พิมพ์หน้านี้ - [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: no-reply ที่ 31-10-2006 16:53:06

หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 31-10-2006 16:53:06
ขอบคุณคุณ นัทนทีที่อนุญาตให้รวบรวมและเผยแพร่ไว้ที่
เซ็งเป็ดแฟนคลับนะครับ

ผมชื่นชอบเรื่องราวนี้มากๆ
อยากให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
และเรื่องราวนี้ถือเป็นสุดยอดเรื่องหนึ่งในใจผม
อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ อยากให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ
น้ำตาไหลพรากทุกตอนเลยครบ โดยเฉพาะภาค2
ใครเป็นโรคหัวใจโปรดระวัง เพราะบาดอารมณ์มากครับ

*********************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาติเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0
*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 1 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ชีวิตเด็กต่างจังหวัดอย่างผม ในแต่ละวันก็ดูจะผ่านไปอย่างเรียบๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ความกดดันเพียงอย่างเดียวสำหรับชีวิตในวัยนั้นก็ของผมก็คือทำอย่างไรถึงจะเรียนให้ได้เกรดดีๆ เพื่อให้สมกับความเสียสละของพ่อแม่ที่อุตส่าห์เห็นแก่อนาคตของผม ยอมกัดฟันส่งเสียลูกคนนี้จนได้เข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในตัวเมืองเพื่อหวังให้ผมมีอนาคตที่ทัดเทียมกับเด็กคนอื่นๆ

ถึงครอบครัวของผมจะไม่ได้มีฐานะยากจนข้นแค้นอะไร แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้ามาเรียนในตัวเมืองก็ทำให้พ่อแม่ของผมต้องทำงานหนักขึ้น (โดยที่ผมไม่รู้และไม่เคยสังเกตุเลย)

อย่างไรก็ดีผมก็ตอบแทนท่านด้วยการพยายามทำตัวเป็นเด็กดี ขยันเรียน และทำกิจกรรมในโรงเรียนไปด้วยจนผมกลายเป็นนักเรียนตัวอย่างที่มีประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติมาให้ท่านได้ชื่นชมอย่างสม่ำเสมอ

ถึงกระนั้นผมก็รู้ดีว่าประกาศนียบัตรเหล่านั้นแทบไม่มีความหมายเลยเมื่อเทียบกับข่าวที่ผมสามารถสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ แถมยังได้อยู่ในห้องของนักเรียนที่เรียนดีหรือที่เรียกกันว่า “ห้องคิง” อีกด้วย

หลังจากทราบผลการสอบ ผมต้องเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องเนื่องจากเบื่อที่จะฟังคำชื่นชมจากเพื่อนบ้านเวลาไปไหนมาไหนเพราะเหตุที่แม่ได้เอาข่าวที่ผมสามารถสอบติดและได้อยู่ห้องคิงนี้ไปคุยโม้เสียเจ็ดบ้านแปดบ้านจนเขาจะรู้กันไปทั่วทั้งอำเภอแล้ว

แต่ไหนแต่ไรมา ผมไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น แม้จะขัดกับการแสดงออกที่ดูเป็นเด็ก “เรียนดี กิจกรรมเด่น” แต่ถ้าให้เลือกได้ ผมก็อยากจะเป็นเพียง “Nobody” ในสายตาของคนอื่นๆ เท่านั้น เพราะผมรู้ดีว่าผมมีปมด้อยที่ร้ายแรงและไม่ควรให้ใครได้รับรู้ นั่นก็คือผมเป็น “เกย์”

สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่แถมอยู่ต่างอำเภออย่างผม คำว่า “เกย์” ไม่เคยอยู่ในสาระบบความคิดมาก่อน เพราะสำหรับสังคมบ้านนอกที่โลกทรรศ์ของคำว่า “Homosexual” คับแคบเช่นนั้น คำเดียวที่ผมคงจะใช้เรียกตัวเองได้ในเวลานั้นคือคำว่า “กะเทย” โดยนิยามเอาจากลักษณะนิสัยที่เป็นคนที่ชอบผู้ชายด้วยกัน

ถึงกระนั้นผมก็รู้ตัวดีว่าผมแตกต่างจากกะเทยแถวบ้านที่ผมรู้จัก นั่นคือ ผมไม่ชอบแต่งหน้าทาปาก ผมไม่เคยมีความคิดที่จะใส่ชุดผู้หญิง ผมไม่เคยแอบขโมยรองเท้าส้นสูงของแม่มาใส่ และผมไม่ชอบการวี้ดว้ายกะตู้วู้เอาเสียเลย

ผมยืนยันได้ว่าการปฏิเสธพฤติกรรมข้างต้นเกิดจากความรู้สึกจริงๆไม่ใช่เพราะต้องการจะปกปิดตัวเอง

พฤติกรรมที่ผมมักจะรู้สึกแปลกๆ เวลาเห็นผู้ชายถอดเสื้อ หรือ การที่คนที่ผมแอบชอบเป็นครั้งแรกในชีวิตคือผู้ชายต่างหาก เป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้ค้นพบตัวเองว่าผมคือ “เกย์”

พฤติกรรมแบบนี้เคยทำให้ผมโดนเพื่อนสนิทกัดอย่างเจ็บแสบในภายหลังว่า “สิ่งเดียวที่ยืนยันว่ามึงเป็นเกย์คือ......มึงบ้าผู้ชาย..."

ผมจึงมักใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ปกปิดตัวเองอยู่ในห้อง เพราะคงเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมจะได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด

โดยเฉพาะในเวลานี้ที่แม้ผมจะดีใจกับผลการสอบที่ออกมา แต่ความจริงที่ว่าถึงแม้เพื่อนร่วมห้องที่ผมแอบชอบจะสามารถสอบเข้าได้ แต่เขาก็ได้อยู่เพียงห้องธรรมดาเท่านั้น

ผมจึงรู้สึกหดหู่กับความจริงที่เกิดขึ้นนี้อยู่ไม่น้อย เพราะนั่นหมายถึงว่าผมกับเค้าจะได้เจอกันน้อยลง หรือแม้กระทั่งเค้าอาจจะลืมผมไปเลยก็ได้ในวันใดวันหนึ่ง

อันที่จริงเพื่อนของผมคนนี้ก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ หน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่น แต่ความสามารถในฐานะนักกีฬาฟุตบอลตัวฉกาจของโรงเรียนทำให้ผมรู้สึกแอบปลื้มผู้ชายคนนี้อยู่เสมอ และดูเหมือนเจ้าตัวก็จะรับรู้ถึงความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้ จนถึงขนาดแอบมาทำทีเล่นทีจริงกับผมอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ผมกับเขาโดนแซวจากเพื่อนๆร่วมห้องอยู่เสมอ

แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของเราก็เป็นได้แค่เพียงพฤติกรรม “หมาหยอกไก่” เท่านั้นเพราะเอาเข้าจริงผมเองก็ไม่เคยกล้าจะก้าวข้ามคำว่า “เพื่อน” ในขณะที่เขาเองก็ไม่เคยมีท่าทีจริงจัง

การที่นักกีฬาที่ผู้หญิงหลายคนในโรงเรียนแอบฝันถึงอย่างเขากลับมายอมรับไมตรีที่ผมมีให้อย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ แถมบางครั้งยังทำท่าเหมือนจะยอมรับว่าผมเป็นคนพิเศษ ทำให้ผมรู้สึกนึกขอบคุณเขาอยู่เสมอ

อย่างน้อยๆผมก็รู้สึกว่าผมก็ได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติและ ที่สำคัญทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ถูกปฏิเสธแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าระหว่างผมกับเขาก็ไม่มีวันไปไกลเกินกว่านี้

แต่เพียงเท่านี้ มันก็ดีมากแล้วสำหรับผม…

----------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 31-10-2006 16:53:28
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 2 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------------

เสียงจอแจของทั้งเพื่อนเก่า และ เพื่อนใหม่ที่ได้มาเจอกันในวันแรกของการเปิดภาคเรียนทำให้ภายในห้องชั้น ม. 1 / 1 ดูคึกคักไม่น้อย

เหตุที่ห้องนี้มีเสียงคุยกันอย่างตื่นเต้นไม่หยุดหย่อนทั้งๆที่เป็นการพบกันครั้งแรกก็เพราะนักเรียนในห้องนี้ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่รู้จักกันมาก่อน

เนื่องจากนักเรียนที่สามารถสอบผ่านเข้ามาเรียนในห้องนี้จำนวนมากจะมาจากห้องเก่งของโรงเรียนประจำจังหวัด 2 โรงเรียนที่ได้รับการยอมรับที่สุด นั่นคือโรงเรียนเทศบาลประจำจังหวัด และ โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด ดังนั้นการเปิดเทรมในวันนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการพบกันของเพื่อนเก่านั่นเอง

ผมเองก็กำลังคุยกับเพื่อนสนิท 4 – 5 คนอย่างออกรสหลังจากได้จับจองโต๊ะที่นั่งของตัวเองเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เช้า ทุกคนต่างรู้สึกดีใจที่พวกเราส่วนใหญ่ที่อยู่ห้องเดียวกันในชั้นประถมนั้นได้อยู่ห้องเดียวกันในระดับมัธยมศึกษาด้วย

แต่ขณะที่ผมกำลังคุยกับเพื่อนๆ ถึงเรื่องราวที่ได้เจอมาตอนปิดเทรม อยู่ดีๆก็มีเสียงหนึ่งแทรกมาจากอีกมุมหนึ่งของห้องว่า

“คนนั้นนะเหรอ เด็กไอ้กอล์ฟ ไม่เท่าไหร่เลยนี่หว่า”

ทันทีที่เสียงนั้นจบลงทำให้ผมต้องหยุดบทสนทนาในทันทีแล้วหันมองไปยังต้นเสียงที่บัดนี้เขาก็กำลังจ้องมาที่ผมเช่นเดียวกัน

เพราะถ้าผมฟังไม่ผิด เขาเพิ่งจะพูดถึง “กอล์ฟ” เพื่อนชายที่ผมแอบชอบอยู่ซึ่งตอนนี้เราต้องแยกกันอยู่คนละห้องแล้ว และจากประโยคเมื่อครู่ บวกกับสายตาที่กำลังจ้องมองมาทางผมนั้นทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่า คนที่เขากำลังพูดถึงนั้นก็คือผมเอง

แต่ก่อนที่ผมจะได้เข้าไปถามให้รู้เรื่องรู้ราวกับประโยคที่เขาพูดออกมาก็พอดีกับที่คุณครูประจำชั้นของเราเข้ามาพอดี ผมจึงจำต้องนั่งลงที่โต๊ะอย่างสงบ

ผมยอมรับว่าผมไม่มีสมาธิเลยตลอดช่วงของการพบปะกับครูประจำชั้นเป็นครั้งแรกในวันนั้น คำพูดที่ว่า “คนนั้นนะเหรอ เด็กไอ้กอล์ฟ” มันยังก้องอยู่ในหูผมตลอดเวลา จนกระทั่งอาจารย์เรียกให้นักเรียนออกมาหน้าห้องทีละคนเพื่อแนะนำตัวเอง โดยเริ่มจาก....เขา....เจ้าของเสียงปริศนาที่พูดถึงผมเมื่อกี้นี่เอง

ทันทีที่เขาออกมายืนหน้าห้อง แม้หลายคนจะพยายามเก็บอาการแต่ก็ยังมีเสียงฮือฮาจากผู้หญิงหลายคนเล็ดลอดออกมาจนได้

ถ้าจะบอกว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องคนนี้เป็นนายแบบวัยรุ่นที่เพิ่งหลุดออกมาจากนิตยสารชื่อดังก็คงไม่เกินเลยความจริงนัก เพราะเขามีรูปร่างที่สูงโปร่งกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ร่างกายกำยำได้สัดส่วน มีจมูกโด่งเป็นสัน ที่สำคัญคือมีดวงตาที่คมกริบเปี่ยมเสน่ห์ จนทำให้ผมอดรู้สึกแอบปลื้มไม่ได้เช่นกัน แต่คำพูดที่แสดงออกถึงความเป็นศัตรูเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาทำให้ผมอดสงวนท่าทีไม่ได้

“สวัสดีครับ ผม ทีมชาติ โอฬารสกุล เรียก ทีม ก็ได้ครับ”

เขาเริ่มต้นแนะนำตัวเอง และแน่นอนก็ยังมีเสียงวี้ดว้ายเป็นระยะๆ โดยเฉพาะจากคนที่ชื่อเจ ซึ่งเป็นเกย์ร่างท้วมที่ประกาศตนถึงจุดยืนและเพศของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน

ผมพยายามเก็บอาการอย่างมากที่จะไม่มีท่าทีแสดงความสนใจใด ๆ ต่อผู้ชายคนนี้ในระหว่างที่เพื่อนๆ ร่วมห้องหลายคนรุมยิงคำถามแบบไม่ยั้งถึงประวัติส่วนตัวแทบจะทุกแง่มุมไปยังหนุ่มฮอทคนนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเขาเป็นอดีตกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด

ถึงตรงนี้ก็พอให้ผมพอเดาได้ว่าเขารู้จักกอล์ฟได้อย่างไร เพราะกอล์ฟเองก็เป็นกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียนเทศบาลประจำจังหวัดที่ผมเคยเรียนอยู่ รวมทั้งผมยังพอเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้ด้วยว่าคงจะไม่ค่อยดีนัก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าโรงเรียนเทศบาล และ อนุบาลประจำจังหวัดนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ต่างแย่งชิงความเป็นที่ 1 ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียน กิจกรรม และกีฬา

และเมื่อทั้งคู่ต่างเป็นกัปตันทีมฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาแห่งศักดิ์ศรี จึงเป็นไปได้ว่าคงต้องเคยปะทะกันในสนามมาแล้ว

ทันใดนั้นเองผมก็นึกขึ้นได้ถึงการแข่งขันกระชับมิตรประจำปีครั้งล่าสุดของโรงเรียนทั้งสองก่อนที่ผมจะจบออกมาก็ปรากฏว่า กอล์ฟเป็นคนนำพาทีมโรงเรียนของเราให้ได้รับชัยชนะด้วยการยิงประตูเอาชนะโรงเรียนอนุบาลไป 1 ประตูต่อ 0

แต่ผมเองกลับไม่มีโอกาสไปชมการแข่งขันในวันนั้นเนื่องจากตัวเองก็ต้องแยกไปแข่งขันโต้วาทีกับโรงเรียนอนุบาลนี้เช่นกันซึ่งอยู่อีกเวทีหนึ่ง และผลที่ได้ก็คือผมเองก็ได้รับชัยชนะเช่นกัน

ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้เขาพูดถึงผมและกอล์ฟด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก แต่ในเวลานั้นเองที่ผมกลับยิ้มให้ตัวเองอย่างไม่ตั้งใจออกมาเมื่อนึกถึงประโยคที่ว่า “คนนั้นนะเหรอ เด็กไอ้กอล์ฟ” อีกครั้ง

ผมไม่รู้ว่าเรื่องแซวเล่นๆ ภายในกลุ่มเพื่อนได้ถูกบอกกล่าวไปยังโรงเรียนคู่แข่งได้อย่างไร แต่เท่าที่รู้ดูเหมือนนายทีมคนนี้จะเชื่อเรื่องทีเล่นทีจริงระหว่างผมกับกอล์ฟอย่างสนิทใจจนถึงกับพยายามมาหาดูตัวจริง ซึ่งนั้นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกแคร์อะไร เพราะการที่ถูกจับจองเป็นเจ้าของว่าเป็น “เด็กของไอ้กอล์ฟ” นั้นทำให้ผมรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด

แต่ผมก็ต้องหยุดความคิดของตัวเองอีกครั้งเมื่อนายทีมได้กล่าวประโยคทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะว่า

“หวังว่าเราคงจะได้สานสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในอนาคตนะครับ” พร้อมกับเสียงวี้ดวิ้วครั้งใหญ่จากบรรดากองเชียร์ที่มีอยู่เต็มห้อง

จะโดยอุปาทาน หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมรู้สึกว่าหลังจากที่ทีมกล่าวประโยคนั้นจบลงเขาได้หันมาส่งยิ้มอย่างจัง ๆ และยักคิ้วให้ผมหนึ่งครั้งก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งพฤติกรรมนี้กลับทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย

ตลอดชั่วโมงทำความรู้จักกันในวันนั้นผมพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆให้หมดไป ในใจพยายามนึกถึงประโยคที่ว่า “เด็กของไอ้กอล์ฟ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างชื่นหัวใจในตัวเอง แต่หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดกับการส่งยิ้มและยักคิ้วให้อย่างมีเลศนัยของนายทีมที่เพิ่งผ่านมา และยิ่งเพิ่มความรู้สึกไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยหารู้ไม่ว่าผู้ชายคนนี้เองกำลังจะเข้ามามีส่วนสำคัญที่ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกอล์ฟของผมต้องเปลี่ยนแปลงไป

และกำลังจะทำให้ผมได้พบกับ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” และ “ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด” ในชีวิต

----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 31-10-2006 16:53:52
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 3 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ชั่วโมงพบปะกันในวันแรกใช้เวลาเพียงครึ่งวัน เราต่างได้มีโอกาสทำความรู้จักกันและกัน และ จัดการเรื่องการลงทะเบียนวิชาเรียนให้เรียบร้อย หลังจากนั้นต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้านเรื่องราวของผม กอล์ฟ และทีม ยังรบกวนจิตใจผมอยู่ตลอดเวลา แต่พอดึกเข้าผมก็พยายามหาทางออกให้ตัวเองได้ว่าผมคงคิดมากไปเองเพราะนับตั้งแต่การแนะนำตัวของทีมเสร็จสิ้นลง เขาก็ไม่มีท่าทีแสดงความสนอกสนใจผมอีกเลย

จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมคงจะคิดมากไปเองที่รู้สึกไปว่าครั้งนึงเขาเคยหันมาส่งยิ้มและยักคิ้วให้ผมอย่างมีเลศนัย

ต่อมาความคิดข้างต้นของผมก็ถูกยืนยันด้วยพฤติกรรมในภายหลังของทีมที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเพื่อนปกติทั่วไปของผม

เขาไม่ได้มีทีท่าชื่นชอบหรือรังเกียจผมเป็นพิเศษ กำแพงบางๆของความเป็นอดีตโรงเรียนคู่แข่งได้ค่อยๆถูกทำลายลงจนนักเรียนทั้งชั้นได้กลายเป็นเพื่อนใหม่ที่ต่างสนิมสนมกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี

ทีมยังคงเป็นขวัญใจที่ทั้งหญิงแท้ หญิงเทียมในห้องต่างแอบปลาบปลื้ม และดูเหมือนเสน่ห์ของเขาจะไม่หยุดลงแค่นั้นเพราะผมได้ข่าวว่ามีผู้หญิงต่างห้อง ต่างวัย ทั้งรุ่นเดียวกัน และ รุ่นพี่มาแอบชอบเขาอยู่มาก

ข่าวคราวพวกนี้ดูจะถูกบอกเล่า และเป็นเรื่องเม้าส์อย่างสนุกปากในกลุ่มเพื่อนในห้องบ่อยๆ แต่น่าแปลกที่ผมเองกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับคนๆนี้เลย

ผมสามารถพูดได้ว่าผมกับทีมได้กลายเป็นเพื่อนกันอย่างสนิทใจโดยไม่มีอะไรแอบแฝง

ผมรู้ตัวเองดีว่า ตอนนี้ผู้ชายคนเดียวที่ผมยังนึกถึงคงยังเป็น “กอล์ฟ” แต่ผมก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกที่มีต่อกอล์ฟคือ “ความรัก” หรือไม่

จำนวนนักเรียนที่มากขึ้นและการที่ห้องเราอยู่คนละชั้นทำให้ผมกับกอล์ฟแทบไม่ได้เจอกันเลยนับตั้งแต่เริ่มภาคเรียนมา จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 ของภาคเรียนใหม่ผมกับกอล์ฟจึงได้เจอกันเป็นครั้งแรกในห้องสมุด แต่ท่าทางของเขาดูไม่ค่อยดีใจที่เจอผมนักและก็ไม่ได้เริ่มทักอะไรผมก่อน จนผมต้องเป็นฝ่ายเริ่ม

“ไม่เจอกันนานเลยนะ เป็นไงบ้าง”

“สบายดี แล้วบีล่ะ”
ผมรู้สึกใจชื่นขึ้นบ้างที่เขายังคงเรียกผมด้วยชื่อเล่นอย่างที่เคยเป็นมา เพราะถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นๆ เขามักจะใช้สรรพนามแทนคนๆ นั้นว่า “นาย” เสมอ

“สบายดีเหมือนกัน”
ผมตอบได้สั้นๆ แค่นั้น ถึงแม้ในใจมีเรื่องจะพูดกับเขามากมายแต่ปากมันไม่ยอมขยับ จนเขาต้องเป็นฝ่ายตัดบทก่อน

“เออ จริงสิ ดีใจด้วยนะที่ได้อยู่ห้องคิง กะไว้อยู่แล้วว่าบีต้องทำได้ ไม่เหมือนกับกอล์ฟ......”
แม้เขาจะพยายามปกปิดแต่ผมก็รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและแววตาที่แสดงความหดหู่คู่นั้น

ทำไมผมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ถ้าเป็นผม....ผมจะทำอย่างไรถ้าเราเป็นเพียงไม่กี่คนที่ไม่สามารถสอบเข้าห้องคิงได้ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ กลับสอบได้กันหมด ผมไม่อยากจะคิดว่าเขาจะผิดหวังหรือรู้สึกอายแค่ไหน แต่ถ้าเป็นผม ผมก็คงจะพยายามหลบหน้าเพื่อนเก่าให้มากที่สุด คิดถึงตรงนี้ผมก็พอจะหาคำตอบได้ว่าทำไมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมถึงไม่เจอเขาเลย ผมจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ออกมาเพื่อกลบเกลื่อน......จนกระทั่ง

“เฮ้ย นี่ห้องสมุดนะ ไม่ใช่สวนสาธารณะ จะพลอดรักกันก็น่าจะเลือกที่หน่อย”

เสียงของทีมแทรกเข้ามาทำลายบรรยากาศอึมครึมที่มีไปเมื่อครู่

“พลอดรักเหี้ยอะไรของมึง ” กอล์ฟตอบอย่างขึงขัง

“อ้าวก็เห็นมายืนแอบคุยกันกะหนุงกะหนิง ไม่เรียกว่าพลอดรักจะเรียกว่าอะไรคร้าบบบ” ทีมตอบอย่างยียวน

“กวนส้นตีน แล้วมึง” กอล์ฟพูดพลางหัวเราะ

ผมมองดูการสนทนาของทั้งคู่อย่างฉงน การพูดคำหยาบคายแบบนี้ผมไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักจากปากของกอล์ฟ

เขาจะใช้คำเหล่านี้กับเฉพาะเพื่อนที่สนิทกันจนไม่คิดอะไรมากกับคำหยาบๆ เหล่านี้เท่านั้น และดูท่าความสัมพันธ์ของผู้ชาย 2 คนนี้จะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมเคยคิดเสียแล้ว

“แล้วมึงรู้ยังว่าเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเขาจะเริ่มคัดตัวนักบอลโรงเรียน” กอล์ฟพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“เออ รู้แล้ว...ยังไงมึงก็ได้เป็นอยู่แล้ว แต่กูเนี้ยสงสัยต้องพยายามมากหน่อย”

“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ถ้าไม่ติดหญิงจนลืมไปสมัคร ยังไงมึงก็ได้”

“ว่าแต่กู ระวังตัวเองเหอะ อย่ามัวอี๋อ๋อ กับแฟนจนลืมไปสมัครล่ะ เดี๋ยวหาว่ากูไม่เตือน เฮ้ยไปก่อนแล้ว ไม่อยากเป็น กขค ”

พูดจบทีมก็ไม่วายส่งสายตาล้อเลียนมาทางผม แล้วก็รีบเดินออกไป

“อย่าไปถือมันเลยนะ ปากมันก็อย่างเหี้ย เอ๊ย ขอโทษ....ปากมันก็แบบนี้แหละ”

“ ไม่เป็นไรหรอก”

ผมตอบอย่างยิ้มๆ ด้วยสายตาชื่นชมผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า กับความสุภาพและให้เกียรติที่มีให้ผมอย่างเสมอ

ด้วยเหตุนี้กระมัง ผมถึงไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้ได้สักที

หลังจากทีมออกไปเราก็คุยกันอีกไม่นานนัก บทสนทนาก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกได้ว่าระหว่างผมกับกอล์ฟดูเหมือนมีเส้นบางๆ ที่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยคิดจะก้าวข้ามไป จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเราคงจะมาไกลที่สุดได้แค่คำว่า “เพื่อนที่หวังดีต่อกันเสมอ” เท่านั้น

ก่อนกลับบ้าน กอล์ฟยังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเดินเป็นเพื่อนผมไปหาหนังสือที่ผมตั้งใจมายืมอีก 2 – 3 เล่ม และแน่นอนเขาขอเป็นฝ่ายช่วยถือหนังสือเหล่านั้นให้

จากนั้นเราจึงแยกย้ายกันกลับบ้านโดยไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่อยู่ในห้องสมุดนั้นมีสายตาคู่หนึ่งที่แอบติดตามดูพฤติกรรมของเราทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา

--------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 31-10-2006 16:54:12
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 4 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากพูดคุยกันในวันนั้นแล้ว ผมก็เจอกอล์ฟบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการทักทายวิสาสะกันธรรมดา จนสัปดาห์ต่อมาผมก็ได้ยินข่าวว่าทั้งกอล์ฟและทีมต่างไปสมัครเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว

แต่การคัดตัวจะมีขึ้นในเทรมหน้าเนื่องจากตอนนี้ก็ใกล้เวลาสอบมากแล้ว ที่สำคัญนักเรียนที่สมัครจะได้ไปฟิตซ้อมตัวเองก่อนที่จะต้องลงสนามคัดตัวกันจริงๆ

ในช่วงเวลานั้นผมไม่มีเวลามานึกถึงเรื่องผมกับกอล์ฟอีกเนื่องจากเมื่อต้องอยู่ต่างห้องเราก็เจอกันน้อยลงเรื่อยๆ จนแทบจะเรียกได้ว่าค่อนข้างห่างเหิน

อีกทั้งผมเองก็ต้องวุ่นวายกับการเตรียมตัวสอบอย่างขะมักเขม้น

บรรยากาศการเรียนในห้องคิงก็มักจะเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณไม่อยากถูกเหยียบลงไปอยู่ที่โหล่คุณก็ต้องพยายามถีบตัวเองขึ้นมาหรือรักษามาตรฐานเอาไว้ให้ได้

แต่โชคดีที่แม้พวกเราส่วนใหญ่จะเอาใจใส่การเรียนการอย่างจริงจังแต่ก็ไม่ได้แข่งขันกันจนทำให้เกิดความตึงเครียด บรรยากาศในห้องเรียนจึงยังมีการหยอกล้อ หาเรื่องทำกันอย่างสนุกสนาน

แม้จะต้องมุ่งมั่นกับการเรียนแต่ผมก็ยังหาเวลาไปร่วมกิจกรรมอื่นๆ ของโรงเรียนโดยเฉพาะการประกวดการพูดสุนทรพจน์ จนผมกลายเป็นม้ามืดที่สามารถเอาชนะรุ่นพี่คนอื่นจนได้ตำแหน่งชนะเลิศ ของโรงเรียนมาครอง กลายเป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศที่มีอายุน้อยที่สุดตั้งแต่มีการแข่งขันมา ชื่อของผมจึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
จะเป็นโชคดี หรือ โชคร้ายก็ไม่ทราบได้ที่ชื่อเสียงของผมดูจะไม่หยุดลงแค่นี้เมื่อผมสามารถไปคว้ารางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดมาด้วย ชื่อของผมจึงถูกประกาศทั้งหน้าเสาธง รายการทางวิทยุกระจายเสียงของโรงเรียน หรือ แม้กระทั่งนำรูปไปติดบอร์ด

แน่นอนว่าความอึดอัดแบบเดิม ๆ ของผมได้กลับมาอีกครั้งเมื่อถูกมองจากคนอื่นๆ เวลาไปไหนมาไหน แต่ก็นั้นแหละ นิสัยเสียที่ขัดแย้งอย่างยิ่งกับความต้องการอยู่อย่างสงบของผมก็คือความกระหายอยากได้ชัยชนะและคำชื่นชมจากคนรอบข้าง

นิสัยเสียนี้ได้บ่มเพาะความมั่นใจอย่างร้ายกาจ และ ความหลงตัวเองอย่างฉกรรจ์ให้กับผมซึ่งต่อมามันได้ย้อนกลับมาทำร้ายผมให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

ไม่เพียงแต่ผมเท่านั้นที่แบ่งเวลาจากการเรียนไปทุ่มเทให้กับกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ ตั้งแต่ปิดรับสมัครคัดเลือกนักฟุตบอลโรงเรียน ดูเหมือนทีมจะลงสนามเล่นบอลกับเพื่อนๆทั้งในห้องและต่างห้องบ่อยขึ้น

ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนขณะที่เดินกลับบ้าน บริเวณประตูทางออก ทีมและเพื่อนๆ มักเล่นบอลอยู่ที่สนามหน้าเสาธง ในขณะที่ผมได้ข่าวมาว่ากอล์ฟกลับเลือกไปเล่นอยู่ที่สนามฟุตบอลหลังโรงเรียน ความจริงข้อนี้ทำให้ผมอดเปรียบเทียบนิสัยของทีมกับกอล์ฟไม่ได้

ขณะที่กอล์ฟเลือกที่จะหลบไปฝึกฝนในสนามที่ลับตาคน แต่ทีมกลับเลือกสนามหน้าเสาธงที่เป็นจุดเด่นเพราะอยู่ตรงทางเข้าออกของนักเรียนทั้งหมด พฤติกรรมอย่างนี้ทำให้ผมอดมีอคติกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ว่าเหตุที่เขาเลือกมาเล่นที่สนามหน้าเสาธงก็เพียงเพื่อจะ “โชว์หญิง” เท่านั้นเอง

ช่วงก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างมีทัศนคติในแง่ลบกับผู้ชายคนนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในระยะหลังๆที่เขามักจะหาโอกาสพูดแขวะ หรือ พูดเสียดสีผมทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

จะว่าไปแล้วพฤติกรรมทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นหลังจากที่เขาพูดแซวผมกับกอล์ฟในห้องสมุดนั้นแหละ แต่ผมก็ไม่เข้าใจและหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนั้น

นับวันการซ้อมของทีมก็ดูจะถี่ขึ้น และผมสังเกตว่าทุกวันจะมีนักเรียนทั้งหญิงแท้ หญิงเทียมมายืนดูเขาเล่นอย่างหนาตา บ้างก็ส่งเสียงเชียร์อย่างออกหน้า บางวันพวกเราในห้องก็มายืนดูเขาซ้อมด้วยเพราะผู้ชายส่วนใหญ่ในห้องมักจะมาเป็นเพื่อนซ้อมให้เขาเสมอ และในวันนี้ก็เช่นกัน

แต่ขณะที่ผมกับเพื่อน 6 - 7 คนกำลังนั่งดูเพื่อนๆซ้อมกันอยู่นั้น อยู่ดีๆ ทีมก็วิ่งมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าผม แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือถอดเสื้อแล้วก็ยื่นส่งมาให้ผม

“เอ้า ฝากหน่อย ดูแลดีๆแล้วกัน คิดเสียว่าเป็นเสื้อของไอ้กอล์ฟมันก็ได้”

ผมรับเสื้อนั้นมาอย่างงง ๆ หลังจากที่ทีมวิ่งออกไปแล้ว เพื่อนผู้หญิงหลายคนออกเสียงกรี๊ดกร้าดกันใหญ่ที่ได้เห็นท่อนบนแมนๆ ของทีมแบบเปลือยเปล่า

“ต๊ายแล้ว ผู้ชายอะไรผิวขาวจ๊วะอย่างกะหยวก ผิวดีกว่าผู้หญิงอีกนะนี่” เพื่อนผู้หญิงของผมเริ่มเพ้อ

“สงสัยจะเป็นอีแอบ เป็นเกย์มั้ง” ผมพูดขึ้นมาอย่างหมั่นไส้

“ถึงเป็นเกย์ ฉันก็รักกกกก” เพื่อนของผมไม่หยุดเพ้อ

“เออ เชิญแกรักไปคนเดียวเถอะ เราจะกลับบ้านแล้ว เอาเสื้อมันไปชื่นชมด้วย”

ว่าแล้วผมก็ส่งเสื้อไปให้เพื่อนสาวที่ดูเหมือนกำลังทำตาลอยๆ แล้วรีบคว้ากระเป๋าเดินออกมา แต่ทันใดนั้นเองที่ผมรู้สึกว่ามีอะไรมาโดนที่ด้านหลังอย่างจัง

“นี่ น้องสาวเก็บบอลให้พี่หน่อย”

สิ้นเสียงผมก็หันไปมองคนพูดอย่างตาขวาง อาจจะใช่ที่มีเพื่อนๆในห้องหลายคนรู้ว่าผมเป็นเกย์แต่ก็ไม่เคยมีใครเรียกผมด้วยคำ ๆ นี้มาก่อน ผมจึงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากเมื่อมีคนเรียกผมอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนี้ แต่เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของคำพูด ผมก็ไม่รู้สึกแปลกใจนัก

“ บาส คำว่าขอโทษนี่พูดเป็นมั้ย ถ้าพูดไม่ได้ก็มาเก็บเองเถอะ แล้วคราวหลังอย่าเรียกเราว่า น้องสาว อีก เราจำไม่ได้ว่าเคยไปเป็นญาติกับนายตอนไหน”

ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกไปโดยไม่วายเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่พอใจของทีมที่กำลังมองมาทางนี้เหมือนกัน

บาส เป็นเพื่อนร่วมห้องที่ผมอยากพูดคุยด้วยน้อยที่สุด ในสายตาของผมเขาเป็นคนกักขฬะ แม้จะมีหน้าตารูปร่างที่ดูดี แต่เขามักจะพูดและสนทนาถึงเรื่องใต้สะดือบ่อยครั้งจนกลายเป็นโลโก้ประจำตัว

หลายคนในห้องเชื่อว่า บาสคือผู้ชายที่เข้าใจและรู้จักคำว่า “เซ็กซ์” ดีที่สุดแล้วสำหรับเด็กในวัยเดียวกัน และคงเป็นความบังเอิญที่ดูเหมือนบาสจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของทีมด้วย

แต่จริงๆ แล้วการเป็นเพื่อนสนิทกันของคนทั้ง 2 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพราะความสัมพันธ์นี้จะมีผลอย่างมากต่อชะตาชีวิตของเราทั้ง 3 คนในวันข้างหน้า

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 31-10-2006 16:54:32
ต่อของตอน 4 นะครับ
---------------------------------------------

ในที่สุดการสอบในเทรมที่ 1 ก็ผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย และในช่วงปิดเทรมอันแสนสั้นนั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเรามีกิจกรรมอะไรทำมากนัก แต่เมื่อเปิดเทรมขึ้นมาก็มีกิจกรรมที่นักเรียน ม. 1 ส่วนใหญ่ให้ความสนใจรออยู่ นั่นก็คือการคัดเลือกนักฟุตบอลประจำโรงเรียน

และเมื่อวันนั้นมาถึงพวกเราในห้องต่างก็ไปนั่งรอรอบสนามเพื่อเชียร์ทีม เพื่อนร่วมห้องเพียงหนึ่งเดียวที่ลงสนามคัดตัวในครั้งนี้

ผมสารภาพว่าในวันนั้นผมแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าทีมจะลงแข่งหรือไม่ หรือจะผ่านการคัดเลือกหรือเปล่า กอล์ฟ ต่างหากคือความตั้งใจที่ทำให้ผมต้องเดินทางมาเชียร์ถึงขอบสนามในวันนี้

การคัดตัวใช้วิธีแบ่งผู้เข้าคัดเลือกเป็น 2 ทีมแล้วให้แข่งกันเอง โดยมีโค้ชเป็นคนจัดตำแหน่งที่ต้องเล่นให้ซึ่งผลปรากฏว่าทั้งกอล์ฟและทีมต่างได้รับคัดเลือกเป็นกองหน้า หากแต่ต้องอยู่กันคนละทีม

แม้จะเป็นแค่การคัดตัวแต่เกมในวันนั้นก็ดูดุเดือดท่ามกลางเสียงกองเชียร์ของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะกอล์ฟกับทีมถือเป็นตัวเด่นที่สุดที่มีโอกาสทำประตูหลายครั้ง แต่ผลปรากฏว่าวันนั้นคนที่สามารถทำประตูได้เพียงคนเดียวก็คือ “ทีม” ส่งผลให้ทีมของ“กอล์ฟ” ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 1 ประตูต่อ 0

ในวันนั้นทีมเดินออกมาจากสนามในฐานะนักฟุตบอลฮีโร่ที่มีฝีเท้าเก่งฉกาจ และเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถยิงประตูได้ เขาเดินพลางถอดเสื้อออกมาจากสนามท่ามกลางการห้อมล้อมดีใจของเพื่อนๆ ในขณะที่อีกด้านกอล์ฟกลับเดินออกมาอย่างคอตก

แม้ผมจะดูฟุตบอลไม่เป็น แต่ผมเชื่อว่าวันนี้กอล์ฟเล่นได้เยี่ยมมากและคงได้รับคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผมรู้ดีว่าการที่ไม่สามารถนำพาทีมให้ได้รับชัยชนะ รวมทั้งยังไม่สามารถทำประตูได้แม้แต่ประตูเดียวคงทำให้เขาเสียใจมาก

ผมตัดสินใจรีบเดินเข้าไปหาเขา พยายามสรรหาคำปลอบโยนที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อเข้าไปใกล้เขาในระยะไม่ถึง 10 ก้าว ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินตัดหน้าไปถึงตัวเขาก่อนแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ท่ามกลางเสียงแซวจากเพื่อนๆ ที่มารุมล้อมเขาด้วย

“ ท่าจะไม่ต้องห่วงมันแล้วว่ะ ได้ยาดีจากหวานใจขนาดนี้ เดี๋ยวก็หายเหนื่อยแล้ว”

เสียงหนึ่งแซวขึ้นซึ่งทำให้ผมจำขึ้นมาได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องของกอล์ฟ และช่วงเวลาหลายเดือนที่ผมมัวแต่ไปสนใจเรื่องการสอบและเรื่องอื่นๆ คงทำให้คนคู่นี้เปลี่ยนแปลงสถานะจากเพื่อนไปเป็นอย่างอื่นที่มากกว่านั้น

เมื่อได้รับรู้ถึงความจริงข้อนี้ ผมก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวในเบ้าตาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อมาท่วมจนเกือบจะไหลลงมาตรงนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กอล์ฟหันหน้ามาทางผมพอดี ผมจึงต้องรีบหันหลังกลับ แล้ววิ่งออกมาจากที่นั้นให้เร็วที่สุด มารู้ตัวอีกทีผมก็มาหยุดอยู่ที่ห้องน้ำหลังโรงเรียนแล้ว

ผมขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำพร้อมกับปล่อยน้ำตาที่พยายามอดกลั้นมาเมื่อครู่อย่างสุดจะฝืน ความรู้สึกที่ว่าผู้ชายที่เราเคยชอบได้กลายเป็นของคนอื่นไปแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถรับได้ ที่ผ่านมาแม้กอล์ฟจะไม่ใช่ของผม แต่เขาก็ไม่เคยเป็นของคนอื่น

ความจริงที่ว่าไม่ว่าเราจะอยู่ห่างกันแค่ไหนหรือมีสถานะเป็นอะไร เราก็ยังมีความรู้สึกที่ดีให้กันเสมอ เป็นสิ่งที่คอยปลอบประโลมผมเสมอมา

แต่เมื่อวันนี้ ผมได้พบความจริงว่าในที่สุดเขาก็ได้เลือกคนที่ใช่สำหรับเขาแล้ว มันเป็นความจริงที่โหดร้าย เพราะนั่นหมายถึงว่าผมคงจะไม่สามารถไปแสดงความห่วงใยเขาได้อีกต่อไป เหมือนดังเช่นที่ผมต้องหยุดเมื่อครู่เพราะในที่สุดเขาก็มีคนที่อยู่เคียงข้างคอยปลอบใจในเวลาที่เขาผิดหวังแล้ว

แต่ในขณะที่ผมกำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุดนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาที่ห้องน้ำพร้อมกับเสียงกะหืดกะหอบ ก่อนจะมาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าห้องน้ำที่ผมแอบร้องไห้อยู่นั้นเอง

นาทีนั้นเหมือนโลกทั้งโลกกำลังจะหยุดลงตรงหน้า ผมพยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าคนที่มายืนอยู่หน้าห้องนั้นคือใคร

แล้วในที่สุดผมก็ได้คำตอบว่าจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก “กอล์ฟ”

เขาคงเห็นน้ำตาของผมที่หยดลงอาบแก้มก่อนที่ผมจะหันหลังวิ่งออกมาจากสนาม แล้วเขาก็คงจะรู้ดีว่าผมรู้สึกยังไงหรือคิดอะไรกับภาพที่เห็น เขาจึงรีบวิ่งตามมาเพื่อขอโทษหรือปลอบโยน นั่นล่ะคือกอล์ฟ คนที่เป็นสุภาพบุรุษในสายตาผมเสมอ

ผมยิ้มให้ตัวเองแล้วรีบปาดน้ำตาเพื่อไม่ให้ดูเป็นคนขี้แยนัก แล้วก็รีบเปิดประตูห้องน้ำออกไป

ผมแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถปฏิเสธเป็นอื่นได้ว่า ชายหนุ่มที่ยืนเปลือยท่อนบนโดยพาดเสื้อเอาไว้บนบ่าข้างหนึ่งและยืนอยู่ตรงหน้าผมด้วยท่าทีกระหืดกระหอบจากการรีบวิ่งมาอย่างเร็วจัดนั้นไม่ใช่ “กอล์ฟ”

หากแต่เป็น............ “ทีม” ..................


----------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 31-10-2006 16:56:44
แค่นี้ก่อนนะครับ ใครไม่อ่านเรื่องไหนไม่ว่า แต่ไม่อ่านเรื่องนี้ผมเสียใจแทนจริงๆครับ
ห้าดาวอัพครับ อ่านแล้วลงชื่อไว้นะครับ ผมจะได้รู้ว่ามีคนอยากอ่าน
แต่ให้ดีสงสารให้คะแนนผมบ้างนะครับ หือหือ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 31-10-2006 17:21:56
เหอเหอ

เรย์ เป็นพวกมาโซคีเหรอ ชอบทำร้ายตัวเอง :untrust:

แต่ก็ชอบนะค้าาาบบบบบ

5555 :kikkik:







ปล.

จะตามอ่านไปเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องเอาผมไปเป็นพระเอกของเรื่องนะค้าาาบ :give2:

พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 31-10-2006 17:40:18
กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

มีคนเอาเรื่องนี้มาลงแล้วขอบอกว่าเรื่องนี้สุดยอดมาก

ภาค1 ว่าชอบแล้วนะ แต่ภาค2นี้ โค-ต-ร ชอบเรย กี๊สสส

อา แอบเศร้า งิงงง

ขอบคุณมากค้าบที่นำมาลง

(วันนี้กำลังนึกถึงเรื่องนี้พอดีเรย งิงงง)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 31-10-2006 18:00:11
จริงเหรอ Aki เรื่องนี้สุดยอดขนาดนั้น  หุหุ  ตามมาอ่านอีกเรื่องก็ได้   สงสัยเราจะเริ่มวายแระ  55555  (แปลว่าไรเหรอ สาววายเนี่ย  มะเข้าจายอะ   :untrust:)

เรย์  ตัดเอามาลงแบบให้อยากติดตามอะ  ทู๊กที  ตามอ่านต่อ  เรย์น่ารักจัง  จะให้ชื่นชมใครดีอะ  ชื่อไหนดี  หลายชื่อจัง เอาไปสองชื่อเรยน้า  :confuse:

ถ้าเห็นคนมาอ่านพอควร แล้วก็นะ  ต่อเรยย นะนะ  เค้ารออยู่   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 31-10-2006 18:19:05
โอ๊ะ ถ้าไม่เข้าใจเด่วอากิจะแจกแจงแบ่งย่อยชนิดถึงเนื้อในให้ฟังกันเลยทีเดียว (ไม่ใช่ละ เหอๆๆ)

+1 ให้เรย์ก่อง อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 01-11-2006 06:47:37
หมูพูห์ ป่าวนะครับ แต่เรื่องมันทำให้ผมอินเข้าไปในเรื่องดีเท่านั้นเองครับ

เหอๆอ่านอีกรอบเลยอากิ  แต่ว่าอากิไปแต่งนิยายที่อากิลงไว้ให้จบๆหน่อยดิ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  หุหุ ก็อ่านแล้วชื่นชมคนที่เอามาฝากก็โหวตที่ข้อความนั้นกันนะ เพื่อนๆด้วยเผื่อว่าผมจะปรับผู้ดูแลบอร์ดจากคะแนนโหวตได้


*********************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 5 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ความผิดหวังจากการที่ผู้ชายที่มายืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่ผมคิดทำให้การปรากฏตัวของทีมในวันนี้ถือว่าผิดที่ผิดเวลาเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งเห็นเขาผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดแม้ในใจส่วนลึกดูเหมือนผมจะแอบดีใจเล็กๆที่ยังมีคนเป็นห่วงเป็นใยวิ่งตามมา แต่ทว่าสิ่งที่ผมคิดนั้น...มันผิดถนัด…ผิดไปมาก

“เป็นบ้าอะไรเนี้ย ประสาทดีหรือเปล่า เข้าไปทำอะไรอยู่ในนั้น” เขาเริ่มต้นด้วยการตะคอกใส่ผม

ผมไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเพื่อนที่ยืนน้ำตานองหน้าอยู่ตรงนี้ ความโกรธบวกความหงุดหงิดที่ดูเหมือนทุกอย่างที่ผมคิดในวันนี้ดูจะผิดเพี้ยนไปเสียหมด ทำให้ผมตะคอกกลับไป

“แล้วนายละ มาทำอะไรที่นี่” ผมหวังว่าเขาจะยอมบอกมาตรงๆว่าเขามาที่นี่เพราะ........ผม

“คนมาส้วมก็มาขี้สิ จะให้มากินข้าวหรือไง”

หลังจากที่เขาพูดจบ ผมเริ่มรู้สึกเหมือนโดนใครเอาค้อนทุบหัว

“แล้วทำไม ไม่ไปเข้าห้องอื่น” ผมตอบกลับไปอย่างเหลืออด

“ก็นี่มันห้องประจำ เข้าห้องอื่นแล้วขี้ไม่ออก”
ทีมตอบกลับมาด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาทที่สุด

ผมเอามือขึ้นมากุบขมับอย่างลืมตัว “ไอ้บ้า” คือคำพูดสุดท้ายและคำพูดเดียวที่ผมตะโกนออกสุดเสียง ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปจากที่นั้นให้เร็วที่สุด พลางอดรู้สึกไม่ได้ว่าผมไม่เคยเจอผู้ชายคนไหน กักขฬะ และ สั่วเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต

แม้เหตุการณ์นี้จะทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียวตลอดเวลาขณะที่อยู่ที่บ้านรวมถึงพาลกินข้าวเย็นไม่ลงเมื่อนึกถึงประโยคที่ทีมบอกว่า “คนมาส้วมก็มาขี้สิ จะให้มากินข้าวหรือไง”

แต่ตลอดช่วงเย็นจนกระทั่งเข้านอนในคืนนั้นผมไม่ได้สังเกตเลยว่าการพฤติกรรมกักขฬะที่ทีมแสดงออกกับผมได้ช่วยผมเอาไว้มาก

เพราะตั้งแต่กลับมาถึงบ้านผมก็ไม่ได้มานั่งฟูมฟายหรือเสียใจกับเรื่องของกอล์ฟอีกเลย

แม้จะรู้สึกเศร้าและหดหู่ในบางครั้ง แต่สีหน้าของทีมตอนที่พูดยียวนกวนประสาทผมมักจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอารมณ์ให้ผมลืมเรื่องเศร้าๆ นี้จนกลายมาเป็นความหงุดหงิดเสมอ

แม้กระทั่งในความฝัน....แทนที่ผมจะฝันว่าตัวเองต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟายเพราะเรื่องของกอล์ฟ ผมกลับฝันว่าได้เอาหมัดตั้นหน้าไอ้คนปากเสียนี่ไปโครมใหญ่

หลังจากที่ตื่นเช้าขึ้นมาผมรู้สึกว่าสมองของผมปลอดโปร่งกว่าที่คิด อาจจะเพราะความรู้สึกว่าได้ระบายด้วยการต่อยหน้าคนปากเสียอย่างทีมไปได้หนึ่งมัดใหญ่ แม้จะเป็นเพียงแค่ในความฝันก็ตาม

แต่เมื่อไปถึงโรงเรียนผมก็อดรู้สึกกลัวว่าจะเห็นภาพของกอล์ฟกับแฟนสาวของเขาอีกไม่ได้ ในวันนั้นผมจึงตั้งใจว่าจะพยายามไม่ออกจากห้องไปไหน แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ตนคิดไว้ได้เมื่อภายในห้องยังมีทีมซึ่งคอยกัดและแขวะผมอยู่ตลอดเวลา

ที่สำคัญดูเหมือนเขาจะพยายามทำให้ตัวเองมั่นใจได้ว่าผมจะไม่ลืมเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นวานไปรวดเร็วนักด้วยการพูดถึง “ส้วม” อยู่ตลอดทั้งวัน

สำหรับผม อาทิตย์แรกหลังผ่านเหตุการณ์วันคัดตัวนักฟุตบอลค่อนข้างผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่น่าแปลกก็คือความรู้สึกของผมก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ผมเคยคิดว่าผมคงต้องใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจะเป็นแรมปีในการทำใจกับเรื่องนี้ แต่เอาเข้าจริงแค่ 3 – 4 วันผมก็สามารถลืมเรื่องนี้ได้อย่างสนิท จนผมอดบอกตัวเองไม่ได้ว่า ความรู้สึกที่ผมมีต่อกอล์ฟมันอาจจะไม่ใช่ “ความรัก”

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรผมก็ยังรู้สึกโชคดีที่ผมทำใจกันมันได้ในเวลาอันสั้น

นอกจากความรู้สึกเศร้าเสียใจที่ค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็วแล้ว ความรู้สึกของผมที่มีกับทีมก็ค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะระยะหลังทีมก็เพลา ๆเรื่องกัด เรื่องแขวะผมลงจนแทบจะไม่มีอีกเลย

เขาเปลี่ยนมาพูดคุยกับผมด้วยภาษาดอกไม้และมุกตลกอันแพรวพราวจนทำให้เราสนิทกันมากกว่าที่เคยโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายก่อนสอบในเทรมที่ 2
ความสนิทที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าเราใช้เวลาในแต่ละวันด้วยกันมากขึ้น อาทิ เขามักจะเดินมาคุยกับผมและเพื่อน ๆ ที่โต๊ะของผมทุกครั้งที่ว่าง เดินไปทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ไปนั่งทำการบ้านด้วยกัน หรือไปเที่ยว ไปดูหนังด้วยกัน

การที่ผมไม่อาจรู้ตัวเลยว่าได้ใช้เวลากับทีมในแต่ละวันด้วยกันมากขึ้นก็อาจจะเป็นเพราะว่า...แม้เราจะไปทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันแต่เราก็ไม่เคยทำกิจกรรมไหนด้วยกัน 2 ต่อ 2

ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหน เรา 2 คนจะอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่คือเพื่อนของทีมและเพื่อนของผมมาโดยตลอด

จนกระทั่ง....

“บี ไปกินไอติมกันมั้ย คาบนี้ว่างนี่”

“เอาสิ เดี๋ยวเราไปชวน จอย กับ เก๋ ก่อนนะ เออแล้วก็ออยด้วย เห็นบ่นว่าอยากกินไอติมอยู่เหมือนกัน”

“ทำไมต้องไปชวนคนอื่นด้วย” ทีมตอบกลับมาอย่างฉุนเฉียว

“แล้วทำไมต้องโมโหด้วยเล่า ไปกินหลายคนก็สนุกดี นายก็ไปชวนบาสกับคนอื่นๆ ด้วยก็ได้”

“ไม่เอา จะไปกัน 2 คน”

“ทำไม ทำไมต้องไปกัน 2 คน”

“ก็...ก็คือ.....คือจะเลี้ยงไง มีตังค์เลี้ยงแค่คนเดียว”

“เลี้ยงทำไม ในโอกาสอะไร” ผมเริ่มหงุดหงิดและเริ่มระแวงว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะมาไม้ไหน

“เออน่า ไม่ต้องถามมากได้มั้ย”

ว่าแล้วทีมก็ลากข้อมือของผมลุกขึ้นจากโต๊ะ จากนั้นจึงรีบพาไปซุ้มไอติมใกล้สระน้ำของโรงเรียนโดยบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทาง

“ อะไรว่ะ แค่ชวนกินไอติมแค่เนี้ย กว่าจะยอมลุกมาได้ ตอบตกลงมาง่ายๆไม่ได้หรือไง”

“ก็บอกแล้วไงว่าอยากชวนคนอื่นมาด้วย”

“ก็บอกแล้วเหมือนกันว่าอยากมาแค่ 2 คน ทำไมเข้าใจอะไรยากนักเนี้ย .....โง่หรือไง”

“โอเคล่ะ งั้นไปกินคนเดียวเถอะนะ พ่อคนฉลาด” ผมเริ่มหมดความอดทน

“โอเค โอเค ขอโทษแล้วกัน ไหนๆ ก็มาถึงแล้วน๊า นั่งสิ........ จะสั่งรสอะไรดี”

“ของบีเอาวานิลลาแล้วกัน”

“วานิลลา…โห เลี่ยนจะตาย ไม่เอาอะ ทีมไม่ชอบ เอาช็อกโกแลตแล้วกัน ป้า.....”

“เดี๋ยว...เดี๋ยว....นี่เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ทำไมล่ะ ก็เราจะกินรสวานิลลา มันไปเกี่ยวอะไรกับที่นายชอบหรือไม่ชอบด้วย”

“เออน่า........ป้าเอาช็อกโกแลตมาถ้วยนึง ช้อน 2 คันนะ”

“อะไรนะช้อน 2 คัน”

“อ้าวก็กินด้วยกันไง”

“จะบ้าเหรอ”

“บ้า...ยังไง”

“ก็กินไอติมถ้วยเดียวกันน่ะ เกิดใครมาเห็นแล้วเขาจะเอาไปเม้าส์ยังไง”

“ทำไม....กลัวไอ้กอล์ฟมันมาเห็นหรือไง”

“เกี่ยวอะไรกับกอล์ฟด้วย”

“ก็.........”

แต่ก่อนที่ทีมจะตอบอะไรกลับมามากกว่านั้นก็พอดีมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

“พูดถึงเราอยู่เหรอ”

ในนาทีนั้นเองที่ผมต้องยอมรับว่าแม้จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับกอล์ฟอีกแล้ว แต่เมื่อมาเจอตัวเขาอีกครั้งผมก็อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้

“ปะ ปล่าวไม่มีอะไรหรอก ผ่านมาแถวนี้เหรอ หรือว่า....นัดใครไว้” เสียงของผมเบาลงอย่างไม่รู้ตัวเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ

“ปล่าว ตั้งใจมาหาบีนั่นแหละ”

“ทำไม มีอะไรกับบี”

ถ้าหูผมไม่ฝาดผมคิดว่าทีมเพิ่งพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมอย่างเต็มที่จนทำให้ผมอดหันไปมองหน้าเขาไม่ได้

“พอดีมีเรื่องจะคุยกับบีหน่อย ขอตัวสักเดี๋ยวได้มั้ย”

“.ไม่........”ทีมพยายามจะรีบตอบแต่โดนผมตัดบทเสียก่อน

“ไปสิ บีก็ไม่มีอะไรสำคัญที่นี่เหมือนกัน”

“แต่เรากำลังกินไอติมกันอยู่นะ” ทีมรีบทักท้วงอย่างหัวเสีย

“ก็ไว้กินวันหลังก็ได้ ออ แล้วก็ถ้าไม่มีตังค์จะเลี้ยงจริงๆ คราวหลังก็ไม่ต้องชวนนะ เพราะเราไม่มีวันกินไอติมถ้วยเดียวกับนายแน่ ไปกันเถอะกอล์ฟ”

ผมกับกอล์ฟจึงเดินออกมาจากที่นั่นโดยไม่สนใจว่าทีมจะรู้สึกอย่างไร สักพักเราก็มานั่งที่โต๊ะกลางสวนที่มีไม้ยืนต้นขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปเป็นร่มเงาให้นักเรียนส่วนใหญ่มาใช้ที่นี่เป็นสถานที่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน พักผ่อน หรือแม้กระทั่งมาพลอดรัก

“บีนั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวกอล์ฟไปซื้อน้ำมาให้ ”

“งั้น...เดี๋ยวบีไปด้วยก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก นั่งรอสบายๆตรงนี้ดีกว่า แดดมันร้อนน่ะ ปล่อยเป็นหน้าที่ของกอล์ฟเถอะ ยังชอบชานมอยู่เหมือนเดิมมั้ย”

“อืม” ผมได้แต่พยักหน้าอย่างตื้นตันใจที่เขายังจำได้ว่าผมชอบน้ำอะไร ความเป็นสุภาพบุรุษของคนๆนี้ทำให้ผมไม่อาจจะเลิกชื่นชอบเขาได้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับทีมด้วยแล้ว

“เอ่อ คือกอล์ฟขอโทษเรื่องวันนั้นด้วยนะ” กอล์ฟเปิดฉากสนทนาอย่างตรงไปตรงมา

“ขอโทษทำไมละ กอล์ฟไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ผมตอบกลับไปอย่างฝืนๆ

“วันนั้นเห็นบีรีบวิ่งออกไป กอล์ฟทำให้บีร้องไห้หรือปล่าว”

“ไม่ใช่หรอก คือ...คือ...เอ่อ..ฝุ่นมันเข้าตาน่ะก็เลยรีบวิ่งไปล้างตาที่ห้องน้ำ ไม่เกี่ยวกับกอล์ฟหรอก”

ผมรู้ดีว่ากอล์ฟไม่มีทางเชื่อเหตุผลตื้นๆที่ผมเพิ่งบอกออกไป แต่นี่ก็คงเป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดที่ผมจะนึกได้ในตอนนั้น

“เขาชื่อแก้ว เราอยู่ห้องเดียวกัน”

“อืม รู้แล้ว หน้าตาน่ารักดีนะเหมาะกับกอล์ฟออก”

ผมอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองน่าจะซื้อน้ำส้มมากินแทนชานมเพื่อให้สมกับคำพูดระดับนางเอกที่เพิ่งบอกกอล์ฟไปเมื่อครู่

“ขอบใจนะ” กอล์ฟนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

“บียังชอบกอล์ฟอยู่หรือปล่าว ? ”

หลังจบประโยคนี้ ผมได้แต่นั่งอึ้งนึกไม่ออกว่าจะตอบว่าอะไร หรือไม่ผมก็บอกไม่ได้จริงๆว่าตอนนี้ผมยังชอบเขาอยู่หรือเปล่า พลางอดคิดไปไม่ได้ว่าเขาถามคำถามนี้ขึ้นมาทำไม หรือว่าเขาจะขอคบผมทั้ง ๆที่มีแก้วอยู่ เขาคงจะขอให้ผมเป็นกิ๊กของเขามั้ง แล้วถ้าเขาขออย่างนี้ขึ้นมาจริงๆ ผมจะตอบไปว่ายังไงดี

แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรที่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้กอล์ฟก็ดึงผมกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริงเสียก่อน

“บี.....กอล์ฟขอร้อง เลิกชอบกอล์ฟเถอะนะ”

ผมรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าฟาดลงมากลางหัว จนทำให้ประโยคต่อมาของกอล์ฟดูอื้อๆอึงๆจนผมจับความได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นครั้งแรกที่เหมือนวิญญาณของผมจะหลุดออกจากร่าง

“กอล์ฟไม่อยากให้บีต้องร้องไห้เพราะกอล์ฟอีก เพราะยังไงเรื่องของเราก็คงเป็นไปไม่ได้ กอล์ฟไม่เคยคิดอะไรกับบีไปมากกว่าเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ที่สำคัญกอล์ฟก็ไม่ได้เป็นเกย์”

ถ้านี่จะถือเป็นจุดจบของผมกับกอล์ฟ ผมก็คิดว่าประโยคสุดท้ายที่กอล์ฟเพิ่งพูดออกมา มันก็ถือเป็นจุดจบที่สมบูรณ์ที่สุด

“ไม่หรอกกอล์ฟ เราไม่ได้คิดจะมีอะไรกับกอล์ฟในแง่นั้นหรอก สบายใจเถอะ เราก็คิดกับกอล์ฟว่าเป็นแค่เพื่อนที่ดีเหมือนกัน”

ผมตอบออกไปอย่างไม่ยากเย็นนักซึ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกใจตัวเองมาก

“ขอบใจนะ” กอล์ฟตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน

“ทำไมต้องขอบใจด้วยเล่า บีไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย”

ผมฝืนหัวเราะ

“โน่นแน่ะ แก้วเขามารอรับแล้ว เรากลับกันเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว” ผมพูดขึ้นหลังจากเห็นแก้วเดินมายืนๆหลบๆ อยู่ที่อีกมุมหนึ่งของสวน

“งั้นก็...ไว้เจอกันนะ”

หลังพูดจบกอล์ฟก็เดินออกไปสมทบกับแก้วที่มายืนรออยู่ ผมยืนมองทั้งคู่เดินห่างออกไปอย่างไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ ความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบายที่เกิดขึ้นนี่คืออะไรกัน ทำไมผมถึงไม่รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ หรืออยากร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่บทสนทนาเมื่อครู่คือการกล่าวคำอำลาของผมและกอล์ฟอย่างเป็นทางการ

ผมเดินกลับไปที่ห้องเพื่อไปเอากระเป๋าแล้วเดินกลับลงมาเพื่อกลับบ้านซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่านักเรียนคนอื่นๆ จะกลับกันไปหมดแล้ว

ผมเดินก้มหน้าอย่างใช้ความคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ ในใจพยายามหาคำตอบว่าทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ผมรู้สึกโศกเศร้ามากนัก

ทำไมผมถึงรู้สึกโล่งอกที่ในที่สุดความสัมพันธ์อันอึมครึมของผมกับกอล์ฟได้จบลงอย่างเป็นทางการเสียที

อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาความเป็นสุภาพบุรุษที่เขาปฏิบัติต่อผมทำให้ผมรู้สึกมีความหวังและแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะมีใจให้ผมบ้าง แต่วันนี้เมื่อเขาพูดออกจากปากมาตรงๆ จึงทำให้สิ่งที่ผมเคยคาดหวังไว้ได้จบลงอย่างจริงๆจังๆเสียที

ผมก้มหน้าเดินช้าๆ อย่างใช้ความคิดจนเกือบถึงประตูทางออก ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งเดินมาขวางทางผมไว้.....ไม่ใช่ใครที่ไหน....ทีมนั่นเอง

“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“คุยวันหลังเถอะ วันนี้อยากกลับบ้าน เย็นมากแล้ว”

ผมตอบไปอย่างเนือยๆ เพราะไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรกับใครอีก

หลังผมพูดจบทีมมีสีหน้าโกรธจัดแล้วก็กระชากแขนผมอย่างรุนแรงดึงผมออกไปที่ม้านั่งบริเวณรั้วโรงเรียน เมื่อได้สติผมจึงพยายามสะบัดแขนจนหลุดจากมือเขาจนได้

“เป็นบ้าอะไรเนี้ย” ผมเริ่มตวาดใส่เขาอย่างหมดความอดทนกับพฤติกรรมป่าเถื่อนของเขา

“ใครกันแน่ที่บ้า ทำไมหา ทำไมเวลาทีมชวนไปไหนมาไหนมันถึงได้ยากเย็นแสนเข็ญนัก ทีไอ้กอล์ฟชวนยังไม่ทันจบประโยคก็ระริกระรี้ไปกับมันแล้ว”

“ระวังปากนายหน่อยนะ มันไปเกี่ยวอะไรกับกอล์ฟด้วย”

“ อ๋อ ว่านิดว่าหน่อยไม่ได้ ปกป้องกันดีนักนะ ทำไมมันกลับไปแล้วเหรอ พอเสร็จกิจกับเมียน้อย ก็พาเมียหลวงกลับบ้านเหรอ”

“นี่....พูดมาดีๆนะใครเป็นเมียหลวงเป็นเมียน้อย” ผมเริ่มโกรธจัด

“หรือว่าไม่จริง ขนาดมันมีแฟนอยู่แล้วก็ยังแอบมาอี๋อ๋อกับเมียเก่า ถ้าชอบแบบนี้ทำไมไม่บอกเล่า”

“ถ้าอยากคิดสกปรก ๆ อย่างนั้นก็คิดไปคนเดียวเถอะ เราจะกลับบ้านแล้ว”

ว่าแล้วผมก็หันหลังกลับแต่โดนทีมเข้ามากระชากแขนเอาไว้

“ทำไม ไอ้กอล์ฟมันดีกว่าทีมตรงไหน ไม่รู้เหรอว่าสาวๆทั้งโรงเรียนอยากเป็นแฟนทีมกันทั้งนั้น เอาไม๊ล่ะ เรามาเป็นแฟนกัน จะได้ไม่ต้องไปเป็นเมียน้อยไอ้กอล์ฟมันไงล่ะ”

ผมแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความขุ่นมัวจากอารมณ์ที่สะสมมาตั้งแต่บทสนทนาระหว่างผมกับกอล์ฟ เมื่อมาโดนเชื้อไฟด้วยประโยคที่ไม่ให้เกียรติจากทีมทำให้ผมต้องระเบิดอารมณ์ออกมาใส่เขาอย่างไม่รู้ตัว

“นายนี่ท่าจะหลงตัวเองจนเพี้ยน ฟังให้ดีนะ ใช่ นายน่ะเป็นคนหน้าตาดี แต่ที่สาวๆทั้งโรงเรียนอยากเป็นแฟนนายก็เพราะเขายังไม่รู้น่ะสิว่านายเป็นคนยังไง อยากรู้ใช่มั้ยว่ากอล์ฟเขาดีกว่านายตรงไหน เราบอกให้ก็ได้ว่าเขาดีกว่านายทุกอย่าง เขาเป็นสุภาพบุรุษ มีจิตใจที่ดีงาม เข้าอกเข้าใจคนอื่น และแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเอง ที่สำคัญเขาไม่มีวันพูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นอย่างที่นายทำอยู่ ส่วนนายน่ะ ทั้งบ้า ทั้งป่าเถื่อน กักขฬะ สถุล ไร้สกุลรุนชาติและปากหมาอย่างร้ายกาจ จะให้เราไปเป็นแฟนเหรอ อย่าว่าแต่ชาตินี้เลย ชาติหน้าก็อย่างหวัง จำใส่กะลาหัวไว้เสียด้วย”

หลังพูดจบผมก็รีบเดินออกมาจากบริเวณนั้น ภาพสุดท้ายของทีมที่ผมเห็นคืออาการยืนนิ่งอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป

ในขณะที่นั่งรถกลับบ้านผมมีอาการกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก ที่จริงผมน่าจะดีใจที่ได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดไปกับทีม แต่ผมกลับรู้สึกหดหู่ใจอย่างประหลาด ผมอดคิดไปไม่ได้ว่าผมพูดรุนแรงเกินไปหรือเปล่า

ในเวลานั้นความทรงจำในอดีตของผู้ชายคนนี้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตผมก็ได้ค่อยๆ ฉายชัดเข้ามาในความรู้สึกเป็นระยะ ๆ

ก็เขาคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เป็นคนแรกที่วิ่งตามผมมาในวันที่ผมมาแอบร้องไห้ที่ห้องน้ำหลังโรงเรียนแถมยังช่วยให้ผมได้ลืมความเจ็บปวดกับเรื่องของกอล์ฟไปได้เร็วขึ้น

ก็เขาคนนี้ไม่ใช่เหรอที่มักจะแอบมองผมในห้องเรียน และมีท่าทีห่วงใยผมตลอดเวลา

ก็เขาอีกนั่นแหละ ที่อุตส่าห์ชวนผมมาทานไอติม แต่ผมกลับทิ้งเขาไว้อย่างไม่สนใจไยดีแล้วเลือกที่จะเดินไปกับกอล์ฟแทน

แล้วก็เขาคนนี้ไม่ใช่เหรอที่เพิ่งเอ่ยปากขอให้ผมไปเป็นแฟนเขา ไม่ว่าเขาจะใช้คำพูดที่แย่แค่ไหนแต่นั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังขอความรักจากผม แต่ผมกลับตอบแทนเขาด้วยประโยคที่ทำร้ายจิตใจเขาอย่างที่สุด

จริง ๆแล้วเขาพูดถูก ว่าผู้หญิงทั้งโรงเรียนคงพร้อมจะแลกทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้มาเป็นแฟนกับเขา แต่ผมกลับปฏิเสธคำขอของเขาอย่างไม่สนใจใยดี

บางที.....ผมอาจจะเพิ่งทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตไปแล้วก็ได้


-----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-11-2006 11:14:54
เหอเหอ

เพิ่งรู้ว่าโยชอบเปงเมียน้อย กร๊ากกกกกกกกกกกก  :serius2:

อย่าทำพูห์นะ เค้ากัวแย้ว  :sad5:


ปล.

รีบมาต่อให้ว่องเลยนะบลูเรย์

ิบลูเรย์ บลูเรย์ บลูเรย์ .... รังสีน้ำเงิน ว้าววววว

น่ารักจัง

คริคริ  :impress2:

พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-11-2006 13:28:25
บีนี่นิสัยเหมือนผู้หญิงแฮะ  แต่ก็เหอะ  ให้ไว   ต่อเลย ต่อเลย  หลับรออยู่   :sleep3:

หุหุ  โยเสน่ห์แรงงั้นเชียว  เอามาเล่าบ้างดิ  อยากรู้   :kikkik:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-11-2006 19:14:01
ยังไม่จบช่ายม้าย

เอามาลงด่วน  :impress:

ถ้าเป็นไปได้ก็ลงให้จบเลยได้ป่าว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 01-11-2006 19:22:02
 :o อ่านนิยายข้าพเจ้าอยู่ด้วยหรอ จ๊ากกก :sad5:


ก้กะจะจบตอนปิดเทอมแต่ก้มะจบอยู่ดี 555+

แล้วผมจะรีบแต่งให้นะคร้าบบบบบบ  :myeye:


ขอบคุณที่อ่านนิยายผมมมมมมมมม กี๊สสสสสสสสสสส :yeb:


***อ่านรอบสองแน่ๆ มะต้องห่วงก๊ากกก บีน่าร๊าก คิดถึงภาค2แล้วเศร้า โอ้ววว***
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 02-11-2006 00:28:27
YO_OY  จริงป่าวครับ ลองอ่านต่อนะครับถ้าเจอตัวจริงของตัวละครบางตัวได้ผมจะดีจายมากๆ(พูดแล้วน้ำตาจะร่วง)
ผมจะกราบขอบคุณเลยครับ

หมูพูห์ อ่านกันจายเย็นๆนะครับ อิอิ เด่วเกิดศึกรักศึกเลือดนอกเรื่อง เอิ้กๆ

shell  เหอๆเรื่องยังอีกยาวครับ ค่อยๆเก็บความรู้สึกทุกตัวอักษรเลยนะครับ เรื่องนี้มีข้อสำคัญตรงที่ใครจำทุกรายละเอียดและบทสนทนาได้จะเข้าได้ถึงเรื่องอย่างแท้จริงครับ

มูมู่น้อย  ช่ายครับทั้งความคิดและความรู้สึกเหมือนอ่อนหวาน แต่ก็เข้มแข็งมากที่ยังยืนหยัดต่อไปได้(แล้วจะรู้ว่าทำไมนะครับ)

Aki_Kaze  เอาแบบให้ถึงอารมณ์เหมือนเรื่องนี้เลยนะครับ (หุหุ ทำได้ป่าวหวา)




*********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 6 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานดูเหมือนกอล์ฟจะค่อยๆ หายไปจากชีวิตของผมอย่างสมบูรณ์ หากแต่ไม่ใช่ทางกายภาพเนื่องจากว่าเรายังได้พบกันบ่อยครั้ง

สิ่งที่หายไปคือความรู้สึกของผมที่มีต่อกอล์ฟในฐานะคนพิเศษที่หลังจากวันนั้นผมก็แทบไม่ได้คิดถึงเขาในแง่นั้นอีกเลย เขาได้กลายเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งที่ผมยังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้กันตลอดเวลาเท่านั้น

ในเวลาเดียวผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าทีมก็ค่อยๆ หายไปจากชีวิตของผมด้วย เขาไม่เคยมาคุยเล่นกับผมที่โต๊ะอีก ไม่ได้เดินไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ได้ไปนั่งทำการบ้านด้วยกัน เอาเข้าจริงผมคิดว่าเขากำลังพยายามหลบหน้าผม

ผมคงจะยังรู้สึกดีเสียกว่าถ้าเขาจะกลับมาคอยกัด คอยแขวะผมเหมือนเมื่อก่อน แต่การที่เขาพยายามทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่เลยนั้นมันทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ ซึ่งนั้นเป็นความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับกอล์ฟ

ในขณะที่ผมทำใจกับเรื่องของกอล์ฟได้ แต่ผมกลับรู้สึกเศร้าใจและเจ็บปวดอยู่ลึกๆเมื่อเห็นทีมพยายามหลบหน้าผมอย่างนี้ ยิ่งช่วงระยะหลังๆ ผมได้ข่าวมาว่าเขาเริ่มไปจีบรุ่นพี่ ม. 2 ที่เป็นถึงหนึ่งในทีมดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่มีคำอธิบาย

จนบางครั้งผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า ผมอาจจะชอบทีมเข้าแล้ว แต่ความมีมานะทิฐิ และความหยิ่งทะนงตนทำให้ผมแสดงออกในทางตรงกันข้ามด้วยการแสร้งทำทีว่าไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่สักนิด

แม้หลายครั้งที่มีโอกาสผมอยากจะเข้าไปขอโทษที่พูดแรงๆ กับเขาไปเมื่อวันก่อนแต่ความหยิ่งที่กลายเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายของผมก็ทำให้ผมล้มเลิกความคิดนั้นไปเสียทุกครั้ง

จนกระทั่ง....

“บี...บี...ไปกินไอติมกันเถอะ....เร็ว” เจ เกย์สาวร่างท้วมออกปากชวนผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด

“แค่ชวนไปกินไอติมทำไมต้องทำเสียงตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย”

“อ้าว ก็ทีมเขาเป็นคนชวนเราไง จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง”

ถึงตรงนี้ผมจึงต้องนิ่งอึ้งไปพักนึง พยายามหาเหตุผลถึงคำชวนที่ไม่ชอบมาพากลนี้

“ก็ถ้าเขาชวนแก แกก็ไปกินกับเขาสองคนสิ มาชวนเราด้วยทำไม” ผมถามอย่างหยั่งเชิง

“ก็เขาบอกให้มาชวนแกด้วยนี่” เจตอบออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

หลังจากได้ฟังคำตอบนี้ผมก็ยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย เพราะคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่จริงแล้วทีมก็คงอยากจะเจอ อยากจะพูดกับผมใจจะขาด แต่ก็คงเพราะทิฐิมานะเหมือนกันที่ทำให้เขาไม่กล้ามาชวนผมตรง ๆ จึงต้องใช้เจมาเป็นแม่สื่อ พลางอดตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าทำไมผมถึงคิดถึงวิธีนี้ไม่ออกนะ

แต่เมื่อผมเดินไปถึงซุ้มไอติม ทุกอย่างที่ผมคิดไว้ดูเหมือนจะผิดคาด เพราะนอกจากผม เจ จอย ออย และเก๋ ที่ผมชวนมาด้วยแล้ว ทีม บาส และเพื่อนๆของเขาก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วย

ที่สำคัญคือมีพี่ดาว ดรัมเมเยอร์สาวสวยของโรงเรียนที่มีข่าวว่าเพิ่งว่าทีมกำลังพยายามตามจีบอยู่ก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วย

“บี มานั่งตรงนี้สิ ” ทีมเอ่ยปากชวนให้ผมไปนั่งติดกับเขาและพี่ดาวซึ่งมีที่เหลือไว้ 1 ที่อย่างจงใจ

ถึงแม้ผมจะพยายามปฏิเสธ แต่ก็ถูกทั้งผลักทั้งดันจากเพื่อนๆ ให้ไปนั่งจนได้เพราะดูเหมือนไม่มีใครอยากไปนั่งติดกับ 2 คนนั้น จากนั้นช่วงเวลาอันกระอักกระอ่วนของผมก็เริ่มต้นขึ้น

“ดาวจะทานรสอะไรดี เดี๋ยวทีมไปสั่งให้”

“ทีมกินรสอะไร ดาวก็กินรสนั้นแหละ”

ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าผะอืดผะอมของเพื่อนๆหลายคนทำนองว่าอยากจะอ้วกออกมาตรงนั้นหลังจากพี่ดาวพูดประโยคนั้นจบลง

แต่โชคร้ายที่พฤติกรรมหวานเลี่ยนเช่นนี้ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้นเมื่อทีมสั่งไอติมมาเพียงถ้วยเดียวแล้วก็ชวนพี่ดาวทานด้วยกัน ซึ่งพี่ดาวเองก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจกลับคว้าช้อนตักไอติมป้อนเข้าปากทีมอย่างหน้าตาเฉยจนกลุ่มเพื่อนๆ ของทีมอดส่งเสียงวี้ดวิ้วต่อพฤติกรรมนั้นไม่ได้

ในขณะที่กลุ่มเพื่อนของผมกลับเอาแต่นั่งเงียบด้วยท่าทางผะอืดผะอมอย่างที่สุดเพราะตลอดเวลานั้น ทั้งคู่ต่างพยายามฉอเลาะใส่กันอย่างน่าหมั่นไส้เสมือนพยายามจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขารักกันแค่ไหน

จนในที่สุดเวลาแห่งความทุกข์ทรมานก็เสร็จสิ้นลงเมื่อ ผม เจ จอย ออย และเก๋ทานไอติมจนหมด (ซึ่งทำเวลาได้รวดเร็วกว่าปกติมาก) พวกเราก็เลยขอตัวลุกออกมาเสียก่อนโดยระหว่างทางที่พวกเราเดินกลับห้องแน่นอนว่าบทสนทนาที่พวกเราพูดกันก็หนีไม่พ้นเรื่องของพี่ดาว และ ทีม

“ทีมกินรสอะไร ดาวก็กินรสนั้นแหละ.....ตอแหลที่สุด”

เจแกล้งทำเสียงล้อเลียนพี่ดาวอย่างเหลืออดจนพวกเราก็อดยิ้มๆเชิงเห็นด้วยไม่ได้

“แล้วดูสิ ผู้ชายชวนกินไอติมถ้วยเดียวกัน จะปฏิเสธสักนิด เป็นไม่มี ถึงว่าสิกะเทยเดี๋ยวนี้ถึงได้พ่ายชะนีไปหมด”

เจยังไม่ยอมลดลาวาศอก

“ช่างเขาเถอะน่า ก็เขาเป็นแฟนกันจะกินไอติมถ้วยเดียวกัน มันก็ไม่เห็นแปลก” ผมพยายามปราม

“จ้า......แม่ เพชรา เชาวราษฎร์ แม่พิศวัย วิไลศักดิ์ แม่อำภา ภูษิต”

ทุกคนพากันหัวเราะครืนกับมุกที่เจพยายามกัดผมว่าเป็นนางเอกเสียเหลือเกิน

“ขอเป็น สุวนันท์ คงยิ่ง ไม่ได้เหรอ” ผมพยายามแกล้งแย้งอย่างขำ ๆ

“ถึงเป็นสุวนันท์ ก็ต้องมีร้ายบ้างล่ะ จะมาเป็นนางเอก 100 เปอร์เซนต์อะไรกันนักหนา พูดแล้วหมั่นไส้ วันนี้ขอสวมบทนังอิจฉากลับไปตบอีชะนีนี่สักทีเถอะ”

เจทำท่าเหมือนจะหมุนตัวกลับไปจนพวกเราต้องเข้าไปห้ามไว้อย่างเสียไม่ได้เพราะรู้ว่าเจก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปทำอย่างนั้นจริงๆ พลางอดขำกับพฤติกรรมนี้ของเจไม่ได้

“เลิกทำเป็นเล่นได้แล้ว รีบกลับบ้านไปจัดกระเป๋าดีกว่า ลืมไปแล้วเหรอว่าพรุ่งนี้ต้องไปเข้าค่ายลูกเสือกัน” ผมพยายามเตือนสติทุกคน

“เออ จริงสิ ลืมไปเล้ยย แหมงานสำคัญเสียด้วย 1 ปีมีครั้งเดียว โอกาสทองเลยนะเนี้ย”

ว่าแล้วเจก็ทำท่าเลียมุมปากจนทำให้พวกเราอดขำอย่างเข้าใจความคิดของเขาไม่ได้

จากนั้นทั้งจอย ออย และเก๋ก็เดินตามเจเข้าไปเก็บกระเป๋าเรียนในห้อง จนเหลือแต่ผมซึ่งยังยืนอยู่หน้าห้องอย่างใช้ความคิด

เมื่อได้อยู่คนเดียว สีหน้าที่แสร้งทำทีเป็นหัวเราะไปกับคนอื่นเมื่อครู่ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นสีหน้าที่กำลังโศกสลดอย่างที่สุด

ถ้าหากว่าการชวนผมไปกินไอติมในครั้งนี้ของทีมก็เพื่อต้องการจะแสดงให้เห็นว่า เขายังมีผู้หญิงดีๆ สวยๆ อีกมากมายที่พร้อมจะตามใจเขา และกินไอติมถ้วยเดียวกับเขาอย่างไม่รังเกียจ เขาก็ทำสำเร็จแล้ว และมันอาจจะเป็นความสำเร็จที่เกิดคาดด้วยซ้ำเพราะนอกจากจะทำให้ผมได้สำนึกแล้ว ยังทำให้ผมเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ในค่ำคืนนั้นระหว่างที่จัดกระเป๋า ผมก็กลับมานึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนและเหตุการณ์ในตอนเย็นวันนี้อีกครั้ง พลางอดคิดไม่ได้ว่าที่ผมเคยด่าทีมว่าหลงตัวเองนั้น เอาเข้าจริงแล้วผมเองกระมังที่ควรจะโดนด่าด้วยคำๆนี้

เพราะสำหรับทีมซึ่งมีรูปร่างหน้าตาระดับนายแบบ เรียนห้องเก่ง แถมยังเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งของโรงเรียน จะผิดอะไรถ้าเขาจะหลงตัวเอง ในเมื่อเขาก็มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมออกขนาดนั้น

แต่ผมสิ ผมมีอะไร นอกจากความหลงตัวอย่างร้ายกาจ ผมก็ไม่เห็นว่าผมจะมีดีอะไรอีก

นึกถึงตรงนี้ผมก็อดเปรียบเทียบตัวเองกับพี่ดาวไม่ได้ว่าในขณะที่พี่ดาวซึ่งเป็นสาวสวยระดับดาวของโรงเรียนยังไม่เห็นจะอิดออดกับการได้กินไอติมถ้วยเดียวกันกับทีม แต่ผมกลับทำท่าทางรังเกียจแถมยังประกาศว่าจะไม่มีวันยอมกินไอติมถ้วยเดียวกันกับเขาเด็ดขาด

มานึกอีกที มันช่างเป็นพฤติกรรมของคนที่ไม่เคยชะโงกหัวดูเงาของตัวเองเลยแท้ๆ

ในที่สุดเรื่องของผมกับทีมคงจบกันเพียงแค่นี้ เพราะผมไม่มีวันจะสู้พี่ดาวที่เป็นสาวสวยเพอร์เฟกต์ขนาดนั้ได้

นอกจากนั้นผมยังได้ทำร้ายจิตใจของทีมอย่างแสนสาหัสด้วยคำพูดที่เขาคงไม่มีวันอภัยให้ ผมคงได้ปล่อยโอกาสดีๆในชีวิตให้ผ่านไปแล้วอย่างไม่มีวันจะเรียกคืน

น่าเสียดายที่เรื่องราวระหว่างผมกับทีมต้องจบลงทั้งๆ ที่มันยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ

ในขณะที่ผมกำลังอยู่ในความคิดตำหนิตัวเองอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ที่บ้านก็ดังขึ้นแต่เมื่อผมไปรับสายกลับไม่มีใครพูดด้วย เหมือนตั้งใจจะฟังเสียงของผมอยู่อย่างนั้นแล้วก็วางหูไปเฉย ๆ และมันก็เป็นเช่นนี้ไปอีก 3 – 4 ครั้งจนผมเริ่มหงุดหงิดว่าใครที่โทรศัพท์มาแกล้งกันดึก ๆ ดื่นๆ ขนาดนี้ จนเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงตั้งใจว่าจะตะคอกถามและเค้นให้ได้ว่าเขาคือใครแต่พอดีกับที่มีเสียงจากอีกฝ่ายพูดมาเสียก่อน

“บีเหรอ นี่ป้าแต้วนะ คุณแม่อยู่หรือเปล่าลูก”

“เอ่อ อยู่ครับคุณป้า รอสายแป๊ปนึงนะครับ”

ผมตะโกนเรียกแม่ให้รับสาย แล้วก็กลับมายังที่นอนของตัวเองพลางอดสงสัยไม่ได้ว่าโทรศัพท์ 3 – 4 ครั้งแรกที่โทร. มาแต่ไม่ยอมพูดนั้นจะเป็นสายของป้าแต้วหรือเปล่า เป็นไปได้มั้ยที่จะเกิดความขัดข้องทางเทคนิคจนทำให้คุณป้าต้องกดมาใหม่อีก 3 – 4 ครั้ง

แต่ถ้าไม่ใช่ป้าแต้ว....แล้วจะเป็นใครกัน ?

---------------------------------------------


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 02-11-2006 02:10:23
 :try2: จาบอกว่าอ่านปายได้หน่อยนึงแระ  :myeye:  คิกคิก พึ่งเหงอ่ะ  มะว่ากานะคุณบลู โหวตให้แระนะ :seng2ped:   จาได้มีแรงใจโพสเรื่องให้เราอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 02-11-2006 11:08:53
ถึงนี่ละ  ต่อเรย  เค้ารอเรย์อยู่เหมือนเดิม  :impress:    ว่าแต่ดาวนี่ก็กระแดะเล็ก ๆ อยู่นะ 
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-11-2006 11:51:17
เหอๆๆๆๆ :kikkik:

กลายเปงทู้ยอดฮิตไปแล้น



ปล.


เค้ารออยู่นะเรย์

กลับมาต่อไวไว มาม่า ยำยำ  :3125:

พูห์

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-11-2006 11:59:16
 :o ยังอีกยาวเลยเหรอค่ะ แล้วเมื่อไหร่จะจบละนี่   :sad5:

อยากอ่าน  :serius2:  :serius2:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 02-11-2006 16:53:41
 :serius2:อยากอ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2:

กำลังหนุกเลย......มาต่อเร็วๆนะคับ :yeb:

 :oถ้าไม่เช่นนั้น.......................... :o

 :impress:ผมจะไปอ้อนวอน....เว้าวอน......วิงวอน :impress:

(ทำได้แค่นี้แหละ).......... :laugh: :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 02-11-2006 17:52:58
โอ้ววอารมณ์คงไม่ถึงกะเรื่องนี้หรอกน่ะจิงับ งิงงง

ว่าแต่ลงทีละตอน ทรมานใจคนอ่านดีเนาะ หุหุหุหุ :kikkik:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 02-11-2006 23:51:01
พึ่งอ่านจบอ่ะคุณบลู  :yeb: ชอบ เมื่อไหร่จะต่ออ่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 03-11-2006 00:24:41
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  รออยู่เลย โทษตะแน๋วมาช้าละกันนะมูมู่   :pigscare2:
 YO_OY  ชีวิตเส้นทางแห่งความรักของทุกคนไม่ได้เหมือนกัน บางคนสวยงาม บางคนเต็มไปด้วยขวากหนาม  :monkeysad:

หมูพูห์ เอามาม่าละกันชอบ แต่เด่วนี้กินไม่ได้แล้วหง่ะ แพ้ผงชูรสไปแล้วเศร้า  :monkeysad:

shell  ยังไม่ถึงไหนเลยครับ ตอนนี้เศร้าเท่าไหร่ เตรียมคูณ 100 เข้าไปเลยครับ
  :impress3:
GobGab  อ่าจายอ่อนเลยเห็นแววตาดำๆเด็กน้อย เอิ้กๆ :impress:

Aki_Kaze  อืมพูดเป็นนัย ยังไม่ค่อยเก็ต แต่อืมดีแล้วหล่ะที่ไม่เข้าจาย น่าจะไม่ค่อยดีป่าวหวา  :untrust:

*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************

*****************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 7 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นผมก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปสมทบกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่โรงเรียน การเข้าค่ายในครั้งนี้จะแยกกันระหว่างลูกเสือและเนตรนารีโดยพวกลูกเสือจะต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียนต่างอำเภอ ในขณะที่กลุ่มเนตรนาทีจะไปเข้าค่ายที่โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในตัวเมือง

พวกเรามารวมหมู่กันที่บริเวณหน้าเสาธงซึ่งคงเป็นโชคดีที่ผมกับทีมได้อยู่กันคนละหมู่กัน อย่างน้อยผมก็คงพออาศัยเวลา 2 วัน 1 คืนนี้หลบหน้าทีมและไปทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

อันที่จริงผมก็แอบคิดว่าต่อให้เราต้องอยู่หมู่เดียวกันก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะทีมก็คงไม่มาตอแยอะไรกับผมอีกในเมื่อเขามีพี่ดาวอยู่แล้วทั้งคน ในขณะที่ผมเองก็คงไม่มีหน้าไปพูดกับเขาอีกแล้ว

ถึงแม้ผมจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้อยู่คนละหมู่กับทีม แต่คงเป็นโชคร้ายที่คนที่กลับมาอยู่หมู่เดียวกับผมกลับเป็น “บาส”

“ว่าไงบี คืนนี้มีใครนอนเป็นเพื่อนหรือยัง”

บาสเริ่มบทสนทนาที่ส่อถึงเจตนาลามกอันเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หายของเขาในขณะที่เรากำลังนั่งรถบัสไปที่ค่ายด้วยกัน

“มี ไม่มีแล้วยังไง” ผมพยายามตอบอย่างเก็บอาการแม้จะเหลืออดกับพฤติกรรมของนายคนนี้เต็มทน

“อ้าวก็ถ้าไม่มี เราจะได้ไปนอนเป็นเพื่อนไง เผื่ออยากได้เพื่อนแก้หนาว” ว่าแล้วเขาก็เอาไหล่เข้ามาชิดกับผมให้มากขึ้น

“.........” ผมได้แต่นิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาอะไร สำหรับคนประเภทนี้ต่อให้โวยวายหรือตอบโต้อะไรที่รุนแรงกลับไปก็คงไม่ได้ผล และดูเหมือนผมจะเลือกวิธีที่ถูกต้องเพราะบาสเองก็สงบปากสงบคำลงในทันที

“มีอะไรกับไอ้ทีมมันหรือเปล่า”

คำถามที่บาสเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ผมอดตกใจไม่ได้

“ปล่าวนี่ ทำไมเหรอ”

ผมพยายามเก็บอาการ และพยายามนึกให้ออกว่าเขากำลังจะมาไม้ไหน เขาซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของทีมจะรู้เรื่องอะไรระหว่างผมกับทีมบ้าง ทีมจะเคยพูดหรือเล่าเรื่องราวระหว่างผมกับเขาให้บาสฟังบ้างมั้ย แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็คิดว่าคงเป็นไม่ได้เพราะถ้าหากเขาพูดไปก็เท่ากับเปิดเผยให้คนอื่นรู้นะสิว่าเขาเป็น “เกย์” เขาคงไม่กล้าถึงขนาดนั้นหรอก และดูเหมือนสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง

“ปล่าว ก็เห็นไม่ค่อยคุยกันเหมือนเคย แต่ก็อย่างว่าล่ะน๊า คนกำลังมีความรัก มันก็คงต้องเอาเวลาไปให้เมียมันหมด จะมามัวสนใจเพื่อนฝูงได้ไง ดีนะเนี้ยที่เขาแยกลูกเสือกับเนตรนาทีไปคนละที่ ไม่งั้นคืนนี้คุณน้องดาวต้องเสร็จไอ้ทีมแน่ เอ๊ะหรือว่าอาจจะเสร็จไปแล้วมั้ง”

ผมอดรู้สึกเจ็บแปลบกับคำพูดของบาสไม่ได้จึงเอาแต่นั่งนิ่งเงียบแล้วแกล้งทำเป็นหลับไปตลอดทางจนไปถึงที่พัก

หลังจากพวกเราใช้เวลาที่ครูฝึกมอบให้อย่างน้อยนิดในการจัดเก็บสัมภาระ พวกเราก็ต้องรีบวิ่งกลับมารวมหมู่กันอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลด้วยเท้าและเข้าฐานต่างๆที่เตรียมไว้ซึ่งต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน

ในช่วงเวลาที่มีการเดินทางไกลและต้องเข้าฐานต่างๆ ที่มีตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงขึ้นยากลำบากนั้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าบาสได้เข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ผมตลอดเวลา และเขามักจะเป็นคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือในเวลาที่ผมตกที่นั่งลำบาก หรือมีปัญหาทุกครั้ง

จนแม้กระทั่งครั้งนึงเขายังถึงกับเสนอขอช่วยถือสัมภาระที่หนักอึ้งของผมให้ทั้งๆ ที่เขาก็ต้องถือของเขาอยู่แล้ว 1 ใบ เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะไม่ไหวกับการแบกกระเป๋าใบนั้น

ความเป็นห่วงเป็นใยที่บาสมีให้ผมตลอดทั้งวันนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณหรือไว้ใจเขามากขึ้น ในทางตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกว่า “คืนนี้ ผมคงต้องระวังตัวให้มากขึ้นเป็นพิเศษ” รวมทั้งอดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีกว่ามากถ้าคนที่มาดูแลเอาใจใส่ผมในวันนี้จะเป็น “กอล์ฟ” หรือ “ทีม” แทนที่จะเป็น “บาส”

ในช่วงเย็นหลังจากที่พวกเราหุงหาอาหารทานกันด้วยตัวเองจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้เวลาของกิจกรรมรอบกองไฟซึ่งสำหรับผมถือเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อและไม่มีอะไรพิเศษนอกจากการแสดงที่แต่ละกลุ่มละกองงัดกันออกมาโชว์ซึ่งบางครั้งทำให้ผมอดรู้สึกง่วงไม่ได้ จนเมื่อถึงเวลาจบจากกิจกรรมรอบกองไฟผมจึงเป็นคนแรกๆที่รีบลุกออกมาจากที่นั้นแล้วกลับไปยังห้องนอน

ห้องเรียนของนักเรียนได้ถูกแปลสภาพเป็นห้องนอนชั่วคราวให้กับพวกเรา ผมจึงต้องนอนบนพื้นห้องที่อย่างน้อยก็มีเสื่อปูลาดเป็นทางยาวไว้ให้ ผมพยายามจับจองที่นอนที่มั่นใจว่าได้ถูกประกบด้วยเพื่อนที่ไว้วางใจได้ 2 – 3 คนและพยายามดูว่าที่นอนของตัวเองนั้นได้อยู่ห่างจากที่นอนของบาสในระยะพอสมควรแต่เพื่อให้มั่นใจสุดๆ ผมจึงแสร้งทำทีเป็นอ่านหนังสือเพื่อรอให้เห็นก่อนว่าบาสได้นอนลงในที่นอนของตัวเองอย่างเรียบร้อยแล้ว

ผมนั่งคอยว่าเมื่อไหร่บาสจะกลับมานอนจนกระทั่งมีเพื่อนขอปิดไฟในห้อง ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของนายคนนี้จนใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าเขาจะหาคนอื่นเป็นเหยื่อได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนแต่ในวินาทีนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงของบาสที่กำลังเดินคุยกับใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องซึ่งนั่นทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งทันทีเพราะเสียงที่กำลังคุยเข้ามาในห้องกับบาสนั้นเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“เฮ้ยพวกเรา คืนนี้ไอ้ทีมมันขอมานอนที่นี่ด้วยว่ะ”

บาสพูดดังจนทั่วทั้งห้องได้ยินแต่ดูเหมือนขณะที่พูดเขาจะตั้งใจหันมามองทางผมเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันผมกลับสังเกตว่าทีมกลับหันไปมองทางอื่นโดยไม่หันมามองผมแม้แต่หางตา

ดังนั้นผมจึงล้มตัวลงนอนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักแม้ในใจจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทีมต้องย้ายมานอนที่ห้องนี้ด้วย

เช้าวันต่อมาผมค่อยๆลุกขึ้นอย่างงัวเงียเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมเดินทางไกลเมื่อวานทำให้ผมหลับสนิทตลอดทั้งคืน แต่เมื่อผมค่อยๆลุกขึ้นก็ต้องประหลาดใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นทีมกำลังนอนหลับอุตุอยู่ที่ปลายเท้าผม

จะเป็นความตกใจ ความสงสัย หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินข้ามร่างของทีมที่นอนหลับสนิทอยู่ออกมานอกห้องอย่างกระวนกระวาย

แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านั้นก็พอดีมีเสียงประกาศเรียกให้ทุกคนลงไปรวมตัวกันที่สนามหน้าเสาธงในอีก 10 นาทีเพื่อออกกำลังกายยามเช้า ผมจึงรีบกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อไปหยิบแปรงสีฟัน และก็พบว่าทีมได้ตื่นเรียบร้อยแล้ว

ผมเดินเข้าไปหยิบแปรงสีฟันและยาสีฟันในห้องออกมาโดยพยายามไม่หันไปมองเขาแล้วรีบออกมาจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด

ตลอดเช้าวันนั้นสติของผมกระเจิดกระเจิงไม่มีชิ้นดีเมื่อพยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมทีมถึงต้องมานอนที่ปลายเท้าผมทั้งๆที่ภายในห้องยังมีที่อีกเหลือเฟือที่เขาจะไปนอนตรงไหนก็ได้ รวมทั้งอดแปลกใจอีกไม่ได้เมื่อเห็นทีมมาทานข้าวเช้า และ ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการเก็บขยะกับหมู่ของผมทั้ง ๆที่หมู่ของเขาต้องไปรับผิดชอบอีกสถานที่หนึ่งซึ่งคงเป็นโชคดีที่อาจารย์ไม่ได้เข้มงวดกับกิจกรรมในวันนี้นัก

ตลอดเวลาที่ทีมมาร่วมกิจกรรมกับหมู่ของผมไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใด เขาก็ยังแสดงอาการเหมือนเดิมคือไม่มีท่าทีสนอกสนใจผมแต่อย่างใด เขาพยายามทำเหมือนว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องทนดูพฤติกรรมนี้อย่างเจ็บปวด

ความรู้สึกไม่สบายเพราะตากน้ำค้างมาเมื่อคืนแถมยังต้องมาเก็บขยะอยู่กลางแดดเปลี้ยงอย่างนี้ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ รวมทั้งมีอาการคลื่นเหียนเหมือนอยากจะอ้วกออกมาจนเพื่อนที่อยู่ใกล้กันต้องถามขึ้นมาด้วยความห่วงใย

“บี เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว”

“ไม่รู้สิ เหมือนอยากจะอ้วกน่ะ ขอตัวเดี๋ยวนะ”

พูดจบผมก็รีบปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ แล้วเดินไปยังสวนป่าที่มีร่มไม้หนาทึบด้านหลังโรงเรียนแล้วค่อย ๆ นั่งลงบนม้านั่งในสวนอย่างอ่อนแรง

“ อะไรเนี้ย แค่คืนเดียวก็ท้องแล้ว ก็อยากสำส่อนไปนอนกับใครพร่ำเพรื่อก็อย่างเงี้ย ใครเป็นพ่อเด็กล่ะ ไอ้ตั้ม ไอ้ปอ หรือว่าติดมาตั้งแต่ไอ้กอล์ฟ ผัวเก่า ”

ประโยคถากถางของทีมที่ตามผมมาทำให้ผมต้องลุกขึ้นและยืนมองเขากลับไปอย่างไม่สามารถจะตอบโต้อะไรได้

ผมยอมรับว่าในเวลานั้นผมไม่ได้รู้สึกโกรธต่อสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา ความรู้สึกผิดในสิ่งที่ผมเคยทำลงไปทำให้ผมได้แค่รู้สึกน้อยใจ และเสียใจที่ผู้ชายคนนี้ได้ทำร้ายจิตใจของผมไม่หยุดหย่อน ไหนจะคำพูดเสียดสีว่าผมเป็นคนสำส่อน ไหนจะท่าทีห่างเหินเหมือนเป็นคนไม่รู้จัก ไหนจะเรื่องของเขากับสาวสวยอย่างพี่ดาว

ความอัดอั้นตันใจที่ผมอยากจะระบาย อยากจะสารภาพว่าผมเสียใจแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น บวกกับความน้อยใจและเสียใจในสิ่งที่เขาทำกับผมมาตลอดนั้นทำให้น้ำตาอุ่นๆ ของผมเริ่มไหลลงมาอาบแก้มอย่างไม่สามารถจะห้ามได้

ในนาทีนั้นเองที่ทีมทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดเมื่อเขาก้าวเข้ามาแล้วกระชากตัวผมเข้าไปสวมกอดไว้

ด้วยความสูงของเขา ทำให้ศีรษะของผมไปอยู่ได้แค่ระดับอกของเขาเท่านั้น ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังถูกพันธนาการไว้ด้วยสองแขนที่แข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้และดูเหมือนว่ามันกำลังรัดรึงผมแน่นขึ้นและแน่นขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงของเขาพร้อมๆกับความอบอุ่นที่บรรยายไม่ถูกซึ่งกำลังแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูในร่างกายของผม

นานเท่านานที่ผมภาวนาขอให้ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้โดยจะไม่ร้องขออะไรอีก จนกระทั่งผมได้สัมผัสถึงหยดน้ำตาของทีมที่เริ่มไหลลงมาพร้อมกับคำพูดที่ผมไม่มีวันลืมเลยชั่วชีวิตนี้

“ทีมทำอะไรผิด ทำไมบีถึงต้องทรมานทีมแบบนี้......จะให้ทีมต้องเจ็บปวดอีกแค่ไหน บีถึงจะพอใจ..... บอกทีมมาสิ ..บอกมา......จะให้ทีมทำยังไงกับบีดี….”

------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-11-2006 01:10:42
จ๊ากกกกกกก...คุณบลูอยู่ดีๆก็หยุดโพส   :pigangry2:  คนกะลังอิน   :serius2:  มาต่อเรยด่วนๆๆๆๆๆๆ เวลายิ่งมีน้อยๆอยู่ ฮึ่ม
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-11-2006 09:42:56
ผมลืมไป ขอโทษด้วยนะ
ถ้าโยจะไปถามเพื่อนเก่า ผมว่าไม่ดีนะ
เพราะว่าอยากให้เคารพสิทธิส่วนตัวของผู้แต่งด้วยอ่ะครับ
ผมไม่รู้ว่าเขาอยากให้เรื่องราวรู้ไปถึงคนรู้จักหรือปล่าว

กลัวจะมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อาจไม่ได้อ่านต่อนะครับ
ผมแค่อยากรู้ แอบมองเฉยๆก็ยังดี กระซิกๆ  :impress3:.
 ไม่อยากให้มีการพูดต่อนะครับ

ปล.คลื่นเหียนอาเจียนแบบนี้ป่าวครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-11-2006 10:21:58
 :o ยังไม่ถึงไหน  :o แถมเศร้าคูณ 100  :o

เอามาลงเร็ว ๆ น้า  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-11-2006 10:42:19
เหอๆๆๆ

อยู่ใกล้ๆ  จะลากบลูมาโป้ดต่อให้จบ  :3125:


ใจร้ายๆ มั้กม้าก







ปล.


บลูคับ สงสัยโยเขากะลังคิดว่า อาการที่บีเป็น จะเป้นเหมือนเขาหรือเปล่า  :confuse:


แบบว่า .... :laugh:


ไม่อาววว ไม่พูด     :try2:


กัว โดนโย..... :serius2:


พูห์ครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-11-2006 11:07:36
อารายที่รัก อาราย  :pigangry2:

คลื่นเหียนอาเจียน แล้วเบลอหรือจ๊ะ   :laugh3:

เค้าไปแก้แล้ว ตัวเองอย่าลืมแก้ละ








ปล.


แก้ไขข้อความนะครับ ท่านผู้อ่าน


ห้ามคิดเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด  :kikkik:


ฮากริ๊กกริ๊ก


พูห์

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 03-11-2006 18:42:04

Aki_Kaze  อืมพูดเป็นนัย ยังไม่ค่อยเก็ต แต่อืมดีแล้วหล่ะที่ไม่เข้าจาย น่าจะไม่ค่อยดีป่าวหวา  :untrust:


อืมมม เกตก้ได้ 55555555+
แต่ตอนนี้เขียนมะออก เคจังกำลังโผล่พ้นน้ำ แต่ต้องจมไปอีกแล้ว งิงง



***ทีมน่าร๊ากจางงงงงง***
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 03-11-2006 19:27:58
 ใจเย็นๆกันนะครับ ตอนนี้ผมก็รอคนเขียนอนุญาตอยู่อ่ะครับ แต่ไม่ตอบสักทีเลยเอามาดูความสนใจเพื่อนๆก่อน
ก็เลยอดโพสไม่ได้กัวโดนเพื่อนๆรุมตืบ  :pigangry2:

อยากให้ผมโพสเร็วๆ ต้องไปตามเพื่อนๆมาอ่านครับ สิบเม้นต์เมื่อไหร่ผมจะโพสต่อครับ เอิ้กๆ   :pigscare2:
(ตุ๊บๆๆ อย่าตืบผมเลย ผมลงให้แล้ว)



shell  วันนี้ต้องโทษมูมู่น้อยนะ ไปไหนไม่รู้อ่านหรือยัง หรือหนีไปแล้ว  :impress3:

หมูพูห์ อืมพูดให้คิดเหอๆ เป็นยังไงหรือ รักพี่เสียดายน้องหรือ แก้อะไรกันหวา ดูไม่ทันอดเห็นของดีเลย  :like2:

Aki_Kaze  คิกๆไม่มีใครชอบก๊อฟบ้างเลยหรือครับ  :no2:

********************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 8 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

คำพูดของทีมเมื่อครู่ทำให้ผมได้แต่นิ่งอึ้ง ความรู้สึกตกใจบวกกับความสงสัยทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ผมกำลังทรมานเขาอยู่เหรอ

ผมเนี้ยนะที่กำลังทำให้เขาเจ็บปวด

ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยมีพฤติกรรมอย่างที่เขาว่าตอนไหน เขาต่างหากไม่ใช่เหรอที่เป็นคนทำร้ายผม ทั้งคำพูดที่ว่าผมสำส่อน ทั้งท่าทีที่ไม่เห็นผมอยู่ในสายตา แล้วที่ตั้งใจให้ผมไปเห็นภาพบาดตาระหว่างเขากับพี่ดาวอีกล่ะ ใครกำลังทำร้ายใครกันแน่

“ทีมพยายามแล้ว พยายามไม่พูดไม่คุยกับบี พยายามทำเหมือนบีไม่มีตัวตนอยู่ในโลก พยายามแม้กระทั่งลองไปคบกับคนอื่นเพราะหวังว่าในที่สุดแล้วทีมจะลืมบีได้ แต่ไม่เลย ทีมกลับยิ่งคิดถึงบีตลอดเวลา คิดถึงจนใจจะขาด มันทรมานมากรู้มั้ย”

พูดจบทีมค่อยๆปล่อยผมที่บัดนี้ยิ่งแข็งเป็นหินจากคำพูดของเขาเมื่อครู่ออกจากอ้อมกอด แต่ก็ยังคงใช้ 2 มือยึดกุมหัวไหล่ทั้ง 2 ข้างของผมไว้แน่น

“ทีมรู้ว่าทีมมันหยาบคาย ป่าเถื่อน แล้วก็ปากหมา แต่ให้โอกาสทีมได้มั้ย ทีมสัญญาจะเปลี่ยนตัวเอง ทีมสัญญา”

ในเวลานั้นสมองของผมมีแต่ความว่างเปล่าจนไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้ และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้อย่างชัดและถนัดตาขนาดนี้ เป็นเวลานานที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเงยหน้ามองดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักคู่นั้นเหมือนต้องมนต์สะกด พลางอดคิดไม่ได้ว่าถึงนิสัยของเขาจะเป็นอย่างไรแต่ผมก็ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่าผู้ชายคนนี้ดูสมบูรณ์แบบอย่างหมดจด ทั้งดวงตากลมโตคมกริบ ทั้งจมูกที่โด่งเป็นสันรับกับใบหน้าได้รูป ทั้งริมฝีปากเรียวงามสีชมพูอ่อน ทั้งหมดทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าพระเจ้าช่างอยุติธรรมสิ้นดี

ทำไมคนเหมือนๆกันถึงได้ถูกสร้างมาให้แตกต่างกันได้ขนาดนี้

และจะเพราะความรู้สึกผิดจากความอยุติธรรมนี้หรือไม่ พระเจ้าถึงได้ชดเชยด้วยการส่งผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างเขาให้มาหลงรักคนธรรมดาๆ อย่างผม

ในตอนนั้นต่อให้คิดจนโลกแตก ผมก็หาเหตุผลไม่ได้เลยจริงๆ ว่า “คนอย่างเขา” จะมาหลงรัก “คนอย่างผม” อย่างหัวปักหัวปำได้อย่างไร

จนต่อมาผมถึงให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้เราทั้งคู่ต้องมารักกันก็คือเรื่องของ.... “กรรม”

แต่คงโชคร้ายที่ดูเหมือนความรักของเราในครั้งนั้นจะเป็น “กรรมของผม” มากกว่า “กรรมของเขา”

เป็นเวลาอีกสักระยะที่ผมและทีมต่างยืนนิ่งมองตากันโดยไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งเราทั้งคู่ได้ยินเสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้งจากคนที่เดินเข้ามาในสวนทำให้ทั้งผมและทีมต่างผละออกจากกันในแทบจะทันที

“อ้าว มึงนี่เอง ไอ้บาส กูตกใจหมด” ทีมทำสีหน้าโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือบาส

“อ๋อ นี่มึงยังเหลือความอาย กลัวคนอื่นจะเห็นอยู่เหรอ กูเห็นยืนกอดกันกลมจนนึกว่าจะเอากันในสวนป่านี้แล้ว” บาสตอบกลับมาอย่างเจ็บแสบ

แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดนั้นแต่ผมก็เอาแต่ก้มหน้าเพราะสิ่งที่บาสพูดก็ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงที่เราทำกันเท่าไหร่นักแม้เขาจะพูดเกินเลยไปบ้างก็เถอะ

“ปากมึงนี่ แม่งจะกัดกู ก็ให้เกียรติบีเขาหน่อย” ทีมเริ่มทำเสียงดุ

“อ๋อ คร้าบบ”

บาสทำเสียงประชดแล้วหันมาพูดกับผมตรงๆ

“ ลืมไปว่ามีคุณผู้หญิงอยู่ตรงนี้ด้วย ถ้ากินแรงพวกผมด้วยการมาอี๋อ๋อกันกลางป่าจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาไปทานอาหารเที่ยงแล้วคร้าบบ หรือว่าถ้าอิ่มอย่างอื่นแล้วจะจู๋จี๋กันต่อก็ได้นะ”

“พอเลยมึง ชักลามปามใหญ่แล้ว” ทีมตัดบทแล้วก้าวมาคว้ามือผมเดินออกไป

ในตอนนั้นเองที่ผมอดเงยหน้าขึ้นมามองบาสไม่ได้ซึ่งถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง สีหน้าของบาสที่ผมเห็นในตอนนี้กำลังแสดงอาการไม่พอใจผมอย่างรุงแรงซึ่งผมก็ไม่อาจรู้สาเหตุเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

ในตอนเที่ยงวันนั้นผม และ ทีม ต่างนั่งทานอาหารด้วยกันอย่างเก็บอาการเนื่องจากไม่อยากให้ดูผิดสังเกต เพราะการที่เรา 2 คนหายกันไป 2 ต่อ 2 ตั้งนานสองนานนั้นก็น่าสงสัยพออยู่แล้ว

ทีมเองจึงไม่อยากแสดงท่าทีว่าสนใจหรือเอาอกเอาใจผมเป็นพิเศษ จริงๆแล้วคงต้องบอกว่าเขาแทบจะไม่พูดอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำ

แต่กระนั้นผมก็คิดว่าสำหรับเขาในตอนนี้ คำพูดหรือท่าทีอื่นๆ คงไม่มีความหมายอีกแล้ว ในเมื่อตลอดเวลาที่เรากำลังทานอาหารเที่ยงกันอยู่นั้น มือของเขาแอบเกาะกุมมือของผมอยู่ใต้โต๊ะอาหารตลอดเวลา

แม้มีหลายครั้งที่ผมพยายามจะสะบัดออกแต่เขาก็ยังคงเกาะกุมมือข้างนั้นของผมเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อย

จนมีครั้งนึงที่เขาจงใจเอนตัวมากระซิบข้างหูผมอย่างแผ่วเบาว่า

“ทีมจะไม่ปล่อยบีไปไหนอีกแล้ว”

-----------------------------------------









หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-11-2006 19:44:28
เอาละซี บาสนี่ชักยังไง ๆ แล้ว  :try2:

รออ่านต่อปาย  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-11-2006 20:09:59

อ๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-11-2006 02:14:08
 :kikkik:  ตาบาสนี่ชักยังไงๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 04-11-2006 09:08:50
เค้ามาแย้วววว  ต่อเรยยยย  ให้ไว  ให้ไว  คิกคิก 

จินตนาการภาพบีนี่อ้อนแอ้นมากเลยนะเนี่ย  หุหุ   ว่าแต่บาสนี่ก็ยังไงยังไงอยู่จริง ๆ ด้วยแหละ  สงสัยชอบทีม ไม่ก็ชอบบีแหง ๆ

รอเรย์อยู่น้า   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-11-2006 10:32:04
บลูค้าาาบบบบบ

กว่าจะถึง 10 เมนท์ แก่ตายพอดี :serius2:


มาลงต่อนะครับ อย่าอ่านใจจะขาดแล้ว :sad5:




ปล.


เป็ดในเล้านี้ ขี้อายน๊อะ  :-[


ไม่ค่อยออกมาให้เห็นกันเลย  :confuse:


ฮากริ๊กกริ๊ก  :laugh:


พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 04-11-2006 11:27:43
ไห้ไวเลยนะคับคุณ Blue :impress2:

เห็นใจเด็กตาดำอย่างผมบ้าง :impress:

แต่อยากเป็นบีจังเลย....มีคนมารักซะขนาดนี้ :give2:

ทำไมเราไม่มีบ้าง ......................... :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-11-2006 20:45:23
เข้ามาว๊ากกกกกกกกกกกก :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: ยางม่ายปายถึงหน๋ายเรยเหรอ   :monkeysad:

แร้วเมื่อไหร่มานจาถึง10 เมนท์  :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-11-2006 23:57:47
มาปั่นให้ถึง 10 เม้นท์  :kikkik:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 05-11-2006 02:23:21
shell มาถูกทางแล้วครับ  :love2:

oaw_eang  มามะเด่วปลอบ  :yeb:

ตะแน่วกิ๋วกิ้ว ก็ต้องมีคู่แข่งบางสิครับ บีนี่เจอแต่คนดีๆนะครับ  :monkeylaugh2:

มูมู่น้อย  ชีวิตรักนี่ซับซ้อนดีนะครับ ลองเดาไปเรื่อยๆครับ ผมอยากรู้ความเห็นเพื่อนๆ  :3129:

YO_OY  คงเหมือนโยตอนนี้หรือปล่าว เอิ้กๆ  :like2:

หมูพูห์ ตามแฟนคลับมาช่วยกันเม้นสิครับ หุหุ
 :pigscare2:

GobGab ไม่มีใครหรือไม่เอาใครกันแน่หนอ น่ารักกวนๆแบบนี้แฟนตรึมแหง  :myeye:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ผมมาช่วยให้ครบไง  อย่างอนกันน้า  :angellaugh2:

ดูดิ shell ยังตามผมทันเลย ผมใช้คำว่า 10 เม้นท์หง่ะ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 05-11-2006 02:27:53
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************




.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 9 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ในเย็นวันนั้นหลังจากกลับจากเข้าค่ายลูกเสือ ผมและทีมก็ได้นั่งรถโดยสารกลับบ้านด้วยกัน อันที่จริงผมรู้มานานแล้วว่าบ้านทีมและบ้านผมนั้นอยู่อำเภอเดียวกัน แต่เพราะคุณพ่อของทีมทำงานเป็นข้าราชการใหญ่อยู่ในจังหวัด ดังนั้นหลังเลิกเรียนเขาจึงมักจะไปรอพบคุณพ่อเพื่อติดรถกลับบ้านพร้อมกันเสมอ เราจึงไม่เคยกลับบ้านด้วยกันเลยสักครั้ง

แต่วันนี้จะถือเป็นครั้งแรกของอีกนับครั้งไม่ถ้วนที่เราจะนั่งรถกลับบ้านด้วยกันโดยที่ระหว่างนั่งอยู่ในรถนั้น มือของทีมยังคงแอบจับมือของผมไว้อย่างไม่ยอมปล่อยเสมือนเป็นสัญญาณว่านับตั้งแต่นี้เขาได้พันธนาการผมไว้กับตัวของเขาแล้วอย่างที่ผมไม่มีวันจะตัดขาดได้ ซึ่งโชคดีที่รถที่เรานั่งในวันนั้นเป็นรถประจำทางแบบรถบัสซึ่งนั่งได้ที่ละ 2 คนทำให้การนั่งเกาะกุมมือของเราตลอดทางในวันนั้นไม่เป็นที่สังเกตนัก

ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ทีมได้สารภาพกับผมว่าในวันที่ผมระเบิดอารมณ์ใส่เขาในวันนั้น เขารู้สึกโกรธมากและรู้สึกว่าผมเป็นคนอวดดีอย่างที่สุด

เขาอดรู้สึกเสียหน้าไม่ได้ที่คนที่หน้าตาดีอย่างเขากลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อสิ้นไยจากคนธรรมดาๆ อย่างผม

ดังนั้นในวันต่อมาเขาจึงตั้งใจว่าจะสั่งสอนผมให้รู้ว่าคนอย่างเขาสามารถหาแฟนที่ดีกว่าผมได้เป็นร้อยเท่าพันเท่า รวมทั้งจะแสดงให้เห็นว่าผมไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย

แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้ามเพราะเขาเองต่างหากเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บปวด เมื่อผมเองไม่มีท่าทีแยแสต่อความหมางเมินของเขาเลย มันทำให้เขายิ่งรู้สึกเจ็บช้ำที่เหมือนกับผมไม่ได้แคร์เขาจริงๆ แม้กระทั่งตอนที่เขาชวนผมไปกินไอติมโดยมีพี่ดาวอยู่ด้วย ผมก็กลับพูดคุยเฮฮากับคนอื่นๆ ได้อย่างไม่คิดอะไร

“ถามจริงเหอะ ไม่หึงทีมบ้างเลยเหรอ”

“ก็เราเป็นอะไรกันล่ะ ทำไมเราต้องหึงนายด้วย” ผมทำท่าเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ย ที่ทีมไม่ไปคุยด้วย ไม่เล่นด้วย” เขาพยายามคาดคั้น

“ก็...ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร”

ผมโกหกคำโตโดยไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือดีใจดีที่หลายวันที่ผ่านมา ผมสามารถเก็บอาการได้อย่างแนบเนียนจนเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่เขาทำหมางเมินกับผม

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมเองก็แทบ “คลั่ง” ไม่แพ้เขา และดูเหมือนคำตอบที่ว่าผมไม่คิดอะไรนี้จะทำให้เขานิ่งไปพักใหญ่จนผมต้องพูดออกมาเพื่อทำลายความเงียบ

“แล้วเมื่อคืนมานอนที่ห้องเรา ทำไม” ผมถามขึ้นมาอย่างเบา ๆ ในสิ่งที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อคืน

“ก็หัดคิดดูเองบ้างสิ” เขาพูดใส่ผมอย่างหงุดหงิด

“ถ้าคิดออกแล้วจะถามเหรอ นายเองก็เคยด่าว่าเราโง่นี่”

ผมพูดประชดเมื่อนึกถึงตอนที่เขาด่าผมว่าโง่เมื่อตอนที่เขาชวนผมไปกินไอติมด้วยกัน

“ก็นั่นน่ะสิ ท่าจะโง่จริงๆ”

“นี่....” ผมตวาดใส่เขาอย่างงอนๆ ที่เขาถือโอกาสด่าผม

“ก็ถ้าทีมไม่ไปนอนเฝ้า แล้วเกิดมีใครแอบมาเอาบีทำเมีย แล้วทีมจะทำยังไงล่ะ” เขาตอบออกมาโดยไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆ

เมื่อได้รู้ความจริง ผมก็อดขำความคิดของเขาไม่ได้ แต่แค่อยากมานอนเฝ้าก็ไม่เห็นจะต้องมานอนที่ปลายเท้าเลยนี่ ...

“ตอนแรกก็กะจะฝากไอ้บาสมันน่ะนะ แต่คิดอีกที มันนั่นแหละตัวดี ทีมเลยตัดสินใจมานอนเฝ้าเองดีกว่า” ทีมอธิบายต่อ

“แสดงว่า บาสเขา....เอ่อ...รู้...”

“ใช่ ทีมเพิ่งบอกมันไปเมื่อคืนก่อนที่จะไปนอนห้องบีนั่นแหละ ว่าทีมคิดยังไงกับบี”

“แล้วเขาไม่....”

“ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะไอ้นี่มันก็ฟันดะทั้งผู้หญิง ผู้ชายอยู่แล้ว มันไม่รู้สึกแปลกหรอกที่ทีมจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ที่สำคัญมันเป็นเพื่อนสนิทของทีม ไว้ใจได้”

“เป็นเพื่อนสนิทกันก็คงเพราะมีอะไรเหมือนกันสินะ” ผมถามอย่างหยั่งเชิง

“ก็ถ้าหมายถึงเรื่องฟันดะทั้งผู้หญิงผู้ชายล่ะก็......ใช่ .....อย่าให้มีโอกาสแล้วกัน”

ทีมตอบมาแล้วจ้องตาผมเขม็ง ในขณะที่ผมเองแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างงอน ๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ทำไม ไม่พอใจเหรอ หรือว่าหึง”

“หึง ทำไมบีต้องหึงด้วย เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ” ผมพยายามเฉไฉ

“พูดถึงเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ที่ทีมถามว่าให้โอกาสทีมได้มั้ย บียังไม่ตอบทีมเลยนะ”

“อ้าวนี่ จะถึงบ้านทีมแล้วนะ ไม่รีบไปกดออดเดี๋ยวก็เลยหรอก” ผมรู้สึกเหมือนโชคช่วยที่รถมาถึงทางเข้าบ้านทีมพอดี

“ไม่ ตอบมาก่อน” ทีมพยายามคาดคั้น

“อยากเลยบ้านไปก็ตามใจ” ผมทำท่านิ่งเงียบแสดงให้เขารู้ว่า เขาไม่มีวันได้คำตอบจากผมตอนนี้แน่

“ก็ได้ ดูสิใครจะทนกว่ากัน” ทีมตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

“โอเค โอเค ก็ได้ ให้ก็ได้” ผมตอบอย่างยอมแพ้ในที่สุด เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเขา

“ขอบใจนะ....ที่รัก”

ทีมตอบมาอย่างผู้มีชัยแล้วเขาก็รีบลุกจากที่นั่งไปกดออด แล้วก็ลงจากรถไปในที่สุด

ตลอดช่วงเย็นไปจนถึงตอนดึกในวันนั้นผมได้แต่อมยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่นึกเรื่องราวระหว่างผมกับทีมที่ดูเหมือนว่าในที่สุดเราทั้งคู่ก็ได้ลงเอยกันได้เสียที

แม้บางครั้งผมออกจะกลัวในบางครั้งเมื่อนึกถึงว่าวันข้างหน้าว่าเราจะต้องจะเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง หรือความรักครั้งนี้จะยืนยาวไปแค่ไหน แต่เมื่อนึกถึงความสุขที่ผมมีในตอนนี้ เรื่องของอนาคตข้างหน้าก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะสนใจนึกถึงอีก

“ฮัลโหล” ผมตื่นมารับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาราว 5 ทุ่มกว่าๆ

“นอนหรือยัง” เสียงของทีมจากปลายสายดังขึ้น

“โทร. มาทำไมตอนนี้เนี้ย ” ผมตอบอย่างงัวเงีย

“ก็มันนอนไม่หลับ”

“ตัวเองนอนไม่หลับก็เลยจะไม่ให้คนอื่นนอนด้วยหรือไง แล้วเราจะไปช่วยอะไรนายได้”

“ช่วยได้สิ ก็ทีมคิดถึงบีนี่ ก็เลยคิดว่าถ้าโทรมาฟังเสียงบี ทีมก็คงหลับลงได้” เป็นอีกครั้งที่ทีมทำให้ผมอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้

“สรุปว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย” ทีมพูดมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นผมเงียบไป

“เป็นแฟนอะไรกัน ใครบอก”

“อ้าว ก็ไหนว่าให้โอกาสทีมแล้วไง” ทีมเริ่มทำเสียงหงุดหงิด

“ก็บอกว่าให้โอกาส แต่ไม่ได้บอกว่าจะเป็นแฟน”

ถ้านี่คือประโยคที่แสดงถึงความเอาแต่ใจตัวเองของผม ทีมก็คงจะได้ยินประโยคที่แสดงถึงนิสัยเสียข้อนี้ของผมอีกนับครั้งไม่ถ้วน

“นี่ จะหาเรื่องกันหรือไง ” เขาตะคอกผ่านมาทางโทรศัพท์จนผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังโกรธจัด

“ก็ถ้านายยังทำตามสัญญาไม่ได้ว่าจะเลิกหยาบคายและป่าเถื่อนใส่เราอย่างเช่นที่นายตะคอกใส่เรามาครู่ ก็อย่าหวังมาเป็นแฟนเราเลย”

ดูเหมือนทีมเองก็รู้เช่นกันว่าเขาเองเป็นฝ่ายพลาดไป
แล้ว “ก็ได้ ก็ได้ แล้วจะเอาไง” เสียงของเขาอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด

“ก็ต้องดูต่อไปว่านายเปลี่ยนตัวเองได้อย่างที่พูดจริงหรือเปล่า”

“ อย่างงั้นก็ได้ ตอนนี้อะไรก็ยอมหมดแหละ รักไปแล้วนี่” ทีมตอบกลับมาอย่างไม่มีทางเลือก

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราไปนอนล่ะ” ผมพยายามตัดบทเพราะยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกเขินมากขึ้นทุกที

“เดี๋ยว”

“อะไรอีกล่ะ”

“หลับฝันดีนะ ฝันถึงทีมด้วยล่ะ”

“ถ้าฝันถึงนาย จะเรียกว่าฝันดีได้ไง ต้องเรียกว่าฝันร้ายสิ” ผมแกล้งแหย่

“ก็ลองฝันถึงผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ “ทีม” ดูสิ รับรองบีได้ฝันร้ายจริงๆ แน่”

ว่าแล้วก็เขาก็กระแทกโทรศัพท์ลงอย่างลืมตัวจนผมต้องรีบเอาหูโทรศัพท์ออกจากตัว พลางอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้จะแก้นิสัยอารมณ์ร้อนและโผงผางของตัวเองได้จริงๆ หรือเปล่า

แต่จริงๆแล้วในตอนนี้ไม่ว่านิสัยของเขาจะเป็นอย่างไร ผมก็อดรู้สึกหลงรักเขาเข้าแล้วอย่างปฏิเสธไม่ได้

ในคืนนั้นผมกลับเข้านอนอีกครั้งอย่างมีความสุข พลางอดคิดไม่ได้ว่า “ไม่ว่าความฝันในค่ำคืนนี้ของผมจะเป็นฝันดี หรือฝันร้าย ผมก็ขอแค่ให้มี “เขา”

ขอให้มีผู้ชายที่ชื่อ “ทีม” อยู่ในความฝันนั้นด้วยก็เป็นพอ

-------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-11-2006 03:06:47
 :yeb:  :yeb:  :yeb: ม่ายยอมนอน เพราะรออ่านของคุณบลู  คิกคิก   ตะแน๋วรู้คุณบลูม่ายจายร้ายกะคนอ่านหรอก  :impress:

แม๋แต่กว่าลงให้ได้เล่นเอาดึกเหมือนกานนะ พรุ่งนี้ตะแน๋วมีนัดแต่เช้าด้วย เปงหมีแพนด้าอีกแระ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-11-2006 10:50:22
แหม บีนี่เอาแต่ใจตัวไม่ใช่เล่นนะนี่  :try2: ชักสงสารทีมขึ้นมาซะแล้วซี แถมมีบาสเป็นตัวแปรอีก มีลุ้น  :like2:   :like2:

รออ่านต่อไป  :impress:

ขอบคุณมากค้า ที่เอามาลงให้อ่านกัน  :myeye:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 05-11-2006 13:09:15
อุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย

จาร้องทามมายเนี่ย -*-
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-11-2006 16:59:55
แหม  บีนี่ก็นะ  แหมทำเล่นตัวใช่เล่นนะเนี่ย  อิอิ  เหมือนเป็นผู้หญิงจริง ๆ อะ  แบบเวลาใครมาจีบตอนแรกต้องทำตัวแบบเหมือนไม่สนใจ  หุหุ   ไม่ไหวเล้ยยยย    ทีมเลยได้ใจไปเรยยยตอนนี้   

งงอากิอะ  ทำไมต้องร้องด้วยเหรอ  มันจะมีอะไรเหรอ  ไม่เอาน้า  เค้ากลัวเศร้า ฮือ ฮือ  :monkeysad:

เรย์  รออยู่เหมือนเดิมคะ  มาต่อเรยยย   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-11-2006 19:05:02
แทงยู เรย์  :laugh:



ปล.


ไปแล้น

ซื้อของอีกมากมาย อยากได้คนช่วยถือจัง

พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 05-11-2006 20:33:49
อ่ะ...สนุกๆๆ

ต่อเร็วๆนะฮับ  ผมรออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-11-2006 07:08:37
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ป่าวหนา ก็ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว กับพูห์บอกอ่านไม่ทันหง่ะ หุหุก็เลยรอเพื่อนๆอ่านให้ทันกันอ่ะ   :muplu:

YO_OY  ผมหลงรักตัวละครสองตัวในเรื่องนี้มากมาย ถ้าหากมีโอกาสได้รู้จักพวกเขาผมถือว่าเกิดมาชาตินี้คุ้มแล้วเลยหล่ะครับ แหมจะแก้ไขอดีตอะไรไม่ได้ ผมก็อยากลองดู หัวใจที่เปี่ยมด้วยรัก แม้มันจะบอบช้ำก็ไม่อาจทำลายมัน ดังเพชรในโคลนตม เมื่อเอามาล้างมันก็ยังเป็นเพชรอยู่ดี
เอ่อพูดไรไม่ได้แล้วน้ำตาจะร่วงเหมือน Aki_Kaze   :20470030:

shell  เอิ้กๆ ก็คงต้องมีบ้างหง่ะ แฟนนะไม่ใช่แมว คิกคิก ต้องเลือกกันหน่อย  :love2:

มูมู่น้อย เล่นตัวเหมือนใครบ้างคนหรือปล่าวน้า เอิ้กๆ  :kikkik:

หมูพูห์  คนช่วยถือหนีไปไหนหล่ะ ได้ข่าวว่ามีแล้วนี่น่า คิกคิก นู้นนู้น ตามมาแล้ว YO_OY  อย่าตืบกันหล่ะ เอิ้กๆ  :pigscare2:

FlukeHub  เอ่อ ทำไมอ่านเก่งจัง อ่านวันหนึ่งหลายเรื่องเลยหรือ  :really2:  :myeye:

*******************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 10 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน แม้ผมจะปฏิเสธทีมว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่ “แฟน” แต่โดยพฤติกรรมในเวลาต่อมาของเราทั้งคู่ก็ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นได้

หลังจากวันนั้นทีมจะโทร. มาคุยกับผมเป็นกิจวัตรจนทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของผมสามารถจำชื่อและจำเสียงของเขาได้อย่างแม่นยำ

และเมื่อช่วงเวลาปิดเทรมใหญ่มาถึงเขาก็หมั่นมาหาผมที่บ้านบ่อยครั้ง ทั้งมานั่งพูดคุย มาทานข้าว หรือแม้กระทั่งมานั่งมานอนดูทีวีเฉยๆ จนหลังๆเขาสามารถเดินเข้าออกบ้านผมเสมือนหนึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวของผมไปแล้ว

โชคดีที่ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ของผมไม่ได้ระแคะระคายความสัมพันธ์ของผมกับทีมเลย ท่านทั้งคู่ต่างรับรู้ว่าทีมคือ “เพื่อนสนิทที่สุด” ของลูกชาย

ในช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นนั้นเองที่ทำให้ผมได้รู้จักเขาเพิ่มขึ้นว่า แม้พฤติกรรมภายนอกของทีมจะดูเป็นคนปากตรงกับใจ ตรงไปตรงมา โผงผางและใจร้อน แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นคนโรแมนติกอย่างมากรวมทั้งมีมุมมองความรักที่ค่อนข้างอุดมคติ และจริงจังกับความรักสุดๆ

ทีมพยายามแสดงความรักกับผมอย่างไม่ปิดบังแทบจะในทุกที่ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหวานหูที่ผมฟังไม่เคยเบื่อ

เวลาที่เรานั่งอยู่ด้วยกันหรือไปไหนมาไหนด้วยกัน เขาก็ชอบที่จะจับมือของผมไว้ จนหลังๆเมื่อความสัมพันธ์ของเราเริ่มไปไกลมากขึ้นเขาก็เริ่มเอามือมาโอบไหล่ โอบเอว หรือแม้กระทั่งแอบหอมแก้มผมอยู่เสมอซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ค่อนข้างทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ถ้าความรักของเขาเป็นความรักที่เต็มไปด้วย “อารมณ์และความรู้สึก” จนน่าอึดอัด

ความรักของผมก็เป็นความรักที่เต็มไปด้วย “เหตุผล” จนน่ารำคาญ

นับวันผมค่อนข้างจะต้องระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองมากขึ้น เพราะตั้งแต่ที่เราได้เลื่อนชั้นมาอยู่ชั้น ม. 2 นั้นผมก็ได้รับเลือกจากเพื่อนๆ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นให้เป็นหัวหน้าห้อง ขณะที่ก่อนหน้านั้นผมก็ได้รับการคัดเลือกเป็นนักเรียนดีเด่นของชั้น ม. 1
ดังนั้นชื่อของผมจึงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่อาจารย์ รวมทั้งนักเรียนบางส่วนด้วย

ผมจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าพฤติกรรมต่างๆของผมคงต้องถูกจับตามองจากคนรอบข้าง ผมจึงพยายามระมัดระวังเรื่องของผมกับทีมไม่ให้กระโตกกระตากมากนัก อย่างน้อยๆ ผมก็คิดว่าเรื่องของเราน่าจะเป็นที่รับรู้กันเฉพาะในหมู่เพื่อนสนิทก็พอ

แต่นั่นเป็นความคิดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ทีมคิด

“ทำไมต้องคอยขัดใจทีมอยู่เรื่อยเนี้ย จับนิดจับหน่อยทำเป็นหวงตัวไปได้ หลายครั้งแล้วนะ” ทีมพูดออกมาอย่างเหลืออด

“ไม่ได้หวงตัว แต่อย่าทำให้คนอื่นเห็นได้มั้ย”

ผมพยายามแก้ตัวที่ไม่ยอมให้เขาเอามือมาโอบเอวผมไว้ระหว่างที่เรากำลังเดินลงจากอาคารเรียนมาด้วยกัน

“ทำไม ถ้าคนอื่นเห็น แล้วจะทำไม ใคร ๆ ก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน”

“ไม่ใช่หรอก จริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าเราเป็นอะไรกัน” ผมแย้ง

“ก็นั้นไง ถึงต้องยิ่งทำให้คนอื่นรู้ไง” เขาไม่ยอมแพ้

“ทีมก็รู้ว่าทั้งอาจารย์ ทั้งนักเรียนเขารู้จักเราจนจะทั่วทั้งโรงเรียนอยู่แล้ว แล้วเขาจะคิดยังไงที่อยู่ดีๆเกิดมีคนมาเห็นว่าเรามาเดินโอบเอว โอบไหล่กับเพื่อนผู้ชายโชว์กันอยู่ในโรงเรียนน่ะ”

ผมพยายามใช้เหตุผลซึ่งดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับผู้ชายคนนี้

“อ๋อ บีมันคนเด่น คนดัง ทีมมันคนโนเนมละสิ”

“เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ผมตอบกลับไปอย่างเหนื่อยใจ

เป็นอีกครั้งที่การถกเถียงของเราต้องจบลงอย่างไม่มีข้อสรุปและต่างฝ่ายต่างต้องเลิกรากันไปเองอย่างงอนๆ

จริงๆ แล้วผมเองก็อดรู้สึกชื่นชมเขาไม่ได้ที่เขากล้าแสดงความรักหรือความสัมพันธ์ของเราอย่างเปิดเผย เพราะ ทีมเองก็ไม่ใช่คนโนเนมเลย

เอาเข้าจริงในหมู่นักเรียนด้วยกัน เขาอาจจะโด่งดังกว่าผมเสียด้วยซ้ำ

ทีมได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายที่ติดทำเนียบหนุ่มหล่อของโรงเรียนนับตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวย่างเข้ามาเรียนที่นี่แล้ว
จึงไม่แปลกที่ชื่อของเขาจะได้รับการแพร่กระจายไปในหมู่สาวแท้ สาวเทียมอย่างรวดเร็วจนหลายครั้งผมอดรู้สึกไม่ได้ว่ามีนักเรียนรุ่นพี่หลายคนตั้งใจเดินผ่านมาที่ห้องของผมก็เพียงเพื่อจะมาให้เห็นกับตาว่านักเรียนคนไหนกันที่ชื่อ “ทีม”

แต่โชคดีที่ไม่ว่าเราจะขัดแย้งกันอย่างไร การทะเลาะกันแต่ละครั้งก็ไม่ได้ส่งผลกับความสัมพันธ์ของเรามากนัก เพราะการ “ทะเลาะ” และ “งอน” กันนั้นได้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ไปแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จริงๆ แล้ว ผมกับทีมยังมีนิสัยและความคิดที่แตกต่างกันอยู่หลายเรื่อง จึงเป็นธรรมดาที่เรามักจะขัดแย้งกันในเรื่องต่างๆอยู่เสมอ และคงเป็นความโชคดีที่ทีมมักจะเป็นฝ่ายยอมให้ผมทุกครั้ง ความสัมพันธ์ของเราจึงยังคงเดินหน้าต่อไปได้

ในขณะที่ผมเองกลับไม่เคยยอมให้เขาเลยแม้แต่สักครั้งเดียว อย่างกรณีเรื่องของการแสดงความรักให้คนอื่นเห็นที่แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับผม แต่ผมก็สังเกตว่าเมื่อผมแสดงอาการงอนและโกรธอย่างจริงๆ จังๆ เขาก็ลดและเลิกพฤติกรรมนั้นลงไปในที่สุด แต่ก็ไม่วายไปชดเชยด้วยการไปทำพฤติกรรมนี้ในเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแค่ 2 ต่อ 2 มากขึ้น

บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เราทะเลาะกันนั้นแสนจะเป็นเรื่องจุกจิกสำหรับผม แต่สำหรับทีมแล้วดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องใหญ่มาก อย่างเช่นเรื่อง “คำสรรพนามแทนตัว” เป็นต้น

“เมื่อไหร่จะเลิกใช้คำว่า...เรา..กับ...นาย..สักทีเนี้ย ทนฟังมานานแล้วนะ”

ทีมเปิดฉากชวนผมทะเลาะในบ่ายวันหนึ่ง

“ทำไมล่ะ ใช้เรา กับ นาย มันไม่ดีตรงไหน”

“ฟังดูไม่สมกับคนเป็นแฟนกันเลย มันดูห่างเหิน ไม่รู้สึกเหรอ”

“ไม่เห็นรู้สึกเลย เราก็พูดกับนายแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”

“บอกว่าไม่ให้ใช้ไงเล่า”

“แล้วจะให้ใช้อะไรล่ะ”

“แกล้งโง่ หรือโง่จริงๆ เนี้ย”

“ทีม....”ผมขึ้นเสียงใส่เขาเพราะอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาหาโอกาสด่าผมว่าโง่อีกแล้ว

“นั่นไง ก็เรียกชื่อเล่นสิ บีทีม บีทีม อย่างเงี้ย พูดได้มั้ย”

“ไม่เอาอะ มันไม่ชินปาก”

“แล้วทำไมทีกับไอ้กอล์ฟ ทำไมบีถึงทำได้ล่ะ”

เป็นอีกครั้งที่ดูเหมือนการปฏิบัติตัวระหว่างผมกับกอล์ฟจะถูกนำมาเป็นบรรทัดฐานระหว่างความสัมพันธ์ของผมกับทีมมาโดยตลอด อะไรที่กอล์ฟได้ ทีมก็ต้องได้ด้วย

“วกไปหา กอล์ฟอีกแล้วนะ” ผมพูดอย่างอ่อนใจ

“แล้วบีก็จะเริ่มปกป้องมันอีกล่ะสิ เป็นอย่างนี้ทุกที”

ถึงตรงนี้ผมจึงต้องยอมตัดบทด้วยการรับปากว่าจะทำตามใจเขา เพราะผมรู้ดีว่าคำว่า “กอล์ฟ” ถือเป็นคำแสลงสำหรับความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาเมื่อใด เราจะต้องทะเลาะกันอย่างใหญ่โตทุกครั้งซึ่งผมคิดว่ามันไร้สาระมาก

วันนี้ผมจึงเป็นฝ่ายยอมเขาเป็นครั้งแรกเพราะไม่อยากจะให้คู่ของเราต้องมามีปัญหาเพียงเพราะเรื่องที่ว่าจะใช้คำแทนตัวว่าอะไร พลางอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้พยายามทำให้ความรักของตัวเองสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะแง่มุมไหนก็ตาม

นอกจากเรื่องความโผงผางใจร้อนแล้ว สำหรับทีม เขาก็เป็นคนที่ “ขี้หึง” อย่างร้ายกาจและแน่นอนว่าคนที่ถูกขึ้นบัญชีดำหมายเลข 1 สำหรับเขา ย่อมหนีไม่พ้น “กอล์ฟ”

“บี วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ”

“อืม...” ผมตอบไปสั้นๆ

ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้วที่เราจะกลับบ้านด้วยกัน เพราะตั้งแต่เริ่มคบกัน บีก็ไม่ค่อยไปติดรถพ่อกลับบ้านอีก แต่เขาจะมานั่งรถกลับบ้านพร้อมกับผมเสมอ

“แต่ว่าวันนี้กลับเย็นหน่อยนะ”

“ทำไมละ”

“ก็วันนี้ทีมมีคิวซ้อมบอลไง แล้วตั้งแต่เริ่มซ้อมมา บีก็ไม่เคยไปดูเลยนะ”

“ก็ ไม่ได้ลงแข่งจริงซะหน่อยนี่”

“ก็นั่นแหละ หัดไปดูแฟนตัวเองซ้อมบ้าง มันเป็นหน้าที่ที่แฟนที่ดีควรจะทำนะ ทีคนอื่นเขายังไปให้กำลังใจกันเลย อย่างแก้วไง ทีมก็เห็นไปเชียร์ไอ้กอล์ฟมันบ่อยๆ”

ผมรู้สึกว่าทีมตั้งใจยกกรณีแก้วกับกอล์ฟมาเป็นตัวอย่างเพื่อให้ผมรู้ว่า...คนคู่นี้เขายังรักกันดีอยู่

“ก็เอาสิ”

ในเย็นวันนั้นผมก็เลยตามทีมไปที่สนามฟุตบอลแล้วก็ไปนั่งดูเขาซ้อมกับคนอื่นๆ ซึ่งออกจะเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับผม

และในขณะที่ทีมอยู่ในสนามนั้น ผมก็ต้องคอยทำหน้าที่ส่งยิ้มให้กับทีมที่ดูเหมือนจะหันมาโบกไม้โบกมือให้ผมเป็นระยะๆ พลางอดบ่นอย่างเบื่อๆ กับตัวเองไม่ได้ว่า “นี่น่ะเหรอ พฤติกรรมที่แฟนที่ดีต้องทำ”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ผมก็อดมองหาแก้วไม่ได้ว่าวันนี้เธอจะมาเชียร์กอล์ฟหรือเปล่า แต่มองหาเท่าไหร่ผมก็ไม่เห็นว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

“ลมอะไรหอบบีมาถึงสนามบอลเนี้ย”

เสียงพูดอย่างกระหืดกระหอบของกอล์ฟทำให้ผมต้องหันกลับมามองเขาอย่างตกใจ

“อ๋อ ปล่าว พอดีทีมเขาชวนมาดูเขาซ้อมน่ะ”

“ว้า ผิดหวังจัง นึกว่ามาเชียร์กอล์ฟเสียอีก ”

“ใครจะกล้า เดี๋ยวแก้วก็มาแหกอกบีหรอก อืม แล้วแก้วไม่มาเหรอ”

“ปล่าว...”

คำตอบนั้นทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่ากอล์ฟมีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามพูดเปลี่ยนเรื่อง

“งั้นก็จริงอย่างที่เขาลือกันสินะ เรื่องบีกับทีม”

“ลือว่าอะไรเหรอ”

ผมถามกลับไปด้วยสีหน้าไม่ดีนัก การเป็นเป้าหมายของข่าวลือทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะเป็นเรื่องของผมกับทีมด้วยแล้ว เป็นไปได้มั้ยที่เขาจะรู้กันแล้วว่าผมกับทีมเป็นอะไรกัน ถ้าเป็นจริง สิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจนได้

“ก็ไม่มีอะไรหรอก เขาลือกันว่าตอนนี้บี เป็นเพื่อนสนิทของ ทีมน่ะ ”

“อืม ใช่”

ผมค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางรู้สึกสบายใจที่ข่าวมันมีแค่นั้นเพราะในความเป็นจริงผมก็มีนิสัยและพฤติกรรมเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป ดังนั้นนอกจากเพื่อนสนิทแล้วจึงไม่มีใครรู้เลยว่าผมเป็นเกย์ ผมเลยเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเชื่ออย่างสนิทใจว่าผมกับทีมเป็นแค่เพื่อนสนิทกันจริงๆ

แต่ผมรู้ดีว่ากอล์ฟคงไม่คิดอย่างนั้น ผมจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วกอล์ฟไม่ต้องซ้อมเหรอ”

“อ๋อ ออกมาพักน่ะ จะให้วิ่งอยู่ในสนามตลอดเวลาได้ไง กอล์ฟ ไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ”

กอล์ฟพูดออกมาพลางส่งยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ และดูเหมือนรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ได้ทำให้ผมอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้

“เฮ้อ ทีมฟุตบอลเราเนี้ยไม่ไหวเลยนะ ไม่มีสาวๆมาคอยเสิร์ฟน้ำเลย ” กอล์ฟแกล้งพูดออกมาลอยๆ

“ไม่ต้องถึงมือสาว ๆ หรอก เรื่องแค่นี้เดี๋ยวบีทำให้ก็ได้” ผมพูดพลางหัวเราะอย่างรู้ทัน

ว่าแล้วผมก็หันหลังกลับไปคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วเอาไปตักน้ำในกระติกมาเสียเต็มแก้ว แต่พอหันหลังกลับมาเพื่อจะยื่นส่งให้กอล์ฟกลับมีอีกมือหนึ่งมาคว้าไปดื่ม

“ขอบใจนะ บีเนี้ยรู้ใจทีมจริงๆ เลย กำลังหิวน้ำพอดี”

ทีมพูดประโยคนี้ออกมาพลางส่งสายตาอาฆาตแค้นอย่างที่สุดมาให้ผม แล้วก็ดื่มน้ำแก้วนั้นไปจนหมดแก้ว

“เอ่อ กอล์ฟว่ากอล์ฟกลับไปซ้อมต่อดีกว่านะ” กอล์ฟหันมาบอกผมเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี

“อ้าว แล้วไม่กินน้ำก่อนเหรอ” ผมพยายามถามกอล์ฟแต่เขาก็วิ่งกลับเข้าไปในสนามเสียแล้ว

“ถึงไม่กิน มันก็ไม่ตายหรอกน่า....” ทีมพูดอย่างฉุนเฉียวแล้วก็วิ่งตามกอล์ฟกลับเข้าไปในสนาม

ทั้งคู่ใช้เวลาซ้อมร่วมกันอีก 20 นาทีซึ่งในเวลานั้น ผมสังเกตว่ากอล์ฟกับทีมค่อนข้างปะทะกันบ่อยครั้ง โดยมีครั้งหนึ่งที่ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า....ทีมตั้งใจวิ่งไปกระแทกกอล์ฟอย่างจงใจ

จนในที่สุด.....ผมก็ได้ยินเสียงโค้ชเป่านกหวีดเลิกซ้อมแล้วก็เรียกนักฟุตบอลทั้งหมดมาประชุม โดยใช้เวลาเล็กน้อยบอกจุดบกพร่องของการซ้อมในวันนี้แล้วก็ให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้

ก่อนกลับบ้านกอล์ฟก็ไม่ลืมที่จะเดินมาบอกลาผม ในขณะที่ทีมกลับเดินมาหยิบกระเป๋าและก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ผมจึงต้องเดินตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ เพราะในเวลานั้นยังมีนักฟุตบอลคนอื่นๆอยู่ในบริเวณนั้นด้วย

ผมเดินตามทีมไปได้สักพัก ทีมก็นั่งลงที่ม้านั่งใกล้ห้องสมุดโดยเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น
ผมรู้ดีว่าวันนี้ผมเองก็มีส่วนผิดที่ยังมีท่าทีทอดไมตรีให้กับกอล์ฟ ซึ่งนั่นคงจะทำให้เขาหึงมาก ผมจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายง้อด้วยการเดินไปหาเขาที่บัดนี้กำลังนั่งหันหลังให้แล้วเอามือบีบนวดที่ต้นคอเขาเบาๆ

“เมื่อยเหรอ หรือว่าเหนื่อย” ผมถามออกมาเบาๆ

“เผลอเป็นไม่ได้เลยนะ ตกลงวันนี้มาเชียร์ทีมหรือไอ้กอล์ฟกันแน่”

ทีมพูดออกมาโดยไม่หันมามองหน้าผม

“มันไม่ใช่อย่างที่ทีมคิดนะ บีไม่ได้คิดอะไรกับกอล์ฟแล้ว เขาแค่ขอน้ำดื่ม บีก็ไปตักให้ มันก็แค่นี้”

ผมพยายามอธิบาย แต่เมื่อเห็นทีมยังคงทำนิ่งอยู่ ผมจึงพูดประชดออกมา

“ไม่เชื่อก็ตามใจ งั้นบีกลับล่ะ”

ในเวลานั้นเองที่ทีมหันหลังกลับมาแล้วก็คว้ามือของผมไปจับเอาไว้ก่อนที่จะค่อยๆ เอามือทั้ง 2 ข้างของเขามาประกบไว้ด้วยความรักก่อนจะพูดออกมาว่า

“ทีมเชื่อใจบีนะ บีจะไม่มีวันทำให้ทีมต้องเสียใจใช่มั้ย”

ผมค่อยๆ พยักหน้าเป็นการยืนยันกับทีม แต่ภายในใจนั้นกลับไม่รู้สึกมั่นใจเอาเสียเลยว่าผมจะสามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับทีมได้หรือไม่

-----------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-11-2006 09:10:15
ชักเริ่มสงสารทีมขึ้นมาบ้างแล้วละ  :impress:  ยอมบีทุกอย่างเลย..เฮ้อ  :try2:


รออ่านต่อไป  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-11-2006 11:02:22
"ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมัว" :seng2ped:


เอ้ออออออ


บอกไม่ถูกคับ ว่ารู้สึกยังงัย







ปล.


มาต่อให้ว่องเลยนะ บลู


พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 06-11-2006 12:51:37
 :monkeysad2:

ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป เป็นไปได้ไหมครับที่คุณบอย บลู ช่วยลงทีละหลายๆ ตอนในทีเดียว
เพราะเวลาแห่งการปิดเทอมของผมใกล้หมดลงทุกขณะ  กลัวไม่ได้เข้ามาติดตามอ่านบ่อยๆ เช่นเคย
ถ้าพลาดไปเสียดายแย่

ตอนนี้มี part 2 ของเรื่องนี้แล้ว   แต่ยังไม่อยากอ่าน
อยากรออ่านทีเดียวหลังจากอ่าน part แรกจบ กลัวมันไม่ต่อเนื่องกัน

ขอบพระคุณมากๆ ครับ

*** ถามนิดนึงครับ
 part แรกมีทั้งหมดกี่ตอนอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-11-2006 13:27:26
รักกัน  แต่แสดงออกว่ารักกันไม่ได้นี่มันอึดอัดเนอะ  น่าสงสาร  สงสารทีมมม  สงสารบี (น้อยกว่าทีมนิดหน่อย อิอิ)   :impress3:

เรื่องนี้มีคนตามอ่านอยู่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย  ที่จริงเรื่องบ้านพักอลเวงก็สนุกน้า  ถ้ามีเวลาอ่านกันดิ  แนะนำ  แนะนำ

เรย์มาต่อเรยยยย  รออยู่   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-11-2006 15:42:35
 YO_OY  ผมว่าถ้าผมเป็นโย ผมดีจายมากกว่านะครับ ที่อย่างน้อยก็มีความทรงจำที่สวยงาม ยากที่ใครบางคนจะมีได้  :monkeysad:

shell  สงสารทีมหรือครับ แล้วไม่สงสารก๊อฟบ้างหรือครับ เอิ้กๆ   :monkeycry2:

หมูพูห์ มาอย่างว่องเลยครับ ทำไมหรือ งั้นพูห์ก็เป็นโรคบ่อยๆดิ กร๊ากๆๆ  :laugh:

beaches  ผมจะพิจารณาและพยายามครับ อย่างที่ผมบอกไป เรื่องนี้ถ้าใครอ่านแบบลวกๆๆทีเดียวจบ  :pigangry2:

ผมเสียดายเรื่องราวที่แสนวิเศษนี้ที่จะผ่านเลยไปโดยที่คุณไม่เข้าถึงมัน  :monkeysad2:

บอกอีกครั้งนะครับ ว่าอ่านหลายๆรอบได้ จำรายละเอียด บทสนทนาได้คุณจะเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องเมื่อเข้าภาค2  :impress3:

เพราะมีการย้อนอดีตที่แสนเจ็บปวด

 พูดอย่างไรดีถึงจะเห็นภาพ รู้แต่ว่าหัวใจผมที่มีแต่บาดแผล โดนเรื่องนี้ทำให้บาดแผลลึกลงไปอีก
จนแทบมีชีวิตต่อไปไม่ไหว  :monkeysad2:

ไม่ทราบว่าเปิดเทอมเมื่อไหร่ครับ ภาคที่1 มี 29 ตอน
ผมจะลองพิจารณาดูว่าถ้าเพื่อนๆทั้งหมดคอมเม้นต์มาแล้วผมจะตอนต่อไปทันที
วันนี้ลงให้ก่อนละกัน แม้ว่าหลายคนยังไม่ได้อ่าน
แต่ถ้ารอ คงต้องรอตะแน๋วกิ๋วกิ้วที่จะมาตอนตีสองแหนะ เอิ้กๆ  :kikkik:

ปล.งอนแล้ว ผมเอามาลงก็เหนื่อยนะครับ ก็อยากให้เพื่อนๆคอมเม้นต์ถึงคนเขียนก็ยังดี
ที่อุตส่าห์นำเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
ลองนึกถึงคนเขียนดูนะครับ กว่าจะได้แต่ละตอนแต่ละประโยคอ่ะครับ


*****************************************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 11 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------


แม้ทีมจะบอกว่าเขาเชื่อใจผม แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นทีมก็ไม่ยอมให้ผมไปเชียร์เขาที่สนามฟุตบอลอีก รวมทั้งพยายามทุกวิถีทางที่จะมั่นใจได้ว่าผมจะไม่ได้เจอะเจอกับกอล์ฟอีกเลยไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตาม

จนบางครั้งเขาถึงขนาดพาผมเดินอ้อมตึกโดยให้เหตุผลว่าอยากออกกำลังกายและจะได้ใช้เวลากับผมมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วผมรู้ดีว่าที่เขาต้องทำอย่างนั้นก็เพียงเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินผ่านห้องกอล์ฟเวลาที่เราเปลี่ยนห้องเรียน

ถ้าไม่นับเรื่องกอล์ฟและการทะเลาะเบาะแว้งกันเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอย่างสม่ำเสมอ ผมคิดว่าคู่ของเราก็เป็นคู่รักที่มีความสุขมากที่สุดคู่หนึ่ง เพราะทีมก็ยังคงเอาอกเอาใจและตามใจผมอยู่เสมอ ไม่ว่าผมจะเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม

ในขณะที่ผมเองก็เริ่มโอนอ่อนผ่อนตามและยอมเขามากขึ้น แม้บางครั้งจะอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้ว ทีมแทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงนิสัยอารมณ์ร้อนและโผงผางของตัวเองได้เลย

และอาจจะเป็นเพราะผมกับทีมไม่สามารถแสดงความรักต่อกันได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ เราจึงมักจะหาเวลาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 มากขึ้น เพราะนั่นคงจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่เราจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจโดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร

ซึ่งสถานที่ที่เรามักจะแอบมาใช้เวลาด้วยกันก็คือในโรงหนัง และบ้านของผมเอง

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ทีมจะใช้เวลาในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์มาขลุกตัวอยู่ที่บ้านของผม โดยเขามักจะมานอนเอกเขนกบนโซฟา ดูทีวี และทานผลไม้ที่ผมปอกไว้ให้อย่างสบายใจจนผมอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้

“นี่ จะเป็นคุณชายเกินไปแล้วนะ”

ผมพูดประชดเมื่อเห็นทีมทำตัวยังกะเป็นของเจ้าบ้านเสียเองในขณะที่ผมต้องคอยเสริฟขนม เสริฟน้ำราวกับคนใช้

“ไม่ใช่คุณชาย เป็นคุณผู้ชายต่างหากล่ะ เรียกให้ถูกหน่อย เอ้า นี่ น้ำหมดแล้ว ไปเติมมาหน่อยสิ”

“ นี่....”

ผมทำเสียงไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่เดินไปหยิบแก้วจากมือทีมแล้วก็ไปเติมน้ำหวานให้เขาตามสั่งอย่างงอนๆ

“เอาวางไว้นั่นแหละ แล้วมานั่งนี่” ทีมพูดออกคำสั่งอย่างยิ้ม ๆ เมื่อผมเอาน้ำกลับมาให้

“อะไรนะ...” ผมอุทานออกมาเมื่อเห็นจุดที่เขาบอกให้ผมไปนั่ง

“บอกให้มานั่งนี่ไงเล่า”

ว่าแล้วทีมก็ดึงตัวผมลงไปนั่งบนตักด้านหน้าของเขาแล้วเอามือทั้ง 2 ข้างเข้ามาโอบกอดผมไว้แน่น จากนั้นจึงค่อยๆโน้มตัวเอาศีรษะมาพาดบนไหล่ผมไว้

ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังเอาจมูกมาหอมแก้มผมและก็ค้างไว้อย่างนั้นจนผมขนลุกซู่ไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

เป็นเวลานานที่เราทั่งคู่ต่างนั่งหลับตานิ่งโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรราวกับพยายามซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ให้นานที่สุด

“ทำไมบีไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงนะ” ทีมพูดพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ทำไมเหรอ ถ้าบีเป็นผู้หญิง แล้วทีมจะทำอะไรบี”

“นี่ทีมนะไม่ใช่บาส ไม่ได้คิดลามกอย่างนั้นซะหน่อย”

“งั้นจะทำไมล่ะ”

ก่อนจะตอบผมรู้สึกว่าเขากอดผมแน่นขึ้นแล้วก็หอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่

“ถ้าทีมมาขอ บีว่าพ่อกับแม่จะยกบีให้ทีมมั้ย”

แม้เป็นคำถามที่เราต่างรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้แต่ผมก็คิดว่าเขาถามคำถามนี้อย่างจริงจัง บางทีเขาอาจจะคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราไปไกลกว่าที่ผมคิด

“แล้วทีมว่า พ่อแม่ทีมจะยอมรับได้มั้ยล่ะที่จะมีลูกสะใภ้เป็น...ผู้ชาย”

ผมพยายามดึงเขากลับสู่โลกของความเป็นจริง

“นั่นสินะ ทีมถึงเสียดายไงที่บีไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิง”

ทีมตอบกลับมาพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้งในขณะที่ผมเองก็เจ็บปวดในใจอยู่ไม่น้อยกับความจริงที่เราต่างรับรู้นี้

“แต่ถ้าบีเป็นผู้หญิงเราก็อาจจะไม่ได้มานั่งกอดกันแบบนี้ แล้วบีก็คงไม่ยอมให้ทีมมาขโมยจูบบีแบบนี้ด้วย”

“ขโมยเหรอ ใครขโมย การขโมยคือการที่เราเอาของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่รู้หรือไม่เต็มใจไม่ใช่เหรอ ....อย่าบอกนะว่าบีไม่เต็มใจให้ทีมจูบ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

ว่าแล้วผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ แม้ในใจจะรู้ดีว่าต่อให้ต้องเสียเนื้อเสียตัวให้เขามากกว่านี้ผมก็ยอมได้ แต่เมื่อผมยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งกอดผมไว้แน่น

“โอเค โอเค ขโมยก็ขโมย บีอย่าไปไหนนะ ให้ทีมกอดบีไว้อย่างนี้นะ ทีมขอร้อง”

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเขาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งนั่นทำให้ผมกลับอ่อนระทวยจนกลายมาเป็นฝ่ายไปแอบอิงเขาไว้

“ทำไมทีมถึงมาชอบบีได้ล่ะ” ผมเริ่มถามเขาในสิ่งที่ค้างคาใจมานาน

“นั่นนะสิ ทีมก็เคยถามตัวเองเหมือนกัน แต่กลับหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ สงสัยจะโดนทำเสน่ห์”

“บ้า.....” ผมพูดออกมาอย่างยิ้มๆ

“นึกไปแล้ว ทีมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันนะว่าเราจะมีวันนี้ ตอนแรกมันเริ่มจากแค่ทีมอยากจะแก้แค้นไอ้กอล์ฟที่ทีมฟุตบอลของทีมแพ้ทีมของมันก็เท่านั้น ทีมก็เลยตั้งใจจะไปแย่งแฟนของมันให้หายแค้น แต่รู้มั้ย ตอนแรกที่ทีมรู้ว่าแฟนมันเป็นผู้ชายน่ะ ทีมตกใจมากเลยนะ”

ผมได้แต่นิ่งยิ้ม พลางอดขำไม่ได้ที่ทีมเชื่อเรื่องล้อเล่นในหมู่เพื่อนสมัยประถมของผมอย่างเอาจริงเอาจัง

“แต่พอมาเจอบีวันแรก ทีมก็เลยเลิกคิดจะแก้แค้นแล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“ก็หน้าตาอย่างนี้ใครจะจีบลงล่ะ” ทีมตอบมาอย่างขำๆ

“ใช่สิ บีมันคนหน้าตาไม่ดี แล้วทีมมามัวนั่งกอดคนหน้าตาไม่ดีอยู่ทำไมเนี้ย” ผมเริ่มงอน

“ล้อเล่นน่า บีไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วบีเป็นคนน่ารักขนาดไหน ไม่งั้นคนอย่างไอ้กอล์ฟ มันก็คงไม่มาชอบบีหรอก”

ถึงตรงนี้ ผมคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องพูดความจริงเสียที

“ทีม......คือกอล์ฟกับบีไม่เคยเป็นแฟนกันหรอกนะ แล้วเขาก็ไม่ชอบบีด้วย เขาไม่ชอบผู้ชายด้วยกันหรอก”

“คิดอย่างนั้นเหรอ ผู้ชายน่ะนะ เขาไม่มามัวเสียเวลาทำดีกับคนที่เขาไม่ชอบหรอก”

หลังทีมพูดจบ ผมจึงคิดได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้เขาจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้คิดกับผมไปมากกว่าเพื่อน แต่เขาก็ปฏิบัติกับผมอย่างให้เกียรติและเป็นสุภาพบุรุษเสมอ จะว่าไปในบรรดาเพื่อนที่เป็นเกย์ทั้งหมดก็คงมีผมคนเดียวกระมังที่เขาดีด้วยขนาดนี้

“แค่เห็นแววตาตอนที่มันมองบี ทีมก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรอยู่ .........ถึงมันจะไม่รู้ตัวเอง แต่ผู้ชายด้วยกันน่ะดูออก ไม่งั้นทีมคงไม่ต้องตามหึงมันให้เหนื่อยหรอก”

ทีมแสดงความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนคิด

ถึงคำพูดของทีมจะดูมีเหตุผลแต่ผมก็ไม่ได้คล้อยตามเขามากนัก ในใจผมคิดว่าเขาคงจะหึงผมมากจนคิดไปเองมากกว่า

“แล้วก็ไหนว่าพอเห็นหน้าบีแล้วก็เลิกคิดจะจีบบีแล้วไงละ”

ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องหลังจากกลัวว่าการพูดถึงกอล์ฟให้นานไปกว่านี้อาจจะทำให้เรื่องของเราในวันนี้ต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรมได้

“ก็เลิกคิดจริงๆ แต่ทีมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทีมยังชอบแอบมองบีเวลาที่บียิ้ม เวลาที่บีหัวเราะ ทีมรู้สึกเหมือนกับว่าบีทำให้คนที่อยู่รอบข้างมีความสุขได้ทั้งวัน จนบางครั้งบีก็อดรู้สึกอิจฉาเพื่อนที่อยู่รอบๆ ตัวบีไม่ได้ แล้ววันที่ทีมไปเห็นบีกับกอล์ฟในห้องสมุดนั้นแหละ ทีมเลยเริ่มรู้ใจตัวเอง”

“ทำไมเหรอ”

“ไม่รู้สิ พอเห็นบีอยู่ด้วยกันกับไอ้กอล์ฟ บีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในใจคิดถึงแต่ภาพนั้นอยู่ตลอดเวลา แล้วยิ่งวันคัดตัวนักฟุตบอลที่เห็นบีวิ่งร้องไห้ไปหลังโรงเรียน บีแทบอยู่ไม่ติดเลยรู้มั้ย ในใจมัวแต่คิดตลอดเวลาว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำให้บีร้องไห้ ทีมก็เลยตัดสินใจวิ่งตามบีไป วันนั้นแหละที่ทีมแน่ใจตัวเองว่าชอบบีเข้าให้แล้ว”

“โธ่ แล้วดันทำมาแกล้งว่าจะมาเข้าห้องน้ำ แถมยังมาทำโวยวายหยาบคายใส่บีอีก”

“ ทีมมันก็หยาบๆ เถื่อนๆอย่างนี้แหละ ยังไม่ชินเหรอ”

“ก็ไหนบอกจะพยายามปรับปรุงตัว”

“ก็พยายามอยู่นี่ไง ให้เวลากันหน่อยสิ”

“แล้วถ้าทีมทำไม่ได้ล่ะ”

ผมเผลอหลุดถามคำถามนี้ออกไปทั้งๆ ที่ในใจก็ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าเขาจะแก้นิสัยเสียนี้ได้หรือไม่ แต่ดูเหมือนทีมจะจริงจังกับคำถามนี้มากเพราะเขานิ่งเงียบไปพักนึงก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ถ้าวันไหนที่ทีมทำหยาบคาย หรือทำร้ายบีอีก ทีมก็จะยอมปล่อยบีไปโดยไม่รั้งไว้”

น้ำเสียงของเขาในครั้งนี้ซีเรียสจนผมไม่กล้าพูดอะไรออกมา

“แต่รู้มั้ย มันจะไม่มีวันนั้นหรอก” ทีมพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว”

“มั่นใจสิ เพราะนับตั้งแต่วันนี้ ทีมจะค่อยๆ ทำให้บีรักทีมมากขึ้นและมากขึ้น”

“ยังไงเหรอ” ผมแกล้งถามอย่างท้าทาย

แทนคำตอบทีมค่อยๆพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าหาเขาในขณะที่สายตากำลังจ้องมองมาที่ผมเหมือนจะสะกดให้ผมหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น จากนั้นเขาค่อยๆ โน้มตัวเอาริมฝีปากคู่งามนั้นลงมาประทับบนเรียวปากของผมอย่างแผ่วเบา แล้วจึงค่อยๆ สอดลิ้นอุ่นเข้ามาดูดดุนกับลิ้นของผมไว้จนผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังค่อยๆ จูบผมหนักหน่วงขึ้นท่ามกลางอ้อมกอดที่ยังรัดรึงผมเอาไว้จนแทบจะทำให้เราหลอมละลายรวมเป็นคนๆเดียวกัน

ในชีวิตของผม...ทีมได้เข้ามาทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่า “ครั้งแรก” ในหลายๆ เรื่อง

และ “จูบแรก” ในวันนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมต้องประทับไว้ในความทรงจำอย่างไม่รู้ลืม

แต่หากการจูบผมในครั้งนี้คือสิ่งที่ทีมเชื่อว่าจะทำให้ผมค่อยๆรักเขามากขึ้นและมากขึ้น ...เขาก็กำลังคิดผิด

เพราะ “จูบแรก” ที่ผมได้รับในวันนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผมรักเขามากขึ้นเท่านั้น

หากแต่มันยังทำให้ผม “รักเขาหมดทั้งตัวและหัวใจ” รวมทั้งยังรู้ตัวเองด้วยว่า

ทีมได้เป็น “เจ้าของ” หัวใจของผมแล้วอย่างสมบูรณ์

---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-11-2006 16:10:59
เหอเหอ

จูบแรก

ว้าวววววววว :angellaugh2:

ยังจำกันได้รึป่าวน้าาาาา :myeye:










ปล.


