พิมพ์หน้านี้ - US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: บีบีจัง ที่ 28-11-2013 13:02:51

หัวข้อ: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 28-11-2013 13:02:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 28-11-2013 13:04:08
US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา




▂ ▃ ▄ ▅ สารบัญ ▅ ▄ ▃ ▂

Chapter : 1 [PROLOGUE] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2555660#msg2555660)
Chapter : 2 [ความมืดและแสงสว่าง] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2558571#msg2558571)
Chapter : 3 [แม่จ๋าของนิล] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2602622#msg2602622)
Chapter : 4 [ข่าว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2603289#msg2603289)
Chapter : 5 [ใจเอย] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2608305#msg2608305)
Chapter : 6 [ผู้หญิงที่ผมรัก] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2613125#msg2613125)
Chapter : 7 [หวั่นไหว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2625924#msg2625924)
Chapter : 8 [ตกกระไดพลอยโจน] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2667060#msg2667060)
Chapter : 9  [ใจเต้น] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2677964#msg2677964)
Chapter : 10 [อาคันตุกะ] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2689484#msg2689484)
Chapter : 11 [หนี] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2691461#msg2691461)
Chapter : 12 [ความในใจของคนโง่] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2707441#msg2707441)
Chapter : 13  [วันคืนพ้นผ่าน] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2716883#msg2716883)
Chapter : 14  [รอไม่ไหว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2725230#msg2725230)
Chapter : 15 [ใกล้เข้าไปอีกนิด] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2733992#msg2733992)
Chapter : 16 [THE END] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40292.msg2765229#msg2765229)








หัวข้อ: Chapter : 1 [PROLOGUE]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 28-11-2013 16:18:58
Chapter : 1 [PROLOGUE]


สวัสดีครับ ผมชื่อนิล เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชานเมืองชั้นปี 2 คณะสถาปัตย์ฯ ตอนนี้ยังไม่มีแฟน แต่แอบปลื้มแฟนเพื่อนสนิทอยู่ครับ ทำไงได้ล่ะ ก็พี่เขาทั้งหล่อ ทั้งเท่ ตัวก็สูง นิสัยดี แถมรสนิยมยังคล้ายผมอีกต่างหาก อ๋อ คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมบอกว่าพี่เขา ‘หล่อ’ จริงๆครับ

“นิล เลิกมองแฟนเราได้แล้ว” มือเล็กๆขาวๆยื่นมาปิดตาสองข้างของผมจนมิด พร้อมกับเสียงหวานใสออกแนวจิกกัดกำลังแขวะผม

“ทุกทีเลย เจอพี่เลทีไรเก็บอาหารไม่เคยอยู่” ผมแกะมือนุ่มนิ่มออกได้สำเร็จแล้วครับ ก็เลยได้เห็นหน้าตางั้นๆของ ‘ฟ้าคราม’ กำลังหักเป็นจวักตักข้าว เอ่อ... โอเค ผมจะไม่พูดบิดเบือนก็ได้ ความจริงคือยัยฟ้าครามเนี่ย ไม่ได้หน้าตางั้นๆหรอกครับ แต่นางน่ารักมากกกกกกกกกกก (จริงๆผมอยากจะลาก ก ไก่ ยาวจนหมดหน้าเอสี่ แต่เกรงว่าคุณผู้อ่านจะเอาเมาส์เขวี้ยงหัวผมเสียก่อนน่ะครับ) ฟ้าครามเป็นเดือน ส่วนผมเป็นดาว เอ๊ย ฟ้าครามเป็นดาว ส่วนผมเป็นเดือน หน้าตาน่ารักหวานแหววของยัยฟ้าครามถอดแบบมาจากนางเอกในการ์ตูนญี่ปุ่นเด๊ะๆ ผมยาวเป็นเงาสีดำขลับ ดวงตากลมบ๊อกสีเทาอ่อน (นางเป็นลูกผสมครับ) ปากนิดจมูกโด่ง ผิวขาวจั๊วะ ก็เลยมักจะถูกรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน รุ่นน้องจีบเสมอ แต่ก็ได้ไอ้นิลรูปหล่ออย่างผมนี่แหละครับที่เป็นไม้กันหมาให้ แต่ตอนนี้ไม้กันหมาอย่างผม อยากจะเป็น ‘หมา’ เสียเองแล้วละ

“’อาการ’ ค่ะน้องฟ้า ไม่ใช่ ‘อาหาร’” พี่เล ที่ย่อมาจากทะเล ยิ้มให้ฟ้าครามแบบโคตรจะอ่อนโยน ในที่สุดผมก็ได้เห็นอาการที่ในนิยายรักบอกว่า ‘ดวงตาอันอ่อนโยน’ มันเป็นยังไงก็ตอนที่ได้พบกับพี่เลเนี่ยแหละ เวลาพี่เขามองยัยฟ้านะครับ เหมือนกับว่ายัยฟ้าเป็นโลกทั้งใบของเขา (สาบานเลยว่าผมไม่ได้พูดเกินไป)

“ผิดนิดผิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกค่ะ เนอะนิล”

“ผิดนิดหน่อยของเธอน่ะมันคนละความหมายเลยนะฟ้า” พอผมแย้งปุ๊บก็ถูกมือเล็กๆนั่นตีเพี๊ยะเข้าที่ต้นแขน

“แหน่ะ มือก็เล็กยังจะกล้ามาประทุษร้ายคนอื่นเขาอีก เก่งนักหรือเรา” ผมหยิกแก้มเนียนด้วยความหมั่นเขี้ยวและลืมตัว จนกระทั่งเห็นสายตาอาฆาตมาดร้ายของพี่เลนั่นละครับ

“แฟนพี่ครับ”

“หมายถึงผมเหรอครับ” เนียนครับเนียน

“หมายถึงเราเหอะนิล”

“เมื่อไรพี่เลจะมองนิลบ้างละครับ นี่นิลก็รอมาตั้งนานแล้ว”

“พี่ชอบผู้หญิงครับ” พี่เลยิ้มเย็นตามแบบฉบับคนหล่อสุขุมนุ่มลึก ถ้าคนอื่นมาเห็นคงขนตูดลุก แต่สำหรับผมพี่เลจะทำหน้าโหดปานใดก็หล่อที่สุดในสามโลก

“พี่เลรักเราคนเดียว เนอะพี่เลเนอะ” ยัยฟ้าครามแลบลิ้นใส่ผมและหันไปเกาะแขนออเซาะพี่เล แถมพี่เลยังลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูผิดจากผมที่มองด้วยความหมั่นไส้ โอเคครับ วันนี้ผมยอมแพ้

“เซ็ง กลับบ้านเถอะ จีบผู้ชายไม่ติด” ผมคว้ากระเป๋าและล้วงกุญแจพี่มะลิของผมออกมา

“โธ่ จะรีบกลับไปไหน อุตส่าห์มาติวให้เรานี่นา”

“ไปให้คุณสถาปนิกรูปหล่อติวให้เถอะ เพื่อนเกย์ๆอย่างเรามันหมดประโยชน์แล้ว” ผมเดินหันหลังจากมาโดยไม่สนใจกับเสียงหัวเราะคิกคักและคำบอกลาที่ตะโกนตามมาจากข้างหลัง (แต่ผมไม่ลืมสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ของยัยฟ้าหรอกนะครับ)

“ขับรถดีๆน้า จะมืดแล้ว เราเป็นห่วง” ครับ ที่จริงคือมันเย็นมากแล้ว และผมไม่สามารถขับรถดึกๆได้เพราะสายตาผมสั้น ยิ่งมืดยิ่งมองไม่เห็นประมาณนั้น

ผมเดินมาถึงโรงรถบ้านฟ้าครามตรงที่พี่มะลิของผมจอดอยู่ เหลือบไปมองมอนสเตอร์ 796 เทียบกับพี่มะลิด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ รุ่นเล็กอย่างผมมีปัญญาขับแค่เวสป้าเท่านั้นละครับ

หือ? ทำไมผมถึงเรียกเวสป้าของผมวีพี่มะลิงั้นเหรอ? คุณก็ดูสิครับ พี่มะลิของผมขาวนวลขนาดนี้ แถมเวลาขี่ยังนุ่มซะไม่มี เสียงท่อน่ะหรือ ฟังดูนุ่มนวลไม่บาดหู พี่มะลิของผมออกจะเป็นสาวหวานขาวจั๊วะขนาดนี้ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิคร้าบบบบบบ

ผมกระทืบรถเพียงทีเดียวก็พาตัวเองและพี่มะลิออกมาถึงถนนใหญ่ โบกมือบ๊ายบายพี่ยามที่บ้านยัยคุณหนูฟ้าหนึ่งทีพอเป็นพิธี เย็นๆแบบนี้รถเยอะดีนัก แต่สำหรับคนขับมอเตอร์ไซค์นั่นไม่ใช่ปัญหา อย่างๆน้อยก็ร่นระยะเวลาได้มากกว่าคนขับรถยนต์นั่นแหละครับ

ลมเย็นของค่ำคืนฤดูหนาวปะทะหน้าผมจนชา ถึงแม้กรุงเทพจะมีหน้าหนาวเพียงสามวันในหนึ่งปี แต่แถบชานเมืองแถวนี้กลับมีความหนาวเย็นที่ยาวนานกว่าใจกลางเมืองนิดหนึ่ง ถึงแม้จะไม่หนาวเหมือนบ้านนอกของผม แต่มันก็เย็นๆพอให้ครึ้มอกครึ้มใจมากกว่าหน้าร้อนแหละ

ฝ่าความหนาวเพียงสิบกว่านาทีผมก็ถึงคอนโดของตัวเอง คอนโดสร้างใหม่ที่อยู่ไกลจากบริเวณในมหาลัยฯพอสมควรเป็นตัวเลือกที่โคตรจะเพอร์เฟ็คท์ เพราะสำหรับผมแล้ว การพักใกล้มหาลัยฯถือเป็นหายนะอันใหญ่หลวง ในเมื่อยามค่ำคืนที่เราควรจะได้พักผ่อนมันกลับมีเสียงดนตรีจากร้านเหล้าที่ตั้งเรียงรายกันเกือบสิบร้าน เสียงนักร้องแหกปากร้องเพลงเพราะมั่งไม่เพราะมั่งทำเอาหลับไม่ลง กว่าจะเงียบก็ปาเข้าไปตีสอง ถ้าต้องอยู่กับสภาพแบบนั้นทุกคนวันผมคงกลายเป็นซอมบี้แน่นอน

ผมยังคงสงสัยเหมือนปีแรกที่เข้ามาเรียนว่าทำไมถึงมีการสร้างสถานบันเทิงได้ในบริเวณมหาลัยฯ มันไม่ผิดกฎหมายหรอกหรือ? อยากจะหาข้อเท็จจริงจากเรื่องนี้แต่ก็ไม่รู้จะไปถามใคร ในเมื่อประชาชนตัวน้อยๆตาดำๆอย่างเราไม่สามารถทำอะไรได้ก็สู้ถอยห่างออกมาเสียดีกว่าว่ามั้ย

ติ๊ง ติ๊ง

ผมควักไอโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ใบหน้ายิ้มแป้นแร้นพร้อมกับแสดงข้อความบนหน้าจอ

     ◥SkyHigh◤ - ถึงคอนโดรึยางงงงง~

ผมยิ้มให้กับความใส่ใจของฟ้าครามที่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ก่อนจะพิมพ์กลับไปอย่างไว
     
     MINA - พึ่งถึง
     MINA - กำลังจะไขกุญแจห้อง

ไม่ต้องประหลาดใจนะครับ MINA คือชื่อผมเอง ผมชื่อจริงชื่อนายมีนา ไม่ใช่มีนา จากเดือนมีนาคม แต่เป็น MINA จากภาษาไอริช ที่แปลว่า ‘นุ่มนวล’ ครับ เป็นไงละ แม่ผมตั้งชื่อไฮโซใช่ม้า

     ◥SkyHigh◤ - เคเค พรุ่งนี้เจอกันโรงอาหารเวลาเดิมน้า
     MINA - OK

พอพิมพ์เสร็จก็เก็บโทรศัพท์ และไขกุญแจเข้าห้อง พอผมกดเปิดไฟตรงประตูก็ได้ยินเสียงร้องเมี้ยวขึ้นทันที ริชชี่กระโดดเกาะเข้าที่หน้าแข้งผมพอเหมาะพอดี โชคดีว่าวันนี้ผมใส่กางเกงยีนส์นะครับ ไม่อย่างนั้นละคุณเอ๋ย...
“ไอ้ริชชี่ พี่นิลบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามตะปบขา หืม? จำได้มั้ย” ผมก้มลงอุ้มแมวเหมียวสายพันธุ์อเมริกันช็อตแฮร์ขึ้นมาสบสายตา ดวงตากลมโตจ้องเป๋งแล้วร้องเหมียวหนึ่งที เป็นอันว่าไม่เข้าใจ เพราะถ้าเข้าใจต้องร้องเหมียวๆสองที
“งดข้าวเสียดีมั้ย?”
“เมี้ยววววววว” คราวนี้ร้องยาวกว่าเดิมครับ แปลว่าไม่พอใจ
สุดท้ายทาสแมวอย่างผมก็ต้องเดินไปเทอาหารลงชามกระเบื้องที่มีลายแมวอยู่ตรงก้นชามจนเต็ม และไม่ลืมเปลี่ยนน้ำให้ด้วย จากนั้นก็ไปตักอึออกจากส้วมแมว และเก็บกวาดขนแมวออกจากพื้นห้อง พอไอ้ริชชี่มันกินเสร็จก็กระโจนขึ้นไปนั่งแต้อยู่บนคอนโดแมวสูงสองเมตรที่ผมประดิษฐ์ให้มันเองอย่างสง่างาม และทอดสายตาเหยียดหยามลงมามองผมซึ่งเป็นคนหาข้าวให้มันกินจากข้างบน

ผมรู้สึกเหมือนมันจะสื่อว่า ‘แล้วของหวานล่ะนิล ฉันรอของหวานอยู่นะ’ ครับ แล้วก็ตามนั้น ผมหยิบซองซิปล็อคที่ข้างในเป็นปูอัดอลาสก้าอย่างดีมายื่นให้มันหนึ่งชิ้น ไอ้ริชชี่งับไปอย่างรวดเร็วแล้วก็สะบัดตูดเดินไปโดยไม่หันมาสนใจผมอีกเลย

คืนนั้นก่อนผมจะเข้านอนก็ไม่ลืมสไกป์ไปกู๊ดไนท์แม่ที่อังกฤษ และหลับไปโดยมีแมวนอนอยู่บนหัว

อาห์ ทาสแมวจงเจริญ

[ต่อข้างล่างค่ะ]


หัวข้อ: Chapter : 1 [PROLOGUE] [ต่อ] **Re Write
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 28-11-2013 16:23:00
^
^


ผมยืนเกาหัวยิกๆอยู่หน้ากระจก ดูท่าต้องพาไอ้ริชชี่ไปหยอดรีโวฯ (Revolution - ยากันเห็บหมัด) สักทีแล้ว บางทีผมอาจจะมีหมัดอาศัยอยู่บนหัวอย่างสงบสุขก็เป็นได้ คิดแล้วก็ขนลุกจึงจัดการสระผมตัวเองแบบฟูลออพชั่นในตอนเช้า เสร็จแล้วจึงรีบแต่งตัวและเทข้าวให้ไอ้ริชชี่จนเต็มชาม (ไม่ลืมเปลี่ยนน้ำด้วย) บึ่งพี่มะลิไปอีกสิบห้านาทีก็ถึงโรงอาหารคณะ มีที่จอดมอเตอร์ไซค์เหลือที่เดียวให้ผมแทรกตัวเข้าไปได้อย่างสวยงาม

ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารก็เห็นนางฟ้าของคณะนั่งรออยู่ที่โต๊ะตัวริมน้ำที่เดิม มีรุ่นพี่รุ่นน้องรุ่นเพื่อนทักผมประปราย คุยกันนิดหน่อยพอเป็นพิธีก็เดินไปซื้อข้าว และหยิบจานไปนั่งที่โต๊ะ

“กินข้าวยัง”

“ไม่อ่ะ กินก๋วยเตี๋ยว” นางกวนตีนผมแต่เช้า ชามก๋วยเตี๋ยวสีชมพูเป็นสัญลักษณ์ว่าสั่งพิเศษหมดเกลี้ยงไม่เหลือกระทั่งน้ำตั้งอยู่ข้างๆ

“กวนตีนขอให้แฟนทิ้ง”

“แฟนทิ้งก็มาซบอกพี่ริวดีกว่าเนอะน้องฟ้า” ไอ้ริวเพื่อนร่วมห้องอีกคนเดินลงมานั่งข้างผม ผมเหลือบมองชิ้นไก่ทอดของมันและรีบจิ้มอย่างรวดเร็วในขณะที่มันกำลังหม้อฟ้าคราม

“ทำหน้าให้หล่อเท่ากูก่อนเถอะริว”

“แหมไอ้นิล หล่อแต่ไม่แลสาวอย่างมึงก็ไม่มีประโยชน์หรอกวะ อ๊ะ เฮ้ย นั่นไก่ทอดกู!” ไม่ทันแล้วครับ ผมเอาเข้าปากไปเรียบร้อย

“ไอ้สันขวานนิล น้องฟ้าดูมันสิครับ” มันหันไปอ้อนยัยฟ้าที่นั่งยิ้มหวาน

“อ๊ะ ริวดูโน่นสิ อะไรอยู่ในน้ำ”

“ไหนๆ” พอไอ่ริวมันหันไป ยัยฟ้าก็จิ้มไก่ทอดชิ้นสุดท้ายในจานของมันไปแล้วครับ ไอ้ริวหันกลับมาเธอก็นั่งเคี้ยวตุ้ยๆอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งคน

“โอ๊ยยยยย คนสวยใจร้าย ทำไมทำกับพี่ริวแบบเน้” สุดท้ายพอมันเห็นว่ากับข้าวในจานของมันเริ่มไม่ปลอดภัยจึงรีบยกจานหนีไปนั่งกับเพื่อนกลุ่มอื่นทันทีครับ

“การบ้านอาจารย์ณัฐส่งวันไหนอะนิล”

“อังคารหน้านะ ถ้าจำไม่ผิด” ผมตอบคำถามฟ้าครามทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่

“แล้วงานที่อาจารย์วิมลสั่งละ”

“เสร็จแล้ว”

“งั้นอาทิตย์นี้ก็ไม่มีการบ้านอะไรแล้วใช่มั้ย”

“อืม”

“เย็นนี้ไปบ้านเรามั้ย” ผมเงยหน้าขึ้นทันที เพราะเพิ่งนึกได้ว่าการบ้านที่ฟ้าครามถามเป็นการบ้านที่ผมและนางช่วยกันทำจนหมดเกลี้ยง ยัยฟ้าจะความจำสั้นจนจำไม่ได้เชียวหรือว่าตัวเองการบ้านเสร็จหมดแล้ว แต่พอได้สบตายัยฟ้าเท่านั้นก็พอจะรู้สึกได้ว่ามีอะไรไม่ปกติ

“ฟ้า มีอะไรหรือเปล่า” ผมวางช้อนส้อมและเอื้อมไปกุมมือฟ้าเอาไว้ ไม่สนใจสายตาคนอื่นๆในโรงอาหารหรอกครับจังหวะนี้ ยิ่งเห็นนัยน์ตากลมบ็อกสีดำสนิทนั่นมีร่องรอยสั่นไหวแล้วก็เหมือนหัวใจมันโหวงๆ ผมไม่อยากให้ผู้หญิงที่ผมรักเป็นที่สองรองจากแม่ต้องมีอาการแบบนี้เลยนะ

“เย็นนี้... ไปบ้านเรานะ” เสียงหวานติดจะสั่นเครือ ผมทบทวนอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีเรียนกี่วิชา เช้ามี บ่ายล่ะมีมั้ย โอเค ช่วงบ่ายไม่มี

“วันนี้เรามีเรียนแค่เช้า ตอนบ่ายก็ไปบ้านฟ้ากันเนอะ หรือฟ้าอยากกลับบ้านตอนนี้เลยหรือเปล่า” ฟ้าครามส่ายหัวแทนคำตอบ ผมจึงลุกขึ้นและหยิบจานกับชามก๋วยเตี๋ยวไปเก็บ นี่ขนาดเศร้าๆยัยนี้ยังซัดเสียเกลี้ยง

“ไปห้องเรียนกันดีกว่านะ” ผมยื่นมือให้ฟ้าครามจับ และจับจูงกันไปจนถึงห้องเรียน ไอ้ริวมันมองมาพร้อมกับเครื่องหมายคำถาม มันคงประหลาดใจเพราะผมกับฟ้าทำท่าเหมือนกำลังมีซัมธิงรอง จูงมือเดินไปด้วยกันแบบนี้คนคงฮือฮากันใหญ่ละว่าดาวกับเดือนคณะสถาปัตย์ฯกำลังคบกัน

ผมรู้สึกได้เลยว่าฟ้าครามไม่ได้มีสมาธิกับการเรียนสักเท่าไร เพราะผมเองก็เป็นเช่นเดียวกัน สมองของผมเอาแต่ครุ่นคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานเย็น ผมกลับคอนโด เช้าก็มาเรียน มันไม่น่าที่จะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆแค่ชั่วข้ามคืนนี่นา พอเหลือบไปมองยัยฟ้า ตากลมบ็อกจ้องไวท์บอร์ดก็จริง แต่มันดูเลื่อนลอยบอกไม่ถูก สงสัยคาบนี้คงต้องไปขอซีร็อกซ์เลคเชอร์จากไอ้ริวเสียแล้ว (อ๊ะๆ เห็นแบบนี้ไอ้ริวเรียนเก่งนะคร้าบ)

เสียงอาจารย์บอกเลิกคลาสเหมือนกับเสียงสวรรค์ ผมปรี่ไปแย่งสมุดจดจากมือไอ้ริวทันทีและรีบลากฟ้าออกมาจากห้อง พอซีร็อกซ์เสร็จก็รีบเอากลับไปคืนเจ้าของ

“ใส่หมวกกันน็อคก่อนสิฟ้า” ผมเอาหมวกกันน็อคสวมหัวฟ้าครามที่กลายสภาพเป็นซอมบี้ขึ้นมานั่งซ้อนท้ายพี่มะลิแบบมึนๆ นางหัวเราะแหะๆเหมือนจะแก้เก้อกับสภาพของตัวเอง

“แล้วของนิลละ”

“มีใบเดียว ให้ฟ้าใส่ดีกว่า” ผมยิ้ม อยากให้รอยยิ้มของผมช่วยดึงรอยยิ้มจากฟ้าครามได้บ้าง แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไร ผมจึงดึงมือฟ้าครามให้มาเกาะเอวผมไว้แล้วขี่ออกไปจากมหาลัยฯ

ที่บ้านฟ้าครามดูสงบเงียบเป็นปกติ นางบอกว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไปทำงาน ส่วนพวกเด็กรับใช้คงอยู่หลังบ้าน ผมเดินตามคุณหนูฟ้าขึ้นไปชั้นบนต้อยๆ ป้ายไม้สลักคำว่า SKYHIGH ห้อยอยู่ที่หน้าประตูห้อง ฟ้าครามเดินมึนๆไปนั่งที่โซฟาเบดในห้องนอนตัวเองก่อนจะล้วงไอโฟนออกมาจากกระเป๋า ผมเดินไปนั่งข้างๆมองเธอจิ้มอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงคลิปวิดิโออันหนึ่งที่ฟ้าครามยื่นมาให้ผมดูชัดๆ ผมมองคลิปนั้นด้วยสีหน้าหมางง ให้ผมมาบ้านเพื่อดูคลิปงั้นหรือ? อยากจะถามหรือท้วงอะไรสักอย่างแต่พอเห็นหน้าเย็นเยือกของนางแล้วก็ตัดสินใจสงบปากสงบคำไว้ดีกว่า

“...”
“...”

เสียงตะกุกตะกักที่ฟังดูไม่มีความหมายดังขึ้นจากในคลิปวิดิโอ ผมเขม้นมองเพื่อหาที่โฟกัสสายตา ภาพมันสั่นๆรัวๆบอกไม่ถูก เหมือนคนในคลิปกำลังทำอะไรสักอย่างเร็วๆ ดูไปสักพักผมก็เริ่มหน้าแดง ยัยฟ้าเอาคลิปโป๊ให้ผมดู!!!

“เฮ้ย ฟ้า ให้เราดูอะไรเนี่ย”

“ชู่ว ดูต่อสิ” ผมจะลุกหนี แต่ฟ้าครามดึงแขนผมไว้ ยัยนี้แรงเยอะยังกับช้างเลยละครับ ผมจึงจำใจต้องนั่งเจี๋ยมเจี้ยมต่อ และเหมือนว่าคนในคลิปกำลังขยับท่าทางใหม่ ผมแอบชื่นชมในใจว่าผู้ชายคนนี้หุ่นดีชะมัด มันเป็นคลิปที่ถ่ายจากมุมด้านหน้าอะครับ เหมือนกับตั้งกล้องไวหัวเตียงนั่นละ

พระเอกจำเป็นในคลิปทำให้ผมตัวชาวาบเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ผมหันไปมองยัยฟ้าที่น้ำตาไหลพรากลงมาตอนไหนไม่รู้ ผมหันกลับไปมองหน้าจอไอโฟนอีกครั้ง พยายามเพ่งให้เห็นว่าฝ่ายหญิงคือใคร และด้วยผิวที่ดูค่อนข้างคล้ำผิดจากยัยฟ้า ผมจึงมั่นใจได้ว่าไม่ใช่เพื่อนตัวเองแน่นอน


“ดูให้จบนะนิล” ผมพยักหน้ารับ “อีกนิดหนึ่งจะจบแล้ว” ก็เป็นอย่างที่ฟ้าครามพูดแหละครับ เหมือนว่าพี่เล... เขาจะ เอ่อ... เสร็จกิจพอดี ก็เลยลุกออกจากเตียง หรือพูดให้คุณเห็นภาพก็คือ เขาพ้นออกไปจากหน้าจอแล้ว และกลายเป็นใบหน้าของหญิงสาวผรั่งผิวเข้มเข้ามาแทนที่

‘Fuck you bitch…’ สาวฝรั่งใจกล้าหน้ายกนิ้วกลางขึ้นมาชูหราและพูดต่อ ‘He’s mine!!’ เสียงแหบพร่าของเธอฟังดูเซ็กซี่ชะมัดเวลาที่พูดจาข่มขู่แบบนี้ นับว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่แสดงเซ็กส์แอพพีลออกมาได้เยอะมากขนาดดูผ่านคลิปวิดิโอแบบนี้นะครับ

“เราได้รับคลิปนี้เมื่อคืน ตอนก่อนนอน” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงสั่นเครือที่ถูกผู้หญิงร่านคนหนึ่งเรียกว่า ‘นังตัวแสบ’ โดยที่เธอไม่ทันทำอะไรด้วยซ้ำ

“พี่เล... เขา... คงมีเจ้าของอยู่แล้วละมั้ง” ฟ้าครามเค้นเสียงออกมาเป็นคำพูดได้ทีละหน่อย ผมรู้ว่าเพื่อนรักของผมคงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะพูดออกมาสักประโยคหนึ่งในสภาพจิตใจแบบนี้ ผมกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ ทั้งที่ผมคิดว่าเขาเป็นคนดีที่จะสามารถรับผิดชอบชีวิตของฟ้าครามได้ ทั้งที่พ่อกับแม่ก็ไว้ใจให้เขาไปรับไปส่งฟ้าครามและเข้านอกออกในบ้านได้ตามสะดวกแท้ๆ

“ฟ้าใจเย็นนะ” ผมพยายามหายใจลึกๆเพื่อสงบสติ “บางทีเรื่องนี้คงผ่านมานานมากแล้ว” ผมจงใจเน้นคำว่า มาก เพื่อจะสื่อว่ามันคงนานมาแล้วจริงๆ

“ไม่หรอกนิล เราเอาไฟล์นี้ไปเปิดในคอมฯ เห็น Date Modified มันโชว์ว่าเป็นของอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง”

ไอ้เหี้ยพี่เล!!!!

ผมพยายามช่วยมึงแล้วนะไอ้พี่เล แต่เห็นอีแบบนี้คงไม่ต้องเผาผีกันแล้วละ!

“มันรู้เรื่องที่ฟ้าเห็นคลิปนี้หรือยัง” ฟ้าครามส่ายหัวแทนคำตอบ

“เขาโทรมาแหละ แต่ฟ้าไม่รับสาย เดี๋ยวตอนเย็นก็คงแล่นมาหาถึงนี่”

“เราไม่เข้าใจเลยนิล ทำไมพี่เลถึงทำแบบนี้ พี่เลคบกับเราอยู่ แล้วทำไมถึงไปมีอะไรกับคนอื่น ทำไมผู้ชายถึงมักง่ายแบบนี้”

“เอ่อ.. ไม่ทุกคนหรอกนะฟ้า”

“ฮึก..” น้ำตาหยดโตๆไหลลงบนตักตัวเองหยดแล้วหยดเล่า แม้ผมจะเพียรพยายามดึงทิชชู่มาซับน้ำตาให้เท่าไรมันก็ไม่เหือดแห้งไปเสียที พวกผู้หญิงเขามีแทงค์น้ำตาซ่อนเอาไว้อยู่ข้างในหัวหรือเปล่าเนี่ย

ผมนั่งปลอบยัยฟ้าร้องไห้อีกเกือบชั่วโมง ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นั่งจู๋จี๋ตำตาผมเมื่อวานนี้ แค่ผ่านไปคืนเดียวทุกอย่างจะกลับตาลปัตรไปหมด ตอนนี้ผมขอถอนคำพูดที่ผมเคยบอกว่าพี่เลมันหล่อและนิสัยดี ทิ้งให้หมดเลยนะครับ เปลี่ยนใจแล้วละ ตอนนี้เกลียดมันชิบเป๋ง

พอยัยฟ้าร้องไห้จนหนำใจแล้ว หล่อนก็เฉดหัวผมให้กลับคอนโด ประจวบเหมาะกับพ่อแม่กลับมาพอดีผมก็เลยวางใจ

“เราไม่เป็นไรแล้วละ แค่ได้ระบายก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ” ยัยฟ้ายิ้มเศร้า “แต่บางทีคืนนี้อาจจะร้องอีกนิดหน่อย”

“ตามสบาย แต่อย่าลืมนะ ถ้าร้องไห้มากใต้ตาเหี่ยว อายครีมกระปุกละหมื่นก็ไม่ช่วยหรอก”

“ย่ะ รู้แล้วแหละ ขอแค่วันนี้ วันนี้เท่านั้นนะนิล” ฟ้าครามซุกหน้าลงที่อกผม รู้สึกชื้นๆ พอเดาได้ว่าน้ำตานางคงไหลอีกแล้ว ผมยกสองมือลูบหลังเธอเบาๆ โชคดีว่ามืดแล้ว คงไม่มีใครเห็นหรอกวะ

“เข้าบ้านได้แล้ว เราขอกลับก่อน” ผมยืนมองส่งยัยฟ้าเดินเข้าบ้านก่อนจะออกมาพร้อมพี่มะลิ แวะจอดรถตรงตลาดแป๊บหนึ่งเพื่อซื้อน้ำเต้าหู้ใส่แต่ลูกเดือยมาสามถุงก่อนจะเลี้ยวรถเข้าคอนโด


ผมเดินออกมาจากลานจอดรถเพื่อจะเข้าไปตรงล๊อบบี้ แต่ด้วยคอนแทกเลนส์ค่าสายตา 350 ทำให้ผมมองเห็นบุคคลไม่พึงประสงค์ที่กำลังนั่งรอผมอยู่ที่โซฟารับแขก โดยมีสายตาหวานเชื่อมของพี่หญิงผู้จัดการคอนโดแอบมองเป็นระยะ
“น้องนิล มาพอดีเลย มีแขกมารอพบค่ะ” เอาเป็ด ตั้งใจจะเดินเลี่ยงๆเพราะมันยังไม่เห็นผม แต่พอพี่หญิงเรียกผมเท่านั้นละมันก็หันควับมาที่ผมทันที และสุดท้ายผมก็ต้องพาอาคันตุกะทั้งสองคนขึ้นไปบนห้อง

ห๊ะ สองงั้นเหรอ?

“ลูกพี่ลูกน้องพี่เอง” เหมือนไอ้พี่เลมันจะเห็นสายตาสงสัยของผมก็เลยช่วยไขข้อข้องใจให้ ผมเหลือบมอง ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ ของไอ้พี่เลที่หน้าเหมือนมันยังกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ต่างกันแค่ไอ้หมอนี่มันมีผมสีน้ำตาลอ๊อนอ่อนนนนนน แถมผิวยังขาวจั๊วะเหมือนพวกฝรั่งเมืองหนาวเลยละ (ผมกัดปากตัวเองเป็นการทำโทษเมื่อแอบคิดว่าไอ้หมอนี่มันหล่อเป็นบ้า ไม่เอาน่านิล อย่าเพิ่งตุ๊ดแตกตอนนี้)


ผมจำใจเชิญแขกทั้งสองเข้ามานั่งในห้อง ลูกพี่ลูกน้องของไอ้พี่เลมองไปรอบห้องผมด้วยท่าทางอย่างคนที่ไม่ได้รับการอบรมเรื่องมารยาท ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆจนเผลอปิดประตูห้องนอนตัวเองดังปั้งตอนที่เอากระเป๋ากับไอ้ริชชี่เข้าไปเก็บ แต่ตอนที่กำลังจะเดินออกมาก็ได้ยินเสียงสนทนาของคนข้างนอกจึงแอบหยุดฟังอยู่หลังประตู

“นายอย่าจ้องบ้านของคนอื่นแบบนี้สิวะ มันเสียมารยาท”
“ก็ฉันชอบนี่หว่า เขาตกแต่งห้องได้เป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้ เห็นแล้วนึกถึงบ้านที่ลอนดอนเลยว่ะ” ผมเสียมารยาทแอบฟังคนทั้งสองพูดคุยกันอยู่หลังประตู ในใจกระหยิ่มยิ้มย่องตอนที่มีคนชมว่าห้องผมสวย ก็แน่ละ ผมลงมือตกแต่งเองทั้งนั้น พวกเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายผมก็ถ่อไปดูถึงแหล่งสินค้ามือสองหลายแห่งเพื่อให้ได้ของเก่าที่ถูกใจผมมากที่สุด ผนังส่วนที่เป็นอิฐนั่นผมก็ฉาบเองด้วยเหอะ

เอาละ หมดเวลาแอบฟังเสียแล้ว ผมเปิดประตูเดินออกไปและบอกกับทั้งสองคนว่าจะเอาน้ำมาเสิร์ฟ ว่าแต่ผมยังไม่รู้เลยว่าลูกพี่ลูกน้องไอ้พี่เลชื่ออะไร เออแต่ช่างเหอะ ไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนตระกูลนี้สักเท่าไรอยู่แล้ว

ผมวางแก้วใส่น้ำใบเตยเย็นเจี๊ยบลงตรงหน้าทั้งสองคน คือตอนแรกผมกะว่าจะเอาน้ำก๊อกให้มันกิน แต่ความดีงามในจิตใจก็เอาชนะความชั่วร้ายได้ เลยเปลี่ยนเอาน้ำใบเตยที่เพิ่งต้มเสร็จมาเสิร์ฟแทน อะแฮ่ม ดูเหมือนว่าผมจะคิดถูกนะครับ เพราะไอ้หัวสีน้ำตาลอ่อนนี่มันดูจะถูกใจน้ำใบเตยของผมน่าดู (ถึงแม้ว่าอีกคนหนึ่งจะดูไม่มีกระจิตกระใจจะดื่มอะไรก็ตามที)


“นิล น้องฟ้าเห็นคลิปนั้นแล้วใช่มั้ย” ผมเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนระโหยของพี่เลที่ไม่เหลือคราบชายหนุ่มมาดสุขุมนุ่มลึกแม้แต่น้อย “อือ เห็นแล้วครับ ยัยฟ้าเปิดให้ผมดู” หน้าพี่เลซีดเป็นไก่ต้มทันทีที่ผมพูดจบ

“พี่รู้อยู่แล้วเหรอว่ามันจะต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้น”

“อืม” พี่เลพยักหน้าแล้วก็เงียบ ลูกพี่ลูกน้องมันก็มองโน่นนี่ในห้องผมอย่างเพลิดเพลิน อย่ามาจิ๊กโมเดลเวสป้าตูกลับบ้านนะเว้ย เห็นมองมานานละ

ผมขี้เกียจเป็นฝ่ายเปิดประเด็น ก็เลยนั่งเงียบบ้าง อยากจะเห็นท่าทีของพี่เลว่ามันต้องการอะไร มาหาผมเพื่ออะไรกันแน่ ผ่านไปได้สักห้านาทีครับ ไอ้พี่เลก็เป็นฝ่ายเปิดปากก่อน

“น้องฟ้าเป็นยังไงบ้าง” ผมเบ้ปาก ที่ถามนี่ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่วะ

“คงจะหัวเราะสนุกสนานมั้งครับ”

“นิล อย่าเพิ่งโกรธพี่ได้มั้ย พี่เป็นห่วงน้องฟ้าจริงๆ”

“ถ้าพี่เป็นห่วงยัยฟ้า แล้วพี่จะมาหาผมทำไม ทำไมพี่ไม่ไปหานางที่บ้าน หรือพี่กลัวที่จะต้องเจอพ่อกับแม่ของผู้หญิงที่พี่นอกใจงั้นเหรอ” ถ้าคุณคิดว่าผมกำลังระเบิดอารมณ์ละก็ ขอให้คิดใหม่นะครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งเป็นปกติที่สุดสำหรับคนอย่างผม

“วาจาเชือดเฉือนเหมือนเคยเลยนะนิล รู้มั้ยว่าการพูดเรื่อยๆแบบที่นิลทำ มันกรีดใจพี่ได้มากกว่าตอนที่นาตาชาร้องไห้โวยวายใส่พี่เสียอีก” ชื่อนาตาชาสะกิดใจผมได้ทันที

“พี่หมายถึงผู้หญิงที่ด่ายัยฟ้าว่า Fuck you bitch ใช่มั้ยครับ” พี่เลพยักหน้า ใบหน้าคมมีแววกราดเกรี้ยวขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะหายไป “ตลกดีนะครับ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแฟนอย่างเปิดเผยกลับถูกผู้หญิงอีกคนของแฟนตัวเองด่าแบบนี้ ไม่รู้ว่าใครมาก่อนใครกันแน่”

“ใครมาก่อนใครไม่สำคัญหรอกนิล มันสำคัญที่น้องฟ้าเท่านั้นที่พี่ให้เกียรติและอยากจะแต่งงานด้วย และตอนนี้พี่ก็ตัดขาดจากนาตาชาอย่างเด็ดขาดแล้ว”

“เพราะอะไรที่ทำให้พี่ตัดขาดจากหล่อนได้ละครับ เพราะยัยฟ้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของพี่กับยัยฝรั่งนั่น หรือเพราะพี่เพิ่งจะสำนึกได้ว่าตัวเองมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว”

“นิลอาจจะไม่เข้าใจนะ แต่สำหรับพี่แล้ว นาตาชาก็เป็นแค่คู่นอน ไม่ได้คิดจะยกย่องเธอขึ้นมาเป็นภรรยาแน่ๆ” พับผ่าสิครับ ผมอยากจะหยิบแจกันบนโต๊ะมาทุ่มใส่หัวไอ้บ้านี่เหลือเกิน ไม่นึกเลยว่าพี่เลที่ผมปลาบปลื้มจะมีทัศนคติแบบผู้ชายสมัยก่อนที่นิยมชมชอบการมีเมียเล็กเมียน้อยก่อนแต่งงานเหมือนกัน

“พี่ก็คงไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนที่มีแฟนแล้ว ไม่ควรที่จะไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น สิ่งสำคัญที่จะต้องไม่ลืมคือเราต้องมีความยับยั้งชั่งใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราแตกต่างจากเดรัจฉานในเรื่องของการสมสู่ไม่เลือก ถ้าหากพี่มาหาผมโดยที่ไม่ได้มีความสำนึกผิดติดตัวมาแม้แต่น้อยพี่ก็กลับไปเถอะครับ ผมรู้ว่าพี่คงคาดหวังว่าผมจะเข้าใจสิ่งที่พี่ทำ และอาจจะช่วยให้พี่คืนดีกับยัยฟ้าได้ แต่พี่คงเดาผิดไปเยอะ เพราะผมเกลียดการหักหลังที่สุดในชีวิตของผมเลย” โอย เหนื่อย ผมเอนหลังพิงพนักโซฟาและจ้องหน้าไอ้พี่เลที่มองผมแบบอึ้งๆ ต่างฝ่ายต่างก็เงียบเพราะเขาคงพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน แต่บางทีผมคิดว่าพี่เลคงจะเข้าใจในสิ่งที่ผมจะบอก สุดท้ายแล้วเขาจะยอมรับว่าตัวเองนั้นทำผิดหรือเปล่าก็คงขึ้นอยู่กับอัตตาของตัวเขาเองเท่านั้น

“เล ฉันคิดว่าแกก็ผิดจริงๆอย่างที่น้องนิลเขาว่า” น้ำเสียงแปลกแปล่งแบบคนที่พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดดังทำลายความเงียบขึ้นมา

“แกเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันนะไอ้รัน ทำไมไม่เข้าข้างกันวะ” พี่เลขมวดคิ้ว ผมเองก็มอง ‘รัน’ ด้วยความสนใจ

“ลองคิดง่ายๆ ถ้าแฟนแกไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นทั้งที่ยังคบกับแก แกจะรู้สึกยังไง”

“...” ผมมองทั้งสองคนสลับกันไปมา มันก็เป็นอย่างที่พี่รันพูด (เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องไอ้พี่เล ก็น่าจะแก่กว่าผมด้วยป่ะ?) พี่เลนิ่งเงียบเมื่อได้ฟังความเห็นของญาติตัวเอง บางทีพี่เลมันก็คงรู้แหละครับว่าเรื่องที่มันทำนั้นไม่ถูกต้อง แต่ด้วยสันดานความเห็นแก่ตัวชั่วๆของเพศชายวัยฉกรรจ์ก็คงจะมโนไปเองว่าแฟนไม่รู้คือไม่ผิด

“พี่เลครับ กลับไปสำนึกผิดให้ได้จากใจจริงก่อนเถอะ ถ้าทำได้จริงๆแล้วพี่ค่อยไปง้อยัยฟ้าก็ยังไม่สาย เพราะยังไงตอนนี้เพื่อนผมก็คงไม่มีคนอื่นหรอก แต่ผมไม่การันตีเรื่องคนที่เขาจะเข้ามาจีบถ้ารู้ว่ายัยฟ้าโสดนะครับ ทำไงได้ละ เพื่อนผมน่ารักนิสัยดีเพอร์เฟ็คท์ขนาดนี้ ผู้ชายดีๆเขาก็ต้องหมายปองเป็นธรรมดา” ผมมั่นใจว่าเห็นพี่เบมันคิ้วกระตุกตอนที่ผมพูดเรื่องผู้ชายเข้ามาจีบยัยฟ้า หึ ไอ้หมาหวงก้าง คนมักมากอย่างพี่ไม่มีสิทธ์จะหึงหวงยัยฟ้าได้หรอกนะ

“อ้อ อีกเรื่องนึง” ผมโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นไอ้พี่เลมีสีหน้าอ้อนวอนเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง “เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เองนะครับ ผมไม่ช่วยอะไรพี่ทั้งนั้นแหละ” พูดจบก็ส่งยิ้มไล่แขกให้คนตรงหน้า พี่เลลุกขึ้นและเดินออกไปแบบหงุดหงิดเล็กๆ อ้าว เฮ้ย แล้วทำไมญาติมันไม่ออกไปด้วยวะ

“เชิญพี่ด้วยครับ” ผมพยายามสุภาพ เพราะพี่รันคนนี้ก็หล่อ เอ้ย ก็ดีมีความคิดความอ่านที่ใช้ได้ แต่ผมไม่อยากข้องเกี่ยวกับครอบครัวนี้แล้วละครับ

“น้องนิล” พี่รันมันเดินเข้ามาประชิดจนผมได้กลิ่นโอเดอร์โคโลญจน์อ่อนๆผสมกับอาฟเตอร์เชฟ ผมผงะถอยโดยอัติโนมัติพลสงคิดว่ามันเป็นอะไรของมันวะ

“พี่ขอมาเที่ยวที่นี่อีกได้มั้ยครับ” อั้ยย่ะ ไอ้กะเหรี่ยงพูดไทยไม่ชัด ดูท่าจะไม่ได้สำเหนียกเลยสักนิดว่าผมเกลียดชังญาติมันขนาดไหน ซึ่งแน่นอนว่าตัวมันผมก็ไม่อยากยุ่งด้วยแน่นอน

“เราไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย จะมาทำไมละครับ”

“พี่ชอบ... ห้องนี้ครับ” พี่รันเว้นระยะห่างจนผมใจหายแว้บ “อยากเป็นเพื่อนกับน้องนิล จะได้มาเที่ยวที่นี่ได้บ่อยๆ เจ้าเหมียวตัวนั้นพี่ก็ชอบ มันหายไปไหนแล้วละ”

“ผมเอามันไปไว้ห้องอื่น พี่กลับไปได้แล้วละ ญาติพี่ลงไปข้างล่างแล้วมั้ง”

“ช่างหัวมัน กุญแจรถอยู่ที่พี่” เยสเป็ด อย่ามายิ้มมุมปากแบบนี้นะโว้ย กูใจง่าย เดี๋ยวตกหลุมรักมึงละซวยเลย

“พี่กำลังจะทำให้ผมรู้สึกเกลียดพวกพี่มากขึ้นไปอีก” ผมถอยห่างออกมากอีกสามเมตร “กลับไปได้แล้วครับ ไม่งั้นผมจะโทรเรียกยาม” ผมพูดเสียงเข้ม พี่รันทำท่าส่ายหัวเหมือนผู้ใหญ่ระอากับเด็กดื้อแบบนั้นละ เฮ้ย ผมไม่ใช่เด็กของมันนะ!!!

“โอเคโอเค พี่ไปก็ได้ งั้นไว้เจอกันใหม่นะคิวตี้พาย” คิ คิวตี้พายงั้นเหรอ? ผมมีเวลาให้สงสัยในคำเรียกแปลกๆนั้นแค่แป๊บเดียว ก่อนจะถูกจู่โจมที่แก้มด้วยริมฝีปากอุ่นนุ่มจากร่างสูง

“บ๊ายบายครับ” ผมยืนมองพี่รันส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ก่อนประตุห้องผมจะปิดลง ยกมือขึ้นมาแตะตรงรอยจูบที่แก้มแบบมึนงงและสับสน พี่รันมันหอมผมฟอดใหญ่ แบบที่ดมกลิ่นเนื้อผมเข้าไปเต็มปอดและตบท้ายด้วยริมฝีปาก ‘จุ๊บ’ เบาๆนั้นละ


“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


คืนนั้นของผมจบลงที่การกรีดร้องและขว้างปาหมอนในห้องด้วยอาการตุ๊ดแตก มีเพียงไอ้ริชชี่เท่านั้นที่ช่วยปลอบประโลมผมด้วยอุ้งเท้านุ่มๆที่คอยเหยียบบนหน้าผมอย่างอ่อนโยน(?)จนรุ่งเช้า


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 1 วันที่ 28/11/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-11-2013 17:21:50
คิวตี้พายยยยยยยยยยยยยยย
รันเจ้าเล่ห์อะโอ๊ยยยยยยยยย
ตลกนิลดูฮาๆรั่วๆ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 1 วันที่ 28/11/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-11-2013 19:35:56
หายไปนานเหมือนกันนะคะคุณบีบีจัง แต่กลับมาคราวนี้ยังสนุกเหมือนเดิมเลยค่ะ o13
น้องนิลโดนขโมยจุ๊บไปแล้ว หัวใจก็คงโดนฉกไปด้วยแน่เลย พี่รันเค้าก็น่ารักดีนะคะ พูดไม่ชัดด้วย :laugh:
เคืองพี่เลด้วยคน นิสัยไม่ดี ฟ้าครามอย่าหายโกรธง่ายๆนะ :fire:
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 1 วันที่ 28/11/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 29-11-2013 00:07:33
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
โกรธ ไม่ชอบผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์ :fire: :angry2:
ขอร้องอย่าให้ง้อฟ้าได้เลยนะสงสารฟ้า ขอให้นางไปดี ไปกับคนที่ดีกว่านี้เถอะ  :katai1:
คู่นั้นร้าวฉาน ส่วนอีกคู่กำลังจะมีซัมติงรองสินะ คิคิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 1 วันที่ 28/11/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 29-11-2013 18:23:27

ตอนแรกเดาว่าคนในคลิปเป็นน้องไรงี้---ดันเป็นเลจริงๆซะงั้น

ส่วนรันคงได้มาที่ห้องนี้บ่อยๆแน่ๆ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Chapter : 2 [ความมืดและแสงสว่าง] **Re write
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 02-12-2013 12:44:43
Chapter : 2 [ความมืดและแสงสว่าง]


เวลาผ่านไปอีกหลายวัน ผมก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ น่าแปลกนะครับ ที่พอผมไม่เจอพี่รันอีก ความรู้สึกสั่นไหวในตอนนั้นมันก็หายไป มิน่าละ โบราณเขาถึงได้มีคำเปรียบเปรยว่าสามวันจากนารีเป็นอื่น เอ๊ะ อะไรนะครับ ผมไม่ได้กำลังน้อยใจอะไรเขาเลยนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย จะมางอนอะไรกันละยิ่งช่วงนี้งานผมโคตรเยอะ ไม่มีเวลามาคิดฟุ้งซ่านหรอกครับ


“นิล ช่วยเราคิดหน่อยสิว่าตรงนี้จะใช้สีโทนอะไรดี” ยัยฟ้าสะกิดให้ผมหันไปดูสีบ้านที่นางกำลังเลือกอยู่ โจทย์คือให้ออกแบบบ้านที่แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติครับ

“อืม เราว่าอันนี้ก็เหมาะนะ” ผมจิ้มนิ้วลงบนหน้าจอโน้ตบุ๊ค เลือกสีที่คิดว่าเข้าท่าที่สุดมาหนึ่งสี

“เออ จริงด้วยละ กลมกลืนดีจัง” ผมลอบมองใบหน้าหวานนั้นที่แทบไม่หลงเหลือร่องรอยความเศร้า มิหนำซ้ำยังออกแนวฝังใจเจ็บเสียด้วย


‘เราไม่อยากเห็นหน้าคนพรรค์นั้นอีก’
 

ประโยคตัดเยื่อใยของฟ้าครามยังชัดเจนในความทรงจำ วันนั้นพี่เลมาดักรอที่คณะ พอยัยฟ้าเห็นก็สะบัดหน้าใส่และจูงแขนผมเดินหนี พร้อมกับทิ้งประโยคเชือดเฉือนใจนั้นเอาไว้ให้พี่เลเป็นที่ระลึก ผมเองพอเห็นพี่เลทำหน้าสลดก็เกือบใจอ่อน แต่พอนึกถึงตรรกะอุบาทว์ของเพศผู้แล้วก็เรียกความสงสารกลับมาได้ทันเวลา


“นิล มีคนมาหามึงอะ” ไอ้ริวเดินมาเรียกผมที่โต๊ะ “ใครวะ” ผมถามมัน

“ไม่รู้อะ เขาบอกว่าให้ช่วยมาตามมึงก็แค่นั้น แต่ท่าทางหล่อสัดๆเลยว่ะ” ประโยคสุดท้ายมันแอบกระซิบข้างหูผมครับ ก็เลยโดนทุบไปหนึ่งอัก

“งั้นเดี๋ยวเรามานะฟ้า ไอ้ริว มึงมาช่วยทำเลย นี่งานกลุ่มนะ ไม่ใช่งานคู่”

“ไม่ช่วยทำจะไม่ใส่ชื่อให้นะริว”

“ครับๆ พี่ริวตั้งใจจะมาช่วยน้องฟ้าแล้วแหละครับ แบบว่าพี่ริวงานยุ่งก็เลยเพิ่งจะว่างมาช่วยเนี่ยแหละ”

“งานยุ่ง หรือมึงพอกงานกันแน่” แอบแขวะมันนิดหนึ่งแล้วเดินเลี่ยงออกมา ขี้เกียจฟังมันเถียงครับ เหม็นขี้ฟัน


พอผมเดินออกมาจากห้องคณะ ก็เจอผู้ชายตัวสูงหุ่นดี๊ดีใส่เสื้อเชิ้ตดำกับกางเกงยีนส์ยืนเต๊ะจุ๊ยอยู่ด้านหน้า เขาใส่แว่นกันแดดสีดำผมก็เลยมองหน้าไม่ชัด แต่มั่นใจแน่นอนว่าผมไม่มีคนรู้จักที่ลักษณะท่าทางแบบนี้สักคน

“น้องนิล” เชี่ย ไอ้พี่รัน มาได้ไงวะ

“อ๊ะ เดี๋ยวสิ” มันพุ่งเข้ามาล้อกข้อมือผมไว้เลยครับ เสือกรู้ทันว่าผมจะวิ่งหนี

“ใจดำจัง ยังไม่ทันทักทายก็จะเดินหนีกันแล้ว”

“ผมไม่รู้จักคุณ ช่วยปล่อยมือด้วยครับ” พยายามจะแกะมือมันออก แต่แม่งจับแน่นยังกับคีมเหล็ก แขนกูแดงแล้วโว้ยยยยย

“ลืมกันแบบนี้ต้องให้ทวนความจำมั้ยละ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างหูทำเอาผมขนลุกซู่ หน้าเหน้อแดงแปร๊ดไปหมด

“พี่รัน มาทำไมเนี่ย” ฮึ่ย แค้นนัก ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!

“ดีใจจัง จำหน้าพี่ได้แล้วยังจำชื่อพี่ได้อีก” ผมเขวี้ยงค้อนใส่ไอ้หน้าหล่อใสที่ยังไม่ยอมถอดแว่นกันแดด ขนาดใส่แว่นแม่งยังดูหล่อขนาดนี้ไอ้ห่าราก

“มีธุระอะไร ผมกำลังยุ่งนะ ต้องส่งโปรเจ็กต์อาทิตย์นี้แล้ว”

“อยากเจอเฉยๆก็เลยมาหา ไม่ได้เหรอ?” พี่รันมันเลื่อนสองมือมาล็อกเอวผมไว้แน่น ออกแรงหน่อยเดียวผมก็ถลาไปพิงอกเขาเสียแล้ว

“ยังหอมนุ่มนิ่มเหมือนเดิม น่ารักจัง” อร๊า~ ไอ้หน้าด้าน วันนี้มึงผีปลาหมึกเข้าสิงมึงหรือไงห้ะ!

“พี่รันอย่ารุ่มร่ามดิ นี่มหาลัยนะครับ”

“งั้นไปรุ่มร่ามห้องรันได้มั้ยอะ”

“โอ๊ย ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องนั้น พี่มาหาผมทำไมเนี่ย”

“ก็บอกแล้วว่าคิดถึง” ตัวหน้าด้านยังยืนกรานคำเดิม ผมเงยหน้ามองมัน (ย้ำว่าเงยหน้า เพราะมันสูงกว่าผมเป็นสิบเซ็นต์ได้มั้ง) ด้วยความเอือมระอา สันดานเจ้าชู้ทั้งตระกูลสินะ

“พี่เป็นเกย์เหรอ”

“เปล่า”

“แล้วมายุ่งกับผมทำไมเนี่ย”

“ก็นิลน่ารัก”

“ขอบคุณที่ชม แต่ด้วยเหตุผลแค่นั้นคงไม่ทำให้ผมหวั่นไหว”

“แหม คนเรามันก็ต้องเริ่มจากการถูกตาต้องใจกันก่อน แล้วถึงค่อยเริ่มทำความรู้จักเพื่อศึกษานิสัยให้ถ่องแท้ หรือนิลจะเถียงว่าไม่ได้แอบคิดในใจว่าพี่หล่อ” อุต๊ะ ไอ้นี่มีเทเลพาธีหรือไงเนี่ย

“แต่ผมไม่อยากทำความรู้จักกับพี่ ผมเกลียดพวกพี่!” ผมตะคอก พยายามใจแข็งอย่างเต็มที่

“เกลียดไอ้เล อย่าพาลมาเกลียดพี่สิ พี่เสียใจ” มันทำเนียนดึงผมเข้าไปกอดแน่น สองมือลูบเนื้อตัวผมเบาๆ ทำไมมันหื่นแบบนี้วะ

“เฮ้ยบอกว่าอย่ารุ่มร่าม คนอื่นมาเห็นจะคิดยังไงวะ ผู้ชายตัวเท่าควายมายืนกอดกันเนี่ย”

“ก็ช่างสิ พี่ไม่แคร์”

“แต่ผมแคร์เว้ย” ผมรวบรวมพลังปราณไปไว้ที่ท้อง ก่อนจะตีเข่าใส่กล่องดวงใจมนุษย์ปลาหมึกหน้าด้านตนนี้เต็มแรง ได้ผลครับ ไอ้พี่รันปล่อยผมและลงไปนั่งกุมไข่ที่พื้น ผมฉวยโอกาสนี้วิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นทันที แต่ยังไม่กลับไปห้องคณะหรอกนะครับ ขอไปสงบสติอารมณ์ก่อน


ผมเข้ามานั่งเรียกขวัยอยู่ในห้องน้ำชาย ปิดประตูลงกลอนรียบร้อยก็นั่งกุมขมับพลางนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆ มีผู้ชายมาจีบผม มีผู้ชายมาจีบผม มีผู้ชายมาจีบผมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม จะบ้าเร้อออออออ เห็นแบบนี้ผมไม่เคยถูกจีบ ไม่เคยมีแฟนเลยนะเฟ้ยยยยย ถึงผมจะประกาศว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่ผมก็อยู่ของผมเงียบๆ ไม่เคยทำตัวตุ๊ดแตกเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้กลับมีไอ้หน้าด้านคนหนึ่งพยายามจะแทรกตัวเข้ามาชีวิตเกย์ที่แสนสงบสุขของผม!!!


ผมเป็นเกย์ แต่ผมไม่ได้ต้องการมีแฟน ไม่ได้ต้องการคบใคร ผมพอใจที่จะอยู่เงียบๆไปตลอดแบบนี้คุณเข้าใจมั้ย?


ติ๊ง ติ๊ง

ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาดูหน้าจอ ยัยฟ้าไลน์มาถามว่าผมหายไปไหน พิมพ์ตอบกลับไปว่ามาเข้าห้องน้ำ กำลังจะกลับไปที่คณะ นั่งทำใจเรียกสติอีกสามวิก็เปิดประตูห้องน้ำแล้วรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนทันที แต่สิ่งที่รอผมอยู่ข้างบนกลับทำให้ผมตกใจยิ่งกว่า เมื่อไอ้พี่รันมันมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ่ออยู่กับฟ้าครามที่โต๊ะทำงานของพวกผม (นี่มันรู้จักฟ้าครามอยู่แล้วเหรอวะ?) ผมจึงชะงักเท้าและแอบฟังอยู่ตรงมุมตึก ได้ยินเสียงแจ๋วๆของยัยฟ้าชัดเป๊ะ

“แล้วตกลงพี่รันมาทำอะไรที่นี่คะ”

“พี่มาเยี่ยมน้องฟ้า แล้วก็มาหาเพื่อนน้องฟ้าครับ”

“เพื่อนฟ้า? พี่รันรู้จักเพื่อนฟ้าด้วยเหรอคะ”

“น้องนิลไงครับ”

“เอ๋? ไปรู้จักกันตอนไหนละเนี่ย”

“หึหึ ความลับครับ”

“อะไรกัน เดี๋ยวฟ้าจะไปถามนิล นิลต้องบอกแน่นอน”

“ใครจะไปรู้ เขาอาจจะไม่ยอมบอกก็ได้นะครับ” ยัยฟ้าเขวี้ยงค้อนใส่พี่รันอันบะเริ่ม นางหยิบไอโฟนมาจิ้มสองสามทีเครื่องผมก็สั่น ไม่สั่นเปล่าๆ เสียงริงโทนเพลง CHI SWEET HOME ดังขึ้นทันที หมดกัน รู้เลยว่ากูแอบฟัง

“ฟ้าโทรหาเราทำไม ก็บอกแล้วว่ากำลังเดินมา” ผมตีเนียน แต่เหมือนคนบางคนจะรู้ทันว่าผมยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว

“ก็นิลมาช้า ฟ้าเลยโทรตาม”

“มาแล้วนี่ไงคุณนาย รอนิดๆหน่อยๆไม่ได้เลย”

“ห้ามว่าเรานะ นิลต่างหากที่ต้องถูกสอบสวน ตัวเองไปรู้จักกับพี่รันเมื่อไหร่ห๊ะ” ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ หวังจะให้ไอ้พี่รันช่วยพูดอะไรออกมาบ้าง แต่มันก็ดันทำท่าดูนกดูไม้ไปเรื่อยเปื่อย (นี่มันในตึก ไม่มีนกให้มึงดูหรอกไอ้มนุษย์ปลาหมึก!)

“เอ่อ เรื่องมันซับซ้อนน่ะ”

“ก็เล่ามาสิ เราจะรอฟัง” ยัยฟ้ายืนกอดอก ใบหน้าหวานเริ่มมุ่ยแสดงถึงอาการเหวี่ยงขึ้นมาแล้ว ผมหมดทางเลือกแล้วสินะ

“โอเคๆ เราจะเล่าให้ฟัง” ผมลากแขนนางมาให้ห่างไกลจากไอ้พี่รัน และเล่าทุกเรื่องในวันที่พี่เลมาหาผม แต่ยกเว้นเรื่องที่ผมถูกไอ้พี่รันลวนลามนะ พอยัยฟ้าฟังจบ ความ

“น้องนิลเล่าหมดแบบนี้ญาติพี่ก็ถูกคาดโทษหนักกว่าเดิมสิครับ” เสียงแขกไม่ได้รับเชิญดังขึ้นเมื่อผมเล่าจบ มันอัญเชิญตัวเองมานั่งข้างผมแล้วครับ แถมยังถือวิสาสะยกแขนมาพาดบนพนักเก้าอี้ผมด้วย

“พี่ไม่กอดผมเลยละครับ พาดซะขนาดนี้” ปากไวอีกล่ะ อยากจะตบปากตัวเองเหลือเกิน

“อ้าว แล้วก็ไม่บอก”

“พอเลยๆ ดูสถานการณ์ก่อน” ผมยกมือห้าม โชคดีที่มันยอมฟัง เพราะตอนนี้ดีกรีความเดือดของยัยฟ้ากำลังทะลุปรอท

“ฟ้าโอเคนะ?” ผมถาม

“อืม”ยัยฟ้าพยักหน้าแล้วก็นั่งเงียบ อันที่จริงในฐานะเพื่อนที่ดีต้องไม่ยุแยงตะแคงรั่วให้เพื่อนเลิกกับแฟนใช่ป้ะ แต่ในกรณีนี้ผมพูดไม่ออกจริงๆว่ะ เพราะว่าไอ้พี่เลมันก็จัญไรเหลือทน

“เรากลับบ้านก่อนดีกว่า ยังไม่อยากชกหน้าพี่รันตอนนี้” ฟ้าครามลุกจากโต๊ะและคว้ากระเป๋าเดินออกไปไม่รอผม เอาวะ อย่างน้อย
ยัยฟ้าก็เลิกซักไซ้เรื่องที่พี่รันมาหาผมแล้วละ

“อ้าว เกี่ยวอะไรกับพี่ละครับ” แต่ไอ้หน้าด้านนี่ยังไม่ลุกไปครับ

“ก็หน้าเหมือนกันขนาดนี้” ผมจิก “ยัยฟ้าไม่กระโดดถีบก็บุญแล้ว”

“ถ้าฟ้าถีบพี่ นิลจะต้องเป็นคนชดใช้” พี่รันทำตากรุ้มกริ่ม

“มะเหงกแน่ะ” ผมลุกจากโต๊ะบ้าง เก็บข้าวของใส่กระเป๋าแล้วเดินหนีออกมา

“ไปด้วยได้มั้ยครับ”

“เฮ้ย จะตามมาทำไมอีกเนี่ย ผมจะกลับบ้าน”

“ก็ขอไปบ้านด้วยสิ”

“ผมไม่เคยรำคาญใครเท่าพี่เลยรู้มั้ย”

“ได้ยินแบบนี้พี่ก็โล่งใจ แสดงว่าไม่เคยมีใครมาจีบน้องนิลของพี่” อ๊ากกกก ไอ้ปลิง ไอ้ปิศาจปลาหมุก ไอ้นรกจกเปรต กูเกลียดมึงงงงงงงง

“สรุปนี่คือพี่จะจีบผม?” มันพยักหน้ารับ

“ฝันไปเถอะ เกิดเรื่องแบบนี้กับยัยฟ้าผมทำใจเสวนากับพวกพี่อีกไม่ได้จริงๆ”

“มันคนละคนนี่ พี่กับไอ้เลน่ะ”

“ยีนส์เดียวกัน สันดานก็ต้องเหมือนกันบ้างละวะ”

“สันดานแปลว่าอะไรครับ” มันทำหน้าหมางงครับ

“โอ๊ย กลับบ้านพี่ไป๊ คุยไม่รู้เรื่องน่ารำคาญจริง” ผมอยากจะยกสองมือและสองตีนมากุมหัว ใครก็ได้ไล่ไอ้กะเหรี่ยงนี่ให้ผมทีคร้าบ

“นี่รถน้องนิลเหรอครับ น่ารักจัง” พี่รันมันพุ่งเข้าไปลวนลามพี่มะลิของผมทันทีที่เห็นเลยครับ ถ้าจะลูบไล้ขนาดนั้นไม่เอาทำเมียเลยละ!

“อย่ามายุ่งกับพี่มะลิของผมนะ”

“ชื่อน่ารักจังพี่มะลิ เพราะว่าสีขาวเหรอครับ”

“อือฮึ” ผมพยักหน้า พอมีคนชมพี่มะลิก็อารมณ์ดีทันทีครับ

“ขอพี่ลองขี่ได้มั้ย”

“เฮ้ยไม่ได้ ผมหวง”

“นิดนึงนะ แค่วนแถวๆนี้ก็พอ นิลขึ้นมาซ้อนด้วยก็ได้ถ้าไม่ไว้ใจพี่” ผมมองกะเหรี่ยงรูปหล่อทำสายตาเว้าวอน อย่ามาอ้อนนะ ผมยิ่งใจอ่อนง่ายๆอยู่

“งั้นก็ได้ แต่ผมจะซ้อนด้วย” พอผมอนุญาตมันก็แทบจะเหาะขึ้นไปนั่งบนเบาะเลยครับ ผมรีบตามไปซ้อนท้ายประกบก่อนที่มันจะเชิดพี่มะลิหนี

“จับเอวพี่ไว้นะ” มือใหญ่ของพี่รันถือวิสาสะจับมือผมไปกอดเอวเขาไว้ ยังไม่ทันหายตกใจกับความหน้าด้านของมัน มันก็พาพี่มะลิและตัวผมออกถนนใหญ่ไปแล้วคร้าบ

“เฮ้ยพี่รัน ไหนบอกจะขี่แถวๆนี้ไง นี่จะไปไหนวะ” ผมตะโกน

“ไปห้องนิลครับ”

“ไม่ได้ ผมบอกว่าไม่ให้ไปไงล่ะ” หงุดหงิดอ้ะ ทำไมมันเป็นคนฉวยโอกาสแบบนี้วะ

“ไม่ทันแล้วละ ยอมพี่ซะเถอะ”

“ยอมอะไรวะ โว้ยยยยย จอดรถเดี๋ยวนี้นะ” ผมโวยวายไปตลอดทางแต่พี่รันก็ไม่นำพา จนมาถึงคอนโดผมนั่นแหละรถถึงจอด

“ปะ ขึ้นข้างบนกัน” พี่รันพาพี่มะลิเข้าซองจอดได้ตรงเป๊ะไม่มีที่ติ แถมยังเนียนถอดกุญแจเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองอีกต่างหาก

“กลับบ้านพี่ไป”

“อยากไปบ้านพี่?”

