลุ่มหนึ่งในวัยกลางคนยกกันมากินเลี้ยงฉลองวันเกิดครับ


"น้องหมอก ลูกค้าสั่งเค้ก2ปอนด์นะ ครึ่งชม.ทำทันไหม? "


เจ๊อินที่กำลังง่วงกับกะทะตรงหน้าถามขึ้นมา คิดดูว่ายุ่งขนาดไหนขนาดเจ้าของร้านยังต้องโดดลงมาช่วย


"พอไหวครับ ในตู้เย็นมีเนื้อเค้กสำเร็จรูปพอดีครับพี่ แต่งหน้าก็คงทันอยู่"


มันพูดไปทำไป ตอนนี้พ่อครัวห้าคนในครัว(ร่วมทั้งผม)หัวหมุนติ๊วๆเลยครับ


"พี่สินหยิบเนื้อเค้กสำเร็จรูปในช่องฟิตให้หน่อย"


ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินไปเปิดช่องฟิต คว้านสายตามองหาไม่นานก็เจอก้อนเนื้อเค้กสำเร็จรูปที่ถูกห่อด้วยพลาสติกใสซ่อนตัวอยู่ริมซ้ายมือแต่มันแข็งโป๊กมากครับ ผมสงสัยว่าจะกินเข้าไปได้ยังไงแด่ก็รีบถือไปให์น้องมันอยู่ดี


พอยกไปให้น้องมันก็จัดแจงเอามีดผ่าพลาสติกใสออกก่อนจะใส่จานร้อนเอาเข้าตู้อบอาหารของร้าน


ไม่ถึงห้านาทีก็เอาออกมา ก้อนเค้กที่ตอนแรกแข็งโป๊กกลับฟู่นุ่มขึ้นมาจนตาสังเกตได้ หมอกยกหม้อช็อกโกแลตที่ตั้งไฟลงมาจากเตาก็จะใช้กระบวยตักราดไปที่เนื้อเค้กจนทั่วก้อน กลบสีขาวนวลของเนื้อเค้กได้สนิท ทิ้งไว้ไม่ถึงนาที่ก่อนจะเอาช้อกครีมใส่ขวดแล้วแต่งหน้าเบาๆตามคำอวยพรที่ลูกค้าเขียนสั่งมาให้


ไม่ถึงสิบนาทีเค้กวันเกิดก็ออกมาสมบูรณ์แบบ


"้เอาไปเสิร์ฟไำด้เลยครับ"


หมอกว่าหลังจากทำเค้กเสร็จ ผมเองก็มือกำลังเป็นระวิงกับผัดผักบุ้งของลุกค้าอีกโต๊ะ ตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นนาทีทองลูกค้าเข้าร้านแทบจะเรียกได้ว่าโต๊ะนั้นกินเสร็จก็มีคนมาต่อ


และผมคะเนว่า ...อาจจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าของในครัวจะหมด ไม่ก็พ่อครัวหมดแรงกันซะก่อน



                                                                     .................................



"ขอบคุณมากๆนะครับ"


เสียงส่งแขกชุดสุดท้ายดังขึ้นหลังจากลูกค้าเข้าออกจากร้านตั้งแต่ห้าโมงยิงยาวมาถึงสองทุ่มครึ่งกว่าๆ หลังจากมาราธอนอาหารในที่สุดทั้งพ่อครัวทั้งเด็กเสริฟ์ก็ได้มีโอกาสพักหายใจหายคอกันสักที่...


ยกเว้นผม


"เอาล่ะ ว่างแล้ว ไหนพี่สินลองทำอาหารให้ผมทานมาหนึ่งอย่าง"


น้องหมอกพูดขึ้นหลังเห็นว่่าร้านสงบลงเรียบร้อยแล้ว


ชักอยากให้มันยุ่งอีกจริงๆ อย่างน้อยๆผมผัดแบบยุ่งๆก็ยังมีน้อมันมาคอยช่วยปรุง แต่ถ้าทำเองผมก็ไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่เลยนะสิครับ ฝึกเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่แล้วก็โอเคอยู่หรอก แต่ดันเข้าโรง'บาลไปซะนี่


สุดท้ายพอเจอสายตากดดันมากๆ ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปค้นวัตถุดิยในตู้แช่แข็ง


ไม้ตายสุดท้ายที่ฝึกมา... ซุปไก่


น้องหมอกยืนดูผมเลือกวัตถุดิบอยู่ข้างๆก่อนจะพูดลอยๆออกมาหลังจากผมกองวัตถุดิบทั้งหมดไว้ข้างๆอ่างล่างวัตถุดิบ


"ซุปไ่ก่จะอร่อยส่วนมากเขานิยมใช้น่องไก่น่องเล็กๆกัน"


แม้จะเป็นเหมือนคำพูดลอยๆแต่ผมรู้ว่าน้องมันกำลังใบ้ให้ผมฟัง มันก็เก่งเนาะเห็นแค่นี้ก็คาดเดาเมนูได้แล้ว


ผมแอบยิ้มในใจให้กับคนปากหนักตรงหน้า แม้จะบอกให้ผมทำเองแต่น้องมันก็แอบๆใบ้ช่วยๆอยู่ดี ผมเอาน่องไก่น่องใหญ่เก็บตามคำแนะนำก่อนจะเลือกแต่น่องเล็กๆออกมาแล้วค่อยๆจัดการฝานเนื้อไก่น่องเล็ก หมอกทำตัวเป็นผู้ชมที่ดีดูผมทำเงียบๆแต่ถ้าขั้นตอนไหนที่น้องมันเห็นว่าไม่เวิร์คเจ้าตัวก็จะพูดลอยๆออกมาเอง


แน่นอนว่าผมทำตามแบบไม่โต้แย้งอยู่แล้ว


ไม่ช้าไม่นานนักซุปไก่ถ้วยเล็กก็เสร็จสมบูรณ์ด้วยการทำของผมและการแอบช่วยใบ้ของน้องมัน ผมเตรียมจะยกออกมาให้น้องมันชิมแล้วครับถ้าไม่ติดว่าเสียงเจ๊อินเดินเข้ามาขัดเอาซะก่อน


"หมอก ออกมานี้เร็วๆเข้า นายด้วยนะย่ะนายสิน"


เจ๊อินทำเสียงตกใจก่อนจะลากไ้อ้ตัวเล็กออกไปจากห้องครัว พร้อมๆกับผมที่ออกไปข้างนอก


พอออกมาก็พบว่าพี่ๆเด็กเสิร์ฟกำลังยืนเรียงแถวต่อจากเซฟในร้านต้นเหตุคือชายสูงวัยสองคนที่กำลังก้าวเข้ามาในร้านต่อให้โง่เง่าขนานไหนก็ต้องรู้ว่าเป็นคนระดับใหญ่โต ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นกับแขกวีไอพีก่อนร้านใกล้ปิด ผมเองก็ไม่แตกต่างกันเพียงแต่เหตุผลที่ผมตื่นเต้นไม่ใช่เรื่องนั้น..


"สวัสดีครับ พ่อครัวฝึกหัด ชื่ออะไรนะเรา นายสินใช่มั้ย ?"


ผู้ชายวัยเลยกลางคนที่ดูท่าทางทรงอำนาจเดินมาหยุดอยู่ที่ผมก่อนจะพูดทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส


ผมคงไม่รู้สึกตื่นเ้ต้นหรือเครียดอะไร...


.......ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่'พ่อ'ของผมเอง



                                                              ...............................................



 ขอบคุณทุกคนมากครับ

               
แกะซ่า :pig4:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... E.p 19 [พี่ปัน] P.4 [14/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-03-2014 23:56:23
 :hao3: คุณพ่อมาทักลูกชายเดี๋ยวความก็แตกหรอก
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... E.p 19 [พี่ปัน] P.4 [14/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 15-03-2014 21:17:22
"พี่สินพูดไม่ได้ครับท่าน"

ผมก้าวออกไปอยู่ด้านหน้าข้างๆพี่อินในฐานะพ่อครัวของร้านมือรอง แม้ร้านของเราจะไม่ใช่ร้านในเครือของห้างแห่งนี้แต่บุคคลสองคนตรงหน้ามีสิทธ์และเสรีเต็มที่ในการที่จะเซ็นต์แค่กึกเดี่ยวแล้วพวกเราจะไม่มีที่ทำมาหากิืน

"อื้ม...สวัสดีครับคุณหมอก"

"ไม่ต้องเติมคุณหรอกครับท่าน"

เพราะรู้สึกว่าได้รับเกรียตร์มากเกินไปกับคำว่าคุณผมเลยรีบตอบกลับไปล

"งั้นหมอกก็ห้ามเรียกอาว่าท่านได้มั้ย เีีรียกแค่อาก็พอ เรียกท่านแล้วมันเิขิน"

ท่านตอบกลับมาอย่างเป็นกันเอง

"ได้ครับคุณอา"

คนแรกที่ทักทายขึ้นมายังไม่น่าตื่นเต้นเท่าบุคคลตรงหน้าอีกคนที่กำลังมองผมด้วยรอยยิ้ม

"สวัสดีครับ พ่อครัวน้อย"

"สวัสดีครับท่าน"

คุณลุงที่ครั้งหนึ่งเคยมาใช้บริการร้านเรา วันนี้มาในชุดสูทเต็มยศพร้อมกับคุณอาเจ้าของห้าง เล่นเอาพี่ๆบริกรที่เคยก่อเรื่องไว้แทบไม่กล้าเงยหน้าออกจากพื่นร้าน

"ไม่ต้องเกร็งไปหรอกนะ วันนี้อาแค่อยากมาทานข้าวกับคุยเล่นๆนะ ตอนนี้หมอกว่างมั้ย อ้อ อาชื่อเด่นนะ เรียกอาเด่นก็ได้"

อาเด่นพูดอย่างเป็นกันเองก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ พี่อินกับผมก้าวเดินตามไปส่วนพี่ๆบริกรคนอื่นๆไปประจำจุดอื่น สำหรับลูกค้าVIPขนานนี้เราสองคนบริการเองจะีดีกว่าครับ

"เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนอาชาติ เพื่อนลุงเขามาทานอาหารที่ร้านนี้แล้วติดใจนะ หมอกว่างพ่อจะคุยเล่นกับคนแก่สองคนนี้มั้ย ?"

อาเด่นพูด

ผมหันไปมองหน้าพีฺฺ่อินซึ่งพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตว่า'เต็มที่'

"ค่อนข้างว่างครับ"

"งั้นช่วยมาคุยเล่นกับอาทีนะ อ้อ อาอยากทานอาหารไปด้วยคุยไปด้วย จะเป็นการรบกวนไปมั้ยถ้าเราอยากจะลองฝีมือเซฟที่เราส่งมาฝึกงานกับที่นี้"

อาเด่นพูดต่อ

ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ มันก็จริงอย่างที่อาเด่นว่าไว้ในประโยค ฟังผ่านๆเหมือนมันไม่มีอะไรแต่ใจความจริงๆคือ'เราอยากทดสอบฝีมือคนของเรา'

แต่พี่สินเองยังไม่เก่งพอขนานจะบินเดี่ยวได้หรอกครับ

'ไ้ด้สิครับ เดี่ยวผมทำให้ทานเอง'

ไม่ทันที่ผมจะตอบรับหรือบอกปัีดคนถูกเรียกทดสอบก็ตอบรับคำแทนซะเองด้วยการเขียนโน้ตแล้วยื่นให้อาเด่น ผมแอบสังเกตเห็นว่าอาชาติเองก็พยายามกลั้นขำเรื่องอะไรสักอย่างเต็มที่อยู่

"ได้ อากับอาชาติทานอะไรก็ไ้ด้ เดี่ยวเราช่วยทำมาให้อาๆทานนี้นะ"

จบคำของอาเด่นพี่สินก็เิดินเข้าครัวไป

"หมอกนั่งลงเลยนะ ไหนๆก็ไหนๆมารอชิมด้วยกันเลย"

ประโยคแฝงความนัยที่ขัดผมไว้อีกรอบดังขึ้น ตอนแรกผมกะจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื่อผ้าแล้วจะแวะไปช่วยพี่มันสักหน่อย ทุกอย่างต้ิองพังลงเพราะคุณอาขัดไว้

พี่อินดันผมให้นั่งลงก่อนเจ๊แกจะพูดเบาๆว่า'สู้ๆ'แล้วก็เดินไปหลบข้างๆเพราะรู้ตัวว่าไม่ได้ถูกเชิญ ทิ้งไว้เพียงผม อาเด่นแล้วก็อาชาติที่ยังนั่งปั้นหน้ายิ้มอยู่


"หมอกคิดว่าในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ห้างเราควรจัดแคมเปญแบบไหนเพื่อกระตุ้นยอดขายดี"

พอนั่งไม่ถึงนาทีคำถามแรกก็ออกมาจากปากอาเด่น ไหนอาว่าคุยกันเล่นๆไงครับ ไอ้คำถามนี้มันเจาะลึกเลยนะนั้น

ผมเค้นคำตอบจากในหัวก่อนจะค่อยๆเรียบเรียงความคิดสร้างประโยคที่ดูฟังง่ายๆออกมา ไม่ถึงห้านาทีก็พร้อมตอบคำถาม

"การกระตุ้นยอดขาย ต้องดูก่อนครับว่าคุณอาเองวางแผนไว้แบบไหน ระยะสั้น  ระยะยาว หรือระยะกลาง อีกทั้งหมอกไม่รู้ปัจจัยต่างๆของ'ภายใน'ดีนักหมอกจึงไม่สามารถตอบคุณอาได้ว่าควรจะจัดแคมเปญแบบไหนเพื่อกระตุ้นยอดขายและเป็นวิธีที่เซฟที่สุด แต่จากการสังเกตของหมอกห้างของคุณอาเองยังอยู่ในกระแสที่เป็นที่นิยมครับ"

ผมพยายามตอบแบบรักษาทั้งตัวเองและคนฟัง ไม่ตอบแบบเจาะจงหรือลึกมากเกินไป

อย่าพยายามอวดเก่งต่อหน้าคนที่รู้ลึกกว่าเราครับ... ที่คุณอาถามมาก็แค่หินเสี่ยงทายเท่านั้นเองมันไม่มีความจำเป็นอะไีรเลยที่จะต้องมาถามกับพ่อครัวในร้านบนห้างของตัวเอง ผมรู้ตัวว่าแค่เขาอยากจะทดสอบเล่นก็เท่านั้น


"แล้วหมอกคิดว่า ห้างเราจะเป็นที่นิยมแบบนี้ไปอีกนานมั้ย ?"

อาชาติถามบ้าง

อันนี้เป็นคำถามที่ปลายเปิืดที่ให้สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ครับ แต่นั้นหมายความว่าคุณสามารถปั้นคำตอบให้ออกมาไม่เกินจริงแต่ไม่ติดลบเกินไปนะน่ะ

"จากกระแสของห้างต่างๆตอนนี้ ห้างของเราจะเป็นที่'นิยม'ไปสักพักใหญ่ๆพอสมควรครับ ด้วยการโหมเชียร์ของตัวโฆษณาที่ทางห้างทำออกมา และจากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในห้างตามจุดต่างๆที่หมอกคิดว่าอาชาติเป็นคนเสนอไปรวมทั้งการที่ห้างเราเพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ทางฝั่งคู่แข่งของเราเองเขาก็วางแผนในการรับมือระยะยาวเหมือนกัน หมอกจึงคิดว่าห้างของเราควรหา'เอกลักษณ์'ของตัวเองเพื่อที่จะได้เรียกให้ผู้คนเข้ามาใช้บริการของห้างเราครับ"

คุณอาทั้งสองคนพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ

"แล้วหมอกคิดว่า ภายในห้างของเรามีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ดีละ ?"

ผมเงียบไปกับคำถามก่อนจะคว้านหาความรู้ ความเข้าใจจากสิ่งที่รู้ในหัวออกมาตอบ

"อะไรก็ได้ครับ ที่จะสร้างความทรงจำให้กับผู้คน หมอกขอยกตัวอย่างนะครับ เช่นเวลาคุณอาเจอกระปุกออมสินสีชมพูหรือช้างสีชมพูคุณอาจะคิดถึงอะไรครับ ? หรือเวลาที่คุณอาไปห้าง มีห้างไหนบ้างที่สร้างกลยุทธ์เล็กๆที่แอบแฝงอย่างแนบเนียน เช่นบันไดเลื่อนที่เป็นทางเรียบตรงทั้งขาขึ้นและขาลง คุณอาอาจจะเห็นว่าไม่จำเป็นแต่จริงๆแล้วความแตกต่างเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ส่งผลนะครับ ถ้าลองสังเกตผลลัพท์ดีๆ เพราะ'ความแตกต่าง'และ'ดีกว่า'ของสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไม่ใช่เหรอครับ ที่จะนำมาซึ่งความทรงจำระยะยาวของผู้คนและทำให้เขาอยากกลับมาใช้บริการที่ห้างนั้นๆอีก"

ผมยกตัวอย่างธุรกิจที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์ในตัวเองให้่อาทั้งสองฟังก่อนท่านจะรับฟังแล้วพยักหน้าตาม

"อื้ม....แล้วถ้าอาอยากจะพัฒนาคุณภาพของบุคคลากรในห้างของอาล่ะ"

"นี้เป็นอีกคำถามที่หมอกตอบได้แบบไม่ชัดเจนครับ อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้า หมอกรู้เพียงแค่เรื่อง'ภายนอก'แต่ไม่ได้รู้เรื่อง'ภายใน'มากพอที่จะชี้แนะหรือนำเสนอแนวทางได้อย่างชัดเจนครับ แต่วิธีการพัฒนาบุคคลกรมีหลากหลายมากครับ แล้วก็หลายด้านมาก ยกตัวอย่างการกระตุ้นการอยากทำงานของพนักงานที่หมอกเคยรู้มา เช่นการวางเป้าหมายหรือแผนการในระยะสั้นๆเพื่อสร้างเสริมกำลังใจและการหาอะไรให้พนักงานได้ตื่นตัวกัน ที่หมอกเคยเจอก็มี 'การ์ดบันทึกความดี' ลักษณะคือการให้พนักงานเขียนการ์ดประจำวันสั้นๆในแต่ละเดือนว่าวันนี้ พวกเขาได้พบเจออะไรบ้าง นอกจากจะเป็นการระบายความเครียดไปในตัวแล้วเรายังได้ประโยชน์จากการ์ดพวกนี้ครับรับรู้ความเป็นไปว่าพนักงานต้องการอะไร อะไรคืออุปสรรคในการทำงาน และการตั้งรางวัลไว้ เช่นใครเขียนครบหนึ่งเดือนแบบไม่ขาดจะได้รับรางวันอะไรก็ว่ากันไปครับ มันเป็นจิตวิทยาเล็กๆที่เมืองนอกนิยมใช้กัน"


ผมร่ายยาวเท่าที่ความรู้ในหัวจะเอื้ออำนวยให้ คุณอาสองคนยังคงแต่รับฟังแล้วพยักหน้าเข้าใจ





                                                                        ---------------------------------------

เจอกันตอนหน้าครับ  :กอด1: ขอบคุณทุกบวกเป็ดและคอมเม้นท์ครับ





หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep. 20 [น้องหมอก] P.4 [15/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 15-03-2014 22:37:09
เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าน้องหมอกเรียนแค่ ม.ปลาย
รึน้องแกเคยไปเข้าคอร์สการจัดการและบริหารเบื้องต้น
เหมือนน้องแกเคยสัมผัสวงการนี้มาก่อนเป็นพ่อครัวเลยอ่ะ

ว่าแต่พี่สินทำอะไรได้อีกนอกจาก 'ซุปไก่' นะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep. 20 [น้องหมอก] P.4 [15/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 16-03-2014 00:31:25
 :z13:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep. 20 [น้องหมอก] P.4 [15/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 16-03-2014 02:53:42
มาจิ้มไว้เป็นกำลังใจก่อนครับ
อ่านได้แค่ 2 ตอนเอง สงสารชีวิตน้องเทสจัง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep. 20 [น้องหมอก] P.4 [15/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 16-03-2014 21:17:48

ผมเดินแยกกับน้องหมอกกลับเข้ามาในครัว รู้สึกโล่งอกนิดๆที่พ่อยังไม่หักหน้าผมด้วยการเปิดเผยเรื่องจริงทั้งหมด แต่ผมรู้ดีว่ากลับบ้านไปนั้นแหละต้องหาเหตุผลดีๆมาให้พ่อยอมรับ ไม่งั้นล่ะก็วุ่นแน่ๆ

ทำอะไรให้พ่อทานดี ?

ไม่สิ...

เปลี่ยนเป็นผม'ทำอะไรเป็น'จะง่ายกว่า...

ผมคิดกับตัวเองในใจก่อนจะเดินไปดูวัตถุดิบในตู้เย็น งานนี้ผมโดนปล่อยให้บินเดี่ยวชัวร์ๆจากการที่ไม่มีเซฟคนไหนเดินเข้ามาในครัว นี้พ่อคิดจะแกล้งลูกชายตัวเองอีกแล้วสินะ

เอาวะ อย่างน้อยๆก็มีซุปไก่แล้วชามหนึ่ง แต่อย่างน้อยๆคงต้องทำไปอีกสักอย่าง...เอาไงดี ???

ผมเริ่มเดินหาตัวช่วยในครัว เพื่อว่าจะมีหนังสือทำอาหารหรือว่าอะไร รู้สึกเสียใจที่ตัวเองพลาดลืมเอาสมาร์ทโฟนที่เข้าเน็ตได้มา เพราะตอนนี้ผมอยุ่ในคราบของนายสิน จึงเอาแต่บีบีเครื่องเก่าของตัวเองเอามาไว้พิมพ์สื่อสารก็เท่านั้น...

แล้วผมก็พบว่า ในครัวมันไม่มีไอ้หนังสือที่ผมต้องการเลยแม้แต่เล่มเดี่ยว

ทันใดนั้นสายตาของผมก็เบนเข็มไปที่กระเป๋าของใครบางคน... หมอกเป็นคนเดี่ยวในครัวที่แขวนกระเป๋าไว้ด้านใน

เอาวะ ... ถ้าลองอธิบายให้น้องมันฟัง มันคงไม่โกรธผมหรอกมั่งที่แอบไปเปิดกระเป๋าโดยไม่ได้ขออณุญาตก่อนเนี้ย...

ผมเดินไปเปิดกระเป๋าถือจาคอปของน้องมันก่อนจะไล่ค้นไปเรื่อยๆจนกระทั้งไปเจอกับหนังสือเล่มหนึ่ง

'108วิธีทำอาหารเยอรมัน'

เอาวะ...ดีกว่าไม่มีอะไรให้อ้างอิงเลย

ผมหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าก่อนจะค่อยๆเปิดดูสารบัญแล้วพบว่า...มันเกินความสามารถของผมไปมากโขและส่วนใหญ่เป็นอาหารหรูๆที่ใช้เวลาในการทำนานมากกว่าปกติ

พอคิดได้แบบนั้นเลยตัดสินใจจะยัดมันเข้าไปคืนที่เดิม แต่สมุดเล่มสีเทาอีกเล่มหนึ่งหล่นลงมา

ผมขมวดคิ้วก่อนจะถือวิสาสะเปิดไล่ดู...

ในหน้ากระดาษแต่ละหน้าจะลงบันทึกประจำวันไว้พร้อมกับวันเวลาต่างๆ ผมเปิดผ่านๆก่อนจะไปสะดุดกับข้อความในกระดาษหน้าหนึ่ง...

'อีกสองเดือนเองเหรอ... ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ตายเลยง่ายกว่ามั้ย ??? :'( '

ผมตกใจไปกับข้อความที่อ่าน ไม่คิดเหมือนกันว่าเด็กที่ดูร่าเริงแจ่มใสอย่างหมอกจะมีโมเม้นท์แบบนี้จนถึงขนานเขียนลงบันทึกประจำวัน ที่สำคัญคือหน้ากระดาษนี้มันเปียกเป็นดวงๆตามจุดต่างๆ ถ้าให้ผมเดา...

คงร้องไห้ไปด้วยเขียนไปด้วย...

อยากเปิดอ่านให้จบนะครับ แต่เวลามันไม่เอื้ออำนวย

ผมตัดสินใจเก็บสมุดสีเทาเล่มนั้นซ่อนไว้ในช่องเก็บของด้านล่างก่อนจะยืนสงบความคิดทุกอย่างลง

สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คืออาหารหนึ่งจาน...

พอตัดสินใจได้แล้วผมเดินไปเลือกวัตถุดิบออกมาหลายๆอย่าง สงสัยงานนี้คงไม่พ้นข้าวผัดที่น้องมันเคยสอนทำอีกเป็นแน่แท้ แต่เวลาตอนนี้มันนานเกินไปเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่น

แม้ในใจจะรู้สึกหนักอึ่งกับสิ่งที่อีกคนกำลังเผชิญก็เถอะ...


                                                              ....................................................

'ฟู่...'

ผมถอนหายใจโล่งออกมา ไม่ถึงยี่สิบหน้าที่ข้าวผัดสองจานพร้อมไข่ดาวอีกจานละฟองก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมเสิร์ฟ ผมยกมันออกมาพร้อมกันก่อนจะเดินออกไปนอกครัว

ตอนนี้เห็นน้องหมอกยืนนั่งคุยกับพ่อของผมและอาชาติอยู่ ผมเดินเอาข้าวผัดสองจานเข้าไปแล้วค่อยๆวางลงพร้อมกับซุปไก่

"มาพอดีเลยนะ กำลังหิวเลย มะ ชาติลองกินกันดู ฉันอยากจะรู้ฝีมือพ่อครัวของห้างเราวะ"

พ่อผมพูดยิ้มๆก่อนจะยิ้มโหดๆมาให้ผม ส่วนอาชาตินะเหรอครับ นั่งกั้นขำอยู่ ก็ทั้งอาทั้งพ่อผมเห็นผมมาตั้งแต่เด็กๆต่อให้ปลอมมากกว่านี้แต่เชื่อเถอะ ยังไงๆก็ยังจำกันได้อยู่ดี

ทั้งสองคนนั่งทานกันไปเรื่อยๆจนเกือบๆครึ่งจาน...

"อร่อยดีนะ...ใช้ได้หรือยังไงวะเด่น ?"

อาชาติพูดหลังทานไปได้พอสมควร ส่วนพ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะพูด

"ก็อร่อยดีนะ..ฝีมือใช้ได้"

นั้นถือเป็นคำชมและแปลว่าผมน่าจะรอดแล้ว...มั่ง

"วันนี้อาสองคนรู้สึกสนุกมากนะที่ได้คุยกับหมอก อาหวังว่าวันหน้ามาทานที่นี้เราจะได้คุยกันเรื่อยเปือยแบบนี้อีกนะ"

พ่อผมพูดกับน้องหมอกหลังจากทั้งคู่ทานข้าวจบ ต่อให้ไม่ได้อยู่ฟังแต่ผมก็เชื่อได้ว่าไอ้การคุยกันเรื่อยเปือยคงไม่ทำให้ไอ้ตัวเล็กมันหน้าซีดได้ขนานนี้หรอก...

หลังจากส่งทั้งสองท่านเสร็จ ตอนก่อนออกจากร้านพ่อผมหันมาพูดแบบไม่ออกเสียงว่า'เจอกันที่บ้าน'

สรุปคือ...ยังไงก็ยังไม่รอดสินะ..

ผมปาดเหงือออกจากขมับพลางคิดหาข้อแก้ตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนนี้เกือบๆจะสามทุ่มกว่้าแล้วครับได้เวลาปิดร้านแล้ว

"หมดเรื่องแล้ว ช่วยๆกันปิดร้านเถอะจะได้กลับบ้านกัน"

ไอ้ตัวเล็กว่าก่อนจะเดินเข้าไปในครัว คนอื่นๆก็ช่วยๆกันทยอยเก็บข้าวเก็บของเตรียมจะปิดร้านกัน

แล้วหนึ่งวันในครัวของผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี..

                                                           .............................................


หลังจากปิดร้านเสร็จ พวกเราทั้งหมดในร้านต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้น้องเทสมารับหมอกครับ เกือบหลบไม่ทัน(กลัวน้องมันจำได้นั้นแหละ)ผมเลืิอกที่จะใช้บริการรถแท็กซี ไม่นานก็ถึงบ้านของตัวเอง

ไฟในบ้านยังคงเปิดอยู่...

ผมกระเดือกน้ำลายลงคอฝืดๆก่อนจะไขประตูเข้าไปในบ้าน

ร่างของบุคคลที่คุ้นตายังคงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ผมเดินเ้ข้าไปเงียบๆแล้วนั่งข้างๆท่าน

"สนุกมั้ยล่ะหึเรา ...ซนใหญ่เลยนะ"

พ่อผมกล่าวเบาๆหลังผมนั่งลง

ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆจริงๆครับ ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะอธิบายให้พ่อฟังเรื่องนี้ยังไงดี เรื่องของปรายนอกจากไอ้หว้าแล้วก็ไม่มีใครรู้ เรื่องของน้องหมอกผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง

ยิ่งเรื่องความรู้สึกในใจ...ผมไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายกับพ่อยังไง...

"ปัน...ลูกนะอายุ24แล้วนะ"

"........................"

"พ่อจะไม่คาดคั้นเราว่าเราทำอะไรลงไป หรือทำไปเพื่ออะไร แต่พ่อจะเืตือนปันนะลูกในฐานะที่พ่อเป็นพ่อ คนเรานะความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญนะ...ถ้าเกิืดเรื่องมันแดงขึ้นมา สิ่งที่จะเสียไปปันอาจจะเรียกคืนไม่ได้ก็ได้นะ..."

"........................"

"พ่ออยากให้เราคิด และพิจารณาให้ดีๆก่อนที่จะทำอะไรลงไป จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง..."

ผมยังนั่งฟังพ่อพูดต่อไปเงียบๆ

"ที่พ่อจะพูดก็มีเท่านี้แหละ"

"พ่อครับ..."

"อะไร"

"ผมรักพ่อนะ..."

ผมพูดก่อนจะกอดพ่อแรงๆ...ไม่ได้กอดพ่อมานานมากแล้วเหมือนกันครับ

"ลูกผู้ชายเขาพิสูจน์กันด้วยการกระทำเว้ยไอ้ลูกหมา"

พอพูดจบพ่อก็ขยี้หัวผมเล่น จนผมคอเอียงไป

พ่อของผมก็ยังเป็นพ่อคนเดิม ไม่เคยคาดคั้นผมไม่ว่าผมจะทำอะไร แต่จะคอยตักเตือนและชี้แนะหากสิ่งที่ผมทำมันไม่ถูก ไม่ควร

ผมดีใจจริงๆที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ...

หลังจากคุยเรื่องสัมเพเหระเสร็จ ผมขอตัวพ่อขึ้นไปในห้่องก่อนจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ คืนนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำก่อนนอนครับ..


สมุดสีเทาๆที่เอากลับมาด้วยจากที่ร้าน...มันดูเหมือนจะเชื่อเชิญให้ผมอยากอ่านมันจริงๆนั้นแหละ....



                                                                   ...........................................


แกะก็ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากภาวนาให้ความหวานในตอนแรกๆ...

ช่วยประครองน้ำตาของคนสองคน ...ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี


ขอบคุณครับทุกคน

แกะซ่า  :กอด1:

                           







หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.21 [พี่ปัน] P.4 [16/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 16-03-2014 21:35:50
 :hao5: บันทึกดราม่ามาแล้ว ฮือฮือ
หวังว่าปันอ่านแล้วจะหาทางช่วยหมอกนะ
ไม่ใช่ว่าอ่านแล้วดันกลายเป็นความสงสาร ไม่ใช่ความรัก อันนี้ดราม่ากันในอนาคตเลยนะ

พ่อปันนี่เริ่มสงสัยเหรอว่าปันชอบหมอก รึหมายถึงแค่ ทำไมปันถึงปลอมตัว
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.21 [พี่ปัน] P.4 [16/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 16-03-2014 22:09:17
เฮ้อ สมุดสีเทามาแล้ว
เตรียมมาม่าชามใหญ่ๆไว้ได้เลย
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.21 [พี่ปัน] P.4 [16/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 17-03-2014 20:38:34
ไม่มี !!!

ผมเทกระเป๋าจาคอปนร.ของตัวเองลงกับเตียงแทบจะแงะหนังมันขึ้นมาด้วยซ้ำเพราะสิ่งสำคัญของผมหายไป !!!

สมุดบันทึกประจำวันของผม !!!

"แม่ม...ลืมไว้ไหนว่ะ ??"

ผมสถบอย่างหงุดหงิดเพราะนึกไม่ออกว่าตัวเองดันทะเล่อทะล่าไปวางทิ้งไว้ที่ไหน แล้วตอนไหนกันที่มันหายไป

ด้วยความที่ผมไม่เคยเอามันออกห่างจากตัวสักครั้งนอกจากตอนที่เข้าครัว ผมมั่นใจแน่ๆว่าตัวเองไม่ได้ลืมไว้ที่โรงเีรียน

แล้วงั้นมันอยู่ที่ไหนวะ !!!

ผมยืนสงบสติอารมณ์คิดทบทวนเรื่องทุกอย่างในวันนี้ ไอ้เต้มีท่าทีแปลกๆแต่ึคิดว่าไม่ใช่ สายฟ้าเองก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหลายรอบแต่หยุดท้ายก็ไม่เดินเข้ามา ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไรแต่ดูเหมือนพวกมันจะทะเลาะกัน

OK. แต่ตอนนี้จำเป็นต้องตัดเรื่องพวกมันทิ้งไปก่อนครับ

พอตอนพักกลาง ทั้งคู่ก็หายไป แต่ตอนนั้นสมุดยังอยู่ในกระเป๋าผมแน่นอน...