บลูว่าผมจะเป็นโรคอะไรละ


ตอบให้ก็ได้


โรครักพี่เสียดายน้องงัยค้าบบบบบบบบบบบบบบ :monkeycry4:


พูห์


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-11-2006 17:46:36
อูววววว  จูบแรก  ไปซะแล้ว  อิอิ  ชอบ ชอบ  เอาอีก เอาอีก   โรแมนติคกันจัง  เขิลลแทน  :-[

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 06-11-2006 18:40:20
เขิลลลลลลลล :-[
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 06-11-2006 18:59:04
ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านเรื่องยาวๆ มาบ้าง เช่น บ้านพักอลเวง (เรื่องนั้นยาว แล้วก็สนุกและประทับใจมาก อ่านจบแล้วมันอิ่มใจ มันมีทุกรสชาดของชีวิตจริงๆ), แล้วก็นิยายของคุณ Boy (รู้ไหมหัวใจฉันตามหาเธอ, สองคนบนทางรัก), หรือพวกนิยายชาย-หญิงตามปกติ ก็อ่าน
เคยอ่านเรื่อง ใต้ร่วมไม้เลื้อย อ่านแล้วร้องไห้เลย เศร้ามากๆ
ผมเคยดูหนังเรื่อง beaches ที่ better midler แสดงนำ   ดูไปแล้วร้องไห้ไป  ซึ้งกินใจและประทับใจมากๆ
เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้คือ wind beneath my wings เข้ากับแก่นของหนังได้อย่างลงตัวและงดงาม
ไม่รู้ว่าอ่าน ขอให้รักเรานั้นนิรันดร แล้ว จะร้องไห้หรือเปล่า เพราะเห็นมีหลายคนโปรยหัวไว้ว่าเรื่องนี้น่าสะเทือนใจมากๆ
ผมเลยไม่กล้าอ่านภาค 2 ก่อนจริงๆ จนกว่าจะอ่านภาค 1 จบ เพราะอยากซึมซับกับอารมณ์ที่ผู้เขียนต้องการจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้สัมผัสตาม sequence ของเรื่องจริงๆ

ผู้เขียนเรื่องนี้ให้ข้อมูล background ของบีไว้พอสมควรทีเดียว
ผมขอยอมรับตามตรงว่าตอนนี้ยัง comment อะไรในเรื่องนี้ไม่ได้มากนัก เพราะผมยังอ่านไปไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลย (อ่านได้แค่เพียง 11 ตอนจาก 29 ตอนในภาคแรก ตามจำนวนที่คุณ blue boy ลงไว้แหละครับ)   แต่รู้อย่างนึงว่า บุคลิกของบี กับผมใกล้กันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากจริงๆ  หลายอย่างพออ่านแล้วโดนใจอย่างแรง
หลายอย่างที่อ่านที่คุณนัทนทีบรรยายความรู้สึกของบี แล้วผมสะดุ้งครับ เพราะมันเหมือนกับกระจกเงาที่สะท้อนชีวิตผมเองเหมือนกัน   จนบางครั้งอินไปถึงขนาดที่ว่า จินตนาการว่าเรากำลังเป็นเขาจริงๆ
แต่ต่างกันตรงที่ผมไม่เคยมีความรักแบบบีเลย ไม่ว่าจะแบบชายหญิง หรือ ชายชาย เพราะผม say goodbye to love อย่างถาวรแล้วครับ (แม้ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครรักหรือรักใคร) จากตัวอย่างที่เห็นมากมาย หรือแม้กระทั่งคู่พ่อกับแม่ของตัวเอง  แม้ตัวเองจะไม่ใช่หนึ่งในสองคนนั้น  แต่ผลของมันถ่ายทอดมาถึงเราเต็มๆ เพราะเป็นลูกคนเดียวทำให้เราทรมานและเจ็บปวดอย่างสาหัสจริงๆ จึงตั้งใจไว้เลยว่า อย่าไปมันมีเลยดีกว่า (แต่ไม่ใช่ว่าจะเห็นแก่ตัว รักตัวเองสถานเดียว  คือยังคงรักผู้อื่นด้วย แต่ไม่ได้รัก แนวแฟนครับ รักแบบเพื่อนซะมากกว่า เพราะเท่าที่ผมเห็นตัวอย่างของความสัมพันธ์แบบนี้จบลงแบบทุรนทุรายทุกที )      ความสัมพันธ์ของชายหญิง ทุกวันนี้ก็ง่อนแง่นเต็มทนขึ้นทุกทีแล้ว  เพราะฉะนั้นจึงเลิกหวังกับความสัมพันธ์แบบชายชายเลย  คงยากยิ่งกว่า
ทุกวันนี้ จึงอยู่อย่างปิดตัวเองในเรื่องความรักแบบแฟน  ...เป็นเพื่อนกันดีกว่า
บางเวลาที่อยากมี้ความรู้สึกแบบคู่รักจริงๆ ผมก็อาศัยอ่านและจินตนาการตามผู้เขียนนวนิยายเอาครับ


จากที่คุณ blue boy บอกว่ามี 29 ตอน ก็พอจะนึกออกแล้วล่ะว่ารายละเอียดของเรื่องคงเยอะพอสมควร   เมื่อได้รู้แบบนี้แล้ว ยิ่งเพิ่มความอยากอ่านเข้าไปอีกครับ
ผมชอบอยู่วรรคนึงที่บีบอกเล่าว่า

"ถ้าความรักของเขาเป็นความรักที่เต็มไปด้วย “อารมณ์และความรู้สึก” จนน่าอึดอัด
ความรักของผมก็เป็นความรักที่เต็มไปด้วย “เหตุผล” จนน่ารำคาญ"

ความรู้สึกของบีจากข้อความดังกล่าวสะท้อนความจริงของความรักที่สังคมมองรูปแบบของ
ความรักชายชายเป็นความรักต้องห้าม ได้ดีเหลือเกิน
เพราะมันเหมือนกับว่า เราต้องแคร์อะไรหลายๆ อย่างทั้งทีมันฝืนใจตัวเองเหลือเกิน แต่จะทำยังไงได้ล่ะ...
ในความเห็นผมนะ ผมว่าความรักไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ชายหญิง คือมันไม่ได้ดูที่ physical structure เป็นสำคัญ   "ใจ" สิสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

จากที่เพิ่งอ่านแค่ 11 ตอน ผมว่าผมเข้าใจบีนะว่าทำไมถึงรักทีมได้มากมาย แบบหมดหัวใจนัก
อาจเป็นเพราะว่า บีไม่เคยมีความรักและได้รับรักตอบดังเช่นที่ทีมมอบให้มาก่อนเลย   คือผมว่าเขาคงโหยหา...แล้วในเมื่อมันมาถึงแล้ว...ใยที่จะไม่ทุ่มเทไปจนหมดหัวใจอย่างนั้น
อนิจจา...รักแบบนี้มักลงเอยด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด (เท่าที่ผู้เขียนค่อยๆ บอกใบ้เหตุการณ์ในอนาคตให้ทราบ ก็พอจะเดาออกว่า   สิ่งที่เกิดขึ้นคงทำให้แทบต้องล้มประดาตาย)
 

ผมเปิดเทอมวันเสาร์นี้แล้วครับ คือเรียนโทนะครับ
จันทร์-ศุกร์ทำงานปกติ  เสาร์อาทิตย์ไปเรียน
ทีนี้การบ้านแต่ละสัปดาห์มันก็จะพะเรอเกวียน เวลาเสาร์อาทิตย์ที่จะมีพอมาอ่านนิยายดังเช่นในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา  ก็คงหาได้ยากยิ่งเต็มที่ เพราะอีแค่ทำการบ้านให้เสร็จทัน ก็หนักหนามากแล้ว แทบจะเป็นหมีแพนด้าแล้ว
ฉะนั้นสัปดาห์นี้จนถึงวันศุกร์เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้อ่านนิยายได้อย่างเต็มที่
ยังไงขออ้อนวอนคุณ blue boy ให้ช่วยลง ภาค 1 ให้จบภายในสัปดาห์นี้ทีเถอะนะครับ
(เผื่อเวลาไว้ให้ผมอ่านภาค 2 บ้างนะครับ  :monkeysad2:)


ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 06-11-2006 19:13:35
YO_OY  โยอยากไปเป็นลูกสะใภ้ของพ่อแม่ใครหนอ เอกหรือปล่าว คิกคิก

หมูพูห์  จูบแรกของผมหรือครับ โดนลักหลับ โดยที่ผมไม่เคยมีความรู้สึกก่อนหน้านี้เลยว่า มันชอบผม
เหตุการณ์นั้นทำให้เราสองคนมองหน้ากันไม่ติด และผมก็เลือกที่จะรับรู้มัน โรแมนติคไหมครับ  :monkeysad:

มูมู่น้อย จะจูบไรกันกันบ่อยๆครับ จะอ่านต่อหรือจะจูบกันดีครับ

Aki_Kaze  คิกคิก หง่ะมาช่วยเพื่อนๆเม้มหรือ

beaches  เขียนได้ดีมากครับ น่าจะเขียนเรื่องเองเลย ลองเปิดใจครับ ถ้ามันจะเจ็บ ผมก็ไม่เสียดายเลย ถ้าชีวิตนี้ได้เจอคนที่รัก
เพราะผมถือว่า อกหักดีกว่ารักไม่เป็นครับ ต่อให้ก่อนแล้วกันนะครับ ว่างๆจะคุยอีก เด่วไม่ทันเปิดเทอมคิกคิก
เรียนโทสบายอยู่แล้วครับ ไม่หนักขนาดไม่มีเวลาพักผ่อนหรอกครับ
ถือซะว่าเข้ามาพักผ่อน เครียดตายเลยเรียนอย่างเดียว

ถ้าเพื่อนๆอ่านไม่ทันเม้มมาได้นะครับ ผมจะหาทางแก้อีกที แต่ถ้าผมเห็นว่าคนอ่านหลักๆเม้มกันเกือบครบผมจะลงต่อละกัน เอาแบบนี้ดีไหมครับ

************************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 12 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ถึงแม้ตอนนี้ผมจะรู้ตัวเองแล้วว่าได้รักผู้ชายคนนี้อย่างเต็มหัวใจแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทีม ผมก็ยังแสร้งสงวนท่าทีและเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเอาไว้และพยายามแสดงว่าทีมนั้นยังอยู่ในขั้น “กำลังพิจารณา” เท่านั้น

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมยังหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงนิสัยมาอ่อนโยนและสุภาพกับผมมากขึ้น เพราะยังไงเสียนี่ก็คือลักษณะนิสัยของผู้ชายที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด

ในความคิดของผม นิสัยตรงไปตรงมาและโผงผางของทีมนั้นเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของความสัมพันธ์ของเราเพราะมีหลายครั้งที่เราต้องมาทะเลาะกันก็เพราะความอารมณ์ร้อนและวู่วามของเขา ผมจึงอดคิดไม่ได้ว่าผมคงจะมีความสุขมากขึ้นถ้าเขาจะเปลี่ยนมาสุภาพอ่อนโยนกับผมให้มากกว่านี้

น่าเสียดายที่ผมไม่เคยพยายามที่จะยอมรับความเป็นตัวตนของเขาเลย ทั้งๆที่ความเป็นจริงมันอาจจะไม่ได้กระทบกับความสัมพันธ์ของเรามากมายอย่างที่คิด แต่เพราะความที่ผมอยากจะให้ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนผู้ชายในอุดมคติ ผมจึงพยายามบังคับให้เขาเปลี่ยนตัวเองโดยมองข้ามความเป็นจริงที่ว่า “ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยอย่างไร เขาก็เป็นผู้ชายที่รักผมมากที่สุด”

และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือในขณะที่ผมบังคับให้เขาเปลี่ยนตัวเองมากมายเพื่อผม แต่ผมกลับไม่เคยคิดจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ของตัวเองเพื่อเขาเลย

อย่างไรก็ดีแม้ผมกับทีมจะมีบางจุดที่ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว แต่วันเวลาที่ผ่านไปก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเราแนบแน่นขึ้น ทีมยังคงโทรศัพท์มาพูดคุยกับผมอย่างสม่ำเสมอจนเสมือนเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเป็นกิจวัตรก่อนเข้านอน และคืนนี้เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นผมจึงค่อยๆเดินไปรับสายอย่างไม่กระตือรือร้นเพราะรู้ดีว่าคนที่โทร. มาคือใคร

“ฮัลโหล”

“นอนหรือยัง กอล์ฟโทร. มากวนบีหรือเปล่า”

เสียงของกอล์ฟจากปลายสายทำให้ผมอดตกใจไม่ได้ เนื่องจากกอล์ฟไม่เคยโทร. มาคุยกับผมที่บ้านมาก่อน

“ยัง .....ยังหรอก กอล์ฟ...มีอะไรหรือเปล่า” ผมตอบกลับไปหลังจากรวบรวมสติได้

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าเราไม่ได้คุยกันนานแล้ว” ผมจับน้ำเสียงเครียดของเขาจากคำตอบนี้ได้

“อย่าพยายามเลย กอล์ฟโกหกไม่เก่งหรอก” ผมตัดสินใจคาดคั้นไปตรงๆ

“ คือ...กอล์ฟมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย แล้วไม่รู้จะปรึกษาใคร พอดีนึกถึงบีขึ้นมา”

“เรื่องแก้วเหรอ”

“ถ้าไม่รู้จักบีมาก่อน กอล์ฟคงคิดว่าบีเป็นหมอดูแน่ๆ” เขาแกล้งแหย่ผมเล่นอย่างเป็นกันเอง

“ทำไมล่ะ” ผมพูดพลางหัวเราะ

“ก็คงมีแต่บีล่ะมั้ง ที่กอล์ฟไม่มีวันโกหกสำเร็จ แล้วก็คงมีแต่บีเหมือนกันที่รู้ใจกอล์ฟที่สุด”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ผมรีบถามเขาไปตรงๆเพราะรู้สึกว่าคำพูดของเขาเมื่อกี้กำลังทำให้ผมเขิน

“ไม่รู้สิ เหมือนช่วงนี้เรามีปัญหากันบ่อย ทะเลาะกันมากขึ้น”

“แหมเป็นแฟนกัน จะทะเลาะกันบ้างก็ไม่เห็นแปลกเลย”

ผมพูดจากใจจริงเมื่อนึกถึงว่าผมกับทีมเองก็ทะเลาะกันเกือบทุกวัน

“แต่กอล์ฟไม่เข้าใจแก้วเขาเลยจริงๆนะ ดูเหมือนยิ่งคบกันนานเข้า เหมือนเราจะยิ่งเข้ากันไม่ได้”

“บีว่าถ้าทั้งกอล์ฟกับแก้วพยายามปรับตัวเข้าหากัน หรือลองยอมรับความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น มันก็อาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นนะ”

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเพิ่งพูดประโยคนี้ออกไปทั้งๆที่ผมเองก็ไม่เคยคิดจะทำเลย

“อย่างงั้นเหรอ .......”

หลังจากวันนั้นดูเหมือนผมได้กลายเป็นที่ปรึกษาหัวใจประจำตัวกอล์ฟไปเสียแล้ว เพราะว่าในวันต่อๆมา เขาก็เริ่มโทร. มาปรึกษาผมเรื่องความรักของเขาบ่อยขึ้นจนผมต้องจัดตารางเวลาให้เขาโทร. มาหาผมตอนทุ่มตรง โดยให้เหตุผลว่าช่วงดึกๆ ผมต้องอ่านหนังสือ

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมกลัวว่าหากกอล์ฟโทร. มาดึกกว่านั้นจะทำให้ทีมซึ่งมักจะโทร.มาหาผมราว 2 - 3 ทุ่มจะเริ่มสงสัยว่าทำไมโทร. มาแล้วสายของผมจึงไม่ว่าง

ผมยังคงให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์อย่างลับๆ กับกอล์ฟมาอีกหลายวันโดยที่ทีมไม่รู้และไม่ระแคะระคายเลย

จนช่วงหลังกอล์ฟเริ่มโทร. มาหาผมทุกวันแต่เขากลับคุยกับผมในเรื่องของแก้ว หรือความรักของเขาน้อยลงเรื่อยๆ แต่หันมาชวนผมคุยเรื่องอื่นๆแทน

....จนกระทั่ง

“บี .....กอล์ฟเลิกกับแก้วแล้วนะ”

“อะไรนะ” ความจริงนี้ทำให้ผมตกใจมากทีเดียว

“ไม่ต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นก็ได้”

“ เอ่อ เสียใจด้วยนะ บีคงเป็นคนให้คำปรึกษาที่แย่มาก”

“ไม่เกี่ยวกับบีหรอก กอล์ฟรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราคงไปกันไม่รอด”

“แล้วกอล์ฟเสียใจมากหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

“แปลกนะ กอล์ฟไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนักหรอก สงสัยกอล์ฟอาจจะไม่ได้ชอบแก้วเขามากอย่างที่คิด หรือไม่กอล์ฟก็คงทำใจได้มานานแล้ว”

น้ำเสียงของเขาเป็นปกติจนผมออกจะเชื่อว่าเขาคงไม่เป็นไรจริงๆ

“แล้วกอล์ฟจะทำไงต่อ จะไม่ลองปรับความเข้าใจกันใหม่เหรอ” ผมยังหวังว่าเขาน่าจะให้โอกาสแก้วกับตัวเองอีกครั้ง

“คงไม่ดีกว่า มันเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”

“แต่...บีว่า...”

ผมยังไม่ละความพยายามที่จะเป็นกาวใจให้กับคนทั้งคู่ แต่กอล์ฟก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ บีคิดว่าไงถ้ากอล์ฟจะลองหาแฟนใหม่ เป็นใครสักคนที่กอล์ฟชอบเขาจริงๆน่ะ”

“ก็...ก็ดีสิ...ถ้าเป็นคนที่กอล์ฟชอบ แล้วยิ่งถ้าเขาชอบกอล์ฟด้วย ก็จะยิ่งดีใหญ่เลย” ผมตอบไปพลางอดคิดไม่ได้ว่าคนๆนั้นคือใคร

“อืม ถ้าเป็นเมื่อก่อน กอล์ฟคิดว่าเขาก็คงชอบกอล์ฟเหมือนกัน แต่ตอนนี้กอล์ฟชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะยังชอบกอล์ฟอยู่หรือเปล่า ในเมื่อกอล์ฟเป็นคนขอให้เขาเลิกชอบกอล์ฟเอง กอล์ฟคงทำผิดมากใช่มั้ย”

“เอ่อ....ไม่รู้สิ”

ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่ในใจผมกำลังนึกถึงว่า ครั้งนึง...ผมนี่ล่ะคือคนที่กอล์ฟมาขอให้เลิกชอบเขา รวมทั้งอดนึกถึงประโยคที่ทีมเคยพูดกับผมไว้ไม่ได้

“ผู้ชายน่ะนะ เขาไม่มามัวเสียเวลาทำดีกับคนที่เขาไม่ชอบหรอก”

แล้วทีมยังบอกผมอีกว่า

“แค่เห็นแววตาตอนที่มันมองบี ทีมก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรอยู่ .........ถึงมันจะไม่รู้ตัวเอง แต่ผู้ชายด้วยกันน่ะดูออก ไม่งั้นทีมคงไม่ต้องตามหึงมันให้เหนื่อยหรอก”

นึกถึงตรงนี้ความคิดของผมก็เตลิดไปถึงไหนต่อไหน

“บี...บี...ฟังกอล์ฟอยู่หรือเปล่า” เสียงเรียกของกอล์ฟทำให้ผมตื่นจากภวังค์

“ใจลอยไปไหนเนี้ย” กอล์ฟแกล้งพูดกระเซ้าผม

“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก” ผมพยายามแก้ตัว

ในวันนั้นหลังจากที่พูดคุยกันเรื่องที่กอล์ฟเลิกกับแก้วแล้ว เราก็ยังคุยกันต่อในเรื่องอื่นๆอีกนานมาก

นานจนผมลืมเวลาเคอร์ฟิวที่ทีมจะต้องโทร. มาหาผม และนั่นเองทำให้หลังจากที่ผมวางหูจากกอล์ฟลง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีพร้อมกับเสียงเกรี้ยวกราดของทีม

“คุยกับใครอยู่เนี้ย ทีมกดมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ สายไม่ว่างเลย”

“บีปล่าวคุยกับใครสักหน่อย แต่เดี๋ยวจะไปถามแม่ให้มั้ยล่ะว่าแม่คุยกับใครตั้งนานสองนาน จะบอกแม่ให้ด้วยว่าทีมอยากรู้”

ผมรีบพูดคำแก้ตัวที่นึกเอาไว้แล้วระหว่างที่คุยอยู่กับกอล์ฟ

“จะบ้าหรือไง ไม่ต้องหรอก ก็ทีมนึกว่าบีแอบไปคุยกับใครลับหลังทีมเสียอีก”

“ก็บอกว่าไม่มี ก็ไม่มีสิ”

ผมรู้สึกโล่งอกที่สามารถเอาตัวรอดในคืนนี้ไปได้เพราะดูเหมือนทีมจะเชื่อคำโกหกของผมอย่างสนิทใจ แม้จะรู้สึกไม่ดีที่ต้องพูดปดกับทีมแต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงอาจตายได้” ผมก็เลยตัดสินใจโกหกเขาไปดีกว่า เพราะผมรู้ดีว่าถ้าหากผมบอกความจริงไป..... อะไรจะเกิดขึ้น

แม้ในเช้าวันต่อมาผมจะแสร้งทำทีเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและคิดว่าผมคงเอาตัวรอดจากวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ไปได้

แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ยอมให้อภัยกับการพูดโกหกของผมเมื่อคืนทำให้ระหว่างทางที่ผมกับทีมกำลังเดินไปห้องสมุดนั้นก็ได้พบกับกอล์ฟเข้าโดยบังเอิญ

“จะไปห้องสมุดกันเหรอ” กอล์ฟเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา

“ใช่ ”

ทีมตอบกลับไปแบบห้วนๆ แล้วก็รีบคว้ามือผมเพื่อเดินต่อไป แต่ประโยคต่อมาของกอล์ฟทำให้เขาต้องหยุดชะงัก

“ บี...ขอบใจมากนะสำหรับเรื่องเมื่อคืน กอล์ฟรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

คำพูดของกอล์ฟประโยคนี้ทำให้หัวใจของผมแทบหยุดเต้น

“อะไรนะ เมื่อคืนบีไปทำอะไรให้นะ” ทีมหันไปจ้องตากอล์ฟอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

“ไม่มีอะไรหรอก...คือเรา..” ผมพยายามจะช่วยชีวิตตัวเองในเฮือกสุดท้าย แต่ทีมกลับหันมาตวาดผม

“ทีมถามไอ้กอล์ฟมัน ไม่ได้ถามบี ตกลงว่าไง บีเค้าไปทำอะไรให้มึง”

“ทำไมต้องไปตวาดบีด้วยเล่า มันไม่มีอะไรนี่ ก็แค่กูเลิกกับแก้ว เมื่อคืนกูก็เลยโทร.ไประบายกับบี มันก็แค่นั้น”

“เมื่อคืนมึง โทร. หาบีเหรอ กี่โมง”

“ก็สัก 2 – 3 ทุ่ม ทำไม...มึงจะซีเรียสอะไรนักหนา”

สิ้นคำตอบนี้ของกอล์ฟ...ผมรู้ได้โดยทันทีว่าชีวิตของผมคงจบสิ้นลงแค่นี้ และยิ่งเมื่อได้เห็นแววตาผิดหวังเหมือนโดนทรยศหักหลังอย่างรุนแรงของทีม ผมก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ไม่ทันที่ผมจะพูดแก้ตัวอะไรออกมา ทีมก็รีบเดินออกไปเสียก่อน

“กอล์ฟพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า” สีหน้ากอล์ฟเริ่มเป็นกังวล

“ปล่าว ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษนะ”

พูดจบผมก็รีบวิ่งตามทีมออกไปจนไปเจอเขายืนอยู่ที่ระเบียงอาคารเรียนที่เชื่อมต่อไปห้องสมุดได้

“ทีม ให้บีอธิบายนะ”

“อธิบายเหรอ บีจะอธิบาย หรือจะโกหกอะไรทีมอีก”

“บีไม่ได้ตั้งใจจะโกหกทีมเลยนะ แต่ถ้าบีบอกความจริงกับทีมไปเมื่อคืน ทีมก็คงโกรธมาก แล้วความสัมพันธ์ของเราก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก บีผิดเหรอที่จะพยายามรักษาความรู้สึกที่ดีของเราเอาไว้”

“พยายามรักษาความรู้สึกที่ดีของเราเหรอ ฟังดูดีนี่ คิดว่าทีมโง่ คิดว่าทีมเป็นควายหรือไง” พูดจบเขาก็กระชากข้อมือของผมขึ้นไปบีบไว้แน่น

“บีเจ็บนะทีม ปล่อยนะ”

“ยังมีอะไรอีกมั้ยที่บีโกหกทีม ยังมีอะไรอีกมั้ยที่ทีมไม่รู้ นอกจากแอบโทรคุยกัน บีกับมันยังแอบไปทำอะไรกันอีก”

ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งบีบมือผมแน่นขึ้น จนผมพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด

“ทีมจะบ้าไปแล้วหรือไง ปล่อยมือบีนะ บีเจ็บ”

“บอกมาสิว่านานแค่ไหนแล้ว นานแค่ไหนแล้วที่ทีมต้องโง่เป็นควายให้บีกับมันสวมเขาให้อย่างนี้ แล้วลับหลังทีม บีไปทำอะไรกับไอ้ชู้ชาติชั่วนั่นอีกบ้าง ”

ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะความโกรธ หรือเพราะต้องการจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่ทีมเอามามือมาบีบแขนผมไว้อย่างนี้ ทำให้ผมระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

“ใช่ บีกับกอล์ฟแอบคุย แอบคบกันมาตั้งนานแล้ว แล้วจะทำไม”

“เพี๊ยะ”

สิ้นเสียงที่ดังขึ้น ผมค่อยๆ เอามือขึ้นลูบแก้มที่เพิ่งถูกตบอย่างเจ็บปวดจนเริ่มชาข้างนั้นโดยไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะทำอย่างนี้กับผมได้

จริงอยู่ที่ว่าทีมเป็นคนโมโหร้าย แต่ที่ผ่านมาเขาก็มักแสดงความก้าวร้าวทางคำพูดและท่าทางเท่านั้น แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาถึงขนาดลงไม้ลงมือกับผม

ในขณะที่ผมยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงนั้น ทีมเองก็มีสีหน้าตื่นตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่แพ้กัน ผมเห็นเขาทำท่าทีลังเลอยู่พักนึงก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งออกไปแล้วทิ้งผมให้ยืนอยู่อย่างเจ็บปวดทั้งกายและใจ

เป็นความเจ็บปวดที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า....

.....ทำให้ผม …“ตาสว่าง”....ขึ้น

-------------------------------------------

----------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 06-11-2006 19:43:08
หืม...บีบหัวใจดีเหมือนกันนะ

ยิ่งอ่านยิ่งทำให้ผมรุสึกไม่ชอบบีมากขึ้น

สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนต้องสั่นคลอนคือความไม่ซื่อสัตย์ต่อกันมากกว่า
แล้วบีก็ตั้งเงื่อนไขกับความรักมากเกินไป  อย่าที่ว่าแหละครับ  ความรักมันไม่มีเงื่อนไข

ผมชอบนะนิยายแบบนี้  ได้เห็นความรักหลายๆแบบ  เวลาที่เราได้รักบ้าง
จะได้เอาไปใช้ได้  หุหุหุ

ต่อไวๆนะครับ  ผมรออ่านอยู่


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-11-2006 21:17:41
โอ้ บี โดนตบ  :kikkik: สมควรแล้ว (เอ้า อารมณ์ไหนกันนี่)

งานนี้สงสารทีมจังเลย ตบเขาแล้ว ก็คงเจ็บเหมือนกันแหละ (เจ็บที่หัวใจไง  :laugh:)

งานนี้ไม่ชอบกอล์ฟเลย ตัวเองเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเองนี่นา แล้วยัง......

ดีใจจังเลยวันนี้ได้อ่านตั้งสองตอน ขอบคุณนะค้า  :impress:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 07-11-2006 00:51:59
อ้าว...ตบแร้ว..ต้องจูบสิ  ไหงมะมีล่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-11-2006 07:34:15
FlukeHub  อืมได้เห็นความคิดหลากหลายของเพื่อนๆผมก็ดีจายนะครับ ตอนนี้ยังไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับบีครับ รอขึ้นภาค2 อีกทีก่อนนะครับ

Yาย_โO  อ่านแล้วจับรายละเอียดของการสร้างบรรยากาศให้คนอ่านนึกภาพตามของเรื่องนี้นะครับ จะเป็นประโยชน์ในการเขียนอ่ะครับ
อย่าทำไรผมเลยน้า ผมยอมไปเป็นลูกเขยก็ได้หง่ะ เอิ้กๆ  :angellaugh2:

shell อ่ามีแต่คนหมั่นไส้บีหรือปล่าวเนี่ย ก็คนเขาเกิดมาน่ารักนี่น่า คิกคิก
อ่านข้ามไปหรือปล่าวเมื่อวานผมลงสามตอนนะ

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  คิกคิก ชอบตบจูบหรือ งี้ไปด้วยกันได้ แต่เอ๊ะจะมาแย่งแฟนกันป่าวเนี่ย เอิ้กๆ
******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************

************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 13 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากตั้งสติได้ ผมก็รีบเดินกลับไปที่ห้องเพื่อเก็บกระเป๋า แต่ในระหว่างทางผมกลับไปเจอกับบาสเข้าโดยบังเอิญ

“เอ้าไอ้ทีมไปไหนล่ะ ทำไมปล่อยให้เมียมาเดินคนเดียวแบบนี้เนี้ย”

เขาเริ่มต้นแซวผมเหมือนทุกครั้งแต่เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้จนเห็นหน้าผมชัดๆ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“แก้มบีไปโดนอะไรมา ทำไมแดงอย่างนั้นล่ะ”

ผมไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือไม่ถึงพฤติกรรมต่อมาของตัวเอง เมื่อเขารีบก้าวเข้ามาหาผมพลางเอาจะเอามือมาจับแก้มผมไว้ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย จนเมื่อผมถอยออกมาด้วยความตกใจเขาจึงหยุดการกระทำนั้นไว้

“ปล่าวหรอก พอดีเราวิ่งไม่ระวังน่ะ ก็เลยไปชนมุมตึกเข้า” ผมโกหกออกไปอย่างอดรู้สึกแปลกใจต่อท่าทีของเขาไม่ได้

“แล้วเจ็บมากหรือเปล่า ไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวบาสไปเป็นเพื่อน”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว บาสจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเราหรอก”

พูดจบผมก็รีบเดินหลบออกมาอย่างไม่เข้าใจท่าทีและพฤติกรรมของนายคนนี้เอาเสียเลย โดยเฉพาะสีหน้าและคำพูดเป็นห่วงเป็นใยจนเกินเหตุเมื่อครู่ พลางทำให้ผมอดนึกไปถึงตอนที่เขาพยายามช่วยเหลือผมเมื่อตอนเข้าค่ายลูกเสือด้วยไม่ได้

แต่หลังจากนั้นไม่นานผมก็เลิกสนใจเรื่องของบาสอีก เพราะเรื่องระหว่างผม กับทีมก็กลับมารบกวนจิตใจผมอีกครั้ง

การที่ทีมกล้าตบหน้าผมนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน แม้ผมเองจะมีส่วนผิดที่ไปโกหกแถมยังพูดท้าทายเขาว่าผมกับกอล์ฟแอบคบกันมานานแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะโกรธผมมากแค่ไหน เขาก็ไม่น่าจะทำร้ายผมได้ถึงขนาดนี้

ถ้า “ทีม” เป็นแค่เพื่อนธรรมดา หรือเป็นคนอื่นที่ผมรู้จัก การถูกตบหน้าในครั้งนี้อาจจะทำให้ผมไม่เจ็บปวดมากมายนัก แต่การถูกทำร้ายจากผู้ชายที่เรารักนั้นมันสุดจะทนจริงๆ

สิ่งที่แปลกอย่างนึงหลังเหตุการณ์นั้นก็คือ ทีมไม่ได้ติดต่อผมมาอีกเลย ทันทีที่เขาตบหน้าผมเขาก็เดินจากไปโดยไม่มีแม้แต่คำขอโทษ แถมในตอนนี้ที่เวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงโทรศัพท์จากเขา

จนกระทั่งผมกลับไปโรงเรียนในตอนเช้า เขาก็ไม่ได้เข้ามาทักหรือมาพูดคุยกับผมสักนิด

แม้ผมจะรู้สึกได้ว่าเขาแอบมองผมอยู่ตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงไม่กล้าเข้ามาพูดกับผมตรงๆ

ทั้งๆที่ถ้าเขาเข้ามาพูดแค่คำว่า “ขอโทษ” คำเดียว ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาก็อาจจะดีขึ้นกว่านี้

นอกจากนั้นเรื่องที่ผมไม่คาดคิดอีกประการที่เกิดขึ้นก็คือ แทนที่จะเป็นทีม คนที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาและมาขอโทษผมกลับเป็นกอล์ฟ

“กอล์ฟขอโทษนะ เมื่อวานกอล์ฟทำเรื่องยุ่งหรือเปล่า”

กอล์ฟเริ่มต้นสนทนาหลังจากที่ชวนผมมากินไอติมด้วยกันหลังเลิกเรียน

“ปล่าวนี่ ทำไมเหรอ” ผมทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ไม่รู้สิ กอล์ฟเห็นคุยกันอยู่ดีๆ ไอ้ทีมมันก็ฉุนเฉียวออกไป แถมบียังวิ่งตามมันไปอีก กอล์ฟก็เลยไม่แน่ใจว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”

“เปล่าหรอก กอล์ฟอย่าไปสนใจเลย ไม่มีอะไรหรอก”

“เหรอ อืม งั้นก็ดีแล้ว..............เอ่อคือ.....คือ” กอล์ฟทำท่าอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่ากอล์ฟ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้เลยนะ ไหนว่าไว้ใจให้บีเป็นที่ปรึกษาไง ... เรื่องแก้วอีกเหรอ” ผมพยายามเดา

“เปล่า ไม่เกี่ยวกับแก้วหรอก เกี่ยวกับบีนั่นแหละ”

“เกี่ยวกับบีเหรอ ? ”

“คือว่า.........บีจะมาเป็นแฟนของกอล์ฟได้มั้ย”

“อะไรนะ” ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน

“อาจจะดูเหมือนกอล์ฟเอาแต่ใจตัวเอง วันก่อนเพิ่งขอให้บีเลิกชอบกอล์ฟไปหมาดๆ แต่วันนี้กอล์ฟกลับมาขอความรักเสียแล้ว แต่ว่ากอล์ฟไม่อยากหลอกตัวเองอีก”

“เอ่อ..คือ”

“กอล์ฟทำให้บีลำบากใจหรือเปล่า”

“อ๋อ...ปล่าวหรอก...เปล่า...เพียงแต่กอล์ฟเคยบอกว่ากอล์ฟไม่ใช่เกย์ไม่ใช่เหรอ แล้วกอล์ฟจะมาชอบผู้ชายอย่างบีได้ยังไง”

“กอล์ฟก็ไม่เคยคิดว่าบีเป็นผู้ชายนี่”

“แต่....แต่ว่า....” ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าความรู้สึกไม่แน่ใจตัวเองนี้คืออะไร

“หรือว่าบีมีคนอื่นอยู่แล้ว ?”

คำถามนี้ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่ตั้งใจ ขณะที่อดคิดไม่ได้ว่าเขาแกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริงๆถึงความสัมพันธ์ของผมกับทีม

“ทีมสินะ ทีมกับบีคงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนสนิทกัน”

“ชะ ชะ ...ใช่” ผมตอบเสียงอ่อยอย่างยอมรับ

“นั่นสิ กอล์ฟคิดไว้อยู่แล้ว.......แล้วมันเป็นแฟนที่ดีหรือเปล่า มันทำให้บีมีความสุขมั้ย”

ถ้าคำถามนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้สัก 2 – 3 วันผมคงให้คำตอบกับกอล์ฟไปได้ แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานผมก็ชักไม่แน่ใจ

เมื่อเห็นท่าทีอึกอักของผมกอล์ฟจึงพูดต่อว่า

“กอล์ฟอาจจะเหมือนเป็นคนเลวที่กำลังพยายามแย่งแฟนเพื่อน แต่กอล์ฟไม่อยากโกหกตัวเองอีกแล้วกอล์ฟมั่นใจว่ากอล์ฟจะทำให้บีมีความสุขมากกว่าไอ้ทีมมันได้ ให้โอกาสกอล์ฟนะ”

แม้กอล์ฟจะไม่พูดออกมาจากปาก แต่ด้วยลักษณะนิสัยของกอล์ฟที่ผมชื่นชอบมานานก็ทำให้ผมแน่ใจและรู้อยู่แล้วว่าเขาย่อมทำให้ผมมีความสุขได้แน่ๆ ...แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงยังลังเลใจอยู่ดี

“กอล์ฟไม่เร่งรัดเอาคำตอบหรอก บีกลับไปคิดแล้วค่อยมาให้คำตอบกอล์ฟวันหลังก็ได้”

หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ผมก็เอาแต่หมุกตัวอยู่ในห้องอย่างใช้ความคิด และทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา

อันที่จริงผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าผมไม่น่าจะต้องมานั่งเครียดอย่างนี้เลยเพราะหากต้องเลือกระหว่างทีมกับกอล์ฟนั้น คำตอบมันง่ายนิดเดียวและผมควรจะให้คำตอบเขาไปตั้งแต่ที่คุยกันแล้ว เพราะ...

กอล์ฟ เป็นผู้ชายที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่ชั้นประถม แม้หน้าตาจะไม่หล่อเหลาแบบทีมแต่ก็มีผิวแทนและหน้าตาแบบไทย ๆ ซึ่งเป็นสเป๊คของผมมากกว่า นอกจากนั้นเขายังเป็นนักฟุตบอลที่มีความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว ในขณะที่กลับมีความเป็นสุภาพบุรุษ และอ่อนโยน ซึ่งตรงกับคุณลักษณะของผู้ชายที่ผมต้องการทุกอย่าง

ในขณะที่ทีม แม้จะมีหน้าตาหล่อเหลาระดับนายแบบ แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ชอบคนที่สมบูรณ์แบบจนดูเหมือนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบเขามากนัก ที่สำคัญ....นิสัยโมโหร้าย และ ป่าเถื่อนของเขานั้นมันเกินจะทนจริงๆ ความรู้สึกหน้าชาจากการโดนตบเมื่อวันก่อนก็เป็นหลักฐานอย่างดี

แต่...แม้จะมีจุดเปรียบเทียบที่ชัดเจนขนาดนี้ ผมก็ยังไม่สามารถตัดใจไปทางหนึ่งทางใดได้ อาจจะเป็นเพราะตัวทีมเองที่ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยยังไง แต่ความรักที่เขามีให้ผมอย่างมากมายในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นมันทำให้ผมลำบากใจจริงๆ

แล้วผมจะทำยังไงดี ?

ในขณะที่ผมกำลังนั่งเครียดอยู่กับความคิดของตัวเองนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

“เข้ามาได้เลยครับแม่ บีไม่ได้ล็อคประตูหรอก”

แต่แทนที่จะเป็นแม่ คนที่ค่อยๆเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของผมกลับเป็น “ทีม” ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้ผมแปลกใจนักเพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทีมได้เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวที่เข้านอกออกในบ้านนี้ได้อย่างสะดวกอยู่แล้ว

“บี...บีหายเจ็บ หายโกรธทีมหรือยัง” ทีมค่อยๆพูดขึ้นมาอย่างคนสำนึกผิด

“หาย ไม่หายแล้วทำไมล่ะ” ผมตอบไปห้วนๆ

“ทีม ขอโทษนะ ทีมไม่ตั้งใจจริงๆ” พูดจบเขาก็หันแก้มด้านขวาของตัวเองมาทางผม

“ตบทีมสิ จะตบกี่ทีก็ได้ ตบจนกว่าบีจะหายโกรธ หรือจะเอาเท้าเหยียบหน้าทีมก็ได้ หรือ....จะทำอะไรกับทีมก็ได้ อะไรก็ได้ที่ทำให้บีหายโกรธ”

เมื่อเห็นผมเอาแต่ยืนนิ่ง ทีมก็รีบเข้ามาคว้ามือผมแล้วยกมันขึ้นไปตบหน้าตัวเอง

“ตบสิ ตบแรงๆ เลย กี่ทีก็ได้จนกว่าบีจะพอใจ”

“พอเถอะ พอสักที ทีม” ผมรีบสะบัดมือจากเขา “บีว่าเรื่องของเราน่าจะ จ...”

“เดี๋ยว...เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งพูด .......เอาล่ะถ้าบียังไม่หายโกรธ วันหลังทีมค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ จริงๆ แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ทีมอยากจะโทร.หา อยากจะมาขอโทษบีใจจะขาด แต่ทีมกลัวว่าถ้าบียังโกรธทีมอยู่ บีอาจจะพาลขอเลิกกับทีม ทีมทนไม่ได้หรอกนะ ถ้าวันนี้บียังโกรธทีมอยู่ งั้นทีมจะมาใหม่วันหลังก็แล้วกัน”

ทีมทำท่าจะหันหลังกลับแต่ผมร้องเรียกเขาไว้

“ทีม.... บีขอร้อง เราหยุดหลอกตัวเองกันเถอะ จะวันนี้ หรือวันไหน ความจริงมันก็ไม่เปลี่ยนไปหรอก..... ทีมรู้หรือเปล่าว่าตั้งแต่เราคบกันมา เราทะเลาะกันมากี่ครั้ง”

“ไม่รู้สิ ทีมมันความจำไม่ดี”

“มันไม่เกี่ยวกับความจำหรอก แต่ที่ทีมจำไม่ได้เพราะว่าเราทะเลาะกันจนนับครั้งไม่ถ้วนต่างหาก”

“แล้วยังไงล่ะ”

“มันก็หมายถึงว่าที่จริง เราอาจจะเข้ากันไม่ได้เลย”

“บี....” เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

“วันนี้บีเพิ่งไปเจอกอล์ฟมา”

“อะไรนะ” ผมรู้สึกได้ว่าเขาพยายามกดน้ำเสียงตัวเองไว้

“เขามาขอเป็นแฟนกับบี”

หลังผมพูดจบทีมก็อดแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมาไม่ได้

“ขอเป็นแฟนกับบี ทั้งๆที่มันรู้ว่าบีเป็นของทีมงั้นเหรอ”

“ทีม...บีไม่ใช่สิ่งของนะ ที่ใครจะมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้ บีมีความคิด บีมีจิตใจ แล้วก็เจ็บปวดได้เวลาโดนตบ”

ดูเหมือนคำเสียดสีนี้จะทำให้ทีมมีสีหน้าสลดลงในที่สุด

“บีก็เลยตอบตกลงไปกับมัน แล้วก็จะมาขอเลิกกับทีมอย่างนั้นเหรอ”

“เปล่า บียังไม่ตัดสินใจ บีแค่อยากจะขอทวงสัญญาที่ทีมเคยให้ไว้กับบี”

“สัญญา ?”

“ใช่ ที่ทีมเคยบอกว่า ถ้าทีมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ถ้าทีมทำร้ายบีอีก ทีมก็จะปล่อยบีไปโดยไม่รั้งไว้”

ทีมค่อยๆแสดงสีหน้าว่าเขาเริ่มนึกออกในสิ่งที่เขาเคยพูดเอาไว้

เป็นคำสัญญาที่ออกมาจากปากของเขาขณะที่กำลังกอดผมอยู่ในอ้อมแขนที่บ้านหลังนี้นี่เอง

“ไม่ต้องห่วงหรอก บีไม่เอาเปรียบทีมหรอก บีขอแค่คืนนี้ คืนเดียวเท่านั้น แล้วพรุ่งนี้ทุกคนก็จะได้คำตอบ”

ทีมเอาแต่ยืนนิ่งอย่างยอมรับชะตากรรมที่กำลังเกิดขึ้น ก่อนจะพูดออกมาว่า

“ตกลง ไม่ว่าบีจะตัดสินใจยังไง ทีมก็จะยอมรับการตัดสินใจนั้น แต่ทีมอยากให้บีรู้ว่า ไม่ว่าสิ่งที่ทีมทำลงไป มันจะผิดสักแค่ไหน ทีมก็ไม่ได้ตั้งใจเลย ทีมเสียใจแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดกว่าบีเป็นสิบเท่า เป็นร้อยเท่า......... ถ้าบีจะลงโทษทีมด้วยการจะทิ้งทีมไป ก็มาเอาชีวิตทีมไปเลยดีกว่า เพราะถ้าต้องสูญเสียบีไป ทีมก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายทั้งเป็น”

คืนนั้นหลังจากที่ทีมกลับออกไป ดูเหมือนคำพูดของเขาจะทำให้ผมยิ่งคิดหนักมากขึ้น

ในเวลานี้ผมรู้สึกได้อย่างเดียวว่าผมไม่อยากจะตัดสินใจเลือกใครเลยเพราะไม่ว่าผมจะเลือกทางหนึ่งทางใด ผมก็ต้องทำร้ายคนที่ผมรักทั้งสิ้น

แต่หากผมจะปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปกว่านี้ ผมก็คงเห็นแก่ตัวมากที่ทำให้เราทั้ง 3 คนต่างตกอยู่ในความทุกข์เพราะความลังเลใจของผมคนเดียว ดังนั้นอย่างไรเสียคืนนี้ผมก็ต้องตัดสินใจให้ได้เด็ดขาด

ในที่สุดหลังจากที่ผมเอาแต่นอนนิ่งอย่างใช้ความคิดมาอย่างยาวนาน ผมก็ตัดสินใจได้ในที่สุด พร้อมบอกกับตัวเองว่านี่คือเส้นทางที่ผมได้ตัดสินใจเลือกแล้ว

ผมจะไม่เสียใจ และจะเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับมามองอดีตอีก

แม้จะสามารถเลือกทางเดินให้ตัวเองได้แล้ว แต่ในขณะที่ผมค่อยๆ ปิดตาลงเพื่อจะบังคับตัวเองให้หลับนั้น ผมก็อดรู้สึกหดหู่ใจพร้อมรำพึงกับตัวเองออกมาเบาๆ ไม่ได้ว่า

“ขอโทษนะทีม บีเสียใจ...เสียใจจริงๆ”

----------------------------------------------------------







หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-11-2006 08:52:03
ไม่นะ อย่าทิ้งทีมไป  :sad5:

ตอนนี้สนุกจริง ๆ กำลังคิดอยู่ว่าบาสหายไปไหน  :like2: ในที่สุดก็มีบทให้บาสจนได้

แหะ ๆ  ไปนับมาเมื่อวานลงสามตอนจริง ๆ ด้วย  :try2: แต่ไม่ได้อ่านข้ามน้า

ก็ตอนเช้าอ่านไปตอนหนึ่งแล้ว พอตกดึกก็ได้อ่านอีกสองตอนรวด นาฬิกาในตัวก็เลยคิดว่าวันนี้ลงสองตอน  :yeb:

ว่าแต่วันนี้จะได้อ่านอีกตอนหรือเปล่าค่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 07-11-2006 15:06:19
ไม่จริงงงงง  จะทิ้งทีมเหรอ  ไม่เชื่อหรอก 55555  ยังไงก็ตัดทีมไม่ขาดหรอก (ปลอบใจตัวเอง อิอิ)

รออ่านต่อปายยยยยย   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 07-11-2006 16:57:37
อารายกัน...................  :confuse:

ทำไมความรักถึงต้องมีอุปสรรคมากขนาดนี้ :impress:

เหมือนความรักของผมเลย....... :yeb:

(มีตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ).................เอาเป็นว่าอยากอ่านต่อละกันคับคุณบลู

เรื่องนี้จะกลายเป็น......"เซ็งเป็ด 2"  ..........ที่ทำให้ผมติดแล้วอ่ะ


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 07-11-2006 18:23:36
นับถือ บี จริงๆ มีความอดทนสูงมากๆ
การที่บีจะรักทีมได้ต้องทนกับ
- นิสัยส่วนตัวที่แย่ๆ ของทีม
- สายตาคนมอง
- โอกาสที่ทีมจะไปเจอใครคนอื่น เพราะหน้าตาที่น่าพึงใจ

ทำไมหนอ...กับความรักของผู้ชาย ที่มันมีความอยากได้อยากครอบครองมาเจือปนสูงเหลือเกิน  หาซึ่งความไว้ใจไม่เจอ   ถ้าทีมรักบี แบบมีสติสักนิดปัญหาคงไม่เกิด :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-11-2006 19:51:47
shell  เชียร์บาสหรือครับ มาแปลกนะครับ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  ชีวิตความรักช่างซับซ้อนเกินกว่าจะคาดเดา

GobGab  จริงสิครับ ความรักเป็นอย่างไรครับ ไม่สมหวังเหมือนกันหรือครับ หรือแอบรักเพื่อนหนอ

Yาย_โO  ขอแค่เรามีความสุข อย่าให้มาก หรือน้อยไปครับ อย่าคาดหวังอะไรมาก ให้หัวใจสองคนเป็นคนบอกครับ

beaches " ถ้าทีมรักบี แบบมีสติสักนิดปัญหาคงไม่เกิด"ความคิดเหมือนผมมากๆ  เป็นประสบการณ์สอนใจที่สำคัญมากๆถึงมากที่สุดของเรื่องนี้เลยครับ
อยากเตือนเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับ
***************************************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 14 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากตื่นนอนในตอนเช้าอย่างงัวเงีย ผมรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นนัก อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนผมเข้านอนค่อนข้างดึกรวมทั้งมีเรื่องให้คิดตลอดทั้งคืน

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าในขณะที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมาราวๆ เช้ามืด ผมรู้สึกเหมือนหมอนมันเปียก ๆ แต่ด้วยความงัวเงียทำให้ผมหลับต่อไปในที่สุด และพอตื่นขึ้นมาตอน 7 โมงเช้า รอยเปียกบนหมอนที่ผมเคยรู้สึกนั้นก็ได้แห้งสนิทไปเสียแล้ว

“นี่ ผมร้องไห้ขณะที่กำลังนอนหลับเหรอ ?”

ผมพยายามสลัดความคิดนี้ทิ้งไปพร้อมกับบอกตัวเองว่า ผมต้องหยุดลังเล และนับจากวันนี้ผมจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองให้ได้

“ผมจะเดินไปข้างหน้า และจะไม่หันหลังกลับมามองอดีตอีก”

ถ้าหากผมยังลังเลใจ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่จบสิ้น มันก็จะไม่เป็นผลดีกับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นผม กอล์ฟ หรือแม้กระทั่งทีม

ผมจึงตัดสินใจรีบอาบน้ำ แต่งตัว และไปโรงเรียนโดยพยายามไม่นำเรื่องนี้เข้ามาในหัวสมองอีก

แต่ในเช้าวันนั้นเมื่อผมไปถึงโรงเรียน ผมก็พบว่าทีมมาถึงก่อนแล้ว ทั้งๆที่เขาไม่เคยมาโรงเรียนเช้าขนาดนี้

“ทำไมวันนี้ มาเร็วจัง” ผมเริ่มทักทีมอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ

“นอนไม่ค่อยหลับ”

เขาตอบมาสั้นๆ ทำให้ผมอดมองไปที่ตาแดงๆของเขาไม่ได้ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่แค่ “นอนไม่ค่อยหลับ” แต่ผมคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้นอนมาเลยตลอดทั้งคืน

“บีตัดสินใจหรือยัง”

เขาถามออกมาตรง ๆ ซึ่งไม่ทำให้ผมตกใจมากนัก เพราะผู้ชายคนนี้มักจะพูดหรือถามในสิ่งที่เขาคิดอย่างตรงไปตรงมาเสมอ ไม่เคยต้องอ้อมค้อม หรือมีพิธีรีตอง

“เอาไว้ตอนเย็นได้มั้ย หลังเลิกเรียนไง”

ทั้งๆที่ผมมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่อาจทำร้ายจิตใจของเขาในตอนนี้ได้

“จะทรมานทีมเหรอ”

“เปล่า บีแค่ยังตัดสินใจไม่เด็ดขาด”

ผมแกล้งโกหกออกไป ทั้งๆที่ในใจมีคำตอบแล้ว

“ ตกลงนะ เดี๋ยวตอนเย็นเราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะ”

ผมรีบตัดบทเพราะรู้ตัวว่าไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ได้อีกต่อไป

ทุกครั้งที่ผมมองไปที่ตาเศร้าๆ ของเขาในวันนี้ ผมก็รู้สึกปวดร้าวเหมือนใจจะขาด

หลังจากได้พูดคุยกับทีมในช่วงเช้า เขาก็หายไปโดยไม่กลับเข้ามาในห้องเรียนอีกเลยตลอดทั้งวัน

การหายไปของทีมทำให้เพื่อนๆ หลายคนอดมาถามผมไม่ได้ว่าเขาหายไปไหน ซึ่งผมเองก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ เพราะในตอนนี้ผมเองก็กำลังสงสัยเช่นกันว่าเขาโดดเรียนไปหลบอยู่ที่ไหน

แม้ผมจะไม่รู้ว่าทีมอยู่ที่ไหน แต่ผมก็พอคาดเดาถึงเหตุผลที่เขาหายตัวไปได้ เพราะผมเองถึงแม้จะนั่งเรียนอยู่ในห้องตลอดเวลา ผมก็แทบไม่รู้เลยว่าวันนี้ผมได้เรียนอะไรไปบ้าง ดังนั้นถึงจะนั่งเรียนอยู่ในห้องหรือไม่ ผลที่ได้ก็ไม่ต่างกัน

จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนผมจึงรีบเดินไปร้านไอติมซึ่งผมได้นัดหมายกับกอล์ฟไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยง

“นั่งสิ บี จะสั่งรสอะไร วานิลลาหรือเปล่า ”

“ใช่ ”

ผมตอบไปอย่างยิ้มๆ พลางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะจดจำทุกอย่างที่ผมชอบได้หมดเลยหรือ

“วันนี้กอล์ฟขอเป็นเจ้ามือนะ”

“ไม่ต้องหรอก”

“น่า กอล์ฟขอเลี้ยงนะ กอล์ฟไม่เคยเลี้ยงไอติมบีเลยนี่”

“ตามใจ บีกินจุนะ”

“เหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน กอล์ฟว่าบีกินยังกะแมวดม”

เป็นอีกครั้งที่กอล์ฟทำให้ผมรู้สึกว่า.....ความเป็นเพื่อนกว่า 5 ปีของเรา มันไม่ได้สูญเปล่าไปเลยเพราะเขาสามารถจดจำทุกแง่มุมที่เกี่ยวกับผมได้

“อืม หรือบีจะกินน้ำอะไรด้วยมั้ย เดี๋ยวกอล์ฟไปซื้อให้ดีกว่า เอ... หรือว่าจะเอาไส้กรอกลูกชิ้นด้วยมั้ย หรือ.......” กอล์ฟผุดลุกผุดนั่งอย่างลุกลี้ลุกลน

“กอล์ฟ....นั่งลงเถอะ บีไม่เอาอะไรแล้ว”

ผมเรียกกอล์ฟอย่างเตือนสติเพราะรู้สึกว่าเขาพยายามทำตัวให้วุ่นเพื่อกลบอาการตื่นเต้นของตัวเอง

“เรื่องที่กอล์ฟถามบีเมื่อวันก่อน บีตัดสินใจได้แล้วนะ”

“จริงเหรอ ดีจังที่กอล์ฟไม่ต้องรอนาน ไม่งั้นกอล์ฟคงบ้าไปก่อนแน่ๆ”

“อืม...สรุปว่าบี............”

หลังจากที่ให้คำตอบกับกอล์ฟไปแล้ว ผมก็เดินออกมาด้วยความโล่งอกที่เรื่องรักสามเส้าบ้าๆนี่จะได้จบลงเสียที

“บี...ขอบใจนะ กอล์ฟจะพยายามทำให้ดีที่สุด”

“บีเชื่อว่ากอล์ฟต้องทำได้”

“แน่ใจนะว่าไม่อยากให้กอล์ฟเดินไปส่ง”

“ไปเป็นไรหรอก แค่เดินไปรอรถกลับบ้านแค่นี้เอง ไม่มีใครมาทำอะไรบีหรอก”

“ว่าแต่บีก็อย่างเผลอไปทำอะไรชาวบ้านเขาล่ะ”

“ถ้าจะทำ สงสัยกอล์ฟนั่นแหละจะโดนเป็นคนแรก แถมจะโดนไม่ใช่น้อยด้วย”

หลังคำพูดของผม พวกเราก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานจนผมรู้สึกได้ถึงมิตรภาพใหม่ที่จะเริ่มต้นนับตั้งแต่วันนี้

หลังจากแยกกับกอล์ฟ ผมค่อยๆ เดินมาที่ประตูทางออกโรงเรียนอย่างใช้ความคิด พลางอดนึกถึงวันที่กอล์ฟมาขอให้ผมเลิกชอบเขาไม่ได้ แม้วันนี้สภาพแวดล้อมหลายอย่างของที่นี่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย แต่สถานะและความรู้สึกของผมในวันนี้และวันก่อนนั้น ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ดีเมื่อผมเดินมาใกล้ประตูทางออก ผมก็เห็น ทีม..มายืนรอผมดังเช่นเมื่อวันก่อนแต่วันนี้ผมยินดีเดินตามไปคุยกับเขาโดยไม่อิดออด

“วันนี้หายไปไหนมาทั้งวัน ทั้งเพื่อน ทั้งอาจารย์ถามหากันใหญ่เลยนะ”

ผมเริ่มบทสนทนาหลังจากที่เราปลีกตัวมาคุยกันที่สวนป่าของโรงเรียน

“สรุปว่าไง....สรุปว่าบีเลือกใคร”

ทีมถามกลับมาเหมือนกับไม่ได้ยินคำถามของผม จริงสินะ สำหรับผู้ชายคนนี้ เขาไม่ต้องการพิธีรีตอง ไม่ต้องการบทเกริ่นนำ ไม่ต้องการการอ้อมค้อมเพื่อรักษามารยาท อะไรที่เขาอยากรู้ เขาก็จะไม่เสียเวลามัวคุยเรื่องอื่น

“ทีม...บีขอโทษนะ บีเสียใจจริงๆ..”

ทันทีที่ผมพูดจบ ทีมก็ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งพลางยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้พักนึง ก่อนจะพูดออกมาว่า

“ช่างมันเถอะ บีคิดถูกแล้วล่ะ ไอ้กอล์ฟมันคงทำให้บีมีความสุขได้แน่ ไม่เหมือนทีม คนอย่างทีมมัน........”

พูดถึงตรงนี้เสียงของทีมก็ขาดช่วงไปเฉยๆ กลายเป็นเสียงสะอึกสะอื้นมาแทนที่

นี่คงเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผู้ชายคนนี้ต้องมาเสียน้ำตาต่อหน้าผม

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว บีจะกลับบ้านแล้วนะ”

“................”

เมื่อเห็นทีมเอาแต่นิ่งเงียบผมจึงพูดออกไปอีกครั้ง

“บีจะกลับบ้านแล้วนะ ได้ยินหรือเปล่า”

“จะกลับก็กลับไปสิ มาเซ้าซี้ทีมทำไม” ทีมตอบกลับมาทั้งน้ำตา

“เป็นผู้ชายประสาอะไรกัน แฟนจะกลับบ้านน่ะ ไม่คิดจะเดินไปส่งหน่อยเหรอ”

“อะไรนะ” ทีมลุกขึ้นยืนแล้วถามผมอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“บีบอกว่า บีจะกลับบ้านแล้ว เป็นแฟนกันก็ต้องเดินไปส่งหน่อยสิ ...... เฮ้อ ทำไมบีต้องเลือกผู้ชายที่ทั้งงี่เง่า ทั้งเจ้าน้ำตาอย่างทีมเป็นแฟนด้วยเนี้ย”

สิ้นประโยคนี้ของผม ทีมเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองผมด้วยสายตาที่ผมก็บอกไม่ถูกว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา ผมก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปซบอกแล้วกอดเขาไว้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมมักจะเป็นฝ่ายแสดงความรักต่อผม แต่วันนี้ผมขอเป็นคนเดินเข้าสู่อ้อมกอดของเขาเพื่อจะได้ซึบซับความอบอุ่นจากผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดคนนี้

ยิ่งได้มาอยู่ในอ้อมแขนของทีม ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าการเปลี่ยนการตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายของผมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะตอนนี้ผมรู้ใจตัวเองดีแล้วว่า.....สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในชีวิตก็คือการได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้

“ขอบใจนะบี ขอบใจมาก ทีมสัญญา ทีมจะทำทุกอย่างเพื่อให้บีมีความสุขมากที่สุด”

“ไม่ต้องหรอก ทีมไม่ต้องทำอะไรเพื่อบีอีก.....แค่กอดบีไว้แน่นๆ ก็พอ....”

----------------------------------------------------------








หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-11-2006 20:50:45
เฮ้อ รู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ เหมือนเห็นพายุเริ่มตั้งเค้าเลย  :monkeysad:

หรือจะเป็นอย่างที่บีคิดนะว่า การที่ทีมมาหลงรักคนธรรมดาอย่างเขา เป็นเพราะ "กรรม" กรรมของทั้งสองคน

จริงเหรอที่บีต้องการแค่ "กอดบีไว้แน่น ๆ ก็พอ" อนาคตจะเป็นไปอย่างที่คิดเหรอ  :impress3:

ไม่รู้จะเม้นต์อะไรแระ  :seng2ped:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 07-11-2006 21:12:36
โหย...ไรเนี่ย  อ่าน rep. ข้างบนแล้วจะมีแต่คนเข้าข้างบีนะเนี่ย

ไม่เจงๆ  ทำไมยิ่งอ่านถึงมีแต่ผมที่ไม่ชอบบีล่ะ

ผมสงสารทีมมากกว่านะ (( ปนหมั่นไส้ไอ้กอล์ฟหน่อยๆ ))

บีอ่ะเอาแต่ใจ  ไม่เข้าใจคนอื่นบ้างเลย  แย่ๆๆ  .....<< จะมีใครเอามีดมาฟันหัวผมมั๊ยเนี่ย  :try2:

ดีจังที่บีเลือกทีม  กะเอาไว้แล้วเชียว  หุหุหุ

เดี๋ยวอีกหน่อยบาสคงจะไปคู่กะกอล์ฟใช่มั๊ยครับคุณบลู 555+
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 08-11-2006 11:06:38
“ขอบใจนะบี ขอบใจมาก ทีมสัญญา ทีมจะทำทุกอย่างเพื่อให้บีมีความสุขมากที่สุด”

“ไม่ต้องหรอก ทีมไม่ต้องทำอะไรเพื่อบีอีก.....แค่กอดบีไว้แน่นๆ ก็พอ....” :impress3:

..............อ่านแล้วน้ำตาจาไหล........................ :monkeysad:

เมื่อไหร่จามีใครมากอดตรูบ้างโว้ย................... :confuse:

แต่ก็ดีแล้วที่บีเลืกทำตามหัวใจตัวเอง.....เพราะถึงแม้อนาคตข้างหน้าจะไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ

แต่มันก็ยังมีความสุขที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมา.............รึเปล่าคับ....คุณ  b|ue B[o]Y hUb

เพราะบางครั้งการหาเหตุผลกับความรักมากไป....มันมีแต่จะทำให้ได้มาซึ่งความไม่มีเหตุผล
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 08-11-2006 12:38:16
ผมว่าบีไม่ผิดในแง่ที่โกหกทีมเพื่อให้สบายใจ มันเหมือนกับ "โกหกขาว"
ถ้าผมเป็นบี คงทำแบบเดียวกัน หรือหากแม้บีจะเลือกที่จะบอกความจริงแก่ทีม
ทีมเองก็ไม่ควรโกรธ แต่ควรดู "เจตนา" ของบีเป็นหลัก ไม่ใช่หลับหูหลับตาไม่ฟังการชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น
แค่เรื่องเล็กน้อยขนาดนี้ยังประเมินไม่ได้ แล้วเรื่องยิ่งกว่านี้ล่ะ?

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกมีความสุขไปด้วยในช่วงเวลาที่ดีดี (เพราะตัวเองไม่มีโอกาสแบบนี้) ที่มีร่วมกันระหว่างบีกับทีมแม้ว่าในชีวิตจริงของเขาทั้งคู่เป็นคนละอย่างกัน
เขาถึงว่ากันไว้ว่า ความสุขมันมาเยี่ยมชั่วครู่ชั่วยาม แล้วมันก็ไป   เมื่อมันอยู่ตรงหน้าก็คว้าไว้ถนอมไว้ให้เนิ่นนาน
เมื่อถึงคราวผันแปร...แรงแห่งสุขที่เคยพานพบ จะได้คอยเยียวยา ไม่ให้เจ็บปวดจนเกินไป...

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 08-11-2006 16:42:55
อูยยยย  ได้ใจอีกแระ  ชอบ ชอบ  ตกลงกว่าจะเลือกได้  ลีลามากกกกกเลยบีเนี่ย  แต่ยังดีที่ยังเลือกถูก อิอิ

เราว่าเราก็เฉย ๆ กับบีอะ  ดูแบบไว้เนื้อไว้ตัวเชียว  ตามแบบฉบับกุลสตรีไทยเลย  เรื่องโกหกก็เนอะ  ให้ทำไงอะ  เดี๋ยวเรื่องแย่ลง
ซวยไปใหญ่  แต่ยังไงเค้าก็ยังซื่อสัตย์กับตัวเองอะนะ  ยังรู้ใจตัวเอง ชอบก็ชอบ  ไม่ชอบก็ไม่ชอบ  กั๊กก็กั๊กได้ อืมดี   ส่วนทีม  ไม่ต้องบอก
เถื่อน ๆ ห่าม ๆ หล่อ ๆ รักบีอีก  ชอบบบบเลย  อิอิ    แต่คนที่แอบหมั่นไส้นิดหน่อยก็นั่นแหละ  ก๊อปเลย  เหมือนทำตัวดีเกินเหตุ (พระรอง
ก็เงี้ย  โดนด่าตลอด )

ไปละ  ไว้มาตามอ่านต่อค้า  เรื่องนี้เพื่อน ๆ เพียบเรยยยยย  ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ   มาต่อให้ไวน้า  คุณบลู  เค้ารออยู่  คิดถึงบลูจัง คิกคิก   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-11-2006 17:05:11
เอ้อ รักซ้อน ซ่อนเงื่อน


อ่านไปแล้ว ใจจะขาด ลุ้นโคดๆๆๆ














ปล.

ลุ้นว่านายจะมาเจอว่าแอบอู้ มาอ่านนิยาย

55555 :laugh3:

พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 08-11-2006 17:21:59
หายไปวันเดียว มาถึงตอนนี้แล้วหรือเนี่ย

อยากให้รักกันไปนานๆๆๆๆจังเรยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย งือออออออออ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 08-11-2006 18:04:25
shell  ถ้าจะเรียกว่ากรรม จากการที่คนสองคนต้องมาเจอกัน ผมก็ยินดีจะรับกรรมนั้น แม้หัวใจจะแตกสลายไป

FlukeHub  คิกคิก ชอบจับคู่ให้ซะแล้ว บีก็มีเหตุผลของบีที่ทำอ่ะครับ ถ้าเราจะใช้ชีวิตกับใครสักคนหนึ่ง ไม่ผิดหรอกที่เราจะใช้หัวใจเราเป็นคนตัดสิน
จำไว้นะครับ ว่าเดาอะไรไว้ คิดอย่างไรไว้ผมยังไม่บอกตอนนี้ แต่ชอบฟังแนวเรื่องที่เพื่อนๆคาดการณ์ครับ

GobGab
โค๊ด: [เลือก]
แต่ก็ดีแล้วที่บีเลืกทำตามหัวใจตัวเอง.....เพราะถึงแม้อนาคตข้างหน้าจะไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ

แต่มันก็ยังมีความสุขที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมา.............รึเปล่าคับ....คุณ  b|ue B
Y hUb

เพราะบางครั้งการหาเหตุผลกับความรักมากไป....มันมีแต่จะทำให้ได้มาซึ่งความไม่มีเหตุผล

เห็นด้วยครับ บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดคือการใช้เวลา รีบตัดสินใจอะไรไปอาจพลาด ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าที่เราจะเลือกนั้นได้เป็นสิ่งที่ออกมาจากหัวใจจริงๆ และเมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่เสียจายที่ตัวเองเลือกแล้ว

beaches ด้วยความยังเป็นเด็กของทั้งคู่นี่ครับ มันจะตัดสินใจและคิดอะไรน้อยเกินไปอยู่แล้ว ยิ่งรักมากก็ยิ่งแค้นมากไงครับ

มูมู่น้อย  ยังงงๆกับพิมพูดนะ คิกคิก ตกลงชอบใครหวา หรือเหมือนบี ตัดสินใจไม่ถูก  :really2:

หมูพูห์ พักนี้อ่านช้าน้า งานยุ่งหรือครับ คิกคิก หรือมัวแต่คุยโทศัพท์หวา

Aki_Kaze  คิกคิก กัวเพื่อนๆตืบหง่ะต้องลงให้อย่างไว

******************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 15 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ในเย็นวันนั้นหลังจากเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย ทีมก็ตามผมกลับมาที่บ้านโดยบอกว่าอยากจะมาคุยกันแบบ “ส่วนตัว”

“นี่ทำไมต้องมาคุยในห้องบีด้วยเนี้ย คุยที่โรงเรียนให้มันจบๆไปก็หมดเรื่อง”

“ อ้าวเป็นผัวเมียกันก็ต้องปิดห้องคุยกันสิ ”

“จะบ้าเหรอ เราเป็นผัวเมียกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมตอบกลับไปอย่างเขินๆ

“ถ้าไม่เคยเป็น งั้นก็เป็นมันตั้งแต่คืนนี้เลยมั้ยล่ะ”

พูดจบเขาก็เดินเข้ามาหาผมอย่างไม่ทันตั้งตัวจนผมล้มลงไปบนเตียง ในขณะที่เขาตามเข้ามาทับตัวผมไว้แล้วเอา 2 มือพยายามจะกดแขนผมไว้แน่น

“นี่ อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ”

“มาพูดตอนนี้มันจะสายไปหรือเปล่า ทีมเกือบจะเป็นบ้าไปแล้วก็เพราะบีนั่นแหละ บอกมาเลยนะ .....นี่จงใจจะแกล้งกันใช่มั้ย”

“แกล้งอะไรกัน บีไปแกล้งทีมตอนไหน”

“ถ้าไม่จงใจจะแกล้งกันแล้วทำไมต้องมาบอกว่า...บีขอโทษให้ทีมใจเสียด้วย ”

“ก็ขอโทษที่บีทำให้ทีมไม่สบายใจ ต้องกังวลใจเพราะบีไง มันผิดเหรอ”

ผมเถียงด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

“คนอย่างบี นี่มันน่า...............” ทีมมองผมด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผมดี

“ทำไม จะตบบีอีกเหรอ”

“ก็ทำตัวอย่างเนี้ย มันน่ามั้ยล่ะ”

กอล์ฟมองผมด้วยสายตามันเขี้ยวสุดขีดก่อนที่จะเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนโยนลงแล้วล้มตัวลงมาโอบกอดผมไว้

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ รู้มั้ยว่าทีมทรมานแค่ไหน ช่วงที่ต้องรอคำตอบจากบี”

ผมได้แต่นอนนิ่งในอ้อมกอดของทีมอย่างรู้สึกผิด ผมคงจะทรมานเขามากจริงๆ

“แล้วทำไมบีถึงเลือกทีมล่ะ ทีมนึกว่าบีจะชอบไอ้กอล์ฟมากกว่าทีมเสียอีก”

สิ้นคำถามของทีมทำให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวานที่ผมต้องนอนอย่างกระสับกระส่ายใช้ความคิดว่าระหว่างทีมกับกอล์ฟผมจะเลือกใครดี

ความคิดของผมในค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เพราะทั้งทีมและกอล์ฟต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่กินกันไม่ลง

กอล์ฟเป็นผู้ชายที่ผมชื่นชอบและชื่นชมในนิสัยใจคอมาโดยตลอด แม้เขาจะเคยทำร้ายผมด้วยการมาขอให้ผมเลิกชอบเขา แต่นั้นก็เป็นเพราะเขาบอกว่า “เขาไม่อยากทำให้ผมต้องร้องไห้เพราะเขาอีก”

ในตอนนั้นกอล์ฟอาจจะพอรู้แล้วว่าเขารู้สึกกับผมพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่เขาก็คงจะยอมรับไม่ได้กับการที่จะมีแฟนเป็นผู้ชายอย่างผม

ดังนั้นเมื่อเขาไม่สามารถรับผมเป็นแฟนได้ เขาจึงไม่อยากจะรั้งผมไว้ให้ผมต้องเจ็บปวด

ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าเขาคงรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะกอล์ฟที่ผมรู้จักก็เป็นเช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยน เขาเป็นสุภาพบุรุษ และ อ่อนโยนกับคนอื่นเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นผมด้วยแล้ว

ในขณะที่ทีมกลับมีนิสัยตรงกันข้าม เขาเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตนเอง มันเหมือนกับว่าโลกทั้งโลกมีเพียงแค่ตัวเขากับคนที่เขาสนใจเท่านั้น

แต่ไม่ว่าทีมจะมีนิสัยเสียอย่างไร จุดที่ทำให้เขาเหนือกว่ากอล์ฟก็คือเขาเป็นคนที่รักผมมาก และข้อได้เปรียบที่สำคัญของทีมก็คือ....เขาได้หัวใจของผมไปแล้ว

ในค่ำคืนนั้นเอง ขณะที่ผมกำลังนอนเครียดอย่างไร้ทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้น อยู่ดีๆ ผมก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง

มันเป็นความรู้สึกที่ผมเคยคิดมาบ้างแต่ก็ไม่เคยเด่นชัดเท่านี้ และความรู้สึกที่ว่านี้ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจได้ในที่สุด

ความรู้สึกที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ .........“ความกลัว”

ตั้งแต่ที่เราค่อยๆโตขึ้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่านับวันทีมจะกลายเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากขึ้นทุกวัน

เมื่อเริ่มเข้ามาเรียนใหม่ๆ ความหน้าตาดีของทีมก็เป็นที่เล่าลือไปทั่วโรงเรียนแล้ว แต่คำชมส่วนใหญ่มักจะมาในรูปของ “เด็กคนนี้น่ารักจัง”

แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานวันเข้า ผมเองก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า...ยิ่งเขาโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็เริ่มปรากฏ “ความหล่อแบบหนุ่มวัยรุ่นเต็มตัว” มากเท่านั้น

ยิ่งทีมเป็นคนที่ตัวสูงและมีร่างกายกำยำกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ความมีเสน่ห์ของเขาจึงยิ่งดึงดูดให้เพศตรงข้ามที่พบเห็นอดหลงรักหรือชื่นชมเขาไม่ได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมก็เริ่มไม่มั่นใจในอนาคตของผมกับทีมมากขึ้นทุกที

ถ้าวันนึงเขาพบกับคนที่ดีกว่าซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีตัวเลือกให้เขามากมาย หรือวันนึงเมื่อสัญชาติญาณทางเพศของผู้ชายวัยรุ่นเริ่มปรากฏเด่นชัด จนเขาอาจจะรู้สึกได้ว่า “ผู้หญิง” ต่างหากคือเพศที่เขาต้องการ ไม่ใช่ “ผู้ชาย"”อย่างผม

ถ้าวันนั้นมาถึงผมจะทำยังไง และผมจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่หากไม่มีเขา

ในตอนนั้นเองที่ผมได้ข้อสรุปว่า....คงจะดีกว่าถ้าผมจะตัดใจจากทีมเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดในอนาคต

ผมจึงตัดสินใจที่จะเลือก “กอล์ฟ”

ผมเชื่อว่าผมคงจะสามารถมีความสุขได้เมื่อต้องไปเป็นแฟนกับกอล์ฟ เพราะอย่างน้อย ความรักของเขาก็คงไม่ “รวดเร็วและรุนแรง” แบบทีม และความรักแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้น่าจะทำให้ผมทำใจได้ดีกว่าหากเราต้องเลิกร้างจากกันในวันใดวันหนึ่ง

นี่ล่ะคือความรักในแบบของผม เหตุผลย่อมมาก่อนความรู้สึกเสมอ

แต่แล้ว.....เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องบอกผลการตัดสินใจออกไปจริงๆต่อหน้ากอล์ฟ เหตุผลมากมายร้อยแปดที่ผมพร่ำคิดมาตลอดทั้งคืนก็แทบไม่มีความหมายเลยมาต้องมาเผชิญกับความรู้สึกที่ว่า “ผมรักทีม ผมรักเขามากจริงๆ”

“เรื่องที่กอล์ฟถามบีเมื่อวันก่อน บีตัดสินใจได้แล้วนะ”

“จริงเหรอ ดีจังที่กอล์ฟไม่ต้องรอนาน ไม่งั้นกอล์ฟคงบ้าไปก่อนแน่ๆ”

“อืม...สรุปว่าบี............”

ถึงตรงนี้อยู่ดีๆ ภาพความสุขขณะที่ผมได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับทีมก็ปรากฎขึ้นมาในหัวสมองจนทำให้ผมพูดอะไรต่อไปไม่ได้

“ว่าไง กอล์ฟรอฟังอยู่นะ”

“ขอโทษนะกอล์ฟ บีรักทีม บีให้หัวใจเขาไปแล้ว”

ผมตัดสินใจพูดออกไปในสิ่งที่ผมไม่ได้คิดมาล่วงหน้า

ในที่สุด....ผมก็ต้องยอมแพ้ต่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจเบื้องลึกของตัวเอง

“................” ดูเหมือนกอล์ฟพูดอะไรไม่ออก ขณะที่มีสีหน้าผิดหวังเสียใจอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษนะกอล์ฟ บี.......”

“ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงมันเป็นความผิดของกอล์ฟเอง ทั้งๆที่กอล์ฟมีโอกาสมาตลอด แต่กอล์ฟกลับทิ้งมันไปอย่างไม่น่าให้อภัย”

“กอล์ฟ.......”

“ช่างเถอะ ทั้งๆที่กอล์ฟมาก่อนแท้ๆ ดันปล่อยให้ไอ้ทีมมันวิ่งแซงหน้าไปเสียได้ เฮ้อ... ถ้ากอล์ฟจะลองวิ่งกวด บีว่ากอล์ฟจะไล่ทันมั้ย”

“กอล์ฟ อย่างทำอย่างนั้นเลยนะ บีขอร้อง” ผมร้องห้ามเขาอย่างเข้าใจความหมายที่เขาเพิ่งพูดออกมา

“กอล์ฟพูดเล่นน่า กอล์ฟไม่ทำให้บีลำบากใจหรอก แต่ยังไง ๆ เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่มั้ย”

“ใช่สิ กอล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในใจบีเลยล่ะ”

“งั้นไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น บีต้องจำไว้นะว่า....บีมีกอล์ฟอยู่ข้างๆเสมอ”

ผมไม่รู้ว่าคำพูดของกอล์ฟประโยคนี้จะเป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยสำหรับอนาคตของผมหรือไม่ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า...

“ไม่ว่าวันข้างหน้า เรื่องของผมกับทีมจะจบลงเช่นไร ผมก็พร้อมจะรับผลจากการตัดสินใจของผมในวันนี้”

ในขณะที่ผมกำลังคิดเพลินๆอยู่นั้นเอง เสียงของทีมก็ปลุกผมจากภวังค์

“นี่ ทีมถามไม่ได้ยินหรือไง”

“อะไรนะ ถามว่าอะไรนะ”

“ก็ถามว่าทำไมบีถึงเลือกทีมไงล่ะ”

“อืม......ก็คงเพราะสงสารมั้ง ขี้เกียจเห็นคนบางคนร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

“นี่.....” ทีมหันมามองผมอย่างไม่พอใจที่ผมไปกัดเขา

“รู้งี้หลอกให้ร้องไห้ไปสักสามวันสามคืนก็คงจะดี” ผมพูดอย่างยิ้มๆ

“งั้นเหรอ รู้มั้ย...นับวันบียิ่งทำให้ทีมรู้สึกว่าเราน่ะเหมาะกันมากๆ”

“ เหมาะกันยังไง”

“ก็หญิงชั่วกับชายโฉดไง ไม่เหมาะกันเหรอ”

“นี่..ปากเหรอ ที่พูดออกมาน่ะ”

“แล้วทีบีล่ะ ใช้อะไรคิด ถามจริง ถึงจะมาหลอกให้คนอื่นๆเขาหัวปั่นเพราะตัวเองได้”

ว่าแล้วแทนที่เหตุการณ์ในวันนี้ของผมกับทีมจะจบลงด้วยความโรแมนติก เรากลับต้องมาทะเลาะกันอย่างหน้าดำหน้าแดง ก่อนที่จะจบลงด้วยการที่ต่างคนต่างงอนกลับไปในที่สุด

แต่ไม่ยังไง....นี่ล่ะคือ.... “ความรักในแบบของเรา”

ผมไม่รู้ว่าคู่รักคู่อื่นๆ จะเป็นยังไงกันบ้าง แต่สำหรับคู่ของผมกับทีม มันก็เป็นอย่างนี้

มันไม่ได้หวานหยดย้อยจนเลี่ยน แต่ก็ไม่ได้ขมปี๋จนหาความสุขไม่ได้

บางทีความรักของผมอาจจะเหมือนกับ... “ช็อคโกแลต”

ในความขม มันก็มีความหวาน และในความหวานมันก็มีความขม...เป็นส่วนผสมที่ลงตัว

“รสชาติความรัก” แบบนี้แหละที่ผมคิดว่า เป็นรสชาติที่... อร่อยไม่เลวเลยทีเดียว....

-------------------------------------------------------

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 16 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังเหตุการณ์เรื่องรักสามเส้าของผม ทีมและกอล์ฟผ่านพ้นไป ผมกับทีมก็ดูเหมือนจะยิ่งรักกันยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกของการ ( เกือบจะ) สูญเสียคนที่เรารักทำให้ทั้งผมและทีมต่างหันมาเอาใจใส่และถนอมน้ำใจกันมากขึ้น

ทีมได้พยายามปรับปรุงตัวอย่างจริงจังด้วยการพยายามมาสุภาพและอ่อนโยนกับผมมากขึ้น ในขณะที่ผมเองก็พยายามลดการเอาแต่ใจตัวเองลง

ความรักได้ทำให้เราทั้งคู่กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน จนระยะหลังๆ ไม่ว่าใครจะตัดสินใจทำอะไรที่อาจจะกระทบถึงความสัมพันธ์ของเรา ฝ่ายนั้นก็ต้องมาขอความเห็นชอบจากอีกฝ่ายเสมอ

“เป็นไง อร่อยมั้ย” ผมถามทีมขณะที่ผมชวนเขามานั่งทานไอติมในเย็นวันหนึ่ง

“ก็เหมือนเดิมนี่ กินอยู่ทุกวัน”

“อืม...เหรอ...งั้นวันนี้บีเลี้ยงนะ”

“เลี้ยงทำไม ในโอกาสอะไร” ทีมถามผมอย่างระแวง

“ไม่มีอะไรนี่ บีแค่อยากเลี้ยงทีมบ้างอ่ะ”

ทีมมองผมด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจนิดนึงก่อนจะพูดว่า

“ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า รู้สึกอยู่เชียวว่าวันนี้บีแปลกๆ มาตามเอาใจทีมทั้งวัน”

“ไม่มี บีไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

“ไม่เชื่ออ่ะ นี่แอบไปมีกิ๊กอีกแล้วใช่มั้ย” ทีมทำเสียงแข็งใส่ผม

“นี่ เห็นบีเป็นคนอย่างนั้นหรือไง”

“งั้นแล้วจะทำไมล่ะ มีอะไรพูดมาตรงๆ สิ ทีมไม่ชอบคนอ้อมค้อม”

“ก็..ก็แค่บีอยากจะสมัครเข้าชมรมดนตรีสากล บีอยากเล่นดนตรีเป็น แล้วก็อยากเป็นวงโยธวาทิตของโรงเรียนด้วย”

“ไม่ได้ ทีมไม่อนุญาต” ทีมตอบกลับมาทันทีที่ผมพูดจบซึ่งผมเดาไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องไม่ยอม

“ทำไมล่ะ” ผมแกล้งถามทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบ

“ก็ชมรมดนตรีสากลของโรงเรียนเรามันมีแต่ผู้ชาย วงโยธวาทิตก็เป็นวงผู้ชายล้วน ฝันไปเถอะว่าทีมจะยอมปล่อยให้บีไปอยู่ในกลางวงผู้ชายแบบนั้น ยังไงทีมก็ไม่ยอม”

“ทีมไม่เชื่อใจบีเลยเหรอ” ผมเริ่มงอน

“ก็พฤติกรรมที่ผ่านมาของบี มันน่าเชื่อนักนี่”

“นี่....จริงๆ แล้วบีไม่ได้มาขออนุญาตจากทีมนะ บีแค่จะมาบอกให้รู้ คนที่บีควรขออนุญาต บีก็ขอแล้ว แล้วทั้งคุณพ่อ คุณแม่ก็อนุญาตแล้วด้วย”

เมื่อเห็นการอ้อนวอนไม่ได้ผล ผมจึงเริ่มใช้ไม้แข็ง

“งั้นเหรอ อืม...งั้นสงสัยวันนี้บีต้องไปเยี่ยมคุณแม่บีหน่อยแล้ว” พูดจบทีมก็มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ทำไม จะไปหาแม่บีทำไม”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก ทีมแค่มีอะไรคุยกับท่านนิดหน่อย” ทีมทำหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นสีหน้าของผม

ถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่ทำหน้าเสียอย่างเข้าใจสิ่งที่ทีมกำลังจะทำ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมานอกจากทีมจะได้รับการยอมรับในสถานะสมาชิกใหม่ในครอบครัวของผมแล้ว ทีมยังได้รับความไว้วางใจจากทั้งคุณพ่อคุณแม่มากกว่าผมเสียอีก

จริงอยู่แม้ในสายตาเพื่อนๆ ทีมจะเป็นคนโผงผางใจร้อน แต่เวลาเข้าหาผู้ใหญ่ ทีมกลับเปลี่ยนเป็นคนละคน เขารู้วิธีที่จะสุภาพ พินอบพิเทาเวลารวมทั้งวางตัวได้อย่างน่าเชื่อถือตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่ของผม

ที่สำคัญนิสัยช่างพูดช่างคุยและช่างเอาอกเอาใจของทีมทำให้คุณแม่ของผมปลื้มเขาเป็นพิเศษจนอดนำเขามาชื่นชมให้ผมฟังบ่อยๆ ไม่ได้ แถมยังบอกให้ผมเอาอย่างทีมอย่างนั้น อย่างนี้ตลอดเวลา และไม่ว่าผมจะขออนุญาตไปไหนหรือทำอะไร หากรู้ว่าทีมไปด้วย คุณแม่ก็จะเปิดไฟเขียวตลอด

จนบางทีผมอดคิดไม่ได้ว่า......แม่ผมอาจจะรัก (ลูกเขยลับๆ) อย่างทีมมากกว่าลูกในไส้อย่างผมเสียอีก

ดังนั้นเมื่อวันนี้ทีมบอกว่าจะไปหาคุณแม่ ผมก็รู้ดีว่าเขาคงจะไปใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนานาให้กับชมรมดนตรีสากลซึ่งนั่นก็คงจะมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้แม่ของผมเปลี่ยนใจไม่ให้ผมไปเข้าชมรมนี้ในที่สุด

“แต่บีอยากเข้าชมรมนี้จริงๆนะทีม” ผมเริ่มทำเสียงอ้อนเมื่อรู้ว่าตนเองตกเป็นรอง

เมื่อเจอการอ้อนวอนจากผมซึ่งก็มีไม่บ่อยครั้งนัก ทีมก็ทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะตอบว่า

“งั้นก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“อะไรล่ะ”

“บีต้องสัญญากับทีมมาก่อน 3 ข้อ”

“ตั้ง 3 ข้อเชียวเหรอ ไม่มากไปหน่อยหรือไง” ผมเริ่มโวย

“จะเอาหรือไม่เอา”

“ก็ได้” ผมตอบเสียงอ่อยอย่างไม่มีทางเลือก

“งั้น ข้อ 1 บีจะต้องไม่งอนทีมอย่างไม่มีเหตุผลอีก”

“อะไรกัน บีเคยงอนทีมแบบไม่มีเหตุผลเมื่อไหร่”

“ข้อ 2 ต้องเชื่อฟังทีมทุกอย่าง......แล้วก็ห้ามเถียง”

“นี่....มันจะเกินไปแล้วนะ” ผมพูดออกมาอย่างเหลืออด

“บีไม่ต้องตกลงก็ได้ ทีมไม่ได้บังคับนี่ ว่าแต่วันนี้ทีมจะไปคุยอะไรกับคุณแม่บีบ้างดีน๊า” ทีมพูดพลางทำสีหน้ายียวนมาทางผม

“ก็ได้ จำไว้เลยนะ ” ผมพูดออกมาด้วยสายตาอาฆาตแค้น

“ข้อ 3 ห้ามไปกิ๊กผู้ชายคนไหนอีก”

“ไม่เห็นยากเลย บีก็ไม่เคยทำอยู่แล้ว”

“ให้มันจริงเถอะ อย่าคิดว่าทีมจะลืมเรื่องไอ้กอล์ฟไปง่ายๆ นะ”

ถึงตรงนี้ผมเริ่มทำหน้างอนผู้ชายคนนี้ไม่ได้ จนทีมต้องร้องทัก

“อ๊ะ อ๊ะ สัญญาข้อ 1 จำได้มั้ย”

“บีก็ไม่ได้งอนสักหน่อย” ผมพยายามทำสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ

“ไม่งอนก็ดีแล้ว ท่องไว้นะ.....ชมรมดนตรีสากล ....ชมรมดนตรีสากล”

ทีมพูดพลางยิ้มอย่างสะใจ ในขณะที่ผมรู้สึกว่าอยากจะบีบคอฆ่าผู้ชายคนนี้ให้ตายคามือ

“ตักไอติมป้อนทีมหน่อยสิ”

“มือตัวเองไม่มีหรือไง”

“อ่ะ สัญญาข้อ 2 ว่าไงนะ”

“ทีม......บีจะเหลืออดแล้วนะ” ผมเรียกเขาด้วยอาการงอนๆอีกครั้ง

“อ้าว....ถ้าทำหน้าอย่างนี้ต้องกลับไปสัญญาข้อที่ 1” ทีมพูดอย่างยิ้มๆ

หลังจากวันนั้นผมแทบจะเป็นบ้าเพราะสัญญา 3 ข้อที่ให้ไว้กับทีม เพราะเขาได้นำสัญญานี้มาแกล้งผมตลอดจนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมสมัครเข้าชมรมดนตรีสากลเรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะเอาคืนทั้งหมดเลย...คอยดู

แต่เมื่อได้สมัครเข้าชมรมแล้ว ด้วยความตื่นเต้นทำให้ผมลืมความคิดข้างต้นไปเสียหมดสิ้น และเมื่อมาถึง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบปลายภาค ทางชมรมก็ได้มีการเรียกสมาชิกใหม่มาเข้าค่าย 2 วัน 1 คืนเพื่อฝึกให้พวกเราเริ่มเล่นเครื่องเล่น รวมทั้งจัดรูปขบวนของวงโยธวาทิตอย่างจริงจัง

เป็นอีกครั้งที่การมาเข้าค่ายของชมรมดนตรีสากลนี้ทำให้ผมได้พบกับคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่

“บาส นายก็เข้าชมรมนี้ด้วยเหรอ” ผมร้องทักบาสเมื่อมาเจอเขาตอนที่พี่ๆเรียกพวกสมาชิกใหม่มารวมตัว

“ใช่สิ ทำไมเหรอ”

“ไม่คิดว่าคนอย่างนายจะมีอารมณ์สุนทรีย์ทางศิลปะอย่างเรื่องดนตรีด้วย”

“จริงๆ ก็ไม่ได้สนศิลปง ศิลปะ หรือดนตรีบ้าบอนี่เท่าไหร่หรอก แต่เผอิญถ้าอยากเป็นนักกีต้าร์ในวงดนตรีของโรงเรียน มันก็ต้องเข้าชมรมนี่ก่อน”

“อ๋อ เอาไว้เล่นโชว์หญิงล่ะสิ”

“นี่จะมองเราในแง่ดีบ้างไม่ได้หรือไง อืม...แต่จะว่าไปก็ทำนองนั้นแหละ”

แม้บาสจะให้เหตุผลแบบนั้นกับผม แต่แวบนึงผมก็อดคิดไม่ได้ว่าทีมอาจจะส่งบาสมาเป็นสปายคอยคุมผมอีกที ขณะที่อีกใจนึงก็ไม่อยากจะเชื่อความคิดนี้เท่าไหร่เหมือนกันเมื่อคิดว่าบาสก็ไม่ใช่ลูกไล่ของทีมนี่ ทำไมเขาต้องมาทำตามที่ทีมสั่งด้วย

“นี่ 2 คนนี้จะคุยกันอีกนานมั้ย พี่เค้าเรียกรวมแถวแล้ว ไม่ได้ยินหรือไง”

เสียงดุจากรุ่นพี่คนหนึ่งเอ็ดมาทางผมกับบาส ซึ่งเมื่อผมหันไปมองเจ้าของเสียงก็ทำให้ผมถึงกับจ้องมองเขาอย่างลืมตัวไม่ได้

“ว่าแล้วยังมาจ้องหน้าพี่อีกแน่ะ ชื่ออะไรน่ะเรา”

พี่คนนั้นถามผมหลังจากที่เห็นผมจ้องหน้าเขาไม่วางตา

“บีครับ เอ่อ ปีติรัตน์.....” ผมรีบตอบเมื่อได้สติ แต่ไม่ทันที่ผมจะบอกนามสกุล พี่คนนั้นก็ตัดบทเสียก่อน

“นี่ เอาแค่ชื่อเล่นก็พอไม่ต้องบอกมาเต็มยศหรอก ฮึ เราเองน่ะเหรอน้องบี ที่เขาพูดถึงกัน”

“ครับ...เอ่อ.....ใครพูดถึง....”

“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก รีบไปรวมตัวกับเพื่อนเถอะ ออ แล้วพี่ชื่อปอนด์นะ อยู่ในชมรมมีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้....ทุกเรื่อง”

พี่ปอนด์พูดจบ เขาก็เดินออกไปโดยเหมือนก่อนหน้านั้นเขาพยายามจะย้ำคำว่า “ทุกเรื่อง” ให้ผมได้ยินชัดเจนเป็นพิเศษเหมือนจะมีความหมายไปทางใดทางหนึ่ง

ผมเดาว่าถ้าทีมมาอยู่ ณ ที่นี่.....ตอนนี้ และมาเห็นอาการของผม กับพี่ปอนด์เมื่อครู่ ผมก็คงต้องเก็บเสื้อผ้ากลับบ้านทันที แต่เมื่อที่ชมรมนี้มีแต่ผม นาทีนี้จึงถือเป็นชั่วโมงที่ผมจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระบ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ชายที่ชื่อ “พี่ปอนด์” คนนี้

จริงๆ แล้วผมรู้จักกับพี่ปอนด์มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็เป็นการรู้จักแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะพี่ปอนด์เป็นมือเบสและนักร้องนำในวงดนตรีของโรงเรียน ดังนั้นทุกครั้งที่มีงานโรงเรียนเมื่อใดเขาก็จะได้ออกมาแสดงและเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆอยู่เสมอ

แต่สำหรับผม ผมไม่ได้รู้สึกทึ่งอะไรกับความเท่ห์ในฐานะมือเบสและนักร้องนำของเขาเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ผมสะดุดใจในตัวเขาคือหน้าตาและ ผิวพรรณของเขาต่างหาก

สำหรับผมจุดเด่นของผู้ชายคนนี้คือผิวดำแดงที่ดูแปลกกว่าทุกคนที่ผมเคยเจอ ผมไม่ทราบจะอธิบายถึงผิวของเขายังไง จะว่าแทนก็ไม่ใช่ จะว่าดำไม่เชิง มันอาจจะดูออกแดงๆเหมือนเหล็กขึ้นสนิม ซึ่งมันเป็นสีผิวที่ผมชอบและผมคิดว่ามีผู้ชายน้อยคนนักที่จะมีสีผิวแบบนี้

นอกจากนั้นพี่ปอนด์ยังมีหน้าตาคมคายแบบไทยๆ และรอยยิ้มที่ด็เหมือนจะกว้างกว่าคนปกติซึ่งนั่นถือเป็นเสน่ห์พิเศษอีกอย่างหนึ่งของเขาในสายตาผม

ทุกครั้งที่เห็นเขายิ้มทีไร หัวใจมันเหมือนจะละลายไปทุกที

ใครก็ตามที่เคยนึกถึงผู้ชายในฝัน มีสักครั้งมั้ยที่คุณเคยคิดว่าจะได้เจอเขาในโลกของความเป็นจริง สำหรับผมคงต้องบอกว่า พี่ปอนด์ คนนี่ล่ะใช่เลย

ดังนั้นตั้งแต่ได้เห็นเขาจากงานแสดงดนตรีของโรงเรียนแล้ว ผมก็แอบปลื้มเขามานานแล้ว

แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่เคยคิดกับเขาไปไกลเกินกว่าคนที่เราแอบชื่นชม แอบชื่นชมอยู่ไกลๆ และไม่เคยคิดอยากจะจริงจังอะไรกับผู้ชายคนนี้

โดยเฉพาะในเมื่อผมมีทีมอยู่แล้วทั้งคน ผมจึงได้แต่คิดเสมอมาว่าให้เขาอยู่แค่ในฝันไปน่ะดีแล้ว

แต่คิดอีกทีเมื่อต้องเข้ามาอยู่ในชมรมเดียวกับเขาแบบนี้ จะให้พี่ปอนด์เข้ามาใกล้กว่าความฝันอีกหน่อย ทีมก็คงไม่ว่าอะไรมั้ง

บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า "ผมนี่แอบเจ้าชู้เล็กๆ" เหมือนกัน

ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น เสียงตะโกนของพี่คนนึงก็ดึงผมให้หันไปสนใจเขาในทันที

“เอ๊ะ นี่ยังขาดไปอีกคนนี่ เพื่อนใครเปลี่ยนใจไม่เข้าชมรมหรือเปล่า”

พี่คนนั้นตะโกนถามแต่พวกเราก็ได้แต่นิ่งเงียบ

“อะไรวะไอ้นี่ ตกลงมันจะเอาไงเนี้ย เดี๋ยวพี่จะลองประกาศชื่อแล้วกันนะ เผื่อใครจะรู้จัก” ล

พูดจบพี่คนนั้นก็กวาดสายตาลงไปที่แผ่นกระดาษในมือ

“เอ่อ นาย ทีมชาติ โอฬารสกุล ม. 2 / 1 มีใครรู้จักมั้ย”

“ฮ้า.....ทีมเหรอ” ผมอุทานออกมาด้วยเสียงอันดังอย่างไม่ตั้งใจ จนทำให้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวในขณะที่ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งพลางอดคิดไม่ได้ว่า

“นี่ทีมจะไม่ปล่อยบีให้เป็นอิสระเลยใช่มั้ย”

---------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 08-11-2006 18:24:11
พออ่านเจอห้องซ้อมดนตรี ก้จานึกถึง......... :kikkik:


นึกถึงอารายก้ต้องรออ่านต่อกานเอง กร๊ากกกกกกกกก :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-11-2006 18:40:14
 :like2: ดีใจจังได้อ่านสองตอนรวด  :like2:

ในที่สุดก็มีบทบาสจนได้  :laugh: ไม่เป็นไรนะบาส มาช้ายังดีกว่าไม่มา

โธ่บี อุตส่าห์เริ่มได้ใจคนอ่านตั้งแต่เลือกทีมแทนกอล์ฟแล้วนะนี่ ยังจะเจ้าชู้อีกเรอะ :try2:

ว่าแต่อยากถามจริง ๆ ว่า "ความรักในแบบของผม เหตุผลย่อมมาก่อนความรู้สึกเสมอ" นี่เขาเรียกว่าความรักเหรอ
ไม่จริงหรอก ไม่งั้นบีคงไม่ตัดสินใจนาทีสุดท้ายเลือกทีมหรอกจริงมั๊ย


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 08-11-2006 22:02:03
นั่นสินะ ลืมไปเลยว่า ทั้งคู่เพิ่งจะม. ต้น หลายๆ อย่างเลยเกิดขึ้นแบบขาดการไตร่ตรองที่ถี่ถ้วน
หวลคิดกลับไปตอนผมอยู่ม. ต้น (17 ปีผ่านมา) ผมรู้สึกว่าเรื่องความรัก ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลมากๆ อ่ะ (บางทีอาจจะแก่เกินไปแล้ว)
แม้จะเคยเห็นเพื่อนในห้องบางคน ชอบๆ กันบ้างก็ตาม แต่ผมว่าความเข้มข้นมันต่างจากแบบของทีมกับ B นะ

ผมว่า B เป็นคนฉลาดและมีเหตุผลนะ (ต่างจากผมซึ่งทั้งซื่อและเซื่อง)  เพราะตอนแรก เขาตัดสินใจไปแล้ว

"นี่ล่ะคือความรักในแบบของผม เหตุผลย่อมมาก่อนความรู้สึกเสมอ"

แต่ B ก็ยังพ่ายหัวใจตัวเองในตอนท้าย....

"เหตุผลมากมายร้อยแปดที่ผมพร่ำคิดมาตลอดทั้งคืนก็แทบไม่มีความหมายเลยมาต้องมาเผชิญกับความรู้สึกที่ว่า “ผมรักทีม ผมรักเขามากจริงๆ”"

ก็ (ดี) นะ chocolate ก็มีทั้งขมทั้งหวาน ได้รสชาดไปอีกแบบ
.
..
...
....
.....

"หันมองรอบตัว เห็นคนมากมาย ทุกคนต่างวุ่นวายให้ได้มาดังต้องการ
หลายคนเจ็บช้ำหลายคนผิดหวัง กับความรักที่มองดูว่าดี
แต่ความรักของฉันไม่เป็นเหมือนใคร มั่งคงจริงใจและสวยงาม
ไม่ทำร้ายจิตใจ ไม่มีน้ำตา ปลอบโยนในเวลาที่เหนื่อยหัวใจ
เห็นคนเจ็บช้ำ ไม่เป็นดังหวัง รักที่ได้มานั้นแปรผันตามเวลา
หลายคนเรียกร้อง หลายคนไขว่คว้า ต่างก็หวังได้มาเป็นของตัว
แต่ความรักของฉันไม่เป็นเหมือนใคร แม้นานเพียงไรยังยั่งยืน
ไม่เรียกร้องสิ่งใด ไม่เคยขอคืน ไม่มีใครคนใดที่ต้องเสียใจ
อยากให้โลกนี้มีรักเช่นเดียวกัน ไม่เปลี่ยนแปรผัน มั่นคงเรื่อยไป
มีเพียงความรักที่พร้อมจะให้ ไม่มีคนไหนต้องเจ็บต้องทุกข์ทน
อยากให้เขาทุกๆ คนได้มีความรักที่ดีงาม"


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 08-11-2006 22:22:11
Aki_Kaze  คิกคิก ทำให้เพื่อนๆจิ้นไปแล้ว

shell  ทำไมเหมือนผมเลย ตอนผมอ่านครั้งแรก ผมก็ลุ้นๆให้บีเป็นแฟนกับบาส เถื่อนได้จายดี ชอบๆ


beaches เคยอ่านเรื่อง [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=433.0 (http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=433.0)

หรือยังครับ ขอให้เราเปิดใจ สักวันเราจะได้พบคนที่เกิดมาคู่เรานะครับ
แต่ผมก็คล้ายๆ beaches กลัวที่จะต้องเจ็บ แต่พอเจ็บแล้วผมก็เคยดีจายมาก
ที่ผมยังมีหัวใจที่เคยรักใคร แม้มันจะไม่สมหวัง ผมก็หวังสักวันหนึ่ง
ผมจะเจอคนที่เขารักเรา และเรารักเขา
 :love2:




******************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 17 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังจากเริ่มเรียกสติคืนมาได้เมื่อรู้ว่าทีมได้แอบสมัครเข้าชมรมดนตรีสากลตามผมมา ผมก็พยายามมองไปทางบาสเพื่อดูว่าเขาได้รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ยังตกตะลึงไม่หายของบาสทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าแผนการครั้งนี้มีเพียงทีมเท่านั้นที่รู้

แม้จะตกใจที่รู้ว่าทีมสมัครเข้าชมรมนี้ด้วย แต่ในเวลานั้นผมก็อดมองโลกในแง่ดีไม่ได้ว่า..การที่ทีมไม่มาปรากฏตัวในวันนี้อาจจะเป็นเพราะเขาได้เปลี่ยนใจไปแล้วก็เป็นได้

ในเมื่อทีมยังเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน การมาเข้าชมรมอื่นนอกจากชมรมฟุตบอลก็หมายถึงการที่เข้าต้องลาออกจากการเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนด้วย ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะยอมเสียสละขนาดนั้น

ในที่สุด..เขาอาจจะคิดได้ว่า “ฟุตบอล” สำคัญสำหรับเขาขนาดไหน เขาจึงเปลี่ยนใจไม่มาในที่สุด

แต่เพียงไม่นาน ผมก็ได้รู้ว่า...ผมกำลังดูถูก “ความรัก” ของผู้ชายคนนี้เกินไป

“ขอโทษคับพี่ ผมทีมชาติคับ” ทีมรีบพูดขอโทษพี่ๆ หลังจากวิ่งมาอย่างกระหืดหระหอบ

พี่ ๆ ทุกคน รวมทั้งผมต่างหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

“อ้อ เพิ่งโผล่หัวมาเหรอ แต่เอ๊ะ น้องเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาเข้าชมรมพี่ได้ไง”

พี่คนหนึ่งท้องทักขึ้นเมื่อเขาจำทีมได้

“อ๋อ ผมลาออกแล้วคับพี่ แล้วจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของชมรมดนตรีสากลตั้งแต่วันนี้”

“เอาจริงนะ ไม่ใช่จะมาเข้าๆ ออกๆ นะโว้ย”

“คับ แน่นอนคับพี่”

“งั้นถ้าอยากจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของที่นี่ ก็ควรจะรู้ด้วยว่า สำหรับพวกเราเรื่อง “การตรงต่อเวลา” มันสำคัญมาก การมาสายเพียงคนเดียวก็จะกระทบถึงคนอื่นในวงทั้งหมด ....ไปเลย ไปวิดพื้น 20 ทีแล้วค่อยมารวมตัวกับเพื่อนๆ”

หลังพี่คนนั้นพูดจบ ทีมก็รับคำสั่งอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ลืมจะหันมายิ้มให้ผมก่อนจะไปวิดพื้นตามคำสั่งของรุ่นพี่

หลังจากโดนทำโทษแล้วทีมก็มารวมตัวกับพวกผมเพื่อเริ่มวัดส่วนสูง และ แบ่งกลุ่มไปฝึกเครื่องดนตรีที่ตัวเองสนใจ โดยผมได้เลือกเล่น “คาลิเนต” ในขณะที่ทีมกับบาสเลือกที่จะเป่า “ทรัมเปต”

เมื่อการฝึกฝนเบื้องต้นเสร็จสิ้นลง ผมกับทีมจึงได้มีโอกาสปลีกตัวไปคุยกันเป็นครั้งแรก

“นี่ทีมจะบ้าไปแล้วหรือไง” ผมเริ่มต้นต่อว่าเขา

“บ้ายังไง”

“ก็ที่ทีมมาเข้าชมรมดนตรีสากลนี่ไง”

“อ้าว ถ้าทีมบ้า บีก็สติไม่ดีเหมือนกันน่ะสิ เพราะบีก็มาเข้าชมรมนี้เหมือนกัน”

“ทีม บีซีเรียสนะ ถ้าทีมมาอยู่ชมรมนี้ แล้วเรื่อง “ฟุตบอล” ล่ะ”

ผมพยายามจะเตือนสติเขา ในเมื่อผมรู้ดีว่าสำหรับเขา คำว่า “ฟุตบอล” มันสำคัญขนาดไหน เพราะตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มคบกับเขาในช่วงแรกๆ ผมก็ได้เคยถามเขาถึงที่มาของชื่อ “ทีมชาติ” ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อที่แปลกที่สุดตั้งแต่ผมเคยได้ยินมา

ในตอนนั้นทีมได้ให้คำตอบกับผมว่า คุณพ่อของทีมเป็นคนที่คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลมาก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไว้ว่าถ้ามีลูกชาย เขาจะพยายามผลักดันให้ลูกคนนี้กลายเป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติให้ได้

จนต่อมาเมื่อเขาได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชายจริงๆ เขาจึงได้ตั้งชื่อลูกคนนี้ว่า “ทีมชาติ” เพื่อเป็นการเตือนสติให้รู้ว่าจุดหมายสูงสุดของเขาคือการส่งเสริมและผลักดันให้ลูกชายคนนี้ได้เป็น “นักฟุตบอลทีมชาติ” สมใจ

ดังนั้นตั้งแต่เกิดมา ทีมจึงได้รับการปลูกฝังเรื่องกีฬาฟุตบอลมาโดยตลอด จนในที่สุดมันก็ได้กลายเป็นความฝันอันสูงสุดของเขาไปด้วย

ฉะนั้นในวันนี้เมื่อเขาตัดสินใจเลิกเป็นนักฟุตบอล มันจึงไม่เป็นเพียงการทำลายความฝันของตัวเอง หากแต่เขายังได้ทำลายความตั้งใจของคุณพ่อของเขาอีกด้วย

และถ้าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องทำอย่างนั้น ผมจึงอดรู้สึกผิดไปด้วยไม่ได้

“ว่ายังไงล่ะทีม ทีมยังไม่ตอบบีเลยนะ” ผมพยายามทวงคำตอบ เมื่อเห็นทีมเอาแต่นิ่ง

“มันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอกบี พ่อทีมก็เลิกความคิดบ้าๆ แบบนั้นไปตั้งนานแล้ว พ่อยังเคยแซวเลยว่าหน้าตาหล่อๆ อย่างทีม ถ้าไปเป็นดารานักร้อง สงสัยจะรุ่งกว่า .....หรือบีว่าไง”

“บีไม่อยากพูดเล่นนะทีม บีรู้สึกไม่ดีเลย”

ทีมมองผมด้วยสายตาปลอบโยนแล้วเอามือของเขามาจับมือผมไว้

“อย่าคิดมากเลยน่า ทีมเคยบอกบีแล้วไงว่าทีมคงบ้าไปแน่ๆ ถ้ายอมปล่อยให้บีมาอยู่กลางวงผู้ชายแบบนี้คนเดียว ทีมก็แค่อยากตามมาอยู่ใกล้ๆ ให้แน่ใจว่าบีปลอดภัย แล้วก็มีความสุข”

“ทีม ..... ทำไมทีมต้องทำเพื่อบีขนาดนี้ด้วย”

หลังคำถามของผม ทีมได้แต่ยิ้มให้ แล้วก็บีบมือของผมให้แน่นขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงไอรักที่ถ่ายทอดจากมือของเขามาสู่มือผมโดยไม่ต้องมีแม้แต่คำพูดใดๆ

ในตลอดช่วงบ่ายวันนั้นหลังจากที่พวกเราได้ฝึกซ้อมเล่นเครื่องดนตรีกันแล้ว พี่ๆก็ให้พวกเราฝึกการเข้าแถวในรูปขบวนและเดินตามจังหวะมาร์ชให้พร้อมเพรียง โดยมีเสียงกลองเป็นตัวให้จังหวะ

พอตกค่ำหลังจากทานอาหารเย็นกันแล้ว พี่ๆก็จัดกิจกรรมเปิดใจโดยให้พวกเราแต่ละคนเล่าถึงประวัติของตัวเองสั้นๆ รวมทั้งเหตุผล และจุดหมายที่พวกเรามาสมัครเข้าชมรมดนตรีสากล โดยทีมได้กลายเป็นคนที่เรียกเสียงปรบมือและเสียงฮือฮาจากทุกคนในคืนนั้นได้มากที่สุดเมื่อเขาตอบไปว่า

“ผมมาเข้าชมรมนี้เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผม...มาอยู่ที่นี่”

เมื่อสิ้นคำตอบของทีม ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างพากันส่งเสียงวี้ดวิ้วกันเป็นการใหญ่ จนเมื่อมีพี่คนหนึ่งถามทีมว่า.... “สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต”....ที่ทีมพูดถึงคืออะไร

ทีมทำท่านิ่งไปพักนึงก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ก็... “ดนตรี”....ไงครับ”

เพียงเท่านี้เสียงปรบมืออย่างกึกก้องของทุกคนก็ดังขึ้น

แต่ท่ามกลางเสียงชื่นชมยินดีต่อคำตอบอันเฉียบคมของทีมน .........กลับมีเพียงผมเท่านั้นที่ได้แต่นั่งยิ้มเขินๆ อย่างรู้ทันว่าที่จริงแล้วเขาหมายถึงอะไร

หลังกิจกรรมนี้เสร็จสิ้น พี่ๆก็ให้พวกเรารีบเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้นพวกเราต้องตื่นมาวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่ตี 5 แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังทยอยไปนอนกันนั้น ทีมกลับชวนผมออกมาเดินเล่น

“อย่าไปเลยนะทีม มันดึกแล้ว” ผมพยายามท้วง

“น่า ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เราอยู่ในโรงเรียนนะ”

“อย่างนั้นก็เหอะ ไปวันหลังไม่ได้เหรอ”

“ไปนะบี ทีมขอร้อง ไม่นานหรอก”

เมื่อโดนทีมขอร้องขนาดนี้ผมจึงยอมออกไปกับเขาในที่สุด

โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้ตลอดทางที่เราเดินไปนั้นมีแสงจากดวงจันทร์คอยส่องสว่างตลอดทาง

ในคืนนั้นผมเดินตามทีมไปเรื่อยๆจนกระทั่งรู้สึกได้ว่าทีมค่อยๆ เดินช้าลง เมื่อพวกเราได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่กำลังแรงขึ้น...แรงขึ้น

เมื่อเดินต่อไปอีกสักพัก ทีมก็ได้หยุดเดิน มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผมก็ต้องหยุดนิ่งยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

ผมจำได้ว่าที่ๆเรากำลังยืนกันอยู่นี้เป็นสวนไม้พุ่มขนาดเล็กที่ผมเดินผ่านแทบทุกวันเวลาไปโรงอาหารของโรงเรียน แต่ผมไม่เคยคิดจะสนใจมันเลยแม้แต่น้อย

ในเวลากลางวันสวนไม้พุ่มนี้แทบจะเรียกได้ว่าทั้งรก ทั้งสกปรกในสายตาของผม แต่เมื่อมายืนอยู่ที่นี่ในเวลาค่ำคืน สวนเดียวกันนี้กลับเปร่งประกายความงามออกมาอย่างเหลือเชื่อ ด้วยเหล่าช่อดอกราตรีสีขาวนวลจำนวนมากที่ต่างแข่งกันเบ่งบานอวดความงามภายใต้แสงจันทร์เต็มดวงในคืนนี้

นอกจากความงามที่เห็นด้วยตาแล้ว กลิ่นหอมอบอวลของดอกราตรีที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า “ผมกำลังอยู่ในสรวงสวรรค์” หรือเปล่า

“เป็นไง ถึงกับอึ้งเลยเหรอ” เสียงของทีมทำให้ผมได้สติ

“อืม แต่ทีมรู้ได้ไงน่ะ ว่ากลางคืนมันจะสวยแล้วก็หอมขนาดนี้”

“ก็บ้านทีมก็ปลูกดอกราตรีด้วยนี่ ทีมเลยรู้ว่าธรรมชาติของมันก็เป็นอย่างนี้แหละ กลางวันจะดูเหี่ยวเฉา ไร้กลิ่นดึงดูดผู้คน แต่พอกลางคืนมันก็จะบานเต็มที แล้วก็มีกลิ่นหอมมาก”

“เหรอ นึกว่าเคยพาใครมาเสียอีก”

“อย่าแหย่ทีมสิ บีก็รู้นี่ ...ว่าในโลกนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ทีมจะพามาได้”

เมื่อทีมพูดถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่ทำหน้านิ่งอย่างเขินๆ

“บีรู้มั้ย ทำไมทีมถึงชวนบีมาที่นี่คืนนี้”

“ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”

“ก็นับตั้งแต่เราเป็นแฟนกัน คืนนี้เป็นคืนแรกนะที่เราได้อยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ทีมก็เลยไม่อยากเสียโอกาส”

“โอกาสอะไรเหรอ”

“โอกาสที่ทีมอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ทีมอยากจะบอกบีมาตั้งนานแล้ว”

หลังพูดจบทีมค่อยๆเดินเข้ามาหาผม จนตัวเราเข้ามาประชิดติดกัน จากนั้นเขาจึงค่อยๆ น้อมตัวลงมาจนจมูกของเขาเกือบจะชนกับจมูกของผม ก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ทีม...รัก...บี...นะ”

สิ้นประโยคนี้ เขาก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองได้หยุดเต้นไปแล้วหรือไม่

นี่น่ะเหรอ ความรู้สึกของการถูกบอกรัก มันช่างเป็นความรู้สึกมหัศจรรย์นับร้อยนับพันที่เกิดขึ้นในช่วงเสี้ยววินาทีจนยากเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

ในเวลานั้น....ผมคิดแต่เพียงว่าในชีวิตของคนๆหนึ่ง การเกิดมาเพื่อได้ยินคำพูดนี้แม้เพียงสักครั้งในชีวิต ต่อให้ต้องตายลงตรงนี้ผมก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว

หลังจากคำบอกรักของทีม ผมได้แต่ยืนนิ่งอย่างดื่มด่ำกับความสุขนั้นจนแทบไม่อยากจะเสียมันไปจนกระทั่งทีมได้ถอนปากของเขาออก แล้วก็พูดออกมาว่า

“เมื่อกลางวัน...บีถามทีมใช่มั้ยว่าทำไมทีมต้องทำเพื่อบีถึงขนาดนี้”

ทีมหยุดไปนิดนึงก่อนจะพูดต่อว่า

“ก็เพราะบีเป็นรักแรกของทีมไง เป็นรักที่ทีมจริงจังที่สุดตั้งแต่เกิดมา ทีมเลยทั้งรัก ทั้งหวงแหนมันมากกว่าอะไรทั้งหมด ทีมจะทำทุกอย่างเพื่อถนอมรักนี้ของทีมไว้ให้นานที่สุดไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม ...."

พูดถึงตรงนี้ทีมก็หยุดมองผมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักอย่างที่สุด ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งว่า

".....ทีมรักบีนะ....รักบีมากจริงๆ”




หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 09-11-2006 02:04:29
อ้างถึง
หลังพูดจบทีมค่อยๆเดินเข้ามาหาผม จนตัวเราเข้ามาประชิดติดกัน จากนั้นเขาจึงค่อยๆ น้อมตัวลงมาจนจมูกของเขาเกือบจะชนกับจมูกของผม ก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ทีม...รัก...บี...นะ”
สิ้นประโยคนี้ เขาก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา



 :-[   จายละลายแย้ววววววว
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-11-2006 08:37:16
ว้าว ตอนนี้หวานหยดเลย  :-[

แต่ยังไงก็ลุ้นบาสอยู่นา บทน้อยจัง  :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-11-2006 09:46:54
บลูที่ร้าาาาาาาาาาาาาาาาากกกก


ทำไมบีเปงวันทองสองใจเหมือนพูห์เลยอะ


ดูนี้จิ

อ้างถึง
มเถียงด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

“คนอย่างบี นี่มันน่า...............” ทีมมองผมด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผมดี


“ทำไม จะตบบีอีกเหรอ”

“ก็ทำตัวอย่างเนี้ย มันน่ามั้ยล่ะ”

กอล์ฟมองผมด้วยสายตามันเขี้ยวสุดขีดก่อนที่จะเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนโยนลงแล้วล้มตัวลงมาโอบกอดผมไว้

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ รู้มั้ยว่าทีมทรมานแค่ไหน ช่วงที่ต้องรอคำตอบจากบี”

ผมได้แต่นอนนิ่งในอ้อมกอดของทีมอย่างรู้สึกผิด ผมคงจะทรมานเขามากจริงๆ



เหอเหอ


เหมือนกองพิสูจน์หลักฐานเลย :yeb:





ปล.


ไปแย้ววววว


นายมา


 :seng2ped:

เดี๋ยวจะมาอ่านต่อให้จบครับ


 :kikkik:


พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-11-2006 11:59:21
อ่านจบแล้น

อืมมม นึกถึงตอนเปงเด็กอะ :myeye:

เคยเปง Staff ให้วงโยที่โรงเรียนอะ

แต่ไม่เคยเล่น  :kikkik:

เพราะอยู่วงดนตรีไทย :yeb:






ปล.


มาต่อด่วนๆๆๆๆๆเลยบลู


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 09-11-2006 12:45:00
ใครที่กดตอบแล้วเพลงมันมีซ้อนกันให้ไปกดปุ่ม stop ที่เพลงด้านล่างนะครับแล้วจะหยุดเพลงได้
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  คิดถึงอดีตอะรายหรือปล่าว ผมยังไม่เคยเลยหง่ะ แบบนี้  :monkeysad:

shell ท่าทางจะเหนื่อยไปทั้งเรื่อง หรือปล่าว เอิ้กๆ

หมูพูห์  บีอ่ะแค่สอง แต่พูห์เป็งสิบป่าว เอิ้กๆ พูดอะรายออกปาย มีคนมามองตาเขียว ชะแว๊บหายตัว เด่วโดนตืบ

*******************************************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 18 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังจากการบอกรักของทีม ในคืนนั้นเราก็กลับมานอนที่ห้องชมรมซึ่งเป็นห้องเรียนวิชาดนตรีด้วยโดยทีมได้นอนกอดผมไว้อ้อมแขนของเขาตลอดทั้งคืน ขณะที่ผมก็ได้แต่นอนซบอกอุ่นของเขาไว้อย่างมีความสุขที่สุด

ถึงกระนั้น.....มันก็มีบางครั้งที่ผมต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแข็งๆมาโดนก้นของผมขณะที่ผมพลิกตัวมานอนตะแคงหันหลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา

มันคงเป็นสัญชาติญาณทางเพศที่ทีมเองก็คงห้ามไม่ได้เมื่อเขาได้กอดผมไว้อย่างนั้น เพราะในตอนนี้ทั้งผมและเขาก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเต็มตัวซึ่งถือเป็นช่วงที่เรื่องทำนองนี้กำลังตื่นตัวสูงสุด

ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ทีมที่กำลังรู้สึกถึงเรื่องนี้ ....เพราะตัวผมเองก็ต้องยอมรับอย่างอายๆว่าในคืนนั้น....ของผมเองก็ตื่นตัวแทบจะตลอดทั้งคืนเช่นกัน

แต่ในเมื่อคืนนี้เราต่างนอนอยู่ในห้องรวมร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ รวมทั้งไม่ว่าผมหรือทีมต่างก็ยังไร้เดียงสาต่อเรื่องเซ็กส์ ดังนั้นถึงแม้เราจะคู่จะเกิดความต้องการทางเพศเหมือนกันแต่เราก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเกินไปกว่านี้ได้

ทั้งผมและเขาเลยจำต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติด้วยการให้ร่างกายมันปลอดปล่อยออกมาเองในขณะที่เรานอนหลับ


ในที่สุดเมื่อการเข้าค่ายของชมรมดนตรีเสร็จสิ้นลง....ทั้งผมและทีมก็ต้องกลับมาขะมักเขม้นกับการเตรียมตัวสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง จนเมื่อการสอบเสร็จสิ้นลง เราจึงได้พักอย่างเต็มที่ในช่วงปิดเทอมใหญ่

และช่วงปิดเทอมใหญ่นี้เองก็เป็นครั้งแรกที่ผมกับทีมจะต้องห่างจากกันเมื่อคุณพ่อของทีมได้ส่งทีมไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด

แต่ถึงแม้จะต้องอยู่ไกลกัน ผมกลับรู้สึกว่าผมกับเขาไม่เคยห่างกันเลยในเมื่อทีมยังคงโทร. มาคุย หรือที่เขาเรียกว่า “โทร. มารายงานตัว” กับผมเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน

จนเมื่อเขากลับมา เขาก็รีบมาหาผมแทบจะในทันที

“คิดถึงทีมบ้างหรือเปล่า”

“เปล่านี่ ไม่เห็นคิดถึงเลย”

“บีเนี้ย เมื่อไหร่จะเลิกปากแข็งซะที”

“ไม่ได้ปากแข็งสักหน่อย ก็ไม่คิดถึงจริงๆนี่” ผมพยายามทำหน้ากลบเกลื่อนความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง

“เออๆ ช่างเถอะ ทีมขี้เกียจเถียงแล้ว เอ้านี่ ของฝาก”

“อะไรน่ะ”

“ก็ตุ๊กตาหมีไงเล่า ไม่เคยเห็นหรือไง” เขายื่นตุ๊กตาหมีขนาดพอเหมาะมาให้ผม

“ทีม บีอายุ 15 แล้วนะ”

“แล้วไง”

“ก็จะให้บีมาเล่นตุ๊กตาหมีได้ไง”

“แล้วใครบอกว่าทีมให้บีไว้เล่นละ ทีมให้มันเป็นตัวแทนของทีมต่างหาก บีจะได้เอาไว้นอนกอดแทนตัวทีมไง”

“เชอะ ใครอยากจะกอดตัวแทนของทีมกัน”

“ทำไม อยากกอดตัวจริงหรือไง”

“บ้า....” ผมพูดพลางยิ้มอย่างเขินๆ และอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาช่างรู้ใจผมจริงๆ

“นี่ อาทิตย์หน้าบีว่างป่าว”

“ทำไมเหรอ”

“ทีมอยากชวนบี ไปเที่ยวทะเล พอดีพี่ๆ ที่ชมรมฟุตบอลเขาจะไปเที่ยวกัน เขาก็เลยมาชวนทีมด้วย ไปด้วยกันนะ”

“เอ้า ทีมลาออกจากชมรมฟุตบอลแล้วนี่”

“ลาออก ก็ส่วนลาออกสิ ไม่ใช่จะเลิกคบกันสักหน่อย ไปนะบี”

“ทีมไปเถอะ ถ้าบีไปด้วยทีมอาจจะไม่สนุกก็ได้”

“แต่ทีมอยากให้บีไปนี่ เรายังไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันเลยนะ”

“ถึงบีอยากไป แม่ก็คงไม่อนุญาตหรอก”

“อันนั้นถ้าบีขอไง แต่ถ้าทีมเป็นคนเอ่ยปาก ยังไงแม่บีก็ต้องยอมให้ไปอยู่แล้ว”

และมันก็เป็นจริงตามที่ทีมพูดไว้ เมื่อเขาได้ไปขออนุญาตคุณแม่เพื่อพาผมไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ท่านก็อนุญาตแทบจะในทันที แถมยังบอกว่า

“ดีเหมือนกันนะ ปิดเทอมนี้บีเขายังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ยังไงแม่ก็ฝากบีด้วยนะลูก”

เป็นอีกครั้งที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า ตกลงแล้ว แม่ผมคงรักทีมมากกว่าลูกในไส้ของตัวเองจริงๆด้วย

หลังจากนั้นในวันเสาร์ต่อมาผมก็แบกเป้เสื้อผ้าไปพบกับทีมตามนัดที่โรงเรียน ซึ่งตอนนั้นเพื่อนๆพี่ๆที่จะเดินทางไปด้วยกันก็มาถึงกันหมดแล้ว รวมทั้ง

“นี่ นายก็ไปด้วยเหรอบาส” ผมทักเขาเมื่อเห็นเขายืนอยู่กับทีม

“ทำไม ไปไม่ได้หรือไง” บาสตอบกลับมาอย่างโกรธๆ

“แค่ถามเล่นๆ ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสด้วย”

“ก็น้ำเสียงเหมือนบีจะมีปัญหาที่เห็นเราไปด้วย”

“ใครกันแน่ที่อยากจะมีปัญหา” ผมเริ่มขึ้นเสียงบ้าง

“นี่พอเหอะ หยุดทะเลาะกันสักที”

เสียงของทีมที่ดังขึ้น ทำให้เราทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน

“บีก็คนรัก ส่วนไอ้บาสมันก็เพื่อนรัก เห็นใจคนกลางอย่างทีมหน่อยสิ เวลาทะเลาะกันอย่างนี้จะให้ทีมทำไง”

จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับผม

“บี....จริงๆที่ไอ้บาสมาขอตามมาด้วยก็เพราะมันเห็นว่ามีสาวๆไปเยอะเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”

“บีก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่ถามเฉยๆ แล้วทำไมต้องมาขึ้นเสียงกันด้วย” พูดจบผมก็เดินงอนออกไป โดยได้ยินเสียงทีมพูดตามหลังมาว่า

“ไงล่ะ เมียกูงอนเลยเห็นมั้ย มึงนี่ เฮ้อ”

พูดจบเขาก็เดินตามมาพาผมไปขึ้นรถบัสที่เตรียมไว้ เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถผมจึงได้เห็นสมาชิกที่ร่วมเดินทางไปกับเราในทริปนี้อย่างชัด ๆ

นอกจากรุ่นพี่ในชมรมฟุตบอล ทีม บาส และผมแล้ว ทัวร์ของเราครั้งนี้ก็มีสาวๆอย่างที่ทีมบอกมาร่วมทริปด้วยราว 5 – 6 คนซึ่งเท่าที่เห็น......ผมคิดว่าสาวๆรุ่นพี่เหล่านี้ค่อนข้างจะแรงเอาการ

ไม่สิ.....เท่าที่ผมเห็นการแสดงออกของพี่ๆ เหล่านี้ตลอดทางที่รถวิ่งไปยังจุดหมาย คำว่า “แรง” อาจจะยังดูน้อยไป จริงๆแล้วผมควรจะเปลี่ยนจาก “ง” เป็น “ด” ถึงจะดูเหมาะกว่า โดยเฉพาะพี่ผู้หญิงคนนึง

“ว่าไงจ๊ะน้องทีม พี่ขอนั่งด้วยได้มั้ย”

หลังพูดจบ พี่คนนั้นก็นั่งเบียดเข้ามาบนเบาะที่มีผมกับทีมนั่งอยู่แล้ว

ถ้าผมเป็นผู้ชายแท้ๆ...ผมคงนึกอิจฉาทีมพิลึกที่พี่ผู้หญิงคนนี้มานั่งเบียดเขาอยู่ เพราะเท่าที่เห็นพี่ผู้หญิงคนนี้มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ผู้ชายต้องการ คือทั้งขาว และ อวบ โดยเฉพาะหน้าอกอิ่มขนาดใหญ่เกินวัยคู่นั้นเป็นจุดดึงดูดสายตาที่ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงอดมองไม่ได้ และดูเหมือนเธอเองก็คงภาคภูมิใจในจุดเด่นข้อนี้ของเธอไม่น้อย เพราะเสื้อยืดที่เธอใส่ในวันนี้ก็ดูเหมือนจงใจที่ต้องการจะเน้นจุดเด่นของเธอนี้ให้แตะตาขึ้นมาเป็นพิเศษ

“ไปทะเลทั้งที ทำไมมาแต่กับเพื่อนผู้ชายล่ะ ไม่เอาแฟนมาด้วยเหรอ”

“เอ่อ คือ.....”

ทีมทำท่าอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี เพราะเรื่องของผมกับเขาก็เป็นความลับที่รู้ในหมู่เพื่อนสนิทเท่านั้น

“แต่ไม่เอามาน่ะดีแล้ว เพราะถ้าทีมเหงาพี่จะได้ช่วยได้ไง”

พูดจบพี่คนนี้ก็ส่งสายตายั่วยวนมาทางทีมแถมยังจงใจหันหน้าอกอันมหึมานั้นมาโดนตัวทีมอีก จนทีมเองถึงกับสะดุ้ง โชคดีที่มีเสียงพี่ผู้หญิงอีกคนจากด้านหลังตะโกนมาขัดจังหวะเสียก่อน

“กลับมานี่อีกุ้ง เดี่ยวไก่ตื่นหมดหรอก”

“เออนา รู้แล้ว งั้นเดี๋ยวพี่ค่อยมาหาใหม่นะจ๊ะน้องทีม หรือทีมจะมาพี่บ้างก็ได้ พี่ยินดีต้อนรับแล้วก็ยินดีบริการทุกเรื่อง”

พี่คนนี้ยังไม่วายหยอดก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เบาะด้านหลัง

หลังจากพี่คนนั้นลุกออกไป พี่ผู้ชายซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างๆทีมก็หันมาพูดกับพวกเราว่า

“สงสัยมึงต้องๆไปอยู่ในบัญชีของอีกุ้งแน่ว่ะไอ้ทีม เตรียมตัวไว้เถอะมึง”

“บัญชีอะไรคับ”

“บัญชีผู้ชายไง” พูดจบพี่คนนั้นก็หัวเราะออกมา แต่ผมกับทีมกลับขำไม่ออก

จริงๆ แล้วผมเคยได้ยินมาบ้างเรื่องที่มีผู้หญิงบางประเภทชอบล่าผู้ชายที่เป็นหนุ่มฮอทของโรงเรียนเพื่อมาจดลงในบัญชีรายชื่อส่วนตัวแล้วนำไปอวดกันว่าใครได้ฟันหนุ่มหล่อของโรงเรียนมากกว่ากัน แต่ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่ได้ยินมานี้จะเป็นเรื่องจริง

ตั้งแต่เล็กจนโต ผมก็เรียนห้องเก่งมาตลอด ดังนั้นผู้หญิงที่ผมรู้จักจึงมีแต่คนที่ขยันเรียน นิสัยดี สุภาพ และรักนวลสงวนตัว การมาเจอผู้หญิงที่มีอุปนิสัยอย่าง “พี่กุ้ง” จึงทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า...เราเหมือนอยู่กันคนละโลก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมก็อดมองไปที่ทีมไม่ได้ และดูเหมือนเขาเองก็จะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เขาจึงเอามือมาจับผมไว้แล้วบอกผมว่า

“ไม่มีอะไรหรอกน่า เชื่อใจทีมนะ”

ในวันนี้ ราวๆก่อนเที่ยงพวกเราก็เดินทางมาถึงที่พักโดยผู้ชายจะพักบังกะโลหลังนึง ขณะที่ผู้หญิงนั้นพักที่บังกะโลซึ่งอยู่ติดกัน

หลังจากแยกย้ายเข้าที่พัก และได้จัดแจงเก็บกระเป๋าเข้าที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะกลับมาเล่นน้ำทะเลกันในช่วงบ่าย

ในตอนแรกผมพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะลงเล่นน้ำทะเล แต่เมื่อโดนทีมรบเร้าหนักเข้าผมจึงยอมลงไปเล่นน้ำทะเลพร้อมกับเขาและคนอื่นๆในที่สุด

จนเมื่อถึงช่วงบ่ายแก่ๆผมจึงได้ขอตัวขึ้นมานั่งพักบนชายหาด ในเวลานั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นภาพบางอย่างที่ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะในขณะที่ทุกคนกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บาสกลับมานั่งวาดรูปอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว

ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้กักขฬะและลามก แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะมีมุมที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้อยู่ด้วย

“ทำอะไรน่ะ” ผมเดินเข้าไปทัก

“ก็เห็นอยู่แล้วนี่ ถามทำไม”

คำตอบห้วนๆที่ผมได้รับทำให้ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมบาสกับทีมถึงเป็นเพื่อนสนิทกัน

“พูดด้วยดีๆนะ อืม...รูปสวยดีนี่” ผมชมเขาจากใจจริงเมื่อเห็นรูปที่เขากำลังวาด

“ไม่ต้องแกล้งชมหรอก ฝีมือบาสมันห่วยๆอย่างนี้แหละ”

“นี่ไม่ได้แกล้งชมนะ มันสวยจริงๆ แล้วนี่วาดแต่รูปวิวเหรอ ไม่วาดรูปคนบ้างเหรอ”

“ทำไม”

“ก็จะได้ขอบาสให้วาดรูปบีบ้างไง”

หลังคำพูดของผม บาสชะงักไปนิดนึงก่อนจะตอบว่า

“ใครอยากจะวาดรูปบีกัน”

“รู้แล้วน่า แค่ถามไปอย่างงั้นแหละ บาสก็คงอยากวาดแต่รูปสาวๆละสิ”

“นี่เอาเวลาที่จะมาคุยกับบาส ไปเฝ้าไอ้ทีมมันไม่ดีกว่าเหรอ”

พูดจบบาสก็หันไปมองในทะเลจนผมเห็นสิ่งที่บาสกำลังจะพยายามบอก เมื่อพี่กุ้งได้กลับมาก้อล้อก้อติกกับทีมอีกแล้ว

ในตอนนั้นผมรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่เพราะท่าทางยั่วยวนที่เขามีให้ทีม แต่เสื้อยืดสีขาวตัวที่เธอใส่ลงเล่นน้ำนั้นมื่อโดนน้ำทะเลมันก็บางมากจนเหมือนกับไม่ได้ใส่อะไรเลย ดูเหมือนเธอจงใจจะให้ทีมเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ผู้หญิงดีๆ ควรจะสงวนเอาไว้

แม้จะรู้สึกไม่สบายใจแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของทีมที่ให้ผมเชื่อใจเขา รวมทั้งความมั่นใจลึกๆ ว่าทีมไม่มีวันสนใจผู้หญิงต่ำๆ แบบนี้ ผมก็เลยหันกลับมาคุยกับบาสต่อ

ราวๆ 5 โมงเย็นทุกคนก็เลิกเล่นน้ำ แล้วก็มาช่วยกันจัดบาร์บีคิวปาร์ตี้ จนในช่วงค่ำๆ หลังจากที่พวกเราอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารแล้ว พวกผู้ชายก็เริ่มมาตั้งวงกินเหล้าโดยมีผู้หญิงกลุ่มนั้นทั้งกลุ่มมาร่วมด้วย

“บี เอ่อ วันนี้ทีมขอกินเหล้ากับพี่ๆเขานะ”

“เอาสิ บีไม่ว่าอะไรนี่ แต่บีขอไปนอนก่อนนะ บีง่วงมาก แล้วขืนนั่งอยู่เดี๋ยวก็โดนคะยั้นคะยอให้ดื่มอีก บีไม่อยากกินเหล้า”

“อืม งั้นเดี๋ยวดึกๆ ทีมจะตามไปนะ”

พูดจบเขาก็มากระซิบข้างหูผมต่อว่า

“แต่เตรียมตัวไว้ล่ะ ถ้าทีมเมา....ทีมอาจจะทำอะไรที่ห้ามใจไม่อยู่ก็ได้”

“ บ้า....”

ผมพูดอย่างยิ้มๆ แล้วก็เดินกลับไปนอนในบังกะโล ซึ่งกว่าจะนอนหลับก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะผมมัวแต่ตื่นเต้นกับประโยคที่ทีมพูดไปเมื่อกี้ ถ้าเขาจะทำอย่างนั้นจริงๆล่ะ ผมจะทำยังไง

ผมนอนคิดไปเล่นๆอย่างนั้นจนเริ่มง่วง ในขณะที่ได้ยินเสียงพูดคุยเฮฮาของวงเหล้าด้านนอกไปอีกสัก ผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรู้สึกถึงมือที่เข้ามากอดผมจากด้านหลังเนื่องจากผมนอนตะแคงอยู่

ผมรู้สึกได้ว่าคราวนี้เขากอดผมค่อนข้างแน่นและแรงกว่าทุกครั้ง แต่เพราะความเขินอายและกลิ่นเหล้าที่แรงมากของเขาทำให้ผมได้แต่นอนหันหลังอยู่ในอ้อมแขนอย่างนั้นจนเผลอหลับไปอีกครั้งในที่สุด

แต่ราวๆตีสี่ เมื่อผมรู้สึกเมื่อยกับการนอนในท่าตะแคง ผมจึงค่อยๆ พลิกตัวเพื่อหันหน้าไปหาทีมแต่แล้วผมก็ต้องพบกับความตกใจสุดขีดเมื่อแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องทำให้ผมเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่นอนกอดผมมาทั้งคืนนั้นไม่ใช่ทีม หากแต่เป็น.... “บาส”

ผมค่อยๆเอามือของบาสออกไปจากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วพยายามกวาดสายตาไปทั่วห้องแต่กลับไม่เห็นทีมอยู่ในห้องเลย และเมื่อผมเดินออกไปด้านนอกก็พบแต่ซากของวงเหล้าที่บัดนี้มีแต่แก้วน้ำ จาน ชามและขวดเหล้าวางอยู่เกลื่อนกลาดแต่ไม่มีใครอยู่ที่นั้นแม่แต่คนเดียว

แล้วทีมล่ะ...ทีมหายไปไหน

ด้วยความเป็นห่วงผมจึงได้แต่นั่งรอทีมอยู่ที่ม้านั่งหน้าบังกะโล แต่จนแล้วจนเล่าเขาก็ยังไม่กลับมาจนผมเผลอหลับไปในที่สุด

ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งตอนรุ่งสางเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับตัว และเมื่อลืมตาตื่นผมก็เห็นบาสกำลังเอาผ้านวมมาห่มตัวผมไว้

“ตื่นแล้วเหรอ ทำไมมานอนตรงนี้เนี้ย เดี๋ยวไม่สบายหรอก แล้วมานอนข้างนอกอย่างนี้ ยุงไม่กัดแย่เหรอ”

“บาส บาสเห็นทีมหรือเปล่า”

ตอนนี้ผมไม่สนใจตัวเองอีกแล้ว ผมแค่เป็นห่วงทีม ผมอยากรู้ว่าเขาหายไปไหน

“มันไม่เป็นไรหรอก เผลอๆมันยังสบายดีกว่าบีด้วยซ้ำ กลับเข้าไปนอนในห้องเถอะ อย่าทรมานตัวเองอย่างนี้เลย”

“บาสรู้ใช่มั้ยว่าทีมไปไหน”

“เอ่อ คือ....บาสว่าบีอย่าไปสนใจมันเลยน่า เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ”

คำตอบอึกอักของบาสทำให้ผมมั่นใจได้อย่างนึงว่าทีมอยู่ในที่ปลอดภัยแน่ๆ แต่ผมก็ไม่แน่ใจสมมุติฐานถึงที่อยู่ของทีมที่มีอยู่ในใจของผมว่าจะถูกต้องหรือไม่ แต่ถึงไม่มั่นใจผมก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้

“งั้นเหรอ งั้นถ้าเขากลับมาฝากบอกทีมด้วยนะว่าบีขอกลับบ้านก่อน”

“บี ไม่เอาน่า”

บาสพยายามร้องห้ามผม แต่มันไม่เป็นผล ผมรีบเดินเข้าไปเก็บกระเป๋าอย่างปวดร้าว แล้วแวะไปล้างหน้าล้างตาให้ดูสดชื่นขึ้น จนเมื่อผมเดินออกมาผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่หน้าบังกะโล

“ไอ้เฮี้ย ทำไมมึงกลับมาป่านนี้ว่ะ กูเตือนมึงแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเสร็จแล้วก็ให้รีบกลับ รู้มั้ยบีมานอนรอมึงอยู่ข้างนอกนี่ทั้งคืน”

“กูก็ไม่ตั้งใจนี่หว่า เอ่อ บีไม่รู้ใช่มั้ยว่ากูหายไปไหน”

“ไม่รู้กับพ่อมึงสิ บีมันคงคิดว่ามึงไปตกปลาหมึกในทะเลมั้ง บีมันไม่โง่นะโว้ย แค่เห็นท่าทีของมึงกับอีพี่กุ้งอะไรนั่นเมื่อวาน บีมันก็พอเดาได้แล้ว แล้วเนี้ยกำลังเก็บกระเป๋าจะกลับบ้านแล้วด้วย”

“แม่งเอ๊ยยยยยยยยย ไม่น่าเลยกู”

“กลับเช้าขนาดนี้ แม่งเสร็จไปกี่ทีวะ”

“ 3 ”

“ 3 ? เฮ้ย ไปตายอดตายอยากมาจากไหนว่ะเนี้ย”

“ก็พี่กุ้งเค้าไม่ยอมปล่อยกูกลับนี่หว่า นี่....มาคุยเรื่องนี้ทำไมตอนนี้วะ มึงมาช่วยกูคิดก่อนว่ากูจะแก้ตัวกับบียังไงดี”

“อยากถามบีมั้ยล่ะ ว่าแก้ตัวยังไงบีถึงจะเชื่อ”

การปรากฏตัวของผมต่อหน้าทีมและบาส ทำให้ทั้ง 2 คนถึงกับยืนนิ่งอย่างพูดอะไรไม่ออก

“ก็พูดความจริงสิ ความจริงน่ะดีที่สุด แต่บีว่าคงไม่ต้องแล้วมั้ง เพราะบีบังเอิญบีได้ยินหมดแล้ว”

พูดจบผมก็หันไปมองทีมอย่างเจ็บปวดที่ถูกชายคนรักนอกใจ แล้วจึงตัดสินใจรีบเดินออกไปในขณะที่น้ำตาก็ได้ไหลลงมาอาบแก้มอย่างที่ผมไม่สามารถจะห้ามได้ ขณะที่ทีมเองก็รีบวิ่งตามผมออกมาแล้วก็มาดึงแขนผมไว้

“เดี๋ยวบี ฟังทีมก่อน ทีมขอโทษนะ ทีมไม่ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้”

“ไม่ตั้งใจเหรอ”

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้เอาคำว่า “ไม่ตั้งใจ”มาใช้กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเมื่อคืน

“ทีมเมา ทีมเมามากจริงๆนะ เข้าใจทีมหน่อยสิ ยังไงทีมก็เป็นผู้ชายนะ โดนผู้หญิงให้ท่าขนาดนั้น ทีมก็ห้ามตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน”

“งั้นเหรอ ขนาดเมา ขนาดไม่ตั้งใจ ทีมก็ยังเสร็จไปตั้ง 3 ยกเลยนี่”

เมื่อจำนนด้วยคำพูดที่ผูกมัดตัวเองเมื่อครู่ เขาจึงยอมรับผิด

“ใช่....ทีมเองก็ผิด แต่บียกโทษให้ทีมได้มั้ย ทีมสัญญาจะไม่ทำอีก”

“ยกโทษเหรอ ถ้าบียกโทษให้ทีมแล้วยังไงล่ะ ทีมจะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่ทีมทำกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ”

“พี่กุ้งเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับทีมหรอกนะบี เราก็แค่มีเซ็กส์กัน จบแล้วก็จบกันไป”

“ไม่จริงหรอก มันก็แค่คำพูดที่เห็นแก่ตัวของผู้ชายอย่างทีมเท่านั้นแหละ ผู้หญิงคนไหนบ้างจะไม่ผูกพันกับคนที่ตัวเองมีอะไรด้วย”

“บี...ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็นคนดีเหมือนกับคนที่บีคุ้นเคยนะ นี่มันไม่ใช่โลกที่บีรู้จักเลยด้วยซ้ำ ขนาดพี่กุ้งเขายังไม่แคร์อะไรเลย แล้วบีจะเดือดร้อนไปทำไม”

“นั่นสิ บีจะเดือดร้อนไปทำไม บีเป็นอะไรกับทีมเหรอ”

“ทีมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะบี”

“นี่น่ะเหรอที่ทีมเคยบอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อถนอมรักนี้ของทีมไว้ให้นานที่สุดไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม แต่ขอโทษนะทีมคงรักษามันไว้ไม่ได้แล้วล่ะ.....เรามาเลิกกันเถอะ”

“อะไรนะ”

“ทีมได้ยินชัดแล้วนี่ เรามาเลิกกัน”

หลังประโยคนี้ผมเห็นเขานิ่งไปนิดนึง ก่อนที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างโกรธจัด

“คำก็เลิก สองคำก็เลิก ทำไมหา ทำไมเวลาทะเลาะกันทีไร บีชอบท้าทีมเลิกอยู่เรื่อย ทีมมันไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับบีเลยใช่มั้ย ที่ทีมทำมาทุกอย่างมันไม่ทำให้บีรักทีมขึ้นเลยหรือไง ไม่ว่าบีจะทำผิดอะไร ทีมก็ยกโทษให้ทุกครั้ง ไม่ว่าบีอยากได้อะไรทีมก็ตามใจทุกอย่าง บีจะงอนอย่างไร้เหตุผลแค่ไหน ทีมก็ตามง้อไม่เคยขาด กี่ครั้งที่บีทำให้ทีมเจ็บปวด ทีมก็ไม่เคยปริปาก ทีมถึงขนาดยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อให้ได้ไปอยู่ใกล้ๆบี ................ ทั้งหมดที่ทีมทำมา มันไม่พอเหรอ มันไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับบีเลยใช่มั้ย”

ถึงตรงนี้ทีมก็หยุดนิ่งพลางหลับตาลงอย่างปวดร้าว แล้วก็กัดฟันพูดออกมาว่า

“ก็ได้ ถ้าทีมมันเลวนัก ตั้งแต่วันนี้เราก็เลิกกันไปเลย ........แต่รู้อะไรมั้ย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทีมคิดมาตลอดว่ามีเพียงแต่ทีมเท่านั้นที่รักบีอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนบีน่ะ...ไม่เคยรักทีมเลย”

“อย่างงั้นเหรอ ทีมคิดอย่างนั้นเหรอ บีก็หวังอยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือน บีก็อยากให้ที่ผ่านมาบีไม่ต้องรักทีมเลยแม้แต่สักนิดเดียว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ....บีก็คงไม่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้”

--------------------------------------





หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 09-11-2006 14:24:11
โอ้ยยย เศร้าเลย  บรรยากาศอึดอัดไปเลย  ว่าจะมาเที่ยวด้วยกันแท้ ๆ ยายพี่นั่นท่าจะอึ๋มได้ใจ เหอ เหอ  (นึกเอาเองว่าไม่น่าจะมีอารมณ์
อย่างว่ากับผู้หญิงได้  แปลว่ามีได้กับทั้งสองเพศเลยเหรอคะ  โทษทีคะที่ถาม ไม่ตอบก็ได้นะ  หน้าไม่อายเลยตรู)  นั่นแหละ  คราวนี้บาส
ดูเป็นคนดีเน้อ  ผิดคาด  สงสัยไม่ชอบทีมก็บีแหง่เลย

วันนี้คุณบลูมาต่อสองตอนเลยแฮะ  ดีจาย ดีจาย  ได้อ่านเยอะดี  รออยู่น้า ทำตาละห้อย  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-11-2006 14:51:53
อ้าวววววว


ทำไมทำไม :serius2:








ปล.



ใครไม่โดนกะตัวก็ไม่รู้หรอกครับ


โหดร้ายมั้กม้าก :monkeysad:


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-11-2006 15:41:26
ทีม ทำอย่างงี้ แม่ไม่ปลื้มนะ  :laugh:

บี อย่าไปยอมนะ เรื่องแบบนี้อภัยกันไม่ได้  :pigangry2:

ยังไงก็ลองหันไปมองคนอื่นที่อยู่ข้าง ๆ หน่อยนะ (บาสไง  :try2: ) ยังมีคนดีอีกเยอะ

คืนนี้มีต่ออีกหรือเปล่า จะรออ่านนะค้า  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 09-11-2006 16:20:18
ง่า........................(งานนี้โน คอมเม้น) งิงงงง
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 09-11-2006 19:19:50
เหอๆๆ...คู่นี้  ชักจะไปไม่รอดซะแล้ว

คนนึงเป็นไฟ  อีกคนก็น้ำมัน  เอาเข้าไปสิ

หุหุหุ...แต่เลิกกันก็ดีนะ  บาสจะได้เสียบ

คราวนี้บาสคงจะคู่กับบี  แล้วทีมไปคู่กะกอล์ฟ  <<....รึป่าวหว่า 55+


คุณบลู  ผมไม่ได้คาดเดาเรื่องนะครับ  ผมแค่คิดไรแก้เซ็งเฉยๆ 

เพื่อความมันส์ในอารมณ์ 555+

ต่อไวๆนะครับ  รออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-11-2006 00:51:31
มูมู่น้อย  Aki_Kaze  พูดไม่ออกครับ  :pigangry2:

หมูพูห์ พูดยังกับเคยโดน หรือ เคยทำหวา คิกคิก

shell  คนเรามันจะผิดพลาด ก็ไม่ควรขนาดนี้

FlukeHub ผมก็ว่ากอฟแม้จะจากไป แต่เขาก็ไม่ทำอะไรหักหาญน้ำจาย ต่อหน้าต่อตาแบบนี้

เพื่อนๆอย่าลืมว่าภาค1 นี่คือเรื่องจริงนะ
และโปรดจดจำรายละเอียดของภาคหนึ่งให้ดีนะครับ มีผลต่อการอ่านภาค2 อย่างรุนแรง

******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 19 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังจากเหตุการณ์ที่ทีมนอกใจผมผ่านไป ผมก็ได้แต่กลับมาร้องไห้ฟูมฟายกับสิ่งที่เขาทำกับผมอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าในที่สุดเราจะต้องมาเลิกกันเพราะเรื่องนี้

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ผมต้องตัดสินใจเลือกระหว่างกอล์ฟกับทีม...ผมก็เคยคิดมาบ้างว่าเรื่องทำนองนี้อาจจะเกิดขึ้นกับผมไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะในที่สุดแล้วผู้ชายอย่างทีมก็คงหนีเรื่องทำนองนี้ไม่พ้น

ผมจึงได้แต่บอกตัวเองว่า.......ผมคงต้องยอมใจกว้างให้เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นได้บ้าง

แม้จะต้องเจ็บปวดแต่ผมก็จะยอมทนเพื่อรักษาความรักของเราเอาไว้

แต่แล้วเมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริงๆ ผมกลับไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้ เมื่อพบกับความจริงที่ว่าเขาได้ทิ้งให้ผมต้องนอนตากน้ำค้าง ตากยุงด้วยความเป็นห่วงทั้งคืน ในขณะที่เขากลับไปเริงรักอย่างมีความสุขอยู่กับผู้หญิงอีกคน

ความจริงนี้มันทำให้ผมเจ็บปวดจนเกินจะทน

บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่า....ในขณะที่เขากำลังมีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนนั้น จะมีสักครั้งมั้ยที่เขาจะนึกถึงผม

จะมีสักครั้งมั้ยที่เขาจะนึกว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดของผมสักแค่ไหน

ถ้าหากเขารักหรือคิดถึงผมจริงๆ ทำไมเขาถึงยังทำอย่างนี้กับผมได้

ยิ่งคิดผมจึงยิ่งแค้นผู้ชายคนนี้อย่างเหลืออด ในขณะที่อีกใจก็พร่ำบอกตัวเองว่าไม่ว่าเขาจะทำกับผมยังไง แต่ในใจผมก็ยังรักเขา...ผมยังรักเขามากเหลือเกิน

ความรู้สึกของผมในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความสับสน เป็นความรู้สึกที่ทั้งรัก ทั้งแค้นผู้ชายคนนี้จนไม่รู้ว่าผมควรจะให้อภัย หรือเอาคืนเขาดี

จนกระทั่งเมื่อวันเปิดเทอมมาถึง ทั้งผมและเขาต่างก็มึนตึงเข้าหากันจนเพื่อนๆ พากันสงสัย แต่ดูเหมือนเรื่องแค่นี้จะเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับที่ทุกคนได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งก็คือพี่กุ้งมายืนรอทีมหน้าห้องแล้วก็พากันเดินไปทานข้าวด้วยกันอย่างหวานแหวว

ผมสังเกตว่าก่อนออกไป ทีมพยายามแสดงความรักกับพี่กุ้งอย่างที่ผมสามารถดูออกว่าเขากำลังเสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้ผมหึง แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่ามันไม่ได้ผล

ตลอดระยะเวลาที่ผมคบกับทีมมาทำให้ผมรู้จักผู้ชายคนนี้ดี ลูกไม้เดิมๆนี้เขาก็เคยนำมาใช้ครั้งนึงแล้วกับผู้หญิงที่ชื่อพี่แก้ว แต่ตอนนั้นเขาก็น่าจะรู้แล้วว่ามันไม่ได้ผลจนเขาเองนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายมาเสียน้ำตาต่อหน้าผมเอง

ดังนั้นในคราวนี้เมื่อเขานำลูกไม้เดิมๆมาใช้อีก ผมจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาไม่ได้จดจำบทเรียนในอดีตบ้างเลยหรือไง

บางทีผมอาจต้องให้บทเรียนกับเขาบ้าง เพื่อที่จะให้เขาได้รู้ว่า…. “เขาไม่ได้เล่นเกมนี้เป็นคนเดียว”

ผมจึงตัดสินใจว่าจะลดตัวลงไปเล่นเกมสกปรกนี้กับทีมสักครั้ง แล้วเขาก็จะได้รู้ว่าเวลาผมโกรธ ผมก็ทำเรื่องเลวๆ เป็นเหมือนกัน

ดังนั้นหลังจากไปทานมื้อเที่ยงแล้ว ผมจึงเดินไปนั่งใช้ความคิดที่ชมรมดนตรีเพื่อมองหาว่าผมจะใช้ใครมาร่วมเล่นเกมนี้ดี

แน่นอน ชื่อของ “กอล์ฟ” ย่อมถูกตัดทิ้งเป็นชื่อแรก เพราะความสัมพันธ์ที่ผมมีกับเขามันสูงส่งเกินกว่าที่ผมจะดึงเขาลงมาเล่นเกมสกปรกระหว่างผมกับทีมได้

ในระหว่างที่ผมกำลังคิดไม่ตกถึงผู้ชายคนนั้น อยู่ดีๆ โชคชะตาก็ส่งเขามาให้ผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ว่าไงจ๊ะน้องบี มานั่งคิดอะไรคนเดียวคับ ดูเครียดเชียว”

เสียงจากพี่ปอนด์ที่ทักผมทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา

“หรือว่าคิดถึงพี่หรือเปล่าเอ่ย”

สิ้นเสียงแซวของพี่ปอนด์ ผมก็ได้คำตอบทันทีว่าหากจะมีใครสักคนที่ไม่ใช่กอล์ฟซึ่งจะทำให้ทีมหึงผมอย่างสุดๆ .......คนๆนั้นก็ต้องเป็นพี่ปอนด์นี่หละ

เพราะนอกจากพี่ปอนด์จะเป็นหนุ่มหน้าตาดี เป็นนักร้องนำและมือเบสของวงดนตรีโรงเรียนแล้ว เขายังเป็นที่รู้กันว่ามีฐานะทางบ้านที่ “รวยมาก”

คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างนี้ล่ะถึงจะสูสีกับหนุ่มฮอทอย่างทีมได้

ที่สำคัญกิตติศัพท์ในความเป็น “เพลย์บอย” ของผู้ชายคนนี้คงทำให้ผมสามารถดึงเขามาเล่นเกมนี้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะยังไงเสียเขาก็คงไม่ได้จริงจังกับผม ในขณะที่ผมเองก็คงผละจากเขามาได้ไม่ยาก

การที่ผมได้รู้มาว่าเขาได้ทำให้ทั้งผู้หญิง และเกย์เสียน้ำตาเพราะเขามานักต่อนัก ทำให้ผมไม่ต้องรู้สึกผิดมากนักที่จะใช้เขาเป็นเครื่องมือ

สิ่งเดียวที่ผมต้องระวังไว้ก็คือต้องไม่ให้เขา “ฟัน” ผมได้ก่อนที่เกมจะจบลง

“ไม่ยักรู้ว่านอกจากเล่นดนตรีเก่งแล้ว พี่ยังอ่านใจคนได้อีกเหรอ” ผมเริ่มเดินตามแผน

“อะไรนะ” พี่ปอนด์ถามผมอย่างประหลาดใจ

“ก็บีกำลังคิดถึงพี่ปอนด์อยู่จริงๆนี่”

คำตอบของผมทำให้พี่ปอนด์ถึงกับอึ้ง

“จำได้มั้ย ที่พี่ปอนด์บอกว่ายินดีช่วยบีทุกเรื่อง”

“จำได้สิ ทำไม? บีจะให้พี่ช่วยอะไร”

“พี่ปอนด์ช่วยมาเป็นแฟนบีได้หรือเปล่า”

“บี...ล้อพี่เล่นหรือเปล่า”

“ป่าว บีชอบพี่ปอนด์อ่ะ แอบชอบมานานแล้ว”

พี่ปอนด์ถึงกับอึ้งในคำตอบของผมอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมาว่า

“แน่ใจนะว่าอยากเป็นแฟนพี่จริงๆ ไม่เคยได้ยินฉายาพี่หรือไง”

“อ๋อ ปอนด์เพลย์บอย นะเหรอ”

“ใช่ รู้อย่างงี้แล้วยังกล้ามาขอเป็นแฟนกับพี่อีกเหรอ”

“ก็บีอยากรู้นี่ว่าถ้าเป็นแฟนกับหนุ่มเพลย์บอยอย่างพี่ปอนด์แล้วจะเป็นไง”

“ทำไม? อยากเล่นกับไฟหรือไง”

“แล้วพี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าบีอาจเป็นน้ำที่มาดับไฟก็ได้”

“ฮึ ฮึ ใช้ได้เฮะเรา เอาวะ มีแฟนเป็นนักเรียนดีเด่นดูบ้างก็ไม่เลวนี่ แต่ทีหลังถ้าต้องมาเสียใจเพราะพี่ บีก็อย่ามาคร่ำครวญแล้วกัน”

“ไม่หรอก มันไม่มีวันนั้นแน่”

ผมแน่ใจว่าสิ่งที่พี่ปอนด์พูดกับผมย่อมไม่มีวันมาถึงแน่นอน การที่เขาจะทิ้งผมไปในวันข้างหน้าก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะไม่อย่างนั้น...ผมนี่ล่ะจะเป็นฝ่ายที่ทิ้งเขาเองเมื่อเวลาอันเหมาะสมมาถึง

หลังจากตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ผมก็เริ่มเดินตามเกมของผมทันทีด้วยการที่ในเย็นวันนั้นผมนัดพี่ปอนด์ให้มารับผมที่ห้องเพื่อจะไปทานไอติมด้วยกัน

แน่นอนการปรากฏตัวของพี่ปอนด์ที่ห้องของผมย่อมเรียกเสียงฮือฮาจากคนทั้งห้อง เพราะอยู่ดี ๆ รุ่นพี่ ม. 5 ที่เป็นถึงหนุ่มในฝันของสาวๆ กลับมาที่ห้องของนักเรียน ม. 3 โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ก็คือใครกันที่เป็นต้นเหตุให้เขามาถึงที่นี่ และเมื่อผมเดินออกไปพูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนมรวมทั้งแกล้งพูดให้ทุกคนได้รู้ว่าเขามารับผมไปกินไอติม สีหน้าของทุกคนโดยเฉพาะบรรดาเพื่อนสนิทที่รู้เรื่องของผมกับทีมต่างก็พากันตกอกตกใจกันขนาดใหญ่กับข่าวใหม่นี้

แต่ต่อให้เอาความรู้สึกของทุกคนมารวมกันก็คงไม่เท่ากับสีหน้าตกใจสุดขีดของทีมที่เขากำลังแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังในตอนนี้ ผมว่าเขาคงกำลังช็อคที่เห็นหนุ่มฮอทของโรงเรียนอย่างพี่ปอนด์มารับผมไปกินไอติมถึงห้อง

หลังจากบอกลาเพื่อนๆ ผมก็เดินตามพี่ปอนด์ออกไปด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม เมื่อไปถึงร้านผมก็สั่งไอติมรสโปรดอย่างสบายใจเพื่อรอเวลาที่แผนขั้นต่อไปจะมาถึง ซึ่งนั่นก็ใช้เวลาไม่นานนักเพราะสักพักทีมกับพี่กุ้งก็เดินมาที่ร้านไอติมเช่นกัน

ผมไม่ได้รู้สึกตกอกตกใจกับการปรากฏตัวของ 2 คนนี้เลยเพราะจริงๆ แล้วต้องบอกว่า...มันเป็นสิ่งที่ผมคาดเดาไว้แล้วต่างหาก

ความเป็นคนตรง โผงผางของทีมทำให้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้สลับซับซ้อน หรือดูยากอะไร เกือบ 2 ปีที่ผมคบกับเขาทำให้ผมรู้จักทีมอย่างทะลุปรุโปร่ง ผมรู้ดีว่าถ้าผมชวนพี่ปอนด์มาทานไอติม เขาก็ต้องประชดผมด้วยการไปชวนพี่กุ้งมาทานด้วยเหมือนกัน

ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ เขาก็ได้แต่เดินมาติดกับดักที่ผมวางเอาไว้แล้วอย่างไม่รู้ตัว

หลังจากทีมนั่งและสั่งไอติมมาทานเรียบร้อยแล้ว ผมก็สังเกตว่าเขาได้แอบมองผมกับพี่ปอนด์อยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นผมจึงเริ่มแผนขั้นต่อมาด้วยการตักไอติมป้อนพี่ปอนด์อย่างออดอ้อน ซึ่งนั่นก็ทำให้ทีมมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที

เขากระแทกช้อนลงในถ้วยไอติมอย่างแรงจนกระทั่งถ้วยไอติมตกกระเด็นลงพื้นแล้วก็ผลุนผลันเดินออกไปท่ามกลางสีหน้าเหรอหราของพี่กุ้ง ก่อนที่จะวิ่งตามทีมออกไปอีกคน

ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมทำย่อมทำให้ทีมต้องโกรธแน่ เพราะตอนที่ผมคบกับทีม ผมเคยตักไอติมป้อนเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และการป้อนครั้งนั้นก็เป็นเพราะผมโดนบังคับและไม่ได้มีท่าทางเต็มใจเลย แต่กับพี่ปอนด์ผมกลับตักไอติมป้อนใส่ปากเขาอย่างออดอ้อนโดยที่เขาไม่ต้องร้องขอสักคำ

ผมได้แต่นั่งยิ้มอย่างสะใจ พลางคิดในใจว่า

“ใช่แล้วทีม โมโหเข้าไปสิ โกรธเข้าไปสิ ทีมจะได้รู้ว่าความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจน่ะ มันเป็นยังไง แต่รู้มั้ยว่าแค่นี้น่ะมันยังไม่เท่ากับที่ทีมทำกับบีหรอก .....ถ้าเกมนี้จะต้องจบลงด้วยการที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องดิ้นรนทุรนทุรายมาคุกเข่าอ้อนวอนขอคืนดี คนๆนั้นก็คือ “ทีม” นั่นแหละ รู้ไว้เสียด้วย”

หลังจากทานไอติมเสร็จ แม้พี่ปอนด์จะขอไปส่งผมที่ท่ารถแต่ผมกลับขอว่าจะเดินกลับเองโดยโกหกว่าได้นัดกับเพื่อนเอาไว้

เมื่อได้มาอยู่คนเดียว แม้เมื่อกี้ผมจะรู้สึกสะใจกับความสำเร็จของตนเองแต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ได้

การทำร้ายคนที่เรารักนั้น มันไม่ง่ายเลย เพราะดูเหมือนมีดทุกเล่มที่ผมปักลงบนหน้าอกของทีม บาดแผลมันก็มาปรากฏที่ใจผมด้วย

“คิดว่าที่ทำอยู่น่ะ....ถูกแล้วเหรอ”

เสียงนิรนามที่ดังขึ้นเรียกผมให้คืนสติแล้วต้องหันไปมองคนพูดในทันที

“พูดกับเราเหรอ....บาส”

ผมหันไปพูดกับเขาเมื่อเห็นบาสยืนพิงกำแพงอาคารเรียนขณะที่กำลังมองมาทางผม

“แล้วที่นี่นอกจากบีแล้ว ยังมีใครอีกล่ะ”

“อะไรถูก อะไรผิดล่ะ เราไม่เข้าใจ” ผมรีบเข้าประเด็นเพราะไม่อยากทะเลาะกับใครอีก

“ก็ที่ไปคบกับไอ้พี่ปอนด์นั่นไง มันเองก็เป็นเพลย์บอยไม่ใช่หรือไง แล้วอย่างนี้ มันจะดีกว่าไอ้ทีมตรงไหน”

“จะดีกว่าหรือไม่ มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนายนี่”

“ใช่ มันไม่เกี่ยวกับบาสหรอก แต่บาสไม่อยากเห็นคนบางคนทำตัวน่าสมเพชไปมากกว่านี้”

“ใคร นายว่าใครทำตัวน่าสมเพช”

“ก็จะใครอีกล่ะ ทำไมที่ผ่านมายังทุกข์ทรมานไม่พอเหรอ ถึงต้องมาทำร้ายตัวเองให้เจ็บปวดไปอีก บีมีความสุขแน่เหรอที่จะประชดไอ้ทีมมันด้วยวิธีนี้”

ใช่แล้ว...เขาพูดถูก ผมกำลังทุกข์ทรมานกับสิ่งที่ตัวเองทำมาก

“ให้อภัยไอ้ทีมมันเถอะนะ”

“ให้อภัยเหรอ ใช่สิ บาสเป็นผู้ชายแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของทีมนี่ ก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว ทำไมเหรอ บีจะต้องยอมรับเหรอว่าเป็นผู้ชายต้องเจ้าชู้ เป็นผู้ชายจะนอกใจแฟนตัวเองยังไงก็ได้อย่างนั้นเหรอ .......บีควรจะกลืนเลือดเข้าไปในอกแล้วก็ยิ้มให้กับสิ่งที่เขาทำกับบีอย่างนั้นเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ฟังนะ ที่บาสมาขอให้บียกโทษให้ไอ้ทีมก็ไม่ใช่เพื่อใครหรอก ก็เพื่อตัวบีเองนั่นแหละ บีจะต้องทำร้ายตัวเองไปทำไมในเมื่อบีสามารถเลือกที่จะมีความสุขได้ ถือเสียว่ายกโทษให้คนที่บีรักไง .......บียังรักไอ้ทีมมันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

คำถามนี้เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ผมรู้ว่าผมยังรักทีมอยู่....ผมยังรักเขามากจริงๆ

“บาสก็ไม่รู้หรอกนะว่าความรักคืออะไร แต่ความรักที่ไม่รู้จักกับคำว่า “ให้อภัย” มันจะยังเรียกว่าความรักได้เหรอ”

----------------------------------------------








หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 10-11-2006 08:55:06
อ้างถึง
“บาสก็ไม่รู้หรอกนะว่าความรักคืออะไร แต่ความรักที่ไม่รู้จักกับคำว่า “ให้อภัย” มันจะยังเรียกว่าความรักได้เหรอ”

  แหม ใช้ได้เหมือนกันนะนายบาสเนี่ยยย  :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-11-2006 09:06:39
“บาสก็ไม่รู้หรอกนะว่าความรักคืออะไร แต่ความรักที่ไม่รู้จักกับคำว่า “ให้อภัย” มันจะยังเรียกว่าความรักได้เหรอ”

บาสพูดได้โดนใจมาก ถึงแม้จะเป็นแค่พระรอง แต่ก็สู้เขานะ  :like2:

แต่ก็ไม่รู้ซี คราวนี้ทีมทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัยจริง ๆ แถมยังมาพาลบีอีก เริ่มไม่ชอบระ ลุ้นบาสดีกว่า
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-11-2006 09:19:48
ขออีกนิดนะ ไม่ได้ตั้งใจจะปั่นเม้นต์เลยจริง

ชอบประโยคนี้ง่ะ

"บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่า....ในขณะที่เขากำลังมีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนนั้น จะมีสักครั้งมั้ยที่เขาจะนึกถึงผม

จะมีสักครั้งมั้ยที่เขาจะนึกว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดของผมสักแค่ไหน

ถ้าหากเขารักหรือคิดถึงผมจริงๆ ทำไมเขาถึงยังทำอย่างนี้กับผมได้ "  :monkeysad:

นี่ละมั้งทำให้บี ยากจะอภัยให้ทีมจริง ๆ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 10-11-2006 11:12:15
“บาสก็ไม่รู้หรอกนะว่าความรักคืออะไร แต่ความรักที่ไม่รู้จักกับคำว่า “ให้อภัย” มันจะยังเรียกว่าความรักได้เหรอ”

ใช่คับ...........บาสพูดถูก..................เราสามารถจะหั้ยอภัยเขาได้ :yeb:

แต่ในบางเรื่องเท่านั้น...............ไม่ใช่ทุกเรื่อง :monkeysad:

ปัญหามันอยู่ที่ว่า...........ความหมายของคำว่ารักที่ทีมหั้ยกับบีมันคืออะไร :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-11-2006 12:15:29
   


หมูพูห์ พูดยังกับเคยโดน หรือ เคยทำหวา คิกคิก


----------------------------------------------



บลูคับ ก็เคยโดนนะ แต่หนักกว่าที่บีโดนเยอะ


ผมเลยเข้าใจความรู้สึกของบีงัย
 

พูห์

------------------------------------------------------------

"หากรักคือทุกข์           แล้วสุขคืออะไร

หากรักคือการเสียใจ       แล้วทำไมใจต้องการ"




ปล.



คุ้นๆ  เหมือนลายเซนต์ใครหวา



อ้าวลายเซนต์ตรูเอง


ฮากริ๊กกริ๊ก :kikkik:



พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 10-11-2006 16:26:25
ขอ comment ชะตากรรมของบี ทีม กุ้ง และ ปอนด์ ด้วยเพลงนี้แล้วกันครับ

หัวใจสลาย...โหดร้ายขนาดนี้
สิ่งที่ดีดี ไม่เหลือให้ฉันเลย
สิ่งเป็นที่รัก ที่ฉันได้คุ้นเคย
สลายไปหมด...ไม่มีเหลือ

ทิ้งไปกับเขา ทิ้งเงากับฉัน
อยู่กับคืนวันที่ฉันได้สร้างมา
กับการสูญเสีย ที่เสียทั้งน้ำตา และเสียทั้งหัวใจ

สักวันจะรู้   สักวันจะเจอ   อย่างที่ฉันเจอ...เธอก็จะรู้และจะเข้าใจ
เมื่อเธอถูกเขาทิ้ง เธอจะซึ้งใจ
ว่าใจสลายเป็นอย่างไร

เธอจะรู้ฉัน...เสียใจสักเท่าไร

---------------------------------------------------------------------------------
ป.ล. พอดีได้มีโอกาสไปอ่านเรื่อง "กว่าจะถึงซึ่งทางรัก" ของคุณพรีนีเปียร์
ยอมรับโดยสิ้นเชิงเลยว่ามีความละเมียดละไมในอารมณ์ของความรักมากๆ
romantic จริงๆ 
อ่านแล้วรู้สึกถึงอารมณ์เหงา พลัดพราก ความรักต้องห้าม เลยว่าเป็นยังไง
ความรักนี่ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-11-2006 16:48:18
GoneOn ถ้าหลายๆคนคิดได้แบบนี้ ความรักคงยั่งยืนและมีความสุขนะครับ

shell  อิอิ เอาจายเชียร์บาสขนาดนั้น งั้นพอจำได้ไหมครับว่าตอนบาสเจอบีกับทีมกอดกัน บาสพูดว่าอะไรครับ

อ้างถึง
GobGab แต่ในบางเรื่องเท่านั้น...............ไม่ใช่ทุกเรื่อง
คนเราก็ผิดพลาดกันได้ บางเรื่องเท่านั้น ................ไม่ใช่ทุกเรื่อง
แม้คนฆ่าคนตาย เขาก็อาจไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลย

หมูพูห์  อย่างทีพูห์บอกมันเจ็บเกินเยียวยา ผมก็เคยครับ และไม่ได้ให้อภัยด้วยเช่นกัน

beaches ผมก็ว่าจะขอกว่าจะถึง...ซึ่งทางรักของพรีนีเปียร์มาลงด้วยเหมือนกันแต่ยังไม่มีเวลาเลย  ถ้าว่างๆอยากให้เพื่อนช่วยขอมาลงด้วยเหมือนกัน(ขอเฉยๆก็ได้ แล้วผมจะลงให้)  สองตอนสุดท้ายผมน้ำตาแตกเลยครับ
*******************************************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 20 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

เมื่อกลับมาถึงบ้าน คำพูดของบาสเมื่อตอนเย็นทำให้ผมได้แต่คิดหนัก สิ่งที่เขาพูดมันล้วนแล้วแต่แทงใจผมเหลือเกิน

จริงๆแล้วบาสพูดถูกแทบทุกอย่าง ผมกำลังเจ็บปวดในสิ่งที่ตัวเองทำ ผมกำลังทำร้ายตัวเอง และผมก็ยังรักทีมมาก

หรือผมควรจะให้อภัยทีมอย่างที่บาสบอกจริงๆ

แต่เมื่อนึกถึงตรงนี้ทีไร ภาพของทีมกับพี่กุ้งที่กำลังเริงรักอยู่ในจินตนาการของผมก็จะเข้ามาขัดจังหวะให้อารมณ์ของผมเปลี่ยนเป็นความโกรธทุกครั้ง ถ้าผมไม่ลงโทษเขาให้สาสมผมก็คงไม่มีวันลืมสิ่งที่ทีมทำกับผมได้

นอกจากนั้น หลังจากเหตุการณ์ที่เราไปเที่ยวทะเลในวันนั้น แทนที่ทีมจะสำนึกผิดหรือสงบเสงี่ยมเจียมตัวด้วยการมางอนง้อขอโทษผม เขากลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามด้วยการไปควงพี่กุ้งมาเย้ยผมต่อหน้าต่อตา

ถึงตรงนี้ผมจึงได้แต่คิดว่า....สิ่งที่เขาทำมันยังห่างไกลจากคำว่า “ควรค่าแก่การให้อภัย” นัก ผมจึงตัดสินใจจะเล่นเกมนี้ต่อไปโดยไม่สนใจคำเตือนของบาสอีก

ดังนั้นเหตุการณ์ที่โรงเรียนในวันต่อๆ มา ทั้งผมและทีมจึงผลัดกันควงพี่กุ้งและพี่ปอนด์มาเย้ยกันไปมา จนบรรดาเพื่อนๆ สนิทเริ่มบ่นว่า

“พวงแกกำลังเล่นอะไรกันเนี้ย”

ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมและทีมกำลังทำนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้เราทั้งคู่ต้องเจ็บปวด ต่างฝ่ายต่างต้องเสแสร้งแกล้งทำว่าไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่ภายในใจนั้นมันเหนื่อยแสนเหนื่อย

ในที่สุดแล้ว....เราทั้งคู่ต่างก็รอเวลาที่คนใดคนหนึ่งจะต้องเป็นฝ่ายทนไม่ได้แล้วก็ยอมแพ้ไปในที่สุดก่อนเท่านั้น เกมนี้จึงจะจบลง

ในเวลานั้น....ขณะที่ความสัมพันธ์ของผมกับทีมค่อยๆสั่นคลอนลงทุกวัน แต่ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ปอนด์กลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“บี วันเสาร์นี้ว่างป่ะ”

“ว่างคับ ทำไมเหรอ”

“พี่จะชวนไปเที่ยว ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาเรายังไม่เคยออกเดทด้วยกันเลยนะ”

“ที่ไหนเหรอ” ผมถามอย่างระแวงว่าผู้ชายคนนี้อาจกำลังคิดจะเผด็จศึกผมแล้ว

“ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็มากินข้าวดูหนัง ห้ามปฎิเสธพี่นะ”

“อืม...ก็ได้คับ”

ผมตอบกลับไปพลางคิดว่าบางทีการออกเดทในวันหยุดระหว่างผมกับพี่ปอนด์อาจจะเป็นไม้เด็ดที่ทำให้ทีมถึงกับลนลาน จนต้องยอมแพ้ก็ได้

ดังนั้นเมื่อวันเสาร์มาถึงผมก็มารอพี่ปอนด์ที่โรงเรียนตามที่เรานัดกันไว้

สักพักพี่ปอนด์ก็ขี่มอเตอร์ไซด์คันเก่งมารับผม แล้วก็พาผมออกไป แต่ยิ่งนั่งไปกับเขาเข้าไปในตัวเมืองนานเข้า ผมก็รู้สึกได้ว่า “มันไม่ใช่เส้นทางที่จะไปโรงหนังนี่” จนอีกสักพักเขาก็มาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง

“เอ่อ นี่มันไม่ใช่โรงหนังนี่”

“ก็ใครว่าใช่ล่ะ นี่มันบ้านพี่เอง”

ทันทีที่เขาพูดจบผมก็หันไปมองเขาอย่างตกใจ บางทีเขาคงจะเผด็จศึกผมวันนี้จริงๆ ก็ได้ถึงได้พาผมมาที่บ้านอย่างนี้

“ทำไม กลัวอะไรเหรอ”

“ปะ ป่าว”

ผมตอบไปอย่างอึกอักพลางคิดว่าผมต้องระมัดระวังตัวให้ดี ที่สำคัญคือต้องห้ามใจตัวเองให้ได้เพราะอย่างไรเสียพี่ปอนด์ก็เป็นผู้ชายในฝันของผม ดังนั้นผมจะต้องพยายามไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับผู้ชายคนนี้

ก่อนหน้านี้ผมรู้มาบ้างแล้วว่าพี่ปอนด์มีฐานะดี แต่เมื่อได้มาเห็นบ้านของเขาจริงๆ ผมถึงได้รู้ว่าเขารวยกว่าที่ผมคิดไว้มาก เพราะบ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่จนน่าจะเรียกว่า “คฤหาสน์” ถึงจะเหมาะสมกว่า ขณะที่สวนสวยหน้าบ้านก็มีอาณาบริเวณกว้างขวางและจัดแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม

ยิ่งเมื่อเข้ามาในบ้าน การตกแต่งอย่างโอ่อ่า สง่างาม และความหรูหราของข้าวของเครื่องใช้ก็ยิ่งทำให้ผู้มาเยือนรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่ธรรมดา แต่ถึงแม้บ้านหลังนี้จะมีความน่าอยู่เพียงใด ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าภายในบ้านมันเงียบมาก เงียบจนน่าอึดอัด

“ทำไมบ้านมันเงียบจังล่ะ พี่ปอนด์” ผมตัดสินใจถามเขาเพื่อทำลายความเงียบที่มี

“ก็มีแค่เรา 2 คนนี่จะไม่เงียบได้ไง”

คำตอบของพี่ปอนด์เริ่มทำให้ผมระแวงเขาหนักขึ้น

“แล้วพ่อแม่พี่ล่ะ ...เอ่อ....แล้วคนใช้ คนสวนล่ะ ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ”

“พ่อแม่พี่ไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก ท่านมีธุรกิจเยอะก็เลยต้องเดินทางบ่อย ส่วนคนใช้กับคนสวนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เขาจะมาอาทิตย์ละครั้ง พ่อแม่พี่เขากลัวของจะโดนขโมย”

ผมสังเกตเห็นแววตาเศร้าๆ ขณะที่เขาพูดออกมา

“งั้นพี่อยู่คนเดียวเลยเหรอ ในบ้านหลังขนาดนี้เนี้ยนะ” ผมถามอย่างประหลาดใจ

“จริงๆก็มีอาผู้ชายอยู่อีกคน แต่พี่ก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขาหรอก เขาก็ไม่ค่อยอยู่บ้านด้วย”

“แล้วพี่ไม่เหงาแย่เหรอ”

ผมแกล้งแหย่ แต่ดูเหมือนอาการของพี่ปอนด์จะไม่ได้สนุกกับผมไปด้วย เขาถึงกับสะดุ้งเมื่อผมพูดถึงคำว่า “เหงา”

“พี่ชินแล้วล่ะ อืม เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ตกลงทำอะไรเป็นบ้างน่ะเรา”

“ทำอะไร คืออะไร บีงง”

“ก็ทำกับข้าวน่ะสิ นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ พี่หิวจะแย่แล้ว จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ในตู้เย็นกับในครัวคงมีของทุกอย่างที่บีอยากได้”

“เฮะ เฮะ บีทำกับข้าวไม่เป็นหรอก”

ผมสารภาพไปตามตรงเพราะตั้งแต่เล็กจนโต หน้าที่อย่างเดียวของผมคือเรียนหนังสือ นอกนั้นคุณแม่ผมจะจัดการให้หมด

“อะไรนะ พี่นึกว่าเกย์จะเหมือนผู้หญิงเสียอีก ทำไม่เป็นเลยเหรอ”

“อืม ถ้าเกย์คนอื่นก็อาจจะทำได้ แต่บีคงเป็นกรณียกเว้น”

เป็นอีกครั้งที่ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนที่ว่า “สิ่งเดียวที่ยืนยันว่ามึงเป็นเกย์คือมึงบ้าผู้ชาย”

“แล้วอย่างนี้ใครจะเอาไปทำเมียเนี้ย กับข้าวก็ทำไม่เป็น”

“หัวโบราณจัง นี่มันยุคไหนแล้ว มันไม่เห็นสำคัญเลยนี่ อยากกินก็ไปซื้อแกงถุงสิ มีให้เลือกตั้งเยอะ ทำอร่อยๆก็หลายเจ้า”

“ทำไมมีความคิดแบบนี้เนี้ย ...เฮ้อ... แล้วไข่เจียวละทำได้มั้ย กินไข่เจียวก็ได้วะ”

“ก็คงได้มั้ง”

“นี่....ขนาดไข่เจียวยังใช้คำว่าก็คงได้เหรอ ....กูละกลุ้ม”

“น่าไว้ใจบีเถอะ แค่ไข่เจียวไม่ยากหรอก แม่ทำให้กินออกบ่อย”

ว่าแล้วผมก็เดินไปในครัวแล้วเอาไข่ในตู้เย็นมาตอกใส่ชาม แล้วก็เทน้ำปลาใส่ไปพอประมาณซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมเลย เพราะผมก็เตรียมให้แม่มาอย่างนี้หลายครั้ง

ในขณะเดียวกัน พี่บีก้ช่วยมาจุดเตาแก็สแล้วตั้งกระทะใส่น้ำมันเตรียมรอไว้ให้ จนน้ำมันในกระทะเริ่มร้อนจัด

ถึงตรงนี้ผมก็เริ่มนึกขึ้นได้ว่าผมเคยช่วยแม่เตรียมแค่ตอกไข่ใส่ชามและใช้ส้อมมาตีไว้เท่านั้น ผมยังไม่เคยเทไข่ลงไปในกระทะด้วยตัวเองเลย

ดังนั้นเมื่อเห็นไอน้ำมันที่เริ่มระเหยขึ้นมาด้วยความร้อนจัดผมจึงเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ พลางพยายามยืนห่างจากกระทะให้มากที่สุดแล้วค่อยๆยื่นมือออกไปเพื่อที่จะเทไข่ใส่กระทะ

แต่ด้วยความกลัวว่าน้ำมันจะกระเด็นใส่ทำให้แม้ผมจะยืดมือออกไปเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไปไม่ถึงกระทะสักที

“ตกลงนี่จะเล่นกายกรรมหรือจะเจียวไข่ มาให้พี่ทำเองเถอะ เห็นแล้วมันอนาถลูกตา”

พี่ปอนด์มาดึงชามไข่ไปจากผมแล้วก็เอาไปเทใส่กระทะด้วยความคล่องแคล่ว ขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเขินอายที่แม้แต่เจียวไข่ผมก็ยังทำไม่เป็น

“เอางี้ดีกว่า บีไปหยิบหมูสับ กะหล่ำปรี ต้นหอม แล้วก็พริกในตู้เย็นมาให้พี่ดีกว่า พี่จะทำแกงจืด กับกระเพราหมูสับให้กิน”

“พี่ทำเป็นด้วยเหรอ”

“ทำเป็นสิ พี่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว ต้องอยู่คนเดียวนี่ ขืนไม่ทำก็อดตาย”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าบางที “เงิน” ก็ไม่ได้ทำให้คนเรามีความสุขเสมอไป อย่างกรณีของบ้านผม แม้เราจะไม่รวยมากแต่พ่อแม่ก็ดูแลเอาใจใส่ผมอย่างดีจนถึงขนาดทำให้ผมทำอะไรไม่เป็นเลย

ผมเดินไปหยิบของที่พี่ปอนด์สั่งมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็มองเขาจัดการของพวกนี้อย่างคล่องแคล่วด้วยความทึ่ง

“มีแค่นี้เหรอ มีอะไรอีกมั้ย”

“อ๋อ ใช่สิ มีใบกะเพราด้วย ไปหยิบมาหน่อย เด็ดใบให้พี่ด้วย”

เมื่อสิ้นเสียงสั่งผมก็เดินไปที่ตู้เย็นแล้วก็หยิบใบกะเพราออกมา

“นี่ใช่มั้ย”

“นั่นมันกะเพราซะที่ไหน นั่นมันใบหรพา”

“อ้าวเหรอ แล้วมันอันไหนล่ะ”

“ก็ที่วางข้างๆกันนั่นแหละ เฮ้อ พี่ล่ะไม่อยากจะเชื่อ”

“ก็เค้าไม่รู้นี่”

ผมพูดอย่างงอนๆ แล้วก็เอาใบกะเพราะมาเด็ดให้ตามที่พี่ปอนด์สั่ง

“อ่ะ เสร็จแล้ว จะให้บีทำอะไรอีก”

“ช่วยพี่หั่นกะหล่ำปลีแล้วกัน”

“หั่นไงอ่ะ”

“อะไรนะ หั่นกะหล่ำปลีก็ไม่เป็น งั้นอยากหั่นแบบไหนก็หั่นไปเลย”

พี่ปอนด์พูดด้วยความหงุดหงิดก่อนจะหันกลับไปสนใจผัดกระเพราในกระทะต่อ จนสักพักเมื่อเขาทำผัดกระเพราะเสร็จ เขาก็มาดูกระหล่ำปรีที่ผมหั่นไว้แล้วก็อดโวยวายไม่ได้

“อะไรเนี้ย นี่มันกระหล่ำปรีนะ ไม่ใช่หัวหอม ทำไมหั่นซะละเอียดขนาดนี้”

“อ้าวก็พี่บอกว่าหั่นไงก็ได้อ่ะ” ผมทำไม่รู้ไม่ชี้

“โอ้ย กูจะบ้า” พี่ปอนด์ระบายออกมาอย่างเหลืออด

ในที่สุดหลังจากช่วงเวลาของการทำอาหารจบไปอย่างทุลักทุเล กับข้าวทุกอย่างก็ถูกนำมาเตรียมไว้บนโต๊ะด้วยหน้าตาที่พิลึกพิลั่นที่สุด

“หน้าตาอาจะดูไม่ได้ แต่ก็อร่อยดีนะ”

“ก็ฝีมือใครล่ะ” พี่ปอนด์พูดยิ้มๆ

“กินๆ ไปเถอะน่า อย่าคิดมาก”

“อย่าไปเล่าใครล่ะ อายเขาตายเลย”

“ไม่เห็นจะแปลกเลย บีมันก็ก๊ง ๆ อย่างนี้แหละ”

พูดจบผมก็เล่าวีรกรรมต่างๆ นานาทั้งเรื่องหน้าแตก เรื่องเปิ่นๆ ของผมให้พี่ปอนด์ฟังจนเขาหัวเราะท้องขดท้องแข็ง

ยิ่งเขาหัวเราะชอบใจในสิ่งที่ผมเล่าเท่าไหร่ผมก็ยิ่งสรรหาเรื่องเล่าให้เขาได้ยิ้มไม่หยุดปาก จนกระทั่งมาถึงช่วงหนึ่งที่เขาเอาแต่ยิ้มจ้องหน้าผม ทำให้ผมหยุดพูดทันที

“มองอะไรน่ะ หยุดมองเดี๋ยวนี้นะ”

ผมบอกพี่ปอนด์เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเขินขึ้นทุกทีเมื่อเขาได้แต่นั่งจ้องผม


“มองคนน่ารักไง มองไม่ได้เหรอ”

“บ้า....เอ่อ....นี่บีพูดมากไปหรือเปล่า”

หลังผมพูดจบพี่ปอนด์ทำสีหน้าตกใจ แล้วบอกว่า

“ปล่าวนะ ปล่าว เล่าอีกสิ พี่ชอบ รู้มั้ยว่าพี่ไม่เคยได้ยิ้ม ได้หัวเราะมากขนาดนี้มาก่อน”

“อย่าเว่อร์น่ะ บีเชื่อว่าบีไม่ใช่คนแรกหรอกที่มากินข้าวกับพี่ปอนด์อย่างนี้”

“ใช่ บีไม่ใช่คนแรกหรอก แต่บีไม่เหมือนคนอื่น บีไม่มานั่งกระมิดกระเมี้ยนเก็บอาการ ทานข้าวอย่างผู้ดี สงบปากสงบคำ หรือจะพูดแต่ละทีทำยังกะว่าดอกพิกุลจะร่วง”

“นี่ หลอกด่าบีเหรอ” ผมพูดงอนๆ

“ฮึ ฮึ ปล่าว เห็นมั้ยบีทำพี่หัวเราะอีกแล้ว ถ้าพี่ได้อยู่กับบีอย่างนี้ทุกวันก็ดีสินะ พี่จะได้ไม่ต้องเหงาอีก”

“เอ่อ บีว่าบีไปเติมน้ำดีกว่านะ”

ผมรีบหยิบเหยือกน้ำที่ยังมีน้ำเกือบเต็มเหยือกจะลุกออกด้วยความเขิน แต่พี่ปอนด์กลับลุกขึ้นมาดักผมไว้จนผมถอยไปชนกำแพง จากนั้นพี่ปอนด์ก็ตามมาเอามือทั้ง 2 ข้างมายันกำแพงขนาบศีรษะผมไว้จนผมขยับหนีไปไหนไม่ได้

“พี่ว่า...พี่ชักจะเริ่มชอบบีจริงๆแล้วนะ”

พูดจบเขาก็จ้องตาผมเขม็งขณะที่ค่อยๆโน้มตัวลงมาเพื่อจะจูบผม ในตอนนั้นผมต้องสารภาพว่าขณะที่จ้องตาพี่ปอนด์ผมเกือบจะเผลอตัวเผลอใจให้ผู้ชายคนนี้ไปแล้ว

แต่ทันใดนั้นภาพของทีมก็ปรากฏขึ้นมาในหัวเสียก่อน ผมจึงได้สติและเตือนตัวเองว่า...ผู้ชายคนเดียวที่จะจูบผมได้คือ “ทีม” คนเดียวเท่านั้น ผมจึงรีบเบี่ยงหน้าหลบ

“พี่ปอนด์อย่านะ บีไม่...”

“ทำไมล่ะ”

“ก็เราเพิ่งกินกระเพรากันไปไม่ใช่เหรอ ขืนจูบกันทั้งอย่างนี้ก็เหม็นแย่สิ”

“พูดทำไมเนี้ย เสียมู้ดหมด เอ้า จะไปเติมน้ำก็ไปเถอะ”

ผมรีบเดินออกมาด้วยความโล่งอก ในขณะที่ผมเองเริ่มไม่แน่ใจว่าจะรักษาตัวให้รอดไปตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่เพราะผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่าพี่ปอนด์เองเริ่มทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหว

หลังจากทานข้าว พี่ปอนด์ก็พาผมไปเดินชมบ้านซึ่งกว้างขวางมากจนผมเดินจนเมื่อย จากนั้นเขาก็พาผมไปดูสวนที่เขาบอกว่าเขาเป็นคนดูแล ลงมือปลูกและตกแต่งเอง จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงเหงามากจริงๆถึงพยายามหาอะไรทำมากมายขนาดนี้

ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเดทของผู้ชายอย่างพี่ปอนด์จะเป็นแบบนี้ ผมนึกว่าเขาจะพาผมไปดูหนังรักโรแมนติก พาไปทานข้าวร้านหรูๆ ต่อด้วยการไปนั่งทานไอติมถ้วยเดียวกัน แล้วปิดท้ายด้วยการไปนั่งพลอดรักในสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศโรแมนติก

แต่วันนี้เขากลับพาผมมาที่บ้าน มารู้จักที่อยู่ ที่นอนและตัวตนจริงๆ ของเขา จนผมอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้วผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

บางทีผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขามีมุมที่ดูเหงาหงอยเศร้าสร้อยอยู่ไม่น้อย

ผมทำอะไรต่อมิอะไรกับพี่ปอนด์ด้วยกันจนเพลิน มารู้สึกตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 5 โมงเย็นแล้ว ผมจึงรีบขอตัวกลับ

“พี่ปอนด์ บีคงต้องกลับแล้วล่ะ มันเย็นมากแล้ว”

“จะรีบไปไหนล่ะ พี่ยังสนุกอยู่เลยนะ หรือบีเบื่อพี่แล้ว”

“ปล่าว แต่นี่มันเย็นมากแล้ว เดี๋ยวบีจะตกรถอ่ะ”

“งั้นก็ค้างเสียที่นี่สิ บ้านพี่มีห้องว่างตั้งหลายห้อง เอ่อ ไม่สิ จริงๆแล้วเราเป็นแฟนกันนี่ก็ต้องนอนห้องเดียวกันสิ”

“ไม่ได้หรอก บีไม่ได้ขออนุญาตคุณแม่ไว้ บีต้องกลับก่อนจริงๆนะ” ผมพยายามหาข้ออ้าง

“เอ้า งั้นก็ได้ ไว้วันหลังแล้วกัน รอแป๊บนะ พี่ไปเอากุญแจรถแป๊บนึง”

หลังจากไปเอากุญแจมาแล้ว พี่ปอนด์ก็ขับรถมาส่งผมที่ท่ารถ จนหลังจากล่ำลากันสักพัก ผมก็เดินจากมาเพื่อจะไปขึ้นรถแต่พี่ปอนด์กลับเรียกผมไว้

“เดี๋ยว......บี”

“คับ มีอะไรเหรอ”

“ป่าวหรอก พี่แค่อยากขอบใจ วันนี้พี่มีความสุขมากจริงๆ .......ขอบใจนะ....ที่มาเป็นแฟนพี่”

---------------------------------------------------------












หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-11-2006 17:01:45
โฮ๊ะ ๆ  :like2: รอจนได้อ่านอีกตอนก่อนเลิกงาน  :like2:

คุณบลู ถามว่าจำได้หรือเปล่าใช่มั๊ย ตอบตามตรงจำคำพูดแบบเป๊ะ ๆ ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ประมาณว่านึกว่าจะมาได้กันในป่า ทำนองนี้แหละ

แต่จำได้ว่า บาสเคยแกล้งบี โดยเตะบอลไปโดนหลังบี แล้วแซวว่าน้องสาว เก็บบอลให้พี่หน่อย  :like2: บุคลิกบาสตอนแรกจะเป็นเถื่อน ๆ ตรง ๆ ง่ะ

แต่ตอนนี้เป็นตัวรองที่น่าลุ้นที่สุด กอล์ฟก็ไม่เชียร์ตั้งแต่ไปขอให้เลิกชอบบีแระ ส่วนทีมนี่แม่ไม่ปลื้มกับการกระทำเลย ปอนด์ก็ยังเฉย ๆ

ตอนนี้ยังไม่มีอะไรจะคอมเม้นต์เลย ขอดูทีท่าไปก่อนละกัน   :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 10-11-2006 17:11:18
และแล้วบ่วงที่บีสร้างไว้กับปอนด์ ก็กำลังจะรัดตัวเองให้ดิ้นไม่หลุด
บีจะรู้ไหมนะ...แม้จะหวลคืนสู่ทีมได้ก็จริง

แต่ความสุขสดชื่นของเขาและทีมก็คงอยู่แค่ชั่วครู่
สงสารบีจับใจจริงๆ ได้แต่เอาใจช่วยให้บีฟันฝ่า พายุแห่งกรรม ไปได้ด้วยดี

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-11-2006 17:29:15
ซะงั้น

อย่านี้เรียกว่าใจง่าย หรือ หวั่นไหวครับบลู




ปล.


ไม่เหมือนผม หลายใจ

แต่รักเดียว


ฟิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววว


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-11-2006 19:00:46
shell น่าภูมิจายจริง ที่บอร์ดเรามีนักอ่านระดับคุณภาพอยู่หลายท่านทีเดียว คนเขียนผ่านมาเจอคงดีจายมากนะครับ  :3061:

beaches แต่ความสุขสดชื่นของเขาและทีมก็คงอยู่แค่ชั่วครู่  ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะครับ  :untrust:

หมูพูห์ ใจง่ายคงไม่ใช่แน่นะครับ เพราะคนที่มีจีบบีแต่ละคน ไม่ได้ผ่านมาเจอกันแล้วจะปิ๊งเลย แต่ต้องผ่านการกลั่นกรองมาพอสมควรนะครับ
ไม่เหมือนบางคน :3043:  รักเดียวที่ว่าหน่ะ จะรออีกนานเท่าไหร่กว่าจะมีคนได้ไป เอิ้กๆ

******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 21 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

คำพูดของพี่ปอนด์ในช่วงเย็นถึงกับทำให้ผมเก็บมาคิดตลอดทั้งคืน แม้ใจหนึ่งผมจะรู้สึกดีใจที่เขาดูเหมือนจะชื่นชอบผมจริงๆ แต่อีกใจผมก็ไม่แน่ใจว่านี่จะถือเป็นหนึ่งในลูกไม้ที่เขาใช้เพื่อให้เหยื่ออย่างผมตายใจหรือเปล่า

เมื่อไปโรงเรียนในเช้าวันจันทร์.....ผมก็นำเรื่องที่ได้ไปเที่ยวบ้านพี่ปอนด์มาเล่าให้เพื่อนๆฟังโดยเรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆได้ตลอดเวลาเมื่อรู้ว่าบ้านพี่ปอนด์ใหญ่โต หรูหราขนาดไหน

ในขณะที่ผมเล่าอยู่นั้นเอง ทีมก็ลุกเดินผ่านหน้าผมออกไปอย่างเงียบ ๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมาก เพราะปกติ ทีมจะเป็นคนโมโหร้าย ถ้าเขาไม่พอใจหรือโกรธอะไร เขาก็จะระบายออกมาด้วยการเอะอะ ทำลายข้าวของ เหมือนที่เขาเคยทำที่ร้านไอติมเมื่อวันก่อน

แต่ตอนนี้ทีมกลับลุกเดินไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย และเขาก็หายไปนานมากจนกระทั่งใกล้เวลาเข้าเรียน เขาก็กลับมาในห้องอีกครั้งด้วยการเดินก้มหน้าก้มตาไปนั่งที่โต๊ะ

อาการแปลกๆ ของทีมทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองเขาอย่างตั้งใจ จนเห็นได้ว่าทีมมีดวงตาแดงก่ำเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

และตั้งแต่วันนั้นทีมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยพูดคุยสุงสิงกับใคร ดูเหมือนวันๆหนึ่งเขาแค่มาเรียนแล้วพอถึงตอนเย็นก็กลับบ้าน ที่สำคัญคือผมก็ไม่เห็นเขากับพี่กุ้งจะไปไหนมาไหนด้วยกันอีก

แต่ในขณะที่พี่ปอนด์กลับยังคงมาหาผมที่ห้องอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ทีมมีพฤติกรรมแปลกออกไปอีก

เขาเริ่มหยุดเรียน และโดดเรียนบ่อยขึ้น โดยเฉพาะคาบสุดท้ายก่อนพักเที่ยงหรือก่อนเลิกเรียนซึ่งเป็นเวลาที่พี่ปอนด์จะแวะมารับผมไปทานข้าวเที่ยงหรือส่งผมกลับบ้าน

ยิ่งเห็นอาการของทีม ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาแพ้ในเกมนี้แล้ว แต่อารมณ์ของผู้ชนะอย่างผมกลับไม่ได้รู้สึกดีใจหรือปลาบปลื้มต่อชัยชนะในครั้งนี้เลย สีหน้าหมดอาลัยตายอยากของทีมมีแต่ทำให้ผมยิ่งเจ็บปวด และเฝ้าแต่คิดว่า

“ก็ถ้าทีมเจ็บปวด ทำไมทีมไม่มาขอโทษ ไม่มาขอคืนดีกับบีล่ะ ขอแค่ทีมเอ่ยปาก บีก็พร้อมจะกลับไปเป็นของทีมในทันที”

แต่ดูเหมือนที่ผมเคยคิดว่าเขาได้ยอมแพ้แล้วจะเป็นความคิดที่ผิด เพราะวันหนึ่งเขาได้เริ่มเอ่ยปากกับบาสว่า

“บาส วันหยุดนี้ว่างป่าววะ”

“ทำไม”

“กูจะชวนมึงไปทะเลด้วยกัน พอดีกูจะพาพี่กุ้งเขาไปเที่ยวหน่อย”

“มึงไปกัน 2 คนเถอะ กูไม่อยากเป็น กขค ออ ถ้าให้ดีทำไมมึงไม่ชวนบีไปล่ะ”

บาสพูดประชดพลางหันหน้ามาทางผม และแน่นอนผมย่อมไม่ปล่อยให้คำพูดประชดของบาสผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

“เราคงไปไม่ได้หรอกนะบาส เพราะเราก็ต้องไปทะเลกับพี่ปอนด์ 2 ต่อ 2 เหมือนกัน”

จริงๆแล้วผมกับพี่ปอนด์ยังไม่ได้นัดแนะกันหรอกว่าเราจะไปทะเลด้วยกัน แต่ในเวลาอย่างนี้ผมจำเป็นต้องสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และดูเหมือนคำตอบของผมจะส่งผลสะเทือนต่อทีมอย่างมาก

“อะไรนะ บีจะไป.....”

นี่คือคำพูดแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่ทีมพูดกับผม แต่เมื่อเขารู้ตัวว่าเขากำลังพลาดที่แสดงอาการหึงผมออกมา เขาก็หยุดพูดแล้วหุนหันออกไปอย่างเศร้าๆ

ในตอนเย็นวันนั้นเพื่อรักษาคำพูดและเพื่อประชดทีมผมก็เลยไปพูดเรื่องที่จะไปทะเลกับพี่ปอนด์

ก็ในเมื่อเขายังไปเริงรักกับพี่กุ้งได้ ทำไมผมต้องมาเก็บเนื้อเก็บตัว คอยรักษาความบริสุทธิ์ให้เขาล่ะ

“พี่ปอนด์ วันเสาร์อาทิตย์นี้ พี่ไปไหนป่ะ”

“ป่าว ทำไมเหรอ”

“บีอยากชวนพี่ไปเที่ยวทะเล บีอยากไปทะเลอ่ะ”

“เหรอ ก็ดีนะ เรายังไม่เคยไปทะเลด้วยกันเลยนี่ เดี่ยวเราไปพักกันที่รีสอร์ตของเพื่อนพ่อพี่ก็ได้”

หลังจากวันนั้นผมก็มาพบพี่ปอนด์ที่โรงเรียนตามนัดโดยผมได้โกหกแม่ว่าการเดินทางครั้งนี้มีทีมไปด้วย เพราะไม่อย่างนั้นแม่ผมก็คงจะไม่อนุญาตแน่ๆ

ราวๆ ก่อนเที่ยงผมกับพี่ปอนด์ก็นั่งรถมาถึงรีสอร์ตหรูของเพื่อนพ่อพี่ปอนด์ โดยเราได้เข้าพักในบ้านหลังที่อยู่ติดชายหาดที่สุดซึ่งเป็นบ้านหลังที่มีบรรยากาศโรแมนติกมาก
ก่อนหน้าที่ผมกับพี่ปอนด์จะมาถึงรีสอร์ต เราได้แวะซื้อของมากมายเพื่อนำมาทำกับข้าวทานกันเองโดยพี่ปอนด์บอกว่าจะสอนให้ผมทำอาหาร เผื่อวันหลังผมจะได้ทำให้เขาทานบ้าง

หลังจากทำอาหารและทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ปอนด์ก็ชวนผมไปเล่นน้ำทะเลโดยตลอดเวลานั้น ใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

ผมเฝ้าแต่คิดถึงทีมกับพี่กุ้งตลอดเวลา ตอนนี้เขาจะกำลังเล่นน้ำอยู่เหมือนผมกับพี่ปอนด์หรือเปล่า พี่กุ้งจะออดอ้อนออเซาะทีมขนาดไหน หรือจริงๆ แล้วพวกเขาอาจจะนอนขลุกอยู่บนเตียงโดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลยก็ได้

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งฟุ้งซ่านจนแทบจะคลั่ง พลางอดคิดไม่ได้ว่าผมกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกิน

พอถึงตอนค่ำหลังจากที่เราทานอาหารค่ำเสร็จ พี่ปอนด์ก็ชวนผมมานั่งริมหาด แล้วเอากีตาร์ที่เตรียมมาบรรเลงเพลงรักให้ผมฟังเพลงแล้วเพลงเล่า

จริงๆแล้วบรรยากาศที่พวกเราอยู่ในตอนนี้มันช่างโรแมนติกอย่างเหลือล้น

ลมทะเลอ่อนๆ ยามค่ำคืน เสียงคลื่นที่ซาซัด และเพลงรักภายใต้แสงจันทร์บนหาดทรายขาวเนียนน่าจะทำให้ผมรู้สึกสุขใจอย่างที่สุด

แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยเพราะแม้จะอยู่ต่อหน้าพี่ปอนด์แต่ผู้ชายที่ผมกำลังนึกถึงอยู่ตลอดเวลากลับเป็น.. “ทีม”

พี่ปอนด์เองก็คงสังเกตอาการผิดปกติของผมได้ เขาจึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใยออกมา

“บีเป็นอะไรหรือป่าว พี่เห็นเงียบๆ ซึม ๆ มาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว”

“ปะ ป่าว บีไม่ได้เป็นอะไรหรอก บีแค่รู้สึกง่วง”

“เหรอ แต่นี่มันยังไม่ดึกเลยนะ”

“ไม่รู้สิ บีอาจจะเหนื่อยมั้ง”

“อืม งั้นไปนอนกันเถอะ มานั่งตากลมแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายไปเสียปล่าวๆ”

พูดจบพี่ปอนด์ก็ค่อยๆ พยุงผมไปที่ห้องนอน จนเมื่อผมล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้ว พี่ปอนด์ก็ตามมานอนข้างๆ ผมแล้วก็ค่อยๆ เอาหลังมือมาลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็จ้องมองผมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก

“บี...เป็นของพี่นะ”

พูดจบพี่ปอนด์ก็ค่อยๆโน้มตัวลงมาจูบ ในขณะที่ผมได้แต่นอนนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกด แต่เมื่อริมฝีปากของพี่ปอนด์เริ่มมาแตะริมฝีปากผม ผมกลับรีบเบือนหน้าหนี

“อย่านะ พี่ปอนด์ บียังไม่พร้อม”

พูดจบผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออด เป็นน้ำตาที่มาจากความรู้สึกผสมปนเประหว่างความเสียใจ และความโกรธตัวเองว่าทำไมผมถึงได้ปล่อยตัวเผลอใจมากถึงขนาดนี้ ผมมาทำอะไรอยู่กับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่.. “ทีม”

“บี...พี่ขอโทษ อย่าร้องนะ พี่ไม่ทำแล้ว”

“ฮือ ฮือ ฮือ”

ผมยังร้องไห้ไม่หยุดอย่างเสียใจและโกรธเกลียดตัวเอง ไม่ใช่พี่ปอนด์

“บีหยุดร้องเถอะนะ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่แตะเนื้อต้องตัวบีอีก พี่สัญญา”

“บีขอโทษ พี่ปอนด์ บีขอโทษ แต่บีไม่....”

“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ถ้าบียังไม่พร้อม พี่ก็คงไม่ฝืน แต่พี่ขอนอนข้างๆ บีนะ”

พูดจบพี่ปอนด์ก็กระเถิบออกไปข้าง ๆ ในขณะที่ผมได้แต่หลับตาลงอย่างเจ็บปวด พลางคิดว่าผมไม่อาจจะยอมพี่ปอนด์ได้ เพราะมีเพียง “ทีม” เท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้ความบริสุทธิ์ของผมไป

หลังจากร้องไห้เงียบๆ ต่อไปอีกสักพัก ผมก็หลับไปด้วยความเพลียในที่สุด จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีตอนใกล้ๆ รุ่งสาง

ในตอนนั้นผมก็ต้องพบกับความแปลกใจที่เห็นตัวเองมานอนอยู่ในอ้อมกอดของพี่ปอนด์

ตกลงแล้วพี่ปอนด์ไม่ได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมเลย ผมจึงค่อยๆลุกขึ้นอย่างผิดหวังแล้วเดินออกไปที่ริมหาด

แม้อากาศเช้านี้จะดูสดใส แต่ในใจผมกลับหม่นหมองอย่างมาก ยิ่งเมื่อคิดถึงว่าในขณะที่ผมพยายามรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างสุดชีวิตเพื่อทีม แต่เขาคงกำลังเริงรักอยู่กลับพี่กุ้งอย่างมีความสุข

นึกถึงตรงนี้น้ำตาของผมก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมยืนมองทะเลเบื้องหน้าด้วยความเจ็บปวดไปอีกสักพัก ผมจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน

ทันทีที่เข้ามาถึง....ผมก็พบว่าพี่ปอนด์ตื่นแล้ว เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารซึ่งมีแซนวิสและแก้วกาแฟวางอยู่บนโต๊ะอย่างพร้อมสรรพ

“มากินสิ พี่เตรียมไว้ให้แล้ว”

น้ำเสียงของพี่ปอนด์เย็นชาจนผมอดแปลกใจไม่ได้ หรือว่าเขาจะยังโกรธที่ผมไม่ยอมเขาเมื่อคืน แต่ยังไงเขาก็ผิดสัญญาที่บอกว่าจะไม่แตะต้องตัวผมนี่ ผมจึงเริ่มพูดกับเขาอย่างงอนๆ

“พี่ปอนด์ไม่เห็นรักษาสัญญาเลย”

“สัญญาอะไร” พี่ปอนด์ถามห้วนๆ

“ก็ที่พี่บอกว่าจะไม่แตะต้องตัวบีไง”

“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ ก็เมื่อคืนบีเป็นฝ่ายเข้ามากอด เข้ามาซบอกพี่เอง อย่างงี้พี่คงไม่ผิดใช่มั้ย”

อย่างงั้นเหรอ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมทำอย่างนั้น

“คราวหลังอย่าทำอีกนะ พี่ไม่ชอบ”

พี่ปอนด์พูดออกมาอย่างโกรธๆ ในขณะที่ผมฟังคำพูดนั้นอย่างงงๆ ตกลงว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่

“เอ่อ บีขอโทษ คราวหลังบีจะไม่......”

“พี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่บีเข้ามากอด เข้ามาซบอกพี่”

“อ้าว แล้วเรื่องอะไรล่ะ”

“พี่หมายถึงที่บีเข้ามากอด เข้ามาซบอกพี่ แต่กลับเรียกพี่ด้วยชื่อของผู้ชายคนอื่น”

พูดจบพี่ปอนด์ก็ลุกออกไปทันที ในตอนนั้นแม้พี่ปอนด์จะไม่ได้เอ่ยชื่อผู้ชายที่ผมละเมอออกมาเมื่อคืน แต่ผมก็รู้ดีว่าเขาคือใคร

ผมจึงตัดสินใจว่าผมควรจะยุติเกมนี้เสียที เพราะนอกจากผมกำลังทำร้ายตัวเอง ทำร้ายทีมแล้ว ผมยังทำร้ายพี่ปอนด์ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย

ผมจึงรีบเดินตามเขาออกไปจนเห็นพี่ปอนด์ยืนอยู่ที่ริมหาด เมื่อไปถึงผมจึงเริ่มต้นจะสารภาพแต่พี่ปอนด์กลับหันหลังมากอดผมไว้

“พี่ขอโทษนะบี เมื่อกี้พี่โมโหไปหน่อย เมื่อคืนพอบีพูดชื่อมันออกมา พี่หึงบีมากจริงๆ”

ถึงตรงนี้ พี่ปอนด์มองผมอย่างอ่อนโยนแล้วพูดต่อว่า

“ลืมมันไปเถอะนะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ บีไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยเป็นหน้าที่ของพี่เอง.....พี่จะทำให้บีลืมไอ้ทีมมันเอง”

หลังจากคำพูดนั้น ในระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ในหัวของผมเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวล

ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องของผมกับพี่ปอนด์ชักจะเลยเถิดไปกว่าที่ผมคิดไว้มาก

จนบางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่า....หรือบางทีผมควรจะเริ่มต้นใหม่กับพี่ปอนด์อย่างที่เขาพูดจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงตรงนี้ทีไร......ผมก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้

ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ผมจะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อในใจของผมยังมีผู้ชายที่ชื่อ..ทีม..อยู่ตลอดเวลา

จนในที่สุดเมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ประโยคแรกที่แม่พูดกับผมก็ทำให้ผมอดประหลาดใจไม่ได้

“ทำไมเพิ่งกลับล่ะ ทีมเขามารอลูกอยู่ที่ห้องแน่ะ มีอะไรกันหรือเปล่า แม่เปิดประตูบ้านมาตอนตี 5 ก็เห็นทีมเขามานอนตัวสั่นอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้านแล้ว สงสัยจะนอนอยู่ข้างนอกนั่นมาทั้งคืน”

คำพูดของแม่ทำให้ผมถึงกับตั้งสติไม่อยู่ แล้วรีบเดินขึ้นไปห้องนอนชั้นบนอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น เขามานอนรอผมตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเขาไม่ได้ไปเที่ยวทะเลกับพี่กุ้งหรอกหรือ?

จนเมื่อผมเปิดประตูห้อง ผมก็เห็นทีมยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่โทรมจัดเหมือนคนไม่สบายมาก การนอนตากน้ำค้างมาทั้งคืนคงทำให้เขาไข้ขึ้น

นอกจากนั้นภายใต้ใบหน้าซีดเซียวของเขานั้นผมยังเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ชวนหดหู่

มันเป็นแววตาที่มีทั้งความรัก ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน และความสำนึกผิด

ในแววตานั้นบ่งบอกว่าเขากำลังอ้อนวอนร้องขอการให้อภัยจากผม

แต่ผมกลับไม่รู้สึกรู้สาต่อแววตานั้นเลย ภายในใจยังรู้สึกโกรธต่อการนอกใจของเขา ภาพที่เขาเริงรักอยู่กับพี่กุ้งทำให้ผมมองเขาอย่างเคียดแค้น

โดยไม่ตั้งใจ...ผมได้ตรงเข้าไปตบตีเขาอย่างไม่ยั้ง ในขณะที่ทีมเองก็ได้แต่ยืนหลับตานิ่งให้ผมทุบตีเขาโดยที่ไม่คิดแม้แต่จะปัดป้อง

จนเมื่อผมค่อยๆ อ่อนแรงลง ผมจึงหยุดยืนนิ่งแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนเขื่อนแตก ในขณะที่ทีมเองก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้แล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักเช่นกัน

เราทั้งคู่ยืนกอดคอกันร้องไห้เหมือนจะระบายความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสที่เราต่างได้รับในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

ยิ่งเราร้องไห้หนักขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งกอดกันแน่นมากขึ้นเท่านั้น พร้อมๆกับที่ยิ่งรู้ว่า...เรารักกันมากแค่ไหน

“อย่าทรมานทีมอีกเลยนะ ทีมสำนึกแล้ว ทีมจะไม่ทำอีกแล้วนะบี อย่าทิ้งทีมไปเลยนะ ทีมขอร้อง”

ทีมพูดออกมาทั้งน้ำตา มันเป็นเสียงที่ปนไปด้วยความเจ็บปวดและแหบพร่าเหมือนคนไม่สบาย

“ทำไมทีม ทำไมความรักของเราต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมเราถึงไม่มีความสุขอย่างคู่อื่นๆบ้าง ทำไมเราต้องมาเจ็บปวดกันอย่างนี้ ทำไมทีม ทำไม ฮือ ฮือ ฮือๆๆๆๆๆๆ”

-------------------------------------





หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: cha-lor-rea ที่ 10-11-2006 19:35:56
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 10-11-2006 19:56:32
555+..เห็นไหมว่าผมเลือกไม่ผิดที่เชียร์ทีม

ที่จริงทีมก็ออกจะรักบีขนาดนี้  แต่บีแหละทิฐิสูงเอง

ในที่สุดก็เข้าใจกัน  แต่สงสัยจะไม่ราบรื่น

บีจะเอายังไงกับปอนด์หนอ 

เห็นไหม??....บีอ่ะใจร้าย  ใจดำ  นิสัยไม่ดีที่สุดในเรื่องแล้ว

เชียร์ให้สุดท้ายบีโดนทิ้งไม่มีใครต้องการขาดใจเลย  << ...ผมอคติไปป่าว

ขอให้ทีมคู่ปอนด์  แล้วบาสคู่กอล์ฟละกันนะคับ 555+  <<..บ้าไปแล้วผม


ตอนนี้เศร้ามากมายสงสารทั้งปอนด์และทีม  (( ปนสมเพชบีหน่อยๆ ))

มาต่อตอนหน้าไวๆนะครับคุณบลู  ผมรออ่านอยู่


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-11-2006 20:11:53
Yาย_โO  ตามอ่านได้ที่นี่ที่เดียวนะครับ ผมว่าใครที่อ่านเรื่องนี้แล้ว ไม่อยากติดตามจนจบ แปลกมากๆเลยครับ
ผมอ่านเรื่องนี้แล้วไม่สามารถลุกจากหน้าจอเลยครับ พยายามเข้านะครับ อย่ามัวแต่คุย m กับโทรศัพท์ เอิ้กๆ
ลงตอนต่อไปแกล้งโยดีกว่า

cha-lor-rea  อ่าวตามอ่านกับเขาทันแล้วหรือครับ

FlukeHub หุหุ ไม่รู้เหมือนกันครับ ถ้าผมโดนอย่างที่บีโดน ผมก็จะไม่หันกลับมาแล แม้แต่หางตาครับ
แต่จับคู่ตลกดีนะครับ สงสัยจะต้องฟันดาบกันใหม่ คิกคิก

************************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 22)

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังคำถามของผม ทั้งผมและทีมต่างก็ยังกอดคอกันร้องไห้อย่างเจ็บปวดเพราะต่างรับรู้ดีว่าความรักในช่วงที่ผ่านมาของเรามีเรื่องราวที่ทำให้เราทั้งคู่ต้องปวดใจกันมากจริงๆ

จนสักพักเมื่อเราเริ่มปรับความรู้สึกกันได้ ทีมก็เริ่มสารภาพผิดกับผมอีกครั้ง

“มันเป็นความผิดของทีมเอง เพราะทีมคนเดียว ถ้าทีมรู้จักยับยั้งชั่งใจสักนิด เราก็คงไม่ต้องเป็นอย่างนี้ ขอโทษนะบี ทีมขอโทษ ให้อภัยทีมเถอะนะ”

“เพิ่งคิดได้เหรอ แทนที่ทีมจะมาขอโทษบีตั้งแต่วันแรก ทีมกลับไปควงพี่กุ้งมาเย้ยบีอีก” ผมพูดอย่างอนๆ

“ก็ตอนนั้นทีมอยากประชดบีนี่ ที่ดูเหมือนบีไม่รักทีมเลย”

“แล้วเป็นไง ได้ประชดสมใจมั้ยล่ะ”

“ก็ใครจะคิดว่าบีจะกล้าไปคบกับไอ้พี่ปอนด์นั้นมาเย้ยทีมล่ะ ทำไมบีใจร้ายกับทีมอย่างนี้เนี้ย”

“ใจร้ายเหรอ ใครเป็นคนเริ่มก่อนล่ะ แล้วที่ทีมรู้สึก..มันเทียบกันไม่ได้หรอกนะกับที่ทีมทำไว้กับบีน่ะ”

“บีรู้ได้ไงล่ะว่ามันเทียบกันไม่ได้ บีไม่รู้หรอกว่าทีมเจ็บปวด ทรมานแค่ไหนที่เห็นบีไปเดินควงอยู่กับผู้ชายคนอื่น สำหรับทีม...... มันยิ่งกว่าตายทั้งเป็นอีกนะ”

ทีมพูดออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“แต่อย่างน้อย...บีก็ยังไม่ได้ไปมีอะไรเขาไม่ใช่เหรอ ”

คำพูดของผมทำให้ทีมมีสีหน้าสลดลง แล้วก็พูดเบาๆออกมาว่า

“แค่เห็นบีเดินจับมือกับพี่ปอนด์ ทีมก็เหมือนใจจะขาดแล้ว ถ้าบีไปมีอะไรกับไอ้หมอนั่นขึ้นมาจริงๆ ทีมคงขาดตายใจแน่ๆ”

พูดจบเขาก็มีสีหน้าลังเลใจนิดนึง ก่อนจะตัดสินใจถามผมว่า

“......เอ่อ...แต่สรุปว่าบีกับพี่ปอนด์......…”

“มีอะไรกันหรือยังน่ะเหรอ บีไม่ได้ใจง่ายแบบทีมหรอกนะ”

“จริงหรือเปล่า”

ทีมพูดออกมาด้วยสีหน้าลิงโลดเหมือนเด็กได้ของเล่น

“รู้มั้ยเมื่อคืนทีมทรมานมากเลย ทั้งหนาว ทั้งยุงกัด แต่มันเทียบกันไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดข้างในที่ทีมกำลังคิดว่าป่านนี้บีกำลังทำอะไรอยู่กับพี่ปอนด์บ้าง ทีมถึงได้รู้ว่าคืนนั้นที่ชายทะเลตอนที่บีต้องมานอนรอทีมอยู่นอกบังกะโลนั่น บีต้องทรมานแค่ไหน ทีมสำนึกแล้วนะบี อย่าแกล้งทีมอีกเลยนะ”

ผมมองสายตาอ้อนวอนคู่นั้นด้วยความสงสาร จริงๆแล้วสิ่งที่ผมทำกับทีมไม่เพียงให้บทเรียนกับเขา แต่มันกำลังให้บทเรียนความรักกับผมด้วย

“แล้วทำไมทีมถึงมานอนรอบีได้ล่ะ ทีมไม่ได้ไปทะเลกับพี่กุ้งเหรอ”

“ไปสิ แต่มันก็เหมือนไม่ได้ไปนั่นแหละ เพราะทีมไปแต่ตัว ขณะที่หัวใจของทีมมันไปอยู่กับบีตลอดเวลา ทีมมัวแต่คิดว่าบีกำลังทำอะไรอยู่กับพี่ปอนด์บ้าง บีกับพี่ปอนด์จะออดอ้อนออเซาะกันขนาดไหน ที่สำคัญทีมกลัว......ทีมกลัวว่าเกิดพี่ปอนด์ทำให้บีหลงรัก หรือบีต้องตกเป็นของเขาไปจริงๆ แล้วทีมจะทำยังไง ยิ่งคิด ทีมยิ่งแทบคลั่ง ทีมเลยตัดสินใจสารภาพความจริงกับพี่กุ้งไป แล้วก็โบกรถออกมาจนมาถึงบ้านบีนี่แหละ”

พูดจบทีมก็ค่อยๆ หลับตาลงแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนล้า

จริงสิ ผมลืมไปสนิทว่าทีมกำลังมีไข้สูง แถมยังโดนผมตบตีแบบไม่ยั้งมือไปเมื่อครู่

การที่เขาพยายามฝืนทนยืนสารภาพผิดกับผมคงทำให้ร่างกายของเขาเริ่มไม่ไหว

เมื่อนึกถึงตรงนี้ขึ้นได้ ผมจึงรีบเอามือไปทาบหน้าผากของเขาไว้ซึ่งนั่นทำให้ผมตกใจมาก

“ทีม ทำไมทีมตัวร้อนอย่างนี้เนี้ย”

“ทีมไม่เป็นไรหรอก แค่มีไข้นิดหน่อยเอง ทำไม กลัวเป็นหม้ายขึ้นมาหรือไง”

“นี่ยังมาพูดเล่นอีก เดี่ยวบีให้พ่อขับรถไปส่งที่บ้านมั้ย”

“ทั้งๆ ที่ทีมไม่สบายอย่างนี้ ใจคอบียังจะผลักไสทีมไปอีกเหรอ ให้ทีมค้างที่นี่นะ ให้ทีมได้นอนกอดบีให้หายคิดถึงเถอะนะ”

เสียงของทีมเบาและอ่อนแรงมากจนผมอดเป็นห่วงเขาไม่ได้

“แล้วพ่อแม่ทีมล่ะ ท่านจะเป็นห่วงทีมนะ”

“ทีมขออนุญาตท่านไว้แล้วล่ะ...นะ...ให้ทีมค้างที่นี่นะ ให้ทีมนอนตรงไหนก็ได้ ที่พื้นก็ได้ หรือจะให้ทีมนอนที่ปลายเท้าบีเหมือนที่ทีมเคยทำก็ได้ ขอแค่ให้ทีมได้อยู่ใกล้ๆบีแค่นั้น”

น้ำเสียงแหบพร่าที่เจอไปด้วยความรู้สึกชวนหดหู่ของทีม ทำให้ผมอดกลั้นน้ำตาในขณะที่มองเขาด้วยความสงสารอย่างจับใจไม่ได้

ความอ่อนล้าของร่างกายที่เกิดจากอาการซมเพราะพิษไข้ และความเจ็บปวดในหัวใจที่เขาถูกกระทำจากผมมาอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ชายที่เคยชอบโหวกเหวกโวยวายคนนี้กลายเป็นคนอ่อนแอที่แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

ผมจึงค่อยประคองทีมให้นอนลงบนเตียง ในขณะที่ทีมได้แต่ยิ้มๆ อย่างอ่อนแรงเมื่อเห็นผมเป็นห่วงเป็นใยเขามากขนาดนี้

“ตกลงแล้วบียังไม่เคยพูดกับทีมเลยนะ ว่าบีรักทีมหรือเปล่า”

ผมมองทีมอย่างเขินๆที่อยู่ดี ๆ เขาก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“ก็ถ้า.....ถ้าไม่รัก บีก็คงไม่มาทำอย่างนี้หรอก”

ผมตอบไปอย่างเลี่ยง ๆ พลางอดรู้สึกไม่ได้ว่า....คำบางคำแม้เราจะรู้สึกถึงมันอย่างเต็มอก แต่การจะพูดมันออกมาต่อหน้าคนที่เรารักนั้น มันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียจริง

“ตกลงบีก็ไม่ยอมพูดใช่มั้ยว่า....บีรักทีม”

“ก็ตอบไปแล้วไง จะเอาไงอีก”

“นั่นคือประโยคที่บีใช้บอกรักเหรอ บีพูดได้แค่นั้นเหรอ ถ้าวันนี้ทีมต้องตาย ทีมก็คงไม่มีโอกาสได้ยินคำว่า “รัก” จากบีสินะ”

“ทีม.........” ผมทำน้ำเสียงตำหนิใส่เขา ที่อยู่ดีๆ เขาพูดถึงคำว่าตายขึ้นมา

“แล้วถ้าทีมตายขึ้นมาจริงๆ บีจะเสียใจ ...บีจะเสียน้ำตาให้ทีมมั้ย”

หลังคำพูดของทีม แม้อาการของเขาจะดูเหมือนคนเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่น้ำเสียงเหมือนคนจะสิ้นใจของทีมเมื่อครู่ทำให้ผมสติแตก

“แม่....แม่....แม่ขึ้นมานี่หน่อย....แม่..แม่”

ผมตะโกนเรียกแม่อย่างสุดเสียงเหมือนคนบ้า จนแม่วิ่งขึ้นมาข้างบนแล้วเข้ามาในห้องผมอย่างตื่นตกใจ

“ทำไม มีอะไรเหรอบี”

“ทีม...แม่ ทีมเขาเป็นอะไรไม่รู้ เขาตัวร้อนมากเลย แม่ช่วยเขาด้วยนะ ช่วยทีมด้วยนะ ฮือ ฮือ ฮือ”

ผมพูดพลางร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว แม้จะดูเป็นเรื่องตลก แต่ตอนนั้นผมกลัวว่าทีมเขาจะตายจากผมไปจริงๆ

หลังคำพูดของผม แม่จึงรีบเข้าไปจับหน้าผากทีม

“ตัวร้อนมากเลยนี่ ไปหาหมอนะลูก”

“ผมไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ แค่นอนพักหน่อยก็หายแล้ว”

หลังคำตอบของทีม แม้แม่ของผมจะพยายามคะยั้นคะยอที่จะพาเขาไปหาหมอ แต่ทีมก็ยังยืนกรานที่จะแค่ทานยาแล้วก็นอนพักสักคืน จนแม่ของผมต้องยอมแพ้

“เอ้า ก็ได้ ลองดูอาการสักคืนก็ได้ เดี่ยวแม่จะไปต้มข้าวต้มให้ทานแล้วกัน เสร็จแล้วก็อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ แล้วคราวหลังก็อย่าเล่นพิเรนท์อย่างนี้อีกรู้มั้ย ไปนอนตากน้ำค้างได้ยังไงทั้งคืน เฮ้อ เด็กสมัยนี้ ”

แม่ของผมเอ็ดทีมด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด ก่อนที่หันมาดุผมเช่นกัน

“เราเองก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว อะไรกัน เรียนมาจนป่านนี้แล้ว ไม่รู้เหรอว่าแค่นี้น่ะไม่ถึงตายหรอก ทำเอาแม่เกือบหัวใจวาย นึกว่าเรื่องใหญ่เรื่องโตที่ไหน เฮ้อ”

เมื่อแม่ของผมออกจากห้องไปแล้ว ผมก็ได้แต่หันไปมองทีมอย่างงอนๆ ในขณะที่เขากำลังนอนยิ้มกริ่ม กระดิกเท้าเล่นอย่างอารมณ์ดี

ต่อมาเมื่อแม่ของผมทำข้าวต้มเสร็จ ผมก็ยกมันขึ้นมาที่ห้องพร้อมยา แล้วค่อยๆพยุงตัวทีมให้ลุกขึ้นนั่ง จากนั้นจึงค่อยๆป้อนเขาทีละคำ

“ตกลงบีเป็นคนยังไงกันแน่เนี้ย”

“อะไรยังไง”

ผมถามอย่างอนๆ ที่เขาแกล้งทำเป็นจะตายต่อหน้าผม

“ก็เวลาดี บีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายก็เหมือนจะให้ตายกันไปข้างนึง เมื่อกี้ที่ทุบทีมน่ะกะจะให้ตายคามือเลยใช่มั้ย ยังจุกไม่หายเลยเนี้ย”

“ก็น่าจะโดนมั้ยล่ะ รู้งี้น่าจะตีให้แรงขึ้นอีกเสียก็ดี”

“จ้า....จ้า ...กลัวแล้วจ้า โห มีเมียดุขนาดนี้ สงสัยต้องไปหาชมรมคนกลัวเมียอยู่ซะแล้ว”

หลังพูดจบทั้งผมและทีมก็ยิ้มออกมาอย่างขำๆ

ทีมทานข้าวต้มที่ผมป้อนไปอีกไม่กี่คำ เขาก็บอกว่าเขาไม่อยากทานแล้ว เมื่อผมเห็นว่าคะยั้นคะยอเขาเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ผมจึงยอมแพ้แล้วให้เขาทานยา ก่อนที่จะลุกออกไป

“เดี่ยวบี อย่างเพิ่งไป”

“ทำไม มีอะไรอีกเหรอ”

“บียังไม่นอนเหรอ มานอนด้วยกันสิ”

“บียังไม่ทานข้าว อาบน้ำเลยนะ ทีมนอนไปก่อนเถอะ”

“งั้นให้ทีมหลับก่อนได้มั้ย บีถึงค่อยไป”

“ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้”

ผมแกล้งทำเป็นบ่นๆ แต่ก็กลับไปนั่งลงข้างเขา ในขณะที่ทีมก็คว้ามือของผมไปเกาะกุมไว้บนหัวใจของเขาจนแน่นแล้วค่อยๆหลับตาลง

“บีอย่าจากทีมไปไหนนะ อยู่กับทีมนะ อย่าทิ้งทีมไปไหนนะ อย่าทิ้งทีมนะ อย่าทิ้ง......”

ทีมพร่ำพูดแต่ประโยคเหล่านี้ออกมาจนเสียงของเขาเบาลงเรื่อยๆ และหลับไปในที่สุด

ในขณะที่ผมได้แต่มองผู้ชายที่นอนหลับสนิทอย่างอ่อนล้าอยู่ข้างหน้าด้วยความรักและความสงสารจับใจ

ในนาทีนั้นเองที่ผมมีโอกาสได้พูดในสิ่งที่ผมอยากจะบอกเขามาตลอดทุกลมหายใจว่า

…...“บีรักทีมนะ บีรักทีมมากเหลือเกิน”….


เช้าวันต่อมา คุณแม่บอกผมว่าจะให้ทีมลาเรียน 1 วันแล้วท่านจะพาไปหาหมอก่อนจะที่ให้คุณพ่อขับรถพาทีมกลับไปส่งที่บ้านตอนเย็น ดังนั้นในวันนี้ผมจึงต้องไปเรียนคนเดียว

เมื่อมาถึงโรงเรียนผมก็ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะสารภาพผิดกับพี่ปอนด์เพื่อไม่ให้เรื่องของเราเลยเถิดไปกว่านี้

ก่อนหน้านั้นผมเคยคิดว่าผู้ชายที่เป็นเพลย์บอยอย่างพี่ปอนด์คงจะไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับผม ขณะที่ผมเองก็คงจะเลิกราจากเขาได้ไม่ยาก

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาระหว่างผมและพี่ปอนด์นั้น มันกลับทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดมาตลอดนั้น...มันผิดถนัด

ในวันนี้ผมกำลังลำบากใจและเจ็บปวดอย่างมากที่จะต้องบอกเลิกกับเขา มันเหมือนกับผมมาทำร้ายเขาทั้งๆ ที่พี่ปอนด์ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย

แต่หากผมจะยังปล่อยเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อออกไปก็รังแต่จะทำให้ ทั้งผมและเขา รวมทั้งทีมยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีก

ดังนั้นเมื่อเวลาเลิกเรียนมาถึง ผมจึงตัดสินใจเดินไปหาเขา

“อ้าวบี มีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้มาหาพี่ถึงห้องเชียว”

“คือ..บีมีเรื่องจะพูดกับพี่อ่ะ”

“เหรอ สงสัยเราจะเป็นเนื้อคู่กันจริงๆนะ เพราะพี่ก็มีเรื่องจะพูดกับบีเหมือนกัน”

ผมฟังประโยคนี้ของพี่ปอนด์ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น พลางภาวนาว่าให้สิ่งที่เขาจะบอกผมคือ “เรามาเลิกกันเถอะ”

บางทีหลังจากที่ผมไม่ยอมเขาในคืนที่เราไปค้างที่ชายทะเลด้วยกันคืนนั้น อาจจะทำให้เขาเริ่มคิดได้ว่าผมไม่เหมาะกับเขาหรอก

“เรื่องอะไรเหรอพี่ปอนด์” น้ำเสียงของผมตื่นเต้นเหมือนคนเก็บอาการไม่อยู่

“ตามพี่มาสิ”

ว่าแล้วพี่ปอนด์ก็พาผมเดินไปลานจอดรถจักรยานและจักรยานยนตร์ของโรงเรียน ก่อนที่จะไปยืนหยุดอยู่ที่รถจักรยานยนตร์นูโวสีดำ รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผมเพิ่งเห็นในโฆษณาทางทีวี

“เป็นไงล่ะ สวยมั้ย พี่เอามาอวดบีเป็นคนแรกเลย รู้หรือเปล่า”

“เอ่อ สะ สะ สวยคับ”

“งั้นวันนี้ พี่จะขับมันไปส่งบีถึงบ้านเลยนะ”

“อย่าเลยพี่ปอนด์ บ้านบีอยู่อีกอำเภอนึงเลยนะ”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ อย่าลืมสิเราเป็นแฟนกันนะ แล้วที่ผ่านมาพี่ก็รู้สึกว่าพี่เป็นแฟนที่แย่เอามากๆ ด้วย แต่ตั้งแต่วันนี้ พี่จะปรับปรุงตัวใหม่นะ พี่จะทำให้บีรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้มาเป็นแฟนพี่”

“เอ่อ พี่ปอนด์ อย่าเลยนะ บีว่าบียังไม่พร้อม”

“ทำไมกลัวพ่อเอาปืนลูกซองมายิงพี่เหรอ”

พูดจบพี่ปอนด์ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ในขณะที่ผมกลับต้องพยายามฝืนยิ้มไปด้วยทั้งๆที่ภายในใจเหมือนกับกำลังจะร้องไห้

“ปล่าวหรอก แต่ไว้วันอื่นเถอะนะ”

“อืม...ก็ได้ ตามใจบีสิ ต่อไปนี้พี่จะตามใจบีทุกอย่าง ไม่ว่าบีอยากได้หรืออยากทำอะไร”

พี่ปอนด์หยุดนิ่งมองผมอย่างอ่อนโยนนิดนึง ก่อนจะพูดต่อว่า

“รู้มั้ย...พี่ไม่เคยจริงจังกับใครอย่างนี้มาก่อน บางทีบีอาจจะเป็น “น้ำที่มาดับไฟ” อย่างที่บีเคยพูดก็ได้ ...เอ่อ ...แล้วเมื่อกี้ที่บีบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับพี่ เรื่องอะไรเหรอ”

“ เอ่อ...คือ..คือบีอยากให้พี่ไปส่งที่ท่ารถหน่อย”

หลังคำพูดที่ผ่านมาของพี่ปอนด์เมื่อครู่ ทำให้ผมไม่อาจพูดในสิ่งที่ใจคิดได้

“โถ แค่นี้เอง ไม่เห็นต้องลำบากเดินมาหาพี่ถึงห้องเลยนี่... ไป...เดี่ยวพี่ไปส่ง”

ว่าแล้วพี่ปอนด์ก็เดินขึ้นไปนั่งบนรถแล้วก็สตาร์ทเครื่อง ในขณะที่ผมได้แต่เดินตามไปนั่งอย่างหดหู่

“กอดพี่แน่นๆสิ เดี๋ยวตกนะ”

ผมได้แต่เอามือไปกอดเอวพี่ปอนด์ไว้ตามสั่งอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรอื่นได้

ในขณะที่พี่ปอนด์ก็เอามือของเขาข้างหนึ่งมาเกาะกุมมือผมไว้แน่น แล้วใช้มืออีกข้างขับรถออกไป

ในเวลานั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ พลางคิดในใจว่า

“ผมไม่น่าเริ่มมันขึ้นมาเลย ไม่น่าเลยจริงๆ”

-----------------------------------------------










หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-11-2006 21:10:45
 :like2: ได้อ่านอีกสองตอน  :like2:

อ่านแล้วก็อึ้ง กะอยู่แล้วว่าต้องกลายเป็นรักสามเส้า  :try2:

แต่แปลกตอนนี้ไม่รู้สึกสงสารใครเลย (ยกเว้นปอนด์)  :laugh:

อาจเป็นเพราะสิ่งที่ทีมกับบีได้รับนี่ เป็นผลจากการกระทำของทั้งสองคนเอง

ทีมเลือกที่จะนอกใจบีแล้วยังพาล  ส่วนบีเลือกที่จะประชดทีม  :try2:

ปล. ถามคุณบลูนิดหนึ่ง ภาคแรกนี่จบเศร้าหรือเปล่าคะ มีลางสังหรณ์ว่าจะมีคนตาย


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 10-11-2006 22:18:29
โอ๊ย!!~  สงสารปอนด์อ่ะ


“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ อย่าลืมสิเราเป็นแฟนกันนะ แล้วที่ผ่านมาพี่ก็รู้สึกว่าพี่เป็นแฟนที่แย่เอามากๆ ด้วย แต่ตั้งแต่วันนี้ พี่จะปรับปรุงตัวใหม่นะ พี่จะทำให้บีรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้มาเป็นแฟนพี่”


อ่านแล้วอยากจะร้องไห้  สงสารทั้งปอนด์และทีม  ไม่น่าเลย

เกลียดบีจริงๆ  ให้ดิ้นตาย.....<<  จริงๆนะ

ต่อด่วนครับบลู  ผมอยากจะบ้าแล้ว
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-11-2006 22:33:48
Yาย_โO  อ่าวติดเรียนแล้วหรือครับ ว้างี้ผมก็เหงาแย่เลย เศร้า

shell เรื่องนี้ไม่ช่ายรักสามเศร้าตามนิยามนะครับ ภาคแรกเศร้ายังไม่ค่อยมากเท่าไหร่ครับ รึปล่าว หุหุ

FlukeHub อิอิ เชียร์ปอนด์เพราะปอนด์หล่อละสิ รู้นะ ปอนด์นี่เป็นคนในฝันเลยครับผมว่า เพอร์เฟ็ค แต่ความรักมันเล่นเล่ห์กับคนทั่วไปเสมอ

******************************************************************************


.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 23)

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ในตอนเย็นวันนั้นเมื่อผมกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ของผมได้บอกให้ผมฟังว่าหลังจากได้นอนพักมาตลอดทั้งคืนจนเลยมาถึงช่วงเช้า ทีมก็มีอาการดีขึ้นมาก

จนเมื่อช่วงบ่ายๆ คุณพ่อก็ได้ขับรถพาเขาไปหาหมอและไปส่งที่บ้านแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้ทีมก็คงกลับไปเรียนไปตามปกติ

ผมรับฟังข่าวดีนี้อย่างยินดีที่รู้ว่าทีมไม่เป็นอะไรมาก แต่อีกใจผมก็กลับรู้สึกหดหู่กับเรื่องของพี่ปอนด์อย่างมากเพราะผมไม่รู้ว่าผมจะหาทางออกให้ตัวเองยังไงดี

ยิ่งตอนนี้ผมค่อนข้างจะแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่พี่ปอนด์ทำให้ผม มันไม่ใช่เป็นลูกไม้เพื่อจะทำให้ผมตายใจ แต่มันกลับเป็นความรู้สึกที่เขาอยากจะเริ่มต้นกับผมอย่างจริงจัง

ความเป็นคนสนุกสนาน ช่างพูดช่างคุย และมองโลกในแง่ดีของผม มันอาจจะเป็นคุณสมบัติธรรมดาๆในสายตาผู้ชายคนอื่น แต่สำหรับคนที่อยู่ในโลกของ “ความเหงา” อย่างพี่ปอนด์ มันกลับเป็นสิ่งที่มีค่ามาก

ความรู้สึกผิดที่จะต้องทำร้ายผู้ชายคนนี้จึงทำให้ผมถึงกับเก็บเอามาคิดจนเครียด

ผมต้องพยายามปลุกปลอบใจตัวเองว่า....พี่ปอนด์เองก็เคยทำร้ายทั้งผู้หญิง ทั้งเกย์ในโรงเรียนให้เสียน้ำตามาหลายคนแล้ว จนเขาถึงขนาดได้สมญานามว่าเป็นเพลย์บอยของโรงเรียน

ดังนั้น...ถ้าหากเขาจะต้องมาเป็นฝ่ายเจ็บปวดบ้างก็ถือเสียว่าเป็นการชดใช้กรรมของเขาก็แล้วกัน

แต่ถึงกระนั้นผมก็อดคิดไม่ได้ว่า....แล้วทำไมโชคชะตาถึงต้องส่งภาระหน้าที่นี้มาให้ผมเป็นคนจัดการด้วย

ที่สำคัญ “กรรม” ที่ผมทำไว้กับเขา มันจะย้อนกลับมาทำให้ผมต้องเจ็บปวดในภายหลังหรือเปล่า

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งสับสนและยิ่งเครียด ผมจึงพยายามลืมเรื่องของพี่ปอนด์แล้วตัดสินใจ โทร. ไปหาทีมเพราะผมคิดว่าเขาคงเป็นคนเดียวที่จะทำให้ผมรู้สึกมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง แต่แค่คำพูดแรกของเขาก็แทบทำให้ผมอยากวางสาย

“อ๋อ รู้จักโทร. มาหาทีมเป็นเหมือนกันเหรอ นึกว่าเป็นแต่ให้ทีม โทร. หาอย่างเดียว”

“พูดอย่างนี้ได้แสดงว่าคงไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย งั้นแค่นี้นะ”

“เดี๋ยวสิบี อย่าใจน้อยนะ ทีมแค่แหย่บีเล่นน่า รู้มั้ยว่าทีมรอโทรศัพท์บีทั้งวันเลย อยากรู้ว่าบีเป็นห่วงทีมบ้างหรือเปล่า”

“แล้วเป็นไงล่ะ เริ่มดีขึ้นบ้างยัง”

ผมถามเขาอย่างอ่อนโยนเพราะอยากให้เขารู้ว่าผมเป็นห่วงเขาจริงๆ

“แค่ได้นอนกอดบีเมื่อคืน ทีมก็เหมือนได้ยาดีแล้วล่ะ แถมยังมาได้ยินเสียงบีอย่างนี้อีก ทีมเป็นโรคอะไรก็ต้องหาย”

“อย่าเว่อร์น่ะ” ผมพูดอย่างเขินๆ

“แล้วที่โรงเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก อาจารย์กับเพื่อนๆก็ถามถึงนิดหน่อย ส่วนเรื่องที่เรียน.....”

“ทีมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ทีมหมายถึงเรื่องพี่ปอนด์น่ะ บีบอกเขาไปหรือยัง”

คำถามจู่โจมของทีมทำให้ผมถึงกับอึกอัก

“เอ่อ......คือ..”

“นี่บียังไม่พูดไปอีกเหรอ” ทีมพูดออกมาอย่างฉุนเฉียว

“มันไม่ได้พูดกันง่ายๆนะทีม”

“ทำไมเหรอ มันจะพูดยากตรงไหน ก็บอกความจริงเขาไปสิ หรือว่า......บีคงไม่ได้มีใจให้มันใช่มั้ย”

“อย่ามาไร้สาระน่า อยากชวนทะเลาะอีกหรือไง”

“ป่าว แต่ทีมไม่สบายใจนี่ ถ้าบีไม่กล้า งั้นทีมไปพูดเอง”

“อย่านะทีม”

ผมรีบห้ามเขาอย่างตกอกตกใจ เพราะรู้ดีว่าการปล่อยให้ 2 คนนี้เผชิญหน้ากัน ย่อมเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

“ทำไมล่ะ บีจะรีรออะไรอีก”

“ทีม....บางทีคนเราก็ต้องนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างนะ ไม่ใช่ว่าเราจะพูดอะไรตามใจคิดไปได้เสียทุกอย่าง บีแค่สงสารพี่ปอนด์ บีไม่อยากให้เขาต้องเสียใจ”

“แล้วบีเคยถามตัวเองหรือเปล่าล่ะว่า..ความสงสารของบีกำลังช่วยเขา หรือกำลังทำร้ายเขากันแน่”

คำพูดของทีมทำให้ผมถึงกับอึ้ง ก่อนที่เขาจะพูดต่อมาอีกว่า

“ก็ในเมื่อสักวันเขาก็ต้องพบกับความเสียใจอยู่แล้ว ทำไมบีไม่ให้เขาเผชิญกับมันไปเสียตั้งแต่วันนี้ล่ะ บีจะยิ่งทำให้เขารู้สึกผูกพันกับบีไปมากกว่านี้ทำไม”

ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า....บางทีความตรงไปตรงมาของทีมก็ให้แง่คิดในมุมที่ผมไม่เคยนึกถึงมาก่อน

ที่ผ่านมาเพราะความสงสาร และความเห็นอกเห็นใจทำให้ผมพลาดโอกาสที่จะบอกความจริงไปกับเขาตั้งหลายครั้ง

ทั้งๆ ที่ถ้าหากผมตัดสินใจบอกเขาไปตั้งแต่วันที่เขายังไม่จริงจังอะไรกับผมมาก เขาก็อาจจะทำใจได้ไปนานแล้ว

แต่เมื่อผมกลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งป่านนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ผมกำลังดึงเขาให้เดินเข้ามาในพงหนามโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งเขาเข้ามาไกลและลึกเท่าไหร่ เวลาเดินกลับออกไปเขาก็จะยิ่งเจ็บปวดและใช้เวลากับความทรมานมากขึ้นเท่านั้น

ในตอนนั้นเองที่ผมได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า....ไม่ว่ายังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องบอกความจริงกับเขาให้ได้


ดังนั้นในเช้าวันต่อมา เมื่อผมมาถึงโรงเรียนผมจึงรีบไปนัดพบกับพี่ปอนด์โดยบอกว่าอยากให้เขามาเจอผมที่ห้องชมรมดนตรีหลังเลิกเรียน

จนกระทั่งเมื่อเวลาเลิกเรียนมาถึง พี่ปอนด์ก็มาหาผมที่ห้องตามนัด

“พี่ปอนด์ บีมีเรื่องอยากจะสารภาพ”

“พี่ก็มีเรื่องอยากจะพูดกับบีเหมือนกัน”

“ขอบีพูดก่อนนะ คือว่าบี.....”

แม้คราวนี้ผมพยายามจะเป็นฝ่ายพูดก่อน แต่ในทันใดนั้นพี่ปอนด์ก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง และทันทีที่ผมเห็นมันอย่างเต็มตา ผมก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“พี่ให้บีนะ”

พี่ปอนด์เอามือหนึ่งมาจับมือผมไว้ แล้วค่อยๆ นำแหวนทองคำขาวเนื้อเกลี้ยงที่สลักอักษร B และ P ที่คล้องเกี่ยวกันอย่างสวยงามมาสวมใส่นิ้วนางของผม

“พี่ปอนด์ บีรับมันไว้ไม่ได้หรอกนะ อย่าให้บีรู้สึกเป็นคนเลวไปมากกว่านี้เลย”

ผมเริ่มร้องไห้ในขณะที่พยายามจะดึงมือตัวเองออกมา

“ทำไมบี ทำไมบีถึงรับมันไว้ไม่ได้” เขายังพยายามดึงมือผมไว้

“บีมันเลว บีมันไม่เหมาะกับพี่หรอก ปล่อยบีไปเถอะนะ”

ผมเริ่มร้องไห้แรงขึ้นอย่างรู้สึกผิด

“ทำไมบี เกิดอะไรขึ้น ทำไม”

พี่ปอนด์พูดออกมาอย่างหน้าตาตื่นในขณะที่พยายามจะฉุดรั้งมือของผมไว้

“ปล่อยมือบีนะพี่ ปล่อยมือ “แฟน” ผม”

เสียงของทีมทำให้ทั้งผมและพี่ปอนด์ถึงกับหยุดกึก ก่อนที่พี่ปอนด์จะพูดออกไปว่า

“ว่าไงนะ ใครเป็นแฟนแกนะ”

“ก็คนที่พี่กำลังจับมืออยู่นั่นไง บีเป็นแฟนของผม เรารักกัน รักกันมานานมาก แล้วก็ยังรักกันอยู่”

หลังจากได้ยินคำพูดของทีม พี่ปอนด์ก็หันมามองผมด้วยสายตาเจ็บปวดและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน

“จริงหรือเปล่าบี จริงมั้ยที่ไอ้ทีมมันพูดออกมา”

หลังคำถามนี้ของพี่ปอนด์ ผมได้แต่พนักหน้าลงอย่างช้า ๆ ในขณะที่น้ำตายังคงไหลลงมาอย่างไม่ขาดช่วง

ผมรู้ดีว่าคำตอบที่ผมเพิ่งให้เขาไปย่อมทำให้พี่ปอนด์เสียใจ แต่คำพูดของเขาที่ตอบกลับมา มันทำให้ผมประหลาดใจมาก

“บี.....พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าที่ผ่านมา หรือวันนี้ บีกับไอ้ทีมจะเป็นอะไรกัน จะรักกันหรือเปล่า เพราะพี่เคยบอกบีแล้วไงว่าเราจะเริ่มต้นกันใหม่ เราจะไม่สนใจอดีตอีก บอกพี่สิว่านับจากวันนี้บีจะเลือกพี่ ไม่ใช่ไอ้ทีม”

ผมค่อยๆ เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อหูแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จนกระทั่งพี่ปอนด์เริ่มรู้สึกรุนแรงขึ้นแล้วเอามือมากระชากตัวผมเข้าไปติดกับตัวเขา

“พี่ถามได้ยินมั้ย ว่าระหว่างพี่กับไอ้ทีม บีจะเลือกใคร”

เมื่อเห็นอาการสติแตกของพี่ปอนด์ ผมก็ได้แต่ร้องไห้หนักมากขึ้น

ในขณะที่เขาเริ่มบีบมือผมแน่นจนผมเริ่มเจ็บ ในเวลานั้นเองที่ทีมพยายามเข้ามาช่วยผม

“ปล่อยมือบีนะพี่”

“ไม่เกี่ยวกับมึง”

พูดจบพี่ปอนด์ก็ต่อยทีมจนล้มคว่ำลงไปที่พื้น แต่เพียงไม่นานทีมก็ลุกขึ้นมาต่อยพี่ปอนด์คืนบ้างจนเขาถึงกับเซ นับตั้งแต่วินาทีนั้นทั้งคู่ก็เข้าตะลุมบอนกันจนโต๊ะ เก้าอี้ในห้องชมรมดนตรีเริ่มล้ม กระจัดกระจาย

ผมมองการต่อสู้ของคนทั้งคู่อย่างตื่นตกใจ ในขณะที่พยายามตะโกนร้องห้าม แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ฟังผมเลย เพราะทั้งพี่ปอนด์และทีมยังคงตะลุมบอนใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร

จนกระทั่งช่วงนึงที่ผมรู้สึกว่าทีมหันมามองผมแว้บนึงก่อนที่เขาจะโดนพี่ปอนด์ต่อยจนล้มคว่ำไปที่พื้นอีกครั้ง

จากนั้นพี่ปอนด์ก็ตามมาคร่อมตัวทีมแล้วต่อยเขาอย่างไม่ยั้งจนผมต้องรีบวิ่งไปเข้าไปห้ามด้วยการไปบังตัวทีมไว้อย่างไม่หวาดกลัว

เพราะจริงๆ แล้วหากมีใครสักคนที่จะต้องโดนพี่ปอนด์ทำร้าย คนๆนั้นก็ควรจะเป็นผม....ไม่ใช่ทีม

ในจังหวะนั้นเองที่พี่ปอนด์หยุดหมัดของตัวเองแล้วมองผมอย่างเจ็บปวด

“นี่คือคำตอบของบีใช่มั้ย”

“บีขอโทษ ถ้าจะทำร้ายก็ทำร้ายบีเถอะ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของบีเอง ”

ผมพูดออกมาทั้งน้ำตาในขณะที่รู้สึกผิดอย่างสุดๆ

ในตอนนั้นพี่ปอนด์ได้แต่หยุดนิ่งและมองตาผมอย่างเจ็บปวด จนกระทั่งเขาเริ่มยิ้มและเริ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาจนทำให้ผมอดตกใจไม่ได้ว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอไง

“ไม่น่าเชื่อนะ ว่าผู้ชายอย่างพี่กลับมาถูกทำร้ายจากเด็กธรรมดาๆ อย่างบีได้”

พี่ปอนด์พูดออกมาในขณะที่ค่อย ๆ เอามือมาขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู

“เก่งจริงนะเรา ”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดออกมา ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกเดินออกไปจากห้องอย่างช้า ๆ ในขณะที่ผมได้แต่นั่งเสียใจที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวด

เพราะแม้ในช่วงสุดท้ายที่เขาพยายามจะฝืนหัวเราะแต่ผมก็รู้ดีว่าในแววตาของเขานั้นมันเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

ในตอนนั้น....ผมอดคิดไม่ได้ว่า "ตราบาป" นี้คงจะติดตัวผมไปชั่วชีวิต

“นี่จะไม่สนใจทีมบ้างเหรอ”

ทีมพูดขึ้นมาเมื่อเห็นผมเอาแต่มองตามพี่ปอนด์ออกไป

“สนทำไมล่ะ รู้ว่าสู้เขาไม่ได้แล้วยังกล้าไปหาเรื่องเขาอีก”

“ใครบอกว่าทีมสู้ไม่ได้”

“ก็เห็นๆกันอยู่แล้วนี่”

“แน่ใจเหรอ ? ยังไงทีมก็เล่นนักกีฬามาตั้งแต่เด็กนะ จะสู้มือกีตาร์แค่คนเดียวไม่ได้เหรอ”

คำพูดของทีมทำให้ผมถึงกับต้องหยุดคิด เพราะจริงๆแล้วผมก็ติดใจมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่ก่อนหน้านั้นทั้งทีมและพี่ปอนด์ต่างต่อสู้กันมาอย่างสูสี

แต่หลังจากที่ทีมหันมามองผมแว๊บนึงเขาก็ดูเหมือนจะสู้พี่ปอนด์ไม่ได้ขึ้นมาเฉยๆ

“อย่าบอกนะว่าทีมจงใจให้พี่ปอนด์ต่อย”

“ยังไงเรื่องนี้ทีมก็มีส่วนผิดอยู่ด้วยเหมือนกัน ก็ถือว่าทีมชดใช้ให้เขาไปแล้ว อีกอย่างถ้าเขาได้ต่อยทีมอย่างนี้เขาก็คงได้ระบายความโกรธออกมาบ้าง เชื่อทีมสิ ผู้ชายน่ะ ถ้าลองได้ระบายอย่างนี้ รับรอง ใช้เวลาทำใจไม่นานหรอก ....... ที่สำคัญ….”

ทีมหยุดพูดไปนิดนึงก่อนจะหันมาจ้องตาผม

“ทำไมเหรอ ที่สำคัญอะไร”

“ที่สำคัญ...ถ้าเขาได้ระบายไปกับทีมหมดแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องทำร้ายบีอีกไง”

คำตอบของทีมทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก จนอดรู้สึกไม่ได้ว่า จะมีสักครั้งหนึ่งมั้ยที่ผู้ชายคนนี้จะตัดสินใจทำอะไรโดยไม่นึกถึง.... “ผม”

“แล้วอย่างนี้จะกลับบ้านไหวมั้ยเนี้ย”

“หน้าเละ อย่างนี้กลับไปก็โดนด่ากันพอดีน่ะสิ”

“แล้วจะทำไงล่ะ เพราะถ้าพ่อแม่บีเห็นก็คงบ้านแตกเหมือนกัน”

“ก็คงต้องค้างที่ห้องนอนในชมรมของพวกพี่ ๆเค้ามั้ง”

“แต่วันนี้ไม่มีใครอยู่เลยนะ ทีมไม่กลัวผีเหรอ”

“แล้วใจคอบีจะให้ทีมนอนคนเดียวหรือไง”

“บีจะค้างได้ไงล่ะ แม่ไม่ยอมหรอก”

“น่า ไว้เป็นหน้าที่ของทีมเอง”

หลังจากนั้นทีมก็จัดการ โทร. ไปขออนุญาตคุณแม่ของผมโดยให้เหตุผลว่าพวกเราทั้งคู่ต้องอยู่ซ้อมดนตรีกับชมรมเพราะจะมีงานด่วนเข้ามา ซึ่งทันทีที่ทีมเป็นคนเอ่ยปาก แม่ของผมก็ตกลงอนุญาตตามฟอร์ม

หลังจากนั้นผมก็ออกไปซื้อยาและของใช้ส่วนตัวเพื่อจะมาทำแผลให้ทีม จากนั้นเราก็ผลัดกันอาบน้ำโดยผมเป็นฝ่ายอาบก่อน

เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ผมก็กลับเข้ามาในห้องนอนของพี่ๆวงดนตรีโรงเรียนที่เขาจะใช้ห้องนี้เป็นทั้งห้องซ้อมและห้องนอนไปด้วยเวลาที่เขาต้องอยู่ซ้อมกันดึกๆ

ดังนั้นห้องนี้จึงมีอุปกรณ์ครบชุดทั้งฟูก ผ้าห่ม และ หมอน แม้มันจะดูสกปรกไปบ้างแต่ก็ถือว่าคงใช้แก้ขัดสำหรับคืนนี้ไปได้

ผมค่อยๆนั่งลงบนเตียงในขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดสนิทอย่างหดหู่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น

“คิดอะไรอยู่น่ะ”

เสียงของทีมที่อาบน้ำเสร็จแล้วทำให้ผมตื่นจากภวังค์

“อย่าบอกนะว่าคิดถึงไอ้พี่ปอนด์อยู่”

“นี่...บีไม่มีอารมณ์มาทะเลาะนะ”

“จริงด้วย อยู่กัน 2 คนจะพูดถึงคนอื่นทำไมเนาะ”

ทีมพูดออกมาอย่างยิ้มๆ ในขณะที่ผมได้แต่รู้สึกเขิน

“มานี่สิทีม เดียวบีทำแผลให้”

ผมเรียกทีมให้ขยับเข้ามาใกล้ผม ขณะที่ผมค่อยๆ เอาสำลีชุบยาแดงแล้วก็ทาไปที่แผลบนหน้าเขาอย่างแผ่วเบา

“โอ๊ย ทีมเจ็บนะ เบาๆ หน่อยสิ”

“นี่ก็เบา แล้วนะ อย่ามาสำออยหน่อยเลย”

“ก็มันเป็นความผิดของใครล่ะ ที่ทีมต้องเจ็บขนาดนี้ บีจะชดใช้ยังไงเนี้ย”

“บีเลี้ยงไอติมให้ก็ได้”

“ไม่พอหรอก”

“งั้นเลี้ยงข้าวมื้อนึง”

“ยัง ยังไม่พอ”

“นี่จะมากไปแล้วนะ ยังอยากได้อะไรอีก”

“ตัวบีไง ทำผิดอย่างนี้น่ะ ต้องทำโทษ”

ก่อนที่ผมจะทันเอ่ยปากถามว่าเขาจะทำโทษผมยังไง ทีมก็ลุกขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้แล้วใช้มือทั้งสองข้างกดมือผมไว้แน่นกับพื้น

แววตาของเขาในตอนนี้เป็นแววตาที่ผมไม่คุ้นเคยเพราะถึงแม้แววตานั้นจะบ่งบอกถึงความรักอย่างเต็มเปี่ยม แต่มันก็แฝงไว้ด้วยความหื่นกระหาย อยากได้ผมไปเป็นของเขาอย่างเต็มกำลัง

แต่น่าแปลกที่ผมกลับไม่ตื่นตกใจหรือโวยวายกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

ถึงแม้ผมจะถูกพันธนาการไว้อย่างนี้ รวมทั้งรู้ดีว่าทีมกำลังจะทำอะไร แต่ผมก็ได้เพียงแต่หลับตานิ่งโดยไม่ขัดขืน

เพราะอย่างไรเสียผมก็มอบ “หัวใจ” ให้กับเขาไปแล้ว หากคืนนี้เขาจะได้ “ร่างกาย” ของผมไปด้วย ผมก็ยินดีจะมอบให้เขาอย่างเต็มใจ

ในตอนนั้นเองที่ทีมค่อยๆ โน้มตัวลงมาจูบผมอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะฉกลิ้นเข้ามาคว้านในปากจนทำให้ผมถึงกับขนลุก

จูบของเขาเนิ่นนานและนุ่มนวลโดยไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของเขา แต่แล้วอีกสักพักเขาก็ค่อยๆ ดึงลิ้นออกมาแล้วก็มองผมด้วยสายตาหื่นกระหาย ก่อนที่จะกลับลงมาทั้งดูด ทั้งบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างรุนแรง

ความนุ่มนวลที่เขาได้เริ่มต้นไว้เมื่อครู่ได้มลายหายไปหมดสิ้นแล้ว ทีมค่อยๆปล่อยสัญชาติญาณดิบของตัวเองออกมาด้วยการระดมพรมจูบผมไปทั่วใบหน้าอย่างรุนแรง ขณะที่มือของเขาก็ไม่หยุดนิ่ง มันคอยลูบไล้บีบคลึงผมไปทุกซอกส่วนอย่างหนักหน่วง

ในตอนนั้นผมเป็นเหมือนเด็กที่ไม่อาจจะแข็งขืนต่อกำลังของทีมได้ ร่างกายมันอ่อนแรงไปอย่างไม่รู้สาเหตุ เพียงไม่นานทั้งผมและเขาก็เหลือแต่ตัวเปลือยเปล่า

เมื่อไร้อาภรณ์คลุมกาย ทีมก็หันมาหยุดมองร่างกายเปลือยเปล่าของผมอย่างพึงพอใจก่อนจะเริ่มต้นถาโถมลงมาไซ้ซอกคอและใบหูของผมอีกครั้งจนผมซ่านสยิว

จากนั้นเขาจึงค่อยๆลากปลายลิ้นลงมาสัมผัสหัวนมที่กำลังชูชันของผมแล้วก็ฟอนฟัดมันอย่างรุนแรง

“โอ๊ย”

คือเสียงที่ผมร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่าทีมได้เริ่มกัดมันอย่างหื่นกระหายจนทำให้ผมเจ็บ แต่ทีมกลับแค่เงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างสะใจ แล้วก็กลับไปดูดดุนและทั้งขบ ทั้งกัดหัวนมของผมอีกข้างอย่างหนักหน่วง

ถ้าทีมคือผู้ชายที่ทั้งอารมณ์ร้อน โผงผาง และป่าเถื่อน ผมก็กำลังคิดว่า “เซ็กส์” ของเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากนิสัยของเขาเลย

ทีมยังคงวนเวียนใช้ลิ้นซุกไซ้ผมอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ผละจากหน้าอกของผมแล้วลากลิ้นไล่ลงมาที่ท้องน้อยจนไปจบที่การขบขาอ่อนของผมเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมถึงกับต้องบิดตัวเกร็งด้วยความเสียวเหมือนจะถึงสวรรค์

เมื่อทีมเห็นอาการของผมดังนั้น เขาก็หยุดการกระทำของเขาลง ดูเหมือนทีมยังไม่อยากให้เกมของเขาจบลงง่ายๆ

ทีมเปลี่ยนมาจับผมให้นอนคว่ำ จากนั้นเขาก็กลับมาเริ่มต้นซุกไซ้ผมตั้งแต่ติ่งหูใหม่อีกครั้ง ก่อนที่จะรัวลิ้นลงมายังท้ายทอยแล้วลากมันลงมาเป็นทางยาวตามร่องไขสันหลังจนทำให้ผมถึงกับแอ่นตัวแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างสุดจะทน

เขาค่อย ๆ ใช้ลิ้นลากวนไปบนแผ่นหลังก่อนที่จะไล่ลงมายังกลีบแก้มก้นที่เบียดชิดสนิทแน่น แล้วก็ใช้มือทั้ง 2 ข้างมาทั้งบีบ ทั้งเค้นมันอย่างหนักหน่วงเหมือนจะให้มันแหลกคามือ

ผมได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดอย่างหนักหน่วงของทีมก่อนที่เขาจะตัดสินใจพลิกตัวผมให้กลับมานอนหายอีกครั้ง แล้วก็เริ่มถ่างขาทั้งสองของผมออกกว้างก่อนจะเอามันมาพาดบนบ่าเขาไว้

ในตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นอาวุธของทีมเป็นครั้งแรกซึ่งนั่นทำให้ผมถึงกับต้องตกใจกับขนาดของมันมาก เพราะถึงแม้มันจะดูสมส่วนกับคนรูปร่างสูงใหญ่อย่างทีม แต่ด้วยขนาดเช่นนี้มันจะเข้ามาในร่างกายผมได้ยังไง ผมจึงเริ่มที่จะดิ้น

แต่เหมือนทีมจะรู้ทัน เขาจึงรีบเอาน้ำลายมาทาปากทางเข้าแล้วก็เอามือทั้ง 2 ข้างมากดตัวผมไว้แน่นจากนั้นจึงโถมร่างขึ้นทาบทับแล้วค่อยๆ สอดมันเข้าไปในซอกเนื้อที่เบียดชิดของผมอย่างรุนแรงจนผมต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

“โอ๊ย บีเจ็บ ทีมปล่อยบีนะ บีเจ็บ” ผมทั้งดิ้น ทั้งร้องออกมาทั้งน้ำตา

“ทนนิดนึงนะ เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว” ทีมพยายามปลอบในขณะที่ยังกดตัวผมไว้แน่น

“ไม่ เอามันออกไปนะทีม บีเจ็บ” ผมเจ็บมากจนไม่อยากจะฟังอะไรเขาอีกแล้ว

“โอเค โอเค ก็ได้ แต่บีต้องอ้าขาออกกว้างๆนะ ทีมจะได้ค่อยๆ เอาออก”

ด้วยความไร้เดียงสา หลังคำพูดของทีมผมจึงรีบทำตามที่เขาบอกทันทีด้วยการอ้าขาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ แต่แทนที่เขาจะดึงมันออกไป เขากลับสวนกดมันลงมาอย่างเต็มที่จนมันเข้ามาในตัวผมจนหมด

ในตอนนั้นผมถึงกับจุกแล้วก็ร้องโอดครวญออกมาเสียงดัง ในขณะที่ทีมได้แต่แช่มันไว้นิ่งอย่างนั้นแล้วก็เริ่มต้นลงมาไซ้ที่ซอกคอ รักแร้ และหน้าอกของผมอีกครั้ง จนผมเริ่มคลายความเจ็บลง ทีมจึงเริ่มต้นซอยช้าๆ ก่อนที่จะเร่งเร็วขึ้น ๆ จนเม็ดน้ำจากหยดเหงื่อของเราทั้งคู่ต่างผุดพรายขึ้นมาเต็มตัว ทีมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ

ความจัดเจนในเรื่องนี้ของทีมทำให้เขาคุมเกมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกครั้งที่ผมใกล้จะถึงจุดเขาก็สามารถรับรู้อาการของผมอย่างรวดเร็วแล้วก็หยุดมันได้ทันท่วงที ที่เขาต้องทำอย่างนั้นก็เพื่อที่จะให้ผมได้รับประสบการณ์สารพัดท่าและลีลาที่เขานำมาใช้อย่างช่ำชองและเพื่อต้องการให้ผมมีความสุขไปพร้อมๆกับเขา

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถทนต่อไปได้ ผมจึงถึงจุดไปก่อนเขาในที่สุด

เมื่อเห็นดังนั้นทีมจึงให้ผมกลับมานอนหายแล้วเอาขาพาดบ่าไว้อีกครั้ง จากนั้นเขาจึงค่อยๆขยับสะโพกที่แข็งแรงนั้นไปมา จากช้าไปเร็ว จนมันเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนเหงื่อท่วมตัว

ในขณะนั้นเอง ทีมได้เอาแต่จ้องมองผมอย่างพึงพอใจที่เห็นผมเกร็งตัวแน่นพลางหยิกจับมือเขาไว้อย่างเต็มแรงจนเขาเริ่มมีเสียงหอบ หายใจถี่และครางกระเส่าจนดังมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้ว่าอารมณ์ของเขากำลังสุกงอมเต็มที่

จนกระทั่งครั้งสุดท้าย เขาก็กระแทกผมเข้ามาอย่างสุดแรง พร้อมๆกับที่ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ฉีดเข้ามาในร่างกายของผมอย่างมากมาย

หลังจากนั้นทีมก็โน้มตัวลงมาทาบทับผมไว้อย่างอ่อนแรงแล้วก็ยิ้มให้ผมอย่างมีความสุขก่อนที่จะพรมจูบผมไปทั่วใบหน้าด้วยความรักและความหวงแหน

ผมจำได้ดีว่าในคืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด มีแต่แสงจากดวงดาวที่พราวระยิบอยู่บนท้องฟ้า

ในคืนแห่งความทรงจำนี้ แม้ผมจะยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วร่างจากการถูกกระทำเมื่อครู่ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังนอนยิ้มอย่างมีความสุขภายใต้อ้อมแขนอุ่นของทีม

ในตอนนั้น ภายในใจของผมได้แต่คิดว่า…..

ในชีวิตนี้....ผมมีของสำคัญ 2 สิ่งที่แม้ผมจะต้องสูญเสียมันไป แต่หากผู้รับเป็นคนที่.. “ผมรัก” แล้ว มันก็ย่อมนำมาซึ่งความสุขอย่างที่สุดของผมด้วย

ของ 2 สิ่งที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ “หัวใจ” และ “ความบริสุทธิ์”

--------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 10-11-2006 23:25:14
ในชีวิตนี้....ผมมีของสำคัญ 2 สิ่งที่แม้ผมจะต้องสูญเสียมันไป แต่หากผู้รับเป็นคนที่.. “ผมรัก” แล้ว มันก็ย่อมนำมาซึ่งความสุขอย่างที่สุดของผมด้วย
ของ 2 สิ่งที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ “หัวใจ” และ “ความบริสุทธิ์”

สงสารบีจัง ให้เขาทั้งตัวและหัวใจ  เพราะรักคำเดียวแท้ๆ



"กลีบจมแผ่นดินสิ้นสูญราคา กลินนั่นหนายังหอมเป็นข้าผูกพัน
จันทน์กะพ้อคือเหล่าสตรี มีราคีเพราะชายขยี้พรหมจรรย์
ความสาวแหลวสิ้นพลัน ไร้ค่าผูกพัน เหมือนจันทน์กะพ้อร่วงพรู"
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-11-2006 23:50:51
ความรักเวลามันเข้ามา มันไม่มีเหตุผล
เวลามันจากไป มันก็ไม่เคยเหลือใย
บางทีมันก็อยู่เหนือสิ่งที่ถูกต้องนะครับ
คนรักกันมากมาย ไม่ได้หมายความว่าเขาทั้งคู่จะรักกันจนตาย
คนที่ไม่ได้รักกัน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลับมารักไม่ได้

ผมถึงบอกว่าถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้ตัวเอง เราก็ปิดรับคนที่จะเข้ามาเรียนรู้ตัวเรา

*********************************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 24)

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังจากตกเป็นของทีมไปเมื่อคืนดูเหมือนเขาจะยิ่งรัก ยิ่งหวงผมมากกว่าเก่า เพราะในขณะที่นั่งรถกลับบ้านไปด้วยกันในเช้าวันต่อมา ทีมก็พยายามเกาะกุมมือผมไว้แน่นตลอดทาง แถมยังกำชับผมว่า

“บีเป็นของทีมแล้วน๊า คราวนี้ห้ามบีไปมีคนอื่นอีก”

ในตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นสีหน้าภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นเจ้าของอย่างเต็มเปี่ยมอยู่เบื้องหลังคำพูดนั้นจนอดคิดไม่ได้ว่า...ผู้ชายก็คงเป็นเช่นนี้เอง

ผู้ชายไม่มีวันพอใจแม้จะรู้ว่าเขาได้ “หัวใจ” ของอีกฝ่ายมาแล้วอย่างสมบูรณ์

ความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขาได้ครอบครองร่างกายนั้นด้วยแล้วเท่านั้น

ผู้ชายส่วนใหญ่จึงมักจะพูดอยู่เสมอเวลาที่ผู้หญิงไม่ยอมตกเป็นของตัวเองว่า... “ไม่รักผมเหรอ”

ดังนั้นสำหรับผู้ชาย ถ้าหากคุณจะบอกว่า “รักเขา”...... คุณก็คงต้องยอมตกเป็นของเขาด้วย

ความคิดนี้มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความคิดของผู้หญิง หรือเกย์อย่างผม เพราะผมไม่เคยสนใจว่าเราจะต้องมีความเกี่ยวพันกันทางร่างกาย เพียงแค่ขอให้รู้ว่าเขารักผม ...เท่านั้นมันก็มีค่ามากเกินพอแล้ว

นอกจากนั้นผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่า....ที่เขากำชับห้ามผมไปมีใครอื่น แล้วตัวเขาล่ะ ?........เขาจะทำอย่างที่ห้ามผมได้มั้ย

“แล้วทีมล่ะ ทีมจะไปมีคนอื่นหรือเปล่า”

“โอย ทีมไม่เอาแล้วล่ะ เข็ดไปจนตายเลย บีไม่รู้หรอกว่าบีน่ากลัวขนาดไหน ทีมถึงว่าไง ....บีน่ะ เวลาดีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายก็น่ากลัวสุดๆเลย”

“แค่นั้นก็น่ากลัวแล้วเหรอ นี่ขนาดยั้งมือแล้วนะ”

“อย่ามาแหย่ทีมได้มั้ย ทีมกลัวแล้วจ้า กลัวจิงๆ”

ทีมพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าเข็ดหลาบอย่างมาก

“แต่จริงๆแล้ว ถ้าต่อไปทีมจะไปมีอะไรกับใครอื่นอีก บีก็อาจจะไม่ว่าอะไรก็ได้นะ บีขออย่างเดียว ขอแค่ทีมอย่าโกหกบีก็พอ”

ผมพยายามฝืนพูดออกไป

“ทีมบอกว่าทีมเข็ดแล้วไง อย่ามาพูดประชดทีมอีกได้มั้ย”

เขาเริ่มทำหน้าไม่พอใจ

“บีไม่ได้ประชดนะ บีพูดจริงๆ”

สิ่งที่ผมเพิ่งบอกทีมไปเป็นสิ่งที่ผมเคยคิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะผมรู้ดีว่าผู้ชายหน้าตาดีอย่างทีมก็คงเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับเรื่องทำนองนี้อีกมาก

และไม่ว่าเขาจะรักหรืออยากจะซื่อสัตย์กับผมขนาดไหน สัญชาติญาณของความเป็นผู้ชายอย่างเขาก็คงจะทำให้เขาพลาดไปสักวันเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับพี่กุ้งเมื่อวันก่อน

ดังนั้นผมจึงคิดว่าแทนที่ผมจะปิดกั้นหรือกักขังให้เขาอึดอัด ผมน่าจะปล่อยให้เขาได้ใช้วิจารณญาณของตัวเองในการตัดสินใจ

ถ้าหากเขาจะพลั้งเผลอไปมีอะไรกับใครอื่นบ้างจริงๆ ผมก็คงจะพยายามทำใจกว้างและให้อภัย โดยผมจะขอให้เขาตอบแทนผมด้วยสิ่ง ๆ เดียวเท่านั้น นั่นคือ

.......ขอแค่อย่าโกหกผมก็พอ

“ไม่เอาอะ ทีมไม่มีวันทำอย่างนั้นอีก บีคิดว่าทีมจะลืมได้ง่ายๆเหรอว่าที่ผ่านมาเราต้องเจออะไรกันมาบ้าง แล้วบีคิดว่าทีมจะกล้าเอาความรักของเราไปเสี่ยงอีกเหรอ”

“บีไม่ได้หมายความว่า....”

“พอเถอะ เลิกพูดเถอะ ต่อไปนี้บีต้องสัญญากับทีมนะว่าเราจะเลิกทำร้ายกันเสียที เราต้องช่วยกันประคับประคองความรักของเราให้ไปตลอดรอดฝั่งนะ เราจะได้มีความสุขเหมือนคู่อื่นๆเสียที”

ผมมองทีมด้วยสายตาตื้นตันอย่างที่สุด ผมรู้ดีว่าทีมอาจจะมีนิสัยเสียหรือทำอะไรพลาดมาบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมไม่สามารถดูแคลนผู้ชายคนนี้ได้เลยก็คือมุมมองของเขาที่มีต่อ “ความรัก”

ทีมเป็นคนที่ทำให้ผมได้รู้ถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของ “ความรัก” รวมทั้งได้รู้ว่ามันมีความสำคัญแค่ไหนต่อชีวิตของผม

คนบางคนอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพียงเพื่อจะไขว่คว้าหาคำว่า “รัก” นี้ให้เจอ แต่เมื่อผมได้มีโอกาสได้มันมาครอบครองแล้ว ผมก็ควรจะทะนุถนอมดูแลมันให้ดีที่สุด

ในตอนนั้นผมได้แต่มองหน้าทีมอย่างมีความสุข พลางอดคิดไม่ได้ว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวที่ควรค่าแก่การที่ผมจะได้ฝากหัวใจและชีวิต ไว้ตลอดไป

ความสุขที่ผมได้กลับมาคืนดีกับทีมทำให้ผมเข้านอนในคืนนั้นอย่างเบิกบานใจ แต่ทันทีที่หัวถึงหมอนผมก็กลับคิดถึงสิ่งที่ทำไว้กับพี่ปอนด์ไม่ได้

ดูเหมือนความรักที่กลับมาผลิดอกออกผลอย่างแข็งแรงอีกครั้งของผมกับทีม มันได้งอกเงยขึ้นมาจากซากศพของผู้ชายที่ชื่อ... “ปอนด์” นี่เอง

สิ่งที่ผมทำกับเขา.....มันช่างเป็นความเลวร้ายอย่างที่สุดที่คนๆหนึ่งจะสามารถกระทำต่อคำว่า “รัก” ได้

ผมได้ใช้ความรักของผู้ชายคนหนึ่งเป็น “เครื่องมือ” เพียงเพื่อความสะใจที่จะได้เห็นผู้ชายอีกคนเจ็บปวด

บางทีผมคงเป็นคนที่น่ากลัวอย่างที่ทีมพูดจริงๆ

ในเช้าวันต่อมา ผมจึงตั้งใจที่จะไปขอโทษพี่ปอนด์ที่ผมได้ทำความผิดไว้กับเขาอย่างมหันต์ ต่อให้เขาโกรธจนถึงกับลงมือทำร้ายผม ผมก็จะยินดีรับโทษนั้นอย่างหน้าชื่นตาบาน

ดังนั้นหลังจากเลิกเรียนผมจึงรีบวิ่งไปหาพี่ปอนด์ที่ห้อง

“เฮ้ย ไอ้ปอนด์ เด็กมึงมาเน่ะ”

ดูเหมือนเรื่องที่ผมเลิกกับพี่ปอนด์ยังไม่เป็นที่รู้กันทั่วไป ในตอนนั้นนักเรียนคนอื่นๆ ก็ได้เริ่มทยอยเดินออกจากห้องไปจนเหลือแต่พี่ปอนด์เพียงคนเดียวที่กำลังยืนมองหน้าผมอย่างเย็นชา

“ทำไม มีอะไรจะมาหลอกพี่อีกเหรอ”

แค่คำพูดของพี่ปอนด์ประโยคแรกก็เสียดแทงใจจนทำให้ผมถึงกับน้ำตาคลอเบ้า

“บีแค่อยากจะมาขอโทษ พี่ปอนด์บีขอโทษ บีไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพี่เลย”

ผมพูดไปในขณะที่น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้ได้ไหลลงมาอย่างที่ผมไม่สามารถจะห้ามได้

“ขอโทษแล้วร้องไห้เหรอ นี่ก็คงเป็นมารยาอีกอย่างหนึ่งของบีสินะ ที่ผ่านมาบีคงงัดมันออกมาใช้เพียบเลยสิถึงทำให้พี่หลงหัวปักหัวปำได้ รู้มั้ย บางทีพี่ยังถามตัวเองอยู่เลยว่าคำพูดและการกระทำของบีที่ผ่านมา มันมีช่วงไหนบ้างที่เป็นเรื่องจริง”

“พี่ปอนด์ บีไม่ได้.....”

“เลิกมาเล่นละครบีบน้ำตาได้แล้ว รีบไสหัวกลับไปก่อนที่พี่จะระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่จะดีกว่า แล้วก็อย่ากลับมาให้พี่เห็นหน้าอีก”

ถึงแม้พี่ปอนด์พูดออกมาด้วยสีหน้าโกรธจัด แต่ผมก็เห็นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสในแววตาคู่นั้น

เมื่อสิ้นคำพูดของพี่ปอนด์ ผมก็ค่อยๆหันหลังเดินกลับไปอย่างทุกข์ทรมาน ปฏิกิริยาที่ผมได้รับไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย

เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมทำกับเขาแล้วการโดนแค่ “ตะเพิดไล่” มันยังถือว่าน้อยนัก

“เดี่ยว...บี”

เสียงเรียกของพี่ปอนด์ ทำให้ผมตื่นจากภวังค์แล้วหันกลับไปมองเขาในทันทีอย่างแปลกใจ

“คือ...พี่...พี่..”

พี่ปอนด์เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจแล้วกลับมาตีหน้าขึงขังใส่ผมอีกครั้ง

“จำไว้ล่ะ อย่ากลับมาให้พี่เห็นหน้าอีก”

แม้จะไม่มีคำพูดออกมาจากเขา แต่สายตาที่เขามองก่อนที่ผมจะเดินจากมานั้นทำให้ผมรู้ดีว่าเขายังอาลัยอาวรณ์ผมอยู่มาก

ผมจึงยิ่งเดินออกมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวอย่างที่สุด จนกระทั่งผมมาเจอทีมยืนรอผมอยู่ที่มุมหนึ่งของตึกเรียน

“ไปไหนมาเหรอ เห็นพอเลิกเรียน บีก็รีบวิ่งออกมาเลย”

“บีไปหาพี่ปอนด์มา”

ผมสารภาพไปตามความจริงเพราะในตอนนี้ผมไม่อยากจะโกหกอะไรใครอีกแล้ว แต่ปฏิกิริยาของทีมกลับทำให้ผมแปลกใจมาก

แทนที่เขาจะโมโหที่รู้ว่าผมแอบไปหาพี่ปอนด์มาอีก เขากลับถามอย่างห่วงใยว่า

“แล้วพี่เขาว่าไงบ้างล่ะ”

“พี่ปอนด์เขา..เขาบอกว่าให้บีไปให้พ้น อย่าไปให้เขาเห็นหน้าอีก ฮือ ฮือ”

ผมร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออดด้วยความรู้สึกผิดและไม่อยากให้อภัยตัวเอง จนทีมต้องดึงผมไปกอดไว้

“บีทำผิดมากใช่มั้ย บีมันเลวจริงๆ บีต้องตกนรกแน่ๆ เลยทีม ฮือ ฮือ ฮือ”

“บีลืมไปแล้วเหรอว่าบีก็ทำอย่างที่บีทำกับพี่กุ้งเหมือนกัน ถ้าบีผิด ทีมก็ผิด ถ้าบีเลว ทีมก็เลวเหมือนกัน หรือถ้าบีต้องตกนรก ทีมเองก็คงต้องตกนรกด้วย แต่ทีมไม่สนใจหรอกนะ ทีมอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้มีบีอยู่ด้วยก็พอ มันผ่านไปแล้วนะบี ลืมมันไปเถอะนะ”

ทีมกอดผมไว้แน่นพลางพยายามปลอบโยนผม แต่ในตอนนั้นผมได้แต่คิดว่า

“ลืมเหรอ ผมไม่มีวันลืมสิ่งเลวๆ ที่ผมได้ทำไว้กับพี่ปอนด์แน่ มันจะเป็นตราบาปที่จะติดตัวผมไปชั่วชีวิต รวมทั้งจะเตือนให้ผมจำไปจนตายว่าอย่าเอาความรู้สึกของใครมาเล่นตลกอีก เพราะในที่สุดแล้ว มันก็จะเป็นเหมือนกระจกเงาที่จะสะท้อนกลับมาให้เราเองนั่นแหละ....

..........ต้องเจ็บปวดที่สุด........."

----------------------------------------------


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 11-11-2006 01:08:32
อืมมม  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 11-11-2006 02:35:41
อืม.........
อายุ15จริงๆเหรอเนี่ย........ลึกซึ้งมากเลยยยยยยยยย :untrust:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 11-11-2006 04:30:34
 :laugh:ไม่อยากคาดคิดเลยว่ามันจะเกิดไรต่อ ว่าแต่ว่าถ้าบีไปให้พี่ปอนด์เห็นหน้าอีก พี่ปอนด์จะทำไรบี
หุหุ สงสัย....
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-11-2006 09:07:54
 :laugh: เดาอะไรไม่เคยถูกเลย

แต่ทีมนี่รู้จักจัดการกับปัญหาได้ดีระดับหนึ่งเลยนะ เรื่องยอมให้ปอนด์ทำร้าย เพื่อที่จะไม่ไปทำร้ายบี

แต่ยังไงก็ไม่เชียร์หรอกนะ (ยังโกรธอยู่  :laugh:)

ตอนนี้ลุ้นบาสอย่างเดียวเลย  :like2: แต่ว้าหายไปอีกแระ บทน้อย ๆ  :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 11-11-2006 12:01:12
....คนบางคนอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพียงเพื่อจะไขว่คว้าหาคำว่า “รัก” นี้ให้เจอ แต่เมื่อผมได้มีโอกาสได้มันมาครอบครองแล้ว ผมก็ควรจะทะนุถนอมดูแลมันให้ดีที่สุด....

โห!  พูดอะไรซึ้งๆแบบนี้ก็เป็นเนอะ  บีน่ะ

ตอนนี้ชอบมากเลย  ทีมดูน่ารักๆไงไม่รุ

ปอนด์ก็...นะ  มีแฟนแบบนี้รักตายเลย <<...อ๊างงงง!!!!~   :myeye:


.....ลืมเหรอ ผมไม่มีวันลืมสิ่งเลวๆ ที่ผมได้ทำไว้กับพี่ปอนด์แน่ มันจะเป็นตราบาปที่จะติดตัวผมไปชั่วชีวิต รวมทั้งจะเตือนให้ผมจำไปจนตายว่าอย่าเอาความรู้สึกของใครมาเล่นตลกอีก เพราะในที่สุดแล้ว มันก็จะเป็นเหมือนกระจกเงาที่จะสะท้อนกลับมาให้เราเองนั่นแหละ....
..........ต้องเจ็บปวดที่สุด........."......

ผมชอบท่อนนี้จัง  ตอกย้ำความเลวของบีดีครับ <<..อคติอีกแล้วผม --*--

ต่อไวๆครับ  ใกล้จบแล้วนิ่


ปล.  คุณบลูผมไม่ได้ชอบปอนด์เพราะหน้าตาดีนะครับ  ชอบเพราะรวยต่างหาก  อ๊างงง!!~
        ใช่ที่ไหนล่ะ -*-  ชอบเพราะเค้าน่ารักดีครับ  เป็นตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่องเลยครับตั้งแต่อ่านมา




หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-11-2006 12:31:45
เฮ้อ....


No comment!!!



Ps.



.....



Pooh :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 12-11-2006 03:10:56
 :serius2:  บาสอยู่หน๋ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย   :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 12-11-2006 04:05:26
 มีคนเชียร์บาสเยอะจังเนอะ  ตามอ่านต่อคะ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-11-2006 09:47:30
GoneOn อย่าเศร้าไปเลยครับ นี่ยังไม่เศร้าได้ครึ่งของภาค2 เลย  :monkeysad:

moopai  เรื่องเกิดเมื่ออดีตกันนะครับ แต่คนเขียนพึ่งนำมาเล่า คงไม่ใช่ความจริงซะทั้งหมด ก็อาจมีแต่งเติมเสริมบทเข้าไปเพื่อให้เรื่องชัดเจนขึ้นนะครับ ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บข้อคิด ข้อเตือนใจดีๆจากเรื่องไปนะครับ   :yeb:

Tantalum  อยากให้ทำอะไรอ่ะครับ แก้แค้นหรือ คิกคิก  :kikkik:

FlukeHub อืม ปอนด์นี่ก็จริงจายมากๆ เสมอต้นเสมอปลาย ถึงขนาดเปลี่ยนตัวเองเพื่อบี ว้าถ้าบีมาอ่านเจอเข้าคงเสียจายแย่เลยแต่ก็ไม่เป็นไรครับ บีเขาคงอยากให้เตือนให้เพื่อนๆได้คิดอยู่แล้ว ถ้าบีมาโพสเองเพื่อนๆคงไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเป็นแน่   :yeb:

หมูพูห์  ยังจะมีปล.อีกอ่ะ คนเรา เอิ้กๆ  :untrust:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  หาบาสหรือครับ เอาผมไปแทนได้ปะ เอิ้กๆ  :myeye:

มูมู่น้อย  ถ้าลองกลับไปตั้งจายอ่าน จะพบว่าทั้งทีมและกอฟต่างเคยทำร้ายบี อย่างแสนสาหัสมาแล้ว ถ้าใครโดนเข้าอย่าพูดเลยว่าจะให้อภัยเพราะตัวเองทำไม่ได้อย่างบีแน่ แต่บาสไม่เคยทำร้ายบีขนาดนั้นม้างครับ และผมก็ชอบความเถื่อนของบาสเช่นเดียวกัน คิกคิก  :myeye:
******************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 25)

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลายวันต่อมาความรู้สึกเจ็บปวดจากการทำร้ายพี่ปอนด์ของผมก็ค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อได้รับการเยียวยาด้วยความรักจากทีม

ทีมยังคงแสดงตัวอย่างเด่นชัดว่าเขาคือผู้ชายที่รักผมมากที่สุดในโลก ยิ่งเราผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาด้วยกันมากเท่าไหร่ ความรักของเราก็ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้นเท่านั้น

บางทีผมก็อดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่าสิ่งที่ผมกับทีมเผชิญเป็นประสบการณ์ความรักที่ดูเข้มข้นและจริงจังเกินเด็ก

เริ่มต้น...เราทั้งคู่ต่างได้เรียนรู้ประสบการณ์ของการ “แอบรักข้างเดียว” เพราะในขณะที่ผมแอบหลงรัก “กอล์ฟ” แต่ทีมกลับมาแอบหลงรัก “ผม”

จนกระทั่งต่อมา...เราต่างก็ต้องเริ่มทำร้ายกันและกัน เมื่อทั้งผมและทีมต่างไม่ยอมที่จะเปิดเผยความในใจที่แท้จริงของตนเอง

โดยผมได้ปฏิเสธความรักของทีมอย่างไร้เยื่อใย ในขณะที่ทีมก็แก้แค้นผมด้วยกันหันไปควงพี่ดาว

จนเมื่อเราทั้งคู่ต่างต้องเจ็บปวด ทั้งผมและทีมจึงยอมเปิดใจและทำให้เรามารักกันได้ในที่สุด

ในตอนนั้นเองที่ผมกับทีมได้เริ่มต้นเรียนรู้ที่จะการปรับตัวเข้าหากัน รวมทั้งมีความสุขด้วยกัน โดยผ่านการแง่งอนง่องแง่งกันมาตลอดทาง

แต่แล้วความรักของเราก็ต้องมาสะดุดเมื่อผมเลือกที่จะใช้ “การโกหก” กับคนที่ผมรักทำให้ผลที่ตามมาก็คือการลงมือทำร้ายผมอย่างขาดสติจากทีม

และแล้วเรื่องราวก็ยิ่งเลยเถิดไปใหญ่เมื่อคนที่ผมเคยแอบรักอย่างกอล์ฟได้มาเปิดเผยความในใจว่าเขาก็แอบชอบผมเช่นกันจนเกิดเป็นเรื่องราวรักสามเส้า

อย่างไรก็ดี เรื่องราวรักสามเส้าในครั้งนั้นก็เป็นบททดสอบสำคัญที่ทำให้ทั้งผมและทีมต่างรู้ดีว่าเรารักกันมากแค่ไหน

ในที่สุดหลังจากเหตุการณ์ร้าย ๆผ่านไป ผมก็ได้มีประสบการณ์กับการถูกบอกรักที่แสนโรแมนติกครั้งแรกท่ามกลางสวนสวยและกลิ่นหอมของดอกราตรีในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง

หลังจากการบอกรักของทีมในครั้งนั้น ผมเคยคิดว่าต่อไปนี้เราคงจะรักกันและมีความสุขมากเรื่อยๆ แต่แล้วผมก็กลับมาถูกนอกใจจากทีมที่แอบไปมีอะไรกับพี่กุ้ง

ในเวลานั้นแทนที่เราจะพยายามปรับความเข้าใจกัน แต่เรากลับหันดาบใส่กันจนต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส

นอกจากนั้นยังทำให้คนนอกอย่างพี่ปอนด์ต้องมาพลอยรับเคราะห์จากความไม่ยั้งคิดของพวกเราด้วย

ถ้าหากจะเปรียบความรักของเราเป็นสมรภูมิรบ ทั้งผมและทีมคงเป็นทหารที่ผ่านสมรภูมินี้มาอย่างโชกโชน

มีหลายครั้งที่เราชนะเยี่ยงวีรบุรุษ แต่หลายครั้งเราทั้งคู่ต่างก็ต้องบาดเจ็บจนแทบเอาตัวไม่รอด

เมื่อมาถึงวันนี้ ทั้งผมและทีมจึงได้แต่คิดว่าเราต้องช่วยกันทะนุถนอมรักนี้ของเราให้นานที่สุด อย่าให้มีใครมาทำลายได้ โดยเฉพาะตัวของเราเอง

“บี วันหลังทีมจะเอาตังค์ที่ทีมเก็บไว้มาให้บีนะ แล้วจะเอามาให้ทุกอาทิตย์”

“เอามาให้บีทำไม”

“ก็เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินไง”

“เรื่องอะไรล่ะ อย่าทำให้บีกลัวได้มั้ย”

“ไม่มีอะไรหรอก ทีมแค่เคยคิดว่าถ้าพ่อแม่ของเราจับได้ว่าเราเป็นอะไรกัน ท่านก็คงไม่ยอมให้เราเจอกันอีก ทีมก็เลยแค่คิดต่อว่าเราจะทำยังไงกันดี”

“แล้วทีมจะทำยังไงล่ะ”

“ทีมก็จะพาบีหนีน่ะสิ หนีไปอยู่กัน 2 คน มันเลยต้องใช้เงินไง”

“ทีม.......” ผมส่งน้ำเสียงตำหนิอย่างรู้สึกว่าเขาดูจะซีเรียสกับเรื่องนี้เกินเหตุ

“แล้วบีล่ะ บีจะไปกับทีมหรือเปล่า”

ในตอนนั้นผมได้แต่อ้ำอึ้งลังเลในคำตอบ และรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไกลเกินเด็กอย่างผมจะจินตนาการถึงได้

“ไม่รู้สิ มันยังมาไม่ถึงนี่ เราคุยกันเรื่องอื่นได้มั้ย”

“ก็ได้ คุยไปก็เครียดกันปล่าวๆ เอ่อ ใช่ ทีมมีเรื่องจะบอกบีด้วย”

“อะไรเหรอ”

“ปิดเทรมนี้ถ้าทีมไม่อยู่บ้าน บีจะว่าอะไรมั้ย”

“ทำไมเหรอ ทีมจะไปไหน หรือว่าจะไปอยู่กับญาติอีก”

“ไม่ใช่ ทีมอยากจะขึ้นไปกวดวิชาที่กรุงเทพฯ หลังๆทีมเรียนแย่ลงมาก ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป สิ่งที่เราวางแผนไว้มันก็คงเป็นไปไม่ได้”

ทีมกำลังพูดถึงแผนการที่เราเคยคิดกันเอาไว้ว่า เรายังเหลือเวลาอีกแค่เทอมเดียวเท่านั้นก่อนที่จะต้องสอบเข้า ม. 4 ซึ่งผมกับทีมเคยคุยกันไว้ว่าหนทางเดียวที่จะทำให้เรากลับมาอยู่ห้องเดียวกันได้อีกก็คือการที่พวกเราต้องสอบให้ได้ 1 ใน 44 คนแรกเท่านั้น ถึงจะได้อยู่ห้องคิงซึ่งเป็นห้องเดียวกัน

ดังนั้นเมื่อทีมจะตัดสินใจไปกวดวิชา ผมจึงค่อนข้างเห็นด้วย

“ไปสิ บีว่าก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าไปเรียนกับโรงเรียนกวดวิชาในกรุงเทพ ทีมต้องทำได้แน่ๆ ส่วนบีอยู่ทางนี้ก็จะขยันอ่านหนังสือเหมือนกัน”

ดังนั้นหลังจากที่เราสอบปลายภาคของเทอม 1 เสร็จ พวกเพื่อนๆกลุ่มที่ผมและทีมสนิทก็มาจัดปาร์ตี้เลี้ยงส่งเพื่อนๆ ที่จะขึ้นไปเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพกันซึ่งนอกจากทีมแล้วก็มี บาส แป๊ก ม่อน และ โจ ไปด้วย โดยในวันนั้นผมได้ขออนุญาตคุณแม่มานอนกับคุณอาที่ในตัวเมือง เนื่องจากรู้ดีว่าปาร์ตี้จะต้องเลิกดึก

ส่วนทีมนั้นเนื่องจากจะต้องเดินทางใน 2 – 3 วันข้างหน้า ทำให้คุณพ่อของเขาตัดสินใจมารอรับ ดังนั้นเมื่องานปาร์ตี้เลิกทีมก็ขอตัวกลับไปกับคุณพ่อ ในขณะที่ได้ฝากฝังบาสให้ขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งผมที่บ้านของคุณอาด้วย

แต่ในคืนวันนั้นแทนที่บาสจะขับพาผมไปส่งที่บ้านคุณอา เขากลับขับรถเลี้ยวพาผมเข้าไปในสวนสาธารณะของจังหวัด

“บาส เข้ามาที่นี่ทำไมเนี้ย” ผมถามขึ้นเมื่อเขาจอดรถ

“บาสมีเรื่องจะคุยกับบีหน่อย มานั่งนี่สิ แค่แป๊บเดียวแหละ”

ในตอนนั้นผมเองเริ่มจะไว้เนื้อเชื่อใจผู้ชายคนนี้แล้ว เพราะที่ผ่านมาการที่เขาพยายามเป็นกาวใจให้ผมกับทีมหลายครั้งทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่หวังดีกับคู่ของเราจริงๆ

ดังนั้นผมจึงเดินตามไปนั่งกับเขาที่ม้านั่งอย่างไม่คิดอะไร แต่เมื่อผมนั่งลง ผมก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เมื่อเห็นบาสมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่คุ้นเคยมาก่อน

“บีรู้ตัวหรือเปล่าว่าบีเป็นคนน่ารักนะ บาสแอบมองบีมาตั้งนานแล้ว”

แม้คำพูดนั้นของบาสจะแผ่วเบา แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหนักแน่นจนทำให้ผมเริ่มเคลิ้ม

“บาสชอบบีนะ”

พูดจบบาสก็ค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามาจูบผม ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่ปฏิเสธเขา จนเมื่อเขาจูบผมแล้ว ผมถึงได้สติแล้วรีบลุกขึ้นมา

“บาสจะบ้าไปแล้วเหรอ บีเป็นแฟนเพื่อนรักของบาสนะ”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ บาสก็ไม่ได้ขอให้บีเลิกกับมันนี่ เรามาแอบคบกันเงียบๆก็ได้”

“บาส”

ผมเรียกชื่อนี้ออกมาอย่างผิดหวัง

ผมมันเข้าใจผิดไปเองที่เคยคิดว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรดีๆ อย่างคนอื่นเขาบ้าง แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนกักฬขะ , ลามกและจ้องจะฟันแต่คนอื่นอย่างเดียวไม่เคยเปลี่ยน

“รีบพาบีกลับบ้านนะ ไม่งั้นบีจะเดินไปเอง”

“ทำไมล่ะบี มาต่อกันให้จบก่อนสิ รับรองนะ บาสน่ะเก่งกว่าไอ้ทีมมันตั้งเยอะ แล้วทั้งหมดก็จะเป็นความลับที่รู้กันระหว่างเรา 2 คนด้วย บาสไม่บอกใครหรอก”

ในความมืดนั้น ผมไม่รู้ว่าบาสจะเห็นแววตาของผมหรือไม่ว่าผมแสดงความชิงชังต่อเขามากเพียงไหน หลังจากคำพูดนั้นของบาส ผมก็ได้แต่เดินออกไปโดยไม่สนใจเขาอีก จนอีกสักพักผมก็ได้ยินเสียงบาสขี่มอเตอร์ไซด์ตามมา

“โอเค โอเค บาสไปส่งบ้านก็ได้”

เมื่อเห็นผมมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ เขาก็ยืนยันมาว่า

“สาบานก็ได้เอา บาสจะพาบีไปส่งบ้าน”

เมื่อเขาถึงขนาดกล้าสาบานผมจึงยอมขึ้นรถไปกับเขาในที่สุด และเขาก็ทำตามคำพูดจริงๆ ด้วยการไปส่งผมถึงบ้านคุณอา แต่เมื่อไปถึงผมก็กระโดดลงจากรถทันที โดยไม่พูดคุยกับเขาอีก

เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณอา ผมก็รีบขึ้นไปห้องนอนทันทีพลางรู้สึกโกรธเกลียดตัวเองไม่ได้ที่เกือบจะเผลอตัวเผลอใจให้ผู้ชายชั่ว ๆคนนี้

หลายวันต่อมาก็ถึงกำหนดที่ทีมต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ ซึ่งผมก็ไปส่งเขาด้วย

เมื่อไปถึงสถานีรถไฟแม้บาสจะพยายามทำสีหน้าสำนึกผิด แต่ผมก็ไม่พูดไม่คุยอะไรกับเขาเลย รวมทั้งตัดสินใจที่จะไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทีมฟังด้วย

ในเมื่อบาสก็เป็นเพื่อนสนิทของทีม ส่วนผมก็เป็นแฟนเขา การเล่าเรื่องนี้ออกไปรังแต่จะทำให้ทีมต้องลำบากใจเปล่าๆ

ที่สำคัญเมื่อเขาจะไปเรียนกวดวิชาเพื่ออนาคตของเรา ผมก็ไม่ควรทำให้เขาเสียสมาธิ

“บีมานี่หน่อยสิ” ทีมมาสะกิดชวนผมให้เดินตามเขาไป

“ไปไหนเหรอ”

“ตามมาเถอะน่า”

ว่าแล้วทีมก็จูงมือผมให้เดินตามเขาไป จนกระทั่งเขามาเลี้ยวเข้าช่องเล็ก ๆ ระหว่างอาคาร 2 หลังในสถานีรถไฟ ซึ่งทำให้สถานที่ที่เราอยู่ในตอนนี้ค่อนข้างลับตาคน

“พาบีมาที่นี่ทำไมเนี้ย”

“ก็ทีมจะไปตั้งเดือนนึง ใจคอบีจะไม่จูบลาหน่อยเหรอ”

“บ้าน่า เดี๋ยวใครมาเห็นหรอก”

“ไม่มีหรอกน่า เชื่อทีมสิ นะ นะ บี เป็นจูบมัดจำไง อยู่ที่โน้น ทีมจะได้ไม่วอกแวก”

ทีมมองผมด้วยสายตาอ้อนวอนที่จะให้ผมจูบเขาให้ได้

ในตอนนั้นผมค่อยๆกวาดสายตาไปรอบๆจนมั่นใจว่าไม่มีใครเดินผ่านไปมา ผมจึงค่อยยืดตัวขึ้นไปจูบเขา

จูบนั้นเป็นจูบที่เนิ่นนานและนุ่มนวลที่สุดครั้งหนึ่งของเรา

มันเป็นจูบแห่งรักที่จะพันธนาการผมและทีมไว้ด้วยกันและ เป็นเสมือนคำมั่นสัญญาว่า....ไม่ว่าเราจะอยู่ห่างกันแค่ไหน เราทั้งคู่ก็จะมั่นคงต่อกันไม่เปลี่ยน”

“ขอบใจนะบี ทีมคงคิดถึงบีน่าดูเลย”

“บีก็เหมือนกัน แล้วตั้งใจเรียนนะ อย่ามัวแต่ไปเหล่สาวล่ะ”

“ไว้ใจทีมเถอะน่า แต่บีให้ทีมไปจริงๆเหรอ ไม่รั้งทีมไว้แน่นะ” ทีมแกล้งแหย่ผม

“ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกรถหรอก”

ผมพูดอย่างขำ ๆ แล้วก็เดินตามทีมออกไปด้วยความรู้สุขใจกับจูบมัดจำของเราทั้งคู่เมื่อช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

ในตอนนั้นผมมั่นใจว่าหลังจากได้จูบกับทีมเมื่อครู่ ผมก็พร้อมให้เขาเดินทางไปกรุงเทพอย่างสบายใจโดยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรั้งเขาไว้อีก

.....แต่ถ้าหากวันนั้นผมจะรู้สักนิดว่า “จูบมัดจำนี้” จะเป็น “จูบครั้งสุดท้ายของผมกับทีม”

.....ต่อให้ต้องคุกเข่าลงตรงหน้า ผมก็คงจะรั้งเขาไว้

--------------------------------------------










หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 12-11-2006 10:55:25
ง่า คุณบลู รีบต่อเลยนะ นะ นะ น๊า  :impress:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-11-2006 11:14:56
อิอิ  :yeb:
*******************************************************************************
ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ( 26 )
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป ส่วนรักครั้งสุดท้ายกลับสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว

--------------------------------------

หลังจากวันที่ผมเห็นทีมค่อยๆหายลับไปกับขบวนรถไฟ ความรู้สึกของผมออกจะโหวงเหวงและเหงาหงอยพิกลเมื่อต้องนึกถึงว่าตลอดทั้งปิดเทอมนี้ ผมจะต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีทีมอยู่ใกล้ๆ ไม่มีคนมาชวนทะเลาะ ไม่มีคนมาพูดคำหวานให้ หรือไม่มีคนมาคอยโอบกอด จับมือผมเวลาไปไหนมาไหน

เวลาที่ไม่มีทีมใกล้ๆ โลกทั้งโลกมันเหมือนจะมืดมัว หม่นหมอง และไม่น่าอยู่เอาเสียเลย

โชคดีที่ตลอดเวลาที่ทีมอยู่กรุงเทพฯ เขาก็ยังโทรศัพท์มาคุยกับผมเป็นประจำทุกค่ำคืนเหมือนกับช่วงที่เขาเคยไปอยู่กับญาติ โดยไม่ลืมที่จะพร่ำรำพันว่าเขาคิดถึงผมมากขนาดไหน จนบางครั้งเขาถึงขนาดกับพูดว่า

“ทีมไม่รงไม่เรียนมันแล้ว ทีมคิดถึงบีจนจะคลั่งอยู่แล้ว เรียนไม่รู้เรื่องเลย”

ในตอนนั้นผมได้แต่ฟังประโยคเหล่านี้อย่างขำๆ และก็ต้องคอยปลอบใจเขาว่าที่เรากำลังทำกันอยู่นี้ก็เพื่ออนาคตของเราทั้งคู่ที่จะได้กลับมาอยู่ห้องเดียวกันอีก

ดังนั้นในช่วงหลังๆ ผมจึงเป็นฝ่ายโทร. ไปหาเขาบ่อยขึ้นเพื่อให้กำลังใจ รวมทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระที่เขาต้องเป็นฝ่ายโทร. มาหาผมแต่เพียงฝ่ายเดียว

แต่ไม่ว่าผมจะให้เหตุผลในการโทร. ไปหาทีมว่ายังไง ในที่สุดแล้วผมก็รู้ดีว่าที่ผมต้องโทร. ไปหาเขาบ้างนั้น ก็เพราะผมเองก็คิดถึงเขาจนทนไม่ไหวเหมือนกัน

ผมกับทีมยังคงผลัดการ โทร. หากันเป็นประจำทุกคืนจนกลายเป็นกิจวัตรที่เราทั้งคู่ต้องได้ยินเสียงของกันและกันก่อนจะเข้านอน แต่แล้วในวันก่อนที่ทีมจะเดินทางกลับบ้าน 1 วัน อยู่ดีๆ เขาก็เลิกโทร. หาผมไปเฉยๆ ส่วนตัวผมเอง เนื่องจากวันนั้นผมต้องไปต่างจังหวัดกับแม่มาทั้งวันทำให้เมื่อกลับถึงบ้านในตอนดึก ผมก็เข้านอนทันทีด้วยความอ่อนเพลีย

หลายวันต่อมาผมเองก็ยังคงไม่ได้รับโทรศัพท์จากทีมทั้งๆที่เขาน่าจะกลับมาถึงบ้านแล้ว ด้วยความเป็นห่วงผมจึงรีบโทรศัพท์ไปหาเขาที่บ้าน

“ฮัลโหล ”

เสียงของทีมจากปลายสายเป็นการยืนยันว่าเขาได้กลับมาถึงบ้านแล้ว

“กลับมาแล้วเหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกบีเลย”

ผมพูดอย่างงอนๆที่เขากลับมาถึงบ้านหลายวันแล้วแต่กลับไม่ยอมโทร. หาผม

“ทำไมต้องโทร.บอกด้วยล่ะ เดี๋ยวเปิดเทอมก็เห็นกันเองแหละ จะโทร. ทำไมให้เปลือง”

คำตอบและน้ำเสียงห้วน ๆ ของทีมทำให้ผมถึงกับตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมเขาถึงพูดคุยด้วยความเย็นชาขนาดนี้ ผมจึงแกล้งทำเป็นงอนแล้วตอบไปว่า

“งั้นแค่นี้แล้วกันนะ”

หลังวางหูผมคาดว่าทีมเขาต้องรู้แน่ๆ ว่าผมงอน และเขาก็คงจะโทร. มาง้อผมในทันทีเหมือนกับที่เขาเคยทำ แต่ในคืนนั้นแม้ผมจะนั่งรอโทรศัพท์ของเขาจนหลังเที่ยงคืน ทีมก็ไม่มีวี่แววว่าจะโทร. มาหาผมแต่อย่างใด

หลังจากวันนั้นผมกับทีมก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก จนกระทั่งเปิดเทอมปฏิกิริยาของทีมยิ่งทำให้ผมแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีก

ทีมเริ่มทำตัวเย็นชาและทำเหมือนผมเป็นคนที่เขาไม่รู้จักตลอดเวลาที่เราเจอกัน แถมยังชอบหาเรื่องมากัด มาแดกดันผมตลอดเวลา

ที่สำคัญคำพูดที่เขานำมาใช้เหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงการล้อเลียนหรือแดกดันเพื่อความสนุก แต่ดูเหมือนมันจะมีเป้าหมายเพื่อให้ผมเจ็บและอายอย่างที่สุด จนผมต้องเริ่มกลับมาร้องไห้อย่างไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นระหว่างผมกับทีม

ตลอดสัปดาห์แรกของการเปิดเทอมใหม่ ทีมก็ยังคงมีปฏิกิริยาเหล่านี้กับผมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง และนับวันมันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นๆ จนผมทนไม่ไหวและต้องขอเคลียกับเขาในที่สุด

“ทำไมเหรอทีม เกิดอะไรขึ้นระหว่างเราเหรอ”

“อะไรที่ว่ามันคืออะไรล่ะ” เขาตอบมาแบบกวนๆ

“ก็ที่ทีมมาทำเย็นชา และคอยกัดบีอยู่ทุกวันนี้ไง”

“ก็ไม่มีอะไรนี่ ทำไมเหรอ”

“ทำไมเหรอ ? ทีมถามมาได้ไง ทำไมทีมถึงต้องมาทำเย็นชากับบีอย่างนี้ แถมยังมาคอยกัดบีให้เจ็บแสบอีก บีทำอะไรผิดเหรอ”

“จริงๆ แล้วบีก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ไม่เห็นจะต้องมาทำไขสือ ถึงเป็นกะเทยก็น่าจะมีความเป็นลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่บ้างนะ ทำอะไรไว้คิดเหรอว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้”

คำพูดของทีมทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาเรียกผมว่า “กะเทย”

“บีทำอะไรล่ะ ถ้าทีมเป็นลูกผู้ชายก็พูดมาเลยสิ”

“ได้ งั้นทีมจะเตือนความจำให้ ก่อนที่ทีมจะไปเรียนกวดวิชา บีไม่ใช่เหรอที่ไปพูดว่า สมองหมาปัญญาควายอย่างทีม ไปเรียนก็เท่านั้น โง่แล้วยังอยากจะฉลาด สงสารก็แต่พ่อแม่ของทีมที่ต้องเสียตังค์ให้ทีมไปเรียน แถมยังบอกว่าอย่างงี้มันโง่กันทั้งบ้าน”

หลังคำตอบของทีม มันทำให้ผมตกใจมากเพราะคำพูดนี้เป็นคำพูดที่ผมคิดว่าแรงมากๆ ไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องโกรธเพราะนอกว่าจะต่อว่าทีมแล้วยังเลยเถิดไปถึงบุพการีด้วย

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าก็คือ...ผมไม่เคยพูดประโยคเหล่านี้ แล้วทำไมทีมถึงคิดว่าผมเป็นคนพูด

คำพูดดูถูก ดูแคลนผู้อื่นๆแบบนี้ผมไม่เคยคิดจะเอ่ยออกมา ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ยิ่งเป็นทีมด้วยแล้ว ผมย่อมไม่มีวันมองเขาอย่างนั้นเด็ดขาด

“บี ไม่เคยพูดนะ” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่ต้องมาทำไขสือหรอก หยุดตอแหลได้แล้ว”

“บีไม่เคยพูดจริงๆนะทีม ใครล่ะที่บอกทีมว่าบีพูด ไปพาเขามาสิ บีอยากจะถามเขาให้รู้กันไปเลยว่าบีไปพูดกับเขาตอนไหน”

“ไม่จำเป็นหรอก เพราะยังไงเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาโกหกทีม เลิกพยายามเอาตัวรอดได้แล้ว”

“ไม่จริงนะ บีไม่ได้จะเอาตัวรอด แต่บีไม่เคยพูดจริงๆ สาบานได้”

“กล้าสาบานเหรอ งั้นเย็นนี้บีกล้าไปสาบานหน้าพระประธานของโรงเรียนมั้ยล่ะ”

“กล้าสิ ทำไมจะไม่กล้า”

ผมตอบกลับไปอย่างหนักแน่น

“งั้นเย็นนี้เจอกันแล้วกัน ถ้าไม่กลัวถูกฟ้าผ่าตายละก็”

พูดจบทีมก็เดินออกไป ทิ้งผมให้อยู่กับความเจ็บปวดและสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ใครเป็นคนใส่ร้ายผมให้ทีมต้องมาเกลียดชังผมถึงขนาดนี้ ผมทั้งอดสงสัยไม่ได้ว่าต่อให้ผมพูดประโยคเหล่านั้นออกมาจริงๆ มันจะทำให้ทีมถึงกับเลิกรากับผมเลยเชียวเหรอ

ผมอดคิดไม่ได้ว่า...หรือว่าเขาต้องการจะเลิกกับผมอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาเพื่อหาข้ออ้างในการทิ้งผมเท่านั้น

อย่างไรก็ดีในเย็นวันนั้นผมก็มายืนรอทีมที่พระประธานของโรงเรียนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ แต่จนแล้วจนรอดทีมก็ไม่ยอมมาจนผมต้องเลิกรอและกลับบ้านไปก่อนในที่สุด

หลังจากวันนั้นแม้ว่าเราจะไม่เอ่ยปากบอกเลิกกัน แต่โดยพฤติกรรรมแล้ว ทั้งผมและทีมต่างก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

เราทั้งคู่ต่างทำเป็นหมางเมินเหมือนคนไม่รู้จักกันจนผมต้องกลับมาร้องไห้ที่บ้านทุกวันเพราะไม่สามารถทำใจว่า..ทีมได้เลิกรักผมแล้ว ในขณะที่ผมยังรักเขาสุดหัวใจ

หลายวันต่อมาแม้ทีมเลิกที่จะนำผมไปกัด ไปล้อเลียนให้ได้อายอีก แต่ผมก็ยังเจ็บปวดอยู่ดีเพราะจริงๆ แล้วถ้าจะว่าไป....เขาก็ไม่เคยพูดถึงผมอีกเลย ในขณะที่ผมเองก็พยายามหลบหน้าเขาตลอดเวลา จนเป็นที่รู้กันว่า...ถ้ามีทีมก็จะไม่มีผม แต่ถ้ามีผมก็จะไม่มีทีม

ความหมางเมินนี้เริ่มทำให้เพื่อนๆ ทุกคนรู้สึกอึดอัด จนกระทั่งบาสต้องกลับมาเป็นกาวใจให้ผมกับทีมอีกรอบ

“บี ลองยอมๆไอ้ทีมมันไปบ้างเถอะ เรื่องมันจะได้จบๆ พวกเราจะได้กลับมาเหมือนเดิมสักที”

“ยอมเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เรื่องที่บีไปพูดว่ามันไว้ยังไงล่ะ”

“บาสก็รู้เรื่องนี้เหรอ เราไม่เคยพูดนะบาส มีคนพยายามใส่ร้ายเรา บาสรู้หรือเปล่าว่าคนๆนั้นคือใคร”

“ไม่รู้หรอก ไอ้ทีมมันแค่เล่าให้ฟังแต่มันก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร แต่บาสว่าคงเป็นคนที่มันเชื่อมาก”

“แล้วยังไงล่ะ บาสก็เลยจะให้บียอมรับผิดในสิ่งที่บีไม่ได้ก่อ ในขณะที่ทีมเขากลับเชื่อคนอื่นมากกว่าบีงั้นเหรอ”

“แล้วบีมีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้มั้ยล่ะ”

“มีสิ ก็บีกำลังทำอยู่นี่ไง ขอบใจนะบาส ที่มาแนะนำ แต่ถ้าบาสหวังดีจริงๆก็ควรจะไปเตือนเพื่อนของเธอดีกว่าว่าควรจะหนักแน่นกับคนที่ตัวเองรักมากกว่านี้ ยกเว้นว่าถ้าเธออยากให้เรากับทีมจบกันจริงๆ เธอจะได้สมหวังในสิ่งที่เธอเคยพูดไว้กับเรา เธอก็จะตามมาซ้ำเติมเราอีกคนก็ได้”

พูดจบผมก็เดินกลับออกไปอย่างโมโหคำแนะนำของบาสที่จะให้ผมยอมรับผิดในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ เพราะดูเหมือนกับว่าผมเป็นคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย

แต่หลังจากวันนั้นเมื่อผมต้องมาเผชิญความทุกข์ทรมานในเวลาที่บอกว่าตัวเองว่า..ทีมกับผมได้จบลงแล้ว ทำให้หลายๆครั้ง ข้อเสนอแนะของบาสก็ผุดขึ้นมาในหัว จนผมอดคิดไม่ได้ว่า...บางทีถ้าอยากให้ผมกับทีมกลับมาคืนดีกัน ผมก็อาจจะต้องยอมรับความผิดที่ผมไม่ได้ก่อในครั้งนี้

จนกระทั่งหลายวันต่อมาโอกาสของผมก็มาถึงเมื่อทีมขอนัดคุยกับผมเพื่อที่จะขอเคลียอะไรบางอย่าง โดยเขานัดผมไปคุยที่สวนดอกราตรีที่เขาเคยใช้เป็นสถานที่บอกรักผมซึ่งผมไม่รู้ว่านี่เป็นความจงใจ หรือ บังเอิญ

ในเย็นวันนั้น เมื่อไปถึง ผมก็พบว่าทีมได้ยืนรออยู่แล้วโดยมีเถาของดอกราตรีอยู่ด้านหลังซึ่งสภาพของมันในตอนนี้ช่างแตกต่างกับความสวยงามที่มันเคยเปร่งประกายในคืนพระจันทร์เต็มดวงนั้นอย่างสิ้นเชิง

จะว่าไปดอกราตรีเบื้องหน้าผมก็ไม่ต่างอะไรกับความรักของผมกับทีมในตอนนี้ที่ทั้งห่อเหี่ยว แห้งเฉา และรอวันตาย

“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวอย่างนี้สักที” ทีมเป็นฝ่ายเริ่มต้น

“ยังไงล่ะ”

ผมถามกลับไปห้วนๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาแข็งกระด้างของทีม

“ก็ที่คอยหลบหน้าทีมอยู่อย่างนี้ไง พวกเพื่อนๆ มันไม่สบายใจไม่เห็นเหรอ หรืออยากให้ทีมดูเป็นเลว เป็นคนผิด เป็นคนที่ทิ้งบีหรือไง”

ประโยคเมื่อครู่ถือเป็นครั้งแรกที่ทีมพูดออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาทิ้งผมแล้ว ซึ่งนั่นแทบจะทำให้ผมถึงกับยืนไม่อยู่แต่ในภาวะอย่างนี้ผมก็ได้แต่ทำเป็นเข้มแข็งแล้วก็ฝืนพูดออกไป

“แล้วทีมจะให้บีทำยังไงล่ะ”

“ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไง มาพูดคุย มาสนุกเหมือนก่อนที่เราจะเป็น.....”

พูดถึงตรงนี้เขาก็หยุดพูดไปเฉยๆ

“ทีมจะบอกว่าให้บีทำเหมือนว่าอยู่ดีๆ ทีมก็เข้ามาทำให้บีรัก แล้วพอวันที่ทีมจากไป ก็จะให้บีทำใจเหมือนมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ บีทำอย่างทีมไม่ได้หรอกนะ”

“แล้วจะเอาไงล่ะ ทำยังไงเราถึงจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้”

คำพูดห้วนๆที่ไร้ความปราณีของเขาทำให้ผมรู้ดีว่าป่วยการที่ผมจะงอนง้อขอคืนดีกับผู้ชายคนนี้

“บีขอเวลา 4 เดือน หลัง 4 เดือนนี้แล้วบีจะกลับมาทำอย่างที่ทีมต้องการ แล้วบีจะไม่ร้องไห้ให้ทีมเห็นอีก”

พูดถึงตรงนี้น้ำตาของผมก็เหมือนจะไหลออกมา

“ก็ตามใจ”

ทีมพูดสั้นๆ ห้วน ๆ แค่นี้ก็ทำท่าจะหันหลังเดินกลับออกไป

“เดี๋ยว....ทีม”

เสียงเรียกของผมทำให้เขาหันกลับมา

“บีขอถามอะไรทีมสัก 3 ข้อได้มั้ย”

“เอาสิ ถ้าทีมตอบได้ก็จะตอบ”

“ใครเหรอทีม ใครที่เป็นคนที่บอกทีมว่าบีเป็นคนไปพูดเสีย ๆหายๆ ถึงทีมอย่างนั้น ใครกันที่ทีมเชื่อเขามากกว่าบี?”

หลังคำถามแรก ทีมก็ได้แต่ยืนนิ่งโดยไม่พูดอะไร จนผมมั่นใจว่าคงไม่ได้คำตอบจากเขา ผมจึงเริ่มถามคำถามข้อที่ 2

“แล้วเหตุผลจริงๆที่เราต้องเลิกกันล่ะ มันคืออะไร บีไม่เชื่อหรอกน่ะว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวจะทำลายความรักของเราได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอทีม เกิดอะไรขึ้นที่กรุงเทพฯนั่น”

หลังคำถามนี้ ผมเห็นทีมก้มหน้ากำมือแน่น ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมก็กำลังคิดว่าเขาเองก็กำลังเจ็บปวดที่เราต้องเลิกกัน แต่มันเป็นเพราะอะไรล่ะ

แม้ผมจะยืนนิ่งรอคำตอบจากเขาไปอีกสักพัก ทีมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามนี้ของผม ผมจึงกัดฟันถามคำถามสุดท้ายซึ่งเป็นคำถามที่ผมกลัวคำตอบที่สุด

“ที่ผ่านมา ทีมเคยรักบีบ้างหรือเปล่า ที่ทีมบอกว่ารักบี มันเป็นความจริงหรือเป็นแค่คำโกหกเพื่อจะได้ฟันบีเท่านั้น”

เป็นครั้งแรกที่ทีมเอ่ยปากพูดออกมาหลังคำถาม แต่คำตอบของเขาก็ได้ทำให้ผมเจ็บปวดอย่างที่สุด

“บีกลับไปหาไอ้กอล์ฟมันเถอะ ทีมรู้ว่ามันยังรักบีอยู่”

หลังคำตอบนี้ผมถึงกับตั้งสติไม่อยู่จนเกือบจะร้องไห้ออกมา ถ้าเขาจะตอบว่าเขาไม่เคยรักผม มันอาจจะเป็นคำตอบที่ผมยอมรับได้มากกว่านี้

ถ้าเขาคิดว่าประโยคเมื่อครู่จะเป็นความเมตตาครั้งสุดท้ายที่ผู้ชายอย่างเขาจะมีให้ผมได้ เขาก็กำลังคิดผิดถนัด

เพราะถ้าหากการที่เขาเลิกกับผมจะเป็นเหมือนการฆ่าผมให้ตาย ประโยคที่เขาเพิ่งขับไสไล่ส่งผมไปให้ผู้ชายคนอื่นเมื่อครู่ก็คือคำสาปแช่งที่ไม่ให้ผมได้ผุดได้เกิดดีๆ นี่เอง

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่า..ไม่ว่าเขาจะตอบว่ารักหรือไม่รักผม ผมก็อาจจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองแล้วยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ พร้อมกับจะคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เขากลับมารักผมอีกครั้ง

แต่คำพูดของทีมเมื่อครู่กลับทำให้ผมตัดสินใจเชิดหน้าขึ้นแล้วก็หันหลังเดินกลับไปอย่างทระนง โดยพยายามจะบังคับน้ำตาของตัวเองไม่ให้ไหลลงมาด้วยการบอกกับตัวเองในระหว่างที่เดินออกไปว่า

“อย่าร้องนะบี แกห้ามร้องไห้ออกมานะ อย่ามาเสียน้ำตาต่อหน้าผู้ชายคนนี้”

เพราะในตอนนั้นแม้ผมจะเสียทุกสิ่งทุกอย่างให้ทีมไปหมดแล้ว ผมก็ยังอยากจะเหลือศักดิ์ศรีแม้เพียงน้อยนิดให้ตัวเองได้ภาคภูมิใจบ้าง

ต่อมาในตอนเย็นวันนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมพาตัวเองกลับมาถึงบ้านได้ยังไง แต่เมื่อมาถึงผมก็บอกแม่ว่าผมไม่สบายและอยากพักผ่อน

เมื่อได้เข้ามาในห้องนอนผมก็ค่อยๆเดินไปที่เตียงนอนเหมือนคนที่ไร้วิญญาณ จากนั้นจึงเดินไปนั่งคุกเขาลงบนที่เตียงต่อหน้าหมอนหนุนแล้วค่อยๆ กดใบหน้าตัวเองลงบนหมอนใบนั้นจนมั่นใจว่ามันแน่นสนิท ..... แล้วผมก็เริ่มต้นกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง

เสียงกรีดร้องนี้เป็นเสียงที่ทั้งโหยหวน และบาดลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ จนใครก็ตามที่ได้ยินย่อมจะรู้ถึงความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสของเจ้าของเสียงได้เป็นอย่างดี

แต่น่าเสียดายที่เสียงกรีดร้องที่ทั้งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานนี้

มีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น...........ที่ได้ยิน............

------------------------------------------------





หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 12-11-2006 11:33:25
 :monkeysad2: :monkeysad2: :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 12-11-2006 12:34:18
เศร้า.... ตอนนี้สงสารบีแฮะ  :impress3:   :impress3:

อยากอ่านต่อจัง  ถ้าว่างเรย์มาต่อให้อีกนิดจิ นะค้า   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 12-11-2006 14:00:56
โอ๊ะ ใกล้จบถาคแรกแล้ว
ไม่อยากให้ถึงตอนสุดท้ายเรยจิงๆ  :monkeysad:

โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 12-11-2006 14:45:07
ง่า..สงสารบี

ทำไมทีมมันเลวอย่างงี้ 

ไม่น่าเลย...ถ้าเลือกปอนด์แต่แรกก็ไม่เป็นงี้แล้วล่ะ

น่าสงสาร...น่าสงสารจริงๆๆ 

อ๊าก!!  ทำไมบีถึงอาภัพขนาดนี้  <<..ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองก็ไปว่าเค้าอ่ะ -*-

ใกล้จบแล้ว  ต่อไวๆนะครับ  รออ่านอยู่



ปล. ปอนด์น่ารักที่สุดในเรื่องเลย 555+
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 12-11-2006 14:54:28
ไม่ได้เข้ามาแค่วันเดียว..........มันไปขนาดนี้เลยหรอ :impress3:

เศร้า......ยังไม่พูดไรดีก่า................ขออ่านจบภาค 1 ก่อน :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 12-11-2006 16:49:14
  :serius2:  :serius2:  :serius2:

 :serius2: เกิดอะไรขึ้นนี่ ทำม้ายเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปด้าย  :serius2:

งานนี้ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง คือ บาส (ฮึ่ม อุตส่าห์ลุ้น  :laugh: ) ถ้าใช่นะ คงไม่มีแรงลุ้นใครแล้วละ  :try2:

สงสารบีจัง  :monkeysad2:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 12-11-2006 18:01:19
เจ็บนะครับ


เจ็บมั้กมัก


คนรัก กลับไม่เชื่อมันในตัวเรา


แล้วรักไม่จะเป็นยังงัยต่อไป





ปล.


ขอปล.เหอะบลู


ไม่งั้นเหฒือนไม่ใช่พูห์



ปล.


ภาคแรกบีบหัวใจขนาดนี้



ภาคสองไม่ต้องเตรียมกระดาษทิชชู่มาตั้งแต่ตอนแรกเหรอบลู



พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 12-11-2006 23:35:10
ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ สงสารบีจังงงงงงงงงงง :monkeysad: :serius2: :sad5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 13-11-2006 00:39:24
 :confuse: เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยบีเองแหละคับ เหอะเหอะ ว่าแต่ว่า ตอนนี้ก็มีบาส กับพี่ปอนด์ 2 คน แต่บาสเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว คงหมดสิทธิ์ ส่วนพี่ปอนด์นี่ก็นะ ทำกับเค้าไว้ จะกลับไปหาก็กะไรอยู่ รอเฉลยดีกว่าเรา สงสัยจะเดาไม่ถูก อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 13-11-2006 02:11:59
                                                                                  งงกับทีม???   
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: momoki ที่ 13-11-2006 14:53:42
ในที่สุด ก็ตามอ่านจนทัน...... :angellaugh2:

น่าสงสารบี จัง ต้องมีอะไรแน่ๆๆ ทีมถึง เป็นเยี่ยงนี้  :serius2:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 13-11-2006 20:05:39
"เสียงกรีดร้องนี้เป็นเสียงที่ทั้งโหยหวน และบาดลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ จนใครก็ตามที่ได้ยินย่อมจะรู้ถึงความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสของเจ้าของเสียงได้เป็นอย่างดี

แต่น่าเสียดายที่เสียงกรีดร้องที่ทั้งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานนี้

มีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น...........ที่ได้ยิน............"

คุณนัทนที บรรยายตอนนี้ได้สะเทือนใจและเห็นภาพมากๆ
สงสารบีจับใจจริงๆ  ต้องทนเจ็บเจียนตาย
แถมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองทำอะไรผิด

ผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเป็นตัวเองต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว
จะทนได้ไหมนะ...น่าคิด
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-11-2006 21:07:02
GoneOn ทำใจได้ยังครับ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  โทษนะครับ พอดีเรี่ยวแรงมันเหือดแห้งไปครับ

 Aki_Kaze  แหะๆ สู้ๆ  :yeb:

FlukeHub  คนชื่อปอนด์น่ารักแบบนี้ทุกคนป่าวหนอ  :myeye:

GobGab ผมอยากเห็นความเห็นของเพื่อนๆนะครับว่าคิดอย่างไร

shell แบบนี้ต้องสู้กับ flukehub แล้ว เชียร์กันออกนอกหน้านอกตากันทั้งคู่ คิกคิก

Subson  เรื่องราวแห่งความรักมันมีทั้งสุขและทุกข์ที่ต้องเผชิญครับ

moopai  ผมสงสารทุกคนที่เป็นตัวละครหลักเลย

Tantalum  อ่าวพูดไปพูดมา เลี้ยงลงคลองซะงั้น คิกคิก

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  อืม เป็นอะไรๆที่เกินกว่าจะรับได้ครับ

momoki  มีอะไรหรือครับ

beaches  น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กับลมหายใจที่รวยริน เนื่องจากหัวใจที่เคยเป็นรอยแผลถูกกรีดซ้ำ จะมีใครรู้ จะมีใครนึก ว่าคนๆนี้ทรมานแสนสาหัสเพียงใด  :monkeysad2:

ตอนนี้ผมยังไม่สามารถคุยอะไรกับเพื่อนๆได้มากนะครับ
เพราะพึ่งดูซีรีสเกาหลี autumn in my heart จบไป
น้ำตาผมแทบออกมาเป็นสายเลือด เหงาเกินกว่าจะทำอะไรได้
 :monkeysad:

ความรักมันไม่มีถูกผิด
มันมีแต่คำว่าใช่หรือไม่เท่านั้น


******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ( 27 )
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป ส่วนรักครั้งสุดท้ายกลับสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว

--------------------------------------

หลังจากที่ต้องเลิกรากับทีม ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผมจะรู้สึกทุกข์ทรมานมากมายถึงขนาดนี้ ความเจ็บปวดจากการถูกทิ้งในครั้งนั้นทำให้ผมเหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น

ทุก ๆ วันผมจะต้องกลับไปที่ห้องนอน เอาใบหน้ากดลงบนหมอนแล้วก็กรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเจ็บปวด

ความเป็นลูกที่ปิดบังว่าตัวเองเป็นเกย์ และความเป็นนักเรียนดีเด่นที่ถูกจับตามองจากครูบาอาจารย์และเพื่อนนักเรียนทำให้ผมต้องเสแสร้งแกล้งทำว่าชีวิตของผมปกติดีและไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การทำตัวเช่นนี้ยิ่งทำให้ความทุกข์ถาโถมเข้าหาผมหนักขึ้น เมื่อผมต้องเก็บกดความรู้สึกทุกข์ทรมานของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

จะมีเพียงเวลาที่ผมอยู่ในห้องนอนและห้องน้ำเท่านั้นที่ผมจะใช้เวลานั้นร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นเพราะทุกครั้งที่ผมร้องไห้ ผมก็ต้องพยายามไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่สักนิดเดียว

จนกระทั่งหลายครั้งที่ผมร้องไห้ มันเหมือนกับผมเห็นภาพหลอนของตัวเองที่ลอยเคว้งอยู่ในห้วงน้ำลึกที่ดำมืดอย่างหาทางออกไม่ได้

ความรักที่ทีมเคยมีให้ผมในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นเสมือนแรงฉุดดึงให้ผมค่อยๆดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรที่ไม่มีก้น

จนเมื่อวันหนึ่งที่เขาจากผมไป ผมจึงต้องลอยเคว้งอยู่ในความมืดนี้เพียงลำพัง และไม่ว่าผมพยายามจะดิ้นรนแหวกว่ายเพื่อเอาตัวรอดแค่ไหน ผมก็ยิ่งดำดิ่งลงสู่ความลึกที่ดำมืดนั้นลงไปทุกที

การทำตัวเสแสร้งว่าเข้มแข็งนี้ทำให้บางครั้งผมก็อดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้ เพราะในขณะที่สภาพของผมเองแทบจะเรียกได้ว่าทุกวันนี้ ต่อให้ยืนหายใจอยู่เฉยๆ มันก็ทำได้ยากเต็มทีแล้ว แต่นี่ผมกลับยังต้องฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ และฝืนทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในตอนนั้นมีเพียงเพื่อนสนิทของผม 2 – 3 คนที่ต้องพลอยเดือดร้อนฟังผมระบายความทุกข์ที่ผมได้รับ แต่ยิ่งเล่า ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาช่วยอะไรผมไม่ได้เลย

จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของเพื่อนผมหรอกที่ไม่รู้ว่าจะปลุกปลอบผมอย่างไรดี เพราะในตอนนั้นพวกเราก็ยังอยู่กันแค่ ม. ต้นเท่านั้น

สำหรับพวกเขา คำว่า “ความรัก” และ “อกหัก” ยังห่างไกลจากประสบการณ์ที่พวกเขาเคยประสบมามากนัก

เพื่อนๆ ของผมจึงย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียความรักว่ามันเป็นอย่างไร มันจะเหมือนกับการสอบตกหรือเปล่า หรือเหมือนกับการถูกแย่งของเล่นมั้ย

เอาเข้าจริงแล้ว ความรักครั้งนี้ของผม...มันคงมาเร็วเกินไป จนทำให้ผมไม่สามารถที่จะรับมือมันได้และไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้ตัวเองยังไงดี

ระยะหลังๆ ผมจึงเลิกที่จะไปโอดครวญกับพวกเขาในที่สุด เพราะยิ่งผมแสดงแง่มุมที่เลวร้ายของความรักออกไปให้พวกเขาฟังมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ดูจะเริ่มพลอยเกลียดกลัวความรักมากขึ้นไปด้วย

ผมจึงอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมจะดันทุรังดึงพวกเขามาสู่โลกที่ดำมืดเหมือนผมต่อไป ผมก็คงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก

ในที่สุดผมจึงได้ตัดสินใจที่จะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยตัวเองซึ่งมันทำได้ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะเมื่อผมได้รู้ข่าวว่าทีมกำลังตามจีบ “เกรซ” เพื่อนนักเรียนหญิงชั้นเดียวกันที่อยู่ต่างห้อง มันก็ยิ่งทำให้ผมเหมือนกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

แต่ดูเหมือนข่าวนี้จะถือเป็นข่าวเล็กๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับความจริงที่ผมมารู้ในภายหลังว่าในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เกรซ ก็ได้ไปเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพฯ ด้วย

ผมอดคิดไม่ได้ว่า...หรือว่านี่คือเหตุผลจริงๆ ที่ทำให้ทีมตัดสินใจทิ้งผม

น่าแปลกที่ในตอนนั้น..แทนที่ผมจะเคียดแค้น ชิงชังที่เขาทำอย่างนั้น แต่ผมกลับยินดีไปกับความรักครั้งใหม่ของเขาด้วย

เพราะผมรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าคนธรรมดาๆ อย่างผมไม่เคยคู่ควรกับหนุ่มหล่ออย่างทีมเลย

การที่เขามาทำดี และทุ่มเทความรักอย่างมากมายในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา มันก็มีค่ามากพอแล้วสำหรับคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผม

ถ้าคนอย่างเขาจะทิ้งผมไปผมก็คงไม่ว่าอะไร แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมติดค้างในใจก็คือ.....ทำไมเขาถึงไม่ยอมบอกผมตรงๆว่าเขาทิ้งผมไปเพราะอะไร

ผมจึงได้แต่เดาว่า นี่ล่ะคงเป็นสาเหตุในการเลิกราของเราในครั้งนี้

ในตอนนั้นผมคิดว่าการที่ทีมเลือกผู้หญิงอย่างเกรซมาเป็นแฟนนั้น มันทำให้ผมรู้สึกดีกว่าตอนที่เขาไปมีอะไรกับพี่กุ้งมากนัก เพราะอย่างน้อยผมก็มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ

เพราะเท่าที่ผมรู้...เกรซเป็นผู้หญิงน่ารัก นิสัยดี และก็มีมารยาทสมกับการเกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเนื่องจากคุณพ่อของเกรซเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัด ในขณะที่คุณแม่ก็เป็นครูประจำโรงเรียนสตรีที่มีชื่อเสียง

การที่ทีมจะทิ้งผมไปเพราะผู้หญิงแบบนี้ ผมก็น่าจะยินดีไม่ใช่เหรอ

การพ่ายแพ้ต่อผู้หญิงที่มีคุณสมบัติอย่างเกรซไม่ใช่เรื่องที่ผมน่าจะเสียใจเลย เพราะอย่างไรก็ดีผมก็ไม่มีวันชนะผู้หญิงคนนี้ได้แน่ ในเมื่อ....

ผมไม่มีวันที่จะเป็นภรรยาที่ออกหน้าออกตาในสังคม และเป็นแม่ของลูกให้ทีมได้

ถ้านี่จะคือเหตุผลที่เขาทิ้งผมไปจริงๆ ผมก็คงจะพอรับได้และยินดีจะยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา

แต่ถึงแม้ในตอนนั้นผมจะไม่รู้สึกโกรธเกลียดทีมเลยที่ทิ้งผมไป รวมทั้งยินดีอย่างบริสุทธ์ใจต่อรักนี้ของทีม แต่ในหัวใจผมก็ยังเจ็บปวดเกินกว่าจะสรรหาคำพูดมาบรรยายได้

การระบายและปลดปล่อยที่ผมทำได้เพียงอย่างเดียวในเวลานั้นก็คือการ “ร้องไห้”

จนต่อมาผมเริ่มรู้สึกชินชากับการที่อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหลลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

สำหรับผมในตอนนั้นแล้ว การร้องไห้กลายเป็นกิจวัตรที่ผมจะต้องทำเป็นประจำทุกวันเหมือน อาบน้ำ แปรงฟัน ทานข้าว จนบางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าร่างกายของคนเรานี่ช่างมหัศจรรย์นักที่สามารถผลิตน้ำตาออกมาได้อย่างไม่มีวันหมด

นอกจากนั้นการร้องไห้ในหลายๆครั้งของผมก็เกิดขึ้นเมื่อผมต้องตื่นนอนในตอนเช้าแล้วต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

มันเป็นความผิดหวังที่ผมพบว่าตัวเองยังมีลมหายใจอยู่ ทั้งๆที่ทุกคืนก่อนนอนผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้ผมนอนหลับฝันไปโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย

ดูเหมือนช่วงเวลาที่อยู่ในความฝันจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมจะสามารถหลบหนีความโหดร้ายจากโลกของความจริงได้

แต่น่าเสียดายที่ผมไม่เคยโชคดีขนาดนั้น เพราะทุกวันผมก็ต้องตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า.....ผมยังมีชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่มีทีมอยู่ข้างๆ อีกแล้ว

หลายสัปดาห์ต่อมาดูเหมือนข่าวคราวที่ผมเลิกกับทีมจะแพร่กระจายไปถึงบรรดาคนที่รู้เรื่องของเรา 2 คนจนทำให้กอล์ฟเดินมาหาผมหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง

“บี ไปกินไอติมกันมั้ย”

“เอ่อ.....บี....”

ในตอนนั้นผมอยากจะปฏิเสธเพราะกลัวว่าเขาจะพูดกับผมเรื่องทีม

“ไปนะ กอล์ฟขอล่ะ เราไม่ได้ไปกินอะไรด้วยกันนานแล้วนะ”

หลังการคะยั้นคะยอของกอล์ฟทำให้ผมไม่อาจปฏิเสธเขาได้ ผมจึงเดินตามเขาไปที่ร้าน

“กอล์ฟเสียใจด้วยนะ เรื่องทีม”

กอล์ฟเปิดฉากพูดกับผมตรงๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมเหมือนกับจะร้องไห้เมื่อเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนของเขา

ผมคงจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าแววตาคู่นั้นจะเป็นแววตาที่กำลังสมน้ำหน้าผม ที่ในตอนนั้นผมไม่เลือกเขาแต่กลับไปเลือกทีม ผมจึงต้องมาอยู่ในสภาพน้ำตาเช็ดหัวเข่าอย่างนี้

แต่นี่เขากลับชวนผมมาทานไอติมแล้วมองผมด้วยสายตาห่วงใยอย่างที่สุด มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้นไปอีก

“รู้มั้ย ทำไมกอล์ฟถึงชวนบีมากินไอติม แล้วทำไมต้องมานั่งโต๊ะตัวนี้”

หลังคำถามของเขาทำให้ผมถึงกับงง พลางก้มลงมองโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่อย่างสงสัยว่ามันแตกต่างจากโต๊ะตัวอื่นตรงไหน

“บีจำไม่ได้เหรอ ครั้งที่แล้วเราก็มานั่งโต๊ะตัวนี้ไง ลืมเรื่องที่มันผ่านมาเถอะนะ เรามาให้โอกาสตัวเองกันอีกสักครั้ง...บี มาเป็นแฟนของกอล์ฟได้มั้ย”

หลังคำถามนี้ผมได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าอย่างรู้สึกหดหู่ และโกรธเกลียดตัวเอง ทำไมกอล์ฟต้องมาให้โอกาสผมอีกครั้งทั้งๆ ที่ผมเคยทำให้เขาเจ็บปวด ทำไมเขาไม่พูดจาสมน้ำหน้าผมที่ไม่เลือกเขาในวันนั้น ทำไมเขาต้องมาดีกับผมในเวลาอย่างนี้ด้วย

“กอล์ฟ บีขอโทษนะ อย่าทำอะไรเพื่อบีอีกเลย บีมันไม่คู่ควรที่จะได้รับโอกาสอะไรอีก บีไม่มีค่าสำหรับใครอีกแล้ว”

ผมตอบไปตามตรงเพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

สิ่งที่ผมควรจะมอบให้เขา ผมก็เสียมันไปให้กับทีมหมดแล้ว ดังนั้นผมจะเห็นแก่ตัวโดยทำลายโอกาสที่เขาจะไปเจอคนดีๆและคว้าเขามาไว้เป็นแฟนไม่ได้

ที่สำคัญผมรู้ดีว่า...ผมไม่อาจจะรักใครได้อีก นอกจาก “ทีม” เท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงกอล์ฟก็คิดไว้แล้วว่าคำตอบของบีจะเป็นอย่างนี้ แต่กอล์ฟก็ยังอยากจะลองดู เผื่อถ้ากอล์ฟโชคดี บีอาจจะมีใจและให้โอกาสกอลฟ์บ้าง”

“กอล์ฟ.....”

ผมเรียกชื่อเขาออกมาอย่างเจ็บปวดและไม่อยากจะเชื่อว่าผมได้ทำให้เขาสียใจถึง 2 ครั้ง

“ช่างเถอะ เรากลับบ้านกันเถอะนะ มา เดี่ยวกอล์ฟเดินไปส่ง”

ในตอนนั้นผมได้แต่เดินตามกอล์ฟไปอย่างเจ็บปวด พลางอดคิดไม่ได้ว่าทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเดินไปสักพักผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่ากอล์ฟจะพาผมไปไหน เพราะตอนนี้เรากำลังเดินมาห้องน้ำด้านหลังโรงเรียน

“กอล์ฟ นี่ไม่ใช่ทางออกนี่” เสียงที่ผมเริ่มทักทำให้เขาหยุดเดิน

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ พอดีกอล์ฟมีเรื่องสงสัยอยากถามบี กอล์ฟก็เลยพามาในที่ๆไม่มีคน”

“อะไรเหรอ”

“ตกลงแล้วกอล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างที่บีเคยบอกหรือเปล่า”

“ใช่สิกอล์ฟ กอล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่บีมีเลยนะ”

ผมรีบยืนยันให้เขารู้เพราะกอล์ฟเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวที่ผมรักและไว้ใจที่สุด

“งั้นแล้วทำไมต่อหน้ากอล์ฟ บีต้องทำเป็นเข้มแข็งด้วย รู้มั้ย มันยิ่งทำให้กอล์ฟรู้สึกแย่ มันเหมือนกับกอล์ฟช่วยอะไรบีไม่ได้เลย ทำไมเหรอ ทำไมบีต้องทำเสแสร้งเป็นเข้มแข็งด้วย เป็นนักเรียนดีเด่นเขาห้ามร้องไห้หรือไง”

คำพูดและสีหน้าจริงจังของกอล์ฟทำให้น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่กอล์ฟดึงตัวผมเข้าไปสวมกอดไว้

“เข้มแข็งไว้นะบี บีจะต้องผ่านมันไปได้ เชื่อกอล์ฟนะ”

หลังคำพูดนี้ของกอล์ฟ ผมก็ปล่อยโฮออกมาเหมือนเขื่อนแตก ความอัดอั้นตันใจและความเก็บกดที่ผมสั่งสมไว้โดยไม่สามารถบอกใครได้ กำลังถูกปลดปล่อยออกมาอย่างท้วมท้นจนผมรู้สึกได้ว่าเสื้อบริเวณอกกอล์ฟกำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของผม

ในเวลานั้นเองที่ผมรู้สึกได้ว่า....แม้ผมจะอยู่ในอ้อมกอดของกอล์ฟอย่างนี้ แต่ความรู้สึกที่มีก็ช่างแตกต่างกับตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของทีมอย่างสิ้นเชิง

ความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่ได้เป็นความรู้สึกของ “ความรัก” แต่มันเป็นความอบอุ่น และปลอดภัยจากเพื่อนที่คอยปลอบใจให้กันในยามที่เราล้มเหลว....เท่านั้น


----------------------------------
ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ( 28 )
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป ส่วนรักครั้งสุดท้ายกลับสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------------

ในความโชคร้ายที่ผมต้องเลิกรากับทีม ดูเหมือนผมจะโชคดีที่ผู้ชายซึ่งผมเคยทำร้ายให้พวกเขาต้องเจ็บปวดกลับมาให้กำลังใจอย่างที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เพราะนอกจากกอล์ฟจะกลับมาให้โอกาสด้วยการขอเป็นแฟนกับผมอีกครั้ง รวมทั้งยังให้ผมได้ร้องไห้ระบายไปกับเขาแล้ว พี่ปอนด์ก็มาหาผมถึงห้องในบ่ายวันหนึ่ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาเคยขับไสไล่ส่งให้ผมไปให้พ้นๆ

“ถ้ารู้ว่ามันจะทำกับบีอย่างนี้ พี่น่าจะกระทืบให้มันตายคาตีนไปตั้งแต่วันนั้น”

พี่ปอนด์เปิดฉากบอกผมขณะที่เรากำลังไปนั่งคุยกันในสวนป่าของโรงเรียน

“พี่ไม่ทำน่ะดีแล้วล่ะ บีขี้เกียจเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยม”

ผมพูดแล้วก็พยายามฝืนยิ้มออกมา

“ฮึ ฮึ ปล่อยมุขอย่างนี้ได้ แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วสิ”

“ก็บีบอกแล้วว่าบีไม่เป็นไร พี่น่ะเป็นห่วงไปเอง บีไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย”

ผมโกหกพี่ปอนด์ไปทั้งๆที่ในตอนนั้น น้ำตาของผม...มันปริ่มๆจะไหลออกมาตลอดเวลา

“งั้นเหรอ นั่นสินะ พี่รู้ว่าบีต้องทำได้”

“คับ บีไม่เป็นไรหรอก บางทีที่บีต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ ก็อาจจะเป็นกรรมที่บีทำไว้กับพี่ก็ได้”

“กรรมเหรอ พี่ว่าไม่ใช่หรอก สิ่งที่บีทำกับพี่มันคงเป็นบุญมากกว่าเป็นบาปนะ”

สิ่งที่ปอนด์พูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เชื่อหู

“เพราะบี.....พี่ถึงได้รู้ว่าความเจ็บปวดจากการอกหักน่ะมันเป็นยังไง พี่ถึงไม่คิดจะไปหลอกใครให้เจ็บปวดเล่น ๆ อีก เห็นมั้ยล่ะว่าอย่างน้อยบีก็ช่วยคนอื่นๆไว้ตั้งหลายคน อย่างนี้มันจะเรียกว่าเป็นบาปได้ยังไงละ”

“พี่ปอนด์...”

ผมเรียกชื่อเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เขาให้กำลังใจผมถึงขนาดนี้

"เชื่อพี่นะบี เดี๋ยวเดียวมันก็จะผ่านไปแล้ว”

ตั้งแต่เลิกรากับทีมดูเหมือนผมจะได้ฟังประโยคที่พี่ปอนด์เพิ่งพูดจบมานับครั้งไม่ถ้วน

“เดี๋ยวเดียว มันก็จะผ่านไป” เป็นสิ่งที่ทุกคนพยายามเฝ้าบอกผม ในขณะที่ผมเองกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย เพราะทุกวันเวลาที่ผ่านไปความทุกข์ทรมานของผมมีแต่จะเพิ่มขึ้น

การที่ทั้งผมและทีมยังต้องอยู่ห้องเดียวกันทำให้ผมต้องทนเห็นเขาอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นกลุ่มเพื่อนของผมกับกลุ่มของทีมก็ยังสนิทสนมกันจนพวกเรามักจะไปทำกิจกรรมต่างๆในโรงเรียนด้วยกันเสมอ ดังนั้นไม่ว่าผมจะพยายามลืมเขาสักเท่าใด มันก็แทบจะไม่มีผลเลยในเมื่อเราทั้งคู่ต่างยังต้องพบเจอกันทุกวันอย่างนี้

ที่สำคัญการที่ทีมได้มีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างเกรซ มันทำให้ผมต้อนทนเห็นภาพบาดตาวันแล้ววันเล่า จนผมแทบอยากจะไม่มาโรงเรียนอีกเลย

น้ำตา...ที่ผมเคยคิดว่ามันจะแห้งเหือดไปได้ในวันใดวันหนึ่ง มันกลับไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุดหย่อนทั้งในยามหลับและยามตื่น

ความปรารถนาที่จะหนีไปให้ไกลจากโลกแห่งความเป็นจริงที่โหดร้ายทำให้ผมกลายเป็นคนขี้เกียจในสายตาของแม่ เพราะไม่ว่าผมจะมีเวลาว่างเมื่อไหร่ สิ่งที่ผมจะทำเป็นอันดับแรกคือ... “การนอน”

เพราะนั่นคงจะเป็นหนทางเดียวที่พอจะทำให้ผมเลิกคิดถึง “ทีม” ในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ได้

แต่กระนั้นในบางครั้ง “ทีม” ก็ยังเข้ามาหลอกหลอนผมแม้ในความฝัน พร้อมๆกับคำพูดที่ว่า “ทีมรักบีนะ” ซึ่งยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา แต่เมื่อผมลองเดินไปตามเสียงนั้นก็เห็นแต่ความว่างเปล่าและได้พบความจริงที่ว่า.....

.....ผมกำลังยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในความมืดมิดที่หนาวเหน็บจนสุดขั้วหัวใจ

ความตรอมใจจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ร่างกายของผมค่อยๆ ซูบลงอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งจริงๆแล้วผมอยากจะเรียกว่านี่คืออาการของคนที่ “หัวใจได้แตกสลายไปแล้วในร่างกายที่กำลังจะแตกดับ”

ในแต่ละวันที่ผ่านไป ผมยังคงต้องพยายามลาก “ซากชีวิตที่เดินได้” นี้ให้ดำรงอยู่ต่อไปโดยไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดลงวันไหน

จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงช่วงก่อนสอบปลายภาค พวกเพื่อนๆ ในห้องก็ได้ตกลงกันว่าหลังจากสอบเสร็จพวกเราทั้งห้องก็จะไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันที่ต่างจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่าผมคงเป็นคนหนึ่งที่ขอสละสิทธิ์ไม่ร่วมทริปนี้ด้วย แม้ว่าในใจมันอยากจะไปสนุกกับเพื่อนๆ แค่ไหนก็ตาม

“ไปเถอะนะบี เธอไม่ไปแล้วพวกเราจะครบทีมได้ไง อย่างนี้ก็หมดสนุกกันพอดี”

จอยหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมได้พยายามร้องขอให้ผมร่วมเดินทางไปกับเพื่อนๆ

“ถ้าเราไปนะสิ พวกเธอคงหมดสนุกแน่ๆ”

“งั้นบีก็เลิกทำหน้าอมทุกข์เสียทีสิ ไปสนุกกันเถอะ มันผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้ว ลืมๆมันไปเถอะนะ หรือไม่บีก็ไม่ต้องไปสนใจทีมเค้าก็ได้ ทำเสียว่าเขาไม่อยู่ในโลกนี้ไง” เพื่อนอีกคนพยายามแนะนำ

“ถ้าเราทำได้เราคงทำไปตั้งนานแล้ว” ผมตอบออกมาอย่างหดหู่

“หรือว่าบีไม่อยากไปสนุกกับพวกเราเหรอ พวกเราไปกันทั้งห้องเลยนะ บีจะมัวมาเก็บตัวอยู่คนเดียวหรือไง”

“พวกเธอคิดเหรอว่าเราไม่อยากไป คิดเหรอว่าเราไม่อยากสนุก คิดเหรอว่าเราไม่อยากไปยิ้ม ไปหัวเพราะกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่เราไปไม่ได้จริงๆ ฮือ ฮือ ฮือ”

ผมเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออดเมื่อคิดถึงว่าทำไมผมต้องมาเจอเรื่องเหล่านี้ ถ้าผมไม่เจอทีม ผมคงได้ไปสนุก ไปยิ้ม ไปหัวเราะกับเพื่อนๆ แล้ว

“ช่างเถอะ ชั้นว่าบีมันไม่ไปก็ดีแล้ว”

คำพูดของเจ เกย์สาวในกลุ่มของผมทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึง

“จะบ้าไปแล้วเหรอเจ เรากำลังมากล่อมให้บีไปกับเรานะ”

“ก็นั่นแหละ แต่พวกเธอไม่รู้ข่าวเหรอว่าไม่ใช่มีเพียงแค่พวกเราในห้องเท่านั้นนะที่ไป มีคนอื่นไปด้วย”

“จริงอ่ะ ใครเหรอ”

“ก็เกรซไง ทีมเขาพาเกรซไปด้วย”

คำตอบของเจ ทำเอาทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก และดูเหมือนว่าในที่สุดทุกคนก็เลิกรบเร้าที่จะให้ผมไปเที่ยวกับพวกเขาจนได้ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้าหากให้ผมไปร่วมทริปนี้ด้วย มันก็ไม่ต่างอะไรกับเอาผมไปฆ่านั่นเอง

หลังจากวันนั้น บรรดาเพื่อนๆ ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเที่ยวนี้อีกเลยจนกระทั่งสอบปลายภาคเสร็จ พวกเราจึงต่างต้องแยกย้ายกันไปอยู่ที่บ้านและแทบจะได้ได้พูดคุยกันอีกเลย

ในช่วงปิดเทอมนี้เองเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัสสำหรับผม เพราะปกติในวันเปิดเรียน การได้ไปพบเจอเพื่อนๆ การได้ทำกิจกรรมในโรงเรียน การต้องเอาใจใส่การเรียน ทำให้เวลาที่ผมจะได้นึกถึงทีมนั้นมีน้อยลง

แต่ในช่วงปิดเทอมอย่างนี้ ผมกลับต้องใช้เวลาอยู่คนเดียวซึ่งนั่นหมายถึงว่ามันมีเวลาให้ผมคิดฟุ้งซ่านอย่างเหลือเฟือ

ฉะนั้นสิ่งที่ผมพยายามทำในช่วงเวลานั้นก็คือ “การนอน” ซึ่งดูเหมือนการทำอย่างนั้นจะทำให้ผมสามารถเอาตัวรอดผ่านคืนวันอันแสนเจ็บปวดไปได้

แต่แล้วในวันที่อากาศร้อนมากวันหนึ่ง หลังจากตื่นนอนขึ้นมาราวๆ บ่ายโมง อยู่ดีๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาเฉยๆ อย่างไม่มีเหตุผล

ผมจำได้ว่าอากาศในวันนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าว ผู้คนและถนนหนทางดูเงียบเชียบผิดปกติ หัวใจที่ว้าเหว่ได้เตือนให้ผมรู้ว่าในเวลาเดียวกันกับที่ผมต้องมานั่งทนทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวนี้ เพื่อนๆของผมคงกำลังสนุกสนานอยู่ที่ชายทะเลแห่งใดแห่งหนึ่ง

ทุกคนคงจะกระโจนลงน้ำและพากันกวักน้ำสาดเข้าหากันอย่างสนุกสนาน ชายหาดแห่งนั้นคงเต็มไปด้วยความคึกคักและมีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ต่างหาความสำราญกันอย่างเต็มที่ ณ บริเวณชายหาดแห่งนี้

และในท่ามกลางเสียงหัวเราะของบรรดาเพื่อนนักเรียนชายหญิงเหล่านั้น คงมีหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม

พวกเขาคงมีคำพูดหวานๆ ให้กัน กอดกัน หอมแก้มกัน และจูบกันอย่างสนิทชิดแนบ และในท้ายที่สุดทั้งคู่ก็คงลงเอยด้วยการตกเป็นของกันและกันในที่สุด

ในตอนนั้นเองที่น้ำตาของผมมันหยดลงมาอย่างห้ามไม่ได้พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ว่า

“ผมยอมแพ้แล้ว”

ที่ผ่านมาผมพยายามแข็งขืนต่อโชคชะตาด้วยการแสร้งทำทีว่าตัวเองเข้มแข็ง และฝืนที่จะผ่านมันไปให้ได้ แต่ในวันนี้เป็นวันที่ผมต้องบอกตัวเองว่าผมไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว

ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานนี้ควรจะจบลงเสียที

ในวันนั้นผมจึงเดินเหมือนคนไร้วิญญาณลงมาชั้นล่าง แล้วเดินตรงไปหยิบขวดยาพาราเซตามอลขนาด 100 เม็ดจากตู้ยาแล้วนำมันไปวางไว้บนโต๊ะในครัว จากนั้นจึงเดินไปหยิบขวดน้ำหวานในตู้เย็นออกมาแล้วนำมาวางไว้ใกล้ๆกัน

ผมเทยาพาราเซตามอลลงมากองจำนวนหนึ่ง แล้วเอามือไปหยิบมันมากำไว้จนเต็มมือ พลางคิดในใจว่าด้วยขนาดยาเท่านี้คงพอจะเป็นใบผ่านทางที่จะนำพาผมไปให้พ้นไปจากความเจ็บปวดทุกข์ทรมานนี้ได้

ผมค่อยๆมองไปยังมือที่กำยาพาราเซตามอลเหล่านั้นไว้อย่างเจ็บปวด เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตที่เคยสมบูรณ์แบบของผมจะต้องมาลงเอยและพบจุดจบอย่างนี้

ในชีวิตของผม...ผมเคยตัดสินใจผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องทีมมาแล้วถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรกเป็นตอนที่ผมตัดสินใจเลือกทีม แทนที่จะเป็นกอล์ฟ

ส่วนครั้งที่ 2 เป็นตอนที่ผมไม่สามารถตัดใจจากทีมได้อย่างเด็ดขาดเมื่อเขานอกใจผมไปมีอะไรกับพี่กุ้ง


ผมจึงได้แต่หวังว่า...การตัดสินใจในครั้งนี้ของผมคงเป็นการตัดสินใจที่......"ถูกต้อง"

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-11-2006 21:08:03
------------------------------------------------------

ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ( บทส่งท้าย)
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป ส่วนรักครั้งสุดท้ายกลับสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว

--------------------------------------

เมื่อตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้วว่าผมยอมแพ้และคงไม่อาจแข็งขืนต่อโชคชะตา ฝืนทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับอีกต่อไป ผมจึงค่อยๆยกยาพาเซตามอลที่กำไว้ในมือเพื่อที่จะป้อนเข้าปาก

แต่ในทันใดนั้นเอง....อยู่ดีๆ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแทบจะไม่ได้คิดถึงเธอเลยในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ผุดขึ้นมาในหัว

ภาพของผู้หญิงที่คอยดูแลผมมาตั้งแต่เล็กจนโตที่ปรากฏชัดในความทรงจำนี้ได้ทำให้ผมคิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เป็นคนที่รักผมมากที่สุด และความรักของเธอคนนี้ก็ไม่เคยทำให้ผมเจ็บปวด

หากผมจะจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้กล่าวล่ำลาเธอ...ผมก็คงเป็นลูกที่เลวมาก

ผมจึงตัดสินในวางยาลงแล้วก็เดินไปชั้นบนด้วยรู้ดีว่าในช่วงบ่ายๆ อย่างนี้ แม่ของผมมักจะนอนกลางวันอยู่ที่น้องนอนบนชั้น 2

เมื่อขึ้นไปถึงผมค่อยๆ เปิดประตูห้องออกอย่างแผ่วเบาจนเห็นแม่ผมนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

เมื่อได้เห็นใบหน้าของแม่ใกล้ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาจนนองหน้าด้วยความรู้สึกรักผู้หญิงคนนี้อย่างเป็นกำลัง และต้องฝืนใจพูดออกไปอย่างขมขื่นว่า

“แม่จ๋า บีมาลา”

หลังพูดจบผมก็ปล่อยโฮออกมาอย่างที่จะไม่สามารถจะห้ามได้จนทำให้แม่ผมตื่นและลุกขึ้นมานั่งมองผมอย่างตกอกตกใจ

ในเวลานั้นเองที่ผมวิ่งไปซบหน้าแล้วร้องไห้กอดแม่ไว้แน่น ซึ่งนั่นยิ่งทำให้แม่ผมยิ่งตื่นตระหนก

“บี เป็นอะไรลูก เป็นอะไร”

หลังคำถามของแม่ ผมได้แต่นิ่งเงียบและยังคงร้องไห้ออกมาอย่างไม่หยุดด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถระบายกับแม่ไปตรงๆได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม

“แม่จ๋า บีเจ็บ บีทรมานเหลือเกิน เขาทิ้งบีแม่ ทีมเขาไม่รักบีแล้ว บีเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว แม่ช่วยบีที ...ช่วยบีด้วย ฮือ ฮือ ฮือ”

ผมยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อสิ่งที่ผมอยากระบายให้แม่ฟังกลับได้แต่ก้องกังวานอยู่ภายในใจผมเท่านั้น ซึ่งนั่นถึงกับทำให้แม่ของผมยิ่งกอดผมไว้แน่นแล้วพูดออกมาทั้งน้ำตาว่า

“เครียดเรื่องสอบเข้าหรือลูก ไม่เป็นไรนะ ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เอง แม่ผิดเอง แม่กดดันบีเกินไปใช่มั้ย แม่ผิดเอง ถ้าแม่เลี้ยงบีให้เข้มแข็งกว่านี้ บีก็คงไม่ต้องมาร้องไห้เสียใจอย่างนี้ ฮือ ฮือ แม่ผิดเองลูก แม่ผิดเอง”

น่าแปลกที่ในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา ผมพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำใจให้ลืมของของผมกับทีมให้ได้ แต่ทว่า..ไม่ว่าผมจะใช้วิธีไหน หรือจะพยายามมากเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยสำเร็จเลย

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น น้ำตาและคำพูดเพียงประโยคเดียวของแม่กลับสามารถพลิกชีวิตของผมได้ทั้งชีวิต

มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เกิดใหม่

น้ำตาและความรักของแม่ทำให้ผมรู้ซึ้งว่า....นี่ต่างหากคือความรักที่จริงแท้ และ บริสุทธิ์ที่สุด

ในยามที่ผมล้มเหลว อ่อนแอ แทนที่แม่จะต่อว่าผม แต่แม่กลับโทษตัวเอง โทษว่าเป็นความผิดของแม่ที่กดดันผมเกินไป โทษว่าแม่ไม่ดีที่เลี้ยงผมให้อ่อนแอ

ในตอนนั้นเองที่ผมยิ่งกอดแม่ไว้แน่นแล้วตั้งจิตอย่างแน่วแน่ว่า

“แม่จ๋า แม่ไม่ผิดเลย บีต่างหากที่เลว บีต่างหากเป็นลูกที่ไม่ดี ต่อไปนี้บีจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก แม่ไม่ได้เลี้ยงลูกคนนี้ให้อ่อนแอ บีจะเข้มแข็ง แล้วจะผ่านมันไปให้ได้ แม่จ๋า ไม่ว่ายังไง......บีจะต้องผ่านมันไปให้ได้”

.............ต้องผ่านมันไปให้ได้.................


*****สงสารใจตัวเองหรือเปล่า
หัวใจที่จมทะเลเศร้า...เพียงแค่โดนเขาทิ้งกันไป

ทุกทุกทีที่มีน้ำตา...ให้คำตอบใจได้ไหมว่า...
ร้องแล้ว...ได้เขาคืนมาหรือไร

ก็แค่ “ความรักร้ายร้าย” หนึ่งหน...ชีวิตคนยังมีอีกร้อยพัน
เรียนรู้และอยู่กับมัน...ให้ได้

อย่าทำน้ำตา...ให้เป็นมหาสมุทร
แม้ความรักถึงวันสิ้นสุด...แต่ชีวิตต้องเดินต่อไป
โลกคงไม่เหลือแค่สีดำ...ถ้าไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
พรุ่งนี้เธอยังต้องหายใจ
ฉันรู้ว่าเธอต้องอยู่ไหว
ไม่ว่ามี “คนนั้น” หรือไม่ก็ตาม

ฟ้าของเธอยังงามเหมือนเก่า
ถ้าเธอจะมองด้วยตาเปล่า.........โดยไม่ผ่านม่านของ “น้ำตา”
ทุกทุกคนก็มีแผลเก่า...รองรอยที่เตือนและสอนเรา
ยืนยันว่าเรา...เติบโตขึ้นมา

ก็แค่ความรักร้ายร้ายหนึ่งหน...ชีวิตคนยังมีอีกร้อยพัน
เรียนรู้และอยู่กับมัน...ให้ได้

อย่าทำน้ำตา...ให้เป็นมหาสมุทร
แม้ความรักถึงวันสิ้นสุด...แต่ชีวิตต้องเดินต่อไป
โลกคงไม่เหลือแค่สีดำ...ถ้าไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
พรุ่งนี้เธอยังต้องหายใจ
ฉันรู้ว่าเธอต้องอยู่ไหว
ไม่ว่ามี “คนนั้น” หรือไม่........ก็ตาม

*********** จบภาค 1 ************


*****หมายเหตุ : เพลงน้ำตามหาสมุทร – Um Irawat









หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 13-11-2006 21:31:37
ไม่ชอบคำที่ทีมเพียงเพื่อจะตัดรอนบีมากๆ
คือมันเหมือนกับพอวันนึงที่ไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ ไม่เป็นเหมือนวันก่อน...หรือเบื่อ
ก็พ่นพิษใส่กัน หรือหาเหตุมาอ้างสารพัด เพื่อให้บีไปไกลๆ (ในนิยายถ้าอ่านไปเรื่อยๆ ก็รู้แหละว่าทีมเองก็คงปางตายเหมือนกัน   แต่ในชีวิตจริง...คงไม่ใช่ คงดีใจด้วยซ้ำมั้งที่สลัดบีทิ้งได้) ทั้งที่จริง ก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ แม้จะแปลกหน้าขึ้นก็ตามที
แต่ว่าเถอะ ถ้าเป็นผม...ผมคงขอหลบหน้าไม่เจอคนๆ นี้อีกชั่วชีวิต
พอแล้ว ยอมแพ้จริงๆ  ไม่ชอบยื้อแย่ง ไม่อยากงอนง้อ
หมดเยื่อหมดใยแล้ว ก็ต่างคนต่างไป


ยังหวังอยู่ลึกๆ ว่าจิตใจที่แตกละเอียดของผู้เขียนในชีวิตจริง คงจะดีขึ้นบ้าง
แม้จะไม่ประสานได้ดีดังเดิม

ถ้าผมเป็นบี คงขอที่จะไม่รักใครอีกเลยชั่วนิรันดร์
รักมาก ผิดหวังทีก็เจ็บมาก
หากยังริรักอีกไปเรื่อยๆ นานไปใจคงด้าน
มิรู้แล้วว่าความรักหน้าตาเป็นเช่นไร
รู้แต่ว่าเป็นสิ่งที่นำความสุขและความทุกข์มาด้วยกัน เมื่อถึงคราวโรยรา...


นั่งๆ พิมพ์อยู่ นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา เข้ากับความรู้สึกดีเหมือนกัน
"ฉันเคว้งคว้างและว่างเปล่า ปวดร้าวทั้งเหงาเพียงลำพัง
ความทรงจำไม่เคย...จาง....จากไป
ฟ้าทิ้งฝนมารินหลั่งส่งให้ใจอ้างว้างยิ่งหนาวสั่น
ขาดเธอที่เคยกอดฉันและคอยปลอบโยน
ฟ้าหลังฝนยังคงมืดดำ ยิ่งตอกย้ำลงไป
ย้ำความทรงจำสุดท้าย เสียงเพลงครวญจากชีวิตที่หัวใจแหลกสลาย
คิดถึงเจียนตายก็ไม่มีเธอกลับมา"


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 14-11-2006 00:05:25
จบภาค 1 ยังเศร้าขนาดเนี่ย ภาค 2 ต้องแย่แน่ๆเลยค่ะ คุณ บลู  :myeye:
 
แต่ยังไงก็ยังอยากอ่านอยู่น๊า       :try2:


ถ้าผมเป็นบี คงขอที่จะไม่รักใครอีกเลยชั่วนิรันดร์
รักมาก ผิดหวังทีก็เจ็บมาก
หากยังริรักอีกไปเรื่อยๆ นานไปใจคงด้าน
มิรู้แล้วว่าความรักหน้าตาเป็นเช่นไร
รู้แต่ว่าเป็นสิ่งที่นำความสุขและความทุกข์มาด้วยกัน เมื่อถึงคราวโรยรา...


ไม่อยากให้ คุณ beaches คิดยังงี้เลยค่ะ ความรักคงไม่ได้เลวร้ายเสมอไปหรอกน๊า 
มันคงต้องมีสักครั้งแหละ ที่เราจะได้เจอความรักที่มั่นคง จริงใจ (แหม ว่าไปได้นะเนี่ย ตัวเองยังไม่เคยเจอเลย  ชาตินี้จะได้เจอรึป่าวยังไม่รู้เลย  :try2:)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 14-11-2006 01:54:51
นี่แหล่ะที่เค้าเรียกว่าอานุภาพแห่งความรัก สามารถบรรดาลให้เกิดทุกสิ่ง ทั้งสุขและทุกข์ "มหัศจรรย์แห่งรัก"
เราต้องรู้จักเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับมัน 


รักมีหลายรูปแบบ แต่รักที่บริสุทธ์ของพ่อแม่เป็นจริงแท้และแน่นอนที่สุด  รักโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน (แต่แม่เราบอกว่าถ้าทำงานแล้ว เงินเดือนๆแรกและเดือนต่อๆไปเอามาให้แม่เก็บไว้นะลูก ถ้าลูกเก็บเองเด๋วม่ายเหลือ คิกคิก)

ตอนแรกนึกถึงเพลง...จำชื่อเพลงม่าได้อ่ะ แต่มันร้องประมาณว่า อยู่ดีๆก็อยากร้องไห้.....(ตรงกับเนื้อเรื่องมาก) :monkeysad:


ไม่อาวแระภาคแรก เศร้าเกิน ขอภาค 2ต่อด่วนเรยคุณบลูเรย์



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-11-2006 09:32:18
จบภาค 1 แล้ว เศร้าจัง  :impress3:

เห็นด้วยกับคุณ beaches เกี่ยวกับทีมมาก ๆ ผู้ชายคนนี้แย่จริง ๆ

ตอนจบประทับใจจริง ๆ เพราะอ่านถึงตอนที่บีกำลังจะกินยาตาย ก็นึกอยู่ว่า "อะไร" จะทำให้บีรอดพ้นจากความทุกข์ครั้งนี้ไปได้

และก็ไม่ผิดหวังเลย "ครอบครัว" คือสิ่งสำคัญที่สุด เป็นสิ่งแรกและสิ่งสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวจิตใจทั้งในยามทุกข์และยามสุข

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ดี ๆ ที่เอามาให้อ่านกัน และรอภาค 2 อยู่ค่ะ

จะเตรียมผ้าซับน้ำตาไว้ตั้งแต่ตอนแรกเลย

สุดท้ายนี้ ขอบทบาสเยอะ ๆ หน่อยน้า  :like2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-11-2006 10:11:23
ผมเข้าใจความรู้สึกของบีนะบลู

คุณตะแน๋ว เพลงอยู่ดีๆก็อยากร้องให้ของ ตอง ภัครมัยครับ ผมก็ชอบนะครับ

เวลาเราไปในที่ๆ เราเคยอยู่กะเขา เพลงที่เคยฟัง หนังที่เคยดูด้วยกัน มันทำใจไม่ได้เลยนะครับ ที่จะไปเจอภาพเหล่านั้น

เศร้าเจงๆ

เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ





พูห์  :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 14-11-2006 11:33:11
ผมมาแสดงความคิดเห็นตามที่สัญญาไว้แล้วนะคับคุณบลู :impress3:

น่าสงสารบีนะ...........ถ้าอยู่แค่ ม.3 จะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้
ขนาดผมมาเจอยังแทบจะเอาตัวเองไม่รอด
เข้าใจความรู้สึกบีเลย.................ร้องไห้ทุกวัน
ไม่อยากร้องมันก็ออกมาเอง.............แล้วก็ต้องไม่หั้ยใครเห็นน้ำตาและได้ยินเสียง
ไม่อยากหั้ยใครเห็นความอ่อนแอของเรา
เดี๋ยวคนอื่นจะมาทุกข์กับเราด้วย..........พ่อแม่และคนรอบตัวจะไม่สบายใจ
หวังว่าสักวันมันจะผ่านไปได้......แต่มันก็ผ่านไปไม่ได้สักที
อยากหนีไปไหนก็ได้หั้ยพ้นๆ.............แต่ก็ไปไม่ได้
ผมเป็นอะไรไม่ได้............ผมต้องอยู่เพื่อพ่อแม่ของผม
...........................
..........................
..........................
เรื่องของความรักบางทีมันก็ไม่มีคำว่าผิดคำว่าถูก
วันไหนยังรักกันอยู่มันก็คือรัก......วันไหนเลิกรักมันก็คือหมดรัก
เราต้องเข้มแข็งยอมรับมันหั้ยได้
แต่บีเขายังดีนะ......ที่มีคน 2 คน ยังเป็นกำลังใจหั้ยเขา
ทั้งที่เขาน่าจะมาซ้ำเติมด้วยซ้ำ.....โดยเฉพาะปอนด์

บางทีสิ่งที่เราเรียกว่ารักมันอาจจะไม่ใช่...........มันแค่ต้องการครอบครอง
บางทีสิ่งที่เราไม่รักมันอาจจะคือรัก................เพราะเราขาดมันไม่ได้
ถ้าคิดจะรัก..............ต้องพร้อมที่จะทุกข์
เผื่อว่าวันนึงมีอะไรเกิดขึ้น...............จะได้ยืดออกรับกับมัน

ขอบคุณ "คุณบลู" ที่เอาเรื่องดีๆมาหั้ยอ่าน
จะรออ่านภาค 2 นะคับ.............. :angellaugh2:

หวังว่าบีจะเข้มแข็งขึ้น............เหมือนที่ผมผ่านมันมาได้และ..........เข้มแข็งขึ้นแล้ว :yeb:






หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 14-11-2006 13:50:06
เศร้าจริง ๆ เลย  สงสารบีมาก ๆ สงสารจริง ๆ  ไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเป็นยังไงมากน้อยแค่ไหน  เพราะเป็นคนที่ไม่เคยทุ่มความรักไปให้ใครแบบหมดใจซะที  ยังไงก็ยังรักตัวเองก่อนเสมอ  แย่จัง  บางครั้งเคยคิดนะตอนอ่านเรื่องเศร้าแล้วอยากเศร้า อยากรันทดร้องไห้แบบนี้บ้าง  เหมือนบางทีชีวิตมันสมบูรณ์แบบเกินไป  ทำไมคิดแบบนี้ก็ไม่รู้  แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน   

แต่พอมาอ่านเรื่องนี้แล้ว  อืม... ความรักมันทำร้ายคนได้เหมือนกันนะ  ความรู้สึกเจ็บมันเป็นยังไง  ตอนที่บีคิดจะกินยาตาย  ตกใจเลย  แต่สุดท้ายความรักของแม่ ครอบครัวยังไงก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์เสมอ  รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  ที่จริงสิ่งที่ทุกคนบอกบีมาตลอดมันก็ถูกนั่นแหละ  เวลามันช่วยได้  แต่ต้องมีกำลังใจจากตัวเอง แล้วก็ความรักจากใครสักคนที่จะมาช่วยเราได้   หวังว่าใครอ่านเรื่องนี้แล้ว  เวลาอกหัก เสียใจไม่ว่าจากเรื่องอะไรก็ตาม  คิดถึงความรักจากคุณพ่อ คุณแม่  ครอบครัว ใครก็ได้ที่ทำให้เรามีวันนี้นะคะ   :impress3:

สุดท้ายแล้ว  ยังไงก็ยังไม่เข้าใจทีมอยู่ดีนั่นแหละ  มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้หน่อยนะ  ทำไมกับเรื่องที่จะไปชอบคนใหม่ทำให้คนเราเป็นไปได้ขนาดนี้อะ  ไม่เข้าใจอะ ยังไงก็น่าจะต้องบอกกันบ้าง  มาเคลียร์กันให้เรียบร้อย คนเคยรักกันขนาดนี้ มาบอกว่าคนนั้นว่าอย่างงั้น  อย่างงี้  เพื่อหาเหตุผลเลิกนี้มันไม่แฟร์เลยวะ  ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ ไม่มีเหตุผลอื่นนี่  แบบนิสัยโครตเลย   เฮ้อ  พอละ  รอลุ้นคนอื่นดีกว่า   อิอิ 

รอตอนต่อไปน้า  ทำตาละห้อย   :impress:

ปล  ก๊อปแก๊บเขียนได้ดีนะ  ว่าแต่อะไรทำให้เข้มแข็งขึ้นเอ๋ย   :untrust: 
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 14-11-2006 16:55:58
รออ่านอยู่นะจ๊ะรีบเอามาลงต่อนะ จะรอ จะรอ ทุกวัน :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 14-11-2006 17:33:06
ขอบคุณนะคับ ที่เอามาโพสใหม่ เพราะผมตามหาภาค 1 อยู่เหมือนกัน ลืมเซฟไว้ 

 เป็นนิยายสุดยอดในดวงใจอีกเรื่อง  เพราะฉะนั้นขอ save as ที่คุณมาโพสไว้นะครับ

เรื่องนี้อ่านกี่รอบก็ต้องยอมเสียน้ำตาให้ทุกที  ไม่อยากคิดถึงภาค 2 เลย เศร้า T T มากๆ

อ้อ ผมเพิ่งไปเข้าบอร์ดปาล์มมา คุณนัทนทีคนเขียน เขาอนุญาตให้คุณโพสแล้วนะคับ

ผมกำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเอาไปโพสไปที่อื่นด้วยดีป่าว อยากให้คนอ่านเรื่องนี้เยอะๆ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 14-11-2006 18:52:10
จบบริบูรณ์  เฮ้ๆๆ

จบภาคหนึ่งแล้วต่อภาคสองเลยนะครับ

อยากอ่านๆๆ  สงสารบีจัง

เกลียดทีมขึ้นมาจับใจ  ทำไมเลวได้ใจอย่างงี้เนี่ย




ปล. ภาคสองจะมีปอนด์มั๊ยเนี่ย

ปลล.  คุณบลูคนชื่อปอนด์น่ารักทุกคนรึป่าวไม่รู้นะ  รู้แต่ว่าคนชื่อฟลุคน่ารักทุกคนครับ


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 14-11-2006 19:57:16
beaches  อย่าพึ่งคิดแบบนั้นนะครับ ไม่ใช่ว่าทุกข์คนจะต้องเจอแบบนี้เสมอไป
อย่างน้อยก็เรื่องภูผา ฟ้าลั่น คงจะทำให้เห็นว่าความรักสวยงามเพียงไรนะครับ

GoneOn  สู้เขา เอิ้กๆ

ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว อย่างน้อยเขาก็ได้รู้จักความรักว่ามันเป็นอย่างไร

shell  แหะๆมันอาจเกิดจากการยังไม่รู้คำว่ารักนะครับ

 Subson  ดีจายด้วยนะครับ ที่เคยรักใครมากมาย ผมก็เคยและไม่เคยเสียจายเลย อย่างน้อยก็เคยดีจายที่หัวใจนี้เคยมีรัก

][GobGab][  ถ้าทุกคนเรียนรู้จักคำว่ารัก ก็จะเหมือนรักที่มีแต่ให้

มูมู่น้อย ทุกคนคงเคยผ่านมันมาหมด โชคดีที่บีมีกำลังจายที่ดี

moopai มาอ่านทุกวันนะครับ เอิ้กๆ

kirati69  ขอบคุณนะครับ คิกคิก ข้างหลังภาพหรือ

FlukeHub อ่ะน่ารักเจงเหยอ เอิ้กๆ มาหลอกเราน้า 

******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************


.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 1 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

เสียงเรือหางยาวที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติท่องชมความงามของทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้ปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากภวังค์หลังจากที่ผมมายืนนิ่งทอดสายตาไปเบื้องหน้าเหมือนคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน และเมื่อผมเหลือบไปดูนาฬิกาที่ข้อมือก็ต้องตกใจที่พบว่าตัวเองมายืนนิ่งอยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้ว

ดูเหมือนวันเวลามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ เพราะนับจากวันที่ผมต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆในวัยเด็ก บัดนี้ผมก็เติบโตจนกลายเป็นหนุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว

หลายปีที่ผ่านมา ผมมักมายืนนิ่งอย่างสงบที่ลานปรีดีแห่งนี้ เพราะผมรู้สึกว่าความสวยงามของแม่น้ำและสายลมอ่อนๆ ในยามเย็นของที่นี่ทำให้จิตใจของผมสงบแถมยังช่วยเยียวยาความปวดร้าวจากอดีตของผมได้

ผมเคยคิดมาตลอดว่าถ้าผมได้มาใช้ชีวิตให้ห่างไกลจาก “ทีม” มากๆ ผมก็คงจะลืมเขาได้ในสักวันหนึ่ง
แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมันกลับตรงกันข้าม เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยทั้งที่ท่าพระจันทร์และรังสิต ผมยังคงร้องไห้เพราะคิดถึงทีมเสมอทั้งในยามหลับ และ ยามตื่น

คงมีแค่ช่วงนี้เท่านั้น ที่นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยร้องไห้เพราะ “ทีม” อีกเลย ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มคิดว่า “เวลา” คงช่วยเยียวยาหัวใจของผมให้หายสนิทได้ในที่สุด

แต่ต่อให้มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าผมต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเต็ม กว่าที่ผมจะลืมผู้ชายคนหนึ่งได้อย่างสนิทใจ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ภาพชีวิตในอดีตที่ผ่านมาของผมก็ค่อยๆฉายชัดขึ้นมาในใจผมอีกครั้ง

ในวันนั้นหลังจากที่ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะจบชีวิตตัวเองลงเพราะคำพูดและน้ำตาของแม่ ผมก็กลับมามุ่งมั่นให้กับการเรียนอีกครั้งและพยายามจะเอาตัวรอดจากวิกฤติชีวิตในครั้งนั้นมาให้ได้

จนในที่สุดผมก็สามารถสอบผ่านเข้าเรียนในห้องคิงของชั้น ม. 4 ได้ตามความปรารถนา ในขณะที่ทีมกลับพลาดท่าตกไปอยู่ห้องของนักเรียนทั่วๆไป

ในตอนนั้นแม้ผมกับทีมจะอยู่ต่างห้องกัน แต่ผมก็ยังต้องพบเจอกับเขาบ่อยครั้ง เพราะแม้จะอยู่กันคนละห้องแต่ความเป็นเพื่อนของกลุ่มของผมกับกลุ่มของทีมก็ไม่ได้มลายหายไปด้วย พวกเขาจึงมักจะรวมตัวกันมาคุยกับผมและเพื่อนๆ ที่ห้องเสมอ

เมื่อสถานการณ์ยังคงเป็นไปเช่นนั้น ผมจึงรู้ดีว่าทางออกของผมคงมีแค่ทางเดียวเท่านั้น นั่นคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้เร็วที่สุดเพื่อที่ผมจะได้หนีไปจากผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ เสียที

ดังนั้นผมจึงขะมักเขม้นเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเอาจริงเอาจัง แม้หลายๆครั้งที่ผมทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย แต่เมื่อนึกถึงว่าถ้าผมไม่พยายามและอดทน ผมก็จะต้องติดหล่มอยู่กับ “ทีม” อย่างเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ต่อไป

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ผมก็จะเกิดแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็หันมาก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไปทั้งน้ำตาซึ่งมักจะไหลลงมาอย่างเจ็บปวดเสมอ

ในตอนนั้นวิธีหนึ่งที่ผมนำมาใช้เพื่อปลอบใจตัวเองให้รู้สึกดีขึ้นก็คือการพยายามบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า...... “ทีม” ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว

เขาไม่ได้ทิ้งผม เขาไม่ได้เลิกรักผม เขาเพียงแต่จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่ได้กล่าวลา

โชคดีที่ในขณะที่ผมพยายามจะบอกตัวเองอย่างนั้น ทีมเองก็ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยตอกย้ำความคิดนี้ของผมด้วย เพราะนับตั้งแต่วันที่เขาทิ้งผมไปในคราวนั้น

....ทีมก็ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน...

ในช่วงเทอมที่ 2 ที่พวกเรากำลังเรียนในชั้น ม. 4 นั้นเองที่ผมได้ข่าวว่าทีมได้เลิกรากับเกรซแล้วโดยเขาได้ทิ้งเกรซไปมีผู้หญิงคนใหม่

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ทิ้งผู้หญิงคนนั้นแล้วหันไปควงกับเด็กผู้หญิงรุ่นน้องอีกคน

นับตั้งแต่นั้นข่าวที่ทีมเปลี่ยนแฟนเป็นคนนั้นคนนี้ก็มาเข้าหูผมเรื่อยๆจนผมชักไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วในตอนนั้นเขามีแฟนชื่ออะไรกันแน่

จนในที่สุดวีรกรรมของทีมก็เลยเถิดไปจนถึงขั้นที่ว่าเขากำลังแอบคบอยู่กับทั้งผู้หญิง ทั้งเกย์ ที่อยู่ทั้งในโรงเรียนเดียวกัน และต่างโรงเรียนพร้อมๆ กันถึง 2 – 3 คน

ดูเหมือนหลังจากที่พี่ปอนด์จบออกไป ในที่สุดโรงเรียนของเราก็ได้ “หนุ่มเพลย์บอย” คนใหม่ซึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่าคนๆนั้นจะเป็น.....ทีม

ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกว่า....

ทีมที่เคยบูชาและเชื่อมั่นในความรัก คงได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ….

ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้เร็วๆ เพราะผมไม่สามารถทนเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับทีมได้

นอกจากนั้นทุกครั้งที่ผมเจอกับเขา ทีมก็ยังคงมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับผมเลย เขายังคงทั้งกัด ทั้งแขวะผมให้เจ็บปวด และมองผมด้วยสายตาเคียดแค้นตลอดเวลา

แม้หลายครั้ง ผมจะอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า...ในแววตาที่ทีมมองผมด้วยความเคืองแค้นนั้น มันกลับมีร่องรอยแห่งความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ ราวกับว่าเขายังคงรักและอาลัยอาวรณ์ผมอยู่ แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าเขาจะยังคงรักผมอยู่หรือไม่ ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจทิ้งผมไปแล้ว

เขาทิ้งผมไปโดยไม่มีแม้แต่คำขอโทษ และบอกกล่าวถึงเหตุผลที่แท้จริง

ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ผมสามารถหนีไปจากเขาได้เร็วๆ และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จเมื่อผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ ม. 5

ทันทีที่รู้ข่าวผมรู้สึกดีใจมากที่ผมสามารถสอบเข้าคณะและมหาวิทยาลัยที่ผมใฝ่ฝันได้ ที่สำคัญผมกำลังจะได้ไปให้พ้นจากทีมได้จริงๆ เสียที

แต่เมื่อใกล้ถึงวันที่ผมจะต้องเดินทางมารายงานตัวที่กรุงเทพฯ จริงๆ หัวใจของผมกลับยิ่งรู้สึกหดหู่และเศร้าสลดเมื่อคิดถึงว่าผมคงจะไม่ได้เห็นหน้าของ “ทีม” อีก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้ผมจะต้องฝืนพบเจอกับทีมด้วยความเจ็บปวด แต่ลึกๆ แล้วผมก็รู้สึกดีใจที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าเขาจะยังรักผมหรือไม่ก็ตาม

แต่การจากไปในครั้งนี้ของผม อาจจะทำให้เราไม่ได้เจอกันอีกเลยตลอดชาตินี้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ผมจึงตัดสินใจที่จะไปปรับความเข้าใจกับเขา

อย่างน้อยๆ เราก็น่าจะจากกันไปด้วยความรู้สึกดีๆ ไม่ใช่ความหมางเมินอย่างที่เป็นอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ผมจะไปหาเขาเข้าจริงๆ ผมก็กลับไม่กล้าเพราะผมกลัวว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ผมคงจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ในเมื่อผมเคยสัญญากับทีมเอาไว้แล้วว่าผมจะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นอีก ผมก็ควรจะรักษาสัญญานั้นยิ่งชีวิต ผมจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปปรับความเข้าใจกับเขาในที่สุด

แต่ดูเหมือนผมจะไม่ใช่คนเดียวที่อยากจะให้เรื่องของผมกับทีมจบลงด้วยความเข้าใจ เพราะก่อนวันที่ผมจะเดินทางไปกรุงเทพฯเพียงไม่กี่วัน ทีมก็มาหาผมที่บ้าน

ในตอนนั้นเขามีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัดและทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วเขาก็ได้แต่ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

“โชคดีนะ”

เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็รีบหันหลังเดินกลับออกไปทันทีโดยทิ้งผมให้ยืนอยู่อย่างเจ็บปวดพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อคิดถึงว่าผมกับทีมต้องจากกันไปทั้งอย่างนี้จริงๆ หรือ

บางทีมันคงเป็น “กรรม” ที่ผมทำไว้กับทีมในชาติที่แล้ว ดังนั้นเมื่อผม “ตัดกรรม” ไม่ขาด ผมจึงต้องมาพบกับความทุกข์ทรมานในชาตินี้

แต่ต่อมา....เมื่อผมมาลองใช้เวลากับตัวเองและคิดทบทวนอย่างมีสติอีกครั้ง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องของ.. “กรรม”

ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสของผมทั้งหมดไม่ได้เกิดจากการที่ผม “ตัดกรรม” ไม่ขาด หากแต่เป็นเพราะผม “ตัดใจ” จากทีมไม่ได้ต่างหาก

ถ้าหากผมเพียงแต่จะ “ตัดใจ” จากทีมได้ผมก็คงจะมีโอกาสพบความสุขเหมือนคนอื่นๆไปนานแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น...ผมจึงตัดสินใจที่จะทิ้งเรื่องราวของผมกับทีมไว้เบื้องหลังพร้อมๆกับความตั้งใจที่ว่า....ผมจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่กรุงเทพฯ

แต่นั่นคงเป็นความคิดที่ดูถูกความมั่นคงในความรักของตัวเองเกินไป เพราะเอาเข้าจริงผมกลับไม่เคยได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครเลย

ความรักของผมที่มีต่อทีมมันได้ฝังแน่นเกินว่าที่ผมจะถอดถอนหรือทำลายมันได้ และเอาเข้าจริงแล้ว...ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน...ทีมก็ไม่เคยอยู่ห่างไกลจากตัวผมเลย

เขายังคงอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้

ทีมยังคงอยู่ในใจผมตลอดเวลา และคงจะยังอยู่อย่างนี้ต่อไปตราบจนลมหายใจสุดท้าย

ความรู้สึกเช่นนี้เองที่ทำให้ผมไม่สามารถเปิดใจให้กับใครได้แม้จะมีโอกาสเข้ามาหาผมหลายครั้ง

แต่ถึงกระนั้นผมก็เคยพยายามให้โอกาสตัวเองกับผู้ชาย 2 คนที่เข้ามาในช่วงที่ผมเรียนปีหนึ่ง และปีสอง

แต่ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์ของเราได้ก้าวหน้าจนเกือบจะก้าวพ้นคำว่าเพื่อน ผมก็ตัดสินใจเดินถอยออกมาทุกครั้งเพราะความรู้สึก.... “กลัว”

ผมกลัวจะถูกทิ้ง ผมกลัวความเจ็บปวด ผมกลัวความผิดหวัง ผมกลัวว่ารักของผมจะไม่ยั่งยืน

ในที่สุด...ประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีตก็ได้ทำให้ผมกลายเป็นคน “กลัวความรัก” ไปเสียแล้ว

เสียงเรือหางยาวอีกลำที่พานักท่องเที่ยวเฉียดมาใกล้ทำให้ผมคืนสติสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง เมื่อได้สติผมก็พยายามข่มตาลง แล้วสลัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ออกไป รวมทั้งพยายามตั้งสติบอกกับตัวเองว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว

ผมค่อยๆหันหลังกลับแล้วไปกราบแสดงความเคารพต่อนุสาวรีย์พ่อปรีดี พนมยงค์ แล้วจึงเดินตัดไปทางตึกโดมก่อนจะเลี้ยวขวาไปยังประตูทางออกของมหาวิทยาลัยตรงคณะศิลปศาสตร์

หลังจากเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย ผมรีบเดินต่อไปยังท่าเรือตรงฝั่งท่าพระจันทร์เพื่อจะใช้เรือข้ามฟากไปยังฝั่งศิริราชเพราะนี่ก็ใกล้เวลานัดหมายมากแล้ว

ในช่วงปิดเทรมใหญ่หรือซัมเมอร์อย่างนี้ ผมมีวิชาเรียนแค่ 2 ตัวจึงทำให้ผมมีเวลาว่างเหลือเฟือที่จะไปทำงานพิเศษ ซึ่งในปิดเทอมนี้ผมได้เลือกไปทำงานด้านเอกสารที่โรงพยาบาลศิริราชเนื่องจากเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก

เมื่อผมเดินทางไปถึงก็ได้เห็นความแออัดจอแจของทั้งผู้ป่วย แพทย์ และพยาบาลที่เดินไปมากันอย่างขวักไขว่ ผมรีบเดินต่อไปโดยพยายามไม่หันไปมองดูผู้คนที่อยู่รอบตัวเนื่องจากไม่อยากเห็นสภาพที่น่าหดหู่ของผู้ป่วยที่นั่งรอ นอนรอการรักษาอยู่เต็มบริเวณ

แต่ในขณะที่ผมกำลังรีบเดินไปยังห้องธุรการเพื่อติดต่อเรื่องงานพาร์ทไทม์นั้นเองที่ภาพของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีบุรุษพยาบาลเข็นผ่านหน้าผมไปนั้นได้ทำให้ผมถึงกับต้องหันไปมองเขาแทบจะในทันที

ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลาแบบเซอร์ๆ ไว้เคราพองามรับกับใบหน้ารูปไข่และผมยาวสลวยที่ถูกรวบไปมัดไว้ด้านหลังอย่างหยาบๆ แบบที่บรรดาศิลปินหรือจิตรกรนิยมทำกัน

แต่กระนั้นจุดที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ดึงความสนใจไปจากผมได้ก็ไม่ใช่มาจากรูปร่างหน้าตาที่ดูหล่อเหลา หรือ มาดเซอร์ๆ ของเขา

หากแต่ในแวบหนึ่งที่ผู้ชายคนนี้ถูกบุรุษพยาบาลเข็นผ่านหน้าผมไปนั้นได้ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่ผมไม่ได้เจอมานานแสนนาน

ผมจึงตัดสินใจเดินตามผู้ชายคนนั้นไปจนเห็นเขากำลังนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีผู้หญิงมีอายุท่าทางภูมิฐานยืนอยู่ข้างๆ หน้าห้องรอรับยาและชำระเงิน

ยิ่งมองเขาจากด้านข้างผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนเก่าที่ผมรู้จักแน่ๆ ผมจึงลองเสี่ยงเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถามเขาออกมาตรงๆ

“บาส.......ใช่บาสหรือเปล่า”

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: 1234 ที่ 14-11-2006 20:29:25
ก่อนอื่นต้องขอโทดคุณบลูด้วยนะคับ ที่แอบอ่าน ภาค แรกมา แบบเงียบ ๆ


คราวนี้ก้อคงจะถึงเวลาสักที ที่ผมจะต้องก้าวออกมา เพื่อตอบสนอง ของผู้โพสนะคับ

ดีใจมาก ๆ เลยคับ


ดีใจ ที่ บี เค้า เจอบาส  แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เนี่ยยยย รอติดตามนะคับ  ใจเย็น ๆ นะคับไม่ต้องรีบโพสเร็ว

แหะๆ  ผมตามไม่ทันครับ  แต่จะพยายามอ่านเรื่อย   ๆ  นะคับ   อย่าว่าผมนะ ที่ไม่ได้ โพส เมื่อภาคแรก

รอคับ  รอภาคสอง จาก คุณบลูคับผม :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 14-11-2006 20:31:07
 :yeb: ตาบาสมาแล้ว
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-11-2006 21:01:41
  :angellaugh2: บาสมาแล้ว   :angellaugh2: ไชโย  :like2:  :like2:

สงสัยเราจะดูถูกความรักของบีไปหน่อย เพราะแอบคิดว่าภาคสอง เนื้อเรื่องคงอยู่ตอน ม. ปลาย
แต่กลับไปเริ่มตอนปี 3 แทน  5 ปี เชียวเหรอนี่ ความรักของบีมั่นคงจริง ๆ  :monkeysad:

ตอนแรกนี่ผู้เขียนบรรยายถึงเหตุการณ์ในช่วง 5 ปี ได้ดี มองเห็นภาพเลยว่า บีต้องสู้ ทน ฝ่าฟัน อุปสรรคอะไรมาบ้าง กว่าจะมาถึงวันนี้ ประทับใจมากเลย  :myeye:

มาต่อเร็ว ๆ น้า อยากรู้ว่าบาสจะเป็นไงมั่ง  :impress:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 14-11-2006 22:52:47
 ตกลงใช่บาสรึป่าว คุณบลู  :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 15-11-2006 09:27:44
โอ้ว ขึ้นภาค 2 แล้วหรือนี่  จะอ่านอีกรอบดีมั้ยน๊า

กล้วทำจัยไม่ด้ายยยยยย T T

ปล. ใช่แล้วค้าบบบบ เอาชื่อมาจากข้างหลังภาพนั่นแหละคับ ชอบเรื่องนี้มาก

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 15-11-2006 10:30:39
และแล้วสิ่งที่ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดได้ดีที่สุดก็คงเป็น..."เวลา" :impress3:

ถึงแม้มันจะนานแค่ไหนก็ตาม.......................................................
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-11-2006 14:46:19
เวลามันก็ไม่ช่วยได้เสมอไปหรอกน้องถุง

ถ้าคนเรายังไม่ยอดตัดใจ เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ

พี่พูห์ :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: momoki ที่ 15-11-2006 15:06:16
ภาค 2 มาแว้ว เจ็บ จี๊ดดดดดดดดดดดดด
 :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 15-11-2006 16:55:21
มีแต่คนเชียร์บาสกันอีกแย้ววววว   อิอิ

ต่อเรย ต่อเรย  รออ่านอยู่ค้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-11-2006 17:10:40
{{DoraemoN}}  แค่ได้อ่านผมก็ดีจายแล้วครับ ไม่รู้สิเวลาเจอสิ่งดีๆผมก็อยากให้เพื่อนๆได้เจอด้วยอ่ะครับ

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) อิอิ เชียร์กันอย่างพิมว่าเลยคิกคิก

shell  คนเกิดมาคู่กัน แม้ห่างไกลกันสุดขอบฟ้า ผ่านเวลามาเนิ่นนาน เขาก็จะมีคนนั้นในใจตลอดกาล
เพียงแต่อาจจะช่วยเยียวยารักษาแผลของหัวใจไม่ให้บอบช้ำ แต่ไม่มีวันที่จะลืมสิ่งสวยงามในหัวใจ

GoneOn  จะให้ผมบอกจริงๆหรือครับ

kirati69  ผมก็ชอบข้างหลังภาพมากเช่นกัน

][GobGab][  คงต้องอดทนรับมันไว้ และสู้ต่อไป ชีวิตยังอีกยาวไกล คนที่เกิดมาคู่เราคงรอเราอยู่ สักทีบนโลกนี้

Subson  เขาเคยบอกว่าเวลาจะช่วยรักษาแผลใจ แต่ฉันรู้ว่าไม่ใช่ ไม่รู้ทำไม ไม่ลืมเธอ

momoki  ผมว่าเจ็บไม่จี๊ดหง่ะ มันเจ็บแบบรวดร้าวเลยทีเดียว

มูมู่น้อย  แล้วตกลงเชียร์ใครแล้วพิม คิกคิก

******************************************************************************


.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 2 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังสิ้นเสียงถามของผม ผู้ชายคนนั้นก็หันกลับมามองหน้าผมด้วยสายตาตกตะลึงอย่างที่สุดแล้วอุทานออกมาเบาๆว่า

“....บี !!!!...”

การที่เขารู้จักชื่อผมและเรียกมันออกมาอย่างถูกต้องย่อมเป็นการยืนยันว่าเขาเป็นบาสแน่ๆ ผมจึงรีบตอบกลับไปอย่างดีใจ

“ บาสจริงๆด้วย เซอร์จนเกือบจำไม่ได้แน่ะ”

“เอ่อ...คือ......”

“นี่...เป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องทำหน้ายังกะเห็นผีอย่างนั้นด้วย”

ผมถามบาสกลับไปเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนยังไม่หายจากอาการช็อคของเขา

“ปล่าวหรอก แค่ไม่คิดว่าจะมาเจอบีที่นี่”

“อืม เราก็เหมือนกัน แล้วตอนนี้บาสเรียนที่ไหนเหรอ”

“ศิล...ศิลปากร”

บาสยังตอบแบบตะกุกตะกักเหมือนยังไม่หายตื่นเต้น

“ที่ท่าพระเนี้ยเหรอ โห ใกล้กันแค่นี้เอง ไม่เห็นมาเยี่ยมกันบ้างเลย”

“เอ่อ...คือ...เอ่อ..”

ท่าทีอึกอักของบาสเริ่มทำให้ผมรู้สึกประหม่าเพราะดูเหมือนเขากำลังขัดเขินอย่างมากที่ได้เจอผม หรือว่าความห่างเหินในหลายปีที่ผ่านมาทำให้เขาไม่สามารถพูดคุยอย่างสนิทสนมกับผมได้เหมือนเก่า

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดเช่นนั้นเองเสียงของผู้หญิงที่ยืนข้างๆบาสก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

“เพื่อนของบาสเหรอลูก ?”

เสียงของผู้หญิงคนนี้ได้เตือนสติให้ผมรู้ว่าผมกำลังเสียมารยาทอย่างมากที่เอาแต่คุยอยู่กับบาสจนลืมไปว่าบาสมีญาติผู้ใหญ่มายืนอยู่ด้วย ผมจึงรีบยกมือขึ้นไหว้เพื่อแสดงความเคารพ

“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนบาสตั้งแต่ ม.1 คับ”

“อ๋อเหรอ สวัสดีจ้า มารยาทดีเสียด้วย ชื่ออะไรจ๊ะ”

“ชื่อบีคับ”

“บีเหรอ....เอ้..ทำไมแม่คุ้นชื่อนี้จังเลย…...อ๋อ...นึกออกแล้ว ใช่บีคนเดียวกับที่บาสชอบพูดถึงบ่อยๆมั้ยลูก”

คำถามของผู้หญิงคนนั้นทำให้บาสถึงกับมีสีหน้าตกใจอย่างที่สุด แล้วก็รีบปฏิเสธออกมาว่า

“แม่...ไม่ใช่สักหน่อย”

“ไม่ใช่ยังไง ก็ตอน ม.1 ม.2 บาสชอบพูดถึงเพื่อนชื่อ “บี” ให้แม่ฟังบ่อยๆนี่ลูก บีดีอย่างนั้น บีเก่งอย่างนี้ ได้ข่าวว่าเป็นนักเรียนดีเด่นด้วยใช่มั้ยลูก” แม่ของบาสหันมาถามผม

“ชะ ชะ ใช่คับ”

ผมตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกักเพราะกำลังตกใจที่ได้รู้ว่าบาสเอาเรื่องของผมไปเล่าให้แม่เขาฟังตลอดเวลา

“เห็นมั้ยล่ะ แหมเพิ่งได้มาเจอตัวจริงวันนี้เอง ตอนนั้นแม่ยังเคยบอกให้เขาชวนบีมาเที่ยวบ้านอยู่บ่อยๆเลยนะลูก แต่ก็ไม่เห็นเขาจะชวนมาซะที เห็นจะมีแต่เพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อ “ทีม” นี่ล่ะที่มาที่บ้านเป็นประจำ”

“แม่....พอเถอะ”

บาสรีบขัดจังหวะแม่ของเขาอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของผมเมื่อได้ยินชื่อของทีม

“วันนี้เป็นอะไรเนี้ย ทำไมชอบขัดแม่จังเลย”

แม่ของบาสหันไปดุเขาอย่างเอ็นดูแล้วก็กลับมาพูดกับผมอีกครั้ง

“แล้วตอนนี้บีเรียนที่ไหนเหรอลูก”

“ที่ธรรมศาสตร์นี่เองคับ”

“เก่งจัง บาสเขาก็เรียนที่ศิลปากรใกล้ๆกันนั่นแหละ เรียนคณะจิตรกรรมอะไรนี่ล่ะ ก็ดูเขาแต่งตัวสิ ไว้ผม ไว้เครายังกับกลัวว่าคนจะไม่รู้ว่าเป็นศิลปิน”

“ฮึ ฮึ คับ”

ผมพยักหน้าอย่างขำๆ ต่อคำพูดเสียดสีของแม่ของบาส แต่กระนั้นผมก็จับน้ำเสียงภาคภูมิใจในคำพูดนั้นได้

“แล้วนี่บาสเขาเป็นอะไรเหรอคับ ”

“อ๋อ เขาก็ขี่มอเตอร์ไซด์เวสป้าคันเก่งของเขาแล้วไปเสียหลักล้มลงน่ะจ๊ะ กระดูกข้อเท้าร้าวนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว”

“อ๋อคับ สงสัยจะมัวแต่เหล่สาวจนเพลิน”

“นั่นสิ แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่ก็คงได้แค่เหล่ล่ะมั้งเพราะแม่ยังไม่เคยเห็นเขาจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที หรือว่าจะเป็นเกย์เสียแล้วก็ไม่รู้”

คำพูดของแม่ของบาสทำให้ผมกับเขาถึงกับสะดุ้ง แต่บาสกลับเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดขึ้นมาก่อน

“แม่พอเถอะ ตกลงเขาเป็นเพื่อนผมหรือเพื่อนแม่เนี้ย พูดไม่หยุดเลย”

“นั่นสิ ตายจริง แม่พูดเยอะไปหรือเปล่าจ๊ะ”

“ปล่าวคับ ผมว่าคุณป้าคุยสนุกดี”

“แหม ขอบใจนะจ๊ะ พอดีแม่เป็นเซลล์ขายประกันน่ะจ๊ะก็เลยติดพูดมากไปหน่อย เอ้ แล้ววันนี้บีเป็นอะไรเหรอลูก ไปให้หมอตรวจมาหรือยัง”

“อ๋อ ปล่าวหรอกคับ พอดีบีจะมาสมัครทำงานพิเศษที่นี่ ช่วงปิดเทอมมันว่างจัดเลยมาหาเงินดีกว่า”

“จริงเหรอ เป็นเด็กดีจริงๆ แต่ เอ้ ถ้าจะหางานทำ งั้นมาช่วยแม่ดูแลบาสได้มั้ย”

“ดูแลบาสเหรอคับ ?”

“พอดีแม่ต้องไปสัมมนาที่ต่างประเทศสัก 2 – 3 อาทิตย์น่ะจ๊ะ กำลังเป็นห่วงบาสเขาอยู่พอดี กลัวว่าจะไม่มีใครดูแล จะจ้างพยาบาลก็มีแต่สาวๆ แม่ก็เลยเป็นห่วง จะไปจ้างคนนอกแม่ก็ไม่ค่อยไว้ใจ กลัวของในบ้านจะหาย แต่ถ้าเป็นบี แม่คงสบายใจหายห่วงได้”

“เอ่อ คือ...”

“นะจ๊ะลูก ช่วยแม่หน่อย ส่วนเรื่องค่าตอบแทนไม่ต้องห่วงนะ รับรอง...แม่ให้ดีกว่าที่นี่แน่”

“อ๋อ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกคับ แต่บีไม่เคยดูแลคนป่วย”

“อ๋อเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ เพราะบาสเขาก็พอเดินได้แล้ว บีแค่บังคับเขาให้ทานยาให้ตรงเวลา แล้วก็มาเป็นเพื่อนเขาตอนมาทำกายภาพบำบัดบ้างเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ”

“เอ่อ คือ...”

“แม่ไม่ต้องขอร้องเขาหรอก คนเขาไม่อยากมา แม่จะไปบังคับฝืนใจเขาทำไม แล้วอีกอย่างบีเขาก็คงไม่อยากมาอยู่กับผมหรอก”

บาสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่านั่นถือเป็นคำพูดท้าทาย ผมจึงตัดสินใจบอกไปว่า

“ตกลงคับ บีจะช่วยดูแลบาสให้”

“จริงหรือจ๊ะ ขอบใจมากนะลูก แม่จะได้หายห่วงซะที”

แม่ของบาสรีบเข้ามากอดผมอย่างดีอกดีใจ ในขณะที่บาสเองกลับได้แต่หลบหน้าผมด้วยความรู้สึกเขินๆ

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แม่ของบาสก็ได้แจ้งว่าเธอจะต้องบินไปในคืนนี้เลยพร้อมทั้งขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ที่ทุกอย่างมันกะทันหันขนาดนี้

ในตอนนั้น....เมื่อผมได้ตอบตกลงไปแล้วว่าผมจะรับดูแลบาสให้ผมจึงได้แต่รีบกลับไปที่หอพักแล้วเก็บเสื้อผ้าตามไปที่บ้านของบาสในตอนดึกอย่างไม่มีทางเลือก เพราะแม่ของบาสได้ขอร้องให้ผมไปค้างอยู่ที่บ้านของเธอเลยจนกว่าเธอจะกลับมา

ในตอนดึกของวันนั้นผมก็เดินทางมาถึงบ้านของบาสตามแผนที่ที่เขาเขียนไว้ให้ และเมื่อมาถึง....แม้ในความมืดผมก็เห็นได้ชัดว่าบ้านไม้แบบโบราณที่อยู่เบื้องหน้านี้มีความสง่างามและบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ขนาดสองชั้นตามอย่างบ้านผู้ดีมีอันจะกินในยุคโบราณที่ผมเห็นบ่อยๆในละครพีเรียดทางทีวี เท่าที่เห็นอายุของมันคงมากโขแต่สภาพตัวบ้านก็ยังได้รับการดูแลรักษามาเป็นอย่างดี ตั้งแต่รั้ว ประตู หน้าต่าง ล้วนแล้วแต่มีการแกะสลักอย่างวิจิตร อาณาบริเวณบ้านก็กว้างขวางเต็มไปด้วยพรรณไม้ร่มรื่น และมีศาลาพักผ่อนวางไว้อย่างเหมาะเจาะลงตัว

ทั้งหมดที่ผมเห็นนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า...ดูท่าคุณแม่ของบาสคงจะไม่ใช่แค่เซลส์ขายประกันระดับธรรมดาเสียแล้ว

หลังจากชมความงามของตัวบ้านจากภายนอกสักระยะผมก็กดกริ่งหน้าบ้าน ซึ่งเพียงไม่นานแม่ของบาสก็รีบออกมาต้อนรับและพาผมเข้าบ้านอย่างกุลีกุจอ

“เข้ามาเลยจ๊ะ เหนื่อยหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำให้นะ”

พูดจบแม่ของบาสก็เดินเข้าไปในครัว ทิ้งผมให้ยืนชมความงามในตัวบ้านที่ถูกตกแต่งไว้เป็นอย่างดีแถมยังมีตู้ถ้วยชามเบญจรงค์และเครื่องชามสังคโลกประดับตกแต่งไว้ทั่วบ้านอย่างเป็นระเบียบ

ผมกวาดตาไปทั่วจนเห็นบาสนั่งอยู่บนรถเข็นข้างโต๊ะทำงานไม้สัก และดูเหมือนเขาพยายามจะหลบตาผมอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อผมกำลังจะเอ่ยทัก แม่ของบาสก็เข้ามาเสียก่อน

“มาแล้วจ๊ะ นี่จ๊ะน้ำ”

“ขอบคุณคับ”

“ทำไมมาถึงดึกนักล่ะ รู้มั้ยบาสเขารอบีอยู่ทั้งวันเลยนะ”

“อะไรนะคับ”

ผมพูดแล้วรีบหันไปมองบาสอย่างสงสัยว่าเขาจะมารอผมทำไมกัน ในขณะที่บาสรีบปฏิเสธสวนมาทันควัน

“รอที่ไหนแม่ ใครรอ อย่ามามั่วน่า”

“มั่วเม่อที่ไหน ไอ้ที่แกมานั่งชะเง้อชะง้าอยู่ตรงหน้าประตูบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายโดยไม่ยอมขยับไปไหนน่ะเขาเรียกว่าอะไรล่ะย่ะ”

แม่ของบาสหันไปเถียงเขาแล้วก็หันกลับมาพูดกับผมอีกครั้ง

“อย่าไปสนใจมันเลยจ๊ะ ยังไงแม่ฝากบาสด้วยนะลูก สงสัยแม่ต้องไปแล้วล่ะ”

“ครับ ขอให้สนุก เดินทางปลอดภัยนะคับ”

“จ้า แม่ฝากบาสด้วยนะลูก แล้วคิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของบีแล้วกัน”

“คับ ขอบคุณคับ”

พูดจบ ผมก็ไปช่วยแม่ของบาสยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกไปหน้าบ้าน แล้วก็ช่วยเรียกแท็กซี่จนแม่ของบาสเดินทางไปสนามบินได้อย่างเรียบร้อยในที่สุด และเมื่อเข้ามาในบ้านผมก็เห็นบาสยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยมีสีหน้าขัดเขินเป็นอย่างมาก

“จะนอนเลยหรือเปล่า” ผมถามบาสขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามันดึกมากแล้ว

“อะไร อยู่ดีๆ ก็มาชวนผู้ชายไปนอน” บาสตอบมาแบบกวนๆ

“ตกลงจะไปนอนดีๆ หรืออยากไปนอนทั้งน้ำตา”

“อย่าดุมากได้มั้ย แม่ตัวจริงเพิ่งไป แล้วนี่แม่คนใหม่ก็โผล่มาทันทีเลยเหรอเนี้ย”

“ช่วยไม่ได้...ก็แม่ของบาสฝากบีไว้แล้วนี่ อ้อ แล้วก็ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ต้องมีกฎ 2 – 3 ข้อที่บาสต้องทำตามนะ”

“นี่ ตกลงใครเป็นนายจ้าง ใครเป็นลูกจ้างกันแน่”

“แม่ของบาสต่างหากที่เป็นนายจ้างของบี แล้วคุณแม่เขาก็ให้สิทธิบีแล้วว่าจะทำอะไรกับบาสก็ได้”

“อะไรกันว่ะเนี้ย”

“ไม่ต้องมาบ่น สรุปว่าข้อแรกบาสต้องทานยา ทานข้าว และไปออกกายภาพบำบัดตามเวลา ข้อ 2 ห้ามบาสเข้ามายุ่มย่ามในห้องนอนของบี และข้อสุดท้ายถ้าบาสคิดจะทำมิดีมิร้ายบีขึ้นมาล่ะก็ เตรียมตัวอยู่คนเดียวไปจนกว่าคุณป้าจะกลับได้เลย”

“โธ่ หลงตัวเองไปหรือเปล่า ใครอยากจะไปทำอะไรบีกัน”

“อย่างงั้นเหรอ บาสอาจจะลืมเรื่องที่บาสทำกับบีที่สวนสาธารณะไปแล้ว แต่บียังไม่ลืมหรอกนะ”

คำพูดของผมทำให้บาสซึมลงอย่างรู้สึกผิด แล้วเขาก็พูดออกมาเบาๆว่า

“บียังไม่หายโกรธอีกเหรอ”

“ช่างเถอะเรื่องมันผ่านไปแล้ว ไปนอนเถอะ อ้อ บาสมียาก่อนนอนที่ต้องทานด้วยใช่มั้ย”

พูดจบผมก็เดินไปหยิบยาที่บาสต้องกินก่อนนอนมาให้เขาทานซึ่งในขณะที่เขารับยาไปทานนั้น บาสก็ยังดูมีท่าทีขัดเขินอย่างมาก จนเมื่อเขาทานยาเสร็จ ผมจึงค่อยๆเข็นเขาเข้าไปในห้องแล้วก็พยุงบาสขึ้นไปนอนบนเตียง

“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“เดี๋ยว...บี”

“มีอะไรอีกเหรอ”

“คือทีบียังมีกฎได้ บาสก็ขอมีบ้างเหมือนกัน”

“อะไรล่ะ”

“บาสมีบันทึกอยู่เล่มนึง บาสจะค่อยๆ ฉีกให้บีอ่าน บีต้องเอาไปอ่านนะ”

บาสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนขอร้อง

“บันทึกเหรอ บันทึกอะไร ทำไมบีต้องอ่านมันด้วย”

“มันเป็นบันทึกที่บาสเขียนถึงคนๆ นึงเมื่อตอน ม. 4 แต่เรื่องราวที่บาส เขียนถึงมันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่บาสไม่ยากลืม ก็เลยบันทึกมันเอาไว้”

“แล้วทำไมบีต้องอ่านมันด้วยล่ะ”

น้ำเสียงของผมเริ่มเบาลงเมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของบาส รวมทั้งเริ่มเกิดความไม่แน่ใจว่าคนที่เขาเขียนถึงในบันทึกนั้นคือใคร

“ช่วยอ่านมันหน่อยเถอะ ถ้าบีไม่อ่านมันแล้ว บาสก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครอ่านเหมือนกัน”

“ก็ได้...แค่อ่านใช่มั้ย”

“ยังมีอีกข้อนึง”

“อะไรอีกล่ะ”

“ไม่ว่าในบันทึกนั้นจะเขียนถึงอะไร บีต้องสัญญากับบาสนะว่าบีจะไม่นำเรื่องในบันทึกนั้นมาพูดถึงอีก ”

คำพูดของบาสยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าในบันทึกเล่มนั้นเขียนถึงใคร แล้วพูดถึงเรื่องอะไร

“ก็ได้ ตกลง”

“สำหรับแผ่นแรกบาสฉีกมันใส่ซองไว้แล้วล่ะ วางอยู่บนโต๊ะนั่นแน่ะ ไปหยิบมาซิ”

เมื่อบาสพูดจบผมก็เดินไปหยิบซองจดหมายซองหนึ่งที่วางไว้บนโต๊ะ แต่พอหันกลับมาบาสก็หลับตานอนไปแล้ว
แม้ผมจะรู้ดีว่าบาสแกล้งทำเป็นนอนหลับแต่ผมก็คิดว่าเขาคงไม่มีอะไรที่จะพูดกับผมอีก ผมจึงเดินไปดับไฟแล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง

จนเมื่อได้มาอยู่คนเดียวในห้องแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำก็คือการหยิบเอาบันทึกในซองจดหมายนั้นขึ้นมาอ่านอย่างกระตือรือร้น ทั้งๆที่ปากของผมเพิ่งบอกออกไปว่าไม่สนใจจะอ่านบันทึกฉบับนี้แม้แต่นิดเดียว


--------------------------------
8 พฤษภาคม 2539

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมต้องไปโรงเรียนเพื่อทำการปฐมนิเทศสำหรับนักเรียนใหม่ของชั้น ม. 1/1

ผมเกลียดวันแบบนี้เสียจริง เพราะการทำความรู้จักและหาเพื่อนใหม่สำหรับผมไม่ใช่สิ่งง่ายเลย

นิสัยเก็บเนื้อเก็บตัว และพูดน้อยทำให้ผมไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับคนอื่นๆยังไง

สงสัยผมก็คงต้องใช้มุกเดิมคือคุยเรื่องลามกให้มากๆเข้าไว้ เดี๋ยวพวกเพื่อนๆผู้ชายมันก็คงเป็นฝ่ายอยากเข้ามารู้จักผมเอง

แต่ไม่น่าเชื่อว่าในวันที่ผมแสนจะเกลียดชังนี้กลับมีสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อผมได้พบเจอกับคนๆ หนึ่ง

ในเช้าวันนั้น อยู่ดี ๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนผมอย่างจังตอนที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง

เขารีบขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่แล้วก็รีบขอตัวออกไป

น่าแปลกที่เพียงแค่แวบแรกที่ผมได้เห็นเพื่อนคนนี้ ผมก็จดจำใบหน้านั้นได้ติดตา

แถมต่อมาผมก็ยังได้แต่แอบมองเพื่อนคนนี้อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัวซึ่งนั่นทำให้ผมสังเกตเห็นว่า...

รอบๆ ตัวของเพื่อนคนนี้เต็มไปด้วยเพื่อนนักเรียนที่มารุมล้อม และทุกคนต่างก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

ผมรู้สึกราวกับว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนคนนี้เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดส่องลงมาขับไล่ความมืดและความทุกข์ระทมของผู้คนรอบข้างได้

แต่น่าเสียดายที่แสงสว่างนั้นกลับส่องมาไม่ถึงผม

จนแม้หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้าน รวมถึงตลอดทั้งคืนนั้น ผมก็ยังได้แต่คิดถึงเพื่อนคนนี้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ในตอนนั้นผมคงยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีกับเพื่อนคนนี้เป็นความรู้สึกพิเศษที่เรียกว่า... “ความรัก”

เป็นเหตุการณ์ “รักแรกพบ” ที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้พานพบเลยในชั่วชีวิตนี้ รวมทั้งไม่เคยคิดว่ารักแรกของผมจะเกิดขึ้นกับ... “ผู้ชาย”

ผู้ชายซึ่งมีชื่อที่เพราะ แปลก และไม่บ่งบอกเพศ

ผู้ชายที่ชื่อของเขาจะประทับไว้ในความทรงจำของผมตราบชั่วชีวิต

..............บี.....ปีติรัตน์ พิสิทธิ์อาชีวะกุล..............


----------------------------------------------------













หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 15-11-2006 17:26:52
ต่อ เลยค่ะคุณบลู นะ นะ  :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-11-2006 17:38:34
******************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 3 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ความจริงที่ผมได้รู้ว่าบาสได้แอบหลงรักผมตั้งแต่แรกพบทำให้ผมทั้งตกใจและแปลกใจจนนั่งไม่ติด

ตลอดเวลาที่ผมรู้จักเขา ผมไม่เคยระแคะระคายเลยว่าเขามีความรู้สึกพิเศษกับผม

แต่เมื่อได้ลองย้อนกลับไปนึกถึงหลายๆเหตุการณ์ในอดีตผมถึงเพิ่งได้รู้ว่า...บาสคอยอยู่ข้างๆผมมาตลอดโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย

เมื่อครั้งที่ผมต้องไปเข้าค่ายลูกเสือเมื่อตอน ม.1 บาสเองเป็นคนที่คอยเข้ามากุลีกุจอช่วยเหลือผมเมื่อเราต้องไปเข้าฐานกิจกรรมต่างๆที่ทั้งยากและลำบาก แถมเขายังคอยอาสาที่จะช่วยถือสัมภาระทั้งหมดเพื่อให้ผมได้เดินตัวเปล่าอย่างสบายๆ

ในตอนที่เขาบังเอิญมาเจอผมในวันที่ผมโดนทีมตบ เพียงแค่เขาได้เห็นรอยแดงช้ำที่แก้มของผม เขาก็เข้ามาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยราวกับเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต และพยายามเสนอตัวที่จะพาผมไปโรงพยาบาล

และตอนที่เราไปเที่ยวทะเลด้วยกันบาสก็เป็นคนคอยเตือนผมให้ระวังเรื่องพี่กุ้ง จนเมื่อผมได้ออกมานอนรอทีมอยู่ข้างนอกบังกะโล เขาก็เป็นคนนำผ้านวมออกมาห่มให้ผมด้วยความเป็นห่วง

ช่วงที่ผมโกรธทีมเพราะเรื่องที่ถูกนอกใจ ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่เข้ามาเตือนสติผมเรื่องพี่ปอนด์ และพยายามให้ผมกับทีมได้กลับมาคืนดีกัน

จนกระทั่งต่อมาเมื่อเขาพาผมไปสวนสาธารณะ เขาก็ได้สารภาพออกมาตรงๆว่าเขาแอบชอบผม และขอคบกับผมอย่างเงียบๆ แต่ในตอนนั้นด้วยนิสัยของบาสและอคติที่ผมมีต่อตัวเขาทำให้ผมไม่เคยเชื่อว่าเขาจะมาชอบผมอย่างจริงจัง

ในใจคิดแต่เพียงว่ามันคงเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มแล้วยอมให้เขาฟันเท่านั้น

และหลังสุดที่ทีมตัดสินใจเลิกกับผมแล้ว เขาก็เป็นคนเข้ามาให้คำแนะนำเพื่อให้ผมกลับไปคืนดีกับทีมอีกครั้ง

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า....

ผู้ชายคนนี้ได้แอบยืนอยู่ข้างๆ คอยเป็นกำลังใจ คอยแก้ปัญหา และคอยดูแลผมอยู่ไม่ห่างเสมอมา

....เพียงแต่ผมไม่เคยมองเห็นเท่านั้น

แต่กระนั้นผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าในหลายๆครั้งที่เขาพยายามมาช่วยให้ผมกับทีมได้คืนดีกัน เขาจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ถ้าเขาแอบชอบผมจริง เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ผมกับทีมยังคงรักกันอยู่

ในคืนนั้นผมได้แต่วนเวียนเฝ้าคิดถึงแต่เรื่องนี้จนกระทั่งไปหลับเอาตอนเกือบรุ่งสาง

ดังนั้นในเช้าวันต่อมา...กว่าผมจะตื่นก็เกือบสิบโมงเช้าแล้ว ผมจึงรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินออกมาด้านนอก ซึ่งในตอนนั้นผมก็พบว่าบาสกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก

“จะมาดูแลคนอื่นก็น่าจะตื่นให้มันเช้าๆหน่อย มันเลยเวลาอาหารเช้าไปตั้งนานแล้วเห็นมั้ยเนี้ย”

บาสพูดกับผมในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ทีวีโดยไม่ได้หันมามองหน้าผมเลย

“ขอโทษ เมื่อคืนบีนอนดึกไปหน่อย”

“ช่างเถอะ บาสหิวจะแย่แล้ว ไปหาอะไรในครัวกินกันดีกว่า”

“อะไรนะ นี่บาสยังไม่ทานอะไรอีกเหรอ”

ผมถามออกมาด้วยความตกใจ

“ก็....ก็บียังไม่กิน แล้วบาสจะกินได้ไงล่ะ”

บาสพูดออกมาอย่างเขินๆแล้วก็รีบเบือนหน้าหนี

“คราวหลังกินไปก่อนเลยนะ อย่ามารอ บาสต้องกินยาด้วยไม่ใช่เหรอ”

ผมพูดขึ้นขณะที่เดินไปเข็นรถเข็นของบาสไปที่ห้องครัว

เมื่อเข้ามาในห้องครัวผมก็เข็นบาสไปนั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วได้แต่ยืนมองเขาโดยไม่พูดอะไรออกมาจนบาส มีท่าทีอึดอัดแล้วก็ตัดสินใจถามผมออกมาตรงๆ

“มีอะไรหรือเปล่า”

“เอ่อ...คือ...เรื่องบันทึกนั่น...”

“บีสัญญากับบาสแล้วไม่ใช่เหรอว่าเราจะไม่พูดถึงมัน”

“แต่ว่า....”

“สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ”

เมื่อเห็นท่าทีเด็ดขาดของบาสทำให้ผมต้องยอมตัดใจที่จะคุยกับเขาเรื่องนี้

“อืม...ก็ได้”

“วันนี้คงทำอะไรกินไม่ทันแล้ว เอาแค่ขนมปังปิ้ง กับกาแฟได้มั้ย ทานได้หรือเปล่า”

“ได้สิ บีไม่เรื่องมากหรอก”

ทันทีที่ผมพูดจบบาสก็ค่อยๆลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลแล้วพยายามเดินช้าๆ ไปเปิดตู้ที่อยู่ข้างๆ จนมีช่วงจังหวะหนึ่งที่เขาเกือบจะล้มลงเพราะขาที่ยังไม่แข็งแรงแต่โชคดีที่ผมเข้าไปคว้าตัวเขาไว้ได้ทันซึ่งนั่นทำให้ใบหน้าของเราทั้งคู่เข้ามาใกล้ชิดกันอย่างมากจนทั้งผมและบาสต่างต้องผละออกจากกันด้วยความเขิน จากนั้นผมจึงตัดสินใจรีบพาเขากลับไปนั่งที่รถเข็น

“บาสนั่งตรงนี้แหละ เดี๋ยวบีทำให้”

ว่าแล้วผมก็จัดแจงหยิบแก้วและกาแฟมาชงให้บาสและตัวเอง จากนั้นจึงไปหยิบขนมปังที่วางอยุ่บนโต๊ะมาปิ้งและทาแยมกับเนยสดเตรียมให้บาสและตัวเองอีกคนละชุด เมื่อเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆนี้เสร็จสิ้นผมก็มานั่งลงแล้วเริ่มต้นทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆ

เป็นเวลานานที่เราทั้งคู่ต่างไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา จนกระทั่งผมตัดสินใจชวนบาสคุยเพื่อทำลายบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดนี้

“บ้านบาสสวยดีนะ”

“เหรอ เป็นบ้านของคุณยายน่ะ พอท่านเสีย ท่านก็เลยยกให้คุณแม่ อายุเกือบร้อยปีได้แล้วมั้ง”

“โห เก่าขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“ก็มันสร้างมาตั้งแต่ต้นตระกูลของคุณแม่แล้วนี่ ท่านเป็นหลวงอะไรสักอย่างนี่แหละ”

“อ่ะ...ระดับนั้นเลยเหรอ งั้นบาสก็มีสายเลือดผู้ดีเก่ากะเขาด้วยน่ะสิ ”

“ผู้ดีที่ไหนกัน บีว่าบาสดูเป็นผู้ดีมั้ยล่ะ”

ว่าแล้วเขาก็แกล้งทำเป็นสะบัดผมที่ยาวสลวยนั้นให้ผมเห็นเพื่อตอกย้ำว่าถ้ามองจากเปลือกนอก...ผู้ชายที่มีหน้าตาและการแต่งตัวเซอร์ๆอย่างนี้ยังห่างไกลจากคำว่า.. “ผู้ดี”...มากนัก ซึ่งพฤติกรรมล้อเลียนนี้ของบาสทำให้ผมอดขำไม่ได้แล้วก็พูดแซวบาสออกไปว่า

“ฮึ ฮึ ก็เกือบๆ อ่ะนะ ถ้าตัดนิสัยเรื่องลามกออกไปได้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้บาสก็ขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า

“จริงๆ บาสก็ไม่ใช่คนชอบเรื่องลามกอะไรหรอก”

บาสเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างขมขื่น ก่อนจะเล่าต่อว่า

“พ่อของบาสเสียตั้งแต่บาสยังเล็กๆ ตั้งแต่นั้นมาบาสก็เลยกลายเป็นเด็กเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยพูด พอ มารู้ตัวอีกทีบาสก็กลายเป็นเด็กไม่มีเพื่อนไปเแล้ว รู้มั้ย มันเหงามากๆเลยนะ ตอนอยู่โรงเรียนก็ไม่มีเพื่อนเล่น พอกลับมาถึงบ้านแม่ก็เอาแต่ไปทำงานขายประกันข้างนอก บาสน่ะคิดอยากจะตายไปให้พ้นๆวันละตั้งหลายรอบ แต่พอวันหนึ่งตอนที่บาสเรียนอยู่ ป.5 บาสเกิดทะเลาะกับเพื่อนผู้หญิงคนนึง ด้วยความโกรธบาสก็เลยแกล้งไปเปิดกระโปรงเด็กผู้หญิงคนนั้นให้เธอได้อาย แน่นอนล่ะหลังเหตุการณ์นั้น บาสก็โดนครูประจำชั้นตีไปตั้งหลายที แต่ผลมันก็คุ้มค่านะ เพราะตั้งแต่วันนั้นเพื่อนผู้ชายในห้องก็เข้ามาคุยกับบาสใหญ่เลย บอกว่าบาสเจ๋งอย่างนั้น เจ๋งอย่างนี้ แล้วเอาเรื่องนี้มาแซวบาสตลอด ตั้งแต่นั้นมาบาสก็เลยได้เพื่อนจากการหาเรื่องลามกมาคุยมาเล่าไม่เว้นแต่ละวัน”

แม้แววตาของเขาจะขมขื่นแต่บาสก็ยังฝืนหัวเราะและพูดต่อว่า

“เจ๋งมั้ยล่ะ วิธีหาเพื่อนของบาส”

ในตอนนั้นผมไม่ได้ตอบอะไรบาสกลับไป เพราะในใจได้แต่รู้สึกสงสารผู้ชายคนนี้อย่างจับใจ เมื่อได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น

ที่ผ่านมาผมด่วนตัดสินว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนลามก ไม่น่าคบ โดยไม่เคยนึกเลยว่าเขาจะมีมุมที่น่าสงสารนี้ซ่อนอยู่ด้วย

ในตอนนั้นเองที่ผมกลับมานึกถึงเนื้อความในบันทึกที่บาส มอบให้ผมเมื่อคืนอีกครั้ง

---------------------------------------------
“.......ผมรู้สึกราวกับว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนคนนี้เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดส่องลงมาขับไล่ความมืด
และความทุกข์ระทมของผู้คนรอบข้างได้

แต่น่าเสียดายที่แสงสว่างนั้นกลับส่องมาไม่ถึงผม……”
----------------------------------------

เมื่อคืนตอนที่ได้อ่านบันทึกฉบับนั้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันมีความเศร้า หดหู่และน่ารันทดแฝงอยู่ในบันทึกนั้น แต่ผมก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกเช่นนั้น จนกระทั่งผมเพิ่งมาได้คำตอบในตอนนี้นี่เอง

เมื่อผมเห็นบรรยากาศเริ่มจะหดหู่ลงเรื่อยๆ ผมเลยตัดสินใจแซวบาสออกไปว่า

“ไม่ต้องมาทำเป็นหาข้ออ้างหรอก บาสชอบเรื่องลามกก็บอกมาเถอะ”

“บาสไม่ได้หาข้ออ้าง จริงๆแล้วบาสไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะมองบาสยังไง แต่สำหรับบี บาสแค่อยากให้บีเห็นบาส อย่างที่บาสเป็นบ้างเท่านั้น”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงบีก็ยังอยู่กับบาสอีกร่วมเดือน ตัวตนจริงๆของบาสจะเป็นยังไง บีจะเป็นคนตัดสินเอง”

ผมรีบสรุปเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของบาส

แม้ตอนนี้ผมจะรู้แล้วว่าบาสได้แอบชอบผมมานาน รวมทั้งเขายังแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเขายังชอบผมอยู่ แต่กระนั้นผมก็พยายามสงวนท่าทีไว้เพราะผมไม่เคยคิดอะไรกับผู้ชายคนนี้เกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนจริงๆ รวมทั้งมันคงเป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนใจมากที่ผมจะยอมรับความรักจากบาสในขณะที่เขาคือ “เพื่อนสนิทที่สุดของทีม”

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ผมก็ให้บาสทานยาแล้วให้เขากลับไปนอนพักในห้องเนื่องจากยาของบาสมีผลให้คนทานรู้สึกง่วง

ในขณะที่ตัวผมก็เริ่มจัดการเตรียมอาหารเที่ยงซึ่งในตอนนี้ผมมีความเชี่ยวชาญในการทำอาหารระดับพ่อครัวแล้ว เพราะหลังจากที่ผมต้องเลิกรากับทีมผมก็เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองมาโดยตลอด

ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าในเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะยืนหยัดต่อสู้และนำพาชีวิตให้รอดพ้นวิกฤติได้

ผมจึงเลิกที่จะเอาชีวิตไปพึ่งพา หรือผูกไว้กับคนอื่น

ผมเริ่มขอแม่ทำอาหาร ซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดห้องด้วยตัวเอง รวมทั้งขอที่จะดูแลและตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่มีผลกับชีวิตในอนาคตของผมเอง จนแม่ผมอดเปรยออกมาไม่ได้ว่า

“บีเปลี่ยนไปมาก รู้ตัวหรือเปล่าลูก”

ในตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเปลี่ยนไปจริงๆ จากเด็กที่เคยเอาแต่ใจ ทำอะไรไม่เป็น ขี้งอน และไม่รับผิดชอบ

ผมได้กลายเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว รวมทั้งเป็นคนที่ปลงกับอะไรในชีวิตได้อย่างง่ายๆ

ผมไม่เคยทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เด็กในวัยเดียวกันจะเป็นกังวล เช่น การสอบ การแต่งตัว การทะเลาะกับเพื่อน หรือแฟน แม้กระทั่งการผิดหวังจากสิ่งที่ยากได้

สำหรับผมแล้วปัญหาเหล่านั้น มันเป็นเรื่องขี้ผงเมื่อนำไปเทียบกับสิ่งที่ผมได้เจอะเจอมา

ประสบการณ์ได้สอนให้ผมรู้ว่า...ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่แท้จริงนั้น...มันเป็นอย่างไร

ผมทำอาหารเสร็จราวๆเที่ยง แต่ผมก็รอจนเวลาใกล้บ่ายโมงแล้วจึงไปปลุกบาสมาทานอาหารเที่ยงด้วยกัน

ระหว่างที่ทานอาหารด้วยกันนั้น บาสได้ชมฝีมือการทำอาหารของผมไม่ขาดปาก รวมทั้งยังได้พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ นานา ระหว่างที่เราไม่เจอกันมานานถึง 5 ปี

จนเมื่อทานอาหารเสร็จบาสก็ยื่นบันทึกฉบับที่ 2 ให้ผม จากนั้นเขาก็ขอตัวกลับเข้าไปในห้อง

ส่วนผมเมื่อได้จัดการนำจานชามไปล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ผมก็กลับไปที่ห้องเช่นกันแล้วก็หยิบบันทึกในซองขึ้นมาอ่าน

ในเวลากลางวันอย่างนี้ทำให้ผมเห็นได้ชัดว่ากระดาษและสีน้ำหมึกในบันทึกนี้ได้ซีดลงไปมากแล้ว

มันแสดงถึงว่าบันทึกฉบับนี้คงได้ถูกเขียนมาเป็นเวลานานแล้วพอสมควร

เป็นอีกครั้งที่ผมรีบอ่านเนื้อความในบันทึกอย่างกระตือรือร้น

-----------------------------------------------------------

14 มิถุนายน 2539

หลังจากได้จากได้รู้จักกับบีในวันปฐมนิเทศ ผมก็ได้แต่แอบมองบีเสมอมาโดยไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปพูดคุย

ในแต่ละวันผมได้แต่แอบชื่นชมบีอยู่ไกลๆ

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของบียังเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ผมแอบมองเพื่อนคนนี้อย่างไม่เคยเบื่อ

จนผมชักเริ่มจะแน่ใจแล้วว่าผมคงไม่ใช่แค่ชอบบีแบบเพื่อนธรรมดา

บีคือคนที่ทำให้ผมรีบตื่นนอนและอยากมาโรงเรียนอย่างกระตือรือร้นในทุกเช้า

บีทำให้ผมกลายเป็นเด็กที่มีความคิดผิดแผกแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ เพราะ ผมเกลียดวันเสาร์-อาทิตย์

ในตอนนั้น ผมหวังแค่ให้ตัวเองได้มาเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของบีในทุกๆ วัน

ไม่ว่าบีจะทำอะไร ไปที่ไหน ผมก็อดไม่ได้ที่จะแอบตามไปเสมอ

อย่างเช่นวันนี้ที่ผมได้แอบตามบีไปยังห้องสมุด แต่แล้วในตอนนั้นเองที่ผมต้องพบเห็นภาพบาดตาเมื่อบีกำลังยืนคุยอยู่กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งอย่างสนิทสนม

ผมไม่คุ้นหน้าเด็กผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ดูการจากพูดคุยของคนทั้งคู่ โดยเฉพาะปฏิกิริยาของบี ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเขาคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

จนกระทั่งสักพักผมก็เห็น..ทีม...เพื่อนของผมคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยด้วย

พวกเขาพูดคุยกันสักครู่ ทีมก็เป็นฝ่ายเดินออกจากห้องสมุดไป ในขณะที่เด็กคนนั้นยังคงคอยเดินตามถือหนังสือให้บีตลอดเวลา

ถึงจะไม่รู้จักเด็กผู้ชายคนนั้นมาก่อนแต่ผมก็ต้องยอมรับว่าผมกำลังรู้สึกโกรธเกลียดเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างมากที่ได้มาใกล้ชิดบีถึงขนาดนี้

ในตอนนั้น....ผมก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าไอ้ความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อได้เห็นบีสนิทสนมอยู่กับผู้ชายคนอื่น...มันคืออะไร ?

ผมรู้แต่เพียงว่า..ถ้าหากเพียงแต่ผมจะได้ไปยืนแทนที่เด็กผู้ชายคนนั้นบ้าง

....ผมก็คงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก....

----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 15-11-2006 17:56:24
 :kikkik: เอาอีก เอาอีก ว่าแต่ว่าบาสจะได้เลื่อนบทมาเป็นพระเอกหรือป่าวอะคับ ต้องรอลุ้นกันต่อไปแบบทำใจไว้ล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: 1234 ที่ 15-11-2006 18:41:37
 :serius2:  เชียร์บาส ๆ  ๆ ๆ   ตั้งแต่อยู่ที่ โรงเรียนแล้ว  อิอิ   :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 15-11-2006 19:27:06
อืมว่าแล้ว ตัดสินใจขอมาปักหลักอยู่ด้วยคนนะครับ

ถึงจะอ่านจบไปแล้วรอบนึง แต่คิดถึงบรรยากาศที่ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ ในตอนนั้นมาก ถึงที่นี่จะมีแฟนๆมาตอบน้อยกว่าที่นู้นหลายเท่าก็ตาม แต่ก็อยากตามเรื่องนี้ไปอีกรอบพร้อมเพื่อนๆทุกคนอ่ะ อยากรู้เหมือนคุณบลูว่าคนอื่นๆอ่านแล้วจะคิดยังไง

แต่ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึง ไม่รู้ว่าเห็นแก่ตัวไปป่าว คือผมว่าการโพสทีละหลายตอนอาจจะเสียอรรถรสไปได้นะคับ

เพราะเสน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้คือความน่าติดตาม และสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ในแต่ละตอน ตอนนั้นพวกผมช่วยกันเดาตลอด แต่ไม่เคยเดาใจคุณนัทนทีถูกเลย เรื่องมันหักมุม พลิกผันไปได้ตลอด  ที่สำคัญผมว่าแต่ละตอนมันมีอารมณ์ความรู้สึกที่พวกเราอ่านจบแล้วก็จะรู้สึกได้  อย่างภาค 1 น่าเสียดายครับที่ตอนจบมี 3 ตอนมาลงพร้อมกัน ทั้งๆที่ผมว่าถ้าลงทีละตอน คนอ่านได้อารมณ์อีกมุมนึงเลย จะค่อยๆเห็นว่ากว่าบีจะผ่านไปได้แต่ละช็อตแต่ละซีนมันแทบกระอักเลือดจริงๆ

โดยเฉพาะภาค 2  นี้  ทั้งเนื้อเรื่องและภาษามีความละเมียดละไมกว่าภาค 1 หลายเท่า ถ้าลงทีละตอน คนอ่านน่าจะได้อรรถรสกว่านะคับ  อันนี้แค่เสนอดูนะครับ ที่สุดแล้วคงแล้วแต่ความสะดวกของคุณบลูมากกว่า เพราะความเสียสละของคุณบลูนี่เองผมถึงได้มามีความสุขกับเรื่องนี้อีกรอบ

แต่ไม่รู้คุณบลู หรือคนอื่นๆที่เคยอ่านจนจบมาแล้วเป็นเหมือนผมหรือเปล่า ที่พออ่านบันทึกฉบับแรกของบาสจบ   น้ำตามันคลอเบ้าขึ้นมาเฉยๆเลยอ่ะ  คือนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมัน.....อืมมม ไม่พูดดีกว่าเฮะ T T   T T T T

แต่อารมณ์ของผมตอนนี้ มันหดหู่มากๆเลยคับ



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 15-11-2006 19:44:47
เหอๆๆ  ไม่นะ ผมไม่ชอบผู้ชายผมยาว

ทำไมเป็นบาสล่ะเนี่ย  ปอนด์ของผมล่ะ  <<...เป็นของผมไปแล้วซะงั้นน่ะ

เหอๆๆ  สงสัยคงไม่ได้มีแต่บาสที่โผล่มาล่ะมั้ง  ทีม กอล์ฟ หรือคนอื่นๆ

อาจโผล่มาชะแว้บให้หายคิดถึงบ้าง  <<..รวมทั้งปอนด์ด้วย

ต่อด่วนนะครับคุณบลู  กะลังหนุกเลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 15-11-2006 21:10:44
 :o  เหอเหอ ตกลงตาบาสเป็นพระเอกตัวจริงเหรอเนี่ย ยังหรอกน่า คดีเก่ายังไม่คลี่คลาย ต้องติดตามอีกเยอะ  :kikkik:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 15-11-2006 21:14:57
ภาค 2 แล้วๆๆๆ


โอ๊ยยยยยยยยยยย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-11-2006 09:04:35
โฮ๊ะ ๆ  :yeb: อุตส่าห์อดใจไว้อ่านตอนเช้ารอบเดียว ไม่ผิดหวังจริง ๆ ได้อ่าน 2 ตอน  :like2:

ลุ้นบาสจนตัวโก่งไปหมดแล้ว  :like2:  แต่ก็ยังติดใจคดีเก่าอยู่ดี  :serius2: แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ทำใจไว้แล้ว  :monkeysad:

แอบไม่เห็นด้วยนะคะที่ไม่ให้ลงทีละหลายตอน ตามนิสัยคนชอบอ่านนิยาย ชอบอ่านทีละหลายตอนง่ะ (2-3 ตอน กำลังดีค่ะ)

แต่ก็ยอมรับว่าหากลงมากตอน (เช่น 5-6 ตอนขึ้นไป) เวลาอ่านอารมณ์จะมาจับที่ตอนหลัง ๆ มากกว่า แต่ถ้าลงวันละตอน แล้วเมื่อไหร่จะจบละนี่

คนรอก็อยากอ่านไวไวน้า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-11-2006 10:20:49
เหอเหอ

คุ้นๆ เหมือนเคยเจอกะตัว

วี้ดวิ้วววววววววววววววววววววววว :angellaugh2:


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 16-11-2006 11:32:22
เฮะ ๆ เข้าใจคับ shell เพราะตอนนั้นกว่าจะรอตอนใหม่แต่ละตอนใจจะขาดเหมือนกัน :monkeysad2:

เพียงแต่อยากให้คนอื่นๆอารมณืเหมือนที่ตัวเองเคยได้มาคับ อย่าโกรธกันนะ  :monkeysad:

อันนี้แล้วแต่คุณบลูแล้วกัน  เพราะตามอ่านความเห็นคุณบลูมาตั้งแต่บอร์ดนู้น เชื่อมือคับ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 16-11-2006 14:39:58

"รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว"

รักครั้งสุดท้ายจะเป็นบาสหรอ................ :confuse:
 
แต่ผู้ชายคนนี้น่าชื่นชมจัง.......ที่รักคนๆนึงมาได้ขนาดนี้โดยเก็บมาโดยตลอด :impress:

น่าสงสาร............................... :impress3:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-11-2006 16:10:47
Gone on แหะๆ ไปเรื่อยๆครับ

Tantalum  อยากให้ใครเป็นพระเอกหล่ะครับ เอิ้กๆ

{{DoraemoN}}  น่านแอบนอกจายทีม

kirati69  คงต้องโพสไปถ้าผมเห็นคนอ่านหลักๆ อ่านครบแล้วนะครับ เวปนี้อ่านกันเร็วด้วยสิ แต่คงได้บรรยากาศไปอีกแบบนะครับ
เพราะนักอ่านที่นี่ผมเห็นก็มีหลายคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียดเลย แล้วก็มีความเห็นที่ผมอ่านแล้วใจกระตุกตามอยู่หลายครั้ง หวังว่าคงชอบนะครับ

FlukeHub อิอิ ปอนด์หรือ  :kikkik:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  ต้องติดตามต่อไปครับ

Aki_Kaze  ใจเย็นๆนะครับ คงจะปริ่มๆกันหล่ะตอนนี้

shell  ไม่นานหรอกนะครับ เป็นไงครับ ถ้าจำรายละเอียดภาคแรกได้จะอ่านภาคสองได้โดยไม่ต้องกลับไปอ่านภาคแรก
นึกภาพเก่าๆไว้นะครับ แล้วท่านจะไม่รู้ลืม

หมูพูห์ เคยเจออีกหล่ะ อิอิ เล่าให้ฟังมั่งดิ

][GobGab][  เคยแอบรักใครไหมครับ ได้ข่าวว่าเยอะนี่ คิกคิก

แก้ไข อิอิ ลงผิดแหะๆเพราะชื่อมันซ้ำกัน สับสน
******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 3 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ยิ่งได้อ่านบันทึกของบาส ยิ่งทำให้ความรู้สึกของผมเต็มไปด้วยความสับสนปนไปด้วยความสงสาร

ถ้าเป็นจริงอย่างที่บาสเล่า เขาทนเก็บงำความลับนี้ไว้ในใจได้ยังไงมาตลอดระยะเวลาตั้งหลายปี

ถ้าบาสรักผมจริง เขาจะไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักกลายไปเป็นของคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อผู้ชายคนนั้นคือเพื่อนสนิทของเขาเอง

ในระยะเวลาหลายปีที่ผมคบหาเป็นแฟนกับทีม ผมกล้าพูดได้เลยว่าบาสคือคนที่รู้เห็นเรื่องราวความรักของผมกับทีมมากที่สุด

บาสคือเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ทีมยอมสารภาพไปตรงๆว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกันซึ่งก็คือผม และนับตั้งแต่นั้นมา ทีมจึงกล้าแสดงความรักกับผมด้วยการพูดคำหวาน จับมือ โอบกอด หรือแม้กระทั้งจูบผมต่อหน้าบาสโดยไม่ขัดเขิน

บาสทนเห็นภาพเหล่านี้ได้อย่างไรในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

แล้วทำไมเขาถึงต้องพยายามหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ผมกับทีมกลับมาคืนดีกันในเวลาที่เรามีปัญหา

ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นทุกที จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมชักจะเริ่มรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับบาสไม่ไหวแล้ว ผมจึงตัดสินใจว่าในวันพรุ่งนี้ผมจะต้องคุยกับบาสให้รู้เรื่อง

ดังนั้นในวันต่อมาผมจึงรีบตื่นเช้าเป็นพิเศษ แล้วก็เข้าครัวไปทำข้าวต้มเตรียมเป็นอาหารเช้าให้บาส จนเมื่อเขาตื่นขึ้นมาและเห็นผมเตรียมอาหารเช้าไว้บนโต๊ะเสร็จสรรพ เขาจึงถึงกับเอ่ยปากแซวออกมาว่า

“อย่างนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นลูกจ้างหน่อย รู้จักตื่นก่อนเจ้านาย”

“บีบอกแล้วไง ว่าบีไม่ใช่ลูกจ้างของบาส”

“โอเค โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าอะไรมันก็ไม่ต่างกันหรอก”

“นี่อย่ามากวนประสาทบีแต่เช้านะ”

“จ้า จ๊ะ ไม่กวนแล้ว”

บาสพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข แล้วก็เริ่มตักข้าวต้มใส่ปาก

“อื้มมมม นี่บีทำเองเหรอ”

“ใช่สิ ใครจะมาทำให้ล่ะ” ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“อร่อยมากเลย อืม ทำกับข้าวก็อร่อย บ้านช่องห้องหับก็ดูแลไม่มีที่ติ แถมยังเอาอกเอาใจเป็นเลิศ ทำไงน๊าถึงจะได้เมียดีๆแบบนี้สักคน”

“บาส.......”

“บาสแค่ล้อบีเล่นน่า อย่าคิดมาก”

“ปล่าว...บีไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้...คือบี...บีอยากจะพูดกับบาสเรื่อง...เรื่องบันทึกนั่นน่ะ”

ผมตัดสินใจพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“เอาอีกแล้ว” บาสพูดออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย

“ก็บีอยากคุยกับบาสให้เคลียนี่ เล่ามาให้หมดไม่ได้เหรอ ทำไมต้องให้บีอ่านอยู่ได้ทีละแผ่นๆ ไม่รู้ล่ะ บีไม่รักสง รักษาแล้ว ไอ้สัญญาอะไรบ้าๆ นั่น มันทรมานนะ อกบีจะแตกตายอยู่แล้ว”

“แล้วบีคิดว่าบาสไม่ทรมานเหรอ?”

คำพูดและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของบาสทำให้ผมถึงกับหยุดนิ่งและหันไปมองเขาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าบาสเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าแล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ถ้าบีอยากอ่าน ก็ได้ เดี๋ยวบาสจะไปหยิบมาให้บีอ่านทั้งเล่มเลย ไม่ว่าบีอยากได้อะไร อยากทำอะไร เพียงแค่บีพูดออกมา บาสก็ไม่มีวันขัดใจบีได้หรอก แล้วไอ้สัญญาอะไรนั่นน่ะ มันก็คงไม่ได้มีค่า มีความหมายอะไร คนอย่างบาส มันไม่ควรค่าให้ใครต้องมารักษาสัญญาอะไรอยู่แล้ว รอแป๊บนะ ”

พูดจบ บาสก็ปลดล้อคล้อรถเข็นเพื่อจะเข็นรถถอยหลังออกไป แต่ผมได้ร้องเรียกเขาเอาไว้

“เดี๋ยวบาส....บีขอโทษ บีแค่.....”

“ไม่เป็นไรหรอก บาสเข้าใจ เดี๋ยวบาสไปหยิบมาให้”

“ไม่ต้องหรอก บีไม่อยากอ่านแล้ว”

ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกผิดต่อการกระทำที่ไม่ยี่หระต่อคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับบาสซึ่งนั่นคงทำให้เขาทั้งเสียใจและน้อยใจมาก

“บีค่อยๆ อ่านก็ได้ อ่านทีละหน้าแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เหมือนอ่านนิยายไง จะได้ติดตามไปทีละตอนๆ บีว่าสนุกดีออกเหมือนกันนะ”

ผมพยายามทำเป็นกลบเกลื่อนด้วยการพูดติดตลกก่อนจะพูดต่อว่า

“สัญญาที่บีให้กับบาส มันมีค่า มีความหมายสำหรับบีมากนะ ไม่ว่าบาสจะเชื่อหรือไม่ แต่บีจะไม่มีวันผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับบาสอีก.........แล้วก็....”

เมื่อเห็นผมพูดค้างไว้แค่นั้น บาสก็หันมามองผมอย่างตั้งใจฟัง ในขณะที่ผมก็ได้แต่รวบรวมความกล้าเพื่อพูดประโยคต่อมาอย่างเขินๆ

“บีอยากให้บาสรู้ว่า...ผู้ชายอย่างบาสนี่ล่ะที่คู่ควรที่บีจะรักษาทุกคำสัญญาไว้ยิ่งชีวิต”

คำพูดของผมทำให้บาสถึงกับนั่งนิ่งจ้องมองผมด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักอย่างท่วมท้น จนผมต้องเป็นฝ่ายตัดบทออกมาอีกครั้ง

“ทานต่อเถอะบาส ไหนว่าอร่อยไงล่ะ ถ้าอร่อยก็ต้องทานให้หมดนะ บีทำไว้ตั้งเยอะแน่ะ”

“แล้วบีล่ะ บีไม่ทานด้วยกันเหรอ”

บาสถามผมออกมาเบาๆ

“จริงสิ ลืมตักให้ตัวเองไปเลย”

พูดจบผมก็เดินไปหยิบชามแล้วไปตักข้าวต้มมานั่งทานด้วยกันกับบาส โดยในช่วงเวลาที่เรากำลังทานข้าวต้มด้วยกันนั้นผมก็สังเกตเห็นบาสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขอยู่ตลอดเวลา แล้วเขาก็เปรยออกมาเบาๆว่า

“แน่ใจนะว่าไม่อยากอ่านแล้ว”

“บีบอกว่าไม่ ก็ไม่สิ”

ผมตอบไปอย่างงอนๆ เหมือนเด็กที่ขออะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ

“แล้วทำไมต้องทำหน้างอนอย่างนั้นด้วยล่ะ”

“เปล่านี่ บีไม่ได้งอนสักหน่อย”

“แน่ใจเหรอ ?”

“ก็บีบอกแล้วไงว่าไม่ได้งอน เซ้าซี้อยู่ได้ อยากให้บีงอนหรือไง”

“อืม ก็ดีนะ รู้ตัวมั้ยเวลาบีทำหน้างอนน่ะ น่ารักดี”

“บ้า......”

ผมตอบไปอย่างเขินๆขณะที่รู้สึกว่าเลือดลมได้สูบฉีดขึ้นมาจนเต็มทั้ง 2 แก้ม

“ยิ่งเวลาอาย ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลย”

เมื่อเห็นผมหน้าแดง บาสก็ยิ่งล้อผมไม่ยอมหยุด

“เลิกล้อบีได้แล้ว ไม่งั้นบีไม่กินข้าวด้วยแล้วนะ”

ผมพยายามห้ามให้บาสหยุดเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเขินจนเก็บอาการไม่อยู่มากขึ้นทุกที

“โอเค โอเค ไม่ล้อแล้วก็ได้ ....อืม ถ้าวันหน้าบาสได้มีโอกาสมีครอบครัวกับเขาบ้าง บาสจะมีครอบครัวที่มีความสุขอย่างนี้มั้ยนะ”

หลังบาสพูดจบผมก็ได้ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้ชายที่รักผมอย่างเต็มเปี่ยมคนนี้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ จนผมรู้สึกได้ว่า....

....ผมไม่เคยมองผู้ชายคนนี้อย่างเต็มตาแบบนี้มาก่อน

“มองบาสทำไมน่ะ”

บาสพูดออกมาด้วยความเขินบ้างที่เห็นผมเอาแต่จ้องมองเขาไม่วางตา

“ปล่าว ไม่มีอะไรหรอก บีแค่คิดว่าบาสหน้าตาแบบนี้เองเหรอ บีคงไม่เคยได้มองบาสชัดๆ แบบนี้มาก่อน”

“งั้นเหรอ......บีเพิ่งรู้ตัวเหรอว่าตั้งแต่รู้จักกันมา.....บีไม่เคยหันมามองบาสเลย !!!!”

หลังบาสพูดจบผมก็ได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่รู้จะพูดอะไรออกมา แล้วก็ตัดสินใจชวนบาสเปลี่ยนไปคุยเรื่องราวสัพเพเหระ จนเราทั้งคู่ทานอาหารเช้าเสร็จ ผมก็จัดแจงให้บาสได้ทานยาแล้วก็พาเขาไปออกกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลตามที่หมอนัดไว้ และเมื่อกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่ายๆ ผมก็พาเขาเข้าไปนอนพักในห้องเพราะในระยะฟื้นตัวเช่นนี้บาสต้องการการพักผ่อนมากกว่าคนปกติ ส่วนผมก็ไปจัดการทำความสะอาดบ้านที่เริ่มจะมีฝุ่นเกาะบ้างแล้วจนตกเย็น ผมก็ปลุกบาสมาทานอาหารเย็นด้วยกัน จากนั้นเราก็อยู่ดูทีวีด้วยกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอน ซึ่งก่อนที่บาสจะหลับเขาก็ไม่ลืมที่จะมอบบันทึกอีกฉบับมาให้ผมอ่านเหมือนเช่นเคย

----------------------------

9 กรกฎาคม 2539

นี่ก็เกือบ 2 เดือนแล้วที่ผมได้แต่เฝ้ามองบีอยู่เงียบๆ โดยไม่เคยคิดปริปากบอกใคร

คงจะมีเพียงแม่ของผมคนเดียวที่พอจะรู้ว่าผมชื่นชมเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน

ตั้งแต่เข้าเรียน ม. 1 ผมมักจะนำเรื่องของบีไปเล่าให้แม่ฟังอยู่เสมอ จนท่านถึงกับเอ่ยปากเปรยว่าอยากให้ผมชวนเพื่อนคนนี้มาเที่ยวที่บ้านบ้าง เพราะท่านอยากจะเห็นตัวจริงของบีเสียเหรอเกิน

ในตอนนั้นถึงแม้ผมอยากจะทำในสิ่งที่แม่ขอมากเพียงไร แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้

เพราะเกือบ 2 เดือนตั้งแต่รู้จักกับ บีมา เขายังไม่เคยพูดกับผมเลยสักครั้ง

วิธีที่ผมใช้ในการหาเพื่อนด้วยการพูดเรื่องลามก อาจจะทำให้ผมได้เพื่อนผู้ชายมากมายในห้อง แต่นิสัยและกิตติศัพท์ในด้านนี้ของผมกลับทำให้บีถอยห่างออกจากผมมากขึ้นไปทุกที

ดังนั้นในวันนี้เมื่อผมเห็นบีมาดูการฝึกซ้อมเพื่อคัดตัวเป็นฟุตบอลของไอ้ทีมซึ่งตอนนี้ถือเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมแล้ว ผมก็ตั้งใจว่าจะแสดงความสามารถให้เต็มที่เพื่อให้บีหันมาชื่นชมผมบ้าง

แต่ทุกครั้งที่ผมแอบหันไปมองบี เขาก็ไม่เคยชายตามาที่ผมสักครั้งจนกระทั่งผมเห็นบีกำลังจะลุกออกไปเพื่อกลับบ้าน

ในตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจเตะฟุตบอลไปให้โดนตัวบี จนเมื่อเขาหันมามอง ผมจึงตัดสินใจพูดออกไปโดยเรียกบีด้วยคำว่า “น้องสาว” ซึ่งเป็นคำที่ผมคิดว่าบีน่าจะชอบ

แต่ผลลับมันกลับตรงกันข้าม บีหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าโกรธๆ ก่อนจะเดินออกไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมทำ มันจะผิดพลาด แต่อย่างน้อยผมก็ยังดีใจที่ในที่สุด.....บีก็ได้หันมาพูดกับผมแล้ว

เพราะทั้งหมดที่ผมทำไปในวันนี้ โดยเฉพาะการตั้งใจแตะฟุตบอลไปให้โดนตัวบีนั้นก็เพียงเพื่อให้มีเพียงสักครั้ง


........ที่บีจะหันมามองผมบ้าง..........

----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-11-2006 16:18:38
บลูค้าบบบบบ


เบลอหรือเปล่า :untrust:


หรืออึงโซทำพิษ :kikkik:


ทำไมลงซ้ำละครับที่รัก :serius2:



วี้ดวิ้วววววว :laugh3:



 :seng2ped:



มาลงใหม่เลย :pigangry2:




พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: 1234 ที่ 16-11-2006 16:27:30
 :o  คุณบลู  ลงซ้ำ แก้ไขด่วน ๆ ๆ ๆ ๆ  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 16-11-2006 17:04:43
คุณบลูเป็นไรไปป่าว    :confuse: 
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 16-11-2006 17:37:50
นั่นดิ เป็นไรมากป่าวคับ   :untrust:       เป็นห่วง

สงสัยต้องรีบรับสมัครคนดูแลด่วน (เสียดายผมไม่ว่างแล้วอ่ะ )

แต่รีบมาแก้เถอะครับ เห็นเพื่อนๆจับอีโต้กันหลายคนแล้น   :pigangry2:

ถึงจะเป็นห่วง แต่งานนี้ตัวใครตัวมันนะคร้าบบบบ  :monkeylaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-11-2006 17:50:26
ลงซ้ำง่ะ  :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:

ขอตอนใหม่อย่างด่วน  :impress:  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-11-2006 17:58:38
แก้ไขให้แล้วนะ
 อิอิ ลงผิดแหะๆเพราะชื่อมันซ้ำกัน สับสน
ขอโทษนะครับ  แบบว่ารีบไปหน่อย  :3043:
มีเรื่องมารบกวนสมาธินิดหน่อย หุหุ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-11-2006 18:12:40
โธ่ บาส จะหาเรื่องคุยกับเขา ก็ยังต้องใช้วิธีนี้  :monkeysad2: แถมยังรักเขาข้างเดียวมาห้าปีอีก  :impress3:

ภาคสองนี่บาสน่าสงสารเนอะ ขอให้สมหวังละกัน (ลุ้นสุดตัว  :impress:)


รอตอนต่อไป  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 16-11-2006 20:30:47
บาสน่าสงสารจังเลยอ่ะ

ทำไมรันทดแบบนี้หนอ  รักเขาข้างเดียว

เรื่องมันช่างน่าเศร้า 

แต่ถึงยังงั้นผมก็ไม่ชอบผู้ชายผมยาวอยู่ดีแหละ 555+



ปล..  ไม่รู้จะเชียร์ใครดี  ปอนด์ไม่โผล่มาซักทีเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-11-2006 10:24:44
เฮ้อ

เหมือนไม้ขีดไปกะดอกทานตะวันเลย

จุดตัวเองทันใด เพื่อลุกเป็นไฟ

เพียงเพื่อสักครั้ง ที่หันมามอง


เศร้าน๊อะ


พูห์ :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 17-11-2006 12:15:13

จุดตัวเองทันใด เพื่อลุกเป็นไฟ

เพียงเพื่อสักครั้ง ที่หันมามอง

พูห์ :undecided:

โห.............พี่พูห์คิดได้ไง :impress:

แต่บางทีขนาดยอมจุดตัวเองแล้วเขายังไม่หันมามองเลย :laugh: :laugh:

ป.ล.  คุณเรย์คับ....ไปได้ข่าวมาจากไหนหรอ....... :confuse:

ยังมะเคยไปแอบชอบใครก่อนเลย...มีแต่คนมาชอบ.... :laugh: :laugh:(หลงตัวเองไปนิด)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 17-11-2006 13:41:57
ชีวิตบาสเศร้าจังอะ  ทำไมรักบีได้ขนาดนี้เนี่ย  ถ้าทำได้ขนาดนี้แบบยอมเจ็บเองเพื่อให้บีมีความสุขกับทีมแล้วนี่   ได้ใจไปเลยนะเนี่ย   ชอบแระ  อิอิ  :monkeylove2:
ชอบบาสตอนพูดกับบีจัง  เรียกกันน่ารักดี  บาส บี บาส บี  ชอบอะ  เอาอีกกกกกกก  คุณบลู  :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 17-11-2006 16:53:46
ข้อดีของการที่เขาไม่เคยหันมามองเราเลย คือทำให้เราแอบมองเขาไปได้เรื่อยๆ

แต่ข้อเสีย มันก็เจ็บปวดเหมือนอย่างที่บาสเป็นนั่นแหละ หัวอกเดียวกัน  เส้าจัง  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: นัทนที ที่ 17-11-2006 21:07:53
โพสมาถึงภาค 2 แล้วเหรอครับเนี้ย  ขอโทษนะครับที่เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาทักทาย

ตกลงคุณปลายยอดไผ่ กับ คุณ Blueboyhub เป็นคนเดียวกันหรือเปล่าครับ เพราะเห็นคนที่ไปขอผมที่บอร์ดปาล์มเป็นคุณBlueboyhub แต่คนโพสกลับเป็นคุณปลายยอดไผ่ เลยงงนิดๆ

แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยนำเรื่องราวของผมมาโพสต่อ มีคนอ่านเยอะ คนเขียนก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา

และขอบคุณคนอ่านทุกคนด้วยคับที่สนใจเรื่องนี้ (เข้ามาปุ๊บ เห็นยอดคนวิว 2000 กว่านี่แอบตกใจ แอบปลื้มเหมือนกันคับ ไม่รู้ว่าคนอ่านเยอะ หรือคนน้อยแต่คลิกกันถี่ก็ไม่รู้ 555)

ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ แล้วหวังว่าทุกคนจะได้รับความสุขจากนิยายเรื่องนี้

แล้วจะพยายามเข้ามาบ่อยๆนะครับ แต่คงไม่แสดงตัวเพราะอยากให้ทุกคน comment กันเต็มที่

ถ้าไม่สะใจ อยากเม้นต์แรง ผมเปิดสายไว้ให้ที่ b_nutnateeอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com นะครับ

แต่ผมขอเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้นะครับ  เรื่องอื่นไม่อาวววว

ขอบคุณครับ



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 17-11-2006 21:19:54
0.0 พี่นัทนที กี๊สๆๆๆ :piglove2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 17-11-2006 22:45:19
อ่ะ ตัวจิงไม่อิงนิยายใช่มั้ยเนี้ย  แถมทิ้งเมลไว้ด้วย

เสร็จเราล่ะ อิอิ  :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-11-2006 00:21:53
นัทนที  แค่เข้ามาผมกับเพื่อนๆก็ดีจายแล้วหล่ะครับ  :myeye:   อิอิ ใครว่าบีไว้ก็แก้ตัวกันเอาเองเน้อ คิกคิก  :kikkik:
blueboyhub กับ ปลายยอดไผ่คนเดียวกันครับ ปกติผมอยากใช้ปลายยอดไผ่มากกว่า  แต่พักหลังนี่มีเรื่องต้องใช้ฟังก์ชั่น admin เยอะเลยขี้เกียจ log in ใหม่บ่อยๆ เน็ตผมช้าๆด้วย เอิก้ๆ ได้เมลหล่ะ หุหุ เรื่องนิยายผมเข้าจายหมดล่ะ อยากคุยเรื่องอื่นมากกว่า คิกคิก  :3043:

shell  คนที่ดูร้ายที่สุด กลับเป็นคนที่เจ็บที่สุด ความจริงแห่งชีวิต  :monkeycry2:

FlukeHub  เอิ้กๆ เด่วอาจจะชอบบาสก็ได้  :kikkik:  แต่ปอนด์เท่าที่เห็นปอนด์ก็มั่นคงตลอดมาใช่ไหมครับ  :yeb:

หมูพูห์  ผมก็เคยคิดนะ แต่ผมคาดว่าเขาจะไม่หันมองเลยนะสิ  :monkeysad2:

][GobGab][  ขนาดนั้นงี้ต้องแวะไปเยี่ยมต้องบ้างหล่ะ เผื่อได้ข่าวดีๆ  :love2:

มูมู่น้อย  นึกว่าจะชอบกรู เมิง ซะอีก เอิ้กๆ  :pigha2:

kirati69 ข้อดีของการที่เขาไม่เคยหันมามองเราเลย คือทำให้เราแอบมองเขาไปได้เรื่อยๆ  :monkeysad:
ชอบจัง ฟังแล้วเจ็บปวดดี เรานี่โรคจิตป่าวเนี่ย

Aki_Kaze  Yาย_โO  อ่าวขอลายเซ็นไว้นะ เอิ้กๆ  :yeb:

******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 4 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

“พร้อมจะไปกันหรือยัง เตรียมตัวดีแล้วนะ”

บาสหันมาถามผมหลังจากที่เราทานอาหารเช้าด้วยกันเสร็จ

“นี่...แค่จะไปเดินดูบ้านเอง ถามยังกะจะไปเดินป่า”

ผมแซวบาสออกไปเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเขา เพราะวันนี้บาสรับปากว่าจะอาสาเป็นไกด์พาผมไปเดินดูรอบๆตัวบ้าน

“ก็นั่นแหละ บางทีบีอาจจะได้เจออะไรที่ไม่คาดฝันในบ้านหลังนี้ก็ได้”

“เหรอ เช่นอะไรบ้างล่ะ เสือ สิงโต หรือว่าจระเข้”

“ไม่ใช่หรอก มันน่ากลัวกว่านั้นอีกนะ อะไรบางอย่างที่เรียกว่า.........ผี…ไงล่ะ”

บาสจงใจเน้นคำว่า “ผี” จนทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง

“บ้า...บ้านนี้มีผีด้วยเหรอ”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ระหว่างที่บีเดินอยู่อาจจะมีใครเดินตามแล้วก็พูดว่า...บีบีบีบีบีบีบีบีบี มามามามามามามา อยู่อยู่อยู่อยู่อยู่ ด้วยยยยยยยยยย กานนนนนนนน เถอะเถอะเถอะเถอะเถอะ นะนะนะนะนะนะนะ”

บาสแกล้งพูดยานคางเหมือนเสียงของวิญญาณจนทำให้ผมขนลุก แล้วต้องหันไปตวาดเขาในทันที

“บ้า อย่ามาเล่นอย่างนี้นะ”

“ทำไม บีกลัวผีเหรอ”

“ไม่กลัวหรอก ผีมีจริงซะที่ไหน”

ผมแสร้งทำเป็นปฏิเสธในขณะที่สายตาเริ่มกวาดมองไปรอบบ้านอย่างไม่ไว้ใจ

“แต่ยังไงบาสว่าระวังไว้บ้างดีกว่า บีอย่าลืมสิบ้านหลังนี้มีอายุเกือบร้อยปีแล้วน๊า คิดดูสิว่ามีคนตายในบ้านนี้มาแล้วกี่คน”

คำพูดของบาสยิ่งทำให้ผมขวัญเสียจนขยับเข้าไปใกล้ๆเขาอย่างไม่รู้ตัว

“บาสล้อเล่นน่า อย่ากลัวไปเลย ยังไงก็มีบาสอยู่ทั้งคน”

“มีบาสอยู่ แล้วยังไงล่ะ บาสเป็นหมอผีหรือไง”

“ก็บอกแล้วไงล่ะ ว่าบาสล้อเล่น ถ้ามีผีจริงๆ บีคงโดนไปตั้งแต่คืนแรกที่มาค้างที่นี่แล้ว ไปกันเถอะ”

คำพูดของบาสเริ่มทำให้ผมใจชื่นขึ้นมาบ้าง ผมจึงค่อยๆ สลัดความคิดฟุ้งว่านออกไป แล้วเข็นรถเข็นของบาสออกมาจากห้องครัว

“เริ่มที่ห้องนอนของบีก่อนแล้วกัน ก็เป็นห้องสำหรับแขกที่มาพักนั่นแหละ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ค่อยมีใครมาหรอก ส่วนห้องนอนของบาส เมื่อก่อนเคยเป็นห้องของคุณยาย พอท่านเสียก็เลยปิดตายมาพักนึง แล้วพอบาสมาประสบอุบัติเหตุ คุณแม่ก็เลยย้ายบาสลงมานอนข้างล่าง ส่วนห้องครัวนั่นบีก็คงเห็นจนชินแล้วมั้ง จริงๆแล้วถ้าบีเปิดประตูด้านหลังห้องครัวออกไปมันจะมีส่วนที่เป็นครัวไทยด้วยนะ แต่คุณแม่เขาไม่ค่อยได้ใช้ก็เลยปิดมันไว้อย่างนั้นแหละ ส่วนตู้เก็บของโบราณพวกนี้ก็เป็นของสะสมมาตั้งแต่ยุคคุณทวดแล้วล่ะ แม่เขาหวงนักหวงหนาถึงไม่ยอมจ้างคนใช้ไงล่ะ กลัวว่าจะมาขโมยของๆท่าน”

“อืม คนรวยนี่ก็คิดเหมือนๆกันเลยนะ”

“อะไรนะ”

บาสถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินผมพูดขึ้นมาลอยๆ

“อ๋อ ก็พี่ปอนด์ไง บาสจำพี่ปอนด์ได้ป่าว บ้านเขาก็รวยมากเลยนะ แต่ไม่ยักจะจ้างคนใช้ เห็นบอกว่ากลัวของโดนขโมยเหมือนกัน”

“นี่ บียังติดต่อกับไอ้พี่ปอนด์อยู่เหรอ”

บาสถามออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ใช่ ตอนนี้พี่ปอนด์เขากลายเป็นหนุ่มนักเรียนนอกไปแล้วนะ กำลังเรียนดนตรีอยู่ที่อังกฤษ สงสัยคงจะเนื้อหอมเหมือนเดิม”

“แล้วบีกับเขา....เอ่อ....”

บาสมีท่าทีอ้ำอึ้งเหมือนจะถามอะไรผมบางอย่าง

“บีกับเขาทำไม”

“เอ่อ....คือ เขายังตามจีบบีอยู่เหรอ”

“นี่ ผู้ชายเพอร์เฟกต์อย่างพี่ปอนด์ จะมาสนใจอะไรกับคนอย่างบี เราก็เป็นแค่พี่น้องกันนั่นแหละ”

ผมแกล้งตอบบาสไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ความจริง ก่อนที่พี่ปอนด์จะไปอังกฤษ เขาก็มาตามจีบผมอยู่พักนึงอย่างพี่บาสว่าจริงๆนั่นแหละ

“เหรอ ค่อยยังชั่วหน่อย”

บาสเปรยออกมาเบาๆ

“บาสว่าไงนะ”

ผมถามเมื่อได้ยินบาสพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ผมได้ยินไม่ถนัด

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ขึ้นไปชั้น 2 กันเถอะ”

“เดี๋ยวสิบาส”

“มีอะไรอีกล่ะ”

“แล้วห้องนั้นล่ะบาส บาสไม่เห็นพูดถึงเลย”

ผมชี้ไปให้บาสดูห้องอีกห้องหนึ่งที่มีกุญแจปิดตายมาตั้งแต่วันแรกที่ผมมาถึง

“ห้องนั่นเหรอ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ไปกันเถอะ”

บาสตอบมาด้วยท่าทีมีพิรุธ ทำให้ผมยิ่งเกิดความสงสัยใคร่รู้

“แต่บีว่ามันน่าสนใจนี่ ตกลงมันห้องอะไรเหรอ”

“อยากรู้จริงๆ อ่ะ”

“ใช่” ผมตอบอย่างหนักแน่น

“งั้น ก็ได้ มันเป็นห้องอาถรรพ์น่ะ ถ้าบีลองเอาหูไปแนบที่ประตู บีจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

“เว่อร์น่ะ”

“อ้าว ไม่เชื่อก็ลองทำดูสิ ถ้าใจกล้าพออ่ะนะ”

“กล้าสิ ทำไมจะไม่กล้า”

แม้จะรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ตัดสินใจก้าวเดินออกไป แล้วเอาหูไปแนบไว้กับประตูห้องปิดตายห้องนี้ด้วยความระทึก จนสักพักผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมาแต่ไกล เสียงนี้ทั้งเบาและแหบพร่าจนทำให้ผมถึงกับขนลุก

“บีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบี มามามามามามามามามามา อยู่อยู่อยู่อยู่อยู่ ด้วยยยยยยยย..............”

ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ชัดเจนผมก็ทั้งตกใจ ทั้งกลัวจนตัวสั่นจนต้องถอยหลังกลับออกมา

ในจังหวะนั้นเองที่ผมเริ่มเอะใจแล้วหันกลับไปมองบาสจนเห็นได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเสียงที่น่าพรั่นพรึงนี้มาจากบาสที่กำลังแกล้งทำเสียงเลียนแบบผีอยู่ด้วยใบหน้าที่ขำขันผมเป็นอย่างยิ่ง

“บาส......”

ผมตวาดใส่เขาอย่างเหลืออดแล้วก็เดินเข้าไปทุบเขาที่ไหล่อย่างแรง

“โอ๊ย บาสเจ็บนะ”

“สมแล้วนี่ ทำอะไรบ้าๆ เนี้ย บีใจหายหมดเลยรู้มั้ย”

“อ้าว ก็ไหนว่าไม่กลัวผีไง”

“ไม่ต้องมาพูดดีหรอก มาลองโดนเองบ้างซิ บีหัวใจแทบวายเน่ะ”

“น่า อย่าโกรธนะ บาสแค่ล้อเล่นเอง อย่าไปสนใจห้องนี้เลย ขึ้นไปชั้น 2 เถอะ”

พูดจบบาสก็หัวเราะออกมาเบาๆอย่างห้ามไม่ได้แล้วก็เข็นรถไปรอผมที่บันได

ส่วนผมก็ได้แต่เดินตามเขาไปด้วยสีหน้างอนๆ แม้ในใจจะยังสงสัยอยู่ว่าห้องนี้มีอะไรกันแน่ แล้วทำไมบาสถึงพยายามที่จะให้ผมเลิกสนใจมันให้ได้

เมื่อผมตามบาสมาทัน ผมก็เห็นเขาพยายามลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเพื่อจะเดินขึ้นไปชั้น 2

“บาส....บีว่าไม่ต้องก็ได้นะ”

“ไม่เป็นหรอก บาสสัญญาแล้วนี่ว่าจะพาบีเดินดูให้ทั่วบ้าน บาสไม่อยากผิดคำสัญญากับใครโดยเฉพาะกับบี”

“งั้นก็...ตามใจบาสแล้วกัน”

พูดจบผมก็เดินไปคว้าแขนบาสมาคล้องคอผมไว้เพื่อให้เขาทรงตัวได้มั่งคงขึ้น

“บาสกอดบีไว้แน่นๆ นะ จะได้ไม่ล้ม”

“ไม่ต้องห่วงหรอก บาสจะกอดบีไว้ไม่ปล่อยเลย แล้วถ้าบีไม่ว่า...บาสคงขอกอดบีไปอย่างนี้.....ตลอดชีวิต”

เมื่อบาสพูดจบ ผมก็ได้แต่ยิ้มให้เขาอย่างเขินๆ จากนั้นก็พยายามพยุงตัวเขาเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ อย่างทุกลักทุเลโดยในขณะที่ขึ้นบันไดไปนั้นผมก็อดคิดไม่ได้ว่า...

บางทีเส้นทางความรักของผมกับบาสก็คงจะทุลักทุเลเหมือนกับการขึ้นบันไดของเราในตอนนี้

ถ้าเราไม่ประคองกันไว้ให้มั่นและเชื่อใจในกันและกัน มันก็คงไม่มีวันไปถึงจุดหมาย แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจตัวเองอยู่ดีว่าผมพร้อมจะเดินไปในเส้นทางนี้ร่วมกับบาสหรือยัง

เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 2 บาสก็พาผมไปดูห้องต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งห้องนอนของบาส ห้องนอนของคุณแม่ ห้องพระ รวมทั้งระเบียงบนชั้น 2 ที่อยู่ด้านหลังของตัวบ้านซึ่งทำให้ผมได้เห็นชัดๆว่าบ้านของบาสอยู่ติดกับคลองบางกอกน้อยด้วย

เมื่อมองผ่านสวนหลังบ้าน และศาลาริมน้ำออกไป ผมก็ได้เห็นวิถีชีวิตริมคลองของผู้คนที่นี่ซึ่งมาทำกิจกรรมต่างๆอยู่ริมน้ำ ทั้งซักผ้า ขายของ นั่งพูดคุย ซึ่งภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ผมไม่คุ้นเคยเลย แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่น่าอยู่จริงๆ

หลังจากบาสพาผมดูบ้านบนชั้น 2 จนทั่วแล้ว เราก็ลงมาทานอาหารเที่ยงด้วยกันก่อนที่ผมจะให้บาสไปหลับพักผ่อน แล้วพอช่วงบ่ายแก่ๆ ผมกับบาสก็เริ่มออกมาเดินเล่นรอบๆ ตัวบ้านกันใหม่

บาสค่อยๆ พาผมเดินดูสวนหน้าบ้านที่ได้จัดแต่งไว้อย่างดี แล้วยังคอยแนะนำไม้มงคลต่างๆที่ปลูกไว้ทั่วบ้าน อาทิ ต้นมะยม ต้นวาสนา ต้นชัยพฤกษ์ และต้นไม้แปลกๆอีกมากที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน เช่น ใบเงินใบทองใบนาค ว่านมหาลาภ และ ต้นพุทธรักษา

จากนั้นบาสก็พาผมไปหลังบ้านซึ่งสิ่งแรกที่สะดุดตาผมแทบจะในทันทีก็คือศาลาริมน้ำที่สวยเสียจนผมอดเปรยกับบาสไม่ได้ว่า

“สวยจังเลยบาส วันหลังเรามากินข้าวกันที่ศาลานี้บ้างดีมั้ย”

“ตามใจบีซิ บาสยังไงก็ได้”

“บ้านบาสสวย แล้วก็น่าอยู่มากจริงๆนะ มีอะไรให้ดู ให้ทำตั้งเยอะเยะไปหมดเลย”

“ถ้ายังงั้นบีก็ย้ายมาอยู่แบบถาวรเลยสิ แม่บาสไม่ว่าหรอก”

บาสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่แน่ใจว่านี่คือคำเชิญชวนหรือคำขอร้อง

“ไม่เอาอ่ะ บีคงเกรงใจแย่เลย แล้วอีกอย่างบีไม่อยากมาเป็นคนรับใช้ใครด้วย เดี๋ยวต้องคอยทำกับข้าว เดี๋ยวต้องคอยทำความสะอาดบ้าน ไหนยังต้องคอยเอาใจคุณผู้ชายของบ้านอีก บีไม่เอาด้วยหรอก”

ผมแกล้งพูดประชด

“แล้วใครบอกว่าบาสจะให้บีเข้ามาอยู่ในฐานะคนใช้ล่ะ ถ้าบาสหายดีแล้ว บาสจะไม่ให้บีต้องทำอะไรเลย บาสขอแค่มีให้มีบีมาอยู่ใกล้ๆ ก็พอ”

เป็นอีกครั้งที่บาสทำให้ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ด้วยความเขินก่อนที่จะพยายามกวาดตาไปมองทางอื่น จนกระทั่งผมหันไปเห็นสิ่งๆหนึ่งที่รั้วริมคลองซึ่งของสิ่งนั้นทำให้ผมถึงกับหน้าถอดสีในทันที

ในเวลานั้นเองที่ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังได้ยินเสียงบางอย่างที่ลอยมาตามลมว่า

“ทีม-รัก-บี-นะ”

ผมไม่รู้ว่าผมหยุดยืนนิ่งด้วยความหดหู่อย่างนี้อยู่นานเท่าไหร่ เพราะเมื่อรู้ตัวอีกทีบาสก็พยายามเรียกผมให้คืนสติด้วยเสียงอันดัง

“บี บี ได้ยินหรือเปล่า”

“หา อะไรนะ บาสว่าไงนะ”

“บาสถามว่าบีใจลอยไปไหนเนี้ย เป็นอะไรหรือเปล่า”

“อ๋อ ปละ ปละ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”

“ทำไม สนใจมันเหรอ นั่นน่ะ เขาเรียกว่า.."ดอกราตรี"
ตอนกลางวันอย่างนี้มันดูไม่ค่อยสวยหรอก ถ้าบีไม่กลัวผีเดี๋ยวคืนนี้บาสจะพาออกมาดูอีกที รับรองบีจะแปลกใจ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกบาส บีไม่อยากดูหรอก”

“อ่ะ กลัวผีอ่ะดิ”

“ปล่าว บาส บีว่าเราเข้าบ้านกันเถอะ”

“บี.....บีไม่เป็นไรแน่นะ”

“บีไม่เป็นไรจริงๆ เข้าบ้านกันเถอะบาส”

พูดจบผมก็ค่อยๆ ประคองบาสเดินกลับเข้าไปในบ้าน จนหลังจากที่เราทานอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้วผมก็ขอตัวกลับเข้ามาในห้องแล้วก็เริ่มปล่อยน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายออกมาอย่างเหลืออด

ก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับบาส ผมเคยคิดว่าผมน่าจะลืมทีมไปได้แล้วอย่างถาวร แต่ในความเป็นจริง ผมยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงเขา โดยเฉพาะเมื่อผมได้มาเห็นดอกราตรีเมื่อตอนบ่าย มันยิ่งย้ำเตือนให้ผมรู้สึกได้ว่าผมไม่อาจลืมทีมได้เลย

เป็นเวลานานเท่านานที่ผมยังคงร้องไห้ให้กับความรักในอดีตจนกระทั่งผมรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั้งเบ้าตา ผมจึงพยายามปาดน้ำตาแล้วหยิบบันทึกที่บาสมอบให้ผมเมื่อตอนทานข้าวขึ้นมาอย่างมีความหวัง

เป็นความหวังที่ว่า...ถ้าหากจะมีอะไรสักอย่างที่จะมาช่วยให้ผมลืมทีมได้ ผมก็หวังว่าสิ่งนั้นจะเป็นบันทึกของบาสนี่ล่ะ

------------------------------------------------

25 กรกฎาคม 2539

วันนี้เป็นวันที่ผมเพิ่งกลับมาจากการเข้าค่ายลูกเสือ

ก่อนหน้าที่ผมจะได้ไปเข้าค่ายครั้งนี้ ผมเคยได้แต่นับวันเวลาคอยเพื่อให้การเข้าค่ายลูกเสือครั้งนี้มาถึงเร็วๆ

แต่วันนี้เป็นวันที่ผมได้รู้ว่าผมไม่ควรไปร่วมเข้าค่ายลูกเสือครั้งนี้เลย

หลายวันก่อน..ทันทีที่ผมรู้ว่าผมได้อยู่หมู่เดียวกับบี ผมก็รู้สึกดีใจมากอย่างบอกไม่ถูกเพราะมันหมายถึงว่าผมจะมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดบีมากขึ้น

ในวันแรกที่ผมมาถึงค่าย....ผมจึงได้พยายามจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ คอยช่วยเหลือบีในทุกสิ่งอย่างที่ผมสามารถทำได้เพื่อลบล้างภาพเก่าๆ ที่บีเคยมองผมว่าผมเป็นคนลามก

แต่ดูเหมือนบีจะไม่ยอมเชื่อใจผมเลย เขาพยายามปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือของผมในทุกๆครั้ง

ยังไงก็ดี....ผมพยายามที่จะไม่เสียกำลังใจ แล้วบอกกับตัวเองว่าผมต้องทำความดีเพื่อเอาชนะใจบีให้ได้

แต่ในคืนนั้นเองที่ผมกลับได้รับรู้ความจริงที่น่าตกใจที่สุดในชีวิต

เมื่อไอ้ทีม เพื่อนสนิทของผมได้มาสารภาพกับผมว่ามันชอบเพื่อนผู้ชายด้วยกันคนหนึ่ง และคนๆนั้นคือ.....บี

ผมฟังความจริงจากปากของมันอย่างไม่เชื่อหู ผมไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายรูปหล่อหน้าตาดีที่ผู้หญิงทั้งโรงเรียนแอบฝันถึงอย่างมันจะมาชอบผู้ชายด้วยกัน

ที่สำคัญ ทำไมคนๆนั้นต้องเป็น.....บี

มันพยายามขอร้องให้ผมช่วยเหลือมัน ด้วยการขอไปนอนค้างกับผมที่ห้องเพราะมันอยากไปนอนเฝ้าบีใกล้ๆ

จะเป็นเพราะความตกใจหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมก็ได้ตอบตกลงไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองได้ตอบมันไปอย่างนั้น

ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าในที่สุดแล้ว...บีอาจจะไม่ชอบไอ้ทีมมันก็ได้ ทั้งๆที่ผมก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า

...จะมีผู้หญิง หรือเกย์คนไหนในโรงเรียนนี้ที่จะปฏิเสธผู้ชายที่ทั้งหล่อ เล่นกีฬาเก่ง แถมยังเรียนดีแบบไอ้ทีมได้

ยิ่งพวกเราเดินมาถึงห้องนอน ผมก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเมื่อไอ้ทีมค่อยๆ เดินตรงไปที่บีแล้วก็ไปหนุนหัวนอนอยู่ตรงปลายเท้าของบีพอดิบพอดี

เมื่อเห็นพฤติกรรมนั้นของไอ้ทีม ผมถึงได้รู้ว่ามันหลงรักบีมากแค่ไหน

เพราะภาพของผู้ชายที่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยการเอาหัวไปหนุนนอนอยู่ที่ปลายเท้าของคนรักอย่างศิโรราบราวกับตัวเองเป็นทาสผู้ต้อยต่ำนั้น มันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดว่า “รัก” มากมายนัก

ในคืนนั้น...ท่ามกลางความมืด ผมได้แต่นอนร้องไห้อยู่คนเดียวอย่างเจ็บปวด แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ผมคงจะโทษใครไม่ได้เลย

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษ..... “ความขี้ขลาด” ....ของตัวเอง

ผมซึ่งแอบหลงรักบีมาตั้งแต่แรกเห็น และได้เฝ้าติดตามดูบีมาตลอด กลับไม่เคยกล้าแม้แต่จะปริปากบอกความในใจกับใคร

ขณะที่ไอ้ทีมกลับกล้าที่จะสารภาพกับผมอย่างตรงไปตรงมาว่ามันรักบีโดยไม่กลัวว่าผมอาจจะนำเรื่องนี้ไปพูดให้มันเสียหาย

คนขี้ขลาดอย่างผมไม่ควรค่าที่จะได้รับความรักจากใครเลยจริงๆ

แต่ถึงยังไงผมก็อดภาวนาอ้อนวอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ว่าในวันพรุ่งนี้ ผมขอโอกาสเพียงสักครั้ง......ครั้งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ผมได้อยู่กับบีแค่ 2 ต่อ 2

ถ้าโอกาสนั้นมาถึงผมก็จะเดินเข้าไปบอกบีตรงๆว่า.....ผมรักเขา….อย่างไม่ลังเล

และแล้วในวันรุ่งขึ้นดูเหมือนพรที่ผมขอไว้จะเป็นจริง เมื่ออยู่ดีๆ บีก็เกิดไม่สบายแล้วก็ขอตัวหลบไปพักผ่อนที่ในสวนป่า

แต่สันดานคนขี้ขลาดอย่างผม มันก็ยังคงขี้ขลาดอยู่วันยังค่ำ เพราะแม้ผมจะได้รับการหยิบยื่นโอกาสมาให้ตรงหน้าแล้ว แต่ขาทั้ง 2 ข้างของผมกลับไม่ยอมขยับ

อยู่ดีๆ ผมก็กลัวว่าถ้าผมถูกบีปฏิเสธล่ะ ถ้าผมบอกความจริงไปแล้วทำให้บีไม่ยอมพูดกับผมอีกเลยล่ะ ผมจะทำยังไง

ในช่วงเวลานั้น...ความกลัวต่างๆนานา มันผุดขึ้นมาในหัวจนทำให้ผมไม่กล้าเดินตามบีไป

จนกระทั่ง......

ไอ้ทีมได้เดินตัดหน้าผมเข้าไปในสวนป่า ผมถึงได้รู้ว่าโอกาสของผมได้ผ่านไปแล้ว

ผมยื่นนิ่งอย่างชิงชังตัวเองด้วยสารพัดคำด่าที่พอจะสรรหามาตำหนิตัวเองได้ จนเมื่อรู้สึกราวกับว่าอกของผมมันกำลังจะระเบิดออกมาผมจึงตัดสินใจวิ่งตามคนทั้งคู่ไป

แต่ทันทีที่ผมได้เห็นคนทั้งคู่ในสวนป่า ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความรู้สึกราวกับว่า.....โลกทั้งโลกกำลังพังทลายลงตรงหน้า พร้อมๆ กับความรู้สึกเจ็บปวดจนเกินคำบรรยาย

ในเวลานั้นเอง......ที่ภาพของบีที่กำลังอยู่ภายในอ้อมกอดของไอ้ทีมได้เตือนสติให้ผมรู้ว่า

...........ผมได้เสียบีให้ไอ้ทีมมันไปแล้ว..จริงๆ............

---------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 18-11-2006 00:56:14
คุณนัทนที ค่ะ เขียนเรื่องได้ปวดหัวใจมากเลยคะ  :monkeycry2:

คุณบลูน๊า ปล่อยให้รอตั้งนาน  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-11-2006 07:37:12
อ่านบันทึกบาสแล้วเศร้าใจ  :monkeysad:

แต่ว่านะบาส ถึงบาสจะใจกล้าบอกไปตอนนั้น บีก็คงไม่สนใจหรอก  :try2: ภาคแรกบีอคติกับบาสเหลือเกินนี่

ไม่รู้สินะ คิดว่าถึงบาสจะกล้าบอกตอนนั้น บาสก็คงเสียบีให้ทีมไปอยู่ดี  :monkeysad:

เพราะตอนที่บาสบอกรักบีในสวนสาธารณะ ขนาดตอนนั้นบีรู้สึกดีกับบาสมากขึ้นแล้ว ก็ยังคิดว่าบาสมาหลอกฟันเลยนี่

ยังไงก็ลุ้นบาสอยู่นะ สู้เขา  :yeb:

ปล. เพิ่งรู้ว่าคุณ blueboyhub กับคุณปลายยอดไผ่ เป็นคนเดียวกัน  :myeye: เมื่อก่อนได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถาม

ยังไงก็ขอบคุณที่เอานิยายดีๆ มาให้อ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 18-11-2006 14:51:03
 :serius2: :sad5: :try2:
อยากเริ่มเชียร์บาสบ้างแล้วอ่ะ
บางทีรักคนที่เค้ารักเราดีกว่าเนาะ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-11-2006 16:17:30
อยู่นอกสายตา ของเธอตั้งไกล....


เศร้าจัง :monkeysad2:


เฮ้อ  :serius3:


พูห์ :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 18-11-2006 20:31:42
  :-[เห็นด้วยกับคุณ moopai คับ รักคนที่เค้ารักเราดีกว่าคับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 18-11-2006 21:16:08
รักเขาข้างเดียวนี่มันเศร้าจริงเฟ้ยยยย   คิดเหมือน Shell แหละ  ถึงบาสบอกเค้าก็ไม่หันมามองอยู่ดีหรอก  สายตาบีไม่เคยมองบาสอยู่แล้วนี่นา  คิดแล้วเศร้า  แต่โชคชะตาก็ยังมาทำให้บาสให้บอกความในใจกับบีอีกครั้ง  ครั้งนี้ดูเหมาะเจาะลงตัว  แต่ละคนก็โตขึ้น  ก็น่าจะดีขึ้นนา  ยิ่งโตก็ยิ่งมองเห็นอะไรมากขึ้นแหละ  รักคนที่เขารักเราดีกว่าจริง ๆ แต่ถ้าได้ทั้งคู่ เค้าอาจจะรักเราก่อน แล้วเรารักเขาทีหลังด้วยก็ดีนา  อิอิ  เริ่มเชียร์บาสแระ  :monkeylove2:

ต่อเลยเรย์    ให้ไว ให้ไว  อยากอ่านละ   :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 18-11-2006 22:13:59
เหอๆๆ..บาส  น่าสงสารจริงๆ

แต่ผมไม่เปลี่ยนใจจากปอนด์หรอกนะครับคุณบลู

ผมไม่ชอบผู้ชายผมยาวจริงๆ



ปล...น่าอิจฉาบีจังมีแต่คนรุมรัก
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 18-11-2006 22:26:21
ภาคสอง ยอดเยี่ยมก่าภาคแรกอีกงิ

ทั้งซึ้งทั้งเศร้า เคล้ากันไป งิงง
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 18-11-2006 22:59:53
เมื่อไหร่จะมาหว่า :confuse:
ง่วงแล้วอ่ะ :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 18-11-2006 23:15:32
หัวใจสลาย เมื่อเธอเดินไปกับเขา 

ว่าแล้วน้ำตาก็หยดแหมะ :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-11-2006 23:33:29
GoneOn  between  :3063: รอเพื่อนๆเม้นอ่ะครับ กัวอ่านกันไม่ทัน
ขอบคุณนะครับที่ยังตามให้กำลังใจผมอยู่    :impress:

shell บางทีคนเราก็อาจมองข้ามสิ่งดีๆไป  :3129:

moopai  อืมปัญหาโลกแตกสำหรับผมเลยครับ ถ้าสองคนจูนตรงกันได้คงดีที่สุด   :seng2ped:

หมูพูห์  กระทบหัวใจเราๆกันหลายคน  :monkeysad2:

Tantalum  แล้วอาจทำร้ายคนที่เขารักเรา จะดีหรือครับ  :monkeysad:

มูมู่น้อย  พูดแล้วนึกถึงเรื่องอดีต เจอคนดีกว่าเราดันไม่เลือกเขา สุดท้ายก็ได้รับแต่ความช้ำจาย จะโทดอะไรได้ก็หัวใจมันบอกให้ทำแบบนั้น ต่อให้ย้อนเวลาได้ก็เลือกเขาอยู่ดี

FlukeHub  คิกคิก ผมดูคนที่หัวใจ แต่ถ้าตรงเสป็คด้วยก็ยิ่งดี  :kikkik:

Aki_Kaze  ถ้าพระเจ้ามีจริง โปรดช่วยเหลือคนที่รักจริงสักครั้งเถิด  :impress:

kirati69  เคยเห็นภาพที่เราไม่อยากมองไหม แม้บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่มันเจ็บเข้าไปลึกๆที่หัวใจจริงๆ ไม่ได้รู้สึกไปเอง  :impress3:

******************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 5 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่แจ่มใสนักเพราะบันทึกของบาสเมื่อวานได้ทำให้ผมกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ค่ายลูกเสืออีกครั้งจนนอนไม่หลับมาทั้งคืน

แม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้วแต่ผมก็ยังจำภาพทุกภาพ คำพูดทุกคำได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้นี่เอง

ผมยังจำได้ดีอย่างไม่มีวันลืมถึงภาพของทีมที่ยืนร้องไห้กอดผมไว้แน่นในสวนป่า จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ทีมทำอะไรผิด ทำไมบีถึงต้องทรมานทีมแบบนี้......จะให้ทีมต้องเจ็บปวดอีกแค่ไหน บีถึงจะพอใจ..... บอกทีมมาสิ ..บอกมา......จะให้ทีมทำยังไงกับบีดี….”

เมื่อนึกถึงคำพูดนี้ของทีมอีกครั้ง น้ำตาอุ่นๆ ของผมก็ไหลลงมาอาบแก้มอย่างสุดจะห้าม ในขณะที่อดถามตัวเองไม่ได้ว่า...ทีมเขาจะรู้หรือไม่ว่าในที่สุดแล้ว ตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายทำให้ผมต้องเจ็บปวดและทุกข์ทนทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น

นอกจากความเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องของทีมแล้ว หลังจากอ่านบันทึกจบ อีกความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกันก็คือความรู้สึก “สงสาร”

ผมสงสารความรักของบาสที่ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ รวมทั้งอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดทรมานแค่ไหนที่ได้แต่มองผมกับทีมแสดงความรักต่อกัน

ในตอนนั้นแม้จะมีหลายครั้งที่ผมสงสัย และไม่เข้าใจพฤติกรรมหลายๆอย่างของบาส แต่เรื่องที่ว่าเขาจะทำสิ่งต่างๆมากมายเหล่านี้เพราะเขารักผมนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันจะคาดคิดถึงเลย

เมื่อก่อน..ผมเคยคิดว่าทั้งทีมและบาสต่างมีนิสัยคล้ายๆกัน พวกเขาจึงมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว....มันกลับไม่ใช่เลย

ทีมเป็นผู้ชายที่โผงผาง ใจร้อน และปากตรงกับใจ ไม่ว่าเขาจะคิดหรืออยากได้อะไร เขาก็จะพูดออกมาตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม

ในขณะที่บาส แม้ภายนอกเขาจะเสแสร้งแกล้งทำว่าตัวเองเป็นคนลามก กักขฬะและก้าวร้าวเหมือนทีม แต่วันนี้ผมได้รู้แล้วว่า...จริงๆ แล้วบาสเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน ละเอียดอ่อน และเก็บซ่อนความรู้สึกของตนเองไว้อย่างมิดชิด

ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชาย 2 คนที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้วอย่างนี้จะมาหลงรักคนๆ เดียวกันอย่างผมได้

ในเช้าวันนั้นผมเอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปถึงเรื่องราวรักสามเส้าระหว่างผม ทีม และ บาส จนเหลือบไปเห็นนาฬิกาว่านี่เป็นเวลาสายมากแล้ว ผมจึงรีบไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องเพื่อเดินตรงไปที่ห้องครัวจนพบว่าบาสออกมานั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว

“อ้าวตื่นแล้วหรือคับ คุณดอกไม้สุดสวย”

บาสแซวผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ดอกไม้อะไร”

“อ้าว....ก็ดอกคุณนายตื่นสายไง”

“บ้า นี่กะมีเรื่องกันตั้งแต่เช้าเลยใช่มั้ย”

“อย่าทำหน้าดุอย่างนั้นได้มั้ย บาสล้อบีเล่นน่า อย่าคิดมากซิ แล้วที่จริง บีไม่ต้องตื่นเช้าๆมาทำอะไรให้บาสกินก็ได้นะ บาสหาอะไรง่ายๆทานเองก็ได้ บีจะได้นอนต่ออีกหน่อยไง นอนน้อยๆเดี๋ยวหน้าโทรมแล้วจะไม่น่ารักน๊า”

บาสยังแซวผมต่ออย่างอารมณ์ดี

“ไม่ต้องมาทำพูดดีหรอกพ่อคนขี้ขลาด”

“อะไรนะ บีว่าใครขี้ขลาดนะ”

“อ้าว ก็ในบันทึกน่ะ ใครกันล่ะที่เรียกตัวเองว่า....คนขี้ขลาด”

“บี ไหนว่าเราจะไม่พูดถึงบันทึกกันไง”

“รู้แล้วน่า บีก็แค่ล้อเล่นเหมือนกัน เอ่อ เรารีบหาอะไรทานกันดีกว่า เดี๋ยวบาสจะไปทำกายภาพบำบัดไม่ทัน อืมมม เอาไข่กวนแล้วกันนะ ทำง่ายและเร็วดี”

“ได้สิ ขอให้บีเป็นคนทำ บาสก็กินได้หมดแหละ”

ผมมองบาสอย่างยิ้มๆ แล้วก็หันไปทำไข่กวนมาทานเป็นมื้อเช้า และหลังจากที่เราทั้งคู่ทานมื้อเช้าเสร็จ ผมก็พาบาสไปโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพบำบัดตามที่หมอได้นัดไว้

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลผมก็พบว่า..แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่ที่โรงพยาบาลศิริราชแห่งนี้ก็ยังมีผู้ป่วยมาเข้าคิวรอรับการรักษาอย่างหนาแน่นเช่นเคย และในขณะที่ผมค่อยๆ พาบาสเดินฝ่าผู้คนที่เดินไปมาอย่างขวักไขว่ไปห้องทำกายภาพบำบัดนั่นเองที่ผมได้ยินเสียงหนึ่งที่เรียกชื่อผมออกมาด้วยเสียงอันดังจนทำให้ผมต้องหันกลับไปมองยังต้นเสียงทันที

“พี่หมอ...”

ผมอุทานออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงที่เรียกผมเมื่อครู่อย่างเต็มตา

“นี่...พี่มีชื่อนะ ยังเรียกพี่หมออยู่ได้”

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์แซวผมอย่างอารมณ์ดี

“ก็แหม...บีชินเรียกพี่แบบนี้นี่นา”

“เหรอ แต่พี่ฟังแล้วปวดใจนี่ มันทำให้พี่อดนึกถึงวันเก่าๆ ของเราไม่ได้ เพราะคงมีบีคนเดียวมั้งที่เรียกพี่ว่า........พี่หมอ”

“เอ่อ....พี่หมอ..ยังไม่หายโกรธบีเหรอ”

ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

“ถ้าพี่ยังโกรธ พี่จะมาทักบีแบบนี้ทำไม พี่ลืมไปแล้วล่ะ อย่าคิดมากเลย แล้วบีมาทำอะไรเนี้ย ไม่สบายหรือเปล่า ให้พี่ตรวจให้มั้ย”

“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวก็ตรวจผิดตรวจถูกเหมือนคราวก่อนอีก”

“นี่...เลิกแซวพี่เรื่องนี้สักทีได้มั้ย จะจำไปจนตายเลยหรือไง”

“ก็จำไว้แซวพี่หมออย่างนี้ไงล่ะ แล้วพี่หมอล่ะมาทำอะไรที่นี่ บีได้ข่าวว่าพี่ไปใช้ทุนอยู่ที่เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ แต่ตอนนี้พี่มาต่อโทที่ศิริราชไงก็เลยต้องมาลงวอร์ดตรวจคนไข้ด้วย”

“เหรอ งั้นก็น่าสงสารคนป่วยที่นี่เนาะ”

“ยัง...ยังไม่เลิก”

“ฮะ แฮ่ม”

เสียงกระแอมไอของบาสที่ดังขึ้นมาอย่างจงใจได้เตือนสติให้ผมรู้ว่าผมเอาแต่คุยกับพี่หมอด้วยความดีใจจนลืมไปว่ายังมีบาสนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย

“บีลืมแนะนำไปเลย ....พี่หมอ นี่บาสคับ เป็นเพื่อนบีตั้งแต่มัธยม ส่วนบาส นี่ก็พี่หมอ เอ่อ ไม่ใช่สิ เขาชื่อ พี่ปิง นะ เป็นรุ่นพี่ของบีที่ธรรมศาสตร์”

“หวัดดีคับ”

บาสทักทายพี่หมอด้วยน้ำเสียงห้วนๆ และสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรนัก

“สวัสดีครับ”

พี่หมอทักทายบาสกลับสั้นๆแล้วก็หันมาถามผมว่า

“แล้วเพื่อนบีเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

“อ๋อ ไม่เป็นไรมากหรอกคับ กระดูกข้อเท้าร้าวน่ะ ก็เลยต้องมาออกกายภาพบำบัด”

ในนาทีนั้นเองเมื่อผมพูดถึงคำว่ากายภาพบำบัด ผมจึงนึกได้ว่านี่มันเลยเวลานัดไปแล้ว

“ตายจริง นี่มันเลยเวลานัดแล้วนี่ งั้นเดี๋ยวบีกลับมาคุยได้มั้ยคับ บีคงต้องพาเพื่อนไปส่งก่อน”

“ได้สิ เดี๋ยวพี่รออยู่ตรงนี้แหละ”

“อ้าว แล้วพี่หมอไม่ต้องไปทำงานเหรอ”

“ถึงมี พี่ก็คงยอมโดดงานแหละ เพราะยังไงบีก็สำคัญกว่าอยู่แล้ว”

“พี่หมอ.!!!”

“พี่ล้อเล่นน่า พาเพื่อนไปส่งเถอะ”

“คับ งั้นเดี๋ยวบีมานะ”

พูดจบผมก็ค่อยๆ เข็นบาสเดินไปยังห้องทำกายภาพบำบัดโดยตลอดเวลานั้น บาสเอาแต่นั่งเงียบ ไม่คุยอะไรกับผมเลย

เมื่อมาถึงห้องผมก็รีบเดินเข้าไปขอโทษเจ้าหน้าที่ซึ่งจะเป็นคนช่วยบาสในการทำกายภาพบำบัดที่พวกเรามาถึงช้ากว่ากำหนด จากนั้นผมก็ฝากให้เขาดูแลบาสด้วยแล้วก็เดินออกมา แต่ในเวลานั้นเองที่บาสได้เรียกผมไว้

“เดี๋ยว....บี”

“มีอะไรเหรอ”

“เอ่อ..คือ...เอ่อ...ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก บีไปเถอะ”

“แน่ใจนะ ว่าไม่มีอะไรจะพูดกับบี”

“มะ มะ ไม่มี”

ผมมองท่าทีตะกุกตะกัก อมพะนำของบาสอย่างหงุดหงิดแล้วก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกไป แต่เมื่อเดินไปได้สัก 2 – 3 ก้าว ผมก็เริ่มรู้สึกทนพฤติกรรมนี้ของบาสต่อไปไม่ไหว ผมจึงตัดสินใจหันกลับไปพูดกับเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

“บาส คราวหลังบาสมีอะไรจะพูดกับบี บาสก็พูดมาตรงๆเถอะ เพราะวันข้างหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บาสจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจหรือต้องมาด่าตัวเองว่าเป็น “คนขี้ขลาด” อีก”

พูดจบผมก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างหงุดหงิดแต่ในเวลานั้นเองที่เสียงของบาสได้ทำให้ผมต้องหยุดอยู่กับที่

“อย่าไปเลยนะบี อยู่กับบาสนะ บาสไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนั้นเลย เวลาบีคุยอยู่กับมัน บาสเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันปวดใจสุดๆ ทุกครั้งที่เห็นแววตาที่มันมองบี มันทำให้บาสรู้สึกกลัว บาสกลัวว่ามันจะมาแย่งบีไปจากบาส บาสไม่อยากเสียบีไปให้ใครอีก เพราะฉะนั้น...

..............บีอย่าไปเลยนะ..............”


-----------------------------------





















หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 19-11-2006 00:23:19
เอ.... คราวนี้ไม่ได้จบด้วยบันทึกของบาสนี่ 

แสดงว่าจะมาต่อให้เลยป่าวอ่ะ คุณบลู   :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 19-11-2006 00:29:30
 :serius2:ไม่จริง ๆๆๆๆๆ ทำไมทำกับบาสแบบนี้ เหอะเหอะ เอาเหอะ ยังไงก็จะรอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 19-11-2006 00:50:02
อ้าว  :serius2: :serius2: :sad5: :oค้างครับ ค้างเลย
รีบมาต่อเร็วนะจะรอทั้งคืนเลยยยยยยย :3129: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 19-11-2006 01:27:29
อ๊ากกก แอบอ่านมา 2 วัน
ทำไมมันเศร้าอย่างนี้ล่ะคับ???


 :sad5:


จะรออ่านตอนะคับ


คุณบลูสู้ๆ สู้ตาย!


 :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 19-11-2006 04:42:43
มีพี่หมอมาอีกคน  บีนี่ทำไมเสน่ห์แรงปานน้านนนน  แรงโครต ๆ  บาสเริ่มมีคู่แข่งอีกแล้วเหรอเนี่ย  สงสารจัง  :impress3:

รออ่านต่อเหมือนเดิม  ให้ไวนา  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 19-11-2006 12:00:59
บาส..น่าสงสารอ่ะ

บีก้อนะ  อะไรจะเสน่ห์แรงปานนั้น

ว่าแต่ปิงเนี่ย... 

ใช่ปิงที่เปงเพื่อนโอ๊ตกลับชาติมาเกิดป่าว  <<...นอกเรื่องแล้วผม



ปล..เมื่อไหร่ปอนด์จะโผล่มาเนี่ย

ปลล. อยากอ่านบันทึกของบาสอ่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-11-2006 16:46:24
พี่หมอ  :pigscare2: ใครนะ  :serius2: แล้วมาทามม้าย  :serius2:  :serius2:

คนเขากำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วเชียว  :sad5: ยังอุตส่าห์มีคู่แข่งอีก ฮึ่ม  :try2:

บาสสู้ ๆ  :like2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-11-2006 17:38:17
ค้างคาดีเจงๆ บลู :untrust:


มาต่อให้ไวไวเลย


พูห์ :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 19-11-2006 20:21:06
ปกติเป็นคนไม่ค่อยเชื่อโชคชะตา

แต่อ่านเรื่องนี้แล้วให้ได้คิดว่าโชคชะตาบางทีก็เล่นแผลงๆ

คนไม่เจอกันตั้งนาน อยู่ดีๆ โผล่มาทำไม ??? เฮ้อ เส้ากันต่อปายยย  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 19-11-2006 21:55:37
 :monkeysad2:
         อ่านภาคหนึ่งรวดเดียจบเรย
                พี่ๆว่า  อะแฮ่ม!!!!!!!!!!!!
                           เค้าจามีเคลียร์รึป่าว
เรื่องที่  ทำไม ทีมถึงทิ้ง  บี อ่ะ
       คนที่รักกานมากขนาดนั้น แค่ระยะเวลาแป๊บๆ
               ทิ้งกันได้เนี่ย
 ขอยอมแพ้หง่ะ......0fegdbo(ใจดำเกิน)
  ตอนนี้ผมยังอินอยู่เลย
                               
ESP.....เชียร์บาสมาตั้งแต่ต้นเรยคับ วู้
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 20-11-2006 17:04:46
GoneOn  Tantalum  moopai  หมูพูห์  ขอโทษนะครับเมื่อวานเข้าเล้าไม่ได้เลย ผมใช้เน็ตของทรูอ่ะ ไม่รู้ทำไม
ที่ทำงานใช้ tot ยังเข้าได้เลย มาโพสให้แล้วนะครับ  :impress:

Rrmz`,,  แอบทำไม อย่าไปแอบรักใครหล่ะ  :myeye:

มูมู่น้อย ระวังน้าเลือกมากจะเป็นอย่างบี ไม่เห็นคนที่รักเรามากอยู่ตรงหน้านี่เอง  :3043:

FlukeHub  อย่าพูดถึงปิงน้า พูดแล้วน้ำตาจะร่วง หือหือ เพื่อนๆสงสัยก็ลองไปอ่านบ้านพักอลเวงภาค2 นะครับ
ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน  :impress3:

shell  เอิ้กๆ

kirati69  เมื่อฟ้าแกล้ง ผมก็ยืนฝืนชะตา  :impress3:

between  อ่าเหมือนผมเลยเชียร์บาสมาตั้งแต่แรก ไม่รู้ทำมาย  :monkeysad:



******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************
............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 6 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังสิ้นเสียงของบาส ผมก็หันกลับไปมองเขาด้วยสายตาตกตะลึงกับสิ่งที่เขาพูดออกมา เพราะผมไม่คิดมาก่อนว่าสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับผมคือสิ่งที่ผมเพิ่งได้ยินผ่านหูไปเมื่อครู่

“อย่าไปเลยนะ อยู่เป็นเพื่อนบาสที่นี่นะบี”

บาสพูดย้ำกับผมอีกครั้ง

“บาส....บีแค่ไปคุยกับเขาแป๊บเดียวเอง แล้วบีกับพี่หมอก็ไม่มีวันจะมีอะไรกันอย่างที่บาสคิดหรอก สบายใจเถอะนะ”

แม้ผมจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่บาสก็ยังมีสีหน้าไม่มั่นใจนัก จนผมต้องถามเขาว่า

“บาสไม่เชื่อใจบีเหรอ”

“เชื่อสิ บาสเชื่อบีเสมอล่ะ ตกลง บีไปเถอะ ยังไงบาสก็รอบีมาตลอดอยู่แล้วนี่ หากต้องรออีกหน่อย มันจะเป็นไรไป”

หลังบาสพูดจบผมก็ได้แต่มองเขาด้วยความตื้นตัน ก่อนจะตอบบาสกลับไปว่า

“ขอบคุณนะบาส ขอบคุณมาก”

คำพูดขอบคุณที่ผมบอกบาสไปเมื่อครู่ไม่ได้เป็นคำขอบคุณต่อการที่เขายอมเชื่อใจผม หรือยอมให้ผมไปคุยกับพี่หมอ

หากแต่...นั่นคือคำขอบคุณที่ผมมอบให้กับ “ความรักอันมั่นคงที่เขามีให้ผมเสมอมา” ต่างหาก

เมื่อผมออกมาด้านนอก ผมก็พบว่าพี่หมอยังคงยืนรอผมอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีกระวนกระวาย และเมื่อเขาเห็นผมเขาก็รีบเดินเข้ามาหาผมด้วยความดีใจก่อนที่จะพาผมไปคุยกันที่ร้านอาหารในโรงพยาบาล

“นึกว่าบีจะไม่ออกมาพบพี่แล้วเสียอีก”

“ทำไมล่ะ ก็บีบอกพี่ไว้แล้วนี่”

“ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเหมือนกับว่าเพื่อนบีคนนั้นเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เห็นบีคุยกับพี่”

“แล้วทำไมเขาจะต้องคิดอย่างนั้นด้วยล่ะ”

ผมแกล้งถามไปอย่างงั้นทั้งๆที่ในใจก็รู้ดีว่าสิ่งที่พี่หมอคิดนั้นถูกต้องที่สุด

“ไม่รู้สิ พี่อาจจะคิดไปเอง”

“ใช่ พี่หมอน่ะชอบคิดอะไรไปเอง อย่างคิดว่าบีเป็นไข้หวัดธรรมดาอย่างเงี้ย”

“นี่ ต้องให้พี่ทำไงเนี้ย บีถึงจะลืมเรื่องนั้นไปได้”

“ไม่มีทางหรอก จ้างให้บีก็ไม่มีทางลืม”

ผมตอบกลับไปอย่างยิ้มๆ

“แล้วเรื่องที่พี่คิดไปเองเรื่องอื่นล่ะ บีลืมไปหรือยัง”

“เช่นเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เช่นเรื่องที่พี่เคยคิดไปเองว่า.........บีรักพี่”

คำพูดของพี่หมอประโยคนี้ทำให้ผมถึงกับหน้าถอดสี พลันอดคิดถึงเรื่องราวนับตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอกับพี่หมอไม่ได้


“ตกลงว่าคงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาน่ะครับ เดี๋ยวออกไปรอรับยาด้านนอกแล้วกัน”

“คับ ขอบคุณคับ”

ผมตอบกลับไปโดยอดแอบมองหมอหนุ่มหน้าตาดีที่เพิ่งตรวจโรคผมเสร็จไปเมื่อครู่ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนใบสั่งยา ผมก็เลยตัดสินใจเดินออกไปรอจ่ายเงินและรอรับยาที่บริเวณโถงโรงพยาบาลด้านหน้า

ผมนั่งคอยไปอีกสักระยะ ผมก็ได้ยินเสียงประกาศเรียกชื่อผมแต่ทว่าเสียงนั้นกลับเป็นเสียงประกาศจากส่วนกลางของโรงพยาบาล ไม่ได้มาจากห้องชำระเงิน

“คุณปิติรัตน์ พิสิทธิ์อาชีวะกุล....กรุณามาที่ห้องตรวจ 2 ด้วยค่ะ….”

เมื่อได้ยินเสียงประกาศในครั้งแรกผมก็ยังคงนั่งอยู่อย่างลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าชื่อที่ประกาศนั้นใช่ชื่อผมหรือไม่ จนกระทั่งผมได้ยินเสียงประกาศซ้ำเป็นครั้งที่ 2

“คุณปิติรัตน์ พิสิทธิ์อาชีวะกุล....กรุณามาที่ห้องตรวจ 2 ด้วยค่ะ….”

เมื่อมั่นใจว่าเขากำลังประกาศเรียกชื่อผมแน่ ผมจึงลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ แล้วก็เดินไปห้องตรวจอีกครั้งอย่างสงสัยว่าผมต้องกลับไปที่ห้องตรวจอีกทำไม

“เชิญนั่ง”

เสียงของหมอสูงอายุคนหนึ่งบอกผมด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องตรวจ ที่มีหมอหนุ่มหน้าตี๋คนเมื่อกี้ยืนอยู่ในห้องด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม

“ช่วยอ้าปากกว้างๆ หน่อยนะครับ”

พูดจบเขาก็ค่อยๆเอาเหล็กบางๆมากดลิ้นผมเอาไว้แล้วนำไฟฉายมาส่องดูข้างใน

“นี่ไง คุณเห็นหรือเปล่าว่าคอเขาแดงมาก มีบวมตรงนี้ด้วย เห็นมั้ย”

“เห็นครับ”

“แล้วเนี้ยดูสิ เสมหะก็มี คุณจะบอกว่าเขาเป็นไข้หวัดธรรมดาได้ยังไง ลองดูสิ เห็นหรือเปล่า มันเป็นอาการไข้ที่เกิดจากคออักเสบ”

“ครับ”

หมอหนุ่มคนนั้นชะเง้อมองมาในคอของผมแล้วก็พยักหน้าแสดงความเห็นด้วย

“แล้วคุณได้ซักประวัติคนไข้หรือเปล่าว่าเขามีอาการยังไง เจ็บคอมั้ย ปวดหัวหรือเปล่า”

“เอ่อ ไม่ได้ถามครับ”

“ใช้ไม่ได้เลยคุณ มันเป็นกฎข้อแรกของหมอนะที่จะต้องซักประวัติคนไข้ให้ดีก่อนตรวจ แล้วเชื้อ.......”

เมื่อหมอสูงอายุคนนั้นเริ่มใช้ศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ ผมก็เริ่มฟังไม่รู้เรื่องแล้วว่าเขากำลังคุยอะไรกัน อีกอย่างผมก็กำลังรู้สึกเมื่อยปากอย่างมากที่หมอยังให้ผมอ้าปากค้างเติ่งไว้อย่างนั้น ในขณะที่เขาได้แต่พร่ำสอนลูกศิษย์ถึงการวินิจฉัยโรคหัวข้อแล้วหัวข้อเล่า จนผมอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นหุ่นทดลองมีชีวิตให้กับนักศึกษาแพทย์ไปแล้ว

“โอเค ครับ ขอบคุณมาก เดี๋ยวคุณกลับไปรอรับยาที่เดิมแล้วกัน”

เสียงสวรรค์ที่ดังขึ้นทำให้ผมรีบหุบปากลงอย่างดีใจ

“ขอบคุณครับ ”

ผมตอบขอบคุณหมอผู้ใหญ่ท่านนั้นไปแบบห้วนๆ แล้วก็เดินออกไปจากห้องในทันทีโดยแอบมองเห็นหมอหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นหันมามองผมด้วยสายตาสำนึกผิด

หลังจากรับยาจากโรงพยาบาลแล้ว ผมก็รีบกลับไปยังหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยในศูนย์รังสิต พลางอดหงุดหงิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

ก่อนหน้านี้...ผมเคยได้ยินมาบ้างแล้วถึงกิตติศัพท์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์คลองหลวงแห่งนี้ที่มักจะใช้นักศึกษาเป็นหนูทดลองให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้เรียนรู้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง

เมื่อมาถึงหอพัก ผมก็รีบทานยาแล้วหลับยาวเลยไปจนถึงตอนเย็นก่อนที่จะต้องตื่นขึ้นด้วยความงัวเงียเมื่อเพื่อนร่วมห้องมาปลุกผม

“บี มีคนมาหามึงแน่ะ”

เพื่อนร่วมห้องคนนี้บอกผมด้วยภาษาพ่อขุนที่เรามักจะคุยกันเป็นประจำ ดังเช่นเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเพราะมันเองก็ไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์

“ใครอ่ะ”

ผมถามไปอย่างงัวเงีย

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูจากเสื้อที่ใส่ น่าจะเป็นเด็กแพทย์ว่ะ”

“เด็กแพทย์เหรอ ??? ”

ผมถามกลับไปอย่างงงๆ เพราะเท่าที่จำได้ ผมไม่เคยมีเพื่อนหรือคนรู้จักเรียนแพทย์ในธรรมศาสตร์เลย

“มึงเลิกสงสัยได้แล้ว เขารออยู่ข้างล่างแน่ะ”

ผมลุกขึ้นอย่างงๆ แล้วเดินไปล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะเดินลงไปชั้นล่างจนเห็นหนุ่มขาวตี๋ใส่แว่นคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนใต้หอพัก และทันทีที่เห็นหน้าเขาชัดๆ ผมก็เป็นฝ่ายทักเขาขึ้นมาทันที

“อ๋อ พี่หมอที่ตรวจผิดนี่เอง นึกว่าใคร”

ผมพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“เอ่อ ครับ พี่มาขอโทษ”

“มาขอโทษ หรือมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้ตายไปหรือยัง”

ผมยังไม่ยอมเลิกรา

“พี่มาขอโทษจริงๆ นะครับ พี่เสียใจ”

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของรุ่นพี่คนนั้น ผมจึงเปลี่ยนน้ำเสียงในทันที

“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยพี่ก็ไม่ได้จ่ายยาผิดนี่ เอ่อ แล้วพี่รู้ได้ไง ว่าบีอยู่นี่”

“ก็ในทะเบียนคนไข้ไงคับ แต่พี่เพิ่งรู้นี่ล่ะว่าน้องชื่อบี ส่วนพี่ชื่อปิงนะคับ ตอนนี้เรียนแพทย์ปี 4 แล้ว”

“คับ แล้วมีอะไรอีกมั้ย.”

ผมถามแล้วมองหน้าเขาอย่างหยั่งเชิงว่านอกจากมาขอโทษแล้วเขามีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่าเพราะหากเขาเสร็จธุระแล้ว ผมจะได้ขึ้นไปนอนต่อ

“เอ่อ แล้วเป็นไงบ้างครับ เริ่มดีขึ้นหรือยัง”

“ไม่รู้สิ มันเพลียๆ แล้วก็ง่วงมาก”

“งั้นพี่ไม่รบกวนดีกว่า ไว้พี่มาเยี่ยมใหม่ น้องบีกลับขึ้นไปนอนต่อเถอะ”

“พี่ไม่ต้องมาแล้วก็ได้คับ ก็บียกโทษให้แล้วไง ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นหรอก”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ทำแล้วสบายใจ งั้นวันหลังพี่มาใหม่นะ”

พูดจบพี่หมอก็เดินกลับออกไป และหลังจากวันนั้นพี่หมอก็แวะมาหาผมทุกวัน คอยซื้อน้ำ ซื้อขนมมาเยี่ยมไข้ผมไม่ได้ขาด จนแม้กระทั่งผมหายดีแล้วเขาก็ยังแวะเวียนมาหาผมสม่ำเสมอ แถมยังเริ่มแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเขาไม่ได้คิดกับผมเพียงแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง หรือหมอกับคนไข้ธรรมดาเสียแล้ว

ในตอนนั้นเองผมก็ต้องยอมรับว่าเมื่อต้องมาใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาน้องใหม่ที่ต้องจากบ้านมาไกลถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต มันก็มีหลายครั้ง หลายคราที่ผมอดรู้สึกเหงาไม่ได้ ทำให้ผมเริ่มมีใจให้กับพี่หมอแล้วก็ลองตัดสินใจลองคบกับเขาดู

เผื่อถ้าผมโชคดี พี่หมอคนนี้อาจจะทำให้ผมลืมทีมได้

หลังจากนั้นแม้เราทั้งคู่ต่างไม่เคยเอ่ยปากว่าเราเป็นแฟนกัน แต่โดยพฤติกรรมแล้วมันก็ไม่สามารถมองเป็นอื่นได้ เพราะผมใช้เวลาอยู่กับพี่หมอมากกว่าบรรดาเพื่อนๆของผมเสียอีก เราทั้งคู่ต่างไปดูหนังด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน ไปออกกำลังกาย ไปว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่งไปอ่านหนังสือสอบ จนดึกๆดื่นๆ ด้วยกัน

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่เราคบกัน ผมได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพี่หมอเป็นอย่างมาก อายุที่เขามีมากกว่าผมถึง 4 ปีทำให้เขาคอยดูแลและให้ความรักกับผมเหมือนเขาเป็นทั้งเพื่อน แฟน และพี่ชาย จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมคงจะเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ

แต่แล้วในวันหนึ่ง...พี่หมอได้มาหาผมที่หอพักเหมือนเช่นเคยแล้วก็ชวนผมออกไปขี่จักรยานเล่นกันภายในมหาวิทยาลัย

เขาขี่จักรยานโดยมีผมซ้อนท้ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดจอดนิ่งอยู่ที่ทางขึ้น.. “เนินวิศวะ” ซึ่งเป็นเนินลาดชันที่ยกสูงขึ้นไปยังลานหน้าทางเข้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์

เด็กธรรมศาสตร์ที่มาเรียนที่ศูนย์รังสิตทุกคนต่างรู้ดีว่า “เนินวิศวะ” แห่งนี้เป็นที่ๆ นักศึกษาที่เป็นคู่รักกันมักจะมาใช้เป็นสถานที่ทดสอบความรักของตน โดยฝ่ายชายจะต้องขี่จักรยานนำพาฝ่ายหญิงข้ามเนินวิศวะที่สูงชันนี้ไปให้ได้โดยที่เท้าของทั้งคู่จะต้องไม่เตะพื้นแม้แต่ครั้งเดียว

เป็นความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมาว่า...หากคู่รักคู่ใดที่ไม่สามารถขี่จักรยานผ่านเนินวิศวะนี้ไปได้ แสดงว่าคู่รักคู่นั้นก็หาใช่คู่แท้และจะมีเหตุให้ต้องเลิกรากันไปในอนาคต

ผมไม่รู้ว่าเรื่องเล่านี้จะเป็นความจริงหรือไม่แต่ก็อดขำไม่ได้ที่เห็นคนที่อยู่ในสายวิทยาศาสตร์อย่าง.. “พี่หมอ” ..ดูจะเชื่อถือเรื่องเล่าในมหาวิทยาลัยนี้อย่างเอาจริงเอาจัง

“บี...พร้อมหรือยัง”

“พร้อมอะไรล่ะ”

“ก็พี่จะขี่พาบีข้ามเนินวิศวะไง อุตส่าห์ไปฟิตมาตั้งหลายวัน อย่าลืมนะ ยังไงบีก็ห้ามเอาเท้าเตะพื้นนะ”

“ไม่เอาอ่ะ บีไม่เอาด้วยหรอก”

“เหอะน่า เราทำได้แน่”

พูดจบพี่หมอก็บอกให้ผมเตรียมพร้อมแล้วเขาก็เริ่มนับ 1 ถึง 3 และก็ออกตัวขึ้นเนินวิศวะไป ส่วนผมก็ได้แต่พยายามทำตัวนิ่งและทำตัวให้เบาที่สุด

เมื่อครู่ก่อนที่พี่หมอจะเริ่มขี่จักรยานขึ้นมา ผมรู้สึกได้ว่าการขี่ขึ้นเนินวิศวะนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยากเลย แต่เมื่อลองขี่ขึ้นมาจริงๆแล้ว ผมกลับพบว่าเนินวิศวะนี้ มันสูงชันกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก รวมทั้งการพยายามทรงตัวโดยไม่ให้เท้าเตะพื้นนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากทีเดียว

ในตอนนั้นเองที่ผมอดชื่นชมคนที่เป็นตัวต้นคิดในการใช้เนินวิศวะเป็นสถานที่ทดสอบความรักไม่ได้ เพราะการที่จะขี่ข้ามพ้นเนินแห่งนี้ไปให้ได้จะต้องอาศัยกำลังกายและกำลังใจอย่างมากจากฝ่ายชาย และการช่วยทรงตัวอย่างพร้อมเพรียงจากฝ่ายหญิง นั่นหมายถึงว่าในระยะเวลาสั้นๆ คนต้องคู่ต้องทำงานประสานกันอย่างเป็นใจเดียวเพื่อจะพาความรักของพวกเขาข้ามเนินสูงชันนี้ไปให้ได้

แต่น่าเสียดายที่ขณะที่คู่ของผมกับพี่หมอเหลืออีกเพียงไม่กี่เซ็นติเมตรก็จะถึงจุดหมาย อยู่ดีๆ พี่หมอก็เสียหลักจนเราทั้งคู่ล้มลง

“บี เป็นอะไรหรือเปล่า”

พี่หมอรีบถามผมด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า บีไม่เป็นอะไรหรอก พี่หมอล่ะ”

“พี่ก็ไม่เป็นไร งั้นเรามาลองกันใหม่นะบี”

“อย่าเลยพี่หมอ”

“ทำไมละ”

“บีแค่.....บีเหนื่อยน่ะ แล้วคืนนี้ บีมีรายงานต้องทำด้วย”

ผมแกล้งตอบไปอย่างนั้นทั้งๆที่ภายในใจผมกำลังรู้สึกไม่สบายใจเลย แล้วผมก็รู้ดีว่าต่อให้ลองอีกครั้งมันก็ไม่มีวันสำเร็จเพราะแค่ขี่ขึ้นมาให้ได้อย่างเมื่อครู่ พี่หมอก็คงใช้แรงไปแทบหมดแล้ว

“เหรอ งั้นพรุ่งนี้เรามาลองกันใหม่ก็ได้”

จริงๆผมอยากจะบอกเขาว่าผมไม่อยากมาทดสอบอีก แต่เมื่อเห็นท่าทีมุ่งมั่นของพี่หมอ ผมก็เลยไม่อยากทัดทานทั้งๆที่ผมรู้ดีว่าการทดสอบนี้จะทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเราก็เสียโอกาสนั้นไปแล้ว

ในคืนนั้นหลังจากที่พี่หมอมาส่งผมที่หอแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นทำให้ผมได้กลับมาคิดถึงเรื่องของพี่หมอกับผมอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก

ผมไม่ได้เชื่อถือเรื่องเล่าของเนินวิศวะอะไรนั่นหรอก เพียงแต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผมได้นึกถึงคำว่า “เลิกกัน”
เป็นครั้งแรก รวมทั้งอดถามตัวเองไม่ได้ว่า...ผมรักพี่หมอจริงหรือเปล่า

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งไม่แน่ใจเพราะในตอนนี้ผมรู้ดีว่าผู้ชายที่ผมรักอยู่เต็มอกยังคงเป็น... “ทีม” แล้วความรู้สึกที่ผมมีกับพี่หมอล่ะ มันคืออะไร

มันอาจจะไม่ใช่ความรัก ผมอาจจะแค่เหงา แล้วก็ชื่นชอบการเอาอกเอาใจใส่ที่พี่หมอมีให้จนมันทำให้ผมหลงคิดไปเองว่า...ผมรักเขา

นอกจากนั้นเมื่อได้คิดถึงคำว่า “เลิกกัน” ในใจของผมก็เกิดความกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด

ประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีตได้ทำให้ผมเข็ดขยาดกับคำๆนี้เหลือเกิน

อุปาทานหรือความกลัวนี้ได้ทำให้ผมหาเหตุผลต่างๆนานาที่ทำให้ผมเชื่อได้ว่าในที่สุดแล้วผมกับพี่หมอก็ต้องเลิกกัน อาทิ พี่หมอเองเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดีแถมยังมีดีกรีเป็นถึงแพทย์ก็ย่อมมีทางเลือกให้เขามากมาย นอกจากนั้นตอนนี้เขาก็เรียนปี 4 แล้ว อีกเพียงไม่กี่ปีเขาก็ต้องเรียนจบไปก่อนผมและคงต้องไปใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัด ผมจะรักษาความรักของเราไว้ได้ยังไงในเมื่อต้องอยู่ไกลกันขนาดนั้น

ยังไงๆผมกับพี่หมอคงต้องเลิกกันแน่ๆ แล้วถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ผมจะเป็นยังไง

ผมยังไม่พร้อมจะเสียใจเป็นครั้งที่ 2 หากผมโดนทิ้งอีกครั้ง ผมคงเอาตัวรอดเหมือนที่แล้วมาไม่ได้แน่

ในคืนนั้นเองที่ความกลัวนี้ได้ทำให้ผมได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะยุติความสัมพันธ์ของผมกับพี่หมอลง

ดังนั้นในช่วงเย็นวันต่อมา เมื่อพี่หมอมารับผมเพื่อจะขี่จักรยานไปที่เนินวิศวะอีกครั้ง ผมก็รีบปฏิเสธอย่างแข็งขัน

“ทำไมล่ะ บีไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก บีแค่คิดว่าเราอาจจะ.....”

“อาจจะอะไร”

“เราอาจจะไม่เหมาะจะเป็นแฟนกันก็ได้ เรามาเป็นพี่น้องกันได้มั้ย”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอบี เพราะเรื่องเมื่อวานเหรอ”

“ไม่ใช่หรอกพี่หมอ แต่บีแค่...บี.....”

“ทำไมล่ะ บีไม่ได้รักพี่เหรอ ”

“ใช่ บีไม่ได้รักพี่”

ผมตัดสินใจตอบไปตรงๆ

“อะไรนะ แล้วที่ผ่านมาล่ะ ถ้าบีไม่ได้รักพี่ แล้วเรื่องที่ผ่านมาของเรามันหมายความว่าอะไร พี่แค่ฝันไปอย่างงั้นเหรอ”

“พี่หมอ บีขอโทษ แต่บีมีคนที่บีรักอยู่แล้ว”

สิ่งที่ผมบอกพี่หมอไปไม่ใช่คำโกหกเพราะผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วจริงๆ เพียงแต่เขาคนนั้นได้เลิกรักผมไปแล้ว

“บี...มี..คนรัก...อยู่แล้วเหรอ”

“ใช่ บีรักเขามาตลอด แม้กระทั่งตอนที่บีอยู่กับพี่หมอ บีก็ยังรักเขาอยู่ บีถึงเป็นแฟนกับพี่หมอไม่ได้”

หลังผมพูดจบ พี่หมอก็ได้แต่มองผมด้วยสายตาที่ปวดร้าว ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ทำไมบี ทำไมบีใจร้ายกับพี่อย่างนี้”

หลังจากผมตัดความสัมพันธ์กับพี่หมอไปในวันนั้น เขาก็ไม่เคยมาหาผมอีกเลย ผมได้ยินมาว่าเขาเสียใจมากจนถึงกับลาเรียนไปพักใหญ่ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังพยายามใจแข็งไม่ไปเจอเขา โดยคิดเอาเองว่าการที่เขาไม่ได้เจอผมนั่นแหละจะเป็นวิธีที่ทำให้เขาทำใจได้เร็วที่สุด

เป็นเวลาหลายปีที่เขาได้หายไปจากชีวิตของผมจนผมคิดว่าเราคงไม่ได้เจอกันอีก...จนกระทั่งวันนี้

“บี ใจลอยไปไหนอีกแล้ว”

“เปล่า บีแค่คิดถึงเรื่องเก่าๆ บีคงทำเลวกับพี่ไว้มาก”

“ไม่หรอก เรื่องความรักเนี้ย ใครจะไปบังคับหัวใจได้ พี่ไม่โทษบีหรอก แล้วตกลงเพื่อนบีคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงหรือเปล่า”

“แค่เพื่อนจริงๆคับ ทำไมเหรอ”

“เปล่า พี่ก็แค่กลัวว่าเดี๋ยวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ถ้าบีรักเขาไม่ได้ก็อย่าไปให้ความหวังเขาล่ะ ไม่งั้นมันเจ็บปวดสุดๆเลยนะ”

ในคืนนั้นหลังจากที่ผมพาบาสกลับมาที่บ้านแล้ว ผมก็เก็บเอาคำพูดของพี่หมอเมื่อตอนเช้ามาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ถ้าบีรักเขาไม่ได้ก็อย่าไปให้ความหวังเขาล่ะ ไม่งั้นมันเจ็บปวดสุดๆเลยนะ”

คำพูดนี้ของพี่หมอได้ทำให้ผมกลับมาถามใจตัวเองเป็นครั้งแรกว่าผมรู้สึกยังไงกับบาส

ผมยอมรับว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อได้รับรู้ความจริงจากบันทึกของบาส มันได้เริ่มทำให้ผมมีใจให้กับผู้ชายคนนี้เสียแล้ว

แต่แล้วทีมล่ะ....ผมยังรักทีมหรือเปล่า


ในทันทีโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย ผมก็บอกตัวเองได้ว่า.....ผมยังคงรักทีมสุดหัวใจ

ผมยังคิดถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา ผมคิดถึงไหล่กว้างคู่นั้นที่ผมมักจะใช้พักพิงอิงแอบในยามเหนื่อยอ่อน ผมคิดถึงน้ำเสียงออกคำสั่งเวลาที่ผมไม่ยอมตามใจ ผมคิดถึงแววตาหึงหวงเวลาที่ผมไปไหนมาไหนกับชายอื่น ผมคิดถึงเสียงตวาดอย่างฉุนเฉียวเวลาผมทำอะไรขัดใจ ผมคิดถึงคำพูดหวานหูที่เขามีให้ผมเสมอ ผมคิดถึงรอยจูบละมุนที่แก้มที่เขามักจะแอบทำเวลาผมเผลอ

ผมยังคงคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขา

ผมยังเราเขามาก ผมยังรักทีมมากจริงๆ

ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มคิดได้ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อบาส มันอาจจะไม่ใช่.... “ความรัก” ...แต่มันคงเป็นเพียงแค่...... “ความสงสาร”

หากผมจะทำดีกับบาสต่อไป เขาก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีชะตากรรมเดียวกับ....พี่หมอ

ผมจึงได้แต่บอกตัวเองอย่างแน่วแน่ว่า

“บาสต้องทนทุกข์ทรมานเพราะผมมามากพอแล้ว เขาไม่ควรจะต้องเจ็บปวดเพราะผมอีก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะยังไง

.......ผมก็ต้องทำให้บาส.....เลิกรักผม...ให้ได้…….”

-----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 20-11-2006 17:23:42
โอยยย  บีจะทำให้คนอ่านปวดใจอีกแร้ว   ไม่เอาอะ  เมื่อไหร่บีจะเริ่มเปิดใจซะทีน้า  กว่าจะรู้ตัวว่ารักบาสก็มาสายเกินรู้ตัวรึเปล่า  ฮือ ฮือ  :impress3:

อยากอ่านต่อจังเลย  เรย์จ๋า   :impress:  แต่รอพรุ่งนี้ก็ได้  รู้ว่าเรย์จาเอามาลงวันละตอน  หุหุ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-11-2006 17:34:51
พรุ่งนี้ ก็สายที่จะรักกัน

ถ้าไม่ทำตามหัวใจ ถ้าไม่ยอมเจ็บ

แล้วเมื่อไหร่จะได้พบกับความรักที่แท้จริง


เฮ้อ...เศร้าอีกแล้น :monkeysad:


พูห์ :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-11-2006 19:08:45
บีจะทำอาร้าย  :sad5: อย่าทำเลยน้า  :serius2:  :serius2:  :serius2:

ถึงบาสจะทรมาน แต่ลึก ๆ แล้ว บาสคงมีความสุขอยู่บ้างละน่า  :monkeysad:

ขอร้องละนะ  :monkeysad: ไอ้ที่คิด ๆ ไว้นะ อย่าทำเลย  :monkeysad:  :monkeysad:

สงสารบาส  :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 20-11-2006 19:56:37
บีเนี่ย..เหมือนหนีความจริงเลยเนอะ

คนเราใช้ชีวิตอยู่กับอดีตตลอดไปม่ได้หรอกนะครับ

ถ้าไม่ลองก้าวไปข้างหน้า ก็ไม่มีวันมีอนาคตที่ดีได้หรอก

แหะๆๆ  ผมไม่ได้ตั้งใจพูดถึงปิงนะครับคุณบลู

แค่เห็นชื่อเหมือนกันเฉยๆ... :monkeysad:

เปงกะลังใจให้บีต่อไปครับ



ปล. ปอนด์ไม่โผล่มาแล้วจริงๆเหรอเนี่ย  :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 20-11-2006 19:57:56
 :try2:เหอะเหอะ แล้วสุดท้ายบีจะอยู่กับใครหละเนี้ย ไงคนที่เหลือก็เอามาแบ่งผมบ้างนะ เพราะผมไม่มีเลยสักคน 555+ :kikkik:

คาดว่าเรื่องราวต่อไป ไม่แน่อาจมีทีมมาสร้างความปั่นป่วนให้อีก :really2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 20-11-2006 20:07:38
บีก้ใจร้ายเหมียนกานแฮะ งิงิ

***พี่หมอ เห็นแล้วนึกถึงพี่ที่คณะ ฉายาพี่หมอเหมือนกัน แต่ไม่ได้เรียนแพทย์นะงิงง***
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 20-11-2006 21:00:03
บี คงลืมไปแล้วว่า บีไม่สามารถไปปักป้าย "ห้ามรัก" ในใจของบาสไม่ได้
ตัวเองยังลืมทีมไม่ได้
ไฉนเลย จะสามารถห้ามให้บาสลืมตัวเองได้บ้าง...


รัก...เอย จริงหรือที่ว่าหวานหรือทรมานใจตน
ความ...รัก ร้อยเล่ห์กลรักเอยลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ
รักนี้...มีสุขทุกข์เคล้าไป
ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำฤดี
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 20-11-2006 23:52:43
ถึงคูณบลูฯ

อย่าแอบไปรักใครนี่ มันทำยากนะคับ หุหุหุ
แต่มันก้อได้แค่แอบ - -*


ว่าแต่


ขอเข้าชมรมคนรัก "บาส" ได้ไหมคับ???




สงสารเค้าจับใจ



ยิ่งตอนที่บาสพูดว่า "บีอย่าไปเลยนะ" แล้วจับมือบีไว้อ่ะ




โอย เส้าสุดๆ :sad5:
ถึงขนาด ผมเกบเอาไปคิด แล้วก้อวาดรุปนั้นออกมา


ถึงไม่สวย แต่ก้อนะ ได้ปลดปล่อย
(คนในห้องถามใหญ่ "วาดไรอ่ะ?" เหอๆๆ)



คุณบลูฯลงต่อเรื่อยๆนะคับ



i'm always gonna be the willing for u, hehehe!!!  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 21-11-2006 11:18:52
ห้ามรักนะ  มันไม่ง่ายเหมือนห้ามเลือดหรอกนะบี  :o

คิดได้ไง โครตคม (ขอชมตัวเองหน่อย)  :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 21-11-2006 11:38:40
สงสารบาส.....................ที่ยังรักคนๆนึง.....ไม่เคยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

สงสารบี.........................ที่ยังรักคนๆนึง......ไม่เคยลืมเลือนจากหัวใจ

.............สุดท้ายก็คือรักคำเดียว.............ที่มันยังฝังอยู่ในใจ.............. :impress3:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 21-11-2006 14:22:05
เอ... มีตอนนึงของเรื่องบอกว่า บีเคยให้โอกาสตัวเองกับผู้ชายสองคน 

พี่หมอ นี่เป็นคนนึง ใช่ป่าว  แล้วเมื่อไหร่ อีกคนจะโผล่มาน๊า  รออ่านอยู่นะ คุณบลู   :yeb:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Vasabi ที่ 21-11-2006 22:43:26
ซึ้งจัง  :impress:
รออ่านต่ออยู่ค้าบบบบบ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 21-11-2006 22:57:02
แงๆๆ เข้าเล้าไม่ได้ นี่เอาเน็ต 56  ต่อเข้ามาโพสอย่างเดียวก่อน
ใช้ wireless lan ของทรูมันเข้าเวปอื่นได้ เข้า msn ได้แต่เข้า www.ueuo.com ไม่ได้ แปลกเจงๆ
ใช้modem เน็ตมหาลัยอย่างช้าดันเข้าได้ กุ้มๆ

คงยังตอบเพื่อนๆไม่ได้นะ

และแล้วก็มาถึงตอนสำคัญตั้งจายอ่านกันให้ดีนะครับ ควรจดจำรายละเอียดของตอนนี้ให้ดีนะครับแล้วเวลาอ่านถ้าจินตนาการภาพตามช้าๆน่าจะดีนะครับ

อิอิ เข้าได้แล้วมาตอบเพื่อนๆหน่อย  :yeb:

มูมู่น้อย มาต่อแล้วน้า เอิ้กๆ  :really2:

หมูพูห์ คงเจ็บมาเกินกว่าจะยอมรับมันได้อีกครั้งม้างครับ แต่ผมก็เห็นด้วยนะ ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เข้ามาแล้วจะคว้ามันไว้ได้อย่างไร  :love2:

shell เหอๆเชียร์บาสใจขาดดิ้น  :3061:

FlukeHub คิกคิก ต้องลุ้นกันต่อไปครับ  :3129:

Tantalum เชียร์ใครดีละครับ   :yeb:

Aki_Kaze หุหุ เล่าให้ฟังบ้างดิ หมออะไรหรือ ไม่ได้เรียนแพทย์ หมอเสน่ห์อ่ะป่าว  :untrust:

beaches ชอบจังเลยคำว่า  บีไม่สามารถไปปักป้าย "ห้ามรัก" ในใจของบาสไม่ได้   :myeye:

Rrmz`,, อ่าเข้าชมรมคนรักบาส สู้ๆๆ   :like2:

kirati69 อันนี้ก็คมเหมือนกัน คมแบบขำๆ  ห้ามรักนะ  มันไม่ง่ายเหมือนห้ามเลือดหรอกนะบี   :kikkik:

][GobGab][ เพราะรักครับผม  :monkeysad:

GoneOn  อ่านได้ละเอียดดีครับ แต่มะบอก

Vasabi มัวไปทำไรมาครับ ตั้งจายอ่านดีๆนะครับ เรื่องนี้ผมประทับใจมากๆครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ  :love2:

******************************************************************************




.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 7 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

เมื่อผมตั้งใจอย่างแน่วแน่ไปแล้วเมื่อคืนแล้วว่าผมจะต้องทำให้บาสเลิกรักผมให้ได้ ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นแม้ผมจะตื่นนอนแล้วแต่ผมก็ยังนั่งรออยู่ในห้องอย่างเงียบๆ จนถึงช่วงสายผมจึงเดินออกมาจากห้อง

“ตื่นสายอีกแล้วนะเรา”

บาสเริ่มต้นทักผมอย่างอารมณ์ดี

“บีจะตื่นตอนไหน มันก็เรื่องของบี บาสอย่ายุ่งได้มั้ย”

ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าไม่พอใจจนทำให้บาสตกอกตกใจกับท่าทีแข็งกร้าวของผมเป็นอย่างมาก

“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมบีดูหงุดหงิดแต่เช้าเชียว”

“ก็เบื่อขี้หน้าคนชอบกวนประสาทไง เบื่อพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านด้วย”

“บีหมายถึงบาสเหรอ”

“จะเป็นใครก็ช่าง มีสมองก็หัดคิดเอาเองสิ”

“บี...บีแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร”

“บีเพิ่งบอกไปว่าอย่ายุ่ง บาสฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”

“ปล่าว บาสแค่.....”

“ไม่ต้องพูดแล้ว บีรำคาญ”

พูดจบผมก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอะไรทาน ในตอนนั้นเองที่บาสค่อยๆเข็นรถเข็นตามเข้ามาแล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงอ้อนแบบเด็กๆ

“วันนี้บีจะทำอะไรให้บาสทานเหรอ เอาอะไรง่ายๆ เร็ว ๆได้ป่ะ บาสหิวจะแย่อยู่แล้วอ่ะ”

“นี่บาส...บีไม่ใช่คนใช้นะ เลิกมาชี้นิ้วสั่งให้บีทำโน่นทำนี่เสียที ถ้าหิว บาสก็มีมือมีเท้านี่ ทำกินเอาเองสิ”

ผมตอบกลับไปอย่างไม่แยแส จากนั้นผมก็เดินไปคว้าแก้วกาแฟมาชง และก็เดินไปหยิบขนมปัง 2 – 3 แผ่นออกมาท่ามกลางความงุนงงอย่างที่สุดของบาส

“บี....บาสไม่ได้......”

“บีจะไปกินในห้องนะ อย่ามากวนล่ะ”

ผมรีบพูดแทรกบาสขึ้นมา จากนั้นก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วไปนั่งลงบนเตียงอย่างปวดร้าว ก่อนจะเริ่มปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า

“อดทนไว้นะบี ใจแข็งเข้าไว้ แกทำถูกแล้ว….แกทำถูกต้องแล้ว”

ผมพยายามเตือนตัวเองให้เชื่ออย่างนั้น ผมยอมเจ็บปวดที่ต้องทรมานบาสแบบนี้ก็เพื่อหวังว่าถ้าหากเขาเลิกรักผมได้จริงๆ วันข้างหน้าเขาจะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวดเพราะผมอีก เพราะถึงยังไงผมก็ไม่สามารถรักเขาได้ ตราบเท่าที่ผมยังลืมทีมไม่ลง

ผมนั่งรอ นอนรออยู่ในห้องตั้งแต่ช่วงเช้าโดยไม่แตะต้องกาแฟและขนมที่เตรียมมาเลย จนช่วงเที่ยงๆ ผมก็เลยตัดสินใจเดินออกมาจากห้องแล้วก็พบว่าบาสยังคงนั่งอยู่หน้าห้องตรงที่เดิม

เมื่อเห็นผมเดินออกมา เขาก็ได้แต่มองผมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาเลย ส่วนผมก็เดินตรงไปที่ประตูแล้วก็บอกเขาว่า

“บีจะไปหาอะไรกินข้างนอกนะ บาสหาอะไรกินเองแล้วกัน”

ผมเห็นบาสพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ผมก็เดินออกมาอย่างไม่สนใจ จากนั้นผมก็เดินอย่างคนหมดอาลัยตายอยากไปร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ข้างๆ บ้านของบาส

เมื่อไปถึงร้านผมก็สั่งก๋วยเตี๋ยวมาทาน แต่ผมทานเข้าไปได้เพียงแค่คำเดียวเท่านั้น ผมก็เริ่มกินอะไรไม่ลง ในใจมัวแต่เป็นห่วงว่าบาสจะหาอะไรทานได้บ้างมั้ย ในครัวจะมีมาม่า หรืออะไรง่ายๆให้เขาทานได้หรือเปล่า

ผมพยายามนั่งถ่วงเวลาอย่างเป็นห่วงบาสไปอีกราว 20 นาที ผมก็เริ่มทนไม่ไหวจนต้องรีบเดินกลับไปที่บ้าน
เมื่อกลับไปถึงผมก็เห็นว่าบาสยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน จนเมื่อเขาเห็นผม เขาก็เริ่มทักออกมาก่อนว่า

“อ้าว กินเสร็จแล้วเหรอ ทำไมเร็วจังเลยล่ะ บีทานอะไรมาเหรอ”

“ก๋วยเตี๋ยว” ผมตอบไปห้วนๆ

“เหรอ ที่ร้านข้างบ้านนี่ใช่มั้ย เขาทำอร่อยนะ แต่ที่จริงถ้าบีเดินไปอีกหน่อย มันมีร้านอาหารตามสั่งด้วย บรรยากาศดี แล้วก็อร่อยมาก จริงๆแล้ ว บีออกไปทานข้างนอกบ้างก็ดีนะ มัวแต่มาอุดอู้อยู่แต่ในบ้านกับบาส แบบนี้ มันคงน่าเบื่อแย่”

ทันทีที่บาสพูดจบ ในชั่วขณะหนึ่งผมก็อดลืมตัวหันไปมองเขาอย่างซึ้งใจไม่ได้ เพราะขนาดผมทำกับเขาถึงขนาดนี้ บาสก็ยังมีใจมาเป็นห่วงผม

“แล้วบาสล่ะกินอะไรยัง”

“อ๋อ บาสเรียบร้อยแล้วล่ะ กำลังอิ่มแปร้เลย”

แม้บาสจะตอบออกมาแบบนั้น แต่ผมก็แอบเห็นเขากลืนน้ำลายด้วยความหิวหลายครั้งในระหว่างที่เราคุยกัน ทำให้ผมเชื่อว่าเขาคงยังไม่ได้ทานอะไรแน่

แต่ในตอนนั้นแม้ใจหนึ่งผมจะเป็นห่วง แต่เมื่อผมตัดสินใจทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็ได้แต่ฝืนใจทำเลวกับเขาต่อไปเพื่อให้เขาเกลียดผมให้ได้

“เอ่อ บาส บีถามอะไรหน่อยสิ”

“อะไรเหรอ”

บาสตอบกลับมาด้วยความกระตือรือร้นและมีสีหน้าดีใจมากที่ผมเป็นฝ่ายชวนคุย

“บาสว่าพี่หมอหล่อมั้ย”

ทันทีที่ได้ยินคำถามของผม บาสก็มีสีหน้าสลดลงทันที แต่เขาก็ฝืนตอบผมอย่างเสียไม่ได้ว่า

“ก็หล่อดี ขาวตี๋แบบนี้สาวๆ คงชอบ”

“ใช่ บีก็ชอบผู้ชายขาวตี๋แบบนี้แหละ ยิ่งเป็นพี่หมอด้วยแล้ว บีก็ยิ่งชอบ”

“งั้นเหรอ แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไร”

“ก็ไหนบีเคยบอกว่า...บีกับเขาไม่มีวันมีอะไรกัน”

“เหรอ บีเคยพูดอย่างงั้นเหรอ อืม บาสจะมาเชื่ออะไรกับคนอย่างบี บีก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างนี้แหละ”

“งั้น บีกับเขา....???”

“บาสคงยังไม่รู้สินะว่าบีกับพี่หมอเคยเป็นแฟนกันมาก่อน”

“อะไรนะ”

“ตอนบีเรียนปีหนึ่ง บีก็มีพี่หมอนี่ล่ะเป็นแฟน แต่เขาอายุมากกว่าบีตั้งเยอะแน่ะ เขาก็เลยชอบทำตัวน่าเบื่อ บีเลยตัดสินใจขอเลิกแล้วไปมีแฟนใหม่เป็นเด็กวิศวะรุ่นเดียวกันแทน”

“ทำไมล่ะ บีไม่สงสารเขาเหรอ”

“สงสารก็สงสารอ่ะนะ แต่ช่วยไม่ได้นี่ เขาอยากทำตัวน่าเบื่อเอง ไม่รู้ทำไมผู้ชายเดี๋ยวนี้ชอบทำตัวน่าเบื่อ บีก็เลยต้องคบๆ เลิกๆ อย่างนี้มาตั้ง 3 – 4 คนแล้ว”

“แล้วบีมาเล่าให้บาสฟังทำไม”

บาสส่ายหน้าแล้วก็พูดออกมาด้วยแววตาปวดร้าวเหมือนเขาจะทนฟังผมพูดต่อไปอีกไม่ได้

“ก็เมื่อวานน่ะสิ พี่หมอเขากลับมาขอคืนดีกับบีอีก พอดีช่วงนี้บีก็ไม่มีใคร บาสว่าบีควรกลับไปคบกับเขาดีมั้ย”

“ไม่รู้สิ”

บาสตอบออกมาโดยไม่ยอมสบตาผม ขณะที่ผมได้ยินเขาหายใจหอบถี่และรุนแรงขึ้น

“นี่ ช่วยกันหน่อยสิ บีอยากได้ความเห็นจากบาสนี่ ผู้ชายทั้งหล่อ แถมยังเป็นหมอ แล้วก็รวยมากอย่างพี่หมอเนี้ย ถ้าบีปล่อยให้หลุดมือไป บีก็คงโง่มากใช่มั้ยบาส”

หลังคำถามของผม บาสก็เอาแต่ก้มหน้านิ่งเงียบ จนผมต้องถามย้ำอีกครั้ง

“ว่าไงล่ะ บาสยังไม่ตอบบีเลยนะ”

ในตอนนั้นเองที่บาสลุกขึ้นยืนแล้วก็ระเบิดอารมณ์ใส่ผมอย่างรุนแรง

“บาสไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ได้ยินมั้ย ถ้าบีอยากรักกับมัน บีก็ตอบตกลงมันไปเลยสิ จะมามัวถามบาสอยู่ทำไม”

ในตอนนั้นเองที่ผมแอบเห็นน้ำตาของบาสไหลลงมาอาบแก้ม แล้วเขาก็รีบเดินหลบผมเข้าไปในห้อง

ภาพของบาสที่เดินกระโผลกกระเผลกอย่างทุลักทุเลโดยมีน้ำตาไหลลงมานองหน้าเข้าไปในห้องทำให้ผมอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนถึงกับต้องเปรยออกมาเบาๆว่า

“รีบเกลียดบีเถอะนะบาส รีบเกลียดบีซิ อย่าให้บีต้องทำไปมากกว่านี้เลย”

ในตอนเย็นวันนั้น บาสก็เดินออกมาจากห้องอีกครั้งด้วยดวงตาที่แดงและบวมช้ำเหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เมื่อเห็นหน้าบาส ผมก็แกล้งทำหน้าไม่พอใจแล้วรีบลุกหนี

“เดี๋ยวบี...บีจะไปไหนเหรอ”

“ทำไม บีจะไปไหนก็เรื่องของบี”

“บี บาสขอโทษนะ”

“ขอโทษเหรอ บาสยังมีหน้ามาขอโทษบีเหรอ บาสมีสิทธิอะไรมาตะโคกใส่บีแบบนั้น”

“บาสไม่ตั้งใจบี บาส...บาส..”

“ไม่ต้องพูดแล้ว บีไม่อยากฟัง รีบๆไปหาอะไรกินเองเถอะ จะได้รีบปิดไฟในห้องครัว เปิดทิ้งไว้มันเปลือง”

“อ้าวแล้วบีล่ะ”

“บีกินแล้ว”

พูดจบผมก็กลับไปนั่งดูทีวีต่ออย่างไม่สนใจใยดีบาสแม้แต่น้อย ในตอนนั้นผมเหลือบไปเห็นบาสเดินกระโผลกกระเผลกเข้าไปในครัวอย่างน่าเวทนา ก่อนที่จะได้ยินเสียงรื้อของกระจุยกระจายในครัว สักพักต่อมาผมก็เห็นบาสค่อยๆ เดินอย่างทุลักทุเลออกมา โดยมีชามมาม่าอยู่ในมือ

บาสค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ เพราะในตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาก็ไม่ว่างที่จะให้เขาใช้ยึดจับอะไรเวลาเดินได้ และในตอนนั้นเองที่เขาเกิดพลาดสะดุดขาล้มลงจนชามมาม่าหกใส่ขาเขาในทันที

“โอ๊ย..”

บาสร้องออกมาอย่างปวดแสบปวดร้อนเมื่อโดนน้ำร้อนจัดในชามมาม่าลวกที่ขา ในขณะที่ผมเองก็ยืนขึ้นอย่างตกใจ แต่ทันทีที่ผมกำลังจะก้าวขาออกไปช่วยเขา ผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนท่าที

“ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้บาส นี่ต้องให้บีไปตามล้างตามเช็ดอีกใช่มั้ย”

“บาสขอโทษ บาสมันซุ่มซ่ามเอง บีไม่ต้องมาเช็ดหรอก เดี๋ยวบาสจัดการทำความสะอาดเอง บีดูทีวีต่อไปเถอะ”

“เช็ดดีๆ แล้วกัน อย่าให้มดขึ้นล่ะ”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งแล้วรีบหันกลับไปนั่งดูทีวีต่อเพื่อหลบไม่ให้บาสเห็นน้ำใสๆ ที่เริ่มเอ่อขึ้นมาท่วมเบ้าตา

แม้ผมจะทำทีดูทีวีอย่างสนใจ แต่จริงๆ แล้วผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข่าวในทีวีกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ในใจมันสับสนไปหมดจนผมอดถามตัวเองไม่ได้ว่าผมจะทนทำอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน และในตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงบาส ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า

“บาสทำอะไรผิดหรือบี บีโกรธบาสเรื่องอะไร”

ผมฟังคำถามนี้อย่างเจ็บปวดเพราะจริงๆแล้วบาสไม่ได้ทำผิดอะไรเลย

ความผิดพลาดอย่างเดียวของบาสก็คือการที่เขา...มารักผม

“บีโกรธที่วันก่อนบาสขอไม่ให้บีไปคุยกับพี่หมอเหรอ หรือว่าบีโกรธที่บาสชอบแซวบีว่านอนตื่นสาย หรือโกรธที่บาสชอบขอให้บีทำนู้นทำนี่ให้กิน บีโกรธที่บาสคอยเป็นภาระของบีใช่มั้ย ไม่ว่าบีจะโกรธบาสเรื่องอะไร บาสขอโทษนะบี ให้บาสแก้ตัวได้มั้ย บาสจะทำทุกอย่างตามที่บีบอกเลยนะ บี....เลิกโกรธบาสนะ บาสขอโทษ”

คำพูดขอโทษจากคนที่ไร้ความผิดอย่างบาสทำให้ผมอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว แล้วก็ต้องแกล้งทำเป็นระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเจ็บปวด

“บาสอยากรู้ใช่มั้ยว่าบีโกรธบาสเรื่องอะไร บีบอกให้ก็ได้ บีโกรธเกลียดทุกอย่างที่เป็นบาส บีโกรธทุกคำที่บาสพูด บีเกลียดทุกอย่างที่บาสทำ บีไม่น่ามารับงานนี้เลย บีไม่น่ามาอยู่กับบาสที่นี่เลย ฮือ ฮือๆๆ”

พูดจบผมก็วิ่งร้องไห้กลับเข้าไปในห้องแล้วก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักด้วยความปวดร้าว ในขณะที่ได้แต่นึกถึงต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องมาเป็นอย่างนี้

“ทำไมทีม ทำไมทีมไม่ปล่อยบีไปเสียที จะให้บีรักทีมไปอีกนานแค่ไหน จะให้บีทำยังไง บีถึงจะเลิกรักทีมได้ บอกบีมาซิ บอกบีมา

.......จะให้บีทำยังไงดี ฮือ ฮือ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........”

----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 21-11-2006 23:11:11
โอ้ยว่าจะไม่แล้วน้า ทำมายอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาเฉยเลย เจอเรื่องราวนี่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง :monkeysad:
ถ้าหากเลือกที่จะรักได้ ทำไมบาสยังต้องทน ทนอย่างไม่มีหนทาง :impress3:
แล้วฟ้าก็ยังตอกย้ำความเจ็บปวดนี้ เหมือนสนุกกับมันมากหรืออย่างไร :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-11-2006 23:34:37
 :monkeysad: โอ๊ยอ่านแล้วรุ้สึกปวดหัวใจ ทำไมต้องมาทำร้ายจิตใจกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 21-11-2006 23:42:29
http://www.chestha.com/af/plaaderm.htm
ฝากให้บาสด้วยน่ะ สงสารจัง......
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-11-2006 09:27:52
เม้นต์ไม่ออก สงสารบาส  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฟ้า ที่ 22-11-2006 09:49:52


สงสารบาสจัง.... :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 22-11-2006 10:23:12
 :monkeysad2: :monkeysad2: :monkeysad2: :monkeysad2: :monkeysad2:

                                          รู้สึกเหนื่อยใจยังไงๆไม่รู้คับ


เจ้าเก็ทๆๆๆๆค๊าบรักบลูจางเรย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 22-11-2006 10:24:15
“บาสทำอะไรผิดหรือบี บีโกรธบาสเรื่องอะไร”

ผมฟังคำถามนี้อย่างเจ็บปวดเพราะจริงๆแล้วบาสไม่ได้ทำผิดอะไรเลย

ความผิดพลาดอย่างเดียวของบาสก็คือการที่เขา...มารักผม "  :impress:


ทำไมโหดร้ายอย่างนี้  :monkeycry2: :monkeycry2: :monkeycry2:


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 22-11-2006 10:57:49
สงสารบาสด้วย  สงสารมากเลย  ทำไมบีไม่พูดกันดีดีนะ  ไม่เข้าใจ  ต้องการเวลา  รักเค้าไม่ได้อะไรก็บอกไปดิ  ทำแบบนี้  เศร้าออก  สงสารบาส ฮือ ฮือ  ใครมันจะไปเลิกรักลง  รักมาตั้งนาน  โดนมามากกว่านี้ยังทนรักมาได้เลย  เศร้า  :impress3:

แต่เดี๋ยวบีก็รักบาสเองแหละ   รักครั้งที่สองนี่เค้ารู้ใจตัวเองช้าไง   อิอิ  หวังไว้   ต่อเลยค้าบเรย์  รออยู่   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-11-2006 11:47:15
ทำไม :confuse:


ทำไมคนสองคนต้องมาเจ็บเพราะความรัก


หรือรักมันจะออกแบบไม่ได้จริงๆ


เจ็บจริงๆ ครับ ไปรักคนที่เขาไม่รักเรา


แล้วคนที่รัก กลับทำให้เราเจ็บแบบนี้


เฮ้อ  เศร้า..........



พูห์ :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 22-11-2006 15:48:23

“ทำไมทีม ทำไมทีมไม่ปล่อยบีไปเสียที จะให้บีรักทีมไปอีกนานแค่ไหน จะให้บีทำยังไง บีถึงจะเลิกรักทีมได้



ทำไมคนเราต้องจมอยู่กับความรักในอดีต.....ทั้งๆที่ก็ไม่อยากหั้ยมันเป็นแบบนั้น

.......................อยากจำ....กลับลืม....อยากลืม....กลับจำ..................
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 22-11-2006 20:56:20
พูดได้คำเดียวคับ พี่บลูฯ(เรียกพี่ละกันนะ แหะๆ)


"สงสารบาสมากๆคับ"



 :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5:



(ไม่รุจะพุดอะไรแล้ว น้ามตาจะไหล งือออออ)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-11-2006 22:13:30
อ้างถึง
บาสค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ เพราะในตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาก็ไม่ว่างที่จะให้เขาใช้ยึดจับอะไรเวลาเดินได้
 และในตอนนั้นเองที่เขาเกิดพลาดสะดุดขาล้มลงจนชามมาม่าหกใส่ขาเขาในทันที

เพื่อนๆไม่มีใครพูดถึงตอนนี้เลยนะครับ เป็นตอนที่เจ็บปวดมากๆสำหรับผม
บาสไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดสักนิดให้บีมารัก มาห่วงใย แต่กลับเป็นห่วงว่าตัวเองจะทำให้บีลำบากใจ ไม่สบายใจ แม้ตัวเองร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด
พอพร้อมที่จะออกมาดูว่าบีกินข้าวหรือยังด้วยความเป็นห่วง ก็ฝืนและพูดกลับบีก่อนเพื่อให้บีสบายใจ



*******************************************************************


(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ชีวิตจริงเราก็ปฎิเสธไม่ได้นะ ว่าเราก็ต้องเลือกใครเพียงคนใดคนหนึ่ง บีเลือกแล้วและคิดว่าอาจเป็นหนทางให้บาสเจ็บน้อยที่สุด 
:impress3:

wee เพลงเพราะมากเลยครับ ขอบคุณครับ

shell คนดีมักจะต้องเจ็บเสมอ แต่อย่ายอมแพ้นะครับ เราทำดีโดยไม่ฝืนตัวเองและมีความสุขอย่างพอเพียงครับ

ปลายฟ้า ถ้าเป็นบี จะทำวิธีไหนให้บาสเจ็บน้อยที่สุดครับ

between มาเลยเดี๋ยวให้พูห์ช่วย คิกคิก

kirati69    "ความผิดพลาดอย่างเดียวของผมก็คือการที่เรย์...ไปรักเขา "  แงๆๆๆๆ

มูมู่น้อย   อ่าวเปลี่ยนใจมาเชียร์บาสหรือยังครับ เข้าชมรมคนรักบาสป่าวครับ เอิ้กๆ

หมูพูห์  ถ้ารักออกแบบได้ นั่นแปลว่ามันไม่ได้ออกมาจากหัวใจ แล้วมันจะใช่รักที่แท้จริงหรือครับ

][GobGab][  มีคนมากมายเคยบอกเอาไว้ว่าเวลาจะช่วยเยียวยารักษาจิตใจ แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ ไม่รู้ทำไม ไม่ลืมเขาเลย (อิอิ ยืมเพลงมาใช้)

Rrmz` โห น้ำตาไหลแบบนั้นก็ผีหลอกแล้วดิ คิกคิก


******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 8 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ในคืนนั้นผมกลับมาร้องไห้อย่างหนักตลอดทั้งคืน ในขณะที่เริ่มคิดว่าผมเองกลับเป็นฝ่ายที่เริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมนี้ของตัวเองอีกต่อไป

แต่ถ้าหากผมจะยกเลิกแผนการนี้ แล้วผมจะทำยังไงกับบาสล่ะ ผมจะปล่อยให้เขารักผมต่อไปทั้งๆที่ผมไม่อาจรักเขาได้อย่างนั้นหรือ ผมจะปล่อยให้เขารักผมเพื่อจะให้เขาพบความจริงในสุดว่าเขาไม่อาจเป็นเจ้าของหัวใจของผมได้อย่างนั้นเหรอ

หรือว่าบางทีผมควรจะขอร้องเขาไปตรงๆว่าให้เขาเลิกรักผม แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นแล้วบาสเขาจะทำตามคำขอร้องของผมได้อย่างไร ในเมื่อเรายังต้องใช้ชีวิตร่วมกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันภายในบ้านหลังนี้

ที่สำคัญหากไม่มีเหตุผลให้เขาตัดใจจริงๆ เขาจะเลิกรักผมไปเฉยๆ ได้เหรอ

ขนาดทีมซึ่งทำร้ายผมมาอย่างแสนสาหัสขนาดนี้ ผมก็ยังไม่อาจเลิกรักเขาได้เลย แล้วบาสล่ะ ถ้าผมยังทำดีกับเขาต่อไป เขาจะเลิกรักผมได้จริงๆเหรอ

มันก็คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้บาสเลิกรักผมได้จริงๆ แม้ในช่วงแรกมันอาจจะทำให้เขาเจ็บปวด แต่เมื่อเขาแปรเปลี่ยน “ความรัก” มาเป็น “ความเกลียด” ได้แล้ว เขาก็จะลืมผมได้อย่างรวดเร็ว

สุดท้ายคนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นตัวผมเองนี่แหละ ซึ่งผมก็ยินดีจะรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้นี้

ในเช้าวันต่อมา ผมจึงตื่นแต่เช้าแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้อง

เมื่อมาถึงด้านนอกผมก็เหยียบอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนพื้นหน้าประตู และเมื่อผมก้มลงดู ผมก็พบว่ามันคือบันทึกอีกฉบับที่บาสคงเอามาเสียบไว้ที่ประตูตั้งแต่เมื่อคืน

ผมค่อยๆ ก้มลงหยิบบันทึกฉบับนั้นขึ้นมาแล้วก็ตัดสินใจว่าตั้งแต่วันนี้ ผมจะไม่อ่านบันทึกเหล่านี้อีกต่อไป ในตอนนั้นเองที่ผมเหลือบไปเห็นบาสนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ซึ่งแสดงถึงว่าเขาได้นอนอยู่ตรงนี้มาตลอดทั้งคืน

ผมยืนมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างไร้เดียงสานั้นด้วยความสงสารจับใจ แต่ผมก็คงจะทำอะไรมากไม่ได้นอกจากจะทำสิ่งที่ตัวเองคิดต่อไปเท่านั้น ผมจึงแกล้งปิดประตูด้วยความแรงจนเกิดเสียงดัง บาสจึงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา

“อ้าว บีตื่นแล้วเหรอ”

บาสพูดพลางขยี้ตาเบาๆ

“ทำไมมานอนตรงนี้”

“ไม่มีอะไรหรอก ในห้องมันร้อน บาสเลยออกมานอนข้างนอก แล้วนี่..บีจะออกไปไหนเหรอ”

บาสถามขึ้นเมื่อเห็นการแต่งตัวที่พร้อมจะออกไปข้างนอกของผม

“บีจะไปเดทกับพี่หมอ จะไปดูหนัง กินข้าวกัน”

ผมแกล้งตอบไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้นัดอะไรพี่หมอเอาไว้เลย ซึ่งคำตอบนี้ทำให้บาสถึงกับซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วบีจะกลับดึกหรือเปล่า”

“ถามทำไม บาสไม่ใช่พ่อแม่ของบีนะ บีถึงต้องคอยมารายงานว่าจะกลับกี่โมง”

“ป่าว บาสแค่อยากรู้ คือว่าวันนี้เป็น.........”

“พอเถอะ พอ บีไม่อยากฟังแล้ว”

ผมรีบพูดตัดบทแล้วก็เดินเอาบันทึกของบาสไปวางไว้บนโต๊ะรับแขกตรงหน้าเขา

“แล้วก็บันทึกบ้าๆ นี่ บาสก็ไม่ต้องเอามาให้บีแล้วนะ บีไม่อยากอ่านมันอีกแล้ว”

พูดจบผมก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองบาสอีกเลย

ผมเดินอย่างไร้จุดหมายออกมาจากบ้านโดยยังไม่รู้ว่าจะไปไหน จนอีกสักระยะผมก็ตัดสินใจเรียกแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยเพื่อไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด แต่ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถอ่านหนังสือที่อยู่ตรงหน้าให้รู้เรื่องได้

ในใจยังคงมีแต่ความสับสนว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่ ราวกับว่าในตัวของผมตอนนี้มีทั้งเทพและมารคอยเอาชนะคะคานกันอยู่ในตัว

ด้านหนึ่งก็บอกว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้องแล้วเพราะหากผมรักเขาไม่ได้ ผมก็ควรจะให้เขาเลิกรักผมเสียตั้งแต่วันนี้ การปล่อยให้เขารักผมต่อไปเพื่อไปผมจุดจบว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนั้น มันไร้ความหมาย มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสำหรับบาส

ในขณะที่อีกด้านก็กำลังประณามผมอย่างรุนแรงที่ผมได้ทำเรื่องโหดร้ายกับผู้ชายที่รักผมมากขนาดนี้ ราวกับว่าผมเป็นคนไม่มีหัวจิตหัวใจเพราะรู้ทั้งรู้ว่าบาสจะต้องทนเจ็บปวดกับพฤติกรรมนี้ของผมขนาดไหน แต่ผมก็ยังทำ

ในที่สุดเมื่อผมไม่สามารถตัดสินใจหาทางออกให้กับตัวเองได้ ผมจึงนึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา คนที่มีประสบการณ์โดยตรงกับความโลเลที่ทำให้เขาต้องเคยเจ็บปวดมาเพราะผมมาแล้ว

ว่าแล้วผมก็รีบออกจากห้องสมุดเพื่อนั่งเรือข้ามฟากไปยังโรงพยาบาลศิริราช

“ว่าไง ลมอะไรหอบบีมาหาพี่ถึงที่นี่ คิดถึงพี่จนทนไม่ไหวใช่มั้ยล่ะ”

“พี่หมอ อย่าล้อบีอย่างนี้สิ”

“แหม จะแกล้งทำเป็นคิดถึงกันบ้างไม่ได้หรือไง”

“ก็คิดถึงนั่นแหละ บีถึงมาหา แล้วบีก็มีเรื่องอยากปรึกษาพี่หมอด้วย”

“ทำไม บีมีเรื่องอะไรเหรอ”

“ก็เรื่อง....เรื่องเดียวกับที่บีเคยทำผิดไว้กับพี่หมอนั่นแหละ”

ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

“อ๋อ เกี่ยวกับเพื่อนบีคนนั้นน่ะสิ”

ทันทีที่พี่หมอพูดจบ ผมก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัยว่าเขารู้เรื่องของผมกับบาสได้ยังไง ในทันใดนั้นเองที่พี่หมอก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน

“ไม่ต้องสงสัยหรอก แค่บียืนคุยกับพี่ เขาก็มีท่าทีหึงพี่ออกชัดเจนขนาดนั้น จะไม่ให้พี่รู้ได้ไง ทำไม บีจะบอกเลิกกับเขาเหมือนกับที่ทำกับพี่เหรอ”

“ไม่ใช่สักหน่อย บียังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาหรอก แต่บีแค่คิดถึงที่พี่หมอเคยบอกว่าถ้าบีรักเขาไม่ได้ ก็อย่าไปให้ความหวังเขา”

“ใช่พี่พูดอย่างนั้น แล้วไง”

“ 2 – 3 วันมานี้บีก็เลยพยายามทำตัวแย่ๆกับเขาเพื่อให้เขาเกลียดบีให้ได้”

“อะไรนะ”

“ถ้าบีไม่ทำอย่างนี้ พอถึงวันที่เขารู้ความจริงว่าบีไม่ได้รักเขาเลย มันคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก .....พี่หมอก็รู้ดี”

เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงของผมได้เบาลงอย่างไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมเคยทำกับพี่หมอไว้

“มันก็ใช่ แต่พี่ว่าที่บีทำน่ะ มันแย่มากเลยนะ บีไม่คิดเหรอว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหน”

“บีรู้ แต่พี่หมอจะให้บีทำยังไงล่ะ ให้เขาเจ็บปวดเสียแต่วันนี้ มันคงดีกว่าที่เขาจะต้องมาเจ็บปวดในวันที่มันสายไปแล้ว พี่หมอก็เคยต้องเจ็บปวดเพราะบีมาแล้ว พี่หมอน่าจะรู้ดีที่สุด”

“ใช่ ตอนนั้นพี่เจ็บปวดมากเลยบี แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าบีไม่เคยทำให้พี่มีความสุขเลยนี่”

“พี่หมอ….”

“ตอนที่พี่คบกับบีอยู่ พี่มีความสุขมากเลยนะบี ทุกวันนี้เวลาพี่นึกถึงทีไร พี่ยังอดยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้ พี่ถึงเคยบอกบีไงล่ะว่าพี่ไม่โทษบีหรอก เพราะพี่เชื่อนะว่าเรื่องความรักเนี้ย เป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้จริงๆ ถึงบีไม่บอกเลิกพี่ตอนนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องอื่นมาทำให้เราต้องเลิกกัน...บีเข้าใจที่พี่พยายามจะบอกใช่มั้ย”

“ปล่าว บีไม่เข้าใจ”

ผมตอบพี่หมอไปตามตรง

“พี่แค่อยากจะบอกบีว่า...ความรักมันมีเส้นทางเดินของมันเอง ไม่มีใครไปกำหนดหรือกะเกณฑ์มันได้หรอกว่าจะให้ความรักมันเป็นยังไงหรือเดินไปทางไหน ก็เหมือนกับที่พี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้บีรักพี่ แต่พี่ก็ทำไม่ได้ หรือที่บีอยากจะเลิกรักผู้ชายคนนั้น บีก็ทำไม่ได้เหมือนกันนี่”

“ไม่รู้สิพี่หมอ บีงง บีสับสนกับตัวเองจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว”

“ปล่อยมันไปสิบี ปล่อยให้ความรักเดินไปตามทางของมัน ถ้าวันหนึ่งบีรักเขาไม่ได้แล้วต้องเลิกรากันไปจริงๆ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น เพราะ มันก็แค่เส้นทางรักอีกรูปแบบนึงที่บีกับเขาจะต้องเจอ แต่ถ้าหากว่าเขาสามารถทำให้บีรักเขาได้ล่ะ การที่บีมาตัดโอกาสเขาตั้งแต่วันนี้ มันจะไม่แฟร์กับเขาไม่หน่อยเหรอ”

“พี่หมอ...”

ผมเรียกชื่อพี่หมอออกมาด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เขาพยายามช่วยให้คำแนะที่หวังดีต่อผมอย่างจริงใจ ทั้งๆที่ผมเคยทำให้เขาเจ็บปวดมาขนาดนี้

“บีให้โอกาสเขาเถอะ หรือไม่ก็ถือว่าให้โอกาสตัวเอง แล้วลืมผู้ชายคนนั้นไปเสียที เขาทำร้ายบีมามากพอแล้วนะ บีจะปล่อยให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน ขนาดพี่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ยังพลอยโดยหางเลขเพราะผู้ชายคนนี้ไปด้วย เนี้ยพี่ยังเคยคิดเลยนะว่าถ้าเจอหน้ามันเมื่อไหร่ พี่จะต่อยมันให้หายแค้นสักที”

พี่หมอพยายามพูดติดตลกในขณะที่แววตานั้นยังมีร่องรอยของความเจ็บปวดให้เห็น

“พี่หมอ บีขอโทษ บีเสียใจกับสิ่งที่บีทำกับพี่หมอจริงๆ บีพยายามแล้ว แต่บีเลิกรักผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ”

“ก็นั่นนะสิ ขนาดบียังบังคับให้ตัวเองเลิกรักไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นไม่ได้ แล้วบีไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะทำให้เพื่อนคนนั้นเลิกรักบีได้ ???”

คำพูดของพี่หมอทำให้ผมเก็บเอามาคิดตลอดทั้งช่วงบ่ายหลังจากที่แยกกับที่หมอแล้ว

ผมกลับไปนั่งใช้ความคิดถึงสิ่งที่พี่หมอพูดด้วยความสงบอยู่บริเวณที่นั่งริมเจ้าพระยาภายในมหาวิทยาลัย เพราะถึงยังไงผมก็ยังไม่อยากกลับไปที่บ้านในขณะที่จิตใจของตัวเองยังสับสนแบบนี้

ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปห้างสรรพสินค้าแล้วก็เดินเตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมายอยู่ที่นั่นจนดึกดื่น จากนั้นผมก็ตีตั๋วเข้าไปในโรงภาพยนตร์โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ตัวเองเข้าไปดูนั้นคือเรื่องอะไร

ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงภาพยนตร์นั้นผมก็ไม่ได้สนใจเลยว่าจอภาพเบื้องหน้ากำลังมีฉากหรือบทพูดอะไรบ้าง ในใจเฝ้าแต่คิดว่าผมควรจะสานต่อแผนการที่ตัวเองลงมือทำเอาไว้ หรือว่าควรจะหยุดมันไว้แค่นี้ดี

ผมนั่งใช้ความคิดอยู่กับตัวเองต่อไปสักพัก อยู่ดีๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกเป็นห่วงบาสขึ้นมาอย่างประหลาด ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ทั้งๆที่หนังยังไม่จบด้วยซ้ำ

ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว เมื่อผมออกมาถึงด้านนอกก็พบว่าฝนกำลังตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้ใจหนึ่งจะพยายามบอกตัวเองว่าควรจะรอให้ฝนหยุดตกก่อนแล้วจึงค่อยกลับบ้าน แต่อีกใจมันก็รู้สึกว่าอยากจะกลับไปให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุด

ในที่สุดความรู้สึกเป็นห่วงบาสอย่างไม่รู้สาเหตุที่มีมาตั้งแต่ในโรงหนังก็ทำให้ผมตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปที่บ้าน

ในขณะที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่นั้น ความรู้สึกของผมเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ ผมจึงรู้สึกเป็นห่วงบาสขึ้นมาถึงขนาดนี้ ดังนั้นเมื่อแท็กซี่มาจอดหน้าประตูบ้าน ผมก็รีบจ่ายค่าโดยสารแล้วลงจากรถไปเปิดประตูรั้วอย่างไม่กลัวฟ้าฝนที่ยังโหมกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก แต่ทันทีที่ผมก้าวผ่านประตูรั้วเข้ามาด้านใน ผมก็รู้สึกเหมือนมีเงาตะคุ่มๆ อยู่ที่ริมรั้ว

ผมพยายามรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปดูใกล้ๆจนเห็นบาสนั่งกอดอกตัวสั่นงันงกอยู่บนเก้าอี้โดยภายในมือถือร่มคันใหญ่เอาไว้แน่น

“บาส มานั่งทำอะไรกลางฝนเนี้ย”

เสียงตะโกนกลางสายฝนของผมได้ทำให้บาสค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยความดีใจก่อนที่จะพูดออกมาอย่างปากสั่นด้วยความหนาวว่า

“อ้าว บีกลับมาแล้วเหรอ”

“บาส บีถามว่า บาสมานั่งทำอะไรกลางฝนแบบนี้”

“ก็บาสเห็นฝนมันตกหนัก เมื่อเช้าบีก็ไม่ได้เอาร่มไป บาสกลัวว่าบีจะเปียกฝนตอนเดินเข้าบ้าน บาสก็เลยเอาร่มออกมานั่งรอ”

“บาส...”

ผมครางเรียกชื่อเขาออกมาอย่างไม่เชื่อตัวเองว่าจะมีใครที่สามารถทำอะไรเพื่อผมได้ขนาดนี้ ซึ่งถ้าหากไม่มีเม็ดฝนที่ตกลงมาท่วมตัวเราทั้งคู่ บาสก็คงได้เห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของผมกำลังเจิ่งนองไปด้วยหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอย่างสุดที่จะห้ามได้

“รีบเข้าบ้านกันก่อนเถอะบาส”

ผมรีบเดินไปพยุงตัวบาสให้ยืนขึ้น และทันทีที่ผมได้จับมือของเขาผมก็รู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบที่ทำให้ผมอดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขามานั่งตากฝนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว

ความรักที่บาสมีต่อผมอย่างมากมายนั้นกำลังทำให้ผมเริ่มสติแตก ดังนั้นเมื่อพาเขาขึ้นมาบนบ้านได้ผมก็ระเบิดอารมณ์ใส่เขาอย่างสุดจะทน

“โง่ โง่ที่สุด ทำไมบาสทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้ ไปนั่งตากฝนอย่างนั้นทำไม บาสมาทรมานตัวเองเพื่อคนอย่างบีทำไม”

ผมพูดออกมาในขณะที่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่ยอมหยุด

“บาสทำผิดอีกแล้วใช่มั้ย งั้นบาสขอโทษนะบี คราวหลังบาสจะไม่ทำอีก”

“พอทีเถอะบาส พอที”

ผมพูดออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วก็พยายามเบือนหน้าหนีบาสไปทางอื่น แต่ในทันใดนั้นเองที่ผมหันไปเห็นสิ่งหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะซึ่งนั่นทำให้ผมถึงกับตกตะลึงจนแทบจะล้มลงทั้งยืนเมื่อนึกไปถึงคำพูดของบาสเมื่อเช้าที่ผมเป็นฝ่ายตะโคกตัดบทใส่เขา ก่อนที่เขาจะพูดจบ

-----------------------------------
“แล้วบีจะกลับดึกหรือเปล่า”
“ถามทำไม บาสไม่ใช่พ่อแม่ของบีนะ บีถึงต้องคอยมารายงานว่าจะกลับกี่โมง”
“ป่าว บาสแค่อยากรู้ คือว่าวันนี้เป็น.........”
“พอเถอะ พอ บีไม่อยากฟังแล้ว”
----------------------------------------

ผมค่อยๆหันกลับไปมองบาสด้วยหัวใจที่แสนจะชิงชังและรังเกียจตัวเอง

“บาส.....เค้กนั่น ??? ”

“คะ....คือ....วันนี้เป็นวันเกิดของบาส ตอนแรกบาสคิดว่าถ้าเผื่อบีกลับบ้านเร็ว บาสก็แค่อยากมีสักครั้งในชีวิตที่บาสจะได้เป่าเค้กวันเกิดกับคนที่บาสรัก”

หลังบาสพูดจบผมก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นอย่างอ่อนแรง แล้วก็ก้มหน้าปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก

“ฮือๆๆๆๆๆๆ ได้โปรดเถอะบาส เลิกรักบีเถอะ อย่ามารักคนเลวๆอย่างบีเลย ฮือๆๆๆๆ”

“ทำไมล่ะบี ทำไมบาสถึงรักบีไม่ได้”

เมื่อได้ยินคำถามของบาส ผมก็ระเบิดความอัดอั้นตันใจที่อยากจะบอกเขาออกมาอย่างสุดจะห้าม

“ก็เพราะบีไม่มีวันจะรักบาสได้น่ะสิรู้มั้ย บียังรักทีมอยู่ และก็ไม่มีวันจะรักผู้ชายคนอื่นได้ ในหัวใจของบีมีแต่ทีมเท่านั้น ได้ยินมั้ยบาส บีจะรักแต่ทีมคนเดียวเท่านั้น ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

คำตอบของผมทำให้บาสถึงกับตะลึงจนยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่พอสักพักเมื่อปรับใจได้ เขาก็ฝืนยิ้มออกมาแล้วก็พูดกับผมด้วยน้ำตาที่เริ่มไหลลงมานองหน้าว่า

“อ๋อ อย่างนั้นเองน่ะเหรอ.....ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรนี่ บีก็รักทีมเขาต่อไปสิ บีไม่ต้องมาสนใจบาสก็ได้ บีไม่ต้องมารักบาสเลยก็ได้ แต่บาสขอร้อง ให้บาสได้รักบีต่อไปนะ ให้บาสเฝ้ารักบีอย่างนี้ต่อไปนะ อย่าบังคับให้บาสเลิกรักบีเลย

..........บาสทำไม่ได้หรอก.............


------------------------------------------------------

















หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 22-11-2006 22:25:46
 :seng2ped: :monkeycry4: เศร้าจังอ่ะ:monkeycry4: :monkeycry4: :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 22-11-2006 22:51:31
พี่บลูฯกะจะไม่ให้คนอ่านได้พังสงบสติอารมณ์เลยหรอ?
เล่นให้เศร้า+ร้องไห้ทุกตอนอย่างงี้ ก้อไม่ไหมเหมือนกันน๊ะค๊าบบบบบ  :sad5: :sad4: :monkeysad:


นั่งรอกลางสายฝน
โหย รักบาสเพิ่มอีกเท่าตัวเลยคับงี้~
สงสาร บาส จับใจ อีกแล้ว  :sad5:


ปล. ร้องไห้นั่นไม่ได้เจอผี แต่เจอคนที่ถูกใจตะหาก เลยระเบิดออกมา ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่ะคับ คนถูกจงถูกใจไรนั่นอ่ะ ไม่มี (พูดแล้วก้อเศร้า)



รีบๆต่อนะคับ อยากร้องไห้อีก (เอ๊ะ ... ยังงัย???)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 22-11-2006 22:58:34
ขอต่ออีกตอนเถอะนะคุณบลู นะ นะ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 22-11-2006 23:27:51
โอ๊ย!! ๆๆๆๆ  ทำไมบาสมันดีขนาดนี้ฟระ

บีใจร้ายเกินไปแล้ว  อ๊ากๆๆๆๆ

....ตอนที่พี่คบกับบีอยู่ พี่มีความสุขมากเลยนะบี ทุกวันนี้เวลาพี่นึกถึงทีไร พี่ยังอดยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้ พี่ถึงเคยบอกบีไงล่ะว่าพี่ไม่โทษบีหรอก เพราะพี่เชื่อนะว่าเรื่องความรักเนี้ย เป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้จริงๆ ถึงบีไม่บอกเลิกพี่ตอนนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องอื่นมาทำให้เราต้องเลิกกัน...

ชอบตรงนี้จัง  ความหมายดี๊ดี  หุหุหุ

ต่อๆครับคุณบลู
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 23-11-2006 00:02:54
 :impress3:  "ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด"   เฮ้อ..... สงสารบาสจัง แต่ก็เห็นใจบีด้วย แง้ๆๆๆๆอยากได้แบบนี้ซักคน  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tamkub ที่ 23-11-2006 00:33:12
ขอบคุณพี่ b|ue BoY hUb ที่โพสท์ให้พวกเราอ่านกันอย่างไม่ขาดสายนะคับ....  :impress:

ติดตามอ่านมาเรื่อยๆคับ จนอ่านมาถึงcommentสุดท้ายแล้วเรื่องยังไม่จบ  :sad5: จ๊ากกกกกกกกกกก...

วัยรุ่นเลือดร้อนอย่างผมทนไม่ได้อ่าคับ  :pigangry2: ตั้งใจว่าวันนี้ต้องอ่านจบให้ได้ (รอพี่ๆโพสแล้วจะลงแดงให้ได้เลย)

เลยไปควานหากระทู้origin(แอบนอกใจพี่ๆ ><)...     ในที่สุดก้ออ่านจบแล้ว^ ^"      ...คุ้มกับเวลาที่เสียไปครับ ประทับใจจิงๆ



ขอspoyต๋อยนึงนะคับ แหะๆ


เข้าใจเหตุผลทุกอย่างที่คุณนัทนทีให้ไว้ตอนเปิดใจคับ

แต่มันก้อยังอดนึกไม่ได้ว่า

.




..

ทำมายยยยยยยยยยยยยยยยย

ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยย

อย่าาาาาาาาาาาางงี้ฟ๊าาาาาาาาา


.

..

ขออภัยคับ องค์ลงชั่วขณะ ^ ^



ps1. ทำไมบางฉากมันอย่างกะละครวิก7สีเลยอ่ะคับคุณนัทนที(แซวเล่นนะคับ แซวเล่น 555+) เรื่องราวเข้มข้นมากๆเรยคับ

ps2. ขออย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงกับชีวิตใครเลยนะครับ
ภาวณาให้ทั้งผู้เขียน และผู้อ่านพบกับความรักที่ทำให้ชีวิตของทุกคนมีความสุขนะคับ _/ \_


อ่านจบแล้วได้ข้อคิดเยอะมากคับ ขอบคุณคุณนัทนทีไว้ ณ  ที่(แห่ง)นี้ด้วยนะค้าบ
take careๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 23-11-2006 08:29:46
ขาดเธอไม่ได้....หัวใจขอสารภาพ
กดโทรศัพท์.....รับช้าก็ยังน้อยใจ
                      55555วันนี้มาแบบลูกทุ่ง...บีบหัวใจเหลือเกินค๊าบคุงบลู
                       ต่อเห๊อะ.....ให้ไวให้ไว  หุหุหุหุหุหุหหุ :sad4:

ซารางเฮโย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-11-2006 08:51:35
 :monkeysad:  :monkeysad:   :monkeysad:

"อย่าบังคับให้บาสเลิกรักบีเลย บาสทำไม่ได้หรอก"  :impress3:  :impress3:

ทำไม บาสคงขอแค่ความทรงจำดี  ๆ แบบที่พี่หมอเคยได้ ก็เป็นสิ่งที่บีเห็นว่ามากเกินไปหรือไง บีใจร้าย  :impress3:

แต่ชอบประโยคนี้ของพี่หมอนะ


ความรักมันมีเส้นทางเดินของมันเอง ไม่มีใครไปกำหนดหรือกะเกณฑ์มันได้หรอกว่าจะให้ความรักมันเป็นยังไงหรือเดินไปทางไหน

ให้โอกาสบาสเถอะนะ  :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-11-2006 09:42:24
หนูบลูค้าาาาาาาาาาาาาาาาาบ


ทำไมภาคสองมันทำร้ายหัวใจกันเหลือเกิน


ไม่ไหวแล้วนะหนูบลู ทำไมความรักมันโหดร้ายขนาดนี้


 :sad4:


พูห์ :sad5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 23-11-2006 11:53:53
ขอถามไรหน่อยนะ
ในนี้นี่มีแต่ปู้จายเรยช่ายป่าว
มีผู้หญิงบ้างมั้ยอ่ะ
โฉงฉาย ????????

:haun1:



edit by blueboyhub  :yeb:
ในเวปนี้มีเพื่อนๆทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ไบ ทอม ดี้ เกย์ ผู้ฉิง ฯลฯ   :haun2:
ที่ชื่นชอบอ่านเรื่องราว boy's love story อ่ะครับ
รู้จักและมารวมตัวกันก็เกิดจากเรื่องราวกรูไม่ช่ายเกย์ ของคุณเซ็งเป็ดครับ  :seng2ped:

ความรักมันไม่มีเพศ คนเราไปกำหนดเพศให้มันครับ    :3061:

ปล.คงต้องใช้คำระวังหน่อยนะครับ  :yeb:

เรย์
blueboyhub
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 23-11-2006 13:28:48
"บีก็รักทีมเขาต่อไปสิ บีไม่ต้องมาสนใจบาสก็ได้ บีไม่ต้องมารักบาสเลยก็ได้ แต่บาสขอร้อง ให้บาสได้รักบีต่อไปนะ
ให้บาสเฝ้ารักบีอย่างนี้ต่อไปนะ  อย่าบังคับให้บาสเลิกรักบีเลย

..........บาสทำไม่ได้หรอก............. "

...................แค่อยากหั้ยคนมี่เรารักอยู่หั้ยเรารัก.....แค่นั้นเอง....................

ป.ล.  ฝากเพลงนี้ไว้น่าจะเหมาะ.....ผมชอบมาก

จะกอดเธอเอาไว้
อ้อนวอนด้วยหัวใจ
เผื่อจะทำให้เธอเปลี่ยนใจ
เผื่อจะทำให้เธอเห็นใจ
เผื่อจะทำให้เธอไม่ไป....... จากฉัน

ยังไงก็เคยรัก
ก็คนเคยเคยห่วงใย
แต่จะทำให้ฉันได้มั้ย
ถ้าหากฉันยังพอมีความหมาย
อยู่กับฉันโดยที่ไม่ต้องรักกัน

ก็รู้อยู่ แต่จะให้ทำอย่างไร
ก็ยังรักอยู่ จนไม่อาจทำใจรับไหว

อยู่ให้ฉันรักเธอ
อยู่ให้ฉันรักก่อน
หัวใจร่ำร้องไม่ยอมให้เธอไป
อยู่ให้ฉันรักเถอะ
แม้เธอไม่รักตอบ
ทิ้งตัวลงอ้อนวอนขอให้เธอ...อยู่กับฉัน

ที่ใครให้ความหมาย
ว่ารักคือการให้
ไม่อาจครอบครองเอาไว้
ฉันก็รู้ก็เข้าใจ
แต่ไม่พอทำให้หัวใจเจ็บน้อยลง

ก็รู้อยู่ แต่จะให้ทำอย่างไร
ก็ยังรักอยู่ จนไม่อาจทำใจรับไหว

อยู่ให้ฉันรักเธอ
อยู่ให้ฉันรักก่อน
หัวใจร่ำร้องไม่ยอมให้เธอไป
อยู่ให้ฉันรักเถอะ
แม้เธอไม่รักตอบ
ทิ้งตัวลงอ้อนวอนขอให้เธอ...อยู่กับฉัน

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 23-11-2006 14:09:33
อ่านเรื่องนี้แล้วสงสัยมั้ยคับว่าพี่ทำบุญด้วยอะไร

ทำไมมีคนดีๆ มารักมากมายขนาดนี้  :pigangry2: อิจฉา

แบบบาสเนี้ยจะมีอีกบ้างมั้ย ผมขอแค่รักผมให้ได้ครึ่งนึงของบาสก็พอ นะ นะ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 23-11-2006 14:52:07
"ก็บาสเห็นฝนมันตกหนัก เมื่อเช้าบีก็ไม่ได้เอาร่มไป บาสกลัวว่าบีจะเปียกฝนตอนเดินเข้าบ้าน บาสก็เลยเอาร่มออกมานั่งรอ”
โห... บาส  เศร้ามากมาย  ทำไมดีแสนดี รักแสนรักขนาดนี้   หวังว่าบีคงให้โอกาสตัวเองและบาสเร็ว ๆ นี้นะ    :impress3:

ความรักมันมีเส้นทางเดินของมันเอง ไม่มีใครไปกำหนดความรักได้หรอกว่าจะให้ความรักมันเป็นยังไงหรือเดินไปทางไหน  นั่นแหละ
บีต้องยอมกล้าที่จะเจ็บถึงจะได้รักมานะ  ยอมให้บาสรักเหอะ ฮือ ฮือ  เศร้าอะ :monkeysad:

รออ่านต่ออยู่น้าเรย์  :impress:

ปล  คุณ konaun  เราก็เป็นผู้หญิงค่ะ  ไม่ว่าจะหญิง ชาย เกย์ ทอม ดี้ อะไรก็แล้วแต่  ยังไงก็เป็นเพื่อนกันได้นะคะ   :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tamkub ที่ 23-11-2006 16:14:10
อ้างถึง
Posted by: kirati69
อ่านเรื่องนี้แล้วสงสัยมั้ยคับว่าพี่ทำบุญด้วยอะไร

ผมกลับคิดว่า พี่บีทำบาปทำกรรมอะไรไว้ เรื่องมันถึงวุ่นวายขนาดนี้   :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 23-11-2006 18:20:17
 :sad4:เท่าที่อ่านมาถึงตอนนี้ หุหุ ทำไปได้นะคนเรา วันเกิดตัวเองมานั่งทรมานร่างกาย  เพื่อรอคนที่รัก อย่างนี้ไม่เชียร์บาสแล้วจะเชียร์ใครหละ หุหุ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Aki_Kaze ที่ 23-11-2006 20:47:46
พรากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 23-11-2006 21:52:52
 :impress: :impress: :impress: :impress:
คุณมูมู่
ก็อยากเป็นเพื่อนกะทุกคนอ่ะแหละ
แต่เป็นคนพูดน้อยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 23-11-2006 22:23:31
คุณโคนัน ตะแน๋วก้อเป็นผู้หญิงอ่ะ และก้อเป็นเพื่อนได้กับทุกคนทุกเพศ ทุกวัย  :yeb:



ปล. ตะแน๋วยืนยันให้แล้วนะบลูเรย์ ไม่ต้องมาสงสัยตะแน๋วอีกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ชิส์ๆ   :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 23-11-2006 22:59:04


เก็ทเป็นเสือไตรคับคุงโคนัน55555555
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 23-11-2006 23:02:49
ตอนที่แล้วถือเป็นตอนที่บาดอารมณ์ของผมได้รุนแรงมาก  :monkeysad2:
เพื่อนๆคงรู้สึกเช่นกัน

อ้างถึง
บาส มานั่งทำอะไรกลางฝนเนี้ย”

เสียงตะโกนกลางสายฝนของผมได้ทำให้บาสค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยความดีใจก่อนที่จะพูดออกมาอย่างปากสั่นด้วยความหนาวว่า

“อ้าว บีกลับมาแล้วเหรอ”

“บาส บีถามว่า บาสมานั่งทำอะไรกลางฝนแบบนี้”

“ก็บาสเห็นฝนมันตกหนัก เมื่อเช้าบีก็ไม่ได้เอาร่มไป บาสกลัวว่าบีจะเปียกฝนตอนเดินเข้าบ้าน บาสก็เลยเอาร่มออกมานั่งรอ”

“บาส...”


อ่านกี่รอบก็เรียนน้ำตาคลอได้เลย   :impress3: ความรักที่บาสมีให้บีมันออกมาจากหัวใจจริงๆ  :monkeysad:
ไม่ได้แกล้งทำมันออกมา เพราะทุกเวลาบาสจะนึกถึงแต่บี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บาสก็ห่วงแต่ความรู้สึกของบี ถ้าคนเรารักกันและคอยคิดถึงแต่คนอื่นๆแบบนี้
ชีวิตรักของพวกเราคงสวยงามกว่าที่เห็นอยู่ในสังคมเมืองที่วุ่นวาย

อ้างถึง
“บาสทำผิดอีกแล้วใช่มั้ย งั้นบาสขอโทษนะบี คราวหลังบาสจะไม่ทำอีก”


คุณนัทนทีเฉือนอารมณ์อีกครั้งด้วยเรื่องที่ใครๆก็ฝันอยากจะมี

อ้างถึง
“คะ....คือ....วันนี้เป็นวันเกิดของบาส ตอนแรกบาสคิดว่าถ้าเผื่อบีกลับบ้านเร็ว บาสก็แค่อยากมีสักครั้งในชีวิตที่บาสจะได้เป่าเค้กวันเกิดกับคนที่บาสรัก”


แค่เรื่องง่ายๆ แต่บางคนกลับมองข้ามไป หารู้ไม่ว่าเรื่องง่ายๆแบบนี้อยู่ในใจส่วนลึกๆของหลายๆคน

*********************************************************************************
konaun  เข้มแข็งไว้ครับ สักวันหนึ่งต้องเป็นของเรา  :yeb:
สาวๆเข้ามายืนยันตัวกันแล้วน้า เอิ้กๆ

Rrmz`,,  ร้องบ่อยๆไม่มีคนปลอบไม่ดีนะครับ มาม๊ะเด่วส่งคนไปปลอบ  :-[

GoneOn  ต่อให้แล้วนะครับ พักนี้เน็ตไม่ค่อยดี ไม่ค่อยได้เข้ามาเช็ค แหะๆ  :kikkik:

FlukeHub  พี่หมอคิดได้ไงไม่รู้นะ ว่าต่อให้เขารู้ว่าเขาจะเจ็บ เขาก็ยินดีเพราะเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้มีความสุขกับคนที่เขารัก แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม  :sad4:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  คิกคิก แซวเล่นน้า เห็นสาวๆบอร์ดเราห้าวกันเจงๆ จนมีคนสงสัยเอิ้กๆ  :kikkik:
อยากเจอคนแบบบาส คงต้องหาแทบพลิกแผ่นดิน  :monkeysad:

tamkub อิอิ อารมณ์รุนแรง เอิ้กๆ  :yeb:

between  กร๊ากๆๆชอบๆลูกทุ่ง พักนี้อะไรๆเสี่ยวๆดูจะมีมนต์ขลังเหมือนกันน้า  :myeye:

shell บางทีผมมองรอยแตกที่พื้นดิน ช่างซอกซ่อน แตกแยกหลายสาขา คงจะเหมือนเส้นทางของความรักที่ไม่อาจรู้ว่รอยแตกนั่นจะแยกไปทางไหน และสิ้นสุดที่ใด  :confuse:

หมูพูห์ หุหุ พูห์จะได้กลัวความรักบ้างไง เห็น บ่ กัวไรเลย วันๆเอาแต่ไปดูหนัง คิกคิก  :interest:

][GobGab][  อยู่ให้ฉันรักเถอะ   แม้เธอไม่รักตอบ 
โดนใจมากๆ ก็ขอแค่นี้ได้ไหม  :impress3:

kirati69  อืม จะมีใครสักคนไหมที่ได้รู้จักคนที่ได้สักครึ่งหนึ่งของบาส  :monkeysad:

มูมู่น้อย ถ้าความรักมันกำหนดได้ว่าจะรักใคร เรื่องต่างๆของง่ายเหมือนอุ่นของในไมโครเวปทีเดียว  :try2:

Tantalum  อิอิ เย้ๆชมรมคนรักบาส
 :haun2:

Aki_Kaze  อ่านไม่ว่ากี่รอบ ใครเจอตอนนี้เข้าไป ร่วงเป็งสายน้ำ  :impress3:

******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 9 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังคำตอบของบาส ผมได้แต่นั่งนิ่งมองเขาอย่างตื้นตัน แล้วก็อดคิดถึงคำพูดของพี่หมอไม่ได้ว่า

“บีไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะทำให้เพื่อนคนนั้นเลิกรักบีได้”

ผมไม่รู้ว่าชาติที่แล้ว บาสเขาเคยทำกรรมอะไรกับผมไว้ ในชาตินี้เขาจึงต้องตามมารักผมมากมายขนาดนี้

ในที่สุดความทุ่มเทและมั่นคงในความรักของบาสก็ทำให้ผมต้องยอมแพ้ เพราะเมื่อได้เห็นแววตาขอร้องที่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่คู่นั้นของบาส ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่าผมไม่มีวันทำให้ผู้ชายคนนี้เลิกรักผมได้สำเร็จ

ดังนั้นผมจึงได้แต่บอกตัวเองว่า....ผมคงต้องทำอย่างที่พี่หมอแนะนำ นั่นคือ....ปล่อยให้มันเป็นไป

ไม่ว่าเส้นทางรักครั้งนี้ของผมกับบาสจะได้เริ่มต้นขึ้นหรือไม่ หรือมันจะไปจบลงตรงไหน ผมก็คงไปฝืนอะไรมันไม่ได้ นอกจากจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น

ผมจึงค่อยๆลุกขึ้นแล้วก็ถามบาสเพื่อความมั่นใจอีกครั้งว่า

“บาส จะยังรักบีต่อไปทั้งๆ ที่รู้ว่าบีรักบาสไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ แต่ไหนแต่ไรมา บาสก็รักบีทั้งๆ ที่บีไม่เคยรักบาสอยู่แล้วนี่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าต่อไปบีจะรักบาสหรือไม่ สำหรับบาสแล้วมันก็ไม่สำคัญหรอก บาสขอแค่ให้บาสได้ตามรักบีอย่างนี้ต่อไปก็พอ”

“บาส !!! ”

“ได้มั้ยบี ??? ”

“ช่างเถอะ เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะบาส”

ผมพูดไปในขณะที่หันไปมองนาฬิกาซึ่งขณะนี้เป็นเวลา 11.40 นาที

“บีว่าบาสรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะนะ เดี๋ยวเราจะได้มาเป่าเค้กวันเกิดกัน ยังพอทันเวลานะ”

“แต่ว่า....”

“เหอะน่า เรายังมีเวลาคุยเรื่องนี้กันอีกเยอะ แต่ตอนนี้บีต้องทำให้บาสได้เป่าเค้กวันเกิดก่อนเที่ยงคืนให้ได้ก่อน”

พูดจบผมก็เดินไปพยุงตัวบาสที่เปียกปอนไปทั้งตัวเข้าไปในห้อง แล้วก็ปล่อยให้เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนผมก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องอย่างเร่งรีบเช่นกัน

หลังจากที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จด้วยความรวดเร็ว ผมก็เดินออกมาหน้าห้องแล้วก็รีบเข้าไปหาไฟแช็กในครัวออกมา จนสักพักบาสก็เดินออกมาจากห้อง

“อ้าวจุดเทียนสิบาส”

พูดจบผมก็ยื่นไฟแช็กให้บาส

“บีจุดให้ไม่ได้เหรอ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็บีเป็นแสงสว่างในชีวิตของบาส ถ้าบีเป็นคนจุด ต่อไปชีวิตของบาสก็จะได้สว่างไสวเหมือนเทียนพวกนั้นไงล่ะ”

“แหวะ บาสไปหัดพูดประโยคน้ำเน่าพวกนี้มาจากไหนเนี้ย บีขนลุกเลยดูสิ ”

ผมพูดอย่างขำๆ แล้วก็ก้มลงไปจุดเทียนวันเกิดให้ตามที่เขาขอ

“เอ้า คราวนี้ก็อธิษฐานสิ แล้วอย่าอธิษฐานอะไรให้มันน้ำเน่านักล่ะ เดี๋ยวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อ้วกแตกกันพอดี”

บาสยิ้มขำๆ ก่อนจะทำหน้านึกอะไรขึ้นมาได้แล้วก็บอกผมว่า

“จริงสิ บียังไม่ร้องเพลงเบิร์ดเดย์ให้บาสเลยนี่ ลืมไปหรือเปล่า”

“ไม่เอาอะ บีร้องเพลงไม่เก่ง”

ผมตอบไปอย่างนั้นเพราะจริงๆ แล้วผมไม่ได้ลืมหรอก หากแต่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมก็เป็นคนที่ร้องเพลงไม่เอาอ่าว แถมยังร้องผิดคีย์มาตลอด ผมจึงแกล้งทำเป็นจงใจที่จะลืมเรื่องร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้บาสฟัง

“น่าบี ถ้าบีไม่ร้อง มันก็ไม่ครบขั้นตอนนะ”

“ไม่ร้องไม่ได้เหรอ”

“ร้องเถอะนะ บาสอยากฟัง วันนี้วันเกิดบาสนะ”

เมื่อเห็นบาสอ้อนวอนขนาดนี้ ผมจึงจำใจร้องเพลงอวยพรวันเกิดออกมาซึ่งมันทั้งเพี้ยนและไม่เป็นทำนองจนทำให้บาสถึงกับขำออกมาจนท้องขดท้องแข็ง

“นี่หยุดหัวเราะได้แล้ว บีไม่ร้องแล้ว”

ผมพูดออกมาอย่างงอนๆ

“โอเคๆ บาสขอโทษ แต่มันขำนี่ ขนาดเพลง happy birthday บียังร้องให้เพี้ยนได้ บาสนับถือจริงๆ”

“นี่ อยากอายุสั้นหรือไง เดี๋ยวก็โดนดีหรอก รีบๆ อธิษฐานเข้าเถอะ”

เมื่อผมพูดจบ บาสก็หยุดหัวเราะ แล้วก็หลับตาตั้งสติอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจัง จนสักพักเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วก็เอาแต่จ้องมองผมโดยไม่พูดอะไรเลย

“จริงสิ บาสรอบีตรงนี้เดี๋ยวนะ”

ผมหาโอกาสชิ่งเข้าไปในห้องเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเขินมากขึ้นทุกทีหลังจากที่บาสเอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง

ผมเข้าไปรื้อค้นของอะไรบางอย่างในห้อง จนสักพักเมื่อเจอมันแล้วผมก็หยิบของสิ่งนั้นออกมา

“บีขอโทษนะบาส บีไม่รู้จริงๆ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของบาส บีก็เลยไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้า มันก็คงมีแค่ไอ้นี่แหละ”

ผมค่อยๆชูสร้อยคอเงินแท้ที่มีจี้ตัวอักษรรูปตัว B ซึ่งมันเป็นความบังเอิญที่มันเป็นทั้งชื่อผม และสามารถเป็นตัวย่อของชื่อบาสได้ด้วย

“มันเป็นสร้อยที่บีชอบและรักมากที่สุด บียกให้บาสแล้วกัน แต่ถ้าบาสไม่ชอบ วันหลังบีจะหาของใหม่ที่มีค่ากว่านี้มา.............”

“ไม่ต้องหรอกบี...”

บาสรีบพูดแทรกขึ้นแล้วเอามือของเขามาจับมือของผมที่ถือสร้อยเส้นนั้นเอาไว้

“บาสขอสร้อยเส้นนี้นะ แค่นี้มันก็มีค่ามากแล้ว ยิ่งเป็นของๆบี มันยิ่งมีค่ามากสำหรับบาส บีไม่ต้องไปซื้ออย่างอื่นมาหรอกนะ บาสอยากได้สร้อยเส้นนี่ล่ะ ว่าแต่บีให้แล้วให้เลย ไม่เอาคืนแน่นะ”

“แน่สิบาส ตั้งแต่วันนี้สร้อยเส้นนี้เป็นของบาสแล้ว”

ผมพูดออกมาอย่างขำๆ

“งั้นบาสใส่เลยได้ใช่มั้ย”

“ได้สิ มา เดี๋ยวบีใส่ให้”

หลังผมพูดจบ บาสก็ค่อยๆ ก้มตัวลงมาให้ผมสวมสร้อยให้เขาได้ถนัดขึ้น ในขณะที่เขาเองได้แต่ยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข

“เอาล่ะ เสร็จแล้ว”

“ขอบใจนะบี บาสจะใส่มันไว้ตลอดไป ไม่ถอดเลย”

“ไม่ต้องเวอร์ขนาดนั้นก็ได้ อืมมมม บียังมีของขวัญให้บาสอีกชิ้นนึงนะ”

“อะไรนะ มีอีกเหรอ”

“มันไม่ได้เป็นสิ่งของหรอกบาส มันเป็นคำสัญญา”

“คำสัญญา ???”

“ใช่ คำสัญญาว่าต่อไปนี้บีจะเปิดใจเพื่อรักบาสให้มากขึ้น แล้วก็จะพยายามลืมทีมให้ได้ แต่บีไม่รับปากนะว่าบีจะทำได้แค่ไหน”

ทันทีที่ผมพูดจบ บาสก็เอาแต่จ้องมองผมด้วยความตื้นตัน เขาดีใจและซึ้งใจมากจนถึงกับมีน้ำใสๆไหลออกมาท่วมเบ้าตา ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ขอบใจนะบี มันเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดตั้งแต่บาสเกิดมาเลย ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เทียบกับที่บาสเคยทำเพื่อบีแล้ว แค่นี้มันถือว่าเล็กน้อยมาก บีแค่ให้โอกาสบาส ให้โอกาสตัวเองได้ลองเดินไปตามเส้นทางรักของเราสองคนเท่านั้น”

“เส้นทางรักเหรอ ???”

“อืม ใช่ เส้นทางรัก มีใครบางคนเคยบอกบีว่าความรักมันมีเส้นทางเดินของมันเอง ไม่มีใครไปกำหนดหรือกะเกณฑ์มันได้ว่าจะให้มันเป็นยังไงหรือเดินไปทางไหน บีก็เลยกะว่าจะลองเดินไปตามเส้นทางนี้พร้อมๆกับบาสดู ไม่ว่าทางเดินของเรานั้นจะไปพบจุดจบยังไง”

“ขอบใจมากนะบี บาสไม่รู้จะบอกบียังไงว่าบาสดีใจแค่ไหน ว่าแต่คนที่พูดเรื่องนี้กับบีเป็นใครเหรอ”

“ช่างเถอะ บาสไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”

“งั้นไมว่าเขาจะเป็นใคร บาสต้องฝากขอบคุณเขาด้วยนะ เขาเป็นผู้มีพระคุณของบาสเลยนะเนี้ย”

“ได้สิ ไว้บีเจอเขาแล้วบีจะบอกเขาให้ เรามากินเค้กกันเถอะบาส”

พูดจบผมก็ตามลงไปนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับบาส แต่พอผมเริ่มจะตักเค้กใส่จาน ผมก็สังเกตว่าบาสดูมีท่าทางอ่อนเพลียแล้วก็หน้าซีดมาก

“บาสดูหน้าซีดๆนะ บีว่าเราไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้ บาสกลับไปนอนเถอะ”

“ไม่ บาสยังไม่อยากนอน วันนี้เป็นวันเกิดบาสนะ บาสอยากอยู่กับบีให้นานที่สุด”

แม้บาสจะดูตั้งอกตั้งใจจะทำอย่างนั้น แต่น้ำเสียงของเขาก็ดูอ่อนเพลียจนเห็นได้ชัด

“แต่บีว่าบาสควรจะพักผ่อนนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“ไม่เป็นไรหรอก นะบี ให้บาสนั่งอยู่กับบีก่อนนะ”

“งั้นเอางี้ บาสนอนที่นี่ก่อนก็ได้ นอนลงบนตักบีนี่แหละ นอนลงสิ”

พูดจบผมก็ค่อยๆ ดึงตัวบาสให้เอนตัวลงมาหนุนนอนบนตักของผม

“บาสหลับตรงนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวบีค่อยปลุกไปนอนที่ห้อง คราวนี้บาสก็ได้อยู่กับบีนานขึ้นในวันเกิดแล้ว โอเคมั้ย”

บาสพยักหน้ายอมรับอย่างมีความสุขบนตักอุ่นของผม ก่อนจะค่อยๆปิดตาลง แล้วก็นอนหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย ในขณะที่ผมเองได้แต่มองใบหน้าที่กำลังหลับอย่างมีความสุขนั้นด้วยความสงสารจับใจ

มองดูผิวเผิน ผู้ชายคนนี้ดูทั้งอ่อนแอและอ่อนไหว แต่ผมเชื่อว่าคนๆเดียวกันนี้แหละที่พร้อมจะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องผมจากภยันตราย ที่สำคัญไม่ว่าบาสจะดูเป็นคนอ่อนแอแค่ไหนแต่หัวใจของเขาก็แข็งแกร่งเหลือเกิน

ผมไม่รู้ว่าหัวจิตหัวใจของบาสทำด้วยอะไร แต่การที่เขาเอาตัวรอดจากความบอบช้ำที่ถูกความรักกระทำมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่เคยสั่นคลอนความรักที่มีต่อผมเลยนั้น มันทำให้ผมอดนับถือหัวใจของชายนี้ไม่ได้

เป็นครั้งแรกที่ผมแอบหวังลึกๆว่า เส้นทางรักของผมกับบาสคงจะไม่ได้จบลงแบบเดียวกับที่ผมกับทีมเคยเจอมาแล้ว

ในขณะที่ผมกำลังนั่งใช้ความคิดอย่างเป็นห่วงถึงอนาคตของผมกับบาสอยู่นั้นเอง ในชั่วขณะหนึ่งผมก็เหลือบไปเห็นบันทึกที่ผมเอามาวางไว้บนโต๊ะเพื่อคืนให้บาสตั้งแต่เมื่อเช้า

แม้ตอนแรกผมเคยคิดว่าผมจะไม่อ่านบันทึกของบาสอีก แต่เมื่อเห็นมันวางอยู่ตรงหน้าผมก็อดหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านไม่ได้


---------------------------------------------
7 กรกฎาคม 2540

หลังจากที่ผมรู้แล้วว่าผมได้เสียบีให้ไอ้ทีมมันไปแล้ว ผมก็ได้แต่เก็บความข่มขื่นนี้ไว้ในใจเพราะผมรู้ดีว่ายังไงผมก็ไม่มีวันแย่งบีมาจากไอ้ทีมมันได้

ผมไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาระดับนายแบบอย่างไอ้ทีม

เรื่องการเรียน ผมก็ไม่เคยเรียนได้เกรดดีกว่ามัน

ยิ่งเรื่องกีฬา ยิ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยถนัด

แล้วจะมีคนโง่ที่ไหน ที่จะยอมทิ้งผู้ชายเพอร์เฟกต์อย่างไอ้ทีมมารักคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรดีเลยอย่างผม

ในตอนแรก....ผมเคยคิดว่าผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างไอ้ทีม มันคงไม่ได้มารักชอบบีอย่างจริงจัง

แต่ยิ่งได้อยู่กับมันนานเข้า ผมถึงได้รู้ว่า...ผมคิดผิด

ไอ้ทีมมันจริงจังในรักครั้งนี้ของมันมากกว่าอะไรทั้งหมด

ผมไม่เคยเห็นมันจะเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องอะไร ถึงขั้นจะเป็นจะตายเหมือนกับเรื่องของบี

จริงๆแล้ว ทุกลมหายใจเข้าออกของมันแทบจะมีแต่.... “บี” ......ด้วยซ้ำ

ความจริงนี้ทำให้ผมต้องทำใจยอมรับในที่สุดว่าผมคงเป็นได้แค่ “เงา” ของไอ้ทีมมันเท่านั้น

ผมได้แค่แอบมอง แอบเป็นห่วงบีอยู่ไกลๆ โดยให้ไอ้ทีมมันช่วยดูแลบีแทนในสิ่งที่ผมไม่มีวันจะทำได้

ในที่สุดผมก็ได้เรียนรู้ว่าบางครั้ง การได้เห็นคนที่เรารัก ได้ยิ้ม ได้หัวเราะอย่างมีความสุขในทุกๆวัน เพียงแค่นั้น มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากเหลือเกินแล้ว

ผมยินดีที่จะเป็นแค่นี้ เป็นแค่.... “เงา”......ที่เฝ้ามองบีอยู่ด้านหลังไอ้ทีม

ผมยินดีที่จะมีความรักแบบนี้ ........ “ความรักที่ไม่ต้องการครอบครองหรือเป็นเจ้าของ”

อย่างน้อยการที่คนรักของบีคือไอ้ทีม มันก็ทำให้ผมรู้เรื่องราวของบีมากมายจากสิ่งที่ไอ้ทีมมันชอบนำมาเล่าให้ผมฟังไม่เคยขาด

ผมรู้ว่าบีมีนิสัยขี้งอน เอาแต่ใจตัวเอง เก็บความรู้สึกเก่ง แล้วก็ฉลาดเป็นกรด

ผมรู้ว่าบีไม่ชอบคนโกหก แต่บีเองนั่นแหละที่โกหกเก่งและทำได้แนบเนียนที่สุด

ผมรู้ว่าบีชอบกินข้าวแกงกะหรี่ ชอบทุเรียน ชอบชานม แล้วก็ชอบกินไอศกรีมรสวนิลา

ผมรู้ว่าบีเป็นคนที่ต้องสระผมทุกวัน อาบน้ำนาน และเกลียดการทาแป้งฝุ่น

ผมรู้ด้วยว่าบีเป็นคนติดหมอนข้าง ถ้าหากวันไหนไม่มีหมอนข้างบีก็จะนอนไม่หลับ

ผมพยายามจดจำทุกรายละเอียดเกี่ยวกับบีที่ไอ้ทีมนำมาเล่าให้มากที่สุด จนต่อมาผมก็มาได้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ผมเกิดความหวัง

เป็นความหวังที่ผมจะได้อยู่ใกล้ชิดกับบีโดยไม่ต้องมีไอ้ทีมอยู่คั่นกลาง เมื่อไอ้ทีมมาบอกว่าบีมาขอไปสมัครเข้าชมรมดนตรีสากล และมันก็ได้อนุญาตไปแล้ว

หลังจากทราบข่าวนี้ ผมก็แอบไปสมัครเข้าชมรมเดียวกับบีโดยไม่ได้บอกให้ใครรู้ จนกระทั่งผมได้มาเจอบีในวันแรกที่ทางชมรมนัดสมาชิกใหม่ให้มาเข้าค่ายร่วมกัน

ผมตั้งความหวังว่า....ระหว่างที่อยู่ในชมรมนี้ ผมคงจะได้มีตัว มีตน ขึ้นมาในสายตาของบีบ้าง

แต่แล้วความหวังทั้งหมดของผมก็ต้องพังทลายลงเมื่อผมได้ยินรุ่นพี่ประกาศชื่อสมาชิกใหม่ที่ไม่ยอมมาตามนัด ซึ่งชื่อนั้นคือชื่อของ.....ไอ้ทีม

ทั้งผมและบีต่างยืนตกตะลึงไม่แพ้กัน เพราะเราทั้งคู่ต่างรู้ดีพอๆกันว่าสำหรับไอ้ทีมแล้ว คำว่า “ฟุตบอล” นั้น สำคัญสำหรับมันแค่ไหน

แต่วันนี้....มันก็ชัดเจนแล้วว่าเมื่อไอ้ทีมต้องเลือกระหว่างสิ่งที่มันรัก 2 สิ่ง ในที่สุดมันก็ได้ตัดสินใจเลือก....บี

ผมรับรู้ความจริงนี้ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว แล้วก็ได้แต่บอกตัวเองว่า...ตราบเท่าที่ไอ้ทีมมันยังรักบีมากขนาดนี้ ผมคงไม่มีวันที่จะมีตัวตนขึ้นมาได้

ในที่สุดแล้ว....ผมก็คงเป็นได้แค่... “เงา”....ของไอ้ทีมตราบจนวันตาย

-----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 23-11-2006 23:14:36
         ขอปาดเป็นแรกหน่อยเหอ๊ะ5555555555555555
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 23-11-2006 23:34:06
บาสจะเป็นไรมากป่าวน้อ   :monkeysad:



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 24-11-2006 04:59:15
 :sad4: น่าสงสารบาสอ่ะครับ  ทั้งที่ช้ำแต่ก้อยังรัก :3125: ทีม น่ะทีม น่านักเชียว ทั้งที่ตอนแรกแสร้งดี ว่ารัก อย่างโน้นอย่างนี้ สุดท้าย ได้ฟันแล้วก้อทิ้ง ไอ้เชี้ย  :pigangry2:
บีจะทำงัยต่อล่ะเนี่ย :confuse: หวังว่าไม่ทำให้บาสเจ็บน่ะ
สงสารบาสเค้าอ่ะ :impress:


มาต่อเร็ว ๆน่ะครับกำลังคอย อ่านแล้วอดน้ำตาไหลไม่ได้เลย อ่ะ สนุกมากน่าติดตามมากครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-11-2006 09:00:58
ในที่สุด บาสก็ได้เริ่มต้นบนเส้นทางรักของตัวเองสักที   :impress: สู้เขา บาสต้องทำได้  :yeb:

ตอนนี้ทั้งที่ควรจะเป็นตอนที่ค่อนข้างมีความสุข เพราะบีเริ่มเปิดใจให้บาสบ้าง แต่ทำไมเนื้อหาถึงเศร้าขนาดนี้  :monkeysad:

ความเศร้าของบาสถูกบรรยายเป็นตัวอักษร คำพูด ได้ดีมาก ๆ "ผมคงเป็นได้แค่เงาของไอ้ทีมตราบจนวันตาย"  :impress3:  :impress3:

ขอแซวนิยายนิดหนึ่งนะ

1. ตกลงบาสเป่าเค้กตอนไหน อ่านแล้วเหมือนยังไม่เป่านะ มัวแต่อธิษฐานและก็จ้องหน้ากันอยู่   :like2:

2. บีชอบกินทุเรียนเหรอ เดี๋ยวซื้อไปฝากนะ กินเนื้อเสร็จเปลือกไม่ต้องทิ้งนะ เก็บไว้ให้ดีละ เวลาทำให้บาสเจ็บจะได้ไม่ต้องส่งเปลือกไปให้อีก  :kikkik:

ทิ้งท้ายอีกนิด เราเป็นผู้หญิงน้า คุณโคนัน

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 24-11-2006 12:45:14
เห็นด้วยกับหลายคน บันทึกของบาสแต่ละฉบับอ่านแล้วเรียกน้ำตาทุกที  :impress:

......................

ในที่สุดผมก็ได้เรียนรู้ว่าบางครั้ง การได้เห็นคนที่เรารัก ได้ยิ้ม ได้หัวเราะอย่างมีความสุขในทุกๆวัน เพียงแค่นั้น มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากเหลือเกินแล้ว

ผมยินดีที่จะเป็นแค่นี้ เป็นแค่.... “เงา”......ที่เฝ้ามองบีอยู่ด้านหลังไอ้ทีม

ผมยินดีที่จะมีความรักแบบนี้ ........ “ความรักที่ไม่ต้องการครอบครองหรือเป็นเจ้าของ”

........................

เฮ้อผมไม่มีวันทำจัยให้คิดอย่างบาสด้ายหรอก  ...ไม่มีวัน  :o
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 24-11-2006 13:58:07
:impress:

ยังคงยืนที่เก่า ยังทำตัวเองเหมือนเก่า
ชีวิตไม่เปลี่ยนไปไหนเลยสักที
ตื่นมายังมองหาเธอ แต่มองยังไงก็ไม่มี
ก็ยังจะทำไปอยู่อย่างนั้น

จบไปแล้วก็รู้ แต่เหมือนคนจำไม่ได้
เหตุผลเธอรู้ใช่ไหมมีอย่างเดียว

ก็ใจมันยังรักแค่เธอ เอะอะก็พร่ำเพ้อไม่รู้จักจบไป
ยังมีแต่คำว่าเธอไม่ยอมเปลี่ยนไป ไม่ลืมสักที
ก็อยากจะหยุดฝันถึงเธอ แต่ทุกค่ำคืนก็เจออย่างเดิมทุกที
ขอโทษที่ความรักมันยังมี ก็ฉันมันลืมไม่เป็น

ยังคงดูรูปถ่าย ข้อความไม่เคยลบไป
วันไหนวันเกิดเธอฉันจำได้ดี
มันจะนานเท่าไร ก็ยังจะรอเธอทุกที
จิตใจมันวนเวียนอยู่อย่างนั้น

จบไปแล้วก็รู้ แต่ฉันยังลืมไม่ได้
กี่คืนกี่วันผ่านไปไม่ต่างกัน

ก็ใจมันยังรักแค่เธอ เอะอะก็พร่ำเพ้อไม่รู้จักจบไป
ยังมีแต่คำว่าเธอไม่เคยเปลี่ยนไป ไม่ลืมสักที
ก็อยากจะหยุดฝันถึงเธอ แต่ทุกค่ำคืนก็เจออย่างเดิมทุกที
ขอโทษที่ความรักมันยังมี ก็ฉันมันลืมไม่เป็น

ขอโทษที่ยังคิดถึงเธอ มันรักแล้วลืมไม่เป็น

ที่มา:: http://www.ethaimusic.com

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 24-11-2006 14:10:37
http://www.youtube.com/watch?v=JEKvEj-5aOE

เอามาฝากกัน
ม่ะรู้ว่าจะเข้ามั้ย
เนื้อเพลงอยู่อีกหน้า
แอบบลอกเค้ามาด้วย
อย่าเอ็ดไปนะเดี๋ยวเค้าจับได้
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: PHANTOM ที่ 24-11-2006 14:16:41
 :ped150: ตามทันแย้ว ตามทันแย้ว....
 :monkeysad: คุณ konaun เพลงเพราะจังเลยคับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 24-11-2006 14:48:35
"“บาส จะยังรักบีต่อไปทั้งๆ ที่รู้ว่าบีรักบาสไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ แต่ไหนแต่ไรมา บาสก็รักบีทั้งๆ ที่บีไม่เคยรักบาสอยู่แล้วนี่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าต่อไปบีจะรักบาสหรือไม่ สำหรับบาสแล้วมันก็ไม่สำคัญหรอก บาสขอแค่ให้บาสได้ตามรักบีอย่างนี้ต่อไปก็พอ” "

....................................การได้รักคนที่เรารัก........................ถึงแม้เขาจะไม่รักตอบ..................

....................................แค่ได้ฝันถึงเขา..........................แค่นี้มันก็มีความสุขแล้ว.................


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-11-2006 15:02:52
เออ....

หนูบลู แบบว่า ไม่อยากนึกเรื่องตอ่เลยอะ


ขออย่าให้เปงแบบที่คิดเลยนะ


ถ้าเปงแบบนั้น ต้องเสียน้ำตาอีแน่เลย ฮือฮือ :monkeysad:


ความรักบางครั้ง ก็หอมหวาน


ความรัก บางครั้งก็หดร้ายเจียนตาย


หากรักคือทุกข์  แล้วสุขคืออะไร


หากรักคือการเสียใจ  แล้วทำไมใจต้องการ




พูห์ :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 24-11-2006 16:18:38
To ; Phantom
 ดีใจนะที่มีคนชอบเพลง

งัยก็ขอเครดิตให้คนที่ไปลอกมาละกัน

ขอบคุณก๊าบบบบบบบ
 :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: PHANTOM ที่ 24-11-2006 17:35:52
 :serius2: มะอาว มะอาว หงุดหงิด หงุดหงิด
 :pigcry3: ฮือ ฮือ กิงข้าวมะลงแน่ๆ ถ้าไม่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 24-11-2006 18:37:08
อืม... ในที่สุดบีก็ยอมทำตามหัวใจตัวเองนะ  ปล่อยให้ความรักเดินไปตามเส้นทางของมันนั่นแหละ   สงสารบาสจัง  เป็นได้แค่เงาของทีมมาโดยตลอด  หวังว่าความดีของบาสคงจะชนะใจบีได้นะ   แต่กลัวอะ  กลัวบีรักบาสแล้วกลับเป็นบาสเองแหละที่ทำให้บีเจ็บอะ  หึหึ  ยังไม่ลืมผู้ต้องสงสัยเรื่องบีกับทีมอยู่ดี   แต่ยังไงก็เหอะ  ตอนนี้รักบาสขาดใจเลย   คนอะไรจะดีขนาดนี้  ขอให้ได้รักได้เห็นเค้ามีความสุข  แม้ว่าเค้าจะไม่เห็นเราในสายตาก็ยอม    :impress3:

รออ่านต่ออยู่นะคะ  เรย์จ๋า   :impress:

ปล  เพลงเพราะจังเลยคุณโคนัน
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 24-11-2006 20:03:38
between  ไวมากๆ แบบนี้ผมค่อยมีกำลังโพสหน่อย  :yeb:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  เคยรักใครแบบไม่มีความหวังและไม่มีจุดหมายไหมครับ ได้แค่นี้บาสก็พอใจแล้วล่ะครับ
ขอแค่ได้รักต่อไป ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องราวต่อไปข้างหน้า วันนี้ถามว่ามีความสุขไหม แม้เขาจะเกลียดก็แค่ได้เห็นหน้า
ก็เพียงพอ

อ้างถึง
ผมยินดีที่จะมีความรักแบบนี้ ........ “ความรักที่ไม่ต้องการครอบครองหรือเป็นเจ้าของ”


฿oomb@b@   ผมกลับคาใจอยู่ตลอดว่าคนที่รักแท้อย่างทีม กลับทำไมถึงกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลจนมากถึงมากที่สุด
ทั้งๆที่เคยผ่านเรื่องเลวร้ายมาด้วยกันจนถึงขึ้นนี้ ถ้าทีมเอาใจบีมาใส่ใจทีมสักนิด ตอนที่ทีมทำผิดพลาด บียังใหอภัยทีมได้
แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะจริงหรือไม่จริงทีมควรถามบีสักนิดไหม

shell  ลืมบอกไปถ้าจักบาสต้องอดทน คิกคิก

kirati69
อ้างถึง
ผมตั้งความหวังว่า....ระหว่างที่อยู่ในชมรมนี้ ผมคงจะได้มีตัว มีตน ขึ้นมาในสายตาของบีบ้าง

ถ้าเคยแอบรักใครสักคนหนึ่งจะเข้าใจประโยคนี้อย่างดี ขอแค่อยากมีตัวตนไม่ได้เป็นแค่เงาจะได้ไหม


konaun  ได้มือเพลงคนใหม่ของบอร์ดเพิ่มอีกคน ฝากความหวังด้วยนะครับ เพราะผมไม่สันทัดเรื่องเพลงจริง
ฟังทุกเพลง เคยได้ยินทุกเพลงแต่จำชื่อเพลงไม่ค่อยได้ เอิ้กๆ   :yeb:

PHANTOM  อิอิ ต้องนั่งเครื่องบินเจ็ต 17 อ่ะจะตามทัน คิกคิก ใจเย็นๆน้าเดี๊ยวสุขภาพจะแย่ลง
ไม่ได้เห็นความรักที่สวยงามต่อไป

][GobGab][
อ้างถึง
แต่ไหนแต่ไรมา บาสก็รักบีทั้งๆ ที่บีไม่เคยรักบาสอยู่แล้วนี่ 

ทำไมถึงเลือกตอนที่เจ็บปวดรวดร้าวใจออกมาได้ ยิ่งได้อ่านยิ่งบีบคั้นความรู้สึกเหลือเกิน

หมูพูห์  รักคือการให้  แล้วสุขคือการยินดีที่ได้รัก
แม้รักจะได้ไม่รักตอบ  ก็ยินดีที่จะได้รักต่อไปแบบนี้

มูมู่น้อย  ขอแค่รักโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน เมื่อใจมีความสุขเรื่องต่างๆคงผ่านไปด้วยดี


******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 10 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ในเช้าวันต่อมาผมค่อยๆตื่นขึ้นอย่างัวเงีย แล้วก็เห็นบาสยังหลับอุตุอยู่บนตักผม ผมค่อยๆบิดตัวด้วยความเมื่อยจนทำให้เขารู้สึกตัว

“เอ้า ตื่นแล้วเหรอ”

ผมถามบาสเมื่อเห็นเขาค่อยๆ ลุกขึ้น

“อืม เช้าแล้วเหรอเนี้ย”

“ใช่ 7 โมงกว่าแล้ว”

“เมื่อคืนเป็นคืนที่บาสหลับอย่างมีความสุขที่สุดเลยรู้มั้ย”

“เหรอ ดีแล้วล่ะ”

“เออ จริงสิ แล้วทำไมบีไม่ปลุกบาสให้ไปนอนในห้องล่ะ”

“บีก็เผลอหลับไปเหมือนกันนี่ เนี้ย เพิ่งตื่นก่อนหน้าบาสไม่กี่นาทีเอง”

“อ้าว อย่างนี้บาสก็นอนทับขาบีมาทั้งคืนเลยน่ะสิ บีไม่เมื่อยขาแย่เหรอ ”

“ไม่เลย ไม่สักนิด เพราะจริงๆแล้วตอนนี้ขาของบีแทบจะไม่มีความรู้สึกเลยด้วยซ้ำ”

“สงสัยตะคริวขึ้นน่ะ มา เดี๋ยวบาสนวดให้”

พูดจบ บาสก็ค่อยๆ เอามือมานวดขาผมอย่างแผ่วเบา

“โอ๊ย” ผมร้องขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งขา

“เจ็บเหรอบี”

“ใช่ มันเจ็บอ่ะ ไม่เป็นไรหรอกบาส ไม่ต้องนวดแล้ว เดี๋ยวมันก็หายเอง”

“ให้บาสนวดดีกว่า ทนเจ็บหน่อย เลือดจะได้ค่อยๆไหลไปเลี้ยงขาได้เร็วขึ้น บีค่อยๆ ยืดขาออกมาสิ”

พูดจบบาสก็เอามือของเขามาจับเท้าผมอย่างไม่รังเกียจแล้วค่อยๆจับมันยืดออกไปจนขาของผมตั้งตรง

“คราวนี้บีอยู่นิ่งๆนะ เดี๋ยวบาสจะค่อย ๆนวดให้ ทนเจ็บหน่อยนะ”

บาสใช้มือนวดขาผมอย่างทะนุถนอมไปสักพัก ขาของผมก็เริ่มหายจากอาการชา

“พอแล้วล่ะบาส บีหายแล้ว ขอบคุณมาก”

“แน่ใจนะ บ้านนี้มีคนขาพิการอยู่คนนึงแล้ว ถ้าบีมาเจ็บอีกคนสงสัยคงเป็นเหมือนตายายพยุงกันไปพยุงกันมา คงอนาถน่าดู”

บาสพูดติดตลก

“บ้า....บีแค่เป็นตะคริวเอง ไม่ขนาดนั้นหรอก”

“แต่เป็นอย่างนั้นก็ดีนะ เราจะได้คอยเป็นไม้เท้าของกันและกันไง”

“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว บีว่า บาสรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะจะได้ไปทานข้าวเช้ากัน”

หลังผมพูดจบผมก็เดินไปพยุงตัวบาสขึ้น แล้วพาเขาไปที่ห้อง ส่วนผมก็กลับไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็รีบออกมาทำข้ามต้มของโปรดของบาส เพื่อชดเชยกับสิ่งเลวร้ายที่ผมเคยทำกับเขาไว้ จนเมื่อบาสอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็ออกมานอกห้อง แล้วเมื่อเห็นข้าวเช้าที่ผมเตรียมไว้ให้ เขาก็ถึงกับอุทานออกมาว่า

“ว้าว ข้าวต้มของโปรดเสียด้วย”

“ทานสิ ทานให้เต็มที่เลย บีทำไว้เยอะเชียวล่ะ”

“ตกลงบีกลับมาเป็นบีคนเดิมแล้วใช่มั้ย”

“ใช่ แล้วบีก็จะไม่ทำเรื่องร้ายๆ เหมือนที่ผ่านมาอีก”

“แล้วสรุปว่า 2 – 3 วันก่อนบีเป็นอะไรเหรอ ทำไมอยู่ดีๆ บีก็เปลี่ยนไป”

“ไม่มีอะไรหรอก สงสัยผีเข้ามั้ง”

“ผีเข้า ???”

“ใช่ ก็บาสบอกว่าบ้านนี้มีผีไม่ใช่เหรอ ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเรื่องนั้นเลย ทานข้าวต้มกันเถอะ”

“อืม”

บาสพยักหน้าอย่างยอมรับแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมก็ได้แต่แอบมองเขาด้วยสายตาสำนึกผิดที่ได้ทำเรื่องเลวร้ายไว้กับเขามากมายจริงๆ และในขณะที่ผมกำลังจ้องมองเขาอยู่นั้นเอง ผมก็สังเกตเห็นสิ่งที่ผมอยากจะถามเขามาหลายวันแล้ว แต่มันมาเกิดเรื่องเสียก่อน

“บาสสระผมบ้างป่าว”

“อืม ไม่สระมาสัก 2 อาทิตย์แล้ว ทำไมเหรอ”

“2 อาทิตย์ !!! ล้อบีเล่นใช่มั้ย”

“บาสจะไปโกหกบีทำไม”

“แล้วมันไม่คันไม่อะไรบ้างเหรอ”

“ไม่เห็นคันเลย”

“ยี้ บาสเนี้ยสกปรกสุดๆ เป็นแฟชั่นของพวกจิตรกรหรือไง มิน่าละตื่นมา ขาบีถึงมันแผล็บเลย”

ผมทำหน้าขยะแขยงออกมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะสำหรับคนที่ต้องสระผมทุกวันอย่างตัวผมนั้น การไม่สระผมเลยถึง 2 อาทิตย์เป็นสิ่งที่รับไม่ได้จริงๆ

“ปล่าวหรอก แต่บีลองมาเจ็บขาแบบาสดูสิ แค่ยืนอาบน้ำก็เหลือทนแล้ว ถ้าจะให้ยืนสระผมด้วย บาสคงไม่ไหวหรอก”

“ทำไมไม่เอาเก้าอี้เข้าไปนั่งสระล่ะ”

“ไม่เอาอ่ะ มันดูทุเทศตัวเองยังไงพิกล”

“งั้นวันนี้บีสระให้แล้วกัน”

“ว่าไงนะ”

“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ เราค่อยไปสระผมกันหลังบ้านแล้วกัน เดี๋ยวบีสระให้”

“ไม่ต้องหรอก บาสไม่ซีเรียส”

“แต่บีซีเรียส ไม่รู้ล่ะ ยังไงวันนี้ บีก็ต้องจับบาสสระผมให้ได้”

ดังนั้นหลังจากทานข้าวเสร็จผมก็รีบนำเก้าอี้นอนพับได้แบบ 3 ส่วนไปวางไว้ที่ลานซักล้างหลังบ้าน แล้วก็เอาอุปกรณ์ทุกอย่างไปเตรียมไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ พยุงบาสไปนอนบนเก้าอี้พับที่บัดนี้ได้ถูกกางวางยาวไว้โดยผมได้ปรับส่วนหัวให้ต่ำลงมาเล็กน้อย

“เอาอย่างนี้เลยเหรอ”

บาสถามขึ้นเมื่อเห็นการประยุกต์เก้าอี้นอน 3 ส่วนมาเป็นเก้าอี้สระผมของผม

“ก็อย่างนี้แหละ อย่าเรื่องมากน่า เออ จริงสิ บาสช่วยถอดเสื้อออกได้มั้ย เดี๋ยวก็เปียกหมดหรอก”

“ไม่เอาอ่ะ อยากเห็นบาสโป๊หรือไง”

“อย่าเวอร์น่ะ ถอดแค่เสื้อเองนะ แล้วบีก็ไม่เข้าใจเลยว่าอากาศร้อนขนาดนี้ ทำไมบาสถึงต้องใส่เสื้อแขนยาวอยู่ได้ทุกวัน บาสไม่มีเสื้อแขนสั้นบ้างเหรอ”

“ไม่มี”

“ช่างเถอะ ถอดเสื้อมาเร็ว”

“ไม่ถอดไม่ได้เหรอ”

“ถอดเดี๋ยวนี้”

เมื่อเห็นน้ำเสียงและแววตาจริงจังของผม ในที่สุดบาสก็ตัดสินใจถอดเสื้อออกแต่โดยดี ซึ่งในตอนนั้นเองที่ผมได้เข้าใจว่าทำไมบาสถึงต้องสวมเสื้อแขนยาวตลอดเวลาเมื่อผมเหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นเล็กๆเป็นแนวยาวประมาณ 2 – 3 ซ.ม. นับสิบๆแผลบนแขนของบาสจนทำให้ผมต้องมองบาดแผลเหล่านั้นอย่างตกตะลึง

“บาส แผลเป็นพวกนั้น ???”

เมื่อได้ยินผมถามอย่างนั้น บาสก็รีบเอาแขนข้างนั้นหลบผม แล้วก็ทำท่าจะลุกขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจมันเลย วันนี้บาสไม่อยากสระผมแล้ว ไว้สระวันหลังได้มั้ย”

“เอ่อ ช่างเถอะบาส บีว่าสระวันนี้แหละ อากาศกำลังดี แดดก็ไม่ร้อน นอนลงเถอะ”

ผมตัดสินใจที่จะเลิกสนใจรอยแผลเป็นเหล่านั้น แล้วก็บอกกับตัวเองว่า....ไม่ว่าในอดีตผู้ชายคนนี้จะเคยผ่านอะไรมาบ้าง ผมก็จะไม่สนใจอีกต่อไป ผมรู้แต่ว่า...นับจากวันนี้ ถ้ามีอะไรที่ผมสามารถทำให้ผู้ชายคนนี้มีความสุขได้......ผมก็จะทำ

“บาสขยับหัวขึ้นมาสูงอีกนิดสิ บีจะได้รดน้ำได้สะดวก”

เมื่อบาสทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย ผมจึงค่อยๆเอาสายยางมารดน้ำลงบนหัวของบาสจนเปียกชุ่ม แล้วก็เอาแชมพูมาเทใส่มือ จากนั้นก็เริ่มต้นสระผมให้บาสอย่างแผ่วเบา ในขณะที่บาสเองก็ได้แต่นอนหลับตายิ้มกริ่มอย่างมีความสุขอยู่ท่ามกลางสายลมและแสงแดดอ่อนๆในยามเช้าที่สาดส่องลงมายังเราทั้งคู่

“บาสอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จังเลยบี”

บาสพูดขึ้นมาในขณะที่ยังหลับตาไว้อย่างนั้น

“ทำไมล่ะ”

“บาสมีความสุขเหลือเกิน มีความสุขมากจนไม่อยากจะสูญเสียมันไปเลย”

“แล้วทำไมบาสถึงต้องสูญเสียมันไปด้วยล่ะ ความสุขเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ มันจะอยู่หรือไปก็อยู่ที่ตัวเรานี่แหละ”

“เหรอ บีคิดอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่สิ บีคิดว่าอย่างนั้น”

“แสดงว่าบีไม่เคยสูญเสียความสุขไปเลยสินะ ?”

คำถามของบาสถึงกับทำให้ผมหยุดนิ่งลงโดยอัตโนมัติ เพราะมันทำให้ผมนึกถึงการสูญเสียความรักที่ได้นำพาความสุขทั้งชีวิตของผมให้หายไปด้วย

“บีไม่อยากรู้เรื่องทีมเหรอ ไม่อยากรู้หรือว่าตอนนี้มันทำอะไรอยู่ หรือเป็นยังไงบ้าง”

ผมอึ้งกับคำถามของบาสจนตอบอะไรไม่ถูก เพราะจริงๆแล้วผมคิดอย่างที่บาสพูด

ผมอยากรู้ว่าตอนนี้ทีมอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง มีแฟนอยู่หรือเปล่า แฟนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขามีความสุขดีใหม หรือแม้กระทั่ง...เขาเคยถามถึงผมบ้างหรือเปล่า

“ถ้าบีรู้ว่าสภาพของไอ้ทีมตอนนี้เป็นยังไง บางทีบีอาจจะอยากไปอยู่ข้างๆ มันมากกว่ามาเสียเวลาอยู่กับบาสก็ได้”

คำพูดและสีหน้าจริงจังของบาสทำให้ผมถึงกับตกใจแล้วเผลอหลุดถามเขาออกมาไม่ได้ว่า

“ทำไม ทีมเป็นอะไรเหรอ”

“งั้นแน่ เป็นห่วงไอ้ทีมมันใช่มั้ยล่ะ ไม่มีอะไรหรอก ทีมมันสบายดี บาสแค่อยากลองใจบีดู”

“บาส !!!”

ผมเรียกชื่อเขาอย่างโกรธ ๆ แล้วก็ขยี้ศีรษะเขาอย่างแรง

“โอ๊ย บาสเจ็บนะ เบาๆมือหน่อยสิ”

“ก็สมแล้วนี่ ถ้าบาสอยากให้บีลืมทีมจริงๆ บาสก็ห้ามพูดถึงชื่อนี้ หรือมาลองใจบีอีกเข้าใจมั้ย”

ว่าแล้วผมก็ยิ่งขยี้หัวบาสแรงขึ้น

“โอ๊ย....... กลัวแล้วจ้า บ่าวจะไม่พูดถึงมันแล้วน๊า บ่าวจะทำตามที่คุณท่านสั่งทุกอย่างเลย อย่าลงโทษบ่าวเลยน๊า บ่าวกลัวแล้ว”

บาสพูดออกมาอย่างยิ้มๆ ส่วนผมก็ได้แต่อดขำเขาไม่ได้เช่นเดียวกันเมื่อเขาพูดและทำตัวราวกับเป็นทาสในเรือนเบี้ยของผม

หลังจากสระผมเสร็จ ช่วงสายๆทั้งผมและบาสก็ออกมานั่งเล่นกันที่ศาลาริมน้ำ ในขณะที่คอยดูวิถีชีวิตของผู้คนที่ผ่านไปมาบริเวณ 2 ฝั่งคลองอย่างเบิกบานใจ

“บีชอบที่นี่จังเลย มันสงบ แล้วเหมือนเราย้อนเวลากลับไปอยู่ในอดีตเลยนะ”

“ก็บาสบอกแล้วไง ว่าถ้าบีชอบ บีก็มาอยู่เสียที่นี่เลยสิ”

“ไม่เอาอ่ะ อยู่ดีๆ จะให้บีหอบผ้า หอบผ่อนมานอนอยู่บ้านผู้ชายได้ไง มันดูไม่งาม”

ผมแกล้งพูดล้อเลียนหญิงกุลสตรีสมัยโบราณอย่างขำๆ

“งั้นตอนนี้ที่บีมากินนอนอยู่กับบาส 2 ต่อ 2 มันก็งามตายล่ะ”

บาสพูดล้อเลียนผมบ้าง

“อย่ามาล้อบีนะ เดี๋ยวเหอะ”

“ทำไมบีดุเป็นแม่เสือเลยเนี้ย”

บาสแกล้งแซวผม

“บีก็เป็นของบีอย่างนี้แหละ เออ จริงสิ บาสเล่นกีต้าร์เป็นใช่มั้ย”

“บีรู้ได้ไง ???”

“อ้าว ก็ในห้องของบาสมันมีกีตาร์วางอยู่นี่ อย่าบอกนะว่าเอามาตั้งโชว์ไว้เฉยๆ”

“ใช่ บาสเอามาตั้งโชว์ไว้เฉยๆ”

“นี่ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า เล่นให้บีฟังหน่อยนะ เดี๋ยวบีไปหยิบมาให้”

พูดจบผมก็รีบวิ่งออกไปเอากีตาร์โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของบาส และเมื่อกลับมาผมก็รีบส่งกีตาร์ให้เขา

“เอ้านี่ไงล่ะกีตาร์ของบาส เล่นให้บีฟังหน่อยนะ บรรยากาศริมคลองแบบนี้ ถ้าได้ฟังเพลงเพราะๆก็คงดีสุดๆเลย”

“นี่ มาใช้แรงงานคนป่วยมากไปป่ะ เอางี้ บาสเล่นกีตาร์ส่วนบีก็ร้องให้บาสฟังเอามั้ย แฟร์ดี”

“ไม่เอาอ่ะ บาสก็รู้ว่าบีร้องเพลงไม่เก่ง”

“แต่บาสอยากฟังบีร้องนี่”

“ไม่รู้ล่ะ บีอยากฟังบาสร้องมากกว่า นะบาส ร้องให้บีฟังหน่อยนะ”

ผมพยายามทำเสียงออดอ้อนจนบาสยอมแพ้

“ก็ได้ แต่บาสร้องไม่ค่อยเพราะนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่บาสจะร้องเพลงอะไรเหรอ”

หลังคำถามของผม บาสก็ทำสีหน้าครุ่นคิดด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนที่จะตอบผมกลับมาว่า

“เพลงที่บาสจะร้องเป็นเพลงที่เป็นแรงบันดารใจให้บาสอยากหัดเล่นกีต้าร์ จนบาสถึงกับต้องคุกเข่าอ้อนวอนแม่อยู่ตั้งหลายวันกว่าแม่จะยอมซื้อให้ ที่บาสต้องทำขนาดนี้ก็เพราะมันเป็นเพลงที่บาสเคยคิดจะร้องให้คนๆนึงฟัง แต่ไม่เคยมีโอกาส”

พูดถึงตรงนี้บาสก็เงียบลงไปอีกครั้งเพื่อตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่ แล้วก็เริ่มเล่นเพลงๆนึงขึ้นมา เพลงซึ่งทั้งเพราะและบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจจนผมไม่อาจลืมได้เลยตราบชั่วชีวิตนี้

Wise men say ……only fools rush in
But I can’t help falling in love…… with you

Shall I stay
Would it be a sin
If I can’t help falling in love with you

Like a river flows surely to the sea
Darling so it goes
Some things are meant to be
Take my hand, take my whole life too

For I can’t help falling in love…… with you

เหล่าปวงปราชญ์ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า
มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่มักจะทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด
แต่จะให้ฉันทำอย่างไร...
ในเมื่อฉัน...ไม่อาจห้ามใจให้รักคุณได้

ฉันอยู่ที่นี่ได้มั้ย
มันเป็นความผิดบาปหรือเปล่า
ก็ฉันห้ามใจ...ให้รักคุณไม่ได้

คงเหมือนดั่งสายน้ำ...ที่ต้องไหลลงสู่ทะเลกว้าง
ที่รัก....ยังไงมันก็คงเป็นไปอย่างนั้น
และดำเนินต่อไปแบบที่มันควรจะเป็น

ได้โปรดเถิดนะ...
จับมือฉันไว้นะ
และโปรดรับเอาชีวิตของฉันทั้งหมดไปไว้ที่คุณ

เพราะในที่สุดแล้ว ฉันก็ห้ามใจ......ให้รักคุณไม่ได้.....จริงๆ......
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 24-11-2006 20:21:27
โหย พี่บลูฯ
เล่นแซวกันแบบนี้
โผ้มมมมก้อเขินแย่เลยซิ อิอิ  :-[



และแล้วววว

บรรดาสาวก Bass FC. ก้อสมหวัง อุ๊ว๊ะฮ๊ะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ  :laugh:



บีเปิดใจรับบาสแล้ว เย้ๆๆๆ :impress2:



ขอมห้เปนอย่างนี้ตลอดไปละกัน
ไม่อยากร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกแย้วววววว  :serius2:




ปล. มีฉากสระผมอีกและ พาลคิดไปเรื่อยเปื่อยเลย ฮี่ๆ  :haun5:


ว่าแต่ แผลนั่นก้อคงมาจากบีอ่ะแหละ เง้อออออออ





รอตอนต่อไปอยุ่นะคับพี่บลูฯ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-11-2006 20:36:11
 :like2:  :like2:  :like2:  :like2:  :like2:  :like2:  :like2:  :like2:

หวานจริง ๆ  :yeb: ทั้งสระผม ร้องเพลง  :like2:  :like2:

แต่ก็อุตส่าห์มีอะไรมาระคายเล็ก ๆ อีกนะ ทั้งแผลเป็นที่แขน ทั้งเรื่องทีม  :try2:

ไม่เอาแระ ไม่อยากคิดมาก ตอนนี้มีความสุขต้องรีบเก็บเกี่ยวไว้  :impress:

นาน ๆ จะมีบทหวานกับเขาซักที  :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 24-11-2006 20:52:02
อืม................................................... :untrust:
เหมือนน้ำเลยอ่ะ
เหมือนนิ่งๆแต่ไหลลึก
เหมือนกำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย
.
.
.
.
.
ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการ์ณร้ายๆเกิดขึ้นอีกน้า
.
.
.
.
ปล.1 ดีใจน้าที่คุงมูมู่ชอบเพลงที่ลอกมาฝากกัน
ปล.2 เพลงที่บาสเล่นชื่อไรอ่ะอยากฟังอ่ะ



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 24-11-2006 21:06:29
....แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว

.....ในที่สุดบาสก็ตัดสินใจถอดเสื้อออกแต่โดยดี ซึ่งในตอนนั้นเองที่ผมได้เข้าใจว่าทำไมบาสถึงต้องสวมเสื้อแขนยาวตลอดเวลาเมื่อผมเหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นเล็กๆเป็นแนวยาวประมาณ 2 – 3 ซ.ม. นับสิบๆแผลบนแขนของบาสจนทำให้ผมต้องมองบาดแผลเหล่านั้นอย่างตกตะลึง

อย่าบอกน่ะว่าตอนจบ.....เศร้ามากกกก....เพราะบาสเพิ่มรอยแผลความรักให้กับตนเอง  ด้วยรอยแผลที่ยาวกว่าเดิม มากจน......ชีวิตของบาส......และกับคำว่าสายเกิน....

เฮ้อ...ไม่อยากคิดต่อเลยยย  ฟุ้งซ่านจริงเรา   รออ่านต่อดีกว่า   โทษทีน่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 24-11-2006 22:18:05
เหอๆๆ

ในที่สุดบีก็ยอมเปิดใจ

บาสก้อนะ  ดีดี๊ดี

เมื่อไหร่จะมีแบบนี้ซักคนเนี่ย  รักตายเลย

แล้วปอนด์ไม่โผล่มาแล้วจริงๆเหรอเนี่ย

เฮ้อ!!~  แย่จัง  :like2:

ต่อครับคุณบลู  รออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 24-11-2006 23:24:04
 :sad4:  สงสารบาส ไม่อยากคิดถึงตอนต่อไปเรย ฮือฮือ เศร้า
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 24-11-2006 23:31:40
 :impress2:รีบมาต่อน่ะครับ  ผมจะคอยน่ะ :impress2:

 :monkeylove2: :monkeylove2:ชอบมาก :monkeylove2: :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 25-11-2006 00:21:43
 :confuse:  มีหักมุมป่ะครับคุงบลู
                ก่อนจะอ่านเก็ทต้องทำใจก่อนทุกครั้งเลยอ่ะ  ไม่รู้เป็นไร
                         เคยร้องให้แบบไม่อายใครก็เรื่องรักนี้ชั่วนิรันดร์นั่นแหละ
 ไม่กล้าดูรอบที่สอง..กลัวใจตัวเอง :monkeysad2:
                       ก้อได้แต่หวังน่ะนะ :impress:
              ว่าอุปสรรคคงไม่มาล้อเล่นกับคนคนนึง :monkeysad:
              ไปชั่วชีวิต
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 25-11-2006 02:16:39
หวัดดีครับ  เพิ่งเข้ามาอ่านเมื่อวานนี้อ่ะครับ  ตอนนี้อ่านจบจนถึง ณ ตรงนี้แล้ว  เลยสมัครเข้าเล้าทันทีครับ :-[
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ^^ :impress:

"เรื่องอื่นพลาดได้  แต่เรื่องนี้อย่าพลาดที่จะอ่าน" จริงๆเลยคับ  เห็นด้วย :yeb:
ตอนแรกอ่านก็นึกว่าจะลงเอยกับทีมซะอีก   แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น   เคยคิดว่าบาสหรือเปล่าน๊า   ที่ไปบอกทีมว่าบีด่าพ่อแม่ของทีม
แต่พอมาอ่านภาค2แล้ว   ทำให้รู้ว่า  บาสไม่มีทางคิดอย่างนั้นหรอก
แต่ถึงยังไง  ก็อยากให้บีและบาสมีความสุขอ่ะครับ
บาส ต้องเก็บงำความรู้สึกมานาน   อดทนดีมากๆ
บี  ต้องผ่านเรือ่งร้ายๆจากความรักตั้งมากมายจนเกือบฆ่าตัวตาย
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร   เราก็ต้องรอติดตามอ่านกันอยู่ดีเนอะครับ
แต่ตอนนี้ชักอยากอ่านต่อไวไวแล้วอ่ะ    :o
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 25-11-2006 02:37:50
เพิ่งอ่านตอนภาคแรกจบไปเมื่อกี้ครับคืออ่านรวดเดียวจบ


เซ็งเลยไอ้ทีมบ้า   แกๆๆๆๆๆๆ

ชั่วร้าย

ป๋มน้ำตาไหลเลยอ่า :monkeysad:

ตอนจบเนี่ย


ว่าแต่ว่าเห็นมีสปอยภาคสองแระมีบาสเข้ามาด้วย :-[


แต่ว่าง่วงแล้วค่อยมาอ่านดีกว่าครับ :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 25-11-2006 03:12:02
ที่จริงอ่านตอนนี้แล้วต้องมีความสุขนะ  บาสเค้ามีความสุขอยู่นี่นา  บียอมเปิดใจจะเรียนรู้คำว่ารักกับบาสอีกครั้ง  แต่ทำไมเรื่องของบาสมันกลับทำให้ดูเศร้า ๆ ยังไงไม่รู้    ไม่รู้ว่าแผลเป็นเกิดจากอะไร   หวังว่าแผลเป็นพวกนั้นคงไม่เกิดขึ้นมาจากบีนะ  รักมากก็เจ็บมากเป็นธรรมดา   

ดีใจจังที่บีคิดได้ว่า  ไม่ว่าในอดีตผู้ชายคนนี้จะเคยผ่านอะไรมาบ้าง ผมก็จะไม่สนใจอีกต่อไป ผมรู้แต่ว่า...นับจากวันนี้ ถ้ามีอะไรที่ผมสามารถทำให้ผู้ชายคนนี้มีความสุขได้......ผมก็จะทำ  ดีใจแทนบาสอะ  สงสารบาส ฮือ ฮือ  :impress3:

อ่านความเห็นของเพื่อน ๆ เรื่องทีม  ยังไงความรู้สึกเราก็ว่าทีมไม่น่าจะใช่คนเลวขนาดนั้นอะ  เค้าก็รักบีนา  แต่คงมีอะไรที่ทำให้ทีมเป็นแบบนี้ละมั้ง  เดาเอา เอิ๊ก ๆ ก็เค้าเคยเชียร์ทีมมาก่อนอะ   แต่ตอนนี้เชียร์บาสแทนละ

รอคุณบลูเหมือนเดิมน้า  สู้สู้  เป็นกำลังใจให้คนโพส  :impress:

ปล  คุณโคนัน  ชื่อเพลงอะ  Can' t Help Falling In Love นะ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 25-11-2006 04:29:21
 :angellaugh2:อิอิ มีความสุขก็ดีแล้ว ตอนหน้าเดี๋ยวก็คงรู้เองแหละในไดอารี่บาส ว่ารอยแผลเก่ามาได้ไง 555+

 :confuse: เอ้ะ หรือว่าไม่รู้ ไงก็รอคุณเรย์มาต่อดีกว่านะ 5555+
 
บรรยากาศมันใกล้คลองก็ต้องเข้าคลองแบบนี้แหละคับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: PHANTOM ที่ 25-11-2006 13:19:47
 :impress: ในเล้ามีสมาชิกใหม่อีกแย้ว....
 :ped147: ตามผมมาเร้ว...จะพาไปแนะนำกับ คุณ บลู  :haun4:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 25-11-2006 13:22:48
จะบอกว่าอ่านภาคสองทันแล้วครับ



เฮ้อ    รู้สึกอึดอัดใจไงไม่รู้สิ

พอดีผมเรียนที่ธรรมศาสตร์ด้วยมั้งเรื่องที่บีเล่าช่วงแรกๆกับคุณพี่หมอก็

เลยกระทบใจผมนิดหน่อยคับ

ว่าแต่ว่าเรื่องต่อไปจะเป็นไงนี่

เฮ้อ  เศร้า แน่ๆเลยครับ

ว่าแต่ว่าคุณบลูมาต่อด้วยนะครับ

สู้ๆครับ

เดี๋ยวจะค่อยกลับมาอ่านครับ :haun5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 25-11-2006 19:20:51
########ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน##########

................ใครอาจจะไม่เข้าใจ
................ว่าความสัมพันธ์ของเรานั้นมันเป็นอย่างไร
................และใครอาจจะเข้าใจผิด......และคงคิดไป
................และคงเข้าใจตามที่เห็น
................
................คงมีเพียงเราสองคน
................ท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย....ที่รู้กันในใจ
...............มันจำเป็นด้วยหรือ..ที่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์
...............ที่ใครบางคนกำหนด....ว่ารักเป็นอย่างไร
...............
...............ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน
...............ไม่อาจหาคำคำไหนมาเพื่ออธิบาย
...............ไม่ต้องรักเหมือนคนรัก....ก็สุขหัวใจ
...............เพียงแค่เราเข้าใจ
...............ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้
...............
...............เราอาจจะแยกกันอยู่
...............ไม่นอนด้วยกันทุกวันทุกคืน...อย่างคู่ใคร
...............อย่างน้อยมีเธอที่เข้าใจ
...............แม้จะไม่มีผู้ใดเข้าใจ...ความรักนี้
.............................................................

http://www.youtube.com/watch?v=At1aV_Dti-s&mode=related&search=
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 25-11-2006 19:36:39
 :monkeysad:  ตะแน๋วรู้แล้วว่าเรย์ขำบาสเรื่องอะไร  :impress3:   ตะแน๋วขอสารภาพผิดเรยนะ ว่ารอให้เรย์ลงเรื่องต่อไม่ไหวเรยไปแอบอ่านเองต่อจนจบ   :sad4:  ไม่โกรธกันนะ  :impress: ก้อเรย์อ่ะ ลงทีละจิ๊ดๆ  เฮ้อ...เซ็ง เครียด ร้องไห้ดีก่า  :impress3:

แต่ยังอยู่เป็นกำลังจายให้เรย์ต่อนะ   :yeb:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 25-11-2006 19:56:35
Wise men say ……only fools rush in
But I can’t help falling in love…… with you

Shall I stay
Would it be a sin
If I can’t help falling in love with you

Like a river flows surely to the sea
Darling so it goes
Some things are meant to be
Take my hand, take my whole life too

For I can’t help falling in love…… with you

http://www.youtube.com/watch?v=LwMCezW3-70

เอาเวอร์ชั่นของ Darren Hayes ปายก่อนนะเปื้อนๆ
ออริจินอลยังควานอยู่เดี๋ยวจะเอามาฝากหลายๆเวอร์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-11-2006 20:22:32

พึ่งดู sorry,I love you จบหง่ะ เอิ้กๆ ยังมะค่อยมีแรงทำราย  :really2:
Rrmz`,,  เย้ๆๆ bass fc จะได้มีความสุขกับเขาสักที   :confuse:
ทำให้ผมนึกถึงฉากสระผม phenomenon เลยน้ำตาจะร่วง
เพราะในเรื่องพระเอกก็ร่างกายทรุดโทรม ผม หนวดเคราไม่เคยได้ดูแล
ลองหามาดูครับ คล้ายกันมากๆ

shell  อย่าพึ่งไปคิดอะไรเลย ถ้าตอนนี้มีความสุขก็สุขกับมันให้เต็มที่  :3061:

konaun  คงเหมือนท้องฟ้ามากกว่าม้างครับ  :confuse:  ชอบเพลงนี้จังครับ
อ้างถึง
...............มันจำเป็นด้วยหรือ..ที่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์
...............ที่ใครบางคนกำหนด....ว่ารักเป็นอย่างไร
น่ารักจริงๆเอาเพลงมาฝากเพื่อนๆด้วย ให้ผมตามหาเองนี่ ชื่อเพลงยังไม่รู้จักเลย คิกคิก
ขอบคุณมากๆครับ

wee  แผลภายนอกดูจะเยอะ แต่แผลภายในนั้น หัวใจแทบไม่มีที่ให้กรีดรอยใหม่ ถ้าจะมีคือกรีดซ้ำรอยเดิมให้ยาวกว่าเดิม  :monkeysad2:

FlukeHub  เป็นคนดีไปทำไม ช่วยตอบกันหน่อยนะครับ   :seng2ped:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  ยังพูดอะไรไม่ได้มาก บอกแล้วอดลุ้นกับเพื่อนๆเลยไม่เชื่อ  :kikkik:

฿oomb@b@ ตกลงคอยบาสหรือคอยอ่านเรื่องของคุณนัทนทีนี่ ท่าทางจะปลื้มมาก ปลื้มใครหวา  :confuse:

between  เหมือนผมเลย ไม่กล้าเลยที่จะดูรอบสอง แค่นั่งดู mv มันก็ไหลออกมาเฉยๆเลย  :impress3:
ผมก็ลืมไปแล้วนะว่าเมื่อก่อนตั้งใจว่าจะไม่ดูหนังแบบนี้อีก เพราะยิ่งทำให้ผมติดอยู่กับความเศร้า แต่มาคิดๆดูอีกที
ตอนนี้ผมก็ว่างละ ดูแล้วมีความสุขกับชีวิต ยังต้องออกไปผจญอะไรกับโลกที่โหดร้ายด้วยตัวเองอีก

TonG_x_Zhi  ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆใหม่ๆกันนะครับ บางทีเพื่อนที่รักและชอบทำอะไรเหมือนกัน นี่ก็หายากจริงๆ  :yeb:
internet ก็เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้พวกเรามาเจอกันนะ ผมว่าถ้าเราเปิดใจ มันก็เป็นหนทางที่ได้เพื่อนแท้ได้เหมือนกัน

pandaba  สู้ตายครับ สามารถมากเลยนะครับที่หยุดอ่านได้ เพราะเพื่อนๆหลายคนยังทนไม่ไหว หนีไปหลายรายแล้ว
แต่ผมอยากให้ค่อยๆอ่านนะครับ เสียดายเรื่องมากเลย ถ้าใครอ่านแบบลวกๆไม่ใส่ใจในรายละเอียด
รอกี่ปีกว่า อ่านมากี่ร้อยเรื่อง กว่าจะรู้ว่ามีเรื่องดีๆมาให้อ่านกัน   :seng2ped:

มูมู่น้อย  ขอบคุณที่ยังมาเป็นกำลังจายแม้เห็นจะยุ่งๆก็ตาม ยังเก็บรายละเอียดได้ดีนะครับ เอิ้กๆ  :myeye:

Tantalum ต้องตามลุ้นครับ เรื่องนี้อีกบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมคือสามารถทำให้เราร้องไห้ ลุ้น ดีจายไปในทุกฉากทุกตอน
ถ้าคนอ่านที่ละตอนจะได้รับมันไปเต็ม  :yeb:

PHANTOM  เอ๊ะรู้สึกจะชอบคนใหม่ๆน้า ระวังโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ คิกคิก  :haun6:
*****************************************************************************
" Can't Help Falling In LOVE "
[wma=300,50]http://www.gimmick-model.com/MEE_TEMP/CantHelpFallingInLove.wma?action=binary[/wma]
**********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 11 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
---------------------------------------

นับตั้งแต่วันที่ผมตั้งใจจะให้โอกาสตัวเองเพื่อรักบาสให้มากขึ้น ผมก็ต้องยอมรับว่าในที่สุดผมก็ได้พบกับความสุขกับการที่เรามีใครสักคนมาคอยอยู่เคียงข้างเสียที

กำแพงที่ผมสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บช้ำในอดีตอาจเคยทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันมันก็กลับกักขังผมไว้กับความเหงาและภาพเงาที่ไร้ตัวตนของทีม

แต่วันนี้เมื่อผมได้ค่อยๆ ทลายกำแพงที่ผมสร้างขึ้น ผมจึงมีโอกาสได้สัมผัสกับแสงสว่างที่เข้ามาขับไล่ความมืดมนที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจเป็นครั้งแรก ที่สำคัญมันทำให้ผมได้รับรู้ว่า...ในโลกนี้ยังมีผู้ชายอีกคนที่รักผมมากเหลือเกิน

แม้กำแพงที่ผมเคยสร้างขึ้นนี้จะยังไม่ถูกทำลายไปจนหมดเมื่อผมรู้ดีว่าผมยังลืมและเลิกรักทีมไม่ได้ แต่ผมก็เริ่มมีความหวังว่าบาสคงจะทำให้กำแพงที่เคยแข็งแกร่งนี้ได้ทลายลงไปได้อย่างราบคาบในเร็ววัน เพราะเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ช่างทุ่มเทให้กับผมมากจริงๆ

ความรักที่แสนจะทุ่มเทของบาสนี้เองที่ค่อยๆทำให้ผมเริ่มลืมอดีตที่ปวดร้าวไปได้

บางทีผมก็อดคิดเล่นๆไม่ได้ว่า นี่อาจจะเป็นการชดใช้ความผิดของเทพแห่งโชคชะตาที่เคยทำให้ผมต้องเจ็บปวดปางตายเพราะความรักมาแล้ว ครั้งนี้ท่านจึงให้โอกาสผมได้มีโอกาสพบรักครั้งใหม่อีกครั้งด้วยการให้ผมกับบาสได้มาอยู่ร่วมกันสองต่อสอง

ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา พวกเราได้กินด้วยกัน นอนในบ้านหลังเดียวกัน ทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน หัวเราะและร้องไห้ไปด้วยกันจนความใกล้ชิดนี้ได้ทำให้ผมลืมไปแล้วว่าผมเคยมีอคติว่าบาสเป็นผู้ชายที่ลามก และจ้องจะฟันคนที่ตัวเองหมายปองแต่เพียงอย่างเดียว

ในตอนนั้นผมได้แต่ตั้งความหวังว่าถ้าหากผมกับบาสจะได้เริ่มต้นกันจริงๆ เส้นทางรักของเราคงจะไม่ไปพบกับจุดจบเฉกเช่นเดียวที่ผมเคยเจอกับทีมมาแล้ว

และในวันนี้หลังจากที่ผมกับบาสทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราทั้งคู่ก็ออกมานั่งดูทีวีด้วยกันแล้วต่างก็นั่งหัวเราะเหล่าแขกรับเชิญในรายการเกมโชว์อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น

“บาส มีคนมาแน่ะ ไปเปิดประตูหน่อยสิ”

ผมแกล้งทำเสียงออกคำสั่งเพื่อดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

“ได้สิ เดี๋ยวบาสไปดูเอง บีนั่งดูทีวีอยู่นี่แหละ”

บาสพูดยิ้มๆ แล้วก็ทำท่าจะลุกขึ้น

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวบีไปเอง บาสยังเจ็บขาอยู่นะจะฝืนสังขารไปถึงหน้าบ้านทำไม บีแค่ล้อเล่นน่า”

ผมมองบาสอย่างยิ้มๆ ขณะที่อดคิดในใจไม่ได้ว่าถ้าเป็นทีม ผมคงถูกไล่ตะเพิดให้ไปเปิดประตูตั้งแต่เสียงออดแรกที่ดังแล้ว

ในตอนนั้น ผมค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกมานอกบ้าน จนเมื่อเกือบไปถึงประตูรั้วผมก็เห็นผู้ชายผิวขาววัยเดียวกันคนหนึ่งยืนใส่แว่นตาดำสุดโก้หรูอยู่นอกประตูรั้ว

เพียงแค่เห็นการแต่งตัวที่ดูเนี้ยบและแสนจะอินเทรนของเขา รวมทั้งรถ BMW Mini Cooper ที่จอดอยู่ด้านหลัง ผมก็รู้ได้ทีนทีว่าฐานะของผู้ชายคนนี้คงไม่ธรรมดา

นอกจากนั้นท่าทางที่ดูตุ้งติ้งเล็กน้อยของชายคนนี้ก็ทำให้... “เกย์ดาร์”...ของผมส่งสัญญาณเตือนไม่ยอมหยุด

“มาพบใครครับ” ผมเริ่มต้นถามเขาอย่างสุภาพ

เขามองผมแวบนึงด้วยความรู้สึกบางอย่างแล้วก็ตอบผมกลับมาว่า

“บาสอยู่ในบ้านหรือเปล่าครับ”

คำถามนี้ทำให้ผมรู้ได้อย่างหนึ่งว่าผู้ชายคนนี้ต้องเคยมาที่บ้านหลังนี้แล้วแน่ๆ

“อยู่ครับ เชิญครับ”

ผมพาเขาเดินเข้าบ้าน ซึ่งในระหว่างนั้นเองที่เขาเริ่มแนะนำตัวเอง

“เราชื่ออาร์ตนะ เป็น....เอ่อ...เป็นเพื่อนของบาส”

เขาเริ่มพูดกับผมอย่างเป็นกันเอง

“อ๋อครับ เราชื่อบี เป็นเพื่อนของบาสเหมือนกัน”

“เหรอครับ ทำไมเราไม่เคยเจอนายเลยล่ะ?”

หลังเขาพูดจบ ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าประโยคเมื่อครู่เหมือนจะเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของบาสคงต้องเคยผ่านตาของเขามาก่อนแล้วทั้งสิ้น

“พอดีเราเป็นเพื่อนสมัยมัธยมน่ะ เพิ่งมาเจอกันเมื่อต้นเดือนนี้เอง”

“อ๋อ มิน่าล่ะ เราถึงไม่เคยเห็นนายเลย”

ในตอนนั้นผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม ผมถึงรู้สึกอึดอัดตลอดเวลาที่อยู่กับเพื่อนของบาสคนนี้ ยิ่งพอขึ้นมาบนบ้าน ผมก็ยิ่งแปลกใจกับท่าทีของคนทั้งคู่

“ใครมาน่ะบี”

บาสพูดขึ้นมาในขณะที่นั่งดูทีวีโดยไม่ได้หันหน้ามามอง

“เพื่อนบาสน่ะ”

“เพื่อนเหรอ ใครกัน ???”

พูดจบบาสก็หันมามองที่ผมกับอาร์ตซึ่งในทันทีเขาเห็นอาร์ตถนัดตา บาสก็มีสีหน้าตกใจจนขาวซีดแล้วก็พูดออกมาอย่างลืมตัวด้วยน้ำเสียงทั้งห้วนทั้งแข็งว่า

“มาทำไม”

หลังคำถามนี้ของบาส อาร์ตก็มีสีหน้าสลดลงจนผมอดสงสารเขาไม่ได้ รวมทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมบาสถึงต้องพูดทักทายเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้อนรับเช่นนี้

“คืออาร์ตได้ข่าวว่าบาสเกิดอุบัติเหตุ อาร์ตก็เลยมาเยี่ยม”

“ที่จริงไม่ต้องมาก็ได้ บาสไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”

น้ำเสียงของบาสดูสุภาพขึ้นเมื่อเขาเริ่มเห็นว่าผมกำลังจับตาดูการพูดคุยของเขากับเพื่อนอยู่

“ก็พออาร์ตโทร.มา บาสก็.....”

“เดี๋ยว!!! ไปพูดกันในห้องเถอะ”

บาสรีบพูดแทรกขึ้นมาแล้วหันมาบอกผมว่า

“บาสขอคุยกับเพื่อนเดี๋ยวนะ”

“อืมไปสิ บีก็ว่าจะไปทำอย่างอื่นอยู่พอดี”

หลังผมพูดจบ บาสก็ค่อยๆเดินกระโผลกกะเผลกนำอาร์ตเข้าไปในห้องของเขา โดยผมก็อดส่งยิ้มเจื่อนๆให้อาร์ตที่บัดนี้กำลังมีสีหน้าเหมือนกับคนกำลังจะร้องไห้ไม่ได้

เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องแล้ว ผมก็ได้แต่นั่งอย่างกระสับกระส่ายอยู่ด้านนอกเพราะท่าทีของคนทั้งคู่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเลยว่า...บาสกับอาร์ตจะเป็นเพียงเพื่อนธรรมดา

ผมแกล้งทำเป็นนั่งดูทีวีไปอีกสักพักใหญ่ อาร์ตก็ค่อยๆเดินออกมาจากห้องด้วยดวงตาที่แดงช้ำเหมือนคนเพิ่งจะร้องไห้ และทันทีที่เขาเห็นผม เขาก็แกล้งทำเป็นฝืนยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

“บาสเขาคงไม่ออกมาแล้วนะ เห็นบอกว่าง่วง เขาจะขอนอนก่อน”

“เหรอ อืม เมื่อเช้าบาสเขาทานยาไปน่ะ แล้วยาตัวนี้พอกินไปแล้วก็จะง่วง”

“เหรอ บีรู้เรื่องเกี่ยวกับบาสดีจังเลยนะ”

อาร์ตถามผมด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“อ๋อ เปล่าหรอก พอดีบีมาช่วยดูแลช่วงที่เขาป่วยน่ะ ก็เลยรู้เรื่องยาของเขาเป็นพิเศษ”

“งั้นเหรอ บีมาอยู่กับบาสตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”

“ก็สักต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”

อาร์ตทำสีหน้าเหมือนเริ่มเข้าอกเข้าใจอะไรบางอย่าง

“ทะ ทำไมเหรอ”

ปฏิกิริยาของอาร์ตทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ช่างเถอะ”

“ถ้ามีอะไรก็บอกบีมาตรงๆได้เลยนะ เผื่อบีมีอะไรจะช่วยได้ เอ่อ คือ อาร์ตกับบาสกำลังทะเลาะกันเหรอ ?”

ผมตัดสินใจถามเขาออกไปตรงๆ

“เปล่า ไม่มีอะไรจริงๆ บีอย่ามาสนใจเลย เอ่อ แต่ว่าอาร์ตขออยู่ที่นี่ต่อสักพักได้มั้ย”

พูดจบอาร์ตก็มองไปรอบบ้านอย่างอาลัยอาวรณ์

“ได้สิ อาร์ตมานั่งตรงนี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวบีไปเอาน้ำมาให้”

ผมชี้ชวนให้อาร์ตมานั่งที่เก้าอี้รับแขกส่วนตัวผมก็เข้าไปในครัวแล้วเอาน้ำหวานออกมาเสริฟให้อาร์ต

“ขอบใจนะ บีเนี้ย นิสัยดีจังเลยนะ มิน่าล่ะบาสเขาถึงชอบ”

“ชอบเหรอ ???”

ผมถามเขาอย่างสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าบาสชอบผมทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่เหมือนอาร์ตจะอ่านใจผมออก

“อาร์ตเดาน่ะ เพราะปกติบาสเขาเป็นคนเข้ากับคนอื่นยาก เพราะฉะนั้นการที่เขายอมให้บีมาอยู่ด้วยก็แสดงว่าเขาก็คงชอบนิสัยบีด้วยแหละ”

“อ๋อ ไม่ขนาดนั้นหรอก จริงๆแล้วแม่ของบาสต่างหากที่ขอให้บีมาอยู่เป็นเพื่อนบาส เขาอาจจะไม่ชอบบีก็ได้”

ผมแกล้งโกหกออกไป

“ไม่หรอก ขนาดเราเพิ่งเจอบีครั้งแรกก็ยังถูกชะตาเลย”

“อืม ขอบใจนะ เอ่อ เดี๋ยวบีขอเข้าไปในห้องแป๊บนึงนะ อาร์ตอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”

“ได้สิ แต่เดี๋ยวนะบี บีลืมจดหมายหรือเปล่า”

อาร์ตรีบทักผมเมื่อเห็นผมกำลังจะหันหลังเดินเข้าไปในห้อง

“จดหมาย ?”

“ก็จดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะนี่ไง ของบีหรือเปล่า”

“อ๋อ มันไม่ใช่จดหมายหรอก มันเป็นบันทึก”

ผมเผลอพูดออกไปอย่างลืมตัวถึงบันทึกที่บาสให้ผมไว้ตั้งแต่เช้า

“บันทึกเหรอ???”

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจนะที่เตือน”

เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มพูดมากเกินไป ผมจึงรีบเดินไปหยิบบันทึกฉบับนั้นออกมาแล้วเดินตรงไปที่ห้อง

“ เดี๋ยว บี!!!”

“หา มีอะไรอีกเหรอ”

“เอ่อคือ...บีนอนห้องนั้นเหรอ ?”

“ใช่ ”

“ขออาร์ตเข้าไปดูหน่อยได้มั้ย”

“ได้สิ แต่รกหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก อาร์ตแค่อยากเห็น”

พูดจบเขาก็เดินตามผมเข้าไปในห้อง ส่วนผมก็เดินตรงไปที่โต๊ะริมหน้าต่างแล้วก็เปิดลิ้นชักเอาบันทึกของบาสที่เพิ่งได้มาใส่ไปรวมไว้กับบันทึกฉบับอื่นๆที่ผมเคยได้มาก่อนหน้า

“ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เปลี่ยนไปเลย”

คำพูดลอยๆ ของอาร์ตทำให้ผมได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกอย่างว่าเขาคงเคยมานอนหรือมาเห็นห้องนี้แล้ว

“แล้วบีนอนห่มผ้าหรือเปล่า”

“ห่มสิ แต่บีชอบนอนดิ้นน่ะ พอตื่นมาตอนเช้าทีไร ผ้าห่มก็หายไปทุกที”

ผมพูดติดตลก

“งั้นต้องระวังหน่อยนะ เพราะห้องนี้กลางคืนมันจะหนาวมากเลยล่ะ ถ้าไม่ห่มผ้าดีๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“อืม ขอบใจนะ”

ผมตอบกลับไปสั้นๆ เพียงแค่นั้นเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนนอกที่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับห้องนี้เลย

“แล้วเดี๋ยวบีจะทำอะไรต่อหรือเปล่า มีอะไรให้เราช่วยมั้ย”

“อ๋อ เดี๋ยวเราต้องออกไปซื้อกับข้าวมื้อเที่ยงน่ะ ทานด้วยกันมั้ยอาร์ต”

“อืมได้สิ งั้นเดี๋ยวเราช่วยขับรถไปส่งให้เอามั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก อาร์ตรออยู่ที่นี่ดีกว่า เผื่อบาสตื่นขึ้นมาแล้วมีอะไรให้ช่วย บีไปเองได้ไม่ไกลหรอก”

“งั้นเหรอ อืม ก็ตามใจบีแล้วกัน”

พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้องโดยมีอาร์ตเดินตามออกมาด้วย จากนั้นผมก็ออกไปตลาดเพื่อไปซื้อกับข้าว และใช้เวลาราวชั่วโมงกว่าผมก็กลับมาถึงที่บ้าน แต่เมื่อมาถึงอาร์ตก็รีบเดินมาบอกผมว่า

“เอ่อ ขอโทษนะบี เราคงอยู่กินด้วยไม่ได้แล้วล่ะ”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“ก็พอดีแม่เขาโทร.มาขอให้พาไปทำธุระหน่อยนะ เราก็เลยคงต้องรีบไปก่อน”

“ว้าเสียดายจัง อุตส่าห์ซื้อมาตั้งเยอะแน่ะ แต่ถ้าอาร์ตติดธุระก็ไม่เป็นไรหรอก ไว้วันหลังก็ได้”

“ขอบใจนะบี ไว้วันหลัง อาร์ตค่อยมาใหม่ ไปก่อนนะ”

พูดจบอาร์ตก็รีบเดินไปสตาร์ทรถแล้วก็ขับออกไปด้วยความรวดเร็ว ส่วนผมก็เดินเข้าไปทำกับข้าวในครัวจนกระทั่งบาสตื่นนอนมาใกล้ๆ เที่ยง ผมก็ชวนเขามาทานข้าวเที่ยงด้วยกัน

“อาร์ตเขาน่ารักดีนะ นิสัยดีด้วย แล้วก็สงสัยจะรวยมาก”

ผมเริ่มชวนบาสคุย

“อืม พ่อเขามีรีสอร์ตอยู่ที่ภูเก็ต”

“แต่เขาไม่เห็นแต่งตัวเซอร์ๆแบบบาสเลยอ่ะ เรียนคณะเดียวกันเหรอ”

“เปล่า เขาอยู่อักษร”

“อ้าว แต่อักษรต้องเรียนที่สนามจันทร์ นครปฐมโน้นไม่ใช่เหรอ”

“ใช่”

“งั้นบาสกับเขาก็คงสนิทกันมากสินะ เพราะขนาดอยู่ไกลกันตั้งขนาดนี้ก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่”

คำถามของผมทำให้บาสถึงกับเริ่มกินอะไรไม่ลง

“เปล่า ไม่ได้สนิทหรอก เราเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา”

“เป็นแค่เพื่อนจริงอ่ะ น่ารักขนาดนี้บาสอดใจไหวเหรอ”

ผมแกล้งถามหยั่งเชิง

“เขาเป็นแค่เพื่อนของบาสจริงๆบี เชื่อบาสนะ บาสไม่โกหกบีหรอก”

บาสพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“โอเคๆ ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นก็ได้ เอาเป็นว่าบีเชื่อบาส ทานต่อเถอะ”

หลังจากอาหารเที่ยงมื้อนั้น ผมก็ไม่ได้คุยกับบาสเรื่องอาร์ตอีกเลยจนกระทั่งเราต่างแยกย้ายกันเข้านอน แต่แล้วราวๆสักเกือบ 5 ทุ่มผมก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้น ผมจึงรีบออกไปรับสาย

“ฮัลโหล ต้องการพูดกับใครครับ”

“อ้าว อาร์ตเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”

“ว่าไงนะ อยู่หน้าบ้านเหรอ ทำไมไม่เข้ามาข้างในล่ะ”

“ได้ได้ รออยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวบีออกไป”

ผมเดินไปเปิดประตูบ้านแล้วเดินออกมาอย่างงง ๆ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมอาร์ตต้องทำลับๆล่อๆขนาดนี้ด้วย จนเมื่อผมออกไปถึงประตูรั้วผมก็เห็นอาร์ตยืนอยู่โดยมีน้ำตาไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม

“อาร์ต เป็นอะไรหรือเปล่า”

ผมรีบถามเขาด้วยความเป็นห่วง

“บี.....บีรีบไปจากบ้านนี้เถอะนะ”

อาร์ตพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“อะไรนะ”

“จริงๆแล้ว บาสเขาห้ามอาร์ตไม่ให้พูดเรื่องนี้กับบี แต่อาร์ตทนไม่ไหว อาร์ตไม่อยากเห็นใครต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับอาร์ตอีก โดยเฉพาะคนดีอย่างบี”

“ทำไมเหรอ บาสเขาทำอะไรอาร์ต”

“บีคงไม่รู้ใช่มั้ยว่าอาร์ตกับบาสไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน.....เราเคยเป็นแฟนกัน”

“ว่าไงนะ ???”

“ที่จริงแล้วเราเป็นแฟนกันมาตั้งแต่ปี 1 แต่อยู่ดีๆเมื่อสักต้นเดือนนี้นี่เอง บาสเขาก็โทร.มาขอเลิกกับอาร์ต ตอนนั้นอาร์ตก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆเขาก็เปลี่ยนไป จนอาร์ตได้มาเจอบีวันนี้ อาร์ตถึงรู้ว่าเหตุผลว่าทำไม แต่เชื่ออาร์ตเถอะนะ เขาไม่ได้รักบีหรอก เขาก็แค่อยากจะฟันบีเหมือนกับที่เคยทำกับอาร์ตเท่านั้น”

“?????”

“เชื่ออาร์ตนะบี เพราะอาร์ตเองก็เคยพลาดมาแล้ว ตอนเจอเขาครั้งแรก อาร์ตก็ไม่เคยสนใจผู้ชายคนนี้หรอก แต่ต่อมาเขามาทำให้อาร์ตเชื่อว่าเขารักอาร์ตมากจริงๆ อาร์ตเลยยอมเป็นของเขา ในห้องนั้น ในห้องที่บีนอนนั่นแหละ จริงๆแล้วบาสเขาไม่ได้รักเราจริงหรอก เขาแค่อยากเอาชนะเราในเกมที่เขารู้กติกาและควบคุมมันอยู่คนเดียว ส่วนเราก็เป็นได้แค่เหยื่อในเกมสกปรกของเขาเท่านั้น อาร์ตพยายามแล้ว พยายามอยากเลิกกับเขาตั้งหลายครั้ง แต่อาร์ตก็ทำไม่ได้เพราะอาร์ตรักเขาไปแล้ว อาร์ตถึงไม่อยากให้บีต้องมาเป็นอย่างอาร์ตอีกคน”

พูดถึงตรงนี้อาร์ตก็เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ส่วนผมนั้นก็ได้แต่สับสนและปวดร้าวจนแทบจะยืนไม่อยู่ ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เรื่องที่อาร์ตพูดนี้เป็นความจริงเลย เพราะหากต้องพบกับความเจ็บปวดอีกครั้ง ผมก็คงไม่อาจเอาตัวรอดได้แบบครั้งที่แล้วแน่ๆ

แม้ผมจะพยายามอ้อนวอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นแต่โชคร้ายที่ดูเหมือนคำขอของผมจะไม่ได้รับการตอบสนองเลยเมื่ออาร์ตพูดออกมาอีกครั้งว่า

“บีไม่เชื่ออาร์ตใช่มั้ยล่ะ งั้นบีลองอ่านนี่ดูแล้วกัน”

พูดจบอาร์ตได้ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม ซึ่งแม้ในตอนนั้นเราจะยืนอยู่ท่ามกลางความมืดแต่แสงสว่างจากดวงจันทร์ก็ได้ทำให้ผมพอจะสามารถอ่านตัวอักษรที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นได้ลางๆ
-------------------------------------
7 สิงหาคม 2544

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้มาเข้าค่ายของชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยศิลปากร

จริงๆ แล้ว เหตุผลที่ผมมาเข้าค่ายในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าผมอยากจะอนุรักษ์ธรรมชาติอะไรหรอก แต่สาเหตุที่ทำให้ผมต้องสมัครมาเข้าค่ายในครั้งนี้ด้วยก็เพราะผมตามคนๆนึงมา

คนๆ นี้คือนิสิตคนแรกในรั้วมหาวิทยาลัยที่เดินมาคุยกับผมในวันแรกที่เราเจอกันตอนรับน้องรวม

น่าแปลกที่เพียงแค่ครั้งแรกที่ผมได้เห็นเพื่อนคนนี้ ผมก็จดจำใบหน้านั้นได้ติดตา

แถมต่อมาผมก็ยังได้แต่แอบมองเพื่อนคนนี้อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัวซึ่งนั่นทำให้ผมสังเกตเห็นว่า...

รอบๆ ตัวของเพื่อนคนนี้เต็มไปด้วยเพื่อนนักเรียนที่มารุมล้อม และทุกคนต่างก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

ผมรู้สึกราวกับว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนคนนี้เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดส่องลงมาขับไล่ความมืดและความทุกข์ระทมของผู้คนรอบข้างได้

แต่น่าเสียดายที่แสงสว่างนั้นกลับส่องมาไม่ถึงผม

จนแม้หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้าน รวมถึงตลอดทั้งคืนนั้น ผมก็ยังได้แต่คิดถึงเพื่อนคนนี้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ในตอนนั้นผมคงยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีกับเพื่อนคนนี้เป็นความรู้สึกพิเศษที่เรียกว่า... “ความรัก”

เป็นเหตุการณ์ “รักแรกพบ” ที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้พานพบเลยในชั่วชีวิตนี้ รวมทั้งไม่เคยคิดว่ารักแรกของผมจะเกิดขึ้นกับ... “ผู้ชาย”

ผู้ชายซึ่งมีชื่อที่เพราะเหลือเกิน

ผู้ชายที่ชื่อของเขาจะประทับไว้ในความทรงจำของผมตราบชั่วชีวิต

..............อาร์ต.....ศิริศักดิ์ บวรศักดิ์สกุล..............

--------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-11-2006 20:50:05
เฮ้ย  :o บันทึกนั่น เหมือนของบีเลย  :serius2:  :serius2:  :serius2:

ไม่น้า  :sad5: บาสคงไม่หลอกบีช่ายม้าย  :try2:

ยังเชียร์บาสอยู่นะ เท่าที่ประมวลจากเนื้อหาในภาคแรกกับไดอารี่แล้วค่อนข้างมั่นใจว่าบาสคงไม่หลอกบีหรอก

แต่อาจจะมีกิ๊กหรืออะไรนิดหน่อยในช่วงที่เรียนที่ศิลปากรก็ได้  :try2:

คุณบลู ขอตอนใหม่อย่างเร็วเลยค่ะ  :impress:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 25-11-2006 21:04:14
 :oเหอะเหอะ โปรดติดตามตอนต่อไป เกือบหลงรักบาสไปแล้วนะเนี่ย ไม่น่าเลยเรา
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 25-11-2006 21:21:46
เย้ยยยยยยย ตกลงบาสเปนคนยังงัยกันแน่เนี่ยะ -*-


แล้วถ้า... สมมุติว่าบาสเปนอย่างที่อาร์ตพูดจิงๆนะ


โผ้มมมมม ก้อจะเลิกเปนหนึ่งใน Bass FC ทันที (ว่าไปนั่นนนนนน -*-)



รอพี่บลูฯมาต่ออยุ่นะก๊าบบบบบ ฮี่ๆๆ :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 25-11-2006 21:22:48
โห..บาส  ไอเลว

สงสารบีมากๆเลยอ่ะ ทำไมเจอแต่เรื่องแบบนี้เนี่ย

เอ....หรืออาร์ตแอบอ่านแล้วลอกบันทึกเนี่ย

เหอๆ  ติดตามตอนต่อไป

ต่อด่วนๆครับคุณบลู  กะลังมันส์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-11-2006 21:53:49
รักซ้อน ซ่อนเงื่อน

สิ่งที่เราเห็น อาจะไม่ใช่ออย่างที่เราคิด


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 25-11-2006 22:57:32


  เอางัยดี :confuse:

แล้วทำมัย แม่ของบาส รู้จักบีดีจัง

เหมือนบาสเล่าความเป็นบีทุกอย่างให้แม่ฟัง :serius2:
ตั้งแตตอนเข้าม.1  แล้วจะมีเรื่องช๊อคตามมาป่าวคับเนี่ย
                   ชักเริ่มไม่อยากรู้แล้วคับเนี่ย :sad5:

                   แต่ก้อรออย่างใจจดใจจ่อนะคับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 26-11-2006 00:11:09
 :sad4:มาต่อเร้วววว
รออ่านที่นี่แหละ

เป็นแผนอาร์ต ชัวร์เลย
เพราะ บาสไม่น่าใช่คนแบบนั้นอะ
ไม่ใช่แน่ๆ (ย้ำกับตัวเอง ขอให้ไม่ใช่)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 26-11-2006 01:02:37
นี่จะเชื่อใจใครได้บ้างครับพี่น้องครับ :serius2:



เฮ้อ ไม่ไหวแล้วนะ งง จริงๆ :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Coacher ที่ 26-11-2006 01:59:56
โอ๊ย สรุปแล้ว บาสก็เชื่อใจไม่ได้เหรอ เวงกำ แท้ :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 26-11-2006 02:33:44
 :sad4:    :impress3:    :sad4:   :impress3:   :sad4:   :impress3:   :sad4: 
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 26-11-2006 12:21:25
ตามมาดูอีกรอบ :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Alert ที่ 26-11-2006 12:24:50
 :serius2:  ม่ายเจงช่ายมั๊ยเนี่ย



 :o
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 26-11-2006 13:56:05
เพิ่งอ่านทันอ่ะครับ (ในที่สุด...!!!)

ไง๋บาสเป็นงี้อ่ะ แอบเชียร์ตั้งแต่แรกแล้วอ่ะ

แบบนี้ชักจะไม่ปลื้มซะแล้วซิ

(ง่า...จะเอาคนนี้ จะเอาคนนี้  :like2:)

มาต่อไวๆนะครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 26-11-2006 16:16:46
 :o  เอาแล้วมั้ยหล่ะ   ว่าแล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องไรซ้ากอย่าง   เฮ้อ แล้วจะเชื่อใครได้อีกเนี้ย แล้วตกลงบาสเป็นคนยังงัยกันแน่................................................. :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 26-11-2006 19:34:35
 :oช็อคๆๆๆ   อุตส่าห์อยากให้บาสกับบีลงเอยกัน   มาเจออย่างงี้คนอ่านก็ตกใจสุดๆเลย 

แต่ว่าอาจจะเป็นแผนของอาร์ตก็ได้นะ   ที่ระหว่างที่บีไปซื้อข้าวก็แอบเข้าไปอ่านบันทึก

หรือไม่ก็บาสอาจจะโกหกอย่างที่อาร์ตว่าก็ได้   และเป็นต้นเหตุที่ทำให้บีกับทีมเลิกกัน   คงเพราะบาสแค้นบีที่บีไม่สนองความรักของเขาเมื่อครั้งนั้นล่ะมั้ง

แต่ผมก็ไม่อยากให้เป็นอย่างหลังเลยครับ   มันโหดร้ายเกินไปอ่ะ :monkeysad:

กับบีและทีม ที่ทรมานมานาน  และอาจจะมองหน้ากันไม่ติดตลอดชัวิตก็ได้  เศร้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Vasabi ที่ 26-11-2006 21:41:49
 :serius2: รักนี้จามีอุปสรรคซะแล้วละม้าง  :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 26-11-2006 22:04:27
ง่ะ!!! คุณTonG_x_Zhi ปายอ่านมาก่อนแย้วแน่ๆเยย  :kikkik: ม่ายงั้นม่ายรุลึกรุจริงขนาดนี้หย้อก  :kikkik:  โป้งแระ คิกคิก
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-11-2006 22:24:28
shell ความมันของเรื่องนี้อยู่ที่การได้ลุ้นไปในแต่ละฉากละตอนจริง ยิ่งได้อ่านคอมเมนต์ของ shell แล้วทำให้ผมลุ้นไปด้วยเลย  :like2:

Tantalum  เป็นบทเรียนสอนใจนะครับ จะดูคนต้องใช้เวลาพิสูจน์  :3061:

Rrmz`,,  แงๆๆ จะออกจากบาสแฟนคลับแล้วหรือ ชมรมนี่สมัครได้แต่ไม่สามารถลาออกได้เลยแม้แต่วินาทีเดียวครับ  :pigangry2:

FlukeHub   อิอิ เหมือนชีวิตจริง เราก็ต้องเจอกับเหรียญอีกด้าน มันคงไม่มีด้านเดียวแน่ๆ  :seng2ped:

หมูพูห์  สิ่งที่เราคิด อาจไม่ใช่สิ่งที่เราเห็น   :pigscare2: ตา alert นพูห์ป่าว
Alert  สร้างความปั่นปวนในหัวใจของหลายๆคน แต่ว่านี่แหละม้างความรัก

between  อยากมีแม่อย่างบาสไหม ช่างเข้าอกเข้าจายบาสดีจริงๆ แต่อย่างว่าหล่ะ คงเห็นบาสแผลกับชีวิตลูกตัวเองมาหลายปี แม่ที่ไหนจะทนเห็นลูกมืดมนได้ยาวนานขนาดนี้  :monkeysad2:


pim สิ่งที่ทำให้เกิดความรักแท้นั้นคือหัวใจ แต่สิ่งที่ทำให้รักแท้ยาวนานคือความเข้าใจ :impress:

pandaba  ใจเย็นๆครับ นึกถึงผมไว้ จิตใจจะได้ดีขึ้น คิกคิก ต่อให้แล้วนะครับ   :-[

Coacher  คนที่ไม่เคยเจ็บ แปลว่าไม่เคยรักใครนะครับ   :monkeysad:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  แม้จะเจ็บปวดเจียนตาย แต่อย่าลืมว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จิตใจบีก็ได้พบกับแสงสว่างแล้ว
ถึงมันจะสั้นก็นึกถึงแต่วันดีๆเตอะ  :impress3:


meemewkewkaw  อ่านึกว่าจะได้ สมาชิกบาสแฟนคลับเพิ่มซะอีก  :haun5:

konaun  แม้เธอจะร้าย แต่ไม่อาจห้ามใจได้  :impress3:

TonG_x_Zhi  ทำไมบาสถึงต้องให้บี อ่านบันทึกทีละหน้าหล่ะ  :confuse:

Vasabi  รักแท้ต้องร่วมกันฝ่าครับ  :yeb:

*****************************************************************************
" Can't Help Falling In LOVE "
[wma=300,50]http://www.gimmick-model.com/MEE_TEMP/CantHelpFallingInLove.wma?action=binary[/wma]
**********************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 12 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
---------------------------------------

ข้อความในกระดาษที่อาร์ตส่งมาให้อ่านทำให้ผมถึงกับแทบล้มทั้งยืน เพราะเนื้อความในกระดาษแผ่นนี้กับบันทึกฉบับแรกที่บาสมอบให้กับผมนั้น.....มันเหมือนกันยังกับแกะ

ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบันทึกทั้งหมดที่ผมอ่านมานั้นคือเรื่องหลอกลวง แต่ความรู้สึกความหยาบด้านของแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือก็เตือนให้ผมรู้ว่าสิ่งที่อาร์ตพูดมันคือเรื่องจริง

บันทึกเหล่านั้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือในเกมสกปรกของเขาเท่านั้น และผมก็คิดว่ามันเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากเสียด้วย เพราะหากไม่มีบันทึกเหล่านี้มาคอยย้ำเตือนและบอกผมว่าบาสเฝ้ารักและรอคอยผมมานานแค่ไหน ผมก็คงไม่มีวันที่จะเปิดใจให้เขาได้

“อาร์ตขอโทษนะบี อาร์ตไม่ตั้งใจให้บีต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้ แต่มันก็คงดีกว่าที่จะให้บีต้องพลาดท่าเสียทีให้บาสเขาไปก่อน”

หลังคำพูดของอาร์ต ผมก็ได้แต่ยืนแข็งเป็นใบ้

“แต่ทั้งหมดก็คงขึ้นอยู่กับบีล่ะน่ะ เพราะวันหนี่ง...บีอาจจะทำให้บาสเขารักบีขึ้นมาจริงๆก็ได้ อาร์ตเพียงแค่ทำในสิ่งที่อาร์ตควรทำ ที่เหลือก็คงเป็นการตัดสินใจของบีเอง”

“แล้วอาร์ตล่ะ ทำไมอาร์ตถึงยังทนอยู่กับเขา”

“ถ้าคนเราสามารถเลิกรักใครได้ง่ายๆ มันก็ดีสิบี”

คำพูดของอาร์ตทำให้ผมนึกตัวเอง

“แต่อาร์ตจะทนเจ็บอยู่อย่างนี้น่ะเหรอ”

“ไม่รู้สิ บางทีอาร์ตก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าบาสก็คงทำเหมือนครั้งก่อนๆ ที่เขามักจะแอบนอกใจอาร์ตไปมีอะไรกับคนอื่นเสมอ แต่พอเขาเบื่อเขาก็จะกลับมาหาอาร์ตเองทุกครั้ง ถ้านี่ไม่ใช่เพราะวันนี้อาร์ตได้มาเจอกับบีแล้วรู้สึกว่าคนดีอย่างบีไม่ควรจะมาเจอเรื่องแบบนี้ล่ะก็ อาร์ตก็คงไม่หาเรื่องใส่ตัวหรอก อาร์ตก็คงปล่อยไปเหมือนที่เคยนั่นแหละ เพราะถ้าบาสเขารู้ว่าอาร์ตเอาเรื่องนี้มาบอกบี เขาก็คงทั้งโกรธ ทั้งเกลียดอาร์ตมาก”

“อาร์ต ขอบใจมากนะ”

ผมพูดออกไปด้วยความรู้สึกตื้นตันในความช่วยเหลือของเขา

“ไม่ต้องขอบใจอาร์ตหรอก บางทีอาร์ตอาจกำลังทำผิดก็ได้ เพราะคราวนี้บาสเขาอาจจะรักบีจริงๆ”

“ต่อให้เขารักบีจริงๆแล้วยังไงล่ะ จะให้บีแย่งเขามาทั้งๆ ที่เขามีอาร์ตอยู่แล้วงั้นเหรอ”

“อย่ามาสนใจอาร์ตเลย เพราะถึงอาร์ตจะมีบาสอยู่หรือไม่ มันก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว บีทำตามที่หัวใจบีอยากทำเถอะ อาร์ตก็คงทำได้แค่นี้ แล้วถ้าบียังสงสัย บางทีในห้องของบาสอาจจะมีคำตอบบางอย่างให้บีก็ได้ อาร์ตไปก่อนนะ”

พูดจบอาร์ตก็ทำท่าจะหันหลังกลับไป

“เดี๋ยวอาร์ต ปิดเทรมนี้อาร์ตติดธุระอะไรหรือเปล่า”

“เปล่านี่ ทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากถามดู ขอบใจนะ”

อาร์ตพยักหน้ารับรู้คำขอบคุณของผมแล้วก็เดินหายลับไปในความมืด ส่วนผมก็ได้แต่กลับไปนอนร้องไห้อย่างหนักตลอดทั้งคืน ในขณะที่ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผม

ทำไมความรักของผมถึงเจอแต่คำหลอกลวง

แต่ถึงกระนั้น บางขณะผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดที่บาสทำเพื่อผมนั้นจะเป็นเรื่องหลอกลวง

เพียงเพื่อแค่จะฟันผม เขาต้องคอยมาทำอะไรเพื่อผมมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ เขาต้องยอมทนนั่งตากฝนทั้งคืนเพียงเพราะจะรอเอาร่มให้ผมตอนเดินเข้าบ้านงั้นหรือ

แต่ในขณะเดียวกันคำพูดของอาร์ตก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเลยว่าเขากำลังโกหก ยิ่งสีหน้าเศร้าๆ และน้ำตาที่ผมเห็นก็อดทำให้ผมเชื่อเขาไม่ได้ว่าเขาหวังดีกับผมจริงๆ

ตกลงแล้วระหว่างบาสกับอาร์ต ใครกันแน่ที่กำลังพูดโกหก

“บาส....” ผมเรียกเขาในขณะที่เรากำลังทานมื้อเช้าในวันต่อมา

“ฮึ...ว่าไง”

“บาส...กับ...อาร์ต ไม่มีอะไรกันจริงหรือเปล่า”

คำถามของผมทำให้บาสถึงกับมีสีหน้าตื่นตกใจ

“จริงสิ บาสไม่ได้มีอะไรกับอาร์ตเขาจริงๆนะ อาร์ตเขาพูดอะไรกับบีเหรอ อย่าไปเชื่อเขานะ เขาคงอิจฉาบี เขาก็เลยใส่ร้ายบาส บาสไม่เคย...”

“บาส !!! ใจเย็นหน่อย บียังไม่ได้ว่าอะไรบาสเลยนะ ทำไมต้องตีโพยตีพายขนาดนั้นด้วย แล้วอาร์ตก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับบีเรื่องบาสสักหน่อย”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เหรอ เขายังไม่พูดอะไรกับบีใช่มั้ย”

บาสทำสีหน้าโล่งอก

“ใช่ บีแค่อยากจะถามบาสเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง”

“เชื่อบาสนะบี บาสไม่ได้โกหกบีจริงๆ”

เมื่อบาสยังยืนยันอย่างหนักแน่นเช่นนั้น ผมก็ไม่พูดอะไรอีกจนกระทั่งเราทั้งคู่ทานข้าวเสร็จ เราจึงออกไปนั่งดูทีวีด้วยกัน แต่พอสายๆ บาสก็เริ่มง่วงเพราะผลข้างเคียงของยาที่เขาเพิ่งทานไป ผมจึงแนะนำให้เขานอนตรงโซฟานี้เลยจะได้ไม่ต้องลุกเดินไปที่ห้องอีก ทั้งๆที่ความจริงแล้วผมอยากจะค้นหาความจริงบางอย่างที่อยู่ในห้องของเขาในขณะที่เขาหลับ

ผมนั่งรอจนมั่นใจว่าบาสหลับสนิทแล้ว ผมจึงค่อยๆแอบเข้าไปในห้องของบาสทั้งๆที่ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่ถือวิสาสะมาลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเขา แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ผมก็ไม่เห็นมีทางออกอื่นใดได้โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดของอาร์ตที่ว่า

“แล้วถ้าบียังสงสัย บางทีในห้องของบาสอาจจะมีคำตอบบางอย่างให้บีก็ได้”

ผมเดินสำรวจรอบห้องบาสไปไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะไปหยุดที่โต๊ะทำงานตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่าง ผมค่อยๆ รื้อดูเอกสาร ตำราเรียน สมุดสเกตรูปที่วางอย่างระเกะระกะอยู่บนโต๊ะแต่ก็ไม่พบอะไร

ผมจึงตัดสินใจเปิดลิ้นชักกลางออกมาซึ่งในทันใดนั้นเองที่ผมเจอของสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมถึงกับตัวสั่น

ผมค่อยๆหยิบรูปถ่ายที่เหมือนจงใจวางซ่อนไว้ในส่วนลึกสุดของลิ้นชักขึ้นมาดูอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อคนที่อยู่ในรูปถ่ายใบนั้นคือบาสที่ยืนอยู่ในชุดนักศึกษาโดยมีอาร์ตยืนกอดคอเขาอย่างสนิทชิดแนบมาจากด้านหลัง

รูปถ่ายใบนี้ทำให้ผมเห็นได้ชัดว่าทั้งคู่กำลังมีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข ในขณะที่ผมกลับเริ่มมีน้ำตาไหลลงมานองหน้าอย่างปวดร้าว เพราะรูปใบนี้ได้เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนแล้วว่า....บาสโกหกผม

หลังจากค้นพบความจริงนี้ ผมก็พยายามเก็บอาการไว้ตลอดในช่วงบ่ายโดยพยายามพูดคุยกับบาสอย่างเป็นปกติ ทั้งๆที่ในใจมันแสนจะปวดร้าวจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

จนกระทั่งค่ำๆ ขณะที่ผมเพิ่งล้างจานในครัวเสร็จ ผมก็ได้ยินเสียงของบาสที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจมากว่า

“มาทำไม บาสบอกแล้วว่าอย่ามาที่นี่อีก”

เสียงนี้ทำให้ผมเดินออกมาจากครัวจนเห็นอาร์ตยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยสีหน้าเศร้าๆ ขณะที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่วางอยู่ด้านข้าง

“บีขอให้เขามาเองแหละบาส”

ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และดูเหมือนคำพูดนี้จะทำให้บาสหันมามองผมอย่างประหลาดใจ

“ทำไมล่ะ บีให้เขามาที่นี่อีกทำไม”

“ก็ให้เขามาช่วยดูแลบาสไงล่ะ”

“มาช่วยดูแลบาส ทำไมเขาต้องมาช่วยดูแลบาส แล้วบีล่ะ บีจะไปไหน?”

“บีคงไม่เหมาะจะอยู่ดูแลบาสอีกแล้ว”

ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในขณะที่พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาเอาไว้ ซึ่งในทันใดนั้นเองที่บาสเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจึงถามผมขึ้นมาว่า

“เพราะอาร์ตเหรอ อาร์ตพูดอะไรกับบี”

“พอทีเถอะบาส เลิกหลอกบีเขาเสียที”

อาร์ตพูดขึ้นมาอย่างเหลืออด

“หลอกเหรอ บาสไปหลอกอะไรบี”

“ทำไมบาสไม่บอกบีเขาไปตรงๆละว่าเราเป็นอะไรกัน”

“แล้วเราเป็นอะไรกันล่ะ เราไม่เคยเป็นอะไรกันนี่”

“บาส !!!!”

อาร์ตเรียกชื่อบาสขึ้นมาอย่างเจ็บปวดขณะที่เริ่มมีน้ำตาไหลลงมาอาบทั้ง 2 แก้ม

“เราไม่มีอะไรกันเหรอ แล้วที่เราไปทานข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน เที่ยวด้วยกันหรือแม้กระทั่งเคยมีอะไรกันล่ะ”

“อาร์ต !!!”

บาสพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

“พอทีเถอะบาส เลิกทำร้ายคนอื่นเสียที อาร์ตขอร้อง”

“ทำร้ายเหรอ บาสเคยทำร้ายใคร”

“บาสจะปากแข็งไปถึงไหน เลิกทำบาปเสียที”

“หยุดพูดโกหกได้แล้วอาร์ต”

“บาสนั่นแหละที่โกหก”

“ไม่จริง บาสไม่ได้โกหก อาร์ตนั่นแหละ”

“บาสนั่นแหละโกหก”

“ไม่จริง....อาร์ต........”

“พอแล้ว พอที”

ผมตวาดใส่ทั้งสองคนอย่างสุดเสียง แล้วก็เริ่มปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก

“ได้โปรดเถอะ หยุดสักที ฮือๆๆๆๆๆ บาส บีถามเป็นครั้งสุดท้ายว่าบาสกับอาร์ตเป็นอะไรกันหรือเปล่า”

“ไม่นะบี บาสไม่เคยเป็นอะไรกับเขาจริงๆ”

“งั้นเหรอ”

พูดจบผมก็เดินเข้าไปในห้องแล้วหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่ผมแอบจัดไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายออกมา แล้วก็ชูรูปถ่ายที่ผมแอบเอามาจากห้องของเขาให้บาสดู

“แล้วบาสจะอธิบายรูปนี้ว่ายังไง”

ทันทีที่บาสได้เห็นรูปนั้น เขาก็หน้าซีดจนขาวเผือดแล้วก็ถามผมออกมาเบาๆว่า

“บีไปได้รูปนั้นมาได้ยังไง”

“ไม่สำคัญหรอกว่าบีได้มันมายังไง แต่ทำไมบาสต้องทำกับบีอย่างนี้”

“มันไม่ใช่อย่างที่บีคิดนะ เชื่อบาสเถอะ”

แม้บาสจะอ้อนวอนผมอย่างนั้นแต่เมื่อทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนี้แล้วผมก็ไม่อาจทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากจะเดินหันหลังออกไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย

“อย่าทิ้งบาสไปนะบี บาสรักบีนะ รักบีคนเดียวมาตลอด เชื่อบาสนะ ได้โปรด”

นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินในขณะที่เดินออกมาจากบ้านของบาส

ผมเดินต่อไปอย่างไม่ยอมหยุดเหมือนคนเสียสติเพราะกลัวว่าถ้าผมหยุดเดินเมื่อไหร่ ผมก็คงไม่อาจจากบาสเขาไปได้ แต่ขณะเดียวกัน...อีกใจก็กลับคิดว่าทุกก้าวที่ผมเดินออกไป มันกำลังทำให้ผมห่างไกลไปจากบาสมากขึ้นทุกที

ในตอนนั้นเองที่ผมกลับนึกถึงคำอ้อนวอนของบาสอีกครั้ง

“เชื่อบาสนะ ได้โปรด”

คำขอร้องนี้ได้ทำให้ผมได้หวนกลับไปนึกถึงคืนวันเก่าๆที่ได้อยู่กับเขาในบ้านหลังนั้นอีก รวมทั้งกลับไปนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่เขาเขียนในบันทึกด้วย

จริงอยู่ที่คำพูด หรือ ข้อความในบันทึกนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เขาโกหกผมได้

แต่แววตาของเขาล่ะ? ทำไมผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าทุกครั้งที่บาสมองมายังผมนั้น มันจะเป็นแววตาของคนที่กำลังโกหก

ภายใต้แววตาคู่นั้น...ผมไม่เคยเห็นสิ่งอื่นใดเลยนอกจากข้อความที่อยากจะบอกผมว่า.....เขารักผม

ในตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจหยุดเดินแล้วก็บอกกับตัวเองว่า....ผมจะเชื่อเขา

ไม่ว่าเขาจะหลอกลวงเพื่อหวังจะฟันผมอย่างที่อาร์ตบอกหรือไม่.....ผมก็จะเชื่อเขา

ดังนั้นผมจึงรีบหันหลังแล้วเดินกลับไปหาบาส

ในตอนแรกผมก้าวอย่างช้าๆทีละก้าว แต่เมื่อยิ่งมั่นใจถึงความรู้สึกของตัวเอง ผมก็ยิ่งก้าวเร็วขึ้น...เร็วขึ้น จนตัดสินใจออกวิ่งในที่สุด

ผมวิ่งผ่านประตูรั้วที่ยังเปิดอยู่แล้วรีบตรงไปบันไดทางขึ้นไปบนบ้าน ในตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงบาสกำลังทะเลาะกับอาร์ตอย่างหนัก

“ไม่จริง บาสไม่เชื่อ”

“เชื่ออาร์ตเถอะบาส บีเขาไม่เคยนึกชอบบาสเลย เขาแค่กำลังสนุกกับกับการปั่นหัวบาสเล่น”

“หยุดใส่ร้ายบีเขาสักที ยังไงบาสก็ไม่เชื่อ”

“งั้นเหรอ บาสคงไม่รู้สินะว่าบีเขาเลวขนาดไหน เขาเอาบันทึกที่บาสเขียนด้วยความตั้งใจมาให้อาร์ตอ่าน แล้วก็หัวเราะร่วนเหมือนมันเป็นเรื่องตลก”

“เป็นไปไม่ได้ บีไม่มีวันทำอย่างนั้น”

“คิดว่าอาร์ตโกหกเหรอ จะให้อาร์ตเล่ามั้ยล่ะว่าบีกับบาสเจอกันยังไง เหตุการณ์ในห้องสมุดเป็นยังไง แล้วเรื่องที่ค่ายลูกเสืออีกล่ะ หรือจะเอาเรื่องชมรมดนตรีสากล จะให้อาร์ตย้ำเหรอว่า...บีเป็นคนตอแหลแค่ไหน”

หลังคำพูดนั้นของอาร์ตผมก็ไม่ได้ยินเสียงตอบโต้อะไรจากบาสอีก เขาคงกำลังช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ไม่ใช่แค่บาสหรอกเพราะผมเองก็กำลังตื่นตะหนกกับคำพูดของอาร์ตจนแทบจะยืนไม่อยู่เช่นกัน

จนกระทั่งผมได้ยินเสียงอาร์ตพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“เชื่ออาร์ตเถอะบาส มีแต่อาร์ตเท่านั้นแหละที่รักและหวังดีกับบาสจริงๆ”

----------------------------------------------



















 

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 26-11-2006 22:38:28
เฮ่ยยยยยยยยยยยยยยย



ไอ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ :pigangry2: :pigangry2:


อาร์ตตตตตตตตตต :pigangry2:


คุณสตอร์อาร์ตไอ่เลว ฉวยโอกาสจากความไว้ใจเข้าไปอ่านบันทึกคนอื่นเหรอฟระ


สรุปว่าดีนะที่พี่บีเดินกลับไปอีกครั้ง

เฮ้อ   หงุดหงิด เฟ่ย


ดูคนเนี่ยต้องดูนานๆจริงๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 26-11-2006 22:43:00
ไอ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ไออ๊าร์ตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต


ไอ่ชั่วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว :fire: :monkeyangry3: :angry2: :3029: :mad: >:( :new_2gunsfiring_v1: :beat: :200: :twak: :knock: :18: :3066:


(อุ๊บบบบ ขอโทษทีคับ อารมวูบชั่วขณะ)





ตกลง ไอ่อาร์ตมันเปนนังซุงแหลหรอคับ พี่บลูฯ ?




ถ้าเปนอย่างงั้น มันก้อสมควร ตาย!!!!!!!!!!!!!!  :pigangry2: :pigangry2: :pigangry2: :pigangry2:









ปล. ขอกลับเข้าชมรมคนรัก"บาส"อีกรอบนะคับ


เอ ผมขอเปนประธานได้ป่ะ? ฮี่ๆๆๆ :kikkik:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 26-11-2006 23:04:08
ไอ้อาร์ตไอ้นิสัยไม่ดี :3125:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Alert ที่ 26-11-2006 23:27:08
 จ๊ากกกก  นอนไม่หลับแล้วนะเนี่ย       :o

   โธ่...บาส ผู้น่าสงสาร  ตั้งแต่เด็กจนโต   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 26-11-2006 23:47:38
นังอาร์ต   ระวังจะโดนไม่ใช่น้อย   หืมม   ทำเป็นเพื่อนที่แสนดี   พลอตตัวร้ายเลยนะเนี่ย
ทำให้เราเข้าใจบาสผิดไปเลยฮึ่ม :pigangry2:
 :monkeysad: :monkeysad: บาส  เราขอโทดที่เข้าใจผิด :laugh:  จะคอยเชียร์นายกับบีนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-11-2006 09:07:37
อูย ตอนนี้ลุ้นกันสุดตัวเลย   :haun5: พลิกไปพลิกมา นึกว่าบีจะไปจริง ๆ ซะแล้ว  :impress:

บาสก็นะ ทำตัวได้น่าสงสัยจริง ๆ  :try2: บีถึงได้เอนเอียงไปเชื่ออาร์ต  :haun5:

ส่วนบี ยอมรับแล้วละว่าบีฉลาดจริง ๆ ไม่ด่วนตัดสินใจเชื่อไปโดยไม่ได้พิสูจน์ก่อน  :o อย่างนี้สิถึงเข้าทางอาร์ต  :laugh: ถ้าไม่ย้อนกลับมาจะเกิดอะไรขึ้นนี่  :serius2:

และขอบใจบีมากที่เชื่อใจบาส  :impress:  (อ้อ ทุเรียนที่ส่งไปให้วันก่อน กินเนื้อหมดแล้วหรือยัง เปลือกหนะไม่ต้องเก็บไว้หรอกนะ เอาไปจัดการอาร์ตเลย  :haun5:)

อาร์ตนี่ร้ายจริง ๆ ลงทุนมั่ก ๆ ทั้งร้องไห้ ทั้งบันทึก เพิ่งรู้นะนี่ว่าการที่หลอกใครสักคนต้องทุ่มทุนสร้างขนาดนี้  :laugh:

บาสนี่จะสมหวังกับเขาบ้างมั๊ยน้อ รู้สึกมีอุปสรรคเยอะจริง ๆ สู้ ๆ  :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Coacher ที่ 27-11-2006 09:13:47
นัง อาร์ต จัดการมันเลย  เด่วจะโดนไม่ใช่น้อย  :pigangry2:  ดีนะเนี่ยที่ บีกลับมาทัน  :myeye:

ไม่งั้นนะ บาส คงเศร้าอีกแน่เลย  :monkeysad2:  สู้ๆนะ บี ถ้าจะให้ดี นำนังอาร์ตมันไปโยนเจ้าพระยาเลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 27-11-2006 09:46:06
โอยยย  เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เกือบลงแดงตาย   เดินเรื่องไปเยอะแล้ว   หนุกดีด้วย  พลิกไปพลิกมา  แต่ยังไงก็เชื่อบาสอะ  ก็คนมันรักไปแล้ววววววนี่   :impress2:
ตลกความเห็นเพื่อน ๆ เรื่องอาร์ทอะ  อย่างงี้ต้องแก้เผ็ดทีตาอาร์ตนี่ให้แสบเลยเนอะ   :laugh:

รอคุณบลูต่อปาย   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-11-2006 11:47:41
ความรักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ  :haun1:

เหอเหอ ตัวร้ายมาแล้น  :untrust:

เอาใจช่วยบาส กะบี ให้ฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้ :yeb:

พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 27-11-2006 12:41:57
ตามมาให้กำลังใจบีจัดการอาร์ต  นึกแล้วสนุก

คุณโคนันครับ can't help falling in love  เวอร์ชั่นที่คุณหามา ทั้งเศร้า ทั้งสะเทือนใจมากคับ

ยิ่งฟังเพลงไปด้วย อ่านไปด้วยเหมือนใจจะขาด ชอบมากเลย ทำไมต้องร้องเสียงดหยหวนขนาดนั้น  :sad4:

แถมคุณบลูก็มาซ้ำอีก กุมภาพันธ์ว่าเศร้าแล้ว มาเจอเพลงนี้ โอ๊ย ...จะให้เส้าจายกานไปหนายยยย  :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-11-2006 20:56:55
pandaba มีอะไรทำไมไม่เชื่อใจคนรักหล่ะ พูดง่ายแต่ไม่เคยเห็นใครทำได้
นี่ถ้าบีไม่เดินกลับมาเห็น ไม่อยากจะคิดเลย ต้นเหตุของเรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้นเพราะความไม่เชื่อใจกัน    :seng2ped:

•No On3 GoNNa Lov3 U L|k3 M3`,,• สงสัยกระทู้จะระเบิดไปเสียก่อนหรือปล่าว คิกคิก     :3063:

meemewkewkaw เพื่อความรักหรือปล่าว ที่ทำให้ทุกคนยอมทำทุกอย่างเพื่อครอบครอง  :monkeysad2:

Alert อ่าน่าจะนอนหลับแล้วนะตอนนี้ เรื่องต่างๆก็เริ่มคลี่คลายอย่างน้อยบีก็รู้ว่าใครเป็นใคร    :yeb:

TonG_x_Zhi กร๊ากกกกกกกกกก เข้าจายบาสผิดนี่ไม่น่าให้อภัยเลยนะนี่   :pigangry2:

shell ใครจะร้ายได้ขนาดนี้ แต่ชีวิตจริงผมว่ามันโหดร้ายกว่าอีก    :monkeysad:

Coacher นี่ถ้าใครเจออาร์ตขึ้นมามีหวังโดนรุมตืบ    :3125:

มูมู่น้อย สงสัยถ้าวันไหนเข้าไม่ได้ต้องใช้ modem เหมือนผมแล้วหล่ะ กันลงแดง เอิ้กๆ    :try2:

หมูพูห์ กำ เหมือนตรงไหนนี่โคถึก  คิดอะไรอยู่หวา   :interest:

kirati69 เปลี่ยนบรรยากาศเพลงมั่ง ผมว่าเพลงนี้เศร้าน้อยกว่านะ เพราะผมเห็นว่าบาสกับบีก็กำลังไปได้ด้วยดี    :kikkik:

ไม่ว่าครั้งใดที่บีเจ็บปวด จะมีบาสอยู่เป็นกำลังใจเสมอ ทีมหล่ะเคยให้อภัยบีอย่างที่บาสยอมแม้จะเป็นแค่คนที่แอบรักที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับบี
*****************************************************************************


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-11-2006 20:57:55
.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 13 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
---------------------------------------

ความจริงที่ผมได้รับรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของอาร์ตที่ต้องการทำให้ผมกับบาสผิดใจกันนั้นทำให้ผมตกตะลึงอย่างไม่เชื่อว่าตัวเองจะโดนปั่นหัวขนาดนี้

ในตอนนั้นแม้ผมจะรู้สึกโกรธเกลียดผู้ชายคนนี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าอาร์ตเป็นคนที่... “ฉลาดอย่างเหลือร้าย”

เพียงแค่พบกันครั้งแรกเขาก็สามารถคิดแผนการอันแยบยลที่ทำให้ผมเข้าใจบาสผิด ตั้งแต่แสร้งทำตีสีหน้าเศร้าหรือแม้กระทั่งร้องไห้ออกมาในบางครั้งเพื่อเรียกความสงสารจากผม

จากนั้นก็แกล้งมาเป็นทำดีด้วยท่าทีสุภาพ เรียบร้อย และพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจกับคนรอบข้างจนทำให้ผมหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นอย่างจริงใจ

ความเป็นคนมองโลกในแง่ดีของผมทำให้ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนๆนี้กำลังซ่อนดาบไว้ภายใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้มอย่างหวังดีนั้น

ในระหว่างนั้นเขายังพยายามพูดและแสดงกิริยาท่าทางที่ทำให้ผมยิ่งเพิ่มความสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบาสมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ส่วนผมเองก็พลาดที่เผลอหลุดปากเรื่องบันทึกออกไป ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้ขอเดินตามผมเข้าไปในห้อง และเขาก็คงเห็นว่าผมเอาบันทึกนั้นไปเก็บไว้ในลิ้นชัก จากนั้นก็คงฉวยโอกาสช่วงที่ผมไปซื้อกับข้าวแอบอ่านบันทึกเหล่านั้นจนหมด

ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งทึ่งความฉลาดและความเป็นเจ้าแผนการของคนๆนี้ไม่ได้ เมื่อรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเมื่อคืนก่อนเขาถึงไม่ยอมขึ้นมาหาผมบนบ้านแต่กลับเรียกให้ผมไปเจอเขาด้านนอก

จริงๆแล้วอาร์ตไม่ได้กลัวบาสจะรู้หรอก แต่เขาต้องการใช้ประโยชน์จากความมืดด้านนอกเพื่อทำให้ผมไม่สามารถแยกแยะลายมือในบันทึกได้ว่ามันเป็นลายมือของบาสหรือเปล่า เพราะด้วยแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่มีอยู่น้อยนิดก็แทบจะทำให้ผมอ่านตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างยากลำบากแล้ว ที่สำคัญในเมื่อเขาเคยรู้จักกับบาสมาก่อน มันก็ไม่แปลกที่เขาจะสามารถลอกเลียนลายมือของบาสได้อย่างใกล้เคียงแม้มันจะไม่เหมือนก็ตาม

แถมก่อนหน้านั้นเขายังปั่นป่วนอารมณ์ของผมด้วยการเปิดเผยความจริงว่าเขากับบาสเป็นแฟนกัน ซึ่งเขาคงรู้ดีว่าความจริงนี้คงทำให้จิตใจของผมสับสนจนไม่มีสติพอจะพินิจพิเคราะห์บันทึกที่อยู่ตรงหน้าๆได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม

เขารู้จักใช้ประโยชน์ทางด้านจิตวิทยาและประโยชน์จากสภาพแวดล้อมมาทำให้แผนการของตัวเองสำเร็จได้อย่างน่าทึ่ง

แต่ไม้เด็ดจริงๆ ของเขาก็คือการแอบหยอดหลุมพรางให้ผมด้วยความพูดที่ว่า

“แล้วถ้าบียังสงสัย บางทีในห้องของบาสอาจจะมีคำตอบบางอย่างให้บีก็ได้”

เขาคงรู้ว่าหลังจากฟังคำพูดนี้ ผมก็คงแอบเข้าไปหาความจริงในห้องของบาสแน่ๆ ดังนั้นเมื่อตอนกลางวันเขาคงแอบเอารูปถ่ายที่อาจจะมีติดไว้ในรถไปแอบใส่ไว้ในลิ้นชักของบาสขณะที่เขากำลังนอนหลับสนิท

ดังนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกมสกปรกของบาส หากแต่นี่คือเกมสกปรกของอาร์ตที่เขารู้กติกาและควบคุมมันอยู่คนเดียว ส่วนผมกับบาสก็เป็นได้แค่เหยื่อในเกมสกปรกนี้ของเขาเท่านั้น

ผมถึงได้แต่คิดว่า...ผู้ชายคนนี้ฉลาดอย่างน่าทึ่งจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขานำมาความฉลาดนี้มาใช้เพื่อทำร้ายคนอื่น

ในตอนนั้นผมเกือบจะตัดสินใจเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อเปิดเผยความจริงต่อหน้าบาส แล้วฉีกหน้ากากผู้ดีจอมปลอมของอาร์ตออกมาให้หมด แต่เมื่อคิดอีกที....เมื่ออาร์ตกล้าใช้หนามยอกกับผม ผมก็คงต้องเอาหนามบ่งเขาบ้าง

ในเมื่อที่ผ่านมา...ผมได้หลงเดินมาตามเกมของเขาแล้ว ผมก็ควรจะเดินต่อไป แต่คราวนี้ผมจะขอเป็นคนควบคุมเกมและกำหนดกติกาเองบ้าง

ดังนั้นผมจึงเดินออกมาด้านนอกอย่างเงียบๆ แล้วเริ่มต้นกดกริ่ง สักพักผมก็เห็นอาร์ตเดินออกมา และทันทีที่เขาเห็นผม เขาก็มีสีหน้าตกใจมาก

“เอ่อ.....บี ทำไมบีถึงยังกลับมาอีก ลืมอะไรเหรอ ไม่ต้องเข้าไปหรอกนะ เดี๋ยวอาร์ตไปหยิบให้”

“บีไม่ได้ลืมอะไรหรอก พอดีมันดึกแล้ว แล้วเพื่อนที่หอมันก็ดันไม่อยู่ที่ห้อง บีเลยไม่มีกุญแจ บีคงต้องขอค้างที่นี่อีกคืน”

“อย่าเลยนะบี อย่าค้างที่นี่เลยนะ ตอนนี้บาสกำลังอาละวาดอย่างหนักเลย”

“จริงเหรอ แล้วเขาทำอะไรอาร์ตหรือเปล่า”

ผมแกล้งทำท่าทีเป็นตกอกตกใจ ขณะที่อาร์ตก็เล่นละครด้วยการเริ่มร้องไห้ออกมา

“ฮือๆๆๆๆ เขาด่าว่าอาร์ตใหญ่เลยบี เขาหาว่าอาร์ตทำให้เขาเสียบีไป ทั้งๆที่เขากำลังจะได้ฟันบีอยู่แล้ว เขาเลยกำลังโกรธจัดมาก ฮือๆๆๆๆ”

ผมมองอาร์ตที่กำลังเอามือปิดหน้าร้องไห้ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ผมก็คงต้องฝืนทนร่วมเล่นละครกับคนๆนี้ต่อไป

“แล้วเขาทำร้ายอาร์ตหรือเปล่า”

ผมตีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเขาอย่างสุดๆ

“เมื่อกี้เขาเกือบจะตบอาร์ตอยู่แล้ว โชคดีที่เสียงกริ่งดังขึ้นเสียก่อน เขาเลยไล่ให้อาร์ตมาดูว่าใครมา”

“งั้นเหรอ เขาถึงกับจะตบอาร์ตเลยเหรอ ไม่ได้แล้ว ยังไงคืนนี้บีก็ต้องค้างที่นี่ บีจะปล่อยให้เขาทำร้ายอาร์ตได้ยังไง”

หลังคำพูดของผม อาร์ตก็มีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาทันทีเพราะเขาคงไม่คิดว่าเรื่องโกหกที่เขาสร้างขึ้นจะกลายมาเป็นกับดักให้เขาสลัดผมไม่หลุดในที่สุด

“ไม่เป็นไรหรอกบี อาร์ตโดนเขาทำร้ายจนชินแล้วล่ะ บีอย่ามาต้องลำบากเพราะอาร์ตเลย เผลอๆ อาร์ตกลัวว่าเขาอาจจะทำร้ายบีด้วย”

“ไม่ได้หรอกอาร์ต อาร์ตทำเพื่อบีมามากแล้วนะ จะให้บีเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดไปคนเดียวได้ไง ยังไงคืนนี้บีก็ต้องอยู่ช่วยอาร์ต”

เมื่อเจอไม้นี้ของผมเข้า อาร์ตก็ต้องยอมแพ้ในที่สุด แล้วก็เดินนำผมกลับเข้าไปในบ้านอย่างไม่เต็มใจ ในขณะที่ผมได้แต่เดินตามเขาไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างสะใจ โดยก่อนจะขึ้นไปบนบ้านอาร์ตยังไม่วายพูดกับผมว่า

“ไม่ว่าบาสเขาจะพูดอะไร บีอย่าไปเชื่อนะ เขาต้องพยายามทำให้เราผิดใจกันแน่ๆ”

“อืมรู้แล้ว บีรู้แล้วล่ะว่ามีแต่อาร์ตนั่นแหละ ที่รักและหวังดีกับบีจริงๆ”

ผมแกล้งพูดประโยคเดียวกับที่อาร์ตเคยพูดกับบาสเพื่อเสียดสีเขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัวเลย

เมื่อขึ้นไปบนบ้าน ผมก็เห็นบาสนั่งอยู่บนโซฟาอย่างหมดอาลัยตายยากซึ่งภาพนั้นทำให้ผมสงสารเขาอย่างจับใจ

จนเมื่อเขาเห็นผม เขาก็รีบยืนขึ้นอย่างดีอกดีใจ ในขณะที่อาร์ตก็ไม่ลืมฉวยโอกาสนี้สร้างคะแนนให้ตัวเอง

“พอดีมันดึกมากแล้ว อาร์ตก็เลยขอร้องให้บีเขากลับมาค้างที่นี่ บาสให้บีค้างอีกสักคืนนะ ถือว่าอาร์ตขอร้องล่ะ”

ทันทีที่อาร์ตพูดจบผมก็หันไปมองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะผมจำไม่ได้ว่าเขาขอร้องให้ผมกลับมาค้างที่นี่ตอนไหน

เท่าที่รู้...เมื่อกี้เขาได้ใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะสกัดไม่ให้ผมกลับเข้ามาในบ้านให้ได้ด้วยซ้ำ

“นะ อาร์ตขอร้องล่ะ”

อาร์ตย้ำออกมาอีกครั้ง

“ได้สิ” บาสตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“มาสิบี เข้าไปในห้องกันเถอะ เดี๋ยวอาร์ตช่วยถือกระเป๋าให้นะ”

ว่าแล้วอาร์ตก็แกล้งทำทีเข้ามาช่วยถือกระเป๋าให้ผมอย่างกุลีกุจอ แต่ผมเบรกเขาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวสิอาร์ต จะให้บีเข้าไปนอนในห้องนั้นได้ยังไง”

“ก็นั่นมันห้องของบีไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ แต่จริงๆแล้ว ห้องนั้นมันเป็นห้องรับรองแขกนะ ในเมื่อวันนี้อาร์ตมาเป็นแขกของที่นี่ บีก็ต้องยกห้องนั้นให้อาร์ตสิ”

“ไม่เป็นไรหรอกบี อาร์ตจะให้บีมานอนตรงโซฟาห้องรับแขกได้ไง งั้นเอางี้ อาร์ตมานอนที่ห้องรับแขกเองก็ได้ ส่วนบีไปนอนหลับให้สบายในห้องเถอะ อาร์ตมันคนง่ายๆ นอนไหนก็ได้”

“แล้วใครบอกอาร์ตล่ะว่าบีจะนอนห้องรับแขก”

“อ้าว งั้นบีจะนอนไหนล่ะ”

“บีก็นอนห้องเดียวกับบาสสิ”

“อะไรนะ”

อาร์ตถามผมอย่างตกตะลึง ในขณะที่บาสเองก็หันมามองผมอย่างประหลาดใจเช่นกัน

“ไปกันเถอะบาส บีง่วงแล้ว”

ผมฉวยจังหวะที่ทั้ง 2 คนกำลังยืนงงทำอะไรไม่ถูกไปพยุงบาสแล้วพาเขาเดินเข้าไปในห้องจากนั้นก็ปิดประตูลงกลอนอย่างฉับไว ในขณะที่ภาพสุดท้ายของอาร์ตที่ผมเห็นคือคนที่กำลังยืนนิ่งอยู่ด้วยอาการช็อคอย่างหนัก

ผมยิ้มให้ตัวเอง ขณะที่คิดว่าเขาคงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะปรับใจตัวเองให้เป็นปกติ หรือเริ่มจะเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“นี่มันเรื่องอะไรเนี้ย บาสงงไปหมดแล้ว”

“ไม่มีอะไรหรอก บีแค่อยากแก้เผ็ดคนบางคน เพื่อนบาสคนนี้เนี้ยร้ายมากๆเลยนะ”

“บีเพิ่งรู้เหรอ บาสถึงไม่อยากให้เขามาที่นี่อีก แล้วบาสก็เคยเตือนบีแล้วว่าอย่าไปฟังเขาให้มาก”

“บีไม่รู้นี่ แล้วทำไมบาสต้องโกหกด้วยล่ะว่าไม่เคยมีอะไรกับเขา”

“ก็บาสไม่เคยมีอะไรกับเขาจริงๆนี่ บาสยอมรับว่าบาสเคยสนิมกับเขาพักนึง แต่เราไม่เคยเป็นแฟนกัน เพราะตอนที่รู้จักเขา ตอนนั้นบาสเองก็ไม่มีเพื่อน พอดีเขาเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับบาส เราก็เลยรู้จักแล้วก็เริ่มสนิทกัน แต่พอบาสรู้ว่าเขาคิดกับบาสมากเกินกว่าเพื่อน แถมยังไปเที่ยวโกหกคนโน้นคนนี้ว่าเขาเป็นแฟนบาส บาสก็เลยพยายามห่างออกมา”

“แต่เขาก็เคยมาค้างที่นี่ใช่มั้ย”

“ใช่ วันนั้นเขาชวนบาสไปดูหนัง พอดูหนังจบ เขาก็ชวนบาสไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่จนดึกดื่น แล้วก็บ่นว่าไม่อยากกลับบ้าน เขาเลยขอมาค้างที่บ้านบาส แถมจะขอนอนห้องเดียวกับบาสอีก แต่บาสไม่ยอม ก็เลยจัดให้เขาไปนอนห้องที่บีนอนนั่นแหละ”

“ทำไมล่ะ กลัวห้ามใจไม่ได้หรือไง”

“ไม่ใช่หรอก แต่ในโลกนี้มีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่บาสจะยอมให้มานอนบนเตียงของบาสได้”

หลังบาสพูดจบผมกับบาสก็หลบหน้ากันไปมาด้วยความเขิน ก่อนที่บาสจะพูดต่อว่า

“จริงๆแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยชอบเขานะ แม่เคยบอกว่าอาร์ตเป็นคนตอแหล ไม่จริงใจ”

“แม่บาสก็รู้เหรอ”

“บีคิดว่าแม่บาสทำอาชีพอะไรละ แม่บาสขายประกันนะ คิดดูสิว่าตลอดชีวิตของท่าน ท่านต้องเจอคนมาแล้วกี่ประเภท”

“นั่นสินะ บางทีคงต้องอาศัยประสบการณ์ถึงจะดูคนออก บีมันงี่เง่าไปเอง”

“ไม่ใช่หรอก มันเป็นเพราะบีมองคนอื่นในแง่ดีและหวังดีกับคนอื่นเกินไป แต่รู้มั้ย บาสก็ชอบบีตรงนี้แหละ”

“แล้วบาสล่ะ เชื่อที่อาร์ตพูดหรือเปล่า”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เรื่องที่เขาบอกว่าบีเอาบันทึกของบาสให้เขาอ่าน”

“บีรู้ด้วยเหรอ”

“ใช่ บีกลับมาได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้พอดี”

“ไม่หรอก บาสไม่เชื่อ ถึงจะสงสัยว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ไง แต่บาสก็เชื่อว่าบีไม่ใช่คนแบบนั้น”

“ขอบใจนะบาส”

“แต่บีรู้มั้ยว่าต่อให้บีทำอย่างนั้นจริงๆ บาสก็ไม่โกรธหรอก บันทึกพวกนั้น บาสให้บีไปแล้ว มันก็เป็นสิทธิของบีที่จะทำอะไรกับมันก็ได้ ที่สำคัญ บาสไม่มีวันโกรธบีได้ ไม่ว่าบีจะทำผิดอะไรก็ตาม”

“บาส !!!!”

ผมเรียกชื่อเขาออกมาอย่างตื้นตันต่อความรักและความเชื่อใจที่เขามอบให้ผมหมดหัวใจ

“แล้วทำไมบีถึงกลับมาล่ะ”

“ก็....ก็บาสบอกให้บีเชื่อบาสไม่ใช่เหรอ บีเชื่อใจบาส บีก็เลยกลับมา”

“จริงเหรอ ขอบใจนะบี ขอบใจมาก” บาสตอบผมกลับมาอย่างดีอกดีใจ

“แต่คราวหลังบาสอย่ามาโกหกหรือปิดบังอะไรบีอีกนะ มีอะไรก็บอกบีมาให้หมด ถ้าบาสเล่าบีมาตั้งแต่แรกเรื่องก็คงไม่บานปลายมาถึงขนาดนี้ แล้วก็อย่าโกหกด้วย บาสก็รู้ว่าบีไม่ชอบคนโกหก”

“ได้สิ บาสจะไม่ปิดบังหรือโกหกอะไรบีอีก”

“ขอบใจนะ งั้นเราไปนอนกันเถอะ ดึกมากแล้ว”

“อืมม งั้นบีนอนบนเตียงแล้วกันนะ เดี๋ยวบาสนอนพื้นข้างล่างก็ได้”

หลังบาสพูดจบผมก็หันไปมองเขาอย่างซาบซึ้งใจพลางอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายนิสัยแบบนี้น่ะเหรอที่คิดจะมาหลอกเพื่อหวังฟันผม

“บาสเป็นคนดีมากเลยนะรู้มั้ย ดีมากจนบีไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนแบบบาสอยู่บนโลกจริงๆ”

“บาสไม่ได้เป็นแบบนั้น บาสไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก”

“ช่างเถอะ บาสจะเป็นไงก็ช่าง บีไม่สนแล้วล่ะ ขอให้บาสเป็นอย่างที่บาสเป็นทุกวันนี้ก็พอ ไปนอนกันเถอะ มานอนบนเตียงด้วยกันนี่ล่ะ”

พูดจบผมก็เดินไปนอนบนเตียง ในขณะที่บาสก็ค่อยๆเดินตามผมขึ้นมานอนเช่นเดียวกัน แล้วก็เอาแต่นอนตะแคงหันมามองหน้าผม

“นี่ หันไปทางอื่นได้มั้ย”

“ขอบาสนอนมองหน้าบีอย่างนี้นะ บาสไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมองบีใกล้อย่างนี้อีกหรือปล่าว บาสอยากนอนมองหน้าบีอย่างนี้ทั้งคืน บาสไม่อยากหลับเลยอ่ะ”

หลังคำพูดของเขา ผมก็ได้แต่หันมามองบาสอย่างยิ้มๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าในค่ำคืนนี้บาสอาจจะไม่อยากนอนหลับ แต่คงมีคนบางคนที่แม้อยากจะหลับสักแค่ไหร แต่เขาคนนั้นก็คงหลับไม่ลง

และในเช้าวันต่อมา เมื่อผมเดินออกมาจากห้องผมก็ได้เจอคนๆนี้นั่งอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าที่โทรมจัดเหมือนคนที่อดนอนมาทั้งคืน

“อ้าว อาร์ตตื่นนอนแต่เช้าเลยนะ”

ทันทีที่อาร์ตเห็นผมออกมาจากห้องเขาก็ลุกขึ้นแล้วพยายามจะรีบเดินเข้าไปในห้อง

“เดี๋ยว อาร์ตจะไปไหน”

“อาร์ตมีเรื่องจะคุยกับบาส”

“อย่าเข้าไปเลยนะ คือ...คือ...บาสเขานอนโป๊อยู่”

“อะไรนะ”

อาร์ตถามผมกลับมาอยากตื่นตกใจ ในขณะที่ผมก็เริ่มแสร้งทำเป็นสะอึกสะอื้น

“ขอโทษนะอาร์ต บีพลาดไปแล้ว บีห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ ฮือ ฮือ ”

“หมายความว่าบีกับบาส.....???”

“ใช่ เมื่อคืนบีเป็นของบาสเขาไปแล้ว ก็เขาบอกว่าเขารักบี บีเลยห้ามใจไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะอาร์ต ฮือๆๆ”

“ตอแหล เมื่อคืนแกตั้งใจเอาตัวมาให้บาสเค้าฟันอยู่แล้วใช่มั้ย”

อาร์ตตะคอกใส่ผมอย่างเดือดดาล จนผมต้องแกล้งมองเขาอย่างแปลกใจ

“ทำไมอาร์ตพูดกับบีอย่างนั้นล่ะ”

“ไม่ต้องมาทำตีสีหน้าไร้เดียงสาหรอก แกน่ะมันแผนสูง ทำมาเป็นตอแหลหลอกลวงคนอื่น คิดจะมาแย่งผู้ชายของชาวบ้านเขาล่ะสิ หน้าไม่อายจริงๆ”

“ที่พูดเนี้ย อาร์ตหมายถึงบี หรือหมายถึงตัวเอง”

ผมตอบไปอย่างขึงขังเพราะในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเข้าหากันอีกแล้ว

“นี่แก !!!!!”

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในฐานะที่เราใช้ผู้ชายร่วมกัน เราอย่ามาทะเลาะกันเองเลยนะ มาตกลงกันดีๆ ดีกว่า”

“ตกลงเรื่องอะไร”

อาร์ตตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อผม ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาได้เผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมาหมดแล้ว

“ก็ตกลงกันว่าใครจะเป็นหลวง ใครจะเป็นน้อย เอางี้แล้วกัน บีเป็นหลวง ส่วนอาร์ตก็เป็นน้อย”

“อะไรนะ ทำไมชั้นต้องไปเป็นน้อยแก แกมาทีหลังยังหน้าด้านมาขอเป็นหลวงอีกเหรอ”

“อาร์ตแน่ใจเหรอว่าอาร์ตมาก่อน บีมีหลักฐานนะว่าบาสเขาหลงรักบีมาตั้งแต่ ม. 1”

“กะอีแค่บันทึกพวกนั้น แกรู้ได้ไงล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริง บาสเขาอาจจะโกหกก็ได้”

“เหรอ.....แล้วอาร์ตรู้ได้ไงว่าหลักฐานที่บีพูดถึงคือบันทึก บียังไม่เคยเอาให้อาร์ตดูเลยนี่”

ในตอนนั้นเองที่อาร์ตมีท่าทีอึกอักเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาด แต่เขาก็ยังหาทางออกให้ตัวเองได้

“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ บาสเขาก็ใช้วิธีนี้เสมอล่ะ ชั้นเองก็ยังมีเป็นกะตั้งเลย ”

“งั้นก็ไม่เห็นยากเลยนี่ เราก็แค่เรียกบาสมาถามก็ได้ว่าบันทึกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือเขาเคยเขียนบันทึกให้อาร์ตบ้างมั้ย เราจะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่กำลัง.....ตอแหล”

ผมย้ำคำว่า “ตอแหล” ให้อาร์ตได้ยินชัดๆ จนเขาถึงกับสะดุ้งอย่างโกรธจัด

“หรือไม่ก็ถามบาสเขาไปเลยว่าระหว่างอาร์ตกับบี เขาจะเลือกใคร”

“นี่แก !!!!”

อาร์ตมองผมอย่างดุดันแต่ก็ไม่อาจจะโต้ตอบอะไรผมมาได้ในเมื่อเขาเองก็รู้ดีว่าใครจะเป็นฝ่ายถูกเลือก

“หรือจะถามแม่ของบาสก็ได้นะว่าระหว่างอาร์ตกับบาสแม่เขาชอบใครมากกว่ากัน แต่เอ้...ไม่รู้จริงหรือเปล่าน๊าที่เขาลือกันว่า..อาร์ตน่ะ แม่ผัวไม่ค่อยปลื้ม”

“นี่......”

อาร์ตทำท่าเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนอยากจะฉีกผมเป็นชิ้นๆ

“ทำไมเหรอ พูดแทงใจดำเหรอ งั้นย้ำให้อีกทีนะว่าทั้งคุณแม่ ทั้งบาส แล้วก็บี เราทั้ง 3 คนรักและเข้าใจกันดีเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนนายมันก็เป็นได้แค่หมาหัวเน่า ชัดเจนมั้ย”

“มันจะมากไปแล้วนะ อีบี”

“อ้าว ขึ้นอี ขึ้นไอ้กันเลยเหรอ แค่นี้น่ะ มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ เทียบกับสิ่งที่แกทำ รู้มั้ยว่าการเอาความไว้เนื่อเชื่อใจของคนอื่นมาเล่นตลกน่ะ มันเลวร้ายมาก”

“ช่วยไม่ได้ ก็อยากจะโง่เอง”

“ใช่เรามันโง่ แต่ไม่ได้โง่เฉยๆนะ ยังเลวด้วย เพราะฉะนั้นแกออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว”

“แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ชั้น”

“อ๋อ มีเต็มที่เลยล่ะ เพราะก่อนที่แม่บาสจะไป แม่ของบาสให้สิทธิเราเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ได้เต็มที่ เพราะฉะนั้นในฐานะเจ้าของบ้าน เราก็ขอสั่งให้นายออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ แล้วก็อย่ากลับมาอีก”

ผมพูดด้วยเสียงที่ดังฟังชัดและท่าทีที่ขึงขังเต็มที่

“ไม่ไป ใครจะทำไม”

“ไม่ไปใช่มั้ย ได้.....”

พูดจบผมก็รีบเดินไปในครัวแล้วตักน้ำใส่กาละมังใบเล็กออกมา และทันทีที่อาร์ตเห็นสิ่งที่ผมถือในมือ เขาก็รีบถอยไปทันที

“จะทำบ้าอะไรน่ะ”

เขาถามขึ้นมาอย่างหวาดๆ

“ก็จะเอาน้ำสาดไล่ไอ้คนตอแหล หน้าด้านน่ะสิ อยากลองมั้ยล่ะ”

“แกจะบ้าไปแล้วหรือไง”

“ใช่ กูมันบ้าไปแล้ว”

พูดจบผมก็สาดน้ำใส่อาร์ตไปนึงที โชคดีที่อาร์ตรีบแผ่นแน่บออกไปจากบ้านได้ทัน สักพักผมก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถแล้วก็วิ่งออกไปด้วยความเร็วจัด ส่วนผมก็ยืนหอบด้วยความโมโห และเมื่อผมหันไปทางห้องของบาส ผมก็เห็นเขายืนอยู่ที่ริมประตูด้วยความหวาดระแวง

“เอ่อ บาสออกไปได้ยัง”

“ได้สิ อาร์ตเขาไปแล้ว ทำไมล่ะ”

“คือบาสอยากแน่ใจว่าบีหายโมโหแล้ว เมื่อกี้ บีน่ากลัวสุดๆเลยรู้ป่าว”

“ก็เขาอยากมายั่วโมโหบีก่อนทำไม”

“นั่นสิ บีรู้ตัวหรือเปล่า เวลาดี บีก็ดีใจหายเลยนะ แต่เวลาร้าย บีก็ร้ายสุดๆเหมือนกัน”

คำพูดนี้ของบาสทำให้ผมถึงกับหยุดนิ่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีใครคนหนึ่งเคยพูดประโยคเดียวกันนี้มาแล้ว

“บี....เป็นอะไรหรือเปล่า บาสแค่ล้อเล่นนะ”

“ไม่มีอะไรหรอก ไปทานข้าวกันเถอะ”

“อืม แต่น่าเสียดายเหมือนกันนะ อาร์ตไม่น่าไปเลย”

“บาส !!!!”

ผมเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่กำลังโมโหเพราะเข้าใจว่าเขายังอาลัยอาวรณ์อาร์ตอยู่

“เปล่า ไม่มีอะไร คือบาสแค่เสียดาย เพราะถ้าอาร์ตยังอยู่บีก็ยังต้องมานอนห้องบาสใช่มั้ยล่ะ คราวนี้บาสจะได้นอนมองหน้าบีทุกคืนเลย”

“บ้า.....เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”

พูดจบผมก็เดินยิ้มๆ นำบาสเข้าไปทานข้าวในครัว และแล้วในวันนั้นก็ดูเหมือนความสุขสงบจะกลับมาเยือนบ้านหลังนี้อีกครั้ง

จนกระทั่งตอนค่ำ ก่อนเข้านอนบาสก็ไม่ลืมเอาบันทึกอีกฉบับมอบไว้ให้ผมโดยไม่วายแอบสั่งผมก่อนที่จะหลับว่า

“เก็บดีๆนะ อย่าให้ใครมาแอบอ่านอีกล่ะ”

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-11-2006 20:58:16
------------------------------------------------------

28 เมษายน 2541

วันนี้เป็นวันที่ผม ทีม และบีกลับจากที่พวกเราไปเที่ยวทะเลกับชมรมฟุตบอลด้วยกัน

ตอนแรกที่ไอ้ทีมมันมาชวน ผมก็ไม่ค่อยสนใจทริปนี้เท่าไหร่นัก แต่พอมันบอกว่าบีไปด้วยผมก็รีบตอบตกลงมันไปทันที

ในคณะที่เดินทางไปด้วยกัน นอกจากพวกเรา 3 คนแล้ว ก็ยังมีพวกรุ่นพี่ผู้ชายจากชมรมฟุตบอลและก็มีสาวๆ ที่ผมอยากจะใช้คำว่าเป็น “สาวใจแตก” เดินทางมาด้วย

หนึ่งในนั้นผมค่อนข้างสนใจรุ่นพี่ที่ชื่อ “กุ้ง” เป็นพิเศษเพราะดูเหมือนเธอพยายามมาให้ท่าไอ้ทีมตลอดทั้งวัน จนหลายครั้งที่ผมเห็นบีแอบมีสีหน้าไม่พอใจพี่กุ้งอย่างมาก

ราวๆ ก่อนเที่ยงพวกเราก็มาถึงรีสอร์ตที่พัก และหลังจากที่พวกเราทานข้าวกันเสร็จแล้ว ส่วนใหญ่ก็ลงไปเล่นน้ำทะเลกัน ส่วนผมก็คว้าเครื่องมือวาดเขียนที่เตรียมมาออกไปวาดรูปริมชายหาด

ในขณะที่ผมกำลังวาดรูปอยู่นั้นเอง บีก็เดินมาหาผมแล้วก็ชื่นชมผมเป็นการใหญ่ว่าผมวาดรูปสวย แถมยังถามผมว่าไม่คิดจะวาดรูปคนบ้างเหรอ แล้วก็ขอร้องให้ผมวาดรูปของเขาบ้าง

ในตอนนั้นผมก็ได้แต่ตอบปฏิเสธบีไป ทั้งๆที่ในใจผมกำลังดีใจมากเพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่บีพูดชื่นชมผมและหันมาสนใจผมเป็นพิเศษ

ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้หรือวางแผนชีวิตเลยว่าผมจะเรียนหรือทำอาชีพอะไรในอนาคต

ผมรู้ว่าผมชอบวาดรูปแต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะเอาดีทางด้านนี้อย่างจริงจัง

แต่คำชื่นชมของบีในวันนั้นเป็นแรงบันดารใจสำคัญที่ทำให้ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะเอาดีด้านการวาดรูป

ผมจะไปเรียนศิลปากร และผมจะต้องกลับมาวาดรูปบีที่สวยที่สุดให้ได้

แต่หลังจากพูดคุยกันในบ่ายวันนั้น บีก็ไม่ได้มาพูดอะไรกับผมอีกเลย ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจนักเพราะผมคิดว่าบีคงกำลังลำบากใจเรื่องทีมกับพี่กุ้งที่ดูเหมือนไม่ยอมจบลงเสียที

ในค่ำคืนนั้นเอง พวกเราทั้งหมดก็มานั่งทานเหล้าด้วยกันที่ด้านนอกรีสอร์ต โดยบีขอตัวไปนอนก่อนแล้วทิ้งให้ไอ้ทีมนั่งทานเหล้าอยู่กับพวกเราต่อ

ตั้งแต่บีลุกออกไป ผมก็รู้สึกว่าพี่กุ้งเริ่มให้ท่าทีมหนักขึ้นด้วยการขยับมานั่งใกล้ๆ แล้วเอา 2 เต้ากลมโตเกินตัวนั้นคู่นั้นคอยถูไถกับแขนไอ้ทีมตลอดเวลาจนผมเห็นไอ้ทีมแอบขนลุกบ่อยๆ

อย่าว่าแต่ไอ้ทีมเลย แม้แต่ผมเองที่นั่งอยู่ใกล้ๆยังอดรู้สึกไปด้วยไม่ได้ เพราะยังไงผมก็ต้องยอมรับว่าสัญชาติญาณของผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายวัยรุ่นอย่างผมกับทีม ถ้ามาเจอเรื่องทำนองนี้ก็คงอดไม่ไหวเหมือนกัน

แต่ผมก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าความรักที่ทีมมันมีให้บีจะสามารถทำให้ทีมห้ามใจได้หรือไม่ ซึ่งไม่นานผมก็ได้คำตอบเมื่อผมเห็นพี่กุ้งกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับทีมจากนั้นพี่กุ้งก็ลุกเดินออกไป

ผมเห็นทีมนั่งอย่างกระสับส่ายอยู่สักครู่ ในขณะที่คอยหันไปมองห้องที่บีกำลังนอนหลับอยู่ตลอดเวลาเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง จนในที่สุด มันก็ลุกขึ้นแล้วบอกว่ามันขอตัวไปห้องน้ำ

ในตอนนั้นพวกพี่ๆต่างพากันหัวเราะกันอย่างรู้ทันแล้วก็อวยพรทีมกันใหญ่ ส่วนผมก็ได้แต่กำชับมันว่า

“เสร็จแล้ว มึงรีบกลับมาแล้วกัน กูจะช่วยแก้ตัวให้”

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่ห้ามมัน แถมยังบอกว่าจะคอยแก้ตัวให้มันอีก แต่สักพักผมก็ได้คำตอบเมื่อผมเริ่มรู้ใจตัวเอง

ผมขอตัวออกมาจากวงเหล้าแล้วก็รีบเดินไปห้องที่บีนอนอยู่ เมื่อไปถึงผมก็เห็นว่าบีนอนตะแคงหันไปทางริมห้อง ผมจึงค่อยๆล้มตัวลงนอนใกล้ๆ แล้วก็ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนด้วยการค่อยๆเอามือไว้โอบกอดบีไว้

ผมเห็นบีมีท่าทีสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะนิ่งเงียบต่อไป ผมเดาว่าบีคงเข้าใจว่าคนที่กำลังกอดเขาอยู่คือทีม บีจึงไม่ได้ขัดขืน เมื่อรู้อย่างนั้น ผมจึงยิ่งกอดบีให้แน่นขึ้น

ในตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งได้รู้ว่าการมีคนที่เรารักอยู่ในอ้อมกอดนั้น มันมีความสุขเช่นนี้เอง ดังนั้นมันจึงเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอิจฉาไอ้ทีมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็อดสงสารบีไม่ได้เมื่อคิดว่าบีจะรู้หรือมั้ยว่าขณะที่ตัวเองนอนหลับอย่างเป็นสุขโดยคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของคนรักนั้น ไอ้ทีมกลับกำลังไปกกกอดอยู่กับผู้หญิงอีกคน

ในคืนนั้นผมตั้งใจที่จะไม่หลับเพื่อซึมซับความรู้สึกที่มีความสุขนี้ให้นานที่สุด แต่ด้วยความเพลียและความเมาผมก็เผลอหลับไปไม่ได้ จนกระทั่งในเช้าตรู่ของวันต่อมา เมื่อผมตื่นขึ้น บีก็ไม่อยู่แล้ว

ผมรีบออกมาเดินตามหาบีแล้วก็พบว่าบีกำลังนอนขดตัวอย่างหนาวจัดอยู่ที่ม้านั่งหน้าบังกะโล

บีคงจะออกมานั่งรอทีมที่ด้านนอกนี้ตลอดทั้งคืน ในตอนนั้นเองที่ผมเห็นน้ำตาของบีไหลลงมาในขณะที่กำลังนอนหลับ

ผมค่อยๆเอามือปาดน้ำตาบีเบาๆ อย่างเจ็บปวด พลางนึกก่นด่าตัวเองที่เมื่อคืนผมไม่ยอมห้ามไอ้ทีมไว้

เพราะความเห็นแก่ตัว ผมจึงคิดว่าถ้าไอ้ทีมมันไปมีอะไรกับพี่กุ้งผมก็คงสามารถแอบเข้าไปนอนใกล้ๆบีได้ รวมทั้งผมอาจจะแอบหวังอยู่ลึกๆที่จะเห็นคนทั้งคู่มีปัญหากัน

แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่คุ้มกันเลย โดยเฉพาะเมื่อผมได้เห็นน้ำตาและแววตาที่ปวดร้าวของบีเมื่อได้รู้ความจริงว่าไอ้ทีมมันหายไปไหน

แค่เห็นหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มของบีในตอนนั้น หัวใจของผมก็เหมือนจะขาดตามไปด้วย

ในตอนนั้นเองที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า....ต้นเหตุของความเสียใจของบีในวันนี้มาจาก.. “ความเห็นแก่ตัวของผู้ชายสองคน” แท้ๆ

ผู้ชายสองคนที่ดีแต่พูดอยู่ตลอดเวลาว่า.....รักบี

แต่เอาเข้าจริงแล้ว กลับไม่มีใครสนใจเลยว่าการกระทำของตนนั้นจะทำให้บีต้องเสียใจแค่ไหน

ตั้งแต่วันนั้น...ผมจึงได้แต่สัญญากับตัวเองว่า......

............ผมจะไม่มีวันทำให้บีต้องเสียน้ำตาอีก
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 27-11-2006 21:23:16
พี่บาสสุดยอดครับคนดีจริงๆเลยครับความรักเก้าปีของพี่บาสยิ่งอ่านยิ่งชอบแฮะ

สะใจบีมากๆ ฮ่าๆๆๆ  น่าจะตักน้ำร้อนราดหัวไอ้อาร์ตไปซะให้มันหน้าลอกตายซะ

คริ คริ คริ สะใจว้อย


ว่าแต่ว่าน่าแปลกนะทั้งๆที่เราควรเชื่อใจคนที่เรารักให้มากที่สุด แต่ว่าสิ่งนี้เองกลับเป็นสิ่งที่คนเรานั้น

จะทำได้ยากมากที่สุด

น่าแปลกนะครับที่คนเราชอบมองโลกในแง่ที่ทำให้เราไม่สบายใจมากกว่ามองในแง่ดีครับ

แต่ว่านั่นแหละธรรมชาติของคนครับ :try2:


ต่อให้เรารักเค้าแค่ไหน แต่เราก็เชื่อเค้าเต็มๆไม่ได้ครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 27-11-2006 21:42:06
ตามอ่านมานานแล้วแต่เพิ่งได้โพสอะ :-[ ชอบมากมายถ้ามีคัยซักคนรักเราอย่างบาสคงจะดีมิใช่น้อย :impress2:

แอบหลงรัก บส ซะแล้ว :impress2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 27-11-2006 23:05:00
ทำไมบาสถึงดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆขนาดนี้เนี่ย :like2: :like2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Coacher ที่ 27-11-2006 23:35:12
จุ๊บ ๆ  บาส บาส บาส  ทำไมเปงคนดีแบบนี้ล่ะเนี่ย

สมนำหน้าอาร์ต งิงิ แอบเป็น มารร้านนิหน่อย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 28-11-2006 00:25:36
รักบาสอ่ะ
ถ้าจะมีแฟนใหม่ ขอให้เหมือนบาสทั้งชื่อและการกระทำทีเถิด...สาธุ :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 28-11-2006 00:28:25
 :laugh: :laugh: :laugh:
5555  ต่อไปนี้จะไม่เข้าใจบาสผิดไปอีกแล้วล่ะครับ :try2:
สะใจมากๆเลย   ที่อาร์ต(ซึ่งแอบสาวแตกไปแล้ว) โดนทำแบบนี้
แต่นายมันทำตัวเองอ่ะนะ :laugh3:
อีกใจก็กลัวเด๋วอาร์ตมันจะรีเทิร์นกลับมาใหม่   ภาคร้ายกว่าเดิม(ร่าง2 หุหุ)   แต่ยังไงซะ  พี่บีของเรามีภูมิต้านทานไวรัสอย่างแกแล้วเว้ย :yeb:
จะคอยลุ้นทั้ง2คนต่อไปนะครับ  บีสู้ๆ  บาส สู้ตาย :ped149:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 28-11-2006 00:43:27
 :yeb:และเราก็เข้าใจกัน 555+
ท่าทางจะมีเรื่อง แค้นฝั่งอาร์ต ต่อไปในอนาคตหรือป่าว
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 28-11-2006 00:57:51
 :impress2:อยากอ่านต่อแล้วอะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 28-11-2006 03:12:46
 :try2:  นึกว่าบาสจะไม่รอดซะแระ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-11-2006 09:03:34
 :laugh: สะใจจริง ๆ ต้องอย่างนี้สิบี จัดการได้ถึงใจผู้ชมจริง ๆ ครับท่าน  :laugh:

โฮ๊ะ ๆ แถมบาสยังได้รับอาณิสงค์ได้นอนเตียงเดียวกับบาสอีก  :impress2: อิอิ  :yeb:

อ่านบันทึกบาสแล้วก็เศร้าอีกตามเคย บางครั้งการที่คนเราพูดหรือทำอะไรกับใครบางคนแม้เพียงเล็กน้อย

เราไม่อาจรู้ได้เลยเนอะว่าจะส่งผลต่อชีวิตของคน ๆ นั้นมากน้อยเพียงไร

ดูแต่บาสสิ แค่บีชมว่าวาดรูปสวยและพูดตามมารยาท (มั้ง) ขอให้วาดรูปเขาบ้าง

บาสก็เกิดแรงบันดาลใจที่จะเป็นศิลปิน  :myeye: ถึงขนาดสอบเข้าศิลปากร  :monkeysad:

คงจะเพื่อวาดรูปบีให้สวยที่สุดตามความตั้งใจของเขา (รักบาสจัง  :monkeysad:)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 28-11-2006 10:14:35
^
^
^ คำว่า อานิสงส์ เขียนแบบนี้มั้งคับ  น่าจะใช่นะ  :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 28-11-2006 11:21:45
"ผมจะไปเรียนศิลปากร และผมจะต้องกลับมาวาดรูปบีที่สวยที่สุดให้ได้"

....................ไม่ว่าจะกี่ครั้ง กี่หน จะมีบ้างไหมที่บาสไม่ได้ทำอะไรเพื่อบี :impress3:

.....................คนอย่างบาส......ในโลกนี้จะมีหรอ? :confuse:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-11-2006 11:22:09
อานิสงส์

ค้น :  อานิสงส์
คำ :  อานิสงส์
เสียง :  อา-นิ-สง
คำตั้ง :  อานิสงส์
ชนิด :  น.
ที่ใช้ :  
ที่มา :  (ป. อานิสํส; ส. อานฺฤศํส, อานุศํส)
นิยาม :  ผลแห่งกุศลกรรม, ผลบุญ.

เขียนแบบนี้จริง ๆ ด้วย ขอโทษค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 28-11-2006 12:49:41
5555 ตลกความเห็นเพื่อน ๆ อีกละ  สมน้ำหน้าอีตาอาร์ตเนอะ  :laugh:

อืม  บีเป็นคนจุดประกายความฝันของบาสเลยนะเนี่ย  มุ่งมั่นเพื่อจะกลับมาวาดรูปบีที่สวยที่สุดให้ได้  น่ารักจัง  ชอบอีกประโยคของบาสด้วยที่ว่าจะไม่ทำให้บีเสียใจอีกเป็นอันขาด  แค่ความตั้งใจก็กินขาดแล้ว  แม้ว่าความเป็นจริงมันจะทำยากก็เหอะนะ  รักบาสจัง  :impress2:

รอคุณบลูเหมือนเดิม   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 28-11-2006 12:59:03
 :laugh:หุหุ คุณบี ยอดเยี่ยมไปเล้ยย
มันต้องอย่างนี้สิ ตาต่อตา  ฟันต่อฟัน

แต่จริงๆ นิสัยแบบนี้ก็เป็นผลเสียต่อตัวเองเหมือนกันนะ
(เพิ่งไปซาบซึ้งกับรสพระธรรมมาน่ะ)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-11-2006 14:21:15
กรูจะสอบเข้าสินปากอน เพราะคนที่กรูรักที่สุด เขาเรียนอยู่ที่นี้

พูห์ :lovetoyou:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 28-11-2006 15:26:08


 :angellaugh2:  ในที่สุดเหตุการณ์ก็ขี้ เอ้ย คลี่คลาย เฮ้อ...... :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 28-11-2006 15:44:21
ถึงต้องร้าย ต้องตอแหล และถูกรุมด่าแบบอาร์ต

แต่ถ้าได้ผู้ชายดีๆแบบบาสมาครอบครองสักคน ผมก็ยอมคร้าบบบบบบบบบ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 28-11-2006 18:26:02
บี มีคนที่รักเท่ากันมากที่สุด 2 คนด้วยกัน
แต่ละคนเข้ามาทำให้ชีวิตของบีพบกับสิ่งที่สวยงามและโหยหา ต่างวาระกัน

ถ้าคนทั้ง 2 คนเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกันล่ะ
บีจะทำยังไง?

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใช่ครับ มูมู่น้อย
คนที่รักบีมี 2 คนพร้อมกัน แต่ถูกบีรักไม่พร้อมกัน เพราะรักของบาสถูกบดบังไว้ด้วยความรู้สึกของบาสเอง
สงสารบาสจัง แอบรักเขาอยู่เงียบๆ ชื่นชมเขาอยู่ห่างๆ นี่เจ็บจัง...แต่รักแบบนี้สวยงามนะ
เพราะไม่มีความรู้สึกอยากครอบครองอีกฝ่ายมาเจือปน ....เป็นรักที่มีแต่ให้กับให้
ชีวิตคนเราน่าจะเจอรักแบบนี้มากกว่าหรือเท่ากับ 1 ครั้ง
ครั้งแรก ก็ 2 คนที่นั่งยิ้มหวานรอเราอยู่แล้วที่บ้าน
ส่วนครั้งตามมา ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาที่จะพาเราเดินไปหา (พบ) เอง...เป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้น
แต่ (ไม่) คุ้ม (มั้ง) ที่จะรอ
 


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 28-11-2006 19:35:58
คมจริง ๆ คุณ beaches  แต่ว่าคนที่รักบีและบีรักสองคนเค้าก็เข้ามาช่วงเดียวกันนา  เพียงแต่อีกคนเปิดเผย  อีกคนปกปิดซ่อนความรู้สึกตัวเอง   จนกระทั่งความรักครั้งแรกของบีกับทีมจบลง  เพราะอะไรไม่อาจเดาได้ (ตอนแรกเดาว่าบาส  แต่ไม่ค่อยอยากให้เป็นเท่าไหร่)  อีกคนถึงเข้ามาและเปิดเผยจนเข้ามาในใจบีเป็นรักครั้งที่สองไง  อิอิ   :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-11-2006 19:55:49
pandaba นั่นแหละครับไม่งั้นโลกเราจะมีปัญหาวุ่นวายได้ไม่รู้จบได้ไง จะมีสักคนที่มีรักแท้จริง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  :confuse:

mokung ความรักในฝันของหลายๆคน ยินดีต้อนรับเข้าบาสแฟนคลับ คิกคิก  :haun2:

moopai ยิ่งเก็บมันไว้เท่าไหร่ ความรู้สึกยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น  :impress:

Coacher ถ้ามัวแต่เป็นนางเอกในนิยาย สู้รบปรบมือไม่เป็น ชีวิตนี้เรียกว่าทำเพื่อคนที่รักได้หรือครับ  :monkeysad2:

meemewkewkaw ต้องไปบนแถวเวิลด์เทรดแล้วม้างเนี่ย พักนี้มีสวนเบียร์ด้วย น่ารักๆตรึม ลองไปนะเพื่อเจอบาส เอิ้กๆ  :haun6:

TonG_x_Zhi ถ้าสองคนรู้จักไว้ใจกัน ใครจะทำร้ายความสัมพันธ์นี้ได้  :monkeysad:

Tantalum ชื่อน่ากัวทีเดียว คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นม้างครับ เพราะเรื่องราวความรักก็ท่าจะไปได้สวยงาม  :yeb:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ถ้าเป็นเรา เราจะเก็บหลักฐานมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุดเสียก่อน แล้วค่อยถามถึงเหตุผลต่างๆจนแน่ใจแล้วว่าเป็นเพราะอะไร  :confuse:

shell ชมรมรักบาสเราท่าทางจะเหนียวแน่นยิ่งขึ้นด้วยความรักของบาสที่แสนจะบริสุทธิ์

][GobGab][ บางครั้งสิ่งที่ตัวเองทำ นึกว่าทำเพื่อเขาหารู้ไม่เป็นการฆ่าเขาทางอ้อม แต่โทษไม่ได้หรอก เพราะความรักบางครั้งก็ทำให้เราทำอะไรผิดๆลงไป

pim กร๊าก มันก็ต้องเดินหนทางสายกลางอ่ะครับ ดั่งพระพุทธองค์เคยตรัสไว้ บัวมีสี่เหล่า  บัวเหล่าแรกคือบัวในโคลนตม ต่อให้โปรดเท่าไหร่ ดีกับเขาเท่าไหร่ ก็อาจไม่ได้ประโยชน์อะไรหน่ะครับ

หมูพูห์ ใครน้าอยู่ม.ศิลปากรนึกๆ นึกไม่ออก  :try2:

konaun ถ้าเรามั่นคงพร้อมที่จะก้าวต่อไปไม่ย้อท้อสักวันต้องถึงจุดหมาย แม้จะไม่ถึงจุดหมายที่วาดไว้แต่แรก ก็คงถึงจุดหมายที่เราต้องการ  :3061:

kirati69 อยากบอกนะว่าถ้าไปรักใครจะทำแบบอาร์ต ถ้ารักเขาจริงๆ ลองนึกไปถึงว่าถ้าเราเป็นบาสหล่ะ มีความสุขไหมที่อาร์ตทำตัวแบบนี้   :monkeysad:

beaches เป็นคำตอบที่นายคงได้รู้แล้ว และโลกแห่งความเป็นจริงก็มีอยู่ที่หัวใจดันเล่นตลก ให้รักคนถึงสองคนในเวลาเดียวกัน แม้ถูกตราหน้าว่าเป็นนางวันทอง
แต่ถ้าคุณเคยผ่านมันมาก็จะได้รู้ ว่าไม่สามารถห้ามหัวใจตัวเองได้ เพียงแต่การจะทำให้ความรักมันเดินอย่างมีความสุขเราต้องฝืนใจเลือกคนที่คิดว่าเราขาดเขาไม่ได้ก่อน เหมือนเรื่อง sorry,i love you แม้จะแอบรักกับยุนมาถึง 20 กว่าปี แต่หากหัวใจได้มอบให้กับมูยัคไปหมดแล้ว แม้ความคิดจะเลือกยุน แต่หัวใจไม่อาจห้ามสมองให้เห็นภาพแต่มูยัคได้  :impress3:

มูมู่น้อย แม้ไม่มีโอกาสจะได้เห็นหน้า เขาก็ยังอยู่ในความทรงจำตลอดไป นึกถึงพี่ชายในเรื่อง autumn in my heart เลย
ว่าจิตรกรจะไม่สามารถวาดรูปผู้หญิงจากความทรงจำได้ นอกจากคนที่ตนรัก
คงเป็นอย่างที่มูมู่ว่า ตลอดเวลาเขาเดินมาพร้อมกัน เพียงแต่บาสเขาช้าไปกว่าทีมทุกๆก้าว



*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 14 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
---------------------------------------

หลังจากที่เรื่องของอาร์ตผ่านพ้นไป ผมกับบาสก็ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขสงบอีกครั้ง ความสุขสงบนี้

ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของผมกับบาสเริ่มก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเราชักจะ

เหมือนเป็น “คู่ชีวิต” มากขึ้นไปทุกที

ชีวิตในแต่ละวันของผมจะเริ่มต้นด้วยการตื่นแต่รุ่งสางมาเตรียมอาหารให้บาสทาน หลังจากนั้นเราก็จะ

มานั่งทานมื้อเช้าพร้อมๆกันท่ามกลางแสงแดดอ่อนของวันใหม่ที่ส่องผ่านช่องหน้าต่างไม้ภายในครัวที่

แม้จะดูทรุดโทรมไปตามกาลเวลาแต่มันก็ยังทรงคุณค่าจากลวดลายโบราณที่ถูกแกะสลักไว้อย่างประณีต

จนเมื่ออิ่มจากมื้อเช้าแล้วผมก็จะพาบาสไปออกกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล

ส่วนวันไหนที่บาสไม่มีนัดที่จะต้องไปออกกายภาพบำบัด เราทั้งคู่ก็จะออกมานั่งดูทีวีด้วยกัน หรือไม่ก็

ออกไปสระผมกันที่ลานซักล้างหลังบ้านซึ่งระยะหลัง ๆ บาสก็ไม่เคยสระผมด้วยตัวเองอีก เขามักจะมา

บ่นว่าคันศีรษะ แล้วก็ทำเสียงออดอ้อนให้ผมช่วยสระผมให้เขาทุกครั้ง

จนกระทั่งช่วงก่อนเที่ยง บาสก็จะกลับเข้าไปนอนในห้องอีกครั้ง ส่วนผมก็มักจะออกมาจัดแจงธุระส่วนตัว

อาทิเช่น การซักผ้าซึ่งจริงๆ แล้วบาสก็เคยแนะนำให้ผมส่งซักกับร้านซักแห้งเจ้าประจำที่บาสกับแม่ใช้

บริการอยู่ โดยเขายินดีจะออกค่าใช้จ่ายให้ ซึ่งแน่นอนว่าผมย่อมปฏิเสธข้อเสนอนี้ในทันทีเพราะผมคิด

อยู่เสมอว่าแค่ผมมากินอยู่ที่นี่โดยไม่ได้ช่วยค่าใช้จ่ายอะไร ผมก็รบกวนคุณแม่ของบาสมากแล้ว ที่

สำคัญค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายที่คุณแม่ของบาสมอบไว้ให้กับผมนั้น มันก็มากมายเกินกว่าหน้าที่ใน

การดูแลบาสของผมมากนัก

และด้วยความรู้สึกเช่นนี้เองผมจึงพยายามทำทุกอย่างที่ผมพอจะทำได้ให้ท่าน ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำ

ต้นไม้ ดูแลสวน ดูแลทำความสะอาดบ้านเป็นประจำทุกวัน ทั้งๆที่ท่านก็จ้างแม่บ้านและคนสวนมาดูแล

อยู่แล้วเดือนละ 2 ครั้ง

หลังจากทำภารกิจในช่วงเช้าเสร็จสิ้น ผมก็จะมาเตรียมอาหารเที่ยงแล้วก็จะทานมื้อเที่ยงด้วยกันกับบา

สอีกครั้งซึ่งระยะหลังๆ เรามักจะไปทานกันที่ศาลาริมน้ำ หรือไม่ก็มาปูเสื่อทานกันในสวนซึ่งมีร่มเงา

จากไม้ยืนต้นนานาชนิดที่ปลูกไว้อย่างหนาทึบ

ส่วนช่วงบ่ายผมกับบาสก็อาจจะไปนั่งคุยกันที่ศาลาริมน้ำ หรือไม่ก็เอาเกมง่ายๆ อาทิ เกมเศรษฐี หมาก

ฮอท หรือ ไพ่ชนิดต่างๆ มาเล่นกันอย่างสนุกสนาน

พอตึกกลางคืนหลังจากทานมื้อเย็นแล้ว เราก็มักจะมานั่งดูข่าว ดูละครด้วยกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้า

นอน แต่ช่วงหลังๆ เราเริ่มมีกิจกรรมใหม่ที่บาสมักจะชวนผมทำบ่อยๆ นั่นก็คือการเอาเสื่อมานอนดูดาว

กันที่สวนหลังบ้าน
โดยบางทีขณะที่ผมกำลังนอนดูดาวอย่างเพลิดเพลินนั้น บาสก็จะนั่งเล่นกีตาร์ขับกล่อมเพลงรักเพราะๆ

ให้ผมฟังไปด้วยซึ่งแน่นอนว่าเขามักจะเริ่มต้นด้วยเพลง Can’t help falling in love เสมอ

ขณะเดียวกันบางครั้ง บาสก็เป็นฝ่ายขอนอนหนุนตักผม เพื่อนอนดูดาวบนท้องฟ้าอย่างชื่นอารมณ์ ใน

ขณะที่ผมก็เอาหนังสือมาอ่านให้เขาฟังโดยใช้แสงจากตะเกียงจนทำให้เขาถึงกับเผลอหลับไปอย่างมี

ความสุขอยู่เสมอ

ช่วงเวลาที่ผมและบาสได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ มันเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่มีทั้งความสุขและความทรง

จำดีๆ จนบาสเคยพูดออกมาเสมอว่าเขาแอบฝันที่จะเห็นผมอยู่กับเขาอย่างมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป

และถ้าหากเขาจะหยุดเวลาได้ เขาก็จะขอหยุดมันไว้แค่นี้

ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มบอกกับตัวเองว่าเป็นเวลานานทีเดียวที่ผมเอาแต่ปิดขังตัวเองอยู่ในความทุกข์

ระทมกับผู้ชายที่เลิกรักผมแล้วอย่างทีม

ทั้งๆที่ความจริง ความสุขมันอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อมเท่านั้นเอง ขอเพียงแต่แค่ผมได้เปิดใจที่จะให้ตัวเองได้

มีความสุขบ้าง ผมก็จะสัมผัสมันได้อย่างไม่อยากเย็น โดยเฉพาะจากผู้ชายที่รักผมมากคนนี้

ดังนั้นผมจึงพยายามเสมอมาที่จะได้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆเพื่อเขาบ้าง อาทิ ผมไม่รังเกียจที่จะนำเสื้อผ้า

ของบาสบางอย่างที่เขาไม่ได้ส่งร้านซักแห้งมาช่วยซักทำความสะอาดให้ซึ่งดูเหมือนบาสจะโวยวายกับ

เรื่องนี้มาก

“บี เมื่อเช้าแม่บ้านเขาเข้าไปทำความสะอาดห้องบาสหรือเปล่า”

บาสรีบถามผมด้วยสีหน้าตื่นตกใจอย่างมากหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในช่วงก่อนเที่ยง

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“ของบาสหายอ่ะ โดนเขาขโมยหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“จริงเหรอ ไม่น่านะบาส ลองไปถามป้าแกสิ เพราะป้าแกยังทำความสะอาดห้องข้างบนอยู่เลย ถ้าแก

ขโมยไปจริงก็คงยังไม่เอาไปไหนหรอก ว่าแต่แม่บาสเคยบอกว่าแกไว้ใจได้ไม่ใช่เหรอ แถมยังบอกว่า

ตั้งแต่ป้าแกมาทำ ยังไม่เคยมีอะไรหายเลยนี่”

“ก็ใช่น่ะสิ เนี้ยเป็นครั้งแรกเลย เพิ่งมาออกลายหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“เหรอ ว่าแต่อะไรหายล่ะ แพงมากหรือเปล่า”

“มันก็ไม่แพงหรอก”

“แต่มันคงสำคัญมากใช่มั้ย ?”

ผมเดาเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลอย่างมากของบาส

“จริงๆแล้วมันก็ไม่สำคัญหรอก แต่คิดอีกทีมันก็สำคัญเหมือนกันนะ”

“ตกลงมันยังไงกันแน่บาส มันเป็นอะไรเหรอ บอกบีมาซิ เผื่อบีจะได้ช่วยหา”

“อืม...เอ่อ...มันคือกางเกงในของบาสเองแหละ”

“อะไรนะ.... กางเกงใน”

พูดจบผมก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

“นี่ มันไม่ตลกนะบี”

“ก็จะไม่ให้บีขำได้ไงละ ป้าแกจะเอากางเกงในของบาสไปทำไมกัน”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ป้าแกอาจจะเป็นโรคจิต ชอบดมกางเกงในหนุ่มๆ”

“เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว ป้าแกไม่ได้เอาไปหรอก”

“อ้าว แล้วมันหายไปได้ไงล่ะ”

“บีเอาไปเองแหละ”

หลังคำตอบของผม บาสก็หันมาจ้องผมอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“อะไรนะ...อย่าบอกนะว่าบีก็ชอบดมมม.......”

“ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ คิดอะไรสกปรกที่สุด”

ผมตอบกลับไปอย่างโมโหเมื่อรู้ว่าบาสกำลังคิดอะไรอยู่

“อ้าว งั้นบีเอากางเกงในของบาสไปทำไมล่ะ”

“อ้าว ก็เอาไปซักให้น่ะสิ ปกติบาสได้ซักกางเกงในบ้างป่าว ทำไมบีไม่เคยเห็นบาสเอาไปตากเลยนี่”

“ก็ตากในห้องน้ำสิ บาสจะเอาปัญญาที่ไหนเดินถ่อไปตากถึงหลังบ้านได้ล่ะ”

“นั่นไง ตากแบบนั้นมันจะโดนแดดได้ไง บีถึงเอามาซักไงให้ไงล่ะ ทำไมเหรอ หรือว่ารังเกียจ”

“ไม่หรอก แต่บีไม่ต้องทำให้บาสขนาดนั้นหรอก”

“ไม่เป็นไรนี่ มันไม่ได้ยากลำบากอะไรสักหน่อย ทีบาสยังทำอะไรเพื่อบีตั้งเยอะ กะอีแค่ซักกางเกงใน

ให้แค่เนี้ย ทำไมบีจะทำให้บาสไม่ได้”

ผมจำได้ว่าหลังคำพูดนี้ของผมบาสก็ยืนนิ่งด้วยความตื้นตันและดีอกดีใจอย่างที่สุด แล้วเขาก็พูดออกมา

ว่า

“บี...บาสไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี บีถึงจะรู้ว่าบาสมีความสุขแค่ไหนที่มีบีมาอยู่ที่นี่ จะให้บาสทำยังไงดี บีถึง

จะรู้ว่าบาส.....รักบีมากแค่ไหน.... ขอบคุณนะบี...ขอบคุณจริงๆ”

“บาสไม่ต้องทำอะไรหรอก บาสไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วทั้งนั้น แค่ที่บาสทำเพื่อบีทุกวันนี้ บีก็ไม่รู้จะทำยัง

ไงถึงจะทดแทนความรักนั้นได้สาสม ถ้ามีใครสักคนที่ต้องบอกว่าขอบคุณ คนๆนั้นควรจะเป็นบีต่าง

หากล่ะ”

ผมตอบไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจต่อความรักอันมากมายของบาสด้วยใจจริง จนในจังหวะนั้นเองที่

เราต่างจ้องตากันด้วยความรักจนอารมณ์ได้นำพาให้บาสค่อยๆเดินเข้ามาหาผม แล้วก็ก้มตัวลงเพื่อจะ

ประทับจูบลงบนฝีปาก แต่ผมเองกลับเป็นฝ่ายที่รีบเบือนหน้าหนี

“ขอโทษนะบี บาสไม่ตั้งใจ”

บาสรีบขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่

“ไม่เป็นไรหรอกบาส บีต่างหากที่ต้องขอโทษ บี...บี...บียังไม่พร้อมจริงๆ”

ผมตอบบาสไปตามตรงในขณะที่พยายามหลบตาเขาอย่างเจ็บปวด

ช่วงเกือบเดือนที่ผมมาอยู่กับบาส ผมยอมรับว่าผมเริ่มเทให้ให้ผู้ชายคนนี้มากขึ้นทุกทีจนหลายครั้งที่ผม

อดคิดไม่ได้ว่าผมอาจจะหลงรักเขาเข้าแล้ว แต่เมื่อครู่นี้เอง ในจังหวะที่ริมฝีปากของบาสกำลังจะประกบ

เข้ากับริมฝีปากของผม อยู่ดีๆ ผมก็อดคิดถึงหน้าทีมขึ้นมาไม่ได้

ผมรู้สึกราวกับว่าผมยังสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นละมุนของทีมในตอนที่เขาจูบผมด้วยความรักอยู่ และแม้

เวลาจะผ่านมาถึง 5 ปีแล้วแต่ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า...

คนที่เป็นเจ้าของริมฝีปากนี้....

คนที่เป็นเจ้าของทั้งตัวและหัวใจของผม...ยังคงเป็นทีม

“บาส บีขอโทษจริงๆ บี.........”

พูดถึงตรงนี้น้ำตาของผมก็เริ่มจะไหลลงมาด้วยความเจ็บปวด

มันเป็นความเจ็บปวดเพราะความรู้สึกโกรธเกลียดตัวเองที่ผมได้ทำร้ายจิตใจของผู้ชายที่รักผมมากเหลือ

เกินคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ในตอนนั้นเองที่บาสค่อยๆ เดินเข้ามาแล้วเอามือปาดน้ำตาของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะมองผมด้วย

สายตามุ่งมั่นแล้วก็บอกกับผมว่า

“ไม่เป็นไรหรอกบี บาสเข้าใจ แต่บาสจะไม่ยอมแพ้ จะให้บาสต้องลองอีกกี่ครั้ง บาสก็จะไม่ยอมแพ้ บา

สจะต้องทำให้บีลืมไอ้ทีมมันให้ได้”

------------------------------------------------------

8 สิงหาคม 2541

วันนี้เป็นวันที่ผม ทีม และบี ต่างมาเลี้ยงฉลองกันที่พวกเราสอบเสร็จ รวมทั้งพวกเราได้ใช้โอกาสนี้ใน

การเลี้ยงส่งตัวเองที่กำลังจะไปเรียนพิเศษกันที่กรุงเทพฯ

สำหรับคนอื่น งานเลี้ยงของพวกเราในวันนี้ค่อนข้างจะเป็นไปอย่างสนุกสนาน แต่ผมกลับรู้สึกหดหู่

อย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นภาพของทีมและบีที่คอยดูแลเอาใจใส่และแสดงความรักต่อกันตลอดเวลา

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าผมจะสามารถทนแอบรักบีต่อไปอย่างนี้โดยไม่ต้องให้บีได้รับรู้เลย แต่นับวันเมื่อ

เห็นบีอยู่ใกล้ๆ ความรักที่ผมมีต่อบีมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเหมือนอกผมจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ

ดังนั้นในวันนี้เมื่อทีมมันฝากฝังผมให้ไปส่งบีที่บ้านอาซึ่งบีจะไปค้างอยู่ด้วย ผมก็เลยตัดสินใจที่จะเปิด

เผยความจริงทั้งหมดให้บีได้รับรู้

ผมแอบพาบีเลี้ยวเข้าไปในสวนสาธารณะ แล้วก็สารภาพความจริงทั้งหมดออกไปว่าผมแอบหลงรักบี

ผมแอบหลงรักเขามานานแล้ว

แน่นอนคำตอบที่ผมได้รับก็ไม่ทำให้ผมแปลกใจนักเมื่อบีได้ปฏิเสธความรักของผมอย่างไร้เยื่อใย

แต่กระนั้นผมก็ยังไม่ละความพยายาม ด้วยการขอเป็นกิ๊กกับบีอย่างลับๆโดยไม่ให้ทีมรู้

ผมพูดประโยคนั้นออกไปด้วยความจริงใจ ไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝง และไม่ได้มีเจตตนาจะดูถูกบี

เพราะผมไม่หวังจะให้บียอมรับผมเป็นแฟนอย่างออกหน้าออกตาหรือต้องให้บีมาทุ่มเทความรักให้ผม

อย่างหมดหัวใจ

ผมขอแค่เศษเสี้ยวของความรักที่บีจะยอมแบ่งให้คนอย่างผมบ้าง

ผมขอแค่โอกาสที่บีจะยอมให้ผมได้โทรศัพท์ไปพูดคุยเพื่อระบายให้บีได้รู้ว่าผมรักเขาแค่ไหน

ผมขอแค่โอกาสที่บีจะยอมให้ผมได้บอกรัก ได้บอกว่าผมคิดถึงเขาด้วยความทุกข์ทนทรมานแค่ไหนใน

แต่ละคืนวันที่ผ่านไป

ผมขอแค่โอกาสที่บีจะยอมให้ผมได้พาบีไปทานข้าว ไปดูหนัง หรือได้จับมือกับบีบ้างในเวลาที่เราไป

เที่ยวด้วยกันสองต่อสอง

ผมขอเพียงแค่นี้ ชีวิตของผมก็คงมีความสุขมากแล้ว

แต่น่าเสียดายที่คำขอของผม มันคงจะมากเกินไป เพราะบีได้ปฏิเสธคำขอนี้กลับมาอย่างเกลียดชัง

มันทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าในสายตาของบี.....ถ้าเอาผมไปเปรียบเทียบกับทีมแล้ว

ผมมันก็ไม่ต่างอะไรไปจาก.....เศษธุลีดิน

-------------------------------------------





หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Alert ที่ 28-11-2006 20:48:50
    จบแค่นี้ได้มั๊ยเนี่ย  ไม่อยากให้มีต่อละ ขอหยุดแบบ happy happy ไว้แค่นี้เหอะ  :impress2:
กลัวไปไกลกว่านี้เด๋วเศร้าอีก  :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 28-11-2006 21:13:41
 :-[แต่บาสคงรู้แล้วสินะว่าเศษดินอันนั้น จะทำให้ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาในจิตใจของบี ค่อย ๆ งอกงามขึ้นมาทีละน้อยแล้ว

แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย แต่จะเป็นไงต่อไป จะออกดอกออกผลหรือป่าว ก็ต้องรอดูกันต่อไป :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 28-11-2006 22:02:06
บันทึกของบาสนี่...เศร้าจัง     
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beta ที่ 28-11-2006 22:27:15
สนุกมากเลยครับ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 28-11-2006 23:36:51
เศษธุลีดินของบาสในตอนนั้น   อาจจะไร้ค่า
แต่ตอนนี้   เศษธุลีของบาสก็ค่อยๆมีค่ากับบีทีละน้อย
คนอ่านก็หวังว่า   เศษธุลีขอบบาสนั้นจะมีค่าต่อบีไปอีกนาน :-[
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 28-11-2006 23:53:19
เห็นด้วยกับอยากให้เรื่องจบแค่นี้ครับ


เดี๋ยวเลยกว่านี้ไปมันจะเฮิร์ทครับ

เฮ้อ อินจังเรา :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 29-11-2006 00:05:13
โอย อ่านแล้วมดขึ้นนนนนนนนนนน :-[

แต่พออ่านไดอารี่ของบาส ทำไมมันเส้าอย่างนี้ล่ะค๊าบ ท่านผู้ชมทั้งหลายยยยยยยยยยยยยยยย  :sad5:


ม่ะไหร่ตาบีจะรักบาสหมดทั้งหัวใจซักทีอ่ะ
เพราะคนแถวนี้ รักบาสหมดหัวใจ ไปตั้งหลายคนแล้วก๊าบบบบบบบบบบบบบบ :myeye:



 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[




รอพี่บลูฯมาต่ออยู่นะคับผม



ปล.หน้าหนาวแล้ว ทำไมไม่หนาวซักทีว๊า จะได้หาคนมากอดไห้อุ่นซักที (เพ้อไปนั่น~น) :haun5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 29-11-2006 02:13:20
เอ่อ คือว่า จบแค่นี้ได้มั้ยอ่ะ ดูคำโปรยของเรื่องแล้ว
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป(อันนี้คงหมายถึงทีม)….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว(อันนี้คงหมายถึงบาส)
แล้วที่ว่ามาสายเกินไป คงไม่ได้หมายถึงว่าบาสจะ...  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

รักบาสอ่ะ จะเอาแบบบาสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 29-11-2006 02:46:40
 :monkeysad: ขอซักเรื่องได้มะที่จะจบอย่างhappyอะ ถึงความจิงมันไม่happy เสมอไปแตอย่าน้อยในฝนของเราก็ขอให้มันhappyบ้างเถอะนะครับ :monkeysad2: เชื่อวาหลายคนคงผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะถ้าได้เจอเรื่องดีๆบ้างก็อาจจะพอเยียวยาแผลเหล่านั้นได้ :monkeysad: เศร้ามากมาย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-11-2006 10:42:02
เขาบอกกันว่าฟ้าหลังฝนมักสดใสเสมอ

แต่บางทีฟ้าก้ผ่ากลางแดดได้เหมือนกัน


พูห์ :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-11-2006 11:10:51
 :interest: หวานอีกแล้ว  อิอิ :haun5: ชอบง่ะ เอาอีก ๆ ๆ ๆ ๆ  :angellaugh2:

บันทึกนี่ก็เศร้าจริง ๆ "ผมมันก็ไม่ต่างอะไรไปจาก...เศษธุลีดิน"   :monkeysad:

ทำม้าย   :sad5: บาสถึงได้น่าสงสารอย่างนี้   :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 29-11-2006 11:16:00
 :impress2: รักบาสที่สุดเลย  :impress2:
 :sad4: ชอบๆๆๆ  ชอบ บาส :sad4:

 :try2:เฮ้อเหนื่อย :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 29-11-2006 14:57:09
....ผมไม่หวังจะให้บียอมรับผมเป็นแฟนอย่างออกหน้าออกตาหรือต้องให้บีมาทุ่มเทความรักให้ผม

อย่างหมดหัวใจ

ผมขอแค่เศษเสี้ยวของความรักที่บีจะยอมแบ่งให้คนอย่างผมบ้าง

ผมขอแค่โอกาสที่บีจะยอมให้ผมได้โทรศัพท์ไปพูดคุยเพื่อระบายให้บีได้รู้ว่าผมรักเขาแค่ไหน

ผมขอแค่โอกาสที่บีจะยอมให้ผมได้บอกรัก ได้บอกว่าผมคิดถึงเขาด้วยความทุกข์ทนทรมานแค่ไหนใน

แต่ละคืนวันที่ผ่านไป

ผมขอแค่โอกาสที่บีจะยอมให้ผมได้พาบีไปทานข้าว ไปดูหนัง หรือได้จับมือกับบีบ้างในเวลาที่เราไป

เที่ยวด้วยกันสองต่อสอง

ผมขอเพียงแค่นี้ ชีวิตของผมก็คงมีความสุขมากแล้ว

 :impress: :sad4: :impress2:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 29-11-2006 15:08:25
"บี...บาสไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี บีถึงจะรู้ว่าบาสมีความสุขแค่ไหนที่มีบีมาอยู่ที่นี่ จะให้บาสทำยังไงดี บีถึง

จะรู้ว่าบาส.....รักบีมากแค่ไหน.... ขอบคุณนะบี...ขอบคุณจริงๆ”

“บาสไม่ต้องทำอะไรหรอก บาสไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วทั้งนั้น แค่ที่บาสทำเพื่อบีทุกวันนี้ บีก็ไม่รู้จะทำยัง

ไงถึงจะทดแทนความรักนั้นได้สาสม ถ้ามีใครสักคนที่ต้องบอกว่าขอบคุณ คนๆนั้นควรจะเป็นบีต่าง

หากล่ะ”

โอ้วววว  ซึ้ง   :impress3:

มาหยุดเวลากันเลยละกัน  อิอิ   รอคุณบลูต่อปาย   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 29-11-2006 15:11:12

ผมขอแค่เศษเสี้ยวของความรักที่บีจะยอมแบ่งให้คนอย่างผมบ้าง


สำหรับคนที่เรารัก...........แม้แค่เศษเสี้ยวของความรักมันก็มีความสุขแล้ว

แต่เขาจะมีเศษเสี้ยวนั้นหลงเหลือมาหั้ยเราบ้างหรือเปล่า..................... :impress:

....................หวังว่ามันคงจะมีหลงเหลือมาถึงบาสบ้างนะ.................... :impress2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 29-11-2006 20:49:53
Alert ชีวิตจริงเราก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเดินต่อไป หากแต่เก็บสิ่งดีๆเป็นความทรงจำที่ทำให้เรามีพลังก้าวเดินต่อไป สิ่งที่ไม่ดีก็ขอให้เป็นบทเรียนแห่งชีวิต อย่าไปยึดติดกับมันนะครับ  :monkeysad:

Tantalum ชอบจังครับ ทุกๆสิ่งล้วนมีดีอยู่ในตัว แล้วขี้ไคลของพระเจ้าหล่ะครับไว้ทำอะไร  :kikkik:

wee แม้จะเศร้าแต่ก็อบอวลไปด้วยความรักนะครับ ผมชอบมาก

อาร์มคุงคับ เขินอะไรครับ หุหุ เคยเห็นรูปที่อาร์มคุงใช้นะ รูปใครหรือครับ

TonG_x_Zhi
อ้างถึง
เศษธุลีขอบบาสนั้นจะมีค่าต่อบีไปอีกนาน
 
ผมก็อยากให้เป็นเช่นนั้น  :myeye:

pandaba ชีวิตแห่งความรักพึ่งเริ่มต้นเองครับ การจะใช้ชีวิตร่วมกันยังต้องขึ้นกับอีกหลายปัจจัย

•No On3 GoNNa Lov3 U L|k3 M3`,,• ตกลงนี่ต้องรอหน้าหนาวถึงจะยอมให้คนกอดหรือครับ ว้าใครเป็นแฟนก็เหงาแย่ดิ

meemewkewkaw บาสยังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ

mokung หากแต่บางเรื่องราวก็ทำให้เราเติบโตขึ้น รู้จักใช้ชีวิตขึ้น ตระหนักในคำว่ารัก แทนที่จะเสียเวลา และเผชิญกับความเจ็บปวดด้วยตัวเอง
ผมว่านี่ก็เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งของการอ่านนิยาย เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับใช้กับชีวิตจริงๆของเรา ไม่ติดอยู่ในวังวนและต้องเข้าใจไปอีกว่าชีวิตจริงโหดร้ายกว่านิยายมากมายนัก

หมูพูห์ ทุกย่างก้าวของชีวิตไม่ได้สวยสดงดงามหรือเต็มไปด้วยขวากหนามตลอดเส้นทาง คงสลับกันไป ขอเพียงให้เราอดทน รักษาความดีดั่งเกลือรักษาความเค็ม แม้ไม่ได้ถึงฝัน ก็มีความสุขกับการเดินทางนั้นได้

shell นี่ก็คงเป็นเวลาที่บาสมีความสุขแล้วหล่ะ ขอเพียงได้อยู่ใกล้บี ก็ดีกว่าต้องอยู่ในมุมมืดที่ไม่มีใคร

mokung ระวังเหนื่อยมากไปนะครับ รักใครอย่าทุ่มให้หมดใจ ดังคนโบราณสอนไว้อย่างแยบยลให้เผื่อใจไว้บ้าง ผมก็ว่าจริงนะครับ ถ้ารักใครจนหมดใจ บางทีก็ทำให้เราลืมใช้ความคิด สติในการแก้ปัญหาต่างๆ

kirati69 นี่แหละครับที่ผมว่าเป็นความรักที่แท้จริง ซึ่งคุณนัทนทีถ่ายทอดออกมาได้โดนใจผม ความรักคือการให้ ไม่ได้หวังครอบครอง และอยากที่เห็นคนที่รักมีความสุข

มูมู่น้อย หากให้เลือกว่าจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ กับย้อนเวลากลับไปพิมจะเลือกอันไหนครับ

][GobGab][ ตอนนี้ผมว่าบีคงรักบาสไปหมดหัวใจ เพียงแต่ความเจ็บช้ำที่กดมานานในหัวใจ มันคงไม่สามารถลบไปได้ง่ายๆ


*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 15 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
---------------------------------------

“พอแล้วน่าบี จะขัดให้มันขึ้นเลขมาเลยหรือไง”

บาสแซวผมด้วยความระอาเมื่อเห็นผมวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้านมาตั้งแต่เช้า และตอนนี้ก็กำลังขัดกระจกตู้เครื่องชามสังคโลกอย่างเอาเป็นเอาตาย

“แล้วบาสว่ามันสะอาดหรือยังล่ะ”

ผมถามอย่างเป็นกังวล

“ทั้งบ้านมันสะอาดจนบาสไม่กล้าเดินไปไหนแล้วเนี้ย”

“เหรอ”

ผมพยักหน้ายอมรับแล้วก็ลงมือขัดต่อเหมือนไม่ได้ใส่ใจต่อคำตอบของบาสเลย

“บี..... แม่ของบาสไม่ซีเรียสขนาดนั้นหรอก”

“แต่วันนี้เป็นวันที่ท่านจะกลับมานี่ บีอยากให้ท่านเห็นบ้านแล้วสบายใจที่ฝากบีช่วยดูแล”

“แม่เขาฝากบีให้ช่วยดูแลบาส ไม่ได้ให้ดูแลบ้านสักหน่อย ที่จริงบีควรจะเอาเวลามาดูแลบาสดีกว่า แทนที่จะไปสนใจไอ้ตู้นั่นน่ะ”

บาสพูดด้วยสีหน้างอนๆ

“นี่ มันไม่น่ารักหรอกนะที่มาทำหน้างอนแบบนั้นน่ะ แล้วอีกอย่างบาสก็ไม่ใช่เด็กแล้วสักหน่อย จะต้องมาดูแลอะไรกันนักหนา”

“แต่บาสกำลังไม่สบายนี่”

“กะอีแค่กระดูกข้อเท้าร้าวเอง ทำมาเป็นสำออยไปได้ แล้วบาสก็ดีขึ้นตั้งเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ดีขึ้นที่ไหนละ บาสยังเดินไม่ค่อยได้เลยเห็นมั้ย”

“อย่าเว่อร์น่ะ บีก็เห็นบาสไม่ต้องใช้รถเข็นแล้วนี่ แค่ยังเดินกระโผลกกระเผลกเท่านั้นเอง บีว่าบาสหายแล้วล่ะ”

ในตอนนั้นเอง ทันทีที่บาสได้ยินคำว่า “หายแล้ว” เขาก็มีท่าทีสะดุ้งเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“แล้วถ้าบาสหายแล้วบีจะยังอยู่ที่นี่ต่อมั้ย”

“บีจะอยู่ทำไมล่ะ ในเมื่อบาสไม่จำเป็นต้องพึ่งบีแล้วนี่”

“ใครบอกล่ะ บีจะให้บาสมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไงถ้าไม่มีบี”

บาสพูดออกมาด้วยสีหน้าเขินๆ ในขณะที่ผมก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมาเหมือนกัน

“น้ำเน่าอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว บีไปเตรียมอาหารในครัวดีกว่า”

“งั้นให้บาสช่วยนะ”

“ได้สิ”

พูดจบผมก็เดินนำบาสเข้าไปในครัวแล้วก็ช่วยกันเตรียมอาหารเย็นสำหรับต้อนรับแม่ของบาสที่จะบินกลับมาถึงเมืองไทยในวันนี้ จนกระทั่งช่วงราว 6 โมงเย็นแม่ของบาสก็กลับมาถึงบ้าน

“เป็นไงบ้างคับ สนุกหรือเปล่า”

“ก็งั้นๆ แหละจ๊ะ ป้าเคยไปมาตั้งหลายหนแล้ว แถมพวกที่ไปก็มีแต่แก่ๆ ไม่มีอะไรให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเลย”

พูดจบแม่ของบาสก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ แม่ !! รักษาภาพพจน์หน่อยได้มั้ย”

“ทำไมย่ะ อายุปูนนี้แล้วจะต้องมารักษาภาพพจน์อะไรกันนักหนา จริงมั้ยจ๊ะลูกบี”

“คับ”

ผมตอบอย่างเขินๆที่แม่ของบาสเรียกผมว่า “ลูกบี” อย่างเอ็นดู พลางอดรู้สึกไม่ได้ว่าถึงแม้แม่ของบาสจะมีอายุมากแล้ว แต่หัวใจของผู้หญิงคนนี้ยังมีความเป็นสาวอยู่เต็มเปี่ยม

“แล้วบีเป็นไงบ้างลูก บาสเขาดื้อมากหรือเปล่า”

“ดื้ออะไรกันแม่ บาสไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

บาสรีบโวย

“ใครจะไปรู้ล่ะ แกอาจจะโตแต่ตัวก็ได้ อย่างอื่นอาจจะยังเด็กอยู่”

แม่ของบาสทำสีหน้าทะเล้นราวกับจะสื่อให้เรารู้ว่าท่านกำลังหมายถึงอะไร

“พอเหอะแม่ หมดเวลาตลกแล้ว ไปทานข้าวกันเถอะ บีเขาทำไว้ตั้งเยอะแน่ะ”

“เหรอ ? บีทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอลูก”

“คับ พอทำได้นิดหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือเปล่า”

“ต้องอร่อยสิ ป้าเดาว่าคงต้องอร่อย ไม่งั้นบาสเขาคงไม่อ้วนขึ้นขนาดนี้”

พูดถึงตรงนี้ผมก็อดทึ่งสัญชาติญาณความเป็นแม่ของท่านไม่ได้ที่เห็นบาสเพียงแค่แวบเดียว ท่านก็ดูรู้ได้ทันทีว่าลูกของท่านอ้วนขึ้น ขณะที่ผมซึ่งอยู่กับบาสมาเกือบทั้งเดือนกลับเพิ่งสังเกตได้ในตอนนี้เองว่าบาสได้อ้วนขึ้นกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งแรกมากทีเดียว

“แต่จริงๆแล้วบาสก็ช่วยบีเขาทำด้วยนะ”

บาสรีบพูดอย่างภูมิใจ

“บาสเนี้ยนะ เข้าครัวทำกับข้าว”

แม่ของบาสพูดออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจสุดๆ

“ทำไมล่ะ ทำไมบาสจะทำไม่ได้ ช่างเหอะ แม่ไปอาบน้ำดีกว่า เสร็จแล้วจะได้ออกมาทานข้าวกัน เดี๋ยวบาสไปจัดโต๊ะไว้รอก่อน”

“อะไรนะจัดโต๊ะอาหารให้ด้วย เอ๊ะ บีเอายาผิดให้บาสเขากินหรือปล่าวลูก ทำไมบาสถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ เมื่อก่อนขนาดแม่จ้างให้เขาทำ เขายังไม่ยอมเลย”

“พอแล้วแม่ เลิกเอาลูกตัวเองมาประจานได้แล้ว บาสไม่ตลกด้วยแล้ว ไปกันเถอะบี”

พูดจบบาสก็จูงมือผมเข้าไปในครัว ในขณะที่ผมก็ได้แต่ทำสีหน้ายิ้มเจื่อนๆเพื่อขอตัวเดินออกมาแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าการพูดจาของแม่ลูกคู่นี้ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกันมากกว่าที่จะเป็นแม่ลูกกัน

ผมกับบาสช่วยกันจัดเตรียมอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ จนอีกสักพักแม่ของบาสก็ตามออกมาแล้วก็มานั่งทานอาหารร่วมกันโดยระหว่างนั้นท่านก็ได้แต่ชมรสชาติอาหารของผมไม่ขาดปาก ขณะที่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมื้อนั้นก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานเมื่อแม่ของบาสนำประสบการณ์ท่องเที่ยวฮาๆจากต่างประเทศมาเล่าให้พวกเราฟังเรื่องแล้วเรื่องเล่าจนบาสถึงกับหัวเราะจนท้องขดท้องแข็ง

ส่วนบาสเองก็เป็นฝ่ายเล่าเรื่องระหว่างที่ผมกับเขาอยู่ที่นี่ให้แม่ของเขาฟังบ้าง ซึ่งผมรู้สึกได้ว่าเขาเล่าเรื่องราวต่างๆไม่ยอมหยุด แถมยังเก็บรายละเอียดแทบจะทุกอย่างจนผมต้องคอยเบรกเขาเป็นระยะๆ

จนเมื่อพวกเราทุกคนทานอาหารเสร็จ ผมกับแม่ของบาสก็ช่วยกันล้างจานในครัว ในขณะที่บาสได้ออกไปดูทีวีรออยู่ด้านนอก

“บีทำยังไงนะ บาสของแม่ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”

“คับ บาสเขาเปลี่ยนไปเหรอ”

“เปลี่ยนสิ ถ้าบีมาเห็นตอนที่แม่กับบาสนั่งทานข้าวด้วยกันเมื่อก่อน บีอาจจะนึกว่าพวกเรากำลังนั่งสมาธิกันอยู่ เพราะมันเงียบมาก เวลาแม่เล่าเรื่องตลกให้เขาฟังทีไร บาสเขาก็ไม่เคยขำ ส่วนตัวเขาเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน ไม่ยอมเล่าอะไรให้แม่ฟังบ้างเลย แต่วันนี้พอมาเห็นเขาหัวเราะเสียงดังอย่างนี้ แม่ก็เลยรู้สึกดีใจมากเป็นพิเศษเลยรู้มั้ย”

“บีไม่ได้ทำอะไรหรอกคับ แต่วันนี้เรื่องที่คุณป้าเล่ามันตลกจริงๆนะคับ บียังอดหัวเราะไม่ได้เลย”

“ไม่หรอกจ๊ะ บาสเขาเพิ่งมาเปลี่ยนไปจริงๆ แม่ล่ะดีใจมากเลยรู้มั้ยที่ตัดสินใจให้บีมาดูแลเขา ขอบใจมากนะจ๊ะบี”

“ไม่หรอกคับ บีต่างหากล่ะครับที่ต้องขอบคุณที่คุณป้าทำให้บีได้มีช่วงเวลาดีๆแบบนี้”

“เอาล่ะๆ เลิกมาขอบคุณกันไปมาเสียที แล้วคราวหลังบีก็ห้ามเรียกแม่ว่าคุณป้าอีกนะ เรียกแม่ว่าแม่เถอะ เพราะตอนนี้แม่ก็รักบีเหมือนลูกแท้ๆเลยหรือรู้มั้ย”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากคับ”

ผมตอบแม่ของบาสไปด้วยความตื่นตัน และอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่แม่ของบาสท่านรักและเอ็นดูผมมากขนาดนี้ ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้เองทำให้ภายในคืนนั้น ผมได้เข้านอนและหลับไปอย่างมีความสุขเมื่อคิดว่าผมได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้แล้วจริงๆ

วันต่อมาหลังจากพวกเราทานมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ในช่วงสายๆ ผมก็เห็นแม่ของบาสเดินหอบไว้กวาดและไม้ถูพื้นมาอย่างพะรุงพะรังก่อนที่จะเดินมาถามผมว่า

“บาสเขาหลับไปแล้วใช้มั้ยลูก”

“ไม่แน่ใจนะคับ แต่บีว่าน่าจะหลับไปแล้วเพราะเห็นในห้องเงียบๆ ”

“งั้นก็ดี จะได้แอบไปลุยเสียที”

“แอบลุยอะไรเหรอครับ”

“ก็ลุยไปทำความสะอาดห้องวาดรูปของเขาน่ะสิ”

พูดจบแม่ของบาสก็ชี้บุ้ยชี้ใบ้ไปยังห้องที่ล็อคกุญแจตั้งแต่วันแรกที่ผมมาถึงที่นี่

“นั่นเป็นห้องวาดรูปของบาสเหรอคับ”

“ใช่จ๊ะ บียังไม่เคยเข้าไปดูสินะ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขาถึงหวงห้องนั้นนักหนา ไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลย แล้วเนี้ยตั้งแต่เขาป่วย ห้องนี้ก็ปิดตายมาตลอด สงสัยจะกลายเป็นรังหนูไปแล้วมั้ง”

“งั้นเดี๋ยวบีช่วยแล้วกันนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ แม่ให้บีมาดูแลบาสนะ ไม่ได้ให้มาเป็นคนใช้”

“ให้บีช่วยเถอะคับ บีก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน”

“เอางั้นเหรอจ๊ะ อืม ก็ได้ งั้นบี....โอ๊ย ตายจริง.!!!”

แม่ของบาสอุทานขึ้นมาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“มีอะไรเหรอคับ”

“แม่ลืมว่าแม่นัดคุยโทรศัพท์กับลูกค้าไว้ งั้นบีเอากุญแจนี่ไปเปิดห้อง เปิดหน้าต่างก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ตามไป”

“ได้คับ”

พูดจบผมก็รับกุญแจมาจากแม่ของบาสแล้วก็เดินไปที่ห้องปิดตายนั้นด้วยหัวใจระทึกเมื่อนึกถึงคำขู่ของบาส

“มันเป็นห้องอาถรรพ์น่ะ ถ้าบีลองเอาหูไปแนบที่ประตู บีจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นอีกครั้งผมก็อดขำออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงภาพของบาสที่ทำเสียงยานคางแกล้งผมว่า

“บีบีบีบีบบีบีบี มามามมามามา อยู่อยู่อยู่อยู่อยู่ ด้วยยยยยยยย กานนนนนน เถอะ.........”

ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยแล้วก็พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ทิ้งไป จากนั้นจึงตัดสินใจไขกุญแจห้อง

ในทันทีที่ประตูห้องถูกเปิด ผมก็เห็นเพียงความมืดอยู่ภายในเพราะหน้าต่างทุกบานถูกปิดไว้สนิท ผมจึงเดินอย่างกล้าๆกลัวๆไปเปิดหน้าต่างทีละบาน ๆ จนหน้าต่างทุกบานภายในห้องได้ถูกเปิดจนหมด ทำให้แสงแดดจากภายนอกได้ส่องเข้ามาจนทำให้ห้องนี้สว่างสดใสขึ้นมาในทันที

ในตอนนั้นผมอดยืนนิ่งเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามภายนอกไม่ได้เพราะจากห้องนี้ผมสามารถมองออกไปเห็นศาลาริมน้ำ คลองบางกอกน้อย และสวนดอกไม้หลังบ้านได้อย่างชัดเจน จนผมอดคิดไม่ได้ว่ามันช่างเป็นห้องที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสร้างสรรค์งานศิลปะ

ผมยืนชื่นชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกต่อไปอีกสักระยะ ผมก็ตัดสินหันหลังกลับมาในห้องเพื่อดูว่าสภาพห้องทำงานของบาสเป็นอย่างไรบ้าง

ในตอนนั้นเองที่เมื่อผมได้หันหลังกลับมา ผมก็ต้องพบกับความตกตะลึงอย่างที่สุดเมื่อผมเห็นภาพวาดที่ถูกแขวนไว้ทั่วห้องราว 10 – 15 ภาพ

ภาพเหล่านั้นเป็นภาพวาดสีน้ำของสถานที่ต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ๆ ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งห้องเรียนที่ผมเคยเรียน ห้องสมุด สวนป่าของโรงเรียน ร้านไอติมในโรงเรียน ทางเดินของอาคารเรียน สวนป่าของโรงเรียนที่เราเคยไปเข้าค่ายลูกเสือ ชมรมดนตรีสากล สนามฟุตบอล และชายทะเลที่ผม ทีม และบาสเคยไปเที่ยวด้วยกัน

แต่สิ่งที่ทำให้ผมถึงกับต้องยืนนิ่งอย่างตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือภาพทุกภาพมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ แต่น่าแปลกที่ไม่มีภาพไหนเลยที่จะเผยให้เห็นว่าเด็กผู้ชายคนนี้มีหน้าตาอย่างไร ในเมื่อภาพทุกภาพล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นว่า.....

เด็กผู้ชายคนนี้กำลังนั่งหรือไม่ก็ยืนหันหลังให้กับคนดู

ในตอนนั้นเอง ถึงแม้ผมจะไม่เห็นว่าเด็กที่อยู่ในภาพวาดสีน้ำเหล่านี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าเด็กผู้ชายคนนี้คือ....ผมเอง

เป็นเวลานานที่ผมได้แต่ยืนมองภาพวาดที่อยู่ตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเมื่อผมเริ่มเข้าใจความหมายของภาพวาดเหล่านี้ น้ำตาของผมก็เริ่มเอ่อท้นขึ้นมาท่วมเบ้าตาในทันที โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดของบาสที่ว่า

“บีเพิ่งรู้ตัวเหรอว่าตั้งแต่รู้จักกันมา.....บีไม่เคยหันมามองบาสเลย !!!!”

ผมยอมรับว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยสนใจผู้ชายคนนี้เลย ผมไม่เคยคิดจะหันไปมองเขา ผมไม่เคยคิดจะหันไปพูดคุยกับเขา ผมไม่เคยคิดจะไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา...

ดังนั้นสิ่งที่เขาเห็นเกี่ยวกับตัวผมจึงเป็นมุมมองจากด้านหลังเท่านั้น

ภาพทุกภาพแสดงให้ผมรู้ว่าเขาต้องแอบมองผมจากด้านหลังเวลาที่ผมนั่งเรียนในห้อง หรืออ่านหนังสือในห้องสมุด แอบมองผมจากด้านหลังเวลาที่ผมเดินจับมือไปไหนมาไหนกับทีม แอบมองผมจากด้านหลังเวลาที่ผมกำลังเล่นเครื่องดนตรีในชมรมดนตรีสากล แอบมองผมจากด้านหลังตอนที่ผมยืนกอดกับทีมอยู่ในสวนป่า หรือแม้กระทั่งแอบมองผมจากด้านหลังตอนที่ผมไปยืนเชียร์ทีมที่สนามฟุตบอล

จากนั้นผมค่อยๆเดินช้าๆไปยังภาพวาดชายทะเลที่มีผมยืนหันหลังเหมือนกำลังมองออกไปยังท้องทะเลสุดกว้างใหญ่

ภาพๆ นี้ถูกติดไว้ในจุดที่เด่นที่สุดของห้อง เหนือโต๊ะทำงานของบาส ราวกับว่าทุกครั้งที่เขาวาดรูป เขาก็ต้องการจะเห็นภาพๆนี้อยู่ในสายตาเสมอ

ผมจำได้ดีว่าที่ชายทะเลแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บาสตั้งใจจะมาเรียนศิลปะ และก็เป็นสถานที่ๆสำคัญที่สุดในความทรงจำของเขาเนื่องจากเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาได้โอบกอดผมไว้ในอ้อมแขน

แต่ถึงกระนั้น....ถึงแม้เขาจะได้มีโอกาสกอดผมแล้ว แต่เขาก็ทำได้แค่พียง......

.....โอบกอดผมจากด้านหลัง..และเป็นเพียงในฐานะของคนอื่น.....

ในตอนนั้นเองที่น้ำตาของผมได้ไหลลงมาอาบแก้มด้วยความสงสารผู้ชายคนนี้อย่างจับใจ เมื่อนึงถึงว่าเขาต้องเฝ้ามองผมจากด้านหลังด้วยความรู้สึกทุกข์ทนทรมานแค่ไหน จนกระทั่งผมได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินเข้ามาในห้อง ผมจึงค่อยๆหันหลังกลับไปจนมองเห็นบาสยืนอยู่ที่ริมประตู

“บาสพยายามแล้วบี แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงบาสก็นึกหน้าบีไม่ออก บาสไม่รู้ว่าดวงตาของบีเป็นยังไง จมูกของบีโด่งแค่ไหน หรือปากของบีมีลักษณะยังไง บาสนึกไม่ออกจริงๆ มีแต่ด้านหลังของบีที่บาสจำมันได้แทบจะทุกรายละเอียด ขอโทษนะบี บาสเคยบอกตัวเองว่าจะวาดรูปบีที่สวยที่สุด แต่บาสก็ทำได้แค่นี้ ทำได้แค่นี้จริงๆ”

บาสเริ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเมื่อเขาพูดจบเขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ส่วนผมก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา แล้วก็ไปยืนประชิดตัวอยู่ตรงหน้าบาส จากนั้นจึงบอกกับเขาว่า

“มองบีสิบาส ตาของบีเป็นแบบนี้ไง จมูกของบีก็เป็นแบบนี้ ปากของบีก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน มองบีให้เต็มตาสิบาส บีมาอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ตรงหน้าบาสนี่ไง”

หลังผมพูดจบบาสก็เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักอย่างท่วมท้นในขณะที่น้ำตาของเขาก็ยังคงไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย เขาค่อยๆเอาทั้ง 2 มือขึ้นมาลูบคลำส่วนต่างๆบนใบหน้าของผมอย่างสะเปะสะปะราวกับจะพิสูจน์ว่าผมมีตัวตนอยู่ตรงนี้จริงๆ

“บาสไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย บาสไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยบี”

“ไม่หรอก บาสไม่ได้อยู่ในความฝัน บีอยู่ตรงนี้จริงๆ อยู่ตรงหน้าบาสนี่ไง และจะไม่มีวันหันหลังให้บาสอีก”

พูดจบผมก็ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นไปประทับรอยจูบบนริมฝีปากของบาสด้วยความรักผู้ชายคนนี้อย่างสุดหัวใจ ในขณะที่แสงแดดอ่อนในยามเช้าได้ค่อยๆสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างมายังเราทั้งคู่ เสมือนดังแสงสว่างที่ถูกสาดส่องลงมาขับไล่ความมืดมนของหัวใจสองดวงที่ต่างบอบช้ำเพราะความรักให้ได้มีโอกาสพบรักใหม่

เป็นแสงสวรรค์ที่ทำให้ต้นรักของคนคู่หนึ่งได้ผลิดอกออกผลขึ้นมาในบรรณพิภพนี้เสียที

---------------------------------







หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 29-11-2006 21:09:22
ยินดีและซาบซึ้งใจ ที่พบกับความรักที่สวยงาม และมั่นคง ของนายบาส น่ะ :myeye: :impress2:
ซ่อนไว้   บอกใครไม่ได้
ท่าทีหัวใจ  ที่แอบไปรักเธอ
ห้ามใจ มิไปใฝ่เพ้อ กลับคิดถึงเธอ รักเธอมากทุกวัน.....
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Alert ที่ 29-11-2006 21:26:21
  อ่าจึ๋ย!!! จูบแล้วว...จูบแล้ววว
ให้มันได้งี้ดี๊    :haun5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Vasabi ที่ 29-11-2006 21:28:23
 :impress2:  เฮ้อ ลุ้นจนเหนื่อย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 29-11-2006 21:29:10
 :impress: โอ้วววววววววววววววววววววววววววซึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beta ที่ 29-11-2006 22:07:56
ว๊าว สนุกมากเลยครับ  มาต่อไวๆนะครับ อิอิ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-11-2006 09:37:51
อ่านแล้วยิ้มทั้งน้ำตา  :impress: ดีใจกับบาสจริง ๆ หลังจากหลงรักเขามา 8 ปี ในที่สุดก็มีวันนี้  :monkeysad:

 :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-11-2006 10:23:35
เศร้าจัง :confuse:


บีบหัวใจเหลือเกิน :impress:


แล้วมันจะเป็นยังงัยต่อไป :serius2:



พูห์  :onion_asleep:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 30-11-2006 11:03:37
เฮ้อหลังความสุขในวันนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่รึป่าวครับนี่


พอแระ ไม่คิดดีกว่า  :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 30-11-2006 12:30:22
เศร้านิดๆ   แต่โรแมนติกมากๆ   :impress:
ตอนนี้อ่านแล้วยิ้มจนหุบไม่ลงเลยครับ ^^ :impress2:
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุข    อยากให้เรื่องจบลงอย่างมีความสุขแบบนี้จัง :myeye:
คงต้องลุ้นให้มากขึ้นอีกเนอะ เผื่อมันจะมีอะไรเพิ่มเติมอีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 30-11-2006 12:32:39
ถึงพี่บลูฯ : อ่า ที่จิงก้อม่ะอยากรอไห้ถึงหน้าหนาวหรอกคับ แต่ถ้าเปนหน้าหนาว จะได้กอดไห้แน่นๆไง ฮี่ๆๆๆ  :kikkik:


และแล้ว...



สมาชิก Bass FC. ก้อสมหวัง

บีจูจุ๊บบาสแว้วววววววววววววววววววว (เฮ้~~~) :laugh: :laugh: :laugh: :interest: :interest: :interest: :impress2: :impress2: :impress2:


แต่แค่จุจุ๊บก้อม่ะได้หมายความว่าบีจะเปิดใจไห้บาสทั้งหมดนี่



ว๊า~ อย่างงี้ก้อต้องลุ้นอีกแล้วล่ะซิ เซ็งเป็ด!!! :seng2ped:



สงสารบาสมากๆเลยคับ เหนบีทุกคั้ง แต่ทุกคั้งก้อเปนแค่"ด้านหลัง" (เหมือนชีวิตผมยังงัยก้อไม่รุ เห้อออออ) :sad5: :sad5: :sad5:




รอพี่บลูฯมาโพสต๋ต่อน๊ะก๊าบบบบบบบบบบบบบ :-[






น้องเริมเอง ฮี่ๆๆๆๆ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 30-11-2006 16:30:06
“บาสพยายามแล้วบี แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงบาสก็นึกหน้าบีไม่ออก บาสไม่รู้ว่าดวงตาของบีเป็นยังไง จมูกของบีโด่งแค่ไหน หรือปากของบีมีลักษณะยังไง บาสนึกไม่ออกจริงๆ มีแต่ด้านหลังของบีที่บาสจำมันได้แทบจะทุกรายละเอียด ขอโทษนะบี บาสเคยบอกตัวเองว่าจะวาดรูปบีที่สวยที่สุด แต่บาสก็ทำได้แค่นี้ ทำได้แค่นี้จริงๆ”

ในที่สุดบาสก็ได้ทำตามสัญญาที่หั้ยไว้กับตัวเอง....เพื่อจะได้วาดรูปบี

................ถึงแม้จะเป็นแค่ข้างหลังก็ตาม.....................................

นับถือจิตใจผู้ชายคนนี้ที่ชื่อบาสจังเลย....................... :impress:



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 30-11-2006 19:19:23
เรื่องนี้ 5 ดาวตามที่นายเรย์พูดไว้จริง ๆ ครับ
แรก ๆ เกลียดบีมาก ๆ เลยบอกตามตรง แต่พอ
จะจบภาคแรก และอ่านภาค 2 มาได้นิดนึง ก็
สงสารบี จับใจเลยครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-11-2006 19:22:41
 ผมคงจะตอบเพื่อนๆไม่ค่อยไหวแล้วนะครับ
เพราะตอนนี้งานยุ่งมากๆ
แต่ผมก็อ่านและขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะครับ

และแล้วก็มาถึงตอนที่ทุกคนรอคอย
 :monkeysad:
*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 16 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
---------------------------------------

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมเคยคิดอยู่เสมอว่าในชีวิตนี้ผมคงไม่อาจรักใครได้อีก ชีวิตของผมคงถูกพันธนาการไว้ด้วยความรักที่มีต่อทีมอย่างไม่มีวันหลุดพ้น

แต่แล้ววันนี้ผมก็ได้พบกับคนที่สามารถเอาชนะกำแพงอันแน่นหนาที่ผมสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองจากความรักที่เจ็บปวดได้ ซึ่งผมก็เองไม่อยากจะเชื่อว่าคนๆนั้นจะเป็น......บาส

ในตอนนี้ผมไม่มีความสงสัยหรือลังเลใจแม้แต่น้อยว่าทำไมผมถึงต้องมอบหัวใจให้กับผู้ชายคนนี้ ในเมื่อบาสได้ทำสิ่งต่างๆมากมายที่ทำให้ผมได้รู้ว่าความรักอันบริสุทธิ์และทุ่มเทที่เขามีให้ผมนั้นเป็นความรักที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลยจริงๆ

ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าผู้ชายอย่างบาสนี่ล่ะย่อมไม่มีวันทำให้ผมเจ็บปวด

ขณะนั้นเองที่ผมและบาสต่างกำลังยืนจูบกันด้วยความนุ่มละมุน เสียงแม่ของบาสที่กำลังบ่นอะไรทำนองว่าลูกค้าเรื่องมากที่ใกล้เข้ามา ได้ทำให้ผมกับบาสผละออกจากกันในทันที และเมื่อแม่ของบาสเข้ามาถึงห้อง ท่านก็ทักบาสอย่างแปลกใจว่า

“อ้าว แกยังไม่ได้หลับอยู่เหรอ”

ในตอนนั้นเอง ทันทีที่ได้ยินแม่ถามออกมาอย่างนั้น บาสก็แกล้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นหงุดหงิดแล้วเริ่มโวยวายขึ้นมาทันที

“แม่...บาสบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับห้องทำงานของบาส นี่จะฉวยโอกาสตอนที่บาสนอนหลับเหรอ”

“ก็แหม แกเล่นปิดตายห้องนี้มาเป็นเดือน แม่ก็กลัวว่ามันจะกลายเป็นรังหนูเสียก่อน แม่ก็เลยรีบเข้ามาทำความสะอาด ทำไมเหรอ ห้องนี้มันมีอะไรกันนักกันหนาถึงได้หวงมันนัก”

ในตอนนั้นผมเห็นบาสแอบหันไปมองภาพวาดตัวผมที่ติดไว้ทั่วห้องนิดนึงก่อนจะตอบแม่เขากลับไปว่า

“มันก็ไม่มีอะไรหรอกแต่บาสไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามในห้องทำงานของบาส”

“นี่ ยังไงชั้นก็เป็นเจ้าของบ้านนี้อยู่นะย่ะ ชั้นจะทำอะไรกับห้องไหนก็ได้ แล้วห้องนี้ชั้นก็เข้ามาทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ แกอย่ามาเรื่องมากเลย รีบไปนอนเถอะ เดี๋ยวแม่กับบีจัดการเอง”

“อ้อ เรื่องนี้ด้วย ทำไมแม่ต้องใช้บีมาทำงานนี้ด้วย เขาไม่ใช่คนใช้นะ”

“แหม ไอ้ลูกคนนี้ ทีแม่ทำงานหลังขดหลังแข็งไม่เห็นจะเป็นห่วงอย่างนี้บ้างเลย ทีบีเขาต้องทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็รีบโวยวายแทนเชียวนะ”

หลังคำพูดของแม่ของบาส เขาก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็เฉไฉทำเป็นพูดออกมาว่า
“ก็เขาเป็นแขกนี่ บาสไม่อยากเป็นเจ้าบ้านที่ไม่ดี”

“ไม่เป็นไรหรอกบาส บีอาสาแม่เขาทำเองแหละ บีอยากช่วย”

ผมรีบออกตัวเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้อาจจะบานปลายกลายเป็นศึกสายเลือดได้

“เห็นมั้ยล่ะ แม่ไม่ได้ใช้เขาเสียหน่อย แกน่ะไปได้แล้วเกะกะ”

“ไปเถอะบาส เดี๋ยวบีกับคุณแม่ช่วยกันทำเอง”

ผมช่วยแม่บาสพูดอีกแรง

“ก็ได้ งั้นบาสไปนอนก่อนนะ แต่ไม่ต้องทำเยอะหรอก เดี๋ยวเหนื่อยเสียปล่าวๆ ไปนะ”

พูดจบบาสก็เดินกระโผลกกะเผลกหันหลังกลับไปนอนที่ห้อง

“ดูสิบี ทีแม่พูดจนปากเปียกปากแฉะ มันยังไม่ยอมไป ทีบีพูดประโยคเดียว มันก็เดินไปตามคำสั่งแล้ว เฮ้อ ไอ้ลูกคนนี้”

หลังคำพูดนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มเขินๆให้แม่ของบาสเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปได้ แต่ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มนึกขึ้นได้ว่าถ้าแม่ของบาสเคยเข้ามาทำสะอาดห้องนี้หลายครั้งแล้ว ท่านก็ย่อมเคยเห็นภาพวาดทั้งหมดนี้มาก่อนแล้ว

แล้วท่านจะรู้หรือไม่ว่า...นั่นคือภาพวาดของผม

“เอ่อ คุณป้า เอ๊ย คุณแม่เคยเข้ามาห้องนี้บ่อยเหรอคับ”

ผมตัดสินใจแอบถามอ้อมๆ เผื่อท่านจะเผลอพูดอะไรออกมาบ้าง

“ใช่จ๊ะ ทำไมเหรอ”

“คือ...แล้วคุณแม่เห็น.....เอ่อ...”

“รูปพวกนี้น่ะเหรอ”

แม่ของบาสตอบผมมาอย่างรู้ทัน

“คะ..คับ”

“เห็นสิ เห็นมานานมากแล้วล่ะ ตอนแรกๆแม่ก็สงสัย แม่เคยคิดว่ามันอาจจะเป็นแนวศิลปะแบบใหม่ที่บาสเขาชอบ แต่ยิ่งดูรูปพวกนี้ทีไร แม่ก็ยิ่งคิดว่ามันไม่น่าจะใช่ โดยเฉพาะเมื่อคนที่อยู่ในรูปพวกนี้เป็นคนๆเดียวกันทั้งหมด แม่ก็เลยเดาว่ารูปพวกนี้คงมีความพิเศษกับบาสกว่านั้น มีหลายครั้งเลยล่ะที่แม่แอบเห็นบาสเขามายืนมองรูปพวกนี้ครั้งละนานๆ เหมือนกำลังคิดถึงใครสักคน จนกระทั่ง....”

“จนกระทั่งอะไรเหรอคับ”

“จนกระทั่งแม่ได้พบกับบีที่ศิริราชวันนั้น ถึงบีจะโตขึ้นมาก แต่แค่เห็นบีแวบแรก โดยเฉพาะได้เห็นปฏิกิริยาของบาส แม่ก็รู้ได้ในทันทีว่าคนในรูปพวกนี้คงเป็นบีแน่นอนที่สุด แม่ก็เลยตัดสินใจยกเลิกนางพยาบาลที่แม่จ้างเขาไว้ แล้วก็ขอให้บีมาดูแลบาสแทนไงจ๊ะ”

“อะไรนะครับ แม่จ้างพยาบาลดูแลบาสไว้แล้วเหรอ”

“ใช่สิจ๊ะ อย่าลืมสิว่าแม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศคืนนั้นนะ แม่คงไม่ใจร้ายขนาดไม่หาใครไว้ให้มาดูแลลูกชายคนเดียวของตัวเองหรอก”

คำตอบนี้ได้ทำให้ผมถึงกับตกตะลึงเมื่อรู้ว่าการที่ผมได้มาอยู่ใกล้ชิดกับบาสเกือบเดือนนี้เป็นความตั้งใจของแม่ของบาสมาตั้งแต่ต้นแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มเอะใจถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา

“งั้นเรื่องที่คุณแม่อยากจะเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้ ????”

“อ๋อ มิน่าล่ะ บาสเขาถึงเคยเล่าว่าบีน่ะฉลาด ใช่จ๊ะ แม่ตั้งใจ แม่รู้จักลูกของแม่ดีว่าเขาไม่มีวันพาบีเข้ามาในห้องนี้ แต่แม่กลับคิดว่าห้องนี้เป็นห้องที่บีควรจะเข้ามาดูมากที่สุดของบ้าน บีจะได้รู้ว่าเขารักบีมากแค่ไหน”

“คุณแม่ !!!”

ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจและสงสัยที่ท่านพูดคำว่า “เขารักบีมากแค่ไหน” ออกมาราวกับมันเป็นความรักปกติธรรมดาของหนุ่มสาว แต่แม่ของบาสเขาก็ย้ำให้ผมได้ยินชัดๆอีกครั้งว่า

“ใช่จ๊ะ แม่รู้ว่าบาสเขารักบี”

หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ผมก็อดคิดไม่ได้ว่ายิ่งคุยกับผู้หญิงคนนี้ ผมก็ยิ่งทำตัวลำบากมากขึ้นทุกทีเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีความคิดแตกต่างกับแม่คนๆอื่นอย่างสิ้นเชิงที่สามารถพูดเรื่องที่ลูกชายของตัวเองตกหลุมรักผู้ชายด้วยกันออกมาอย่างหน้าตาเฉย

“แล้วคุณแม่ไม่รู้สึกอะไรเหรอที่บาสเค้าเป็น.......เกย์”

“อืม แรกๆแม่ก็ตกใจเหมือนกันนะ แต่มาคิดอีกที มันก็ไม่เห็นแปลก ไม่ว่าลูกของแม่จะเป็นอะไร แม่ก็แค่อยากเห็นเขาเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข เพราะจริงๆแล้วแม่เองก็ผิดที่ไม่เคยมีเวลาให้เขาเลย ตั้งแต่พ่อเขาตายจากไป แม่ก็ต้องเอาแต่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวจนไม่มีเวลาไปสนใจบาสเลย ทั้งๆที่แม่รู้มาตลอดว่าบาสเขาทั้งเหงา ทั้งว้าเหว่ แต่ถ้าแม่ไม่ทำอย่างนั้น ลำพังแม่คนเดียวก็คงจะพาครอบครัวไม่รอด”

“แต่ฐานะของคุณแม่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่ครับ”

ผมรีบถามด้วยความสงสัยเพราะคนที่มีบ้านและทรัพย์สมบัติอย่างที่ผมเห็นในบ้านหลังนี้ก็คงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีความเป็นอยู่อัตคัต

“นั่นมันภาพที่บีเห็นในวันนี้จ๊ะ บาสเขาคงไม่เคยเล่าให้บีฟังล่ะสิ ว่าตอนแรกเราลำบากกันมาก เพราะจริงๆแล้วพ่อของบาสเขาพาแม่หนีตั้งแต่สมัยสาวๆ แม่ก็เลยโดนตัดขาดจากครอบครัวมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วหลังจากนั้นแม่ก็ต้องติดสอยห้อยตามพ่อของบาสซึ่งเป็นตำรวจไปจังหวัดนั้นที จังหวัดนี้ที แต่บีรู้มั้ยลูก ตอนนั้นถึงครอบครัวเราจะลำบากมาก แต่แม่ก็มีความสุขที่สุดเลย เพราะแม่ได้อยู่กับคนที่แม่รักและเขาก็รักแม่ น่าเสียดายที่พ่อของบาสเขาอายุสั้น ไม่งั้นเราคงจะเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากกว่านี้ แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้แม่บอกกับตัวเองเสมอว่าแม่จะไม่มีวันขัดขวางความสุขของลูก ไม่ว่าความสุขนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม”

“บาสเขาโชคดีมากเลยคับที่มีแม่อย่างนี้”

“ไม่จริงหรอกจ๊ะ แม่ที่วันๆ เอาแต่บ้างานจนไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างแม่คงรับคำชมนั้นไว้ไม่ได้ แม่ว่าบาสเขาโชคดีมากกว่าที่มารักคนแบบลูกบี”

“ไม่จริงหรอกคับ จริงๆแล้วบีเป็นคนที่แย่มากๆ”

“อย่าถ่อมตัวไปเลยน่า บาสเขาไม่ตาถั่วหรอกแม่เชื่อ แล้วแม่เองก็ดูคนไม่ผิดด้วย เอ่อ แต่บีจ๊ะ แม่ขออะไรอย่างนึงได้มั้ย”

“อะไรเหรอคับ”

“อย่าทิ้งบาสนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าทิ้งเขานะ”

หลังคำขอนี้ผมก็ได้แต่พยักหน้าเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นกับแม่ของบาส พลางคิดในใจว่าด้วยความรักอย่างมากมายของคนในครอบครัวนี้ที่มีต่อผม มันจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมต้องทิ้งความสุขแบบนี้ไป

ในช่วงเช้าวันนั้นผมกับแม่ของบาสก็ช่วยกันทำความสะอาดห้องทำงานของบาสจนเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นเราก็มีกิจกรรมต่างๆทำร่วมกันอีกมากมายจนเวลา 1 วันนั้นได้หมดลงไปอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งช่วงค่ำแม่ของบาสได้ขอตัวออกไปงานเลี้ยงแล้วแจ้งกับพวกเราว่าคงจะกลับมาช่วงดึกๆ ส่วนผมก็ได้เข้าไปส่งบาสในห้องนอน

“นี่...จนป่านนี้แล้วยังเดินมานอนเองไม่ได้เหรอ”

ผมแกล้งทำเป็นบ่นๆกับเขาหลังจากที่พาบาสเดินมานอนที่เตียงตามคำขอร้อง

“ก็บาสก็ไม่หายดีนี่”

“อย่าเว่อร์น่า ถึงจะยังไม่หายดี แต่แค่เดินมานอนแค่เนี้ย บาสทำเองก็ได้นี่”

“น่าช่วยบาสหน่อยไม่ได้หรือไง ยังไงบาสก็ไม่ได้ให้บีทำฟรีๆซะหน่อย”

“ทำไมเหรอ มีค่าจ้างให้ด้วยเหรอ”

ผมแกล้งทำเป็นดีอกดีใจ

“อย่างกไปหน่อยเลยน่ะ ไม่ใช่เงินหรอก แต่เป็นบันทึกฉบับนี้ไง”

พูดจบบาสก็ชูบันทึกฉบับหนึ่งขึ้นมา

“แค่นี้เองอ่ะ”

“นี่...บันทึกฉบับนี้มันไม่ธรรมดานะ”

“ไม่ธรรมดายังไง บีก็เห็นมันเหมือนๆกับฉบับอื่นๆแหละ”

“ไม่เหมือนหรอก เพราะบันทึกฉบับนี้จะเป็นฉบับสุดท้ายแล้ว”

“อะไรนะ ฉบับสุดท้ายแล้วเหรอ”

“ใช่สิ อยากได้ใช่ม๊า”

“อืม แต่เสียดายจังนะ กำลังติดเชียว”

“นี่ ให้ความสำคัญกับมันหน่อยได้มั้ย นี่มันเป็นบันทึกของบาสนะ ไม่ใช่นวนิยายสักหน่อย”

“ไม่ใช่ก็เกือบคล้ายแหละ เขียนซะเว่อร์เชียว แต่ยังไงก็ชอบใจนะ ไปละ”

พูดจบผมก็คว้าบันทึกในมือบาสแล้วรีบเดินออกไป แต่บาสกลับเรียกตัวผมไว้

“เดี๋ยวบี จะไปไหน”

“อ้าว ก็ไปนอนสิ”

“บาสยังพูดไม่จบเลย”

“อ้าว มีอะไรอีกล่ะ”

“บีอ่านบันทึกฉบับนี้ที่นี่นะ อ่านให้บาสฟังด้วย”

“ทำไมบีต้องอ่านให้บาสฟังด้วยล่ะ”

ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“เถอะน่า บาสอยากฟัง เหมือนเล่านิทานก่อนนอนไง”

“ไม่เอาอ่ะ บีไม่อ่านหรอก”

ผมรีบปฏิเสธเพราะผมรู้ดีว่าที่ผ่านมาข้อความในบันทึกมักจะเรื่องราวที่ทำให้ผมต้องอ่านไป เขินไป อย่างเก็บอาการไม่อยู่แน่

“เถอะนะ บาสขอร้อง ขอแค่ครั้งเดียว อ่านให้บาสฟังด้วยนะ”

หลังคำขอของบาสผมก็ได้แต่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนอย่างจริงจังของบาสผมจึงยอมตอบตกลง

“ก็ได้ แค่อ่านใช่มั้ย”

“ใช่แค่อ่านก็พอ”

บาสรีบตอบกลับมาอย่างดีใจ

เมื่อตกลงใจแล้วว่าผมจะอ่านบันทึกฉบับนี้ให้บาสฟังด้วย ผมจึงเดินไปลากเก้าอี้จากโต๊ะเขียนหนังสือมานั่งลงข้างๆบาสแล้วก็ค่อยๆเปิดซองบันทึกขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อนบี”

อยู่ดีๆ บาสเขาก็ทักผมขึ้นมา

“อะไรอีกล่ะ”

ผมถามเขาถ้วยความรำคาญเพราะตอนนี้ใจผมก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

“บีรักบาสหรือเปล่า”

“อะไรนะ”

“บีรักบาสมั้ย”

“มาถามอะไรเอาตอนนี้เล่า....ไม่รู้สิ”

ผมแกล้งทำเป็นเฉไฉเพราะรู้สึกกระดากใจจริงๆที่จะตอบว่า...ผมรักเขา

“อืม ช่างเถอะ บีอ่านเถอะ บาสรอฟังอยู่”

“นี่ ตกลงจะเอาไงกันแน่ บีงงแล้วนะ”

“ไม่มีอะไรหรอก บาสแค่....ช่างเถอะ อ่านซะทีซิ บาสรอฟังอยู่นะ”

“ประสาทหรือเปล่าเนี้ย”

ผมอดบ่นออกมาอย่างเสียไม่ได้กับพฤติกรรมผีเข้าผีออกของบาสแล้วก็เริ่มเปิดบันทึกออกมา

ในตอนนั้นเอง ก่อนที่ผมจะคลี่แผ่นกระดาษในมืออกมาจนหมด ผมก็เริ่มมีความคิดที่ว่าบางทีสิ่งที่อยู่ในมือผมตอนนี้อาจจะไม่ใช่บันทึก

มันอาจจะเป็นจดหมายรักที่เขาตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อผม แล้วก็ให้ผมเอามาอ่านให้เขาฟังอีกทีหนึ่ง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ผมก็พยายามเตือนสติตัวเองว่าผมต้องเก็บอาการเอาไว้ให้ดี ในขณะที่เริ่มคลี่กระดาษในมือออกมาอ่าน แต่แค่บรรทัดแรกผมก็รู้ได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่จดหมายรัก

“ 4 กันยายน 2541”

วันที่ 4 กันยายน 2541 บอกให้ผมรู้ว่าบันทึกฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนนั้นผมคงกำลังเรียนชั้น ม. 3 และช่วงต้นเดือนกันยายนก็น่าจะเป็นช่วงที่พวกเรากำลังปิดเทอม 1

ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มนึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนั้นเอง เป็นช่วงที่ทีมและบาสกำลังเรียนพิเศษอยู่ที่กรุงเทพ !!!!

ความจริงที่ผมเพิ่งนึกขึ้นได้นี้ทำให้ผมรีบก้มลงอ่านบันทึกในมือทันทีด้วยความรู้สึกบางอย่าง

------------------------------------

คืนนี้เป็นคืนที่ผมเขียนบันทึกฉบับนี้ด้วยความรู้สึกรังเกียจตัวเองเหลือเกิน เมื่อผมได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตไปเสียแล้ว

เมื่อคืนวานนี้ ผม ทีม และเพื่อนๆที่มาด้วยกันได้ตั้งวงกินเหล้าเพื่อเลี้ยงส่งตัวเองในคืนสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ

ในวงเหล้าพวกเราได้พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆมากมายระหว่างที่พวกเราได้มาเรียนกวดวิชากันที่นี่ ก่อนที่จะไปจบกันที่เรื่อง.. “ผู้หญิง”

ต่างคนต่างสารภาพออกมากลางวงเหล้าว่าใครได้แอบชอบเพื่อนผู้หญิงคนไหนในระหว่างเรียนกวดวิชาบ้าง

จนไอ้โจ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเราได้สารภาพว่ามันชอบ “เกรซ” เพื่อนโรงเรียนเดียวกันที่บังเอิญมาเรียนกวดวิชาในห้องเดียวกับพวกเราด้วย แต่มันก็ออกตัวว่ามันคงจีบเกรซไม่ติดเพราะเกรซเป็นผู้หญิงที่แทบจะเรียกได้ว่า “เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ” เนื่องจากเกรซเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวย และน่ารัก แถมยังมีคุณพ่อเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัด ขณะที่แม่ก็เป็นอาจารย์โรงเรียนสตรีชื่อดัง

ในตอนนั้นเองที่ไอ้โจมันบอกว่าถ้ามันรูปหล่อและมีพ่อเป็นข้าราชการใหญ่ในจังหวัดอย่างไอ้ทีม มันก็คงจะจีบเกรซติดแน่ๆ มันจึงถามไอ้ทีมว่าไม่คิดจะจีบเกรซมาเป็นแฟนหรือ

หลังคำถามของไอ้โจ ทีมมันก็รีบปฏิเสธอย่างแข็งขันว่ามันมีบีอยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่คิดจะจีบใครอีก

คำตอบของไอ้ทีมได้ทำให้เพื่อนๆพากันแปลกใจแล้วก็ถามมันไปตรงๆว่าคนรูปหล่ออย่างมันคิดจะมีเมียเป็นผู้ชายจริงๆเหรอ

ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าเสียดายถ้ามันจะทำอย่างนั้นจริงๆ

แต่ไอ้ทีมกลับยืนกรานอย่างหนักแน่นว่ามันรักบีมาก และถ้าเป็นไปได้มันก็คงใช้ชีวิตร่วมกันกับบีในอนาคตไม่ว่าพ่อของมันจะว่ายังไง แถมยังคุยอย่างมั่นอกมั่นใจว่า

.....ไม่มีใครจะทำลายความรักอันมั่นคงที่มันมีต่อบีได้

ในตอนนั้นเองที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอิจฉา ความเมา หรือผีห่าซาตานตนใดเข้าสิง ผมจึงมีความคิดขึ้นมาว่า....

....ผมนี่แหละจะเป็นคนทำลายความรักอันมั่นคงนั้นด้วยตัวของผมเอง

ผมจึงแกล้งพูดใส่ร้ายบีกับมันว่าบีไม่คู่ควรกับมันหรอก เพราะลับหลังมันแล้ว บีก็ไม่เคยรักมันเลย โดยเฉพาะก่อนที่จะมากรุงเทพ ผมได้โกหกมันไปว่าเจซึ่งเป็นเพื่อนกะเทยของบีได้เคยมาเล่าให้ผมฟังว่าบีเคยเอามันไปนินทาในกลุ่มเพื่อนว่า...

…สมองหมาปัญญาควายอย่างมัน ไปเรียนกวดวิชาก็เท่านั้น โง่แล้วยังอวดฉลาด สงสารก็แต่พ่อแม่ที่ต้องเสียตังค์ให้กับคนโง่อย่างมันมาเรียนไกลถึงกรุงเทพ ก่อนที่จะทิ้งท้ายอย่างเจ็บแสบว่า

“อย่างนี้มันโง่กันทั้งบ้าน”

-------------------------------------------

หลังจากอ่านประโยคนี้จบลง ผมก็ได้แต่หยุดนิ่งไปด้วยความตกตะลึงเมื่อบันทึกที่ผมเพิ่งอ่านไปได้ทำให้ผมได้รับคำตอบว่า......

คนที่ผมเฝ้าตามหามาตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี

คนที่ทำลายทั้งความรักและชีวิตของผมให้พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีก็คือผู้ชายคนนี้

ผู้ชายที่ชื่อว่า....บาส

แล้วเขาเอาเรื่องนี้มาบอกผมทำไม

เขานำบันทึกฉบับนี้มาให้ผมอ่านทำไม...ในวันที่ผมได้มอบหัวใจให้กับเขาไปหมดแล้ว

ในตอนนั้นผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองบาสอย่างเจ็บปวดด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่กำลังนอนทอดสายตาขึ้นมองเพดานอย่างเลื่อนลอยเบื้องหน้าผมนั้นคือคนที่ทำลายความรักและเกือบจะทำลายชีวิตของผมด้วย

“หยุดอ่านทำไมล่ะ มันยังไม่จบเลยนี่”

บาสพูดขึ้นมาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นผมเอาแต่นิ่งเงียบจ้องมองเขาอยู่พักใหญ่ ซึ่งคำพูดนึ้ได้ทำให้ผมไม่อยากจะเชื่อว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บาสยังมีกะใจให้ผมอ่านต่อไปอีกหรือ

ในบันทึกฉบับนี้มันยังมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าสิ่งที่ผมได้อ่านผ่านตาไปแล้วอย่างนั้นหรือ

แม้ใจหนึ่งผมไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว แต่อีกใจผมก็อดไม่ได้ที่อยากจะรู้ว่าทำไมบาสถึงอยากให้ผมอ่านบันทึกนี้ต่อไป ผมจึงค่อยๆก้มลงอ่านต่อ

------------------------------------------------

……หลังคำพูดของผม แม้ทีมจะมีท่าทีลังเล แต่มันก็ยืนกรานว่ามันไม่เชื่อ

มันไม่เชื่อว่าบีจะพูดอย่างนั้น

ท่าทีเชื่อใจบีอย่างหนักแน่นของไอ้ทีมนี้ไม่ได้ทำให้ผมสงสัยเลย เพราะหากแค่คำพูดเพียงประโยคเดียวนี้จะสามารถสั่นคลอนความรักอันมั่นคงที่มันมีต่อบีได้ มันก็คงเป็นเรื่องที่แปลกมาก

ดังนั้นผมจึงตัดสินใจโจมตีมันในจุดที่ผมรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่มันอ่อนไหวมากที่สุด นั่นก็คือเรื่องของการ “นอกใจ”

ผมจึงได้บอกกับมันไปว่าผมกับบีได้แอบมีอะไรกันแล้ว

ผมย้ำกับมันว่า...“เรากำลังมีเมียคนเดียวกัน”

ดูเหมือนผมจะโจมตีจุดอ่อนของมันได้ผลเพราะทันทีที่ผมพูดจบ ไอ้ทีมก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่มันก็ยังปากแข็งว่ามันไม่เชื่อ

แม้มันจะยืนกรานอย่างนั้นแต่ผมก็รู้ดีว่าจิตใจของมันตอนนี้คงกำลังสับสนเป็นอย่างมากเพราะที่ผ่านมาผมได้แสดงบทบาทว่าเป็นคนที่สนับสนุนความรักของมันกับบีมาโดยตลอด

ดังนั้นคำพูดของเพื่อนสนิทที่หวังดีกับมันเสมอมาอย่างผมจึงย่อมทำให้มันหวั่นไหวได้แน่

ไอ้ทีมมันทำท่าจะลุกขึ้นแล้วบอกว่ามันจะไปโทรศัพท์หาบีเพื่อถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง แต่ในตอนนั้นเองที่ไอ้ม่อน เพื่อนอีกคนหนึ่งในกลุ่มของเราได้พูดออกมาว่า

“มึงไม่ต้องไปหรอก เรื่องทั้งหมดที่ไอ้บาสพูด มันเป็นเรื่องจริง”

ในตอนนั้นทั้งผมและทีมต่างหันไปมองไอ้ม่อนเป็นตาเดียว โดยเฉพาะผมซึ่งกำลังประหลาดใจมากที่ไอ้ม่อนมันพูดออกมาอย่างนั้น ในเมื่อผมกับมันไม่เคยนัดแนะเรื่องนี้กันมาก่อน

แต่แล้วผมก็ได้ความกระจ่างเมื่อไอ้ม่อนมันเล่าว่าในคืนที่พวกเราเลี้ยงส่งตัวเองมาเรียนพิเศษที่กรุงเทพนั้น มันได้ขับรถจักรยานยนต์ตามผมกับบีมาโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยเนื่องจากบ้านของมันอยู่ในเส้นทางนั้นเหมือนกัน

มันบอกว่าเมื่อมันเห็นผมพาบีเลี้ยวเข้าไปในสวนสาธารณะ ด้วยความสงสัย มันจึงแอบเลี้ยวตามพวกเราเข้าไปด้วยจนไปเห็นว่าผมกับบีกำลังยืนกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่จะพากันขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปซึ่งมันเดาว่าพวกเราคงไปมีอะไรกันต่อที่บ้านของผม

มันสารภาพว่าจริงๆแล้วมันอยากจะบอกเรื่องนี้กับไอ้ทีมมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะมันเห็นผมกับไอ้ทีมเป็นเพื่อนสนิทกัน มันจึงไม่อยากให้พวกเราต้องผิดใจกันเพราะเรื่องแค่นี้

ในตอนนั้นคำบอกเล่าของมันทำให้ผมถึงกับหน้าซีดเพราะมันเป็นเรื่องเล่าที่เกินจริงไปอย่างมาก

ผมเชื่อว่าด้วยความมืดในสวนสาธารณะ และระยะห่างที่มันใช้แอบดูผมกับบีย่อมทำให้มันไม่มีทางเห็นว่าจริงๆแล้วผมกับบีกำลังทำอะไรกัน ดังนั้นสิ่งที่มันเล่าจึงเป็นเพียงแค่การคาดเดาจากภาพที่มันเห็นลางๆในความมืดเท่านั้น

แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของคนที่ไม่มีส่วนได้ ส่วนเสียอย่างมันจะมีน้ำหนักเป็นอย่างมากเพราะก่อนที่ผมจะทันตั้งตัว ไอ้ทีมก็กระโจนเข้ามาต่อยผมอย่างเต็มแรงพร้อมๆกับสารพัดคำด่าที่มันจะสรรหามาได้

ส่วนตัวผมเองด้วยความเมาและความโกรธที่มันเป็นคนที่แย่งบีไปจากผม ผมจึงต่อยโต้ตอบมันไปเหมือนกัน ขณะที่ปากก็ได้แต่พร่ำด่าว่าคนอย่างมันไม่คู่ควรกับบีเลยสักนิด

พวกเราต่างตะลุมบอนเข้าใส่กันจนเพื่อนๆ มาช่วยกันแยกพวกเราออกจากกันได้ในที่สุด

ในตอนนั้นไอ้ทีมได้มองผมด้วยสายตาเคียดแค้นไปพร้อมๆ กับน้ำตาที่ไหลลงมานองหน้า ก่อนที่จะพูดกับผมด้วยความเจ็บปวดว่า

“ไอ้เฮี้ย กูอุตส่าห์รักมึง กูอุตส่าห์เชื่อใจมึง แล้วมึงทำอย่างนี้ได้ไง มึงทรยศเพื่อนอย่างกูได้ยังไง"

พูดจบไอ้ทีมก็วิ่งออกไปข้างนอกแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลยตลอดทั้งคืน

ส่วนผมเมื่อได้สติ ผมก็รู้ตัวว่าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไปแล้ว ในคืนนั้นผมจึงได้แต่รอไอ้ทีมมันตลอดทั้งคืนเพื่อต้องการจะแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่ตัวเองได้ทำไว้

จนกระทั่งในตอนเช้าไอ้ทีมก็กลับมาที่ห้องด้วยดวงตาที่บวมช้ำเหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาตลอดทั้งคืน

ภาพของไอ้ทีมในตอนนั้นทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่า....นี่ไม่ใช่ทีมคนเดิมที่ผมรู้จักอีกต่อไปแล้ว

เพราะทีมคนนี้มีแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง และความแค้นที่สุมแน่นอยู่ในอก แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว ผมจึงพยายามเข้าไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกับมัน

ผมยอมรับว่าผมไม่สนใจหรอกว่าไอ้ทีมมันจะโกรธหรือเกลียดผมหรือไม่ แต่คนๆเดียวที่ผมเป็นห่วงก็คือบี

บีซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เลย

ผมจึงพยายามขอร้องมัน ขอร้องให้มันเชื่อว่าบีไม่ได้เป็นอย่างที่ผมหรือไอ้ม่อนมันพูด

แต่ในตอนนั้นผมไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ายิ่งผมพยายามแก้ตัวให้บีเท่าไหร่ มันก็เหมือนผมยิ่งพยายามปกป้องบีเท่านั้น จนไอ้ทีมมันอดถามผมไม่ได้ว่า

“มึงรักบีใช่มั้ย”

หลังคำถามของมัน ผมก็ได้แต่คิดว่าเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงป่วยการที่ผมจะโกหกมันต่อไป ผมจึงสารภาพไปตามตรงว่า...ใช่ ผมรักบี ผมรักบีมาตั้งแต่เมื่อแรกเห็น ผมรักบีมาก่อนมันด้วยซ้ำ

หลังคำตอบของผม ไอ้ทีมค่อยๆ หลับตาลงอย่างปวดร้าวแล้วก็เดินหนีผมไป

ผมจึงพยายามไปฉุดรั้งมันไว้แล้วก็พยายามเตือนสติให้มันเห็นแก่บี

ผมรู้ดีว่ามันยังรักบีอยู่ ถึงมันจะโกรธ ถึงมันจะเข้าใจผิด แต่ผมก็รู้ดีว่ามันยังรักบีอยู่แน่ๆ

ผมจึงพยายามย้ำให้มันรู้ใจตัวเองด้วยการถามมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า....มันจะเลิกกับบีจริงๆเหรอ มันไม่รัก ไม่แคร์บีแล้วเหรอ

ในตอนนั้นเองที่ไอ้ทีมค่อยๆหันกลับมามองผมด้วยสายตาเย็นชา แล้วก็พูดกับผมว่า

“กูจะต้องไปแคร์ทำไม กะอีแค่....กะหรี่ใจแตกตัวนึง”

------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beta ที่ 30-11-2006 20:50:22
บาสทำทุกอย่างเพื่อความรักจริงๆ นับถือๆ

สนุกๆ มาต่อไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 30-11-2006 21:09:30
อึ้งๆๆๆๆๆๆ :pigscare2:      ทำไรไม่ถูก  มาต่อด่วนครับ     :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 30-11-2006 21:32:42
โธ่ อย่าบอกนะว่าทีมเห็นแก่บาส
รักสามเศร้า เฮ้อออ.. :monkeysad:

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อแล้วนะเนี่ย :like2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 30-11-2006 21:41:40
เฮ้อ...........วันนี้เศร้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 30-11-2006 21:50:23
กะอยู่แล้วเชียว....บาสน่ะบาส ...ฮึ่ม.....
บีเกือบจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว จะรู้บ้างไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 30-11-2006 21:53:32
...  :monkeysad:

.

..

...

....

.....
ยังไงก็ยังรักบาสเหมือนเดิม  :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 30-11-2006 22:31:13
 :oกระอักเลย  บาสนะบาส  ทำกันได้  :3125:
เศร้าจริงๆ   บีน่าสงสารที่สุดเลยกับเรื่องนี้ :sad4:

ว่าแต่นายม่อนนั่นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่เนี่ย   ถึงยกเมฆมาอ้าง  หรืออยากเห็นเพื่อนฆ่ากันตายเหรอ
เด๋วอีกหน่อยนายม่อนคงจะเป็นนายม่องแล้วล่ะ :amen:

ตอนนี้เชียร์แต่บีคนเดียว :ped149:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 30-11-2006 23:00:07
โห........ทำไปได้ :sad5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 30-11-2006 23:33:07
ทำไมถึงเปนอย่างนี้ไปได้ล่ะคับทั่นผุ้ชมมมมมมมมมมมมมมม



บาส(ของป๋ม)ทำเรื่องแบบนั้นไปได้ไงอ๊ะ
(บาสเปนของแกตั้งแต่ม่ะไหร่ว๊ะ แสรดดดด*)


ก้อเข้าจัยนะคับ ว่าอยากได้บีมาครอบครอง แต่ทำไมต้องทำถึงขนาดต้องโกหกกันด้วย
ไม่เข้าจัยเลยจริงๆ



โอย ไม่รุจะเม้นท์ว่ารัยแล้วค๊าบบบบบบบ




พี่บลูฯมาต่อไวๆนะคับ
รออ่านอยุ่นะก๊าบบบบบบบบบบบบ








ปล. อยุ่ในโหมดความเส้าอีกแล้วววววววววววววววว  :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 01-12-2006 01:26:46
 :sad5:พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ตามจริงก็คิดไว้แล้วหละว่ามันต้องเป็นแบบนี้

อุตสาห์คิดว่ามันจะไม่มีอะไรแล้วเชียว เหอะเหอะ มาต่อดีกว่าคับ ขอทำใจก่อน
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 01-12-2006 06:24:56
ว่าแล้วเชียว ว่าต้องเป็นบาส ที่ทำให้บีกะทีมเลิกกัน
แต่ทีมก็ไม่เชื่อใจบีเอาซะเลย เฮ้อ............เอาละซิ ยิ่ง
แม่ของบาสบอกบีว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบีอย่าทิ้งบาสนะลูก
บี...เอ่ย ทั้งอิจฉาทั้งสงสารนายจัง...
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-12-2006 08:53:05
กะไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นบาส  :try2: เลยไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ แต่แปลกใจที่บาสยอมสารภาพเองมากกว่า (ได้ใจอีกแล้ว)

หุหุ ตอนหน้าคงเป็นศึกในอกของบีแน่ ๆ ระหว่างความรักกับความแค้น  :haun5: จะทำยังไงละครับท่านผู้ชม

ขอประกาศไว้ตรงนี้เลย ยังไงก็เชียร์บาส  :yeb: ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าบีจะคิดยังไง ก็ไม่เลิกเชียร์เด็ดขาด  :laugh:

บาสเคยพูดในภาค 1 ว่า "ความรักที่ไม่รู้จักกับคำว่า “ให้อภัย” มันจะยังเรียกว่าความรักได้เหรอ”  :impress:

หวังว่าคำว่าให้อภัยคงไม่มาสายเกินไปสำหรับบาสนะ  :impress:
 
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 01-12-2006 09:20:45
ใครเป็นบีไม่กระอักเลือดก็แปลกล่ะคับ  :monkeysad:

จะเกลียดก็เกลียดไม่ลง

จะรักต่อ ก็แหม สิ่งที่บาสทำมันใช่ย่อยซะที่ไหนล่ะ เกือบฆ่าตัวตายแล้วด้วยซ้ำ

เป็นผมก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน  :monkeysad2:

เฮ้อ เศร้า เครียด ไปเบียร์การ์เด้นท์ดีก่า   :serius2:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-12-2006 11:13:12
บาสทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก...............แต่บางสิ่งที่เขาคิดว่าทำเพื่อคนที่เขารัก

มันกลับมาทำร้ายคนที่เขารักเอง..................นี่แหละหนอ..........

.................................ความรัก...............................................

หวังว่าเขาจะเอาอดีตมาเป็นบทเรียนแต่ไม่ใช่ตัดสินอนาคตตอนนี้นะ :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-12-2006 11:18:15
ฟ้าผ่ากลางแดดจริงๆ

พูห์  :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-12-2006 12:55:35
ในที่สุดบาสก็สารภาพความจริงซะที  กะอยู่เหมือนกันว่าบาสคงสารภาพซักวัน แล้วบีก็คงได้อ่านจากบันทึกนั่นแหละ 
ฮือ ฮือ  สงสารหมดเลย  บาส บี ทีม  ทำไมมันรันทดกันขนาดนี้เนี่ย   ฮือ ฮือ  :monkeysad:
แต่ยังไงก็รักบาสอยู่เหมือนเคย  ก็คนมันรักไปแล้วนี่นา  ไม่เปลี่ยนแปลง  อดีตแก้ไขไม่ได้  แต่ทำปัจจุบันให้ดีได้น้า  เศร้าแทน   :impress3:

รอคุณบลูเหมือนเดิม  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: nzeed ที่ 01-12-2006 14:01:35
เสียดายจัง คืนนี้ ต้องเดินทางไป ดอย แล้ว อดอ่านไปอีกหลายวันเลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 01-12-2006 15:04:30
วันนี้มาให้เร็วหน่อยละกันนะวันนี้ เอิ้กๆ
ยังไม่อยากกล่าวอะไร ทุกสิ่งถูกบอกไว้ในเนื้อเรื่องอย่างชัดเจน
*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 17 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
---------------------------------------

บทสรุปของทีมที่มองผมเป็น “กระหรี่ใจแตก” ทำให้ผมรู้สึกอ่อนแรงลงอย่างไม่รู้สาเหตุจนกระดาษที่อยู่ในมือถึงกับร่วงหล่นลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ

ผมเพิ่งมาเข้าใจตอนนี้เองว่าทำไมหลังจากที่ทีมกลับมาจากกรุงเทพ เขาถึงมีสายตาที่ทั้งเมินเฉย และเคียดแค้นผมนักหนา

ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า....ทำไมเขาถึงพยายามพูดจาเหน็บแหนม ประชดประชันเหมือนจงใจให้ผมได้รับความอับอายและเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา

ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า....ทำไมผมจึงแอบเห็นร่องรอยความเจ็บปวดอยู่ในแววตาที่เคียดแค้นชิงชังคู่นั้น

ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า....ทำไมเขาจึงทิ้งผม

ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเลยในเมื่อผมเองก็รู้ดีเท่าๆกับบาสว่าจุดอ่อนที่สุดของทีมก็คือ...การถูกนอกใจ

ผมยังจำได้ดีว่าเพียงแค่เขารู้ว่าผมแอบโทรศัพท์คุยกับกอล์ฟ เขาก็บันดารโทสะถึงขั้นกล้าตบหน้าผม

แต่เหตุการณ์คราวนี้มันหนักหนากว่ากันมากนัก เพราะผมไม่เพียงแต่นอกใจเขา แต่ผมกลับแอบไปมีอะไรกับผู้ชายซึ่งเป็น “เพื่อนรักที่สุด” ของเขาเอง

ความจริงที่ผมได้รับรู้นี้ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่ามีใครมากระชากหัวใจของผมออกไปโดยที่ผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืน

ผมอดถามตัวเองไม่ได้ว่าผมทำกรรมอะไรไว้หรือ ทำไมความโหดร้ายแห่งโชคชะตาถึงได้ถาโถมโหมกระหน่ำซ้ำเติมผมครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ยอมหยุดหย่อน

ครั้งที่แล้ว....การสูญเสียรักครั้งแรกก็เกือบจะนำพาชีวิตของผมให้ดับดิ้นไปด้วย แต่ในครั้งนี้..พอผมเปิดใจให้ตัวเองได้มีรักใหม่อีกครั้ง ผมก็กลับมาหลงรักผู้ชายที่ทำลายความรักครั้งแรกของผมให้พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี

ทั้งหมดนี้เป็นลิขิตของฟ้าอย่างนั้นหรือ

ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของโชคชะตาอย่างนั้นหรือ

ใช่สินะ มันคงจะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าฟ้าจะเมตตาผมบ้าง ท่านก็ควรปล่อยให้ผมได้ตายไปตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเองไปแล้ว

ท่านไม่น่าปล่อยให้ผมมีชีวิตอยู่รอดมาถึงวันนี้เลย

ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งเจ็บปวด เจ็บปวดจนกระทั่งอยากจะล้มลงขาดใจตายเสียตรงนี้

แต่น่าแปลกที่แม้ว่าผมจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ผมก็กลับไม่มีน้ำตาไหลลงมาแม้แต่สักนิด

ราวกับว่าน้ำตาทุกหยาดหยดที่มี มันได้ไหลทวนกลับเข้าไปในหัวใจที่แตกสลายนั้นอย่างที่ผมไม่มีวันจะระบายออกมาได้

ถ้าหากผมได้รับรู้ความจริงก่อนหน้านี้ ผมก็คงตีโพยตีพาย ก่นด่าบาสอย่างแสบสันต์หรือแม้กระทั่งถ้าผมมีมีดสักเล่มในมือ ผมก็คงไม่ลังเลที่จะใช้มีดเล่มนั้นฆ่าผู้ชายคนนี้ให้หายแค้น

แต่ตอนนี้ผมกลับทำอย่างนั้นไม่ได้

ผมไม่มีวันจะลงมือฆ่า หรือแม้กระทั่งก่นด่าผู้ชายคนนี้ได้

จะให้ผมทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้ชายคนนี้คือ....คนที่ผมได้มอบความรักให้เขาจนหมดใจเสียแล้ว

ในตอนนั้นผมจึงได้แต่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองบาสด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก จนเห็นบาสกำลังนอนสะอึกสะอื้นด้วยน้ำตาที่ไหลลงมานองหน้า ขณะที่สายตานั้นกำลังจ้องมองเพดานอย่างเลื่อนลอย

ผมนั่งมองผู้ชายที่นอนอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก สายตาก็ได้แต่จ้องมองบาสไปอย่างนั้นโดยไม่ได้แม้แต่จะพูดอะไรออกมา จนกระทั่งบาสเริ่มร้องไห้หนักขึ้น

เมื่อเห็นอย่างนั้น ผมจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนเหมือนคนไร้วิญญาณแล้วก็หันหลังเดินจากเขามาช้า ๆ แต่ก่อนที่ผมจะไปถึงประตูห้อง บาสก็รีบวิ่งมานอนกอดเท้าผมไว้แน่นเพื่อฉุดรั้งไม่ให้ผมเดินต่อ จากนั้นก็เริ่มซบหน้าร้องไห้ลงบนเท้าผม

“บาสขอโทษบี บาสขอโทษ อย่าทิ้งบาสไปนะ อย่าทิ้งบาสไปนะ บาสขอร้อง ฮืออออๆๆๆๆๆ”

แม้จะได้ยินบาสร้องขออย่างนั้น ผมก็พยายามจะลากตัวเองออกไปแต่มันก็ทำไม่ได้เพราะบาสยังคงซบหน้าร้องไห้อยู่บนเท้าข้างหนึ่งของผมแล้วก็กอดขาข้างนั้นไว้แน่น

“บาสไม่ตั้งใจบี บาสไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้ บาสทำไปเพราะบาสรักบีนะ บาสรักบีจริงๆนะ ฮือๆๆๆๆๆๆ”

ในตอนนั้นเองเมื่อได้ยินคำว่า “รัก” จากปากของบาส ผมก็หยุดนิ่งแล้วก็ค่อยๆก้มลงไปมองผู้ชายที่กำลังซบหน้าร้องไห้อยู่บนเท้าของผมอย่างสมเพช แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึกว่า

“รักเหรอ บาสเรียกสิ่งที่บาสทำว่าความรักงั้นเหรอ งั้นบาสรู้มั้ยว่าความรักของบาสทำให้บีต้องเจ็บปวดแค่ไหน บาส รู้มั้ยว่าความรักของบาสทำให้บีต้องนอนร้องไห้ทุกวันคืน บาสรู้มั้ยว่าความรักของบาสทำให้บีไม่มีความสุขอีกเลยมาตลอดระเวลา 5 ปี บาสรู้มั้ยว่าความรักของบาสเกือบทำให้บีฆ่าตัวตาย ถ้าบาสเรียกสิ่งนั้นว่าความรัก.....ความรักของบาสมันเป็นแบบนี้เหรอ ”

หลังผมพูดจบน้ำตาที่ผมเคยคิดว่ามันคงจะไม่ไหลลงมาอีกแล้ว ก็กลับไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ในขณะที่บาสก็ค่อยๆปล่อยมือจากขาของผมแล้วก็ซบหน้าหน้าลงร้องไห้อย่างหนักกับพื้นแทนเสมือนเป็นสัญญาณว่าเขาได้ยอมรับชะตากรรมนี้แล้ว เขาได้ยอมปล่อยผมไปแล้ว ผมจึงค่อยๆเดินออกมา แล้วก็ไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้ากลับไปหอพักเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก

เมื่อกลับมาถึงหอพัก ผมก็เริ่มร้องไห้อย่างหนักเพื่อระบายความทุกข์ระทมทั้งหมดที่มี

เป็นเวลานานแค่ไหนไม่รู้ที่ผมได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างนั้นโดยหยุดร้องไม่ได้

ถ้าการได้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมทีมถึงได้เลิกกับผมจะถือเป็นความจริงที่โหดร้ายแล้ว

การได้รู้ว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากผู้ชายอีกคนที่ผมได้รักเขาสุดหัวใจเช่นกันก็นับเป็นความโหดร้ายยิ่งกว่า

เพราะถึงตอนนี้ไม่ว่าผมจะเคียดแค้นชิงชังต่อการกระทำของเขามากแค่ไหน ผมก็เกลียดเขาไม่ลง โดยเฉพาะเมื่อรับรู้ถึงความจริงที่ว่า....เขารักผม

มันก็เป็นความจริงที่ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้

ผู้ชายคนนี้ได้เคยทำอะไรมากมายเพื่อผมจริงๆ นี่กระมังถึงมีคนได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า

“โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุด ก็คือโศกนาฏกรรมที่ถูกกระทำในนามของ...ความรัก”

นอกจากนั้นถ้ามองอย่างเป็นธรรมแล้ว ทีมเองก็ผิดที่เขาไม่เชื่อใจผม ส่วนผมเองก็ทำตัวไม่ดีกับทีมมาตลอด ทั้งเรื่องของกอล์ฟ หรือ พี่ปอนด์

มันจึงไม่แปลกเลยที่ทีมเขาจะไม่เชื่อใจผม

ในที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็คงเป็นความผิดของเราทั้ง 3 คน

ในคืนนั้นผมยังคงร้องไห้ต่อไปตลอดทั้งคืนอย่างน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างผมไม่ควรคู่ที่จะเกิดมาเพื่อมี... “รัก”...จริงๆ

จนกระทั่งราวๆ เที่ยวคืน เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทั้งอ่อนล้า และปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งจมูกและเบ้าตาผมจึงพยายามฝืนพาตัวเองขึ้นไปบนนอนบนเตียงแล้วก็พยายามข่มตาให้หลับ

เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ด้วยความเพลีย สติของผมก็เริ่มเลือนรางลงเรื่อยๆ แต่ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้นเองที่ผมได้ฝันไปว่าบาสได้เข้ามาหาผมที่ห้องแล้วก็พูดกับผมว่า

“บาสขอโทษนะบี บาสขอโทษ บาสรักบีจริงๆนะ”

คำพูดนี้ของบาสได้ทำให้ผมละเมอเรียกชื่อเขาออกมาอย่างไม่รู้ตัว มันเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์มือถือของผมกำลังดังขึ้นอย่างไม่ยอมหยุด และมันก็ได้ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาทันที

ผมเหลือบไปมองนาฬิกาซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนสิบนาทีแล้ว ผมจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าใครกันที่โทรศัพท์มาหาผมในเวลาดึกดื่นอย่างนี้

คนแรกที่ผมพอจะนึกได้ในเวลาอย่างนี้ก็คือบาสเพราะผมคิดว่าเขาคงพยายามจะโทรมาง้อ มาขอโทษผม

ผมจึงได้แต่มองโทรศัพท์มือถือดังไปอย่างนั้นโดยไม่สนใจจะลุกไปรับสาย แต่เมื่อเห็นว่าเสียงโทรศัพท์ยังคงดังไม่ยอมหยุด ผมจึงตัดสินใจเดินไปเพื่อจะปิดเครื่อง แต่ในตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นว่าเบอร์โทรศัพท์ที่โทร. มานั้นเป็นเบอร์ 02 ซึ่งเป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเคยเลย

“สวัสดีครับ”

ผมตัดสินใจรับสายเพราะเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น

“ใช่ ผมชื่อบีครับ”

“เอ่อ ระ รู้จักครับ”

ผมตอบคำถามปลายสายไปอย่างตะกุกตะกักเมื่อเขาถามว่าผมรู้จักคนที่ชื่อ อัษฎาวุธ เมธีภูวดล หรือไม่ พลางอดถามตัวเองไม่ได้ว่าคนที่อยู่ปลายสายเป็นใครกัน

ทำไมเขาถึงต้องถามว่าผมรู้จัก...บาส...หรือไม่

แต่ไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น คำอธิบายจากปลายสายก็ต้องทำให้ผมตกใจอย่างสุดชีวิต แล้วก็รีบวางสายก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสตางค์วิ่งออกไปจากห้องในทันที

ผมรีบวิ่งลงมาด้านล่างอย่างไม่คิดชีวิต แล้วก็รีบเรียกรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาลพระรามเก้าอย่างกระวนกระวาย เมื่อได้รู้ว่าบาสเพิ่งประสบอุบัติเหตุขับรถชนราวสะพานบริเวณถนนพระรามเก้า

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอธิบายว่าเขาพบเบอร์โทรและชื่อของผมอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของบาส พวกเขาจึงรีบโทร.มาหาผมเป็นคนแรกเด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพื่อแจ้งให้ผมรู้ว่าตอนนี้บาสกำลังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู และอยากให้ผมรีบไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด

แม้ในตอนนั้น คนขับรถแท็กซี่จะพยายามขับไปด้วยความเร็วสูงสุดแล้ว แต่สำหรับผม มันก็ยังถือว่าช้ามากเมื่อคิดถึงว่าอาการของบาสคงจะไม่ธรรมดาในเมื่อเขาต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู

ที่สำคัญผมยังจำเสียงจากปลายสายเมื่อกี้ได้ดีว่าเขาดูร้อนรนแค่ไหนที่อยากให้ผมไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

ขณะอยู่ภายในรถแท็กซี่ ผมก็ได้แต่นั่งอย่างกระสับกระส่ายราวกับทุกวินาทีที่ผ่านไป มันกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า

ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้บาสเป็นอะไรไปเลย

ในขณะที่อีกใจผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาขี่มอเตอร์ไซด์ออกมาจากบ้านทำไมกัน ในเมื่อข้อเท้าของเขาก็ยังไม่หายดี

ที่สำคัญเขากำลังจะไปไหน

จากจุดที่เขาประสบอุบัติเหตุทำให้ผมรู้ได้อย่างหนึ่งว่าเขาไม่ได้ตั้งใจมาหาผมเพราะเขาประสบอุบัติเหตุบนถนนพระรามเก้า ในขณะที่หอพักของผมอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งมันอยู่กันคนละทาง

เขากำลังจะไปไหน เขาออกมาจากบ้านทำไมทั้งๆ ที่ข้อเท้าของเขายังไม่หายดี

ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มโทษตัวเอง

ผมไม่น่าออกจากบ้านมาเลย ผมไม่น่าทิ้งบาสไว้เลย

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเหมือนจะเป็นบ้า จนกระทั่งราวๆ เกือบตี 1 ผมก็มาถึงโรงพยาบาล

หลังจากจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยแล้วผมก็รีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วถ่ามไถ่ถึงที่อยู่ของห้องไอซียู จากนั้นผมก็รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปที่ห้องนั้นให้เร็วที่สุด

แต่เมื่อผมไปยืนอยู่หน้าห้องไอซียู บรรยากาศรอบตัวก็ทำให้ผมยื่นงงอย่างตัวสั่นเพราะความเงียบสงบ....มันเงียบจนน่าใจหาย

ที่สำคัญภายในห้องไอซียูนั้นก็ดับไฟจนมืดสนิทแล้วทั้งๆที่มันควรจะมีแสงสว่างและเสียงคนทำงานอย่างขะมักเขม้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น

แม้ผมจะยืนตัวสั่นด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงถึงสิ่งที่คิดอยู่ใจ แต่ผมก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า

“บาสอาจจะอาการดีขึ้นแล้ว เขาก็เลยย้ายบาสไปห้องผู้ป่วยทั่วไป”

ในตอนนั้นเองที่เสียงเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งได้ปลุกผมให้เลิกคิดถึงบาสแล้วหันไปสนใจเธอในทันที

“เป็นญาติของคุณอัษฎาวุธหรือเปล่าค่ะ” นางพยาบาลวัยกลางคนคนหนึ่งถามผม

“ชะ ใช่ครับ”

“งั้นเชิญทางนี้ค่ะ คุณหมอกำลังคอยอยู่”

พูดจบนางพยาบาลคนนั้นก็นำผมไปห้องอีกห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกัน และเมื่อผมได้เข้าไปในห้อง ผมก็ได้พบกับคุณหมอรูปร่างท้วมๆท่านหนึ่งกำลังนั่งคอยผมอยู่จริงๆ

“สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ”

ผมค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ตามคำสั่งของหมอราวกับเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีสติพอจะคิดหรือทำอะไรด้วยตัวเองได้อีกแล้ว

“เป็นญาติของคุณ อัษฎาวุธ เมธีภูวดล ใช่มั้ยครับ”

หมอคนนั้นถามผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบในขณะที่ถือบัตรประชาชนของบาสอยู่ในมือ

“คะ ครับ” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“เอ่อ คือตอนที่ผู้ป่วยมาถึงที่นี่ เขาก็อาการหนักมากครับ โดยเฉพาะอวัยวะภาย.......”

ในตอนนั้นผมรู้ว่าหมอกำลังพยายามอธิบายอะไรอีกมากมายเพื่อให้ผมรู้ว่าบาสอาการหนักแค่ไหนเมื่อมาถึงมือหมอแต่ผมกลับไม่สามารถจับใจความได้เลย เพราะตอนนี้ทั้งหู ทั้งสมองของผมมันอื้ออึงจนผมแทบจะตั้งสติไม่อยู่

ผมไม่อยากจะรู้ว่าบาสเขามีอาการยังไงเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ผมแค่อยากรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ดูเหมือนคำพูดของหมอเมื่อสักครู่จะเป็นการบอกใบ้เป็นนัยๆ ถึงอาการของบาส ผมจึงตัดสินใจถามหมอไปตรงๆ

“หมายความว่าบาส....เขา.....เขา….”

ผมพยายามถามให้จบประโยคแต่ปากมันไม่ยอมพูดคำๆนั้นออกมา

เมื่อเห็นอาการอึกอักของผม ในตอนนั้นเองที่คุณหมอได้ตัดสินใจตอบผมมาตรงๆโดยไม้อ้อมค้อม

“ใช่ครับ คนไข้เสียชีวิตแล้ว เมื่อราวสักเที่ยงคืน 15 นาที”

คำตอบของหมอทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังพังทลายลงตรงหน้า

นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือ

ผมเพิ่งได้ยินว่า....บาสตายแล้วหรือ

บาสได้จากผมไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับแล้วอย่างนั้นหรือ

เมื่อรับรู้ถึงความจริงนี้ผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความรู้สึกผิด

เป็นความรู้สึกผิดที่ว่าถ้าผมไม่ทิ้งเขา ถ้าผมไม่เดินจากเขามา.....บาสก็คงไม่ตาย

ความรู้สึกที่ว่าผมเป็นต้นเหตุให้บาสต้องตายทำให้ผมร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างหนักเหมือนคนเสียสติจนนางพยาบาลและคุณหมอต่างต้องช่วยกันเข้ามาปลอบโยน จนสักพักเมื่อผมเริ่มตั้งสติได้ผมจึงขอคนทั้งคู่ที่จะไปดูศพของบาส

ในตอนแรกทั้งคู่ต่างพยายามปฏิเสธโดยเฉพาะเมื่อเห็นอาการฟูมฟายของผมเมื่อครู่ แต่เมื่อผมรบเร้าหนักเข้าคุณหมอก็เลยอนุญาตในที่สุด จากนั้นก็บอกให้นางพยาบาลพาผมไปที่ห้องๆหนึ่ง

เมื่อแรกเข้าไปในห้องนี้ สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้ก็คือความหนาวเหน็บไปจนสุดขั้วหัวใจ ในขณะที่สายตาของผมก็เห็นร่างของคนๆหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเหล็กที่วางไว้กลางห้องอย่างสงบ

“ขอผมอยู่กับเขาสองคนได้มั้ยครับ”

ผมบอกกับนางพยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหลังซึ่งมีท่าทีเหมือนจะมายืนเฝ้าให้แน่ใจว่าผมปลอดภัยและไม่ตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ

“แต่ว่า....”

“ผมไม่ฆ่าตัวตายหรอก ผมขอบอกลากับเขาแค่สองคนได้มั้ย”

หลังคำพูดนี้น้ำตาของผมก็เริ่มไหลลงมาอีกครั้งเมื่อนึงถึงคำว่า... “บอกลา”

“งั้นก็ได้ค่ะ แต่คุณต้องพยายามทำใจหน่อยนะค่ะ ยังไงเขาก็จากเราไปแล้ว”

นางพยาบาลคนนั้นพูดเตือนสติผม แล้วก็เดินออกไป

“ทำใจเหรอ จะให้ผมทำใจยังไงล่ะ ร่างที่นอนนิ่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ตาสี ตาสาที่ไหนนะ เขาคือคนที่ผมรัก แล้วผมจะทำใจยังไงให้ยอมรับได้ล่ะว่าคนที่ผมรักนั้นได้จากผมไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ”

ผมรำพึงกับตัวเองอย่างเจ็บปวด แล้วก็ค่อยๆ เดินไปเปิดผ้าคลุมหน้าศพของบาสจนเห็นได้ว่าใบหน้าของบาสตอนนี้ แม้จะดูขาวซีด แต่เขาก็เหมือนคนกำลังนอนหลับสนิทเช่นเดียวกับตอนที่เขาเคยนอนหนุนตักผมในห้องรับแขก

ในตอนนั้นเองที่ผมมองใบหน้านั้นด้วยความรักแล้วก็ยิ้มออกมาเหมือนคนเสียสติ

“ตื่นสิบาส บาสแกล้งหลับใช่มั้ย บาสแกล้งบีใช่มั้ย บาสอยากให้บีหายโกรธก็เลยแกล้งทำเป็นหลับใช่มั้ย ตื่นสิบาส บีไม่โกรธบาสแล้วน๊า ตื่นสิ ตื่นสิบาส”

ผมมองใบหน้าที่ยังคงแน่นิ่งนั้นด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่น้ำตาก็เริ่มไหลลงมานองหน้าอย่างห้ามไม่ได้ แล้วก็เริ่มฟูมฟายอีกครั้งเหมือนคนบ้า

“ตื่นสิบาส อย่าเล่นอย่างนี้นะ จะให้บีทำยังไง บาสถึงจะยอมตื่น จะให้บีทำยังไง ฮือๆๆๆๆๆๆๆ”

“บาสเคยขอให้บีร้องเพลงให้ฟังใช่มั้ย งั้นถ้าบีร้องเพลงบาสต้องตื่นนะ สัญญานะ บีจะร้องเพลงที่บาสชอบ แล้วบาสต้องตื่นนะ”

“Wise men say ….

only fools rush in

But I can’t help …..

falling in love……

with ………you……..”

“ตื่นสิบาส ตื่น...อย่าทิ้งบีไปนะบาส ฮือๆๆๆๆๆๆๆ”

ผมซบหน้าลงร้องไห้อย่างเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อร่างกายที่แน่นิ่งของบาสได้เตือนให้ผมรู้ว่าเขาได้จากผมไปแล้วจริงๆ

เขาได้จากผมไปแล้วโดยที่ผมยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดในสิ่งที่ผมอยากจะบอกเขาเสมอมา

แต่วันนี้เมื่อผมพร้อมจะพูดกับเขา มันก็สายไปเสียแล้ว

“บีรักบาสนะได้ยินมั้ย บีรักบาส ฮือๆๆๆๆๆ ตื่นมาฟังสิบาส บีรักบาส บีรักบาส บีรักบาส ได้ยินมั้ย ฮือๆๆๆๆ บีขอร้องนะ ขอร้องเถอะบาส อย่าทิ้งบีไปนะ อย่าทิ้งบีไปเลย ได้โปรดเถอะบาส อย่าทิ้งบีไป อย่าทิ้งบีให้อยู่คนเดียว บีรักบาสนะ รักบาสจริงๆ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ผมพยายามเขย่าตัวบาสแล้วก็ร้องไห้อย่างหนักราวกับคิดว่าการกระทำอย่างนั้นจะทำให้บาสฟื้นขึ้นมาจริง

แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า ร่างกายที่เย็นจัดและไร้ลมหายใจของบาสก็ทำให้ผมต้องยอมรับอย่างเจ็บปวดว่าแม้ผมจะพร่ำบอกรักเขาไปอีกสักกี่หมื่นกี่แสนครั้ง ร่างที่นอนแน่นิ่งอย่างสงบนั้นก็ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้

ผมได้เสียบาสไปแล้ว เหมือนกับที่ผมเคยเสียทีมไป

ในค่ำคืนนั้นจึงเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ผมได้แต่กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส

แต่น่าเสียดาย....ที่มันก็เหมือนกับเมื่อครั้งก่อนโน้นนั่นแหละ

ที่เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานนี้ ...มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้น.....

...........ที่ได้ยิน............

---------------------------------


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-12-2006 15:15:44
หนูบลู

โหดร้ายมาก

ทำไมละครับ


เจ็บปวด


ไม่ไหวแล้ว


 :monkeysad:


 :monkeysad2:


 :impress3:


 :monkeycry4:



หนูบลูใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-12-2006 15:39:23
ใจร้ายยยยยยยยยยยยยย  ไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงง  :serius2:

ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมแม้แต่คำว่ารัก บาสก็ไม่มีโอกาสได้ยิน ใจร้ายเกินไปแล้ว  :monkeysad:  :monkeysad:

ทำไมต้องให้บาสอยู่กับความผิดของตัวเองจนวาระสุดท้าย

รักครั้งสุดท้ายกลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว สำหรับบีแล้วมันอาจจะมาสาย แต่ก็ยังมาหาบี

สำหรับบาส เขาคงไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่าเขาได้ความรักจากบีแล้ว

ไม่ไหวแล้ว :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 01-12-2006 15:44:08

“โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุด ก็คือโศกนาฏกรรมที่ถูกกระทำในนามของ...ความรัก”

โฮๆๆ..................

ไม่ไหวแล้วอะ

ทำไมล่ะ? ..................... ทำไมกันนะ......

เศร้า....






ปล.สงสัยเราจะมองว่าทีมเป็นคนดีไปหน่อย ลืมไปว่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง (จะบอกว่างี่เง่า ก็กัวจะแรงไป)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Alert ที่ 01-12-2006 15:47:41
   ไม่มีอะไรจะพูด



 :sad5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 01-12-2006 15:59:05
โอย กรรม 


น้ำตาไหลเลยอะ


คนเราอะไรมันจะขนาดนั้นนะ

เฮ้อ พูดไม่ออกแล้วครับ  :pigcry3: :pigcry3: :pigcry3: :pigcry3: :pigcry3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 01-12-2006 16:05:26
“โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุด ก็คือโศกนาฏกรรมที่ถูกกระทำในนามของ...ความรัก”

ชอบประโยคนี้เหมือนกัน  โหดร้ายมากๆ  :impress:


คนที่บอกรักโดยที่คนฟังไม่มีโอกาสรับรู้แล้ว มันก็คงเจ็บปวดมากๆเลยอ่ะ  :monkeysad:

โอ๊ว ไม่ไหวแล้ว..  :monkeycry4: :pigcry3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 01-12-2006 16:13:12
บ้างคนโหยหาความรักมาตลอดชีวิต....ยังไม่เคยเจอรักนั้นสักที
แต่บี...กลับได้รับความรักจากคนหลายคนที่เข้ามาหลงรักบี...
แต่...หลายคน นั้นกลับแข่งกันที่จะเป็นที่รัก...ของบี เท่านั้น
ไม่มีสักคนที่จะแข่งกันรัก เพื่อคนที่เขารัก....ไม่มีสักคน....เพื่อบี...ผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-12-2006 17:02:26

“โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุด ก็คือโศกนาฏกรรมที่ถูกกระทำในนามของ...ความรัก”


ความสุขจากความรักมันมักจะอยู่กับเราได้ไม่นานจิงๆ.............

และตอนจบมันก็มักจะจบด้วยโศกนาฏกรรมเสมอ.......................... :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-12-2006 18:14:06
เศร้า  ใจร้ายมาก ๆ เลย  ทำร้ายจิตใจเรา   :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad2:  :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tamkub ที่ 01-12-2006 19:22:43
เศร้าเนอะคับ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 01-12-2006 21:20:58
 :monkeysad: 


 :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 01-12-2006 21:39:29
shock ไปเลย :serius2:

ไม่เอา ไม่เอา  :sad5:

ไม่ให้บาสตาย :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Vasabi ที่ 01-12-2006 21:47:58
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 01-12-2006 21:54:28
อึ้งไป 5 วินาที
ทำไมความโชคร้ายไม่ยอมไปห่างจากบี
นี่หรือที่บทสรุปชีวิตรักที่พระเจ้าประทานมาให้บี   มันทรมานจัง
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 01-12-2006 22:00:10
เฮ้อ.....ชีวิต :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 01-12-2006 23:29:07
ชีวิตจริงบางครั้งโหดร้ายกว่านี้เสียอีก
เมื่อท่านยังมีเวลาจงทำมันให้ดีที่สุดกันนะครับ  :monkeysad:
*****************************************************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 18 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ในค่ำคืนนั้นหากไม่มีนางพยาบาลคนนั้นมาทั้งดุ ทั้งขู่ และทั้งปลอบให้ผมยอมเดินออกมานอกห้อง ผมก็คงจะขออยู่กับบาสทั้งคืนเพราะผมรู้ดีว่านี่คงเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับเขาบนโลกที่โหดร้ายใบนี้

แต่ด้วยสภาพอากาศที่เย็นจัดในห้องซึ่งอาจจะเป็นอันตรายกับผมได้หากอยู่ในห้องนี้นานเกินไปได้ทำให้ไม่ว่าผมจะร้องขอหรืออ้อนวอนอย่างไร นางพยาบาลคนนั้นก็ไม่ยอมให้ผมอยู่กับบาสนานไปกว่านี้ แถมขู่ด้วยสีหน้าจริงจังว่าต่อให้ต้องฉุดกระชากลากถู นางก็จะต้องให้ผมออกไปจากห้องนี้ให้ได้ จนในที่สุดผมก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้

ที่สำคัญนางได้แจ้งว่าแม่ของบาสได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลแล้ว และกำลังคุยกับคุณหมออยู่ ซึ่งข่าวที่ผมได้รับรู้นี้แทบจะทำให้ผมอยากจะรีบหนีกลับบ้านไปในทันทีเนื่องจากผมไม่กล้าสู้หน้าท่าน โดยเฉพาะเมื่อได้นึกถึงสัญญาที่ผมเพิ่งให้กับท่านไปเมื่อวาน

“อย่าทิ้งบาสนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าทิ้งเขานะ”

คำขอจากปากแม่ของบาสยังดังกึกก้องอยู่ในหัวผมอย่างชัดเจน แต่ทั้งๆที่ผมรับปากกับแม่ของบาสไปอย่างนั้นแล้ว....ผมก็ยังทิ้งเขาไป

ผมทิ้งเขาไปจนเป็นสาเหตุให้เขาตาย

ผมไม่กล้าคิดว่าถ้าท่านได้เจอผมและได้รู้ว่าผมคือสาเหตุที่ทำให้ลูกชายคนเดียวของท่านเสียชีวิตลง ท่านจะโกรธเกลียดและชิงชังผมแค่ไหน แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่อย่างหดหู่นั้นเองที่แม่ของบาสได้เดินมายังห้องที่เก็บศพบาสพอดี

ในตอนนั้นเอง ทันทีที่ท่านเห็นผม ท่านก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนด้วยการเดินเข้ามาร้องไห้และกอดผมไว้แน่นด้วยความรู้สึกสูญเสียแล้วก็พร่ำแต่ถามผมว่า

“เกิดอะไรขึ้นลูก เกิดอะไรขึ้นหาบี ฮือๆๆๆ”

เมื่อได้ยินคำถามนั้น ผมก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจมันจะสลายแล้วก็กลั้นใจตอบแม่ของบาสไปว่า

“เพราะบีเองแม่ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของบีคนเดียว ถ้าบีไม่ทิ้งบาสไป เขาก็คงไม่ตาย ฮือๆๆๆ”

ผมสารภาพผิดไปกับแม่ของบาสแล้วก็ซบหน้าลงร้องไห้บนไหล่ของท่านอย่างสุดปวดร้าว แต่แทนที่แม่ของบาสจะผละผมออกไปด้วยความรังเกียจเมื่อได้ยินคำสารภาพของผม ท่านกลับยิ่งกอดผมไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้หนักขึ้น จนใครที่ผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้นก็คงได้เห็นภาพของคนสองคนที่รู้สึกสูญเสียอย่างที่สุดต่อการจากไปของบาสซึ่งกำลังยืนกอดกันร้องไห้อย่างไม่อายผู้คนที่เดินผ่านไปมา

ผมกับแม่ของบาสยืนกอดกันร้องไห้ต่อไปอย่างนั้นอีกสักพัก จนเมื่อผมได้สติ ผมจึงค่อยๆลดตัวลงกราบแทบเท้าแม่ของบาส

“บีขอโทษ บีผิดเอง ยกโทษให้บีด้วยนะแม่”

ผมซบหน้าลงร้องไห้แทบเท้าแม่ของบาสเพื่อขออภัยในความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น ในขณะที่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่านี่กระมังที่เขาเรียกว่า “กรรมติดจรวด” เพราะไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ บาสก็เคยซบหน้าลงร้องไห้แทบเท้าผมเพื่อขอโทษในสิ่งที่เขาทำมาแล้ว

“มันเป็นกรรมลูก มันคงเป็นกรรมของพวกเรา อย่าโทษตัวเองเลย”

คำพูดจากปากแม่ของบาสทำให้ผมถึงกับตกตะลึงที่ท่านโยนความผิดทั้งหมดให้เป็นเรื่องของกรรม และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองท่าน ท่านก็พูดต่อออกมาด้วยสายตาเอ็นดูว่า

“อโหสิให้บาสเขาด้วยนะลูก ไม่ว่าบาสเขาเคยทำอะไรไม่ดีไว้ บีอโหสิให้เขานะลูก”

หลังพูดจบแม่ของบาสก็ยื่นซองจดหมายซองหนึ่งมาให้ผมซึ่งกำลังมีสีหน้างุนงงอย่างสุดขีดที่ท่านมีท่าทีกับผมอย่างนี้

แต่เมื่อผมได้รับซองจดหมายนั้นมาแล้ว ผมก็พอจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้นเมื่อผมพบร่องรอยว่าซองจดหมายฉบับนี้ได้ถูกเปิดอ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว

“บาสเขาทิ้งมันไว้บนโต๊ะในห้อง แม่ขอโทษนะที่ต้องเปิดอ่านก่อน”

ผมก้มลงมองจดหมายฉบับนั้นอย่างเจ็บปวด แล้วทำท่าจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงบันทึกของบาสก่อนหน้านี้
บันทึกที่เขาได้บอกเล่าเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับความรักของเขาที่มีต่อผม

บันทึกที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาทนเก็บงำความรักนั้นไว้แล้วแอบมองผมจากด้านหลังมานานถึง 8 ปีโดยที่ผมไม่เคยหันไปมองเขาเลย แต่พอวันนี้...วันที่เขากล้าก้าวออกมายืนข้างหน้า และเป็นวันที่ผมหันมามองเขาอย่างเต็มตา

สวรรค์ก็กลับมาพรากเขาจากไป

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมก็เริ่มร้องไห้อย่างหนักออกมาอีกครั้ง จนแม่ของบาสต้องเดินเข้ามาแล้วก็บีบมือผมไว้แน่นอย่างปลอบโยนจนผมเริ่มปรับความรู้สึกได้ ท่านจึงขอตัวเดินเข้าไปในห้องเก็บศพบาสด้วยท่าทีสงบ

ส่วนผมก็ทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรงแล้วก็ค่อยๆ หยิบจดหมายในมือขึ้นมาอ่านอย่างหมดอาลัยตายอยาก

-----------------------
4 พฤษภาคม 2546

ถึงบี....ผู้เป็นดั่งดวงใจของบาส
-----------------------

แม้น้ำตาของผมจะยังคงไหลปริ่มๆจากความรู้สึกเศร้าเสียใจต่อการจากไปของบาส แต่แค่ได้อ่านบทขึ้นต้นของจดหมาย ผมก็อดยิ้มออกมาทั้งน้ำตาไม่ได้เมื่อคิดถึงว่าภาษาน้ำเน่าแบบนี้เป็นคำพูดที่บาสใช้พูดกับผมเสมอ

หลังจากยิ้มอย่างอิ่มใจไปอีกสักพัก ผมก็เอามือขึ้นปาดน้ำตาเล็กน้อยแล้วก็เริ่มอ่านต่อ

---------------------

.....ถ้าบีได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นก็คงหมายถึงว่าบาสคงไม่อยู่แล้ว

บาสขอโทษนะที่ไม่ได้มาพูดกับบีด้วยตัวเอง แต่จะทำไงได้ในเมื่อบาสชักชินกับการพูดความในใจกับบีผ่านตัวอักษรเสียแล้วล่ะ

ที่สำคัญบาสไม่รู้ว่าบีจะหายโกรธบาสหรือยัง หรือบีจะยอมพบหน้าบาสหรือเปล่า

จริงๆแล้วก่อนหน้านี้บาสเคยคิดว่าบาสจะเก็บความลับที่บาสเป็นคนทำลายความรักของบีกับทีมไว้กับตัวจนวันตาย
แต่แล้วในวันที่บีได้มอบความรักให้กับบาสในห้องทำงานของบาสในวันนี้นั้น บาสถึงได้บอกกับตัวเองว่าบาสจะตอบแทนความรักของบีด้วยการโกหกได้ยังไง

บาสอยากแสดงให้บีเห็นว่าบาสยังคงเป็นบาสที่รักบีด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีสิ่งใดปิดบังซ่อนเร้น

และหากบีจะรักบาส บาสก็อยากให้บีรักบาสเพราะความดีของบาสจริงๆ ไม่ใช่เพราะบาสไปทำลายความรักของไอ้ทีม แล้วก็แย่งบีมา

บาสแค่คิดว่าด้วยความรักที่บีมีต่อบาส อาจจะทำให้บียอมยกโทษให้บาสบ้างก็ได้

แต่ตอนนี้บาสรู้แล้วว่านั่นคงเป็นคำขอที่มากเกินไป เพราะสิ่งที่บาสทำมันช่างเลวร้ายจริงๆ

บาสไม่รู้มาก่อนว่าบาสทำให้บีต้องเจ็บปวดมากขนาดนั้น

บาสไม่รู้ว่าก่อนว่าบาสทำให้บีถึงกับเคยฆ่าตัวตาย

ในตอนนั้นเพื่อชดเชยกับการที่บาสทำให้บีต้องเจ็บปวด

ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน บาสก็จะเอามีดมากรีดแขนตัวเองเพื่อให้บาสได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่บาสได้ทำให้บีต้องร้องไห้

แผลที่บีเห็น แผลที่บีเคยถาม มันคือร่องรอยแห่งตราบาปที่บาสทำไว้เพื่อเตือนสติตัวเองว่าบาสได้ทำให้คนที่บาสรักที่สุดต้องเจ็บปวดและเสียน้ำตา

บาสคงเป็นคนขี้ขลาดมากใช่มั้ยที่ตอนนั้นบาสไปขอให้บียอมรับผิดในความผิดที่บีไม่ได้ก่อ แต่ที่บาสทำอย่างนั้นก็เพราะบาสไม่รู้จริงๆว่าจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ได้

บาสไม่กล้าพูดความจริงกับบี เพราะบาสกลัวบีจะเกลียดบาส

บาสเคยบอกตัวเองเสมอว่าบีไม่ต้องรักบาสก็ได้ บีไม่ต้องมาสนใจบาสก็ได้

แต่บาสคงยอมรับไม่ได้ที่จะให้บีเกลียดบาส

บาสเลยเลือกที่จะปิดบังความลับนั้นเอาไว้อย่างอดสู เพราะบาสรู้สึกละอายใจเหลือเกินเมื่อรู้ว่าไอ้ทีมมันไม่เคยนำเรื่องนี้ไปบอกให้บีได้รู้เลย

ไอ้ทีมมันอาจจะดูเป็นหนุ่มเจ้าชู้ แต่บาสก็รู้ดีว่าคนอย่างมันลองได้รักใครเข้าแล้ว มันก็จะทุ่มให้กับคนๆนั้นอย่างหมดหัวใจ

เหมือนกับที่มันรักบี มันก็ไม่เคยหันไปมองใครอื่น

หรืออย่างกรณีของบาส เมื่อมันยอมรับบาสเป็นเพื่อนรักแล้ว มันก็ตัดสินใจรักษาความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนรักอย่างลูกผู้ชายของเราไว้ แล้วยอมทิ้งบีซึ่งเป็นคนที่มันรักแทน

บาสรู้ดีว่าบาสทำให้มันเจ็บปวดแค่ไหน แต่บาสก็คาดไม่ถึงว่าสิ่งที่บาสทำได้กลับกลายมาเป็นต้นเหตุให้ชีวิตของมันต้องพังทลายลงทั้งชีวิต

บีคงไม่รู้ว่าหลังจากที่มันได้เลิกรากับบี ไอ้ทีมมันก็แทบไม่เป็นผู้เป็นคน

มันเริ่มมาค้างอยู่ที่บ้านบาสครั้งละนานๆ แล้วก็ดื่มเหล้าอย่างหนัก จนการเรียนมันเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ

ที่สำคัญเมื่อความรักในอุดมคติของมันได้พังทลายลง มันก็กลายเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในความรักอีก

ไอ้ทีมประชดชีวิตด้วยการกลายมาเป็นหนุ่มเพลย์บอยอย่างสมบูรณ์แบบ เที่ยวหลอกฟันเขาไปทั่วไม่ว่าจะเป็นหญิงแท้ หรือเกย์

ปากมันก็บอกว่าคนรูปหล่ออย่างมันต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม และไม่จำเป็นต้องรักใคร แต่บาสก็รู้ดีว่าที่มันทำไปทั้งหมดนั้นเพราะมันเสียใจที่ความรักของมันกับบีต้องล้มเหลวลง

หลายครั้งที่มันเมามายจนไม่ได้สติ มันก็มักจะร้องไห้แล้วก็เรียกหาแต่บี

บาสต้องทนมองไอ้ทีมในสภาพนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเจ็บปวด แต่ไม่ว่าบาสจะเตือนสติมันเท่าใด มันก็ไม่เคยฟัง

บางครั้งบาสก็พยายามเตือนสติว่ามันจะทนเจ็บปวดอย่างนี้ต่อไปทำไมในเมื่อมันยังรักบีอยู่ บาสพยายามบอกให้มันไปขอคืนดีกับบี แต่มันก็ไม่ยอมทำตาม

จนกระทั่งวันที่มันรู้ว่าบีสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ วันนั้นแหละมันถึงได้ออกอาการเหมือนคนบ้าเมื่อรู้ว่ามันต้องแยกจากบีไปจริงๆ

ในวันสุดท้ายก่อนที่บีจะไปกรุงเทพ มันจึงมาบอกกับบาสว่ามันตัดสินใจจะไปขอคืนดีกับบีที่บ้าน

แต่หลังจากวันนั้นไอ้ทีมมันก็กลับมาเมามายที่บ้านบาสเหมือนเดิม แล้วก็สารภาพกับบาสว่ามันได้ไปหาบีจริงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับบีเลย

เมื่อก่อนบาสเคยเชื่อว่าบาสรักบีมากกว่าไอ้ทีมมันแน่ๆ แต่หลังจากที่ฟังมันพูดในวันนั้น บาสก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วในเมื่อไอ้ทีมมันบอกถึงสาเหตุที่มันตัดสินใจยกเลิกที่จะขอคืนดีกับบีว่า...

บีกำลังจะไปมีอนาคตที่ดี เพราะบีสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้ และมันก็รู้ดีว่าด้วยความเก่งของบีก็คงทำให้บีมีอนาคตที่สดใสไปอีกไกลมาก แต่ตัวมันเองกลับกำลังตกต่ำลงทุกวัน การเรียนก็ไม่เอาไหน ด้านกีฬาที่มันเคยเก่ง มันก็ทิ้งไปนานแล้วเพราะตั้งแต่ที่มันเลิกกับบีมันก็ไม่สนใจที่จะไปเล่นฟุตบอลอีก มันเลยไม่อยากดึงบีให้ต้องมาตกต่ำอยู่กับคนไม่เอาไหนอย่างมัน

ที่สำคัญมันรู้ว่ามันเคยทำให้บีต้องเสียใจแค่ไหน มันจึงไม่มีหน้าไปขอโอกาสจากบีอีก

หลังจากวันนั้นมันก็เลยกลับมาใช้ชีวิตเสเพลยิ่งกว่าเดิม จนเมื่อเราทั้งคู่ต่างมาเรียนกรุงเทพ บาสกับมันก็เลยค่อยๆห่างกันในที่สุด

แต่ก่อนหน้าที่บาสจะเจอบีไม่กี่วัน บาสก็เพิ่งได้ข่าวว่าไอ้ทีมกำลังแย่มากเพราะมันพลาดไปทำผู้หญิงท้อง

บาสรู้ดีว่าลูกผู้ชายอย่างมันคงยืนกรานที่จะเอาเด็กไว้จนมันถูกตัดขาดจากทางบ้านแล้วก็ต้องมาหาเลี้ยงตัวเองกับเมียที่กำลังท้องอ่อนด้วยการไปเล่นดนตรีในผับต่างๆ แล้วก็ต้องดรอปเรียนเอาไว้

แต่บาสได้ข่าวมาอีกว่าพอเมียมันคลอด เมียของมันก็หนีมันไป แล้วทิ้งลูกอ่อนไว้กับมันเพียงลำพังเพราะคงทนความลำบากไม่ไหว

บาสจำได้ว่าบีเคยเรียกบาสว่าเป็น "คนดี"

แต่รู้อย่างนี้แล้วบีจะยังชื่นชมบาสด้วยคำๆนั้นได้อยู่หรือเปล่า ในเมื่อบาสเป็นคนทำลายความรักและอนาคตที่เคยรุ่งโรจน์ของเพื่อนรักของบาสด้วยมือของบาสเอง

เมื่อเทียบกับสิ่งที่บาสทำคำว่า “เลว” มันคงยังน้อยไปใช่มั้ย

แต่น่าแปลกที่ถึงบาสจะทำบาปไว้ขนาดนั้น แต่โชคชะตาก็ยังให้โอกาสบาสได้มาพบกับบี

ให้โอกาสบาสได้มาอยู่ใกล้ชิดอย่างมีความสุขกับคนที่บาสรัก

แม้ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่บาสก็มีความสุขมากกว่าเอาเวลาทั้งชีวิตของบาสมารวมกันเสียอีก

ในตอนนี้บาสจึงไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะบาสได้รับมามากเกินพอแล้ว

ถ้ามีสิ่งไหนที่บาสจะพอทำได้เป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต....บาสก็อยากคืนบีกลับไปให้ไอ้ทีม

บาสอยากให้มันกับบีได้กลับมารักกันอีกครั้ง

เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ บาสก็คงมีความสุขมาก

บาสอยากทำตามคำสัญญาว่าบาสจะไม่ทำให้บีต้องเสียน้ำตาอีก เพราะฉะนั้น...อย่าร้องไห้นะคนดี

เพราะต่อไปนี้คงไม่มีคนชื่อบาสมาคอยเช็ดน้ำตาให้อีกแล้ว

ดูแลตัวเองนะ

บาสจะเฝ้ารักและคอยดูแลบีเสมอ

รักบียิ่งกว่าชีวิต
บาส

---------------------------------
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 01-12-2006 23:55:35
 :monkeysad:
....................................
เอ่อ พูดไรไม่ออกอ่ะครับ

<รักและระลึกถึงบาสเสมอ>
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Ice-cream Is My Life ที่ 02-12-2006 00:33:37
 :monkeysad:

น้ำตาซึมเลยครับ ปกติผมไม่ค่อยร้องไห้กับเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่นะ แต่พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ไหวจริง ๆ ครับ  สงสารจับใจเลย

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beta ที่ 02-12-2006 00:36:37
เศร้าอย่างบอกไม่ถูกครับ รักหนอรัก :really2: :impress: :impress: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 02-12-2006 00:47:37
สิ่งที่บาสทำให้บีเป็นครั้งสุดท้าย คงเป็นเรื่องทีมแน่เลย
แต่ จดหมายลา...น่ะ  คงไม่หมายความว่า มันไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกน่ะ....บาส  ผู้น่าสงสาร
หมายเหตุ   อยากรู้จัง  ที่มาของบาดแผลที่บาสกรีดมือตนเอง ทุกๆบาดแผล มันแฝงความเจ็ดปวดในใจแต่ล่ะครั้งอย่างไรบ้างที่บาส ต้องเผชิญกับมัน
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 02-12-2006 01:02:07
ความรักที่บาสมีให้บีนั้นเป็นรักนิรันดร อย่างแน่นอน
แต่ "รักนิรันดร" ที่บีได้มาต้องแลกด้วยชีวิตของบาส
ยิ่งบีได้อ่านจดหมายฉบับสุดท้ายของบาสแล้ว   บีคงไม่อยากมีความรักแล้วล่ะมั้ง
เศร้าจังเลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 02-12-2006 02:20:14
 :pigcry3:


พูดได้แค่นี้ครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-12-2006 09:49:04
มาเศร้าต่อครับ


 :3028:


เรื่องมันยังไม่จบเหรอ


 :dont2:


พูห์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 02-12-2006 10:33:59

บาสอยากทำตามคำสัญญาว่าบาสจะไม่ทำให้บีต้องเสียน้ำตาอีก เพราะฉะนั้น...อย่าร้องไห้นะคนดี

เพราะต่อไปนี้คงไม่มีคนชื่อบาสมาคอยเช็ดน้ำตาให้อีกแล้ว


โอ๊ยยยยยย โดน  :sad4: :sad4: :sad4:

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 02-12-2006 12:06:22
 :sad4:....................................... :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 02-12-2006 12:32:38
 :sad4: ไม่มีอะไรจาพูดอะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 02-12-2006 12:53:29
โหยย.....................

เศร้าบาดจิต

น้ำตาร่วงอีกแล้ว

บีจะทำไงต่อไปเนี่ย

บาสอะ ด่วนตัดสินใจเกินไปแล้ว ทำไมทำอย่างนี้เนี่ย เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 02-12-2006 12:55:45
บาสอยากทำตามคำสัญญาว่าบาสจะไม่ทำให้บีต้องเสียน้ำตาอีก เพราะฉะนั้น...อย่าร้องไห้นะคนดี

เพราะต่อไปนี้คงไม่มีคนชื่อบาสมาคอยเช็ดน้ำตาให้อีกแล้ว

ดูแลตัวเองนะ

บาสจะเฝ้ารักและคอยดูแลบีเสมอ

รักบียิ่งกว่าชีวิต
บาส




ทำไมบาสต้องตายด้วย?
ตกลงคนที่น่าสงสารที่สุดเป็นใครกันแน่อ๊ะ?



อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านไปน้ามตาจะไหล



ยิ่งไปประโยคข้างบนอ่ะ





อ่านแล้ว ร้องเลย  :monkeysad:




ท่าทางอุบัติเหตุนี่ บาสคงจงใจให้เกิด
เพราะเขียนจดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้วนิ?






อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ร้องอีกรอบได้ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย




ปล. บาสฟื้นมาได้มั๊ยอ่ะ??? อยากไห้ฟื้นอ่ะ


แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 02-12-2006 17:06:21
บลูต่อสิครับ :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-12-2006 18:42:50
คงจิตใจดีกันขึ้นมาแล้วนะครับ ความรักก็มีมุมที่สวยงามด้วยนะครับ  :impress:

*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************


.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 19 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

จดหมายของบาสทำให้ผมอ่อนแรงจนแทบจะล้มลงไปอีกครั้ง เพราะจดหมายฉบับนี้ได้ทำให้ผมรู้อะไรที่น่าตกใจเพิ่มขึ้นอีกมาก

ประเด็นแรกคือถึงแม้จดหมายฉบับนี้จะไม่ได้บอกว่าบาสกำลังจะไปไหน แต่มันได้ทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า..ตกลงแล้ว การตายของบาสมันเป็นอุบัติเหตุ หรือ ความจงใจ ?

ประเด็นต่อมาคือการได้รู้ว่าทีมเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องตัดสินใจทิ้งผมไปเพราะความเข้าใจผิด

นอกจากนั้นการได้รู้ว่าชีวิตของทีมต้องพังทลายลงเพราะความรักที่มีต่อผม มันทำให้หัวใจของผมที่แหลกสลายไปแล้วจากการตายของบาสเหมือนยิ่งถูกย่ำยีบีฑาหนัก

ทำไมในวันนั้น เขาถึงไม่ยอมพูดขอคืนดีกับผมตรงๆ เพราะเพียงแค่เขาเอ่ยปาก ผมก็พร้อมจะกลับไปหาเขาทันที ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟ หรือจะต้องตกระกำลำบากแค่ไหน ผมก็ไม่กลัว

ผมเพียงแค่ขอให้มีเขาอยู่ข้างๆ

แต่นี่คงเป็นสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว.

โชคชะตาคงตั้งใจให้มันเป็นไปอย่างนั้น เพราะถ้าในวันนั้นทีมได้กลับไปคืนดีกับทีม ผมก็คงไม่มีโอกาสได้มาเจอบาส และไม่มีโอกาสได้รักผู้ชายคนนี้

ในที่สุดแล้วผมก็คงต้องยอมรับกับสิ่งที่แม่ของบาสพูดนั่นคือ..มันเป็นกรรมของพวกเรา

ในวันนั้นหลังจากกลับจากโรงพยาบาล ผมก็ได้กลับไปที่บ้านของบาสกับแม่ของเขาอีกครั้งและก็ตัดสินใจที่จะมาอยู่ค้างกับแม่ของบาสจนกว่างานศพจะเสร็จสิ้น รวมทั้งได้ตั้งปณิธานว่าผมจะอยู่ดูแลแม่ของบาสแทนเขาไปตลอดชีวิตเพื่อให้เขาได้ไปสู่ภพหน้าอย่างสงบสุข

วันต่อมา ศพของบาสก็ได้ถูกนำไปตั้งสวดบำเพ็ญกุศล ณ วัดแห่งหนึ่งบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งผมก็ได้ไปอยู่ช่วยงานมาตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งตกดึกผมก็ได้มานั่งอยู่หน้าศพบาสเพื่อทำหน้าที่คอยหยิบธูปให้กับแขกเหรื่อที่มาเคารพศพ โดยตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่ตรงนั้นผมก็ได้แต่แหงนหน้าขึ้นมองรูปถ่ายของบาสแล้วก็นึกถึงวันเวลาที่เราเคยมีความสุขอยู่ด้วยกัน

ขณะที่ผมกำลังนั่งใจลอยอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาว่า

“ผมขอธูปด้วยครับ”

เมื่อได้สติผมก็รีบเอี้ยวตัวไปหยิบธูปส่งให้กับเจ้าของเสียงอย่างลุกลี้ลุกลน แล้วก็รีบขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่ที่ผมมัวแต่ใจลอย

“ขอโทษคับ นี่คับธูป”

ในตอนนั้นเองขณะที่ผมกำลังยืนมือส่งธูปให้กับเขา ผมก็ต้องตกตะลึงอย่างที่สุดเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้ชัดๆ จนทำให้ธูปในมือถึงกับร่วงหล่นลงพื้น แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร เขาได้แต่เอามือไปหยิบธูปที่ร่วงหล่นนั้นขึ้นมาแล้วก็เดินไปนั่งคุกเข่าพนมมือแสดงความเคารพแก่ศพของบาส ขณะที่ผมยังคงได้แต่นั่งตัวแข็งอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าในวันนี้ผมจะได้พบกับ..ทีม..อีกครั้ง

ถึงแม้ใบหน้าของทีมในตอนนี้จะดูทรุดโทรมและมีความหม่นหมองเหมือนคนที่มีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนัก แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าเขายังคงมีร่องรอยของความหล่อเหลา สมบูรณ์แบบไม่เคยเปลี่ยน ยกเว้นแต่เพียงแววตาคู่นั้นที่กลับแสดงถึงความเป็นคนกร้านโลก และดูโศกเศร้าอยู่ตลอดเวลา

ผมนั่งตะลึงงันไปอีกสักพัก จนเมื่อผมได้หันไปมองรูปบาสอีกครั้งผมก็รู้สึกลำบากใจเหลือเกินที่ได้มาเจอทีมในงานศพของผู้ชายอีกคนที่ผมรักเขาอย่างสุดหัวใจ ผมจึงตัดสินใจเดินลุกออกมานั่งสงบสติอารมณ์ที่บริเวณม้านั่งใต้ต้นลีลาวดีด้านนอก จนกระทั่งอีกสักพักผมก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา

“มาหลบอยู่นี่เองเหรอ”

เสียงที่เริ่มต้นทักผมทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองในทันทีแล้วก็พบว่าทีมกำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“ตั้งใจจะมาหลบหน้าใครหรือเปล่า”

น้ำเสียงของเขาค่อนข้างประชดประชัน

“เปล่านี่ “ ผมตอบไปแกนๆ

“เหรอ ทีมนึกว่าอาจจะมีบางคนไม่สบายใจที่ทีมมาที่นี่”

“งั้นคนๆนั้นก็คงไม่ใช่บีหรอก ผิดหวังมั้ยล่ะ”

“เจอกันครั้งแรกก็คุยกันอย่างนี้เลยนะ”

“แล้วใครเริ่มล่ะ”

ผมตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์ ในขณะที่อดคิดไม่ได้ว่า...ไม่ว่าจะรักหรือเลิกกันผมกับทีมก็ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายชวนทะเลาะเสมอ

“เป็นไงบ้างล่ะ บีสบายดีหรือเปล่า”

เมื่อรู้สึกตัวว่าต่างฝ่ายต่างกำลังทำผิด ทีมก็กลับมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“อืมสบายดี แล้วทีมล่ะ”

“ก็เรื่อยๆแหละ”

ทีมตอบคำถามนี้ของผมด้วยแววตาหม่นๆ แล้วก็พูดต่อว่า

“ได้ข่าวว่าช่วงปิดเทอม บีมาอยู่กับบาสเหรอ”

หลังคำถามนี้ของทีมผมก็อดสะดุ้งไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าความจริงนี้คงทำให้ทีมเจ็บปวดมาก

“ใช่ พอดีบาสเขาไม่สบาย แม่ของเขาก็เลยจ้างบีมาช่วยดูแล”

“เหรอ”

คำตอบนั้นไม่ยินดียินร้าย และไม่แสดงอาการแปลกใจ นอกจากจะมีแต่สีหน้าครุ่นคิด

“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของทีมเอง ถ้าไม่ใช่เพราะทีม บาสมันก็คงไม่ตาย”

“อะไรนะ”

ผมถามทีมอย่างตกใจที่ได้ยินเขาพูดออกมาอย่างนั้น

“เมื่อคืนวานไอ้บาสมันโทรศัพท์มาหาทีมเพื่อสารภาพในสิ่งที่มันเคยทำกับทีมไว้ ที่จริงแล้วทีมก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะทีมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เพียงแต่พอทีมแน่ใจว่าสิ่งที่ไอ้บาสมันพูดคือเรื่องโกหก ทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว เพราะตอนนั้นทีมได้เลิกกับบีไปแล้ว ทีมก็เลยไม่อยากต้องเสียเพื่อนรักไปอีกคน ทีมจึงตัดสินใจคบกับมันต่อไปทั้งๆ ที่ทีมก็รู้ดีว่ามันเป็นคนทำลายความรักของทีม แต่สิ่งที่ทำให้ทีมทนไม่ได้ก็คือความจริงที่ว่าในขณะที่ทีมต้องใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น ไอ้บาสมันกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับบี ทีมโมโหมันมาก ทั้งๆที่ทีมเห็นแก่เพื่อนรักอย่างมันมาตลอดจนยอมเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่เคยปริปาก แต่ลับหลังทีมมันกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับบีโดยไม่สนใจว่าทีมจะรู้สึกยังไง ทีมก็เลยบังคับให้มันออกมาเคลียกับทีมข้างนอก ทีมไม่รู้ว่าขามันยังไม่หายดี ถ้าทีมไม่บังคับให้มันออกมา มันก็คงไม่ตายใช่มั้ยบี”

พูดจบผมก็เห็นน้ำตาของทีมไหลงมาอย่างเจ็บปวด ในขณะที่ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ว่าผมจะตอบเขาไปว่าไงได้ ในเมื่อตอนนี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของใครกันแน่

มันอาจจะเป็นความผิดเพราะความหูเบาของทีม ถ้าวันนั้นเขาจะเชื่อใจผมมากกว่านี้เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น

หรือมันจะเป็นความผิดเพราะความขี้ขลาดของบาส ถ้าวันนั้นเขายอมสารภาพออกมาตรงๆว่าเขารักผม บางทีเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนผมกับกอล์ฟ

หรือมันจะเป็นความผิดเพราะทิฐิและความได้เดียงสาต่อความรักของผมเอง ถ้าวันนั้นผมยอมลดทิฐิและพยายามแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น บางทีเราทั้งสามคนก็ไม่ต้องมาเจอโศกนาฏกรรมแบบนี้

ในที่สุดแล้วผมก็คงได้แต่ใช้คำว่า “ถ้า” แต่น่าเสียดายที่เมื่อไหร่ที่เราพูดถึงคำๆนี้ขึ้นมา มันก็หมายถึงว่าเราไม่อาจไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว

ผมค่อยๆหลับตาแล้วก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวดจนกระทั่งผมได้ยินเสียงทีมพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า

“บีจำได้มั้ย ว่าบีเคยถามคำถามทีม 3 ข้อ ข้อ 1 กับ ข้อ 2 บีคงได้คำตอบไปแล้วใช่มั้ย”

ผมค่อยๆพยักหน้าอย่างทุกข์ทรมานเพื่อบอกให้เขารู้ว่า...ใช่ ผมได้รู้คำตอบของ 2 ข้อนั่นแล้วโดยต้องแลกกับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

“ส่วนข้อ 3 ......”

หลังคำพูดนี้ของทีม ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่รู้ตัวเพราะผมไม่เชื่อหูตัวเองว่าทีมกำลังจะตอบคำถามที่เขาได้ปล่อยให้ผมค้างคาใจมาถึง 5 ปี

“ไม่รู้สินะ ตอนนั้นทีมก็ยังเด็กมาก ที่สำคัญหลังจากที่ทีมสูญเสียบีไป ทีมก็ไม่เคยเชื่อมั่นอะไรในความรักอีก ทีมก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ความรักมันเป็นยังไงกันแน่ ทีมรู้แต่เพียงอย่างเดียวว่าช่วงเวลาที่ไม่มีบีอยู่ใกล้ๆ มันทรมานมากนะ มันทรมานแสนสาหัสจริงๆ”

แม้ทีมจะไม่ได้ตอบออกมาตรงๆว่าเขารักผมหรือไม่ แต่คำตอบและหยดน้ำตาที่ไหลลงมาของเขามันทำให้ผมถึงกับเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ว่าผมจะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นอีก ผมจึงพยายามฝืนมันเอาไว้ แล้วก็ชวนทีมเปลี่ยนเรื่องคุย

“ได้ข่าวว่าทีมมีลูกแล้วเหรอ”

ทีมมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยที่ผมรู้เรื่องนี้ แต่ก็ฝืนตอบผมมาว่า

“ใช่ ตอนนี้ก็ 7 เดือนกว่าแล้ว”

“เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”

“ผู้ชาย”

“คงหน้าตาน่ารักน่าดูเลยนะ”

“แน่นอนสิ ก็พ่อมันหล่อนี่”

ทีมตอบกลับมาอย่างยิ้มๆ

“ฮึ ฮึ นั่นสิ แล้วแกชื่ออะไรเหรอ”

ทันทีที่ผมถามคำถามนี้จบลง ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ที่คำถามง่ายๆนี้ได้ทำให้ทีมถึงกับสะดุ้งแล้วก็มีท่าทีคิดหนัก ก่อนที่จะถอนหายใจยาวออกมาหนึ่งครั้ง แล้วก็ฝืนใจตอบผมกลับมาว่า

“บี....แกชื่อ บี ปิติรัตน์ โอฬารสกุล”

“ชื่ออะไรนะ”

ผมถามย้ำทีมอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“บีก็ได้ยินชัดแล้วนี่ ไม่รู้สิ ทีมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทีมถึงชอบชื่อนี้ แต่ทีมตั้งใจมานานแล้วว่าถ้าทีมมีลูกคนแรก ไม่ว่าลูกของทีมจะเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ทีมก็จะให้ชื่อนี้ ทีมว่ามันเป็นชื่อที่เพราะดีนะถึงจะโหลไปหน่อยก็เถอะ”

คำตอบของทีมถึงกับทำให้ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าแบบ 180 องศาเพื่อให้น้ำตามันไหลย้อนกลับเข้าไปข้างใน และถึงแม้คืนนี้จะเป็นคืนข้างขึ้น แต่ผมก็พูดออกมาอย่างโง่ๆเพื่อแก้ตัวต่อการกระทำที่ไร้เหตุผลของตัวเองว่า

“คืนนี้ดาวสวยดีนะ”

หลังคำพูดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะของทีมก่อนที่จะเห็นเขาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าเช่นเดียวกันแล้วก็บอกกับผมว่า

“อืม ใช่ สวยจริงๆด้วย ดาวเต็มฟ้าเลย”

-----------------------

ในค่ำคืนนั้นหากใครมีโอกาสผ่านไปผ่านมาบริเวณป้ายรถเมล์หน้าวัดนั้นก็คงเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่เหมือนคนวิกลจริต เพราะเด็กผู้ชายนี้เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้

ใช่แล้วล่ะ...เด็กผู้ชายคนนั้นคือผมเอง

ผมกำลังยิ้มให้กับตัวเองที่รู้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทีมยังคงรักผมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

ผมร้องไห้ให้กับความสูญเสียผู้ชายที่ผมรักเขามากอย่างที่สุดอีกคน

ผมหัวเราะให้กับโชคชะตาที่น่าขันของตัวเอง

ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความรักได้เล่นตลกกับผมอย่างเหลือร้าย...เพราะ

รักครั้งแรกของผมถูกทำลายโดยผู้ชายซึ่งเป็นรักครั้งที่สอง

ส่วนรักครั้งที่สองกลับถูกทำลายโดยผู้ชายซึ่งเป็นรักครั้งแรก

ถ้านี่คือหนี้กรรมระหว่างบาสกับทีม พวกเขาก็คงชดใช้กันไปหมดแล้ว

แต่ผมล่ะ....ผมอยู่ตรงไหนของวงล้อแห่งกรรมนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทีมทำกับบาส หรือบาสทำกับทีม

คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือผมที่ยืนอยู่ตรงนี้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ น้ำตาของผมก็ไหลลงมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง ในตอนนั้นเองอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกราวกับว่าสติของผมกำลังเลื่อนลอยมากขึ้นทุกที จนกระทั่งโดยไม่รู้ตัวผมก็ค่อยๆก้าวเดินลงไปในถนนเหมือนคนสิ้นหวังที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ขณะที่หูทั้ง 2 ข้างก็เริ่มได้ยินเสียงแผดร้องกึกก้องของรถคันหนึ่งที่แล่นมาด้วยความเร็ว

ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เพื่อหลบแสงไฟเจิดจ้าที่สาดส่องเข้ามาตรงหน้าขณะที่เอา 2 มือขึ้นมาปิดหูเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงแตรแหลมสูงจนเสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจที่ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในตอนนั้นผมพยายามนึกถึงหน้าของบาสเพื่อหวังว่าชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้คงได้นำพาผมให้ได้ไปพบกับเขา

แต่ทันใดนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนโดนใครบางคนฉุดแขนผมไว้แล้วก็กระชากผมให้ถอยหลังไปอย่างแรงจนผมกลับไปล้มลงบนทางเท้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงๆหนึ่งที่ผมคุ้นเคย ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมองเขา

“บีจะบ้าไปแล้วหรือไง จะทำอะไรน่ะหา”

ทีมเขย่าตัวผมอย่างแรงแล้วก็ตะโคกใส่ผมอย่างโมโหสุดขีด

“คิดว่าทำอย่างนี้แล้วไอ้บาสมันจะดีใจหรือไง แล้วทีมล่ะ ทีมไม่มีความหมายอะไรกับบีเลยใช่มั้ย”

ทีมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกและน้อยอกน้อยใจใขขณะที่น้ำตาของเขาก็เริ่มไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม ส่วนผมก็ได้แต่ร้องไห้แล้วก็ตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“บีไม่รู้ทีม บีไม่รู้ บีห้ามตัวเองไม่ได้ ห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ ฮือๆๆๆ”

พูดไปน้ำตาผมก็ไหลลงมาไม่ยอมหยุด จนทีมรีบดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้

“อย่าทำอย่างนี้นะบี ถ้าบีเป็นอะไรไปแล้วทีมล่ะ ทีมจะอยู่ยังไง จะให้ทีมมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าต้องเสียบีไปจากโลกนี้จริงๆ ”

พูดจบเรา 2 คนก็กอดคอกันร้องไห้อย่างไม่อายสายตาของผู้คนที่อยู่บริเวณป้ายรถเมล์แห่งนั้น จนสักพักเมื่อเราทั้งคู่ต่างปรับอารมณ์ได้ทีมก็ค่อยๆพยุงตัวผมให้ยืนขึ้น

“ให้ทีมไปส่งบ้านนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก บีกลับเองได้”

ผมรีบตอบทีมไปด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะยอมรับความหวังดีของเขา ในขณะที่ศพของบาสยังอยู่ในศาลา

“ให้ทีมไปส่งเถอะ ไม่งั้นทีมหลับไม่ลงแน่ ที่สำคัญถ้าคืนนี้ทีมไม่ยอมไปส่งบีให้ถึงบ้านโดยปลอดภัย ไอ้บาสมันคงเข้ามาแตะทีมในฝันแน่”

คำพูดของทีมทำให้ผมนึกถึงคำพูดของบาสอีกครั้ง

“ถ้ามีสิ่งไหนที่บาสจะพอทำได้เป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต....บาสก็อยากคืนบีไปให้ไอ้ทีม บาสอยากให้มันกับบีได้กลับมารักกันอีกครั้ง”

หรือนี่จะเป็นความตั้งใจของบาสเพื่อให้ผมกับทีมได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นความตายของบาส มันเกิดจากความตั้งใจของเขาอย่างนั้นหรือ

“มาเถอะบี ทีมจอดรถมอเตอร์ไซด์ไว้ตรงโน้น”

ทีมพยายามเรียกผมอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบว่าอะไร เขาก็ฉุดมือผมแล้วพาเดินออกไปให้ไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยายนต์ที่เขาจอดไว้ริมทาง

ผมยอมรับว่าการกลับมาเจอทีมอีกครั้งในวันนี้ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก จนเมื่อผมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายทีมแล้วผมก็ได้แต่ทำตัวเก้ๆกังๆ ไม่รู้จะเอามือ เอาเท้าไปไว้ที่ไหน จนทีมต้องพูดประชดผมอีกครั้ง

“ทำไมเหรอ กะอีแค่เอามือมากอดเอวทีม มันจะเป็นอะไรนักหนา ถ้าทีมมันน่ารังเกียจนักก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน ถือว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้วกัน”

“บีไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย”

พูดจบผมก็เอามือไปโอบเอวทีมไว้ตามที่เขาบอก แต่ทันใดนั้นทีมก็แกล้งออกรถทันทีด้วยความรวดเร็วจนทำให้ผมตกใจจนถึงกับกอดเขาไว้แน่น

ขณะที่ผมกำลังกอดทีมไว้นั้นเองผมก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวด้วยความโหยหาความอบอุ่นเช่นนี้มานานแสนนาน

ผมรู้สึกได้ว่าแม้แผ่นหลังของทีมจะทั้งใหญ่และกว้างขึ้นมาก แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่ผมได้รับนั้น มันกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ซึ่งในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกได้ว่าทีมกำลังเอามือข้างหนึ่งมาบีบกุมมือของผมที่กำลังกอดเขาเอาไว้แน่นจนทำให้ผมถึงกับน้ำตาไหลเมื่อได้รับการสัมผัสจากมือของทีมอีกครั้ง แต่ขณะที่อีกใจหนึ่งผมก็กลับนึกถึงบาสขึ้นมาไม่ได้

หากเป็นเมื่อก่อน ผมก็เคยถามตัวเองตลอดเวลาว่า...จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะสามารถรักคน 2 คนได้ในเวลาเดียวกัน

แต่ในวันนี้ผมคิดว่าผมได้รับคำตอบแล้วเพราะหัวใจของผมตอนนี้ได้มีทั้งทีมและบาส และไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรผมก็คงขอรักผู้ชาย 2 คนนี้ไปตราบจนวันตาย

ผมค่อยๆกอดทีมแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหนาว ในขณะที่ทีมก็ยังคงเกาะกุมมือของผมไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วเขาก็ค่อยๆลดความเร็วลงจนมันกลายเป็นมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งช้ามาก ผมจึงอดถามเขาไม่ได้ว่า

“ทีม..รถไม่วิ่งช้าไปหน่อยเหรอ”

“อืมนั่นสิ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน เมื่อวานก็ยังดีๆอยู่เลย แต่พอบีมานั่งมันกลับเร่งเครื่องไม่ค่อยขึ้น

เมื่อได้รับคำตอบอย่างนั้นผมก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็กลับไปซบแผ่นหลังอันอบอุ่นของทีมไว้ตามเดิม

ในคืนนั้นหากใครได้เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ก็คงได้เห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งที่ออกจะแปลกตาไปสักหน่อย

ด้านหนึ่งมอเตอร์ไซด์คันนี้มีผู้ชาย 2 คนที่นั่งกอดกันแน่นราวกับจะไม่มีวันยอมแยกจากกันเป็นอันขาด

และอีกด้าน.....มอเตอร์ไซด์คันนี้คงเป็นมอเตอร์ไซด์ที่เรียกได้ว่า....

....วิ่งช้าที่สุดในโลก.....

-----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 02-12-2006 19:04:45
เรื่องของทีมกับบีจะเป็นไงต่อไปครับนี่

โหย เครียดว้อย  :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 02-12-2006 19:43:00
ทั้งบาส  บี  และทีม  ก็เหมือนอยู่ในวงล้อของกรรมกันทั้ง3คน
ถึงแม้ว่าบาสจะตายไปแล้ว   แต่ผลลัพธ์หลังจากการจากไปนั้น  จะเป็นไปตามประสงค์ของบาสหรือไม่  ผมคงต้องรออ่านต่อไป
แต่ความเห็นส่วนตัวของผม  ทีมและบีสุดท้ายแล้วคงจะเป็นเพื่อนที่คอยห่วงหากันมากกว่า   อันนี้ผมเดาเอานะ
แต่ไม่ว่ายังไงความรักก็ยังมีมุมที่สวยงามอย่างที่คุณบลูบอกแหละครับ^^
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 02-12-2006 20:47:23
อะไรกันเนี่ยยยยยยยยยย...สงสารทุกคนเลยยยยย :serius2: :sad5: :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 02-12-2006 21:15:39
 :monkeysad:ขอให้ชะตากรรมอันเลวร้ายของเรื่องนี้ ได้สิ้นสุดลง หุหุ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Vasabi ที่ 02-12-2006 21:41:43
 :monkeysad2: โหยยยยยยยย  รันทดใจจิง ๆ น่าสงสารทั้ง 3 คน  ฮือ ๆ  ๆๆ  :monkeycry4: :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 02-12-2006 22:02:43
ภาค2 ของเรื่องนี้  ผมอ่านเป็นรอบที่ 3 แล้ว  โดยรอบนี้พยายามตามอ่านของคุณบลูทีละตอน เหมือนที่เคยตามอ่านของคุณนัทนทีเมื่อตอนโพสไว้ครั้งแรก 

ยอมรับเลยว่าอ่านกี่ครั้ง ก็ยังได้อารมณ์หมือนเดิม ร้องไห้ได้เกือบทุกตอน อ่านจบแล้วมันแบบว่า..เศร้าโครต รู้สึกหดหู่ ไม่อยากทำอะไรต่อเลย

สงสารทั้ง 3 คนมาก โดยเฉพาะอ่านรอบนี้เริ่มรู้สึกไม่ชอบเรื่องชะตากรรมเลย  พระเจ้าโหดร้ายกับทั้ง 3 คนเกินไป  ทั้งๆที่ความรักของพวกเขามันบริสุทธิ์ แล้วก็สวยงามมาก 

บ่นไปงั้นๆแหละ เครียด กดดัน สงสาร อยากให้พวกเขามีความสุขจัง  :serius2:



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 02-12-2006 23:03:02
ชีวิตคนเรา.... กว่าจะมาจนถึงจุดสิ้นสุด  จิตใจของเรา....มันคงจะด้านชา  ไร้ความรู้สึกไปแล้วล่ะมั๊ง 
 :monkeysad2: :monkeysad2: :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 03-12-2006 01:14:27
แว้บมาดูครับ  :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beta ที่ 03-12-2006 01:23:25
จะเป็นไงต่อไปนา อยากรู้จริงๆ แหะๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 03-12-2006 03:14:27
อย่างคนหลายๆคนพูดว่า

ทำไม "ชะตาชีวิต" ถึงได้ชอบเล่นตลกกับชีวิตคนเรา?


อ่านถึงตอนนี้,,,




ร้องไห้อีกแล้วคับ :sad5:




ทำร้ายจิตใจอีกแล้ว




คิดถึงบาสจับใจเลยคับ คิดถึงบาสจริงๆ
คิดถึงมากๆ
เห้อออ คนดีตายอีกแล้ว
ยิ่งคนดี่ที่ผมชอบอีก โอยยยยยยยย  :monkeysad:


คิดถึงบาสนะคับ
จากตัวแทน Bass FC. คับ


ปล. พี่บลูฯเอามาต่อเร็วๆนะคับ ผมอยุ่


(ไร้จิตวิญญาณ Mode)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: sak ที่ 03-12-2006 12:06:29
ปวดใจจังเลย    ความรักทำไม มันมีอุปสรรคจัง
              :sad4: :sad4: :sad4:
     จะลงเอยกันยังไงดี เนี่ย   รักหนอรัก     
         ทั้งรักทั้งเจ็บ   
    ต่อเลยครับ เรย์
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 03-12-2006 15:02:44
ความรักมันเป็นความสวยงามที่บริสุทธิ์เสมอ....

แต่คนเรามักจะเอาทิฏฐิมาทำหั้ยมันลดความสวยงามของตัวเองลงไป

ถ้าทิ้งทิฏฐิได้................มันก็จะกลับมาสวยงามเหมือนเดิม

เหมือนที่บาสพยายามทำเพื่อบี........................... :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 03-12-2006 15:40:26
ฮือๆๆๆ

ในที่สุดก้อตามอ่านทัน

หลังจากที่หายไปหลายวัน

ช่วงนี้งานยุ่งๆสุดๆ  กีฬาสีก้อเพิ่งจะผ่านพ้นไป

เฮ้อ!!~  เหนื่อย



บีน่าสงสารจังเลย  ทีมด้วย

ดีจริงๆที่ถึงตอนนี้ผมก้อยังทำใจให้ชอบบาสไม่ได้

ไม่ชอบผู้ชายผมยาวจริงๆ

เศร้ามากมาย  เกือบร้องไห้ไปแล้วผม

เปงกะลังใจให้บีกับทีมมีชีวิตอยู่ต่อไป

ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ  ก้อไม่มีอะไรไกลเกินเอื้อม  สู้ๆๆ



ต่อๆครับคุณบลู  กะลังอินเลย

เดี๋ยวหมดมู้ดก่อน  หุหุหุ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 03-12-2006 15:44:02
ฟลุ๊คครับ

กีฬาสีนี่จัดไปวันไหนอะครับ

สนุกป่าว :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 03-12-2006 16:00:05
ในที่สุดแล้วผมก็คงได้แต่ใช้คำว่า “ถ้า” แต่น่าเสียดายที่เมื่อไหร่ที่เราพูดถึงคำๆนี้ขึ้นมา มันก็หมายถึงว่าเราไม่อาจไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
>>> โหยย พูดแทงใจเลยอะ   





ปล. ทีมเป็นคนดีจริงด้วย ไม่เสียแรงที่เชียร์  (จริงๆ ก็เชียร์บาสเหมือนกัน ก็เค้าเด่นทั้งคู่นี่)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-12-2006 16:01:22
ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้ ก็ยังประทับใจในความรัก ที่พวกเขามีให้กัน  :monkeysad:

ความรักไม่มีถูกหรือผิด มีแต่ใช่หรือไม่ใช่ก็เท่านั้น

คนเราสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อทำให้เราอยู่ในสังคมอย่างดี แต่บางครั้งกฎเกณฑ์ต่างๆก็ไม่สามารถอธิบายบางเรื่องราวได้
แม้เราจะฝืนที่จะเดินตามที่คนอื่นเห็นเหมาะสมว่าดี
แต่ใจเรากลับต้องทนทุกข์ นั่นหรือคือหนทางที่ถูกต้อง

เมื่อคนสองคนรักกัน มีอะไรก็หันหน้าเข้าคุยกันนะครับ
อย่าให้คนอื่นมากำหนดชะตะคุณสองคนเลย นอกจากจะทำร้ายตัวคุณสองคนแล้ว
สุดท้ายมันก็จะย้อนกลับมาทำลายทุกๆคน
*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2.(บทส่งท้าย )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

“บาสหลับอยู่หรือเปล่า ตื่นสิ บีกลับมาแล้วนะ คิดถึงบีมั้ย”

ผมพูดประโยคนี้ต่อหน้าเจดีย์ซึ่งบรรจุอัฐิของบาส เพราะนับตั้งแต่บาสตายก็เป็นเวลา 5 ปีแล้วที่ผมจะมาหาเขาที่นี่ในทุกวันเกิดของเขาเพื่อมาเป่าเค้กให้กับผู้ชายคนนี้

“ใครอยู่ในนั้นเหรอคับ ทำไมคุณอาต้องมาทุกปีเลย”

คำถามเจื้อยแจ้วของเด็กผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น

“ก็คนรักของคุณอาเขาน่ะสิ เป็นคนที่คุณอาเขารักมากที่สุด”

ทีมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“เหรอคับ”

เด็กน้อยตอบมาด้วยสีหน้างงๆ แต่ก็เลิกสนใจที่ถามต่อ แล้วก็บอกผมว่า

“งั้นบีขอไปเล่นตรงโน้นน๊า บีไม่ชอบอยู่ตรงนี้”

“ได้สิคับ แต่น้องบีอย่าไปเล่นไกลนะ ต้องให้คุณอามองเห็นนะครับ”

ผมตอบเด็กน้อยไปอย่างเอ็นดู

“คับ”

พูดจบเด็กน้อยคนนั้นก็วิ่งออกไปด้วยความร่าเริง ในขณะที่ทีมกลับกำลังยืนมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เป็นอะไรไปอีกล่ะ”

ผมถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเขา

“ก็บีไม่คิดจะปฏิเสธที่ทีมพูดเลยเหรอ”

“ปฏิเสธเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็ที่ทีมบอกว่าคนที่อยู่ในนั้นเป็นคนที่บีรักมากที่สุด”

“ทีมก็พูดถูกแล้วนี่ บีจะต้องไปแก้ทำไม”

“อ้าว แล้วทีมล่ะ ?”

“ทีมก็เหมือนกันไง เหมือนกับที่บาสเขาเป็นนั่นแหละ ไม่มากไปกว่านั้น ไม่น้อยไปกว่านี้”

ผมยืนยันหนักแน่น

“อย่างนี้เขาเรียกคนหลายใจนี่”

“ไม่ได้หลายใจ บีก็มีใจเดียว แต่รัก 2 คน .....ไม่ได้เหรอ”

ผมแกล้งถามเขากลับ

“อืม ได้ เอางั้นก็ได้ งั้นทีมทำบ้างนะ”

ผมรู้ว่าเขาแกล้งแหย่ แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมความเจ้าชู้ของเขา ผมก็อดทำหน้างอนไม่ได้

“เฮ้ยบาส มึงดูสิว่ะ งอนอีกแล้ว ว่างๆมึงมาช่วยเข้าฝันบอกบีให้เลิกขี้งอนที กูง้อกันเหนื่อยแล้วว่ะ”

“ไม่ต้องขอให้บาสเขาช่วยหรอก ทีมเลิกเจ้าชู้ได้เมื่อไหร่ บีก็เลิกขี้งอนเมื่อนั้นแหละ”

“โธ่ ผู้ชายมันก็ต้องมีกันบ้าง จริงมั้ยว่ะบาส”

ทีมหันไปพูดกับเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของบาสเหมือนจะหาพวก ในขณะที่ผมก็ได้แต่ยืนยิ้มเพราะผมรู้ดีว่าถ้าบาสเขามายืนอยู่ตรงนี้จริง ๆ...เขาจะเลือกเข้าข้างใคร

“คุณอาๆๆๆๆ”

เสียงเรียกแต่ไกลที่วิ่งใกล้เขามาจากลูกของทีมทำให้ผมรีบกลับไปมองเขาอย่างอ็นดู

“ทำไมครับ”

“คุณอาเสร็จหรือยังคับ บีหิวแล้ว”

“เสร็จแล้วคับ งั้นเดี๋ยวเราไปทานข้าวกันนะ วันนี้น้องบีจะกินอะไรดี เอาสุกี้มั้ย”

“ไม่อาวอ่ะ บีอยากกินฟูจีจีจีจี”

เด็กน้อยแกล้งลากเสียงยาวด้วยความน่ารักน่าชัง

“น้องบีอยากกินไข่ตุ๋นใช่มั้ยล่ะ ได้สิคับ เดี๋ยวอาพาไปกินนะ”

“เย้ ๆๆๆ แล้ววันนี้บีขอไปนอนกับคุณอาด้วยได้ป่าว”

“ทำไมล่ะครับ น้องบีก็มีห้องของตัวเองแล้วนี่”

“ก็บีไม่อยากนอนคนเดียว”

ผมยิ้มให้เด็กน้อยอย่างเอ็นดู แล้วค่อยๆคุกเขาลงไปนั่งคุยกับเขา

“บีโตแล้วนะคับ ไหนขออาดูหน่อยสิ เห็นมั้ย โตเป็นหนุ่มหล่อแล้วด้วย นอนคนเดียวได้แล้วน๊า”

หลังคำตอบของผม เด็กน้อยก็เริ่มทำหน้างอนๆ แล้วก็พูดออกมาอย่างไร้เดียงสาว่า

“ทีคุณพ่อก็โตแล้ว ทำไมยังนอนห้องเดียวกับคุณอาได้”

ในตอนนั้นเองที่ทีมเริ่มหันมามองแล้วทำเสียงดุ

“อ้าวไอ้นี่ ชักลามปามใหญ่แล้ว ไหน มาให้แตะทีซิ”

“อ๊า คุณอา ช่วยบีด้วย”

ในตอนนั้นผมได้แต่ยืนมองภาพของพ่อลูกที่วิ่งไล่จับกันอย่างมีความสุข พลางอดคิดไม่ได้ว่าขออย่าให้มีอะไรมาทำลายความสุขในครั้งนี้ของเราอีกเลย

ที่ผ่านมา...กระแสธารแห่งรักอันเชี่ยวกรากได้ถาโถมโหมกระหน่ำเข้าซ้ำเติมชีวิตของพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า....จนในที่สุดเราก็ต้องสูญเสียบาสไป

ส่วนผมกับทีม แม้จะเอาชีวิตรอดมาได้ แต่หัวใจของเราทั้งคู่ก็บอบช้ำอย่างหนักจนต้องใช้เวลานับแรมปีกว่าที่เราจะกลับมารักกันได้อีกครั้ง

หลังจากวันนั้นทั้งผมและทีมจึงพยายามทำนุรักษาความรักของเราให้มั่นคงแน่นหนาเพราะเราต่างรู้ดีว่า....ความรักของเราในครั้งนี้ได้แลกมาด้วยชีวิตของบาส

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมกับทีมจึงสัญญาว่าเราจะไม่ยอมพลัดพรากจากกันอีก

ที่สำคัญในตอนนี้...เราทั้งคู่ยังได้รู้จักกับความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

ความรักที่ทำให้เราได้ช่วยกันอย่างเต็มกำลังที่จะเลี้ยงดูชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่งให้ได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข ดังนั้นผมจึงได้แต่หวังว่าโชคชะตาคงจะได้เห็นใจผมกับทีมบ้าง

ในตอนนั้นผมค่อยๆหันไปทางพระอุโบสถและก็พนมมือขึ้น พลางกล่าวคำอธิษฐานในใจอย่างมุ่งมั่นว่า....

ผมไม่ขอที่จะมีฐานะร่ำรวย หรือได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ หรือต้องการทรัพย์สมบัติมีค่าใดๆ ในชีวิตนี้ผมอยากจะขอเพียงอย่างเดียวที่อยากจะให้สิ่งศักดิ์ได้ช่วยดลบันดาลให้มันเป็นจริง นั่นคือ....

..........ขอให้รักของเรานั้น.....นิรันดร…...


-----------------------จบบริบูรณ์----------------------



หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-12-2006 16:02:53
ขอบคุณคุณนัทนทีสำหรับเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมนี้อีกครั้ง
ยังสามารถเรียกน้ำตาผมได้ทุกครั้งที่นึกถึงความรักของบาส
*********************************************************************
คุยกันท้ายเรื่อง
คงเป็นธรรมเนียมของผมนะครับที่จะไม่มีการคุยกันระหว่างทาง ดังนั้นเมื่อเปิดเรื่องกับจบเรื่อง เราก็คงมาคุยกันที

และถึงตอนนี้ผมก็คิดว่าผมตัดสินใจถูกมากๆที่ทำอย่างนี้ เพราะถ้าผมเขียนไป คุยไปกับผู้อ่านด้วย ผมคงโดนถล่มเละไม่มีชิ้นดี

ผมคิดว่าคงมีแง่มุมหลายประเด็นที่อยากจะตอบ อยากจะบอก และอยากจะแก้ตัว 5555

1. เรื่องแรกผมขอเริ่มที่คำถามยอดฮิตที่ถามกันมาตั้งแต่ภาค 1 หรือภาค 2 ช่วงต้นๆ ก่อนแล้วกัน นั่นคือ ตกลงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หรือ เรื่องแต่ง

จริงๆแล้ว ถ้าใครได้อ่านเรื่องของผมมาตั้งแต่บอร์ดเก่าที่โดนบล็อคก็คงพอรู้คำตอบอยู่แล้วว่า

ภาค 1 เป็นเค้าโครงเรื่องจริง ส่วนภาค 2 เป็นเรื่องแต่ง

เพราะฉะนั้นตัวละครทุกตัว เหตุการณ์ส่วนใหญ่ในภาค 1 จึงมีตัวตนและเกิดขึ้นจริง และจริงๆแล้วผมก็ยังไม่รู้หรอกครับว่าทีมเขาเลิกกับผมเพราะอะไร นอกจากที่เขามาบอกว่าผมไปว่าร้ายเขาอย่างที่ทุกคนได้อ่านไปแล้ว

2. ส่วนที่มาของภาค 2 ก็เป็นเพียงหนึ่งในสมมุติฐานของผมว่าทำไมทีมจึงเลิกกับผม เพราะเหตุการณ์ที่บาสพาผมไปสวนสาธารณะแล้วสารภาพว่าเขาแอบชอบผมมาตั้งแต่ ม. 1 นั้นก็เกิดขึ้นจริง และ เขาก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดขอทีมจริงๆ แล้วดันบังเอิญไปเรียนพิเศษด้วยกันกับทีมอีก ผมก็เลยเอามาแต่งเรื่องเสียเป็นตุเป็นตะ (จริงๆแล้วผมไม่ค่อยเชื่อสมมุติฐานนี้เท่าไหร่นะ ผมยังแอบมองแง่ดีว่าเขาไม่น่าจะทำกับผมอย่างนี้ เพียงแต่ผมคิดว่าถ้าเอามาเขียนนิยายน่าจะสนุกกว่าสมมุติฐานอื่นๆ )

3. ส่วนบันทึกที่ทุกคนอ่านกัน ก็มาจากเหตุการณ์ที่บาสมาสารภาพว่าแอบชอบผมแหละ ผมจึงได้กลับไปนั่งคิดแล้วถึงรู้ว่าเขาแอบทำอะไรให้ผมมากมายจิงๆ

4. เพราะฉะนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะซาดิสตืหรือโหดร้ายกับคนอ่าน เพียงแต่สิ่งที่ผมเจอมามันก็โหดร้ายอย่างนั้นจริงๆ

5. ส่วนภาค 2 ที่ผมแต่งนั้น มันก็ไหลไปตามพล็อตเรื่องที่ผมคิดไว้ตั้งแต่ต้น เพราะผมไม่ได้แต่งไปคิดไป พล็อตเหล่านี้มันเกิดจากการที่ผมนั่งคิด นอนคิด แล้วมันก็ไหลออกมาเองว่าผมไปเจอบาสอีกครั้ง ผมเลยไปดุแลเขา เลยได้รู้ว่าเขารักผม แล้วจนกระทั่ง....บาสตาย ผมก็ไม่ได้ตั้งใจ มันเหมือนมันไหลไปเองซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

6. แล้วเรื่องที่มันเศร้าอย่างนี้ ผมก็อยากบอกว่าผมนี่แหละเป็นคนหนึ่งที่เศร้าที่สุดเลยครับ เพราะผมเห็นสีหน้าทุกอารมณื คำพูดทุกพูด น้ำตาทุกหยดของตัวละครได้หมด เพราะมันอยู่ในหัวผมเอง ที่สำคัญมันเป็นเรื่องของผมเองด้วย ผมจึงแอบไปนั่งเครียดอยู่หลายครั้งเพราะยิ่งเขียน ตัวเองก็เหมือนจะหลุดออกไปจากโลกแห่งความจริงทุกที มีบางทีที่ผมนั่งอยู่แล้วก็ร้องไห้ออกมาเฉยๆเหมือนกัน แบบว่าไม่มีเหตุผล

7. แต่สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นก็คือผมจะไม่ยอมเปลี่ยนพล็อตเรื่องเหล่านี้เด็ดขาด ยกเว้นเรื่องเดียวคือตอนจบ ผมสารภาพครับว่าตอนแรกเรื่องนี้จะจบเศร้านะครับ แต่พอเขียนไปสักครึ่งเรื่อง ผมก็หดหู่จนทนไม่ไหวเหมือนกันเลยตัดสินแก้ตอนจบให้มาสมหวังแทน

8. แต่ไม่รู้คนอื่นจะคิดเหมือนผมหรือเปล่าว่าถึงแม้เรื่องจะนี้จบสมหวังแต่มันก็มีอารมณ์เศร้าๆ หม่นๆ ปนอยู่มาก ก็เรียกว่าไม่ happy Ending เสียทีเดียว

9. จริงๆถ้าอ่านเรื่องของผมอย่างละเอียดจะพบว่าผมแอบใส่แง่คิดเกี่ยวกับความรักไปหลายช่วง เพราะอยากให้ประสบการณ์ของผมเป็นบทเรียนอะไรให้กับคนอื่นๆบ้าง แต่จะมีแง่คิดอะไรบ้างคงต้องลลองกลับไปดุกันเองนะครับ

10. ผมอาจจะลองรีไรท์เรื่องนี้อีกที แล้วถ้ามันดีพอก็หวังว่าอยากให้มันปรากฏออกมาเป็นรูปเล่มให้เราได้อ่านกันตามที่หลายคนเสนอแนะครับ

11. ผมคงต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับ
1. นักเขียนคนอื่นๆ ในบอร์ดที่เอาเรื่องของตัวเองมาเล่าให้อ่านกันและได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ผมอยากลองเล่าบ้าง จนได้เปลี่ยนจากคนอื่นมาเป็นคนเขียน
2. สำคัญมากๆ คือคนอ่านทุกท่านครับ บอกตามตรงคับว่าถ้าไม่มีพวกคุณ ผมคงทำงานชิ้นนี้ไม่สำเร็จ และต้องขอโทษด้วยจะมีข้อผิดพลาด หรือทำอะไรให้ขัดใจไปบ้าง

12. นิยายเรื่องนี้เป็นการเขียนครั้งแรกของผม และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะผมได้รู้แล้วว่าการเขียนนิยายมาสักเรื่องนี้มันต้องอาศัยพลังความคิด พลังกาย พลังใจ และเวลาอย่างมหาศาลจริงๆ จึงอยากคารวะนักเขียนอื่นๆที่เขียนอย่างสม่ำเสมอจิงๆ (แล้วผมจะไปตามอ่านเหมือนกับพวกคุณนะคับ)

13. อ้อ อีกนิด ผมจะใช้ชื่อนัทนทีเฉพาะการเขียนนิยายเท่านั้นนะครับ (ถ้าหากเขียนอีก) เพราะฉะนั้นถ้าเห็นชื่อผมในกระทู้อื่นแสดงว่าตัวปลอมแน่นอน (หลังจากโดนโคลนมาครั้งนึงเลยกันไว้ก่อน)

14. ขอบคุณทุกคนอีกครั้งครับ 5 เดือนที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ล้ำค่าของผมจริงๆ และมิตรภาพผ่านตัวหนังสือและโลกแห่งเนตนี้คงทำให้ผมจำทุกคนไม่ลืม นึกแล้วใจหายเหมือนกันนะ

แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนครับ

โดยนัทนที

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mokung ที่ 03-12-2006 16:44:50
ชอบตอนจบจังครับ.....แบบรู้สึกได้เลยว่าตอนจบตัวละครโตขึ้นอะครับ
 :impress2:โห นี่เรื่องแรกเหรอครับ เขียนเก่งอะ เล่นเราผมร้องไห้ ไม่เปนอันเรียนอะ หุหุตกลงมันดีหรือไม่ดีวะ :confuse:
ยังไงก็เวะมาทักทายกันบ้างนะครับ อย่าหายไปเลย ไม่งั้นคนอ่านคงคิดถึงแย่อะ ตามอ่านมานานจนชินไปและ เหมือนเพื่อนกานเจอกานทุกวันอะ   ถึงบางครั้งเรื่องมันจะเศร้าๆ แต่มันก็.......เฮ้อ บอกไม่ถูก เอาเปนว่าชอบละกันครับ :myeye:

ยังไงก็ขอให้คนเขียนโชคดีกะทุกๆเรื่องนะครับ  จะคอยติดตามผลงานนะครับ ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆอีกครั้งครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-12-2006 16:58:54
 :yeb:  ชอบเรื่องนี้นะ ใส่อารมณ์ให้ตัวละครได้ดีมากเลย คนอารายมั่นคงต่อความรักจัง หายากๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pandaba ที่ 03-12-2006 17:25:30
จบซะแร้ววววววววววววว

ชอบอะเรื่องเศร้าๆแบบนี้

ดูเพ้อฝันดีครับ

สมัยนี้จะยังมีมั้ยน้าคนที่ยึดติดกับความรักแบบนี้

ขอบคุณผู้เขียนนะครับที่ทำให้เราได้มาอ่านเรื่องดีๆหล่อเลี้ยงใจ

ถึงแม้ว่ามันจะเศร้าก็ตามครับ

เรื่องมหาลัยนี่ในภาคสองเป็นเรื่องแต่งหมดหรือครับเพราะข้อมูลนี่ดูเป็นข้อมูลจริงที่ถูกต้องนะครับ

เราก็เลยอินซะ

ขอบคุณครับ :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: moopai ที่ 03-12-2006 18:26:19
จบจนได้ เศร้าจังง :monkeysad:
ขอบคุณนะคะ :sad4: :impress2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beta ที่ 03-12-2006 18:28:17
ว๊า จบซักที

ขอบให้มีความสุขกับชีวิตนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 03-12-2006 19:40:49
ตอนอ่านที่บอกว่าไปเคารพอัฐิของบาสหลังจากตายไป 5 ปี :o
ตกใจแต่งเรื่องเหรอเนี่ย   แต่พออ่านช่วง "คุยกันท้ายเรื่อง"แล้วก็เข้าใจแหละ :try2:
สงสารทั้ง3คนนั่นแหละ  เศร้าจังเลย :sad4:
ยังไงก็ขอให้ชีวิตเจอแต่ความสุขตลอดไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Alert ที่ 03-12-2006 22:27:20
        เอาไป 5 กระโหลกเลย  :sad5:     เหอๆๆๆ
อยากให้รวมเล่มจังเลยครับ ผมจะได้ซื้อมาเก็บไว้    :impress2:
เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องต่อๆไปนะครับ   


 :yeb:


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 04-12-2006 10:09:21
เป็นตอนจบที่ซึ้งได้ใจมากคับ

อย่างที่คุณ Mokung พูด

"ตัวละครโตขึ้น"



เป็นนิยายเรื่องที่ 2 ที่ทำให้ผมร้องไห้ได้ นับถือจริงๆคับว่าเก่งจริงๆ
นี่ขนาดเรื่องแรก ถ้ามีเรื่องที่2 ที่3 มีหวังตอนผมร้องไห้ ลูกตาผมคงจะกระเด็นออกมาเลยล่ะ - -*



ขอบคุณนะคับ คุณนัทนที ที่มาเขียนเรื่องของคุณแล้วได้ร่วมแชร์ประสบการณ์ (ถึงแม้มันจะเศร้ามากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :monkeysad:)





ว่างๆก็แวะมาเยี่ยมเยียนที่บอร์ดนี้หน่อยนะคับ (พี่บลูฯ ไปลากคุณนัทนทีมาเลยยยยยยยยยยยยยยยยย  :pigangry2:)







แล้วจะรออ่านเรื่องต่อๆไปนะคับ










ขอบคุณอีกครั้ง











RrMz`,,
Bass FC.





ps.คิดถึงบาสอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววววววว  :sad5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 04-12-2006 14:08:55
ในที่สุดก็จบซักที.....จาได้ไม่ต้องนั่งน้ำตาซึมอีก.............. :try2:

ขอบคุณ....คุณนัทนทีมากนะคับที่เขียนเรื่องดีๆมาหั้ยอ่าน :impress3:

ใส่อารมณ์ให้ตัวละคนเหมือนเป็นชีวิตจิง....

ขอบคุณพี่เรย์....ที่ขยันเอามาลงหั้ยอ่าน..........Thanks

.....................ขอหั้ยรักของทุกคนนั้น......นิรันดร์...............
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 04-12-2006 17:02:19
จบแล้ว  จบแบบบอกไม่ถูก  Happy ending แบบเศร้า ๆ (ยังคงคิดถึงบาสอยู่  :impress3:)

ขอบคุณคุณนันนทีสำหรับเรื่องราว ๆ ดีๆ   คุณแต่งเรื่องได้ดีมาก ๆ เลยคะ  ใส่อารมณ์ให้กับตัวละครได้ดี  ผูกเรื่องได้ดี  มีปม มีจุดสำคัญให้พวกเราคนอ่านได้ลุ้นกันตลอดเวลาเลย  เรื่องนี้เศร้ามาก ๆ แต่ก็สนุกมาก ๆ ทำเอาเราไม่เป็นอันทำอะไรเลย  รออ่านนิยาย  อิอิ  ยังไงก็ติดตามผลงานต่อไปนะคะ  :impress2:

ขอบคุณคุณบลูด้วย  ต้องหาเรื่องดีดี สนุก ๆ มาให้พวกเราได้อ่านกัน   น่ารักจัง  หามาอีกเยอะ ๆ นะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-12-2006 18:00:02
จบแล้น

แต่ก็ยังเศร้าอยู่ดีอะ


สงสารบาสจัง ถึงแม้....


พูห์ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 04-12-2006 20:28:45
จบแล้วเหรอ

ว้า...เสียดายจัง

รู้สึกไม่อยากให้จบเลยอ่ะ

ต่อเรื่องอื่นด่วนนะครับคุณบลู
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pim ที่ 04-12-2006 21:07:38

ในตอนนั้นผมค่อยๆหันไปทางพระอุโบสถและก็พนมมือขึ้น พลางกล่าวคำอธิษฐานในใจอย่างมุ่งมั่นว่า....

ผมไม่ขอที่จะมีฐานะร่ำรวย หรือได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ หรือต้องการทรัพย์สมบัติมีค่าใดๆ ในชีวิตนี้ผมอยากจะขอเพียงอย่างเดียวที่อยากจะให้สิ่งศักดิ์ได้ช่วยดลบันดาลให้มันเป็นจริง นั่นคือ....

..........ขอให้รักของเรานั้น.....นิรันดร…...

ตอนอ่านถึงประโยคสุดท้ายนี่แบบว่า โอยย อยากช่วยอธิษฐานด้วยคนเลยอะค่ะ

จบได้ Happy แบบนี้ก็โอเคดีแล้วล่ะ
ถ้ามันเศร้ากว่านี้นะ ไม่ไหวแน่

ทำไมชีวิตของคนๆ นึงถึงแบกความเศร้าไว้ได้มากขนาดนี้นะ
เฮ่ออออ  ว่าแล้วก็พนมมือขึ้น กล่าวคำอธิษฐาน ขอให้คำอธิษฐานของบีสมหวังนะ
(เราอินกะเรื่องมากไปปะ)

ถ้าทำเป็นหนังสือนะ  เรายกมือจองด้วยคนเลย สนับสนุน  ถ้ามีข่าวก็บอกกันบ้างนะคะ

ปล.ถ้างั้น คุณนัทนทีก็เป็นเด็ก มธ. ใช่ปะคะ?
ใครรู้ช่วยตอบหน่อย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirati69 ที่ 04-12-2006 22:57:00
จบแล้ว  จบแบบสุขๆ เศร้าๆ บอกไม่ถูก  จนถึงตอนนี้ก็ยังทำใจเรื่องบาสไม่ได้เลย  :monkeysad:

แต่ก็คิดเหมือนหลายคน อยากให้ทำเรื่องนี้เป็นหนังสือจัง  จะอุดหนุนเต็มที่เลย

อยากเก็บไว้อ่านอ่ะ  ถึงจะเศร้าไปนิด แต่ก็ชอบมากกกกกกกกกกกกก  :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 05-12-2006 02:23:15
เพิ่งตามอ่านจนจบ เศร้านะ เศร้ามากด้วย
ขอบคุณนะครับที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน
ขอบคุณจากใจครับ :myeye:





ปล.ไม่ว่ายังไงก็ตาม อยากได้แฟนแบบบาสอ่ะ :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Vasabi ที่ 05-12-2006 14:44:58
 :dad1:


จบแบบสุข ๆ ปนเศร้า  :impress:

ขอบคุณค้าบบบที่นำเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน  :like2: :like2: :like2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-12-2006 09:51:41
"บาสจะตอบแทนความรักของบีด้วยการโกหกได้อย่างไร"

"บาสแค่คิดว่าด้วยความรักที่บีมีต่อบาส อาจจะทำให้บียอมยกโทษให้บาสบ้างก็ได้ "

 :sad4:   :sad4:

บาสผู้น่าสงสาร หลับให้สบายเถอะนะ :sad4:

"การได้อยู่กับคนที่เรารัก แม้นาทีเดียวก็ยืนยาวเหมือนนิรันดร (จากเรื่องจากฝันสู่นิรันดร)"

หลับฝันดีนะบาส  :sad4:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Kmalee ที่ 06-12-2006 20:15:40
 :monkeysad: เพิ่งอ่านเรื่องนี้จบวันนี้ เริ่มอ่านตั้งแต่วันจันทร์ค่ะ ชอบมากๆเลย อ่านแล้ว ได้ล้างตา มันเป็นเรื่องของความรักจริงๆเลยนะคะ ไม่มีคนถูก ไม่มีคนผิด แต่นับถือ ความรักของทั้ง บาส และ ทีม
บี เป็นคนโชคร้ายบนความโชคดี เป็นเรื่องที่ต้องยกให้เป็นเรื่องที่ดี น่าอ่าน น่าติดตามมากๆเลยค่ะ อยากให้มีเรื่องน่าอ่านแบบนี้อีกค่ะ จะรอน๊า  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 06-12-2006 21:00:49
 :haun6:เป็นเรื่องที่เรานั้นประทับใจ ......นิรันดรอีกเรื่องหนึ่ง อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 06-12-2006 22:32:23
เข้ามารดน้ำสังข์ให้ บี กับทีม น่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: nzeed ที่ 07-12-2006 10:52:19
จะโหดร้ายไปไหมเนี่ย หากจะบอกว่า ไม่น่าจบแบบ happy  เลย น่าจะเหลืออยู่เพียงแค่คนเดียว หรือไม่ทีม ก็ไม่น่าจะมาเจอกับบี อีก ไม่รู้จะอธิบายไงดี เอิ๊กกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-12-2006 16:43:38
ถึง คนเขียน

บีบใจมากๆ  แม้ว่าบางทีจะ.....ไปหน่อย  เฉยๆกะทีม  สงสารบาส  เข้าใจบี

ไม่ชอบตอนจบ  แต่ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีแล้ว  เพื่อลดความหดหู่ที่มีมากมายของเนื้อเรื่อง

แต่แปลกอ่านเรื่องนี้ไม่มีน้ำตาสักหยด   ทั้งๆ ที่ความจริงเนื้อเรื่องมันเศร้านะ  เศร้ามากๆ แต่อาจเป็นเพราะมันมีความหดหู่อยู่ในนั้นมันมากกว่าก็เป็นได้

อ่านแล้วโลกนี้เป็นสีเทามากกว่าสีบลู 

แต่ก็ดีนะ  ได้แง่คิดเกี่ยวกับความรักที่บางครั้งก็รู้อยู่หรอกนะแต่ไม่ได้ใส่ใจ  ทำให้คราวหน้า....หากความรักมาเยือนอีกครั้งจะใส่ใจมันมากกว่านี้  หลังจากที่มีแบบทิ้งๆ ขว้างๆ มานาน

เชื่อใจเหรอ............ผมว่าทำได้ยาก
ให้โอกาส..............ยากมากที่จะทำ
อภัย....................คำนี้สะกดยังไง  วานใครช่วยบอก
รักเดียว................คิดว่าเกิดมายังไม่เคยเจอ


ถ้าจะถามว่าความรักคืออะไร

คำตอบที่ได้คงเหมือนตาบอดคลำช้าง............ว่ามะ

ปล.  เขียนเก่ง   แต่อย่ามีบ่อยนะนิยายสีเทาๆ แบบนี้  ทุกวันโลกมันก็หดหู่พอแรงอยู่แล้นนนนนนนน   :try2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: นัทนที ที่ 16-12-2006 20:59:17
ไม่รู้ว่าเข้ามาช้าไปหรือเปล่า

อยากเข้ามาขอบคุณ คนอ่านทุกคนนะครับที่ตามอ่านนิยายเรื่องนี้  ได้อ่านความเห็นของทุกคนแล้วก็รู้สึกผิดเหมือนตอนบอร์ดโน้นเลย ที่นิยายเรื่องนี้อาจทำให้ความรักของหลายคนหม่นหมองลงไป และอาจจะเศร้าเกินไปสักนิด

แต่สำหรับผมเหรียญมี 2 ด้านเสมอ อยู่ที่เราจะเลือกมอง เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเรื่องนี้ก็มีมุมดีๆให้เก็บไปคิดเหมือนกันนะครับ

โดยเฉพาะประโยคหนึ่งที่ผมเขียนลงไปในนิยายที่ว่า

"คนบางคนอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อหาคำว่า "รัก" นี้ให้เจอ  ดังนั้นเมื่อผมได้มันมาแล้วผมก็ต้องดูแลรักษามันให้ดีที่สุด"

ผมอยากให้คนอ่านลองนำประโยคนี้ไปคิดดีๆ แต่ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่า

"ความรักมันมีเส้นทางของมันเอง ไม่มีใครไปบังคับฝืนใจมันได้ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ปล่อยให้มันเป็นไป"

เพราะฉะนั้นไม่ว่าความรักของคุณจะไปจบลงตรงไหน ก็ขอให้แน่ใจเถิดครับว่าคุรได้ดูแลมันดีที่สุดแล้วในวันที่คุณมีมันอยู่

อย่าต้องมาใช้คำว่า "ถ้า" เหมือนผมเลย  เพราะ เมื่อไหร่ที่เราใช้คำๆนี้ มันก็หมายถึงสิ่งที่เราไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว (จำได้มั้ย เอามาจากตอนที่เท่าไหร่ ตอบถูกไม่มีรางวัลนะครับ)

ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ และถ้ามีโอกาสจะพยายามหาเวลาเขียนเรื่องใหม่ๆมาใหอ่านกันครับ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-12-2006 22:21:15
ผมกลับคิดเห็นต่างไป เรื่องนี้ทำให้ผมมองเห็นมุมมองของความรักที่สวยงามที่บาสมีให้กับบี  :monkeysad2:
ทั้งตัวทั้งหัวใจทั้งชีวิต จากเดิมที่ผมแทบจะหมดความเชื่อว่าจะมีรักแท้ในหมู่พวกเรา
แต่บางคนโชคดีที่ได้พานพบมัน พออ่านเรื่องนี้แล้วจะได้ตระหนักว่า
เมื่อได้มันมา จะมีความสุขกับมันให้เต็มที่ ทำมันให้ดีที่สุด
แล้วอนาคตอย่างที่นัทนทีบอกว่ามันจะมีหนทางเดินไปทางไหน ก็สุดแล้วแต่ที่มันจะเป็นไป  :really2:

ผมไม่ค่อยจะมีคำว่าถ้าเหมือนนัทนะ (ภาค 2 ตอนที่ 19 ที่บีฟังทีมแล้วคิดว่าตกลงเป็นเพราะใครกันแน่ที่ทำให้เกิดโศกนาฎกรรมรักนี้ขึ้น)
แต่ผมมักจะใช้คำว่า " แต่ "
ผมพยายามจะไม่ใช่มัน ชีวิตคงก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ลังเล
 :love2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: yukiya ที่ 17-12-2006 18:29:54
เอ้อ..... ก็ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกันนะคะ ว่าเป็นเด็กใหม่ในเล้า แต่พออ่านเรื่องนี้จบแล้ว ก็อยากจะกด reply มากๆ เลย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เศร้าจริงๆ นะคะ เพราะถ้าหากเราเจอกับตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้เหมือนบีหรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละค่ะ ทุกคนก็คงต้องเจอกับความเจ็บปวดบ้าง ไม่มากก็น้อย แล้วแต่ว่าจะสามารถตั้งสติและพร้อมที่จะเผชิญกับมันได้มั้ย  :monkeysad:
แต่ยังไงก็ขอขอบคุณ คุณนัทนที มากๆ นะคะ ที่เขียนเรื่องราวดีๆ อย่างนี้มาให้อ่านกัน
ขอบคุณมากค่ะ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pajaa ที่ 18-12-2006 03:15:51
เย้!!!!!!!!
อ่านจบแล้วววววว  :really2:
ขอบอกว่า ซู้ดดดดดดยอด ดีมาก ๆๆๆๆๆๆๆ
 
บีกับทีมกว่าจะได้อยู่ด้วยกันแทบกระอักเลือดลุ้นสุดกันสุดริด ในที่สุดก็ลงเอยกันจนได้  :impress:

แต่บาสอ่ะน่าสงสารที่สุดเลย  :monkeycry2:  โธ่เอ้ย....แอบรักเขาข้างเดียวมาตั้งนานพอเขารักตอบก็เป็น....เงี้ย   
เศร้า..... ซี้ง  :impress3:

ขอบคุณนะคับ k.นัทนที ที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่าน แล้วจะรออ่านเรื่องต่อไปนะคับ

ขอบคุณเรย์ด้วยนาคับ ทุกเรื่องที่เอามาลงให้เนี่ยแต่ระเรื่องไม่มีผิดหวังเลยจริง ๆ ขอบคุณค๊าบ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 25-12-2006 08:23:41
จริงๆ อ่านจบตั้งนานแล้วหล่ะค่ะ แต่เพิ่งเข้ามาโพส (เพราะเพิ่งสมัครสมาชิก) แบบว่าขอออกตัวนะคะว่าเป็นหญิงแท้ๆ ค่ะ
แต่อ่านแล้วก็ชอบแล้วก็อินตามกับความรักแบบนี้เหมือนกัน (คือความรักไม่มีเพศอะนะ) แบบว่าเสียน้ำตาไปหลายฉากเหมือนกันค่ะ :impress:
แต่ส่วนตัวคิดว่าดีแล้วหล่ะค่ะ ที่จบแบบแฮปปี้ เพราะเรื่องมันเศร้ามากอยู่แล้ว ถ้าจบแบบเศร้าๆ อีก เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจคนอ่านเกินไปนะคะ
แต่ยังไงก็ขอบคุณผู้แต่งนะคะ ที่เขียนให้ได้อ่านกัน ถ้ามีเรื่องใหม่ก็อย่าลืมเอามาลงนะคะ จะรออ่านค่ะ :like6:

อยากถามอีกข้อค่ะว่าชื่อที่ใช้ในเรื่องเป็นชื่อจริงป่าวคะ มีทั้งชื่อ นามสกุล เลยอ่ะ (สงสัยค่ะ)  :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: นัทนที ที่ 25-12-2006 10:37:35
ตอบคุณ suregirl นะคับ  ชื่อเหล่านั้นไม่ใช่ชื่อจริงหรอกครับ เป็นชื่อที่แต่งขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวจริงโดนผลกระทบ เพราะพวกเขาทั้งหมดยังมีตัวตนจริงๆ รวมทั้งพี่หมอในภาค 2 ด้วย 

ขอบคุณนะครับที่ผู้หญิงอย่างคุณ showgirl ยอมรับความรักที่บอกคนบอกว่าผิดธรรมชาตินี้

จริงๆแล้วก็ถ้าความรักไม่มีการแบ่งชนชั้น ชาติ ศาสนา แล้ว ก็ไม่น่าจะแบ่งเพศด้วยนะ

ส่วนเรื่องใหม่ผมตั้งใจให้เป็น project ปีหน้า ตั้งใจว่าต้องเขียนให้ได้จบสักเรื่อง (จะพยายามครับ)

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ชอบนิยายเรื่องนี้

ปล. ช่วงนี้อาจเข้ามาตอบได้บ่อย เพราะเริ่มว่างก่อนปีใหม่ เลยเข้ามาอ่านนิยายดีๆในบอร์ดเหมือนทุกคนน่ะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 25-12-2006 14:58:45
ตอบคุณ suregirl นะคับ  ชื่อเหล่านั้นไม่ใช่ชื่อจริงหรอกครับ เป็นชื่อที่แต่งขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวจริงโดนผลกระทบ เพราะพวกเขาทั้งหมดยังมีตัวตนจริงๆ รวมทั้งพี่หมอในภาค 2 ด้วย 

ขอบคุณนะครับที่ผู้หญิงอย่างคุณ showgirl ยอมรับความรักที่บอกคนบอกว่าผิดธรรมชาตินี้

จริงๆแล้วก็ถ้าความรักไม่มีการแบ่งชนชั้น ชาติ ศาสนา แล้ว ก็ไม่น่าจะแบ่งเพศด้วยนะ

ส่วนเรื่องใหม่ผมตั้งใจให้เป็น project ปีหน้า ตั้งใจว่าต้องเขียนให้ได้จบสักเรื่อง (จะพยายามครับ)

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ชอบนิยายเรื่องนี้

ปล. ช่วงนี้อาจเข้ามาตอบได้บ่อย เพราะเริ่มว่างก่อนปีใหม่ เลยเข้ามาอ่านนิยายดีๆในบอร์ดเหมือนทุกคนน่ะครับ


ดีค่ะ จะรอเรื่องใหม่นะคะ ชอบสำนวนหน่ะค่ะ เขียนได้ดีค่ะ
พอได้อ่านเรื่องคุณนัทนที ก็เหมือนได้มองความรักแบบนี้สวยงามขึ้นนะคะ เพราะเมื่อก่อนก็ไม่เคยสัมผัส
กับเรื่องแบบนี้อะค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเข้าใจโลกมากขึ้นมองโลกกว้างขึ้นด้วยนะเนี่ย แล้วก็เข้าใจความรักมากขึ้นด้วย
(เวอร์ไปปะเนี่ย) รวมทั้งเรื่องของ น้องเป็นต่อกับน้องพลาดไปแล้ว ด้วยค่ะชอบ ชอบ 2 เรื่องนี้มากค่ะ ทั้งเนื้อเรื่องและสำนวนการเขียน
เป็นกำลังใจให้นะคะ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-12-2006 16:17:21
ดีใจที่คุณนัทนทีเข้ามาในบอร์ดค่ะ  :myeye:

ชอบเรื่องนี้มากเลย โดยเฉพาะบาส ส่วนที่ว่าเรื่องนี้ภาคแรกเป็นเรื่องจริง ภาคสองเป็นเรื่องแต่ง

แสดงว่า ณ ปัจจุบัน บาสยังอยู่ใช่มั๊ยค่ะ  :monkeysad: ชอบมุมมองความคิดของบาสในเรื่องความรักกับการให้อภัยในภาค 1

แม้ว่าตัวเองจะไม่ค่อยเชื่อในเรื่องดังกล่าวเท่าไหร่นัก  แต่คิดว่าคนที่ได้เป็นแฟนกับบาสต้องเป็นคนที่มีความสุขมากคนหนึ่งแน่เลย

ภาคสองแต่งได้โดนใจมากเลยทั้งเนื้อหาและสำนวน แต่แอบน้อยใจนิด ๆ ที่ให้บาสตายเร็วไปหน่อย

ทำไมไม่ให้บาสได้รับรู้ว่าบีให้อภัยบาสแล้วก่อนตาย   :impress3:  :impress3:  :impress3:

 :monkeycry2:

สุดท้ายจะรออ่านนิยายเรื่องใหม่ของคุณในปีหน้า และจะเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :yeb:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: นัทนที ที่ 25-12-2006 17:41:44
ขอบคุณครับ คุณ shell

เรื่องจริงไม่มีใครตายหรอกครับ ทุกคนยังอยู่ดีรวมทั้งบาสด้วย

ถ้ารู้ว่าโตขึ้นแล้วจะหล่อ เซอร์ได้ใจขนาดนี้ ตอนนั้นในสวนสาธารณะ ผมคงตอบตกลงไปแล้ว

อ้าว เอ๊ะ ยังไง

 :yeb:  ล้อเล่นน่ะครับ 

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 26-12-2006 23:39:54
ขอบคุณครับ คุณ shell

เรื่องจริงไม่มีใครตายหรอกครับ ทุกคนยังอยู่ดีรวมทั้งบาสด้วย

ถ้ารู้ว่าโตขึ้นแล้วจะหล่อ เซอร์ได้ใจขนาดนี้ ตอนนั้นในสวนสาธารณะ ผมคงตอบตกลงไปแล้ว

อ้าว เอ๊ะ ยังไง

 :yeb:  ล้อเล่นน่ะครับ 






คุณนัทนที มาพุดไห้อยากเหนหน้าพี่บาสอีกง่ะ



อยากเหนหน้าพี่บาสจังงงงงงงงงง อ๊ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: konaun ที่ 30-12-2006 21:22:31
:monkeysad:
งืมๆจบแล้วเหยอ
งืมๆจบแบบนี้ก็็ดี
รู้สึกว่าเศร้ากันตลอดเรยอ่ะ
ไม่รู้จะเศร้าไปไหน
งืมๆ  คนเขียนๆได้ดีมั่กๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: papiyong ที่ 31-12-2006 19:05:50
 :impress:อยากรู้อะว่า ปัจจุบัน บี ทีม บาส อะเป็นไงบ้างยังเป็นเพื่อนกันอยู่ป่าว และทีมกับ บีอย
ด้วยกันและรักกันอยู่มั๊ยอะอยากรู้
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: box_breathe ที่ 01-01-2007 03:28:27
สนุกมากๆเลยคับ

อ่านแล้วร้องไห้เลยอ่ะ.... :monkeysad2:

และผมก็อยากให้คุณ นัทนที เขียนเรื่องอื่นๆให้พวกเราได้อ่านอีกจังเลยคับ

จะรอติดตามผลงานนะค้าบบบ

****************************
และที่สำคัญ  ผมเองก็อยากรู้เหมือนคุณ papiyong อ่ะคับว่า..

ปัจจุบัน บี ทีม บาส เป็นยังไงกันบ้าง

ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ป่าว และทีมกับ บีอยู่ด้วยกันหรือเปล่า

ช่วยมาตอบผมด้วยนะคับ

เดี๋ยวจะคอยแวะมาดูบ่อยๆ

          :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 02-01-2007 10:33:53
แหะๆ เพิ่งอ่านจบอะครับ  เอ่อ... รู้สึกว่าจาเคยเห็นนิยายของคุนนัทนทีมาก่อนแต่ก้อม่ายเคยได้เข้าไปอ่านสักกะที  แต่ครั้งนี้มีเวลาก้อเลยตกลงใจที่จามานั่งอ่าน 

คุนนัทนทีสื่ออารมณ์ผ่านออกมาทางตัวหนังสือ  ตลอดจนทุกตัวอักษรได้เป็นอย่างดี  (ดีจนเสียน้ำตาไปหลายยกเยยทีเดียว  :monkeycry2: :sad4: :impress3: :monkeysad:)  ในเรื่องไม่ได้มีเพียงแค่อารมณ์เศร้าเท่านั้น  ยังมีอีกหลายๆ อารมณ์  อ่านไปก้ออินไปกับตัวละครของบีด้วย  (เหมือนโดนมนต์เข้ายังไงยังงั้น  มนดำอะป่าว  เอิ้กๆ  ล้อเล่นนะคับ) ถ้ายิ่งค่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ ดูความสัมพันธ์ของตัวละครไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจของอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว  ในเรื่องยังมีการทิ้งปมไว้อีก  ซึ่งทำให้เนื้อหาที่ออกมาน่าติดตามมากเลยทีเดียวคับ
 
ซึ่งต้องชมคุนนัทนทีทีเดียวนี่ขนาดเป็นการเขียนเรื่องแรกยังทำได้ดีขนาดนี้นะคับ  (ขอชื่นชมจากใจจริง)   ถ้าคุนนัทนทีจะเขียนเรื่องต่อไปก้อจะเป็นแรงใจให้อีกแรง  :yeb: :monkeylove2: :haun6:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by
เริ่มหัวข้อโดย: verayuth ที่ 15-02-2007 21:42:47
ho!
ผมอ่านรวดเดียวจบเลยครับ
เหมือนกับหลายๆ เรื่อง


เศร้ามากๆ เลยคับ
น่าสงสาร ทั้ง ๓ คน
เรื่องนี้ผมอินมากๆ เลยล่ะคับ

รองไห้ออกไป ไม่แพ้ ทีม บี บาส เลยล่ะคับ    :monkeysad:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 16-02-2007 16:07:11
ผมเองก็ชอบเหมือนกัน มันเป็นความบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่ผมอ่านๆ ไปแล้วเพลง Can't Help falling in love ดันเปิดพอดี ไม่ได้พอดีตอนเนื้อเพลงมานะ แต่เป็นตอนเศร้าๆ (เผลอเปิด Concert Celine Dion ไปด้วย) ทำเอาสะอึกไปนิดนึงเลย

ด้วยความซึ้งเกาะกินใจ

เนื้อเรื่องเกาะไปด้วยความหดหู่ลอยละล่องตลอดทั้งสองภาค แม้ภาคสองจะมีเรื่องๆ หวานๆ วาบหวามใจของบาสมาให้ซึ้งจนแทบจะตบบีคว่ำ เพราะตาบอด แต่ตอนจบของเรื่องก็สามาถเดาได้ว่าต้องเศร้า ทำเอาต้องหยุดอ่านทำใจไปสองสามวัน

บอกตรงๆ ว่าเป็นเรื่องที่บีบเค้นอารมณ์มาก อ่านไป เกือบจะอ้วกออกมา เพราะรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

แต่ก็ทนอ่านจนจบ เพราะซาดิสม์รึเปล่าก็ไม่รู้ เปล่าหรอก เพราะมันกินใจ เราชอบในสิ่งที่บาสทำให้บี พอมาคิดในมุมมองของบี มันเลยทำให้เรารู้สึกกดดัน บีบคั้นอารมณ์

หลังจากอ่านจบ เดินเอ๋อ....ใจลอยสองสามวัน เพราะเผลอคิดโกรธบี ที่ทำให้ต้องเสียบาสไป แม้ตอนจบจะมาเหมือนแฮปปี้ แต่ไม่สามารถช่วยฟื้นฟูอารมณ์ที่หดหู่ใจมาตลอดเรื่องได้ มันเลยดูไม่แฮปปี้อย่างสมบูรณ์นัก เพราะเชื่อเลยว่า คนที่อ่านภาคสองเกินครึ่งจะหลงรักบาสเข้าอย่างจัง

ผมเองก็รักบาส ฮ่าๆๆ

ให้คะแนนเรื่องนี้ ที่ 8 จาก สิบ

สองคะแนนที่เหลือเป็นเรื่องของการดำเนินเรื่อง ที่อาจจะ ขัดๆ กันหน่อยในภาคสอง ส่วนด้านอารมณ์และความคิด เอาไปเลยครับ ทำให้ผมเดินเอ๋อได้สามวันแบบนี้ นำหน้า ริวสตอรี่ (เรื่องแรกที่อ่าน)ไปเลย เพราะเรื่องนั้น ทำผมกินข้าวเย็นไม่ลงแค่มื้อเดียว

ขอบคุณคุณนัทนที มากๆ นะครับที่เขียนเรื่องดีๆ แบบนี้ให้อ่าน ชอบครับ ชอบเรื่องนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 22-02-2007 07:51:40
พึ่งได้อ่าน รวดเดียวจบเรย โอ้วววววววววววววววว

ทั้งสุข และเศร้ามากๆเลยคับ

ขอบคุณคุณนัทนที คับที่เขียนเรื่องราวมาได้ประทับใจขนาดนี้ครับผม  :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 26-02-2007 16:26:44
 จบพร้อมกับน้ำตาของป๋ม

 ฮือออ  :3028: :3028: :3028:

 เพิ่งมาอ่านอ่ะคับ
 มะวานกะวันนี้  เส้าได้ใจมากคับ

  :sad4: :sad4: :sad4:

 โล่งอ่ะที่ภาค 2 ไม่ใช่เรื่องจิงๆ ฮืออออออ มันอินง่ะ

 มันกระอักกระอวน ยังไงมะรู้อ่ะ

ฮืออออ
 :monkeycry4: :monkeycry4:

 เห้อออออออ เหนื่อยยังไม่รู้


ขอบคุนสำหรับเรื่องราวชีวิต แบบนี้นะงับ ขอบคุนจิงๆ นะค้าบ

 :myeye: :myeye: :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-03-2007 17:32:59
เอาเรื่องใหม่มาลงเร็วๆ นะค้า

เจ้อยากอ่านอะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 03-03-2007 00:34:54
อยากอ่านสิเหน่หาของพี่เจ้มากมายค่ะ อุๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 03-03-2007 03:03:39
อ่านไม่จบซะที เพราะมันเศร้าอ่ะเรื่องนี้  :เฮ้อ: :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: may_1223 ที่ 12-03-2007 21:07:48
เฮ้อ แล้วในที่สุดเรื่องนี้ก้อจบลงพร้อมกับรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะต้องเสียน้ำตาไปหลายลิตรแล้วก้อตาม งึ่มๆ
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ เรื่องนี้สอนอะไรได้หลายๆอย่างเลย
มันทำให้ทัศนคติในบางเรื่องของเมย์เปลี่ยนไปเลย
ขอบคุณอีกค่ะ สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหมาหยอกไก่ ที่ 06-04-2007 18:55:43
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย คับ
สื่ออารมณได้หลากหลายมาก อ่านไปอ่านมา
บางทีก็เครียดเหมือนกัน
แต่มันก็ สนุกแบบ อ่านข้ามวันเลย
อิอิ
 :really2: :really2: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: VicOSe ที่ 19-04-2007 13:59:21
เป็นเรื่องที่ทำให้ผมประทับใจมาก  เสียน้ำตาไปกับมันมากมาย    นี่อ่าน มา 2รอบแล้วนะเนี่ย  วันก่อนอ่านรอบนึง   วันนี้มาอ่านอีกรอบ  ชอบมากๆ อยากมีคนที่รักเรา จนพร้อมแลกทุกอย่างอย่างบาสจัง  รักตายเลย อิอิ

ปล. แล้วพี่ปอนด์  หายไปไหน อิอิ   คิดถึง  (ชอบที่สุดในเรื่องเลย 5 5 5 5)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 26-04-2007 12:37:11
มาขออนุญาต ก๊อป ออกมาอ่านค้าบบบบ :myeye:
ไว้อ่านเสร็จ มาเม้นต์ให้ใหม่ คับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 13-05-2007 00:32:29
ผมเพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ อ่านวันเดียวจบเลยครับ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วเสียน้ำตาอีกแล้ว หลังจากอ่านวีระกรรมของภูผาและฟ้าสั่น
ขอบคุณเจ้าของเรืองครับ ที่อุตสาห์นำมาให้เราอ่าน
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
ผมไม่ค่อยได้ reply เท่าไหร่ จะทำทีเดียวตอนจบเรื่อง
แต่ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
Thank you very much
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 14-05-2007 22:39:14
ซึ้งอ่ะ ซึ้งสมชื่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 16-05-2007 04:49:20
เศร้ามากมาย สงสารทั้ง3คนแล้ว เสียดายตอนจบบาสไม่น่าตายเลยส่งสารอ่า  :sad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: bass ที่ 17-05-2007 11:16:30
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



ได้อ่านตอนที่เพื่อน ส่งมาให้เป็นเวิร์ด นะครับ


ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน แต่ อ่าน แล้ว ติดงอมแงม เลย



ปริ้น กลับไปอ่านที่บ้าน จนจบ พอมาเจอในเล้าเป็ด ก็มี แฮะ




ชอบ มาๆๆๆเลย คราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ



สู้ต่อไป ทาเคชิ :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 18-05-2007 17:14:58
โอยสนุกสุดยอดยังอ่านไม่จบเดี๋ยวมาอ่านต่อแต่ทีมนี่สุดๆเลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhow ที่ 01-07-2007 21:39:19
ชอบมากเลยคับ อยากมีใครสักคนรักผม และทำอะไรเพื่อผม เหมือนที่ ทีม กะบาส รัก บี  แบบนี้ จังเลย
ขอบคุณ คุณนัทนที นะคับ เขียนเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 04-07-2007 01:36:18
 :impress: :impress: :impress:

อะครับเรื่องนี้ทำให้ผมร้องไห้เลยอะครับ

ซึ้งมากเลยครับผม ชอบครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: seth ที่ 06-07-2007 07:52:30
อ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองตั้งแต่มาเป็นสมาชิกบอร์ดนี้ อ่านรวดเดียวจบครับ อ่านจบเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ ยังมึนๆอึ้งๆอยู่เลยครับ เป็น love tragedy ที่สวยงาม บีบคั้นอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม  อ่านไปก็ปลงชีวิตไป มีข้อคิดเรื่องกรรมเข้ามาแทรก ดีมากๆเลยครับ ตอกย้ำให้รู้ว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตน (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) การจะทำให้ไม่ต้องมาทุกข์กลับเรื่องรักซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตราบเท่าที่เรายังตัดความรู้สึกรัก ความยากเป็นเจ้าของออกจากใจเราไม่ได้  อ่านเริ่องนี้จบคิดถึงมุมมองต่างๆในเรื่องก็เหมือนได้กินยาสร้างภูมิต้านทานให้กับความรัก

การดำเนินเรื่องที่ตัวละครเอกสามตัวต้องเดินมาพบกับ เหตุการณ์ต่างๆ ความเกี่ยวเนื่อของตัวละครต่างกรรม ต่างวาระ ทำได้ดีมากเลยครับ ชอบๆ   ....... ตอนที่เป็น climax ของเรื่องหลายช่วงคงกรีดบาดความรู้สึกคนอ่านได้เสียน้ำตาไปหลายกะละมังกันอยู่ ยังไงอย่าลืมเข็นงานดีๆมาให้อ่านกันอีกนะครับ จะตามไปอ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 07-07-2007 23:33:20
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าเศร้ามากเลยคับ โดยเฉพาะตอนที่บาสเสีย

ไม่อยากให้เป็นแบบนี่เลย สงสารทั้ง 3 คน

เฮ้ออออ

ขออย่าให้ชีวิตต้องต้องเป็นแบบนี้เลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: anisongchanon ที่ 05-08-2007 23:36:05
ไม่อยากพูดอะไรมาก

แค่ขอพูดประโยคเดียวก็พอ

ว่า"ขอให้เรารักกันชั่วนิรัน :a1:"
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ^ - ^A s A v I n * o * ที่ 13-08-2007 04:36:42
เรื่องนี้สนุกมากๆเลยครับ เป็นเรื่องนดวงฝจก้อว่าได้

อ่านแล้วเสียน้ำตาจริงๆเลย เศร้ามากๆๆ สงสารทั้ง3คนมาก

บาสไม่น่าตายเลยยยยย สงสารรรร น่าจะจบแฮปปี้กว่านี้หน่อยน้าครับ

แต่ก้อชอบครับบบบ ติดตามต่อไปครับๆๆๆ

อ่านรอบเดียวจบเลย เกือบตาย อิอิ

 :m3: :sad2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 19-08-2007 22:44:23
เอ่อ.....เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านวันนี้....และอ่านจบเมื่อกี้.....

เมื่ออ่านจบ....ถามตัวเองว่า....ช้าไปไหม?....ทำไมชั้นถึงได้เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้  ((อ๊ากกกกกกก))

เรื่องนี้....ประทับใจมากๆ ค่ะ....ชอบมากตลอดทุกตอน...แม้ว่ามันจะเศร้าไปบ้าง...แต่ว่าก็ชอบ

อ่านจบแล้วก็อิน....คิดว่าภาค 1 และ 2 คือเรื่องจริงทั้งคู่ เหอๆๆ แต่ว่าแม้ภาค 2 จะแต่งขึ้น...ก็ยังสนุกและได้ใจมากกกกกก   :m1:

ความรู้สึกตอนที่อ่านเรื่องนี้..........................

.
.
เกลียดทีม....ที่ทิ้งบีไป...เพราะความหูเบา...และไม่เชื่อใจกัน...แต่ว่าก็สงสารทีม...ที่เป็นคนโง่...โง่แม้กระทั่งทำร้ายได้ทั้งหัวใจตนเอง...และคนที่ตัวรัก... :a6:

เกลียดบาส...ที่เพราะรักบีมากเกินไปจนทำให้ใครหลายๆ คนต้องเจ็บปวด...รวมทั้งตัวเองด้วยด้วย...แต่ว่าก็สงสารบาส...ที่ต้องจมกับความเจ็บปวดที่ตัวเองก่อขึ้นมาอย่างตั้งใจ... :a6:

สุดท้ายแล้ว....เมื่อได้อ่านเรื่องนี้จบ....

....เกลียดใครไม่ลงทั้งนั้น.... o7

สุดท้าย....ปลื้มคนแต่ง...คุณนัทนทีถ่ายทอดเรื่องราวได้...สุดยอดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13....และจะติดตามผลงานตลอดไปค่ะ.... :m3:

ขอบคุณพี่เรย์ค่ะ...ที่เอาเรื่องราวที่ดีมากๆๆๆๆๆ...มาลงให้อ่าน  :m13:


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: cargo ที่ 20-08-2007 14:18:46
เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก เลย จบได้ในแบบที่ผมประทับใจมาก ๆ เลย
ได้เห็นแนวทางความรัก และความมั่นคงในรัก ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ายามใดก็ตาม :m2: :m5: o7

แต่ผมว่า อาญาแห่งรัก ไม่ควรเป็นความตาย   นะ   :a5:  :m8:

thanx to auditor & poster มาก ๆ  :m21: :a10:
                                           
                                                                               i am Mr.Cargo  :a9: :a1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: aj2kingdom ที่ 20-08-2007 15:02:53
เหร้ออออออ บาดใจจริง ๆ  :m15:  :o12: แต่ก็รักเรื่องนี้ที่สุดเลยครับ  o7 อ่านแล้วอ่านอีกมาจะสิบรอบแล้ว  :a1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wachara ที่ 25-08-2007 08:00:47
เป็นสมาชิกอีกคนครับ    ตามอ่านรวดเดียวจบ บอกได้คำเดียวสุดยอด     เศร้าโตร ๆ   


กนใจดีครับ 
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 15-09-2007 23:34:20
เพราะเรื่องนี้เลยครับเป็นแรงบันดาลใจให้พบเวปนี้  :impress: ติดตามเรื่องนี้อยู่ที่เวปอื่นแต่ไม่ทันใจเลยต้องดิ้นรนหาอยากอ่านจนจบ และแล้วก็จบจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยคนเขียนสุดยอดมากครับ แรกเริ่มเลยคิดว่าเป็นเรื่องราววัยรุ่นใส ๆ อ่านไปตลก ๆ สนุก ๆ ไม่มีแววว่าจะเศร้าขนาดนี้ จนมีคน post ว่ามันเศร้ามาก อ่านมาหนึ่งคืนเต็มร้องไห้   :o12: ตลอดคืน สงสารทุกคนเลย รักมันมีเส้นทางของมันจริง ๆ ด้วย ยังดีนะครับที่ผู้เขียนเปลี่ยนใจไม่ปล่อยให้บี....ตามบาสไป และจบลงอย่าง HAPPY ...
=========================================
หลังจากเมื่อคืนแล้วก็ยังอยากจะอ่านต่ออีกซักรอบ น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังคงไหลไปตามเนื้อเรื่องเหมือนเดิม ประทับใจจริง ๆ ครับเรื่องนี้ ความรักนี่แปลกดีนะครับ เวลาสวยงามโลกก็สดใจเหลือเกิน  แต่เวลาโหดร้ายขึ้นมาชีวิตก็แทบไม่มีความหมาย...เศร้าได้ใจ

 o1
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: joffy ที่ 28-09-2007 10:16:41
 :o12:  จาเศร้าปายหนายค้าบบบบบบ

ขอบคุนสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้น้าค้าบบบ  :o8:






ชีวิตคนเรานิแปลกดีเนอะ....... o16


ไปเดินเล่นแถวเนินวิดวะดีก่า :a3: :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tsuya ที่ 28-09-2007 20:10:21
และแล้วก็อ่านจบค่ะ ว่าจะอ่านวันละนิด เพราะอยู่ในช่วงการสอบ
แต่มันอดใจไม่ไหวอ่ะ ก็เลยอ่านจนจบเลย  แหะๆ

แต่ว่ามันเศร้ามากเลย อ่านแล้วตาพร่ามัว น้ำตาไหลน่ะ ฮุๆ  :m15: :m15: :m15:

ขอบคุณคุณ นัทนที มากนะคะ ที่เขียนให้อ่าน o13
อ่านแล้วเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากมาย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: antoniorey ที่ 02-10-2007 01:57:26
 :เฮ้อ: ก่าจาจบเล่นเอาขอบตาร้อนไปหลายรอบเลยอ่า ขอชมเลยครับ มีหลากหลายอารมมากๆเรื่องนี้และสนุกมากเลยทีเดว ตอนนี้ยังอ่านไม่จบหลอกแต่ก้อเมนต์ให้คราบนิยายดีๆจาได้อยุต้นๆๆๆๆๆ


ขอขอบคุณจากใจทั้งคนแต่งคนโพสต์ o1   สมบัติทางความคิดจริงๆๆยอมรับๆๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 30-10-2007 07:47:22
กะลังไล่ตามอ่านนะคร้าบ อยู่หน้า 1 อยู่ สนุกมากมายเลย  :m4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: madamkung ที่ 15-11-2007 01:47:04
สวัสดีค่ะ
กุ้งเพ่ิงได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ แต่ได้เข้ามาอ่านนิยายได้สักพักแล้วค่ะ
บอกตามตรงว่าไม่ชอบอ่านอะไรที่เศร้าเลย แต่เรื่องนี้ทำให้กุ้งติดตามอ่านแบบงานการไม่ทำ อดหลับอดนอน
กระชากอารมณ์สุดๆ แต่ยังดี ที่จบแบบ happy ending ไม่งั้นคงสลดไปเลย
ขอบคุณทั้งคุณนัทนที ผู้แต่ง และคุณ บลู ผู้โฟสต์นะคะ






หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 16-11-2007 04:35:22
^
^
^
^
^
กุ้ง!!!! ชื่อคุ้นๆไหม :a5:  (อิอิ..ล้อเล่นน้า)

เป็นนิยายที่ดีมากๆอีกเรื่องนึงครับ อ่านรวดเดียวจบเหมือนกันบีบคั้นจิตใจมากๆครับ(สงสัยเริ่มซาดิสอ่านแนวนี้บ่อย)

เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้ครับมันอัดแน่นอยู่ในอกครับแต่ประทับใจและดีใจได้ได้อ่านเรื่องนี้ครับ :m2:

ขอบคุณสำครับผลงานดีๆที่คุณบี เขียนออกมานะครับ ออกเป็นรูปเล่มเมื่อไรบอกกันด้วยนะครับ จะไปอุดหนุนครับ

และจะติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะครับ

รักคนเขียนและคนโพสนะครับ :o8:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rabby ที่ 18-11-2007 21:43:23
อ่านรวดเดียวจบ...น้ำตาไหลออกมามากมาย...อ่านแล้วรู้สึกถึงตัวเองขึ้นมาเลย...
สู้ๆนะคะ....ขอให้มีรักที่สวยงาม....และคงอยู่ตลอดไป....
ความรักไม่เคยทำร้ายใคร...เราตังหากที่ไปคาดหวังกับมันจนมีน้ำตา...

ขอบคุณนะคะ...สำหรับข้อคิดดีดีในเรื่องของความรัก... และทำให้เราได้เชื่อว่า รักแท้ยังมีอยู่จริงบนโลกใบนี้...
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 19-11-2007 21:57:57
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

เข้ามาในบอร์ดนี้ ได้ 3 เดือนแล้ว (มั้ง) เพิ่งจามีโอกาสได้มาอ่านเรื่องนี้อ่ะ

อยากบอกว่าเนื้อเรื่องนี้แฝง อารมณืเอาไว้มากมาย :sad2: เชือดเฉือนจิตใจได้ สุดๆเลยคับ

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
ไม่ไหวแล้วอ่ะ สุดๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-12-2007 12:47:40
พอดีคุณนัทลืมพาสเวิดยังเข้าไม่ได้ผมเลยมาแจ้งข่าวแทนนะครับ
********************
โดยส่วนตัวผมก็ยอมรับนะครับว่านิยายเรื่องนี้เศร้า
แต่ตอนเริ่มต้นเขียนผมก็ไม่คิดว่าผมจะสามารถถ่ายทอดอารมณ์เศร้าได้ขนาดนี้ 
มันก็คงเหมือนที่เพลงประกอบ "รักแห่งสยาม" ว่าไว้
คงมีแต่คนที่มีความรักเท่านั้น ที่จะเขียนเพลงรักได้ดี
 
นิยายเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนความเศร้าภายในตัวผม
เป็นนิยายเศร้าๆของคนที่เคยผ่านเรื่องเศร้าในชีวิต
และใช้ชีวิตอยู่กับมันมานานหลายปี
 
แต่ผมไม่อยากให้นิยายเรื่องนี้ไปบั่นทอนความเชื่อมั่นในความรักของคนอ่านนะครับ 
เพียงแต่ถ้าเรามองด้วยสายตาเป็นธรรมก็ต้องยอมรับว่าความรักมีทั้งด้านสว่าง และ
ด้านมืด  และมีจุดจบที่ไม่สามารถคาดเดาได้ 
ผมยังเชื่ออย่างที่เขียนไว้ในนิยายว่า...ความรักมีเส้นทางของมันเอง
ไม่มีใครไปกำหนดหรือกะเกณฑ์มันได้ 
ขอเพียงในระหว่างเส้นทางนั้นให้เราได้ใช้ทุกเวลานาทีอย่างคุ้มค่า 
ทุกครั้งที่หันกลับมาเราจะยิ้มได้ไม่ว่าปลายทางจะจบลงอย่างไร
 
อีกประเด็นที่ผมอยากพูดถึงคือ
มีหลายคนที่ชอบนิยายเรื่องนี้เพราะตรงกับชีวิตช่วงที่กำลังอกหักและมีการเมลมาขอคำแนะนำว่าผมสลัดทิ้งความเศร้าและความเจ็บปวดไปจากชีวิตได้อย่างไร
  อยากขอเคล็ดลับไปทำบ้าง
 
ผมต้องรีบ reply เมลไปแก้ไขความเข้าใจผิดว่า..ผมไม่เคยสลัดทิ้งความเศร้า
ความเจ็บปวดไปจากชีวิตได้เลย
มันยังอยู่กับผมจนกระทั่งทุกวันนี้และคงอยู่ต่อไปตราบจนลมหายใจสุดท้าย
(เหมือนที่เขียนไว้ในนิยาย)
 
แล้วผมมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ?
 
เคล็ดลับง่ายๆของผมก็คือ...ผมใช้เวลาหลายปีในการทำสงครามต่อต้าน
แข็งขืนและต่อสู้กับความเศร้า ความเจ็บปวดเพราะความรัก 
แต่ผมก็ไม่เคยเอาชนะได้เลย 
สงครามนี้มีแต่สร้างบาดแผลในใจผมให้เพิ่มขึ้นและคงต้องลงท้ายด้วยความพ่ายแพ้ของผมในที่สุด
  สาเหตุก็เพราะผมไม่เข้มแข็งและเด็ดขาดพอ
 
คนอ่อนแออย่างผมจึงต้องเลือกใช้วิธีตรงกันข้าม  แทนที่จะไปต่อต้าน
แข็งขืนกับมัน  ผมเลือกที่จะยอมรับถึงการมีอยู่ของมัน  ทำความเข้าใจมัน
และบอกตัวเองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ผมต้องพยายามอยู่ร่วมด้วยอย่างสันติ
 
น่าแปลกที่หลังจากผมเปลี่ยนวิธีคิดแบบนี้  จิตใจของผมก็ดีขึ้นอย่างประหลาด
ดีขึ้นจนกลับมาสู่ภาวะปกติในที่สุด
 
ใครที่คิดว่าตัวเองอ่อนแอ และคงสลัดความเศร้า
ความเจ็บปวดไปไม่ได้ก็ลองใช้วิธีนี้ดูนะครับ
 
อืม...ตั้งใจจะเขียนขอบคุณสั้นๆ แต่เขียนไป เขียนมา กลับยาวตั้งขนาดนี้ 
ก็ถือว่าเป็นการทักทายหลังจากหายไปนานแล้วกันนะครับ
 
ส่วนผลงานใหม่    ผมขอสารภาพว่ายังไม่มีเวลาเขียนเลยครับ เพราะหลังจากเขียน
ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร จบ ผมก็เปลี่ยนงาน 
เป็นการเปลี่ยนงานที่เปลี่ยนชีวิตไปด้วย
เพราะงานหนักและยุ่งมากจนไม่มีเวลาและกะจิตกะใจมานั่งเขียนนิยายเหมือนเก่า 
แต่สัญญาว่าจะพยายามหาเวลากลับมาเขียนใหม่นะครับ
เพราะคิดพล็อตเรื่องไว้หลายพล็อตมาก 
มีพล็อตนึงที่คล้ายรักแห่งสยามมากจนน่าตกใจ
เพราะเป็นเรื่องของผู้ชายวัยรุ่นคนนึงที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ชอบผู้ชาย
หรือผู้หญิง  แต่ไม่มีเรื่องพ่อแม่มาเกี่ยวเท่าไหร่   
(ยังคิดไม่ได้ชั้นครูขนาดนั้น บทหนังเรื่องนี้เยี่ยมจิงๆ) 
เดี๋ยวจะลองปรับนิดหน่อย จะได้ไม่ดูว่าไปลอกเขามา แล้วจะลองหาเวลาเขียนนะครับ
 
ไหนๆ พูดเรื่องนิยายแล้ว ขออัพเดท ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร
นิดนึงนะครับที่เคยแจ้งว่ากำลังจะออกเป็นหนังสือแล้ว 
ตอนนี้ก็คืบหน้าไปเยอะแล้วครับ  ทางสำนักพิมพ์เพิ่งส่งภาพร่างหน้าปกมาให้ดู 
ผมก็เลยเอามาให้ดูด้วย
แต่ขอไม่บอกแล้วกันนะครับว่าใครเป็นใครในภาพ  แฟนๆ ที่เคยอ่านน่าจะเดากันได้ 
ไว้ถ้ามีภาพอื่นๆ จะลองส่งมาอัพเดทอีกที (ในหนังสือมีภาพประกอบ 8 ภาพครับ)
 
สุดท้ายผมขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคนนะครับที่ชื่นชอบนิยายเรื่องนี้
และขอบคุณทีมงานเวบด้วยที่ทำให้มีพื้นที่ดีๆ สำหรับนิยายแนวนี้ได้เผยแพร่
 
ขอบคุณครับ
 
นัทนที


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-12-2007 12:59:16
ดูสายตาเศร้าๆ
 :m15: :m15: :m15:
เลยเดาว่าคนหลังสุดเป็นบาส
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
อยากอ่านไวๆ
 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-12-2007 13:06:47
แล้วตกลง มันคนละคนกันหรอ

น้องนึกว่ามันเป็นคนเดียวกันทั้งสามมุม
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 03-12-2007 13:32:48
^
^
^
^
คิดเหมือนเจ๊สองอ่ะ

ปล.ยังรักเรื่องนี้ไม่เปลี่ยนแปลง  :m23:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-12-2007 18:42:45
เย้ จะได้น้องบาสมานอนอ่านแล้ว  :m11:  :m11:  :m11:  :m11:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 05-12-2007 12:37:26
ชอบมากเลยครับ อ่านกี่ครั้งก็ชอบ น้ำตาซึมทุกครั้งเลย :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 06-12-2007 13:58:33
เพิ่งอ่านจบไปหมาดๆตะกี้นี้เองค่ะ หลังจากใช้เวลาประมาณ 2 วัน เข้ามาในเล็ดเป็ดก็สักพักแล้วเพิ่งมีโอกาสได้มาตามอ่านเรื่องนี้ หลังจากได้ยินกิตติศัพท์มานาน พออ่านจบแล้วความรุ้สึกแรกที่เกิดคงเหมือนกันเพื่อนๆคนอื่นๆคือ เหมือนมีก้อนตะกั่วถ่วงหนักจุกอยู่ในอก หากจะโทษว่าความเศร้าและความเสียใจที่เกิดในเรื่องเป็นความผิดของใคร ก็ไม่สามารถทำใจระบุชัดเจนลงไปได้เลยล่ะค่ะ ประทับใจมากๆ  :m15:ขอบคุณคุณนัทที่สร้างสรรค์เรื่องนี้ๆแบบนี้ให้ "เสพ" ขอบคุณคุณบลูที่นำเรื่องนี้มาโพสให้อ่านกันค่ะ

 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: นิลวัฒน์ ที่ 08-12-2007 17:43:03
ช่วยโปรโมทนิยายสุดรันทดแห่งปีครับ ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: alulugun ที่ 10-12-2007 15:18:43
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ดีมากๆคับ

เศร้ามากมาย

 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ETOM ที่ 13-12-2007 23:24:54
ตามอ่านมา 2 วันแล้วทำงานไปอ่านไป นายบอกท่าจะบ้าเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวเสียน้ำตา ใครจะไปเข้าใจอารมณ์ ไม่มาอ่านเหมือนผมนี่ เต็มตื้นมากครับทำได้ดีมากในพล๊อตของเรื่อง ชนะเลิศ วางไม่ลงจริงๆ  นี่แหละรักกกกกกกกกกกกก ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกว่ามันทำให้เราเป็นไปได้จริงๆ
 :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 16-12-2007 01:30:01
 :o12:  ขอบคุณผู้เขียนมากมาย 
                                        อ่านแล้วรู้สึกประ ทับใจในความรักของตัวละครมาก
                                        ชอบบาสมากผู้ซึ่งมั่นคงในความรักและ ยอมทำทุกอย่างเพื่อความรัก
                                         ถึงแม้มันจาออกมาเศร้า แต่มันก็ให้ข้อคิดหลาย อย่างกับคนอ่าน
                                                                               
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Ex'ecuzě ที่ 16-12-2007 01:43:36
โย่วๆๆๆ
กลับมาอ่านใหม่ ก้อร้องไห้ใหม่อีกรอบ (บ้าไปแร้น)  :m15:
แร้วนี่ใครรุ้บ้างคับว่า เรื่องนี้ที่ตีพิมพ์อ่ะ
ยังมีขายอยุ่รึป่าว ป๋มหาซื้อม่ะด้ายเรยอ่ะ  :m8: :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-12-2007 10:16:33
โย่วๆๆๆ
กลับมาอ่านใหม่ ก้อร้องไห้ใหม่อีกรอบ (บ้าไปแร้น)  :m15:
แร้วนี่ใครรุ้บ้างคับว่า เรื่องนี้ที่ตีพิมพ์อ่ะ
ยังมีขายอยุ่รึป่าว ป๋มหาซื้อม่ะด้ายเรยอ่ะ  :m8: :m8: :m8:

เรื่องนี้กำลังจะพิมพ์ คงอีกสักพักกว่าจะวางขาย  รอหน่อยนะ  :m13:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: YoOl ที่ 17-12-2007 14:12:27
 :m15: ไม่ไหวแว้ววว อ่านมาถึงตอนที่ 21 น้ำตาคลอเลย :m15:

บาดใจไปหมดแว้ววว

ขอเวลาไปเอาพลาสเตอร์มาปิดแผลก่อน

 :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8


 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

พอมาถึงภาค 2

"รักบียิ่งกว่าชีวิต" <-------- น้ำตาไหลเป็นทางเยยย :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

พอจบ chapter นี้ แบบว่า อ่านไม่ไหวแล้วว น้ำตานองหน้า
คราวนี้ไม่ได้บาดใจแล้ว เหมือนมีดับเสียบหัวใจเลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: singh ที่ 21-12-2007 21:14:20
 :m13:เพียงแค่ได้อ่านหน้าแรก สิงห์ก็ติดอกติดใจขนาดหนักแล้วฮ่ะ o13
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: singh ที่ 23-12-2007 14:25:43
 :m13:ตามติดมาอยู่ที่หน้า 3 แล้วนะ ชอบมากๆ ครับ  :pig3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 23-12-2007 16:19:07
อิอิ รีบๆอ่านให้จบนะครับ เก็บไว้หลายวันอาจจุกอกตาย
 :mc2: :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: singh ที่ 24-12-2007 18:53:16
 :o8:สิงห์ตามอ่านมาจนจบแล้วนะครับ  :m15:

 o7 ...โศกนาฏกรรมแห่งรักที่งดงามเกินจะเอ่ย...  :m1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: nopkar ที่ 27-12-2007 19:08:15
หวัดดีคับทุกๆคน
วันนี้ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้แบบรวดเดียวเลยอ่ะคับ


ก็เหมือนกับเราดูหนัง นั่นแหละครับ

คือว่ามันจะซึมซาบ เข้าไปในความคิดของเรา

เหมือนกับการดูหนังสักเรื่องที่เราประทับใจมากๆ มันจะอยู่กับเรา วนเวียนไปมา

ทั้งๆที่เรื่องราวของตัวอักษรได้จบลงไปแล้ว แต่ตัวละครมันยังดำเนินชีวิตของมันต่อไปเรื่อยๆ


พออ่านเรื่องนี้จบแล้วก็เริ่มมีความคิดที่ว่า ความรัก มันไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึกคนสองคน หรือ สาม หรือ สี่ คน เท่านั้น

แต่มันรวมไปทุกๆอย่าง รวมไปถึง ชะตากรรม ด้วย

บางสิ่งบางอย่างอาจหาเหตุผลมาไขข้อปัญหาได้

แต่บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล


ผมดีใจที่ได้รับรู้เรื่องราวดีๆผ่านตัวอักษรของคุณ นัทนที นะคับ

หนังสือที่จะออกมาจะรอติดตามแน่นอนคับ

(อันนี้ขอเดานะ คนหน้าสุดน่าจะเป็น บี 
คนที่อยู่ "ข้างๆ" ของบี น่าจะเป็นทีม
และคนที่อยู่"ข้างหลัง"ของบี น่าจะเป็น บาส)
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Arus ที่ 08-01-2008 05:18:43
ขอบคุณนะครับที่ฝ่าฝันแต่งมาจนจบให้อ่านกันได้ในวันนี้
ผมก็อ่านรวดเดียวจบเหมือนกันน่ะครับ จากนิสัยที่ชอบให้นิยายจบแล้วค่อยอ่าน
อีกทั้งนิสัยที่จะไม่ลง comment ให้ง่ายๆของผม ทำให้ชอบติดนิสัย "แอบอ่าน
อยู่หลังฉาก"


ผมคงแปลกกว่าคนอื่นเขา สงสัยเป็นเพราะชีวิตผมก็ผ่านอะไรหนักๆมาเยอะมาก

จนทั้งเรื่องผมได้หลั่งน้ำตาเพียงครั้งเดียวตอนที่

อ้างถึง
“อ้าวจุดเทียนสิบาส”

พูดจบผมก็ยื่นไฟแช็กให้บาส

“บีจุดให้ไม่ได้เหรอ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็บีเป็นแสงสว่างในชีวิตของบาส ถ้าบีเป็นคนจุด ต่อไปชีวิตของบาสก็จะได้สว่างไสวเหมือนเทียนพวกนั้นไงล่ะ”

“แหวะ บาสไปหัดพูดประโยคน้ำเน่าพวกนี้มาจากไหนเนี้ย บีขนลุกเลยดูสิ ”

ผมพูดอย่างขำๆ แล้วก็ก้มลงไปจุดเทียนวันเกิดให้ตามที่เขาขอ


เพราะทำให้ผมคิดถึงคนที่ผมรักจนสุดใจ เปรียบเสมือนแสงสว่างของชีวิตผม
ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจว่าอยู่สองประเด็น

ประเด็นแรกคือ ผมมีคำถามที่อยากถามที่รักของผม แต่ยังไม่มั่นใจว่าถึงเวลา
อันสมควรแก่การถามแล้วหรือยัง? ผมคงต้องถามเขาแน่ๆ ในเมื่อรักไปหมด
เท่าที่มีแล้วนี่ ยังไงก็ต้องลุยไปข้างหน้าอยู่แล้ว!!
ประเด็นที่สองคือ จะบากหน้าไปขอให้เขาอ่านเรื่องของคุณนันนทีดีไหม
เผื่อเราสองคนจะมี "ภูมิคุ้มกัน" ปัญหารักขึ้นมาบ้าง สักนิดก็ยังดี...

************************************

ขอพื้นที่ระบายให้พี่นันนทีฟังนะครับ

เคยมีคนตั้งฉายาผมไว้ว่า "หุ่นยนต์หัวใจน้ำแข็ง"ด้วยน่ะครับ
เพราะชีวิตของผมเป็นระบบมากๆ วันๆก็ทำงานงกๆ หาเงินค่าเทอมเรียนเอง
ตั้งแต่มัธยม จนเวลาผ่านไปทำให้ผมเป็นคนที่ไร้รอยยิ้ม
การยิ้มก็ฝึกขึ้นเพื่อธุรกิจ และการค้า จนผมได้มาเจอ "แสงสว่างในชีวิต"
เขาปลุกผมขึ้นมาให้มีชีวิต แล้วก็ทำให้ผมรักเขาอย่างหมดใจ รักหมดใจ ให้
หมดเลย ไม่มีกั๊ก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่รอดก็ไม่รู้นะ (ฮา)

อยากให้เขารู้ว่า
"ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คงไม่สามารถหยุดรักเขาได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"
และ
"ผมเชื่อมั่นว่าคนที่เคยบอกว่ารักผม คงจะไม่หลอกใจตัวเอง วิ่งหนีใจตัวเอง
แล้วมาทำร้ายผม"

รักพี่นะครับ

ฮา ไปๆมาๆ ขอพื้นที่ระบายกลายเป็นมาบอกรักพี่เขาซะงั้น
อย่าวันกันเลยนะครับ

อย่างไรก็ขอบคุณพี่นันนทีมากนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 16-01-2008 03:41:11
ขอบคุณมากเลยคับที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ออกมาให้อ่านกัน

รู้มั้ยว่าพอผมอ่านถึงตอนที่บีรู้ว่าบาสไปจากโลกนี้แล้ว ผมนั่งเก้าอี้ไม่ติดเลย

คืออินกะเรื่องมาก จนผมต้องเดินไปสงบสติอารมณ์นอกห้อง เพราะถ้าขืนผมอยู่ให้ห้อง

ผมคงต้องร้องไห้แน่ๆ

แต่งได้ดีมากเลยคับ ทุกฉากทุกตอนที่ผ่านตาของผม มันทำให้ผมได้จินตนาการตามได้

อย่างเห็นภาพมากเลย

ขอบคุณอีกครั้งนะคับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: marknight ที่ 16-01-2008 15:39:37
ซึ้งมากเลยคับ

ยกนิ้วให้เลย


 o13    o13    o13
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 21-01-2008 01:47:46



เหมือนในดวงตาจะมีอะไรหมอง ๆ  . . .

. . . แค่ไม่มีน้ำยาล้างตา

น้ำยาที่ล้างตาได้สะอาดที่สุดก็คงเป็น . . . น้ำตา

แวะมาขอน้ำยาล้างตาหน่อย  วันนี้ดวงตามันล้าอย่างแรงงงงงงงงง


หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: นัทนที ที่ 23-01-2008 21:32:51
ขอเข้ามาประชาสัมพันธ์ข่าวร้ายกับข่าวดีเกี่ยวกับนิยายของผมนิดนึงนะคับ

ข่าวดีก็คือ...ตอนนี้นิยายเรื่องนี้ได้เปิดให้สั่งจองแล้วนะคับ

ส่วนข่าวร้ายก็คือ..ด้วยข้อจำกัดเรื่องเงินทุนของสำนักพิมพ์(ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้)  บวกกับ ความเข้มงวดเกี่ยวกับนิยายชายรักชายที่มีมากขึ้นทำให้นิยายเรื่องนี้คงไม่มีขายทั่วไปในร้านหนังสือ   คงต้องรอสั่งซื้อทางไปรษณีย์ หรือ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเดือนมีนาเท่านั้นนะคับ

ใครสนใจจะสั่งจองสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่นะคับ

http://www.2belovedbook.com/article.php?id=26103&lang=th

รู้สึกจะราคา 225 บาทนะคับ  ก็เอาการอยู่เหมือนกัน ดังนั้นก็คงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแล้วกันนะคับว่ามากน้อยแค่ไหน  คุ้มกับการลงทุนหรือปล่าว

สำหรับผมเอาเป็นว่า แค่ได้อ่าน comment ที่แต่ละคนฝากไว้ก็ชื่นใจจนตัวลอยแล้วล่ะคับ  :oni2:

อ้อ ใน version หนังสือมีปรับแก้เพิ่มเติมนิดหน่อยนะคับ แต่คนที่คิดว่าจะไม่ซื้อไม่ต้องตกใจนะคับ ไม่ได้มีการแก้อะไรมากมายจนทำให้เรื่องเปลี่ยน

ขอบคุณอีกครั้งคับ

นัทนที

(http://img3.freeimagehosting.net/uploads/4f2db7bd3b.jpg) (http://www.freeimagehosting.net/)

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 23-01-2008 21:39:35
รับทราบค่าา จะไปอุดหนุนคุณนัทนทีค่ะ  :m13:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-01-2008 22:04:37
รับทราบ อุดหนุน 1 เล่มแน่นอน
รักบาสที่ซู๊ดดดด  :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 24-01-2008 03:18:33
รับทราบ อุดหนุน 1 เล่มแน่นอน
รักบาสที่ซู๊ดดดด  :m1: :m1: :m1: :m1:



ดีจัง . . .

ไม่ต้องแย่งกับทิพย์

เพระพี่รักทีม . . . ทีมรักด้วยหัวใจรักจริง ๆ  ไม่ได้รักเพื่อหวังผลแบบบาส  ทีมเลิกรัก . . . ไม่ใช่สิ  ทีมตีตัวออกห่างเพราะทีมได้รับคำพูดจากเพื่อนรักที่บอกว่า . . .คนนั้น   เหยียดครอบครัว

โดยพื้นฐาน  ทีม  รักครอบครัว  รักคนที่ที่มรัก  คนแบบทีมนี่แหละ  คนที่อยากเจอในชีวิตเลยล่ะครับ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: madamkung ที่ 24-01-2008 17:14:23
รับทราบค่ะ  อุดหนุนแน่นอนค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกเป็นเป็ดผีแอบอ่าน

ยินดีด้วยนะคะ ที่หนังสือได้ตีพิมพ์ และจัดจำหน่าย

เอ่อ ต้องรองานสัปดาห์หนังสือเลยหรือ ถ้าสั่งทางหน้าเวปจะได้เร็ว กว่าป่าวเนี่ย :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 24-01-2008 17:22:41
เอ๋....

เขาเข้มงวดเรื่องฉากเรทไม่ใช่เหรอครับ เห็นว่านิยายปรกติก็โดนไปด้วย ในเรื่องนี้ที่อ่านมาไม่มีฉากเรทเลย คิดว่าไม่น่าจะโดนนะครับ

เพราะถ้าโดนถือว่าเลือกปฏิบัติ ฟ้องร้องกันได้


เซ็งเป็ดยังวางตามร้านได้เลยอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Zodiac ที่ 05-02-2008 17:15:24
หลังจากอ่านเรื่องนี้จบก็ถามตัวเองว่า ช้าไปหรือเปล่า
เรื่องนี้ให้ข้อคิดในแง่ของความรักหลายอย่าง
และที่ขาดไม่ได้คือมันเศร้ามากมาย ถึงจะจบแบบแฮ็ปปี้ฯ
แต่ก็ยังมีความหดหู่อยู่มาก
แล้วก็เป็นนิยายที่ทำให้ผมนั่งร้องไห้ได้เป็นเรื่องที่สอง

อย่างที่คุณนัทนทีบอกว่าไว้ว่า ภาคสองนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา
ถึงอย่างนั้นก็อดสงสารบาสไม่ได้ แม้ตัวจริงจะยังมีชีวิตอยู่

พอได้อ่านที่คุณนัทนทีตอบแฟนคลับแล้ว
มันก็มีคำถามมากมายที่ผมอยากรู้(เพราะนิสัยสอดรู้ส่วนตัว 5555)
อย่างเช่น

ทีม/บาสกับบีได้ติดต่อกันอยู่บ้างมั้ย หรือเคยเจอกันบ้างหรือเปล่า หลังจากจบ ม.6 กันไป


ที่อยากรู้ก็มีแค่นี้หละคับ แอบหวังว่าจะได้คำตอบ หุหุ

ส่วนหนังสือนี่จะจองอยู่อ่ะคับ แต่จองยังไงอ่า แอบงง
ใครรู้ช่วยบอกที :oni3: อีก 9 วันเองอ่า
ไม่อยากถ่อสังขารขึ้นไปซื้อถึงงาน เพราะบ้านอยู่ไกล เอิ้กส์ๆ

ล่าสุด สั่งซื้อทางสำนักพิมพ์ทูบีเลิฟไปแล้ว เย้วๆ
พรุ่งนี้จาไปโอนตังค์ หุหุ ...
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 09-02-2008 03:16:11
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้

นั่งๆอ่านไปก็มารู้สึกตัวอีกทีก็อ่านจนจบแล้ว

เรื่องนี้สอนอะไรเราเรื่องความรักมากมายเลยครับ

***

คงติดในหัวผมไปอีกสักพักใหญ่ๆเลย

เฮ้อ ..

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: supernene ที่ 27-02-2008 20:11:52
ขอบคุณครับผม 

มีทั้งเศร้า มีทั้งสุขปนกัน

ชอบจริงๆๆครับทำเอาน้ำตาไหลเลยครับ
 :o12: :o12: :o12: o7 o7
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: victory_lucky11 ที่ 29-02-2008 13:09:20
เพื่อนแนะนำให้มาอ่านเรื่องนี้

ยังไม่ได้อ่านเลย แต่พออ่านคอมเม้นคล่าวๆก็พอจะรู้แล้วค่ะ

เรื่องนี้ต้องเป๊ะแน่ๆ

สัญญาว่าจะซื้อเก็บไว้ 1 เล่มครับ

เพราะเป็นแฟนคลับสำนักพิมพ์นี้อยู่แล้ว

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้เราได้ยิ้มอย่างเป็นสุขนะครับ

ยิ้มเผื่อรอ ทั้งๆที่ยังไม่ได้อ่านเลย :m4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: nike ที่ 02-03-2008 02:32:51
 :o12:
เพิ่งมาตามอ่านคับ
ร้องไห้เลย อ่านแล้วปวดใจตลอดทั้งเรื่อง
ยิ่งช่วงท้ายนี่ แทบคลั่ง  :sad2:
ขอขอบคุณ พี่นัทนที ที่แต่งมาให้อ่านกันนะคับ
หวังว่าคงจะได้เห็นผลงานอีกเร็วๆ นะคับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 28-03-2008 11:24:15
ไม่ไหวแล้ววววววววววววว   :serius2:

อ่านจบไปเมื่อตะกี้แทบจะคลั่งตาย  :sad2: ที่จริงคลั่งมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะเมื่อวานอ่านภาค 1 ไม่ทันได้อ่านภาคสองเพราะแม่ไล่ไปนอนก่อน  :o12: เลยนอนไม่หลับเลยเมื่อคืน ต้องรีบตื่นเช้าๆ มานั่งอ่านภาคสองต่อ แหะๆ  :m23:

ขอบอกว่ามันเศร้าสุดยอดจริงๆ (ตอนนี้ยังรู้สึกหดหู่อยู่เลย  o7) สงสารทุกคนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น บี ทีม บาส กลอฟ์ หรือพี่ปอน์ด โดยเฉพาะบาส (เพราะร้องไห้ให้ตัวละครตัวนี้มากที่สุด  :m15:) ไม่น่าเลย  :sad2: ....

ไว้วันเสาร์จะแวะไปสอยนิยายเรื่องนี้ที่งานหนังสือ :m4: แล้วจะเอาหิ้งคู่กับเรื่องสุดปลายสะพานค่ะ (นิยายเศร้าที่ขึ้นหิ้งอีกเรื่องของเรา  :m15:)

แล้วจะติดตามผลงานของคุณนัทนทีต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้กับผลงานชิ้นต่อไปค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 12-04-2008 20:22:02
ขอเอาเรื่องนี้ขึ้นหิ้งไปเลยยย

อ่านไปหันหน้าออกไป  มันต้องทำใจไปพร้อมๆๆกับอ่านจิงๆๆ  :m15:

แม้ความรักมันจะมีหนทางของมัน  แต่อย่าลืมว่าเป็นเราเองที่เลือกจะก้าวเดินยังไงน่ะ

ความรักมีหลายรูปแบบจิงๆๆ  ขอบคุงค๊าบบ  o13
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-04-2008 21:35:09
ออกเป็นหนังสือแล้วนะครับ ของสำนักพิมพ์ ทูบีเลิฟ
หน้าปกสวยมากๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rarmz ที่ 12-04-2008 21:39:12
เคยอ่านครั้งแรกตั้งแต่เล้าเปิดใหม่ๆ
แล้วพอดี ปิดเทอมว่างๆ ก็เลยมานั่งอ่านอีกรอบ
ใช้เวลาพอควร

เพิ่งจบเมื่อตอนเช้ามืด

ร้องไห้ไปอีกหลายยก
i could truly said that...
it's "touchin" as it always does kub*

ทีมเป็นตัวละครที่ตรงไปตรงมา(เกิ๊นนน)
นึกอะไรก็ทำ คิดอะไรออกก็พูด แต่ไม่น่าไปเชื่อคำพูดของบาสเลย
ทั้งๆที่บาสเค้าก้อบอกแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง...

บี...
สงสัยจัง ทำไมมีแต่คนมารักเน๊าะ
นิสัยแบบนี้ สงสัยเป็นที่รักของทุกคนชัวร์
เข้มแข็งได้อีก ตัวละครตัวนี้
ทนอะไรมามาก เกือบจะสมหวัง
แต่สุดท้ายก็...
 
ความรักที่บาสมีให้บี ถึงแม้อาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบเพื่อให้ได้มาซึ่งคนรักอย่างบี
แต่อย่างน้อย ผมก็นับถือในความรักของเค้านะ
อย่างน้อยเค้าก็รอบีมาตลอดชีวิต (เหมือนผมเล้ยยยย)
แต่ พี่นัทนที เขียนตอน(เกือบ)จบได้แบบว่า
"เศร้าได้อีก"

ชอบตอนจบด้วยคับ
ตอนที่หลานบี วิ่งไปมา
นึกถึงสภาพชีวิตคนสองคนที่ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมามากมาย
สุดท้าย เค้าทั้งสองคนก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย...


เป็นผม ผมก็เสียใจมาก ถ้ารู้ว่าคนรักคนที่สองทำให้ความรักครั้งแรกของผมต้องพังทลาย...
แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็เลือกแบบบีนะ
เก็บทั้งสองคนไว้ ตราบนานเท่านาน...


สุดท้าย...
ฝากไว้กับประโยคนี้

"ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร"



ปล. แฟนคลับบาสยังอยุ่กันไหมค้าบบบ ฮ่าๆๆ

รักพี่ นัทนที ที่สุดเร้ยยยยยยยยยยย



ปล.สอง
ผมไปตามหาหนังสือเล่มนี้ ตั้งสี่ร้าน สองห้างแล้ว
ไม่เจอเล้ยย บางร้านบอกหมด
บางร้านบอกว่า สนพ.เก็บไปหมดแล้ว เอ๊ะ ยังไง?
วันนี้ไป ฟิวเจอร์ฯ รังสิต ก็หาไม่เจอ
ตกลงต้องสั่งทางเวบหรอ
พอดีว่าอยากซื้อเองกับมืออ้ะ
แต่จริงๆ อยากได้จากมือพี่นัทนทีมากกว่านะ ก๊ากกกก
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: OhMza ที่ 22-05-2008 00:17:25
เพิ่งมาอ่านอ่ะค๊าฟ ลุ้นแทบตาย แต่กะ หนุกมากมายอ่าค๊าฟ ชอบจัง   :m4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: luciferz ที่ 22-05-2008 20:26:27
ขอบคุงมากคับ

ที่ำทำให้ผมได้อ่านเรื่องนี้จบจิงๆซะที -0-

 o13
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Mint ที่ 02-06-2008 01:08:21
 o13 o13

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ

แม้จะเศร้าไปนิดส์ กดหัวใจไปหน่อย

 :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 02-06-2008 23:54:18
แค่เข้ามาบอกว่าซื้อแล้วจ้า  จากงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา  ตั้งใจไปเพื่อซื้อ ขอให้รักเรานั้น ฯ โดยเฉพาะจริงๆ

โทษทีที่เพิ่งมาบอกอ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: RedsunZ ที่ 18-07-2008 22:40:53
ซื้อหนังสือแล้ววววววววววววววว

เส้าจาง สงสารทั้ง บี ทั้งทีม ทั้งบาสเลย :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ๐DoNuT๐ ที่ 19-07-2008 01:21:23
โอ้ววววววว ผ่านมาเจออะครับ
ผมซื้อหนังสือมาอ่านนะ ตอนแรกไม่รุ้ว่า
มันมาจากเค้าโครงเรื่องจริงส่วนหนึ่ง ซื้อหนังสือมาอ่านก่อนรู้จักเล้าอีกแหะๆ
ก็คิดว่าเป้นนิยายที่แต่งล้วนๆซะอีก เล่นเอาน้ำตาแตกเลย (ในหนังสือกระดาษยังมีคราบน้ำตาหล่นอยู่แหะๆ)
พอมาเจอในนี้ก็ตกใจอีก 555+
สนุกมากๆครับ ทำเอาวางหนังสือไม่ลงเลย เรียนอยู่ยังแอบเอาขึ้นมาอ่าน 555 เล่มหนาพอๆกะแฮรี่เลยหุหุ
ทำเอาซะอินจัดไปหลายวันเลยทีเดียว =w=

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: phak ที่ 12-09-2008 18:52:27
ขอบคุณครับบบบบบบบบบบบบ :t3:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 16-11-2008 14:39:04

ได้มีโอกาศเข้ามาอ่านรวดเดียวจบ ใช้เวลาสามชั่วโมงในการอ่าน เพราะอ่านไปต้องหยุดซับน้ำตาและเช็ดจมูกสูดน้ำมูกเป็นระยะๆ

ภาคแรกเป็นภาคที่บีบความรู้สึกจริงๆ ยิ่งมารู้จากปากคำคุณนัทนทีตอนหลังว่าภาคแรกอิงเค้าโครงชีวิตจริงก็ยิ่งคิดแล้วเศร้าแทนบี ฉากที่กำลังจะกินยาตายแต่สุดท้ายด้วยความรักของแม่ก็ทำให้ละทิ้งความตั้งใจจะตายไปได้ มันสุดแสนจะเศร้าเหลือเกิน แต่ก็เป็นอนิจจังว่ารักไหนๆ ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ารักของแม่


สำหรับภาคสอง แม้จะเป็นเรื่องแต่ง ก็ไม่มีคำใดจะกล่าวนอกจากว่าเขียนได้ประทับใจในตัวละครทุกตัว ที่ยังคงความเศร้า สนุก และประทับใจไว้ได้ครบถ้วนไม่ต่างจากภาคแรก ดีใจที่ชีวิตจริงไม่จบเหมือนในละคร และยังเสียใจที่จนป่านนี้ บีก็ยังคงไม่ทราบสาเหตุการโกรธของทีม

ขอบคุณคุณนัทนทีที่เปิดเผยเสี้ยวหนึ่งในชีวิตให้เราผู้อ่านได้ร่วมแบ่งปันและรับรู้ประสบการณ์ชีวิตที่แสนมีค่า และขอบคุณคุณno-reply  ที่นำเรื่องราวมาแบ่งปันต่อ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Ugly-TheBeast ที่ 06-01-2009 16:59:09
เคยอ่านเรื่องนี้นานมากแล้วแต่อ่านไม่จบ
ขอบคุณที่เอามาลงนะคับ







ไม่น่ามาอ่านเลยผม :sad4:

ตอนนั้นติดว่าต้องไปเรียนต่อแล้วไม่มีคอมใช้มันก้อค้างๆคา ตอนบีกับบาสกำลังมีความสุขแท้ๆ
ไม่น่ามาอ่านต่อเล้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 08-03-2009 22:27:37
ถึงคุณนัทนที
         
        ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ของคุณจนจบ อดไม่ได้ที่จะเขียนถึง(น้ำตายังซึมอยู่เลยขณะที่เขียนเนี่ย) เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร เข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาจะแต่งอะไรสักอย่างถึงต้องใช้ความรู้สึกจากประสบการณ์จริงๆ เพราะจะได้อารมณ์อย่างนี่้นี่เอง คุณใช้ภาษาได้ดีมากๆ สามารถพรรณนาความรู้สึกของตัวละครไว้ได้อย่างหมดจด พอได้อ่านตอนท้ายที่บอกว่านำเค้าโครงมาจากเรื่องจริงมันเหมือนกับคุณได้ "เปลือยอารมณ์" ให้กับคนอ่านผ่านทางตัวอักษร ทางตัวละครได้อย่างชัดเจนทีเดียว ตัวละครทุกตัวเหมือนมีชีวิตโลดแล่นไปตามบทที่วางเอาไว้ ทั้งลักษณะ นิสัย การกระทำของตัวละครแต่ละตัวต่างมีเหตุและผลที่สอดคล้องกัน ไม่ติดขัด ลื่นไหลมาก และขอบอกตัวละครแต่ละตัวมีความชัดเจนดีทีเดี่ยว การจบในแต่ละบทนั้นทำให้อยากติดตามอ่านตอนต่อไป(เหมือนดูละครทางโทรทัศน์เลยนิ ที่พอจบแล้วก็ตั้งหน้ารอตอนต่อไป) จะรออ่านเรื่องต่อไปของคุณอยู่นะครับ ตั้งใจรอ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 14-03-2009 14:58:07
 o13 อ่านรอบแรกจากที่อื่น รู้สึกว่าจาก บอร์ด ปาล์ม น่ะคับ จำได้ว่าตอนนั้น อ่านแล้วร้องไห้ไปหลายรอบเลย นี่กลับมาอ่านอีกรอบ ยิ่งร้องเข้าไปใหญ่  :laugh: :laugh: แต่ยังไงก็สนุกเหมือนเดิม ขอบคุณน่ะครับ ที่ทำให้ได้อ่านอีกรอบ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: on1215 ที่ 27-03-2009 14:25:15
 :really2:  ชอบ ๆ ข้อดีคืออ่านแล้วไม่ซับซ้อน อ่านมาหลายเรื่องแระ เรื่องนี้ก้อให้ใจนะ เป็นกำลังใจให้นะ 
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: koihime ที่ 27-03-2009 20:37:49
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทำใจอ่านให้จบนานมาก ก ก

ไม่ใช่เพราะไม่น่าติดตามนะ

แต่เพราะทำเอาเกือบร้องไห้ไปหลายรอบ ตะหาก ฮ่าๆๆๆ

สู้ๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 28-03-2009 17:29:32
How can I say?
Nothing.
Your story is so beautiful but unbelievably sad that make me scared of love.
It's not your fault. I am scared and tried to stop it. Unfortunately, it does not work.
Even though your story is not exactly like what I faced, I have been in many situation like you wrote.
I understand Bas' feeling, but, while Bas betrayed his friend, I did nothing.
I know B's feeling with Golf, because he is too gentle but I never know what he is thinking.
Nevertheless, I don't know what you feel when you really lose someone you deeply love.

And that's why I am afraid of love, as I don't want to know the feeling of losing.
My first love taught me that I shouldn't have had it. Such feeling can bring people down to suicide.

However, your story is still beautiful as well as you words.
The story is also nicely plotted. You give every hint you can to tell reader that Bas is all the causes, but in a certain way.

Thank you for such a beautiful love story.
If you read my comments, please be aware that I am very thankful.
I admit sorrow in my life for quite a while. I'm still sad every time I'm alone. It's not that bad. I understand what you wrote.

Thanks again.
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Dongdong066 ที่ 01-05-2009 06:22:47
อ่านจบภาคแรกแล้ว น้ำตาที่กลั้นไว้มานานก็เป็นอันเขื่อนแตกตอนที่บีพูดกับแม่ว่า
แม่จ๋า บีมาลา ร้องไห้ จริงๆ จังๆ แบบไม่เคยร้องให้นิยายเรื่องไหนมาก่อน
ขอตัวไปสานต่อความเศร้าด้วยภาคสองในทันที
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Dongdong066 ที่ 01-05-2009 07:08:26
ร้องไห้กับกับบาสอย่างจริงจัง ทำไมคนคนนึงถึงรักอีกคนได้ขนาดนี้นะ
ทั้ที่ตัวเองก็จะแย่อยู่แล้วทั้ที่อีกคนทำร้ายให้ได้เจ็บปวดแสนสาหัส
แต่กลับยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก อยากมีคนอย่าบอสมารักบ้างจัง
รักบาสสุดหัวใจ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 05-05-2009 02:38:36
จำได้ว่า เมื่อหลายปีก่อน (เหมือนนานเนาะ จริง ๆ น่าจะประมาณ 2 3 ปี ) เคยอ่านมาแล้วครั้งนึง

พอกลับมาอ่านอีกครั้งเมื่อโตขึ้น รู้สึกว่า ประทับใจมาก และจากที่อ่าน ไม่ได้นึกโกรธ หรือเกลียดใครเลย เพราะหากเรื่องราวต่าง ๆ ไม่เกิดขึ้น คงจะไม่รู้สึกประทับใจเช่นนี้

ช่วงหลัง ๆ รู้สึกว่าเนื้อเรื่องไปเร็วมาก ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า

ขอขอบคุณที่ทำให้ได้อ่านเรื่องราวดี ๆ อีกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณนะครับ ^^

(ว้าว คอมเมนท์ยาวจังครั้งนี้ 555+)

ว่าแต่ ตอนนี้คงอดครอบครองหนังสือแล้วสินะ เสียดายจังแฮะ ถ้ายังไงขอเก็บเรื่องนี้ไว้นะครับ ฮิ ฮิ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Rong ที่ 07-07-2009 23:38:54
นั่งอ่านรวดเดียวทั้งภาคหนึ่งภาคสอง เลย

สนุกทั้งสองภาคเลยค่ะ การเขียนดีขึ้นเรื่อง ๆ ยิ่งตั้งแต่ปลายภาคสองลงมา นั่งร้องไห้ตลอดเลย
 :monkeysad:

ตอนแรกเปิดนิยายเรื่องนี้มานานมากกว่าจะอ่านแล้วเกือบจะเลิกอ่านแล้ว
แต่พออ่านไปเรื่อย ๆ มันเป็นเรื่องที่สุดยอดจริง ๆ เลยค่ะ  o13

ทุกอย่างมันมีมิติของตัวเองหมดเลย

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีดี อย่างนี้นะค่ะ




หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kirafd ที่ 26-08-2009 17:36:22
 ซึ้ง...
:undecided:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: leoearth ที่ 25-09-2009 00:55:20
ประทับใจมากครับ

บีบหัวใจผมเหลือเกิน

เอ้อ ผมคิดเหมือนหลายๆคนที่ตอนจบรู้สึกตัวละครโตขึ้นมากจิงๆ


รักเรื่องนี้ไปอีกนานเลยครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ThyRist ที่ 10-11-2009 00:39:00
คนเขียนนี่กะจะฆ่ากันให้ตายเลยใช่มั๊ยครับเนี่ย  :m15:

นั่งอ่านนิยาย ๆ เก่า ๆ รวดเดียวจบ

ได้ข่าวว่า "ร้องไห้จนน้ำตาไม่มีจะไหล"


เศร้าได้ใจจริง ๆ ครับ

ขอบคุณ พี่เรย์สำหรับมุมมองอันหลากหลายเกี่ยวกับความรักด้วยครับ

^^

..
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Giserzzz ที่ 26-11-2009 14:55:44
อ่านจบแล้ว มึนครับ ไม่ใช่มึนเพราะภาษาหรอกนะครับ แต่มันบีบหัวใจมาก ผมอ่านไปปวดใจไปด้วยเลย ผมเชื่อจริงๆละว่า มันต้องมีโครงเรื่องมาจากเรื่องจริง ไม่งั้นคุณนัทนทีจะเขียนออกมาแบบนี้ไม่ได้แน่นอน

ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆ ผมก็อดคิดแทบไม่ได้เลยว่า ตอนที่คุณนัทนทีเขียนเรื่องนี้ จิตใจจะเป็นยังไงบ้าง ผมเองคงไม่กล้าให้คำแนะนำอะไรหรอกครับ แค่อยากเป็นกำลังใจให้ อย่าหม่นหมองกับเรื่องที่ผ่านมาเลยครับ ผมว่าคนอ่านทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ ก็อยากให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะครับ

ด้วยความห่วงใยครับ
โช
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kaehoo ที่ 29-11-2009 04:59:47
 :m15: :m15:เรื่องนี้อ่านจบหลายรอบแระพึ่งมีโอกาสได้โพสคับ


ร้องไห้มากมาย........ :call: :-[
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 30-11-2009 01:29:32
ผมอ่านเรื่องนี้ตอนผมเรียนมหาลัยที่บอร์ด แห่งนึง ตอนนี้ผมทำงานมาหลายปีแล้วผมมีโอกาสได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
ผมก็ยังเกิดอาการเดิมคือ กินไม่ได้ และนอนไม่หลับไป 1-2 วันเลย


ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆๆนะฮะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 01-12-2009 15:07:26
ใช้เวลาในการอ่านเรื่องนี้สามวัน
ไม่อยากรีบอ่าน อยากค่อยๆซึมซับอารมณ์ของตัวละครแต่ละตัวในเรื่อง
ยอมรับเลยว่า ผู้เขียนถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมาก
อ่านแล้วก็หลงรักบาส เห็นใจบี รู้สึกดีกับทีม
แต่ขัดใจทีมเรื่องหูเบา
เป็นอีกเรื่องที่มีฉากให้ประทับใจ
ขอบคุณพี่เรย์ที่เอาเรืองมาลง ขอบคุณ คุณนัทนทีคนแต่ง :L2:
ปล เรื่องนี้แต่งนานแล้วแต่ผมพึ่งได้อ่านก็ยังสนุกอยู่ดี แสดงว่าของเขาดีจริง o13
ปลล เรื่องนี้บีบอารมณ์นะแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้แค่ทำเอานำตาซึม มันออกแนวหดหู่มากกว่า
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 31-12-2009 20:04:05
นั่งอ่านไป น้ำตาไหลไป

เศร้านะ นี้ถ้าจบเศร้ากว่านี้

สงสัยคีย์บอร์ดเราช็อตแน่ ๆ เลย 555+

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับเรื่องดี ๆ เรื่องนี้  :3123:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kaehoo ที่ 08-01-2010 16:17:22
 :o12: :o12: :o12: :m15: :m15: :m15: :m15: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

คิดถึง   บาส.......


แต่จบแบบนี้ก้อดีคับเป็นกำลังใจให้


ปล.ผม อ่านจบรอบสามแระพึ่งจะสมัครสมาชิก


เป็นกำลังใจให้คับ o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Soft light ที่ 30-01-2010 16:54:06
 :sad4: :sad4:

หลังจากปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง แล้วมาเม้นท์
บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไงกันแน่ มันเศร้า โศก ตื้นตัน ตื้อ หรือสับสน
อารมณ์มันหม่นๆในชีวิตเหลือเกิน

สิ่งที่คุณนัทนที ได้พบเจอมา มันเกินกว่าที่เราจะพูดอะไรได้ นอกจากคำว่าขอให้คุณมีความสุขจากนี้ไป...ชั่วนิรันทร์จริงๆ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TaKeZa ที่ 31-01-2010 15:56:45
นั่งอ่านเรื่องนี้อย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตี 2  ตื่นเช้าก็มานั่งอ่านตั้งแต่ 6 โมงจนถึงตอนนี้ค่ะ

จบแล้ว  :เฮ้อ:

ได้ทราบคร่าวๆ ว่าภาคแรกเรื่องจริง ภาค 2 เรื่องแต่ง

แต่จะเรื่องจริงเรื่องแต่งอย่างไรก็แล้วแต่ ทั้ง 2 ภาคต่อเนื่องกันเป็นอย่างดีเลยค่ะ

อ่านแล้วทั้งเศร้าทั้งบีบ กะจะให้คนอ่านตายทั้งเป็นเลยใช่มั้ยคะ   :m15:

เราสงสารทั้งทีมทั้งบาส ลุ้นเหมือนกันว่าจะจบยังไง

ถ้าภาค 2 เป็นเรื่องแต่งจริงๆ ก็ขอให้จบดี อย่าให้มันเลวร้ายไปมากกว่านี้

ตอนที่ทีมมาขอธูปตอนจบนี่แทบจะกรีดร้องออกมา

ณ ตอนนี้คุณบีคงมีใครซักคนเคียงข้าง คนที่รักและให้ความรักอย่างจริงใจ 

ขอให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไปนะคะ ขอให้รักนิรันดร์อย่างที่ปรารถนาค่ะ

รักครั้งแรก...คุณบีไม่เคยอยากรู้บ้างหรือคะว่าตอนนี้ทีมอยู่ที่ไหน

สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เค้าเปลี่ยนไปคืออะไร

ถึงเราจะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ แต่บ่อยครั้งก็มักจะคิดถึงรักครั้งแรก

ยังคิดถึงเสมอว่าเค้าเป็นยังไง อยู่ที่ไหน คิดมากถึงขึ้นเก็บไปฝันเลยทีเดียว

แต่สำหรับความทรงจำที่ไม่ดี ก้คงไม่มีใครอยากนึกถึงเท่าไหร่

ขอบคุณที่นำเรื่องราวมาถ่ายทอดให้อ่านนะคะ

ก็คงบอกเหมือนกับที่คนอื่นๆ เม้นท์ไว้

ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ มีความสุขกับรักครั้งต่อไป มีความสุขตลอดไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: koi ที่ 14-03-2010 16:04:51
อ่านตอนจบแล้วเศร้ามาก บีบคั้นใจสุดดดดสุดดดดดด

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 17-03-2010 22:10:51
เศร้า ซึ้ง ตรึงใจ... o18
ขอบคุณพี่นัทนทีมากนะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่าน
ชอบตัวละครทุกตัวเลยค่ะ โดยเฉพาะบาส (แต่จริงๆก็ชอบทีมนะ)
ยังไงก็ขอให้พี่มีความสุขมากๆนะคร้า :L2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: jompku ที่ 25-03-2010 15:59:36
สนุกมากๆ เลยครับ

อ่านมาได้หลายวันแล้วครับ พึ่งจบนี้ละ

น้ำตาไหลไปหลายตอนเลยทีเดียว เหอะๆๆ

ไงก็ขอบคุณมากๆ นะ


จะติดตามคุณต่อไป 


อยากทราบว่าหนังสือที่ออกนั้น ชื่อเรื่องเหมือน ในนี้หรือป่าวครับ
ช่วยบอกด้วยนะครับ  อยากได้อ่ะครับ ไม่รู้ไปหาชื้อที่ไหนอ่ะ 
ผมอยู่เชียงใหม่อ่ะ  ใครรู้ช่วยบอกที เน้อ

 :pig4: :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Soulmate ที่ 12-04-2010 00:34:07
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 27-05-2010 07:13:31
ขอบคุณคุณ นัทนที มากครับสำหรับนิยายผสมเรื่องจริงบางส่วนเรื่องนี้  :call:

ผมอ่านเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า ถ้าคิดจะรักจริงๆแล้ว มันต้องใส่ใจต่อความรักนั้น และต้องมีเชื่อใจกันมากจริงๆ

และอีกหลายอย่างที่ผมไม่สามารถหาคำพูดมาได้ มันอึดอัดมากเลยทีเดียว

ความรักของบาสเป็นสิ่งที่สวยงามและคงทนมาก แต่มันขาดการกลั่นกรองในวิธีการ ทำให้เรื่องมันบานปลาย

อ่านแล้วทำให้รู้ถึงความเป็นจริง ว่าไม่มีใครปล่อยให้คนที่ตนเองรักอยู่กับคนอื่นได้โดยไม่ทำอะไรหรอก ต้องทำอะไรสักอย่าง

ซึ่งบาสก็ได้ทำไปแล้วด้วยการบอกรัก/ชอบที่สวนสาธารณะ แต่ช่างน่าสงสารที่การแสดงออกเขาถูกเข้าใจผิด โดยสิ้นเชิง

และถึงไม่เข้าใจผิด แต่ด้วยความรักของบีที่มั่นคงต่อทีม ณ ขณะนั้น บีก็คงไม่เลือกบาส เนื่องด้วยสาเหตุที่ รักของบาสมาสายเกินไป

ดังนั้น ความพยายามก็ยังดำเนินต่อไป จนกลายเป็นชนวนแห่งโศกนาฎกรรม ซึ่งนำมาด้วยความรู้สึกถึงความรักที่สุดของนายบี และบาสเองก็พอใจอย่างนั้น


ปล. อยากฆ่าคนเขียน  :fire: แต่ก็รักบาส รักทิว รักบี ในแบบที่เขาดำเนินเรื่องไปแล้ว ไม่ว่าพวกเขาต่างกระทำผิดใดๆ ขนาดไหนก็ตาม

มันเป็นความรักจริงๆ แม้ผลมันจะเลวร้าย วิกฤตขนาดไหน ก็ยังเป็นของจริง ผมเชื่อว่ามันคือความรักจริง!!! อิ่มเอมแล้วครับ จบโหดแต่ก็ได้ใจมาก

ผู้เขียนต้องลงโทษตัวเองด้วยการแต่งเรื่องที่ Happy Ending ต่อไป
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kingphai ที่ 09-09-2010 03:32:19
เพิ่งได้มาอ่านะครับ
ไม่รู้จะเม้นอะไรดี
หนึ่งในสามหรือสี่ จากร้อยๆเรื่อง
ที่เรียกน้ำตาจากคนใจแข็งอย่างผมได้
รักนะครับ
............
ขอให้รักเรานั้น.นิรันดรร
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ohseungor* ที่ 29-09-2010 21:50:29
 :กอด1:
แฮปปี้เอนดิ้ง แม้ว่าใจจริงจะไม่อยากให้ใครจากไปในทำนองนี้

พาร์ท1ที่อ่านถึงตอนฆ่าตัวตายโกรธบีมากจริงๆ -*- คิดว่าถ้าเป็นเพื่อนหรือพี่น้องจะต้องลงมือประทุษร้ายแน่ๆ
เพราะมันเป็นความคิดที่โง่มาก แต่ก็ดีใจที่บีเขาลืมตาตื่น และสามารถก้าวข้ามช่วงอันตรายของชีวิตมาได้

ถึงอย่างงั้นเราก็ยังคิดว่าบีโชคดีมากๆ มากๆ ที่มีคนที่รักได้ขนาดนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะทำร้ายบีในกรณีแบบบาส หรือทำร้ายเพราะเข้าใจผิดอย่างทีม แม้แต่พี่ปอนที่มาเพื่อเจ็บเพราะบีเต็มๆ

แต่ต่อให้บีไม่มีใคร แต่อย่างน้อยๆบีก็ยังมีแม่มีเพื่อน
อย่าให้ความรักบดบังสิ่งรอบข้างจนเราตาบอด

เอาใจช่วยไรเตอร์นะจ๊ะ สุดยอด  o13
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 01-10-2010 15:15:34
 อ่านเรื่องนี้แล้วเสียน้ำตาไปเป็นโอ่งเลยสงสารบาสมากๆตายตอนจบเฉยอ่ะ

ความรักหนอ ความรัก เฮ้อ มันทำให้ชีวิตของหลายคนต้องปั่นป่วนมีทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง

สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ก็อยากจะให้ทุกคนได้สัมผัสกับมัน

ทำไม่น้าทั้งๆที่รู้ว่ามันเสี่ยงที่จะรักใครสักคน ทั้งที่รู้ว่าจะต้องผิดหวัง จะต้องเจ็บปวดกับความรัก

แต่ทุกคนก็ยังวิ่งเข้าหามัน    ความรัก :L2: :L1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: CallmeNut ที่ 10-10-2010 15:17:33
ปกติผมอ่านเรื่องอะไรจะแอบอ่านแบบเงียบๆ ไม่ค่อยได้เมนท์ (เลวจริงเลยเรา--'')
แต่เรื่องนี้ถ้าไม่เมนท์คงทำใจไม่ได้
ตอนแรกได้อ่านเรื่องนี้แล้วแต่อ่านไปได้นิดหน่อย แล้วเหมือนจะรู้ว่ามันคงเศร้ามากๆแน่เลย ก็เลยทำใจอ่านต่อไปไม่ไหว
แต่วันนี้พอโตขึ้น หลังจากผ่านไปจะสองปีได้มั้งจำไม่ค่อยได้ ก็ได้กลับมาอ่านอีกด้วยตั้งปณิธานว่ายังไงคราวนี้ต้องจบ !
และก็จบจริงๆ ร้องจนตาบวมอย่างกะไปรับจ้างร้องไห้งานศพมา 4 งานติด ==''

มาพูดถึงเนื้อเรื่องบ้าง (แอบรู้สึกว่าตัวเองบ้านนอกจริงๆที่พึ่งมาได้อ่าน เหอๆ)
ผมชอบทั้งสองภาคเลยนะคับ
ผมชอบที่ภาคหนึ่งมันดูจริงมากๆ มันเหมือนกับมีใครซักคนมาเล่าเรื่องราวโหดร้ายซักเรื่องให้ผมฟัง คือมันดูจริงมาก แล้วอีกอย่าง ผมชอบตัวเอกเรื่องนี้ (บี) ผมรู้สึกว่าเค้ามีความเป็นมนุษย์สุดๆ คือเค้าทำอย่างที่มนุษย์ผู้หนึ่งพึงกระทำมาตลอดทั้งเรื่อง คือจะเห็นได้ว่าเค้าไม่ได้เป็นพ่อพระ ทำดีตลอดเวลา หรือว่าบ้าบองี่เง่าทำตัวง้องแง้งตลอดเวลา แล้วพอมารู้ว่าบีนี่คือมาจากคนเขียนเองผมก็ยิ่งเข้าใจ คือผมจะไม่เชื่อเด็ดขาดเลยถ้าคนเขียนบอกว่า ปล่าว ตัวละครบีนี่แต่งมาเองทั้งหมด เพราะตัวละครนี้ดูมีเลือดเนื้อจริงๆ เหมือนที่มนุษย์คนนึงพึงจะเป็น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น มันเลยทำให้ทุกการกระทำของเค้าผมเข้าใจและอินไปด้วยได้

อีกอย่างฉากที่ผมชอบที่สุดในภาคหนึ่งก็คือ ตอนที่บีไปบอกเลิกพี่ปอนด์แล้วพอบีรู้สึกว่าตังเองเลวมากบีก็ร้องไห้ คือผมเข้าใจ moment นั้นจริงๆ เพราะเวลาผมทำอะไรเลวร้ายลงไป การร้องไห้นี่แหละคือเครื่องมือป้องกันตัวเองให้เรารู้สึกว่าเห็นมั้ยนี่เราก็เจ็บนะ เราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น (ทั้งๆที่จริงๆแล้ว มันก็ช่วยลบความจริงที่ว่าเราเป็นคนเลวร้ายมากๆออกไปไม่ได้อยู่ดี) =='' ส่วนอีกฉากหนึ่งที่ผมติดใจมากๆคือตอนที่บีไปถามบาสที่ชายหาดว่า ต่อไปจะได้ให้บาสวาดรูปตน คือถ้าให้ผมคิดนะครับ (ผมขอคิดอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่สมองของผมสามารถประมวลผลได้) ผมว่าบีในตอนนั้น น่าจะรู้อยู่บ้างแหละว่าบาสรักตัวเอง(บี) อีกอย่างบีที่เป็นคนฉลาด(มาก) อย่างนั้นทำไมจะจับความรู้สึกของคนที่พอจะรักตนไม่ออก ผมว่าการที่บีไปพูดกับบาสแบบนั้นมันแฝงความนัยบางอย่างยังไงไม่รู้ แต่ไม่ว่าบีจะพูดด้วยความรู้สึกไหนก็ตามมันยิ่งทำให้ผมเข้าถึงความเป็นมนุษย์ในตัวบีเข้าไปอีกว่า นี่แหละ มนุษย์เราก็คงทำอย่างนี้ ถ้าเป็นผมก็คงทำอย่างนี้เช่นกัน (คือถ้าเรารู้สึกว่ามีใครรู้สึกดีกับเรา ทำไมเราจะไม่เข้าไปให้ความหวังเค้าหน่อยละ) อ๊ะๆ อย่าว่าผมเลวนะ แต่ผมแน่ใจว่าคนส่วนใหญ่คิดยังงี้จริงๆ แม้ในตอนหลังตัวเรานี่แหละจะมานั่งทรมานจากความเลวของตัวเองก็เหอะ ==''

ส่วนในภาคสอง ผมรู้สึกว่ามันดูจริงน้อยลง แต่วิธีการเขียน ภาษา คำพูด การสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครทำได้ดีขึ้น (แต่คือผมไม่ชอบไอพลอตของอาร์ตเลยอะ คือผมไม่เชื่อเลยว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริงๆ อีกอย่าง การที่เหตุการณ์หลายๆอย่างมันสอดคล้องกันมากๆ เลยทำให้ผมรู้สึกว่ามัน จริง น้อยลง) แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ คือผมก็ยังอินอยู่(อินมากด้วย) แต่แค่รู้สึกนิดๆว่ามันแอบต่างกับภาคแรกนิดนึง แต่ความดีงามของภาคสองนี้ที่ภาคแรกสู้ไม่ได้คือ อารมณ์ของตัวละคร

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคนแต่งจะแต่งแล้วสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครได้ดีขนาดนี้ได้ยังไง (สารภาพว่าทึ่งจริงๆ เพราะน้อยเรื่องมากที่ผมเคยอ่านจะทำให้ผมเข้าถึงจิตใจตัวละครได้ขนาดนี้) ตัวทีมยังไม่เท่าไหร่ แต่ บี กับ บาส นี่คนแต่งบรรยายความคิดความรู้สึกของสองคนนี้ได้ดีมากๆ โดยเฉพาะรายหลัง ขนาดบาสไม่ได้เป็นคนเล่าเรื่องนี้ แต่แค่คำพูดการกระทำ ทุกอย่างมันทำให้ผมเข้าใจมากๆ ผมรู้สึกสงสารตัวละครตัวนี้ที่สุด ไม่ใช่เพราะว่าเค้ารักบีข้างเดียวแต่ไม่เคยได้รับการเหลียวแลนะ แต่ผมสงสารเค้าจากความผิดที่เค้าได้ทำกับเพื่อนรักและคนที่เค้ารักมากกว่า ถ้าเป็นผม ผมคงไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่ยังไงถ้ารู้ว่าความร้ายกาจของตัวเองทำร้ายคนที่เรารักได้ขนาดนี้ ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองเลย ดังนั้น การที่บาสมอบบันทึกสุดท้ายให้บี ผมว่านั่นคือทางออกที่จะช่วยปลดปล่อยความทุกข์ทรมานของตัวบาสเองได้ดีที่สุดแล้ว (อย่างน้อยๆบาสจะได้ให้อภัยตัวเองขึ้นมาบ้างซักนิดก็ยังดี) อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงนิยาย(ญี่ปุ่นที่โคดดัง)เรื่องนึงเลยที่ตัวเอกฆ่าตัวตายตอนจบเพราะไม่สามารถแบกรับความรู้สึกผิดที่ตัวเองทำให้เพื่อนรักฆ่าตัวตายได้ ... ซึ่งผมว่าบาสก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

สรุป ผมชอบเรื่องนี้มาก มากจริงๆ อ้ออีกอย่าง เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผมกลัวความรักเลย(อย่างที่หลายๆคนรู้สึก) ผมกลับยิ่งรู้สึกว่าถ้าผมจะมีความรักอีกครั้ง ผมจะถนอมมันเอาไว้ให้ดีที่สุด ผมจะละเอียดอ่อนกับมัน และเชื่อมั่นในสิ่งๆนี้ ผมคิดว่านั่นคงเป็นสารๆหนึ่งที่คนเขียนคงอยากจะบอกกับพวกเรา .... ยังไงก็ขอบคุณมากๆครับกับเรื่องราวดีๆเรื่องนี้ (แม้จะช้าไปโขอยู่ก้อเหอะ =='') ขอบคุณมากครับ ^ ^
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 13-10-2010 07:18:21
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้.............เป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ได้มากกกกก..จริงๆๆ... o13 o13 :L2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 28-10-2010 15:59:34
เพิ่งได้เข้ามาอ่านคะ เศร้ามากก T-T

ไม่ไหวแล้วววว  ชอบคะๆ ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 30-10-2010 14:25:37
เพิ่งจะได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ อ่านรวดเดียวจบทั้งสองภาคเลย
อ่านจบแล้วก็รู้สึกว่า ถ้าเราพลาดไม่ได้อ่านเรื่องนี้ไป จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆเลย
ดีใจมากๆที่ได้มาอ่านเรื่องนี้ เป็นนิยายที่อ่านแล้วได้อะไรหลายอย่างมากจริงๆ
ความรักในหลายๆแบบ อ่านจนถึงตอนจบแล้วก็รู้สึกว่า ความรักก็อย่างนี้แหละนะ
ทั้งๆที่เรื่องไปถึงจุดดราม่าหรือเศร้ามากๆหลายครั้ง แต่นิยายเรื่องนี้ก็ยังบอกเราว่าความรักสวยงามเสมอ
ซึ่งเป็นจุดประทับใจที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณมากๆสำหรับเรื่องราวที่เอามาแบ่งปัน : )))
ชอบเรื่องนี้มากๆจริงๆค่ะ ^^v
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 31-10-2010 09:57:11
 :m15: :m15:
ถึงมันจะผ่านมานาน แต่สะเทือนใจไม่เปลี่ยนเลย :o12:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 04:48:35
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: micky99 ที่ 12-03-2011 19:39:12
 o13 o13 o13 ขอบคุณมากๆๆครับคุณนัทนที ตาบวมเลยครับ555+ เดี๋ยวจะกลับ
เข้าไปดูใหม่ว่ามีเรื่องที่สองของพี่นัทออกมาอีกไหม ชอบมากๆๆๆ :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Mountain ที่ 20-04-2011 00:56:14
อีกหนึ่งมุมมองของความรักชาวเรา
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mapoon ที่ 20-04-2011 20:12:10
สนุกมาก o13 ขอบคุณทั้งคนโพส และคนแต่ง  :pig4:

เรื่องนี้อ่านแล้วทำให้ปวดตา

เพราะต้องเสียน้ำตาไปหลายลิตร  :sad11:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 22-04-2011 23:05:29
เศร้ามาก
เนื้อเรื่องมีความซับซ้อน ลึก พลิกไปพลิกมา
ต้องใช้เวลาอ่านอยู่หลายคืนเชียวค่ะ
บีบอารมณ์มาก โดยเฉพาะความเห็นของคนอ่านทั้งหลาย :m15:
คนเขียนเก่งจริงๆ ค่ะ
สามารถโยงเรื่องราวจากภาค 1 ที่เป็นโครงเรื่องจริง ที่มันยังขมวดปม
จนมาคลี่คลายได้ในภาค 2 
บาสตาย โหดร้ายกับความรู้สึกมากค่ะ
แต่ทีมกลับมา ก็ยังดี ที่ไม่ให้บีสูญเสียคนที่รักไปหมด
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 19-10-2011 15:15:50
อินมาก...
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: rabbitshii ที่ 19-10-2011 20:12:48
กว่าจะอ่านจบใจหล่นไปหลายรอบมากๆ กลัวจะป็นอย่างนั้นอย่างนี้
สมองนี่คิดพล๊อตล่วงหน้าตลอด
ส่วนตัวเองแล้วไม่ค่อยเชียร์บาสหรืออินความรู้สึกของบีที่มีให้บาสแหะ
มันเหมือนคนที่พลาดโอกาสไปแล้ว ความรักบางทีมันก็ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาเหมือนกันนะ
แล้วถ้าบีไม่อ่านไดอะรี่ของบาส บีก็คงไม่ได้รักบาสหรือเขาใจความรู้สึกของบาสเลย
อ่านจะแปลกกว่าคนอื่นนะที่รู้สึกเห็นใจทีมยังไงไม่รู้
เขาน่ายกย่องตรงที่เขาไฟท์เพื่อความรักของเขาอะ ในขณะที่บาสเอาแต่นั่งคอยโอกาส
รักบีแลพยามยามทำมุกอย่าง ซึ่งอย่างน้อยในชีวิตเขาก็มีช่วงเวลาดีๆกับบี
การที่ทีมเลิกกับบีมันต้องมีเหตุผล และคงเลิกทั้งๆที่รัก
กลายป็นว่าชีวิตทีมหลังจากนั้นเปลี่ยนไปเลย
ดีใจที่ตอนสุดท้ายก็แฮปปี้ละน้า แม้จะแฮปปี้แบบในจินตนาการ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: J_Dargon ที่ 20-10-2011 23:04:05
เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ชอบมาก ๆ อ่านแล้วอินไปกับเนื้อเรื่อง

ขอบคุณที่มีเรื่องดี ๆ มาให้อ่านค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 05-11-2011 00:06:27
ขอบคุณคนเขียนที่ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆให้กับทุกคนที่เข้ามาอ่าน

ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ดลใจให้เราเข้ามาอ่านเรื่องนี้

เป็นเรื่องราวที่ดีมากค่ะ รู้สึกดีที่ได้อ่าน รู้สึก มีอารมณ์ร่วมไปอย่างมากมาย

อ่านแล้วน้ำตากลิ้งเป็นสายเลยค่ะ จุกในอก สุดๆ

อินมากจนเก็บเอามาคิดตลอดเวลาเลยค่ะ ๕๕๕ แบบว่าคิดล่วงหน้าไปเอง

เข้าใจบาส,,,และนับถือจริงๆ เราไม่ต่างกัน ^^

ขอบคุณคุณนันนทีที่เขียนตอนจบแบบนี้ จบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบเจ็บปวดสุดๆ

ไม่ใช่ไม่ดีนะคะ,,,เพราะคิดว่าจบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่อยากให้คนที่อยู่ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน

จบแบบนี้คงจะเจ็บปวดน้อยที่สุด

ขอบคุณคุณนันนทีอีกครั้งนะคะ,,,ขอบคุณค่ะ

สนุกมากจริงๆ ติดตามผลงานค่ะ

^^
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 06-11-2011 03:38:19
เป็นอีกครั้งที่กลับมาอ่านเรื่องนี้  ได้อ่านคำจบท้ายจากผู้เขียนก็ทำให้ตะกอนแห่งความสงสัยมันกลับขึ้นมาในจิตใจอีกครั้ง 

สิ่งที่หลายๆคนเคยมีประสบการณ์ในชีวิตก็คือ คำถามที่ไม่เคยมีคำตอบ  ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเราก็คงไม่สามารถจะกำจัดความรู้สึกนี้ไปได้

ผมเป็นคนนึงที่เคยมีประสบการณ์ที่เรียกได้ว่ามีผลจนถึงทุกวันนี้  ทุกๆครั้งที่คิดเรื่องสมัยรักครั้งแรกและมันต้องจบลงพร้อมกับสิ่งที่เรายังสงสัย  ทิฐิที่มีสมัยยังเด็ก รวมถึงคำว่า "ถ้า"

แม้แต่ยาวิเศษที่สุดในโลกอย่างเวลา ก็ยังทำได้แค่บรรเทาความทุรนทุราย แต่ไม่ได้ทำให้เราจบสิ้นความเจ็บปวด 

ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่นึกถึง  อาการแปร๊บในใจก็ยังมีอยู่

ฮ่าๆๆๆๆๆ   เริ่มเพ้ออีกแล้ว  เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถึงจะจบอย่างไม่ได้มีความสุขเหมือนเทพนิยาย  แต่ก็เสมือนชีวิตจริง  เตือนสติได้ดีนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 06-11-2011 14:04:12
เพิ่งอ่านจบไป
สนุกมากเลยค่ะ
แม้ว่าจะเศร้า แต่ก็อิ่มใจแปลกๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Muzik ที่ 09-11-2011 10:20:26
ขอบคุณ คุณนัทนที นะคะที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
อยากบอกว่ายิ่งได้อ่านฉากเศร้าๆความรู้สึกยิ่งตีกัน ว่าจะอ่านต่อดีมั้ยเพราะกลัวว่าจะไม่ไหว
แต่ในที่สุดก็อ่านจบจนได้ มันดูลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ภาคแรกบรรยายความรู้สึกของรักแรกของวัยรุ่นได้อย่างดีเลยค่ะ
ส่วนภาคสองยังแอบคิดว่าคนอย่างบาสจะมีอยู่จริงหรือเปล่า เป็นคนดีจริงๆ เรื่องนี้ทำให้เข้าใจความรักได้มากขึ้นเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 10-11-2011 02:31:00
ร้องไห้จนตาบวม บีบคั้นหัวใจมาก
เลือกใช้ภาษาได้สวยงามและเขียนได้สะเทือนอารมณ์มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: PeArLy.JHHJ ที่ 13-11-2011 03:19:09
กลับเข้ามาอ่านเรื่องนี้อีกครั้ง เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆเลย

เรื่องนี้มีอารมณ์ ความรู้สึกหลากหลายจริงๆ และได้แง่คิดและมุมมองของความรักในหลายๆด้าน

จากทั้งมุมมองของทีม ของบี และก็ของบาสด้วย ชอบเรื่องนี้มากๆเลยคะ  o13

ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีๆแบบนี้มากๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kolapapaya ที่ 15-12-2011 13:11:59
ชอบมากเลย สงสารบาสมากกก มีความสุขอยู่แค่เดือนเดียวเอง อุตส่าห์รักเดียวใจเดียวมาตั้ง8ปี  :z3:

เรียนวาดรูปก็เพราะบี วาดแต่รูปที่เห็นแต่ข้างหลังของบี กรีดแขนเพราะอยากเจ็บแทนบี  :sad4:
เศร้าจริงๆ ภาคแรกว่าเศร้าแล้ว ภาค2ยิ่งเศร้ากว่า 

แต่สนุกมากๆเลยค่าาา ถ้าทีมหนักแน่นตั้งแต่ภาคแรก คงไม่มีตอนที่บาสจะมีความสุขกับบี

สงสารทีมเหมือนกันที่กลายเป็นเจ้าชู้ไปเลยพอเลิกกับบี แต่คิดๆไป มันทำตัวเองแท้ๆ  :z6:

บีก็เศร้าตลอดเรื่อง ตั้งแต่ กอล์ฟไม่รัก ทีมมีกิ๊ก ทีมไม่ยอมง้อ ไปกิ๊กกับพี่ปอน บอกเลิกพี่ปอนก็เศร้าเพราะสงสารเค้าอีก
แล้วทีมก็บอกเลิก คบกับปิงก็ยังเข็ดเรื่องทีม พอเปิดใจให้บาส ก็มารู้ความจริง บาสตายอีก  o22

แต่แอบเชียร์บาส ถ้าบีอยู่กับบาสน่าจะมีความสุขมากกว่า ถึงจะทำให้เลิกกับทีม แต่มันก็เพราะทีมไม่หนักแน่นด้วยอะ  :m31:
แล้วบาสก็ไม่เคยทำให้บีเสียใจเรื่องผู้หญิงด้วย  :o12:

ขอบคุณ คุณเรย์ กับ คุณนัทนที มากค่าาาา มันส์มากเลย  :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: sommyanhero ที่ 26-12-2011 11:22:06
เข้าใจความรู้สึกของบีสุดๆเลยค่ะ เราก็เคยเป็นแบบนั้น มันเจ็บปวดมากจริงๆที่ต้องทนเห้นคนรักไปกัยคนอื่น

มันอยากตาย เหมือนชีวิตเราไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว และก็ไม่มีใครสนใจไม่มีใครทำอะไรได้

อ่านแล้วนึกถึงตัวเองตอนอกหัก คนเราใจร้ายกันได้ขนาดนี้ ตอนรักกันก็ดีเหลือเกินตอนจะเลิกก็ร้ายได้เหลือเกินเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 02-01-2012 15:15:20
 :monkeysad: เศร้ามากกกก เขียนได้ประทับใจสุด ๆ
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 04-01-2012 22:59:57
เพิ่งอ่านจบ :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: stdvic ที่ 22-03-2012 02:05:42
สนุกมากๆเลยคร้าบบบ เพิ่งมาอ่านคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 10-04-2012 07:23:47
นิยายเรื่องนี้ดีจริงๆอ่ะแหละ เพิ่งมาอ่านปี 2012 เราพลาดนิยายดีๆไปเพราะชอบสายนี้ช้าไปสินะ  :m15:
อยากซื้อมาอ่านบ้าง (ถ้ามันยังมีขายอยู่ 55555)
ชอบเรื่องนี้จริงจัง พี่ทำให้หนูดราม่าาาาาาา กร๊ากกกกก
เลิฟๆค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: khalwfarng ที่ 12-05-2012 16:47:57
ไม่ว่าจะเป็นภาคแรกหรือภาคสองก็ยังเชียร์ทีมไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าบทไหนๆ บทที่เท่าไหร่ ทีมจะทำตัวสากกระเบือแค่ไหน หรือแม้กระทั่งหายไปจากชีวิตบี...ก็ยังหวัง...หวังว่าทีมจะกลับมาอีกครั้ง...
หลายๆคน(แม้แต่คนเขียนเอง)อาจจะคิดว่าเรื่องนี้ผิดกันทุกคน...ต่างคนต่างมีเหตุผลที่กระทำผิด
แต่ในความคิดคนอ่านตัวน้อยๆอย่างเรา...เราไม่ลังเลเลยที่จะโทษว่าทั้งหมดเป็นเพราะ "บาส"
...
'ถ้า' บาส ไม่คิดตื้นเขินขนาดนี้...ยอมเป็นพ่อพระเอกหลบหลังเสาอยู่ต่อไป...ก็ใช่ที่ตนอาจจะเจ็บ
แต่มันถูกแล้วหรือ..ที่ทำถึงขนาดลากให้คนอื่นมาเจ็บด้วย...แม้กระทั่งคนที่'รัก'
อ่านมาจนจบ...เรารับรู้เลยว่า บาส รัก บี ได้ไม่เท่ากับที่ ทีม รัก บี
ทีมเสียสละ เพื่อให้บีมีชีวิตที่ดี...ในขณะที่บาสเห็นแก่ตัว ทำสิ่งไม่ดีเพราะความริษยา
ถึงแม้ท้ายสุด...บาสจะยอมแลกชีวิตเพื่อชดใช้...
แต่ใครเล่าจะสามารถรับประกันได้ว่า ...การตายจากโลกนี้ไป...มันทรมานกว่า...ตายทั้งเป็น...

เอวัง

*ขอบคุณคุณนัทนทีสำหรับนิยายสีเทาเรื่องนี้ปลื้มมากจริงๆค่ะ*
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 02-06-2012 02:00:52
ทนไม่ไหว ขอเม้นท์ก่อน ยังอ่านไม่จบนะคะ
แต่เรื่องนี้มันโดนมากกกกกกกกกกกก  :sad4:
บีมีความรักเหมือนเราเลยค่ะ
ที่รักครั้งแรกมาเร็วเกินไป ของเราเกิดขึ้นตอนม.2
แล้วเราก็อกหักจากผู้ชายคนนั้น จากนั้นเราก็รักใครไม่ได้อีกเลย
เรากลัวที่จะมีความรักครั้งต่อไป เราเหนื่อยกับการไขว่คว้าหาความรักมากกกก
แต่เราก็ไม่หมดหวังจากความรักนะ เพียงแต่เราหวังไว้ว่า รักครั้งต่อไปขอให้เป็นคนที่ใช่เลยดีกว่า เราเหนื่อยกับการอกหักมาก
แต่จริงๆแล้วตอนนี้เราก็ยังมีความรู้สึกดีๆให้กับผู้ชายคนนั้นอยู่ :sad11:
ซึ่งมันเหมือนกับบีมากเลยอ่ะ ยิ่งอ่านยิ่งโดนนนนนนน  :o12: :o12: :o12:
แต่ที่ทำให้ถึงขขนาดต้องมาเม้นท์ก่อนก็เพราะเมื่อวานเราพาพ่อไปหาหมอที่รพ. แล้วเราก็เจอเค้าที่นั่น แต่มองเห็นแค่ด้านหลังนะ (เราไม่ได้เจอเค้ามาแล้ว 7 ปี) ถึงจะไม่ได้เจอเค้านาน แต่เราจำเค้าได้ชัดเจน ท่าเดินแบบนี้ จังหวะการก้าวเท้าแบบนี้ มันใช่เลย เราตื่นเต้นมาก ไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายเค้าก็เดินไปไกลเกินกว่าเราจะเข้าไปทักซะแล้ว T^T

พอมานึกๆดู ชีวิตเรามันก็คล้ายๆเรื่องนี้เลย เฮ้ออออออออออออ....ขอตัวไปอ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 12-07-2012 06:51:42
อ่านจบแล้ว...เป็นเรื่องที่ดีมากๆเคยคะ สะท้อนให้เห็นความรักในหลายๆแง่

สงสารบาสสุดๆอะไรจะคนดีขนาดนั้น สุดท้ายก็ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านแล้วก็ขอบคุณคนโพสต์ด้วยคะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: A. marco ที่ 07-09-2012 21:31:26
พึ่งอ่านจบภาค 1  ครับ  ทำใจตั้งนานว่าจะอ่านตอนจบดีไหม เพราะตอนก่อนนั้นมันเกือบทำผมน้ำตาออก และก็ได้ยินมาว่าภาคแรกแต่งจากเรื่องจริง แสดงว่าในชีวิตจริง มันจบแบบภาคแรกเหรอครับ? ไม่เอาอ่ะ ไม่จริงใช่ไหมครับ? :'(

ไปอ่านภาค 2 ก่อนดีกว่า
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: A. marco ที่ 08-09-2012 11:02:17
อ่านจบแล้วครับ
รู้สึกใจมันหน่วงๆ อึดอัด เหมือนโลกมันจะไม่สดใสไปเลย (จะบอกว่าไม่น่ามาอ่านตั้งแต่แรกก็ไม่ได้แฮะ ถ้าไม่ได้อ่านจะเสียใจกว่า)

เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าบาสต้องตายแต่อ่านไปแล้วยังไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ
จริงๆแล้วถ้าเป็น 3P ก็จะได้ไม่หม่นหมองหลังอ่านจบแบบนี้ ฮ่าๆ

ผมคงจะจิตตกไประยะหนึ่งครับ สุดยอดจริงๆ ได้อะไรเยอะเลยจากการอ่านเรื่องนี้

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Dakota ที่ 14-09-2012 22:04:21
 อ่านจบแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวมาแก้ไขนะคะ อยากจะพูดคุยเยอะแยะเลย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 17-10-2012 23:12:28
เย้ๆ มาตามอ่านแล้วนะคับๆ
ชอบคับๆ
ติดตามอยู่นะค้าบบบบๆ ><
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 18-10-2012 21:35:22
เย้ พึ่งอ่านจบค้าบบบบบบ อ่อ แล้วเรื่องจริงพี่บีได้สมหวังกับพี่ทีมเหมือนอย่างในเรื่องป่ะคับ อยากรู้ๆ 555+
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 22-10-2012 20:00:51
โดยส่วนตัวพึ่งรู้จักเล้าเป็ดมาได้แค่ปีครึ่งเองค่ะ ไม่รู้ก่อนหน้านี้ไปไหนมา
เหมือนขังตัวเองอยู่กับอะไรสักอย่าง..55 แต่พอได้มาอ่านนิยายในบอร์ดนี้
แล้วเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องเข้ามาที่นี่ทุกวันและทุกวันเหมือนเสพติดอะไรบางอย่าง
โดยส่วนมาก นิยายที่นี่ดูเยอะแยะไปหมดจนไม่รู้จะเริ้่มอ่านอะไรก่อน
โดยส่วนมากก็มาจากความสนใจชื่อเรื่องล้วนๆ แต่ก็มักจะผิดหวังในหลายๆเรื่อง
เพราะบางเรื่องชื่อเรื่องก็หลอกตาเราอย่างมากก ซึ่งค่อนข้างผิดหวังมากในช่วงแรกๆที่เข้าบอร์ดนี้มา
แต่ทันใดนั้นเอง(คิดว่ามันคงไม่ทันใดนั้นหรอกค่ะ 55 ผ่านไปหลายเดือนอยู่เหมือนกัน)
ก็ไปเห็นกระทู้แนะนำนิยาย ไอ้เราก็มืดแปดด้าน ไม่รู้จะเริ่มอ่านจากตรงไหนดี ก็เลยเลือกๆเอาจะกระทู้นี้
หลายๆเรื่องชื่อเรื่องเรียบง่ายไม่ดึงดูด แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันค่ะ ทุกครั้งที่กดเข้าไปอ่าน
ทุกเรื่องที่มีชื่อเรื่องแบบนี้ ...จะสนุกมากๆทุกเรื่องไป โดยเฉพาะเรื่องนี้ ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร 
ตอนเข้ามาอ่านครั้งแรก ขอสารภาพเลยว่า
ไม่ชอบตัวเอกเอามากๆ อยู่แค่ ม.1 ริอาจจะมีความรัก มันจะเป็นไปได้ยังไง
ซึ่งนั่นก็ทำให้ความพยายามที่จะอ่านเรื่องนี้ถูกปิดลงถึงสองครั้งสองครา
เนิ่นนานผ่านไป ก็ได้ฤกษ์ไปอ่านเซ็งเป็ด award ที่เค้าโหวตปีแรกๆ ก็ไล่ไปหลายเรื่องอยู่เหมือนกันค่ะ
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่สะดุดตากับเรื่องนี้ จนเริ่มสงสัยว่า ชื่อเรื่องนี้เราจะเจอกันบ่อยไปแล้วนะ
จึงพยายามข่มใจอ่านไปเป็นรอบที่สาม โดยลบอคติที่ว่า บี ไม่ได้อยู่ ม.1
และลองคิดว่าน่า ยังไงเรื่องนี้ก็คนความรักมันไม่จำกัดอายุอยู่แล้ว..
ตอนแรกๆสารภาพว่าทำใจยากอยู่เหมือนกันค่ะ มันจินตนาการไม่ค่อยออก
แต่พออ่านไปไม่ถึงสามตอน อยู่ๆไอ้ใจที่เริ่มอคติ หายไปในพริบตา ทั้งภาษาที่ใช้
มันเหมือนถึงบีบเค้นออกมาจากหัวใจจริงๆค่ะ ตอนอ่านภาคแรก ตอนที่บีจะฆ่าตัวตาย
มันเป็นความรู้สีกเหมือนกับว่า มีใครจะเอามีดมาแทงอกเราจริงๆเลยค่ะ
คือเศร้ามากจริงๆ เศร้าจนร้องไห้ไม่ออก บอกจากใจเลยค่ะ คือหดหู่มากจนไม่กล้าอ่านต่อ
เลยเก็บภาคสองไว้อ่านวันนี้ แทน เพราะรู้สึกอยากรู้ค่ะว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นใดต่อไป
กลั้นใจอ่านมากๆค่ะ ความจริงไม่อยากอ่านต่อ เพราะมีลางว่าต้อง sad ending แน่ๆ
แต่สุดท้ายก็บอกกับตัวเองว่า เอาว่ะ เอาไงเอากัน ยังไงชีวิตคนเราก็ไม่ได้จบเหมือนในหนังจริงๆหรอก
สุดท้ายย พออ่านภาคสองเป็นหนักกว่าเก่าอีกค่ะ
ยิ่งตอนที่บาสตาย ไอ้ที่บอกว่าเศร้าจนร้องไห้ไม่ออก น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดเลยค่ะ
แต่ทั้งๆที่ร้องไห้ แต่ก็ยิ้มไม่หยุดเลยค่ะเหมือนคนบ้ามากๆเลยทั้งยิ้น ทั้งร้องไห้ เหมือนบีตอนอยู่ในงานศพเลยค่ะ
ร้องไห้ให้กับความตายของบาส และยิ้้มให้กับความงามของโศกนาฏกรรมแห่งความรักครั้งนี้จริงๆค่ะ
แต่งได้สุดยอดมากจริงๆค่ะ เรื่องนี้อ้างอิงมาจากชีวิตจริงของผู้แต่งด้วย
แอบคล้ายชีวิตของเรามากๆเลยค่ะ นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังให้แง่คิดหลายแง่นักอ่านอย่างเราๆมากกจริงๆ
ทั้งเรื่องในมุมมองของความรักและการใช้ชีวิต
บี บาส และทีม เป็นเหมือตัวละครที่ดูมีชีวิตมากจริงๆค่ะ ไม่ได้เจอนิยายแบบนี้มานานมากแล้ว
ขอบคุณจริงๆค่ะ ที่แต่งนิยายเรื่องนี้ให้พวกเราได้อ่านกัน เป็นนิยายที่อ่านแล้วประทับใจมากๆเลยค่ะ


สุดท้ายนี้อยากบอกว่าชอบคำคมนี้มากจริงๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง และอีกครั้งที่ได้แต่งนิยายเรื่องนี้ให้พวกเราได้อ่านกันค่ะ


“โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุด ก็คือโศกนาฏกรรมที่ถูกกระทำในนามของ...ความรัก”


ปล.อ่านนิยายเรื่องนี้ไม่กินข้าวเย็นมาสองวันแล้วค่ะ บอกตามตรงว่า อ่านจบแล้วกินอะไรไม่ลงจริงๆค่ะ
เหมือนมันจุกอกเจ็บไปหมดด ไม่อยากแม้แต่กลืนน้ำลาย 55 (เวอร์ไปไหม? )
ปล2.ขอให้พี่คนแต่งสมหวังในความรักทุกครั้งไปนะค่ะ


นิยายเรื่องนี้เป็นมากกว่านิยายจริงๆค่ะ!!!!!!!
o18 o18
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 10-02-2013 14:52:09
ชอบมากครับ สนุกดี เศร้าบ่างเมื่อตอนที่เราเอาตัวของเราไปเป็นตัวละครตัวนั้นจริง ๆ เลยได้ร้องให้ออกมา
ขอบคุณคุณคนแต่งมาก ๆ นะครับ ที่เอานิยายสนุก ๆ อย่างนี้ มาแต่งเติมสีสันแห่งชีวิตให้กับผมขอบคุณมาก ๆ ครับ
 :n1:
 :L2:
 :pig4:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: MADWHALE ที่ 04-04-2013 19:07:38
อ่านแล้วก็เศร้า ทำไมความรักมันถึงซับซ้อนได้ขนาดนี้นะ

ขอบคุณคุณนัทนทีที่ถ่ายทอดเรื่องราวมาให้เราทุกคนอ่านนะคะ

อ่านเรื่องนี้แล้วได้แง่คิดอะไรเยอะแยะเลย

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 15-04-2013 04:35:54
นิยายสีหม่น...ตรึงใจในความเป็นจริงของชีวิต สลดใจในด้านมืดและด้านสว่าง (?!!) ของความรัก ถึงอย่างไร ก็ยังเชื่อมั่นในพลังรักแท้ ทีมกับบีก็ดูรักมั่นยาวนาน แม้เป็นพิษกับตน นิยมนะ ...แต่ถ้าเกิดกับตัวเอง โดนทำให้เจ็บขนาดนั้น คงไม่มีวันให้อภัยทีมกับบาสแน่นอน...เป็นคนมืดๆน่ะ แย่จัง
//อ่านสนุกยิงยาวต่อเนื่องวางไม่ลงรวดเดียว ชอบงานเขียนของคุณนัทนทีมาก :L1:
ป.ล. ว่าแต่ คณะและมหาลัยเจ้าบาสนี่เรื่องจริงไหมหนอ? จะได้กลับไปซ่อมเดี่ยว เยอะนัก อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 07-05-2013 15:33:48
อยากบอกว่าน้ำตาร่วงเผาะๆเลยตอนอ่าน แถมยังอ่านแบบรวดเดียวจบอีก ดีใจที่ตอนจบสมหวังถึงจะแลกกับการสูญเสียรักครั้งที่สองไป ความรักทำให้คนหนึ่งคนทำอะไรหลายอย่างไปโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา แต่ก็ไม่อยากโกรธนะเพราะทุกคนมีวิธีแสดงความรักต่างกันออกไป นิยายเรื่องนี้สนุกมากๆ คนเขียนผูกเรื่องราวได้ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 31-05-2013 14:48:38
หลายคนแนะนำให้อ่านเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้อ่านสักที
เริ่มแรกเห็นชื่อเรื่องไม่คิดว่าจะเศร้า จึงเริ่มอ่านไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกเศร้าแต่ก็น่าติดตามอย่างบอกไม่ถูก
ทั้งที่ไม่คิดจะอ่านนิยายที่เศร้าเลย แต่ผู้แต่งใช้ภาษา สำนวนเล่นเอาเราติดกับต้องอ่านจนจบ สุดยอดจริง ๆ
ที่สำคัญบางช่วงน้ำตาไหลเลย
หวังให้ผู้แต่งมีกำลังใจต่อสู้กับปัญหาและสิ่งต่าง ๆที่เข้ามาในชีวิตได้อย่างเข็มแข็ง เหมือนกับนิยายที่คุณแต่ง
และแทรกข้อคิดทำให้เรา มันเตือนสติเราได้จริง ๆ
ขอบคุณมากที่แบ่งปันเรื่องราว  :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Soft light ที่ 05-06-2013 02:16:52
กลับมาอ่านซ้ำในรอบหลายปี
นิยายเศร้าในดวงใจเลย :m15:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-06-2013 19:22:43
จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องนี้ครั้งนึงแล้ว

ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเล้า


ตอนนี้เป็นแล้ว กลับมาอีกรอบ

ยังบีบหัวใจอยู่เหมือนเคยเลยค่ะ เข้าใจบีนะคะ..เข้าใจบาสด้วย..หมั้นไส้ทีมนิดหน่อยแต่ก็...


นั่นล่ะค่ะ ..ชอบมากค่ะ ผู้เขียนเขียนดีมากค่ะ อินมาก น้ำตารื้นตอนที่อ่าน

ตอนนี้ก็ยังให้ความรู้สึกซึมๆจ๋อยๆอยู่นิดหน่อย.. แต่ชอบมากค่ะ


ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pearnoii ที่ 12-06-2013 18:04:58
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ตอน 2013 เรียนจบว่างๆก้อเลยลองหานิยายเส้าๆในเล้า ก้อเจอเรื่องนี้
แค่ชื่อก้อเส้ามากแล้วคะ
ตอนแรกคิดว่าทั้งภาค1 และภาค2 เปนเค้าโครงเรื่องจิง ซึ่งตอนจบสมหวัง
แต่พอได้รู้ที่คุณนัทนทีบอกว่าภาค1เท่านั้นที่เค้าโครงเรื่องจิง น้ำตาแตกเลย(ซึ่งก้อแตกมาเยอะแล้ว)
ตอนจบของภาค1คือเส้ามากกกกก ที่ในความเปนจิงแล้วก้อยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จิงว่าทีมทิ้งบีเพราะอะไร
แล้วบีก้อยังไม่เคยลืมทีม โอย!!! เขียนไปน้ำตาไหลไป :m15:

ขอให้พี่บีเจอ"รักนิรดร"นะคะ

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: teemklub ที่ 08-01-2014 23:32:58
ไม่มีคำใดจะพูดนอกเสียจาก
ขอบพระคุณมากครับ...เศร้ามาก  ทำผมน้ำตาแตกเลย สงสารบาสนะ   สงสารเขาจริงๆ

ปล.ผมชื่อ ทีม
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: teemklub ที่ 09-01-2014 03:26:21
ยังเศร้าไม่หายเลยเรา   ผมนอนไม่หลับ

สามเรื่องแหละที่เป็นแบบนี้   เซ็งเป็ด หรือจะเป็นแค่ความทรงจำ  และเรื่องนี้ ที่อ่านจนจบ และเอาน้ำตาผมไปเต็มๆเลย   เศร้ามาก   ฟังเพลงนั้นแล้ว คิดถึง บาส จัง    เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 09-01-2014 15:18:44
ชอบภาษาของนักเขียนมากค่ะ  สวย
เรื่องนี้เรื่องเดียวแต่รับรู้รสชาติของความรักได้เกือบทุกแง่มุมเลย
ชอบมาก,  ประทับใจจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 15-03-2014 19:05:34
วันเดียวจบ ร้องไห้เกือบตายยยยยยยย แฮ่ คิดถึงพี่บาสๆๆๆๆ :m15:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 31-05-2014 23:53:53
พี่นัทนที ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวที่ซาบซึ้งจนเศร้า
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆนะคะ :L2:
ขอบคุณพี่noreplyที่มักจะหาเรื่องมาลงให้อ่าน :pig4:
ปล.มีความสุขกับปัจจุบันให้มากๆ :bye2:นะคะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: phai.pasta ที่ 04-07-2014 22:12:14
ขอให้รักนี้นิรันดร น้ำตาแตก :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :impress3: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 07-07-2014 15:32:54
จบแบบนี้ :'(  :mew6:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 08-07-2014 02:33:22
เป็นเรื่องที่กินใจมากๆ สุดๆ เลย
ขอบคุณคนเขียนมากๆๆๆๆจริงๆ  o13

จะบอกว่าแอบเชียร์บาสมาตั้งแต่แรก ไม่รู้ทำไม
แต่ขณะเดียวกันก็คิดว่าทีมรักบีจริง
ไม่น่าจะเลิกเพราะไปชอบคนใหม่แค่นั้น

เอาน้ำตาไม่หลายกระบุง สงสารบาส  :m15:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: yokkiez852456 ที่ 08-03-2015 19:07:34
เพิ่งอ่านจบครับ (ช้าไปไหม)555555555 ชอบเรื่องนี้มากๆเลยครับ  :sad4: :sad4: :hao5: :hao5:

อยากได้เป็นหนังสือเก็บไว้จังเลยครับ
แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหน ที่เชียงใหม่ไม่เจอเลย
จะไม่หยุดความพยายามครับตามหากันต่อไป55555555555
(ใครมีจะขายpmมาบอกผมด้วยน่ะครับ) :impress2: o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 09-03-2015 02:18:11
ตอนแรกขัดใจมากที่บาสตาย แต่มานั่งคิดๆ ถ้าพล็อตคือให้บีกับทีมสมหวัง ทำยังไงถึงจะตัดบาสออกไปได้ ... เป็นโจทย์ที่ยากอยู่ ตอนนี้เลยมโนเอาเองว่า บาสตายเพราะอุบัติเหตุจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่งั้นเรน่าทำใจกับตอนจบไม่ค่อยได้ค่ะ รู้สึกมันฝืนไปหน่อย
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 15-03-2015 18:09:23
เป็นเรื่องแรกที่อ่านในบอร์ดนี้

พออ่านจบนึก แล้วอยากเขียนเรื่องมั่งจัง  :oo1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 20-06-2015 02:43:07
อ่านแล้วเศร้า :hao5: หน่วง ๆ :serius2: ถึงตอนจบจะดูราบรื่น ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: bella2539 ที่ 19-04-2016 17:22:46
สารภาพว่านิสัยไม่ค่อยดีแอบอ่านนิยายในเล้ามาหลายเรื่อง  ก็มีทั้งประทับใจ กับไม่น่าหลงเข้าไปอ่านเลย 555 ปะปนกันไป แต่ไม่มีเรื่องไหนเลยที่ทำให้ถึงกับต้องสมัครสมาชิก log in เข้ามาแสดงความเห็นเหมือนกับขอให้รักเรานั้นนิรันดรเรื่องนี้

เจอเรื่องนี้ก็เพราะมีเพื่อนแนะนำมา  บอกว่าถ้าชอบอ่านนิยายวายแล้วไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จะพลาดมากๆ  เราก็เออๆ มาอ่านดู  ปรากฎว่า...เพื่อนพูดถูกทุกอย่าง ถ้าไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้เราคงพลาดไปมากจริงๆ

ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี รู้แค่อ่านเรื่องนี้แล้วร้องไห้หนักมาก  โดยเฉพาะตั้งแต่ท้ายๆของภาค 1 มาจนตลอดของภาค 2 บีบหัวใจมาตลอด  ตอนภาค 1 ที่บีอกหักแบบเหมือนอยากจะวิ่งเข้าไปกอดมากๆ สงสารสุดๆ  ยิ่งภาค 2 ยิ่งแบบ เฮ้ย ไม่ไหวแล้ว  ต้องอ่านๆ หยุดๆ เพราะร้องไห้หนักเป็นพักๆ เหมือนคนบ้าเลย

บอกตามตรงไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนที่ “ทรงพลัง” กับความรู้สึกของเราได้ขนาดนี้มาก่อน  ทั้งเรื่องราว ตัวละคร  การใช้ภาษามันดีไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะภาค 2 ผู้เขียนใช้ภาษาได้ดีมากจริงๆ แทบจะเรียกว่าเห็นตัวละครทุกตัวละครมายืนอยู่ตรงหน้า แล้วก็ได้ยินทุกอย่างที่พวกเขาพูด พวกเขาคิดหมดเลย

รักตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้มาก ทั้งทีม บาส และโดยเฉพาะบี (ซึ่งคือผู้เขียนเอง)  เก่งมากๆเลยคะที่ผ่านทุกอย่างมาได้ แม้ภาค 2 จะเป็นเรื่องแต่ง แต่ก็แต่งได้จริงมากจนเราแอบนึกว่ามันเป็นเรื่องจริง  แต่ผู้เขียนไม่กล้าบอกหรือเปล่าว่ามันคือเรื่องจริง  เพราะตอนนี้คาดว่าผู้เขียนคงยังอยู่ด้วยกันเลยอาจกลัวผลกระทบ  ขอโทษนะคะที่แอบคิดแบบนี้จริงๆ

ที่รักที่สุดคือ ความมั่นคงในความรักของตัวเอกทุกคนในเรื่อง ไม่ว่าจะผ่านเหตุการณ์อะไร โหดร้ายแค่ไหน แต่ความรักของพวกเขาไม่สั่นคลอนเลย อ่านแล้วแอบทำให้เรารู้สึกมีความหวัง แปลกเนอะ ถึงจะเจ็บปวด ร้องไห้เหมือนญาติเสีย แต่อ่านจบก็ยังรู้สึกดีกับความรักแบบบอกไม่ถูก

รักบี รักทีม รักบาส และนิยายเรื่องนี้มากเลยคะ ขอบคุณผู้เขียนนะคะที่ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน

ปล. ตกใจตัวเอง อะไรจะเขียนยาวได้อะไรเบอร์นี้  ทำการบ้านส่งครูยังเขียนไม่ยาวเท่านี้เลย 555
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 20-04-2016 00:49:49
เสียน้ำตาไปเป็นลิตรเลยทีเดียวเชียว ขอบคุณคนเขียนครับ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 28-05-2016 14:42:25
ภาค1 ว่าหนักแล้ว ภาค2 นี้หนักยิ่งกว่า มาทั้งน้ำมูกน้ำตา :hao5: :hao5:
โดยรวมชอบภาค1มากกว่านะครับ บางฉากบางตอนมันเคยเกิดขึ้นจริงๆ กับเรา มันทำให้คิดถึงอดีต คิดถึงสมัยมัธยม (สมัยรักแรก)  :-[ :-[

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ครับ

อ่านไปเช็ดน้ำมูกน้ำตาไป5555
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 12-06-2016 05:31:48
น้ำตาไหลไม่หยุด
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 03-11-2016 23:29:58
อารมณ์หน่วงๆตั้งแต่ต้นจนจบ เฮ้อ นอนไม่หลับจิทีเนี้ย  :mew2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 05-11-2016 00:05:46
 :mew6:

เป็นเรื่องที่หน่วงตั้งแต่ช่วงแรกๆจนจบเลย ร่ำๆจะร้องไห้หลายรอบมาก
นี่กำลังคิดอยู่ว่าทนอ่านได้ยังไงเพราะปกติไม่ชอบอ่านแนวนี้เลย มันเจ็บปวดเกินไป TT'
แต่ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจและพล็อตที่คาดเดาไม่ได้เลยทำให้อ่านต่อไปได้
สุดท้าย...รู้สึกดีใจมากและไม่คิดเสียใจเลยที่อ่านมาจนจบ
ได้ข้อคิดดีๆจากเรื่องนี้มากมายเลยจริงๆค่ะ
ปล.เป็นกำลังให้นักเขียนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 28-04-2017 12:24:52
ขอบคุณผู้แต่งค่ะ อ่านแล้วติดอยู่ในหัวมากมาย
สงสารทุกคน ทุกคนมีมุมเจ็บปวดกันไปคนละแบบ
บางทีทุกสิ่งทุกอย่างก็หมุนไปตามผลแห่งการกระทำ
ที่เรียกว่า "กรรม" แบบที่บีบอกนั่นล่ะ เฮ้อออ เศร้า
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: chanabang ที่ 29-06-2017 23:26:04
ร้องไห้หนักมาก อ่านจบแล่ว แต่ยังอินอยู่
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: top_fy ที่ 04-02-2018 22:45:49
อยากบอกเรื่องนี้สนุกมากกกกก ภาคแรกเป็นเรื่องจริง อยากบอกว่าสงสารบีมากจริงๆ คือแบบพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แล้วมาอ่านภาค2. อ่านได้ 10กว่าตอน อ่านๆ มันก็จะร้องไห้อยู่ละ คือแบบในหัวคิดอยู่แล้วว่าสุดท้ายต้องมีใครตาย ก็เลย ไม่ไหวละ ขอข้ามไปอ่านตอนสุดท้ายเลย ตอนนั้น อ่านไปร้องไห้ไป คือ คิดว่าตัวเองเป็นบีไง ถ้าเกิดขึ้นจริงๆกับตัวเราเองจะสามารถสู้เหมือนบีได้ไหม แต่ ก็ดีมันคือเรื่องที่แต่งเติมจากจินตนาการของผู้แต่ง เลยแบบ ค่อยยังชั่ว ถ้าเป็นชีวิตจริงคือ เป็นเรื่องที่เศร้ามากๆเลยนะ อยากปรบมือดังๆให้คนเขียนครับ ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 13-08-2018 23:12:07
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านจนจบ ตอนแรกว่าจะตัดใจไม่อ่านแล้วเชียว แต่ทำไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ก็เลยต้องมานั่งจมกับความเศร้าจนได้ การถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกมันบีบหัวใจจริงๆค่ะ ขอบคุณนักเขียนสำหรับเรื่องนี้นะคะชอบมากจริงๆ :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 17-09-2018 11:50:54
 :L2:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 01-10-2018 19:42:04
เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ แบ่งอ่านวันละนิด ทั้งที่อยากอ่านตอนต่อไปมากๆ
เพราะกลัวจะรับความรู้สึกไม่ไหวถ้าอ่านทั้งหมดทีเดียว..  :sad4: :o12:

หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 31-10-2019 01:16:06
อ่านเรื่องนี้ บอกเลย เครียดทั้งเรื่อง

แต่ผู้เขียนก็เขียนได้ดีจริงๆ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีมากๆ

เรื่องนี้ พระเอก ไม่ค่อยจะพระเอกเท่าไหร่ เพราะหลายๆอย่าง

ส่วนนายเอก เราคารวะให้กับความรักนิรันดร์ของนายมาก สุดยอด o13

สุดท้าย ตัวละคร ที่เราชอบที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ...พี่ปอนด์นั่นเอง เพราะ หล่อ รวย รักจริง  :z1:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-11-2019 14:30:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: iwannabewithyou ที่ 11-11-2019 01:05:21
ขอบคุณผู้แต่งมากๆที่นำเรื่องราวของคุณมาบอกเล่าในภาค1 ไม่คิดเลยว่าจะเกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาที่เด็กขนาดนั้น แต่มันลึกซึ้งกินใจเหลือเกิน เป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ เคยอ่านไปรอบนึงเมื่อนานมาแล้ว จนตอนนี้กลับมาอ่านอีกรอบยังร้องไห้และประทับใจเหมือนเดิม มันตราตรึงในหัวใจเรามาก นี่เป็นเรื่องแรกที่คอมเม้นเลย รักเรื่องนี้มากจริง ฝากความรู้สึกถึงบี ขอให้ความรักของบีเป็นนิรันดิ์อย่างที่ใจต้องการ เรื่องราวในอดีตจะเป็นบทเรียนให้เราได้รู้จักเรียนรู้ หนทางที่ผ่านมามันหนักหนาแสนสาหัสจริงเชียว อย่างเปียกปอน สุดท้ายอยากจะบอกผู้แต่งว่าแต่งได้ดีมากๆ ขอชื่นชมจากใจ ภาษาสวยมาก ขอบคุณมากๆนะคะ
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: wizardcoffee ที่ 14-11-2019 00:59:24
อ่านอีกครั้ง ทำให้นึกถึงวันวานที่ไทม์ไลน์ใกล้กับชีวิตจริง
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 29-11-2019 21:57:26
กลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังคงปล่อยให้น้ำตามันไหลไปกับความรักของทั้งสามคน บี ทีม บาส
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 01-03-2020 22:21:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 26-03-2020 03:39:35
 o13
หัวข้อ: Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 11-03-2024 13:56:14
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)