“ไม่ใช๊ ผมบอกว่าให้พี่กลับบ้านตัวเองไปซะ” อยากกรี๊ดจริงๆครับ ณ จุดนี้

“ไม่เอา ก็พี่อยากไปห้องนิลก่อน อยากไปเล่นกับไอ้เหมียวด้วย”


วันนี้เทพธิดาแห่งชัยชนะคงไม่เข้าข้างผม เพราะไอ้พี่รันมันเริ่มโวยวายเป็นเด็กอยากได้ของเล่น เพื่อนรวมคอนโดที่ผมทั้งคุ้นหน้าและไม่คุ้นหน้าก็มองมาที่เราสองคนด้วยความสอดรู้สอดเห็น สุดท้ายผมก็ต้องพามันติดสอยห้อยตามขึ้นมาด้วย เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ คุยกันให้รู้เรื่องไปเลยว่าพี่รันมันต้องการอะไร


“ไอ้เหมียว~” เคยเห็นผู้ชายตัวเท่าควายทำท่างุ้งงิ้งกับสัตว์เล็กมั้ยครับ ผมขายรูปใบละร้อยเอาปะละ ท่าทางของพี่รันดูเป็นคนที่ชอบแมวเอามากๆเลยนะจากที่ผมสังเกต ไอ้ริชชี่มันก็ไม่ขัดขืนเสียด้วยสิ ผิดวิสัยแมวหวงตัว

“มันชื่อริชชี่” ไม่ได้บอกใครนะ ผมแค่พูดลอยๆ ว่าแล้วก็ไปหาน้ำกินดีกว่า คอแห้งชะมัด (เพราะผมโวยวายมาตลอดทางสินะ)

“น้ำครับ”

“ขอบคุณครับ” พี่รันมันนั่งบนโซฟาของผมเรียบร้อยโดยมีไอ้ริชชี่นอนหงายให้เกาพุงอยู่บนตัก แมวอ้วนพุงหลามทำท่าสบายใจจนผมอยากจะฟัดพุงมันแรงๆ แต่มันคงจะตอบแทนผมด้วยกรงเล็บคมจากสี่ตีนเป็นแน่

“พี่รันครับ ผมถามตรงๆเลยว่าพี่มาตอแยกับผมทำไม” เวลาไม่เคยคอยใคร ชิงเปิดประเด็นก่อนย่อมได้เปรียบ

“นี่น้องนิลไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่ครับ?” อุต๊ะ มันด่าว่าผมโง่ครับ

“เพราะผมฉลาดพอไง ถึงได้ถามว่าพี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่ คงไม่ได้จะใช้ผมเป็นสะพานทอดไปถึงยัยฟ้าให้ญาติพี่หรอกนะ”

“มันไม่เกี่ยวกันเลย ไม่เกี่ยวกับฟ้า ไม่เกี่ยวกับไอ้เล ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น” พี่รันส่ายหัว สีหน้าจริงจังจนผมคิดว่าท่าทางกวนตีนของมันที่ผ่านมาคือการเล่นละครอย่างแนบเนียน

“มันเป็นเรื่องของเราสองคน”


เอาละ มาถึงตอนนี้คุณอย่าเพิ่งคิดว่าระฆังงานวิวาห์จะดังเหง่งหง่างเหนือหัวผมนะครับ อันที่จริงต้องบอกว่าผมขนลุกไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เอาผีจูออนสิบตัวมาคลานยั้วเยี้ยตรงหน้าผมยังไม่หลอนขนาดนี้เลย


“ผมจะอ้วก” พร้อมกับทำสีหน้าแขยงรุนแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาในชีวิต แต่แค่นี้คงไม่ครณามือมนุษย์หน้าด้าน พี่รันยังคงเกาพุงไอ้ริชชี่ต่อไปไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“พี่ชอบนิล อย่างที่บอกไปตอนแรก พี่ชอบหน้าตานิล ชอบรสนิยมนิล และคิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้”

“ผมคิดว่าผู้หญิงที่หน้าตาสวยๆและมีรสนิยมเหมือนพี่ก็คงหาได้ไม่ยาก”

“นิลนี่แปลก เป็นเกย์แต่ไม่บ้าผู้ชายแฮะ”

“พี่ก็ประสาท มาตามตื๊อเกย์ที่เขาไม่เล่นด้วยอยู่ได้ ทำไมถึงหน้าด้านอย่างงี้เนี่ย” ผมยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟา แม้ใจจริงจะอยากเอาขาพาดหน้าไอ้พี่รันแค่ไหนก็ตาม

“พี่ถือคติน้ำหยดลงเพชร ทุกวันเพชรมันยังกร่อน”

“คำคมบ้าอะไร พิลึก”

“ก็เพชรมันแข็งกว่าหิน พี่รู้ว่านิลใจแข็ง แข็งเหมือนชื่อนิลที่เป็นอัญมณี” พี่รันโปรยยิ้มหวานหลอกล่อ ผมเกือบจะตกหลุมพรางแล้วถ้าไม่สะดุดกับสิ่งที่มันพูดเสียก่อน

“พี่พลาดแล้วละครับ ชื่อของผมไม่ได้หมายถึงอัญมณี แต่มันมีความหมายถึงความมืดต่างหาก” ผมกอดอกยิ้มด้วยสีหน้าของผู้ชนะ แต่เอ๊ะ ทำไมพี่รันมันดูไม่สลดเหมือนคนหน้าแตกเลยวะ

“งั้นก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะชื่อของเราเข้ากันมาก”

“เข้ากันมาก? ตรงไหน ตัวเองชื่อ ‘รัน’ เนี่ยนะ”

“พี่ชื่อ Oran ครับ หมายถึงแสงสว่าง ถ้าเป็นภาษาไทยสะกดว่า โอฬาร ชื่อพี่มีความหมายทั้งภาษาพ่อและภาษาแม่เลยนะ”

“ผมสงสัยมานานแล้ว ว่าพี่เป็นลูกครึ่งใช่มั้ย” ไม่รู้ว่าการสนทนาของเราเบี่ยงประเด็นมาเป็นเรื่องชีวิตของพี่รันได้ยังไง แต่ผมรู้สึกว่าอยากจะให้ความสำคัญกับเรื่องตรงหน้านี้มากกว่าการหาเรื่องกัดกันต่อ

“ครับ พ่อพี่เป็นคนอังกฤษ”

“แต่โดยรวมหน้าพี่ไม่ค่อยฝรั่งเลยนะ มีแต่สีผมกับสีผิวนี่แหละที่ทำให้สะดุดตา” สีผมพี่รันมันสวยจริงๆนะครับ สีน้ำตาลอ่อนๆปนทอง เวลาอยู่กลางแจ้งมันสะท้อนกับแสงธรรมชาติเป็นประกายวิบวับเหมือนพระเอกการ์ตูนตาหวานเลยละคุณเอ๊ย บวกกับผิวขาวเนียนนั่นยิ่งสะดุดตาใหญ่ คิดแล้วก็อิจฉา ผมยังไม่ขาวเท่ามันเลยอะ ผมขาวเหลือง แต่พี่รันมันขาวแบบวิ้งๆ โอ๊ยยย อยากได้สีผิวแบบนี้มั่งงงงง

“เคลิ้มเชียวนะ ตกหลุมรักพี่แล้วใช่มั้ย” ชั้บ! ตัดฉากกลับมาที่ปัจจุบันได้แล้วครับ ขอบคุณความหน้าด้านหน้าทนของพี่ที่ดึงให้ผมกลับมายืนบนโลกได้นะครับ

“หลงตัวเองเนอะ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนอะไรเอาน้ำร้อนสาดก็คงไม่ไป “พี่อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ เพราะยังไงผมก็คงไม่เปลี่ยนใจ”

“นิลไม่คิดแม้แต่จะให้โอกาสพี่พิสูจน์ความรู้สึกเลยหรือครับ” ใบหน้าหล่อเศร้าสลดลงมาทันตา ขนาดหน้าเศร้าแม่งยังหล่ออ้ะ

“พี่รันฟังนะครับ ผมรู้ตัวว่าสิ่งที่ผมเป็นไม่เหมือนคนอื่น ผมทำให้แม่ผิดหวังเพราะไม่สามารถมีหลานให้แม่อุ้มได้ เพราะงั้นผมก็ไม่ต้องการที่จะให้พ่อแม่ของผู้ชายที่ผมรักต้องมาผิดหวังแบบเดียวกับแม่ของผม คนที่ต้องเสียใจขอให้มีจำนวนน้อยที่สุดจะดีกว่า” บางครั้งความเป็นจริงก็โหดร้าย แม้ว่าผมจะรักแม่มากแค่ไหน อยากจะทำตัวให้แม่ภาคภูมิใจมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่สามารถให้ในสิ่งที่แม่ปรารถนาได้ทุกอย่าง ไม่อาจที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูลให้แม่ได้...

“ทำไมถึงคิดมากจังนะเรา” พี่รันทำท่าเหมือนจะกุมมือผม ผมจึงยกแขนขึ้นมากอดอกแทน พี่รันเองก็เงียบไปเมื่อเห็นท่าทีที่ผมแสดงออกมา เขาก้มหน้าลงอุ้มเจ้าริชชี่ลงจากตัก

“พี่ว่าวันนี้พี่กลับก่อนดีกว่า” ร่างสูงนั้นลุกขึ้นจากโซฟา คนหล่อทำอะไรก็ดูดีไปหมด ผมคิดว่าผมหล่อแล้วนะ แต่พอมาเจอพี่รันนี่ทำเอาผมหมดความมั่นใจไปเลย

“เดี๋ยวผมไปส่งหน้าประตูครับ” ผมลุกตาม “แล้วพี่จะกลับยังไง”

“นั่งแท็กซี่ก็ได้” ผมพยักหน้า อยากจะอาสาไปส่งแต่ก็ห้ามปากไว้ทัน บางทีการรักษาระยะห่างเอาไว้คงจะเป็นหนทางเยียวยาที่ดีที่สุด


ทั้งที่ความจริงแล้ว...


คุณรู้มั้ย ตอนที่พี่รันเดินออกไปมันมีความรู้สึกโหยหาอย่างแรงกล้าเกิดขึ้นในใจผม ส่วนหนึ่งผมอยากจะเข้าไปดึงรั้งเขาไว้ และขอให้อยู่ด้วยกันต่ออีกสักนิด แต่อีกส่วนหนึ่งผมก็ปรารถนาให้เขารีบจากไปให้ไวและไกลที่สุด ก่อนที่ความมืดมิดที่สุดในใจของผมจะเห็นแก่ตัวจนดึงพี่เขามาผูกมัดไว้กับตัวเอง


ความมืดอย่างผมไม่สมควรจะได้เคียงคู่กับความสว่าง...


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


ทักทายค่ะ
คุณ quiicheh. - พี่รันเป็นคนเจ้าเล่ห์มารยาค่ะ เหมาะกับคนซื่อบื้อแบบนิลดีนะคะ
คุณ BeeRY - ดีใจจังที่ยังจำกันได้ค่ะ เพิ่งเริ่มมีเวลาว่างหลังจากวุ่นวายมานาน ขอฝากให้ติดตามอีกเรื่องนะคะ
คุณ cher7343 - อย่าโกรธพี่เลเลยนะคะ พี่เลแค่ผู้ชายเฮงซวยหลงตัวเองคนนึงเท่านั้นเองค่ะ อิอิ
คุณ AGALIGO - เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยค่า เล่นกันแบบตรงๆไปเลย คนเราควรมีความผิดพลาดกันบ้างเนาะ

สุดท้ายนี้ ขอฝาก US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนนะคะ
มีอะไรผิดพลาดก็ช่วยกันติชมได้เลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-12-2013 12:16:01
พี่รันต้องใช้ความพยายามมาก ๆ ในการจีบบน้องนิลนะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 03-12-2013 12:40:13

รันจริงจังใช่มั้ยเนี่ย

+ 1+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-12-2013 13:41:45
น่าติดตามมาก สนุกดี :mew1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-12-2013 14:15:39
ขยันจีบนะพี่
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 03-12-2013 15:37:18
นิลปากไม่ตรงกับใจจจ
พี่รันสู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 19-12-2013 12:55:10
ตอนต่อไปขอสัปดาห์หน้านะคะ อาทิตย์นี้ขออ่านหนังสือสอบก่อนค่ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 19-12-2013 13:33:25
นิลคิดมากจัง รันอย่ายอมสู้ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 19-12-2013 13:45:48
อั้ยยะ! เพิ่งมาอ่านสนุกดีค่ะ

ชอบนิลอ่ะ นิลตรงดี ชอบนายเอกบุคคลิกแบบนี้ที่สุด พี่รันนี่ให้อิมเมจเจ้าชายมากก แต่จะซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้หรือเปล่านั้น....

จะรออ่านตอนหน้าค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 19-12-2013 15:52:53
ชอบพี่รันนนนนน
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 19-12-2013 17:58:55
ชอบตรงๆค่ะ อ่านง่าย สบายสมอง 55
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-12-2013 18:53:46
เอาใจช่วยพี่รันนะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 2 วันที่ 02/12/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-12-2013 19:40:41
พี่รันน่าจะเกินคำว่าด้านไปเยอะเลยอ่ะ :m20:
แต่ก็น่ารักดี ตื้อเยอะๆนะคะ นิลจะใจอ่อนแล้วมั้งนั่น :-[
สู้ๆกับการสอบนะคะ :L2:
หัวข้อ: Chapter : 3 [แม่จ๋าของนิล]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 23-01-2014 12:50:28
Chapter : 3 [แม่จ๋าของนิล]


แม่โทรมาบอกผมว่าจะกลับมาไทยอาทิตย์หน้า พอเหมาะพอดีกับสัปดาห์นรกแห่งการสอบของผม แต่หากคิดว่าการสอบเป็นเหมือนนรกแล้ว การที่แม่มาเปรียบเหมือนสวรรค์บนดินดีๆนี่เอง เพียงแค่ผมคิดถึงอาหารการกินอันดุดมสมบูรณ์และห้องหับที่สะอาดเรี่ยมเร้ผมก็ฟินสุดๆ

“นิล จะมาอ่านหนังสือบ้านเรามั้ย” เสียงยัยฟ้าปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ กองหนังสือเบื้องหน้าสุมกันจนสูงเป็นตั้งท่วมหัว ผมนับเป็นตัวอย่างดีคนหนึ่งที่อ่านหนังสือก่อนสอบตั้งหนึ่งสัปดาห์ เป็นคนอื่นมันหวังน้ำบ่อหน้ามาให้ผมติวก่อนเข้าห้องสอบสิบนาทีเท่านั้นแหละ หึหึ
“อาทิตย์หน้าไม่ได้นะ แม่เรามา”
“แม่มาเหรอ! งั้นเราไปห้องนิลดีกว่า”
“เฮ้ย จะมาทำไม” ช่วงเวลาดีๆระหว่างไอ้ลูกแหง่แบบผมจะไม่ให้ยัยฟ้ามาขัดขวางแน่ครับ
“นิลไม่ให้เราไป แต่เดี๋ยวแม่ก็ต้องให้นิลโทรตามเราอยู่ดีแหละ ฮิฮิ” จริงอย่างที่ฟ้าครามพูด แม่ผมมาทีไรคอยแต่จะเรียกหายัยฟ้า ชวนมากินข้าวบ้างละ ชวนมากินขนมบ้างละ แม่ผมชอบคนน่ารักๆน่ะครับ (-..-)
“เออๆ งั้นตามใจฟ้าเถอะ”
“แล้วนี่ไม่ขึ้นเรียนเหรอ”
“อาจารย์ไม่สอนนี่ เขาแค่จะบอกแนวข้อสอบ ฟ้าไปสิ ไปจดแนวมาให้เราหน่อย”
“ไม่เอาอะ ฝากริวจดก็ได้ นั่งเล่นกับนิลที่นี่ดีกว่า” นางพูดแล้วก็พิมพ์ไลน์ไปหาไอ้ริวอย่างทันใจ พอลูกไล่ยัยฟ้ารับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะจดแนวข้อสอบมาให้น้องฟ้าแล้วนางก็เก็บโทรศัพท์
“ช่วงนี้เป็นไงมั่ง” ถามตลกนะผม ใครมาได้ยินคงฟังแปลกๆ เจอกันทุกวันจะถามทำไม แต่สำหรับยัยฟ้าคงรู้ว่าที่ผมพูดนั้นหมายถึงอะไร
“หึ น่ารำคาญที่สุด โทรมาทุกวันเลยนะนิล บางทีก็ไม่พูด บอกว่าแค่อยากได้ยินเสียง เราโมโหก็เลยบล็อคเบอร์เขาไป แต่ดันโทรเข้าบ้านซะงั้นอะ แม่ก็ถามอยู่ได้ว่าทะเลาะอะไรกัน เราละอยากจะบอกแม่ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวว่าเลิกกันแล้ว” ยัยฟ้าใส่มาเป็นชุด หน้าขาวแดงเรื่อบ่งบอกถึงความหงุดหงิดจริงๆ
“ปากไม่ตรงกับใจ” ผมยิ้ม
“หมายความว่าไง”
“ถ้าฟ้าคิดว่าตัวเองเลิกกับพี่เลเขาจริงๆก็คงบอกเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟ้ารู้หมดแล้วละ แต่ที่ฟ้าไม่บอกท่านก็เพราะกลัวว่าท่านจะพาลเกลียดพี่เลไปด้วย ใจจริงฟ้าก็ยังอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมสินะ”
“นิลน่าจะไปเรียนจิตแพทย์นะ” หลังจากที่ยัยฟ้ามองผมอย่างอึ้งๆแล้วนางก็โพล่งขึ้นมา ผมหัวเราะก๊ากจนอาจารย์บรรณารักษ์ค้อนวงโตส่งมาให้
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“ทำไมนิลถึงทายใจเราแม่นแบบนี้ละ เราน่ะอยากจะกลับไปดีกับพี่เลจริงๆแหละ”
“แล้วฟ้ารออะไรอยู่”
“เรากลัว กลัวมากเลยนะนิล เวลาที่เราได้ยินเสียงพี่เลหรือเห็นหน้า เราจะนึกไปถึงหน้าผู้หญิงคนนั้นทุกที ยิ่งพยายามลืมเท่าไรมันก็ยิ่งเกาะเราติดมากขึ้นเท่านั้น” ฟ้าครามขมวดคิ้วแน่น ผมยื่นนิ้วไปจิ้มตรงหว่างคิ้วเพื่อนสนิทแต่มันก็ยังขมวดแน่นขึ้น
“ไม่แปลกหรอกฟ้า กาลเวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้ เชื่อเราสิ เมื่อเวลามันผ่านไปฟ้าก็จะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เจ็บปวดเหมือนแรกๆที่รู้อีกแล้ว ต้องให้เวลามันหน่อยนะ”
“มันจะนานเท่าไรละนิล” ฟ้าครามดึงนิ้วผมออกจากคิ้วเธอ และเอามือตัวเองจับกับมือผมแน่น บางครั้งฟ้าครามก็ชอบการสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวกับผมแบบนี้เสมอ เป็นเกย์นี่มันได้กำไรจริงๆนะเออ
“มันอาจจะนานเป็นปีๆก็ได้” ผมยิ้ม “ก็ถือโอกาสนี้เป็นการทดสอบความจริงใจของพี่เลเลยสิ”
“นี่นิล... นิลไม่คิดจะคบกับผู้หญิงเลยเหรอ” ผมผงะ จู่ๆยัยฟ้าเปลี่ยนมาเป็นเรื่องชีวิตรักของผมได้ยังไงเนี่ย
“ทำไมวนมาเรื่องเราละฟ้า”
“นิลรู้ตัวมั้ย ว่านิลมีนิสัยที่เป็นอุดมคติผู้ชายในฝันของเราเลยนะ ถ้าเราคบกันคงไปได้ดีแน่ๆ”
“ไปได้ดีแน่ๆถ้าเราชอบฟ้าอย่างที่ผู้ชายชอบผู้หญิงสักนิด” สีหน้ายัยฟ้าหมดความมั่นใจอย่างแรงเมื่อได้ยินที่ผมพูด ทำเอาผมหัวเราะอีกครั้ง
“นิลทำเราหมดความมั่นใจ” นางเบะปาก
“อันที่จริงฟ้าก็ไม่ควรเริ่มจีบเกย์ก่อนนี่นะ ฮ่าๆ”
“มันขนาดนั้นเลยเหรอนิล นิลไม่เคยรู้สึกชอบผู้หญิงคนไหนในทางชู้สาวเลยเหรอ”
“ถ้าเรามีโอกาสได้ชอบผู้หญิงสักคนแบบนั้นจริงๆ เราคงไม่ปล่อยให้เธอคนนั้นหลุดมือแน่ๆ”
“งั้นเราจีบนิลดีมั้ย เผื่อนิลจะหลงรักเรา”
“เพื่อที่ฟ้าจะได้หักอกเราไปหาพี่เลน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก อกหักเจ็บจะตายชัก”
“แน่ะ พูดแบบนี้แสดงว่าเคยอกหักสินะ ไม่ต้องมายิ้มเลย เล่ามาซะดีๆ” ผมรีบเก็บของหนียัยฟ้าออกมาจากห้องสมุดทันที ไหนๆก็ไม่เข้าเรียนแล้วหนีกลับไปตั้งหลักที่คอนโดดีกว่า


 วันนี้ผมมารับแม่ที่สุวรรณภูมิแต่เช้า เครื่องลงแปดโมง แต่ผมมาถึงตั้งกะหกโมงครึ่ง จะทำอะไรดีวะ? นั่งหลับดีมั้ย? ไม่เอาดีกว่า ไปหาอะไรใส่ท้องเถอะ ผมถือคติวันนึงมีเวลากินหกชั่วโมงตั้งแต่มื้อแรกถึงมื้อสุดท้าย แต่ถ้าพ้นจากหกชั่วโมงนี้ไปแล้วจะไม่กินอะไรอีก รักษาหุ่นนิดหนึ่งครับ สุขภาพดีสร้างได้ด้วยตนเอง

ผมเลือกเดินเข้าร้านฟาสต์ฟู้ดและสั่งสลัดกับเฟรนช์ฟรายมากินเล่น มือหนึ่งก็เล่นไอโฟนไปด้วย เผลอแป๊บเดียวก็เจ็ดโมงสี่สิบห้าแล้ว ผมยกถาดไปเก็บตรงที่ของมันและเดินไปรอที่หน้าช่องผู้โดยสารขาออก ขณะที่ผมกำลังหาจุดยืนรอที่เหมาะๆอยู่นั้นสายตาภายใต้แว่นของผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง

พรหมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดินคือคำอุปมาที่เป็นจริงที่สุดสำหรับผมในตอนนี้ครับ

ไอ้พี่รันเดินลากกระเป๋าออกมาจากประตูผู้โดยสารขาออก ขนาดว่ามันใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนส์ และมีแว่นดำปิดไปครึ่งหน้าผมก็ยังจำมันได้ จำได้จากลักษณะท่าทาง และ เอ่อ... ความรู้สึกบางอย่างที่มันฝังแน่นในใจผมน่ะ

ผมรีบเขยิบไปแอบหลังฝูงคนที่มารอรับญาติอย่างว่องไว พี่รันมันเดินมาคนเดียวครับ มิน่าละ ที่ช่วงนี้มันหายหน้าไปหลายวันก็คงเพราะไปต่างประเทศนั่นเอง ผมแอบโหวงๆในใจนิดหนึ่งนะ จะตัดพ้อว่ามันไปไหนไม่บอกกล่าวก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะผมไม่ได้อยู่ในสถาะที่จะไปงอนอะไรเขาได้ อีกส่วนหนึ่งผมก็สมเพชตัวเองที่หลงคิดไปว่าจะมีผู้ชายมาชอบผมจริงๆ ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย
“เขาไปแล้วละพ่อรูปหล่อ” หือ? เสียงใครวะครับ
“พ่อรูปหล่อแอบเจ้าหนุ่มแว่นดำนั่นใช่ไหมละ เขาไปพ้นแล้วล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณยายตัวเล็กๆที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมแล้วหัวเราะเสียงแห้ง ยายนี่ช่างสังเกตเนาะ
“เป็นคู่กรณีกันใช่ไหมละ ไม่ถูกกันใช่หรือเปล่า” คุณยายเคี้ยวหมากหยับๆถามผมอย่างอารมณ์ดี สงสัยยายจะดูหนังเยอะไปนะครับ
“ก็ประมาณนั้นละครับ”
“วัยรุ่นก็ยังงี้แหละลูก ต้องมีศัตรูกันบ้างจะได้สมเป็นลูกผู้ชาย” เออะ... คำพูดยายแทงใจผมดังอั้กเลยครับ ถ้ายายรู้ว่าผมแอบผู้ชายคนหนึ่งเพราะปัญหาเรื่องหัวใจไม่ใช่เรื่องศัตรูแบบแมนๆ คุณยายจะช็อกหรือเปล่านะ
“เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จ้ะ โชคดีนะพ่อหนุ่ม”

ผมเลี่ยงหนีจากคุณยายหัวใจวัยรุ่นได้ก็มาเดินป้วนเปี้ยนใกล้ๆประตูผู้โดยสารขาออก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูนี่มันเลยแปดโมงมาสิบนาทีแล้วนี่หว่า หวังว่าคุณนายคงไม่ได้ไปเดินโต๋เต๋เพลิดเพลินอยู่ที่ดิวตี้ฟรีหรอกนะ พอคิดอย่างนั้นแล้วก็เลยคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทร แต่ก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อผมขึ้นมาก่อน
“นิล” ผมเงยหน้ามองตามเสียง
“แม่อยู่นี่ลูก” ชัดเลย อาเจ๊เชิ้ตขาวกางเกงยีนส์เดินมาบนส้นสูงปรี๊ดทำเอาเจ้าของความสูง 155 ซม. กลายเป็น 162 ซม. ได้ในบัดดล ผมกลั้นยิ้มไม่อยู่ขณะเดินตรงเข้าไปหาคุณนายแม่ ตัวก็นิดเดียวทำไมเข็นอะไรออกมาเยอะแยะมากมายเหลือเกิน
“คิดถึงจังเลยครับ” แม่ดูผอมลงไปเยอะเลยครับ แต่โดยรวมกลับสวยเป๊ะยิ่งกว่าเดิม แถมตัวนี่แน่นปั้กเลย
“แม่เล่นฟิตเนสหนักเหรอครับ”
“ก็แม่แก่แล้ว ต้องออกกำลังกายเยอะๆ จะได้แข็งแรงไง” คุณนายยิ้มกว้าง ผมอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนางฟอดใหญ่ หัวใจผมทั้งดวงมอบให้ผู้หญิงคนนี้ไปหมดแล้วครับ
“แม่ยังไม่แก่เลย ยังสวยเช้งกระเด๊ะแบบนี้มีไอ้หนุ่มที่ไหนแอบมาโปรยขนมจีบหรือเปล่าครับ”
“อู๊ย ไม่มีหรอกลูก” ผมรู้ว่าถึงแม่จะบอกแบบนั้น แต่ความจริงแม่เป็นคนที่ฮอตมาก สเน่ห์ของแม่ไม่ได้อยู่ที่ความสวยและรูปร่างเพอร์เฟ็คท์ แต่นิสัยและสเน่ห์ปลายจวักของแม่ต่างหากที่ทำให้ใครๆหลงรักได้ไม่ยาก แม่ผมทำอาหารทั้งคาวหวานอร่อยที่สุดในโลกเลยนะคร้าบบบบบ อิอิ

“นิล น้องนิลใช่ไหมครับ” หือ ใครอีกวะ วันนี้ผมเจอคนรู้จักบ่อยจริง
“เฮ้ย!” เสียงอุทานของผมตอนที่เห็นหน้าคนที่มาเรียกทำให้แม่ผมสะดุ้งไปด้วย ก็ไอ้หน้าหล่อนี่สิครับมายืนมองผมด้วยสายตาวิบวับตั้งแต่เมื่อไรกัน
“เพื่อนนิลเหรอลูก” ฉิบหายละ รังสีความหล่อระบาดมาถึงคุณนายแม่ของผมแล้ว เธอมองไอ้พี่รันด้วยสายตาปลาบปลื้มแบบสุดๆไปเลยครับ
“เอ่อ แค่คนรู้จักน่ะครับ” แน่นอนว่าพอผมพูดแบบนั้นพี่รันหน้าสลดทันที “มันซับซ้อนน่ะครับแม่ คือพี่รันเขาเป็นญาติกับแฟนยัยฟ้าครับ”
“หนูฟ้ามีแฟนแล้วเหรอเนี่ย ตายละ แม่รู้สึกเหมือนแม่ไม่ได้กลับมานานมาก ทำไมอะไรๆก็เปลี่ยนไป ลูกแม่ก็ดูเป็นหนุ่มหล่อขึ้นตั้งเยอะ”
“แล้วสุดหล่อคนนี้ชื่อรันหรือจ๊ะ”
“ครับ สวัสดีครับคุณแม่” พี่รันยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวจั๊ว 32 ซี่ ผมหมั่นไส้เลยแอบหยิกเอวไปหนึ่งที
“ไปกันดีกว่าครับแม่ จะได้กลับไปพักผ่อน”
“อู๊ย พักผ่อนอะไรกัน แม่อยากจะหาอาหารใส่กระเพาะก่อนเป็นอันดับแรกจ้ะ ว่าแต่รันก็เพิ่งลงเครื่องหรือจ๊ะ หรือว่ากำลังจะไปขึ้นเครื่อง”
“ผมเพิ่งลงเครื่องครับ”
“อ้าว เหรอจ๊ะ มาจากไหนละเรา”
“ผมไปทำธุระที่ LA มาครับ” ผมยืนมองแม่ซักไซร้ไอ้พี่รันยังกับจะสอบสัมภาษณ์ลุกเขย คิดแล้วก็น้อยใจนัก แทนที่จะให้ความสนใจลูกตัวเองมากกว่า
“เอ่อ เปลี่ยนลูกใหม่เลยมั้ยครับแม่” ผมแขวะด้วยความอิจฉาแกมหมั่นไส้
“แหม ตานิล ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก แต่ขอลูกชายเพิ่มอีกคนได้มั้ยละ” แม่ผมค้อนใส่ แต่ไอ้พี่รันดูจะถูกใจที่แม่ผมพูดมากมาย
“ถ้าคุณแม่ไม่รังเกียจผม ผมก็ยินดีเป็นลูกชายอีกคนให้คุณแม่ครับ” พี่รันยิ้มหวานโปรยสเน่ห์เจิดจ้าหนึ่งพันวัตต์ ถ้าบ้านคุณไม่มีไฟฟ้าใช้ก็มาต่อตรงจากตัวพี่รันได้เลยนะครับ
“แม่ครับ กลับบ้านกันเถอะ”
“ฮื้อ ลูกคนนี้ งอแงอีกแล้ว อ้ะ งั้นไปกันเถอะ ไว้เจอกันนะจ๊ะรัน”
“ได้ครับ อ้อ! ว่าแต่คุณแม่จะอยู่กี่วันหรือครับ”
“ประมาณครึ่งเดือนแหละจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขอโอกาสพาคุณแม่ไปทานข้าวบ้างได้มั้ยครับ”
“ต๊าย งั้นแม่ก็จะขอเลี้ยงอาหารฝีมือแม่ให้รันบ้างนะจ๊ะ”

ครับ หลังจากที่ ‘แม่ของผม’ และไอ้พี่รันคุยเจ๊าะแจ๊ะกันอีกห้านาทีถึงได้ฤกษ์เคลื่อนย้ายออกจากสนามบิน ตอนแรกมันจะไปส่งผมด้วย แต่พอเห็นสายตาอาฆาตของผมมันก็ปิดปากเงียบและจากไปแบบจ๋อยๆ สะใจจริงครับ
“รันเนี่ย นิลเพิ่งรู้จักเหรอลูก” แม่ผมถามขึ้นมาตอนอยู่บนแท็กซี่ ทำเอาผมสะดุ้งโหยง
“อ๋อ ครับ เขาก็ติดสอยห้อยตามมากับพี่เลแฟนยัยฟ้า นิลก็เลยบังเอิญรู้จักไปด้วย”
“เขาหล่อดีเนอะ”
ผมก็ได้แต่เงียบครับ ไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ เห็นเงียบๆยิ้มๆแบบนั้นแต่ในใจวางแผนไปร้อยตลบแล้วนะครับอย่าได้ประมาท หึหึ

พอเราสองคนมาถึงบ้าน คุณนายก็ชี้นิ้วสั่งให้ผมเอาสัมภาระทั้งหมดไปเก็บ ส่วนตัวเองขอเข้าไปสำรวจสภาพในครัว ไม่ต้องงงนะครับ นายแม่ผมมีงานอดิเรกคือการทำอาหาร ซึ่งผมไม่ได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัตินี้มาเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นในครัวผมจึงมักจะสะอาดเอี่ยมเพราะไม่ได้รับการแตะต้องนั่งเอง

อ๊ะๆๆๆ แต่ผมชอบทำขนมนะเออ พวกเค้ก พาย อะไรพวกนี้ผมทำได้เป็นอย่างดี หรือจะพูดให้เห็นภาพก็คือ ของกินที่ต้องมีการชั่ง ตวง วัด อย่างเป็นรูปธรรมนั้นผมจะทำได้ดี แต่ถ้าเป็นอาหารคาวที่ต้องใช้ฝีมือจริงๆนั้นผมขอผ่าน แบบว่าต่อมรับรสของผมมันคงไม่ค่อยดีละมั้ง

“นิล”
“ครับแม่”
“พรุ่งนี้ชวนหนูฟ้ามากินข้าวสิลูก วันเสาร์พอดีนี่นา ไม่มีเรียนใช่มั้ย”
“ได้คร้าบ” ผมส่งไลน์ไปหายัยฟ้าทันทีก่อนที่ผมจะลืม เรื่องของกินฟ้าครามไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว แถมยังบอกให้ผมทำเค้กกล้วยหอมให้กินอีกต่างหาก
“แล้ววันนี้แม่จะทำอะไรให้นิลกินครับ” ผมเดินเข้าไปในครัว เห็นแม่ถือซองบางอย่างไว้ในมือ ส่วนอีกมือถือแท่งยาวๆสีแดงให้ไอ้ริชชี่กิน
“สปอล์ยแมวอีกละแม่”
“แหม ก็ริชชี่น่ะ จำแม่ได้ เดินมาพันแข้งพันขาใหญ่เลย แม่ก็เลยให้รางวัลที่ทำตัวน่ารักนิดหน่อยเองลูก” ผมยืนมองหญิงวัยใกล้สี่สิบป้อนขนมให้แมวอย่างเพลิดเพลิน ดูท่ามีหลายห่อด้วยนะครับไอ้ขนมแมวเนี่ย แถมเป็นเกรดพรีเมี่ยมเสียด้วยสิ
“อ๊ะ จริงสิ แม่มีปลอกคอมาฝากริชชี่ด้วยนะลูก” ครับ ไอ้ริชชี่เป็นลูกชายอีกคนของนายแม่ ส่วนผมเป็นพี่ชายไอ้ริชชี่ ปลอกคอโซ่เงินเส้นเล็กๆเป็นประกายวาววับมีป้ายชื่อเงินสลักคำว่า RICHIE เอาไว้ ผมยังจำได้ว่าหนก่อนที่แม่สั่งทำปลอกคอมาให้มัน แม่ทำตัว C เกินมาตัวนึงด้วย
“แล้วสรุปลูกแม่คนนี้จะได้กินอะไรครับวันนี้”
“หืม ไม่บอกหรอก เอาไว้เซอร์ไพรส์ ตอนนี้เราไปเปิดของฝากกันดีกว่า” แม่อมยิ้มและมาควงแขนผมออกไปที่ห้องนั่งเล่น

ข้าวของกองพะเนินที่กองอยู่ตรงหน้านี้แยกได้เป็น 3 ส่วน คือของฝากผม ของฝากริชชี่ และของฝากยัยฟ้า ที่แม่ซื้อของมาฝากแค่สามคนก็คงเพราะว่าผมและแม่ไม่มีญาติเหลืออยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่าตายกันหมดนะครับ แต่แม่เลือกที่จะตัดขาดจากคนพวกนั้นมามากกว่า ซึ่งผมไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไร

“นี่ๆ ตัวนี้แม่ชอบมาเลยนะ แม่ว่าใส่แล้วต้องเหมาะกับผิวขาวๆของนิลแน่เลย” แม่หยิบเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทมาทาบกับตัวผม แต่ด้วยขนาดลำตัวที่กว้างและยาวเกินปกติที่ผมจะใส่ได้ทำให้แม่หยิบป้ายไซส์ขึ้นมาดู
“ต๊าย ไซส์แอล ชั้นอุตส่าห์บอกคนขายแล้วนะว่าเอาไซส์ S น่าโมโหจริงเชียว”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เก็บเอาไว้แหละ เผื่อผมตัวใหญ่กว่านี้ก็คงใส่ได้” ผมปลอบใจคุณนาย แต่เธอก็ยังคงบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย ก็เข้าใจนะครับ แม่ตั้งใจซื้อมาฝากผมนี่นา พอเห็นแม่เซ็งๆผมก็เลยแกะเอากางเกงยีนส์ที่แม่ซื้อมาใส่อยู่ห้อง แม่ผมชมไม่หยุดเลยว่าผมใส่แล้วเหมาะอย่างนู้นหล่ออย่างนี้ คนเห่อลูกคุณรู้จักใช่ไหมครับ

หลังจากที่ผมพาแม่ไปเดินซื้อกับข้าวแล้วก็กลับมานอนเอกเขนก เล่นกับแมวบ้าง ไปกวนแกม่ในครัวบ้าง มื้อเย็นวันนั้นแม่ผมจัดอาหารขึ้นโต๊ะเต็มอัตราศึกเลยครับ ไก่อบจันทร์เทศน์ สเต็กเนื้อแบบมีเดียมแรร์ ซีซาร์สลัดผักกาดแก้วใส่ผลแบล็คเคอร์เรนท์อบแห้ง แซลมอนกริลล์แค่ผิวนอกกินกับมะนาวบีบ ซาซิมิแซลมอน ต้มยำกุ้งแม่น้ำ เฮ้ย นี่มันอาหารนานาชาตินี่หว่า แต่มันเป็นของโปรดผมทั้งหมดเลยนะนี่ ที่สำคัญเรากินกันหมดด้วยละ ฮ่าๆ


ติ๊ง ต่อง

อืม ห้องใครวะ มีคนมากดออดแต่เช้า

ติ๊ง ต่อง

ควับ ผมหยิบหมอนขึ้นมากดหู รำคาญจริง ทำไมไอ้เจ้าของห้องไม่ไปเปิดสักที อาห์ เสียงเงียบพอดีเลยแฮะ สงสัยจะรู้ว่าผมแอบด่าในใจ


"..."
"....จ้ะ..."
"......"



เสียงพูดคุยจุ๊กจิ๊กดังมาจากนอกห้องนอน แม่คุยโทรศัพท์กับใครอะ ผมนอนหลับตาฟังอยู่สักพัก เสียงผู้ชายก็ดังลอยมา

“เหยด!!” ผมดีดตัวผึงจากที่นอน หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้เที่ยง มันไม่ใช่ตอนเช้านี่หว่า แต่จะเที่ยวแล้วต่างหาก แม่ก็ไม่เข้ามาปลุกผมบ้างเลย และไอ้เสียงผู้ชายนั่นก็คุ้นหูผมเหลือเกิน อย่าบอกนะว่า...


“แม่~” ผมโผล่พรวดออกไปทันที ชายหญิงสองคนหันมามองผมแบบประหลาดใจ โดยเฉพาะไอ้ตัวผู้ที่มันทำสายตาวิบวับเหลือเกิน
“ตายแล้วลูก ทำไมไม่ใส่เสื้อแสงให้เรียบร้อย พี่รันเขามาหาเนี่ย” ผมผงะ ก้มมองตัวเอง ใส่กางเกลผ้าฝ้ายขายาวตัวเดียวโดดๆ ไร้อาภรณ์ปิดกายท่อนบน พี่รันที่แต่งตัวรูปหล่อเต็มยศคงกะมาอ่อยแม่ผมให้ตกหลุมพรางเป็นแน่
“มะ ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ นิลเป็นผู้ชายนะ” แม้จะร้อนๆหนาวๆจากสายตาไอ้พี่รันที่จ้องเอาๆ แต่ผมก็ทำใจดีสู้เสือ ไม่มีทางตุ๊ดแตกต่อหน้าแม่เด็ดขาด!
“พี่จะมองอะไรนักหนาครับ ตัวเองไม่เคยถอดเสื้อหรือไงล่ะ”
“ครับ” ไอ้ ‘ครับ’ เนี่ยมันแปลว่าอะไรวะห๊ะ สุดท้ายแล้วผมก็ยอมแพ้สายตาไอ้พี่รัน แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อหาเสื้อมาสวมทับกันอุจาด


“แล้วพี่มาทำไม” ผมเดินเข้าไปพูดใกล้ๆพี่รันพอให้ได้ยินกันสองคน แม่ผมกำลังสาละวนทอดแพนเค้ก คงไม่มาสนใจพวกผมหรอกครับ
“ก็คิดถึง ไม่เจอกันตั้งหลายวันนิลไม่คิดถึงพี่บ้างหรือครับ”
“ฮึ้ย ขนลุก คิดถงคิดถึงอะไร เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย”
“ก็เป็นซะสิครับ” เหยด อย่ามายิ้มหวานหยาดเยิ้มให้ผมนะ เดี๋ยวผมใจอ่อน
“อย่ามาหยอด ผมไม่ชอบ” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าใส่ มาคิดอีกทีก็โมโหที่ตัวเองทำอะไรสาวแตกแบบนั้นว้า~


“รันทานข้าวมารึยังลูก แต่ทานแล้วก็ไม่เป็นไรเนอะ มาทานอีกรอบก็ได้” แม่ผมพูดไปก็ขำคิกคักไป ขำอะไรครับคุณนาย
“บ้านนี้มื้อเช้ามื้อเที่ยงควบกันเลยนะลูก เจ้าของบ้านเขาตื่นสายเป็นกิจวัตรน่ะ หึหึ”
“แม่อ้ะ ก็นี่มันวันหยุดนิ”
“แทนที่จะตื่นแต่เช้ามาดูแลถามไถ่ว่าแม่หิวหรือเปล่าก็ไม่มีเล้ย”
“แม่ทำเองยังมีโอกาสได้กินมากกว่านิลทำนะ” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ทานข้าว บนโต๊ะมีแพนเค้กสูตรเด็ดของแม่ที่ทอดสุกแล้ววางอยู่สองกองใหญ่ แหม ทอดเหมือนรู้ว่าจะมีคนมากินด้วยเลยเนอะ แล้วยังมีพวกเยมผลไม้ต่างๆ ไซรัปหลากรส ช็อกโกแล็ต เนย เอาไว้ให้ทาหน้า พวกหน้าของคาวอย่างแฮม ไข่ดาวก็มีครับ
“รันเอาน้ำอะไรดีลูก กาแฟมั้ย”
“ได้ครับ ขอบคุณครับ”
“เอ๊ะ พี่รัน ทำไมยังมานั่งเนียนอยู่เนี่ย หน้าด้า- โอ๊ย” ผมรองเสียงหลงพร้อมกับเสียงเพียะที่ต้นแขน นายแม่ฟาดดัชนี้ลงมาครบทั้งห้านางเลยครับ
“นิล ทำไมพูดไม่เพราะเลยละ ก็เป็นเพื่อนกันรู้จักกันจะมาเที่ยวบ้างเป็นไรไป แม่ทิ้งให้นิลอยู่ที่นี่คนเดียวก็เพราะนิลบอกว่าไม่อยากไปอเมริกา ทั้งที่แม่เป็นห่วงนิลจะแย่ แต่พอแม่เห็นนิลมีเพื่อนดีๆที่ไว้ใจได้มันทำให้แม่หายห่วงนะลูก” ผมหน้าสลดทันทีที่แม่เริ่มจริงจัง มันก็จริงแหละครับ เพราะผมเองที่ดื้นรั้นไม่อยากไปอยู่กับแม่... ทั้งที่จริงๆแล้วผมควรจะอยู่เคียงข้างแม่หรือเปล่า แต่ด้วยอะไรหลากหลายอย่างทำให้ผมไม่สามารถตัดใจจากเมืองไทยได้จริงๆครับ เอาไว้วันหลังผมจะเล่ารายละเอียดให้คุณฟังแล้วกันนะ
“คุณแม่ครับ อย่าดุน้องเลยครับ ปกติเราก็คุยเล่นกันแบบนี้แหละ” พี่รันใช้บทบาทพระเอกเข้ามาทำให้แม่ผมใจอ่อน ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะกลายเป็นว่าตอนนี้คุณนายนอกจากจะเอ็นดูยัยฟ้าแล้ว ยังปลื้มพี่รันเอามากๆเสียด้วย

และแน่นอนว่ามื้อเย็นวันนี้ที่ยัยฟ้าจะมากินข้าวด้วย อีพี่รันมันก็มาสิงอยู่คอนโดผมตลอดทั้งวันเลยครับ ยัยฟ้าพอเห็นหน้าพี่รันก็หางฟูหูตั้งทันทีทันใด แต่ไม่รู้ว่าพี่รันทำอีท่าไหน เห็นดึงยัยฟ้าไปคุยงุบงิบอะไรกันสองคนแป๊บเดียว ยัยฟ้าก็มีท่าทีญาติดีขึ้นมาเชียว

ตอนแรกยัยฟ้าจะขอนอนด้วย แต่ติดที่ว่าไม่ได้ขอพ่อกับแม่ว่าจะมาค้าง แถมพ่อกับแม่ต้องไปบ้านญาติ ยัยฟ้าเลยต้องกลับไปนอนเฝ้าบ้านโดยมีไอ้พี่รันไปส่ง
“ห้ามพาฟ้าครามนอกลู่นอกทางนะ” ผมกำชับ ไอ้หน้าหม้อตระกูลนี้ไม่น่าไว้ใจ
“พี่มีแต่นิลคนเดียวแหละครับ คนอื่นพี่ไม่สนหรอก” พี่รันทำตาหวานเยิ้ม
“หมั่นไส้พี่รัน รีบไปเลย” ยัยฟ้าเร่ง
“ฟ้านี่ทำไมพูดมากจังครับ พูดมากแบบนี้ระวังผู้ชายจะหนีหมด พี่ไปก่อนนะครับนิล”
“ผู้ชายหนีไปได้กันเองหมดน่ะสิ บ๊ายบายนะนิล”
ผมยืนมองคนสองคนที่ด่ากันไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาบอกลาผม ผมโบกมือให้ทั้งสองคนแบบงงๆ อย่างนี้เขาถือว่าแยกสมาธิได้ดีหรือเปล่าครับ?
“ไป ริชชี่เข้าบ้าน” ผมตวัดเท้าลากไอ้เหมียวที่แหยมหน้ามานอกประตูให้กลับเข้าไป มองส่งสองคนนั้นลงลิฟต์แล้วจึงปิดประตูเดินกลับเข้าห้อง



▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


กราบขอโทษค่ะ.... ลืมไปว่าตัวเองลงนิยายอยู่  :hao5:
ดีนะมีสต็อค


หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 3 วันที่ 23/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 23-01-2014 18:55:08
พี่รันน่ารักอ่ะะ นิลใจอ่อนเร็วๆนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 3 วันที่ 23/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-01-2014 19:41:07
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 3 วันที่ 23/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-01-2014 20:34:59
พี่รันนี่แสดงออกชัดเจนมากอ่ะ ขนาดฟ้าแสนจะน่ารักยังว่าพูดมากได้ลงคอ :m20:
แต่นิลก็น่ารักน่าเลิฟจริงๆแหละ ใครอยู่ใกล้ก็หลงรัก ได้คุณแม่มาเต็มๆเพราะคุณแม่ก็น่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Chapter : 4 [ข่าว]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 24-01-2014 12:42:00
Chapter : 4 [ข่าว]


เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกนะครับ เผลอแป๊บเดียวแม่ก็มาอยู่ได้ครึ่งเดือนแล้ว และมะรืนนี้แม่ก็จะกลับแล้วด้วยสิ วันนี้ผมก็เลยต้องพาแม่ไปเดินซื้อของฝากจากเมืองไทยให้คนรู้จักที่โน่น และก็แน่นอนว่ามีมนุษย์ปลิงหนึ่งตัวติดสอยห้อยตามมาด้วย ดีแล้วละครับ เอามาช่วยถือของ

“นิล พี่หิวน้ำจังครับ” ผมหันไปมองมนุษย์ปลิงผิวขาวจั๊วในชุดเสื้อโปโลและกางเกงขาสามส่วนกับรองเท้าผ้าใบ ใบหน้าขาวๆมีเหงือซึมจนเหมือนมันจะสะท้อนแดดระยิบระยับ เอาละ พอๆ มันจะโมเอะไปแล้ว
“แป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ผมเดินไปสะกิดบอกแม่ว่าจะไปซื้อน้ำ คุณนายสั่งโค้กซีโร่หนึ่งขวดและหันไปเลือกกระเป๋าสานต่อ ทำไมจตุจักรคนมันเยอะงี้วะ!!! 


ผมได้โค้กมาให้คุณนายและน้ำแร่ให้พี่รัน พี่รันมันชอบกินน้ำแร่ครับ เอ๊ะ แล้วผมเสือกรู้รสนิยมมันได้ไงเนี่ย
“ป้อนหน่อย” ตามนั้นครับ ผมเปิดฝาและเอาหลอดใส่ให้ พี่รันคนเดียวดูดไปครึ่งขวดเลยครับ สงสัยจะหิวจริงๆ ดีนะ ผมซื้อมาสองขวด
“ชื่นใจจังครับ”
“ไม่ต้องมาทำตาพราว เดี๋ยวหลังแหวน”
“โหยหลังแหวน ศัพท์รุ่นอาพี่เลยนะเนี่ย”
“พี่รันหาว่านิลแก่เหรอ”
“เปล๊า” กำลังจะปะฉะดะกันต่อ แต่นายแม่ก็กวักมือเรียกให้พวกผมเข้าไปถือของ เดินกันจนจะหกโมงนั่นละครับถึงได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนออกจากสวน พี่รันนี่นอกจากจะมาเป็นลูกหาบแล้วยังเป็นคนขับรถด้วยนะครับ วันนี้พี่รันมันอาสาพามา


“เดี๋ยวจะพาคุณแม่ไปทานร้านอาหารทะเลนะครับ”
“อุ๊ย รบกวนแย่เลยลูก”
“นานทีปีหนคุณแม่จะกลับมาสักทีนะครับ”
“แหม ตารันเนี่ยดูแลแม่ดีกว่าลูกชายแท้ๆของแม่เสียอีก”
“เปลี่ยนลูกใหม่เลยมั้ยครับ”
“พูดเป็นเล่น เปลี่ยนได้ง่ายๆก็ดีสิจ๊ะ เลี้ยงมาจนโตป่านนี้แล้วทิ้งไม่ลงหรอก” คุณนายพูดไปอมยิ้มไป เชอะ ไม่ต้องมาปะเหลาะผมหรอก


“นิลเอากุ้งแช่น้ำปลามั้ยลูก”
“เอาครับ”
“น้องนิลทานทอดมันปลามั้ย”
“ทานครับ”
“เดี๋ยวพี่สั่งปลาเก๋าทอดน้ำปลาให้ด้วยเนอะ”
“อือ”
“แม่ว่านะ” พี่รันหันไปมองแม่
“คุณแม่อยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ สั่งได้เลยครับ วันนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง” ผมเบะปากใส่พี่รันผู้ร่ำรวยด้วยความหมั่นไส้
“เปล่าจ้ะ แม่แค่ขำว่าทำไมทั้งแม่กับรันถึงได้สปอล์ยเจ้านิลขนาดนี้ จริงๆจุดประสงค์คือมาเลี้ยงส่งแม่นี่นา” เออแฮะ ไหงทั้งแม่กับพี่รันเอาแต่สั่งของที่ผมชอบก็ไม่รู้ เหมือนลูกแหง่เลยอ่ะ
“อ่า... นั่นสิครับ ผมก็เผลอไป งั้นที่เหลือให้คุณแม่สั่งบ้างแล้วกันครับ”
“อุ๊ย สั่งกันไปเถอะจ้ะ ของที่แม่ชอบก็เหมือนของที่เจ้านิลชอบนั่นแหละ” ผมค้อมหัวให้แม่ที่เอื้อมมือมาลูบสามารถทำได้อย่างถนัด ไม่ลืมที่จะหอมแม่ฟอดใหญ่แบบไม่แคร์สายตาใคร แม่ผมสวยนี่ครับ


สั่งกันไปสักพักอาหารก็มาครับ แต่ละอย่างหน้าตาน่ากินแถมรสชาติก็สุดยอด พี่รันนี่มันรู้จักร้านอาหารอร่อยๆหลายร้านเลยนะจากที่ผมสังเกต โดยเฉพาะกุ้งแช่น้ำปลาเนี่ย มันเป็นกุ้งมังกรอ้ะ เนื้ออร่อยมากเลย กรอบ เด้ง หวาน น้ำจิ้มที่ราดมาก็ครบรส ผมกินคนเดียวเกือบหมดจาน พี่รันก็เลยสั่งมาให้อีกจานหนึ่ง ว่าแต่ทำไมพี่รันมันถึงทำตัวได้กลมกลืนกับบ้านผมแบบนี้นะ


พอทานข้าวเสร็จพี่รันก็มาส่งผมกับแม่ที่บ้าน แถมยังช่วยบริการขนของขึ้นมาให้เสร็จสรรพเลยนะครับ
“ดื่มน้ำดื่มท่าก่อนสิลูก” คนอยู่เมืองนอกทำไมพูดจาโบร๊าณโบราณอะแม่
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมต้องไปเลี้ยงรับรองลูกค้าต่อ” ครับ เกี่ยวกับเรื่องงานของพี่รันนั้น แม่ผมได้สัมภาษณ์ให้หมดแล้วครับ ไม่ใช่ในฐานะลูกเขยนะไม่ต้องตกใจ ก็แค่ถามตามประสาผู้ใหญ่ถามเด็กนั่นแหละ (เอ๊ะ เหมือนผมกินปูนร้อนท้อง) เอาละ กลับมาเข้าเรื่อง คือพี่รันมันทำงานอยู่กับบ้านตัวเองครับ ซึ่งที่บ้านพี่รันทำธุรกิจเรื่องโรงแรม แต่คุณพี่รันเขาไม่ได้บริหารงานนะครับ อาร์ตบวกกวนตีนแบบนี้ต้องทำตำแหน่งอาร์ตๆครับ พี่รันมันเป็นฝ่ายออกแบบและตกแต่งภายใน รวมไปจนถึงการจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่ง บลาบลาบลา ซึ่งบางทีก็ลงทุนบินไปต่างประเทศเพื่อดูสินค้าถึงแหล่งผลิตด้วยตัวเอง เพราะงี้แหละบางทีถึงได้หายหัวไปทีละหลายๆวัน เพราะมันไปต่างประเทศนี่ละครับ แต่เห็นบอกว่าเป็นเพราะช่วงนี้กำลังมีโรงการโรงแรมใหม่ ก็เลยจะยุ่งๆ แต่เดี๋ยวพอผ่านช่วงนี้ไปก็จะมีเวลาว่างมากขึ้นแล้วครับ

“นิลไปส่งพี่เขาหน่อยไป แม่ขอไปเอนหลังหน่อย เหนื่อยจังวันนี้”
“อะรายยยยยคร้าบบบบ คนดีของแม่นี่นา แม่ก็ไปส่งเองสิ” ผมบอกด้วยความเกียจคร้าน ลำตัวท่อนล่างไหลเอนลงไปกับโซฟา แต่พอแม่ผมเงื้อมือจะฟาดเท่านั้นละครับ ความขยันมาทันที
“เอ้าๆ ไปๆพี่รัน ต้องรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนิลเดินไปส่ง” ผมคว้ากระเป๋าเงินไปด้วยครับ ลงไปซื้อโค้กซีโร่ข้างล่างด้วยดีกว่า
“งั้นผมไปก่อนนะครับคุณแม่ สวัสดีครับ”
“จ้ะ ไหวพระเถอะลูก”
ผมปิดประตูห้องและเดินนำพี่รันมาที่ลิฟต์ พอกดปํบลิฟต์ก็มาปั๊บ พอพี่รันมันเห็นผมเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยก็ถามว่าผมจะไปไหน
“ไปเซเว่น ผมอยากดื่มน้ำทำลายกระเพาะ”
“ดื่มน้ำอัดลมเดี๋ยวอ้วนนะ”
“ไม่อ้วน กินโค้กซีโร่”
“อย่ากินตอนท้องว่างนะครับ เดี๋ยวปวดท้อง” เหวย พี่รันมันมีพลังหยั่งรู้ มันรู้ได้ยังไงว่าผมตั้งใจจะซื้อโค้กมาถมหลุมดำในกระเพาะระหว่างรออาหารเย็น
“งือ เดี๋ยวผมหาขนมไปกินด้วย” อ๊าย อยากจะตบปากตัวเอง ทำไมใจง่ายแบบนี้
“ดีมากเด็กดี” พี่รันยกมือขึ้นลูบหัวผมเหมือนที่แม่ทำ แต่ทำไมความรู้สึกของผมมันถึงแตกต่างกันแบบนี้ ยังไงดีละ การสัมผัสของแม่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นสบายใจ แต่สัมผัสของพี่รันมันทำให้ผมใจเต้นรัว หน้าร้อนผ่าว ดูไม่ดีต่อสภาพหัวใจยังไงก็ไม่รู้ กลิ่นของพี่รันยิ่งทำให้ผมใจสั่น กลิ่นหอมๆของร่างกายปนกับกลิ่นน้ำยาซักผ้า กลิ่นน้ำหอมที่ผมไม่ชอบใช้ทำไมมันถึงได้ดูหอมขนาดนี้เวลาอยู่บนตัวพี่รัน ผมคิดว่าตอนนี้ผมกำลังจะคลั่ง....


ทำไมลิฟต์มันช้าแบบนี้!!!!!


ติ๊ง

“เอาละ พี่ไปก่อนนะครับ แล้วจะโทรหา เดินดีๆละรู้มั้ย”
“อือ...” ผมแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่พยักหน้ารับ ในหัวจำได้แต่ภาพพี่รันยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ คุณรู้จักรอยยิ้มที่อ่อนโยนไหมครับ รอยยิ้มแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรายิ้มให้คนที่เรารัก... เอ่อ คนที่เรารู้สึกดีกับเขามากๆเท่านั้นนะครับ มันไม่เหมือนรอยยิ้มดาษดื่นทั่วๆไปในชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย

พี่รันกลับไปแล้ว แต่เหมือนพี่รันเอาหัวใจของผมติดไปด้วย ผมยกนิ้วขึ้นมานับวันดูว่ารู้จักกับพี่รันมานานเท่าไร มันแค่เดือนกว่าๆเอง ทำไมผมผมถึงได้รู้สึกดีกับเขาขนาดนี้ แม้มันจะยังไม่ใช่ความรู้สึกขนาดที่จะอยากอยู่ด้วยกันไปจนวันตาย แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆเท่าที่ผมจะเคยรู้สึกกับคนคนหนึ่งในสถานภาพเช่นนี้


หรือผมกำลังตกหลุมรัก...


ไม่เอาน่า อย่าเพ้อเจ้อ...


“ไปส่งพี่เขามาแล้วหรือลูก”
“ครับ”
“มานั่งกับแม่สิ” แม่ผมตบที่นั่งข้างตัวเบาๆ ผมจะเดินไปนั่ง แต่ไอ้ริชชี่มันกระโดดขึ้นไปแทนเสียก่อน
“ริชชี่มานั่งตักแม่สิลูก ตรงนี้ให้พี่นิลเขานั่งนะครับ” นั่นละครับแม่ผม เรียกแมวว่าลูก และรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง แบบนี้แหละครับ...
“รันเขานิสัยดีนะนิล”
“แม่รู้ได้ยังไง แม่เพิ่งจะรู้จักเขามาแค่สองอาทิตย์เอง” ทำไมผมถึงทำหน้าคว่ำ ผมว่าผมกำลังเริ่มจะงอแงนะ
“สัญชาตญาณมันบอก” แม่ยิ้ม ผมไม่ชอบเวลาแม่ยิ้มแบบรู้ทันอย่างตอนนี้เลย
“เขาอาจจะแกล้งทำดีเพื่อมาหลอกฟันนิลก็ได้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็อย่าลืมป้องกันนะลูก”
“แม่อ้ะ มีแม่ที่ไหนเขาสอนลูกแบบนี้เนี่ย” ผมโวย แต่ก็ทำกิริยาขัดกับอาการที่สุดโดยการเอาหัวไปหนุนตักแม่
“ฮ่าๆ ก็แม่วัยรุ่นอ้ะ” แม่ผมหัวเราะเสียงใสพลางใช้ปลายนิ้วเกาหัวผมเบาๆ ผมชอบให้คนเกาให้แหละ แหะแหะ
“นิลก็รู้ ว่าตอนที่แม่ท้องนิลมันเป็นยังไง” ครับผมรู้ “แม่อาจจะไม่ใช่แม่ที่ดีนัก”
“แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุด อย่าพูดแบบนั้นนะ” ผมผุดลุกขึ้นมา จับมือเล็กคู่นั้นเอาไว้แน่น
“ขอบใจนะลูก” ผมใช้นิ้วปาดไล้น้ำตาให้แม่แล้วกอดแม่แน่น
“เมื่อก่อนจะเป็นยังไงก็ช่างมัน ยังไงตอนนี้แม่ก็มีคนที่เขาทั้งรักทั้งคลั่งไคล้ในตัวแม่มากๆแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมยิ้มล้อเลียน แม่ก็เลยประเคนความรักให้หนึ่งเพียะ
“อย่ามาล้อแม่นะ ดูตัวเองเถอะ คนที่มาเทียวไล้เทียวขื่อจีบตัวเองน่ะหล่อขนาดไหน เอริคชิดซ้ายเลยเถอะ”
“เอ๋? แต่ผมว่าเอริคหล่อจะตาย คนอะไรยิ่งแก่ยิ่งหล่อ” ผมนึกถึงภาพเอริค ที่เป็นแฟนของแม่ เขาเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ไทย ที่มีผมสีดำตาสีดำ แต่จมูกโด่ง หน้าฝรั่งสุดพลัง เป็นตาลุงวัยสี่สิบที่หล่อสะเด็ดยาด ผมเห็นครั้งแรกยังตะลึงเลยว่าแม่ไปจีบนายแบบที่ไหนมา แต่ที่ไหนได้ เป็นลุงเอริคนี่ต่างหากที่ตามตื๊อแม่มาหลายปีโดยที่แม่ไม่เคยเล่าให้ผมฟัง แต่ด้วยสุภาษิตที่ว่า น้ำหยดลงหิน หินมันยังกร่อน ก็เป็นจริงจนได้ เมื่อแม่ยอมคบกับลุงเอริคในวันหนึ่ง
“นิล แม่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับ?” แม่ผมทำสีหน้าจริงจังแบบที่ผมไม่ได้เห็นมานาน ทำเอาผมเกร็งตามไปด้วยเลย
“นิลจะคิดยังไง... ถ้า... เอ่อ... แม่...”
“ถ้าแม่จะแต่งงานเหรอ?”
“จ้ะ.. เอ้ย! รู้ได้ยังไงเนี่ยลูก” แม่ผมทำหน้าตะลึงได้ฮาที่สุดจนผมกลั้นขำไม่ไหวลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้น ไอ้ริชชี่พอเห็นผมขำกั่กๆมันก็เล่นด้วย กระโดดเหยงข้ามผมไปมายังกับเป็นตั๊กแตนตำข้าว
“เมี้ยว”
“ฮ่าๆ พอๆริชชี่ เล่นพอแล้ว เห็นมั้ย แม่อายจนหน้าเขียวแล้ว” ผมอุ้มไอ้ริชชี่ขึ้นมานั่งข้างแม่
“นิลน่ะ จำไว้เลยนะ” แม่ผมงอนแก้มป่องเป็นสาววัยรุ่นเลยครับ ใจจริงอยากจะแซวต่อ แต่กลัวจะโดนทุบเสียก่อน
“แม่ครับ นิลดีใจกับแม่ด้วยนะครับ” ผมหอมแม่ฟอดใหญ่ แม่ผมยังสาวยังสวยขนาดนี้ อายุอานามก็เพิ่งจะสามสิบเจ็ด แต่งกับลุงเอริคก็เหมาะสมที่สุดแล้ว แถมลุงเอริคยังรวยอีก ผมมั่นใจว่าเขาต้องดูแลแม่ผมได้อย่างดีแน่นอน
“นิลต้องมางานด้วยนะลูก”
“นิลไม่พลาดแน่นอนครับ”
“ชวนรันกับหนูฟ้าไปด้วย นิลจะได้มีเพื่อน เดี๋ยวแม่จะส่งตั๋วมาให้” โวะ แม่ผมสปอร์ต ว่าแต่จะชวนไอ้พี่รันทำไมครับ
“ชวนพี่รันไมอะครับ”
“ให้พี่เขาไปแหละดีแล้ว แม่จะได้ไม่ห่วงนิลมาก เพราะแม่คงไม่มีเวลาดูแลนิลเท่าไรหรอกนะ”
“ก็มียัยฟ้า”
“หนูฟ้าเป็นผู้หญิง”
“แต่นิลเป็นผู้ชายนะ”
“แม่ไม่นับหรอก”
“เอ๊า มีงี้ด้วย อะไรอ้ะ”
“ชวนรันเขาไปด้วยนะลูก” โอเค ตอนนี้ผมจะไม่ขัดใจแม่ แต่ถึงตอนนี้ค่อยหาทางสลัดไอ้พี่รันให้หลุดแล้วกัน หึหึ
“เดี๋ยวแม่จะบอกรันไว้ด้วย” เง้อ!!! ทำไมแม่ทำเหมือนรู้ที่ผมคิดแบบนี้เล่า~
“นิลว่าแม่อย่าพยายามเลย นิลไม่มีทางคบกับเขาหรอก” ผมเบือนหน้าหนีสายตาของแม่ “มันไม่มีทางราบรื่นหรอกครับ ความรักผิดเพศแบบนี้” พูดเองก็ขมขื่นเอง ทำไมผมถึงไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงวะ จะได้หมดเรื่องหมดราวไป
“นิล อะไรที่มันคอยเหนี่ยวรั้งนิลอยู่หรือ อดีตของนิล หรืออัตตาของนิลเอง” ผมเงียบไม่ตอบแม่ ได้แต่ยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่าเงียบๆ
“นิลอย่าเพิ่งมองอะไรในแง่ร้ายได้ไหม แม่รู้ว่านิลอาจจะฝังใจกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา แต่บางทีเราก็ควรที่จะมีศรัทธาบ้างนะ”
“นิลไม่อยากศรัทธาแล้วแม่ รักแท้ของคนแบบนิลมันไม่มีอยู่จริงหรอกครับ นิลมีแค่แม่ก็พอแล้ว” ผมซุกหน้าลงกับตักแม่ อยู่กับแม่ดีกว่าตั้งเยอะ


หลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เผลอแป๊บเดียวแม่ผมก็กลับไปอังกฤษแล้วล่ะ มันก็ไม่ได้โศกเศร้าแบบจะร้องไห้อะไรมากมายหรอกนะ แต่ในใจมันโหวงๆ รู้สึกเหงาหงอยบอกไม่ถูก
“คิดถึงแม่เหรอครับ” ผมหันหน้าหนีคนที่ถือวิสาสะมาจับเอวผมไว้ พอแม่ผมไปมันก็มือไวทันที
“ยุ่งน่า” เอ๊ะ แล้วตัวผมจะสูดจมูกฟุดฟิดทำไมเนี่ย
“อยากให้พี่กอดมั้ยครับ” การกระทำไวกว่าคำพูด ไอ้พี่รันรั้งตัวผมที่อ่อนปวกเปียกเข้าไปกอดแน่น งือ... ผมรู้สึกดีจังที่มีคนคอยกอดในช่วงเวลาแบบนี้
“นิลเปิดใจให้พี่บ้างได้มั้ย ให้พี่ได้เป็นคนที่คอยดูแลนิลแทนคุณแม่ได้มั้ยครับ” พี่รันลูบหัวผมอย่างเบามือ ผมซุกหน้านิ่งกับแผ่นอกกว้างนั้น กลิ่นหอมสดชื่นของน้ำหอมกับกลิ่นกายของพี่รันปนเปกันจนผมรู้สึกว้าวุ่น ผมรู้ดีว่าในใจผมต้องการเขามาตลอด อยากสัมผัส อยากใกล้ชิด อยากเป็นทุกๆอย่างของพี่รัน แต่ความขี้ขลาดในจิตใจมันกลับทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือไปคว้าพี่เขาเอาไว้...

ผมไม่มีคำตอบให้สำหรับพี่รัน ความเงียบคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้ บางทีเมื่อวันเวลาผ่านไป พี่รันอาจจะดีใจด้วยซ้ำที่มันเป็นแบบนี้

กลับไปเป็นเราสองคนที่ไม่มีอะไรผูกพันกัน เหมือนตอนแรก...

ถึงแม้สองมือของผมจะโอบกอดพี่รันอยู่แบบนี้ แต่มันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง



▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂



เป็นไงล่า~
มาอัพสองวันติดเลยนะครัชชชชช
แลดูขยันเนอะ
  :katai2-1:


หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-01-2014 13:05:21
น้องนิลมีความหลังอะไรร้ายกาจจนปิดตัวเองแบบนี้เนี่ย T__T
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 24-01-2014 14:17:30
นิลปิดกั้นอย่างนี้ คนที่เจ้บคือตัวเองนะะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 24-01-2014 14:27:52
อดีตมันเป็นบทเรียน อย่าเอามาปิดกั้นเลยนะ นิล มาต่ออีกนะครับบบบบ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-01-2014 16:00:39
 :pig4: :L1: :pig4:

 :hao6:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 24-01-2014 19:05:59
 o13 o13
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 24-01-2014 19:22:08
อะไรทำให้นิลปิดกั้นตัวเองขนาดนี้
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-01-2014 21:18:02
พี่รันดูเป็นคนดีนะคะ นิลจะไม่ใจอ่อนนิดนึงเหรอ :z1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 24-01-2014 22:58:27
อดีตก็เอาไว้เป็นบทเรียนนะนิล

ถ้าเราไม่เปิดใจแล้วจะรู้หรอว่ารักดีๆเป็นไง
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 25-01-2014 13:27:58
ถ้าไม่บ่งเสี้ยนออกมันก็จะเจ็บแปล๊บ ๆ ระคายผิวอยู่นั้นแหละนิล
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 4 วันที่ 24/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-01-2014 20:43:09
นิลมีความหลังอะไรน้อ  :hao4:
หัวข้อ: Chapter : 5 [ใจเอย]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 29-01-2014 13:58:20
Chapter : 5 [ใจเอย]


(http://i637.photobucket.com/albums/uu91/branchest/cornwall-beach-view_zps7e021dea.jpg) (http://s637.photobucket.com/user/branchest/media/cornwall-beach-view_zps7e021dea.jpg.html)


ผมนั่งเงยหน้าเอาหัวพิงพนักเก้าอี้โดยมีแว่นตาดำของพี่รันบดบังใบหน้ากว่าครึ่งเอาไว้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคลาคลั่งไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ คนไทยนี่ก็รวยเหมือนกันนะ เดินทางท่องเที่ยวกันได้เป็นว่าเล่น แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมกำลังง่วงนอน

“นิล ลุกมาดื่มนมก่อนครับ” เสียงทุ้มเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมา นมจืดและแซนด์วิชซับเวย์อันบะเริ่มยื่นมาตรงหน้าผม
“ใส่หอมใหญ่หรือเปล่า” ผมจ้องแซนด์วิชตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“ไม่ครับ”พี่รันอมยิ้ม หนอยแน่ ผมยังจำได้เลยที่วันนั้นไอ้พี่รันมันเอาโอเนี่ยนริงมาใส่ปากผมตอนกำลังดูหนังเพลินๆ ผมละสำลักแทบตาย
“ถ้าพี่แกล้งผมอีกนะ คอยดูเถอะ” ผมกัดแซนด์วิชด้วยความหิว ตื่นเช้าขนาดนี้ไอ้พี่รันมันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกัน มาเคาะห้องผมตั้งแต่เช้า แถมยังหล่อเฟี้ยวเหมือนเวลาปกติ
“เดี๋ยวทานเสร็จแล้วก็ไปที่เกตได้แล้วนะครับ”
“เสียดายเนอะที่ยัยฟ้าไปไม่ได้” ผมนึกถึงวันที่ยัยฟ้าหน้าซีดมาบอกผมว่าไปไม่ได้ เพราะคุณทวดของนางกำลังป่วยหนัก
“ถึงฟ้าครามจะมาไม่ได้ แต่พี่ก็มาได้นะครับ” คนข้างตัวผมยิ้มหวานจนผมเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ ทุกวันนี้พี่รันทำให้ผมสับสนและว้าวุ่นใจได้มากแค่ไหนมันคงไม่รู้ตัว
“ไม่ดีใจหรือครับที่พี่มาด้วย” คนหน้าด้านยังคงย่ามใจที่เห็นผมไม่พูดอะไร มือไม้จับตรงโน้นตรงนี้ไปเรื่อยจนมันจะดึงผมเข้าไปกอดนั่นละ
“เฮ้ย พี่จะทำอะไรเนี่ย หน้าด้านจริงๆ” ผมผลักไอ้พี่รันออกทันที เห็นผมนิ่งหน่อยละต้องรีบฉวยโอกาส
“อ้าว แหม” ใบหน้าหล่อยิ้มกว้าง ดูท่ามันคงจะไม่รู้สึกอายบ้างเลยสินะ
“อิ่มแล้ว ไปเหอะ” ผมยัดแซนด์วิชคำสุดท้ายเข้าปากแล้วคว้ากระเป๋าลุกขึ้นยืน ง่วงๆแบบนี้การตอบสนองของผมจะดีเลย์เอาเรื่อง ทางที่ดีรีบขึ้นไปหลับต่อบนเครื่องดีกว่า


มีอะไรบางอย่างมาสะกิดที่แก้มผมจนรู้สึกสึกหงุดหงิด ผมหันหน้าหนีแล้วแต่มันก็ยังย้ายไปจิ้มตรงอื่นอีก โอ๊ย!! คนจะนอนโว้ย
“พี่รัน!”
“ครับ” คนข้างตัวผมยิ้มหวานไม่สะทกสะสะท้าน
“ผมจะนอน พี่อย่ากวนได้มั้ย”
“พี่ไม่ได้อยากกวน แต่พี่อยากให้นิลพิงไหล่พี่ไม่ใช่พิงกระจกเครื่องบิน” เอ่อ... เจอไม้นี้เข้าไปผมก็ใบ้รับประทาน ระหว่างที่ผมกำลังอ้ำอึ้งอยู่ พี่รันมันก็เลยจับหัวผมเอนไปซบบ่ามันพอดี

น่ารักอ้ะ!