กระเป๋าจาคอปใบนี้อยู่กับผมตลอดเวลายกเว้น...

ตอนเข้าครัว

แล้ววันนี้เองก็ยุ่งมากๆเอาซะด้วย และผมคิดว่าคนในครัวเองก็ไม่มีใครว่างมากพอขนานจะเปิดกระเป๋าผมเล่นแล้วเอาไดอารี่ออกไป

ถ้างั้น.... มันหายไปไหน ?

สิ่งที่ผมกลัว... ไม่ใช่กลัวว่าใครจะ่อ่านแล้วตกใจหรือรังเกรียจกับชีวิตของผม แต่สมุดเล่มนั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ยืนยันตัวผมในฐานะ'หมอก'เด็กกำพร้าจากบ้านเมตตา

สมุดเล่มที่ได้มาจากบ้านเด็กกำพร้าก่อนที่ผมจะออกมาพร้อมพี่เทส เป็นสมุดที่'คุณแม่'ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงผมที่นั้น ท่านบอกไว้ว่าคนที่พาผมมาส่งจากรถปอเต๊งตึ่งเขาให้ไว้ดูแทนของต่างหน้าตอนผมเด็กๆ แน่ละผมยังจำความไม่ได้หรอกว่าคนที่พาผมออกมาจากรถปอเต๊งตึ่งเป็นใคร เพียงแค่คาดเดาไปเองว่าน่าจะเป็นผู้หญิงเพราะจากคำสรรพนามที่คุณแม่เรียกเขาว่า'เธอ'

สมุดเล่มนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากของสำคัญที่สุดในชีวิตผมเลยจริงๆ เพราะคนที่ให้มันมาทำให้ผมอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้...

แต่บัดนี้...มันหายไป !!!

ผมเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นเพราะนึกไม่ออกจริงๆว่าตัวเองเผลอเร่อเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนรึเปล่า แต่สุดท้ายก็หมดแรงล้มลงกับเตียง

หรือว่าผมจะต้องสูญเสียมันไปจริงๆ...

แค่คิดก็ร่างกายก็รู้สึกอ่อนล้าจนน้ำตามันไหลออกมา

แม้ผมจะพยายามไม่ึคิดถึงวันเวลาที่มันเดินเข้ามาเรื่อยๆแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว

ระยะเวลาสองเดือน ทำไม...มันถึงได้ดูสั้นลงขนานนี้นะ...

ไม่เอา....ผมไม่อยากเป็นเลย....

ผม...ไม่อยากขายตัว...................




                                                           ............................................................


"โยธาวิน"

"มาครับ"

ผมตอบด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนจากการร้องไห้ แถมวันนี้ไอ้เต้ก็หายตัวไปพร้อมๆกับสายฟ้าโทร.ไปก็ไม่มีสัญญาณจนผมหมดที่พึ่งที่พอจะระบายความรู้สึกภายในออกไปได้บ้างปกติเต้ไม่เคยขาดเรียนโดยไม่บอกผม แต่ผมเองก็เพิ่งสังเกตได้ว่าเต้มันเปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะผมกำลังกังวลแต่เรื่องของตัวเองจนลืมใส่ใจกับเรื่องของเพื่อนสนิท ขนานมันขาดเรียนวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่ามันหายไปไหน

วันนี้ทั้งวันผมแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง หูตามันอื้อไปหมด ผมเลิกเรีียนอย่างหงอยๆก่อนจะพาตัวเองไปที่ร้านอาหารของพี่อิน

"วันนี้นายสินขาดนะ"

พี่อินบอกผมหลังจากเข้างานได้ประมาณเกือบชั่วโมง ผมให้เบอร์อีกฝ่ายแ่ต่ก็ลืมขอเบอร์อีกฝ่ายไว้ พอเข้าไปดูในเฟสก็ไม่เป็นพี่สินออน

นี้วันนี้ทุกคนรวมหัวทิ้งผมรึเปล่า...แม้กระทั้งพี่เทสก็ยังหายไปเลย...

ผมทำอาหารอย่างหงอยๆต่อไปเรื่อยๆ อะไรๆก็ดูเหมือนจะไม่เป็นใจ กระทั้งวัตถุดิบในตู้เย็นก็ยังหมดทั้งๆที่มันจะมีเหลือเฟื้อซะด้วยซ้ำไป

เพราะวันนี้ของมีน้อย ไม่ถึงหนึ่งทุ่มพี่อินก็ปิืดร้าน ความจริงพี่มันทักผมแล้วละว่าเป็นอะไรรึเปล่าทำไมดูหม่นๆแต่สิ่งที่อยู่ในใจของผมบอกใครออกไปไม่ได้จริงๆ...

ผมเดินออกจากร้านแบบมึนๆก่อนตัวเองจะเดินไปชนผู้หญิงคนหนึ่งเข้า

"โอ๊ย!!!"

"ขะ..ขอโทษครับ"

ผมรีบขอโทษก่อนจะรีบเข้าไปช่วยพยุงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งโดนผมชนเพราะความเหมอลอย พอตั้งหลักขึ้นมาได้คุณน้าก็มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

"หนู..ชื่อหมอกรึเปล่าจ๊ะ ?"

คุณน้าถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนผมสงสัย ก่อนแกจะไล่ลูบแขนผมทั้งสองข้างแล้วกำแน่นรอฟังคำตอบ

"เออ..ใช่ครับผมชื่อหมอก"

วินาทีที่ผมพูดจบน้าแกก็ดึงผมไปกอดเต็มรักก่อนจะหอมซ้ายหอมขวาไม่ทันอธิบายอะไรให้ผมฟัง

"หมอก หมอกจำน้าได้มั้ย ?? โห ไม่คิดเลยนะเนี้ยว่าจะได้เจอหมอกอีกครั้ง รู้มั้ยตอนนั้นหมอกตัวเล็กกว่้านี้มากเลยนะ ผิวก็ขวากว่านี้มาก แต่ตอนนั้นเรายังเด็กมากจริงๆคงจำน้าไม่ได้หรอก ใช่มั้ย ?"

ผมพยักหน้าหงึกๆยอมรับด้วยความงงๆว่าผู้หญิงคนตรงหน้านี้คือใคร

"น้าชื่อพะเยา เป็นเพื่อนกับแม่มณีคนที่เอาหมอกไปฝากไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าไง"

พอพูดถึงจุดๆนี้ผมเองก็แทบจะกระโดดจนตัวลอย

"จริงเหรอครับ ? แล้ว แล้วคนที่เอาหมอกไปฝากตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนเหรอครับ ???"

แม้จะไม่ใช่แม่แท้่ๆของผม แต่ถ้าไม่มีผู้หญิงคนที่ชื่อมณีป่านี้ผมเองอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็เป็นไปได้

"โอ๊ย แม่มณีนะหลังจากที่ได้สามีใหม่แกไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศจนได้ดิบได้ดีกับสามีแกพักใหญ่นั้นแหละ ความจริงน้าได้ข่าวว่าแกกะจะไปขอหนูจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นแ้ล้วแต่พอไปถึงเขาก็บอกว่้าหนูหมอกได้รับการอุปการเลี้ยงดูซะแล้ว แถมที่อยู่ก็ติดต่อไม่ได้"

"เหรอครับ...."

ผมดีใจจนพูดไม่ออกกับข่าวที่ได้ยิน ยังน้อยๆถ้าผมได้เจอกับคุณน้ามณี ผมอาจจะรู้ก็ได้ว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นลูกหลานของใคร ต้นกำเนิดมาจากไหน พ่อแม่ของผมล่ะ...

ทำไมเขาถึงปล่อยให้ผมตกอยู่ในสภาพนี้ได้....

"เอายังงี้แล้วกัน วันเสาร์นี้น้ามีนัดกับแม่มณีอยู่พอดี หนูหมอกว่างจะไปเจอแม่มณีกับน้ามั้ยล่ะ ?"

ผมพยักหน้ารัวๆก่อนคุณน้าพะเยาจะขอเบอร์โทร.ของผมไว้พร้อมนัดหมา่ยให้มาเจอกันวันเสาร์นี้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง

หลังจากแยกย้ายกันไปกับคุณน้า ผมตัวลอยดีใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยๆแปลว่าเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับผมกำลังจะได้รับรู้ใช่มั้ย ? ผมเดินยิ้มไปเตรียมตัวจะกลับบ้าน อย่างน้อยๆในวันที่ฟ้าไม่แจ่มใสสำหรับผมก็ยังมีเรื่องดีๆมาให้พอชื่นใจบ้าง

'ตื๊ด ตื๊ด'

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนผมจะกดรับสาย

เบอร์ไม่คุ้นแหะ ....

"สวัสดีครับ"

"หมอกนี้พี่ปันนะ"

"ครับพี่ปัน สวัสดีครับพี่"

ผมกรอกเสียงลงไปก่อนที่ปลายเสียงจะเงียบไปแปปหนึ่ง

"ตอนนี้เราอยู่ไหนเหรอ ?"

"ห้าง...ครับ"

"พี่มีเรื่องอยากคุยกับหมอก...หมอกรอพี่อยู่ที่ห้างนั้นก่อนนะ...."

จบคำปลายสายก็วางไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธ...

พี่ปั้นมีเรื่องอะไรกับผมนะ ?



                                                                           .......................................


ขอบคุณสำหรับทุึกคอมเม้นท์และบวกเป็ดครับ

แกะซ่า :กอด1:

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.22 [น้องหมอก] P.4 [17/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 17-03-2014 21:17:58
เย้ ขอบคุณครับ
ไม่อยากให้หายไปนานเลย
คิดถึ้ง คิดถึง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.22 [น้องหมอก] P.4 [17/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-03-2014 21:39:49
คุณชายปันอ่านบันทึกแล้วก็รู้ความจริงหมดแล้วสิ

ไม่ใช่เรื่องพลิกเปลี่ยนเป็น SM นะ
กลายเป็นปันไปซื้อหมอกมาปู้ยี้ปู้ยำ  :mew5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.22 [น้องหมอก] P.4 [17/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2014 23:00:38
สงสารหมอกบอกเลย
เมื่อไหร่หมอกจะหลุดพ้นจากบ้านหลังนั้นซะที
คุนแกะอีกนานมั้ยกว่าจะหวานนน
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... Ep.22 [น้องหมอก] P.4 [17/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 18-03-2014 00:03:25
ถ้าพี่ปันได้อ่านแล้ว ขอให้รัก และเห็นใจน้อง ช่วยน้องออกจากนรกนั้นให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... แจ้งข่าวครับ ขอลาพัก หมดไฟ p.4 [18/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 18-03-2014 11:16:30
สวัสดีครับ คนอ่านทุกท่าน  มาขอลาพักร้อนสักพักรู้สึกหมดไฟครับหมดแรงจะปั้นต่อขอพักเติมไฟสักพัก


ไม่นานอาจกลับมา................


ขอบคุณทุกคนมากๆครับ ขอเวลาทบทวนตัวเองหน่อยครับ


แกะซ่า  :ling2: ....(หมดไฟ) 


ปล. กลับมาีอีกครั้งสัญญาว่าจะลงจนจบ 

ห๊ะอะไีรนะ มึงแต่งจบแล้วเหรอ  อุ๊ปปปปปปปปปปปป  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... แจ้งข่าวครับขอลาสักพักหมดไฟครับ... p.4 [18/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 18-03-2014 16:21:37
รอได้จ้า

ไปจุดไฟเติมไฟให้ตัวเองเยอะๆเลยนะ

ถึงเราจะคิดถึง หมอก ปัน เต้ สายฟ้า ก็ตาม  :ling1:
ขอให้คุณแกะกลับมาพร้อมกับนิยายล็อตใหญ่
เราล่ะ อยากอ่านมาก ว่างก็แต่งชลหมีด้วยนะจ๊ะ

ปอเสื่อรอ (เพื่อกดดัน) ตั้งแต่วันนี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ... แจ้งข่าวครับขอลาสักพักหมดไฟครับ... p.4 [18/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 20-03-2014 19:43:53
ตีสองแล้ว...

ผมทิ้งตัวลงไปกับเตียงนอนหลังจากอ่านบันทึกในกระดาษ300กว่าหน้าจบ....

ที่ผ่านมาตลอดเวลาภายใต้รอยยิ้มที่สดใสของน้องมัน...มัน'ขม'ขนานนี้เลยเหรอครับ ?

แกล้งทำตัวเป็นปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วยิ้มสู้ต่อไป...

ทั้งๆที่จริงแล้วภายในกำลังรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกแย่ ถึงขนานอยากจะตายลงไปให้ได้

แต่สุดท้ายแล้วน้องมันก็ยังเดินต่อ...

ไม่มีวันไหนเลยที่น้องมันจะคิดว่าจะยอมแพ้ จะหยุดอยู๋แค่นั้นแล้วรอรับชะตากรรมที่โหดร้าย

ทุกๆวันของน้องมัน แม้อาจจะวนเวียนแค่โีรงเรียน ร้านอาหาร และที่บ้าน แต่ไม่มีวันไหนเลยที่น้องมันจะเขียนว่ายอมแพ้รึว่าพอแล้ว...

แล้วถ้าเป็นผมล่ะ ?

ถ้าผมต้องเกิดมาไม่มีพ่อไม่มีแม่

ไม่มีใครเข้าใจและต้องเจอกับสภาพที่โหดร้ายขนาดนั้น...

ผมจะเดินต่อไปไหวมั้ยนะ ? แล้วผมจะยิ้มสู้ได้อย่างมันรึป่าว ?

แค่คิดก็รู้สึกปวดร้าวแทนแล้ว...

เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง อายุแค่สิบหกแต่กลับต้องเจอกับอะไรที่มันหนักหนาสาหัสขนานนี้...

ผมสูดหายใจลึกๆก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันไดอารี่ของน้องมันยังวางอยู่ที่หัวเตียงข้างๆผ้าเช็ดหน้าที่น้องมันเคยให้มา

ครั้งที่แล้วมันช่วยเช็ดน้ำตาให้กับผม

ครั้งนี้ผมเองจะช่วยเช็ดน้ำตาให้กับมันบ้าง...

ผมจะต้องทำให้ได้.....


                                                                     ....................................


"ไม่ กูไม่เห็นด้วย"

ไอ้เฟรมว่าเสียงเรียบ

ผมขมวดคิ้วสงสัยกับคำตอบของมัน

หลังจากเมื่อวานที่ผมตัดสินใจจะช่วยหมอกแล้ว ผมเองต้องลากให้คนที่รู้เรื่องนี้ดีมาเครียล์ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะไม่รู้เรื่องของน้องเทส แล้วว่าผิดซะเมื่อไหร่ล่ะมันรู้เรื่องทั้งหมดดีอยู่แล้วแต่ไม่ยอมบอกผม

น่ากระทืบจริงๆ...

"ทำไมมึงถึงไม่ให้กูแจ้งตำรวจ"

"ไหนล่ะ หลักฐาน ?"

พอโดนย้อนกลับมาแบบนั้นผมก็สะอึก จริงสิต่อให้แจ้งตำรวจไปแล้วไหนล่ะหลักฐาน...

พอมันเห็นผมนั่งเงียบไปมันก็พูดต่อ

"กูมีแผน"

"ยังไง ?"

"ก็....."

มันว่าก่อนจะอธิบายแผนการตั้งแต่แรกเริ่มจนจบให้ผมฟัง พอผมฟังเท่านั้นและรู้สึกเลยว่าแผนมันโคตรเสี่ยง

"แต่...."

"ไม่มีแต่ นี้เป็นวิธีเดี่ยวแล้วเท่าที่ทนายมือใหม่อย่างกูจะคิดออก"

มันไม่รอให้ผมแย้งแต่สวนกลับทันควัน

ผมเคยบอกไปรึยังครับ ว่าำไอ้เฟรมมันเรียนนิติฯ เออเนาะคนเจ้าเลห์เรียนกฏหมาย เหอะๆ....

"มึงจะแน่ใจได้ไงว่ามันจะเป็นไปตามแผน"

ผมถามมันด้วยความไม่แน่ใจ จริงอยู่ว่าถ้าแผนการนี้สำเร็จทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ???

"กูไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง แต่มึงรู้มั้ย กูซื่อไอ้เทสมาหมดไปกี่ล้านแล้ว กูไม่ยอมให้เมียกูมีอะไรกับคนอื่นหรอก"

"เมีย ?"

"เออ เมียกูมีอะไรมั้ย ??? กูเลิกกับพลอยนานแหละ"

ข่าวใหม่ด้านความสัมพันธ์ของมันกับน้องเทสทำผมตกใจ เพราะนอกจากมันจะยืนยันหนักแน่นแล้วนี้มันจะพูดตรงๆอีกว่าเลิกกับพลอยแล้ว

"สิ่งที่มึงทำได้ตอนนี้คือมีสติและใจเย็นๆปัน แม่เลี้ยงอรอนงค์ไม่ใช่หมูในอวยใ้ห้มึงเคี้ยวง่ายๆ กว่ากูเองจะมาถึงจุดๆนี้ได้ มึงไม่รู้หรอก เทสมันเสี่ยงมามากกว่าหมอกขนานไหนกูเองก็วิ่งเต้นหาผู้ใหญ่ตั้งหลายคน..."

"..........."

"ถึงหมอกจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่เทสมันก็รักน้องมันจริงๆ กูถึงได้บอกว่าให้มึงใจเย็นๆ อย่าให้่ความพยายามและความเสียสละของเมียกูที่ผ่านมามันเป็นศูนย์เพราะความใจร้อนของมึง ไม่อย่างงั้นแล้ว...GAME OVER!!"

มันขู่ผมไว้เพื่อไม่ให้ผมเผลอใจร้อนโทร.ไปแจ้งความก่อนจะเล่าวีรกรรมของมันกับน้องเทสให้ผมฟัง ทั้งๆที่หลายเรื่องเป็นเรื่องเครียดๆแต่พอเล่าออกมาหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นๆไปได้แล้ว มันกลับกลายเป็นเหมือนเรื่องตลกที่ฟังแล้วทำให้จิตใจแจ่มใส พอฟังมันเล่าไปๆผมถึงได้รู้ว่ามันกับน้องเทสเองเสี่ยงมากขนาดไหนในแต่ละเหตุการณ์

ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมมันกับน้องเทสถึงจะรักกันได้...

"ว่าแต่มึงเถอะ"

พอมันเล่าจบก็ถามผมต่อ

"กูืำทำไม"

"มึงอ๊ะยังไง....?"

"................"

"กูหมายถึงมึงกับไอ้หมอกนะ ยังไง !!?"

"วันนี้เมฆครึ่มวะ"

"อย่าเปลี่ยนเรื่อง ไอ้สัส"

มันสถบด่าผมหลังผมพยายามจะ...เปลี่ยนเรื่อง

นั้นสิ...แล้วผมเปลี่ยนเรื่องคุยทำไม

ก็แค่มันถามถึงผมกับหมอก...

ผมกับน้องหมอก...

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปราย

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปรายแต่เป็นเด็กผู้ชายที่ทำอาหารเก่ง

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปรายแต่เป็นเด็กผู้ชายที่ทำิอาหารเก่ง และผมทานอาหารที่ใส่ผักที่น้องมันทำได้คนเดี่ยว

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปรายแต่เป็นเด็กผู้ชายที่ทำิอาหารเก่ง และผมทานอาหารที่ใส่ผักที่น้องมันทำได้คนเดี่ยว และคำสาปของไอ้หว้า...

เดี่ยวนะ...คำสาปของไอ้หว้า ???

เห้ยใช่ !!! ผมลืมไปเลยว่ามันเคยสาปแช่งอะไรผมไว้ แถมมันเองก็อยู่ในเหตุการณ์ที่ผมกินผักได้ด้วย....

"กูไม่รู้หรอกนะ ว่าเกือบๆเดือนหนึ่งที่ผ่านมานี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มึงแน่ใจนะว่า มึงไม่ได้คิดอะไีรเกินเลย...?"

"......................."

"ปัน...กูกับมึงนะไม่ใช่พี่น้องกันก็เหมือนพี่น้อง ตอนกูล้มมึงช่วงพยุงกู ตอนมึงล้มกูช่วยพยุงมึง มีเรื่องอะไรบ้างที่มึงกับกูไม่เคยรู้กัน"

มันจ้องหน้าผมนิ่ง ในขณะที่ผมยังเงียบไม่ตอบมัน

"บางเรื่อง ไม่ต้องไปหาเหตุผลให้มันมากมายก็ได้...สมองนะคิดแต่เรื่องที่ต้องใช่เหตุผลพอ....เรื่องบางเรื่องเหตุผลมันใช้ไม่ได้ สิ่งที่ต้องใช้คือความรู้สึก"

".............................."

"กูจะไม่บังคับให้มึงฝืนพูดอะไรในขณะที่ยังไม่พร้อม หรือไม่แน่ใจอะไร แต่ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่มึงต้องบอกกูเหมือนที่กูบอกมึง โอมั้ยไอ้เพื่อนหน้าแมว"

"เออ !!!"

"อ้อ กูลืมบอกมึงไปนะ"

"อะไรวะ ?"

มันยิ้มหน้าทะเล้นก่อนจะบอกอะไรให้ผมฟัง

"ไอ้หว้ามันบอกว่า เห็นตอนนั้นยุ่งๆมันเลยยังไม่ได้บอกมึง พอจะบอกมึงก็เข้าโรงบาล"

"มันจะบอกอะไรกู"

"มันว่ามันจะหาร้านตัดชุดเป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้วนะมึง หึหึหึ"

จบคำของมัน หน้าผมก้ร้อนผ่าวขึ้นมา

ไอ้หว้า ไอ้บ้า !!!เรื่องแบบนี้มึงบอกคนอื่นได้ยังไงวะแม่ม  -  -*

ทั้งๆที่จริงแล้วผมกับน้องหมอกเราเพิ่งรู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ ผมเจอน้องมันครั้งแรกก็โดนต่อยแต่ก็นะ...ตัวเองก็ไปกอดน้องมันเต็มรัก พอเจอกันครั้งที่สองผมก็โดนน้องมันโชว์โหดในห้องครัว พอเจอกันครั้งที่สามผมเข้าโรง'บาลเพราะซ่าอยากกินผัก เจอกันอีกครั้งหนึ่งน้องมันเอาโจ๊กที่มีแต่ผักไปให้ผมกิน ต่อมาก็เจอพ่อที่ร้านอาหาร

จริงๆแล้วเราเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ในด้านความรู้สึกผมรู้จักหมอกมากกว่านั้น...

ผมไม่รู้หรอกว่าหมอกจะรู้รึป่าวว่าผมเป็นคนยังไง แต่ผมคิดว่า...ตัวเองรู้จักหมอกดีมากๆ

หมอกเป็นเด็กที่ร่าเริงยิ้มได้ตลอดเวลา ไม่เคยกลัวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่เคยหยุดที่จะมีความหวัง ต่อให้เจอเรื่องร้ายๆผลักให้ล้มลงไปขนานไหน น้องมันก็จะลุกขึ้นเดินต่อไป

เหมือนกับที่น้องมันบอกไว้...

'เพราะชีวิตต้องเดินต่อไป....'

แล้วผม....คิดอะไรกับน้องมัน.....?

จะ้บ้าเหรอครับ !!! อย่าไปคิดบ้าจี้ตามไอ้หว้าสิ

ต่อให้น้องมันจะหอมขนานไหนก็เถอะ...ก็แค่กลิ่นสบู่

ต่อให้น้องมันจะน่ารักขนานไหนก็เถอะ...ก็แค่...ผมไม่เคยลืมสัมผัสอุ่นๆจางๆที่ใครบางคนฝากเอาไว้...

ต่อใ้ห้ทั้งนิสัยและหน้าตาของน้องมันจะคล้ายกับ'ใคร'อีกคน แต่มันก็ไม่ใช่

มันคือ'ความเหมือน'ที่'แตกต่าง'

ผมกับปรายชอบกันได้ภายในเวลา่ไม่ถึงอาทิตย์เพราะรู้สึกได้ถึง'ใจ'ของกันและกัน ถ้าจะพูดก็คงเหมือนกับเคมีของเราทั้งคู่เข้ากันได้

แล้วผมกับหมอกล่ะ ? มันคืออะไร

แม้จะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่ผมเองก็ไม่คิดจะหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง

งั้นความรู้สึกของผม...มันคืออะไร

ความรู้สึกที่ปวดร้าว ที่ต้องคิดว่าอีกฝ่ายเจอเรื่องร้ายๆเจ็บปวดมามากขนานไหน และกำลังเผชิญหน้ากับอะไร

ทำไมผมต้องนั่งร้องไห้ไปกับบันทึกของคนๆหนึ่งด้วย...

ถ้าน้องมันเป็นผู้หญิง....

หรือถ้าเป็นผมเองที่เป็นผู้หญิง....

ผมจะรู้สึกสับสนข้างในขนานนี้มั้ยนะ ?

แล้วที่ผม'รู้สึก'อยู่ข้างใน เพียงเพราะแค่ตัวเองได้เจอกับน้องมันในวันเวลาที่พอดีกับความคิดถึงที่กำลังอยากเจอใครอีกคนรึเปล่า ?

ถ้าผมตัดเหตุผลทุกอย่างทิ้ง...ตามที่ไอ้เฟรมบอก...

ถ้าผมไม่สนใจคนอื่น...นอกจากผมกับน้องมัน...

มันจะผิดมากมั้ยครับ...

ถ้าผมอยากจะ......

..

..

.

.

.

"ปัน...ไอ้ปัน"

ผมสะดุ้งจากภวังค์ความคิดเมื่อโดนไอ้เฟรมกรอกใส่หูข้างๆ

"คิดอะไรของมึง โคตรเหม่อ"

"ป่าว...กูไม่ได้คิด"

"เออ งั้นกูไปก่อนนะ คืนนี้จะไปหาเทส..."

"เออ !!!"

ผมกระแทกเสียงใส่พอเห็นสีหน้าแววตาระรื่นของมัน ...

"ไอ้เฟรม"

"อะไร"

มันถามตอนที่กำลังเตรียมจะลุกออกจากโต๊ะ

"มึง...ชอบน้องเทสจริงๆเหรอวะ ?"

"มึงถามกูมาตรงๆก็ได้ กูไม่โกรธหรอกถ้ามึงจะถามอะไรแบบนั้น"

สุดท้ายมันก็นั่งลงกับที่ตามเดิม

ไอ้เฟรมก็ยังคือไอ้เฟรมวันยังค่ำ มันรู้เสมอว่าผมต้องการจะสื่อหรือจะถามอะไร

"งั้นกูถามตรงๆ มึงรับได้เหรอวะที่มึงเป็นเกย์"

"กูขอถามกลับ ในความหมายของมึงเกย์คืออะไร"

มันสวนผมกลับ

"ผู้ชายที่ชอบผู้ชาย...มั่ง"

"อื้ม ก็ถูก"

"แล้วมึง..."

"เอางี้ฟังกูพูดนะ"

มันคงรำคาญคำถามวกไปวนมาของผมเลยยกมือปรางห้ามญาติก่อนจะร่ายยาว

"กูกับเทสรู้จักกันม ถ้านับเวลาจริงๆ 3ปีแล้ว 3ปีที่กูกับมันอยู่ข้างๆกันแล้วมีความสุข สามปีที่มันกับกูผ่านเรื่องเลวร้ายหนักหนาสาหัสของชีวิตคู่ สามปีที่ทำให้กูแน่ใจว่า.... ถ้าเป็นคนๆนี้ คนที่ทำให้กูสุขหรือทุกข์ไปได้พร้อมกับเขา คนที่ทำใ้ห้กูยิ้มได้ในวันที่กูมีแต่น้ำตา...กูว่า....กูยินดีที่จะอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลา มันไม่้เกี่ยวกับว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เออใช่กูรู้ ในสายตาคนอื่นอาจจะมองกูเป็นพวกร่วมเพศ มองว่ากูโรคจิตหรืออะไรก็แล้วแต่...."

".............."

"แต่คนพวกนั้นมีความหมายมากกว่าคนที่มึงรักเหรอวะ ?"

".............."

"หรือมึงต้องแคร์ด้วยว่าใครจะมองยังไง ว่าคนเขาจะมองมึงไม่ดีรึเปล่า มองอ๊ะมองแน่ และแน่นอนกูยอมรับมันหนักหนา มันรู้สึกกดดันที่เราดันไม่เหมือนคนในสังคมส่วนใหญ แต่กูก็ยันยืนยันว่ากูปกติ...."

".............."

"กูเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ที่กูเลือกแล้วว่ากูจะรักใครสักคนหนึ่งจากหัวใจ ....ก็อธิบายให้มึงฟังได้แึค่นี้ล่ะวะ...."

มันพูดส่งท้ายยิ้มๆ

"แีรกๆ ถามว่ากูอายมั้ย ตอบเลยว่ามาก ทั้งๆที่กูเดินควงกับคนนู้น พาคนนี้ไปทั่ว ไม่เคยคั่วสาวซ้ำแต่พอเจอกับน้องมันกูก็ต้องถอดเขี้ยวเล็บออก"

ผมพยักหน้ารับก่อนมันจะเล่าต่อ

"มึงรู้มั้ย ...สามปีที่ผ่านมา น้ิองมันแม่มไม่เคยพูดว่ารักกูแม้แต่คำเดี่ยว ต่อให้กูจะทำยังไงก็เุถอะ แต่กูเชื่อว่าข้างในของไอ้เทสก็ไม่ต่างอะไรจากกู...."

"งั้นมึงก็โชคดีแล้วล่ะที่ได้เจอคนนั้นของตัวเองจริงๆ"

"เออ มันเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของน้องมันต่างหากที่เจอกูแบบนั้น"

ผมทำหน้าสงสัย แต่มันบอกปัดที่จะเล่าจุดเริ่มต้นที่พวกมันเจอกัน

โห จะเล่าทั้งที่เล่าให้จบเลยก็ไม่ได้...

นี้คือข้อดีของการมีเพื่อนแบบไอ้เฟรมครับ มันเป็นคนตรงๆที่ใช้ความรู้สึักตัดสินทุกอย่าง ชอบก็บอกชอบ เกลียดก็บอกเกลียดไม่เคยมีต่อหน้าหรือลับหลัง

แต่มันลืมไปรึป่าวว่าอาชาติโหด.... =  ="

"แล้วมึงจะบอกเรื่องน้องเทสกับพ่อมึงมั้ยวะ"

"กูรอบอก บอกแน่ๆแต่ไม่ใช่ตอนนี้"

ผมกลืมน้ำลายเหนี่ยวๆลงคอ เมื่อนึกถึงสภาพตอนที่ลูกชายคนเดี่ยวของอดีตทหารเก่ายศสูงพาแฟนที่เป็นเด็กผู้ชายเข้าบ้าน อยากรู้จริงๆว่าอาชาติจะไล่กระทืบมันมั้ยหรือว่าทำยังไง ?

แล้วถ้าเป็นพ่อผมล่ะ..... ???

ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดบ้าๆของตัวเอง แล้วกูจะเปรียบเทียบกับพ่อทำไมวะ ??? หรือเพราะแม่ต้องการเห็นผมได้แฟนเป็นผู้ชายอยู่แล้วผมเลยไม่ซีเรียจตรงจุดๆนี้...

หรือจริงๆแล้ว....ผม......


"คืนนี้กูขอโทร.เรียกน้องหมอกมาคุยนะ"

"เออ ทำอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ผิดแผนพอ"

มันว่าเสียงเรียบก่อนต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

บางที่มันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้

ที่ผมจะเลิกใช้เหตุผล...แล้วกลับไปใช่ความรู้สึกอีกครั้งหนึ่ง....



                                                                ................................................


ขอบคุณทุกคนครับ

แกะซ่า(เริ่มมีไฟ)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.23 [พี่ปัน] p.4 [20/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-03-2014 21:32:55
 :mew1: ขอต้อนรับการกลับมาของคุณแกะ

เฟรมมันรักเทสขนาดนี้เลยเรอะ ขอประทานอภัยที่แอบด่าในใจไว้ซะเยอะ
ไม่คิดว่ามันจะฟันฝ่าอะไรกับเทสมามากมายจนรู้สึกรัก เห็นตอนแรกๆมันยังพูดกับเทสซะเหมือนที่ระบายอารมณ์
หรือว่านั่นเป็นแผนกัน

พี่ปันเหมือนกำลังสับสน ด้วยความน่าสงสารของหมอก การที่หมอกเหมือนปราย
ความน่ารักของหมอก กลัวจังว่าปันมันอาจจะไม่ได้รักหมอกจริงๆ แค่สงสารหรือ มโนไปว่ารักด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง
คงเป็นเพราะเรายังไม่ได้สัมผัสความรู้สึกว่าปันรักหมอกถึงขนาดจะช่วยทุกอย่างล่ะมั้ง
เรายังคิดว่าหมอกน่าจะชอบแต่ยังไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ

ขอให้คุณแกะมีไฟเรื่อยๆเลยนะจ๊ะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.23 [พี่ปัน] p.4 [20/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 20-03-2014 22:12:25
ดีใจที่กลับมาครับ นั่งลุ้นกับน้องหมอกดีกว่า
อีกแค่ไม่กี่เดือน เจ๊ก็จะหากำไรกับน้องหมอก
อยากรู้ว่าปันจะช่วยได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.23 [พี่ปัน] p.4 [20/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 22-03-2014 06:15:57
ผมยืนรอพี่ปันที่หน้าร้านหนังสือได้ไม่นานคนนัดก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ

"หวัดดีครับพี่"

พี่ปันเพียงพยักหน้ายิ้มรับก่อนเราทั้งคู่จะเงียบกันไป

ผมเงียบเพราะรอฟังว่าพี่มันนัดผมเรื่องอะไร ส่วนที่พี่มันเงียบเพราะอะไรผมไม่รู้

"เออ คือจะว่าไงดี วันนี้หมอกรีบกลับบ้านมั้ย? "

พี่ปันพูดหลังจากทำหน้าเก้อกังๆเหมือนคนเพิ่งนึกเรื่องจะพูดออก

ยังกะไม่ได้เตรียมเรื่องจะพูดมายังงั้นแหละ -  -

"ก็ว่างๆอยู่ครับ"

"งั้น...ไปกินสเวนเซนกันก่อนมั้ย พี่มีหลายเรื่องอยากจะคุยกับเราพอดี"

ผมพยักหน้าตอบรับเพราะยังไงๆตัวเองก็ไม่ได้รีบกลับอยู่แล้ว

สุดท้ายเราทั้งคู่ก็เดินเงียบๆไปจนถึงสเวนฯพี่มันเลือกที่นั่งด้านริมติดกระจกก่อนจะสั่งไอติมมา2ถ้วยระหว่างรอพี่มันก็พูดเกริ่น

"งั้นพี่จะพูดเรื่องของเราก่อนนะ"

"ครับ"

"โอเค พี่ขอเป็นตัวแทนของค่าย ยุพราช ครั้งที่7 ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับน้องติดค่ายของเราแล้ว"

จบคำสมองผมก็ประมวลผลข้อมูลก่อนจะยิ้มกว้างดีใจออกมา

เอาจริงๆผมลืมไปแล้วว่าตัวเองสมัครค่ายไว้กับเขาด้วย!!! แต่พอรู้ว่าติดก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ ค่ายนี้เป็นค่ายที่เด็กสมัครเยอะจริงๆครับ ตอนส่องเพจค่ายมีแต่คนโพสหน้าวอล ตัวเพจค่ายเองคนกดไลค์ก็ปาไปหมื่นกว่า

แต่ที่ผมสงสัยคือ... จริงๆพี่เขาจะต้องโทร.แจ้งไม่ใช่เหรอครับ อีกเรื่องคือพี่ปันเป็นพี่ค่ายด้วยเหรอ?

"พี่ปันเป็นพี่ค่ายเหรอครับ? "

"จะว่าเป็นก็ได้นะ จริงๆแม่งานคือน้องๆปีสามครับ พี่จบแล้วแค่มาช่วยน้องๆนะ"

"อ้อ เหรอครับ"

ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเตรียมอ้าปากถามเรื่องที่สงสัยอีกเรื่องแต่พี่ๆบริกรเอาไอติมมาเสิร์ฟพอดี

"เดี่ยวอีกเรื่องค่อยพูดที่หลังตอนนี้ทานไอติมก่อนเนาะ"

พี่ปันพูดก่อนจะตักไอติมเข้าปากผมเองก็ไม่ขัดศรัทธาเริ่มกินของตัวเองบ้างพอกินกันไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อยได้สักพักพี่ปันก็ว่างช้อนจะพูดต่อ

"ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องของพี่เองครับ คือวันอาทิตย์นี้วันเกิดพี่เอง"

"สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าครับพี่"

ผมพูดตามมารยาทก่อนพี่ปันจะพูดต่อ

"พี่อยากทำบุญวันเกิดด้วยการทำอาหารเลี้ยงเด็กกำพร้านะ หมอกไปทำบุญกับพี่มั้ย"

"พี่เลือกที่จะไปรึยังครับ"

ผมตอบคำถามด้วยคำถามก่อนพี่มันจะส่ายหน้าเบาๆแทนคำปฏิเสธ

"งั้นหมอกไปด้วย แต่ขอเลือกบ้านเด็กกำพร้าที่จะทำได้มั้ยครับ? "

"ได้สิ"

"ตกลงครับ งั้นเสาร์นี้เราไปซื่อวัตถุดิบกัน หมอกขอเลือกบ้านเด็กกำพร้าเดชาราชนะ"

ผมตาเป็นประกายหัวใจพ่องโตด้วยความสุขที่จะได้กลับไปสถานทีที่ครั้งหนึ่งผมกับพี่เทสเคยเรียกว่าบ้าน

ใช่ครับ...บ้านเด็กกำพร้าเดชาราชคือบ้านที่เด็กกำพร้าอย่างผมและพี่เทสเคยอยู่...

"งั้นเป็นอันว่าตกลงแล้วนะ"

"ครับพี่ พี่ปันครับ นอกจากเลี้ยงอาหารเด็กแล้วทำอย่างอื่นด้วยมั้ยครับ"

"ทำยังไงบ้างละ พี่ไม่ค่อยรู้ซะด้วย"

"คือ...มันต้องใช้งบด้วยนะครับ"

ผมอ้อมแอ้มบอก ถึงอีกฝ่ายจะรวยแต่ผมไม่รู้ว่าพี่มันจะสนรึป่าวหรือตั้งงบไว้แค่ไหน

"แสนหนึ่งพอมั้ย? "

"แสนหนึ่ง! !!"

ผมตาโตทวนคำพี่มันที่นั่งยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าว่าโอเคกับงบหนึ่งแสน

"คือยังงี้ไง หมอกอยากซื่อของพวกสิ่งที่มันจำเป็นๆไปฝากน้องๆนะครับ แล้วก็อยากมอบทุนให้น้องๆด้วยแล้วก็อยากจัดกิจกรรมให้่น้องๆได้พักผ่อนกันแล้วก็....."

ผมหยุดพูดพอเห็นสีหน้ายิ้มของพี่ปัน ลืมตัวไปเลยว่างบหนึ่งแสนนั้นมันเงินของเขา แต่ผมดันไปพูดเหมือนเป็นเจ้าของซะเอง

"ไม่ต้องเงียบหรอก พูดต่อก็ได้ งบหนึ่งแสนนี้พี่ตั้งให้เราบริหารเลย เต็มที่ครับ เพราะพี่ก็ไม่รู้จริงๆนั้นแหละว่าต้องทำอะไรยังไงบ้างอีกอย่าง..."

พี่ปันพูดก่อนจะเว้นวรรคไป

"พี่ชอบเวลาที่หมอกยิ้มอย่างมีความสุข น่ารักดี รอยยิ้มของหมอก ใครเห็นก็สบายใจนะ "

พอพี่ปันพูดจบผมก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปกับใจความบางอย่างที่แฝงอยู่ในประโยค

พี่ปันเป็นผู้ชายที่ทำคนอื่นเขินได้เก่งมาก ครั้งแรกที่เจอกันพี่มันทำผมเขิน(อาย)ที่ตัวเองเข้าใจผิดไปชกเขาหน้าตาเฉย
ต่อมาก็ตอนสอนทำอาหาร เล่นยื่นหน้ามาแบบนั้นใครก็เขินสิครับ

อีกครั้งที่โรง'บาล จริงๆพี่มันเข้าใจว่าแค่กุมมือผมไว้แต่จริงๆมีมากกว่านั้น

เป็นเรื่องที่ผมไม่คิดจะบอกใครแม้กระทั้งเจ้าตัวเอง

ในระหว่างที่ผมกำลังรอเต้กับแทน...

"ปะ...ปราย ..."

ผมได้ยินพี่ปันเรียกชื่อนี้ออกมา ตอนแรกผมคิดว่าพี่มันจะฟื่นแล้วเลยเดินเข้าไปใกล้ พอถึงระยะแล้วพี่มันก็ดึงแขนผมไป

ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวผมจึงถลาไปทั้งตัวด้วยแรงของพี่มัน ...ปากของผมชนแก้มพี่ปัน...

'จุ๊บ'

"เห้ย!!!"

ผมอุทานตกใจลั่นก่อนจะพยายามแกะมือเหนียวๆของพี่มันแต่นี้พูดเลย มือพี่มันยิ่งกว่าตุ๊กแกอีก

สุดท้ายเลยตามเลย ผมเอื่อมมือลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ก่อนจะฟุบตัวลงข้างๆพี่มัน

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าฝามือคนเรา...

...มันจะ'อุ่น'ได้ขนาดนี้

"หมอก"

"ครั...เห้ย!!!"

ผมสะดุ้งตกใจกับใบหน้าของพี่มันที่อยู่ห่างจากผมแค่ไม่กี่เซ็นต์

นี้ยื่นหน้ามา(อีกแล้ว)ตอนไหนวะ! !!

"คิดไรอยู่ ใจลอยเชี่ยว"

พีมันพูดกึ่งขำผม

ไม่อยากบอกเลย ก็คิดถึงมึงไง....

บ้าเอ๊ย แล้วกูจี้คิดตามทำไมวะเนี้ย! !!

"งั้นตกลงตามนี้นะ เดี่ยวพี่โทร.ไปตอนวันเสาร์นะครับ"

"ครับพี่"

"งั้นกลับบ้านกันเดี่ยวพี่ไปส่ง"

ผมก้มหน้างุดๆรับคำก่อนพี่มันจะสั่งเช็กบิล

จากนั้นผมกันพี่มันก็เดินกันไปคุยกันไปจนถึงลานจอดรถ ผมเดินเก้ๆกังๆไปนั่งที่เบาะด้านข้างคนขับก่อนพี่มันจะขึ้นและขับรถออกไป

พอมาถึงที่หมาย ผมบอกให้พี่มันส่งแค่หน้าซอยพอครับเพราะข้างในมันแคบกลับรถลำบาก

"ขอบคุณนะพี่ปัน อุตส่าห์มาส่ง"

"ไม่เป็นไร"

"งั้นเจอกันเสาร์นี้นะครับ"

"เดี้ยวก่อนหมอก"

พี่มันขัดตอนผมกำลังจะลงรถพอดี

"พี่จะบอกเราว่า...นอนหลับฝันดีนะครับ..."

"เช่นกัน...ครับ"

ผมก้มหน้าพูดเสียงเบาหวิวก่อนจะรีบลงจากรถแล้วเดินเข้าซอยไป ไม่นานพี่ปันก็เคลื่อนรถออกไป

'นอนหลับฝันดีนะครับ....'

นี้มัน...

หมายถึง'เป็นห่วง'

รึเปล่านะ.....

'ตึกตึกๆ'

เนื้อในกายที่หน้าอกด้านซ้ายเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี้ผม...

'เขิน'งั้นเหรอ! !!?

"อ้าวหมอกกลับมาแล้วเหรอ ?"

พี่เทสที่ถอดแว่นออกทักผมระหว่างทางขึ้นบรรไดพอดี

"ครับพี่"

"อื้ม...กินยาด้วยนะ หน้าแดงๆ ไม่สบายเหรอเรา ?"

"้เออ...ครับ"

จบคำผมรีบแทรกตัวเดินผ่านพี่เทสขึ้นไปห้องตัวเอง ก่อนจะกระโดดทั้งตัวลงไปนอนกับเตียง

ในวันที่ฟ้าหม่นๆก็ยังมีเรื่องดีๆผ่านเข้ามาให้เราพอชื่นใจ...

"พี่ชอบเวลาที่หมอกยิ้มอย่างมีความสุข น่ารักดี รอยยิ้มของหมอก ใครเห็นก็สบายใจนะ "

ยิ่งคิด...ยิ่งฟุ้นซ่าน

"ไอ้บ้า"

ผมด่าตัวเองหน้ากระจกก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำไป

นี้ผม...

..

..
..
..

.

.

.

.......รึเปล่านะ ?



                                                        ..................................................................


มาอัพเช้าๆก่อนไปทำงาน

ไม่มีคนอ่าน คนเขียนก็คงไปไม่รอด

ขอบคุณครับ  :กอด1:

แกะซ่า   :bye2:





หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.24 [น้องหมอก] p.4 [22/03/57] 6:19 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 22-03-2014 07:52:34
เอิ่มมมม"หลับให้สบาย"
เรารู้สึกว่าเค้าใช้กันตอนจากไปไม่กลับ ไม่ใช่หรอ...
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.24 [น้องหมอก] p.4 [22/03/57] 6:19 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-03-2014 09:30:08
ใช่ๆ
ไม่ควรใช้คำว่า หลับให้สบายนะ
มันเหมือนเค้าเสียไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.24 [น้องหมอก] p.4 [22/03/57] 6:19 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-03-2014 17:33:03
น้องหมอกเจอหยอดไปนิดเดียว
เริ่มชอบเลยเหรอลูก

ขอให้พี่ปันมันชอบก่อนนะ น้องหมอกไปชอบมันก่อนเดี๋ยวคงจะเสียใจ
ความรู้สึกพี่ปันมันยังไม่เคลียร์เลย ว่ามัน สงสาร เอ็นดู รัก หรือว่าอะไร
หวังแค่ว่าน้องหมอกจะไม่เป็นตัวแทนปราย

ปอลิง: หลับให้สบาย มันแปลกจริงๆอ่ะแหละ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.24 [น้องหมอก] p.4 [22/03/57] 6:19 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 22-03-2014 18:35:16

หลังจากน้องหมอกลงจากรถไปผมถอนหายใจเบาๆคลายความกังวลข้างในออกไป


อย่างน้อยๆน้องมันก็ดูไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่แล้ว


ส่วนวันอาทิตย์นี้วันเกิดผมจริงๆครับ...


วันเกิด...อยากจะทำบุญ


ผมยิ้มบ๊องๆให้กับตัวเองในกระจกมองหลังรู้สึกดีหวุดหวิดที่หาข้อแก้ตัวดีๆมาแก้ต่างกับน้องมันได้


ก็เล่นนัดออกมาซะเฉยๆนิครับจะบอกไปตรงๆว่าอยากเจอก็ใช่ที่


คือผมแค่อยากรู้ว่าตอนนี้น้องมันเป็นยังไงมันสู้ไหวรึเปล่าหรือท้อแท้บ้างมั้ย


แต่สิ่งที่ผมเห็นในแววตาของมันยังคงมีแต่ความรู้สึกที่ยังไม่ยอมแฟ้ต่อโชคชะตาหรือสิ่งต่างๆ


ยิ่งเห็นรอยยิ้มสดใสของน้องมันผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองคิดถูกจริงๆที่นัดน้องมันออกมา


อดทนหน่อยนะหมอก


พี่สัญญา... พี่จะช่วยเราออกจากที่นั้นให้ได้ !!!




                                             ......................................................................................


เช้าวันพฤหัสมาถึงวันนี้ผมมีนัดกับไอ้หว้าที่คณะ พอเดินเข้าไปก็เห็นมันโบกไม้โบกมืออยู่ตรงม้าหินอ่อนพร้อมแฟนมันที่นั่งอยู่ด้วยกัน


"ตกลงแต่งเมื่อไหร่ กูตัดชุดรอแล้วเนี๊ย"


ดูครับ ยังไม่ทันได้นั่งมันก็ส่งกองทัพสุนัขเข้าโจมตีผมไปหนึ่งดอก


"แต่งบ้าแต่งบออะไร"


"เหอะๆอย่ามาทำเป็นไขสือ มึงกินผักได้แล้วนิ"


"แล้วไง? "


ผมเบ้ปากยักคิ้วกวนตรีนมันผมที่ได้คือสันหนังสือธีสิสมันฟาดผมเต็มรัก


"เจ็บนะเนี้ย น้องนัทดูสิครับ หว้ามันแกล้งพี่"


ผมลูบหัวป้อยๆทำตาน่าสงสารก่อนหันไปอ้อนน้องนัทแฟนมันซึ่งกำลังหัวเราะพวกเราสองคนที่เล่นกันเหมือนเด็กๆ


"ยุ่งไรกับแฟนกูค่ะ"


ไอ้หว้าพูดเสียงดังก่อนจะโอบคอน้องนัทประกาศศักดา


อย่าแปลกใจทีมันกล้าพูดตรงๆแล้ว คืองี้ครับหลังจากคบกับน้องนัทได้สักพักหนึ่งไอ้หว้ามันคงทนรำคาญพวกผู้ชายทีมาตาม
ตอแยมันไม่ไหว มันเลยตั้งสถานะกำลังคบกันกับน้องนัทก่อนจะรูปคู่ลงบอร์ดคณะเล่นเอาซะผู้ชายที่มาจีบมันกระเจิ้งไปคนละทิศละทาง


"มองไรค่ะน้อง!!"


"ป๊... เปล่าครับพี่"


ไอ้หว้าหันไปถามพวกเฟรชชี่ปีหนึ่งที่มองมันอยู่นาน ดูจากสัญลักษณ์แล้วเด็กวิศวะนั้นเองครับ น้องมันคงเสียดายทั้งสองคนเลยมองซะตาละห้อยจนโดนไอ้หว้าด่า จะว่าไปหว้ามันก็เป็นคนเงี้ยละครับ ตรงไปตรงมาดีพอๆกับไอ้แต่สองคนนี้อยู่ใกล้ๆกันไม่ได้หรอกนะครับ มันตีกันตายทั้งๆที่ก็รู้จักและอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ พอเข้ายูฯไอ้เฟรมก็โดดไปนิติฯส่วนผมกับไอ้หว้าก็โดดมานิเทศฯตามที่ถนัด


"นี้ไงชุดที่กูไปตัด สวยมั้ยมึง? "


มันว่าก่อนจะส่งรูปชุดที่มันตัดมาให้ผมดูผ่านมือถือ


นี้สรุปมึงเอาจริงเหรอวะ!!!


"มึงเอาจริงเหรอวะ"


"เออดิ กูเคยล้อเล่นที่ไหน"


มันยักคิ้วสองข้างส่งให้ผม เออครับกูเชื่อมานานแล้วว่ามึงมันคนจริง สึดดด


ผมกับมันนั่งคุยเรื่องค่ายที่จะจัดกันอีกสองอาทิตย์กว่าๆต่อสักพักก่อนรุ่นน้องสองคนจะเดินเข้ามาหาพวกผม


"พี่ปัน พี่หว้า สวัสดีค่ะ"


ผมยกมือรับไหว้น้องๆก่อนจะเชื่อเชิญให้น้องๆทั้งสองนั่งลง สองคนนี้คือประธานและรองประธานค่ายปีนี้ครับ คนหนึ่งชื่อเพยคนนี้เป็นรองประธานค่ายครับ ช่วยอีกคนชื่ออุษาคนนี้ประธานค่ายปีนี้ครับ


"เจอเราสองคนพอดีเลย พี่กำลังว่าจะถาม เรื่องค่ายเป็นยังไงบ้าง"


"ตอนนี้90%แล้วค่ะพี่ ธีมปีนี้คือ โรงเรียนเวทมนต์ค่ะ"


น้องอุษาตอบ ผมพยักหน้ารับก่อนน้องจะพูดต่อ


"ตอนนี้ก็รอเสื่อที่สั่งสกรีนกับโรงงานก็ถือว่าสมบูรณ์100%แล้วค่ะ"


"อื้ม ดีแล้วแหละ เด็กๆก็คาดหวังกันพอสมควร"


พอพูดถึงตรงนี้หน้าใครบ้างคนที่ยิ้มแฉ่งให้ผมเมื่อวานก็ลอยออกมาจากห้วงความคิด


"สำหรับเอกปีนี้ก็มี เอกpr เอกวิทโท เอกประชาสัมพันธ์ เอกบริหาร เอกโฆษ เอกฟิมล์ ร่วมทั้งหมดหกสาขาค่ะ"
รอบนี้น้องเำพยพูดขึ้นบ้าง


"แล้วสายสันพร้อมแล้วเนาะ"

ฝ่ายสันย่อมาจากสันทนาการครับคือน้องๆที่เป็นพวกชอบเต้นไรงี้นะครับ คอยเอนเตอร์เทนน้องๆตลอดสามวันสองคืนครับ เรียกได้ว่าสำคัญไม่แพ้พี่เลี้ยงเลยละครับ


แต่ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆ ทุกคนสำคัญหมดครับ เพราะเราคือ"ครอบครัว"ต่อให้อยู่คนละเอกแต่เราก็ยังสนิทกันได้


"พร้อมยิ่งกว่าพร้อมพี่ พวกนั้นซ้อมกันหนักมาก"


น้องอุษาพูดยิ้มๆ ก็คงซ้อมกันหนักจริงๆนั้นและครับ


"โอเค งั้นเดี่ยวพี่จะรอดูวันเปิดค่ายนะ จัดเต็มไปเลยเนาะ!!!"


"ไว้ใจได้เลยพี่"

"ปีนี้เราจะฉายหนังสั้นเรื่องอะไรให้น้องดูกันมั่งนะ ? พี่ลืมถามไป"


"หนังสั้นที่จะฉากปีนี้มีทั้งหมด 4เรื่องค่ะพี่ปันเรื่อง 'ระหว่างทาง' 'ซ็อกเกอร์' 'ซิงเกิ้ล' และก็'วันสุดท้ายของเรา'ค่ะแล้วก็มีMVที่เอกเราทำขึ้นกันด้วยอีก2MV มีเพลง'แตกต่างเหมือนกัน'กับ'ชั่วโมงต้องมนต์'ค่ะพี่"


"ปีนี้มีหนังผีด้วยเหรอ ?"


ผมถามน้องมันต่อ ในรายการทั้งหมดมีหนังผีมาด้วยเรื่องหนึ่งแหะ


"อิอิ ความคิดหนูเองค่ะพี่ จะฉากเรื่องสุดท้ายก่อนน้องๆนอนกัน"


น้องอุษาพูดยิ้มๆ น้องครับ ที่น้องทำนี้มันทำลายเด็กๆืทางอ้อมเลยนะ แต่ผมไม่ขัดหรอกนะเพราะปีผมก็มีหนังผีเหมือนกันครับ เรียกได้ว่ามุกนี้ขายได้ตลอดกาล


ผมกับน้องๆนั่งคุยกันเรื่องคณะต่อ อีกไม่นานผมกับไอ้หว้าและน้องๆก็แยกย้ายกันไป


พอมองดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะบ่ายสองเอง


ช่างเถอะ ไปร้านอาหารไวๆก็ดี


จะได้...ลองฝึกทำอาหารดูไง


ผมไม่ได้อยากรีบไปเพราะอยากเจอหน้าใครบางคน


จริงๆนะ! !!


                                                                    ......................................


"อ้อ น้องหมอกลาหยุดงานยาวเลยสามวัน เห็นว่ามีกีฬาสีนะแต่เห็นเปรยๆว่าเสาร์อาทิตย์นี้ก็จะหยุด"


เจ๊อินบอกหลังจากผมเขียนโน๊ตถามหาน้องมัน


นี้หมายความว่ากูมาเก้อสินะ สินะ สินะ


ผมถอนหายใจเซงๆก่อนจะจัดการผัดอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อไป


ยังงี้สินะ ที่เขาเรียกกันว่าบางครั้งความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ขนานเจอน้องมันที่ร้านทุกวัน สามวันถัดจากนี้ผมก็ไม่ได้เจอ... -3-


ไอ้ไม่เจอกันนะพอเข้าใจอยู่หรอกนะ...


แต่ไอ้ความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆข้างในใจ....


นี้มันคืออะไรกันแน่วะ ไอ้ปัน!?



                                                       -----------------------------------------------------------


เลิกงานแล้วเราก็มาลง เห็นคอมเม้นท์แล้วชื่นใจ   :กอด1: ขอบคุณครับ  :z2:

แกะซ่า  :bye2:


ปล. เขาแก้ไขแล้วนะจ๊ะเรื่องคำพูดของพี่ปัน สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นเพราะตอนปั้นตีสองจ๊ะ ด้วยความง่วงๆเลยอยากจะนอนหลับสบายๆ สุดท้ายลืมไปว่ามันใช้สำหรับคนที่ล่วงลับไปแล้ว  :hao7: (ดีนะเพื่อนๆทัก)


ปล.2 ไม่สั้นไปเนา่ะ ค่อยๆกระดึบๆไป ตอนต่อไปน้องหมอก'3พาร์ท'นะครับ จบงานกีฬาสีพอดี   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.25 [พี่ปัน] p.4 [22/03/57] 18:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-03-2014 19:24:44
มาจิ้มก่อนอ่านค่า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.25 [พี่ปัน] p.4 [22/03/57] 18:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 22-03-2014 19:34:29
https://www.facebook.com/alonppun


แกะมีเพจแล้วน๊า ร่วมมาเกรียนกันได้เรื่อยๆนะขอรับ   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็ก[ไม่อยาก]ขายน้ำ...Ep.25 [พี่ปัน] p.4 [22/03/57] 18:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 22-03-2014 21:49:54


"กีฬา กีฬาเป็นยาวิเศษ ฮาไฮฮาไฮ"

นี้ผมยุ่งมากๆจนเกือบลืมเลยสินะครับว่าวันนี้เป็น...วันกีฬาสี !!!!

ผมใส่เสื่อกีฬาสีสีน้ำเงินคอวีที่มีโลโก้โรงเรียนที่หน้าอกด้านซ้าย ใส่กางเกงยีนต์สีดำมีรอยยับๆตัดกับสีเสื่อ ส่วนผมบนหัวก็จัดแจงหายางมามัดเป็นจุกบนหัวครับ ผมชอบทรงผมทรงนี้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไรแต่เต้มันตั้งไว้ว่าทรงน้ำพุ เวลาทำผมทรงนี้ที่ไหร่ผมชอบส่องกระจกทุกที่ ปกติผมด้านมันยาวจนแยงตานะครับแต่พอทำทรงนี้ก็นับว่าหมดปัญหา

ส่วนไอ้เต้นั้นเหรอครับ?

"คธากรยิ้มหน่อยครับ ...นั้นแหละหล่อมากครับ"

พี่ช่างภาพชมไอ้เต้และสายฟ้าที่ปีนี้เป็นคธากรคู่กัน

เดี่ยวนะใครโหวตพวกมันสองคนคู่กันวะ นิผมพลาดสินะ!!!

ก็แน่ละช่วงนี้ลูกค้าแน่นร้านนิครับ ผมเลิกเรียนเสร็จก็ตัวปลิวไปห้างเลยได้อยู่เย็นร่วมเตรียมงานกับเขากันซะเมื่อไหร่ เพราะงั้นวันนี้หน้าที่ของผมคือกองเชียร์กีฬาครับ โดยเฉพาะที่ผมโดนย้ำหนักย้ำหนาว่าต้องเข้าเชียร์ให้ได้ก็คือบาสทั้งๆที่รุ่นมอ4สีเราเข้าชิงต่างสองรายการคือบาสกับแบท

ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นคือการที่ไอ้วุธเทพกีฬาห้องสามจับคู่กับกราฟห้องผม!!!

ผมบอกแล้วไงครับ กราฟมันลึกลับถึงขนาดไปยื่นข้อเสนอกับวุธได้ทั้งๆที่ตอนแรกหมอนั้นปฏิเสธแทบตาย พอกราฟเปิดสมุดเล่มสีเขียวๆของมันแล้วพูดอะไรออกมาสองสามประโยคนั้นแหละ

วุธถึงขนาดจอมจำนนแบบไม่มีเงือนไขเลยที่เดี่ยว

ผมถึงได้บอกไง กราฟมันลึกลับและน่ากลัว

"หมอกเช็ดเหงือให้กูหน่อย"

"ได้ครับ คณคธากร!!"

สายฟ้ากับเต้ที่โชว์ตัวกันในรอบเช้าเสร็จแล้วเดินมาหาผมก่อนไอ้ตี๋บ้าจะยื่นหน้ามาให้ผมเช็ด

ต้องเห็นใจมันทั้งคู่จริงๆครับชุดคธากรของสีผมปีนี้มีคอนเซ็ปคือ'เทวดา'ครับ เสื่อสีขาวชั้นในเนียนไปกับผิวของพวกมันทั้งคู่ มีเสื่อกั๊กสีครีมอีกตัวสวมทับ กางเกงสแล็กสีขาวตัวเท่ๆเข้ากันกับชุด สุดท้ายคือรองเท้าหนังที่ขัดจนเงาวับพ่วงด้วยไม้คธาประจำตัว

แม้ตอนนี้จะเพิ่งเจ็ดโมงกว่าแต่แสงแดดที่สาดส่องลงมาก็ร้อนมากพอจะเผาของเสียในตัวพวกมันทั้งคู่จนกลายเป็นเหงือเต็มใบหน้า

ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวขึ้นมาซับๆเหงือบนหน้าให้มัน ตอนนี้เราสามคนนั่งกันอยู่บนสแตนเชียร์สีเราครับ ผมนั่งคั่นกลางพอดี(จริงๆคือผมนั่งก่อนแล้วพวกมันแยกกันนั่งประกบผมต่างหาก)

"มึงเอาด้วยมั้ยเต้"

พอเช็ดหน้าให้สายฟ้าเสร็จผมก็หันไปถามเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังกินยาคูลท์ แต่มันส่ายหน้าแทนคำตอบ จะว่าไปวันนี้มันดูเหนื่อยๆแปลกๆแหะสงสัยคงร้อนมากๆมั่งครับ

"ปวดฉี่วะ กูฝากคธาแปบนะมึง"

สายฟ้าหันมาพูดกับผมก่อนมันจะรีบก้าวยาวๆไปทางอาคารสองที่อยู่หลังสแตนท์พอมันเดินไปลับสายตาผมก็รีบหันมาหาเต้

"เป็นไรวะมึง"

มันทำหน้างงๆ ผมเบ้ปากก่อนจะชี้ไปที่ขวดยาคูลท์...ไม่สิ

...เศษขวดยาคูลท์ที่แหลกละเอียดคามือมันต่างหาก

มันรีบหันขวับก่อนจะปาสิ่งที่อยู่ในมือเข้าใต้แสตนเชียร์

"เต้ เป็นไร อย่าโกหกกูดิ กูเพื่อนมึงนะเว้ย"

ผมพูดกับมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"หมอกกูมีเรื่องจะบอก..."

"อะไร"

ผมกลืนน้ำลายลงคอนิดๆหลังจากมันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"กูว่า...กูจะไปญี่ปุ่นวะ..."

จบคำใจของผมเต้นแรงขึ้น เต้เป็นเพื่อนสนิทคนเดี่ยวที่ผมมี...

"มึงจะทิ้งกูเหรอ...?"

"เปล่า...คือกู...แค่คิดๆ"

ผมรู้สึกหน่วงๆขึ้นมาร่างกายก็เริ่มหนักอึ่ง เต้เป็นคนที่ไม่เคยพูดจาแบบล้อเล่นทุกคำพูดของมันนั้นคือเรื่องจริงเสมอ

"มึงจะ...อึก...จะไปเมื่อไหร่"

"มึงอย่าเพิ่งร้องดิ กูใจเสียหมด"

"กูถามว่าเมื่อไหร่ ?"

ผมตะคอกมันทั้งน้ำตา ไม่อยากเลย ไม่อยากให้มันไป มันเป็นเพื่อนที่เป็นเหมือนพี่ชาย ตั้งแต่รู้จักกันมาผมกับมันก็ดูแลกันมาตลอด มันยังเคยเรียกผมว่าน้องด้วยซ้ำ

"กูพูดจริงๆนะ กูแค่...โอเค กูอาจไป...หลังสอบเสร็จ"

มันจะพูดโกหกแต่พอผมมองเขม็งก็เลยยอมพูดความจริง

หลังสอบ...ก็อีกแค่สองอาทิตย์เองดิวะ....

"อื้ม...มึงไปแล้วใครจะแย่งข้า่วกูแดรกวะ"

ผมพยายามพูดติดตลกแต่รู้ดีว่ามันไม่ขำเลยสักนิด...

"ต่อให้กูไม่อยู่...มันก็มีคนที่พร้อมจะดูแลมึงเสมอ"

"ไหนมึงบอกจะไม่ทิ้งกูไงวะ...!!! "

ผมตะคอกมันกลับไม่อยากฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น

มันเป็นเหมือนทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้องของผม...แล้วมันจะทิ้งผมไปเนี้ยนะ

ไหนมันบอกไงว่าผมเป็น'น้องชาย'ของมัน

"........................."

ผมนั่งสะอื้นโดยมีมันช่วยเช็ดน้ำตาให้สักพักพอร้องหนักๆผมก็พอทำใจขึ้นได้บ้าง ถ้ามันจะไปจริงๆร้องให้่ตายผมก็ห้ามมันไม่ได้อยู่ดี

"จะไปวันไหนกูจะไปส่ง...โอ๊ย มึงเขกหัวกูทำไมเนี้ย!!!"

ผมร้องครวณออกมาหลังจากมันจับหัวผมโขกกับหัวมัน

เต้มีนิสัยประหลาดๆอย่างหนึ่ง พอเวลามันงอนใครมันจะชอบเอาหัวไปเขก แ่น่นอนว่ามีแต่ผมเท่านั้นแหละที่มันงอน

"อยากให้กูไปมาก ?"

"เปล่าสักหน่อย"

"งั้นกูไม่ไปก็ได้"

มันพูดเหมือนเรื่องสัมเพเหระแล้วทำหน้าชิลๆใส่ผม

ไอ้ซั้ซแล้วมึงปล่อยให้กูร้องไห้ฟรีๆทำไมเนี้ย มันเสียน้ำในร่างกายกูโดยใช่เหตุมั้ย ไอ้บ้า !!!

"กูไม่อยากให้มึงร้องแบบนี้เลยหมอก กูทนเห็นน้องชายตัวเองร้องไห้ไม่ได้นานๆหรอกนะ ที่กูบอกว่าจะไปอันนี้กูแค่พูดเพื่อๆเฉยๆ เพราะพ่อกับแม่กูเขาอยากจะไปลงหลักปักฐานที่ญี่ปุ่นไง"

"ตกใจหมด กูก็นึกว่ามึงจะไปจริงๆ แล้วไอ้ที่บอกว่าหลังสอบคือ...?"

"คือพ่อแม่กูไปที่นั้นไง แต่กูว่ากูอาจจะอยู่ที่นี้ต่อ"

"ไอ้บ้า แม่มกูใจเสียหมด"

ผมว่ามันก่อนจะปั้นแยกเขี้ยวใส่ ดูสิ ใจเจิ้ยผมไปหมดแล้ว

"หมอก"

"อะไร?"

"กูดีใจนะ ทีมีึมึงเป็นเพื่อน"

"เออ กูก็ดีใจที่มีมึงเป็นเพื่อน เพราะงั้นห้ามทิ้งกู"

"ครับ ไอ้น้องชาย"

พูดจบมันก็หัวมือมันมาขยี้หัวผม ไอ้บ้าอย่าขยี้แรงดิ เดี่ยวจุกน้ำพุกูหลุด- -*

ผมนั่งเล่นไม่นานสายฟ้าก็วิ่งเหยาัะๆกลับมา เต้กลับไปนั่งเงียบเหมือนเดิม

นี้แปลว่าพวกมึงยังไม่เลิกทะเลาะกันเลยเหรอวะ ??? (แล้วตกลงพวกมึงทะเลาะอะไรกัน !?)

"พี่เขาเรียกแล้วมึง"

สายฟ้าทักเต้เบาๆ

"หมอกอย่าลืมที่ตกลงกันนะ"

"เออ"

ผมตอบรับไอ้สายฟ้าที่หันมาย้ำ ก่อนทั้งคู่จะลุกออกไปตั้งขบวนแถวซึ่งจะเริ่มเดินจากโรงเรียนสตรีล้วนซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างโรงเรียนเรามากนักแล้วไล่เรียงแต่ละสีเข้ามายังสนามกีฬาของโรงเรียนเราเริ่มจากสีชมพูพันทิพย์ สีฟ้าอินทนน น้ำเงินครามแก้วฟ้า สีแดงเกสรพฤษา และสุดท้ายสีเหลืออัมรินท์

แน่นอนว่าผู้นำขบวนพาเหรดเข้ามานั้นก็คือประธานนักเรียน พี่แอลห้องสิบ สายศิลป์ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีของโรงเรียนเราที่เด็กสายศิลป์ได้เป็นประธานนักเรียน ตามติดๆมาด้วยสีชมพูมีคธากรนำหน้าคือพี่พังค์ซึ่งปกติวันธรรมดาก็สวย(?)อยู่แล้ววันนี้ยิ่งดูดีเป็นพิเศษ ด้วยชุดสีที่มาในคอนเซ็ปเวทมนต์สีฟ้านำโดยพี่นนท้คธากรหน้าหวานอีกคนที่เป็นเดือนโรงเรียนวันนี้พี่นนท์มาในชุทสูทสบายๆกับคอนเช็ปหวานเย็น

แน่นอนว่าขบวนต่อไปนำโดยคธากรซึ่งเป็นเด็กมอ4เพียงสองคน ไอ้เต้กับสายฟ้าที่มาในชุดเทวดา ไม่น่าเชื่อว่าพวกมันสองคนเข้าคู่กันแล้วออร่าจะประกายออกมาได้ขนาดนี้ มันหล่อทั้งคู่นะครับแต่หล่อกันคนละแบบ เต้จะหล่อแบบออกแนวโหดๆแต่สายฟ้าจะออกแนวหล่อแบบใสๆมากกว่า

แน่นอนว่าเด็กสตรีโรงเรียนใกล้เคียงที่มายื่นดูความอลังการย่อมต้องกรี๊ดก๊าดกันเป็นธรรมดา ตอนนี้ไอ้เต้ไอ้ฟ้ากำลังโดนโจกตีด้วยแสงแฟตจากกล้องทั่วสารทิศหนึ่งในนั้นก็คือผมเองทีตามเก็บภาพไว้ให้เพื่อนเพื่อทำพล็อตจบมอหกกัน

หลังจากขบวนกีฬาสีเดินเข้าไปยังลานสนามกีฬาครบเรียบร้อยแล้วท่านประธานซึ่งก็คือท่านผอ.ก็กล่าวเปิดโอโวทกับเด็กนักเรียน

"บัดนี้ถึงเวลาอันสมควร ข้าพเจ้าขอเปิดพิธีกีฬาสีประจำปีนี้ได้"

จบคำเพลงมหาฤกษ์จากวงโยก็ดังกระหึ่มก่อนท่านผอ.จะจุดคบเพลิงที่เหล่าตัวแทนคธากรทั้งห้าสีล้อมรอบ

เปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นเป็นสัญญาณว่าบัดนี้งานกีฬาสีของโรงเรียนเราได้เริ่มขึ้นแล้ว!!!



                                              ...........................................................


หุหุ คอมเม้นท์มาเยอะๆ ไรท์ก็มีแรงปั้นเยอะๆเหมือนกัน -3- อย่างที่บอกครับตอนกีฬาสียาวมากเพราะฉะนั้นจึงขอแบ่งเป็น3พาร์ทนะครับ แน่นอนว่าพี่ปันก็3พาร์ทต่อเช่นเดี่ยวกัน

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์จริงๆครับ ไม่มีคนอ่านคนเขียนอย่างแกะก็ไปไม่ไหวหรอกครับ นอนตายกลางสมรภูมิจริงๆ


ปล. แกะมีเพจแล้วนะ แวะเข้ามาเกรียนกันได้นะครับ  จะรอเสมอหนออออ ~

https://www.facebook.com/alonppun?ref=hl  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.26 [น้องหมอก] p.5 [22/03/57] 21:55 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 23-03-2014 06:26:07


"สีน้ำเงินชนะไปด้วยคะแนน17-16นะครับ! !!"


เสียงกรรมการประจำสนามขาดบอกก่อนผมกับไอ้เต้จะปรบมือกราวให้กำลังใจไอ้กราฟกับวุธที่ชิงเหรียญทองเหรียญแรกให้กับสีน้ำเงินได้สำเร็จในรายการกีฬาประเภทแบทมินตัน


พอออกมาจากสนามผมเห็นกราฟฉีกกระดาษจากสมุดสีเขียวๆประจำตัวของมันให้วุธ เจ้าตัวดีใจจนวิ่งออกไปจากสนามเหลือเพียงไอ้กราฟที่เดินมาพักที่สแตนเชียร์รอดูแข่งบาสฯอีกสิบนาทีข้างหน้า


"มึงเอาไรให้วุธวะ"


ผมทักหลังจากมันเดินมาถึงแสตนเชียร์


"ความลับ!!!"


เจ้าตัวตอบก่อนจะยิ้มทะเล้นออกมา


นี้เป็นครั้งแรกเลยมั่งครับที่ผมเห็นมันยิ้ม!!!


"ว่าแต่ว่า รายการต่อไปเถอะ"


"แข่งบาสไง ทำไมวะ"


มันไม่ตอบผมแต่หันไปยิ้มให้เต้แทน นี้ตกลงช่วงนี้กูพลาดอะไรดีๆไปจริงๆสินะ แล้วทำไมพวกมึงต้องมองหน้ากันเพื่อไรฟระ คุยกันทางโทรจิตเหรอยังไง- -


ผมเลิกสนใจพวกมันสองคนที่นั่งคุยกันผ่านสายตาข้ามหัวผม(ไอ้เปรตทั้งหลาย เอ๊ะ หรือกูเตี่ยเอง?)


รอไม่นานพวกสต๊าฟคณะกรรมการนักเรียนก็รีบวิ่งมาเครียล์สนามก่อนจะลากแป้นบาสมาตราฐานมาประกบสองข้างแล้ววัดระยะทางตรวจสอบความถูกต้องก่อนกรรมการจะเป่านกหวีดสามครั้งเป็นสัญญาณเรียกนักกีฬาลงสนามซึ่งทั้งสองฝ่ายก็เดินออกมาจากแต่ละฝั่งเพียงแต่...?


นักกีฬาทีมเราหายไปหนึ่งคนและหน้าเครียดๆของสายฟ้าทีน้อยครั้งผมจะได้เห็น มันกวาดตามองไปทั่วสแตนท์เชียร์ก่อนจะวิ่งยาวๆมาทางผม


"game start"


ผมได้ยินไอ้กราฟพูดเบาๆก่อนสายฟ้าจะวิ่งมาถึง


"กราฟ เห็นไอ้คินมั้ย มีคนบอกว่ามึงอยู่กับมันเป็นคนสุดท้าย"


สายฟ้าพูดเสียงเครียดก่อนผมกับเต้จะหันขวับไปมองกราฟ


"กูไม่เห็น"


มันตอบเสียงเรียบแต่คนถามหน้าถอดสีไปแล้ว


"มีไรวะมึง"


ผมหันไปหาสายฟ้าที่เริ่มลุกลี้ลุกลน


"นักกีฬาหายไปคน เป็นความประมาทของกูเองที่ให้พวกตัวสำรองไปลงแข่งกีฬาอื่นได้เพราะคิดว่า พวกตัวจริงไหวกันทั้งเกมส์ กู...พลาด"


มันเม้มปากเป็นเส้นตรงแสดงความเครียดออกมาอย่างชัดเจน


"เต้ไง"


กราฟพูดออกมาลอยๆ แต่คนถูกอ้างอิงสะดุ้งก่อนจะบอกปัด


"กูไม่ได้มีชื่อในรายการ"


"อ้อเหรอ งั้นนายปริทธร อรุณฉัตรนี้ชื่อใครวะ?"


กราฟพูดยิ้มๆก่อนจะส่งกระดาษแสดงรายชื่อตัวสำรองออกมาซึ่งมีชื่อไอ้เต้ต่อท้ายสุด แน่ละเต้หันไปมองสายฟ้าเพื่อให้อธิบายแต่ดูจากสีหน้างงๆของมันแล้วก็คงแปลว่าเจ้าตัวเองที่อยู่ในฐานะหัวหน้าทีมก็ไม่รู้เรื่องนี้


"ตอนนี้ช่างมันก่อนเถอะแต่เต้ช่วยฟ้าหน่อยได้มั้ย มีสิบคนก็ยังดีกว่าขาด"


สายฟ้าทำสีหน้าอ้อนวอนเต็มที่ใส่ไอ้เต้


"............."


"กูขอร้องนะ เต้ช่วยกูอีกสักครั้งเถอะ"


เต้ยังคงนั่งเงียบเม้มฝีปากเป็นเส้นตรง


"มึงช่วยๆมันหน่อยเถอะ นะเต้"


ผมช่วยพูดอีกแรงเพราะไอ้ตี๋บ้าทำหน้าจะร้องไห้แล้ว


"นักกีฬาเตรียมตัวนะครับ อีก5นาทีลงสนามเลยครับ"


เสียงกรรมการประกาศก่อนผมกับไอ้สายฟ้าจะมองไปที่ไอ้เต้


เพื่อนสนิทผมถอนหายใจดังๆออกมาก่อนจะพยักหน้าตกลง


"เออ!!!เอาเสื่อมาให้กูสิ"


"ไปๆ หลังสแตนท์ๆ"


สายฟ้าดีใจจนฉุดไอ้เต้ลุกไปหลังสแตนท์ทิ้งไว้เพียงผมกับไอ้กราฟพร้อมกระดาษรายชื่อนักกีฬาตัวสำรอง


ผมพยายามค้นหา'บางสิ่ง'จากสายตาไอ้กราฟ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ผมมองตาคนแล้วอ่านไม่ออก


ทั้งสายตาของกราฟมีเพียงความว่างเปล่าเสมือนหลุมดำที่ผมมองไม่เห็นอะไรจริงๆ!!!


บางทีผมว่ากราฟก็น่ากลัวไปนะ



                                             ------------------------------------------------------------------


"สายฟ้าวิ่งโว้ยย!!!"


ผมป้องปากตะโกนเชียร์เสียงดัง นาทีนี้นั่งกันไม่ติดแล้วครับเพราะสีเราเป็นฝ่ายตามอยู่2คะแนนเวลาเหลือเพียงนาทีกว่า!!!!


สายศิลป์ที่ว่าแน่ยังแพ้เด็กห้องโค้วต้านักกีฬา แถมอีกฝ่ายทำการบ้านมาดีมากจริงๆเล่นประกบสายฟ้า3-1ทั้งเกมส์จนไอ้ตี๋แทบจะขยับตัวทำแต้มไม่ได้


ผมหันไปมองนาฬิกาข้างสนามเข็มนาฬิกาเริ่มนับถอยหลัง15วินาที สุดท้าย

'15'

'14'

'13'

ไอ้สายฟ้าส่งลูกกลับแดนหลัง...ไม่สิลูกนี้มันจงใจส่งให้ไอ้เต้ที่อยู่แดนหลังโล่งๆเพียงคนเดี่ยว

'12'

'11'

'10'

ไอ้เต้รับลูกไว้ก่อนนักกีฬาทีมอีกฝ่ายจะรีบวิ่งมาบล็อกมัน

'9'

'8'

'7'

ไอ้เต้เลี้ยงลูกบาสรอดใต้หว่างขาของอีกฝ่ายก่อนจะโผล่ที่หลังเส้นสามคะแนน

'6'

'5'

อีกฝ่ายรีบวิ่งมาก่อนจะชนหลังไอ้เต้เต็มๆเพราะมันหยุดเท้าที่หลังเส้นเหลือพอดีเป๊ะ

'4'

'3'

เต้ชู้ตไกลจากระยะสามแต้มก่อนมันจะทรุดตัวลงเพราะเสียสมดุล

'2'

'1...'

'สวบ'


"ปรี๊ดดดดดดดดดดด"


"เฮ!!!!!!!"


เสียงนกหวีดยาวบ่งบอกถึงเวลาที่หมดลง ลูกบาสของมันลงห่วงก่อนสองวิสุดท้าย!!! ผมตะโกนดีใจกับเพื่อนที่ยังอึนๆว่า'กูชนะแล้วเหรอ'ก่อนสายฟ้าจะวิ่งเข้าไปกระโดดกอดเต้เต็มรัก


"พวกมึง จับไอ้เต้โยนกัน!!!"


สายฟ้าสั่งลูกทีมช่วยกันจับไอ้เต้ที่ยังหน้าเหวอๆก่อนผมจะรีบวิ่งเข้าไปช่วย


เปล่าครับ ....ไม่ได้ช่วยห้ามทัพ ผมไปช่วยโยนไอ้เต้ด้วยต่างหาก!!


"สีน้ำเงินชนะแล้วโว๊ย!!! เอ้าพวกมึงโยน! !!!"


สายฟ้าสั่งก่อนทุกคนจะช่วยกันโยนไอ้เต้ที่หวีดร้องสุดเสียงพลางสาปแช่งผมกับไอ้สายฟ้าทีเป็นแกนนำในการโยน


ครึ่งเช้าวันนี้ของพวกเราจึงจบลงด้วยเสียงหัวเราะของพวกเราทุกคนในห้องที่มาเชียร์....


อ้อ.... เสียงหวีดร้องของไอ้เต้ด้วยครับ  ; )



                                       ---------------------------------------------


ลงเยอะๆ คงยังไม่รีบเบื่อกันหรอกเนาะ ??? :vยังเหลืออีกพาร์ทนะครับของน้องหมอก  ^^
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.27 [น้องหมอก] [พาร์ท2] p.5 [23/03/57] 06:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 23-03-2014 06:42:43
อ่านแล้วคิดถึงบรรยากาศตอนกีฬาสีที่โรงเรียนจัง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.26 [น้องหมอก] [พาร์ท2] p.5 [23/03/57] 06:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 23-03-2014 07:27:56

หลังจากแข่งบาสเสร็จ ผมคะแนนร่วมของแต่ละสีก็เริ่มทยอยกันออกมาซึ่งผลปรากฏว่า...

สีน้ำเงินร่วมคะแนนแล้วได้รองชนะเลิศครับ! !!!

ตอนนี้บ่ายสามกว่าๆแล้วการแข่งขันเองก็ดำเนินมาถึงจุดจบตอนนี้ทุกสีทุกตำแหน่งกำลังยืนรับฟังโอวาทพิธีปิดของท่านผอ.(ที่ไม่รู้ทำไมยาวกว่าตอนเปิดพีธี นี้ผมยืนหาวแล้วหาวอีกเนี้ย)

"พ่อก็หวังว่าการแข่งขันในวันนี้จะหล่อหลอมหัวใจลูกๆได้เป็นหนึ่งเดี่ยวกัน บัดนี้ได้เวลาอันสมควร ขอกล่าวปิดพิธีกีฬาสีประจำปีเพียงเท่านี้"

หลังสิ้นสุดโอวาทของคุณพ่อ เปลวเพลิงประรัมพีธีก็ค่อยๆมอบดับลงก่อนเพลงสามัคคีชุมนุมจะดังขึ้น

"พวกเราเหล่ามาชุมนุม
ต่างกุมใจรักสมัครสมาน
ล้วนมิตรจิตชื่นบาน
สราญเริงอยู่ทุกผู้ทุกนาม"


ผมเกี่ยวแขนซ้ายของเต้ส่วนแขนซ้ายของผมก็ขนาบด้วยสายฟ้าต่อไปเป็นทอดๆกับเพื่อนๆในห้องเพื่อนๆในสีและเพื่อนๆในโรงเรียนบางคนไม่รู้จักแต่ก็ยังยิ้มให้กันได้เสมอ

นี้และครับ มิตรภาพของกีฬ่าสี...

"อันความกลมเกลียว
นั่นเป็นใจเดียวประเสริฐศรี
ทุกสิ่งประสงค์จงใจ
จักเสร็จสมได้ด้วยสามัคคี..

ที่หนักก็จักเบาคลาย
ที่อันตรายก็ขจัดขัดขวาง
สนองพระเดชบ่จางกตเวทิคุณพระกรุณา

สามัคคีนี่แหละล้ำเลิศ
จักชูชาติเชิดพระศาสนา
สยามรัฐจักวัฒนา-
ปรากฏเกียรติฟุ้งเฟื่องกระเดื่องแดนดิน"


"เพลงมาร์ชพร้อม!!!"

พี่เปาโลหัวหน้่าวงโยฯขานนำก่อนลูกทีมในวงจะขานตาม

"พร้อม!!!!"

"สาม...สี่"

พิธีปิดกีฬาสีดำเนินต่อไปเรื่อยๆจากเพลงสามัคคีชุมนุมไปจนถึงเพลงมาร์ชโรงเรียนแล้วต่อด้วยเพลงสดุดีมหาราชา พอพิธีปิดจบเด็กๆต่างก็แยกย้ายกันไปตามแผนที่นัดกันไว้

ส่วนห้องผมนะเหรอ ..... ?

"หมูกะทะเว้ย ไม่หมดไม่เลิก!!!"

ไอ้ดนัยขานออกมาก่อนทั้งหมดจะตกลงเห็นด้วย

จริงๆต้องบอกว่าห้องผมหาเรื่องไปกินหมูกะทะกันบ่อยมากกกกก จนเหมือนเป็นธรรมเนียม หลังสอบกลางภาคเสร็จก็กิน สอบไฟนอลเสร็จก็กิน เทศกาลต่างๆก็กิน วันหยุดนัขตฤกษ์พวกมันก็ยังนัดกันออกมากิน(แน่นอนว่าผมไปทุกรอบ 555+) เรื่องของเรื่องไม่ใช่อะไรที่บ้านดนัยเปิดกิจการร้านหมูกะทะครับ(นี้สินะที่มึงชวนพวกกูไปบ่อยๆ หารายได้เข้าครอบครัวนี้เอง -  -)

ในห้องมีทั้งหมด37คนจะโบกแท็กซีกันก็กระไรอยู่

"ไปรถเมล์กันพวกมึง"

เพื่อนในห้องคนหนึ่งเสนอ

"เดี่ยวนะ กูว่ากินหมูกะทะตอนนี้มันสิ้นคิดไปไหมวะ ??? ไปเปลี่ยนเสื่อผ้ากันก่อนมั้ยหรือยังไง ???"

ไอ้กล้าทักจนทุกคนชงัก

"เออวะกูดีใจแทนสายฟ้ามันไปจนลืมตั..."

เพื่อนผมคนนั้นยังไม่ทันพูดจบประโยคเพื่อนอีกคนก็รีบปิดปากก่อนมันจะส่งซิกอะไรกันสักอย่าง ?

"ดีใจกับไอ้เหม่งเรื่องไรวะ ?"

ผมถามออกไปเพราะความสงสัย เพื่อนๆที่อยู่รอบตัวๆเริ่มมองหน้ากันไปมาแต่ก็เงียบไม่ตอบผม สุดท้ายผมเลยหันไปหา่ตัวการแล้วถามตรงๆแทน

"มึงมีข่าวดีเรื่องอะไรวะหรือยังไง"

"กู...ติดนักบาสโรงเรียนแล้วนะ"

"จริงเหรอวะ !!! เห้ยดีใจด้วยนะมึง"

ผมตีแขนมันไปตีแสดงความดีใจด้วยกับมัน เจ้าตัวก็ยิ้มๆออกมา

แต่เรื่องแค่นี้พวกมึงจะเงียบกันทำไมวะ ก็บอกมาเลยก็จบ....

"งั้นเอางี้แล้วกัน ตอนนี้แยกย้่่ายกันก่อนดีมะ สัก...ทุ่มหนึ่งเจอกันที่ร้านไอ้ดนัยเลย โอมะ"

ลีหยุ่นเพื่อนชาวจีนที่มาอยู่ไทยจนพูดคล่องปล๊อตัดสินขึ้นก่อนทุกคนจะมองหน้าักันแล้วตกลง

"โอเค งั้นทุ่มหนึ่งเจอกันร้านกูนะเว้ย มาให้ครบทุกคนนะ!!!"

ไอ้ดนัยหันมาย้ำก่อนทุกคนจะจับกลุ่มแยกย้่ายกันไปเหลือผม กราฟ ไอ้เต้แล้วก็ไอ้ตี๋บ้า

"กราฟ มึงจะไปไหนก่อนรึเปล่าวะ ?"

อย่า่งที่บอกครับ กราฟไม่ค่อยมีเพื่อน...จะว่ายังไงดีอ๊ะ เหมือนกราฟมันโลกส่วนตัวสูงมากกว่ามั่งครับเลยไม่ค่อยมีคนเข้าใจมันสักเท่าไหร่ จริงๆผมเองก็ไม่ต่างจากมันหรอกนะแต่ผมยังมีไอ้เ้ต้ไงที่คอยไปไหนไปกันแต่มันไม่มีใครเลย

"กูไปกับพวกมึงได้เหรอ ?"

"ก็ได้ดิ มึงก็เพื่อนกูนิหว่า"

ในแววตาของมัน แวบหนึ่งที่ผมเห็นมันสะท้อนคำว่า'ขอบใจ'ออกมา จริงๆแล้วกราฟไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกครับ แค่ภายนอกมันจะดูเงียบๆไม่ค่อยมีบทบาทกับชาวบ้าน เข้าสังคมก็ไม่เก่งมันมีแค่นั้นจริงๆ

"งั้น...ไปไหนกันดี ?"

ผมถามพร้อมยืมกระพริบตาปริบๆก่อนผมกับสายฟ้าจะชี้ไปที่ใครคนหนึ่งพร้อมกัน

"เต้ ไปบ้านมึงนั้นแหละ !!!"

"จะดีเหรอวะ ?"

"ดีดิ"

มันทำหน้าเบื่อๆก่อนจะพยักหน้าตกลง

"แล้วไปยังไงดีวะ ? ไอ้ฟ้าเอารถมานิ"

ผมถามก่อนจะหันไปมองหน้าพวกมันสามคน

"อัดสี่ไม่ได้แน่ๆ เดี่ยวเจอปิงปองโบกรถกูยิ่งแต่งๆเครื่อง"

สายฟ้าว่า

"เออวะ งั้นไปยังไงดี ?"

"ให้ใครสักคนไปกับกูดิ วิ่งไปคนเดี่ยวมันเปลืองน้ำมันเปล่าๆ"

"งั้น...ใครจะไปกับมันดีอ๊ะ"

เดี่ยวนะ.... แต่สายฟ้ารู้จักบ้านไอ้เต้ด้วยเหรอครับ ผมนึกไม่ออกว่าเต้เคยพามันไปบ้านตอนไหน

พวกเรายืนมองหน้ากันไปมองจนผมเริ่มเมื่อย งั้นเอางี้แล้วกัน...

"เอางี้ กูไปกับกราฟเอง เต้ไปกับฟ้านะ เจอกันที่บ้านมึง"

พูดจบผมก็ขี้เกรียจรอพวกมันประท้วงหรือตัดสินอะไรกันอีก เลยจัดการล็อกคอไอ้กราฟแล้วลากมันไปทันที่ ได้ยินเสียงไอ้เต้ตะโกนด่ามาแว่วๆ แต่ผมไม่สนใจ

ใช่ครับ...อยากให้พวกมันเลิกทะเลาะกัน เดี่ยวหมูกะทะผมกร่อยหมด

"กราฟ บ้านอยู่ไหนอ๊ะ"

ผมถามหลังจากเราขึ้นรถเมล์กันมาเรียบร้อยแล้ว

"แถวคลองสามนะ"

"เห้ย ก็ไกลอยู่นะนั้น"

คลองสามที่ถือว่าอยู่ไกลจากโรงเรียนผมพอสมควรเลยนะครับนั้น มันมาโรงเรียนยังไงเช้าทุกวันวะ

"ไม่เท่าไหร่ ชอบนะนั่งรถนานๆ"

"เหอะๆ เหรอวะ ? กูว่าไม่นะกูขี้เกรียจขึ้นBTSทุกวันมากนี้พูดเลย"

ผมกับมันนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยเท่าที่เวลาจะเอื่ออำนวย จริงๆกราฟก็ชอบพูดคุยนั้นแหละครับแต่มันเข้าหาคนอื่้่นๆไม่เก่ง เรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั้งถึงหน้าหมู่บ้านจัดสรรคของไอ้เต้มัน

"ลงเนี้ยแหละ"

ผมว่าก่อนจะลุกขึ้นไปกดกริ่ง มันก็ลุกตามผมมา

พอมาถึงหน้าหมู่บ้านต่อไปก็โบกวินเข้าไปครับ เดินเองที่ไกลโขอ๊ะ แต่ค่ารถตั้ง20บาทแนะ -  - ผมกับไอ้กราฟยืนรอหน้าบ้านไอ้เต้ไม่นานรถของสายฟ้าก็เคลื่อนที่มาสมทบดูจากสีหน้าแล้ว ทั้งคนขับคนซ้อนนอกจากจะไม่เครียล์กัน ผมว่ามันหนักข้อกันมากกว่าเดิม เพราะไอ้เต้ทำหน้าบูดมากแล้วเดินเข้าบ้านปล่อยผมยืนเกาหัวเก้อๆเลย

สายๆฟ้าขยับรถของมันไปจอดใต้กันสาดก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกุญแจที่ใต้พุ่มไม้แล้วเดินแบบไม่รอผมเพิ่งรู้ว่านอกจากผมแล้ว เต้มันก็บอกคนอื่นด้วยว่ากุญแจดอกสำรองอยุ่ตรงไหน

ที่สำคัญ สายฟ้าเชี่ยวทางมากยังกะัเคยมาค้างที่นี้อ๊ะครับ มันเดินไปคุ้ยของกินในตู้เย็นก่อนจะเดินมาันั่งที่โซฟาแล้วก็เปิดทีวีดูเ้อกเขนก

"กูชักไม่แน่ใจแล้ว ว่ากูหรือมันกับแน่ที่เป็นเพื่อนสนิทไอ้เต้"

ผมพูดขำๆกับกราฟซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มจางๆให้แทน

พวกเรานั่งเล่นฆ่าเวลากันจนถึงทุ่มเศษ ผมเปลี่ยนไปใส่ชุดสำรองของไอ้เต้ สายฟ้าใส่ชุดนักบาส ส่วนกราฟมีเสื่ออยู่ข้างในอีกชั้น พอถึงเวลาพวกเราก็ำพร้อมออกเดินทาง

ร้านหมุกะทะของดนัยอยู่ตรงติดริมถนนเลยครับ ข้างๆขนาบด้วยแม่น้ำที่ไหลผ่านทำให้เวลาไปกินได้บรรยากาศดีๆกลับมาประจำครับแุถวนั้นคนไม่พลุ่พล่านเท่าไหร่ด้วย ส่วนตัวดีจะตายพอไปถึงก็พบเพื่อนในห้องหลายคนกำลังนั่งเรียงรายกันอยู่ครับ อย่างที่บอกว่าคนเยอะมาก เพราะฉะนั้นจะนั่งโต๊ะเดี่ยวกัน37คนเลยก็คงจะไม่ไหวเลยแบ่งๆกันนั่งครับ

ไปถึงผมก็เขมือบเลย อย่างแรกคือเนื่อหมูครับ ที่นี้ใส่เนื่อสดใหม่ทุกวันทำให้รสชาติตอนเวลาย่างนี้หวานมากครับ ผมชอบมากๆเลยแหละ พอกินกันไปสักพักใหญ่ๆ ไอ้ดนัยก็พูดออกมากลางวง

"และัแล้วก็ถึงเวลา่อันสมควรแล้วนะครับ ที่เราจะได้รู้กันว่า หมู่หรือจ่า เอ๊า สายฟ้าออกมาไวๆเพื่อนๆคอย"

ผมหันขวับไปหาไอ้ตี๋ที่เกาหัวแกรกๆแก้เขิน ก่อนมันจะเดินออกไปพร้อมกีต้าร์โปร่งอีกตัว

"หมอก..."

"อะไร"

มันตะโกนมาหาผมครับจากกลางวงเลย

"กูขอเล่นเพลงนี้ให้มึงนะ"

ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจในคำพูดของมัน ไม่นานนักมันก็ยืนหลับตาทำสมาธิก่อนจะค่อยๆจรดนิ้วลงกับกีต้าร์แล้วร้องเพลงบางเพลงออกมา....

"รักในใจ เก็บมันเอาไว้เรื่อยมา
ก็เพียงแค่มองในตาเธออาจจะพอเข้าใจ
รักที่ใครบางคน ต้องทนเก็บไว้ข้างใน
ไม่อาจจะเปิดเผยไป ให้ใครได้รู้

ฉันจึงต้องทำเป็นเฉยชา
กลัวซักวันเธอรู้ว่าฉันรักเธอตลอดมา
และเธอเกิดจะบอกลากันไป

แต่ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม

เหมือนในใจ จะมีเส้นใยบางๆ
ที่คอยจะเข้ามาบัง กันขวางระหว่างสองใจ
จะทำให้เราเจอกัน แต่จะรักกันไม่ได้
ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจดวงนี้

ฉันจึงต้องทำเป็นเฉยชา
กลัวซักวันเธอรู้ว่าฉันรักเธอตลอดมา
และเธอเกิดจะบอกลากันไป

แต่จะเก็บต่อไปได้นานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม

และหากว่าในเส้นใยบางๆได้จางลงไป
คงถึงวันที่ใจสองใจ ได้รักกันซักที

แต่ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอมาสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
จะบอกเธอด้วยคำๆ ไหน

ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอมาสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม

จะบอกเธอด้วยคำไหน ให้รู้ดี
รักที่ฉันมีทั้งใจ คงไม่มีคำๆ ไหนจะเท่าเทียม"


"ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว"

เพื่อนๆในห้องพร้อมส่งใจกันส่งเสียงโห่ร้อง ในขณะที่ผมนั่งเงียบหลังจากฟังเพลงจบ...

นี้มัน....

"หมอก มึงจำได้มั้ยที่มึงบอกว่าจะให้กูเรื่องอะไรก็ได้ถ้าเกิดว่ากูชนะบาส"

"..........................."

" กูชอบมึงอ๊ะ เป็นแฟนกับกูนะ..."






หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.28 [น้องหมอก] [พาร์ท3] p.5 [23/03/57] 07:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 23-03-2014 08:38:09
น้องหมอกนี่เสน่ห์แรง ยังไงอย่าลืมพี่ปันซะละ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.28 [น้องหมอก] [พาร์ท3] p.5 [23/03/57] 07:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 23-03-2014 09:14:40
หมอกอย่าตกลงนะ ไม่งั้นพี่ปันเสียใจตายเลย
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.28 [น้องหมอก] [พาร์ท3] p.5 [23/03/57] 07:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 23-03-2014 22:52:57
 :hao7: อร๊ายยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยย
อร๊ายยยยย
ณ จุดๆ นี้ อยากให้หมอกตอบรับจังเลย
สายฟ้ามันน่ารักมาก น่าเสียดายไม่น่าล็อกพระเอกเลย

ถ้าเต้ไปญี่ปุ่นนี่คงจะมีดราม่ากับสายฟ้าเป็นแน่แท้

อยากเห็นสายฟ้าในชุดเทวดาจุงเบย

ตอนนี้มีตัวละครที่ชอบเพิ่มมาอีกตัวละ คือ พี่กราฟ ==> คนๆนี้รู้สึกมีเสน่ห์ล้ำลึกมาก เหมือนเป็นกุนซือเลย
รู้สึกชอบนะ อยากให้พี่กราฟมีคู่จังงงงงงงงงง

ตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.28 [น้องหมอก] [พาร์ท3] p.5 [23/03/57] 07:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 02-04-2014 20:33:19
"ฟู่"

ผมถอนหายใจระบายความเหนื่อยออกมาหลังจากทำงานเสร็จ วันนี้เป็นวันที่สองแล้วนับตั้งแต่น้องหมอกขอลาหยุดช่วงกีฬาสี ผมเองในฐานะพนักงานฝึกยังไงก็ต้องมาครับ วันนี้ผมได้ลองทำอาหารเองด้วยเรียกได้ว่าตั้งแต่มาที่นี้ผมทำเป็นเองหลายอย่างเลยก็ว่าได้

ผมเดินผ่านลานเบียร์สดก่อนจะแวะเดินเข้าไป จุ๊ๆ ไม่ได้กินประจำครับแค่พอแก้เหนื่อยกินเสร็จก็กลับบ้าน

เพียงแต่ที่ลานเบียร์แห่งนี้วันนี้'ผิดปกติ'

'ใคร'บ้างคนที่ผมไม่เจอ ตอนนี้เจอแบบไม่ได้ตั้งใจแถมยังเมาเหมือนหมาตอนแรกผมเห็นตั้งแต่จอดรถแรกๆแล้วครับแต่ไม่คิดว่าจะใช่เพราะไม่คิดว่าน้องมันจะดื่ม

"หมอก น้องหมอกครับ"

ผมช่วยเด็กที่ลานเบียร์พยุงตัว อื้อหื้มมม กลิ่นเหล้านี้หึ้งมากครับหน้าน้องมันแดงจัดตาสองข้างก็ช้ำบวมเหมือนคนร้องไห้หนักๆ
ที่ผมสงสัยคือนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมน้องหมอกถึงได้เมาขนาดนี้ จะว่าน้องมันมากินกับเพื่อนก็ไม่ใช่เพราะพอพยุงน้องมันขึ้นรถเสร็จผมก็เดินลงไปหาพวกเด็กลานเบียร์เพื่อสอบถามข้อมูล พวกนั้นบอกว่าน้องมาแค่คนเดี่ยวบอกว่าจะมากินรอพี่แล้วก็ซัดเอาซัดเอาจนเมาแอ๊แบบนี้นี้เบียร์สดหมดไปสองเหยือกครึ่งแล้วครับ

พอกลับขึ้นรถผมพยายามหาอุปกรณ์สือสารของน้องมันแต่ไม่มีเลย

"หมอก...น้องหมอกครับ โทรศัพท์หายไปไหนครับ"

"มัน...พังแย๊ว"

ผมขมวดคิ้วกับคำตอบ ทั้งยังสงสัยว่ามันพังได้อย่างไง?

"เดี่ยวพี่ไปส่งบ้านนะ"

"ไม่เอา! !!ไม่อยากกลับ เดี่ยวพี่เทสดุ"

น้องมันพูดเสียงสะลึมสะลือตาเปรอๆก่อนจะดิ้นตัวไปมา

ผมพยายามพูดล่อหลอกไปมาเพื่อถามทางคนเมาแต่น้องมันปฏิเสธลูกเดี่ยว

"ถ้าหมอกไม่กลับบ้าน แล้วจะนอนไหนครับ? "

"นอนกับพี่ปัน...ไม่ได้เหรอ? "

ผมกับน้องมันค้างกันอยู่อย่างงั้นจริงๆผมไม่ได้รังเกียจน้องหมอกหรือว่าอะไรนะครับแต่แบบว่า...

"พี่ปันให้ผมไปนอนด้วย...ไม่ได้เหรอ...ครับ"

น้องมันทำตาละห้อยใส่ผม

เออ .....เอาไงดีวะไอ้ปัน

"นะครับ"

"......"

"น๊าาาครับบบ"

"ก็ได้ๆ แล้วต้องโทรบอกพี่เทสก่อนมั้ย? "

ผมใจอ่อนยอมให้น้องมันนอนด้วยความจำนน พอถามน้องมันส่ายหน้าตอบแทนคำพูด

"ขอบคุณนะคร๊าบบบ"

น้องมันพูดก่อนจะจับแขนผมแล้วเอาหัวถูไถไปมา ตอนเมาเนี้ยอ้อนเก่งจังนะ

ผมนั่งยิ้มขำกับน้องมันหัวเราะเหมือนเด็กๆก่อนจะเอาหัวส่ายไปมากับเบาะรถ สงสัยพรุ่งนี้ตื่นมาคงจะแฮงค์มากแน่ๆอ๊ะครับงานนี้กลิ่นนี้ก็หึ่งเชี่ยว พอขับรถเข้าไปถึงหน้าบ้านก็พบว่ารถตู้ของคุณแม่ขับสวนออกไปพอดี สงสัยแม่ผมคงไปดูงานที่สปามั่งครับบางที่ก็ออกไปค้าง2-3วัน ตอนนี้สปาที่แม่ทำมันขยายสาขาเพิ่มออกไปนะครับ

"พี่ปันกลับมาแล้วเหรอแม่ไปดูแลสปาที่น่านนะ... อ้่าว...หมอก ?"

ยัยแทนทักผมหลังจากผมจอดรถแล้วพยุงน้องมันลงมาจากรถ ผมยิ้มแห้งๆให้มันเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงดีตัวเองยังงงๆอยู่เลยครับ ดีที่มันก็ไม่เซ้าซี้แค่ยิ้มแห้งๆให้ผมแล้วก็เดินเข้าบ้านไป

ผมพยุงคนเมาไม่ได้สติขึ้นไปถึงชั้นสองก่อนจะพาเข้าห้องตัวเองไป แค่เดินยังเดินไม่ตรงทางเลยครับ พอเข้าห้องได้คนเมาก็ล้มพับไปกับเตียงนั้นแหละครับ

"หมอกทำไมดื่มหนักขนานนี้ล่ะครับ"

ผมถามน้องมันขณะถอดเสื่อตัวนอกออกแล้วคว้ารีโมตกดเร่งแอร์ ไม่ไหวครับอากาศเมืองไทยจะร้อนไปไหนเนี้ย

"ก็มันปวดหัว ก็เลยดื่ม มันหาคำตอบไม่ได้อ๊ะ..."

น้องมันงัวเงียตอบกลับมา แขนเล็กๆก็พาดปิดตาเอาไว้

"แล้วดื่มเหล้ามันทำให้ได้คำตอบเหรอครับ"

"ไม่...กินแค่ไหนมันก็คิด...คำตอบไม่ได้หรอก....เหล้ามันไม่ได้ช่วยให้ได้คำตอบ มันทำให้หมอกลืมคำถาม...."

ผมชะงักไปกับคำพูดของน้องมัน ขนาดเมายังไม่วายยัดปรัชญาใส่ผม

"แล้วหมอกอยากรู้คำตอบเรื่องอะไรล่ะครับ ฮือ..?"

ผมทิ้งตัวลงไปนั่งข้างๆน้องมันก่อนจะพยุงคนเมาให้นั่งตอบคำถามดีๆ น้องมันก็เอนไปเอนมานั้นแหละนะตามประสาคนเมาสุดท้ายผมเลยแก้ปัญหาด้วยการดันตัวมันให้มาพิงไหล่ไว้

"เมื่อวาน...ทะเลาะ...ไม่สิ ...ไม่เข้าใจอะไรบางอย่างกับเพื่อนสนิท"

"อะไรล่ะครับ เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย ?"

"............"

น้องมันกระพริบตาปริบๆก่อนจะส่ายหัวถูไถกับแขนผมไปมา สุดท้ายผมกับมันนั่งเงียบกันไปสักพักจนมันเปิดปากพูดขึ้นมา

"พี่เทส"

"ครับ ?"

"จะทำไง ถ้าพี่คิดกับคนๆหนึ่งแค่เพื่อน แต่เขารู้สึกกับพี่มากกว่านั้น"

"อื้ม....แล้วเขาดีกับหมอกมั้ยล่ะ ?"

"ดี...ดีมากด้วย แต่....."

"แต่ทำไมครับ ?"

น้องมันหยุดพูดก่อนจะมองหน้าผมตรงๆ

"คนที่ดีกับคนที่รัก ...มันต่างกันนิครับ "

"แล้วเราให้โอกาสทั้งเราทั้งเขา เปิดใจกันไม่ได้เลยเหรอ ?"

"ถ้าเป็นคนอื่น...ได้ ถ้าเป็นหมอก...ไม่ได้ หมอก....หมอกไม่เหมาะสมกับใครทั้งนั้น"

"รู้ได้ไงว่าไม่เหมาะ ? "

"ก็หมอก...อ๊วกกกกกกกกกกกก"

เห้ย !!!

น้องมันยังไม่ทันพูดจบของเหลาภายในร่างกายก็พุ่งออกมายังข้างนอก คงไม่ต้องบรรยายนะครับว่าผมที่นั่งเป็นหมอกให้พิงจะเละเทะแค่ไหน คนเมาพยายามจะยกมือขึ้นมาปิดปากกั่นแต่ผมเข้าใจว่าร่างกายคงถึงชีดสุดจริงๆถึงไ้ด้อ้วกออกมาขนานนั้น

ผมส่ายหัวให้กับน้องมันที่ทรุดตัวลงไปกองกับพื่นห้อง ดีนะเนี้ยที่ถอดเสื่อนอกออกก่อนพอดี

"หมอกครับ...เละขนานนี้ไปอาบน้ำก่อนเนาะ ?"

น่าแปลกที่ผมกลับไม่นึกโกรธเคื่องใดๆ แต่ช่วยพยุงคนเมาขึ้นมา ตอนนี้สภาพของผมกับน้องมันถูกละเลงไปด้วยอ้วกครับ ดูไม่จืดกันเลยจริงๆ ดีว่าน้องมันเป็นผู้ชา่ยเลยไม่ต้องกังวลเรื่องตอนช่วยอาบน้ำหรอก...มั่ง

ผมปลดเสื่อยืดของน้องมันออกก่อนจะโยนไว้ข้างๆเตียง เข็ดขัดนักเรียนพร้อมกับกางเกงสีน้ำเงินก่อนจะถอดเสื่อผ้าตัวเองบ้าง ทำให้ตอนนี้ทั้งเนื่อทั้งตัวทั้งผมและน้องมันเหลือแค่บ็อกเซอร์คนละตัว

มันไม่น่าเกลียดไปหรอกเนาะ ? ยังไงก็มีกางเกงกันอีกคนละชั้นนิ...

ผมกระเดือกน้ำลายฝืดๆลงคอก่อนจะพยุงน้องมันเิดินเข้าห้องน้ำไป ข้างนอกว่าขาวแล้วข้างในนี้พอๆกับสีเผือกเลยนะครับ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีเชื่อสายอาตี๋แท้ๆแต่ก็ยังขาวไ้ด้ขนาดนี้

"ไม่เอา !!!"

น้องมันร้องลั่นหลังจากผมเปิดฝักบัวใส่ก่อนจะกระโดดเกาะตัวผมเป็นปลิง

"น้องหมอกครับ เกาะพี่แบบนี้แล้วจะอาบน้ำกันยังไง"

"มัน...หนาว"

"งั้นรีบอาบน้ำกันนะจะได้ไม่หนาวไง"

ไม่ว่าผมจะพุดยังไงดูเหมือนคนเมาจะไม่มีสติมากพอที่จะคิดได้ ทำให้ตอนนี้ผมต้องอาบน้ำไปด้วยแบบมีน้องมันเกาะไป เหมือนแม่จิงโจ้อุ้มลุกยังไงยังงั้น สุดท้ายผมก็เลือกจะอาบแบบพอเป็นพิธีล้างกลิ่นอ้วกออกจากตัวทั้งน้องมันและผม พอเห็นว่าค่อนข้างสะอาดแล้วก็หยิบผ้าคุณหนูมาพันตัวน้องมันหลวมๆ

"หมอก เปลี่ยนกางเกงก่อนนะ"

ผมว่าก่อนจะยื่นบ็อกเซอร์เก่าๆที่ยังพอมีอยู่บ้างให้น้องมันใส่ ขนาดตัวนี้ผมใส่เมื่อประมาณตอนมอหกมั่ง พอน้องมันใส่เอวยังหลวมเลยครับ แต่ก็ดีกว่านอนล้อนจ้อนอ่ะเนาะ พอเครียล์น้องมันไ้ด้ผมก็รีบจัดการตัวเองบ้าง เสร็จสรรพก็ออกมาจากห้องน้ำ

"หมอกรอแปปนะ"

ผมพยุงน้องมันไปนั่งริมเตียงอีกข้างก่อนจะรีบหาอะไรมาทำความสะอาดอ้วกที่เละเืทอะ ก่อนจะคุ้ยๆหาเสื่อผ้าเก่าๆมาให้น้องมันใส่นอน แต่น้องมันส่ายหัวลูกเดี่ยว

"หมอก หนาวก็ใส่สิครับ เดี่ยวไม่สบายนะ"

"ไม่เอา ...อึดอัด"

"อ้าว แล้วไม่หนาวเหรอ"

"หนาว..."

น้องมันพูดไปตัวสั่นไปด้วยความเย็นจากแอร์ที่ผมเปิดทิ้งเอาไว้ ผมส่ายหน้าก่อนจะพยายามยื่นเสื่อให้

"แล้วถ้าไม่ใส่เสื่อจะทำยังไงล่ะครับ เดีย่วก็หนาวหรอก "

"พี่ปันก็นอนกอดหมอกสิ..."
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.29 [พี่ปัน] [พาร์ท1] p.5 [02/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-04-2014 20:50:14
เฮ้อเข้าใจน้องหมอกนะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.29 [พี่ปัน] [พาร์ท1] p.5 [02/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-04-2014 21:55:58
 :hao5: :hao5: ป่านนี้สายฟ้าเป็นยังไงบ้างเนี่ย
เสียใจแย่เลย

พี่ปันน่าจะแอบถามนะว่า หมอกชอบใคร  :hao6:

เป็นกำลังใจให้นะ อยากอ่านต่อเร็วๆ  :mew1:

ปอลิง: มีพิมพ์ผิดนิดนึงจ้า ตรงที่หมอกเรียกปันว่าเทส
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.29 [พี่ปัน] [พาร์ท1] p.5 [02/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 03-04-2014 17:06:30
อร๊ายยยยยยยยยยยยย หมอกยั่ว  :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.29 [พี่ปัน] [พาร์ท1] p.5 [02/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 07-04-2014 20:34:59


"พี่ปัน อยู่นิ่งๆสิ"

น้องมันจุ๊ปากขัดใจก่อนจะเอาขามาเกยผมพร้อมโอบกอดทั้งตัว

ครับ...ผมห้ามได้ที่ไหน สุดท้ายน้องมันก็งอแงชนะอยู่ดี สภาพในตอนนี้ก็อย่างที่บอกครับเราสองคนใส่บ็อกเซอร์กันคนละตัว
นอนด้วยกันบนเตียง ผมนอนหงายหน้าน้องมันนอนหันข้างมาทางผม

"พี่ปัน"

"ครับ"

"ขี้โกง กอดหมอกด้วยสิ"

ผมปั้นสีหน้าลำบากใจ อาจเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายคนเดี่ยวเลยไม่คุ้นชินกับการนอนกอดใคร ขนาดนอนกับเพื่อนผมหรือกระทั้ง
ไอ้เฟรมผมยังไม่เคยคิดมากเท่านี้มาก่อนเลย

"เอางี้ หันข้างมาดีๆ"

น้องมันว่าก่อนจะพยายามพลิกตัวผมให้หันข้างไปทางน้องมันแต่ด้วยขนานตัวที่แตกต่างกันพลิกยังไงก็ไม่ไปหรอกครับ สุดท้ายผมก็ยอมหันพลิกข้างให้น้องมันอยู่ดีนั้นแหละ

"ดีมาก....ที่นี้ เอาแขนมาไว้งี้..."

พูดจบคนเมาก็จัดแจงเอาแขนผมไปพาดไว้ แสงสว่างเหลือเพียงโคมไฟจากบนหัวเตียงนอน

"งั้นนอนกันเถอะครับหมอก"

ผมพูดขึ้นก่อนจะเอามือปิดโคมไฟที่หัวเตียง ตอนนี้ทั้งห้องเหลือเพียงแสงสว่างเล็กน้อยจากหลอดไฟด้านนอก เราทั้งคู่เงียบจนได้ยินเสียงแอร์ซึ่งกำลังทำงาน

แต่ผมรู้ดีว่าน้องมันยังไม่หลับ

ทำไมนะเหรอครับ ? ก็มือน้องมัน....

"อื้มมม....พี่ปัน นี้ขนอะไรอ๊ะ"

หมอกพูดพร้อมเ้อานิ้วมือเล็กๆกรีดนิ้วไปบนหน้าอกของผมบริเวณที่มีขนขึ้น

อย่า...อย่าทำแบบนั้น

"ขนหน้าอกนะครับ นอนเถอะ"

ผมจับมือน้องมันออก ก่อนจะพยายามขมตาหลับ

และเป็นอีกครั้งที่ผมเชื่อว่าน้องมันยังไม่นอน....

เพราะมือมันอยู่ที่เดิม ที่เปลี่ยนไปก็แค่มันมาทั้งมือไม่ใช่แค่นิ้ว...

อย่าลูบสิครับ...อย่า...

"แล้วทำไมหมอกถึงไม่มีล่ะ ?"

"หมอกยังเด็ก"

"อื้ม...แต่ส่วนอื่นหมอกก็มีนะไม่เชื่อพี่ปันดูดิ"

ผมที่ยังหลับตา่รู้สึกได้ถึงการขยับตัวของคนที่นอนข้างๆ ที่ชันตัวลุกขึ้นมา

เห้ย!!!

ผมรีบลืมตามองก่อนจะเห็นว่าน้องมันยกแขนขึ้นสองข้างให้เห็นขนรักแร้

"นี้ไง ดูดิขึ้นมาตั้งเยอะ ตอนเหงือออกนะคันมากเลย..."

น้องมันพูดเบลอๆ ตายังลอยๆ ก่อนจะยิ้มแก้มตุ้ยให้ผมในความมืด

ฟู่...

ที่แท้ก็ขนรักแร้นี้เอง

สาบานกับตัวเองเลยครับ ถ้ามีโอกาสผมจะไม่มีวันให้หมอกแตะแอลกอฮอร์อีกเด็ดขาด !!!

"ครับ นอนกันเถอะนะ"

ผมจับน้องมันล้มตัวนอนลงอีกครั้ง ดีที่อีกฝ่ายเริ่มพูดง่ายเหมือนเดิม แต่ก็ยังบังคับผมให้หันหน้าไปมองอยู่ดี
ในความมืดมิดของราตรีก็ยังเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววตานุ่มนวลส่งมาทางผมอยู่ดี

"หมอก...ไม่ง่วงเหรอ"

"ง่วง...."

"ก็...นอนสิครับ"

พอพูดจบเราทั้งคู่ก็เงียบกันไปอีกครั้ง เหลือเพียงแววตาที่ยังมองตอบกันไปมา

รู้สึกตัวอีกที่ ...ผมคิดว่าใบหน้ามันเริ่มใกล้กันเกินไป

เหมือนระยะห่างมันร่นเข้ามาเรื่อยๆ...

และผมไม่คิดไปเอง เพราะคนที่ขยับเข้ามาใกล้คือน้องหมอก...

"หมอก...จะทำอะไรล่ะครับ"

"..................................."

ไม่มีคำตอบแต่ระยะห่้างลดน้อยลงเรื่อยๆ

ที่แปลกไปกว่านั้นคือหัวใจผมเต้มโครมครามดังกว่าเดิม ปากพูดถามเขาว่าทำอะไรแต่ทำไมตัวเองถึงไม่ขยับหนี

เหมือนสายตาคู่นั้น แช่แข็งผมไว้ไม่ให้ขยับตัวได้แม้แต่น้อย...

ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

ใกล้...จนกลิ่นสบู่เตะจมูกผมอย่างชัดเจน

ใกล้...จนรู้สึกว่า ...มันโคตรอันตราย

แต่ไม่ว่าจะใกล้ขนานไหน ใบหน้าของน้องหมอกก็ไม่ยอมหยุดขยับ ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับเลือกที่จะหลับตาปี๊ไม่มองภาพที่อยู่ตรงหน้าอีก เตรียมรอรับ'บางสิ่ง'ที่อีกฝ่ายอยากจะถ่ายทอดให้


..

..

..

.


.

.

.


"ฮ้าวววววววววววววววววววววววววววววววววววว ...ฝันดีครับพี่ปัน"

ผมสัมผัสได้ถึงลมร้อนๆวูบหนึ่งที่พัดผ่านไป กลิ่นยาสีฟันคอลเกตผสมนิดๆในลมนั้น

สรุปคือ...น้องมันหาวใส่ผมก่อนจะซุกหน้าลงไปกับหน้าอกของผม....

เหอะๆ....แล้วนี้ทำไมกูต้องใจเต้นโครมครามขนาดนี้ว่ะเนี้ย อีกอย่างที่ขัดใจสุดๆคืออารมณ์ขัดใจที่มันกำลังฟุ้งอยู่เนี้ยมันคืออะไีรว่ะไอ้ปัน ???

ผมขยับตัวขึ้นสูงกว่าคนที่กำลังนอนหลับไปจริงๆนิดหน่อย ลมหายใจอุ่นๆที่รดลงตรงอกผมบ่งบอกได้ดีว่ารอบนี้น้องหมอกหลับไปแล้วจริงๆแน่

"แสบนักนะเรา...หึหึ"

ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะขยี้หัวน้องมันเล่น เจ้่าตัวพึมพำบ่นนิดหน่อยแต่ก็ไม่เงยหน้าออกจากอกผมอยู่ดี

เอาเถอะครับ นอนแบบนี้็ก็อบอุ่นไปอีกแบบ

ถ้างั้นคืนนี้...


ฝันดีนะครับ




                                                                  ...........................................


"เห้ย !!!!!"

'ตุ๊บ'

"โอ๊ยยยยย"

ผมตกใจหลังจากก้นกระแทกพื่นเพราะโดนถีบในขณะที่หลับจนตกเตียง เดี่ยวนะ เกิดอะไีรขึ้นวะ ?

"พี่ปัน เข้ามาในห้องผมได้ไงครับ แล้วทำไมผมถึงได้โป๊แบบนี้ล่ะ"

น้องมันพูดเสียงสั่นก่อนจะเอาผ้าห่มพันตัวไว้เหมือนนางเอกในละครที่โดนพระเอกข่มขื่น แต่ขอโทษนะึีัครับกูไม่ได้ข่มขื่นมึงนะ
เว้ยแค่เกือบ..เอ๊ย แค่นอนด้วยกันเฉยๆ

"เออ...หมอกครับ นี้ห้องพี่ครับ แล้วพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเราด้วย"

ผมยันตัวยืนขึ้นจากพื่นก่อนจะพูดเ้รียกสติน้องมัน เจ้าหัวจะหันไปมองรอบๆห้องแล้วทำหน้าเหวอกว่าเดิม

"แล้ว...แ้ล้วหมอกมาอยู่ห้องพี่ปันไ้ด้ไงเหรอครับ ?"

พอสติเริ่มมาน้ำเสียงที่พูดก็อ่อนลง คงเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองผิดเอง

"หมอกลองนึกดูดีๆสิ เมื่อคืนจำอะไรได้บ้าง"

น้องมันทำหน้าเค้นความทรงจำในหัวก่อนจะยกมือกุมขมับ

"โอ๊ย...ปวดหัวอ๊ะ หมอกจำได้แค่เมื่อวานตามหาสายฟ้ากับเต้ แล้วมือถือก็เจ๊งไม่เป็นท่าอีก พอตกเย็นก็เลยไปดื่มแล้วก็..."

"แล้วก็อะไรครับ ?"

ผมใจเต้นถี่ อยากรู้ว่าน้องมันจะจำเรื่องเมื่อคืนได้มั้ย

"จำอะไรไม่ได้อีกเลย...."

สรุปว่าเมื่อคืน มึงจำสิ่งที่ทำค้างไว้กับกูไม่ไ่ด้เลยสินะ ไอ้แสบเอ๊ย!!!!

"ปวดหัวอ๊ะ....ปวด...."

น้องมันพูดก่อนจะยกสองมือกุมศีรษะน้ำตาไหลออกมา สงสัยคงแฮงค์หนักจากเมื่อคืนแหงๆ

ผมรีบเดินไปเปิดลิ้นชักข้างๆเตียงก่อนจะควานหาของบางอย่าง ไม่นานก็เจอของเหลวใสๆในขวดแก้วเล็กๆปกติผมจะพกติดตัวไว้ครับ แก้แฮงค์

"อ๊ะ หมอกจิ๊บไปฝาเดี่ยวพอนะ"

"อะไรอ๊ะครับ"

"ยาแก้แฮงค์นะ แก้ปวดหัวได้กินดิ"

พอบอกไปแบบนั้น คนแฮงค์หนักก็กระดกเข้าไปทั้งฝาก่อนจะทำหน้าพะอืดพะอม ก็แน่สิครับยาแก้แฮงค์มันหวา่นที่ไหน

"โอเค จากนั้นเรานอนต่ออีกสักพักนะ เดี่ยวพี่จะปลุกเที่ยงๆ"

"แต่ผมว่า..."

"ไม่มีแต่ ถ้าไม่นอนพี่จะโกรธเรื่องที่เีราถีบพี่ตกเตียง"

น้องหมอกทำสีหน้าปั้นยากแต่ก็ยอมนอนลงไปกับเตียงอยู่ดี

"งั้นเดี่ยวเรานอนไปนะ เดี่ยวสักเที่ยงๆพี่มาปลุก"

ผมบอกให้่กับคนที่กำลังหลับตาลง พอยื่นเฝ้าสักพักจนแน่ใจว่านอนแล้วจริงๆผมก็จัดแจงหาเสื่อผ้ามาแต่งตัวให้กับตัวเองคิดว่าอย่างน้อยๆวันนี้ น้องหมอกอาจจะต้องอยู่กับผมไปเลยทั้งวันก็ได้...พอคิดแบบนั้นผมก็ยิ้มกว้างให้กับตัวเองในกระจกเงา

แล้วกูจะดีใจทำไมวะ ก็แค่อยู่ด้วยกันเองแท้ๆ !!!



                                                                  ..........................................................


สวัสดีมิตรรักแฟนนิยายทุกท่าน

กลับมาแล้วจ้า แกะกลับมาจากป่าแล้ว  :hao7:

ที่หายไปแค่ไปค่ายมาครับ พอกลับมาก็เจองานยุ่งๆเลย อุตส่าห์หนีสังคมเมืองไปขึ้นเขา 7วัน6คืน 5555+ บอกเลยว่ามันส์มาก เอาไว้จะหาโิอกาสมารีวิวนะครับ

อีกอย่างเลย ค่ายนี่นี้สุดยอดจริงๆ

เอาเป็นว่าอาจจะรีวิวออกมาเป็นเรื่องสั้นสัก7ตอน

"เพาะรัก"

ฝากติดตามด้วยนะครับ แกะ&โฟน   :hao6:

เขียนมาซะขนานนี้บอกเลยว่าเป็นค่ายที่ฟินมากกกกกกกก 55555+ เนื่อเรื่องหลักๆก็จากตอนไปค่ายจริงๆนั้นแหละครับ แต่ก็มีแต่งเติมเสริมเข้าไปนั้นแหละ เป็นเรื่องของแกะกับเพื่อนร่วมค่ายคนหนึ่ง ที่บอกเลยว่า'ไม่ธรรมดา' แต่นั้นแหละครับ อ่านเพื่อความสนุกนะ แกะแต่งออกมาเพราะอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ว่าครั้งหนึ่ง เราเคยมีวันเวลาดีๆร่วมกับคนแปลกหน้าตั้งเจ็ดวัน

คนแปลกหน้าที่ครั้งหนึ่ง...

เรา...


รู้สึกดีกับเขามากๆ....


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ

ขอบคุณครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:








หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.30 [พี่ปัน] [พาร์ท2] p.5 [07/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-04-2014 21:34:08
 :katai2-1: เย้ๆมาต่อแล้ว

ไอ้เรื่องเข้าค่ายนี่น่าสนุกนะ  :hao3:
แลดูคุณแกะมีความสุขมาก
แล้วไอ้ "แกะ&โฟน" นี่มันอะไรยังไง
รึว่าหิ้วหนุ่มกลับมาจากค่ายด้วย หึหึ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.30 [พี่ปัน] [พาร์ท2] p.5 [07/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 07-04-2014 23:00:50
หมอกน่ารัก
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.30 [พี่ปัน] [พาร์ท2] p.5 [07/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: karatop ที่ 10-04-2014 19:29:37
พี่ปันน่ารัก ชอบ อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.29 [พี่ปัน] [พาร์ท1] p.5 [02/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: JaneAkanishi ที่ 11-04-2014 21:39:48
 :-[ :-[ :-[ตอนนี้แบบว่าเขินนนนนนนนนนนนนนน :heaven :heaven :heaven
แต่แอบเสียดายอ่ะ...พี่ปันน่ารักมากบ่องตรง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.30 [พี่ปัน] [พาร์ท2] p.5 [07/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ummax ที่ 15-04-2014 00:26:58
^_^ ^_^ ^_^ loveๆ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.30 [พี่ปัน] [พาร์ท2] p.5 [07/04/57] 20:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 15-04-2014 21:40:41

เที่ยงแล้ว...

ผมยืนยิ้มให้กับข้าวต้มที่ตัวเองทำกับมือ ก่อนจะจัดแจงวางไว้บนโต๊ะแล้วกะว่าจะขึ้นไปปลุกน้องมันบนห้อง พอเข้าไปก็เห็นว่าอีกคนยังอยู่ในนิทรา ผมคิดว่าน้องมันคงจะพอหา่ยแฮงค์บ้างแล้วจากการพักผ่อน

"หมอก...น้องหมอก"

ผมเรียนเบาๆไม่นานร่างของน้องมันก็สะดุ้งตื่น ก่อนจะทำหน้าสะลืมสะลือยันตัวไว้ติดหัวเตียง

"อ่า...หมอกหลับไปนานมั้ยครับพี่ปัน ?"

"ก็ราวๆสักสอง-สามชั่วโมงได้ เป็นไงบ้างรู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย ?"

น้องหมอกสะบัดหน้าสองสามที่ก่อนจะพยักหน้าตอบผม

"งั้นเดี่ยวไปเปลี่ยนเสื่อผ้านะ แล้วลงไปกินข้าวเที่ยงกัน พี่ทำข้าวต้มให้ทาน อ้อ พี่มีเสื่อผ้าของพี่อยู่ในตู้ลองรื้อๆเลือกดูนะ"

ผมชี้ไปที่ตู้เสื่อผ้าก่อนจะลงไปรอข้างล่าง

ระหว่างรอผมก็นั่งเช็คเฟสก่อนจะไล่ตอบข้อความจากเพื่อนๆที่ส่งกันเข้ามา ส่วนใหญ่ก็มีแต่เรื่องค่ายที่กำลังจะจัดนั้นแหละครับ
นอกนั้นก็ทั่วๆไปยกเว้น...

ข้อความจากไอ้หว้า...

'มึง กูจะลงไปน่านอีกรอบนะ ป้าวิไลแกโทร.มาบอกว่าแม่แกกลับมาแล้ว'

ผมอ่านทวนไปทวนมาก่อนจะรู้สึกเอ๊ะใจอะไรบางอย่าง...

สิ่งที่ใครบางคนเคยย้ำกับผมไว้

'เรื่องบางเรื่องปันต้องใช้สติคิดในรอบครอบ บางที่คำตอบของสิ่งที่ปันตามหาอาจจะไม่ได้อยู่ไกลตัวปันเลยนะ หัดมองภาพรวมกว้างๆ มองหลายๆุมุม ปันนะกำลังจะเป็นครีเอทีพ นะอย่าคิดคำตอบของคำถามแบบตรงไปตรงมาสิ อ้อ...แล้วก็ ถ้าหาทางออกไม่เจอปันก็เดินย้อนกลับไปทางเก่าก่อน มันก็ไม่แย่นักหรอกนะ...บายๆเจอกันเมื่อถึงเวลาที่สมควรจะเจอ โชคดีนะ... ปั๊น'

ผมยิ้มจางๆให้กับใครบางคนในห้วงอารมณ์

พอนึกถึงสิ่งที่บางคนบางคนย้ำ ผมก็เริ่มคิดถึงบางสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้

ลางสังหรณ์...ของผม

ผมนั่งมองข้อความอย่างลังเลสักพักก่อนจะกดพิมพ์ตอบกลับไป

'หว้า ไม่ว่ามึงจะเจอหรือไม่เจอแม่ของปราย กูฝากมึงช่วยหาข้อมูลให้กูหน่อยกูต้องการรู้นามสกุลสามีของแม่ปรายและถ้าเป็นไปได้กูอยากได้ชื่อด้วย ฝากบอกเขาด้วยว่า...กูยังเคารพเขาเหมือนแม่คนหนึ่งนะ'

และข้อความจากไอ้เฟรม

'กูเตรียมการเรียบร้อยแล้วนะ วันนี้จะเข้าไปคุยกับพ่อ ถ้ามึงว่างมาด้วยก็ดีกูต้องการกำลังหนุน'

อ่า...อันนี้สิงานใหญ่

ไอ้เฟรมคิดจะคุยกับพ่อมันตรงๆเลยสินะ ไวไปรึป่าววะ ?

แต่เอาเถอะครับ มาถึงขั้นนี้แล้วเป็นไงเป็นกัน

'โอเึค เดี่ยวสักเย็นๆกูจะเข้าไปหา'

พอตอบข้อความสำคัญๆเสร็จผมก็ไล่ดูข่าวที่น่าสนใจก่อนจะรู้สึกแปลกๆที่คนข้างบนลงมาช้าผิดปกติ

พอคิดปุบก็มาปับเลยแหะ...

น้องหมอกลงมาในสภาพที่สมบูรณ์แต่ที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากันก็คงจะเป็นเสื่อยืดโปโลไหล่กว้างๆที่ใหญ่เกินตัวจนโชว์ไหล่ขาวๆมา
ข้างหนึ่งกับกางเกงบอลสีตุ่นตัวเก่าของผมที่ัตัวใหญ่เกินคนใส่ไปหลายขุม ก็แน่ละครับไซด์ผมกับไซด์น้องมันคงละโยชน์ตัวผมยังกะควายถ้าเทียบกับน้องมัน

"คือ...หมอกเจอแต่ชุดนี้นะที่น่าจะใส่ได้"

น้องมันบอกก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของผม

"งั้นกินกันเลยนะ พี่ลองหัดทำดูนะ"

ผมว่าก่อนจะลองทานข้าวต้มฝีมือตัวเองไปหนึ่งคำ ผมว่ารชชาติมันก็ไม่ได้แย่อะไีรมากนะออกจะพอทานได้ด้วยซ้ำไป

"คนในบ้านไปไหนกันเหรอครับ ?"

ไอ้ตัวเล็กๆถามก่อนจะเหลี่ยวมองไปรอบๆ วันนี้บ้านมันจะดูเงียบๆนะครับ

"พ่อพี่ไปคุมงานที่ห้างนะ แม่พี่ไปรีสอร์ทที่ต่างจังหวัด ส่วนไอ้แทนรู้สึกจะออกไปเล่นบ้านเพื่อน"

ผมแจงก่อนคนตรงหน้าจะพยักหน้าตอบรับแล้วก้มลงทานของตัวเองบ้าง

โอเ้ค ผมว่าผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมน้องมันถึงได้จับคอเสื่อไว้ตลอดเวลา

เพราะด้วยคอเสื่อยืดตัววีที่ตัวใหญ่เกินไป ต่อให้ไม่ต้องก้มยังแทบเห็นทั้งตัว เพราะงั้นเวลาก้มลงทานข้าวต้มจึงกลายเป็นว่าน้องมันนั่งให้ผมส่อง...

คือ...จะอธิบายยังไงดี

ถ้าเอาตามความรู้สึกคือผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รังเกรียจหรอกนะที่จะนั่งมอง...เออ...หน้าอกของน้องมันนะ แต่แบบนี้จะถือว่าผมหื่นรึเปล่า ? หรือยังไง ?

ขนาดเมื่อคืนแสงไฟสลัวๆยังเห็นว่าผิวน้องมันขาวเนียนขนาดไหน แล้วนี้กลางวันสว่างๆมันยิ่งชัดเจนจนผมเผลอกลืนน้ำลายไปอีกหนึ่งระลอกก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเพื่อดับทุกความนึกคิดแล้วทานข้าวต้มต่อไป

ผิวขาว...สวย...

ยอดอกเล็กๆสีนมเย็น...

หน้าท้องขาวๆ...

เป็นอีกครั้งที่ผมต้องสูดลมหายใจให้ลึกถึงปอดเพื่อระงับความคิดฝุ้งซ่้านทุกชนิดก่อนจะพยายามหลีกเลี่ยงวิวด้านหน้า

"เออ พี่ปัน"

"ครับ"

"หมอกว่าจะจัดกิจกรรมให้่เด็กๆเล่นด้วยอ่า พี่ปันสนใจมั้ย"

ผมจำใจเงยหน้ามองคนถาม พอดีกับที่อีกคนก้มลงไปอีกครั้ง

หมอกครับ...อย่าก้มบ่อยได้มั้ย

"ก็...ก็ีดีนะครับพี่ว่า"

"แล้วเราจะทำอาหารกี่อย่างเลี้ยงน้องๆดีครับ"

"แล้วแต่เราเลยก็ได้"

"หมอกว่าจะทำแบบเป็นกับข้าวหม้อโตๆ แล้วก็หุงข้าวสวยร้อนๆนะครับ"

จริงๆน้องหมอกพูดยาวกว่านี้มาก พูดไปเรื่อยๆ ผมก็ฟังไปกินไป ก้มไป มองบ้างไม่มองบ้าง

ในชีวิตของไอ้ปันบอกได้เลยว่าการกินข้าวครั้งนี้มันทรมารช่วงล่วงสิ้นดี...

เราสองคนกินกันไปเรื่อยๆจนกระทั้งหมดชามนั้นแหละครับ

"หมอกเอาเสื่อผ้าของหมอกตากไว้แล้ว สักพักคงแห้งอ๊ะพี่ปัน"

"งั้นเราต้องรอเสื่อผ้าแห้งก่อนสินะ"

น้องมันยิ้มแหยะๆให้ผมก่อนเราทั้งคู่จะนั่งเงียบกันไป...

ที่ผมเงียบเนี้ย คือกำลังคิดอยู่ครับว่าจะทำอะไรฆ่าเวลากันดี

"หมอกชอบเล่นเกมส์มั้ย ?"

"ไม่เท่าไหร่ครับ ไม่ค่อยได้เล่น"

"เหรอ งั้นชอบฟังเพลงมั้ย ?"

"ก็ชอบครับ พี่"

"แนวไหน ?"

"อื้ม...เอาจริงๆหมอกไม่ค่อยรู้จักหรอกนะ แต่ส่วนตัวชอบ'บาโรก'ครับ"

"แนวบาโรก ? ..."

ผมทวนคำของน้องมันก่อนเจ้าตัวจะอธิบาย

"คือเป็นแนวเพลงสมัยเก่านะครับ ใช้เสียงเบสต่ำในการดำเนินเพลง วงในประเทศไทยมีน้อยนะครับพี่ที่เล่นแนวนี้ อันนี้ไอ้เต้มันบอกผมมาอีกรอบ แต่เพลงที่มันเอามาให้ฟังก็เพราะดี"

"อื้ม...ชื่อเพลงอะไรล่ะ ?"

"นิทานดวงดาวครับพี่ ลองฟังดูสิครับ เพราะดีนะ"

ผมพยักหน้าให้ไ้อ้ตัวเล็กที่ขยับมานั่งข้างๆแทนเพราะต้องการจะฟังด้วย

เสียงเบสคีย์ต่ำนำกระแทกขึ้นมาก่อนจะมีเสียงเครื่องดนตรีอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จักดังประกอบกันเป็นจังหวะนำ ให้ความรู้สึกขนลุกดีครับตัวMVเพลงก็ขึ้นต้นได้สวย

"อุทิศแด่โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์
ในความงดงาม แห่งการรอคอยอันมืดมิด"


อื้ม...จัดว่าเปิดมาดีแหะ...


'คืนที่ไร้...ดวงดารา
ยังคงมีจันทราที่ล่องลอยอยู่บนนั้น
อยู่กับรักที่เป็นดั่งฝันเพราะเฝ้ารอคอย
โลกใบนี้ ให้หันมองที่เขาสักที

เพราะว่ายังคงรอคอย และยังรอคอย แม้ในราตรีที่มืดมน
เพราะไม่อาจเคียง ไม่อาจเทียบเคียง
หากดวงตะวัน เวียนอีกครั้ง

ไม่อาจจะฉุดรั้ง ไม่อาจจะเหนี่ยวรั้ง ไม่อาจให้โลกนั้นหันมา จากรักที่รอ
ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ไม่อาจจะหยุดยั้ง จากความรักที่มี
กับตะวันที่เขาเฝ้าคอย'


เพลงจบแต่ความรู้สึกไม่จบตาม...

"เพราะดีนะ...."

"ใช่ ....หมอกชอบมาก ตอนแรกเต้เอาให้ฟังครั้งเดี่ยวแล้วชอบเลย"

".................."

"พี่ปัน"

"ครับ....."

"พี่ปันร้องไห้ืำทำไมเหรอครับ ?"



                                                                     .......................................


อ่า....นอนตายอย่างสงบ

สวัสดีวันปีใหม่ไทยนะครับ ขอโทษด้วยที่มาช้า่...พอดีช่วงนี้เขาติดแชทอ๊ะ  :katai4:  ฮ่าๆ ก็งี้แหละครับ คนมันห่างไกลกัน ขอคุยกันบ่อยๆก็ยังดี  :hao5:

วันสงการต์ไปไหนกันมาบ้างครับ แกะชิวมากกกกกก บอกเลย

ถังแป้ง1ถัง ฮอนด้าหนึ่งคัน กายพร้อม ใจพร้อม ลุย !!!

คือแกะชอบเล่นแบบนี้นะครับ ไม่ค่อยชอบน้ำ ชอบแป้งมากกว่ามันถึงเนื้อถึงตัวมากกว่า  :hao6:

ยังไงก็เล่นกันอย่างมีขอบเขตนะึครับ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ   :3123:

ปล. ใครที่ไม่เ้ข้าใจว่าพี่ปันร้องไห้เพราะอะไรลองอ่านบทนี้อีกรอบนะครับหรือลองเข้าไปฟังเพลงได้ แกะคิดว่าน่าจะได้ฟิลลิ่งเดี่ยวกับพี่ปัน

ขอบคุณครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.31 [พี่ปัน] [พาร์ท3] p.5 [15/04/57] 21:45 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 15-04-2014 23:10:24
 :hao5: พี่ปัน ช่วยพาหมอกออกไปจากบ้านแม่เลี้ยงด้วยเถอะ

ปอลิง: ติดแชทนี่เอง มิน่าล่ะไม่ค่อยเจอคุณแกะ  :m12:
คุยกะโฟน เหรอ หึหึ อินเลิฟอยู่อ่ะดิ  o3

ปอลิงปอลิ่ง: ว่างๆอัพ สายฟ้าที พลีสสสสสสส  :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.31 [พี่ปัน] [พาร์ท3] p.5 [15/04/57] 21:45 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 12-05-2014 21:48:40
"เอาสักกี่โลดีหมอก"

"สัก 5โลก็น่าจะพอครับ"

ผมตอบพี่ปันที่กำลังเลือกฟักทองหลายๆหัวพร้อมสลับกับดูผักชนิดอื่นๆที่เราจะนำไปทำเ็ป็นอาหารกลางวันให้เด็กๆในวันพรุ่งนี้

เมื่อวานนี้หลังจากฟังเพลงนิทานดวงดาวจบพี่ปันก็ซึมออกมากซึ่งผมเข้าใจดีว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เลยไม่อยากเซ้าซี่พี่มันมาก พอวันต่อมาผมเห็นพี่ปันยิ้มได้เลยค่อยสบายใจมากกว่าเดิม...

ครับ แค่มากกว่าเดิมนิดหน่อย

เพราะรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่'ของจริง'

เมื่อวานนี้หลังจากพี่ปันลงไป ผมก็ค่อยๆไปรื้อกองเสื้อผ้าเก่าๆของพี่มันแล้วพบว่าผมแทบจะใส่ไม่ได้สักตัวก็ดูสิครับไซด์ผมกับพี่มันนี้ห่างกันมากจริงๆนะครับ

สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกกางเกงบอลกับเสื่อยืดคอย้วยๆที่ยังพอใส่ได้ ยังไงๆก็ดีกว่าตัวเปล่าๆอ๊ะครับ

พอมองออกไปนอกระเบียงผมก็เห็นเสื่อผ้าตัวเองแขวนตากไว้ด้านนอก อดคิดไม่ได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผมปฏิเสธสายฟ้า

มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ผมไม่สามารถรับได้ ผมรู้ว่ามันแย่แต่ผมรับมันไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะผมกับมันเป็นผู้ชายแต่เพราะเราทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน

เพื่อนที่ผมไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้

ตัวผมไม่ได้ซื่อขนาดว่าจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่สายฟ้าพยายาม'สาน'

ถ้าจะพูดให้ถูก ตัวผมเองนั้นแหละที่คอยพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด คอยหลบหลีก สถานการณ์ต่างๆที่จะพานให้ผมกับมันก้าว
ไปสู่จุดๆนั้น

เพื่อนกันมันไม่มีวันเลิก...

ผมเชื่อแบบนั้น อีกทั้งรอยยิ้มของสายฟ้า ผมเชื่อว่ามีใครอีกคนที่ดูแลได้ดีมากกว่า ยิ่งผมได้คุยกับกราฟผมยิ่งเข้าใจ จริงๆแล้วสายฟ้าอาจไม่ได้ชอบผม เพียงแค่เหตุการณ์ใน'ตอนนั้น'เป็นตัวต้นเหตุให้สายฟ้ารู้สึกดีกับผม

ด้วยทุกสิ่งที่ผมคิด ผมเลยเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีของสายฟ้า

ผมไม่อยากฉุดใครให้ลงมาแปดเปื่อนกับผม

พอใส่เสื้อผ้าเสร็จผมก็ทดลองหมุนตัวหน้ากระจกก่อนจะตอบโอเคกับตัวเองแล้วปิดประตูตู้เสื่อผ้าแล้วหันหลังเตรียมตัวลงไปหาพี่ปันแต่'บางสิ่ง'ตกลงมาหล่นอยู่ตรงหน้าผม

บางสิ่งที่หน้าปกของมันเขียนไว้ว่า 'ณ น่าน'

ผมรู้ดีว่ามันเสียมารยาท แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดรั้งให้ผมเลือกที่จะหยิบมันขึ้นมาและ...เปิดออก

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของผม คือรูปภาพเก่าๆซีดใบหนึ่งที่แปะไว้ที่หน้าปก เป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดนักศึกษา ทำหน้ากวนๆใส่กล้อง สิ่งที่ทำให้ผมหัวใจเต้นรั่ว คือใบหน้าของผู้หญิงคนนี้...

ไม่ได้สวยจนตะลึ่ง หรือน่ารักจนผมหลงใหล แต่ความ'คล้าย'ที่เหมือนผมราวกับพิมพ์เดี่ยวกัน

คนๆนี้ใช่มั้ยที่ชื่อว่า'พี่ปราย'

อะไรบางอย่างสั่งให่ผมเก็บมันไว้ข้างๆเตียงก่อนจะเลือกพามันกลับไปยังห้องนอนของตน หลังพี่ปันมาส่งผมกลับบ้านเมื่อวานนี้และนั้นเป็นสาเหตุว่าทำไม ผมถึงได้บอกว่ารอยยิ้มของพี่ปันมันไม่ใช่'ของจริง...'

"หมอก..."

"น้องหมอกก"

"ครับๆ !!!"

เสียงพี่ปันดังปลุกผมจากภวังค์ฺ

"พี่ถามว่า ที่เราจะเอา่ชุดนร.น่ะ จะเอาแบบไหนดี พี่เลือกไม่ค่อยถูก"

พี่ปันยิ้มกว้างให้่ผม ตอนนี้เราเดินเลยจากโซนวัตถุดิบมาถึงพวกชุดเสื่อผ้าเด็กแล้วครับ คือผมเป็นคนขอเองว่าอยากได้ชุดไปให้เด็กๆใส่ไปโรงเรียน หรือพวกชุดใส่เล่นนะครับ น้องๆยังค่อนข้างขาดแคลน

"เอาแบบนี้ก็ได้ครับ"

ผมเลือกชุดนร.เด็กตราหนึ่งขึ้นมาก่อนจะส่งให้พี่ปันดู ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับแล้วก็ใส่ลงไปในรถเข็นแยกต่างหากกับพวกของที่จะนำไปประกอบอาหาร

"น้องหมอก"

"ครับ"

"เราเคย...อยากมีลูกมั้ย ?"

ผมที่กำลังเลือกชุดนร.อยู่สะงัดกึกอยู่กับที่

"ไม่รู้สิพี่ หมอกยังเด็กอยู่มั่ง"

"เหรอ ? คงงั้นมั่ง "

"แล้วพี่ปันล่ะครับ"

"อยากสิ พี่อยากมีึครอบครัวน่ะ มีลูกสักสองคนกำลังดี"

"อื้มมมม พี่ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้แน่นอนครับ"

"ก็ไม่แน่หรอกนะหมอก พี่อาจจะไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อคนก็ไ้ด้ ขนาดแม่ของลูกพี่ยังหาไม่้เจอเลย"

น้ำเสียงของพี่ปันเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตายังคงยิ้มจางๆให้ผม

"ไม่หรอกครับ"

"ห๊ะ ?"

"สักวัน พี่ต้องเจอคนๆนั้น คนที่ทำให้พี่ยิ้มกว้างได้ตลอดเวลา คนที่อยู่ข้างๆพี่ คนที่จะเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพี่ หมอกเชื่อนะว่าวันนั้นมันต้องมาถึงแน่้นอน"

ผมหันไปยิ้มกว้างๆให้พี่มันพร้อมพูดออกมา และยิ่งอยากจะยิ้มกว้างมากกว่านี้เมื่อคนที่ผมยิ้มให้ยิ้มตอบกลับมา

เพียงแต่...ที่ผมไม่ชอบใจเลยจริงๆ....

มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ ? ที่พี่ปันเ้ขาอยากจะมีลูก มีภรรยาที่น่ารักสักคนหนึ่ง เป็นครอบครัวที่อบอุ่น

ทำไมตอนที่พูดออกไป ผมถึงรู้สึกใจหายกันน่ะ....

ก็ในเมื่อสิ่งที่ผมพูดออกไป

ยังไงๆมันก็ต้องเกิดขึ้นจริงๆนี้ครับ.....

"แล้วเคยตั้งชื่อลูกมั้ยหมอก ?"

"ชื่อ ?"

"อื้ม พี่เคยคิดไว้เล่นๆนะ ถ้ามีลูกผู้ชายจะให้ชื่อว่า 'มนตรา' "

"ชื่อเท่ดีนะครับ"

ผมพูดชม ฟังแล้วเหมือนชื่อตัวละครในนิยายเลยแหละ

"มนตรา...ที่รวบรวมความรัก ความเชื่อใจ มนตรา....ที่เปรียบเสมือน สายคล้องใจ ....พี่กับใครอีกคน"

"ฮะๆ โรแมนทริคดีนะครับ"

ผมหัวเราะแห้งๆเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงดี ทั้งๆที่จริงแล้ว ผมต้อง'ไม่รู้สึุก'ต่างหาก

"หมอกรู้มั้ย แก่นแท้ของความโรแทนทริค คืออะไร ?"

"............."

"ความไม่แน่นอนไง พี่เคยอ่านเจอจากในหนังสือแปลนะ ความโรแมนทริคที่แท้จริงคือความไม่แน่นอน ถ้าให้แปลจากความหมายของพี่ ก็ประมาณ อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน แต่เพราะงี้แหละมันถึงโรแมนทริค เพราะเราไม่รู้เลย ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป คนเรามันไม่มีใครเหมือนเดิมตลอดไป ไม่มีใครไม่เปลี่ยนแปลง เพราะงั้นแหละ ความไม่แน่นอนถึงได้โรแมนทริค"

ผมพยักหน้ัาตอบรับคำของพี่มัน ก่อนจะยิ้มจางๆให้ แล้วเดินเงียบๆกันไปทั้งคู่ซื่อของที่จำเป็นและของที่จะบริจาคให้น้องๆที่บ้านเด็กกำพร้าในวันพรุ่งนี้ ถ้านับเวลาจริงๆแล้ว เราเดินกันมาประมาณเกือบๆสามชั่วโมงกว่าแล้วครับ

เดินต่อกันอีักไม่นาน ของก็เต็มรถเข็น ผมชวนพี่ปันไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ก่อนจะช่วยกันขนของขึ้นรถพี่ปัน

"พี่ปัน พรุ่งนี้ตื่นสักตี4ไหวมั้ยครับ ?"

ผมบอกขณะช่วยพี่ปันขนของขึ้นรถ

"ห๊ะ ตี4เลยเหรอ ? "

"ครับ มันไกลนิดหน่อย แล้วก็หมอกอยากไปทำอาหารเช้าให้เด็กๆด้วยครับ อยากจะอยู่กับน้องๆถึงช่วงเย็นๆเลย"

"ก็ได้นะ แต่พี่ไม่ึ้่ค่อยได้ตื่นเช้ามานานแล้วแหะ งั้นเอางี้ได้มั้ย วันนี้เราก็นอนค้างบ้านพี่เลยสิ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา"

อ่า...ก็จริงอย่างที่พี่มันว่านั้นแหละครับ แต่มันจะรบกวนรึเปล่า ? หรือยังไง

"แต่หมอกไม่มีชุด"

"เมื่อวานพี่รื้่อๆดูซื่อผ้าเก่าๆแล้วนะ เพราะกะจะเอาไปให้พร้อมกันเลย รู้สึกจะมีชุดที่หมอกใส่ได้อยู่นะ"

"งั้นก็ โอเคครับ หมอกขอโทร.บอกพี่เทสก่อนนะ"

พี่ปันพยักหน้าตอบรับ ก่อนเราทั้งคู่จะขึ้นไปนั่งกันบนรถ ผมโทร.ต่อสายหาที่เทสแล้วบอกไป พี่แกก็ไม่ได้ว่าอะไำรครับเพราะเขารู้ว่าผมดูแลตัวเองได้ และอีกอย่างอยู่กับพี่ปันคงไม่เกิดอะไรขึ้น

"เฮ้อ"

ผมถอนใจอีกครั้งหลังจากลองกดโทร.หาเต้และสายฟ้า แต่ก็ไำม่มีคนรับสาย

"เป็นไรเหรอหมอก"

"โทร.หาเพื่อนไม่ติดนะครับ"

"เพื่อนคนที่เราทะเลาะด้วยอ่ะนะ"

"ใช่ครับ"

"ไม่ต้องคิดมากหรอก เพื่อนกันยังไงๆเดี่ยวก็เข้า่ใจกัน บางที่ผู้ชายมันก็เป็นงี้แหละ ไม่ค่อยชอบเครียล์กันหรอก เดี่ยวสักพักพอลืมก็กลับมากินเหล้าด้วยกันเหมือนเดิม"

ผมหัวเราะกับคำพูดติดตลกของพี่มัน ก็จริงอย่างที่พี่ปันพูด ผู้ชา่ยก็ประมาณเนี้ยแหละครับ ทะเลาะกันแล้วชอบปล่อยให้เรื่องมันเงียบๆแล้วก็ดีกันเหมือนเดิม

ระหว่างทางขากลับ ผมกับพี่ปันคุยกันประปราย ยังดีที่มีเสียงเพลงช่วยให้เราทั้งคู่พอมีเีรื่องที่จะคุยโดยไม่อึดอัดนัก ผมเพิ่งรู้ว่าพี่ปันเป็นสายว๊าก ชอบฟังเพลงแนวนี้(ไม่เข้ากับลุคพี่ปันเลยอ๊ะ ผมคิดว่าพี่ปันจะชอบแนวประมาณหวานๆซะอีก) พอกลับมาถึงบ้านก็เจอแทนยิ้มแฉ่งต้อนร้บที่หน้าประตู ดีหน่อยตรงที่แทนไม่ได้ถามหาไอ้เต้เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ส่วนไหนของประเทศไำทย

มื้อเย็นในวันนี้ ป้าอิ่มลงมือทำต้มพะโล้ให้หม้อใหญ่ แน่นอนว่าผมเองก็กะจะอาสาช่วย แต่เจ้าบ้านไม่ยอมซะนี้ครับ ไล่ผมไม่เล่นคอมพ์เฉย พอถึงเวลากินผมสังเกตุได้อย่างหนึ่งว่ากับข้าวส่วนใหญ่แทบจะไม่มีผักเลย

สงสัยแทนคงไม่ชอบกินผักมั่งครับ ? แต่ตอนผมทำผัดผักก็เห็นทานได้ปกติดีนิครับ

เอาเถอะึครับ ยังไงๆนี้ก็บ้านเขา เรามีหน้าที่ทานก็พอ ฮ่าๆ ผมสังเกตว่ามื้่อเย็นนี้พี่ปันดูเจริญอาหารเป็นพิเศษ เพราะีพี่แกเล่นกินข้าวฟาดไปแล้วสองจานใหญ่ๆ(กินดุเดือดมากครับ)แต่อาหารฝีมือป้าอิ่มนี้ก็เด็ดสมราคาคุยจริงๆครับ ไว้ว่างๆคงต้องมาขอสูตรจากแกแล้วเอาไปผสมกับสูตรอาม่าตึกข้างๆดูแหะ อาจจะออกมาดีกว่าเดิม

หลังจบมือเย็น พี่ปันช่วนผมขึ้นไปนั่งเล่นบนห้อง ก่อนจะเล่าเรื่องสมัยมัธยมให้ฟัง ไม่่น่าเชื่อเลยว่าคนแบบพี่มันจะเกรียนและมีวีรกรรมมากมายขนาดนี้ ผมฟังไปก็ขำไป รู้ตัวอีกที่ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า

พี่ปันเลือกเสื่อผ้าให้ผมใส่ชุดหนึ่งก่อนพี่แกจะขอตัวไปอาบน้ำส่วนผมนั่งเล่นบนเตียงนอน ไม่ถึงสิบหน้าที่ก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพน้ำเกาะตามเรือนกาย ช่วงล่างก็พันด้วยผ้าขนหนูผืนเดี่ยว สำคัญที่สุดคือถึงพี่มันจะไม่มีซิกแพก แต่แผงหน้าอกที่มีขนนิดหน่อยนั้น ผมว่าสาวที่ไหนมาเห็นก็พาลเลือดกำเดาไหลได้ง่ายๆครับ

แล้วภาพต่อมาก็ทำผมรีบย้ายที่ให้ตัวเองโดยด่วน

"งั้นเดี่ยวหมอกเข้าไปอาบน้ำก่อนนะ"

ผมไม่รอฟังคำตอบแต่เดินเลี่ยงเข้าไปเลย คือไม่ใช่อะไรครับ สงสัยพี่ปันคงติดนิสัยจากการอยู่โีรงเีีรียนชายล้วนมากไปล่ะมั่งเลย....

ผมไม่ได้อายนะ กับไอ้เต้ก็เคยแก้ผ้าอาบน้ำกัน แต่คือ...

ไม่ชิน...มั่งครับ

ถ้าจะให้ผมสรุึปคร่าวๆสิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดในวันนี้ ก็ึืิึิคือหน้าแดงๆของผมในกระจกห้องน้ำเนี้ยแหละครับ !!!










                                                           ...................................................


สวัสดีทุกคนจาก แกะกลับมาแล้วน๊า ^^ คิดถึงทุกคนมากๆ ขอโทษที่หายไปเลยนะครับ   :mew4:

รักทุกคนครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.32 [น้องหมอก 40%] p.5 [12/05/57] 22:00 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-05-2014 23:15:08
 :hao5: กลับมาต่อทีก็ดราม่าเลย
ให้อารมณ์ "เป็นได้แค่ตัวแทน"
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.31 [พี่ปัน] [พาร์ท3] p.5 [15/04/57] 21:45 น.
เริ่มหัวข้อโดย: JaneAkanishi ที่ 13-05-2014 07:59:12
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.32 [น้องหมอก 100%] p.5 [17/05/57] 19:00 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 17-05-2014 18:43:20
ครบ 100%แล้วนะครับ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.32 [น้องหมอก 100%] p.5 [17/05/57] 19:00 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-05-2014 23:33:24
ยังคงแอบหน่วงอยู่เรื่อยๆ
เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่า ปันจะทำให้หมอกมีความสุขได้เหรอ
เหมือนปันยังยึดติดกับคนเก่า ได้น้องมาเป็นตัวแทน  :sad4:
ความโรแมนติกของฉัน คือ พระนายรักกันตลอดไปตะหาก!!
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.32 [น้องหมอก 100%] p.5 [17/05/57] 19:00 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 18-05-2014 00:32:14
บอกความรู้สึกไม่ได้ อธิบายไม่ถูก
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.32 [น้องหมอก 100%] p.5 [17/05/57] 19:00 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 20-05-2014 16:09:49

ฮ่าๆ

ผมนึกขำไอ้ตัวดีทีรีบแทรกตัวหลบผมเข้าไปในห้องน้ำ แก้มเป็นพวงออกสีแดงระเรื่อจนผมรู้สึกเอ็นดู
เพิ่งเคยรู้สึกว่าผู้ชายน่ารักก็ตั้งแต่เจอมันเนี้ยแหละครับ ปกติผมจะมองว่าหล่อหรือไม่หล่ออะไรประมาณนี้ คำว่าน่ารัก ผมจึงใช้กับสาวๆที่ดูสดใสเหมือนตุ๊กตามากกว่า

หมอกไม่ได้เหมือนตุ๊กตา แต่ใบหน้าซื่อๆนั้นกับแก้มเป็นพวง มันให้อารมณ์ว่า 'น่ารัก'มากกว่า'หล่อ'ครับ

ผมนั่งพิ้วปากอารมณ์ดี(ที่ได้แกล้งเด็ก)ก่อนจะนอนหลับตานิ่งๆฟังเสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื่นกระเบื้องก่อนเสียงนั้นจะค่อยๆเงียบลง

เสียงบิดล็อกดังออกมา ก่อนจะได้ยินเสียงของน้องมันเดินแบบเงียบๆ ผมยังคงหลับตานิ่ง

"นอนไวจังแหะ"

เสียงบ่นเล็กๆดังขึ้นจากข้างๆเตียงผม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของอีกคนที่ขึ้นมาบนเตียง ผมได้ยินเสียงแกร๊กเบาๆจากบนหัวนอน คิดว่าน้องมันคงปิดไฟ

"ฝันดีนะครับ พี่ปัน"

เสียงเล็กๆพูดก่อนจะนอนลงข้างๆผม

'หมับ'

"เฮ้ย พี่ปัน!!!!!"

เสียงน้องหมอกร้องลั่นห้อง หลังผมพลิกตัวมากอด

"ครับ"

"คือ พี่ปัน เออ..."

"อะไรครับ? "

ผมแกล้งตีเนียนพลิกตัวนอนหันมามอง แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นสีหน้ากับแก้มเป็นพวงที่แดงขึ้นอีกครั้ง

"คือ ไม่ต้อง...เออ กอดผมก็ได้ครับ"

"แต่เราขอพี่เองนะ เมื่อคืนก่อนหมอกก็กอดพี่ทั้งคืน"

ยิ่งพูด อีกฝ่ายก็ยิ่งหน้าแดง ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังออกมาชัดเจน

"หมอก หมอกร้อน"

"เพิ่มแอร์ไง"

ปากว่า มือถึง ผมเอื้อมไปกดให้อุณภูมิในห้องลดลงเหลือ18องศา

ยิ่งมองยิ่งตลก ผมเห็นไอ้ตัวเล็กกรอกตาไปมาหาทางออก ในขณะที่ผมแกล้งตีหน้านิ่ง

"โอเคครับกอด...ก็ได้"

น้องมันพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวมันเล่นด้วยความเอ็นดู กลิ่นสบู่จางๆยังคงเตะจมูกผมเสมอ

"หมอก"

"ครับ"

"เคย....ป๊ะ"

จบคำแก้มสองข้างก็แดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าก่อนน้องมันจะตีแขนผมดังเพี๊ย

“บ้าสิพี่ปัน หมอกอายุ16เองนะ!!!!”

“ไม่เห็นแปลก สมัยพี่ก็....”

“พอๆ ไม่อยากรู้ครับ”

น้องตัดบทผมก่อนจะพยายามหลับตาลงไป

“หมอก”

“ครับบบบ”

“แล้ว...เคยมีคนที่ชอบไหม ?”

น้องหมอกเงียบลงไป ก่อนลมหายใจอุ่นๆตรงหน้าอกผมจะดังขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่เคย อาจจะเพราะหมอกอยู่โรงเรียนชายล้วนตั้งแต่เด็กได้มั่ง แต่....”

“แต่.... ?”

“ตอนนี้...อาจมีแล้วก็ได้...มั่งครับ”

ผมรู้สึกไหวๆไปกับคำตอบนิดหน่อย รู้สึกเหมือนตัวเองหัวใจเต้นแรงมากผิดปกติ

“เหรอ....แล้ว...เป็นคนแบบไหนเหรอ ?”

“ไม่รู้สิ...หมอกไม่ค่อยแน่ใจกับตัวเองเท่าไหร่หรอก...แต่แค่อยู่กับคนๆนั้นแล้วหมอกสบายใจ....ก็แค่นั้นมั่งครับ”

“......”

เราทั้งคู่เงียบกันไปก่อนไอ้ตัวเล็กจะทำลายความเงียบนั้นลง

“นอนเถอะพี่ปัน พรุ่งนี้ตื่นเช้านะ”

“อื้ม...ฝันดีนะ”

ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธใดๆจากปากคนในอ้อมกอดของผมอีก เสียงลมหายใจที่สม้ำเสมอทำให้ผมรับรู้ได้ว่าน้องหมอกเองคงหลับลึกลงไปแล้ว

เหลือเพียงแค่ผม ที่กำลังรู้สึก‘ขม’กับสิ่งที่ตัวเองถามออกไป

บางที่ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว

ว่าผม....มันไม่มีสิทธิ์....




                                                   ---------------------------------------------------------------


“พี่ปัน”

“..........”

“พี่ปัน !!!”

เสียงเล็กๆที่ดังกว่าเดิมกรอกข้างหูผม จนอยากที่จะหลับตาลง

จริงๆต้องบอกว่าผมแทบจะนอนไม่หลับต่างหาก...อยู่ดีๆไม่ว่าดี ไปถาม...ทำไม.....

“หมอกอาบน้ำเสร็จแล้วนะ พี่ปันเข้าไปอาบได้เลย”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะลุกตัวขึ้น นาฬิกาที่ผนังบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เพิ่งจะตีสามครึ่ง ที่บอกไว้ว่าตีสี่เมื่อคืนนี้คงหมายถึงไปถึงนั้นสินะ ง่วงนะ แต่ก็ยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี ผมเห็นน้องหมอกแต่งชุดเสร็จแล้วนั่งรอผมตรงเตียง

ใช้เวลาไม่นานผมก็จัดแจงอาบน้ำเสร็จ ผมเลือกแต่งตัวแบบสบายๆ เสื่อคอปกสีขาว กับเกงยีนต์สีดำอีกตัว เท่านี้ก็พร้อมไปทำบุญกันแล้วครับ

ดีอย่างตรงที่เมื่อวาน ผมกับน้องขนของบางส่วนลงไปใส่ไว้ในรถแล้ว ตอนนี้เราเลยขนแค่พวกของสดที่เอาออกมาจากตู้เย็นเท่านั้นขึ้นไปไว้ในเบาะหลังรถ ไม่นานก็เสร็จสิ้น

“โอเคครับ เดี่ยวพี่ปันขับออกถนนใหญ่แล้วหมอกจะบอกทางเป็นระยะๆนะครับ”

ผมพยักหน้ารับคำ ก่อนจะสตาร์รถขับออกไป ระหว่างทาง น้องหมอกขอบอกทางให้ผมเป็นระยะๆ เพราะตอนนี้ยังเป็นเวลาที่วิกาลพอสมควรทำให้ถนนด้านนอกนั้นแทบจะไม่มีรถวิ่ง เราจึงใช้เวลาน้อยกว่าที่คิดในการที่จะมาถึงบ้านเด็กกำพร้าเดชา

“ถึงแล้วครับพี่ปัน....”

หมอกพูดด้วยน้ำเสียงที่ผมฟังก็รู้ว่าตื่นเต้น ก่อนจะค่อยๆลงจากรถ

บ้านที่ปรากฏแก่สายตาผม เป็นบ้านปูน2ชั้น ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ด้านหน้ามีบริเวณค่อนข้างกว้าง และพื่นที่ๆน่าจะมากพอให้กับพวกเด็กๆได้วิ่งเล่นซุกซนตามวัย แสงไฟสีเหลืองอ่อนที่สาดส่องออกมาจากภายในตัวบ้าน ทำให้เราทั้งคู่รับรู้ได้ว่าข้างในมีคนที่อาจจะไม่ได้นอน หรือไม่ก็ตื่นแล้ว

หมอกกดกริ๊งหน้าบ้านเบาๆ  พลางยิ้มจางๆไม่นานนักก็มีร่างๆหนึ่งค่อยๆเปิดประตูออกมา

“ป้าอิ่ม....”

หญิงชราที่ค่อยๆเดินออกมา ทำตากว้างก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“นั้น...หมอกเหรอ ?”


ไม่รอแม้กระทั้งตอบข้อสงสัย ร่างเล็กๆของหมอกโผกอดหญิงชราอย่างแนบแน่น ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูท่าจะเอ็นดูไอ้ตัวเล็กนี้ไม่น้อย

“ยายอิ่ม..คิดถึง....”

“จ๊ะ...ยายก็เหมือนกัน”

ผมมองภาพตรงหน้าด้วยสายตามีความสุข อย่างน้อยๆคนตรงหน้าก็ทำให้ไอ้ตัวเล็กของเขายิ้มออกมาได้ รอจนกระทั้งมันถอนกอดนั้นแหละเขาถึงได้ยกมือไหว้หญิงตรงหน้า

“สวัสดีครับ ผมปันนะครับ”

ยายอิ่มยกมือรับก่อนจะตอบกลับ

“ไหว้พระเถอะลูก ว่าแต่ มาทำอะไรกันค่ำๆมืดๆ ?”

“ฮ่าๆ หมอกมาเยี่ยมน้องๆนะครับ คิดถึงบ้าน คิดถึงทุกคน คิดถึงเพื่อนของหมอก หมอกซื่อของมาให้น้องๆด้วยนะครับ วันนี้วันเกิดพี่ปัน เขาเลยอยากจำทำบุญกับน้องๆครับ”

ไอ้ตัวเล็กแนะนำเสร็จสรรพก่อนจะผายมือมาทางผม

“ขอบคุณมากนะจ๊ะพ่อหนุ่ม เดี่ยวเชิญเข้ามาข้างในก่อนก็ได้ ตอนนี้ป้ากำลังทำกับข้าวเตรียมไว้ให้เด็กๆอยู่นะจ๊ะ”

ป้าอิ่มพูดก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปในบ้าน ตามด้วยผมกับน้องหมอก

พอเข้าไปถึง ป้าอุ่นก็เชื่อเชิญให้ผมกับน้องหมอกนั่งรอกันที่ห้องใหญ่ซึ่งมีโทรทัศน์เล็กๆขาวดำตั้งอยู่อีกฟากหนึ่ง พร้อมด้วยโซฟาที่ถึงแม้จะเก่าแต่ก็ยังคงสภาพใช้การได้อยู่ ร่องรอยการเย็บรอบๆตัวของมันบ่งบอกได้ถึงอายุการใช้งานเป็นอย่างดี

โซนห้องครัวแยกไปอีกด้าน ซึ่งในนั้นก็มีเตาแก๊ส ขาแก๊ส พร้อมถังแก๊สมินิอีก2ถัง

น้องหมอกอาสาขอช่วยคุณยายเข้าไปทำครัวด้วย แต่แกเองก็ดูท่าจะไม่ยอม สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของน้องมันอยู่ดีครับ ตอนนี้ทั้งผมและน้องหมอกจึงได้กลายมาเป็นผู้ช่วยชั่วคราวของคุณยายแก เมนูในวันนี้ที่ทำได้แก่ ข้าวต้มทรงเครื่องครับ

 ปกติแกเล่าให้ฟังว่าจะเน้นใช้โปรตีนเกษตรแทนเนื้อสัตว์เพราะมีราคาที่ถูกกว่า อีกทั้งยังเก็บไว้ได้นานกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป แต่วันนี้ผมกับน้องหมอกขนวัตถุดิบมาด้วย จึงทำให้เด็กๆได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติของเนื้อหมูแท้ๆอีกครั้ง

ผมอมยิ้มมีความสุข มองภาพตรงหน้าไปช่วยทำงานไป ระหว่างการทำครัว สองยายหลานก็เล่าเรื่องในอดีต เรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ผมฟัง ยายแกบอกว่าตอนเด็กๆหมอกดื้อมากๆ ชอบขัดแกตลอด แต่พอโตขึ้นมากลับกลายเป็นคนเรียบร้อยขึ้นไปได้

“อู้ยยยย ตอนนั้นนะคุณปัน เจ้าหมอกนะมันซนมาก วิ่งไปชนนั้นชนนี้ แถมคราวก่อนนั้นก็ทำท่าจะเข้าไปคลุกกับไอ้แดง หมาข้างบ้านที่ทำท่าจะกัดมันซะอีก ซนอย่างกับอะไรดี”

“โถ่...ยายอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลยนะ”

“ก็แหมมมมม ตั้งแต่ยัย...”

‘แงงงงงงงง’

เสียงร้องแหลมเล็กๆดังขึ้นทำให้บทสนทนาของทั้งคู่หยุดลงไปก่อนคุณยายจะรีบขอตัวไปดูต้นเสียง แต่ยังไม่วายหันมาฝากหมอกช่วยดูแลข้าวต้มตรงหน้า

“เสียงเด็กทารกนิ ? ที่บ้านนี้มีเด็กทารกด้วยเหรอหมอก”

“อ่า....ครั้งสุดท้ายที่หมอกมาที่นี้...ไม่มีนะครับ”

น้องมันขมวดคิ้วหน้านิ่ว ก่อนตรงเสียงจะค่อยๆเดินมาหาผม

“ว้าว.....ยาย ผมขออุ้มน้องหน่อยได้มั้ยครับ”

“จริงๆเจ้าหนูนี้ไม่ชอบให้ใครอุ้มหน่า...แต่ก็ลองดู”

พูดจบยายอิ่มยกเด็กทารกวัยเกือบขวบให้หมอกอุ้ม น่าแปลกที่เสียงเด็กร้องไห้ในตอนแรกนั้นกลับเปลี่ยนกลายเป็นเงียบสนิทแทน

“น้องชื่ออะไรเหรอครับ ?”

“ยังไม่มีชื่อจ๊ะ ”

“ห๊ะ ?”

“ยายเพิ่งรับเด็กคนนี้มาดูแลได้เกือบๆอาทิตย์เองจ๊ะ”

หมอกพยักหน้าทำความเข้าใจ ก่อนจะยกเด็กทารกตรงหน้ามาดูใกล้ๆ

“ผมขอตั้งชื่อให้น้องได้มั้ยครับ ?”

“ตามสบายเลยจ้า”

ผมยืนดูน้องมันขมวดคิ้วได้ไม่นาน ก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมา

“งั้นผมขอเรียกน้องว่า ‘สายไหม’ นะครับ...”




                                                       -----------------------------------------------------


ขอบคุณทุกคนครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:
 
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.33 [พี่ปัน] p.5 [20/05/57] 16:15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-05-2014 23:18:13
เอาไปเป็นลูกเลย อิอิ

โอย ต้องผ่านดราม่าของปันไปอีกแค่ไหน สงสารหมอก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.33 [พี่ปัน] p.5 [20/05/57] 16:15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 24-05-2014 20:12:06

หลังจากทำข้าวต้มเสร็จ ผม พี่ปัน สายไหมและยายอิ่มก็จัดสำหรับเตรียมใส่บาตรให้กับพระท่านที่เดินบิณฐบาตรผมกับพี่ปันช่วยกันตั้งโต๊ะหน้าบ้านได้ไม่นาน พระท่านก็เดินผ่านมา หลังใส่บาตรเสร็จ ยายอิ่มขอตัวไปนอนต่อก่อนเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงไม่จำเป็นต้องปลุกเด็กๆไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเหลือทิ้งไว้เพียงผมพี่ปันกับสายไหม ดีที่ว่าตอนนี้เกือบๆหกโมงแล้วการ์ตูนช่องเจ็ดมาพอดีครับ

ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกผมคิดว่าสายไหมเป็นเด็กผู้หญิงแต่ที่จริงแล้วผมคิดผิด !!!

เพราะน้องเป็นเด็กผู้ชายครับ เพียงแต่หน้าหวานไปหน่อย...จริงๆก็ไม่หน่อยนะ น่าหวานมากจริงๆนั้นแหละ ผมเห็นที่ใจละลายเลยว่าเป็นเด็กผู้หญิง

"โตขึ้นน้องคงหล่อดีนะ"

พี่ปันว่า

"ไม่หรอก ผมว่าน่ารักมากกว่า"

"เหมือนเรา"

"ห๊ะ ?"

"พี่หมายความว่า 'น่ารัก'เหมือนเรานะเหรอ ?"

เป็นอีกครั้งที่หัวใจของผมกระตุกแปลกๆ แต่ก็นั้นแหละครับ มันก็แค่นั้น เป็นเพียงแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น...

เท่านั้นที่พี่ปันจะมองคนอื่นบ้าง...นอกจากคนในใจ

ผมไม่ตอบอะไรอีกเพียงแต่นั่งมองสายไหมที่หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจไปกับภาพเคลื่อนไหวขาวดำในจอทีวีเก่าๆ ตอนนี้น้องนั่งตรงกลางครับ ผมกับพี่ปันขนาบน้องกันคนละข้าง การ์ตูนผ่านไปสองสามเรื่อง หลังจากนั่งน้องสายไหมก็ค่อยๆกระเถิบตัว จนกระทั้งนอนหลับไปในที่สุด ผมยิ้มน้อยๆมองน้องมัน เด็กนี้ดีนะครับ มองมุมไหนยังไงๆก็น่ารัก

แก้มเป็นพวงของไอ้ตัวเล็กเปล่งประกายเป็นสีชมพูอ่อน ริมฝีปากเล็กๆพึมพำอะไรสักอย่างไม่ได้ศัพท์

ผมค่อยๆบรรจงอุ้มน้องสายไหม ก่อนจะเดินขึ้นมาชั้นสองแล้วเดินไปหาฟูกเก่าๆผืนหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆวางน้องมันนอนลงในท่าที่สบายที่สุด

"เมื่อก่อนหมอกนอนห้องนี้แหละกับพี่เทส"

ผมพูดกับคนข้างๆที่เดินตามมา

"แล้วปกติเรากินอยู่ยังไงเนี้ย ?"

"ตามมี ตามเกิิดครับ เมื่อก่อนจำได้ว่าสมัยนั้นป้าอิ่มจะมีลูกมีหลานเข้ามาช่วย อย่างที่บอกนะครับพี่ปัน ที่นี้ไม่ใช่บ้านเด็กกำพร้าที่อยู่ในการดูแลหรือคุ้มครองของรัฐ เพราะงั้นเราจึงไม่ได้เงินตรงส่วนนี้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมกับพี่เทสก็พยายามหาเงินแล้วก็ส่งมาให้ทางนี้ตลอดๆ เพียงแต่น้อยครั้งมากที่พวกเราได้กลับมาเยียมที่บ้านหลังนี้..."

"จนกระทั้ง แม่เลี้ยงเขามาขอพาเรากับเทสไปเลี้ยง?"

"พี่ปันรู้ ?"

ผมไม่ตอบคำถามแต่ถามคำถามกลับไปแทน

พี่ปันเหมือนจะพุดอะไรต่อ แต่ก็ไม่พูด

ผมเองก็เงียบ....

"ไอ้เฟรมเล่าให้พี่ฟังนะ"

พี่ปันพูดหลังจากเราทั้งคู่เดินมานั่งเล่นที่ชิงช้าหน้าบ้านกัน ตอนนี้เพิ่งเกือบๆจะเจ็ดโมงกว่าครับ

ผมกับพี่ปันพูดคุยกันไปเรื่อยๆเท่าที่จะคิดเรื่องกันออก ไปๆมาๆก็กลายเป็นเรื่องรอบๆตัวเราแทน พี่ปันนี้มีคุณสมบัติข้อหนึ่งที่ผมไม่ค่อยพบเท่าไหร่จากคนทั่วไป

คุณสมบัติที่ว่าคือ การที่ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไรก็สบายใจ...

ไม่รู้สิครับ ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมกับพี่ปันคุยกันก็ไม่บ่อยนะ แต่เหมือนๆผมจะคุ้นๆกับน้ำเสียงแล้วก็ท่าทางของพี่ปันมากๆเหมือนๆกับว่าเราเจอกันบ่อยมากๆ แต่ก็นั้นแหละ ผมคงคิดไปเองเฉยๆ

"พี่หมอก !!!!"

เสียงเข้มๆเสียงหนึ่งดังเรียกผม ก่อนเจ้าของเสียงจะกระโดดเข้ามากอดเต็มรัก

"เห้ย ไอ้เอิร์ธ !!! ลุก ไอ้ซั้ซ ตัวมึงโตจะตาย"

ไอ้เอิร์ธหรืออีกชื่อหนึ่ง หมีดำ(ชื่อนี้ผมเรียนมันคนเดี่ยว) ปรากฏตัวขึ้น เอิรธ์เป็นเด็กที่นิสัยทะเร้นๆครับออกแนวกวนทรีน ผิวเข้ม ชอบตัดผมผิดระเบียบโรงเรียน ที่สำคัญคือมันเรียนอ่อนมากๆแต่กีฬาดีเลิศ เอากะมันสิ !!!

"แหม พี่ก็...."

ไอ้เอิร์ธยอมลุกออกไปโดยดีครับ ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งสวัสดีพี่ปัน

"หวัดดีครับ ผมชื่อเอิร์ธอยู่ม.2"

"สวัสดีครับ"

พี่ปันทักกลับไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

"เอิร์ธ คนอื่นตื่นรึยัง"

ผมหันไปถามมันต่อ

"ตื่นหมดแล้วพี่ เหลือไอ้ซ่า เมื่อคืนมันนั่งอ่านหนังสือ เห็นว่าจันทร์นี้สอบชิงทุน"

ไอ้ซ่าที่เอิร์ธพูดถึง คือเด็กอีกคนครับ คู่รักคู่กันของไอ้เอิร์ธนี้แหละ แปลกนะครับที่พวกมันทะเลาะกันตลอดเวลา แต่ก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน ไอ้ซ่าเนี้ยเป็นเด็กเรียนตัวยงเลยครับผิวมันจะออกขาวๆหน่อยตัดกับไอ้เอิรธ์ ส่วนไอ้เอิร์ธออกแนวหุ่นนักกีฬามากกว่า อาจจะเป็นเพราะหุ่นของมันก็ได้ นี้ขนาดแค่ม.2ยังจะสูงกว่าผมแล้วอ๊ะครับ

"พี่ปัน"

เสียงแหลมใสๆอีกเสียงดังขึ้น ก่อนผมจะทักไปหาต้นเสียง

"แคท !!! ไม่เจอตั้งนาน โตขึ้นนะเรา"

แคทเขามากอดผม ก่อนจะทำแก้มป้อง

"คนใจร้าย ไหนบอกจะมาบ่อยๆ"

"พี่ก็มาแล้วนี้ไง"

"เชอะ คนใจร้าย ง้อเขาเลย"

"โอ้ๆ พี่มาง้อแล้วนะครับ ยอมทุกอย่างเลย"

แคทยังทำแก้มป้อง ก่อนจะยิ้มเจ้าเลห์แล้วหันมาหาผม

"ยอมงอนก็ได้ แต่เล่นพ่อแม่ลูกกัน"

"ห๊ะ ?"

"แคทเป็นลูก"

แคทชี้หน้าออกตัวเอง ก่อนจะพูด แล้วปลายนิ้วเล็กๆของเด็กป.4ก็หันไปหาพี่ปัน

"พี่สุดหล่อคนนี้เป็นพ่อ"

พี่ปันชี้หน้าตัวเอง ก่อนแคทจะพยักหน้ารั่วๆว่าใช่ พี่นั้นแหละ !!

"สุดท้าย พี่หมอกเป็นแม่ !!!!"

เห้ย !!!!!!!!!!!!!

แต่จนแล้วจนรอด ในที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้ มานั่งเป็นพ่อแม่ลูกกับน้องแคทที่วิ่งไปเอาเสื่อมาปู ก่อนจะใช้ไอ้เอิรธ์ไปขนอุปกรณ์ต่างๆนาๆมานั่งเล่นกับพวกผม

สรุปแล้วยังไงๆก็ต้องเล่นเป็นแม่สินะ....

ผมกับพี่ปันโดนน้องแคทลากลงมานั่งกับเสื่อ ก่อนน้องแคทจะนั่งแทรกตรงกลาง

"คุณแม่คะ คุณพ่อจะออกไปทำงานแล้ว อวยพรคุณพ่อหน่อยสิค่ะ"

้น้องแคทพูดจาฉะฉาน ก่อนจะกระตุกเสื้อผมเบาๆ ...เออ จะให้ตอบยังไงดีล่ะเนี้ย ?

"อ๊ะ...เออ...ไปดีนะ"

"ไม่ช่ายยย ต้องพูดว่า 'ระมัดระวังตัวน่ะคะ ที่รัก'"

น้องแคทพูดพร้อมส่ายหน้าเบาๆ

"ร..ระมัดระวังตัว..น่ะคะ...ท..ที่รัก"

ผมพยายามพูดประโยคนั้นอย่างยากลำบาก ก็มัน...กระดากปากนี้ครับ ให้มาบอกชอบ...เออ...พี่ปันนะ

รอบนี้เหมือนน้องแคทจะพอใจ เธอพยักหน้าเบาๆก่อนจะพูดต่อ

"งั้นที่นี้ คุณพ่อค่ะ จูบบอกลาคุณแม่หน่อยสิค่ะ"

รอบนี้ทั้งผมและพี่ปันหันขวับเลยครับ แต่ดูจากสีหน้าน้องแคทนี้ คงไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ...

"พี่ว่า ...ไม่ดีหรอกม๊างงงง"

"นั้นสิ เล่นอย่างอื่นเถอะ"

ทั้งผมและพี่ปันช่วยกันเกลี่ยกล่อม แต่เด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำนั้นแหละครับ

น้องแคททำหน้าเศร้ามาก ก่อนจะค่อยๆเบะปากเชิ่ดขึ้นเตรียมร้องไ้ห้

"โอเคๆ แค่จูบใช่มั้ย"

พี่ปันเห็นท่าไม่ดีเลยหันมาขยิบตาให้ผม ก่อนจะเอี้ยวตัวเอา่หน้ามาใกล้ๆ ที่นี้ล่ะ น้องแคทเงียบกริบเลยครับ นั่งตาแป๋วมองจากอีกมุม

"นิ่งๆนะหมอก"

เสียงพี่ปันกระซิบเบามาก ก่อนที่แก้มของพี่ปัน....

....จะชนแก้ม...ของผม

"งั้นพ่อไปทำงานก่อนนะครับ"

พี่ปันรีบเอี้ยวตัวกลับ พอๆกับผมที่หลบสายตาพี่มัน ดีนะเมื้อกี้ไอ้เอิร์ธมันวิ่งเข้าไปเอาน้ำเย็น ไม่งั้นผมโดนล้อตายแน่ๆ ดีแค่ว่านี้ถูกกันแค่แก้ม

แต่ทำไมใจผมมันเหมือนมีแผ่นดินไหวเลยฟระ !!!

หลังจากนั้นเี่รา(ผมกับพี่ปัน)ก็โดนน้องแึคทให้รับบทนู้น นี้ นั้น จนกระทั้งน้องมันพอใจนั้นแหละครับ ส่วนไอ้เอิร์ธนะเหรอ นั่งหัวเราะพวกผมจากบนชิงช้านู้นแหละครับ

"แล้วงี้ ถ้าพี่ไม่อยู่ใครเป็นแม่ล่ะ"

"ก็พี่ซ่าไง"

ผมขมวดคิ้วเบาๆก่อนจะถามต่อ

"แล้วพ่อ ?"

"ก็พี่เอิร์ธไง"

โอเคครับ คิ้วผมขมวดกันเป็นโบว์ไปแล้ว

"แล้วจูบ ?"

"ก็จู..."

"ไอ้แคท/ไอ้แคท!!!!"

เสียงเด็กวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่มสองเสียงดังขึ้นพร้ัิอมกันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนบุคคลที่อยู่ในหัวข้อการสนทนาจะปรากฏตัวออกมาในสภาพผมยุ่งๆ แว่นตาอีกอัน และก็คราบน้ำลายที่มุมปาก

ไอ้เอิร์ธพูดลอยๆหลังจากหันไปมอง

"สภาพทุเทศชิบ"

"ดีกว่าหมา"

"มึงว่าใครเป็นหมา"

"นั้นไง หมาตอบกูแล้ว"

"ไอ้ ....!!!"

แน่นอนว่าไอ้เอิร์ธ(ที่เถียงแพ้ตลอด)ได้แต่พยายามก่นด่าบรรพบุรุษโคตรเหง้า แต่ไอ้ซ่ามันแสบครับ สนใจที่ไหน มันเดินดุ่มๆมาหาผมกับพี่ปัน ก่อนจะยกมือไหว้เราทั้งคู่

"สวัสดีครับ พี่หมอก พี่ปัน ยายให้มาเรียกไปกินข้าวกันครับ ตอนนี้8โมงกว่าๆแล้ว"

"ดีๆ พี่หิวแล้วเหมือนกัน"

ผมว่าก่อนเราจะช่วยกันเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเดินกันเข้าไปในบ้าน

น้องๆในบ้านตื่นกันหมดแล้วครับ ในนี้มีเด็กโตแค่สองคน คือไอ้ซ่ากับไอ้เอิร์ธ ส่วนที่เหลืออีก5-6คนตอนนี้กำลังอยู่ชั้นประถมศึกษากันครับ เด็กๆที่ตื่นแล้วช่วยกันหยิบจานชามมาไว้ ก่อนจะนั่งกันเป็นวงกลม ด้านข้างมีหม้อข้าวต้มใบโตอีกใบ ยายอิ่มเองก็นั่งข้างๆพวกเราครับ

ผมหันไปมองพี่ปันที่ปรับตัวเข้ากับสถานที่ พี่ปันไม่ได้ถือตัวเลย แต่นั่งกับพวกเราเหมือนชินชา ก็อย่างที่บอกครับ ที่นี้ไม่เหมือนร้านอาหาร ช้อนกลางก็ไม่มีหรอกครับ มีแค่ช้อนสั้นคนละึัคันเท่านั้นแหละครับ

"เอาหมูเยอะๆ"

ไอ้เอิร์ธที่นั่งข้างๆคนตักข้าวต้ม หรือก็คือไอ้ซ่าบอก ตอนถึงคิวมัน

ผมบอกไปแล้วใช่มั้ยครับ ว่าไอ้ซ่ามันแสบ

"เห้ย กูบอกหมูไม่ใช่ผัก"

"แดรกๆไป อย่าเรื่องมาก"

"ก็กูจะเอาหมู"

"มึงจะเอาไปทำไม ก็ในเมื่อมึุงก็เป็นหมูอยู่แล้ว"

"ไอ้...!!!!"

แน่นอนครับ ว่าไอ้เอิร์ธไม่มีทางชนะ สุดท้ายมันก็ฟึดฟัดอยู่อย่างงั้น ไอ้ซ่าคงทนรำคาญไม่ไหวตักหมูให้มันเพิ่มไปอีก3-4ก้อน ผมนั่งหัวเราะพวกมันสองคนไปกินข้าวไป ยายอิ่มก็ยายหน้ายิ้มๆ

"พวกมึงสองคนนี้ ถ้าคนหนึ่งเป็นผู้หญิงกูคงคิดว่าเป็นแฟนกันไปแล้ว"

"ก็เป็..."

"ไอ้แคท/ไอ้แคท !!!!"

เสียงน้องแคทถูกขัดอีกรอบ ก่อนพวกมันสองคนจะส่องอายไลน์พิฆาตจนน้องแคทเบะปากแล้วเงียบไป อะไรของพวกมึงว่ะ ???

"จะเป็นไปได้ยังไง ก็พี่เอิร์ธมีแฟนแล้วนิ"

น้องต้น เด็กป.5อีกคนที่อยู่ในบ้านบอก ผมหันหน้า่ไปหาผู้ถูกสอบสวนในทันใด ไอ้เิิอิร์ธกระพริบตาปริบๆ

"จริงเหรอมึง ?"

"อื้ม ...ก็ไม่นานมานี้เอง"

"เออๆ มีแฟนได้แต่อย่าสร้างเรื่องก็แล้วกัน"

ผมพูดแบบนี้เพราะคิดว่ามันเป็นสิทธิ์ส่วนตัวครับ ขอแค่น้องมีแฟนแล้วไม่มีเรื่องเสียหายก็พอ

เพียงแต่...ทำไมบทสนทนามันถึงได้เงียบไปเลยว่ะ.....


 


                                                               ----------------------------------------


ครบ100%แล้วนะครับ :กอด1:

ขอบคุณทุกกำลังใจครับ  :กอด1:







หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก] p.5 [24/05/57] 20:15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 24-05-2014 20:59:23
555
หมอกเป็นแม่
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก] p.5 [24/05/57] 20:15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: yamanaiame ที่ 24-05-2014 21:56:51
น่ารา๊กกกกกกก อะ มาต่อเร็วๆเด้ออ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก] p.5 [24/05/57] 20:15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-05-2014 00:13:05
มีคู่เอิร์ทซ่าด้วย อิอิ

น้องแคทนี่ไร้เดียงสา หรือ เป็นสาววายกันนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก] p.5 [24/05/57] 20:15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 25-05-2014 00:28:32
น่ารักก ก มาก ก มาต่อไว้ๆเนอร์  :mew1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก.2] p.5 [25/05/57] 9:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 25-05-2014 09:30:26
ครบ100 %แล้วหนอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก.2] p.5 [25/05/57] 9:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 25-05-2014 14:25:47
น้องเคทน่ารักจุง
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก.2] p.5 [25/05/57] 9:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-05-2014 01:33:09
 o22 อ้าว คู่เอิร์ธซ่าเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

คุณแกะมันค้างอ่ะ ขอคู่เอิร์ธซ่าให้เคลียร์ด้วยนะ ว่ามันยังไง  :ling1:
สรุปว่าคบกันลับๆเหรอ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.34 [น้องหมอก.2] p.5 [25/05/57] 9:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 03-06-2014 19:51:53


หลังจากกินข้าวกินปลากันเสร็จ ผมกับน้องหมอกก็ช่วยกันเจ็บจานชามกันไปล้างครับ วันนี้เวรของน้องเอิร์ธกับน้องซ่า จริงๆผมว่าเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆนะครับ แม้ปากจะกัดกันไปกันมาก็เถอะ แต่พอถึงเวลาแล้วเอิร์ธจะเลือกเสียสละก่อนครับ อย่างเช่นตอนนี้....

"เอาชามมา"

ตอนนี้น้องซ่าถือชามในมือร่วมๆเกือบๆสิบชามได้ครับ

"ไม่กูถือเองได้"

"ถือเหรี้ยไร มันจะล้มทับหน้ามึงแล้ว"

น้องซ่าอ้าปากจะเถียงครับ แต่เอิร์ธชิงแย่งชามทั้งหมดมาไว้กับตัวเอง ก่อนจะเดินดุ้ยๆเข้าที่ล้างจานไป ผมกับน้องหมอกหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเบาๆให้กับไอ้เด็กสองคนนี้ ยิ่งพอล้างจาน พวกมันก็แย่งกันจะล้างน้ำยาล้างจานครับ แต่สุดท้ายไอ้น้องเอิร์ธก็ชนะอยู่ดีซ่าก็เลยไปนั่งล้างน้ำเปล่าหน้างอๆ

หลังจากล้างจานเสร็จ ผมกับน้องๆก็ไปนั่งย่อยนั่งเล่นกันที่ห้องนั่งเล่น ตอนนี้เสียงเจี้ยวจ้าวเต็มไปหมดเลยครับ แต่ก็มีความสุขดีครับ อยู่กับเด็กพวกนี้แล้วสนุกครับ นั่งหัวเราะกันไปบ้าง

อ้อ สายไหมตื่นแล้วนะครับ

เจ้าตัวเล็กที่ตื่นแล้วก็มานั่งๆล้อมวงเล่นกับพวกผมและพี่ๆเนี้ยแหละครับ แต่ดูเหมือนน้องมันจะไม่ชอบเล่นเท่าไหร่เลยนั่งกระพริบตาปริบๆอยู่ข้างๆน้องหมอก ส่วนมากแล้วสายไหมจะชอบพูดอ้อแอ้ช่วงที่ดูหนังหรือการ์ตูนกันครับ

"พี่ปัน"

"ครับๆ? "

"เมื่อเช้าตอนขับรถมา พี่ไม่ได้ฟังหมอกพูดเลยเหรอ ?"

"คือ....พี่ง่วงๆนิดหน่อย"

ผมตอบน้องมันไปหลังจากเห็นสายตาน้องหมอกเจื่อปนอะไรบางอย่าง

"พี่ปัน"

"ครับ ?"

"ทำไม...พี่ต้องแกล้งยิ้มด้วยอ๊ะ"

"..............."

"พี่...คนเราเป็นมนุษย์นะ บางครั้งบางที่เราก็อดกั้นกับมันได้ไม่นานหรอก หมอกเห็นพี่ปันแบบนี้แล้วไม่สบายใจเลย พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ ?"

"เอาไว้พี่พร้อมแล้วพี่จะบอกนะ"

สุดท้ายผมก็เลิกฝืนยิ้มปั้นหน้า ก่อนจะทำหน้าปกติๆให้น้องหมอก มือเล็กๆเอื่อมมาจับผมไว้

"มีอะไรก็บอกหมอกได้นะพี่ปัน หมอกอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่หมอกรับฟังได้นะ"

รอยยิ้มจางๆจากคนข้างๆยิ้มมาให้ผม ผมยิ้มตอบแล้วบีบมือกลับเบาๆ

"ได้ครับ พี่สัญญา"

หลังจากนั้นน้องหมอกก็เล่าให้ผมฟังถึงกีฬาสีที่จะจัดให้น้องๆแข่งกัน โดยจะแบ่งเป็นสองสี ฝั่งหนึ่งมีน้องเอิร์ธกับน้องๆอีกสามคน ที่เหลือก็พวกน้องแคทที่อยู่ทีมน้องซ่า

เกมกีฬาสีเกมแรกคือต่อตัวครับ กติกาง่ายมาก แค่ทุกคนในทีมยืนอยู่บนแผ่นหนังสือพิมพ์ที่จะค่อยๆลดขนาดลง ผมมองดูรูปการณ์แล้วฝั่งน้องเอริธ์ได้เปรียบครับ ก็น้องมันเล่นอุ้มเด็กอีกสองคนพร้อมกันอ๊ะ บ้าพลังจริงๆ!!

"5 4 3 2 1 หมดเวลา!!! เกมนี้ทีมไอ้เอริธ์ชนะ"

เสียงน้องหมอกขานบอก ก่อนทีมน้องซ่าจะจุ๊ปากขัดใจ เพียงแต่เกมต่อไปดูเหมือนจะเข้าทางทีมน้องซ่านะครับ

เกมส์ที่ว่าคือเกม24ครับ เป็นเกมทางคณิตฯอย่างหนึ่ง คือเรากำหนดตัวเลขขึ้นมา4ตัวเป็นเลขอะไรก็ได้ แล้วจะบวกลบคูณหารก็แล้วแต่เลยครับ ขอแค่ต้องใช้เลขให้ครบทั้ง4ตัวและผลลัพธ์ที่ได้ต้องเท่ากับ24
โจทย์จะมีทั้งหมดสามชุด ผมกับหมอกจะเป็นคนกำหนดตัวเลขครับ

ตามคาด ทีมน้องซ่าเป็นฝ่ายชนะเนื่องจากหัวหน้าทีมโชว์สกิลโหดด้วยการตีโจทย์ภายในครึ่งนาที ชักสงสัยแล้วสิครับว่าเด็กนี้ไอคิวเท่าไหร่ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นตอนนี้ครับ

"เกมที่สอง ทีมไอ้ซ่าชนะ ตอนนี้เสมอกัน1-1 เหลือเกมนี้เกมสุดท้ายแล้วนะ"

พูดจบผมกับน้องก็ให้พวกมันพักเหนื่อยนั่งดูผมกับหมอกช่วยกันจัดของกินใส่จานอาหาร เกมสุดท้ายคือเกมกินวิบากครับ มีทั้งหมด7จาน จานแรกขาไก่ จานที่สองปีโป้ จานที่สามสาหร่ายเถ้าแก้น้อย จานที่สี่ขนมผิง จานที่ห้าไข่ต้มครับ(ของจากเมื่อเช้านั้นเอง) จานที่แป๊ปซีครับ และจานสุดท้ายคือ...

"แช่แฟ้บ ลูกโป่ง!!!"

เอริธสถบขึ้นมานิดๆหลังเห็นลูกโป่งวางในจาน

"ลูกโป่งนี้ ต้องให้หัวหน้าทีมเป่านะ ห้ามใช้เล็บจิกด้วย ส่วนของกินต้องกินจานแรกให้หมดก่อนถึงจะกันจานต่อไปได้"

เสียงน้องหมอกเหมือนฟ้าผ่ากลางหัวไอ้เอิร์ธ ถ้าให้ผมเดาน่ะ ไอ้เด็กนี้กลัวลูกโป่งแตกใส่หน้าชัวร์เลย พอเทียบกับสีหน้าทางฝั่งน้องซ่าแล้วบอกเลยว่าแตกต่างกันมาก ทางนั้นดูจะมีความมั่นใจมากว่าจะชนะ แต่ก็นั้นแหละครับ เห็นน้องซ่าแบบนั้นแล้วไอ้เอิร์ธมันจะยอมแพ้ได้ไง

"พี่จะนับ 1  2  3 นะถ้าพร้อมแล้ว...เริ่ม!!!"

ผมขานเวลาก่อนจะเริ่มเกม

เด็กๆทั้งสองทีมวิ่งแข่งกันไปกินของที่อยู่ในจาน ก่อนแต่ละคนจะช่วยกันกิน อย่างที่บอกครับ ถ้าจานแรกไม่หมดก็ไม่มีสิทธิ์ทานจานต่อไป ตอนนี้ทีมน้องเอิร์ธยังนำอยู่นิดหน่อยนะครับ แต่ซ่ากับน้องแคทเองก็ใช่ย่อย เขมือบเอาๆ จนตอนนี้ทั้งสองทีมสูสีกันมาก เวลาผ่านไปห้านาที่ ตอนนี้ทั้งสองทีมทานกันไปได้แล้ว 4จาน น้องเอิร์ธทานได้ดุเดือดมากครับ คุณท่านเล่นยัดไข่ทั้งฟองเข้าไปในปากก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มมันป้องออกมา ผมเห็นนะว่าไอ้ซ่าแอบมองแล้วอมยิ้มขำด้วยครับ แต่ไม่เอาครับไม่แซวน้อง หึหึ

หลังจากนี้สิครับ ของจริง

"พี่ซ่า เป่าเลยๆ"

น้องแคทยืนตะโกนเชียร์อยู่ข้างๆ ตอนนี้ทั้งสองทีมกินครบหมดทุกจานแล้วครับ เหลือแต่ลูกโป่งหนึ่งใบ จริงๆฝั่งน้องเอิร์ธกินเสร็จหมดแล้วนะครับ แต่ไอ้เอิร์ธยืนนิ่งไม่กล้าเป่า

"พี่ปัน"

น้องหมอกที่อุ้มสายไหมอยู่สะกิดผมเบาๆก่อนจะชี้นิ้วไปทางน้องซ่า

ภาพที่เห็นคือ น้องซ่าเองแม้จะเริ่มเป่าไปแล้วแต่ก็หยุดกลางคันดื้อๆ น้องแคทยืนอมยิ้มขำอยู่ข้างๆ ส่วนเด็กๆที่เหลือก็คงจะงงๆกันว่าหัวหน้าทีมของตรจะหยุดทำไมฟระ

"ทำไมไม่เป่าต่อล่ะ"

"ผมกลัวลูกโป่งแตก/ผมกลัวลูกโป่งแตก"

ประโยคที่พูดพร้อมกันขึ้นมาแบบไม่ได้นัดหมายก็ทำเอาพวกมันสองคนเลิกคิ้วมองกันครับ น้องเอิร์ธขยับปากด่าอะไรสักอย่างนั้นแหละ แต่น้องซ่าก็ตีหน้าตายครับ

"งั้นเกมนี้พี่ที่ว่าเสมอกัน ตกลงมั้ย ?"

"ไม่ได้พี่ จริงๆเกมนี้ทีมมันชนะอ๊ะ"

น้องเอิร์ธแย้งเบาๆ ซ่าหันมามองก่อนจะชี้ไปที่ลูกโป่ง

"ลูกโป่งแตกไหม ?"

"ก็...ก็ไม่"

"อื้ม ก็ไม่ไง ก็แปลว่ากูไม่ได้ชนะมึง....และก็คงไม่ได้ชนะตลอดไป..."

คำพูดราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ปลายประโยคพูดเสียงเบาหวิว ผมหันไปมองหน้าน้องหมอกที่ยิ้มจางๆก่อนจะยื่นสายไหมมาให้ผมอุ้มบ้าง แล้วเดินไปตรงกลางระหว่างเด็กสองคนนี้

"พี่จัดเกมนี้ขึ้น เพราะอยากให้พวกเราได้สนุกกัน ทุกคนได้สนุกกัน พี่เคารพทุกๆการตัดสินใจของพวกเรา ของรางวัลที่ได้ มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่ได้รับ พี่ดีใจที่เราสองคนโตขึ้นมาก รู้จักความรับผิดชอบและการเสียสละ ขอให้พวกเราเป็นยังงี้ต่อไป ถึงพวกเราจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่พี่ก็รักพวกเรามากๆ"

จบประโยคเด็กๆก็กรู่กันเข้าไปกอดน้องหมอก ชุลมุนอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะคลี่คลายได้ ที่สำคัญคือน้องสายไหมหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจมากครับที่เห็นน้องหมอกโดนเด็กๆลุมกอด หลังจบเหตุการวุ่นๆช่วงแรก ผมกับน้องหมอกก็ช่วยกันแจกของให้เด็กๆ ตั้งแต่เสื่อผ้า ร้องเท้า และอุปกรณ์การเรียนอื่นๆที่ซื่อกันมา ผมชอบสายตาและสีหน้าของน้องๆตอนที่ยิ้มออกมาหลังจากได้รับของพวกนี้นะครับ พูดๆไปแล้วก็คงจะเหมือนที่น้องหมอกว่าเอาไว้

ของรางวัลที่ได้ มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่ได้รับ

ผมเป็นผู้ให้...ที่รู้สึกได้รับจนเต็มเปรียบ เป็นผู้ให้ .... ที่ได้รับรอยยิ้มบริสุทธิ์ของเด็กๆ

การมาทำบุญครั้งนี้ คิดถูกแล้วจริงๆนั้นแหละครับ...

หลังจากแจกจ่ายของเสร็จ ผมกับน้องๆก็ช่วยกันทำอาหารกลางวันต่อ เนื่องจากข้าวต้มเมื่อเช้าหมดหม้อไปเลย ยายอิ่มไล่ผมกับหมอกไปดูแลเจ้าสายไหมนะครับ แต่น้องมันไม่ยอม ก็อย่างว่าและครับนานๆมาที่ ตอนนี้ในครัวเลยวุ่นวายไปหมด ตั้งแต่ผมที่อุ้มน้องสายไหมคอยเชียร์หมอกทำอาหาร ไอ้เอิร์ธไอ้ซ่าที่หั่นผักไปกัดกันไป น้องๆที่เหลือที่ช่วยกันเช็ดจานบ้าง จัดจานบ้าง

เป็นการเข้าครัวที่โคตรอบอุ่น....

พอทำเสร็จเด็กๆก็เฮโหล กันกันอลหม่านเลยครับ กินเสร็จก็นั่งกันพุงกาง เพราะมื่อนี้ขนาดน้องซ่ายังฟาดไปสองจาน ส่วนไอ้น้องเอิร์ธอย่าถามนะครับ กระซิบเบาๆว่าเลขสามบวก

แต่ก็นั้นแหละครับ ด้วยความที่ทำกันเพลินกันจนเกินไป อาหารที่ทำออกมามันเลยเยอะเกินปริมาณที่เด็กๆรับประทานนั้นแหละครับ ขนาดยายอิ่มแกบอกว่าจะเอาไว้อุ่นมือเย็นกับมือของพรุ่งนี้เช้าก็ตาม ปริมาณที่เหลือมันก็ยังเยอะอยู่ดี


"ยายครับ บ้านเรามีถุงพลาสติกหรือถุงร้อนอะไรพวกนี้ไหมครับ ?"

น้องหมอกถามพลางมองอาหารที่เหลืออยู่ตรงหน้า

"ที่บ้านไม่มีนะ แต่รู้สึกร้านหน้าปากซอยน่าจะมีนะจ๊ะ"

"ไอ้เอิร์ธ ไอ้ซ่า ไปซื่อ6X9มาสามมัดเอาหนังยางสิบบาท"

น้องหมอกว่าก่อนจะยืนแบงค์ร้อยให้เด็กสองคนนี้ไปซื่อถุงร้อนมาไว้ ไม่นานทันคู่ก็กลับมา น้องหมอกจัดแจงค่อยๆรัดอาหารที่เหลือไปที่ละถุงๆจนมันหมดหม้อ ก่อนจะใส่อาหารและข้าวสวยพวกนั้นไว้ในถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ใส่อุปกรณ์ให้พวกน้องๆมา

ผมกับน้องๆนั่งเล่นกันจนถึงประมาณสี่โมงเย็น น้องหมอกเองก็ขอตัวกลับ ผมยื่นซองทำบุญให้ยายอิ่มไป ที่แรกแกไม่รับครับเพราะแกบอกว่าแค่นี้ก็ดีสำหรับเด็กๆพวกนี้แล้ว แต่ผมเองแสดงเจตนาจริงๆว่าอยากช่วยแกถึงได้ยอมรับไป

"พีี่ฝากดูแลน้องๆด้วยนะ โตๆกันแล้ว มีอะไรก็พูดกันดีๆ"

"ครับ/ครับ"

ตอนนี้ผมกับน้องยืนกันอยู่หน้าบ้านครับ หมอกฝากฝั่งให้พี่ใหญ่ทั้งสองคนก่อนที่น้องๆสองคนจะรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ

"ถ้ามีโอกาส พี่จะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆนะ..."

ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ทำไมน้ำเสียงของน้องมันถึงได้หม่นลงมากในตอนที่พูดประโยคนี้

"พี่ไปก่อนนะสายไหม"

น้องหมอกเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กที่ทำตาแป๋วก่อนจะงอแงหลังจากส่งคืนให้ยายอิ่ม

"โชคดีนะ หลานๆของยาย"

ยายอิ่มกอดส่งหมอกแน่นก่อนจะยอมปล่อย

"งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ ยายครับ สวัสดีครับ เอิร์ธ ซ่า ดูแลน้องๆด้วยนะ"

น้องๆทุกคนยกมือกันไหว้ผมก่อนผมจะยกมือไหว้รับ แล้วหันไปไหว้ยายอิ่ม

"ไปก่อนนะครับยาย"

"จำเริญๆนะพ่อหนุ่ม"

"โชคดีนะครับพี่ๆ"

"แวะมาเยี่ยมหนูอีกนะพี่หมอก พี่ปัน หนูอยากเล่นพ่อแม่ลูกอีก"

"ไปดีมาดีนะพี่"

"บายๆครับ"

เด็กๆหลายคนอวยพรให้ผมกับน้อง ก่อนพวกเราจะขึ้นรถยนต์และค่อยๆขับไกลออกมา ภาพที่เห็นก็ทำให้ผมยิ้มได้อย่างเป็นสุขใจ

แต่ที่สงสัยคือ น้องหมอกจะนำกับข้าวพวกนี้ไปไหน ?

"แล้วนี้ เราจะไปไหนกันต่อครับ"

"ไปสนามหลวงครับพี่..."






หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.35 [พี่ปัน] p.6 [3/06/57] 19:55 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 04-06-2014 01:37:30
 :hao5: อร๊าย
สรุปว่าเอิร์ตซ่า คู่นี้ดราม่าเหรอ
มีความนัยแฝงไว้ว่าเป็นแฟนกันไม่ได้ ฮือออออออ

ว่าแต่ไปสนามหลวงทำไมกันนะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...Ep.35 [พี่ปัน] p.6 [3/06/57] 19:55 น.
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-06-2014 16:40:41
ง่าา ซ่า กับ เอิร์ตดูมีซัมติงนะ

แต่ทำไม ดันไปมีแฟนซะงั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...[แจ้งข่าวสำคัญครับ P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: karatop ที่ 06-06-2014 19:46:52
อุส่าตามมาอ่านอีกรอบ แต่ไม่เป็นไร เคารพในการตัดสินใจคุณแกะนะ ^^  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...[แจ้งข่าวสำคัญครับ P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-06-2014 02:59:09
จะรอเวอร์ชันใหม่จ้า  :mew1:

แต่อย่าทิ้งสายฟ้าของเค้านะ ฮ่าฮ่าฮ่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...[แจ้งข่าวสำคัญครับ P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: ever-never ที่ 07-06-2014 19:37:03
เนื้อเรื่องสนุกดีนะครับ เป็นกำลังใจให้นะหมอก
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ...[Ep.36 พี่ปัน(2)] [14/06/57]
เริ่มหัวข้อโดย: อโลลาน ที่ 14-06-2014 18:32:07

ผมขับรถเข้าสู้ถนนสายหลักจากนอกตัวเมืองก่อนจะใช้เส้นทางจรัญสนิทวงศ์ตีรถไปสนามหลวงตามที่น้องมันบอก จริงๆแล้วทางอื่นก็มีนะครับแต่ผมชำนาญทางแถวนี้มากกว่าแล้วทางมันสั้นกว่าด้วย แม้บางวันการจราจรแถวนี้จะแทบไม่ขยับก็เถอะ

น้องหมอกนั่งเงียบมาตลอดทางหลังจากตอบคำถามของผมเสร็จ ผมคิดว่าเจ้าตัวคงมีเรื่องให้คิดหนักเยอะแยะเต็มไปหมด ถึงได้ทำหน้ากลุ้มๆแล้วนั่งเงียบไป ตัวผมเองก็รู้ดีว่าน้องมันเครียดเรื่องอะไร

ไม่ได้อยากเห็นน้องมันเครียดนะครับ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรดี

"หมอก"

"ครับพี่ปัน"

"อีกสองอาทิตย์ก็เข้าค่ายแล้วนะ เก็บของบ้างรึยัง ?"

ผมทักขึ้นหลังนึกเรื่องนี้ออก

"ค่าย...อ้อ ยังเลยครับพี่"

น้องหมอกทำหน้าคิดก่อนจะตอบผมกลับมา

"แล้วต้องเตรียมอะไรไปบ้างล่ะครับ ?"

"เอาแค่ชุดใส่สามวันสองคืนก็พอแล้วครับ แล้วก็พวกของใช้ส่วนตัวนะน่ะ"

น้องหมอกพยักหน้ารับ ผมขับรถลงอุโมงค์ทะลุยาวก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปทางสนามหลวง

ทางจะไกลขนาดไหนยังไงก็ต้องถึงสักวัน ในที่สุดผมก็ขับรถพาน้องมันมาถึงสนามหลวงจนได้

ผมขับรถวนหาที่จอดสักพักก็เจอ ก่อนเราทั้งคู่จะช่วยกันยกถุงกับข้าวและถุงข้าวสวยออกมาจากในรถ ผมเองก็บอกตรงๆว่ายังไม่รู้เหมิือนกันว่าน้องมันจะพาไปไหน

"เดี่ยวพี่ปันเดินตามผมมานะ"

น้องหมอกพูดก่อนจะยกถุงข้าวเดินนำไปข้างหน้า ผมเริ่มรู้แล้วล่ะครับว่าน้องมันจะไปไหน

สิ่งที่หมอกทำ อาจจะเป็นสิ่งที่ใครก็คิดได้และทำได้

สิ่งนั้นคือการให้...

น้องหมอกเดินแจกข้าวกับคนจรจัดที่อาศัยบริเวณสนามหลวงเป็นที่พักพิง น้องมันเดินไปพลาง แจกไปพลาง พูดคุยกับคนเหล่านั้นอย่างไม่ถือตัว ไม่สนใจสายตาของคนอื่นว่าจะมองมาด้วยสายตาแบบไหน สนใจแต่เพียงสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำ ผมเองก็ไม่คิดจะสนใจสายตาของใครที่ไหนเหมือนกัน

แค่สนใจเด็กตรงหน้าคนเดี่ยวก็พอแล้ว

รอยยิ้มพิมพ์ใจที่ไม่ได้เสเสร้งถูกประดับไว้บนใบหน้าหวานๆ มือเล็กๆสองข้างยื่นถุงข้าวเปล่าและกับข้าวให้ถึงมือโดยไม่ได้รังเกลียดหรือกลัวว่าคราบสกปรกใดๆจะโดนตัว ซ้ำบางที่ก็นั่งข้างๆคนๆนั้นเอาซะเลย

สิ่งที่ตอบแทนกลับมาคือรอยยิ้มแบบเดี่ยวกัน

อาจจะไม่มีคำพูดสวยหรูนอกจากคำว่า'ขอบคุณ'อาจจะไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน และผู้ให้อย่างเราก็ไม่ได้ต้องการของตอบแทน เพียงแต่น้องมันบอกผมเอาไว้ว่า

"พวกเราไม่ได้เป็นแค่คนให้ พวกเราเป็นคนรับ เรารับรอยยิ้มมากจากเขา รอยยิ้มที่ไม่ได้ถูกประดิษฐ์หรือเสแสร้ง อะไรที่มากจากใจมันมีค่ามากนะครับพี่ปัน"

ผมตะเวณแจกข้าวแจกน้ำกับน้องหมอกจนเวลาผ่านไปเกือบๆชั่วโมงเห็นจะได้ เราสองคนเดินวนรอบสนามหลวงได้เกือบๆหนึ่งรอบครึ่ง สิ่งทีี่ผมเห็นคือผู้คนที่ไร้ที่อยู่อาศัยมากขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก อีกทั้งปัญหาต่างๆที่ตามมา ผมเห็นเด็กจรจัดหลายคนมาต่อแถวรับข้าวน้ำจากพวกเราสองคนด้วยซ้ำ

ร่างเล็กๆที่เดินนำหน้าผมยังไม่เอ่ยคำบ่นออกมาแม้แต่ครึ่งคำ

เหงื่อที่ไหลเตํ็มใบหน้าเพราะความร้อนจากอากาศและมลพิษรอบๆตัว ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของน้องมันลดลงเลยแม้แต่น้อย

"พี่ปัน"

"ครับ"

"ขอบคุณครับ"

"......"

"ขอบคุณ...ที่พี่อยากจะทำบุญแบบนี้ ขอบคุณที่พี่ทำตามที่ผมขอ...ผม...ไม่รู้จะพูดยังไงดี วันเกิดพี่แท้ๆ...."

น้องมันหันหน้ามาหาผม ด้านหลังคือกำแพงวัดพระแก้วที่อยู๋ไกลๆ ดวงตาคู่สวยหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด

"ไม่หรอก..."

"......."

"พี่ต่างหาก ที่ต้องขอบคุณเรา ขอบคุณที่สอนให้พี่ เป็น'ผู้ให้'ที่แท้จริง...พี่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย วันเกิดทุกครั้งมากสุดก็แค่ใส่บาตรแล้วก็ฉลองเมามาย พี่ไม่เคยคิดจะช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าหรือมาทำบุญแบบนี้เลย"

คนตรงหน้าผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมถึงได้รู้จักว่าน้องมันเจิดจ้ามากกว่าตะวันที่กำลังรำไร่เตรียมจะตกลงพื่นดิน เจิดจ้าจนผมละสายตาไม่ได้ คนตรงหน้าผม แบกรับหลายๆสิ่งหลายๆอย่างไว้ในใจ แต่ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ไม่เคยสักครั้งทีี่จะปล่อยโฮออกมา แม้จะกลัวแต่ในสายตาก็ยังมี'ความหวัง'ซ่อนอยู่เต็มดวงตาทั้งสองข้าง

ไม่แปลกสินะที่ผมอยากจะเป็นผู้ให้อีกสักครั้ง

อยากให้รอยยิ้มนี้...คงอยู่ตลอดไป

ความสับสน ความวุ่นวายในใจของผม เหมือนๆค่อยๆทลายลงไปพร้อมๆกับแสงตะวัน ความชัดเจนหนึ่งเดี่ยวเกิดขึ้นในจิตใจ...

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมวิ่งหนีปัญหา วิ่งหนีความจริง วิ่งนี้ความรู้สึกของตัวเอง ด้วยการเอากรอบมาล้อมเอาไว้ ด้วยการบอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไร ทุกสิ่งเป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่ววูบแล้วดับลงไป

เพียงแต่บางครั้ง พลุที่สว่างเพียงเสี้ยววินาที่ กับตราตรึ่งใจเราไปตลอดกาล....

ไม่เกี่ยวหรอกว่าเป็น'ผู้ชาย'ด้วยกันทั้งคู่หรืออะไร ไม่กลัวหรอกว่าสังคมจะมองแบบไหน

'รัก'ก็คือ'รัก'....

ผมแค่รู้สึกว่าอยู่กับคนๆนี้ ผมมีความสุข ผมยิ้มได้อย่างไม่มีเหตุผล ผมไม่จำเป็นต้องเข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องเป็นใครเพราะแค่ผมเป็นผม น้องมันเป็นน้องมัน

เท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ ?

ผมรู้ สิ่งที่ผมเลือก มันไม่ได้ง่ายเลย เมื่อคนตรงหน้าผมยังไม่เคยแสดงท่าที่อะไรสักนิดว่าคิดยังไง มากสุดที่ผมรู้สึกว่าน้องหมอกคิดกับผมคือพี่ของแฟนเพื่อนและรุ่นพี่คณะที่ตัวเองกำลังจะไปเข้าค่าย น้องมันไม่เคยแสดงออกเลยว่าคิดเกินเลยกับผมไปมากกว่านั้น อีกทั้งคำถามที่ผมถามออกไป

น้องมันมีคนที่ชอบแล้ว....

นอกจากนั้นสังคมเองก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เพียงแต่ ผมคิดว่าเราควรจะมีวิธีจัดการที่ดีกว่าวิ่งหนีมัน จริงไหมครับ ?

พอคิดแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกหนักอึ่งในใจขึ้นมาดื้อๆ โอเค ผมแน่นอนกับความรู้สึกของตัวเองแล้ว แล้วคนรอบตัวผม...

เขายังจะยอมรับผมอยู่ไหม ถ้าคนที่ผมรัก เป็นเด็กผู้ชายคนนี้....

"พี่ปันครับ คิดอะไรอยู่นิ่งไปเลย"

น้องหมอกสะกิดเรียกผมเบาๆ

หลังจากเราทั้งคู่แจกข้าวจนหมดผมกับน้องก็มานั่งพักเหนื่อยตรงบริเวณม้าหินตัวหนึ่ง วิวข้างหน้าคือศาลหลังเมือง เยื่องออกไปด้านขวาคือตัววัดพระแก้วที่กำลังเจิดจรัสพร้อมๆกับตะวันที่ลับขอบฟ้า

พี่กำลังคิดว่าจะทำยังไง เราถึงจะรักพี่นะสิครับ....

"หมอก"

"ครับ"

"ไปกินข้าวกันไหม ?"

"ก็ไปสิครับ"

"อ่า...อื้ม...."

เกือบถามไปแล้วว่าไอ้คนที่ชอบมันเป็นใคร แต่ไม่เอาครับ เดี่ยวน้องมันรู้ตัวเอาซะก่อน เกิดหนีไปแล้วผมจะทำยังไงล่ะครับ

หลังจากนั่งพักเหนื่อยกันเสร็จ ผมพาน้องหมอกไปจอดที่ห้างๆหนึ่ง แน่นอนว่าไอ้ตัวดีมันบ่นนิดๆว่าทำไมต้องกินของแพงๆ แต่เพราะผมอ้างว่าเป็นวันเกิิดคนเด็กกว่าเลยยอมแพ้แต่โดยดี

แล้วจะจีบเด็กนี้ต้องทำยังไงว่ะ ? ไม่เคยจีบใครนะเว้ย

"เออหมอก..."

"ครับ ?"

"คือ...เออ ... คนที่หมอกชอบนี้เขาเป็นคนยังไงเหรอ"

น้องมันชะงักไปนิดๆก่อนจะเสหน้าไปทางอื่นแล้วอ้อมแอ้มตอบกลับมา

"เอ๋อๆ"

"ห๊ะ ?"

"คือ เขาดูเอ๋อๆนิดหน่อย แต่จริงๆแล้วนิสัยดี เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำที่ดี จริงๆแล้วหมอกก็ยังไม่ค่อยรู้จักเขานักหรอก"

"เหรอ ? เออ...มีรูปเขามั้ยล่ะ"

อยากจะเห็นหน้าคู่ต่อสู้ตัวเองครับ ไม่คิดหรอกนะว่าชีวิตนี้จะต้องมาจีบเด็กผู้ชายแข่งกับผู้หญิง(ทำไงได้ ก็...ชอบเขาไปแล้วนิ)

"ไม่มีครับ เพิ่งเจอกันไม่มีกี่ครั้งเอง แต่หมอก...ผูกพันกับเขา รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ใกล้เขาบ่อยๆทั้งที่จริงแล้วเจอกันไม่กี่ครั้ง"

"แล้วทำไมถึงชอบล่ะครับ"

"อื้ม...ไม่รู้สิพี่ปัน สำหรับหมอกแล้ว ชอบก็คือชอบ มันอาจจะดูไม่มีเหตุผล แต่เรื่องของความรู้สึก...มันไม่มีเหตุผลนิครับ"

เหมือนที่พี่ชอบเราใช่มั้ยครับ ?

อยากถามประโยคนี้แต่กลัวคนตรงหน้าลุกหนีไปเลยครับ

สุดท้ายแล้วผมจึงทำได้เพียงทานอาหารเงียบๆก่อนจะพาน้องหมอกไปส่งที่บ้าน น้องมันบอกกับผมว่าเจอกันวันเข้าค่าย แต่จริงๆแล้วพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้วครับ

ก็ผมเป็นพี่สินนี้หน่า...หึหึ

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะขับรถกลับไปบ้านของตัวเอง

รถเก๋งของพ่อที่ขับประจำจอดอยู่ในโรงรถ นั้นหมายถึงว่าท่านอยู่ในบ้าน

ผม...จริงจังกับความรู้สึกของตัวเอง

และผม อยากจะแสดงความจริงใจกับใจของตัวเองให้ชัดเจนสักครั้ง

ประวัติศาสตร์ มันสอนผมให้รู้จักการเตรียมการ

"พ่อครับ"

พ่อเรียกท่านเสียงเบา ใจยังเต้นแรง ผมไม่รู้ว่าควรจะเล่าให้ท่านฟังยังไงดี

ว่าลูกชายคนเดี่ยวของท่าน .... อาจจะทำให้ท่านเสียใจ

"อ้าวปัน กลับมาแล้วเหรอ ? เห็นลุงเอิ้นบอกว่าแกออกไปกับหนูหมอกแต่เช้าเลยนิ"

สายกรองข่าวของพ่อยังดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ผมเดินลงไปนั่งสงบๆข้างๆท่าน

"พ่อครับ...คือ ผมมีเรื่องอยากจะบอก"

น้ำเสียงของผมดูสั่นและทุ้ม แต่ก็ทำให้ท่านได้เข้าใจว่า เรื่องที่ผมจะพูดนั้น มันสำคัญมากจริงๆ

พ่อกดปิดโทรทัศน์ที่กำลังดู ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

"อะไรล่ะ ?"

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะพูดออกมาช้าๆชัดๆเหมือนท่องประโยคนี้มาสักร้อยสักพันครั้ง

"ผม....ผมรักคนๆหนึ่งครับ"

แววตาฉงนฉายออกมาจากท่าน

"เหรอ ? แล้วที่บอกนี้คือจะให้พ่อไปของั้นเราะ "

ท่านพูดติดตลกก่อนจะมองหน้าผม ผมเองก็ไม่คิดจะลบสายตา

"พ่อครับ..."

"............."

"ผม...ชอบน้องหมอกครับ"

พ่อของผมนิ่งเงียบไปพอๆกับหัวใจที่เต้นแรงของผมมากขึ้นเรื่อยๆ

"แกแน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองแล้วงั้นเหรอ ?"

"ครับ"

"อื้ม งั้นก็ดี"

พ่อพูดเรียบๆสบายๆก่อนจะกดรีโมทเปิดทีวีดีต่อ

"คือ....พ่อจะไม่พูดอะไรหน่อย...เหรอครับ ?"

ผมเตรียมใจที่จะโดนตอบกลับแรงๆ หรืออะไรมาแล้วครับ แต่ไม่คิดว่าท่านจะสงบได้ขนาดนี้

"ปัน ตั้งแต่แกเกิดมา พ่อเคยบังคับให้แกทำอะไรไหม ?"

"ไม่ครับ"

"พ่อเคยชี้นิ้วเลือกเส้นทางให้ตัวแกเดินไหม ?"

"ไม่ครับ"

"แล้วทำไมถึงคิดว่าเรื่อง'ความรัก'ของแก มันจะทำให้พ่อต้องด่าแกด้วย"

"....................."

"ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่พ่อให้แกเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง เพราะมันเป็นชีวิตของแก พ่ออยากให้แกมีความสุขกับสิ่งที่เลือก"

"....................."

"จะมีแฟนเป็นผู้ชาย หรือใคร นั้นไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะรับไม่ได้ พ่อแค่อยากให้แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง แน่ใจในสิ่งที่เลือก แต่ถ้าแกถึงขนาดกล้ามาบอกพ่อตรงๆพ่อก็คิดว่าแกคงแน่ใจแล้วจริงๆว่าชอบหนูหมอก เพราะถึงพ่อจะรับได้ แต่สิ่งที่ตามมามันจะหนักหนาขึ้นในอนาคต เมื่อหน้าที่การงานของแกมันใหญ่ขึ้น แกเตรียมใจพร้อมแล้วรึยังที่จะรับกระแสพวกนั้น ?"

"ผม...ผมพร้อมจะรับทุกอย่างครับ"

"งั้นก็ดี....ปัน... คนเป็นพ่อแม่นะ จะมีความสุขได้ก็เพราะลุกมีความสุข ลูกสุขพ่อแม่ก็สุข..."

"พ่อครับ..."

ผมพูดไม่ออก มันจุกไปทั้งอก

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมเกิดยันกระทั้งตอนนี้ ผมมีความสุขที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ มีพ่อกับแม่ที่ไม่เคยกักขังอิสระของผมไม่ว่าจะด้านใดๆ แม้กระทั้งความรัก ผมรู้ว่าพ่อรู้สึกแบบที่พูด แต่ผมก็เสียใจที่ผมไม่ทำหน้าที่ลูกที่ดีเหมือนคนอื่นๆ

"หึหึ ไอ้เสื่อ โตจนปานนี้แล้วยังจะร้องไห้แงอีกเหรอว่ะ ?"

พ่อดึงผมเข้าไปใกล้ๆก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆเป็นการปลอบ

"แล้วหนูหมอกเข้ารู้เรื่องนี้รึยังห๊ะ ?"

ผมเช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

"เหอะๆ จะแห้วรึเปล่าล่ะไอ้ตัวดี"

"หวั่นๆใจเหมือนกันครับพ่อ แต่ผมจะลองดู"

"ระวังน้องเขาจะไม่เล่นด้วยแล้วกัน"

พ่อเตือนผมเบาๆ เพราะท่านเองก็รู้ดีว่าหมอกเป็นผู้ชายขนาดแท้

"ผม...จะลองดูครับ"

มันอาจจะเป็นการจัดค่ายเปิดคณะ...ที่ผมมีความสุขมากที่สุดในโลกเลยก็ได้


                                            -----------------------------------------------------------------------


กลับมาต่อแล้วจ้าาาา ทิ้งน้องๆไปไม่ได้จริงๆ  :mew2: เราอาจจะรีไรท์แค่บางตอนนะครับ ขอบคุณทุกคน ทุกการติดตามครับ








หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2014 18:34:18
 :a2: :a9: :a14: :a1:
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 14-06-2014 21:07:39
ปันกล้าๆหน่อย
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-06-2014 23:41:55
 :hao7: คุณพ่อไฟเขียว แสดงว่าดราม่าครอบครัวไม่มีแน่ๆ
เหลือแต่พี่ปันต้องช่วยหมอกมาจากแม่เลี้ยงให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 15-06-2014 00:00:33
พี่ปันสู้ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 19-03-2015 11:49:12
กลับมา!!!!!!!!!!!!!!!

คิดถึงคู่นี้อ่ะ :ling1: :ling1:


คนแต่งทิ้งไปนานมากกกกกกกกกกก


ฮือออออออออออ รออยู่ :mew2: