พิมพ์หน้านี้ - ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: wispapoo55 ที่ 11-02-2014 23:20:16

หัวข้อ: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 11-02-2014 23:20:16
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 11-02-2014 23:26:59
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑  แรกพบเมื่อใด ใครเลยจะล่วงรู้

       บรรยากาศที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันกับแสงสีสลัวโดยมีแสงสีอื่นแวบไปมาตัดกันอย่างลงตัว ถูกเติมเต็มด้วยลูกกลมๆสะท้อนแสงซึ่งหมุนอยู่ตรงกลางพร้อมกับเสียงเพลงดังกระหึ่มเกินลีมิตที่ทำให้เป็นอันตรายต่อหูไปมากโข สาวหนุ่มมากหน้าหลายตาอวดลีลาประชันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

       หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวทรวดทรงองค์เอวถูกตาต้องใจของทายาทธุรกิจส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคพันล้านที่ไม่ได้มีดีแค่ฐานะ แต่พ่วงดีกรีความหล่อระดับดารายังอาย และที่ทำให้บุรุษผู้นี้เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วโลกคือสมองอันชาญฉลาดในเรื่องการวางแผนและแก้ปัญหาต่างๆ ดูง่ายๆได้จาก เขาถูกผู้ปกครองแต่งตั้งให้เป็นรองกรรมการผู้จัดการตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม 6 เขาไม่เคยเป็นผู้เดินตามเกมส์ แต่เป็นผู้คุมเกมส์มาตลอด ไม่มีใครควบคุมเขาได้

          ต้นตอง ตารกา ประภาพงษ์สกุล  หนุ่มหล่อหน้าใสกิ๊ง กับผิวขาวละเอียด ส่วนสูงมาตฐานชายไทย เขามองเธอคนนั้นอยู่สักพักจนเธอรู้ตัว รอยยิ้มหวานของสาวหน้าสวย ตาคมเรียว จมูกโด่งเป็นสัน ส่งมาให้อย่างหยดย้อยที่สุด ทั้งคู่เล่นเกมส์จ้องตากันอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนสาวเจ้าจะค่อยๆกระแซะคนเดินออกมา

          “เจอของถูกใจรึไง”  ชายหน้าใสถูกถามเชิงหยอกล้อโดยโอม เพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ที่ที่เขาทั้งคู่นั่งอยู่เป็นมุมวีไอพี สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งผับ ซึ่งการที่ได้มานั่งตรงนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าไม่คนใดคนหนึ่งต้องพิเศษต่อที่นี่เป็นอย่างมาก
          “อืม”  สายตาของเขายังคงจับจ้องเลดี้ผู้นั้นอยู่ไม่วางตา
          “นานๆทีเลยนะ ที่กูเห็นมึงจะถูกใจใคร”  โอมไม่ได้กล่าวจริงจังอะไรนัก นึกหาอะไรแซวให้สนุกกับบรรยากาศไปเท่านั้น เสร็จแล้วก็กระดกน้ำอันพันสีสวยเข้าปากอย่างเพลิดเพลิน สังเกตได้จากการกระดิกเท้าและส่ายหัวไปมาเบาๆตามจังหวะดนตรี

          “มึงคิดว่าไงล่ะ ลีลาดีขนาดนั้น ฮึฮึ”  รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าในขณะที่มองลงไป แล้วกลับมากระตุกยิ้มให้เพื่อนพร้อมส่งสายตาอันเป็นที่รู้กันว่าหมาป่าเจอเหยื่อเข้าซะแล้ว

          แต่เมื่อเขาหันกลับมองลงไปอีกครั้งก็ต้องแปลกใจ ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว ตัวเขาไม่เคยพลาดกับเรื่องเช่นนี้    เขากวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาเฉียบคมของเขา จนเห็นเลดี้คนนั้นอีกครั้ง ซึ่งในขณะนี้เธอกำลังยืนยิ้มหวานให้กับชายอีกคนหนึ่งตรงมุมถัดไปจากเวที เขามองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้นเพราะยืนหันหลัง ส่วนเหยื่อของเขาหันหน้ามาทางเขา หากแต่เธอยังไม่ได้มองขึ้นมาที่เขา เพราะมัวแต่สนใจชายอีกคนอยู่

          โอมที่นั่งอยู่โซฟาตอนนี้ลุกมายืนข้างเขาเป็นที่เรียบร้อย เมื่อโอมยืนความสูงของต้นตองก็เหมือนจะกลายเป็นธรรมดาไปในทันที ทั้งที่ความจริงแล้วเขาสูงกว่าผู้ชายปกติทั่วไปบางคนด้วยซ้ำ

          “ไงเพื่อน เหยื่อยโดนคาบไปแดกเหรอครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  เพื่อนเลวมายืนเย้ยกันถึงข้างๆก่อนกลับไปนั่งตามเดิมอย่างอารมณ์ดี
          “ตัดหน้ามึงเชียวนะครับ ท่านตอง”

          “มึงคิดว่ากูจะยอมปล่อย คนสวย ให้หลุดมือเหรอครับเพื่อนโอม” หันมาส่งสายตาพิฆาตให้กับเพื่อนเพียงเท่านั้น จากนั้นตารกาก็ย่างเยื้องลงจากแท่นโพเดียม ก้าวไปยังข้างเวทีที่ทั้งคู่ยืนอยู่ เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกันเพราะอยู่ข้างเวทีเสียงดังมาก ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งคู่ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไม คนสวย ของเขาถึงยอมเบนเข็มจากเขาไปหาชายอีกคนตรงหน้าเขาตอนนี้
       ชายคนนี้ถูกเขาวิเคราะห์ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า รูปพรรณสัณฐานดีเยี่ยม ความหล่อหากถามใครหล่อกว่ากันคงตอบได้ยาก ว่าคนไหนหล่อกว่า เพราะชายผู้นี้มีผิวสีคล้ำกว่าเขาเล็กน้อย เบ้าตาโตลึก จมูกโด่งตรง ใบหน้าเรียวรูปไข่และมีหนวดเคราบางเบา  นับได้ว่าลักษณะภายนอกดูก็รู้ว่าเสือผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็น ยิ่งบวกกับแววตากรุ้มกริ่มนั้นแล้ว ไม่ต้องมีหลักฐานอะไรมาชี้วัดเลย

       ในขณะที่เขายืนสำรวจชายตรงหน้า สาวสวยที่เขาหมายตาไว้ ตอนนี้กำลังตกใจ ทั้งในความหล่อ และตกใจที่เขาเดินลงมาหาถึงตรงนี้ เธอมองเขาอย่างไม่วางตาและเหมือนกำลังถูกสะกดให้ไม่รับรู้สิ่งใด ซึ่งตอนนี้ตรงหน้าเธอ ชายทั้งคู่กำลังส่งสายตาประหักประหารกันอยู่ หากเหมือนในการ์ตูน คงมีลำแสงสีเหลืองพุ่งเข้าหากันแล้วมากระทบกันตรงกลางอย่างนั้น
          “ถ้าไม่รังเกียจ เชิญคุณไปนั่งที่โต๊ะด้วยกันดีไหมครับ”  ต้นตองไม่ปล่อยให้เรื่องยืดยาว เขาเริ่มเกมส์ทันทีด้วยการกระซิบข้างหูของผู้หญิงคนนั้น ซึ่งตอนนี้ในสมองของเธอกำลังสับสนไปหมดแล้ว

          “ขอบคุณครับ ผมกำลังหาที่นั่งอยู่พอดี” ไม่รู้ว่าชายอีกคนได้ยินได้อย่างไร เขาเป็นคนตอบคำถามของต้นตองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ สีหน้าของสาวเจ้ามีท่าทางกังวลอย่างหนัก ส่วนหนุ่มหน้าใสยังคงยิ้มอย่างคุมเชิง ก่อนวาดมือเชิญทั้งคู่ขึ้นโพเดียมของตน
          “เชิญครับ”

          เมื่อมาถึงที่นั่งส่วนบุคคล ตอนนี้จึงมีชายสาม และหญิงสอง ซึ่งผู้หญิงอีกคนนั้นโอมไปคว้ามาจากไหนก็ไม่ทราบได้ แต่ตอนนี้เธออยู่ในกอดแขนของโอมแล้ว

          “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมตารกา แต่ถ้าคุณจะให้เกียรติเรียกต้นตองเฉยๆดีกว่าครับ”    
        “ส่วนนี่โอม เพื่อนผมครับ เป็นเจ้าของที่นี่”  แนะนำตัวเอง พร้อมวาดมือไปหาเพื่อนรักที่โค้งทักทายอย่างเป็นมิตรเช่นกัน คำพูดสุภาพออกมาจากปากพร้อมกับรอยยิ้มหวานหยด ที่รับกับใบหน้าหวานหยดนั้นดีเหลือเกิน ทำเอาสาวเจ้าถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ไม่ได้หล่อคนเดียว แต่เพื่อนก็หล่อด้วย แถมยังเป็นถึงเจ้าของผับอีกต่างหาก อะไรจะเลิศเลอปานนั้น เธอพยายามตั้งสติแล้วตอบกลับไป

          “ซินดี้ค่ะ ดีใจที่เราได้พบกันนะคะ”  ฝ่ายเธอเองก็ไม่ยอมแพ้ ส่งยิ้มหวานกลับให้ต้นตองอย่างเท่าเทียม ทั้งคู่มองกันเหมือนกับว่าจักรวาลนี้มีกันแค่สองคน

          “ผม เรียง ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับซินดี้”  ไม่ปล่อยให้ทั้งคู่ส่งสายตาให้กันนานไปกว่านี้ ชายคนสุดท้ายแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มหวานให้เช่นกัน
          “ค่ะ เรียง เมื่อกี้คุยกันยังไม่ทันได้ถามชื่อเลย ขอโทษด้วยนะคะ”  พูดพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นราชินี ที่มีแต่คนต้องการ รู้สึกถึงการเลือกได้
          “ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่เสียมารยาท ไม่ถามคุณก่อน ขอโทษด้วยนะครับ”  เรียงยังคงเดินหน้า ความจริงเขาเองก็ไม่ได้สนใจเจ้าหล่อนอะไรมากมาย ดูจากหน้าตาแล้ว ก็เหมือนผ่านศัลยกรรมบล็อคเดียวกับคนอื่นๆที่ผ่านเขามา คงเปิดนิตยาสารแล้วชี้บอกหมอ กรีดให้เหมือนคนนี้เลยนะคะ เฮ้อ นึกว่าเจอแฝดกับสาวคนก่อนซะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ที่น่าสนใจคือความสนุกมากกว่า เพราะดูเหมือนไอ้หน้าใสคนนี้จะสนใจสาวเจ้าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกับยอมเดินลงมาจากแท่นบูชาเลยนะนั่น

          “ซินดี้ดื่มอะไรดีครับ วันนี้ผมขออนุญาตเลี้ยงคุณสักครั้งนะครับ ฉลองที่เราได้พบกัน”  อื้อหือออ อะไรจะสุภาพปานนั้น ทั้งเรียงและซินดี้ คิดตรงกัน แต่ซินดี้ไม่ทันที่จะได้ตอบ เธอกลับหันไปหาอีกเสียงที่ดังขึ้นแทรก

          “ผมว่าอย่างซินดี้ ต้องดราย มาร์ตินี่นะครับ เหมาะกับสาวเซ็กซี่ รูปร่างงดงามเช่นคุณ น้องครับ ขอดราย มาร์ตินี่ให้คุณผู้หญิงท่านนี้ ส่วนผมขอเป็นบรั่นดีครับ” เอ่ยชมก่อนสั่งให้สาวเจ้าทันทีแบบไม่ต้องมีใครขัด

          “คุณเรียงถนัดเอาใจผู้หญิงจังเลยนะครับ สงสัยคงทำบ่อย ฮึฮึ”  ยอมหักไม่ยอมงอ ต้นตองไม่รู้ว่าไอ้คุณเรียงมันเป็นใคร แต่ถ้าคิดจะแข่งกับเขา เขาก็พร้อมรับมือเสมอ

          “ไม่บ่อยหรอกครับ เพียงแค่วันนี้เจอคนที่ถูกใจผมมากจริงๆเท่านั้นเอง”  เรียงเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ต่างคนต่างงัดฝีไม้ลายมือในการจีบผู้หญิงออกมากันเต็มที่ ทำเอาโอมที่นั่งอยู่ใกล้ๆถึงกับต้องขอออกจากสมรภูมิรบของเพื่อน เพื่อไปเข้าสมรภูมิรบกับสาวคนงามนางหนึ่งเป็นการส่วนตัว ที่ตอนนี้นางคืบคลานมานั่งบนตักเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย

          “ตามสบายนะครับทุกคน ผมขอตัวไปธุระก่อน เจอกันที่ม.นะเพื่อนตอง” โอมลาเพื่อนแล้วรีบเดินจากไปทันที

          “ขอโทษนะคะ ต้นตองเรียนอยู่มหาลัยอะไรเหรอคะ”  ซินดี้ถามอย่างอยากรู้ เธอเจอเขาครั้งแรก มาดของชายคนนี้บ่งบอกมาว่าน่าจะทำงานแล้ว ไม่คิดว่ายังเรียนอยู่
          “ผมเรียนที่มหาลัย.........หน่ะครับ แล้วซินดี้หล่ะครับ เรียนอยู่หรือเปล่า”  ต้นตองรู้ดีว่าผู้หญิงส่วนมากมักเข้าใจว่าเขาทำงานแล้ว
          “ซินดี้พึ่งรับปริญญาไปเมื่อเดือนก่อนค่ะ แบบนี้ซินดี้ก็แก่กว่าคุณสินะคะ แย่จัง”  เลดี้ซินดี้รู้สึกกระดากปากยังไงไม่รู้ที่ต้องบอกว่าตนแก่กว่า

          “ไม่แย่หรอกครับ เพราะตอนผมเห็นคุณครั้งแรก ผมนึกว่าคุณพึ่งเข้ามหาลัยด้วยซ้ำ” ได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้ความมั่นใจของเธอกลับมาเช่นเดิม

          “คุณต้นตองเรียนที่มหาลัย...... เหรอครับ ผมเองก็พึ่งโอนย้ายไปเรียนที่นั่น ยังไงถ้าเจอก็ทักผมด้วยนะครับ”  เรียงที่พึ่งย้ายไปเรียนมหาลัยนั้นจริงๆ รู้สึกดีใจและตื่นเต้นที่ได้พบเพื่อนใหม่ จนลืมตัว กลายเป็นตีสนิทกับเค้าซะอย่างนั้น

          “ครับ เราได้เจอกันแน่”  เหมือนพระเจ้าเข้าข้าง ชายคนนี้ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ว่าเขาเป็นคนดังของมหาลัยแค่ไหน ทำไมเขาต้องทักใครก่อน ฮึ อยากเจอตัวจริงเหมือนกัน ว่าจะสักแค่ไหนกันคุณเรียง

          ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ชายหนุ่มรูปงามทั้งสองผลัดกันหยอกล้อหญิงสาวกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร แต่ความฉลาดระดับต้นตองแล้ว ยังไงคืนนี้เขาก็ต้องได้ซินดี้ไปเป็นของกำนัล เขาวางแผนให้เรียงดื่มหนักจากเกมส์ที่เขาให้เล่นด้วยกันทั้งสามคน จนเรียงนั้นหมดสภาพ

       เมื่อมีโอกาสเขาก็รีบจัดการโทรหาคนรู้จักของเรียงให้มารับเรียงกลับทันที โดยเขาโทรเข้าเบอร์โทรล่าสุดที่พึ่งโทรเข้ามาตอนหนึ่งทุ่ม.. ‘ศรราม’ ต้นตองเห็นชื่อล่าสุดจากโทรศัพท์โนเกียร์รุ่นดึกดำบรรพ์ที่ค้นได้จากกระเป๋ากางเกงของเรียง เขาก็มีอาการชะงักไปชั่วขณะ และคิดกับตัวเอง ‘คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกนะ’ เขาให้พนักงานหิ้วปีกเรียงไปรอให้ญาติมารับที่ด้านนอก  สักพักพนักงานสองคนนั้นก็เดินกลับเข้ามา ต้นตองยื่นทิปให้ทั้งสองคนด้วยแบงค์ใหญ่ และเขาก็ได้รับรอยยิ้มจากพนักงานทั้งคู่เป็นการตอบแทน

       ที่สำคัญในคืนนี้เขาก็ได้รับซินดี้ไปเป็นของกำนัลดังเช่นใจหวัง แต่ก็ต้องเสียใจอยู่เล็กๆ ไม่น่าไปแก่งแย้งอะไรให้มากมายนักเลย เลดี้ซินดี้คนนี้ เขาจับส่วนไหน ก็พลาสติกทั้งนั้น แต่ก็ถือซะว่าโชคดีที่วันนี้เขาไม่ได้แพ้ให้ใคร และลางบางอย่างก็กำลังบอกกับเขาว่า ผู้ชายหน้าโจรแต่ถูกสเปคสาวคนนั้น เขาต้องได้พบอีกอย่างแน่นอน

………………………………………………

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ เราพึ่งเคยลงนิยายที่นี่เป็นครั้งแรก
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
และที่สำคัญ นิยายเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกของเราด้วย
เป็นนิยายชุดค่ะ ชื่อว่าชุดลำนำรักในม่านหมอก
มีทั้งหมดสามตอนด้วยกันค่ะ

ช่วยติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ….นักเขียนหน้าใหม่^^


หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 12-02-2014 12:42:08

คนแต่งชอบนับเลขใช่มั้ย
มีทั้งตอง---ทั้งเรียง

แล้วจะมีป๊อกด้วยมั้ยอ่ะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 12-02-2014 16:14:30
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๒  หยั่งลึกตัวตน ใครเลยจะล่วงรู้

          เรียง รงคเพท  วงศ์วิญญูวาส  นักศึกษาย้ายเข้าใหม่ ด้วยเหตุการณ์บางอย่างทำให้ครอบครัววงศ์วิญญูวาสที่เคยร่ำรวย บัดนี้กลายมาเป็นเศรษฐีตกอับเหลือแต่ชื่อเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ลูกชายคนโตของบ้านอย่างรงคเพทถูกเรียกตัวกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทยอย่างเร่งด่วน


        ตัวเรียงเองดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพึ่งได้ไปเรียนต่างประเทศตอนขึ้นมหาลัยนี่เท่านั้นเอง เพื่อนๆส่วนมากก็อยู่ที่ไทย ยิ่งเขาเองก็ไม่ใช่คนเก่งด้านภาษาแต่อย่างใด และนิสัยคนไทยคือขี้อาย ได้ติดตัวเขาไปมาก ส่วนที่ทำให้เขาอยู่ที่นั่นได้ คือการออกเที่ยวหลีสาวยามราตรีซะมากกว่า แม้จะคุยกับเขาไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่เหล้าเข้าปากแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้รู้เรื่องสักหน่อยจริงไหมล่ะ

        ซึ่งเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าสาวชาวอเมริกันนั้น เนื้อ นม ไข่แค่ไหน สาวไทย 70 เปอร์เซ็น แทบเทียบไม่ติดเลยทีเดียว แต่การได้กลับบ้านย่อมดีที่สุดสำหรับเขา

        วันนี้เป็นวันที่เขามาเรียนที่มหาวิทยาลัยใหม่วันแรก แม้จะย้ายมาเกือบกลางภาคการศึกษา แต่ด้วยเส้นสายที่ครอบครัวเคยสร้างก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากแต่อย่างใด คิดถึงเพื่อนๆใจจะขาด และก็เป็นอย่างที่คิด เพื่อนๆของเขาก็คิดถึงเขาเช่นเดียวกัน เมื่อเขาเดินมาที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัดลายซึ่งเป็นที่ ที่เพื่อนๆได้นัดไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เขาก็เจอเพื่อนๆนั่งอยู่


        “ไอ้คุณรงคเพท กูนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอมึงอีกซะแล้ว”  ไอ้กาวเพื่อนซี้สมัย ม.ต้น-ม.ปลาย ปากหมา ตาพราว ไม่เข้ากับรูปลักษณ์สุดแสนจะป่าเถื่อนของมันสักนิด มาคิดดูดีๆเวลาเขาไปเดินห้างไหนกับมัน ยามที่นั่นเป็นต้องเดินคุมตลอด ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้บ้าเอ๋ย ไอ้หน้าโจรเพื่อนกู สงสัยคิดถึงจริงๆ เจอหน้าก็ให้พรเลย

        “กูหนังหนา ตายยาก” ฮ่าฮ่าฮ่า หัวเราะไปกับมัน ไอ้เพื่อนกาวก็อ้าปากหัวเราะเสียงดังลั่น ฮึ อุบาทตาจริงๆ ทำอะไรไม่ดูสังขาร

        “ฮ่าฮ่าฮ่า...เค้ามีแต่หนังเหนียวตายยาก สัด!!”  เต็มรูหูกูเลยทีเดียว

        “ไปเมืองนอกไม่กี่ปี กระแดะพูดผิด ไอ้ควาย!!!”  นี่ก็อีกคน ตามมาติด คำสรรเสริญกู น่ารักจริง

        “เข้ากันดีจริงนะมึงสองตัว เป็นผัวเมียกันรึไง กูพูดผิดแค่นี้ ชมกูกันใหญ่เลยยยย”  ไอ้กาวยังคงอยู่ และไอ้บ้ายีนก็ยังคงอยู่เช่นกัน คู่ซี้ปากหมา แต่สำหรับไอ้คุณยีน กูพอให้อภัยได้ หน้าตามึงดูได้กว่าได้กาว นิดนึง ..นิดเดียวจริงๆ เถื่อนพอกันทั้งก๊ก พูดไปแบบนั้นคู่ซี้ปากหมาถึงกับรีบหุบยิ้มทันที

        “ปากหมาจังนะ สัดเรียง อยากโดนพระบาทฟาดพระโอษฐ์ก็บอกกูตรงๆ”  ไอ้ยีนหัวเสีย ด่าก่อนเพื่อน ตามด้วยไอ้กาว

        “พอๆไอ้ยีน ไอ้เรียงมันพึ่งกลับมา มึงจะด่าอะไรมันนักหนา”  เอออ มึงด้วย มึงแหล่ะเริ่มเลยไอ้กาวว พวกมึงน่าจะรู้ตัวแต่แรกนะ ด่ากูยับขนาดนี้พึ่งมาคิดได้ น้องเรียงเสียขวัญหมด

        “คืนนี้พวกมึงเลี้ยงปลอบใจกูด้วยเลยนะ พวกเหี้ย”  ขอคืนเป็นของฟรีสักหน่อยก็แล้วกัน

        “เอะ อะ แดกฟรีตลอดนะครับเพื่อน สันดานแก้ไม่หายจริงๆ”   ไอ้ยีนปากมึงหมาทุกขั้นตอนจริงๆ

        “ก็มันเป็นสันดานนี่ครับ กูขี้เกียจแก้มันยุ่งยาก ฮ่าฮ่าฮ่า”  น่านไง ไอ้เรียงก็ไปกับมันด้วย สมควรแล้วที่เป็นเพื่อนกันได้ อย่างไม่ต้องแปลกใจ

        “ไปมึง เข้าเรียนเหอะ กูมีเพื่อนใหม่แนะนำให้รู้จักด้วย”  ไอ้กาวลุกขึ้นยืนและอ้อมมาด้านหลังเรียงและยีนผลักให้เดินไปพร้อมกัน

        “เพื่อนใหม่ที่ไหนวะ มีใครกล้าคบพวกมึงด้วยเหรอ”  ก็แซวไปงั้น พวกมันทั้งคู่ก็อัธยาศัยดีใช่ย่อย

        “กูก็ไม่ได้อยากคบหรอกว่ะ แต่เห็นแล้วสงสาร”  คิ้วของเรียงเริ่มผูกปมกับคำบอกเล่า ไม่อยากคบแล้วเสือกคบทำไม

        “เออ.. นี่กูเป็นคนดีนะ ถึงคบด้วยอ่ะ”

        “ทำไมวะ ไม่มีใครคบขนาดนั้นเลย?”  เรียงชักสงสัย คนอะไรจะไม่มีใครอยากคบขนาดนั้น ไอ้ยีนหยุดเดินแล้วหันมามองเขาด้วยหน้าตรงๆ


        “พูดตามจริง ไอ้พบมันเป็นคุณหนู แล้วก็เป็นเด็กเรียน วันๆไม่ทำห่าอะไรเลย พอเรียนเสร็จก็กลับบ้าน กิจกรรมก็ไม่เข้าอะไรสักอย่าง จนมันโดนรุ่นพี่เล่นอ่ะดิ กูกับไอ้กาวเห็น แล้วพอดีกูเป็นพ่อพระซะด้วย เลยสงสารมัน”

        “อือ ก็กูไม่เห็นว่ามันจะเป็นพิษเป็นภัยกับใครนี่หว่า มันก็อยู่เฉยๆของมัน รุ่นพี่พวกนั้น กูว่าปัญญาอ่อน ชอบเล่นเด็กไม่สู้ เลวชิบหาย”  ไอ้สองตัวเล่ามาเป็นฉากๆ พูดซะไอ้เรียงน้ำตาแทบร่วง ทราบซึ้งในความมีน้ำใจของเพื่อนทั้งสอง


        “ถุ้ยย ! พูดมานี่ชมตัวเองทุกคำเลยนี่หว่า..กูว่านะรุ่นพี่เค้าก็มีเหตุผลของเค้าแหล่ะถึงทำแบบนั้นอ่ะ”  เรียงคิดแบบที่เขาพูดจริงๆ รุ่นพี่คงอยากให้ไอ้พบอะไรนั่นได้เจอเพื่อนเจอพี่บ้างก็เท่านั้น คงไม่คิดจะฆ่าจะแกงอะไรกันจริงๆหรอก

        “มึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นะไอ้เรียง เนี่ยกูพูดแล้วยังขนลุกไม่หาย ไอ้คุณหนูมันก็ไม่สู้คน หน้าอ่อนจริง”  ยีนกล่าวพร้อมแสดงท่าทางประกอบว่าสยองขวัญสุดขีด

        “เค้าทำอะไรวะ อัดตูดมึงเหรอ มึงขนลุกเนี่ย”

        “ตูดพ่องมึงดีไอสัด เค้าจะจับไอ้คุณหนูแก้ผ้าอาดิ เห็นมันเหมือนจะร้องไห้เลยรีบเข้าไปช่วยไว้ก่อน”  ไอ้กาวตอบ ตอนนี้ไอ้ยีนเหมือนโดนหนอนชาเขียวเข้าสิง มันบิดตัวไปมาเหมือนคนโดนจี้เอว


        “ไอ้ยีน มึงเป็นไรอีกเนี่ย” เห็นแล้วก็อดถามไม่ได้

        “กูหยะแหยง”

        “แค่แก้ผ้าเนี่ยนะ”

        “พี่มันให้แก้ผ้าแล้วลงโคลน แล้วมึงรู้ไหมในโคลนมีตัวเห้อะไร อรี๋ !!!” ไอ้ยีนหน้ามึงตอนนี้ตอแหลมาก ส่วนไอ้กาวตอนนี้บิดไปบิดมาตามไอ้ยีนไปแล้ว และไอ้เรียงจอมบ้าจี้ก็กำลังจะบิดตามพวกมันไป

        “ไอ้เหี้ย พอๆ พากูไปเรียนได้ละ กูจะกลายเป็นหนอนไปกับพวกมึงละเนี่ย” 

        “เอออ..ไปๆ เลิกเล่า กูจะตายละ” พูดจบสามหนุ่มสามโจร เอ้ย สามหนุ่มสามมุมก็พากันเดินไปยังห้องเรียน ห้องที่เรียนวันนี้เป็นห้องสโลป จุคนได้หลายร้อยเพราะวิชานี้เรียนรวมหลายคณะ ไอ้กาวและไอ้ยีนเดินนำไปยังมุมด้านซ้ายแถวกลางๆ

        สายตารงคเพทเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง คาดว่าคงสูงประมาณเขาหากยืนขึ้น แต่ผิวนี่ขาวจนแทบซีด คงเพราะไม่ค่อยถูกแดด และเพราะผิวขาวหน้าขาว จึงขับให้ปากนั้นแดงกว่าคนปกติทั่วไป รูปหน้าถือว่าไอ้นี่มันหล่อมาก จมูกก็โด่ง โด่งกว่าไอ้เรียงไปหน่อย พร้อมกันแว่นกรอบเหลี่ยมดำ แปะสัญลักษณ์ยี่ห้อดังไว้ด้านข้าง


        เมื่อสามโจรมาถึง ไอ้คุณหนูก็ยืนและยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้ทั้งสาม ไหนว่ามันไม่เอาอะไรนอกจากเรียนแล้วไงวะ นี่มันยังยิ้มเป็นนี่หว่า

        “พบรัก นี่ไอ้เรียงเพื่อนกู เพื่อนตั้งแต่ชาติที่แล้ว ดูมึงดู หล่อเหมือนพวกกูไหม ฮ่าฮ่าฮ่า..ส่วนมึงไอ้เรียงนี่พบรักที่กูเล่าให้ฟัง”  ไอ้กาวแนะนำเรียงและยอตัวเองไปด้วย

        “หวัดดีเรียง ผมชื่อพบ ยืนดีที่ได้รู้จักครับ”  พบรักยิ้มพร้อมกับแนะนำตัว

        “อ่า..เอ่ออ หวัดดีพบ เราเรียง เอ้ออ..ไอ้พวกนี้บอกพบน่ารัก น่ารักจริงๆด้วยนะเนี่ย”  พูดติดๆขัด พร้อมยิ้มๆ เขินว่ะ เจอคนหน้าตาดี ฮ่าฮ่าฮ่า ส่วนพบรักก็คงจะงงๆ และเขินเช่นกันที่อยู่ดีๆมีคนมาชมตรงๆ


        “ไปไป นั่งได้แล้วสัด จารย์มาแล้ว...สันดานแก้ไม่หายนะมึง”  ไอ้ยีนตะโกนบอกทุกคนแล้วเดินมากระซิบประโยคหลังกับไอ้เรียง และได้รับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของไอ้เรียงตอบกลับมา


        “กูไปบอกว่าเขาน่ารักตอนไหนวะ” ไอ้กาวที่นั่งข้างๆกระซิบถามไอ้เรียงในขณะที่อาจารณ์กำลังสอนแบบเทศนาโวหาร

        “ก็กูเห็นเค้าน่ารัก แล้วอีกอย่างกูไม่รู้จะพูดไรนี่หว่า งี้แหล่ะดีแล้ว”

        “น่ารัก? นั่นผู้ชายนะไอ้เหี้ย จะม่อก็ดูตาม้าตาเรือหน่อย”  ทั้งคำพูดและอารมณ์ไอ้กาวกำลังมา

        “ทำไม หรือมึงชอบเขา ถึงว่ากูไม่ดูตาม้าตาเรือ”  ไอ้กาวตาโตก่อนหันไปมองไอ้ยีนที่นั่งฟังอาจารณ์อย่างตั้งใจ แล้วหันกลับมาคุยกับไอ้เรียงต่อ

        “ชอบกับผีอ่ะดิ อย่าไปทำดีกับมันมาก ดูอย่างกูกับไอ้ยีน ช่วยมันคราวนั้นคราวเดียว ดู ติดพวกกูแจ”  กระซิบไม่พอหันรีหันขวางอีกต่างหาก

        “ก็ไหนมึงว่าเค้าไม่เอาเพื่อนไง”

        “ก็กูไม่รู้ไง ว่าช่วยแล้วจะเป็นแบบนี้ กูก็พึ่งรู้ ไอ้บ้าเอ้ย”


        “แล้วทำไมมึงต้องโมโหด้วยวะ แค่เค้ามาอยู่เป็นเพื่อนแค่เนี้ย”  ยิ่งพูดอารมณ์ไอ้กาวยิ่งมา เสียงมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่องๆ เนื่องจากเนื้อหาที่คุยเริ่มเข้มข้นขึ้น

        “ก็มันเกาะไอ้ยีนหนึบเลย กูกลัวมันคิดไม่ซื่อกับไอ้ยีนอ่าดิ”

        “ทำไม? มึงหึงไอ้ยีน?”  แววตาตอนนี้ไอ้กาวเหมือนมีลูกไฟสีแดงส้มลุกวาวอยู่ในดวงตา ก่อนจะโดนมันตบกระโหลกจนหน้าแทบทิ่มโต๊ะ


        “หึงเหี้ยไร หน้าโจรอย่างไอ้เหี้ยยีนเนี่ยนะ กูแค่ไม่ชินที่มีมันอยู่ใกล้ๆมากเกินไปแค่นั้น”  โถ ไอ้กาว ว่าไอ้ยีนหน้าโจร ไม่ดูตัวเองเลยสินะ หน้ามึงโจรกว่ามันอีก

        “มึงมีโลกส่วนตัวว่างั้น...โลกส่วนตัวที่มีแค่มึงกับไอ้ยีน ฮ่าฮ่าฮ่า”  เรียงยังแซวเพื่อนต่อไป ไม่รู้ไปพูดสะกิดติ่งอะไรมันรึเปล่า ตบกระบาลเอาๆ


        “ไอ้เหี้ย ไอ้หน้าหมา ไอ้สัดว์เรียง ตายเหอะมึง ตายยย ไอ้...” สารพัดคำด่าและการลงไม้ลงมือที่มาเป็นสับเซท เรียกความ  สนใจให้ไอ้ยีนหันมา รวมถึงคนอื่นๆที่เรียนอยู่ระแวกที่นั่งก็หันมากันหมด 

        ไอ้กาวที่ยังลงมือต่อไป ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ทุกคนหันมา แต่ไอ้เรียงที่เห็นทุกคนหันมาไอ้แค่ยิ้มๆผงกหัวเหมือนเป็นการขออภัยที่เสียงดัง พร้อมกับใช้มือป้องกันตัวเอง จากการถูกประทุษร้ายจากมิตรที่นั่งอยู่ด้านข้าง อย่างเอาเป็นเอาตาย


        “ไอ้กาว คนมองกันใหญ่แล้ว หยุดดดดด ไอ้เหี้ย กูบอกให้หยุด พอ...”  ป้องกันตัวเองไปด้วย ห้ามไอ้กาวไปด้วย แต่ด่าไปยังไงมันก็ไม่ยอมหยุดสักที จนเสียงทั้งห้องเงียบไป รวมทั้งเสียงอาจารย์ด้วย ซึ่งตอนนี้มีแค่เสียงไอ้กาวที่ด่าและไอ้เรียงที่ป้องกันตนเอง จากนั้นทั้งคู่จึงรู้สึกได้ถึงความเงียบและสายตาพิฆาตที่ส่งตรงมาจากกลางห้อง ทำให้ไอ้กาวหยุดลงได้ทันที มันทำได้เพียงโค้งหัวเป็นการขอโทษไปทางอาจารย์ แล้วทุกคนจึงเรียนต่อกันได้


        “เกือบไปแล้วไง อะไรจะเอากูให้ตายขนาดนั้นเลยวะ”

        “มึงกวนตีนกู ”

        “กูพูดผิด? กูรู้ว่ามึงมีโลกส่วนตัวจริงๆนี่หว่า จี้ใจดำอ่าดิ”

        “เออ อย่างกับมึงไม่มี อย่านึกว่ากูไม่รู้ เห็นเข้ากับคนอื่นง่ายๆอย่างมึง จริงๆแล้วปิดกั้นตัวเองแค่ไหน”  เมื่อจบประโยค ไอ้กาวก็หันมามองหน้าไอ้เรียง และทั้งสองคนก็จ้องกันอยู่อย่างนั้นสักพัก เป็นจริงอย่างที่มันพูด แม้ว่าเรียงจะเข้ากับคนง่าย แต่ตัวเขาก็ยอมให้เข้าถึงเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งน้อยคนนักที่จะเข้าไปถึง


        ความรู้สึกที่ว่า จะมีเพื่อนคนไหนรู้ถึงความเป็นตัวตนจริงๆของตนเองบ้าง น้อยมากจริงๆ ที่จะมีใครเข้าใจขนาดนี้ ทั้งซาบซึ้งและดีใจ ที่ได้รู้จักไอ้เพื่อนคนนี้จริงๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีรอยยิ้มบนใบหน้า และตั้งใจเรียนกันต่อไป

        ระหว่างเส้นใยความอบอุ่นบางๆนั้นก็มีอีกรอยยิ้มหนึ่ง ซึ่งเป็นของใครไม่ได้นอกจากไอ้ยีน ที่ทำท่าว่าตั้งใจเรียนอยู่ จริงๆแล้วมันได้ยินหมดทุกอย่างตั้งแต่แรก และมันก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้กาวกับไอ้เรียงมันชอบทะเลาะกันให้สนุกสนาน แล้วสุดท้ายมันก็กลับมารักมาเข้าใจกันเหมือนเดิม มันเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน เพราะเราสามคนเป็นเพื่อนกันมานาน และเข้าใจกันมากที่สุดจริงๆ


....................................................................................

หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 12-02-2014 16:20:28
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๓  ตรงข้ามหรือตรงใจ ใครเลยจะหยั่งรู้

          รงคเพทเข้าเรียนที่มหาลัยใหม่ของเขา เข้าอาทิตย์ที่สองแล้วเขาสนิทกับพบรักมากขึ้น เพราะได้ทำงานกลุ่มร่วมกันบ้าง เขาย้ายมาอยู่คอนโดใกล้มหาลัยเพราะเมื่อคำนวณแล้วค่าเดินทางของเขา เอามาเช่าคอนโดอยู่จะคุ้มกว่ามาก

        อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาทั้งสี่คนมีความสุข เรียนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน รงคเพทมีความสามารถด้านการหลีสาวเป็นทุนเดิม ส่วนกาวและยีนก็ใช่จะน้อยหน้า ทั้งสามช่วยกันถ่ายทอดวิชามารให้พบรักอย่างเต็มที่ สุรา นารี ที่พบรักไม่เคยเจอ เขาพาไปรู้ไปเห็นหมด ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่จึงสนิทกันมาก ไปไหนไปกัน


          วันนี้เขาทั้งสี่มีเรียนช่วงบ่าย เมื่อรับประทานอาหารที่โรงอาหารคณะเรียนร้อยก็เข้าห้องเรียนและเดินไปนั่งที่ประจำตามปกติ แต่แล้วสายตาของเรียงเกิดเหลือบแลเห็นใครบางคนเข้า รู้สึกคุ้นๆหน้าซะเหลือเกิน เขายืนนึกอยู่สักพักก็นึกออกว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่แข่งจีบซินดี้กับเขา ....รึเปล่า ไม่แน่ใจ ตอนนั้นมันมืด คนๆนั้นก็ดูดีคล้ายๆแบบนี้ แต่ตอนนี้ดูดีและเด่นกว่า เพราะผิวขาวสว่างเหมือนมีออร่าพุ่งออกมาจากผิวหนัง ไม่ได้ขาวซีดอย่างพบรัก แต่ขาวอมชมพูดแบบวิงค์ๆ ยิ่งกระทบกับแสงสีขาวของห้องเลคเชอร์แล้วด้วย ชายคนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับเทพบุตรเลยสักนิด

        รงเพทไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ จนเห็นเพื่อนที่เดินมาข้างๆชายคนนั้น เขาจึงมั่นใจ ว่าใช่คนๆนั้นแน่ เพื่อนใหม่มหาลัยเดียวกันของเขานั่นเอง

          เขาจ้องอยู่นานจนคนถูกจ้องหันมา ด้วยนิสัยประจำตัวของรงเพท เขาจึงรีบยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเพื่อนใหม่ของเขาคนนั้น แต่สิ่งที่เขาได้รับคืนมาคือหน้านิ่งๆที่มองด้วยหางตา แววตาหยิ่งเหลือบแลเขาก่อนหันกลับไปที่เดิม



          เพล้ง !!! ปริ๊ง ปริ๊ง ปริ๊ง.....เสียงหน้าแตกและเศษกระทบพื้น จากคราวแรกที่ดีใจ ตอนนี้กลายเป็นเหม็นขี้หน้าขึ้นมาทันที เปลี่ยนอารมณ์ได้ภายในเสี้ยววินาที


          “มึงรู้จักเหรอ”  ไอ้กาวสะกิดเพราะเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่

          “เหี้ยเอ้ย กูอุตส่ายิ้มให้”  คนที่อารมณ์กำลังกรึ่มๆ ไม่ได้ตอบคำถามเพื่อน เรียงหันมามองหน้ากาวแล้วหันกลับไปที่ต้นตอง

          “กูถึงถามมึงนี่ไง ว่ารู้จักเหรอ” 

          “เจอในผับวันก่อน มันมาหลีสาวคนเดียวกับกู”  เดินไปนั่งกับที่แล้ว แต่ยังส่งสายตาแค้นเคืองไปยังอีกคนที่นั่งเยื้องไปทางด้านหน้าเขา


          “เหอะ กล้าดีนะมึง ไปหลีคนเดียวกับมัน”


          “ทำไมวะ หน้าตาดีสันดานเสีย เลวชิบหาย”  สิ่งที่เหมือนโดนย่ำหน้าเมื่อครู่ยังฝังหัวไอ้เรียงอยู่ อารมณ์ก็ยังกรุ่นๆไม่จางหาย

          “อันนั้นกูก็ไม่รู้ด้วยหรอก แต่มันดังมาก คนรู้จักทั้ง ม.”  ไอ้กาวเห็นไอ้เรียงอารมณ์ขึ้นแล้วเริ่มกังวล

          “มันเป็นใครวะ ทำไมดังนักดังหนา”  สายตายังไม่ไปไหน น้ำเสียงพร้อมจองเวรเต็มที่


          “มึงก็ดูหน้ามันดิ หล่ออย่างกับดารา เดินไปไหนก็มีแต่เสียง พี่ตองคะ พี่ตองขา กูละหมั่นไส้ แถมยังรวยเหี้ยๆ บ้านมันทำธุรกิจไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะ เศรษฐีพันล้านเลยแหล่ะมึง”  เออไอ้คนเพอร์เฟค

          “ทำไม ชมอะไรมันนักหนา กูหล่อสู้มันไม่ได้ตรงไหน”  ไอ้กาวหยุดและเริ่มจ้องไอ้เรียงที่นั่งข้างๆอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า


          “มึงก็หล่อ แต่หล่อแบบโจรว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”  จบคำไอ้กาว ไอ้เพื่อนอีกสองตัวที่นั่งเงียบมาสักพักก็หันมาพร้อมกับหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน


          “เออ กูมันโจร พวกมึงก็โจร อย่าหัวเราะกูไปเลย ไอ้สัด”  ต่างคนต่างหยุดหัวเราะแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มตาวาววับกันแทน

          “ผมก็โจรเหรอเรียง”  ไอ้คุณหนูพบรักหันมาถาม

          “เออ เราเว้นพบไว้คนนึง ไม่โจร...สวนพวกมึงสองตัว โจร!!”  ใครจะกล้าว่าพบรักโจรได้วะ หน้าใสกิ๊ง เนียนปิ๊งอย่างกับคุณหมอ


          “เออมึง แล้วตกลงใครได้สาวไปวะ ให้เดามึงชวด ใช่ป่ะ” ไอ้ยีนถามหลังเงียบอยู่นาน

          “......”  ไม่มีเสียงตอบกลับจากเรียง แต่ทุกคนรู้ได้จากสีหน้าว่าไอ้เพื่อนตัวดีชวดสาวจริงๆ

          “เอาน่ามึง ไม่ต้องเสียใจไป ผู้หญิงมีมากอย่างฝูงลิง สวยๆเยอะแยะ มึงหลีเอาใหม่ได้เป็นเข่ง ...น่า ไอ้หล่อเพื่อนกู”  ไอ้กาวตบบ่าเพื่อนอย่างปลอบใจ


          “นั่นดิเรียง หล่อโจรแบบเรียงสาวชอบเยอะแยะไปนะ”  หันพรึบไปหาไอ้คุณหนูทันที ไม่ติดว่าน่ารักนี่กูด่าหน้าแหกไปละนะ แต่ก็ขอบใจที่ปลอบวะ

          “ไอ้คุณพบ นี่จะชมหรือด่าเราแน่วะ คำก็โจรสองคำก็โจร เรียงเสียใจนะ พบปลอบใจด้วยเหอะ ฮึฮึ” นั่นเปลี่ยนอารมณ์บ้าๆมาหลีแทน  ไอ้เรียงมันก็สามารถ



          “พวกมึงก็พอเลย กูไม่ได้ไรมาก ช่างหัวมัน เรียนเหอะ ต่างคนต่างอยู่วะ ไม่จำเป็นก็อย่าพบอย่าเจอกันเลยดีสุด” พูดไปอย่างนั้น ความแค้นยังติดอยู่ในใจ

          แต่เรื่องอาจไม่เป็นไปตามที่รงคเพทต้องการ คำว่าต่างคนต่างอยู่คงไม่ขลังซะแล้ว เพราะเมื่อนั่งเรียนจนเกือบท้ายคาบ อาจารย์ให้จัดกลุ่มตามรหัสนักศึกษา ซึ่งไม่รู้ว่าพระเจ้าไม่เข้าข้างหรืออย่างไร เรียงมีไอดีเป็นเลขสุดท้ายของคณะเพราะเขาพึ่งย้ายเข้าใหม่ ซึ่งคณะที่ต่อจากเขาคือคณะของต้นตอง ที่มีชื่อตารกาเป็นไอดีแรกของคณะนั้น เพราะถูกเชิญเข้ามหาลัยโดยให้เกียรติเป็นนักศึกษาคนแรกของชั้นปีในคณะนั้น

        และแน่นอนว่า คณะเรียงไม่มีทางจัดเข้ากลุ่มได้อย่างลงตัว เขากลายเป็นเศษและโดนรวมกับไอดีต้นของคณะต่อไป เรียงจึงได้อยู่กลุ่มกับต้องตอง กลุ่มถูกแบ่งกลุ่มละ 5 คน คณะเรียง 2 คน อีกคนที่มาจากคณะเดียวกับเรียง คือใครไม่รู้ เรียงไม่รู้จัก ส่วนอีก 3 คน จากคณะต้นตอง ประกอบด้วย ต้นตอง โอม และหัวกะทีของคณะนั้น



        เมื่อเรียงรู้ว่าต้องอยู่กลุ่มกับใคร รอยยิ้มเริงร่าที่เคยฉาบอยู่บนใบหน้า จางหายไปทันควัน เหมือนมีใครเหยียบเท้า ก่อนเดินไปรวมกลุ่ม ดูเพื่อนๆของเขาจะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย


        “มึงโอเคนะไอ้เรียง”  ไอ้กาวถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะรู้ดีว่าไอ้เรียงมันไม่โอเคเท่าไหร่

        “ไม่ว่ะ ขอย้ายกลุ่มได้ป่าววะ”  รู้ดีว่าเรื่องย้ายกลุ่มมันเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่เขาอึดอัดเกินไป ขอพูดให้เพื่อนรับรู้หน่อย ก่อนที่เขาจะกลายเป็นใบ้และเดินไปรวมกลุ่ม โดยมีสายตาเกือบทั้งห้องมองตามทุกก้าวของเรียงที่กำลังเดินไปรวมกลุ่ม ห้องเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะกลับมามีเสียงพูดคุยอีกครั้งเมื่อเรียงเดินถึงกลุ่ม


        เพื่อนผู้หญิงที่มาจากคณะเดียวกันเรียงก็ไม่รู้จัก อีกสองคนคือชายที่ตอนนี้คงดูถูกเขาอยู่ในใจแน่นอน เหลืออีกคนคณะเดียวกันกับไอ้หน้าขาว แต่ดูแล้วเหมือนมันไม่ค่อยถูกกันยังไม่รู้ ดี เค้าว่ากันว่าศรัตรูของศรัตรูคือมิตร ไอ้เรียงเตรียมตัวตีสนิทกับไอ้ศรัตรูของศรัตรูเป็นที่เรียบร้อย

        แต่ระหว่างคุยงาน ก็ไม่ได้ปริปากแต่อย่างใด โดยมีหัวหน้ากลุ่มอย่างโอมที่ช่วยทำให้บรรยากาศอึดอัดดูจางลง โอมพยายามคุยกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและเป็นมิตร สรุปหัวข้องาน สมแล้วที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม

        โอมแจงงาน โดยให้คนวางแผนงานว่าเราจะทำงานอะไรอย่างไรให้กับไอ้คนหยิ่งหน้าหล่อ และให้เพื่อนอีกคนในคณะเดียวกับโอมเป็นคนประสานงานเรื่องสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน ส่วนเรียงและเพื่อนจากคณะเรียงอีกคน เป็นผู้ลงมือปฏิบัติงาน


        ‘ใช่ซิ เห็นกูหน้าโจร ละใช้แรงงานกูเชียว’  ไม่มีคำพูดของเรียงหลุดออกจากปาก เขาได้แต่ ด่า ด่า ด่า โชคชะตา ด่าตัวเอง เลือกเกิดมาหน้าโจรเอง ไม่น่าทะนุถนอม แม่งใครจะรู้วะ เห็นกูอย่างงนี้ จิตใจกูอ่อนโยนนะเว้ย แต่ถึงเป็นคนปฏิบัติก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่หว่า ได้ออกกำลังกายด้วย ประสบการณ์ชีวิตเห็นๆ

        คนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจตัวเอง ส่วนมากก็คิดอย่างนี้สินะ


        “ตกลงไหมเรียง ที่ผมให้นายเป็นคนลงมือปฏิบัติงาน”  โอมถามอย่างไม่ได้บังคับอะไร

        “เรายังไงก็ได้ ทำได้หมดแหล่ะ” ตอบอย่างที่เขาคิดจริงๆ พร้อมยิ้มให้โอมอย่างเป็นมิตร โอมก็ยิ้มเป็นมิตรกลับมา อยากให้เพื่อนรักของโอมได้ครึ่งของโอมบ้างก็ดีดิ

        เมื่อแบ่งฝ่ายและยังพอมีเวลา โอมและต้นตองช่วยกันคิดงาน ส่วนไอ้ศรัตรูของศรัตรูเขาที่เรียงกะตีซี้ตอนนี้มันกลับไปแล้ว พึ่งรู้จากโอมว่ามันชื่อ ขิง ส่วนตอนนี้ก็เหลือเรียงและเพื่อนผู้หญิง คณะเดียวกันนั่งอยู่ใกล้ๆ หัวหน้ากลุ่มและรองหัวหน้าที่เป็นคนวางแผนงาน เพราะยังไม่อยากกลับ เผื่อมีอะไรให้ช่วย


        “หวัดดีเรียง เราพิงค์นะ”  หลังจากนั่งเงียบมานานเธอก็เป็นคนทำลายความเงียบ เรียงอยากพูดให้น้อยที่สุด ไม่อยากให้ไอ้สองเพื่อนซี้ได้ยิน เกลียดมัน

        “หวัดดีพิงค์ รู้ชื่อเราได้ไงอ่ะ”  น่าแปลกใจรู้ได้ไง

        “เรียงไม่รู้ไร เรียงมีแฟนคลับด้วยนะ เพื่อนเราอ่ะมันติดตามเรียงอยู่ เราเลยรู้จักเรียงไปด้วยเลย”  พูดอย่างสบายๆกับเพื่อนใหม่  นี่เขาอยู่แปปเดียวมีแฟนคลับแล้วเหรอ แอบดีใจเล็กๆ อย่างน้อยก็มีผู้หญิงตาถึงนิยมบริโภคชายหน้าโหด สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จิตใจงดงามอย่างเขาบ้าง ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย จากอารมณ์ขุ่นกลายเป็นอารมณ์ดีซะงั้น


        “อ่ออ ครับ...เอ้อ พิงค์ ไหนๆก็ไหนๆละ ต้องทำงานด้วยกันอีกนาน เย็นนี้กินข้าวกัน”  งานนี้ไม่ได้ตั้งใจหลีจริงๆ แค่อยากสนิทด้วยเท่านั้นเอง งานจะได้ราบรื่น

        พิงค์หันมามองเรียงก่อนทำท่าเฉยๆแต่อีกสองคนที่นั่งคิดงานกันอยู่ กระตุกเล็กน้อย แม้จะแวบเดียว แต่ก็ถูกสายตาของพิงค์สังเกตเห็น รอยยิ้มบางถูกแต้มบนหน้าของเธอ


        “เอาดิ ชวนหัวหน้ากับรองไปด้วยจะได้สนิทๆกัน”  เธอเรียกสองคนที่กำลังคิดงาน

        “หัวหน้า ท่ารอง ไปกินข้าวด้วยกันไหม..เรียงชวน”  ถามไปพร้อมคำสุดท้ายชี้ไปที่เรียง

        “เฮ้ยย จริงดิ ขอบใจมากเรียง แต่วันนี้ผมกับไอ้ตองมีนัดแล้วอาดิ คราวหน้าแล้วกัน ผมขอเป็นเจ้าภาพเอง”  โอมเป็นฝ่ายตอบอย่างสุภาพ

        “ไม่เป็นไรโอม คราวหน้าก็ได้”  เรียงตอบโอม อยู่กลุ่มนี้โอมทำให้สงบได้สุดละ


        “แต่ผมว่าง กินไหนล่ะ”  เสียงนั้นเป็นของต้นตอง ที่เหมือนไม่ได้สนใจในบทสนทนาอะไรนัก ก่อนโอมจะหันไปสบตาเพื่อน แล้วทำหน้าปรามๆ


        “แล้วนัดมึงหล่ะ”  โอมพอดูออกว่าไอ้คู่นี่มันเขม่นกันอยู่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ไม่มีใครยอมใครจริงๆ

        “กูยกเลิกไปละ มึงก็ไปกับ ลูกน้อง สักหน่อย จะได้สนิทๆกันไว้”  ต้นตองพูดโดยเน้นคำว่า ลูกน้อง ชัดถ้อยชัดคำ กระแทกหน้าของไอ้เรียงคนรักศักดิ์ศรีซะเหลือเกิน มันจะดูถูกอะไรกันนักหนาวะ ชักจะหมดความอดทน

        “เรียกให้ถูกหน่อย กูเป็นสมาชิกกลุ่ม พิงค์ก็สมาชิกกลุ่ม ไม่ใช่ลูกน้อง”  อีกสองคนที่เห็นไอ้เรียงเงียบมาตลอด ตอนนี้ตอบกลับอย่างเต็มอารมณ์ โอมที่เห็นท่าไม่ดีรีบสกัดดาวร้าย

        “เรียงใจเย็นก่อน ไอ้ตองมันไม่ได้ตั้งใจว่าไรแบบนั้นหรอก” 

        “กูหมายถึง แบบนั้นแหล่ะ”  สายตาทุกคนหันไปมองหน้าต้นตองที่มองกลับทุกคนด้วยหน้าตาปกติ โอมจึงรีบกระซิบเตือนกับเพื่อนตัวเอง ก่อนเรื่องจะใหญ่โต

        “อะไรของมึง จะไปหาเรื่องเขาทำไม”  เสียงกระซิบที่ได้ยินเพียงต้นตอง แต่ต้นตองตอบกลับให้ได้ยินทุกคน

        “กูแค่พูดความจริง ลูกน้องก็คือลูกน้อง...พวกใช้แรงงานไง”  แม้จะเป็นคำพูดดูถูกแต่หน้าตาของต้นตองยังคงนิ่ง นิ่งมาก แถมยังมีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากอีกด้วย แววตาตรงๆ ไม่มีหลุกหลิกแม้แต่น้อย

        โอมเริ่มปวดหัวกับไอ้เพื่อนตัวดี โอมรู้ดีว่าเพื่อนเขาคนนี้ชอบยั่วให้คนอื่นแสดงโทสะ เพราะเมื่อแสดงอารมณ์ออกมา นั่นก็แปลว่าคนๆนั้นกำลังแสดงความแข็งแกร่ง ปิดบังความอ่อนแอ ยิ่งแสดงออกมาแค่ไหน คนๆยิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น

        “กูแค่ยอมรับการตัดสินใจของหัวหน้ากลุ่ม ไม่ได้แปลว่ากูเป็นขี้ข้า”  และก็เป็นไปตามสิ่งที่ต้นตองต้องการ เขายั่วโทสะคนๆนี้สำเร็จ ฮึ!! คนอ่อนแอ

        “นายจะบอกว่า นายก็เป็นหัวหน้าได้งั้นดิ ผมยังไม่เห็นว่าผลการเรียนระดับนายจะคุมใครได้”  แม้คำพูดจะเผ็ดร้อนแค่ไหน น้ำเสียงและการวางตัวของต้นตองก็ยังวางเฉย ซะจนน่าโมโห

        “มึงมารู้ผลสอบกูได้ไง กูพึ่งย้ายมา บ้ารึเปล่า” 

        “ใครๆก็รู้ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ผมสักหน่อยที่รู้ว่าคุณมีประสิทธิภาพด้านการเรียนต่ำแค่ไหน ใช่ไหมเพื่อนโอม”   ยังคงจ้องกระดาษอย่างสบายๆแม้อีกคนที่ต่อปากต่อคำด้วย ตอนนี้ลุกขึ้นยืนแล้ว เรียงมองไปทางหัวหน้ากลุ่มแสนดี

        “โอมมันจะวางใครในงาน มันย่อมรู้ดีว่าคนๆนั้นเหมาะสมแค่ไหน”  กลายเป็นโอมที่ไม่กล้าสบตาดุร้อนของเรียงแทน เมื่อคนพูดยังดูไม่ใส่ใจอะไรที่พูดนัก

        “กูรู้ มองตามึงกูก็รู้แล้ว ว่ามึงมันก็เก่งแค่ดูถูกคนอื่น มึงอย่าคิดว่าคนอย่างกูจะเรียนดีไม่ได้”  เสียงเรียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนเพื่อนที่เหลืออยู่ในห้องหันมา และเพื่อนทั้งสามของเรียงก็เดินมาหาที่กลุ่ม เพราะรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องซะแล้ว

        “แล้วนายทำได้หรือไง”  ทั้งคำพูดที่เย้ยหยันทั้งแววตาที่เหยียบย้ำเหมือนเขาเป็นแค่เศษใบไม้ ทำให้เรียงพยายามสกัดอารมณ์อย่างหนัก จนเพื่อนของเขาเดินมาถึง ไอ้กาวรีบวางมือบนบ่าเป็นการเตือนให้เพื่อนใจเย็น แต่นี่ก็เย็นสุดแล้วสำหรับรงคเพท ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจน เรียนก็ไม่ได้โง่ขนาดที่มันว่า มันจะอะไรกับเขานักหนาวะ

        “กูทำได้ มึงจะเอาไง ไอ้หน้าขาว”  เมื่อได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าขาวของตารกาทันที เรียงตกหลุมกับดักเจ้าหมาป่าเสียแล้วเป็นครั้งที่สอง

        “ไม่ยาก ถ้าอยากแสดงว่านายเองก็เก่งได้...สอบมิดเทอมวิชานี้ให้ได้คะแนนมากกว่าผมดูสิ”  เมื่อมีคนท้า รงคเพทก็ย่อมไม่ยอมแพ้ ตอบรับอย่างไม่ต้องคิดอะไรให้มาก ปากไวกว่าสมอง เพราะขณะที่กำลังโมโหอย่างรุนแรง จะเกิดแรงผลักให้ทำทุกทางเพื่อเอาชนะศรัตรูตรงหน้า เรื่องนี้ตารกาก็รู้ดี เพราะตอนนี้มองผ่านๆยังรู้เลยว่ารงคเพทกำลังโมโหสุดขีด


        “กูตกลง แล้วถ้ากูทำได้ มึงต้องเอาหน้าขาวๆของมึงมาถูส้นตีนกูนี่ ฮึ”  ตอบตกลงไปพร้อมยื่นข้อเสนอและชี้ไปที่เท้าตัวเองด้วย รงคเพทมั่นใจสุดชีวิตว่าเขาจะทำได้ เห็นเขาเป็นคนแบบนี้เวลาจะทำอะไรจริงจังขึ้นมา เขาก็สู้ไม่ถอยนะเว้ย

        “ได้ ถ้าคุณทำได้ผมสัญญาว่าจะทำ แต่ถ้าคุณแพ้...”  ต้นตองหยุดพูดแล้วหันไปมองเรียง

        “กูจะยอมเอาหน้าไปถูตีนมึงเลย”  แววตายังลุกโชน เอาก็เอาวะ กูต้องทำได้


        “ไอ้เหี้ยเรียง ใจเย็นมึง...นั่นมันท๊อปชั้นปีเลยนะมึง”  ไอ้ยีนที่เริ่มกังวลแทนเรียงรีบกระซิบห้ามเพื่อน เพราะดูยังไงเพื่อนเขาก็ไม่มีทางชนะได้เลย

        “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ผมไม่ได้ต้องการอะไรที่เอาแต่สะใจแบบนายหรอก แค่ถ้านายแพ้ นายต้องยอมมารับใช้ผมจนจบภาคไฟนอลแค่นั้นเอง”  ตารกายื่นข้อเสนอ

        “มึงไม่คิดว่ามันนานไปรึไง แบบนี้มึงก็ได้เปรียนเพื่อนกูเต็มๆเลยดิ”  ไอ้กาวที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของต้นตอง


        “แต่ข้อเสนอของเพื่อนนายก็เหยียบศักดิ์ศรีผมสุดๆเหมือนกันนะ ถ้าคิดดูดีๆแล้วมันน่าจะเท่าเทียมนะ เพราะสิ่งที่ผมขอมันไม่ได้เหยียบศักดิ์ศรีอะไรของเพื่อนนายเลย แค่ให้มาช่วยงานผมนิดหน่อยแค่นั้นเอง”  สิ่งที่ตารกาพูดทุกคำล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น แต่คนมันจะเถียงยังไงก็ขอเถียงสักหน่อยจะเป็นไรไป กาวตั้งท่าจะเถียงต่อแต่ก็ถูกเรียงห้ามไว้


        “พอไอ้กาว เอาไงก็เอา ข้อเสนอมึงเลือกเองนะ กูรับคำท้า...คอยดูนะไอ้หน้าตุ๊ด กูจะเอาตีนถูหน้ามึงให้ได้ มึงคอยดู !!!!”    พูดไว้เวรเพียงแค่นั้น แล้วรงคเพทก็เดินออกจากห้องนั้นทันที หากอยู่นานกว่านี้เกรงว่าหน้าขาวๆของมันอาจมีสีแดงแต้มเป็นได้


        อารมณ์รุนแรงและความมั่นใจของเรียงไม่ได้ทำให้คนหน้าขาวรู้สึกเป็นกังวลแม้แต่น้อย เขาไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ แต่ดูแล้ว ไม่มีทางไหนเลยที่รงคเพทจะชนะเขา ต่อให้พยายามเป็นสิบเท่าของเขา ก็คงไม่ได้หนึ่งเท่าของเขาสักนิด ตารกายังคงคิดงานต่อไปอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้ามีชีวิตชีวากว่าเดิม

………………………………………………………………………………………………………………………………..
วันนี้สองตอนเลยนะคะ ^^ ดีใจมากเลยที่มีคนอ่าน ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-02-2014 18:29:54
ปากดีจริงพ่อคุณ
ถ้าเป็นเคะสงสัยจะเคะราชินี :hao6:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่4 (13/02/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 13-02-2014 18:06:57
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๔  หากเคียงชิดใกล้ ใครเลยจะหยั่งรู้

          บรรยากาศสบายๆ มีโต๊ะและผู้คนนั่งเรียงรายมากหน้าหลายตา บนโต๊ะสีสันสดใส มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็ล้วนมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วยทั้งนั้น เสียงดนตรีเบาๆ แสงไฟสลัวกับมิตรที่รู้ใจ ช่วยให้อารมณ์ที่เคยคุกรุ่นของรงคเพทดีขึ้นมาก หลังจากที่เขาเกิดถูกจับยัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับไอ้ตุ๊ดหยิ่งหน้าขาว แถมมันยังพูดจาดูถูกเขาสารพัด และที่สำคัญที่สุด เขารับคำท้าของมันไปด้วย ตอนนั้นก็มั่นใจอยู่มาก แต่พออารมณ์กลับมาคงที่ ความกังวลก็เริ่มเข้าแทรก

        เพื่อนที่รักทั้งสามจึงปลอบขวัญเพื่อนด้วยการพามานั่งดื่ม(ฟรี) โดยที่พวกมันถึงกับยอมควักกระเป๋า ของฟรีช่างถูกใจรงคเพทยิ่งนัก ตอนนี้หน้าตาเขาจึงดูมีความสุขและเคลิบเคลิ้มกับเสียงเพลงอย่างยิ่ง



          “แหมม ไอ้เรียง แดกของฟรีละยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะมึง”  ไอ้ยีนแซวเมื่อเห็นหน้ารงคเพทดูมีความสุขสุดๆ

          “แน่นอน ของฟรีเป็นอะไรที่กูคนนี้ชอบที่สุดในโลก ฮ่าฮ่าฮ่า”  หัวเราะอย่างสนุกสนาน มันอาจลืมไปแล้วว่ามันกำลังจะซวย

          “กูก็ไม่เห็นว่าบ้านมึงจะจนนะไอ้สัด”  ไอ้กาวเริ่มหมั่นใส้ คนไม่รู้สถานะตัวเอง

          “ฮึฮึ”  เรียงไม่ตอบอะไร เขาเพียงหัวเราะอย่างสั้นๆกันคำพูดเพื่อน


          เพื่อนทั้งสามของรงคเพทตอนนี้ดูจะเป็นกังวลกับเรื่องท้าพนันอย่างมาก ส่วนเจ้าตัวให้เดาป่านนี้คงลืมนึกถึงไปแล้ว  เมื่อดื่มกันได้ที่ อะไรๆที่อยู่ในใจก็เริ่มเก็บไม่มิด



          “เรียง”  ไอ้ยีนเรียกไอ้เรียง มันหันมามองหน้า ตอนนี้เขาดูออกทันทีว่าเพื่อนเขามีอะไรกังวลใจอยู่ คงไม่พ้นเรื่องของเขา

          “เออ กูรู้ กูรู้ พวกมึงจะเครียดกันทำไมวะ กว่าจะถึงมิดเทอมอีกตั้งนาน”  พอเริ่มนึกขึ้นได้ เขาเองก็เริ่มเครียดขึ้นมาเช่นกัน แต่ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ


          “กว่าจะถึง ? อีก2เดือนเองนะมึง ถามจริงตัวนี้มึงถนัดรึไง เรียนช้ากว่าคนอื่นไปกี่บท แล้วมึงรู้ไหม ถ้าจะชนะมัน มึงต้องทำมิดเทอมให้ได้เต็มอ่ะ ความเอ้ย”  ไอ้กาว ฟิวส์ขาดแล้ว เขาเครียดแทนมันจะเป็นจะตาย แล้วดูมันยังทำเป็นเล่นๆ

          “คนห่าอะไรจะเก่งขนาดนั้นวะ”  เริ่มหน้าเสีย เพื่อนเขาอารมณ์กำลังมาแล้ว

          “กาวใจเย็นก่อน พวกเราพาเรียงมาเลี้ยงเพื่อไม่ให้เรียงเครียดนะ”ไอ้คุณหนูรีบเบรกไอ้กาวคนใจร้อน ทั้งๆที่หน้าตาไอ้คุณหนูมันก็บ่งบอกชัดเจนว่าเครียดไม่แพ้เพื่อนคนอื่น

          “ถูกของมึงไอ้พบ พวกเราพามันมา ให้มันสบายใจ แต่กูนี่สิเครียดแทนมัน เฮ้อออ...ไมเกรนจะแดกกูไหมเนี่ย”    ไอ้ยีนถอนหายใจยืดยาวและตามด้วยเสียงหายใจของไอ้กาว เครียดแล้วล่ะไอ้เรียง อะไรของพวกมึงวะ

          “เอออออออ... กูขอโทษที่ทำให้พวกมึงเป็นห่วง”  เรียงหน้าจ๋อยเมื่อเห็นสภาพเพื่อน

          “กูจะพยายาม อยู่ดูถูกกูนักดิ กูทำได้...นะ...พวกมึงกูผิดไปแล้ว”  ไม่รู้จะปลอบใจเพื่อนยังไง เพราะกูก็เครียดไม่ต่างพวกมึงตอนนี้


          นั่งนิ่งกันไปสักพัก ดูเหมือนไอ้ยีนจะนึกอะไรขึ้นมาได้


          “เอ้ออออ..ใช่”  เพื่อนอีก 3 คน หันมามองไอ้ยีนพร้อมกัน

          “มึง....ไอ้พบ”  แล้วชี้ไปที่พบรัก ทุกคนหันไปมองพบรัก


        “ควิซคราวแล้ว มีไอ้ต้นตองกับมึงแค่สองคนที่ได้เต็ม กูจำได้”  หน้าตาทุกคนตอนนี้เหมือนเริ่มมีความหวัง วิ๊บ วิ๊บ

          “เอออ..ใช่ ไอ้พบ ช่วยเพื่อนหน่อย”  ไอ้กาวเสริมทันที พบรักปิดสวิตช์ตัวเองไปสักครู่ก่อนตอบ

          “เอ่ออ.... ดะ..ได้....ได้ ผมจะช่วย ถ้ารียงให้ผมช่วยนะ”  และในที่สุทุกคนก็หันไปมองหน้ารงเพท


          “เอาไงก็เอาวะ กูมันโง่นี่ จะไปสู้ไอ้หน้าขาวนั่นได้ไง ขนาดเพื่อนกูยังเห็นกูโง่เลย กรรมของกูแท้ๆ”  พูดด้วยอาการน้อยใจ หาคนติวให้กูก็แปลว่ากูโง่สินะ



          “ไอ้สัดเรียง มึงอย่ามาทำแบ๊ว พวกกูไม่ได้คิดว่ามึงโง่ แต่คนระดับไอ้ต้นตอง ไม่ใช่ใครจะเอาชนะง่ายๆ มึงก็เคยเจอลูกเล่นมันมาแล้วนี่”  ใช่ เรียงจำได้ เขาเคยเจอเล่ห์ของไอ้หน้าขาวตอนอยู่ผับครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้เขาจะไม่มีวันแพ้มัน นึกแล้วก็ฉุน นึกแล้วฉุนมากกก อยากเอาบาทาสะกิดหน้ามันไวๆเหลือเกิน


          “เอออ... ท่านจารย์พบรักโปรดรับการคำนับจากศิษย์ด้วยขอรับ”  พูดพร้อมลุกจากเก้าอี้ ทำท่าจะย่อคำนับเหมือนในหนังจีนด้วยท่าทางกระตือรือล้นสุดชีวิต

          “เรียง ทำไรเนี่ย ลุกเลยๆ จะบ้ารึไง”  พบรักตกใจกับเรียงที่ทำท่าจะคำนับเขาจริงๆ

          “แล้วก็ไม่ต้องเก็บไปคิด ว่าพวกกูว่ามึงโง่ จำไว้พวกกูหวังดี”  กาวรู้ดีว่าเรียงแม้จะชอบทำเป็นไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมันชอบเก็บอะไรไปคิดให้รกสมองมากมาย

          “เออ กูรู้ๆ”  ตอบไปเพียงเท่านั้น บรรยากาศบนโต๊ะสีเหลืองสด ตอนนี้คลายความกดดันไปมาก หลังจากต่างคนเริ่มเห็นความหวัง ความสนุกกลับมาเยือนแก๊งเดอะโจรอีกครั้ง



          พวกเขาตกลงกันว่าจะให้พบรักติวให้รงคเพท อาทิตย์ละ 4 วัน แต่รงคเพทแย้งว่ามันเยอะเกินไป รบกวนพบรักด้วย เลยขอเหลือ 3 วันพอ จึงได้ข้อสรุปว่าพบรักจะไปติวให้รงคเพทที่คอนโด ทุกวัน จันทร์ พุธ พฤหัสหลังเลิกเรียน

        ที่จัดแบบนี้ เพราะรงคเพทให้เหตุผลว่า วันเสาร์-อาทิตย์คือวันพักผ่อน วันศุกร์เป็นวันสุดท้ายของการเรียน เขาขอไปสังสรรค์ให้ฉ่ำอารมณ์ ส่วนวันอังคารก็เรียนหนักยันมืดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเป็นสามวันนี้จึงโอเคที่สุด ซึ่งตรงกับพบรักว่างพอดี และเริ่มติวตั้งแต่พรุ่งนี้เลย ซึ่งเป็นวันพฤหัสพอดี




………………………………………………………………………………..





          เมื่อเลิกเรียน กาวและยีน ยืนส่งพบรักที่ต้องซ้อนรถมอเตอร์ไซค์กระป๋องของรงคเพท และจะมีรถจากที่บ้านไปรับพบรักที่คอนโดรงคเพทหลังติวเสร็จ


          “ตั้งใจเรียนนะเชี่ยเรียง”  ไอ้กาวตะโกนบอก

          “กูรู้น่า ไปละๆ”  เรียงที่กำลังสตาร์ทรถ ตะโกนบอกไอ้กาวไป

          “แล้วก็อย่าทำสันดานใส่พบรักหล่ะ”  สันดานที่มันพูดคงไม่พ้น อาการชอบหลีของมัน มันไม่ตอบอะไรไอ้ยีน ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะกูจะทำ ได้แต่คิดในใจ


          “แหน่ะ ไม่ตอบไอ้เลว...พบระวังมันหน่อยนะ” 


          “อื้ม ยีนไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่เป็นไรหรอก”  พบรักที่แสนน่ารัก เข้าปากเสือไปแล้ว กาวและยีนได้แต่ภาวนาให้ไอ้เพื่อนตัวดีของเขา มีจิตสำนึก ไม่ทำอนาจารคนน่ารัก เฮ้อ ก็ได้แต่ภาวนาล่ะนะ



          เมื่อมาถึงคอนโดของรงคเพท เขาเตรียมน้ำหวานและขนมมากมายมาให้พบรักกิน คอนโดของรงคเพทมีการจัดวางและการตกแต่งที่แปลกประหลาด ไม่มีอะไรที่เข้ากันเลย เฟอร์นิเจอร์ก็มีหลายๆรูปแบบ ปนกัน โต๊ะทานข้าวแบบโมเดิน แต่เก้าอี้เป็นแบบโบราณซึ่งทำจากเหล็กดัดเป็นลวดลาย มีโซฟาบุหนังสีส้มแสบตาและแหย่งไม้เคลือบแลคเกอร์สีมันวาว วางอยู่ข้างๆกัน ผนังทั้ง 4 ด้านคนละสีหมด ทั้งสีหม่นสีสดใส ปะปนกันไปเรื่อย

        พบรักยืนสำรวจการตกแต่งอันวิจิตร(?) ของรงคเพทอยู่สักพัก เขาก็เดินไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ถัดไปอีกมุมหนึ่งของห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะจัดแจงที่นั่งตรงนั้นได้ เขาก็เห็นรงคเพทเดินถือโต๊ะญี่ปุ่นสี่เหลี่ยมมากางไว้ที่หน้าทีวี พร้อมเบาะนั่งลายดอกไม้สีดำสองอัน รงคเพทกวักมือบอกให้พบรักมานั่งที่โต๊ะญี่ปุ่น พร้อมตบเบาะอีกอันที่ยังว่างดัง เปาะ เปาะ เป็นการเรียกให้พบรักมานั่งตรงนี้


          “อย่ามองห้องเราแบบนั้นดิ ฮ่า ฮ่า เราชอบอะไรหลายๆแบบหน่ะ มันดูไม่น่าเบื่อดี”  เรียงรู้ว่าพบรักคิดอะไรอยู่ เพราะคนอื่นๆที่เคยมาห้องเขาครั้งแรกก็มีอาการแบบนี้ทุกคน

          “เรียงขี้เบื่อเหรอ”

          “อืม มากๆเลยหล่ะ”  เรียงตอบตามความจริง เขาค่อนข้างขี้เบื่อและไม่มีหัวทางด้านศิลปะสักเท่าไหร่

          “แล้วทำไมไม่นั่งเก้าอี้หล่ะ มานั่งพื้นทำไม”  พบรักถามขณะที่นั่งไปแล้ว


          “นั่งเก้าอี้มันน่าเบื่ออ่ะ อยู่ม.ก็นั่งเก้าอี้ตลอด”  แปลก เรียงแปลกจริงๆ ชอบทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำ มีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยแหะ


          “พบต้องกลับบ้านกี่โมง” ตอนนี้ปาเข้าไปห้าโมงเย็นแล้ว เพื่อนตัวดีของเขาพาพบรักไปกินข้าวก่อน หลังเลิกเรียน เพราะกลัวพบรักสุดน่ารักจะหิวตอนติวให้ไอ้เพื่อนโจร

          “กี่โมงก็ได้ ที่บ้านผมมารับได้ตลอด”

          “อ่า ให้เราไปส่งไหม ที่บ้านพบจะได้ไม่ลำบาก”

          “ไม่ลำบากหรอก บ้านผมมีคนขับรถนะ”  นั่นสิ ลืมไปสนิทว่าไอ้นี่บ้านมันรวย


          “เริ่มเรียนกันเลยแล้วกัน เดี๋ยวพบกลับดึกมันอันตราย...เราเป็นห่วง”  รงคเพท! ไม่ทันไรก็ลายออกแล้วนะ

          “เรียงไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมแข็งแรงกว่าเรียงมากนะ..ถึงทางโลกผมจะสู้เรียงไม่ได้ก็เถอะ”  โอ้ คนน่ารักบอกว่าแข็งแรงกว่าโจรซะแล้ว

          “ทำไมพบถึงคิดว่าแข็งแรงกว่าเราหล่ะ”  เรียงไม่ยอมแพ้หรอก ขนาดตัวก็พอๆกัน สูงก็เท่ากัน ต่างกันแค่อีกผ่าย ขาว ใส วิ๊งค์ กริ๊งๆ ส่วนเขาหล่อ ล้ำ คล้ำ โจร เท่านั้นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า


          “เรียนเถอะเรียง เย็นมากแล้ว”  คนน่ารักตัดบทพร้อมยิ้มให้ ซึ่งไอ้คนหน้าโจรก็ยังไม่เลิกอยากรู้ ถึงจะไปเที่ยวด้วยกันตั้งแต่ที่เขากลับมาอยู่ไทย แต่ก็แค่อาทิตย์กว่าๆ เรื่องส่วนตัว เขาไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับมันเลย รู้แค่ว่า หน้ามันก็น่ารักดี

          ใช่ พบรักน่ารักมาก แถมยังดูอ่อนแอ น่าทะนุทนอม แล้วทำไมถึงแน่ใจนักว่าแข็งแรงกว่าเขา เรียงยังคงคิด คิด คิด สารพัด ในขณะที่พบรักเริ่มอธิบายบทเรียนไปสักพักแล้ว


          “เรียง ......เรียง ... ฟังผมอยู่รึเปล่า”  พบรักเห็นแววตารงคเพทเริ่มเหม่อลอยจึงสกิดๆที่แขนเบาๆ

          “ห๊ะ ฟังครับฟัง”  เรียงที่ถูกจับได้ ตาลุกวาว


          “เมื่อกี้ผมพูดเรื่องอะไร”  เรียงรีบก้มอ่านชีทในมือ

          “ไม่ใช่นะ ผมเกริ่มภาพรวมของบทนี้อยู่ เรียงมัวคิดอะไรอยู่ ไม่อยากให้ผมติวให้เหรอ”  เอ่ออ.......


          “เปล่าหรอก เราแค่กำลังคิดว่า....พบน่ารักมากเลยหน่ะ”  อึ้ง  อึ้ง  อึ้ง ทั้งคู่ พบรักไม่คิดว่าเรียงจะตอบเขาแบบนี้ เรียงก็อึ้งที่เผลอพูดออกมาตรงๆ ห้องทั้งห้องตกอยู่ในสภาวะหยุดนิ่งชั่วขณะ แต่หน้าขาวๆของพบรักตอนนี้ขึ้นสีแดงๆอมชมพูไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย เรียงเห็นแบบนั้นก็อยากกัดลิ้นตัวเองตาย แซวผู้ชายอีกแล้วกู ดูท่าเค้าเขินด้วย แล้วถ้าเค้าเขินจนเลิกสอนกูจะทำไงวะไอ้เรียงเอ้ย
   

        “เอ่ออ... ขอโทษนะ ต่อเหอะ เราจะตั้งใจฟังละ สัญญาๆ”  เรียงรีบทำลายความเงียบ พบรักสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนสอนต่อโดยไม่กล่าวอะไรนอกบทเรียน

        ระหว่างติวเรียงนั่งฟังพบรักอย่างตั้งใจจริงๆ และถามบ้างเป็นบางครั้งจนเวลาล่วงเลยไปสองทุ่มกว่าแล้ว เรียงมองนาฬิกา เพราะจบบทแล้ว

        “พอเข้าใจใช่ไหมเรียง ผมสอนงงป่าว ไม่เคยสอนใครเลย”  พบรักถามอย่างไม่มั่นใจนัก

        “ไม่งงเลย เข้าใจมาก นี่แค่วันเดียวจบไปบทนึงแล้ว พบสอนดีมากนะ เราว่าเป็นอาจารย์ได้เลย”  เรียงคิดแบบนั้นจริงๆ พบรักไม่ได้แค่เรียนเก่ง แต่สอนเก่งด้วย ไม่แปลกใจที่พบจะเทียบกับไอ้ตุ๊ดนั่นได้

        “โหย ไม่ขนาดนั้นหรอก ผมว่าเรียงเก่งด้วยแหล่ะ ถึงเข้าใจได้เร็ว”

        “เราเนี่ยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า ดีดี มีคนชมด้วย”  เรียงหัวเราะขบขันที่มีคนชมว่าเก่ง

        “จริงๆนะ ผมไม่ได้ยอ” พบรักยิ้มให้อีกแล้ว วันนี้เขาเห็นรอยยิ้มของพบรักจนติดตาฝังใจแล้ว คืนนี้คงนอนหลับฝันดี

        “ขอบใจพบมากที่ช่วยเรา พบโทรให้คนมารับเหอะ เห็นไอ้สองตัวนั้นบอก พบไม่เคยเข้าบ้านเกินหกโมงเย็นเลย ป่านนี้เค้าเป็นห่วงกันแย่แล้ว”

        “ครับ”  พบรักโทรศัทพ์ให้คนที่บ้านมารับ อีก 10 นาทีคงมาถึง




        “เฮ้ยยย...ไม่ต้องเก็บๆ เราเก็บเอง มาๆ”  พบรักที่ทำท่าจะเก็บแก้วน้ำและจานขนมบนโต๊ะไปไว้ที่ครัว ถูกเรียงห้ามไว้อย่างรวดเร็ว

        “ไม่เป็นไรเรียง ผมช่วย นะ”  พบรักไม่ยอมปล่อย และพูดจาหวานหู แค่นี้เรียงก็ยอมแล้ว เรียงหยิบจานที่เหลือบนโต๊ะและเดินนำพบรักไปในห้องครัว วางจานเปล่าลงในอ่านล้างจานและหันมารับแก้วจากพบรัก แต่พบรักยืนใกล้เกินไป เรียงหมุนตัวแล้วเกิดถอยหลังไปเหยียบเท้าพบรักเข้า ทำให้เขาชนเข้ากับพบรักเต็มๆ และมันก็ทำให้เรียงถึงกับเอ๋อแดก พบรักเมื่อโดนชนไม่มีการเซหรือเสียหลักแต่อย่างใด กลับเป็นเรียงที่กระเด็นกลับจนเกือบล้ม ดีที่แขนพบรักคว้าเอาไว้ทัน แม้ว่าในมือทั้งสองข้างจะถือแก้วน้ำอยู่ พบรักคนน่ารัก รับเรียงแบบในละครเลยทีเดียว

        เรียงตกใจเพราะตอนนี้หน้าตาน่ารักๆของพบรักอยู่ใกล้เขาไม่ถึงคืบ ทั้งคู่ค้างอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง พบรักพยุงเรียงให้กลับมายืนตัวตรง ถ้าหน้าเขาขาวกว่านี้หน่อย คงได้เห็นสีเลือดฝาดบนหน้ารงคเทพแน่ๆ เมื่อรงคเพทกลับมายืนตรงๆได้พบรักก็เดินอ้อมไปวางแก้วลงในอ่างล้างจานและเดินออกจากห้องครัวไปหยิบกระเป๋าโดยมีรงคเพทเดินตามออกมา


        “พบแข็งแรงจริงด้วยดิ เรานี่สู้ไม่ได้เลย”  เรียงบ่นอุบให้ได้ยินคนเดียวแต่พบรักกลับตอบกลับมา

        ''ผมได้ออกกำลังกายประจำหน่ะ คุณพ่อให้ผมเรียนศิลปะการต่อสู้เกือบครบทุกอย่างแล้วครับ”

        “ออกกำลังกายประจำไม่เห็นมีกล้าม”


        “แขนผมก็เป็นกล้ามเนื้อทั้งแขนนะครับ ไม่ได้มีแต่ไขมันแบบเรียงหรอกนะ”  พูดพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่มๆ ไม่รู้รงคเพทถูกหลอกด่าหรืออย่างไร คิดไม่ทัน ทำไมยิ่งนับวันคนน่ารักถึงปากจัดขึ้นเรื่อยๆนะ สักพักก็ได้ยินเสียแตรรถยนต์ดังขึ้นมา


        “ผมกลับก่อนนะเรียง พรุ่งนี้เจอกันครับ”  เรียงใส่รองเท้าเตรียมลงไปส่ง


        “ไม่ต้องส่งผมหรอก อยู่นี่แหล่ะ ผมไปละ”  เรียงชะงักก่อนโบกมือลา


        “อ่า.. โอเค บายนะ เจอกันครับ”  พบรักเดินออกไปแล้ว สักพักเรียงก็ได้ยินเสียงรถขับออกไป เรียงค่อยๆถอดรองเท้าแล้วเดินมานั่งที่โซฟาตัวเก่ง เหม่ออยู่สักพักก็ตะโกนออกมาคนเดียว




        “กูเป็นบ้า! กูเป็นบ้า ! กูเป็นบ้า!!! บ้า บ้า บ้า ไอ้บ้าเอ้ยยย !!!! โอยยยยยย... กู”  ปากก็พ้นคำด่าตัวเองไป ในหัวก็นึกถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พบรักมา จนเหตุการณ์ในห้องครัวเมื่อครู่


        “บ้า! บ้า!บ้า! บ้า!ไปแล้วกู พอๆๆๆๆๆๆๆ หยุดคิด หยุดคิด ไม่คิดนะ พอๆไอ้เรียง พออ”  รงคเพทกำลังเรียกสติของตัวเองกลับมา ลูบหน้าตัวเองไปด้วย ทำไมมันรู้สึกวูบๆร้อนๆ หนักแล้วรงคเพทเอ๋ยยย


        “นอนดีกว่ากู ก่อนจะบ้าไปมากกว่านี้”  เพียงเท่านั้นเขาก็จัดการตัวเองก่อนเข้านอน โดยที่สามารถสลัดความฟุ้งซ่านเมื่อสักครู่ทิ้งไปได้ และเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเป็นสุข



to be continued
…………………………………………………………………………………………………………..

ขอบคุณผู้อ่านมากนะคะ^^ คือเราพึ่งเคยลง ยังทำอะไรในบอร์ดไม่ค่อยเป็น
ขอบคุณคอมเม้นต์ด้วยนะคะ
ขอเพื่อนๆช่วยแนะนำและติดตามเรื่องนี้ต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่5 (15/02/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 15-02-2014 02:10:21
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๕.๑  รอยยิ้มเริ่มจางหาย ใครเลยจะหยั่งรู้


          ความตั้งใจของทุกคนสำฤทธิ์แล้ว รงคเพทลองทำข้อสอบที่พบรักใช้ทดสอบได้เกือบเต็ม ผิดอยู่แค่สองสามข้อเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้พบรักภูมิใจมาก เพราะข้อสอบที่เขาใช้ทดสอบรงคเพท มีความยากมากกว่าที่พบรักคาดว่าจะเจอในภาคมิดเทอมด้วยซ้ำ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนกว่า ที่รงคเพทให้พบรักช่วยติว เขาตั้งใจเป็นอย่างมาก หลังจากวันแรกที่เริ่มติวก็ดูรงคเพทจะไม่หยอด ไม่อะไรพบรักมากมายนัก มีบ้างบางครั้งที่รงคเพทเผลอลืมตัว เพราะมันเป็นนิสัยของเขา จะให้เปลี่ยนคงยากแล้ว พบรักเองก็ไม่รู้ว่ารงคเพทคิงอะไรอยู่ ดูตั้งแต่วันนั้นรงคเพทก็ค่อนข้างรักษาระยะห่างกับพบรักอยู่ไม่น้อย


          สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการติว สัปดาห์หน้าก็เริ่มสอบตั้งแต่วันจันทร์ รงคเพทพยายามอย่างหนัก เขาตั้งใจว่าอาทิตย์สุดท้ายจะลุยทำโจทย์ที่พบรักช่วยหาให้ ให้ได้มากที่สุด เอามาเถอะข้อสอบยากแค่ไหน จะปรนัย อัตนัย เขาคนนี้พร้อมจะเจอมัน โดยเฉพาะกับไอ้ตุ๊ดหน้าขาว งานนี้เขาต้องชนะมันให้ได้


          ยังเจ็บใจไม่หาย สืบเนื่องจากงานกลุ่มที่มันบอกว่าเขาเป็นลูกน้อง มันก็คิดงานและขั้นตอนงานทั้งหมด จากนั้นก็หายหัวไม่เคยโผล่มาให้ด่าเล่นเลยสักครั้งในวันที่กลุ่มนัดกันทำงาน ที่สะกิดต่อมบาทาของรงคเพทมากที่สุด คืองานที่เขาตั้งใจลงมือทำร่วมกับพิงค์ มันติซะยับ หลอกให้เข้าแก้แล้วแก้อีก แต่ตัวมันก็ไม่เคยมาสั่งการด้วยตัวเอง สั่งผ่านหัวหน้ากลุ่มมาทุกครั้ง นี่เขายังงงสั่งแก้ถี่ยิบขนาดนี้ ตกลงใครเป็นหัวหน้ากลุ่มกันแน่


          และวันนี้ก็เป็นวันพฤหัสสุดท้ายที่พบรักจะมาติวให้เขา เขาคาดไว้แล้วว่าถ้าเขาชนะไอ้หน้าตุ๊ก เขาจะฉลองพบรักกับสองโจรพร้อมกันทีเดียว เสียตังค์ก็ยอม พบรักออกจะแสนดี มาช่วยเขาอย่างไม่ขออะไรตอบแทนเลย


          “วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะเรียง ที่ผมจะมา ตั้งใจนะครับ”  สุภาพตลอดไอ้คุณหนู

          “อื้มมม ที่ผ่านมาเราไม่ตั้งใจตรงไหนป่าวหล่ะ”  พูดพร้อมหัวเราะเฮฮา มาถึงตรงนี้รงคเพทก็ไม่กังวลใจอะไรแล้ว พบรักก็ยิ้มให้เช่นเคย และเรียงก็ตั้งใจทำโจทย์ต่อไป
   

        “พบ”  รงคเพทเรียกหลังจากเขาก้มหน้าทำโจทย์ไปสักพัก เขาก็เหงยหน้ามาเรียกพบรักที่กำลังทำโจทย์ของตัวเองเช่นกัน

        “ว่าไงเรียง”  พบรักคาดว่าเรียงคงมีสักข้อที่ทำไม่ได้แล้วเป็นแน่

        “ไหนๆวันนี้ก็วันสุดท้ายของการติวแล้ว...ฉลองกันเหอะ”  ที่เห็นเงียบๆนี่ไม่ได้ตั้งใจทำโจทย์ใช่ไหม กำลังคิดเรื่องนี้อยู่สินะ รงคเพทอยากฉลอหลังผลออกอยู่หรอกนะ แต่เขามันใจร้อน อยากฉลองให้พบรักไปพลางๆก่อนล่วงหน้าเลย

        “หืม เรียงมั่นใจแล้วเหรอว่าจะชนะต้นตองได้”

        “โหย อย่าถามงี้ดิ เราเสียความมั่นใจหมด”  เพียงได้ยินชื่อตารกาเท่านั้น รงคเพทถึงกับหน้าบูดทันที ทั้งที่เมื่อกี้ยิ้มแบบคนกำลังนึกอะไรสนุกๆอยู่แท้ๆ

        “คุณหนูพบรัก ขอร้องอย่าเอ่ยชื่อมัน เดี๋ยวเสนียดติดห้องเราแล้วจะเป็นการเสียเวลาเอาน้ำนมมาล้างอีก ฮ่าฮ่าฮ่า”  นั่นอะไรของเขา แรกๆก็ดูซีเรียสหรอก แต่ท้ายประโยคกลับหัวเราะออกมาซะงั้น นิสัยบ้าบอดีจริงๆรงคเพท คงไม่มีอะไรทำให้คุณทุกข์นานๆได้เลยใช่ไหม พบรักยิ้มอย่างเอ็นดูคนบ้าที่เขานั่งติวให้มาแล้วเป็นเดือนๆ คนๆนี้คงเหนื่อยไม่น้อยที่ต้องพยายามทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง เช่นการตั้งใจเรียน

        “ครับ แล้วเรียงจะฉลองที่ไหนล่ะ”  สักนิดก็ไม่เห็นเป็นไร ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้วด้วย ในเมื่อรงคเพทตอบโจทย์ได้หมดอย่างมั่นใจแล้ว


        รงคเพทเดินตรงไปที่ตู้เย็นและยิ้มมาให้ พบรักที่นั่งอยู่บนเบาะ ถ้าหากเขาอุทานออกมาตอนนี้ พบรักคงอุทานได้สามพยางค์เท่านั้น ‘ว้าว เหล้า เบียร์ เพียบ!!’ เมื่อรงคเพทเปิดตู้เย็นให้ดู

        “ฉลองกันที่นี่แหล่ะพบ ขอตุนเรามีเยอะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

        “ครับๆ แต่ก่อนฉลองผลว่าเรียงมาทำข้อนี้ให้เสร็จก่อนดีกว่านะ”

        “รู้แล้วน่า...”

        “รู้แล้วก็มาทำสิครับ”  คำว่ารู้แล้วของรงคเพทคือการหยิบเบียร์กระป๋องออกมาเตรียมเปิดฝาแล้ว เมื่อพบรักเรียงจึงชะงักแล้วนำของกลางวางไว้ที่เดิม แล้วเดินหน้าบูดมาทิ้งตัวลงบนเบาะ

        “โหดว่ะ ทำอีก2ข้อพอละนะ” 

        “ครับ แต่เป็น2ข้อนี้นะ ต้องถูกด้วยถึงฉลองได้”  พบรักส่งข้อที่เขากำลังคิดอยู่ให้รงคเพทสองข้อ เมื่อรงคเพทเห็นก็ทำตกใจ

        “อะไรอ่ะ ไอ้คุณหนู สองข้อนี้ พบยังคิดไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ ยากแน่ๆ ขอเปลี่ยน”  ยากแน่ๆดูแค่โจทย์ก็ยาวเป็นหน้าแล้ว ขืนทำคืนนี้ก็คงไม่ต้องฉลองกันพอดี

        “ไม่ยากหรอกเรียง แค่โจทย์มันยาวเท่านั้นเอง”  กูรู้มึงแค่ให้กำลังใจ

        “ไม่ยากแล้วทำไมพบไม่ทำวะ”

        “ก็ผมลองทำข้ออื่นอยู่ไง...ลองดูเรียง อย่าคิดว่ามันยากสิ”

        “แต่ว่า...”

        “ถ้าเป็นคนๆนั้น ผมว่าเค้าทำ 5 นาทีก็เสร็จนะ ข้อนี้อ่ะ”  บอกห้ามเรียกชื่อก็เรียกคนๆนั้นแทน น่ารักจริงๆพบรักเอ๋ย

        “ไหนมา เอามาเลย เราจะทำ 3 นาทีให้ดู”  ได้ไม่ได้ไม่รู้ กูไม่ยอมแพ้มัน




        และแล้วรงคเพทก็ใช้เวลา 3 นาทีจริงๆ แต่เป็น 3 นาที ในการอ่านโจทย์นะ และใช้เวลาอีกเกือบ 1 ชั่วโมง ในการลองผิดลองถูกทำ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้คำตอบ จนเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว นั่งเงียบอยู่นาน รงคเพทก็ทนไม่ได้

        “พบ เราคิดยังไงมันก็ไม่มีคำตอบในตัวเลือกเลยว่ะ ตัวเลือกมันผิดป่าววะ”

        “ผมก็ไม่รู้ ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน”

        ''อ่าว แล้วไหนพบบอกมันง่าย”

        “ผมแค่บอกว่ามันไม่ยาก ไม่ได้แปลว่ามันง่ายนะ”  นั่นไง โดนไอ้คุณหนูลบเหลี่ยมเข้าให้ละไอ้เรียง

        “เออ งั้นเราเลิกละ ขนาดพบยังทำไม่ได้เลย แล้วเราจะทำได้ไงวะ” พูดพร้อมปิดสมุด ปิดหนังสือ วางปากกาไว้เรียบร้อย

        “งั้นเรียงก็หมายความว่า ผมต้องทำได้ก่อน เรียงถึงจะทำได้เหรอ”

        “...”  เออออ...

        “งั้นตอนสอบเรียงก็คงเอาชนะคนๆนั้นไม่ได้หรอก เรียงคิดว่าเค้าต้องทำได้ก่อน เรียงถึงจะทำได้ แล้วถ้าข้อไหนเรียงทำไม่ได้ เรียงจะรู้ได้ไง ว่าเค้าก็ทำไม่ได้เหมือนเรียง”  โอ้ววว..ลึกซึ้งมากท่านอาจารย์พบรัก

        “คร๊าบบบ ผมจะทำให้ได้คร๊าบบบบ...”  รงคเพทกลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง แต่เสียงนี่ยานๆไปแล้วนะ ก็ใช้สมองมาเป็นชั่วโมงแล้ว พาวเวอร์ก็ต้องลดกันบ้างสิคร๊าบบบบบ



        รงคเพทตั้งใจทำแล้ว และนี่ก็ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว เขาก็ยังคิดไม่ได้สักที คำถาม 2 ข้อ ที่เขาคิดสลับกันไปสลับกันมา ไม่ยอมออกมาสักทีน่ะ ไอ้คำตอบ


        จนแล้วจนรอดกลับเป็นพบรักเองที่บอกให้เขาหยุด เพราะสองข้อนี้ยากมาก พบรักเองตอนนี้ก็ยังไขไม่ออกเช่นกัน ถ้าคิดนานกว่านี้คงไม่ได้นอนกันยันเช้า


        “ห๊ะ พบยอมแพ้แล้วเหรอ”  ไม่ใช่ไม่ดีใจ แต่รงคเพทเก็บอาการดีใจไว้สุดๆ เขาเบื่อไอ้สองข้อนี้เต็มทีแล้ว อ่านจนจะท่องโจทย์ได้อยู่ละเนี่ย แววตานี่บ่งบอกมากว่าลั๊ลลาสุดๆ

        “ผมขอเวลาอีกหน่อยแล้วกัน จะหาวิธีมาให้เรียงให้ได้เลย”

        “จุ จุ จุ ไม่ต้องรีบพบ เรารอได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”  อาการเริ่มไปแล้วรงคเพท เขาปิดทุกอย่างเก็บไว้ข้างๆทันที ก่อนลุกไปเปิดตู้เย็น เตรียมอุปกรณ์ฉลองมาอย่างครบเซต

        “ครับๆ อย่าเอามาเยอะมาก เดี๋ยวผมโดนที่บ้านฆ่าเอา”

        “ก็ไม่ต้องบอกที่บ้านว่าดื่มสิ เหมือนทุกทีไง”

        “ผมไม่บอกเค้าก็ดูรู้กันนะครับ โดนเตือนหลายครั้งแล้ว”

        “งั้นก็...ไม่ต้องกลับ พรุ่งนี้ไปเรียนพร้อมเรา”  รงคเพทพูดพร้อมเตรียมแก้ว น้ำแข็ง และของขบเคี้ยว

        “ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่เคยนอนนอกบ้านเลย”

        “ก็เคยซะ นะ.. น่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว โอเค ตกลงตามนี้”

        “มัดมือชกนี่ครับ”

        “อ่ะ รีบโทรบอกที่บ้านเลยนะ จะ4ทุ่มแล้ว ด่วนๆ”  เรียงหยิบโทรศัพท์ให้พบรัก กดเบอร์ต่อสายให้เป็นที่เรียบร้อย

        “ฮัลโหล...ครับ คือว่าคืนนี้...”  ไม่รู้พบรักจะขอได้รึเปล่า แต่คาดว่าทางบ้านเขาไม่ยอมง่ายๆแน่ หวงลูกอย่างกับไข่ในหินซะขนาดนั้น


        “เอ่อ... แต่ว่า... คือเพื่อผมเค้า”  นั่นไงว่าละต้องไม่ยอม ขอเสียมารยาทหน่อยแล้วกัน เรงคเพทเอื้อมมือไปคว้าโทรศัทพ์ระหว่างที่พบรักกำลังอ้อนขอที่บ้านอยู่


        “สวัสดีครับ ผมรงคเพทครับ เป็นเพื่อนพบรักเอง ครับ...ใช่ครับ...ผมขอรับรองความปลอดภัยของลูกชายคุณน้าเองนะครับ  ครับ...ลูกชายคุณน้าเป็นดีมากนะครับ มีน้ำใจมาก ผมมานั่งคิดอยู่หลายทีว่าการที่พบจะดีได้ขนาดนี้ คงมาจากพื้นฐานครอบครัว และมีคุณแม่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีมากๆ ผมอยากมีคุณแม่ที่น่ารักแบบคุณน้ามากเลยนะรับ และวันนี้ผมก็เพียงแค่อยากตอบแทนความมีน้ำใจเล็กๆน้อยๆของพบรักเท่านั้น ผมมั่นใจว่าคนใจดีมีเมตตาอย่างคุณน้าจะยอมอนุญาตสักครั้งนะครับ”


        ไม่รู้ว่าคุณนายแม่ของพบรักพูดอะไรต่อ


        “ครับ ครับ ได้ครับ วันพรุ่งนี้พบจะไปมหาลัยกับผมเลยนะครับ...ครับ..ได้ครับ”  แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้พบรัก

        “ตาพบ ดูแลตัวเองดีๆหล่ะ แม่จะนอนละ”

        “ครับคุณแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ สวัสดีครับ”  วางไปแล้ว รงคเพทเหรอ มาอย่างยิ้มๆ

        “คุณแม่ผม พูดอะไรกับเรียงหน่ะ”  นั่นไงแววตาสงสัยมาแล้ว

        “ไม่มีอะไรมากหรอก ท่านแค่เป็นห่วงพบมากเท่านั้นเอง”  พบรักได้คำตอบดังนั้นก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรอีก

        “ครับ”  แววตาหลุบต่ำลง คงหนักใจกับการนอนนอกบ้านครั้งแรก

        “เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนั้น เรามาฉลองกันนะ อยากทำให้งานกร่อยเหรอ”  รงคเพทเดินมาตบบ่าพบรักเบาๆ ก่อนรินของเหลวสีเมาลงในแก้ว


        “ฉลองงง..กับชัยชนะที่กำลังจะมาถึง ฮ่าฮ่าฮ่า”




        ดื่มกันไปคุยกันไป พร้อมๆกับเวลาที่ค่อยๆเดิน อย่างช้าๆ รงคเพททุ่มเวลาให้กับการติวมาก ช่วงหลังมานี้ เขาจึงไม่ค่อยได้ออกสังค์สรรกับเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ วันนี้มีโอกาสจึงได้ดื่มหนัก เรียกได้ว่าจัดเต็ม ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบคิดเสมอว่า ผ่านมาไม่ได้ดื่ม วันนี้ต้องดื่มแบบทดแทน  เขาจัดทั้งเบียร์และเหล้าในเวลารวดเร็ว ทั้งที่แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องด้วยซ้ำ และไม่นาน ความลำบากก็มาสู่ชายผู้ชอบการทำอะไรทดแทนเสียแล้ว


        รงคเพทเดินเข้าห้องน้ำ เป็นรอบที่สองแล้ว เขาและพบรักดื่มกันมาไม่ถึงสองชั่วโมง แต่รงคเพทเมาหนักแทบไม่รู้เรื่องอะไร เขาสำรอกของเก่าที่คะยั้นคะยอใส่ลงท้องออกมารอบแล้วรอบเล่า ส่วนด้านพบรักที่ไม่ค่อยชอบดื่ม ก็ดื่มไม่หนักตามประสา พบรักที่แสนน่ารักคอยพยุงคนเมาเข้าห้องน้ำ ลูบหลังให้ และพามานั่งดื่มต่อ

        เมื่อรงคเพทยังยืนยันว่าไหวเสียงแข็ง รงคเพทบอกไหว พบรักก็นั่งนิ่งไม่ว่าอะไร และจากการคาดคะเนของพบรักมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาต้องพยุงคนตัวหนักไขมันคนนี้เข้าห้องน้ำอีกเป็นรอบที่สามแน่



        และก็เป็นดังที่คาด รอบที่สามที่พบรักต้องพยุงคนเมาเข้าไปเอาของเก่าออก แต่ออกมารอบนี้ รงคเพทถึงกับฟุบคาโต๊ะญี่ปุ่นที่เขาใช้เป็นที่ติวกันมาตลอด ไม่มีคำว่าไหวให้ได้ยิน พบรักเห็นดังนั้นก็แอบหัวเราะคิดคักเพียงลำพัง เขาเพียงเดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มจากในห้องออกมา และผลักให้คนขี้เมานอนลงที่พื้นพร้อมห่มผ้าให้



        จากนั้นพบรักก็จัดการเก็บของที่เกลื่อนอยู่บนโต๊ะ ทั้งขวดเบียร์เปล่า ขวดโซดา ถังน้ำแข็ง บลาๆ พบรักจัดการนำไปเก็บ ทำความสะอาดให้เรียบร้อย เมื่อเขาเดินออกมาก็พบว่ารงคเพทนอนอยุ่แบบแผ่หลา สบายตัวเป็นที่สุด และมันก็ถึงเวลาที่เขาก็ควรนอนเช่นกัน พบรักหยิบหมอนและผ้าห่มมาอีกชุดจากในตู้ ที่เขาถือวิสาสะค้น เพราะเจ้าของห้องตอนนี้หมดสภาพที่จะสามารถดูแลเขาและดูแลตัวเองได้ พบรักปูที่นอนข้างๆรงคเพท และนอนลงอย่างทำใจ เขาไม่เคยต้องนอนพื้น แต่วันนี้ต้องนอน และต้องนอนให้ได้

...
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่4 (13/02/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 15-02-2014 02:13:11
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๕.๒  รอยยิ้มเริ่มจางหาย ใครเลยจะหยั่งรู้


        ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน รงคเพทรู้สึกตัวอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกหนักๆเหมือนมีอะไรมาทับบนอก เขาลืมตาขึ้น พยายามมองว่าหนักอะไรแต่ก็ไม่สามารถ เขาตื่นไม่ได้ ไม่นะ นี่เขาถูกผีอำรึเปล่า เขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการสู้กับตัวเอง จนกว่าจะทำให้ตัวเองสามารถที่จะขยับได้


        ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ เขาก็สามารถฟื้นสติกลับมาได้ครบถ้วน แต่ความหนักที่อยู่บนหน้าอกก็ยังไม่หายไป เขาค่อยๆก้มลมมองต้นเหตุ และก็ต้องตกใจ หัวใครก็ไม่รู้ กำลังทับบนอกเขา ตอนนี้เขากำลังสับสนอย่างหนัก นี่เขาถูกผีหลอกแล้วหรือ อยู่ที่นี่มา นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกหลอกเลยนะ


        รงคเพทสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาค่อยๆจับหัวนั้นออกจากอกและพลิกหัวนั้นให้เงยหน้าขึ้นมา และเขาก็ได้พบ ......พบรักแสนน่ารัก ความรู้สึกหัวใจจะวายเมื่อครู่หายไปทันที แล้วพบรักมานอนบนอกเขาทำไมล่ะเนี่ย  สติที่หายไปจากของมึนเมาเริ่มกลับมาแล้ว เพราะน้ำเมาที่เขาเติมเข้าร่างกาย ถูกสำรอกออกมาจนหมด เขาขยับให้พบรักได้นอนในท่าปกติ และห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อย


        นอนพลิกไปพลิกมาสักพัก ก็หันกลับมาพบกับใบหน้าเนียนใสกำลังหลับตาพริ้ม ปากที่เขาคิดว่าถ้าเปิดไฟ มันคงแดงก่ำจนแทบสุกที่เกิดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อครู่ แค่นึกก็รู้สึกแปลกๆแล้ว แสงไฟจากถนนที่สาดเข้ามา ทำให้ดวงตาที่เริ่มชินกับความมืดมองเห็นอะไรลางๆ



        เขากำลังทำอะไร วิเคราะห์ความสมบูรณ์ของคนข้างๆหรือไง คนๆนี้แปลกจากผู้ชายทั่วไปเยอะหรือจะเรียกว่าแปลกจากพวกเขาไปเยอะก็ว่าได้ เขาเคยคุกคลีตีโมงก็แต่กับพวกหน้าโหดๆ หนวดเคราเฟิ้มอย่างเพื่อนเขา ถ้าหน้าตาแบบนี้และนอนข้างๆก็มีอยู่อย่างเดียว คือสาวๆที่เขาหิ้วติดมือกลับมาด้วยยามออกท่องราตรี แต่คนตรงหน้าเขาตอนนี้มันอะไร ขนตาก็เรียวยาวกว่าปกติ ใบหน้าแทบไม่มีจุดด่างดำเลย นึกก็อดไล้นิ้วมือไปบนแพขนตาแสนสวยนั้นไม่ได้ ใบหน้าเมื่อใช้มือสัมผัสก็แสนจะเรียบเนียนเช่นกระดาษเอสี่ นึกแล้วก็อิจฉา คิ้วนี่อีก คมเข้ม เรียงตัวสวย ไม่มีเว้าหรือแหว่งให้ต้องสะดุดตาเลยสักนิด ไล้นิ้วมือลงมาเรื่อยๆก็มาหยุดตรงปากที่เขารู้ว่ามันแดงแค่ไหน แต่ไม่เคยแตะเลยสักครั้ง ครั้งนี้ได้แตะแล้ว มันนิ้มนิ้วมากจริงๆ นี่เขาได้รับโครโมโซมวายแม่มาเยอะสิท่า ถึงได้ดูสวยขนาดนี้



        ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ หรืออาจลืมตัวไปก็เป็นได้ มารู้ตัวอีกที ปากเขาก็ประกบเข้ากับคนที่เขาวิเคราะห์เมื่อครู่ไปแล้ว บรรยากาศก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน คนข้างๆยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัว เขาถอนปากออกมาก่อน และพยายามใช้มือง้างปากคนข้างๆเบาๆให้อ้าออกเล็กน้อย และกลับไปประกบจูบอีกครั้ง โดยพยายามดุนลิ้นตัวเองเข้าไปในปากแดงๆนั้น ครั้งนี้เขาอาจทำอะไรที่อุกอาจเกินไป จนกลายเป็นทำให้คนข้างๆรู้สึกตัว เห็นได้จากการเริ่มดิ้นขลุกขลัก เขาจึงถอนปากออกอย่างแสนเสียดาย และกลับมามองหน้าพบรักตรงๆ พบรักที่ตอนนี้ค่อยๆลืมตาขึ้นมองหน้ารงคเพทแววตาฉงนปนสงสัย ดวงตานั้นมองมาอย่างตรงๆ กลับเป็นรงคเพทเองที่เริ่มรู้สึกอายกับการกระทำเมื่อครู่แล้ว รงคเพทคาดว่า พบรักตื่นก่อนที่เขาจะผละออกแน่นอน ไม่มีการพูดคุยอะไรกัน มีเพียงการจ้องตาอยู่อย่างนั้นสักพัก และก็เป็นรงคเพทอีกเช่นกันที่เริ่มจะใกล้เข้าไปเรื่อยๆอีกแล้ว เหมือนคนตรงหน้าตอนนี้ช่างดึงดูดเขาเสียเหลือเกิน ใกล้เข้าไปแล้ว ค่อยๆใกล้เข้าไป จนลมหายใจรดรินกันและกัน จนแทบไร้ช่องว่าง






ครืดดดดด…… ครืดดดดดด…….. Rrrrrrrrr

          “เอ่อออ” รงคเพทที่กำลังเคลิ้มเต็มที่ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงระบบสั่นของโทรศัทพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ

          “ไปรับสิ”  พบรักเมื่อรู้ว่าเขาและรงคเพทอยู่ในสภาวะไหนในตอนนี้ก็หน้าแดงก่ำและรีบพลักเรียงให้ไปรับโทรศัพท์ทันที

          รงคเพทค่อยๆลุกขึ้นอย่างแสนเสียดายและเดินไปเปิดไฟ ด้วยภาวะโลกหมุนในพริบตา


……..ราม


        ”ฮัลโหล ราม เอ่ออ รามมีไร”  ด้วยอารมณ์ที่ยังไม่คงที่ น้ำเสียงและคำพูดของรงคเพทตอนนี้ดูพิลึก จนเจ้าตัวเองเกรงจะทำให้ถูกน้องชายสุดที่รักจับได้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่


        แต่เขากลับไม่ได้ยินราม หรือศรราม น้องชายเพียงคนเดียวของเขาตอบกลับมา เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ที่คล้ายกับเจ้าตัวกำลังพยายามข่มไม่ให้มันรอดออกไป เพียงเท่านั้นสติของรงคเพทก็กลับมาครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ ความรู้สึกตอนนี้คือเริ่มใจไม่ดี รามร้องไห้ทำไม น้องชายเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี และจิตใจดี มักไม่มีเรื่องให้ต้องทุกข์ใจหนักขนาดต้องโทรมาหาเขากลางดึกขนาดนี้


        “ราม…ราม เกิดอะไรขึ้น รามร้องไห้เหรอ”


        “….”  ปลายสายไม่ตอบ แต่เสียงที่แผ่วเบาเมื่อสักครู่ตอนนี้เริ่มจะดังจนชัดเจน ว่าน้องชายตอนนี้คงกำลังทุกข์หนักอย่างแน่นอน

        “ราม ใจเย็นๆนะ ถ้ายังไม่อยากเล่าไม่ต้องเล่า ระบายมันออกมาให้หมดก่อน”  รงคเพทเสียงเครียด คำพูดหนักแน่น ทำให้พบรักที่อยู่ใกล้ๆ กังวลตามไปด้วย


        เสียงร่ำไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ ร้องไปเรื่อยๆ จนเวลาค่อยๆล่วงเลยไป และในที่สุดก็เหมือนคนร้องเริ่มหมดแรงที่จะร้องต่อไปแล้ว


        “ราม บอกพี่มา ตอนนี้อยู่ไหน”  ความเครียดที่รงคเพทพยายามกดไว้ไม่ให้น้องต้องตกใจ

        “อึก…เรียงไม่ต้องมา รามไม่เป็นไร” เสียงขึ้นจมูกคล้ายคนเป็นหวัด ตอบพี่ชายพร้อมสะอื้นเบาๆ

        “บอกพี่มา ตอนนี้อยู่ไหน”

        “รามโอเคจริงๆ เรียงไม่ต้องมา”

        “อย่าให้พี่ต้องพูดหลายรอบ รามอยู่ไหน!!”  ความอดทนเริ่มหมดสิ้น อยากรู้เหลือเกินน้องเป็นอะไร อะไรทำให้น้องของเขาต้องร้องไห้โฮขนาดนี้ แถมยังจะมาปิดบังอีก



        เมื่อได้ยินพี่ชายตะคอก เสียงร้องที่เริ่มเงียบไป ก็กลับมาสะอื้นอีกครั้ง ครั้งนี้สำหรับเด็กอย่างเขามันหนักหนาเกินไปแล้ว คนแรกที่นึกถึง คือพี่ชายที่รักเขามากที่สุดคนนี้ แต่ก็ลืมไปสนิทว่ามันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ถ้าหากเรียงรู้เรื่องเข้า แต่ก็ดีใจเหลือเกิน ร้องไห้ครั้งนี้เพราะตื้นตันที่พี่ชายเขาห่วงเขาสุดหัวใจขนาดนี้


        “หอ ….อึก หอรามเอง ฮือออออ”  พูดไป ร้องไห้ไป พยามพูดโดยไม่ร้อง แต่คนร้องไห้ไปแล้ว จะให้หยุดร้องง่ายๆมันใช่เรื่องง่ายซะที่ไหนกัน

        “รออยู่นั่น พี่จะออกไปเดี๋ยวนี้”

        “เรียงไม่ต้องมา อึก ราม ราม โอเคแล้ว จริงๆนะเรียง”  เรียงเงียบไป เงียบไปสักพักน้องชายตัวดีก็เริ่มใจคอไม่ดี พี่เขาจะโกรธไหม


        “เรียงรีบมานะ ฮือออออออออออ”  ในที่สุดก็พูดออกมา  เรียงวางสายแล้วรีบเดินกลับเข้าห้อง เปลี่ยนชุดเตรียมลุยทันที ไม่รู้ว่าต้องเจออะไร แต่เตรียมพร้อมไว้ก่อน ดีที่สุด


        “พบ เราขอโทษนะ แต่พบนอนไปก่อนเลย เราขอไปหาน้องก่อน”  พูดไว้เพียงแค่นั้น แล้วรีบเดินออกจากห้อง แต่ก่อนออกไปเหมือนสำนึกอะไรได้บางอย่าง


        “พบนอนได้รึเปล่า”  รงคเพทหันมาถามพบรัก ที่นั่งอยู่บนเตียง เขารู้ว่าพบรักไม่เคยนอนนอกบ้าน แถมยังต้องนอนคนเดียวแบบนี้อีก แล้วจะทำยังไงดี


        “ไม่ต้องห่วงเรียง ผมอยู่ได้ อยู่บ้านผมก็นอนคนเดียว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ รีบไปดูน้องของเรียงเถอะ ผมสบายมาก”  พบรักยิ้มให้เรียง เรียงเห็นดังนั้น ก็ยิ้มตอบแล้วรีบสาวเท้าเดินลงลิฟต์เพื่อไปยังที่จอดรถทันที





        เรียงออกไปแล้ว ทิ้งให้พบรักอยู่ในห้องคนเดียว พบรักผู้ไม่เคยนอนที่อื่น คืนนี้ต้องมานอนคนเดียวในบ้านของคนอื่น แย่จริง จะทำยังไงได้ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ลองดู คืนนี้แหล่ะ ต้องอยู่ให้ได้ จะได้แข็งแกร่งขึ้น


        ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว พยายามข่มตาหลับอย่างไรก็ไม่ได้ผล พบรักยังคนนอนพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่อย่างนั้นเรื่องราวเมื่อครู่ที่เกิดกับเขา เขาไม่เข้าใจว่ารงคเพททำแบบนั้นทำไม ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น และเป็นที่รู้กันว่า คนมักเกิดความเครียดเมื่อตนนอนไม่หลับ ตอนนี้พบรักกำลังฟุ้งซ่านเหลือเกิน อยากจะร้องไห้ออกมาด้วย แต่ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าเขาโทรให้ที่บ้านมารับตอนนี้ อนาคตการนอนค้างที่อื่นคงไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง เขาต้องอดทน อดทนให้ผ่านค่ำคืนนี้ไปให้ได้


        แต่เมื่อพยายามแล้วพยายามอีก คนจิตใจอ่อนไหว ก็เริ่มทนไม่ได้ พบรัก ตัดสินใจโทรหาที่บ้าน ตอนเวลา ตี 4 เขาเลือกโทรหาคนขับรถแทนที่จะโทรหาแม่ และไม่นาน รถจากบ้านพบรักก็มาจอดเกยฟุตบาทอยู่ใต้คอนโดของรงคเพท พบรักรู้สึกผิดที่ไม่สามารถชนะความอ่อนแอของตนเองได้ …ขอโทษนะเรียง ผมอยู่แบบนี้ไม่ได้จริงๆ




        ด้านเรียง   เมื่อออกจากคอนโดแล้วก็บึ่งรถตรงไปยังหอพักของศรรามทันที ศรราม วงศ์วิญญูวาส น้องชายเพียงคนเดียวที่เขารักมากที่สุด ซึ่งพึ่งเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ในชั้นปีที่ 1 แต่น้องของเขาเรียนคนละที่กับเขา เพราะคณะที่รามอยากเรียน มหาลัยที่รงคเพทเรียนอยู่ไม่มีเปิดสอน และแม้จะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่1 แต่ด้วยทางมหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ และนักศึกษามีจำนวนมาก ทำให้บางคนที่สมัครใจ และไม่สมัครใจบางคน จำเป็นต้องพักอยู่หอนอกรั้วมหาวิทยาลัย และศรรามก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกเนรเทศให้มาพักอยู่หอนอก เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า ทางครอบครัวมีฐานะ สามารถเลี้ยงชีพนอกสถานศึกษาได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เรียงค้านหลังชนฝาว่ามันไม่จริง แต่ก็ไม่ได้ป่าวประกาศใดๆออกกไป ว่าตอนนี้ครอบครัวกำลังแย่แค่ไหน



        หอพักของรามเป็นหอพักระดับกลาง ไม่ซอมซ่อและไม่ถึงกับหรูหรา เป็นห้องธรรมดาๆที่ศรรามเต็มใจจะอยู่อย่างยิ่ง เขายินดีที่จะช่วยเหลือครอบครัวทุกวิถีทาง ในห้องมีเตียงขนาด หก ฟุต ตู้เสื้อผ้า หนึ่งตู้ โต๊ะอ่านหนังสือ มีโทรทัศน์และตู้เย็น ขนาดกลาง สีเฟอร์นิเจอร์เป็นเซตน้ำตาลทั้งสิ้น แม้ห้องจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ผู้อาศัยกลับตกแต่งอย่างสวยงามและบ่งบอกว่าผู้อยู่เป็นคนสดใสเช่นไร ด้วยภาพวาด โปสเตอร์มากมาย หลายหลายสีสัน ที่ถูกบรรจงแปะ ไม่ให้ผนังมีพื้นที่สีขาวเลย เหตุที่ครอบครัวอนุมัติให้ศรรามอยู่ที่นี่ได้ เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาพอสมควร ทางขึ้นมีระบบแสกนลายนิ้วมือและแสกนบัตร ควบคู่กันทั้งสองทาง ประตู้ห้องเป็นระบบล็อคสามชั้น



        เรียงเดินทางถึงหน้าห้องของน้องชายและพบว่าประตูไม่ได้ถูกล็อค เขาเคาะประตูก่อนค่อยๆเปิดออกช้าๆ สิ่งที่เรียงเห็นคือน้องชายของเขาที่นั่งอยู่กลางเตียงลายการ์ตูนสีสดใส หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ส่วนความผิดปกติอื่นๆไม่มีอะไร เขาค่อยๆเดินเข้าไปที่เตียง ซึ่งเจ้าของห้องตอนนี้เหมือนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนเข้ามาในห้อง



...
บทที่ 5 ถูกแบ่งเป็นสองช่วงนะคะ เพราะเรารู้สึกว่ามันยาวมาก ^^
ฝากติดตามด้วยนะคะ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่5 (16/02/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-02-2014 07:47:59
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่6.1 (19/02/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 19-02-2014 20:35:14
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๖.๑  อ่อนไหวเพียงใด  ใครเลยจะหยั่งรู้




          รงคเพทค่อยๆเดินเข้าไปหาน้องชาย ที่ตอนนี้เหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ยิ่งสัมผัสได้ว่าตัวบางๆนั้นกำลังสั่นไหว คงเป็นด้วยแรงสะอื้น เรียงค่อยๆวางมือลงบนไหล่ของน้องชาย ศรรามที่นั่งหันหน้าไปอีกทางค่อยๆหันหน้ากลับมาหาผู้ที่วางมือบนไหล่เขา น้ำตาที่ไหลออกจากดวงตา บัดนี้หยุดไหลแล้ว แต่คราบน้ำตาที่เริ่มแห้งกรังบนใบหน้านั้นมากมาย รวมถึงจมูกและตาที่แดงอย่างคนร้องไห้หนัก




       ภาพนั้นทำให้พี่ชายที่รักน้องอย่างสุดหัวใจถึงกับน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าน้องทุกข์หนักเรื่องอะไร แต่สภาพน้องชายเขาตอนนี้ น่าสงสารมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าร้องไห้นานแค่ไหนแล้ว


       ศรรามเมื่อเห็นพี่ชายน้ำตาไหล ก๊อกน้ำตาที่เหมือนถูกปิดไว้เมื่อครู่ กลับรั่วออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้เขามีคนร้องไห้เป็นเพื่อนแล้วจริงๆ ศรรามซุกหน้ากับไหล่พี่ชายและร้องไห้ออกมาอย่างดังลั่น บ่งบอกว่าจิตใจตอนนี้ย่ำแย่มากเหลือเกิน ฝั่งพี่ชายก็ไม่ยอมแพ้ ยิ่งเห็นน้องร้องยิ่งร้องตามไปด้วยใหญ่





        จนร้องไห้กันมาสักพัก สองพี่น้องก็เริ่มเหนื่อย สติที่ขาดวูบไปเมื่อครู่กลับมาอีกครั้งหลังร้องไห้หนักออกมาแล้วทั้งคู่ รงคเพทบรรจงปาดน้ำตาออกจากแก้มให้น้องชายและของตนเองออกอย่างช้าๆ ไม่มีการพูดคุย มีเพียงอ้อมกอดอบอุ่น ที่บัดนี้ช่วยบรรเทาอาการหัวใจที่ถูกฉีดทึ้งให้เต้นต่อไปได้






          “ราม พี่ไม่รู้ว่ารามเป็นอะไร รู้แต่ว่ารามกำลังเจ็บ และพี่ก็เจ็บด้วย”


          “…เรียง รามขอโทษที่ทำให้ตกใจ ราม อึก..”   สติที่เหมือนกลับมาแล้วทั้งคู่ ทำให้รงคเพทเริ่มบทสนทนาและศรรามก็ตอบรับ แต่เมื่อรามกำลังจะเล่าเรื่อง น้ำตาก็ไหลออกมาอีก รามพยายามไม่ร้องไห้ แต่เขาก็ห้ามไม่ได้ เขาพยายามจะเล่า แต่ความเจ็บมันแทรกทุกทีทำให้เขาเล่าไม่ออก




          “รามยังไม่ต้องบอกพี่หรอก แค่รู้ว่ารามไม่ได้ตัวคนเดียวก็พอ”



          “ฮืออออ อึก ไม่เรียง รามอยากเล่า แต่มันเล่าไม่ออกก”  ท้ายประโยคเจ้าตัวก็พยายามฝืนน้ำเสียงไม่ให้ปล่อยโฮ แต่แล้วก็ปล่อย ความพยายามที่จะเล่าให้พี่ชายฟังไม่หยุดแค่นั้น ศรรามพยายามเล่า ไป ร้องไห้ไป น้ำเสียงที่รงคเพทฟัง มันเพี้ยนและทุกข์สิ้นดี ระหว่างที่ระบายให้พี่ชายฟัง ไม่มีช่วงไหนเลยที่น้ำตาของเขาจะหยุดไหล และน้ำเสียงที่สะอึกติดต่อกัน ก็ทำให้เรียงฟังเรื่องไม่ชัดนัก แต่เท่าที่เรียงจับใจความได้คือ







          วันนี้น้องชายเขาเลิกเรียนตอนห้าโมงเย็นและหลังจากนั้นก็มีกิจกรรมของทางมหาลัยต่อ เสร็จกิจกรรมประมาณสองทุ่ม ในขณะที่รามกำลังโบกรถโดยสารเพื่อกลับหอพักก็มีชายอีกสองคนขึ้นรถโดยสารกับเขาด้วย บนรถมีเพียงคนสามคน ผู้ชายคนหนึ่งค่อยๆขยับไปใกล้ๆเขาและสัมผัสที่แขน สักพักเขาก็รู้สึกมึนๆและขยับไม่ได้ เหมือนร่างกายไม่มีแรง เมื่อถึงที่หอพักของราม หนึ่งในนั้นก็ลงไปบอกให้ไปต่อเลย ชายสองคนพาเขาไปอีกไกลแค่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนั้นสติมันวูบไหวจนนึกอะไรไม่ออก สักพักรถก็มาหยุดหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ศรรามจำไม่ได้ว่าคือคอนโดไหน รู้แต่ว่ามีรั้วสีเขียวๆ และตึกก็ดูใหญ่มาก





        หลังจากนั้นเขาก็ถูกพาลงรถและประคองแบบหิ้วปีกขึ้นลิปต์ไป และเข้าไปด้านในห้อง เหมือนห้องนั้นจะอยู่ริมสุดทางเดินของชั้น สภาพหรูหรามาก ทั้งทางเดินและห้อง เขาถูกโยนลงบนเตียง รามไม่แน่ใจเหมือนชายสองคนที่จับเขามาจะเดินออกไปจากห้องนอน สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมกันผู้ชายอีกคน ภาพตอนนี้พร่าเลือนมาก และชายสามคนก็สวมหน้ากากแบบคลุมทั้งใบหน้า หลังจากนั้นคนที่เข้ามาหลังสุดมันก็…





          ศรรามหยุดเล่าเพียงเท่านี้ เขาไม่สามารถเล่าต่อไปได้อีก รงคเพทเองก็ไม่ซักไซ้ให้น้องเล่าต่อ รงคเพทกระชับอ้อมกอด กดความรู้สึกเคืองแค้นนี้ไว้ และตั้งหน้าปลอบใจน้องชาย ในหัวรงคเพทตอนนี้มีความแค้นแบบฝังหุ่นอย่างยิ่ง เขาอยากรู้เหลือเกินว่าใครที่มันกล้าทำกับน้องเขาขนาดนี้ ต้องรู้ให้ได้ แล้วจะตอบแทนอย่างสาสม





          คืนนี้เขาอยู่เป็นเพื่อนน้องชายทั้งคืน แม้ว่าเจ้าตัวเมื่อเล่าเสร็จและร้องไห้จนเหนื่อย แล้วก็ผล็อยหลับไป แต่รงคเพทก็ยังคงนอนกอดดวงใจของเขาอย่างนั้น ส่วนเขาเองก็ไม่ได้นอนหลับเลยทั้งคืน






          เช้าวันต่อมารงคเพทกลับคอนโดของเขา เขาพบว่าห้องว่างเปล่า เดาไม่ผิดหรอก เขาคิดไว้แล้วว่าพบรักอาจอยู่คนเดียวไม่ได้ เรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้มีเรื่องที่คาใจหนักกว่าเรื่องของพบรัก คือเรื่องของน้องชายสุดที่รักของเขา สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของรงคเพทตอนนี้มีแต่คำถามเต็มไปหมด ว่าทำไมน้องเขาถึงกลายเป็นเหยื่อ ศรรามไม่น่าจะมีศรัตรูที่ไหน จากเรื่องที่รามเล่าให้ฟัง คนที่จับน้องเขาไปคงวางแผนไว้อย่างดีแล้ว ทั้งเวลาและสถานที่ แต่ทำไมถึงต้องเป็นราม เขาต้องหาความจริงในเรื่องนี้ให้ได้





          “เช้านี้อากาศไม่ดีหรือไงวะเพื่อน”  ไอ้กาวเพื่อนรักทักทาย เมื่อเห็นหน้าตาของคนอดหลับอดนอนเมื่อคืน หน้าที่เคยคล้ำอยู่แล้ว บัดนี้คล้ำกว่าเดิม ทั้งไม่ได้นอน และยังมัวแต่หมกมุ่นกับบางเรื่องอยู่



          เรียงไม่ตอบคำถามนั้น ได้แต่ถอนหายใจ สักพักยีนก็เดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับพบรัก ที่หน้าตาก็บ่งบอกว่านอนไม่พอเช่นกัน เมื่อกาวเห็นหน้าทั้งคู่ก็อมยิ้มน้อยๆ



          “ฮั่นแน่ อารายกานนนน พวกมึง อย่าบอกกูนะ ฮึฮึ”  ไอ้กาวไม่หยุดแค่ความคิด แต่พูดแซวออกมาด้วย


          “เฮ้ออออ...ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดแน่ๆไอ้สัด”  เรียงไม่มีอารมณ์มาเล่นแง่กับเพื่อนตอนนี้ เขาเครียดเกินไป เพื่อนของเขาที่เห็นหน้าตาจริงจังของรงคเพท จากรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็กลายเป็นสีหน้าตึงเครียดไม่ต่างกัน

   

          “เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นครับ พอดีผม..”  พบรักถามเมื่อเห็นหน้าตาของรงคเพทไม่ค่อยสบายใจ ส่วนตัวเขาเองก็รู้สึกผิดที่หนีกลับบ้านไปก่อน


          “เราขอโทษนะพบ ที่ปล่อยให้อยู่คนเดียว พอดีน้องเรามีปัญหานิดหน่อย”


          “เอ่ออ ครับ ผมก็ต้องขอโทษที่..”


          “ไม่เป็นไรพบ เราเข้าใจ”  เรียงไม่อยากให้พบรักต้องรู้สึกผิด รวมถึงความรู้สึกผิดของตัวเองด้วย


          “พวกมึง เข้าเรียนเหอะ ตามไปนะ กูเข้าห้องก่อน”  พูดไว้เพียงเท่านั้น และลุกขึ้นไปจากโต๊ะนั่งเล่นทันที ทำเอาเพื่อนๆที่นั่งอยู่ งงกันไปตามๆกัน


   




          ระหว่างเรียน ก็เป็นเช่นเคย รงคเพทไม่มีสมาธิกับการเรียนแม้แต่น้อย ปัญหานี้เขาไม่ยอมเล่าให้ใครฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและจะช่วยรงคเพทอย่างไร แต่เรื่องนี้ทำให้เพื่อนสังเกตได้ชัดว่ารงคเพทเปลี่ยนแปลงชัดเจน จากคนที่เคยสดชื่นรื่นเริง บัดนี้กลับพูดน้อยเหลือเกินแล้ว






          ในที่สุดไอ้กาวเพื่อนรักก็ไม่สามารถทนดูต่อไปได้


          “เรียง กูไม่รู้ว่ามึงเป็นอะไร แต่อาทิตย์หน้าสอบมิดเทอมแล้วนะมึง มึงลืมเรื่องไอ้ต้นตองไปแล้วดิ?”  เป็นจริงอย่างที่ไอ้กาวว่า รงคเพทลืมเรื่องตารกาไปแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจจะนึกถึงใครจริงๆ





          ดั่งพระเจ้ากลั่นแกล้งเขาเพียงเท่านั้นยังไม่พอ วันนี้ไม่รู้อะไรดลใจให้ตารกามากินข้าวที่โรงอาหารคณะเขา ตารกาไม่ชายตามองมาโต๊ะที่รงคเพทนั่งแม้แต่เศษเสี้ยว ตารกาเพียงเดินผ่านเขาไปนั่งยังชั้นสองที่ถูกสร้างให้เยื้องขึ้นไปด้านบน และก็มีสาวน้อยสาวใหญ่มองตาไม่กระพริบ สักพักก็มีสาวสวยดาวคณะรุ่นน้องเขา เดินมานั่งข้างๆ แนบชิดสนิทสนมแทบจะนั่งตักกันกลางโรงอาหารก็ว่าได้






          “กูล่ะหมั่นใส้มันจริงๆ คนสวยล้อมหน้าล้อมหลัง เหอะ”  ไอ้กาวบ่น เพราะวันนี้เป็นวันแรกเลยก็ว่าได้ ที่เขาได้เจอสาวสวยคณะเขา พร้อมหน้ากันทีเดียวเป็นสิบ



          “มึงว่าไง ไอ้เรียง นั่นน้องหมิวที่มึงเล็งไว้เลยนะ มองไอ้ต้นตองตาไม่กระพริบเลยนั่น”  ไอ้ยีนแขวะรงคเพท เขาเพียงเหลือบมองขึ้นไปชั้นบน และหันกลับมาจัดการอาหารของตัวเองต่ออย่างไม่สนใจอะไร



          ยีนเมื่อเห็นปฎิกิริยาของเพื่อนเช่นนั้น ก็หันไปกระซิบกับกาวและพบรัก


          “อาการแบบนี้หนักละว่ะ”


          “เออ เอาไงดีวะ แบบนี้แย่แน่ ตกลงมันเรื่องไรวะเนี่ย ”  ไอ้กาวพูดแบบเซ็ง แล้วหันไปถามพบรัก


          “ผมรู้แค่เป็นเรื่องเกี่ยวกับน้องชายของเรียง แต่เรื่องอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”


          “เฮ้ออออออ....”  สามเสียงประสานกันดังๆ คนระแวกนั้นหันมารวมถึงรงคเพทด้วย





          “พวกมึงคุยไรกัน กูได้ยินนะ”  เรียงหันมาย่นคิ้วใส่สามตัวที่สุมหัวกันอยู่



          “ก็มึงมีอะไรไม่บอกเพื่อนนี่หว่า แล้วก็เก็บไว้เครียดคนเดียว”  เสียงพูดไอ้กาวเหมือนรู้สึกผิดประโยค่อยๆเบาลงเรื่อยๆจนท้ายประโยคแทบไม่ได้ยิน



          “เฮ้ออออ...ขอบใจพวกมึงที่ห่วงกู แต่เรื่องนี่มันเป็นปัญหาภายในว่ะ อยากให้พวกมึงเข้าใจกูด้วย”


          “กูแค่เห็นมึงมาเรียนแบบไม่มีจิตวิญญาณแล้วเป็นห่วง เพื่อนกันก็คุยกันได้”  ไอ้ยีนบอกให้กำลังใจ


          “คนเดียวหัวหาย หลายคนเพื่อนตายนะเว้ย ปัญหามึงพวกกูอาจช่วยได้นะ”



          “........”  รงคเพทไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่นี้น้องชายเขาก็เสียหายมากพออยู่แล้ว เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้อีก แต่จะให้เขาตามหาคนทำร้ายน้องเพียงคนเดียว ก็เกินกำลังของเขาอย่างที่ไอ้กาวว่าจริงๆ เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ตอนนี้สมองมันเต็มแน่นไปหมด ไม่เหลือที่ว่างคิดอะไร





          “เรียง ถูกของยีนนะ ปัญหาบางอย่างถ้าคิดคนเดียวไม่ออกก็ปรึกษาพวกเราได้ พวกเราเป็นเพื่อนกัน เรียงกับกาวกับยีน ก็เป็นเพื่อนกันมานาน พวกเขาไม่มีทางบอกใครอยู่แล้ว ไว้ใจเถอะครับ แบ่งความทุกข์มาให้พวกเราบ้างไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่” 




          “ขอบคุณนะทุกคน แล้วก็ขอโทษที่ลืมพวกมึงไป”  แต่เรียงก็ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนนั้น









        หลังเลิกเรียนรงคเพทพาเพื่อนทุกคนไปที่ห้องเขา และเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง เล่าไปก็กลั้นใจไม่ให้น้ำตาไหลตามไป เมื่อเพื่อนทั้งสามได้ฟังเรื่องที่เขาเล่า ต่างพากันอึ้งไปตามๆกัน เรื่องนี้รงคเพทคงไม่อยากให้มีใครรู้จริงๆ




        “ไม่เป็นไรมึง กูจะช่วยมึงเอง จะหาไอ้จัญไรนั่นมาสังเวยความเลวของมันให้ได้”   ไอ้กาวที่ฟังและอินที่สุด โมโหจัดขึ้นมาทันที


        “รามไม่เห็นหน้ามันสักตัว จำอะไรไม่ได้เลย กูก็จนปัญญาไม่รู้จะเริ่มตรงไหน สภาพจิตใจรามก็แย่มาก แต่ก็ยังดื้อไปเรียน”  เรียงอธิบายไปพร้อมที่คราวนี้น้ำตาที่กลั้นไว้จะไหลออกมาจริงๆแล้ว


        “ถ้าให้ดี กูขอคุยกับน้องมึงได้ป่าว แถว ม. เรา คอนโดรั้วเขียวก็ไม่ได้มีเยอะ แต่ก็อยากได้รายละเอียดมากกว่านี้ เพื่อความแน่ใจ” ไอ้ยีนที่ของขึ้นเช่นกัน พร้อมลงพื้นทีโดยทันที


        “ก็อย่างที่กูบอก ตอนนี้น้องกูไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แล้วอีกอย่างถ้ารามรู้ว่ากูมาปรึกษาพวกมึง อาจโกรธกูไปด้วยก็ได้”


        “งั้นมึงก็ต้องให้เวลาน้องมึงหน่อย แต่เรื่องแบบนี้ปล่อยไว้นานก็ไม่ดีนะ ใหม่ๆเนี่ยรายละเอียดกำลังชัดเจนอยู่ในหัว”


        “ระหว่างนี้กูจะรวบรวมชื่อคอนโดที่มีรั้วเขียวดูว่ามีที่ไหนบ้าง”  ไอ้ยีนที่เก็บรายละเอียดจากข้อมูลที่ได้ทั้งหมดจากรงคเพทจดทุกอย่างลงในสมุดเล่มเล็กๆที่เจ้าตัวพกเป็นประจำ


        “ผมจะช่วยสืบอีกแรง ว่าคอนโดไหนน่าจะมีความเป็นไปได้”  เพื่อนทุกคนดูมีความตั้งใจอย่างมากที่จะช่วยรงคเพทตามหาตัวคนร้าย นั่นทำให้เขาซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก


        “ขอบใจมาก เพื่อน....”  หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งกอดคอกันอย่างปลอบใจ






        หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปทุกคนต่างช่วยกันสืบเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เป็นช่วงที่ใกล้สอบ ทำให้พลังในการสืบหาเรื่องนี้ไปได้ไม่เยอะเท่าไหร่ และวันนี้ก็ถึงวันที่ต้องเข้าสอบแล้ว วิชาที่รงคเพทได้พนันกับตารกาไว้ แต่ดูสภาพรงคเพทตอนนี้แล้ว ช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้ความกังวลของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย และหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็แทบไม่ได้ทบทวนบทเรียนเลย





        “สัดเรียง มึงตั้งใจหน่อยนะ อย่าลืม ถ้ามึงไม่อยากไปเป็นทาสไอ้ต้นตอง”  คำเตือนจากไอ้กาวเพื่อนรัก


        “กูจะพยายาม ปัญหากูมากพอละ อย่าให้กูต้องเอาตัวไปรับใช้มันเลย เสียเวลาทำมาหากิน....เออแต่จะว่าไป ถ้าได้หน้ามันมาถูตีนกู อาจทำให้โลกกูสว่างขึ้นบ้างก็ได้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า”  ครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์จริงๆที่เพื่อนๆเห็นรงคเพทหัวเราะออกมา เห็นแบบนี้พวกเขาก็เบาใจขึ้นมาบ้าง



        “เอออ เหยียบหน้ามันให้ได้นะเพื่อน ป่ะ ออกศึกกัน จารย์เรียกละ”  ทุกคนเดินเข้าห้องสอบโดยแสดงบัตรนักศึกษาต่ออาจารย์คุมสอบหน้าห้อง





        เมื่อถึงเวลาสอบ รงคเพทตั้งใจทำข้อสอบอย่างเต็มที่ แต่สำหรับคนที่ทุกข์หนักมาหลายวัน จนกลายเป็นความเครียดสะสม รวมกับทั้งการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ทำให้สมองที่ไม่ได้รับการบำรุงอย่างดี เกิดอาหารมึน และนึกอะไรไม่ออก หรือเรียกสั้นๆว่าสมองตายกลางอากาศ ตอนนี้รงคเพทเริ่มคิดได้แล้ว ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทำร้ายตัวเองมากขนาดไหน



        มานึกได้ตอนนี้อาจไม่สายเกินไป แต่การที่ไม่ได้ฝึกหัดกับข้อสอบ ทำให้เขารู้ทันทีว่า ต่อให้เขาพยายามสักเท่าไหร่ ก็ต้องมีข้อที่ผิดแน่นอน และทุกข้อก็ดูจะง่ายเหลือเกินสำหรับคนอย่างตารกา  เพราะสำหรับเขาเองก็ไม่ได้ยาก และคล้ายผ่านตากับโจทย์ปัญหาแบบนี้มาแล้วด้วยซ้ำ แต่พฤติกรรมของเขาในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้เขา สะเพร่าและเบลออยู่มาก ทำไปได้ไม่ถึงชั่วโมง สมองเขาก็คิดต่อไม่ไหว งานนี้เขาต้องกลายไปเป็นคนใช้ตารกาแล้วจริงๆหรือเนี่ย







        “เป็นไงเรียง ทำได้ไหม ผมว่ามันง่ายกว่าที่เราเคยติวกันอีกนะ”  พบรักเมื่อเห็นรงคเพทเดินออกจากห้องมาก็รีบเข้าไปทักทันที  ใช่แล้ว รงคเพทเองก็รู้สึกแบบนั้น แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าทำไม่ได้เลย



        “อื่อ ได้พบช่วยไว้จริงๆ งานนี้ต้องฉลองแล้วล่ะ”  ฝืนสินะ ฝืนทุกอย่าง ฝืนตอบ ฝืนยิ้ม ตอนนี้เขานึกอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ สมองเบลอ ตาพร่ามัว แต่พยายามที่จะยืนให้ไหว ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่ามือของเขากำลังสั่น สั่นอย่างที่ยากเกินควบคุม




        “มึงไหวไหมเนี่ย”  ไอ้ยีนที่เหมือนมองออก รีบเดินเข้ามาทักทันที


        “ไม่หว่ะ”  ตอบออกไปตรงๆ เพราะเขาไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนนี้ต้องการ การพักผ่อนอย่างยิ่ง


        “ไปเหอะ เดี๋ยวกูไปส่งมึงเอง ก่อนมึงจะตาย”  ไอ้กาวพูดจบแล้วจูงเพื่อนออกจากหน้าห้องสอบทันที




        เมื่อถึงคอนโด รงคเพทล้มตัวลงนอนบนที่นอนและหมดสติไปทันที ด้านกาวเมื่อส่งเพื่อนถึงที่แล้วก็เรียกแท็กซี่กลับที่พักของตนเช่นกัน





        รงคเพทนอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว ตอนนี้ในห้องของเขามีเพียงแสงไฟจากถนนที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าหัวของเขามันช่างหนักเหลือเกิน ส่วนต่างๆของร่างกายก็คล้ายจะไม่ทำงานตามสมองสั่งการสักเท่าไหร่


        ช่วงเวลาที่แสนยากลำบาก ไม่มีเลย ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ความมึนจากการนอนเป็นเวลานาน รวมถึงอาการปวดตึบๆมันทรมานมากแค่ไหน ในห้องมีเพียงความมืดกับตัวเขาเพียงคนเดียว มันแย่เหลือเกิน น้ำตาที่เก็บไว้มานานค่อยๆหลั่งรินออกมาอย่างช้าๆทุกข์กายหรือจะเท่าทุกข์ใจ น้องของเขาคงกำลังทุกข์ไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้จะมีใครมองเห็น จะมีใครเข้ามาช่วยเหลือ คนที่ป่วยทั้งกายป่วยทั้งใจ



        ที่เขาว่ากันว่า คนป่วยมักจิตใจอ่อนแอ อาจจะจริงอย่างที่ว่า เพราะเรียงคนเข้มแข็งทุกสถานการณ์ตอนนี้กำลังร่ำไห้อยู่เพียงลำพังในความมืด ความอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวแทรกซึมเข้าสู่หัวใจอย่างช้าๆ สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คงไม่พ้น การพยุงตัวเองด้วยสองมือของตัวเองเท่านั้น




        ใช้เวลาไม่น้อยในการขับไล่ความอ่อนแอ กว่าที่นายรงคเพทคนเก่งจะลุกจากที่นอนได้  เมื่อฐานมั่นคง เขาก็ก้าวเข้าห้องน้ำเป็นอย่างแรก เปิดน้ำเย็นราดตั้งแต่หัวจรดท้าว เพื่อขับไล่สิ่งต่างๆ หลังจากนั้นจึงต้มมาม่า กินยา สักพักก็หลับไปอีกครั้ง ชีวิตปกติของคนทั่วไปที่ต้องดูแลตัวเอง แม้จะทุกข์แค่ไหน ก็ต้องผ่านไปให้ได้ด้วยตัวเอง แล้ววันพรุ่งนี้ย่อมสดใสกว่าค่ำคืนนี้แน่นอน แล้ววันพรุ่งนี้ย่อมแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน











ราตรีสวัสดิ์นะ รงคเพท  :กอด1:
…………………………………………………………………………………………..

หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่6.1 (19/02/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 20-02-2014 20:05:29
อยากจะบอกว่า สมัครสมาชิกThaiboyslove เพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ
คือ อ่านแล้วมันมันมาก ลุ้นดี แบบใครจะเมะใครจะเคะว้า แล้วตกลงใครคู่ใคร
จะเป็นตองเรียง เรียงตอง หรือว่าพบเรียง การดำเนินเรื่องก็ชวนติดตาม
สรุปก็คือชอบมาก  o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่6.2 (22/02/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 22-02-2014 02:37:42
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๖.๒  อ่อนไหวเพียงใด  ใครเลยจะหยั่งรู้




          การสอบมิดเทอมจบลงแล้ว หลังจากผ่านค่ำคืนอันทุกข์ยากของรงคเพทในคืนนั้น เช้าต่อมาในการสอบ เขาก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อได้ลองเหยียบจุดที่ต่ำสุด จุดๆนั้นจะสอนให้เรากลายเป็นคนเข้มแข็ง และรงคเพทในวันนี้ก็เข้มแข็งขึ้นได้กว่าเมื่อวานจริงๆ อะไรที่เคยพลาดไปแล้วก็ไม่อาจแก้ไขได้ เช่นเดียวกับผลคะแนนสอบมิดเทอมวิชาที่เขาได้พนันไว้กับตารกา





        วันนี้เป็นวันที่ได้เรียนวิชานั้น และเป็นวันประกาศคะแนนมิดเทอมในคาบเรียน แม้จะอยู่ในคาบเรียนแล้ว แต่ตารกาไม่มีทีท่าว่าสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย บางทีคนๆนั้นอาจลืมเรื่องเดิมพันไปแล้วก็เป็นได้



        รงคเพทนั่งเกร็งอยู่ตลอดคาบ บางทีอิสรภาพของเขา อาจหมดลงหลังจบชั่วโมงนี้ก็เป็นได้ นั่งเรียนกันจนเมื่อถึงท้ายคาบเรียน อาจารย์ก็ทำในสิ่งที่ทำให้รงคเพทเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด นั่นคือการ….








        “คณะ…ไอดี…คะแนน คนต่อไป คณะ….ไอดี…นายรงคเพท  วงศ์วิญญูวาส ได้ 25 คะแนน คนต่อไป คณะ….ไอดี….นายตารกา  ประภาพงษ์สกุล ได้ 30 คะแนน คนต่อไป คณะ…ไอดี…นายวสินธ์…”
เสียงอาจารย์ประจำวิชายังคงดังต่อไปเรื่อยๆ แต่สำหรับรงคเพท จบแล้วชีวิต



        เขาแพ้ แพ้ถึง 5 คะแนน เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ เขาทำได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ไอ้ตุ๊ดหน้าขาวคนนั้นเก่งมากจริงๆ  ทำยังไงให้ได้คะแนนเต็ม แปลว่ามันไม่ผิดสักข้อ ยี่ห้อนี้น่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ



        เมื่อฟังคะแนนที่ถัดๆกันมา เพื่อนอีกสามคนที่เหลือก็พร้อมใจกันหันหน้ามามองไอ้เพื่อนตัวดี ที่ปากหมา ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ตอนเห็นมันตั้งใจก็แอบคิดว่าบางทีอาจจะเสมอ แต่พอมันมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ก็คิดไม่ออกจริงๆว่ามันจะมีสติมากพอเอาชนะคนเก่งระดับอัฉริยะอย่างตารกาได้ แต่สิ่งที่มันได้รับคือ คะแนนของรงคเพท ได้เป็นถึงอันดับ 3 ของวิชานั้น เป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก
   



        “โห เทพว่ะเพื่อนกู ทำได้ไงวะ ที่3 ของเซคเลยนะมึง”  ไอ้กาว มันตื่นเต้นจริงๆ ดูหน้าตา น้ำเสียงมัน อย่างกับมันได้เองอย่างงั้นแหล่ะ


          “ทาสไอ้ตุ๊ด”  เรียงพูดเสียงแผ่วเหมือนคนจะร้องไห้

 
          “ดูมันไม่สนใจมึงเลยนะ  กูว่ามันลืมไปแล้วป่ะ หางตาแม่งยังไม่แลมึงเลยสักนิด”  ไอ้ยีนพุดให้กำลังใจ


          “แล้วถ้ามันลืม มึงจะให้กูชักดาบรึไง ลูกผู้ชายว่ะไอ้ยีน” 


          “ไหนมึงว่ามันเป็นตุ๊ดไง เอาไรมากกวะ มึงมีแต่เสียกับเสีย ถ้ายอมรับไป”  ไอ้กาวคนรักเพื่อนยังเสริมต่อไม่ยอมลดละ


          “กูจะยอมเป็นทาสมันก็ได้ ถ้ามันจำได้นะ”


          “คนอย่างต้นตองไม่มีทางลืมหรอกเรียง เชื่อผมเถอะ ”  พบรักพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สามโจรหันมามองคนหน้ารักพร้อมกัน


          “ทำไมมึงรู้ดีนัก รู้จักมันรึไง”  ไอ้กาว มึงช่วยสุภาพกับคนน่ารักกว่านี้หน่อยได้ไหม นั่นว่าที่เมียกูเลยนะ ไอ้ฉาดดดด


          “ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกครับ แต่ดูจากอุปนิสัยแล้ว น่าจะเป็นอย่างนั้น”  มีเหตุผลได้โล่จริงๆ


          “เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นงั้นไหม แต่เราจะรอดูว่ามันลืมรึเปล่า”


          “แล้วถ้าต้นตองลืม เรียงจะทำยังไง”


          “ก็ความผิดมัน มันยากเสือกลืมเอง ขาดทุนเอง สมน้ำหน้า”  และคล้ายมัจจุราชจะไม่ยอมให้เป็นดังที่รงคเพทหวังแม้สักครั้ง เพราะตอนนี้โสตประสาทรับเสียงของรงคเพทได้ยินเสียงอันไพเราะทุ่มนุ้มหูที่ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ตกหลุมรักมานักต่อนัก เอ่ยวาจาที่แสนเจ็บปวดดังมาทางด้านหลังเขาในตอนนี้ และมันจะไพเราะยิ่งกว่านี้ถ้าไม่ได้มาจากคนที่ชื่อว่าตารกา





          “สวัสดี…ผมมาตามสัญญา”   น้ำเสียงนั้นเรียบเฉย ดั่งคนที่พูด พูดเพียงผ่านๆ แต่กลับสะกดให้ทุกคนที่กำลังสนทนากันอยู่ก่อนหน้า เงียบสนิท เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องเรียนเท่านั้น



 
          ทุกคนเหมือนกำลังถูกตรึงอยู่กับที่ โดยเฉพาะรงคเพทที่ตอนนี้หน้าชาไปแล้ว เขากำลังคิด คิด คิด คิดหาวิธีอะไรก็ได้ที่จะไม่รักษาสัญญา แต่จะให้คิดทันอย่างไร สายตาที่ไม่เคยเหลียวแลมาแม้แต่ตอนน้อย ตอนนี้จ้องเขาตาแทบไม่กระพริบเพื่อรอฟังคำตอบของเขา ไม่รู้มันไม่เรียนมาจากไหน แต่ความกดดันแบบนี้ รงคเพทไม่นิยมเลย ให้ตายเถอะ





          “ไอ้ต้นตอง ถ้ามึงจะมีเหตุผลหน่อย กูขอเพื่อนกูแข่งกับมึงรอบไฟนอลด้วย ช่วงนี้ไอ้เรียงมันมีปัญหาหนัก เลยแพ้มึง ”  ไอ้กาวที่เห็นท่าไม่ดี โผล่งออกไปก่อน



          “จะหาเรืองเบี้ยวผมรึไง ”



          “กูไม่ได้บอกว่าเพื่อนกูจะเบี้ยว แค่ขอผลัดออกไปก่อน ช่วงนี้มันมีปัญหาจริงๆ แค่นี้มึงไม่เข้าใจเหรอ”  กาวตั้งท่าจะโจมตี ดีที่เพื่อนอีก 2 คนรั้งไว้ ส่วนด้านต้นตองยังคงอยู่กับที่ไม่ขยับใดๆ มีเพียงโอมที่ยืนอยู่ด้านข้างกระตุกเล็กน้อย



          “สัญญาคือมิดเทอม และก็ได้ตกลงกันไว้แล้ว ทุกคนเป็นพยานรับทราบดี และที่สำคัญเพื่อนของพวกนายเป็นคนท้าผมเองแท้ๆ หากอยากจะเบี้ยวก็ไม่ว่ากัน แต่ใครหลายๆคนในที่นี้คงได้รู้ ว่าพวกคุณเป็นพวกสับปรับ”  กาวกระโจนใส่ตารกาทันที แต่ไม่ถึงตารกา โดนแขนอันแข็งแรงของโอมรั้งไว้แทน




          “อย่าใช้กำลังกันเลยดีกว่า  จะเอายังไงให้เพื่อนนายเป็นคนตัดสินไม่ดีกว่าเหรอ”
โอมที่ใช้แขนล็อคกาวไว้ พูดพร้อมจ้องตาไม่กระพริบ มันทำให้กาวยิ่งเดือด และหันไปหาเพื่อนรักที่ตอนนี้ก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่ที่เดิม




          “…พอเหอะมึง ไอ้กาว กูสัญญาแล้ว ลูกพูดชายฆ่าได้หยามไม่ได้ กูพูดคำไหนคำนั้น ปล่อยเพื่อนกูด้วย”  โอมปล่อยกาวเป็นอิสระ รงคเพทเดินมาด้านหน้ากาวและบังเพื่อนไว้ จ้องตากับตารกาอย่างอาฆาตที่สุด



          “จะเอาไงว่ามา จะให้กูทำอะไร”


          “…”  สิ่งที่ได้รับคือรอยยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่น่าเอากำปั้นซัดใส่เสียจริง มันทั้งเยาะเย้ย เย้ยหยัน ซะจนทำให้รงคเพทรู้สึกว่าตัวเองตอนนี้ช่างด้อยค่าซะเหลือเกิน


   
        “อย่างแรกก็ง่ายๆ นายแค่เก็บคำว่ามึงกูไว้เรียกกับเพื่อนก็พอ ผมเป็นพวกไม่ชอบอะไรที่มันหยาบคาย ไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ ..แล้วก็เรียกผมว่า เจ้านายด้วย ”  วรรคแรกพอเข้าใจ แต่ประโยคหลังมันช่างดูแคลนเขาซะเหลือเกินนะ ไอ้ตุ๊ด


 
        “ทำไมต้องเรียกเจ้านาย เรียกอย่างอื่นไม่ได้รึไงวะ”


        “จะเรียกอย่างอื่นทำไม ในเมื่อผมเป็นเจ้านาย ของนายแล้วตอนนี้ ไม่ถูกหรือไง” โอยย เขาอยากจะบ้าตาย ไอ้ตุ๊ดนี่มันต้องการอะไรวะ กูหน้าตาแมนกว่ามึงร้อยเท่า แถมอายุก็เท่ากัน ยังให้เรียกเจ้านายอีก ชาติหน้าเหอะ


        “คุณจะไม่เรียกก็ได้ ผมจะได้รู้ไว้ว่าพวกคุณ…”


        “เป็นคนสับปรับ”  รงคเพทชิงตอบทันที ไม่เห็นต้องตอกย้ำอะไรกันนักหนา คำก็สับปลับ สองคำก็สับปลับ โธ่ ไอ้คนดีเอ้ย วิเศษมาจากไหน


        “ไหนลองเรียกสิ”



        “ได้ !! กูจะเรียกต่อเมื่อกูเข้างาน อยู่ข้างนอกกูไม่เรียก มึงจะทำไม”  รงคเพทพูดไว้แค่นั้น แล้วเดินออกมาจากห้องทันที ไม่อยากฟังไอ้บ้านั่นพูดอะไรต่อ ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งแพ้ โวยยยยยยยยย เกลียดขี้หน้ามัน





……………………………………………………………………………….

^^ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ และขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ด้วย
เราอยากบอกว่าคุณเป็นกำลังใจอย่างมากให้กับเราเลย เราดีใจมากนะคะที่มีคนอ่าน ดีใจมากจริงๆ^^
คือมันเป็นเรื่องแรกของเรา และเราก็ตั้งใจแต่งมากๆเลย มีข้อผิดพลาดตรงไหนช่วยติชมกันบ้างนะคะ
ขอบคุณท่านที่ชอบและติดตามค่ะ แล้วพบกันตอนหน้า ^^   :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่7.1 (24/02/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 24-02-2014 22:45:36
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๗.๑  ทาสหรือคนใช้  ใครเลยจะหยั่งรู้





           “ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ .....ครืด ครืดดดด ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บบบ.... ครืดดด....”  เสียงเรียกเข้าอันคุ้นหู ซึ่งดังจากโทรศัพท์สุดที่รักของรงคเพท โนเกียร์รุ่นคุณปู่ที่เขาไม่เคยเปลี่ยนมาหลายปีแล้ว แม้ช่วงที่เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเขาไม่อัพเดทสักหน่อย คนรอบข้างได้รับเพียงเหตุผลเดียวจากเขาคือ โทรออก รับสายได้ คือหน้าที่ของโทรศัทพ์มือถือ มีไว้ใช้งาน ไม่ได้มีไว้โชว์






           083 XXX XXXX
           เบอร์แปลกแฮะ ?



        “สวัสดีครับ”



        “ครับ ”


        “ครับ? ”



        “........”  เสียงไม่คุ้น เบอร์ไม่รู้จัก ไม่พูดอะไร ต้องการอะไร



        “จะคุยกับใครครับ”



        “ผม..ต้นตอง” 
        ปี๊บบ... ปลายสายเพียงเอ่ยนามเท่านั้น ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เจ้าของหมายเลขก็รีบตัดสายทันที  นี่มันจะตามมาหลอกมาหลอนอะไรเขานักหนา กี่โมงกี่ยามโทรมาไม่ดูเวลาล่ำเวลา






        “ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ .....ครืด ครืดดดด.......”  เสียงเรียกเข้าดังอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ยอมรับสาย และปล่อยให้เสียงเรียกเข้านั้นดังต่อไปเรื่อยๆ สักพักก็เงียบไป แต่มีเสียงเตือนข้อความเข้าแทน






        ‘ถ้าคุณไม่ยอมรับสายผม ผมคงต้องไปคุยกับคุณถึงที่ เลือกเอาแล้วกัน’






           ข้อความที่รงคเพทกำลังอ่าน ไม่ต่างอะไรกับการข่มขู่สักนิด แต่คนๆนี้น่ากลัวจริงๆ ไปเอาเบอร์โทรศัพท์เขามาได้ไง





        “ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ .....ครืด ครืดดดด.....” มาอีกแล้ว จะรับหรือไม่รับดี ...เอาวะ ลูกผู้ชายนายรงคเพทไม่ใช่คนที่ชอบหนีปัญหา ผูกเอง กลัวไร เฮอะ ไอ้หน้าตุ๊ด




         “โหลล ไง มีไร”  สั้น ห้วน ซึ่งจริงๆแล้วคนพูดกำลังอยู่ในอาการ มือไม้สั่นสุดๆ



        “ผมจะโทรมาทวงสัญญา ” ปลายสายยังคงตอบอย่างนิ่งๆ แค่ได้ยินเสียงก็นึกหน้าออกเลยทีเดียว


        “สัญญาอะไรตอนนี้วะ มึงไม่หลับไปนอนรึไง ” พูดดีกับมันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ได้อยากหยาบคายหรอก แต่ปากมันไม่ไป


        “นี่เจ็ดโมงเช้า เวลาคนปกติควรตื่นได้แล้ว”


        “นี่มึงจะด่ากูไม่ปกติเหรอ ห๊ะ” 


        “ก็แล้วแต่นายจะคิด ”


        “เออดิ เรื่องของกู ...แล้วเอาเบอร์กูมาจากไหน (เสนียดหูแต่เช้าเลยกู )”  ท้ายประโยคพูดกระซิบกับตัวเอง แต่คนถือหูอีกฝั่งย่อมได้ยินอย่างแน่นอน



        “เฮ้ออ...นั่นมันก็เรื่องของผม ผมก็ไม่ได้อยากโทรให้นายติดเสนียดหรอก แต่นายควรรักษาสัญญา”



        “ก็เวลาอื่นไม่ได้รึไง กูนอนอยู่ เข้าใจป่าวว”  ปากก็บอกว่านอนอยู่ แต่เสียงด่าที่ลอดมานี่ใสแจ๋วโดยที่เจ้าตัวลืมไปสนิทว่าตื่นเต็มตาแล้ว



        “เวลานายรับใช้ผมมันมีจำกัด นายแพ้ตั้งแต่เมื่อวาน ผมยังใจดีให้เวลานายตั้ง 1 คืน นายควรพอใจ”



        “ตั้งหนึ่งคืน โธ่ กูขอบคุณ ซึ้งน้ำใจมึงมาก”



        “แต่เช้านี้ผมมาทวงแล้ว นายไม่ควรโต้แย้ง” 



        “……”

        “จะเอาไง ว่ามา ว่ามาเลยกูแพ้นี่ เอาไง เอ้า  ช้า เดี๋ยวกูเปลี่ยนใจนะ”  เสียงยิ่งเข้มเท่าไหร่ยิ่งเรียกรอยยิ้มจากตารกาได้เท่านั้น เขารู้คนอีกฟากที่กำลังคุยด้วยคงทั้งกลัวทั้งโมโห




        “อาหารเช้า วันนี้ผมมีเรียนตอน 9 โมง ผมต้องได้ทานตอน 8 โมงและ 8 โมงครึ่งอย่างช้าที่สุด”



        “พรุ่งนี้ละกัน พรุ่งนี้ๆ”



        “เก่งแต่ปาก”


        “เอออ ไอสัด อะไรก็คำเนี้ย วันอื่นมึงหาแดกยังไงล่ะ วันนี้ก็หาไปก่อนแล้วกัน”



        “จะวันนี้ หรือพรุ่งนี้ถ้าผมจะหาเองผมก็หาได้ แต่สิ่งที่ผมต้องการคือสัญญา”  ไม่น่าเลยนะรงคเพทเอ๋ย ท้าเขาเอง แพ้เขาเอง แล้วก็คิดจะเบี้ยวเขาเองอีกด้วย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นเลย



        “ถ้าวันนี้ผมไม่ได้ทานอาหารเช้า คุณและเพื่อนจะ....”



        “เอออออ !!!! ไม่ต้องด่ากูมาก เดี๋ยวกูซื้อไปถวาย เอาที่อยู่คฤหาสมึงมาด้วย กูจะได้อุทิศไปถูก”




        “พูดดีๆหน่อย เดี๋ยวจะตกนรกเปล่าๆ”  = = 



        “ผมอยู่คอนโด......... ชั้น........ห้องเลข314 ห้องริมสุดระเบียง คอนโดผมอยู่แถวๆ..... ขับเข้าซอยมานิดเดียวก็เจอ”  คำว่าห้องริมสุดทำให้คนที่กำลังเซ็งๆถึงกับชะงัก คงไม่ใช่คอนโดรั้วสีเขียวนะ   ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย




        “ผมไม่ชอบเข้าห้องเรียนสายหรอกนะ ช่วยตรงเวลาด้วย” 



        “.....”  ไม่มีเสียงด่ากลับ เพราะตอนนี้ปลายสายของตารกากำลังจมอยู่กับความคิดอีกแล้ว เรื่องที่เกือบลืมไปแล้วสำหรับรงคเพท กลับมาทำให้เขาคิดอีกแล้ว



        ต้นตองถือสายอยู่สักพัก ไม่มีการตอบรับจากรงคเพทเขาจึงวางไปในที่สุด เมื่อตารกาวางสายไป รงคเพทก็นั่งคิดปล่อยสมองอยู่สักพัก กับเรื่องที่รบกวนจิตใจเขามาตลอด ก่อนเหลียวดูนาฬิกา นี่เขาทะเลาะกับมันนานพอดู แถมเผลอนั่งเหม่อ จนเกือบจะแปดโมงแล้ว คิดได้เท่านั้นเขาก็รีบวิ่งออกจากห้องทันทีด้วยสภาพชุดนอน และหาซื้ออะไรแถวๆหน้าคอนโดเขาไปบริจาคทาน





        “ป้า เอาไรก็ได้มาถุงนึง”  ตอนนี้รงคเพทยืนอยู่หน้าร้านข้าวมันไก่หน้าคอนโด ที่เลี้ยวรถออกมาก็เจอร้านอยู่ตรงหัวมุมเลย สั่งไปแบบส่งๆ และเหลียวมองนาฬิกาข้อมือสีดำหน้าปัดสีชมพู ที่หนังรอบๆลอกออกไปแทบทั้งสายแล้ว ตอนนี้ แปดโมงสิบห้า จากคอนโดเขาไปคอนโดมัน เท่าที่คาดการณ์ไว้ คงไม่ต่ำกว่าสิบห้านาที นี่หากรถไม่ติด ถ้ารถติดก็นานกว่านั้นอยู่แล้ว เฮ้อออ มันยิ่งดูถูกอยู่นะ เอาเหอะ ไม่มีอะไรจะให้มันดูถูกล่ะนี่





        และก็เป็นอย่างที่เขาคิด ไม่ใช่รถติดอย่างที่คาด แต่ร้านข้าวมันไก่ที่เขาไปสั่ง ทำให้เขาต้องยืนรอเกือบครึ่งชั่วโมง เนื่องจากเป็นช่วงที่คนแถวนั้นลงมากินข้าว ก่อนไปเรียนหนังสือ และยิ่งอยู่ทำเลทองอย่างนี้ คนยิ่งเยอะอย่างไม่ต้องพูดถึง




        เขารีบบึ่งรถมอเตอร์ไซด์สุดเก๋(?) ไปคอนโดตารกาด้วยความเร็วปานหอยทากจาม ไม่ใช่เพราะรถติดเช่นกัน แต่เพราะเจ้ามอเตอร์ไซด์สุดเก๋หรือแก่ของเขา ที่ติดเครื่องตอนเช้าเกินไป อากาศเย็นๆทำให้เครื่องในที่ไม่ได้อุ่นก่อน เหยียบคันเร่งเท่าไหร่ ก็เร่งสุดได้เพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนั้น





        เมื่อเขาขับรถเข้าที่จอดของคอนโด นาฬิกาก็บอกว่าตอนนี้ เก้าโมงห้านาทีแล้ว อยากจะร้องไห้ซะเหลือเกิน เขารีบเดินเข้าไปทางล๊อบบี้ทันที แต่ประตูต้องเปิดโดยบัตรหรือแสกนลายนิ้วมือเท่านั้น แต่ยังโชคดีที่รอสักพักก็มีคนเดินมาแสกนลายนิ้วมือเพื่อขึ้นตึก เขาจึงสามารถเดินตามเข้ามาได้แบบ ไร้พิรุธ




        เขารีบกดลิฟต์ เมื่อถึงชั้น 3 เขาก็รีบวิ่งไปตามเลขห้อง และมาหยุดที่หน้าห้อง 314 ริมสุดระเบียง ไม่รอช้าเขากดกริ่ง กด กดอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดสักที จึงตัดสินใจ โทรออกไปยังเบอร์โทรศัทพ์ที่โทรเข้าหาเขาเมื่อเช้า รอสายสักพักก็ได้ยินเสียง ทุ้มนุ่มหู ที่บ่งบอกว่าพยายามพูดเสียงเบาสุดชีวิต







        “ฮัลโหล”



        “เปิดประตูดิ กูอยู่หน้าห้องมึงเนี่ย”



        “...... ผมอยู่ห้องเรียน คุณไม่มีนาฬิการึไง ”  จี๊ดด มันช่างจี๊ดหัวใจเหลือเกิน เขาอุตส่ารีบ กระวนกระวายแทบตาย รอสักนิดไม่ได้รึไง หน้าขาวซะเปล่า ใจดำชิบ



        “เอออ..แล้วจะเอาไง กูซื้อข้าวมาให้มึงแล้วเนี่ย”



        “นายเก็บไว้กินเองเถอะ ผมทานเรียบร้อยแล้ว แค่นี้นะ”  ตู๊ดดดด ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดดดด  พูดไปเพียงแค่นั้น แล้วตัดสายไปทันที






        “โห่ววววว !!!!!   ไอ้เชี่ยยยยยย !!!!! มึงแกล้งกูนี่หว่า ไอ้สัด ไอ้ควายยยยยย....”  สารพัดคำอวยพร รงคเพทยืนด่าเจ้าของห้องอยู่หน้าห้องสักพักก็เหนื่อย จึงเอาข้าวที่เขายืนรอมาเกือบครึ่งชั่วโมง ห้อยไว้ที่ลูกบิด





        ‘กูไม่แดก ของเหลือมึงหรอก ไอ้เชี่ยยยยยย...’  แม้คำทิ้งท้ายก็ยังคงสรรเสริญตารกาต่อไป




        เมื่อความรีบ หายไป รงคเพทก็ค่อยๆเดินเพื่อกลับไปลงลิฟต์ สิ่งที่เขาสังเกตได้ระหว่างทางที่เดินไปลิฟต์ คือ คอนโดนี้ หรูหรามากจริงๆ น่าจะมากที่สุดในย่านนี้ด้วยซ้ำ ชั้นนี้ทั้งชั้นมีเพียง 14 ห้อง และห้องริมสุดระเบียงคือห้องที่ใหญ่ที่สุดในชั้น เพราะกินเนื้อที่เท่ากับ 2 ห้อง ของห้องปกติเลยทีเดียว



        ทางเดินปูด้วยพรมสีน้ำเงินเนื้อดีที่ขั้นด้วยสีเนื้อและแดงเลือดหมู เรียกได้ว่าหรูหรากว่าคอนโดเขามากโข แล้วก็ต้องชะงัก สิ่งสำคัญที่เขาลืมไปสนิทคือรั้วของคอนโดนี้ สีเขียวรึเปล่านะ?




        เขากดลงลิฟต์และตรงไปยังที่จอดรถ ที่เขาจอดไว้อย่างลวกๆ และมองไปยังรั้ว ซึ่งติดกับป้อมยาม และลุงยามกำลังกางหนังสือพิมพ์อ่านอย่างมีความสุขอยู่ และ......ใช่ ใช่จริงๆ รั้วคอนโดนี้เป็นสีเขียว จะใช่รึเปล่า ใช่รึเปล่า มันมาอีกแล้ว เรื่องราวชวนเวียนหัว สิ่งต่างๆมากมายกำลังหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขาอีกแล้ว




        แม้ตอนนี้เขากำลังควบรถเพื่อเตรียมสตาทแล้ว แต่สมองยังคงคิดเรื่องอื่นอยู่ .....เรื่องรั้วสีเขียว




        ขี่รถออกมาตามถนนใหญ่สักพัก สติก็วูบกลับมา และบอกตัวเอง



        ‘เรียงเอ้ย สติมาๆ ตอนนี้มึงขี่รถอยู่ ตั้งใจขี่รถ ตั้งใจขี่รถ’  และก็ได้ผล รงคเพทสามารถขี่รถกลับคอนโดด้วยสวัสดิภาพ แม้ขี่เข้าที่จอดรถประจำตำแหน่งแล้วจะจอดเอียงกินที่คันข้างๆไปเกือบครึ่งคันก็ตาม




        ใช่เขารึเปล่า ไอ้ตุ๊ดหน้าขาวนั่น มันเป็นคนทำรึเปล่า รงคเพทเดินขึ้นห้องตัวเองอย่างไร้วิญญาณ เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในแล้ว เขาก็หย่อนตูดลงกับโซฟาหนังสีส้มสุดที่รักและนั่งสับสนอยู่อย่างนั้น จะว่าเขาเป็นคนคิดมากก็ได้ เพราะนั่นคือเรื่องจริง ไม่ใช่เพียงแค่คิดมาก แต่ยังเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย คิดไปเองและคิดไปไกลอีกด้วย




        คิดยังไงก็ไม่ได้คำตอบที่ถูกใจ จะใช่แน่หรือ เพียงแค่อยากเอาชนะเขา ไอ้ตุ๊ดนั่นถึงกับต้องทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ นี่มันเกลียดเขาขนาดนี้เลยรึไง เขาไปทำอะไรให้ มันถึงได้เกลียดขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐาน อาจไม่ใช่มันก็ได้ คิดวกคิดวน มัวแต่คิดจนไม่เป็นอันทำอะไรโชคดีหน่อยที่วันนี้เขาไม่มีเรียน ไม่งั้นคงลำบากน่าดู




           รงคเพทเปิดโทรศัทพ์ดูวันที่ วันนี้รามไม่มีเรียน เขาควรไปเยี่ยมน้องสักหน่อย เขาก้มมองตัวเอง นี่ไปมาถึงไหนต่อไหนแล้ว สภาพยังอยู่ในชุดนอนอยู่เลย เพราะมึงคนเดียวเลยยย ไอ้ตุ๊ด


        เขาจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุด เตรียมขับรถออกไปหาน้องชาย ก่อนไปแวะซื้อข้าวมันไก่ร้านหัวมุม ร้านเดียวกับที่ซื้อให้ไอ้ตุ๊ดเมื่อเช้า ไปฝากน้องด้วย โทรบอกสักหน่อย เดี๋ยวจะออกไปข้างนอกแล้วจะคลาดกัน







           “ตืดดดดดดดด....ตืดดดดดด..................ฮัลโหล”  รอสายไม่นาน รงคเพทก็ได้ยินเสียงใสๆของน้องชาย


           “รามอยู่ห้องป่าว เดี๋ยวพี่แวะเข้าไปหา” 


           “อยู่ดิ วันนี้ไม่มีเรียน”


           “อือ ซื้อข้าวมันไก่ไปฝากด้วย”


           “เยี่ยม ของโปรด เร็วๆนะ เดี๋ยวไปเตรียมจานให้”


           “รู้งานดี แต่อาจนานหน่อย”  เรียงออกมายืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้าน เมื่อพูดประโยคล่าสุดกับน้องชายก็หันเข้าไปมองในร้าน แล้วก็ถึงกับต้องถอนใจ


           “คนเยอะอ่าดิ”


           “มันก็เยอะด้วยนั่นแหล่ะ เมื่อเช้าก็คนประมาณนี้ รอเป็นชาติกว่าจะได้”


           “โหยย เดี๋ยวนี้เรียงกินข้าวเช้าด้วยดิ ตื่นเช้าเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”



           “เฮ้ออ พูดแล้วจี๊ดเลยเนี่ย จี๊ดเลย เรื่องมันยาว เดี๋ยวพี่ไปแล้วค่อยเล่า เปลืองค่าโทร”



           “งก .....โคตรงก รีบมาหล่ะ….ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด”  สงสัยน้องชายสุดที่รักกลัวเขาเปลืองอย่างที่เขาบอกจริงๆ รีบวางตัดหน้าเขาทีเดียว




           ร้านข้าวมันไก่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ มันได้เร็วกว่าเมื่อเช้ามาก นี่ขนาดเขาสั่ง 2 ห่อ พอเขาวางโทรศัพท์และเดินเข้าร้านมาก็ได้เลยทันที



           “ป้า ทำไมได้เร็วจัง เมื่อเช้ารอนานมากอ่ะ”  อดถามไม่ได้



           “ก็เมื่อเช้าไม่ใช่ข้าวมันไก่นี่ไอ้หนุ่ม ข้าวมันไก่มันก็แค่สับๆไก่วางโปะข้าวก็ได้กินแล้ว”



           “อ่าววว...”  อ่าว เขานึกว่าที่ซื้อให้มันเป็นข้าวมันไก่ ถึงว่าทำไมนานจัง



           “แล้วเมื่อเช้าป้าทำไรให้อ่ะ”



           “ยำสตอเบอร์รี่สด”



           “ห๊ะ !!! ยำสตอเบอร์รี่ !!!”


           “ใช่จ่ะ ยำสตอเบอร์รี่ ก็เห็นไอ้หนุ่มแฮงค์มา ป้าเลยทำอะไรแก้แฮงค์ให้”  เอริ๊กกกกก งามไส้แล้วกู ว่าละทำไมมันนาน น๊าน นาน โห่ย ป้า ไปเด็ดสตอเบอร์รี่อยู่อ่าดิ



           “ป้า ....ผมไม่ได้แฮงค์ ผมแค่พึ่งตื่นนนนน” 



           “แต่หน้าตาเอ็งเหมือนจัดหนักมาเมื่อคืน ป้าไม่รู้นี่หว่า”



           “โธ่ ป้า ผมไม่ได้จัดหนัก หน้าผมมันเป็นแบบนั้นเอง ฮือออออออออ”  รงคเพทอยากจะร้องดางง ดัง หน้าเขาตอนพึ่งตื่น มันหน้าคนแฮงค์หนักมาขนาดนั้นเลยหรือ นี่กูมีไรดีบ้างเนี่ยยย 




           “ไอ้หนุ่ม ไม่ร้องๆ ป้าแค่หวังดี ก็เห็นเอ็งบอกเอาอะไรก็ได้”



           “ครับป้า ผมผิดเองครับ ขอโทษด้วยแล้วกัน TT ” 



           “เอ้า ป้าแถมอีกห่อเอาไปเลย ข้าวมันไก่พิเศษ เป็นของปลอบใจ”  เพียงเท่านั้นแหล่ะ อารมณ์น้อยอกน้อยใจเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ด้วยข้าวมันไก่ฟรี เอาของฟรีมาล่อคนชอบของฟรี ก็อย่างนี้แหล่ะ




           “ขอบคุณครับป้า”  ยิ้มแก้มปริ พร้อมรับถุงมาจ่ายตังและออกจากร้านไป




           รงคเพทค่อยๆขี่รถหอยทากจามของเขาไปเรื่อยๆจนมาถึงหอพักของศรราม เมื่อเข้ามาในห้อง บนโต๊ะก็มีจานและช้อนส้อมเตรียมไว้เรียบร้อย ส่วนเจ้าของห้อง กำลังนอนดูการ์ตูนเอนิเมชันเรื่องล่าสุดที่ถูกโพสลงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์ฟรีอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ




           “สบายใจเฉิบเลยนะไอ้น้องรัก”  ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว แผลในใจน้องชายเขาคงค่อยๆหายไปบ้าง ตอนนี้จึงดูเจ้าตัวมีความสุขกับการดูการ์ตูนซะเหลือเกิน ศรรามโชคดีกว่าเขามาก ตรงที่ไม่เป็นคนคิดมาก และไม่ชอบเก็บความทุกข์ในอดีตมาทำร้ายปัจจุบัน



           “ใช่ แกะให้หน่อยนะ ขอบคุณ”  นั่น หันมาตอบหน้าตาเฉย แถมยังใช้พี่ชายให้แกะห่อข้าวให้อีก ไม่น่ารักเอาซะเลย แต่รงคเพทก็คงแกะห่อใส่จานพร้อมรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า เห็นน้องเขายิ้มแบบนี้ เขาก็สบายใจไปมากแล้ว



           “เสร็จแล้วคุณชาย ต้องประเคนให้ถึงบนที่นอนด้วยไหม”


           “มาสิ”


           “มากไปละ มา ลุกมากินดีๆ ”  ศรรามเห็นพี่ชายเริ่มดุ เขาจึงกดพอสไว้ก่อนแล้วลงจากเตียงมานั่งบนเก้าอี้แทน



           “น่ากินมากกกกก กินเลยนะคร้าบบ”  เอ่ยชมลากยาว และดวงตาใสๆก็ลุกวาว อย่างเด็กได้ของโปรด


           “เอาเลย ”



           “คิดตังค์ป่ะ”  ศรรามเอ่ยแซวพี่ชายยิ้มๆ พี่เขางกแค่ไหน เขาย่อมรู้ดีที่สุด



           “อยากจ่ายไหมล่ะ ไม่อยากก็กินไปไม่ต้องถามมาก”  เพียงเท่านั้น ศรรามก็ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็จอร่อย จนห่อแรกหมดลง



           “ทำไมวันนี้ซื้อมาตั้ง สามห่อล่ะ กินห่อเดียวแล้วกินน้ำตามก็อิ่มแล้วไม่ใช่เหรอ”  เรื่องจริงที่ถูกรงคเพทสอนมาตั้งแต่เป็นเด็ก กินข้าวจานเดียวก็เพียงพอต่อร่างกายแล้ว หากไม่อิ่มก็ดื่มน้ำตาหลายๆแก้ว แต่วันนี้พี่ชายใจดีอะไร มีพิเศษมาให้ด้วย




           “ได้ฟรีมา”



           “หะ ขโมยมาป่าว”



           “จะบ้ารึ ใครจะขโมยข้าวมันไก่ ”



           “แล้วทำไมเขาให้ฟรี”


           “อย่างที่บอก เรื่องมันยาววว พี่มีศรัตรูอยู่ที่ ม คนนึง”



           “เรียงพึ่งเข้าใหม่เองนะ มีศรัตรูแล้วเหรอ รวดเร็วทันใจดี อยู่ที่ไหนจะไม่สร้างศรัตรูบ้างได้ไหมเรียง”



           “พี่ไม่ได้หาเรื่องมันก่อนนะเว้ย .......”   รงคเพทเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้น้องชายฟัง ตั้งแต่เจอกันในผับครั้งแรก จนเมื่อเช้าที่เขาซื้อย้ำสตอเบอร์รี่ไปให้ประตูห้องมันกิน


           “โหย น่าสงสารอ่ะ”


           “ใช่ดิ เป็นเวรกรรมอะไรของพี่ก็ไม่รู้”


           “ป่าว ศรัตรูเรียงอ่ะ น่าสงสาร....เรียงไปท้าเขาเองนะ อดทนไม่เก่งเอง”


           “มันดูถูกพี่สารพัด จะให้พี่นั่งเฉยๆให้มันดูถูกเหรอ”  รงคเพทเริ่มมีน้ำโห น้องชายเข้าข้างศรัตรู ลมออกหูแล้ววว


           “ใช่ ดูก็รู้ เขายุให้เรียงโกรธ แบบนี้ก็สนุกเขาไปเลยดิ”  ศรรามให้เหตุผล และก็เป็นเหตุผลที่รงคเพทพึ่งมาคิดได้ เมื่อนั่งเงียบทบทวนเรื่องราวอยู่สักพัก


           “เอออ พี่มันโง่ ทำไงได้ล่ะ ”


           “ทำไรไม่ได้แล้ว ยอมรับชะตากรรมเถอะ ทำตัวเอง เองนะ”

           ไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆก็น้อยใจน้องชายขึ้นมาซะงั้น ถ้าเป็นคนอื่นนี่จะไม่คิดอะไรเลย แต่นี่น้องชายที่เขารักที่สุด กลับไปเข้าข้าง ไอ้ตุ๊ดหน้าขาว เจ็บใจยิ่งกว่าเจ็บใจ


           “ไม่ต้องมาทำเป็นน้อยใจเลย มีไรที่รามช่วยได้ รามก็จะช่วย เรียงก็ชอบเป็นแบบเนี้ย ไม่มีศรัตรูสักที่มันจะเป็นอะไรมากไหม”


           “พี่จะไม่ทำให้รามเดือดร้อน ....เพราะพี่”  ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ เรื่องรั้วสีเขียวก็วูบเข้ามาในสมอง เขาไม่อยากให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด ไม่อยากเชื่อมโยงว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับศรรามเป็นเพราะเขาได้ไปสร้างศรัตรูไว้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองเป็นแน่



           ศรรามไม่รู้ว่าพี่ชายเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้าที่แสดงออกมาตอนนี้มันฉายแววเจ็บปวดเด่นชัดมาก จนศรรามเองก็เริ่มใจหาย ว่าพูดแรงเกินไปรึเปล่า


           “รามขอโทษ รามเป็นห่วงเรียงนะ”  น้องชายที่น่ารัก กล่าวขอโทษพี่ชายด้วยน้ำเสียงเว้าวอน เพียงเท่านี้คนเป็นพี่ก็กลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้ง รงคเพทยิ้มตาหยี เห็นฟันขาวให้น้องชาย เป็นการบ่งบอกว่าไม่เป็น เขาสบายดี



           รงคเพทใช้เวลาอยู่กับน้องชายทั้งวัน นอนดูเอนิเมชัน และเล่นเกมด้วยกันจนเย็น เมื่อครู่มีคนโทรเข้าหาศรรามและชวนน้องชายออกไปทำกิจกรรมชมรม รงคเพทไม่ได้ค้าน เพียงแต่บอกให้น้องชายระวังตัว และเขาก็อาสาเป็นคนไปส่งศรรามถึงหน้าห้องชมรถที่มหาวิทยาลัย



           เมื่อส่งศรรามเสร็จ นาฬิกาก็บอกเวลาว่าตอนนี้ หกโมงเย็นแล้ว เขาคงต้องกลับคอนโดสักที ขี่รถออกมาจากมหาลัยของศรรามสักพัก โนเกียรุ่นบุกเบิกก็สั่นแรงๆอยู่ในกระเป๋ากางเกง รงคเพทตัดสินใจจอดรถข้างทางเพื่อรับโทรศัพท์ สายที่โทรเข้าคือเบอร์พบรัก เพียงเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอ ก็สามารถเรียกรอยยิ้มจากคนที่กำลังหน้าบึ้งอยู่ตอนนี้ได้ทันที


...
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่7.2 (28/02/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 28-02-2014 02:20:54
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๗.๒  ทาสหรือคนใช้  ใครเลยจะหยั่งรู้






           “สวัสดีครับ ไม่ทราบจะเรียนสายกับใคร”  ดัดเสียงให้หล่อที่สุดเท่าที่เจ้าคนหน้าโจรจะทำได้ และก็ได้ยินปลายสายหัวเราะคิกคักอย่างขบขัน


           “ผมโทรมาทวงหนี้”  ปลายสายที่น่ารักของเขาก็เล่นตามไปด้วย


           “เอ แต่ผมจำไม่ได้ว่าไปติดหนี้คุณตอนไหน นะครับ คุณชาย” รงคเพทยังคงทำเสียงหล่อ แบบทีมพากย์หนังฝรั่ง


           “คุณจะคืนให้ผมดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลัง” พูดไปกลั้นหัวเราะไป อะไรจะอารมณ์ดีขนาดนั้น


           “ตอนนี้ผมส่งคนไปดักหน้าบ้านคุณไว้แล้ว ถ้ากลัวก็ใช้หนี้มาซะ”  เจ้าหนี้คนน่ารักไม่สมกับคำขู่เลยสักนิด


           “ให้ใช้หนี้เป็นอะไรดีหล่ะครับ พอดีผมมีแต่ตัว....กับหัวใจ ฮึฮึ”


           “ไม่ยากหรอกครับลูกหนี้ แค่วันนี้ผมต้องกินข้าวคนเดียว”


           “แล้วท่านพ่อและท่านแม่ของคุณชายหล่ะครับ”


           “ไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนท่านหน่ะครับ”


           “คุณชายเลยเหงาสินะครับ”  พูดอย่างรู้ทัน น้อยครั้งมากที่พบรักจะโทรหาเขา หากไม่รู้สึกเหงาขึ้นมาจริงๆ


           “แล้วทำไมคุณถึงรู้ล่ะครับ”


           “เพราะผมรู้หน่ะสิครับ”  ยังคงคุยเล่นกันต่อไป แม้ว่าจะพูดไปยิ้มไปจนคนที่ขับรถผ่านไปมาเหลียวมองกันหมด


           “แล้วคุณจะเอาไงครับ จะมาทานข้าวเป็นเพื่อนผมรึเปล่า” 


           “ผมก็ไม่ได้อยากเล่นตัวอานะ แต่แบบ ค่าตัวผมค่อนข้างสูง คิดเป็นชั่วโมง”  เหยยย พูดไปได้เนาะรงคเพท


           “งั้นผมเลี้ยงข้าวเป็นค่าตอบแทนละกัน แล้วนี่เรียงอยู่ไหนเนี่ย ตกลงมาได้ไหม”  พบรักที่เล่นอยู่สักพัก ได้ยินเสียงดังของรถที่ดังผ่านเข้าสายเป็นช่วงๆ


           “ฮ่าฮ่าฮ่า .. ตอนนี้เราอยู่กลางถนนแหล่ะพบ ไปส่งน้องที่ม. มา” 


           “แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ปล่อยให้ผมเล่นอยู่ได้”  เสียงน้อยๆกำลังเริ่มขุ่น


           “เอาน่า เอาน่า แบบนี้ก็.....น่ารักดีนะ ฮึฮึ”  พูดอีกก็ยิ้มอีกนั่นแหล่ะ นี่เขาจะหุบยิ้มไม่ได้เลยจริงๆใช่ไหมกับคนๆนี้หน่ะ


           “.....”  พบรักที่โดนจีบกันแบบโต้งๆ ถึงกับเงียบไป


           “ฮ่าฮ่าฮ่า เงียบเลยรึ แล้วกินไหนอ่ะ ”


           “พบอยากกินไรอ่ะ เรากินได้หมดแหล่ะ คนกำลังหิว”


           “ผมอยากลองกินร้านตรงข้ามเซเว่นแถวสี่แยกดู”


           “หะ ร้านอาหารตามสั่งนะ พบกินได้เหรอ”


           “โธ่เรียง เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”


           “แล้วโทรชวนสองตัวนั่นยัง”


           “โทรแล้วครับ ไม่ว่างทั้งคู่ ”


           “มันมัวไปสวีทกันอยู่ไง”  เพื่อนตัวดีทั้งสองของรงคเพทมัวไปสวีทกันอย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหล่ะ ทำไมเขาจะไม่รู้ วันหยุดเมื่อไหร่มันก็เอาแต่ขลุกเล่นเกมกันทั้งวันอยู่สองคนที่ห้องไอ้กาว


           “เรียงรู้ได้ยังไงครับ เขาบอกว่าเล่นเกมกำลังติดลม”


           “เกมอะไรพบรู้เหรอ ฮึฮึฮึ”  หัวเราะแบบมีเลศนัยอีกแล้วนะรงคเพท


           “พอเถอะครับ หัวเราะแบบนี้ตลอด ผมหิวแล้วเนี่ยไปกันได้ยัง”


           “ให้เราไปรับที่บ้านป่ะ”


           “ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมไปรอที่ร้านเลย รบกวนเรียงเปล่าๆ”


           “รบกวนไรวะ เพื่อนกัน งั้นเดี๋ยวขากลับเราไปส่ง โอเค๊?”  ปากก็บอกว่าไม่รบกวน แต่ไม่เคยเห็นบ้านหลังงามของพบรักสักครั้ง อยากเห็นใจจะขาดว่ามันใหญ่โตอย่างที่ไอ้ยีนพรรณนาไว้จริงรึเปล่า


           “ถ้างั้นก็ได้ครับ เจอกันที่ร้านนะ ”


           “เร็วๆนะครับคุณชาย เผอิญผมอยู่ใกล้กว่าคุณคาดว่าจะถึงก่อน ขี้เกียจนั่งรอนะ ด่วนๆ”  พูดไปเพียงเท่านั้น รงคเพทก็กดวาง แล้วขึ้นควบมอเตอร์ไซด์คู่ใจ สตาร์ทเท้าและขี่ออกไปตามทางด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่สุด












           ครืดดดดดด.....ครืดดดดดดด.........Rrrrrrrrr






   
           โทรศัทพ์ในกระเป๋ากางเกงสั่นอีกแล้ว ขณะนี้รงคเพทกำลังจอดรถที่หน้าร้านอาหารตามสั่งและลงมายืนเป็นที่เรียบร้อย เขากดรับโดยที่ยังไม่ทันได้ดูเบอร์โทรเข้า




           “ว่าไงครับคุณเจ้าหนี้ ผมอยู่หน้าร้านแล้วนะ รีบมาเลย ผมหิววววว”  รอบนี้ไม่ได้ทำเสียงหล่อ แต่กลับเป็นเสียงอ้อน ที่เขาเคยใช้อ้อนสาวๆได้ผลมานักต่อนัก





           ปลายสายของเขาเงียบไปสักพัก รงคเพทไม่เข้าใจว่าทำไมพบรักถึงเงียบไป สักพักก็ได้ยินอีกเสียงที่ไม่ใช่เสียงพบรัก และประโยคที่ทำให้เขาอยากจะฆ่าตัวตายที่ตัวเองกดรับแบบไม่ดูหน้าจอซะก่อน





           “ผมก็หิว คุณลืมหน้าที่อะไรไปรึเปล่ารงคเพท”  ชัดเจน รงคเพทนำโทรศัทพ์ที่เมื่อสักครู่แนบหูลงมาดูเบอร์โทร และใช่ เบอร์ที่เขาเมมไว้ว่า ‘เสนียด ห้ามรับ’  รวมกับเสียงนุ่มๆติดเย็นชาเหมือนคนไม่มีอารมณ์ แต่อะไรของมัน หน้าที่อะไร





           “อะไร โทรมาก่อกวนไม่ต้องโทรนะเว้ย แค่นี้”


           “อาหารเย็นผมล่ะ หน้าที่นาย”


           “มึงบอกกูตอนไหน ว่ากูต้องหาให้มึงแดกวันละสามมื้ออ่ะ”  จากอารมณ์ดีๆเมื่อสักครู่ ตอนนี้มันหายไปแล้ว หายไปตั้งแต่เผลอไปกดรับสายห้ามรับเข้า


           “ผมก็บอกนายอยู่นี่ไง และข้อปฎิบัติอื่นๆ ผมเขียนเป็นสัญญาลายลักษณ์อักษรไว้แล้ว เผื่อนายเบี้ยว”


           “นี่มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ลงทุนไปมั้ง คิดไรกับกูเปล่าเนี่ย”


           “ผมเป็นคนรอบคอบต่างหาก....สำหรับคนอย่างนาย”  คำแรกก็ดูมีเหตุผล แต่ทำไมคำหลังมันเหมือนกำลังด่าเขายังไงไม่รู้



           “เออ เรื่องของมึงเหอะ”  ชักจะหงุดหงิดกับการต้องคุยกับไอ้บ้านี่แล้ว






           รงคเพทที่กำลังยืนคุยโทรศัทพ์กับตารกาเห็นรถประจำตัวที่คอยรับส่งพบรัก กำลังเข้าจอดเทียบฟุตบาทหน้าร้านที่สามารถจอดได้ชั่วคราว พบรักเดินลงจากรถพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่รงคเพทมองกี่ทีมันก็ช่างน่ารักสำหรับเขา วันสบายๆแบบนี้พบรักแต่งตัวเพียงเสื้อยืดกับกางเกงกีฬาสามส่วนสีดำพอดีตัว นี่ธรรมดาสุดๆแล้วแต่กลับดูดีมากในสายตารงคเพท รถคันนั้นก็วิ่งออกไป รงคเพทเดินไปหาพบรักและบอกให้พบรักเข้าไปก่อน





           “พบไปนั่งเลย คุยธุระแปป เดี๋ยวตามไป”  พบรักเพียงพยักหน้าและเดินเข้าร้านไป


           “.......”  รงคเพทเงียบให้ปลายสาย


           “......”  ปลายสายเขาก็เงียบเช่นกัน รงคเพทอยากจะกดวางซะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เป็นเบ้มันอยู่


           “อาหารเย็นผม ไม่เกินสองทุ่ม เอาอะไรมาก็ได้....ที่นายเห็นว่าสมควร” 


           “......”  รงคเพทเพียงเงียบฟัง เขาขี้เกียจต่อความยาวต่อความยืด


           “ผมหวังว่านายคงมีนาฬิกา” 


           “เออ มีไรอีกไหม กูจะไปแดกข้าว”  รงคเพทตอบเสียงเรียบๆ เหมือนคนกำลังรำคาญที่จะพูด


           “ไม่มี ”


           “เออ แค่นี้”


           “อ่อ...แล้วก็”


           “ไรอีกวะ เรื่องมาก”  เขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆแล้ว คนกำลังหิว น่ารำคาญจริงๆ



           “ไม่เอายำสตอเบอร์รี่นะ...ตู๊ดดด ตู๊ดด ตู๊ดดด”  จริงด้วย เมื่อเช้าเขาซื้อยำสตอเบอร์รี่ไปห้อยหน้าห้องมันนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า นึกแล้วก็ขำ ‘ไม่เอายำสตอเบอร์รี่นะ’ ฮ่าฮ่าฮ่า รงคเพทเปลี่ยนอารมณ์เป็นหัวเราะร่วนเดินเข้าร้านตามพบรักไป





           “อารมณ์ดีจังนะครับ คุยกับสาวล่ะสิ”  พบรักเอ่ยแซว รงคเพทรีบหุบยิ้มทันที


           “เป็นสาวก็ดีดิ เฮ้ออออ”  จากหน้ายิ้มแย้มกลับบูดบึ้งภายในเสี้ยววิ เพราะถูกทัก


           “อ่าว แล้วใครล่ะ ”




           “รับอะไรดีคะ”  ยังไม่ทันที่รงคเพทจะตอบ เด็กรับออเดอร์ก็เดินมาพร้อมกระดาษและปากกา


           “พบอยากกินไร”


           “ผมเอากะเพราหมูสับ ไข่ดาวครับ”  เมนูของพบรักทำรงคเพทงงอยู่เล็กๆ


           “โห คุณหนูพบรักกินข้าวผัดกะเพราว่ะ กินได้ด้วยดิ”


           “กินได้ดิ เรียงกินไร เขารอนานแล้ว”  หันกลับไปมองพนักงานก็เห็นหน้าเริ่มบึ่งแล้ว


           “เอาแบบเนี้ย 2 ครับ แหะๆ” เมนูสิ้นคิด แต่รงคเพทสิ้นคิดกว่า เพราะไม่คิดจะคิด




   
        “ทำไมอยู่ดีๆอยากกินอาหารตามสั่งล่ะ”  รงคเพทถามคำถามเดิมวนซ้ำๆ เพราะถามทีไรก็ไม่ได้คำตอบจริงๆสักที


        “ผมอยากลองทานดูบ้าง เห็นกาวกับยีนบอกว่าอร่อย”


        “ใช่ นี่ร้านประจำมันเลย เราก็มาบ้าง แต่ปกติมันสองคนไม่ค่อยชวนเราหรอก เหอะ”


        “วันหลังผมชวนเองดีไหม อย่าไปน้อยใจกาวกับยีนเลยครับ ผมว่าตอนคุณไม่อยู่เขาสองคนคงกินด้วยกันสองคนจนชิน”  นั่นสินะ เขาหายไปเอง ก็ไม่น่าแปลกหรอกที่มันจะมีความห่างเหินอยู่ในบางเรื่อง



        “อื้อ ถ้าพบชอบวันหลังเราพามาอีก”  พูดพร้อมยิ้มให้พบรักแบบตาหยีเห็นฟันสามสิบสองซี่กันเลยทีเดียว


        “เยี่ยมเลย ผมไม่ค่อยได้ทานอะไรแบบนี้ พาผมมาบ่อยๆนะ”  พบรักเองก็ยิ้มแบบสุดเช่นกัน





        รอไม่นานผัดกะเพราะไข่ดาวสองจานก็มาวางอยู่ตรงหน้า ทั้งคู่กินไปคุยไป แต่ดูท่าพบรักตอนนี้แก้มแดง ปากแดง หูแดง คงกำลังเผ็ดน่าดู ลุกขึ้นเดินเติมน้ำหลายรอบแล้ว จนรงคเพทต้องรีบทัก



        “ไหวป่าวพบ เผ็ดขนาดนั้นเลยดิ”  รงคเพทไม่เห็นว่ามันจะเผ็ดตรงไหน เดาว่าเจ้าของร้านคงใส่ทั้งพริกเม็ดใหญ่ให้สีสันดูน่ากิน และพริกขี้หนูทุบให้มีรสชาติเผ็ดแน่ๆ



        “แฮ่....ซืดดด เผ็ด ซืดดด ซืดดด ฮ่า คือผมไม่ค่อยได้ทานเผ็ดหน่ะ”  ดูสิ หน้าแดงหูแดง แถมยังน้ำตาไหลน้อยๆอีก น่ารักซะไม่มี ดูเจ้าตัวจะไม่สนใจกับอาการทรมานจากความเผ็ดสักนิด เพราะกำลังเอร็จอร่อย



        “ไม่ไหวก็พอเหอะ สั่งใหม่ก็ได้”  รงคเพทกำลังจะเรียกเด็กเสริฟ แต่โดนพบรักกวักมือบอกว่าไม่เป็นไร


        “ไหวเรียง คือมันเผ็ดนะ แต่อร่อยมาก”  นั่น หน้าแดงๆที่น้ำตาคลอกำลังยิ้มให้เขาอย่างลำบาก



        “เค งั้นก็กินไป มา เราไปเติมน้ำให้”  พบรักยื่นแก้วน้ำที่ถูกสูบน้ำออกภายในเวลาอันรวดเร็วให้รงคเพทไปเติมให้ใหม่




        นั่งดูพบรักกินข้าวไปแล้วก็อิ่ม ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจ ฮะฮะ คนอะไรชอบทรมานตัวเอง








        ครืดดด...... ครืดดดด.....Rrrrrrrr




        นั่งเพลินจนลืมเวลาไปสนิทว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว เสียงโทรศัทพ์เข้า ปลุกให้รงคเพทกลับมาดูเวลา และก็ได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มสิบนาทีแล้ว โอ้ ตาย ลืมไปสนิทเลยว่าไอ้ตุ๊ดหน้าขาวมันรอกินข้าวอยู่




        ดี ปล่อยให้มันรอไป คนอะไร กวนตีน


        “ไม่รับเหรอ ”


        “อ่อ ไม่อ่ะ เบอร์สมัครข่าวSMSหน่ะ ฮึฮึ”  ตอบพบรักไปอย่างไม่มีพิรุธ





        แต่ครั้งนี้มาแปลก เบอร์ห้ามรับโทรหาเขาเพียงรอบเดียวก็ไม่มีการโทรกลับมาอีกเรื่อยอย่างที่รงคเพทคาดการณ์ไว้ นั่นทำให้รงคเพทเริ่มกังวลน้อยๆ มันต้องกำลังด่าเขาอยู่แน่นอน หรือว่ามันหิวจนตายไปแล้ว รงคเพทจากที่นั่งอมยิ้มมองหน้าพบรักไปเมื่อครู่กลับเปลี่ยนเป็นหน้าตากังวลแทน สักพักก็อยากรู้ว่าไอ้คนโทรมามันเป็นลมตายรึเปล่า จึงตัดสินใจโทรกลับไป






        ตืดดดดดด........ตืดดดดดดดดดด..........รอจนสัญญาณรอสายหมดไปรอบแรก รงคเพทก็ตัดสินใจโทรกลับไปอีกรอบ แต่แล้วก็ยังไม่มีการรับสาย เขาจึงวางไปในที่สุด




        ในสมองของเขาตอนนี้กำลังวุ่นวาย คิดไปสารพัดอย่างคนชอบคิดมาก นี่มันตายไปแล้วรึเปล่า หรือมันกำลังหาทางแก้แค้นเขาอยู่ มันต้องกำลังด่าเขาอยู่แน่ๆ และอีกมากมายที่เขาคิดล่วงหน้าไปไกล  นั่งคิดไปเรื่อยจนถูกพบรักจับได้



        “เรียงเป็นอะไรรึเปล่า ข้าวเหลืออ่ะ กินให้หมดดิ”  พบรักทักหลังจากเห็นข้าวในจานรงคเพทเหลืออยู่ประมาณสองถึงสามคำ


        “ป่าวพบ พบอิ่มแล้วเหรอ”  รงคเพทมองไปเห็นจานว่างเปล่าที่มีพริกแดงๆถูกเขี่ยไว้ข้างจาน

        “อิ่มมากเลยล่ะ อร่อยมากด้วย”


        “อื้อ วันหลังมากันอีกนะ ป่ะ งั้นเราก็กลับกันเถอะ”


        “อ่าว เรียงก็อิ่มแล้วเหรอ ปกติเห็นกินหมดตลอด”  พบรักกินข้าวกลางวันกับสามโจรทุกวัน และทุกวันสามโจรก็ไม่มีคนไหนกินเหลือเลย


        “เราอิ่มแล้ว วันนี้มันเพลียๆหน่ะ”


        “งั้นก็กลับกัน ไม่ต้องไปส่งผมหรอก เดี๋ยวผมโทรบอกที่บ้านมารับ” 


        “ได้ไง สัญญาไว้แล้ว”


        “ดูสีหน้าเรียงคงเหนื่อยจริงๆ ไว้วันหลังค่อยไปส่งผมก็ได้ครับ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”  พบรักยังคงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร


        “อ่า เอางั้นเหรอ แต่เราอยากไปส่งจริงๆนะ”  รงคเพทกลับมารู้ตัวอีกครั้ง หลังจากจมอยู่กับความคิดของตัวเอง


        “งั้นน พรุ่งนี้ มาทานกันอีกนะครับ แล้วเรียงค่อยไปส่งผมกลับบ้าน” 


        “ได้ เราสัญญาเลย ”


        “ครับ ผมโทรบอกที่บ้านก่อนนะ”  พบรักโทรศัทพ์เพียงครู่เดียว รถคันเดียวกับที่มาส่งตอนแรกก็มาจอดเทียบฟุตบาทหน้าร้านอีกครั้ง โดยวันนี้พบรักอาสาเลี้ยงรงคเพทเอง รงคเพทยืนส่งพบรักที่หน้าร้านจนรถแล่นออกไป เขายืนอยู่ตรงนั้นอีกสักพัก ก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าร้านและสั่งผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวใส่กล่อง





        เมื่อได้ข้าวกล่องจ่ายเงินเรียบร้อย เขาก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปยังคอนโดของตารกาด้วยความเร็ว ที่เร็วกว่าที่เขาคิด ตอนนี้เขากำลังร้อนใจ กลัวไอ้ตุ๊ดมันหิวตายซะก่อน เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินมายังล็อบบี้ แต่ก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี เหลือบมองนาฬิกาหน้าล็อบบี้คอนโด ก็บอกเวลาว่าอีกห้านาทีจะสามทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว เขาตัดสินใจโทรหาเบอร์ห้ามโทร





        ตืดดดดด...... ตืดดดดดดด.........



        รอเพียงครู่เดียวปลายสายก็รับสาย รงคเพทเริ่มไม่เข้าใจตัวเองว่าจะดีใจทำไมที่มันรับสาย แต่โล่งใจแปลกๆ


        “กว่าจะรับนะ กูอยู่ล็อบบี้ ลงมาเปิดให้กูด้วย แค่นี้ ตู๊ดด..ตู๊ดด..ตู๊ดด”  พูดแบบรวดรัดฉับไวและตัดสายไปทันที ไม่รู้ทำไม ก็รู้ว่ามันคงหิว และก็รู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย แต่พูดดีๆกับมันไม่ได้เลยจริงๆ





        รอเพียงครู่เดียว บุรุษรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาครบเครื่องกับชุดนอนแขนยาวขายาวสีฟ้าลายขวางก็มาเปิดประตูให้คนที่นั่งรออยู่ตรงโซฟา ใบหน้าขาวใสนั้นยังคงฉาบไปด้วยความนิ่งเฉย รงคเพทรีบเดินเข้าประตูและตามขึ้นลิฟต์ไปอย่างเงียบๆ



        “เอ่อออ…” พูดไม่ออก ด่าก็ไม่ออก เห็นหน้ามันแล้วความรู้สึกผิดมันถาโถมเข้ามายังไงไม่รู้


        “ซื้อไรมาให้กินล่ะ”  ตารกาพูดทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้ารงคเพทสักนิด


        “เอ่ออ ข้าวกะเพราะหมูสับ อ่าา กินได้ป่าว”  รงคเพมก็ก้มหน้าก้มตาตอบเสียงเบา จนเดินมาถึงหน้าห้อง


        “เข้ามาก่อน”


        “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับเลย อ่ะ มึงเอาไปกิน”  เขายื่นถุงข้าวให้ตารกา


        “เข้ามาก่อน จะได้คุยเรื่องสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว”  รงคเพทก้มหน้างุดเดินตามตารกาเข้ามาให้ห้อง ทั้งคู่นั่งลงตรงโซฟาสีเทาเข้มบุหนังเนื้อดีสุดแสนนุ่ม ตารกายื่นกระดาษหนึ่งแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะให้รงคเพทอ่าน



        “สิ่งที่นายต้องทำ ”  หลังจากพูดจบตารกาก็เดินไปเกะกล่องข้าวใส่จานและเดินมานั่งยังโซฟาอีกตัวข้างๆที่รงคเพทนั่ง รงคเพทที่กำลังอ่านสัญญา ยิ่งอ่านคิ้วยิ่งค่อยๆย่นเข้าหากัน ทาส บอกเลยคำเดียว นี่มันทาสชัดๆ



        “แม่งโคตรยาว” อ่านไปก็บ่นไป


        “นี่กูต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ กูเป็นแค่นักศึกษาเองนะ เป็นผู้ชายด้วย จะให้มาทำเรื่องหยุมหยิมแบบผู้หญิงได้ไง” 


        “มันไม่เกี่ยวหรอก มันอยู่ที่ว่านายจะทำรึเปล่า แค่นั้น”

        “ข้อตกลงอย่างกับโรงเรียนดัดสันดาน ถ้ากูบอกว่าไม่ทำหล่ะ”  รงคเพทเสียงแข็งสู้


        “ผมคิดว่ามันยุติธรรมมากแล้วนะ ความจริงผมจะให้นายทำอะไรที่มากกว่านี้ก็ย่อมได้ นายน่าจะเข้าใจ”  ก็จริงของมัน ใช่สิ ชีวิตกูอยู่ในกำมือมึงแล้วนี่ จะโทษใครได้ กูผูกตัวเองไว้กับมึงเอง เฮ้ออออ



        “เฮ้ออออ...”  ถอนหายใจออกมาดังๆ พร้อมหน้าตาเซ็งสุดฤทธ์



        ตารกาไม่ได้พูดอะไร เขาจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว สภาพคนหน้าตาดีที่ตอนนี้กำลังเป็นสุขกับอาหาร ทำให้คนที่ไม่เคยเห็นคนๆนี้ในมุมอื่นๆถึงกับอมยิ้มน้อยๆ




        นั่นทำให้คนที่กำลังเจริญอาหารถึงกับชะงักและหันมามองรงคเพท เมื่อถูกจับได้รงคเพทก็แสร้งมองไปทางอื่นแล้วพูดขึ้นลอยๆ



        “คงหิวมากสินะ เฮ้ออออ น่าสงสารจริง ฮึฮึ”  ตารการีบวางจานข้าวลงและน้ำกระดาษทิชชู่เช็ดปากตัวเองอย่างลวกๆก่อนหันมามองคนข้างๆ


        “อะไร หิวก็กินไปดิ ไม่ได้ว่าไร”


        “ถ้านายยอมรับข้อตกลงแล้ว ก็เซ็นข้างๆกระดาษด้วย”


        “หะ ต้องเซ็นด้วย?”


        “ใช่ ข้างๆลายเซ็นผมนั่นแหล่ะ”  ตารกาเดินไปหยิบปากกามายื่นให้รงคเพท


        “เออ เอาไงก็เอาวะ ขนาดนี้ละ”  รับปากกามาและเซ็นลงไป เป็นอันว่าเรียบร้อย


        “อ่ะ เสร็จละ มีไรอีก กูกลับได้ยัง”


        “ยัง นายต้องทำตามสัญญาข้อ 4” รงคเพทเหลือบมองข้อ 4 ของมัน


        ‘4.การเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมต้องมีความซื่อสัตย์ ดังนั้นหากรู้สึกอย่างไร ควรแสดงออกมาอย่างเปิดเผย ทำผิดต้องยอมรับผิด หากรู้สึกผิดต้องกล่าวคำขอโทษอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ’


        “เหอะ ข้อ 4. ..... ”  รงคเพทอ่านทวนข้อความ


        “มึงทำได้เปล่าเหอะ มึงรู้สึกยังไงไม่เห็นแสดงออกมาเลย”


        “กระดาษแผ่นนี้มีไว้สำหรับนาย ผมจะทำหรือไม่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย”  รงคเพทแสยะยิ้มอย่างหมดอารมณ์ มันช่างสรรหาข้ออ้างมาได้เนาะ แล้วดูข้อ 4. มัน เฮ้ออออ แล้วก็ข้ออื่นๆอีก กูจะรอดยันไฟนอลไหมเนี่ย



        “เอออ แค่นี้นะ กูไปละ”  ตั้งท่าจะลุก


        “เดี๋ยว นายยังไม่ได้ทำข้อ 4”


        “อะไรอีกวะ ”  รงคเพทไม่ทันคิดว่าตารกาหมายความว่าอย่างไร เขาจ้องตากับตารกาอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่เข้าใจ


        “ตอนนี้นายรู้สึกยังไง”  รงคเพทยังคงนิ่ง อ่อ เป็นแบบนี้เองสินะ แล้วก็นึกถึงประโยคท้ายของข้อ 4. ..... ‘ทำผิดต้องยอมรับผิด หากรู้สึกผิดต้องกล่าวคำขอโทษอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ’


        “เออ ”


        “สามทุ่มครึ่ง”


        “กูขอโทษ”




        “ข้อ 1.”


        “........”


        “........”




        “.....ผม..........ผมขอโทษ........ครับ”  รงคเพทกลั้นใจพูดออกมาอย่างยากลำบาก แต่ละคำขาดๆหายๆและแสนจะแผ่วเบา แต่ประโยคนี้ก็สามารถเรียกรอยยิ้มของตารกาให้ประดับบนใบหน้าได้ รอยยิ้มที่รงคเพทเกือบลืมไปแล้ว เพราะหลังจากที่เห็นในผับตอนครั้งแรกที่เจอกัน เขาก็ไม่เคยเห็นมันยิ้มอีกเลย นี่ขนาดเขาเป็นผู้ชายด้วยกันแท้ๆ ยังต้องยอมรับว่าดูใกล้ๆขนาดนี้มันยิ้มแล้วดูดีมาก แถมยังอยู่ในชุดนอน ทำให้มันดูเหมือนเด็กเอามากๆ อยากจะรู้นักว่าจะมีใครเคยเห็นตารกาสุดยอดหนุ่มฮอตในมุมนี้บ้าง จะบอกว่าเขาโชคดีรึเปล่านะ นี่มันแรร์ไอเท็มชัดๆ






        เห็นตารกายิ้ม รงคเพทก็อยากยิ้มตาม แต่กัดกรามตัวเองไว้ อย่า อย่าไปยิ้มให้มันเห็น เดี๋ยวมันจะได้ใจ


        “ไปละ”  พูดประโยคสั้นๆ เว้นสรรพนามเอาไว้


        “กลับเถอะ พรุ่งนี้อย่าลืมหล่ะ อย่าให้พลาดบ่อย ผมไม่ได้ใจดีนักหรอกนะ”  จากกลั้นยิ้มเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่ต้องกลั้นแล้ว ไม่ยิ้มไม่เยิ้มมันละ กลับไปนอนดีกว่า เบื่อขี้หน้ามัน




        รงคเพทเดินออกมาจากห้องตารกาแล้ว พร้อมกับกระดาษถ่ายเอกสารหนึ่งแผ่นที่ไม่ได้มีลายเซ็นเขา ตารกาบอกให้เขาไปเซ็นเอาเอง รงคเพทขี่รถกลับหออย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวัน เพราะถูกไอ้ตุ๊ดหน้าขาวกวนตั้งแต่ 7 โมงเช้า วันนี้มันชักจะวนเวียนมาในชีวิตเขามากเกินไปแล้วนะ




        อย่าคิดว่ากูจะยอมญาติดีกับมึงง่ายๆ ไม่มีวันซะหรอก.....ตารกา





        ……………………………………………………………………..
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่7.2 (28/02/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 28-02-2014 10:45:05
มาเป็นกำลังใจให้เรียง  :mew1:
มาเป็นกำลังใจให้คนเขียน  :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่7.2 (28/02/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 28-02-2014 20:55:39
ติดตามจ้า สนุกมาก ลุ้นๆ  o13 o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่7.2 (28/02/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 03-03-2014 15:20:25
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๘ เพราะเหตุใด ใครเลยจะล่วงรู้   





           “เออว่ะ สัญญาทาสชัดๆ”



           “เอามาให้กูดูมั่ง”  เสียงแย่งกันดูสัญญาของรงคเพท อย่างกับเด็กกำลังแย่งของเล่นกันก็ไม่ปาน ไอ้กาวดึงกระดาษออกจากมือไอ้ยีน ที่อุทานประโยคแรกออกมา และเมื่อไอ้กาวเห็นสัญญาชัดๆ ก็ถึงกับตาโตหันมามองเพื่อนหน้าโจรอย่างอึ้งๆ



           “ไอ้ต้นตองมันจะเอาขนาดนี้เลยเหรอวะ แม่ง ท่าจะแค้นมึงน่าดู”


           “กูก็ไม่รู้ว่ะ ตั้งแต่เมื่อวานละ จิกกูทั้งวัน ”


           “อะไร เมื่อวานมึงกินข้าวกับไอ้พบไม่ใช่”


   “……..”


           “นี่มึงอย่าบอกนะ”


           “เออ”


           “โห่ ไอ้สัด ให้พบกลับบ้านเองเพื่อไปปรนนิบัติมันเนี่ยนะ เวรละเพื่อนกู”


           “กูว่ามึงยอมมันมากไปป่าววะ แล้วพบรู้เรื่องไหมเนี่ย”  ไอ้ยีนที่เหมือนจะดูออกว่าเขาสนิทกับพบรักในรูปแบบแปลกว่าเพื่อนคนอื่น


           “กูไม่ได้บอกว่ะ”  ตอบไปงั้น หลบตาไปด้วย


           “เออ เงียบไว้ มึงด้วยไอ้กาว  อย่าปากสว่างมาก”  ไอ้ยีนบอกไอ้ตัวการ และหันไปบอกไอ้กาว


           “ทำไมวะ ให้ไอ้คุณหนูมันรู้ มันจะได้ช่วยคิด”


           “มึงนี่มัน ไม่รู้ห่าไรเลยใช่ไหมเนี่ย”  ไอ้กาว ดูจากสภาพการณ์แล้วมันคงไม่รู้อะไรจริงๆ


           “เออ เอาเป็นว่าเงียบไว้พอ แค่นั้น”  ไอ้ยีนเพียงกำชับ ไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร แต่ไอ้กาวก็ไม่ได้ท้วง เพียงแค่เออ ออ ไปเท่านั้น


           “แล้วเมื่อเช้า มึงทำไง”   


           “กูก็ตื่นเช้าอ่าดิ  ”


           “เอาไรให้มันแดก”


           “ข้าวมันไก่”


           “ง่ายดีนะ มึงกะให้มันแดกข้าวมันไก่หัวมุมทุกเช้าจนเป็นเก๊าตายเลยใช่มะ”


           “ไอ้ยีน มึงก็รู้ กูรอวันนั้นอยู่ ”  ตายได้ตอนนี้เลยยิ่งดี เป็นภาระกูเหลือเกิน แล้วกว่าที่รงคเพทจะได้เงินค่าอาหารคืน ก็ต้องรอจนถึงวันอาทิตย์แต่ดีหน่อยที่มันจ่ายให้เขาพิเศษ



           “ปากดีไปเหอะมึง ระวังจะหลวมตัว”


           “หลวมตัวอะไรของมึง”


           “ไม่ไรหรอก แค่อยากเตือนมึงไว้ มึงมันขี้ใจอ่อน ระวังใจไว้หน่อย”


        “อะไรของมึง มึงก็รู้กูเกลียดมันขนาดไหน”


        “เออ มันต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว”  สิ่งที่ไอ้ยีนพูดมา รงคเพทไม่เข้าใจหรอก เพื่อนเขาต้องการจะบอกอะไร เข้าใจเพียงแค่พอรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสารแค่ไหน


        “มึงพูดไรกันวะ ไป เข้าเรียนเหอะ กูไม่อยากเข้าสาย วิชานี้คะแนนยิ่งน่ารักอยู่ด้วย”  ไอ้กาวผู้ไม่รู้อะไรเลย กอดคอเพื่อนทั้งสองเข้าห้องเรียน …..วิชาที่ รงคเพทแพ้พนันตารกา นั่นเอง



        เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ก็เจอพบรักนั่งอยู่ในที่ประจำตำแหน่ง ส่งยิ้มหวานมาให้แก่สามโจร ทำเอาสาวหน้าใสบางคนแถวนั้น ถึงกับหน้าขึ้นสีได้ทันตา



        วันนี้มีเรียนตอนบ่าย พบรักเข้าห้องเรียนมาก่อน เพราะทานข้าวมาจากที่บ้าน รงคเพทมัวแต่วุ่นวายจัดการกับสัญญาของตัวเอง ส่วนสองโจรที่เหลือก็นั่งกินข้าวด้วยกันสองคน เมื่อรงคเพทมาสมทบก็พากันเข้าห้อง



        “ไงพบ มานานยัง”  ไอ้ยีนเอ่ยทักพบรักเป็นคนแรก แล้วเจ้าตัวก็เดินไปนั่งข้างพบรัก ส่วนไอ้กาวและรงคเพทนั่งหลังทั้งคู่ถัดไปอีกแถว


        “พึงมาครับ ทานข้าวกันมาแล้วใช่ป่าว”  ตอบพร้อมรอยยิ้มประจำตัว


        “เรากับไอ้กาวเรียบร้อยละ เหลือไอ้เรียง มันยังไม่ได้กิน”


        “อ่าว ทำไมเรียงยังไม่กินล่ะ”  พบรักถามพร้อมหันไปหาโจรเรียง และได้รอยยิ้มตอบกลับมาแทน



        “มันรอไปกินพร้อมพบตอนเย็นไง”


        “ไอ้ยีน !!”  ไม่ได้ร้อนตัวแต่อย่างใด เพียงแค่ไม่คิดว่าไอ้ยีนมันจะพูด


        “ฮ่าฮ่าฮ่า แต่วันนี้พวกเราไปด้วยนะ เหงาวะ แดกกับไอ้กาวสองคนทุกวัน เบื่อขี้หน้ามัน”




        “อ่าวไอ้ยีน พูดงี้กูเสียใจนะเว้ย กินข้าวกับกูแล้วมันเป็นไงวะ”  ดูไอ้ยีนก็พูดยิ้มๆ แต่ไอ้กาวตอนนี้ไปแล้ว มันดูไม่รู้จริงๆเหรอว่าไอ้ยีนมันพูดเล่น จะจริงจังทำไมนักหนา


        “ไอ้ควาย จะโมโหทำไมเนี่ย ไอ้ยีนมันพูดเล่น เป็นไรมากไหมมึง”  รงคเพทไม่แปลกใจที่ไอ้กาวมันใจร้อน แต่นี่มันร้อนเกิดไปละ อะไรของมัน


        “เป็นห่าไร มึงสิเป็นไร กูป่าวเป็นไร”  พูดนี่ลิ้นจะพันกันอยู่ละ


        “ไปกันใหญ่ละไอ้กาว เช็คสมองบ้างนะมึง”  และก็ได้ยินเสียงไอ้เพื่อนตัวดีแถวหน้าหัวเราะกันคิกคักอย่างสนุกสนาน




        อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้าห้องมาแล้ว และตารกาที่เดิมตามหลังอาจารย์เข้าห้องมา เขาเดินไปนั่งประจำที่ ทางผ่านที่เดินไปต้องผ่านตรงแถวๆที่รงคเพทนั่ง แต่รงคเพทไม่กล้ายิ้มให้ กลัวจะเป็นเหมือนครั้งแรกที่เขายิ้มให้แล้วมันหันหนี ครั้งนี้เขาเลยจ้องมันแบบกินเลือดกินเนื้อแทน และสิ่งที่เขาได้รับกลับมาไม่ใช่หางตา แต่เป็นการมองข้ามไป คล้ายคนที่อยู่ตรงนั้นเป็นเพียงเศษผงที่เกาะติดอยู่บนเก้าอี้ ความรู้สึกมันยิ่งกว่าคำว่าอากาศธาตุเสียอีก



        “ฮึ่มม ฮึ่มมม ” 


        “เป็นไรมึง”  ไอ้กาวที่นั่งข้างๆกระซิบถามรงคเพทที่ทำเสียงแปลกๆ ที่ถูกเปล่งออกมาทางจมูก ไม่รู้เพื่อนเป็นอะไร เพราะไม่ได้สังเกตุว่าใครพึ่งเดินผ่านไป



        “เหี้ยเดินผ่าน”



        “หะ ไหนวะ ”  ไอ้กาวหันซ้ายหันขวาและก็ไปหยุดสายตาที่เดียวกับที่เพื่อนเขามองอยู่



        “เออ เสนียดโต๊ะกูละ ช่างหัวมัน ….มึงจะมองไรนักหนา เสียเวลาทำมาหากินไอ้สัด เรียนๆ”  ไอ้กาวที่บ่นๆไป แต่สายตาเพื่อนก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ตัวเหี้ยที่เขาพูดถึง จึงเรียกเพื่อนให้กลับมาเรียน




        “กูแค้น แค้น!! แค้น!! แค้น!!! มึงเข้าใจมะ”  เสียงรงคเพทที่ถูกพูดด้วยแรงอารมณ์ ทำให้ห้องสโลปทั้งห้องที่กำลังเงียบๆ หันมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน ยกเว้นสายตาเดียวของคนที่เขาแค้น ยังคงนั่งหลังตรงหันหน้าไปด้านหน้าห้อง




        “ไงละมึง แค้นกันทั้งห้อง ฮึฮึ”  ไอ้กาวที่เห็นเหตุการณ์เข้ามากระซิบกับรงคเพทที่ตอนนี้ทำได้เพียงยิ้มๆและผงกหัวเป็นการขออภัย


        “เฮียยยยย เอ้ยย”  กัดฟันพูดกับตัวเอง

 




        หลังหมดชั่วโมง สามโจรและอีกหนึ่งหนุ่มหน้าใสพากันไปนั่งร้านกาแฟ บรรยากาศธรรมชาติ มีพื้นที่ส่วนตัวอยู่ท่านกลางน้ำตกจำลองขนาดย่อมและรายล้อมไปด้วยดอกไม้ต้นไม้สวยงาม ยามเย็นย่ำมีลมเย็นๆอ่อนๆพัดผ่านมาตลอดเวลา อารมณ์ทุกคนตอนนี้กำลังสดชื่อ สังเกตได้จากรอยยิ้มน้อยๆที่ถูกแต้มบนริมฝีปากของทุกคนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ




        “ไงละมึง บอกไม่มาๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย”  ไอ้ยีนเอ่ยแซวรงคเพทที่ค้านสุดฤทธิ์ที่เขาชวนเพื่อนๆไปนั่งร้านกาแฟ มันบอกไม่ใช่แนว ขอเป็นร้านเหล้า แต่อีกสองเสียงที่เหลือกลับอยากลองมา และก็ไม่ผิดหวัง


        “เออ มึงถูก บรรยากาศดีว่ะ แม่ง อยู่แล้วสบายใจ”


        “เหมือนกู”  ไอ้กาวเอ่ยสมทบ


        “พบอ่ะ ว่าไง เวิร์คป่ะ”  ไอ้ยีนถามพบรักที่นั่งเงียบตั้งแต่มา



        “ผมชอบมากเลยยีน มันสงบแล้วก็เรียบง่าย ผมรู้สึกดีมาก”  เป็นอย่างงี้นี่เอง ที่เห็นนั่งเงียบๆนี่คงกำลังซึมซับบรรยากาศอยู่สินะ


        “ใช่ เราว่าที่นี่เข้ากับพบมากเลย”  รงคเพทหันไปยิ้มให้พบรัก เป็นรอยยิ้มที่ดูดีที่สุด ที่รงคเพทคิดเอาเอง  และเขาก็ได้รอยยิ้มหวานๆส่งคืนมาเช่นเคย
 


        “คืนนี้พวกมึงไปไหนกันป่ะ พ่อกับแม่กูมาว่ะ จะไปจัดซีฟู๊ด”  ไอ้กาวชวนทุกคน และคาดว่าไม่มีใครปฏิเสธแน่นอน ยิ่งรงคเพทที่ ….ชอบของฟรี แล้วด้วย



        “มึงยังจะถามอีก ถ้าไอ้เรียงมันไม่ไป กูยอมตกเป็นเมียมึงเลยอ่ะ”  ไอ้ยีนที่รู้ใจเพื่อนที่สุด ทำเอารงคเพทหัวเราะเสียงดัง พร้อมตบโต๊ะไปด้วยอย่างถูกใจ พบรักที่เอาแต่ยิ้มๆตอนนี้ก็ถูกใจคำพูดยีนเช่นกัน เพราะมันถูกต้องที่สุดแล้ว มีเพียงไอ้กาวคนเดียวที่เหมือนกำลังอึ้งอะไรบางอย่าง แววตาลุกวาวอย่างหาสาเหตุไม่ได้





        เสียงหัวเราะเฮฮายังคงดังไปเรื่อยๆ จนเกือบหกโมงเย็น ใกล้เวลานัดที่พ่อกับแม่กาวนัดทานข้าวแล้ว ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้พบท่านทั้งสองและรงคเพทที่กำลังตื่นเต้นกับอาหารทะเลฟรี








        ครืดดดดดดดดด…….. ครืดดดดดดดดดด………. ปี๊บบ ปี๊บบ ปี๊บบบ…. ครืดดดดด……

        เบอร์แปลกอีกแล้ว? กูหลอนนนนนน




        “สวัสดีครับ”


        “ฮัลโหล เรียงเปล่า”  เสียงใครหน่ะ คุ้นๆ คุ้นมาก แต่ไม่ใช่ไอ้ตุ๊ดหน้าขาว เพราะจำเสียงมันได้บ้างแล้ว


        “ครับ ใครพูดอ่ะ” 


        “โอมนะ จำผมได้ป่าว ที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกันอ่ะ”


        “อ๋อ จำได้ดิๆ โอมเพื่อนไอ้เ_ ย เอ้ยย ต้นตอง”  เกือบหลุดปากไปแล้ว


        “ครับ”


        “โอมมีไรเปล่า งานกลุ่มมีปัญหาเหรอ”


        “วันนี้มีแข่งบอลคณะอ่ะเรียง”


        “เอ้อ ใช่ๆ แต่ไม่ใช่คณะเรานี่ ทำไมเหรอ”


        “คือ…..คณะผมอยากได้สตาฟเพิ่มอ่ะ เรียงมาช่วยทีได้เปล่า”


        “อ่าว แล้วทำไมเราต้องไปด้วยอ่ะ เราไม่ได้อยู่คณะเดียวกับโอมนี่”


        “อ่อ มาไม่ได้ใช่ป่าว ไม่เป็นไรครับๆ แค่นี้ก่อนนะ”



        “ครับผม บาย”  อะไรของเขาวะ คนละคณะแท้ๆ ขาดสตาฟก็หาที่อื่นดิ ไม่ได้เกี่ยวไรกันเลยสักนิด เอ หรือจะไปช่วยเขาดี อาจขาดคนจริงๆรึเปล่า เห้ย ไม่ได้นะเว้ย จะพลาดของฟรีได้ไง




        “ใครโทรมาวะ”  ไอ้กาว มึงนี่ไม่อยากรู้อยากเห็นสักเรื่องได้มะ


        “โอม”


        “หะ ไอ้โอมเพื่อนไอ้ต้นตองอ่ะนะ”


        “เออ เพื่อนไอ้เหี้ยนั่นแหล่ะ โทรมาบอกสตาฟคณะมันขาดให้กูไปช่วย”


        “แล้วไมมึงไม่ไปวะ คนเค้าอาจขาดจริงๆก็ได้” 


        “กูไม่ไป กูจะไปแดกฟรี”


        “โหยย ไอ้เหี้ย พูดได้ตรงเหี้ยๆเลยครับเพื่อน” 


        “เออดิ ” ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนต่างพากันหัวเราะกับความตรงของรงคเพท จนถึงเวลานัดประมาณหนึ่งทุ่ม พ่อกับแม่ของกาว ก็ขับรถมารับทุกคนที่ร้านกาแฟ แต่ก่อนที่รงคเพทจะขึ้นรถโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก และก็เป็นเบอร์เดิม เบอร์ของโอม เขาจำเลขท้ายสาม
ตัวได้




        ‘จะเอาอะไรอีกวะ’


        “เชี่ยเรียง ขึ้นรถดิวะ”


        “เอ่ออ แปปนะมึง ขอคุยโทรศัพท์แปป”


        “เออ ได้ๆ รีบๆละกัน พ่อแม่กูรอ”




        ติ๊ด..



        “ฮัลโหล”


        “เรียงมาหน่อยเหอะนะ”


        “โอม เราอยากไปช่วยนะ แต่วันนี้เราติดธุระจริงๆอ่ะ เป็นเรื่องสำคัญด้วย”  กินฟรีกูมาก่อนอ่ะ บอกเลย


        “ผมไม่อยากพูดแบบนี้นะ แต่ไอ้ตองมันบอกให้ผมโทรหาเรียง มันบอกเป็นเรื่องสัญญา ”


        “……”


        “…….”


        “…….”


        “เรียงว่าไง ผมไม่รู้ว่าสัญญาอะไร เรียงตัดสินใจเอาแล้วกัน”

 
        “เรามีทางเลือกเหรอโอม แม่งเอ้ย …”




        ‘เอาไงดีวะกู อยากไปกินอาหารทะเลฟรี แต่ก็ติดสัญญาเป็นทาสไอ้ต้นตอง ไอ้เหี้ยนี่เขียนสัญญาครอบจักรวาลจริงๆ หัวมันทำด้วยอะไร ฉลาดชิบหาย โอยยย กูจะทำไงดีวะ กูอยากกินฟรีโว๊ยยยยยย’




        ได้แค่คิด แต่จะทำอะไรได้ กฎข้อที่ 3. ระบุไว้อย่างชัดเจน หากตารกามีเรื่องเดือดร้อนกะทันหัน และต้องการความช่วยเหลือ ต้องรีบมาทันทีอย่างไม่มีข้อแม้ …ที่ยอมเพราะเป็นคนมีสัจจะหรอกนะ ไม่งั้นกูแหกตั้งแต่ข้อแรกละเหอะ



        ‘นี่ถ้าเมียกูคลอดลูกกูก็ต้องทิ้งลูกทิ้งเมียไปหามึงใช่ไหม ไอ้สาดดดดดดด…..’



        “แข่งไหนกันอ่ะ”  สุดท้ายก็ต้องทำตามมันจนได้


        “สนามใหญ่สอง มาแล้วมาข้างสนามเลยนะ แถวๆสตาฟที่ใส่เสื้อสีเหลืองเทาอ่ะ”


        “เคๆ เดี๋ยวไป”


        “ครับ เรียงเข้าใจผมใช่ไหม”


        “คิดมากว่ะโอม โอมไม่ได้บังคับเราสักหน่อย เพื่อนโอมดิ ใช้เราอย่างกับทาสเลย น่าสงสารเนาะ”


        “ไว้ผมจะลองคุยกับมันดูนะ”


        “อื้อ ขอบใจมาก เดี๋ยวเจอกัน” 


 

        พอวางหูจากโอม รงคเพทก็เดินไปที่รถที่จอดรออยู่และบอกว่าตนติดธุระด่วนไปไม่ได้ โดยไม่ได้บอกใครว่าธุระอะไร ทุกคนก็พอเดาออกว่าคนไม่พ้นเรื่องของตารกาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ไอ้กาวด้วย ไม่มีใครอยากทำให้เสียบรรยากาศจึงไม่ได้ทักท้วงออกไป



        หลังจากนั้นรงคเพทก็รีบขี่มอเตอร์ไซด์คู่ใจเข้ามหาวิทยาลัยทันที ไปจอดยังสนามกีฬาใหญ่แห่งที่สองและเดินขึ้นไปยืนริมทางเข้าสนามเพื่อมองหาทีมคณะของตารกา และก็เห็นโอม รงคเพทค่อยๆลัดเลาะไปข้างสนามเพื่อนเดินไปหาโอม



        “โอม”


        “เรียง มาเร็วกว่าที่คิดนะ”


        “มีไรให้เราช่วยอ่ะ”  มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลง ความเบื่อหน่ายทั้งหมดถูกเก็บไว้ภายใน และส่งรอยยิ้มไปให้แก่โอม เขาดีกับคนที่ดีกับเขาเสมอ โอมไม่ได้เลวร้าย คนที่เลวร้ายหน่ะ ไอ้คนนั้นต่างหาก ใส่ชุดนักบอลเสื้อสีน้ำเงินคาดแดง ดูแล้วคงตำแหน่งสำคัญน่าดู




        “ผมไม่ได้เป็นคนคุมโดยตรงนะ เรียงต้องไปหาคนนั้น”  แล้วชี้ไปที่ชายคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาดูดี หน้าขาวใส แต่ไว้หนวดเคราคงจะเพื่อเอาไว้เพิ่มความดุ



        “เดี๋ยวผมพาไป….พี่จิ๊บเดี๋ยวผมมานะ ดูแลตรงนี้ไปก่อน”  โอมสั่งงานก่อนพาเรียงเดินไปหาคนคุมงาน


        “ช่วงนี้เรากำลังเตรียมตัวกันอยู่ คู่ที่แล้วพึ่งแข่งจบไป อีกประมาณ 5 นาทีก็เริ่มละ”


        “แล้วโอมไม่ลงเหรอ”


        “ผมไม่ได้ลง ผมเป็นโค๊ชให้ทีมหน่ะ”  เสียงและวาจาที่บ่งบอกว่าสุภาพที่สุด บวกกับรอยยิ้มแสนเป็นมิตร ทำให้อารมณ์เหนื่อยหน่ายของรงคเพทเบาไปได้เยอะ คนตรงหน้าเขาคนนี้ มีจิตวิทยาสูงมากเขายอมรับ


 
        “ปลั๊ค นี่เรียง จะมาช่วยคณะเราอีกแรง”



        “โอเคครับพี่โอม ”


        “เรียง ผมไปก่อนนะ มีอะไรก็ถามปลั๊คได้เลย ปลั๊คเป็นประธานกีฬารุ่นน้องคณะผมเอง”  โอมกลับไปประจำตำแหน่งพร้อมรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น


        “หวัดดีพี่ ผมปลั๊ค พี่เรียงใช่ไหมครับ มาทางนี้เลย ผมเตรียมงานไว้ให้พี่แล้ว”  รงคเพทไม่ได้สนใจกับประโยคที่ปลั๊คพูดด้วย รู้แค่ว่าตัวเองต้องทำงาน



        แต่ทำไม งานของเขาถึงหนักนักล่ะ ทั้งแบกถังน้ำสำหรับนักกีฬาลงจากหลังรถกระบะมายังด้านในสนาม ขนน้ำแข็งมาใส่เพิ่มความสดชื่น เติมน้ำใส่ขวด  วิ่งเอาไปให้นักกีฬาแต่ละคนในช่วยพัก แต่ที่เสียอารมณ์ที่สุดก็ตอนวิ่งเอาไปให้ไอ้ตุ๊ดหน้าขาวแล้วมันทำเท่ ไม่ดื่มน้ำเสือกเอาไปราดหน้าแทน ทำแค่เนี้ย ก็ได้รับเสียงกรี๊ดใหญ่โตจากอัฒจรรย์แล้ว ยิ่งตอนมันเลิกเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้า เส้นประสาทในรูหูรงคเพทแทบจะปริแตก




        พอลงสนามเท่านั้นแหล่ะ ถึงได้รู้ มันได้เล่นตำแหน่งกองหน้า จะกองหน้าหรือกองเอาหน้ากันแน่ แตะยังไม่เข้าเลย กรี๊ดกันอยู่ได้ แล้วก็มามองดูตัวเอง บอลเหรอ รงคเพทไม่สันทัดนัก ถ้าถามว่ารงคเพทชอบเล่นอะไร เฮ้อออ หมากฮอตสินะ ถนัดที่สุดละ และก็เป็นกีฬาโปรด แต่ใครจะมานั่งกรี๊ดตอนแข่งหมากฮอตหล่ะ สมาธิกระเจิงหมดพอดี




        เกือบหมดเวลาแล้ว ตอนนี้คณะของตารกานำอยู่ 2-0 และคนทำประตูก็คงไม่ต้องบอกว่าใคร ‘กองเอาหน้า’ มันนั่นเอง ดูมันเตะแล้วก็แอบชื่นชมอยู่บ้าง มันมีเทคนิคในการหลอกล่อคู่ต่อสู้ได้ดีจริงๆ นี่ขนาดเขาไม่ชอบเล่นฟุตบอลนะ แล้วรงคเพทก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจ มีอะไรที่ไอ้หน้าขาวมันทำไม่ได้บ้าง มันมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง เห็นทำอะไรก็ดีก็เด่นไปหมด ไม่อยากยอมรับแต่ก็เป็นเรื่องจริง เขาอดอิจฉามันไม่ได้เลย เพียบพร้อมทุกอย่างขนาดนั้น แล้วเขาก็ยังคิดจะไปสู้กับมันได้เนาะ ยิ่งคิดยิ่งปลงตก




        ในระหว่างที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั่นเอง ลูกบอลที่ควรกลิ้งอยู่ในสนาม ก็พุ่งมาทางที่รงคเพทนั่งอยู่ด้วยความแรงและเร็วสูง รงคเพทที่คืนสติไม่ทัน ทำได้เพียงหลับตาปี๋ เพราะจะหลบก็คงจะไม่ทันแล้ว มันอยู่ตรงหน้าแล้ว แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ ไม่มีบอลกระแทกหน้าโจรๆของเขา เขาค่อยๆเปิดตาขึ้นมอง และก็ได้เห็น คนที่เขากำลังแอบอิจฉาในใจ ตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่ไม่ห่างจากเขานัก ส่วนบอลลูกนั้นปลิวหายไปไหนแล้วไม่ทราบได้ ไม่นานเกินรอ หน่วยปฐมพยาบาลก็นำเปลมาแล้วประคองตารกาขึ้นนอนบนเปล




        รงคเพทไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่ เพราะตัวเองหลับตาปี่ เขาไม่รู้ว่าต้องตามตารกาไปที่รถพยาบาลด้วยหรือไม่ เขาไม่กล้าลุกไปไหนจึงตัดสินใจนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ตามไปดู ในทีมตอนนี้ได้ส่งคนไปเล่นแทนตำแหน่งตารกาเป็นที่เรียบร้อย




        เมื่อตารกาได้รับบาดเจ็บ คณะฝั่งตรงข้ามก็กลับมาตีเสมอได้ในช่วงสุดท้าย และยิงลูกโทษได้จนเอาชนะคณะของตารกาไปในที่สุด รงคเพทไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือย่างไร แต่สายตาคนในทีมผู้แพ้ตอนนี้มองเขาแบบแปลกๆ ถ้ามองไม่ผิด เหมือนเขม่นซะมากกว่าเป็นมิตร 




        ไม่รอให้คิดนานกว่านั้น โอมที่เคลียร์ทีมเรียบร้อยก็เดินมาหาเขา บอกจะไปดูอาการตารกาสักหน่อย แต่เกมส์มันจบแล้ว รงคเพทขอตัวกลับก่อน แต่โอมบอกเขาควรไปดูอาการตารกาด้วยและระหว่างทางโอมก็เล่าให้ฟังว่าตารกาช่วยสกัดบอลเอาไว้ไม่ให้โดนเขา เพราะว่าทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดพุ่งเข้ามา ทำให้เมื่อสกัดบอลได้ ร่างก็เซถลาถูระนาบกับพื้น และลงด้วยความแรงไม่รู้อาการเป็นอย่างไรบ้าง


        “ไงเพื่อนตอง เก่งนักนะมึง อัศวินเลยดิ”  โอมแซวเพื่อนที่ดูจากสภาพแล้วไม่น่าเป็นอะไรมาก


        ตารกาไม่ได้ตอบอะไร ด้านรงคเพทที่เดิมตามโอมเข้ามาเห็นตารกาแล้วก็ใจหาย นี่มันช่วยเขาไว้จริงๆเหรอ ช่วยทำไม ช่วยแล้วทำให้มันต้องเจ็บ ทีมมันแพ้ แถมมันยังพันผ้าพันแผลทั้งแขนทั้งขาขนาดนั้น


        “เป็นไง อะไรหักมั่งล่ะ”  ไม่ได้เอ่ยขอบคุณ และนี่ก็พูดด้วยเพราะที่สุดที่รงคเพทพยายามเค้นออกมาได้แล้ว



        “ขาไม่หัก แค่กระดูกเคลื่อน นิ้วมือขวาซ้นสี่นิ้ว”  ตอบลอยๆ ด้วยน้ำเสียงเฉยเมยย หน้าตาไม่บ่งบอกอารมณ์อะไร



        “ไหวไหมเนี่ยเพื่อนกู เดี๋ยวกูขับไปส่งมึงเองแล้วกัน”



        “ให้เราไปส่งได้เปล่า …..”  เพื่อนสองคนหันมองหน้ากันแล้วหันมามองรงคเพทที่อยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา แม้ว่าคนอาสาจะกำลังยืนกรอกตาไปมา เพื่อไม่อยากมองตรงๆ ปากไปก่อนเสมอเลยรงคเพท


        “เราขับรถยนต์เป็นนะ”  อะไรกัน คิดว่าเขาขับรถไม่เป็นรึไง



        “เอ้อ ได้ ดีเหมือนกันนะเพื่อนตอง เดี๋ยวกูอยู่เคลียร์สถานที่ต่อก่อนแล้วกัน ให้เรียงไปส่งนะ …..เรียงผมฝากไอ้ตองด้วย”  รงคเพทพยักหน้าหงึกหงัก ด้านตารกาเริ่มมีสีหน้ากังวล




        รงคเพทให้หน่วยปฐมพยาบาลช่วยกันพาตารกามาขึ้นรถ เขาพึ่งเคยเห็นรถตารกาเป็นครั้งแรก และก็ต้องยืนตะลึงไปชั่วขณะ Ferrari F430 สีดำขลับ สแกนด้วยตาธรรมดาก็ดูรู้ คันนี้คงไม่ต่ำกว่า ยี่สิบล้าน  จากที่ไม่ค่อยได้ขับรถยนต์อยู่แล้ว พอมาเจอเฟอร์รารี่ ความมั่นใจกลับลดน้อยถอยลงไปอีก ไม่ไหว ไม่ไหวแน่ๆ หากขับแล้วมันเกิดอะไรขึ้นมา เขาคงรับผิดชอบไม่ไหว เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้วแต่รงคเพทไม่ยอมขับสักทีตารกาจึงเอ่ยขึ้น



        “ขับไม่เป็นรึไง”  ไม่มีเสียงตอบรับจากรงคเพท และรถก็ยังไม่ถูกสตาร์ท


        “ใครจะรู้ว่าต้องมาขับเฟอร์รารี่วะ ”


        “แล้วจะเอายังไง ไม่กล้าขับรึไง”


        “มึงเจ็บขาใช่ป่ะ ”


        “อือ”



        “แล้วก็เจ็บแขน”


        “อือ”



        “แล้วมึงเจ็บตูดป่ะ”


        “หะ”



        “กูหมายถึงตูดมึงกระแทกพื้นรึเปล่า”


        “เปล่า เอาขากับแขนขวาลง”



        “ถ้างั้น….”  เงียบไปพักใหญ่ ตารกาที่ไม่เห็นรงคเพทพูดอะไร เขาก็เงียบเช่นกัน สักพักรงคเพทก็เปิดประตูรถออกจากรถไป และเดินอ้อมมายังฝั่งที่ตารกานั่งเปิดประตูออก จ้องหน้าสักพักด้วยหน้าตาจริงจัง



        “มึงเคยนั่งมอเตอร์ไซด์ป่ะ”  ประโยคที่ทำให้ตารการอึ้งรับประทาน นี่เป็นครั้งแรกที่รงคเพทเห็นตารกาอึ้ง



        “ผมไม่เคยนั่ง”


        “มึงน่าจะลองดู”



        “ผมเจ็บขาอยู่”



         “มึงบอกกูเอง มึงไม่ได้เจ็บตูด ซ้อนได้”  แต่ถึงกระนั้น ตารกาก็ยังไม่ยอมขยับ แม้ว่ารงคเพทจะพยายามพยุงให้ตารกาลงอย่างไรก็ตาม


        “มึงไม่กล้าซ้อนมอไซด์รึไง”



        “ผมคิดว่ามันไม่ปลอดภัย”  ไม่รู้อะไรเข้าสิงรงคเพท เขานั่งลงยองๆให้มองหน้าคนในรถได้ชัด มองหน้าหล่อๆนั้นด้วยหน้าตาจริงจังและบอกออกไป


        “เชื่อใจกู”  ประโยคที่ทำให้ตารกาถึงกับเงียบไป สักพักก็ค่อยๆดันตัวเองออกจากรถยนต์ โดยที่รงคเพทคอยช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืนได้  ตารกาค่อยๆเดินไปที่ที่รงคเพทจอดมอเตอร์ไซด์ไว้ด้วยไม้เท้าข้างหนึ่งและรงคเพทประคองอีกข้างหนึ่ง




        เมื่อมาถึงรถ รงคเพทยกรถขึ้นขาตั้งคู่ พยุงให้ตารกาขึ้นไปนั่งให้เรียบร้อย เมื่อจัดการตารกานั่งเรียบร้อยแล้วเขาก็ค่อยๆควบรถและเอาขาตั้งคู่ลงด้วยความนุ่มนวลที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาก่อน รงคเพทขี่รถหอยทากของเขาด้วยความเร็ว ยี่สิบกี่โลเมตรต่อชั่วโมงเพราะกลัวสะเทือนคนด้านหลัง เมื่อมาถึงคอนโดของตารกา ยามที่เฝ้าหน้าคอนโด รีบออกจากป้องประจำการ มาช่วยพยุงตารกาให้ลงจากรถ




        รงคเพทคอยประคองตารกาตั้งแต่หน้าล๊อบบี้ยันขึ้นนลิฟต์ ช่วยไขประตูห้องให้และพาตารกาไปนั่งยังโซฟาตัวเดิมที่เขามาทำข้อตกลงเมื่อวาน


        “ขอบคุณ ผมโอเคแล้ว นายกลับเถอะดึกมากแล้ว”




        “ไม่ว่ะ คืนนี้กูอยู่เป็นเพื่อนมึง”





…………………………………………………………………………………………………………………

เย้ !!!!  มีคนชอบ : )) ขอบคุณมากนะคะ กำลังใจในการแต่งเพิ่มขึ้นเยอะเลยย ^________^
ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยค่ะ    :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่9 (06/03/14) ^^
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 06-03-2014 16:26:02
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๙ เพราะเหตุใด ใครเลยจะล่วงรู้๒



        ‘ปากไปก่อนสมองอีกแล้วกู มันจะว่ากูบ้าไหมเนี่ย’


        “เอ่ออ กูหมายถึงว่า….”  รงคเพทเงียบไปสักพัก เขายืนจ้องคนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ผ้าพันแผลพันอยู่ทั้งแขนทั้งขา


        “…..”


        “ขอบใจ”  คำที่เอ่ยแสนแผ่วเบานั้น ทำให้คนเจ็บหันมามองหน้าคนที่จ้องตนอยู่เมื่อครู่ เมื่อตารกาหันมารงคเพทก็เสมองไปทางอื่นแทน


        “หะ”


        “ที่มึงช่วยกู”


        “…..”



        “ขอบใจ” 



        “ผมไม่ได้ช่วยนาย”  น้ำเสียงนั้นเฉยเมย ไม่ได้บอกบ่งบอกว่าพูดจริงหรือพูดเล่น นั่นทำให้คนที่กล่าวคำขอบคุณเริ่มเกิดความไม่พอใจ



        “ไม่ได้ช่วยกู แล้วนี่อะไร”  รงคเพทเดินไปคว้า แขนที่ถูกผ้าพันแผลพันไว้โดยรอบ คนถูกคว้าอย่างแรงไม่ได้เอ่ยหรือทำสีหน้าว่าเจ็บอะไร แต่ไม่มีแรงต้าน แขนที่อ่อนเหมือนไร้กระดูกของตารกาทำให้รงคเพทปล่อยอย่างรวดเร็วคล้ายจับถูกของร้อน



        “ผมแค่อยู่ใกล้ตรงนั้นที่สุด มีโอกาสหากผมโหม่งเข้า…ทีมก็ได้ประตู”  ฟังดูมีเหตุผล แต่ความมีเหตุผลของคนเจ็บทำให้ความรู้สึกของคนหน้าโจรที่เกิดความประทับใจเมื่อครู่ วูบดับไปทันตา



        “กูพึ่งรู้ มึงเทพมากที่กะโหม่งจากอีกฝั่งสนามแล้วหวังให้เข้าประตูตัวเองได้”  ไม่รู้ว่าพูดปลอบใจตัวเองรึเปล่า แต่สีหน้าและแววตาของคนหน้าโหดตอนนี้มันวูบไหวซะทำคนหน้าขาวใจหายไปตามๆกัน



        “ความจริงผมก็ไม่คิดว่ามันจะเข้าได้หรอก”



        “…..”



        “ผมแค่รู้สึกอยากทำแบบนั้น”  คำพูดแสนธรรมดาที่คนพูด พูดออกมาจากใจไม่ได้มีแผลนการแต่อย่างใด แต่กับคนที่ชอบคิดมาก กลับคิดไปไกลแสนไกล และก็เกิดรอยยิ้มน้อยๆที่เจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าตัวเองยิ้มทำไม



        “ดี สมน้ำหน้า งั้นที่มึงเจ็บก็ไม่เกี่ยวกับกูละนะ …มึงทำตัวเอง”  จากอารมณ์หดหู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอีกอารมณ์หนึ่งแล้ว



        “แล้ว คืนนี้”



        “กูนอนนี่ไง พูดไปแล้ว ทำไมต้องให้พูดหลายครั้ง”



        “นายยังไม่ได้ขออนุญาตผมเลย”



        “อะไร กูแค่ทำตามสัญญาที่มึงเขียนให้ไง ‘หากตารกามีเรื่องเดือดร้อนกะทันหัน ต้องมาทันที’ ไม่ใช่?”



        และไม่ว่าตารกาจะมีแสนล้านเหตุผลแต่รงคเพทก็แถไปได้เรื่อยๆ คืนนี้คอนโดสุดหรูของตารกาจึงได้ต้อนรับผู้มาเยือนใหม่ที่ดูเผินๆแล้วไม่น่าจะเป็นแขก น่าจะมาปล้นห้องเขาซะมากกว่า



        ตารกาอนุญาตให้รงคเพทนอนห้องเดียวกับเขา แต่รงคเพทขอนอนที่ห้องรับแขกแทน แม้ว่าห้องของตารกาจะกว้างขวางมาก แต่ก็ถูกแต่งเติมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราครบครัน จะเลือกนอนส่วนไหนของห้องก็ยังได้ ทุกมุมมีโซฟาสีสวยแถมเนื้อนุ่ม บางตัวคาดว่าแพงกว่าเตียงที่รงคเพทใช้นอนอยู่ทุกวันนี้ด้วยซ้ำ



        “ผมว่านายควรไปนอนบนเตียงให้เป็นกิจจะลักษณะ’’



        “ไม่ โซฟามึงน่านอน นุ่มกว่าเตียงกูอีก นอนนี่แหล่ะ แจ่มสุดๆ”  รงคเพทพูดพร้อมๆกับนอนลงบนโซฟาตัวโตคล้ายเตียงแถมยังนุ่มถูกใจเขายิ่งนัก



        “เฮ้อ..”



        “…..”



        “ผมสั่ง”



        “ไม่”



        “ไปนอนบนเตียงดีๆ”



        “กูไม่ไป”  หลับหูหลับตาตอบอย่างไม่สนใจคนที่ยืนถือไม้เท้าค้ำหัวตนอยู่ตอนนี้



        “ถ้านายอยากนอนที่นี่ นี่เป็นคำสั่ง”  ตารกาเริ่มออกคำสั่งจริงใจ ทำให้รงคเพทที่กำลังนอนสบายๆเด้งตัวขึ้นมาและมองคน
หน้าขาวตาขวาง



        “อะไรก็สั่ง สั่ง สั่ง สั่ง เออ ไปก็ไป กูเป็นทาสมึงนี่ !!”  พูดกระแทกเสียงและเดินปึงปังเข้าไปยังห้องนอน




        ทั่งคู่อยู่ในห้องนอนของตารกาเป็นที่เรียบร้อย ห้องนอนที่ทำเอารงคเพทเกิดอยากเป็นโจรขึ้นมาจริงๆ ของประดับตกแต่ง แต่ละชิ้นมันช่างล่อตาล่อใจเขาซะเหลือเกิน โดยเฉพาะภาพที่แขวนอยู่บนหัวเตียง เป็นภาพที่ไร้ความหมายออกแนวนามธรรมให้ความรู้สึกที่หลากหลายในภาพเดียว แบบที่เขาชอบ สีหลายสีถูกละเลงลงบนกระดาษสีดำ และอัดด้วยกรอบสีทองหรูหรา ช่างเป็นภาพที่ดึงดูดเขามากเหลือเกิน



        “ชอบเหรอ”



        “อือ มันสวยมาก ไม่ยักกะรู้ว่ามึงชอบศิลปะด้วย”



        “ผมไม่ได้ชอบอะไรภาพนี้เป็นพิเศษหรอก นี่เป็นภาพที่น้องผมวาดและใส่กรอบมาให้เป็นของขวัญวันเกิด”  คำบอกเล่าของตารกาทำเอาคนที่หลงใหลในศิลปะแนวนี้ถึงกับฉงน



        “มึงมีน้องด้วยเหรอ ….ต้องน่ารักมากแน่เลย”



        “ใช่ น้องผมน่ารักมาก”  รงคเพทได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับอมยิ้มน้อยๆ เขารู้สึกตกหลุมรักภาพนี้ซะแล้ว และก็คงไม่แปลกหากจะรู้สึกดีต่อผู้วาด



        “แนะนำให้กูรู้จักบ้างดิ….เห่ย อย่างมองกูอย่างงั้น กูแค่ชอบคนที่วาดศิลปะแนวนี้”



        “กระจกวาดได้หลายแนว แต่เขาหลงใหลแนวนี้มากที่สุด”



        “ชื่อกระจกเหรอ น่ารักว่ะ”  ตารกาเดินกะเผกอ้อมหัวเตียงไปยังโต๊ะทำงานที่ตั้งไปอีกฝั่งหนึ่งของห้องและหยิบกรอบรูปตั้งโต๊ะมายื่นให้รงคเพทดู



        “น้องผมคนข้างๆผม”  ในรูปเป็นรูปที่คาดว่าน่าจะถ่ายไว้สมัยเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย คนด้านซ้ายมือเขาจำได้ว่าเป็นตารกา เพราะหน้าตาครบเครื่องติดออกสวย ดวงตากลมโต จมูกโด่งตรงเป็นสัน และปากอิ่มที่บอกชัดเจนว่าคือคนที่ยืนข้างเขาอยู่ตอนนี้ ส่วนอีกคนที่ยืนด้านขวาของภาพมีหน้าตาไม่ต่างกันนัก ใบหน้าออกหวานหยดแต่ตัดผมทรงสกินเฮด ส่วนสูงก็เกินไอ้หน้าขาวไปอยู่มากโข นี่กระจกผู้น่ารักในจิตนาการของเขา …..เป็น ผู้ชาย(ที่หน้าตาดีกว่าเขา มาก?)



        “กระจก เอ่อ เป็น ผู้ชาย”  ได้เห็นใบหน้าอันตะลึกโลกของโจรห้าร้อย ก็ทำให้ตารกาหัวเราะออกมาฮึฮึ อย่างขำขัน



        “น้องผมเรียนเอกการวาด พึ่งขึ้นปีหนึ่ง”



        “เหมือนน้องกูเลย อยู่ปีหนึ่งเหมือนกัน”



        “น้องนายเรียนอยู่ไหนหล่ะ”



        “ทำไม จะจีบรึไง น้องกูเป็นผู้ชายโว้ยยย กูไม่ให้มึงรู้จักหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า”  สิ่งที่รงคเพทได้รับมีเพียงหน้าตาเอือมระอาจากตารกาเท่านั้น



        หลังจากนั้นตารกาขอตัวไปอาบน้ำ แต่ดูจากสภาพแล้ว รงคเพทเลยอาสาเช็ดตัวให้ ยังไงซะคนหยิ่งคนนี้ก็ยอมเจ็บตัวเพื่อเขา แม้มันจะให้เหตุผล แต่ก็ขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยแล้วกัน



        รงคเพทนั่งเช็ดตัวให้ตารกาบนเตียงโดยที่ตารกาเหลือเพียงผ้าเช็ดตัวพันส่วนล่างไว้ มือสากลูบไล้ผ้าขนหนูเนื้อดีไปบนร่างกายที่ขาวสะอาด เขาไม่เคยเห็นผู้ชายผิดละเอียดขนาดนี้มาก่อน ผิวขาวที่ไม่มีรอยตำหนิแม้แต่จุดเดียว รวมกับกลิ่นอ่อนๆที่รงคเพทคิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นที่ออกมาจากผิวขาวนี้ เขาพยามแล้ว พยายามที่จะกดอารมณ์ธรรมชาติของตัวเองเอาไว้ แต่ตากลับจ้องตะลึงอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่เคยมีรสนิยมที่จะสนใจต่อร่างกายผู้ชาย แต่หากเป็นผู้ชายคนอื่นมาเห็นอย่างที่เขาเห็นตอนนี้ คงตกตะลึงไม่แพ้เขา เขามั่นใจ



        ตารกาที่เห็นคนหน้าโจรชงักไป ก็พอจะดูออก คนตรงหน้าเขาคงกำลังชื่นชมตัวเขาอยู่ ไม่ได้หลงตัวเองแต่อย่างใด เพียงแค่รู้ตัวไม่ว่าจะเป็นสาวหรือหนุ่มที่เขาเคยควง ทุกคนก็มีสีหน้าอย่างนี้ทั้งนั้นไม่แตกต่างไปจากนี้แม้แต่คนเดียว



        “ผมนึกว่านายชอบผู้หญิง”  เสียงนั้นเรียกให้คนที่กำลังจ้องเขาเอาๆได้สติ และหันมามองหน้าคนเรียก



        “เอ่ออ…”  พูดไม่ออก ได้ยินไม่ชัดด้วยว่าเมื่อกี้มันพูดอะไร



        “มึงว่าไงนะ”  ถามพร้อมกระพริบตาปลิบๆ



        “ผมนึกว่านายชอบผู้หญิง”  คำพูดที่ทำให้ผ้าถึงกับหลุดจากมือของรงคเพท



        “โธ่ ไอเฮียยย กูชอบผู้หญิงสิวะ”  พูดไปก็นึกโมโหตัวเองไป พยายามจะไม่จ้องไม่นึกละนะ เสียหายหมด



        “นั่นอะไร”  คนผิวเนียนชี้ๆมาที่ปากของคนหน้าโจร



        “ไหน อะไรวะ”  คนที่กำลังโมโหตัวเองรีบวิ่งไปส่องกระจกอย่างรวดเร็ว



        “ไม่เห็นมีไร”



        “นั่นไง น้ำลายไหล ”  โอยยย โดนมันเล่นแล้วไง หะ เดี๋ยวนะไม่เห็นมี



        “ฮึฮึ”  ตารกาหัวเราะในลำคอให้กับคนร้อนตัวที่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก



        “เอออ เอาเข้าไป มีไรจะว่าให้กูอีกไหม”  หงุดหงิด เสียรู้มันครั้งแล้วครั้งเล่า



        “ไม่มี พอแล้วหล่ะ นายไปอาบน้ำเถอะ เสื้อผ้าในตู้ หยิบเอาได้เลย”  รงคเพทเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว อยากทำไรก็
ทำเถอะไอ้หน้าตุ๊ด 




        เมื่อเดินออกจากห้องน้ำมา คนเจ็บก็แต่งตัวเรียบร้อย ส่วนเขาที่รีบเดินเข้าห้องน้ำโดยยังไม่ได้หยิบเสื้อผ้าเข้าไปด้วย มี
เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันส่วนล่างออกมาเท่านั้น ดีหน่อยที่คนบนเตียงกำลังนอนอ่านหนังสือ และตู้เสื้อผ้าก็มีแบ่งโซนมาต่างหาก ซึ่งโซนนี้ไม่ได้มีตู้เพียงตู้เดียว ตู้มากมายละลานตา ทั้งตู้รองเท้า ตู้ใส่เครื่องประดับ ตู้เก็บหมวก แล้วตู้ชุดนอนมันอยู่ตู้ไหนเนี่ย มาอยู่แบบนี้ก็อายอยู่เหมือนกัน ไม่ได้อายที่ต้องเปลือยส่วนบนต่อหน้าผู้ชายด้วยกันหรอก แต่เขาสู้มันไม่ได้เลยจริงๆ กับผิวขาวละเอียดแถมซิคแพคของมัน เขาก็พอมีบ้าง แต่ก็ยังสู้มันไม่ได้  เกิดมาไม่เคยรู้สึกอายสภาพตัวเองขนาดนี้ เมื่อมาโดนเปรียบเทียบ



        เขาเลือกสุ่มเดินไปเปิดตู้ไม้โอ๊คสีดำเคลือบเงาแปล๊บ ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นคือ ชุดสูทหลากสี ทั้งดำ เทา สีอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งทั้งตู้นี้มีแต่สูท เดินไปเปิดตู้ข้างๆ เจอเสื้อแขนยาวสำหรับใส่กับสูท ตู้ข้างๆต่อไปอีก เจอกางเกงสแล็คและเสื้อนักศึกษาทั้งตู้ โอยย มันจะเยอะไปไหน แล้วชุดนอนมันอยู่ตู้ไหน เขาตัดสินใจเดินไปอีกตู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตู้ไม้โอ๊คสีดำครั้งแรกที่เปิด ปรากฏว่าเจอตู้สำหรับไว้สูทอีก สูทมันจะเยอะไปไหน



        “จะเปิดอีกนานไหม”  คนที่ควรนอนอยู่บนเตียงตอนนี้มายืนพิงข้างตู้ริมสุดมองเขาอยู่



        “กูไม่รู้ชุดธรรมดามันอยู่ตู้ไหน”  ตอบแบบไม่หันมามองหน้า มันมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คนยิ่งอับอายตัวเองอยู่




        “อยู่ตู้นี้”  บอกพร้อมหันหน้าไปทางตู้สีขาวที่ยืนพิงอยู่ รงคเพทเดินมาเปิดตู้สีขาวที่มีตารกายืนพิงอยู่ เขาเลื่อนประตูตู้ออก
ครึ่งหนึ่ง ก็พบชุดนอนที่ถูกรีดและแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ สิ่งที่รงคเพทคิดได้ตอนนี้คือ



        ‘กูเกลียดคนรวย!!’





        เขาตัดสินใจหยิบชุดนอนสีเทาลายขวางออกมาหนึ่งชุด แต่ก็ยังไม่กล้าเดินออกจากมุมนั้นเพราะเหมือนสายตาหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่อย่างไม่วางตา และเขาเองก็ไม่กล้าหันไปสบตามันซะด้วย



        “ใส่สิ” 



        “…..”  ไม่มีปฎิกริยาขยับเขยื้อนแต่อย่างใด



        “อายรึไง ให้ผมช่วยไหม”



        “อายอะไรมึง มึงสิน่าอาย มายืนดูกูโป๊เนี่ย”  เป็นคนที่ยุขึ้นจริงๆ สีหน้าก็สุดแสนจะเครียดแค้น นี่กะจะกินหัวตารกาเลยทีเดียว



        “…..”  ตารกาไม่ได้ตอบอะไร และก็ไม่ได้เดินไปไหน เขายังอยู่ที่เดิมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แต่รงคเพทที่ตอนนี้เริ่มร้อนรน กำลังจัดการสวมเสื้อและกางเกงนอนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยบังคับให้มือและใจไม่สั่นแรงไปมากกว่านี้ ทำไมคนๆนี้เหมือนอ่านเขาออกทุกอย่างเลยนะ ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ



        “เสร็จแล้ว”  บอกไปห้วนๆและรีบเดินออกจากตรงนั้น





        “เดี๋ยว ! …เอาผมไปด้วยสิ”  รงคเพทหันมามอง คนที่เขาลืมไปสนิทว่ามันกำลังบาดเจ็บอยู่



        “แล้วเมื่อกี้มึงมาไง” 



        “….”  เงียบ ตารกาไม่ได้ตอบอะไร แต่หน้ายิ้มๆเมื่อครู่หายไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงใบหน้าไร้อารมณ์ เห็นดังนั้นรงคเพทจึงรีบเดินไปพยุงคนหน้าบึ้งไปนั่งที่เตียงทันที  และมาถึงเตียงตารกาก็เลื่อนตัวลงนอนทันที



        “ปิดไฟด้วย”  พูดเพียงเท่านั้นก็ปิดตาลง



        ‘อะไรวะ ถึงเตียงก็นอนเลย นี่มันกี่โมงเอง ใครจะไปนอนหลับ’




        เป็นประจำที่รงคเพทนอนเกือบเช้า วันนี้ต้องมานอนเร็วกว่าปกติจึงไม่ชินนัก แต่คนที่นอนข้างๆเขาตอนนี้คงจะเพลียจากการแข่งกีฬา หัวถึงหมอนสักพักลมหายใจก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิทเป็นที่เรียบร้อย



        “เอาวะ นอนก็นอนวะ พรุ่งนี้ตื่นเช้าอีก”  บ่นไปงั้นแล้วก็ล้มตัวลงนอน และเมื่อหลังสัมผัสที่ที่นอนและหัวสัมผัสกับหมอนรงคเพทก็รู้สึกสบายสุดๆ เตียงตารกาพิเศษของแท้แน่นอน ไม่รู้ว่ามันทำมาจากอะไร แต่มันแสนจะนุ่ม ทั้งที่นอนทั้งหมอน เขาตัดสินใจพูดสิ่งที่คิด



        “ขอบใจอีกครั้ง..ที่ช่วยกู”  รงคเพทเอ่ยอย่างแผ่วเบาให้กับคนที่นอนหลับไปแล้วข้างๆเขา เหลือบมองคนผิวใสในความมืด 



        เขาหลับตาลง ไม่ถึงห้าวินาที สิ่งที่ได้พบเมื่อครู่ตอนเช็ดตัวให้ตารกาก็แวบเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ พยายามสลัดทิ้งก็แล้ว ลองทำสมาธิก็แล้ว ก็ยังเอาจากหัวไม่ได้ จึงต้องลืมตาขึ้น เมื่อลืมตาก็ช่วยให้เลิกคิดไปได้บ้าง แต่เมื่อหลับตาลงอีกครั้งมันก็กลับมาคิดอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ตลอดทั้งคืน เขาพยายามคิดเรื่องอื่นแทนที่ทำให้มีความสุข แต่สุดท้ายก็วกกลับมานึกถึง ทำให้คืนนั้นเขาตาค้างยันเช้า ดูนาฬิกา รอบสุดท้ายจำได้ว่า ตีห้าครึ่ง
       





        “อืมมมม”  ดวงตาค่อยๆเปิดขึ้น รงคเพทลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตนนอนอยู่ที่ไหน



        “ทำไมเพดานกูแปลกๆวะ แจ๊บ แจ๊บ”  เพราะยังตื่นไม่เต็มที่เขาจึงยังไม่ทันนึกอะไร หลับตาลงต่อ ขอนอนอีกสักนิด แล้วก็ต้องเด้งตัวลุกขึ้น เพราะเกิดนึกขึ้นมาได้ ว่าตอนนี้อยู่ห้องใคร



        “เห้ยยย เผลอหลับไปตอนไหนวะเนี่ย ”  ลุกลี้ลุกลนหยิบโทรศัทพ์มาดูเวลา สายที่ไม่ได้รับ 18 miscalls ใครโทรมาเยอะแยะวะ…ไอ้กาว ..ไอ้ยืน…พบรัก โทรมากันครบเซตเลย เหมือนรงคเพทจะเริ่มนึกอะไรบางอย่างออกรีบดูนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลา สิบโมงกว่าแล้ว ซึ่งวันนี้เขามีเรียนตอนแปดโมงเช้า และที่สำคัญกว่านั้น คือวันนี้มีสอบย่อยเก็บคะแนน








        “ไอ้ต้นตองงง !!!!!!!!!!!!!!”  ตะโกนลั่นห้องด้วยความแค้นสุดขีด เขารีบวิ่งเข้าห้องน้ำ และใส่ชุดเก่าของเมื่อวานที่ใส่มาคอนโดมัน ในห้องตอนนี้ไม่มีเจ้าของห้องอยู่ ไม้เท้าก็ไม่อยู่ด้วย คาดว่าคงออกไปเรียนแต่เช้าแล้ว




        เขารีบจัดการตัวเองและออกจากคอนโดไปด้วยรถคู่ใจที่ไม่เคยทันใจเขา ยิ่งวันนี้แล้วใหญ่ รู้สึกว่ามันช้าเกินไปแล้ว  เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยก็พบว่าประตูห้องถูกล็อคไว้ ไม่ว่าจะเคาะอย่างไร ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น



        ‘ฮือออออออออออ คะแนนกู !!!!!!!!!!!!!!’ 



        ยืนปลงตกอยู่หน้าห้องสักพัก เพื่อนที่สอบเสร็จก็ทยอยออกมากันเรื่อยๆ จนคนล่าสุดที่ออกมาคือไอ้กาว ไอ้กาวที่เห็นเพื่อนตนยืนหน้าเครียดอยู่หน้าห้องก็รีบเดินเข้ามาหา



        “โทรหาไม่รับวะ ไอ้สัด”  เห็นหน้าละขอด่าก่อนเลย



        “กูไม่ได้ยินว่ะ โทษด้วย กูปิดเสียงไว้ตั้งแต่เย็นละ”



        “เมื่อเช้าไอ้ยีนมันไปปลุกมึงที่คอนโด แต่ไม่เจอมึง มึงไปนอนไหน”  เครียดสอบก็เครียด แล้วจะให้บอกเพื่อนยังไงว่าไปนอนห้องไอ้ต้นตองมาหน่ะ รงคเพทไม่รู้จะเครียดเรื่องไหนก่อนดี



        “กู คือกู”  อ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมมองหน้า แค่นี้เพื่อนเขาก็เดาออกแล้ว



        “เมื่อคืนมึงไปนอนห้องไอ้ต้นตองมาใช่ป่ะ”  ไม่ใช่เสียงไอ้กาว แต่เป็นเสียงไอ้ยีน



        “ไอ้ยีน มึงรู้ได้ไง”  ไอ้ยีนแสนอัจฉริยะ มันรู้ใจเพื่อนไปหมดทุกอย่างจริงๆ ว่าแต่มันออกมาตอนไหน



        “เมื่อวานเย็นมึงโดนมันลากคอไป ไม่ต้องบอกก็รู้” 



        “เออ พวกมึงอย่าพึ่งเข้าใจผิด เมื่อวานมันเกิดเรื่องนิดหน่อยว่ะ”  น้ำเสียงสลดสุดชีวิต



        “ก่อนเล่ากูขอไปคุยกับจานแปปนะ เดี๋ยวกูออกมา”  รงคเพทที่เปิดประตูเข้าห้องเพื่อไปหาอาจารย์เดินสวนกับพบรักพอดี พวกเขายิ้มให้กันเพียงเท่านั้นเพราะรงคเพทกำลังร้อนใจและรีบอยู่



        ข่าวร้ายของเช้านี้คือ การเจรจากับอาจารย์ไม่เป็นผล รงคเพทชวดคะแนนสอบย่อยไปถึงสิบคะแนน ไม่ว่าเขาจะให้เหตุผลหรือชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างไรก็ตามแต่ เขาเดินออกจากห้องมาด้วยสีหน้าเศร้าสลดสุดชีวิต แทบจะร้องไห้



        “ไม่ได้อ่ะดิมึง ” ไอ้กาวเอ่ยหลังเห็นสีหน้าเพื่อน



        “ได้ก็แปลก”  ไอ้ยีน รู้อยู่แล้ว สำหรับวิชานี้ ไม่มีทางไม่ว่าจะยกเหตุผลมาสักเท่าไหร่



        “กูเห็นไอ้ต้ำมันเข้าห้องช้าไปยี่สิบนาที จานยังไม่ให้สอบเลย ทำใจเหอะมึง” ไอ้กาวได้แต่ปลอบ ปลอบแบบเถื่อนๆแนวมัน พร้อมตบบ่าเพื่อนไม่ให้เครียด



        “โธ่เว้ยยย !!!! ทำไมกูเป็นคนแบบนี้วะ”  โวยวายด่าตัวเองไปเรื่อย 



        “มึงจะด่าตัวเองทำไมวะ จะโทษก็โทษไอ้โน่น โน่นน อ่าว”  ไอ้กาวพยักหน้าให้หันไปมองคนที่มันคิดว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนไม่ได้คะแนนสอบ แต่ท้ายประโยคก็ต้องเงียบไปเพราะเห็นตารกาใส่เฝือกถือไม้เท้า



        สภาพคนหล่อทำเอาทุกคนในมหาวิยาลัยตกตะลึงไปตามๆกัน ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา บางคนรู้ว่าเกิดจากอุบัติเหตุในการแข่งกีฬาเมื่อวาน



        “เชี่ยเรียงงง นี่มึงทำมันขนาดนี้เลยเหรอวะ เด็ดว่ะเพื่อนกู”  ไอ้กาวพูดไปยิ้มไปพร้อมตบไหล่รงคเพทแปะๆ



        “ยิ้มหา _อง มึงสิ มันเป็นแบบนั้นเพราะช่วยกูต่างหาก ไม่งั้นป่านนี้หน้ากูแหกไปแล้ว”  ประโยคค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆ  เขาเล่าเรื่องทั้งหมดของเมื่อวานให้เพื่อนทั้งสามฟัง แต่ตัดบางตอนไปบ้าง เช่นตอนที่ตารกามายืนมองเขาใส่เสื้อผ้า หรือนอนบนเตียงเดียวกันจนทำให้เขานอนไม่หลับ เพราะคนที่ฟังหนึ่งในนั้นคือพบรักสุดแสนจะน่ารัก เขาไม่อยากให้พบรักเข้าใจผิด ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม



        “สนไรมากวะ มันอยากช่วยมึงเอง เจ็บเอง ช่วยไม่ได้”



        “ไอ้กาว พูดงี้ได้ไงวะ !!” รงคเพทเผลอตะคอกใส่ไอ้กาวไป เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะเขากำลังเครียดหลายๆเรื่องอยู่ก็เป็นได้





        “กูขอโทษ ”  นึกขึ้นได้ก็รีบขอโทษ เขาไม่ได้อยากทะเลาะกับเพื่อนรักเท่าไรนัก




        “เออ กูเข้าใจ ไว้มึงอารมณ์ดีค่อยคุยกัน ”  ไอ้กาวมันคงหมายความอย่างที่พูดจริงๆ มันขอตัวกลับก่อน พร้อมลากไอ้ยีนกลับด้วย ก่อนกลับไอ้ยีนก็หันมาบอกอะไรบางอย่างแก่เขาและพบรัก




        “ไอ้เรียงลำดับให้ถูกนะมึง ว่าใครควรมาก่อนใคร….ฝากมันด้วยนะพบ”



        “ครับ ยีนไปดูกาวเหอะ”  ทุกคนกำลังเครียด และที่เครียดที่สุดคงไม่พ้นรงคเพท เขาจะจัดลำดับอะไรตอนนี้ได้ ทุกอย่างมันปนกันไปหมดแล้ว ในขณะที่ทุกอย่างกำลังวุ่นวายกันอยู่ในหัวเขา ก็มีสัมผัสอุ่นแตะที่หัวไหล่อย่างแผ่วเบา




       “เรียง ไปทานข้าวกันเถอะครับ ผมหิวแล้ว”  พบรักที่แสนน่ารัก ไม่ได้เอ่ยคำปลอบใจ มีเพียงสัมผัสที่อบอุ่นและรอยยิ้มให้กำลังใจกับสายตาเห็นอกเห็นใจที่เมื่อได้มองเรื่องราวมากมายในหัวก็หายวูบไปชั่วขณะ มีเหลืออยู่เพียงความคิดเดียวคือ คนตรงหน้าเขาตอนนี้ ทำไมแสนดีนัก



        “อื้ม เราก็หิวแล้ว”  รงคเพทตอบไปสั้นๆ พร้อมยิ้มกลับให้กับคนแสนดีตรงหน้า เขาดีใจที่ตอนนี้มีพบรักอยู่ข้างๆอย่างนี้



…………………………………………………………………………………………………………..

 :call: :call: :call:




หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่10 (08/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 08-03-2014 00:07:41
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๐ ภายในความรู้สึก ใครเลยจะล่วงรู้



        ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว รงคเพทไม่ได้คุยกับเพื่อนหน้าโจรทั้งสองเลย เขาพยายามโทรไปคุยกับไอ้กาว แต่เหมือนมันน้อยใจเขาไม่หาย ไม่รู้จะอะไรของมันนักหนา ส่วนไอ้ยีนก็คุยปกติแต่ตัวมันติดกับไอ้กาวอยู่แล้วเขาจึงไม่ได้เจอมันเช่นกัน ช่วงที่ผ่านมาเขาจึงกินข้าวกับพบรักทุกวัน และเมื่อตกเย็น ก็ไปดูแลเจ้าหนี้ของเขา เพราะตารกายังไม่ได้ถอดเฝือกง่ายๆ เย็นนี้ก็เช่นกัน เมื่อเลิกเรียนเขาก็ไปกินข้าวกับพบรัก และซื้อกับข้าวไปให้ตารกาที่คอนโดเช่นเดิม



        แต่วันนี้เกิดปัญหานิดหน่อย ตรงที่เมื่อกินข้าวกับพบรักเรียบร้อย มอเตอร์ไซด์สุดที่รักของเขากลับสตาร์ทไม่ติดซะนี่ พบรักเลยอาสาให้รถประจำตำแหน่งของเขาไปส่งรงคเพทที่คอนโดตารกา



        เมื่อมาถึงปากทางเข้าคอนโด รงคเพทก็บอกให้คนขับรถจอดและเขาจะเดินเข้าไปเอง



        “เรียงจะลงตรงนี้เลยเหรอ”



        “ตรงนี้แหล่ะพบ ขอบคุณมากนะที่มาส่ง ”



        “แล้วเรียงจะกลับคอนโดเรียงยังไงล่ะ เอามื้อเย็นขึ้นไปให้ต้นตองแล้วลงมาเลยไหม เดี๋ยวผมรอ ผมจะได้ไปส่งที่เรียงที่คอนโด”



        “เห้ยย ไม่เป็นไร มาส่งเรานี่ก็เกรงใจจะแย่แล้ว”



        “ผมอยากเห็นเรียงกลับห้องอย่างปลอดภัยนะ”



        “เอ่อออ โอเค งั้นเดี๋ยวเราเอาไปให้มันแปปเดียว”



        “ครับ”





        รงคเพทต้องมาคอนโดตารกาทุกวัน วันละสองเวลา คือเช้าและเย็น ตารกาจึงได้ทำคีย์การ์ดพิเศษให้สำหรับผ่านเข้าออกได้สะดวกให้ไว้





        ก๊อกก ก๊อกก ก๊อกก….


        “อ่ะ”  รงคเพทยื่นถุงใส่กับข้าวให้ตารกาที่หน้าประตู  ตารกาที่เดินเข้าไปด้านในหันมามองอย่าง งงๆ



        “ไม่เข้ามาหรือ”  ทุกวันรงคเพทจะจัดการใส่จานให้เขาเป็นที่เรียบร้อยทุกมื้อ นั่งดูเขากินจนหมดและจัดการล้างให้ และเจ้าตัวก็ชอบห้องของเขาไม่น้อย โดยเฉพาะโซฟาตัวโปรดที่เจ้าตัวบ่นอยากนอนนักหนา มาทีก็นั่งเล่นอยู่นานกว่าจะกลับห้อง ตัวเอง



        “วันนี้กูรีบว่ะ”



        “มีใครรออยู่ข้างล่างรึไง”



        “เออ เพื่อนกูมาส่ง”



        “แล้วรถนายหล่ะ”


        “รถกูมันแก่แล้ว สตาร์ทไม่ติด จอดตายอยู่ร้านข้าวโน่น” 



        “ร้านไหน”



        “แป๊ะข้าวหน้าเป็ดติ่มซำอ่ะ…วันนี้ของมึงเป็นข้าวหน้าเป็ดนะ ”



        “……”  ตารกานิ่งไปไม่ได้กล่าวอะไรต่อ รงคเพทก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี



        “งั้น กูวางไว้ตรงนี้นะ ไปละ บาย”



        “……”  รงคเพทปิดประตูให้ตารกาและรีบเดินลงไปขึ้นรถ  ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ปกติถ้าไม่มีอะไรให้พูดตารกาก็เงียบกับเขาตลอดอยู่แล้ว แต่ก็ยังอนุญาตให้เขาไปนั่งเล่นที่โซฟาตัวใหญ่ได้ วันนี้ไม่ได้นั่งดูมันกินข้าวก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน แต่มันจำเป็นนี่นะ ไม่อยากให้พบรักสุดแสนน่ารักต้องรอนาน




        “เรียบร้อย รอนานป่าวพบ”  ขึ้นมานั่งบนรถ ปิดประตูพร้อมออกตัว



        “ไม่นานเลย เร็วมาก ไม่ต้องรอต้นตองกินเสร็จเหรอครับ”  ไม่ได้อยากสังเกตหรอกนะ แต่พบรักไม่เคยพูดคำว่า กิน เลยสักครั้ง เขาพูดคำว่าทานเสมอ แต่ทำไมพูดถึงต้นตองแล้ว ศัพท์มันแปลกๆไป หรือเขาคิดมากไปเอง



        “ไม่ต้องหรอก มันคงรู้แหล่ะ เรารีบ”



        “บอกด้วยเหรอว่าผมมาส่ง”



        “ใช่ บอกว่าเพื่อนมาส่งหน่ะ ”  จบประโยคพบรักก็เงียบไปแบบไม่มีปลี่มีขลุ่ยจนมาถึงคอนโดรงคเพท



        “พบ ขอบใจมากจริงๆ วันนี้โคตรลำบากพบเลย ”



        “ไม่เป็นไรเรียง พรุ่งนี้เจอกันครับ”  พบมีอะไรปิดบังเขาอยู่รึเปล่า บอกลาแบบไม่มองหน้าเขาสักนิด เฮ้ออ อย่าให้เขาเสียพบรักไปอีกคนเลยน่า ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเขากับไอ้สองโจรยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ข้าง



        “พบไม่ได้โกรธไรเราใช่ป่าว”



        “ไว้เจอกันเรียง”  พบรักไม่ได้ตอบคำถาม บอกเพียงแค่นั้นและดึงประตูรถปิด หลังจากนั้นไม่นานรถออกวิ่งออกไป



        การที่พบรักมีท่าทีแปลกไป มันกวนใจเขาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยถามก็ได้…ให้มันได้อย่างนี้สิรงคเพทเอ๋ย




        เช้าวันต่อมารงคเพทนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปยังร้านข้าวหน้าเป็ดเพื่อไปเข็นรถเข้าอู่ซ่อม แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อไหร่เรื่องร้ายจะจากเขาไปสักที มอเตอร์ไซด์หอยทากสุดที่รักของเขา เมื่อคืนเขาจอดไว้ตรงนี้ ตรงเสานี้จริงๆ เขาไม่มีวันลืม




        เช้านี้มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน มอเตอร์ไซด์ที่เขาทะนุทะนอมดั่งบุตรในอุธรมันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เขาเดินวนไปวนมาอยู่แถวนั้นเกือบสิบรอบได้ และเดินไปดูรอบๆ แถวนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด แล้วแบบนี้จะทำไงดี เขาไม่อยากได้รถใหม่หรอกนะ สถานการณ์ครอบครัวเขาตอนนี้ ก็คงไม่มีเงินซื้อรถใหม่ให้เขาแน่นอนอยู่แล้วด้วย นึกไปน้ำตาก็คลอ ใครว่าลูกผู้ชายหลั่งน้ำตาไม่ได้ คุณลองไปถามคนรักกล้องหรือรักรถดูสิ ว่าถ้ามันหายไป เขาเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร ความรู้สึกของรงคเพทตอนนี้ก็คงไม่ต่างกันนัก



        รงคเพททรุดตัวลงหน้าร้านแป๊ะข้าวหน้าเป็ด ก้มหน้าชิดหัวเข่า ไม่อยากให้ใครเห็นว่าเขากำลังร้องไห้ออกมา 


        “หนุ่มๆ เป็นไรไหม”  คุณตาผมยาวสีขาวมัดรวบหางม้าหน้าตาใจดี สะกิดทักโจรที่กำลังร่ำไห้



        “ฟืด ฟืดด ไม่เป็นไรครับ ”  รงคเพทเงยหน้ามามองคุณตาคนนั้นแล้วก็เหมือนจะจำหน้าได้ เจ้าของร้านแป๊ะข้าวหน้าเป็ดนั่นเอง



        “แล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้”




        “ฟืดดด เมื่อวานผมจอดรถมอไซด์ไว้ตรงนี้ แล้วพอเช้านี้มันก็ … ฮือออออ”  น้ำเสียงสูดน้ำมูกฟืดฟัดและคำบอกเล่าที่แสนสลด ทำเอาคุณตาท่านนั้นถึงกับอมยิ้ม



        “อ่ออ ไอ้รถสีเหลืองเก่าๆ ท่อเป็นสนิมอ่ะนะไอ้หนุ่ม”



        “นั่นแหล่ะตา”  ยังคงก้มหน้าก้มตาร้องไห้ต่อไป โดยที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของอาแป๊ะเลยสักนิด



        “เมื่อเช้ามันก็ยังอยู่นี่แหล่ะ”



        “งั้นตาก็เห็นดิ ใครมันขโมยของผมไป”



        “โอยย ไอ้หนุ่มเอ้ย ไม่มีใครขโมยของเอ็งหรอก”



        “อ่าว”



        “ก็เมื่อเช้ามีไอ้หนุ่มอีกคนนึง หน้าตาดีกว่าเอ็งเยอะ บอกว่าเป็นเพื่อนเจ้าของรถคันนั้นมาเอามันไปซ่อม”



        ‘พบรัก?’  ชื่อแรกที่ผุดขึ้นในหัวเขา คนที่แสนดีที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับคนๆนี้กันแน่



        “ใช่คนขาวๆป่าวครับ”  ถามเพื่อความแน่ใจ



        “ใช่ๆ ขาวมาก หน้าตาอย่างกับนายแบบแฟชั่น”  คุณตาเจ้าของร้านบอกสิ่งที่พอจำได้ด้วยเสียงเนิบๆยานๆอย่างผู้สูงอายุ



        คำบอกเล่าที่ได้รับจากคุณตา ทำให้รงคเพทเกิดรอยยิ้มขึ้นมาจนแก้มแทบปริ เดี๋ยวไปถึงมหาลัยแล้วต้องเลี้ยงข้าวขอบคุณสักมื้อ ช่างน่ารักจริงๆเลย



        “แล้วตารู้ป่าว เขาเอารถผมไปไว้ร้านไหน”



        “เอ้อ ก็ร้านใกล้ๆนี่แหล่ะ ร้านไอ้อู๊ด เลยสี่แยกนี่ไปเลี้ยวขวาก็ถึงแล้ว”



        “ขอบคุณครับตา ข้าวร้านตาอร่อยที่สุดในสามโลกเลย ผมไปละครับ สวัสดีครับ”  รงคเพทดีใจที่รถไม่หาย เขายกมือไหว้คุณตาและรีบวิ่งไปยังอู่ไอ้อู๊ดที่คุณตาบอก เมื่อมาถึงก็พบไอ้มอไซด์หอยทากสุดที่รัก จอดอยู่ โดยเครื่องในตอนนี้เหมือนถูกถอดออกไปบางชิ้น ภายนอกเลยดูแปลกๆตาไป



        “โทษนะครับพี่ ผมเป็นเจ้าของมอไซด์คันนี้ครับ มันเป็นไงบ้าง”  เดินไปทักช่างที่แต่งตัวมอมแมมที่กำลังก้มหน้าก้มตาไขอะไหล่บางส่วนของรถเขาอยู่



        “เก่า ”



        “หะ”


        “เก่าไง ไม่น่าใช้งานได้เลยนะ นี่ขี่มากี่ชาติละเนี่ย ไม่เคยเอาเข้าอู่เลยดิ”  พี่ !!! ผมว่าผมหน้าโจรละนะ นี่ยังมีโจรกว่ากูอีกเหรอ กูว่ามึงไปโมหน้าใหม่เหอะ ไม่ๆ ไปตายแล้วเกิดใหม่เลยดีกว่า ไม่ได้แช่งนะ แต่ว่ามาเศษเหล็กสุดที่รักแบบนี้ รงคเพทไม่พอใจเลยจริงๆ


        “ผมขี่มานานแล้ว มันก็ไม่มีปัญหาอะไร แค่เมื่อวานมันสตาร์ทไม่ติดแค่นั้นเอง”  แม้จะแอบลอบด่าในใจ แต่ก็ไม่ได้กล้าพูดออกมา คาดว่าถ้าพูดออกมาอาจกลายเป็นศพก่อนได้รถคืนเป็นแน่



        “น้อง น้องรู้ไหม รถน้องเป็นตัวมลพิษเลยนะ ที่มันยังไม่เป็นอะไรมาตั้งนานของน้องคือมันรอวันพังเลยทีเดียวไง เครื่องในไม่เหลืออะไรดีแล้ว”  ฟังดูน่าเศร้า ไม่อยากพรากจากกันเลย จริงๆคือไม่มีตังซื้อใหม่



        “พอซ่อมได้ไหมพี่ คือ ผมรักมาก ไอ้คันเนี้ย”


        “ซ่อมมันก็ซ่อมได้ แต่เครื่องในหลายตัวต้องถอดทิ้งแล้วซื้อใหม่เลย พี่ว่าน้องซื้อคันใหม่เหอะ”


        “โห่พี่ ไม่ได้หรอก พี่ช่วยซ่อมมันให้ผมหน่อยเหอะ ไม่ต้องเอาให้ดีมาก ขอแค่ขี่แล้วไม่ดับเป็นพอ”


        “แบบนั้นมันก็ได้อยู่หรอก แต่มันจะอันตรายกับน้องนะ เกิดขี่ๆไประเบิดมากลางทางแล้วมันจะยุ่ง”


        “ทำไงดีอ่ะพี่ ผมรักของผมจริงๆนะ พี่เป็นคนทำรถ ผมว่าพี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกผมนะ”


        “เออ เข้าใจสิวะ ในเมื่อน้องพูดขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวพี่หาทางให้ แต่ขอเวลาหน่อยแล้วกัน ”


        “นานแค่ไหนอ่ะพี่ พอดีผมต้องใช้มันประจำ”


        “อาทิตย์นึงรอไหวป่าว มันลำบากนะกว่าจะหาทางออกให้ไอ้สุดที่รักของน้องได้เนี่ย”


        “อาทิตย์นึงเลยเหรอพี่ อ่ะ อ่ะ รอรอ ผมรอไหว ฝากด้วยแล้วกัน”



        รงคเพทตกลงกับเฮียอู๊ดเจ้าของร้านเรียบร้อย เฮียเขาเห็นว่ารงคเพทรักรถจริงๆจึงไม่คิดค่ามัดจำสักบาท รอจัดการคิดมันรอบเดียวตอนสมบูรณ์เลย



        เมื่อมาถึงมหาลัย แม้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องให้ตกใจแต่เช้า แต่ก็ถือว่าเป็นวันที่ดี เพราะไอ้กาวและไอ้ยีนมันยอมคุยกับเขาแล้ว ไอ้ยีนกระซิบบอก ไอ้กาวมันงอนที่เขาตะคอกมันเพราะไอ้ต้นตอง แต่ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามันก็เอาแต่บ่นถึงเขาทุกวัน จนไอ้ยีนหูชา ก็ไม่เข้าใจว่ามันเป็นห่วงเขาจะเป็นจะตายแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ แล้วตัวมันเองก็มานั่งเครียดเอง สมน้ำหน้ามัน



        “เช้านี้ไอ้ต้นตองแดกอะไร”

        “ข้าวหน้าเป็ด”


        “แล้วมึงถามทำไมเนี่ย”  รงคเพท งง ที่อยู่ดีๆไอ้กาวก็ถามขึ้นมาซะอย่างงั้น



        “กูแค่อยากรู้ มึงยังเป็นเบ้มันอยู่รึเปล่า”



        “มึงก็รู้ไอ้กาว กูไม่ได้อยากทำ” 



        “เออ กูเข้าใจ โทษทีว่ะ”



        “ไม่ต้องขอโทษกู มึงก็เป็นห่วงกูอยู่ทุกวันไม่ใช่รึไง ไอ้เพื่อนรัก” รงคเพทพูดพร้อมตบไหล่ไอ้กาวดังบึปๆ ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเข้าใจรวมถึงไอ้ยีนที่เห็นแบบนี้ก็สบายใจ แต่แปลกที่วันนี้พบรักหายไป ปกติหากมีเรียนเช้าก่อนเข้าห้องเรียน พบรักต้องมาหาพวกเขาที่นี่ก่อนทุกวัน


        “เชี่ยเรียง พบไปไหนวะ”  ไอ้ยีนที่นั่งรอสักพักก็ไม่เห็นวี่แววพบรัก เอ่ยถามรงคเพท



        “กูก็ไม่รู้ว่ะ ไม่รู้งอนไรกูรึเปล่า”



        “มึงไปทำไรให้เขางอนล่ะ ”


        “กูไม่ได้ทำไรเลยนะ จริงๆ”  หน้าตาสองโจรไม่ค่อยเชื่อที่เขาพูดนัก



        “มึงไปทำสันดานใส่ไอ้คุณหนูมันรึเปล่า”  ไอ้กาวสมทบ


        “กูเปล่า กูไม่ได้แตะเขาเลยสักนิดด้วยซ้ำ”



        “เมื่อวานล่ะ มึงพาไอ้คุณหนูไปไหน”


        “ก็กินข้าวที่ร้านข้าวหน้าเป็ด แล้วรถกูก็พัง……”  เขาเล่าเรื่องเมื่อวานให้สองโจรฟังอย่างละเอียด เมื่อถึงตอนท้ายๆ ไอ้ยีนก็ทำหน้าเอือมระอาเหมือนนึกอะไรออก แต่ไม่ได้พูดออกมา คนที่พูดออกมากลับเป็นไอ้กาวผู้ไม่รู้อะไรเลย



         “นั่นไง มึงไปเรียกไอ้คุณหนูว่าเพื่อนไง มันเลยงอน”


        “แล้วมันผิดตรงไหน ก็พบเป็นเพื่อนกู”



        “ผิดตรงที่มึงกับมันคลุมเครือไง ถามจริงไอ้เรียง มึงคิดยังไงกับพบรักแน่วะ”  ไอ้ยีนถามได้ตรงประเด็นดี ตรงประเด็นที่เขาตอบไม่ได้พอดีเลยไง


        “กู…ไม่รู้ว่ะ”  ตอบไปอ้ำๆอึ้งๆ ไม่มีอะไรแน่นอนออกมาจากปากของรงคเพท ความรู้สึกของเขาที่มีต่อพบรัก เขาหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้จริงๆ



        “มึงบอกมึงไม่รู้แต่ที่มึงทำ มันใช่แค่เพื่อนเหรอไอ้เรียง”  ถูกของไอ้กาวมัน รงคเพทไม่เคยนึกเกลียดตัวเองเท่านั้นมาก่อน


        “กูรู้แค่ว่า พบรักแสนดี น่ารัก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”



        “ฮึ แล้วไงล่ะ มึงไม่ได้รักเขา”  ประโยคเด็ดของไอ้ยีน ที่ทำเอารงคเพทสะอึก


        “กูไม่รู้ ขอเวลากูหน่อย กูสับสน”



        “เมื่อก่อนกูไม่เห็นมึงจะสับสน…ตอนยังไม่ได้เข้าใกล้ไอ้ต้นตอง”  รงคเพทหันมองไอ้ยีนแบบฉับพลัน เขาลืมอะไรไปรึเปล่า เขาเคยแอบจูบพบรักตอนหลับ ตอนนั้นพบรักน่ารักสำหรับเขาที่สุด คอยอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ มีแต่คำว่าอบอุ่น เขาตื่นเต้นทุกครั้งเวลาจะได้อยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าบางอย่างมันยังคงขาดหายไป มาตอนนี้เขาเริ่มกลัวซะแล้ว ถ้าเขาไม่ได้รักพบรักแบบนั้นตั้งแต่แรก แล้วพบรักจะเสียใจรึเปล่า แล้วเขาควรทำอย่างไรดี



        “กู ….ทำไงดีวะ กูกลัวพบเสียใจ กูไม่รู้ว่ากูรู้สึกยังไง แต่กูก็ไม่อยากเสียเขาไป ”  อาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่รงคเพทรู้สึกแบบนั้น เขาอยากให้พบรักคอยอยู่เคียงข้างแบบนี้ไปเรื่อยๆ



        “มึงไม่ต้องทำอะไรไอ้เรียง ถ้าเริ่มรู้ตัวว่าไม่ได้รักเขา…ในแบบนั้น ก็แค่รักษาระยะห่างเอาไว้บ้างแค่นั้น”  ไอ้ยืนพูดมีเหตุผล เขาอาจถลำลึกเกินคำว่าเพื่อนปกติไปแล้วจริงๆ



        “กูจะพยายาม”

        เมื่อเข้าชั่วโมงเรียนพบรักนั่งอยู่ประจำที่แล้ว และยังคงส่งยิ้มมาให้ทุกคนเช่นเดิม แต่รงคเพทที่จับจ้องเป็นพิเศษในทุกวัน เห็นได้ชัดว่าแววตานั้นไม่ได้ยิ้มอย่างทุกวัน ความคิดมากเริ่มหลั่งไหลเข้าหัวอีกครั้ง กำแพงระหว่างรงคเพทและคนรอบข้างถูกสร้างขึ้น ไอ้ยีนที่เห็นท่าไม่ดี รีบสะกิดให้ไอ้กาวเตือนไว้ได้ทัน



        “เชี่ยเรียง เรียน! หนัง! สือ! อย่าพึ่งเข้าโลกส่วนตัว ”  พูดไม่พูดเปล่า ตบกะโหลกเพื่อนหน้าโจรไปด้วย เรียกสติรงคเพทกลับมาเรียงได้ในที่สุด



        หมดชั่วโมงรงคเพทรีบเก็บของเพื่อจะคุยกับพบรัก แต่ช้าไป พบรักเร็วกว่า เก็บของเสร็จก็ขอตัวกลับทันที บอกว่าวันนี้มีธุระด่วนต้องรีบกลับ ทำให้รงคเพทไม่ทันได้ขอบคุณเรื่องรถที่เอาเข้าอู่ให้เขา




        ผ่านมาสามวันแล้วรงคเพทยังไม่ได้คุยกับพบรักเลย เหมือนพบรักจะหนีหน้ายังไงก็ไม่รู้ ปกติกินข้าวเที่ยงด้วยกันทุกวัน ข้าวเย็นด้วยกันก็เกือบทุกวัน เดี๋ยวนี้พบไม่ยอมไปกินกับเขา กลางวันก็กลับไปกินที่บ้าน ตอนเย็นก็กลับไปกินที่บ้าน มีไอ้ยีนคนเดียวที่พบยอมคุยด้วย



        ความกดดันกำลังเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ของหัวใจรงคเพท เขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจเท่านี้มาก่อน แต่ก็มาคิดว่าเกิดต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาจริงๆ เขาจะพูดยังไงให้พบรักไม่เสียใจ ในเมื่อตัวเองยังไม่รู้เลยว่ารู้สึกยังไงกับคนๆนี้



        สามวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้ไปเล่นที่ห้องตารกา เพียงซื้อกับข้าวไปให้แล้วก็กลับ รถก็ยังไม่ได้ ให้ไอ้กาวคอยรับส่งอยู่ทุกวัน ยิ่งหลังๆมานี่จิตใจเหมือนไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เดินชนขอบโต๊ะบ้าง เดินตกบันไดก็บ่อย ไม่รู้หน้าตาของเขาเป็นอย่างไร เห็นสีหน้าตารกาที่มองเขาก็ดูประหลาดใจ ไม่โวยวาย ไม่ด่า สงบเสงี่ยม เข้าขั้นซึ้มเศร้ามาหลายวันแล้ว



        “นาย เป็นไรมากไหม”  สงสัยเห็นสีหน้าไม่ดีมากเลยทักขึ้นในที่สุด



        “ทำไม กูยังไม่ตายง่ายๆหรอก ต้องคอยรับใช้มึงไปอีกนาน” 



        “……”



        “กูไปล่ะ”



        “เพื่อนนายมาส่ง?”



        “อือ รถกูซ่อมอยู”



        “กินข้าวด้วยกันก่อนสิ ค่อยกลับ”



        “หะ”  หูฝาดรึเปล่านะรงคเพท ไอ้คุณตารกาผู้เลอเลิศชวนกินข้าวเว้ย ฝันแน่ๆ



        “กินข้าวด้วยกันก่อน เดี๋ยวผมขับไปส่งที่คอนโดเอง”  รงคเพทไม่ได้ปฏิเสธเขาลงไปบอกให้กาวกลับไปก่อนเดี๋ยวตารกาจะเป็นคนไปส่งที่คอนโดเอง กาวเห็นหน้าตาที่ซึมเศร้าของเพื่อนดีขึ้น ก็ไม่ได้คิดอะไร ยอมขี่รถกลับแต่โดยดี เมื่อกาวขี่รถออกไปแล้ว รงคเพทก็กลับขึ้นมายังห้องของตารกา



        “วันนี้พบรักไม่มาส่งรึไง”  ไม่รู้ตารกาเห็นได้ไงว่าใครมาส่ง



        “ป่าว ไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้ว ” เมื่อวกเข้าเรื่องนี้ รงคเพทก็ถอนหายใจอีกครั้ง



        “ทะเลาะกันรึไง”



        “เรื่องของกู ถามมากกินๆไป”  ตารกาตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อย คงเพราะทุกมื้อเย็นของตารกาจะดึกกว่าคนปกติทั่วไป รงคเพทตั้งใจเอามาส่งให้เขาดึกๆ ไม่ต่ำกว่าสองทุ่มทุกวัน แต่วันนี้ช้ากว่าปกติ เพราะปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว สงสัยคนหน้าหล่อจะหิวจัด กินแบบไม่เกรงใจใคร รงคเพทเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจ ช่วงที่คนหน้าหล่อยังไม่หายดี เขามาดูมันนั่งกินข้าวทุกวัน แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกวัน ตลกชะมัด



        “ฮึ เห็นความทุกข์คนอื่นเป็นเรื่องตลกรึไง”  ประโยคเนิบๆยิ่งทำให้รงคเพทหัวเราะหนักเข้าไปอีก



        “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออ กูเห็นมึงทุกข์แล้วชีวิตกูสุดแสนเป็นสุข”



        “ก็ยังดี”



        “หะ”



        “ดีกว่าหน้าเหมือนศพหน่อย”



        “มึง มึง ไอ้เฮียยย นี่หลอกด่ากูใช่ไหม ไอ้ควายยยย ไอ้…ไม่ต้องแดกแล้ว ”  พูดไม่พูดเปล่าดึงจานที่ตารกากำลังสุขสันกับการกินออก



        “เฮ้ยย เอาคืนมา”



        “ไม่ต้องแดกมันแล้ว กูไม่ให้แดก”  เกิดเหตุการณ์ปะทะคารมณ์กันขึ้น



        “เฮ้ยย ผมยังไม่อิ่มเลย”



        “งั้นน ขอร้องกูดีๆดิ ฮึฮึ”  รงคเพทถือจานไว้เหลือไหล่ นั่งไขว่ห้างและยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ตารกา



        สิ่งที่ตารกาทำได้คือการพูดจาเพราะๆและยอมตามใจรงคเพทเพื่อให้ได้จานข้าวคืน เพราะตอนนี้เขาหิวมากกกก เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วบริเวณ รอยยิ้มที่ห่างหายจากใบหน้ารงคเพทมาหลายวัน ตอนนี้กลับมาอีกครั้ง แถมยังเป็นครั้งที่สุดแสนจะสนุก ที่นานๆทีเขาจะได้หัวเราะขนาดนี้เลยก็ว่าได้



        ห้องอันเคยเงียบสงบของหมาป่าเดียวดาย บัดนี้กลับมีเสียงเฮฮาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รงคเพทก็เช่นกัน ความเครียดหลายๆอย่าง เกือบทำให้เขาลืมตัวตนไปแล้ว ว่าจริงๆแล้วเขารักเสียงหัวเราะมากแค่ไหน




        ในขณะที่ห้องกว้างกำลังสนุกสนานกันอยู่นั้น กลับมีบางคนกำลังยืนเหม่ออยู่ด้านล่างคอนโดหรู ใบหน้าที่เคยขาวใสกับรอยยิ้มสุดแสนอบอุ่น บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความหมองเศร้า ขวบตาบวมแดง ไม่แน่ว่าอาจผ่านการร้องไห้มา ….มันช่าง เป็นความรู้สึกที่แสนจะเจ็บปวด ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีใครทำให้เป็นได้มากขนาดนี้  ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะรู้สึกรักใครได้มากขนาดนี้ เพราะไม่เคยทำตัวสนิทกับใครมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนรัก ก็แทบไม่เคยมี แต่กับคนๆนี้ ….มันช่าง









ตั้งแต่วันนั้นที่เธอและเขาเจอกัน
ก็ดูใจเขานั้นเริ่มจะซึมเข้ามา
เหมือนน้ำซืมบ่อทราย
ปรากฏชัดเจนขึ้นมาทุกที


เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เธอจะทิ้งฉันไป
แต่สิ่งที่รู้คือเธอ ต้องไปซักวัน
เมื่อน้ำเต็มบ่อทราย
เขาจะมาเข้ามาเข้าแทนที่ฉันอยู่


เจ็บนี้มันหลอกมันหลอนใจ
เหมือนถูกเชือดเฉือนใจ
เมื่อเขาค่อยๆ ซืมเข้ามา
แต่รู้ไม่อาจจะโทษใคร


เพราะเธอเจ้าของใจ….ต้องให้เธอลือกทาง



                                                                      น้ำซึมบ่อทราย….เอก สุรเชษฐ์


...
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่10 (08/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 08-03-2014 14:50:08
ยังเดาไม่ได้ ว่าใครจะเป็นพระเอก นายเอก
กรี๊ด ฉันเดาไม่ออก  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่10 (08/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 08-03-2014 15:06:30
ตกลงใครพระ ใครนาย แล้วรงคเพทเนี่ยเริ่มชอบตารกาใช่ไหมหว่า
แล้วพบรักล่ะ  ตารกายังดูน่าหมั่นไส้อยู่เลย ทำใจยากที่จะทำใจเชียร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่11.1 (12/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 12-03-2014 18:11:16
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๑.๑  ทางเลือกใด  ใครเลยจะล่วงรู้





        ปึงง


        “ !!! ” เสียงจานกระแทกโต๊ะทำให้คนที่กำลังตั้งสมาธิอ่านหนังสือเรียนถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย   


        “อะไร”  คำถามพร้อมหน้าตางุง งง ของตารกา ช่วงนี้รงคเพทมาแปลก หากไม่มีเรียนก็ชอบมานั่งเฝ้าเขาทุกวัน เช่นวันนี้เขากำลังตั้งใจอ่านแท็กโครงสร้างวิชาที่เรียนอยู่ ก็มีจานขนมสีสันน่ากินกระแทกลงโต๊ะเมื่อครู่



        “ขนม เห็นเป็นไร ”  ตอบแบบไม่ตั้งใจตอบ พร้อมเลื่อนเก้าอี้ข้างๆออก และนั่งหยิบขนมที่ตนเป็นคนเอามาฝาก



        “เหอะๆ ไปนั่งกินที่โซฟาสิ ตรงนี้ผมอ่านหนังสืออยู่”   



        “กูเอามาฝาก”  คนเอาขนมมาฝากยังคงหยิบเข้าปากตัวเองไม่เลิก



        “เอามาฝากผม แต่กินเอาๆเนี่ยนะ”



        “โห่ กูกินเป็นเพื่อนหรอก ”



        “วันนี้ไม่ไปไหนรึไง”  ตารกายังคงก้มหน้าก้มตาอ่าน และหยิบขนมมาใส่ปากหนึ่งชิ้น



        “ว่าง”  สั้น ง่าย ได้ใจความ รงคเพทหยิบขนมในจานใส่มืออีกสองสามชิ้นและเดินไปนั่งดูทีวีที่โซฟาตัวโปรด



        “……”  ปรากฏการณ์แปลกใหม่ของคนหน้าโจร ตารกาทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ


        ทีวีช่องการ์ตูนที่เลื่อนเรื่องไปเรื่อยๆทุกครึ่งชั่วโมง กำลังฉายเฝ้าคนดูที่เมื่อกินขนมเสร็จก็เข้าสู่นิทรามันตรงนั้น ชีวิตจะสุขสบายไปถึงไหนรงคเพท





        ครืดดดดดด บี๊ป บี๊ป ….. ครืดดดดดดดด……



        “ฮัลโหล”



        “เชี่ยเรียง อยู่ไหน”  เสียงใครไม่ต้องบอก ไอ้เพื่อนหน้าโจรแสนใจร้อน รงคเพทลุกนั่งมองซ้ายขวา ไม่เห็นตารกานั่งอยู่ที่เดิมแล้ว เขาเดินออกไปยังระเบียงเพื่อคุยกับเพื่อน



        “ห้องไอ้ตอง”



        “เหอะ ซี้กันจังนะมึง”  ไม่ว่าเปล่า เสียงมันสุดแสนจะเย้ยหยัน



        “มึงสั่งกู”



        “เออ กูสั่ง แล้วได้เรื่องไรมั่ง มันยังอยู่ในห้องอยู่ไหม” 



        “ไม่แน่ใจว่ะ กูเผลอหลับไป”



        “เจริญเลยมึง”



        “ก็กูง่วงนี่หว่า มึงก็รู้กูชอบนอนกลางวัน”



        “เห้ย ๆ ไอ้กาว แค่นี้ก่อนนะมึง มันเข้าห้องมาละ”  รงคเพทบอกเพื่อนอย่างร้อนรนและรีบตัดสายไป เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องกำลังถูกไข เขารีบวิ่งเข้ามาด้านในและกลับไปนั่งยังโซฟาตัวเดิม



        “ไปไหนมาวะ”  รงคเพททำทีเป็นนั่งดูทีวีและหันไปถามคนที่กำลังถอดรองเท้าและเดินเข้ามาด้านใน



        “ผมไปซื้ออะไรมากิน นี่มันบ่ายกว่าแล้ว ผมหิว”  พูดพร้อมชูถุงหิ้วให้รงคเพทดู



        “แล้วไม่บอกกูวะ หน้าที่กู”



        “ก็นายหลับอยู่ ผมไม่อยากปลุก” 


        ‘มาแนวไหนของมัน ปกติจิกเอาจิกเอานี่หว่า’



        “ผมซื้อมาเผื่อด้วย มากินดิ”  ประโยคที่ทำให้รงคเพทยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปกันใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าสามารถปฎิเสธของฟรีได้ลง เดินมาช่วยตารกาแกะใส่จานอย่างสวยงาม



        “โห น่ากินมากกกก กินละนะคร๊าบบบ”  หน้าตาตื่นเต้นใหญ่ พร้อมประนมมือเข้าด้วยกัน เพราะของที่ตารกาซื้อมาเป็นอาหารเซทใหญ่ ต่างจากเวลาที่เขาซื้อมาให้ตารกา มักเป็นข้าวราดแกง หรืออาหารจานเดียวสุดแสนธรรมดา



        “ทานละนะครับ”  ตารกาก็ทำตามที่รงคเพททำเช่นกัน และเริ่มลงมือทาน การกระทำของตารกาทำเอารงคเพท งง เป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง วันนี้มาแปลกตั้งแต่ออกไปหาซื้ออะไรมาละ



        “มึงเป็นไรมากป่ะวะ”  รงคเพทตัดสินใจถามออกไป เพราะเขาไม่ชอบเก็บอะไรไว้



        “ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ไม่อร่อยเหรอ”  พูดกันคนละเรื่องละ



        “กูหมายถึงว่าอารมณ์ไหน ซื้อมาเยอะแยะ”  ก็คนมัน งง จริงๆ



        “วันนี้ผมอยากกินหน่ะ”



        “แค่อยากกิน?”  เป็นคำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือนัก



        “ใช่” 



        “ดี กูจัดละนะ กินไม่ทันอย่าโทษกู ฮ่าฮ่าฮ่า”  หลังจากจบประโยคก็ไม่มีการสนทนากันอีกเลย รงคเพทกินเร็วและเยอะมาก ตารกากินไม่ทันอย่างที่เขาถูกขู่ไว้จริงๆ จนอาหารหมดลงเกือบทุกจาน



        “เอริ๊กกกก… อิ่มสัด”  เสียงเรอดังลั่น และคนที่จัดการอาหารตรงหน้าก็เริ่มนั่งพิงพนักเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อย  การกระทำที่ตารกาบ่นนักบ่นหนาว่ามันไม่สุภาพ ตอนนี้กลับทำให้เขายิ้มออกมานิดๆ



        “ยิ้มไร”  รงคเพททักเพราะเริ่มรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป แต่คนยิ้มก็ยังคงยิ้มอยู่ไม่ได้หุบหนีแต่อย่างใด



        “อิ่มไหมนั่น กูบอกแล้ว กินไม่ทันกูหรอก”  ภาคภูมิใจเหลือเกินกับการกินจุของตัวเอง ตารกาลุกขึ้นเขี่ยจานให้เศษอาหารมารวมกันอยู่ในจานเดียว และรงคเพทก็รวบรวมจานทั้งหมด เก็บไปไว้ในอ่างล้านจานเตรียมตัวล้าง




        โจรถึกยืนล้านจานพร้อมร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ด้านตารกาเมื่ออิ่มท้องก็เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานไปเรื่อย



        “ไอ้ต้นตอง เย็นนี้กินไร เดี๋ยวกูไปซื้อไว้ให้”  เสียงตะโกนของคนกำลังยืนล้างจานในห้องครัว



        “ว่าไงนะ”  คนหน้าขาวชะโงกหน้าออกจากคอมไปทางห้องครัว



        “เย็นนี้แดกไร!! ”  ตะโกนดังลั่น หากไม่ใช่คอนโดที่มีผนังแข็งแรงดังห้องตารกา เสียงทุ้มใหญ่ของคนหน้าโจรคงทะลุไปสามสี่ห้องก็เป็นได้



        “เย็นนี้ไม่ต้องซื้อไว้นะ ผมออกไปข้างนอก”



        “ไปไหนวะ”  คนที่กำลังล้างส้อม เดินออกมาจากห้องครัว พร้อมส้อมและสก็อตไบท์ จ้องหน้าคนหน้าคอมอย่างไม่ละสายตา



        “ดื่มกับเพื่อนนิดหน่อยนะ” 



        “กูไปด้วย”   พูดแบบไม่ต้องคิด พูดไปแล้วก็อยากเอาส้อมในมือยัดปาดตัวเองจริงๆ ตารกาทำหน้างงๆ



        “ผมไปกับเพื่อนผม” 



        “ไม่เป็นไร กูไปนั่งเฉยๆก็ได้ ไปกับโอมใช่ป่ะล่ะ”  ไม่พูดเปล่า หน้าตาจริงจัง ขึงขัง หากใครมาเห็นคงนึกว่ากำลังเมายาแน่นอน



        “อืม ไปกับโอม แต่ผมว่า..”



        “ให้กูไปด้วยนะ กูอยากไป กูไม่ได้ออกไปไหนนานมากแล้ว”  รงคเพทอยากไปเที่ยวด้วยจริงๆ เขารู้ว่าที่ๆตารกาจะไปคงไม่พ้นผับของโอม และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ต้องคอยจับตามองตารกาไว้ไม่ให้คาดสายตาเด็ดขาด



        “อืม แล้วแต่นายละกัน” 




        “เย้ !!! เยี่ยมมากไอ้ตองงงง ฮ่าฮ่าฮ่า ”  พอเริ่มดีใจ บ้าก็เริ่มขึ้นอีกแล้ว บางทีรงคเพทอาจจะหัวเราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้



        “เหอะๆ ”  ตารกาคลุกคลีกับรงคเพทมาเกือบเดือนแล้ว เขาเห็นอารมณ์ขึ้นลงของคนหน้าโจรคนนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ถึงจะบอกว่าเกลียดเขานักหนา แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นอีกโหมดอยู่ดี



        “กูไปละ เตรียมตัวก่อน”  พูดแล้วมันตื่นเต้น รงคเพทรีบขอตัวกลับ



        “ตอนเย็นเอาไง ให้ผมไปรับไหม”



        “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปกับไอ้แก่คู่ใจ เครื่องแรงกว่าเดิม 10 เท่า ฮ่าฮ่าฮ่า”  มอเตอร์ไซด์ของรงคเพทที่เอาไปซ่อมแล้วได้คืนมา สมน้ำสมเนื้อกับราคาเป็นอย่างยิ่ง มันสามารถเร่งได้เร็วกว่า หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วตอนนี้ ไอ้พี่อู๊ดมันเทพดีจริงๆ เลยให้ทริปไปด้วย



        “งั้นเจอกันทุ่มนะ”  รงคเพททิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วรีบเดินออกห้องทันที



        เมื่อมาถึงคอนโดตัวเอง รงคเพทก็รีบต่อต่อสายไปยังไอ้กาวและไอ้ยีน ให้คุยด้วยกัน



        “ไงมึง มันเป็นไงบ้าง”  ไอ้ยีน ถามทันทีที่รับสาย



        “คืนนี้มันจะไปผับโอมว่ะ กูเลยขอตามไปด้วย”



        “โอโห ไอ้เรียง มึงทำงานดีไปป่าววะ ขอไปเที่ยวกับมันด้วยเนี่ยนะ เดี๋ยวแม่งก็สงสัยตายห่า”




        “กูว่าไม่ทันละไอ้กาว ไอ้ต้นตองคงมองออกตั้งนานแล้ว ว่าไอ้เรียงกำลังเฝ้ามันอยู่”  เสียงไอ้ยีนจริงจัง มันพอมองออกว่าไอ้ต้นตองตาทิพย์หูทิพย์แค่ไหน เพียงแค่ไม่ตีตนไม่ก่อนไข้แค่นั้นเอง



        “เออ จะรู้ไม่รู้ก็ชั่งมันเหอะ กูขอรู้อย่างเดียวพอ ว่ามันใช่รึเปล่า”



        รงคเพพแต่งตัวหล่อสุดฤทธิ์ เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้นั่งโต๊ะเดียวกับตารกาอย่างเป็นทางการ เมื่อถึงเวลา ก็ออกจากคอนโดด้วยไอ้แก่มาจอดหน้าผับ ก็เจอกับเฟอร์รารี่คันงามของตารกาจอดอยู่ในที่เฉพาะเรียบร้อยแล้ว



        “เป็นเพื่อนเจ้าของผับนี่ดีว่ะ มีที่จอดประจำตำแหน่งด้วย”  บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว วันนี้เขาใส่เสื้อสีแดงปกดำตัวที่คิดว่าดูดีที่สุด พร้อมทรงผมที่เซ็ทมาอย่างดี ด้วยเจลที่เขาทำใจอยู่นานกว่าจะยอมเสียเงินซื้อ ก่อนเข้าไปสอดส่อง ต้องโทรรายงานแนวหลังก่อน



        “โหลๆ ไอ้ยีน กูอยู่หน้าผับแล้ว ”



        “เออ สืบให้ได้นะมึง เอาตอนมันเมาๆ”



        “กูรู้น่า แค่นี้นะ จะรายงานสถานการณ์ให้รู้เป็นระยะ” รงคเพทเดินเข้าไปด้านในแล้ว สายตาสอดส่องหาโต๊ะวีไอพีที่เขาเจอครั้งแรก ครั้งนั้นเขาพลาดสาวไปให้มัน ครั้งนี้เขาไม่ได้มาแย่งสาวกับมัน แต่มาสืบราชการลับต่างหาก   




        เรื่องมันเกิดมาเมื่อไม่กี่วัน หลังจากที่รงคเพทแทบไม่ได้ติดต่อกับพบรักเลย เช้านั้นเขาไปหาศรรามที่หอพัก และจะส่งน้องไปเรียน แต่ต้องไปส่งข้าวให้ตารกาเช่นกัน เขาจึงพาศรรามไปส่งข้าวด้วย แต่ให้รอด้านล่าง เมื่อออกจากคอนโดต้นตองเหมือนกับน้องชายสุดที่รักเกิดสภาวะนิ่งงัน จนไปส่งถึงมหาวิทยาลัย รงคเพทไม่ได้สังเกตว่าน้องเป็นอะไร




        ผ่านมาหนึ่งวันรงคเพทก็ไปหาศรรามอีก จึงได้ทันสังเกตว่าน้องเริ่มซึมๆไปอีกแล้ว และได้รู้ความจริงว่า ศรรามมั่นใจว่า ที่ๆคนร้ายพาเขามา คือที่นี่แน่นอน เขาจำองค์ประกอบหลายๆอย่างได้ โดยเฉพาะคานที่จอดรถใต้คอนโด รงคเพทที่สงสัยตารกาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วย่อมไม่อยู่นิ่งแน่ เขาเอาเรื่องทั้งหมดไปปรึกษาเพื่อนๆและได้รับมอบหมายให้ตามติดชีวิตตารกา เพราะไอ้ยีนบอกคนทำความผิด มันไม่มีวันปิดมิดอย่างแน่นอน



        “ไงเรียง นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”  เสียงโอมเอ่ยทัก เมื่อรงคเพทเดินมาถึงโต๊ะวีไอพีที่สุดในร้าน และได้พบกับคนหน้าหล่อ ที่วันนี้แต่งตัวซะเต็มยศ ต่างไปจากทุกวันที่ได้เห็น ตารกาใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพับแขนธรรมดา แต่กลับดูดีซะจนเขาเริ่มหงุดหงิด



        “หวัดดีโอม มาดิ เราไม่ได้มาเที่ยวนานมาก ตั้งแต่…”  แล้วหันมามองอีกคนที่ไม่ได้มองเขาสักนิดตั้งแต่เดินเข้ามา



        “ช่างเหอะ นั่งด้วยแล้วกันนะ”



        “เชิญครับๆ ตามสบายเลยนะ ผมเลี้ยงแล้วกัน”



        “เห้ย โอม ไม่ต้อง มาเลี้ยงอะไรเกรงใจๆ”  ถามว่าในใจคิดอย่างนั้นหรือไม่ หลายๆคนคงเดาออก พูดไปงั้นเป็นมารยาท



        “เอาเหอะเรียง วันนี้ผมเลี้ยงไอ้ตองมันด้วย”



        “เป็นเพื่อนเจ้าของผับนี่ดีจริงๆ มาไม่ได้จ่ายตลอด”



        “ป่าวหรอกครับ ปกติไอ้ตองมันก็จ่าย แต่วันนี้ผมฉลองให้มันเนื่องใน..”



        “ไอ้โอม !! ลูกค้าวีไอพีมึงมานั่น ไปรับแขกซะหน่อยสิ”  โอมไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เสียงตารกาก็ตัดบทซะก่อน เมื่อโอมมองลงไปก็เห็น สาวแสนสวยที่โอมกำลังขายขนมจีบเดินเข้ามาในร้านจริงๆ



        “เพื่อนตองง…เดี๋ยวกูมา เรียงคุยเป็นเพื่อนไอ้ตองไปก่อนนะ”  โอมรีบเดินลงโพเดียมทันที



        “โอมชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอ”



        “……”  ไม่มีเสียงตอบกลับจากตารกา สายตาของตารกายังคงมองลงไปด้านล่าง ไม่สนใจคนข้างๆเพียงคนเดียวสักนิด จำได้ว่าตั้งแต่เดินเข้ามา หางตาคนหล่อยังไม่เหลือบแลมาเลยสักนิด เป็นแบบนี้ทุกที รงคเพทไม่เข้าใจ



        “มึงจะนั่งเงียบอีกนานไหม กูถามเนี่ย”



        “……”  ตารกาสุดหล่อหันมาและจ้องตากับรงคเพทอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับไปยังที่เขามองตอนแรกเช่นเดิม โดยไม่มีอะไรหลุดจากปาก



        “เออดี ไม่คุยก็ไม่ต้องคุยนะ” 



        ‘วันนี้กูมาจับผิดมึงหรอกนะ ไม่งั้นอย่าหวังว่ากูจะมาเลย หรือว่ามันไม่พอใจที่กูขอมาด้วย’



        “มึงไม่พอใจที่กูมาด้วยใช่ไหมล่ะ”  ตารกาหันมาอีกครั้งและยังไม่พูดอะไร



        “ไอ้ตุ๊ด มึงจะเงียบอีกนานไหม น่ารำคาญชิบหาย มีอะไรก็พูดดิวะ มองหน้าหาพ่อมึงอะไรนักหนา!!!”  เงียบอยู่นาน มีเพียงการเหลือบมา แบบนี้มันอึดอัด ระเบิดออกมาเลยทีเดียว



        “นายต่างหากที่ควรพูด มีอะไรอยากถามผมไหม”  จึกกก คำพูดที่ปักกลางใจรงคเพทพอดีเด๊ะ



        “กะ..กูไม่มีไร”  ไม่ต้องหันมามองก็รู้ ว่ากำลังโกหก



        “งั้นผมก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน”  นิ่ง ยังคงนิ่งคุมเชิงเช่นเดิม ครั้งนี้รงคเพทเริ่มก่อกำแพงระหว่างตัวเองและคนรอบข้างอีกแล้ว เขากำลังจะเข้าสู่ภวังค์ส่วนตัว



        “ถ้านายยังเห็นว่าข้อตกลงของเราสำคัญ ก็พูดออกมาเถอะ ผมไม่อยากบังคับให้นายพูดผมรู้ว่ามันจะทำให้นายรู้สึกแย่”  ไม่รู้ทำไม แต่รงคเพทรู้สึกดีใจที่ตารกาพูดแบบนี้ มันดีกว่าที่คนๆนี้เอาแต่นั่งเงียบ และไม่มีเขาอยู่ในสายตา….เงียบไปอยู่สักพักรงคเพทจึงตัดสินใจพูด



        “คนรู้จักกูคนนึง เค้าโดนพวกใจหมาลากไปทำเรื่องเหี้ย”



        “นายสงสัยผม”  ตารกาหันกลับมามองตรงๆพร้อมกับประโยคนั้น ประโยคที่รงคเพทอาจคิดไปเองว่ามันแสนจะแฝงไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ แววตาไหวระริกที่เขาไม่เคยเห็นจากคนๆนี้ มันทำให้คนหน้าโจรใจหายวูบ รู้สึกเริ่มหายใจไม่ออก เย็นตามมือตามเท้าอย่างหาสาเหตุไม่ได้ขึ้นมา



        “คืออ กู กู …เฮ้อออ ใช่”  เห็นตารกาเป็นแบบนั้นก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะโกหกอย่างไร ยิ่งเมื่อได้สบตากับคนๆนี้ คำลวงที่เคยพูดบ่อยๆก็พลันหายไปจากสมอง และเปิดความจริงออกมาอยู่ร่ำไป



        “ทำไมนายถึงสงสัยผมหล่ะ”  แม้จะเป็นคำถามราบเรียบเช่นปกติ แต่น้ำเสียงและบางสิ่ง บ่งบอกได้ชัดว่า คนๆนี้คงกำลังเดือดอยู่ข้างในแน่ๆ



        “คนรู้จักกูเค้าจำคอนโดมึงได้”  ไม่สามารถ ไม่สามารถแม้แต่น้อย พูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าโกหก กลัวถูกจับได้อีก แล้วคนที่เงียบอยู่แล้ว จะเงียบใส่กว่านี้อีก ถึงตอนนั้นคงแย่ นี่กูเป็นอะไรไป



        “เพราะเป็นคอนโดผม เลยนึกว่าเป็นผมเหรอ ผมนึกว่านายจะเข้าใจผมมากกว่าคนอื่นซะอีกนะ”  ยิ่งได้ยิน ยิ่งรู้สึกตัวลีบเล็กลงเรื่อยๆ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้ตารกาน้อยใจ แต่จะทำไงดี



        “กู…”  อึดอัด อึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ไม่ชอบแบบนี้เลย





        ครืดดดดดดด…. บี๊ป บี๊ป ….. ครืดดดดดดดดดดด



        โทรศัทพ์รุ่นพ่อที่อยู่ในกระเป่ากางเกงรงคเพทเกิดสั่นขึ้นมา เขาค่อยๆหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ ความกดดันเมื่อครู่หายไปเล็กน้อยเมื่อหน้าจอเป็นชื่อเพื่อนจอมโฉดของเขา รงคเพทโชว์โทรศัพท์ให้ตารกาดูและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร



        “ไอ้กาว  กูจะทำไงดี ไอ้ต้นตอง มัน มัน มัน กูจะทำได้ดีวะ มัน กู คือ กู ……”  เมื่อออกมาด้านนอก ก็ใส่โทรศัพท์ทันที สมองมันรวน พูดอะไรออกมาบ้างก็ไม่รู้



        “เห้ย เห้ย!! ไอ้เรียง ใจเย็นมึง เป็นเหี้ยไรเนี่ย”



        “มันรู้ ไอ้ต้นตองมันรู้ ว่ากูสงสัยมัน”



        “ไม่แปลกหรอกไอ้เรียง ไม่รู้สึแปลก มึงใจเย็นก่อน มึงบอกไรมันไปบ้าง”  รงคเพทเล่าทั้งหมดให้ไอ้กาวฟัง เมื่อได้เล่าความกดดันก็เริ่มคลายลงบ้าง ไอ้กาวบอกให้เขาใจเย็นๆ ไม่ต้องพูดอะไร ให้ลุกจากโต๊ะหาสาวสักคน จะได้ไม่ต้องไปนั่งให้มันกดดัน




        เมื่อกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง รงคเพทเดินกลับไปเติมแอลกอฮอล์ที่โต๊ะ โดยที่ไม่ได้มองหน้าตารกาแม้แต่นิด แล้วรีบเดินลงไปหาผู้โชคดี มาช่วยบรรเทาสถานะการณ์เลวร้ายนี้



        ไม่นานคนหล่อก็ได้รับสายตาเชิญชวนจากสาวสวยในชุดเดรสสีดำที่สั้นเพียงคืบเดียว ทั้งคู่เต้นด้วยกันอยู่กลางฟอร์ สายตาเขายังคงเหลือบขึ้นไปยังที่ตารกานั่งเป็นพักๆ เหลือบขึ้นไปบ่อยจนโดนสาวที่กำลังซบอกถามหลายครั้ง และครั้งนี้ที่เงยขึ้นไปกลับพบว่าที่ๆตารกานั่งตอนนี้มีสาวสวยรูปร่างอวบ หมวย ขาวกำลังนั่งอยู่ข้างๆ




        ทั้งคู่คุยกันอยู่ ดูท่าว่าจะสนุกสนานน่าดู รงคเพทเมื่อเห็นเช่นกัน ก็เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง เขาอยากเดินกลับขึ้นไปที่เดินซะแล้ว ได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจๆ เหลือบขึ้นไปอีกครั้ง ครั้งนี้หน้าทั้งคู่อยู่ใกล้กันแค่ปลายจมูก นั่งชิดจนแทบนั่งตัก รงคเพทลอบด่าผู้หญิงคนนั้นในใจอยู่หลายครั้ง แล้วก็มาคิดได้ว่านี่กูเป็นอะไร




        รอบล่าสุดสาวเจ้าออกตัวแรงขึ้นไปนั่งบนตักตารกาจริงๆและซบหน้าลงกับอก ตารกาเองก็ลูบผมดำสนิทนั้นอย่างเบามือ รอยยิ้มที่ถูกเติมบนใบหน้าหล่อเหลานั้น ทำเอารงคเพทแทบปรี๊ดแตก แล้วก็กลับมาหายใจลึกๆ บอกตัวเองตั้งสติๆ




        ไม่นานทั้งคู่ก็เดินลงมาและเดินไปที่ประตูทางออกพร้อมกัน ตารกาเดินมาทางที่รงคเพทกำลังยืนอยู่กับสาวสวยชุดดำโดยให้ผู้หญิงอีกคนของตารกายืนรอที่ริมประตู ตารกาเดินมาถึงที่รงคเพทยืน ทั้งคู่มองกันอยู่สักพักตารกาก็เดินเข้ามากระซิบ




        “คืนนี้ผมขออาหารรอบดึก เตรียมไว้ให้ด้วย เสร็จธุระแล้วผมจะกลับไปกิน”  พูดเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินกลับไปโอบเอวสาวหมวยออกจากผับไป รงคเพทที่ไม่สนุกตั้งแต่แรกแล้วกลับไม่สนุกเข้าไปใหญ่ เขาไม่เคยมาเที่ยวผับแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวเท่าวันนี้มาก่อนเลย





        ตารกาเดินออกไปได้สักพัก รงคเพทก็ตามออกมาทันที และก็พบว่าเฟอร์รารี่คันงามที่เขายังไม่เคยนั่งสักครั้ง ขับหายไปแล้ว ยืนอยู่หน้าร้านสักพัก รงคเพทก็ได้พบใครบางคนที่เขาไม่คิดว่าจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้เพียงลำพัง



        “พบ !”  พบรักที่แสนน่ารักมาเที่ยวที่แบบนี้ด้วยเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้



        “หวัดดีเรียง ไม่ได้คุยกันนานเลย”  พบรักที่แสนน่ารักของเขาวันนี้ทำไมดูแปลกไป ไม่มีแว่นตาอันโต เสื้อผ้าและทรงผม ไม่ต่างอะไรกับเพล์บอยสักนิด ยิ่งหน้าตาแบบพบรักแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะฮอตเพียงใด



        “พบมาได้ไง”



        “ยีนบอกผม ว่าวันนี้เรียงจะมาที่นี่กับต้นตอง”



        “ขอโทษนะพบ ที่เราไม่ได้บอกพบเลย”




        “ไม่เป็นไรเรียง มีเรื่องอะไรยีนก็เล่าให้ผมฟังหมดแหล่ะครับ ผมเป็นห่วงเรียงเลยแอบตามมา”  พบรักยังคงยิ้มเช่นเคย แต่รอยยิ้มที่รงคเพทเห็นวันนี้ มันช่างน่ากลัว รัศมีความสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวพบรักหายไป รงคเพทสัมผัสได้



        “ขอบใจนะพบ ที่เป็นห่วงเรา”



        “แล้วต้นตองไปไหนแล้วครับ”



        “กลับไปแล้วหล่ะ เราก็กำลังจะกลับ”



        “กลับด้วยกันไหมเรียง”  ถ้าเป็นปกติของพบรัก รงคเพทคงไม่มีวันปฎิเสธที่จะกลับด้วย แต่วันนี้พบรักดูน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขากลับสงสารพบรักจับใจ เขาเป็นคนทำลายความสดใสนั้นรึเปล่านะ



        รงคเพทรู้สึกสงสารคนๆนี้เหลือเกิน เขาเดินเข้าไปจับมือพบรักและกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดสุดหัวใจ



        “พบ เราขอโทษ เราทำให้พบเสียใจรึเปล่า” พบรักที่เปล่งรัศมีน่ากลัวเมื่อครู่ เมื่อได้เห็นแววตาและน้ำเสียงเจ็บปวดของรงคเพทแววตาก็เปลี่ยนไป เขากระชับมือที่ถูกจับและเขย่าเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม



        “ขอโทษผมทำไมเล่า อย่าคิดมากนะ ให้ผมไปส่งเหอะ เรื่องอื่นค่อยไว้คุยกัน”  พบรักที่แสนน่ารัก คนที่คอยเคียงข้าง บัดนี้กลับมาให้ความรู้สึกคล้ายๆเดิมอีกครั้ง แต่ส่วนลึกของรงคเพทก็ยังคงบอกอยู่ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ใช่พบรักที่แสนน่ารักของเขา 



        “เดี๋ยวเราต้องไปหาอะไรรอบดึกให้ไอ้ต้นตองกินก่อน”  แม้จะบอกไปอย่างนั้นแต่พบรักก็ยังคงอาสาไปส่งอยู่ดี จนรงคเพทใจอ่อน รงคเพทแวะซื้อโจ๊ะแถวๆผับให้ตารกา พบรักไปส่งรงคเพทที่คอนโดตารกา เมื่อรถจอด



        “พบ กลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวเราหาทางกลับเอง เกรงใจพบอ่ะ”




        “แค่ซื้อมาให้ไม่ใช่เหรอเรียง รีบเอาไปให้แล้วลงมาสิ”



        “แต่เราว่า พบ”



        “ไม่ต้องแต่ ยังไงผมก็จะคอยอยู่ตรงนี้แหล่ะ”



        “โอเค เดี๋ยวเรามา แปปเดียว”  รงคเพทเปิดประตูลงจากรถ เดินออกไปได้สองสามเก้า พบรักก็เปิดประตูออกตามมา ยังไม่ทันที่จะถามว่าลงมาทำไม ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น  พบรักเดินมาตรงหน้าเขาและล็อคคอจูบรงคเพทตรงนั้นทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว รงคเพทพยายามดันพบรักออก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าพบรักเห็นแบบนี้แต่แข็งแรงมาก




        ถูกบดริมฝีปากอยู่สักพัก รงคเพทก็เริ่มไม่ขัดขืนและจูบตอบเป็นที่เรียบร้อย เขาเคยแอบจูบปากนี้มาก่อน รู้ดีว่ามันแสนจะนุ่มนิ่มและน่าสัมผัสมากแค่ไหน ผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน กลับเป็นรงคเพทที่ไม่ยอมปล่อยพบรักเสียเอง



        พบรักที่เหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ขอโทษรงคเพทเป็นอันยกใหญ่



        “เรียง ผมขอโทษ ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผม ผมรักเรียงนะ ฮือออ”  เป็นพบรักเสียเองที่ร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น พบรักที่กำลังร้องไห้ ขอโทษขอโพย ให้ความรู้สึกว่าพบรักคนเดินกลับมาแล้ว เห็นแบบนี้แทนที่จะโกรธ รงคเพทกลับดีใจที่พบรักดาร์กโหมดหายไปแล้ว 




        “พบไม่ต้องของโทษเรา เราต่างหากที่ต้องขอโทษที่เป็นคนโลเล แต่พูดตรงตรง ….คือเราไม่รู้ว่าเรารู้สึกกับพบแค่ไหน เราไม่อยากทำให้พบเสียใจ”  ไม่อยากพูดแต่ก็ต้องพูด ไม่อย่างนั้นก็ไม่เข้าใจกันสักที




        “ไม่เป็นไรเรียง อึกก ผมรอนะ ผมจะรอ จนเรียงแน่ใจ ฮืออออ”  พบรักผู้น่าสงสาร ถูกรงคเพทเดินเข้าไปกอดปลอบใจ ยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นสักพัก รงคเพทก็ให้พบรักรอข้างล่าง



        “เดี๋ยวเรามานะพบ แปปเดียว”



        “ครับ”  พูดไปพร้อมเช็ดน้ำตาป้อยๆอย่างน่าสงสาร รงคเพทเพียงยิ้มให้อย่างเอ็นดูแล้วเดินขึ้นตึกไป



        ขึ้นมาจนถึงห้องตารกาเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีแสงไฟลอดออกจากมาห้อง ตารกายังไม่กลับมาหรอก จะแอบหวังอะไรนะรงคเพท หวังให้เขาไม่ไปกับผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นหรือ บ้าไปแล้ว




        เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องมืดจริงๆ รงคเพทค่อยๆเดินคลำไปยังสวิตซ์ไฟ เมื่อไฟสว่างขึ้นก็พบกับเจ้าของห้องที่ขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดของเขา หน้าตาไม่ได้บ่งบอกอารมณ์อะไร แต่สายตากำลังจับจ้องมาที่…เหยื่อ








………………………………………………………………………………………..
หยึยยยยย ไม่ใช่นิยายน่ากลัวนะคะ มันเป็นดาร์กปนดราม่านะ ไม่หลอนนะคะ ไม่หลอนน  :mew3: :mew3:

ขอบคุณคอมเมนต์นะคะ ช่วยลุ้นกันต่อไปนะคะ ตอนต่อไปจะได้รู้แล้วน้า ใครอยู่ตำแหน่งไหน อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่11.2 (16/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 16-03-2014 21:06:02
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๑.๒  ทางเลือกใด  ใครเลยจะล่วงรู้




        รัศมีมืดหม่นปรกคลุกทุกอณูของคอนโดหรูในขณะนี้ สร้างความอึดอัดใจไม่น้อยกับผู้ก้าวเข้ามาใหม่ สายตาของผู้เป็นเจ้าของห้อง ยังคงจับจ้องมาที่เขา แม้ว่าตัวเขาเอง ไม่ได้สบกับสายตานั้นก็ตาม




        รงคเพทค่อยๆเดินเลาะไปยังห้องครัวและนำโจ๊กที่ซื้อมาใส่ถ้วยอย่างนุ่มนวลที่สุด หวังให้ไอ้คนที่นั่งจ้องเอาๆ มันจะหันไปทางอื่นบ้าง แต่เปล่าเลย มันยังคงนั่งจ้องเขาแบบนั้น ถึงไม่หันไปก็เห็นจากหางตาได้ นั่นไง จ้องตาไม่กระพริบอีกต่างหาก เป็นอะไรมากรึเปล่านะ เห็นแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย ตั้งแต่ที่ผับก็ยังพูดไม่เคลียร์กับมันเลยซะด้วย แต่ก็แอบดีใจอยู่ลึกๆที่มันไม่ได้ออกไปกับผู้หญิงคนนั้น พอนึกถึงตอนนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมา รอยยิ้มจึงเผยออกมาจากหน้าโจรที่วันนี้แต่งตัวแซ่บกว่าทุกวัน




        เมื่อใส่ถ้วยเสร็จ รงคเพทก็นำมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวประจำ พร้อมปูผ้ารองจานเนื้อนิ่มสีน้ำตาลอ่อน ขณะกำลังเตรียงทุกอย่างให้พร้อมก็เอ่ยลอยๆคล้ายว่าจะคุยกับคนที่กำลังนั่งเงียบ



        “คนอะไรหนอ อุตส่าได้สาวซะแจ่ม แล้วไม่พากลับมาด้วย เฮ้อออ เวรกรร๊ม เวรกรรม น่าเสียดายจริงๆ”  พูดไปก็ยิ้มไป ไม่รู้จะยิ้มทำไม รู้แต่ว่าอารมณ์ดี



        “….”  ยังคงไม่มีประโยคตอบกลับ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก กี่ปีกี่ชาติมันก็เงียบประจำอยู่แล้ว



        “อ่ะ เรียบร้อยครับ มาเชิญรับประแดกได้ ”  เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็เรียกให้คนที่บัดนี้หันหน้าไปทางหน้าต่างห้องให้มากิน แต่ก็ยังไม่ยอมลุกมาสักที



        “เสร็จแล้ว กูไปละนะ พรุ่งนี้อยากกินไรพิเศษป่ะ”  เห็นเงียบนักก็อยากชวนให้มันพูดบ้าง แต่ก็เปล่า ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด รงคเพทเตรียมใส่รองเท้าเปิดประตูออกจากห้องก็มีเสียงเบรคเขาเอาไว้ 



        “เดี๋ยว !”  ตารกาที่นั่งเงียบหันกลับมาพูด น้ำเสียงนั้นข่มต่ำกว่าที่เคยใช้ประจำ แววตาบัดนี้ไม่มีอะไรฉายออกมาให้เห็นทั้งสิ้น หน้าตาเรียบเฉย สังเกตได้ง่ายสุดก็คงจะมุมปากทั้งสองข้าง ที่ตก ลงกว่าทุกวัน



        “เฮ้ออ อะไรอีก กูรีบเนี่ย”  พูดไปก็ใส่รองเท้าไป ตารกาน่ากลัวแล้วตอนนี้ เขาไม่อยากกลับเข้าไปอีก ไม่รู้คนเงียบๆอย่างมันพออารมณ์เสียแล้วจะน่ากลัวได้ขนาดไหน



        “มานั่งนี่”  พูดและเหลือบตาไปยังที่ว่างข้างๆโซฟา



        “มีไรก็ว่ามาดิ กูยืนคุยตรงนี้ได้” 



        “……”  ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา มีเพียงสายตากดดัน  หากใครเห็นตารกาตอนนี้ ไม่มีทางที่ใครจะกล้าขัดใจเป็นแน่ เพราะมันน่ากลัวซะยิ่งกว่าหนังฆาตรกรรม




        มีเพียงหนึ่งคนที่กล้าหือด้วย คงไม่พ้นรงคเพทคนหน้าโจร ถึงจะเห็นดีกรีความน่ากลัวขนาดนั้นก็ยังดื้อด้าน ดันทุรังยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน ไม่ใช่ว่าไม่อยากเดินไปหรอกนะ แต่เวลาเขากลัวอะไรมากๆ ขามันจะค้างอยู่กับที่ ไม่กล้าเดินเข้าไปเผชิญหน้าสักเท่าไหร่



        เห็นดังนั้น จึงเป็นตารกาที่ลุกขึ้นยืนและค่อยๆก้าวมาทางที่รงคเพทยืนอยู่ ทีละก้าว ทีละก้าว จนในที่สุดก็มาถึงหน้าประตู เขายืนจ้องรงคเพทอยู่อย่างนั้น ทั้งคู่ยืนห่างกันไม่ถึงก้าว ไอ้คนหน้าโจรเมื่อถูกเดินมาหาถึงที่ ไม่มีที่ให้หลบไปไหน จึงตัดสินใจ ประสานสายตากับตารกา จ้องกันอย่างหยั่งเชิง




        “ปึ้ง…เป็นคำสั่ง ไปนั่งคุยดีๆ”  เสียงฝ่ามือกระทบกับประตู และน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าข่มอารมณ์เต็มที่ของตารกา ทำให้คนดื้อด้านรีบกระเถิบๆให้พ้นจากตรงนั้น ถอดรองเท้าไว้ข้างๆ แล้วรีบเดินไปนั่งยังโซฟาตัวโปรดที่ตารกานั่งอยู่ก่อนแล้วเมื่อครู่




        เมื่อไปนั่งที่โซฟาแล้วเรียบร้อย ตารกาก็เดินไปนั่งข้างๆโดยไม่ใกล้นัก



        “มีไร”  หายใจลึกๆ หายใจลึกๆ รงคเพทกำลังบอกตัวเองไม่ให้กลัว ไม่ให้สั่น



        “ใครมาส่ง”  ผิดคาด รงคเพทไปนึกว่าตารกาจะถามคำถามนี้ หวังว่าคงไม่เห็นฉาก…เอิ่มมม เมื่อกี้นะ



        “พบ” 



        “รถไปไหน”



        “จอดอยู่ผับ”



        “ทำไมไม่ขี่มาเอง”  นี่มันเกมส์ตอบคำถามรึไง รงคเพทหันควับไปมองหน้าอย่างเอาเรื่อง



        “มึงมีไรก็รีบๆพูด จะถามอะไรให้มันยืดยาวทำไมวะ” 



        “…..”  และสิ่งที่รงคเพทได้กลับมาก็เช่นเดิม ความเงียบ เขาชักจะหงุดหงิดซะแล้ว อะไรก็เงียบๆ เป็นใบ้รึไง



        “เรื่องที่กูสงสัยมึงใช่มะ”  รงคเพทตัดสินใจพูดออกมาเอง



        “นายมีอะไรอยากอธิบายไหม”



        “ไม่มี ตามที่กูบอก กูสงสัยมึง”  มาถึงขั้นนี้ละ ต้องปิดบังอะไรกันอีก หวังว่าถ้าใช่มันจริงจะได้เล่นมันซะตรงนี้เลย



        “ฮึ ถ้าผมบอกว่า เป็นอย่างที่นายสงสัยล่ะ”  ไม่ต้องรอมีประโยคต่อไป รงคเพทเข้าชาร์ตตารกาทันที  คอเสื้อของตารกาถูกกระชากขึ้นและถูกรงคเพทมองด้วยสายตาเดือดดาล



        “มึงทำแบบนี้ทำไม ห๊ะ !!!!”  ตะคอกออกไปสุดแรง โกรธ โกรธมาก โกรธอย่างบอกไม่ถูก โกรธจนอยากจะร้องไห้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยวะ ทำไม



        “มึงทำได้ยังไง!!  ไอ้ต้นตองง!! มึงทำกับน้องกูแบบนี้ได้ไงวะ !! ”  พูดไปก็จับคอเสื้อเขย่าไปมาอย่างอารมณ์ร้อน



        “มึงเป็นคนรึเปล่า !! ไอ้@#!%@&!&^*@$#”  สารพัดคำด่าที่หลุดออกมา สุดแสนจะหยาบคาย ด่าแค่นี้ยังไม่พอใจ ชูกำปั้นกะเสยหน้าหล่อๆให้พับจมดิน แต่ยังไม่ทันถึงหน้าหล่อๆ ก็ถูกมือของอีกฝ่ายคว้าไว้ก่อน และจับยึดไว้แน่น



        “ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย !!! กูจะฆ่ามึง ๆ ๆ !!!”  มือทั้งสองข้างถูกล็อคไว้เป็นที่เรียบร้อย ดิ้นให้ตายก็ไม่หลุดง่ายๆ จึงมีเพียงคำว่า กูจะฆ่ามึง วนอยู่ซ้ำๆไปมา ทั้งโกรธทั้งเสียใจ สุดท้ายทนไม่ได้จึงปล่อยโฮออกมาแทน



        “กูจะฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า .. กูจะฆ่ามึง กูจะ ฮืออออ ไอ้เหี้ยเอ้ย !!!! มึงตายแน่ มาตัว ตัวดิวะ”  ตารกาไม่ได้มีรูปร่างที่ใหญ่โตกว่ารงคเพท แต่เขากลับแข็งแรงกว่าคนหน้าโหดนี้มาก




        ตารกาจับข้อมือรงคเพททั้งสองข้างแล้วดึงเข้ามาหาตัว รวบตัวเข้ามากอดเอาไว้ให้คนที่บ่นพร่ำว่าจะฆ่าๆได้พอสงบลงบ้าง  แต่แล้วก็ทำให้รงคเพทที่กำลังร้องไห้ต้องมีอาการขึ้นอีก



        “มันก็สนุกดีนะ น้องนายก็น่ารักไม่ใช่น้อยๆ ฮึ”  กำปั้นลุ้นๆ ซัดเข้าเต็มปากของตารกา คนไม่ทันตั้งตัวที่เมื่อครู่โอบหลังรงคเพทเอาไว้ ถึงกับเซหล่นจากโซฟา




        เท่านี้ยังไม่พอใจ รงคเพทเดินลงไปหวังซัดเข้าให้อีกสักหมัด กำปั้นถูกปล่อยออกไปแล้วให้คนที่นอนคลำปากป้อยๆ แต่พลาด ครั้งนี้ตารกาหลบได้และรีบลุกขึ้นตั้งตัว รงคเพทพุ่งเข้าหาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ตารกาเตรียมพร้อมไว้แล้ว สู้กันอยู่สักพัก ตารกาก็สามารถล็อครงคเพทไว้ได้




        “มีแรงแค่นี้ แต่อยากปกป้องน้อง เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าไหม หืม ”  วาจาแสนเหยียดหยัน แม้จะเจ็บแสบแค่ไหน รงคเพทก็ไม่สามารถกระดุกกระดิกได้อยู่ดี



        “มึงจะเอาไง !!!”  กัดฟันพูดไปน้ำตาก็ไหลไปแสนจะเจ็บแค้น แสนจะเกลียดตัวเองที่ออกกำลังกายมาไม่พอ   



         “กล้ามากนะ ที่ชกหน้าผม”



        “กูจะทำมากกว่าชกมึงอีก มึงมีน้องนี่นะ วันนี้ไม่มึงก็กูต้องตายกันไปข้าง ไม่งั้นก็ระวังน้องมึงไว้ กูจะเอาน้องมึงทำเมีย ได้ยินไหมไอ้เหี้ยตุ๊ดทุเรศ กูจะเอาน้องมึงทำเมียอ่ะ !!! มึงจะได้รู้ว่ามีผัวเป็นผู้ชายมันเป็นยังไง ไอ้เหี้ย ” 



        “นายไม่ต้องห่วง อย่างนาย ไม่ต้องให้ถึงมือกระจกหรอก”



        “นี่…นี่มึง มึงเหี้ยกันทั้งโคตรเลยรึไง อึก กูไม่นึกเลย กู….อึก ตายแน่มึง”  เจ็บใจ ที่ผ่านมาคืออะไร นี่เขามองพวกมันผิดไปขนาดนี้เลยหรือ



        “ฮึ ทั้งโคตรจริงๆสินะ คงรวมถึง..”



        “อย่าให้มันมากเกินไปนะเรียง ผมไม่ได้ใจดี”



        “กูจะพูด พ่อกับแม่มึงคงสอนให้พวกมึงเกิดมาเป็นตัวหายนะ  ชอบทำลายชีวิตคนอื่น มีดีก็แค่รูปลักษณ์ สันดานสับปรังเค เกิดมาคงรักเป็นแต่ตัวเอง ไอ้พวกคนเห็นแก่ตัว” 









        ตุบ ….




       เสียงโยนคนทิ้งจากอ้อมกอด คนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเอาหน้าไปแนบพื้น





        “ออกไป ” คำไล่จากเจ้าของห้อง พร้อมชี้ไปที่ประตู รงคเพทที่ลุกขึ้นมาได้ คิดจะจู่โจมอีกครั้ง







        “ออกไป !!!!!” ตารกหันมาตะคอก ทำเอารงคเพทชะงักกึกไปอยู่พักใหญ่ หากว่าตอนเงียบน่ากลัวแล้ว ตอนนี้คงมากกว่าเท่าทวีคูณ แต่เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว คนหน้าโหดต้องเอาเลือดหัวจากไอ้คนไรยำนี่ออกมาให้ได้ จะกลัวมันทำไม ตายก็ตายสิ รู้ตัวคนผิดแล้วไม่ยอมหนีง่ายๆหรอก




        “ไม่ต้องมาไล่กู มึงไม่ตายกูไม่ไป!!”   




        “……”  สงครามสายตากำลังเริ่มต้นขึ้น ไม่มีใครยอมอีกต่อไป





        ตารกายกยิ้มที่มุมปาก ค่อยๆเดินเข้าไปหาคนที่ยืนไม่ไกล  ด้านรงคเพทไม่ก้าวถอยไปไหนยังคงจ้องกลับอย่าไม่ลดละ  ปากคนหล่อที่โดนต่อยเข้าเต็มแรงเมื่อครู่เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย



        “งั้น…ก็ไม่ต้องออก ”  หลังจบคำ ตารกาเอื้อมมือไปหยิบรีโมทอะไรสักอย่างที่วางอยู่บนตู้ใส่รองเท้า พอกด ประตูห้องก็ถูกล็อคอย่างแน่นหนา รงคเพทลองเอื้อมมือไปบิดไปมา ปรากฏว่าเปิดไม่ออก




        รงคเพทเริ่มใจไม่ดี แม้ว่าบนใบหน้าของตารกาตอนนี้จะมีรอยยิ้ม แต่มันเป็นเสมือนรอยยิ้มของซาตาน



        “อยากรู้เหมือนกัน ว่าพี่กับน้อง ใครจะใช้ได้กว่า”  รงคเพทไม่ทันได้ตั้งตัวเขาถูกลากมาโยนลงบนโซฟาตัวโปรดที่คนหน้าโจรชอบนั่งเป็นประจำ



        “จะทำเหี้ยอะไรห๊ะ!!! ไอ้สัด มึงจะทำเหี้ยอะไร !!!!!”  คนหน้าโจรเริ่มอาละวาดหนักเมื่อโดนผ้ารัดผ้าม่านรัดรอบข้อมือทั้งคู่เข้าด้วยกัน โดยที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เพราะโดนล็อคทั้งแขนและขา



        เสื้อเชิ้ตสีแดงตัวเก่งถูกดึงทีเดียว กระดุมหลุดออกทั้งแผง โชว์อกแกร่งกับกล้ามน้อยๆสีน้ำผึ้ง 



        “หยุดนะไอ้เหี้ย ปล่อยกู !!!”



        “ก็พอใช้ได้ แต่ดูแล้วคงสู้น้องนายไม่ได้ ฮึฮึ”  เสียงหัวเราะแสนวิตปริตกับสัมผัสลูบไล้ที่หน้าอก ทำเอาคนที่ถูกทับไว้ถึงกับตัวเกร็ง ไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าคือใคร แต่ที่แน่ๆไม่ใช่คนที่เขาคอยเทียวส่งข้าวส่งน้ำทุกวันแน่นอน



        “ไอ้ตอง ใจเย็นก่อน อย่าทำอะไรบ้าๆนะ”  ไม้แข็งไม่สำเร็จต้องลองใช้ไม้อ่อนดูบ้าง ถ้าหากคนๆนี้เป็นคนทำเรื่องเลวร้ายกับน้องเขาจริง ตัวเขาเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะรอดไปได้




        “ไม่สายไปหน่อยรึไง ผมให้โอกาสนายเดินออกไปแล้ว แต่นายดื้อด้านเอง จะโทษก็โทษที่ตัวนายเถอะ”  ตารกาไม่รอให้คนหน้าโจรโวยวายอีกต่อไป จัดการปลดเข็มขัดของคนด้านล่างออกและโยนทิ้งข้างๆโซฟา แล้วจึงมาจัดการกับกางเกงขายาวตัวเก่ง รูดทีเต็มติดมือมาทั้งชั้นใน ในคราเดียว จากนั้นก็จับชั้นในยัดปากคนพูดมากไม่ให้พูดอะไรออกมาได้อีก




        “เงียบบ้างนะ รู้ตัวไหม ว่านายเป็นคนพูดมาก น่ารำคาญ ฮึฮึ”  เมื่อรงคเพทเริ่มสงบลง ตารกาก็จัดการจับเขาพลิกให้นอนคว่ำหน้าลง จากนั้นก็ถอดกางเกงของตัวเองลงอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้คนถูกจับมัดพอมีเวลาทำใจ รงคเพทรู้ชะตากรรมของตัวเองดี นี่เขาจะต้องเสียให้มันจริงๆหรือ




        ไม่ปล่อยให้ต้องรอนาน รงคเทพรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังถูไถกับช่องทางลับด้านหลังของเขา นี่เพียงเริ่มต้น เขาอยากจะขาดใจตายซะตรงนี้ ไม่รู้ไปทำกรรมอะไรกับมันนักหนา เพียงแค่คิดว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นก็หายใจไม่ออกแล้ว คนด้านบนทาบตัวลงมาซ้อนทางด้านหลังแล้วกระซิบข้างหู




        “ไม่ต้องตื่นเต้น ผมชำนาญมากนะ เรื่องแบบนี้หน่ะ ฟู่วว ฮึฮึ”  พูดแล้วก็เป่าลมเข้าหูไปด้วย ตารกาไม่ได้มองเห็นสีหน้าของคนด้านล่างเขาเลยสักนิด ว่าหวาดกลัวเขามากแค่ไหน




        ของลับขนาดเขื่องที่ถูไถไปมาแล้วสักพัก ขยายขนาดเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ไม่นานนิ้วเล็กๆก็ลูบไล้ลงมา ถูเบาๆรอบๆปากทางสีสด ไม่มีการใส่นิ้วเข้าไปด้านในแต่อย่างใด แต่กลับเป็นของยักษ์ที่ถูเมื่อครู่ คนด้านบนจ่อไปที่ปากทางเข้า พยายามยัดให้เข้าไปเพียงครึ่งเซ็นก็เริ่มได้ยินเสียงซี๊ดซ๊าดแว่วมา




        “ฮื้อออ”  เสียงร้องลอดลำคอของคนถูกผ้ายัดปากไว้



        “จุ จุ ของจริงกำลังจะเริ่มต้นจากนี้นะครับ”  ทาบลงมากระซิบอีกครั้ง และใช้มือขวาปิดปากทับผ้าที่ยัดไว้ จากนั้นจึงกระแทกเข้าที่เดียวสุดความยาว



        “อื้ออออออ แฮ๊กๆๆ”  เสียงแห่งความเจ็บปวดดังลั่นห้องครู่เดียว แล้วเปลี่ยนมาเป็นเสียงหอบแทน ความเจ็บวิ่งแล่นไปตามไขสันหลังยันปลายเท้า ความชาแทรกซึมเข้าทุกอณูของร่างกายยันปลายลิ้นสัมผัส รวมถึงหัวใจที่แตกร้าวไปในคราวเดียวกัน



        “ซืดดดด”  ตารกาค่อยๆถอนกายออกช้าๆและเข้าไปใหม่ช้าๆ น้ำเสียงกำลังบ่งบอกว่าสะกดอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของตนอย่างเต็มที่ ด้วยมือที่ใช้ปิดปากคนหน้าโจรกดลงไปจนรงคเพทแทบหายใจไม่ออก ทำเช่นนั้นอยู่สามสี่ครั้ง จึงเพิ่มความเร็วขึ้น



        “ฮืออออ ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ ฮื่ออออ… ” ส่วนล่างที่กำลังผสานเป็นหนึ่งเดียว เรียกเสียงของคนด้านล่างที่เจ็บจนเริ่มชา และเริ่มมีความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามาแทน




        พึบ.. พึบ.. ผับ ผับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



        “ซืดดดดดดด”  เสียงครางลอดไรฟันของคนด้านบน บ่งบอกว่ากำลังเสียวสุดขีด คนหล่อเปลี่ยนมายกสะโพกของคนด้านล่างขึ้น ยกไหล่ขึ้น ยึดไหล่นั้นไว้ และส่งมอบความสุขไปยังช่องทางลับนั้นอย่างต่อเนื่อง แรงดีไม่มีตก ไม่นานจึงจัดการจับให้รงคเพทกลับมานอนหงาย จึงได้เห็นใบหน้าที่บัดนี้แดงก่ำเคอะไปด้วยน้ำตา รวมถึงริมฝีปากที่ถูกผ้ายัดไว้ ก็เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำลายเต็มไปหมด




        ตารกาดึงผ้ายัดปากออก โยนทิ้งไปข้างโซฟา ใช้นิ้วปาดน้ำลายที่เลอะขอบปากแล้วใส่นิ้วเข้าไปในปากเชลย แต่แล้วก็ถูกกัดนิ้วเข้าให้อย่างจังจนเลือดแทบซิบ ดีที่ดึงออกมาทัน



        “ฮึฮึ”  ไม่ได้ว่าอะไร เพียงหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีเท่านั้น



        “อื้อ ”  เสียงร้องเล็ดลอดออกจากปากรงคเพท เมื่อรู้ตัวว่าร้องออกไปก็รีบกัดปากปิดเสียงตัวเองเอาไว้ ตารกาเห็นเช่นนั้น แรงกระแทกจากด้านล่างก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปากที่เจ้าตัวกัดไว้เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา ตารกาเห็นเลือดจึงบีบกรามให้เปิดปากออก



        “รู้สึกดีก็ร้องออกมาสิ จะเก็บไว้ทำไม”




        “ฮืออ อึก อึกอึก….”  แม้จะโดนบีบกราม จะเพิ่มแรงกระแทกให้หนักหน่วงมากแค่ไหน รงคเพทก็ยังคงกลั้นเสียงเอาไว้ไม่เปล่งออกมา




        “ร้องออกมา !!!! ร้องให้ไอ้คนที่รออยู่ข้างล่างมันได้ยิน !!!!”  เสียงตะคอกใส่หน้าดังลั่น แรงที่ถูกบีบยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก




        “จะได้ไปบอกมันถูก ว่านายเป็นของใคร ฮึฮึ”  ตารกาปล่อยมือที่บีบปากออก และลุกขึ้นยืน ฉุดให้คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นตาม ลากมาทางหน้าต่างและจัดท่า สานต่อกิจกรรมเมื่อครู่ในท่ายืน ทำให้รงคเพทรู้ว่า หน้าต่างห้องนี้เป็นจุดที่รถพบรักจอดพอดี ที่เขากับพบทำเมื่อครู่คนๆนี้คงเห็นหมด




        พบรักที่อยู่ด้านล่างตอนนี้ กำลังพิงที่ข้างประตูรถมองซ้ายมองขวา และทำท่าคล้ายกำลังจะร้องไห้ เหมือนเด็กถูกทอดทิ้งไม่มีผิด ถูกทิ้งให้รอ นี่เขาทำให้พบรักเสียใจจนได้ โชคดีที่พบไม่เงยหน้าขึ้นมา และดีที่กระจกคอนโดนี้เป็นกระจกที่มองเห็นด้านเดียว ด้านนอกมองเข้ามาไม่เห็น



        “น่าสงสารจังนะ อยากให้ผม …ช่วยปลอบ…เพื่อนนาย…ด้วยไหมล่ะ”  น้ำเสียงขาดห้วงเป็นพักๆ เพราะกำลังรื่นเริงกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ 



        “มึงมันเหี้ย”  เสียงแสนจะแผ่วเบา ด่าไปลอยๆทั้งๆที่กำลังหันหลังให้ ตารกาจับรงคเพทให้หันมามองหน้า โดยให้หลังเชลยพิงกับกระจกและยกขาขึ้นด้านนึง และสอดใส่เข้าไปอีกครั้ง




        “อืออ อื่ออ อื่อออ ฮ๊า ฮ๊า….”  รงคเพทที่อยู่ในท่านี่ เริ่มมีอารมณ์ร่วมขึ้นมา เผลอปล่อยเสียงครางออกมาอย่างลืมตัวในที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นตารกายิ่งเพิ่มความเร็วและแรงถี่ขึ้น จนเดินมาถึงสุดทาง รงคเพทรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งพุ่งเข้ามาอย่างแรงเต็มช่องทางลับของเขา ให้ความรู้สึกประหลาดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน




        ตารกาถอนลูกรักของเขาออกจากช่องทางนั้น บางสิ่งที่เอ่ออยู่ด้านในทะลักไหลลงมาตามหน้าขาเชลย รงคเพททรุดเข่าลงตรงนั้น มองออกไปยังที่จอดรถของพบรัก ซึ่งบัดนี้พบรักขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว แต่เปิดกระจกทิ้งไว้ทำให้สามารถมองเห็นคนด้านในได้ กับน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างต่อเนื่องที่เจ้าตัวพยายามซ่อนโดยฟุบหน้าลงกับพวกมาลัย เช่นเดียวกับรงคเพท ที่ตอนนี้ตัวเขาเองก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน สงสารทั้งตัวเอง ทั้งคนที่รออยู่ข้างล่าง




        ความโชคร้ายของรงคเพทไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อส่วนนั้นของเขาที่ถูกตารกาปลุกขึ้นเมื่อครู่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อยออกมา รวมถึงมือที่ยังคงโดนมัดอยู่ ทำให้ทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก




        ตารกากลับไปนั่งบนโซฟาและจ้องมาที่เขา รงคเพทไม่มีความสามารถที่จะลุกไปไหนได้ ตัวเขากำลังหมดแรง หัวใจกำลังถูกเหยียบย่ำอย่างถึงที่สุด แต่ก็ทรมานกับความต้องการตรงกลางลำตัว นั่งมองรงคเพทสักพัก ตารกาก็ตัดสินใจเดินมาและดึงให้รงคเพทเดินตามมายังโซฟา รงคเพทยามนี้ ไม่มีแรงขัดขืนใดใด




         ในคืนนั้นทั้งคู่ร่วมรักกันครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงครั้งแรกเท่านั้นที่ตารกาใช้ความรุนแรง ครั้งต่อมาเขากลับนุ่มนวลซะจนคนที่เขากำลังโอบกอดอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีทีท่าว่าตารกาจะเหนื่อย จนกระทั่งรงคเพทที่เป็นฝ่ายทนความเจ็บ ทนไม่ไหวสลบไปก่อน ก่อนสลบก็พร่ำคำจะฆ่าเขาๆไปไม่ขาดปาก เมื่อรงคเพทสลบไป ตารกาก็หยุดการกระทำของตัวเองลงทันที


        .


        .


        ..


        ..


        …


        …


        ….


        ….



        “รักน้องจังนะเรียง ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ” 

…………………………………………………………………………………………………………………….
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่12 (18/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 18-03-2014 15:09:04
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๒  สิ่งใดเป็นจริง  ใครเลยจะล่วงรู้





        เปลือกตาอันหนักอึ้งค่อยๆลืมขึ้น เพื่อปรับแสงโฟกัสให้คุ้นแก่สายตา เพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย ภายในใจภาวนาขอให้ฝันร้ายเมื่อคืนไม่ใช่ความจริง แต่แล้วเมื่อเริ่มขยับตัว ก็พบว่าฝันร้ายนั้นกลายเป็นจริงเสียแล้ว ลองขยับแขนก็ปวดร้าวไปหมดตั้งแต่หัวไหล่ ลองขยับขาก็แทบไม่มีแรงที่จะเคลื่อนไหว โดยเฉพาะจุดเร้นลับที่ถูกใช้งานอย่างรุนแรงจากเมื่อคืน ตอนนี้กำลังออกฤทธิ์ให้รงคเพทปวดตุบๆๆ ตรงบริเวณนั้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังเริ่มรู้สึกแสบๆคันอย่างบอกไม่ถูก




        ลองหันซ้ายหันขวา ก็พบกับตัวต้นเหตุกำลังนั่งมองมา อยู่บนโซฟาไม่ห่างจากเตียงนัก ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเหตุการณ์มันจะออกมาในรูปแบบนี้ได้ แล้วก็เริ่มนึกถึงเรื่องที่มันเป็นคนร้ายน้องชายได้ ร่างกายที่ขยับไม่ได้เมื่อครู่ก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้อย่างไม่กลัวเจ็บอีก และก็เกิดอาการ….วืดดดด




        “ฮึฮึฮึ”  เสียงหัวเราะขบขันรอดจมูกทำเอาคนวืดเมื่อครู่หันมองขวับด้วยหางตา



        “…..”  ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากคนเคยพูดมาก มีเพียงสายตาอาฆาตเหลือบมองไปคล้ายอยากฆ่าให้ตาย




        ตารกายังคงยิ้มไม่หุบ เขาค่อยๆเดินขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆคนที่นอนมองเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ



        “จะฆ่ากันด้วยสายตาให้ตายเลยรึไง หืม” 




        “….”  ยังคงไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปาก อย่าให้มีแรงกว่านี้หน่อยเถอะ จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปเลย



        “เรียง…ไม่ใช่ผมหรอกนะ” 




        “ไม่ใช่เหี้ยไร ไปไกลๆเลยไอ้สัด …ก่อนที่กูจะฆ่ามึงตายจริงๆ”  แม้เสียงจะแหบแห้งสักแค่ไหน ก็ยังเค้นออกมาลอดไรฟันพูดกับตารกาจนได้



        “ผมไม่รู้จักน้องนาย”




        “เหี้ยไรอีก มึงพูดไร”



        “พูดเพราะๆกับผมหน่อยไม่ได้รึไง อย่าให้ต้องบังคับกันบ่อย”




        “เรื่องของกู”



        “อยากโดนแบบเมื่อคืนอีก?”




        “มึงมันใจสัด ไปไกลๆกูเลย”  พูดจบก็หันพลิกไปอีกด้าน ตารกาจึงโน้มตัวลงมากักคนเจ็บไว้ในอ้อมแขน โดยยันตัวกับเตียงด้วยมือทั้งสองข้าง



        “งั้นไม่ต้องพูด”




        “ออกไป” 



        “ฟังเฉยๆพอ ผมไม่รู้จักน้องนาย และผมก็ไม่ได้มีความจำเป็นมากพอที่จะต้องทำเรื่องแบบนั้นสักนิด เพราะต่อให้ผมจะทำหรือไม่ สุดท้ายนายก็ไม่มีวันชนะผมได้อยู่แล้ว”  คำพูดทุกคำออกจากปากตารกาด้วยความหนักแน่น ทำรงคเพทเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก




        “แล้ว…มึงทำงั้นไม”  เอ่ยลอยๆ ทั้งๆที่นอนตะแคงอยู่



        “ผมแค่ลองดูว่านายรักน้องแค่ไหน”




        “รักแค่ไหนมันเกี่ยวไรกับมึงวะ มึงเอากูไปแล้วนี่” พลิกกลับมาตะคอกใส่คนที่กำลังกักตนอยู่ในอ้อมแขน เมื่อเจอเข้ากับสายตาจริงจังของตารกา รงคเพทก็เซหน้าหนีไปอีกทาง



        “ผมไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น แต่นายยั่วโมโห”




        “มึงยั่วกูก่อน”  คราวนี้พูดเบาๆคล้ายกระซิบ แต่คนด้านบนได้ยินชัดเจน



        “นายชกผมด้วยนะ”




        “มึงบอกว่ามึงทำน้องกู”



        “ก็บอกแล้วว่าแค่อยากลองใจ”




        “งั้นมึงก็ซวยไป โทษกูได้ไง”



        “แปลว่านายเชื่อแล้วว่าผมไม่ได้ทำ…งั้นที่นายโดนไปก็ไม่เป็นไร เพราะโทษผมไม่ได้เหมือนกัน”




        “ไอ้ควาย !!”



        “ฮึฮึ”  ตารกาลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบถ้วยอาหารจากห้องครัวเข้ามาวางไว้ที่หัวเตียง




        “ตื่นซะเกือบบ่าย ผมต้องไปเรียนแล้ว กินเองได้ใช่ไหม ….แล้วเจอกัน” ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เหมือนประโยคบอกเล่าซะมากกว่า ตารกาพูดไว้เพียงแค่นั้นแล้วเดินเปิดประตูออกจากห้องไป ก่อนปิดประตูก็ชะโงกหน้ากลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง




        “ขอบใจ สำหรับของขวัญ”  ของขวัญ? ประโยคที่ทำเอารงคเพทถึงกับ งง คิดอยู่สักพักก็ยังไม่เข้าใจ




        พอเริ่มนั่งคิดอะไรไปมา ก็เริ่มนึกเรื่องเมื่อคืนออกทีละฉากๆ จนฉากสุดท้าย คนที่เขาทำลายหัวใจไปอย่างสิ้นซาก ป่านนี้คงกลับบ้านไปแล้ว พอได้นึกถึง ความเสียใจต่างๆนาๆก็ประดังเข้ามาอีกครั้ง แล้วอย่างนี้ต่อไป เขาจะสู้หน้าพบรักได้อย่างไร ความเป็นชายของเขาหมดไปแล้ว หมดไปกับความโง่งมของตัวเอง ไม่คิดให้ถี่ถ้วนจนเผลอเดินตามเกมส์ของคนเจ้าเล่ห์เข้าให้




        วันนั้นทั้งวันรงคเพทไม่ได้ไปเรียน กินโจ๊กเมื่อคืนที่เขาเป็นคนซื้อมาให้ตารกา แต่เช้านี้มันเล่นอุ่นมาให้เขาเป็นคนกิน จากนั้นก็กินยาแก้ปวด ที่มันเตรียมไว้ให้ นอนพักไปได้สองสามชั่วโมงตื่นมา คนที่เคยร่างกายและหัวใจอ่อนล้าก็รู้สึกดีขึ้นมาก จึงโทรหาไอ้ยีนเพื่อนรักให้มารับที่คอนโดตารกา สภาพบาดแผลทั้งหมดที่เกิดขึ้น รงคเพทเก็บอาการไว้อย่างแนบเนียนที่สุด แต่สำหรับคนอย่างยีน คงจะปิดยากสักหน่อย





        ไอ้ยีนไม่ได้ซักไซ้อะไรให้มากความ เขารู้ว่าตอนนี้เพื่อนต้องการการพักผ่อนที่สุด ดีหน่อยที่วันนี้พวกเขาไม่มีเรียน เมื่อยีนมาส่งรงคเพทที่คอนโดเสร็จ ก็ขออยู่เป็นเพื่อน แต่รงคเพทยังไม่พร้อมเล่าอะไรให้ใครฟังทั้งนั้น ก่อนยีนกลับไปได้ทิ้งท้ายประโยคเด็ดไว้ให้แก่รงคเพท




        “เชี่ยเรียง ยาสอดกูยังพอเหลือกูเลยเอามาให้ พักผ่อนซะแล้วตอนเย็นๆก็แช่น้ำอุ่นนะมึง ช่วยได้เยอะ”  ทิ้งไว้เท่านี้แล้วปิดประตูไป … ยีนได้ยินเสียงเพื่อนในห้องตะโกนออกมา ดังลั่นตึก




        “ไอ้ยีน !!!! มึงมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่บอกกูเลยนะ ไอ้เหี้ยยยย !!!!!”  คนยืนหน้าห้องอมยิ้มหลับตาปี๋ อย่างรู้สึกกระดากปาก กับประโยคที่พูดออกไปเมื่อครู่




        ‘จริงๆกูอยากเป็นผัวเขามากกว่านะ ไอ้เชี่ยเรียง ฮ่าฮ่าฮ่า’





        ยีนกลับไปแล้ว รงคเพทเปิดดูซองยาที่ไอ้ยีนเตรียมมาให้ เหมือนมันจะรู้ว่าเพื่อนมันเสียตัวไปแล้วเมื่อคืนยังไงยังงั้น …ยาอะไรของมันวะเนี่ย น่ากลัวชิบ แกะดูซองแรกก็มีแท่งเล็กๆยาวๆ และซองถัดๆไปก็เป็นยาเม็ดอีกสองสามอย่าง




        “นี่กูต้องเอา ไอนี่ ยัด…อึก จริงๆเหรอวะ”   เสียงกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก




        รงคเพททำตามคำแนะนำของยีนทุกขั้นตอน ชำระร่างกาย เขาพบว่าร่างกายเขาสะอาดหมดแล้วทุกส่วน คงเป็นตารกาที่ทำความสะอาดให้หลังเขาหมดสติไป นึกแล้วก็ยังเจ็บใจ เขาใช้ยาสอดที่ยีนนำมาให้ ทำอย่างยากลำบาก แต่ไม่ได้เจ็บอย่างที่คาด เพราะหากเทียบกับ เอ่ออ สิ่งที่เจอเมื่อคืนแล้วล่ะก็… รงคเพทหยุดคิดไว้เพียงเท่านั้น ทิ้งไว้สักพักแล้วไปพักผ่อน ยามเย็นๆก็ไปเปิดอ่างแช่น้ำอุ่น รู้สึกสบายตัวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก





        รงคเพทเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย แต่เขาก็ใช่ว่าไม่เคยมีอะไรกับใคร เพียงแค่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โดนผู้ชายด้วยกันข่มขืน และเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน เขาจึงไม่อาจเล่นตัวอย่างผู้หญิงมากนัก ขณะแช่ในอ่าง ความทรงจำบางตอนในฉากท้ายๆ กลับมาหลอกหลอนให้เขานึกขึ้นได้อีกครั้ง ตอนท้ายๆเขาสมยอมกับมันไป แถมยังรู้สึกดีสุดๆด้วย อยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย ยอมรับเลยว่ามันเก่งและอ่อนโยนกับเขามาก







        ครืดดดดดดดดดด …. บี๊ปๆ ….




        เสียงโทรศัพท์ทำลายความคิดอันบรรเจิดที่รงคเพทกำลังจินตนาการถึงอยู่ เบอร์โทรศัพท์จากคนที่เขากำลังนึกถึงอยู่ ยังคงขึ้นชื่อเดิม ‘เสนียดห้ามรับ’




        “บี๊บ”  กดวางไป และปิดเครื่องทันที




        “ไม่เข้าใจรึไง เสนียดกูไม่รับหรอก”  รงคเพทกลับไปดื่มด่ำกับสายน้ำอุ่นต่อ




        คนหน้าโจรพักฟื้น โดยไม่ติดต่อกับโลกภายนอก วันนี้ก็เข้าวันที่สามแล้ว มีเพียงยีนที่คอยแวะเวียนมาดูแล และสุดท้ายเขาก็ต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ยีนฟังจนได้ ยีนไม่ได้ตอกย้ำ มีเพียงความเข้าอกเข้าใจที่มอบให้แก่เพื่อน รงคเพทพยายามเดาว่ามันเป็นใคร ถามว่าใช่ไอ้กาวไหม ก็ได้ยินกลับมาเพียงเสียงหัวเราะ และบอกเพียงว่า ไม่ได้เจอไอ้กาวกันมาหลายวันแล้ว และไม่ใช่มันอย่างแน่นอน





        ยีนเล่าเรื่องของพบรักให้รงคเพทฟังเป็นพักๆ หลังจากวันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นกับรงคเพท พบรักก็มีท่าทีแปลกไป มาเรียนตามปกติแต่เมื่อเรียนเสร็จก็หายไปเลย ไม่คุยกับใคร ไม่ติดต่อกับใครเช่นกัน ไม่รู้ว่าหายไปไหน ยีนทำท่าทีว่าจะเข้าไปทักก็รีบเดินหนี ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันคือเรื่องกวนใจรงคเพทไม่น้อย แต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดต่อพบรักมาก มากซะจนไม่กล้าไปหน้าอีก






        รงคเพทไม่ได้ติดต่อกับใคร รวมถึงตารกา ด้านตารกาเองก็ไม่ได้พยายามติดต่อหรือมาหาที่คอนโดเขา ปากก็บอกดีแล้ว ไม่ได้เจอมัน ไอ้คนเลว แต่เพราะเคยเจอทุกวัน เคยหาอะไรให้กินทุกวัน เมื่อไม่ได้เจอเข้าวันที่สามจึงเริ่มคิดมาก ว่าวันนี้ตารกาจะกินอะไร เวลาอ่านหนังสือหนักตารกาชอบปล่อยให้ท้องว่าง ไหนจะต้องคอยเป็นที่ปรึกษาให้แก่บริษัทของครอบครัวอีก แล้วมันจะเอาเวลาที่ไหนไปหากินเอง หรือไม่ก็คงเข้าผับทุกวัน คงสบายใจเฉิบที่เขาไม่เข้าไปวุ่นวาย สาวๆก็รายล้อมเป็นธรรมดาอยู่แล้ว สารพัดความคิดบั่นทองจิตใจ





        จนท้ายที่สุดทนไม่ไหว วานให้เพื่อนหน้าโจรที่มานั่งดูทีวีห้องเขาทุกวันเอากับข้าวไปห้อยหน้าห้องมันไว้ให้ ตอนที่มันไปเรียนหนังสือ ยีนยอมช่วยเหลือและยิ้มให้กับเพื่อนด้วยสายตาแปลกๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร





        เข้าวันที่สี่อาการรวมถึงสภาพจิตใจดีขึ้นมาก รงคเพทกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง ไอ้กาวมีท่าทีดีใจสุดๆ ถามเอาๆว่าหายไปไหนมาทั้งคู่ แปลว่าไอ้กาวกับไอ้ยีนไม่ได้ติดต่อกันจริงๆในระยะที่ผ่านมา ส่วนพบรัก พวกเขาก็ไม่ได้เจอเลย





        เลิกเรียน สามโจรนัดกันไปดื่ม หลังห่างหายจากวงการเหล้าเข้าปากกันไปนาน พวกเขาพากันไปร้านโต๊ะเก้าอี้หลากสี ที่มีดนตรีฟังสบาย บรรยากาศดี 




        “วันนี้กูเลี้ยงพวกมึงเอง”  ไอ้ยีนเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะ ได้รับรอยยิ้มจากไอ้กาว แต่คนหน้าโจรที่ชอบของฟรีกลับทำหน้าแปลกใจ




        “เลี้ยงทำไมวะ”




        “รับขวัญมึง” พูดพร้อมหันไปฉีกยิ้มให้กับรงคเพท




        “พวกมึงมีอะไรปิดบังกู เล่ามา”  ไอ้กาวพูดขึ้นเพราะเหมือนเพื่อนรู้กันอยู่สองคน




        “กูจะมีไร ก็อย่างที่บอก นอนป่วยอยู่ห้อง”  ไม่ได้อยากปิดบังเพื่อนหรอก แต่จะให้บอกยังไงว่าโดนผู้ชายด้วยกันเอาหน่ะ และที่สำคัญผู้ชายคนนั้นคือไอ้หน้าตุ๊ดที่เขาเคยด่าทุกสามสิบแปดวิให้ไอ้กาวฟังอีก




        “เออ ไม่มีไรก็ดี อย่าให้กูรู้ที่หลังแล้วกัน”




        “ชีวิตมึงเคยรู้อะไรด้วยรึไงไอ้เชี่ยกาว”  ไอ้ยีนพูดอะไรของมันแปลกๆ ไอ้สองคนนี้มีอะไรไม่ธรรมดา แต่ไอ้ยีนบอกไม่ใช่ไอ้กาว แล้วมันยังไงกันแน่




        “กูควรถามมากกว่าไหม มึงสองคนมีไรปิดกู”  อยากรู้ ก็ต้องถาม รงคเพทไม่ได้ชอบเสือกหรอกนะ แค่อยากรู้ ก็เท่านั้น




        “กูอ่ะ ไม่มีหรอก มีแต่ไอ้เหี้ยยีนนั่นแหล่ะ”  น้ำเสียงงอนๆจากไอ้หน้าโจร ร่างถึก งอนอะไรไม่เคยดูสารรูปตัวเองเลยนะไอ้กาว




        “ก็กูบอกว่า กูบอกมึงแล้ว ก็หาว่ากูยังไม่บอกๆ”





        จึก…จึกๆ เรื่องอะไรหว่า จะใช่เรื่องของเขารึเปล่า แต่ยีนคงยังไม่ได้บอกหรอก ไม่งั้นไอ้กาวคงโวยวายไปแล้ว




        “ตกลงมันเรื่องไรกันวะ จะบอกกูได้ยัง”  อย่าเป็นเรื่องกูนะ อย่าเป็นเรื่องกูนะ ภาวนาในใจไปเรื่อย




        “ก็ไอ้เหี้ยยีนมันไปค่ายไม่บอกกู”




        “กูโทรถามมึงแล้วไอ้กาว แต่มึงเมาอย่างหมา คุยไม่รู้เรื่องเอง”  เสียงพูดกลายเป็นเสียงทะเลาะกันไปแล้ว




        “แล้วมึงก็ได้ผัวติดมือกลับมาเนี่ยนะ!!!”  หวืดดดด…ช็อคซีนีม่า เงียบกริบกันทั้งร้าน ไอ้ยีนที่โดนประจานต่อหน้าสาธารณะชนถลึงตาใส่ไอ้กาวคนปากพร่อย สถานการณ์ในร้านตะลึงงันกันไปชั่วครู่แล้วกลับมาสู่สภาพเดิม




        “ฮึฮึ แล้วมึงหล่ะไอ้กาว เมาหัวราน้ำ แล้วยังเสือกโง่ เอาผู้ชายทำเมีย …หน้าไม่อาย กิ้วๆ”  ไอ้ยีนตอกกลับ แต่ท้ายประโยคเอ่ยแซวทำเสียงล้อเลียน ไม่นานก็เกิดการไล่ฆ่ากันเกิดขึ้น โดยไอ้ยีนวิ่งหนีและไอ้กาววิ่งตามไปแตะ แต่มีหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังช็อคของจริง นี่เพื่อนเขาแต่ละคนกลายเป็น พวกนี้ไปหมดแล้วได้ไง สตั้นไปได้ไม่นาน ก็อยากจะมุดหน้าลงดินกับประโยคของไอ้เพื่อนสองคนที่วิ่งไปด่ากันไป




        “ถ้าวันนั้นมึงไม่ไปค่าย กูก็ไม่ได้มันหรอกไอ้ห่า”




        “ถ้าวันนั้นมึงไปค่ายกับกู กูก็ไม่มีผัวหรอกไอ้เหี้ยกาว ”




        “วันหลังมึงก็มาลากกูไปดิวะ”




        “มึงเป็นพระเจ้ารึไง บอกแล้วอย่าแดกเยอะๆ สมน้ำหน้า …แฮก ๆ”




        “เออ ไอ้เหี้ยสมน้ำหน้ามึงเหมือนกัน เหอะ แฮกๆ ”  วิ่งไปเตะกันไป ทะเลาะกันไป สักพักเริ่มเหนื่อยหอบหายใจ กลับมานั่งที่เดิม




        “พอไอเหี้ย กูเหนื่อย”  ไอ้ยีนกลับมานั่งที่ก่อน ไอ้กาวไม่ยอมแพ้เดินมาตบกะโหลกไอ้ยีนดัง โป๊ก! ไปหนึ่งที แล้วค่อยกลับไปนั่งที่ตัวเอง




        “ไงพวกมึง มีไรจะเล่าไหม กูรอฟังอยู่”  คนที่นั่งช็อคจนหาย เหล่ตามองไอ้โจรทั้งสองแต่ไม่มีใครกล้าสบตากรรมการ




        “…..”  ยังไม่มีใครเปิดปาก จนรงคเพทต้องขู่




        “รู้ทั้ง ม แน่พวก”




        “คืองี้เพื่อนเรียง…”  กำลังจะเล่า แต่ไอ้กาวก็เบรกไปซะก่อน อีกสองโจรมองตามสายตามันไป ก็เจอเข้ากับ หนุ่มหล่อหน้าใสกิ๊ง รูปร่างหน้าตาทุกอย่างรวมกันอย่างลงตัว ส่วนชื่อนั้นรงคเพทจำได้ขึ้นใจอย่างไม่ต้องท่อง ‘ตารกา’  นั่นเอง





        ตารกามากับโอมสองคน น่าแปลกที่วันนื้ทั้งคู่มาร้านแบบนี้แทนที่จะเป็นผับสุดหรู แอร์เย็นของโอม ทั้งคู่มองไม่เห็นสามโจรที่นั่งอยู่ตรงมุมอับสายตา สองหนุ่มน่าตาดีขั้นเทพ ดึงดูดสายตาของทุกโต๊ะในร้านได้เป็นอย่างดี นั่งอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที ก็มีสาวหน้าตาดีแวะเวียนมาขอชนแก้วไม่ซ้ำหน้า สักพักโอมจึงขอย้ายโต๊ะไปนั่งมุม เพื่อไม่ให้มีคนเห็นมาก โดยมุมที่นั่งไม่ไกลจากโต๊ะสามโจรนัก





        รงคเพทที่ไม่ได้เห็นหน้าตารกามาหลายวัน แม้จะเห็นสาวๆแวะเวียนมาตลอดก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว โดนยีนเอ่ยแซวไปจนทำหน้าไม่ถูก เลยเลี่ยงขอตัวไปห้องน้ำแทน








        “อ่าวเรียง มากับใคร”  กำลังยืนวักน้ำมาล้างหน้า โอมที่เข้าห้องน้ำมาทีหลังก็เอ่ยทักขึ้น



        “หวัดดีโอม เรามากับเพื่อนแหล่ะ โอมอ่ะ มากับใคร”  ถามอะไร เห็นอยู่แล้วแท้ๆ




        “ผมมากับไอ้ตองแหล่ะ”



        “อ่า”  แล้ววักน้ำล้างหน้าต่อไป




        “เรียง ให้ของขวัญอะไรไอ้ตองมันอ่ะ”



        “ของขวัญ? ของขวัญอะไร”




        “ไอ้ตองมันบอก เรียงให้ของขวัญมัน แจ่มกว่าที่ผมให้ ผมเลยอยากรู้ว่าเรียงให้อะไรมัน”



        “เราไม่ได้ให้อะไรเพื่อนโอมเลยนะ แล้วเราจะให้มันทำไม” ยิ่งพูดยิ่ง งง




        “เอ้า ก็วันก่อนวันเกิดไอ้ตองไง ปกติวันเกิดมันก็มาฉลองที่ผับผมทุกปี แต่ปีนี้มันมาแปปเดียวแล้วหายไป ผมก็พึ่งรู้ ว่ามันไปฉลองกับเรียง”



        “หะ”  อย่าบอก ว่าของขวัญที่มันพูดถึง…ไอ้คนทุเรศ !!!!



        ท่าทางรงคเพทเหมือนกำลังนึกได้ ยิ่งทำให้โอมอยากรู้เข้าไปใหญ่



        “ตกลงให้ไรมันครับ”



        “เอ่ออ…คือ”



        “…..”



        “เรา….” ก้มหน้าก้มตาตอบไป



        “หืม ไม่เป็นไร ไม่บอกผมก็ไม่เซ้าซี้ละ ตามสบายนะเรียง”   โอมบอกแล้วจัดการธุระส่วนตัว ด้านรงคเพทวักน้ำล้างหน้าจนเปียกทั้งเสื้อแล้ว ตอบโอมไปหน้าก็ร้อนผ่าวๆ คุยเสร็จก็รีบเดินออกไปก่อนที่เขาจะเหมือนคนอาบน้ำจริงๆ



        ‘เราตอบโอมไปแล้วนะ….หน้ากูแดงไหมเนี่ย’  คิดไปก็เอามือลูบหน้าตัวเองไป



        “เชี่ยเรียง ไปทำไรมาวะ เปียกหมด….ไอ้สัด ร้านเหล้ามึงยังไม่เว้น ฮ่าฮ่าฮ่า”  ไอ้ยีนแซวหัวเราะขบขับ



        “หะ…เอ่ออ อากาศมันร้อนว่ะ”  ตอบตะกุกตะกัก สมองยังประมวลผลไม่เสร็จ นี่เขากลายเป็นของขวัญวันเกิดให้ไอ้ตุ๊ดไปแล้วหรือเนี่ย มิน่าตอนกลางวันมันถึงจัดอาหารชุดใหญ่มาเส้นเขา ..นึกถึงตอนนี้หัวใจก็เต้น ตุบตับ ตุบตับ




        “เรียง หน้ามึงแดงว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ”  ไอ้ยีนยังแซวต่อไปเลิก เห็นหน้าดำกลายเป็นหน้าแดงได้ ช่างเป็นบุญตาไอ้ยีนเหลือเกิน






        ไม่นานโอมก็เดินออกจากห้องน้ำมา เดินผ่านมาแถวๆที่สามโจรนั่ง ยิ้มหวานให้กับรงคเพทแล้วถึงไปนั่งโต๊ะของตัวเอง




        “มึงไปทำไรในห้องน้ำมา”  ไอ้กาวเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ดุดัน หน้าตาไม่บ่งบอกถึงความขี้เล่น มันจริงจังมากจนสองโจรที่เหลือถึงกับมองหน้ากันอย่างงุง งง




        “กูไปล้างหน้าไง”  อะไรของมัน



        “ล้างหน้าซะเปียกเชียว ฮึ”  ไปแล้วหน้าไอ้กาว เป็นพวกปิดอารมณ์ไม่มิดแสดงออกชัดเจนมาก ว่ากำลังโมโหขั้นสุด




        “ไอ้กาว เป็นไรของมึงวะ โมโหเหี้ยไร” ไอ้ยีนเห็นท่าไม่ดี ไอ้กาวมารูปแบบนี้ทีไร เตรียมปล่อยหมัดทุกที



        “มึงไปทำไรในห้องน้ำมา ไอ้เรียง”  ตะคอกออกไปพร้อมลุกขึ้นยืนเตรียมพุ่งตัว




        “อะไรของมึงหะ ไอ้เหี้ยกาว กูก็บอกว่าล้างหน้า ก็ล้างหน้าดิ” เห็นเพื่อนของขึ้น รงคเพทจึงของขึ้นตาม ยืนขึ้นตะคอกกลับเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าเพื่อนเป็นอะไร แต่เขาไม่ได้ทำไรผิด ไม่ยอมง่ายๆหรอก อารมณ์หวานๆเมื่อครู่หายไปสนิท



        “เข้าไปตั้งนาน แค่ล้างหน้าเนี่ยนะ”




        “พวกมึงใจเย็นๆได้ไหมวะ คนมองกันทั้งร้านแล้วสัด”  ไอ้ยีนคนกลางค่อยๆพูดเกลี้ยกล่อมให้คนของขึ้นทั้งคู่ใจเย็นลง



        “แค่ล้างหน้า แล้วยิ้มให้กันทำไม”  ยังไม่ยอมนั่ง เสียงดังขึ้นกว่าเดิมอีก




        “มึงหมายถึงใคร”



        “ก็มันไง”  ลืมตัวชี้ไปยังโต๊ะที่ต้นตองและโอมนั่งอยู่




        “ก็คนรู้จักกัน ยิ้มให้แล้วมันเป็นไงวะ”  รงคเพทตะคอกกลับ เหมือนไอ้กาวจะเริ่มได้สติ มองซ้ายมองขวา มองไปยังโต๊ะที่เขาชี้ไปเมื่อครู่ด้วย ทุกสายตามองมาที่กาวเป็นตาเดียวกัน   





        ไม่รู้จะทำยังไงเดินไปยังโต๊ะของต้นตองจับแขนโอมดึงออกไปด้วยกันในที่สุด ทุกคนกำลังตกตลึงรวมถึงรงคเพทที่งงกับสถานการณ์ไม่แตกต่างจากคนอื่น มีเพียงยีนที่เฉยๆไม่ได้มีท่าทีอะไร




        “ไอ้ยีน!! โอมถูกไอ้เหี้ยกาวฉุดไปแล้ว เอาไงดีวะ”  รงคเพทร้อนรน หัวหน้ากลุ่มเขาถูกไอ้เพื่อนหน้าโจรฉุดไปต่อหน้าประชาชี



        “ไม่ต้องเอาไง นั่นเมียมัน ไอ้เหี้ยนี่ก็หึงไม่เว้นเพื่อนฝูง” 





        จึก จึกๆๆๆๆ ช็อค….รอบที่ร้อยของรงคเพท วันนี้มันวันวิปโยคอะไรกันแน่วะเนี่ย เหตุการณ์เสทือนฟ้าเสทือนดินเกิดขึ้นติดต่อกันจนรงคเพทสุดหล่อทำใจยอมรับไม่ทันแล้ว




        หันไปยังโต๊ะที่เหลือสมาชิกนั่งอยู่คนเดียว ก็เห็นตารกานั่งอมยิ้มมองไปยังทางที่เพื่อนตัวเองถูกพาออกไป




        ‘ยิ้มได้ไงวะ นั่นเพื่อนมึงไม่ใช่เหรอ ….โอ๊ยยย กูไม่เข้าจายยยยย’
 

. . . . . . . ...
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่12 (18/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ghost-666 ที่ 18-03-2014 18:29:04
 :hao6: เราพึ่งอ่าน สารภาพเราเข้ามาเพาะชื่อเรื่องคิดว่าเป็นแนวอดีต อ่านไปแล้วแบบว่า เรียงน่าร๊ากกกกกก   :-[   เรื่องนี้สนุกมากคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่12 (18/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 18-03-2014 18:46:20
ในที่สุดก็ได้รู้กันซักทีว่าใครรุกใครรับ หลังจากที่ลุ้นกันมานาน
นายตารกานี่อย่างโหด แอบหึงรงคเพทใช่ไหมอ่ะ
ตารกาดูเดายากว่ารู้สึกยังไงกับรงคเพท แต่รงคเพทนี่คงหลงชอบหมอนี่ไปแล้วแน่ๆ
สงสารก็แต่พบรัก รอคอยอยู่ข้างนอกอย่างเดียวดาย นายเรียงก็ไม่ลงมาซักที
เห็นแบบนี้แล้วคนอ่านเทใจเชียร์พบมากกว่านายตารกานะ

หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่12 (18/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 18-03-2014 23:51:19
เราไม่ได้เม้นใครมานาน แต่เราเม้นให้เป็นกำลังใจแก่ผู้แต่งนะ เนื้อหาน่าติดตามมาก เราชอบ อ่านไปอ่านมาผิดคาดเรานิดหน่อย แต่มันก็เป็นความแปลกใหม่ที่รับหน้าโจร แต่อ่านบุคลิกตั้งแต่แรกก็เดาได้ไม่ยากหรอว่าใครเป็นรับ ฮ่าๆๆ สนุกค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่13 (19/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 19-03-2014 21:28:52
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๓  เลิกนึกอย่างไร  ใครเลยจะล่วงรู้




        อีกไม่ถึงเดือนก็สิ้นปีการศึกษาแล้ว กิจกรรมรับน้องของแต่ละมหาลัยเดินมาถึงเวลาที่ต้องยุติ แต่ละที่จึงมีการจัดแสดงส่งท้ายการรับน้อง เช่นเดียวกับมหาลัยแห่งนี้ที่รงคเพทเข้าเรียน แต่ละคณะต้องจัดงานปิดการรับน้องทั้งหมด โดยจะมีธีมของใครของมัน




        “หะ บ้านผีสิง …โอยย พวกมึงไม่มีอะไรจะทำแล้วรึไง”  เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังขึ้นจากแก๊งค์เดอะโจร ที่กำลังนั่งถกเถียงเรื่องธีมของคณะพวกเขาอยู่




        “กูไม่ได้เป็นคนคิดไง ฝ่ายกิจกรรมมันมีคำสั่งมาให้พวกเรา”  ไอ้ยีนที่เป็นตัวแทนกลุ่มเข้าร่วมประชุมกับฝ่ายกิจกรรมคณะมาบอกข่าวแก่สภาโจร




        “มันมีสิทธิไรวะ ไม่ถามพวกเราสักคำ”  ไอ้กาวคนใจร้อนเมื่อเห็นหน้าที่ ก็โวยวายขึ้น




        “แล้วพวกมึงอยู่ให้พวกมันถามกันไหมล่ะ กี่ชาติๆ ไม่เคยเห็นหน้าพวกมึงเข้าไปดูน้องเลย”  ไอ้ยีนที่เข้าประชุมงานคณะทุกครั้งบ่น




        “ภารกิจกูเยอะ จะเอาเวลาไหนไปนั่งฟังพวกมันพูดภาษาต่างดาวกันวะ”  การเข้าประชุมสำหรับกาวเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดที่เขาเคยเจอ มีแต่พวกบ้าที่อยากเด่นอยากเป็นผู้นำ ถกเถียงกันด้วยภาษาไพเราะเพื่อให้ตัวเองดูดี ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจ




        “เห้ยๆ อย่ามองกู กูพึ่งเข้ามานะเว้ย น้องอะไรกูก็ไม่มีกับพวกมึงนา” 




        “นี่ไง มึงจะได้มี งานสุดท้ายละ ช่วยคณะหน่อยดิวะ”  ไอ้ยีนยัดกระดาษที่ตอนแรกเรียบกริบ พอมาถึงมือสามโจรเท่านั้นแหล่ะ กลายเป็นเศษกระดาษทันตา




        “เชื่ยยย แล้วให้กูทำไร ให้กูเป็นผีเนี่ยนะ ไอสาดดดด!!!”  จากเศษกระดาษในตอนแรก กลายเป็นก้อนกระดาษไปแล้วเมื่อมาอยู่ในมือรงคเพท




        “จัดคนกันยังไงวะ ทำไมกูได้แต่งผี แล้วไอ้เชี่ยกาวได้ขายตั๋วหน้างานวะ แม่งโคตรเท่าเทียม”  บ่นไม่หยุด ชีวิตนี้รงคเพทจะมีโอกาสได้อยู่เป็นผู้เป็นคนกับเค้าบ้างไหมเนี่ย




        “หน้ามึงให้ไง ฮ่าฮ่าฮ่า”  เสียงหัวเราะขบขันจากไอ้กาวที่ดีกว่าหน่อย เพราะได้ทำหน้าที่ขายตั๋ว 




        “ไม่ดูสารรูปตัวเองเล้ยย ไอ้กาว ใครคิดวะ เอามึงขายตั๋วหน้างาน มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง เด็กน่ารักๆที่ไหนมันจะกล้าเข้ามาเล่น เหอะ” 




        “ไอ้เชี่ยเรียง พูดงี้มึงอยากมีปัญหามากนักใช่ไหม”  ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาเริ่มวางมวยกันอีกแล้ว




        “พอเลยย พวกมึง หน้าเหี้ยไม่ต่างกันหมดนั่นแหล่ะ !!!...ตกลงตามนี้ เตรียมตัวกันให้ดี กูไม่ว่างต้องไปจัดการติดต่ออุปกรณ์อีก อยากตีก็ตีกันเลย งานนี้จะได้เจอน้องน่ารักๆ ไม่อยากเจอก็ตามใจ ”  พูดไปก็เหนื่อยใจไป กี่ปีกี่ปีก็พูดดีกันได้ไม่เกินห้านาทีจริงๆไอ้คู่นี้








        “ไอ้เรียง”  เมื่อต้องมานั่งอยู่กันสองคน




        “เออ”  ต่างนั่งท้าวคางอย่างหมดอะไรตายอยาก




        “มึงว่ามันยุติธรรมเหรอวะ”




        “ไม่รู้ว่ะ”




        “ทำไมไอ้ยีนมันได้คุมงาน แต่มึงได้แต่งเป็นผีวะ”




        “กูไม่รู้ววว”  ไม่มีอารมณ์ตอบ งานจะมีวันมะรืนแล้ว พึ่งมารู้หน้าที่ตัวเอง ทำใจไม่ทัน รงคเพทบอกเลย




        “ไม่ทำได้ป่าววะ”




        “อย่าทำสันดานสิจ๊ะน้องกาว งานสุดท้ายเลี้ยวน้า”  นึกไม่ออกบอกไม่ถูก ขอเป็นบ้าไปเลยแล้วกัน




        “แต่น้องกาวไม่อยากขายตัวนี่จ๊ะ”  นั่นไง บ้าไปหมด




        “น้องกาวต้องไปขายตั๋วจ่ะ ไม่ใช่ขายตัว แต่ถ้าอยากขายตัว แนะนำให้ไปหาเมียนะจ๊ะ”




        “เฮ้ออ/เฮ้อออ….”  เสียงคนบ้าสองคนคุยกันไปถอนหายใจไป ใครได้มานั่งฟัง คงอยากจับมันส่งโรงบาลบ้า





        ความบ้าไม่ได้ช่วยให้รอดพ้นจากความจริงได้ เมื่อถึงวันงานไอ้กาวได้ใส่เสื้อสตาฟสีน้ำเงินเข้มพร้อมห้อยป้าย นั่งอยู่จุดขายตั๋ว นั่งตั้งแต่ตีห้า งานเริ่มแปดโมง จะให้มานั่งรอเพื่อ? ส่วนรงคเพทมาตีห้าพร้อมไอ้กาว แล้วไปยังฝ่ายคอสตูม แต่งเป็นผีกระหัง ช่างแต่งหน้าที่ไอ้ยีนหามาก็แสนจะฝีมือดี ไม่เข้าใจใช้มือแต่งหรือใช้ตีนแต่ง หน้าที่โจรอยู่แล้วกลายเป็นศพโจรผีกระหัง ทุเรศต่อสายตาผู้คนที่พบเห็นเหลือเกิน





        เมื่อแต่งหน้าใส่วิก ใส่อุปกรณ์เครื่องแต่งกายจนครบแล้วก็เดินออกมาจากห้องคอสตูม ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก น้องๆยังไม่ถูกปล่อยให้เข้ามาได้ยังบริเวณนี้




        “เห้ย !!”  เสียงตกใจไม่ได้โกหกของไอ้กาว บ่งบอกว่าตกใจจริงๆ เมื่อมีมือของใครบางคน วางพาดที่หัวไหล่ หันมาดู ก็พบกับ โจรหน้าผีหน้าตาน่ากลัวมาก กับกระด้งที่ถูกมัดติดแขนสองข้าง เป็นชุดที่สมจริงซะเหลือเกิน ขนาดเพื่อนตัวเองยังจำไม่ได้เลย




        “เชี่ยกาว กูเอง ตกใจไรวะ” 




        “กูไหนวะ”  ไม่น่าเชื่อถือ จำไม่ค่อยได้ กูไหน?




        “กูไง กูอ่ะ ”  ไอ้กาวเพ่งมองดีๆจึงเริ่มเห็นเค้าโครงโจรแผ่รัศมีออกมา




        “ไอ้เรียง !! โห่ ตกใจหมด ฟายย ”




        “เว่อร์ละๆ”




        “หน้ามึงหลอนมาก กูพูดจริง”




        “อย่าตอกย้ำ กูแต่งเสร็จยังไม่กล้าส่องกระจกเลย คนแต่งแม่งหน้าตาโคตรน่ารัก แต่งกูออกมาซะหมดหล่อเลย”




        “กูไม่เคยเห็นความหล่อของมึงเลยว่ะเพื่อน”




        “น้องกาวพูดแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่ทันได้ขายตั๋วนะจ๊ะ”  พูดไปก็บีบต้นคอด้านหลังไอ้กาวไป ไอ้กาวก็แสนสยอง หน้าตามันปกติก็ไม่ได้น่าดูอยู่แล้ว นี่แต่งเป็นผีแถมยังบีบคอกูอีก กูกลัวจริงๆแล้วเนี่ยไอ้เรียง






        “เรียง ซ้อมคิว”  เด็กฝ่ายกิจกรรมออกมาเรียกรงคเพทที่มัวแต่คุยกับไอ้กาวอยู่หน้างาน




        เขาโชคดี? ที่ได้แต่งหน้าแต่งตัวเป็นคนแรก จากนั้นก็มีคนทยอยเข้าไปแต่งต่อ พอเดินเข้าไปด้านในโดม ก็เจอกับไอ้ยีนที่ยืนสั่งๆชี้ๆอยู่ไม่ไกล




        “เชี่ยเรียง มึงมายืนนี่เลย มึงอยู่ตำแหน่งที่แปดนะ น้องจะเดินอ้อมมาตั้งแต่ตำแหน่งหนึ่ง มึงไม่ต้องทำไรมาก หน้ามึงให้อยู่แล้ว ขยับปีกสองสามทีพอ พอน้องเดินจนสุดแถว มึงก็เดินตามจนถึงตำแหน่งเก้า หัวเราะดังๆหรือจะทำไรก็ได้ แล้วค่อยเดินกลับไปยืนที่เดิมรอชุดต่อไปเข้ามา”  ไอ้ยีนร่ายยาวและเร็วมาก ฟังทันบ้างไม่ทันบ้างในนั้น แต่พยักหน้าไว้ก่อน เห็นไอ้ยีนแล้วเริ่มสงสาร งานมันหนักจริง คาดว่าคงยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน




        “โอเค เข้าใจตามนี้ ตอนนี้มึงก็แสตนบายด์อยู่นี่ ซ้อมของมึงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวกูเดินมาหาอีกที”  ไม่ทันให้รงคเพทต้องเอ่ยถามหรือคัดค้านอะไร พูดเสร็จยีนก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ





        ผีกระหังซ้อมกระพือปีก ส่งเสียงคำรามน่ากลัวๆ อยู่กับที่ มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว เครื่องสำอางที่ถูกละเลงลงบนหน้าก็เริ่มไหลออกๆ จากตอนแรกหน้ากลัวอยู่แล้ว พอเริ่มไหล ยิ่งเพิ่มดีกรีความหลอนเขาไปอีก แล้วจะให้บอกใครได้ ว่ากูหิวข้าว ไอ้ครีมทาหน้านี่ก็ไหลจนจะติดเป็นหนังหน้าเดียวกันกับกูแล้วเนี่ย บอกใครก็ไม่ได้ ทุกคนก็ยุ่งกับงานของตัวเองกันหมด นี่ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว กูทนไม่ไหวแล้วนะ 





        ไม่คิดจะทนต่อ รงคเพทแอบย่องออกมาหน้างาน ตอนนี้แถวๆงานเริ่มมีน้องๆแอบมาเดินผ่านบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดงาน จึงต้องรอต่อไป เดินไปหาไอ้กาวคนขายตั๋ว เห็นมันนั่งหลับอยู่สบายใจเฉิบ จะเข้าไปสะกิดก็ไม่ได้ ไอ้กาวหลับอยู่ที่โล่งแจ้งเกินไป เขาแอบออกมา  ตอนนี้ต้องช่วยเหลือตัวเองไปก่อน แถวนี้คงมีอะไรให้กระหังกินได้บ้างนะ





        เดินไปแอบดูโดมข้างๆ เป็นของคณะสาวล้วน โอ้โฮ สะบึมบึ้มบั่มมาก ได้ยินมาว่าคณะนี้จัดธีมสรวงสวรรค์บนดิน ให้น้องๆได้เข้ามาถ่ายรูปกับดอกไม้แสนสวย และมีการแสดงจากรุ่นพี่ที่นุ่งน้อยห่มน้อยเป็นดอกไม้มาคอยเอาใจตลอดทาง โถ รงคเพทอนาถตัวเอง





        ยืนน้ำลายหกสักพัก ท้องก็ประท้วงอีก เลยเดินต่อไปหวังหาอะไรกิน แล้วก็ได้พบกับร้านขายของทอด ที่มีพี่สาวแสนสวยเป็นคนขาย งานนี้งานถนัดของรงคเพทเลยทีเดียว หวังว่าพี่สาวจะใจดี แถมฟรีสักไม้สองไม้





        เลือกๆหยิบๆมา สายตาก็หยอดคนทอดไปด้วย หวานหยาดเยิ้มจนเบาหวานแทบขึ้น สิ่งที่ได้รับกลับมา คือสีหน้าหวาดกลัวของคนสวย มือนี่ทอดไปเหลือบมองไปทางอื่นไป แล้วรงคเพทก็ต้องกลับมามองตัวเอง เออว่ะ ลืมไป กูเป็นผีอยู่นี่หว่า  เมื่อทอดเสร็จก็คิดตัง แล้วรีบเดินหนีทันที ทำอะไรลืมดูสารรูปตัวเองอีกแล้ว





        ได้ของกินก็แอบมานั่งกินเงียบๆอยู่ใต้ต้นไม้ ไกลสายตาผู้คน บรรยากาศตรงนี้ดีจัง วันๆเขาไม่ค่อยได้มาแถวนี้สักเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่ามีสถานที่ดีๆแบบนี้อยู่ด้วย กินไปอย่างเอร็จอร่อย เพลิดเพลินกับบรรยากาศ แต่ไม่อิ่ม เลยเดินไปซื้อมากินอีก กินไปเรื่อยๆก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ทำให้รงคเพทนึกขึ้นได้ว่าลืมหน้าที่ของตัวเองไปซะแล้ว





        ได้เวลาเปิดงาน แปดโมงตรงเป๊ะ รงคเพทที่กำลังจะกลับไปยังที่ของตน แวบผ่านหน้าเวทีกลางพอดี เมื่อสิ้นเสียงปืน ประธานในพิธีก็ติดริบบิ้นและกล่าวอะไรเล็กน้อย จากนั้นก็เป็นตัวแทนจากรุ่นพี่ มากล่าวอะไรกับน้องๆ ซึ่งคนๆนั้นก็คือ โอม นั่นเอง รงคเพทไม่แปลกใจเลย โอมมีความเป็นผู้นำสูง คุมคนเก่ง รวย แถมยังหน้าตาดีมาก ไม่น่าเชื่อ จะกลายมาเป็น เอิ่มม ของไอ้กาวไปได้





        เมื่อโอมพูดเสร็จ รุ่นน้องต่างพากันกรี๊ดกร๊าดอย่างออกนอกหน้า และมีเดินแบบแฟชั่นโชว์เปิดงานเป็นอย่างสุดท้าย หนุ่มสาวหน้าตาดีของมหาวิทยาลัย บางคนที่รงคเพทไม่เคยเห็น ต่างพากันใส่ชุดสีสันสดใส กับเสื้อผ้าแบบแปลกๆที่ไม่น่าจะใส่ออกบ้านได้ และคนที่ทำผีหน้าโจรสะดุดตาที่สุด คือชายหนุ่มหน้าหล่อผิวขาวอมชมพู ใส่เสื้อสีเหลืองขอบลิ่มเรืองแสงโชว์แผ่นอกและซิกแพคที่เรียงตัวสวย  กับกางเกงสีเทาสามส่วนฟิตเปรี๊ยะให้เห็นความสมส่วนของร่างกายสมชายชาตรี ทรงผมที่ใส่เจลหวีเลียบข้างเป็นทรงอย่างดี และที่ขาดไม่ได้ รอยยิ้มน้อยๆที่ทำเอาสาวๆข้างเวทีแทบขาดใจ





        รงคเพทเคยเห็นแผ่นอกนี้ใกล้ๆมาแล้ว มันเคยสะกดเขาเอาไว้ให้หยุดนิ่ง และครั้งนี้ก็ไม่ต่าง กลับเพิ่มความดูดีด้วยประกายวิ้งๆจากเครื่องสำอางชั้นดี ในหัวผีกระหังตอนนี้ มันเริ่มเกิดความรู้สึกบางอย่าง อยากเอามือไปลูบไล้ สัมผัสแผ่วเบา อยากลองประทับริมฝีปากลงไปบนนั้น อยากรู้ว่ามันจะหอมหวาน อย่างกลิ่นที่เคยได้รับบ้างไหม !#&%^@#%$%!#%$^&^*^%#$@#!#^%*^(   





        สารพัดความคิดหลั่งไหลเข้ามาในหัว แม้นายแบบผู้นั้นจะเดินลับเข้าหลังเวทีไปแล้ว ผีกระหังก็ยังคงยืนน้ำลายไหลอยู่ จนลืมเวลาไปเสียสนิท เหลือบมองไปยังนาฬิกาติดผนังแถวนั้นก็บอกว่าอีกห้านาทีจะเก้าโมงแล้ว




        “เหี้ยละไง !!”  ทำอะไรไม่ได้ นอกจากพยายามวิ่งอย่างเร็วที่สุดเพื่อไปยังโดมคณะ รงคเพทชักอยากจะเป็นผีกระหังจริงๆซะแล้ว จะได้บินไปทีเดียวถึงที่เลย





        เมื่อมาถึง รงคเพทรีบเดินอ้อมไปเข้าด้านหลัง เห็นด้านหน้าที่ขายตั๋วกำลังวุ่นวาย เด็กๆยืนต่อคิวยาว สีหน้าวุ่นวายกันไปหมด ผีกระหังเข้าไปด้านในยืนประจำที่ คนคุมด้านในเมื่อเห็นเจ้าตัวปัญหาเดินกลับมาก็รีบพุ่งมาด่าด้วยภาษาดอกไม้ จนกระหังชักไม่เข้าใจ มึงด่าหรือมึงชมกันแน่ ไม่ปล่อยให้ช้าเกินไป เมื่อด่าเขาเสร็จก็เดินออกไปด้านนอก กระซิบบางอย่างกับคนเฝ้าหน้าประตู ไม่นานก็เริ่มมีน้องๆทยอยกันเข้ามา





        เด็กๆสนุกสนานกันยกใหญ่ เสียงกรีดร้องดังไม่ขาดสาย ปนมากับเสียงหัวเราะ ผีบางตัวเจอเด็กดาร์คเข้าไป ถูกหามส่งรถพยายามก็มี ดีนะ เขาอยู่จุดท้ายหน่อย เด็กดาร์คยังไม่ทันได้เห็น ไม่งั้นคงได้แผลไม่ต่าง





        หลอกไปเรื่อยๆ ก็มีคนเข้ามาไม่ขาด นี่ไม่คิดจะไปคณะอื่นบ้างเลยรึไง หลอกจนเหนื่อย จะตายจริงละเนี่ย หลอกไปยันเที่ยงกว่าเกือบบ่าย จึงได้พักกินข้าวฟรีสำหรับสตาฟ อร่อยเหลือเกิน ข้าวกับหมูทอด คอที่แห้งจากการใช้เสียงอยู่แล้ว เจอหมูทอดเข้าไป คอเป็นผงกันเลยทีเดียว





        กินข้าวกินน้ำเรียบร้อย ก็กลับมาเข้าที่! ระวัง! หลอกต่อไป! หลอกจนหมดมุกจะหลอก กว่าเด็กจะหมด ปาเข้าไปห้าโมงเย็น อยู่ในห้องอับๆ ไร้แสงไฟ พร้อมกลิ่นธูปลอยมาทุก 10 นาที แต่เช้าจนเย็น ผีกระหังหมดแรง หมดสภาพ ขอนั่งพักแปป





        นั่น มาละ ไอ้กาวกับไอ้ยีน หมดสภาพไม่ต่างกัน มานั่งข้างๆผีกระหัง 



        “เหนื่อยชิบ”  ไอ้ยีนบ่น หน้าดำๆของมันคล้ำแดดจนแทบไหม้ ส่วนไอ้กาว ไม่ต่างกัน มันสองคนตากแดดทั้งวัน




        “กูขอลายาว งานหลวงงานราช กูขอบาย”  ไอ้กาวนั่งท่าได้ทุเรศมาก นั่งขนาดนี้มึงนอนลงไปเลยดีกว่า





        “เอากูไปด้วยไอ้กาว กูไม่ไหวละ”  ไอ้ยีนสมบท




        “….”  เหนื่อย ไม่มีแรงจะพูด




        “ไงเชี่ยเรียง เงียบเลยนะมึง เมื่อเช้าวุ่นวายกันใหญ่”




        “กูหิวนี่หว่า”  ได้ยินเพียงเสียงลม แหบจนฟังไม่รู้เรื่อง




        “เออๆ ช่างมัน ไม่ต้องพูดก็ได้ เห็นมึง แห่ แห่ ทั้งวันละสงสาร”  ไอ้ยีนทำเสียงล้อเลียนเพื่อน




        จบงานด้วยดี เมื่องานเลิกก็มีสตาฟอีกชุดที่แบ่งไว้เก็บกวาดเข้ามาทำงาน พวกที่เหนื่อยมาทั้งวันจึงได้กลับไปพักผ่อน





        เมื่อกลับถึงคอนโด รงคเพทรีบล้างหน้าทำความสะอาด เพราะเหนียวเต็มแก่ เสร็จแล้วก็ฟุบลงเตียงทันที เหนื่อยมากอย่างไม่ต้องพูดถึง แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะสมองกำลังประมวนผลสิ่งที่ทำไปในวันนี้ทั้งหมด แล้วก็หัวเราะตัวเองออกมาว่าทำไปได้ยังไง แห่ แห่ ทั้งวันอย่างไอ้ยีนกว่าจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า





        นึกไปนึกมาก็เผลอไปนึกถึงไอ้คนหล่อบนเวที ที่วันนี้หล่อมากจนเขาละสายตาไม่ได้ เขาไม่ได้เจอมันหลายวันแล้ว แต่ก็หาอะไรไปให้มันกินบ้างเป็นบางวัน เพราะต่างคนต่างยุ่งกันทั้งคู่





        พอนึกถึงความขาวนั้น คนเหนื่อยจัด สติน้อยเต็มที เกิดอาการควบคุมตัวเองไม่ได้ ในหัวสมองไม่ได้นึกถึงเลยสักนิดว่าเขาเป็นฝ่ายถูกมันกดไปคราวที่แล้ว เขากำลังคิด คิดว่าสุดหล่อผู้นั้นกำลังครางเสียงหวาน เรียกชื่อเขาอยู่ใต้ร่างถึกๆนั้น นึกไปถึงตอนนี้ ส่วนที่นอนตายอยู่ในกางเกงก็เผลอพองขึ้นมา เหมือนโดนน้ำร้อนราด





        ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่าจะทำอย่างไรต่อไป อายฟ้าดินอยู่ไม่น้อย แต่ก็อายตัวเองยิ่งกว่า รงคเพทล้วงมือขวาเข้าไปจับยังส่วนที่โปร่งพอง ยิ่งนึกยิ่งพองขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็จินตนาการถึงความหอมหวานของร่างขาวอมชมพูนั้น ขณะที่เขากำลังใช้ลิ้นเลียไปบนอกแกร่ง ไล่ลงมายังเม็ดสีโอรสสองข้าง ดูด เลีย อยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนพอใจ ยิ่งนึกอารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่าน มือที่เมื่อครู่ค่อยๆสาวขึ้นสาวลง บัดนี้กำลังเร่งขึ้นๆตามสิ่งที่อยู่ในจินตนาการ






        “อืออ…อือออ อยากได้”  สมองขาวโพลนไปหมดในขณะนี้ หลุดคำพูดที่ไม่มีสติขวางกั้นออกมา อย่างคนอยากถึงฝั่ง






        “อือออ..ขอนะ….. ต้นตองง อาาาา….ขอ…เราขอนะ…”  รัวมือไป เร่งไป ไม่ได้นึกถึงผิดชอบชั่วดีใดๆอีกแล้ว






        “ซืดดดด….อา….อ๊า!!!”  จนในที่สุด สิ่งที่ถูกอัดอั้นก็ล้นทะลักเต็มฝ่ามือ รวมถึงกางเกงนอนที่พึ่งสวมไปเมื่อครู่






        รงคเพทนอนหอบอยู่สักพัก สติก็เริ่มกลับมา และนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่เขาพูดอะไรออกไป ทำอะไรลงไปเนี่ย หลักฐานยังคงอยู่ เขารีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาบน้ำล้างตัวอีกรอบ อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ เริ่มเครียดซะแล้ว แต่ก็หยุดสิ่งที่อยู่ในความคิดไม่ได้ สิ่งที่น่ากลัวกว่าเรื่องเมื่อครู่คือ เรื่องคืนนั้นกำลังไหลเข้ามาในหัว มันฟ้องอย่างชัดเจน ว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายนอนครางอยู่ใต้ร่างไอ้หน้าหล่อคนนั้น





        เมื่อเหตุการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาอยากได้มันมากขนาดนี้แล้ว ต้องหาวิธีทำให้มันเป็นของเขาให้ได้ ความคิดชั่วร้ายกำลังผุดขึ้นในหัวคนหน้าโจร เพราะอยากได้เขาจนใจแทบขาด แผนการต่างๆจึงเริ่มปรากฏขึ้นในสมอง





        “ฮึฮึฮึ ”  ยืนมือพลักกำแพงไว้ข้างหนึ่ง ปล่อยให้น้ำจากฝักบัวไหลรดตั้งแต่หัวลงปลายเท้า แล้วเริ่มจินตนาการต่อจากเมื่อครู่
       
       
       





        หวังว่าคืนนี้คงหลับสบายนะเรียง อย่าหักโหมล่ะ
……………………………………………………………………………………………………………………………….





ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ คือเราสารภาพว่า อ้างถึงคอมเมนต์ไม่เป็น 55555
ขอบคุณ คุณ Ghost-666 นะคะ นายเอกเราเป็นประเภทผีเข้าผีออกเน้อ อิอิ
ขอบคุณ คุณ Moonwish นะคะ อันนี้ติดตามเรื่องนี้มาตลอดเลย น่ารักมาก เราก็สงสารพบเหมือนกันเน้อ แต่บางทีคนที่ดีกับคนที่ใช่อาจเป็นคนละคนกันนะคะ ถ้าเป็นแฟนคลับพบรัก ติดตามต่อไปนะคะ ตอนต่อไปของลำนำรักในม่านหมอก พบรักเป็นตัวเอกค่ะ ^^
ขอบคุณ คุณ liptudzii_chi นะคะ ขอบคุณที่มาให้กำลังใจเรา เราจะตั้งใจแต่งต่อไปเรื่อยๆ ฝากผลงานเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่อ่าน และฝันดีนะคะ ^____________^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่13 (19/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ghost-666 ที่ 19-03-2014 23:26:04
เป็นผีกระหังที่น่ารัก(ไปทิ้งมาก) ปล่อยให้วุ่นวายกันไปหมด เราเห็นคำผิดอยู่คำหนึ่ง ตรงเหนียวตัว ที่งานเลิกแล้ว เราดูไม่ทั่วนะไม่แน่ใจจะมีอีกหรือเปล่าคำนี้เราอ่านแล้วมันเห็นพอดีคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่13 (19/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 20-03-2014 07:31:15
หึๆๆ เรียงคิดอะไรจะกดต้นต้องหรอ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่13 (19/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: smile_aex ที่ 20-03-2014 10:35:42
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่14 (22/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 22-03-2014 16:56:07
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๔  เธอคิดอย่างไร  ใครเลยจะล่วงรู้





        ออดดดดดดด !!!!!!!





        เสียงกริ่งคอนโดตารกาสุดหล่อดังขึ้น ณ เวลา ตี4 คนกำลังหลับสบาย สะดุ้งตื่นอย่างหงุดหงิด เมื่อดูเวลาดีกรีความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มเข้าไปอีก




        เมื่อเดินออกมาจากห้องนอน เปิดจอดูก็พบกับใครบางคนที่แต่งกายคล้ายบาร์เทนเดอร์ ตารกาไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ตอนนี้ แต่ใจก็ไม่ได้นึกกลัวอะไร จึงเปิดประตูออกไปดู




        “ดีพี่”  เด็กคนนั้นยกมือไหว้ ตารกาไม่เคยพบกับเด็กคนนี้




        “มีอะไรหรือเปล่าครับ” 




        “เพื่อนพี่บอกให้ผมมาส่งเขาที่นี่”  ตารกามองไปรอบๆ แต่ไม่พบใคร นอกจากเด็กน้อยบาร์เทนเดอร์




        “ไหนหล่ะ”




        “อยู่ในรถโน่น ผมแบกขึ้นมาไม่ไหว ตัวหนักอย่างกะควาย” 




        “แล้วพี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าน้องพูดความจริง”  เด็กน้อยล้วงเอาบางอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมา มันคือโทรศัพท์มือถือ คลิปเสียงถูกเปิดขึ้นให้ตารกาฟัง มันคือเสียงที่ถูกอัดโดยคนที่เขารู้ดีกว่ามันเป็นใคร แม้ว่าเสียงจะเมาจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง





        “เห้ยยยย !!! ไอ้หน้าตุ๊ด ปิดเครื่องทำเตี่ยไรวะ โทรหาจนกูจะผลิตเครือข่ายมือถือใช้เองได้ละ ไอหอก มึงมาเลยนะ มารับผิดชอบกู เดี๋ยวนี้ !!! ไอ้เชี่ย ไอ้#&^&%$%$$#!$3@%^**.......”  ต่อท้ายด้วยคำชื่นชม ที่ตารกาไม่อยากได้รับเท่าไหร่อีกยืดยาว คนฟังขี้เกียจฟังจึงกดปิดไป





        “เขาบอกให้ผมเอาให้พี่ฟัง แล้วพี่จะเชื่อ”  เด็กน้อยบาร์เทนเดอร์ได้เห็นสีหน้าเอือมระอาที่สุดพร้อมเสียงถอนหายใจของเจ้าของห้องสุดหล่อก็ตอนนี้




        “รถจอดไหนล่ะ”




        ตารกาเดินตามเด็กคนนั้นลงไปยังลานจอดรถ รงคเพทที่เมาเรียกได้ว่าอย่างหมา ถูกบรรทุกใส่กระบะหลังรถประจำผับมาส่งให้ถึงที่ สภาพไม่น่าพาขึ้นห้องสักเท่าไหร่ กลิ่นตัวอุดมไปด้วยกลิ่นอ๊วก เหม็นเน่าจนตารกาไม่กล้าเข้าใกล้





        “มาช่วยหน่อยดิพี่ เพื่อนพี่ไม่ใช่เหรอ”





        “เฮ้อออ ค่อยๆพยุงให้ลุกก่อนแล้วกัน”  หลังจากทำใจสักพัก ตารกากับเด็กบาร์ก็ช่วยกันหิ้วปีกพาโจรสุดเหม็นขึ้นไปยังวิมานของตารกา






        ระหว่างทางขึ้น คนที่มีสติครึ่งไม่มีครึ่ง พร่ำด่าไอ้คนที่ช่วยหิ้วปีก ฟังแทบไม่รู้เรื่อง ฟังออกแค่ว่า ปิดเครื่องทำไม โง่รึเปล่า ด่าซ้ำไปซ้ำมา ตารกาก็อยากจะบอกเหลือเกิน ว่าตี 4 แล้ว จะปิดโทรศัพท์ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก





        เมื่อถึงห้อง ตารกาและเด็กบาร์โยนไอ้คนตัวเหม็น ลงกับโซฟาใกล้ประตูที่สุด ได้ยินเสียงมันท้วงมาว่าโอยๆ เหอะๆ สมน้ำหน้า เรียกรอยยิ้มให้แก่เจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี





        “น้องไปเถอะ ขอบใจมาก”




        “เดี๋ยวพี่ เดี่ยวๆ เพื่อนพี่ยังไม่ได้จ่ายตังค่าเหล้าเลย เขาไปบอกเฮียเจ้าของผับไว้ ว่าถ้ามาส่งเพื่อนจะจ่ายตังให้”




        “เฮ้ออ…เท่าไหร่ล่ะ”




        “พันเจ็ดพี่ อันนี้ลดแล้ว เพื่อนพี่สั่งแต่เหล้าแพงๆ มาร้านตั้งแต่ทุ่ม ร้านยังไม่เปิดเลย มาก็มานั่ง……..”  คำสาธยายจากเด็กบาร์ผู้น่ารัก ยาวเหยียด รอตารกาเดินไปหยิบเงินมาจ่าย




        “ขอบใจมากน้อง ไม่ต้องทอน”




        “ขอบคุณมากครับ”  ต้นตองหยิบแบงค์พันสองใบให้แก่เด็กบาร์ เมื่อได้เงินก็ไหว้สองสามทีแล้วเดินกลับออกไป 





        ปิดประตูห้องเรียบร้อย ตารกาก็เดินมายืนมองสภาพคนเมาไม่รู้เรื่องที่นอนอยู่บนโซฟา ด้วยความสังเวช




        “ถ้าโซฟาผมเปื้อน ก็ซื้อแทนด้วยแล้วกันนะเรียง”  พูดทิ้งไว้แค่นั้น แล้วเดินกลับห้องนอน ล็อคประตูแล้วนอนหลับอย่างเป็นสุขต่อ





        เช้านี้…สีเทา โจรห้าร้อยที่ถูกช่วยชีวิตไว้โดยเทพบุตร เมื่อได้สติก็เกิดอาการคลื่นไส้ เวียนหัวจัด พุ่งไปยังห้องน้ำโดยทันที วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่สองสามรอบก็เริ่มไม่ไหว รอบที่สี่เปลี่ยนจากวิ่งเป็นคลานแทน ฮ่าฮ่า นอนกองอยู่กับพื้นหน้าห้องน้ำสักพัก อาการหน้ามืดก็เริ่มดีขึ้นเปลี่ยนเป็นปวดหัวจี๊ด ตึบๆ ปนกันไป แล้วก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าสุดๆ โชยมาจากเสื้อผ้าตัวเอง





        “โอยยยยย ….โอย ”  พูดอะไรนอกจากคำว่าโอยไม่ออก ทั้งมึนทั้งปวด มันทรมาน เออ เอ้อ เอยยย สภาพดังกล่าว อาจเข้าข่ายกับสำนวนที่ว่า ‘เมาค้าง’ หรือ ‘เมาขำ’  นั่นเอง





        ลุกก็ลุกไม่ขึ้น นอนต่อก็ทนไม่ไหว ปวดหัวไปหมด แล้วมาอยู่คอนโดต้นตองได้ยังไงก็ไม่รู้ นี่ไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่ไหม หายหัวไปไหนของมันวะ เหลือบมองนาฬิกาก็พึ่งเก้าโมงเช้า วันนี้ก็เป็นวันหยุด นี่มันหายไปไหนของมานนนนน




        “โอยยยยยยย กูปวดหัววววว….”  ทำอะไรไม่ได้ โวยวายมันเลย




        “ไอ้คนแล้งน้ำใจ ไปตายไหนวะ”  ตะโกนหาเจ้าของห้องอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร





        เรียกหาต้นตอง ต้นตองก็โผล่มาพอดี ยืนมองสภาพคนกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นหน้าห้องน้ำ





        “เสียงดังโวยวายอะไรแต่เช้า”  ตารกาในชุดคลุมอาบน้ำ เผยแผ่นอกเนียนใสออกมาเล็กน้อย ไอ้โจรที่นอนอยู่บนพื้นมองช้อนขึ้นมา โอโห เลือดกำเดาแทบพุ่ง





        มองมากไม่ได้ เดี๋ยวน้องชายคึกคัก จากนอนหงาย รงคเพทพลิกไปตะแคงข้าง หันหลังให้เจ้าของห้องหน้าใส




        “กูเวียนหัว ปวดหัว แม่งงงง หัวจะระเบิดแล้ว โอยยยย”




        “แล้วมาบอกผมทำไม พิการเหรอ”  ตารกาเอ่ยเสียบเรียบ คำพูดมันจี๊ดยิ่งกว่าอาการปวดหัวจี๊ดๆตอนนี้ซะอีก ด้วยแรงกระตุ้นจากตารกา คนลุกไม่ขึ้นเมื่อครู่ลุกขึ้นยืนทันทีแบบไม่เจียมสังขาร จึงเกิดโรควูบกะทันหัน จะล้มลงพื้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ตารกาคว้าไว้ทัน ช่วยพยุงคนเมาไปนั่งยังโซฟาตัวเก่ง ที่โจรห้าร้อยใช้ลี้ภัยเมื่อคืน





        คนที่กำลังมึนๆเมาๆ เอาแต่ลอบมองหน้าอกกับเม็ดสีหวานๆที่โผล่พ้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ หลุบสายตาลงมาอีกนิดก็พบกับเนินขาขาวจั๊วะที่ถูกแหวกจากรอยผ่าของชุดคลุม เห็นแบบนี้แล้ว ก็อยากทำดังเช่นในจินตนาการซะเหลือเกิน แต่สารรูปตัวเองตอนนี้ ลืมตาได้ก็บุญแล้ว




        “จะมองอีกนานไหม”




        “ขอจับหน่อยดิ”  นั่นไง สติไม่ครบ ไม่มีอะไรที่ครบ พลั้งปากไปแล้ว พึ่งมารู้สึกตัว โอ้โห เดี๋ยวนี้รงคเพทเทพขึ้นทุกวัน ขอผู้ชายด้วยกันจับซึ่งๆหน้า นึกขึ้นได้ก็อายสุดขีด เลื้อยตัวลงไปนอนที่พื้นเช่นเดิม คว้าหมอนอิงมาปิดหน้าไว้ด้วยหนึ่งใบ ตารกาที่ไม่นึกว่ารงคเพทจะพูดออกมาแบบนี้ แรกๆก็ตกใจแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกคักแทน




        “ไปอาบน้ำซะ จะได้หายมึน….. แล้วก็ ลูกชายนายจะได้สบายด้วย ฮึฮึ”  บอกประโยคสุดท้ายพร้อมเก็บทุกสิ่งให้พ้นจากสายตาหื่นกามของโจรห้าร้อย แล้วเดินกลับเข้าห้องนอนไป





        รงคเพทที่มึนอยู่มาก ไม่ทันได้คิดถึงประโยคที่ตารกาทิ้งท้ายไว้ แต่เมื่อก้มลองมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วจึงได้เข้าใจ ทำไมมันต้องแสดงออกมาขนาดนี้ด้วยวะ นี่กูเป็นอะไรไป





        เมื่อสุดหล่อไม่ยอมช่วย รงคเพทจึงปลุกใจตัวเอง ฝืนใจเดินไปห้องน้ำ เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ตารกาเตรียมไว้ให้ ถูกแขวนอย่างเรียบร้อยไว้ในห้องน้ำแล้ว อาบน้ำเสร็จก็สบายตัวบ้าง ออกมาพบกับโจ๊กร้อนๆและยาแก้ปวด แต่ไม่เจอเจ้าของห้อง พบเพียงโพสอิดเล็กๆติดกับแก้วน้ำข้างถ้วยโจ๊กไว้สั้นๆว่า ทานข้าวทานยาแล้วนอนพักซะ ประโยคที่ไม่ได้พิเศษ ไม่ได้หวานหยด แต่มันกลับสร้างรอยยิ้มและเสียงเต้นของหัวใจให้กับคนกำลังปวดหัวได้อย่างมาก





        คนเมาทำตามทุกขั้นตอน เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ก็เผลอหลับไปในที่สุด รงคเพทเลือกนอนบนโซฟาตัวโปรดของเขา มันเป็นโซฟาที่สุดหล่อของเขา ทิ้งความทรงจำอันโหดร้ายไว้ให้ แต่กลับทำให้เขารู้สึกดี





        หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็บ่ายแก่ๆ ยาที่ตารกาให้กินได้ผลดีจริงๆ รู้สึกกระปรี่กระเปร่าขึ้นมากเมื่อตื่นมา ตารกาที่หายไปตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมา แต่ท้องไส้ของคนพึ่งตื่นเริ่มประท้วง เปิดตู้เย็นมาก็เจอกับผลไม้ที่เขาเคยซื้อมาทิ้งไว้ให้เจ้าของห้อง เลยเอามากินเองซะเลย นั่งเล่น นั่งดูทีวีไปจนเย็น ตารกาก็ไม่กลับมาสักที หรือจะโทรไปถามดี ว่าจะกลับมากี่โมง





        รงคเพทตัดสินใจไม่โทร แต่เดินลงไปหาซื้ออะไรแถวๆใต้คอนโดขึ้นมากินและซื้อมาฝากตารกาด้วย ซื้อมาอย่างหลากหลาย จัดใส่จานสวยงาม รอจนพระอาทิตย์ตกดิน ตารกาก็ยังไม่มา จนเริ่มทนไม่ไหว โทรหาในที่สุด โทรไปรอบที่สาม สายจึงถูกรับในที่สุด




        “ฮัลโหล..”  ไม่ใช่เสียงไอ้ตุ๊ดหน้าขาวนี่หว่า





        “……”   รงคเพทไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร แต่มันเป็นเสียงผู้หญิง เล็กๆ แหลมๆ





        “ฮัลโหลค่ะ สายหลุดรึเปล่าคะ?”  ปลายสายยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่รงคเพทตอนนี้กำลังหน่วงที่หัวใจ คล้ายว่ากำลังจะหายใจไม่ออก ตารกามีสาวรุมล้อมมากแค่ไหน รงคเพทรู้ดี ไม่ต้องใช้ตามองก็ได้เหยื่อมาครองแบบสบายๆอยู่แล้ว แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ได้รับสิทธิพิเศษที่จะรับโทรศัพท์แทน ถ้าไม่ได้…. เฮ้ออ สารพัดความคิดทำร้ายจิตใจตัวเอง เริ่มประดังเข้ามาในสมอง ไม่รู้ตัวสักนิด ว่าคิดยังไงกับเจ้าของเบอร์นี้ แต่ไม่อยากให้เป็นใครทั้งนั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษนั้น เกลียด ทำอย่างไรดี ….





        “ได้ยินรึเปล่าคะ ฮัลโหล ฮัลโหล ต้นตองประชุมอยู่นะคะ ถ้าประชุมเสร็จดิฉันจะบอกให้ติดต่อกลับนะคะ”




        อ่าว มันประชุมอยู่นี่เอง เผลอคิดอะไรไปไกล เหอะๆ นึกแล้วก็ตลกตัวเองชะมัด เผลอหัวเราะออกมากับตัวเองเบาๆ 





        “ครับ ขอบคุณมากครับ”  ตัดบทก่อนถูกจับได้จะดีที่สุด





        สักพักไม่ถึงสิบนาที ตารกาก็โทรกลับมา บอกว่าเขากำลังจะกลับคอนโด เมื่อได้ยินเช่นนี้ รงคเพทก็ยิ้มแก้มแทบปริ ไม่นานเสียงเฟอร์รารี่สุดหรู คุ้นตาก็เข้าจอดเทียบลานจอดประจำตำแหน่งสุดวีไอพี





        เสียงไขประตูดังขึ้น รงคเพทก็ทำทีไปนั่งดูทีวีอยู่ที่เดิม อย่างไม่สนใจอะไรคนเข้ามาใหม่นัก  ตารกาเดินเข้ามาก็ได้กลิ่นอาหารโชยมาเตะจมูก เขาเดินไปยังโต๊ะที่อาหารวางอยู่หลากหลาย เปิดฝาครอบดู แต่ละอย่างก็เป็นของโปรดทั้งนั้น รอยยิ้มถูกเผยบนใบหน้าหล่อเหลา




        “ซื้อมาทำไมเยอะแยะ”  ตารกาเอ่ยขึ้นขณะเดินไปจัดการเก็บของที่เขาหิ้วออกไปประชุมในวันนี้เข้าที่




        “อยากซื้อ”  ตายังคงมองไปที่ทีวี




        “แค่อยากซื้อเนี่ยนะ เหอะๆ”  ตารกาเดินมานั่งข้างๆโจรหน้าโหด วันนี้ตารกาใส่สูทสีดำสนิท ขับผิวขาวอมชมพูให้เปร่งปรั่งดีแท้ แถมยังดูมีมาด มีภูมิฐานกว่าชุดนักศึกษาไปมากโข คงไปประชุมกับบริษัท




        “เป็นค่าตอบแทนที่เมื่อคืนมึงช่วยกู …ว่าแต่ มึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่นั่นอ่ะ”  ถามเมนอินแบล็คข้างๆอย่างสงสัย ได้รับคำตอบเป็นเพียงรอยยิ้ม




        “ยิ้มอะไรนักหนา ถามอยู่เนี่ย”  อารมณ์เริ่มหงุดหงิด ตารการีบหยิบโทรศัทพ์ เปิดคลิปเสียงที่ถูกอัดให้เขาเมื่อคืนให้ไอ้คนขี้หงุดหงิดฟัง





        ‘ เห้ยยยย !!! ไอ้หน้าตุ๊ด ปิดเครื่องทำเตี่ยไรวะ โทรหาจนกูจะผลิตเครือข่ายมือถือใช้เองได้ละ ไอหอก มึงมาเลยนะ มารับผิดชอบกู เดี๋ยวนี้ !!! ไอ้เชี่ย ไอ้#&^&%$%$$#!$3@%^**...... ‘ 




        “นายติดค่าเหล้าเขาด้วย ผมจ่ายให้แล้ว”




        “เท่าไหร่”




        “ไม่เป็นไร ผมออกให้”




        “กูถามว่าเท่าไหร่”




        “พันเจ็ด”  หน้าตาตารกาตอนนี้คล้ายคนที่รู้สึกเหนือกว่าอย่างมาก




        “โห กูแดกไปไม่เท่าไหร่เอง โกงชัดๆ แล้วมึงก็ให้มันไปเนี่ยนะ”




        “มีใบเสร็จมาส่งให้ด้วย อยากดูไหมล่ะ”  ไม่ใช่ไม่อยากดู แต่ตั้งพันเจ็ด กินข้าวได้ตั้งหลายมื้อ




        “เออ ไม่ต้องอ่ะ มึงเลี้ยงกูนิ ขอบใจละกัน….นะ”  ก่อนวิถีของฟรีจะหายไป รีบคว้าไว้ก่อนจะดีกว่า 




        “ก็แค่นั้น…งั้นของพวกนี้นายก็เลี้ยงผมสินะ”  ตารกาลุกไปเปิดฝาอาหารบนโต๊ะออก และนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย





        เมื่อกินข้าวเสร็จ รงคเพทก็ขอตัวกลับคอนโดตัวเอง แต่เนื่องจากว่าไม่ได้เอารถคู่ใจมา ตารกาจึงอาสาไปส่งให้ ด้านรงคเพทก็อยากปฏิเสธหรอกนะ แต่ยังไม่เคยได้นั่งรถแล้วตารกาเป็นคนขับให้เลยสักครั้ง ได้ไอ้ผู้ชายเพอร์เฟคคนนี้เป็นคนขับรถให้ คงจะฟินน่าดู





        และก็เป็นอย่างที่รงคเพทคิดไว้ นานๆได้นั่งรถยนต์ที แถมคราวนี้ยังได้นั่งเฟอร์รารี่ ที่หนุ่มฮอตของมหาลัยเป็นคนขับ อยากให้ระยะทางยาวจากแม่สายไปสุไหงโกลก เลยทีเดียว





        ระหว่างทางกลับคอนโด ความคิดอันแสนอุบาทของโจรห้าร้อยก็อุบัติขึ้น คืนนี้ต้องหาวิธีเผด็จศึกไอ้ตุ๊ดสุดหล่อข้างๆเขาคนนี้ให้สำเร็จจงได้





        เมื่อมาถึงคอนโด รงคเพทชวนตารกาขึ้นไปดื่มเป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆ อ้างว่าเป็นการถอนของเก่าของตน และอยากมีเพื่อนร่วมสร้างสีสัน ตารกาที่ประชุมเหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อถูกชวนก็อยากผ่อนคลายบ้าง โดยไม่ทันได้คิดว่าไอ้โจรข้างๆมันจะมีความคิดแสนอุบาทบางอย่างอยู่ในหัว





        ตารกาก้าวเข้าสู่ห้องหลากสีสันของรงคเพทก็ต้องชะงักไปเหมือนคนอื่นๆที่เข้ามาตอนแรกเสมอเช่นกัน เจ้าของห้องหลากสีเดินไปเปิดตู้เย็น อันเป็นที่รู้กันดีกว่า เหล้าเบียร์เพียบขนาดไหน





        ดื่มไปสักพัก รงคเพทที่กะว่าจะมอมตารกากลับไม่เป็นไปดังแผน เพราะตารกาไม่ยอมเมาสักที ยังคงนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหวเช่นเคย ส่วนคนกะมอม รู้สึกดีขึ้นมากจากอาการเมาหัวเล็กๆในช่วงพลบค่ำ ยิ่งดื่มยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ





        งานนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ตารกาเมาให้ได้ และความพยายามก็เป็นผลในที่สุด รงคเพทจัดออนเดอะร็อคให้แก่สุดหล่อ เพียงไม่กี่แก้วเท่านั้น คนที่นั่งนิ่งๆ หน้าแดงปรั่งอย่างมะเขือเทศชึ้นมาทันที พร้อมกับอมยิ้มตลอดเวลา ได้ทีไม่รอช้า จัดต่อให้อีกสองสามแก้ว จากนั้นก็พยุงคนที่เริ่มหมดสติแล้วไปที่เตียง





        ค่อยๆวางคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หน้าแดงระเรื่อลงบนเตียงนุ่ม(ที่นุ่มน้อยกว่าโซฟาที่คอนโดตารกา) คล้ายภาพเจ้าบ่าววางเจ้าสาวลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนในวันแต่งงาน





        ตารกาสุดหล่อ หน้าแดง ปากแดง เหงื่อซึมจากความร้อนจากฤทธิ์เหล้านิดๆ นอนยิ้มให้กับคนหน้าโจรที่ตอนนี้เข้าขั้นลุ่มหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น รงคเพทจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา อยากจับฟัดไม่ให้เหลืออะไรให้ใครได้เห็นอีกเลย นิ้วมือสีน้ำผึ้งของคนหน้าโจร ไล้ไปตั้งแต่หน้าผากเนียนละเอียด เลื่อนลงมายังคิ้วที่มีขนดกหนาเรียงตัวสวย ยิ่งได้มองใกล้ๆยิ่งสวย ค่อยๆเลื่อนลงมาไล้ไปตามสันจมูกที่โด่งตรงอย่างกับคนผ่านการศัลยกรรมกก็ไม่ปาน ปัดผ่านไปยังพวกแก้มขาวที่แดงระเรื่อด้วยฤทธิ์เหล้า ก่อนจะห้ามใจไม่ไหว กดจมูกของตัวเองลงบนแก้มนั้นดัง ฟอดดด แต่แล้วมากกว่าส่วนกลางลำตัว กลับเป็นหัวใจที่เต้นกระหน่ำจนแทบทะลุออกจากทรวงอก บางสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่ากับใคร เหมือนในหัวใจมีน้ำมาหล่อเลี้ยง เหมือนบางอย่างกำลังถูกเติมเต็ม จนแทบล้น กับเพียงการหอมเท่านั้น





        รงคเพทกดจมูกลงไปอีกเป็นครั้งที่สอง และค้างไว้เนิ่นนานเพื่อสูดกลิ่นหอมหวานจากแก้มใสนั้นแล้วจึงเปลี่ยนเป็นหอมหนักๆที่อีกข้าง สลับหอมไปมา จากนั้นจึงเริ่มจูบไปบนหน้าผาก คิ้วสวย ดวงตาที่หลับลงให้รงคเพทจูบอย่างพอใจ สันจมูกและท้ายที่สุด ปากแดงๆ แต่ยังไม่ทันได้จูบลงไป กลับมีมือของคนที่นอนยิ้มยกขึ้นปิดปากของคนที่กำลังจะจูบตน




        “พอ”  มีเพียงคำ คำเดียว แต่คนที่กำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ไม่ยอมหยุด เขาดึงมืออ่อนแรงของสุดหล่อออกจากปากเขา และจูบลงไปยังปากนั้นในที่สุด แต่เหมือนคนข้างใต้เขาจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ ปากที่เม้มปิดสนิททำให้รงคเพทไม่สามารถทำอะไรได้





        รงคเพทเปลี่ยนเป้าหมายเป็นซอกคอที่จินตนาการถึงอยู่บ่อยๆในช่วงหลังๆมานี้ สูดดมคล้ายคนบ้าคลั่ง สิ่งที่ได้รับเป็นดั่งเช่นที่เขาหวังไว้จริงๆ เขาไม่ยอมที่จะหยุดลงเพียงเท่านั้น เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไป เขาหวังไว้มากกว่านี้ แต่แล้วก็กลับขึ้นมามองใบหน้านั้น บัดนี้ คนที่นอนยิ้มๆให้เขา หลับปุ๋ยไปเป็นที่เรียบร้อย ความรู้สึกที่มากมายสุดแสนจะทรมานด้วยอยากปลดปล่อย เพียงแค่ไม่รู้ว่าทำไม ได้เห็นคนๆนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่ในวงแขนของเขา ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่อยากทำให้คนๆนี้ต้องเจ็บปวดสักครั้งเดียว 





        เมื่อนึกอย่างนี้ มือหน้าก็ค่อยๆลูบปัดไรผมไม่ให้ปรกคลุมใบหน้าหล่อเหลา หอมลงบนหน้าผากมนนั้นอีกครั้ง และกกกอด คนที่รงคเพทคิดว่าคงตกหลุมรักไปแล้วหมดทั้งหัวใจ ไปทั้งคืนอย่างไม่สนใจถึงเหตุผลประกอบอื่นๆอีก





        ค่ำคืนนี้ เขาช่างอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน คนในอ้อมกอดของเขา กำลังทำลายความเดียวดายตลอดมาที่เขาได้สัมผัส ลบสิ่งนั้นทิ้งไปจนแทบสิ้นและนี่ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน





        สะดุ้งตื่นมาทีก็หอมแก้มคนข้างๆที เป็นอย่างนี้ทั้งคืน …….แต่ในบางครั้งความฝันของรงคเพทอาจสวยงามเกินไป จนมองข้ามไปถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
       









        เช้านี้….สีชมพู รงคเพทตื่นมาพร้อมพบกับคนที่เขาจงใจมอมเหล้าไปเมื่อคืน ยังไม่ตื่น และหลับอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเป็นสุข  นี่ถ้ามันตื่นมา จะจำเรื่องที่นอนยิ้มให้เขาจูบเอาๆได้บ้างรึเปล่านะ นึกแล้วก็เขินยังไงไม่รู้





        รงคเพทค่อยๆวางศรีษะของตารกาลงกับหมอนอย่างแผ่วเบา จะพูดได้ว่าหมาป่าสิ้นท่าก็วันนี้ จะได้รึเปล่านะ แต่อย่างไรก็ตาม หมาป่าก็ยังคงเป็นหมาป่า เพราะเมื่อคืนรงคเพทใจอ่อน ไม่ลงมือในที่สุด





        ด้วยความอยากเอาใจ เช้านี้รงคเพทรีบเข้าห้องน้ำ และออกไปตลาดเพื่อซื้อของสดมาทำอาหารเอง กลับเข้าห้องมาก็ไปชะโงกดูคนที่นอนหลับปุ๋ยอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียง อ๊อยยย….รู้สึกถึงพลังแห่งความสุขโชยมา





        รงคเพททำอาหารไม่เก่ง เพราะแทบไม่ได้ทำเลย เขาจึงเน้นของง่ายๆ เช่น ไข่เจียวหมูสับ ต้มจืดหัวไช้เท้า นี่ขนาดของง่ายรงคเพทยังทำแล้วทิ้ง ทำแล้วทิ้ง เป็นว่าเล่น จนในที่สุดก็สำเร็จ





        ตารกาตื่นแล้ว เมื่อคืนถูกรงคเพทมอมไปหนัก แต่กลับไม่มีอาการเมาค้าง มันเป็นข้อแตกต่างที่รงคเพทชักอิจฉาขึ้นมาอีกแล้ว




        “ทำอะไรหน่ะ”  คนพึ่งตื่นเดินเข้ามาขณะที่รงคเพทกำลังตวงน้ำหุงข้าว




        “ไข่เจียวกับต้มจืด หิวยัง”  แปลกๆไหมรงคเพท ตอบดีๆก็เป็น นั่น พร้อมรอยยิ้มอีกต่างหาก




        “กินยาผิดซองเหรอเรียง”  จะมีสักคำไหม ที่ไม่ถูกด่าไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหน่ะ




        “กวนตีนละ”  นั่นไง ไปไม่ได้นานหรอก เผยตัวตนออกมาอีกแล้ว นี่ขนาดว่ารักเขาไปแล้วนะ




        “ฮ่าฮ่า”  เห็นหน้าตาตอนพึ่งตื่นของตารกาแล้วอยากจุ๊บสวัสดี ไม่รอช้า เดินเข้าไปจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากนั้นทันที




        “O.O”  มันทำให้ตารกาอึ้ง ค้างอยู่กับที่พักหนึ่ง แล้วจึงหันมองตัวตนเหตุที่ทำท่าทางแปลกๆไป




        “รุณหวัด”




        “นายทำไรอ่ะ”





        “……”  ไม่ตอบแต่อย่างใด รงคเพททำหน้าที่เมื่อครู่ต่อไป ปล่อยให้ตารกาเริ่มหน้าแดงขึ้นๆอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ




        “ฟอดดดดด”




        “O.O”  คราวนี้เป็นรงคเพทที่ถูกหอมคืนบ้าง และก็เป็นรงคเพทที่ช็อคค้างอย่างไม่เชื่อตัวเอง




        “สวัสดีตอนเช้าเรียง ^^”  หอมเสร็จก็ยิ้มให้และเดินไปนั่งดูทีวีที่โซฟาอย่างสบายใจ





        รงคเพทที่ถูกหอมเมื่อครู่ ขนลุกซู่อย่างไม่มีเหตุผล หัวใจเจ้ากรรมเต้นกระหน่ำแข่งกับลูกดิสโก้ไปแล้ว มือที่กำลังจะกดหุงข้าวก็สั่นไปด้วย โครมครามๆ อยู่ในครัว ดังออกมาด้านนอก ตารกานั่งอมยิ้มไปดูทีวีไปอย่างมีความสุข





        เมื่อยกอาหารทั้งหมด ตักข้าวเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มกินกัน โดยคราวนี้รงคเพทกินอย่างช้าๆ เพราะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากเป็นพิเศษ กับข้าวมื้อนี้ ใส่น้ำตาลไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ทำไมตักคำไหนก็หวานคำนั้น ดีหน่อยที่มดไม่ขึ้น





        เมื่อกินเสร็จรงคเพทก็เดินลงไปส่งตารกาที่รถ ตารกาแปลกใจที่รงคเพททำดีด้วยเป็นพิเศษ แอบคิดในใจว่ามีแผนการอะไรรึเปล่า แต่ก็ไม่เป็นไร จะแผนอะไรก็ช่าง แบบนี้ก็ดีแล้ว มีความสุขดี






        ซึ่งจริงๆแล้ว ตั้งแต่ที่มีรงคเพทเข้ามาในชีวิต ก็ได้เพิ่มสีสัน และความสุขมากมายให้แก่คนหน้าหล่อเป็นอย่างมาก รอยยิ้มที่เกือบลืมไปแล้ว และเรื่องเมื่อคืน…..ฮึฮึ









        หมาป่า ก็ยังคงเป็นหมาป่าวันยังค่ำนั่นแหล่ะ จริงไหม………ต้นตอง


…………………………………………………………………………………………………………………

ู^____^ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ

ขอบคุณ คุณGhost-666 นะคะ ที่ช่วยดูคำผิดให้ 555 มีตรงไหนอีก บอกเราด้วยนะ :))
ขอบคุณ คุณMaNaSsAwEe นะคะ เราว่า เรียงคงทำได้แค่คิดแหล่ะค่ะ 5555555
ขอบคุณ คุณsmile_aex ด้วยค่า ฝากติดตามต่อไปนะคะ  :o8:

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และชี้แนะนะคะ ขอบคุณมากค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่15 (23/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 23-03-2014 21:25:45
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๕  กับดักความเสียใจ  ใครเลยจะล่วงรู้



       
        “ล๊า ลั๊ล ลา… ”  เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีดังมาจากชายหน้าโจรที่กำลังเดินขึ้นห้อง หลังจากที่ลงไปส่งสุดหล่อของเขากลับคอนโด





        ถึงห้องก็ยังคงฮัมเพลงต่อ วันนี้หยุดอีกวันนึง พรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียนอีกแล้ว ขี้เกียจชะมัดเลยยเว้ยยยย ทำได้แค่บ่นไปงั้นแหล่ะ วันนี้วันอาทิตย์ ต้องทำความสะอาดห้อง ซักเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ขณะกำลังกวาดๆถูๆห้องก็พบเข้ากับกระเป๋าตัง และโทรศัทพ์มือถือของคนที่มาค้างแรมที่ห้องเขาเมื่อคืน





        วันนี้ตกลงกับมันไปแล้ว ว่าไม่ว่างต้องทำความสะอาดให้หาอะไรกินเอง …งั้นก็ ค่อยเอาไปคืนพรุ่งนี้เย็นหลังเลิกเรียนก็แล้วกัน แต่แจ้งไปที่คอนโดมันหน่อยดีกว่า เดี๋ยวมันจะคิดว่าทำหาย





        เมื่อเริ่มต้นวันใหม่ของสัปดาห์ รงคเพทเข้าเรียนตามปกติ ทุกคนยังคงปกติ รวมถึงพบรักที่มาเรียนและนั่งข้างไอ้ยีนก็เป็นปกติ เพียงแค่ไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด คงจะโกรธ ไม่แน่อาจเกลียดเขาไปแล้วก็ได้





        “เป๋าตังใหม่เหรอไอ้เรียง”  ไอ้กาวที่นั่งข้างๆ เปิดเอาของในกระเป๋าเพื่อนโจร ก็พบเข้ากับกระเป๋าเงินหนังแบรนด์เนมที่รงคเพทไม่เคยคิดจะซื้อมาใช้ หยิบออกมาเอานิ้วถูๆ เป่าๆ ถูๆ อย่างคนจะขูดหวย






        “ของก๊อบป่ะวะ”





        “…..”  รงคเพทไม่กล้าพูดว่าเป็นของใคร พบรักนั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง ไม่อยากให้พบรักได้ยินเลย จึงแอบกระซิบกับไอ้กาวให้ได้ยินกันสองคน





        “ของไอ้ตอง”





        “หะ ของไอ้ต….อุบ”  กำลังจะอุทานออกมา มือหยาบก็กระแทกปากไอ้กาวทันที ดีที่ยังไม่หลุดออกมา พบรักหันมามองแวบเดียวก็หันกลับไปอย่างเดิม สองโจรหันมองหน้ากัน คุยกันด้วยสายตาต่อ






        “อยู่ที่มึงได้ไง”






        “เรื่องมันยาวไอสัด อย่าถามมาก เอาคืนมาได้ละ”  รงคเพทเอื้อมมือหวังคว้าเอากระเป๋าเงินคืน แต่ไอ้กาวไม่ยอมคืนง่ายๆหรอก






        “ขอกูดูหน่อย เป๋าคนรวย จะมีสักกี่ล้าน’’  พูดพร้อมเปิดดูด้านในอย่างถือวิสาสะ ก็พบกับแบงค์พัน สองสามใบเท่านั้น และบัตรต่างๆอีกมากมายเหมือนกระเป๋าคนปกติทั่วไป







        แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนค้นถึงกับตะลึง สะกิดเพื่อนหน้าโจรที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆให้หันมาดู สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของรงคเพทตอนนี้ กลืนลมหายใจเขาไปหมด เนื้อตัวเริ่มร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก หน้าหนาๆคล้ายถูกของแข็งฟาดเข้าเต็มแรง







        รงคเพทตกตลึงกับสิ่งที่ถูกกาวค้นพบในกระเป๋าเงินของตารกา นั่นคือ รูปถ่ายใบเล็กๆ ที่ถูกซุกซ้อนไว้ในซอกลับของกระเป๋า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตารกาจะพกรูปถ่าย หากว่าคนในรูปถ่ายนั้น จะไม่ใช่ ศรราม น้องชายสุดรักสุดหวงของเขา รูปใบนี้เป็นรูปที่น้องเขาใส่ชุดนักเรียน นั่งอยู่บนม้าหินอ่อน ใบหน้าอมยิ้มอ่อนหวาน ฟิล์มที่ใช้ถ่ายคล้ายออกจากกล้องโพลารอยด์ถูกตัดเก็บเอามาเพียงบางส่วน







        ทุกสิ่งหยุดนิ่งไปชั่วขณะ หัวใจเต้นกระหน่ำแทบทะลุทรวงอกออกมา สมองวิเคราะห์อะไรไม่ทันสักอย่าง ตกลงแล้ว ตารการู้จักกันน้องชายเขาจริงๆสิ แล้วทำไมถึงบอกว่าไม่รู้จัก นี่เขากำลังถูกหลอกหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้น คนที่เขาตกหลุมรัก คือคนที่ข่มขืนน้องเขาจริงๆหรือ แล้ว แล้ว….คำถามอีกมากมายเกิดขึ้นทันที รงคเพทสร้างกำแพงอีกครั้ง กำแพงที่คราวนี้ใครก็พาออกมาไม่ทัน กำลังคิด คิดกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น






        หลังเลิกเรียน รงคเพทขี่รถไปคอนโดตารกาด้วยสภาพไร้วิญญาณ สติจมจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง มาถึงคอนโดตารกาตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลย กับข้าวที่ซื้อมา ซื้ออะไรมายังลืม






        เดินเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบความว่างเปล่า ตารกายังไม่กลับมา อาจยังไม่เลิกเรียน วันนี้ตารกามีเรียนเสริมตอนเย็น เป็นประจำจนรงคเพทจำได้ โจรหมาหงอยนั่งรอเจ้าของกลับมาอย่างไร้ชีวิต จนในที่สุดตารกาก็กลับมา กลับมาเมื่อไหร่ รงคเพทไม่ทันได้สังเกต เห็นอีกทีก็ตอนมานั่งกินข้าวข้างๆแล้ว





        “กินไรยัง”  เห็นรงคเพทเหม่อๆ ตารกาจึงเป็นฝ่ายทักก่อน ทักไปก็กินข้าวไป





        “กินแล้ว”  ตอบไปงั้นทั้งๆที่ยังไม่ได้กิน มานั่งเหม่ออยู่คอนโดตารกาตั้งแต่หกโมงเย็น ตอนนี้สองทุ่มแล้ว ไม่อยากกินอะไร แถมยังอยากอ๊วกออกมาอีกต่างหาก






        “มานานแล้วเหรอ” 





        “สักพัก”  วันนี้มาแปลก ถามคำตอบคำ เห็นท่าไม่ดี ตารกาเลยหอมเข้าให้ไปทีนึง






        ฟอดดดด …..






        O.O






        “เป็นไร หืม”  คำพูดอ่อนหวาน ที่ไม่น่าจะออกมาจากปากตารกา กับการกระทำเมื่อครู่ หยุดทุกความคิดของรงคเพทให้หยุดนิ่ง ใจเปลี่ยนมาเต้นแรงอีกครั้ง






        “ป่าว”  ตารกาจ้องลึกลงไปในแววตาหม่นหมองกว่าทุกวันคู่นั้น อย่างรู้ทัน รงคเพทรู้สึกเหมือนถูกดูดพลังชีวิตไปจนหมดสิ้น





        “แน่ใจ”






        “มึง ..หลอกอะไรกูอยู่ป่าว”  ถามไปแล้ว ไม่อยากได้ยินคำตอบ กลัวว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นคำตอบที่หลอกลวงอีก






        “ทุกคำพูดของผม ผมจริงใจ”  สองสายตาสบประสานกันด้วยอารมณ์ที่ต่างกันไป คนหนึ่งจ้องลึกด้วยแววตาตั้งมั่น แน่วแน่ กับอีกสายตา สั่นไหวระริก คล้ายคาดคั้นจะเอาความจริง





        “เชื่อผมเถอะ”    จุ๊บไปที่แก้มคนคิดมากอีกครั้งหนึ่ง





        เริ่มรู้ตัว คนคิดมากก็เริ่มอาย หน้าคล้ำเแดงออกมานิดๆ มองไม่เห็นหรอก แต่สัมผัสได้





        “บ้าป่าววะ หอมผู้ชาย”  พูดไป เอามือลูบแก้มไป





        “ไม่ชอบรึไง”  ไม่มีคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มและก้มหน้าต่ำ





        มื้อเย็นสีหม่น กลายเป็นสีชมพูอีกครั้ง ความมุ้งมิ้ง งุ้งงิ้ง เกิดขึ้น ท่ามกลางคนสองคน 





        ‘ต้นตอง คราวนี้กูเชื่อมึง อย่าทำให้กูต้องผิดหวังล่ะ’  นี่กูใจอ่อนไปป่าววะ








        มื้อกลางวันที่มหาลัยวันนี้ รงคเพทดูอารมณ์ดีกว่าเมื่อวานมาก เพื่อนๆต่างพากันแซวว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงคุยเฮฮาดังลั่นโรงอาหาร สักพักเสียงคุยจอแจของโรงอาหารก็หายไป เงียบกริบไปพร้อมกัน เหลือเพียงโต๊ะสามโจรที่ยังหัวเราะเฮฮากันต่อ แต่เมื่อทั้งโรงอาหารเงียบ สามโจรก็เริ่มมองซ้ายมองขวา






        กลุ่มนักเลงไฮโซของมหาลัยที่ดังที่สุดคงไม่พ้นกลุ่มไอ้สอง หรือ รณภูมิ ทายาทธุรกิจส่งออกติดชาร์จอันดับต้นๆของเมืองไทย หน้าตาดี หล่อขั้นสูสีกับตารกาของเขาได้เลย แต่หล่อคนละแนว สุดหล่อของเขาออกแนวผู้ดีมีมาด มีความรู้ แต่ไอ้สองผู้นี้ มาด โหด ดิบ เถื่อน หน้ามันไม่เคยยิ้ม อุดมไปด้วยมัดกล้ามอย่างนักกีฬา ส่วนสูงก็มากกว่าตารกา เป็นความสูงของคนมีเชื้อต่างชาติ(หล่อแบบหนุ่มชาวอิตาลีนั่นเอง) ไม่เข้าใจสาวๆเหมือนกัน หลงใหลความเย็นชาแสนป่าเถื่อนของมันซะได้ กับลูกสมุนของมันตามติดอย่างเห็บหมัดอีก สามสี่ตัว ดีกรีความรวยและเลวไม่ต่างกันสักเท่าไหร่






        น้อยครั้งที่จะได้เห็นมันโผล่หัวมาในมหาลัย ยิ่งที่รโหฐานอย่างโรงอาหาร คนสีเทากลุ่มนี้ไม่นิยมชมชอบนัก แต่วันนี้ปรากฏตัวมาได้ คงต้องมีใครแถวนี้โดนดีเข้าให้แล้ว






        ขอพระเจ้าจงเมตตา ใครแถวนี้ที่ว่าคนไม่ใช่แก๊งค์เดอะโจรของเขาหรอกนะ และก็เป็นอย่างที่เขาคิด เห็บไรไอ้สองมันเดินมาล้อมวงโต๊ะเขา ส่วนไอ้สองไปนั่งโต๊ะข้างๆแล้วเอาเท้าพาดขึ้นวางบนโต๊ะ ทำหน้านิ่งคล้ายกำลังอยากฆ่าคน





        “มึงใช่ไหมไอ้เรียง”  ไอ้สองเอ่ยเสียงทุ้มใหญ่อย่างทรงอำนาจคุยกับแก๊งค์เดอะโจรที่ถูกเห็บล้อม




        “กูเอง มึงมีไรป่าว”  ตอบไปเฉยๆ อย่างไม่คิดจะกลัว จะกลัวมันทำไมเขาไม่ได้ทำไรผิดสักหน่อย




        “กูไม่ได้อยากเสียเวลา เย็นนี้เคลียร์กันหน่อย ใต้สะพาน………”





        “ทำไมเพื่อนกูต้องไป”  ไอ้กาวเริ่มของขึ้น เดินมาไม่พูดพร่ำทำเพลง นัดไปเคลียร์ เคลียร์อะไร พวกเขาไม่รู้จักพวกมันเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ






        “กูไม่ได้บังคับ แต่ถ้าไม่มา น้องมึงคงไม่รอด”  ราม…เป็นไปได้ไหม ว่าจะเป็นฝีมือไอ้สอง ที่ทำร้ายน้องเขา ความอยากรู้บังคับให้รงคเพทตอบตกลงไป เมื่อได้รับคำตอบที่น่าฟัง แก๊งค์คนโฉดก็ถอยร่นหายลับไปจากตรงนั้น






        “มึงจะบ้าเหรอไอ้เรียง ไอ้พวกนี้มันฆ่าคนมาแล้วนะเว้ย” 






        “กูอยากรู้ มันทำน้องกูรึเปล่า ถ้าใช่ กูก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน”  หน้าตาจริงจัง แน่วแน่อย่างหาได้ยากจากรงคเพท ทำให้เพื่อนๆเริ่มเครียดตามไปด้วย





        “ได้ งั้นพวกกูไปด้วย”  ไอ้ยีน มองหน้าไอ้กาว พยักหน้าอย่างรู้กัน และเอ่ยกับเพื่อนหน้าโจร รงคเพทไม่อยากให้เพื่อนไม่เสี่ยง แต่ปฎิเสธคำว่าเพื่อนจากไอ้สองโจรไม่ได้






        พบรักที่เข้ามาได้ยินพอดี ขอไปด้วยโดยคุยผ่านมาทางยีน รงคเพทที่ยังไม่กล้าสู้หน้า ไม่อยากให้พบรักต้องเดือดร้อน แต่ยิ่งบอกปัด พบรักยิ่งน่ากลัว สุดท้ายก็ต้องยอมให้ไปด้วยจนได้







       
        พื้นที่ร้างใต้สะพาน ไม่มีคนสัญจรผ่านไปมามากนัก เพราะเป็นแหล่งซ่องสุมอันดับต้นๆของละแวกนี้ คนส่วนใหญ่มักถูกดัก จี้ ปล้นที่นี่ จนคนขยาดไม่กล้าผ่าน







        รงคเพทมาพร้อมพวก รวมตัวเองแล้วได้ สี่คน เมื่อมาถึงก็เห็นไอ้สองนั่งอยู่บนโขดแถวริมน้ำ และพวกเหลือบไรยืนอยู่ใกล้ๆกันอีก สาม สี่ คน คำนวณจากสายตา จำนวนสูสี หากเกิดเรื่องคงพอช่วยเหลือตัวเองได้ แก๊งค์เดอะโจรเดินไปหาไอ้ตัวหัวหน้า มันลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาแก๊งค์เดอะโจรเช่นกัน





        “พวกมึงมีไรกับเพื่อนกู ก็รีบว่ามา”  ไอ้กาว คนไม่กลัวใคร เอ่ยขึ้นเสียงดัง เปิดฉากอย่างรวดเร็ว





        “กูแค่อยากเตือน!เพื่อน!มึง! ว่าอย่ามายุ่งกับ’คนของกู’ ”





        “คนของมึง ? ใคร?”  เป็นไอ้ยีนที่ถาม ส่วนรงคเพทที่ช่วงนี้ก็ไม่ได้ยุ่งกับใครเลย..นอกจาก 





        “มึงหมายถึง….”  รงคเพทถามแผ่วเบา





        “เออ ลูกพี่กูหมายถึงไอยริณนั่นแหล่ะ”  พวกเหลือบไรเป็นตัวตอบ







        “ไอยริณ?   หะ ไอยริณไหนวะ”  หน้าตา งง ขั้นสุด รงคเพทจำไม่ได้ว่าในชีวิตนี้เคยมีไปยุ่งกับคนชื่อไอริณตั้งแต่เมื่อไหร่





        “อย่ามาทำหน้าโง่ ไม่งั้นก็แหกตาดูซะ”  รูปถ่ายขนาดปกติถูกร่อนมาทางที่พวกเรียงยืนอยู่ พบรักหยิบรูปถ่ายนั้นขึ้น ก็เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ผมยาวสลวยสีดำขลับกำลังอมยิ้มอยู่ข้างๆกับรงคเพทที่นอนหลับถอดเสื้ออยู่บนเตียง






        ชัดเจน !! ไม่ใช่รูปตัดต่ออย่างแน่นอน รงคเพทรู้ดี เขาเคยรู้จักผู้หญิงคนนี้







        “เหี้ย !! นี่มันมึงนี่หว่าเชี่ยเรียง”  ไอ้ยีนที่เห็นอุทานขึ้นเสียงดัง






        “มีอะไรจะพูดไหม”  ไอ้สองเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หน้าหันมองไปทางแม่น้ำ







        “กู..กู…..”






        “ว่าไงเล่าไอ้เรียง บอกมันไปดิว่าไม่รู้จัก”  ไอ้กาวที่สะกิดรงคเพท หวังช่วยเพื่อนเต็มที่






        “เออ กูเคยรู้จัก”








        “ฮึ”  ไอ้สองหัวเราะขึ้นจมูกอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า





        “กูเจอเขาในผับ…ที่ไหนสักแห่ง ความสัมพันธ์คืนเดียว one nice stand อ่ะ แค่นั้นเอง”  รงคเพทพูดไปคิดไป แต่คำพูดนั้นกลับเรียกสีหน้าขุ่นมัวจากไอ้สองได้เป็นอย่างดี






        “คนของกู …..ไร้ค่าจังนะ !!!!! ”  พูดด้วยอารมณ์รุนแรง พร้อมเตะหินที่เคยใช้เป็นที่นั่งเมื่อครู่จนล้มทะลาย





        “มึงอย่าคิดว่าริณจะทำตัวต่ำๆเหมือนมึง”  ย่างสามขุมเข้ามาแล้ว เดอะโจรก้าวมาขวางหน้าไว้ทันที





        “กูว่ากูเลวแล้ว ยังไม่ได้ครึ่งนึงของมึงเลย คนใจสัด !!!”  ไม่ด่าเปล่า แหวกเข้ามาผ่านพวกเพื่อนหน้าโจร ยกคอเสื้อรงคเพทขึ้น ไอ้กาว ไอ้ยีน และพบรักที่กำลังถ่อเข้าไปหวังช่วยรงคเพท ถูกเหลือบไรที่เหลือล่อเข้าใส่   






        การตะลุมบอนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รงคเพทที่ไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่ กลายเป็นกระสอบทรายขนาดย่อมของรณภูมิ แต่รงคเพทก็ยังคงไม่ยอมแพ้ สู้ต่อไป ไอ้กาวที่เดินหน้าเข้าชาร์จพวกเหลือบไรอย่างเดือดดาลทำให้กาวเป็นฝ่ายได้เปรียบ ด้านไอ้ยีนที่เงียบๆ เมื่อลงสมรภูมิรบแล้วกลับเลือดขึ้นหน้าสู้สุดใจอย่างไม่ยอมแพ้ แม้โดนรุมสองทาง ส่วนทางด้านพบรักที่มีฝีมือการต่อสู้เหนือกว่าล้มคู่ต่อสู้คนแรกลงได้ภายในเวลาไม่กี่นาที และหวังเข้าช่วยเหลือรงคเพท แต่โดนพวกที่เหลือ ที่กำลังสู้กับกาวและยีนวิ่งมาดักหน้าแทน







        สู้กันไปได้สักพัก โดยที่รงคเพทไม่มีทีว่าจะสู้ไหว ด้านกาวที่ใจร้อนเปิดจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้เห็นง่ายๆถูกล้มลง นอนกองไปกับพื้นในที่สุด ไอ้ยีนแม้เลือดขึ้นหน้าแต่ด้วยฝีมือที่คนละชั้นสุดท้ายก็ลงไปนอนวัดพื้นกับไอ้กาวเช่นเดียวกัน เหลือเพียงพบรักที่ถูกรุมเดี่ยวแต่ยังยืนไหวอยู่เพียงคนเดียว







        รงคเพทถูกซ้อมหนักเกือบหมดสติ อยู่ๆฝีเท้าที่กระหน่ำกระทืบก็หยุดไป รงคเพทเงยหน้าขึ้น ก็ได้พบกับคนบางคนที่เข้ามาหยุดการกระทำทุกอย่าง คนที่อยู่ในใจเขาตลอดเวลา ….หมาป่าเดียวดายของเขา





        “ฮึฮึ ไม่ได้เจอกันนานนะ ต้นตอง”  หยุดการกระทำทั้งหมด เดินไปคุยกับต้นตองที่พึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับโอม   







        ตารกาเห็นสภาพของแก๊งค์เดอะโจรแต่ละคนในตอนนี้ ก็เผยความน่ากลัวคล้ายกับตอนที่รงคเพทเห็นในวันที่เขาเสียตัวออกมาจากแววตาและสีหน้า มันน่ากลัว ไม่แพ้กับรณภูมิที่ซ้อมเขาอย่างเดือดดาลเมื่อครู่







        “อยากเจอกูไม่ใช่เหรอ แล้วนัดพวกสวะนี่มาทำไม”  คำพูดดุดันที่รงคเพทไม่เคยได้ยินจากสุดหล่อของเขามาก่อน






        “ไม่มาช้าไปหน่อยเหรอ ต้นตอง…มึงน่าจะมาช้ากว่านี้อีกนิด สุดที่รักของมึงกำลังจะตายคาตีนกูอยู่พอดี”






        “ผิดแล้วสอง กูไม่ได้เป็นอะไรกับพวกมัน”





        “มึงจะเป็นหรือไม่เป็น มันไม่ใช่ธุระอะไรของกู แต่พวกมันเสือกมายุ่งกับคนของกูก่อน”





        “ป่าวนะ ป่าว”  รงคเพทที่กำลังนอนสะบักสบอมอยู่บนพื้น เค้นเสียงออกมาอย่างอยากลำบาก





        “มึงไม่ฉลาดขึ้นเลยสอง แผนการยังใช้ไม่ได้เหมือนเดิม” สีหน้าท่าทางรู้ทันของตารกา ทำเอาความมั่นใจในแผนการของรณภูมิหมดลงทันที





        “ฮึ แย่จังว่ะ กว่าจะหารูปนี้มาได้แท้ๆ”  พูดไปก็ค่อยๆเดินไป แล้วเหยียบลงบนไหล่ของรงคเพทที่นอนฟุบอย่างอนาทอยู่ 





        “!!!”  ตารกากระตุกอย่างแรง ในตอนแรก แล้วสักพักก็กลับมายิ่งนิ่งดังเดิม





        “นี่ขนาดว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกันนะเนี่ยยย”






        “หยุดตีนมึงไว้แค่นั้น ถ้าไม่อยากให้เรื่องบางเรื่องที่มึงปิดไว้ถูกเผยออกมาให้ทุกคนในที่นี้รู้”






        “ฮึฮึ ไม่มีอะไรที่รอดพ้นสายตามึงได้เลยสินะ ต้นตอง”  รณภูมิมองไปรอบๆพื้นที่และแสยะยิ้มออกมาให้ตารกา  ไม่นานไอ้สองและพวกก็เดินจากไปจากระแวกนั้น หายวับไปคล้ายหายตัวได้







        ตารกายังคงหน้านิ่ง หางตาไม่ได้เหลือบมายังคนนอนจมกองเลือดสักนิด ไม่นานเมื่อโอมพยักหน้า กลุ่มนักศึกษาจากคณะตารกา ก็ออกมาช่วยกันพยุงแก๊งค์เดอะโจร ที่ถูกทำร้ายจนขยับไปไหนไม่ได้






        “ไอ้ตอง…”  รงคเพทเรียกเสียงแผ่วเบา เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว สติที่ใกล้ดับ ก็ดับลงไปในที่สุด แม้ก่อนสติจะดับ ตารกาก็ไม่มองมาที่เขาแม้สักนิด

       





        รู้สึกตัวอีกทีก็มานอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว รงคเพทกำลังจะขยับตัว แต่ยากสักหน่อย พบรักที่บาดเจ็บน้อยที่สุดเดินเข้ามา ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างปกติ แม้ในใจทั้งสองฝ่ายจะรู้ดีว่ามันเจือปนไปด้วยความอึดอัดแค่ไหน พบรักบอกว่ารงคเพทช้ำในเล็กน้อย ช้ำภายนอกค่อนข้างหนัก แต่ไม่มีอวัยวะสำคัญใดได้รับบาดเจ็บ หมอให้พักรักษาตัวที่โรงบาลไปก่อนสองสามวัน






        รงคเพทนอนอยู่บนเตียง รอคอยหวังได้พบหน้าใครบางคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่นี่ก็วันที่สองแล้ว พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้ ยังไม่เห็นหน้าคนๆนั้นเลย ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนเฉยๆอยู่อย่างนั้น ไอ้ยีนและพบรัก ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอะไรและสองคนนั้นก็ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ส่วนไอ้กาวที่สู้สุดใจอย่างบ้างคลั่ง หัวเข่าขวาเคลื่อน แขนขวาถูกมีดกรีดถึงกระดูก เจ็บหนักกว่าหมู่ แต่โชคดีของมันหน่อย เมียมันสุดแสนจะน่ารัก เช้าถึงเย็นถึงยิ่งกว่าพยาบาลส่วนตัว ได้ยินแว่วมาจากไอ้ยีน ว่าไอ้กาวมันไม่อยากออกจากโรงพยาบาล ฮ่าฮ่า







        เช้าวันออกจากโรงพยาบาล รงคเพทก็ได้พบกับคนที่นอนคิดถึงมานาน ไม่มีใครบอกกล่าวอะไร ของใช้ส่วนตัวของเขาถูกส่งกลับบ้านโดยคนของตารกา และรงคเพทก็ถูกบุรุษพยาบาลเข็นขึ้นเฟอร์รารี่สุดหรูของตารกา ด้วยความ งงงวย แต่ไม่กล้าถามอะไรออกไป






        นั่งอยู่ในรถโดยมีเจ้าหัวใจอาสาไปส่งที่บ้าน





        “ขอบใจ ที่ช่วย นะ”  กล่าวออกไปพร้อมรอยยิ้มให้แก่คนนั่งหน้านิ่งขับรถมองทางอย่างเดียวไม่วอกแวก





        “ผมไม่ได้ช่วยนาย แต่สองคงอยากเจอผม”





        “มึง รู้จักมันด้วยเหรอ”





        “เพื่อนเก่าหน่ะ เพื่อนรักเลย”





        “ดูแล้ว นายสองคนไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้”





        “อดีตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอกเรียง”





        “อื้อ”  รถค่อยๆขับไปอย่างช้าๆ วันนี้รงคเพทรู้สึกว่าตารกาขับรถช้ามาก ช้ากว่าปกติอย่างสัมผัสได้





        “เรียง”  ก่อนถึงหน้าบ้าน ตารกาจอดรถหน้ารั้ว ยังไม่เลี้ยวเข้าไปด้านใน





        “หืม ว่าไง”






        “สัญญาของเราจบลงแล้วนะ ผมขอบใจที่นายทำตามสัญญามาตลอด”  รงคเพทได้ยินเช่นนั้น เริ่มใจไม่ดี 







        “อะไร ยังไม่สอบไฟนอลเลย”  น้ำเสียงเริ่มสั่นคลอ คล้ายคนกำลังประหม่า





        “อีกไม่กี่วันก็ถึงแล้วนี่ ผมว่ามันควรยุติได้แล้ว นายจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น”





        “…..”






        “ผมขอคีย์การ์ดคืนด้วย” …..นี่รงคเพท กำลังดำน้ำอยู่หรือเปล่านะ หายใจไม่ออก






        “อื้อ ได้ๆ รอแปป”  ตอบไปอย่างพยายามไม่ให้เสียงสั่น แม้ว่าตอนนี้มือที่กำลังควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าจะสั่นเทาจนแทบไม่น่าหาอะไรเจอ






        “ขอให้ผมกับนาย กลับไปเหมือนตอนเราไม่รู้จักกันนะ” 






        “หะ” ประโยคสุดช็อค ความเจ็บนี้มันคืออะไร มันปวดๆ หน่วงๆ เหมือนจะเริ่มหายใจไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูก น้ำใสๆเริ่มคลอยังเบ้าตา






        “มันน่าจะดีที่สุด”  น้ำเสียงเอ่ยบอกยังคงนิ่งสงบ แล้วที่ผ่านมา ไม่เคยรู้สึกอะไรด้วยเลยเหรอ ทั้งๆที่ ….ทั้งๆที่เขาเผลอรักไปแล้วแท้ๆ แล้วก็นึกว่าเราจะใจตรงกัน






        “เอางั้น..ก็ อึก ได้ ได้ๆ”  ไม่ไหว พูดอะไรไม่ออก น้ำตาใกล้เอ่อล้นเต็มที แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่อันน้อยนิด โจรใจเด็ดกลับกลั้นเอาไว้ไม่ยอมให้มันไหลลงมา ทำได้ไง ทั้งๆที่คิดถึงทุกคืนไปขนาดนี้ แล้วอยู่ๆ มันก็ TT





        “ผม…ไม่ได้คิดอะไรกับเรียงมากกว่าเพื่อนเลย ตลอดมา”  น้ำตาหยดลงไปแล้วหนึ่งหยด แต่ถูกเจ้าของปาดทิ้งทันที คำนี้คุ้นๆนะ นี่กรรมตามสนองโจรใจดำคนนี้อยู่รึเปล่า ทำไม ต้นตองถึงพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย ไม่มีสีหน้าว่าเสียใจที่ต้องพูดแบบนี้สักนิด ทำไมมีแต่เขาคนเดียวที่เสียใจ แล้วทำไมที่ผ่านมา






        รงคเพทนึกย้อนไปน้ำตาก็ไหลไป ตลอดเวลา เขารู้สึกเพียงฝ่ายเดียวหรือ เขาคิดไปเองคนเดียวทั้งหมด คนๆนี้ไม่เคยรักเขาเลย เจ็บเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใคร ทำให้สุขสุดหัวใจ และทุกข์สุดหัวใจได้เท่าคนๆนี้มาก่อน เขาพึ่งดีใจไปเองที่ตารกาให้ความสำคัญกับความรู้สึกเขา แต่ทั้งหมดมันเป็นแค่สิ่งจอมปลอม ทุกสิ่งรงคเพทวาดฝันขึ้นเองทั้งนั้น จะโทษใครได้เล่า






        “แต่ ระ  เรา …..เราไม่”






        “พอเถอะเรียง ลงไปได้แล้วล่ะ ผมมีคนที่รักมากอยู่แล้ว คงไม่เปลี่ยนใจอีก”  มือชา ตัวเกร็ง อยากออกไปพ้นๆจากตรงนี้เหลือเกิน คำตอกย้ำว่า ’ไม่รัก’ ที่แสนเจ็บปวด บีบหัวใจจนไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก









        “ได้ ! ลาก่อนต้นตอง….. แต่กูรักมึงนะ อึก”  ปัง !!! ฝืนพูดด้วยแรงใจเฮือกสุดท้าย ปิดประตูรถกระแทกเสียงดัง เมื่อหันหลังให้ ท่อน้ำที่พร้อมทะลายแต่แรก ก็เอ่อล้นออกมา ท้วมท้นจนไม่สามารถกักเก็บอะไรไว้ได้อีก ร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟาย คล้ายคนเสียสติ






        ร่างกายที่พึ้งฟื้นสภาพจากการบาดเจ็บแต่บัดนี้หัวใจกลับเจ็บยิ่งกว่าร่างกายหลายเท่า ย่าวก้าวเข้าบ้าน ทุกก้าวล้วนมุ่งมั่น ตั้งมั่นว่าจะไม่ล้ม จะไม่มีวันล้มลงต่อหน้าไอ้คนใจดำ ต้องให้มันรู้ ว่าไม่มีมัน คนอย่างรงคเพทก็อยู่ได้ แม้อาจเจ็บเจียนตายก็ไม่เป็นไร







        “ฮืออออ อึก อึก ไอ้คนเลว มึงรู้ไหม ฮือออ กูยังไม่เคยร้องไห้ให้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ไอ้คนเฮงซวย ฮือๆๆๆ”  เดินร้องไห้เข้าบ้าน อย่างคนหมดสภาพ กับแผลภายนอกบางส่วนที่ยังถูกแปะผ้าพันแผลสีขาว







        เดินปาดน้ำตาเข้าบ้าน และไม่คิดจะหันหลังกลับไปมอง…คนในรถที่ตอนนี้หัวใจคงสลายไปแล้วไม่แพ้กัน



        TTTTTTTTT^TTTTTTTTTTTT
…………………………………………………………… …………………………………………

 :katai4: :katai4: :katai4: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่15 (23/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonwish ที่ 23-03-2014 21:42:57
ไอ้บ้าตอง ทำไมถึงทำแบบนี้กับเรียงห้ะ สงสารเรียงไปซบอกพบรักไปลูก
แต่ตองก็ดูน่าจะมีเหตุผลแหละที่ทำแบบนี้ เกี่ยวกับเรื่องสองใช่ป่าวหว่า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่15 (23/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-03-2014 23:51:00
โอ้ยยยยยยย สงสารเรียง
ตองเป็นอะไร?จะกันไม่ให้โดนลูกหลง?
แล้วใครเป็นคน xyz ราม?

ปล.สารภาพว่าเดาสถานะรุก-รับไม่ออกจน.... :hao7:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่16.1 [กาว-โอม] (25/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 25-03-2014 20:35:03
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๖.๑  ดีอย่างไร ใครเลยจะล่วงรู้ 





 ( กาว – โอม )  #1




        หลังเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของแก๊งเดอะโจรและแก๊งไฮโซเทวดา คนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือ ไอ้กาว หรือนายกวิน ผู้ใจร้อน ดุเดือนเลือดพล่าน ซึ่งตอนนี้นอนหลับสบายอยู่ในห้องไอซียู โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญล้อมรอบเตียงอยู่





        ซึ่งหน้าห้องผู้ป่วยมี พบรัก และ ยีน ที่ทำแผลเรียบร้อยมานั่งเฝ้ารอดูอาการคนเจ็บหนัก ด้านรงคเพทที่ยังไม่ฟื้นมีคนในความฝันเฝ้าข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน และอีกหนึ่งคนที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคนในห้อง ICU ที่นั่งหน้านิ่ง แต่ฉายแววกังวลออกมาชัดเจนจนทุกคนมองออก




        “หัวหน้า เราว่านายกลับไปนอนก่อนดีกว่านะ ไอ้กาวมันหัวแข็ง ไม่ตายง่ายๆหรอก มันดึกมากละด้วย เดี๋ยวหัวหน้าไม่สบายพวกเราจะโดนมันฆ่าเอา”  ไอ้ยีนผู้มีผ้าพันแผลพันเพียงบางส่วน กับปากที่ทำแผลเรียบร้อย บอกกับโอม ที่กำลังนั่งนิ่งอย่างไม่กระดุกกระดิก จนเขาและพบรักนึกว่าไม่หายใจซะแล้ว แก๊งค์เขาเรียกโอมว่าหัวหน้าตามไอ้เรียงมันเรียก ไม่รู้จะเรียกทำไม แต่เห็นไอ้เรียงเรียก เลยติดไปด้วย




        เรื่องระหว่างกาวและโอมทุกคนในกลุ่มรู้ดี แม้ต้นตองก็รู้เช่นกัน เดาออกมานานแล้ว ที่ระยะหลังๆไอ้กาวชอบหายไปบ่อยๆ ที่แท้มันไปหาทางจับกดชายผู้สูงศักดิ์คนนี้อยู่นี่เอง





        “ผมขออยู่กับพวกนายที่นี่เถอะนะ”  แม้โอมจะนั่งนิ่งอย่างกับหิน แต่เมื่อได้พูด น้ำเสียงนั้นกลับสั่นเครือ คล้ายจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ คาดว่าคงกำลังสะกดอารมณ์อยู่





        “อยากกินไร อยากได้ไรก็บอกเรา  เดี๋ยวเราจัดมาให้”  ยีนปฏิเสธคำขอจากคนตรงหน้านี้ไม่ลงหรอก เชื่อว่าถ้าใครมาเห็นโอม ขณะนี้ ก็คงไม่มีใครปฏิเสธลง แต่ที่ยีนกลัวหน่ะ ตีนเพื่อนมันที่นอนตายอยู่ในห้องผ่าตัดมากกว่า ทั้งรัก ทั้งหวงคนๆนี้อย่างกับอะไรดี ขืนเป็นอะไรขึ้นมา คาดว่างานนี้อาจตายหมู่ทั้งกลุ่ม





        “เหอะๆ นายก็เจ็บอยู่ไม่ใช่รึไง ”  เสียงหัวเราะแหบแห้งส่งมาให้ยีน ผู้ไม่ดูสภาพตัวเองสักนิด





        “บอกผมก็ได้ ผมไม่เป็นไรมาก”  เป็นพบรักที่เอ่ยออกมาหลังมองสภาพยีนแล้ว ทุกคนที่นี่เกรงใจโอมที่สุด เพราะโอมมีการวางตัวดีอยู่เสมอ สงบ เรียบร้อย ฐานะก็สูงกว่ามาก และที่สำคัญยังเป็นคนที่เพื่อนพวกเขารักหมดหัวใจ





        “…..”  โอมเพียงแค่มองไปทางพบรักด้วยสายตาแปลกๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา





        “อย่ามองแบบนั้น ผมแค่อยากช่วยกาว”  ฐานะทางสังคม ระหว่างพบรักและโอม ไม่ได้แตกต่างกันนัก คล้ายกับว่าที่บ้านของพบรัก ต้นตอง และโอมจะไปมาหาสู่กันอย่างมิตร แต่มารุ่นลูก กลับไม่เป็นเช่นรุ่นพ่อ





        “เผื่อนายจะยังไม่รู้นะโอม กาวรักนายมาก …เราอยากให้นายจะลองพิจรณาเพื่อนเราดูบ้าง”





        “ขอบใจนะพบ”  คำพูดและแววตาจากโอม เด่นชัดในคำพูดอย่างมาก พบรักที่มีอคติมาตั้งแต่เด็กเริ่มไปต่อไม่ถูก จึงพยักหน้าและเดินกลับมานั่งข้างๆยีน






        บรรยากาศหน้าห้อง ICU ยังคงอยู่ในสถานการณ์กดดัน ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้น และเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ทำไมถึงได้นานนักนะ






        สักพัก หมอในชุดห้องฆ่าเชื้อก็เดินออกมาบอกข่าวดีแก่ทุกคน กาวปลอดภัยแล้ว แต่สาหัสไม่น้อย ด้วย หัวเข่าขวาเคลื่อนตัวอย่างรุนแรง และแขนขวาถูกของมีคมกรีดลึกเกือบถึงกระดูก โดนเส้นประสาทแขนเข้าเล็กน้อย แต่หมอบอกยังรักษาได้แต่อาจต้องใช้เวลา ไม่นานเตียงผู้ป่วยก็ถูกเข็นออกมา และพาไปยังห้องพักรักษาตัว ทุกคนตามไปยังห้องผู้ป่วยพิเศษที่ถูกจัดไว้ อภินันทนาการจากครอบครัวพบรัก
       






        “มันปลอดภัยแล้วหัวหน้า กลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวคืนนี้เรานอนเฝ้ามันเอง”  ไอ้ยีนยังคงห่วงสวัสดิภาพตนเองอยู่เป็นระยะ






        “ขอผมนั่งตรงนี้อีกแปปนึงนะ ….แค่แปปเดียว”






        “อ่า.. โอเค งั้นเราไปหาไรกินก่อนดีกว่า ป่ะพบ พาไปหน่อย ไม่ชินโรงบาล”






        เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยีนและพบรักตกลงกับต้นตองแล้วว่าขอปิดเป็นความลับ ไอ้สองเป็นคนมีอิทธิพล และพวกเยอะ หากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คาดว่าจะเดือดร้อนกันไปมากกว่านี้






        พบรักพายีนลงไปหาอะไรกินหลังจากเฝ้าไอ้กาวมานานหลายชั่วโมง ในห้องคนไข้ตอนนี้จึงมีเพียงคนไข้ที่นอนหลับสนิทและ โอม ผู้ที่ไอ้กาวรักสุดหัวใจ เรื่องราวยุ่งยากนี้มันเริ่มต้นได้ยังไงนะ นั่งมองคนที่มีผ้าพันแผลพันไปครึ่งตัว  เรื่องราวก็เริ่มไหลวนเข้ามาในความคิดจนได้







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





        “วิน”




        “ว่าไงครับบอส”





        “ลูกค้าคนนั้น มาบ่อยรึเปล่า”  โอมที่เข้ามาดูแลผับ อาทิตย์ละสามถึงสี่วัน แต่อาทิตย์ที่ผ่านมาเขามีโอกาสได้เข้ามาเพียงครั้งเดียว เพราะงานที่คณะยุ่งมาก และวันนี้เขาได้พบกับแขกหน้าใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมาเยือนผับเขา





        “มาทุกวันครับ เกือบอาทิตย์นึงได้”  คำบอกเล่าของลูกน้องทำเอาคนหน้าสวย กลายเป็นหน้าเควสชันมาร์ค





        “อืม ขอบใจมาก ไปทำงานต่อเถอะ”  โค้งให้เจ้านายอย่างสุภาพแล้วไปทำงานต่อ โอมจะไม่แปลกใจเลย หากว่าคนๆนั้น จะไม่ใช่ กาว เพื่อนกลุ่มเดียวกับเรียง คนที่เกลียดเพื่อนเขาเข้าไส้ สังเกตได้ชัดจากสายตา ยามที่ต้องพบกัน แต่เมื่อได้มารู้จักกัน เพื่อนในกลุ่มเรียงและตัวเรียงก็มีท่าทีว่าเคารพนับถือ และชื่นชมเขาในแววตาอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงคนบ้าพลังคนนี้คนเดียว ที่มองเขาคล้ายอยากฆ่าให้ตาย 





        มาทุกวัน? เป็นไปไม่ได้ที่กาวจะไม่รู้ว่านี่เป็นผับของเขา แต่ก็ยังเข้ามา หรือว่าเลิกมีอคติต่อเขาแล้ว ด้วยอยากคุมสถานการณ์ โอมจึงให้พนักงานไปเชิญกาวขึ้นมาดื่มมาคุยยังที่วีไอพี เผื่อว่าอาจได้เครือข่ายเพิ่มขึ้น เขาไม่นิยมสร้างศรัตรูนักหรอก มันไม่มีประโยชน์





        “ยินดีต้อนรับนะครับ ดีใจที่นายชอบที่นี่ ”  เมื่อกาวเดินขึ้นแท่นโพเดียม โอมก็กล่าวต้อนรับอย่างให้เกียรติ





        “……”  ไม่มีการตอบรับจากกาว มีเพียงสายตาอาฆาตส่งมาให้ เพ่งมองมาอย่างไม่วางตา มันทำให้โอมหน้าเสียเล็กน้อย แต่การจะคุมคนนั้น ต้องมีความเยือกเย็น





        “เอาเป็นว่า ถ้านายชอบที่นี่ ผมจัดที่ตรงนี้สำหรับนายเลยแล้วกัน มาได้บ่อยตามต้องการนะครับ ผมจะสั่งเด็กเอาไว้ ”  โอมยังคงพูดและยิ้มอย่างใจเย็น บางครั้งการซิ้อใจคนต้องมีการลงทุนกันบ้าง





        “…….”  ยังคงเงียบต่อ แต่คนอย่างโอม มีหรือจะยอมแพ้ รอยยิ้มยังคงอยู่ งานบริการต้องยิ้มเสมอ แม้ภายในจะลุกเป็นไฟแค่ไหนก็ตาม





        “ตามสบายนะ ผมขอไปดูแลแขกก่อน”  โอมขอตัวออกจากตรงนี้ก่อนแล้วกัน จะโดนฆาตรกรรมรึเปล่าก็ไม่รู้ ดูมันอยากถลกหนังหัวเขา โอมรู้สึกได้






        จากวันนั้นมา โอมก็เข้าไปดูแลผับบ้างเป็นครั้งคราว และไปทุกครั้งก็จะเจอกับไอ้คนบ้าพลังทุกครั้ง ถามจากพนักงาน ก็บอกมันมาทุกวัน โอมพาสาวไปนั่งยังที่วีไอพีเป็นบางครั้งที่ถูกใจจริงๆ และหาบางคนมาเผื่อไอ้คนนั่งเงียบด้วย






        นานวันเข้า ยิ่งสร้างความแปลกใจให้แก่โอม นี่เกือบเดือนแล้ว มันมาทุกวัน นั่งที่เดิม แต่พนักงานเล่าว่าบางวันมันสั่งแค่น้ำเปล่ากับของกิน แล้วมันจะมาทำไม เจอกันที่มหาลัยก็ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ทั้งๆที่โอมพยายามจะทำความรู้จักมันแล้วแท้ๆ แต่ไม่เป็นไรมีลูกค้าเข้าใจยากแบบนี้ ท้าทายวิธีซื้อใจดีเหมือนกัน





        “หวัดดีกาว ผมดีใจที่กาวมาทุกวันนะ วันนี้ผมขอเลี้ยงนายแล้วกัน ถือเป็นโปรโมชันจากทางร้านนะครับ”





        “……”





        “ไม่ต้องห่วง งานนี้ผมมีสาวๆคอยบริการนายด้วย ถูกใจแน่นอน ”







        “ดื่มด้วยกันดิ”  O.O เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าเอาใจยาก เอ่ยปากพูด มันพูดกับเขาครั้งแรก นี่แผนโปรโมชันมันกำลังจะได้ผลสินะ





        “แน่นอน ผมจะดื่มเป็นเพื่อนนาย สั่งอะไรดี”  หลังจากนั้นก็มีสาวสวยที่โอมคัดมาแล้วว่าต้องถูกสเปคกาวแน่นอนมาคอยบริการ ส่วนคนถูกบริการก็ดื่มไป ฟังเพลงไปอย่างอารมณ์ดี แต่มันกลับรินเหล้าให้โอมอย่างไม่ยอมหยุด นี่กะมอมเจ้าของผับแล้วชักดาบรึไง อยากบอกว่า ให้กินฟรีอยู่แล้ว ยังจะคิดงี้อีกรึ








        “พออ..เลี้ยววว เอริ๊กก คร้าบบ ผมไม่ไหวละ”  เจ้าของผับ เมาที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา จากการรินเอาๆของลูกค้าบ้าพลัง นี่มันก็กำลังจะรินเติมให้เขา ดีที่รีบคว้ามือมันไว้ทัน





        อยู่ๆมันก็นิ่งไป ตาโต สักพักก็ดึงมือโอมออกและรินของมึนเมาใส่ลงไปในแก้วจนได้ สติแทบไม่หลงเหลืออะไรแล้ว





        “…..อืมม ไม่ต้องห่วง พี่สนิทกับบอสน้องดี ……….โอเคๆ ”  ดื่มไปสักพักไม่รู้ตัวว่าหยุดไปตอนไหน แต่ได้ยินเสียงคนคุยกัน ไม่แน่ใจว่าใช่ วิน พนักงานของเขากับเสียงใครก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยิน แต่ก็คุ้นๆ





        โดยที่ไม่รู้ตัว ว่าใครพากลับมา รู้สึกตัวอีกที โอมก็นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากได้นอนสบาย สติก็ดับวูบไปในที่สุด








        “อืออ…อืมมมม”  เปลือกตาหนักเกินกว่าจะยกขึ้นไหว ทำได้เพียงปรือตาขึ้นเล็กน้อย แต่มันก็มืด ไม่รู้สึกตัวอะไรเลย






        “ซู๊ดดด จ๊วบบบ จ๊วบ ๆๆๆๆ ฮ่า..” ใครทำอะไร เสียงเหมือนกำลังดูด อะไรบางอย่าง อย่างเมามัน ปนกับเสียงหายใจแรงๆ คล้ายคนกำลังหอบหนัก….ไม่ไหวๆ เผลอตื่นมาได้ยินเสียงน่าอายนี้เข้าได้ยังไง ใครมาทำอะไรกันในห้องสุดหรูของเขาเนี่ย หลับต่อดีกว่า คร่อกกกก Zzzz








        ตื่นเช้ามาอย่างงังเงีย กำลังจะลุกบิดขี้เกียจ แต่แล้วกลับ… วูบบบ จี๊ดดด โอยยย !! หล่นตุบลงบนเตียง อาการแรกหน้ามืด ต่อมาเจ็บอย่างแรงยังส่วนลับด้านหลัง และสุดท้ายย พึ่งมารู้สึกตัวว่าขยับตัวไม่ไหว นี่มันเกิดอะไรขึ้น มองซ้ายมองขวาไม่พบใคร นี่ห้องใคร ห้องครายยยยย !!!! แล้วสายตาก็ก้มลงเห็นสภาพตัวเอง ที่ตอนนี้โป๊อยู่ร้อยเปอร์เซ็น และที่น่ากลัวคือ ตัวขาวๆตอนนี้มีแต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ บิดแขนซ้ายดู แขนขวาดู ลำตัว ขา มือ เท้า ทุกส่วนมีรอยอย่างนั้นอยู่ บางที่มีรอยฟัน โดนขบกัดจนช้ำ น่ากลัวชะมัด ใครทำวะ ใครกล้าท้านรก







        ไม่ไหวๆ ใครจะทำก็ช่างมันก่อน ตอนนี้มึนหัวมาก ขอนอนพักเอาแรงอีกสักแปป นอนไปยังไม่ทันหลับ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามา พยายามลืมตาไปมองว่าเป็นใคร แล้วก็พบตัวการ ….ไอ้คนมอมเหล้าเขาเมื่อคืน





        “ตื่นแล้วเหรอ”  เสียงทักทายพร้อมรอยยิ้ม ที่ส่งมาให้โอม แต่โอมตอนนี้ช็อคไปแล้ว นี่เขาโดนไอ้ลูกค้าบ้าพลัง กดไปแล้วหรือเนี่ย





        “…….”  ไม่มีคำด่า โอมไม่ชอบด่าใคร ไม่ใช่วิสัย ถึงอยากด่าก็ด่าไม่ออก ลืมตายังลำบาก แต่ไม่วายส่งสายตาอาฆาตออกไป





        “นอนต่ออีกหน่อยเถอะ เดี๋ยวกาวเช็ดตัวให้นะ”  คนบ้าจูบลงที่แก้มครั้งหนึ่ง แล้วเช็ดตัวให้อย่างเบามือ คนที่นอนซมเมื่อโดนผ้าชุบน้ำเย็นๆกระทบผิวหนัง ก็เริ่มรู้สึกสบายและเผลอหลับไป 





        “อืมมมม”  สบายเกิน เลยเผลอครางออกมาเบาๆพร้อมรอยยิ้มว่าพอใจ พอหลับไป เลยถูกคนที่เช็ดตัวให้ จูบดูดดื่มไป โดยที่คนถูกจูบไม่รู้ตัว





        รู้สึกตัวอีกทีก็ดีขึ้นมาก ร่างกายเริ่มขยับได้ ต้องค่อยๆลุกขึ้น เพราะยังเวียนหัวอยู่บ้าง คาดว่าคงนอนหลับนานไปหน่อย





        “โอมเป็นไงบ้าง”  ไอ้คนต้นเหตุเดินเข้ามาถาม ได้รับเพียงความนิ่งเฉยตอบกลับมา โอมไม่พูดอะไรเลย เอาแต่นั่งนิ่งคล้ายจะร้องไห้





        “กาวขอโทษ อภัยให้กาวเถอะนะ นะโอมนะ กาวหลงรักโอมมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันเลย เนี่ย เห็นไหมๆ โอมดีขึ้นแล้ว กาวเช็ดตัวให้ ป้อนยาให้โอมด้วย หายโกรธกาวเหอะนะ”  พร่ามยาวเหยียด ขอให้อภัย แต่โอมนึกไม่ถึง ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่าไอ้บ้านี่มันแอบรัก งงกับสิ่งที่เกิด แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายก็อดถามไปไม่ได้





        “หะ ป้อนยา ป้อนไง”  คำสุภาพไม่ต้องมี คนอุตส่าหาวิธีซื้อใจ เป็นนายคน ใจต้องนิ่ง ข้ามไปก่อนแล้วกัน






        “นี่ไง ”  แล้วก็ชี้ไปที่ปากตัวเอง ยิ้มออกมาเห็นฟันครบสามสิบสองซี่เด่นชัด





        “เพี๊ยะ !!!!”  มือไป โดยไม่ทันควบคุม คนที่ควบคุมตัวเองเก่ง งง กับตัวเองเช่นกัน ว่าทำไมครั้งนี้มือไปไวนัก






        “โอม” เอ่ยอย่างแผ่วเบา คงเจ็บไม่น้อยที่โดนตบไปเต็มแรง






        “กาวขอโทษ กาวรักโอม แต่กาวไม่กล้าจีบ เห็นหน้าโอมที่ไรใบ้แดกทุกที”





        “ทำบ้าอะไร คิดถึงใจคนอื่นบ้างไหม ไม่รู้เหรอ อึก….ว่า.. คน อื่น ก็มี หัวใจนะ อึก แล้ว ก็ แล้วก็มาพูด … ฮึก”  พูดต่อไม่ไหว น้ำตามาแล้ว เสียใจเหลือเกิน เสียศักดิ์ศรี ใครกันที่ว่าเก่ง ที่สามารถควบคุมคนได้ คำว่าลูกผุ้ชาย หายไปในพริบตา ไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าทำขนาดนี้ 






        เมื่อคนที่ไอ้กาวรักก้มหน้าร้องไห้ออกมา ไอ้กาวจะทำไงได้ น้ำตาไหลตามสิ ก็คนมันรักหนิ เก็บความรู้สึกไว้มาตั้งนานละ กาวโอบกอดโอมไว้ แม้ว่าโอมจะขัดขืน แต่โอมก็ต้านแรงไอ้โจรกาวไม่ได้อยู่ดี จึงปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้น โอมผู้คุมอารมณ์เก่ง ปล่อยโฮต่อหน้าคนแปลกหน้าเป็นครั้งแรกในชีวิต แถมยังถูกไอ้คนแปลกหน้าเป็นคนปลอบอีกต่างหาก










+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


        แอ็ดดดด…



        เสียงประตูดังขึ้น ยีนและพบรักที่เดินเข้าห้องผู้ป่วยพิเศษหลังจากกินอะไรเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เห็นใครบางกำลังนั่งยิ้มทั้งน้ำตาอยู่ข้างเตียงเพื่อนพวกเขา โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ากำลังมีคนเดินเข้ามา





        ภาพที่ยีนและพบรักเห็นมันช่างสวยงาม น้ำตาและรอยยิ้มนั้นคงเป็นเสมือนความทรงจำอันงดงามระหว่างคนสองคน ที่สร้างขึ้นมาร่วมกัน






        ไม่อยากเอ่ยขัด แต่นี่มันดึกมากแล้ว





        “หัวหน้า..”  ไอ้ยีนเดินไปใกล้ และวางมือลงบนไหล่บางๆ เมื่อเจ้าตัวรู้สึกตัวก็รีบปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว





        “เชื่อเถอะ ไอ้กาวมันตายยาก”





        “อืมม”  โอมเอ่ยรับแผ่วเบา แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน ล่ำลายีนและพบรัก เดินออกจากห้องไป โดยที่ไม่ละสายตาจากคนไข้บนเตียงสักวินาทีเดียว










        “เฮ้อออ น่าอิจฉาไอ้กาวมันนะพบ  พบว่าหัวหน้ามันรักไอ้กาวป่าววะ”





        “ถ้าไม่รัก คงไม่เจ็บอย่างนี้หรอกยีน” 


...

สวัสดีค่ะ วันนี้เราลงตอนของ กาวกับโอม ไม่แน่ใจว่ามีคนชอบคู่นี้บ้างรึเปล่า
เราจะขอแทรกคู่นี้ในบางตอนนะคะ คือเราชอบคู่นี้มากเลย ฮ๋าฮ่า

ฝากลุ้นฝากเชียร์คู่นี้บ้างนะคะ ^^

ขอบคุณ คุณMoonwish นะคะ ต้นตองมีเหตุผลแน่นอนค่ะ เราว่าเค้าคงเจ็บไม่น้อยเลยที่ต้องทำแบบนี้น้า  :mew2: :mew2:
ขอบคุณ คุณbulldog17 นะคะ เราแต่งไปก็ร้องไห้ไปนะคะ สงสารมากเหมือนกัน แต่บอกได้เลยยังมีที่เรียงต้องเสียใจกว่านี้อีกค่ะ   :sad4: :sad4: :o12: :o12:

ฝากทุกท่านติดตามกันต่อด้วยนะคะ ตอนหน้าต้นตองมาแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่า  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่16.1 [กาว-โอม] (25/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-03-2014 20:58:08
แหม่....พ่อหนุ่มซึนเจอหน้าโอมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

มอมเหล้าแล้วจับปล้ำเลย.....โถพ่อคุณ :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่16.2 (26/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 26-03-2014 20:25:55
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๖.๒  ดีอย่างไร  ใครเลยจะล่วงรู้





(ต้นตอง – เรียง)




        “เรียง เป็นอะไรไปลูก”  รงคเพทร้องไห้ฟูมฟายเดินเข้าบ้าน พบกับคุณแม่คนสวยที่มือหนึ่งกำลังถือกรรไกรตัดกิ่ง และอีกมือหนึ่งก็ถือกุหลาบสีสันสดใส เมื่อเห็นลูกชายหน้าโจรสุดที่รัก เดินร้องไห้เข้าบ้านมาพร้อมผ้าแปะแผลตามร่างกาย ก็รีบวางทุกอย่างในมือลง แต่วิ่งเข้ามาหาทันที




        “ฮือออ ฮึก อึก …ฮ่า”  เด็กขี้แยเอาแต่ร้องไห้ ยิ่งแม่ถามยิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่ คุณแม่จึงกอดลูกชายคนโตของบ้านไว้อย่างให้กำลังใจ




        ปล่อยเด็กขี้แยร้องไห้ไปสักพัก เจ้าตัวก็ผละออกจากอกแม่ ปาดน้ำตาและยกมือไหว้แม่ไปหนึ่งที ก่อนหอมแก้มคุณแม่ไปอีกหนึ่งที เมื่อเริ่มใจเย็นลง คุณแม่พาโจรใจเด็กไปนั่งที่ม้านั่งหน้าบ้าน




        “เรียง มีอะไรอยากบอกแม่ไหม หืมม นี่เราไปโดนอะไรมา”  แม่ยกแขนที่มีผ้าพันแผลของรงคเพทขึ้นดู ลูบเบาๆอย่างกลัวลูกจะเจ็บ




        “แม่….”  เสียงเอ่ยคำแสนแผ่วเบา น้ำตาที่เช็ดทิ้งจนสิ้นเมื่อครู่ เอ่อคลอเบ้าตาอีกครั้ง




        “เรียงไม่เป็นไร เนี่ย แผลลูกผู้ชาย แม่ไม่ต้องห่วง”  รู้ดีว่าลูกชายชอบสร้างศรัตรู ได้แผลแบบนี้กลับบ้านมาแต่ไหนแต่ไร แต่สิ่งหนึ่งที่คุณแม่ไม่เข้าใจ คือลูกชายแม้จะเจ็บแค่ไหน ก็ไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้




        “แล้วนี้ล่ะ ใครทำ หืมม”  คุณแม่ค่อยๆใช้นิ้วปาดน้ำตาที่เริ่มหยดลงมาอีกแล้วบนหน้าลูกชาย ถามด้วยความเอ็นดูสุดหัวใจ




        “ฮือออ อันนี้เจ็บกว่าอันนี้อีกแหล่ะ”  ชี้ไปที่อกด้านซ้ายและย้ายไปที่แผลที่ถูกพันผ้า





        “ใครน้า ทำพ่อคาสโนว่าของแม่ร้องไห้ได้ เก่งจัง”  คุณแม่อมยิ้มน้อยๆ กับครั้งแรกของลูกชายที่ร้องไห้เพราะความรัก




        “มันเลวมาก เรียงเกลียดมัน เรียงไม่อยากร้องไห้ให้มันอ่าแม่ เรียงรำคาญตัวเองอ่ะ”  พยายามหยุดร้องและปาดน้ำตา





        “ให้เกียรติผู้หญิงหน่อยเรียง …นี่ลูก แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกสองคนนะ แต่ถ้าลูกถึงขั้นมานั่งร้องห่มร้องไห้ให้เขาขนาดนี้ อย่าพูดว่าเกลียดเลยลูก ลูกรักเขามากต่างหากจริงไหม”  รอยยิ้มอ่อนโยนของคนเป็นแม่ยังคงส่งมาอย่างต่อเนื่องให้ลูกชายที่บัดนี้หัวใจกำลังได้รับบาดเจ็บ




        “แต่มันไม่รักเรียงอ่ะ TT มันบอก มันบอกว่ามันไม่เคยรักเลย มันเห็นเรียงเป็นแค่เพื่อนมัน”





        “จุจุ เรียงใจเย็นก่อน ฟังแม่นะ จำได้ไหม มีผู้หญิงตั้งเยอะแยะที่เข้ามาหาลูก แต่ลูกก็ปฏิเสธพวกเธอไป ลูกรู้ว่าเธอรักลูก แต่ลูกไม่ได้รักเธอ แม่เห็นนะกับบางคนลูกตัดขาดอย่างไร้เยื่อใยเลยก็มี”




        “ใช่แม่ กรรมตามสนองเรียงแล้ว เรียงมันเลว มันไม่รักก็สมควร ไม่เห็นมีไรดีสู้มันได้สักอย่าง”





        “เรียง สิ่งที่แม่พูด แม่อยากให้เรียงเข้าใจ ว่าเราไม่สามารถไปบังคับใจใคร ให้เขามารักเราได้ เรียงรักเขามันไม่ใช่เรื่องผิด แต่เรียงก็ไม่มีสิทธิไปบังคับว่าเขาต้องมารักเรียงตอบไม่ใช่หรือ”




        “…….”  กับคำสอนของแม่ รงคเพทก้มหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ





        “ใจของใครก็ใจของมันนะลูก ความรักที่เกิดขึ้นกับลูกไม่ใช่เรื่องแย่ มองมันให้สวยงามสิจ๊ะ รักข้างเดียวจะเป็นไรไป อย่างน้อยมันก็บ่งบอกว่าลูกของแม่ก็ยังรักเป็นอยู่นะ ^__^ เรื่องแค่นี้แม่ว่าเรียงทำได้อยู่แล้วม้างง เห็นเรื่องอื่นล่ะเก่งนักนี่ ฮะฮะ ใช่ไหม”  เอ่ยสอนและโยกหัวลูกชายไปมาอย่างเอ็นดู




        “ฮะฮะ”  โจรหม่นหมองเริ่มมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าบ้างแล้ว กลับมาบ้านและได้พบคุณแม่ที่แสนใจดี แสนเข้าอกเข้าใจ  นี่จะคือเหตุผลที่ตารกามาส่งเขาที่นี่รึเปล่า หากว่าพาไปส่งที่คอนโด รงคเพทคงไม่มีทางยิ้มออกอย่างนี้หรอก …เฮ้ออ นี่เขาคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้วใช่ไหม เขาก็บอกอยู่เต็มปากเต็มคำอยู่แล้ว ว่าไม่รัก ไม่เป็นไร ช่างมันๆ ตอนนี้มีคนที่เข้าใจอยู่ข้างๆแล้ว หาอะไรสร้างสรรค์กว่านี้ทำดีกว่า





        “เรียงรักแม่ครับ : )”




        “จ้า แม่ก็รักลูกจ่ะ ”  >.,<  สองแม่ลูกกอดกันกลมให้หายคิดถึง หลังจากนั้น คุณแม่ก็พาเรียงเดินดูแปลงกุหลาบที่เริ่มออกดอกมาให้ตัดบ้างแล้ว






        สัปดาห์หน้าสอบไฟนอล สัปดาห์นี้จึงมีเวลาหยุดอ่านหนังสือ รงคเพทตั้งใจในการสอบอย่างมาก เขาไม่คิดกลับไปคอนโดในช่วงนี้ ไม่อยากกลับไปเจอภาพเรื่องราวที่เขาคิดไปเองคนเดียว อยู่นี่สบายจะตาย ตื่นมาก็ลงมากินข้าวได้เลย ไม่ต้องทำเองล้างเอง ไม่ต้องคอยหาซื้อให้ใครกิน ไม่ต้องคอยถูกโทรตามให้ไปทำอะไรที่ไม่อยากทำ ที่นี่มีคนที่เข้าอกเข้าใจ มีคนที่รักเขาอย่างสุดหัวใจจริงๆ …แต่ที่นี่ ไม่มีคนที่เขาคอยคิดถึง คอยฝันหา ไม่ใช่เพียงที่นี่ ต่อจากนี้ ก็จะไม่มีอีกแล้ว





        รงคเพทนัดเพื่อนมาติวกันที่บ้านเขา แม้จะไกลจากคอนโดพวกมันหน่อย แต่ที่นี่สงบ ร่มรื่น และมีพื้นที่ให้ทุกคนได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ยีน และพบรักจึงมาด้วยกัน สลับกับไปเยี่ยมกาวที่โรงพยาบาลบ้าง แต่ไม่อยากไปบ่อย เหมือนเพื่อนเขาหน้าบึ้งทุกทีที่พวกเขาไป เห็นสองคนนั้นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ ไอ้กาวมันทำไงวะ โอมถึงได้รักได้ห่วงขนาดนั้น นี่เขาต้องทำยังไงถึงจะทำให้ต้นตองรักได้บ้างเนี่ย





        รงคเพทไม่ได้เล่าถึงสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างเขากับตารกาให้ยีนและพบรักฟัง เขาทำตัวปกติเมื่อเพื่อนมา แต่เมื่อตกกลางคืน ความหนาวเหน็บและความอ้างว้างก็แทรกซึมเข้าสู่พื้นที่ของหัวใจจนได้  หนึ่งสัปดาห์ที่ติวกัน คือหนึ่งสัปดาห์ที่รงคเพทไม่เคยนอนหลับสนิท เพราะหัวใจมันร้องไห้ ร้องหาแต่คนที่จากเขาไป





        “เรียง ใครมาแหน่ะ”  แม่ตะโกนบอก คนที่กำลังวุ่นอยู่กับการรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน กับต้นมะขามที่แทบสำลักน้ำเพราะคนรดเอาแต่เหม่อลอยถึงใครบางคน





        “ราม”  เมื่อวิ่งออกมาดูก็พบว่าเป็นน้องชายสุดที่รักของเขา รอยยิ้มประดับบนใบหน้าของคู่พี่น้องทันที เรียงเดินเข้าไปหาน้องอย่างเร่งรีบ




        “มาไง สอบเสร็จแล้วเหรอ”  ทักน้องพร้อมขยี้หัวแรงๆไปทีนึง





        “เสร็จแล้ว แต่มีงานที่คณะต่อแหล่ะ ขอกลับบ้านก่อนแล้วกัน คิดถึงแม่”




        “แล้วไม่คิดถึงพี่บ้างรึไง หะ ไอ้น้องตัวแสบ”  เขกหัวไปอย่างหมั่นเขี้ยวอีกที





        “โอ้ยย จะคิดถึงทำไม เรียงแวะไปหารามทุกอาทิตย์อยู่แล้ว”




        “ฮ่าฮ่าฮ่า”  สองพี่น้องเดินดูต้นไม้ดอกไม้รอบๆบ้าน มีบางต้นที่คุณแม่เอามาปลูกใหม่ และสองพี่น้องก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน จึงตื่นตาตื่นในกันใหญ่





        “เด็กๆ มากินข้าวได้แล้วจ่ะ พ่อกลับมาแล้ว”  ครอบครัวที่แสนอบอุ่น ตั้งแต่ที่ฐานะทางบ้านเริ่มเปลี่ยนไป ทั้งพ่อและแม่ก็ช่วยกันทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย พ่อเริ่มหางานตามบริษัททำ ส่วนแม่ยอมลงทุนปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ขาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ท่านทั้งสองอยู่ในห้องแอร์ นั่งโต๊ะผู้บริหารมาตลอด ครอบครัววงศ์วิญญูวาสโชคดี ที่มีคุณแม่คอยให้กำลังใจ ให้ทุกคนก้าวต่อไป จนในที่สุดทุกอย่างกลับมาลงตัวอีกครั้ง คุณพ่อและคุณแม่พอใจกับสิ่งที่ท่านทำ และมีความสุขกับมัน







        “อร่อยมากอ่ะแม่ ง่ำๆๆ”  ศรรามเคี้ยวข้าวตุ่ยๆเต็มสองแก้ม ปากก็เอ่ยชมทุกคำที่เข้าปาก




        “อ้อนแม่มาก เดี๋ยวพี่กลายเป็นหมาหัวเน่าทำไง”  รงคเพทที่นั่งอมยิ้ม แขวะน้องชายที่คอยเอาใจคุณแม่ตลอดตั้งแต่กลับมาถึง





        รงคเพทนั่งมองน้องชายเขาและอมยิ้มอย่างไม่หุบ หากถามว่าบ้านนี้ใครได้แม่ไปมากสุดคงไม่พ้นไอ้คนขี้อ้อนคนนี้ ทั้งรูปร่างหน้าตา ปากนิด จมูกหน่อย ตาโต ผิวที่ขาวใส ผอมบางน่าทะนุถนอม ไม่ถึกบึกบึน หน้าละม้ายคล้ายโจรห้าร้อยเช่นเขา ที่ได้ทางพ่อมาเต็มๆ นึกแล้วก็น้อยใจ ถ้าเขาน่ารักอย่างราม ตารกาจะสนใจเขาบ้างไหมหนอ ศรรามไม่ได้ ได้แม่มาเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นจิตใจที่มองโลกในแง่ดีด้วย สังเกตได้ชัด ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์ร้ายแรงแค่ไหน เด็กคนนี้ก็ยังคงยิ้มให้ตัวเองได้เสมอ




        “มองรายย อยากกินอ่าดิ ไม่ให้กินหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า”  โหยยยย ไอ้น้องตัวแสบ หมั่นไส้จัด เขกหัวน้องไปหนึ่งที และก็โดนพ่อแม่ด่าเรียบร้อย





        เสียงหัวเราะสนุกสนานดังกึกก้องบริเวณ










        ลมยามดึกพัดโชย สองหัวใจล่องลอย เคว้งคว้าง อ้างว่างเกินหยั่งถึง

        “เฮ้อออ…/เฮ้อออ……   ขวับ !!”  เสียงถอนหายสองเสียงประสานกัน คนสองคนที่ยืนระเบียงห้องของตัวเองหันไปยังอีกฝั่ง




        “ถอนหายใจเป็นด้วย”  มองไปด้านนอกระเบียงคุยกับน้องชายที่มีผนังกั้นห้องอยู่





        “คนนะเรียง ไม่ใช่ซอมบี้”




        “พี่นึกว่าซอมบี้”





        “ไอ้เรียงง !!”  เสียงเริ่มโมโหขึ้นจมูก จากอารมณ์เหงาๆเศร้าๆเมื่อครู่ของรงคเพทกลายเป็นเสียงหัวเราะน้องชายอย่างสนุกสนาน




        “ฮึฮึ เป็นไงบ้างล่ะเรา รับงานเยอะมากเลยนี่”





        “เหนื่อย….ยังไงไม่รู้”  น้องชายเขา ทำไมเสียงดูเศร้านักล่ะ เมื่อกี้ยังหัวเราะกันบ้านแทบแตก




        “รามยังนึกถึง….เรื่องนั้น อยู่บ้างรึเปล่า”  ไม่อยากให้เสียบรรยากาศแต่กลัวน้องยังเก็บไว้ในใจแล้วไม่ยอมบอกใคร



        “…….”




        “ราม….”





        “เรียงว่ารามน่ารักป่ะ”




        “ฮึฮึ น่ารักดิ น่ารักกว่าพี่เยอะเลย”





        “ไม่จริงหรอก เรียงน่าอิจฉากว่าตั้งเยอะ”




        “ยังไง”





        “ไม่ต้องผูกมัดกับใคร …ให้เจ็บเปล่าๆ”  ไม่ต้องเดาให้ยาก น้องเขากำลังร้องไห้




        “แหน่ะๆ ทำเป็นขรึม อกหักอาเด๊”  ไม่อยากให้น้องเศร้า เดี๋ยวคนเป็นพี่จะร้องไห้ตาม





        “ฮึก โอ้ยย ไอ้เรียงบ้า!! ฮืออ”  นั่นไง ร้องไห้ก็จะร้อง จะด่าพี่ก็จะด่า ฮาไหมละนั่น




        “ใครหว่า ผู้โชคดี ได้หัวใจน้องของพี่ไป”  ชะโงกหน้าออกไปพูดกับน้อง ที่ตอนนี้ร้องไห้ตาแดงก่ำไปแล้ว





        “อึก อึก” เห็นพี่ชะโงกหน้ามา ก็ดันหัวพี่ชายกลับไป 




        “อยู่นั่นนะ จะบินไปหาเดี๋ยวนี้เลย”  ห้องสองพี่น้องถูกสร้างให้มีประตูเชื่อมถึงกันได้ โดยไม่มีกลอนล็อคทั้งสองด้าน พ่อกับแม่ ทำไว้ให้ลูกทั้งสองที่เขาสอนให้รักและดูแลกันมาแต่เด็ก





        รงคเพทและศรรามวิ่งแข่งกันไปที่ประตู ด้านพี่ชายที่จะเปิดไปหาน้องชาย และน้องชายที่ดึงประตูไว้ไม่ยอมให้พี่ชายเข้ามา สงครามขนาดย่อมจึงเกิดขึ้น และฝ่ายที่กุมชัย ย่อมเป็นพี่ชายตัวใหญ่หน้าโจรอยู่แล้ว



        “แหง่ะ รามจะนอนแล้ว”




        “จะนอนแล้ว แต่ร้องไห้”





        “รามคิดถึงแม่”




        “จะไม่บอกพี่จริงดิ รามเห็นพี่เป็นคนอื่นแล้วรึไง”  ด้านพี่ชายที่เริ่มน้อยใจ หน้าตาเริ่มเครียด ฝั่งน้องชายกลัวที่สุดพี่ชายจะงอน เลยเดินเข้าไป จูงมือพี่ชายพามานั่งบนเตียงและนั่งลงข้างๆ



        “……”





        “รามอึดอัด”




        “เขาเป็นคนทำให้รามร้องไห้สินะ ใครราม ใครมันกล้าทำน้องพี่ร้องไห้”





        “เรียงไม่รู้จักหรอก”




        “ก็ไม่บอกแล้วจะรู้จักได้ไง”





        “ก็รามไม่อยากให้เรียงรู้จักอ่ะ!! ”  อารมณ์มาเต็ม โถ รักเขามากสินะน้องนะ ขึ้นเสียงกับพี่เชียว




        “อ่อ ไม่รู้จักก็ได้ แล้วมันทำไรราม”




        “……”




        “จะบอกไม่บอก”




        “ทำไม่ดี…เขาเป็นคนไม่ดี รามเกลียดเขา แต่..”



        “แต่?”




        “….แต่รามก็ไม่เกลียดเขา รามไม่อยากให้เขาทิ้งราม”



        “เขาที่ว่านี่ ผู้หญิงผู้ชาย”  ไม่รู้ไปกระตุกส่วนไหนของน้องชายไม่ทราบ สายตาลุกโชนเชียว ถามแปลกเหรอ รามเคยถูกผู้ชายเอิ่มมม นี่นะ




        “ไมถามงี้อ่ะ”



        “พี่ก็ถามไปงั้น”




        “เจอกับตัวอ่าดิ”  นั่นน โดนเข้าเองจนได้



        “เห้ยย อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง นี่พี่ถามรามอยู่นะ”




        “รามบอกไปหมดแล้ว”




        “ทำไมเขาต้องทิ้งรามด้วย เขา…ไม่ได้รักน้องพี่เหรอ”  พูดอีกก็เข้าตัวอีก



        “ไม่รู้ดิ รักมั้ง”




        “ถ้ารัก เขาก็ไม่ทิ้งรามหรอก”




        “รามไม่รู้ เขาทำร้ายรามแต่รามก็เกลียดเขาไม่ลง”




        “รามก็รักเขาใช่ไหมล่ะ”  เห็นชัดๆ แต่น้องชายก็ยังส่ายหน้าเบาๆ




        “งั้นก็ไม่รัก”  ก็ยังคงส่ายหน้าอีก





        “ตกลงว่ารักหรือไม่รักแน่”   




        “รามไม่รู้”  เอาแล้ว น้ำตามาอีกแล้ว





        “เฮ้อออ เอาเป็นว่ารักแล้วกันเนอะ ….ดูอย่างพี่นี่ รักเขาพี่ยังบอกว่ารักเลย จะโกหกใจตัวเองไปทำไม”  เห็นน้องร้องก็อยากร้องตาม ดึงน้องมากอดแล้วร้องไห้ซะเลย




        “หะ”  ศรรามพยายามพลักพี่ชายออก แต่ก็ไม่ออก นี่พี่เขาก็ร้องไห้เหรอ





        “เรียงรักเป็นแล้วเหรอ”





        “อืมม”





        “เขาไม่รักเรียงเหรอ”






        “อืมม…เจ็บเนอะ”





        สองพี่น้องที่กำลังเศร้าใจให้กับความรัก ต่างปลอบใจซึ่งกันและกัน ร้องไห้ฟูมฟายไปด้วยกัน สักพักก็เผลอหลับไปพร้อมกัน คุณแม่ที่เห็นว่าเสียงเงียบไป จึงเดินเข้ามาดู และปิดไฟให้…ขอให้ลูกของแม่ จงมีความสุขเร็ววันด้วยเถอะ










        เมื่อสัปดาห์แห่งการสอบมาเยือน รงคเพทและผองเพื่อน ตั้งใจสอบกันอย่างเต็มที่ หวังดึงคะแนนภาคมิดเทอมให้ดีขึ้นบ้าง รงคเพทที่ดูปกติดีแล้ว แต่ใครไหนเลยจะรู้ รักไม่ได้ใช้วันเดียว ลืมหรือจะทำได้ในวันเดียว





        “สู้ๆละกันไอ้น้องชาย พี่จะอยู่บ้านเป็นกำลังใจให้”  รงคเพทสอบเสร็จแล้ว แต่เมื่อสอบเสร็จ เช้าต่อมาศรรามก็ต้องกลับไปทำงานคณะที่มหาลัย วันนี้ทั้งวัน กะว่าสอบเสร็จจะพาน้องไปเที่ยว ให้หัวใจชุ่มฉ่ำสักหน่อย




        “อือออ เป็นกำลังใจที่ดีมากอ่ะ”  น้ำเสียงและแววตาค้อนส่งมาให้พี่ชายเต็มๆ




        “กลับเมื่อไหร่ล่ะ”




        “พรุ่งนี้เช้าอ่ะ งานเสร็จคงดึก นอนหอคืนนึง”




        “ให้พี่ไปรับป่าว”




        “เรียงง !!!”  ถามไปงั้น เดี๋ยวนี้น้องชายเลื่อนชั้นกลายเป็นรุ่นพี่ซะแล้ว ปีกกล้าขาแข็ง ไปไหนมาไหนเองได้สะดวกกว่าเมื่อก่อนเยอะ





        “ครับๆ ขี่รถดีๆหล่ะ รีบกลับ เดี๋ยวพี่จะอ้อนแม่รอ ฮ่าฮ่าฮ่า”




        “อย่าได้หวัง พรุ่งนี้รามจะกลับก่อนเรียงตื่นอีก คอนดูเหอะ”





        ศรรามออกไปแล้ว รงคเพทมาช่วยคุณแม่ทำอาหารเช้าในครัว วันนี้ว่างทั้งวัน กลับเหงานิดๆ สอบเสร็จเพื่อนก็แยกย้ายกันไปหมด น้องชายแทนที่จะว่าง กลับทำงานเพื่อส่วนรวมตัวเป็นเกลียว แต่ดีที่ได้ช่วยคุณแม่ดูแลต้นไม้ ก็สนุกไปอีกแบบ วันนี้หมดวันไปกับต้นไม้ดอกไม้ สดชื่นหัวใจดีเหมือนกัน






        “เรียง”  คุณแม่ตะโกนเรียก คนที่รดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน ที่กำลังเหม่อจนต้นกระจงแทบจมน้ำตาย



        “ครับแม่”  แม่เรียกดัง สะดุ้งนิดหน่อย ตั้งสติก่อนแล้วค่อยขานรับ




        “กินข้าวได้แล้วลูก พ่อกลับมาแล้ว”  แม่เรียกไปกินแล้ว รงคเพทกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้าน วันนี้ทำงานมาทั้งวัน หิวไส้กิ่วไปหมด






        เดินเข้าบ้าน ก็ต้องแปลกใจ รามกลับมาแล้ว น้องซื้อรองเท้าใหม่หรือ แล้วทำไมไซด์ใหญ่จัง รงคเพทเดินไปยังโต๊ะอาหาร เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งที่โต๊ะข้างพ่อกับแม่ โลกทั้งใบ ก็เหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ   







        ความคิดบวกลบ ตีรวนกันไปหมด ติดอยู่กับที่ ก้าวไปข้างหน้าหรือก้าวถอยหลังไม่ไหว คนที่เขาพยายามดันให้ออกจากความคิด แต่แล้วก็ดึงกลับเข้ามาด้วยตัวเอง คนที่เขาพยายามเกลียด แต่สุดท้ายก็ยังรัก คนที่ทำให้รงคเพทนอนหลับไม่สนิทมาหลายอาทิตย์ คนที่เฝ้าคิดถึงใบหน้า ดวงตา ริมฝีปาก คนๆเดียวที่ทำให้เขาร้องไห้แทบขาดใจ คนๆนั้นมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว…ในตอนนี้



...
ตอนต่อไป 16.3 นะคะ ได้รู้กันแล้ว ต้นตองมาได้ไง หายไปไหน แล้วจะคืนดีกันหรือไม่ ^^

ขอบคุณ คุณbulldog17 นะคะ ขอบคุณมากค่ะที่คอยติดตาม^^ หวังว่าคงชอบตอนนี้นะคะ ^_____________^

ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยค่า..... :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่16.3 (27/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 27-03-2014 20:16:13
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๖.๓   ดีอย่างไร   ใครเลยจะล่วงรู้








        “…….”



        “มานั่งสิเรียง”  คุณพ่อเรียกลูกชายคนโตของบ้านให้มานั่งโต๊ะ  แต่เสียงของคุณพ่อส่งไปไม่ถึงยังลูกชาย ที่ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งหลุมดำ



        “เรียง …นั่งสิลูก”  คุณแม่เรียกซ้ำ ทำให้คนหลุดวงโคจร คืนกลับมาได้



        “มาทำไม”  ไม่ได้เดินไปนั่ง แต่กลับเดินไปทางที่ใครบางคนนั่งอยู่และเอ่ยถาม 



        “ทำไมพูดกับเพื่อนอย่างนั้นล่ะเรียง”  คุณพ่อเอ่ยเสียงแข็ง



        “พ่อ มันใช่เพื่อนเรียงที่ไหน เรียงไม่รู้จักมัน” ก็มันบอกเอง ว่าให้ทำเหมือนคนไม่รู้จักกันอ่ะ T^T



        “เรียง แม่รู้ว่าลูกสองคนมีเรื่องไม่เข้าใจกันอยู่ แต่เมื่อกี้คุณต้นตองเล่าเรื่องของลูกให้พ่อกับแม่ฟังซะเพลินเชียว : ) คุยใหญ่เลยว่าลูกหน่ะขี้โวยวาย”



        “ฮึ คุณต้นตอง ล้างสมองอะไรพ่อกับแม่กูอีกล่ะ”



        “เรียง แม่ไม่เคยสอนให้ลูกพูดจาหยาบคายนะ”



        “ไปนั่งให้เรียบร้อย แล้วช่วยให้เกียรติเจ้านายพ่อด้วย”  พ่อเริ่มดุ พ่อขึ้นเสียงทีไรเงียบกริบกันทั้งโต๊ะทุกที



        “ไม่เป็นไรครับคุณอา เรียงคงไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ”  เอาเข้าไป พ่อกับแม่เข้าข้างมันไปกันหมด ชีวิตที่สุขสงบของรงคเพท กำลังจะหมดลงเพราะไอ้คนๆนี้สินะ รงคเพททำได้เพียงเดินไปนั่งที่ประจำด้วยสีหน้าบึ้งตึง



        ‘ถ้าพ่อรู้ว่ามันเป็นคนทำให้ลูกพ่อร้องไห้ พ่อจะยังให้เกียรติมันอยู่รึเปล่า อยากรู้นัก ฮึ’  รงคเพทนั่งกินข้าวอย่างไม่ปริปรากออกมาแม้แต่คำเดียว นั่งฟังบนสนทนาก็ถึงได้รู้ว่า บริษัทที่คุณพ่อทำงานอยู่ตอนนี้ คือบริษัทลูกในเครือตระกูลประพาพงษ์สกุล





        “เคล้ง !!  อิ่มแล้ว ไปละ”  รงคเพทวางช้อนส้อมกระแทกจาน ลากเก้าอี้ลุกขี้ โดยไม่ฟังใครพูดอีก แต่แล้วขาที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดต้องชะงัก



        “คุณอาครับ คืนนี้ผมขออนุญาตค้างที่นี่ได้ไหมครับ พรุ่งนี้สายๆผมมีธุระแถวนี้พอดีเลยครับ”



        “เอาสิ บ้านนี้ต้อนรับคุณต้นตองเสมอ บ้านอาไม่ได้ใหญ่มาก คุณต้นตองไม่ว่ากันนะ”



        “บ้านคุณอาน่าอยู่มากครับ ขอบคุณนะครับคุณอา”  ไม่พูดเฉยๆ ยกมือไหว้ขอบคุณอย่างสุภาพ ดีเนาะ มาอ้อนพ่อแม่อีกรายละ



        “แม่ไอ้เรียง จัดห้องให้คุณต้นตองทีนะจ๊ะ….”  ขี้เกียจจะฟัง รงคเพทเดินขึ้นบ้านเสียงปึงปัง ปิดประตูดังเซอร์ราวรอบทิศ





        ใจลูกคนโตของบ้านอยากลงไปช่วยคุณแม่เก็บโต๊ะล้างจาน แต่ไม่อยากออกไปเจอหน้าไอ้บ้าบางคน ที่อยู่ดีๆมาอยู่ในบ้านเข้าได้ไงก็ไม่รู้ พูดแล้วอยากบีบคอมันให้ตาย





        นั่งนิ่งอยู่สักพักก็ติดสินใจ เปิดประตู แง้มออกทีละนิด ทีละนิด คาดว่าตารกาคงอยู่ห้องรับแขกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องเขา เหยียบลงพื้นไม้ปาเก้อย่างเบาที่สุดแล้วก็แอบคิดคนเดียวในใจ นี่บ้านกูป่ะเนี่ย




        ย่องๆ ลงมาด้านล่างก็เห็นคุณแม่กำลังยืนล้างจานอยู่ จึงแถๆเข้าไปยืนข้างๆและช่วยล้าง คุณแม่ยอมให้ช่วยอย่าไม่ได้ว่าอะไร




        “ลูกรู้รึเปล่า คุณต้นตองช่วยเหลือพวกเราไว้เยอะเลยนะ โดยเฉพาะพ่อ รู้ไหม พ่อถูกลูกน้องเก่าแบนงานไว้แทบทุกบริษัท ถ้าบริษัทไหนรับพ่อก็เท่ากับเป็นอริกับเขา แต่ก็ได้คุณพ่อของคุณต้นตองรับเข้าทำงานจนได้ โดยไม่กลัวว่าจะต้องกลายเป็นศรัตรูกับใคร”  คุณแม่พูดออกมาลอยๆคล้ายกับพูดอยูคนเดียว



        “……”



        “ไม่ว่าลูกสองคนจะมีเรื่องอะไรไม่เข้าใจกันอยู่ ลองคุยกันดีๆนะลูก แม่เชื่อว่าคุณต้นตองมีเหตุผลพอ”



        “ทำไมแม่ถึงเข้าข้างมันนัก”  หน้ามุ่ย ไป พูดลอยๆออกไปเช่นกัน



        “ก็ลูกรักเขาไม่ใช่เหรอ”



        “แม่ !!”  เผลอพูดออกมาซะเสียงดัง ได้รับเพียงรอยยิ้มอ่อนๆมาจากคุณแม่



        “ไม่ใช่นะแม่”



        “คิดจะหลอกแม่เหรอเรียง”  แม่หันมามองหน้าลูกชายอย่างรู้ทัน



        “แม่อ่ะ มันไม่ใช่รักเรียง”  หลอกใครก็หลอกได้ จะหลอกแม่ทำไมถึงยากนักก็ไม่รู้



        “ฮิฮิ ลูกหนอลูก : )”  สองแม่ลูกช่วยกันล้างจานด้วยรอยยิ้ม เมื่อเสร็จเรียบร้อย เจ้าของบ้านก็ย่องขึ้นบ้านเพื่อเข้าห้องตัวเองอีกครั้ง ลำบากแท้รงคเพท










        ก๊อก ก๊อก …





        “คร้าบบ มาแล้วคร้าบบบ”  คนที่เผลอหลับไปหัวค่ำ สะดุ้งตื่นอีกที 4 ทุ่มแล้ว มีคนมาเคาะประตู   



        “……!!!”  ลืมไปสนิทว่าคืนนี้ไอ้บ้านี่มานอนบ้าน




        ปึก !!!



        “เดี๋ยว”  เห็นหน้าคนที่มาเคาะ ประตูก็คล้ายจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ



        “ปล่อย…อย่า เข้า มา”  ชี้หน้าด่าไป แต่เท้าก็ถอยตามคนที่ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ  จดจ้องมาที่หน้ารงคเพทแทบไม่กระพริบ เห็นหน้ามันแล้วกลัว สีหน้า ท่าทาง อย่างกับเสือจะขย้ำเหยื่อ





        ปึง แกร๊ก …



        ในที่สุดเจ้าของห้องก็ถูกขโมยห้องจนได้ แถมโจรหน้าหล่อยังล็อคประตูเป็นที่เรียบร้อย




        “เข้ามาไม ….เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ยยยย”  เมื่อล็อคประตูเสร็จก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเจ้าของห้อง รงคเพทใช่ว่าจะกลัว แต่เท้าถอยกลับแทบวิ่งถอยหลัง ช้ากว่า คนที่ก้าวมาแล้วคว้าตัวไปกอด แน่นตึก คนถึกถึงกับหายใจไม่ออกทีเดียว




        “เฮยยย ทามรายวะ เรียกแม่นะเว๊ยยย”  โดนรัดแน่น อย่างงูรัดคอเหยื่อ หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว



        “เรียกสิ อยากให้แม่เข้ามาเห็นเรายืนกอดกันก็..เอาเลย”  น้ำเสียงชวนขนลุก ที่กระซิบชิดริมหู ทำเอาใจเต้นตุบๆๆ อย่างห้ามไม่ได้



        “ไอ้ ไอ้ อุบ”  จะด่าๆ แต่มานึกขึ้นได้ รีบเอาหน้าซุกไหล่ต้นตองทันทีเพื่อไม่ให้ด่าออกมา ขืนแม่มาเห็นเข้าเรื่องใหญ่แน่



        “ยั่วเหรอ”  ตารกายังคงกระซิบให้รงคเพทมองตาเขียวปั๊ด



        “……”  ไม่พูดอะไรออกมา รำคาญมัน



        “เรียงคิดถึงผมบ้างไหม จุ๊บ”  ถามออกไปเบาๆพร้อมจูบขมับคนในอ้อมกอดไปหนึ่งที 



        “……”



        “คิดถึงนะ ฟอดดดด”  ก้มลงบอกกล่าวความในใจ แล้วหอมแก้มไปฟอดใหญ่



        “ปล่อยกู”  ยังคงพยายามดันมันออก ไม่ฟัง ไม่อยากฟัง นอนร้องไห้มาตั้งหลายคืน แล้วมาบอกคิดถึง คิดถึงบ้านมึงดิ



        “สอบเป็นไงบ้าง ทำได้ป่าว”



        “…….”



        “นอนหลับสบายดีไหม”



        “……..”



        “ผมว่า..”





        “โว๊ยยยย !!!!! อะไรนักหนาวะ รำคาญ …..ไอ้เชี่ย ”  คราวนี้ผลักหลุดจนได้  ตารกอึ้งที่รงคเพทปรี๊ดแตก





        “มึงไปเลย ออกไปจากห้องกู ก่อนกูจะฆ่ามึง …มึงมาทำไม หะ!! บอกกูเองไม่ใช่รึไง ให้กูลืมๆ เห็นกูเป็นแค่เพื่อน ให้กูไม่รู้จักมึง แล้วนี่มึงทำอะไร ต้องการอะไรจากกูอีก  …อึก”





        “เรียง…”





        “แค่นี้กูยังเสียใจไม่พอใช่ไหม ยังทำกูเจ็บไม่พอดิ มึงรู้ไหม กูคิดไปไกลขนาดไหน กูคิดว่ามึงจะรักกูบ้าง กูไปไหนทำอะไร กูคิดถึงมึงก่อนคนแรก นึก นึก นึก จนวันๆกูไม่เป็นอันทำอะไร ฮึก..แต่เปล่าเลย กูผิดหมด กูคิดไปคนเดียว ใครรู้คงด่าว่ากูหลงตัวเอง กูหลอกตัวเอง กูเป็นโรคจิต แล้วพอกูเริ่มทำใจ มึงมาทำไม หะ !!!! ฮึกๆ …ฮ่า”  น้ำตา อารมณ์มาเต็ม น้ำเสียงที่เค้นออกมาแข่งกับน้ำตา สุดแสนจะเจ็บปวด เขาต้องเสียใจกับคนๆนี้ไปอีกแค่ไหน ไปทำเวรทำกรรมอะไรกับมันไว้





        “…….”  ตารกาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ดึงคนที่ร้องไห้โวยวายหนักเข้ามาบังคับกอด





        “ปล่อยเลย ไอ้เหี้ย ปล่อย !!! ฮืออ ไม่ต้องมาจับกู จับกูไม ไม่รักกูนี่ ….อึก มึงไม่รู้หรอก กูเสียใจ กูนอนไม่หลับ กูไม่เคยเป็น เกลียดตัวเอง ด่าตัวเองวันละร้อยรอบ มึงเข้าใจกูบ้างไหม แล้วมึงก็หายไป อึก อึก”






        “เรียง..ผมขอโทษ ฟืดดด” 



        “ไม่ต้อง กูไม่เอา อึก”




        “ขอโทษนะ ผมขอโทษ ฟืดดด”  รงคเพทหูฝาดรึเปล่า เสียงเหมือนมันสูดน้ำมูก เฮอะ กูไม่อยากหลงตัวเองว่ามันร้องไห้ให้กูหรอกนะ




        “ผมก็เสียใจ นอนไม่หลับไม่ต่างจากเรียงเลย” เมื่อผละออกจากอ้อมกอด ก็เห็นคนหน้าหล่อน้ำตาคลอจริงๆ มันคล้ายพยายามข่มไว้ไม่ให้ไหลออกมา ได้มองดูหน้าใกล้ๆแบบนี้ หน้าตาหล่อเหลา ผิวใสปริ๊งปรั๊ง บัดนี้กลับซูบซีดไปอย่างเห็นได้ชัด ใต้ตาที่คล้ำไม่ต่างจากเขา คนที่เคยดูแลตัวเองดีมาตลอด ทำไมตอนนี้ถึงได้โทรมไปมากขนาดนี้หล่ะ ยิ่งเห็นน้ำตาใกล้เอ่อล้นออกมาแบบนั้นอีก รงคเพทยิ่งเจ็บลึกเข้าไปอีกเท่าตัว จากที่ร้องไห้กลายเป็นร้องไห้หนักกว่าเดิม เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองอีก แต่ตอนนี้คนตอนหน้ามันน่าสงสาร รงคเพทจึงเดินเข้าสู่อ้อมกอดมัน โดยลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนไปชั่วขณะ






        “จูบได้ไหม”  โจรในอ้อมกอดส่ายหน้าเบาๆ แอบร้องไห้บนไหล่ตั้งตรง น้ำตาเปื้อนเป็นวงกว้าง




        ตารกาไม่สนใจกับการส่ายหัว เขาดันคนขี้แยออกจากอ้อมแขนแล้วเชยปลายคางขึ้น จูบลงไปยังปากหนาๆนั้น ค่อยๆไล่เลียตามริมฝีปากช้าๆ ก่อนประกบริมฝีปากของตนลงไปหนึ่งที แล้วผละออก




        “……”  สองสายตาที่จ้องประสานกัน คล้ายอยากถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ถึงซึ่งกันและกัน ตารกาประกบปากลงไปอีกครั้ง แต่ครานี้เขาค่อยๆดูดวนรอบๆปากหนาอย่างนุ่มนวล ก่อนใช้ลิ้นดุนให้ปากนั้นอ้าออก และก็ได้รับความร่วมมือกลับมา ลิ้นสีชมพูของคนซูบผอมสอดเข้าลึกล้ำ แตะสัมผัสตั้งแต่โพรงปากด้านนอกเข้าไปจนสัมผัสถึงลิ้นของอีกฝ่าย เมื่อปลายลิ้นเริ่มแตะถึงกัน จูบดูดดื่มก็เกิดขึ้น แรกเริ่มเดิมทีเป็นเพียงจูบอ่อนโยนจากตารกา แต่ไม่นานนัก จูบนั้นก็กลายเป็นจูบที่ร้อนแรง อารมณ์ของตารกากำลังลุกโชนอย่างห้ามไม่ได้




        รงคเพทที่ยังไม่ทันได้นึกอะไร เมื่อถูกจูบยั่วยวน ทุกสิ่งก็พลันหายไป เหลือเพียงความรู้สึกที่เฝ้านึกถึงอยู่ทุกค่ำคืน โจรห้าร้อยปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสจูบ จากคนที่เขารัก รักมากเหลือเกิน ขออีกนิดเถอะนะ หากว่ามันเป็นสิ่งลวง ก็ไม่เป็นไร เขาจะทำใจให้ได้





        รู้สึกตัวอีกที หลังก็ติดที่นอนไปแล้วเรียบร้อย รงคเพทสติกลับมาอีกครั้ง แต่ดูคนที่เอาแต่จูบเขาเกือบสิบนาทียังไม่รู้สึกตัว ดูมันกระหายแปลกๆ นี่มันได้ระบายบ้างรึเปล่านี่





        “อืมม อือออ อื้ออออ ฮ่า ฮ่า”  คนด้านล่างผลักสุดหล่อแต่แรงเยอะ ออกได้ในที่สุด หอบหายใจสักพักมันก็โน้มลงมาจะประกบปากอีกครั้ง





        “พอ ต้นตองง นี่บ้านกูนะ”  ไม่สำเร็จ ตารกาขาดสติไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เจ้าของห้องนอนถูกจูบจนอีกคนพอใจ เริ่มเปลี่ยนไปจูบๆ ดูดๆที่ลำคอแทน





        “ต้นตอง พอเถอะ เห้ยยย”  พูดแผ่วเบาไม่ได้ยิน เลยต้องพูดดังๆ นี่พูดดังแล้วนะ ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกระซิบยังไงก็ไม่รู้





        ฟุบ !!





        ต้นตองที่ง่วนกับการจูบเมื่อครู่ ซบหน้าลงกับเตียง บนไหล่รงคเพท





        “ขอโทษเรียง แต่ผมทนไม่ไหว คิดถึงใจจะขาดแล้ว”  กัดฟันพูดอย่างอยากลำบาก มืออีกสองข้างก็ขยำผ้าปูที่นอนอย่างอดกลั้น จากนั้นก็ลุกมามองหน้ารงคเพทตรงๆ





        นี่ นี่มันหื่นกามขั้นสุดยอดแล้วสินะ หน้าแดง หูแดง แววตาฉ่ำเยิ้ม กัดฟันกรอดๆ  ….นี่ นี่ต้นตองมันถูกปีศาจกามเข้าสิงอีกแล้วเหรอ คราวนี้แสดงออกชัดเจน จนคนเห็นหัวใจเต้นกระหน่ำ หน้าแดงตามอย่างขวยเขิน 






        “ต้นตอง ใจเย็น”  เอ่ยออกไปอย่างนั้น แต่มือกลับโอบรอบคอคนด้านบนให้โน้มลงมาจูบกันต่อ อาการคนโน้มลงมาจูบ แย่ลงทุกที รสจูบทั้งเผ็ดทั้งมัน ขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานปากสีแดงๆก็เริ่มไล่ลงมาตามรำคอ ดูดกลืนลำคออย่างหิวโซ





        “ไปอดอยากมาจากไหนต้นตอง” 





        “…..”  ไม่มีคำตอบ ไม่นานร่างกายหนาๆของรงคเพทก็ถูกหมาป่าหิวโซไล่เลียไปแทบทุกส่วน แต่ละส่วนร้อนผ่าวตามลิ้นที่ดูดเลีย จนปากสวยๆนั้นลงไปถึงน้องชายอีกนายของรงคเพท ครอบปากลงไปอย่างไม่ทันห้าม





        “อูยยยย ซีดดดด ต้นตองงง อาาาาาห์”  ลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดรัดพันในโพรงปากรงคเพทเมื่อครู่ บัดนี้แลบเลียตั้งแต่โคลนจรดปลายอย่างกระหาย เรียกเสียงสุขสมจากเจ้าของได้เป็นอย่างดี





        “ตอง พอแล้ว อาาา”  บอกพอ แต่มือกดหัวตารกาเอาไว้ให้ส่งน้องชายเข้าไปยังโพรงปากหวานๆนั้นลึกอีก




        ตารกาขยับช่องปากอย่างชำนาญอีกสักพักก็เลียกลับจากล่างขึ้นมาด้านบนและประกบจูบปากที่มัวพูดพร่ำอยู่





        “ชู่ววว ฮ่า เงียบหน่อย แม่อยู่ห้องข้างๆไม่ใช่หรือ”  พูดไปด้วยหอบไปด้วย แรงอารมณ์ที่รงคเพทไม่เคยเห็น และเหมือนจะนึกขึ้นได้รอบสอง รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันควัน กลับโดนคนเตือนดึงออกและประกบปากตัวเองลงไปแทน





        “จ๊วบบบ อืมมม ฮ่า อืออ จุ๊บ จ๊วบบ….”  จูบดูดดื่มดังจ๊วบจ๊าบ ไม่ดังเท่าเสียงพูด ตารกาใช้วิธีนี้ช่วยรงคเพทปิดปาก….ด้วยปาก






        “อือออ…”  รงคเพทจูบตอบอย่างสุขี ตารกาจูบไปเรื่อยๆ พร้อมกับมือที่ปลดกางเกงของตัวเองลง พาน้องชายของตนออกมาทำความรู้จักกับน้องชายของรงคเพท นำน้องๆมาวัดขนาดกัน ถูๆไถๆกันกันสักพัก น้องๆเริ่มอารมณ์ดี แข่งกันตื่นตัว อย่างไม่มีใครยอมใคร






        ไม่รอช้ามืออีกข้างคว้าของบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง ค่อยๆเลื่อนลงไปยังช่องทางลับ ปากยังคงจูบ มืออีกข้างยังคงช่วยเหลือน้อง และอีกข้างนวดๆวนๆโดยใช้บางสิ่งที่ควักออกมาเมื่อครู่เป็นใบเบิกทาง รงคเพทยังคงไม่รู้สึกตัว ยังคงดื่มด่ำกับรสจูบแสนหวานและหรรษากับน้องชาย มือก็ขยำขยี่หัวคนด้านบนอย่างระบายอารมณ์ใคร่ ตารกาจับมือที่ขยี้หัวตัวเองอยู่ ดึงมือนั้นมาช่วยเหลือน้องชายตนและน้องชายเขา รงคเพทไม่มีเกี่ยงงอน ปฏิบัติตามด้วยความรักเต็มที่ แต่แล้วสักพักความเสียวซ่านและความหอมหวานของรสจูบก็เริ่มหายไป





        กลับกลายเป็นความเจ็บจี๊ดจากช่องทางลับด้านหลังมาแทน





        “ตอง เจ็บ… ”  กระซิบบอกคนด้านบนที่พยายามทำบางสิ่งอยู่





        “ทรมานเหมือนกันเรียง ทนหน่อยนะ”  เสียงหอบหายใจแรงมาก รงคเพทอยากจะละลายตายไปด้วยแรงอารมณ์ของผู้ชายคนนี้จริงๆ





        เอ๊ะ !! แต่เดียวก่อน ….นี่เขามาอยู่ข้างล่างมันอีกแล้วได้ไงเนี่ยย !!!! เขาต้องเป็นฝ่ายกดมันสิ นี่มันอะไร






        “โอ๊ยยย เดี๋ยวๆ เจ็บอ่ะ”  พูดเสียงงุ้งงิ้ง งอแง เหมือนเด็กขี้อ้อน แต่ไม่ทันแล้ว คนด้านบนเริ่มส่งน้องชายตัวใหญ่เข้าไปยังช่องทางแห่งความสุขนั้นแล้ว





        ห่างหายมานาน ช่องทางนั้น คับแน่นซะจนคล้ายไม่เคยผ่านศึกใดมา เรียกร้อยยิ้มบนใบหน้าตารกาได้เป็นอย่างดี





        “ยิ้มไมง่ะ” 





        “ชอบ”  ตุบ ตับ ตุบ ตับ เสียงหัวใจเต้นดัง แข่งกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อจากด้านล่าง รงคเพทยังคงเจ็บไม่หาย หน้านิ่ว คิ้วขมวด ร้องเจ็บๆ แต่ไม่ทันแล้ว ตารกาใส่มาไม่มียั้งสักนิด





        “ซีดดดด” ตารกาเห็นใจคนทำหน้าเจ็บปวด ช่วยรูดขึ้นรูดลงน้องชายรงคเพทอย่างเร็วแรง จนรงคเพทเริ่มมีอารมณ์ร่วมอีกครั้ง





        ผ่านไปไม่นาน รงคเพทกลับมีอารมณ์จากทุกช่องทางจนคล้ายล่องลอย คนด้านบนหลังจากได้ปลดปล่อยไปบ้าง ก็เริ่มกำกับจังหวะ เพื่อไม่ให้คนด้านล่างอึดอัดมากนัก





        “อืมมม อ๊า อ๊า อ๊าาาาาห์”





        จุ๊บ





        “ดังไปแล้วเรียง”  ปากกลับมาประกบปิดเสียงกันอีกครั้ง





        ความสุขที่ทั้งคู่ต่างมอบให้กัน ไม่นานก็พากันไปถึงฝั่งฝัน ด้วยพอใจกันทั้งสองฝ่าย





        “ฮ่า…. ฮ่า…. ฮ่า….”  ทุกอย่างจบลง ตารกาฟุบหน้าลงบนอกที่กระเพื้อมขึ้นลงอย่างเหน็ดเหนื่อย








        “เรียง”





        “หืม”  สูดลมหายใจลึก เพื่อให้ปอดรับออกซิเจน และกลับสู่สภาวะปกติ








        “ผมรักเรียง”  ตึก ตึก ตึก หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว ความดีใจโลดแล่นจนน้ำตาแทบเอ่อนอง แต่แล้วก็มีความรู้สึกบางอย่างประท้วงเอาไว้ ความเจ็บปวดที่ร้องเตือนไม่ให้เชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้





        “ฮึฮึ หลอกอะไรกูอีก”  หัวเราะออกมาด้วยความสมเพทตัวเอง น้ำตาก็ไหลมาอีกแล้ว จึงรีบยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าเอาไว้  ตารกาที่เห็นเช่นนั้นดึงมือทั้งคู่ออก และจ้องลึกไปในดวงตาที่ถูกขั้นด้วยม่านน้ำตา





        “ผมไม่ได้โกหก ผมรักคุณ”  ยกมือนั้นขึ้นจูบที่ปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา





        “เจ็บนะเรียง เจ็บมาก จนเกือบทนไม่ไหว”  นำมือที่จูบไปเมื่อครู่ทาบลงที่อกด้านซ้ายของตน รงคเพทรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่แพ้กันของเขา





        “เจ็บแล้วทนทำไม”





        “จุ๊บ..รักไง จุ๊บ..รักมาก”  จูบลงที่ปากหนึ่งครั้ง เอ่ยคำรัก และจูบลงอีกครั้ง





        “ผมจะเล่าทุกอย่างให้เรียงฟัง ผมสัญญา เชื่อผมเถอะนะ” 






        “เล่ามาดิ”





        “เอาเรื่องไหนหล่ะ ผมยังไม่อยากเล่าตอนนี้ ตอนนี้ผมอยาก….อย่างอื่นมากกว่า”





        “เล่ามา ไม่งั้นไม่ต้อง”  ตารกาหนาแหยๆไป รงคเพทเห็นแล้วก็กลั้นหัวเราะทั้งน้ำตาไว้






        “ผมกับสองเคยเป็นเพื่อนรักกัน ตอนม.ปลายหน่ะ”  ตารกานอนเล่าทั้งๆที่นอนทับรงคเพทอยู่ และน้องชายก็เริ่มกลับมาตื่นเต้นอีกแล้ว





        “เมื่อก่อนสองเป็นคนดีมาก ผมกับสองสนิทกัน รู้ใจกันทุกเรื่อง”  ตารกาคว้ามือที่ตนจูบไปเมื่อครู่ทาบลงไปยังน้องชายที่กำลังตื่นเต้น ได้รับเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ จากรงคเพท แต่ก็ยังขยับตามมือด้านบนที่บงการ





        “แต่มีเรื่องนึงที่ผมไม่เคยรู้”  ตารกาขยับมือเร็วขึ้น หน้าเริ่มกลับมาแดง และหอบหายใจแรงอีกครั้ง





        “ไอ้บ้า แล้วไงต่อเล่า จะจบไหมเนี่ยวันเนี้ย”  เห็นแล้วก็เขินแทน นั่นมันมือเขานะ





        “มันจะกดผม”  โน้มลงไปเล่ากระซิบชิดริมหู





        “หะ !! แล้วเป็นไง”  ตื่นเต้นจัด ออกอาการไปหน่อย นี่สุดหล่อของเขาเคยถูกกดมาแล้วจริงหรือ





        “ฮึฮึ ผมตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรหรอก โอมมันเป็นคนไปช่วย”





        “เพราะมึงรึเปล่า สองเลยกลายเป็นแบบนี้”





        “เรื่องนั้นผมว่าก็คงมีส่วน จากนั้นมาสองก็ออกจากกลุ่มผม แล้วไปคบกับพวกเด็กเกเร จนสุดท้ายก็กลายเป็นหัวหน้าแก๊งค์ซะเอง อย่างที่นายเห็น”





        “มึงไม่รักสองบ้างเหรอ”  ถามไปงั้น มือที่ถูกชักนำเริ่มอ่อนแรงแล้ว กลัวว่าต้นตองจะยังเคยรักเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคนนี้





        “ผมรักสองแบบเพื่อนมาตลอด มันกลับเห็นความรักของผมเป็นอย่างอื่น”  จึกก โดนตรงใจรงคเพทอีกแล้ว





        “เฮ้อ”  เสียงถอนหายใจของรงคเพท ตารการู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร





        “แต่สำหรับเรียง ผมรักจริงๆนะ ”





        “รักแค่ไหน แค่เพื่อนรึไง”





        “แค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ได้เห็นหน้า แล้วกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่อยากทำอะไรเลย เกรดเทอมนี้ผมต้องแย่แน่ๆ ดูดิ หมดหล่อแล้วไม่เห็นหรือ”





        “ฮึฮึ ทำตัวเองนี่หว่า”  มือรงคเพทอีกข้างที่ว่างค่อยๆลูบไปตามใบหน้าที่สังเกตได้ชัดว่าซีด และใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า





        “คราวก่อนผมบ้าไป เพราะคิดว่าสองมันจะเล่นงานทุกคนที่ผมรักแน่ ผมจึงส่งเรียงกลับบ้าน แต่ก็เป็นผมเองที่ทนไม่ได้ เรียงทำได้ไงหน่ะ ไม่โทรหาผมเลย ฟอดดดด”  พูดไปก็หอมไป ไอ้นี่มันบ้ารึไง





        “จะตายเอาหน่ะสิ ดีหน่อยที่แม่คอยปลอบ”





        “ผมคิดถูกแล้วที่พาเรียงกลับบ้าน”





        “แล้วมาหาแบบนี้ไม่กลัวสองจะตามมาเล่นงานกูอีกรึไง”





        “ไม่แล้วหล่ะ ดูเหมือนสองกำลังได้รับบทเรียนอะไรบางอย่างแล้ว ปล่อยมันไปเถอะนะ มาต่อเรื่องของเราดีกว่า”  ไม่ปล่อยให้คนรักได้ตอบอะไร พาน้องชายลอดถ้ำพิศวงทันที








        “อ่ะ อ๊าาาาาห์”  สองหัวใจ พร่ำคำรักต่อกัน อีกครั้ง และอีกครั้ง ค่ำคืนนี้แสนหอมหวาน และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกันง่ายๆ รงคเพคอยากเห็นไหม ฟ้าสีเหลืองเป็นยังไง
       













        “อืออ”  จูบรับอรุณจากตารกา มอบให้อย่างอบอุ่น




        “ตื่นได้แล้ว จะเก้าโมงแล้วนะ”  ตารกาเอานิ้วจิ้มๆคนที่หลับตาปี๋อย่างไม่ยอมตื่น




        “โห เก้าโมง ปิดเทอมแล้ว สักเที่ยงละกันๆ”





        “เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่รอกินข้าวนะเรียง ลุกได้แล้ว”





        “ม่ายยยยย”  ลืมตามองข้างนึง แล้วนึกในใจ ทำไมเขาถึงอ่อนเพลีย ส่วนไอ้คนยิ้มแฉ่งนี่หน้าตามันกลับสดชื่น อย่างกับโลกเป็นสีชมพู ทั้งๆที่ ก็ออกรบมาพร้อมกันแท้ๆ




        “จุ๊บ เดี๋ยวผมเอาขึ้นมาให้แล้วกันนะ : )”





        “อืออ”  พร้อมหลับอีกรอบ








        “ผมรักคุณ”  อ่าวหลับไปแล้ว หอมไปอีกทีก่อนลงไปด้านล่าง





        โอยยยยย แล้วจะนอนต่อยังไงล่ะวะเนี่ย ไอ้ใจบ้านี่ก็สั่นอยู่นั่นแหล่ะ แค่เขาบอกรัก แค่เนี้ย แล้วนั่นๆ จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำไม หะ เมื่อคืนนี่ก็เสียเปรียบมันไปเต็มแท้ๆ




        “ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้าเอ้ยยยย”  ด่าเขาไป แต่เอาหมอนเขามานอนกอด และหลับไปอย่างเป็นสุข






        ตารกาเดินลงบันไดมาอย่างสดชื่น ไม่แน่ใจว่าเรื่องเมื่อคืน ท่านทั้งสองจะได้ยินบ้างหรือไม่ เมื่อลงมาก็พบกับคุณแม่ของเรียง กำลังเตรียมอาหารเช้าให้อยู่





        “อ่าวคุณต้นตอง ตื่นแล้วหรือ มาทานข้าวด้วยกันก่อนค่ะ…แล้วเจ้าเรียงไปไหนซะล่ะ ได้ตามมาทานข้าวด้วยรึเปล่า”  คุณแม่เหมือนไม่รู้ ว่าเมื่อคืนเกิดหนังชุดใหญ่ขึ้นในบ้าน ตารกาถอนหายใจอย่างโล่งอก





        “ราม ยกไปเผื่อคุณต้นตองด้วย….นี่รามค่ะ น้องเรียงเขา”  คุณแม่เรียกลูกชายคนที่สองของบ้านมาช่วยยกอาหารไปตั้งโต๊ะ โดยที่คุณแม่ไม่ทันได้สังเกตุเลย






       ว่าในขณะนี้ลูกชายคนที่สองของบ้านและตารกา ลูกเขยที่พึ่งได้รับมาหมาดๆเมื่อคืน (แม้คุณแม่จะยังไม่รู้) ทั้งคู่กำลังมองตากันอย่างตกตะลึงอะไรบางอย่าง หนึ่งสายตาที่จ้องมาอย่างไม่ละ แฝงความรู้สึกบางอย่างที่รวมกันมาทั้งดีใจและเสียใจที่ได้เจอในแวบเดียวกัน และอีกหนึ่งสายตาที่ลุกโชนคล้ายเจอของที่ทำหายไปเมื่อนานมาแล้ว

... . . . . . . .... . ... . .. .. . . ...................... ........................................................................................
  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่16.3 (27/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 27-03-2014 22:48:33
เรื่องราวกำลังเข้มข้นนนน มาต่อเร็วๆเห๊ออออออ :z3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่16.3 (27/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 27-03-2014 23:27:04
ลุ้นระทึก  :katai1:

อีกเดี๋ยวหนูเรียงต้องน้ำตาตกอีกอ่ะ เดือด
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่17 (30/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 30-03-2014 19:37:05
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๗  รักเอยเป็นเช่นใด  ใครเลยจะล่วงรู้






        บรรยากาศอาหารเช้า ณ บ้านรงคเพทเต็มไปด้วยความเงียบงัน แม้คุณพ่อคุณแม่จะชวนลูกชายคนเล็กของบ้านและลูกเขยคุยอย่างไรก็ตาม ท่านทั้งสองก็ได้รับเพียงคำตอบสั้นๆจากทั้งคู่ ศรรามกินไปนิดเดียวก็ขอตัวกลับห้องไป สายตามองมายังตารกาเพียงครู่เดียวแล้วหันหนีไป ต่างจากตารกาที่จ้องตาแทบไม่กระพริบตลอดเวลาอาหาร




        มื้ออาหารสิ้นสุดลงอย่างอึดอัด คุณแม่ขอตัวยกอาหารไปให้ลูกชายคนโต แต่ตารกาอาสายกไปให้แทน คุณพ่อจึงออกไปทำงานและคุณแม่ก็ไปล้างจานในครัว สองเท้าถือถาดอาหารขึ้นไปด้านบนของบ้านหยุดลงที่หน้าห้องและเคาะประตู ไม่นานประตูก็เปิดออก



        “…..”  เจ้าของห้องแปลกใจหนักที่ตารกามาเคาะประตู



        “……” 




        “พี่ตอง”  เอ่ยทักคนเคาะห้องอย่างแผ่วเบา




        “พี่เห็นรามกินไปนิดเดียว แบบนี้เมื่อไหร่จะอ้วน” แววตาสุดหล่อฉายชัดว่าห่วงใย แววตาที่รงคเพทไม่ได้เห็นบ่อยๆ




        “พี่ตองมีอะไรครับ” 




        “พี่ขอคุยด้วยหน่อย”




        “แต่ราม..”




        “แค่แปปเดียว”




        “…..ครับ”  นิ่งนึกอยู่สักพักประตูห้องที่ผนังติดกับรงคเพทก็แง้มกว้างออกให้คนหน้าห้องก้าวเข้ามาได้










        “ฮ๊าววววววว !!!! เฮยยยยยยยยย เฮ้ยยยยยยยย”  เสียงคนพึ่งตื่น อ้าปากหาวอย่างไม่อายฟ้าดิน ตามด้วยบิดขี้เกียจไปอีกสองสามที ได้นอนพักจนพอใจ ท้องไส้ก็ปั่นป่วน ติดก็ตรงที่ตัวมีแต่รอยแดงๆ กับขาที่ทรงตัวลำบาก หิวก็หิว เมื่อไหร่ไอ้คนที่บอกจะเอาอาหารเช้ามาให้จะมาสักทีวะ




        รออีกสักพักเริ่มทนไม่ไหว นานไปป่าว ลุกเข้าห้องน้ำอย่างยากลำบาก แต่ไม่เป็นไร ลูกผู้ชาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรก สบายมาก จัดการอาบน้ำเรียบร้อยก็ใส่เสื้อผ้ารัดกุมเดินลงบันไดมาด้วยความทุลักทุเล ก้าวข้ามขั้นบันไดทีละสองขั้นไปเลยจะได้ถึงเร็วๆ




        “แม่จ๋า !!! มีไรกินม๊างงงง”  ตะโกนเสียงดัง ชนิดได้ยินไปอีกแปดบ้านสิบบ้าน คุณแม่ที่เมื่อล้างจานเสร็จก็มานั่งพักดูโทรทัศน์ถึงกับสะดุ้งตกใจ




        “เรียง โวยวายอะไรเสียงดัง แม่ตกใจหมด ตื่นได้แล้วสิเรา”




        “คร๊าบบบ หิวมากด้วย”  เดินตรงไปยังโต๊ะอาหารแต่ก็ว่างเปล่า




        “แม่ฝากคุณต้นตองเอาขึ้นไปให้เราแล้วนะ”  ความงง สถิตยังคุณแม่และคุณลูก




        “ยางง ไม่มีเสียงเรียกสักก๊อกสักแก๊กเลยอ่าแม่จ๋า”  เดินไปนั่งลงข้างๆแม่ อ้อนสักหน่อย




        “เอ้าๆ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวแม่ไปอุ่นให้ใหม่ นั่งรอก่อนลูก”




        “เย้ ๆ ๆ หิวหิว จะได้กินละ ^_____^”  อารมณ์ดีเหลือเกิน อ้อนแม่ใหญ่เชียว จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไง เมื่อคืนนี้คนที่เขารักพึ่งบอกรักเขาเอง เช้านี้สดใสเกินไปแล้ว นึกถึงไอ้หน้าหล่อ รอยยิ้มแห่งความสุขก็ปรากฏบนใบหน้า แล้วนี่มันหายไปไหนของมัน หรือว่ามันเอาวางไว้บนโต๊ะในห้องแล้ว แต่มองไม่เห็นเอง ช่างมัน ให้แม่ทำให้ดีกว่า หุหุ




        “มา นั่งที่ได้ เสร็จแล้วจ้า”  สักพักคุณแม่ก็เรียกลูกชายที่นั่งหน้าทีวีมานั่งโต๊ะทานอาหาร อาหารเช้าที่ไม่ได้พิเศษถูกวางลงบนโต๊ะ รงคเพทกินมื้อเช้าอย่างมีความสุข กินไปยิ้มไปอย่างคนบ้า คุณแม่ที่เห็นลูกชายมีความสุขก็พลันยิ้มตามไปด้วย




        “เรียง วันนี้ไปไหนไหมลูก”  คุณแม่มานั่งเป็นเพื่อนที่โต๊ะทานข้าวข้างๆ




        “ว่างทั้งวันเลยแม่”




        “วันนี้แม่ต้องเอาต้นไม้ไปส่ง เรียงขับรถไปให้แม่หน่อยสิ”




        “ส่งไหนอ่าแม่ ไปดิ เรียงว๊างว่าง ^__^”




        เมื่อทานข้าวเสร็จ รงคเพทขับรถส่งคุณแม่ไปส่งต้นไม้ ที่บ้านสวนแห่งหนึ่งทางเบี่ยงออกนอกเมือง ระยะทางไม่ไกลนัก แต่ด้วยสภาพถนน ทำให้ขับรถได้ช้ากว่าปกติ





        เมื่อมาถึงบ้านสวน ที่นี่มีต้นไม้หลากหลายชนิด รวมถึงดอกไม้สวยๆมากมาย ระหว่างที่แม่พูดคุยอยู่กับเจ้าของสวน รงคเพทเดินชมดอกไม้เหล่านั้นอย่างคนมีความรัก สะดุดตาเข้ากับดอกไม้ดอกหนึ่ง มีสีน้ำเงินอมม่วง ทั้งเป็นพวงสวยงาม และถูกดัดตามขดลวดเป็นรูปหัวใจ มองข้างกระถางก็มีชื่อติดอยู่ ‘Forget me not’ 




        “Forget me not …อย่าลืมฉัน?”  ชื่อคุ้นๆ พึ่งเคยเห็นของจริง สวยดีนะ สวยมาก รู้สึกถึงความโรแมนติก 




        “มันจะชอบไหมเนี่ย”  รำพึงรำพันกับตัวเอง แล้วเอามือค่อยๆลูบเบาๆไปที่ตัวดอก




        “ฮิฮิ ซื้อไปฝากมันดีกว่า แต่จะดีเหรอวะ ซื้อดอกไม้ให้ผู้ชายด้วยกัน เห้ย ไม่เป็นไรหรอกน่า มันต้องชอบดิ”  ยืนเถียงกับตัวเองสักพัก ก็เดินกลับไปหาคุณแม่ ขอซื้อต้นฟอร์เกตมีนอตกระถางที่เขาเจอเมื่อครู่





        คุณลุงเจ้าของสวนใจดีและสนิทกับคุณแม่ จึงให้ดอกไม้กระถางนั้นมาโดยไม่คิดเงิน รงคเพทดีใจมาก เขารีบยกกระถางใส่หลังรถกระบะ จดจ้องไม่ให้คลาดสายตา




        “ไอ้หนุ่ม ดอกมันชอบความหนาวนา หมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ยหล่ะ ถ้าดูแลดีๆล่ะก็ เอาไปเพาะขายได้เลย”




        “ขอบคุณครับลุง”





        อำลากันเรียบร้อย รงคเพทพาคุณแม่แวะหาอะไรกินข้างทาง เสร็จแล้วก็ไปส่งคุณแม่กลับบ้าน โดยไม่ลืมซื้อกับข้าวไปฝากใครบางคนที่หายหน้าไปเมื่อเช้า ตอนนี้ยังไม่ยอมโทรมาเลย










        ออดดด….




        แบกกระถางดอกไม้ขึ้นมาชั้นสามของคอนโดหรู คนพึ่งไปบ้านสวนมาแต่งตัวเข้ากับสถานที่ ยิ่งหน้าโจรๆกับชุดเข้าสวน รปภ เดินตามยันหน้าลอบบี้กันเลยทีเดียว คนก็มองกันตรึม แต่คนอย่างรงคเพทไม่สนใจหรอก อยากเอาไอ้กระถางนี้ไปให้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มากกว่า มาถึงหน้าห้องมันแล้ว กดออดก็แล้ว มันก็ยังไม่เปิด 




        “ต้นตอง ก๊อก ก๊อก ก๊อก”  กดออดไม่เปิด เคาะมันเลย ยืนอยู่สักพักเจ้าของห้องก็ยังไม่เปิด โทรหาก็ปิดเครื่อง โจรในคราบคนสวนจึงแบกกระถางขึ้นรถกลับบ้าน ด้วยสีหน้าไม่จืด




        “ไปไหนของมัน เอ้อออ ไม่เป็นไร สงสัยติดประชุมมั้ง กลับไปอยู่กับพ่อก่อนก็ละกันน่อ”  เมื่อลงมาด้านล่าง ก็มองไปยังห้องของคนที่เขาจะมอบต้นไม้ในมือให้ และก็ก้มลงคุยกับต้นไม้คล้ายมันจะตอบโต้มาได้





        รงคเพทขับรถออกจากคอนโด พอดีกับที่รถตารกาสวนเข้ามา ตารกาไม่รู้ว่านี่คือรถของบ้านรงคเพท เพราะปกติรงคเพทขี่มอเตอร์ไซด์ตลอด รงคเพทกำลังจะลดกระจกลงเพื่อโบกมือทักทายกับรถที่สวนเข้าไป แต่กลับเห็นเบาะข้างๆมีคนนั่งมาด้วย จึงขับผ่านออกไปในที่สุด





        อาจเป็นเพื่อนที่ทำงานมั้ง เอ แต่ตั้งแต่มาคอนโดตารกา ก็ไม่เคยเห็นตารกาพาใครมาที่นี่เลย ….เฮ้ออ เพื่อนล่ะมั้ง คิดมากไปได้ กลับก่อนแล้วกัน





        กลับบ้านมาก็วางกระถางไว้ในสวนใกล้ๆกับแปลงดอกกุหลาบของคุณแม่ วนเวียนออกมายืนดูทุกครึ่งชั่วโมง ถูกทั้งคุณพ่อคุณแม่แซว จนกระทั่งก่อนเข้านอนก็ยังลงมานั่งยองๆมองไม่วางตา ยามลมเย็นๆพัดผ่าน กลิ่นหอมอ่อนๆก็โชยมาแตะจมูก ทำไมกลิ่นนั้นถึงแสนหวานและแสนเศร้าอยู่ในอารมณ์เดียวกันได้ขนาดนี้ ยามนี้สายลมพาลพัดให้นึกถึงใครบางคน ที่ทำให้สุขและเศร้าได้ในเวลาเดียวกัน ทำไมตั้งแต่เช้ายังไม่ได้เจอเลย นี่เขาโดนหลอกอีกแล้วหรือเปล่า







        ครืดดดดดดดดด…….. ครืดดดดดดดดดด………. ปี๊บบ ปี๊บบ ปี๊บบบ…. ครืดดดดด……




        กำลังนึกถึงใครบางคน ใครบางคนก็โทรเข้ามาพอดี รอยยิ้มแต้มลงบนใบหน้าคนคอยทันที




        ติ๊ดดดดด




        “…….”  อยากพูด แต่ทำไมรู้สึกน้อยใจเล็กๆไม่รู้




        “เรียง…”  ปลายสายเอ่ยเรียกเจ้าของหมายเลขที่ไม่ขานรับ




        “…….”




        “ได้ยินผมไหม”




        “อือ”




        “เมื่อเช้าผมขอโทษนะ ผมมีธุระพอดี”




        “อือ”




        “เรียงมาหาผมที่คอนโดเหรอ”




        “…..” 




        “ลุงยามบอกผมว่าเรียงมา แต่งตัวเหมือนจะมาปล้น ฮึฮึ”




        “……”  จะมาปล้น?  ฟังแล้วน่าน้อยใจนะ คนรีบมาหาเพราะอยากเอาต้นไม้มาอวดแท้ๆ




        “มีไรอีกไหม กูง่วง จะนอน”  น้ำตาตกลงมาเรียบร้อย ไม่เคยน้อยใจใครมากขนาดนี้เลย ไม่อยากให้มันรู้ว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอมากขนาดนี้




        “เรียง เป็นอะไรรึเปล่า”




        “แค่นี้นะ…”




        “เรียง ผมรักเรียงนะ ”




        ปิ๊บ





        กดปิดไปพร้อมน้ำตาไหลออกมาอย่างพรั่งพรู ไม่รู้เป็นอะไร นั่งร้องไห้ ให้ต้นไม้ปลอบใจ พูดได้ไม่อายปาก บอกว่ารัก แต่ปล่อยให้ยืนรอหน้าห้อง เป็นตัวตลกของคนที่ผ่านไปผ่านมา แถมยังพาใครไม่รู้มาห้องอีก นึกแล้วมันน้อยใจเหลือเกิน เมื่อเช้ายังยิ้มได้อยู่เลย แท้ๆ




        “ฟืดดๆ อึก ไอ้ดอกไม้ เอ็งอยากไปอยู่กับคนที่มันทำให้พ่อเอ็งร้องไห้ไหม ไปอยู่กับมันเอ็งคงมีความสุข เอ็งชอบความหนาวเย็นนี่นะ …..ฮ่า พอๆ พ่อไปนอนดีกว่า ฝันดีนะไอ้หนู”  รงคเพทคงใกล้บ้าเต็มที คุยกับต้นไม้ ร้องไห้กับต้นไม้ได้เป็นวรรคเป็นเวร





        ปาดน้ำตาแล้วเดินขึ้นห้อง ปิดไฟ ขอให้นอนหลับฝันดีด้วยเถอะนะ




        ‘ต้นตอง มึงจะตามไปสร้างความทรงจำให้ทุกที่ ที่กูอยู่เลยรึไง’  แล้วนำหมอนที่ตารกาใช้หนุนเมื่อคืนมาหอมและนอนกอดอย่างนึกถึง กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนที่เอาแต่กอด พร่ำเพ้อบอกรักเขาหวานหูไม่ขาดปากเมื่อคืน แต่คืนนี้กลับปล่อยให้เขาต้องนอนอ้างว้างเพียงลำพังซะแล้ว











        ครืดดดดดดดดด…….. ครืดดดดดดดดดด………. ปี๊บบ ปี๊บบ ปี๊บบบ…. ครืดดดดด……




        คนที่กำลังเคลิ้มจะหลับไป สะดุ้งตกใจ เมื่อโทรศัทพ์เข้าอีกครั้ง คว้ามารับอย่างงังเงีย วันนี้เพลียใจจะขาด




        “ฮัลโหล”  เสียงบ่งบอกชัดเจนว่าหงุดหงิดสุดๆ




        “เรียง”  เพียงชื่อตนที่ถูกเรียกขึ้น คนงัวเงียก็ตื่นเต็มตา




        “ไร”  เอ่ยตอบไปเบาๆ มันโทรมาทำไมตอนนี้




        “นอนไม่หลับ”




        “แล้วมาบอกไม”




        “ใจร้ายจัง ทำคนอื่นนอนไม่หลับ แล้วยังหลับหนีเฉยเลย”




        “แล้วจะให้ทำไง”  ตุบ ตับ ตุบ ตับ




        “พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน”




        “หะ เที่ยวไหน” 




        “ผมอยากได้เข็มขัดสักเส้น ช่วยเลือกหน่อยสิ แล้วเราก็ไปหาอะไรกินกัน เย็นๆผมจะพาไปส่ง”




        “ทำไมกูต้องไปด้วย”




        “โธ่เรียง อย่าใจร้ายนักสิ ไม่รู้ล่ะ ยังไงพรุ่งนี้สิบโมงผมไปรอหน้าบ้านนะครับ ฝันดีนะ….ผมรักคุณ”




        “ไอ้…..   ตู๊ดด ตู๊ดดดด ตู๊ดดดดดด”  ตารกาวางสายไปแล้ว ไม่ทันได้ฟังคำด่าของรงคเพท หากตารกาได้เห็นหน้ารงคเพทยามนี้ คาดว่าคงต้องมีหนังชุดเกิดขึ้นอีกเป็นแน่





        “บ้า…….>///<”  เสียงกร่นด่าแผ่วเบา พร้อมหมอนที่ถูกรัดจนนุ่นด้านในแทบปริแตกออกมา  นอนหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง











        “โอยยย กี่โมงละวะ”  นอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ ดูนาฬิกาอีกที หกโมงเช้า รงคเพทตัดสินใจลุกขึ้น อาบน้ำแต่งตัว ใช้เวลาเลือกเสื้อผ้าอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วเดินลงมาข้างล่าง เห็นคุณพ่อคุณแม่กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้ากันอยู่




        “จะไปไหนแต่เช้าเรียง แต่งตัวซะหล่อเชียว”  เสียงคุณแม่เอ่ยแซว รงคเพทเดินมานั่งลงข้างๆคุณพ่อและคุณแม่




        “ไปห้างอ่ะฮะ ไปสิบโมง”




        “อะแคก แคก แคก”  คุณพ่อสำลักกาแฟ




        “ไปสิบโมง? นี่พึ่งเจ็ดโมงนะเห้ย”  คุณพ่อแปลกใจ ลูกชายผู้ไม่เคยตรงเวลา วันนี้มาแปลก




        “โถ่ พ่ออ เรียงก็อยากตื่นเช้าบ้าง จะได้เจอพ่อก่อนไปทำงานไงคร๊าบบ”  อ้อนพ่อไปหนึ่งยก เช้านี้อากาศแจ่มใส แต่หน้าตาลูกชายเหมือนคนอดหลับอดนอน





        ดื่มกาแฟกับคุณพ่อจนคุณพ่อไปทำงาน จากนั้นก็มานั่งดูทีวีเป็นเพื่อนคุณแม่ที่กำลังนั่งรีดผ้า ดูไปดูมาเผลอหลับไป สะดุ้งตื่นอีกทีเก้าโมงครึ่ง ดูทีวีต่อจนกระทั่งสิบโมง รอคนโทรนัดอย่างใจจดใจจ่อ ตื่นเต้นจัง เป็นครั้งแรกเลยที่เขาจะได้ไปเที่ยวกับตารกา …สิบโมงห้านาที   …..สิบโมงสิบห้า …..สิบโมงครึ่ง




        “เรียง สิบโมงกว่าแล้วยังไม่ไปอีกเหรอลูก”  คุณแม่ที่เดินแวะเข้ามาเอาปู๋ยในบ้าน ถามรงคเพทที่นั่งตัวตรงอยู่หน้าทีวีแต่สายตาจ้องนาฬิกา




        “ยังแม่ อีกแปป..มั้ง”  ครึ่งชั่วโมงแล้ว เริ่มใจคอไม่ดี ตารกาเป็นคนตรงเวลา ถึงขั้นมาก นี่มันจะเกิดอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า





        จนกระทั่งสิบเอ็ดโมงกว่า ก็ยังไม่มีวี่แววเฟอร์รารี่คันงามมาเกยหน้าบ้านสักที รงคเพทจึงตัดสินใจโทรไปหาไอ้คนนัดเมื่อคืนเองเลย




        รอสักครู่ปลายสายก็กดรับ




        “เรียง มีอะไรรึเปล่า”  มีอะไรรึเปล่า?




        “สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว”  ยังไม่พูดอะไร อยากรู้ว่ามันลืมรึเปล่า




        “ครับ เรียงกินข้าวรึยัง”  สีหน้าคนฟังเริ่มบึ่งตึง ใจเต้นกระตุก คล้ายคนกำลังอารมณ์ขึ้น กัดฟันไว้ไม่ให้ด่าออกไป




        “ยัง” กัดฟันพูดอย่างยากลำบาก ใกล้จุดเดือดเข้าเรื่อยๆแล้ว




        “ทำไมยังไม่กินอีก เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะนะ”  ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่คนฟังเหลืออีกขีดเดียวปรอทจะแตกแล้ว




        “เสือก ! เรื่องของกู เมื่อวานหมาตัวไหนมันบอกจะพาไปกินไม่รู้ กูหากินเองก็ได้”




        “เรียง เรียง! ผมขอโ…”  ตู๊ดดด ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด  รงคเพทรู้ว่าต้องได้ยินคำนี้ คำว่าขอโทษ ไม่อยากจะฟังอีกแล้ว พูดมากี่ครั้งแล้วคำว่าขอโทษหน่ะ






        ครืดดดดดดดด ปิ๊ป ปิ๊ป ครืดดดดดดดดดดดด…




        ไม่รับ รงคเพทขี้เกียจรับ ไอ้คนไม่รักษาคำพูด ไร้สัจจะ นั่งฟังจนเสียงเรียกเข้าดับไป และได้ยินเสียงเมสเสจเข้ามาแทน




        ‘ผมขอโทษเรียง ผมเคลียร์งานตั้งแต่เมื่อคืนจนดึก เช้านี้ประชุมตั้งแต่เจ็ดโมง นึกว่าจะเสร็จทัน ผมพึ่งได้ออกมาเมื่อกี้เอง รอก่อนนะ เดี๋ยวอีกชั่วโมงผมไปรับ’




        “รอให้รากงอกรึไง กูไปคนเดียวก็ได้”  เหตุผลอีกแล้ว ทุกครั้งที่เขาต้องเสียใจ ตารกาจะมีเหตุผลมาให้เสมอ อยากถามตารกาเหลือเกิน เหตุผลของมัน ทำหัวใจเขาทรมารมากี่ครั้งแล้วรู้ไหม…นี่เขากับมันต่างกันไปรึเปล่า มันเป็นคนมีเหตุผลอยู่เสมอ ส่วนเขาใช้อารมณ์ตัดสินก่อนเสมอเช่นกัน





        รงคเพทไม่รอให้ตารกามา โทรเรียกแท็กซี่มารับและออกจากบ้านไปทันที นานแล้วที่เขาไม่ได้เดินห้างเลย ขอแวะเข้าไปเดินตากแอร์เล่นสักหน่อยดีกว่า





        มาถึงห้างใหญ่ ก็ขอหาอะไรใส่ท้องก่อนจะดีกว่า เริ่มแสบไส้ขึ้นมาจริงๆซะแล้ว แต่หิวจัดๆแบบนี้คงมีที่เดียวที่รงคเพทเข้าแล้วคุ้มที่สุด ‘ชาบูชาบู’ ใช่ บุฟเฟ่นี่แหล่ะคุ้มที่สุดสำหรับโจรห้าร้อย กินที ร้านเขาแทบเจ๊ง





        ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงที่รงคเพทนั่งยัดอะไรต่อมิอะไรที่สามารถนำเข้าปากได้อย่างเอร็จอร่อย ไม่ได้กินนานมาก ล่าสุดที่เข้าจำแทบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ กินเสร็จก็ไม่ยอมออกจากร้าน จนพนักงานเดินมาถามต่อเวลา แต่จากการคำนวณแล้ว ไม่คุ้มอย่างยิ่ง ต้องเพิ่มเงินอีกตั้งเยอะ ขอเดินออกมานั่งพักพุงหน้าร้านสักแปปแล้วกัน





        กินอิ่ม ตาก็จะปิด นั่งง่วงอยู่หน้าร้าน มองสาวๆสวยๆอย่างเคลิบเคลิ้ม นั่งไปใกล้หลับเต็มที่ ก็มีลูกค้าที่รอคิวเข้าร้านมานั่งข้างๆ พร้อมกับลูกๆอีกสองสามคน ร้องไห้ งอแง มองอีกด้าน คู่สามีภรรยาพาอาม่ามากินสุกี้ หน้าร้านที่สงบเมื่อครู่ กลายเป็นพื้นที่วุ่นวายไปในทันที





        รงคเพทที่เริ่มหายง่วงตัดสินใจเดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนไร้จุดหมาย เดินเข้าๆออกๆตามร้านต่างๆ หยิบอะไรมา พอพลิกดูราคาก็ต้องวางทุกที เมื่อเริ่มเหนื่อยก็ซื้อไอติมมานั่งกิน





        ก้มมองเวลา กลับบ้านดีกว่า ของติดมือที่ซื้อมามีเพียงถุงสองถุง เป็นอุปกรณ์คอมพิวตอร์ที่เขาอยากได้พอดี เดินหิ้วถุงลงบันไดเลื่อน กวาดสายตามองร้านต่างๆอีกรอบ แล้วก็แวบเข้ากับใครบางคน หน้าตาคุ้นๆ รงคเพทเดินผ่านมาแล้วแต่เดินถอยหลังกลับไปดู ก็พบกับ คนที่มันนัดเขาวันนี้





        ตารกากำลังเงยหน้ามองเสื้อที่ถูกแขวนไว้ด้านบน ส่วนรงคเพทกำลังโกรธ แต่โบกมือทักทายมันสักหน่อยเป็นไร โจรห้าร้อยพร้อมถุงอุปกรณ์คอม โบกมือหยอยๆ อยู่หน้าร้านเสื้อผ้าหรู ที่รงคเพทไม่กล้าเข้า คนที่มัวแต่ดูของ ยังไม่เห็นตัวอะไรบางอย่างที่กระโดดโลดเต้นอยู่หน้าร้าน พนักงานในร้าน เริ่มมองกันอย่างสงสัย ว่าคนบ้าที่ไหนมายืนทำท่าแปลกๆ





        รงคเพทเห็นพนักงานมองด้วยสายตาแปลกๆจึงเดินเลี่ยงออกมา แต่ก่อนที่ขาจะก้าวออกไป กลับเห็นใครบางคน คนที่เขารักมากที่สุด เดินเข้าไปหาตารกาพร้อมกับเสื้อสีสดอีกสองตัวในมือ ทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อ ยิ้มให้กัน ดั่งดอกไม้แรกแย้มบาน สวยงามและสดใส เหมือนคนรักกันไม่ผิดเพี้ยน คนบ้าเมื่อครู่นิ่งลงไปทันที สมองหยุดทำงาน ของในมือแทบร่วงลงพื้น ดีหน่อยอยู่ในที่สาธารณะรงคเพทยังฝืนควบคุมตัวเองได้





        ไม่นานคนที่เขารักสุดหัวใจสองคนก็เดินเข้าห้องลองเสื้อไปด้วยกัน หน้าโจรๆบัดนี้ ชาวาบ เมื่อทั่งคู่ลับตาไป เท้าอันหนักอึ้งของรงคเพทจึงสามารถก้าวออกจากที่ตรงนั้นได้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

บทที่ ๑๗ มาแล้วนะคะ ช้าไปป่าวน่อ  :mew2: :mew2:

ขอบคุณ คุณlucifermafis นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ มาต่อแล้วนะคะ ฮิฮิ  :3123: :3123:

ขอบคุณ คุณkunt นะคะ หนูเรียงต้องน้ำตาตกไปอีกหลายตอนเลยค่า  :sad4: :o12:

ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณทุกท่านค่า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่17 (30/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 30-03-2014 20:09:27
สงสารเรียง

 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่17 (30/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 30-03-2014 20:47:05
รามกับต้นตองดูมีลับลมคมในแปลกๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรียงอย่าเพิ่งฟูมฟายใจเย็นๆนะลูก
รอมานั่งคุยกันก่อน....แต่สงสารเรียงอ่ะ

คำว่ารักของต้นตองเนี่ยเชื่อได้ไหมนะ :'(
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่17 (30/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Acetamide ที่ 30-03-2014 20:47:53
เปลี่ยนให้เรียงไปคู่กับพบรักเถอะคับ นะ นะ นะ นะ...สงสารจริงๆ

 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่17 (30/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ghost-666 ที่ 30-03-2014 21:55:57
เม้นรวดเดียวเลยนะ เรารู้สึกเราเห็นคำผิดอยู่นะ และรู้สึกว่าจะพิมพ์ชื่อผิด ตรง 16.1 ตรงที่คุณหมอออกมาพอดีแล้วบอกว่ากาวปลอดภัยแล้วแต่พิมพ์ไปว่าโอมปลอดภัย แล้วตรงฉากที่ต้นตองหรือเรียงนี้แหละที่บอกว่าทรมาน ที่ไม่ได้เห็นหน้าเรารู้สึกว่าเห็นคำว่าทรมานจะพิมพ์ผิดนะคะ
ปล. ทำไม่ต้นตองต้องเป็นแบบนี้อ่ะน่าจะจำหน่อยนะเมื่อนัดกะเรียงไว้แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่17 (30/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 30-03-2014 23:05:50
ว่าละ หนูเรียงน้ำตาตกอีกจนได้  :mew6:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่17 (30/03/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 01-04-2014 00:17:35
 :เฮ้อ: คุณพระ ชักเดาเรื่องราวไม่ถูก หน่วงจริงอะไรจริง
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่18 (01/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 01-04-2014 21:52:46
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๘  สิ่งใดคือความรู้สึก  ใครเลยจะล่วงรู้




        โจรห้าร้อยเดินกลับเข้าบ้านด้วยแววตาเหม่อลอย ในสมองกำลังระดมความคิดขั้นสุดยอด และตลอดระยะทางที่นั่งแท็กซี่มา ก็ได้คำตอบให้ตัวเองแล้วว่าที่แน่ๆ น้องชายเขากับตารกาต้องรู้จักกันแน่ ถามเจ้าตัวน่าจะดีกว่า ถ้าคนๆนั้นซื่อสัตย์พอ คงไม่ปิดบังอะไร




        นั่งนึกไปเรื่อย ยามเย็นก็มาเยือน คุณพ่อคุณแม่พร้อมกันที่โต๊ะอาหาร ไม่นานน้องชายก็เดินเข้าบ้านมา พร้อมถุงพะรุงพะรังเต็มมือ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส



        “รามมาพอดี นั่งเร็วลูก กินข้าวกัน”



        “คร๊าบบ หิวมากกก : )”  น้องชายวางของบนโซฟาแล้วเริ่มลงมือจัดการจานข้าวตรงหน้า



        “เรียงเป็นไร ทำหน้าอย่างปลาตาย”  รงคเพทที่นั่งนิ่ง กินข้าวเงียบๆคล้ายหุ่นยนต์หันมายิ้มให้น้องชาย



        “เปล่านี่ เอ ก็ยังไม่แก่นี่หว่า ทำไมตาไม่ดี ฮ่าฮ่าฮ่า ; p”  ยิ้มทะเล้นให้น้องชายไปหนึ่งที คุณพ่อหัวเราะใหญ่ แต่คุณแม่นิ่งเงียบ มองแววตาลูกชายแล้วมันตรงข้ามกับสิ่งที่แสดงออกนี่นา




        ข้าวพร่องไปครึ่งจาน รงคเพทก็ขอตัวขึ้นห้อง อาบน้ำให้ความคิดฟุ้งซ่านเบาบางลง จากนั้นจึงลงมารดน้ำ ใส่ปุ๋ยรอบดึกให้ไอ้ต้นไม้ลูกชายเขา โดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วย




        น้ำที่คงเหลือไว้ล่อเลี้ยงใจ คือคำบอกรักที่ตารกาคอยพูดให้ฟังอยู่ทุกวัน และความรักที่รงคเพทมีต่อคนๆนั้นเช่นกัน ต่อให้โกรธหรือโมโหแค่ไหน สุดท้ายคำว่ารักก็เอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้จนสิ้น ไม่นานก็มีสายเข้าจากใครคนนั้น




        ตี๊ด !




        “ฮัลโหล”




        “เรียง…โกรธผมอยู่รึเปล่า”




        “…..ป่าว”




        “ผมขอโทษ ผมไปรับเรียงแต่คุณแม่บอกเรียงออกไปแล้ว”




        “อือ ขี้เกียจรออ่ะ”




        “ผมถามคุณแม่ว่าเรียงไปไหน”




        “แล้วแม่บอกไหม”




        “บอกสิ ผมเลยตามไป เดินหายังไงก็ไม่เจอ”




        ‘ฮึ จะเจอได้ไง กูทำสถิติ แดกยังไงให้ร้านเจ๊ง อยู่หน่ะสิ’ รงคเพทคิดกับตัวเองอย่างขำขัน แต่กลายเป็นความเงียบสำหรับปลายสาย




        “เรียง”




        “มึงไปกับน้องกูนี่นะ”  พูดออกไปแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจมาเนิ่นนาน




        “คราวก่อนกูเจอรูปรามในกระเป๋าตังมึง กูไม่ได้คิดไร แต่คราวนี้กูเห็นรามมีความสุขเวลาอยู่กับมึง ….มึงก็รู้ต้นตอง กูรักน้องแค่ไหน แค่มึงบอกความจริงมา กูจะไม่มีวันทำร้ายน้องกูเลย”  ยามนี้รงคเพทมีสติ เขาไม่อยากเป็นคนบ้า มานั่งคิดให้จิตตก มันเหนื่อยเกินทนแล้ว




        “ถ้าเรื่องของผมกับรามเป็นจริง เรียงจะทำยังไง”  ไม่รู้ทำไม รงคเพทรู้สึกเหมือนน้ำเสียงจากปลายสาย นิ่งเรียบเกินความเป็นจริง




        “กูยินดี และสนับสนุนเต็มที่เลย”  TT  ตอบไปก็รู้สึกถึงความคับแน่นในอกไป




        “เรียงไม่คิดจะรั้งผมไว้บ้างเลยเหรอ…”  เจ็บ คิดว่าคนพูดก็คงเจ็บไปแพ้กัน รงคเพทสัมผัสได้




        “ถ้ากับคนอื่นกูไม่ยอมหรอก แต่กูบอกแล้วต้นตอง กูรักน้อง ไม่มีวันทำร้ายน้องได้”  น้ำเสียงอ่อนแรงลงเรื่อยๆ น้ำในดวงตาก็เอ่อคลอพร้อมตกลงสู่ชั้นบรรยากาศได้ทุกเมื่อ




        “แล้วผมหล่ะ เรียงไม่รักบ้างเหรอ”  ฝ่ายโน่นก็ไม่ต่างกัน คนปวดใจคุยกันเป็นยังไง คงต้องลองดู




        “ฮึๆ ถามอะไรโง่ๆ ทำให้ขนาดนี้ ยังมีหน้ามาถามอีก …ต่อให้กูถอย กูก็มั่นใจ ว่าไม่มีใครรักมึงได้เท่ากูรักอีกแล้ว”  มาแล้วน้ำตา เพียงเอ่ยความในใจออกไปเท่านั้น หยดน้ำแห่งความรู้สึกก็ค่อยๆหลั่งรินลงมาเบาๆ หากนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขามีโอกาสได้บอก




        “รักผมขนาดนั้น ก็อย่าทิ้งกันง่ายๆสิเรียง…ผมยังไม่ปล่อยเรียงไปง่ายๆเลย”




        “ผมกับน้องของเรียงเรา…เคยคบกัน” …OoO ช็อค มือหนาๆที่กำลังลูบไปตามลำต้นของไอ้ต้นไม้ ชะงัก   เคยคบกัน เคยคบกัน เคยคบกัน …..ประโยคสั้นๆ ที่วิ่งวนอยู่ในหัว ฉายซ้ำๆอย่างห้ามสมองไม่ได้




        “แล้ว ทำไม”




        “ตั้งแต่ผมอยู่ม.ปลาย รามเป็นแฟนคนแรกของผม”  อ่ะเหื้อ นี่ต้นตองมันค้นพบตัวเองมานานมากแล้วสินะ




        “เรียง เรียงโกรธรึเปล่า”  รงคเพทเงียบไป คนเล่าเรื่องเริ่มใจคอไม่ดี




        “หะ ป่าวๆ กูงงมากกว่า แฟนคนแรกมึงล่อผู้ชายเลยเหรอ”  ถามออกไปตรงๆ ก็คนมันอยากรู้




        “ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นหรอก แต่ตอนนั้นผมมีโอกาสได้รู้จักราม ได้ใกล้ชิด พออยู่ใกล้กันมากๆก็เลยเถิดไปเมื่อไหร่ไม่รู้”




        “เลยเถิด? !!! นี่มึง เอาน้องกูเหรอ หะ !!!”  เริ่มขึ้นเสียงอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว




        “เรียง ใจเย็นๆ ..นี่หึงผมหรือหวงน้องเนี่ย”




        “หวงน้องสิวะ อย่าให้เจอนะไอ้ตุ๊ด ปากแตกแน่มึง”  หวงน้องอย่างพ่อเสือหวงลูกก็ไม่ปาน ลืมไปสนิทว่าคุยกับคนที่ตัวเองรักอยู่




        “…แล้วมึงทิ้งน้องกูทำไม”  กลับเข้าเรื่อง น้ำเสียงดราม่าก็กลับมาอีกครั้ง




        “ผมไม่ได้ทิ้งราม รามต่างหากที่ทิ้งผม”




        “หะ ? มึงใส่ร้ายน้องกูเปล่า”




        “เปล่า ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม อยู่ดีๆรามก็หายไป ลาออกจากโรงเรียน จากนั้นผมก็ไม่เจอรามอีกเลย”  มิน่า ตอน ม.4 ทำไมรามถึงย้ายโรงเรียน เพราะไอ้คนๆนี้นี่เอง




        “มึงเลยแก้แค้นที่กู ใช่หมายยยย” 




        “โธ่เรียง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียงกับรามเป็นพี่น้องกัน ถ้ารู้ผมคงไม่…”




        “ไม่ไร ไม่ไร พูดออกมาไอ้ต้นตอง ไม่ราย ห๊าาาาา” 




        “ป่าวคร๊าบบ ยอมแล้วๆ”








        “เรียง เข้าบ้านได้แล้วลูก เดี๋ยวไม่สบาย”  เสียงคุณแม่ตะโกนเรียก คนที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในสวนข้างบ้าน


        “ครับแม่ แปปเดียว เดี๋ยวไปแล้ว”






        “แค่นี้นะ กูจะเข้าบ้านแล้ว”




        “อ่าว ผมนึกว่าเรียงอยู่ในห้อง มานั่งทำอะไรข้างล่างล่ะ”




        “นั่งคุยกับไอ้ต้นไม้”




        “…..”




        “โหลๆ วางหนีกูเหรอ”  ปลายสายเงียบไป รงคเพทเลยขอด่ากลับหน่อย




        “ต้นไม้ ใคร?”  อุ่ยยย เสียงโหดจังนะ  กูบอกว่าต้นไม้ มันยังคิดได้เนาะว่าเป็นชื่อคน




        “ไอ้ต้นไม้ ที่รักกู คุยกันทุกวันเลย คอยอยู่เป็นเพื่อน ปลอบใจกูตลอด กูรักมาก…” 




        “เรียง !!”  เอ่ยชื่อด้วยเสียงทุ้ม ต่ำ คาดว่าคงกำลังเก็บอารมณ์โกรธอยู่ สมน้ำหน้า




        “เออ อยากเจอก็มาบ้านกูดิ เนี่ย ตั้งอยู่ที่เดิมทุกวัน กูนอนละ แม่รอ บายย..”  พูดจบก็วางไปทันที คุยกันครั้งนี้ดีหน่อยที่เขาไม่ใช้อารมณ์ รู้สึกภูมิใจตัวเองนิดๆแหะ





        คนอารมณ์ดีเดินยิ้มเข้าบ้านไปพร้อมคุณแม่ แม้จะอารมณ์ดี แต่ก็แอบตงิดใจเล็กๆไม่ได้ ว่าน้องของเขา หรือตารกา ยังมีฝ่ายไหนมีใจให้กันอยู่บ้างรึเปล่า อย่าพึ่งนึกเลย นอนก่อนแล้วกัน






        เช้าวันต่อมา รงคเพทไปส่งแม่ส่งต้นไม้อีกครั้ง



        “ขอบคุณค่ะ”  คุณแม่ยกมือขอบคุณเมื่อได้รับเงินค่าต้นไม้




        ครืดดดดดดดด   ครืดดดดดดด  ปิ๊ป ปิ๊บๆ….




        “รามว่าไง”




        “เรียง  เรียง ”  น้ำเสียงน้องรอดโทรศัพท์มา อย่างสั่นเครือ คนรักน้องของขึ้นทันที




        “ราม เกิดไรขึ้น บอกพี่ดิ ”




        “รามรถล้ม แห่ๆ”  ยังหัวเราะแห้งส่งให้พี่ชายได้อยู่




        “ไม่ต้องมาหัวเราะ ล้มที่ไหน เป็นอะไรรึเปล่า”




        “ไม่เป็นไรมาก แต่รถสตาร์ทไม่ติดอ่า…รามยืมรถเรียงมา รามขอโทษ”




        “ช่างมันก่อน เจ็บตรงไหนรึเปล่า”




        “เจ็บเข่า กับศอก”




        “จึ! เอาไงดีวะ พี่อยู่ไกลด้วยเนี่ย เดี๋ยวพี่ให้คนไปรับ อย่าไปไหนนะ เข้าใจไหม”




        “ครับๆ”





        รงคเพทกระวนกระวายไม่รู้จำทำยังไง หากมีเรื่องอะไร น้องจะโทรหาเขาเป็นคนแรก แม้เรื่องที่ลับที่สุด แต่ตอนนี้เกิดเรื่องจะให้ใครช่วยได้หล่ะ ให้รอเขากลับไป ไม่พ้นเกือบชั่วโมง กดเบอร์โทรศัทพ์ก็เจอเข้ากับ เบอร์ที่โทรเข้าล่าสุดก่อนเบอร์น้อง…เสนียดห้ามรับ




        ตืดดดด ตืดดดดดด ตืดดดดดดดดดด…..




        “เรียง ว่าไงครับ”




        “ไอ้ตองทำไรอยู่”




        “ผมอยู่ห้อง ว่าเย็นๆจะแวะไปกินข้าวด้วย”




        “ออกมาเลยได้ป่ะ ตอนนี้”




        “เรียงคิดถึงผมเหรอ”




        “โอยย ไอ้บ้า รามรถล้ม กูมาส่งต้นไม้กับแม่ ไปช่วยน้องกูทีดิ”




        “หะ รามเป็นอะไรมากรึเปล่า”




        “กูไม่รู้ ด่วนเลยนะ”




        “ครับ…ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”  ยังไม่ทันที่รงคเพทจะพูดอะไรต่อ สายก็ตัดไปเรียบร้อย






        รงคเพทกระซิบบอกแม่ ทั้งคู่ขับรถกลับบ้านอย่างเร่งด่วน เมื่อมาถึงบ้าน ก็พบน้องชายพันขาและแขนด้วยผ้าพันแผล และมีตารกานั่งยองๆอยู่ข้างๆ




        “ราม”  สายตามองไปยังคนนั่งข้างล่าง ..ตารกาผู้ยิ่งใหญ่ ยอมนั่งต่ำกว่าน้องเขา





        “เป็นไงบ้าง”  นึกได้รีบวิ่งไปหาน้อง นั่งลงข้างๆ จับหน้าบิดซ้ายบิดขวา จับที่แผล โดนศรรามชักสีหน้าใส่ด้วยความเจ็บ เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งแม่และตารกา




        “โอ๊ยย! เรียง! เจ็บ!”  มือที่คว้าขาน้องอยู่ปล่อยลงทันที ทำหน้าแหยๆ ก็คนมันห่วงนี่หว่า จะร้องทำไม




        “หมอว่าไงบ้างลูก”




        “แผลมันฉีกอ่ะแม่ แต่เย็บไม่ได้ เพราะเชื้อโรคมันยังอยู่ข้างใน เลยต้องไปล้างแผลทุกวันจนกว่าจะแห้งไปเอง ฮืออ แม่จ๋า รามเจ็บ”  นั่นไง ไม่พูดเปล่า กางแขนให้แม่กอดปลอบใจอีก นี่ขนาดว่าเจ็บ ยังอ้อนแม่ไม่เลิก เห็นแล้วก็เอ็นดู รงคเพทเผลอยิ้มให้กับการกระทำของน้องชาย




        “มองไร”  เผลอยิ้มอย่างลืมตัว เหลือบตาไปมอง เห็นคนนั่งพื้นที่มองมาที่ตน




        ได้รับกลับมาเพียงส่ายหน้าและยิ้มเบาๆ





        มื้อเย็นแสนสุขของครอบครัว คล้ายกับว่าบ้านนี้ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคนนึงแล้ว สำหรับรงคเพทมันให้ความรู้สึกที่แปลก เหมือนบทสนทนาบนโต๊ะ จะไม่มีช่วงไหนที่เขาแทรกขึ้นได้เลย จึงทำได้เพียงนั่งฟัง การเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ผ่านน้องชายและตารกา ทั้งคู่ดูรู้ใจกันไปซะหมด คุยกันอย่างถูกคอ เห็นน้องมีความสุขก็ควรดีใจ แต่ทำไมลึก กลับรู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ตัวเองคล้ายส่วนเกินยังไงไม่รู้





        เมื่อมื้ออาหารจบลง ทุกคนช่วยกันเก็บโต๊ะ โดยคุณพ่อ ตารกาและคนเจ็บนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องโถง ด้วยความอยากเอาใจน้อง




        “ราม เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้ อาบน้ำไม่ได้ละสิเรา” ช่วยแม่เก็บจานเสร็จก็เดินออกมาบอกน้อง




        “ไม่เอาอ่ะ ให้แม่เช็ดให้ดีกว่า เรียงมือหนัก จับแขนรามทีแขนรามจะหลุด แม่เช็ดตัวให้รามหน่อยน้า”  เอ่อออ.. พูดซะระลึกตัวเองได้เลย ว่าเป็นผู้ชายถึก




        “โห่ พี่จะทำเบาๆ ให้พี่เช็ดให้นะ นะนะ”  ยังไม่ยอมแพ้ ก็อยากทำให้น้องอ่ะ




        “เรียงไปส่งคุณต้นตองเถอะลูก เดี่ยวแม่เช็ดตัวให้น้องเอง ป่ะเร็ว ไอ้ตัวแสบ”  คุณแม่และคุณพ่อพยุงรามขึ้นด้านบนอย่างลำบาก รงคเพทมองตามคอยให้กำลังใจ จนทั้งคู่ลับตาไป




        “เรียงอาบให้ผมบ้างสิ”  ตารกากระซิบ ได้รับสายตาอาฆาตส่งให้หนึ่งที แล้วเดินเลี่ยงไปในสวน




        ตารกาเดินตามมาติดๆ เมื่อถึงจุดยุทธศาสตร์ ก็คว้าหมับเข้าให้ กอดคนเดินหนีไม่ยอมปล่อย




        “เห้ยยย ไอ้ตองงง หน้าบ้านกู !!!”  ที่โล่ง แจ้ง ทุกคนอยู่กันครบ




        ฟอดดดดด





        ไม่ปล่อยไม่พอ หอมไปอีกที ภาวนาขอให้ใครอย่ามาเห็นฉากอุบาท ผู้ชายตัวใหญ่สองคนยืนหยอกล้อกันในสวนตอนนี้เลย กลัวว่าจะนอนไม่หลับเอาได้




        “ไอ้บ้า ทำไร แปะ!”  ตบไปแรงๆยังแขนที่รัดตัวเอาไว้  ..แขนที่ถูกฟาดผละออกทันที คนที่โอบกอดเมื่อครู่หยุดนิ่งไม่แสดงสีหน้าอะไรอีก




        “ไม่กอดก็ได้”  เอาแล้ว อะไรวะ ตัวอย่างกะควาย นี่งอนเป็นด้วย?




        “ดี”  ยังยืนที่เดิม แต่สายตาคนหน้าหล่อที่โดนฟาดแขนเมื่อครู่เสมองไปทางอื่น รงคเพทมองซ้ายขวาหน้าหลัง มองขึ้นบนลงล่าง เมื่อครบสามร้อยหกสิบองศา จึงเดินเข้าไปจูงมือตารกาไปยังมุมสวนแล้วจัดการบดปากเข้าหาทันที





        “อือออ”  ตารกาอมยิ้มขณะถูกจูบอย่างถูกใจ แกล้งล้วงมือเข้าไปในเสื้อของรงคเพทขณะจูบกันอยู่อย่างดูดดื่ม




        “อื้อออออ”  รงคเพทจะผละออก แต่กลับถูกมือแกร่งยึดหัวไว้ ไม่ให้ถอนจูบออก มืออีกข้างก็ยังคงล้วงไปในเสื้อแล้วลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง ไม่นานรงคเพทก็เคลิ้มไปกับจูบเกรดเอบวกบวกบวกของนายชำนาญ





        แลกลิ้นกันอยู่สักพัก มือที่ล้วงไปในเสื้อเริ่มเลื้อยลงมาด้านล่าง และ…หมับ !!




        กึก ….




        แอคชันคือสองมือของสุดหล่อจับเข้ากับก้อนกลมๆสองอันด้านหลังแสนนุ่มมือของโจรห้าร้อย บีบ ขยำไปสุดแรง และได้รับ รีแอคชัน คือลิ้นที่แลกกันอยู่เมื่อครู่ ถูกเจ้าของก้นกัดเข้าซะจมเขี้ยว




        “อูยยยยย เอียง เอ็บบ”  คนถูกกัดผละออกจากที่ตรงนั้นทันที ร้องโอดโอย อย่างน่าขัน




        “ฮึฮึ สมน้ำหน้า มือไวนักนะมึง นี่ยังน้อยไป”




        “ใจร้าย จูบผมก่อนแท้ๆ”  คำพูด ตอกเข้าหน้าคนเริ่มต้นอย่างจัง แอบหน้าแดงอยู่ลำพังเบาๆ




        “พูดมาก กลับไปได้แล้ว”




        “แล้วไอ้ต้นไม้อ่ะ”  นี่มันยังไม่ลืมอีกหรือ รงคเพทหัวเราะถูกใจ




        “ตามมาดิ ฮ่าฮ่า”  เดินนำไปยังที่วางไอ้ต้นไม้ลูกรักของเขา 




        “Forget me not  โรแมนติกจังนะ ไอ้ต้นไม้ของเรียงหน่ะ”  พูดและยิ้มด้วยเสียงอย่างหล่อ มาดผู้บริหารกลับมาอีกครั้ง




        “กู…เอาไปให้มึง วันที่ลุงยามบอกกูแต่งตัวเหมือนคนสวนนั่นแหล่ะ”  หันหน้ามาพร้อมยิ้มเศร้าๆให้ตารกา




        “กูรออยู่หน้าห้องตั้งหลายชั่วโมง โทรหามึงก็ปิดเครื่อง เลยเอากลับมาก่อน”  พูดไปหลบตาไป ไม่อยากมองหน้ามัน เดี๋ยวร้องไห้อีก




        “ผมไม่รู้มาก่อนเลย ผมดีใจมาก ขอบคุณนะเรียง” อารมณ์สีชมพูเกิดขึ้นระหว่างคนสองคน ตารกาเอื้อมมือไป หวังจะกอดคนตรงหน้าอีกครั้ง แต่แล้ว….เสียงคุณพ่อก็ดังขึ้น





        “อ่าว คุณต้นตอง ยังไม่กลับอีกหรือครับ”




        “พ่อ ! มานานยัง เช็ดตัวรามเสร็จแล้วดิ”  พิรุธชัดเจน อย่างไม่ต้องเดา




        “เรียบร้อยแล้ว ตกใจอะไรนักหนา ”




        “ป่าว อ่อ คุณต้นตองจะกลับพอดีเลย”




        “คุณต้นตอง?”




        “เออ ไอ้ตองนั่นแหล่ะ จะกลับพอดี ใช่มะๆ”  เริ่มหาแนวร่วม สะกิดคนยืนยิ้ม ตาหวานข้างๆ




        “ครับ ขอบคุณคุณอามาครับสำหรับมื้อเย็น ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมขออนุญาตมาอีกนะครับ”  คุยกับคุณพ่อ แต่สายตาอยู่กับคุณลูก จ้องซะตาไม่กระพริบ  คนถูกจ้องก็ยิ้มๆมองไปทางอื่น




        “ยินดีครับคุณต้นตอง มาเถอะครับ ครอบครัวผมพร้อมต้อนรับเสมอ”




        อำลากันเรียบร้อย คุณพ่อและรงคเพทเดินไปส่งตารกาที่รถและโบกมืออำลา ลูกชายคนโตเดินกลับเข้าบ้านพร้อมคุณพ่อ ก่อนแยกเข้าห้อง คุณพ่อได้ทิ้งประโยคเด็ดไว้พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์





        “บ้านเราจะมีลูกเขยสักคนก็ไม่เห็นเป็นไรนี่เนาะ ฮึฮึฮึ”






         o22







        “พ่อ !! พ่อเห็นอารายยยยยยยยยยย…….”  :hao7:


. . . . . .. . . . . . . . .. . . . . . . . . .. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .. . . .

สวัสดีค่ะ บทที่ สิบแปดมาแล้ว ตอนนี้ไม่เครียดมากนะคะ ได้พักหายใจกันบ้างน่อ ^^


ขอบคุณ คุณomyim_jjj นะคะ ตอนหน้ามาสงสารเรียงกันต่อค่ะ  :m15:

ขอบคุณ คุณ bulldog17 นะคะ เฉลยมาแล้วนะคะ ตอนนี้เรียงมีสติหน่อย ถึงพอคุยกันรู้เรื่อง ฮิฮิ ขอบคุณนะคะ เม้นท์ให้เกือบทุกตอนเลย   :mew1:

ขอบคุณ คุณAcetamide นะคะ เรียงรักต้นตองมากนะคะ ให้ไปคู่กับพบรัก เรียงต้องเสียใจมากแน่เลยน่อ  :mew2:
ติดตามเรื่องราวของพบรักได้ในตอนถัดไปของลำนำรักในม่านหมอกนะคะ อิอิ ฝากติดตามด้วยเน้อ

ขอบคุณ คุณGhost-666 นะคะ แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่า มีตรงไหนมองเห็นอีกช่วยบอกด้วยนะคะ ขอคารวะงามๆเลยค่ะ  :pig4:

ขอบคุณ คุณkunt นะคะ ตอนนี้น้ำตกยังตกไม่มากค่ะ ตอนหน้ามาน้ำตาตกกันต่อนะคะ ฮิฮิ  :hao6:

ขอบคุณ คุณlucifermafisนะคะ  :mew3: ตอนนี้ไม่หน่วงเท่าไหร่ อิอิ ติดตามต่อไปนะคะ อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วค่า


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ทุกคอมเม้นท์นะคะ พวกคุณสำคัญกับเรามากนะ เราเห็นพวกคุณชอบเราก็มีกำลังใจ
 :hao5: :hao5: :hao5:  ไม่รู้จะพูดคำไหนนอกจาก ขอบคุณ  :3123: :3123:
ฝากติดตามกันต่อด้วยนะคะ มาลุ้นกันต่อเน้อ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่18 (01/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 01-04-2014 22:55:12
เฮ้ยยยย ไม่ได้นะ ต้นตองงงง มาทำให้มันชัดเจนเดี๋ยวนี้!!!!!! บังอาจทำให้หนูเรียงเสียใจ  :m31:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่19.1 (04/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 04-04-2014 20:06:44
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๙.๑  หากว่าห่างไกล  ใครเลยจะล่วงรู้







        ครืดดดด ครืดดดดดด….ครืดดดดดดดดดด ……ติ๊ด !



        “ไง หายไปเลยนะมึง”



        “เออ งานกูเยอะ ไม่สบายเหมือนมึงหรอก”  ไอ้ยีนเพื่อนรัก หลังจากปิดเทอมไปมันก็หายหัวไปเป็นที่เรียบร้อย วันนี้ฟ้าฝนคงเป็นใจ โทรมาหารงคเพทได้



        “สบายไร ช่วยแม่ทำงานดิ”  และตอนนี้รงคเพทก็กำลังดึงวัชพืชในแปลงดอกไม้ไปพร้อมถือหูด้วย



        “โธ่ กูนึกว่าว่าง มึงช่วยเจียดเวลาให้กูสักสิบวันได้ป่าว”



        “งานไรวะ ไม่มีเรื่องไม่เห็นหัวอ่ะ”



        “เอออ กูมีโปรเจคทำค่าย อยากให้มึงช่วยหน่อย”



        “ค่ายไรวะ ฮ่าฮ่า”   วันนี้อาจโชคดีฟ้าร้องครึงๆ อาจไม่ต้องรดน้ำ หัวเราะแม่งเลย



        “กูทำค่ายมันน่าขำขนาดนั้นเลยเหรอวะ”



        “ป่าวๆ กูหัวเราะต้นไม้ ตกลงค่ายไร”  เข้าใจกันดี หัวเราะกับต้นไม้ เป็นเรื่องปกติ…สินะ



        “สร้างห้องเรียนบนดอยว่ะ ร่างโครงการหมดแล้ว ไปมะรืน”



        “หะ ไปมะรืน แล้วมึงมาชวนกูวันนี้เนี่ยนะ ไอ้ฟาย”



        “ตอนแรกกูก็ไม่ได้จะชวนมึง รู้ว่ามึงคงไม่ไป พอดีไอ้ตี๋มันติดงาน เลยต้องหาคนไปแทน”



        “ฮึ ใครๆก็เห็นกูเป็นตัวสำรองตลอด”



        “อะไรของมึง อย่าๆ”



        “เออ ไปดิ วันหลังมีไรชวนกูด้วย กูอยู่บ้านเบื่อๆ”



        “เตรียมตัวไว้เลยมึง ไฟเข้าไม่ถึงนะเว้ย สิบวัน เดี๋ยวกูส่งไฟล์ของที่ต้องใช้ไปให้ เย็นๆ”



        “ไอ้ยีน ถามจริง มึงเป็นไรมากป่ะ ทำไม่ชอบทำค่ายวะ”



        “กูจิตอาสาไง ไม่เหมือนมึงหรอกไอสัด แค่นี่นะ”



        นี่ขนาดโทรมาขอความช่วยเหลือนะ ก่อนวางยังมีคำสรรเสริญแจกฟรีให้อีก น่ารักจริงๆ ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี อยู่บ้านวันๆคุยแต่กับต้นไม้ 





        “แม่ วันมะรืนเรียงไปค่ายกับไอ้ยีนนะ”   บอกแม่ขณะกำลังตักข้าวเย็นใส่จานให้แก่ทุกคน



        “ไปกี่วัน แล้วทำไมมันปุบปับนักล่ะ”  แม่ถามอย่างเป็นห่วง ท่านไม่มีวันเห็นลูกๆโตขึ้นหรอก ยังไงซะลูกก็ยังเป็นไอ้ตัวน้อย ที่คอยวิ่งเล่นในสายตาท่านเสมอ



        “ยีนมันขาดคน แล้วอีกอย่าง เรียงอยากออกไปเจอเพื่อนๆบ้างอ่ะแม่”



        “แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”  แม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่ดูท่าแม่ไม่อยากให้ไปเลย



        “ต้องเอาอะไรไปบ้างล่ะ เดี๋ยวแม่ช่วยเตรียม”



        “เรียงขอของกิน ตุนไปเยอะๆ นะคร๊าบบ”






        เจ็ดโมงเช้า วันจัทร์แรกของเดือน รถทัวร์คันใหญ่ก็มาจอดหน้าบ้านรงคเพท อภินันทนาการจากหัวหน้าทำค่าย มารับเพื่อนถึงหน้าบ้าน จริงๆไม่ใช่อะไร บ้านอยู่ทางผ่านไปค่ายพอดี



        ไอ้ยีน และพบรัก ลงรถมาสวัสดีคุณพ่อและคุณแม่ที่ออกมาส่งรงคเพทหน้าบ้าน



        “เอาของไปแค่นี้พอเหรอเรียง”



        “พอแม่พอ เรียงไปแบบแอดเวนเจอร์ ฮ่าฮ่าฮ่า”  ยิ้มให้ท่านทั้งสอง ก่อนกล่าวอำลา



        บนรถเต็มไปด้วยสีสัน เสียงเพลง รุ่นพี่ รุ่นน้องนั่งเต็มคันรถ รงคเพทได้นั่งข้างพบรัก แถวหน้าสุด นานแล้วที่ไม่ได้เจอ ไม่รู้ว่าพบรักเป็นอย่างไรบ้าง รู้แต่ว่า ส่วนมากก็อยู่กับไอ้ยีน ไอ้ยีนมันเก่ง แถมยังอบอุ่นใจดี ใครอยู่ด้วยก็สบายใจ เห็นพบรักยิ้มได้แบบนี้รู้สึกดีขึ้นมาก



        ไปค่ายครั้งนี้รงคเพทไม่ได้บอกตารกา เพราะจากวันนั้นในสวน ตารกาก็ติดงานอยู่เสมอ จนแทบไม่ได้คุยกัน เมื่อคืนนี้เขาฝากข้อความไปให้ ฝากพาน้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาล แผลค่อยๆดีขึ้น เพราะมีพี่ชายคอยดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี



        “ไงพบ สบายดีป่ะ”



        “ผมสบายดีครับ คิดถึงเรียงมากเลย” อุก!   



        “เอ่ออ เราก็สบายดีนะ พบเอาไรมาบ้าง นี่ แม่เราเตรียมข้าวกล่องมาให้ด้วย แต่ซื้อที่ตลาด ฮ่าฮ่า เจ้านี้อร่อยสุดยอดเลย พบต้องชอบ ลองดูๆ”  มือแกะกล่องข้าวลายหมีจ้าละหวั่น พบรักหัวเราะอย่างขบขันกับท่าทางบ้าบอ



        “ผมยังไม่หิวเลยเรียง เหอะๆ”  ขำไม่หาย รงคเพทเก็บข้าวกล่องแล้วตะโกนขอเพลงจากหลังรถ เสียงร้องเพลง เคาะจังหวะสนุกสนานไปสุดทาง



        ไม่กี่ชั่วโมงรถก็ขึ้นมาถึงหมู่บ้านบนดอย รงคเพทเช็คสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งหายไปแล้วเรียบร้อย คณะทัวร์พากันยกสำภาระเดินตามผู้นำไปยังที่พัก ที่นี่อากาศดีมาก หายใจโล่งสบาย ต้นไม้เยอะ มีบ้านเล็กๆที่ถูกปั้นจากดินเรียงกันเกือบสิบหลัง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้ยีนมาทีนี่ เพียงแค่คราวนี้มันเป็นหัวหน้านำทัพเท่านั้น และเพื่อเข้าถึงธรรมชาติ บ้านดินจึงถูกสร้างเพื่อเอาใจจิตอาสาทั้งหลาย




        “ท้าดา ! ยินดีต้อนรับ สู่บ้านน้อยแสนรัก พวกมึงตามสบายกันเลย กูมาทีไร ก็พักหลังนี้ตลอด อ๊อฟชันเพียบกว่าหลังอื่นเยอะ จัดๆกันไป กูไปดูความเรียบร้อยก่อนนะ”  รงคเพทได้อยู่บ้านหลังเดียวกับพบรักและไอ้ยีน นอนสามคนเรียงกันเป็นตับ เป็นคล้ายๆโพรงเล็กๆ มีเพียงเสื่อ หมอนใบเล็กและผ้าห่มบางๆกันคนละผืน ด้านในเย็นมาก แม้ว่าด้านนอกจะมีแดดแรง



        เมื่อจัดของกันเสร็จ ทุกคนมารวมตัวกันยังที่โล่ง มีการเปิดงานเล็กๆน่ารัก เด็กๆที่นี่มีทั้งชนเผ่าและคนไทย  พากันแต่งกายสวยงามเพื่อเป็นการต้อนรับ





        +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





        “สวัสดีครับคุณน้า”  ตารกายกมือสวัสดีคุณแม่ของรงคเพท



        “สวัสดีค่ะ คุณต้นตอง….ราม เสร็จรึยังลูก”



        “มาแล้วคร๊าบบบ”  เดินลงมาพร้อมรอยยิ้ม และก็ได้รับรอยยิ้มจากคนด้านล่างยิ้มตอบเช่นกัน



        “น้าขอบคุณ คุณต้นตองมากนะคะ ฝากรามด้วยค่ะ”



        “ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณน้า ”



        “แม่จ๋า เดี๋ยวรามมานะ”  ยกมือสวัสดีคุณแม่ และเดินไปขึ้นรถโดยมีตารกาคอยพยุง




        ระหว่างทางไปโรงพยาบาลแสนสั้นนักสำหรับตารกา คนที่นั่งมาข้างๆทำให้เขายิ้มมาได้ตลอดทาง ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม เป็นสิ่งที่ทำให้เขาหลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่แปลกใจตัวเองสักนิด ที่ตกหลุมรักเด็กคนนี้ได้ง่ายดายนัก




        ศรรามแสนขี้อ้อน นอกจากพี่ชายจะคอยเอาใจแล้ว น้องชายก็อ้อนพี่ไม่แพ้กัน เวลามาทำแผลต้องมีพี่ชายคอยจับมือให้กำลังใจกันทุกวัน แต่วันนี้พี่ชายไม่ได้มาด้วย คนที่คอยจับมือตลอดระยะเวลาการทำแผลจึงเป็นตารกาแทน



        “มิน่าหล่ะ ทำไมพี่เรียงถึงหลงน้องนัก”  ตารกาเอ่ยแซว ด้วยหน้ากวนๆ



        “ฮ่าฮ่า ก็เรียงรักรามมากเลยไงพี่ตอง ฮิฮิ”



        “พูดอย่างกับรามไม่รักเรียงมากอย่างนั้นแหล่ะ”



        “ไม่รักหรอก ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน”



        “งั้นถ้าเรียงอกหัก รามจะทำไง”



        “ตาย !!”



        “หะ”



        “ตายไง ใครทำเรียงเสียใจอ่ะ ตาย”  เฮือกกก



        “น่ากลัวจริงๆ พี่น้องคู่นี้”  นี่ขนาดไม่รักพี่ชายเท่าไหร่เลยนะ



        เมื่อล้างแผลเสร็จ ตารกาก็ส่งศรรามกลับบ้าน โดนคุณแม่ชวนกินข้าวเย็นเป็นการตอบแทน



        ‘ไม่มีสัญญาณตอบรับ จากหมายเลขที่ท่านเรียก …..’  ตารกาลองโทรเข้ายังเบอร์ที่เขาบันทึกไว้ ‘Querido’ โทรไปแม้รู้ดีว่าบนดอยไม่มีสัญญาณ






        ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






        เรื่องเล่ารอบกองไฟ พื้นฐานของการทำค่าย ความสนุกสนานปกคลุมทุกพื้นที่ เช่นเดียวกัน พื้นที่อันเงียบเหงาของรงคเพท บัดนี้กำลังรื่นเริงสุดๆ จนวนมาถึงคราวที่รงคเพทต้องเล่าความลับที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รู้ เรื่องน่าอายวนมาแล้ว แต่จะเป็นเรื่องไหนดีหล่ะ เรื่องลับๆที่เคยทำวนเวียนมาเต็มหัว แอบทำอะไรน่าอายคนเดียวบ่อยๆซะด้วย 



        “ผม….”  อะไรดีวะ อะไรดี จะฉี่รดที่นอนก็ซ้ำ เด็กไป คนอื่นก็เล่าแต่เรื่องทุเรศสุดยอดทั้งนั้น เอาวะ



        “ผมอาบน้ำให้น้องชาย ฮ่าฮ่าฮ่า”  กริบ ฮากริบ ไม่มีเสียงใดแทรกมา



        “เรียง อาบน้ำให้น้องมันลับตรงไหนครับ”  พบรักถามหน้าเครียด เสียงฮือฮาเกิดขึ้น ว่าให้เปลี่ยนเรื่องๆ



        “ไม่ลับได้ไง เราอาบน้ำให้น้องประจำ ทุกวันนี้ว่างๆก็ยังอาบให้อยู่เลยนะ”



        “น้องยังเด็กรึเปล่าครับ พี่เรียง”  รุ่นน้องคนหนึ่งตะโกนแทรกมา



        “อืมมม เด็กไหมน้า ก็ยังเด็กอยู่แหล่ะ เด็กกว่าผมไปปีนึงอ่ะนะ”  คว้างงงงง… ตั้งแต่ฟังมา เรื่องนี้ทำเอาโลกตะลึงได้มากที่สุด สักพักเสียงหัวเราะเอ่ยแซวก็ดังขึ้นตามๆกันมาอย่างช่วยไม่ได้






        +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






        ผ่านไปสามวันแล้วที่รงคเพทไปทำค่าย พรุ่งนี้วันสุดท้ายที่หมอนัดศรรามให้ไปล้างแผล วันนี้ตารกาจึงมารับรามที่บ้านเวลาเดิม



        “พี่ตองเป็นไรป่าวครับ พารามไปหาหมอลำบากพี่รึเปล่า”  ศรรามที่วันนี้นั่งรถมาเห็นคนขับนั่งนิ่งไม่พูดจาเหมือนทุกวัน เริ่มใจไม่ดี



        “ป่าวหรอกราม พี่เต็มใจ”



        “พี่ตองมีไร บอกรามได้นะ” มือน้อยๆเอื้อมไปแตะหัวไหล่คนที่กำลังนั่งขับรถอย่างตั้งใจ



        “พี่แค่..เหงาๆหน่ะ”  เอื้อมมือไปดึงมือบนไหล่มาวางไว้บนตัก แล้วแทรกนิ้วไปยังช่องว่างระหว่างนิ้วของมือนั้น  และก็ได้รับการจับตอบมาแน่นๆอย่างให้กำลังใจ



        “เฮ้อออ เหมือนกันเลยนะพี่ตอง”  หัวคนตัวเล็กซบลงไหล่คนข้างๆ



        “แปลกนะ รามพึ่งรู้ว่าพี่ตองเหงาเป็น”



        “เราล่ะ แฟนไม่ดูแลรึไง”



        “โธ่ เป็นได้ก็ดีหน่ะสิ ฮึ!”  สงสัยจะเล่นแรงไปหน่อย คนตัวเล็กนอยด์หนัก ดึงมือหนีมองไปอีกทางเลย



        “โอเคๆ พี่ขอโทษแล้วกัน ไม่งอนนะ”  ยีหัวเด็กขี้งอนไปแรงๆ แต่เด็กขี้งอนก็ยังไม่หาย เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง



        จนขับรถมาถึงโรงพยาบาล คนที่เอาแต่หันหน้าไปอีกด้านไม่ยอมขยับไปไหน



        “ราม ถึงแล้ว หลับรึเปล่า”  ฟึบบ หันหน้ามาแบบ ชัดๆ เต็มๆ น้ำตาเอ่อนองเต็มใบหน้า ในที่สุดก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา



        “ชู่วว เป็นไรไปครับ โกรธพี่เหรอ”  เห็นท่าไม่ดี ตารกาคว้าคนร้องไห้ฟูมฟายมาไว้แนบอก และได้รับการส่ายหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ



        “ฮืออออ ฮืออออ รามเจ็บ อึก ”



        “ไม่เคยเลย รู้ว่ารามไม่สบาย แต่ไม่เห็นหน้าเขาเลย เขาไม่รักรามสักนิดเลยเหรอพี่ตอง ทำไมเพื่อนพี่ตองถึงได้ใจร้ายขนาดนี้”  พูดไป โวยวายร้องไห้ไปอย่างเจ็บปวด หยิกลงเนื้อตารกาเต็มๆอย่างทรมาน



        “ชู่ว ชู่วว ไม่ร้องนะราม พี่จะหาทางคุยกับมันให้ ตกลงไหม เงียบก่อนนะครับ”  เมื่อได้ยินตารกาพูดอย่างนี้ คนร้องไห้เริ่มคลายอารมณ์ลงได้บ้าง



        “ไม่เอาอ่ะ อึก รามไม่อยากให้เขารู้”  นั่นไง คิดถึงแต่ยังมีฟอร์ม



        “ค่อยว่ากันนะ ตอนนี้รามไปทำแผลก่อนดีกว่า เสร็จแล้วพี่จะพาไปกินไอติม”



        “*O* ปายย!!”  ได้ของมาล่อเพียงเท่านั้น คนป่วยรีบเปิดประตูออกไปทำแผลทันที




        เมื่อออกจากโรงพยาบาล ตารกาพาเด็กน้อยไม่ยอมโตไปกินไอศกรีมอย่างที่สัญญาไว้ มีของแถมเป็นการดูหนังรอบดึกต่ออีกเรื่อง แล้วจึงส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย






        ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






        “เรียง นอนไม่หลับหรือ”  พบรักที่เห็นรงคเพทนอนพลิกไปพลิกมา เอ่ยถามขึ้นในที่สุด ส่วนไอ้ยีน นอนกรนบ่งบอกว่าหลับสนิทไปแล้วเรียบร้อย



        “อือ คิดอะไรนิดหน่อย พบยังไม่หลับเหรอ”



        “คิดถึงต้นตองอยู่เหรอ”



        “…พบว่า…ถ้าเราปล่อยให้คนที่เรารัก มีความสุขโดยที่คนข้างๆเขาไม่ใช่เรา มันเจ็บแค่ไหนกัน”



        “เกือบตายเลยหล่ะ”  คำตอบที่ทำเอารงคเพทต้องหันหน้ามามอง แววตานั้นแสนเจ็บปวด รงคเพทเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ทำไมเรื่องถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ หากวันนั้นเขาไม่เจอต้นตอง เขาคงได้มีความสุขกับคนตรงหน้าไปนานแล้ว คงไม่ต้องมานอนน้ำตาตรมอยู่ทุกค่ำคืนแบบนี้



        “เราขอโทษ พบ”  ขอโทษจากหัวใจ นอกจากจะสังเวชตัวเองแล้ว ยังสงสารคนๆนี้เหลือเกิน รงคเพทไม่ได้ทำร้ายตัวเองเพียงคนเดียว แต่กลับต้องมีคนนอนเสียใจไม่ต่างจากเขา





        รักหนอรัก จะมีใครบ้างหนอ รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดจะมาเมื่อใด จะสร้างทุกข์หรือรอยยิ้มได้มากกว่ากัน ยากเย็นนัก ที่จะหยั่งถึง ที่มา และที่ไป



        “อย่าร้องไห้ไปเลยเรียง ผมขอร้อง ให้ผมได้อยู่กับเรียงคนเดิม คนที่มีแต่ความสุขได้ไหม”  อึก พบรักพูดขนาดนี้ รงคเพทจะไม่ร้องได้อย่างไรนะ



        “พบรัก เราคนเดิมที่เคยมีแต่ความสุขหน่ะ มันไม่มีอีกแล้ว”  ไม่น่าเชื่อ คนๆเดียว กับช่วงเวลาเพียงไม่นาน สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนของใครคนนึงได้ รงคเพทพูดออกมาด้วยใจจริง แม้ประโยคจะแสนเศร้า แม้น้ำตาใกล้ไหลลงมาเต็มที แต่กลับมีรอยยิ้มแต้มลงบนหน้าคล้ำๆในที่มืดบางๆ






        ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






        วันเวลาล่วงเลยไป มีหลายดวงใจที่กำลังสับสน ตารกาหลังจากหมดนัดที่ต้องพาศรรามไปทำแผลแล้วก็ยังคงวนเวียนมาหาเด็กชายตัวเล็กอยู่เสมอ หวังให้คนที่จากไปไกลกลับมาเร็ววัน เด็กชายตัวเล็กแม้แผลภายนอกจะหายไป แต่ภายในกลับกลัดหนอง สองหัวใจคอยเติมรอยยิ้มให้แก่กันและกัน ความรู้สึกบางอย่างที่หายไปหลายปี คล้ายว่าจะคืนกลับมาอีกครั้ง




        กับอีกสองดวงใจ ที่อยู่เคียงข้างกันแทบยี่สิบสี่ชั่วโมง เข้าใจถึงความรู้สึกของกันและกัน ว่าการปล่อยให้คนที่รักไปยืนเคียงข้างคนอื่นนั้นเจ็บปวดเพียงใด ช่องว่างทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกตรงกัน ตรงกันที่ความเจ็บปวด และหาทางเยียวยา ความเห็นอกเห็นใจเข้าอาละวาด ความใกล้ชิดจึงเริ่มก่อเกิดสัมพันธ์อีกครั้ง




        ความรักที่มั่นคง มีอยู่จริงหรือ หลายหัวใจกำลังต้องการคำตอบ







. . . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ..  . . . . . . . . . . . . . .. .  . . ..

สวัสดีค่ะ บทที่ 19.1 มาแล้วนะคะ และ 19.2 จะตามมาวันพรุ่งนี้ค่า  o18 o18 o18

ขอบคุณ คุณlucifermafis นะคะ ช่วยเชียร์พระเอกของเราด้วยนะคะ จริงๆแล้วต้นตองน่ารักนา  :-[ :-[
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่18 (01/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 04-04-2014 20:13:47
เดี๋ยวนะ. ขอเรียบเรียงอิมเมจเเรียงในใจสักครู่ แรกก็หล่อเข้มมาดโจร อ่านไปอ่านไปก็ออร่าเคะแมนๆ โศกบ้างพอเป็นพิธี แต่ตอนนี้หนูเรียงออกแนวแคะฮาต๋องๆไปแล้วอ่ะ อีกเดี๋ยวน้ำตาตกอีกเรอะ โฮ แต่เป็นตัวละครที่น่ารักดีนะ ชอบ  :mew3:
แต่เหมือนว่ายังไม่เคลียร์รออ่านตอนต่อไป



แอบกระซิบ  สำภาระ >>>สัมภาระ  เขียนแบบนี้นะมันถึงจะยกตามได้
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่19.1 (04/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-04-2014 21:36:19
เนื้อหาสมกันชื่อนิยายเลย

อึมครึมเหมือนหมอกไม่มีผิด

เปลี่ยนคู่ไปเลยเรียง-พบกะต้น-ราม เย้ๆๆๆ

//โหมดสติแตก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่19.1 (04/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 05-04-2014 00:39:18
เศร้าจิงๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่19.1 (04/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 05-04-2014 15:12:39
นิยายเรื่องนี้ทำเราชักดิ้นชักงอทุกตอน ลุ้นมาก :ling1: :katai1: :z3: :z13:



 :call:โอม จงหายอึมครึมเถิด
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่19.2 (05/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 05-04-2014 20:33:09
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๑๙.๒  หากว่าห่างไกล  ใครเลยจะล่วงรู้





        รงคเพทกลับมาแล้ว กลับมาพบกับคนสองคน ที่เข้าอกเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น สิบวันที่เขาไม่อยู่ อาจไม่ใช่แค่เขาที่หัวใจเหมือนกำลังสับสน



        “เรียง !! กลับมาแล้วหรือลูก”  คุณแม่ออกมาต้อนรับอย่างดีใจ



        “ครับแม่”  กอดคุณแม่อย่างคิดถึง ไม่นานไอ้ตัวดีก็วิ่งออกมา



        “เรียง !!!” น้องชายสุดที่รักวิ่งออกมาหน้าตายิ้มแย้ม พุ่งเข้ากอดพี่ชายหน้าโจรดัง ปึก!



        “เป็นไงล่ะ คิดถึงพี่อ่าดิ ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีใครพาไปกินติมใช่ป่ะเล่า”  เห็นน้องคิดถึงก็ดีใจ คิดถึงน้องเหมือนกัน อยากกลับมาเอาใจ ใจจะขาด



        “ใครว่า พี่ตองพาไปกินทุกวันแหล่ะ ไม่เห็นต้องง้อเรียงเลย”  …สะอึกกับคำบอกเล่าน้องชายเล็กน้อย ก่อนกลับมายิ้มทะเล้นเช่นเดิม 



        “เดี๋ยวนี้รักมันมากกว่าพี่แล้วรึไง เฮ้ออออ…” ยิ้มเสร็จแสร้งตีหน้าเศร้าเดินหนีไปอีกทาง ไอ้น้องชายตัวดีวิ่งตามมาติดๆ เกาะเอวอย่างหมีโคอาล่าเกาะกิ่งไม้



        “ไม่ เรียงอย่าทิ้งรามไปนะ ฟืดดด”  โอยๆ น้องน่ารักขนาดนี้ใครจะไปทิ้งละ แค่เห็นหน้าโลกสีหม่นๆก็สว่างขึ้นมาแล้วครับ แต่ขอแกล้งอีกหน่อยละกัน หมั่นไส้ ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าพี่



        “….”  เงียบ และพยายามแกะแขนน้องออก คล้ายอยากสลัดให้หลุดๆ



        “ไม่เอา ฮือออ เรียง ไม่เอาอ่ะ อย่าทิ้งรามไปอีกคนนะ ฮืออออ”  เหยย ร้องไห้เลยรึ นี่แกล้งนิดเดียวเองนะเฮ้ย



        “เห้ยๆ รามๆ ร้องไห้เลยรึ”  พยายามแกะมือน้องออกอย่างจริงจัง จะแกะแล้วหันหน้าไปคุย แต่น้องดันนึกว่าจะสลัดทิ้งร้องไห้โวยวายกันไปใหญ่



        “เรียง !! แกล้งอะไรน้องหน่ะ”  นั่นไงมาแล้ว คุณแม่ที่เคารพ งานงอกรงคเพทตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าบ้างเลยดิ



        “รามๆ มาหาแม่มา รามปล่อยพี่เรียงก่อน”  คุณแม่ก็พยายามแกะแขนหมีโคอาล่าออก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน



        “ไม่เอา เรียงจะทิ้งรามไปอีกแล้ว”



        “เห้ย เรียงป่าวนะแม่ …มานี่เลยไอ้ตัวดี ไม่ยอมปล่อยใช่ไหม”  จับคนยืนเกาะเอวยกตัวขึ้นให้อยู่ในท่าขี่หลัง แล้วแบกน้องเข้าบ้านพร้อมอีกสองมือหิ้วสัมภาระเข้าไปด้วย



        “เรียง ทามรายยยย”  หมีบนหลังเริ่มส่งเสียงท้วง



        “อยากเกาะพี่ดีนัก ต้องทำโทษ”  จากนั้นพี่ชายก็พาน้องชายไปลงโทษกันต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปลงโทษกันท่าไหน ลงมาอีกทีก็เย็น อาหารถูกจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อย และหนึ่งในสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดช่วยที่รงคเพทไม่อยู่ ก็ได้นั่งอยู่ด้วย





        สายตาสองคู่จ้องกันเป็นพักๆ วันนี้ดูลูกชายคนเล็กของบ้านจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี



        เมื่อทานข้าวเสร็จรงคเพทขอตัวขึ้นห้องทันที โดยให้เหตุผลว่าพึ่งมาถึงขอตัวไปพักผ่อนก่อน





        ก๊อก ก๊อก ก๊อก!



        “ใคร”  ไม่อยากเดาให้เศร้าใจเล่น ปกติรามไม่เคยเคาะประตู เพราะห้องมันเชื่อมกันอยู่แล้ว ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่จะขานเรียกเอามากกว่าเคาะ



        “……”  ไม่มีเสียงตอบกลับมา





        ก๊อก ก๊อก ก๊อก!



        “ใคร”



        “……”  ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับ



        “ไม่บอกว่าใครก็ยืนอยู่นั่นแหล่ะ”



        “….ผมเอง”  ผู้มาเยือนเอ่ยขึ้นจนได้รงคเพทเดินไปยืนอยู่หน้าประตูนานแล้ว เขาแนบมือลงบนบานประตู อยากออกไปหาคนหน้าห้อง ตั้งสิบกว่าวันที่ไม่ได้เจอไม่ได้ยินเสียงเลย คิดถึงจนใจแทบขาดอยู่แล้ว



        “มีไร”  ไม่ได้ ไม่สามารถเปิดออกไปได้ กลัวว่าตัวเองจะอดทนไม่ไหว



        “กลับมาไม่บอกผมสักคำ”



        “แม่ไม่ได้บอกเหรอ ว่ากูจะกลับวันไหน”



        “บอก แต่ผมอยากให้เรียงบอกเอง”  ยืนคุยกันโดยมีบานประตูขั้นกลางไว้



        “กูกลับมาแล้ว พอใจยัง”



        “…..”  เงียบ เงียบไปแล้ว สงสัยจะลงไปแล้วล่ะมั้ง



        “ต้นตอง ..ขอบใจที่ดูแลราม”



        “…..”  ลงไปแล้วสินะ






        “เห้ยย !!!”  เสียงโจรอุทานขึ้นเมื่อเห็นคนที่มันอยู่หน้าประตูเมื่อกี้ โผล่เข้ามาทางประตูเชื่อมไปห้องน้องชาย



        “ฮึ คิดถึงผมจนร้องไห้เลยรึไง”  มือหนาๆปาดไปข้างแก้ม เออว่ะ น้ำตาไหลมาเมื่อไหร่ไม่รู้ตัวเลย



        “กูเปล่า ฟืดด มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย ออกไปเลยนะ”



        “โอเค ผมไปก็ได้”  น้ำเสียงนิ่งจนน่าใจหายอีกแล้ว ไม่ปล่อยให้ต้องก้าวไปไหน พี่กับน้องไม่ได้ต่างกันเลย วิ่งไปกอดเอวคนเย็นชาเอาไว้ซะแน่น



        “ฮึ!”  เสียงค้อนถูกส่งผ่านลำคอ ตารกาพลิกตัวกลับมาและกอดรงคเพทตอบ แน่นไม่แพ้กัน



        “คิดถึงเรียงเหมือนกัน”





        ฟอดดดด





        เปล่า ไม่ใช่ตารกาเป็นฝ่ายหอม ไอ้โจรปากแข็งต่างหาก กอดไม่พอขอหอมอีกหน่อย คิดถึงจะบ้าตายอยู่แล้ว หอมจนแก้มใสปิ้งกลายเป็นจ่ำแดงๆ จนเจ้าของแก้มต้องรีบยกมือปิดแก้ม ไอ้โจรยังไม่ยอมแพ้ใช้มือสองข้างล็อคหัวเอาไว้แล้วจูบลงยังปากที่แสนคิดถึง



        “เรียง ใจเย็นก่อน ผมต้องกลับบ้านนะ” 



        “ต้นตอง รักกูป่าว”  แววตาฉายชัดถึงคำถาม ตารกาพยักหน้าแล้วเข้าจูบต่ออีกรอบ จูบดูดดื่มผ่านไปไม่นาน ศึกบนเตียงเริ่มเกิดขึ้น รงคเพทผลักตารกานอนลง และคล่อมอยู่ด้านบน



        “เรียง จะทำอะไร”  น้ำเสียงเริ่มเย็นชาขึ้น แม้จะหายใจแรงก็ตาม



        “มึงรักกู ก็ให้กูบ้างดิ กูก็อยากได้มึงเหมือนกัน!”  หน้าตาคนพูดจริงจัง ปากจมูกซุกลงที่ซอกคอขาววิงค์ทันที แต่ไม่นานกลับถูกผลักออกเต็มแรง



        “…..”  ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากตารกา แต่สีหน้ากลับเย็นชาขีดสุด เดินออกจากห้องโดยไม่หันหลังกลับมามองคนกำลังมีอารมณ์อยู่บนพื้นสักนิด





        มองผ่านหน้าต่างไม่นานก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถขับออกไปด้วยความเร็วสูง รงคเพทกำลังอึ้ง คนที่บอกว่ารัก บอกว่าคิดถึง ผลักเขาออกเต็มแรง เพียงเพราะเขาอยากเป็นฝ่ายกอดบ้าง เท่านั้นหน่ะหรือ นี่มันโกรธเขามากเลยสินะ ที่เขาอยากเป็นฝ่ายแสดงความรักบ้างหน่ะ





        ความไม่เข้าใจของรงคเพทเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ผ่านมาจากวันที่เขากลับจากค่ายเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตารกาไม่โทรหาเขาเลย เขาโทรไปก็ไม่รับ ไม่มาหาที่บ้าน แต่เขาก็ไม่ได้ไปหาที่คอนโด ยิ่งเนิ่นนานความกดดันยิ่งเพิ่มมากขึ้น







        วันรุ่งขึ้นรงคเพทนัดมีตติ้งกลุ่มเด็กค่ายที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านนี้สีสันน่ารัก รวมถึงมีขนมหวานให้เลือกมากมาย ทำให้เขาเกิดนึกถึงน้องชายขึ้นมา





        ตู๊ดดดดดดดดด ตู๊ดดดดดด…



        “เรียง ว่าไง”



        “ราม พี่อยู่ร้านขนมแหล่ะ น่ากินมากเลย รามอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม มีไอติมด้วยนะ หร่อยมาก” 



        “*O* อยากกินง่ะ แต่รามกลับไปไม่ทันแน่เลย”



        “ไมไม่ทัน พี่จะแช่ฟรีซไว้ให้ไง แล้วไปไหนเนี่ยเรา”



        “รามมาซื้อของกับพี่ตอง กลับคงค่ำๆอ่ะเรียง ต้องไปอีกหลายที่เลย”





        อึก …กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หายไปไม่ยอมติดต่อ ที่แท้ คงรับไม่ได้กับสิ่งที่ขอไปสินะ ฮึ…นี่หรือที่บอกว่ารัก เจอเรื่องเพียงแค่นี้ ก็หนีจากกันไปเสียไกลแล้ว แบบนี่เองหรือ ความรักของตารกา



        “อะ เอาเป็นว่าพี่แช่ฟรีซไว้ให้แล้วกัน รีบกลับล่ะ”



        “ครับ”  น้องชายวางไปแล้ว อยากกลับบ้านมันตอนนี้เลย ไม่ดิ ไม่อยากกลับ อยากไปหาที่ระบายมากกว่า หนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ได้ออกไปไหน ด้วยหวังว่าตารกาอาจหายโกรธแล้วพูดคุยกันดีๆ แต่เปล่า ไหนๆมันก็ไม่สนใจแล้ว คงต้องใช้อย่างอื่นย้อมใจ…ต่อสายหาไอ้กาวทันที ตั้งแต่ออกโรงพยาบาลมาก็หายหัวไปเลย เกาะติดเมียมันหนึบ ได้ข่าวจากไอ้ยีนว่าไปช่วยโอมคุมผับด้วยอีกต่างหาก



        “เชี่ยเรียง ว่าไงวะ หายไปนานเลยนะมึง”  โห ดูมัน ช่างกล้า



        “นี่มึงกล้าพูดเนอะ มึงนั่นแหล่ะหาย ไง ได้ข่าว ติดเมียอย่างเห็บ”



        “ไอ้ควาย พูดดีๆหน่อย อย่าพาดพิง”



        “บูชาไว้บนหิ้งเหอะ เมียมึงหน่ะ”



        “กูบูชาทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดมาก มึงมีไร ไม่เศร้าไม่เหงาไม่เซ็ง ไม่โทรหากูหรอก”



        “เออ เศร้าเหงาเซ็ง”



        “ดี!! มาเลยมึง เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”  นี่เพื่อนมีปัญหามันบอกว่าดี



        “มึงหรือเมียมึง หะ ที่จะเลี้ยงกู”



        “กูสิวะ กูไม่ให้ลำบากถึงโอมหรอก”



        “เออ เอาไงก็เรื่องมึง ยังไงคืนนี้ก็กูจะไปแดกฟรี เจอกันสามทุ่ม”  วางหูเสร็จก็กลับบ้านแต่งตัวหล่ออีกครั้ง ครั้งล่าสุดนี่เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาได้เข้าผับ





        รงคเพทกำลังจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ก็ได้ยินเสียงรถยนต์แสนคุ้นหูจอดหน้าบ้าน ไม่นานน้องชายก็เดินหิ้วของเข้าบ้านมา



        “เรียง ไปไหนอ่ะ”



        “เอ่ออ …ไปหาไอ้กาวมันหน่อย”



        “ไปหาพี่กาว ทำไมต้องแต่งตัวอย่างกับจะไปเที่ยวด้วย”



        “ก็ไอ้กาวมันดูแลผับให้แฟนมัน ก็ต้องไปหามันที่ผับไง”



        “แม่จ๋า !!! เรียงจะไปเที่ยวกลางคืน”  ไอ้หมีโคอาล่าตัวน้องตะโกนฟ้องแม่ เจอมือหนาปิดปากอย่างแรง



        อุบ.



        “เอียงงง อ่อยยย”  เมื่อตกลงให้เงียบได้ จึงยอมปล่อยมือจากปากไอ้ตัวเล็ก



        “ไปไมอ่ะ นึกว่าเรียงเลิกเที่ยวกลางคืนไปแล้ว”



        “นานๆทีน้องเอ๋ย พี่ก็อยากไปเที่ยวตามประสาผู้ชายบ้าง”



        “อ่ะ..”  โคอาล่าตัวน้องเดินไปค้นถุงๆนึง หยิบออกมายื่นให้โคอาล่าตัวพี่



        “โห เดี๋ยวนี้หัดโรแมนติกรึไง”  ยิ้มให้น้อง ดีใจ น้องซื้อกุหลาบมาให้



        “ป่าว พี่ตองฝากมาให้” - -



        “อือ ขอบใจ”



        “ขอบใจรามไม ไปขอบใจพี่ตองโน่น”



        “ขอบใจรามนั่นแหล่ะ ฝากเอาไปไว้ในห้องให้พี่หน่อยละกัน พี่ไปละ”





        นั่งแท็กซี่ไปจนถึงผับของโอม เดินเข้าไปพนักงานก็พาแขกวีไอพีคนใหม่ขึ้นไปนั่งที่วีไอพี ที่ตอนนี้มีไอ้กาวเพื่อนรัก และโอมเจ้าของสถานที่กำลังนั่งจับไม้จับมือ มองตากันกระหนุงกระหนิง เห็นแล้วไฟอิจฉามันแตกซ่าน



        “อะแฮ่ม”  เสียงเรียกคนสองคนให้มองมา มือที่จับกันอยู่ ถูกโอมสะบัดโดยอัตโนมัติ แต่ไม่วาย ไอ้กาวคว้ามากุมไว้ใหม่



        “หวัดดีเรียง ตามสบายเลยครับ ผมกำลังจะลงไปดูความเรียบร้อยพอดีเลย” ลุกขึ้นดึงมือตัวเองออกอีกครั้ง ทักทายรงคเพทเสร็จก็เดินลงไปจากแท่นบูชาทันที ปล่อยให้สมาชิกชมรมคนรักเมีย มองตามตาละห้อย



        “ไอเชี่ย เลี่ยนสัดๆ” 



        “เลี่ยนเหี้ยไร คนกำลังสวีท มาไม่ดูเวลาวะ”



        “มึงดิไม่ดูเวลา กูนัดสามทุ่ม นี่สามทุ่มแล้ว”  ไอ้กาวก้มมองนาฬิกาข้อมือ



        “เออ จริงด้วย สามทุ่มเป๊ะ สงสัยอยู่กับไอ้ตองเยอะสิมึง กลายเป็นคนตรงเวลาได้”



        “น้อง ! ” กวักมือเรียกพนักงานอย่างไม่สนใจคำพูดเพื่อน



        “อะไร ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอวะ”



        “เอออ อย่าพูดถึงมันเลย กูมาแดกฟรี”  หลังจากนั้นจึงสั่งเครื่องดื่ม จัดหนักพิเศษ กะเอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขงกันเลยทีเดียว





        นั่งคุยนั่งดื่มกับเพื่อนไปสักพัก โอมก็กลับมา เจอคนจัดหนักไม่ถึงชั่วโมง สติก็หายไปเรียบร้อย



        “กาว เตือนเรียงหน่อยสิ ซดเหล้าอย่างกับน้ำ เดี๋ยวได้ตายกันพอดี”



        “เห้ยๆ เชี่ยเรียง ใจเย็นหน่อยมึง ค่อยๆแดก อย่ามาตายคาร้านโอมกูนะ ไอ้เหี้ย”  โด่วว กูนึกว่ามึงห่วงเพื่อนไอ้กาว



        “เรียง ผมว่าเบาๆหน่อยไหม”  ไม่พูดเปล่า เห็นแฟนตัวเองไม่ทำอะไร จึงเอื้อมไปคว้าแก้วน้ำอำพันที่กำลังจะถูกกระดกเข้าปาก



        “โอม! มานี่ อย่าไปแตะมัน ใครอนุญาต”



        “โอยยย มึงจะมาหงุงหงิงอะไรกันตรงนี้วะ หนวกหู”  ไอ้กาวคนหวงเมีย ออกอาการอีกแล้ว ไอ้เรียงขี้เมาเลยด่าแม่ง



        “ไอ้เรียง กูรู้ มึงเครียด แต่มึงช่วยเพลาๆหน่อยได้ไหมวะ รอไอ้ยีนกับไอ้คุณหนูมันหน่อย เดี๋ยวมันก็มากันละ”



        “ไอ้กาว นี่มึงนัดพวกนั้นมาด้วยเหรอวะ ไม่บอกกู หะ!!”  เมาแล้วพาลซะงั้น



        “เออดิ กูเห็นนานๆมึงออกที เลยนัดมาให้ครบเซท”



        “เรียง แล้วไอ้ตองหายไปไหนครับ”  โอมถามขณะที่โดนไอ้กาวคว้าไปนั่งตัก แล้วเอาหน้าถูๆไถๆที่ลาดไหล่



        “หายหัว…หายไปเป็นอาทิตย์ สงสัยตายไปละ”



        “ผมว่าไอ้ตองมันน่าจะมีเหตุผลนะเรียง ทะเลาะอะไรกันหรือ”



        “มันแหล่ะ เลว จะง้อทั้งที ส่งมาแค่กุหลาบสีน้ำเงินห้าดอก กูคงหายง่ายๆหรอกนะ”  น้ำเสียง สำเนียงไปหมดแล้ว ลืมไปแล้วว่าคุยกับใครอยู่





        ไม่นาน ไอ้ยีนและพบรักก็มาถึง แต่รงคเพทยามนี้ ฟุบคาโต๊ะไปเรียบร้อย



        “อะไรวะ พวกกูพึ่งมา ไอ้เรียงไปซะละ”



        “กูบอกมันแล้ว แดกเหล้าแทนน้ำ มันอ่ะ”



        “เอาไงดีวะ”  ไอ้สองโจรมองหน้ากันอย่างไม่สบอารมณ์ ปกติก็คอทองแดงอยู่หรอก แต่สงสัยมันไม่ได้ดื่มนานเกิน





        “ผมพาเรียงกลับเอง”



        “อ่าว มึงพึ่งมาเองนะไอ้คุณหนู”  ไอ้กาวแย้ง



        “ไม่เป็นไรกาว เดี๋ยวผมมาใหม่ครับ”



        “เออ ดีๆ ฝากมันหน่อยละกันนะพบ”



        “ยีนไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมมา”  พบรักเรียกคนเมาฟุบโต๊ะให้รู้สึกตัว แล้วจึงพยุงออกจากผับไปอย่างลำบาก เมื่อขึ้นมานั่งบนรถสปอร์ตสุดหรูของพบรักแล้ว ก็พร่ำคำด่าใครบางคนยาวเหยียดเป็นหางว่าว





        ความสับสนก่อเกิดในหัวใจดวงน้อยของพบรักด้วยอีกดวง ดีหรือเลว หากว่ารักเข้าแทรกแล้ว ก็สามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อครอบครอง  หากว่าช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน รงคเพทมีแต่รอยยิ้ม แต่ทำไมพอกลับมาแล้วกลับต้องมีแต่น้ำตาด้วย ทำไมกัน ทั้งๆที่พบรักคือคนที่คอยเคียงข้าง ทำไมกันทั้งๆที่มาก่อน ทำไมคนที่เข้าไปนั่งในใจของเรียงถึงเป็นคนที่คอยทำร้ายเรียงอยู่เสมอ





        ขับรถออกไปด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง เหตุผลต่อสู้กับความรู้สึก ความดีความชั่วเจอกันตรงทางแยก ในที่สุด ขึ้นชื่อว่าความรักชนะทุกสิ่ง เช่นเดียวกัน ความรักของพบรักชนะทุกเหตุผล รถคันหรูวิ่งผ่านบ้านรงคเพทไป ขับต่อไปไม่นานก็เลี้ยวเข้าที่จอด ใช่ ตั้งแต่รู้จักกับแก๊งค์เดอะโจรมา สัญชาตญาณลูกผู้ชายก็ถูกปลุกขึ้นอย่างมาก อะไรหลายๆอย่างกำลังหล่อหลอมให้พบรักเปลี่ยนไป คอนโดนี้ก็เช่นกัน พบรักย้ายมาอยู่คอนโดตั้งแต่ช่วงแรกๆที่รู้ว่ารงคเพทเริ่มหลงรักตารกาเข้าให้ หากว่ารงคเพทรักคนเย็นชาเช่นนั้น เขาก็อยากเป็นบ้าง





        คนแข็งแรงพยุงดวงใจของเขาเข้าไปในลิฟต์ รงคเพทที่แทบไม่ได้สติ เอาแต่พร่ำคำด่าไม่ขาดตั้งแต่อยู่ในรถ เมื่อมาถึงในห้อง พบรักก็พารงคเพทนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ นำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้สดชื่นขึ้น ค่อยๆเช็ดไปตามแขน ใบหน้า ลำคอ ทำให้ด้วยความรักอย่างอ่อนโยน เมื่อเช็ดตัวเสร็จ จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดนอนแสนน่ารักของเจ้าของห้อง





        จำได้ว่าคนๆนี้เคยแอบขโมยจูบเขาครั้งนึง ตอนนั้นแม้ว่าจะงัวเงีย แต่ก็รู้ตัวบ้าง ทำไมกันนะ ทำไมรงคเพทต้องทำอย่างนั้น กับอีกหลายๆการกระทำ ที่ทำให้คนไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ต้องจิตใจสั่นไหว ความไร้เดียงสา ถูกคนที่นอนหลับสบายอยู่ตอนนี้ขโมยไปแล้วจนสิ้น





        นอกจากคอนโดนี้แล้ว พบรักยังเปลี่ยนไปอีกมาก ด้วยเรื่องที่ไม่มีใครรู้ ว่าคอนโดนี้ไม่เคยว่าง มีสาวน้อยสาวใหญ่มากมายคอยมาดูแล อยู่เป็นเพื่อนพบรักไม่มีขาด ความไม่รู้อะไร หมดไปแล้วจากคุณหนูคนนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงก้มลง ประกบจูบบนปากที่เคยจูบเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ผ่านมาแสนนาน จนแทบจำไม่ได้ รสจูบช่างหอมหวานกว่าใครๆ หัวใจที่เต้นแรงอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน มันทำให้คนเคยใจอ่อนเริ่มสติจางหาย และสันชาตญาณเข้าครอบงำแทนที่





        “อือออ อืมมมมม….”  คนนอนหลับ เริ่มมีสติอีกครั้งเมื่อเจอรสจูบอันช่ำชอง และจูบตอบด้วยไม่รู้ตัว
       









        กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงงงง



        “โอม มีไร”



        “ไอ้ตอง มึงทะเลาะอะไรกับเรียงวะ” 



        “กูมีปัญหานิดหน่อย แล้วมึงรู้ได้ไง”



        “วันนี้เรียงมาดื่มที่ผับกู ซดเหล้าอย่างกับน้ำ”



        “มึงดูไว้นะ เดี่ยวกูไป” 



        “มึงไม่ต้องมาแล้วเพื่อนตอง ไอ้พบพาไปส่งบ้านแล้ว”



        “มึงว่าไงนะ ขอบใจมากเพื่อน ไว้กูจะติดต่อไป”  ตารกาที่กำลังซุ่มทำอะไรบางอย่างเริ่มใจคอไม่ดี รีบโทรเข้าบ้านรงคเพททันที







++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
        “สวัสดีค่ะ”



        “สวัสดีครับคุณน้า”



        “อ้าวคุณต้นตอง มีอะไรหรือคะ”



        “เรียงถึงบ้านรึยังครับ”



        “ยังเลยค่ะ เห็นรามบอกเรียงเขาออกไปเที่ยวกับเพื่อน คุณต้นตองมีอะไรหรือเปล่าคะ”



        “เปล่าครับ ถ้าเรียงกลับบ้านคุณน้าช่วยบอกเรียงโทรกลับหาผมด้วยนะครับ”



        “ได้ค่ะ เดี๋ยวน้าบอกให้นะคะ”



        “ขอบคุณมากครับ”





        เวลาช่างเดินช้าเหลือเกินในความรู้สึก ตารกาใจคอไม่ดี รู้อยู่ถึงพฤติกรรมลูกชายเพื่อนแม่ที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เจ้าตัวปิดไว้ทำทุกอย่างคล้ายคนเดิม แต่จะมีอะไรเล็ดรอดสายตาคนอย่างตารกาได้





        รอมาจนเกือบเที่ยงคืน ยังไม่มีโทรศัทพ์จากบ้านรงคเพทติดต่อกลับมา ตารกาจึงเป็นฝ่ายโทรกลับไปอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่รับ ตารกาเล่าเรื่องให้ศรรามฟังโดยยังไม่ให้บอกคุณแม่ว่ารงคเพทหายตัวไป ตารกาออกไปตามหาที่คอนโดของรงคเพทแต่ก็ไม่พบ …..และคงจะเหลืออีกเพียงที่เดียวที่เขาต้องไป







. . . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . .  . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . . . . .

มาแล้วค่ะ จุดสองมาแล้ว มาแบบ  :a5: :a5: :a5: ฮ่าฮ่าฮ่า

ขอบคุณ คุณkuntค่ะ สรุปได้เลยนะคะ เรียงเป็นพวกผีเข้าผีออกค่ะ แต่คนประเภทนี้ส่วนมากจิตใจดีนะคะ ^______^

ขอบคุณ คุณbulldog17ค่ะ อุ่ยย อิอิ อย่าพึ่งสติแตกค่า อารมณ์แบบนี้ต้องฟังเพลงนี้เลยค่ะ>> หมอกหรือควัน - ป๋าเบิร์ด  :impress2:

ขอบคุณ คุณ omyim_jjjค่ะ  :hao5://ยื่นทิชชู่

ขอบคุณ คุณlucifermafisค่ะ ฮิฮิ ใจเย็นๆก่อนนะคะ // ส่งฮอนคูลไป 55555555
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่19.2 (05/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-04-2014 22:47:04
แปลงร่างเป็นจิ้งจกแอบติดตามตารกาไป ลุ้นๆ
ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตาม ^_^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่19.2 (05/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 07-04-2014 02:10:31
โอเค.....(อมฮอลคูลที่ส่งมาให้)  :hao5: สงบๆ โอม ขอให้หนูต้นตองทันทีเถอะ ขอให้เรื่องมันสดใสขึ้นเถิด :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่20 (09/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 09-04-2014 21:07:52
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๒๐  ผนึกกลางใจ  ใครเลยจะล่วงรู้





        เฟอร์รารี่คันคุ้นตาเปิดไฟเลี้ยวผ่านไปจอดด้านในคอนโดสุดหรู ที่ๆตารกาใช้เวลาเพียงไม่นานในการค้นหา แต่จะใช่ที่นี่แน่หรือ ไม่รอช้า หนุ่มหล่อหน้าใสปิ๊งที่ดูปิ๊งกว่าเดิมไปอีก กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหน้าล็อบบี้



        “ขอโทษครับ..”



        “คุณตารการึเปล่าคะ”  พนักงานที่หันหลังเมื่อหันหน้ากลับมาก็ทักตารกาขึ้นทันที



        “ใช่ครับ ไม่ทราบว่า”



        “นี่ค่ะ คุณพบรักฝากให้คุณ”  พนักงานสาวยื่นกุญแจและคีย์การ์ดให้คนหล่อ ด้วยมือที่สั่นน้อยๆ เห็นจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธความหล่อของตารกาได้เลยสินะ



        “ขอบคุณครับ”  ตารการับมาและขอบคุณอย่างรวดเร็ว คีย์การ์ดบอกเลขห้องอยู่แล้ว ตารกาไม่รอช้า เข้าไปด้านในทันที คอนโดนี้หรูหราเรียกได้ว่ามากกว่าของเขาด้วยซ้ำ มีชั้นสำหรับวีไอพีโดยเฉพาะคือชั้น 28 และ 29 ที่มีห้องสูทใหญ่ทั้งชั้นเพียง 4 ห้อง ห้องตามบัตรคือ291 ชั้นยี่สิบเก้าห้องหมายเลขหนึ่ง





        ตารกามายืนอยู่หน้าห้องสุดอลังการ อะไรกัน คนทำอะไรไม่เป็นอย่างพบรัก ไม่น่าจะชอบของใหญ่โตขนาดนี้ แต่ก็ไม่น่าแปลกหรอก คนเรามันเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว





        ไม่เสียเวลาเคาะ มีกุญแจและคีย์การ์ดอยู่ในมืออยู่แล้ว ไขเข้าไปทันที ด้านในมีห้องย่อยให้เลือกเปิดเข้าชมอีกหลายห้อง หากแต่ว่าคนอย่างตารกาไม่ต้องใช้เซนส์มากก็รู้แล้วว่าห้องไหนควรเป็นห้องที่พบรักเลือกใช้เป็นห้องนอน





        มือเรียวค่อยๆเปิดประตูห้องออก อย่างที่คาดไว้ ห้องนอนจริงๆ หากแต่มืดไปหน่อยมองอะไรไม่ชัด ตารกาเปิดแสงจากโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่เพื่อหาที่เปิดไฟแต่หาเตียงที่มีคนนอนอยู่ และในที่สุดเขาก็ได้พบ





        แสงสีขาวลางๆจากโทรศัพท์สาดให้เห็นใครบางคนที่แสนคุ้นเคย นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงกว้าง สองเท้าย่างก้าวเข้าไปช้าๆ ส่องไฟไปตามใบหน้า ลำคอ และ..ร่างกายเปล่าเปลือย ที่บัดนี้ถูกแต้มด้วยสีแดงสลัว






        โทรศัทพ์ในมือร่วงหล่นลงทันตา หัวใจหมาป่าเดียวดายสั่นระรัว จังหวะพร้อมกับสองมือ ไม่สามารถอีกแล้ว ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีก กระทั่งหัวใจ และ..หยาดน้ำบริสุทธิ์ ไม่เคยหลั่งรินให้ผู้ใด ความเจ็บปวด เสียใจแล่นริ้วผ่านทรวงอก หลั่งรินออกทางดวงตาเป็นสาย ไม่มีอะไรกั้นได้อีก ไม่ไหวแล้ว เก็บอะไรไม่ไหวอีกต่อไป หัวใจที่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ็บ บัดนี้ถูกขโมยไปแล้วจนสิ้น อะไรหนอ ดั่งเตารีดร้อนจัดทับลงก้อนเนื้อที่เต้นเป็นจังหวะแรงและช้าสลับกันในขณะเดียว มอดไหม้ ปวดร้อน





        ความร้อนแผดเผาลุกลามมากระทั่งสายน้ำตา หลังมือลูบไปตามโหนกแก้มจรดปลายคาง ลมหายใจคลับคล้ายคลับคลาว่าจะหมดลงเสียตรงนี้  อีกเพียงนิดเดียว หัวใจพยัคฆ์จะแตกสลายโดยสมบูรณ์แบบ หากแต่แสงสลัวจากดวงจันทร์บัดนี้ส่องมาให้เห็นว่าดวงใจกำลังปรือตาขึ้น จ้องมองมาด้วยแววตาเลื่อนลอย





        ดวงตาสองคู่ที่แตกต่าง ปรับสายตาให้สามารถมองเห็นในความมืดได้สำเร็จ คนมีสติครึ่งๆกลางๆมองหน้าคนที่เขาแสนรักอย่างไม่เข้าใจ เพียงเห็นว่ากำลังร้องไห้ หัวใจดวงน้อยก็แทบแหลกสลายไม่แพ้กัน สองมือเอื้อมขึ้นเช็ดน้ำตาให้ พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย ปากก็พร่ำบอกว่าอย่าร้อง แต่ตัวเองกลับร้องเองเสียอย่างนั้น



        “เป็นไร ฮือออ ฮือออ ร้องไห้ไม”  ถามไป ปลอบไป ร้องไป ไม่เคยเห็นคนๆนี้ร้องไห้ เสียใจอะไรขนาดนั้นนะ สติไม่ครบ เหตุผลที่คอยขั้นกลางจึงหายไปหมดสิ้น



        “…..”  ความเงียบยังคงปกคลุม ให้คนไม่เข้าใจสถานการณ์เริ่มเกิดความเครียด แหกปากร้องไห้ลั่น …เท่านั้นแหล่ะ คนที่เอาแต่ร้องไห้เงียบๆให้อีกคนคอยเช็ดน้ำตาให้ หยุดชะงักลง



        “ขอโทษนะเรียง ผมขอโทษ TT^TT”  เอ่ยขอโทษและพรมจูบทั่วใบหน้า รวมถึงคราบน้ำตาของคนเมาที่เอาแต่อาละวาดไม่หยุดสักที



        “ไม่เอา ไม่เอา ต้นตองขอโทษไมหน่ะ อย่าร้องๆ เห็นไหมป๋มยังไม่ร้องเลย”  พูดไปก็กลั้นน้ำตาไป ตาใสแจ๋วจ้องมา เม้มปากแน่นไม่ยอมร้องไห้อีก เหอะๆ ท่าทางประหลาด เรียกรอยยิ้มบางๆทั้งน้ำตาให้แก่ตารกาได้เป็นอย่างดี



        “กลับบ้านกันนะ”  ขนาดตัวไม่ใช่ปัญหา แม้ความสูงจะเท่ากัน แต่น้ำหนักตารกาคงสู้โจรห้าร้อยคนนี้ไม่ไหว จะให้อุ้มไปแบบในหนังเห็นทีสังขารคงไม่ให้ พยุงไปก็แล้วกัน






        ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






        ตัวสำรอง โหมด





       Jaguar XK V8 Coupe สีดำเคลือบเงามันแปร๊บ แล่นไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ขับผ่านบ้านเรือนไปเรื่อย อย่างไรจุดหมาย ขณะที่คนขับกำลังปล่อยให้ลมเย็นๆยามราตรี พัดผ่านใบหน้าให้หายหมองเศร้า มือขวาจับพวกมาลัย ส่วนมือซ้ายกำลังปลดปล่อยความรู้สึก ที่ก่อเกิดขึ้นเมื่อครู่






        ไม่ว่าสิ่งที่พบรักตัดสินใจจะถูกหรือไม่ เขาก็เลือกแล้ว รงคเพทคือคนที่เขารัก รักด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ โดยไม่หวังอะไรไปมากกว่านั้น หากว่าความสวยงามของจิตใจพบรักยังหลงเหลืออยู่ นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่พบรักจะแสดงออกมา ต่อจากนี้ไป คงไม่มีใครได้รับอีก ไม่ว่าจะเป็นความน่ารัก แสนดี ความหวังดี หรือหัวใจแสนบริสุทธิ์ ที่แหลกละเอียดครั้งแล้วครั้งเล่า





        “ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อออออออ ….พอกันที !!!!!”  เสียงตะโกนสนั่นทุ่งหญ้าที่ขับผ่าน พร้อมกับปล่อยความอัดอั้นที่ถูกกักเก็บมานานหลายนาที พร้อมกำแพงน้ำแข็งแสนแกร่งกล้าที่ก่อตัวขึ้นในขณะเดียวกัน





        “วู๊ววววว ….!!!!!!”  เปร่งออกมาอย่างสุดเสียง พร้อมกับเร่งความเร็วเต็มที่ เปิดเครื่องเสียงระดับสูงสุด จุดสิ้นสุดมาเยือนแล้ว พบรัก โฉมใหม่ กำลังเดินทางมา …และคนเก่า ที่ถูกกักขังไว้ ในซอกหลืบที่ลึกที่สุด






        +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






        ตุบ !!



        “ขอบใจมาก พวกนายไปเถอะ”



        “ครับ คุณชาย”



        “เรียง ถึงแล้ว”  วางคนตัวหนักลงบนเตียงดังตุบ



        เสียงใครคุยกันหน่ะ รงคเพทปรือตาขึ้นเล็กน้อย เมื่อครู่พอตูดติดเบาะรถตาก็ปิดลงทันที มารู้สึกตัวอีกที ก็นุ่มที่หลังซะแล้ว



        “อืออ ที่ไหนวะ”  แอลกอฮอล์หล่อเลี้ยงเส้นเลือดมาหลายชั่วโมง สติมึนเมาเริ่มจางหายไปบ้าง



        “บ้านผมเอง…เรียงนอนเถอะ เดี๋ยวผมปิดไฟให้”  แสงไฟสว่างทำให้คนที่ตื่นเต็มตา เผลอมองร่างกายตัวเอง และก็พบว่าเกิดรอยบางอย่าง และที่แน่ใจที่สุด ไม่ใช่ฝีมือเจ้าของบ้านหลังนี้



        “เดี๋ยว!!”  มือหนาคว้าแขนเสื้อคนกำลังจะลุกไปปิดไฟ  เรื่องราวเมื่อครู่เริ่มไหลวนเข้าสู่สมอง พยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยิ่งนึกยิ่งปวดหัว



        “นอนเถอะเรียง”  มือสวยจับทาบลงไปยังมือที่กำลังสั่นตรงแขนเสื้อ บอกด้วยเสียงอันอบอุ่นอย่างที่รงคเพทไม่เคยเจอ และเมื่อเจอ ก็ทำให้โจรห้าร้อย เกิดใจสั่นไหว เกิดความคับแน่นในอกกะทันหัน



        “จะทิ้งเราไปอีกแล้วเหรอ”  พูดไปแล้วใจมันก็แน่นๆ อยากร้องไห้ออกมาซะจริง นี่กูอ้อนมันอยู่รึเปล่าวะ



        “…”  ตารกาเพียงยิ้มให้ เอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วกลับมานอนกอดคนบนเตียง และหลับตาลง



        “ต้นตอง”



        “หืม”



        “ไม่ทำเหรอ”  จุ๊บ ! ถามพร้อมจุ๊บข้างแก้มไปหนึ่งทีเบาๆ



        “เรียงเหนื่อยมากแล้ว พักเถอะนะ”  ประโยคเหตุผลจากตารกาด้วยความจริงใจ แต่คนคิดมากคิดไปไกลถึงรอยแดงๆบนตัวเสียนี่



        “รังเกียจเหรอ …อึก TT”  ไปแล้ว อาการน้อยใจ รักเขามากนี่นะรงคเพท



        “เรียง …”  ปึก !!! ตบลงที่ต้นแขนอีกฝ่ายอย่างแรง จนตารกาสะดุ้งดึงแขนหนี ส่วนไอ้คนจิตยุ่งเหยิงทรงตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็มีแขนที่ถูกตีเมื่อครู่คว้าไว้ไม่ให้ไปไหน



        “ปล่อยเลย …มึงเกลียดกูแล้วนี่ เนี่ย! เนี่ย! เนี่ย! ใครทำก็ไม่รู้ กูไม่ได้เต็มใจสักนิด”  เอะ อะ โวยวาย ชี้นู่นนี่นั่นตามร่างกาย



        “เรียง คิดมากไปแล้ว ผมไม่ได้รังเกียจเลยนะ แค่อยากให้เรียงพักผ่อน”



        “ไม่เอา กูไม่พัก จะทิ้งกูอีกกี่ครั้ง หะ!!”  ดิ้นไม่หยุด เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากตารกา และเมื่อไอ้ตัวดีได้ยิน ฝ่ามืออรหันก็ตบเข้าเต็มแขนอีกรอบ



        “อูยยยย ผมไม่ได้ทิ้งนะเรียง ผมมีเหตุผล”



        “กูไม่เอาเหตุผล อะไรก็เหตุผลๆ กูไม่ต้องการรรรร”  งอแง ง้องแง้งไป ใช่ว่าตารกาจะยอมปล่อยแขนออกง่ายๆ



        “เรียง..ใจเย็นก่อน ฟังผมก่อนสิ”  ไม่ยอดปล่อยให้คนดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอด ส่วนคนดื้อหันกลับมาแล้วเริ่มทำบางอย่างที่เจ้าตัว คนที่มีสติร้อยเปอร์เซ็นไม่มีวันกล้าทำ





        มือหน้าลูบไปตามลำแขนที่โอบรอบตัวเขาอยู่ ลูบไล้อย่างเบามือจนในที่สุดอ้อมกอดก็คลายลง เมื่อเกิดช่องว่าง รงคเพทไม่รอช้าจับแขนบิดและผลักอีกคนล้มกับเตียงทันที



        “โอ๊ย …เรียง !!”  เล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้สลิงไม่ใช้สตั้น ตารการ้องโอดโอยเพราะแขนถูกบิดจนเจ็บของจริง



        “ตองไม่ทำใช่ไหม เรียงทำเอง” อูยยยย พูดเพราะแปลกๆด้วย ไม่ธรรมดา อะเหย ไม่ธรรมดา…



        คนคึกคะนองเพราะฤทธิ์เหล้าและฤทธิ์รัก จับข้อมือคนในความฝัน ติดกันและผูกด้วยเข็มขัดติดหัวนอนไว้



        “เรียง อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!!” ตารกาที่กำลังดราม่า ตามอารมณ์คนที่จับเขามัดไม่ทันจริงๆ สงครามขนาดย่อมๆจึงเกิดขึ้น



        “ทำไมอ่ะ คราวแล้วก็หนีไปเพราะงี้ไม่ใช่เหรอ แค่นี้รับไม่ได้ ตองรักเราจริงป่าว …เรารักตองจริงๆนะ”  ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ รงคเพทแสร้งทำหน้าใสซื่อสุดๆ และเริ่มลง(ปาก)จัดการกับร่างตรงหน้า (นี่เข้าข่ายทำอนาจารสุดหล่อในที่ส่วนบุคคลไหมนะ)



        “เรียง!!”  ปากหนาประกบปากสวยอย่างกระหายอยาก ใครว่าตารกาเป็นแบบนี้ได้คนเดียว รู้จักรงคเพทน้อยไป จินตนาการไปเองคนเดียวถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ดูดกลืนริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนส่งลิ้นที่ยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์นิดๆติดอยู่เข้าไป ให้คนถูกจูบเคลิบเคลิ้มไปด้วยได้ไม่ยาก





        ไม่ปล่อยให้มือต้องว่างนาน มือด้านหนึ่งบีบเค้นไปตาม แขน เนินอก ลำตัว จับคนแต่งตัวเต็มยศ ถอดออกอย่างรวดเร็วแทบฉีกทิ้ง จากนั้นจึงใช้ทั้งสองมือเฟ้นอย่างเมามันไปตามร่างกาย โดยคนถูกกระทำไม่ได้ร้องขัดขืนมากมาย เพียงนอนนิ่งๆหอบหายใจแรงตามไปด้วยเท่านั้น





        ลิ้นผละออกจากโพรงปาก แลบเลียไปตามใบหน้าขาวที่บัดนี้คงแดงระเรื่อเช่นทุกครั้งที่เขาได้เห็น ดูดกลืนตามผิวแก้ม หน้าผาก คิ้วหนา จรดปลายคาง จากนั้นจึงเลื่อนลงมาตามซอกคอ ซูดดมสลับกับปากซุกไซ้ไม่ยอมหยุดแม้แต่วินาทีเดียว





        ไม่นานปลายลิ้นและจมูกที่สูดดม ก็จัดการกับทุกส่วนของร่างกายคนถูกมัด สูดเข้าเต็มปอดแม้กระทั่งยอดอกสีหวาน ที่ไอ้โจรใจทรามทั้งดมทั้งดูดอยู่เป็นเวลานาน ไม่เพียงเท่านั้นมือทั้งสองยังคงสะกิด บีบตรงปลายแล้วงับเข้าปากอีกครั้ง ทำจนหนำใจ เจ้าตัวจึงเลื่อนลงมาไล่เลียไปทั่วอย่างไม่ยอมหยุด ตั้งแต่ท้องน้อย หลุมสะดือและขาหนีบ ชิมจนคนถูกกระทำถึงกับสั่นน้อยๆ เลียวนรอบบริเวณน้องชายสุดที่รักของตารกาอยู่สักพัก ก็เอื้อมมือมารูดขึ้นลง เต็มความยาวของวัตถุต้องสงสัย ใช้นิ้วจับตรงเกือบปลาย แล้วส่งปลายลิ้นเลียไปยังส่วนปลายของคนนอนสั่น ดูดเลียอย่างคนกินไอศกรีมที่เริ่มจากปลาย และก็ได้พบน้ำหวานที่ไหลเยิ้มออกมาให้ได้ลิ้มชิมรสในที่สุด





        ส่วนอ่อนไหวของคนถูกกระทำแข็งแรงเต็มกำลัง เส้นเลือดปูนโปนจนเห็นได้ในความมืด เรียกรอยยิ้มของคนมือไวใจเร็วได้เป็นอย่างดี ตารกาหลับตาพริ้ม หากว่าคืนนี้ต้องสูญเสียสิ่งที่รักษามานานให้แก่คนๆนี้ ก็ไม่เป็นไรหรอก หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ทำใจไว้แล้วว่าสักวันวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่ก็ยังกลัวไม่หาย เพราะรักมากเช่นกัน จึงฝืนใจเอาเรื่องที่เกิดขึ้นปรึกษากับศรรามอยู่ตลอดสัปดาห์






        แต่แล้วความคิดของตารกาก็ต้องถึงกับชะงัก เมื่อคนด้านบนเขาตอนนี้หย่นก้นงามๆลงมาสวมน้องชายที่กำลังแข็งแรงเต็มกำลังเรียบร้อย



        “ซูดดดดดดด”  เสียงสูดปากอย่างเสียวซ่านเกิดขึ้นทันที แต่สีหน้าคนด้านบนตอนนี้คงเจ็บไม่น้อย



        เจ็บ !!???



        “เรียง…”  เรียกทั้งๆที่อารมณ์กำลังพุ่งทะยานเมื่อคนด้านบนเริ่มขย่มทีมิดด้าม



        “อือออ”  ไม่นานคนด้านบนก็เริ่มเกิดอารมณ์ขึ้นมา อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ช่วยปลุกอารมณ์ให้ด้วย



        “เมื่อกี้….อาาาา…เรียงเจ็บรึเปล่า”  ถามทั้งๆที่ปากไม่อยากขยับพูดออกมาสักนิด



        “เจ็บสิวะ ถามได้ !!”  ตะคอกกลับมาซะงั้น ไหงเมื่อกี้ยังตองๆเรียงๆอยู่เลย



        “ฮึ ฮึๆๆๆ”  ตารกาหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาซะงั้น ดีใจชะมัด



        “อือออ เห็นกูเจ็บยังมีหน้ามาหัวเราะอีกเร๊อะ!!”  นั่นไง จะไม่ให้หัวเราะได้ไง ก็คนมันดีใจ



        “เรียง…อืออ สุดยอดเลย”  คำเอ่ยชมคนทำถูกใจ เร่งจังหวะคนด้านบนให้เร็วขึ้นไปอีก




        “อา อาาาาา อืออออ….ซืดดด”  เสียงครางดังมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ปัญหา สุดที่รักอยากร้องอยากคราง ก็จัดมาเลย ห้องนอนห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงอยู่แล้ว




        “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊า !!!”  คอนเสิร์ตดังอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาที ก็เงียบไป ด้วยปลดปล่อยออกมาแล้วกันทั้งคู่




        คนขย่มด้านบนเมื่อครู่ฟุบหน้าลงบนอกขาวที่บัดนี้เต็มไปด้วยเหงื่อกลิ่นหอมกระตุ้นแรงเสน่ห์หาจากรงคเพทได้อย่างดี ยันอกเพื่อดันตัวเองขึ้นเริ่มยกสองกันต่อ แต่กลับถูกตารกาท้วงไว้




        “เรียง …แกะมือให้หน่อย”  คนหอบเหนื่อยปรือตามองคนหน้าใส ยิ่งเหงื่ออาบหน้ายิ่งอยากได้เข้าไปใหญ่ เอื้อมมือขึ้นไปแกะเข็ดขัดออกจากข้อมือให้ เมื่อมือทั้งสองเป็นอิสระ สุดหล่อก็จับเอวคนด้านบนไว้ไม่ให้ลุกไปไหนได้



        “ตองปล่อยเลย อีกรอบนะ จุ๊บ” 



        “เรียง…ทำไมถึงไม่กอดผมล่ะ เมื่อกี้ก็ทำได้นี่”  ตารกาถามสิ่งที่ค้างคาใจ เขาอุตส่าเตรียมใจมาแล้วแท้ๆ



        “เรียงรักไง ไม่อยากให้ตองต้องเจ็บเหมือนเรา”  คำพูดที่พูดออกมาจากหัวใจ ไม่มีอะไรปิดกั้น แสนจะตรงไปตรงมา เรียกอารมณ์คนกอดอยู่ด้านล่างให้พลุ่งพล่านขึ้นยิ่งกว่าคนพูดเมื่อครู่เสียอีก



        แม้อารมณ์จะพลุ่งพล่านแต่ก็อยากทำให้คนที่ตนรักมีความสุข



        “ท่าเมื่อกี้ชอบไหม”




        “อืมม สุดยอดมากเลย ชอบ”  เมื่อได้ยินดังนั้น มือทั้งสองข้างคนที่หลังติดฟูกก็จับเข้ากับก้อนกลมๆสองอันสุดนุ่มมือ คนด้านบนคงรู้สึกได้ ว่าอะไรบางอย่างด้านในเริ่มขยายตัวอีกครั้ง จึงยันมือกับท้องขาวแล้วขยับสะโพกตัวเองตามสภาพอารมณ์




        จำไม่ได้ว่าคนของขึ้นหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คนถูกรีดพิษเผลอหลับไปตั้งแต่ยกที่ห้า ที่พิษถูกรีดออกไปแล้ว ไม่รู้ไปดื่มอะไรมา ยาดองก็ไม่น่าจะใช่ ตื่นมาอีกที ก็เจอชายสุดร้อนแรงเมื่อคืนนอนหลับอยู่บนอก มิน่า เมื่อคืนนึกว่าผีอำ หายใจไม่ค่อยออก





        สองมือค่อยๆเสยผมแสนยุ่งของคนบนอก ขยับให้คนบนอกค่อยๆลงไปนอนข้างๆแทน หากนานกว่านี้เกรงว่าตารกาอาจกลายเป็นกล้วยทับก่อนสมหวังได้


        นอนนึกอะไรเรื่อยเปื่อยสักพัก คนแรงม้ากระทืบโรงเมื่อคืนก็ตื่นมาได้สติ



        “อืออออ ฮ้าววววว!!”  หาวได้ไม่อายฟ้าดินอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ดูเลยว่ามีใครนอนอยู่ข้างๆ เมื่อตาเปิดจึงสะดุ้งที่เห็นคนนอนข้างๆ



        “ตื่นแล้วเหรอ” 



        “อือ”  ตอบไปงั้น แล้วเรื่องราวเมื่อคืนก็ไหลวนเข้ามาจนได้ ความอับอายแล่นลิ้วขึ้นหน้า ทำให้ใบหน้าโจรห้าร้อยแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้ 



        “หิวรึยัง เข้าห้องน้ำก่อนไหม”  ไม่พูดเปล่า คนตื่นก่อนลูบมือหนาอย่างเบาๆ มองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม




        โอยยยยยยยยยยย !!! นี่มัน ….เขินวุ้ยยยย มันจะหวานเกินไปแล้ว ไอ้ต้นตองงงงง





        ทำอะไรไม่ถูก หายใจยังลำบากเลย อยากเอาหน้ามุดดินหนีมันจริงๆ ยิ่งเห็นแววตาแพรวพราวยิ่งอายตัวเอง ทำไปได้ไงวะ แม่งอย่างกับเด็กสาวใจแตก



        “…..”




        “งั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมพาไป”




        “……”  พูดไม่ออก ความอายตัวเองมันจุกคออยู่ จึงค่อยๆลุกขึ้นตามคนคอยพยุง แล้วก็ต้อง





        วืดดดด….   ตุบ !!!




        เข่าอ่อนกลางอากาศ เนื่องจากอาการปวดตุบๆอย่างรุนแรงบริเวณช่องทางลับ เมื่อเริ่มรู้สึกตัว อาการโวยวายก็เกิดขึ้นจนได้





        “ไอ้ต้นตองงงง !!!”  ฮ่าฮ่าฮ่า จากนั้นคงไม่ต้องเดา สารพัดคำบอกรักจากรงคเพทกระแทกเข้าหูตารกาเป็นชุดๆ แต่ละคำไม่พ้นใต้สะดือทั้งนั้น



        แม้จะด่า จะเจ็บเพียงใด ก็ไม่วายมีต่ออีกชุดในห้องน้ำ สนุกสนานกันไปตลอดวัน   :hao6: :hao6: :hao6:











. . . . . . . . . . . . . .. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .. .  .

สวัสดีค่ะ บทที่่ 20 มาแล้วนะคะ เหลืออีก 4 ตอนจบแล้ว : )

ตอนนี้ อยากเขียนบนโศกเยอะๆ ไปๆมาๆกลายเป็นบนเสียบเยอะแทนซะงั้น 55555555


ขอบคุณ คุณkuntค่ะ ฮ่าฮ่า เรามาช้าไปไหมเนี่ย ถ้าเป็นจิ้งจิกนี่ต้องเป็นจิ้งจกเรืองแสงนะคะ ตอนนี้มืดกันเกือบทุกฉากเลย ^___^
ขอบคุณ คุณlucifermafisค่ะ ตอนนี้สดใสแล้วนะคะ สดใสแบบ อาเหื้อมากเลยด้วย(สดใสแบบอาเหื้อมันเป็นไงนะ) อิอิอิ หวังว่าคงถูกใจนะคะ  o13


ขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่20 (09/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 09-04-2014 22:07:09
อิอิ อีก4ตอนจบ จะจบละจริงๆดิ =[]=
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่20 (09/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 10-04-2014 00:02:07
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:


ร้อนแรงจิงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่21 (12/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 12-04-2014 21:08:37
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๒๑  โอ้ใจเอ๋ย  ใครเลยจะล่วงรู้




        ฝาผนังไม้สักแกะสลักลวดลายต่างๆ ใหญ่โตอลังการสี่ทิศ ทำเอาคนแปลกหน้าผู้พึ่งเคยมาเยือนห้องหนังสือของคฤหาสน์ประพาพงษ์สกุลต้องอ้าปากหวอ แม้ว่าจะมีห้องแสนหรูหราอีกมากมายที่เจ้าของบ้านพาเดินดู แต่ห้องนี้กลับถูกใจรงคเพทมากที่สุด อาจเพราะการใช้ไม้ในการประดับ ทำให้นึกถึงกลิ่นอายความเป็นพื้นเมือง ไม่เหมือนห้องอื่นที่ได้รับความเป็นยุโรปไปเต็มๆ



        “จ้องกล้องวงจรปิดทำไมหน่ะเรียง”  ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่บนผืนไม้สักที่สลักเป็นรูปดอกไม้ ตรงกลางคล้ายถูกเคลือบด้วยทองคำ ทำเอาโจรตาลุกวาว จนตารกาต้องทักเอา



        “ทองจริงป่ะ?”  ถามอะไรไม่คิด ตารกาเดินไปนั่งบนเก้าอี้บุนวมสีน้ำตาลหน้าตาธรรมดา แต่คาดว่าราคาคงแพงกว่าตู้เย็นที่บ้านเขาแน่ เจ้าชายแห่งคฤหาสน์จ้องมองโจรใจกล้าด้วยรอยยิ้ม



        “จับดูดิ”  ผู้ตื่นตลึงหันมามองหน้าสุดหล่อที่นั่งมองบนเก้าอี้ กลืนน้ำลายลงคอเรียบร้อยจึงลองเอื้อมมือไปลูบๆลงบนแผ่นทอง



        วี๊ด วี๊ด วี๊ด …   



        O[]O



        เสียงสัญญาณดังขึ้นลั่นห้องทันที คนทำความผิดหน้าซีดเผือดวิ่งทั่วห้องหาที่เอาหัวซุก เพื่อหลบความผิด



        “เรียงทำไร ฮะฮะ”  เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจากคนบงการทำเอาคนลุกลี้ลุกลนเหลือบมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ



        “หลอกกูนี่หว่า ทำให้มันหยุดดิ”  มาแล้ว จำเลยมายืนเท้าสะเอวหน้าเจ้าชายผู้เลอเลิศ เลยโดนคว้าเอวให้มานั่งแหมะอยู่บนตัก



        “ผมปิดมันไม่ได้หรอก เดี๋ยวสักพักคงมีคนเข้ามาดูความเรียบร้อย ^^”  พูดมาได้ว่าเดี๋ยวมีคนมา ทั้งๆที่ตอนนี้กำลังอยู่ในท่าล่อแหลมแท้ๆ



        “ก็ปล่อยดิ อื้อ ไอ้บ้า”  ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ตารกาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เพียงจ้องหน้าและจับหัวคนบนตักซุกลงกับอก มือไม้ที่ยังเหลือรอด ปัดป่ายไปทั่ว โดนบ้างไม่โดนบ้าง แต่สุดท้ายก็ถูกกอดแน่นจนขยับไม่ได้



        “มีคนมาเห็นว่าไง ผู้ชายตัวควายๆกอดกัน”  บ่นงุ้งงิ้งอยู่บนอกกว้าง อ้อมกอดเริ่มคลายลง มือทั้งสองของคนถูกหลอกจึงอ้อมไปโอบรอบเอวคนกอดไว้แทน



        “ผมก็จะบอกว่าผมถูกล่อลวง”



        “อือ เอางั้นก็ได้” …คำตอบแสนธรรมดาแต่กลับสร้างรอยยิ้มให้อีกคนได้เป็นอย่างดี



        “แล้ว..เมื่อไหร่จะคนปิดจะมาอ่ะ”  กอดกันไปสักพัก ก็ยังคงไม่มีใครเข้ามา จนคนถูกกอดต้องถามขึ้น



        “เดี๋ยวก็มามั้ง …ถ้าเรียงพูดเพราะๆกับผม”  ก้มหน้าลงมาจ้องคนบนอกด้วยแววตาวาววับ



        “มึงมันขี้โกง”  ด้วยความหมั่นไส้ ทุบหลังสุดหล่อไปทีดัง ปึก! หาได้กระทบกระเทือนต่อตารกาไม่



        “ไม่พูดเพราะๆ ก็อยู่กันงี้แหล่ะ”



        “อือ”  รงคเพทอยากจะเอาหน้ายัดกล่องโฟมซะจริง อยู่ดีๆทำไมหน้าร้อนก็ไม่รู้



        “อือไร ไหนพูดเพราะๆดิ”



        “ก็อือไง พูดเพราะยังไงเล่า”



        “ก็เรียกตองว่าตอง แล้วก็เรียกเรียงว่าเรียงไง”  พูดจบก็ดันคนบนตักให้ลุกขึ้นนั่งมองหน้ากัน ซึ่งคนบนตักมันคงเขินจริงๆ ถึงเอาแต่เสมองทางอื่น



        “อือ”  ดูมัน ดูมันเขิน โจรห้าร้อยขวยเขิน โอ้ ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก (- - ไม่เกี่ยว)       



        “อือก็เรียกดิ่”



        “……”  ยังคงเงียบ คนขี้อายซบลงบนอกอีกครั้งแล้วจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ



        “…ตอง”  เรียกไม่เรียกเปล่าๆ มือนั่นจิกลงบนหลังตารกาซะแรง



        “ครับ ว่าไง”



        “เมื่อไหร่คนจะมาปิด” 





        ฉากต่อไปกรุณาปิดตา หากท่านใดคาดว่าจะรับไม่ได้





        คำถามจากผู้อาศัยไม่ได้รับคำตอบจากท่านเจ้าของ หากแต่ว่าสายตาทั้งสองกำลังจ้องสบกันอย่างลึกซึ้ง แววตาทั้งคู่วูบไหวคล้ายคุยกันผ่านนัยน์ตาได้ คนบนตักลูบลงบนหน้าผากโหนกได้รูปอย่างเบามือแล้วจึงเลื่อนลงมาลูบไล้บนริมฝีปากที่ไม่เคยมีครั้งไหนพูดคำหยาบออกมา แม้จะถูกโจรใจดำด่าว่าเพียงใดก็ตาม ความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง ชายตรงหน้าเขาตอนนี้มีพร้อมและเขาก็โชคดีที่ได้มาอยู่ตรงนี้และกลางใจของชายสมบูรณ์แบบคนนี้ ความปิติก่อเกิดในหัวใจ รงคเพทไม่เคยรู้มาก่อน ว่าความรู้สึกแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขาได้ ความรู้สึกที่ว่า…อยากหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้ก็พอ ไม่ให้นานกว่านั้น น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆไหลลงมา หากแต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เพราะความกลัวเสียมากกว่า กลัวว่าจะจืดจาง กลัวว่าวันคืนจะล่วงเลยจนต้องแยกจากกันไปอีก





        น้ำตานั้นไหลไม่ถึงปลายคางก็ถูกนิ้วเรียวๆของคนตรงหน้าบรรจงเช็ดออกให้ โดยที่ดวงตาไม่ได้ละออกจากกันเลย ริมฝีปากหยักหนาของคนบนตัก จุมพิตลงตรงหน้าผากขาว ประทับความรู้สึกทั้งหมดไว้ด้วยหัวใจอันมั่นคง คนโลเลหลายใจ ใครคนนั้นตายไปแล้ว ตายไปพร้อมๆกับใครอีกคนเข้ามาแทนที่ คนที่พึ่งรู้พึ่งเข้าใจ ว่าไม่สามารถละสายตาจากใครคนนั้นได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน





        จะมีผู้ชายแท้คนไหนกล้าจินตนาการว่าสักวันอาจต้องมานั่งบนตักผู้ชายด้วยกัน และหลงรักเขาจนสุดหัวใจเช่นนี้ ไม่เคยคิด ไม่เคยคาดเดา ไม่เคยเข้าใจว่าใครบางคนจะมีอิทธิพลต่อชีวิตได้มากขนาดนี้





        คนร้องไห้หยุดไปแล้ว หลงเหลือไว้เพียงความรู้สึกล่องลอยบางเบาอยู่รอบกาย หน้าผากและปลายจมูกทั้งคู่ค่อยๆชิดกันพร้อมหลับตาลง…เนิ่นนาน จนแทบลืมว่าหายใจอยู่ ไม่มีคำพูดใดถูกเปล่งออกมา มีเพียงการถ่ายทอดความรู้สึกส่งผ่านให้กันและกันเท่านั้น



        “ตอง..” 



        “ครับ..”



        “คือว่าเรียง..”  คำพูดแสนน่ารักจากคนที่หน้าผากกำลังชิดกันอยู่เรียกรอยยิ้มบนแก้มของทั้งคู่



        “หืม..จุ๊บ”  เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูด ตารกาจึงขโมยจูบเบาๆไปหนึ่งที   



        “เมื่อกี้..เรียงเห็นต้นมะม่วงในสวนบ้านตองอ่ะ มัน …น่ากินมากเลย”  เอริ๊กกกก …อารมณ์อ่อนไหวเมื่อครู่หายวับไปกับตา



        “ฮึๆ เอาสิ เดี๋ยวตองบอกคนสอยมาให้”  ปากก็บอกว่าเดี๋ยวให้คนสอยมาให้ แต่มือเลื้อยเข้าไปในกางเกงอีกฝ่ายแล้ว



        “ตอง..เรียงอยากกินมะม่วงอ่ะ”



        “ได้กินแน่เรียง แต่ตอนนี้กินกล้วยไปก่อนนะ” OoO  ต้นตองเข้าขั้นแอดวานซ์  ทำเอาคนฟังหูแดงขึ้นไปอีก



        “ไหนอ่ะ…….>///<  ”  ถามออกไป และได้คำตอบโดยการที่เจ้าชายสุดหล่อดึงมือคนบนตักวางลงบน ‘กล้วย’  ที่กำลังสุกงอมแข็งแรงได้ที่



        พลั๊วะ !!




        มืออีกข้างที่ว่าง ฟาดลงบนหน้าขา เฉียดกล้วยไปนิดเดียว



        “ไม่กินกล้วยก่อน ตองไม่ให้มะม่วงนะ ฟอดด”  นำมือที่วางลงบนกล้วย ถูๆไถๆไปตามขนาดความกว้างและยาวของกล้วยผ่านกางเกงตัวหนา



        “ต้นตอง….ทำไมตอนแรกไม่เห็นเป็นงี้เลย”  งง รงคเพทงง ตารกาไม่เห็นว่าจะมีเค้าโครงหื่นกามสักนิด นี่อะไร มีไวใจเร็วชะมัด แม้จะว่าออกไป แต่มือก็ยอมตามเขาไปซะงั้น



        “ฟอดดด”  ไม่ตอบ ไม่แก้ตัว หอมแก้มคนถามอีก



        “เป็นงี้บ่อยไหมเนี่ย” 



        “ไม่บ่อย…เป็นกับเฉพาะบางคน”  คำตอบแสนหวาน แต่รงคเพทมันคิดไปแล้ว ว่าบางคนที่พูดถึงคงคืออีกหลายคน ความคิดส่งผลต่อมือที่ลูบๆถูๆกลายเป็นนิ่งงัน



        “เรียง…”  คนอารมณ์กำลังคุกรุ่น ร้องเรียกคนที่อยู่เฉยๆก็นิ่งลง  จ้องลึกลงไปในแววตา ตารกาก็ได้คำตอบ ยกยิ้มอย่าเหนือกว่า



        “อย่าหึงตองนักเลย เรียงยิ่งหึงตองยิ่งมีอารมณ์นะ” 




        “โรคจิต”



        “ฮึฮึ”  คนเจ้าเล่ห์แถมโรคจิตด้วย กดคนปากดีให้นั่งลงบนพื้นแล้วจัดการแกะกระดุมกางเกงออก ปล่อยกล้วยอันเขื่องออกมาสู่สายตาคนที่นั่งได้ระดับพอดี เมื่อเห็นขนาดที่โตเต็มที่ รงคเพทถึงกับกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ






        ไอ้โรคจิตส่งนิ้วเรียวๆหนึ่งนิ้วเข้าไปในปากคนนั่งบนพื้น ดึงเข้าออกสักพักจึงเปลี่ยนเป็นสอง แล้วค่อยๆดันหัวคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสทางปากให้ใกล้เข้ามา เพื่อกินกล้วยได้สะดวก ตารกาดึงมือออกจากปากและส่งกล้วยเข้าปากแทน คนได้กินกล้วยตกใจน้อยๆแต่ไม่ได้ปฏิเสธ ค่อยๆจูบไล่เลียลิ้มชิมรสกล้วยพันธุ์ยักษ์ที่อยู่ในช่องปาก แม้จะไม่เคยทำมาก่อน แต่เมื่อถูกเจ้าต้นกล้วยชักนำ ไม่นานก็เริ่มจับจังหวะถูก






        การปรนเปรอเร่งอารมณ์ของต้นกล้วยจนแทบขาดสติ มือทั้งสองข้างยึดหัวคนข้างล่างไว้และขยับเข้าออกด้วยความแรงและเร็ว ต้นกล้วยที่กำลังว่ายน้ำ ใกล้เต็มทีที่จะถึงฝั่ง ซอยไม่ยั้งจนลืมนึกถึงฝ่ายที่รองรับ






        ก๊อก ก๊อก ก๊อก



        !!!!



        คนนั่งพื้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะก็สะดุ้งพยายามจะดันกล้วยในปากออก แต่คนกำลังซอยกล้วยกลับไม่รู้สึกตัว ฟันคมๆจึงกัดกล้วยยักษ์ในปากไปหนึ่งที เป็นเหตุให้น้ำในกล้วยทะลักออกมาเต็มช่องปาก



        “แค๊ก แค๊ก แอ๊ก!!!”  สำลักน่ากลัวจนไอ้ต้นกล้วยตกใจ ของเหลวสีขาวเปรอะเต็มใบหน้า และก็ได้ยินเสียงเคาะประตูในที่สุด





        ตารกาหยิบทิชชู่เช็ดน้ำเหนียวๆออกให้อย่างรวดเร็ว จัดการติดกระดุมกางเกงและวานคนที่พึ่งผ่านศึกมาเมื่อครู่ให้ไปเปิดประตูให้ คนถูกวานส่งสายตาอาฆาตมาแต่ก็ยังเดินไปเปิด



        “ครับ”  เมื่อประตูเปิดออก ชายชุดดำสองคนก็เดินเข้ามาด้านใน ตรงไปยังแผ่นทองบนผนังแกะสลัก






        รงคเพทหันกลับไปหาตารกาแต่ตารกาอยู่ๆก็หายไป เขามองหาและเห็นเงาแวบๆอยู่ที่โต๊ะทำงานใหญ่ โจรห้าร้อยเดินไปที่โต๊ะทำงาน พบตารกานั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะก็หัวเราะ ตารกาเรียกให้รงคเพทนั่งลงบนเก้าอี้ และเขาก็ทำตาม






        นั่งก้นยังไม่ทันติดเบาะ ซิบกางเกงก็ถูกมือปริศนาจากใต้โต๊ะรูดลง จากนั้นทั้งกางเกงและชั้นในก็หายวับไปกับตา



        “เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นที่นี่ครับ”  คำถามจากชายคนหนึ่งที่หยิบอุปกรณ์มาทำอะไรสักอย่างกับแผ่นทองคำ



        “ผมลองเอามือไปถูมันหน่ะครับ”  รงคเพทตอบหน้าซีดๆ คนใต้โต๊ะมันจะทำอารายหน่ะ เมื่อกางเกงหายไปกับสายลมแล้ว ไม่รอช้า ปากที่จูบเขาเมื่อครู่ครอบลงยังไอ้น้องเล็กของรงคเพททันที



        “ประมาณกี่โมงครับ ที่คุณเริ่มเข้ามาที่นี่”  คำถามยังคงถูกส่งมา



        “บะ บ่าย โมง ฮะ ฮื่อ”  เมื่อครอบปากลงได้ ไม่รอช้าพ่อเลี้ยงไอ้น้องเล็กครูดปากขึ้นลงอย่างเร็วและเป็นจังหวะ จนคนที่กำลังตอบคำถามต้องจิกเท้าลงกับที่พักเท้าอย่างยากลำบาก



        “คุณสบายดีรึเปล่า”  เจ้าหน้าที่เห็นสีหน้ารงคเพทไม่ค่อยดี เม็ดเหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้า โดยเจ้าตัวถูกสันนิฐานไปแล้วว่ากำลังกลัวความผิดจนตัวสั่น สายตาจากเจ้าหน้าที่จึงไม่ละจากหน้าโจรนั้นเลย



        “อ๊า โอเค โอเค๊ฮะ ผม ฮึก แค่ร้อนๆ เห้อๆ”  ตอบอย่างลำบาก ที่ต้องสะกดอารมณ์ คนที่กำลังปฎิบัติการลับอยู่ใต้ดินก็ช่างใจร้าย ขยับโพรงปากอย่างไม่เกรงใจใคร



        “ผมจะไปเร่งแอร์ให้”  เดินเฉียดไปปรับอุณหภูมิให้คนร้อน แต่สายตายังจ้องพฤติกรรมแปลกๆของเจ้าตัวอยู่



        “ดีขึ้นไหมครับ”



        “ครับ ครับ ดี อึก ขึ้น ”  >--< มือจากคนด้านบนเริ่มจิกหัวคนแกล้งด้านล่างแล้วด้วยไอ้น้องเล็กคงอยากขึ้นฝั่ง



        “ครั้งหน้าขอความกรุณาอย่าแตะต้องตรงจุดนี้นะครับ เพราะจุ..”



        “อ๊า !!! ….อุบ”  เมื่อเผลอร้องเสียงประหลาดออกมา มือทั้งคู่จึงรีบปิดปากทันที คนด้านล่างหยุดขยับช่องปากแล้ว ทั้งๆที่คนด้านบนยังไม่ถึงฝั่ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นลงลิ้นบริเวณช่องทางลับหรรษาแทน 



        “คุณฟังผมอยู่รึเปล่าครับ”  เจ้าหน้าที่เริ่มเกิดความตึงเครียด แต่คนบนเก้าอี้กำลังจะร้องไห้ นี่มันต้องแกล้งกันขนาดนี้เลยเร๊อะ



        “คระ ครับ ผมฟังอยู่ อะ พูดต่อเลยครับ” ลิ้นจากด้านล่างเริ่มชอนไช หวังเข้าด้านใน ยิ่งลิ้นส่งลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ น้ำตาจากคนอดกลั้นยิ่งเล็ดออกมามากเท่านั้น



        “ครับ เพราะจุดๆนี้เป็นจุดที่สำคัญและไวต่อสัมผัสมาก หากคุณเอานิ้วไปสัมผัสโดนมันจะดังขึ้นทันที”



        “ใช่ครับ โดนแล้วร้องเลยครับ”  ขาทั้งขากำลังเกร็ง เกร็งจนเส้นเลือดแทบปูดโปน คนด้านล่างเมื่อส่งลิ้นเข้าไปได้จึงเปลี่ยนเป็นนิ้วที่ส่งเข้าไปทีละนิ้วๆ และมืออีกข้างก็รูดขึ้นลงที่ไอ้น้องเล็ก



        “ถูกต้องครับ”



        “เสร็จ จะเสร็จ…อึก”  มือทั้งสองข้างของบุคคลใต้ดินขยับถี่ยิบ จนเริ่มเกิดเสียง ผึบ ผับ!



        “ครับ ใกล้เสร็จแล้วครับ….เรียบร้อยครับ กรุณาทำตามคำแนะนำด้วย”



        “อือๆ”  โบกมือให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองรีบออกจากห้องไป เมื่อห้องปิดสนิทนิ้วและมือจากด้านล่างที่ทำการบ้านอย่างขยันขันแข็ง ก็ได้รับค่าตอบแทนเป็นน้ำสีขุ่นที่พวยพุ่งออกมาราดรดลงบนหน้าขาวใสวิ๊ง โดยบางส่วนที่คาปาก ถูกกลืนลงคอจนหมด



        “แฮ๊กก แฮ๊ก !!”  เสียงหอบหายใจยาวจากคนบนเก้าอี้



        บุคคลลึกลับใต้ดินเมื่อได้รับค่าตอบแทนจนพอใจจึงโผล่หัวขึ้นมาจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่ จัดการเช็ดคราบที่เหลือออก และส่งยิ้มให้คนเหนื่อยจัด



        “ป่ะ ไปเก็บมะม่วงกัน”



        “โอ่ยยย แฮ๊ก แฮ๊ก แฮ๊ก เกร็งสาดด!!”  พูดจาลำบาก น้ำลายจุกอยู่ที่ลำคอ ตารกาเห็นแล้วยิ่งหัวเราะชอบใจ ปล่อยให้หอบสักพักจึงดึงตัวให้ลุกใส่กางเกงและเดินลงไปเก็บมะม่วงที่สวนด้วยกัน










        “ลูกนั้นๆ โน่น! โห่ ยื่นไปสูงๆอีกดิ เอ้อ! ลูกนั้นแหล่ะ”



        ตุบ!!!



        มะม่วงสีเขียวอมเหลืองกลิ้งตกหลังจากถูกตะกร้อสอยลงมา โดยคนที่สอยมะม่วงให้ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าชายเจ้าของบ้านนั่นเอง ตอนแรกก็จะให้คนดูแลสวนช่วยสอย แต่โจรห้าร้อยไม่ยอม ถ้าตารกาไม่เป็นคนสอยให้ทำท่าจะงอนลูกเดียวเลย จนในที่สุด คุณชายของบ้านก็ต้องมาทำหน้าที่คนสวนให้แก่แขกวีไอพี



        “เย้ !!! เอาอีกนะ”



        “เรียง ตองว่ามันก็เยอะแล้วนะ”  มองดูมะม่วงที่สอยมาได้สี่ตะกร้าวางอยู่บนพื้น แต่รงคเพทยังยืนกระต่ายขาเดียวเต็มที่ว่าไม่พอๆ



        “แต่เรียงอยากได้อีก”  เหอะ! ไอ้โจรสิบแปดมงกุฎ มันตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอีกแล้ว ทำหน้าหงอยแบบนี้ คุณชายตารกาจะไปทนอะไรได้ ยอมสอยต่อให้อย่างทุลักทุเล เฮ้ออออ โดนเอาคืนจนได้



        สอยไปเรื่อยๆตั้งแต่ใกล้ค่ำยันฟ้าเริ่มมืด มะม่วงใกล้หมดต้นโน่นแหล่ะ ถึงพอใจไอ้โจรสุดที่รักเขาหล่ะ



        “เรียงกลับบ้านเลยนะ ขอบคุณมากสำหรับมะม่วง”



        “กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ เดี๋ยวผมไปส่ง”



        “ไม่เอาอ่ะ บ้านตองใหญ่ เรียงไม่กล้า”



        “โธ่เรียง ผมอุตส่าให้มะม่วงจนหมดต้นเลยนะ กินข้าวกับผมหน่อย”  ก็อยากกินข้าวกับสุดหล่อของเขาอยู่หรอก แต่คฤหาสน์นี้ใหญ่มากจนรงคเพทเริ่มกลัวคนในบ้านจริงๆหน่ะสิ เพื่อนตารกาส่วนใหญ่ก็คนระดับเดียวกันทั้งนั้น



        “อย่าคิดมากเรียง คุณพ่อกับคุณแม่ผมไปดูงานที่ฟินแลนด์ เย็นนี้มีแค่เรากับน้องชายผม”



        “อา เอางั้นก็ได้”






        มื้อค่ำ ณ คฤหาสน์ประพาพงษ์สกุล เป็นไปอย่างเรียบง่าย อาหารบนโต๊ะไม่ได้หรูหราอย่างที่รงคเพทคาดเดาไว้ อาหารแต่ละอย่างธรรมดา แต่รสชาตินั้นเรียกได้ว่าอร่อยห้าดาว มื้อเย็นวันนี้มีกระจก น้องชายของตารกามากินข้าวด้วย 



        “ดูแลกันดีขนาดนี้ ใครไม่รู้จะคิดว่าเป็นแฟนกันได้นะพี่ตอง”  ประโยคสะกิดใจคู่ฮันนีมูนที่ตักกับข้าวแลกกันอยู่สองคนบนโต๊ะ



        “ฮึฮึ คิดว่าไงล่ะ”



        “คิดว่าถ้าเป็นความจริง พี่ตองคงถูกไล่ออกจากบ้านแน่”



        “พี่จะปล่อยให้นายฮุบสมบัติคนเดียวได้ไง”  คำพูดขำขันของสองพี่น้อง แต่สำหรับรงคเพทแล้วมันช่างแทงใจ จริงอย่างที่กระจกว่า หากคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าชายของเขารู้เรื่องพวกเขาเข้า ตารกาคงถูกไล่ออกจากบ้านแน่นอน



        “ผมจะฮุบกระทั่งจอมขวัญของพี่เลยแหล่ะ ฮ่าฮ่า”



        “กระจก !”



        “ได้ข่าวว่าถึงไทยแล้วด้วยนะพี่ตอง อีกไม่นานคงได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”



        “ไม่ได้เป็นหรอกกระจก พี่มีคนรักอยู่แล้ว”



        “คนรักของพี่ตอง….หวังว่าคงเป็นผู้หญิงนะ”  คำพูดเรียบเฉย เห็นหน้ากระจกยามนี้แล้ว แววตาไม่ต่างจากตารกาโหมดโหดสักนิด และแม้จะพูดกับพี่ชาย แต่สายตากลับจ้องมองมายังอีกคนที่นั่งข้างๆพี่ชาย



        “เดี๋ยวนายก็รู้”  ไม่แน่ใจว่าไอ้โจรคิดไปเองหรือเป็นอย่างนั้นจริงๆ ดูสายตาของกระจกที่มองมาคล้ายไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย ให้ความรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้



        เมื่อมื้อเย็นจบลงตารกาไปส่งรงคเพทกลับบ้าน



        “ส่งแค่นี้ก็พอ”



        “ครับ ถ้าตองถึงบ้านจะโทรหา”  รงคเพทเดินลงรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อรถแล่นจากไปใบหน้ายิ้มแย้มกลับหุบลง คล้ายอยากร้องไห้เสียมากกว่า 





        เบื่อตัวเองเหมือนกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรของเขา ตัวเราก็เก็บเอามาคิดซะหมด ยิ่งประโยคที่ฝังอยู่ในหัว…ประโยคที่สุดหล่อคุยกับน้องชาย ไม่รู้ทำไมมันถึงได้สะเทือนใจโจรๆได้ขนาดนี้





. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .. . . . . .. . . . . . .. . . . . . . .. . . . .. . . . . . . .. . . . . . . . . . . .. . . . .. . . . . . . .


มาแล้วค่ะ บทที่ 21 ^____^ 

ขอบคุณ คุณSorsoค่ะ ใกล้จบแล้วค่า อิอิ  จบตอนของเรียงแล้วตอนต่อไปจะตามมาเลยค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ  :L2:

ขอบคุณ คุณomyim_jjj ค่ะ มาซะเลือดท่วมเลย  :z1:


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ  :กอด1: :กอด1: อยากให้เรื่องจบแบบไหนรีเควสได้นะคะ ๕๕๕
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่21 (12/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 12-04-2014 22:06:29
แค่กๆ อารมณ์หวานสะดุด หวังอย่างเดียวตอนนี้คือตอนจบแฮปปี้เอนดิ้งนะค้าาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่21 (12/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 12-04-2014 22:33:34
เห็นชื่อก็รีบชะแว่บเข้ามาเลย

โจรเรียงน่คิดมากเนอะ แต่มันก็น่าคิดจริงๆนั่นแหละนะ

เอ๊ะ?? หรือว่าต้นตองจะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ยังไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่21 (12/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 12-04-2014 23:14:04
โอย หนูเรียงงงงงงง อ่อนไหวซะน่าสงสาร (หนูเป็นนางเอกเต็มตัวละ อิมเมจแรกหมดกันแล้ว)  :mew4:
ต้นตองนี่เผยธาตุแท้อีกอย่างละ จากต้นตองกลายเป็นต้นกล้วยเพื่อกล้วยว่ายน้ำ  :mew5:

คนแต่งอยากให้จบยังไงตามใจคนแต่ง รับได้ทุกอย่าง :o12:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่22 (15/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 15-04-2014 20:17:47
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๒๒  ใช่ฉันหรือไม่  ใครเลยจะล่วงรู้






        ใครว่าความรักชนะทุกสิ่ง สำหรับรงคเพท ความคิดต่างหากที่ชนะทุกสิ่ง ความสวยงามของชีวิต มีเข้ามาแล้วย่อมมีออกไป เป็นเรื่องปกติของธรรมชาติ เมื่อวานยังคงยิ้มได้ก็จริง แค่เพียงข้ามคืนทุกอย่างคล้ายมลายหายไปจนหมดสิ้น



        เมื่อเช้าสุดที่รักของเขาพึ่งโทรมาบอกว่าติดธุระ ไม่รู้ว่าเป็นธุระประเภทไหนตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้วยังไม่โทรมาเลย 










        “เป็นอะไรรึเปล่าเรียง”



        “เปล่าแม่ กินข้าวเถอะฮะ”  เช่นกันกับหลายวันต่อมา คนที่ไม่เคยต้องห่างกันนานๆกลับหายหน้า โทรมาเขาก็รับบ้างไม่รับบ้าง แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะใยดีอะไรเมื่อเขาไม่รับ




        ทุกอย่างเดินมาถึงจุดแตกหัก วันเกิดไอ้เพื่อนยีน ไอ้ยีนไม่อยากให้ทุกอย่างโอเวอร์ จึงฉลองวันเกิดโดยเลี้ยงเพื่อนที่ร้านอาหารเล็กๆแต่บรรยากาศหรูหราไม่ใช่ย่อย แสงไฟสลัวกับดนตรีโฟล์คซองเย็นๆ ยิ่งได้เจอเพื่อนสภาพอารมณ์รงคเพทดีขึ้นมาก ยิ่งคอได้แตะกับแอลกอฮอล์อ่อนๆแล้วด้วย ความฟุ้งซ่านจึงถูกกดเก็บไว้ในส่วนลึกที่สุด วันนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ไอ้กาวมีเมียแล้วแยกกันได้




        นั่งได้ไม่นานสายตาทุกคนบนโต๊ะก็เหลียวไปมองชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเข้าร้านมาใหม่ ไม่ใช่เพียงโต๊ะเขาที่ต้องมอง โต๊ะอื่นๆในร้านก็ไม่มีใครไม่แลได้ ทั้งคู่โดดเด่น ทั้งการแต่งกายแม้จะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับวัยรุ่นคนอื่นแต่บุคลิกและรูปร่างหน้าตานั้นกินขาด เหมาะกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก สีผิวที่ละม้ายคล้ายกัน รวมถึงความใสกิ๊ง ยิ่งเมื่อฝ่ายหญิงเผยรอยยิ้ม ชายในร้านทุกคนคล้ายต้องมนต์ให้ติดอยู่ในภวังค์ 




        หนุ่มเล็กหนุ่มน้อยต่างพากันอิจฉาบุรุษผู้ที่นั่งลงยังฝั่งตรงข้ามกับสตรีคนงาม มีเพียงโต๊ะของเจ้าภาพงานวันเกิดเท่านั้น ที่หันกลับมายังโต๊ะตัวเอง สรรพเสียงรอบโต๊ะเงียบลงทันตา และเสียงเต้นของหัวใจใครบางคนที่กำลังจะหยุดลง



        “ไอ้เรียง”



        “…..”



        “ไอ้ตองมากับใครวะ”  ไอ้กาวผู้ไม่รู้อะไรบ้างเลย ถามขึ้น ไม่ได้สังเกตุหน้าเพื่อนสักนิดเลยสินะ



        “ไม่รู้ว่ะ”  ตอบเพื่อนพร้อมกระดกเหล้าในมือเข้าปาก



        “ไม่รู้ได้ไง มึงเป็นแฟนมัน”



        “กูป่าวไอ้กาว…กูไม่ได้เป็นไรกับมัน”  เพลงเย็นๆเริ่มถูกบรรเลง อารมณ์ลุกโชนเพราะแอลกอฮอล์เริ่มซึมเข้าเส้นเลือด น้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้าอีกครั้ง



        ‘ผ่านคืนวันที่เหมือนดั่งความฝัน เพราะฉันมีเธอ คำบอกรักที่ฟังอยู่ทุกวัน ฉันเลยไม่เผื่อใจ ขนาดก้อนหินยังแหลกเป็นเม็ดทราย นับประสาอะไรกับหัวใจ….’



        “น้อง ! ”  ไอ้ยีนกวักมือเรียกเด็กเสริฟ



        “รับอะไรเพิ่มดีครับ”



        “ป่าว เช็คบิลเลย ด่วนๆ”



        “ครับพี่ รอสักค….”



        “น้องไม่ต้อง ยังไม่เช็ค ขอเหล้าเพิ่มอีกขวด”



        “เชี่ยเรียง”



        “วันเกิดมึง กูไม่ให้เสียฤกษ์หรอกไอ้สัด ฟืดด ช่างหัวมัน กูไม่เป็นไร” น้ำตาที่เกือบไหลถูกสูบกลับเข้าที่เดิม รงคเพทยิ้มให้เพื่อนเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ



        “กูย้ายร้านได้นะเพื่อน ไม่เสียฤกษ์หรอก”  ไอ้ยีนที่เห็นรอยยิ้ม สมเพทเพื่อนตัวเองสิ้นดี



        “กูโอเคว่ะ แม่งเพลงเพราะด้วย บรรยากาศโอ จะรีบไปไหน”  รงคเพทรู้สึกอย่างที่พูด นั่งคุยกันไปสบายๆ เหมือนอีกฝั่งของร้านไม่มีใครบางคนนั่งอยู่ นี่มันเก่งจริงๆทำได้ไง รงคเพทกำลังอยู่ในการสอดส่องดูแลของเพื่อนโจรทั้งสอง ไม่นานไอ้คนซดเหล้าจัดก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะไปเรียบร้อย



        “มันทำเพื่อนกูเจ็บ กูจะไปเคลียร์ให้มึงเอง ไอ้เรียง”  ไอ้กาวเริ่มเมาได้ที่ ตบไหล่รงคเพทที่ฟุบโต๊ะไปแล้วแรงๆ และกำลังลากเก้าอี้ออก แต่กลับถูกเจ้าของวันเกิดห้ามไว้



        “ไอ้เชี่ยกาว มึงนั่งลงเลย มึงนึกหน่อย ถ้าคนที่มาไม่ใช่ไอ้ตองแต่เป็นโอม แล้วกูเข้าไปต่อยหน้าเมียมึง มึงจะทำไง”



        “ต่อยมึงกลับไง”



        “เออ!!! ไอ้ควาย งั้นมึงก็นั่งลง เรื่องของเขา อย่าเข้าไปเสือก”



        “เออจริงว่ะ”  จากนั้นสองโจรก็ซดเหล้ากันต่อ ขากลับไม่ลืมลากไอ้คนคอแข็งจัดหนักหลับคาโต๊ะกลับไปนอนคอนโดไอ้ยีนด้วย



        “แดกเหล้าทำร้ายตัวเองเพราะคนอื่นบ่อยแค่ไหนแล้ววะเพื่อน ปล่อยวางบ้างเหอะ”






        000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        เหตุการณ์จากวันนั้นไม่ได้ดีขึ้น รงคเพทตัดสินใจโทรหาตารกาเพื่อถามความจริงอย่างมีสติ แต่คนรับกลับไม่ใช่เจ้าของเบอร์ โทรศัพท์ถูกส่งต่อไปยังเจ้าของ กว่าจะได้คุยกัน



        “เรียง หายไปเลย ตองโทรหาก็ไม่รับ”



        “เมื่อกี้…”  พูดอะไรไม่ค่อยออก



        “เมื่อกี้ขวัญหน่ะ เพื่อนตองเอง”



        “….”



        “ตองไม่ได้ไปหาเลย ช่วงนี้ยุ่งมาก พรุ่งนี้ตองไปกินข้าวที่บ้านด้วยนะ”



        “ไม่ต้องมา!!... ตองดูแลเพื่อนตองเหอะ” เผลอตะคอกออกไป ดีที่ยังปรับอารมณ์ทัน



        “เรียง โกรธรึเปล่า”



        “เรียงแค่คิด ว่าเรื่องของเรามันอาจเป็นไปไม่ได้ อย่างที่น้องของตองพูด”



        “แล้ว..”



        “เราอยากหยุด”



        “เดี๋ยวผมไปหา ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด….”  ตารกาวางสายไปโดยไม่รอฟังคำตอบ ยิ่งทำให้รงคเพทร้อนรน โทรกลับอีกกี่ครั้งปลายสายก็ไม่รับ ไม่นานเสียงรถยนต์ก็ดังอยู่นอกรั้ว



        สุดหล่อในชุดอยู่บ้านธรรมดา แต่ทุกอย่างหลอมรวมให้คนๆนี้ดูดียิ่งกว่าใส่สูท เจ้าของบ้านเดินมายืนหน้ารั้วทักคนนอกรั้ว



        “บ้านปิดแล้ว”



        “เปิดให้ตองหน่อย”



        “……”  ไม่มีปฎิกริยาตอบรับจากคนในรั้ว เพียงยืนมองหน้าคนด้านนอกเงียบๆ



        “เรียงจะไม่เปิดให้ตองจริงเหรอ”  ยืนวัดใจกันอยู่สักพัก ตารกาจึงเอ่ยขึ้น



        “…ไม่ ! บ้านนี้จะไม่เปิดให้มึงอีก กลับบ้านไปเหอะ ”  หน้าตาและน้ำเสียงรงคเพทบัดนี้จริงจังกว่าครั้งไหนๆ



        “……”  ตารกาไม่ตอบ ยิ่งสร้างความอึดอัดใจให้แก่คนพูด



        “มึงดูสารรูปกูบ้างดิ กูเป็นผู้ชาย แมนกว่ามึงอีก มึงจะบอกพ่อกับแม่ว่าไงตอง จะพูดยังไง จะบอกว่ามีเมียเป็นผู้ชาย? ”



        “ทำไมเรียงพูดไม่เพราะ…”  คนยืนฟังเหมือนไม่ได้สนใจกับคำบอกเล่าของอีกฝ่ายยิ่งสร้างความโมโหให้คนเลือดร้อน



        “กูก็เป็นของกูเงี้ย อยากให้พูดเพราะก็ไปหาคนอื่นดิวะ!” 



        “เรียง!”  เสียงเรียกเริ่มดังขึ้นตามอารมณ์ของอีกฝ่ายที่กำลังอดทนกับสิ่งที่ฟังอยู่



        “กูเหนื่อย…”



        “…..”



        “กูร้องไห้เพราะมึงทุกคืน ตั้งแต่เจอมึงกูก็มีแต่ปัญหา…ปล่อยกูไปเหอะ”  ยิ่งพูดน้ำเสียงยิ่งแผ่ว ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแล้วด้วย รู้สึกผิดเต็มหัวใจ แต่หัวใจก็เหนื่อยเกินไปแล้ว



        “เรียง…เรียงนึกว่าเรียงเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียวเหรอ ตลอดมาผมเองก็เหนื่อย ผมต้องคอยจัดสรรเวลา ทั้งเรียน ทำงาน มีเวลาให้เรียง ผมก็ทุกข์ที่ไม่ได้เห็นหน้าไม่ได้กอด แล้วก็ต้องมานั่งนึกว่าเรียงจะน้อยใจผมไหม เรียงทำเหมือนว่าเข้าใจ ซึ่งจริงๆแล้วเรียงไม่ได้เข้าใจ เรียงบอกว่าเจอปัญหาแต่เรียงไม่เคยคิดแก้ปัญหา ไม่ใช่ผมเหรอที่คอยตามแก้ปัญหาให้…เรียงเห็นคำว่ารักของผมเป็นอะไร มันไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ ผมไม่เคยคิดอยากปล่อยมือจากเรียง แต่ตอนนี้ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกันที่ต้องคอยวิ่งตาม หากว่าผมหายไปแล้วทำให้เรียงมีความสุขขึ้น ผมก็ยินดี แต่เรียงรู้ไว้เถอะ ไม่ได้มีแค่เรียงที่เจ็บหรอกนะ”



        “…..”  จุก จุกจนพูดไม่ออก ตารกาพูดถูกทุกอย่าง ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ



        “เรียงอยากให้ตองไปจริงเหรอ…”  คำถามแสนแผ่วเบา สีหน้าคนถามบ่งชัดเจนว่าแสนจะเจ็บปวด แต่คนผิดไม่ได้มอง หากว่าหันมาสบตาสักนิด รงคเพทคงได้เห็นความหม่นหมองอย่างที่ไม่เคยเห็นในคนเย็นชา



        “…..”   ยังคงไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากโจรใจร้าย เพียงเท่านี้ก็เป็นคำตอบให้แก่เจ้าชายผู้หัวใจแหลกสลายได้เป็นอย่างดี



        “…โชคดีนะเรียง ผมรักคุณ”



        ฉับ ฉับ ฉับ..ปัง!





        จากไปแล้ว เจ้าหัวใจจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีก ครั้งนี้เป็นเขาเองที่เลือกเช่นนี้ แต่ทำไม คราวนี้น้ำตาไม่ไหลกันนะ จะเรียกว่ายังไงดี สิ่งรอบข้างคล้ายว่าหายไปหมด เมื่อกี้เขาแค่ฝันไปหรือเปล่า ทำไมไม่ห้าม ทำไมไม่บอกออกไปว่ารักเหลือเกิน รักมากไม่ต่างกัน ทำไมถึงไม่ขอโทษ ทำไมถึง….





        “เรียง ใครมาอ่ะ” 



        “….”



        “เรียง !....”



        “….” 



        “แม่จ๋า เรียงเป็นไรไม่รู้!!” 



        “เรียง เรียงลูก ..เรียงเป็นอะไร”



        “แม่?....ราม? มีไรกัน”  คนที่เหมือนพึ่งรู้ตัวจ้องหน้าแม่และน้องอย่างงุนงง แล้ว…นี่เขามานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



        “เรียงนั่นแหล่ะ เป็นอะไรลูก น้องไปตามหน้าบ้านเรียงก็เอาแต่เหม่อ จนแม่กับน้องพาเข้าบ้านมาเรียกอยู่ตั้งนาน”



        “แม่…เมื่อกี้เรียงอยู่หน้าบ้านเหรอ”  เมื่อกี้ เรื่องจริงหรือ



        “เรียง มีเรื่องอะไรเล่าให้แม่ฟังได้นะลูก”



        “เรียงง่วงอ่ะแม่ ไปนอนก่อนนะครับ” 



        “จ้า รามพาพี่ไปนอนหน่อยไป”  คุณแม่เห็นท่าทางไม่ดี ปล่อยให้พี่น้องคุยกันน่าจะรู้เรื่องกว่า



        “ป่ะเรียง”  พี่ชายผู้หลุดออกจากโลกไปแล้วถูกน้องชายพยุงพาขึ้นไปนอน



        “ทะเลาะกับพี่ตองเหรอเรียง….เรียง”  คุยกับพี่แต่เหมือนพี่ไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป



        “เรียงนอนนะ อึก รามจะอยู่เป็นเพื่อน”  น้องร้องไห้ปาดน้ำตาไปแล้ว ให้พี่ชายร้องไห้ออกมาดังๆยังจะดีกว่า





        แสงไฟมืดสนิท หลงเหลือไว้เพียงแสงสลัวจากไฟถนนลอดผ่านเข้ามา ใครบางคนนอนลืมตาในความมืด โดยมีน้องชายสุดที่รักนอนร้องไห้อยู่ข้างๆจนหลับไป




        สิ่งที่คนลืมตามองเห็นคือสีขาว ทุกอย่างกำลังหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรอยู่ในสมอง ความรู้สึก สติสัมปชัญญะ ทุกอย่างหายไปหมด แอร์เย็นๆพัดพาน้ำให้ค่อยๆไหลรินออกจากหางตา ออกมาเป็นทาง ไม่ได้เพราะรู้สึกเจ็บ แต่เพราะไม่รู้สึกตัวเลยต่างหาก




        ความเหนื่อยล้ากดเปลือกตาอันหนักอึ้งให้ปิดลง กระทั่งในความฝัน ก็ยังเป็นสีขาว แต่กลับเป็นสีขาวที่คล้ายถูกกรีดด้วยปลายมีดอันแหลมคม จนสีแดงสดของเลือดค่อยๆรินรดลงมาตามรอยกรีด ไม่ช้ามีดอีกนับหมื่นเล่มก็ถูกกระหน่ำแทงลงบนสีขาวอย่างทารุณ





        “ฮือ..ฮืออออ อึก ฮื้ออออออ !!!”



        “เรียง เรียงตื่นเรียง เรียงอย่าร้อง อึก เรียง…”  มืออบอุ่นปลุกคนฝันร้ายให้ตื่นขึ้น เมื่อตื่นขึ้นก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวดออกมาจนคนปลอบต้องกอดและร้องตามไป





        “ร้อง ร้องออกมาเยอะๆ จะได้ไม่เจ็บนะ TT”



        “ฮืออออ เจ็บ พี่เจ็บ”  พี่ชายร้องไห้ออกมาแล้ว ความกดดันในใจของพี่อาจเบาบางลงบ้าง






        00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        เวลาเยียวยาทุกสิ่ง อาจเป็นไปดังที่เขาว่า หนึ่งเดือนกว่ากับความฝันสีขาวและสีแดง เวียนวนซ้ำๆ ทุกคืนต้องสะดุ้งตื่นพร้อมน้ำตา ถึงจะสามารถนอนหลับต่อได้ หากแต่ช่วงหลังๆดีหน่อย เมื่อสะดุ้งตื่นมาแล้วสามารถนอนหลับอย่างสนิทต่อได้ ความรู้สึกนึกคิดกลับมาเป็นปกติ




        ช่วงแรกมีเพียงพ่อแม่และน้องที่คอยดูแลหัวใจ ระยะหลังๆมีเพื่อนๆที่คอยแวะเวียนมาให้กำลังใจ อาการใจสลายจึงดีขึ้นมาก ยิ่งเพื่อนๆพาไปเลี้ยงของฟรีบ่อยๆ รอยยิ้มยิ่งคล้ายว่าจะกลับมาเร็วยิ่งขึ้น แม้จะมีรอยยิ้มแต่มันก็เป็นยิ้มที่แสนเศร้า



        “ไอ้เรียง ถ้ามึงเห็นกูเป็นเพื่อน ช่วยตอบคำถามกูหน่อย”



        “อือ ถามมาดิ มึงมันเพื่อนตายอยู่ละ”  มือขวาถือตะเกียบคืบเส้นเล็กน้ำตกเข้าปากอย่างเอร็จอร่อย



        “มึงรักไอ้ตองไหม”  คำถามแรกกระแทกใจ คนคืบเส้นเล็กชะงักมือ รอยยิ้มจางจากใบหน้าทันที



        “เหอะๆ มึงถามไมวะ”  หัวเราะแห้งๆ แล้วคืบเส้นเล็กเข้าปากด้วยมือสั่นๆ



        “มึงตอบกูมาก่อนดิ”



        “ฮึ ไอ้ยีน! ในเมื่อมึงกล้าถามนะ เหอะ กูก็กล้าตอบสิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”  นั่นหัวเราะกลบเกลื่อน หัวเราะแต่ปากหากแต่ดวงตากลับนิ่งงันคล้ายคนไร้อารมณ์



        “…ยิ่งกว่าชีวิต”  ตอบไปอย่างมือสั่นใจสั่น จะเอ่ยถึงมันให้เจ็บหัวใจทำไม



        “รักเขาขนาดนั้น แล้วทำร้ายเขาทำไมวะ”



        “เคยฟังไหมเพื่อน ‘รักคงยังไม่พอ’ อ่ะ”



        “งั้นกูถามใหม่ รักเขาขนาดนั้น แล้วมึงทำร้ายตัวเองทำไม”



        “ไม่มีกู มันคงไม่ต้องปวดหัว อนาคตคงสดใสกว่านี้”  วาดตะเกียบลงกับถ้วยเรียบร้อย พอนึกถึงใบหน้าใครคนนั้น ท้องไส้ก็คล้ายจะบีบตัว อิ่มขึ้นมาซะงั้น



        “มันบอกว่ารักมึงรึเปล่า”



        “บอก บอกทุกครั้ง แม้ครั้งสุดท้าย…ฟืดดด”  ไม่ไหว น้ำตาจะตกรีบเงยหน้าขึ้น สูดน้ำมูก



        “มันรักมึงขนาดนี้ แล้วอนาคตที่ไม่มีมึงอยู่ข้างๆ มันจะสดใสได้ไงวะ”



        “……”



        “นึกให้ดีนะไอ้เรียง มึงคิดว่าชีวิตคนเราจะได้เจอคนที่เข้ามาทำให้เรารักสุดหัวใจอย่างนี้ได้กี่คนกันวะ….เจอเรื่องไม่เท่าไหร่มึงก็ปล่อยมือเขาไปแล้ว นี่เหรอวะที่มึงบอกว่ารักเขายิ่งชีวิตมึง”



        “ไอ้ยีน..กูควรทำไง”



        “กูไม่รู้ ถามใจมึงดูสิเพื่อน….อ่ะ!”



        “อะไรวะ”  ยีนยื่นกระดาษแผ่นเล็กคล้ายนามบัตรมาให้



        “หัวหน้าบอกว่าเมื่อวานไอ้ตองมันไปพักผ่อนที่รีสอทนี้ มึงจะทำไรก็คิดเอา แล้วก็มาบอกกูด้วยว่าจะทำไง”



        “อืออ ขอบใจว่ะเพื่อน”  รงคเพทถือนามบัตรไว้ในมือแน่น



       “อ่อ..ไอ้เรียง กูอยากให้มึงรู้ ตอนมึงนอนโรงบาลแล้วไม่ได้สติหน่ะ ไอ้ตองมันไม่ยอมไปไหนเลย จนหน้าตาแทบดูไม่ได้ มันพึ่งกลับตอนมึงเริ่มรู้สึกตัวนั่นแหล่ะ”




        กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จรงคเพทก็ขี่รถกลับบ้าน แต่อยู่ดีๆไอ้แก่ของเขากลับติดๆดับๆซะได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมต้องมาเสียหน้าร้านแป๊ะข้าวหน้าเป็ดอีกแล้ว ดีหน่อยจำได้ว่าร้านเฮียอู๊ดอยู่แถวนี้




        “อ่าว ไอ้หนุ่ม หายหน้าหายตาไปไหนมาตั้งนาน”  เห็นหน้าโจรสุดหล่อเจ้าของไอ้เหลืองสนิมเขลอะละจำหน้าได้ รีบทักขึ้นทันที



        “หายไปนานดิพี่ ของร้านพี่แม่งดีจริงๆ เนี่ย พังอีกละ”



        “วันนี้ลากมาเองเลยเร๊อะ ไอ้นายแบบไม่มาด้วยรึไง”  นี่เฮียอู๊ดแกคิดอะไรกับพบรักป่าววะ



        “ไม่ได้มาอ่ะพี่ คิดไรกับเพื่อนผมป่าวเนี่ย”



        “เออ เพื่อนน้องโคตรหล่อเลย เฮ้ยยย ไม่ใช่โว๊ย แค่ปกติแถวนี้ไม่ค่อยมีคนหน้าตาดีผ่านมาเฉยๆ”



        “ฮะฮะ ”  เฮียอู๊ดบอกรอบนี้ไอ้แก่ไม่เจ็บหนัก นั่งรอได้แปปเดียวก็เสร็จ



        “อ่ะพี่”



        “ไรวะ”  เฮียอู๊ดงงอยู่ดีๆไอ้โจรก็ยื่นโทรศัพท์มาให้



        “ผมให้เฟสเพื่อนผม เผื่อพี่ชอบ เอาไว้ติดต่อ ฮ่าฮ่าฮ่า”  เฮียอู๊ดรับมาดูแล้วทำหน้างงๆ



        “ใครวะ”



        “อ่าว เพื่อนผมไง ไอ้คนที่พี่อู๊ดชอบอ่ะ”



        “ไม่ใช่อ่ะ”  เฮียอู๊ดส่งมือถือคืนรงคเพท คนหน้าโจรคิดมาตลอดว่าพบรักเป็นคนตื่นเช้าลากรถเข้าอู่ให้ แล้วใครวะ เป็นคนลากไอ้แก่มาซ่อม



        “ใครวะพี่ เพื่อนผมหล่อๆก็มีแต่คนเนี้ย”



        “จำไม่ค่อยได้ว่ะไอน้อง จำได้แค่หล่อโคตรๆ จูงรถน้องเข้ามาเด่นกว่ารถน้องอีก แบบสว่างจ้าเลย”



        “ใช่คนนี้ป่าว”  ส่งรูปใครบางคนให้เฮียอู๊ดดู มือก็สั่นไป ใจก็สั่นไม่แพ้มือ และหัวใจก็หล่นวูบเมื่อเฮียอู๊ดพยักหน้าเป็นคำตอบ ความเงียบปกคลุมอู่เฮียอู๊ดไปชั่วขณะ



        “ไอ้หนุ่ม เห่ย หนุ่มๆ เป็นไรวะ…สองร้อยเห้ย”



        “อ่า ป่าวๆ อ่ะพี่สองร้อยไม่ต้องทอน ขอบคุณมากครับ”  ควักแบงค์ร้อยสองใบสุดท้ายในกระเป๋าให้เฮียอู๊ดด้วยแววตาเหม่อลอย



        “เออ งั้นพี่ขอรูปเพื่..”



        “ไปละพี่ โอกาสหน้าจะมาใช้บริการใหม่นะฮะ”  สตาร์ทรถออกไปอย่างไม่ได้ยินเสียงว่าเฮียอู๊ดจะขออะไร




        ไอ้แก่สนิมเขลอะบรรทุกร่างของคนไร้จิตใจไปตามเส้นทางกลับบ้าน ร้องไห้ไป ปาดน้ำตาไป ผ่านสี่แยกที คนติดไฟแดงก็พากันมองที โถ นี่มันไม่สนใจคนรอบข้างจริงๆสินะ











        “แม่…เรียงร้องไห้กลับมาอีกแล้ว ฮือออ รามสงสาร TT”  เห็นพี่ขี่รถร้องไห้เข้าบ้านมา เด็กน้อยจึงวิ่งไปหาแม่ในครัว กอดแม่แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
       




        มื้อเย็นในบ้านวันนี้กลับเงียบเหงาลงกว่าวันอื่นๆ จนไอ้คนอายุน้อยสุดในบ้านทนไม่ไหว วิ่งขึ้นห้องทั้งๆที่ข้าวยังแทบไม่ตกถึงท้องสักเม็ด



        “ราม ราม ..แม่ รามเป็นไร”  ลูกชายคนโตของบ้านตะโกนเรียกน้องที่อยู่ดีๆก็วิ่งขึ้นห้องไป



        “น้องเห็นเรียงร้องไห้ คงอึดอัดที่ลูกเอาแต่เงียบ”



        “เรียงโอเคแล้วแม่ แค่คิดอะไรนิดหน่อย แล้วเมื่อกี้ที่ร้องไห้เข้าบ้านมา ก็ไม่ได้เพราะเสียใจนะฮะ”



        “แม่ก็ไม่รู้ ไปคุยกันเองแล้วกันนะ”



        “เรียงเอาขึ้นไปกินกับรามบนห้องนะ”  บอกพ่อกับแม่แล้วจัดจานข้าวใส่ถาดไปสองจาน เอากับข้าวราดไปเลย



        “เรียง กินเสร็จแล้วยกลงมาด้วยนะลูก”



        “คร๊าบบบ…” 






        เดินเข้าห้องมาพร้อมกับถาดอาหารในมือ ผ่านทางประตูเชื่อมใจไร้กลอน เห็นเด็กน้อยที่รงคเพทแสนรักนอนคว่ำหน้าร้องไห้กับหมอนเป็นวรรคเป็นเวร มือหนาวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปหย่นก้นลงบนเตียงข้างๆน้องชาย



        “ตัวแสบร้องไห้ไม”  มือหนาลูบหัวทุยๆโยกไปมา ไอ้เด็กมีปัญหาไม่ตอบเพียงส่ายหัวแรงๆส่งมาให้



        “จะไม่คุยกับพี่จริงดิ พี่เอาข้าวมาให้ด้วยนะ กินข้าวกัน..เร็ว”  น้องไม่ยอมลุก พี่ชายจึงตัดสินใจอุ้มให้ลุกนั่งตัก แล้วคุยกัน



        “ไร” มือน้อยๆปาดน้ำตาป้อยๆ ภาพตรงหน้ารงคเพทเรียกรอยยิ้มแบบสามสิบสองซี่ไว้บนหน้า ช่วยน้องชายปาดน้ำตาแล้วถามไปอีกรอบ



        “ร้องไห้เพราะพี่ป่าว” 



        “ป่าว”  ป่าวแต่กอดคอพี่ชายซะแน่น



        “ไม่อยากเห็นเรียงเสียใจแล้ว TT”  โอยยยย ทำไมน้องชายเขาถึงน่ารักขนาดนี้น้า ^____________^



        “พี่จะไม่เสียใจแล้ว”  รงคเพทชูนามบัตรให้น้องชายดู



        “อึก อึก เรียงจะไปสีชังเหรอ”



        “ใช่..รามไปกับพี่นะ”



        “ไป!! เรียงจะไปทำไมอ่ะ”  เด็กน้อยที่เอาแต่ร้องไห้งอแง เมื่อพี่ชายชวนไปเที่ยวเกาะกลับมีสีหน้าดีใจขึ้นมา 



        “พี่จะไปตามหาหัวใจหน่ะ  ^^”




. . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . .  . . . .. . . . . . . . . .  . . ..  ..  .. . . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . . . .. . . . . . .



สวัสดีค่ะ บทที่ 22 มาแล้ว อิอิ มาแบบ  :katai1: :katai1: :katai1:

ขอบคุณ คุณlucifermafisค่ะ ตอนจบจะแฮปปี้ไหมน่ออ ติดตามต่อนะคะ ใกล้แล้ว  : ))

ขอบคุณ คุณSorsoค่ะ คิดมากแบบสุดยอดเลยค่ะ บางทีเราก็คิดว่าเรียงคิดมากไปรึเปล่าเหมือนกัน  o18

ขอบคุณ คุณkuntค่ะ อิอิ มาช่วยเราลุ้นตอนจบด้วยนะคะ  :really2:

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ แต่บอกก่อนเลยว่าตอนหน้ามันแบบ  :monkeysad:
อีกสองตอนจบแล้วเน้อออ ฝากติดตามด้วยนะคะ ^__________________^
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่22 (15/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 15-04-2014 20:34:37
ขอให้จบแบบแฮปปี้ทีเถอะ TT^TT
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่22 (15/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-04-2014 20:37:05
ตามรัก คืนใจ

ฮิ้ววววว :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่22 (15/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-04-2014 21:18:25
ขอให้จบแบบแฮปปี้เถอะน้าาาาาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่22 (15/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 15-04-2014 22:48:26
ตอนนี้พี่ยีนหล่อมากกกกกก เค้าจะเชียร์พี่ยีน โคตรเท่ห์อ่า  :mew1:
ปล่อยหนูเรียงเวิ่นต่อไป ไปตามจีบ (ง้อ) หนุ่มล่ะสิ เข้าตำรานางเอกที่ดีต้องไปตามง้อพระเอกนะ (เอ๊ะ!!! ใช่เหรอ?   :ruready. )
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่22 (15/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 15-04-2014 22:52:59
กรี๊ด! ขอกรี๊ดก่อน ลุ้นมากกกกกกก :katai1:


ได้กันเร็วๆเถอะ แค่กๆ ความจริงก็ได้กันมานานแล้วนะ แค่กๆ ไม่ใช่ๆหมายถึงรักกันแบบไม่มีอุปสรรคเร็วๆเถอะ หน่วงจนตับยานแล้ว :katai5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่22 (15/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthip ที่ 17-04-2014 23:55:43
ลุ้นว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร


สงสารเรียงอะ

อุปสรรคเยอะขอให้จบแบบเเฮปปี้
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่23 (18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 18-04-2014 21:03:44
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๒๓.๑  คนสุดท้ายของใจ  ใครเลยจะล่วงรู้






        “ไอ้เรียง มึงว่ามันแปลกๆป่าววะ”



        “นั่นดิ อย่าทำงี้เลยเพื่อน กูใจสั่น”



       “อืออ..”







       “ไอ้เรียง…”



        “พวกมึงหุบปากสักที คนอื่นมองหมดแล้ว”



        “T____T”







        “เชี่ยเรียง พวกกูไม่พูดคนก็มองว่ะ”



        “-_-”  โจรห้าร้อยสามนายกับชุดไม่ต่างจากอาเสี่ย รวมถึงสร้อยแหวนเงินทองที่..เก๊ทั้งนั้น กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็น ณ ห้องอาหารสุดหรูของรีสอทห้าดาวบวกบวกบวก บนเกาะสีชัง



        “มาที่หรูๆก็ต้องแต่งหรูสิวะ”  ดินเนอร์กลิ่นอายความเป็นไทยผสมผสานกับความเป็นตะวันตก กลมกลืนดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนักให้หลั่งไหลกันเข้ามา



        “เต็มไปป่าวเพื่อน กูไม่เห็นใครเขาแต่งเหมือนเราเลยเนี่ย”  ไอ้ยีนคนหน้าบางเหลียวซ้ายแลขวา แขกที่นี่ก็มีแต่แต่งกายสบายๆให้เข้ากับบรรยากาศทะเล นี่มันผิดคิวชัดๆ




        “เรียงง ….!!!! ^__________^”  เสียงเรียกดังลั่นห้องอาหาร มาพร้อมกับเด็กตัวเล็กผิวขาวที่ใส่เพียงเสื้อกล้ามตราห่านคู่กับกางเกงพลิ้วๆสีเหลืองสด ยิ้มตาหยีเดินมาทางโต๊ะอาเสี่ยทั้งสาม



        อุบบ !!!



        “อืออออออ”  ฝ่ามือหนาดึงไอ้เด็กโลกสวยมาไว้ในกำมือแล้วปิดปากสนิท



        “เห้ยๆ นั่นน้องมึงนะ ปล่อยเลยๆ”  ไอ้เสี่ยยีนแกะมือหนาให้หลุดออกจากปากเด็กตัวเล็กที่รูปร่างช่างแตกต่างจากรงคเพท แต่หากมองดีๆ ใบหน้านั้นคล้ายกันไม่น้อยเลย



        “แฮ๊ก แฮ๊ก !!”  มันปิดปากไม่ปิดเปล่า ปิดจมูกน้องไปด้วย เกือบตายกันเลยทีเดียว



        “ไอ้เรียงบ้า”  นั่น ฤทธิ์กลับมาก็ขอด่าพี่ชายหน่อย



        “ชู่ววววว เบาหน่อย พี่ทำภารกิจอยู่”  ไม่ฟังคำด่า เด็กหน้างออยากบีบคอพี่ชายให้ขาดอากาศตายไปเลย แล้วสายตาก็ต้องมองรอบโต๊ะสะดุดกับสามเสี่ย



        “แต่งตัวไรกันเนี่ย”



        “พวกพี่แฝงตัวอยู่ ไงละ เท่ห์เลยป่าว”  ไอ้กาวยิ้มหน้าระรื่น ไม่นึกถึงสภาพตัวเองสักนิดเลยจริงๆ



        “พี่กาวแน่ใจนะ ว่าแฝงตัวอยู่”  หางตาคนอายุน้อยที่สุดในโต๊ะ มองแต่ละคนอีกครั้งพร้อมย่นคิ้ว





        สงครามอาเสี่ยกับเด็กนั่งดริ้งยังคงดำเนินต่อไป ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง อาเสี่ยเสื้อน้ำเงินกับทองเส้นเท่าโซ่คล้องช้างเหลือบเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามายังห้องอาหารที่พวกเขานั่งกันอยู่





        ในมือรีบกางเมนูอาหารที่ขอจากพนักงานรีสอทแล้วสะกิดเพื่อนให้กางตาม เมื่อเห็นลูกค้ากางเมนู พนักงานจึงเดินเข้ามาพร้อมจดรายการ



        “รับอะไรดีครับ”  พนักงานที่รอแขกโต๊ะนี้สั่งมานาน ได้ทำหน้าที่เสียที คนรับออเดอร์เดินมาแล้ว เหล่าอาเสี่ยจะทำอะไรได้ นอกจากมองเมนูตรงหน้าไปพลางๆ และมองหาคนที่พึ่งเดินเข้ามาเมื่อครู่



        “แพงชิบ”  สบถเบาๆ แต่ได้ยินกันทั้งโต๊ะ



        “ไอ้เรียง กูเอาเนี่ย”  นิ้วชี้ๆไปบนเมนูแล้วยื่นเมนูให้เพื่อนดู หากแต่สายตารงคเพทหาได้สนใจเพื่อนกาวไม่ แววตากำลังจับจ้องกับโต๊ะกระจกยาวชั้นเบี่ยงขึ้นด้านบน คนที่เขาคอยนึกถึง วันนี้แต่งตัวเข้ากับบรรยากาศทะเลอย่างมาก ดูดีซะจนไม่อาจละสายตาได้เลย หากแต่คนที่เขามองตามไม่ได้มาเพียงคนเดียว ไม่นานหญิงสาวที่เขาและเพื่อนจำหน้าได้ดี เพราะไม่ได้เจอผู้หญิงสวยและดึงดูดขนาดนี้บ่อยๆก็เดินมานั่งลงข้างๆสุดหล่อของเขา



        “รออาหารสักครู่ครับ”  พนักงานรับออเดอร์เดินไปแล้ว พร้อมกับเมนูในมือถูกหุบลง รงคเพทกลับมาสนใจยังโต๊ะที่เขานั่งอีกครั้ง



        “สั่งไรไปวะ กูยังไม่ได้สั่งเลย”



        “กูสั่งให้มึงแล้ว…”



        “มึงสั่งไร”



        “เนี่ย ถูกสุด กูสั่งให้ทั้งโต๊ะเลย จานสองร้อยยี่สิบเอง”  นิ้วไอ้กาวชี้ไปที่เมนูๆหนึ่ง หน้าตาน่ารับประทานมาก ถูกจัดวางบนจานสวยงาม ดูไม่ออกว่ามันคืออะไร พออ่านชื่อเมนูเท่านั้นแหล่ะ…’Omelette Rice’



        “ไอ้เฮียยยยย…มารีสอทห้าดาว มึงสั่งข้าวไข่เจียวเนี่ยนะไอ้กาวว !!!”  กัดฟัน กดอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่าน เดี๋ยวเหล่านักท่องเที่ยวจะตกใจกับพฤติกรรมโจร



        “หะ ข้าวไข่เจียว ..เอ่ออ มันน่ากินมากเลยนะเพื่อนเรียง”



        “ข้าวไข่เจียวบ้าน ติ๊ด! มึงดิจานสองร้อย”  บ่นคนเดียว ขอบ่นหน่อย ปกติก็ไม่ได้ชอบควักเงินเท่าไหร่ แค่ค่าเดินทางมาก็พยายามประหยัดสุดๆละ ต้องมาเสียเงินกินข้าวมื้อละสองสามร้อยอีก



        ‘ฮึ่ยยยย ทำไมจะง้อมึง กูต้องลงทุนเสียตังขนาดนี้ด้วยวะ’ 



        “กินๆไปเหอะเรียง พรุ่งนี้รีสอทเขามีปาร์ตี้ริมหาด กินฟรีไม่อั้น”





        ควับ !!



        หันมาหาน้องชายคอแทบหัก ด้วยได้ยินคำว่า ของฟรี



        “รามรู้ได้ไง”



        “ก็เขียนติดอยู่หน้าประตูทางเข้านั่นหน่ะ”  ได้ยินคำยืนยันจากไอ้เด็กข้างๆ ฟันล่างและบนกระทบกันทันที ฉีกยิ้มไม่ยอมหุบ



        “อุบาท!”  โดนไอ้เสี่ยยีนด่าไปที มันก็ยังไม่หุบ จนไอ้เสี่ยยีนจับหัวให้หมุนไปยังมุมเทอเรซ รอยยิ้มจึงหายไปในที่สุด





        ภาพชายหญิงที่นั่งเคียงข้างกัน มองออกไปเห็นทะเลยามค่ำคืนชัด 180 องศา เป็นภาพที่แสนอบอุ่น แต่มันทำให้ภายในหัวใจดวงนี้เย็นวาบแทบน้ำแข็งเกาะ ไหนจะรอยยิ้มนั้นอีก แสนจะเป็นธรรมชาติ ทั้งการวางตัว ไม่มีขัดเขินกันแม้แต่น้อย ทำไมคนๆนั้นถึงยิ้มได้ขนาดนี้ มีแต่เขาหรือไงที่ทุกข์ใจ หรือว่าคนข้างๆคนที่เขารักตอนนี้จะมีเวทมนต์กันนะ





        รอไม่นาน ข้าวไข่เจียวจานละสองร้อยยี่สิบของรงคเพทก็ถูกเสริฟขึ้นโต๊ะ น่าตาหน้ากินไม่ต่างจากในภาพ ไอ้เสี่ยทั้งสองและเด็กเสื้อกล้ามตื่นตาตื่นใจกับอาหารจานหลักบนโต๊ะ ตาแวววาว ต่างจากอีกหนึ่งเสี่ยที่ไม่ยอมละสายตาจากมุมสูงนั้นเสียที สมาชิกที่เหลือไม่มีใครสนใจเสี่ยเรียงที่นั่งทำเอ็มวีแล้ว ทุกคนตักข้าวเข้าปากกันอย่างเอร็จอร่อย






        00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        ปาร์ตี้ริมหาดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่เหล่าบรรดาเดอะโจรกำลังง่วนกับการแต่งองค์ทรงเครื่องกันอยู่



        “เรียบร้อย….มึงหล่อสัดมากเพื่อน”



        “กูว่ามันแปลกๆนา”  ไอ้กาวจับไอ้เรียงเพื่อนรักแต่งตัวเต็มยศ อย่างกับอินเดียแดง



        “กูอ่านมาแล้วในโบชัวร์อ่ะ มึงเชื่อกูดิ หล่อเหี้ยๆเลย หล่อเข้มสเปคเกย์”



        “ไอสัด!!”



        “หรือมึงไม่ใช่”



        “กูไม่ใช่”



        “แล้วมึงมีเมี…”



        “พอเลยพวกมึง กูหิวแล้ว อย่าปัญญาอ่อน”  ดีหน่อยยีนชาวเกาะมาห้ามไว้ทัน



        “กูก็หิว ไอ้เรียงแม่ง ชอบชวนกูทะเลาะ”  อ๋อ นี่กูกำลังชวนเพื่อนทะเลาะอยู่สินะ รงคเพทนึกในใจ





        เดินออกจากที่พักมาอย่างมาดมั่น ไอ้เรียงในมาดอินเดียแดงโชว์แผงอกซิกแพคที่มันฟิตเต็มที่หลังตั้งใจมาดมั่นว่าอยากได้ตารกาเป็นเมีย ไอ้ยีนในชุดรำระบำชาวเกาะ เกาะมาแค่ด้านล่าง ด้วยใบอะไรสักอย่างที่ไอ้กาวมันไปเด็ดมาตอนเจ้าของรีสอทเผลอ ด้านบนโชว์แผงอกไม่แพ้กัน แผงอกที่มีขนเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ และสุดท้ายไอ้กาวผู้จับเพื่อนแต่งตามคอนเซปปาร์ตี้ มาในมาดนายแบบปกเมกกาซีนเวอร์ชันริมทะเล ด้วยกางเกงในตัวเดียวกับชุดคลุมสีขาวพร้อมถอดตลอดเวลา





        ความคิดของกาวกลายเป็นจุดเล็กในงานไปทันที เมื่อมีคนมากหน้าหลายตา แต่งมาแบบจัดเต็มยิ่งกว่าพวกเขา มีกระทั่งแต่งแนวเอาใบตองมาปิดส่วนสำคัญเพียงอย่างเดียวก็มี อู้ววว รงคเพทถ่ายรูปมาฝากบ้างนะ



        “เรียงๆ นั่นไง ว่าที่เมียมึงอ่ะ”  ยีนชาวเกาะสะกิดรงคเพทให้หันตาม สิ่งที่รงคเพทเห็นมันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที เมื่อว่าที่เมีย? แต่งกายมาเพียงเสื้อกล้ามบางๆและกางเกงผ้าร่มผูกเชือกที่เอว ธรรมดาซะจนคนมองรู้สึกดี เพราะหากว่าตารกาแต่งมาจัดเต็มแบบไอ้ผีตองเหลืองข้างๆ คาดว่าอินเดียแดงคนนี้คงห้ามใจไม่ไหวเป็นแน่





        หากแต่กลุ่มเดอะโจรคล้ายกำลังจะสูญเสียสมาชิกนายแบบเมกกาซีนไป เมื่ออยู่ดีๆไอ้กาวคอสตูมเมอ อยู่ๆเลือดก็เต็มมือ อินเดียแดงและชาวเกาะตกใจมากลากไอ้นายแบบไปนั่งเก้าอี้



        “ไอ้กาว !! มึงเป็นไร เลือดมาจากไหน”



        “+.,+ !!!!!”  เงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหล่ะ รู้เลยเลือดมาจากไหน คาดว่ามันคงเห็นของดีเข้าให้แล้ว  มองตามตามันเยิ้มของมันไปก็ได้พบ หัวหน้า หรือ โอม คาดว่าคงมาเที่ยวกับตารกาด้วย ไม่น่าแปลกที่ไอ้นายแบบหื่นจะถึงกับกำเดาไหล ก็ดูหัวหน้าเล่นแต่งซะ กางเกงในแบบสปอร์ตสีแดงกับผ้าบางๆคลุมจากเอวสั้นข้างยาวข้าง เรียกจินตนาการของคนมองได้ยิ่งกว่าเปิดหมด ด้านบนเปลือยเปล่ามีเพียงสร้อยคอที่ทำจากกะลามะพร้าวอันโตคอยปิดเมล็ดสีส้มอมชมพูไว้อย่างหมิ่นเหม่ ยิ่งกระทบกับแสงไฟริมหาดยามราตรี ผิวขาวปิ๊ง หุ่นเพียวลมกับการเลือกสีเสื้อผ้ายิ่งขับให้คนๆนี้ดูเด่นกว่าคนไหนๆ



        “ไอ้กาวทำใจดีๆไว้มึง …เห้ย! ไอ้กาว!!!”  เลือดไม่คิดจะเช็ด พุ่งตัวหวังออกไปหาคนยั่วยวนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายแบบกางเกงในมองอยู่ ไม่รอให้ไปถึง อินเดียแดงและชาวเกาะจับยึดไว้ไม่ให้พุ่งออกไปได้



        “ปล่อยสิวะ! จับกูไว้ไมเนี่ย!”  ตะคอกใส่เพื่อนอีกต่างหาก ไปแล้วหน้าตามัน เลือดสีแดงๆก็ไหลเต็มจมูกเต็มปาก แววตาก็มันวาวจนแทบจะกลืนคนที่กำลังจ้องอยู่ให้ได้



        “ไอ้กาว กูรู้มึงหื่น แต่มึงช่วยใจเย็นหน่อยสิวะ ลืมไปแล้วเหรอ คราวนี้เรามาเพื่อช่วยไอ้เรียงนะ !!”  ไอ้กาวผู้ปิดหูปิดตาเพ่งจิตไปอยู่ ณ จุดๆนั้น ได้ยินไอ้ยีนพูดบ้างไม่ได้ยินบ้าง ยีนชาวเกาะต้องจับยึดแขนไว้แน่นและพูดกรอกหูมันซ้ำๆเกือบสิบรอบ แรงต้านจึงลดลง และสติกลับมาครบปกติ



        “ไอ้ยีน…ปิดตากูที”  เมื่อเริ่มระลึกได้ว่าตัวเองควรทำอย่างไร เสียงกลับเศร้าสลดลงจนเพื่อนนึกสงสารอยู่ไม่น้อย เข้าใจความรู้สึกเพื่อนดี เมียเพื่อนแจ่มขนาดนี้ แถมยังอยู่ตรงหน้ามันแบบนี้ เป็นใครก็คงข่มใจลำบาก






        เสียเอะอะโวยวายจากแก๊งค์เดอะโจรเรียกสายตาหลายคู่ให้หันมามอง หนึ่งในนั้นคือสายตาของสุดที่รักรงคเพทด้วย สีหน้าตารกาเมื่อเห็นรงคเพทคล้ายว่าตกใจอยู่ไม่น้อย แววตานั้นแลดูวูบไหวคล้ายเจ็บปวดเหลือเกินหากปล่อยไว้นานกว่านี้คงมีน้ำหล่นลงมาเป็นแน่ แต่เพียงไม่นานแววตาน่าหลงใหลนั้นก็จางหายไป เหลือเพียงความแข็งกระด้างจนคนมองอ่านไม่ออก รงคเพทไม่รู้ตัวว่าเผลอมองคนๆนั้นไปด้วยแววตาแบบไหน รู้แต่ว่าคงแสดงความเจ็บปวดปนความคิดถึงออกไปได้เป็นอย่างดี



        “ไอ้ยีน..มึงว่าไอ้ตองจะจำไอ้เรียงได้เหรอวะ”  ไอ้กาวที่นั่งหันหลังให้ภาพเมียที่บาดตากระซิบกับไอ้ยีน



        “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ”



        “…ก็กูทาหน้าให้มันมาขนาดนั้น”  สองโจรหันหน้ามองไอ้อินเดียแดงที่ทาหน้าให้เหมือนพรางตัวในป่ามาแบบจัดเต็ม





        อินเดียแดงกำลังเจ็บ อยากก้าวเท้าเข้าไปหาเขาจัง ไม่รอแล้วก้าวไปหาเลยดีกว่า กำลังจะก้าวแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่เขาจะเข้าไปหา เดินเลี่ยงออกไปจากงานเสียก่อน เท้าทั้งสองจึงหยุดลงทำได้เพียงมองตามจนหลังแวบๆนั้นหายไป



        “มึงไม่ตามไปเหรอวะ”



        “ไอ้ยีน…กูอาย…”



        “มึงไม่ต้องอายหรอก คำว่าขอโทษ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยนะเพื่อน”



        “ป่าว….กูอาย หน้ากูเนี่ย ไอ้สัด!! แหม๋ ทาให้กูซะหนาเลยนะมึง”



        “อาเหื้ออ” 





        แม้ปากจะบอกว่าอาย แต่สุดท้ายก็เดินตามออกไปทางที่ตารกาไปเมื่อครู่อยู่ดี อินเดียแดงพร้อมกระบองล่าสัตว์เดินเรียบไปตามชายหาด ยิ่งไกลจากปาร์ตี้ความเงียบยิ่งเขาปกคลุม ไม่นานก็เจอเข้ากับใครบางคนที่บัดนี้กำลังนั่งเงยหน้าดูดาวอยู่ริมหาด



        ความกล้า ความมั่นใจ ทุกอย่างหายไปจนหมดสิ้น รงคเพททำได้เพียงแอบอยู่ตามสุมพุ่มไม้ มองคนด้านนอกที่กำลังดูดาว ใจอยากเข้าไปหา เข้าไปขอโทษทุกๆอย่าง แต่เท้ากลับไม่ยอมไป กลัวว่าเขาจะไม่ให้อภัยแล้วหากถูกปฎิเสธคงทำใจไม่ได้





        แง่ดีกับแง่ร้าย ตีกันวุ่นวายในหัวรงคเพท ยืนมองเขามาตั้งนานละ ยังไม่ได้ข้อสรุปเลย ชักรำคาญไม่สนใจไรละ ก้าวแรกแห่งความกล้ากำลังมา ตามด้วยก้าวที่สอง และก้าวที่สาม…ก็ต้องหยุดลง เมื่อหญิงสาวผู้มีเวทมนต์เดินเข้าไปนั่งลงเคียงข้างคนกำลังนั่งดูดาว



        “ฮึ อยู่ตรงนี้จะได้ยินอะไรวะ ควายจริงๆไอ้เรียง ฟืดดด”  ยกแขนปาดน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา เห็นจนเบื่อจะแย่กับสภาพแบบนี้ คนสองคนที่แสนจะเหมาะสมกัน คอยอยู่เคียงข้างกัน อยากได้ยินจังนะว่าคุยอะไรกัน ทำไมพอผู้หญิงคนนี้มาทีไร รอยยิ้มนั้นถึงเผยบนใบหน้าหล่อเหลานั้นทุกที เห็นแล้วมันอิจฉาโว๊ยยยยยยยยย 



        “อ้าว ไอ้เรียง ไมกลับมาเร็ววะ”



        “อืออ”



        “แล้วได้คุย กันไหม”



        “ป่าว”



        “อ่าวว นี่มึงตามมาถึงนี่แล้วนะ กล้าๆหน่อย”



        “กูป่าวไม่กล้า แต่มันมีคนอยู่ด้วยแล้ว”  ไอ้ยีนตบไหล่อินเดียแดงเบาๆอย่างปลอบใจ



        “เฮ้ออออ” สองโจรถอนหายใจพร้อมกัน



        “มึงจะเอาไงต่อ” 



        “พรุ่งนี้กูจะเอาใหม่ คืนนี้ไม่มีโอกาสละว่ะ”



        “เออ มึงจะเอาไงก็เอา สู้ๆว่ะเพื่อน”



        “ขอบใจไอ้ยีน ขอบใจมึงจริงๆ : )”



        “เออ ลืมๆไปก่อนก็ได้ กูหิวละ”  ไม่รอช้า ไอ้ยีนจัดหนวดปลาหมึกเข้าปากคำโตๆไปแล้ว



        “อ่าว แล้วได้กาวอ่ะ”  ไปยืนดูคนเขาอยู่เคียงข้างกันนานไปป่าววะ กลับมาไอ้กาวหาย พึ่งสังเกตุด้วย



        “ไปละ”



        “หะ”



        “อือ”



        “ไปไหน”



        “ไปหาเมียมัน”



        “แล้วภารกิจกูอ่ะ มึงทำไมไม่ห้ามมัน”



        “กูห้ามแล้ว กูห้ามแล้ว แล้วกูก็จะโดนมันต่อยเอาเนี่ย”


        “อะไรของมันวะ ไหนว่าควบคุมตัวเองได้แล้ว”



        “ของขึ้นดิ เห็นคนหล่อกว่ามันเข้าไปจีบเมียมัน มืออย่างกับปลาหมึก กูเลยห้ามไม่ไหว”



        “เออ กูเข้าใจ แล้วน้องกูมายัง”



        “มาละ ไปละ”



        “ไปไหนอีกวะ แม่ง นี่จะหายไปกันหมดเลยใช่ไหม”



        “ก็เหลือกูอยู่นี่ไง น้องมึงบอกปวดหัวขอกลับไปนอนก่อน”



        “เออดี คืนนี้เหลือแต่มึงกับกูละไอ้ยีน มึงมาจิ้นกับกูเอาหมายย”  เมาดิบไปแล้วรงคเพท



        “ไม่ว่ะ กูรักเดียวใจเดียว”  พูดจบ ยีนชาวเกาะยัดหนวดปลาหมึกชิ้นโตเข้าปากรงคเพทพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ด จะอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ ของฟรีอยู่ตรงหน้าแล้ว รงคเพทขอกินกลบความโศกสักหน่อยแล้วกัน






        00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        “มึงว่าไงนะ กลับไปแล้ว!!”   



        “เออ กูตื่นมาก็หายไปกันหมดแล้ว”



        “มึงถามล็อบบี้ยัง”



        “กูถามแล้ว ออกไปกันแต่เช้าเลย”  ไอ้กาวที่เมื่อคืนมันไป เอิ่มม นะ ตื่นมาคนข้างๆก็มลายหายไปซะงั้น หาดูทุกห้องในบ้านพัก เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้หายไปหมด วิ่งออกมาถามหน้าล็อบบี้จึงได้รับคำตอบ



        “มึงโทรหาหัวหน้ายัง”



        “โทรแล้ว ไม่รับกูเลย ป่ะมึง กลับกันเหอะ!”



        “มึงใจเย็นสิวะ ยังเที่ยวไม่เต็มที่เลย มาถึงนี่มันใช่บาทสองบาทนะเห้ย”  ไอ้กาวใจร้อนแพ็กกระเป๋าเรียบร้อย ดีหน่อยไอ้ยีนหยุดไว้ทัน ไม่งั้นมันคงยกของขึ้นรถไปแล้ว



        “ไอ้ยีนพูดถูก กูจ่ายค่าห้องของคืนนี้ไปแล้วด้วยนะไอ้กาว”  รงคเพทเองคงใจร้อนไม่แพ้กัน กลับก่อนกำหนดแบบนี้ ตั้งใจหนีหน้ากันชัดๆ แต่จะให้รีบกลับไปได้ยังไง ค่าห้องคืนนึงหารสี่ก็เฉียดหมื่นไปแล้ว



        “เออ จะเอาไงกันก็เอา”





        พักรีสอทหรู บริการแบบฟลูเซอร์วิซ แต่ทำไมหน้าตาเพื่อนแต่ละคนกลับไม่สนุกกันสักนิด เห็นจะมีก็แต่เด็กอายุน้อยสุด ที่ดูเหมือนโลกกำลังสดใสขั้นสุด






        กะเอาคุ้มสุดๆอยู่ยันเที่ยงของอีกวัน ตัวอยู่นี่แต่ใจไปไหนแล้วไม่รู้ เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรงทุกคนต่างจัดการกับของ ของตัวเองขึ้นรถโดยไม่ต้องบอกบท ยกของกันเสร็จก็ได้โชเฟอร์ที่คาดว่าสติดีที่สุดในขณะนี้ช่วยขับกลับบ้านให้






        000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่23 (18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 18-04-2014 21:05:39
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๒๓.๒  คนสุดท้ายของใจ  ใครเลยจะล่วงรู้







        กลับมาถึงรงคเพทพยายามติดต่อไปหาไอ้คนหนีกลับมาก่อน แต่ติดต่อไม่ได้ คล้ายว่าเบอร์ปลายทางปิดเลขหมายไปแล้ว อารมณ์เริ่มร้อนรนจึงตัดสินใจไปหาตารกาที่บ้าน หากแต่รงคเพทอาจลืมว่าคฤหาสน์นั้นเข้าอออกใช่ว่าจะง่ายๆ ยิ่งเขาขี่รถมอเตอร์ไซด์สนิมเขลอะไปจอดหน้าบ้าน ไม่มีทางผ่านด่านแรกไปได้ง่ายๆเลย





        ยิ่งไม่ได้นัดไว้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไป คราวแล้วเป็นเพราะเขามากับตารกา มันเหมือนบัตรวีไอพีผ่านเข้าคฤหาสน์ ง่ายดาย เข้าได้โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่คราวนี้มาเอง เจ้าของบ้านไม่ต้อนรับ โจรห้าร้อยไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ยิ่งไปหาที่บริษัทยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยักษ์ใหญ่ขนาดนั้น ไม่ให้ใครเข้าออกได้ตามอำเภอใจแน่นอน แม้แต่พ่อเขาที่ทำงานบริษัทลูก ยังไม่เคยเข้าถึงด้านในของบริษัทแม่เลย






       ปัง !!



        “ไอ้ยีน กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะ”  ไปง้อทางไหนก็ไม่สำเร็จ ขอมาระบายกับเพื่อนหน่อยแล้วกัน



        “กูว่าเขาอาจไม่อยากเจอมึงจริงๆแล้วก็ได้นะไอ้เรียง”  คำพูดตอกย้ำ บั่นทอนกำลังใจเพื่อนโจรซะเหลือเกิน รงคเพทอยากจะร้องดางๆ



        “กูว่ามึงหยุดก็ได้นะ ตอนทำไม่คิดหน้าคิดหลัง สมน้ำหน้าไง ต้องมาตามแก้เอง”



        “กูไม่ยอม ! มึงอย่าตอกย้ำกูมาก กูไปหาวิธีเองก็ได้วะ”  ฟืดฟัดใส่เพื่อน หงุดหงิด ทำไมพอปัญหามันเข้ามาแล้วต้องเป็นคนแก้ไขมันเอง มันถึงทำยากนักวะ






        กลับบ้านมานั่งซึม เห็นไอ้ตัวเล็กยิ้มแย้มแล้วก็แอบอิจฉาไม่ได้ นี่ไปอารมณ์ดีอะไรมานะ พี่ชายกำลังป่วยใจขนาดนี้แท้ๆ มือก็เลื่อนขึ้นเลื่อนลงจอคอมพิวเตอร์ไปเรื่อย ปิ๊ง! อิก-คิว-ซั๊งงง ! นึกออกแล้ว





        รีบเสริชวิธีง้อแฟนจากอินเทอร์เน็ตออกมาได้หลายวิธี วิธีที่ถูกใจรงคเพทที่สุดคงเป็นวิธีที่ตารกาเคยทำ ยิ่งเข้าออกบ้านไม่ได้แบบนี้ คงมีวิธีนี้วิธีเดียว นั่นคือ การส่งดอกไม้มาง้อ อื้มม จะลองดูนะ





        นึกได้ก็จัดการโทรสั่งให้ทางร้านจัดส่งดอกไม้สีน้ำเงินช่อโตไปที่บ้าน เจ้าตัวแอบตามไปดู แต่แล้ววิธีง้อสุดโรแมนติกก็ต้องพังทลาย เมื่อบอดิการ์ดที่คอยเฝ้าหน้าประตูตรวจระเบิด ตรวจนู่นนี่นั่น นอกจากด่านหน้าประตู ยังต้องผ่านอีกหลายด่านกว่าจะถึงมือคนรับ และคาดว่าคงไม่ถึงผู้รับแน่ๆ





        ไม่ยอมแพ้ ส่งที่บ้านไม่ถึง ส่งเข้าที่ทำงานรับรองว่าถึงแน่นอน คงไม่ต้องผ่านด่านตรวจระเบิดตรวจระดับมาตราวัดอะไรมากมาย และก็ได้ผล ดอกไม้สีน้ำเงินช่อโตอีกช่อถึงมือคนรับในที่สุดด้วยคำยืนยันจากคนส่งดอกไม้เอง ในช่อดอกไม้มีเพียงการ์ดใบเล็กๆที่เขียนแทนความรู้สึก ‘ขอโทษ’





        ไม่มีการตอบรับกลับมาใดๆทั้งสิ้น โจรห้าร้อยยังไม่คิดยอมแพ้ ฉันเพียงแต่อ่อนล้าก็เท่านั้น (ไม่เกี่ยว) ยอมควักกระเป๋าสั่งดอกไม้ช่อโตให้คนใจแข็งทุกวันๆ อาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่า ที่ดอกไม้ถูกส่งไปไม่เว้นแม้วันหยุดนักขัตฤกษ์ และเช่นเดิม มีเพียงการ์ดความในใจใบเล็กๆแนบไปทุกวัน



        ‘อภัยให้เรียงนะ’



        ‘รักตองมาก’



        ‘เรารออยู่นะ’



        ‘เรียงผิดเอง’



        ‘ดีกันนะ’



        ‘คิดถึงตองที่สุด’



        ‘ผมมันโง่’





       และข้อความสั้นอื่นๆอีกมากมาย ความพยายามมากมายแบบนี้ของรงคเพทไม่เคยมีมากก่อน ไม่เคยอดทนรอใคร ทำอะไรซ้ำๆเพื่อคนๆเดียวได้มากเท่านี้ หรือนี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกกันนะ ว่าคนๆนี้ อาจคือคนสุดท้ายของหัวใจ หากว่าไม่ใช่คนๆนี้ รงคเพทก็ไม่ขอรักใครอีกแล้ว





        หากแต่วันแล้ววันเล่า ทุกสิ่งที่ทำไปเหมือนรดน้ำลงโขดหิน ไม่มีการตอบกลับจากอีกฝ่าย คนพยายามเองก็เริ่มเหนื่อยกับการทำเพื่อใครบางคน โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่



        “ไอ้เรียง มึงยังไม่เลิกส่งกุหลาบให้มันอีกเหรอวะ”  ไอ้กาวเพื่อนรักที่วันนี้มาเยี่ยมเพื่อนโจรถึงบ้าน มาพร้อมกับภรรยาสุดสวยของมัน เรื่องที่ทำรงคเพทไม่ได้เล่าให้ใครฟังนอกจากไอ้ยีน คาดว่าไอ้ยีนคงไปเล่าให้ไอ้กาวสมาชิกชมรมคนรักเมียฟัง



        “อืออ : ) ”  ตอบพร้อมรอยยิ้มเฟื่อนๆ เป็นใบหน้าที่เพื่อนเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ไม่ต่างจากคนที่นั่งข้างๆไอ้กาว



        “เรียง ถ้าเรียงอยากได้โอกาส ผมจะให้เรียงเอง แต่อย่างแรกเรียงต้องรู้ก่อนว่าไอ้ตองเสียใจกับเรื่องนี้มาก มันรักเรียงมากนะ มากกว่าคนไหนๆของมันเลย ผมพึ่งเห็นมันร้องไห้ได้ก็คราวนี้ TT”  โอมพูดคล้ายจะร้องไห้ เห็นเพื่อนทั้งสองเป็นทุกข์เพราะรักมากขนาดนี้ ใครเล่าจะยิ้มออก ดีที่มีมือหนาของคนข้างๆคอยกุมไว้



        “เราขอโทษ เรามันโง่เอง เราไม่ได้อยากทำให้เพื่อนโอมต้องเสียใจขนาดนั้น”



        “สัญญามาดิ ถ้าเรียงมีโอกาส เรียงจะไม่ปล่อยมือจากเพื่อนผมไปง่ายๆอีก”  แววตาหัวหน้าจริงจัง



        “เราสัญญา ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่ยอมปล่อยมือตองแน่”



        “….ช่วงนี้ไอ้ตองมันไม่ได้นอนบ้านหรอกนะเรียง มันนอนคอนโดมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว ลองไปหามันที่นั่นดู”  จริงด้วย ลืมไปสนิทเลยว่าตารกาอาจไปที่คอนโด ทำไมถึงนึกไม่ออกเลยนะ






        000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        เลี้ยงข้าวเป็นคำขอบคุณแก่ไอ้กาวและหัวหน้าเรียบร้อย รงคเพทไม่คิดจะรอให้พรุ่งนี้มาถึง ส่งเพื่อนเสร็จก็สตาร์ทไอ้แก่ออกบ้านไปทันที





        ขี่รถไปก็นึกไปต่างๆนาๆ ถ้าเจอแล้วจะพูดอะไรดี จะทำอะไรดี ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายเดือน เมื่อมาถึงก็จอดไอ้แก่ไว้ที่จอดประจำ เจอหน้าลุงยามจนจำกันได้ละไม่ต้องแลกบัตรอะไรให้วุ่นวาย






        ออดดดด….






        กดกริ่งไปมือก็สั่นใจก็สั่น จะพูดอะไรก่อนดี คำพูดตีรวนกันไปหมด






        ….






        ออดดดด….  ก๊อก ก๊อก ก๊อก…





        กดรอบสองก็ยังไม่มีคนมาเปิด จึงกดกริ่งไปด้วยเคาะประตูไปด้วย แต่เจ้าของห้องก็ยังไม่ยอมเปิด อยู่แน่ๆเมื่อกี้ตอนขึ้นมาเห็นรถจอดอยู่ ไม่ยอมแพ้ เคาะต่อไปจนแทบจะพังประตู



        ‘ทำไมมันใจแข็งนักวะ…..ดี ! ไม่ยอมเปิดใช่ไหม กูปีนเอาก็ได้’





        ทำได้แค่คิด คอนโดหรูขนาดนี้จะปีนยังไงได้วะ TT เดินลงไปด้านล่าง ไปยังจุดที่คิดว่าคนในห้องจะมองลงมาเห็น ขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อย ว่ามันต้องมองลงมาบ้างแหล่ะ



        “ลุง..ยืมกระดาษกับปากกาหน่อย”  ไปขอกระดาษกับปากกามาจากลุงยาม ฟ้าก็ร้องครึงครางไปด้วย หลบไปเขียนอะไรบางอย่างใต้คอนโด จะเดินออกมาอีกรอบก็เห็นใครบางคนออกมาชะเง้อซ้ายขวาอยู่ตรงระเบียง ความพยายามของเขาใกล้สำเร็จแล้วสินะ มองซ้ายขวาไม่เจอคนด้านล่างคนหน้าระเบียงจึงนิ่งลงกำลังจะก้าวเข้าด้านใน



        “ตองง !!!!!!! ”  ตะโกนลั่นตึก ชนิดที่ได้ยินยันคอนโดข้างๆ เจ้าของชื่อชะงักแล้วมองลงมายังต้นเสียง






        แววตาจากมุมไกลๆรงคเพทเห็นไม่ชัดนักว่าคนด้านบนมีสีหน้าแบบไหน แต่ดูก็รู้ว่าหน้าขาวๆนั้นคงกำลังร้องไห้ เหอะ ร้องไห้เหรอ ไม่ต่างจากไอ้โจรเถื่อนด้านล่างตอนนี้หรอก น้ำตาไหลไม่แพ้กัน ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าหล่อๆนั้นอีกครั้งจนได้





        “ขอโทษษษ !!!!!!!!”  ความคิดว่าเจอแล้วจะทำอะไรก่อนหลังหายแวบไป เหลือเพียงสิ่งเดียว ต้องยื้อคนๆนี้ไม่ให้เดินไปไหนอีก






        คนไม่เคยรู้จักกับคำว่าโรแมนติก กำลังทำสิ่งที่เรียกได้ว่าโรแมนติกที่สุดในชีวิต กระดาษในมือถูกชูขึ้นให้คนด้านบนมองเห็น ในกระดาษถูกเขียนตัวใหญ่ว่า ’ผมรักคุณ’





        ชูอยู่อย่างนั้น เนิ่นนาน ไม่มีปฎิกิริยาจากคนด้านบน แต่สองเท้าคู่นั้นก็ไม่ได้ก้าวหนีไปไหน จนกระทั่ง





        ครึงงงงง ……   ซ่าาาาาา…….ซ่า..





        ฝนแรกของฤดูกระหน่ำเทลงมา คำว่า ผมรักคุณ บนหน้ากระดาษ ค่อยๆลางเลือนลงจนกระดาษขาดยุ่ยในที่สุด คนด้านล่างยังไม่ยอมแพ้ ยืนตากฝนประชดรัก หวังให้เห็นใจกันบ้าง





        เพียงไม่นานรงคเพทก็ฉีกยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อคนบนระเบียงไม่นึกจะสนใจ ก้าวเท้ากลับเข้าห้องอย่างไม่หันหลังมองลงมาอีก สมควรต้องยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณสายฝนเหลือเกิน ที่ช่วยไม่ให้ใครรู้…ว่าเขากำลังร้องไห้จนแทบทนยืนต่อไม่ไหวอีกแล้ว





. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .



 :mew2: :mew2:
มาแล้วค่ะ มาแล้ว นี่มัน เศร้าไปรึเปล่า
ตอนหน้าจบแล้วน้า ^_____________^ มันมีหักมุมนิดหน่อยด้วย  :hao6:
อย่าว่าเก๊านะ เก๊ารักคนอ่านทุกคนเลย ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ  :mew3:

ขอบคุณ คุณSorsoค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4: เราสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคุณ อิอิ
ขอบคุณ คุณbulldog17ค่ะ เรียงยังคงต้องตามง้อกันต่อไป ฮิฮิ ต้นตองใจแข็งมากก 5555
ขอบคุณ คุณmild-dyค่ะ  จบแฮปปี้ไม๊ ต้องติดตามนะคะ อิอิ
ขอบคุณ คุณkunt ค่ะ มีคนชอบยีนด้วย เรามีตอนพิเศษของยีนด้วยนะคะ รอติดตามได้เน้อ : )
ขอบคุณ คุณlucifermafis ค่ะ 55555555 ถึงกับตับยานกันเลยทีเดียว ไปกันเถอะค่ะ เราไปทำรีแพรตับกัน 555555
ขอบคุณ คุณThanthipค่ะ  อุปสรรคก่อให้รักบังเกิดค่ะ ^_____________^

ตอนจบจะมาในวันมะรืนนะคะ มาแน่นอน ฝากติดตามด้วยน้า
ขอบคุณทุกท่านค่ะ ขอบคุณมากๆ  :L2: :L2:
 
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่23 (18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-04-2014 21:28:42
โดนหนักเลย5555
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่23 (18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 20-04-2014 02:07:43
เตรียมรีแพร์ตับใหม่กับไรเตอร์ในตอนใหม่  :katai5: o18
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่23 (18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 20-04-2014 12:12:09
เง้อเศร้า



ลุ้นครับคงไม่หักมุมจนเศร้านะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่23 (18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 21-04-2014 13:41:50
งือออ ขออย่าให้จบเเบบเเบดเอนด์เลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24 (จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 21-04-2014 19:13:30
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
บทที่ ๒๔  จบอย่างไร ใครเลยจะล่วงรู้






        โสตประสาททั้งหกของคนเปียกปอนกำลังจะหยุดทำงาน เรี่ยวแรงทั้งหมดที่คอยพยุงร่างกายเอาไว้ตลอดมา คล้ายรองรับอะไรไม่ไหวอีกต่อไป อวัยวะที่คอยรั้งศักดิ์ศรีทั้งหมดของรงคเพทกำลังทรุดลงกับพื้น หมดแรงจะยืนต่อ ท่ามกลางความหนาวเหน็บของสายฝน หัวใจกำลังสั่งระรัวเต้นช้าผสมเบาคล้ายกำลังจะบ้า ไม่ช้าร่างทั้งร่างก็ทรุดตามเข่าลงไป นอนเกลือกอยู่บนพื้นซีเมนต์




        หมดไปแล้วทั้งใจ ไม่เหลืออะไรแล้ว ปล่อยตัวและหัวใจให้ไหลไปตามน้ำที่ขังบนพื้นอันเย็นเชียบ สมเพทตัวเองไม่น้อย เป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเอง เจ็บแบบนี้ก็เพราะตัวเอง ทุกข์หนักตั้งกี่ครั้งก็ไม่ใช่เพราะใคร เพราะหัวใจเราเองทั้งนั้น




        ทำไมความรักถึงโหดร้ายกับเขานัก ทำไมเมื่อมีรัก จึงต้องช้ำใจ อยากอ้อนวอน หากแต่ไม่ใช่กับพระเจ้าองค์ใด ขอได้ไหม คำอ้อนวอนขอโอกาสจากเจ้าหัวใจเขา อีกเพียงแค่ครั้งเดียว เจ็บครั้งนี้ช่างหนักหนา หากว่ามีโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้ง เขาคนนี้ก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อดำรงไว้ให้คงอยู่ตราบนิรันดร์




        นอนหงายให้น้ำฝนกระทบลงบนหน้า ให้น้ำฝนช่วยชะล้างความคิดมากทั้งหลายออกไป หากได้เจ้าหัวใจคืนกลับมา ขอสัญญา ว่าจะไม่คิดมากแล้วทำให้เจ้าหัวใจต้องเจ็บอีก นึกไปแล้วก็ยิ่งน่าขัน แม้แต่สายฝนยังเอือมระอา เพียงเอ่ยคำวอนไม่เท่าไหร่ ก็กลับหยุดเอาดื้อๆซะอย่างนั้น ….คงถึงเวลาต้องกลับบ้านเสียที




        เปลือกตาหนักอึ้งหลังถูกน้ำฝนกระหน่ำใส่อย่างร้ายกาจ หากแต่สิ่งที่มองเห็นกลับไม่ใช่ท้องฟ้ามืดดำ  อุปกรณ์กันฝนสีเรียบกำลังกางกั้นน้ำฝนอันเย็นยะเยือกไม่ให้ตกใส่คนไร้บ้าน มองไปยังที่มาของร่มสีเทา ก็ต้องเอ่ยคำขอบคุณเจ้าของร่ม ลุงยามหน้าป้อม




        เมื่อลุกขึ้นมาได้แล้วมีเพียงรอยยิ้มเจื่อนๆให้คุณลุงยามไปเท่านั้น คนหมดแรงเดินดุ่มๆไปยังที่จอดมอเตอร์ไซด์ของตน แต่แขนของลุงยามก็ได้รั้งเอาไว้



        “คุณรงคเพทครับ คุณตารกา เรียกให้คุณขึ้นไปหาครับ”



        T___________________________________T



        “อึก อึก … ฮืออออออ ฮือออออออ”  เพียงได้ยินประโยคจากลุงยาม คนที่นอนร้องไห้กลางสายฝนเมื่อครู่ ยิ่งร้องไห้ฟูมฟายเข้าไปใหญ่ ยืนมือกุมใบหน้าแล้วร้องไห้อย่างคนใกล้ขาดใจ



        “…….” 



        “ขอบคุณครับ ฮือออ ขอบคุณครับ…”  พร่ำเพ้อคำขอบคุณ อย่างคนไม่รู้สึกตัว



        “รีบขึ้นไปเถอะครับ เดี๋ยวคุณตารกาเปลี่ยนใจนะ ^^”  ไม่รอช้าสองขาที่หมดแรงไปแล้วเมื่อครู่ กลับมามีกำลังดังโคถึก




        มายืนอยู่หน้าห้องที่ขึ้นมาแล้วหนึ่งรอบเมื่อกี้ แต่รอบนี้กลับไม่กล้าเรียกหรือเคาะขึ้นมาซะงั้น ยืนหัวใจเต้นระรัวอยู่ไม่นาน ประตูก็แง้มออกเอง




        โจรห้าร้อยเดินเข้าด้านในอย่างช้าๆ เมื่อเข้ามาก็เห็นคนเปิดประตูยืนอยู่ไม่ห่างจากประตูนัก ใบหน้าใสปิ๊งนั้นหมองคล้ำลงอีกแล้ว ตั้งแต่รู้จักเขา คนหน้าตาดีคนนี้สูบซีดไปมากจากครั้งแรกที่เจอ ไหนจะหุ่นสมส่วนนั่นอีก บัดนี้กลับผอมลงจนน่าใจหาย หากแต่ห้องเปิดไฟเพียงดวงเดียว หน้าประตูจึงมีเพียงแสงสลัวสาดมาเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นแววตาของอีกฝ่ายชัดเจน




        คนด้านในเดินนำไปนั่งยังโซฟาไม่ไกลจากประตูทางเข้านัก คนตัวเปียกเดินตามเข้ามาแต่ไม่กล้านั่งบนโซฟา จึงยืนนิ่งๆตรงหน้าคนนั่งก้มหน้า  อยู่เงียบๆกันอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ความอึดอัดเข้าครอบงำคนทั้งคู่ แต่คนความอดทนต่ำเช่นรงคเพททนเงียบต่อไม่ไหวแล้ว



        “ตอง..เรียงขอโทษ”  เอ่ยคำในใจแผ่วเบา คนนั่งก้มหน้ายังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนคนขอโทษเริ่มใจไม่ดี คุกเข่าลงตรงหน้าคนก้มหน้าแล้วคว้ามือขาวๆนั้นมากุมไว้



        “เรียงมันโง่เอง ตองให้อภัยเรียงเถอะนะ..ตอง คุยกับเรียงหน่อยดิ เรียงจะบ้าตายอยู่แล้ว”






        ติ๋ง !




        น้ำหยดแรกหล่นลงมาแล้ว กระทบกับมือหนาที่กุมอีกมือไว้อย่างแน่น เห็นคนที่เป็นยิ่งกว่าหัวใจกำลังเจ็บปวด รงคเพทเองยิ่งเจ็บกว่าเป็นเท่าทวีคูณ กุมมือนั้นก้มฟุบหน้าลงกับเข่าตารกา น้ำตาหยดลงพื้น อยากกอดคนๆนี้เหลือเกิน แต่ตัวเองกำลังเปียก จึงทำได้เพียงแค่นี้ 




        มือที่ถูกกุมกำลังเริ่มสั่นไหว คนนั่งร้องไห้ร้องไห้หนักขึ้น เจ็บจนจุกแต่พูดอะไรไม่ออก แต่คนนั่งกุมไว้เริ่มทนไม่ไหว ดึงมือคนนั่งด้านบนกระชากลงมาทีเดียวคนบนโซฟาหล่นลงมาอยู่บนตักเปียกๆทันที



        “ตอง..คุยกับเรียงหน่อย ฟืดดด ตองอย่าทำแบบนี้ดิ”  ล่วงมานั่งตรงนี้ รงคเพทไม่รอช้าจับหน้านั้นให้เงยขึ้นมามอง  และก็ได้เห็น…ดวงตาที่เคยสดใสบัดนี้แดงก่ำ ยิ่งถุงน้ำร้อนใต้ตาที่ดำคล้ำจนน่าตกใจ ใช่ว่าจะมีแต่เขาที่ทุกข์ใจอย่างที่ตารกาบอกไว้จริงๆ คนบนตักเขาตอนนี้ มัน…นึกอะไรต่อไม่ออก หัวใจกำลังถูกบีบรัดอย่างแรง อึดอัดจนสุดขั่วหัวใจอย่างไม่รู้จะบรรยายอย่างไร



        “ตอง จุบ ดีกันนะ เรียงสัญญาเรียงจะไม่มีวันบอกลาตองอีก…ไม่มีวัน จุบ เรียงรักตองมากนะ เรียงรักใครไม่ได้อีกแล้ว เราหยุดทำร้ายกันและกันเถอะนะ …ตองง จุบ”  ใช้มือจับให้คนบนตักเงยหน้าขึ้น ค่อยๆไล้นิ้วไปตามแก้มเบาๆ แล้วจูบลงบนปากแห้งแตกไปหนึ่งที คนร้องไห้เสมองไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้า คนพูดยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่ จูบบางเบาครั้งแล้วครั้งเล่า



        “เรียงรักตอง”  เมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่ง คนที่กำลังอารมณ์ร้อนจึงเลียไปตามริมฝีปากนั้น ห่างหายจากคนตรงหน้าไปไม่กี่เดือน แต่รู้สึกเหมือนนานแรมปี พอได้จูบมันก็หยุดไม่ได้ จากตอนแรกที่แค่เลียริมฝีปากนั้น จึงเริ่มส่งลิ้นเข้าไปวนเวียนกวาดต้อน สำรวจทุกซอกทุกมุมในปากอีกฝ่ายอย่างโหยหา แขนก็โอบรัดคนบนตักแทบแหลกเป็นผง ร่างกายที่ฟิตมาเพื่อการนี้เต็มที่ ยิ่งคนในอ้อมกอดกำลังอยู่ในช่วยซูบผอมลงไปมาก จะเอาอะไรมาสู้ อยากรู้นัก




        แต่ผิดคาด ไม่มีอาการขัดขืนแม้แต่น้อย คนในอ้อมกอดนุ่มนิ้ม ตัวอ่อนอย่างไร้กระดูก ไม่ว่าจะกอดรัดแน่นเพียงใดก็ไม่มีบ่นสักนิด จนคนรัดเริ่มสงสาร ลิ้นที่วนเวียนอยู่ในปากก็ไม่มีการขัดขืน จูบไปสักครู่ลิ้นที่ถูกสะกิดบ่อยๆก็เริ่มมีการจูบตอบเล็กน้อย สร้างความพอใจให้คนกำลังอารมณ์ขึ้นอย่างดี




        อยากหาวิธีทำให้คนในอ้อมกอดพูดหรือขัดขืนอะไรมาบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย เอาแต่เงียบ ปกติตารกาก็เป็นคนเงียบอยู่แล้ว ยิ่งทะเลาะกันแบบนี้ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่




        รงคเพทอุ้มนุ่นในอ้อมกอดเดินลิ่วๆเข้าห้องนอนอย่างไม่รู้จักหนัก โยนคนใบ้ลงบนเตียงแล้วเริ่มปลดกางเกงและเสื้อของตัวเองออก เมื่อร่างกายเปล่าเปลือยแล้วจึงคลานขึ้นไปบนเตียง ที่คนถูกอุ้มเข้ามาเริ่มมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย แต่สักพักก็หายไป






        ตู้มม !!




        คลานเข้ามาได้สักพักก็กระโจนลงไปจูบดูดดื่มแทบกลืนปากของคนนอนนิ่ง คนนอนนิ่งเริ่มหายใจไม่ออกจึงเริ่มออกแรงดันบ้างเล็กน้อย คนจูบอย่างจาบจ้วงละออกมามองคนใบ้หอบ แล้วก็เริ่มจูบเลื่อนลงไปตามลำคอ แสงสีขาวในห้องไม่ได้ถูกดับลง คนผิวขาวจัดถูกดูดบริเวณไหน ตรงนั้นก็แดงขึ้นมาชัดเจน แม้จะโดนเพียงเบาๆก็ยังแดงให้เห็นได้ รงคเพทจัดการถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกจนหมด




        คนที่ไม่เคยถูกใครถอดคาดว่าคงรู้สึกแปลกไม่น้อย แต่ด้วยทิฐิจึงยังนอนเงียบตัวเป็นนุ่นอยู่อย่างนั้น



        “ตองครับ พูดกับเรียงหน่อย เรียงจะทนไม่ได้ ทำร้ายตองละนะ”  เสียงหายใจรุนแรงกว่าปกติมาก ได้เห็นผิวขาวๆถูกแต้มด้วยสีแดงจากการกระทำของเขา ไอ้น้องชายก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ยังคงระดมดูดลงไปตามส่วนต่างๆ โดยเฉพาะต้นแขนด้านในที่เมื่อโดนปากหนาดูดแล้วแดงง่ายกว่าที่อื่น




        เมื่อก่อนก็ได้กลิ่นหอมจากร่างนี้บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยได้สูดดมจนหนำใจอย่างนี้สักที ยิ่งถูกจูบคนใบ้ยิ่งหน้าแดงหูแดง นิ้วเท้าจิกลงกับเตียง แต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกให้หยุด



        “ตอง…! ถ้าตองไม่พูดอย่าหาว่าเรียงใจร้ายนะ เกิดอะไรขึ้นก็ผิดที่ตอง ตองเปิดให้เรียงเข้ามาเอง”  พอที ! ไม่ทนแล้ว อยากทำแบบนี้กับต้นตองมาตั้งหลายเดือนแล้ว โกรธขนาดนี้ จะโกรธกว่านี้ก็เชิญเลย ตอนนี้รงคเพททนไม่ไหวอีกต่อไป



        “จะไม่พูดจริงๆใช่ไหม งั้นก็ไม่ต้องพูด รู้ไว้นะต้นตอง กูจะทำ และกูจะไม่หยุด จนกว่ามึงจะพูดออกมา โกรธได้โกรธไป แต่จะหายไปจนกูหาไม่เจออีกอย่าได้หวัง เพราะกูจะไม่มีวันปล่อยมึงให้คลาดสายตาอีก กูจะขังมึงไว้ไม่ให้ไปไหนได้ ต้นตอง!! ได้ยินไหม”  โจรห้าร้อยไม่พูดเปล่า ทุกคำพูดคนพูดกัดฟันพูดออกมา มือหนาก็บีบไปตามลำตัว โดยเน้นก้นขาวๆ บีบเฟ้นอย่างแรงจนแดงออกมาเป็นรอยมือ โจรห้าร้อยทำหน้าโหดและจริงจัง กัดกลามกรอดๆอย่างข่มอารมณ์




        ไอ้โจรหื่นไม่รอช้าแหวกขาเรียวอ้าออก แล้วยกสะโพกตารกาขึ้นในระดับสายตา แสงไฟส่องให้เห็นช่องทางลับด้านหลังชัดเจนยิ่งกว่าภาพเอชดี ไม่ต้องพิจรณาให้เนิ่นนาน ช่องทางที่ไม่เคยผ่านใครมาแม้แต่คนเดียว ไม่ได้มีขนดกอย่างเขากลับสะอาดและเป็นสีแดงสด ไอ้โจรใจทรามกลืมน้ำลายลงคอ นี่เขากำลังจะได้แล้ว ได้ความบริสุทธิ์ของคนที่เขารัก ยิ่งนึกอารมณ์ยิ่งพุ่งพล่าน




        ไม่ใช่สิ่งที่ตารกาจะคาดคิด รงคเพทลงลิ้นทั้งเลียทั้งประกบปากลงไปยังช่องทางสีสวย พยายามแยงลิ้นลงไปตามซอกหลืบ ไล่เลียเป็นวงกลมและแยงลงไปอีก มือที่ว่างกำส่วนอ่อนไหวของตารกาแล้วเริ่มขยับข้อมือ คนที่เอาแต่นอนนิ่ง เริ่มนิ่งไม่ไหว นี่เกินความคาดหมายมาไกลโข คนที่กำลังทำท่าคล้ายหกสูงแบบหงายขยับตัวขึ้นลง จิกปลายนิ้วเท้าเพื่อระบายความเสียวส่าน มือสองข้างพยายามดันหัวที่ฝังลงกับด้านล่างให้ห่างออก แต่ก็ไร้ผล ร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาจริงๆ




        เมื่อไล่เลียจนพอใจ รงคเพทจึงใช้นิ้วจิ้มเข้าไปยังช่องทางอันแสนบริสุทธิ์โดยมีน้ำลายเป็นตัวช่วย ศึกษามาแล้วอย่างดีเกี่ยวกับวิธีการเตรียมความพร้อมสำหรับครั้งแรกของคนรักของเขา




        รงคเพทใช้เวลาเตรียมพร้อมอยู่ครู่หนึ่ง แต่มืออีกข้างก็ไม่ได้หยุดการกระทำด้านหน้า ไม่ถึงสิบนาที การชัก ของรงคเพทก็เป็นผล คนเป็นใบ้กระตุกร่างคล้ายกำลังจะปลดปล่อย แต่ไอ้โจรใจร้ายกลับใช้นิ้วมืออันใหญ่โตของมันอุดรูระบายเอาไว้ เมื่อถึงขีดสุดแต่กลับไม่ได้ปลดปล่อย ความเจ็บจี๊ดจึงแล่นขึ้นไปยังสมอง ทั้งเจ็บปวดทั้งเสียวซ่าน อาการดิ้นทุรนทุรายเริ่มตามมา เรียกรอยยิ้มคนเตรียมการด้านหลังขึ้นมาทันที



        “เรี…”  คนนอนดิ้นกำลังจะเอ่ยขึ้น แต่คนที่มาไกลเกินกลับไปแล้ว เป็นฝ่ายใช้มือปิดปากคนนอนดิ้นเอาไว้ หยุดการกระทำทุกอย่าง แล้วประกบจูบลงไปแทนมือนั้น ไม่นานไอติมแท่งยักษ์ก็ถูกแหวกส่งผ่านเข้ามายังช่องทางที่ถูกเตรียมไว้ คนถูกกระทำถึงกับน้ำตาไหลเป็นทาง รงคเพทไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือเสียใจที่ถูกเขาทำแบบนี้กันแน่




        ไอ้โจรหื่นไม่ยอมละจากจูบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำตามฝัน ครั้งแรกที่ได้ส่งส่วนอ่อนไหวเข้าไปในร่ายกายคนที่เขารัก ครั้งแรกที่เขาไม่ต้องช่วยตัวเองแล้วนึกภาพคนๆนี้กำลังนอนครางอย่างสุขสมอยู่ใต้ร่าง แรงกระแทกรุนแรงจนคนถูกกระทำครั้งแรกน่าสงสาร ความรู้สึกยิ่งกว่าการได้ล่อยลอยอยู่ในสุญญากาศกำลังก่อตัวขึ้น ไม่ใช่เพียงร่างกายที่กำลังสุข หัวใจโจรห้าร้อยอุ่นวาบ เหมือนกำลังเติมเต็มบางสิ่ง ความรู้สึกที่ยิ่งกว่าคำว่าดี จนต้องหลั่งน้ำตาออกมาตามคนด้านล่าง แม้ว่าจะพึ่งเริ่มรงคเพทก็รู้สึกถึงความไม่พอเสียแล้ว




        ผิดกับคนด้านล่าง ที่ไม่เคยโดนกระทำ กำลังเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ร้องไห้ออกมาไม่ใช่เพราะเสียใจที่เสียตัวให้คนที่ตนรัก เพราะทำใจมานานแล้วพอสมควร แต่ที่ร้องไห้ออกมาเพราะไม่นึกว่ามาเจอจริงๆแล้วจะรู้สึกดีขนาดนี้ ความรู้สึกที่ว่าตัวเองน่ารังเกียจเริ่มก่อตัวขึ้น จึงทำได้เพียงนอนนิ่ง ปล่อยให้คนที่แสนคิดถึงทำตามใจชอบไปเรื่อยๆ




        “อื้ออออ อื้อออ”  เสียงประท้วงในลำคอเกิดขึ้น หลังจากที่รงคเพทกระแทกไม่ยั้งมาเป็นเวลานาน แถมจูบอย่างไม่ยอมเปิดโอกาสให้หายใจหายคอกันเลย มือหนาสองข้างบีบข้อมือคนด้านล่างอย่างแรงจนมือแทบม่วง เพื่อต้องการผ่อนคลายอารมณ์




        ดีหน่อย เมื่อได้ยินคนรักร้องประท้วงจึงยอมละจูบออกมา แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่แดงซ่านทั้งหน้ารวมถึงตัวที่แดงจากแรงอารมณ์แล้ว คนไม่รู้จักพอจึงก้มประกบจูบอีก เข้าออกอีกเพียงไม่กี่ที ตารกาก็ได้รับประสบการณ์ใหม่อีกอย่างหนึ่ง คือการมีของเหลวพุ่งเข้าสู่ช่องท้องด้วยความแรง ความรู้สึกที่ทำให้เขาเผลอลืมตัว ปลดปล่อยความต้องการของตัวเองออกมาเปรอะบนหน้าท้องเช่นกัน




        เมื่อสมดังอารมณ์หมายแล้ว คนที่เอาแต่จูบใช่ว่าจะยอมละออกมา ยังคงดูดกลืนริมฝีปาก อย่างไม่รู้จักอิ่ม จนคนด้านล่างเริ่มทนไม่ไหวพยายามหันหน้าหนีไปอีกทาง และก็สามารถทำได้ ผละจูบนั้นออกง่ายดายกว่าเมื่อครู่ คนด้านบนคนเริ่มอ่อนแรงเพราะเมื่อกี้ใส่ไม่มียั้ง พอผละมาได้ตารกาก็เร่งโกยอากาศเข้าปอดไม่รู้ว่ารงคเพทจะจับจูบต่ออีกเมื่อไหร่



        “ทำอีกนะตอง จุ๊บ”  ตอนแรกบอกว่าถ้าพูดแล้วจะหยุด แต่นี่ไม่เปิดโอกาสให้แม้แต่จะปริปากออกมาเลย พอพูดเสร็จก็ประกบจูบอีกครั้ง ร่างกายรงคเพทฟิตคล้ายโดฟยาชูกำลังมาสิบโหล ทำให้คนที่ไม่ค่อยได้กินอะไรจนร่างกายซูบผอมทนแบกรับอารมณ์รุนแรงต่อไม่ไหว หมดสติไปในรอบที่สาม เมื่อตารกาหมดสติไปแล้วรงคเพทจึงได้สติ ต่อรอบที่สามจนจบแล้วกลับมามองผลงานของตนเอง ตัวขาวๆเต็มไปด้วยรอยมือ โดยเฉพาะข้อมือที่ถูกบีบอย่างแรงเป็นเวลานาน เริ่มออกสีม่วงแล้ว รงคเพทไม่นึกจะทำอะไรต่อ จับคนหมดสติแนบอก กอดแน่นและหลับไปทั้งอย่างนั้น






        00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        กริ๊ง …




        O_O




        ตื่นมาด้วยความตกใจ ตัวเองในสภาพยับเยินคล้ายถูกรุมโทรม ม่วงเป็นจ้ำๆตามร่างกาย แถมยังถูกแขนหนารัดไว้ที่เอวอีก กว่าจะแกะออกก็ใช้เวลาพอสมควร เมื่อจะเดินลงจากเตียงจึงสะดุดเข้ากับเสียงเมื่อครู่




        นี่มันอะไร ตารกาไม่เข้าใจกับสิ่งที่รงคเพทกำลังทำ ทำแบบนี้เพื่ออะไร กำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำก็ถูกมือคนข้างๆจับหมับเอาไว้



        “ตอง จะไปไหน”



        “……”  ไม่มีคำตอบ มีเพียงหน้าตาเฉยชากับโซ่ในมือ



        “เรียงบอกแล้ว ว่าจะไม่ให้ตองหนีไปไหนอีก”



        “เรียง!”  ทำท่าจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็ไม่พูด รงคเพทไม่รู้ไปเอาความคิดบ้าๆมาจากไหนจับตารกาล่ามโซ่ให้ข้อเท้าขวาติดกับเตียงไว้ซะงั้น



        “เผื่อตองหนีอีก”



        “ตองไม่เคยหนี”  ประโยคแรกที่รงคเพทได้ยิน เรียกรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า รงคเพทฉุดคนที่ลุกขึ้นนั่งให้นอนลงอีกครั้ง หลักการ เหตุผล ความคิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตารกาเคยเป็นที่หนึ่ง กำลังถูกคนที่เขารักทำลายจนหมดสิ้น ไม่มีเหตุผลใด หรือแผนการใดต่อต้านความรู้สึกได้เลย ตารกาเองก็พึ่งเข้าใจถึงคำว่า อารมณ์มาก่อนเหตุผล



        “พูดได้แล้วเหรอ ….รักตองนะ จุ๊บ”  จัดการจับคนพึ่งได้สติในยามเช้า กดลงบนเตียงอีกรอบ



        !!!!!



        “สวัสดีตอนเช้ากันหน่อย กำลังแข็งได้ที่กันทั้งคู่นะตอง”  เหตุการณ์ต่อจากนั้น เป็นสิ่งที่สเทือนใจตารกาอย่างยิ่ง นี่ไอ้โจรใจร้ายปล่อยให้เขานอน เพื่อมาทำตอนเช้าต่อหรือเนี่ย




        ตั้งแต่วันนั้น รงคเพทก็จับตารกาล่ามโซ่ไว้เวลาที่ตัวเองไม่อยู่ ย้ายของใช้บางส่วนมาอยู่คอนโดตารกา จับตาดูแทบยี่สิบสี่ชั่วโมง และที่น่าสงสารคือ หนึ่งสัปดาห์กว่าผ่านมารงคเพทไม่เคยมีคืนไหนที่ไม่กอดคนรักเลยสักคืน ระยะแรกๆตารกาจะเอาแต่นอนนิ่งๆ แต่ช่วงหลังๆมาจะเริ่มมีขัดขืนขึ้นมาบ้าง ยิ่งตารกาขัดขืนรงคเพทยิ่งรู้สึกพอใจ คนๆนี้กำลังแสดงความรู้สึกออกมาบ้างแล้ว ไม่ว่างเปล่า เฉยชาเหมือนช่วงแรกๆ




        วันนี้ก็เช่นกัน ตารกาถูกโจรห้าร้อยบังคับให้กินข้าว เมื่อกินข้าวเสร็จก็อาบน้ำ อ่านหนังสือ เข้านอนแต่ก็ไม่เคยได้นอนเลยสักที



        “เรียง…”  ไม่บ่อยที่รงคเพทจะได้ยินคนๆนี้พูด หลังจากที่เขาล่ามโซ่เอาไว้ แต่วันนี้พูด พูดเสียงแผ่วๆด้วย



        “ตองว่าไง ฟอดดด”  ตอบไปแต่เริ่มคลอเคลียเขาอีกแล้ว ยอมรับว่าหลง หลงต้นตอง หลงมากจนแทบโงหัวไม่ขึ้น



        “วันนี้ไม่ทำได้ไหม ทำทุกวันเลย ตองเจ็บ”  ประโยคแสนเศร้า เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ตารกาผู้น่าสงสารคล้ายกำลังอ้อนวอนขอชีวิต พูดไปก็สมเพทตัวเองไป พอนึกๆได้เช่นนี้น้ำตาลูกผู้ชายไม่เคยเสียตัวก็จะไหลลงมาทุกที





        แต่สำหรับรงคเพท





        ‘โอยยยยยยยยยยยย น่ารักว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย’  >///////////<




        ประโยคสเทือนใจใครหลายคน สำหรับรงคเพทมันน่ารักเหลือเกิน วันนี้ต้นตองอ้อนเขา อ้อนได้น่ารักมากด้วย แล้วแบบนี้รงคเพทจะหยุดได้ไง




        แต่สุดท้ายรงคเพทก็ใจอ่อนไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านอนกอดแน่นๆแล้วหลับปุ๋ยไปพร้อมกัน




        0000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        เหตุการณ์ดำเนินมาร่วมเดือน ตารกาไม่ได้ออกไปไหนเลย มีเพียงงานบริษัทที่ส่งมาทำที่บ้าน  แต่เดี่ยวนี้ดีหน่อย ต่อรองได้ ตารกาเริ่มรู้ไต๋ไอ้โจรห้าร้อย มันแพ้ลูกอ้อน อ้อนนิดอ้อนหน่อย ขออะไรมันก็ให้หมด หลังๆมาโซ่ที่ล่ามก็ถูกปลดทิ้งไปแล้ว เมื่อตารกาไปศึกษาเล่าเรียน ตำรา ‘อ้อนผัวยังไงให้ได้ผล’ ตั้งแต่มันได้กดสุดหล่อ มันก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้สุดหล่อได้กดมันอีกเลย นักวางแผนอัจฉริยะนึกในใจ




        ‘นี่มันวางแผนมานานแค่ไหนแล้วนะ’




        แต่เป็นแบบนี้ก็ไม่เห็นเสียหายอะไรตรงไหน ตารกาเองก็รักรงคเพทใช่น้อยๆที่ไหน ที่สำคัญรงคเพทคนคิดมากหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ กลายเป็นรงคเพทคนใหม่ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มั่นคงมากขึ้น ดูแล เอาใจซะจนตารกาเริ่มเคยตัว เคยชินกับบทบาท ‘เมีย’ ซะแล้ว





        “ตองยิ้มไร ยิ้มให้ใคร!”  นอกจากจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว ยังหึงมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวด้วย ไม่รู้ไปเรียนวิชาขี้หึงกับไอ้กาวเพื่อนรักมารึเปล่า แต่ที่แน่ๆ รงคเพทกลายเป็นสมาชิกชมรม ‘คนรักเมีย’  ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย


. . . . . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


. . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . . .


. . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . .


. .. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


. . . . . . . . . . . . . . . . . . .


. . . . . . . . . . . . . . .


. . . . . . . . . . . .


. . . . . . . . .


.  . . . . .


. . . .


. .






        ความรักระหว่างตารกาและรงคเพทที่กำเนิดเกิดขึ้นบนความไม่แน่นอน คนสองคนที่ต่างกันอย่างสุดขั่ว ต่างคนต่างมีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันไป แต่แล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุบังเอิญหรือใครขีดไว้ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็เกิดขึ้นแล้ว ความรักที่ทั้งคู่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเข้ามาในรูปแบบนี้ ความรักที่มีตัวตน มีความรู้สึก แต่กว่าที่จะพบกัน กว่าทุกอย่างจะลงเอย แม้จะมองเห็นใจของกันและกันมากเพียงใด แต่ม่านหมอกก็คอยมากางกั้น ให้ความรู้สึกนั้นคอยเลือนรางอยู่ร่ำไป





        ความรักครั้งนี้ เป็นรักที่ยากจะได้มา และยากเหลือเกินที่จะหยั่งถึงได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เขาสองคนจะไม่ยอมปล่อยให้เลือนลางจางหายไปกับม่านหมอกอย่างแน่นอน



H A P P Y      E N D I N G         ^______________^





. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .  . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





จบแล้วนะคะ จบแล้วเรื่องของต้นตองกับเรียง  : )))
เราขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เรามากๆเลย
ตอนจบมีหักมุมนิดหน่อยน่อ ฮ่าฮ่าฮ่า 
มีใครอยากให้ต้นตองกลับไปกดเรียงบอกเราได้นะคะ เราจะแต่งตอนพิเศษมาให้
แต่สำหรับต้นตองถูกกดจะมีตอนพิเศษออกมาอย่างแน่นอนค่ะ และจะมีตอนของกาวกับโอมด้วย

ขอบคุณ คุณbulldog17 ค่ะ  :3123:
ขอบคุณ คุณlucifermafis ค่ะ   :3123:
ขอบคุณ คุณfannan ค่ะ   :3123:
ขอบคุณ คุณFeporchz ค่ะ   :3123:

เราขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งจากใจเลยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเมนท์ที่ช่วยลุ้น คอยให้กำลังใจ เราแต่งเรื่องแรกจนจบได้เพราะพวกคุณเลย
และอย่างที่ว่านะคะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่ง ข้อผิดพลาดเราว่าก็มีเยอะ หากท่านใดอ่านจนจบแล้ว ขอช่วยวิจารณ์เราบ้างนะคะ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเราในเรื่องต่อไป แนะนำเราได้เต็มที่เลยค่ะ เราไม่โกรธแน่นอน

หากท่านใดยังคงชอบแนวนิยายของเราอยู่ ติดตามตอนต่อไปได้นะคะ เป็นเรื่องราวของพบรักหลังจากอกหักค่ะ
ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ แล้วพบกันค่ะ ^___________________________^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-04-2014 19:33:10
ผลัดกันไปเลยไหนๆก็ไหนๆแล้ว555

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 21-04-2014 20:29:41
ความจริงเราเชียร์ ตองXเรียงนะ แต่ไม่เป็นไร ขอให้พวกนางคู่กันก็พอ :hao5:



แต่ไรท์ขาาาาาาาาา(เสียงอ่อนเสียงหวาน) ขอตอนพิเศษ ตองกดเรียงหน่อยน้าาาาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 21-04-2014 21:03:21
เอ้าโดนกดซะงั้น



ขอบคุณคร้าบ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 21-04-2014 21:10:32
ความจริงเชียร์ เรียงxตองมาตั้งเเต่เเรกเเล้ว ฮ่าๆ พอได้อ่านตอนจบนี่เเบบยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
บอกตรงๆว่าไม่อยากนิยายเรื่องนี้จบเลย หวังว่าคนเขียนจะมีตอนพิเศษมาเซอร์วิสให้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้างนะ
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนๆ ยังจบไม่ได้ๆ พี่พบของน้องล่ะคะ นางยังไม่มีคู่เลยย เเต่ก็เหมือนนางจะสาบสูญไปเเล้วนะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 21-04-2014 21:32:43
จบแล้ว จบแล้ว

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เป็นตอนจบที่หักมุมมว๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 22-04-2014 16:33:04
5555 ถึงว่าทำไมชอบเรียกเรียงว่าโจรห้าร้อย ยังว่าทำไมเรียงเป็นรับ
ในที่สุดโลกก็หมุนรอบตัวเองอีกใคร
ยังสงสัยเรื่องของรามอยู่เลยฮะ อย่าลืมเฉลยนะคร้าบบบ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้ได้อ่าน แถมมาอย่างสม่ำเสมอไม่ต้องรอนานจนลืมตอนเก่า ขอบคุณมากๆฮะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 23-04-2014 23:56:25
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 28-04-2014 14:06:37
จบแล้วว น่ารักนะะะกว่าจะเข้ากันได้ ฮู่วววว
มาอ่านตอนตัดจบแล้ว ฮ้าา
สนุกๆมากจ้า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 28-04-2014 15:26:11
อ่านไปอ่านมาไหงตอนจบพลิกเป็นเรียงกดตองซะงั้น อย่างนี้ต้อง ขอตอนพิเศษด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง บทที่24(จบ)(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 29-04-2014 00:25:57
โอ๊ะโอ อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แบบว่ามัุนพลิคล็อคมาก ตั้งแต่ ตองกดเรียง แล้วตอนจบยังมา เรียงกดตอง
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย มันยังไม่สุดอ่ะค่ะ ขอตอนพิเศษๆนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wispapoo55 ที่ 02-05-2014 23:00:53
ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง 
พิเศษ 1 ___






        “ฮัลโหล”  รงคเพทในชุดนอนลายขวางสีเรียบ กระซิบกับโทรศัทพ์หน้าห้องนอน



        “โหลๆ ไอ้เรียง กระซิบไมวะ”



        “ต้นตองนอนแล้ว มึงมีไร”  มือหนาพยายามป้องเสียงกับโทรศัทพ์ให้เบาที่สุด ไอ้กาวเพื่อนรักโทรมาทีไร ไม่ต้องเดา ชวนกันไปทำความดีตลอด



        “ไอ้สัด พึ่งสามทุ่ม นี่มึงแข่งนอนเช้าเอาถ้วยโอลิมปิกรึไง”



        “กูนอนสามทุ่มมาหลายเดือนละไอ้กาวมึงก็รู้ จะชวนกูออกไปไหนอีก กูบอกแล้วกูไม่ไป”



        “แต่คราวนี้มึงต้องไปไอ้เรียง มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับผัวมึงนะ”  ไม่เคยบอกมันหรอกว่าใครเป็นผัวใครเป็นเมีย พวกมันเดาเอาเองกันทั้งนั้น



        “เรื่องไรวะ มึงรีบพูดมาเลย”  พอได้ยินว่าเป็นเรื่องของสุดที่รักที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้อง หูตาลุกวาว ต่อมอยากรู้อยากเห็นกระเพื้อมทันที



        “กูก็พึ่งรู้ เรื่องมันลับมาก กูบอกมึงทางนี้ไม่ได้ว่ะ มึงต้องออกมาฟังเอง”



        “ไอ้เฮียยย กูไปไม่ได้ ตองนอนแล้ว”



        “ก็ปล่อยไอ้ตองนอนไปสิวะ มึงแอบออกมาแปปเดียวไม่ตายหรอก”



        “…….” 



        “หรือมึงไม่อยากรู้”



        “อยากรู้สิวะ!!”  เผลอพูดเสียงดังไป ต้องรีบเอามือปิดปาก



        “งั้นออกมาเลยเพื่อน กูอยู่ตรงนี้ที่เดิม”



        “เออๆ กูจะหาทาง ขอเวลากูครึ่งชั่วโมง” 





        และแล้วปฏิบัติการหนีเมียออกไปเที่ยว เอ้ย! ออกไปหาเพื่อนก็เริ่มต้นขึ้น ตีนผีย่องเข้าห้องนอน มองหน้าคนรักที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขบนเตียง แล้วเริ่มเกิดความรู้สึกผิด ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับตารกาที่นี่ รงคเพทก็แทบไม่ได้ออกไปเที่ยวกับเดอะแก๊งค์ยามค่ำคืนเลย ยิ่งช่วงหลังๆ ตารกาโหมอ่านหนังสือหนัก สามทุ่มเข้านอน ตื่นมาอีกทีตี 4  เรื่องจะได้แตะต้องอะไรนั่น ไม่มีมาหลายสัปดาห์แล้ว



        ไม่รู้ว่าไอ้กาวมันพูดจริงหรือหาข้ออ้าง แต่มันก็น่าเงียบเหงาจริงๆ ขอออกไปหาเพื่อนสักนิด แล้วจะรีบกลับเข้ามาให้ทันตี 4 นะครับที่รัก



        จัดการแง้มตู้เสื้อผ้าอย่างเบามือที่สุด ใส่เสื้อแสนดูดี ที่ไม่ได้ใส่มานานมาก แต่งตัวในความมืดอย่างลวกๆ ค่อยๆล้วงกุญแจไอ้แก่ออกจากลิ้นชักข้างหัวเตียงอย่างเบามือที่สุด





        มิชชัน คอมพลีทททท !!





        ไอ้โจรหนีออกจากคอนโดได้สำเร็จด้วยไอ้แก่สนิทเขลอะ ขี่รถมาหาไอ้กาว ในใจก็รู้สึกผิดต่อคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ตลอดทาง ไม่ใช่เพราะใครเลย ตัวเองทั้งนั้นที่เป็นคนผูกตัวเองไว้ ทำให้ไม่ได้ออกไปไหน ความจริงตารกาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เที่ยวกลางคืน แต่เพราะตัวเองนั่นแหล่ะ ไม่ยอมให้ตารกาออกเที่ยว และทำข้อตกลงเอาไว้ ว่าจะไม่เที่ยวด้วย



        “จะให้ไปได้ไงวะ แค่เดินลงคอนโดคนแทบเดินตามเข้าห้องมาละ”  มันเป็นเรื่องจริงที่ปฎิเสธลำบาก ว่าคนรักของเขาดูดีเข้าขั้นมาก ทั้งหญิงและชายต่างตั้งความหวังที่จะได้เป็นเจ้าของ ฮึ แต่หวังไปก่อนแล้วกัน เจ้าของหน่ะมีแล้วโว๊ย





        ตุแลง ตุแลง มาถึงที่ประจำของไอ้กาวมัน ไม่ต้องมีการตรวจบัตรใดๆ พนักงานจำหน้าได้ดี เดินขึ้นโพเดียมมา เจอกับเพื่อนกาวนั่งลำพังกับน้องแก้ว…แก้วเหล้าสีอำพัน ดูท่าแล้วน่าจะกำลังเริ่มเมา



        “กว่าจะมาได้นะมึง ผัวอนุญาตแล้วเหรอ”



        “กูไม่ได้บอก”  ถามซะเพื่อนอึ้ง สงสัยมันจะเริ่มเมาแล้วจริงๆ



        “มาๆนั่งกับกูก่อน”  ไอ้กาวกดไหล่เพื่อนให้นั่งลงแล้วสั่งของมึนเมาให้



        “ไอ้กาว กูไม่แดก”  แม้จะกลืนน้ำลายลงคอแล้วก็ตาม แต่ไม่อยากมีปัญหากับตารกา เพราะตกลงกันไว้แล้ว



        “แดกกับกูหน่อยดิวะ !! มาถึงนี่แล้ว เห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหมเนี่ย”  ไปแล้วไอ้กาว ถ้าไม่ดื่มกับมัน คาดว่าคงไม่ได้กลับไปหาเมียในร่างคน



        “ไอ้กาว แล้วหัวหน้าอ่ะ”  ปกติต้องเห็นไม่ห่างตาไอ้กาวมัน แล้วนี่โอมหายไปไหนวะ



        “ไปต่างจังหวัด”



        “กูว่าละ อะไรวะ มึงห่วงเขาขนาดนั้นแม่งไม่ตามไปด้วยล่ะ”  คำบอกเล่าของไอ้กาวมันเหมือนคนกำลังเครียดแค้นอะไรสักอย่าง ดูดุแปลกๆ



        “เขาไม่ให้กูไป ให้กูเฝ้าร้านให้”



        “เหอะๆ ก็ดีนี่หว่า ทำตัวเป็นประโยชน์บ้างมึงอ่ะ”



        “กูก็อยากเป็นประโยชน์นะไอ้เรียง แต่นี่เล่นไปเป็นอาทิตย์ๆ กูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”  น้ำเสียงอย่างกับคนจะร้องไห้ นี่มันคงคิดถึงมาก



        “มึงเลยล่อลวงกูออกมาอยู่เป็นเพื่อนว่างั้น เห่ยๆ กูไม่โสดแล้วนะโว๊ย ไปชวนไอ้ยีนโน่น”



        คำพูดของรงคเพทแปลกอะไรหรือ ทำไมไอ้กาวมันได้ยินแล้วถึงเริกคิ้วขึ้นอย่างนั้น



        “เหอะ เรื่องเพื่อนมึงนั่นแหล่ะที่กูอยากเล่า”



        “ทำไมวะ ไหนว่ามีเรื่องของตอง”



        “เออ ก็เรื่องของไอ้ตองกับไอ้ยีนนั่นแหล่ะ”



        “อะไรวะ..”  ไม่ได้อยากกลับมาเป็นคนคิดมาก แต่พอเป็นเรื่องของคนชื่อนี้ทีไร เรื่องราวที่พอเป็นไปได้กับเหตุการณ์ สามพันแปดร้อยสิบห้าเรื่องก็พุ่งเข้าสมองทันที



        “ไอ้กาววว เรื่องอะไร มัวแต่มองอะไรของมึง ไอเหี้ยยย!!” หันไปตามสายตามันก็เจอเข้ากับ หนุ่มน้อยคนหนึ่ง กำลังมองขึ้นมาตรงที่เขานั่ง รู้ทันทีว่าไอ้กาวเสียหลักเข้าให้แล้ว



        “น้อง…ไปเชิญเขาขึ้นมาหน่อย บอกผมเชิญ”  กวักมือเรียกเด็กแถวนั้น



        “ไอ้กาวว ทำอะไรของมึงวะ ไหนว่ารักหัวหน้าไง ทำงี้ไม”  รงคเพทสมาชิกชมรมคนรักเมียไม่เข้าใจกับพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อน ไอ้กาวมันรักหัวหน้ามากแค่ไหน หวงมากแค่ไหน ใครๆก็รู้ดี



        “มึงเงียบไปเลยไอ้เรียง กูไม่ได้เจอโอมมาเป็นอาทิตย์ ให้อยู่เฉยๆต่อ กูคงตายก่อนได้เจอแน่ๆ”



        ข้ออ้างบาดจิต นี่แค่อาทิตย์เดียวที่ไม่ได้เจอ แต่นี่เขาหล่ะ นอนข้างๆแท้ๆนานกว่าหนึ่งอาทิตย์ของไอ้กาวอีก แต่ไม่ได้แตะอะไรเลย ความรู้สึกแม่งแย่ไม่ต่างกัน



        “คุณกาวครับ เขาไม่ขึ้นมาแต่เชิญคุณลงไปครับ”   นั่นแหน่ะ มีลีลาให้ท้าทาย ไอ้กาวที่กำลังเมาไม่ท้อต่อคำท้า ลากเพื่อนหน้าโจรลงไปด้วย ย่างเยื้องไปยังโต๊ะหนุ่มน้อยหน้าใสเมื่อครู่







        ‘อาเหื้ออ…’  น่ารักจริงด้วย เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักไม่ต่างจากน้องชายของรงคเพทเลย เมื่อเห็นปุบความรู้สึกเอ็นดูที่มีต่อน้องชายจึงเกิดขึ้นทันที เผลอจ้องนานไปหน่อย ไม่รู้เพราะอะไรถึงละสายตาไม่ได้ จ้องจนทั้งโต๊ะหันมามอง คนเอาแต่จ้องก็ยังไม่รู้สึกตัว โดนศอกไอ้เพื่อนกาวกระแทกทีนึงจิตจึงกลับสู่ที่เดิม



        ยืนทำความรู้จักกันอยู่สักพัก รงคเพทก็ยังคงไม่ยอมละสายตา เหลือบแลไปหาตลอดเวลา ส่วนคนถูกมองก็มองตอบบ้างมองไปทางอื่นบ้าง ไม่รู้ทำไมจริงๆ ถึงถูกชะตามากมายขนาดนี้ ปกติก็ไม่ได้เจอใครแล้วสปาร์คได้เลยแบบนี้บ่อยๆ



        ทำความรู้จักกันอยู่สักพัก ทั้งโต๊ะมีแต่หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักทั้งนั้น คาดว่าคงเรียนมัธยมกัน เวลาผ่านไปคนที่บอกว่าไม่ดื่มๆ กลับถูกจับกรอกปากอย่างง่ายดาย ด้วยคำพูดแสนหวานของหนุ่มน้อยที่ยืนข้างๆ ยิ่งดึกระยะห่างระหว่างทั้งคู่ยิ่งลดลงเรื่อยๆ มารู้สึกตัวอีกทีหนุ่มน้อยหน้าใสก็มาซบและขยับตัวตามเพลงบนอกหนาซะแล้ว



        ความรู้สึกผิดเข้าจู่โจม ….จึก! จึก! จึก!!!



        มือหนาดันคนซบออก เห็นใบหน้าใสๆกำลังเคลิ้มด้วยฤทธิ์เหล้า….. อ๋อยยย >///<  น่ารัก  มือไม้สมาชิกชมรมสั่นระรัว ใจมันให้ผลักออกแต่มือมันไม่ยอมผลัก ทำไงดี ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไม่ได้เกินเลยอะไรอยู่แล้ว



        ขณะที่สมาชิกชมรมหน้าโจรกำลังเคลิ้มไปกับเพลงและคนตัวนิ่มที่โอบคอไว้ หางตาก็สาดไปเห็นหลังใครบางคน ไม่รู้ว่าเป็นใคร สติเริ่มมึนงง แต่คุ้นมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหน…สักแห่ง



        เสื้อตัวนั้นทำไมรู้สึกคุ้น เหมือนเคย…ใส่



        “!!!!”  เห้ยยย เสื้อเหมือนของเขาเลยนี่หว่า เสื้อสีแดงลายดอกคล้ายอาเสี่ย ใครวะกล้าใส่เสื้อรุ่นลิมิเตทเหมือนเขามาได้ ชักอยากเห็นหน้า



        “ไปไหนครับ”



        “เดี๋ยวพี่มา”  ลุกไปแล้ว เสื้ออาเสี่ย ไปห้องน้ำหรือ?







000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000







        “ตองง !!”  ยืนมองเจ้าของชื่อผ่านทางกระจกเงาในห้องน้ำ



        “……”  เจ้าของชื่อมองหน้าคนเรียกผ่านกระจกและยิ้มบางๆให้เท่านั้นก่อนก้มลงล้างมือ



        “ตองมาได้ไง”  สมาชิกชมรมใจเต้นกระหน่ำ ความลุ่มหลงมึนเมาเมื่อครู่อยู่ๆก็หายไปปริดทิ้ง ความกลัวแทรกซึมเข้าแทนที่ กลัวคนๆนี้โกรธ กลัวเข้าใจผิด หลากหลายอารมณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน



        “…….”  ยังคงไม่มีคำตอบกลับมา



        “เรียงขอโทษ กลับบ้านกัน”



        “จึ!”  เสียงบ่งบอกว่ารำคาญสุดขีดพร้อมสะบัดแขนที่ถูกจับเบาๆเมื่อครู่ทิ้ง ทำเอาใจสมาชิกชมรมตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม



        “ตอง!!”  อารมณ์โมโหเริ่มมาแทนที่ ใครอนุญาตให้ออกมาทั้งแบบนี้ ลืมไปสนิทแล้วว่าตัวเองออกมาก่อน จับแขนนั่นอีกครั้งแรงๆ ก็ถูกดึงออก แต่ไอ้โจรใช่ว่าจะยอมปล่อยง่ายๆ



        “ขอโทษครับ คืนนี้มีคนเหมาชั่วโมงผมหมดแล้ว มาใหม่พรุ่งนี้นะครับ”  รงคเพทอึ้ง นี่ตารกาเล่นอะไรกันแน่ โจรห้าร้อยไม่ยอมปล่อยแขน ศอกหนักๆจากสุดที่รักจึงประเคนให้เต็มท้อง เมื่อหลุดมาได้ตารกาเดินออกมา โดยมีคนกุมท้องที่ตั้งหลักได้เดินตามออกมาติดๆ ช้าไปนิดหน่อย ตารกาของเขาบัดนี้อยู่ในอ้อมกอดของ…ไอ้หน้าปลวกที่ไหนไม่รู้ ซึ่งจริงๆแล้วหน้าปลวกของรงคเพทนั้น ดูดีกว่าหน้าโจรของเขาไปมากโข



        “ตอง!!”  เดินไปดึงคนกำลังนั่งในอ้อมกอดไอ้หน้าปลวกให้ลุกขึ้น แต่กลับถูกนักเพาะกายหน้าปลวกตัวอย่างตึกผลักออก



        “อย่ามายุ่ง นี่เด็กกู!” โอยยย หน้าตามันหน้ากลัวจริงๆ รงคเพทหน้าโจรยอมแพ้ มันจะฆ่าเอาไหมเนี่ย มันพกมีดมาป่าววะ หรือมันพกปืน หรือมันมีบอร์ดิการ์ด คิดหนักแล้วสิสมอง แต่ไม่ได้! ขืนปล่อยไว้แบบนี้สุดที่รักเขาต้องได้ออกไปกับมันแน่ๆ



        “เท่าไหร่…”



        “อะไรของมึง”



        “มึงให้เท่าไหร่”



        “เสือก! เรื่องของกู”



        “มันให้เท่าไหร่ตอง”  ถามไอ้หน้าโหดนี่ไม่รู้เรื่อง หันไปถามสุดที่รักก็ได้



        “ห้าหมื่น ^^”



        O[]O  หะ หะ ห้าหมื่นน T___________________________T



        “ได้! มึงรออยู่นี่…เดี๋ยวเรียงมานะตอง”  ชี้หน้าบอกไอ้โหดกล้ามโตไป





000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        “โอยยย ห้าหมื่น ห้าหมื่น จะไปหาจากไหนได้ตอนนี้วะเนี่ยย T___T”  วิ่งออกจากผับมาควบไอ้แก่ ขี่ออกไปอย่างไม่รู้จุดหมาย จะไปไหนดี ไม่อยากรบกวนที่บ้าน ลองไปดูเงินในบัญชีก่อนแล้วกัน



        “- ___ -”  ขอดูยอดเงินคงเหลือ …….’77 บาท’ ตัวเลขที่แสดงอยู่บนจอตู้กดเงินทำให้รงคเพทอยากจะร้องดางง ดางงง ตารกาพึ่งยืมไปสามหมื่นซะด้วย แล้วทีนี้จะเอาที่ไหนไปให้ไอ้โหดวะ …ไอ้ยีนๆ ช่วยกูที ชื่อเดียวที่อยู่ในหัว






        ครืดดดด  ครืดดดดดดดด………



        ‘ใครมันโทรมาตอนนี้วะ’



        …หัวหน้า…



        “หัวหน้าว่าไง”  เรื่องตัวเองก็ยังไม่รอดเลย ถ้าโอมถามหาไอ้กาวขึ้นมาอีก งานนี้คงช่วยไม่ได้ละนะ



        “เรียง อยู่กับไอ้ตองเปล่า ผมโทรหามันไม่ติด”



        “อยู่ เอ้ย ไม่อยู่ หัวหน้ามีอะไรเหรอ เฮ้อออ”



        “ผมจะคุยเรื่องโปรเจคนิดหน่อยหน่ะ….เรียง มีอะไรรึเปล่า ฟังน้ำเสียงไม่ค่อยดี”



        “เรา..มีปัญหาเรื่องเงินนิดหน่อยอ่ะหัวหน้า เฮ้ออ”  ไม่ได้คิดจะยืมโอมเลยสักนิด แต่ได้บอกใครสักคนอาจดีขึ้นบ้าง



        “อืออ..ยืมผมก่อนได้นะ ถ้ามันไม่เยอะมาก”



        “ห้าหมื่นอ่ะ”



        “เรียงจะเอาไปทำไรเหรอ บอกได้ไหม”



        “เรื่องมันยาวอ่ะหัวหน้า คือ..”



        “เอาเถอะ เดี๋ยวอีกสิบนาทีผมโอนให้ ฝากบอกไอ้ตองด้วย โปรเจคใกล้เสร็จแล้ว อย่าลืมที่ตกลงกันไว้”



        “หัวหน้า ! จะให้เรายืมจริงดิ OoO ”  น้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจสุดๆอย่างปิดไม่มิด



        “จริงครับ แค่นี้ก่อนนะเรียง ส่งเลขบัญชีให้ผมด้วย”



        “ครับๆ”  โอมวางไปแล้ว รอไม่ถึงสิบนาทีเงินในบัญชีของนายรงคเพท ก็กลายเป็น 50,077 บาท



        T_______________T  ซึ้งใจกับหัวหน้าจริงๆ





00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000






        ปึง!!



        “เอาเงินมึงคืนไป ตองมานี่!”  วางเงินห้าหมื่นที่ถูกกดมาสดๆร้อนเมื่อครู่บนโต๊ะกลมเล็กๆ พร้อมดึงแขนคนที่กำลังชงเหล้าให้ลุกขึ้น



        “เห้ย !! มึง..”



        “มึงอ่ะหยุดเลย! นี่เมียกู อย่าเสือก!!”  ตัวเล็กกว่าแล้วไงวะ หน้ากูดุกว่า กูรู้ตัว ชี้หน้าด่ามันไปหนึ่งที ซะใจโว๊ย กูก็เอาจริงเป็นนะครับ



        “…..”  ลากเด็กนั่งดริ้งที่ตอนนี้กระดุมมันหลุดไปไหนสองเม็ดแล้วไม่รู้ เผยให้เห็นอกแบนๆขาวปิ๊ง ยิ่งเห็นยิ่งโมโห ลากมาบังคับให้ซ้อนไอ่แก่สนิมเขลอะกลับคอนโด



… … … … … … … ..

. . . . . . . . . .

. . . . . .

. . .

. .




        “เข้าไปดิ”  แต่คอนโดที่พามากลับเป็นคอนโดรงคเพทซะนี่



        “ผมยังไม่ได้คิดเรื่องจะออกไปกับแขก”



        “ผมซื้อคุณมาแล้วไง ไม่ต้องคิดแล้ว”  เปิดประตูดึงคนยั่วเข้ามาให้ห้อง ไม่ยอมเข้ามาสักที อุ้มพาดหลังมาเลยแล้วกัน





        ตุบ !!



        โยนคนบนไหล่ลงกับเตียงแล้วจับแขนทั้งสองข้างล็อคติดกับฟูกด้วยมือหนาๆ



        “ผมจ่ายไปตั้งห้าหมื่น อย่านั่งเฉยๆเลย นอนสบายกว่านะผมว่า” กัดกรามกรอดๆ  ไม่มีการรีรอใดๆ ยั่วโมโหดีนัก จมูกสมาชิกชมรมไซร้ไปตามซอกคอขาว อดทนมาตั้งนาน อยู่ๆไปให้ใครโอบเล่นได้ไง ใครอนุญาตวะ ยิ่งนึกอารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่าน ฮึ่ยยย !! มันน่านัก สูดดมจนพอใจจึงกลับมามองหน้าคนนอนนิ่ง ที่บัดนี้กำลังจ้องเขาตาใสแจ๋วแทบไม่กระพริบ หัวคิ้วเชิดขึ้นอย่างยั่วเย้า นี่มัน! หน้าแบบนี้มัน ยั่วกันชัดๆนี่หว่า



        “จุบ จุบ จ๊วบบ!”  เสียงปากประกบปาก จูบดูดดื่มเข้าขึ้นกระหาย ไม่ใช่จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย หากแต่มีเพียงจูบที่บ่งบอกถึงความต้องการเท่านั้น เด็กนั่งดริ้งขยับส่วนอื่นของร่างกายไม่ได้ เพราะถูกกักขังไว้โดยมือหนาๆนั้น



        “อือออ”  คนเก็บกดไม่ได้กอดเมียมาเป็นอาทิตย์ ลงทุกอย่างกับเด็กขายคนนี้ กางเกงแสนเกะกะหายวับไปอย่างไม่ทันได้สังเกต มือหนาบีบเฟ้นไปตามร่างกายขาวเนียนนั้นอย่างเต็มที่ ไล่ลงมายังสะโพกและก้นนิ่มมือที่อยากจับเล่นทุกๆวัน



        “อื่ออออ”  ไม่รอช้าใดๆอีกแล้ว น้องชายเขาแข็งแรงตั้งแต่ขี่ไอ่แก่มาแล้ว พร้อมออกศึกทิ่มแทงทันที หากแต่เด็กขายของเขาคงไม่ได้ทำงานมาหลายวัน ช่องทางแสนสุขจึงแน่นและตอดรัดจนลาวาแทบประทุออกมาตั้งแต่ยังเข้าสนามไม่สุด



        “เจ็บนะ”  ใส่เข้าไปแล้ว หน้ามืดตามัวไม่ได้ยินอะไร ยิ่งได้เห็นหน้าและน้ำเสียงแสนยั่วยวนของเด็กขายคนนี้ ที่ไม่รู้ว่าไม่เรียนมาจากไหนลาวาที่ยังไม่เข้าที่ ปะทุออกมาจนได้



        “แฮ๊ก แฮ๊ก!”  จัดออกมาแล้วหนึ่งรอบ ยังไม่ได้ขยับอะไรเลยด้วยซ้ำ นี่มันน่าอายเกินไปรึเปล่าวะ



        “อือออ”  ความรู้สึกคล้ายมีอะไรบางอย่างฉีดเข้ามาด้านในเต็มๆเรียกเสียงร้องครางเครือแผ่วเบา ลาวาด้านในปริ่มออกมาด้านนอกเล็กน้อย ด้วยปริมาณที่ถูกกักเก็บไว้นานหลายวัน



        นอนสุขสมกับสิ่งที่ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกสักครู่ ไอ้น้องชายก็อยากออกกำลังกายอีกรอบซะแล้ว รอบนี้มีตัวช่วยในสนามรบ การเข้าออกจึงง่ายขึ้นและให้ความรู้สึกเสียวซ่านกว่าครั้งไหนๆ



        “อา”  ไม่ได้สนใจจะก้มลงไปมอง กลัวเห็นแล้วลาวาปะทุอีก งานนี้นกเขาคงไม่ขันไปอีกนาน …แต่ว่ามัน อยากจูบนี่นา สมาชิกชมรมตัดสินใจก้มลงไปมองอีกครั้ง แต่ก็เป็นอย่างที่นึก



        “อ๊ะ อ่ะ อ๊า…”  เด็กขายแสนเชี่ยว มองเขาตาเป็นมัน ร้องครางออกมาสุขสมเต็มที่ แต่ละครั้งที่นำกองทัพกระแทกเข้าก็จะได้ยินเสียงตอบรับแสนหวาน พร้อมน้ำใสๆที่คลอบริเวณหางตา หัวคิ้วแสนสวยเชิดขึ้นคล้ายคนกำลังเจ็บปวดกับอะไรบางอย่าง



        “ไปแอบฝึกที่ไหนมา หะ”  ยิ่งนึกถึงภาพตอนจริงจังระหว่างการอ่านหนังสือหรือทำโปรเจคของตารกา กับเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันที่กำลังร้องครางไม่ต่างกับเด็กขายจริงตอนนี้ อารมณ์สมาชิกชมรมยิ่งพุ่งทะยาน



        “พูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ”  ทำตาแป๋วอย่างคนไม่เข้าใจเต็มที่ นอกจากจะน่ากระแทกแล้ว ยังน่าหมั่นใส้มากด้วย คนอะไร อยากกินเข้าไปทั้งตัวเลย



        “อร๊าาาาา….”  ศึกนอกไม่เท่าไหร่ ศึกในสิเจ็บกว่า สมาชิกชมรมออกศึกเต็มเหนี่ยวให้คุ้มกับเงินจำนวนห้าหมื่นที่เสียไป เด็กขายแสนสวยมือสมัครเล่นบิดเร้าอยู่ใต้ร่างจนเวลาล่วงเลย มาถึง…ตี4





        รงคเพทหน่ะหรือ หลับตายตั้งแต่ตี2 แล้ว หักโหมใช้แรงหนักไปหน่อย ส่วนคนถูกใช้งานก็เหนื่อยใช่ย่อยที่ไหน เผลอหลับไปด้วยกันนั่นแหล่ะ แต่เมื่อถึงเวลาตื่นประจำ ตารกาก็ต้องตื่น เขาจัดการกับสภาพอันน่าสังเวชคล้ายถูกคนรุมโทรม(อีกแล้ว) ของตัวเองและหยิบแทปเล็ตขึ้นมาอ่านtext






. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .










        ‘ไอ้ตอง โปรเจคเรียบร้อยรึยัง’



        ‘เสร็จละ ขอบใจมาก’



        ‘อย่าลืมห้าหมื่นของกูหล่ะ’



        ‘ฮึฮึ’







       คนเจ้าเล่ห์ยังไงก็เจ้าเล่ห์วันยังค่ำล่ะนะ ^______________________^
       





. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
END พิเศษ 1




ตอนพิเศษมาแล้วค่า มาช้าไปป่าวน่อ ^^  :3123: :3123:

ขอบคุณ คุณbulldog17 ค่ะ   :-[ :-[
ขอบคุณ คุณlucifermafis ค่ะ ตองxเรียง รอพิเศษตอนหน้านะคะ ^^
ขอบคุณ คุณfannan ค่ะ   :mew3:
ขอบคุณ คุณFeporchz ค่ะ พบรักจะมีตอนใหม่อีกตอนนะคะ เร็วๆนี้ค่า ^^
ขอบคุณ คุณSorso ค่ะ ^_________^  :mew1:
ขอบคุณ คุณkaokorn ค่ะ เรื่องของรามเป็นอีกตอนนะคะ ลำนำรักในม่านหมอกมี 3 ตอนค่าา อิอิ ฝากติดตามด้วยนะคะ
ขอบคุณ คุณzuu_zaa ค่ะ 555555555555  :z2:
ขอบคุณ คุณKaewkaew ค่ะ  :-[ :-[
ขอบคุณ คุณboonpa ค่ะ ตอนพิเศษมาแล้วนะคะ อิอิอิ ^^
ขอบคุณ คุณammchun ค่ะ ^___________________^  :3123:

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ ตอนพิเศษเรายังไม่แน่ว่ามีกี่ตอน อาจมีมาเรื่อยๆค่า ^^ เรารักคู่นี้ อิอิ
ฝากตอนต่อไปของพบรักด้วยนะคะ สำหรับแฟนๆพบรักร่วมลุ้นร่วมเชียร์กันได้เน้ออ ขอบคุณมากๆเลยค่า
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 06-05-2014 22:19:31
ตองเจ้าเล่ห์กับเรียงตลอด แล้วเรียงก็ไม่เคยทันตองเลย
โปรเจทยั่วซะมีหรือตอง อันนี้โอมร่วมด้วยป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 06-05-2014 23:50:11
ตองก็เจ้าเล่ห์กับเรียงตลอดอ่ะ เเต่เงินในบัญชีเรียงไม่ไหวนะ 77 บาท 555555
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 01-07-2014 08:08:58
รู้สึกว่า เป็นนิยายที่บทบาทตัวละครสวนกระแสนิยมหลักพอสมควรทีเดียว
คล้ายๆจะผิดฝาผิดตัวรึเปล่า 555 ...เรียกว่าเป็นความแปลกใหม่จากคุณผู้แต่งก็แล้วกัน
ไม่คาดคิดว่าพระ-นายจะเป็นคู่นี้จริงๆ มีทรงอยู่ แต่มันยังไม่เปรี้ยงยังไงชอบกล (ส่วนตัวนะ)
เหมือนการพัฒนาความสัมพันธ์ จะรวบรัดตัดความไปนิดนึง //ขอเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
ปล.ชอบพบรัก (ตามพื้นฐานคนอ่านทั่วไปนะ คือตัวละครแบบนี้ก็ถูกสร้างมาเพื่อให้สงสารให้เชียร์ใช่ไหม)
สงสัยว่าที่ให้มีแรงเยอะ เก่งหมัดมวยนี่...กะให้ไปกดคนอื่นรึเปล่า? เป็นแนวหักมุมงี้ คึคึ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 02-07-2014 17:27:11
 :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 03-07-2014 02:36:32
คึคึ ตอนจบนี่สิตอนจบ แฮปปี้เอนด์จริงซะด้วย
ในที่สุดหนูเรียงก็มีวันนี้ ฮ่า ฮา
ส่วนตอนพิเศษนี่แบบว่า

เอิ่มมม ... เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากมายจริงๆต้นตองเนี่ย
ทำไปได้ ห้าหมื่นเลยนะ ห้าหมื่น (ตองจัดซะก็จบแล้ว เรียงมันแบบ...ตามนั้นแหละ)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 23-09-2015 16:49:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 03-05-2016 17:45:01
ตองเจ้าเล่ห์มากๆๆๆๆ
ชินกับบทบาทภรรยามากสินะ
แต่ก็น่ารักอ่ะ
จะรออ่านตอนพิเศษคู่นี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักในม่านหมอก ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง พิเศษ1(02/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 17-09-2018 00:42:15
 o13