ถุ้ยยยยย!

“ฮื้ม ไม่เอา เดี๋ยวคนอื่นมอง” ผมพยายามดันตัวเองออกห่าง แต่พี่รันมันก็จับบ่าผมแน่นยังกับตีนตุ๊กแก
“ช่างหัวคนอื่นสิครับ”
“พี่หน้าด้านจัง” ผมเบ้ปาก
“นิลน่ารักจัง” แอร๊กกกกก ผมโดนจุ๊บ พี่รันพูดจบมันก็เอาปากมาแตะกับปากผมทันทีไม่ให้ตั้งตัว หน้าผมมันร้อนผ่าวโดยอัตโนมัติ จากที่ง่วงๆก็พลันตาสว่าง หัวใจผมเต้นแรงจนจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้วไอ้บ้าพี่รัน
เพียะ
ผมตบปากพี่รัน แต่มันก็ยังยิ้ม สงสัยจะตบเบาไป
“ถ้าตบอีกทีพี่จะจูบให้สลบ” ฮึ้ยยยยย ไอ้คนหน้าด้านนน สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายยอมแพ้มันครับ
“หึหึ” เกลียดดดด ผมเกลียดเสียงหัวเราะของมันนนนนนน


ผมยังคงไม่ยอมพูดกับไอ้พี่รันจนเครื่องลง จนออกจากเกต จนได้เจอกับแม่ที่มารับ แม่ผมสวยผุดผาดแบบที่เรียกว่าราศีเจ้าสาวจับ หน้าขาวจั๊วะ ปากแดงแจ๊ด น่ารักจริงๆเลยแม่ผม
“Hi! Eric.” ผมหันไปยิ้มทักทายกับผู้ชายข้างหลังแม่ ตั้งใจจะยื่นมือไปสัมผัสตามธรรมเนียมแต่คุณฝรั่งตัวโตก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่นและตบบ่าผมดังปั้กๆ

ครับ ดังปั้บๆจนสะเทือนไปทั้งตัวเลยครับ

แต่สำหรับพี่รันคงเป็นแค่การตบดังปุๆ

ใช่สิ ผมมันอ่อนแอนี่ หึ...

ที่บ้านของแม่และเอริคเพิ่งปรับปรุงใหม่ บ้านปูนหลังเก่าริมชายหาดในคอร์นวอลล์ สีขาวที่ฉาบอยู่ภายนอกหลุดร่อนไปตามกาลเวลา บานหน้าต่างสีฟ้าที่ซีดเพราะปะทะกับสายลมและแสงแดดริมทะเลมานานปี แต่มันกลับทำให้สถานที่นี้ดูอบอุ่นเหลือเกิน บ้านเก่าที่บ่งบอกประวัติอันยาวนานหลายชั่วอายุคน เอริคเป็นคนจากครอบครัวขนาดใหญ่ที่สมาชิกในครอบครัวล้วนตายจากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสิบกว่าปีก่อน บ้านหลังใหญ่นี้อยู่คนเดียวคงเหงาน่าดู แต่เมื่อมีแม่จ๋าของผมมาอยู่ด้วย บรรยากาศก็สดใสขึ้นจมหู
“นิลนอนห้องนี้นะลูก” แม่พาผมมาในห้องนอนสีขาวที่มีหน้าต่างสูงจรดเพดาน เตียงกว้างขวางคลุมด้วยผ้านวมหลายชั้นน่าพุ่งตัวเข้าไปนอนซุกเป็นอย่างยิ่ง
“เอ๊ะ พี่รันละครับแม่” ผมมองหาปลิงข้างตัวที่หายหัวไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“อ๋อ เขากำลังคุยกับเอริคเรื่องบ้านหลังนี้แหละจ้ะ ตามประสานักออกแบบน่ะ” อ้อ ใช่ครับ บ้านหลังนี้สวยขนาดนี้ ไอ้พี่รันมันคงตาลุกวาวแหละ

แม่ปล่อยให้ผมเก็บข้าวของเข้าตู้เสื้อผ้า พอผมทำธุระเสร็จจึงได้ลงไปชั้นล่าง ยังเห็นไอ้พี่รันคุยกับเอริคไม่เลิก แหม อิจฉาคนพูดภาษาอังกฤษได้เป็นไฟจังเว้ย ผมเองยังไม่สามารถคุยกับเอริคได้ยืดยาวขนาดนั้นเลย
“พี่รัน เอากระเป๋าไปเก็บก่อนสิ” ผมสะกิด
“นิลเก็บให้พี่หน่อยนะครับ เอาไปไว้ห้องนิลก่อนก็ได้” ครับ... ยังไม่ทันแต่งงานก็ออกลายเสียแล้ว พอเจอของถูกใจเข้าหน่อยก็ไม่ละมือกันเลย ผมจึงต้องจำใจยกกระเป๋าพี่รันไปไว้ที่ห้องผมก่อน

“แม่ทำอะไรครับ” ผมโผล่หน้าเข้าไปในครัว
“แม่ว่าจะทอดมันฝรั่งกับปลาให้พวกหนุ่มๆเขากินก่อนจ้ะ” ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปเปิดเตา ตั้งกระทะ เทน้ำมันลงไป และหยิบมันฝรั่งที่แม่ผมหั่นไว้ทั้งแบบเส้น แบบแผ่นลงกระทะทอด
“นี่ นิลไม่คิดจะมาอยู่กับแม่บ้างเหรอ” จู่ๆแม่ก็โพล่งขึ้นมาทำเอาผมชะงัก คนบางคนอาจจะดีใจจนเนื้อเต้นถ้ารู้ว่าตัวเองมีโอกาสได้มาอยู่เมืองนอก แต่นั่นย่อมไม่ใช่คนอย่างผมแน่นอน
“ตอนนี้เรามีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะลูก”

กึก

ผมกัดริมฝีปากแน่น ยิ่งกัดแรงยิ่งดี เอาให้มันรู้สึกเจ็บมากๆเลย ไอ้น้ำตาที่มันกำลังจะร่วงมันจะได้ไหลย้อนกลับเข้าไปให้หมด

ผมจะมาอยู่เป็นขวากหนามในชีวิตแม่ทำไม แม่กำลังจะแต่งงาน แม่กำลังจะได้มีความสุขชดเชยที่เคยขาดไปเมื่อก่อนนั้น แม่ที่ทำเพื่อผมมาอย่างมากมายเหลือเกินคนนี้

ผมอยากให้แม่มีความสุข...


“เอาไว้นิลจะลองคิดดูครับ” สุดท้ายผมก็ตอบแม่ไปด้วยรอยยิ้มและประโยคแบบเดิมๆ...


......
....
...

..
.
..
....
.


“ไม่เป็นไรนะ ร้องออกมาจนกว่าจะพอใจเลยครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มปลอบประโลมชวนให้ผมสะอื้นหนักขึ้น ผมร้องไห้มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่น้ำตามันก็ยังไม่เหือดแห้งสักที
“ฮึก.. นิลอยากอยู่กับแม่ อยากอยู่กับแม่ที่สุด แต่... แต่...”
“ครับ พี่เข้าใจนะ ไม่เป็นไรนะครับ” ผมซุกหน้าเข้ากับบ่าพี่รัน น้ำหูน้ำตาไหลเยิ้มจนเสื้อพี่รันเปียกแต่เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าสนใจ นอกจากจะขะมักเขม้นกับการกอดปลอบผมเอาไว้
“ฮือ.... ฮึก...” การร้องไห้ที่ทุเรศที่สุดในชีวิตผมคือร้องไห้ไปสะอึกไปในอ้อมกอดของพี่รัน และนั่นส่งผลให้ยามเช้าของผม... อยู่ในสภาพที่ผมกำลังจะบอกต่อจากนี้...


ผมลุกขึ้นมาบนเตียงนอนฟูนุ่มสีขาว แสงแดดจากหน้าต่างบานสูงที่ผมชอบส่องเข้ามาภายในห้อง เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นชายหาดและน้ำทะเลสีฟ้าอยู่ไกลๆ บรรยากาศอันน่าสุนทรีย์แบบนี้คงทำให้ผมตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขได้มากกว่านี้ ถ้า...

“ไอ้พี่รัน!!”

เสียงสิบแปดหลอดของผมทำให้คนที่กำลังนอนฝันหวานไม่ใส่เสื้อแสงเอาแขนพาดบนอกผมอย่างสบายใจสะดุ้งตื่น
“ครับ มีอะไรครับ นิลเป็นอะไรหรือเปล่า”
ผมกัดฟันมองไอ้หล่อที่ถือวิสาสะจับเนื้อจับตัวผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงที่ต้นแขนล่ำนั่นดังเพียะสนั่นห้อง
“โอ๊ย เป็นอะไรแต่เช้าครับนี่”
“ยังจะมาถามอีก ทำไมถึงมานอนในห้องนี้ได้ห๊ะ”
“อ้าว ลืมซะงั้นอ่ะ”
“อะไรเล่า อย่ามาฉวยโอกาสกับผมนะ”
“ทำไมใช้ ‘ผม’ กับพี่แล้วละครับ ทีเมื่อคืนยัง ‘นิลอย่างโง้น นิลอย่างงี้’ กับพี่อยู่เลย” คนหล่อทำสีหน้าโอดครวญได้ตอแหลที่สุด
“เฮ้ย พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ย ออกไปจากห้องผมเลยนะ ไปๆ” ผมผลักพี่รันลงจากเตียงให้เดินไปหน้าประตู และไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อปาไล่หลังเจ้าของมันไปด้วย ผมรีบปิดประตูก่อนที่ไอ้พี่รันมันจะแทรกตัวเข้ามาได้ หึหึ ฝันไปเถอะ พี่ไม่มีทางได้เห็นหรอกว่าตอนนี้ผมหน้าแดงขนาดไหน

เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผมนอนกับพี่เมื่อคืนนี้ขึ้นมา...

‘แม่ง... อายว่ะ..’ พึมพำเงียบๆกับตัวเองคนเดียวข้างหลังประตู โดยที่ไม่รู้ว่าคนอีกคนด้านนอกก็ยืนอมยิ้มพิงประตูอยู่เช่นเดียวกัน...


วันนี้กิจกรรมทั้งวันของผมคือโดนท่านแม่ลากไปโน่นมานี่ ทั้งไปติดต่อบริษัทจัดงานเลี้ยง ลองชุด พาผมไปช๊อปปิ้ง ฯลฯ ซึ่งดูไปแล้วผมว่าก็น่าจะเหนื่อยพอทน ตอนแรกเอริคบอกว่าจะมาขับรถให้ แต่แม่อยากมากับผมตามประสาแม่ๆลูกๆ เอริคเลยต้องอยู่โยงเฝ้าบ้านกับพี่รัน โดยที่แม่สัญญาว่าจะซื้อสโคนเจ้าประจำกลับไปฝาก
“เดี๋ยวแม่จะไปนวดหน้าด้วย นิลไปนั่งรอแม่นะลูก”
ผมพยักหน้ารับชะตากรรมของตัวเองแบบเซ็งๆ โชคดีที่ตัวเองเอากล้องถ่ายรูปตัวโปรดติดมาด้วยก็เลยถ่ายโน่นนี่ฆ่าเวลาไปพลางๆ พอแม่ทำธุระเสร็จก็เย็นแล้ว
“นิลหิวแล้วอ่ะแม่”
“จ้าๆ เดี๋ยวตอนกลับก็นั่งกินสโคนบนรถไปก่อนเนอะ”
ตอนนี้ในมือผมก็เลยมีสโคนนุ่มชุ่มครีมอยู่หนึ่งอัน เพิ่งออกจากเตาร้อนๆเลยนะครับแหม่ ให้กินแทนข้าวยังได้เลยนะครับ

พอผมกับแม่มาถึงบ้านก็เห็นเอริคและพี่รันกำลังหวดปิงปองกันอย่างเมามัน ดูจากสภาพที่เหงื่อไหลโทรมกายและสีหน้าเคร่งเครียดทุกครั้งที่ลูกปิงปองหล่นจากโต๊ะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว...

คงจะบ้าเล่นกันมาทั้งวัน...

“อื้อหืม ทานอะไรกันบ้างหรือยังจ๊ะหนุ่มๆ” แม่ผมที่เดินเข้ามาก็ผงะกับไอร้อนระอุในห้องนี้เช่นเดียวกัน สองชายในห้องที่กำลังโต้ปิงปองอย่างดุเดือดจึงได้ทีวางไม้ลง
“วันนี้แม่ว่าจะทำสเต๊ก รันทานเนื้อวัวได้หรือเปล่าจ๊ะ”
“ได้ครับ ผมทานได้ทุกอย่าง” พี่รันยิ้มหวานให้แม่ผมจนเอริคหนวดกระตุก(แม้ว่าเอริคจะไม่มีหนวดก็ตามที)
“Honey, Would you know where’s my lighter?” เอริคเดินแทรกเข้ามาระหว่างพี่รันกับแม่ แล้วเดินโอบเอวแม่ผมเดินกระหนุงกระหนิงกันไปสองคน
เฮ้อ เห็นเขาหวานชื่นกันแบบนี้แล้วจะให้ผมมาอยู่เป็นกอขอคอได้ยังไงเล่า...
“วันนี้ไปทำอะไรมาบ้างครับ” ผมหันไปมองไอ้คนที่เปลี่ยนเป้าหมายจากการฉอเลาะแม่ มาเป็นยืนยิ้มประเหลาะอยู่ข้างผมแทน
“ก็...  ไปนั่งรอแม่นวดหน้า ไปลองชุดเป็นเพื่อนแม่ ไปซื้อของใช้ ฯลฯ” ผมพูดไปก็นับนิ้วไป ผู้หญิงช่างเป็นเพศที่อัศจรรย์เหลือเกินที่สามารถไปนู่นมานี่หลายๆที่ได้ภายในวันเดียว
“อือฮึ” พอผมร่ายจบ หันมามองหน้าพี่รันก็เห็นเจ้าตัวนั่งอมยิ้มจึงอดไม่ได้เผลอกวนตีนไปหนึ่งดอก
“บ้าป่าวพี่ นั่งจ้องหน้าผมแล้วยิ้ม”
“ถ้าพี่บ้า ก็บ้ารักละวะ”
“ฮึ้ย จะอ้วก พูดจาอะไรน้ำเน่าชิบเป๋ง”
“แหม น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคน”
“โอ๊ย ไม่ไหวละ ผมขอไปหาอากาศหายใจไกลๆพี่หน่อยดีกว่า” ผมลุกหนี
“พี่ไปด้วยสิ”
“เอ๊ะ ก็ผมบอกว่าอยากไปไกลๆพี่ ถ้าพี่ตามผมมาด้วยก็ไม่มีความหมายสิ”
“จะอยากไปไกลๆพี่ทำไมละครับ แค่เอาหัวใจนิลไปไกลจากพี่ยังไม่พอ ยังจะเอาตัวไปไกลอีก” กรี๊ดดดดด กูจะบ้า ผมอยากจิกทิ้งหัวตัวเองแล้วกรีดร้องให้ลั่นบ้าน บ้าให้สาสมกับความหน้าด้านของคนๆนี้
“เลิกใจร้ายกับพี่สักทีเถอะครับ ทั้งๆที่พี่เองก็คลั่งนิลขนาดนี้” สองแขนของพี่รันยกขึ้นสวมกอดเอวผมจากด้านหลัง ผมรับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่กดลงมาบนบ่าของผม และเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู
“คนดีของพี่” หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นตึกตักจนผมกลัวว่าพี่รันจะจับได้

ผมกัดริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว ก้มหน้าจนคางแทบจรดอก คิ้วทั้งสองข้างขมวดแน่นเพราะต้องข่มใจตัวเองสุดชีวิต...

ไม่ให้หันไปกอดตอบเขาที่แสนอ่อนโยนคนนี้...

ตัวผมที่ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนแบบนี้จากผู้ชายคนไหนกำลังเผลอไผลไปกับความใจดีของเขา ผมจะเคยชินกับสิ่งที่ได้รับมานี้ไม่ได้ หากไม่อยากเจ็บอีกครั้ง ก็ต้องไม่พาตัวเองกระโจนลงไปในวังวันของสิ่งที่เรียกว่า ‘รัก’ ถึงแม้ว่าอ้อมกอดจากใครสักคนจะเป็นสิ่งที่ผมโหยหาและอยากจะตอบรับกลับไปอย่างสุดหัวใจ แต่มันก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกั้นขวางไว้ให้ผมไม่กล้าที่จะทำอย่างใจคิด หัวใจเจ้ากรรมทั้งที่สั่นไหวเวลาอยู่ใกล้ใครคนนี้ หัวใจเจ้ากรรมที่สูบฉีดเลือดจนใบหน้าของผมร้อนผ่าวยามที่เขาสัมผัส หัวใจเจ้ากรรมที่สิโรราบให้กับคนที่กำลังกอดผมราวกับผมเป็นยอดดวงใจของเขา...

“พี่รัน... ผมขอโทษ”

ผมดันตัวออกห่างจากเขาโดยไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง เพราะกลัวว่าจะเห็นสีหน้าผิดหวัง ทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นแววตาปวดร้าว และกลัวที่สุดคือใจตัวเอง ว่าจะโผเข้าหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้นและยึดมันไว้เป็นของตัวเองคนเดียว

เพราะผมเป็นคนที่โลภมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้... 


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ไม่ว่าจะให้กำลังใจหรือติชมนะคะ
คอมเมนท์ของคนอ่านเป็นกำลังใจชั้นเลิศสำหรับคนเขียนจริงๆค่ะ
  :o8:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 5 วันที่ 29/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-01-2014 18:28:43
ถ้านิลว่าพี่รันเค้าดี ก็อย่าปิดกั้นตัวเองเลยนะ  :katai2-1:
ให้กำลังใจคนเขียน กอดๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 5 วันที่ 29/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-01-2014 19:02:06
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 5 วันที่ 29/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 30-01-2014 01:32:46
เพียงแค่คุณลองเปิดใจ (เหมือนสโลแกนอะไรซักอย่าง555555)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :L1:

รอลุ้นน้องนิลพี่รันว่าเมื่อไหร่น้องนิลจะเปิดใจ  :impress2:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 5 วันที่ 29/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-01-2014 01:43:11
พี่รันอย่าเพิ่งท้อนะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 5 วันที่ 29/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 30-01-2014 17:32:34
อยากให้หาคู่ให้ฟ้าใหม่หน่อยสิ

ไ่ม่เอาไอ้เชี่ยเลนะ ไม่ชอบนิสัยเลย

ทำไมคนถึงคิดว่าการไปนอนกับคนอื่นทั้งๆที่

มีแฟนอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายอ่ะ

เพราะแบบนี้ไงมันถึงได้ใจ คิดว่าแค่ใช้ระบายอารมณ์เฉยๆไม่ผิด

แล้วทำไมไม่ยับยั้งชั่งใจเลย โคตรเกลียดเลยผู้ชายสันดารร่านเนี่ย ชิส์ :katai1:

ส่วนคู่นิลไม่รู้มีปมอะไร แต่ถ้าเป็นเราๆจะให้รันไปบอกครอบครัวก่อนเลยว่าถ้าตัวเองจะมี

แฟนเป็นผู้ชายจะว่ายังไง คือเกริ่นก่อนแล้วค่อนคบ55555+++

จะได้หมดปัญหา เพราะถ้าครอบครัวรันมีหน้ามีตาในสังคม

คงต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 5 วันที่ 29/01/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 30-01-2014 21:08:57
เรื่องละเมียดมากครับ
อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าคนแต่งตั้งใจแต่งมาก
หัวข้อ: Chapter : 6 [ผู้หญิงที่ผมรัก]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 03-02-2014 17:28:57
Chapter : 6 [ผู้หญิงที่ผมรัก]


ผมนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงตามลำพังในห้องที่มืดสนิท แต่เพราะคืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง จึงมีแสงจันทร์ลอดผ้าม่านส่องเข้ามาถึงในห้อง ผมผุดลุกขึ้นมานั่งนิ่งอยู่ตรงขอบเตียง  ในหัวนึกถึงเรื่องราวเมื่อนานมาแล้ว

สมัยที่ผมเพิ่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นเกย์ นั่นมันนานหลายปีมาแล้วมั้ง ตอนนี้ผมอายุยี่สิบ รู้ว่าตัวเองเริ่มชอบผู้ชายตอนม.1 เออ...เจ็ดปีพอดีแฮะ... 

นอกจากเรื่องที่รู้ว่าตัวเองเริ่มเป็นเกย์ตอนไหน ก็ยังมีเรื่องของคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่า ‘รัก’ และ ‘อกหัก’ เป็นครั้งแรก...


‘นิล เราชอบนิลนะ’

ใบหน้าที่ติดจะคมเข้มตามประสาลูกเสี้ยวละตินผสมเม็กซิกันกำลังยืนทำสีหน้าจริงจังตรงหน้าผม เพื่อนร่วมห้องคนที่ผมแอบชอบเขามานานแล้ว...

‘โจ’ เป็นนักกีฬาหนุ่มฮ็อตของโรงเรียนชายล้วนแห่งนี้ ผู้ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตกอยู่สายตาของเพื่อนร่วมโรงเรียนเสมอ และโจคนนี้ก็มาบอกว่าชอบผมที่เป็นคนเงียบๆ ไม่ใช่คนที่ชอบสุงสิงกับใครสักเท่าไร

‘คือ... เราก็ชอบโจเหมือนกัน’

สาบานได้เลยว่าถ้าตอนนั้นผมไม่ได้หน้ามืดตามัวเพราะดีใจที่โจมาบอกชอบ ผมคงสะกิดใจแล้วว่าสีหน้าของเขาตอนที่ผมบอกว่าชอบเขากลับนั้นมันดูทะแม่งๆ จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะช็อกก็ไม่เชิง สีหน้าเหมือนคนที่กล้ำกลืนสุดชีวิต

ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ผมคบกับเขา ทุกครั้งที่ผมพยายามเอื้อมมือไปสัมผัสกับมือของเขา สิ่งที่ผมได้กลับมาคืออาการสะดุ้ง อันที่จริงมันก็มีบ้างบางครั้งที่เขาเป็นฝ่ายจับมือผมก่อน แต่มันก็ดูฝืนๆอย่างบอกไม่ถูก แม้กระทั่งจูบแรกของผม...

‘เรารักนิลนะ’

คุณเชื่อไหมว่าตอนนั้นผมดีใจจนน้ำตาคลอ คำว่ารักมันบดบังสติของผมไปจนหมดสิ้น ผมยอมรับว่ามีความสุขจนไม่คิดทบทวนไตร่ตรองอะไร และยิ่งสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากนั่นอีก ทำให้ผมมอบหัวใจให้โจไปจนหมด

แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ทุกสิ่งเปลี่ยนไปจนผมตั้งตัวไม่ทัน เวลาที่เราอยู่ในห้องเรียน โจจะมีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังจนผมเข้าไม่ถึง และถ้าหากผมจะเข้าไปคุยกับเขา เขาก็จะลุกหนีไปที่อื่นทันที นั่นยังไม่รวมถึงสายตาแปลกๆที่พวกเพื่อนคนอื่นมองผม...


‘คืองี้นะนิล เราจบกันแค่นี้ได้มั้ย’

‘โจหมายความว่ายังไง?’

‘คือเรื่องระหว่างเราน่ะ พอแค่นี้เถอะนะ’

‘เรา... เราตามไม่ทัน ทำไมจู่ๆ...’

‘นิล เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่จริงหรอก’ เสียงโจฟังดูหงุดหงิด ‘ขอโทษนะที่หลอกนิล’

‘หลอก...’ ผมอึ้ง

‘โทษทีนะ พวกเราก็แค่พนันกันเล่นๆ’ เพื่อนในกลุ่มของโจที่ชอบมองผมแบบแปลกๆเดินเข้ามาพร้อมกันราวกับนัดกันไว้

‘ที่จริงแล้วเราจะพุ่งเป้าหมายไปที่คนอื่นก็ได้ แต่นายดูหลอกง่าย และก็มีท่าทีว่าจะชอบไอ้โจพอสมควร’ ผมหันไปมองหน้าโจตอนที่ประโยคนี้ผ่านเข้ามาในหู เขาไม่สบตา ไม่มอง ไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย กระทั่งความสำนึกผิดยังไม่มีปรากฎบนสีหน้าเขาสักเสี้ยวเลย...


น้ำตาผมกำลังจะไหล...


‘ทุกอย่างที่ทำ... ก็โกหกหมดเลยเหรอ’ ผมถามโจ

‘อืม’

‘แล้ว... จูบนั้นละ’

‘เหอะ อย่าไปพูดถึงมันเลย เราไม่อยากนึกถึง’ โจพูดด้วยสีหน้าพะอืดพะอมสุดชีวิต ราวกับกำลังนึกถึงเรื่องโสโครกบัดซบที่สุดในชีวิตของเขา

‘เอ้า ไอ้เหี้ยโจ มึงเอาไป’

‘เฮ้อ เซ็งว่ะ อ้ะ นี่ของกู’ บรรดาเพื่อนของโจควักเงินให้โจคนละหลายใบด้วยสีหน้าหงุดหงิด

‘กูนึกว่ามึงจะยากกว่านี้สักหน่อย เซ็งเลยแม่ง’ เพื่อนคนหนึ่งของโจเดินมาเอามือผลักหัวผม

‘หึหึ กูจะได้ลบรูปนี้สักที เดี๋ยวแฟนกูมาเห็นละซวยเลย’

‘เฮ้ย เอาให้ไอ้นิลดูก่อนดิวะ’

โจแค่นยิ้มก่อนจะยื่นโทรศัพท์ของเขามาตรงหน้าผม รูปตอนที่เขาจูบผมโชว์หรา


‘ไม่ต้องห่วง เราลบทิ้งละ เก็บไว้ก็อุบาทว์ลูกตา’

‘อ้อ แล้วก็อย่าโกรธกันเลยนะ นี่เราแบ่งให้นิลแล้วกัน’ โจยัดแบงค์สีเทาใบหนึ่งใส่มือผม แล้วพวกมันก็เดินจากไป เหลือเพียงตัวผมที่ยืนนิ่งงันอยู่ตามลำพัง


เจ็บชิบเป๋ง...


‘ฮึก...’ น้ำตาหยดโตที่ร้อนผ่าวไหลมาตามแก้มผม เช็ดเท่าไรเท่าไรมันก็ไม่หมด ผมทรุดตัวลงนั่งคุดคู้อยู่ตรงนั้นนานเท่าไรก็จำไม่ได้ จนกระทั่งเลิกเรียนผมจึงขึ้นไปเอากระเป๋าในห้องเรียนที่ไม่มีคนอยู่

ตอนนั้นคนที่ผมคิดถึงที่สุดคือแม่

ผมซุกหน้าร้องไห้ที่ตักแม่อยู่นานเท่าไรก็จำไม่ได้ ปากพร่ำบอกแค่ว่าขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวังบวกกับความเศร้าเสียใจที่ตัวเองโง่เหมือนหมา จนกระทั่ง... ผมเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าแม่กำลังมีน้ำตาไหลอาบแก้ม
‘แม่ แม่ร้องไห้ทำไม’ ผมละล่ำละลักถาม น้ำตาเหือดแห้งในทันที
‘แม่ขอโทษนะลูก... ที่แม่ช่วยอะไรนิลไม่ได้เลย’
‘ไม่ๆ แม่ไม่ผิด แม่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ’
‘บางที... ถ้าแม่รักษาครอบครัวเราไว้ได้ นิลก็คงมีพ่อ มีคนที่อาจจะช่วยนิลแก้ปัญหาได้’
‘ไม่ครับแม่ นิลไม่ต้องการใคร นิลรักแม่ นิลมีแม่คนเดียวก็เกินพอแล้วนะ’ ผมโผเข้ากอดแม่แน่น ตอนนั้นความเศร้าที่โดนหลอกด้วยเรื่องพนันกินตังค์มันหายไปจนหมดสิ้น ความรู้สึกที่มีให้ไอ้โจก็ไม่เหลือเช่นกัน เมื่อมาเจอกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนตรงหน้าผมนี้
‘เข้มแข็งนะลูก อย่าคิดว่าเราตัวคนเดียวรู้ไหม ยังไงนิลก็ยังมีแม่อยู่เสมอ’ ใบหน้าหวานของแม่ที่ดูสาวกว่าตอนนี้(ฮา)ลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา สายตาของแม่เจ็บปวดยิ่งกว่าตัวผมหลายเท่านัก และนั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าแท้จริงแล้ว..

คนที่ผมรักที่สุดและเป็นเจ้าของหัวใจของผมนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือแม่ของผมเอง

ผมอยากให้แม่มีความสุข..

ดังนั้น ผมต้องไม่สร้างปัญหาให้แม่หนักใจ และต้องไม่เสียใจให้แม่เห็น เพราะหากผมเจ็บ แม่คงเจ็บกว่าเป็นพันเท่า แม้ว่าคนๆนั้นจะดีสักเท่าไรก็ไม่ใช่สิ่งที่การันตีได้ว่าจะไม่ทำให้ผมเสียใจ ในชีวิตนี้ผมไม่อยากจะเชื่อใจใครอีกแล้ว ผมขอมอบหัวใจของผมให้กับผู้หญิงคนนี้ที่ผมรักที่สุดเพียงคนเดียว...


ในที่สุดก็ถึงเช้าวันงาน พี่รันตื่นมาเช็คสถานที่จัดงานซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหน หสวนในบ้านของเอริคนั่นแหละ ส่วนตัวผมก็ไปช่วยแม่ดูแลเรื่องอาหารการกิน ส่วนว่าที่บ่าวสาวก็ให้ไปแต่งตัว แม่ขอแรงเพื่อนๆของแม่ที่นี่ให้มาช่วยกันทำขนมและอาหารเล็กๆน้อย ส่วนพวกโต๊ะเก้าอี้ และอุปกรณ์ต่างๆขอยืมมาจากร้านอาหารของเพื่อนเอริค เรียกว่าทุกอย่างนี้เป็นฝีมือของเพื่อนฝูงมาช่วยกันคนละไม้คนละมือทั้งสิ้น ทำเอาผมแปลกใจมากว่าฝรั่งที่นี่มีน้ำใจผิดจากในทัศนคติของผมอย่างสิ้นเชิง

“นิล พี่หิว” พี่รันชะโงกหน้าเข้ามาประตูด้านหลังของห้องครัว ผมพยักหน้าแล้วหยิบแก้วกาแฟกับมัฟฟินฝีมือของผมไปหนึ่งอัน
“ป้อนๆ” พี่รันยกมือสองข้างของเขาให้ผมดู เศษดินเขลอะเต็มไม่เต็มมือไปหมด ผมส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจแล้วบิมัฟฟินเป็นชิ้นเล็กใส่ปากพี่รัน
“อร่อยจังครับ” ความเขินเข้าจู่โจมผมแบบฉับพลัน รู้สึกได้เลยล่ะว่าหน้าขึ้นสี ไม่ๆ ผมพยายามบอกตัวเองว่าจะต้องไม่หวั่นไหวเด็ดขาด
“เขินเหรอ”
“เฮ้ย” ผมร้องเสียงหลงเมื่อไอ้พี่รันเอานิ้วมาจิ้มแก้มผม ก็นิ้วมันเปื้อนขี้ดินนี่หว่า ผมวางขนมลงบนโต๊ะและวิ่งไปส่องกระจกในห้องน้ำทันที
“แม่งงงงงงงง” เปื้อนจริงด้วยครับ เป็นปื้นเลย ผมหยิบกระดาษชำระจุ่มน้ำนิดหน่อยแล้วมาแตะซับเบาๆ ปากก็พร่ำด่าไอ้คนข้างนอกไปด้วย

แกร๊ก แกร๊ก

“I’m in here!” ผมตะโกนบอก ดีนะล็อกประตูไว้

แกร๊ก

พอผมเปิดประตูออกไปก็เห็นฝรั่งผมทองหน้าหล่อตัวโตคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เขายิ้มเก้อให้ผม
“Sorry, I don’t think someone in there.”
“Don’t worry.” ผมยิ้มกว้างให้เขา เรื่องแค่นี้หล่อๆแบบผมไม่เก็บมาถือสาอยู่แล้วครับ


“ไปไหนมาครับ” พี่รันยังคงนั่งอยู่ในครัว แต่มือเกลี้ยงแล้วแฮะ
“เช็ดหน้าสิ” ผมค้อนใส่
“เมื่อกี้คุณแม่มาตามหา บอกให้เราสองคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว” อือฮึ ผมพยักหน้ารับ แล้วทั้งผมและพี่รันก็เดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกัน

แม่ผมน่ารักที่สุด เตรียมชุดให้ทั้งผมและพี่รัน ของพี่รันเป็นเสื้อเชิ้ตสี่ขาวลงแป้งเรียบกริ๊บ กับไทค์สีแดงและสูทดำ เหยด ของอาร์มานี่เสียด้วย
ส่วนของผมน่ะเหรอ... สูทดำเหมือนกัน อาร์มานี่เหมือนกัน แต่คนละไซส์ และเชิ้ตผมเป็นสีขาว... ลายจุดสีแดงเล็กๆ และสายรัดกางเกง...

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“เสื้อนิลน่ารักจัง” ไม่รู้ทำไมประโยคนี้ของพี่รันถึงได้ฟังกวนตีนเหลือทน หรือมันจะเห็นสีหน้าช็อคโลกของผมแล้วก็เลยตั้งใจจะยั่วโมโห
“เฮ้ยๆ พี่ไม่ได้จะยั่วโมโหนิลนะครับ” อ๊ะ ไอ้นกรู้
“แล้ว?”
“นิลก็ลองใส่ดูก่อนสิ ถึงมันจะดูหน่อมแน้มไป แต่พี่ว่ามันเขากับนิลมากเลยนะ อีกอย่างธีมของงานก็คือสีแดงด้วย” พี่รันสาธยายยาวยืด แต่ก็นะ จริงอย่างที่มันว่า ลองใส่ก็ได้วะ

หลังจากที่ผมแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยแล้วก็น่าอัศจรรย์จริงๆครับ เสื้อเชิ้ตตัวนี้เหมาะกับผมอย่างไม่น่าเชื่อ ผมมองตัวเองในกระจกด้วยความพึงพอใจ มาอยู่นี่หลายวันเหมือนว่าผมจะขาวขึ้น ยิ่งทำให้รับกับผมสีดำขลับ แต่พอหันไปมองคนข้างๆ...

“มีอะไรครับ” พี่รันยิ้มหวาน สองมือกำลังผูกไทค์อย่างคล่องแคล่ว ใช่สิ ก็เขาเป็นคนวัยทำงาน เรื่องผูกเนคไทค์คงไม่ยากอะไรหรอก หึ หมั่นไส้ว่ะ
“ไหนมาจัดทรงผมหน่อยสินิล” พี่รันดึงผมให้ไปยืนตรงหน้าเขา สองมือจับปลายผมของผมทางโน้นทีทางนี้ที ผมก็เลยได้แอบมองหน้าไอ้พี่รันเต็มๆตา แง่ง... ทำไมมันหล่อแบบนี้นะ จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ตาสีอ่อน ผิวขาวเนี๊ยนเนียน
“หลงพี่แล้วละสิ” กลิ่นยาสีฟันเมนทอลอ่อนแตะจมูกผมตอนที่พี่รันอ้าปากพูด ผมผลักพี่รันออกทันที
“ฝันไปเถอะ” แล้วตัวผมก็รีบวิ่งหนีลงมาข้างล่างทันที ไอ้เสียงหัวเราะหึหึที่ดังแว่วมานั่นคงกำลังสนุกสนานมากเลยสินะไอ้บ้า

สวนด้านนอกจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โต๊ะถุกคลุมด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาว และเก้าอี้เหล็กดัดก็มีกุหลาบสีแดงพันเป็นลวดลายอยู่ด้านหลังอย่างประณีต ถัดไปตรงแถวๆชายทะเลจัดเป็นทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ และปลายทางเวอร์จิ้นโร้ดเป็นซุ้มดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว มีชายผ้าลูกไม้ประดับตรงขอบๆ ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้า อากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่งเหมาะสมกับวันดีๆแบบนี้เป็นที่สุด

พี่รันเดินมาสะกิดแขนผมแล้วชี้ที่นาฬิกาข้อมือของเขา เป็นอันรู้กัยว่าถึงเวลาแล้ว และบรรดาแขกเหรื่อก็เริ่มทะยอยกันมาที่บริเวณชายหาดแล้วด้วย

ผมเดินขึ้นไปบนบ้าน ระหว่างทางเดินผ่านเอริคที่ยกนิ้วโป้งให้ผมและพยักหน้าจริงจังกำลังเดินไปที่ปลายทางเวอร์จิ้นโร้ด ผมยิ้มขำเพราะสีหน้าเอริคดูตื่นเต้นมาก เหงื่อละแตกซิกเลย

ผมผลักบานประตูห้องแต่งตัวของแม่เข้าไป ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกกำลังยืนส่งยิ้มมาให้ผม ชุดเจ้าสาวสีขาวแบบเรียบไม่ฟูฟ่องพอดีตัว ทิ้งชายผ้ายาวลงมาจนถึงพื้น ช่วงไหล่ปาดดูเซ็กซี่ประดับด้วยคริสตัลเม็ดเล็กที่เป็นประกายระยิบระยับ ผมของแม่รวบเป็นช่ออยู่ตรงท้ายทอย แซมด้วยดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ
“มัวแต่มองอยู่นั่นแหละลูก” แม่พูดเขินๆ
“วันนี้แม่ของนิลสวยจังครับ สวยยิ่งกว่าเจ้าสาวคนไหนๆในโลกเลย”
“เด็กคนนี้” แม่ตีแขนผมเบาๆ ฮ่าๆ คงจะเขินน่าดู ผมเลยขโมยหอมแก้มแม่หนึ่งที คงจะมัวเล่นกันไม่เลิกละครับ ถ้าคริสซี่เพื่อนของแม่ที่พ่วงตำแหน่งช่างต่างหน้าจะไม่เร่งให้พวกเรารีบลงไป
“It’s too late.” คริสซี่เร่ง
“Thank you very much, Chrissey.” ผมหันไปพยักหน้าขอบคุณเธอ คริสซี่โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร และยังกำชับด้วยว่าเธอยินดีเป็นอย่างมาก
“She is my best friend forever.” คริสซี่ส่งท้าย และนั่นทำให้ผมส่งยิ้มที่กว้างกว่าเดิมให้เธอ


ถึงแม้ว่านี้จะไม่ใช่งานแต่งของตัวผมเอง แต่ผมกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ มือของเจ้าสาวจับอยู่ที่แขนของผม และผมเป็นคนพาเจ้าสาวเดินไปส่งเจ้าบ่าวที่ปลายทาง ผมรู้สึกได้ว่าแม่มือสั่นนิดๆ ยิ่งเราเข้าใกล้เวอร์จิ้นโร้ดเท่าไร ก็ดูเหมือนความตื่นเต้นยิ่งทบทวี
“ถ้าแม่วิ่งหนีไปตอนนี้ละ” แม่กระซิบ
“นิลก็จะไปอุ้มแม่กลับมาส่งให้เอริค” ผมตอบเบาๆ และได้ยินเสียงแม่หัวเราะ
“แม่อยากให้นิลมีความสุข”
“ตอนนี้นิลกำลังมีความสุขมากๆ”
“ไม่ใช่สิลูก แม่อยากให้นิลมีความสุข แบบที่แม่กำลังมีตอนนี้”
“...” ผมนิ่งคิด ก่อนจะตอบ “ตอนนี้นิลมีความสุขมากจนแม่อาจคิดไม่ถึงเลยก็ได้นะครับ”
“เฮ้อ... ลูกนี่นะ”
“เป็นเจ้าสาวอย่าถอนหายใจสิ เดี๋ยวรองพื้นย่นนะ” ผมแหย่
“เด็กบ๊อง” เราสองคนไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะมาถึงเวอร์จิ้นโร้ดแล้ว เสียงเพลงจากเปียโน เฮ้ย พี่รันเป็นคนเล่นซะงั้นอ่ะ นี่ใจคอมันจะทำเป็นทุกอย่างเลยหรือไง ไม่ๆ ตอนนี้ผมต้องไม่วอกแว่ก อย่าไปสนใจมันๆ


ผมพาแม่เดินมาจนสุดทาง เห็นสายตาแสนรักของเอริคที่ใช้มองแม่แล้วก็ตื้นตันบอกไม่ถูก ความสุขของแม่อยู่ที่ผู้ชายคนนี้ ต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นคนที่จะชดเชยความสุขทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาให้กับแม่
“This woman… is my love ,my heart and my soul.” ผมบอกเอริค เขาพยักหน้า และกอดผมแน่น ผมส่งมือแม่ให้เขาจับความรู้สึกเหมือนบางอย่างมันปลิดปลิวออกไปแสนไกล ผมทั้งใจหายระคนโล่งอก สารพัดความรู้สึกผสมปนเปจนแยกไม่ออก ผมถอยออกมายืนตรงที่ยืนของแขกในงาน คริสซี่ยื่นมือมาบีบบ่าผมเบาๆ ผมพยักหน้าให้และบอกกับเธอว่าผมไม่เป็นไร
“I knew you did everythings to makes your mother happy, even though sacrificed your happiness.” ผมสะอึกเมื่อได้ยินสิ่งที่คริสซี่พูด ‘ฉันรู้ว่าเธอทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ของเธอมีความสุข แม้กระทั่งยอมเสียสละความสุขของเธอเอง’

ผมตอบคำถามของคริสซี่ไม่ได้ หรือจะเรียกว่าเถียงไม่ออกก็คงได้ ผมเลี่ยงเดินออกมาจากตรงนั้นและมาหยุดยืนข้างพี่รัน

“อยากได้ดอกไม้ไหมครับ” พี่รันกระซิบถาม
“เขาเอาไว้ให้ผู้หญิงเหอะ” ผมกัดฟันตอบ อยากจะซัดสักผัวะ แต่แล้วก็เพิ่งสังเกตได้ว่าพี่รันไม่ได้เล่นเปียโนแล้ว แต่มีเสียงเมโลดี้อะไรใสๆดังขึ้นแทน พอมองไปรอบๆก็เห็นฝรั่งคนที่ผมเจอหน้าห้องน้ำกำลังเล่นพิณแก้วอยู่ โอ้โฮ เขาเล่นเก่งชะมัดเลย
“ชอบเหรอ มองใหญ่เลยนะ” ผมหันไปมองคนพูดเพราะเหมือนเสียงเจ้าตัวฟังดูเคืองๆ และก็ไม่ผิดไปจากที่คิด เมื่อผมเห็นว่าหน้าเขาก็หักพอกัน
“ชอบดนตรี ไม่ได้ชอบคน” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดแบบนั้น พอเห็นไอ้พี่รันกลับมายิ้มกว้างเหมือนเดิมผมก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ

“Eric, will thou have this woman to thy wedded wife, to live together according to God's law in the holy estate of matrimony? Will thou love her, comfort her, honour and keep her, in sickness and in health; and, forsaking all other, keep thee only unto her, so long as ye both shall live?”
เอริค คุณจะรับสตรีผู้นี้เป็นภรรยาตามกฎหมาย จะรัก จะครองคู่ตามกฎอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าในสถานะสมรสหรือไม่ คุณจะรักเธอ คุ้มครองเธอ ให้เกียรติเธอและไม่ทอดทิ้งเธอ ไม่ว่าในยามป่วยไข้และยามทุกข์ ทะนุถนอมเธอไม่ว่าการณ์ใดๆ จะอยู่ครองคู่กันไปตราบชีวิตจะหาไม่หรือไม่

“I will.” เอริคตอบด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ

“Panrawee, will thou have this man to thy wedded husband, to live together according to God's law in the holy estate of matrimony? Will thou love him, comfort him, honour and keep him, in sickness and in health; and, forsaking all other, keep thee only unto him, so long as ye both shall live?”
ปานระวี คุณจะรับบุรุษผู้นี้เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะครองคู่ตามกฎอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าในสถานะสมรสหรือไม่ ท่านจะรักเขา จะคอยปลอบโยน จะให้เกียรติและไม่ทอดทิ้งเขาแม้ในยามป่วยไข้ ยามทุกข์ จะอยู่ครองคู่กันไปตราบชีวิตจะหาไม่หรือไม่
“I will.”


ผมเฝ้ามองพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ตรงหน้าพลางเม้มปากไว้แน่นไม่ให้เสียงสะอื้นน่าอายเล็ดลอดออกมา พี่รันยกแขนขึ้นโอบไหล่ผมไว้และดึงให้ผมพิงเขา เสียงคำสาบานจากปากของอริคที่สัญญาต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าประหนึ่งคำมั่นว่าจะดูแลผู้หญิงที่ผมรักเท่าชีวิต และ ณ ขณะนั้น ผมหวนนึกถึงคำที่คริสซี่บอก และใบหน้าของแม่ยามที่เพียรพยายามบอกให้ผมยอมเปิดใจให้กับสิ่งที่เรียกว่าความรักอีกครั้ง

ยามที่บาทหลวงประทานพรแก่แหวนและเอริคสวมแหวนตรงนิ้วนางข้างซ้ายให้กับแม่ก่อนจะสาบานอีกครั้ง
“ด้วยแหวนที่ผมสวมให้ในพิธีแต่งงานนี้ แสดงถึงความซื่อสัตย์ และร่วมสุขทั้งมวลที่ผมมีกับเธอ ในนามของพระผู้เป็นเจ้า พระบุตร และวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง เอเมน”

แขกเหรื่อทุกคนในงานยืนตรง และร่วมกล่าวคำอธิษฐานให้แก่คู่บ่าวสาว

“O Eternal God, Creator and Preserver of all mankind, giver of all spiritual grace, the author of everlasting life: send thy blessing upon these thy servants, this man and this woman, whom we bless in thy name; that, living faithfully together, they may surely perform and keep the vow and covenant betwixt them made, whereof this ring given and received is a token and pledge; and may ever remain in perfect love and peace together, and live according to thy laws; through Jesus Christ our Lord. Amen.”
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ผู้สร้างโลก ผู้คุ้มครองผองมนุษย์ ผู้ครองคุณงามความดี และผู้เป็นนิรันดร์ ได้โปรดประทานพระพรให้แก่คนทั้งสองนี้ แก่บุรุษและสตรีผู้ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายได้อวยพรในนามของพระองค์ ให้คนทั้งสองซื่อสัตย์ต่อกันและกัน ให้ทั้งสองยึดมั่นในพันธะสัญญาที่ได้ทำร่วมกัน โดยมีแหวนวงนี้เป็นสักขีพยาน ขอให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ขอพระบุตรแห่งพระบิดาโปรดประทานพระพร เอเมน

“ขอให้พระผู้เป็นเจ้า พระบุตรและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง จงปกปักรักษา ประทานพระพรและประทานพระเมตตาแด่คุณทั้งสอง ให้ทั้งสองได้ประสบโชค ประสบสุขและให้ครองคู่กันฉันสามีภรรยา ไปตราบกัลปาวสาน เอเมน”

และสุดท้าย หลังจากบาทหลวงประทานพรให้แก่เอริคและแม่ เสียงปรบมือและเสียงเปียโนก็ดังขึ้นอีกครั้ง แม่และเอริคจูบกันเนิ่นนาน ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าผม คนเล่นพิณแก้วคนนั้นนั่นเอง
“Thank you.” ผมรับมา และแตะซับน้ำตาตัวเองก่อนจะบอกกับฝรั่งใจดีคนนี้ว่าผมจะซักมาคืนให้
“No. I’ll give it to you.” ผมขมวดคิ้ว หมายความว่าไง นี่ผมคงน่ารังเกียจถึงขนาดไม่อยากรับคืนเลยสินะ

“กรี๊ด”

“เฮ”

เสียงเฮฮาดังขึ้นขัดจังหวะความโมโหของผม และเมื่อช่อดอกไม้หล่นมากระแทกอกผมพอดีและผมก็รับมันไว้ได้ทัน เสียงกรี๊ดจึงยิ่งดังขึ้นทบทวี


ชะ... ช่อดอกไม้เจ้าสาว?? 


ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เจอแม่และเอริคที่ยืนยิ้มแป้น แม่โผเข้ากอดผมแน่นและหอมแก้มผมทั้งข้างซ้ายและขวา พี่รันเดินมาหยุดอยู่ข้างผมและจับมือผมขึ้นมาจูบ

“เจ้าสาวของพี่” เจ้าของใบหน้าหล่อราวกับเทพสลักส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แฝงแววดีใจอย่างปิดไม่มิด


เฮ้ยยยยยยยย


“บ้า ผมไม่แต่งกับพี่หรอก” ผมสะบัดมือพี่รันออกแล้วตะโกนเสียงดัง แต่หน้ากลับแดงแปร๊ด ทำไมแม่หัวเราะใหญ่
“สงสัยงานหน้าจะเป็นงานของนิล”
“แม่อ้ะ” ผมหันไปโวยวายใส่ไอ้พี่รันที่มันหัวเราะเสียงดังจนแขกคนอื่นพากันขำตาม ต่อให้ผมได้ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวก็ไม่ได้แปลว่างานต่อไปจะเป็นของผมสักหน่อย อันนั้นเขาเอาไว้ใช้กับพวกผู้หญิงไม่ใช่เหรอ

ใช่มั้ย?

ใช่รึเปล่าอ่ะ?

คุณอย่ามัวแต่หัวเราะผมสิ!!!!  :z3:


เอะ? ว่าแต่ผมลืมอะไรไปหรือเปล่า อืม... นึกไม่ออกเลยแฮะ


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


ปล 1 มาเฉลยอดีตของนิลค่ะ  :hao3:
ปล 2 นิลมัวแต่ดีใจ(?)ที่ได้รับช่อดอกไม้ เลยลืมผ้าเช็ดหน้าของหนุ่มอังกฤษไปเสียสนิท 555+
ปล 3 ภาษาอังกฤษง่อยๆอย่าว่ากันนะคะ คำไหนผิดบอกเลยค่ะจะได้แก้  :hao5:
ปล 4 ก๊อปบทพูดในพิธีมาจากพี่กูค่ะ ไม่ได้คิดเองแน่นอน อิอิ Cr.Google
ปล 5 ขำ คห. คุณ AMINOKOONG คงจะเกลียดพี่เลมากเลยนะคะ 5555+
ปล 6 ขอบคุณทุกๆคำติชมค่ะ  :mew1:
ปล 7 ปล. เยอะเนอะ 555+



หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 6 วันที่ 03/02/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-02-2014 18:03:49
 :z13:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 6 วันที่ 03/02/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-02-2014 19:23:23
ให้คุณแม่ฮันนีมูนพักผ่อนสักหน่อยค่อยมาเหนื่อยจัดงานแต่งให้นิลหล่ะกันนะ 555
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 6 วันที่ 03/02/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-02-2014 19:26:00
ยินดีกับคุณแม่ด้วยค่ะ :L2:
แล้วยินดีกับนิลล่วงหน้าด้วยได้ไหมอ่ะ ว่าที่เจ้าบ่าวก็มีแล้ว :laugh:
อยาก :beat: :z6: ไอ้โจมาก นิสัยไม่ดี ทำนิลเสียใจ แย่ๆๆๆ :angry2:
หัวข้อ: Chapter : 7 [หวั่นไหว]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 17-02-2014 17:05:08
Chapter : 7 [หวั่นไหว]

ผมนั่งเครื่องกลับมาถึงกรุงเทพฯเมื่อคืนนี้อย่างสวัสดิภาพ โดยมีพี่รันผู้ทนทานทุกสถานการณ์และไม่มีอาการเจ็ทแล็กเลยแม้แต่น้อยพาผมมาส่งและโทรไปบอกแม่ผมให้เสร็จสรรพ ก่อนที่ผมจะถีบหัวพี่รันให้กลับบ้านแล้วเขามานอนหลับอุตุจนถึงเที่ยงของอีกวัน

ปิ๊งป่อง~

ผมที่ตื่นได้สักพักใหญ่ๆลุกเดินไปจ้องตาแมวที่หน้าประตู และได้เห็นยัยฟ้ายืนทำหน้าแป้นแร้น
“มาแต่เช้า”
“เที่ยงแล้วจ้ะ” นางถือวิสาสะพรวดพราดเข้ามาโดยผมยังไม่ได้เชิญ และไปหาอะไรกินในครัวผมเสร็จสรรพ
“ของฝากละนิล”
“แหม มาถึงก็ทวงของฝากก่อนเลย”
“อะ แน่นอน” นางแบมือ ผมจึงต้องเดินไปรื้อกระเป๋าที่ยังไม่ได้จัดการเก็บของแล้วหยิบถุงกระดาษมาให้
“ของเรา รวมกับที่แม่ฝากมาด้วย” ยัยฟ้ารับถุงไปจากมือผมและแกะดูด้วยอาการลิงโลด นางหยิบหนังสือถักโครเชต์เล่มที่ไม่มีขายในไทยขึ้นมาดูด้วยสายตาวาววับและพร่ำบอกขอบคุณแม่ผมยกใหญ่ ส่วนของผมเป็นเซ็ตกระเป๋าของ Kath Kidston ทั้งกระเป๋าช๊อปปิ้งและกระเป๋าสตางค์ คือยัยนี่เขาชอบอะไรหวานๆน่ะครับ
“ขอบใจมากนะนิล นิลน่ารักที่สุดเล้ย” นางหอมแก้มผมฟอดใหญ่แทนคำขอบคุณแบบที่นานๆทีจะได้รับ ดูท่าคงดีใจมากจริงๆละ แต่แหม ผมหันไปมองหน้ายัยฟ้าที่ลูบๆคลำๆกระเป๋าด้วยอารมณ์ดี๊ด๊าแล้วก็ถอนใจ เฮ้อ ทั้งๆที่มีสาวน่ารักขนาดนี้มานัวเนียด้วยผมกลับไม่รู้สึกอะไรสักนิด มันเหมือนสัมผัสกับคนในครอบครัวมากกว่า ใจไม่เต้น ไม่หวือหวาวูบวาบเลยแม้แต่น้อย

“เออ ว่าแต่มีอะไรกินบ้าง เรายังไม่ได้กินมื้อสายเลย” ครับ มื้อสาย... คือถ้าฟ้าครามอยู่บ้านนางจะกินสามมื้อก่อนเที่ยง คือเช้า สาย และเที่ยง ส่วนช่วงเวลาหลังจากบ่ายเป็นต้นไปเธอจะไม่กินอะไรแล้ว
‘อ้วน’ เหตุผลง่ายๆตัวเดียวเลยครับ

ผมหุงข้าวและเจียวไข่ทำแกงจืดไข่น้ำ กับทอดหมู ซึ่งยัยฟ้าไม่กินตอนบ่ายถึงเย็นก็จริง แต่มื้อเช้ากับมื้อสายเธอซัดยังกับพายุเลยครับ อันที่จริงผมว่านางเก่งที่สามารถกินเป็นยัดทะนานเข้าไปได้ในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้

ปิ๊งป่อง~

ผมวางช้อนดังเคร้ง ใครอีกวะ มาตอนกำลังจะกิน แต่แล้วก็นึกได้เลยสบตากับยัยฟ้า
“พี่รันมั้ง”
“พี่รัน? เขามาทำไมอ่า”
“คือเราจะบอกฟ้าไว้เลยนะตอนนี้ เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่บอก” ยัยฟ้าพยักหน้ารับรัวๆ สีหน้าดูสนอกสนใจจนลืมข้าวในช้อนตัวเอง
“พี่รันเขา... กำลัง......เราอยู่”
“ห๊ะ อะไรนะ พูดเบาจนไม่ได้ยินเลยนิล” ฮึ่ม.... ยัยหูผี มาหูตึงอะไรตอนนี้
“เขาจีบเรา”
“ห๊ะ”
“เรื่องจริง” ยัยฟ้าช็อกไปแล้วครับ ก่อนจะผุดลุกขึ้นตบโต๊ะดังปังแล้วเดินอาดๆไปหน้าประตู

“พี่รัน!!!!”  อัยยะ เป็นพี่รันจริงด้วยครับ หน้าตาเขาดูงงๆที่สุดเมื่อเห็นว่าเป็นยัยฟ้าเปิดประตูแล้วทำหน้าถมึงทึง
“ครับ??”
“มานี่เลย” นางลากแขนพี่รันเดินออกไปโดยที่ผมแค่เพียงนั่งมองตาปริบๆ และละความสนใจจากสองคนนั้นหันมากินข้าวต่อ

ฟากพี่รันและฟ้าคราม

“พี่มายุ่งกับเพื่อนฟ้าทำไมคะ” ฟ้าครามถามเสียงเข้ม
“อ้าว พี่จะจีบนิล ต้องขออนุญาตน้องฟ้าก่อนด้วยหรือครับ”
“ปกติเวลามีคนมาจีบนิลก็ไม่ต้องมาขอฟ้าหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าถ้าฟ้าเห็นว่าคนๆนั้นจะมาเป็นเหลือบไรให้นิลรำคาญใจ ฟ้าก็จะขัดขวาง”
“ใจคอจะให้หล่อขนาดพี่เป็นเหลือบไรเหรอครับ” พี่รันยิ้มยั่ว
“ถ้าหล่อแล้วเลวก็ไม่มีค่าพอให้เสียเวลาด้วยหรอกค่ะ” ฟ้าครามกัดฟันเมื่อนึกถึงคนที่ ‘เลว’ ในสายตาเธอ “พี่อย่ามายุ่งกับนิลเลย”
“ทำไมครับ พี่ขอเหตุผล”
“เพราะพี่เป็นญาติกับคนๆนั้น”
“แล้ว?”
“เป็นญาติกัน ก็คงเป็นคนประเภทเดียวกัน”
“อ้าว ไหงน้องฟ้าคิดอะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้ละครับ อย่างนี้พี่ไม่โอเคหรอก” รันถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีความรักก็ทำให้ผู้หญิงงี่เง่าได้อย่างร้ายกาจ นึกแล้วก็โมโหไอ้เลที่ทำให้ความซวยลามปามมาถึงเขา
“น้องฟ้าใจเย็นๆนะ แล้วฟังพี่” พี่รันจับบ่าฟ้าครามไว้แน่น ก่อนจะพูดอย่างช้าๆและชัดเจนทีละคำ
“พี่ ไม่ ใช่ ไอ้ เล”
“...” ฟ้าครามก้มหน้ากัดริมฝีปากแน่น ก่อนน้ำตาหยดโตจะไหลลงมา
“พี่รัน... ฮือ....” หญิงสาวซุกหน้าลงบนฝ่ามือตัวเองโดยที่พี่รันทำได้แค่ยืนลูบหัวปลอบโยนเพียงเบาๆ

“เอ้า พี่ทำเพื่อนผมร้องไห้ทำไมน่ะ” ผมเดินออกมาตามสองคนนั้นก็แจ็คพอตเลย ยัยฟ้ายืนร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยที่พี่เลยยืนลูบหัวปลอบอยู่ ผมเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนและดึงนางเข้ามากอด เสียงร้องไห้ยิ่งดังขึ้นอีก จนพี่รันเสนอให้เรากลับเข้าไปในห้องกัน

“ฮึก... นิล... นิลรู้มั้ย เราคิดถึงพี่เลตลอดเวลาเลย ถึง... ถึงแม้ว่าพี่เลจะทำไมดี แต่เราก็... รู้ว่าเขารักเราจริงๆ แต่... แต่มันก็อดนึกถึงเรื่อง... เรื่องนั้นไม่ได้” ยัยฟ้าพูดไปสะอื้นไป ผมมองเพื่อนด้วยความสงสารจับใจ
“พี่เข้าใจนะฟ้า ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคงยากที่จะลืม แต่ฟ้าอย่าลืมว่าต้องมีสติให้มากๆ และต้องใช้เหตุผลให้มากกว่าอารมณ์  เพราะในช่วงเวลาอ่อนไหวแบบนี้ ความเปราะบางของใจเราอาจเผลอทำร้ายคนอื่นไปด้วย” พี่รันพูดได้อย่างเป็นการเป็นงานไม่น่าเชื่อ ผมเห็นมันทำหน้าระรื่นตลอดจนคิดไม่ถึงว่าจะมีมุมนี้ด้วย
“ฮือ... ขอโทษนะคะพี่รัน.. ฮึก..ฮึก.. ฟ้าขอโทษที่พาลใส่พี่รันค่ะ” ผมเหวอเมื่อได้ยินคำสารภาพจากปากเพื่อนผม สรุปแล้วยัยฟ้านี่งี่เง่าไม่ใช่น้อยเลยนะ แต่ก็นะ พี่รันมันมีเค้าหน้าเหมือนพี่เลไม่ใช่น้อย ถ้ายัยฟ้าจะพาลไปบ้างก็ไม่แปลก
“ขอ... ขอโทษนะนิล” ฟ้าครามหันมาทำสีหน้าเศร้าสร้อยใส่ผม ปากก็ยังไม่หยุดสะอื้นด้วยซ้ำยัยบ๊อง
“ยัยบ๊อง เราไม่โกรธฟ้าหรอก” ผมหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาให้นาง
“เดี๋ยวเราขอไปล้างหน้าก่อนดีกว่า”

พอฟ้าครามลุกไปห้องน้ำเสียงออดห้องผมก็ดังเป็นรอบที่สามจนผมคิดว่าจะเปิดประตูทิ้งไว้เลยดีกว่า เวลาใครมาจะได้ไม่ต้องกดออดให้เปลืองไฟ
“เฮ้ย” ผมชะงักเมื่อเห็นว่าแขกคนที่สามคือโจทก์คนสำคัญของคดี พี่เลนั่นเอง...
“มาทำไรครับพี่”
“พี่มาหาน้องฟ้า อ้าว ไอ้รัน” พี่เลชะโงกข้ามไหล่ผมไปเห็นพี่รันนั่งอยู่ที่โซฟาพอดี
“ฟ้าไม่อยากเจอพี่หรอก” ผมกันท่า
“นิลครับ ให้มันเข้ามาก่อนเถอะนะ มาคุยกันดีๆดีกว่า” พี่รันเดินเข้ามาดึงมือผมที่กั้นขวางประตูออก และชวนให้พี่เลเข้าไปนั่งข้างใน
“นี่มันห้องผมนะ...” ผมหน้าหงิก ปากก็บ่นอุบอิบ
“เอาน่า นิลก็เห็นแล้วนี่ว่าฟ้าก็รักไอ้เลเหมือนกัน” พี่รันพยายามประเหลาะผม หึ ฝันไปเถอะ ผมเกลียดคนเจ้าชู้!


“มาทำอะไรวะรัน”เลกระซิบถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่านิลไปพ้นสายตา
“จีบสาว เอ๊ย จีบหนุ่ม”
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่า..”
“เออน่า ช่างฉันเถอะ นั่งเงียบๆไป อุตส่าห์พาเข้ามา” รันตัดบทเมื่อเห็นนิลถือแก้วน้ำเดินกลับมาที่โต๊ะรับแขก


“คุยไรกัน” ผมถามเสียงเขียว แอบเห็นแว้บๆว่าไอ้สองคนนี้กำลังซุบซิบอะไรสักอย่าง
“เปล่านี่ครับ” พี่รันว่ายิ้มๆ หน้าตาแม่งไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย ฝากไว้ก่อนเถอะฮึ่ม!

แกร๊ก

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกทำให้พวกผมหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ยัยฟ้าเปิดประตูห้องน้ำออกมาโดยมีผ้าขนหนูเช็ดหน้าของผมซับน้ำอยู่ พอนางเงยหน้าเท่านั้นแหละก็ทำท่าเหมือนเห็นผีทันที
“มะ... มาทำไม” นางผงะเลยครับพี่น้องพอเห็นไอ้พี่เลผุดลุกขึ้นยืน
“น้องฟ้า ทำไมออกจากบ้านมาไม่บอกใครเลยคะ”
“ระ... เรื่องของฟ้า อย่ามายุ่ง” ยัยฟ้าสะบัดแขนพี่เลออก และหนีกลับเข้าห้องน้ำ พร้อมทั้งกดล็อกเสร็จสรรพ
“น้องฟ้า!”
“เฮ้ย/เฮ้ย”

พวกผมสามคนอุทานพร้อมกัน นี่ยัยฟ้าคิดจะขังตัวเองให้ห้องน้ำคอนโดผมเนี่ยนะ?!?

“น้องฟ้า จะโกรธจะทุบตีพี่ยังไงก็ได้นะคะ แต่ออกมาคุยกับพี่ดีๆได้มั้ย อย่าเอาแต่หลบหน้ากันเลย” พี่เลเคาะประตูอย่างใจเย็น ผมมอง(อดีต)คู่รักนั้นอย่างเซ็งๆ

“พี่รันครับ” ผมหันมาถามคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาข้างๆผม
“ครับ?”
“ผมถามพี่ตรงๆเลยว่า เรื่องระหว่างพี่เลกับยัยฟ้า พี่คิดว่าญาติของพี่ทำถูกมั้ย?” พอพี่รันได้ยินคำถามของผมแล้วเขาก็ยิ้ม ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไอ้เลมันทำไมถูกหรอกครับ แต่สำหรับคนที่ผิดพลาดไป เราก็ต้องอยากได้รับการอภัย”
“แล้วถ้าคนที่โดนสวมเขาเป็นพี่ละ พี่จะยอมยกโทษให้มั้ย” ผมถามกลับ
“อืม ยังไงดีละ คำถามนี้ค่อนข้างเปราะบาง...” พี่รันเบนสายตาไปยังพี่เลที่ยืนเคาะประตูและพร่ำบอกให้ยัยฟ้าออกมาคุยกันดีๆข้างนอก ก่อนจะหันมาสบตาผม “การที่เราจะโกรธใครสักคนที่เรารักมาก มันคงต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงจริงๆ และความซื่อสัตย์ก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมากๆสำหรับชีวิตคู่ด้วย ดังนั้นพี่คงไม่ยกโทษให้ถ้าหากนิลนอกใจพี่แน่นอน”
“ห๊ะ? เกี่ยวอะไรกับผม พี่อย่ามาเพ้อเจ้อ” ผมว่าพลางเบือนหน้าหลบสายตาวิบวับนั้นไปอีกทาง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆครับว่าคำตอบของพี่รันทำให้ผมพอใจเป็นอย่างมาก

“พี่เลครับ” ผมเรียกพี่เลเบาๆ พอเขาหันมาก็กวักมือให้เดินมาที่โซฟา
“มีอะไรครับนิล” สีหน้าพี่เลดูตึงเครียดขณะที่มายืนตรงหน้าผม ผมบอกให้เขานั่งลงก่อนที่เราจะเริ่มคุยกัน พี่เลเองก็เห็นสีหน้าจริงจังของผมแล้วจึงยอมนั่งลงแต่โดยดี แม้ว่าที่จริงในใจเขาคงอยากจะไปง้อยัยฟ้ามากกว่า
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ห้องน้ำของผมอยู่สบายกว่าตรงที่รับแขกนี่เสียอีก คุยแป๊บเดียวคงไม่เป็นไรหรอก” พี่เลยิ้มแก้เก้อเมื่อโดนผมแขวะ
“ผมมีเรื่องจะต้องถามพี่ตรงๆเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น” พอผมพูดจบพี่เลก็รีบเล่าทันที
“พี่เข้าใจและยอมรับแล้วนะครับ ว่าพี่ผิด และที่ทำแบบนั้นลงไปเพราะคิดว่าไม่มีอะไรผูกพัน แล้วก็แล้วกันไป พี่ผิดเองที่เห็นแก่ตัว และคิดว่าน้องฟ้าคงไม่รู้ และที่สำคัญ... เอ่อ...”
“ก็บอกไปสิ ว่าเวลาอยู่ใกล้ฟ้าแล้วห้ามใจไม่ได้ เลยต้องไปหาที่ระบายออก”พี่รันแทรกขึ้นมา
“ห๊ะ?” สีหน้าฉงนฉงายของผมคงทำให้พี่เลอายมากขึ้น ตอนนี้หน้าของเขาเลยแดงเหมือนมะเขือเทศเลย
“ก็... ตามนั้นแหละครับ... พี่รักน้องฟ้า อยากจะสัมผัส อยากจะใกล้ชิด แต่ก็ไม่อยากทำให้น้องฟ้าเสียเกียรติ เลยคิดอะไรโง่ๆ คิดว่าแค่ความสัมพันธ์ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวคงไม่เป็นไร...”
“เอ่อ... เอาเถอะ พี่จะรู้สึกยังไงกับเพื่อนผม ผมก็คงห้ามไม่ได้ แต่ก็นะ คือพี่จะงุ่นง่านอะไรขนาดนั้น ถึงขั้นต้องหาที่ระบายออกเลยเหรอ ผมไม่เข้าใจเลย” ผมเกาหัวยิก อย่างพี่เลนี่คือปกติของผู้ชายใช่ไหม
“พี่ถึงได้เสียใจจนทุกวันนี้ไงที่ไม่สามารถหักห้ามความต้องการของตัวเองได้” สีหน้าพี่เลเสียใจมากจริงๆครับ
“อีกอย่างนะครับนิล วันนั้นน่ะ ไอ้เลมันเมาๆด้วย อ๊ะๆๆ อย่างพึ่งเถียงพี่” พี่รันรีบห้ามเมื่อเห็นผมตั้งท่าจะเถียงเรื่องเมา “พี่ไม่ได้จะบอกว่าไอ้เลเมาจนคุมสติไม่อยู่ แต่พี่จะบอกว่าเวลาเมามันจะทำให้ประสิทธิภาพในการตัดสินใจของเรามันต่ำลง จากที่เคยคิดอย่างถี่ถ้วนสิบตลบก่อนจะทำอะไร ก็อาจจะเหลือแค่ห้าตลบก็เป็นได้ และนิลก็เห็นในคลิปไม่ใช่เหรอครับ ว่าผู้หญิงคนนั้นสวยเซ็กส์เอ็กซ์แตกขนาดไหน” ผมฟังพี่รันมันพูดก็พอรับได้นะ แต่ไอ้ประโยคสุดท้ายทำให้ผมหงุดหงิดมากถึงมากที่สุดยังไงไม่รู้
“โอเคผมเข้าใจ งั้นเรื่องต่อไป ทำไมยัยนั่นถึงส่งคลิปมาที่ฟ้าครามได้ครับ” ผมรู้สึกว่าเสียงผมติดจะกระชากหน่อยๆ ไม่ได้ๆ ต้องปรับอารมณ์ลง
“ก็เรื่องเบสิคครับ ทำไปทำมาเธอคนนั้นก็อยากจะจริงจังขึ้นมา”
“แปลว่าพี่สานต่อ?”
“ไม่ๆ คือเธอสืบมาได้ว่าพี่ทำงานที่ไหน ก็เลยตามไปดักเจอ”
“เฮอะ... หน้าด้านเสียจริง...” ผมพึมพำเบาๆ แต่คงจะดังไปหน่อย เลยมีนิ้วมาแตะตรงริมฝีปากผมแล้วบอกว่า “อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ยังไงผู้หญิงก็เป็นเพศแม่ บางทีวันนี้เธออาจจะทำตัวแบบนี้ แต่ในอนาคตเธอก็อาจจะเป็นแม่ที่ดีก็ได้” ผมเม้มปากแน่นกับสิ่งที่พี่รันพูด แล้วผมจะเถียงอะไรเขาได้ละ พ่อคนมากเหตุผล
“แล้วยังไงครับ ที่พี่มาง้อยัยฟ้านี่คือ?”
“พี่แค่อยากคุย อยากให้เราได้คุยกันดีๆก็เท่านั้น อยากจะอธิบายให้น้องฟ้าได้ฟัง แล้วหลังจากนั้นน้องฟ้าจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่เลย” สีหน้าพี่เลทำเอาผมสงสารจนอยากจะคว้ามากอดปลอบ เอ๊ย ไม่ใช่ เอาเป็นว่าสุดท้ายผมเลยตะโกนเรียกยัยคนที่แง้มประตูแอบฟังให้ออกมาข้างนอกดีๆ
“เอ้า ยัยฟ้า ออกมาได้แล้ว ได้ยินหมดแล้วนี่”

แกร๊ก

ใบหน้าหวานดูซีดเซียวเยี่ยมหน้าออกมานอกประตูช้าๆ ก่อนจะพูดกับพี่เล
“...คุย... ที่นี่นะคะ”
“ครับ ได้สิครับ” พี่เลมีทีท่าดีใจสุดชีวิต พอยัยฟ้าเดินมานั่งที่โซฟา ผมกับพี่รันก็เลยผละออกมานั่งอยู่ในห้องนอน แต่เปิดประตูแง้มไว้นะครับ สาเหตุคือ
1.ให้ยัยฟ้าอยู่กับพี่เลในที่รโหฐานมันจะไม่งาม
2.กันพี่รันปล้ำผม


“ทำไมนิลถึงช่วยไอ้เลละครับ เห็นตอนแรกโกรธจะตาย” พี่รันนั่งลงบนเตียงผมแล้วถามยิ้มๆ
“เปล่าครับ ผมไม่ได้ช่วย” พอเห็นพี่รันทำหน้างงผมเลยพูดต่อ “ผมแค่คิดว่าต่อให้ยัยฟ้าจะเลิกกับพี่เลจริงๆ ก็ควรคุยให้รู้เรื่องก่อนจะดีกว่า จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจกัน”
“อือฮึ” พี่รันมองผมแบบอึ้งๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วลูบหัวผม ไอ้สีหน้ายิ้มแย้มนั้นน่ะยังกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กน้อยเลย ผมหมั่นไส้ชะมัด
“พอแล้ว ลูบมากเดี๋ยวฉี่รดที่นอน” ผมปัดมือพี่รันออกแล้วเดินมานั่งที่โซฟาริมหน้าต่าง พี่รันมันก็ตามมานั่งด้วย
“ทำไมต้องมานั่งเบียดผมเนี่ย”
“ก็อยากนั่งใกล้ๆ”
“โอ๊ย น่าด้านขนาดนี้ไปนั่งไกลๆเลย”
“นิลอ่ะ ชอบไล่พี่ พี่ก็น้อยใจนะ” ฮึ้ยไอ้ตอแหล สภาพอย่างพี่ไม่น่าน้อยใจหรอก อันที่จริงตอนนี้คงลิงโลดน่าดูที่ได้อยู่ตามลำพังกับผมแบบนี้ด้วยซ้ำ
“พี่รู้มั้ย ถ้าตัดความกะล่อนของพี่ออกไปหน่อย ผมคิดว่าผมคงจะเชื่อถือพี่ได้มากกว่านี้” ผมว่าและลุกขึ้นมาแอบดูสองคนข้างนอก ดูท่ากำลังคุยกันซีเรียสน่าดู ยัยฟ้าหน้าเครียดเชียว
“นิลครับ” มีมือแตะลงที่บ่า พอผมหันมาก็เห็นพี่รันมายืนจนเกือบจะชิดเลย
“มะ มีอะไร ทำไมต้องมาชิดผมขนาดนี้”
“นิลรู้มั้ย” พี่รันยิ้มในแบบที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย แสยะยิ้มเหมือนกำลังจะจับเหยื่อน่ะ
“พี่ก็เหมือนไอ้เล คือชอบนิลมาก มากจนอยากจะครอบครองนิลเสียทุกส่วน แต่ก็ไม่อยากจะทำอะไรหักหาญน้ำใจนิลเช่นเดียวกัน และพี่ก็ไม่ได้หวั่นไหวจนต้องไปนอนกับคนอื่นเพื่อระบายอารมณ์ พี่จึงทำได้แค่แสดงความกะล่อนดูเหมือนไร้พิษสงออกมา เพราะพี่รู้ตัวดี ว่าถ้าพี่เอาจริงขึ้นมาเมื่อไร อาจจะทำร้ายน้ำใจนิลอย่างร้ายกาจก็เป็นได้” พี่รันพูดยาวเหยียด แต่ผมกลับไม่มีสมาธิพอที่จะประมวลผลคำพูดเหล่านั้นด้วยซ้ำ ใจผมจดจ่ออยู่แต่กับปลายนิ้วของพี่รันที่เชยคางผมขึ้น และริมฝีปากบางของเขา... ที่กำลังแตะสัมผัสลงมาบนริมฝีปากผม...

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พี่รันขบเม้มริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา สัมผัสอ่อนหวานประทับแน่นจนผมเผลอหลับตาและปล่อยตัวไปตามอารมณ์ พี่รันใช้ปลายลิ้นอุ่นนุ่มลิ้มรสริมฝีปากของผม ถ้าหากเขาสอดลิ้นเข้ามาผมต้องทำยังไงนะ และ... และถ้าเขาจะทำกับผมมากกว่าการจูบละ เมื่อคิดอย่างนั้นผมก็เผลอตื่นเต้นจนกำเสื้อพี่รันแน่น ปล่อยร่างกายตัวเองให้พิงตัวเขาไปทุกส่วน มือใหญ่ของเขาโอบประคองที่เอวเพื่อจะเกี่ยวรั้งให้ผมขยับไปแนบชิดเขามากยิ่งขึ้น

จากริมฝีปากอุ่นนั้น ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเร่าร้อนขึ้นมาแล้ว...

“ชอบมั้ยครับ” พี่รันกระซิบถามหลังจากที่ละจากกัน
“อือ” ผมได้แต่หน้าแดงก่ำและพยักหน้าเพียงเบาๆ สมองนึกถึงคำสารภาพของพี่รันซ้ำไปซ้ำมา นี่ผมกำลังเป็นวัยรุ่นคลั่งรักอย่างนั้นหรือ...
“ดีกว่าครั้งแรกของนิลหรือเปล่า” พี่รันถามเสียงนุ่ม แววตานั้นดูลึกล้ำจนคาดเดาไม่ถูก
ผมนิ่งคิด ก่อนจะตอบออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ (เท่าที่สภาพผมจะอำนวยน่ะนะ)
“จูบของพี่รัน... ดีแบบคนละเรื่องเลย..” เสียงผมมันฟังดูอ้อมแอ้มยังกับเป็ด คนๆนี้ทำให้ผมไปไม่เป็นอีกแล้ว
“คนน่ารักของพี่” พี่รันดึงผมเข้าไปกอด ใจจริงผมอยากจะผลักออก แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของแม่ คำพูดของคริสซี่ และการกระทำของพี่รันมันกำลังทำให้ทิฐิทั้งหมดที่ผมสะสมมาทั้งชีวิตพังทลายลง
“อือ... อย่าครับ” ผมพยายามดันพี่รันออกเมื่อเจ้าตัวพยายามจะจูบผมอีกครั้ง พี่รันหยักยิ้มที่มุมปากเหมือนปิศาจร้ายที่กำลังจะสูบกินวิญญาณจากผม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นที่ทำให้ผมโอนอ่อนครั้งแล้ว... ครั้งเล่า...

ก๊อก ก๊อก

ผมดีดผึงออกห่างเหมือนสับสวิทช์ทันที พี่รันเองก็หันไปมองที่หน้าประตูห้องนอนด้วยความหงุดหงิด
“มีอะไร” พี่รันถามพี่เลเสียงเขียว ผมเองแทบไม่กล้ามองหน้าพี่เลด้วยซ้ำ
“เอ่อ.. คือพวกเราจะกลับกันแล้ว”
ผมหันไปมอง พี่เลมีท่าทีอ้ำอึ้งกระอักกระอ่วน และด้านหลังพี่เลก็มียัยฟ้าแอบอยู่
“โอเคแล้วเหรอฟ้า” ผมถามเสียงค่อย อายชิกหัย อายที่สุดในชีวิต
“อ๊ะ จ้ะ ก็เคลียร์แล้ว” ไม่รู้ว่าเคลียร์ของหล่อนนี่คือยังไงนะครับ เอาไว้ค่อยโทรคุยกัน
แล้วบรรยากาศรอบตัวก็เงียบ จนกระทั่งพี่รันเป็นฝ่ายตัดบท
“เอาล่ะๆ ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกัน เดี๋ยววันไปเรียนนิลก็ไปคุยกับฟ้าเอานะครับ”
“ค่ะ/อื้อ” ยัยฟ้าและผมตอบพร้อมกัน ก่อนที่พี่เลจะพาใบหน้าแดงๆของยัยฟ้าและตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว


“เฮ้อ สิ้นเรื่องสิ้นราวสักที อ๊ะ นิลจะไปไหนนะครับ” ผมลุกหนีพี่รันที่มันนั่งบิดขี้เกียจบนโซฟาในห้องผมอย่างรวดเร็ว พี่รันเดินตามมาทันและจับแขนผมไว้ทันตรงประตูห้องพอดี
“จะไปไหนครับ”
“เปล่า”
“แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้ หืม?” พี่รันตั้งท่าจะนัวเนียผมอีกรอบ แต่ผมรีบกัดฟันห้าม
“พี่นั่นแหละ ที่ต้องออกไป”
“เฮ้ย อะไรอ่ะ”
“ไม่รู้ละ กลับไปก่อน” ผมชี้นิ้วไปที่ประตูด้วยท่าทางที่คิดว่าดูจริงจังที่สุด ตอนนี้ผมคงเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่อาจจะประทุขึ้นมาได้ง่ายๆ
“โอเคๆ พี่ไปก็ได้ครับ” แต่ก่อนที่พี่นิลจะเดินออกไปพ้นประตูนั้น เขาก็หันมาพูดบางอย่างกับผม “พรุ่งนี้พี่จะมาใหม่”

ฮึ้ยยยยยย ไอ้มนุษย์ปลิงงงงงงงงงงง

ผมผลักพี่รันออกไปและปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ผมแตะมือลงบนอกด้านซ้ายที่หัวใจของผมกำลังเต้นรัวเร็วผิดไปจากปกติ ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างให้หายฟุ้งซ่าน

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและบึ่งพี่มะลิออกมาตอนห้าโมงเย็น จุดหมายของผมไปยังสนามกีฬากลางของม.ที่มักจะมีนักศึกษามาวิ่งออกกำลังทุกเย็น ผมไม่ได้มานานแล้ว เพราะว่างานเยอะ ติดสอบ ไหนจะงานแต่งแม่ ผมหาที่จอดพี่มะลิและเอากระเป๋าคาดเอว ใส่หูฟังและไม่ลืมเปิดแอพวิ่ง วันนี้กะจะเอาให้ได้สักห้ากิโลฯ วิ่งให้หายบ้าไปเลยครับ

“อ้าวเฮ้ย นิลนี่หว่า”
“ริว มึงมาทำ’ไร” ผมเซ็ง อยากคิดอะไรเงียบๆ
“มาเตะบอลมั้ง อยู่ในสนามวิ่งเนี่ย”
“เอ้า ถ้าจะเตะบอลก็ไปสนามโน้น” ผมชี้
“โวะ มึงนี่กวนตีนจริง” ผมส่ายหัวให้มัน แล้วเดินหนี ไอ้ริวเป็นมารขัดขวางความสงบอันดับสามของชีวิตผม
“เฮ้ยกูไปด้วย”
“กูอยากวิ่งคนเดียวนิ”
“อย่างกดิมึง มีเพื่อนวิ่งจะได้ไม่เบื่อนะ” มันยิ้มกว้างจนผมใจอ่อน แต่ก็เป็นอย่างที่มันว่านะครับ พอผมวิ่งกับมันก็เพลินจนลืมเหนื่อย ซัดเข้าไปเจ็ดกิโลฯน่าจะได้

“เห็นปะละ มีเพื่อนคุยตอนวิ่งมันเพลินดีนะโว้ย”
“แต่กูว่ามันเหนื่อยกว่าเดิมนะ ฮ่าๆ” ผมขำไปหอบไป วิ่งกับเพื่อนไม่เซ็งก็จริงครับ แต่แม่งวิ่งไปคุยไปเหนื่อยชิวเป๋งเลย ตอนนี้พวกผมพูดจะไม่เป็นคำอยู่แล้ว
“ไปหาไรแดกกัน” ไอ้ริวชวน
“เออดีเหมือนกิน เนื้อกระทะมั้ย” ผมนึกถึงเนื้อกระทะเจ้าดัง เหมาะสำหรับมุสลิมแบบไอ้ริว
“ได้ๆ แต่ขอกูโทรชวนเพื่อนกูมาด้วยได้ปะ”
“ตามบาย”
ผมกับไอ้ริวหอบสังขารมาจนถึงร้านเนื้อกระทะ ไอ้ริวลงจากพี่มะลิและเดินไปโทรศัพท์ตามเพื่อน ผมสั่งน้ำเปล่ามากิน และไม่ลืมสั่งโค้กให้เพื่อน
“มึงไปตักดิ เดี๋ยวกูคุยโทรศัพท์ก่อน” มันเอามือปิดตรงไมค์โทรศัพท์แล้วหันมาบอกผมซึ่งตอนนี้กระสับกระส่ายอยากกินเนื้อใจจะขาดแล้ว

ผมเดินส่องไลน์เนื้อที่สไลด์และจัดเรียงไว้จนพูนถาด สายตาก็มองหาเนื้อลูกมะพร้าวที่ผมแสนจะโปรดปราน พอเจอก็เลยคีบมาจนพูน และหยิบเนื้อน่องลายมานิดหน่อย
“นี่ใจคอมึงจะไม่กินผัก?” ไอ้ริวทำตาโตเมื่อเห็นเนื้อที่ผมตักมา
“ร้านเนื้อย่างไม่ใช่ร้านผักย่าง” ผมละความสนใจจากมันและตักเอาเนยละลายบนเตา มันบ่นผมพึมพำสองสามคำแล้วถึงเดินไปตักอาหารและกลับมาพร้อมเบคอนพันเห็ดเข็มทองเต็มจานและเฟรนช์ฟราย
“เฟรนช์ฟรายมึงมีประโยชน์ตายละ มาร้านเนื้อย่างเสือกกินเฟรนช์ฟราย ตัดกำลังเปล่าๆ”
“เรื่องของกูแหละ” พวกผมซัดกันได้พักหนึ่งก็มีแขกมายืนข้างโต๊ะ ไอ้ริวชวนเพื่อนตัวเองนั่งและแนะนำให้ผมรู้จัก
“เออนิล นี่... เพื่อนกู เด็กเกษตร ชื่อวัฒน์” ผมยิ้มให้กับวัฒน์หนุ่มผิวเข้มหน้าคม ที่ดูตรงข้ามกับพี่รันอย่างสิ้นเชิง พี่รันมันจะขาว หล่อ ผิวใส คิ้วเข้ม ดูเป็นลุคลูกคุณหนู แต่วัฒน์นี่จะออกแนวลุยๆ หน้าเข้มๆ แต่เรื่องหุ่นก็ควายพอๆกันนั่นละ เอ๊ะ ว่าแต่ผมจะคิดเรื่องพี่รันทำไมเนี่ย ลืมมันไปๆ
“เป็นไรหน้าแดง เนื้อร้อนเหรอมึง” ไอ้เชี่ยริวเสือกเห็นอีก ผมพยักหน้ารับไปส่งๆแล้วคว้าแก้วน้ำมาดื่ม
“กูจะไปตักเนื้อ มึงเอาไรป่าว” วัฒน์หันไปถามไอ้ริว
“ไม่เอาอะ ไอ้นิลล่ะ มึงจะเอาไรป่าว”
“ไม่ๆ เดี๋ยวกูไปตักเอง” แล้วผมก็ลุกมาพร้อมวัฒน์ ระหว่างที่ผมกำลังคีบเนื้อนั้นก็เลยได้คุยกับวัฒน์เป็นครั้งแรก
“นายเรียนเอกเดียวกับไอ้ริวเหรอ” วัฒน์ถามผม
“อืม ก็เจอหน้ากันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วอ่ะ แล้วนายละ เป็นเพื่อนกับไอ้ริวตอนไหน”
“เราเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว”
ผมตาโตมองวัฒน์ “งี้ก็สนิทกันมากละสิ เราไม่มีเพื่อนสมัยมัธยมมาเรียนด้วยเลยนะ มาหาเพื่อนใหม่เอาที่นี่หมดเลย”
“ริวมันเคยเล่าเรื่องนิลให้เราฟัง บอกว่านิลนิสัยดี” วัฒน์ยิ้ม
“ฮ่าๆ ไม่หรอก เรากวนตีนมันบ่อยไป”
“อืม เรื่องนั้นริวก็บอก” ฮึ่ม ไอ้ริว มึงนะมึง พูดตรงไปแล้ว
“เราอยากเจอนิลมาตั้งนานแล้วรู้มั้ย” หืม? ผมทำหน้าสงสัย พอหันกลับไปมองวัฒน์ ก็เห็นว่าเขาเดินกลับไปที่โต๊ะแล้ว

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ เราแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ผมเองพอมาถึงก็เห็นไอ้ริชชี่นอนแผ่หลาอยู่บนโซฟา พุงละกลมเชียวครับ สงสัยอาหารที่ผมเทไว้ให้คงหมดเกลี้ยงชาม ผมเดินไปเช็คห้องน้ำแมวและตักอึออกมาทิ้งให้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเปลี่ยนทรายแมวแล้วกัน



▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 7 วันที่ 17/02/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 17-02-2014 17:31:56
แงะ อะไรกันทำไมฟ้ายอมไอ้พี่เลมันง่ายจัง
ไม่เห็นจะได้รับกรรมอะไรเลย
สันดารร่านๆแบบนั้นมันคงจะหยุดหรอก
ทำเอาเหตุผลมาอ้าง คือบอกตามตรงมันฟังไม่ขึ้นว่ะ
นี่แหละความรักทำให้คนตาบอดยอมโง่เพราะรัก เฮ้อ! :katai1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 7 วันที่ 17/02/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 17-02-2014 18:17:41
ยังเคืองไอ้พี่เลอยู่นะ อย่ามาทำฟ้าเสียใจอีกนะ
พี่รันรุกจูบอีกแล้วววว ^^
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 7 วันที่ 17/02/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 17-02-2014 20:21:48
พี่รันนี่ดูน่าค้นหาแฮะ ดูมีหลายมุมดี นิลรับไว้พิจารณาแล้วล่ะสิ ก็ชอบจุ๊บๆของพี่รันซะขนาดนั้น :z1:
พี่เลเค้าก็สำนึกผิดแล้ว คงได้รับบทเรียนแล้วล่ะ ฟ้าให้อภัยแล้วก็ยินดีด้วยนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 7 วันที่ 17/02/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 22-02-2014 18:20:24
เรื่องนัองฟ้ากะพี่เลยังไม่จบนะค้า เผอิญเขามาเจอฉากเลิฟซีนเสียก่อนเลยเผ่นกลับก่อนค่า
หัวข้อ: Chapter : 8 [ตกกระไดพลอยโจน]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 04-04-2014 12:54:26
Chapter : 8 [ตกกระไดพลอยโจน]


“อ้าวนิล”
ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อผม และยิ้มให้กับอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
“มาทำอะไรอ่ะวัฒน์ มาหาไอ้ริวเหรอ” ผมถาม คณะสถาปัตย์กับคณะเกษตรอยู่ใกล้กันก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ธุระอะไรที่เด็กเกษตรจะมาเดินในคณะสถาปัตย์กันจนเป็นเรื่องธรรมดา
“อ๋อ มาเดินเล่นน่ะ เปลี่ยนที่กินข้าวไง” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอกขอตัวก่อน เพราะว่าต้องรีบไปส่งภาพร่างแบบให้อาจารย์

ช่วงนี้พวกผมกำลังจะขึ้นปีสามแล้ว งานก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นกองพะเนิน แทบไม่มีเวลามาเล่นหัวสนุกสนานกันเหมือนก่อนเลย ยิ่งเดี๋ยวต้องมาทุ่มเวลาทำโมเดล คงไม่มีเวลาได้หลับได้นอนเลยละครับ พอมานึกถึงตอนนี้ ผมก็เริ่มสงสัยว่าถ้าหากผมไม่มีเวลาส่วนตัวในชีวิตสักเท่าไร (และมันก็คงเป็นอย่างนี้ไปอีกหลายปีด้วย) แล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนไปทุ่มเทเรื่องหัวใจล่ะ

“นิล เร็วเข้า วิชาแรกของด็อกเตอร์คณิณทร์นะ” ฟ้าครามกวักมือเรียกหลังจากทีเห็นผมออกมาจากห้องส่งงานพอดี ด็อกเตอร์คณิณทร์สอนวิชาสตรัคเจอร์ครับ สอนแค่ครึ่งเช้า แต่มักจะลากยาวไปถึงบ่ายโมงเป็นของแถม ซึ่งนั่นทำให้พวกผมแทบไม่มีเวลากินข้าวกัน ได้แต่ซื้อขนมปังมากินตามมีตามเกิดระหว่างเดินไปเรียนวิชาภาคบ่ายซึ่งไม่สามารถเข้าสายได้แม้แต่นิดเดียวเพราะอาจารย์จะล็อกห้องไม่ให้เข้า ถ้ามาไม่ทันก็คืออดเรียนไป

...
..
.
..
...

“โอย กูง่วงงงงงง ทำไมเพลียแบบนี้” ไอ้ริวนอนเอาหน้าแนบโต๊ะเรียนและคร่ำครวญถึงสมรภูมิรบที่ผ่านมาเมื่อเช้า เหล่านักศึกษาที่ยังไม่มีอาหารจานหลักตกถึงท้องต่างมีสภาพร่างกายเหมือนซอมบี้ไม่มีผิด

“ฟ้า ตกลงเป็นไงบ้าง เรื่องพี่เลน่ะ” ผมฉวยโอกาสกระซิบถามยัยฟ้าเมื่อเห็นอาจารย์ยังไม่เข้า
“หือ? ก็... เลิกกัน นั่นแหละ” ยัยฟ้าตอบแบบราบเรียบ “เรารักพี่เลมาก และนั่นทำให้เรารับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ฟ้าแน่ใจแล้วนะ ว่าต้องการให้มันเป็นแบบนี้”
“แน่ใจ” ฟ้าครามพยักหน้าและมองตาผมด้วยสายตาที่แน่วแน่ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ผมได้แต่พยักหน้าเป็นการแสดงว่าผมเข้าใจความรู้สึกของนาง ไอ้ครั้นจะให้พูดอะไรต่อก็คงไม่เหมาะสมกับสถานที่ และบางทีฟ้าครามก็อาจจะอยากเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัวมากกว่า... เนอะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

“นิลครับ อาหารถุงใหม่ของริชชี่อยู่ไหนครับ” พี่รันชะโงกหน้าถามผมที่นั่งสเก็ตช์แบบอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน ผมใช้เวลานึกพักหนึ่งถึงได้ตอบกลับไปว่าอยู่ในเคาเตอร์ใต้อ่างล้างจาน

ช่วงนี้ความวุ่นวายในชีวิตผมก็เป็นอย่างที่ผมคาด บางสัปดาห์ที่ยุ่งมากจริงๆ ผมจะได้นอนวันหนึ่งแค่สอง-สามชั่วโมง แม้แต่จะโทรหาแม่ยังไม่มีเวลาเลยครับ ได้แต่รอแม่โทรมาหา คุยกันสองสามคำแล้วพี่รันมันก็เอาไปคุยต่อ ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก พี่รันมันมาสิงคอนโดผมทุกวัน หาข้าวปลาให้ผมกิน ดูแลไอ้ริชชี่ และคุยโทรศัพท์กับแม่ผมด้วย พอดึกๆถึงจะกลับบ้านเขา หรือบางวันก็เนียนหลับบนโซฟาจนผมไม่กล้าปลุก หรือบางทีก็วุ่นกับงานจนลืมสังเกต พอเช้าพี่รันถึงจะตื่นมาอาบน้ำพร้อมกับส่งผมไปม.เลยทีเดียว และก็น่าตลกที่ผมกลับรู้สึกเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ หากวันไหนผมนั่งทำงานตอนดึกแล้วไม่เห็นไอ้พี่รันนอนบนโซฟา ผมจะรู้สึกแปลกๆเหมือนอะไรมันหายไป

“พี่รันครับ” ผมสะกิดแขนคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟา ขายาวทั้งสองข้างพาดเลยออกมาเป็นฟุต(ขนาดโซฟาผมตัวใหญ่แล้วนะ) สภาพนี้ผมทนดูมาเป็นเดือนๆ จนวันนี้เกิดรู้สึกสงสารขึ้นเสียอย่างนั้น
“..ครับ..” เจ้าตัวงัวเงียแป๊บหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาส่งยิ้มให้ผม
“ไปนอนบนเตียงมั้ยครับ” ผมถาม
“...”
“นิลว่าอะไรนะครับ... พี่ฟังไม่ถนัด...” พี่รันหาวหวอดก่อนจะลุกขึ้นมานั่งตัวตรง
“คือ... นิล...เอ้ย... ผมถามว่าพี่รันไปนอนบนเตียงมั้ยครับ น่าจะสบายกว่ากันเยอะ” ผมเกาหัวแก้เก้อ แต่พอคิดได้ว่าตรงอุ้งมือผมมันเลอะสีจากปากกาโคปิคเต็มไปหมดก็เลยหยุดเกา

พี่รันส่งยิ้มให้ผม สายตาของเขาเป็นประกายวิบวับไม่เหมือนคนที่กำลังงัวเงียเลยสักนิด เขาลุกขึ้นและจูงมือผมเดินไปในห้องนอน นี่ผมกำลังจะถูกเผด็จศึกยังงั้นเหรอ ไม่นะ ผมไม่มีเวลาหรอกเพราะต้องรีบปั่นงานส่ง แต่ก็ทำใจสะบัดมือพี่รันทิ้งไม่ได้จริงๆ ทำไมผมถึงกลายเป็นคนหวั่นไหวง่ายแบบนี้ไปได้นะ ฮึ่ยยย

ฟึ่บ..

ผมสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อพี่รันลูบหัวผมเบาๆ สายตาอ่อนโยนเจือแววเป็นห่วงนั้นทำให้ผมรู้สึก... ดีเหลือเกิน

“เหนื่อยมั้ยครับ” ผมพยักหน้า
“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ ตอนนี้อดทนให้เต็มที่ พี่จะเอาใจช่วย”
“...ขอบคุณครับ...”
“!?!” ริมฝีปากพี่รันสัมผัสลงบนหน้าผากผมอย่างแผ่วเบา ผมหลับตาเคลิ้มไปแว่บหนึ่งก่อนจะนึกออกว่าหน้าผมยังไม่ได้ล้างตั้งแต่เย็น และมีปากกาเปื้อนเต็มไปหมดจากการปาดเหงื่อ ผมผลักพี่รันออกและเอามือปิดหน้าตัวเองไว้
“หน้าเปื้อนครับ...”
“ก็ยังหอมอยู่ดี”
“อึก..!” ผมหน้าแดงเถียงไม่ขึ้น “พี่รันลื่นยังกับปลาไหล ผมสู้พี่ไม่ได้หรอก” แม่ง... ไอ้แก่สังเวียนหื่นกาม...
“หึหึ ไปทำงานต่อไป อย่ามาทำตัวน่ารักแถวนี้ เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหวแล้วนิลจะเสียงานเปล่าๆ” พี่รันหยิกแก้มผมแล้วล้มตัวลงนอนต่อบนที่นอนของผม ไอ้ริชชี่เดินส่ายตูดมาพันแข้งพันขาผม ก่อนจะกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่รัน ผมมองคนและแมวหลับบนเตียงผมอย่างมีความสุข(?) รู้สึกอิจฉานิดๆแต่ก็ต้องทำใจ เพราะสาขานี้มันคือสิ่งที่ผมเลือกเพราะใจรัก ยังไงก็ต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ในที่สุดวันหยุดของผมก็เวียนมาถึง ส่งงานเรียบร้อย เคลียร์การบ้านครบ ก็ถึงเวลาของเรื่องส่วนตัวบ้างอะไรบ้าง

ผมเลือกตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำความสะอาดห้อง และซักผ้า ความซกมกตลอดสัปดาห์ของผมสะสมมาอย่างโชกโชนจนผมเองยังขยะแขยงตัวเองเลยครับ

ผมรวบรวมพวกผ้าขนหนูมาซักก่อน สายตาก็สะดุดกับผืนหนึ่งที่ผมไม่เคยใช้ แต่อีกคนเป็นคนใช้.... คนที่ทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้งที่นึกถึง... ผมนึกถึงวันที่เราจูบกันครั้งแรก จากวันมาถึงวันนี้ก็หลายวันแล้ว

จูบที่นุ่มนวล อ่อนโยน และร้อนร้อนแรงในคราวเดียวกัน

“อ๊า~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~” ผมทรุดตัวลงกับพื้นและเริ่มกรี๊ดร้องเหมือนคนบ้า ในหัวมีแต่เรื่องลามกทั้งหมด อันที่จริงพี่รันถือเป็นภยันตรายสำหรับนักศึกษาที่ตั้งใจเรียนอย่างผมเป็นทีสุด! และก่อนที่ผมจะบ้าคลั่งไปยิ่งกว่านี้ ผมตัดสินใจทำงานบ้านอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้เหนื่อยจนเลิกฟุ้งซ่านไปเอง แต่ยิ่งผมเก็บห้องเท่าใด ก็เจอแต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดถึงไอ้พี่รันมากขึ้น

รองเท้าแตะของพี่รัน

โฟมล้างหน้าของพี่รัน

ถุงเท้าของพี่รัน

เข็มขัดของพี่รัน

ตุ๊กตาของไอ้ริชชี่(ที่พี่รันซื้อให้มัน)

ต้นอะไรไม่รู้ที่มีดอกสีม่วงๆของพี่รัน

เสื้อที่ไอ้ริชชี่ใส่(พี่รันซื้อให้มันอีกแล้ว)

แก้วกาแฟของพี่รัน

แผ่นดีวีดีของพี่รัน

ลำโพงสีแสบของพี่รัน


เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ข้าวของของมันมาอยู่ในห้องผมเยอะแยะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรวะ!?!

หน็อยแน่ นี่มันแอบฉวยโอกาสตอนที่ผมกำลังวุ่นวายกับเรื่องเรียนแอบแฝงตัวเข้ามาเป็นกาฝากในชีวิตผมแบเนียนๆสินะ ผมทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นโดยมีไอ้ริชชี่เดินนวยนาดขึ้นมานั่งบนตักให้ผมเกาคางให้มัน ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนไอ้ริชชี่กำลังถามคำถามผมด้วยสายตาของมันว่าพี่(พ่อ)รันหายไปไหน ทำไมยังไม่มาเกาพุงให้ริชชี่อีก

ไอ้แมวเปรตตตตตตตตตต ฉันเป็นคนเลี้ยงแกมานะไอ้ริชชี่แมวขี้แตก ที่ป่วยกระเสาะกระแสะตั้งแต่เด็กจนผมหมดค่ารักษามันไปเท่าไรไม่รู้ แต่พอโตขึ้นมาใหม่มีคนเอาใจคนใหม่ที่รูปหล่อกว่าผมก็เตรียมจะเฉดหัวผมทิ้งเลยสินะ!

ตรู๊ดดดดด

“ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์
‘นิลครับ พี่ลงเครื่องแล้ว เดี๋ยวจะไปหานิลเลยนะ อยากได้อะไรมั้ย กินอะไรหรือยังครับ’ ใช่ครับ เสียงตามสายนี้คือไอ้พี่รันแน่นอน เห็นบอกว่าจะบินไปดูโรงแรมที่ไหนไม่รู้ที่เพิ่งสร้างเสร็จและกำลังอยู่ในขั้นตอนตกแต่ง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะญี่ปุ่น (มั้ง) พอนึกถึงญี่ปุ่นผมก็อยากกินปลาดิบขึ้นมาทันที
“ปลาดิบ” ผมสั่ง
‘ได้ๆ เดี๋ยวพี่ซื้อเข้าไปนะ’

ผมกดวางสาย แล้วก็เลื่อนดูประวัติการโทรเข้าโทรออกของผม มีแต่เบอร์ไอ้พี่รันยาวเป็นพรืด กับเบอร์แม่โผล่มาประปราย เอ๊ะ นี่มันคิดจะยึดครองแม้กระทั่งพื้นที่ในโทรศัพท์ผมเชียวเหรอ?


เกือบๆชั่วโมงพี่รันก็โผล่หัวมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง ไอ้ริชชี่มันเดินไปต้อนรับพ่อมันก่อนผมเสียอีก คอยดูนะ เดี๋ยวผมจะหาแมวมาเลี้ยงเพิ่ม เอาให้ไอ้ริชชี่เป็นหมาหัวเน่าเลยละ
“คิดถึงจังครับ” อึ้ก! ดูมันพูดสิครับ เปิดฉากมาก็เล่นแบบนี้เลย??
“ประสาท” ผมบ่นงุบงิบประสาคนไปไม่เป็น ตั้งใจจะช่วยถือของแต่ช่างแม่งละ ขนเข้ามาเองแล้วกัน
“หึหึ” พี่รันวางถุงพลาสติกใบใหญ่ลงบนโต๊ะ ผมมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นสิ่งที่ผมปรารถนาแน่นอน
“หูย โอโทโร่~~~~” น้ำลายมากองอยู่ที่มุมปากแล้วครับ ถ้าอ้าปากพูดตอนนี้น้ำท่วมห้องแน่นอน
“ไปเอาจานมาครับ เดี๋ยวพี่เก็บของก่อน” ผมลุกทำตามอย่างว่าง่าย แต่พอเดินได้สองก้าวก็ชะงัก นี่ผมทำตามคำสั่งพี่รันง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร? มันเกิดอะไรขึ้นโดยที่ผมไม่ทันรู้สึกตัวหรือเปล่า
“อ้าว เหม่ออะไรครับ” พี่รันเดินมาลูบหัวและจูบแก้มผมเบาๆเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญ แต่ผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้และกำลังมองพี่รันเดินไปหยิบจานมากลับรู้สึกสับสนงุนงงเป็นที่สุด อะไรกัน สัปดาห์ที่ผมยุ่งๆนี่ผมทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า ทำไมพี่รันมันถึงเป็นอะมีบาแทรกซึมเข้ามาในชีวิตผมได้แนบเนียนขนาดนี้??
“เจ้านี้อร่อยมากเลยนะ นำเข้าจากญี่ปุ่นเลย ถ้านิลชอบปลาดิบมากๆเอาไว้คราวหลังพี่ไปทำงานแล้วจะพานิลไปด้วยดีมั้ย ช่วงนี้ไม่ต้องใช้วีซ่าแล้วด้วยเนอะ”

“นิลไม่กินวาซาบินี่เนอะ แปลกคนนะ ชอบกินปลาดิบ แต่ไม่กินวาซาบิ” ผมนั่งจ้องพี่รันจัดจานให้ผมแบบงงๆ กระทั่งเรื่องที่ผมไม่กินวาซาบิมันก็รู้อ้ะ และขณะที่พี่รันกำลังเทโชวยุให้ผมนั่นเอง

“พี่รันครับ”
“ครับ”
“ข้าวของของพี่ เต็มห้องผมไปหมดเลยนะครับ”
“อือฮึ”
“...”
ผมว่าผมเริ่มจะเดือดกับท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขาเสียแล้ว ในขณะที่ผมกำลังสับสนงุนงงกับความเปลี่ยนแปลงอันแสนแนบเนียนของเขา เขากลับทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ แบบนี้มันน่า....

เพียะ!!

“โอ๊ย ตีพี่ทำไมครับนิล” พี่รันสะดุ้งโหยงจนปล่อยตะเกียบหล่นจากมือ ผมมองสีหน้าตกใจของเขาด้วยความหงุดหงิดเต็มสตรีม
“พี่อย่ามาทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้นะ พี่รู้มั้ยว่าพี่ทำอะไรลงไป”  อึก.. ตาผมร้อนผ่าวเลยอ่ะ ถ้าผมยังไม่หยุดพูดตอนนี้น้ำตาต้องไหลแน่ๆ แต่ผมก็หยุดมันไม่ได้แล้ว “พี่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตผมตั้งแต่ตอนไหน ทำไมทุกๆที่ ทุกๆตารางนิ้ว มันถึงมีแต่พี่เต็มไปหมด ผมมองไปทางไหนก็นึกถึงแต่พี่ แม้กระทั่งไอ้ริชชี่ยังติดพี่ นี่พี่ทำอะไรกับผม!!” ผมซุกหน้าลงกับฝ่ามือ น้ำตาร้อนผ่าวไหลรินอาบแก้ม จนกระทั่งฝ่ามือของผมก็ยังซึมซับน้ำตานี้ไว้ได้ไม่หมดสิ้น

“นิลครับ...” ผมสะบัดไหล่หนีมือของพี่รันที่เอื้อมมา บอกไม่ถูกด้วยซ้ำว่าตัวผมกำลังโมโหอะไร

“อย่ามายุ่งกับผม! ผมไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้” ผมตะโกนลั่น รับรู้ได้ถึงมือใหญ่อบอุ่นนั้นละออกห่าง รวมถึงเจ้าของมือที่ขยับลุกจากโซฟาอย่างเงียบเชียบ มีเสียงไอ้ริชชี่ร้องเหมียวหนึ่งทีตามด้วยเสียงประตูปิด

เขาไปแล้ว...


ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม หนักยิ่งกว่าที่เคยอกหักเมื่อก่อนนั้น ทำไมมันถึงเจ็บปวดได้ขนาดนี้ ผมสะอื้นจนตัวโยน ทั้งเจ็บคอและปวดตาไปหมด แต่น้ำตามันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที ความรู้สึกวูบโหวงในหัวใจนี้คืออะไร ความอ่อนแอที่พลุ่งพล่านขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ตามลำพังโดยไร้เงาของเขาเคียงข้าง ผมเกลียดความรู้สึกนี้ที่สุด...

‘พี่รัน...’

‘นิลรักพี่รัน’

ทั้งๆที่ความเป็นจริงมันก็มีอยู่แค่นี้ ถ้าแค่ผมจะไม่โกหกหัวใจตัวเองก็เท่านั้น ผมก็คงจะได้มีความสุข ไม่ต้องมานอนร้องไห้อยู่คนเดียว


“ปากบอกไล่พี่ แล้วมานอนร้องไห้ทำไมคนเดียวครับ”


แต่บางทีเราอาจไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่ตัวเองรู้สึกก็เป็นได้...

“นิล... นิล...” ทั้งความดีใจ และโล่งอกผสมปนเปกัน จนผมไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร น้ำตาของผมก็หยดลงมาอีกรอบ บางทีนี่อาจเป็นอาการที่เรียกว่า ‘พูดไม่ออก’ ละมั้ง...

“ไม่ต้องร้องนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว” พี่รันลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน อ้อมกอดของเขานำพาความอบอุ่นสุขใจมาให้ผม

เพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้น...





มาเรื่อยๆค่ะ ยุ่งมากก็หายหัวนานหน่อย  :z3:


หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 8 วันที่ 04/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-04-2014 13:18:43
หวานอ่า พี่รันคนดี ดูแลนิลไปนานๆนะ :o8:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 8 วันที่ 04/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 04-04-2014 13:43:10
สารภาพว่าเลิกอ่านเรื่องนี้ เพราะคิดว่าฟ้ายอมคืนดีกะอีพี่เล
โชคดีที่แอบแวะมาส่อง ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าฟ้าก็ใจแข็งที่เลิกกับคนเลวๆแบบนั้นไปแล้ว
และคงไม่ได้อ่านนิยายดีๆแบบนี้ต่อ(ลุ้นคู่ฟ้ากว่าคู่หลักอีกอ่ะ5555++ หาคู่ให้ฟ้าใหม่ที
อย่าลืมเอาคืนเลมันหนักๆด้วยนะครับคนแต่ง  :z6: )
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 8 วันที่ 04/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ZiiZone ที่ 04-04-2014 17:08:45
 :-[
อ่านแล้วฟิน อบอุ่นหัวจายยยยยย~
พี่รันน่าร๊าก ดูแลนิลดีๆนะ ><
หัวข้อ: Chapter : 9 [ใจเต้น]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 17-04-2014 12:43:53
Chapter : 9 [ใจเต้น]



วันนี้ที่มหาลัยผมมีงานแสดงดนตรี มีทั้งวงของมหาลัยเองและนักดนตรีจากข้างนอก อันที่จริงตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหนาแต่ว่าไอ้ริวมันก็ถูลู่ถูกังผมมาจนถึงลานจัดแสดงจนได้
“คนเยอะฉิบหาย” ผมบ่น
“พูดไม่เพราะเลยไอ้ห่านิ” ไอ้ริวชะเง้อมองหาใครบางคนจนผมรำคาญ
“นี่มึงนัดกับคนอื่น? แล้วจะลากกูมาเพื่อ”วันนี้ยัยฟ้าไหวตัวทัน ก็เลยหนีไปสิงที่ห้องสมุดก่อนที่จะโดนไอ้ริวลากออกมาพร้อมผมแล้วครับ
“เออน่า อย่าบ่นได้ป่ะ” มันลากผมมาจนถึงหลังเวที พวกนักดนตรีที่กำลังจะขึ้นแสดงเดินกันขวักไขว่ไปหมด ผมเริ่มเกิดอาการพารานอยด์เวลาเจอคนเยอะๆอีกแล้วครับ มันจะแบบหงุดหงิดใจไม่อยากอยู่ตรงนี้อ่ะ แล้วไอ้เชี่ยริวหายไปไหนแล้วเนี่ยยยยยยยย

“นิล หงุดหงิดอะไรเหรอ” ผมที่กำลังหงุดหงิดเพราะถูกทิ้งหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นวัฒน์ที่แต่งหล่อเต็มยศกับฝรั่งรูปหล่อคนหนึ่ง
“วันนี้แต่งหล่อเชียววัฒน์ มีแสดงกับเขาด้วยเหรอ” ผมเย้า แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากฝรั่งตัวตัวข้างๆวัฒน์
“นิลอย่าแซวดิ เราโดนบังคับอ่ะ เออ นี่เพื่อนเรา มันจะมาช่วยแสดงด้วย บินมาจากอังกฤษสดๆร้อนๆ” ผมหันไปยิ้มทักทายกับเพื่อนฝรั่งของวัฒน์ ให้ตายเถอะ ทำไมผมคุ้นหน้าเขาแบบนี้นะ ฝรั่งนั่นก็เอาแต่ยิ้มกว้างอย่างเดียวเลย

ผมยืนคุยกับวัฒน์ต่ออีกแป๊บหนึ่งไอ้ริวก็มาลากผมไปหาที่นั่งหน้าเวที ก่อนที่มันจะคุยโม้โอ้อวดสรรพคุณของเพื่อนมันให้ผมฟัง
“ตอนที่เรียนมอปลายอะ ไอ้วัฒน์มันฮ็อตมากเลยนะมึง” และไอ้ริวก็โม้อะไรต่อมิอะไรยาวเหยียด หูผมฟังมันพูด แต่สายตาของผมกลับถูกดึงดูดด้วยอุปกรณ์บางอย่างบนเวที

วัฒน์เดินขึ้นมาบนเวทีโดยมีเพื่อนฝรั่งตามหลังมา และเมื่อผมเห็นนายฝรั่งขี้นกเดินไปประจำที่ที่อุปกรณ์นั้นผมก็อุทานขึ้นอย่างดัง
“เฮ้ย อะไรของมึงไอ้นิล”
“ก็ฝรั่งคนนั้นน่ะ กูรู้จักเขา กูเคยเห็นเขา เขามาเล่นพิณแก้วที่งานแต่งแม่กู”
“เห... อย่างงั้นเหรอ”
“เขาเล่นเก่งมากเลยนะมึง ลองฟังดูดิ” พอผมพูดจบเสียงดนตรีก็ดังขึ้น วัฒน์เล่นคีย์บอร์ดไฟฟ้าและร้องเพลงครับ ท่าทางมีฝีมือไม่ใช่น้อย แต่ผมกลับชอบเสียงจากพิณแก้วมากกว่า และดูลักษณะแล้วจะไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้ พวกสาวๆเอาแต่ซุบซิบกันเรื่องนักดนตรีรับเชิญผมทองกันอย่างไม่ขาดปาก
“เออว่ะ เล่นเก่งจริงๆด้วย กูละชักจะหมั่นไส้” ไอ้ริวกระซิบกับผม
“อะไรของมึง”
“ก็ดูดิแม่ง ทั้งหล่อ ทั้งเล่นดนตรี สาวๆอะแพ้ผู้ชายเล่นดนตรีเป็นนะมึงรู้เปล่า”
“เฮ้ย ไปเอาทฤษฎีมาจากไหน”
“เอ๊า ก็แฟนเก่ากูละชอบนักหนาเวลาเห็นผู้ชายเล่นดนตรี”
“เป็นรสนิยมเฉพาะตัวแฟนเก่ามึงมากกว่าปะ ฮ่าๆ” ผมขำตรรกะประหลาดของเพื่อน กะอีแค่เล่นดนตรี ใครๆก็เล่นได้ปะถ้าได้ฝึกฝน ผมมองฝรั่งเพื่อนวัฒน์อย่างชื่นชมในฝีมือของเขา อันที่จริงถ้าผมเล่นดนตรีเป็นบ้างก็คงดี แต่ไอ้ผมมันไม่มีทักษะด้านนี้เลยน่ะสิ
“!?!” แล้วจู่ๆผมก็ชะงักเมื่อคนที่ผมกำลังมองนั้นเขาหันมาส่งยิ้มให้ผมแว่บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเหลือบมองไอ้ริวก็เห็นว่ามันไม่ได้สังเกตอะไร บางทีผมคงตาฝาดไปเองก็ได้

ตึก!

อีกแล้ว เขาหันมาอีกแล้ว

ผมนับหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า และเขาก็หันมาอีก เขายิ้มจากบนเวที เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนยิ้มไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่ายิ้มกับใคร แต่ทำไมผมจึงรู้สึกไปได้ว่าเขายิ้มให้ผม

ตึกตัก!

ผมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเริ่มเต้นแรงกว่าปกติ พอลองเอามือทาบดูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เลือดอุ่นสูบฉีดจนหน้าผมร้อนผ่าว ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ลงไปกว่านี้ ผมต้องพิสูจน์ว่าผมคิดไปเอง... เขาไม่ได้มองมาทางผมหรอก...

“!?!”

ชัดเลยครับทีนี้ สายตาผมกับเขาประสานกันตรงเป๊ะ เหมือนเขามองรอผมให้เงยหน้าขึ้นมาอยู่แล้ว ผมมั่นใจล้านล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเขายิ้มให้ผมแน่นอน!

“เฮ้ย ไอ้นิลมึงจะไปไหน”
“กูปวดขี้ ไปห้องน้ำแป๊บ” ผมผุดลุกออกมาจากตรงนั้นทันที กะว่าจะชิ่งหนีกลับคอนโดนก่อนแล้วค่อยโทรบอกไอ้ริวทีหลัง คนแม่งก็มาดูอะไรกันเยอะแยะนักหนาไม่รู้ กว่าผมจะฝ่าออกมาได้เสียงเพลงแม่งก็เงียบลงพอดี

“Hey!” จู่ๆก็มีใครบางคนคว้าข้อมือผมไว้ ผมสะดุ้งโหยงและหันไปมองข้างหลังอย่างช้าๆ หัวใจแม่งเต้นแรงยังกับจะทะลุออกมาอยู่แล้ว ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะทำผิดเลยวะ!!

“จะกลับแล้วหรือครับ” ประโยคภาษาไทยและสำเนียงแปลกแปร่งดังออกมาจากปากมิสเตอร์หัวทองตรงหน้าผม นี่มันไปหัดพูดภาษาไทยตั้งแต่เมื่อไรวะ
“Nice to meet you again.” ผมยิ้มแหย แต่ฝรั่งยิ้มกว้าง บางสิ่งในหัวผมกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าหลังจากนี้จะต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีแน่ๆ เรดาห์สแกนเกย์มันร้องเตือนผมอยู่
“ผม..มาเวิร์คแอนด์ทราเวล ครับ” ผมมองฝรั่งพยายามพูดไทยคำอังกฤษคำอย่างมานะพยายาม นับถือจริงๆครับ แค่จะมาทำงานเมืองไทยยังอุตส่าห์หัดพูดภาษาไทย นี่ขนาดตัวผมมีแม่อยู่เมืองนอก แถมมีพ่อเลี้ยงเป็นฝรั่ง ภาษาอังกฤษผมยังไม่กระดิกเลยครับ
“เอ่อ มายเนมอิสแพทริค แอนด์ยู?” ฝรั่งยิ้มกว้างแถมยังไม่ปล่อยมือผมอีก
“ไอแอมนิล” ผมตอบ
“ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้งจริงๆนะครับ I hope.. เอ่อ ผมหวังว่า เราจะเป็นเพื่อนกันได้นะครับ” ครับ ดีใจจัง มีฝรั่งอยากเป็นเพื่อนกับผมมากขนาดนี้ บางทีมันคงไม่มีอะไรแปลกๆอย่างที่ผมคิดหรอกครับ เขาคงดีใจที่ได้เจอคนเคยรู้จักกันในต่างบ้านต่างเมืองก็เท่านั้น
“ผมก็ดีใจที่ได้เจอคุณเช่นกันครับแพทริค”

หลังจากนั้นคุณคงจะคิดว่าทั้งผมและฝรั่งแพทริคก็เดินกลับเข้าไปในงาน และเราสองคนก็ได้นั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบสินะครับ แต่เปล่าเลย เพราะว่าชีวิตจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ

“นิลครับ” ชะอุ๋ย น้ำเสียงที่คุ้นเคยฟังดูขุ่นมัวผิดไปจากเวลาปกติ ถ้าให้ผมขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ผมอยากจะขอให้ตัวเองหายไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย! แม่งเอ๊ยยยยย

“นั่นเพื่อนคุณ คนที่ไปกับคุณคราวนั้นนี่” ฝรั่งถามผม แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามอะไร ช่วยปล่อยมือกูก่อนได้มั้ยคร้าบบบบ สายตาเพชฌฆาตของพี่รันจะเผากูเป็นจุลแล้วววววว

“อ่า ใช่ๆ เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับเขานะ” ผมแกะมือตัวเองออกอย่างนิ่มนวล และเดินไปจูงมือพี่รันที่ตาขวางอย่างกับหมาบ้ามาแนะนำให้แพทริคได้รู้จัก
“พี่รัน นี่แพทริคครับ เขามาทำงาน”
“Hi, Nice to meet you too.” ครับ ฝรั่งแพทมารยาทดีรู้จักทักทาย แต่คนไทยของผมนี่สิเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรสักคำ
“พี่รัน เสียมารยาทจัง เขามาเที่ยวบ้านเรานะครับ” ผมกระซิบ
“หึ” พี่รันแสยะยิ้ม และพูดอะไรกับฝรั่งแพทเป็นภาษาอังกฤษยาวเหยียดจนผมฟังไม่ทัน พอพูดจบท่านก็ลากผมออกมา ปล่อยให้ฝรั่งยืนอึ้งอยู่อย่างเดียวดาย


“พี่รันพูดอะไรกับเขาอ้ะ” พอจับผมยัดเข้ามาในรถแล้วพ่อคุณก็เหาะออกจากม.อย่างไว แต่ปากผมก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม ผมไม่รีรอรีบยิงคำถามใส่พี่รันทันที
“ไม่ต้องรู้หรอก ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“เอ๊ะ อะไรเนี่ย อย่ามาเสียงแข็งใส่นิลนะ”
“ไม่ต้องมาโวยวาย ทำความผิดยังไม่สำนึก”
“ความผิดอะไร นิลยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ผมโกหกคำโต โอเค. ผมอาจจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกหกก็เพราะในใจผมรู้สึกผิดจริงๆที่คุยกับฝรั่งแพท และเอ่อ... แอบใจเต้นไปกับดวงตาสีฟ้าเจิดจ้าคู่นั้น..นิดนึง... นิดนึงจริงๆนะ!! ยังงี้ไม่ถือว่านอกใจสักหน่อย

“แล้วที่ไปให้มันจับมือถือแขนตั้งนานสองนานนั่นละ”
“โวะ นิลไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” ผมแหว ลุงนี่แม่งขี้หึงนี่หว่า “ทำเป็นพระนางละครน้ำเน่าไปได้” ประโยคหลังนี้ผมบ่นคนเดียว แต่ไอ้พี่รันเสือกได้ยินครับ
“งั้นอย่าให้มีฉากตัวร้ายปล้ำนางเอกแล้วกัน เพราะพี่คงมาช่วยไม่ทันหรอก” นางเอกพร่อง... หาว่าผมเป็นนางเอกซะงั้น แม่ง..
“ก็ดีสิ ตัวร้ายหล่อขนาดนั้นนางเอกก็คงยอมอยู่หรอก” ผมแขวะกลับ อยากยัดเยียดตำแหน่งนางเอกให้ดีนัก

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“โอ๊ก!” จุกเลยครับคุณ พี่รันมันเบรกจนผมตัวโก่งแทบพุ่งไปติดกระจกถ้าไม่ได้คาดเบลท์ มันจะเบรกแรงขนาดนี้เพื่ออออออออออ?????

“ไหนพูดใหม่สิ”

“หะ.. พูดอะไร..” ผมเริ่มหวาดผวาเมื่อเห็นสายตาโหดเหี้ยมจากคนขับรถ บางทีถ้าผมแกล้งตายคงจะเวิร์คกว่าวิ่งหนี เพราะพี่รันมันวิ่งตามผมทันแน่ๆ

“อยากโดนตัวร้ายปล้ำนักใช่มั้ย?”

“เฮ้ย เปล่าๆ พี่หูฝาดแล้ว”

“ไม่ละ หูพี่ยังดีอยู่ ได้ยินชัดๆเต็มสองข้างเลย” พี่รันปลดเบลท์แล้วชะโงกตัวข้ามเบาะมาหาผม ผมมองไปรอบๆนี่แม่งก็เปลี่ยวสัด!! แถมยังเริ่มโพล้เพล้ อย่าบอกนะว่าผมจะโดนเปิดซิงบนรถ!!!!!

“เฮ้ยยยย พี่รันอย่าดิ ริมถนนแบบนี้ไม่เอาน้า” ผมตั้งท่าจะปลดเบลท์ของตัวเองแต่ก็ไม่ทันไอ้พญามารที่มันดึงมือผมเอาไว้แน่น แถมยังโน้มตัวมาจนจะชิดหน้าผมอยู่แล้วววว

“ปากดีนักนะเราน่ะ” พญามารกระซิบข้างหูผมก่อนจะย้ายเป้าหมายมาเป็นริมฝีปากผมแทน ผมยังไม่อยากถูกดูดวิญญาณตอนเน้!!
“อื๊ออออ” ผมหลับตาปี๋เมื่อริมฝีปากของเราแตะกันสนิท พี่รันจาบจ้วงและรุนแรงผิดไปจากครั้งแรกของเรา ลิ้นอุ่นนุ่มทำงานอย่างช่ำชองจนผมตามไม่ทัน เมื่อไรไม่รู้ที่พี่รันเปลี่ยนจากล็อกแขนผม เป็นเอามือมาประคองแก้มผมแทน และยิ่งดีกรีการจูบร้อนแรงเท่าไรก็ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าผมกำลังหลุดรุ่ยมากขึ้นเท่านั้น ริมฝีปากบางของพี่รันไล่ตามผมไม่ลดละ แม้ผมจะถอยหนีไปทางไหนเขาก็ตามดักผมได้หมด มือใหญ่นั่นล้วงลึกเข้ามาในเสื้อผมและลูบไล้อย่างร้อนแรง เสียงการแลกเปลี่ยนของเหลวที่ฟังดูโคตรจะน่าอายดังเป็นระยะอยู่ภายในพาหนะคันงามนี้ ผมเผลอตัวยกสองแขนโอบรอบคอพี่รันเอาไว้และปล่อยให้ร่างกายโอนอ่อนไปตามการชักนำของเขา

ครืดดดดดดด ครืดดดดดดดดด

เราทั้งคู่สะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินเสียงประหลาด ไอโฟนผมที่มันลื่นออกจากกระเป๋ากางเกงลงไปวางแหมะอยู่ตรงเกียร์มันสั่นขึ้นมาพอดี เรามองหน้ากันพักหนึ่งและผมก็เอื้อมคว้าโทรศัพท์มา

“ฮัลโหล” ...แต่ไม่ทันเฮียเขาครับ พี่รันมือยาวกว่าผม แย่งโทรศัพท์ผมไปแล้วยังกดรับหน้าตาเฉย ไม่สนใจเจ้าของเครื่องที่นั่งอึ้งอ้าปากค้างอยู่ตรงนี้ เอ๊ะ... ว่าแต่เบาะนั่งมันปรับเอนเมื่อไรวะ?
“พี่รับนิลกลับมาแล้วครับ แค่นี้นะ”
“ใครโทรมาอ่ะ”
“คนชื่อริว” พี่รันวางโทรศัพท์ผมไว้ที่เดิมและทำท่าจะสานต่อจากเหตุการณ์เมื่อกี้ เล่นเอาผมร้องเสียงหลง
“เฮ้ยยย ไม่เอาแล้ว พอแล้วนะ เดี๋ยวก็มีคนผ่านมาเห็นหรอก” ผมยกมือห้าม พี่รันชะงักมองผมแวบหนึ่งก่อนจะถอยตัวออกและปรับเบาะนั่งผมให้ตรงเหมือนเดิม
“เดี๋ยวไปต่อที่ห้อง” พูดออกมาหน้าตาเฉย

เพียะ

“ไอ้บ้า” ผมซัดเข้าไปที่ต้นแขนและด่าแถมให้ทีหนึ่ง คนอะไรโดนด่าแล้วยังนั่งยิ้มแถมทำสายตาหื่นใส่ผมอีก แสดงว่าหายโมโหแล้วสินะไอ้โรคจิต
“พี่รันเวลาโมโหแล้วน่ากลัวนะ” ผมบ่นอุบอิบ
“หือ? เปล่านี่ พี่ไม่ได้โมโหนะ” ผมหันไปมองพี่รันแบบงงๆ หน้าตายิ้มแย้มเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ อย่าบอกนะว่ามัน...
“นี่พี่ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนเพื่อหลอกลวนลามนิลใช่มั้ย!!!!!”
“หึหึ คิดงั้นเหรอ”
“เออสิวะ”
“ฮ่าๆๆๆ นิลนี่หลอกง่ายจริงๆ”
“ไอ้เลววววว ไอ้เลวๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆ ด่าเยอะๆครับพี่ชอบ ด่าพี่กี่คำพี่ปล้ำจูบเท่านั้นเลย”
“ฮึ้ยยยยยยยย ไอ้บ้า!!!!!” ผมเอาสองมืออุดปากตัวเองและตะโกนด่ามันสุดเสียง ไอ้คนเฮงซวยนี่ระวังให้ถึงทีผมมั่งเท้ออออออ แม่ง.



**มาน้อยยังดีกว่าไม่มานะคะ  :hao5:
**ขอบคุณทุกคอมเมนท์กำลังใจนะคะ มีคอมเมนท์น้อยก็ยังดีกว่าไม่มีเนอะ 555

หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 9 วันที่ 17/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-04-2014 13:01:51
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Chapter : 10 [อาคันตุกะ]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 28-04-2014 17:07:15
Chapter : 10 [อาคันตุกะ]


(http://i637.photobucket.com/albums/uu91/branchest/Wooden-Bench-In-Balcony-To-Enjoy-The-Scene_zpsfa1902c7.jpg)



หลังจากที่ผ่านเทศกาลสอบหฤโหดไปได้ ก็ถึงเวลาที่พวกผมจะได้ปิดเทอมกันอย่างจริงจังเสียที เห็นยัยฟ้าบอกว่าจะไปบ้านคุณยายที่ต่างจังหวัด สงสัยคงอยากจะหนีหน้าใครสักคนนะผมว่า ส่วตัวผมยังไม่มีแพลนใดๆทั้งสิ้น แม่เองก็ชวนให้ผมไปหา แต่ผมไม่อยากไปอ่ะ ขี้เกียจนั่งเครื่อง เสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ


อีกอย่างก็คือ เดี๋ยวพอเปิดเทอมผมก็จะขึ้นปีสามแล้วครับ คงจะต้องเรียนหนักกว่าเดิม เพราะงั้นผมก็ไม่อยากจะเอาเวลาตอนปิดเทอมไปใช้นั่งๆนอนๆอย่างเปล่าประโยชน์น่ะซิ


“งั้นไปทำงานกับพี่มั้ยละครับ” พี่รันเสนอแนะเมื่อได้ฟังสิ่งที่อยู่ในใจของผม ซึ่งมันเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจจนทำให้ผมละจากการแหย่ไอ้ริชชี่มามองหน้าเขานิ่ง
“แต่พี่ต้องบินไปนู่นมานี่บ่อยๆอ่ะ”
“ก็บินไปกับพี่ มีแฟนรวยจะกลัวอะไร” เจ้าตัวหัวเราะหึหึทำเอาผมหมั่นไส้
“หมั่นไส้ว่ะ พ่อคนรวยเงินถุงเงินถัง” ไม่รู้จะด่าอะไรจริงๆครับ ก็พี่รันมันรวยจริง หล่อจริง ไม่รู้จะขุดห่าคำอะไรมาด่ามันดี จะด่าว่าไอ้หื่นเดี๋ยวมันก็หาเรื่องมาพิสูจน์ความหื่นกับผมเปล่าๆ
“ไปเถอะนิล ช่วงนี้พี่อยากได้คนช่วยงานด้วย” พี่รันเดินมานั่งข้างผมและไอ้ริชชี่ก็กระโดดขึ้นมานอนบนตักพี่รันตามสเต็ป พ่อลูกอ่อนเกาคางแมวมือนึง อีกมือนึงก็ลูบหัวผม
"ไม่ต้องคิดอะไรมาก เราไม่ได้เอาเปรียบพี่หรอก และโอกาสดีๆแบบนี้น่าจะคว้าไว้ไม่ใช่เหรอ” งืม... ผมก็คล้อยตามคำพูดพี่รันนะ แต่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมันจะสบายเกินไปหรือเปล่า อะไรๆก็มีคนประเคนมาให้ถึงที่แบบนี้ รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้


‘แหม นิลก็ลำบากมาเยอะไม่ใช่หรือลูก’ แม่ถามผมกลับในวันรุ่งขึ้น ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดถึงความโชคดีของตัวผม แม่ก็สไกป์มาได้อย่างเหมาะเจาะพอดี
‘นิลอย่าลืมสิ ว่านิลก็ไม่ได้สุขสบายมาแต่อ้อนแต่ออกนะ บางทีเราก็อดมื้อกินมื้อ แถมยังไม่มีใครให้หันไปพึ่งพาได้อีก’ แม่พูดเหมือนกำลังเล่าเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศไม่ใช่เรื่องความยากจนของเราสองแม่ลูกเมื่อก่อน แถมยังเอียงแก้มไปให้สามีป้ายแดงหอมได้อีก ผมละเขินแทนจนต้องซุกหน้ากับฝ่ามือตัวเอง
‘แหมทำเป็นเขิน ทำเป็นคนไม่เคยไปได้’
“แม่อ้ะ อย่ามาแซวนิลนะ” อย่างน้อยผมก็ไม่เคยแสดงความรักแบบโจ่งแจ้งให้ใครเห็นนะ รึเปล่าหว่า??


ว่าแต่ผมก็ลืมไปแล้วนะ ว่าเมื่อก่อนชีวิตผมผ่านอะไรมาบ้าง บางทีคงเป็นเพราะว่าตอนนี้ผมมีความสุขดี จึงไม่เคยอยากจะหวนกลับไปนึกถึงอะไรที่มันมืดมนอย่างนั้นก็เป็นได้


อย่างที่ใครๆก็รู้กันว่าผมไม่มีพ่อ พ่อผมไม่ได้ตาย แต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรในชีวิตผมอีกแล้ว มันคงเป็นเพราะว่าผู้ชายหัวอ่อนคนหนึ่งในครอบครัวคนจีนที่ไม่สามารถออกมาจากเงาของครอบครัวเพื่อใช้ชีวิตด้วยตนเอง แต่กลับตัดขาดจากลูกเมียตาดำๆโดยที่ไม่เคยเหลียวแลหรือเกื้อกูลอะไรสักครั้ง มิหนำซ้ำยังทำเหมือนกับเราเป็นหมูเป็นหมา ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าคนเราในวัยเด็กจะต้องมีเรื่องที่เด่นชัดอยู่ในความทรงจำ มันอาจจะเป็นเรื่องของความประทับใจหรือฝังใจก็เป็นได้ และผมเองก็มีเรื่องแบบนี้เช่นเดียวกัน


ภาพที่ผมมองข้ามพ้นจากไหล่บอบบางคือบ้านหลังใหญ่และสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาจากท้องฟ้าสีเทา แม่อุ้มผมไว้ด้วยแขนข้างเดียว และแขนอีกข้างลากกระเป๋าเดินทางซึ่งบรรจุข้าวของของเราสองแม่ลูกเอาไว้ทั้งหมด ไม่มีเงิน ไม่มีน้ำใจใดๆสำหรับคนที่ถูกเฉดหัวมาจากบ้านหลังใหญ่นั้น แม้กระทั่งจะเดินออกมามองเราสองคนก็ไม่มีเลย ผมมารู้เอาตอนโตแล้วว่าสาเหตุที่เราสองแม่ลูกต้องระเห็จออกมาจากครอบครัวนั้นเพราะแม่ทนการกดขี่ข่มเหงจากพวกอาและอาม่าของผมไม่ไหว แม่เป็นสะใภ้ที่ไร้ศักดินา มีเพียงหัวสมองและสองมือที่ไร้ค่าเทียบไม่ได้กับทรัพย์สมบัติมหาศาลของเมียใหม่พ่อ อันที่จริงเรื่องมันจะไม่เป็นแบบนี้ ถ้าเพียงแต่พ่อจะจับมือแม่เอาไว้ให้แน่นและยอมเคียงข้างแม่ ทว่าผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้นไม่กล้าพอที่จะขัดใจกับท่อน้ำเลี้ยงชีวิตของเขาเพราะกลัวว่าตัวเองจะต้องลำบาก แต่ลูกเมียลำบากคงไม่เป็นไร


ตอนที่ผมยังไม่เกิด แม่กับพ่อเคยรักกันจนกระทั่งวันที่แม่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพ่อ อาหญิงทั้งสามของผมเป็นน้องของพ่อ แต่กลับมีอำนาจมากกว่าพ่อซึ่งเป็นพี่ชายคนโต (คงเข้าตำราน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ผู้หญิงสาม ผู้ชายหนึ่งเองนะครับ) แถมอาม่าผู้จิตใจไม่สมประกอบก็ไม่เคยสนใจใยดีแม่ ปล่อยให้พวกอาจิกหัวทำกับแม่เหมือนเป็นคนใช้ แล้วพอแม่เริ่มตั้งท้องผมแม่ก็เกือบจะแท้งเพราะตกบันไดที่อาสั่งให้แม่ไปทำความสะอาด แต่โชคดีว่าตกลงมาไม่สูงนัก และหัวหน้าแม่บ้านมาเห็นพอดีจึงรีบพาแม่ไปโรงพยาบาล แม่นอนโรงพยาบาลยังไม่ทันฟื้นตัวดีก็ถูกลากกลับมาบ้านเพื่อทำงานบ้านอีก แม่อดทนจนกระทั่งผมเริ่มเดินและพูดได้ ฟางเส้นสุดท้ายของแม่ก็ขาดสะบั้นลงเมื่อผมถูกอาแท้ๆของตัวเองตบหน้าจนหัวฟาดขอบโต๊ะ เสียงกรีดร้องของแม่ยังเด่นชัดในความทรงจำ ภาพของพ่อที่ได้แต่ยืนมองด้วยสีหน้าตระหนกโดยไม่เข้ามาช่วยเหลืออะไรทำให้แม่เก็บข้าวของทั้งหมดและตัดสินใจออกมาตายเอาดาบหน้า


พวกเขาคงสาแก่ใจที่ขับไล่ผมและแม่ออกจากบ้านได้... แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาไม่รู้คือแม่ขโมยเงินพ่อมาด้วย แม่หาบ้านเช่ากลางเก่ากลางใหม่ที่ชานเมืองกรุงเทพ และไปสมัครงานตามโรงงานต่างๆ อันที่จริงแม่ผมมีปริญญา มีความรู้ แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ และยังมีลูกเล็กมาด้วยจะเลือกงานอะไรได้มากนัก แม่อดทนทำงานเป็นเสมียนในโรงงานโดยหอบหิ้วผมไปทำงานด้วย โชคดีว่าผมไม่ร้อง ไม่งอแง จึงไม่เกิดปัญหา และยังมีแต่คนเอ็นดูเราด้วย จวบจนผมเริ่มเข้าโรงเรียน แม่ก็จะไปรับผมตอนเลิกเรียนแล้วกลับมาทำงานต่อจนมืดค่ำจึงจะได้กลับบ้าน แม่ทำงานดึก ทำงานเยอะ เพื่อให้ได้ค่าโอทีและให้ผลงานดีเข้าตาเจ้านายจนได้เลื่อนตำแหน่งไวๆ ความพยายามของแม่ดำเนินต่อไปอีกสามสี่ปี จนเจ้านายเห็นความสามารถและมอบหมายงานและตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งแม่ก็ทำได้ดีขึ้นเป็นทบทวี จนผมขึ้นชั้นมัธยมปลาย แม่ก็ได้โอกาสไปดูงานต่างประเทศ บ่อยครั้งเข้าก็ได้รับโอกาสให้ไปประจำที่สาขาต่างประเทศและได้เงินเดือนที่มากขึ้น ภาพของแม่ที่ติดตาผมคือภาพแม่ที่ผอมเกร็ง อดมื้อกินมื้อเพื่อให้ผมอิ่ม บางครั้งเราหุงข้าวหม้อหนึ่งให้กินกับน้ำปลาได้สองวัน ถ้ามื้อไหนมีปลากระป๋องก็จะเป็นอะไรที่หรูมาก ถ้าแม่เงินเดือนออกแม่ก็จะซื้อกล้วยน้ำว้าที่ยังดิบมาเก็บไว้เป็นหวีๆ


ผมแค่นยิ้มกับโชคชะตาของตนเอง บางทีฟ้าก็เล่นตลกกับเราเหลือเกิน และเราไม่มีทางจะรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น อย่างแม่กับพ่อผมที่เคยรักกันมาก แต่ก็ไม่เท่ากับความรักที่พ่อมีให้ตัวเองยังต้องพังพินาศลง ขนาดตอนนั้นผมยังเด็ก แต่ไอ้ความยากลำบากนี่มันก็ฝังจิตฝังใจผมเอาเรื่อง ทำเอาผมหลอนจนไม่ไว้ใจกับอะไรดีๆที่เข้ามาในชีวิตเพราะกลัวว่าถ้าสิ่งดีๆเหล่านั้นหายไปแล้วผมจะทำใจไม่ได้


‘ฮัลโหลๆ ใจลอยไปไหนจ๊ะ’ เสียงเรียกของแม่ดึงเอาผมกลับมาจากความทรงจำในอดีต ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่ดูอิ่มเอิบมีความสุขเสียเหลือเกิน ความปรารถนาสูงสุดของผมคือเห็นแม่มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
“นิลดีใจที่เห็นแม่มีความสุข”
‘แม่ก็เหมือนกัน เห็นนิลเป็นแบบนี้แล้วแม่ก็ดีใจ’
“แล้วถ้าวันหนึ่ง ความสุขของนิลมันหายไปละแม่”
‘นิลก็สร้างมันขึ้นมาใหม่สิ จำไว้นะลูก เราเกิดมาเป็นคน ยังไม่ตายก็ต้องสู้กันต่อไป อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ เราไม่เหลืออะไรแต่เราก็ยังมีสมองและสองมือนี่นา’ ผมคิดตามที่แม่พูด ทางที่เราจะมีความสุขที่สุดคือการทำวันนี้ให้ดี ไม่ต้องไปกังวลถึงเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิด แต่เราก็ต้องไม่ประมาทกับมันเช่นเดียวกัน
“นิลรักแม่”
‘แม่ก็รักนิล ดวงใจของแม่’




สัปดาห์แรกของการปิดเทอม พี่รันพาผมไปเกาะครับ อันนี้เป็นงานนอกที่ไม่ใช่กิจการของบ้านเขา บางทีพี่รันก็รับจ๊อบตกแต่งให้กับคนอื่นเหมือนกัน เห็นว่าอันนี้เป็นบ้านของลูกค้าที่เคยไปพักโรงแรมในเครือบ้านเขาและชอบฝีมือการตกแต่งของพี่รัน ก็เลยว่าจ้างเป็นการเฉพาะกิจ


อย่างพี่รันเนี่ย ถือว่าเป็นคนที่ทำงานด้วยใจรักไม่หวังเงินทอง เพราะว่าถ้าเขาเบนเข็มไปเป็นผู้บริหาร เขาก็ไม่ต้องลำบากลงมาทำอะไรด้วยตัวเองแบบนี้ แต่เขาบอกว่าเขาไม่อยากอยู่เฉยๆ การได้เห็นผลงานของตัวเองถือเป็นความฟินสูงสุด(?)


“เจ้าของบ้านเขาตั้งใจว่าจะให้บ้านหลังนี้ปลูกตรงตีนเขา โดยหันหน้าไปทางตะวันออก ตัวบ้านจะเป็นบ้านไม้สองชั้นที่มีห้องใต้หลังคาและมีกระจกเปิดโล่งรับแสงแดดได้เต็มๆ” พี่รันบรีฟให้ผมฟังคร่าวๆขณะที่เรากำลังโดยสารในรถโฟร์วิลขึ้นเขา
“ร้อนตายสิครับแบบนั้น” ผมเปรย สายตาก็มองต้นไม้เขียวชะอุ่มรอบๆ ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาเพราะเป็นเกาะที่ไม่เปิดให้ท่องเที่ยว จึงเงียบสงบและไม่พลุกพล่าน ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมของคนรวยสินะ
“ไม่หรอก ต้นไม้เยอะ และลมโกรกมาก รับรองนิลต้องชอบแน่ๆ”
“แต่ก็เป็นแนวถนัดของพี่รันเลยนี่ครับ แนวรักษ์ธรรมชาติ ไม้ป่าเดียวกัน..” ประโยคแรกผมพูดจริง เพราะว่างานออกแบบของพี่รันจะเป็นแนวกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ส่วนประโยคหลังผมพูดเบาๆไม่รู้เจ้าตัวจะได้ยินหรือเปล่า อิอิ
“พี่คิดว่าเราอยู่กันได้เพราะธรรมชาติ โอนอ่อนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติละดีที่สุด และพี่ก็ชอบป่าไม้มากๆด้วย” อึ๋ย ได้ยินนี่หว่า ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาหยิกแก้มผม ครั้นจะหันหน้ากลับไปด่าก็เจอกับสายตาวิบวับจนต้องเป็นฝ่ายหลบเอง
“พี่รันก็ทำหื่นตลอด” ผมว่า
“ไม่ต้องมาทำหน้าน่ารักเลย” เขาใช้สองมือประคองสองแก้มผมหลังจากที่เราทั้งคู่ลงมายืนบนพื้นดิน  ผมเบือนหน้าหนี ถึงนี่มันจะกลางป่าเขาแต่ก็อาจมีลิงมีหมีมาแอบมองอยู่ก็ได้ใครจะรู้
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวเจ้าของบ้านเขาจะรอ”
“หึหึ ไปก็ไป” พี่รันจับจูงมือผมให้ออกเดินไปพร้อมกัน ผมมองทางเดินขึ้นไปยังตัวบ้านที่เป็นขั้นบันไดหิน ลานจอดรถด้านล่างที่เกลี่ยดินเอาไว้ทำให้จอดรถได้สาม-สี่คันสบายๆ เงาไม้ทอดตัวลงมาทำให้ไม่ต้องพึ่งหลังคาบังแดดเลยด้วยซ้ำ บรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามขนาดนี้ทำให้ผมนึกถึงค่าที่ดินแพงหูฉี่ ดูท่าเจ้าของบ้านคงต้องจ่ายไม่ใช่น้อยๆเพื่อแลกกับสวรรค์บนดินตรงหน้าผมนี้


บ้านไม้ที่ตั้งตระหง่านไปกับสันเขาดึงดูดสายตาผมตั้งแต่แรกเห็น ตัวบ้านฝั่งที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกประกอบด้วยกระจกบานใหญ่จำนวนมาก ตัวบ้านนั้นยกสูงจากพื้นขึ้นมาประมาณสองฟุต พวกเราขึ้นมาสูงจากระดับน้ำทะเลพอสมควร เมื่อผมหันหลังกลับไปจึงได้เห็นท้องทะเลอยู่ลิบๆ บริเวณรอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ตระกูลส้ม และพวกดอกไม้หลากสีสัน


ภายนอกที่ทำให้ผมตะลึงได้แล้ว ภายในกลับดูตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่า เมื่อพี่รันเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไป ผมก็เห็นเนื้อไม้ทั้งพื้นและผนังที่มีลวดลายสวยงามชัดเจนขัดจนเป็นเงามันแว้บ แค่เพียงเห็นแวบเดียวผมก็รู้ว่าประเมินค่าไม่ได้แล้ว ผมหันไปมองพี่รันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
‘ว่านี่มันไม้สักไม่ใช่หรือ อย่าบอกนะว่าเจ้าของบ้านลักลอบตัดไม้บนเกาะ...’
“เฮ้ย ไม่ใช่แล้วนิล นี่เขาซื้อมาจากฟาร์มที่เพาะปลูกอย่างถูกกฎหมาย ทำไมนิลถึงคิดไปอย่างงั้นล่ะ” พี่รันขำจนตัวงอ
“อ้าว ก็ใครจะไปรู้ละ ไม้สักทั้งหลังแบบนี้ สักทองเสียด้วย ก็ต้องสงสัยไว้ก่อน”
“ทำอย่างกับถ้าเขาใช้ไม้เถื่อนจริงๆ นิลจะแจ้งตำรวจจับเขาได้งั้นแหละ”
“จับได้ไม่ได้ก็ไม่รู้หรอก แต่นิลไม่อยากทำงานให้พวกทุจริตแน่ๆ”
“คร้าบๆ หนุ่มน้อยที่แสนจริงจัง คิดอะไรเกินวัยระวังแก่ก่อนเวลาอันควรนะ”
“พี่รันสิแก่” เสียงฝีเท้าจากชั้นบนดังมาใกล้ทำให้เราต้องหยุดกัดกันชั่วคราว เสียงดังก๊อก ก๊อก กระทบพื้นไม้ทำให้ผมเดาได้ว่าเจ้าของบ้านน่าจะเป็นผู้หญิง และผมก็ยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าเป็นหญิงสาวชาวต่างชาติที่สวยมากกกกกกก


สวยขนาดไหนน่ะหรือครับ ถ้าหากฟ้าครามที่มีใบหน้าหวานหยดย้อยเปรียบเสมือนตุ๊กตาพอร์ซเลนชั้นดีละก็ ผู้หญิงตรงหน้าผมคนนี้คงเปรียบเสมือนรูปปั้นวีนัส เดอมิโล ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ (ต่างกันเพียงแค่เธอคนนี้มีแขนทั้งสองข้างครบสมบูรณ์แบบครับ) ใบหน้าที่สวยเลิศล้ำมีเครื่องสำอางค์ฉาบบางๆ เรือนร่างสมส่วนสูงโปร่ง ทรวดทรงองค์เอวมาแบบจัดเต็ม ขนาดผมไม่สนใจเพศหญิงยังเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อกตอนที่เธอเดินเยื้องย่างลงมาด้วยรองเท้าส้นสูง เรือนร่างงดงามราวกับปั้นแต่งนั้นถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงขายาวผ้าพลิ้วๆแบบที่ผู้หญิงเขาชอบใส่กันอ่ะครับ ผมเองแอบคิดในใจว่าขาภายใต้กางเกงสีดำตัวนั้นจะเรียวสวยขนาดไหนกันนะ


“นิล!!” ผมสะดุ้งเฮือกจนกลับมาสู่ความเป็นจริงตัวเบ้อเริ่มที่ยืนทำหน้ายักษ์ใส่ผมอยู่ข้างๆ มือใหญ่หยิกแก้มผมเต็มแรงและกัดผมด้วยคำพูดเบาๆที่ได้ยินกันเพียงสองคน
“ไง สวยมากเลยสินะ มองตาค้างเลยน่ะ” เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นหูแฝงโทสะทำเอาผมขนลุกซู่ ทำได้เพียงยิ้มแหยเท่านั้น
“ฮิฮิ” ฝรั่งสาวหัวเราะแล้วครับ ยิ่งหัวเราะยิ่งสวยขึ้นไปอีก เห็นฟันขาวจั๊วะเรียงกันเป็นระเบียบเวลายิ้มด้วย
“นิล สวัสดีคุณเกรซเสียสิ” พี่รันทำหน้าบึ้ง “เธอพูดไทยได้ ไม่ต้องอ้ำอึ้ง” เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดหาประโยคทักทายฝรั่ง ก็เลยเฉลยให้ทันใจ
“อ่า... สวัสดีครับ ขอโทษที่เผลอจ้องจนเสียมารยาทนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องคงเป็นน้องนิลคนที่รันเขาพามาช่วยงานใช่มั้ย”
“ใช่ครับ” ผมยิ้มกว้าง คนสวย คนสวยยยยยยย ทำอะไรก็สวยไปหมดเลยยยยย


และก่อนที่ผมจะดี๊ด๊าออกหน้าออกตาไปกว่านี้ คุณเกรซก็เชิญให้พวกเราขึ้นไปชั้นบนที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นแต่ก็ยังดีกว่าชั้นล่างที่โล่งโจ้งไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยข้างบนยังมีโซฟาให้นั่งคุยงานได้ครับ คุณเกรซแจ้งความประสงค์ของเธอว่าอยากจะให้ตกแต่งแบบที่เรียบหรู แต่ไม่ต้องเว่อร์เกินไป เธอไม่ได้เจาะจงอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากเรื่องของ ‘ความปลอดโปร่ง’ เธออยากได้พื้นที่ใช้สอยได้มากๆ (เธอบอกว่าตัวเองเป็นพวกบ้าสมบัติครับ) แต่เธอก็อยากได้ความปลอดโปร่งโล่งสบายตาเช่นเดียวกัน


“ไม่มีปัญหา ผมคิดว่าจะเร่งได้ทันวันแต่งงานของคุณแน่ๆ” พี่รันปิดสมุดออแกไนเซอร์ดังฉับ ผมนั่งมองพี่รันตาปริบๆ ตกตะลึงกับความจริงที่โจมตีเข้ามาหมาดๆ
“คุณเกรซต้องการจะใช้ที่นี่เป็นเรือนหอน่ะ เธอกำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นนักธุรกิจที่ทั่งหล่อและก็เหมาะสมกับเธอที่สุด” พี่รันปรายตามองผมด้วยหางตา อุต๊ะ คนแก่หึงครับคู๊ณณณณณ
“แหม คุณรันก็พูดเกินไปค่ะ” คุณเกรซขำกิ๊ก “ตอนนี้คุณรันก็คงจะได้สัมผัสความสุขแบบที่เกรซกำลังรู้สึกอยู่แล้วนี่คะ จริงไหมน้องนิล” เธอหันมายิ้มให้ผม ดวงตาสีมรกตเจิดจ้าเป็นประกายล้อเลียนอยู่ในทีทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว เธอคงรู้สินะว่าผมกับพี่รันเป็น... อะไรกัน


เสียงรถยนต์ดังขัดจังหวะการสนทนา ทุกคนหันไปมองด้านนอกโดยอัตโนมัติทั้งๆที่มันมองไม่เห็นลานจอดรถสักหน่อย แต่ดูท่าคุณเกรซจะรู้ดีว่าแขกคนใหม่นั้นเป็นใคร เธอลุกจากโซฟาและขอตัวออกไปรับแขก พี่รันจึงลากลับเลยดีกว่า เพราะว่างานก็คุยเสร็จแล้ว จะอยู่รบกวนเขาต่อก็คงไม่ได้ สุดท้ายพวกเราทั้งหมดจึงเดินลงมาชั้นล่างกันโดยมีคุณเกรซนำหน้า พอดีกับที่ประตูบ้านเปิดออกและร่างสูงผมสีทองเดินเข้ามา


“Pat.” คุณเกรซเธอเรียกชื่อผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนจะโผเข้าไปกอดกันแน่น ผมเองพอได้มองแขกของคุณเกรซชัดๆก็ตกใจ
“อ้าว” ผมร้อง พอดีกับที่พี่รันร้องว่า “เฮ้ย” และฝรั่งแพทร้องว่า “เฮ้”


ใช่ครับ แขกของคุณเกรซคือฝรั่งแพท...




**สอบคอมพรีเสร็จแล้วววว รอฟังผลลลล ได้แต่งนิยายสักทีค่า  :hao5:

หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 10 วันที่ 28/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2014 19:26:31
เขาเป็นอะไรกัน พี่น้อง แฟน(อันนี้ไม่น่าใช่)
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 10 วันที่ 28/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 29-04-2014 01:20:50
ชอบเรื่องนี้จัง
 :กอด1:
หัวข้อ: Chapter 11 [หนี]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 30-04-2014 12:53:08
Chapter 11 [หนี]



คุณเกรซดูประหลาดใจมากพอดูเมื่อได้รู้ว่าผมและพี่รันได้รู้จักกับแพทมาก่อนแล้ว (แต่พี่รันคงไม่อยากรู้จักเท่าไร) พอเธอเห็นว่าพวกเรารู้จักกันก็เลยชวนทานมื้อเย็นด้วยกันเลย ผมมองพี่รันที่ดูอึกอักแต่ปฏิเสธไม่ออกก็แอบขำในใจ ส่วนฝรั่งแพทนั้นดีใจจนออกนอกหน้า ซึ่งนั่นคงเป็นสาเหตุที่พี่รันอยากจะไปให้พ้นจากที่นี่เร็วๆ


“อยู่ทานข้าวด้วยกันนะคะคุณรัน ลำพังเกรซกับน้องชายคงไม่สนุกสนานเท่ามีพวกคุณมาร่วมโต๊ะด้วย เกรซมาเฝ้าบ้านนี้เป็นสัปดาห์คนเดียวแล้ว ไหนๆวันนี้ก็อยู่พร้อมหน้ากันหลายคนก็มาทานข้าวเป็นเพื่อนเกรซหน่อยนะคะ” คุณเกรซพูดอ่อนหวาน พี่รันยิ่งไปต่อไม่เป็นเลยครับ ขนาดพี่รันยังแพ้ลูกอ้อนคนสวยเลยสินะ


“สวัสดีครับนิล” แพทเดินมาทักทายผมที่กำลังเป็นลูกมือคุณเกรซในครัว ผมยิ้มกว้างให้เขาและชมว่าเขาพูดภาษาไทยชัดขึ้นเยอะ

“ตั้งแต่วันนั้นก็ให้เกรซสอนตลอดเลยครับ”

“แพทเขามาบังคับพี่ว่าเวลาคุยกับเขาให้พูดเป็นภาษาไทยทุกครั้ง” คุณเกรซพูดกลั้วหัวเราะ ผมคุยกับทั้งสองคนนานพอที่จะได้รู้ว่าทั้งคู่เป็นลูกคนละแม่กัน คุณเกรซเป็นลูกครึ่ง มีแม่เป็นคนไทย ส่วนแพทเป็นหนุ่มอังกฤษของแท้ไม่มีเลือดต่างชาติเจือปนเพราะแม่ของแพทเป็นหญิงสาวชาวอังกฤษ

“แม่พี่เสียตั้งแต่พี่เด็กๆแล้วค่ะ แด๊ดก็เลยแต่งงานใหม่กับคริสซี่” คริสซี่คือแม่ของแพทครับ

“แล้วพี่เกรซ... เอ่อ... ไม่มีอารมณ์แบบว่าต่อต้าน... แม่ใหม่เหรอครับ? ” ผมรวบรวมความกล้าเพื่อถามแม้จะรู้ว่ามันอาจจะละลาบละล้วงเกินไปหน่อย แต่ผมเองก็อยู่ในสถานะที่คล้ายกับพวกเขา เลยอยากรู้ว่าปกติคนที่พ่อแม่แต่งงานใหม่นี่เขาจะมีไซด์เอ็ฟเฟ็คท์อะไรกันบ้าง อย่างน้อยถ้าพวกเขาโกรธผมจริงๆ ผมก็จะเล่าเรื่องของผมให้เขาฟัง ว่ามันคือสาเหตุที่ผมเสียมารยาทถามเขาในเรื่องแบบนี้

“ไม่หรอกครับนิล แม่รักเกรซกว่าผมเสียอีก เพราะแม่เกรซเสียตั้งแต่เกรซยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำครับ”

“จริงค่ะ พอพี่จำความได้ คริสซี่ก็เป็นเหมือนแม่จริงๆของพี่ไปแล้ว พอมีไอ้ตัวป่วนนี่เข้ามาพี่ก็เลยรู้สึกวุ่นวายกับเด็กทารกจนลืมเรื่องวัยต่อต้านไปเลยล่ะ” ผมมองเกรซขยี้หัวน้องชายตัวเองด้วยสายตาที่เปี่ยมความรักแล้วก็รู้สึกอิจฉา บางทีถ้าผมมีพี่น้องบ้างก็คงดีเหมือนกันนะ


“อ้าว คุณรันต้องการอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงคุณเกรซทำให้ผมหันไปมองทางประตูครัว ซึ่งพี่รันยืนอยู่ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆไม่เข้ากับบรรยากาศห้องครัว คนตัวโตมีสีหน้าแดงระเรื่อ ผมจึงขอตัวออกมาก่อน

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวให้เจ้าเด็กนี่ช่วยก่อนก็ได้” ผมเห็นคุณเกรซยิ้มให้ แต่ผมกลับไม่เห็นแพทหันมามองหรืออะไรเลย เขาหันหลังเงียบเหมือนกับว่าเมื่อกี้เราไม่ได้สนทนากันอย่างสนุกสนานด้วยซ้ำ


“พี่รันเป็นอะไรครับ” ผมเดินตามร่างสูงที่เดินออกมานั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน ควันบุหรี่ที่ผมเห็นจากด้านหลังทำให้ผระหลาดใจไม่น้อย เพราะว่าผมไม่เคยเห็นพี่รันสูบบุหรี่มาก่อนเลย

“...” ผมแตะบ่ากว้างนั้นเบาๆ เขาหันมามองผมด้วยคิ้วขมวดมุ่น และพูดเสียงนิ่ง “พี่อยากกลับบ้าน”

“ทำไมครับ เป็นอะไรเนี่ย” ผมส่งยิ้มให้ลูกครึ่งของผมบ้าง คนอะไรขนาดงอแงยังหล่อลาก

“พี่ไม่ชอบ... ให้นิลอยู่ใกล้ไอ้แพททริค”

“หึงนิลสินะ” ผมหัวเราะคิก

“อย่ามาหัวเราะพี่นะ ฮึ้ยยยย เดี๋ยวจะโดนทำโทษ” พี่รันขยี้บุหรี่กับที่เขี่ยและดึงผมเข้าไปกอดแน่น

“อื้ม เดี๋ยวใครมาเห็นนะ” ผมเอามือดันอกพี่รันออกแต่ก็แพ้แรง

“ช่าง” เจ้าตัวพูดเหมือนไม่แคร์อะไรในโลกก่อนจะลงมือจูบผมเบาๆที่แก้ม ไล่ไปจนถึงคางและไหปลาร้า ผมชาวาบเมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากอุ่นที่กำลังรุกล้ำร่างกาย กลิ่นควันบุหรี่จางๆดูอันตรายและเย้ายวนในคราเดียวกัน ผมเฝ้าสนใจแต่สิ่งตรงหน้าโดยไม่รับรู้ถึงเงาของร่างสูงอีกคนที่กำลังยืนมองจากมุมหนึ่งในบ้าน


อาหารเย็นมื้อนั้นอร่อยมากครับ คุณเกรซฝีมือทำอาหารไม่ใช่เล่นๆเลย  แถมการที่พี่รันอารมณ์ดี(จากการลวนลามผม)ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าอาหารอร่อยขึ้นไปอีก แต่ผู้ร่วมโต๊ะอีกคนกลับเอาแต่เงียบ ผมเองอยากจะชวนแพทคุยใจจะขาดแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวคุณชายของขึ้นอีก ยิ่งเห็นสีหน้าเรียบเฉยของแพทผมยิ่งรู้สึกกังวลใจบอกไม่ถูก จนผมเองยังเผลอหงุดหงิดว่าจะเป็นบ้าอะไรนักหนากับคนที่เพิ่งรู้จักกันก็ไม่รู้


“คุณรันคะ ถ้าไม่เป็นการรบกวน เดี๋ยวเกรซขอคุยงานกับคุณรันอีกนิดได้มั้ยคะ พอดีเพิ่งนึกอะไรได้ก็เลยอยากรีบบอกก่อน เดี๋ยวจะลืม” ครับ และนั่นคือสาเหตุที่ผมต้องมายืนล้างจานเงียบๆกับมนุษย์รูปปั้นน้ำแข็งสองต่อสองโดยมีสายตาระแวงของพี่รันมองส่งมาก่อนเจ้าตัวจะหายไปที่ห้องรับแขก


“เอ่อ... คุณแพทเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมดูเครียดๆ” ผมตัดสินใจเริ่มบทสนทนา จานห่านี่ก็เยอะจังวะ เหมือนตอนกินมันยังไม่เยอะขนาดนี้เลยนี่นา ถ้าผมต้องอยู่ในบรรยากาศกดดันแบบนี้อีกสักพักผมต้องกรี๊ดแน่เลย

“Nothing.” ฝรั่งตอบผมเป็นภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นการบอกทางอ้อมว่าเขาไม่อยากจะพูดอะไรทั้งนั้นก็เลยสงบปากตัวเองเสียและก้มหน้าล้างจานจนเสร็จ


จนผมล้างจานเรียบร้อยแล้วพี่รันก็ยังคุยไม่เสร็จ ผมเลยบอกลาแพทและจะเดินออกไปหาพี่รัน


ผมทำได้แค่ ‘จะเดิน’ ครับ เพราะผมถูกฝรั่งแพทรั้งเอาไว้ มือใหญ่นั้นกำข้อมือผมแน่นยังกับคีมเหล็ก ผมหันไปมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแบบหวั่นใจนิดๆ ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นด้วย

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมตัดสินใจถามเมื่อเห็นฝรั่งแพทยังคงเงียบทั้งๆที่จับมือผมแน่นขนาดนั้น เสียงหวอเตือนภัยในหัวดังสนั่นเลยครับ จมูกโด่งนั่นขยับเข้ามาใกล้ผมและกดหนักลงข้างแก้ม ลมหายใจของแพทสูดดมกลิ่นจากแก้มของผมอย่างแรง ผมอ้าปากค้างเป็นตุ๊กตาเสียกบาล หน้าร้อนวาบยิ่งกว่าครั้งไหนๆ และเมื่อริมฝีปากร้อนนั่นประทับเอาลมหายใจของผมออกไปก็ทำให้ความตั้งใจที่จะผลักเขาออกเปลี่ยนเป็นยึดเกาะอกกว้างนั่นเอาไว้แทน

มือใหญ่ข้างหนึ่งของแพทกดท้ายทอยของผมและอีกข้างหนึ่งก็รั้งเอวผมให้มาแนบชิดกับร่างกายของเขามากยิ่งขึ้น แพทดันตัวผมให้ถอยหลังไปจนชิดกับซิงค์ ลำแขนแข็งแรงตวัดสะโพกผมให้ขึ้นนั่งบนเคาเตอร์และรุกไล่จูบดุดันยิ่งกว่าเดิม สมองผมอื้ออึงไปหมด เรี่ยวแรงหดหายได้แต่โอนอ่อนไปตามแรงชักนำของเขา และเมื่อผมรู้สึกตัวอีกทีเขาก็จากไปแล้ว

“นิล เป็นอะไรครับ ทำไมไปนั่งบนเคาเตอร์อย่างนั้นละ” ผมสะดุ้งเมื่อเห็นคนที่ผมไม่อยากพบมากที่สุดในเวลานี้ ความรู้สึกผิดแล่นวาบจากหัวจรดปลายเท้า ผมรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกเมื่อครู่นี้ให้มิดชิดแล้วส่งยิ้มให้พี่รัน

“ก็นั่งรอพี่น่ะแหละ”

“อืม... อยู่คนเดียวเหรอครับ”

“ครับ คุณแพทล้างจานเสร็จก็ขึ้นไปข้างบนแล้ว”

“อือฮึ ปะ กลับไปนอนกันดีกว่า” ผมลงจากเคาเตอร์และจับมือคนตรงหน้าที่ยื่นมาใกล้ พวกเราบอกลาคุณเกรซและเดินทางไปยังโรงแรมที่พี่รันจองเอาไว้ ส่วนคนอีกคนนั้น ผมไม่เจอเขาจนกระทั่งพี่รันเสร็จงานที่บ้านคุณเกรซบทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป แถมยังทิ้งความรู้สึกปั่นป่วนนี้เอาไว้ให้ผมเสียอีก...


 


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


มาแปะก่อนจึ๋งนึง  :o8:

หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 วันที่ 30/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-04-2014 17:01:58
 :katai1: นี่มันอะไรกัน นิลจ้านิลอย่ามาหวั่นไหวง่ายๆน่ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 วันที่ 30/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 30-04-2014 17:40:58
อ้าวเห้ย
อะไรเนี่ย
ทำไมนิลหวั่นไหวง่ายจัง
 :katai1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 วันที่ 30/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-04-2014 17:51:07
นิลอย่าเคลิ้มสิคร้าบบบบ :katai1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 วันที่ 30/04/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 30-04-2014 21:08:37
 o22

นิลอ่ะ หวั่นไหวทำม้าย... เคืองอ่ะ

สงสารพี่รันมั่งจิ
หัวข้อ: Chapter 11 [หนี] Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 02-05-2014 12:05:14
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-



“พูดเป็นเล่นน่าฟ้า เราไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย”

‘ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร จะโวยวายทำไมเนียะ’

ผมขมวดคิ้วใส่เสียงหวานที่แหวมาตามสาย หลังจากงานที่บ้านคุณเกรซเสร็จสมบูรณ์ผมก็แจ้นกลับกรุงเทพมาก่อนเลย พี่รันเองพอไม่ได้เห็นหน้าคุณแพทอีกหลังจากวันนั้นก็ดูอารมณ์ดี งานก็ออกมาดีทำเอาคุณเกรซพอใจมาก ส่วนตัวผมนอกจากประสบการณ์ทำงานจริงที่พี่รันถาโถมมาใส่ผมแล้ว ผมก็ไม่มีเรื่องอะไรให้น่าจดจำไปมากกว่าเรื่องคุณแพท ใจผมมันว้าวุ่นมากจนต้องโทรไปเล่าสารทุกข์สุขห่ามให้เพื่อนสาวที่ปลีกวิเวกอยู่ต่างจังหวัดได้ฟัง


“ขอโทษ ไม่ได้อยากจะโวยวายหรอก แต่มันวุ่นวายใจไงไม่รู้” ผมอยากจะถอนประโยคนั้นกลับคืนมาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากต้นสาย

‘วุ่นวายใจเหมือนตอนไม่ได้เจอพี่รันนานๆหรือเปล่าจ๊ะ’ คำพูดของยัยฟ้าทำเอาผมประสาทแดก ใบ้กิน พูดอะไรไม่ออก เสียงหวานพูดฮัลโหลซ้ำอยู่หลายรอบจนผมกดวางโทรศัพท์แบบมึนงง เสียงไลน์เด้งรัวๆเป็นข้อความของยัยฟ้าส่งมายังกับปืนกล ผมอ่านจากหน้าจอ แต่ไม่ได้กดเข้าไปอ่านข้างใน คำพูดแต่ละคำของหล่อนทำให้ผมอยากฆ่าเพื่อนตัวเองทิ้ง


                 SkyHigh - พ่อวันทอง~~~~
                 SkyHigh - คนนั้นก้อดีคนนี้ก้อหล่อ เลือกยากเลยสิน้า
                 MINA - ยัยบ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า
                 SkyHigh - 5555555555555555+


และพอผมปิดเน็ตโทรศัพทืแล้วก็มีสายเข้าพอดี คุณเคยเป็นไหมครับ แบบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่กับโทรศัพท์เรา แล้วมีคนโทรเข้ามาขัดจังหวะพอดี มือมันจะกดรับอย่างไวโดยอัตโนมัติเลยอะครับ T^T

“ฮัลโหล” ผมรับสาย แต่อีกฝั่งหนึ่งเงียบไปนาน จนผมกำลังจะวางนั่นแหละอีกฝั่งถึงได้พูดขึ้นมา

‘นิล...ใช่มั้ยครับ...’


คุณพระ.... เอ้ย คุณแพท


ผมชะงักทันควัน เสียงที่ตอบกลับมานั้นผมมั่นใจว่าต้องเป็นคนที่คุณก็รู้ว่าใครแน่ๆ แล้วผมควรทำยังไงดี
ก.ตอบกลับ
ข.เงียบ และวางสาย+ปิดเครื่องไปเลย


การตัดสินใจของผมคงจะดูชักช้าเกินไป เขาถึงได้พูดต่อ


‘นิลคงโกรธผม...’

“เปล่าครับ..” เสียงของผมเบาหวิวมากจนคิดว่าเขาคงไม่ได้ยิน แต่แล้วเสียงหัวเราะเบาๆก็ดังขึ้น

‘หึหึ ต่อให้นิลโกรธ ผมก็ไม่ขอโทษหรอก เพราะผมอยากทำ’ ฮึ้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้ฝรั่งบ้าหน้าด้านนนนน

“...” ผมนิ่ง แม้ในใจอยากจะตะโกนด่าแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ผมคิดว่าการรักษาระยะห่างในตอนนี้จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากถามเขา... ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น...

‘ผมชอบนิล ถึงได้จูบ’ ผมช็อก! ฝรั่งอ่านใจได้? ‘ผมขอเบอร์นิลจากวัฒน์ วันนี้ผมอยากจะโทรมาคุยเรื่องจูบวันนั้น’
ฝรั่งเล่นลูกตรงจนผมหน้าแดง คำว่า ‘จูบวันนั้น’ เป็นคีย์เวิร์ดต้องห้ามในตอนนี้ ถ้าเป็นไปได้ไม่พูดถึงมันเลยจะดีที่สุด

“เอ่อ... ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว” ผมตัดสินใจว่า ให้คิดเสียว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเกลียดการกระทำของพี่เล ดังนั้นผมจะไม่ยอมนอกใจแฟนตัวเองเด็ดขาด

‘แต่ผมติดใจ’


‘ผมอยากทำมากกว่าจูบ อยากเป็นมากกว่าแค่คนรู้จัก’


ผมช็อก


รอบที่สอง


‘ผมรู้ว่านิลคบกับผู้ชายคนนั้นอยู่ แต่ผมชอบนิล ผมไม่สนใจหรอก’



‘ผมไม่สนใจหรอก’




‘ผมไม่สนใจหรอก’




‘ผมไม่สนใจหรอก’




‘ผมไม่สนใจหรอก’




‘ผมไม่สนใจหรอก’



ประโยคเด็ดก้องอยู่ในหัวผมแม้ผมจะตัดบทการสนทนานั้นลงไปแล้ว หายนะบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ตุ๊ดวันทองอย่างผมกำลังจะถูกสามีเอกฆ่าทิ้งสักวันหนึ่งเป็นแน่แท้ถ้าไม่ทำอะไรให้ชัดเจนลงไปสักอย่าง แต่ถ้าถามผมตามความรู้สึกจริงก็แอบดีใจนิดนึงอะนะที่ตอนนี้เนื้อหอมถึงขั้นมีหนุ่มหล่อสองคนมารุมชอบ แต่มันต้องไม่ใช่ในสถานการณ์ที่ผมตกลงคบกับหนึ่งในนั้นไปแล้วสิโว้ยยยยย




“นิลเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูท่าทางพิกล”

“เอ๊ะ เปล่านี่” ผมชะงักมือที่กำลังคีบเส้นบะหมี่ปูเจ้าโปรดเข้าปาก พยายามสบตาพี่รันด้วยท่าทีใสซื่อสุดชีวิต

“มีอะไรเครียดก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียวรู้มั้ย?” พี่รันลูบหัวผมเบาๆ ผมมองหน้าเขาด้วยความซาบซึ้งใจ ทำไมพี่รันต้องดีกับผมขนาดนี้นะ

“หือ? อ้อนทำไมกัน” น้ำเสียงทุ้มที่ผมชอบฟังเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ผมวางจานบะหมี่แล้วปีนขึ้นไปนั่งตักพี่รัน ซุกหน้ากับซอกคออุ่นนิ่ง ผมชอบกลิ่นพี่รัน กลิ่นหอมเย็นที่ทำให้ผมสงบใจได้ หากแพทเป็นเหมือนพระเพลิงที่เผาผลาญจนผมมอดไหม้ พี่รันก็คงเป็นเหมือนธาราที่ไหลเย็น ชโลมให้ใจผมชุ่มฉ่ำ

“นิลรักพี่รัน”

ประโยคสำคัญที่ผมไม่ค่อยได้พูดถึงมันบ่อยนัก เพราะผมรู้...ว่าพี่รันก็รู้ว่าผมรักเขา คำรักที่พร่ำบอกโดยไม่ออกมาจากใจ ไหนจะเท่าการกระทำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักแม้ไม่ได้พูดออกมา

“เราสองคน... คบกันมา ก็จะหนึ่งปีแล้วนะ” ผมพยักหน้าให้กับคำพูดของพี่รัน เจ้าตัวหอมหัวผมฟอดใหญ่ และพูดต่อว่า “พี่ก็ทนมาตั้งนานแล้ว”

“...พี่... จะพูดอะไรครับ...” ผมถอยออกมาประจันหน้ากับพี่รัน แต่เจ้าตัวรั้งเอวผมไว้ไม่ให้ลงจากตักเขา

“พี่อดทนเพราะอยากถนอมน้ำใจนิลของพี่ แต่ดูท่าอัญมณีเม็ดงามของพี่กำลังจะกลายเป็นสัมปทานอังกฤษ” น้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่เนื้อหาของประโยคที่ทำเอาผมแทบเต้น พี่รันมองหน้าผมแล้วหยักยิ้มร้ายกาจ ผมขอถอนคำพูดว่าพี่รันเหมือนน้ำใสไหลเย็นทันทีเลยครับ ตอนนี้น้ำใสไหลเย็นกลายเป็นลาวาแล้ว!!!!!!!


“พี่รันพูดอะไร” ไม่ได้ๆ ผมพยายามระงับสติ จะกระโดกกระดากออกไปไม่ได้เด็ดขาด คนที่ไหนจะทนได้ถ้ารู้ว่าแฟนตัวเองแอบมีใจให้คนอื่นแบบพ้มมมมม!!

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องกับพี่นะนิล” พี่รันบีบคางผมแน่น ดวงตาสีอ่อนนั้นดูกร้าวจนผมหวั่นใจ ตั้งแต่รู้จักกันมาผมเคยเห็นแต่ภาพพี่รันที่ยิ้มแย้มอ่อนโยนอยู่เสมอ ใบหน้าหล่อเหลาดูแข็งเกร็งเขม็งเครียดมากถึงมากที่สุด ไม่ว่าผมจะเลือกทางไหนก็มีแต่ตายกับตาย เอาวะ! ลูกผู้ชายถึงตายก็ต้องมีศักดิ์ศรี!!

“แต่มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น...” ผมตอบเสียงอ่อย ก็จริงปะละ ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรต่อสักหน่อย (ถ้าไม่นับสายโทรเข้าเมื่อบ่ายน่ะนะ)
“เมื่อวันนั้น วันที่ไปคุยงานบ้านคุณเกรซ คิดว่าพี่ไม่รู้เหรอว่ามีอะไรเกิดขึ้น ถึงพี่จะไม่เห็นแต่พี่ไม่ได้โง่นะนิล!” น้ำเสียงที่เคยนุ่มนวลแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ข้อเท็จจริงจากปากพี่รันทำให้ผมหน้าเสีย

“ปากแดงช้ำ เสื้อผ้ายับเยิน... สภาพแบบนั้นคิดว่าพี่เดาไม่ออกหรือไง!”

“แต่พี่ก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่ถาม เพราะพี่เชื่อใจนิล แล้วเป็นไง! นิลก็ยังคิดถึงมันอยู่!!” พี่รันตะคอกใส่ผมก่อนจะกดจูบอย่างดุดันรุนแรง เขาบดขยี้โดยไม่สนใจว่าริมฝีปากผมจะช้ำหรือไม่ ฟันคมขบเม้มจนผมรู้สึกได้ถึงคาวเลือดภายในปาก พี่รันดันผมจนหลังติดโซฟาและเขาก็ทาบทับตามลงมาอย่างไม่ปรานีปราศัย ผมเริ่มใจเสียกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้พี่รันเสียใจแบบนี้เลย...



ปิ๊งป่อง~


พี่รันผละจากริมฝีปากผม ผมมองใบหน้าอ่อนโยนที่จ้องมองผมอย่างดุดันลุกไปที่ประตูหน้า ผมยันกายขึ้นนั่งและจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย น้ำตาอุ่นๆมันอยากจะไหลลงมาเต็มที่ แต่ผมก็พยายามระงับไว้ เสียงพูดคุยที่หน้าประตูดังขัดจังหวะความคิด เสียงปิดประตูดังสนั่นจนผมหันไปมอง และได้พบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ



“นิล...” แพทครางเมื่อเห็นสภาพผม “What dafuq? What are you doing with him!!!” แพทหันไปตะคอกใส่พี่รันแล้วตรงรี่เข้ามาหาผม

“เป็นอะไรหรือเปล่า มันทำรุนแรงกับนิลเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพอีรอสกระซิบถามอย่างแผ่วเบา เขาประคองแก้มผมไว้และเอามือปาดน้ำตาที่หยดลงมาให้ผม

“พี่รัน...” ผมเรียก เขามองผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก รอยยิ้มเย็นชานั่นไม่ควรจะมาจากใบหน้าพี่รันเลยสักนิด

“เอาสินิล เลือกเอา” เขาพูด

“มะ... หมายความว่ายังไง...”

“ก็พี่ให้เลือกไง ว่าจะเลือกใคร”

“ผมคุยกับมันแล้ว ผมบอกมันว่าผมชอบนิล และนิลก็ชอบผมเหมือนกัน” แพทเอียงคอ “ไม่ใช่หรือ?”
ผมนิ่ง เขาสองคนไปคุยกันตอนไหน พี่รันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่รับรู้อยู่ตลอดเนี่ยนะ แล้วยังแพททริคที่ช่างแสนเอาแต่ใจ พวกเขาคงนึกอยากทำอะไรก็ทำ อยากปิดบังอะไรก็ได้สินะ...


ซึ่งผมเองก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน...


ผมเลือกที่จะแอบแบ่งใจให้คนที่เพิ่งรู้จักไม่นานเท่าไร (ไม่นับตั้งแต่ที่ผมเจอแพททริคที่งานแต่งแม่แล้วนะ) อันที่จริงต้นเหตุมันเริ่มมาจากผมเองแท้ๆ ถ้าหากผมมั่นคง หากผมไม่หวั่นไหว หากผมไม่ใจง่ายมันคงไม่เป็นแบบนี้

“อย่าร้องไห้” ริมฝีปากอ่อนนุ่มแตะกับกลีบปากผมแผ่วเบาโดยไม่ทันตั้งตัว และเจ้าของจูบนั้นก็โดนกระชากวูบจากด้านหลังตามด้วยเสียงดังพลั่ก เสียงพี่รันตะโกนด่าแพททริคเป็นภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อจนผมฟังไม่ออก แพททริคใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปากและต่อยพี่รันกลับไปที่ท้อง ทั้งสองคนแลกหมัดกันท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของผม การแลกหมัดของผู้ชายร่างกายสูงใหญ่ทั้งสองคนมันดูหนักหน่วงและรุนแรงจนน่ากลัว รอยช้ำเลือดเริ่มปรากฎบนใบหน้าของทั้งสองลางๆ จนผมทนไม่ไหวจึงตะโกนสุดเสียง


“พอได้แล้ว!!!!”


ได้ผล ทั้งคู่หยุดชกกันและหันมามองผม ผมคว้ากระเป๋าเงินบนโต๊ะได้ก็วิ่งพรวดพราดออกมาโดยไม่ใส่รองเท้า ประตูลิฟต์เปิดอ้าเพราะเพิ่งมีคนออกมาหมาดๆ ผมวิ่งเข้าไปและกดปุ่มปิดย้ำๆ หางตาเห็นแพทวิ่งนำหน้าออกมา ตามหลังด้วยพี่รัน ทั้งคู่มีสีหน้าตื่นตกใจ แพทพยายามยื่นมือเข้ามาขวางประตูลิฟท์แต่มันก็ปิดลงเสียก่อน
   
‘เฮ้อ’ ผมถอนหายใจ ไม่ได้หยิบอะไรออกมานอกจากกระเป๋าเงิน ลองแง้มดูเห็นมีอยู่พันกว่าบาท พอลงมาถึงข้างล่างผมก็ขึ้นแท็กซี่ทันที และบอกกับแท็กซี่ว่าให้ไปส่งที่หมอชิตใหม่

ผมมองไปรอบๆ ไม่เคยมาที่นี่มานานมากกกกกกกก แถมที่นี่ก็ไกลจากม.ผมมากกกก ผมเดินเข้าไปซื้อรองเท้าแตะใน 7-11 และหาเศษเหรียญไปหยอดตู้โทรศัพท์ ในใจก็ภาวนาให้เจ้าของเครื่องรับทีเถอะ

‘สวัสดีค่ะ’ เสียงใสรับโทรศัพท์อย่างสุภาพ คงเพราะว่าเป็นเบอร์แปลกสินะ

“เราเอง”

‘หือ? นิลเหรอ เอาเบอร์ที่ไหนโทรมาเนี่ย’

“เบอร์ตู้น่ะ แต่เดี๋ยวค่อยคุยนะ ฟ้าบอกเรามาก่อนว่าบ้านคุณยายของฟ้าอยู่ที่ไหนนะ” ผมถาม

‘กาญฯไง บอกตั้งหลายครั้งละไม่เคยจำ’ เธอบ่น ‘ว่าแต่จะมาหาเราเหรอ’

“อืม” แล้วผมก็เงียบ ยัยฟ้าก็เงียบ ผมได้ยินเสียงนางถอนหายใจแล้วพึมพำว่าคงทะเลาะกันอะไรสักอย่าง ก็เลยเฉลยให้

“ใช่ เราทะเลาะกับพี่รัน เรื่องใหญ่ด้วย ถ้าเราไปถึงแล้วจะเล่าให้ฟัง”

‘เฮ้อ เอาเถอะๆ’ ยัยฟ้าถอนหายใจอีกรอบ แบบที่ฟังดูก็รู้ว่าคงเครียดแทนผม นางบอกให้ผมซื้อตั๋วไปลงสถานที่หนึ่งในอำเภอแถวบ้านนาง และให้ผมโทรบอกเวลาถึงที่โน่น นางจะไปรอรับ


ผมหลับๆตื่นๆอยู่บนรถทัวร์ประมาณสี่ชั่วโมงน่าจะได้ ตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้ว ผมถามพนักงานประจำรถและเขาก็บอกกับผมว่าอีกประมาณ 2 กิโลเมตรผมจะต้องลงแล้ว ผมเดินมายืนรอตรงทางขึ้น-ลงรถทัวร์ บรรยากาศข้างนอกเงียบสงัด ตรงที่ผมลงรถนี้มีเพียงศาลาริมทางและคิวบ์คันหนึ่งจอดอยู่ พอผมลงจากรถทัวร์ คนขับคิวบ์คันนั้นก็ลงมาจากรถและส่งยิ้มมาให้ผม

“เป็นไง เหนื่อยมั้ย” ฟ้าครามมองสำรวจผมหัวจรดเท้า “รีบจัดสิท่า กระปงกระเป๋าไม่มีมาเลย”

“เรื่องมันยาวสุดๆ” ผมยักคิ้ว ยัยฟ้าหัวเราะกิ๊ก

“เอ้านิก ลงมาไหว้พี่นิลเขาก่อนเร็ว” ยัยฟ้าเรียกให้หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่วัยไม่น่าจะเกิน 12 ปีลงมาจากรถ ผมรับไหว้เด็กท่าทางซื่อๆ ประสาคนตจว.ก่อนจะทยอยกันขึ้นรถ

“คุณยายให้พานิกมาเป็นเพื่อนด้วย ท่านเห็นว่ามืดแล้วคงกลัวหลานสาวจะไปทำอะไรใครเข้า” ยัยฟ้าพูดให้ขำ แต่ผมไม่ขำ ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองทำให้เพื่อนต้องวุ่นวายไปด้วย

“นิล ตัวเองไม่ต้องทำหน้าเครียดเลยนะ ถ้านิลไม่ลำบากจนหมดหนทางจริงๆคงไม่มาหาเราหรอก เราก็น้อยใจเหมือนกันแหละ” ยัยฟ้าทำปากยู่ ผมหมั่นเขี้ยวก็เลยเอามือลูบปากนางไปหนึ่งที เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้ลั่นรถเลย ยัยฟ้าขับมาประมาณ 15 นาทีซึ่งตลอดทางมีแต่ความมืด มืด และมืด สองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นรถครึ้มและผมแทบไม่เห็นบ้านคน จนกระทั่งยัยฟ้าจอดรถที่หน้ารั้วซึ่งเปิดได้อัตโนมัติเมื่อกดรีโมท ภายในขอบเขตรั้วมีไฟสว่างเป็นระยะ ผมมองเห็นต้นไม้ดอกไม้ปลูกเรียงรายในความมืด และแล้วบ้านทรงไทยหลังใหญ่ก็ปรากฎแก่สายตาผม


ผมชื่นชมในสถาปัตยกรรมของบ้านหลังนี้เป็นอย่างมาก บ้านทรงไทยผสมยุโรปของคุณตาคุณยายที่ยัยฟ้าบอกว่ามีอายุมากกว่าคุณยายของนางเสียอีก ลวดลายส่วนใหญ่ของเรือนเป็นลายเครือเถา หรือที่คุ้นหูกันว่าเรือนขนมปังขิงนั่นเอง ฟ้าครามพาผมเดินขึ้นบันไดบ้าน และได้พบคุณยายของนางที่นั่งรออยู่แล้ว และหญิงชราคนตรงหน้าผมนี้เป็นคำตอบให้กับผมว่านัยน์ตาสีเทาอ่อนของนาง
ได้มาจากใคร คุณยายของนางเป็นชาวต่างชาติครับ ครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นแหม่มผมทองในบ้านทรงไทย!!!!

“ยินดีต้อนรับจ้ะ” ใบหน้าชราที่ยังคงเค้าความสง่างามในวัยสาวกล่าวต้อนรับผมด้วยรอยยิ้ม ผมทรุดตัวลงนั่งที่เบื้องหน้าท่านและก้มลงกราบ รู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นลูบศีรษะด้วยความเมตตา ถ้าหากว่าผมยังมียายมีย่าให้ได้เคารพนับถือก็คงจะมีอายุไล่เลี่ยกับคุณยายของยัยฟ้า

“ผมมาขอรบกวนครับคุณยาย”

“ตามสบายเถอะลูก ชื่อนิลใช่มั้ยล่ะเราน่ะ” คำพูดทุกคำของคุณยายชัดเปรี๊ยะแบบคนไทย แถมยังแฝงความอ่อนหวานในน้ำคำแบบสาวไทยสมัยก่อนไม่มีผิด

“ครับ”

“เรื่องไม่สบายอกไม่สบายใจก็เอาทิ้งไว้ที่กรุงเทพนะลูกนะ มาอยู่กับยายแล้วก็ทำใจให้สบาย จะพักอยู่นานเท่าไรก็ได้ คิดเสียว่ายายก็เป็นยายของนิลเถอะนะ”

“ขอบคุณคุณยายที่เมตตานิลนะครับ” ผมกราบขอบคุณอีกครั้ง คุณยายจับมือผมเอาไว้แล้วบอกให้ไปพักผ่อน


“เดี๋ยวเราจะพาไปที่ห้องนอนนะ ให้เด็กมาจัดห้องรอไว้ตั้งแต่ตอนที่นิลโทรมาละ” ยัยฟ้าเดินนำผมไปที่ด้านในของเรือนและหยุดลงที่หน้าประตูบานเฟี้ยม 4 บานติดกัน นางเปิด 2 บานตรงกลางออกจากกันแล้วเดินข้ามผ่านธรณีประตูเข้าไป ภายในห้องมีเพียงตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และเตียงใหญ่หนึ่งหลัง หน้าต่างเปิดกว้างทำให้ลมพัดโกรกเข้ามาเย็นสบายมากครับ และเครื่องเรือนทั้งสามชิ้นในห้องนี้ล้วนแต่เป็นแบบโบราณทั้งสิ้น แม้จะดูเก่าแต่ก็ผ่านการเช็ดถูมาอย่างดี อ้อ! มุมห้องมีพัดลมโบราณตั้งไว้อีกหนึ่งตัว

“ที่นี่ไม่มีแอร์นะ เพราะว่าอากาศไม่ร้อน” นางทรุดตัวนั่งลงบนเตียงผม

“เราไม่ได้ลูกคุณหนูขนาดนั้น” ผมล้วงกระเป๋าเงินออกจากกางเกงวางลงบนเตียง “ถ้าพี่รันโทรมาหาฟ้า ฟ้าอย่าบอกนะว่าเราอยู่กับฟ้า”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนิล” นางส่ายหัว “ทุกคนจะเป็นห่วงวุ่นวายกันไปหมด”

“เอาเป็นว่าเราจะไม่บอกว่าบ้านเราอยู่ที่ไหน และจะบอกให้พี่นิลวางใจไม่ต้องห่วง ขอเวลาให้นิลได้อยู่เงียบๆคนเดียวดีมั้ย?”

“ขอบใจนะ” ผมยิ้ม และเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังหลังจากตกลงกันได้แล้ว น่าแปลกที่ตอนแรกผมตั้งใจจะเล่าแค่พอกระชับ แต่เมื่อเอาเข้าจริงถ้อยคำต่างๆกลับพรั่งพรูเหมือนน้ำไหล ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในใจของผม สิ่งที่ผมต้องการ ทั้งหมดทั้งมวลกินเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงโดยมีเพื่อนสนิทของผมจับมือผมและนั่งฟังอย่างสงบนิ่ง


“ฟ้ารู้ไหม ตลอดทางสี่ชั่วโมงที่เรานั่งรถทัวร์มาเนี่ย เราถามตัวเองอยู่ตลอดเลยนะ ว่าเราควรจะเลือกใคร ถามว่าเรารักพี่รันมั้ย เราก็รัก ถามว่ากับคุณแพทล่ะ มันก็เป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก เราพยายามจะตัดสินใจลงไปสักทางหนึ่งแต่มันก็ทำไมได้ ถ้าเราตัดสินใจเลือกพี่รัน เราก็ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้คุณแพทต้องเสียใจ แต่ถ้าเราเลือกคุณแพท มันก็เหมือนทำลายความรักความผูกพันระหว่างเรากับพี่รันลง เราได้แต่คิดวนไปเวียนมาอยู่แบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนเหมือนเดินในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ เรารู้สึกว่าเราเลวเหลือเกิน คนโลเลเห็นแก่ตัวอย่างเรา เราไม่อยากจะคิดเลยเราทำให้คนสองคนเสียใจขนาดไหน” ผมพรั่งพรูคำพูดในใจออกมาจนหมดแล้วก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือเพื่อซับน้ำตาอุ่นๆที่มันไหลออกมา


“ทางเลือกมันมีแค่สามทางเท่านั้นเองนะฟ้า ทางที่หนึ่งคือเลือกพี่นิล ทางที่สองคือเลือกคุณแพท และทางที่สาม...”


“คือเราเป็นฝ่ายจากไปจากทั้งสองคนเอง”


“เราเคยผิดหวังเพราะถูกทรยศจากคนรัก เราเข้าใจดีว่าการถูกทรยศมันเจ็บปวดแค่ไหน และเราก็ไม่อยากทำสันดานแบบนั้น เพราะงั้นเราคิดว่าทางเลือกที่สามคงเป็นทางที่ดีที่สุด” ผมจ้องมองนัยน์ตาสีเทาของเพื่อนที่เต็มไปด้วยแววโศกเศร้าไม่แพ้ผม เธอดึงผมเข้าไปกอดและปลอบโยนราวกับผมเป็นเด็กตัวเล็กๆ

“โธ่นิล... ฟ้าไม่รู้จะช่วยอะไรนิลได้มากกว่านี้จริงๆ...”

 


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 P.2 วันที่ 02/05/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-05-2014 16:05:34
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 P.2 วันที่ 02/05/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2014 23:50:07
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 P.2 วันที่ 02/05/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 03-05-2014 05:58:35
สงสารพี่รันมากอ่ะ ความรักที่ทุ่มไปได้กลับมาคือการนอกใจ มันน่าเจ็บใจนะที่นิลแคร์ความรู้สึกพี่รันพอๆกับคนที่เพิ่งมาใหม่ ตลกว่ะแล้วบอกว่ารักพี่รัน ไม่จริงหรอก
ปล.ที่ทำนี่ยิ่งกว่าไอ้พี่เลอีกนะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 11 P.2 วันที่ 02/05/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 03-05-2014 12:26:45
ทำไมเราอ่านแล้วเกลียดนิลเป็นสิบเท่า
เพราะนิลเคยมีอดีตแบบนี้แล้วยังสะเออะทำตัวต่ำๆแบบนี้อีก
เราก็ไม่รู้จะพูดอะไร มันเสียความรู้สึกว่ะ   :katai1:
หัวข้อ: Chapter 12 [ความในใจของคนโง่]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 14-05-2014 11:19:04
Chapter 12 [ความในใจของคนโง่]






“ตื่นแล้วหรือลูก” คุณยายทักเมื่อเห็นผมและยัยฟ้าเดินออกมาจากในเรือนพร้อมกัน “ไป ไปตักบาตรกับยายกัน” คุณยายว่าแล้วก็เดินนำลงเรือนไป โดยมีเด็กนิกหิ้วสำรับสำหรับตักบาตรตามหลังต้อยๆ


พวกเรายืนรอกันสักพักพระท่านก็มาบิณฑบาต ผมเองที่ไม่ค่อยได้ทำบุญตักบาตรสักเท่าไรก็ต้องแอบลอกยัยฟ้า ยัยนี่เขาเป็นหลานยายตัวจริงเลยครับ เรื่องอะไรที่วัยรุ่นยุคใหม่ไม่คุ้นชิน แต่ยัยฟ้าสามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ จะจับทัพพีตักข้าวใส่บาตร ไหว้พระ กรวดน้ำ นางทำได้คล่องแคล่วเสมือนเป็นมาตั้งแต่เกิด


“นิลก็เว่อร์ไป เราแค่ทำบ่อย มันก็ชินไปเอง” ฟ้าครามพูดกลั้วหัวเราะตอนที่ผมเอ่ยปากชม
“แต่เราทำไม่ได้นะ”
“ก็นิลไม่ค่อยได้ตักบาตรละสิ ฮ่าๆ” เอ้า หัวเราะผมซะงั้น “ไปกินข้าวกันดีกว่า”




หลังจากที่เราอิ่มเอมกับมื้อเช้าที่ประกอบไปด้วยข้าวต้มกุ้ง ไข่ลวก และปลาท่องโก๋เรียบร้อยแล้ว  ยัยฟ้าก็พาผมเข้าสวนครับ และนางก็ไม่ลืมสั่งให้ผมแบกจอบขุดดินตามไปด้วย ผ่านไปเกือบชั่วโมง ต้นอ่อนมะม่วงสี่ต้นก็ลงหลุมเรียบร้อยโดยมีผมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกำลังยืนหอบเป็นหมา



แชะ!



“เฮ้ย อย่าถ่ายดิ สภาพน่าเกลียดเกิ๊น” ผมยกมือขึ้นมาบังหน้าตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงชัตเตอร์ ตากล้องจำเป็นหัวเราะคิกคักตอนที่หยิบไอโฟนขึ้นมาดูรูป
“เก็บไว้เป็นที่ระลึกน่า ไม่อัพลงเฟซหรอกไม่ต้องกลัว” อันที่จริงผมน่าจะสบายใจที่ได้ยินประโยคนี้จากยัยฟ้า แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกหน่วงขึ้นมาแทน นางเองก็คงจะรู้สึกได้เลยมาบีบมือผมเบาๆ
“ขอโทษนะนิล เราไม่ได้อยากให้นิลนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเลย”
“ไม่หรอกฟ้า คือมันเป็นความจริงปะ จะทำเป็นไม่นึกถึงมันยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก” ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ
“อืม...” ผมเห็นสีหน้าหงอยของยัยฟ้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขยี้หัวนางแรงๆ
“พอได้แล้วน้า ผมเรายุ่งหมดแล้ว” ยัยฟ้าเอามือปิดหัวตัวเองแล้ววิ่งวนไปวนมา ผมแหย่นางจนตัวเองเริ่มหมดแรงแล้วก็เลยนั่งพักกันใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนสาว เราทั้งสองต่างนั่งกันเงียบๆโดยไม่พูดจา ท้องฟ้าวันนี้เป็นสีฟ้าสดใส รอบตัวก็มีแต่ต้นไม้เขียวชอุ่ม ผมเหม่อมองไปจนสุดสายตาและเมื่อผมหันมามองคนข้างกายก็พบว่าฟ้าครามกำลังจ้องหน้าผมอยู่
“มะ... มีอะไร ทำไมทำหน้าเครียดเชียว” ผมตกใจเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนตัวเอง ยัยฟ้าจ้องผมเขม็ง แถมยังทำสีหน้าเหมือนโกรธผมมาเป็นสิบปี
“เราอยากจะพูดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เราเห็นนิลกำลังเสียใจเลยไม่อยากซ้ำเติม” เอิ่ม... ผมพอจะรู้แล้วครับว่าสหายรักของผมกำลังจะพูดอะไร..
“นิลรู้มั้ยว่าอีกแค่นิดเดียวนิลจะกลายเป็นระดับเดียวกับพี่เลแล้วนะ” เธอเอานิ้วโป้งไปจรดกับปลายนิ้วก้อยเป็นท่าทางว่า ‘นิ้ดดดดเดียว’ จริงๆ
“ฟ้าก็... พูดซะเราสะอึกเลย” ผมถึงกับอึ้ง นี่ยัยฟ้าลดระดับผมลงไปเทียบเท่ากับพี่เลยเลยหรือนี่
“มันจริงนี่นิล รู้มั้ย ถ้านิลไม่ใช่เพื่อนเรา เราเลิกคุยแล้วนะ”
“ระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็นั่งพักทบทวนสมองไปนะ ลองคิดดูว่าถ้านิลเป็นฝ่ายที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้บ้าง นิลจะทำใจได้มั้ย” ยัยฟ้าทิ้งผมไว้กับคำพูดของนางซึ่งทำเอาสมองผมตื้อไปเลย




ถ้าผมโดนพี่รันทำแบบนี้บ้างน่ะหรือ





ถ้าผมโดนพี่รันทำแบบนี้บ้างน่ะหรือ





ถ้าผมโดนพี่รันทำแบบนี้บ้างน่ะหรือ




ผมทนไม่ได้หรอกโว้ยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!





ความหงุดหงิดพุ่งจี๊ดขึ้นมาจนผมระงับไม่อยู่ ได้แต่กำใบไม้แห้งข้างตัวมาเขวี้ยงระบายอารมณ์ไปมั่วซั่ว แค่คิดว่าพี่รันจะไปมีคนอื่นผมก็ทนไม่ได้แล้ว นับประสาอะไรกับความเจ็บปวดที่พี่รันต้องเจอเพราะผมเป็นต้นเหตุล่ะ



และอะไรมันก็ไม่น่าเจ็บใจเท่าวันที่ผมได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะเสียพี่รันไป...



“เดินทางดีๆนะลูกนะ” ผมก้มลงกราบคุณยายหลังจากที่เตรียมตัวออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว คุณยายให้อวยพรให้ผมอีกสองสามประโยคก่อนจะเดินลงจากเรือน ยัยฟ้ายืนพิงรถรอผมอยู่ข้างล่าง นางยิ้มกริ่มด้วยสายตาที่ดูสมน้ำหน้าผมนิดๆ เรื่องอะไรน่ะเหรอ? ก็เรื่องที่พี่รันไม่ได้มาตามผม หรือไม่ได้ติดต่อมาเลยน่ะซี ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมร้อนรนจนทนไม่ได้ และคิดว่าจะกลับกรุงเทพฯสักที


“มีอะไรก็โทรมานะ ถึงเราจะด่านิลยังไง แต่นิลก็เป็นเพื่อนเราเสมอ”


ครับ ความห่วงใยของนางช่างฟังเชือดเฉือนใจจนผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ รถทัวร์สายเดิมวิ่งเข้ากรุงเทพด้วยเวลาที่พอๆกับขามา ผมหลับๆตื่นๆอยู่หลายรอบก็เข้ากรุงเทพสักที ผมเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คอนโด วันนี้อากาศที่นี่ดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนทำให้ผมใจคอไม่ค่อยดี กลัวว่าถ้าฝนตกแล้วฟ้ามันจะผ่าลงมาที่คนเฮงซวยแบบผมหรือเปล่าหนอ?



ผมเปิดห้องตัวเองเข้าไปและสัมผัสได้ถึงความเงียบ สิ่งแรกที่ผมคิดคือ ‘ไอ้ริชชี่’


“ริชชี่!” ผมตะโกน แต่ไม่มีเสียงทักทายที่คุ้นเคยร้องเหมียวกลับมา

“ไอ้ริชชี่! พี่นิลมาแล้ว” ผมเดินเข้านอกออกในทุกห้อง แต่ก็ไร้วี่แววไอ้เหมียวคู่ทุกข์คู่ยากของผม ผมรู้สึกหมดเรี่ยวแรงจนต้องทรุดลงนั่งกับพื้นทันทีเมื่อพบว่ากระเป๋าใส่ไอ้ริชชี่ก็หายไปด้วย


“พี่รัน...” น่าประหลาดใจที่เมื่อเราได้รับรู้ว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้วนั้นเป็นวินาทีที่ความรู้สึกผิดจะถาโถมเข้ามาเกาะกินใจเราอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาผมรู้ตัวว่าตัวเองผิด แต่ยังไม่รู้สึกสำนึกเท่าตอนนี้... ตอนที่ไม่เหลือใคร ผมรับรู้ได้ในทันทีว่าความเจ็บปวดของพี่รันมันเป็นอย่างไร มันต้องมากยิ่งกว่าที่ผมเคยผ่านมาแล้ว และพี่รันก็ได้ลงโทษผมด้วยการออกไปจากชีวิตผม และพาไอ้ริชชี่จากไปด้วย ผมผิดเองที่หุนหันออกมาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ความโมโหมันมากเกินจนลืมคิดถึงชีวิตน้อยๆที่อยู่กับผมมาตลอด


“ฮึก...” ผมกัดริมฝีปากไว้แน่น เวลานี้ไม่ใช่ช่วงของความโศกเศร้า แต่แม้จะพยายามฝืนเท่าไรน้ำตามันก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาออกและพยายามคิดหาหนทางติดต่อพี่รัน มันยิ่งตลกขึ้นไปอีกเมื่อผมนึกได้ว่า...


ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพี่รันเลย...


บ้านเขา ผมก็ไม่เคยไป


ครอบครัวเขา ผมก็ไม่เคยพบ


ที่ทำงานของเขาก็ไม่ตายตัว มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ...


นอกจากเบอร์มือถือเขาแล้ว... ผมไม่รู้อะไรเลย...


‘ถ้าหากพี่รันไม่รับสาย เราจะทำยังไงดี’ ผมเปิดเครื่องและเห็นแต่ข้อความจากแพททริค แต่ไม่มีข้อความจากพี่รันเลยสักฉบับเดียว มือผมสั่นกับข้อเท็จจริงที่ผมได้รับรู้ เมสเสจจำนวนมากจากแพททริคไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีได้แม้แต่น้อย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมต้องการ


‘พี่รัน’



พี่ชื่อ Oran ครับ หมายถึงแสงสว่าง...



ชื่อของเราเข้ากันมาก...



น้ำตาผมไหลอาบแก้มตอนที่เสียงรอสายดังขึ้น ผมไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดี ผมอยากจะขอโทษ อยากจะบอกว่าคิดถึง แต่คำพูดง่อยๆพวกนั้นคงไม่อาจเรียกความรู้สึกที่เสียไปของพี่รันกลับมาได้ ผมไม่มีปัญญาทำอะไรเลยถ้าไม่มีพี่รัน มองไปทางไหนมันก็มืดไปหมด จะตามง้อเขาก็ไม่มีปัญญา เพราะไม่รู้ว่าพี่รันจะไปทำงานอยู่ที่ไหนบ้าง ที่ผ่านมาผมเป็นฝ่ายรอรับทุกสิ่งจากพี่รันเพียงคนเดียว รอรับความรัก ความห่วงใย การเอาใจใส่ ทุกสิ่งทุกอย่างผมแทบจะไม่เคยเป็นฝ่ายให้เขาก่อนเลยสักครั้ง...





ตรู๊ด....




ตรู๊ด....




แกร๊ก.




“ว่าไงนิล”





-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-





“ว่าไงนิล” น้ำเสียงทุ้มที่ผมคุ้นเคยเป็นเหมือนลมอุ่นที่โอบกอดตัวผม แม้กระทั่งน้ำเสียงของเขาผมยังโหยหาขนาดนี้ ผมไม่อยากจะคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะทำยังไงถ้าไม่มีเขา


“ริชชี่อยู่กับพี่นะ” เขาพูดต่อเมื่อเห็นว่าผมเงียบ แต่ความจริงคือผมกำลังสะอื้น และเขาคงไม่อยากได้ยินเสียงร้องไห้ของผมให้รำคาญใจ


“ถ้านิลกลับมาแล้ว เดี๋ยวพี่จะพาริชชี่ไปส่ง”

“ขอบ...ขอบคุณครับพี่รัน นิลกลับมาแล้วละ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวตอนเย็นพี่พาริชชี่กลับไปนะ”

“ครับ นิลจ-” ‘นิลจะรอ’ ผมต้องกลืนคำที่เหลือลงคอไปเพราะว่าพี่รันวางสายก่อนที่ผมจะพูดจบด้วยซ้ำ ผมนั่งนิ่งมองโทรศัพท์ในมือด้วยความสับสนและปวดร้าวใจ ผมควจจะทำอย่างไร ทำอย่างไรให้เขากลับมา...



ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อรอรับพี่รัน เงาที่สะท้อนมาจากในกระจกคือใบหน้าของคนหลายใจที่กำลังได้รับผลกรรมจากสิ่งที่มันกระทำลงไป ผมยิ้มเยาะเย้ยให้กับตัวเอง ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วพี่รันจะไม่อยู่กับผมและตัวผมจะต้องไม่เหลือใคร ผมจะไม่โกรธเลย




ปิ๊งป่อง~





ผมเดินไปที่ประตูห้องและมองลอดตาแมว คนที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นยังดูเหมือนเดิม แต่ติดจะดูซูบลงไปเล็กน้อย ในมือของเขามีตะกล้าใบเขื่อง มืออีกข้างยืนล้วงกระเป๋าอย่างสงบนิ่ง




พี่รัน...




พี่รัน...




ผมกดฝ่ามือลงบนอกข้างซ้าย หัวใจผมมันเต้นแรงราวกับจะกระเด็นออกมาจากอก ผมตื่นเต้นว่าเหตุการณ์หลังจากนี้มันจะเป็นเช่นไรกันหนอ...


-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-





“พี่ขอโทษนะที่พาไอ้ริชชี่ไปโดยไม่ได้บอกกกล่าวอะไรเลย” พี่รันเปิดตะกร้าให้ไอ้ริชชี่เดินนวยนาดออกมา มันดูอุดมสมบูรณ์เหมือนปกติ พอมันเห็นหน้าผมก็เดินเข้ามาพันแข้งพันขาแล้วร้องเหมียวราวกับจะต่อว่า

“ไม่เป็นไรครับ” ผมอุ้มไอ้ริชชี่ขึ้นมาและส่งยิ้มให้พี่รัน ผมจะกล้าว่าอะไรเขาได้ละ ในเมื่อผมเป็นคนทิ้งไอ้ริชชี่ไปก่อน หุนหันพลันแล่นโดยไม่คิดหน้าคิดหลังสักนิด

“งั้นพี่ไปละ เป็นเด็กดีละริชชี่ อย่าดื้อกับพี่นิลเขานะ” พี่รันลุกขึ้นยืนและโน้มมาจับหัวไอ้ริชชี่เบาๆ ผมมองตามร่างสูงที่เดินตรงไปที่ประตูโดยไม่สนใจผมสักนิด ความคิดในหัวผมวิ่งชนกันมั่วซั่วไปหมด ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนหลังดี ใจหนึ่งอยากจะเรียกพี่รันไว้ แต่ก็ละอายแก่ใจในสิ่งที่ตัวเองทำ และเมื่อผมคิดได้ดังนั้น มือที่กำลังเอื้อมไปหาพี่รันจึงลดกลับมาอยู่ที่เดิม



แกร็ก



เสียงล็อคประตูดังพร้อมกับไอ้ริชชี่ที่กระโดดลงจากอ้อมแขนผม ผมนั่งมองมันเดินสำรวจห้องที่จากไปหลายวัน ชามข้าวของมันผมก็เติมให้แล้วจนเต็ม ไอ้ริชชี่กินอาหารจากชามของมันจนอิ่มแล้วจึงไปนอนบนหมอนใบโปรดของมันเหมือนเดิม


‘ขนาดแมวมันยังทำตัวเหมือนเดิม’ ผมคิด



แม้ว่าพี่รันจะออกไปแล้วแต่ไอ้ริชชี่ก็ยังเหมือนเดิม มีแค่ความรู้สึกของผมที่ไม่เหมือนเดิม

ในที่สุดผมก็รู้ซึ้งถึงขั้วหัวใจสักที ว่าผมรักพี่รันมากขนาดไหน และมันก็ช่างเป็นความรักที่เจ็บปวดเหลือเกิน เมื่อเราได้รู้ค่าของมันในวันที่ไม่มีคนให้แชร์ความรู้สึกนี้ร่วมกันอีกแล้ว



 


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ จบ Part I█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


Talk  :o8:

ดีใจจังค่ะที่เห็นทุกคนเกลียดนิล 5555+ :katai4:
แต่ขอให้นักอ่านที่รักทั้งหลายทำใจร่มๆก่อนนะคะ
เรื่องราวความรักระหว่างพวกเขามันยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างให้พบเจอค่ะ
แค่เรื่องความลังเลของคนโง่คนนึงที่ไม่เคยมีใครมารัก และไม่เคยสมหวังในรักมันยังจิ๊บจ๊อยค่ะ
เอาไว้รอเรื่องของหนุ่มหล่อแฟน(เก่า)เยอะน่าจะแซ่บหลายกว่าค่ะ

รักทุกคน
 :oo1:




หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 P.1 วันที่ 14 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 14-05-2014 11:40:42
แวะมาสมน้ำหน้านิลเบาๆ และจากไป  :m20:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 P.1 วันที่ 14 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 14-05-2014 14:55:17
ที่ผ่านมาเจ็บเพราะโดนเค้ากระทำ น่าสงสาร..แต่ครั้งนี้เจ็บเพราะทำตัวเอง น่าสมเพช
ตอนแรกว่าจะไม่อ่านต่อแล้วนายเองหลายใจแบบนี้ แต่ก็อยากเข้ามาสมน้ำหน้านิลเหมือนกัน
ไม่อยากให้พี่รันให้อภัยง่ายๆ คือไม่เข้าใจกับพี่รันนางเยอะมาก เล่นตัวสารพัด คือถ้าเราเป็นพี่รันคงท้อไปแล้วล่ะ แต่กับอีกคน คือนางง่ายกันเค้ามากๆ ยอมให้จูบได้ง่ายๆทั้งที่เจอกันไม่กี่ครั้ง เหตุผลอะไรก็มาแก้ตัวให้คนโลเลหลายใจไม่ได้หรอกค่ะ ทางที่ดีคือเลิกหานายเองใหม่
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 P.1 วันที่ 14 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2014 15:30:53
คิดได้เมื่อสาย
รอตอนต่อไปจ๊ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 P.1 วันที่ 14 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 14-05-2014 18:18:28
 o13 o13 o13 o13 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Chapter 12 [ความในใจของคนโง่] Part II
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 22-05-2014 12:05:56
Chapter 12 [ความในใจของคนโง่] PART II




“ทำไมสภาพน่าสมเพชขนาดนี้ละนิล” ผมเหลือบตามองนางฟ้าใจยักษ์ที่นั่งลงข้างผม ยัยฟ้าน่ารักเหมือนเดิม แถมยังดูสดใสมากขึ้นทุกวันๆด้วย

“ดีกับพี่เลแล้วเหรอ”

“หา?” ยัยฟ้าทำคิ้วขมวด “ใช้อะไรคิดจ๊ะ”

“ก็หน้าตาดูสดใสยังกกับคนมีแฟน”
“แหม ไม่มีแฟนก็สดใสได้ ชีวิตสงบสุข ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจก็งี้ละ ไม่เหมือนคนมีความผิดติดตัวหรอก” นั่นปะไร ธนูดอกแรกพุ่งเข้ามาปักกลางหัวผมแล้ว

“คนเราถถ้ามีเรื่องทุกข์ใจมันก็มักจะแสดงออกมาทางร่างกายด้วย ยิ่งถ้ารู้สึกบาปอยู่ในใจก็ยิ่งทำให้ร่างกายทรุดโทรม” ฉึก! ดอกที่สองครับ

“เออๆ พอได้แล้ว แค่นี้เราก็อยากจองตั๋วไปลงกระทะทองแดงจะตายอยู่แล้ว” ผมแดกดัน

“ไม่ใช่นะ ต้องไปปีนต้นงิ้วต่างหาก”

“ยัยฟ้า!”

“ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ แหมอย่าเคืองน้า” พอนางเห็นว่าผมทำท่าจะเคืองจริงก็ทำมาบีบนวดใหญ่ ผมก็เลยขยับแขนหนี

“ไม่โกรธหรอก เรารู้ว่าเราผิดจริง” ผมถอนหายใจ

“แล้วเป็นไงมั่งละ ได้คุยกับพี่รันหรือยัง” ผมส่ายหัวแทนคำตอบ

“ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพราะเราไม่รู้จะพูดอะไร” ผมเห็นอาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี จึงเปิดสมุดจดเลคเชอร์และหยิบปากกามาไว้ในมือ “เราไม่มีหน้าจะไปขอให้พี่รันยกโทษให้หรอกฟ้า แค่นี้เราก็ละอายใจมากเหลือเกินแล้ว”

จากนั้นอาจารย์ก็เริ่มสอน บทสนทนาของผมและฟ้าครามจึงจบลงเพียงเท่านั้น ผมเบนความสนใจไปยังสิ่งที่อาจารย์กำลังสอน ทำให้ไม่ได้เห็นสีหน้าครุ่นคิดของเพื่อนสนิท






เย็นนั้นหลังจากเลิกเรียน ยัยฟ้าคิดเองเออเองว่าจะไปค้างห้องผมเสร็จสรรพ มันน่าเจ็บใจตรงที่แม่ของนางไม่ห้ามลูกสาวตัวเองสักนิดที่จะไปค้างห้องผู้ชาย


‘ถ้าเป็นนิลแม่ก็ไว้ใจจ้ะ’


กิริยาท่าทางผมมันคงเกย์เปิดเผยมากเลยสินะ...



“เฮ้ย” เมื่อผมและยัยฟ้าเดินออกมาหน้าคณะ ผมก็อุทานเสียงเบาพร้อมกับหลบไปข้างหลังเพื่อน ยัยฟ้าหันมามองผมแบบงงๆและหันไปมองตามสายตาของผม ซึ่งชายหนุ่มผมทองที่เห็นอยู่ไกลๆนั่นคือคำตอบของท่าทางแปลกประหลาดของผม

“นั่นใช่มั้ย แพททริคอะไรนั่นน่ะ” ยัยฟ้าหันมาถาม ผมพยักหน้าให้ “เขามาทำอะไร” ผมส่ายหัว

“เราไม่อยากคุยกับเขาอะฟ้า” ผมทำหน้านิ่ว

“แต่เราไม่คิดอย่างนั้นนะ” ยัยฟ้าบีบมือผมแน่น “เราคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นิลควรจะทำอะไรให้มันชัดเจนสักที”

“ป่านนี้แล้ว มันสายไปแล้วละฟ้า”

“ไม่” ยัยฟ้าจิ้มลงมาบนอกผม “นิลลองถามใจตัวเองดู ลึกๆแล้วนิลก็ปรารถนาให้เรื่องนี้มันสินเรื่องสิ้นราวสักทีไม่ใช่เหรอ”

ผมนิ่งคิดในสิ่งที่เพื่อนพูด ที่ผ่านมาผมคิดอยู่เสมอ ว่าเรื่องราวในวันนั้นมันอาจจะเป็นแค่จูบ แต่มันก็เป็นจูบที่ทำลายสิ้นความสัมพันธ์ระหว่างผมและพี่รัน ถ้าเพียงแต่ว่า... เพียงแต่ว่าในวันนั้น... ผมไม่โอนอ่อนตามการสัมผัสของแพททริค แต่ผลักเขาออก ขัดขืนเขา แล้ววิ่งหนีออกมา บอกเรื่องที่เกิดกับพี่รันทั้งหมด อะไรๆมันคงไม่เป็นแบบนี้


แล้วถ้าหากตอนนี้ผมจะจบเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เรื่องที่ผมเป็นคนก่อมันขึ้นมา แม้ว่ามันจะไม่ทันเวลา แม้ว่ามันจะสายไปแล้ว และมันคงไม่มีอะไรดีกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับฉันใด ผมก็ไม่มีทางเรียกความรู้สึกดีๆจากพี่รันกลับมาได้ฉันนั้น...


“ฟ้ารอเราตรงนี้นะ” ผมกดบ่าเพื่อนให้นั่งลงบนม้าหิน “เดี๋ยวเรากลับมา แล้วคืนนี้เรามาปาร์ตี้เนื้อย่างกัน”

“อื้อ” ยัยฟ้าส่งยิ้มกว้างให้ผม ผมยิ้มตอบให้เพื่อน อย่างน้อย แม้ตอนนี้ผมจะไม่มีพี่รันอีกแล้ว


แต่ผมก็ยังมียัยฟ้าอยู่กับผม...





//////////////////////





“คุณแพท” ผมส่งเสียงเรียกคนที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ เขาหันมามองผมแล้วยิ้มอย่างดีใจ ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น แต่ก็ต้องตัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป ความลังเลไม่แน่ใจ ความอ่อนไหวโง่เง่าที่ผมมีนั้นมันไม่ควรจะทำให้อะไรแย่ลงอีกเหมือนที่ผ่านมา


“นิล คุณ... สบายดีไหม?” แพททริคถามผม สีหน้าของเขาดูหมองไป สายตาทอประกายห่วงใยอย่างแรงกล้า ผมยิ้มให้เขาและบอกว่าผมสบายดี

“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณแพท” ผมเม้มปากแน่น “ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณมากไปกว่าเพื่อนคนหนึ่ง” เมื่อประโยคนี้หลุดออกไปจากปากผม ก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาผกผันโดยสิ้นเชิงของคนสองคน หนึ่งคือผม ที่โล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก และสองคือคุณแพท ที่ทำสีหน้าราวกับฟ้าถล่มดินทะลาย เขาจับบ่าผมแน่นและเขย่าไปมา คำผรุสวาทในภาษาแม่ของเขาดังระรัวจนผมฟังไม่ทัน เขาเอาแต่ถามผมซ้ำไปมาว่าทำไม เพราะอะไร และก่อนที่ผมจะพูดอะไร เขาก็ประกบจูบดุดันลงมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว


“อื้อ!!” ผมผลักเขาจนสุดแรงและชกเข้าที่โหนกแก้มข้างขวา แพททริคเซไปนิดหนึ่งแล้วหันมาสบตาผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ผมใช้หลังมือเช็ดปากอย่างแรงด้วยความประหลาดใจกับปฏิกิริยาโต้ตอบของตัวผมเอง มันคือความไม่พอใจและโกรธขึ้งเมื่อถูกสัมผัสจากคนที่ไม่ได้รัก ที่ผมเพิ่งจะเข้าใจในวันที่สายไปเสียแล้ว



“ถ้าเพียงแต่วันนั้นผมทำแบบนี้ ไม่ใช่อ่อนไหวไปกับสัมผัสของคุณ ผมคงไม่เสียพี่รันไป” น้ำตาผมเริ่มไหลเอ่อออกมา แต่ผมก็ไม่สนใจที่จะเช็ดมัน “แต่ผมก็ไม่ได้จะโทษว่าเป็นความผิดของคุณ ทั้งหมดผมผิดเอง” ผมสูดน้ำมูกหนึ่งทีแล้วว่าต่อ “แต่ผมขอละ ขอให้คุณแพทช่วยยอมรับการตัดสินใจของผมบ้าง ผมตอบสนองความรู้สึกของคุณไม่ได้จริงๆ”



“คุณแพท ผมขอโทษด้วย”




ผมเดินจากเขามาโดยไม่ได้หันไปมองซ้ำสอง มือทั้งสองข้างของผมสาละวนกับการปาดน้ำตาออกจากหน้าตัวเอง ยัยฟ้าที่กำลังนั่งรออยู่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าและบรรจงเช็ดให้ผมอย่างเบามือ มันเป็นน้ำตาแห่งความโล่งใจและเจ็บปวดในขณะเดียวกัน ผมรู้สึกแย่เหลือเกินที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องผิดหวัง แต่ไอ้ความกลัวคนอื่นจะผิดหวังนั้นก็ได้ทำให้คนที่ผมรักจากใจจริงต้องเจ็บปวดแทน และมันก็ได้ทำให้เรื่องราวระหว่างผมกับพี่รันเหลือแค่เพียงความทรงจำ




และมันอาจจะเป็นความทรงจำที่พี่รันคงไม่อยากจะจดจำเสียด้วยซ้ำ...




 


▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ จบ Part II█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂





ตอนนต่อไปจะเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนการใช้ชีวิตของนิลแล้วนะจ๊ะ

พอกันทีกับการจมอยู่กับอดีต


 :hao5:




หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 Pt.2 วันที่ 22 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 22-05-2014 15:06:19
ง่า นิลกับพี่รันไม่คืนดีกันหรอ รออ่านต่อจ้า  :call:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 Pt.2 วันที่ 22 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-05-2014 16:17:59
พาร์ทสองทำไมสั้นจัง รออ่านตอนต่อไปจ๊ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 Pt.2 วันที่ 22 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 22-05-2014 22:09:27
เศร้ามากมาย สงสารพี่รัน หมั่นไส้นิลด้วย

ภาคต่อไปขอให้ง้อพี่รันได้นะเธอว์
หัวข้อ: Chapter 13 [วันคืนพ้นผ่าน]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 23-05-2014 17:01:14
Chapter 13 [วันคืนพ้นผ่าน]


“ฟ้า เสร็จหรือยัง”


ก่อนหน้านั้น ผมมาที่บ้านของยัยฟ้าแต่เช้า คุณแม่บอกกับผมว่ายัยฟ้ากำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง จึงชักชวนให้ผมนั่งลงทานมื้อเช้าด้วยกันก่อน คุณพ่อเลื่อนตะกร้าใส่ปาท่องโก๋มาให้พร้อมกับที่คุณแม่วางชามข้าวต้มทะเลตรงหน้าผม กลิ่นพริกไทยและกระเทียมเจียวหอมฉุยแตะจมูกจนผมท้องร้อง ผมทานข้าวต้มไปหนึ่งชามและปาท่องโก๋อีกสองตัวยัยฟ้าก็ยังไม่ลงมา จนสุดท้ายผมจึงต้องมายืนเคาะเรียกนางอยู่หน้าประตูตอนนี้


“เจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปหรอก” ผมย้ำอีกครั้งก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก ฟ้าครามที่ม้วนผมจนเป็นลอนสวยถักเปียคาดรอบหัว ใบหน้าหวานแต่งแต้มสีสันอ่อนบางที่ดูแปลกตาไปจากทุกที ซึ่งนั่นทำให้ผมเผลอมองตาค้างจนยัยฟ้าต้องโบกมือไปมาตรงหน้าผม


“ฮัลโหลววววววชาวโลกกกกกก”

“ยัยบ้า หึหึ” ผมรวบมือฟ้าครามไว้แล้วเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกัน คุณพ่อกับคุณแม่ดูจะปลาบปลื้มเหลือเกินเมื่อเห็นลูกสาวในชุดครุยสง่างาม ผมรับบทเป็นตากล้องจำเป็นให้ครอบครัวนี้ ใบหน้ายิ้มแย้มของคุณพ่อคุณแม่ทำให้ผมพลอยยิ้มตามไปด้วยขณะที่ถือกล้อง


“นิลก็มาถ่ายคู่กับฟ้าสิ เดี๋ยวพ่อถ่ายให้” ผมขยับไปยืนเคียงข้างคู่กับฟ้าครามตามคำสั่งของคุณพ่อ พวกเราถ่ายรูปกันอยู่อีกเกือบสิบนาทีจึงได้เคลื่อนขบวนไปมหาวิทยาลัยกัน



ที่คณะ บรรดาว่าที่บัณฑิตต่างพากันรวมตัวถ่ายรูปทั่วไปทุกบริเวณ ผมและยัยฟ้าเวียนถ่ายรูปกับเพื่อนๆสาขาเดียวกันจนครบ และไม่ลืมที่จะไปแอ็คท่าถ่ายรูป ณ สถานที่ยอดฮิตของมหาวิทยาลัย ซึ่งก็คือรางรถไฟที่วิ่งผ่านมหาวิทยาลัยนั่นเอง พอรถไฟไปก็เฮละโลกันลงไปถ่ายรูป พอสัญญาณรถไฟจะมาก็เฮกันขึ้นมายืนรอบนชานชาลา ผมยิ้มสู้กล้องจนเหงือกแห้งพอๆกับยัยฟ้า และเมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็ถึงเวลาซ้อมที่ลากยาวไปจนเย็นทำเอาสะบักสะบอมไม่ใช่น้อย และยิ่งปลงมากขึ้นเมื่อรู้ว่าจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกในวันรับจริง




“เฮ้อ” ผมถอดชุดครุยออกและพาดไว้กับแขนตัวเอง บรรดาเพื่อนๆสาขาเดียวกันนัดแนะว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหาร โดยมีไอ้ริวเป็นโต้โผใหญ่ ซึ่งพอไปถึงผมจึงพบว่ามีเด็กคณะเกษตรที่จบไปก่อนแล้วแต่เป็นเพื่อนของไอ้ริวมารวมอยู่ด้วย


“ไอ้นิล มึงกับน้องฟ้ามานั่งข้างๆกูนี่” ไอ้ริวที่ยังคงเรียกยัยฟ้าว่าน้องฟ้าตั้งแต่ปีหนึ่งจนเรียนจบกวักมือพวกผมให้ไปหามัน ผมมองเห็นวัฒน์นั่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะพวกผม ผมส่งยิ้มให้เขา พอวัฒน์เห็นผมเขาจึงเดินมาหา




“เป็นไงบ้างวันนี้” วัฒน์ถาม

“ก็เหนื่อยดี”

“เรายังไม่ได้ถ่ายรูปกับนิลเลย”

“เออ จริงด้วย งั้นไว้วันรับจริงค่อยถ่ายเนอะ”

“จริงนะ สัญญานะ”

“จริงดิ” ผมย้ำ มองวัฒน์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจากเมื่อหลายปีก่อน คนทำงานแล้วก็คงดูแบบนี้แหละนะ

“แล้ววัฒน์เป็นไงบ้าง ทำงานสนุกมั้ย”

“เรารู้สึกว่ามันไม่ต่างจากเรียนเลย แถมต้องออกเดินทางไปนู่นไปนี่มากกว่าตอนเรียนอีก ดูดิ เราทำแปลงจนตัวดำไปหมดแล้ว” วัฒน์ชูแขนที่คล้ำขึ้นให้ผมดู

“ไม่ใช่ว่าดำอยู่แล้วเหรอ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ

“เฮ้ย เราว่าเราไม่ดำนะ”


ผมกับวัฒน์คุยกันอยู่อีกพักหนึ่งก่อนจะถูกเพื่อนๆมาลากไปดื่มฉลอง เรานั่งสังสรรกันไปเพลินๆโดยไม่ได้ดูเวลา จนกระทั่งยัยฟ้ามาสะกิดผมนั่นแหละ


“นิล เราต้องกลับแล้วนะ คุณพ่อมารับแล้ว” ยัยฟ้ากระซิบ ทำให้ผมต้องยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาที่ข้อมือซึ่งบอกเวลา 23 นาฬิกา บังเอิญว่าใกล้เคียงกับเวลาที่เครื่องบินที่แม่ของผมนั่งมาจะแลนดิ้งพอดี

“อืม ดีเหมือนกัน เราก็จะไปรับแม่” เมื่อผมและยัยฟ้าตกลงกันได้ว่าจะขอตัวออกจากงานฉลองก่อน ไอ้ริวบ่นกระปอดกระแปดตามประสาแต่ก็ยอมปล่อยผมมาโดยดี คุณพ่อของยัยฟ้าบอกว่าจะไปส่งผมที่สุวรรณภูมิ เราสามคนเดินไปยังไม่ทันจะถึงรถก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อผมเสียก่อน



“วัฒน์?” ผมมองทางคนที่เรียกผมด้วยความสงสัย และหันไปมองยัยฟ้ากับคุณพ่อสลับกันไปมา

“ไปเถอะ เดี๋ยวเรากับคุณพ่อจะรอที่รถ” ยัยฟ้าบอก และคุณพ่อก็ยิ้มให้และบอกว่าจะรอ ผมจึงรีบเดินไปหาวัฒน์

“มีอะไรหรือเปล่าวัฒน์” ผมถาม คนตรงหน้าผมยืนเอามือล้วงกระเป๋า ท่าทางดูอ้ำๆอึ้งๆผิดไปจากปกติ

“คือเรามีเรื่องอยากจะคุยกับนิล”

“อืม...” ผมยืนรอฟังสิ่งที่วัฒน์กำลังจะพูด ขณะเดียวกันก็เกรงใจคุณพ่อกับยัยฟ้าที่กำลังรออยู่ และสุดท้ายเมื่อผมเห็นวัฒน์ไม่พูดสักทีผมเลยคิดว่าจะขอตัวก่อน

“เอ่อ วัฒน์/เราชอบนิล!!” ผมชะงัก ส่วนวัฒน์หน้าแดงก่ำ แดงก่ำทั้งๆที่ผิวคล้ำอย่างนั้นละ ผมมองวัฒน์ที่พยายามหลบสายตาผม จนเมื่อผมพูดออกมานั่นแหละ

“ขอบใจมากนะวัฒน์ แต่เราคงทำได้แค่ขอบคุณที่วัฒน์รู้สึกดีๆกับเรา” วัฒน์เงยหน้ามองผม ใบหน้าคมเข้มนั้นไม่บ่งบอกอาการผิดหวังหรือโกรธอะไรสักนิด กลับกัน เขายิ้มให้ผมเฉยเลย

“เรารู้แล้วละว่านิลคงปฏิเสธ แต่อย่างน้อยขอแค่ได้บอกเราก็พอใจแล้ว” วัฒน์ยิ้มให้ผม และผมก็โล่งอกที่เรื่องจบลงด้วยดี และขณะที่นั่งรถไปสนามบินนั้นผมก็ได้คิด



‘อย่างน้อยก็ได้บอก’


ไม่เหมือนกับตัวผม... ที่ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พูด หรือร่ำลาอะไรอีกเลย ผมยิ้มเยาะให้กับตัวเองในอดีต ตัวตนที่แสนอ่อนไหวและโง่เขลา ความผิดพลาดที่ผมได้ก่อเอาไว้ยากจะลบเลือน อย่างคำที่เขาบอกว่า แค่เราเดินเร็วขึ้นหนึ่งก้าว โลกก็จะไม่เหมือนเดิม เพียงแต่ถ้าตอนนั้นผมเลือกที่จะขัดขืนคุณแพท ตอนนี้ผมก็คงจะมีพี่รันอยู่ข้างกาย การกระทำที่แตกต่างกันเพียงนิดเดียวกลับส่งผลกับอีกหลายๆสิ่ง แค่คำสารภาพของวัฒน์เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ผมได้คิดอะไรอีกหลายๆอย่างเช่นเดียวกัน


ผมจะไม่โกหกว่าทุกวันนี้ผมยังคงคิดถึงพี่รัน ผมนึกถึงพี่รันที่เคยนั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาของผม พี่รันที่ชอบซื้อขนมซื้อของเล่นมาฝากไอ้ริชชี่จนผมบ่น พี่รันที่ช่วยผมซักผ้า ล้างจานบ่อยเท่าที่โอกาสจะอำนวย พี่รันที่ปลอบโยนและให้คำปรึกษาที่ดีกับผมเสมอเวลาที่มีปัญหา ยิ่งผมคิดถึงเขามากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำตัวเองว่าทุกอย่างไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมมากเท่านั้น



พยายามจนตายก็ไม่เกิดผล



ผมรู้ซึ้งดีกับประโยคนี้...




//////////////////////




“นิล!!” ผมมองหาต้นเสียงหวานที่ตะโกนเรียกผมอยู่ตอนนี้ แม่ยืนโบกมือไหวๆอยู่หน้าเกทของผู้โดยสารขาเข้า ข้างตัวของแม่มีกระเป๋าลากใบโตสองใบที่ทำให้ผมแปลกใจว่าทำไมมันเยอะกว่าปกติ แต่ความสงสัยของผมก็ถูกทำให้กระจ่างเมื่อเห็นคนที่เดินตามแม่ออกมาพร้อมกับเอกสารมากมายในมือ


“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับเอริค” แม่และเอริครับไหว้ผม เอริคคุ้นชินกับการทักทายแบบไทยๆของผมแทนการจับมือไปแล้ว เพราะผมเอาแต่ไหว้เขาทุกครั้งที่เจอหน้า จนสุดท้ายฝรั่งจึงสามารถรับไหว้ผมได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ขัดเขิน


อีกอย่างหนึ่ง ผมสามารถสนทนากับเอริคได้ในระดับดีแล้วนะครับ เป็นเพราะว่าเวลาปิดเทอมผมมักจะไปขลุกอยู่กับแม่ที่อังกฤษ ทำให้ได้เรียนรู้ภาษาไปด้วย แม้ว่าสำเนียงจะไม่ดีเท่าเจ้าของภาษาก็ตาม


ผมช่วยแม่ลากกระเป๋าหนึ่งใบ เอริคลากเองอีกหนึ่งใบ เราเรียกแท็กซี่จากสนามบินไปส่งที่คอนโด พอเรามาถึงคอนโด แม่ก็ได้รับการต้อนรับเป็นก้อนกลมขนฟูที่พุ่งเข้ามาหาคนแรกที่เปิดประตูห้อง ไอ้ริชชี่มันร้องเหมียวเสียงดังราวกับจะทวงว่าของฝากของผมละครับแม่


“ริชชี่~~~” แม่ผมก้มลงอุ้มไอ้ริชชี่แล้วเรียกชื่อลูกชายคนสุดท้องเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมทำหน้าเหม็นเบื่อ และเหลือบเห็นเอริคก็ทำสีหน้าหมั่นไส้เช่นเดียวกัน



ผมหาอาหารว่างนิดๆหน่อยๆให้แม่และเอริคทานรองท้องก่อนไปพักผ่อน แล้วพอกำลังจะเข้านอนนั่นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น


“นอนหรือยังลูก” แม่เดินเข้ามานั่งที่ปลายเตียงของผมโดยมีไอ้ริชชี่เดินตามมาติดๆ ผมมองมันด้วยความหมั่นไส้ เวลาแม่มามันจะไปเกาะติดอยู่กับแม่อย่างกับปลิง โดยไม่สนใจผมที่ให้ข้าวให้น้ำมันอยู่ทุกวันด้วยซ้ำ ชิส์ ไอ้แมวเนรคุณ

“กำลังจะนอนครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า”

“มานั่งนี่สิลูก” แม่กวักมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ ก่อนจะเปิดปากพูดในสิ่งที่แม่คิด

“แม่กับเอริคลองปรึกษากันดูแล้ว ว่าจะให้ลูกไปอยู่กับเราและหางานทำที่โน่น” ประโยคต่อมาของแม่คือการสาธยายถึงแผนการที่แม่และเอริคหารือกันเพื่อผม โดยแม่บอกว่าเอริคมีเพื่อนที่เปิดบริษัทเกี่ยวกับการปลูกบ้านอยู่ที่โน่น และเขายินดีต้อนรับนักศึกษาจบใหม่ที่เป็นชาวต่างชาติด้วย เพราะจะได้เรียนรู้กันเรื่องมุมมองและทัศนคติในด้านสถาปัตยกรรมจากปรเทศอื่นบ้าง และอีกประเด็นที่สำคัญก็คือ

“นิลก็ไม่ได้มีอะไรที่นี่ให้ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วนี่ลูก” คำพูดของแม่ตรงประเด็นและชัดเจนราวกับไปนั่งอยู่กลางใจผม แม่บอกว่าให้เวลาผมลองคิดดู ถ้าหากผมตกลงเมื่อไรก็เก็บของย้ายไปทันที



คืนนั้นทั้งคืนผมได้แต่เอามือก่ายหน้าผากและคิดวนไปวนมาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีเรื่องพี่รัน อันที่จริงผมก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอย่างที่แม่ว่า แต่ไม่รู้ทำไมผมจึงลังเลกับคำชักชวนของแม่ ผมหวังอย่างนั้นหรือว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม? หรือผมแค่กลัวที่จะต้องทิ้งความทรงจำทุกอย่างที่นี่ไปกันแน่?



สุดท้ายแล้วผมก็ได้เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการบอกข่าวดีให้กับแม่ แม่มีท่าทางดีอกดีใจน่าดู แถมยังมาช่วยผมแพ็คข้าวของที่จำเป็นต่างๆด้วย ผมนั่งมองแม่ที่เก็บข้าวของโน่นนี่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เอริคที่ดูจะเข้าใจความรู้สึกผมเดินมาบีบบ่าผมเบาๆ แล้วบอกกับผม


“Don’t afraid.”


ผมยิ้ม และบอกกับเขาว่าขอบคุณ



เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะเดินออกไปจากความเคยชินที่มีมาเนิ่นนานได้ แต่การที่เรายึดติดกับที่ใดที่หนึ่งนานเท่าไร ก็จะยิ่งถอนตัวออกมายากเท่านั้น ความปรารถนาดีของแม่เปรียบเหมือนมือที่ฉุดผมออกจากที่เดิมๆ กระทั่งตอนที่ผมกำลังนั่งเหม่ออยู่นี้ แม่ยังส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม แล้วแบบนี้จะให้ผมปฏิเสธความปรารถนาดีของแม่ได้อย่างไร



หลังจากเสร็จงานรับปริญญาของผมแล้ว แม่อยู่อีกเกือบอาทิตย์เพื่อเตรียมเอกสารต่างๆให้เรียบร้อยสำหรับผม ซึ่งผมแทบไม่ได้กระดิกตัวทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเด็กเล็กๆเท่านั้นเอง ตอนที่ผมไปบอกกับยัยฟ้าว่าจะไปอยู่กับแม่ นางถึงกับน้ำตาหยด สะอึกสะอื้นร้องไห้ราวกับผมจะไปตาย (-..-) จนผมต้องบอกว่าผมจะไปทำงานเก็บเงิน เอาไว้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับนางนั่นละถึงได้หยุดร้องไห้ แถมยังจับผมเกี่ยวก้อยสัญญาอีกต่างหาก


แม่ให้ผมเก็บเฉพาะเสื้อผ้าบางชุด กับสัมภาระของไอ้ริชชี่ ที่เหลือเป็นพวกเครื่องปรุงต่างๆของไทยที่หาซื้อที่โน่นย๊ากยาก (หรือไม่ก็แพงมาก) พวกเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผมแม่บอกให้ไปซื้อเอาใหม่ ไม่ต้องแบกไปให้เปลืองพื้นที่ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆจะใช้ผ้าคลุมเอาไว้เพื่อกันฝุ่น ผมมองห้องตัวเองอย่างใจหาย ไม่นึกว่าสักวันนึงผมจะต้องจากห้องนี้ไป และไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปสี่ปีที่ไม่มีพี่รัน กลับไม่ทำให้ผมลืมเขาได้เลยสักนิด ผมนึกถึงวันเวลาของเราที่เคยมีร่วมกันในห้องๆนี้ และก็ตระหนักได้ว่าผมควรที่จะก้าวเดินต่อไป และเก็บความผิดพลาดแต่หนหลังเอาไว้เป็นบทเรียน 



//////////////////////




“เดินทางปลอดภัยนะ ถึงแล้วสไกป์มาหาเราด้วย” ยัยฟ้าบีบมือผมแน่นตอนที่พูด ผมมองใบหน้าขาวนวลที่ดวงตาแดงช้ำอย่างแสนรัก และหยิกแก้มที่เย็นเฉียบเพราะโดนแอร์ด้วยความหมั่นเขี้ยว

“รู้แล้ว ฟ้าอยู่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะรู้ปะ มีความสุขให้มากๆ อะไรที่มันผ่านแล้วก็อย่าเก็บมาคิด ถึงเวลาเริ่มใหม่ได้แล้ว”

“นิลก็เหมือนกันแหละ” ยัยฟ้าย่นจมูกใส่ผม “ลืมๆมันไปได้แล้ว”
ผมยิ้มให้กับคำพูดของเพื่อน ‘ลืม’ มันไปงั้นหรือ? ผมไม่รู้จริงๆว่าผมจะลืมมันได้ยังไงกับเรื่องที่ผมเป็นคนก่อขึ้นมา ผมอาจจะไม่ลืมมัน และไม่มีทางลืมแน่ๆ แต่ผมจะไม่เก็บมันมาบั่นทอนกำลังใจของผม ผมจะถือว่าเรื่องราวในคราวนั้นเป็นบทเรียนที่แสนสำคัญว่าผมจะไม่ไปทำผิดแบบนี้อีก



“พร้อมหรือยังลูก” แม่โอบเอวผมตอนที่เรากำลังมุ่งหน้าเข้าเกท เอริคจะตามมาทีหลังหลังจากที่ไปเช็คความเรียบร้อยของไอ้ริชชี่และพามันมาขึ้นเครื่องด้วยแล้ว

“ตื่นเต้นจังแม่ ทั้งๆที่ก็เคยไปมาแล้ว”

“ยังงี้แหละ ตอนนั้นแค่ไปเที่ยว แต่ตอนนี้ไปอยู่จริงๆ”

“อืม นั่นสิ นิลอาจต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก” ผมคิดตามที่แม่ว่า อาจจะกินเวลาสักอาทิตย์ในการปรับตัวสำหรับผม

“เออแม่ลืมบอก ว่าเดี๋ยวแม่จะพานิลไปทำใบขับขี่ด้วยนะ” ผมพยักหน้ารับ เพราะรู้ดีว่าการขับรถได้เป็นสิ่งจำเป็นในเมืองที่แม่อยู่

“นิลรู้มั้ย ว่าเดี๋ยวนี้นิลดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย นิลดูเงียบขรึมขึ้น ยิ้มก็น้อยลง เหมือนกับว่าครุ่นคิดอะไรอยู่เสมอ”

“นิลคงผ่านอะไรมาเยอะมั้งแม่” ผมหัวเราะ

“แต่แม่อยากให้ลูกของแม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน เมื่อตอนที่ยังมีเขา...” แม่พูดไม่จบประโยคแล้วก็เงียบราวกับเพิ่งคิดได้ว่าพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูด ผมไม่ได้ตอบอะไรแม่ แต่กำลังคิดถึงพี่รัน


ผมจะยิ้มได้อย่างไร ในเมื่อเขาจากไปพร้อมกับเอารอยยิ้มของผมไปด้วย แสงสว่างของผมได้จากผมไปแล้ว และทิ้งไว้เพียงความหม่นหมองในใจของผม ผมไม่ได้ข่าวพี่เขาเป็นเวลานานเท่ากับที่เราจากกัน ผมมีเบอร์โทร แต่ก็ไม่เคยโทรหาเพราะละอายแก่ใจ จะให้ผมโทรไปของร้องอ้อนวอนให้เขายกโทษให้น่ะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก และผมเองก็ไม่เคยพบพี่เลอีกเช่นกัน ระหว่างผมและพี่รันจึงเป็นเสมือนคลื่นที่ซัดขึ้นมาบนหาดทราย แล้วก็จากไปโดยทิ้งไว้เพียงต่อร่องรอย




ในที่สุดการเดินทางอันยาวนานก็จบลง ผมบิดตัวอย่างเมื่อยล้าในขณะที่เดินไปขึ้นรถเอริค เสียงไอ้ริชชี่ร้องประท้วงตลอดทาง ถ้ามันพูดได้ก็คงจะบ่นกับผมว่ามันเมื่อย มันเหนื่อย และมันก็หิว ผมเปิดกรงให้มันออกมายืดเส้นยืดสายตอนที่ขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว เรานั่งรถกันต่ออีกกี่ชั่วโมงผมก็ไม่ได้สนใจ แต่ผมสงสารเอริคมากกว่า นั่งเครื่องมาก็นานแล้วยังต้องมาขับรถอีก ผมได้ยินเสียงแม่คุยกับเอริคเรื่อยเปื่อยเป็นเพื่อนคนขับ ในรถจะได้ไม่เงียบเกินไป และจะได้ไม่หลับใน



เมื่อมาถึงบ้าน แม่พาผมขึ้นไปบนห้องที่ผมเคยมานอนประจำ แต่คราวนี้มันต่างไปจากเดิมมาก เพราะมีที่นอนสำหรับแมวและข้าวของเครื่องใช้เพิ่มขึ้น ผมหันไปมองแม่และได้คำตอบว่าแม่ซื้อเตรียมเอาไว้แล้ว (นี่แสดงว่าแม่ผมมั่นใจมากๆว่ายังไงผมก็ต้องมาแน่ๆ และต่อให้ผมไม่ยอมมา แม่ก็จะบังคับเอาจนได้ -*- )



แม่ปูที่นอนให้ผมใหม่เป็นลายตารางสีฟ้าเหลืองดูสดใสน่าซุกตัวนอนเป็นที่สุด ผมล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง ไอ้ริชชี่กระโดดตามขึ้นมานอนตรงหว่างขาผมพอดีโดยไม่ชายตาแลที่นอนแมวใหม่เอี่ยมเลยสักนิด


“หิวมั้ยลูก” แม่โผล่หน้าเข้ามาถามตอนที่ผมกำลังจะเผลอหลับพอดี

“ไม่ครับ นิลอยากนอนมากกว่า”

“งั้นนิลก็นอนพักไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นๆแม่จะมาปลุก”



ผมหลับไปตลอดทั้งบ่าย จนเริ่มเย็นผมถึงได้ตื่น ชะโงกมองไอ้ริชชี่มันก็ยังหลับอยู่ที่เดิม ผมลูบหัวไอ้เหมียวพลัดถิ่นเบาๆ สมองคิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันไดมาและมาหยุดหน้าประตูห้องผมพอดี


“นิล ตื่นรึยังลูก”

“ตื่นแล้วครับแม่”

“มื้อเย็นเสร็จแล้วนะ ลงมากินข้าวเร้ว”

“คร้าบ” ผมขานรับ ลุกขึ้นจากที่นอนและปลุกไอ้ริชชี่ด้วย “ไปไอ้ริชชี่ ไปกินข้าวกัน” มันร้องเหมียวเสียงดังเหมือนกับจะด่าผมว่าปลุกมันทำไม


มื้อเย็นวันนั้นแม่ผมจัดเต็มชุดใหญ่เลยครับ  ผมเห็นเอริคนั่งมองอาหารบนโต๊ะตาปริบๆด้วยคงอยากจะสื่อว่าแม่เอาเวลาที่ไหนไปทำอาหารมากมายขนาดนี้ มื้อเย็นที่มาครบทุกเชื้อชาติคงจะทำให้ผมอิ่มไปได้ถึงอาทิตย์หน้าเป็นแน่...


“ชิมนี่สิลูก” แม่ตักสลัดมันฝรั่งใส่จานผมที่เต็มไปด้วยเนื้อแกะ กุ้งเผา ข้าวหุงเครื่องเทศ แกงกะหรี่ ฯลฯ

“ขอบคุณครับแม่ เอ่อ...พอก่อนนะ แค่ในจานนิลก็จะกินไม่หมดแล้ว” ผมยิ้มแหย

“อะไรกัน วัยกำลังโตกินเยอะๆสิ”

แล้วผมก็ต้องขึ้นมานั่งกินยาช่วยย่อยที่เอริคแอบเอามาส่งให้ก่อนนอน ไอ้ริชชี่ก็นอนหงานพุงหลามไม่แพ้กัน ผมนอนมองเพดานห้องอยู่สักพักจึงคิดได้ว่าน่าจะสไกป์ไปหายัยฟ้าสักหน่อย ดูเวลาแล้วที่นี่เริ่มมืด ที่โน่นก็น่าจะกลางวันละมั้ง



พอผมเข้าระบบได้ก็เห็นชื่อนางออนไลน์เด่นหราเลยครับ พอคลิกปุ๊บก็ตอบปั๊บ แถมยังส่งเสียงแหวมาทางหน้าจอจนไอ้ริชชี่ที่กำลังนั่งเลียขนอยู่จ้องตาวาวเลยครับ ฮ่าๆ


‘หายไปนาน’ นางพูดเสียงขุ่น

“แหม ไม่ได้นั่งรถจากกรุงเทพไปชลบุรีนะจะได้ชั่วโมงเดียวถึง”

‘เชอะ พอไปอยู่เมืองนอกละทำปีกกล้าขาแข็ง’ ผมทนนั่งฟังยัยฟ้าบ่นๆผมอยู่พักหนึ่งนางก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออกว่าจะพูดอะไร

‘เออ!! เราเพิ่งนึกออก’ นั่งไง ผมว่าแล้ว ‘วันนี้เราเจอพี่รันด้วย’




ผมนิ่ง




นิ่งจนคนในจอโน้ตบุ๊คเอามือโบกไปมาตรงหน้ากล้อง

‘เฮ้ยนิล ช็อคเลยเหรอ’

“อะ อ๋อ แล้วฟ้าไปเจอเขาที่ไหนละ” ผมพยายามรักษาน้ำเสียงให้ปกติ แม้ว่าในใจผมมันจะเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน ความโหยหาที่มันหายไปเมื่อนานมาแล้วเริ่มกลับมาอีกครั้ง ระยะเวลากว่าสี่ปีที่ผมไม่เคยพบเขาเลย แล้วจู่ๆยัยฟ้าก็ได้พบเขาหลังจากที่ผมบินมาอังกฤษแล้วนี่นะ หึ... สวรรค์ไม่ยุติธรรมกับผมเลย...

‘เฮอะ ที่ไหนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าเราเจอเขาไปกับใครต่างหาก’

“หืม? ฟ้าเจอเขามากับพี่เลเหรอ”

‘ก็ใช่นะซิ เรานะอยากจะเข้าไปทักเขาจะแย่ แต่ดันมากับผู้ชายคนนั้นเสียได้ เซ็งชะมัด’

“แล้วสรุปไปเจอเขาที่ไหนอะ”

‘บริษัท XXX น่ะ เราไปสมัครงาน ดูท่าเหมือนเขาคงมาทำธุระอะไรสักอย่างละมั้ง’ ยัยฟ้าก้มลงกดอะไรยุกยิกตรงหน้าก่อนจะชูหน้าจอไอแพดมาทางผม ซึ่งแสดงภาพเซิร์ชเอนจินชื่อดัง และข้อมูลที่ค้นหาก็คือชื่อของพี่รัน...

‘เราลองเอาชื่อพี่รันไปเซิร์ชในกูเกิ้ลเล่นๆ ก็เจอข้อมูลเพียบ ไหนจะ ‘นักธุรกิจใหม่ไฟแรง’ เอย ‘สถาปนิกรูปงาม’ เอย ‘นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมแห่งปี’ เอย โอ๊ย เยอะแยะอะนิล เดี๋ยวนี้ดูเหมือนพี่รันเขาจะเปิดตัวในวงสังคมมากขึ้นแล้วนะ’ ผมนั่งฟังยัยฟ้าพูดไปเจื้อยแจ้ว แต่มือกลับกำลังหาข้อมูลของพี่เขาทางอินเตอร์เน็ต ข้อมูลของพี่รันแสดงเยอะแยะไปหมด ส่วนมากจะเป็นข่าวในแวดวงไฮโซ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกห่างไกลจากเขาเข้าไปใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำให้ผมได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง แม้มันจะเป็นแค่แบบสองมิติก็เถอะ...



คงไม่ต้องบอกว่าหลังจากนั้นเวลาว่างผมมักจะทำอะไร อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข่าวชั้นยอดที่ทำให้ผมได้รู้ความเป็นไปของพี่รัน บางข่าวก็ทำให้ผมอมยิ้ม บางข่าวก็ทำให้ผมเศร้า เช่นข่าวระหว่างพี่รันกับสาวๆลูกหลานไฮโซที่ดูมุมไหนก็เหมาะสมกันไปทุกส่วน พี่รันในรูปดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูสุขุมขึ้น มีครั้งหนึ่งผมได้เห็นเขาไปออกงานการกุศลอะไรสักอย่างกับคุณแม่เขา นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นคุณแม่พี่รัน ซึ่งท่านก็ดูเหมือนสาวสังคมทั่วไปแหละครับ สวย แต่งตัวดี บนร่างกายมีแต่ของแบรนด์เนม แต่ว่าแม่พี่รันต่างจากคุณป้าไฮซ้อไฮโซทั่วไปตรงที่ท่านยังดูสาววววววมากกกกกก แถมยังสวยมากกกกก (แม่ผมก็ยังสาวยังสวยนะเออ แต่แม่พี่รันเขาดูสวยเลิศเลออย่างกับดาราอะคุณนึกออกมั้ย -..-) แถมท่าทีการวางตัวของท่านยังดูแบบ... เอื้อมไม่ถึงอ่ะ...




//////////////////////



หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 12 Pt.2 วันที่ 22 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 23-05-2014 17:06:07





ผมนั่งๆนอนๆอยู่ที่บ้านอีกเกือบสัปดาห์แม่ก็เตะผมให้ออกไปทำงาน ตอนแรกเอริคจะให้ผมพักต่ออีก แต่แม่ก็ยังยืนกรานว่าผมไม่ควรอยู่เฉยๆ เพราะการที่เราอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรสักอย่างมันจะทำให้เราเฉื่อยชา และถ้าเป็นแบบนี้ไปนานๆก็จะกลายเป็นคนเกียจคร้านในที่สุด


เอริคพาผมมาแนะนำกับบริษัทของเพื่อนเขาที่อีกเมืองหนึ่ง เราใช้เวลาขับรถประมาณสี่สิบนาที ซึ่งดีว่าถนนที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพ รถไม่ติด ควันไม่เยอะ คือบรรยากาศดีกว่าจมหูเลยละครับ แถมข้างทางยังเป็นทะเล วันดีคืนดีก็มีสาวน้อยสาวใหญ่มานอนตากแดดกันประปราย แต่หลังจากนี้ถ้าผมต้องขับรถมาเองก็คงจะหมดโอกาสส่องสาวๆแล้วแหละครับ


ออฟฟิศของที่นี่เป็นตึกสองชั้น ถ้าให้กะความกว้างแบบไทยๆ ก็หน้ากว้างประมาณ 5 คูหาได้ครับ ตัวตึกเป็นอิฐแดงดูคลาสสิคมีไม้เลื้อยเกาะอยู่ตามกำแพง ที่นี่แม่งสวยอย่างกับในหนัง แค่ผมเห็นครั้งแรกผมก็รู้สึกชอบสุดๆ เขาว่ากันว่าความประทับใจแรกพบของมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญนะ แล้วสำหรับคนอย่างผมมักจะประเมินความรู้สึกตัวเองกับสิ่งที่ได้พบครั้งแรกเป็นไม่ชอบ หรือเฉยๆเนี่ย การที่ผมชอบที่นี่ตั้งแต่แรกถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากครับ เอาไปสิบคะแนน (ปรบมือต้อนรับผมหน่อย)


มิสเตอร์สตีฟ เฮย์เดน คือชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเอริคที่ยังดูหล่อเหลาและอารมณ์ดี เขาเป็นเจ้าของที่นี่และเป็นเพื่อนบเอริค เขาให้ผมเรียกเขาว่าสตีฟ และพาผมไปเดินดูรอบๆ ที่นี่มีสองชั้นอย่างที่ผมบอกในตอนแรก มีพนักงานประมาณสามสิบคนซึ่งอยู่ร่วมกันแบบเป็นครอบครัว ที่นี่มีจุดสันทนาการให้นั่งพักผ่อนหรือเล่นกีฬาให้ด้วย แถมยังมีอาหารกลางวันให้ทานฟรีอีกต่างหาก (สตีฟบอกว่าเป็นสวัสดิการพนักงาน เพื่อให้พนักงานสามารถผลิตผลงานที่มีคุณภาพออกมาได้มากๆ เรียกว่าเอาของกินดีๆมาล่อน่ะครับ)


สตีฟทราบมาว่าผมจบเกี่ยวกับด้านสถาปัตย์ และชอบด้านงานภูมิสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นแนวงานที่สตีฟกำลังจะเปิดเพิ่ม เพราะเดิมทีเขารับแต่พวกงานสร้างบ้าน ตึก ทั่วๆไป แต่เมื่อโลกมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆก็คงจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยแหละครับ


“เดี๋ยวผมจะให้คนมาแนะนำงานกับคุณนะนิล” หลังจากที่เอริคกลับไปแล้ว สตีฟก็พาผมมาที่โต๊ะทำงานของผม มันเป็นโต๊ะไม้กว้างมากครับ เรียกว่ากว้างขนาดเอาไว้เขียนแบบไปควบคู่กับการทำงานเอกสารได้เลยละ ผมนั่งสำรวจโน่นนี่ที่โต๊ะผมได้สักพัก สตีฟก็พาหญิงสาวผมทองหน้าตาจิ้มลิ้มมาด้วยคนหนึ่ง สตีฟแนะนำว่าเธอชื่อคลาร่า เป็นหนึ่งในสถาปนิกมือดีของเขา พอสตีฟเดินไป คลาร่าก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างผมและพูดโน่นนี่เร็วปรื๋อจนชั่วขณะหนึ่ง...



ผมคิดว่ายัยฟ้าใส่วิกผมทองมานั่งจ้อตรงหน้าผมครับ...



คุณเอ๊ยยยยยยยย คลาร่าคนนี้พูดเก่งมากกกก พูดไฟแล่บ พูดลิงหลับ พูดจนน้ำท่วม จนผมต้องยกมือขึ้นห้ามเธอแล้วบอกกับเธอช้าๆว่าภาษาผมยังไม่แข็งแรงนัก และเธอต้องพูดกับผมช้าๆหน่อย เธอก็พยักหน้าเข้าใจแต่ก็ยังพูดมากเหมือนเดิมครับ T^T


แต่ถึงจะพูดมาก แต่คลาร่าก็เป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งคนหนึ่งนะครับ เวลาทำงานเธอจะเปลี่ยนอิมเมจไปเป็นอีกแบบเลย แถมยังชอบโยนอะไรยากๆมาให้ผมช่วยอีกต่างหาก
‘คุณจะได้เก่งไวๆไง’
เธอว่างั้นแหละครับ -..-



แถมบางครั้งผมยังโดนสตีฟลากไปดูงานก่อสร้างที่โน่นที่นี่ บางครั้งก็ต้องค้างคืนเลยครับ แต่ว่างานที่นี่มันสนุกมากจริงๆ เพราะว่าได้เจอผู้คนหลากหลายและยังได้สัมผัสกับวัฒนธรรมองค์กรแบบฝรั่งด้วย ผมเองได้เรียนรู้การทำงานจริงยิ่งทำให้เป็นงานไว และงานชิ้นแรกของผมก็คือ ทำเรือนกระจกให้แม่...



เนื่องจากคุณนายแม่ของผมนั้นเล็งหาลู่ทางในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในบั้นปลายชีวิตครับ คุณนายอยากจะปลูกผักออแกนิคขายส่งตามร้านอาหาร เพราะตอนนี้เทรนด์รักสุขภาพมาแรง ใครๆก็อยากจะทานแต่ของดีมีคุณภาพ ยิ่งแม่ผมเป็นพวกมือเย็นปลูกอะไรก็งาม ดูเป็นอาชีพที่เหมาะสมมากมาย



แต่ว่าแม่ก็ไม่ได้ใช้ผมเฉยๆนะ แม่ติดต่อไปทางสตีฟอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ และสตีฟก็ยกให้เป็นหน้าที่ผมคนเดียว ยังดีที่ไม่ถึงขั้นให้ผมลงไปก่อสร้างเองด้วย... และหลังจากที่ผมร่างแบบและแก้ร่างแบบและแก้วนลูปอยู่แบบนี้กว่าสี่ห้ารอบ คุณนายแม่ก็พอใจ กว่าจะได้ลงมือสร้างก็ซัดเข้าไปสามเดือน แถมยังต้องเคลียร์ที่ตรงที่จะสร้างด้วย ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้ แต่พอผมเริ่มได้เห็นผลงานของตัวเองเป็นรูปเป็นร่างมันก็แบบ... หัวใจมันพองฟูอะครับ ผมกล้าพูดเลยว่าตอนเรียนจบรับปริญญาผมยังไม่ปลื้มใจขนาดนี้ และนี่ก็นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมได้มีความรู้สึกแบบนี้อีกครั้ง



ในที่สุดผมก็ได้พบความสุขของผมเอง... ความสุขที่ผมสร้างเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครหยิบยื่นให้...




▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂


|| T A L K ||

ตอนนี้นิลอาจจะดูพร่ำเพ้อไปบ้างนะคะ
แต่ทุกสิ่งมันต้องใช้เวลา ตอนนี้คนเขียนกำลังพยายามทำให้จิตใจนิลดีขึ้นอย่างช้าๆ
ทำนิสัยไม่ดีไว้แล้วปุบปับจะมาลั้นลาเลยคงไม่ใช่
คนเขียนพยายามให้นิลได้คิด ได้รู้สึกผิดนานๆค่ะ เพราะครั้งต่อไปเมื่อได้สิ่งสำคัญกลับมา
จะได้รู้คุณค่าของมัน และไม่ทำให้มันหลุดมือไปอีก

#สรุปคือคนเขียนโรคจิต #ชอบดราม่า #ชอบเขียนดราม่าด้วย


 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 13 วันที่ 23 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 23-05-2014 19:10:46
อยากให้พี่รินกับนิลเจอกานนนนนนนนนนนนนนนนนน :ling1:

คืนดีกันเร็วๆนะ อยากอ่านฉากหวานๆจังเลย >///<
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 13 วันที่ 23 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 23-05-2014 19:48:21
 คิดถึงพี่รันแล้ว
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 13 วันที่ 23 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: praew_meng ที่ 23-05-2014 22:19:17
สนุกจังค่ะ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย
อย่าหายไปไหนนะคะ รอติดตามจ้ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 13 วันที่ 23 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-05-2014 03:12:42
สี่ปีเลยหรือ มันนานมากเลยนะนั้น
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 13 วันที่ 23 พค.]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-05-2014 09:52:02
ตั้งต้นใหม่ ทำใจได้ซะทีนะนิล

แต่ก็สงสารรันกับนิลพอๆกัน
หัวข้อ: Chapter 14 [รอไม่ไหว] 30%
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 02-06-2014 10:23:17
Chapter 14 [รอไม่ไหว]




ผมเฝ้านึกถึงช่วงเวลาที่ผมต้องอยู่ห่างกับแม่ และตอนนี้ที่อะไรๆมันเริ่มเข้าที่เข้าทาง ที่บ้านของเราไม่เคยเงียบ เสียงแม่บ่นที่ผมไม่เคยได้ยินมานานเหลือเกิน เสียงเอริคเล่นกับไอ้ริชชี่ เสียงผมสั่งงานกับคนงานที่มาทำเรือนกระจกให้แม่ คำว่า ‘ครอบครัว’ ที่ทำให้ชีวิตผมได้เติมเต็มอีกครั้ง...



แต่ทั้งๆอย่างนั้นผมกลับรู้สึกวูบโหวงในอกทุกครั้งที่ได้เห็นคนรักเดินคลอเคลีย ผมมักจะมองพวกเขาจนเหลียวหลังและจินตนาการต่อไปว่าพวกเขากำลังจะไปไหนกัน จะไปดินเนอร์ ไปเดินเล่น หรือเพียงแค่นั่งจับมือกันเฉยๆบนม้านั่งที่ไหนสักแห่ง บางครั้งผมเคยลองทำในสิ่งที่คิดว่าคนมีคู่ทั้งหลายเขาทำกันแต่ก็ไม่เวิร์ค แถมยังรู้สึกปวดใจกว่าเดิมอีก -..-



“วันนี้คุณไปลอนดอนกับฉันนะนิล” คลาร่าเอ่ยขึ้นในตอนเช้าที่ผมเพิ่งมาถึงออฟฟิศหมาดๆ

“ได้สิ” ผมตอบ “ว่าแต่จะไปไหนหรือ?”

“มีประชุมน่ะ” แล้วเธอก็ร่ายยาวเกี่ยวกับเรื่องการประชุมประจำปีของสาขาอาชีพเรา ซึ่งจะออกแนวพูดคุยพบปะและยังมีผลพลอยได้คือเป็นการหาลูกค้าหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารอีกต่างหาก ซึ่งผมฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก



ผมและคลาร่าออกเดินทางกันประมาณเก้าโมงเช้าหลังจากที่เราหาอะไรทานกันเรียบร้อยแล้ว คลาร่าให้ผมเอารถของผมไป ส่วนขากลับเธอตั้งใจว่าจะไปดินเนอร์กับแฟนของเธอที่ทำงานอยู่ในลอนดอน ผมเองที่เพิ่งสอบใบขับขี่ได้หมาดๆรู้สึกเกร็งเล็กน้อยที่จะได้ขับรถเข้าเมืองแต่ก็พยายามตั้งสติจนสามารถเดินทางถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย


บรรยากาศในลอนดอนขมุกขมัวไม่เหมือนแถวบ้านเอริค ที่นี่ดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย นึกถึงสมัยเรียนที่ขี่พี่มะลิไปเรียน ถ้าวันไหนฝนตกละก็ ผมได้นั่งเปียกซ่กตากแอร์แน่นอน ตอนที่ผมไปถึงสถานที่จัดงานนั้นฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว โชคดีว่าคลาร่ามีร่มติดมาด้วย ผมจึงได้อาศัยร่มของคลาร่าเดินจากที่จอดรถ(ที่เสือกอยู่นอกตัวอาคาร)ไปยังด้านในตึก


ที่ห้องจัดงานมีฝรั่งหัวแดงหัวทองอยู่หลายสิบชีวิต บางคนพอเห็นคลาร่าก็รีบเดินเข้ามาทักทาย ผมเองก็ยิ้มและเออออไปตามเรื่อง จวบจนใกล้ได้เวลาเริ่มงานนั่นแหละจึงได้ไปนั่งที่กัน

“คุณเอาอะไร” คลาร่าหันมาถามผมตอนที่มีพนักงานมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม ถาดที่เขาถือมานั้นมีกาแฟ ชา และโกโก้ แน่นอนว่าผมเลือกชา แม้ว่าเมื่อก่อนผมจะชอบโกโก้มาก แต่พอมาอยู่ที่นี่และได้ดื่มชาเป็นประจำ กลิ่นหอมๆและรสชาติที่ซึมซาบในคอทำให้ผมติดใจในที่สุด ยิ่งแม่ผมเป็นคอชาตัวจริง มีทุกยี่ห้อ ทุกกลิ่นที่เขาว่ารสดี ผมเลยสบายไปด้วย



ผมจิบชาร้อนๆและตั้งใจนั่งฟังพิธีกรพูดบนเวที แต่จิตใจมันกลับรู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก เหมือนกับว่ามีสายตาที่มองไม่เห็นกำลังจับจ้องผมอยู่ไม่ห่าง ครั้นจะให้ผมสอดส่ายสายตามองหาก็ใช่ที่ เพราะว่าคนมันเยอะขนาดนี้เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมบ้าเอา


จวบจนพักเบรคนั่นละผมจึงรีบขอตัวไปห้องน้ำ คลาร่ามองผมที่มีท่าทางหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรจุกจิก พอผมเดินออกจากห้องประชุมมาก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้น และมุ่งหน้าไปห้องน้ำเพื่อจะล้างมือล้างหน้าให้หัวโล่งสักหน่อย ผมส่องกระจกดูสีหน้าซีดเซียวของตัวเองและวักน้ำขึ้นมา ใจก็คิดว่าคงไม่มีอะไร บางทีผมอาจคิดไปเอง ที่นี่มีแต่ฝรั่งเต็มไปหมด พอมีเอเชียหัวดำโผล่เข้ามามันก็คงดูแปลกไปบ้าง คนจะจ้องมันก็ไม่แปลก


หลังจากที่ผมเสร็จธุระแล้วก็เข้ามาปลดทุกข็ในห้องน้ำ ผมไม่ชอบชิ้งฉ่องที่โถด้านนอก มันรู้สึกอายแปลกๆน่ะ พอผมกดล็อกประตูก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาและกดล็อกประตูห้องน้ำเหมือนกัน ผมพลันนึกไปถึงพี่รันที่เขามักจะหัวเราะเวลาผมเข้าห้องน้ำ ว่าขี้อายเหมือนผู้หญิง ส่วนตัวเขาน่ะเหรอ ยืนฉี่อย่างสง่าผ่าเผยอยู่ที่โถด้านนอกนั่นแหละ


เสียงกดน้ำจากห้องอื่นดังขัดจังหวะใจลอยของผม ผมรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยและออกมาล้างมือ ผมเห็นหลังคนที่เข้าห้องน้ำมาเมื่อกี้เขาเดินออกไปไวๆ ทำอะไรว่องไวสมเป็นพวกชายแท้จริงนะ อย่างผมเป็นพวกยืดยาด ทำอะไรก็ชักช้าเหมือนผู้หญิงอย่างที่พี่รันเคยว่าจริงๆ…


-----------*------------


“นิล คุณจะเอายังไง จะขับกลับเลยหรือว่าจะไปค้างกับฉันที่บ้านแฟนฉันดี” ผมและคลาร่ากำลังตกลงกันครับว่าจะเอายังไงต่อ การประชุมกึ่งสัมมนาเป็นไปอย่างออกรสจนเวลาล่วงเลยมาจนมืด ผมเองก็เป็นนักขับมือใหม่ การจะให้ขับรถข้ามเมืองมันเป็นอะไรที่สาหัสเอาการ

“ฉันว่าคุณมาด้วยกันเถอะ” คลาร่าดึงข้อมือผม “มืดๆแบบนี้ให้คุณกลับคนเดียวฉันเป็นห่วง เกิดคุณเป็นอะไรไปสตีฟต้องฆ่าฉันแน่”


ด้วยเหตุผลอย่างโน้นอย่างนี้ สุดท้ายผมก็โดนคลาร่าลากไปด้วยครับ บ้านแฟนของเธอเป็นอพาร์ทเมนท์สองห้องนอน แฟนของคลาร่าชื่อลูค ลูคเป็นฝรั่งผมดำตาสีเขียวร่างสูงใหญ่ที่เสียงดังและเฮฮาสุดๆ ตอนเขาเช็คแฮนด์กับผมนี่ทำเอามือผมเกือบหลุด คลาร่าและลูคพาผมไปกินอาหารร้านที่คนกำลังนิยม แม้จะปาเข้าไปสองทุ่มแล้วแต่ร้านอาหารกึ่งผับนี้ยังมีคนพลุกพล่านอยู่ตลอด



“ร้านนี้เพื่อนผมเป็นเจ้าของ” ลูคพูดยิ้มๆ ใบหน้าแดงเรื่อเพราะฤทธิ์เบียร์

“เพื่อนลูคหล่อมากเลยนะนิล หน้าเขาคล้ายๆคนเอเชียด้วย”

“เหรอ” ผมยิ้ม สงสัยเพื่อนลูคคงจะเป็นลูกครึ่งหรือเปล่า

“เห็นว่าวันนี้มันจะเข้ามาดูที่ร้านด้วย” ลูคกระดกเบียร์อึกๆจนหมดไพน์แล้ววางแก้วเบียร์ลงกับโต๊ะอย่างดังจนผมตกใจ คลาร่าที่เห็นผมสะดุ้งก็หัวเราะแล้วเอามือตีแขนแฟนตัวเองดังเพียะ

“ลูคเขามาจากครอบครัวใหญ่น่ะ เป็นครอบครัวที่เสียงดังเจี๊ยวจาวเอาเรื่องเลย”

“บอกเพื่อนคุณด้วยสิคลาร่า ว่าผมก็อยากสร้างครอบครัวใหญ่แบบนั้นกับคุณเหมือนกัน” ลูคพูดกับคลาร่า แล้วหันมากระซิบ’เสียงดัง’กับผม “หล่อนไม่ยอมแต่งงานกับผมสักที ผมรอจนเชื้อฝ่อหมดแล้ว”

ผมหัวเราะก๊ากทันทีที่ลูคพูดจบ พร้อมกับคลาร่าที่หน้าแดงก่ำและรัวฝ่ามือลงบนแขนแฟนหนุ่ม ผมรู้สึกสนิทใจกับลูคอย่างรวดเร็วเพราะนิสัยเฮฮาของเขา เรานั่งคุยกันเพลินจนลืมเวลา



“เฮ้” ลูคกวักมือเรียกใครบางคน ผมหันมองตามแต่ก็ไม่สามารถฝ่าสายตาผ่านฝรั่งร่างสูงใหญ่ที่อัดกันเต็มพื้นที่ร้านแห่งนี้ได้ ผมเห็นแต่เพียงฝูงคนในร้านที่หันไปทักทายกับใครสักคนที่กำลังเดินมาที่โต๊ะผม ท่าทางเขาดูจะเป็นที่รู้จักดีของคนในนี้แฮะ

“นั่นเพื่อนผม ที่ผมบอกว่าเป็นเจ้าของร้านน่ะ” ลูคบอก

“เขา-หล่อ-มาก” คลาร่าทำปากแต่ไม่ออกเสียงเพื่อให้ผมรู้เรื่องคนเดียว ผมจึงยักคิ้วให้เพื่อนสาวคนใหม่



คุณลองนึกถึงในหนังอะครับ เวลาเปิดตัวเจ้าชายรูปงามที่เดินมาบนพรมโดยมีพสกนิกรร้องสรรเสริญอยู่รอบด้าน เจ้าชายก็โปรยยิ้มและโบกมือทักทุกคนอย่างสง่างามและเป็นมิตร ผมพยายามเขม้นมองชายตรงหน้าสุดพลัง แต่ว่าด้วยสายตาที่สั้นถึง 425 แถมยังไม่มีคอนแทคเลนส์หรือแว่นมันไม่ช่วยอะไรเลย (ผมถอดคอนแทคเลนส์ออกตั้งกะเสร็จงานสัมมนาแล้วครับ ใส่นานๆมันปวดหัว)



เพื่อนเจ้าของร้านของลูคเดินมาจนเกือบจะถึงโต๊ะผมนั่นแหละครับ ผมถึงได้เห็นเขาชัดๆ เขาตัวสูง แต่งตัวดีมีรสนิยม ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปแกะสลัก จมูกโด่งนั่นและสีดวงตาที่ผมคุ้นเคย...



เขายังหล่อเหมือนเดิม... ไม่สิ หล่อกว่าเดิมด้วยซ้ำ...



พี่รันของผม...



-----------*------------




ผมอยากจะแทรกแผ่นดินหายไปให้พ้นๆจากตรงนี้ ในหูผมอื้ออึงและหัวใจก็เต้นถี่ระรัว แม้สายตาเฉยชาเหมือนคนไม่รู้จักกันจะทำผมปวดใจเหลือเกิน แต่ผมก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอย่างตอนนี้



“เฮ้จูเนียร์ นี่เพื่อนที่ทำงานคลาร่า ชื่อนิล” คำแนะนำตัวผมของลูคทำให้ผมหูผึ่ง จูเนียร์งั้นหรือ? ผมเพิ่งรู้ว่าพวกฝรั่งด้วยกันเรียกพี่รันแบบนี้ จูเนียร์หมายถึงอะไรนะ...


“สวัสดีครับ” พี่รันส่งยิ้มให้ผม และทักผมเป็นภาษาไทย ผมรู้ว่าตอนนี้ผมคงทำสีหน้าที่ทุเรศที่สุด จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะเศร้าก็ไม่เศร้า มันเลยออกมาแหยๆบอกไม่ถูก


“สะ... สวัสดีครับ”


“เฮ้ พวกนายพูดภาษาเดียวกันได้นี่ ไม่แฟร์เลยนี่หว่า” ลูคโวย คลาร่าเองก็มีสีหน้าประหลาดใจที่พมและพี่รันพูดภาษาเดียวกันได้

“แค่เห็นก็รู้แล้วดู๊ด ว่าเขาคนไทย” พี่รันยิ้มมุมปาก เป็นอากัปกิริยาแบบที่ผมไม่เคยเห็น นี่สินะอีกด้านหนึ่งของพี่รัน... ที่ผมไม่เคยเห็น

แต่ผมก็ดีใจอย่างหนึ่งที่ผมสามารถฟังภาษาอังกฤษที่พี่รันพูดออกแล้ว มันเจือสำเนียงอเมริกันหน่อยๆ แหบนิดๆ และทุ้มต่ำ เป็นเสียงที่ดูเซ็กซี่และมีสเน่ห์อย่างที่เมื่อก่อนนั้นผมไม่เคยสังเกต (แน่ละสิ ตอนนั้นผมฟังออกเมื่อไรละ) ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม เพราะการที่ผมรับรู้ได้ว่าเขาคุยอะไรกันบ้างมันทำให้เราไม่รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน



ลูคเป็นฝ่ายผูกขาดการสนทนา โดยมีพี่รันโต้ตอบเป็นระยะ ผมลอบมองพี่รันที่นั่งตรงข้ามกับผมโดยคอยระวังไม่ให้เขาจับได้ พี่รันคุยกับลูคและคลาร่า แต่ไม่ได้พูดกับผมอีก ใจผมมันกระหวัดไปถึงเรื่องที่ทำให้ผมต้องเลิกกับเขาแล้วก็สงสัยว่าทำไมในตอนนั้นผมถึงยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้? ตอนนั้นผมอ่อนไหวโลเลขนาดนั้นเลยหรือ ผมลองมองไปรอบๆร้าน ที่นี่มีลูกค้าส่วนมากเป็นผู้ชาย ทั้งสูงต่ำดำขาวคละกันไป แต่ที่แน่ๆเลยคือทุกคนหน้าตาดี (นี่เป็นมาตรฐานในการเลือกลูกค้าหรือเปล่า?)



ระหว่างที่ผมมองผู้คนไปเรื่อย สายตาของผมก็ปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่โต๊ะไม่ไกลกันมากนัก เขามากับกลุ่มเพื่อนที่ดูเหมือนเป็นคนทำงานเช่นเดียวกัน เขาตัวสูง ตาสีฟ้าเจิดจ้าสะกดให้ผมเผลอมอง จนกระทั่งเขาสบตากับผมนั่นแหละ ผมจึงโฟกัสสายตากลับมาทันที


“!!” ผมชะงักกึกตอนที่เห็นพี่รันกำลังจ้องมาที่ผม ดวงตาสีอ่อนจ้องเขม็งจนผมเกร็ง


“คลาร่า ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะ” ผมหาเรื่องลุกหนีออกมาทันที พอเข้ามาในห้องน้ำก็แอบคิดว่าพี่รันจะตามผมเข้ามาเหมือนในนิยายหรือเปล่าวะ ฮึ้ยยย ผมคงเพ้อเจ้อไปแล้วล่ะ



“ไฮ”



ผมหันไปมองทางต้นเสียง ผู้ชายคนนั้นที่ผมเผลอมองเขานั่นเอง เออ... ผมลืมไปแล้วนะว่าผมเผลอสบตากับเขาไปทีหนึ่ง หึ... เพราะสายตาพี่รันแท้ๆทำผมลืมเรื่องอื่นไปหมด


“ครับ?” ผมยิ้มตอบ ผู้ชายคนนี้ก็ดูเป็นคนไม่เลวร้ายอะไร ยิ้มให้ไว้ก่อนคงจะดีกว่า


“ผมไรอัน คุณละ”


“นิล...ครับ?” ผมขมวดคิ้ว ที่อยู่ดีๆก็มีคนมาแนะนำตัวกับผม


“ผมอยากรู้จักคุณ” ไรอันพูด “เราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย” เขายิ้มกว้างพร้อมกับยื่นมือมาทางผม ผมจึงจับมือเขาตอบและยิ้มให้


“โอเค ได้อยู่แล้ว”




แล้วผมก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนไรอัน เรานั่งคุยกันจนได้รู้ว่าพวกเขาเป็นแพทย์อินเทิร์นซึ่งมานั่งสังสรรค์กันหลังออกเวรอันหนักหนาตลอดสัปดาห์ เพื่อนคนหนึ่งของเขาเล่าให้ผมฟังเรื่องคนไข้ท้องแก่ที่มาโรงพยาบาลพร้อมกับเลือกที่ไหลโกรกมาตามง่ามขาทำเอาเขาขาสั่นพั่บๆ ผมทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะจนลืมเวลา กระทั่งคลาร่ามาตามผมที่โต๊ะ


“นิล กลับกันเถอะ” คลาร่าสะกิดผมและส่งยิ้มให้คนอื่นๆเป็นทำนองว่าขอตัวก่อน ผมบอกลาทุกคนและไรอัน ก่อนผมจะเดินออกมาจากโต๊ะ ไรอันคว้าไหล่ผมไว้แล้วขอเบอร์ติดต่อ ผมกับเขาเลยได้แลกเบอร์กัน และเขาก็บอกว่าผมคุยสนุกมากด้วย


“คืนนี้คุณฮ็อตมากเลยนะนิล” ลูคพูดกลั้วหัวเราะขณะที่เรากำลังเดินกลับ ผมที่มัวแต่มองหาพี่รันที่หายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้จึงไม่ทันฟัง

“หา? คุณว่าอะไรนะ”

“จูเนียร์น่ะ เขาขอเบอร์โทรของคุณจากฉันด้วยนะ” คลาร่าอมยิ้ม แต่ผมกลับรู้สึกร้อนหน้าไปหมด พี่รันเนี่ยนะขอเบอร์ผม.... ไม่อยากจะเชื่อ... ผมเอามือปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นยิ้ม โชคดีว่าคู่รักข้างๆผมมัวแต่คุยกระจุ๋งกระจิ๋งกันอยู่เลยไม่ทันได้สังเกตอาการของผม ผมจึงมีเวลาคิดฟุ้งซ่านได้อย่างเต็มที่



“!!!”



ผมสะดุ้งเฮือกตอนที่โดนมือลึกลับกระชากตัวผมจากซอกตึกที่เราเดินผ่านมาเมื้อกี้ ความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ผมไม่ทันขืนตัว รู้อีกทีก็โดนจับปิดปากอยู่ในซอกตึกเรียบร้อยแล้ว สมองผมตอนนั้นมัวแต่ด่าตัวเองที่เดินไม่ดูทาง ไม่นึกว่าย่านการค้าในลอนดอนจะมีโจรที่อุกอาจได้ขนาดนี้ ผมมองลูคและคลาร่าที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ทันสังเกตผมสักนิด โว้ยยย ไอ้คู่รักลืมโลก


ขณะที่ผมกำลังก่นด่าเพื่อนและตัวผมเองอยู่นั้น โจรมุมตึกก็บอกกับผมว่า...




“พี่รอไม่ไหว”





******************************* 30% *******************************


หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 14 วันที่ 02 มิย. 30%]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-06-2014 13:10:31
 :z2:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 14 วันที่ 02 มิย. 30%]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2014 16:27:12
รอไม่ไหว คืออะไรคะพี่รัน จะกลับมาหานิลแล้วใช่ไหมพี่ เร็วๆเลยคะคนรอเพียบ
หัวข้อ: Chapter 14 [รอไม่ไหว]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 02-06-2014 17:03:21
-----------*------------



เสี้ยววินาทีที่ผมได้ยินน้ำเสียงอบอุ่นอันแสนคุ้เคยนั้น มันเหมือนกับว่าเวลาของผมที่เคยหยุดเดินนับแต่วันที่พี่รันจากไป มันได้กลับมาเดินอีกครั้ง ร่างกายของผมที่กำลังจะต่อสู้ดิ้นรนอยู่เมื่อครู่ก็อ่อนแรงลงดื้อๆ หากว่าโจรมุมตึกคนนี้ไม่ใช่คนที่หัวใจผมโหยหาจริง ผมคงโดนฆ่าปาดคอและชิงทรัพย์ไปเรียบร้อยแล้ว


สวบ


“เอาโทรศัพท์ไว้กระเป๋าหลังเหมือนเดิมเลยนะ มันอันตรายนะครับ” โจรมุมตึกล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงผมออกมา เขาเลื่อนหาเบอร์ของคลาร่าและกดพิมพ์เมสเสจส่งไปว่าตัวผมจะไปดื่มต่อกับเพื่อน ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง และเขาก็เก็บโทรศัพท์ของผมลงกระเป๋าเขาไป(?)


ระหว่างนั้นผมรู้สึกได้ถึงการแนบชิดของร่างกาย เสียงหัวใจที่แนบอยู่กับแผ่นหลังของผม ขาแข็งแกร่งภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มที่แนบกับขาผมอยู่ มือใหญ่ที่มีกลิ่นโคโลญจน์จางๆ และแขนอีกข้างที่กอดรัดผมเอาไว้แน่น



ผมหลับตา



เพื่อซึมซับความรู้สึกที่แสนโหยหามาตลอดหลายปีนี้ให้นานที่สุด หากว่ามันเป็นแค่ฝัน ก็ขอให้เป็นฝันดี



“หลับตาปี๋ทำไมหืม?” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูผมพร้อมกับริมฝีปากอุ่นที่จรดลงที่แก้ม ความรู้สึกวูบโหวงในอกมันจู่โจมเข้ามาจนผมน้ำตาไหล ปลายนิ้วยาวเกลี่ยหยดน้ำตาให้ผมช้าๆและจับผมหันมาเผชิญหน้า ผมมองร่างสูงที่กอดรัดตัวผมเอาไว้แน่นผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัว เป็นเขาจริงๆ เป็นคนที่ผมคิดถึงจริงๆ ยิ่งพอเห็นว่าเป็นเขา ผมก็ยิ่งร้องไห้ ร้องไห้หนักกว่าเดิม พี่รันกอดผมแนบอกจนเสื้อเชิ้ตของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ผมร้องไห้เหมือนเด็ก สองมือดึงรั้งเสื้อเขาไว้แน่นจนมันยับยู่ยี่ คำขอโทษของผมถูกกลืนลงไปในคอ อะไรที่เคยิดจะบอกกับเขาเมื่อเราได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งก็เลือนหายไปจนสิ้น ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนี้มันดี... มันดีมากจนผมไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร



“นิล... นิลคิดถึง... ” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่รัน สองมือประคองแก้มสากเอาไว้ คนตัวสูงกว่ามองผมด้วยสายตาเช่นเดียวกัน เขายิ้ม และมองผม จนกระทั่งผมเขย่งเท้าและมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ริมฝีปากบางของพี่รัน ไม่รู้ว่าเขาจะปฏิเสธไหม ถ้าหากเขาปฏิเสธ และรังเกียจผมจะทำอย่างไร แต่หัวใจของผมมันก็นำทางไปแล้ว อีกแค่คืบเดียวริมฝีปากของเราก็จะสัมผัสกัน มือของพี่รันก็รั้งท้ายทอยของผมเข้าไปหาและกดริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว ความอุ่นชื้น และนิ่มนวลทำเอาผมตัวลอย ริมฝีปากของเราบดขยี้กันเหมือนอดอยากมาแสนนาน พี่รันรุก ผมไล่ตาม ผมรุก พี่รันบดขยี้ สลับกันไปมาแบบนี้ ปลายลิ้นของพี่รันไล่ไปตามแนวฟันของผมและขบเม้มริมฝีปากผม มือทั้งสองของเราต่างลูบไล้กันและกัน ผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ไต่เข้าไปในเสื้อของผมและบีบคลึงเนื้อตัวผมแรงๆ บางสิ่งภายใต้ผ้ายีนส์เนื้อหนากำลังโตจนผมรู้สึกได้


“Oh!! Sorry!!”


เสียงดังก็อกแก๊กและเสียงอุทานทำให้ผมหันไปมอง ผู้หญิงสองคนที่เดินผ่านมากำลังเดินไปอย่างรวดเร็ว เธอคงเห็นเราสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่ ผมเองจู่ๆก็รู้สึกอายขึ้นมาที่ทำอะไรในที่สาธารณะแบบนี้ แต่คนที่กำลังกอดผมนี่สิกลับเอาแต่ยิ้ม และยังจัดแจงเสื้อผมของผมให้เข้าที่ ผมก้มลงมองตัวเองแล้วก็งงๆที่เข็มขัดผมหลุดรุ่ย ถ้าเมื่อกี้ไม่ไม่มีคนมา ผมคง.... ฮึ้ยยยยย พอคิดได้แล้วก็อายตัวเองเว้ย


“ไปบ้านพี่นะ” พี่รันจูบแก้มผมเบาๆ ผมรู้ว่าพี่รันหมายถึงอะไร สองมือที่กอดรั้งเอวผมเอาไว้เริ่มจะไต่เลื้อยอีกครั้ง แม้ผมจะพยายามปัดมือพี่รันออก แต่ริมฝีปากที่แสนบงการนั้นก็ยังพยายามโจมตีผมไม่เลิก

“ถ้านิลไม่ไป... พี่จะทำตรงนี้ละ”

เชื่อเลยว่าหน้าผมต้องแดงแปร๊ดขึ้นมาแน่ๆ เพราะผมเองยังรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองชาขึ้นมาแบบสุดๆ ผมมัวแต่ยืนเอ๋อจนสุดท้ายก็โดนพี่รันจูงไปที่รถ แถมเจ้าตัวยังหันมาว่าผมได้อีกว่ามัวแต่เอ๋อ ถ้าโดนใครฉุดไปจะทำยังไง ผมเองก็สงสัยว่าแล้วตอนนี้ผมก็เพิ่งโดนพี่รันฉุดมาไม่ใช่หรือ??



ที่พี่รันเรียกว่าบ้านนั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารมากนัก มันเป็นบ้านสองชั้นที่มีรั้วสูงท่วมหัวผม ข้างในมืดสนิทและรกนิดหน่อย พี่รันยักไหล่แล้วบอกกับผมว่าแม่บ้านไม่ทำงานวันนี้ ซึ่งผมดูออกทันทีว่าเป็นข้อแก้ตัวของคนที่ชอบทำรกเลอะเทอะแบบพี่รัน

“!?!” จู่ๆผมก็โดนกระชากลงไปที่โซฟา(อีกแล้ว) ผมยังหายใจไม่ทันถึงสิบครั้งพี่รันก็ดึงผมไปจูบมาราธอนต่อ คราวนี้เรามีโซฟาตัวใหญ่รองรับร่างกายได้พอดี พี่รันจับผมให้นอนบนตัวเขาและกอดเอวผมไว้แน่น หากคุณคิดว่าจูบของพี่รันที่ข้างนอกนั่นดุเดือดแล้ว ตอนนี้กลับดุเดือดยิ่งกว่า ผมได้กลิ่นเลือดจางๆและความรู้สึกเจ็บแปลบที่มุมปาก ผมผวาผลักพี่รันออกห่างทันทีจนเจ้าตัวมองผมด้วยแววตาสงสัย

“นิล... เลือดไหล... มัน... มันสกปรกครับ...” ผมเม้มปากแน่น แต่พี่รันก็เอานิ้วแหย่เข้ามาให้ผมหยุดทำแบบนั้น เขาแตะจูบซ้ำลงมาที่เลือดไหลแม้ผมจะพยายามหันหนี

“นิลครับ นิลรู้ใช่มั้ยว่าพี่ต้องการอะไร” พี่รันถามเสียงนิ่ง โครงหน้าหล่อเหลาภายใต้โคมไฟสีอ่อนช่างดูน่าหลงใหล ผมมองพี่รันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ก่อนจะพยักหน้าช้าๆแม้จะอายจนพูดอะไรไม่ถูก

“พี่คิดถึงนิลนะ คิดถึงมาตลอดหลายปีนี้ แม้พี่จะพยายามลืมนิล แต่สุดท้ายเมื่อพี่ได้เจอนิลอีกครั้งถึงรู้ว่ามันไม่ใช่เลย” พี่รันสบตาผม “และตอนนี้ พี่ก็อยากครอบครองนิลที่สุด อยากทำอย่างที่ใจพี่ปรารถนา และ...” พี่รันพูดค้าง ท่าทางอึกอัก

“และ...?” ผมถามย้ำ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

“เอ่อ... พี่...”

“พี่...?” ผมเริ่มงง พี่รันจะพูดอะไรกันแน่ ทำไมต้องอึกอักขนาดนี้

“พี่อยากแนบชิดกับนิล... โดย... โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น...”

“!” ผมทำตาโตมองคนที่ทำเสียงหวานเชื่อมแบบที่ผมไม่เคยฟัง พะ...พี่รันพูดอะไร... ผม... ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่...

“นะ” ใบหน้าหล่อทำเสียงอ้อนจนผมอ่อนระทวย แต่แม้ผมจะใจง่ายสักแค่ไหนเราก็โตๆกันแล้ว ผมจึงรวบรวมความกล้าเพื่อพูดสิ่งที่ต้องพูด


“นิล... นิลเพิ่งไปตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงานมา... เอ็กซเรย์ปอด วัดความดัน ตรวจเลือด เอ่อ... รวมถึงเอชไอวีด้วย ก็ปกติดีทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้ให้ตรวจเอชไอวีหรอกนะ แต่นิลอยากตรวจเอง คือไหนๆก็เสียเงินแล้วก็เลยเอาให้คุ้ม ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรหรอกครับ” ยิ่งพูดผมก็ยิ่งเผยไต๋ แต่มันก็หยุดไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นความจริงว่าผมเคยตรวจร่างกายมาแล้ว แต่หากพี่รันรู้ว่าผมไปตรวจเอชไอวีทั้งที่ไม่ได้ต้องเอาไปใช้ทำงานเขาจะคิดว่าผมสำส่อนไหม ผมไม่อยากให้พี่รันคิดแบบนั้นเลย เพราะสี่ปีที่ผ่านมานี่ผมไม่เคยยุ่งกับใครสักคน


“คนดีของพี่” พี่รันยิ้มแล้วจูบผมอ่อนโยน “ตั้งใจจะบอกพี่ใช่มั้ยว่านอกจากพี่แล้ว ไม่เคยมีใครได้สัมผัสนิลแบบที่พี่เคยทำอีก” ผมเม้มปากแน่พอได้ฟังที่พี่รันถาม แม้น้ำเสียงพี่รันจะอ่อนโยน แต่ดวงตาสีอ่อนกลับทอประกายวิบวับคล้ายจะล้อเลียนผม

“กะ.. ก็ใช่สิครับ” ผมอาย อายุอานามก็ขนาดนี้แล้วแท้ๆ กลับไม่เคยมีประสบการณ์สักที รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“พี่ก็จะบอกนิลเหมือนกัน” พี่รันเอื้อมมือไปล้วงหาบางอย่างจากในเสื้อนอกของเขา กระดาษเอสี่สีขาวที่มีอักษรพิมพ์เต็มหน้าถูกยื่นมาให้ผม

“ผลตรวจ... เลือด... เหรอครับ??” ผมกวาดตาอ่านอย่างช้าๆแล้วถามเขา พี่รันพยักหน้ายิ้มๆ ผมก้มมองอีกครั้ง เรื่องผลตรวจเป็นเนกาทีฟผมไม่แปลกใจ เพราะพี่รันไม่ใช่คนสำส่อนจนน่าจะติดโรคแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องวันที่ตรวจนี่สิ...

“ไปตรวจมาวันนี้???” ผมมองวันเวลาที่ตรวจ และเงยหน้ามองพี่รัน เจ้าตัวยังคงยิ้มกริ่มแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในขณะที่ผมเริ่มประติดประต่อเรื่อง

“ทำไมต้องจำเพาะเจาะจงไปตรวจมาวันนี้พอดีครับ?” ผมถาม

“คือว่าวันนี้พี่เห็นนิลตั้งแต่ที่ประชุม” นั่นไงกูว่าแล้ว มิน่าถึงได้รู้สึกเหมือนคนจ้อง ผมแอบด่าพี่รันในใจแต่ก็นิ่งฟังต่อ “พอพี่เห็นนิลปุ๊บพี่ก็อยากจะเข้าไปหาปั๊บ แต่พี่คิดว่าพี่ต้องเตรียมความพร้อมก่อน” พี่รันยิ้มกว้าง ในขณะที่ผมเริ่มเดือดปุดๆ

“อ๋อ แสดงว่ากะจะฟันนิลวันนี้ตั้งแต่ที่เห็นเมื่อบ่ายใช่มั้ยครับ”

“อืม” พี่รันพยักหน้ายิ้มๆ สองมือไต่เลื้อยเข้ามาในเสื้อผมและเริ่มลามไปปลดเข็มขัดผมแล้ว

“พี่นี่มัน...” ผมอ้าปากจะด่า แต่พอเห็นสายตาจริงจังนั่นก็ด่าไม่ออก จะว่าเจ้าเล่ห์จอมวางแผนแต่ก็ถือได้ว่าทำอะไรรอบคอบดี

“นิลไม่คิดถึงพี่เหรอครับ” พี่รันกระซิบถามพลางขบเม้มติ่งหูผม “ไม่อยากทำอะไรๆ” พี่รันเอานิ้วจิ้มลงที่ไหล่ผม “ตรงนี้” และเลื่อนไปจิ้มที่หน้าอกผม “ตรงนี้” และเลื่อนต่ำลงมาที่หน้าท้อง “หรือตรงนี้กับพี่บ้างเหรอ”


ผมอยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ผมโดนพี่รันยั่ว พี่รันยั่วววววววว


“ลามก บ้า หื่น” ผมเหวี่ยงแม้ในใจจะเสียวสัด อายตัวเองว่ะแม่ง -//-

“ปากดีจริง แบบนี้ต้องโดนทำโทษ”

“อ๊ะ” พี่รันจับผมขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดายและแบกผมขึ้นบันไดไปชั้นบนซึ่งเป็นห้องโล่งๆกว้างๆไม่ได้กั้นแบ่งอะไรทั้งสิ้น มีเพียงเตียงนอนขนาดคิงไซส์ปูผ้าสีขาวและตู้เสื้อผ้ากว้างห้าเมตรเท่านั้น (ผมแอบคิดในใจว่าพี่รันยังเป็นผู้ชายแต่งตัวเก่งเหมือนเดิมสินะ) พี่รันโยนผมลงบนเตียงที่น่าจะเป็นเตียงน้ำเพราะมันนุ่มมากจนผมกระเด้งขึ้นมานิดหน่อย ก่อนที่คนโยนจะทาบทับตามลงมาติดๆ

“ปากเก่งขึ้นเยอะนะเรา” จมูกโด่งกดลงที่แก้มผม พี่รันสูดจมูกแรงๆจมผมเจ็บแก้ม แต่ดูท่าเจ้าตัวก็ยังคงเมามันกับผิวเนื้อของผมอยู่ จะโทษใครได้ละในเมื่อผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่รัน


น่าแปลกที่ว่าแม้เวลาจะผ่านมานานขนาดนี้ แต่ความรู้สึกของผมมันกลับเหมือนเดิม อันที่จริงต้องบอกว่าความรู้สึกของผมมันถูกฟรีซเอาไว้ที่ช่วงเวลานั้น และการได้พบกับพี่รันอีกครั้งเป็นเหมือนการละลายน้ำแข็งลงนั่นเอง แล้วพี่รันจะรู้สึกเหมือนกับผมหรือเปล่า


“พี่รัน” ผมประคองหน้าพี่รันให้สบตากับผม ผมจดจำรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ได้ขึ้นใจ คำว่า ‘รัก’ มันเต็มล้นอยู่ในอกของผมเสมอมา และความรู้สึกผิดก้คอยกัดกินใจผมเหมือนเนื้อร้าย หากว่า... หากว่าพี่รันให้โอกาสผม...

“ครับ?” พี่รันหยักยิ้มมุมปากเพื่อรอฟัง เจ้าตัวขยับลงมานอนเท้าคางข้างๆผมและจ้องหน้าผมนิ่งเช่นเดียวกับผมที่กำลังจ้องหน้าเขา

“นิลขอโทษนะครับ... เรื่องเมื่อตอนนั้น” พอผมนิ่ง พี่รันก็นิ่ง ผมเลยค่อยๆพูดต่อ “นิลจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น แต่นิลขอ... นิลขอแค่พี่รันให้โอกาสนิล สักครั้ง...นะครับ แล้วนิลจะไม่ทำให้พี่รันผิดหวังอีกเลย” พอพูดจบผมก็ก้มหน้างุด กลัว กลัวว่าจะได้เห็นสายตาเฉยชาจากพี่รัน กลัวจะทำใจไม่ได้ถ้าหากเขาปฏิเสธ กลัวไปหมด...

“ทำไมถึงให้พี่รอตั้งนาน”


“ครับ?” ผมเงยหน้าขึ้นมามอง สบตากับดวงตาสีอ่อนที่ทอแววอ่อนโยน ผมเคยบอกหรือยังว่าพี่รันเป็นคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ทางสายตาได้ดีเหลือเกิน เกลียด โมโห ชอบ รัก ทุกสิ่งทุกอย่างพี่รันสามารถแสดงออกมาทางสายตาได้เป็นอย่างดี และตอนนี้ผมก็กำลังมองเห็นสายตาที่พี่รันเคยใช้มองผมเมื่อก่อนนู้น มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย...
“พี่รอนิล นานมาก... รอโทรศัพท์ รอให้นิลติดต่อมาหา แต่นิลก็เงียบหายไปเลย... พี่คิดว่านิลคงเลือกคนอื่นไปแล้ว” พอพี่รันพูดเสียงเศร้า ดวงตาก็เศร้าตาม จนผมเริ่มน้ำตาคลอ

“นิล...นิลทำผิด นิลทำอะไรไม่ดีลงไปมากๆ นิลไม่กล้าบากหน้าไปพบกับพี่รันอีกหรอก แล้ว... แล้วพี่รันก็คงไม่อยากเห็นหน้านิลด้วย พี่รันรู้มั้ยว่านิลทรมานใจแค่ไหน นิลคิดถึงพี่รันแค่ไหน พอนิลรู้ว่านิลต้องเสียพี่รันไปแล้วจริงๆนิลถึงได้รู้ตัวว่านิลรักพี่รันที่สุดเลย ฮือออออ....” ผมกำชายเสื้อพี่รันแน่น พูดไปก็ร้องไห้ไป ยิ่งพูดผมก็ยิ่งร้องไห้จนแทบจับสำเนียงไม่ออก แต่พี่รันก็ยังจ้องมองผมและพยักหน้าตามราวกับว่าฟังที่ผมกำลังพูดรู้เรื่อง ผมได้ยินเสียงพี่รันบ่นพึมพำว่า ‘เด็กโง่เอ๊ย’ ตอนที่ผมกำลังสะอื้น ผมจำได้ว่าผมกอดพี่รันแน่นคล้ายกับกลัวว่าพี่รันจะหายไป กลัวว่าพอเช้าขึ้นมาแล้วจะพบว่ามันเป็นแค่ฝัน ผมร้องไห้กอดพี่รันอยู่นาน



นานจนกระทั่ง....



ผมเผลอหลับไป...


-----------*------------



“....ล”


“นิล.....”


“นิลครับ...”


ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆพร้อมกับความรู้สึกปวดตาสุดพลัง ผมเห็นเงาร่างดำๆชะโงกมองมาที่ผม ด้านหลังเป็นแสงสว่างสีเหลือง ผมขมวดคิ้วและนึกทบทวนว่านี่คือที่ไหนและเกิดอะไรขึ้น สักพักผมก็นึกถึงหน้าพี่รันขึ้นมาได้ จึงขยี้ตาและเอื้อมมือคว้าคนตรงหน้า

“ฮื้อ ทำไมยังไม่เลิกนิสัยขยี้ตาอีก” พี่รันตัวจริงเสียงจริงขมวดคิ้วมองผม เสียงทุ้มออกแนวตำหนิเล็กน้อย แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ามันเป็นคำดุว่าที่ไพเราะที่สุดในโลก

“พี่รันจริงด้วย” ผมยิ้ม


“อะไรเด็กติ๊งต๊อง” พี่รันหยิกแก้มผม ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อแล้ว มีเพียงกางเกงยีนส์ติดกายแค่ตัวเดียว ผมมองกล้ามท้องของพี่รันแล้วก็รู้สึกเขิน ฉับพลันจึงนึกเรื่องสำคัญบางเรื่องขึ้นมาได้

“เช้าแล้วเหรอครับ??” ผมตกใจ นี่ผมเผลอหลับไปงั้นเหรอ แม่งเอ๊ย แล้วค่ำคืนแสนเร่าร้อนของผมล่า~~~~~~~~~

“หึหึ ยังหรอก เพิ่งจะตีสองเอง” ห๊ะ? ตีสอง ผมมองหน้าพี่รัน ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เหมือนตาพี่รันจะคล้ำๆ

“พี่ไม่ปล่อยให้นิลหลับจนเช้าหรอก”

“ห๊ะ พี่รันว่าอะไรน-” ผมพูดไม่ทันจบก็โดนจับกดเสียก่อน พี่รันพลิกตัวมาคล่อมผมไวยิ่งกว่าปรอท มือแกร่งระดมแกะกระดุมเสื้อผมอย่างเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวแล้วล้วงเข้ามาบีบคลึงผิวกายผมอย่างร้อนแรง พี่รันเขี่ยที่ยอดออกผมจนมันแข็งตึงสู้มือ ผมได้แต่บิดกายไปมาเพราะร่างกายตั้งรับการจู่โจมที่แสนวาบหวามนี้ไม่ทัน เสียงน่าอายที่เกิดจากการที่ริมฝีปากของเราสองคนบดขยี้กันดังเป็นระยะ แต่มันกลับทำให้ผมตื่นตัวสุดๆ จากที่กำลังสลึมสลือในตอนแรก ผมกลับตอบรับสัมผัสของพี่รันเป็นอย่างดี


“พี่ต้องอดทนแค่ไหนรู้มั้ยตอนที่นิลหลับ” พี่รันใช้ริมฝีปากงับที่ใบหูผม ทำให้เวลาที่พี่รันพูดจะมีลมมาปะทะที่หูผมเบาๆจนผมขนลุก “พี่อยากจะลักหลับนิล แต่ก็พยายามหักใจ ครั้งแรกของเราทั้งคู่พี่อยากให้มันออกมาดีที่สุด”


“อึก... อ๊ะ... พี่หน้าไม่อาย... พูดเรื่องแบบนี้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญได้ยัง.. อ๊ะ.. ไง” ผมพยายามเค้นเสียงออกมาแม้จะยากมากเวลาที่พี่รันกำลังซุกหน้าเข้าหาซอกคอของผมแบบนี้ และผมยิ่งสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีกเมื่อพี่รันรั้งเสื้อของผมออกพร้อมทั้งเปลี่ยนเป้าหมายจากซอกคอของผมมาเป็นหน้าอก เพียงแค่พี่รันสัมผัสเท่านั้นเนื้อตัวมผมก็อ่อนยวบ อารมณ์พลุ่งพล่านทันทีที่ถูกปลุกเร้าเล็กๆน้อยๆ




หัวข้อ: Chapter 14 [รอไม่ไหว]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 02-06-2014 17:06:09
-----------*------------


Ran’s Part.


ผมก้มมองคนอายุยี่สิบสี่ปีย่างเข้ายี่สิบห้าที่กำลังบิดกายเร่าอยู่ใต้ร่างผม แม้จะอยู่มาจนป่านนี้ แต่นิลก็ยังอ่อนประสบการณ์เหมือนเด็กวัยรุ่นอยู่ดี ความต้องการของผมลุกโชนอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นดวงตากลมมีน้ำตาคลอหน่วย ท่าทางเหมือนลูกแมวน้อยที่กำลังจะถูกเสือขย้ำนั่นมันอะไรกัน ทำท่าออดอ้อนเหมือนไม่ประสีประสา แต่ก็เอียงคอรับจูบผมไม่ได้ขาด แถมยังบดเบียดร่างกายเปลือยเปล่าเข้ามาถูไถกับตัวผมจนเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ บางสิ่งในกายผมมันกำลังตื่นและปวดร้าวราวกับจะแตกออกหากไม่ได้ปลดปล่อยความปรารถนาออกมา ผมอยากจะชำแรกเข้าไปในร่างบางนั้นใจจะขาด แต่ก็พยายามห้ามความต้องการเอาไว้เพราะไม่อยากให้นิลเจ็บ



“คนดี ยกสะโพกให้พี่หน่อยนะครับ” คนร่างบางทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อผมพูดด้วยอ่อนหวาน ท่าทางไร้สิ้นเรี่ยวแรงอย่างคนที่ยอมทุกอย่างแล้วนั้นทำให้ผมแทบคลั่งพร้อมทั้งประหลาดใจในคราวเดียวกันที่เมื่อก่อนอารมณ์ผมไม่ยักรุนแรงขนาดนี้ ไม่หรอก... คราวนี้มันมีบางสิ่งที่แตกต่างไป นั่นคือความโหยหา... แม้ระยะเวลาที่เราจากกันมานานผมอาจจะมีคบใครไปบ้างเรื่อยเปื่อยแต่ก็ไม่ยืนยาว ความสัมพันธ์ของผมมันสั้นนัก ผมมีเซ็กส์กับคนอื่น(ซึ่งเป็นผู้หญิง เพราะผมไม่เคยมีอารมณ์กับผู้ชายคนอื่นนอกจากนิล)ชั่วครั้งชั่วคราว เพราะทุกครั้งที่ผมพยายามจะมีเซ็กส์กับใครมันมักจะจบลงที่ผมเห็นใบหน้าของคนที่ร่วมรักกับผม เป็นใบหน้าของนิลตลอด


“พี่รัน...” เสียงหวานกระเส่ากระซิบเรียกชื่อผมมันทำให้ผมชื่นใจเหลือเกิน อยากจะได้ยินเสียงนี้ทุกวันทุกคืนไปจนแก่ตาย ระยะเวลาสี่ปีที่เราจากกันมันเกิดจากความเข้าใจผิดแท้ๆ ผมเองน่าจะคิดได้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่เป็นคนคิดมากขนาดไหน แม้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้พบเจอกันอีกแต่ผมก็คงต้องทบต้นทบดอกให้สาสมกับระยะเวลาที่ปล่อยให้ผมรอและความผิดในครั้งนู้น(ผมเปล่าฉวยโอกาสนะ)



ผมบดจูบร้อนแรงกับริมฝีปากอิ่มที่แดงเจ่อ คราวนี้นิลโน้มแขนกอดรัดลำคอผมแน่นแล้วยังขยับบดเบียดตลอด ขาเรียวตวัดเข้าเกี่ยวกับขาผมยิ่งทำให้อารมณ์ผมโหมทะยานมากยิ่งขึ้น ผมผละออกจากริมฝีปากอิ่มและมาดูดเลียยอดอกสีอ่อนที่แข็งสู้ลิ้น ผมขบเม้มตวัดลิ้นรัวแรงทำให้นิลร้องเสียงสั่น


“อื๊อ... พี่รัน... นิล.... อ๊ะ นิลเสียว..”


“นิลเสียวเหรอครับ” ผมยิ้มกริ่ม มองใบหน้าเล็กแดงก่ำเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดเรื่องน่าอายออกมา และผมก็ไม่รอให้เจ้าตัวตอบโต้ ผมใช้ทีเผลอรูดกางเกงออกจากเอวบางทีเดียวจนหลุดมาทั้งชั้นนอกและชั้นใน นิลร้องผวาพยายามจะปิดป้องแต่ก็ไม่ไวเท่าผมที่จับแขนเล็กทั้งสองชูขึ้นเหนือหัว ผมใช้มืออีกข้างที่ว่างจับกับตรงกลางกายที่เติบโตและมีน้ำใสเอ่อจากรูตรงปลาย ผมจับรั้งรูดขึ้นลงเบาๆแต่ก็ทำเอาเจ้าของมันครางจนน้ำตาเล็ด ให้ตายสิ ถ้าผมรู้ว่าเวลาแบบนี้นิลจะน่ารักขนาดนี้ ผมคงจับปล้ำไปนานแล้ว


“อ๊ะ อ๊า...ฮื้อออ” เสียงร้องครางยิ่งดังระงมขึ้นเมื่อผมรูดรั้งเร็วขึ้น และเมื่อริมฝีปากผมแตะสัมผัสกับเจ้าอันน้อยน่ารักนี้ นิลก็หันไปกัดหมอนแน่นพร้อมกับสองขาที่ป่ายปัดไปมาจนผมต้องดึงรั้งให้ขึ้นมาก่ายสะโพกผมไว้ ยิ่งนิลครางมากเท่าไร ผมยิ่งอยากจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น และความอดกลั้นของผมก็ขาดผึงลงเมื่อมือเล็กพยายามรั้งกางเกงยีนส์ของผมออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมจึงเป็นฝ่ายถอดเองอย่างรวดเร็วและสะบัดมันออกไปให้พ้นทาง ผมก้มลงมองแก่นกายของตัวเองที่มันไม่เคยตื่นและแข็งขึงขนาดนี้มาหลายปี แต่เพียงแค่กับคนตรงหน้าผมนี้ แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เราพบกันกลับทำให้อารมณ์ผมโหมกระพือ



หากผมเป็นไฟ นิลคงเป็นน้ำมัน



น้ำมันที่ทำให้เพลิงของผมลุกโชน



ผมก้มลงแนบชิดกับคนด้านล่างให้แก่นกายของเราเสียดสีกัน นิลกำลังกัดริมฝีปากตนเองรุนแรงจนผมห่วงว่าจะได้แผล จึงหวังดี(?)ช่วยด้วยการขยับขึ้นไปประกบปากอีกครั้ง อย่างน้อยให้น้องกัดปากผมยังดีเสียกว่า และมือของผมก็ไม่ได้ปล่อยให้ว่าง โดยผมพยายามเอื้อมหาเสื้อนอกของผมและหยิบเอาหลอดเจลช่วยชีวิต(นิล)ออกมา เปิดฝา บีบออกจนเต็มอุ้งมือและปาดลงไปที่หว่างขานวลเนียนนั่น


“อ๊ะ พ..พี่รัน อะไรน่ะ” เจ้าตัวสะดุ้งเฮือกและร้องถามเสียงสั่น ผมไม่ตอบแต่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ แม้นิลจะพยายามหนีบขาตัวเองเข้าหากันแต่ผมก็ใช้ขาผมไปทับไว้


สวบ


“อื๊ออออออออ” นิลกรีดร้องเมื่อนิ้วของผมรุกล้ำเข้าไปข้างใน เจลเหนียวเยิ้มทำให้อะไรๆง่ายขึ้นเมื่อผมสอดลึกเข้าไปอีก ร่างบางดิ้นเร่าจนผมต้องจับล็อกไว้เพราะกลัวจะดิ้นเองจนได้แผล ผมจูบปลอบจนเจ้าตัวเลิกดิ้นและตอบรับกับสัมผัสของผมอีกครั้ง และจากที่ตอนแรกขัดขืนก็เริ่มเรียกร้องมากขึ้น

“อื้อ จูบ... จูบนิลหน่อย..อะ..” ริมฝีปากแดงตรงหน้าพยายามยื่นหน้าเข้ามาหา ผมจุดยิ้มมุมปากและสนองความต้องการให้ทันที เสียงริมฝีปากบดขยี้ เสียงน้ำลาย และเสียงแปลกใหม่ซึ่งเกิดจากนิ้วผมที่ขยับเข้าออกจากช่องทางรัดแน่นนั่น ใบหน้านวลเนียนขมวดคิ้วมุ่นและมีน้ำตาคลอ เสียงหวานเร่งเร้าผมมากขึ้นเรื่อยๆและแรงบีบรัดที่ปลายนิ้วของผม ผมเพิ่มนิ้วจากหนึ่งเป็นสองและขยับเข้าออกเร็วและแรงขึ้น และจากสองนิ้วที่ผ่านเข้าออกก็ทำให้ช่องทางที่เคยคับแน่นมันเริ่มผ่อนคลาย ผมละนิ้วออกและดันขานิลออกจากกัน ภาพที่ปรากฎตรงหน้าทำเอาผมคลั่ง เรือนร่างนวลเนียนบอบบางที่เมื่อแตะจมูกลงไปตรงไหนก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นติดจมูกกลับมาทุกครั้งกำลังเปิดทางอ้ากว้างต่อหน้าผมโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ช่องทางคับแคบนั่นกำลังขมิบเบาๆและมีน้ำใสไหลเยิ้มออกมาราวกับกำลังท้าทายให้ผมเอาอย่างอื่นเข้าไปแทนนิ้ว ผมกัดฟันก้มลงมองปรชิดและใช้นิ้วสอดเข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้ง่ายกว่าครั้งแรกเสียอีก เจ้าตัวส่งเสียงแบบที่คงไม่มีทางทำในเวลาปกติแน่ๆ มือเล็กนั่นป่ายปัดไปทั่วหัวและไหล่ของผม และความอดทนของผมก็หมดลงเมื่อได้ยินเสียงหวานร้องเรียก


“พี่รัน... อือ...ใส่... ใส่เข้ามาเถอะ นิล...นิลอยากให้พี่รันทำ...”


แม่งเอ๊ยยยยยย ผมสบถในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าอ้อนวอนของนิล ดวงตากลมสั่นระริกและริมฝีปากก็แดงช้ำจากน้ำมือของผม ลูกแมวของผมที่ถูกผมทำร้ายกำลังอ้อนวอนให้ผมทำหนักขึ้น ผมดึงนิ้วออกจากช่องทางคับแคบทันทีและเคลื่อนตัวขึ้นไปทาบทับ มือแยกเอาขานิลออกจากกันและบีบเจลออกมาให้มากกว่าเดิม ชโลมลงบนแท่งของตัวเองและช่องทางของนิล ผมจับตัวนิลยันขึ้นมาและเอาหมอนดันหลังให้กึ่งนั่งกึ่งนอน แก่นกายของผมจ่อเข้ากับช่องทางที่กำลังเต้นตุบๆ ผมมองสบตากลมนิ่ง และเจ้าตัวได้แต่จิกเล็บลงบนไหล่ผม


“นิล... รักพี่รัน”


“พี่ก็รักนิล”



สวบ



การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและเนิบนาบทำให้ผมจะขาดใจ แต่แม้ว่าจะอยากกระแทกกระทั้นลงไปสักเท่าไรก็ไม่อาจทำได้ เพราะว่ารัก รักคนตรงหน้านี้จนสุดหัวใจ อะไรที่ดีอะไรที่ทำให้ได้ก็อยากจะทำเพื่อชดเชยการไกลห่างที่ผ่านมา เมื่อผมขยับตัวเข้าไปจนสุด สายตาของเราก็ประสานกันนิ่ง นิลใช้สองมือโน้มคอผมลงไปประกบจูบก่อนจะคลี่ยิ้มบาง


“มะ... ไม่เห็นเจ็บ... สักเท่าไรเลย...” แม้กระทั่งตอนที่พูดเจ้าตัวก็ยังหน้าแดง ทั้งๆที่อายแต่ก็ยังอยากจะพูดออกมา แล้วจะไม่ให้เขารักได้ยังไงไหว


“พูดงี้ หาว่าพี่เล็กเหรอ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ และหลุดขำออกมาเมื่อคนตัวเล็กส่ายหน้าหวือ

“ปละ เปล่านะ... ไม่ใช่แบบนั้น พี่รันทำให้ดีต่างหาก อ๊ะ... อื้อ..” ผมถอนตัวออกห่างเมื่อได้ยินที่นิลบอก

“เอา...เอาออกทำไมครับ” เจ้าตัวทำหน้าหงอยเมื่อเห็นผมถอยออก และก็ทำตาโตตอนที่ผมหยิบกระจกมา

“ดูสินิล ดูของนิลสิ” ผมส่องกระจกที่ช่องทางซึ่งกำลังขมิบเข้าออกเบาๆ มันดูแดงช้ำและบวมเจ่อจากขนาดของผมที่สอดใส่เข้าไป นิลหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีและหยิกตีผมรัว

“หึหึ อะไรกันตีพี่ทำไม”

“ก็พี่รันอะลามกโรคจิตสุดๆ อ๊า~” ผมฉวยโอกาสที่เจ้าตัวกำลังเผลอสอดเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ผมใช้สองมือประคองแก้มนิลให้ก้มมองและค่อยๆขยับสะโพกเข้าไป เจ้าตัวเล็กพยายามหลับตาแต่พอผมขู่ว่าถ้าไม่ยอมมองจะหยุดทำถึงได้ลืมตามองช้าๆ เสียงเล็กครางรัวเมื่อผมเริ่มขยับเร็วขึ้น



-----------*------------



ผมกับพี่รันกำลังมีเซ็กส์กัน...


มันคือความเป็นจริงที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้ ยามที่ร่างสูงที่กำลังขยับสะโพกอยู่เหนือร่างผมและเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆจนผมคว้าหมอนมาอุดเสียงตัวเอง แต่พี่รันก็โยนหมอนทิ้งไปและกระซิบบอกให้ผมร้องดังๆ

“บ้านพี่ฉาบมาดี กันเสียงรบกวนทุกชนิด” ผมทุบอั้กที่ไหล่คนหน้าหนา พี่รันจึงถอยตัวออกและจับผมพลิกคว่ำ แล้วแก่นกายที่ดึงออกไปก็กระแทกกลับเขารุนแรงยิ่งกว่าเก่า

“ตีพี่ทีนึง พี่ก็เปลี่ยนท่าทีนึง ดีมั้ย” เสียงทุ้มกระซิบถาม ผมได้ทีจึงหยักยิ้มและตอบกลับไป

“งั้น...อื๊อ...นิลจะ...ตีพี่รันทุกสามนาทีเลย” ผมแถมออพชั่นเสริมด้วยการกัดริมฝีปากตัวเองนิดนึงเพราะคิดว่ามันคงจะดูยั่ว ซึ่งคงได้ผลเพราะพี่รันยิ่งกระแทกเข้ามาหนักหน่วงจนผมกรีดร้อง เสียงคำรามต่ำพร่าของคนด้านหลังจุดประกายความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาในตัวผม บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ



พี่รันเป็นของผม...



“พี่...รัน...” ผมเค้นเสียงเรียก



“ครับ....” เจ้าตัวหอบหายใจแต่ก็ขานรับผม ผมจึงรั้งแขนพี่รันเอาไว้ให้หยุดและถอยตัวเองออกมา พี่รันมองผมนิดหนึ่งตอนที่ผมผลักพี่รันให้นอนราบลง ผมหยิบไอ้หลอดเจลสู่รู้นั่นมาบีบใส่มือผมและชโลมลงที่ช่องทางของตัวเอง พี่รันยิ้มกริ่มตอนที่ผมขยับขึ้นมานั่งคล่อมเขา และจับแก่นกายใหญ่มาจ่อที่ช่องทางของผม ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันใหญ่กว่าเดิมตอนที่จับมันมาจ่อเองแบบนี้นะ


“อื๊อ.. อะ... พะ พี่รัน...” ผมครางกระเส่าตอนที่กดสะโพกตัวเองลงช้าๆ ยอมรับเลยว่าอะนัลเซ็กส์ครั้งแรกของผมมันดีเหลือเกิน ดีจนสงสัยว่าไอ้พวกที่บอกว่าเจ็บแทบตายนั้นมันไปทำอีท่าไหน และเมื่อผมนั่งทับลงมาจนสุด ความแน่นและอึดอัดก็คับแน่นอยู่ในช่องทางของผมจนไม่กล้าขยับ แต่ไอ้คนเห็นแก่ตัวข้างล่างนี่สิที่มันนอนหนุนแขนสองข้างตัวเองแล้วส่งยิ้มคล้ายจะเยาะเย้ยว่ามีน้ำยาแค่นี้??


“ฮื้อ...” ด้วยความไม่อยากแพ้ผมจึงฝืนขยับตัวขึ้นลง และความเสียวซ่านก็เล่นงามผมจนเข่าอ่อน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพยายามจนในที่สุดก็เริ่มชิน เสียงครางในลำคอของพี่รันเองก็เป็นรางวัลตอบแทนความพยายามของผมให้สู้ต่อไป


“พี่รัน.... นิล... นิลเป็นคนหวงของ” ผมเค้นเสียงพูดสลับกับการหอบ


“ครับ”


“อะไร...ที่เป็น..อึ้ก ของนิล...” ผมยันตัวขึ้นสูงสุด และกระแทกลงมาจนพี่รันเองยังครางฮึม “นิลก็ไม่อยากยกให้คนอื่น” ผมจ้องหน้าพี่รันนิ่ง


“พี่ก็เหมือนกัน” พี่รันยันกายขึ้นมาและจับผมพลิกให้เป็นฝ่ายนอนลง “อะไรที่เป็นของพี่ พี่ก็ไม่อยากให้คนอื่นแตะต้อง” พี่รันยันขาสองข้างของผมขึ้นและกระแทกถี่รัวผมจนร้องระงม


“ถ้าใครมายุ่งกับของของพี่ คราวนี้พี่จะเอามัน... และเอานิล... ให้ตาย” ผมรู้ว่า ‘เอามัน’ และ ‘เอานิล’ ให้ตายนั้นต่างกัน เพราะสายตาของพี่รันและความร้อนแรงที่สอดแทรกเข้ามาไม่มีหยุด ซ้ำยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่นานผมเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังจะแตกออก



“พี่รัน....พี่รัน....นิลไม่ไหว....ฮือ.....” ผมกระตุกหลายครั้งและหมดเรี่ยวแรงทันที น้ำสีขาวที่มันหลั่งออกมาจากส่วนปลายของผมเปรอะเต็มที่นอนไปหมด แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หายใจหายคอพี่รันก็รวบสะโพกผมไว้กระแทกกระทั้นเข้ามาแรงและเร็วยิ่งกว่าเดิม ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นจัดที่ทะลักเข้ามาต่อเนื่องและยาวนานหลายระลอก



“ที่รักของพี่” พี่รันล้มตัวลงนอนกอดผมแน่นโดยที่ยังไม่ทันถอนแก่นกายตัวเองออกไปด้วยซ้ำ และยังไม่ทันที่ผมจะได้ทักท้วง ผมก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังโตขึ้นใหม่อีกครั้ง พอเขาเห็นว่าผมหันไปมองตาวาวเขาก็ยักคิ้วให้ และขยับขึ้นมาทบทับผมอีกครั้ง



“คืนนี้ยังอีกยาวไกลครับ”




▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂




มาแบบหวานๆเบาๆค่ะ :jul1:





หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 14 วันที่ 02 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-06-2014 19:20:14
 :jul1: :jul1: :jul1:
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 14 วันที่ 02 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 02-06-2014 20:10:44
การปรับความเข้าใจ ที่แสน เร่าร้อน
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 14 วันที่ 02 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2014 20:31:56
ขอบคุณมากมาย ยาวสะใจจริง เลือดสาดกระจายไม่คิดว่านิลจะเร้าร้อนได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 14 วันที่ 02 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 02-06-2014 21:03:02
กรี๊ดด คืนดีกันแล้วกระชับฉับไวมาก  :hao7:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 14 วันที่ 02 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 02-06-2014 21:11:16
อ๊ากกกก ตามหลายตอนเลย แต่ก็ทันแว้ววว :hao7:
พี่รันใจร้อนรออะไรไม่ไหวเอ่ย อิอิ แต่นิลอ่ะ อย่าทำแบบนั้นอีกล่ะ สงสารพี่รันเขานะตัวเอง :hao5:
หัวข้อ: Chapter 15 [ใกล้เข้าไปอีกนิด]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 13-06-2014 11:27:48
Chapter 15 [ใกล้เข้าไปอีกนิด]



ในวันหยุดที่อากาศสดใสเช่นนี้เชื่อว่าหลายคนคงมีแพลนที่จะออกไปเที่ยวกันทั้งนั้น แต่สำหรับผม วันหยุดถือเป็นวันอยู่บ้านแห่งชาติที่เราจะได้นอนตื่นสายโด่ง และนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเรื่อยเปื่อยทั้งวัน

ผมพลิกตัวหันหลังให้หน้าต่างที่เริ่มมีแสงแดดส่องเข้ามารำไร ท่อนแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามคือสิ่งแรกที่ปรากฎสู่สายตาผม ร่างแกร่งที่นอนคว่ำแต่ตะแคงหน้ามาทางผมกำลังหลับพริ้ม ผมนึกถึงเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่ผมพาพี่รันมาที่บ้าน ทั้งแม่และเอริคต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจสุดๆ ตามมาด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มบนใบหน้าของแม่ และรอยยิ้มบางๆที่หยักยิ้มเพียงมุมปากของเอริค (ผมแอบรู้สึกว่าบางทีเอริคและพี่รันอาจจะสื่อสารกันทางจิตได้ เพราะพวกเขามักจะมองหน้ากันนิ่งๆไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ดูเข้าใจกันไปเสียหมด)

ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เป็นวันหยุดแรกที่เราจะได้ใช้เวลาด้วยกัน ผมเกลี่ยปอยผมสีอ่อนออกจากใบหน้าพี่รัน ดวงตาที่เคยจ้องผมล้ำลึกกำลังปิดสนิท เสียงลมหายใจเรียบเรื่อยบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคงหลับสนิท ด้วยความที่ผมไม่อยากกวนคนกำลังหลับผมจึงลุกขึ้นมาก่อน แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นร่างกายของตัวเองที่มีแต่รอยช้ำจ้ำอยู่ตามผิวเนื้อ บทรักเมื่อคืนยังคงติดตาตรึงอยู่ในใจผม ผมกัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกได้ถึงความวาบหวามที่มันกำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“อ๊ะ!!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆก็มีมือมาจับหมับที่อวัยวะกลางลำตัวของผมโดยไม่มีอะไรขวางกั้น มือนั้นจับรั้งและดึงขึ้นลงอย่างช้าๆจนผมเผลอส่งเสียงน่าอายออกมาเมื่อริมฝีปากร้อนประทับจูบที่แผ่นหลังของผม

“ ‘ตื่น’ แต่เช้าเลยนะครับ”

“ฮื้อ... พี่รัน.... ไม่เอาครับ...” ผมพยายามแกะมือปลาหมึกที่กำลังนัวเนียกับตัวผมออกแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อคนหื่นก็ยังคงหื่นอย่างเหนียวแน่น จนสุดท้ายผมถูกจับกดจนหลังติดที่นอนอีกแล้ว

“ไม่เอา เช้าแล้ว... สว่างแล้วครับ” ผมยื่นมือไปปิดตาพี่รัน แต่เจ้าตัวกลับดึงมือผมออกและจูบแรงๆที่ฝ่ามือของผม ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเราสองคนจนมิดชิด

“แค่นี้ก็มืดแล้วครับ”

“ฮื้อ... ม่ายยยยยยย”




สุดท้ายยามเช้าของผมก็จบลงเมื่อตอนใกล้เที่ยง คงไม่ต้องคิดเลยว่าตอนที่ผมลงไปข้างล่างและพบกับบ้านโล่งๆมีเพียงโน้ตของแม่แปะทิ้งไว้ว่าจะออกไปช้อปปิ้งกับเอริคทำให้ผมดีใจขนาดไหนที่ไม่ต้องลากสภาพสะโหลสะเหลลงมาให้แม่สมเพช


“ไม่มีคนอยู่” พี่รันที่ตามลงมาติดๆขยับมาเกาะเอวผมและจุ๊บแก้ม ก่อนจะชะโงกอ่านโน้ตในมือผม “งั้นเราทำอะไรกันดี”


เพี้ยะ


ผมตีมือพี่รันที่เอื้อมมาบีบก้นผมเต็มแรง และหันไปมองด้วยสายตาขุ่นเคือง

“ถ้าหื่นแต่เช้าแบบนี้อีกวันหลังไม่ต้องมานอนบ้านนิลเลย”

“อ้าว ก็นิลยั่วเอง ใครกันแน่ที่ตื่นแต่เช้าแล้วมายั่วพี่ก่อน”

“อะไร? นิลก็แค่นั่งของนิลเฉยๆ แต่พี่รันน่ะสิมาจับนู่นจับนี่ของนิลเอง”

“คนมันรักจับนิดจับหน่อยจะเป็นไรไป หืม?” ผมค้อนใส่คนโมเมที่ฉวยโอกาสหอมแก้มผม นอกจากจะไม่ช่วยเตรียมของแล้วยังก่อกวนเกะกะ กว่าผมจะได้กินข้าวก็เลยปาเข้าไปเกือบเที่ยง



เสียงพูดคุยเป็นภาษาสากลดังแว่วมาจากมุมหนึ่งของบ้าน ผมที่เพิ่งล้างจานเสร็จและกำลังเดินหาว่าพี่รันหายไปไหนจึงเดินไปทางเสียงนั้น คนที่ผมกำลังมองหายืนหันหลังให้อยู่ที่ระเบียงบ้าน สองแขนเกาะรั้วและโน้มตัวไปข้างหน้า เจ้าตัวกำลังสนทนาผ่านบลูทูธไร้สายที่ติดอยู่ข้างหู น้ำเสียงที่พูดติดจะหงุดหงิดนิดๆ ทำให้ผมไม่กล้าเดินเข้าไปหาทันที


“ฉันคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว”
เสียงพี่รันทั้งเย็นชาและห้วนแบบที่ผมไม่เคยได้ยิน เมื่อคราวนั้นตอนที่เรามีเรื่องกันพี่รันยังไม่เห็นทำเสียงทำท่าแบบนี้เลย ผมเลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่าใครกันนะที่ทำให้พี่รันรำคาญใจได้ขนาดนี้


และแน่นอน ว่าผมต้องแอบฟัง ก็รู้หรอกว่าทำนิสัยไม่ดี แต่มันมีบางอย่างที่ดึงดูดผมไว้ไม่ให้ก้าวไปจากตรงนี้...


“อย่าได้คิดที่จะมายุ่งกับเขา มันเป็นเรื่องระหว่างเธอกับฉันที่ได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว”

ประโยคถัดมาดังขึ้นและก็เงียบลงคล้ายพี่รันกำลังฟังปลายสาย แต่ละคำพูดของเขามันช่างดูแปลกๆ เป็นรูปประโยคที่ทำให้ผมหวนคิดถึงพล็อตในนิยายน้ำเน่าประมาณว่าพระเอกกำลังตัดสัมพันธ์กับพวกนางบำเรอยังไงยังงั้น

“ถ้าเธอยังไม่หยุด แล้วเธอจะได้เสียใจตลอดชีวิต”

ผมรีบหลบเมื่อเห็นพี่รันกำลังจะหันหลังกลับมา ผมทำท่าเหมือนว่าตัวเองเพิ่งเดินออกมาจากครัวและส่งยิ้มให้กับเขา พี่รันจูบแก้มผมเบาๆและชวนไปดูโทรทัศน์กัน หนังผีที่พี่รันเลือกมาเปิดเป็นเรื่องที่ผมอยากดูอยู่แล้ว แต่ทำไมในใจผมมันว้าวุ่นจนดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง ใจหนึ่งผมอยากถาม แต่ใจหนึ่งก็อยากจะรอดูท่าทีไปก่อน



“...”


“...ครับ”


“นิลครับ”



“ห๊ะ ครับๆ” ผมสะดุ้งโหยงตอนที่พี่รันจับแขนผม พี่รันมีสีหน้าตกใจว่าตัวผมทำไมต้องสะดุ้งขนาดนั้น ผมเลยเฉไฉไปว่าผมกำลังตั้งใจดูหนังอยู่


พอตอนเย็นพี่รันก็กลับไป เขาบอกว่าต้องไปเคลียร์งานก่อน แล้วเดี๋ยวจะโทรหาผมอีกที และยังไม่ลืมจูบลาผมอย่างดูดดื่มอีกด้วย (-//-) แต่แค่นี้ผมไม่หวั่นไหวหรอก ผมต้องหาคำตอบให้กับเรื่องที่กำลังกวนใจผมอยู่นี้ให้ได้ หึ!!


เฮ้ยยยยยย ว่าแต่ผมมัวแต่จู๋จี๋กับพี่รันจนลืมถามเลยว่าเขามาทำอะไรที่อังกฤษนอกเหนือจากเรื่องมาดูร้านอาหารของเขาอ้ะ!!!!


แม่งเอ๊ย ผมนั่งตีอกชกหัวตัวเองจนแมวงง กระทั่งแม่ผมกับเอริคกลับมาผมก็เลยไปเลียบๆเคียงๆถามแม่

“เอ๊ะ ลูกนี่ยังไง เป็นแฟนกันแต่ไม่เคยถามเรื่องของเขาเลยเหรอ” แม่ผมขมวดคิ้วใส่เป็นอาการที่ผมหวั่นใจที่สุด เมื่อไรที่แม่ทำท่านี้ใส่ผม แสดงว่าผมต้องโดนบ่นยาวแน่ๆ

“ไม่ได้ละนิล เราต้องมาคุยกับแม่แล้ว” แม่ลากแขนผมให้ไปนั่งกับท่านบนโซฟา สีหน้าแม่เคร่งเครียดจนผมเริ่มเกร็ง

“แม่เห็นว่านิลโตแล้ว เลยไม่คิดจะสอนเรื่องการใช้ชีวิตคู่” หะ? ชีวิตคู่?

“นิลเคยได้ยินหรือเปล่าว่าผัวเมียก็เหมือนคนคนเดียวกัน” ห้ะ?? ผัวเมีย??

“เรื่องของเราก็เหมือนเรื่องของเรา เรื่องของเราก็คือเรื่องของเขา นิลจะมาทำตัวเหมือนไม่รับรู้อะไรไม่ได้หรอกนะ มีอะไรก็ต้องซักถามกันเอาไว้” ง่ะ... ผมอึ้งแดกทันทีพอแม่เริ่มพูด แต่ผมก็คิดตามที่แม่พูดไปด้วยว่าบางทีผมคงเหมือนไม่เคยใส่ใจอะไรจริงๆ เพราะดูเหมือนคราวก่อนสิ ผมอยากจะตามง้อพี่รัน แต่ก็ไม่รู้เรื่องของเขาไปมากกว่าที่ผมเห็นอยู่ สุดท้ายเราก็ต้องจากกันไปตั้งหลายปี

“แม่อะ...” ผมงึมงำ

“ไม่ต้องมาบ่นแม่ เราน่ะ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย คราวนี้ถ้าเลิกกันไปอีกคงไม่โชคดีได้กลับมาเจอกันแบบนี้อีกแล้วนะ” แม่แหวจนผมเองเป็นฝ่ายโวยวายขึ้นมามั่ง

“แม่อ้ะ แช่งนิลทำไมเนี่ย ถ้า...ถ้านิลต้องเลิกกับพี่รันนะ นิล..นิล นิลจะทำให้เอริคเลิกกับแม่ด้วย” ผมโวยแล้วก็วิ่งหนีให้ห่างออกมาจากรัศมีฝ่ามือแม่ผมทันที

“ห๊ะ ลูกคนนี้” เสียงบ่นยาวเป็นหางแว่วดังห่างออกไปเรื่อยๆ ผมแอบเห็นทางหางตาไวๆว่าเอริคเข้าไปกอดแม่ไว้ไม่ให้ตามมาอัดผมได้ ผมเลยหันไปยักคิ้วหลิ่นตายั่วอารมณ์แม่อีกรอบ พอได้เห็นคุณนายโมโหเป็นฟืนเป็นไฟผมก็เริ่มอารมณ์ดีและขึ้นห้องไปคิดหาทางล้วงความจริงจากพี่รันให้ได้





“พี่มีเรื่องต้องบอกกับนิล” ผมละจากจอโทรทัศน์และหันไปมองคนข้างๆ ในค่ำคืนที่อากาศเริ่มเย็นและผมต้องเป็นคนอยู่โยงเฝ้าบ้านตอนที่แม่กับเอริคไปดินเนอร์ พี่รันอาสามาอยู่เป็นเพื่อนผม ไอ้ริชชี่ที่นอนอยู่บนตักผมผงกหัวขึ้นมามองและลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะกระโดดไปนอนที่พื้นแทน สีหน้าจริงจังของพี่รันทำให้ผมหยิบรีโมทมาหรี่เสียงทันที ผมนึกไปถึงเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้เรื่องพี่รันกับโทรศัพท์ปริศนาซึ่งผมลืมมันไปแล้วเพราะมัวแต่วุ่นเรื่องงาน




แล้วอยู่ๆพี่รันก็มีเรื่องจะพูดกับผมขึ้นมาเนี่ยนะ





ไม่นะ




พี่รันไม่ได้จะทิ้งนิลไปใช่มั้ย





“ทำหน้าแบบนั้นทำไม?” พี่รันเอานิ้วกดลงตรงหว่างคิ้วผมที่มันขมวดเข้าหากัน เขาดงผมเข้าไปกอดเอาไว้และโยกตัวเบาๆเหมือนจะปลอบโยน

“ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอก แค่มันจำเป็นต้องบอกไว้ก่อน” พี่รันจูบที่ขมับผมและพูดต่อ “พี่ไม่อยากให้นิลรู้จากปากคนอื่น”

“พี่รันมีเมียแล้วเหรอ” ผมถาม

“ห๊ะ เอาอะไรมาพูดเนี่ย” พี่รันหัวเราะแล้วขยี้หัวผม

“มั่วไปเรื่อยละเรา”


ผมมุดหน้าเข้ากับอกพี่รัน พี่รันก็นิ่งไป มีเพียงเสียงลมหายใจของเราที่ยังคงดังก้อง พี่รันกอดผมและสัมผัสไปตามไหล่ หลัง แขน ทุกส่วนเท่าที่มือพี่รันจะเอื้อมไปถึง ราวกับว่ามันจะทำให้เราได้รู้สึกแนบชิดมากยิ่งขึ้น

“ก่อนที่พี่จะมาเจอกับนิลตอนนี้...” พี่รันถอนหายใจ “พี่เคยมีคู่นอน”


“หรือคู่ขา” ผมย้อน


“หรือเซ็กส์เฟรนด์” พี่รันยิ้มเหนื่อย

“อืม... จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะนิล” พี่รันจับไหล่ให้ผมหันมาเผชิญกับดวงตาสีอ่อนของเขา ดวงตาสีอ่อนที่ทอประกายความเป็นจริงเสมอ “จะเป็นอะไรก็ตาม แต่ไม่ใช่คนรัก”


“ไม่ใช่จริงนะ” ผมถาม


“ไม่ใช่” พี่รันส่ายหัว


“แต่ทางนั้นเขาไม่คิดแบบนี้ใช่มั้ยครับ”


“นิลรู้สินะ”


“นิลได้ยินพี่รันคุยโทรศัพท์ ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ” ผมสารภาพเสียงอ่อย


“อืม ไม่โกรธหรอก คงเป็นสัญชาติญาณของคนเป็นเมียน่ะ อุ๊บ!” พี่รันร้องเมื่อผมกำหมัดชกไปที่หน้าท้องเขา


“ความจริงคือมันน่าเจ็บใจที่นิลไม่ได้รู้เรื่องของพี่รันมากไปกว่าที่นิลเห็นเลย” ผมรู้สึกเศร้าตอนที่พูดออกมา “พี่รันมีบ้านอยู่ไหน ทำธุรกิจไว้ที่ไหนบ้าง หรือครอบครัวพี่เป็นยังไงนิลไม่เคยรับรู้เลย”


“แม่บอกว่านิลไม่ใส่ใจ” ผมเงยหน้าถามพี่รัน “นิลไม่ใส่ใจพี่รันจริงๆเหรอ”


“หึ ไม่หรอก” พี่รันยิ้ม “นิลก็เป็นของนิลแบบนี้ และตัวตนของพี่ที่นิลรู้จักก็เป็นสิ่งที่มีแต่นิลเท่านั้นที่ได้รับรู้”


“ไม่มีใคร และไม่มีอะไร ที่จะมาสำคัญมากไปกว่านิลของพี่หรอก”

“นิลดีใจ” ประโยคนี้ทำผมเขินยิ่งกว่าพี่รันบอกรักผมอีก “แต่นิลก็อยากรู้ทุกเรื่องของพี่รันอยู่ดี” ผมร้องขอ เพราะผมไม่อยากเป็นคนที่ไม่ใส่ใจเรื่องของคนที่ผมรัก


“ไว้พี่จะพานิลไปเที่ยวบ้านพี่ ไปเจอกับพ่อแม่พี่ดีไหม” ผมพยักหน้ารับ


“เมื่อตอนนั้นถ้าไม่เกิดเรื่องก่อน พี่ก็ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้วละ”


“นิลขอโทษครับ”


“เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่ไม่ได้จะว่าอะไร”


“แล้วเรื่องคนนั้นละ พี่รันจะทำยังไง” ผมถาม


“พี่พยายามใช้ไม้อ่อน แต่ถ้ามันสุดหนทางจริงๆคงต้องเด็ดขาด” ดวงตาพี่รันทอประกายวาบจนผมหวั่นใจกลัวเขาจะทำอะไรรุนแรง

“เค้า... เป็นผู้หญิงใช่มั้ย...” ผมกำเสื้อพี่รันแน่นตอนที่ถาม ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกปวดใจขึ้นมาได้ทั้งที่พี่รันก็ไม่ได้มีอะไรกับเขาแล้ว


“อืม” พี่รันตอบเสียงเรียบ และประคองแก้มผมขึ้น “ไม่ต้องร้องนะนิล อย่าร้องไห้นะคนดี”


“ฮึก...นิลไม่เป็น...อะไร” ผมพยายามถอยออกมาจากอ้อมกอดพี่รัน แต่เขากลับรั้งผมเอาไว้ สองมือลูบหัวปลอบและปากก็พร่ำแต่คำหวานอ่อนโยน


“มัน... มันก็เป็นสิทธิ์ของพี่รัน..ฮึก.. แต่ แต่นิลแค่ขอเศร้าใจแป๊บเดียว...”


“นิลรู้... ยังไงพี่รันก็รักนิล.. แต่นิลขอ...ร้องไห้นิดเดียวนะ”


“ถ้านิลร้องไห้ พี่ก็จะปลอบนิลอยู่อย่างนี้แหละ” พี่รันจูบแก้มผมที่มีแต่คราบน้ำตา และจูบริมฝีปากที่ผมกัดเม้มมันเสียชา ผมหลับตาและบอกกับตัวเองว่าสัมผัสนี้เป็นของผม ของผมคนเดียว...


“ฮือ....นิลรักพี่รันอ่ะ”


“พี่ก็รักนิล ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานแล้วตาบวมนะ” พี่รันดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้าให้ผม ผมพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้แต่ก็ยังไม่ถอยห่างจากพี่รัน ผมปีนขึ้นไปนั่งตักพี่รันและกอดแน่นกว่าเดิม


“หืม? นั่งแบบนี้ไม่ดีนะไอ้เด็กน้อย”


“ไม่รู้ไม่สน นิลจะนั่งตรงนี้” ผมกอดเอวพี่รันแน่นไม่ขยับไปไหน


“นิลนั่งแบบนี้อะไรๆของพี่มันก็ตื่นนะซี แล้วนิลจะรับผิดชอบมั้ยครับ?” ผมรู้สึกได้ถึงร่างกายของพี่รันที่มันเริ่มมีปัญหาอย่างที่เขาบอก แต่ผมจะกลัวอะไรล่ะ ก็ตั้งใจอยากให้เป็นแบบนี้แต่แรกแล้วนี่นา (-//-)


“รับก็รับสิ ก็นิลตั้งใจยั่วพี่รันนี่” กรี๊ดดดดดด ทำไมผมตอแหลแบบนี้!!!!!!!!!!


“หึหึ เดี๋ยวนี้ช่างยั่วแบบนี้แล้วนะ” พี่รันพูดแล้วก็ก้มลงกัดที่ซอกคอผม ก่อนจะดันตัวผมลงนอนและโน้มตามลงมาติดๆ


“ที่รักของพี่ยั่วเก่งแบบนี้พี่จะไปไหนรอดล่ะ” ผมเองแม้จะอยากเถียงใจจะขาดว่าผมไม่ได้ยั่วแต่ก็หมดโอกาส เพราะสุดท้ายเสียงที่ออกจากปากผมก็มีแต่เสียงร้องครางที่โคตรจะน่าอายดังตั้งแต่โซฟาในห้องนั่งเล่นไปจนถึงเตียงนอนในห้องผม และกว่าทุกอย่างจะจบลงก็ใกล้รุ่งสางพอดี...



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* T A L K *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แหม หายไปพักนึง ขอโทษนะคะที่มาช้าบ้างไม่ต่อเนื่องบ้าง กะว่าจะพยายามเอาให้ได้อาทิตย์ละตอน
แต่มันก็มักจะมีเรื่องมาขัดจังหวะตลอดเลย :hao5:
ล่าสุดอาทิตย์นี่เพิ่งย้ายงานค่ะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เคลียร์งานวุ่นเลย
ไหนจะต้องปรับตัวใหม่ทั้งการเดินทางและการทำงาน ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา
แต่ก็ตั้งใจจะเขียนจนจบแหละค่ะ
เพราะเป็นนิยายรักเรื่อยเปื่อยที่ไม่หวือหวาอะไร จึงเขียนออกมาได้เรื่อยๆ(ถ้ามีอารมณ์นะคะ)
แล้วก็ตั้งใจว่าถ้าจบเรื่องนี้จะเปิดเรื่องใหม่เป็นแนว Straight ของฟ้าครามด้วยค่ะ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-06-2014 13:56:09
ตั้งแต่ดีกันเนี่ยรู้สึกว่าจะหื่นบ่อยนะคู่นี้ ดีกันไปนานนะอย่าได้มีเรื่องอะไรอีกเลย สงสารกว่าจะได้อยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 13-06-2014 23:37:33
ตอนนี้อ่านแล้วทำไมเหมือนมันสั้นจัง รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 14-06-2014 14:28:24
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ รวดเดียวจบเลยยย
สนุกมาก ทั้งน้องนิลทั้งพี่รัน ผ่านบททดสอบกันไปแล้ว
อย่ามีอะไรมาขวางอีกเลยนะคะ ยัยคู่นอนคู่ขาหรืออะไรก็ตาม
พี่รันก็เคลียร์ๆกันซะนะ รอตอนต่อไปค่ะ สนุกมากเลยจริงๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 16-06-2014 16:56:30
กลับมาที หื่นจัง
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 20-06-2014 14:45:57
กว่าจะกลับมาคืนดีกัน เรื่องดำเนินแบบข้าม ข้ามข้าม

สนุกมากเลยนะ ต่ออีกๆ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 22-06-2014 23:10:57
วรั้ยยย คือดีอะเรื่องนี้ ชอบมากเลยค่ะ พี่รันอบอุ่นม๊ากกมาก :impress2: นิลโชคดีสุดๆ
 ชอบๆๆ ต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 24-06-2014 00:32:34
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้
เราชอบมากเลยอ่ะ พี่รันดูเป็นคนดี
คือเค้าดี เค้ารักมากจนเรารู้สึกได้
จังหวะที่นิลหวั่นไหว เราใจร้าวมากเลยอ่ะ
สงสารพี่รัน คนที่รักมาก เสียเปรียบเสมอ
ตอนที่บอกว่าให้เลือก เราจุกเลยนะ
กลัวนิลจะรู้สึกว่าต้องเลือก เพราะการที่รู้สึกว่าต้องเลือก
มันหมายความว่าเรารักคนแรกน้อยลงนะ ถ้าเรายังรัก เราจะไม่คิดแบบนั้น
รู้สึกผิดก็ดี ก็ควร แต่ยิ่งห่างนานๆ ก็เหมือนทรมานพี่รีน
โอยยยยยย ดีที่กลับมารักกันได้
เราขอให้ผ่านไปได้ทุกอุปสรรค งื้อออออ
มาต่อนะะะะะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 25-06-2014 22:19:23
น่ารักมากเลย เพิ่งเข้ามาอ่านอ่านรวดเดียวเลออ สนุกค่ะ ติดจามนะๆอือิ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 15 วันที่ 13 มิย. 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-06-2014 22:30:09
สนุกค่ะ มาอ่านด้วยคน
หัวข้อ: Chapter 16 [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 18-07-2014 10:09:04
Chapter 16 [THE END]



“นิล” คลาร่าสะกิดไหล่ผมในบ่ายวันทำงานวันหนึ่ง
“หืม?”
“แฟนคุณน่ะ คือจูเนียร์ใช่ไหม” ผมตกใจนิดหนึ่งตอนที่ได้ฟังคำถามของคลาร่า แม้ในใจก็คิดว่าเธอคงรู้เพราะพี่รันเล่นมารับผมอยู่บ่อยๆ แถมเรายังพูดภาษาไทยกันสองคนเสมอๆ และผมเองก็เคยบอกหล่อนไปแล้วว่าผมไม่ชอบผู้หญิง ซึ่งนั่นก็คงเดาได้ไม่ยากเท่าไรละมั้ง
“อืม” ผมตอบรับสั้นๆ แต่กลับมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นรอบตัวผม
“เห็นมั้ยฉันบอกแล้ว กรี๊ดๆ”
“อะไรกัน เธอเป็นเจ้าของหนุ่มหล่อคนนั้นงั้นเหรอ”
“เล่าให้ฟังบ้างสิว่าคบกันได้ยังไง”
“แล้วเรื่องบนเตียงน่ะเขาร้อนแรงมั้ย”
ฯลฯ

สารพัดคำถามที่ดังขึ้นรอบตัวทำให้ผมหันไปส่งสายตาขุ่นเขียวให้คลาร่า แต่เธอกลับส่งยิ้มแหยมาให้ผมคล้ายว่าเธอก็ถูกบังคับให้มาถามเหมือนกัน ผมจึงได้แต่ถอนหายใจและยังไม่ได้ทันตอบคำถามใครสักคน เสียงปานฟ้าผ่าก็ดังขึ้น

“พวกเธอ!! ทำไมไม่ไปทำงาน” สตีฟที่โผล่มาจากไหนไม่รู้พูดเสียงเหี้ยมใส่สาวๆจากแผนกบัญชีและขู่ว่าจะตัดเงินเดือนถ้าพวกเธอยังไม่รีบไปทำงานกัน

แล้วพอเหล่าสาวๆพวกนั้นหายไปหมดแล้ว สตีฟจึงหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง

“เฮ้ ผมไม่ได้ชวนพวกเธอคุยนะ” ผมรีบบอก และหันไปมองคลาร่าที่พยายามเข้ามาช่วยอธิบายเหมือนกัน

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ว่าแต่คุณเป็นคนรักของฮาร์คินส์จูเนียร์จริงเหรอ” ผมเหวอ และคลาร่าก็เหวอตอนที่สตีฟลากเก้าอี้มานั่งโต๊ะผม ผมหันไปสบตาคลาร่าแล้วก็หันมาพยักหน้าให้เจ้านาย
“คุณเคยลองถามเขามั้ยว่าเขาไม่สนใจจะดีลธุรกิจกับทางเราบ้างเหรอ?” ดวงตาสตีฟฉายแววขี้งกอย่างชัดเจนจนคลาร่าลากผมมาจากโต๊ะและบอกกับเจ้านายว่าสองคนมีลูกค้า

“ขอตัวนะคะสตีฟ เราสองคนต้องไปคุยกับลูกค้าค่ะ” ว่าแล้วก็รีบชิ่งออกมาโดยทิ้งไว้เพียงเสียง ‘ชิส์’ อย่างหงุดหงิดใจของเจ้านาย

ผมเข้าใจในสิ่งที่สตีฟพยายามจะสื่อนะ หากว่าบริษัทของสตีฟได้ร่วมลงทุนธุรกิจใดกับทางบ้านพี่รันละก็ นั่นถือได้ว่าเป็นการขยายตลาดได้อย่างดี ก็รู้ๆกันอยู่ว่าบ้านพี่รันเป็นเจ้าของโรงแรม แล้วถ้าพี่รันจ้างบริษัทของสตีฟไปก่อสร้างก็คงได้ผลตอบแทนไม่ใช่น้อย แถมถ้างานออกมาดีก็ยังได้ชื่อเสียงอีก แต่ไอ้คนกลางแบบผมนี่สิที่ไม่อยากยุ่งกับเรื่องธุรกิจพวกนี้เลย โชคดีที่คลาร่าก็เข้าใจดี

หลังจากที่ผมและคลาร่าเผ่นออกมาจากออฟฟิศแล้ว เธอก็พาผมมายังสถานที่นัดลูกค้าซึ่งเป็นคอฟฟี่ช็อป คลาร่าชี้ให้ผมดูหญิงสาวผมสีเข้มที่นั่งอยู่โซนส่วนตัวและบอกว่านั่นคือลูกค้าที่เราต้องมาคุยด้วย
“สวัสดีค่ะมิสจูลส์ เราสองคนมาจากอาคิเท็คทเวนตี้โฟร์ค่ะ ฉันคลาร่าและคนนี้คือนิลค่ะ เราเป็นสถาปนิกที่จะมาคุยเรื่องงานออกแบบออฟฟิศของคุณ”
“สวัสดีค่ะ ฉันอมีเลีย จูลส์ ต้องขอรบกวนคุณสองคนด้วยนะคะ” มิสจูลส์เชิญให้พวกผมนั่งลงที่โต๊ะ ผมจึงได้มีโอกาสพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าอย่างชัดเจน เธอเป็นสาวอังกฤษโดยแท้ และสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือใบหน้าของเธอที่มีเค้าโครงคล้ายผมเหลือเกิน เว้นก็แต่ผมสีบรูเน็ตและดวงตาสีเขียวที่ทำให้เราสองคนดูแตกต่างกัน คลาร่าเองก็คงสังเกตได้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เรานั่งคุยงานกันโดยมีคลาร่าเป็นผู้ซักถามความต้องการของมิสจูลส์ และมีผมเป็นคนร่างแบบคร่าวๆด้วยดินสอ ซึ่งสตีฟชอบให้ใช้การร่างแบบด้วยมือมากกว่าคอมพิวเตอร์ เพราะเขาบอกว่ามันสะดวกและเราสามารถใส่รายละเอียดต่างๆลงไปได้แบบละเอียดยิบ ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะผมเองก็ชอบอะไรแบบเดิมๆด้วย
 
“เดี๋ยวผมจะเอาไปร่างแบบนะ” ผมบอกกับคลาร่าตอนที่เราคุยเสร็จแล้ว มิสจูลส์วางแก้วน้ำชาลงแล้วบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมพอดี ผมจึงส่งยิ้มให้เธอ แต่แว่บหนึ่งผมกลับรู้สึกได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรของเธอก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดังเดิม

“ได้สิ งั้นเดี๋ยวฉันขอส่งมิสจูลส์ก่อนละกัน” ผมพยักหน้าให้คลาร่าและเก็บกระเป๋าไปรอที่รถ ในใจก็ยังตะหงิดกับสายตาไม่เป็นมิตรแว่บหนึ่งนั้น แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะผมเสียก่อน

“ฮัลโหลพี่รัน” ผมอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงจากปลายทาง “คิดถึงนิลอะดิ”
‘รู้มั้ยว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองปากหวาน’
“ไม่นะ ก็ปกติเหอะ”
‘หึ พี่ว่าไม่’ ผมรู้สึกได้เลยว่าพี่รันกำลังอมยิ้ม เพราะผมเองก็กำลังยิ้มอย่างกับคนบ้า อาการอินเลิฟมันเป็นแบบนี้นี่เองเนอะ
“แล้วโทรมามีไรเนียะ นิลออกมาคุยกับลูกค้า เดี๋ยวต้องกลับเข้าออฟฟิศอีกนะ”
‘พี่จะโทรมาบอกว่าอย่าทำงานเพลินจนลืมนัดเราเย็นนี้นะ’ ผมนึกถึงนัดดินเนอร์ที่พี่รันจะพาผมไปกินร้านที่เคยเล่าให้ฟังว่าเป็นแนวออแกนิคส์ ซึ่งผมอยากจะไปเก็บข้อมูลสูตรอาหารมาให้แม่ใช้บ้าง
“ไม่ลืมหรอก แค่นี้ใช่มั้ย”
‘ยัง’
“มีอะไรอีกครับ”
‘คิดถึง’
หน้าผมตอนนี้ -//-
“เหมือนกันแหละ” แล้วผมก็รีบวางสาย พอเอามือมาจับๆหน้าตัวเองก็รู้สึกว่ามันร้อนๆยังไงก็ไม่รู้แหะ

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะกระจกรถเรียกให้ผมหันไปมอง คลาร่ากำลังทำสายตาล้อเลียนผมโดยมีมิสจูลส์ยืนอยู่ด้านหลัง
“อ้าว” ผมร้อง
“ไม่ต้องอ้าวหรอก เผอิญรถของเธอมีปัญหาน่ะ เลยจะขอติดรถเราไปลงที่อู่รถแถวๆนี้” ผมพยักหน้ารับรู้และปลดล็อกให้สองคนเข้ามา คลาร่าเดินมานั่งที่นั่งข้างคนขับและมิสจูลส์นั่งเบาะหลัง ตลอดทางไปอู่ซ่อมรถมีแต่ความเงียบในห้องโดยสาร แม้ว่าคลาร่าจะพยายามชวนหล่อนคุยแค่ไหนแต่หล่อนก็แค่ถามคำตอบคำเท่านั้น พอผมขับมาถึงอู่รถหล่อนก็เปิดประตูลงไปและปิดเสียงดังโดยไม่ขอบคุณพวกเราสักคำ ผมและคลาร่าจึงได้แต่มองหน้ากันแบบงง
“หล่อนไปโกรธใครมา”
“ผมน่าจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่านะ” ผมพูดกลั้วหัวเราะขณะที่กำลังกลับรถ จากที่อารมณ์ดีตอนคุยกับพี่รันเมื่อกี้ก็เริ่มกลับมาครุ่นคิดเรื่องแววตาไม่เป็นมิตรตอนนั้นอีกครั้ง
“ตอนที่ฉันคุยกับเขาก็ปกติดีนะ แต่พอเดินมาที่รถเรานี่แหละ เธอก็เปลี่ยนท่าทีไปเป็นคนละคนเลย” คลาร่าเล่าเป็นฉากๆ
“ผมไม่มีความเห็นหรอก ฮ่าๆ”
หลังจากนั้นทั้งผมและคลาร่าก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย

-----------*------------

“โอ้โห คนเยอะจัง” ผมอ้าปากค้างเมื่อมาถึงร้านอาหาร พี่รันมองผมยิ้มๆประมาณว่า ‘เห็นไหมละ พี่บอกแล้ว’
“แล้วพี่รันจองที่ไว้แล้วเหรอ” ผมมองสภาพลูกค้าในร้านที่เยอะจนไม่มีที่นั่งถ้าไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า
“ระดับพี่” เจ้าตัวว่ายิ้มๆแล้วก็จูงผมเดินเข้าไปในร้าน พนักงานต้อนรับพอเห็นพี่รันก็กุลีกุจอเข้ามาต้อนรับ ‘มาบ่อยสิท่า’ ผมแอบคิดในใจ
บริกรหนุ่มผมสีทรายพาเราไปนั่งและแนะนำรายการอาหารของวันนี้ พี่รันสั่งเมนูประจำวันไปสองสามอย่างและให้ผมเป็นฝ่ายสั่งอย่างอื่นที่ผมอยากกิน ผมจึงสั่งอาหารที่มีส่วนประกอบเป็นผัก ธัญพืช ไข่ เต้าหู้ และปลา (ซึ่งมันก็มีวัตถุดิบอยู่แค่นี้อะ) ดูท่าว่าถ้าผมกินร้านนี้ทุกวันคงผอมอะ คือเรียกได้ว่าเขามีแต่อาหารคลีนจริงๆ แต่ถ้าแม่ผมจะเปิดร้านคงไม่ได้เน้นคลีนขาดนี้ ก็มนุษย์เป็นสัตว์กินเนื้อนะเฟ้ย กินแต่ผักกับเต้าหู้ก็หมดแรงพอดี (คหสต.นะครับคุณ)
“พี่รันมาบ่อยเหรอ” ผมถามก่อนจะดูดน้ำผักสมูทตี้อะไรสักอย่างที่เขานำมาเสิร์ฟ รสชาติมันไม่เลวเลยละ
“ก็ประมาณเดือนละสองสามครั้ง” หูย ผมแอบคิดถึงค่าอาหารที่แม่งโคตรแพงแล้วก็ขนหัวลุก มากินเดือนละสองสามครั้งคงหมดหลายพันปอนด์ ค่าอาหารที่นี่แม่งแพงจริงๆนะครับ
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมาละ เดี๋ยวไปกินร้านแม่นิล” ผมบอก ถึงเสี่ยรันจะรวยแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากให้ฟุ่มเฟือยกับของที่ราคาเกินเหตุแบบนี้ มีแต่ผักๆๆๆ ทำไมแพงนักก็ไม่รู้

สำหรับรสชาติอาหารนั้นก็ไม่มีอะไรให้ติ แต่ก็ไม่มีอะไรให้ชมเช่นกัน ด้วยจานอาหารที่จัดวางมาก็หน้าตาดี และรสชาติก็อร่อย แต่มันก็ไม่ได้อร่อยจนแบบว่า เหยดโด้วววววว อร่อยมากกกก อะไรขนาดนั้นอะ (-..-) แต่ทำไมฝรั่งมันชอบกันนักก็ไม่รู้
“คือจริงๆก็ไม่ได้ชอบอาหารร้านนี้มากมายหรอกนะ แต่คือผักมันเยอะดี เวลาอยากจะรักสุขภาพขึ้นมาก็มากินร้านนี้ มันสะดวกสำหรับตัวคนเดียวน่ะ” ประโยคบอกเล่าของพี่รันที่โคตรจะแทงใจผมโดยที่เจ้าตัวคงไม่ทันรู้สึก เพราะพี่รันก็ยังคงจิ้มสลัดแครนเบอร์รี่มากินหน้าตาเฉย แต่ผมนี่สิ ไอ้คำว่าตัวคนเดียวมันช่างเป็นคำที่แสนไพเราะจนผมแทบจะโบยบิน ตัวคนเดียวน่ะคุณเข้าใจมั้ย มันแปลว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้เอาใครมาเคียงคู่ได้หรือเปล่า
“สลัดแซลม่อนราดซอสงาดำกับพริกไทยครับ” บริกรหนุ่มคนเดิมนำสลัดจานที่สองของเรามาเสิร์ฟคั่นเวลาฟุ้งซ่านของผม สลัดผักเขียวขจีที่มีแซลม่อนสไลด์บางๆโปะหน้ามาพร้อมกับส้อมและทัพพีไม้สำหรับคนวางลงตรงหน้า บริกรหนุ่มหยิบอาวุธมาเพื่อจะคนสลัดผัก แต่ผมยกมือห้ามและบอกว่าไม่ต้อง ผมจะทำเอง
“พี่รันห้ามพูดว่าตัวคนเดียวอีกนะ” ผมพับแขนเสื้อและหยิบส้อมกับทัพพีไม้ขึ้นมา “เรามีกันสองคน และนิลก็จะทำอาหารให้พี่กินเหมือนเมื่อก่อนเอง... นะ” ผมวางอุปกรณ์ลงและเลื่อนชามสลัดไปใกล้พี่รัน ดวงตาคมสีอ่อนทอประกายเจิดจ้าตอนที่จ้องมองผม ผมรู้สึกอายที่ตัวเองกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกไป แต่ก็นะ...พูดไปแล้วนี่หว่า!!!!
“สัญญานะครับ” แต่คนหน้าหนากลับไม่อนาทรร้อนใจกับความอายของผม เขากลับยื่นนิ้วก้อยมาวางบนโต๊ะและกระดิกเรียกให้ผมเอานิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกับเขา พอผมยื่นไปพี่รันก็ตวัดนิ้วผมไว้แน่น สมมติถ้าตรงนี้มีแค่เราสองคน พี่รันคงชะโงกมาจูบผมแน่ๆ
“ฮื่อ สัญญา” ผมก้มหน้าพูดเสียงเบาก่อนจะดึงมือตัวเองกลับมา
“กลับบ้านเลยมั้ย เช็คบิลดีกว่าเนอะ”
“บ้าเหรอ ยังขาดอีกตั้งหลายจาน”
“พี่ไม่อยากกินแล้วอะ”
“ฮึ้ยยย เพ้อเจ้อน่า” ผมทำเหวี่ยงกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
“อายจนแก้มจะแตกแล้วครับนิล โอ๊ย” พี่รันร้องเสียงหลงเมื่อโดนผมจิกเข้าที่มือ กว่ามื้ออาหารเย็นนั้นจะจบลงผมก็โดนโลมเลียทางสายตาจนละลายไปหมดแล้วไอ้บ้าพี่รัน!!!

เราทานกันเสร็จตอนใกล้จะสองทุ่ม ผมรู้สึกว่าแทบจะขี้ออกมาเป็นเส้นใยผักแล้วอะ ฮ่าๆ พี่รันเดินนำไปที่รถและกดปลดล็อกจากรีโมทในมือ ตอนที่เสียงปลดล็อกดังปี๊บครั้งแรกผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ พอเสียงปี๊บหยุดดังจึงได้ยินชัดเจนขึ้น
“จูเนียร์คะ” ผมและพี่รันหันไปมองพร้อมกัน สตรีในชุดแดงสดรัดรูปกำลังเดินตรงมาที่เรา ใบหน้าที่แต่งเข้มจัดและเรียวปากสีเดียวกับชุดทำให้ผมต้องใช้เวลาในการประมวลผลใบหน้าที่เห็นนานกว่าปกติ แต่แล้วสายตาเชือดเฉือนนั้นก็ได้ทำให้ผมนึกออกในที่สุด

“มิสจูลส์...” 

-----------*------------

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ และพอเธอเดินเข้ามาถึงก็กระแทกไหล่ผมจนเซและเดินไปจับแขนพี่รันไวพอกับพี่รันที่เบี่ยงตัวออกแล้วมาประคองผมไว้ ท่าทางยิ้มแย้มที่ผมเห็นในทีแรกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงจนผมแทบไม่อยากเชื่อ ใบหน้าสวยบูดบึ้งจนเหมือนนางมารร้ายไม่มีผิด ผมกล้าพูดเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเพศหญิงนั้นน่ากลัวนักในเรื่องรักใคร่ ราวกับว่าหากทำให้พวกหล่อนผิดหวังหรือเจ็บปวด หล่อนก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้หล่อนเป็นฝ่ายชนะ
“นี่น่ะหรอ คู่นอนคนใหม่ของคุณ” มิสจูลส์ปรายตามองมาทางผมแว่บหนึ่งด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่า ผมไม่เข้าใจว่าหล่อนทำสายตาแบบนั้นได้ยังไงเพราะก็เห็นๆอยู่ว่าพี่รันขยาดหล่อนขนาดไหน
“เขาไม่ใช่คู่นอน แต่เป็นคู่รัก กรุณาพูดให้ถูกด้วย” พี่รันพูดเสียงเข้ม
“ฮึ ผู้ชาย... เหมือนกันนี่นะจะเป็นคู่รักได้” หล่อนกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าและจากเท้าขึ้นมาสบตาผม ตั้งแต่เกิดมาผมเจอแต่ผู้หญิงนิสัยดี เพิ่งจะมียัยบ้าหน้าซื่อใจคดนี่ละที่ร้ายกาจขนาดนี้
“มันสำคัญตรงที่ผู้ชายเขาเลือกใครต่างหาก” ผมโพล่งขึ้นมา พี่รันหันมามองผมด้วยสายตาประหลาดใจเจือจบขัน
“ปากดีให้ตลอดเถอะไอ้เกย์” มิสจูลส์หรือยัยผีบ้าชื่อเล่นที่ผมตั้งให้ใหม่สบถใส่หน้าผมอย่างแรงจนพี่รันดึงผมไปกอดไว้แน่นเพื่อให้พ้นจากคำพูดร้ายกาจของหล่อน และนั่นยิ่งทำให้หล่อนเดือดดาลขึ้นไปอีก
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ทิ้งท้ายเหมือนในการ์ตูนและก็เดินจากไป เหลือไว้เพียงผมพี่รันที่มีสีหน้าอึ้งกิมกี่อยู่ตรงลานจอดรถ

“พี่รัน” ผมเรียกชื่อแฟนตัวเองเสียงเขียว
“ครับ?”
“ยัยนี่ใช่มั้ย คนที่พี่โทรคุยเมื่อวันนั้น” ผมหันไปสบตา พี่รันก็พยักหน้าหนึ่งที
“ทำไมเลือกคนแบบนี้เนี่ย” ผมถาม นึกถึงความเหวี่ยงวีนของนางแล้วก็หลอน
“ตอนแรกไม่เป็นแบบนี้นี่นา” เขาทำสีหน้าฉงนราวกับว่าเมื่อตอนแรกพบหล่อนช่างอ่อนหวาน
“แล้วประเด็นคืออะไรรู้มั้ย”
“คือ?”
“ตอนหล่อนไม่แต่งหน้าแบบนี้อะ หน้าโคตรคล้ายนิลเลย” พอได้ยินที่ผมพูดพี่รันก็ทำหน้าเศร้าและลูบแก้มผมเบาๆ
“ก็นั่นแหละคือประเด็น ตอนแรกที่พี่เห็นโอลิเวียน่ะ พี่นึกว่านิลมีฝาแฝดด้วยซ้ำ” พี่รันสบตาผมนิ่ง “พี่คิดถึงนิล... มาก... มากเสียจนพี่ไม่กล้าผลักไสตอนที่เธอเข้ามา” พี่รันจูงผมไปที่รถและเปิดประตู จนเราขึ้นนั่งเรียบร้อยจึงสตาร์ทรถและเคลื่อนตัวออกช้าๆ
“พี่น่าสมเพชเนอะ” จู่ๆพี่รันก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าเจ้าตัวที่มองเห็นได้เพียงเลือนรางภายใต้แสงไฟจากคอนโซลหน้ารถ ผมเม้มปากแน่นเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่พี่รันพูด มันไม่ได้จริงสักนิด เรื่องทุกอย่างมันเป็นความผิดของผมต่างหาก
“พี่อย่าพูดแบบนั้น นิลต่างหากที่ผิด พี่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ” ผมฝืนยิ้ม
“งั้นเราก็ผิดทั้งคู่” พี่รันบีบมือผมแน่นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พอไปถึงที่บ้านแน่นอนว่าผมก็ต้องรีบแล่นไปฟ้องแม่ทันทีที่พี่รันไปนั่งคุยกับเอริค แม่เองพอฟังเรื่องผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นจนผมเริ่มจะงอน
“แม่อะ ขำอะไรนักหนา”
“ฮึฮึ ก็ลูกเนี่ยนะ บางทีก็ทำตัวสมเป็นเพศผู้มากเสียจนไม่น่าเชื่อว่าลูกเป็นเกย์”
“ทำไมอะ นิลไม่ได้มีเพื่อนผู้หญิงเยอะแยะสักหน่อย” ผมทำปากยื่น
“แม่คิดว่ายัยโอลิเวีย จูลส์คงอยากได้แฟนลูกใจจะขาด ขนาดแม่เองถ้าเด็กกว่านี้สักยี่สิบปีก็คงจะแย่งรันมาจากลูกเหมือนกันแหละ”
“อ้าวแม่ ไหงพูดงั้นอะ”
“โฮ้ย ก็ดูแฟนตัวเองสิ หล่อรวย แถมรักนิลขนาดนี้” แม่พูดเหมือนจะอวยลูกเขยนะ แต่กลับมองผมแล้วยิ้มๆไงไม่รู้
“แม่ดีใจนะ ที่นิลกับรันกลับมาคบกัน” แม่จับมือผมไปวางบนมือแม่แล้วพูดต่อ “แม่ไม่เห็นว่าจะมีใครที่รักนิลได้อย่างรันอีกแล้ว ถ้าหากวันหนึ่งไม่มีแม่ คนที่แม่อยากจะฝากลูกของแม่เอาไว้ด้วยก็มีแต่รันนี่แหละ” ผมที่กำลังมีปัญหาเรื่องอดีตผู้หญิงของแฟนตัวเองแทบปรับอารมณ์ไม่ทันเมื่อแม่ผมเปลี่ยนมาดราม่าเรื่องความรักครอบครัว ผมซุกตัวเข้ากอดเอวแม่แน่น ผมชอบกลิ่นหอมจากตัวแม่ กลิ่นที่ทำให้ผมสบายใจทุกครั้งที่มีเรื่องแย่ๆ
“เรื่องผู้หญิงคนนั้นอย่าเพิ่งไปกังวลนะลูก ยังไงตบมือข้างเดียวก็ไม่ดังหรอก”
“นิลรู้ครับแม่ แต่ที่นิลกลัว คือนิลกลัวเขาจะทำอะไรร้ายแรง ท่าทางเขาดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
“แม่เข้าใจ แต่ถ้านิลกลัว นิลก็คอยระวังตัวเอาไว้ตลอดนะลูก”

.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-

พี่รันกลับไปแล้ว แต่ผมยังนอนลืมตาโพลง ตามปกติตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ เรามักจะค้างคืนด้วยกันในช่วงวันหยุดเท่านั้น(แล้วแต่ว่าจะค้างบ้านผมหรือแมนชั่นพี่รัน แต่ส่วนมากจะเป็นแมนชั่นพี่รัน) ในวันธรรมดาเขาก็จะกลับไปนอนที่แมนชั่นของเขา คือยังไงดีละ แม่บอกว่าผมกับพี่รันเป็นแฟนกันก็จริง แต่การจะให้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็คงดูไม่งามเท่าไร (ทั้งๆที่ลูกแม่เสร็จเขาไปนานแล้วเนี่ยนะ!!!) แต่ผมก็ไม่มีอำนาจจะไปคัดค้านอะไรแม่ได้หรอกนะ เลยปล่อยเลยตามเลยไปนั่นละ -..-

ติ๊ง ติ๊ง

ผมรีบคว้าโทรศัพท์ตัวเองมาด้วยความเร็วแสงและสไลด์หน้าจอเพื่อปลดล็อก ไอเมสเสจจากพี่รันทำให้ผมอมยิ้ม ‘นอนรึยังคนดีของพี่’ ผมจึงพิมพ์ตอบกลับไป ‘ยังไม่นอน รออ่านเมสเสจคนแก่’ สักพักโทรศัพท์ของผมก็มีสายโทรเข้ามา

“ฮัลโหล”
‘ถึงแก่แต่แรงก็ยังดีนะ’
“บ้า” ผมจิกนิ้วลงบนหมอนแน่น ประหลาดใจเหมือนกันว่าจนป่านนี้แล้วผมยังเขินอะไรอีก (-//-)
‘วันนี้พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ไม่นึกว่าหล่อนจะทำถึงขนาดนั้น’
“ช่างมันเหอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วนะ” ผมทำปากยื่น ก่อนนอนแท้ๆไม่น่านึกถึงเรื่องยัยโอลิเวียอีกเลย เดี๋ยวก็ได้ฝันร้ายกันพอดี
ผมนอนคุยกับพี่รันต่ออีกสักพักจึงปิดไฟเข้านอน
‘คืนนี้ลมแรงจัง’ ผมนอนคิด ท่ามกลางแสงไฟจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาภายในห้องเป็นเงาที่สั่นไหวตามแรงลมทำให้ผมเริ่มเกิดจินตนาการสยองขวัญอย่างในหนังเรื่องโพลเตอร์ไกส์ที่เพิ่งดูไป ต้นไม้ใหญ่นอกหน้าต่างห้องผมที่เคยให้ร่มเงาในยามกลางวันกลับดูน่ากลัวขึ้นทุกขณะ ผมหลับตาปี๋และพยายามสงบจิตสงบใจตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน พรุ่งนี้ผมมีงานแต่เช้า จะงานอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องงานของยัยโอลิเวียนั่น


หัวข้อ: Chapter 16 [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 18-07-2014 10:13:30
ผมกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต ผีผู้หญิงผมยาวในชุดสีขาวกรอมพื้นกำลังถือมีดวิ่งไล่ฟันผมอยู่ ผีที่ดูน่าจะเชื่องช้าเหมือนผีซาดาโกะในเดอะริงกลับวิ่งเร็วผิดวิสัย ผมเจอบ้านหลังหนึ่งเลยเข้าไปแอบ ผีตนนั้นตามเข้ามาถึงในบ้านและเดินลากขาพร้อมกับส่งเสียงเรียกผมที่นั่งแอบอยู่หลังโซฟา มันส่งเสียงเรียก นิล นิล นิลลลลลลลล และเสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนห่างจากผมแค่ศอกเดียวเท่านั้น!!


“นิล!!!!”

“เฮ้ย!!”


ผมร้องสุดเสียงเมื่อเห็นใบหน้าขาววอกที่ชะโงกมาตรงหน้า เหงื่อกาฬผุดพรายตามไรผมชื้น ผมหันไปมองหน้าต่างที่มีแสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาด้วยความโลงใจ

“เป็นอะไรลูก ร้องเสียงหลงเชียว” แม่แกะแผ่นพอกหน้าออกแล้วเอามือเช็ดเหงื่อให้ผม ผมหอบหายใจแรงๆและลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

“นิลฝันร้าย ฝันว่าโดนผีสาวไล่ฆ่า”

“ฮื้อ? โตขนาดนี้แล้วยังฝันเป็นเด็กอีก”

“แต่มันน่ากลัวมากเลยนะแม่”

“จ้าๆ ยังไงก็ตื่นแล้วนี่ ไปอาบน้ำไป๊ รันมารออยู่ข้างล่างแล้ว” ผมรีบลุกจากที่นอนทันทีเมื่อรู้ว่าพี่รันมารอ
“แหม พอบอกว่าแฟนมารอละรีบเชียว” ผมทำอารมณ์ดีฮัมเพลงจนแม่หมั่นไส้หยิกเอวผมหนึ่งทีก่อนจะเดินออกไปจากห้อง


.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-


ผมมาถึงที่ทำงานพร้อมกับขนมของกินที่พี่รันแวะซื้อให้ระหว่างทาง (ถ้าผมขับรถมาเองละก็ฝันไปเถอะ แค่มาทำงานไม่สายก็บุญละ) คลาร่าเดินตรงเข้ามาคว้าถุงที่ใส่แซนวิชบนโต๊ะไปกินหนึ่งอันหน้าตาเฉย ผมเองก็ไม่น้อยหน้า เอื้อมหยิบสตรอเบอร์รี่บนโต๊ะเธอมาได้หลายลูกอยู่ สตรอเบอร์รี่ลูกโตหวานเจี๊ยบจนผมอดใจไม่ไหวกินไปอีกหลายลูก เอาไว้เดี๋ยวให้แม่ปลูกบ้างดีกว่า

“อีกสักชั่วโมงเราค่อยออกไปกันนะนิล” ผมพยักหน้าให้คลาร่าทั้งที่ตายังคงจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ร่างแบบคาไว้อยู่ ในใจมันหงุดหงิดอยากจะบอกกับสตีฟว่าผมไม่รับงานนี้ได้ไหม ให้คนอื่นทำไปน่าจะดีกว่า แค่คิดว่าต้องไปเจอยัยบ้านั่นไมเกรนผมก็จะขึ้นแล้ว แต่ครั้นจะให้ผมไปบอกกับสตีฟว่าขอถอนตัวเพราะลูกค้าเป็นแฟนเก่าของแฟนผมคงไม่ดีแน่ (- -*)


ผมมีเวลาให้ฟุ้งซ่านได้อีกแค่แป๊บเดียวก็ต้องออกไปเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง วันนี้การเดินทางไปคุยงานของผมช่างยาวนานราวกับขับรถข้ามประเทศ คลาร่าชวนผมคุยตลอดทางแต่ผมกลับได้แต่ถามคำตอบคำ เพื่อนร่วมงานเองก็มองผมด้วยสายตาสงสัยแต่ก็ไม่ถามอะไรมากมายซึ่งทำให้ผมรู้สึกไม่กดดันเท่าไรนัก


แต่แล้วเมื่อผมไปถึงสถานที่นัดหมาย กลับมีแต่ชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นเลขาของมิสจูลส์และรับอาสามาคุยงานแทนในวันนี้ ผมเองจะว่าโล่งใจก็ส่วนนึง แต่อีกใจก็รู้สึกแปลกๆ ตาซ้ายมันขยิบแปลกๆ ผมอดทนรอจนคุยงานเสร็จ (ซึ่งไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนเลขาของยัยโอลิเวียพยายามยื้อเวลาชะมัด) ผมหยิบโทรศัพท์มากดหาพี่รันทันทีที่ออกมาจากร้าน เสียงรอสายดังเนิ่นนานแต่ก็ไม่มีคนรับสักทีซึ่งผิดวิสัยพี่รันเป็นที่สุด


“คลาร่า วันนี้ผมลางานช่วงบ่ายนะ” ผมบอกกับเพื่อนร่วมงานที่มองผมด้วยสายตาสงสัย

“วันนี้มีอะไรหรือเปล่านิล ดูคุณว้าวุ่นใจ” ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอ แค่บอกไปว่ากำลังสงสัยว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับพี่รัน เพียงเท่านั้นคลาร่าก็เดินขึ้นมานั่งข้างคนขับและบอกให้ผมออกรถ

“คุณค่อยเล่าให้ฉันฟังระหว่างทางแล้วกัน เดี๋ยวฉันโทรไปบอกสตีฟก่อน” ผมมองคลาร่าด้วยความซึ้งใจ แม้จะไม่เคยพูดหรือบอกอะไร แต่เธอกลับใส่ใจอยู่เสมอและยังเสนอตัวช่วยโดยไม่รอให้ผมร้องขอเลยแม้แต่น้อย


ผมเล่าเรื่องที่ยัยโอลิเวียเป็นแฟนเก่าของพี่รันให้คลาร่าฟัง เธอทุบกำปั้นลงกับฝ่ามือแล้วร้องอ๋อก่อนจะเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้าง

“ฉันว่าแล้ว ยัยจูลส์นั่น เอาแต่ถามโน่นนี่เรื่องเธอตลอด ตอนแรกฉันก็คิดว่าหล่อนชอบเธอ แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้นสักทีเดียว แล้วนี่ยังไง เธอจะไปหาแฟนเธอที่ทำงานหรือ?”

“ใช่ ออฟฟิศเขาอยู่แถวเวสต์มินสเตอร์”

“โอ๊ย เธอลงมาเลย เดี๋ยวฉันขับเอง” จู่ๆคลาร่าก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกและบอกให้ผมหยุดรถ หล่อนเดินมาเปิดประตูฝั่งผมและลากผมออกมาก่อนจะไปนั่งแทน

“เธอน่ะขับช้า ไม่ทันการณ์พอดี” ผมยังนั่งไม่ทันเรียบร้อยดีคลาร่าก็กระชากรถออกวิ่งแล้ว และวันนี้ผมก็ได้สัมผัสประสบการณ์ Fast and Furious ของจริงที่ผมขอสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้จะไม่ให้ยัยนี่จับพวงมาลัยโดยมีผมนั่งข้างคนขับเป็นอันขาด


พอเราสองคนมาถึงออฟฟิศของพี่รันก็ได้รับคำตอบจากคลอเดียเลขาหน้าห้องของแฟนผมว่าเจ้านายออกไปธุระข้างนอกตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ผมเองก็ใจหวิวๆว่าพี่รันมันจะบอกคลอเดียหรือเปล่าว่าจะไปไหน โชคดีที่คลาร่าชิงถามเสียก่อน และคลอเดียก็แสนดี หล่อนอธิบายเสียยืดยาวว่าพี่รันไปธุระที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทำให้นางถามเจ้านายตัวเองอย่างละเอียดยิบว่าจะไปไหนไปพบใคร

“บอสไปพบลูกค้าที่ London Hilton Hotel ได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วค่ะคุณนิล” คลอเดียยิ้มเจื่อนให้ผม “ไปพบกับมิสจูลส์ค่ะ” ผมแทบจะยกมือขึ้นมากุมขมับทันทีที่ได้รู้ชื่อคู่นัดของพี่รัน แต่คลาร่ากลับคว้ามือผมเอาไว้แล้วพาวิ่งออกไปเสียก่อน

“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ส่วนไหนของโรงแรมล่ะคลาร่า” เสียงผมสั่นเครือเพราะน้ำตามันจะหยดลงมาอยู่แล้ว ทั้งๆที่มันก็ยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น(เหรอ?) แต่ผมก็ใจคอไม่ดีเหลือเกิน มันหวิวๆเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

“ฉันว่าฉันรู้นะ เพราะตอนที่เรานัดคุยงานกับยัยนั่นครั้งแรกน่ะ ตอนที่ฉันกับหล่อนกำลังเดินไปที่รถ หล่อนทำกระเป๋าถือตกแล้วของในกระเป๋าก็ร่วงลงมา ฉันเลยเห็นคีย์การ์ดของโรงแรมนั้น มันบอกว่าเป็นห้องสูทชั้น 27 น่ะ” ผมหันไปมองคลาร่าด้วยสายตาขอบคุณ ไม่รู้ถ้าวันนี้ไม่พาเธอมาด้วยจะเป็นยังไง ผมคงได้แต่ยืนเอ๋อทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ

“หึ เก็บคำขอบคุณไว้เถอะจ้ะ เดี๋ยวเธอจะต้องชดเชยให้ฉันด้วยฟูลคอร์สของแม่เธอแบบจัดเต็มสามมื้อ!!”

“แถมฟรีแซนวิชมื้อเช้าให้ด้วยเลยเอ้า ถ้าไปทัน”

“มือชั้นนี้แล้ว” คลาร่าขยิบตาให้ผมและเปลี่ยนเกียร์ ก่อนจะเหยียบคันเร่งเกือบสุด สาบานเลยว่าผมเพิ่งเคยเห็นเข็มไมล์รถวิ่งไปที่ 120 ก็วันนี้นี่เอง

“เฮ้ย เดี๋ยวตำรวจจับบบบบบบ!!!”


  .-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-


เราสองคนเดินมาถึงชั้น 27 ของโรงแรมได้สำเร็จ คลาร่าพาผมเหาะมาด้วยความเร็ว 200 ไมล์/ชั่วโมง (อันนี้ผมประชดนะ) พอผมเคาะประตูห้องคลาร่าก็ดึงผมหลบ และเอานิ้วชี้ที่ช่องตาแมวเพื่อบอกเป็นนัยว่าคนข้างในจะได้ไม่เห็นหน้าเรา ผมเคาะครั้งแรกก็ยังไม่มีใครมาเปิด จึงเอื้อมมือไปเคาะอีก ก็ยังไม่มีคนมาเปิด พอครั้งที่สามผมจึงเคาะแรงกว่าเดิมและประตูก็เปิดออกเต็มแรงพร้อมกับผู้หญิงที่ผมเกลียดขี้หน้าที่สุดในโลก

“ใครมาเล่นอะไรบ้าๆแถวนี้ห๊ะ!!” ยัยโอลิเวียกวาดตามาเห็นผมกับคลาร่าแล้วก็ถลึงตาด้วยความประหลาดใจ หล่อนรีบงับประตูปิดแต่ก็ไม่ทันผมที่คว้าแขนหล่อนไว้ก่อน ทำให้ประตูนั้นกระแทกแขนหล่อนเต็มแรง

“โอ๊ยยยย” 

“ฮุบ” ทั้งผมและคลาร่ากลั้นหัวเราะทันควัน ก็สมน้ำหน้าอยากขำแหละครับ แต่ภารกิจต้องมาก่อน อันที่จริงตอนนั้นผมก็ลืมไปว่าถ้าพี่รันไม่ได้อยู่ในห้องนั้นจริงๆผมต้องโดนแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายแน่ๆ ทว่าพอผมผลักหล่อนและก้าวตามเข้าไปในห้องจึงได้เห็นสุดที่รักของผมนอนสลบไสลเปลือยเปล่าท่อนบนอยู่บนเตียง

“วู้ว เซ็กซี่ชะมัด” คลาร่าอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นสภาพพี่รัน

“คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่” ผมถามยัยโอลิเวียที่กำลังมองผมด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ชั้นก็จะทวงของที่มันควรจะเป็นของชั้นคืนน่ะสิ” หล่อนตวาดแว้ด

“เขาไม่ใช่สิ่งของ”

“เขาควรจะเป็นของชั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแกเข้ามา” ยัยโอลิเวียยังยืนยันคำเดิม แถมยังพ่วงตำแหน่งผมเป็นมือที่สามอีกต่างหาก

“ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอะไร ผมจะบอกให้เอาบุญ” ผมเดินย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้า ยิ่งเห็นสภาพหล่อนก็ยิ่งสะท้อนใจ มันไม่ใช่ความผิดของใครเพียงคนเดียว ถ้าหากมนุษย์สามารถตัดสิ่งที่เรียกว่า รัก โลภ โกรธ หลง ออกไปได้ เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น



ถ้ายัยโอลิเวียไม่ได้หลงใหลในตัวพี่รันขนาดนี้

ถ้าผมไม่ได้โลภมากและโลเลเหมือนที่ผ่านมา

และถ้าพี่รันไม่ได้โหยหาใครสักคนที่จะมาแทนที่ผม




ผู้หญิงตรงหน้าผมคนนี้คงไม่ดูน่าสงสารแบบที่เป็นอยู่ ผมมองน้ำตาหยดโตที่ร่วงพราวลงมาตามแก้มใส ผมถอนหายใจและพูดสิ่งที่กำลังคิดออกไป


“เขาเคยบอกกับคุณหรือ ว่าคุณคือคนรักของเขา” ผมถาม และหล่อนก็เงียบ

“คุณก็น่าจะรู้ดีตั้งแต่แรกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา” ผมเหลือบมองคนบนเตียงที่ยังคงสลบไสล ในใจเริมกังวลว่ายัยบ้านี่วางยาอะไรพี่รันกันแน่

“พี่รันเป็นคนชัดเจน คบเขาก็บอกว่าคบ เลิกก็คือเลิก คนอย่างเขาไม่มีทางให้ความหวังกับคุณแน่ๆ” ผมสะท้อนใจ นึกถึงเรื่องเมื่อคราวนั้นที่พี่รันจากผมไปโดยไม่มีเยื่อใยแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่เด็ดขาดจริงๆ แต่ไอ้การที่เราได้กลับมารักกันอีกครั้งมันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่ทำให้พี่รันไม่สามารถตัดขาดคนเฮงซวยอย่างผมได้จริงๆจังๆมากกว่า

“คุณเลิกหลอกตัวเองเสียเถอะ อย่าเอาหัวใจมาทิ้งไว้กับคนที่เขาไม่ได้รักคุณจะดีกว่า” ผมจ้องหน้าหล่อน และรีบพูดต่อเมื่อเห็นสายตาอาฆาตไม่ยอมแพ้จ้องกลับมา “และอย่าคิดว่าผมจะไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้ เราจะไปแจ้งตำรวจเอาไว้ และถ้าคุณยังจะมายุ่งกับพวกเราอีก ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่ๆ” ผมพยายามคิดหาคำขู่ที่ฟังดูน่ากลัวที่สุดมาใช้ ยัยโอลิเวียคงไม่รู้สึกกลัวหรอกผมว่า -..- แต่หล่อนก็ยอมรามือแต่โดยดี คงไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ น่าจะอายและเสียหน้ามากกว่า


ผมนั่งเท้าคางมองผู้ชายที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียง คลาร่ากลับไปแล้ว กลับไปพร้อมกับยัยโอลิเวียนั่นแหละ หล่อนบอกว่าจะขับรถตามแม่นั่นไปเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก


ผมกำลังสงสัยว่ายัยเพี้ยนนั่นวางยาพี่รัน คือมันเป็นยานอนหลับ แล้วผู้ชายที่โดนยานอนหลับจะทำอะไรได้(วะ)? อีกอย่างนึงคือหล่อนก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพี่รันไม่มีทางรักหล่อนแน่ๆ แต่ก็ยังคิดจำทำแบบนี้ นี่มันคงเป็นเรื่องของผู้หญิงที่ผมไม่มีทางเข้าใจได้แน่นอน


“อืม...” ผมปราดเข้าไปหาคนที่ส่งเสียงออกมทันที มือใหญ่ของเจ้าตัวจับหัวตัวเองด้วยอาการของคนที่มึนงง พี่รันลืมตาช้าๆและกวาดตามองไปรอบตัว

“นิล...” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นหน้าผม “พี่...งง...” ผมอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดสั้นๆของพี่รัน ดูท่ายานอนหลับนั่นคงแรงเอาเรื่อง นึกภาพไม่ออกจริงๆว่ายัยโอลิเวียเอาพี่รันมาที่นี่ได้ยังไง

“พี่รันโดนมอมยานอนหลับ” ผมบอก

“ยานอนหลับ... โอลิเวีย...”

“อืม ใช่ครับ คนนั้นแหละ”

“พี่นึกแล้ว” พี่รันค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยมีผมช่วยพยุง “ขอน้ำหน่อย”

เมื่อผมส่งน้ำดื่มจากขวดที่เพิ่งเปิดให้เขาก็ดื่มเอาดื่มเอาจนพร่องไปครึ่งขวด พี่รันเล่าให้ผมฟังว่ายัยโอลิเวียบุกไปหาเขาที่ออฟฟิศด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยและบอกว่าอยากจะขอคุยธุระด้วยนิดหน่อย

“เธอบอกว่าขอทานข้าวด้วยเป็นครั้งสุดท้าย เธอจองโต๊ะไว้ที่โรงแรมแล้ว และพี่ก็เห็นว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” พี่รันส่ายหัว “ร้ายจริงๆ”

“ช่างมันเหอะ ยังไงนิลก็มาช่วยพี่แล้วไง” ผมปีนขึ้นเตียงไปนั่งข้างๆพี่รัน สุดหล่อของผมอมยิ้มแล้วดึงไหล่ผมเข้าไปโอบ

“พี่ไม่เข้าใจเลย โอลิเวียวางยาพี่แบบนี้ แล้วลูกชายพี่มันจะแข็งได้เหรอ?” ผมระเบิดหัวเราะทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามของพี่รัน พอบอกกับเขาว่าตอนแรกผมก็สงสัยแบบนี้เหมือนกันพี่รันจึงหัวเราะตาม

“บางทีหล่อนอาจจะอยากถ่ายรูปแบล็คเมล์พี่เฉยๆมั้ง คงคิดว่านิลจะหึงจนเลิกกับพี่สิท่า”

“แล้วนิลจะเลิกมั้ย”

“อืม... นิลก็คงไม่ทำอะไรหุนหันหรอก นิลคงต้องถามพี่รันก่อนว่าอะไรเป็นอะไร และถ้าพี่รันไม่ได้สมยอมยัยบ้านั่นจริง นิลจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“โหดจริง” พี่รันประทับจูบที่ขมับผม ผมชอบเวลาพี่รันจูบผมแบบนี้จัง เนื้อตัวก็เนียน แถมกล้ามยังเป็นมัดๆ... หือ...

“พี่รัน นี่อะไร” ผมถามเสียงเขียว เจ้าตัวก้มลงมองตามที่ผมชี้

“หือ? อ๋อ... ก็กินดีอยู่ดีอะ ฮ่าๆ โอ๊ย!!!” ผมบิดก้อนเนื้อน้อยๆที่พุงพี่รันจนเต็มแรง ไม่รู้ว่ามันมาอยู่แทนที่ซิกแพ็คของผมตั้งแต่เมื่อไร มาคิดๆดูพี่รันก็กินเก่งขึ้นจริงๆ แม่ผมก็สรรหาทำแต่อาหารเลิศรสสมกับคนที่กำลังเปิดร้านอาหาร แถมอีพี่รันเวลาว่างก็เอาแต่มาขลุกอยู่บ้านผมไม่ยอมไปยิมเลย!!!

“ไม่ได้แล้ว พี่รันต้องไปยิมเดี๋ยวนี้ ถ้าพี่รันพุงพลุยกว่านี้ละก็ นิลเลิกจริงๆด้วย”

“อ้าวเฮ้ย ไหนเมื่อกี้บอกจะไม่หุนหันพลันแล่นไง นี่แค่เรื่องพุงจะทิ้งพี่เลยเหรอ”

“ไม่รู้ละ นิลเกลียดคนมีพุง” ผมลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงโดยมีพี่รันที่รีบถลาตามมาติดๆ ผมปาเสื้อเชิ้ตของเขาใส่หน้าและหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย

“ใส่เสื้อให้ไว ถ้าวันนี้ไม่เสียเหงื่อไม่ต้องกินข้าว” ผมแหว

“อะไรวะ เมื่อกี้ยังรักพี่อยู่เลย” พี่รันบ่น

เงียบ

“คร้าบๆ ฟิตเนสก็ฟิตเนส”

เสียงบ่นของเราสองคนยังคงดังไปตลอดทางจนถึงยิม และบางทีในอนาคตผมก็คงขี้บ่นกว่านี้ พี่รันเองก็คงเป็นตาแก่พุงพลุ้ยกว่านี้ แต่สิ่งเหล่านี้มันเกิดจากการที่เราสองคนอยู่ด้วยกันและหลอมรวมกันเป็นเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายยังไงมันก็ยังเป็นเรา เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้และเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด


พี่รันไม่มีทางรู้ความลับอย่างหนึ่งของผม นั่นคือ ต่อให้พี่รันจะแก่ จะลงพุง จะหัวล้าน จะป่วย จะยังไงก็ตาม พี่รันก็จะยังมีผมเหมือนที่มีในปัจจุบันนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากความรักก็คือเมื่อเราได้พบคนที่สำคัญที่สุดแล้วก็ให้จับมือเขาไว้ให้แน่นๆ เพราะหากวันใดที่เราปล่อยมือเขาไป ชีวิตที่เหลือของเราคงไม่ต่างอะไรจากร่างที่ไร้วิญญาณ


นิลรักพี่รันนะครับ <3




THE END



T A L K

ก็ตามชื่อตอนนะคะ THE END แล้วค่ะ ตัดจบกันแบบดื้อๆเลย
แบบว่าไม่รู้จะเขียนอะไรต่อแล้วด้วยค่ะ แล้วงานก็เยอะด้วยช่วงนี้
ถ้าไม่รีบจบมีโอกาสลอยแพสูงมาก
เรื่องนี้ก็เขียนเล่นๆแก้เซ็ง ตั้งใจว่าจะไปเขียนเรื่องแนวปกติบ้าง(ถ้ามีเวลา LOL)
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
 :mew6:




หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 18-07-2014 11:49:01
ง่า จบจริงดิ ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย

ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 18-07-2014 12:50:49
สนุกค่ะ
รักพี่รัน :กอด1:
อิจฉานิล o9
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-07-2014 13:47:45
จบได้น่ารักมากเลย   :mew1: :mew1::mew1:   :pig4::pig4:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 18-07-2014 17:21:02
เริ่มแรกชอบนิลนะ แต่ตอนหลังไม่ชอลเลยหวั่นไหวง่ายเกิน
มีรันที่ดีอยู่ยังไม่พอใจอีก
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 18-07-2014 17:51:31
สนุกมากครับเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวจบเลย
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-07-2014 21:58:58
ขอบคุณค่าที่เขียนนิยาย สนุก ๆ มาให้ได้อ่านกัน 
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 19-07-2014 20:19:27
จบแล้ว

กว่าจะเข้าใจกัน

แม้ว่าจะห่างกันนาน

แต่คนรักกันยังไงก็หนีใจตัวเองไม่พ้น

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: BE-Beladitz ที่ 19-07-2014 22:06:35
ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ถ้ารักก็คือรัก เนอะ... ^^
ขอบคุณเรื่องดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-07-2014 22:37:09
น่ารักดีค่ะ ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 21-07-2014 03:05:33
น่ารักดีคับ
เรื่องระหว่างเลกับฟ้า น่าเสียดายนะ ก็อย่างฟ้าว่าเรื่องของรันกับนิลก็คล้ายกัน
แปลกใจกับนิสัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของนิล รู้สึกบุคลิกนิสัยจะเปลี่ยนเร็วไป
แต่คิดในแง่เรื่องสั้นก็พอจะเข้าใจว่าต้องให้ถึงจุดเปลี่ยนแปลงของเรื่อง

แล้วพล็อตเกี่ยวกับครอบครัวนิล รู้สึกว่าถ้าจะใส่ลงมาน่าจะขยายเรื่องราวในจุดนี้
ด้วยน่าจะดีกว่า ไม่งั้นเหมือนไม่ค่อยมีความหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเพื่อเรียกคะแนน
สงสารเท่านั้น
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 21-07-2014 13:32:04
 :กอด1: ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: s.mosis ที่ 22-07-2014 21:56:23
จบซะแล้ว กะลังมันส์เลย
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-07-2014 09:44:38
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-07-2014 23:07:06
 :L2: น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 24-07-2014 15:03:44
ชอบ ชอบบบค่ะ


พี่รันน่ารักมากกก ผู้ชายในฝันอ่ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: away3g ที่ 25-07-2014 17:20:39
 :haun4: :haun4: :haun4:รันน่ารักมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 26-07-2014 16:41:32
สนุกมากค่ะ  ขอบคุณคนเขียน  พี่รันน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 29-07-2014 00:38:47
รักพี่รัน  :m1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 29-07-2014 10:35:45
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ อ่านแล้วไม่ติดขัดเลย
แต่ไม่ค่อยชอบนิสัยของนิลเท่าไหร่
ดูไม่จริงใจกับอะไรสักอย่าง
แต่ชอบพี่รันอย่างสุดใจขาดดิ้นจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-08-2014 02:38:21
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ขอบคุณนะคะ ที่เขียนนิยายเรื่องนี้มาให้อ่านกัน ^^
พูดถึงพี่รัน เป็นพระเอกที่ดีมากอ่ะ ชอบเลยล่ะ คนแบบนี้มีแต่ในนิยายรึเปล่า อิอิ
แล้วก็สงสารพี่รันมาก ตั้งแต่นิลมันปันใจให้ชายอื่น นี่ร้องไห้ให้พี่รันทุกตอนเลยอ่ะ T_T
เจ็บปวดมาก แล้วก็เกลียดนิลมาก ความรู้สึกตอนนั้นจริงๆนะ
แบบว่านิลเคยด่าพี่เลไว้ยังไง ดันมาทำเองซะอย่างนั้น ผิดหวังมาก
ตอนที่พี่รันให้เลือกนี่ โครตเจ็บปวดอ่ะ ทำไมคนดีๆต้องมาเจองี้ด้วยวะ
เรานี่เชียร์ให้นิลเลือกแพทไปเลยนะ จะได้จบๆไป นิสัยเสียพอกันทั้งคู่อ่ะ
คนนึงก็โลเล อ่อนไหวง่ายโครตๆอ่ะ ส่วนอีกคนก็นะ รู้ว่าเค้ามีแฟนแล้วก็ยังจะไปแย่งของเค้าอีก เพลียนะ!

 เรารู้สึกว่าความเจ็บปวดของนิลมันไม่เท่าที่พี่รันเจ็บหรอกนะ!!
โฮๆๆๆ เม้นไปน้ำตาไหลไป เป็นเอามากว่ะตู T_T
แต่ก็นะ คนสำนึกผิดแล้วเราก็ควรให้โอกาส แต่ครั้งเดียวก็เกินพอนะนิล
ที่สำคัญพี่รันก็ยังรักนิลอยู่ เราก็อยากให้พี่รันมีความสุขเหมือนกัน ^^

และต้องขอโทษด้วยนะคะที่เม้นแบบใส่อารมณ์มากไปหน่อย
แบบว่าอ่านรวดเดียวจบ 16 ตอน ความไม่พอใจนิล และเห็นใจพี่รัน
มันเลยค้างมาถึงตอนนี้ แม้จะจบแบบแฮปปี้ก็ตาม เฮ้ออออ อินมาก บอกเลย 555 ^▽^
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: nutza-46 ที่ 12-08-2014 19:59:27
 :haun4: สนุกมากเลยค่ะ พึ่งมาอ่านเอง
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [Chapter : 16 THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 21-08-2014 11:30:28
ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกคนที่อินนะคะ 555+
ตอนนี้เรากำลังปั่นเรื่องใหม่อะค่ะ แต่ไม่ใช่ Boyslove นะคะ
เป็นเรื่องของฟ้าครามค่ะ แนว Straight+โลกต่างมิติ+รักโรแมนติก ค่ะ (เยอะเนาะ)
เพราะชอบน้องฟ้ามาก แล้วก็อยากแต่งอะไรที่มันแหวกแนวไปจากเดิม
ปกติเราจะชอบเขียนไปเรื่อยๆ ออกแนวเล่าเรื่องประจำวัน
แต่มางานนี้ตั้งใจจะแต่งเรื่องของฟ้าครามแบบมีสตอรี่บ้างค่ะ
กำลังทำการบ้านอย่างหนักเลย ถ้าสนใจไปติดตามกันได้ในเด็กดีนะคะ

 :bye2: :bye2: :bye2:

หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 23-08-2014 18:43:42
ตอนแรกอ่านตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึง 14 โกรธนิลมาก อยากจะกล่าวโทษให้เจ็บ แต่หลังจากอ่านตอนที่ 14 จบไปอาบน้ำ ทำใจให้เย็น ไปซื้อของ กลับมาอ่านอีกต่ออีกสองตอนก็เฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร 55+
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 25-08-2014 13:34:03
จบแล้วเหรอค่ะ จะมีภาคต่อไหม พี่รันยังไม่ได้พานิลไปพบกับพ่อแม่เลย  :really2:
 :L2: แต่เนื่อเรื่องสนุกมากๆๆ เลยค่ะ มีครบทุกรสชาติเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 04-10-2014 16:53:03
เป็นนิยายเรื่องที่สองที่เราอ่านไม่จบในรอบสองวัน อยากจะกรี๊ดจริงๆค่ะ
คือใครช่วย warning ไว้ได้ไหมอ่ะว่านายเอกจะทำให้เราผิดหวังเนี่ย
ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าเม้นนี้ทำให้ใครไม่พอใจ แต่มันก็เป็นความรู้สึกของเราจริงๆ
คือดูตอนที่พี่รันเดินหน้าจีบนิลสิ นิลทั้งว่าทั้งด่าทั้งหลีกเลี่ยง จนช่วงที่นิลงานเยอะก็มีพี่รันมาคอยเทคแคร์
ทั้งๆที่งานของเจ้าตัวก็ใช่ว่าจะสบาย ลงเครื่องมา ถึงจะบินใกล้ไม่เจ็ทแล็กแต่มันก็เหนื่อยอยู่ดีแหละ
แต่เรากลับจากญี่ปุ่นก็พุ่งตัวลงเตียงนอนพักเหมือนกันค่ะ นี่ยังอุตส่าห์ไปหาซื้อของกินมาให้นิลถึงที่นะ
แล้วนิลที่ดูจะปิดใจกับผู้ชายมากกกกขนาดนี้ กลับเปิดใจให้ฝรั่งนั่นง่ายแบบ เฮ้ย ?! ง่ายไปป่ะ ?
พี่รันพยายามแทบตายทำทุกอย่างให้เทียบกับฝรั่งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ได้จูบเนี่ยนะ

คือถ้าพูดเรื่องใจเต้นเราจะบอกว่าไม่แปลกนะคะ ใครๆเห็นผู้ชายหล่อยิ้มให้ก็ใจเต้นทั้งนั้นแหละ
แต่แบบ เรื่องหลังจากนั้นมันไม่น่าเป็นแบบนี้รึเปล่า ? คือมันมีอะไรน่าลังเลด้วยหรอกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งกับคนที่คอยเทคแคร์เรามาตลอด
นิลบอกว่ารักพี่รัน แต่เราว่าไม่ใช่อ่ะค่ะ จริงๆนิลรักตัวเองมากกว่านะ ขนาดตอนเกิดเรื่องยังวิ่งหนีออกมาแล้วยังนั่งคิดว่าจะเลือกใครดี มันดูตลกมากจริงๆ
ธรรมดาก็จะต้องห่วงแฟนเรารึเปล่าคะซัดกันน่วมขนาดนั้น ทิ้งมาแบบนั้นโคตรฮาอ่ะ คิดถึงใจคนที่ยืนมองจากข้างหลังบ้างไหม ?
ทำกับเค้าขนาดนี้เค้ายังเอาแมวไปเลี้ยงให้อีก คือนี่ก็พ่อพระสุดๆ .. ยอมเลยค่ะ ยอมทั้งพี่รันทั้งนิลเลย อ่านต่อไม่ได้จริงๆ
และคิดว่าคงไม่กลับมาอ่านต่อแล้วด้วย ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งนะคะ
เสียใจนะที่เรื่องมันจบแบบนี้(หมายถึงเราอ่านได้ถึงแค่นี้) ทั้งๆที่เราก็ชอบทั้งพี่รันทั้งนิลมากแท้ๆ ..
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 09-10-2014 19:57:22
รวดเดียวจบ ฮ่าๆ ชอบแฮะ มันแสดงถึงความไม่ได้ perfect ของทั้งคู่น่ะ แต่ก้อ happy ending น่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-12-2015 09:34:07
 o13 สนุกครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-03-2017 19:07:54
กลับมาอ่านอีกรอบ
แล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมตอนนั้นนิลถึงได้ง่าย!ไปกลับแพทขนาดนั้น???
คือแบบถ้าจะง่าย!กับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนได้ขนาดนี้ จะทำมาเป็นปิดใจเรื่องผู้ชายไปทำไม??
โคตรสงสารพี่รันเลย T_T

ขอบคุณบีบีจังค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: US ≡ เรื่องรัก ♥ ระหว่างเรา [อัพเดทข่าวและตอบเม้นค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 17-04-2017 13:21:55
ขอบคุณค่ะ จบแล้ว ตั้งสี่ปี ตอนแรกที่นิลหวั่นไหวกระชากใจมากกกก แบบนางงงงง ไมงี้ แต่ก็นะเอาเถอะ ถ้ารู้ตัวก็แก้ไขอย่าทำอีก ไม่ปฏิเสธเลยค่ะ เรื่องนี้ พี่รัน พระเอกตัวจริงกระทิงแดง  :hao7: