พิมพ์หน้านี้ - วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-06-2013 02:48:49

หัวข้อ: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-06-2013 02:48:49
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 1 เปิดเทอม
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-06-2013 02:53:32
มาใหม่นะครับ ขอฝากฝังนิยายเรื่องนี้ ไว้ด้วยนะครับ สามารถติชม ก่นด่าได้เต็มที่ เพื่อการปรับปรุงแก้ไขครับ


เป็นแนวใสๆ วัยเรียนนะครับ

(http://image.free.in.th/z/ik/1685untitled.jpg)

บทนำ


พวกเราอยู่ร่วมกันด้วยความเป็น "เพื่อน"

มิตรภาพความเป็น "เพื่อน" ระหว่างพวกเรามันลึกซึ้ง จริงใจเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจ

แต่เพราะความเป็น "เพื่อน" นี่ล่ะ
ที่ทำให้พวกเรา ไม่สามารถก้าวข้าม มันไปมากกว่านี้ได้

เพราะความกลัว
กลัวว่าเมื่อใดก็ตามที่เราล้ำเส้นคำว่า "เพื่อน" ไป

ความสัมพันธ์ระหว่างเรา อาจจะพังทลายลงก็เป็นได้

ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย

แต่ก็ไม่สามารถเก็บไว้เงียบๆ ได้ จะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ดี

จะมีใครบ้างไหมที่เข้าใจ ใครสักคน........................................


------------------------------------------------------------------
Dear My Friend วัยรุ่น วุ่นหัวใจ

วันเวลาของแบงค์


คาบเรียนที่ 1 : เปิดเทอม

กริ๊ง!!!!!!!!!!
“อือ......ออ.....อ....”
เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น ผมเอื้อมมือขึ้นไปปิดด้วยความงัวเงียเล็กน้อย
ก่อนที่จะลุกตัวขึ้นนั่งอยู่บนที่นอนครู่นึงด้วยความรู้สึกที่ยังมึนอยู่
พลางหันไปมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาปลุกอีกรอบ
.
จริงสิ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมแล้วนี่นะ
วันแรกของการขึ้นชั้น ม.5
ม. 5 แล้วเหรอ........
เวลาไปผ่านไปไวจังแฮะ แปบๆ ม.5 ซะแล้ว แก่ขึ้นอีกแล้ว = =
.
ผมหันไปมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง
.
รูปของผม เมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก กับเด็กผู้ชายใส่แว่นที่ผมคุ้นเคย
.
.
และเด็กสาวผมยาวที่อายุไล่เลี่ยกับผม
.
เมย์...............
วันนี้แบงค์อยู่ ม.5 แล้วนะ
.
.
ผมนั่งมองรูปนั้นอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นจัดเก็บที่นอน อาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงไปข้างล่าง
“บาส ไอบาสเว้ย”
ผมตะโกนเรียกอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ความเงียบ
“สงสัยยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนทีมั้ง ไอนี่ ประจำเลย วันนี้เปิดเทอมวันแรกมันจะรู้มั้ยนั่นน่ะ สงสัยต้องบอกแม่สักทีมั้ง”
ผมบ่นกับตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจให้กับน้องชายฝาแฝดของผม
.
ครับ ไม่ผิดหรอก น้องชายฝาแฝด ผมมีน้องชายฝาแฝดน่ะครับ
เราเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเกิดห่างกัน 20 นาที
ผมเป็นพี่ ส่วนไอบาสเป็นน้อง
ถึงจะบอกว่าเป็นฝาแฝดหน้าเหมือนกันก็เหอะ แต่นิสัยกลับต่างกันลิบลับ
.
อย่าให้พูดจะดีกว่า ว่าต่างกันยังไงมั่ง
3 หน้ากระดาษก็ยังไม่พอ
ส่วนพ่อ กับแม่ ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ
พ่อผมเป็นข้าราชการ เลยต้องย้ายที่อยู่บ่อย แม่ผมก็เลยต้องตามไปคอยดูแล (ไม่รู้ตามไปดูแล หรือ ตามไปคุมไม่ให้มีกิ๊กกันแน่)
ผมกับบาสก็เลยต้องอยู่กัน 2 คน พี่น้อง
ที่ไม่ตามไปเพราะไม่อยากย้ายโรงเรียนน่ะครับ หากพ่อต้องโดนย้ายอีก
.
ตายล่ะ มัวแต่โอ้เอ้ นี่ก็สายแล้วนี่หว่า ต้องรีบไปละ เดี๋ยวไม่ทัน นัดเพื่อนแถวบ้านไว้นี่หว่า ว่าจะไปด้วยกัน
.
.
.
“ไมมาช้าจัง รอนานแล้วนะ”
นั่นไง ว่าแล้วว่าต้องโดนบ่น
“โทษทีๆ พอดีวุ่นๆ นิดหน่อยก็เลยมาช้าน่ะ โทษทีนะ”
ผมพูดขอโทษอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าอารมณ์เสียอยู่
“มาช้านะเนี่ย รู้มั้ยว่ารถผ่านไปตั้งกี่คันแล้ว แบบนี้จะไปโรงเรียนทันมั้ยเนี่ย %^%$%#@&$$$^”
“แค่ 5 นาทีเนี่ยนะ”
ผมแย้งอีกฝ่าย แต่ดูอีกฝ่ายอารมณ์เสียจริง จะเอาไงดีล่ะเนี่ย
.
“อ่ะ ก็ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเที่ยงนี้เลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษละกัน”
ผมยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายนึง เพื่อหวังว่าจะให้อารมณ์ดีขึ้น
“จริงอ่ะ”
นั่นไง พอเป็นของกินละท่าทีเปลี่ยนทันทีเลยนะ
“อื้ม จริงสิ แต่ต้องหายโกรธก่อนนะ ไม่งั้นไม่เลี้ยง”
“แห่ะๆ งั้นตกลงคร้าบ หายโกรธละ แต่อย่าลืมเลี้ยงข้าวเที่ยงด้วยนะ แห่ะๆ”
อีกฝ่ายยิ้มให้ผมทันที จนผมอดหมั่นไส้เล็กน้อยไม่ได้ ต้องเอามือไปยีหัวอีกฝ่ายเล่น
“หนอยเห็นแก่กินนี่หว่า มานี่เลย”
“เฮ้ย อย่าดี้ เดี๋ยวเสียทรงหมด โห่”
“555+”
ผมหยอกล้อกับอีกฝ่ายอยู่ครู่นึง จนเมื่อรถเมล์สายที่เรานั่งมาถึง พวกเราก็รีบขึ้นทันที
.
อ้อ ลืมแนะนำไป นี่คือเพื่อนที่ผมพูดถึงครับ
เขาชื่อนันท์ เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก็สักประมาณ ป. 2 รึ ป.3 จะได้มั้งครับ
ตอนนั้นเขาเพิ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้าน ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย
ผมที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับเมย์ เห็นเขานั่งเล่นอยู่คนเดียวเงียบๆ ที่สนามเด็กเล่นก็เลยชวนเล่นด้วย
.
.
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จัก และสนิทสนมกันจนมาถึงทุกวันนี้
“โอ้ย ตื่นเต้นแฮะ”
นันท์พูดขึ้นในขณะที่รถเมล์กำลังติดไฟแดง
“เรื่องอะไรล่ะ”
ผมถามพร้อมกับจับราวโหนรถเมล์ให้แน่นกว่าเดิม ในขณะที่อีกยังฝ่ายเก้ๆ กังๆ เพราะจับราวโหนไม่ถนัด
“ก็วันนี้ เปิดเทอมขึ้นชั้น ม.5 วันแรกนี่ ไม่รู้จะเจอใครมั่ง”
“ก็คงหน้าเดิมๆ นั่นล่ะ เห็นมาตั้งแต่ ม. 1 ละ เลื่อนชั้นกี่ปีๆ ก็หน้าเดิมๆ”
นันท์พยักหน้าเห็นด้วย ด้วยหน้าตาที่ดูเอ๋อๆ อยู่แล้ว แถมยังใส่แว่นนั่นอีก
พอพยักหน้าผงกๆ แบบนั้นแล้ว ดูเหมือนตุ๊กตาแป๊ะยิ้มอยู่ไม่น้อยแฮะ
เหมือนจนผมอดกลั้นหัวเราะไม่ได้
“หัวเราะอะไร”
นันท์ถามผม พร้อมกับพยายามที่จะจับราวโหนอีกรอบ คราวนี้ดูเหมือนลิงพยายามไต่ต้นไม้
“ป่าว ไม่มีอะไร มาๆ มานี่”
ผมพูดปัด พร้อมกับกอดคออีกฝ่ายเอาไว้
“โหนไม่ถึงก็ไม่ต้องพยายาม จับแบงค์ไว้ก็แล้วกัน”
ว่าแล้วผมก็จับมือของนันท์มาคล้องยังเอวของผม พร้อมกับเอามือยีหัวนันท์เล็กน้อย
น่าแปลกแฮะที่คราวนี้ไม่เอะอะที่โดนยีหัว ตรงกันข้ามกลับก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จาเลย
.
.
สงสัยคงยอมรับในความเตี้ยของตัวเองไม่ได้ล่ะมั้ง
.
.
.....................................
โรงเรียน

“เอ้า ใครยังไม่ส่งสมุดพก ก็รีบๆ เอามาส่งซะนะ ใครไม่ได้เขียน ก็ให้คนอื่นโมเมเขียนให้ละกัน จะได้เอาไปส่งอาจารย์ซะที”
เสียงของมายด์พูดดังขึ้น ในขณะที่ผมกับนันท์เพิ่งจะเดินเข้าห้องมาได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
“หวัดดีจ้า นันท์ แบงค์ ว่าไง เอาสมุดพกมายัง”
มายด์เดินเข้ามา พร้อมถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมได้แต่พยักหน้ายิ้มกลับไป พร้อมกับหยิบเอาสมุดพกออกมาจากกระเป๋าเพื่อส่งให้มายด์
มายด์ยิ้มตอบ พร้อมกับหยิบสมุดพกของผมกับนันท์ไป
“เอ้อ อาจารย์ภาวดี แกบอกมาเมื่อเช้าว่า วันนี้อาจารย์สมพรไม่มานะ แม่แกเข้า รพ. กระทันหันเมื่อเช้าไม่มีใครมาสอนแทนวิชาคณิตย์ ให้ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแทน”
ทันทีที่ของมายด์พูดออกไปแบบนั้น ทั่วทั้งห้องแทบจะโห่ร้องด้วยความดีใจ ก็แหงล่ะ ไม่ต้องเรียนนี่
ถึงจะบอกว่าให้ไปห้องสมุดก็เหอะ แต่ส่วนมากก็โดดกันทั้งนั้น
ที่สำคัญ ดูจากตารางเรียนที่แปะหน้าห้องก็พบว่าตั้ง 2 คาบติดด้วย
และที่ยิ่งกว่านั้น เป็นวิชาสุดท้ายของวันอีกต่างหาก จะมีใครอยู่รอจนหมดวันกันล่ะ - -

“นี่ นันท์ เดี๋ยวคาบคณิตย์เราไปกินติมสเวนเซ่นกันป่าว”
นั่น หัวหน้าห้องก็เอากับเค้าด้วย นันท์ทำหน้าลังเลอยู่พักนึง ก่อนที่จะหันมามองผม ประมาณเป็นเชิงว่าผมจะว่าอะไรรึป่าว - -
“แบงค์จะไปด้วยป่าว”
มายด์หันมาชวนผมด้วย
ผมหันไปมองนันท์อีกครั้ง ดูสีหน้าอยากไปเต็มที่เลยนะนั่น - -
“อ่ะ ไปด้วยละกัน”
ผมตอบตกลงไป พร้อมกับสีหน้าของทั้งสองที่ดูจะดีใจสุดๆ โดยเฉพาะมายด์ ที่ดูจะหันไปยิ้มแบบมีเลศนัยกับนันท์

ดูท่ามายด์เอง สงสัยคงชอบนันท์ซะล่ะมั้ง เห็นเข้าหาตลอด
จะว่าไป มายด์ ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนะ ออกจะดูน่ารักดี ร่าเริงสดใสซะขนาดนั้น
แต่ที่น่าเหนื่อยใจน่าจะเป็น ทางนันท์ซะมากกว่า ดูจะบื้อ ที่ไม่รู้ตัว แหงล่ะ เอ๋อซะขนาดนั้น

อืม....... แต่ถ้าสองคนนี้คบกันก็ดูเหมาะสมกันดีนะ ผมก็เห็นด้วยถ้าจะมีวันนั้น
แต่คงต้องเหนื่อยหน่อยนะมายด์ - -
“เฮ้ย นันท์ เดี๋ยวมานะ”
“ไปไหน”
“ไปดูไอบาส ไม่รู้มันมาป่าว บ้านก็ไม่ได้กลับมา”
ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะก้าวออกมาจากห้องตรงไปยังห้องเรียนของไอบาสที่อยู่ไม่ไกลจากห้องผม
ผมกับไอบาสเรียนกันคนละห้องน่ะครับ อาจารย์ให้เหตุผลว่า ป้องกันการจำสับสน  -*-

“เอ่อ โบ้ๆ”
ผมตะโกนเรียกไอโบ้ เด็กชมรมเดียวกับผม เรียนห้องเดียวกันกับไอบาส ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังง่วนกับการปลอมแปลงสมุดพกอย่างเมามัน
“ไอโบ้เว้ย”
ผมตะโกนเรียกมันอีกที มันสะดุ้งเล็กน้อย เหมือนโดนอาจารย์จับได้ว่าลอกข้อสอบ
มันหันล่อกแล่กๆ ไปมา ก่อนที่จะเห็นว่าเป็นผมเองที่เรียกมัน
“ว่าไงวะ แบงค์ กรูตกใจหมด”
“เออดิ กรูเรียกตั้งนานไม่หัน เออ ไอเชี่ยบาสมายังวะ”
ผมถามไอโบ้พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง
“ยังอ่ะ กรูยังไม่เห็นมันมาเลย ว่าแต่เมิงอ่ะล่ะ อยู่บ้านเดียวกะมันไม่ใช่เรอะ”
“มันไม่กลับบ้านอ่ะดิเมื่อคืน”

“สงสัยไปนอนบ้านไอแอลเมียหนุ่มของมันละมั้ง”
ไอโบ้ตอบก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านต่อ
“เออๆ ขอบใจว่ะ ไม่กวนละ”

ผมบอกโบ้พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินลงไปอาคารเด็ก ม. ต้น ไปยังห้องแอล แฟนหนุ่มของไอบาสมัน

ฟังไม่ผิดหรอกครับ แฟนหนุ่ม น่ะล่ะ
เอ่อ...... คือแบบ......แบบว่า ไอบาส มันเป็นเกย์ น่ะครับ  - -
ไม่รู้เป็นได้ไง แต่มันบอกว่า มันเป็นไปแล้ว ผมเองก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ แต่ยอมรับว่า ตอนที่รู้ตอนแรกก็อึ้งๆ เหมือนกัน
แบบว่า เฮ้ย น้องชายตรูเนี่ยนะ เกย์ - -

แต่เอาเถอะ ถ้ามันมีความสุข ก็แล้วแต่มันละกัน

หน้าห้อง ม. 3/2
“นี่ แอลอยู่ป่าว”
ผมถามเด็กในห้อง ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังข้างใน
ผมเดินเข้าไปหาแอล ทันทีที่แอลหันมาเห็นผม ก็รีบยกมือไหว้ผมทันที
“หวัดดีฮะ พี่แบงค์”
แอลทักทายผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส
“หวัดดี เอ่อ เมื่อคืนไอบาสได้ไปนอนบ้านเราป่ะ”
“ฮะ มานอนฮะ มีไรเหรอฮะ”
แอลสงสัย
“อ้าว แล้วนี่ไม่ได้มาด้วยเหรอถ้างั้น เพราะพี่ไปที่ห้องเรียนมันก็ยังไม่เห็นมาที”
ผมตอบกลับไป แอลทำหน้า งงๆ เล็กน้อย
“อืมมมมม เดี๋ยวก็คงมามั้งพี่ เพราะผมก็ออกมาพร้อมกับพี่บาสเค้านะ แต่พี่บาสบอกว่าจะกลับไปบ้านก่อนเพราะไม่มีเสื้อผ้าชุดนักเรียนอ่ะ”
“แต่มันว่าจะมาใช่มะ”
“ฮะ เห็นว่างั้นนะ”
แอลพยักหน้า
“โอเค ขอบใจมาก งั้นไปก่อนนะ”
“ฮะ บะบายฮะ”
แอลตอบผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก ที่ไอบาสมันจะหลงเนี่ย
ก็น่ารักซะขนาดนั้น ตัวเล็ก ขาว หน้าใสเสียยิ่งกว่าผู้หญิงบางคน ถ้ามันเป็นผู้หญิงผมก็อาจจะหลงไปเหมือนกันนะนั่น


หืม ????? นี่คิดอะไรเนี่ย จะเบี่ยงเบนตามไอบาสไปอีกคนแล้วเรอะเรา - -*

เฮ้ออออออ
นี่แค่เปิดเทอมวันแรกก็มีเรื่องให้ปวดหัวมากมายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
แล้วแบบนี้ แบงค์จะไหวมั้ยเนี่ย เมย์
เฮ้ออออ นี่ถ้าเมย์ยังอยู่นี่ก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะ


แต่ก็เป็นไปได้แค่ความคิดเท่านั้นล่ะ
เมย์ไม่มีวันกลับมาแล้วล่ะ
มีแต่เราเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว



....................................
“เอาล่ะ วันนี้ครูก็พอแค่นี้ก่อนละกัน ที่เหลือก็ไปทบทวนกันเองอีกทีนะ ถึงแม้จะเพิ่งเปิดเทอมวันแรกก็อย่าชะล่าใจไปล่ะ ปีหน้าก็ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้ามหาลัยกันแล้วนะ”
อาจารย์ชุมพลพูดปิดท้ายชั่วโมงวิชาวิทย์ฯ ก่อนที่จะปล่อยพวกเราให้ไปห้องสมุด (ซึ่งคงไม่มีใครไปหรอก - -)
ผมเก็บสมุดหนังสือลงใส่กระเป๋านักเรียน พร้อมกับมายด์ที่เดินรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ป่ะ นันท์ แบงค์ ทุกคนรออยู่”
หืม....????? ทุกคน ??? ผมหันไปรอบๆ ก็พบว่า ยังมีอีก 5-6 คนยืนรออยู่ใกล้ๆ
ผมเดินตามทุกคนไปอย่างใจลอย เพราะอันที่จริงก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองจะตามไปทำไม - -
ที่ไปก็เพราะว่านันท์อยากไปอยู่หรอกนะ แต่ไม่คิดว่า จะไปกันเยอะแบบนี้

“แบงค์ เป็นไรป่าว ดูไม่สดชื่นเลย”
นันท์หันมาถามผม เมื่อเห็นว่าผมเดินรั้งท้ายอยู่คนเดียว
“อ่ะ ป่าวๆ ป่าวนี่ ไม่มีอะไร ก็แค่ คิดอะไรเพลินๆ เท่านั้นล่ะ”
ผมตอบปัดไป แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ ยังคงทำหน้าเป็นหมาสงสัย
ผมเลยต้องเอามือไปขยี้หัวนันท์เล่น

“เฮ้ย ไรเนี่ย โห่ อีกแล้วอ่ะ แบงค์เนี่ย”
“ก็มันน่าแกล้งนี่ 555+”
ผมเอามือไปขยี้หัวนันท์อีกที พร้อมกับกำหมัดไปแตะแก้มมันเบาๆ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าวิ่งหนีนำหน้า
ในขณะที่นันท์เองก็วิ่งตามผมมา แต่คิดผิดซะแล้วล่ะที่จะวิ่งแข่งกับผมเนี่ย

ผมวิ่งมาจนถึงหน้าห้างก่อนใครเพื่อน พร้อมกับวิ่งไปหลบหลังป้ายโฆษณา
ไม่นานนัก นันท์ก็วิ่งตามมาถึงพ้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณเพื่อหาผม
ผมยืนแอบอยู่ครู่นึง รอจนกระทั่งนันท์หันหลังกลับไป ก่อนที่จะค่อยๆ ย่องไปข้างหลังนันท์เงียบๆ
พร้อมกับลอคคออีกฝั่งไม่ให้ทันตั้งตัว

“เฮ้ย ปล่อยนะ”
นันท์ทำท่าขัดขืน แต่สู้แรงผมไม่ไหว แหงล่ะ หุ่นแบบนั้นจะสู้ผมได้ไงล่ะ
ผมลอคคอนันท์ไว้ พร้อมกับเอาอีกมือจี้เอวนันท์ นันท์ปล่อยหัวเราะก๊าก พร้อมกับดิ้นไปมา
คนแถวนั้นหันมามองกันใหญ่

“ยอมยัง ?”
ผมถามนันท์
“ยอมแล้ว ยอมแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
“พูดด้วยว่า ผมยอมแล้วคร้าบบบบบ คุณชายแบงค์”
“เฮ้ย แบบนั้นมัน.....อ๊า......คร้าบบบบ คร้าบบบ ผมยอมแล้วครับ คุณชายแบงค์”
นันท์ยอมพูดแต่โดยดี หลังจากที่ผมจี้เอวนันท์เข้าไปอีกชุดใหญ่

“ดีมากกกก”
ผมปล่อยนันท์ ดูเจ้าตัวจะหอบเอาการเลยนะนั่น 555+ ก่อนที่จะหันหน้ามาทำหน้าดุใส่
“ฝากไว้ก่อนเหอะ แค้นนี้ 10 ปีไม่มีสาย”
“จ้าๆ ไม่มีสาย แต่กลัวจะลืมซะก่อนอ่ะดิ 555+”
ผมตอบกลับพลางเอามือไปขยี้ผมนุ่มๆ นั่นอีกครั้ง นันท์ปัดมือผมออก พร้อมกับทำหน้างอนๆ แก้มป่องใส่
(หยั่งกะผู้หญิงเลยแน่ะ - -)

“นี่ 2 คนนั้นน่ะ จะกินติมกันมั้ย”
เสียงของมายด์เรียกผม 2 คนจากหน้าประตูทางเข้าห้าง
“ไปเหอะ คนอื่นรอแล้ว”
ผมพูด พร้อมกับจูงมือนันท์เดินตามกลุ่มเข้าไปในห้าง แต่นันท์กลับสะบัดมือผมออก
สงสัยยังงอนไม่เลิกวุ้ย
“โอ๋ๆ ขอโทษนะครับ ทีหลังไม่แกล้งอีกแล้ว”
“ก็เห็นพูดงี้ทุกทีนี่หว่า”
อูยยยยย

“แล้วทำไงถึงจะหายงอนเนี่ย”
“ต้องให้ขี่หลังจนกว่าจะไปถึงสเวนเซ่น”


“ห๊า!!!????”
ผมตกใจกับคำพูดนั้น โห สเวนเซ่นอยู่ตั้งชั้น 3 หลังหักพอดี
“เอ่อ แบบนั้นมัน.....”
“งั้นก็ไม่ต้องพูดกัน”
 ซวยแล้ว - - หาเหาใส่หัวแท้ๆ

“อ่ะๆ ก็ได้ อ่ะมาๆ อั่ก!!!!!!!!”
ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค นันท์กระโดดขึ้นมาขี่หลังผมทันที แทบจะไม่ให้ผมตั้งตัว
ท่ามกลางเสียงร้องแซวของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และจากสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมา




แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรจะเสียละ
คิดซะว่า สนุกๆ กันไปดีกว่า จะเครียดอะไรกัน เดี๋ยวแก่เร็ว


.................
คืนนั้น
สรุป วันนี้ผมก็ยังไม่ได้เจอไอบาสอยู่ดี รู้แค่ว่ามันมาเรียน
แถมวันนี้ มันก็ยังไม่กลับบ้านอีก

“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามาร..........”
มือถือก็โทรไม่ติดอีก

สงสัยได้ฟ้องแม่จริงๆ ซะละมั้งเนี่ย
ช่างหัวมันละ


หืม ใครโทรมา

นันท์เองเหรอ
“ว่าไง”
“ป่าว โทรมาเฉยๆ”

“งั้นวางนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวดิ”
“555+ ว่าไง มีธุระอะไร”

“ก็ไม่มีอะไรจริงอ่ะ แค่อยากโทรมาเท่านั้นล่ะ เห็นวันนี้ดูแบงค์ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่อ่ะ เป็นไรป่าว”
เสียงของนันท์ ที่แม้จะได้ยินแค่เสียงที่ผ่านทางโทรศัพท์ แต่มันฟังดูห่วงใยจริงๆ

“ก็......ไม่มีไรมากหรอก แบบว่า แค่เครียดๆ เรื่องไอบาสมันน่ะ”

“มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”
“ไม่ล่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”


“อ่ะ อืม ไงก็........ถ้ามีไรก็ปรึกษาได้นะ ยินดีจะช่วย”
“ครับๆ”

“ไงๆ แบงค์ก็เป็น.......”
นันท์เงียบไปครู่นึง


“......เป็นเพื่อนคนสำคัญของนันท์นะ”


แค่คำพูดเล็กๆ น้อยๆ แม้เพียงพูดออกมา แต่มันก็ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้มากทีเดียว

“ครับ ขอบคุณนะ นันท์เองก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของแบงค์เหมือนกันนะ ถ้านันท์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษาแบงค์ได้นะ”

“ครับ”


“งั้น คืนนี้ก็ฝันดีละกันนะ แบงค์”
“ครับ นันท์ด้วยนะ”

“บาย”
“บาย”

ผมวางโทรศัพท์ลงบนหัวเตียงก่อนที่จะล้มตัวลงบนที่นอน
พลางกับนึกถึงคำพูดของนันท์ ที่พูดกับผมเมื่อครู่

ทำไมผมถึงได้อมยิ้มได้เนี่ย


ไม่เอาละ นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีก

แล้วพรุ่งนี้ จะมีโอกาสได้เจอไอบาสมั้ยวะเนี่ย - -



จบคาบเรียนที่ 1
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 1 เปิดเทอม
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-06-2013 10:18:42
 :L2: ต้อนรับเรื่องใหม่ สู้ สู้ นะคะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 1 เปิดเทอม
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 22-06-2013 11:17:47
ติดตามจ้ะ เรื่องใส ๆ น่าัรักจัง น้องนันท์ท่าทางจะคิดกับแบงค์เกินเพื่อนสินะ
เมย์ นี่เป็นแฟนเก่าแบงค์ใช่มั้ย ไม่อยู่แล้วนี่คือยังไงนะ
บาสยังไม่ปรากฎกาย แต่มีแฟนเป็นหนุ่มน้อย น้องแอล น่ารักจัง
รอดูพัฒนาการความรักของทั้งคู่นะจ้ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้ะ  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 1 เปิดเทอม
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 22-06-2013 19:15:48
เป็นความรู้สึกของเพื่อนแอบรักเพื่อนสินะ หวังว่าคงไม่ดราม่าน๊า อยากให้ใส ๆ น่ารักตลอดเรื่องจัง  :hao3:
แล้วบาสนี่เป็นปริศนาอะไรป่ะเนี่ย ตลอดเรื่องหาตัวไม่เจอ  :m7: ตอนหน้าคงได้เปิดตัวบาสแฟนน้องแอลน๊า
รอติดตามด้วยคนจ้า  :pig2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 1 เปิดเทอม
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 23-06-2013 00:17:47
คาบเรียนที่ 2 : ลังเล


กริ๊งงงงงงง~~~~~!!!!


เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ในขณะที่ผมเองกำลังแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อเตรียมที่จะไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน

กึก!!!
“ฮัลโหล ใครครับ”
“บาส??? แบงค์??? นั่นใครน่ะ”
อ้อ แม่นี่เอง นี่ขนาดเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กยังแยกความแตกต่างของลูกตัวเองไม่ได้อีกแน่ะ - -

“แบงค์ครับแม่ มีอะไรเหรอครับ โทรมาแต่เช้าเชียว”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก สบายดีรึป่าวน่ะเรา”

“ก็สบายดีอ่ะครับแม่ แล้วแม่ล่ะ พ่อด้วย”
ผมถามกลับไป พลางใส่ถุงเท้าอย่างทุลักทุเล
“ก็สบายดี แล้วบาสล่ะ ตื่นยัง”
“อ่ะ....เอ่อ ตื่นแล้วๆ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี่เองแม่”

“หืม...??? บาสเนี่ยนะ ตื่นเช้า โกหกแม่ป่าวเนี่ย”
ฉึก~~~~!!!! จับติดด้วย  = =

“ป่ะ ป่าวๆ ป่าวนะแม่ เพิ่งออกไปเมื่อกี้จริงๆ”

“เอาเถอะๆ ไงๆ ก็เตือนๆ มันด้วยละกัน ว่าอย่าเที่ยวให้มันมากนัก บ้านช่องกลับมั่ง อย่าให้แม่ต้องลงไปจัดการเองนะ ไม่งั้นโดนทั้งพี่ทั้งน้องน่ะล่ะ”
“เฮ้ย แม่ ผมเกี่ยวไรด้วยอ่ะ”
ผมถามกลับไปด้วยความงง
“ก็เราเป็นพี่นี่ ต้องดูแลน้องสิ”
“แค่ 20 นาทีเนี่ยนะ”
“นั่นล่ะ งั้นเป็นอันว่าโอเคนะ ไม่มีปัญหาอะไรนะ อยู่กันได้นะ”
แม่ผมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

“ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่อ่ะล่ะ ดูแลตัวเอง ดูแลพ่อด้วยนะ”
“จ้าๆ งั้นแค่นี้ละกันนะ มีเรื่องอะไรก็โทรมาละกัน”
“ครับ บายครับ”

ผมวางสายพร้อมกับใส่ถุงเท้าให้ดี ก่อนที่จะหยิบกุญแจบ้านออกมา
นี่ก็เปิดเทอมมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ก็ยังวุ่นๆ อยู่เหมือนเดิม

ชมรมก็ยังไม่ได้เลือกที ว่าเทอมนี้จะเข้าชมรมอะไร
เทอมที่แล้วเข้าชมรมบาสไป ก็โอเคอยู่นะ แต่รู้สึกว่า วุ่นวายไปหน่อย
คนนู้น คนนี้เยอะแยะไปหมด คงไม่ลงเทอมนี้ต่อละ

แถมไหนจะถูกพี่ ม.6 มาทาบทามให้ลงสมัครคณะกรรมการโรงเรียนอีก - -

ผมเองก็ไม่ค่อยชอบกับอะไรที่ต้องพบปะผู้คนเยอะๆ เสียด้วยสิ
ไม่เอาดีกว่า


แต่จะปฏิเสธยังไงดีล่ะ ????
เฮ้อออออออ

“หวัดดี ทำหน้าหมาเซ็งมาแต่ไกลเชียวนะ”
นันท์ทักทายผมสีหน้ายิ้มแย้ม ทันทีที่ผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์
“เซ็งเด็กแว่นแถวนี้นี่ล่ะ”
ผมตอบกลับไปพร้อมกับเอามือยีหัวนันท์เหมือนทุกที

“เอ้า อะไรเนี่ย อยู่ๆ ก็มาเซ็ง”
นันท์ถาม พร้อมกับเอามือจัดทรงผมใหม่อีกรอบ

“ล้อเล่นน่ะ ไม่มีไรหรอก”
ผมยิ้มตอบกลับไป พร้อมกับกอดคอนันท์แน่น โดยไม่พูดอะไรต่อ
“เอ้อ นันท์ เลือกได้ยังว่าจะเข้าชมรมอะไร”


“อืม.......คิดไม่ออกอ่ะ สงสัยคงได้อยู่ชมรมเดิมแน่เลย”
“ชมรมห้องสมุดอ่ะนะ”
ผมหันไปถาม นันท์พยักหน้าตอบผม
“แล้วแบงค์อ่ะ เทอมนี้จะเข้าบาสต่อป่าว”

“คงไม่อ่ะ”
“อ่าว ไมอ่ะ”
“ก็เบื่อๆ อ่ะ คนเยอะ เรื่องแยะ เดี๋ยวคนนู้นว่างู้น เดี๋ยวคนนี้ว่างี้ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
ผมตอบไปแบบเซ็งๆ

“ก็แหงล่ะ กีฬานี่ ต้องเล่นให้เข้ากับคนอื่น ไงๆ ก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอยู่วันยังค่ำอ่ะล่ะ”
“ก็เลยไม่ค่อยชอบไง แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าชมรมไรดี”
ผมถอนหายใจเบาๆ ทีนึง ส่วนนันท์ก็ทำหน้าครุ่นคิดครู่นึง
“งั้นมาเข้าชมรมห้องสมุดกับนันท์ป่ะ”
นันท์หันมาถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ชมรมห้องสมุด.....อืม.....”
ผมยังลังเลเล็กน้อย
“ชมรมห้องสมุดก็สบายอยู่นะ ไม่ค่อยมีอะไรมาก ส่วนมากแค่จัดๆ หนังสือให้เข้าที่ตามหมวดหมู่ แต่ส่วนมากก็อู้นั่งอ่านหนังสือเล่นกันทั้งนั้นน่ะ อิอิ จะหนักหน่อยก็ตอนมีหนังสือใหม่เข้ามาน่ะล่ะ ที่ต้องมานั่งแอดหนังสือเข้าระบบ แต่ก็แค่เดือนละครั้งเอง”
นันท์พูดติดตลกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มของนันท์ดูจริงใจจนผมอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

“ก็น่าสนดีนะ ขอคิดดูก่อนละกันนะ ขอบใจนะ ที่ชวน”
ผมพูดขอบคุณ พร้อมกับส่งยิ้มให้ พลางเขย่าไหล่นันท์เบาๆ นันท์ยิ้มอายๆ เล็กน้อย


..............................................................................
ที่โรงเรียน

“หวัดดีจ้า นันท์ แบงค์ด้วย”
มายด์เดินเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนทุกวัน ผมทักตอบกลับไป
“นันท์ มานี่หน่อยสิ มีอะไรจะคุยด้วย ขอยืมตัวแปบนะจ๊ะ แบงค์”
ผมพยักหน้ายิ้มๆ บวกงงๆ จะมาขอผมทำไมเนี่ย - -


“เฮ้ย ไอแบงค์”
เสียงห้าวๆ เรียกผม ผมหันไปยังต้นเสียงนั้น
“อ่าว เมิงเองเหรอ ว่าไง ไอพล”
ผมตอบกลับไป พลางหยิบเอาสมุดการบ้านออกมาจากกระเป๋า เพื่อจะเอาไปวางบนโต๊ะหน้าห้องเพื่อให้หัวหน้าห้องเอาไปส่ง
“สบายดีมั้ยวะ”
พลถามพร้อมกับกอดคอผมแน่น จนผมได้กลิ่นบุหรี่บางๆ โชยมาจากมัน
“กรูอยู่ห้องเดียวกับเมิง เห็นกรูอยู่ทุกวัน ยังจะต้องถามอีกเหรอวะ”
ผมตอบกลับไปแบบไม่ค่อยสนใจมันมากนัก เพราะปกติ ก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันบ่อยมากนัก
แต่เพราะเคยอยู่ชมรมบาสมาด้วยกัน ก็เลยพอทำให้ได้คุยๆ กันบ้างเท่านั้นล่ะ

“โห ไรเนี่ย พูดจาตัดน้ำใจสุดๆ เลยนะเมิง คนเค้าอุตส่าห์ เป็นห่วงเป็นใย”
“มีธุระอะไร ว่ามาเหอะ กรูเหม็นกลิ่นบุหรี่ของเมิงว่ะ”
ผมพูดตัดบทด้วยความรำคาญเล็กน้อย ไอพลมันหันไปดมๆ ตัวมันเล็กน้อย

“พี่แจ้เค้าให้กรูมาถามเมิงว่าเทอมนี้จะเข้าชมรมบาสอีกป่าว”
ไอพลถามผม พร้อมกับเดินไปหยิบเก้าอี้แถวนั้นมาขึ้นนั่งยองๆ
ผมเงียบไปครู่นึง

“ฝากบอกพี่แจ้ด้วยละกัน ว่ากรูคงไม่เข้าชมรมบาสว่ะเทอมนี้”
ผมตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองหน้ามัน
“อ้าว ทำไมวะ เห็นเมิงชอบเล่นบาสด้วยนี่ แถมยังเล่นออกจะเก่งอีกด้วย เก่งกว่ากรูอีก”

“กรูชอบอ่ะ ใช่ แต่กรูก็แค่ชอบเล่นเท่านั้นล่ะ แต่ให้ลงแข่งอะไรนั่น กรูไม่เอาอ่ะ กรูชอบเล่นของกรูเฉยๆ อ่ะ”
ผมตอบกลับไป พร้อมกับหันไปมองหน้ามัน ดูไอพลจะผิดหวังเล็กน้อย

“ตกลงไม่เข้าจริงอ่ะ”
“อืม”

ผมกับไอพลเงียบกันไปครู่นึง

“อ่ะ ตามใจเมิงละกัน เดี๋ยวกรูไปบอกพี่แจ้ให้ละกัน แต่ไงก็ลองคิดดูอีกทีละกัน เผื่อเมิงจะเปลี่ยนใจ”
พลพูดกับผมพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้

“กรูไม่เปลี่ยนใจหรอก ฝากบอกพี่แจ้ด้วยละกัน ว่ากรูขอโทษ แต่กรูคงไม่เข้าอ่ะ”
“เออๆ ตามใจเมิง เออกูว่าจะถามเมิงหลายทีละ ไอรอยแผลเป็นที่เหนือคิ้วเมิงอ่ะ ไมไม่หายาทาวะ จะได้หายๆ กูเห็นมาหลายปีแล้วนะเว้ย”
ไอพลมันพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาพยายามจะจับดูรอยแผลเป็นนั้น แต่ทันทีที่มันพยายามจับ

“เฮ้ย อย่า~~!!!”
เหมือนสัญชาติญาณมันไปเอง ผมรีบผละตัวออกพร้อมกับปัดมือของมันออก
ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป ผมเห็นไอพลทำสีหน้างุนงง
“เฮ้ย เป็นไรไปวะ ของขึ้นเรอะ กูแค่ถามเฉยๆ”

“เอ่อ ป่าวๆ กูแค่ตกใจนิดหน่อย โทษที”
ผมตอบกลับไปแบบตะกุกตะกัก ไอพลมองผมก่อนที่จะพยักหน้าแบบงงๆ

“เฮ้ย ไอตี๋เอ๋อ ไปกินข้าว เร็ว เดี๋ยวออดดัง อดกินกันพอดี”
ไอพลหันไปตะโกนเรียกเพื่อนนักเรียนในห้องอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นเบ๊ของมัน
อีกฝ่ายเมื่อได้ยินแบบนั้น ก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะเดินตามไอพลทันที แบบไม่ขัดขืนอะไรแม้แต่น้อย

ผมเดินเอาสมุดไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ ห้องเพื่อหานันท์
แต่ก็ไม่เจอ สงสัยคงไปคุยที่อื่นละมั้ง งั้นไปหาอะไรกินรองท้องหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะหิวอีก

ผมใช้เวลาไม่นานนักในการเดินลงมายังโรงอาหารเพื่อหาพวก นม ขนมกินรองท้อง

“แบงค์~~~~~~!!!!!!”

เสียงใครบางคนเรียกผมจากข้างหลัง ผมหันไปตามเสียงนั้น
“พี่โอ”
ซวยแล้ว ดันมาเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุด
พี่โอ คนนี้ล่ะครับ ที่ชวนผมให้ลงสมัครคณะกรรมการนักเรียน
“อ่า หวัดดีครับ”
ผมทักกลับไปแบบยิ้มแหยๆ
“ว่าไง ตกลงได้คิดรึยังว่าจะเข้าสมัครมั้ย”
นั่นไง เข้าประเด็นไม่อ้อมค้อมเลยด้วย - -

“เอ่อ คือ.......ผมคิดว่า.....ผมคงไม่เหมาะอ่ะครับพี่”
ผมพยายามจะปฏิเสธ
“ไม่เหมาะตรงไหน พี่ว่าเราน่ะ คุณสมบัติเพียบพร้อมเลยนะ เรียนก็ดี กีฬาก็เก่ง ความประพฤติก็ใช้ได้ มีอะไรไม่พร้อมอีกล่ะ”
พี่โอพยายามจะชักจูงผมให้ได้ ลากแม่น้ำทั้ง 100 สาย มาโน้มน้าวจิตใจผม

“ลงเหอะ พี่ว่าเราน่ะเหมาะสุดแล้ว สาวๆ ออกจะชอบเราตั้งเยอะ ยิ่งถ้ามีแรงสนับสนุนจากพี่ด้วยนะ ยังไงคนก็เลือกอยู่แล้ว”
ผมทำหน้าลังเลอยู่ครู่นึง ที่ลังเลนี่ ไม่ใช่เพราะอยากสมัครหรอกนะ
แต่ลังเลเพราะไม่รู้จะปฏิเสธแกยังไงดี ปฏิเสธไป แกก็ไม่ฟังอยู่ดีน่ะล่ะ จะให้ผมลงสมัครให้ได้


“งั้นถ้าไง ก็ลองกลับไปคิดดูอีกทีแล้วกันนะ พี่อยากให้เราลงให้ได้นะ ไงๆ มันก็ดีต่ออนาคตเราน่ะล่ะ”
พี่โอ พูดจบ พร้อมกับโบกมือลาให้ผม ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

เฮ่ออออออ ชักไม่มีอารมณ์จะกินอะไรแล้วสิ
แต่ไงๆ ก็ต้องกินล่ะนะ แต่คงไม่อร่อยแล่วล่ะมั้ง - -



............................
หลังจากนั้น 2-3 วัน ผมก็ยังคงโดนพี่โอไล่ตามอีกเหมือนเดิม
บางครั้งก็หนีทัน บางครั้งก็หนีไม่ทัน ก็ได้แต่ปัดๆ ไป
หวังว่า สักวันแกคงจะรู้ตัวสักทีนะ - -


“เฮ่ออออออออ”
“หืม เป็นไรอ่ะ แบงค์”
นันท์ถามผมทันทีที่ได้ยินเสียงผมถอนหายใจ (เอ๋ นี่ผมเผลอถอนหายใจไปเหรอเนี่ย)

“ห่ะ หา อ่ะ อ๋อๆ ป่าวๆ”
ผมพยายามตอบปัดไป ในขณะที่พยายามเข้าจังหวะให้ถูกต้อง
เพราะคาบนี้วิชาพละน่ะครับ เทอมนี้ อาจารย์ให้เรียนเรื่องการเข้าจังหวะ
ก็คล้ายๆ พวกลีลาศอะไรนั่นล่ะครับ
วันนี้ให้แค่ลองซ้อมๆ กันน่ะครับ เอาแค่ให้พอรู้จังหวะแค่นั้น
ผมเองก็จับคู่กับนันท์นี่ล่ะครับ
(อาจารย์บอกว่า แค่ซ้อมให้จับ ชายคู่ชาย หญิงคู่หญิงไป กันพวกผู้ชายแต๊ะอั๋ง - -)

“โกหกอีกแล้ว”
นันท์พูดจับทางผมได้ พร้อมกับเอามือที่วางอยู่บนไหล่ กำไหล่ผมแน่น

“แบงค์แบบนี้ทุกที มีเรื่องอะไรก็ชอบเก็บเงียบไว้คนเดียวตลอด”
นันท์พูดเป็นเชิงน้อยใจผมหน่อยๆ
“เอ่อ ก็......แบบว่า พี่โออ่ะสิ แกพยายามตามตื้อให้ลงสมัครคณะกรรมการนักเรียนให้ได้เลย ปฏิเสธไปไง พี่แกก็ไม่ยอมฟัง ก็เลยเซ็งๆ อยู่เนี่ย”
ผมพูดระบายออกไป มือก็จับเอวนันท์ไว้ นันท์เองทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักนึง

“ไม่ลองพูดตรงๆ ไปเลยล่ะ เห็นปกติ แบงค์ก็แค่ปฏิเสธอ้อมๆ ไปนี่”
“แต่ว่า......”
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องกลัวว่าพี่เค้าจะเสียน้ำใจ ในเมื่อแบงค์ไม่ชอบ แล้วพี่เค้ายังตามตื้ออยู่ได้ แบงค์ก็ควรจะพูดไปตรงๆ เลยนะว่าไม่ชอบ”
นันท์พูดกับผมเสียงเข้ม พร้อมกับทำหน้าดุๆ ใส่ผม มือผมกับมือนันท์เกาะกุมกันไว้แน่นกว่าเดิม

“ถ้าเจอพี่โอเค้าอีก ก็บอกไปตรงๆ เลย ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้วนะ ไม่งั้นแบงค์ก็ต้องเจอพี่เค้าตามตื้ออยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ น่ะล่ะ”

ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง
“ครับ จะไปบอกครับ ขอบคุณนันท์นะครับ ที่ช่วยแบงค์”
ผมพูดจบ ก็โน้มตัวไปกอดนันท์แน่นทันที แน่นจนชนิดที่ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นของนันท์รัวแบบไม่เป็นจังหวะ
(เข้าจังหวะแค่นี้เหนื่อยเลยเหรอเนี่ย - -)
แต่คงด้วยเพราะผมรีบโถมตัวไปกอดนันท์เร็วเกินไปมั้ง นันท์เลยไม่ทันได้ตั้งตัว
ผลก็คือ

“ฮ่ะ เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ”
ตุบ~~~!!!! โครม~~~!!!
“โอ๊ย เจ็บๆ”

“เอ้าๆ ตรงนั้นเล่นอะไรกันน่ะ เต้นจนขาพันกันรึไง”
อาจารย์เดินเข้ามาดูพร้อมกับดุผมทั้งสองคน ที่ตอนนี้ลงไปนอนกองกับพื้น
โดยที่ผมคร่อมทับตัวนันท์อยู่ ในขณะที่เพื่อนๆ ในห้องต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“น่ะ หนักๆๆ”
นันท์ส่งเสียงอิดออด พลางดันตัวผมให้ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่แดงอย่างเห็นได้ชัด
“อ่ะ โทษทีๆ”
ผมรีบลุกตัวขึ้นทันที พร้อมกับดึงมือนันท์ให้ลุกขึ้นมา

“ว่าไง เจ็บอะไรตรงไหนป่าว”
อาจารย์ถามผมสองคน ก่อนที่จะมองสำรวจพวกผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ผมป่าวครับ แล้วนันท์ล่ะ”
ผมหันไปถามนันท์
“นิดหน่อยอ่ะ เหมือนหัวจะกระแทกพื้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้อะไรมากหรอก แค่มึนๆ อ่ะ”

“งั้นไปห้องพยาบาลให้อาจารย์เขาดูหน่อยมั้ยล่ะ”
“ไม่เป็นไรครั....”
“ก็ดีครับ เดี๋ยวผมพาไปเองครับ”
ผมรีบชิงบทพูด พร้อมกับอุ้มตัวนันท์ขึ้นมาทันที โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

“เฮ้ยๆ แค่ปวดหัวนิดหน่อย ไม่ใช่ขาหัก ถึงขั้นต้องอุ้มเลยเรอะ”
อาจารย์แซวผม
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้สบายๆ ครับ”
ผมหันไปยิ้มตอบ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง โดยปล่อยให้เพื่อนๆ ในห้องฮือฮากันไป


“นี่ ปล่อยลงเหอะแบงค์ แค่นี้เอง ไม่เป็นไรมากหรอก”
นันท์พยายามพูดกับผมด้วยสีหน้าอายๆ อยู่พอสมควร
“เอาเหอะ ถือว่าเป็นข้ออ้างที่ดีนะ”
ผมหันไปยิ้มกับนันท์
“ข้ออ้างอะไร นี่อย่าบอกนะว่าจะโดดอ่ะ”



ผมไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มให้นันท์อย่างเดียว แต่นันท์ยังพยายามจะดิ้นเพื่อให้ผมปล่อย
“อยู่นิ่งๆ สิ เดี๋ยวก็หล่นลงไป เจ็บมากกว่าเดิมหรอก”
ผมพูดพร้อมอุ้มนันท์ให้ดีกว่าเดิม
“รู้ล่ะน่ะ”
นันท์พูดปัด ก่อนที่จะเงียบไป


.........................
หลังจากที่ผมพานันท์มาส่งที่ห้องพยาบาลเพื่อให้อาจารย์ดูอาการก็พบว่า
หัวโนเล็กน้อย แต่ไม่ร้ายแรงมาก
อาจารย์เลยให้นอนพักสักครู่ ผมเลยถือโอกาสโดดเรียนมานั่งเฝ้าจนถึงคาบเที่ยงเลย
(โกหกอาจารย์ห้องพยาบาลว่า อาจารย์พละให้มาเฝ้า)

ไม่นานนัก นันท์ก็หลับไป ผมจึงได้แต่นั่งเฝ้าอย่างเงียบๆ

นันท์เวลานอนก็ดูบ๊องๆ ดีแฮะ
สายตาคงจะสั้นมากเลยสิเนี่ย ดูจากเลนส์ของแว่นนี่ถอดวางไว้ - -


จะว่าไป เมื่อกี้........................
ช่วงที่ผมกับนันท์ล้มลงไป เหมือนครู่นึง ปากของผมจะไปโดนแก้มของนันท์นิดนึงแฮะ


“...................................”

แก้มนันท์นุ่มขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย
ปกติก็กำหมัดแตะเบาๆ อยู่ตลอดนะ แต่ก็ไม่ได้เอะใจ ไม่สิ ไม่ได้ใส่ใจมากกว่า

แถมยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวนันท์ด้วย
หอมจนผมเองยังรู้สึกเคลิ้มๆ ไปเหมือนกัน


ผมมองนันท์ที่กำลังหลับอยู่อย่างเงียบๆ
พลางยกมือมาลูบแก้มนันท์เบาๆ ก่อนที่เลื่อนไปจับเส้นผมอย่างทะนุถนอม

นี่ก็เหมือนกัน ปกติก็จับเล่นอยู่ทุกวัน ก็ไม่เคยสังเกตว่ามันนุ่มแบบนี้


“อือ.......”
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ทันทีที่นันท์ส่งเสียงในลำคอเบาๆ
พร้อมกับรีบดึงมือตัวเองกลับมา


จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปจริงๆ จึงถอนหายใจโล่งอกเบาๆ ก่อนที่จะนั่งมองอย่างเงียบๆ อีกรอบ




ไม่รู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ แต่เหมือนผมเองกำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ หน้าของนันท์


ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ใกล้จนกระทั่งผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นอีกครั้ง

“.....................”



“................................”

เฮือก~~~!!!!!
ผมรีบดึงสติตัวเองคืนมา พร้อมกับรีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องพยาบาลเพื่อตรงไปยังห้องน้ำ
ก่อนที่จะเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างหน้าตัวเองซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า




เมื่อกี้ผมกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ

รู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ
แล้วอยู่ๆ ชั่ววูบนึง เมย์ ก็เข้ามาในความคิด เลยทำให้ผมดึงสติคืนมาได้


เมย์
นี่แบงค์กำลังทำอะไรอยู่เหรอ ???




ผมเฝ้ายืนถามตัวเอง พร้อมกับล้างหน้าอยู่แบบนั้นหน้ากระจกในห้องน้ำนานเกือบครึ่ง ชม. โดยไม่สนใจคนที่เดินเข้าเดินออก


สงสัยคงเหนื่อย และคิดมากไปหน่อยแฮะช่วงนี้ สงสัยต้องเข้านอนให้เร็วกว่าเดิมแล้ว

เมื่อตั้งสติได้แล้ว ผมจึงล้างหน้าตัวเองอีกรอบ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อกลับไปยังห้องพยาบาลอีกรอบ


นันท์ยังนอนหลับอยู่เหมือนเดิม ผมจึงหาหนังสือแถวนั้นมานั่งอ่านเล่น
แต่ก็อ่านได้ไม่นาน ก็เผลอหลับไป


ในความฝันนั้น ภาพที่ผมเห็น คือภาพผมกับเมย์ และนันท์ในวัยเด็กเล่นกันอย่างสนุกสนาน


..................เมย์..................................
คิดถึงจัง..........................

.................อยากเจออีกครั้งนึงจัง มีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับเมย์เหลือเกิน......................


ฮึกๆ......ฮึกๆ........


“แบ.....”
ฮึ่กๆ.....


“แบงค์~~~~!!!!!”
ผมสะดุ้งทันที ที่ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม
เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าเป็น นันท์นี่เอง

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”
“อืม....จะเที่ยงแล้วอ่ะ ว่าแต่แบงค์เหอะ เป็นอะไรไป เห็นนอนร้องสะอึกสะอื้นอยู่เนี่ย”
นันท์ถามผมด้วยสีหน้า งงสุดๆ ก่อนที่จะเอามือมาจับหน้าผากผม

“ตัวก็ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่นะ ไม่สบายตรงไหนป่าว”
“ป่ะ ป่าวๆ เมื่อกี้แบงค์สะอึกสะอื้นเหรอ”
ผมถามด้วยสีหน้ายิ้มแหยๆ

“อืม นอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว ดูสิ มีน้ำตาด้วย”
ผมรีบเอามือมาแตะที่หน้าตัวเอง เออจริงด้วยวุ้ย


“จริงสิ ว่าแต่แบงค์ฝันว่าอะไรหว่า”
“อ้าว จำไม่ได้เหรอ”
นันท์ถามผมด้วยความสงสัย ก่อนที่จะขยับตัวมานั่งข้างเตียงเพื่อที่จะลุก

“อ่า ไม่ได้อ่ะ สงสัยคงฝันร้าย เจอผีหรือฝันว่าโดนแม่ด่าล่ะมั้ง แห่ะๆ”
ผมโกหกออกไป แต่ดูท่าว่านันท์เองก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

“ป่ะเหอะ หิวแล้ว หาไรกินกันเหอะ”
นันท์ลุกขึ้นพร้อมกับชวนผม ก่อนที่จะส่งมือมาให้ผม

ผมมองมือเล็กๆ นั้นครู่นึงก่อนที่จะส่งมือไปจับไว้แน่น พร้อมกับยิ้มตอบ


ถึงแม้จะยังคงสับสนอยู่บ้าง
แต่ผมเองก็ยังคงมีความสุขเล็กๆ นี้อยู่ดี

ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน




“นันท์”
“หืม....???”


“แบงค์เข้าชมรมห้องสมุดด้วยนะ”
ผมพูดออกไป พร้อมกับหันมายิ้มให้นันท์
นันท์เองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มตอบผมทันที

“จริงดิ เย่”
นันท์ดีใจจนแทบจะกระโดด
ผมกอดคอนันท์ไว้แน่นไปตลอดทางเดิน โดยที่ไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง



จบคาบเรียนที่ 2
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 1 เปิดเทอม
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 23-06-2013 00:22:43
:L2: ต้อนรับเรื่องใหม่ สู้ สู้ นะคะ

ขอบคุณครับ

ติดตามจ้ะ เรื่องใส ๆ น่าัรักจัง น้องนันท์ท่าทางจะคิดกับแบงค์เกินเพื่อนสินะ
เมย์ นี่เป็นแฟนเก่าแบงค์ใช่มั้ย ไม่อยู่แล้วนี่คือยังไงนะ
บาสยังไม่ปรากฎกาย แต่มีแฟนเป็นหนุ่มน้อย น้องแอล น่ารักจัง
รอดูพัฒนาการความรักของทั้งคู่นะจ้ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้ะ  :L2: :กอด1:

ขอบคุณครับ คำถามที่ถามนั้น คำตอบจะเป็นแบบไหน ต้องลองติดตามดูครับ  :o8:

เป็นความรู้สึกของเพื่อนแอบรักเพื่อนสินะ หวังว่าคงไม่ดราม่าน๊า อยากให้ใส ๆ น่ารักตลอดเรื่องจัง  :hao3:
แล้วบาสนี่เป็นปริศนาอะไรป่ะเนี่ย ตลอดเรื่องหาตัวไม่เจอ  :m7: ตอนหน้าคงได้เปิดตัวบาสแฟนน้องแอลน๊า
รอติดตามด้วยคนจ้า  :pig2:

ขอบคุณที่ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 2 ลังเล (23-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: nine_molly ที่ 23-06-2013 08:26:58
 :pig2:

เป็นกำลังใจให้จ้าา
รออ่านต่อ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 2 ลังเล (23-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-06-2013 10:53:50
เมย์คงเป็นคนรักของแบงค์ แต่แบงค์ยังยึดติดอยู่
ยึดติดจนทำให้มองไม่เห็นความรู้สึกที่นันท์มีให้

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 2 ลังเล (23-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 23-06-2013 13:11:13
น้องแบงค์เริ่มแอบมองน้องนันท์บ้างแล้ว ก็นะนันท์ให้ความรู้สึกน่ารัก อบอุ่นดี นี่แหละรักแท้แพ้ใกล้ชิด
แล้วความหลังกับเมย์นี่คืออาไรน๊า จะลึกลับพอ ๆ กับบาสไหมเพราะยังไม่เปิดตัวเลยอะ
รอติดตามตอนต่อไปค๊า  :bye2:  :L2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 2 ลังเล (23-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 23-06-2013 14:54:08
อ่านแล้วทำให้รำลึกไปถึงตอนเป็นนักเรียนผูกคอซองเลย (เรายังไม่แก่นะบอกไว้ก่อน )
ตอนนั้นก็กลุ้มเรื่องเลือกชมรมเหมือนกันเลยอ่ะ ที่จริงอยากกลับบ้านมากกว่าแต่บังคับว่าต้องเลือก
ไม่มีชมรมห้องสมุด เหมือนน้องนันท์ด้วย ไม่งั้นคงเลือกเหมือนน้องนันท์นะเนี่ย ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายน่ะ

เข้าเรื่องดีกว่า แหะๆ เหมือนมีปริศนาเยอะจังนะเนี่ย ทั้งเรื่องเมย์ เรื่องบาสที่ยังไม่ปรากกฎตัว เรื่องที่มายด์คุยกับนันท์
ที่สำคัญ เรื่องแผลเป็นที่หัวคิ้วของแบงค์ โดนอะไรมา แล้วทำไมถึงตกใจตอนพลจะแตะโดนนะ
ชอบที่นันท์แนะนำแบงค์นะ อยากทำหรือไม่อยากทำอะไรควรพูดให้เด็ดขาดไป ดีกว่าต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียว
มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ อาจต้องเตรียมใจรับดราม่าใช่มั้ยเนี่ย เรื่องเมย์ เหมือนเป็นแผลในใจอะไรซักอย่างของแบงค์
เหมือนแบงค์จะเริ่มมีความรู้สึกพิเศษต่อนันท์แบบไม่รู้ตัวแล้ว แต่เมย์ ก็เป็นคนที่ทำให้แบงค์พยายามปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง
พยายามปิดกั้น ไม่รับรู้ ทำตัวเหมือนปกติ แต่รู้สึกดีที่ได้อยู่เคียงข้างนันท์ไปแบบนี้
อืม แบงค์ที่เป็นแบบนี้ ควรมีตัวกระตุ้นนะเนี่ย ถ้ามีผู้ชายมาชอบนันท์ของเราซักคน แบงค์ยังจะเฉยได้อยู่มั้ยนะ
ปล. 1 ชอบเวลาแบงค์กันนันท์เรียกกันอ่ะ เรียกกันเพราะดีไม่กู มึง น่ารักดี
ปล. 2 แอบจิ้น พล กับตี๋เอ๋อ ที่เป็นเบ๊พลอ่ะ แหะ ๆ
เม้นท์ยาวไปหน่อย อย่าว่ากันนะ รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :mew1: :L2:

 
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 2 ลังเล (23-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-06-2013 02:32:48
คาบเรียนที่ 3 : ความสุข

“เฮ้ย ไอแบงค์ กุบอกพี่แจ้เค้าให้แล้วนะเว้ย ว่าเทอมนี้เมิงไม่ลงชมรมบาส”
พลเดินเข้ามาบอกผม ทันทีที่ผมเดินเข้าห้องเรียนมา
ในขณะที่ผมเองยังเบลอๆ นิดหน่อย ไม่รู้เป็นไง เหมือนช่วงนี้นอนไม่เต็มอิ่มเลยแฮะ

“เออ ขอบใจว่ะ แล้วพี่แจ้เค้าว่าไงมั่งล่ะ”
“จะเหลือเรอะ เมิงก็รู้นิสัยพี่เค้าดี กุสิ ต้องมานั่งฟังพี่แจ้เค้าบ่น จนหูกุแทบจะชาเลย”
ไอพลบ่นใส่ผม พร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“ขอโทษว่ะ”
“ช่างมันเหอะ กุชินละ เมิงแหละ ช่วงนี้ก็หลบๆ พี่เค้าหน่อยละกัน”
“เออ”

ไรเนี่ย หนีพี่โอ แล้วยังต้องมาหนีพี่แจ้อีกเหรอเนี่ย ความสงบสุขของผมอยู่หนายยยยยย
“ว่าแต่เมิงอ่ะ ไม่เข้าบาสแล้วเมิงจะเข้าชมรมไรวะ”
“กุว่าจะเข้าห้องสมุดว่ะ นันท์ชวน”

“ห๊ะห้องสมุดเนี่ยนะ มีไรให้ทำวะ”
พลถามพลางหัวเราะเบาๆ
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วยังเข้าเนี่ยนะ หรือว่าเมิงจะ......”
“ช่างกุเหอะ...”
“แบงค์~~~~~!!!!”

เสียงของมายด์เรียกผมจากข้างหลัง
“อ้าว มายด์ มีไรเหรอ ถ้านันท์ล่ะก็ ลงไปซื้ออะไรกินข้างล่างนู้นแน่ะ”
ผมพูดตัดบททันที เพราะคิดว่าอย่างมายด์ ถ้าเข้าหาผม ก็คงไม่พ้นเรื่องของนันท์ชัวร์

“ไม่ใช่ๆ นันท์อ่ะ เจอกันแล้วที่บันไดเมื่อกี้”
“อ้าวแล้วเรื่องไรล่ะ”
มายด์ยิ้มกรุ้มกริ่มเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย

“ก็อาทิตย์หน้าอ่ะ จะมีสอบเทสการเข้าจังหวะน่ะ เขาให้จับคู่ชาย-หญิง ก็เลยว่าจะมาถามแบงค์น่ะ ว่ามีคู่ยัง”
เออแฮะ ลืมไปเลยนะเนี่ย
“ยังอ่ะ ทำไมเหรอ”
“ก็ถ้ายัง มายด์จะขอจับคู่กับแบงค์ได้มั้ย”
มายด์พูดพร้อมกับยิ้มแป้นให้ผม ทำเอาผมงงอยู่ไม่น้อย

“อ้าว แล้วไม่จับคู่กับนันท์เหรอ”
“ไม่อ่ะ งานนี้ขอคู่แบงค์ดีกว่า นันท์เค้าอุตส่าห์ขอ....เอ้ย นันท์เค้าจับคู่กับคนอื่นไปแล้วน่ะ แห่ะๆ”
มายด์ยิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมหันไปมองหน้าพลที่กำลังทำหน้างงๆ ไม่แพ้ผม

“อืม ก็ได้ แต่แบงค์ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่นะ ได้คะแนนต่ำอย่าว่ากันนะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง มายด์ก็ไม่เก่งเหมือนกันน่ะล่ะ อิอิ งั้นเป็นอันว่าตกลงนะ ไปก่อนนะ ไปละ”
มายด์ตัดบท พร้อมกับจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดต่ออะไรเลย

“ยัยนั่นเซี้ยวใช่ย่อยว่ะ มาไวไปไวโคตร หรือว่าจะชอบเมิงอยู่วะ”
ไอพลพูดแซวผม พร้อมกับตบไหล่ผมเบาๆ
“จะบ้าเรอะ มายด์เค้าไม่ได้ชอบกุหรอก มายด์เค้าชอบนันท์นู่น เห็นอะไรๆ ก็นันท์ๆ ตลอด”
“เฮ้ย จริงดิ แล้วนันท์ล่ะว่าไงวะ”

“ไม่รู้ แต่ดูท่านันท์คงไม่รู้ตัวล่ะมั้ง ดูเอ๋อๆ ซะขนาดนั้น แต่ก็ไม่เข้าใจว่ะ มายด์ก็ดูจะกล้าซะขนาดนั้น ทำไมถึงไม่บอกนันท์ไปตรงๆ สักทีว่าชอบ”
ผมพูดสงสัย ก่อนที่จะหันไปทางไอพลที่ดูจะครุ่นคิดอะไรอยู่
“เป็นไรวะ”

“มายด์อ่ะ กุไม่รู้ แต่นันท์อ่ะ กุว่ามันไม่ได้ชอบมายด์หรอก มันน่าจะชอบคนอื่นอยู่”
“ห๊ะ นันท์เนี่ยนะ ชอบใครบางคนอยู่ ใครวะ กุไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
ไอพลมองหน้าผม พร้อมกับยิ้มกวนตีนใส่ผม ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกไป

“เรื่องไรกุต้องบอกวะ ไม่ใช่เรื่องของกุ อีกอย่างบอกไป ก็ไม่สนุกสิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า~~~~!!!!”
“อ้าวเฮ้ย ไหงงี้วะ ไอพล เฮ้ย กลับมาก่อนเว้ย”
ไม่ได้ผล ไอพลเดินออกไปโดยไม่สนใจหันกลับมาแม้แต่น้อย ปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่คนเดียว

หรือว่ามันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แกล้งอำผมเล่นๆ ไปงั้น
ไอนี่ปกติ ก็นิสัยเสียๆ แบบนี้อยู่ด้วย

ช่างมันเหอะ อย่าไปใส่ใจเลยดีกว่า
.
.
.
..................................................
ช่วงนี้ผมก็ยังคงใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่เหมือนเคย
ไหนจะทั้งพี่โอ แล้วยังจะต้องมาหลบพี่แจ้อีก
วุ่นวายกันเหลือเกินชีวิตตรู นี่ตกลงตรูเป็นนักเรียน หรือนักโทษแหกคุกกันแน่เนี่ย

ขนาดปฏิเสธพี่โอไปตรงๆ ตามที่นันท์บอกแล้วนะ แต่ดูเหมือนพี่โอแกยังไม่ลดละความพยายามเลยแฮะ
พักเที่ยงช่วงนี้ ผมก็เลยหลบไปอาศัยอยู่ในห้องสมุดพลางๆ
ด้วยเหตุที่ว่า คนไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่นัก เงียบสงบดี

ไหนๆ ก็เป็นสมาชิกชมรมห้องสมุดไปแล้วนี่

ผมเดินเลือกหาหนังสืออ่านไปเรื่อยโดยไม่มีจุดหมาย
เพราะปกติ ผมก็ไม่ใช่พวกชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่ ถึงแม้ในวิชาเรียนจะตั้งใจเรียนก็เถอะ
แต่เรื่องให้อ่านหนังสือนอกเวลา ผมกลับไม่ค่อยสนใจที่จะอ่านเลย

“อ้าว แบงค์”
เสียงของนันท์ทักผม เมื่อผมเดินมาถึงหมวดวิทยาศาสตร์ ในขณะที่นันท์เองก็กำลังยืนเลือกหนังสืออยู่
“ทำไรอยู่อ่ะ”
ผมถามพร้อมกับเดินเข้าไปหา
“ก็....กำลังหาพวกหนังสือ เกี่ยวกับจักรวาลอวกาศอะไรพวกนี้อะ”
“จะไปเป็นนักบินอวกาศเหรอ”
ผมแซวเล่นไป

“บ้าดิ ก็แค่อยากดูพวกรูปดาวต่างๆ จักรวาลอะไรพวกนี้อ่ะ มันสวยดี ดูแล้วชวนให้จินตนาการดี”
“ขนาดเป็นหนอนหนังสือขนาดนี้ ทำไมเกรดถึงได้ลูกผีลูกคนอีกละเนี่ย”
ผมพูดแซวออกไป ก็ตามนั้นล่ะครับ
นันท์เขาเป็นพวกหนอนหนังสือน่ะ เห็นชอบอ่านเสียเหลือเกิน
แต่ปกติ คนชอบอ่านหนังสือเขาต้องเรียนเก่งด้วยไม่ใช่เหรอ

แต่ไหง.................... - -*
 “เอาน่ะ นันท์รู้แหละ ก็ ชอบอ่าน ไม่ได้หมายความว่าต้องเก่งด้วยนี่
นันท์ก็แค่ชอบอ่าน แต่ ขี้เกียจจำ”
“เจริญ - -*”
นันท์ตอบก่อนที่จะหันไปเลือกหนังสือต่อ ก่อนที่จะหันมาหาผมอีก
“เออ ว่าแต่แบงค์เถอะ มาห้องสมุด มาหาไรอ่านเหรอ”

“ป่าวอ่ะ ก็แค่ว่าเข้ามาหลบพี่แจ้ กับพี่โอเฉยๆ น่ะ ไม่รู้จะไปไหนดี”
ผมพูดอย่างเซ็งๆ พลางหยิบจับหนังสือเล่มโน่น เล่มนี้มาเปิดผ่านๆ
“อ้าว ไหนว่าปฏิเสธพี่โอไปตรงๆ แล้วไง”
“ก็ถ้าแกรับฟังมันก็ดีอยู่หรอก เฮ้อ~~~~!!!!”
ผมถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับเดินเข้าไปข้างหลังนันท์ ก่อนที่จะกอดคอนันท์

“เฮ้ย ทำไรอ่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นหรอก”
นันท์เอ็ดใส่ผมเบาๆ แต่ผมก็ยังคงกอดคอนันท์ไว้เหมือนเดิม ก่อนที่จะซบหน้าลงไปบนไหล่นันท์

“ไม่มีใครมาเห็นหรอก”
“แต่....”
“นะ ขอแบงค์อยู่แบบนี้สักพักนะ แค่ตอนนี้ก็พอ”
ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ อีกรอบ นันท์เองเมื่อได้ยินแบบนั้น ก็นิ่งเงียบไปไม่พูดอะไรต่อ
ได้แต่เอามือมาจับมือผมเบาๆ ราวกับจะให้กำลังใจผม

ผมเองก็ไม่รู้ว่าด้วยเพราะอะไร
แต่รู้แค่ว่าตอนนี้ผมต้องการแค่นี้ก็พอแล้ว
“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกนันท์ได้นะ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าได้ระบายออกมา นันท์ก็ยินดีที่จะรับฟังนะ”
นันท์พูดกับผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ขอบใจ ขอบใจนะ นันท์ แค่นี้ แบงค์ก็ดีใจละ”



ใช่ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว
.
.
.
......................................................
หลังจากหมดวิชาสุดท้ายของวัน อาจารย์ภาวดี ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นก็รีบเข้ามาทันที
พร้อมกับบอกให้พวกเรานั่งลงที่ของตัวเองก่อน

“อาจจะกะทันหันไปนิดนะ แต่ขอรบกวนเวลาพวกเธอสักครู่นะ
เพราะพรุ่งนี้เช้าครูจะเข้าสายหน่อยเนื่องจากติดธุระ
เลยทำให้เข้า ชั่วโมงโฮมรูมไม่ได้ ก็เลยขอพูดตอนนี้ละกัน”
อาจารย์ภาวดีพูดพร้อมกับเดินแจกเอกสารอะไรสักอย่างให้พวกเรา

“พอดีกระทรวงเขาจะจัดค่ายอบรมต่อต้านยาเสพติด ซึ่งจะจัดขึ้นต้นเดือนหน้าเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน”

“ใครสนใจก็สมัครมากันได้นะ แต่รีบหน่อยนะ เขารับแค่โรงเรียนละ 20 คนเท่านั้น
ซึ่งทางโรงเรียนจะคัดเลือกจากใบสมัครอีกที แต่ยังไงครูก็อยากให้พวกเธอเข้าร่วมนะ
ยังไงก็เอารายละเอียดนี้ไปให้ผู้ปกครองเธอดูละกัน ถ้าสนใจก็ให้ผู้ปกครองพวกเธอเซ็นต์อนุญาตมาด้วยนะ
แล้วเอามาส่งครูภายในอาทิตย์นี้ด้วย”

หลังอาจารย์พูดจบก็ปล่อยพวกเรากลับบ้านตามปกติ


หลังเลิกเรียน ผมกับนันท์ก็ขึ้นรถเมล์กลับบ้านตามปกติเหมือนทุกวัน
“เออใช่ ได้เจอบาสยังอ่ะ”
นันท์ถามผม
“ก็เจอๆ นะ แต่เจอแค่ที่โรงเรียนอ่ะ มันยังไม่เข้าบ้านเลยเนี่ย”

“หา นี่จะเดือนนึงละนะ แล้วได้พูดอะไรกันมั่งป่ะ”
“จะได้พูดไรกันล่ะ แทบจะไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ แต่ก็บอกๆ มันไปละว่าให้กลับบ้านบ้าง”
ผมพูดไปแบบเซ็งๆ อีกรอบ นันท์เองคงเห็นผมท่าทางไม่ดีเลยรีบตัดบททันที
“เอาน่ะๆ เดี๋ยวอะไรๆ มันก็ดีขึ้นล่ะน่ะ นะ”
นันท์ยิ้มให้ผม พร้อมกับจับไหล่ผมเบาๆ

“เออ เมื่อเช้ามายด์เค้ามาขอแบงค์เป็นคู่สอบเทสเข้าจังหวะอาทิตย์หน้าด้วยอ่ะ”
“อื้ม มายด์บอกนันท์ละ”
“อ้าวเหรอ แล้วนันท์ล่ะ จับคู่กับใคร”
ผมถามกลับไป

“อืม........ยังไม่รู้เลยอ่ะ ยังไม่ได้คิดเลย”
“อ้าวเหรอ เห็นมายด์บอกแบงค์ว่านันท์จับคู่คนอื่นไปแล้ว มายด์เลยมาขอคู่แบงค์เนี่ย ตกลงไงแน่”
“อ้อๆๆ ก็มีดูๆ ไว้นะ แต่อีกฝ่ายเค้ายังไม่ตอบตกลงอ่ะ แห่ะๆๆ”
นันท์ตอบกลับแบบตะกุกตะกัก ท่าที่น่าสงสัย


-มายด์อ่ะ กุไม่รู้ แต่นันท์อ่ะ กุว่ามันไม่ได้ชอบมายด์หรอก มันน่าจะชอบคนอื่นอยู่-
อยู่ๆ คำพูดของไอพลก็ลอยเข้ามาในหัวผม

หรือว่านันท์จะ..........................
ผมหันไปมองนันท์ที่ตอนนี้กำลังหันหน้ามองไปทางอื่นอยู่

ผมไม่รู้ว่าควรจะถามดีมั้ย มันลังเลอยู่ในความคิด
ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

ใจนึงก็แอบดีใจด้วย

แต่มันดีใจแน่เหรอ

เหมือนอีกใจก็แอบๆ น้อยใจนิดๆ ที่รู้สึกเหมือนตัวเองโดนปิดบังอยู่
แต่ผมก็พยายามจะเข้าใจว่า นันท์เองคงอายไม่กล้าบอกผมล่ะมั้ง


นันท์กำลังแอบชอบใครบางคนอยู่

ทำไมผมต้องใส่ใจขนาดนั้นด้วยเนี่ย
แค่เพื่อนกำลังจะมีแฟน (?) แต่ทำไมเหมือนตัวเองกำลังไม่พอใจอยู่เล็กๆ


“เป็นอะไรไปอ่ะแบงค์ ทำหน้าเครียดเชียว”
นันท์หันมาถามผม ทันทีที่ผมกอดคอนันท์ไว้แน่นราวกับกลัวว่านันท์จะหายไป


“ป่ะ ป่าวๆ ก็แค่อยากกอดคอเฉยๆ”
ถึงจะพูดแบบนั้น
แต่ นั่นสิ ผมเป็นอะไรไป ตอนนี้



...............................................................
หลังจากที่ผมกับนันท์ลงจากรถเมล์ทันทีที่มาถึงหน้าหมู่บ้าน
เราทั้งสองต่างก็รีบเดินเพราะท้องฟ้าดูมืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก

“เออ แบงค์สนใจจะไปค่ายอบรมมั้ย”
นันท์ถามผมเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านของนันท์
ผมครุ่นคิดอยู่ครู่นึง

“ยังไม่รู้เลยอ่ะว่าจะไปดีมั้ย อีกอย่างพ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ด้วย ไม่มีใครจะเซ็นต์ใบอนุญาตให้”
นันท์ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

“เออใช่ ให้แม่นันท์เซ็นต์ให้มั้ยล่ะ”
“เฮ้ย แล้วอาจารย์จะไม่ว่าเหรอ”
“ก็ค่อยบอกเหตุผลอาจารย์สิ ไปเหอะ ถือโอกาสหนีพวกพี่แจ้ พี่โอด้วยไง ถือซะว่าไปเที่ยว นะ”
นันท์ทำหน้าเป็นเชิงอ้อนวอนผม
ก็น่าสนแฮะที่นันท์พูดมาเนี่ย

“แล้วนันท์ล่ะไปป่าว ถ้านันท์ไม่ไปแบงค์ก็ไม่ไปอ่ะ”
“ก็ว่าจะไปอ่ะ ถึงได้ถามแบงค์นี่ไง ตกลงไปนะ งั้นเอาใบขออนุญาตมา เดี๋ยวคืนนี้จะได้ให้แม่เซ็นต์ให้”
นันท์พูดกับผมพร้อมกับยื่นมามาทางผม ผมเปิดกระเป๋าเอาใบขออนุญาตส่งให้นันท์


เมื่อผมเดินมาถึงบ้านตัวเอง และกำลังจะไขกุญแจบ้านเข้าไป
กลับพบว่า กุญแจถูกไขออกไปก่อนแล้ว เมื่อสังเกตดูดีๆ ก็พบว่า มีรองเท้านักเรียนวางอยู่หน้าบ้าน


แสดงว่าไอบาสมันกลับมาแล้วสินะ

“ไอบาส ไอบาส กลับมาแล้วเหรอวะ”
ผมตะโกน พร้อมกับเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน
ไฟก็ไม่เปิด เรียกก็ไม่ตอบ ไปไหนของมันวะ

ผมได้ยินเสียงทีวีเปิดดังมาจากห้องนั่งเล่น เมื่อผมเดินเข้าไปก็พบไอบาสนอนหลับอยู่บนโซฟา
ดูมันเสื้อผ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน หลับทั้งชุดนักเรียนแบบนี้เลยเนี่ยนะ

“เฮ้ย ไอบาส ตื่นๆ ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีก่อนไป”
ผมปลุกไอบาสให้ตื่น อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาแบบงัวเงีย และดูจะอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย

“เมิงนึกไงถึงกลับบ้านได้วะ”
ผมหันไปถามก่อนที่จะเดินเข้าห้องครัวเพื่อไปหยิบนมในตู้เย็นออกมาดื่ม
“แม่โทรไปด่าอ่ะสิ”
ผมพูดทับไปอีกที

“เมิงโทรไปฟ้องแม่อ่ะดิ”
เสียงของไอบาสตะโกนดังลงมาจากชั้นบน
“อย่าพาลเว้ย กุไม่ได้ฟ้องสักนิด”
“แล้วแม่จะรู้ได้ไงวะ”
“กุจะไปรู้เรอะ แต่เมิงเองอ่ะล่ะ หัดกลับบ้านซะมั่ง ไม่ใช่ไปหมกอยู่แต่บ้านเมีย หัดเกรงใจเขามั่ง”
ผมบ่นกลับไป แต่ไร้เสียงใดๆ ตอบกลับมา สงสัยคงขึ้นไปนอนข้างบนละมั้ง
น้ำก็ไม่อาบ ช่างมันละ เหนื่อยใจ ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาเหมือนกัน ก็ไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่หรอก - -

หลังจากที่จัดการนมหมดไป ผมก็ขึ้นข้างบนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะลงมาดูทีวีข้างล่าง

ผมล้มตัวลงนั่งบนโซฟา ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับกดรีโมทเพื่อเปิดทีวีซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้น่าดูมากนัก ผมจึงกดปิดไป


เมย์......
ตอนนี้แบงค์กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
ตอนนี้แบงค์เป็นอะไรอยู่

ตอนนี้ บางครั้งแบงค์เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตัวเองเป็นอะไรไป


ถ้าตอนนี้เมย์ยังอยู่ตรงนี้เหมือนเมื่อก่อน ก็คงจะดีกว่านี้แน่


ในขณะความคิดของผมกำลังสับสนอยู่นั้น ผมก็ได้แต่นอนคุดคู้อยู่บนโซฟา
ก่อนที่จะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่บาสลงมาปลุกให้ไปนอนข้างบน
ซึ่งที่จริงน่าจะเรียกว่าไล่ที่มากกว่านะ เพราะทันทีที่ผมลุกขึ้น ไอบาสมันก็ลมตัวลงบนโซฟาแล้วเปิดทีวีทันที

ผมมองดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบๆ 4 ทุ่มแล้ว
ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลยนี่หว่า แต่ขี้เกียจละ ขึ้นห้องเลยดีกว่า


แต่ดันเผลอหลับไปตอนหัวค่ำนี่สิ ตอนนี้เลยรู้สึกตาสว่างๆ ขึ้นมาซะแล้วสิ - -


งั้นลงไปหาอะไรกินดีกว่า เผื่อว่าถ้าหนังท้องตึง หนังตาอาจจะหย่อนก็ได้
ผมเดินลงไปข้างล่าง เปิดตู้เย็นดูว่าพอมีอะไรจะออกมาทำกินได้มั่งมั้ย
ก่อนที่จะพบว่า ณ เวลานี้ ตู้เย็นบ้านผมแทบจะไม่เหลืออะไรกินเลย

สงสัยพรุ่งนี้เลิกเรียนค่อยแวะซื้อที่ซุปเปอร์หน้าหมู่บ้านละกัน

“เฮ้ย ไอบาส กุจะออกไป 7-11 เมิงจะฝากซื้อไรป่าว”
ผมหันไปถามไอบาสที่ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่
มันหันมามองผมนิดหน่อย

“เอากรองทิพย์ซองนึงละกัน เมิงออกตังไปก่อนนะ เดี๋ยวกุค่อยให้ เป๋าตังกุอยู่บนห้อง”

“นี่เมิงยังไม่เลิกสูบบุหรี่อีกเหรอวะ เดี๋ยวแม่รู้ก็ได้บ้านแตกอีกหรอก”
“ก็ถ้าเมิงไม่พูด แม่จะรู้มั้ยล่ะ”
มันย้อนกลับใส่ผม โดยที่ไม่หันมามองผมสักนิด

“งั้นกุไม่ซื้อให้ว่ะ ถ้าเมิงจะสูบ เมิงก็ไปซื้อเองละกัน”
ผมพูดพร้อมกับเดินออกจากบ้านมาโดยไม่สนใจที่จะเถียงกับมันต่อ

ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เลยว่าผมกับมันจะเป็นฝาแฝดกัน
นอกจากหน้าตาแล้ว แทบจะไม่มีอะไรคล้ายกันเลยสักนิด

ผมเดินขึ้นไปหยิบมือถือกับกระเป๋าตังบนห้อง แล้วก็ปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยัง 7-11 หน้าหมู่บ้านทันที


เอาพวกของเบาๆ ดีกว่า นมละกัน กับขนมปังสักชิ้น คงอยู่ท้องนะ

หลังจากที่ซื้อเสร็จผมก็ไม่รอช้า แกะกินหน้า 7-11 นั่นล่ะ
เพราะขี้เกียจทิ้งขยะที่บ้าน - -* ก่อนที่จะปั่นจักรยานกลับบ้านทันทีที่กินเสร็จ

เมื่อปั่นมาถึงบ้านนันท์ ผมหันไปสังเกตหน้าต่างห้องของนันท์ ก็พบว่าไฟยังคงถูกเปิดอยู่
แสดงว่าเจ้าตัวน่าจะยังไม่นอนที ผมจึงหยิบมือถือขึ้นมา


“...................................”

“ตื๊ด”
“โหล ว่าไงแบงค์ มีไรเหรอ”
เสียงของอีกฝ่ายทักผมทันทีที่รับสาย ผมได้ยินเสียงทีวีดังลอดผ่านเข้ามา

“ดูทีวีอยู่เหรอ ถึงยังไม่นอนเนี่ย”
“ได้ยินด้วยเหรอ”
“ได้ยิน แถมเห็นด้วยว่าไฟยังไม่ปิด ก็เลยลองโทรมาเนี่ย”
สิ้นเสียงพูดไม่นาน นันท์ก็โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างทันที

“อ้าว ทำไมมาอยู่ตรงนี้อ่ะ”
“มาหาไรกิน 7-11 อ่ะ”
“ให้ไปเป็นเพื่อนป่าว”
นันท์ถามผม พร้อมกับชี้ไปที่ตัวเอง
“ไม่เป็นไร ซื้อแล้วก็กินเสร็จแล้วน่ะ ก็แค่อยากโทรมาแหย่เด็กแว่นเล่นน่ะ 555+”
“เดี๋ยวเถอะๆ”

“งั้นไม่กวนละ แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ แบงค์ อย่าเพิ่งวางสาย”
“หือ ไมเหรอ”
“แม่เซ็นต์ใบขออนุญาตให้แล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปให้นะ”
“ขอบคุณมาก ฝากขอบคุณแม่นันท์ด้วยละกัน งั้นแค่นี้นะ ไปดูทีวีต่อเถอะ”

ผมวางสายพร้อมกับเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะปั่นจักยาน

“แบงค์~~~!!!”
เสียงของนันท์เรียกผม ผมจึงหยุดและหันกลับไป
“มีไรเหรอ”
ผมถามกลับไป นันท์ได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร (คิดว่ายิ้มนะ ไม่รู้มันไกลอ่ะ มองไม่ชัด - -*)

“อะไรๆ ยิ้มอะไร”
“ป่าว แค่จะบอกว่า......”

“ว่า...?”


“ฝันดีนะ ไปละ ไปดูทีวีละ”
นันท์กลับเข้าไปในห้องทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่กับจักรยานคู่ใจไปพักนึง


“ไอเด็กบ๊องเอ้ย”
ผมอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างมีความสุข

แม้จะแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็ตามที






จบคาบเรียนที่ 3
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 2 ลังเล (23-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-06-2013 02:56:03
สวัสดีครับ ทุกท่าน ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะครับ
ทั้งท่านที่เข้ามาอ่านอย่างเดียว และท่านที่คอมเม้นท์ด้วย
(ใจจริงอยากให้คอมเม้นท์ด้วยนะ จะได้รู้จุดต้องปรับปรุง 555+)


อันที่จริงนิยายเรื่องนี้ ผมแต่งไว้นานแล้ว หลายปีพอสมควร
แรกเริ่มเดิมที ผมแต่งเล่นลงในเวปเกมส์แห่งนึง
แต่ปรากฏว่า แต่งไปแต่งมา ดันอินเสียเอง เลยย้อนกลับมาแก้ไข ใส่เหตุผลเพิ่มลงไป

แต่ด้วยหน้าที่การงานในช่วงนั้น (วัยเริ่มทำงานน่ะ)
เลยทำให้ต้องร้างลาไป

แต่ตอนนี้อะไรๆ เริ่มเข้าที่เข้าทางละ และพอดีมีซีรีย์ ฮอโมนส์ วัยว้าวุ่น พอได้ดูแล้ว
เลยทำให้คิดถึงเหล่าตัวละครทั้งหลาย ทั้งแบงค์ นันท์ มายด์ บาส พล และอีกหลายคนที่จะเข้ามามีบทบาทในเรื่อง

ก็เลยกลับมาสานต่อ เพราะเป็นนิยายลูกรักเลยล่ะ รวมถึงตัวละครด้วย

ค่อนข้างเป็นนิยายเรื่องยาวพอสมควร ยังมีอะไรในเนื้อเรื่องอีกเยอะ

ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่อาจจะไม่มีฉากตบจูบ ถึงพริกถึงขิง เพราะไม่ถนัดแนวนั้น 555+

ยังไงก็อยากให้ติดตาม ติชมด้วยนะครับอย่าเพิ่งหนีไปไหน ^^  :-[



:pig2:

เป็นกำลังใจให้จ้าา
รออ่านต่อ
 :pig4:

ขอบคุณครับ  :o8:

เมย์คงเป็นคนรักของแบงค์ แต่แบงค์ยังยึดติดอยู่
ยึดติดจนทำให้มองไม่เห็นความรู้สึกที่นันท์มีให้

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ

อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ครับ  :-[

น้องแบงค์เริ่มแอบมองน้องนันท์บ้างแล้ว ก็นะนันท์ให้ความรู้สึกน่ารัก อบอุ่นดี นี่แหละรักแท้แพ้ใกล้ชิด
แล้วความหลังกับเมย์นี่คืออาไรน๊า จะลึกลับพอ ๆ กับบาสไหมเพราะยังไม่เปิดตัวเลยอะ
รอติดตามตอนต่อไปค๊า  :bye2:  :L2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า

ใจนึงอยากบอก แต่บอกไปเดี๋ยวไม่ลุ้น ><

อ่านแล้วทำให้รำลึกไปถึงตอนเป็นนักเรียนผูกคอซองเลย (เรายังไม่แก่นะบอกไว้ก่อน )
ตอนนั้นก็กลุ้มเรื่องเลือกชมรมเหมือนกันเลยอ่ะ ที่จริงอยากกลับบ้านมากกว่าแต่บังคับว่าต้องเลือก
ไม่มีชมรมห้องสมุด เหมือนน้องนันท์ด้วย ไม่งั้นคงเลือกเหมือนน้องนันท์นะเนี่ย ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายน่ะ

เข้าเรื่องดีกว่า แหะๆ เหมือนมีปริศนาเยอะจังนะเนี่ย ทั้งเรื่องเมย์ เรื่องบาสที่ยังไม่ปรากกฎตัว เรื่องที่มายด์คุยกับนันท์
ที่สำคัญ เรื่องแผลเป็นที่หัวคิ้วของแบงค์ โดนอะไรมา แล้วทำไมถึงตกใจตอนพลจะแตะโดนนะ
ชอบที่นันท์แนะนำแบงค์นะ อยากทำหรือไม่อยากทำอะไรควรพูดให้เด็ดขาดไป ดีกว่าต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียว
มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ อาจต้องเตรียมใจรับดราม่าใช่มั้ยเนี่ย เรื่องเมย์ เหมือนเป็นแผลในใจอะไรซักอย่างของแบงค์
เหมือนแบงค์จะเริ่มมีความรู้สึกพิเศษต่อนันท์แบบไม่รู้ตัวแล้ว แต่เมย์ ก็เป็นคนที่ทำให้แบงค์พยายามปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง
พยายามปิดกั้น ไม่รับรู้ ทำตัวเหมือนปกติ แต่รู้สึกดีที่ได้อยู่เคียงข้างนันท์ไปแบบนี้
อืม แบงค์ที่เป็นแบบนี้ ควรมีตัวกระตุ้นนะเนี่ย ถ้ามีผู้ชายมาชอบนันท์ของเราซักคน แบงค์ยังจะเฉยได้อยู่มั้ยนะ
ปล. 1 ชอบเวลาแบงค์กันนันท์เรียกกันอ่ะ เรียกกันเพราะดีไม่กู มึง น่ารักดี
ปล. 2 แอบจิ้น พล กับตี๋เอ๋อ ที่เป็นเบ๊พลอ่ะ แหะ ๆ
เม้นท์ยาวไปหน่อย อย่าว่ากันนะ รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :mew1: :L2:

ยาวไม่เป็นไรครับ ผมชอบอ่าน  :mew1:

ผมอยากให้เป็นนิยายใสๆ น่ะครับ เลยเลือกที่จะให้ตัวเอกพูดเพราะใส่กัน (เพราะผมก็ชอบพูดเพราะๆ กับแฟนนะ 555+)
ยกเว้นบางบริบท บางตัวละครก็อาจจะเลือกใช้มึง กู ให้เข้ากับอุปนิสัยของตัวละครน่ะครับ

เอ๋ อยากให้มีมือที่สาม งั้นเหรอ o_O!!!

55555+  :man1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 3 ความสุข (24-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-06-2013 13:53:50
การรักเพื่อนสนิท มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
สะสมความผูกพันไปเรื่อย ๆ จนแยกไม่ออก
ว่าจริง ๆ แล้ว หวงหรือห่วงเพื่อนเพราะเหตุใด

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเหมือนเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 3 ความสุข (24-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 25-06-2013 18:32:00
คาบเรียนที่ 4 : คิดไปเอง

“ว๊อยยยย ทำไงดีวะเนี่ย”
เสียงของไอพลตะโกนแหกปากดังลั่นทั่วห้องทันทีที่มันเดินเข้าห้องเรียนมา
“เป็นไรของเมิง ไอเชี่ยพล”
ไอเต้ยถามในขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการปั่นการบ้าน (หรือเรียกให้ถูกน่าจะเรียกว่า ลอกการบ้าน มากกว่านะ - -*)

“ก็วันนี้มีสอบเทสการเข้าจังหวะดิวะ”
“แล้วไง?”
“จะแล้วไงล่ะ ก็กุยังไม่ค่อยได้ดิวะ อ๊ากกกกกกกก”
ทันทีที่ไอพลพูดจบ ก็ดูเหมือนจะมีอีกหนึ่งชีวิตที่เหมือนอยากจะกรีดร้องด้วย ซึ่งก็คือแจน
ก็น่าจะเดาได้นะว่าทำไม - -*

และไม่ทันไร แจนก็รีบลากตัวไอพลไปซ้อมทันที
ผมเองก็หวั่นๆ เหมือนกัน ถึงจะแค่เทสก็เถอะ แต่ยังไงมันก็ได้คะแนนนี่นะ
ผมจึงเดินไปบอกมายด์ไว้ก่อน เพื่อที่มายด์จะได้เตรียมใจไว้บ้าง

แต่มายด์เองกลับไม่ได้กังวลอะไรเท่าไหร่นัก
“เอาน่ะ อย่ากังวลไปเลย มายด์ไม่ได้เก่งอะไรเหมือนกัน
แบงค์ต่างหากน่าจะเก่งกว่ามายด์นะ เพราะแบงค์เคยอยู่ชมรมบาสนี่
มันก็มีสเตป สับขา อะไรนะเขาเรียกว่าไรนะ เออนั่นล่ะๆ ก็น่าจะเป็นพื้นฐานได้นะ”
เมื่อมายด์ว่ามาอย่างนั้น ผมเองก็คงพูดอะไรต่อไม่ได้ละ
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

แต่ดูยังมีอีกคนที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“เป็นไง ไหวป่าวน่ะ”
ผมเดินเข้าไปถามนันท์ที่ดูจะตื่นๆ อยู่พอสมควร
“หาๆ อะไรนะ อ๋อๆ ก็โอเคอ่ะ แห่ะ”
คำพูดกับท่าทีต่างกันลิบลับ ผมจึงเอามือลูบหัวนันท์เบาๆ

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเครียด เดี๋ยวประหม่าแล้วจะล่มเอาได้ง่ายๆ นะ”
ว่าไปนั่นตรู ทำเป็นสอนคนอื่น ตัวเองก็ยังเอาไม่รอด - -*
แต่ก็ดูเหมือนจะได้ผลเล็กน้อย  เพราะเหมือนนันท์จะอาการดีขึ้น (มั้งนะ - -)

ส่วนคนอื่นๆ ก็แตกต่างกันไป มีทั้งนิ่งเฉยอาจจะเพราะฝึกมาดีแล้ว
ในขณะที่บางคนก็ยังดูหวั่นๆ บางคนก็จับคู่ซ้อมเพื่อความมั่นใจ

และหลังจากที่หวั่นๆ กันมาตลอดทั้งวัน ในที่สุดก็ถึงเวลาสอบ
อาจารย์ให้จับคู่นั่งข้างกัน ก่อนที่จะเรียกออกไปทีละ 3 คู่
ซึ่งผมกับมายด์ก็ดูเหมือนจะโชคดีที่อันดับในการออกนั้น อยู่ท้ายๆ
เลยทำให้มีเวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจอยู่พอสมควร ในขณะที่นันท์เองก็อยู่เป็นคู่ก่อนหน้าผมประมาณ 6 – 7 คู่

ผมพยายามชะเง้อมองคู่ของนันท์ว่าเป็นใคร อ๊ะ นั่นมัน ซัน นี่นา
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมยาว ผิวขาวซีด เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่สิ ต้องเรียกว่าแทบจะไม่พูดเลยจะดีกว่า
ดูเป็นคนแปลกแยก ไม่ค่อยเข้าสังคมกับคนอื่น

นันท์แอบชอบเธอเหรอเนี่ย ????
ผมหันไปมองมายด์ที่กำลังนั่งมองคู่ที่กำลังออกไปสอบ

“มายด์ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ”
“หืม อะไรเหรอ อ๋อ ไม่ต้องเครียดน่า เดี๋ยวไปสอบแล้วจะเกร็งป่าวๆ”
“ไม่ใช่ๆ คือแบงค์หมายถึง......”
ผมพูดพร้อมกับชี้ไปทางนันท์

“นันท์เขาจับคู่กับคนอื่น มายด์ไม่รู้สึกหึงอะไรเลยเหรอ”
“ห๊ะ หึงเนี่ยนะ ทำไมมายด์ต้องหึงนันท์ด้วยล่ะ”
มายด์ทำสีหน้างงใส่ผม ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำเอาผมงงเหมือนกัน

“อ้าว มายด์ไม่ได้ชอบนันท์หรอกเหรอ”
มายด์งงเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ แล้วหันมามองผม
“ชอบ แต่ไม่ใช่แบบนั้นหรอก มายด์ชอบนันท์แบบเพื่อนมากกว่าน่ะ มายด์ไม่เคยคิดอะไรกับนันท์หรอก”
มายด์ยิ้มให้ผม ดูจากสีหน้าของเธอแล้ว คงจะจริงตามที่เธอพูด
แต่มันก็ทำให้ผมงงไปไม่น้อยอยู่เหมือนกัน

ตกลงว่าไงแน่ มายด์ไม่ได้ชอบนันท์หรอกเหรอ
“นี่อย่าบอกนะว่า แบงค์ คิดว่ามายด์แอบชอบนันท์มาตลอด”
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบทันทีที่มายด์ถามแบบนั้น มายด์ยิ้มกับผมเล็กน้อย

“มายด์ไม่ได้ชอบนันท์หรอก ไม่ได้คิด และไม่เคยคิด และไม่มีวันที่จะคิดเช่นกัน ซึ่งนันท์เขาก็เหมือนกัน”

“อีกอย่างมายด์ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว และนันท์เองก็เหมือนกัน”
“ซันเหรอ”
ผมถามกลับไป พร้อมกับชี้ไปยังคู่สอบของนันท์

“ไม่ใช่หรอก”
มายด์ยิ้มให้ผมอีกครั้งพร้อมกับตอบสั้นๆ ก่อนที่จะหันไปยังข้างหน้าเหมือนเดิม

“แต่มายด์รู้ใช่มั้ยว่าใคร”
ผมถามมายด์อีกครั้ง พร้อมกับมายด์ที่พยักหน้าแทนคำตอบ
“งั้นบอกแบงค์ได้มั้ย”
แต่คราวนี้กลับได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ ในขณะที่คู่ข้างหน้าก็กำลังถูกเรียกออกไปเรื่อยๆ

“นันท์เขาไม่ได้เป็นคนบอกมายด์หรอก แต่ที่มายด์รู้เพราะมายด์สังเกตเอาเองน่ะ
ก็เลยลองถามนันท์เขาตรงๆ ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ ด้วย”
“งั้นทำไมถึงบอกแบงค์ไม่ได้ล่ะ หรือนันท์ไม่ให้มายด์บอก”

“ป่าวหรอก นันท์เขาไม่ได้ว่าอะไรเลย เพียงแต่ที่มายด์ไม่บอก เพราะคิดว่ามันคงเป็นเหตุผลของนันท์มากกว่า
เพราะมายด์รู้ก็เพราะจากการสังเกต แล้วก็ถาม ไม่ได้รู้เพราะเจ้าตัวบอก
ซึ่งก็หมายความว่า นันท์เองก็มีเหตุผลของเขาที่ไม่บอกใคร ฉะนั้นถ้าในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่บอก
มายด์เองก็คงบอกไม่ได้เหมือนกัน มันจะเป็นการเสียมารยาทน่ะ หวังว่าแบงค์คงจะเข้าใจและไม่โกรธนะ”
มายด์ให้คำตอบกับผม ผมจึงได้แต่พยักหน้ากลับไป แต่ทำไมนะ อยู่ๆ ก็เกิดรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจก็ไม่รู้

“ว่าแต่แบงค์อยากรู้ไปทำไมเหรอ”
มายด์หันมาถามผม ผมมองกลับไป ก่อนที่จะก้มหน้าลงถามตัวเอง

เออ นั่นสิ เราอยากรู้ไปทำไม ก็แค่เพื่อนแอบชอบใครบางคนอยู่ ซึ่งมันก็นาจะเป็นเรื่องธรรมดานี่

แต่ทำไมเราถึงได้รู้สึกใส่ใจมันเป็นพิเศษ
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมายด์อีกครั้ง แต่ไร้คำตอบใดๆ ให้กับมายด์

“เอาเถอะ ไม่ต้องตอบก็ได้ งั้นเอาเป็นว่ามายด์คงบอกได้แค่ว่า...........”

“คนที่นันท์แอบชอบน่ะ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก”
“แล้วแบงค์รู้จักเขารึป่าว”
ผมถามกลับไปอีกครั้ง มายด์นิ่งเงียบไปครู่นึง

“อืม.......... รู้จักเหรอ ในแง่ไหนล่ะ ถ้ารู้จักว่าแค่ใครอะไรยังไง ก็ใช่นะ แบงค์รู้จักแน่………….”


“แต่ถ้าลึกลงไปกว่านั้น มายด์ไม่รู้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าแบงค์จะเปิดใจที่จะรับฟังและมองรึป่าวน่ะ”

“อลงกต ชนิตา,...............”
“ไปเถอะ อาจารย์เรียกแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากมายหรอก มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย จริงๆ นะ
ที่นันท์เขาไม่บอกแบงค์ คงไม่ใช่เพราะอยากปิดบังหรอก มายด์คิดว่า คงอายมากกว่า
แบงค์คบกับนันท์มาตั้งกี่ปีก็น่าจะรู้นิสัยดีนี่”

มายด์พูดให้ผมใจเย็นลงก่อนที่จะลุกขึ้น

มันก็จริง นิสัยอย่างนันท์ค่อนข้างจะไม่ค่อยกล้าบอกอะไรใคร
มีอะไรก็มักจะเก็บเงียบไม่ยอมบอกใคร เพราะมักจะคิดว่าถ้าบอก ก็จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน

แต่ว่ามันก็ไม่น่าจะถึงขั้น...................


ช่างเถอะ คิดมากไปก็เท่านั้น
รอไว้ให้เจ้าตัวพร้อมแล้วบอกเองดีกว่า

ยังไงเราก็เป็น เพื่อน กันอยู่แล้วนี่

เพื่อน.......................



..............................................................
“ไอพล ทีหลังแกไม่ต้องมาขอคู่ชั้นอีกนะ ฮึ่ย~~~!!!!”
เสียงของแจนกระวีกระวาดทันทีหลังจบคาบก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง เพราะว่าสอบวันนี้ไอพลทำพังไม่เป็นท่า
ก็สมควรจะโดนแจนวีนใส่อยู่หรอก ก็เล่นทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ ไปขัดขาแจนจนล้มคะมำให้เป็นที่หัวเราะซะขนาดนั้น

“เฮ้อ แม่ง พวกผู้หญิงเข้าใจยากชิบ กุล่ะเซ็ง”
ไอพลเดินเข้ามากอดคอผมพร้อมกับบ่นอุบอิบ
“ไม่รู้ตัวเลยนะเมิงนิ เป็นกุ กุก็โกรธว่ะ ไปทำให้เขาอายซะขนาดนั้น”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ ก็กุเต้นไม่เป็นนี่”
ดูมัน ไม่เคยที่จะสำนึกผิดเลยสักนิด - -*

“เฮ้ย ไอตี๋เอ๋อ เมิงเต้นเก่งเหมือนกันนี่”
ไอพลปล่อยมือจากผมทันที ที่ตี๋เอ๋อเดินออกมาจากห้อง
นี่ก็อีกคน เงียบๆ ไม่ค่อยจะพูดเหมือนกัน ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่พูดเลยดีกว่า ยิ่งกว่าซันอีก

เออ โลกนี้ก็มีอะไรแปลกๆ ที่เรายังไม่รู้อีกเยอะแฮะ

ยังดีนะ ที่ตี๋เอ๋อ ยังเข้าสังคมกับเค้ามั่ง
เอ หรือว่าไม่เหมือนกันหว่า เพราะเห็นทีไรก็โดนไอพลคุมแจเป็นเจ้านายกับลูกน้องตลอด - -*
“ไว้สอนให้กุทีนะ ป่ะ ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวกุเลี้ยง”
ไอพลกอดคอตี๋เอ๋อทันทีที่พูดจบ ก่อนที่จะเดินลงไปยังโรงอาหาร

น่าสงสารตี๋เอ๋อจริงๆ - -*
“แบงค์ ป่ะ ไปกินข้าวกัน”
นันท์เดินมาตบไหล่ผมเบาๆ ทันทีที่เดินออกมาจากห้อง พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไว้ผม
“ดีใจใหญ่เลยนะ ไอเด็กแว่น ไหนบอกว่าทำไม่ได้ๆ แต่ดันได้คะแนนเต็มเนี่ยนะ นี่แน่ะ”
ผมหยอกกลับพร้อมกับเอามือขยี้หัวนันท์เบาๆ ก่อนที่มายด์จะเดินตามออกมา
ทันทีที่มายด์เห็นผมกับนันท์ มายด์ก็หันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่จะใส่รองเท้าเดินลงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“นันท์ เที่ยงนี้ไปไหนป่าว”
ผมถามนันท์ ในขณะที่นันท์เองกำลังใส่รองเท้าอยู่
“อืม ก็ว่าจะไปช่วยอาจารย์ห้องสมุดน่ะ เห็นว่าจะมีหนังสือเข้าใหม่ เลยว่าจะไปดูสักหน่อยเผื่อมีอะไรให้ช่วย”
“งั้นแบงค์ไปด้วยนะ”
ผมตอบกลับไปทันทีที่นันท์พูดจบ นันท์หันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย

“ก็ไปสิ แบงค์ก็เป็นสมาชิกชมรมเหมือนกันนี่”
นันท์ยิ้มตอบกลับมาให้ผม แต่ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่า เหตุผลที่ผมไปมันไม่ใช่เหตุผลนั้น



แต่ผมก็ไม่สามารถบอกได้เหมือนกันว่า เหตุผลที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่
ผมจึงได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนที่จะยิ้มกลับไป

“อ๊ะ ซัน”
นันท์ส่งเสียงเรียกทักเพื่อนร่วมห้อง เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องเรียน
ซันเองเมื่อเห็นว่านันท์เรียก ก็หันมาก้มหัวให้ทีนึงช้าๆ ก่อนที่จะส่งยิ้มเล็กๆ ให้
มันเป็นยิ้มที่ดูนิ่งๆ เย็นๆ แต่ทว่ากลับดูจริงใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณซันมากนะ ที่มาเป็นคู่ให้ ไม่งั้น นันท์แย่แน่ๆ”
นันท์เอ่ยปากขอบคุณซันไม่หยุดปาก

“ไม่.....เป็นไร...หรอก นันท์.....ต่างหาก ที่เก่ง.....อยู่......แล้ว”
ซันตอบกลับอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นเยียบนั้น ทำเอาผมถึงกับขนลุกได้เหมือนกัน
เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยจะได้ยินเธอพูดเท่าไหร่นัก

หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ ซันก็เดินลงไปยังโรงอาหารเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนที่ผมกับนันท์จะเดินตามลงไป



หลังจากที่หาอะไรกินเสร็จเรียบร้อย ผมกับนันท์ก็ตรงไปยังห้องสมุดเลยทันที
“อ้าว นันทกรณ์ มาอีกแล้วนะ ขยันจริงนะเราเนี่ย”
อาจารย์ประจำห้องสมุดทัก เมื่อเห็นนันท์เดินเข้ามา
“แห่ะๆ เห็นว่าจะมีหนังสือเข้าใหม่น่ะครับ เลยมาดูว่ามีไรให้ช่วยมั้ย”

“อืม ก็ไม่ค่อยมีแล้วนะ เพราะเดือนนี้หนังสือเข้าใหม่มีไม่มาก ครูเลยจัดการเรียบร้อยแล้ว
เดี๋ยวรอให้หนังสือเข้าจริงอาทิตย์หน้าละกันนะ มาช่วยครูแอดเข้าระบบ แล้วก็จัดการเข้าชั้นทีนะ”
อาจารย์พูดพร้อมกับยิ้มให้กับพวกผม ในขณะที่นันท์เองทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
ก่อนที่จะชวนผมเข้าไปหาหนังสืออ่านเหมือนทุกวัน


“แบงค์”
“หือ”
“ถามไรหน่อยสิ”
“ว่า?”

“แบงค์ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
ผมถามกลับไป พลางหยิบหนังสือจากชั้นมาเปิดๆ ดูไปเรื่อย
“ก็นันท์ชวนแบงค์มาอุดอู้อยู่แต่ในนี้ทุกวันน่ะ แบงค์ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

ผมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะยกมือไปขยี้หัวนันท์เบาๆ
“คิดมากน่ะ ถ้าเบื่อ แบงค์คงไม่ตามมาหรอก”
“แต่ว่า…….”
“เอาน่ะ นันท์ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ เอาเป็นว่า แบงค์พอใจก็แล้วกันนะ อยู่กับนันท์แบงค์ก็ไม่เบื่ออะไรแล้ว”
ผมพูดพร้อมกับกอดคอนันท์ ส่วนนันท์เองเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ยิ้มกลับให้ผมเช่นกัน

หลังจากที่หาหนังสือได้เรียบร้อยแล้ว ผมกับนันท์ก็หาที่นั่งทันที ซึ่งก็ได้ที่ด้านในพอดี ซึ่งถือว่าเป็นที่ที่ดีอยู่เหมือนกัน
เพราะไม่ค่อยมีคนนั่ง เนื่องจากเป็นมุมอับ เลยทำให้ไม่มีใครกวนเท่าไหร่

ผมอ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ก็เกิดอาการเบลอขึ้นมาเล็กน้อย
“ง่วงเหรอแบงค์”
นันท์หันมาถามผม
“อืม.....เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่อ่ะ เลยรู้สึกง่วงๆ เบลอๆ น่ะ”
“งั้นก็แอบงีบมั้ย”
“ก็ดี ไม่ว่ากันนะ”
นันท์ส่ายหน้ายิ้มให้กับผม ผมจึงยกแขนขึ้นมารองบนโต๊ะก่อนที่จะเอนหัวลงไป


ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกเคลิ้มๆ กำลังจะหลับอยู่นั่นเอง ผมก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังลูบหัวผมเบาๆ
ผมเลยลืมตาลุกขึ้นมาดู ก็เห็นนันท์ทำท่าตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะดึงมือกลับไป
“โทษทีๆ คือ แบบว่า...........”
นันท์พูดตะกุกตะกัก
“ไม่เป็นไร ทำไปเถอะ แบงค์แค่สงสัยน่ะ ว่าฝันรึเปล่า แบบว่า.....”
“ว่า?”
“ช่างเถอะ แต่ทำไปเถอะแบงค์ไม่ว่าไรหรอก”
ผมยิ้มให้นันท์เล็กน้อย ก่อนที่จะฟุบลงไปอีก


ทำไมผมถึงไม่กล้าบอกออกไปตรงๆ นะ ว่าที่จริงผมเองก็ชอบที่จะให้ทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

ไม่รู้สิ ก็รู้สึกว่ามันเพลินๆ ดีอ่ะ แต่ที่ยิ่งกว่านั้น....
ผมรู้สึกว่า เหมือนได้รับการเอาใจใส่ มันอบอุ่นดียังไงไม่รู้

ไม่นานนักผมก็หลับสนิทไป
ผมจำไม่ได้ว่าฝันอะไรรึป่าว แต่รู้แค่ว่า ผมรู้สึกดีมาก เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา
ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา ที่ทุกครั้งที่ผมลืมตาตื่น ผมมักจะรู้สึกแปลกๆ
ซึ่งผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ความรู้สึกแปลกๆ นั้นมันคืออะไร
แต่รู้แค่ว่า ผมไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่นัก

และทุกๆ วันหลังจากนั้น ผมก็มักจะมาห้องสมุดพร้อมกับนันท์อยู่เสมอๆ
ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่มาแล้วมักจะไม่ค่อยได้อ่านอะไรก็ตาม เพราะอย่างที่บอก ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือนอกเวลาเรียนเท่าไหร่นัก
แต่ทว่า ผมก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรเลยแม้แต่น้อย


..............................
“อรุณสวัสดิ์นักเรียนทุกคน”
อาจารย์ภาวดีพูดทักทายในชั่วโมงโฮมรูม ซึ่งมีทุกเช้า
“ผลการสมัครค่ายอบรมออกมาแล้วนะ ห้องเรามีส่งมาแค่ไม่กี่คนเอง พอเป็นค่ายอบรมล่ะไม่ค่อยอยากมากันเลยนะ”
“เปลี่ยนเป็นไปดรีมเวิร์ลสิอาจารย์ รับรองแย่งกันตายแน่”
เสียงของไอเต้ยพูดขึ้นมา
“งั้นเธอออกค่าเดินทาง ค่าเข้ามาสิ เดี๋ยวครูจัดให้เอง”
อาจารย์ภาวดีแซวกลับ ทำเอาเต้ยจ๋อยกลับไปเลย เพื่อนๆ ในห้องต่างหัวเราะกันใหญ่
“ห้องเรามีนักเรียน 36 คน แต่กลับส่งใบสมัครมาแค่ 5 คน คือ อลงกต นันทกรณ์ ชนิตา พลกฤษ และกีรติ”


“ครูก็เลยจับทั้ง 5 คนผ่านเข้าอบรมทั้งหมดเลย และเพื่อเป็นรางวัลในความตั้งใจของทั้ง 5 คน
ครูเลยจะเพิ่มคะแนนจิตพิสัยในวิชาของครูทุกวิชาคนละ 5 คะแนน”
ทันทีที่อาจารย์พูดจบเพื่อนๆ ในห้องต่างฮือฮาทันที แต่ก็ไม่มีใครสามารถทักท้วงอะไรได้

ผมหันไปหานันท์ ซึ่งนันท์เองก็หันมามองผมเช่นกัน ก่อนที่จะยิ้มดีใจให้กับผม

“เอาล่ะๆ ทั้ง 5 คน เดี๋ยวไปเอารายละเอียดอีกทีที่ห้องพักครูตอนเที่ยงนะ เพราะงานนี้ไม่ได้จัดโดยโรงเรียน
ฉะนั้นครูจึงไม่ได้ไปด้วย”

หลังจากจบคาบโฮมรูม ผม นันท์ มายด์ พล และตี๋เอ๋อก็ไปหาอาจารย์ที่ห้องพักครูในตอนเที่ยงตามที่อาจารย์ว่าไว้
ซึ่งรายละเอียดก็จะเป็นพวกวันจัดซึ่งก็คือ ศุกร์ เสา อาทิตย์หน้า สถานที่จัดค่ายซึ่งก็คือค่ายทหาร รายละเอียดกำหนดการต่างๆ และอื่นๆ อีกเล็กน้อย

“งานนี้จัดรวมกับโรงเรียนอื่นอีกประมาณ 4-5 แห่ง ฉะนั้นพวกเธอที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าอบรมอย่าทำอะไรให้โรงเรียนเสียชื่อนะ”
อาจารย์ภาวดีกำชับพวกเรา และมองพวกเราทุกคนอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดขึ้นอีก
“โดยเฉพาะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เนี่ย ไม่ต้องไปอิ๊อ๊ะ จิ๊จ๊ะกับเด็กโรงเรียนอื่นเลยนะ
ครูขอให้พวกเธอคิดว่าการไปอบรมครั้งนี้ คือการไปหาความรู้และประสบการณ์ชีวิตนะ
ยังไงครูก็คิดว่าพวกเธอคงไม่ทำเรื่องเสียๆ หายๆ หรอก แต่ก็ขอเตือนสติไว้สักหน่อยน่ะล่ะ เอาล่ะ ไปได้”
อาจารย์กระดาษรายละเอียดต่างๆ ให้กับพวกเราก่อนที่จะปล่อยพวกเรา

“กิจกรรมค่ายอบรมตั้ง 3 วัน 2 คืนแน่ะ คงสนุกน่าดูนะ”
นันท์เดินอ่านรายละเอียดไปพลางยิ้มไปพลาง ผมเห็นแล้วก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ จึงเอาแขนไปกอดคอนันท์เบาๆ
นันท์ตกใจเล็กน้อยหันมามองผม ผมจึงยิ้มกลับไป นันท์เองจึงยิ้มตอบกลับมาให้ผม


นั่นสิ กิจกรรม 3 วัน 2 คืน คงจะมีอะไรๆ สนุกๆ มั่งล่ะน่ะ
โดยเฉพาะ เมื่อไปกับนันท์ เพื่อนสนิทคนนี้ด้วยเนี่ย



ใช่สิ..............เพื่อนสนิทของผม


เพื่อน.........



จบคาบเรียนที่ 4
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 4 คิดไปเอง (25-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 25-06-2013 21:12:25
แง เม้นท์ตอน 3 ไม่ทัน มาต่อไวดีจัง ชอบอะ
ตอนที่แล้วบาสได้เปิดตัวแล้ว ก็ไม่เป็นปริศนาละเพราะก็ดูปกติดี (เหมือนตามล่าหาตัวปริศนา เพื่อ? อิอิ) แต่ก็ดูเกเรนิดๆคงไม่เป็นตัวปัญหาตอนหลังนะ
ส่วนเมย์ก็ปล่อยเป็นปริศนาไว้ก่อน เพราะไม่มีเงื่อนงำว่าเมย์คือใคร
อ่านตอนนี้แล้วมันเหมือนความรักที่ค่อย ๆผูกพันอะเนอะจากคำว่าเพื่อนสนิทนี่แหละ
นันท์ก็ไม่กล้าเปิดเผย แบงค์ก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง มันเลยค่อย ๆไปแบบค่อย ๆซึมไปทีละน้อย
แต่เดี๋ยวไปค่ายคราวนี้คงต้องมีเหตุให้เกิดพัฒนาการของความเป็นเพื่อนบ้างล่ะ มั้ง
และอีกอย่างที่รู้สึกคืออ่านแล้วนึกถึงตอนเรียนมีเต้นลีลาศ เต้นไปทะเลาะกับเพื่อนเกือบทุกคาบเลย
จำท่าไม่ได้อะ แต่ไม่ขนาดขัดกันหัวคมำนะ แค่จำท่าไม่ได้ก็เต้นไม่ทันเพื่อนโทษกันไปโทษกันมาก็เลยโกรธกันไปทั้งวันที่มีวิชานี้เลย 555
พิมพ์เยอะละแค่นี้ดีกว่า งั้นก็รอติดตามตอนต่อไปเหมือนเดิมค๊า :bye2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนจ้า :L2:

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 4 คิดไปเอง (25-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 25-06-2013 21:32:27
มาเม้นท์ สองตอนเลยน้า  :m18:

แบงค์เป็นคนเก่งรอบด้าน ก็เลยกลายเป็นที่ต้องการของคนอื่นไปทั่ว เก่งมากไปก็น่าลำบากใจเนอะ
พลรู้แน่ ๆ ว่านันท์ชอบแบงค์ เหลือแต่แบงค์เมื่อไหร่จะรู้ตัวซะที ว่าแต่นันท์ไม่รู้ตัว ตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากนันท์เลยนะเนี่ย
นันท์เรียนไม่เก่งเหรอ ผิดอิมเมจเด็กแว่นมาก ๆ แถมเกรดยังลูกผีลูกคนซะงั้นอ่ะ  :pigha2:
กลายเป็นนอกจากแบงค์จะไม่รู้ตัวว่านันท์ชอบ กลับไปคิดว่านันท์มีคนอื่นที่แอบชอบอยู่ซะได้
แต่ก็ดีแบบนี้มันจะได้มีตัวกระตุ้นความรู้สึกของแบงค์หน่อย ว่าตกลงคิดกับนันท์ยังไงกันแน่ คิดมากเข้าไปเยอะๆ เลยเหอะ อิอิ
บาสแฝดน้องปรากฏตัวได้ซะที นิสัยต่างกับแบงค์สุดขั้ว แบดบอยสินะ ต้องดูแลน้องแสบ ๆ ก็น่าหนักใจแทนแบงค์นะ
ตอนท้ายแม้เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็น่ารักจัง แค่นันท์บอกฝันดี ก็อารมณ์ดีมีความสุขเชียวน้า แบงค์ เมื่อไหร่จะรู้ตัว  :z3:

แบงค์ชอบคิดเอง เออเอง ไปเป็นฉาก ๆ เลยนะ แต่ดีใจที่ในที่สุด มายด์ ก็เป็นสาววายสินะ  :m3: แล้วมายด์ชอบใครล่ะเนี่ย
สนใจว่านันท์ชอบใคร แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แล้วมายด์ก็ใบ้ให้ตั้งเยอะขนาดนั้นแล้ว คิดเยอะ ๆ หน่อยแบงค์จ๋า
เวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันให้บรรยากาศสบาย ๆ ดีจังเลย แม้ไม่ต้องพูดอะไรมากมันก็รู้สึกดีแล้วก็อบอุ่นจัง
ไปค่ายอบรมต้องมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นแน่ ๆ เลย แต่ไปกันแค่ห้าคนเอง น่าจะมีซันไปด้วยอีกคนนะเนี่ยชอบซันอ่ะ มีเอกลักษณ์ดี
หวังว่าไปเข้าค่ายคราวนี้ นายแบงค์ของเราจะมีพัฒนาการความรู้สึกกับน้องนันท์เพิ่มขึ้นเยอะ ๆ หน่อยน้า ให้มายด์ช่วยยุเยอะ ๆ
รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :mew1:
ปล. เรายังไม่หยุดยั้งที่จะจิ้นคู่นายพลกับตี๋เอ๋อนะขอบอก พลท่าทางจะติดตี๋เอ๋อออกนะ ฟินจะตายไป ไปออกค่ายด้วยกันด้วย อิอิ ลุ้น ๆ
ว่าแต่ ตี๋เอ๋อ ชื่อ ตี๋เอ๋อ จริงอ่ะ มีชื่อเล่นอื่นอีกรึเปล่า แถมยังไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ ขอบทพูดให้ตี๋เอ๋อหน่อยจ้า :hao5: 
 

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 4 คิดไปเอง (25-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-06-2013 21:46:49
ไปค่ายคราวนี้ไม่ใครก็ใครได้หลุดแน่ๆ
อาจจะเป็นแบงค์ก็ได้ หลุดแบบงงๆ ไรงี้

แล้วมาต่ออีกนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 4 คิดไปเอง (25-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 26-06-2013 18:14:22
 :hao3:  แบงค์ ฮันแน่ๆๆๆๆ  รุ้ใจตัวเองไวๆน๊าาาาาาา
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 4 คิดไปเอง (25-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 28-06-2013 04:06:26
คาบเรียนที่ 5 : ไม่พอใจ

“.......................”
ตื้ด~~~!!!!

“โหล อ่ะนันท์ ว่าไง มีไรเหรอ ครับๆ เรียบร้อยแล้ว  ครับๆ โอเค เดี๋ยวไปเจอกันที่ป้ายรถเมล์ละกันนะ ครับๆ โอเคๆ บายนะ”
ตื้ด~~~!!!
ผมวางสายมือถือ พร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่าง

“เฮ้ย แบกกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม จะไปไหนวะ”
เสียงของไอบาสถามผมในขณะที่มันเดินเกาพุงออกมาจากห้องของมันในสภาพของคนเพิ่งตื่น
“กูจะไปเข้าค่ายอบรม 3 วัน กลับมาวันอาทิตย์ เมิงอยู่คนเดียวก็ดูบ้านดีๆ ละกันนะ”
“อ้าว เฮ้ย แล้วเมิงไม่ไปโรงเรียนเหรอวะ วันนี้วันศุกร์นะเว้ย”
ไอบาสถามผมอีกครั้ง พร้อมกับถอดเสื้อกล้ามออก ก่อนที่จะโยนเข้าไปในห้อง

“ก็ไป แต่ไม่ได้ไปเรียน แค่ไปขึ้นรถบัสที่โรงเรียนเฉยๆ”
“อืม เหรอ อืมๆ แต่เฮ้ย เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ”
ไอบาสเรียกดักผมอีกครั้ง ทำเอาผมเกือบตกบันไดเลยทีเดียว
“อะไรอีกวะ ว่ามา กูรีบ”

“แล้วเมิงไม่อยู่งี้ แล้วกูจะกินไรละวะ”
ไอบาสถามโวยวาย พลางถอดกางเกงบอกเซอร์โยนเข้าไปในห้องเช่นเดียวกับเสื้อกล้าม ก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพาดบ่า
“เรื่องของเมิงดิ หัดทำกินเองมั่งดิวะ ไม่เมิงก็พาไอน้องแอลอะไรของเมิงมานอนนี่ก็ได้นะเว้ย
แต่เมิงห้ามไปนอนบ้านน้องเขาเด็ดขาด เกรงใจแม่เขามั่ง”
มันทำหน้าเบ้ปากทันทีที่ผมเอ็ดมันไป

“แล้วไม่รอกูหน่อยเหรอวะ จะได้ไปพร้อมกัน”
“ไม่อ่ะ กูรีบ กว่าเมิงจะแต่งตัวเสร็จ อีกอย่างเดี๋ยวนันท์จะรอนาน”
ผมพูดพร้อมกับเดินลงบันไดไป
“เออ ใช่สิวะ ไอนั่นมันสำคัญกว่ากูนี่เนอะ”
ไอบาสพูดค่อนแคะใส่ผม

“ปากนะเมิง อ้อ อีกอย่าง เมิงอ่ะ อย่าทำตัวอนาจารให้มากนัก เดินแก้ผ้าโทงๆ ไม่อายรึไงวะ”
“เอ้า อายไรวะ บ้านก็บ้านเราเอง อีกอย่าง เมิงกะกูก็พี่น้องกัน ฝาแฝดด้วย
มีอะไรก็มีเหมือนๆ กันหมดล่ะวะ เมิงจะอายไรล่ะ”


“อ๊ะ หรือว่า ของเมิงจะใหญ่สู้กูไม่ได้ เลยน้อยใจวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ดูมัน แทนที่จะฟัง ดันพูดจากวนประสาทกลับ ผมได้แต่ส่ายหน้า
ไม่เถียงกับมันดีกว่า เดี๋ยวไปสาย รองเท้าๆ

“เอ แต่กูว่าของกูก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนะ ก็ขนาดมาตรฐาน นี่เมิงยังเล็กกว่ากูอีกเหรอ”
“ไอเชี่ย พอได้แล้วเมิง พูดแต่เรื่องสันดานนะเมิงนี่ เมิงรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลย เดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอกเมิงนี่”
ผมตะโกนด่ามันพร้อมกับปารองเท้าแตะขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่ไอบาสยังคงหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน
ทันทีที่ผมใส่รองเท้าเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านทันที
เฮ้อ คุยกับไอน้องเวรนี่ทีไร มีแต่ปวดหัว

กูก็มีเท่าๆ กับเมิงน่ะล่ะโว้ย~~~!!!



“เป็นไรมาล่ะนั่น หน้ามุ่ยมาเชียว”
นันท์ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ทันทีที่ผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์
“ก็ แบบว่า........ช่างมันเหอะ ขี้เกียจพูดถึงมัน”
“ทะเลาะกับบาสมาอ่ะดิ”
“รู้ได้ไง”

“ก็เดาเอา งั้นก็แสดงว่าจริงล่ะสิ อย่าคิดมากเลย ไงๆ ก็พี่น้องกันล่ะน่ะ อย่าเครียดมากนักสิ”
นันท์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม ก่อนที่จะเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ
“ก็มันน่ะสิ...”
“แบงค์ก็ด้วยน่ะล่ะ”
“เอ้า แบงค์ทำไมอ่ะ”
ผมถามกลับไปแบบงงๆ

“แบงค์อาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่บางทีแบงค์ก็อาจจะเครียดเกินไปก็ได้นะ ผ่อนคลายมั่งเถอะ
เก็บมันมาใส่ใจหมดไปซะทุกเรื่องมันก็ไม่ดีนะ อะไรเล็กน้อยก็ปล่อยๆ มันไปบ้างก็ได้”
ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง พร้อมกับคิดไปตามคำพูดของนันท์

นี่ผมเป็นแบบนั้นเหรอเนี่ย ?
“นันท์ไม่ได้บอกว่า แบงค์ผิดหรอกนะ แต่บางทีนันท์ก็ไม่อยากเห็นแบงค์เครียดเกินไปน่ะ
อยากให้ปล่อยๆ ไปบ้าง หาความสุขให้ตัวเองบ้าง ก็แค่นั้น”
นันท์พูดกับผม ในขณะที่ผมเองยังก้ำๆ กึ่งๆอยู่

“นะ”
นันท์พูด พร้อมกับยิ้มให้ผมอีกครั้ง ทันทีที่ผมเห็นรอยยิ้มนั้นผมเองก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีอย่างบอกไม่ถูก
“อื้ม”
ผมยิ้มตอบกลับ

เอาล่ะ 3 วันหลังจากนี้ขอสนุกให้เต็มที่ละกันนะ

……………………..
พอถึงโรงเรียนเราทั้งสองก็เดินไปจุดที่รถบัสจอดอยู่
“เฮ้ย ไอแบงค์ ทางนี้เว้ย”
ผมหันไปตามเสียงเรียกนั้น ซึ่งก็พบว่าเป็นไอพลนั่นเอง ที่กำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นหูกวางกับตี๋เอ๋อ

“มาเร็วจริงนะ”
“ก็บ้านกูอยู่แถวนี้พอดีอ่ะ กูก็เลยมาเร็ว”
ไอพลตอบผม ก่อนที่จะทำท่าให้ผมกับนันท์นั่ง
“อ้าว แล้วนี่ล่ะ ทำไมดูซึมๆ จังไม่สบายเหรอ ตี๋เอ๋อ”
ผมหันไปถามตี๋เอ๋อที่ดูซึมๆ ง่วงๆ ตี๋เอ๋อส่ายหน้าปฏิเสธ
“อ๋อ ป่าวหรอก นอนน้อยน่ะ”
ไอพลตอบแทรกขึ้นมาทันที
“กูไม่ได้ถามเมิง รู้ดีเชียวนะ อยู่บ้านหลังเดียวกันเรอะไงวะ”

“ป่าว แต่เมื่อคืนมันนอนบ้านกู กูเลยรู้”
“อ้อเหรอ แล้วทำอีท่าไหนถึงได้อดนอนล่ะนั่นน่ะ”
ผมถามกลับไป แต่ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบ เสียงของมายด์ก็เรียกดังมาจากข้างหลัง

“หวังว่าคงไม่มาช้าไปนะ รถติดมากเลย รู้งี้นั่ง BTS มาซะก็ดี ไม่น่างกเลย”
มายด์บ่นอิดออด พวกผมหัวเราะเบาๆ
“นี่พวกที่จะไปอบรมเหมือนพวกเราใช่ป่ะ”
มายด์หันมาถามพวกผมเบาๆ ก่อนที่จะหันไปมองยังกลุ่มคนที่นั่งห่างออกไปไม่ไกลมากนัก
“คงงั้นล่ะมั้ง ไม่ได้เข้าไปถามอ่ะ เพราะไม่รู้จัก ก็เลยขี้เกียจเข้าไปถาม”
พลตอบ พร้อมกับหันไปมองตี๋เอ๋อที่ดูจะหลับแหล่ ไม่หลับแหล่ ก่อนที่จะโน้มหัวตี๋เอ๋อลงนอนหนุนบนตักตัวเอง
มายด์เองได้ยินคำตอบแบบนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“เอ้า มากันครบรึยังน่ะ”
เสียงของอาจารย์นงพร อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมถามพวกเรา

“ยังค่ะ ยังขาดสุนทรีอีกคนค่ะ เมื่อกี้โทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้วค่ะ”
นักเรียนหญิงที่นั่งอยู่อีกกลุ่มตอบกลับไป อาจารย์นงพรพยักหน้า
“งั้นถ้ามาแล้วไปตามครูที่ห้องกิจกรรมด้วยนะ พอดีมีเอกสารต้องเช็คน่ะ”
“ค่ะ”

หลังจากที่สมาชิกมาจนครบทุกคนแล้ว อาจารย์นงพรก็ทำการเช็คชื่อเพื่อความถูกต้อง
ก่อนที่จะพูดกล่าวอะไรเล็กน้อยกับพวกเรา ส่วนมากก็เป็นเรื่องการวางตัว และพฤติกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่
แล้วจึงปล่อยให้พวกเราขึ้นรถบัสของโรงเรียนเพื่อออกเดินทางไปยังสถานที่จัดอบรม

พวกเรานั่งรถบัสเกือบๆ 2 ชม. ก็มาถึงสถานที่เข้าค่ายอบรม ซึ่งเป็นค่ายทหารที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียง

มีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นเยอะพอสมควรแฮะ ที่ผมเห็นตอนนี้ก็น่าจะราวๆ ร้อยคนเห็นจะได้มั้งนะ
พวกเราเดินไปยังจุดลงทะเบียนที่ตั้งอยู่ในเต็นท์ผ้าใบ ติดๆ กับทางเข้าค่ายทหาร

ทันทีที่ลงทะเบียนยืนยันตัวเสร็จ พวกเราก็หาที่นั่งพักกัน
ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกรวมพลผ่านเครื่องโทรโข่ง
โดยให้พวกเรายืนเข้าแถวแยกกันตามโรงเรียนของแต่ละคน
ก่อนที่จะพาเดินเข้าไปยังสถานที่จัดอบรมซึ่งอยู่ลึกเข้าไปข้างในอีกประมาณ 1 กิโล

พวกเราใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นักก็มาถึงสถานที่จัดอบรมซึ่งเป็นหอประชุมใหญ่ของค่ายทหาร
เจ้าหน้าที่ให้พวกเราวางกระเป๋าไว้ข้างนอกหอประชุม ก่อนที่จะให้พวกเราเข้าไปข้างใน เพื่อทำพิธีเปิดการอบรมอย่างเป็นทางการ
ซึ่งหลังจากจบพิธีเปิดการอบรมแล้ว พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราไปยังโรงอาหารเพื่อพักกินข้าวเที่ยงกัน
ก่อนที่จะพาพวกเราไปยังโรงนอนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักเพื่อเอากระเป๋าไปไว้
และเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองด้วย โดยที่นักเรียนหญิงจะนอนที่โรงนอนที่ 1 ส่วนพวกผู้ชายจะนอนที่โรงนอนที่ 3
ผม นันท์ พล ตี๋เอ๋อ จึงตกลงว่าจะนอนใกล้ๆ กัน เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยๆ กันได้
พวกเราก็เลือกที่นอนที่อยู่มุมห้องของโรงนอน ซึ่งพวกเราก็คิดว่าเป็นทำเลที่ดีเหมือนกัน
(ไอพลว่า ฮวงจุ้ยดี - -*)

หลังจากที่พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเรียบร้อย พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเรากลับไปยังหอประชุม เพื่อเริ่มการอบรมอย่างแท้จริง
พวกเราโดนจับแยกกลุ่มกันรวมกับนักเรียนโรงเรียนอื่น ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อให้นักเรียนแต่ละคนได้ทำความรู้จักกับนักเรียนที่มาจากต่างโรงเรียนกัน
พวกเราถูกแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีรึโชคร้าย ที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับไอพล (เอาวะ ก็ยังดีกว่าอยู่กลุ่มเดียวกับคนที่ไม่รู้จักเลย - -*)
ในขณะที่นันท์อยู่กลุ่มเดียวกับตี๋เอ๋อ ส่วนมายด์ดูค่อนข้างจะโชคร้ายสักหน่อย ที่โดนจับแยกไปอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีคนรู้จักเลย
กลุ่มผมตกลงกันมอบหมายให้ ธีร์ นักเรียนจากโรงเรียนแห่งนึงเป็นหัวหน้ากลุ่ม เนื่องจากดูแล้วน่าจะมีความรับผิดชอบสูงที่สุดในกลุ่ม (นัยนึงก็คือ ปัดภาระความรับผิดชอบไปให้คนอื่นสินะ)

กิจกรรมวันแรกก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก ส่วนมากก็เป็นการนั่งฟังวิทยากรมาบรรยายเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับยาเสพติดเสียเป็นส่วนใหญ่
(ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นการดีแล้วล่ะ เพราะผมหันไปเห็นตี๋เอ๋อนั่งเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว - -*)

หลังจากจบการบรรยายตลอดช่วงบ่าย พวกเราก็พากันไปยังโรงอาหารเพื่อกินข้าวเย็นกัน

“เมื่อยชิบหาย ให้นั่งฟังบ้าอะไรอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง”
ไอพลมันบ่นกับผมพลางบิดเอวไปมา
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้นะเมิง”
“ไอแบงค์ เมิง ว่ากูแก่เหรอ เดี๋ยวเหอะ อ่ะนั่น ไอนันท์กะตี๋เอ๋อมาพอดี”
ไอพลพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกผม
“เป็นไงมั่งวะ ไอตี๋เอ๋อ ไหวป่ะน่ะ”
ไอพลถามตี๋เอ๋อ พร้อมกับเอามือไปจับแถวๆ ต้นคอของตี๋เอ๋อ พลางนวดเบาๆ ตี๋เอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มนิดๆ เป็นคำตอบ

“นันท์ เป็นไงมั่ง ได้เพื่อนใหม่อะไรมั่งมั้ย”
ผมหันไปถามนันท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม
“ก็ธรรมดาอ่ะ ก็มีคุยๆ กันมั่งนะ แต่อย่างว่าล่ะ เพิ่งจะวันแรกอ่ะ จะไปรู้จักมากอะไร”
“ก็จริงนะ”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“แต่........”
“หือ?”
ผมส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงสงสัย
“ตี๋เอ๋ออ่ะสิ”
“ตี๋เอ๋อ ? ทำไมเหรอ”
ผมถามนันท์ พร้อมกับหันไปมองตี๋เอ๋อที่กำลังโดนพลนวดขมับเบาๆ อยู่

“ก็ตี๋เอ๋ออ่ะสิ ไม่พูดอะไรเลย ถามอะไรก็มีแต่ พยักหน้า ไม่ก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ”
นันท์กระซิบเบาๆ บอกกับผม
“หือ จริงอ่ะ เป็นใบ้เหรอ”
ผมกระซิบกลับไป เพราะจะว่าไป ผมเองก็ไม่เคยได้ยินเสียงหมอนี่เลยแฮะ จะมีอย่างมากก็แค่เสียงอือๆ ในลำคอแค่นั้น
ที่โรงเรียนเวลาครูถามอะไร แทบทุกครั้งไอพลก็มักจะเป็นคนตอบแทรกขึ้นมาให้ตลอด
“ก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะจำได้ว่าตอนเข้ามาใหม่ๆ ก็เหมือนจะเคยๆ ได้ยินเขาพูดอยู่บ้างนะ”
“เหรอ.......เขาคงมีปัญหาอะไรล่ะมั้ง”
“คงงั้น ว่าแต่เห็นมายด์มั่งป่ะ”
นันท์หันมาถามผม พร้อมกับหันไปมองรอบๆ
“ไม่อ่ะ สงสัยคงได้เพื่อนแล้วล่ะมั้ง”

“สงสัย งั้นไปเหอะ ไปหาไรกินดีกว่าเหอะ หิวมากๆ ละ”
นันท์พูดพร้อมกับกระตุกชายเสื้อผมเบาๆ
“อะไร เพิ่งจะกินเมื่อตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอ ยังจะหิวมากๆ อีกเหรอ”
“เอ้า ก็คนกำลังอยู่ในวัยกำลังกิน กำลังโตนี่”
“ยังคิดว่าจะโตไปได้มากกว่านี้อีกเหรอ”
“พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย”
นันท์ทำท่างอนใส่ผม

“โอ๋ๆ ล้อเล่นนา แต่แบงค์ว่า นันท์ตัวขนาดนี้ก็กำลังดีแล้วนะ อย่าโตไปกว่านี้เลย”
“หมายความว่าไงเนี่ย”
นันท์ทำหน้างง
“ก็ไม่อะไรไง ก็แค่พูดไปแบบนั้นล่ะ ไปเหอะ ไปกินข้าวกัน เฮ้ย ไอพล ไปกินข้าวกัน”
ผมพูดตัดบทพร้อมกับหันไปเรียกไอพลกับตี๋เอ๋อ แล้วพากันไปหาอะไรกิน
ผมเองก็ไม่รู้เพราะเหตุใดเหมือนกัน ถึงได้พูดแบบนั้นไป

แว่บนึงเหมือนมีความรู้สึกว่า ถ้านันท์โตไปมากกว่านี้ มันจะดูไม่น่ารักยังไงไม่รู้สิ

หือ ??? น่ารัก ????
เป็นเอามากวุ้ยตรู - -* สงสัยหิวจนเพี้ยนซะล่ะมั้ง

หลังจากที่หาอะไรกินจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้พวกเราพักผ่อนตามสบาย
พร้อมกับบอกว่าใครจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ หรือจะรออาบก่อนนอนก็ได้
พวกผมจึงคิดว่าค่อยอาบทีเดียวก่อนนอนดีกว่า เผื่อคนจะได้น้อยลงด้วย

พลกับตี๋เอ๋อ ขอแยกตัวออกไปกัน 2 คนตามประสาเจ้านายกับลูกน้องผู้ซื่อสัตย์(อันหลังนี่ใส่เอง)
เพราะงั้นในตอนนี้จึงเหลือเพียงผม กับนันท์เท่านั้น
“ไปไหนดีอ่ะ”
นันท์หันมาถามผม
“เออ นั่นสิ ไปไหนดีล่ะ”
นั่นคือคำตอบของผม - -

เราสองคนยืนนิ่งกันอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ เพราะไม่รู้จะไปไหนดี
เพราะพวกเราโดนจำกัดสถานที่ให้อยู่แต่ภายในหอประชุมกับบริเวณรอบๆ แค่นั้น
“งั้นก็เดินเล่นแถวๆ นี้ไปเรื่อยๆ เอาป่ะ”
“อืมก็ดี”
ผมตอบรับตามคำชวนนั้น เราทั้งสองเดินไปรอบๆ บริเวณ ดูคนอื่นส่วนใหญ่เหมือนจะทำความคุ้นเคยสนิทสนมกันได้แล้วนะ
เห็นมีจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานเชียว พอนึกแบบนั้นแล้วผมกลับมานึกถึงตัวเองเลยแฮะ

ผมเองเป็นคนที่ไม่ค่อยคบหาสมาคมกับใครเสียด้วยสิ เพื่อนที่มีส่วนมากก็เป็นเพื่อนเก่าๆ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ นั้น
เพื่อนในห้องก็ไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมอะไรกันนั้น ก็ตามประสาคนห้องเดียวกันเสียมาก
ไอครั้นจะให้ไปทำความรู้จักกับคนอื่นในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้นี่ ออกจะขัดกับตัวผมเองยังไงไม่รู้แฮะ

แล้วนันท์ล่ะ
นันท์เขาจะเป็นเหมือนผมรึป่าวนะ
ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่เคยสังเกต หรือสนใจเสียด้วยสิ

ที่ผ่านมา ก็เห็นนันท์อยู่ข้างๆ ผมมาตลอด ดูนันท์เองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้นะ
แต่ลึกๆ แล้วนันท์เขาคิดยังไง จะมีความรู้สึกอึดอัดบ้างมั้ยนะ ที่ต้องทนคบกันคนแบบผมเนี่ย

แต่ถึงกระนั้นผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะถาม

ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่กล้าถามจะดีกว่า
ถึงแม้จะไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด

“หวัดดีนันท์”
เสียงของเด็กหนุ่มร่างสูงคนนึงเรียกทักนันท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ดี ป้อ อ้าวแล้วคนอื่นๆ ในกลุ่มล่ะ”
นันท์ตอบกลับไป ก่อนที่จะหันซ้าย หันขวามองไปรอบๆ

“ก็ไปอยู่กับเพื่อนโรงเรียนเดียวของเขากันน่ะสิ”
ป้อตอบด้วยสีหน้ายิ้มแบบเจื่อนๆ
“อ้าว แล้วเพื่อนโรงเรียนเดียวกับป้อล่ะ”
“ก็มีนะ แต่คนละห้องกันน่ะ ห้องเรา มีเรามาคนเดียวน่ะ แห่ะ นั่นเพื่อนนันท์เหรอ”
ป้อหันมาทางผม
“อื้ม นี่แบงค์ เพื่อนเราเอง เพื่อนตั้งแต่เด็กเลยด้วยนะ แบงค์ นี่ป้อ เพื่อนในกลุ่มนันท์เอง”
นันท์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย ป้อหันมายิ้มให้กับผม ผมจึงยิ้มตอบกลับไป

“ดีจัง มีเพื่อนตั้งแต่เด็กด้วย ไม่เหมือนเราเลยอ่ะ”
ป้อพูดด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“อืม...งั้นเราไม่กวนละไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่กลุ่ม ตอนค่ำละกันนะ”
“อื้ม บาย”
ป้อบอกลาพร้อมกับโบกมือให้กับนันท์ ก่อนที่จะปลีกตัวเดินออกไป

“ดูเป็นคนที่แปลกดีนะ”
“หือ ยังไงเหรอ แบงค์”
นันท์หันมาถามผมก่อนที่จะหันไปมองป้อ ที่เดินขึ้นไปทางโรงนอนคนเดียว
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก”
“ไปว่าเค้า แบงค์นั่นล่ะที่แปลก”
“เอ้า เกี่ยวไรกัน”
ผมหันไปถามแบบงงๆ

“ไม่บอก ปล่อยให้งง”
“เอ้า มานี่เลย ไอเด็กแว่น”
ผมกอดคอนันท์แน่น ก่อนที่จะเอามืออีกข้างจี้ที่เอว อีกฝ่ายหัวเราะพยายามขัดขืน แต่เรื่องอะไรที่ผมจะปล่อยไปง่ายๆ
โดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาอีกมากมายหันมามองพวกผมอยู่
โดยเฉพาะ ป้อ ที่มองด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้


หลังจากที่หยอกล้อกันได้ไม่นาน นันท์ก็ขอตัวแว๊บไปเข้าห้องน้ำเพราะปวดฉี่ ผมจึงเดินเล่นอยู่แถวนี้เพื่อรอ
ระหว่างที่เดินเล่นไปเรื่อยๆ ผมก็เหลือบไปเห็นมายด์กำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นหูกวางอยู่คนเดียว เห็นเธอกำลังทำอะไรยุกยิกๆ สักอย่าง ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าเป็นมือถือ

เข้าไปทักหน่อยดีกว่า
ผมเดินเข้าไปช้าๆ กะว่าจะหยอกเธอให้ตกใจเล่นๆ เสียหน่อย
มายด์เปิดดูรูปในมือถือของเธอดูไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่ามีใครกำลังยืนอยู่ข้างล่างเธอ

แต่เอ๊ะ รูปในมือถือของมายด์ นั่นมัน..........รูปพี่สาธิตนี่
ถึงแม้ผมจะไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่ด้วยความที่พี่เขาเป็นคนเก่ง และค่อนข้างจะเป็นคนดังก็เลยทำให้ผมพอจะรู้จักกลายๆ อยู่บ้าง

“นี่มายด์ชอบพี่เค้าเหรอ??”
ผมถามออกไป ทำเอามายด์ถึงกับสะดุ้งจนเกือบร้องกรี๊ดออกมาเลยทีเดียว (เออ ลืมไป ว่าเข้ามาแบบไม่ให้มายด์รู้ตัวนี่หว่า - -*)
“บ่ะ แบงค์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
มายด์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก สีหน้าแดงด้วยความอาย
“ก็สักพักละ”

“แล้วเห็นอะไรมั่งป่ะเนี่ย”
มายด์ถามผมอีกครั้งก่อนที่จะเอามือถือเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
“ก็ทันพอที่จะเห็นรูปพี่สาธิตอ่ะนะ ชอบพี่เค้าเหรอ”
ผมถามพร้อมกับยิ้มให้มายด์ มายด์ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มอายๆ กลับมาแทน
“ว่าแต่ถ่ายรูปไว้เยอะขนาดนี้ พี่เค้ารู้รึยังเนี่ย”
“ก็ไม่เชิงหรอกนะ มั้ง ไม่รู้สิ ก็แค่คุยๆ กันธรรมดา พี่เขาคงไม่ได้คิดอะไรล่ะมั้ง”
มายด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้ได้ทันทีเลยว่ากำลังเขินสุดๆ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้มตาม

“ว่าแต่พวกผู้หญิงเค้าชอบเก็บรูปคนที่ตัวเองชอบไว้ในมือถือกันเหรอ”
ผมถามพร้อมกับชี้ไปยังกระเป๋ากางเกงของมายด์

“อืม.........ก็ไม่ทุกคนนะ แต่โดยรวม ก็คิดว่าคงใช่นะ ไม่แต่ผู้หญิงนะ ผู้ชายเค้าก็ทำกันนะ เก็บรูปแฟน รูปคนที่ชอบในมือถือเนี่ย ในมือถือแบงค์ไม่มีมั่งเหรอ”
มายด์ถามผมกลับ ผมได้แต่ส่ายหน้า เพราะปกติ ผมเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป
“ไม่ใช่แค่รูปนะ เบอร์ด้วยนะ ถ้าเป็นคนที่เราชอบ ก็จะเมมประมาณว่า สุดที่รัก มายเลิฟ อะไรทำนองนี้ด้วยนะ”
“ถึงขั้นนั้นเชียว”
“แน่นอน เอ้อ แล้ว นันท์ล่ะ ไปไหน”
มายด์ถามผม ก่อนที่จะหันมองรอบๆ
“ไปเข้าห้องน้ำน่ะ อ่ะ นั่นไงมาแล้ว ไปก่อนนะ”
ผมโบกมือให้กับมายด์ ก่อนที่จะเดินไปหานันท์ มายด์เองก็ยิ้มให้ผมเช่นกัน



หลังจากที่หมดช่วงเวลาพักในช่วงเย็น พวกเราทั้งหมด ก็เข้ายังหอประชุมเพื่อทำกิจกรรมนันทนาการ

ผมหันไปเห็นมายด์ ที่อยู่กลุ่ม 3 ดูเหมือนว่าเธอปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ดีไม่น้อย ดูสิ เห็นคุยจ้อกับพวกเด็กผู้หญิงด้วยกัน
คงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงละ
ส่วนทางด้าน ตี๋เอ๋อ ที่อยู่กลุ่ม 7 ดูท่าลำบากไม่น้อยแฮะ เหมือนจะเข้ากับใครไม่ค่อยจะได้เสียเท่าไหร่
เห็นเอาแต่นั่งเงียบอยู่คนเดียวไม่พูดกับใคร (หรือว่าเขาชวนคุยแล้ว แต่ไม่คุยกับเขาเองมากกว่า - -*)

“ไง เป็นห่วงลูกน้องเมิงเหรอไงวะ”
ผมหันไปถามไอพลที่นั่งอยู่ข้างหลังผม ซึ่งเห็นมันเดี๋ยวหันๆ ไปดูจัง”

“ก็ นิดหน่อยอ่ะ ไอนั่นมันเข้ากับคนไม่ค่อยได้ กูก็ต้องเป็นห่วงตามประสา......... เอ่อ..เพื่อนสิวะ”
ไอพลตอบผมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ผมเองก็ตกใจนิดหน่อย ไม่นึกว่ามันจะเป็นห่วงจริงๆ
“ว่าแต่เมื่อกี้ เมิงว่าใครลูกน้องใครนะ”

“เอ้า ก็ ตี๋เอ๋อ ไม่ใช่ลูกน้องเมิงเหรอวะ”
ผมถามด้วยความสงสัย
“นี่พวกเมิงกับคนอื่น มองแบบนั้นเหรอวะ”
“ก็เออดิ ก็เห็นหลายที เหมือนเมิงโขกสับเสียขนาดนั้น ไปไหนมาไหน ก็เห็นตี๋เอ๋อตามตูดต้อยๆ เมิงว่าไง ก็เห็นเห็นจะเถียงจะปฏิเสธ ไม่สิ เหมือนไม่กล้าหือมากกว่า”
ผมบอกมัน ไอพลทำท่าครุ่นคิดนิดนึง ก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม

“กูยอมรับว่ะ ว่าตอนแรกๆ ที่กูรู้จักมัน กูก็คิดว่าจะทำแบบนั้น แต่......”
“แต่...???”
ผมขยับตัวหันไปทางมัน

“พอกูรู้จักมันจริงๆ มันเป็นคนที่เข้ากับคนไม่ค่อยได้ว่ะ กูก็เลย สงสารอ่ะ จนความคิดที่จะเอามันเป็นลูกน้องเนี่ยหายไปเลย”
“หืม ดีมากเลยเมิง นี่ขนาดตอนนี้เมิงไม่คิดแล้ว พวกกูยังมองเห็นเป็นแบบนั้น นี่ถ้าเมิงยังคิด นี่พวกกูคงคิดว่าตี๋เอ๋อมันเป็นนักโทษของเมิงแน่ๆ”
ผมพูดเหน็บๆ มันไป มันชกท้องผมเบาๆ ทีนึงเป็นเชิงขัด

“เออ ไงๆ ถ้าเมิงไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว เมิงก็ทำตัวกับมันดีๆ หน่อยละกัน ไงๆ ก็เพื่อน ยิ่งเข้ากับคนไม่ได้ด้วย”
“แบบที่เมิงปฏิบัติต่อนันท์น่ะเหรอ”
ไอพลพูดพร้อมกับยิ้มแบบมีเลศนัย

“ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงวะ”
“อะไร ป่าวนี่ กูก็ยิ้มของกูไปเรื่อย เอาเหอะ ไม่ต้องห่วง ยังไงกูไม่มีวันทิ้งมันอยู่แล้ว เมิงเองน่ะล่ะ ทำให้ได้อย่างที่บอกกูก็แล้วกัน”
ไอพลพูดกับผมพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ ทีนึง แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ พี่ๆ ที่ทำหน้าที่นันทการก็เข้ามาเสียก่อน


“สวัสดีค่ะ น้องๆ ทุกคนจากทั้ง 5 โรงเรียนนะคะ เป็นไงบ้างคะ สำหรับการอบรมวันแรก เบื่อรึยัง”
เสียงของ พี่ปั่น(ดูจากชื่อที่ห้อยที่คอ) พูดผ่านไมค์ถามพวกเรา ก็มีทั้งตอบจริง ตอบแซวไปบ้าง
หลังจากที่ทักทายทำความรู้จักกับพวกพี่ๆ กันเรียบร้อย ช่วงเวลานันทนาการก็เริ่มขึ้น
ก็มีทั้งร้องเพลงสนุกสนานกัน มีกิจกรรมแกล้งกันมั่ง เช่นเรียกให้ออกไปเต้นท่าประหลาดๆ
ซึ่งก็เหมือนกับเข้าค่ายทั่วๆ ไป แต่ปกติ ผมเองก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับอะไรพวกนี้มากนัก

แต่เพราะคำพูดของนันท์ที่พูดกับผมเมื่อเช้า ที่อยากให้ผมหัดปล่อยวาง แล้วหาความสุขใส่ตัวเสียบ้าง

ตอนนี้ผมเองก็เริ่มที่จะสนุกไปกับบรรยากาศนั้นแล้ว
การได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่สนุกสนาน ถึงแม้ผมอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับมันมากนัก
แต่การได้เป็นส่วนนึงในนั้น มันก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ

เพียงแต่ เหมือนมันรู้สึกขัดๆ อยู่เรื่องนึง
เมื่อผมหันไปมองนันท์ ที่ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับป้ออย่างสนุกสนาน
ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจมันก็เกิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

โดยเฉพาะไอท่าทีที่ดูจะตีสนิทเหลือเกินของคนที่ชื่อป้อนั่น

แต่ผมก็พยายามไม่คิดมาก



เอาน่ะ ก็แค่เขาคุยกันธรรมดา จะไปคิดมากไรเนี่ยเรา

สงสัยจะเครียดมากเกินไปแบบที่นันท์ว่าไว้จริงๆ ด้วยแฮะ



.............
“เอาล่ะ นี่ก็ 3 ทุ่มกว่าแล้วนะคะ เป็นไงง่วงกันมั่งรึยัง”
พี่ปั่นถามพวกเรา แต่ดูจากท่าทางของแต่ละคนแล้ว เหมือนจะยังสนุกอยู่

“อืม... เอางี้ งั้นพี่คิดเกมส์ได้เกมส์นึง ขอให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาทีมละ 2 คนด้วยนะคะ
2 คนที่ออกมา ขอว่าต้องอยู่กันคนละโรงเรียนด้วยนะคะ
อ่ะๆ งานนี้ไม่มีเต้นท่าประหลาดๆ แน่ พี่รับรอง ออกมาได้ ไม่ต้องกลัวค่ะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ แต่ละกลุ่มก็ส่งตัวแทนออกไป รู้สึกโชคดีแฮะ ที่ไม่โดนเลือกออกไป

ผิดกับมายด์ ที่ได้เป็นตัวแทนออกไป แต่ดูสีหน้าเธอแล้ว ดูเหมือนจะเต็มใจออกไป
ในขณะที่นันท์เอง ก็ได้เป็นตัวแทนของกลุ่ม 7 เช่นกัน แต่เหมือนสีหน้าจะตื่นๆ อยู่ไม่น้อย
สงสัยโดนบังคับรึป่าวก็ไม่รู้







และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจอีกครั้งก็เกิดขึ้น
เพราะคนที่ออกไปคู่กับนันท์ ก็คือ



ป้อ~~!!!

จบคาบเรียนที่ 5



สวัสดีครับ

แห่ะ หายไป 2-3 วัน โทษทีครับ
พอดีไม่สบายนิดหน่อย ไปตากฝนมาน่ะ >< เลยไข้ขึ้น 5555+

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ปรับตัวไม่ทันเลย - -*


ก็เข้าสู่คาบเรียนที่  5 แล้ว ในที่สุด แบงค์ นันท์ บาส พล และตี๋เอ๋อ ก็ได้ไปเข้าค่ายละ
พร้อมด้วยตัวละครใหม่ นั่นคือ ป้อ

เขาจะเข้ามาทำอะไร ยังไง คิดยังไง อันนี้ขออุบไว้ก่อน ต้องติดตามกันเอง ไม่งั้นไม่ลุ้น 555+

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับ ผมอ่านไป แล้วยังยิ้มตามไปเลย :o8:

และขอบคุณทุกคลิกที่เข้ามาอ่าน แต่อาจจะไม่ได้เม้นท์ด้วยนะครับ
อย่างน้อยเห็นยอดคลิกเข้ามาเพิ่ม ก็ต้องมีคนอ่านมั่งล่ะ 555+
ผมเชื่องั้นนะ เพราะ (อดีต)แฟนผมเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน อ่านอย่างเดียว แต่ไม่เม้นท์ไรเลย (เพราะเขาบอกว่า เขาเม้นท์ไม่เก่ง - -*)

วันนี้มาดึกไปหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 5 ไม่พอใจ (28-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-06-2013 07:57:18
555 แบงค์เริ่มรู้สึกคันที่หัวใจแล้วล่ะซิ
นันท์จะได้ทำอะไรคู่กับคู่กับป้ออีกนะ

ปล.หายป่วยเร็ว ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 5 ไม่พอใจ (28-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 28-06-2013 15:45:00
เอาแล้ว จุดเปลี่ยนมาแล้ว  :m4:
อยากรู้จังว่าจากเพื่อนสนิทที่ดูธรรมดา ๆ
พอเริ่มมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจะแสดงอาการยังไงออกมาน๊า
ส่วนพลกะตี๋เอ๋อนี่ก็แอบน่ารักนะ ยอมรับเลยแรก ๆไม่รู้สึกเลยนะเนี่ย
รอติดตามความรู้้สึกหน่วงๆในใจแบงค์ต่อไปค๊า  :bye2:
 :L2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนหายป่วยไว ๆจ้า
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 5 ไม่พอใจ (28-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 28-06-2013 15:50:19
รู้ใจตัวเองไวๆนะนายแบงค์  ไม่งั้นนู๋นันท์โดนแย่งไปแหงมมมมม   :hao7:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 5 ไม่พอใจ (28-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 28-06-2013 23:30:35
บาสนี่ร้ายจังนะ เหมือนไม่ค่อยชอบนันท์ด้วย แต่คงไม่ใช่เพราะหวงพี่หรอกนะ
แบงค์มีเรื่องเครียด ๆ มาทีไร เจอน้องนันท์ยิ้มให้หน่อยก็ผ่อนคลายละ
พล กับ ตี๋เอ๋อ (ชื่อนี้จริง ๆ เลยเหรอเนี่ย) มาให้เราได้จิ้นกระจายในตอนนี้
แหม มันน่าคิดนิ มีการนอนค้างด้วยกันด้วย แถมพลอ่อนโยนกับตี๋เอ๋อสุด ๆ
ให้ตี๋เอ๋อนอนหนุนตัก นวดขมับให้ด้วยอ่ะ ชอบจัง  :o8: จิ้น ๆ ลุ้น ๆ คู่นี้ต่อไป ฮุฮุ
แล้วตกลงตี๋เอ๋อพูดไม่ได้รึไม่ยอมพูดเองกันล่ะเนี่ย เหมือนมีปริศนาเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว
ป้อ จะมามีบทบาทสำคัญอะไรรึเปล่านะ มองนันท์ด้วยสายตาแปลก ๆ แถมตีสนิทนันท์สุดๆ
จนแบงค์กังวล หงุดหงิดด้วย แต่ก็ดี หงุดหงิดให้เยอะ ๆ จะได้รู้ตัวเร็ว ๆ ว่าคิดยังไงกับนันท์
ให้คนเขียนจ้า  :3123:  รักษาสุขภาพด้วยนะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 5 ไม่พอใจ (28-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 29-06-2013 02:34:47
คาบเรียนที่ 6 : หวั่นไหว

ทันทีที่ผมเห็นว่าคนที่ออกไปข้างหน้าคู่กับนันท์คือป้อ
ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะไอท่าทีที่ดูจะเกาะติดนันท์นั่นด้วย

“เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ออกมากันครบทุกกลุ่มแล้วนะคะ”
พี่ปั่นพูด ก่อนที่จะจับแต่ละคู่ยืนแยกกันคนละฝั่ง
“เกมส์นี้ ก็ง่ายๆ ค่ะ พวกเรามาจากต่างโรงเรียนกันใช่มั้ย เพราะฉะนั้น นี่คือบททดสอบค่ะ ว่าพวกเราได้เพื่อนใหม่กันรึยัง ก็แค่คำถามง่ายๆ ค่ะ เดี๋ยวพี่จะแจกกระดาษกันคนละใบนะคะ แล้วพี่จะถามคำถาม ว่าเรารู้จักเพื่อนของเรามากน้อยแค่ไหน เขียนทั้งของเรา และคู่ของเราด้วยนะคะ ทีมไหนทำคะแนนได้เยอะที่สุด ทีมนั้นจะเป็นผู้ชนะค่ะ ส่วนทีมที่ได้คะแนนน้อยที่สุด แน่นอนค่ะ เราเตรียมบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ด้วยค่ะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ พี่ทีมงานที่เหลือก็เอากระดาษและปากกาแจกให้แต่ละคน ก่อนที่จะให้หันหลังเพื่อป้องกันการโกง
เมื่อแจกเสร็จ พี่ปั่นก็ถามคำถามไปเรื่อยๆ คำถามส่วนมากก็เป็นเกี่ยวกับความชอบของแต่ละคน

จนในที่สุดก็ครบ 10 ข้อ เมื่อถามจนครบแล้ว พี่ปั่นก็จะถามทีละคู่ ว่าคู่ไหนทำคะแนนได้เท่าไหร่
แต่ผมในตอนนี้ สมาธิแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

จนกระทั่งเมื่อตรวจนับคะแนนจนครบ ผลปรากฏว่า ทีมของนันท์เป็นทีมที่ได้คะแนนน้อยที่สุด
สีหน้าของนันท์และป้อดูเจื่อนๆ อยู่ไม่น้อย เพราะนั่นหมายถึงว่า คนที่เหลือในกลุ่มจะต้องโดนลงโทษด้วย

แต่แทนที่ผมจะเห็นใจ ทำไมผมกลับรู้สึกดีใจอยู่เล็กๆ ที่ได้เห็นสีหน้าผิดหวังของป้อ
แต่ทว่าผมก็รู้สึกแบบนั้นได้ไม่นานนัก นั่นเพราะ…………

“เอาล่ะค่ะๆ เราได้ทีมที่แพ้แล้ว ขอเชิญคนที่เหลือในทีมออกมาด้วยค่ะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ คนอื่นในกลุ่ม 7 ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างหน้า ตามด้วยเสียงโห่ร้องของทีมอื่น
“ก่อนที่เราจะทำโทษ ขอสัมภาษณ์ตัวแทนทีมก่อน ชื่ออะไรกันมั่งคะทั้ง 2 คน”
“นันท์ครับ”
“ป้อครับ”

“ค่ะ ป้อ กับ นันท์นะคะ มีอะไรจะพูดสักหน่อยมั้ยคะ”
พี่ปั่นถาม ก่อนที่จะยื่นไมค์ไปให้นันท์ แต่ทว่าป้อกลับฉวยมันไปเสียก่อน

“ถึงวันนี้ เรายังจะไม่รู้จักกันมากนัก แต่ต่อไปเราจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีและรู้จักกันมากกว่านี้ได้แน่นอนครับ”
ป้อพูดจบก่อนที่จะส่งไมค์คืนให้พี่ปั่น พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่คนอื่นๆ ได้แต่โห่ร้องดังกระหึ่ม


แต่ทว่า ผมกลับไม่พอใจกับคำพูดนั้นเอามากๆ ผมกำหมัดแน่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
“เฮ้ย เป็นไรวะ ไอแบงค์ ดูเมิงแปลกๆ ไปนะเว้ย”
พลถามผม พร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ
“ป่าว กูไม่ได้เป็นไร”
“แต่เมิงทำหน้าเครียดซะขนาดนั้น.....”

“ก็กูบอกว่ากูไม่ได้เป็นไรไงวะ”
ผมตอบตัดบทไป ไอพลเมื่อได้ยินเช่นนั่น จึงเงียบไม่พูดอะไรต่อ

“แหม เป็นคำตอบที่ซึ้งกินใจดีนะคะเนี่ย พี่เกือบเผลอคิดไปไกลซะแล้ว งั้นแล้วคนอื่นๆ ล่ะคะ ชื่ออะไรกันมั่ง”
พี่ปั่นเดินถามชื่อของคนที่เหลือในกลุ่ม จนกระทั่งถึงคนสุดท้ายของกลุ่ม ซึ่งก็คือ ตี๋เอ๋อ
พี่ปั่นพยายามถามแต่ทว่า ตี๋เอ๋อกลับเอาแต่ทำหน้าตื่น อึ่กอั่กในลำคอ เหมือนจะพูด แต่ก็ไม่ยอมพูดสักที


“เม่น ครับ~~~~~!!!!!”


ชื่อเล่นจริงๆ ที่ผมเองก็เกือบลืมไปแล้วของตี๋เอ๋อถูกตะโกนเสียงดังลั่น แต่ทว่ามันไม่ได้ออกมาจากปากเจ้าตัว
แต่ออกมาจาก…………………….


“ไอพล เมิงทำอะไรของเมิงเนี่ย”
ผมกระซิบถามมันเบาๆ เพราะคนที่ตะโกนคือมันนี่ล่ะครับ
“เอ้า ก็เมิงก็รู้ว่าไอนี่มันไม่ค่อยพูดจา เหมือนกับคนอื่นเขาเสียที่ไหนล่ะวะ กูก็เลย………….”
ไอพลกระซิบตอบผม ในขณะที่สายตาของคนรอบข้างตอนนี้จับจ้องมาที่ผมกับพลแล้ว

“เอ่อ พี่ไม่ได้ถามชื่อของน้องนะคะ พี่ถามชื่อของน้องแว่นคนนี้ค่ะ แห่ะๆ”
พี่ปั่นหันมาพูดด้วยเสียงหัวเราะแห้ง ก่อนที่จะหันไปทางตี๋เอ๋ออีกรอบ
“เอาล่ะค่ะ น้องชื่ออะไรคะ”


“ก็นั่นล่ะครับ มันชื่อเม่น~~~!!!!!”
ไอพลตะโกนอีกรอบ ก่อนที่พี่ปั่นจะหันมามองด้วยสีหน้างงๆ พลางหันมองระหว่างไอพลและตี๋เอ๋อ


“งั้นขอเชิญน้องออกมาด้วยละกันนะคะ”
พี่ปั่นเรียกไอพลออกไป เสียงโห่ร้องของคนรอบข้างดังยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ทว่า ดูไอพลจะไม่ค่อยสะทกสะท้านเท่าไหร่เลย มันลุกเดินออกไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนที่จะไปยืนข้างๆ ตี๋เอ๋อที่ตอนนี้ทำตัวลีบแห้ง สีหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
“น้องชื่ออะไรคะ”
“พลครับ”
“รู้จักกับน้องเอ่อ น้องเม่นนี่เหรอคะ”
“ครับ อยู่โรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันครับ”
“มิน่าล่ะ ถึงได้ดูรักเพื่อนจัง ตอบแทนตลอด”
“ครับ”
ไอพลตอบกลับไปสั้นๆ ด้วยรอยยิ้มกวนๆ ตามประสามัน


“เอาล่ะ คนอื่นที่เหลือกลับเข้าที่ได้ค่ะ เหลือไว้แต่น้องป้อ น้องนันท์ น้องพล แล้วก็เอ่อ น้องเม่นนะคะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ คนอื่นๆ ที่เหลือก็รีบกลับเข้าที่ด้วยความว่องไว

ตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เพราะไอคนที่ชื่อป้อนั่น มันพยายามยืนชิดนันท์อย่างเห็นได้ชัด
แถมมองนันท์ไม่ละสายตาเลย

ผมลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนที่จะเดินออกจากแถว ตรงไปยังห้องน้ำ ก่อนที่จะถีบประตูห้องน้ำแรงๆ ทีนึง


นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ความรู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวายใจนั่น มันคืออะไรกัน

ตั้งแต่เรื่องตอนนั้นแล้ว ที่เราคิดว่า นันท์กำลังชอบใครอยู่

มันก็ดูไม่น่าจะแปลกอะไร ถ้านันท์จะไปรู้จัก หรือใครจะมารู้จักนันท์
นันท์จะไปชอบใคร หรือใครจะมาชอบนันท์

แต่...............

แต่ทำไมผมกลับทำใจยอมรับมันไม่ได้

เสียงโห่ร้องจากหอประชุมดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมเลือกที่จะไม่รับรู้มันดีกว่า หากมันจะทำให้ผมต้องรู้สึกแย่ไปกว่านี้


เมย์..................

นี่แบงค์เป็นอะไรไปนะ ตอนนี้
ผมเดินไปมาอยู่บริเวณรอบๆ ห้องน้ำ รอจนเสียงโห่ร้องนั้นเงียบลง
จึงเดินกลับเข้าไปยังหอประชุม ซึ่งตอนนี้กำลังสวดมนต์หมู่กันอยู่
ผมพยายามเลาะตัวเข้าไปยังแถวของผม

“ไปไหนมาวะ”
ไอพลกระซิบถามผม
“ไปห้องน้ำมา”
“ขี้แตกรึไงวะ เออ งั้นแสดงว่าเมื่อกี้ เมิงคงไม่ได้ดูสินะ ว่าพวกกูโดนลงโทษไงมั่ง ไอพี่ปั่นนะแม่งโคตรจะแบบว่า
ให้พวกกูนะ ทำ.....”
“เงียบไปเลยเมิง กูไม่อยากฟัง”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไอพลเงียบไม่พูดต่อ


ทันทีที่พวกพี่ๆ นันทนาการ ก็ปล่อยให้พวกเราเข้านอนหลังจากที่สวดมนต์หมู่เสร็จ
ผมรีบเดินไปยังกลุ่มของนันท์ทันที
“อ้าว แบงค์ มาพอดีเลย ว่าจะเดินไปหาอยู่เหมือนกัน”
นันท์หันมาพูดกับผม ทันทีที่เห็นผม ผมยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะนันท์ หลับฝันดีนะ”
ป้อยิ้มให้กับนันท์ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับผมอีกครั้ง แล้วจึงเดินออกจากหอประชุมไป

ทั้งๆ ที่ดูๆ แล้ว คนที่ชื่อป้อนั่นก็เหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป
แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกไม่ถูกชะตายังไงไม่รู้แฮะ
“แบงค์เป็นไรเหรอ”
นันท์หันมาถามผม คงเพราะเห็นสีหน้าที่ดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดของผมด้วยล่ะมั้ง
“อ่ะ หา อ่ะ ป่าวๆ ไม่มีไร ไปเหอะ ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวไอพล กับตี๋เอ๋อ จะรอนาน”
ผมรีบพูดกลบเกลื่อน ก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังไอพลกับตี๋เอ๋อ ที่ยืนรออยู่หน้าประตูหอประชุม

พวกเราทั้ง 4 คนกลับไปยังโรงนอนพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า นุ่งผ้าขนหนูก่อนที่จะเดินยังโรงอาบน้ำที่อยู่หลังโรงนอน
ผมสังเกตเห็นได้ชัดเลยตอนนี้ ถึงความแตกต่างระหว่างคนที่เล่นกีฬาอย่างผมกับไอพลกับคนที่ไม่เล่นอย่างนันท์กับตี๋เอ๋อ
อืม.......มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ ก็เหมือนคนทั่วๆ ไปน่ะล่ะ เพียงแต่ไม่ได้พวกกล้ามอะไรเหมือนผมกับไอพล

แว่บนึงผมกลับคิดว่า ถ้าเอานิ้วไปจิ้มหน้าท้องของนันท์ มันคงจะนุ่มดี
คิดอะไรวะเนี่ยเรา - -*
และเหมือนจะเคยได้ยินใครสักคนพูดเอาไว้ว่า
สิ่งที่เราคิดเอาไว้ ว่าอาจจะแตกต่างจากคนอื่น แท้จริงแล้ว คนอื่นก็อาจจะคิดแบบเดียวกับเราก็เป็นได้
เพราะจากที่คิดว่าจะอาบน้ำก่อนนอนเผื่อคนจะได้น้อยๆ
แต่มันเป็นการคิดที่ผิดครับ เพราะโรงอาบน้ำตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คน

“อะไร ตี๋เอ๋อ”
เสียงของไอพลพูดขึ้น ผมกับนันท์หันไปมอง เห็นตี๋เอ๋อกำลังทำหน้าอายๆ ก่อนที่จะชี้เข้าไปในโรงอาบน้ำ
“เมิงอายเหรอวะ ไอตี๋เอ๋อ”
ไอพลถาม ตี๋เอ๋อพยักหน้าตอบ
“เฮ้ย ถ้าไม่อาบที่นี่ แล้วเมิงจะอาบที่ไหนวะ จะอายไรวะ ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ มันก็..........”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ไอพลก็นิ่งเงียบไป ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง
“เออว่ะ คงไม่ดีแน่”
“ไม่ดีไรวะ”
ผมถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นสีหน้ามันเปลี่ยนไป ดูวิตกๆ

“ป๊าว ไม่มีไร”
ไอพลตอบเสียงสูง ดูก็รู้ว่ากำลังปิดบังอะไรอยู่

“อืม งั้นเอางี้สิ ตี๋เอ๋อ ก็ไปอาบที่ห้องน้ำข้างหลังสิ”
นันท์แสดงความคิดเห็น ตี๋เอ๋อดูจะเห็นด้วยกับความคิดนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังห้องน้ำข้างหลัง
“อ้าว เฮ้ย งั้นกูไปด้วย รอกูด้วยดิวะ”
ทันทีที่ไอพลพูดจบก็วิ่งตามตี๋เอ๋อไปทันที ทิ้งไว้ให้ผมกับนันท์ยืนกันอยู่ 2 คน

“ไปกันหมดเลย แล้วเราล่ะ เอาไงดี”
นันท์หันมาถามผม อืมอาบรมกับคนอื่นก็ไม่เห็นจะเป็นไร อาบๆ ไปเหอะ

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นป้อกำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน
“งั้นเราไปอาบข้างหลังเหมือนไอพลกับตี๋เอ๋อดีกว่า”
พูดจบผมก็รีบจูงมือของนันท์ไปยังห้องน้ำด้านหลังทันที

 แต่ทว่าห้องน้ำด้านหลังก็เต็มไปด้วยคนเช่นกัน - -
“เอาไงดี ไปอาบรวมกับคนอื่นก็ได้มั้ง”
นันท์หันมาพูดกับผม
“ไม่อ่ะ อาบที่นี่ดีกว่า”
ผมรีบตอบกลับไป นันท์ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า
เราสองคนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำไม่นานนัก คนที่เข้าไปก่อนหน้าก็เดินออกมา
“นันท์เข้าไปอาบก่อนละกัน”
ผมบอกกับนันท์ พร้อมกับเปิดประตูให้ นันท์เดินเข้าไปแต่ไม่ทันที่จะได้ปิดประตู
“แบงค์ก็เข้ามาอาบพร้อมกันเอามั้ย จะได้ไม่ต้องรอ”
นันท์หันมาพูดกับผม ผมลังเลที่จะตอบ แต่ดูเหมือนว่าจะสู้แรงคะยั้นคะยอของนันท์ไม่ได้ ผมจึงเดินเข้าไปด้วย
หลังจากที่ล๊อคกลอนประตูเรียบร้อย ผมกับนันท์ก็เอาผ้าขนหนูพาดไว้ที่กำแพงห้องน้ำ
จะเหลือก็แต่กางเกงในตัวเดียวที่ปกปิดร่างกายของพวกเราเอาไว้

“อิจฉาแบงค์จริงๆ แฮะ”
นันท์หันมาพูดกับผม
“อิจฉา.....เรื่องอะไรอ่ะ”
“ก็......ดูหุ่นแบงค์ดิ หุ่นดีจะตาย เทียบกับนันท์แล้ว”
นันท์ตอบกลับมาพร้อมกับเอามือลูบหน้าท้องตัวเอง
ผมได้แต่หัวเราะกลับไปอย่างตะกุกตะกัก ถึงแม้ไฟในห้องน้ำจะไม่สว่างมากนัก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเห็นนันท์ที่ยืนออยู่ตรงหน้าผมได้ชัดอยู่เหมือนกัน
ถึงจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นนันท์ในสภาพแบบนี้
ไม่ยักรู้แฮะ ว่านันท์จะขาวขนาดนี้ คงไม่ค่อยได้โดนแดดล่ะมั้ง ผิดจากผม ที่โดนแดดจนผิวแทนไปซะแล้ว (ทั้งๆ ที่ตอนเด็กก็ออกจะขาวแท้ๆ - -*)

แล้วนี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว อาบน้ำๆ ดีกว่า - -*

แต่ถึงจะคิดแบบนั้น เอาเข้าจริงๆ ไม่รู้ทำไมสายตาผมถึงได้ชอบหันไปมองจังเลยเนี่ย
โดยเฉพาะตอนนี้ ที่นันท์กำลังถูสบู่ไปตามร่างกายขาวเนียนนั้น ใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

จะว่าไม่เคยชินกับการอาบน้ำร่วมกับคนอื่นก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะเข้าค่ายมาก็หลายครั้ง ทั้งค่ายลูกเสือ ค่ายกีฬา และอื่นๆ อีกสารพัด ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

แล้วทำไมตอนนี้ถึง.............................
ผมพยายามหลับตา พยายามไม่มอง เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
แต่ทว่าทันทีที่ผมลืมตาเพื่อมองหาสบู่ สายตาของผมก็เผลอเหลือบไปมองอีกจนได้

และภาพที่ผมเห็นในตอนนี้คือ นันท์ที่กำลังเอามือล้วงเข้าไปถูสบู่ภายในกางเกงในตัวนั้น
จริงอยู่ที่ไฟมันจะไม่ได้สว่างอะไรมากนัก แต่ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ และด้วยความที่นันท์ใส่กางเกงในสีขาวด้วยแล้ว
มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเห็นอะไรต่อมิอะไรภายใน


ตอนนี้จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยู่ๆ ร่างกายของผมดันมีปฏิกิริยาขึ้นมาซะงั้น
“เป็นไรไปเหรอแบงค์”
นันท์หันมาถามผม ที่ซึ่งตอนนี้กำลังยืนหันหลังให้กับนันท์
“ป่ะ ป่าวๆ ไม่มีไร”
ผมตอบปัดไปอย่างขัดๆ
“อืม.....งั้นแบงค์ช่วยขัดหลังให้หน่อยได้ป่ะ”
นันท์พูดพร้อมกับส่งใยขัดตัวมาให้ผม ผมรับมันมาก่อนที่จะเหลียวหลังไปมอง ตอนนี้นันท์กำลังหันหลังให้ผมเช่นกัน
ผมจึงหันหน้าไป แล้วจึงค่อยๆ ถูหลังให้นันท์เบาๆ
“ถูแรงๆ ก็ได้นะ เผื่อพวกขี้ไคลมันไม่ยอมออก”
นันท์บอกกับผม ผมจึงเพิ่มแรงเข้าไปอีกเล็กน้อย พร้อมกับมืออีกข้างเอื้อมไปจับเอวนันท์ไว้

นี่มันอะไรกันนักกันหนากับผมเนี่ย รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นหน้ากันก็แทบจะทุกวันแท้ๆ
แล้วไหงวันนี้ผมถึงได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกล่ะเนี่ย

“อืม พอละ ขอบใจนะ แบงค์”
ทันทีที่นันท์พูดจบ ก็หันหลังกลับมา พร้อมกับผม ที่รีบหันหลังกลับไปเช่นกัน ก่อนที่จะส่งใยขัดตัวคืนนันท์โดยไม่หันไปมอง
“แบงค์ล่ะ จะขัดหลังด้วยป่ะ เดี๋ยวนันท์ขัดให้”
นันท์ถามผม พร้อมกับทำท่าจะเอาใยมาขัดหลังผม แต่ผมกลับกระเถิบหนี
“ม่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแบงค์ขัดเองก็ได้ นันท์อาบน้ำเถอะ”
ผมตอบกลับไป พร้อมกับหยิบใยขัดตัวมาจากนันท์ ก่อนที่จะเอามือเอื้อมไปขัดหลังตัวเอง


ขอโทษนะนันท์  ใจจริงก็อยากให้ขัดให้อยู่หรอก แต่แค่นี้ แบงค์ก็แทบแย่แล้ว
ยิ่งไอข้างล่างเนี่ย จนตอนนี้ มันยังมีปฏิกิริยาไม่ยอมลงเลย T_T

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ผมกับนันท์ก็หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัว ก่อนที่จะนุ่งเอาไว้แล้วจึงเปลี่ยนกางเกงในกัน
ซึ่งก็ยังไม่วายที่ผมจะเหลือบไปมองอีกจนได้ เมื่อเสร็จแล้วเราทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

“เฮ้ย อยู่เฉยๆ ดิวะ เมิงขัดเองถึงซะที่ไหน มา เดี๋ยวกูขัดให้”
เสียงของไอพลดังขึ้นมาจากห้องน้ำห้องริมสุด อะไรเนี่ย ยังอาบไม่เสร็จอีกเรอะนั่น
ดูๆ ไป ไอพลมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่คิดแฮะ ดูมันก็รักเพื่อน รักอะไรดีเหมือนกัน
แต่คงเพราะด้วยความที่มันเป็นคนโผงผาง ห้าวๆ เถื่อนๆ คิดอะไรก็พูดออกมา หลายคนก็เลยก็เลยกลัวมัน คิดว่ามันเป็นนักเลง
เมื่อเห็นว่าพลกับตี๋เอ๋อยังอาบน้ำไม่เสร็จที ผมกับนันท์จึงตัดสินเดินกลับโรงนอนกันก่อน
หลังจากที่จัดการใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผมกับนันท์ก็นั่งคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ รอไอพลกับตี๋เอ๋อ

น่าแปลกที่ตัวผมในตอนนี้ ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมานะ
นันท์ เด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตอนนี้เขาดูน่ารักขึ้นมาได้นะ
ก็แค่เด็กแว่นธรรมดาๆ คนนึง แต่ผมกลับละสายตาไม่ได้
หน้าตาก็ไม่ได้เด่นอะไร จะมีดีก็ที่ขาว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร

โดยเฉพาะเวลาที่นันท์ยิ้ม ผมกลับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

แต่อีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ


ปกติเพื่อนผู้ชายเขาคิดกับเพื่อนผู้ชายด้วยกันแบบนี้รึป่าวนะ
ก็ไม่นะ กับเพื่อนคนอื่นๆ ผมก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้นี่


แล้วทำไมกับนันท์ ผมถึงได้.............................
“แบงค์ เป็นไรป่าว แบงค์”
นันท์เรียกผม พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนผมแทบสะดุ้ง
“ป่ะ ป่าวๆ ทำไมเหรอ”
ผมตอบกลับไป พร้อมกับค่อยๆ เขยิบออกช้าๆ
“ก็อยู่ๆ ดูแบงค์ก็เงียบไป พูดไรก็ไม่ตอบ หันมามองอีกที แบงค์ก็ดูเหม่อๆ ไปแล้ว ทำไม เหนื่อยเหรอ”

“อ่า คงใช่มั้ง คงใช่ ห่ะๆ”
ผมตอบกลบเกลื่อนกลับไป แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ พลกับตี๋เอ๋อเอง ก็เดินเข้ามาพอดี

“น้ำเย็นชิบหาย กว่าจะอาบเสร็จ ยิ่งไอตี๋เอ๋อ มันเสือกไม่ชอบน้ำเย็นอีก กว่าจะจับมันอาบได้ กูเกือบตาย”
ไอพลหันมาพูดกับผม พร้อมกับแก้ผ้าขนหนูออก จะเหลือก็แต่กางเกงในตัวเดียวที่มันใส่ไว้ ก่อนที่จะหยิบกางเกงนอนขาสั้นขึ้นมาสวม


เออ แล้วทำไมทีตอนนี้ผมมองไอพลในสภาพแบบนี้ แล้วผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลยวะเนี่ย


ตกลงกูเป็นอะไรของกูอยู่วะเนี่ย - -

ว่าแต่ไอพลล่ะ มันเคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับไอตี๋เอ๋อมั้ยวะ
ผมคิดในใจก่อนที่จะหันไปมองมัน จะลองปรึกษามันดูดีมั้ยหว่า


อย่าดีกว่า ไม่อยากโดนไอบ้านี่หัวเราะเยาะ  - -*

“งั้นนอนเลยดีกว่ามั้ย ดูท่าเหมือนแบงค์จะเหนื่อยๆ นะ”
นันท์หันมาพูดกับผมอีกรอบ
“อ้าวเฮ้ย ไรวะ จะนอนแล้วเหรอวะ ไม่อยู่คุยกันก่อนเหรอ โหไรเนี่ย อุตส่าห์ได้มาเข้าค่ายสนุกๆ แบบนี้ทั้งที จะรีบไปนอนไปไหนวะ”
ไอพลหันมาโวยวายกับผม พร้อมกับหยิบผ้าขนหนูไปตาก ก่อนที่จะหันไปช่วยเช็ดหัวให้ตี๋เอ๋อ
“ไม่อ่ะ กูว่ากูนอนเลยดีกว่า กูง่วงละ”
ผมพูดพร้อมกับหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวก่อนที่จะล้มลงนอน

“แบงค์”
“หืม”
ผมหันกลับไปมองนันท์ที่เรียกผม


“ฝันดีนะ”
นันท์พูดกับผม พร้อมกับส่งยิ้มให้ผม
“นันท์ก็เช่นกันนะ”
ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้นันท์



กับคำพูดเพียงไม่กี่คำ กับรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ
แต่ทำไม มันทำให้ผมมีความสุขได้ถึงขนาดนี้

ภายใต้ผ้าห่มที่คลุมโปงตัวผมเอาไว้
ผมกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ชนิดที่ถ้าใครได้เห็น ก็คงคิดว่า “ไอนี่บ้าแน่ๆ” ก็เป็นได้


แต่ช่างประไร แค่ตอนนี้ผมมีความสุขก็พอใจละ


เพ้อเจ้อไปใหญ่ละ นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรง



- ฝันดีนะครับ -


จบคาบเรียนที่ 6


คาบเรียนที่  6 มาแล้วครับ
รู้มั้ยว่า ตอนที่เขียนตอนนี้เนี่ย (กี่ปีละหว่า) เขียนไป ขำตัวเองไปนะ ประมาณว่า เขียนไปได้ไงวะ ตูเนี่ย - -*
คนอ่านจะคิดว่า เราหื่นปะเนี่ย 5555+

และอยากบอกว่า ประสบการณ์เข้าค่ายอบรมเนี่ยส่วนนึง เอามาจากประสบการณ์ผมเอง 555+
แต่ไม่ได้หวานแหววอะไรแบบนี้หรอกนะ ออกแนวเถื่อนโหดเสียด้วยซ้ำ - -*

แบงค์ตอนนี้ก็เริ่มออกอาการมากขึ้นแล้ว ป้อคือใคร อะไรยังไง ไม่บอก :z2:

กะว่า ถ้ามีเวลาสักหน่อย จะพยายามลองวาดรูป ตัวละครตัวอื่นออกมาดูบ้าง
แต่ไม่รู้ว่าจะถูกอิมเมจของแต่ละคนรึป่าวนี่สิ 555+


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคลิกที่เข้ามานะครับ
นั่นคือกำลังใจอย่างดีของผมเลยล่ะครับ

ไปก่อนละครับ  :bye2: :bye2:


หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 6 หวั่นไหว (29-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: done_dirt_cheap ที่ 29-06-2013 08:18:47
 :katai2-1:
รออ่านต่อ
เป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้นะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 6 หวั่นไหว (29-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-06-2013 08:35:17
แบงค์เริ่มหวั่นไหว แต่ก็ยังคงสับสนอยู่
จะให้รู้ใจง่าย ๆ ได้ไง เป็นเพื่อนมาตั้งนาน
แถมเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก มันต้องใช้เวลา
ป้อนี่คงเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญแน่ ๆ เลยอ่ะ
ตอนที่ 4 คนถูกทำโทษแบงค์ไม่ดูคนอ่านก็เลยไม่รู้

รอลุ้นกับความรักของทั้งคู่ต่อไป
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 6 หวั่นไหว (29-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 29-06-2013 10:11:16
เริ่มสงสารแบงค์ละ ทั้งหงุดหงิด สับสนอลหม่านใจอยู่คนเดียว
ก็นะจากเพื่อนสนิทธรรมดา มันคงยอมรับไม่ได้ง่าย ๆ เนอะ เห็นทีต้องปรึกษาบาสซะแล้ว
ฉากอาบน้ำเนี่ยอ่านไปก็ลุ้นตามเลย กลัวนันท์จับได้ 555 นันท์ก็เหมือนแกล้งให้ขัดตัวให้อีก  :katai1:
ประสบการณ์ของคนอ่านตอนอาบน้ำอยู่ค่ายก็ไม่มีซะด้วย เข้าค่ายทีไรซักแห้งตลอด
จะอาบทีคนเยอะมากเป็นเด็กขี้อาย เลยล้างหน้า เช็ดตัวพอละยอมซกมกไปอาบที่บ้านดีก่า  :hao7:
รออ่านตอนต่อไปจ้าสนุกน่าติดตามขึ้นทุกตอนเลย  :bye2:  :กอด1: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนกันต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 6 หวั่นไหว (29-6-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 30-06-2013 16:52:40
ป้อ ดูแล้วแสดงอาการชื่นชอบนันท์แบบเปิดเผยมากเลยนะ เพียงแต่ชื่นชอบในความหมายไหนล่ะเนี่ย
ส่วนแบงค์ ก็ออกอาการหึงนันท์สุด ๆ ไปเลย หงุดหงิดซะ อิอิ ชอบ ๆ
ในที่สุด ก็ได้รู้ชื่อเล่นจริง ๆ ของตี๋เอ๋อ ซะที โอ้ ชื่อ เม่น แปลกดีจัง
แต่ที่แปลกกว่าคือคนบอก ที่ชื่อพลเนี่ยแหละ แล้วทำไมตี๋เอ๋อไม่พูดล่ะ
แบงค์หนีออกมา เลยไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นเลยอ่ะ เริ่มคิดแล้วสิว่าใจตัวเองมีอะไรแปลกไป
แหม อาบน้ำด้วยกันซะด้วยอ่ะ  :o8: แบงค์จ้องซะตาไม่กระพริบเลยสินะ คิดอะไรอยู่ถึงใจเต้นจ้ะ
ไอ้หย๋า ร่างกายมีปฎิกิริยา ตอนน้องนันท์กำลังอาบน้ำให้นันท์น้อยซะแล้ว ท่าจะแย่มากแล้วนะแบงค์
เอ๋า ๆ พี่พลกับตี๋เอ๋อ ก็เข้าไปอาบด้วยกัน จิ้น ๆ ๆ อีกแล้ว ฮุฮุ แต่รู้สึกพี่พลดูแลตี๋เอ๋ออย่างกับลูกเลยนะเนี่ย
แค่รอยยิ้มกับฝันดีนะของน้องนันท์ แค่นี้ก็ทำแบงค์อารมณ์ดี ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นี่มันอาการอยู่ในห้วงรักนะจ้ะแบงค์จ๋า รีบรู้ใจตัวเองไว ๆ นะ
ขอบคุณคนเขียนจ้า  :mew3:


หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 7 โมโห (1-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 01-07-2013 02:50:14
คาบเรียนที่ 7 : โมโห

“กูเบื่อการนั่งฟังไอตาแก่ไรนี่พล่ามชิบหาย จะหลับแล้วเนี่ย”

ไอพลบ่นกระซิบจากข้างหลังให้ผมฟัง
“เอาน่ะ เมิงก็ทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็เที่ยงแล้ว”
ผมหันไปพูดกับมัน ก่อนที่จะหยิบใบกำหนดการขึ้นมาดู

“อ่ะเนี่ย เดี๋ยวพ้นนี่ก็หมดแล้ว ตอนบ่ายก็เป็นกิจกรรมภาคสนามละเมิง”
“รีบๆ ถึงละกัน ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”
“ทนไม่ไหว? แล้วเมิงจะทำไรวะ”
ผมหันไปถามมัน

“หลับ”
มันตอบออกมาหน้าตาเฉย ถุย ไอเชี่ย นึกว่าจะแน่
แต่จะว่าไป มันก็ออกจะน่าเบื่ออย่างที่ไอพลมันว่าเหมือนกันล่ะครับ
วิทยากรคนนี้พูดจาได้ชวนหลับมากๆ ไม่รู้คนอื่นจะคิดเหมือนผมมั้ยนะ
แต่ดูจากท่าทางแล้ว ก็คงไม่น่าจะต่างกันมากเท่าไหร่หรอก

มายด์ดูท่าไม่สนใจจะฟังเท่าไหร่ เห็นหันไปคุยกับเพื่อนใหม่สนุกเชียว
ตี๋เอ๋อ.............หลับไปแล้ว - -

ส่วนนันท์...............ภาพที่ผมเห็นคือ
กำลังคุยกับป้ออยู่ ไม่รู้คุยเรื่องอะไรกัน แต่ดูแล้วคงจะสนุกมากเลยสินะ

คิดในแง่ดีไว้ ไอแบงค์ คิดในแง่ดีไว้
มันแปลกอะไรวะ ก็แค่เพื่อนใหม่ต่างโรงเรียน ทำอย่างกับเมิงไม่เคยมีเพื่อนคนอื่น

ถึงจะพยายามคิดแบบนั้น แต่ทำไม ผมถึงยังได้รู้สึกขัดๆ ในใจอยู่นะ
เหมือนกับว่า ความรู้สึกที่ผมกังวลอยู่นั้นมันเป็นความรู้สึกอื่น

................
หลังจากที่ต้องทนนั่งฟังการบรรยายอันแสนน่าเบื่อมาตลอดช่วงเช้า
ในที่สุดก็ถึงกิจกรรมภาคสนามในช่วงบ่ายเสียที ก็ดี ถ้าขืนยังให้นั่งฟังบรรยายต่อ มีหวังหลับแน่

กิจกรรมก็เป็นพวกคล้ายๆ กับแรลลี่อะไรทำนองนั้นน่ะครับ ตะลุยเก็บคะแนนตามฐานต่างๆ
แต่ละฐานก็จะเกี่ยวข้องกับพวกความรู้เกี่ยวกับยาเสพย์ติด

จนกระทั่งถึงฐานสุดท้าย ที่ต้องรอให้ครบทุกกลุ่ม
-แข่งวิบาก-
อันนี้ดูๆ แล้วไม่ค่อยจะเกี่ยวกับยาเสพย์ติดเท่าไหร่นะ คงจัดมาให้สนุกๆ กันล่ะมั้ง

หลังจากที่มากันครบทุกกลุ่มแล้ว การแข่งวิบากก็เริ่มขึ้น ก็เหมือนๆ แข่งวิบากทั่วๆ ไปน่ะล่ะครับ
มีเป่าลูกโป่ง มีกินน้ำ เป่าแป้งอะไรพวกนั้น แต่ที่ต่างก็คงจะเป็น อันนี้ในแต่ละกลุ่มต้องแข่งทุกคน วนกันไปเรื่อยๆ กลุ่มไหนครบก่อนก็ถือว่าชนะ ได้คะแนนเต็ม ส่วนทีมอื่นก็ลดหลั่นกันไป

กลุ่มผมแบ่งลำดับกันโดยการจับสลากครับ ก็ฉีกกระดาษกำหนดการนั่นล่ะ มาทำ

ซวยละสิผมได้อันดับที่ 1 ผมหันไปมองไอพล มันชูกระดาษให้ผมดูว่าได้ที่ 2 เออ ไม่ต่างกันเท่าไหร่ - -*

หลังจากที่เตรียมความพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว สัญญาณนกหวีดก็ดังขึ้น
ผมรีบออกตัววิ่งทันที อันแรกไม่มีอะไรมากมายนักแค่เอาน้ำล้างหน้าตัวเอง

จะให้ล้างทำไมวะ

หลังจากนั้นก็มาถึงด่านที่ 2 อืม เข้าใจว่าให้ล้างทำไม
ให้เป่าแป้งหาเหรียญครับ ใครเป็นคนใส่แป้งลงไปเนี่ย เยอะโคตร
แค่กๆ แป้งเต็มหน้าไปหมดละ ลำสักด้วย โหเหรียญ นึกนึกว่าเอาเหรียญ 5 เหรียญ 10 มาใส่
เหรียญบาทเนี่ยนะ คาบยากโคตร ดีที่ไม่เอาเหรียญ 25 หรือ 50 สต. มาใส่ - -*

ด่านที่ 3 ก็แค่ให้เอาเหรียญที่คาบมาหยอดใส่กระปุก ง่ายๆ รีบวิ่งไปด่านที่ 4 ต่อดีกว่า กำลังอยู่อันดับต้นๆ ด้วย
ด่านที่ 4 กินกล้วยครับ โห คิดว่าถ้าทีมงานเขาหากล้วยใบใหญ่กว่านี้มาได้ ก็คงหามาแล้วมั้งเนี่ย อุก~~!!! เกือบจุก ค่อยๆ เคี้ยวก็ได้วะ - -* ไม่ได้อีก กลุ่มอื่นแซงกันพอดี ยัดๆ มันไปนี่ล่ะ อ่อก~~!!

เสียงเชียร์ก็เชียร์ให้รีบกินจัง มาลองกินเองดูมั่งสิ เดี๋ยวจะรู้

มาถึงด่านที่ 5 ต่อจากกล้วยก็มาเจอขนมโก๋ เดี๋ยวๆ กล้วยยังไม่หมดเลย อึก~~~!! ไอกล้วยก็ว่าแย่แล้วนะ ขนมโก๋นี่หนักกว่าอีก แห้งๆ สากๆ แถมชิ้นใหญ่อีก เกือบติดคอตาย
ยังดีที่ด่านที่ 6 เป็นโค้ก ยังพอช่วยแก้ติดตอได้บ้าง แต่ให้รีบกินนี่มันก็ลำสักได้เหมือนกันนะ เกือบพ่นแล้วมั้ยล่ะ - -* เอิ่ก อิ่มเลยกู ข้าวเย็นไม่ต้องละมั้งเนี่ย
รีบไปด่านสุดท้ายดีกว่า จะได้หมดๆ ซะที

เออค่อยยังชั่วไม่ต้องกินอะไรแล้ว แค่ให้เอาลูกเทนนิสปาใส่ซองบุหรี่ให้ล้มแค่นั้น โชคดีที่เล่นบาส เลยแม่น แถมเป้าก็อยู่ไม่ไกลมากนัก ผมเลยปาทีเดียวโดน

จบสักที ผมทิ้งตัวนั่งลงทันที ไอเหนื่อยน่ะ ไม่เหนื่อยหรอก แต่ไอจุกนี่สิ มันกับว่าที่กินไปเมื่อเมื่อกี้ มันยังไม่ลงท้องดีเลย - -
ผมหันไปมองรอบๆ ทำอันดับได้ดีแฮะ แต่ที่เหลือในกลุ่มนี่สิ - -*

เสียงเชียร์ต่างเชียร์กันสนุกสนาน ปล่อยผีกันเต็มที่
“ไอพลเร็วๆ เว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมตะโกนเร่งไอพลที่ตอนนี้กำลังจุกอยู่กับขนมโก๋ ดูเหมือนมันจะได้ยินนะ เห็นมันชูนิ้วกลางใส่ผม
แล้วดูหน้ามันดิ ฮ่าฮ่าฮ่า เต็มไปด้วยแป้ง ดูไม่ได้เลย ฮ่าฮ่าฮ่า อุ๊บ~~!!! เราเองก็ไม่ต่างจากมันนี่หว่า - -*


“ไง จุกอ่ะดิเมิง”
ผมถามไอพล ทันทีที่มันเดินมานั่งลงข้างผม
“เออดิสัด ใครคิดกิจกรรมวะ กล้วยแม่งใหญ่ชิบหาย”
“ก็กล้วยหอมนิ”
ผมตอบพลางกลั้นหัวเราะเอาไว้
“เออดิ แม่ง เล่นเอากูเข้าใจหัวอกไอตี๋เอ๋อเลยสัด ว่าแต่เมิงเหอะ ขำไรวะ”
“หึหึ เหรอ กูขำเหรอ หึหึ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
“สัด ทำมาขำกู หน้าเมิงก็ไม่ได้ต่างจากกูหรอกวะ”

“เฮ้ย ตี๋เอ๋อกำลังแข่งอยู่ว่ะ”
ผมบอกไอพลพร้อมกับชี้ไปทางกลุ่ม 7
“โหแป้งเต็มหน้าเลยว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ไอพลหัวเราะดังลั่น
“แต่ดูตี๋เอ๋อจะเก่งกว่าพวกเรานะ”
“หมายความว่าไงวะ”
“เอ้า ก็ดูดีๆ ดิวะ ดูตี๋เอ๋อมันไม่ค่อยจะสำลักอะไรเลยนะ โดยเฉพาะไอกล้วยนรกเวรนั่นน่ะ”
ผมบอกกับไอพล แต่ดูมันพอได้ยินผมพูดแบบนั้น เหมือนจะไม่แปลกใจอะไรมากนัก แถมยังหันมายิ้มกวนๆ เหมือนข่มทับใส่ผมอีกต่างหาก
“อะไรของเมิงวะ”
“ป๊าววววว ไม่มีไร กูก็แค่ยิ้มไปงั้นล่ะวะ”
ดูมัน น่าถีบตูดจริงๆ ไอนี่

ตอนนี้แต่ละกลุ่มดูเหมือนจะผ่านไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว กลุ่มผมตอนนี้ผ่านไปได้ 7 คนแล้ว ดูคร่าวๆ แล้ว ถ้าไม่มีอะไรพลาดก็น่าจะติดอันดับต้นๆ ได้แน่ๆ
“เฮ้ย ไอนันท์ลงสนามแล้วว่ะ”
ไอพลสะกิดผม พร้อมกับชี้ไปทางกลุ่ม 7
“ดูทุลักทุเลยังไงไม่รู้แฮะ”
“โดยเฉพาะไอกล้วยนั่นสินะ”
ไอพลพูดพร้อมยิ้มกวนๆ เป็นเชิงข่มทับผมอีกรอบ
“อะไรของเมิงเนี่ย”
ผมหันไปถามมัน แต่มันไม่ตอบครับ กวนตีนโคตรๆ แทบอยากจะท้าต่อยกับมันจริงๆ - -*

ผมหันไปมองนันท์ที่ตอนนี้กำลังดูดโค้กอย่างกระอักกระอ่วน
ผมจะผิดมั้ยเนี่ย ที่แอบเชียร์ทีมคู่แข่งอยู่ แต่ก็ได้แค่คิดในใจแค่นั่นล่ะ ขืนเชียร์ออกนอกหน้า เดี๋ยวได้โดนรุมกระทืบแน่ - -*

“กูรู้นะ ว่าเมิงกำลังคิดไรอยู่”
ไอพลกระซิบข้างหูผมเบาๆ ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปหามัน ที่ตอนนี้กำลังทำหน้ายักคิ้วเจ้าเล่ห์ใส่ผม
ผมยกเท้าหวังจะถีบตูดมันด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ไม่ทัน เพราะมันดันไวกว่า - -*

ในที่สุดการแข่งขันแสนวิบากก็จบลง ผลคือ กลุ่ม 4 ได้ที่ 1 ส่วนกลุ่มของผมนั้น ได้ที่ 3 ครับ นอกนั้นจำไม่ได้ เยอะจัด - -*

หลังจากหมดกิจกรรมภาคสนามในช่วงบ่ายแล้ว ก็มีการนันทนาการกันเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้หายเหนื่อยกัน ก่อนที่จะปล่อยให้พวกเราได้ไปกินข้าวเย็นกัน
“เฮ้ย ไอแบงค์ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเมิงจะอาบน้ำเลยมั้ยวะ”
ไอพลถามผมพร้อมกับกอดคอผมแน่น
“อาบดิ ให้รออาบก่อนนอนไม่ไหวว่ะ เหม็นจะแย่ โดยเฉพาะกลิ่นตัวเมิงอ่ะ”
ผมพูดพร้อมกับยกแขนมันออกจากไหล่ของผม มันทำท่าดมๆ รักแร้ตัวเอง 2-3 ที
“อ่ะเหรอ เหม็นเหรอวะ กูว่ากลิ่นก็คลาสสิคดีออก”
“เมิงอย่ามาโรคจิต”
ผมด่ามัน แต่ดูมันไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่นัก ยังคงยิ้มแป้นแล้นกวนตีนตามประสามัน

“อ่ะนั่น ไอนันท์กับตี๋เอ๋อเดินมานู่นละ”
ไอพลพูดพร้อมกับชี้ไปยังทั้งสองที่เดินมาในสภาพมอมแมมไม่ต่างไปจากผมมากนัก
“เป็นไง เละมาเชียว”
ผมถามนันท์ พร้อมกับขยี้หัวนันท์เบาๆ เพื่อนปัดเอาพวกแป้งออก
“สุดๆ อ่ะ เจอทั้งกล้วย เจอทั้งขนมโก๋ แถมต่อด้วยโค้กอีก แทบสำลัก”
นันท์บ่นพร้อมกับถอดแว่นตามาเช็ดอีกรอบ ผมสังเกตเห็นไอพลมันหันมามองแว่บนึง แล้วทำท่าหัวเราะคิกคักๆ อะไรของมันก็ไม่รู้ ก่อนที่จะหันไปหาตี๋เอ๋อ แล้วตบไหล่เบาๆ 2-3 ที ซึ่งผมก็ขี้เกียจที่จะถามมันละ ปล่อยมันไปละกัน - -*

หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้งหมดก็เดินกลับไปยังโรงนอนทันที เพื่ออาบน้ำ
“กูหวังว่าคนคงไม่เยอะเหมือนเมื่อคืนนะ”
ไอพลบ่นพร้อมกับถอดเสื้อออกมาสะบัดแป้งออก
“กูว่าคงยากว่ะที่จะไม่มีคน ก็เล่นเลอะกันซะทุกคนขนาดนั้น จะหมกไว้รออาบก่อนนอนเพื่อนก็ไม่คบกันพอดีอ่ะดิ”
ผมหันไปบอกกับมัน ก่อนที่จะถอดเสื้อออกมาสะบัดแป้งบ้าง
“เออว่ะ เออแต่ก็ดี ไปอาบในห้องน้ำเหมือนเมื่อคืนได้วะ ส่วนตัวดี เนอะ ไอตี๋เอ๋อ”
ไอพลพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนที่จะหันไปทางตี๋เอ๋อที่กำลังวุ่นอยู่กับการถอดเสื้อ เพราะมันดันไปเกี่ยวกับสร้อยคอจนไอพลต้องเข้าไปช่วยแกะ

“แล้วแบงค์ล่ะ เอาไง”
นันท์หันมาถามผม

อืม...............ใจจริงมันก็อยากอาบด้วยกันอยู่เหมือนกันอ่ะนะ
แต่พอลองนึกย้อนไปถึงเมื่อคืนแล้ว.................

“เอ่อ เดี๋ยวแบงค์ว่าแบงค์อาบรวมกับคนอื่นๆ ดีกว่า แห่ะๆ ที่มันกว้างกว่าน่ะ”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก คิดว่านันท์คงไม่สังเกตเห็นนะ เพราะเห็นพยักหน้าสองสามที ก่อนที่จะหันไปเอาผ้าขนหนูมานุ่ง
“เอ่อ แล้วนันท์ล่ะ”

“อืม....คงอาบในห้องน้ำอ่ะ แบบว่า..........มันอายเหมือนกันน่ะ”
นันท์หันกลับมาตอบ พร้อมกับยิ้มเขินๆ ให้ผม

หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อยพวกเราทั้งหมดก็เดินลงจากโรงนอนไปยังโรงอาบน้ำทันที ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

ผมเดินเข้าไปยังโรงอาบน้ำรวมที่เต็มไปด้วยผู้คน ผมพาดผ้าขนหนูกับกางเกงในที่จะเอามาเปลี่ยนไว้ที่ราวแล้วจึงเดินไปตักน้ำอาบตามปกติ

ซ่า~~~!!!!
“............”

ซ่า~~~~!!!!!!
“.........................”

ซ่า~~~~~!!!!!!
เอ๋~~~!!!??
ระหว่างที่ผมตักน้ำอาบไปได้สองสามขัน ผมก็นึกเอะใจอะไรบางอย่าง

ผมหันไปมองรอบๆ ตัวเอง เห็นเด็กนักเรียนโรงเรียนอื่นที่กำลังอาบน้ำกันอยู่


ผมจ้วงขันตักน้ำขึ้นมาอาบ พร้อมกับหันซ้าย หันขวาอีกรอบ

หืม~~~!!!???
น่าแปลก ทำไมผมถึงได้รู้สึกเฉยๆ กับภาพที่อยู่โดยรอบตัวผมกันล่ะ
ไอจะว่าอายมันก็อายอยู่บ้างอ่ะนะ ก็แหม คนมันเยอะเหมือนกันนี่

แต่มันไม่ใช่รูปแบบเดียวกันกับเมื่อคืน

มันไม่ใช่ความรู้สึกเดียวกัน

มันไม่เหมือนกับตอนที่อยู่กับนันท์ในห้องน้ำเมื่อคืนเลยสักนิด

ตอนนี้ผมรู้สึกเฉยๆ ปกติมากๆ

เดี๋ยวๆๆ ถ้านี่ถือว่าปกติ
แล้วถ้างั้นไอเมื่อคืนนั่นล่ะ มันคืออะไรกัน~~~!!!???

หรือว่า ผมจะ............

“เฮ้ย เชี่ย แสบตา ขันๆ ขันกูอยู่ไหนเนี่ย”
เสียงของเด็กหนุ่มข้างๆ ผมร้องดังขึ้น เนื่องจากแชมพูไหลเข้าตา พลางทำท่าควานหาขันไปทั่ว
ผมจึงเอาขันตัวเองตักน้ำส่งให้ เขาคว้าไว้พร้อมกับรีบล้างหน้าทันที แล้วจึงตักราดหัวเพื่อล้างเอาฟองแชมพูออก
ก่อนที่จะส่งขันคืน พร้อมขอบคุณผม

ผมรับขันคืนพร้อมกับรีบอาบน้ำต่อให้เสร็จอย่างว่องไว ก่อนที่จะเช็ดเนื้อเช็ดตัว แล้วรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนโรงนอนทันที
ผมหยิบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่วางเตรียมไว้บนที่นอนอยู่ก่อนแล้วขึ้นมาใส่อย่างเร่งรีบ ก่อนที่จะเดินออกจากโรงนอนก่อนที่ทั้งสามคนจะขึ้นมา


“............”


“.............................”

แล้วนี่จะเดินไปไหนวะ
ผมถามตัวเองที่ตอนนี้เอาแต่ก้าวเท้าอย่างเร่งรีบแต่ไม่มีจุดหมาย

ผมย้อนความทรงจำต่างๆ กลับไปถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
มันตั้งแต่ตอนไหนกันนะที่ผมรู้สึกแบบนี้

ใช่ ผมยอมรับว่าทุกครั้งที่มีนันท์อยู่ข้างๆ ผม หรือทุกครั้งที่ผมได้อยู่ใกล้ๆ นันท์ ผมมักจะมีความสุข

ใช่ ผมยอมรับว่าเมื่อใดก็ตามที่นันท์ยิ้มให้กับผม ผมมักอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย

ใช่ ผมยอมรับว่าบางครั้งผมก็พยายามหาเรื่องเพื่อให้ได้เจอ หรือแค่ได้พูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับนันท์

ใช่ ผมยอมรับว่าบางครั้งผมก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อเห็นนันท์พูดคุยกับใครบางคน

และก็ใช่ เมื่อครั้งที่ผมรู้ว่านันท์กำลังแอบชอบใครบางคนอยู่ ผมยอมรับว่าผมหงุดหงิด ว้าวุ่นหัวใจมาก
ซึ่งความรู้สึกนั้น จนทุกวันนี้มันก็ยังหลงเหลือตกค้างอยู่ในหัวใจ
ไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เพราะ................................


หรือว่านี่ผมกำลัง.............................


“อ้าว แบงค์”
เสียงที่คุ้นหูเรียกผม ผมหันไปยังต้นเสียงนั้น
“มีไร”
ผมตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรมากนัก เพราะว่าคนที่เรียกผมนั้นคือ ป้อ
“เป็นอะไรไปเหรอครับ เห็นดูหน้าตาเหมือนไม่ค่อยดีเลยนะ”
ป้อถามผม แต่ผมส่ายหน้าแบบขอไปทีเป็นคำตอบ

“นันท์ไม่อยู่ด้วยเหรอครับ”
ป้อถามผมอีกครั้ง ผมหันไปมองด้วยความรู้หงุดหงิด
“อาบน้ำอยู่ แต่คิดว่าคงเสร็จแล้วมั้ง ไม่รู้สิ มีธุระไร”

“รู้จักกับนันท์มานานเท่าไหร่เหรอครับ”
ป้อเปิดฉากถามตรงๆ กับผม รอยยิ้มนั่นทำไมผมเห็นแล้วถึงได้รู้สึกไม่ค่อยน่าวางใจนักนะ
“ก็........ตั้งแต่ ป.2 รึ ป.3 แถวนี้นี่ล่ะ ว่าแต่ถามทำไม”

“อืม........โห ก็นานเหมือนกันนะเนี่ย”
ป้อพูดพร้อมกับทำท่านับนิ้ว ผมรู้สึกรำคาญ กำลังจะเดินหนี
“แบงค์กับนันท์ เป็นเพื่อนกันจริงๆ เหรอครับ”
“หมายความว่าไงวะ”
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ทว่าดูป้อจะไม่สะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่นัก

“ก็.......ไม่รู้สิ ปกติเพื่อนที่สนิทๆ กันรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแบบนี้ เขาน่าจะสนิทกันถึงขั้นเรียก เมิง กู อะไรทำนองนี้กันนะ.........”
ป้อหันมองซ้าย มองขวา ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆ
“แต่ทำไม แบงค์ กับ นันท์ ดูจะสุภาพกันเหลือเกิน เห็นมีแต่เรียกชื่อกัน จนฟังแล้วมันรู้สึก.........”
“นี่เมิงต้องการอะไรกันแน่วะ”
ผมตะคอกเสียงดังกลับไป คนที่อยู่รอบข้างเริ่มหันมามอง ป้อหันซ้าย หันขวา ทำหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรให้กับคนแถวนั้น ก่อนที่จะหันมามองผม

“ใจเย็นๆ สิครับ คุณแบงค์ ผมก็แค่ถามคำถามธรรมดาๆ เองนะ ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยล่ะครับ”
ป้อยังคงพูดจาด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แฝงด้วยความยียวนกวนใส่ผม ตอนนี้ผมกำหมัดแน่นแล้ว แต่ทว่ายังคงพอที่จะอดกลั้นมันไว้ได้

“ก็อย่างที่ผมถามน่ะล่ะครับ ว่าตกลง คุณแบงค์ กับนันท์เนี่ย เป็น ‘แค่เพื่อน’ เท่านั้นเหรอ ถ้าเป็น ‘แค่เพื่อน’ ผมจะได้....”
ตุ๊บ~~~!!!!!
หมัดของผมพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของป้ออย่างแรง ทำเอาป้อถึงกับลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นในทันที ป้อเอามือแตะที่มุมปากตัวเอง ไม่มีหรอกครับ ไอเลือดน่ะ แต่รอยช้ำน่ะ เห็นแน่

“กูกับนันท์จะเป็นอะไร มันก็เรื่องของกู ไม่เกี่ยวกับเมิง”
ผมตะคอกเสียงดังใส่ป้อที่ยังคงนั่งกองอยู่กับพื้น ก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่หน้าของมัน โดยที่ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองยังไง
“และไม่ว่าเมิงจะทำอะไร หรือคิดที่จะทำอะไรอยู่ก็ตาม ถ้ามันเกี่ยวกับนันท์ล่ะก็ เลิกคิดได้เลย ไม่งั้นเมิงกับกู ได้เห็นดีกันแน่”
พูดจบ ผมก็รีบเดินออกจากตรงนั้นทันที เพราะเกรงว่า ถ้าขืนยังยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกนิดล่ะก็ คงได้มีเรื่องมากกว่านี้แน่ๆ


หงุดหงิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปกติผมมักจะใจเย็นกว่านี้ ไม่ใช่คนโมโหง่ายอะไรแบบนี้
แต่มันเป็นใครวะ ถึงได้กล้าพูดจากวนประสาทแบบนั้นกับผม

ผมปลีกตัวออกมาจากบริเวณนั้น มานั่งใต้ต้นมะขามคนเดียวเพื่อปรับอารมณ์ สงบจิต สงบใจ อีกอย่างก็เพื่อทำใจเอาไว้เผื่อจะมีปัญหาอะไรตามมาเช่นมีคนไปฟ้องอะไรทำนองนั้น

“..........................”
เสียงมือถือของผมดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน
ตื๊ด~~!!
“ว่าไง นันท์”
“แบงค์อยู่ไหนเหรอ”
“ก็นั่งเล่นเดินเล่นอยู่แถวนี้นี่ล่ะ”
ผมตอบกลับไป ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบกิ่งไม้ข้างๆ มาขีดไปมากับพื้น
“แถวนี้น่ะ แถวไหนล่ะ”
“ก็..........แถวต้นมะขามต้นใหญ่ที่อยู่เยื้องๆ กับโรงนอนอ่ะ มีไรเหรอ”
“โอเคๆ เดี๋ยวรอนั้นนะ เดี๋ยวไปหา”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ....”
ไม่ทันละ วางสายไปซะแล้ว เอาไงดีล่ะทีนี้ จะลุกหนีไปก็คงจะน่าเกลียดแน่ๆ
ว่าแต่ จะหนีเรื่องอะไรล่ะ ??

“มานั่งหลบมุมอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ”
นันท์ทักผม ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ
“พลกับตี๋เอ๋อล่ะ”
“ไม่รู้สิ ตอนขึ้นไปแต่งตัวก็ไม่เห็น”
ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้


“.......”

“..............................”

“แบงค์”
“หือ?”

“แบงค์เป็นอะไรรึป่าวอ่ะ เห็นดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ”
นันท์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ป่าวนี่”
ผมตอบปฏิเสธไปอย่างเก้ๆ กังๆ
“ถ้าป่าว แล้วทำไมต้องมองไปทางอื่นด้วยล่ะนั่น โกหกกันเห็นๆ เลยนะ”
อุ~~~!!!! - -*

“แบงค์ยังเห็นนันท์เป็นเพื่อนป่ะเนี่ย”
“เอ่อ.......”
ซวยแล้วผม เข้าใจผิดกันไปใหญ่ละ

“ไม่ใช่แบบนั้นนะนันท์ คือ.........”
ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะก้มหน้าลง เพราะคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

ผม..........

ผมควรจะพูดอะไรดี.........

ในขณะที่ผมกำลังสับสนลังเลอยู่นั่นเอง มือนุ่มๆ ของนันท์ก็แตะลงบนบ่าของผมเบาๆ
“ช่างเถอะ นันท์ก็แค่เป็นห่วงแบงค์นะ แต่ถ้าแบงค์ว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไรละกัน”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ภาพที่เห็นคือ นันท์ที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับผม

“คือ.......แบงค์ คือ...”
ผมยังคงตะกุกตะกัก พูดอะไรไม่ออก

ทั้งๆ ที่ผมเองก็อยากจะพูด อยากจะบอกเหมือนกัน
เพียงแต่ผมไม่รู้ว่า ควรจะเริ่มจากตรงไหน

เพราะผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ว่าความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจของผมตอนนี้นั่น มันคืออะไรกันแน่
“ช่างเถอะ แบงค์คงมีเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถบอกใครได้เหมือนกันใช่ป่ะ นันท์เองก็มีเหมือนกันนะเรื่องแบบนั้นน่ะ”
นันท์พูดกับผมด้วยสีหน้าอายๆ ก่อนที่จะหัวเราะกลบเกลื่อน

ผมเอง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ยังคงพูดอะไรไม่ออกเช่นเดิม จึงได้แต่ล้มตัวลงนอนหนุนบนตักของนันท์
นันท์เอง เมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ลูบหัวผมเบาๆ คงหวังอยากจะผมรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งมันก็ได้ผลอยู่เหมือนกัน

ตอนนี้ผมรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่รู้สึกขุ่นมัวมาตลอดช่วงเย็น
ถึงแม้ความขุ่นมัวนั้น จะไม่หายไปหมดเสียทีเดียว


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ
ทำไมผมถึงได้รู้สึกกับเพื่อนคนนี้มากเกินกว่าที่เพื่อนควรจะรู้สึกกันนะ

หรือว่าที่จริงแล้ว ผมจะเป็น................


“แบงค์”
เสียงของนันท์เรียกผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเป็นเชิงสงสัย
“เสียงเรียกให้เข้าหอประชุมละ ไปกันเถอะ”
นันท์บอกกับผม เราทั้งสองลุกขึ้นเดินไปยังหอประชุม ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามกลุ่มของตัวเอง


โดยที่ผมเองยังคงเกิดคำถาม และความรู้สึกบางอย่างตกค้างอยู่ในหัวใจ


จบคาบเรียนที่ 7



คาบเรียนที่ 7 นำมาเสิร์ฟแล้วครับ ^^

ที่จริงว่าจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ดันดู ฮอร์โมนตอนที่ 6 เพลินจนลืมไปเลย

มัวแต่กรี๊ด น้องภู กับ น้องธีร์อยู่ 5555+

แบงค์เราชักจะเริ่มๆ ออกอาการมากขึ้นทุกทีละ เรื่องราวเริ่มเข้มข้นในส่วนของมุมมองจากแบงค์

คาบเรียนต่อไป จะเกิดอะไรขึ้น ต้องติดตาม



ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อไปนะครับ


รักและขอบคุณทุกคนนะครับ  :mew1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 7 โมโห (1-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-07-2013 08:14:01
เอาแล้วไงเกิดศึกชิงนายซะแล้ว
ป้อมาถามแบงค์เพื่อดูท่าทางเหรอ
ก่อนหน้านี้คุยอะไรกับนันท์ไปบ้างนะ
ลุ้นกันต่อไป ว่านันท์จะสังเกตุเห็นหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 7 โมโห (1-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 01-07-2013 10:08:11
ใสอ่า :mew1:
กระชุ่มกระชวยเหมือนกินน้ำแข็งใส
สนุกมาก ลุ้นด้วย ชอบ
บวกและเป็ดขอบคุณ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 7 โมโห (1-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 01-07-2013 22:15:47
แบงค์ก็ยังคงหึงหวงน้องนันท์โดยไม่รู้ตัวต่อไป
แข่งวิ่งวิบาก น่าสนุกดีนะ แต่ที่ฟินสุด ๆ พี่พลกับตี๋เอ๋อเรื่อง" กล้วย"เนี่ยแหละ อิอิ :hao7:
มีความรู้สึกว่า พอแบงค์เริ่มคิดเกี่ยวกับอาการแปลก ๆ ของตัวเองเรื่องนันท์
พอเหมือนจะเริ่มรู้ตัวทีไร มันต้องมีอะไรมาขัดขวางทุกที แบงค์เลยคิดไปไม่ถึงไหนซะทีเนี่ย
ป้อ มาแบบร้ายลึก ยังไงไม่รู้นะ เหมือนตั้งใจมายั่วอารมณ์แบงค์ชัด ๆ จนแบงค์ฟิวส์ขาดจนได้
ต้องการอะไรกันแน่ ชอบนันท์จริงรึเปล่า รึแค่ตั้งใจจะให้แบงค์โมโห หงุดหงิดเท่านั้น
แต่ดูแล้วเหมือนนันท์จะยังไม่รู้เรื่องที่แบงค์ต่อยป้อเลยนะ ถ้ารู้จะโกรธแบงค์มั้ยนะ ไม่อยากให้นันท์โกรธแบงค์เลยอ่ะ
เรียกเข้าหอประชุม ทำไมเสียว ๆ กลัวเรื่องที่แบงค์ชกป้อจะมีปัญหาใหญ่ขึ้นมาจังเลย
ไม่ว่าจะมีอะไร ขอแค่นันท์เข้าใจและอยู่เคียงข้างแบงค์ มันก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของแบงค์หรอกนะ
ขอบคุณคนเขียนจ้า  :กอด1: :L2:



หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 7 โมโห (1-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 01-07-2013 23:03:20
 :serius2: เครียดแทนแบงค์แค่ความรู้สึกตัวเองก็หาคำตอบแบบฟันธงไม่ได้
จะอธิบายหรือปรึกษานันท์ก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่
ป้อก็นะดันมาแกล้งถามคำถามที่แบงค์กำลังสับสนอยู่พอดี๊ เลยสมควรละโดนไปซะ 1 หมัด สะใจ  :laugh5:
แต่ถ้านันท์รู้จะเป็นเรื่องให้โกรธกะแบงค์ไหมเนี่ย
นันท์น่ารักมีความคิด มีเหตุผลคงเข้าใจแหละ เพราะยังไงนันท์ก็ต้องเลือกแบงค์แยู่แล้วละเนอะ  :m4:
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 7 โมโห (1-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 03-07-2013 02:21:57
คาบเรียนที่ 8 : ความจริง

“เฮ้ย ไอแบงค์”
ไอพลสะกิดผมทันทีที่ผมเดินมาถึงแถว
“ไรเมิง”
“กูได้ยินเด็กแถวนี้มันซุบซิบกันว่ะ ว่าเมื่อตอนเย็น มีเด็กต่อยกัน แต่กูไม่รู้ว่าใคร แล้วเมิงอ่ะ เห็นป่ะวะ”
มันถามผมด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ไอนี่ พอเป็นเรื่องดราม่าของชาวบ้านล่ะสาระแนขึ้นมาทันที
“ไม่รู้เว้ย กูไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ ไม่รู้ไม่เห็นไรทั้งนั้น”
ผมตอบปัดไป ใครจะยอมรับง่ายๆ ล่ะครับ - -* ไอพลเมื่อได้ยินแบบนั้น ก็ทำท่าบ่นอุบอิบเป็นเชิงเสียดาย
ส่วนผม ก็หันไปมองยังคนที่ชื่อป้อ ที่ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด

เอาเถอะทนๆ เอาหน่อย พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว

สำหรับค่ำคืนนี้ก็ไม่มีอะไรมากมายนัก มีให้ความรู้กันอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะเป็นเวลานันทนาการ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีการประกาศคะแนนรวมของกิจกรรมภาคสนาม แต่ใครได้ที่เท่าไหร่อะไรยังไง ผมไม่ได้สนใจที่จะฟังมัน
รวมไปถึงนันทนาการอะไรนั่นด้วย ผมไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับมันเลยสักนิดในคืนนี้


-แบงค์อาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่บางทีแบงค์ก็อาจจะเครียดเกินไปก็ได้นะ-
คำพูดของนันท์ย้อนกลับเข้ามาในความคิดของผม

-ผ่อนคลายมั่งเถอะ เก็บมันมาใส่ใจหมดไปซะทุกเรื่องมันก็ไม่ดีนะ อะไรเล็กน้อยก็ปล่อยๆ มันไปบ้างก็ได้-

ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ แต่ขอโทษด้วยจริงๆ พยายามแล้ว แต่มันทำไม่ได้จริงๆ


เพราะนันท์คือเพื่อนคนสำคัญของแบงค์จริงๆ จึงไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับความรู้สึกนั้นได้

แล้วถ้าความรู้สึกที่ผมมีให้กับนันท์ในตอนนี้ มันมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ ล่ะ

ถ้านันท์รู้ นันท์จะรู้สึกยังไงกัน

ผมยังจะสามารถสู้หน้านันท์ได้หรือไม่นะ
ผมยังจะสามารถพูดคุยกับนันท์ได้เหมือนเดิมมั้ย
จะสามารถทำอะไรด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ย


หลังจากที่จบการสวดมนต์หมู่ พวกเราก็แยกย้ายกลับไปยังโรงนอน

ผมยังคงพยายามทำตัวตามปกติ เพื่อไม่ให้นันท์สงสัย
และเพื่อไม่ให้นันท์ต้องเป็นห่วงผมมากนัก

“เฮ้ย กูปวดฉี่ว่ะ ไอตี๋เอ๋อ ไปเป็นเพื่อนกูทีดิ”
ไอพลหันไปบอกตี๋เอ๋อที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า
“เราไปด้วยดิ”
นันท์หันไปบอกกับพล
“แล้วเมิงอ่ะ ไอแบงค์ จะลงไปด้วยกันป่ะ”
“ไม่อ่ะ กูไม่ปวด”
ผมปฏิเสธไป ก่อนที่จะสะบัดผ้าห่มสองสามที

“แบงค์ งั้นฝากดูมือถือด้วยละกันนะ พอดีชาร์ทแบตไว้น่ะ แต่ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนเลยก็ได้นะ”
นันท์บอกกับผมพร้อมกับชี้ไปยังมือถือที่เสียบไว้กับปลั๊กมุมห้อง ผมพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่ทั้งสามจะเดินออกไป

จนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังคงคิดไม่ตก
ผมได้แต่คิดสับสนไปมาไม่รู้จะปรึกษาใครดี

ตี๋เอ๋อ...................................ตัดทิ้งไป ไว้เก่งโทรจิตก่อนละกัน

ไอพลก็คงไม่ได้อีก ขืนมันรู้ ได้โดนมันล้อข้ามปีข้ามชาติแน่


ไอบาส เออ..... มันน่าจะรู้เรื่องพวกนี้ดีนี่หว่า
แต่~~~~~!!!! คิดอีกทีแล้ว อย่าดีกว่า ไม่ค่อยอยากจะเป็นหนี้บุญคุณกับมัน


ใครดีวะเนี่ย~~~~~~!!!!

เออใช่ มายด์ไง~~~~~!!!!!
อย่างมายด์น่าจะเป็นที่ปรึกษาได้ดีที่สุดในเวลานี้แล้วล่ะ

แต่จะให้ไปหาที่โรงนอนฝั่งนู้นตอนนี้ก็คงจะไม่ดีแน่ เบอร์ก็ไม่มีด้วย

ในมือถือนันท์ไง น่าจะมีแน่
ทันทีที่ผมคิดได้แบบนั้น ก็รีบลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังมือถือนันท์อย่างรวดเร็ว

หืม..........ภาพพักหน้าจอเหรอเนี่ย ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยนะ เออจะว่าไป ผมเองก็ไม่เคยได้แตะมือถือของนันท์เลยนะเนี่ย เพราะผมเองก็มีมือถือเป็นของตัวเองเหมือนกัน อีกอย่างผมเองก็ไม่ค่อยชอบยุ่งกับของๆ คนอื่นด้วย
แบบว่ากลัวทำของเขาพังน่ะ - -*

ผมกดหาเบอร์ของมายด์อย่างรวดเร็ว ม. ม้า ม. ม้า อ่ะ นี่ไง มายด์ 081-454........ ผมรีบจัดการเมมเบอร์มายด์ลงมือถือของผมทันที ก่อนที่จะวางมือถือของนันท์ไว้ที่เดิม


-ผู้ชายเค้าก็ทำกันนะ เก็บรูปแฟน รูปคนที่ชอบในมือถือเนี่ย-
อยู่ๆ ก็พลันนึกถึงคำพูดของมายด์ขึ้นมาได้  ผมหันหลังกลับไปมองมือถือของนันท์อีกครั้ง

เอาไงดีวะ แค่เรื่องที่คิดอยู่ตอนนี้ก็ว้าวุ่นพออยู่แล้วนะ
“....”

แต่ว่ามันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าตกลงแล้ว นันท์แอบชอบใครอยู่กันแน่
“...................”

อย่าเลยดีกว่า เสียมารยาท
“.................................”

แต่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ นะเว้ย เอาน่ะ แค่ดูนิดๆ หน่อยๆ เผื่ออย่างน้อยถ้าเรารู้ว่าเป็นใคร เราอาจจะได้ไม่ต้องมาคิดมากอะไรแบบนี้ก็ได้

“.........”
เอาก็เอาวะ~~~~~~~!!!!!

เมื่อตัดสินใจได้แบบนั้น ผมก็รีบคว้ามือถือของนันท์ขึ้นมาอีกครั้งด้วยความลนลานพอสมควร
ผมกดเข้าไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บรูปถ่ายด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

ใจนึงก็อยากจะรู้ให้แน่ชัดไป
แต่อีกใจนึงก็ภาวนาว่าให้ไม่มีอะไรในโฟลเดอร์นั้น

ผมหลับตาปี๋พร้อมกับกดเปิดโฟลเดอร์นั้น ก่อนที่จะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

นี่มัน..........


ผมเลื่อนรูปไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็วนกลับมายังรูปแรก
แล้วจึงเอามือขยี้ตาตัวเองอีกรอบ และดูรูปพวกนั้นอีกครั้ง
ก่อนที่จะปิดโฟลเดอร์นั้น

ผมยังรู้สึกสับสน เพื่อให้แน่ชัด จึงเปิดดูรายชื่อในมือถือของนันท์อีกครั้ง


ผมนิ่งเงียบอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะดึงสติตัวเองกลับมาได้ จึงวางมันลงที่เดิม แล้วจึงกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมโปงตัวเอง


ไม่นานนักพลกับนันท์ก็กลับเข้ามา
“โล่งเลยกู ฉี่ซะหมดก๊อกเลย อั้นมาตั้งแต่เย็นละ อ้าวหลับแล้วเหรอวะ เมิงไอแบงค์ ไอนี่หลับเร็วชิบหาย เด็กดีรึไงเนี่ย”
เสียงของไอพลหันมาถาม แต่ผมไม่ตอบอะไรกลับไป
“คงหลับไปแล้วมั้งอย่าไปกวนเลย”
คราวนี้เป็นเสียงของนันท์พูดกับไอพล
“เออๆ งั้นก็นอนเลยละกัน พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านซะที คิดถึงบ้านเว้ย”




ในขณะที่คนอื่นในห้องกำลังพูดคุยกันอย่างสนุก บ้างก็นอนแล้ว บ้างก็ยังจัดเก็บของ

จะมีก็แต่ผมที่ตอนนี้รู้สึกว้าวุ่น สับสนมากขึ้นกว่าเดิม อยู่ในผ้าห่มผืนเล็กๆ ที่กำลังคลุมตัวเองเอาไว้



แค่ปัญหาของผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
แล้วนี่ยังดันหาเรื่องมาให้คิดหนักอีก


ถ้าที่มายด์พูดเป็นความจริงล่ะก็ ก็ถือว่าผมคงโง่มากเลยที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยสังเกตมาก่อน

นันท์ เพื่อนที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เด็ก เห็นหน้ากันแทบทุกวัน


อยู่ๆ คำพูดของมายด์ที่พูดกับผม ในวันที่สอบเทสเข้าจังหวะ ก็แวบเข้ามาในความคิดของผม

-คนที่นันท์แอบชอบน่ะ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก-
ถูกต้อง ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย

-อืม.......... รู้จักเหรอ ในแง่ไหนล่ะ ถ้ารู้จักว่าแค่ใครอะไรยังไง ก็ใช่นะ แบงค์รู้จักแน่………….-
ใช่ ผมรู้จัก

-แต่ถ้าลึกลงไปกว่านั้น มายด์ไม่รู้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าแบงค์จะเปิดใจที่จะรับฟังและมองรึป่าวน่ะ-
อย่างที่มายด์ว่าจริงๆ น่ะล่ะ เราไม่เคยเปิดใจที่จะรับฟังและมองมันเลย


ในขณะที่ผมกำลังสับสนกับความรู้สึกที่มีให้กับนันท์ ว่ามันกำลังจะเกินกว่าคำว่า ‘เพื่อน’

แต่ทว่าผมกลับไม่เคยเอะใจเลยว่า นันท์ ได้คิดกับผม เกินกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ มานานแล้ว


ครับ คนที่นันท์แอบชอบมาตลอดนั้น คนที่ผมสงสัยมาตลอดนั้น

แท้จริงแล้วก็คือผมเอง


จากรูปที่เห็นในมือถือทั้งหมดของนันท์ กว่า 90% มีแต่รูปผมทั้งนั้น



ตอนแรกผมพยายามคิดว่าอาจจะเป็นแค่รูปถ่าย เพื่อน ทั่วไป

แต่พอลองดูอีกรอบ ก็พบว่าหลายรูปก็เป็นรูปแอบถ่ายแทบทั้งนั้น
ทั้งรูปที่ผมเล่นกีฬา รูปที่ผมทำกิจกรรมต่างๆ หรือจะตอนไปเที่ยว

แม้กระทั่งรูปถ่ายผมตอนหลับในห้องสมุดก็ยังมี

และที่ทำให้มั่นใจมากกว่านั้น ตอนที่ผมเปิดดูรายชื่อในมือถือ เบอร์ของผม ไม่ได้ถูกเมมไว้แค่ชื่อเล่นอย่างเดียว
แต่มีรูปหัวใจ ตามท้ายด้วย



ถ้ามันเป็นโจ๊ก มันก็คงเป็นโจ๊กที่เนียนมากๆ
แต่ทว่ามันไม่ใช่



เพื่อนที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด มีความรู้สึกแบบนี้กับผม


แล้วผมล่ะ ???????


รังเกียจเหรอ ?? เปล่าเลย ไม่เลยสักนิด และไม่เคยคิดด้วย
จริงอยู่ที่ตอนนี้ผมเองก็กำลังสงสัยว่าตัวเองอาจจะรู้สึกแบบเดียวกันอยู่



เพียงแต่จะตอนนี้...............................................



ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี



ผมควรทำอย่างไรดี

จบคาบเรียนที่ 8


คาบเรียนที่ 8 ครับผมก่อนเข้าเรื่อง ขอย้อนความนิดนึง

เรื่องการเข้าจังหวะน่ะ เอาตามตรง ผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก เพราะผมไม่ได้เรียนสายสามัญ

ผมเรียนสายอาชีพ เพราะงั้นบอกตามตรงเลยว่า บางเรื่องในรั้วโรงเรียนกางเกงขาสั้นผมก็ต้องมีนั่งเทียนบ้าง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขอบคุณคุณแฟนเก่าของผม เพราะเขาเรียนสายสามัญ

ผมเลยได้ข้อมูลรั้วโรงเรียนขาสั้นมาจากเขาพอสมควร โดยเฉพาะวิชาพละการเข้าจังหวะเนี่ย ตอนแรกผมก็คิดว่า มันหลอกกูป่ะวะ

แต่พอได้ดูฮอโมนตอนที่ 6 ก็ปรากฏว่า เออ เป๊ะว่ะ 5555+ ไม่ได้โดนหลอกเว้ยยยยย

แล้วก็ขอเผาตัวเองนิดนึง วันก่อนไปสารภาพรักกับ พนักงานดันกิ้นโดนัทต่อหน้าลูกค้าด้วยล่ะ

แต่ปรากฏว่าแห้วครับ เขาบอก "ขอบคุณมากครับ แต่ผมมีแฟนแล้ว" เล่นเอาผมงี้แทบแทรกแผ่นดินหนีเลย 555+

ทำเอาวันนี้ไม่กล้าเดินผ่านหน้าร้านดันกิ้นเลยล่ะ

แต่ถ้าจะถามว่าทำไมถึงกล้าไปบอกเขา คือ เรื่องของเรื่องคือ เมาครับ แล้วอีกไม่กี่วันผมจะโดนย้ายสาขาน่ะครับเลยบ้าบิ่นซะงั้น - -*



เข้าเรื่องๆ ออกทะเลไปเยอะละ

ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผย (มะใช่โคนันนะ) ซึ่งก็คงจะไม่น่าแปลกใจหรอกว่าคนที่นันท์ชอบคือใคร

แต่พ่อแบงค์ของเราเขานี่สิ กว่าจะรู้ตัว 5555+

เอาล่ะสิ ต่อไปแบงค์จะทำยังไงดี ตรงนี้ไม่บอก และยังไม่เฉลย (ใจร้าย 555+)

เพราะตอนนี้จบบทของเรื่องราวในมุมมองของแบงค์แล้ว

คาบเรียนต่อไป จะเป็นเรื่องราวในมุมมองของนันท์บ้าง

มาดูกันว่านันท์รู้สึกและคิดยังไงบ้าง และมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาอีกมั้ย ต้องติดตาม


ขอบคุณทุกคนมากครับ ><
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 8 ความจริง (3-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 03-07-2013 02:55:01
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวจริง ๆ สุดท้ายแบงค์ก็ได้รู้ความรู้สึกของนันท์
แล้วต่อไปจะทำยังไงล่ะเนี่ย ท่าจะเครียดกว่าเดิมอีกนะเนี่ย  o6
รอติดตามตอนต่อไปกับความรู้สึกของนันท์จ้า  :mew1:
ปล.1 กำลังจะนอนเห็นผู้เขียนลงปั๊บรีบอ่านเลย อ่านไปนั่งยิ้มไปนอนหลับสบาย 555
นิยายว่าน่ารัก เรื่องของผู้เขียนก็น่าติดตามน๊า กับความใจกล้าในการสารภาพรัก
ความเมาเป็นเหตุสิเนี่ย ถึงจะโดนปฏิเสธแต่ก็สู้ ๆ ต่อไปค๊า  :กอด1:   
ปล.2 คนอ่านก็เรียนสายอาชีพนะ ได้เรียนกิจกรรมเข้าจังหวะตอนปวช. วิชาลีลาศเรียนตอนปวส.ล่ะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 8 ความจริง (3-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-07-2013 09:03:19
เวลาคนเรามีเรื่องไม่สบายใจเข้ามา
มักจะมีหลายๆ เรื่องเข้ามาพร้อมกัน
พอแบงค์เข้าใจตัวเอง ก็รู้เรื่องนันท์เพิ่ม
แล้วทีนี้แบงค์จะวางตัวกับนันท์อย่างไร
แบงค์จะกล้าก้าวผ่านความเป็นเพื่อนได้มั้ย

รอลุ้นกันตอนต่อไปในภาคของนันท์ดีกว่า
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 8 ความจริง (3-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 03-07-2013 17:20:01
รับรักนันท์ไง ง่ายดีออก 5555+
แต่ก็พูดยากนะเนี่ยย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เชียร์จ้าาา  ตัดสินใจให้ดีๆนะนายแบงค์  :hao5:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 8 ความจริง (3-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 03-07-2013 21:54:32
ในที่สุดก็ได้รู้ความรู้สึกนันท์ซะทีนะนายแบงค์ เหนื่อยจริง
แต่รู้สึก มันเหมือนจะดีใจยังไม่ได้เลยอ่ะ
เพราะจากที่แบงค์สับสนในความรู้สึกตัวเองที่มีกับนันท์ ยังไม่แน่ใจ
ตอนแรกเหมือนกลัวว่าถ้าคิดกับนันท์เกินเพื่อน แล้วนันท์รู้จะรังเกียจตัวเอง
แต่กลับกลายเป็นได้มารู้ว่าคนที่นันท์แอบชอบเป็นตัวเองซะงั้น
แล้วแทนที่จะดีใจ รู้ใจตัวเองชัดเจนขึ้น ไหงกลายเป็นแบงค์ยิ่งสับสนกว่าเดิมเข้าไปซะอีกล่ะเนี่ย
พวกคิดเยอะก็ลำบากอย่างนี้แหละนะ ถ้ายังไม่เลิกสบสน คงต้องอาศัยป้อต่อไปอีกซักหน่อยแล้ว
จบจากออกค่ายเมื่อไหร่ ตามมาพบนันท์บ่อย ๆ เลยนะป้อ ยั่วโมโหคนคิดเยอะซะหน่อยเหอะ ชิชิ

อ้าว จบเรื่องฝั่งของแบงค์แล้วเหรอคะ แงง แบงค์ยังสับสนอยู่เลยอ่ะ ที่จริงอยากรู้ความคิดแบงค์ต่อนะเนี่ย
คราวหน้าเป็นด้านนันท์คิดบ้าง แต่ด้านนันท์ไม่น่าจะมีอะไรมากมายนะ เพราะรู้ตัวชัดเจนแล้วนี่ว่าชอบแบงค์อ่ะ
รอตอนต่อไปจ้า  :กอด1: :L2:
ปล. นอกเรื่องนิดนึง อยากบอกว่า อยากเป็นลูกค้าร้านดังกิ้นวันนั้นจังเลยอ่ะ น้องพนักงานมารยาทดีจังตอบปฏิเสธสุภาพมาก ๆ

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 8 ความจริง (3-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 05-07-2013 02:11:26
มาต่อสิๆ วัยใสๆๆ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 8 ความจริง (3-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 08-07-2013 01:25:08
ทั้งๆ ที่รักมากมาย แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ยืนอยู่เคียงข้าง
ไม่สามารถเป็นไปได้มากกว่านั้น

จะเสี่ยงเดินต่อไปข้างหน้า แม้สุดท้ายจะเป็นกับดัก
หรือจะหยุดอยู่กับที่ แล้วพอใจในสิ่งที่มี
[/color]



คาบเรียนที่ 9 : บอกใบ้



“แม่ เดี๋ยวมานะ”
ผมตะโกนกลับเข้าไปในบ้าน พร้อมกับใส่รองเท้าไปพลาง
“ไปไหนน่ะ นันท์”
“ซื้อหนมอ่ะ”
ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะเปิดประตูออกไป

เข้าค่ายอบรมนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ แถมพรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียนตามปกติอีก
แต่ก็สนุกดี ไว้ถ้ามีคราวหน้า ค่อยชวนแบงค์ไปอีกดีกว่า อิอิ
ว่าไปนั่น แค่ครั้งนี้ ก็มีเรื่องให้เขินให้อายตั้งเยอะแยะ
โดยเฉพาะไอตอนอาบน้ำนั่นน่ะ ตื่นเต้นสุดๆ เป็นครั้งแรกเลยนะนั่นที่ได้เห็นแบงค์ในสภาพนั้น

ยอมรับเลยว่าตอนที่ชวนเข้าไปน่ะ ไม่ได้คิดทะลึ่งสัปดนอะไรเลย
แต่พอเอาเข้าจริงๆ แทบสำลัก
คนอะไร หน้าตาดี แถมหุ่นยังดีอีก เล่นเอาผมหัวใจละลายเลย
หวังว่าแบงค์คงไม่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของผมตอนนั้นนะ

เออ จะว่าไป ช่วงนี้แบงค์ดูแปลกๆ ไปเหมือนกันแฮะ ดูเงียบๆ ขรึมๆ ผิดปกติกว่าทุกที
เหมือนมีปัญหาอะไรก็ไม่รู้ ถามก็ไม่บอก เมื่อกี้นั่งรถกลับมา ดูเผินๆ ก็ยังคุยปกตินะ
แต่ก็ดูรู้อ่ะล่ะว่าฝืนๆ อยู่

มีปัญหาอะไรรึป่าวนะ เป็นห่วงจริง ลองแวะไปดูที่บ้านหน่อยดีกว่า

อ่อดดดดดดด อ่อดดดดดดดด
ผมกดออดหน้าบ้านแบงค์อยู่พักนึง แต่ก็ไร้วี่แวว

สงสัยคงออกไปข้างนอกมั้ง ว่าแต่ไปไหนหว่า เพิ่งกลับมาแท้ๆ
แต่ไม่ทันที่ผมจะได้หันหลังเดินกลับ อยู่ๆ ประตูบ้านแบงค์ก็ถูกเปิดออก
แต่ทว่าคนที่เปิดไม่ใช่แบงค์ แต่เป็นบาส น้องชายฝาแฝดของแบงค์

“ไอแบงค์มันออกไปข้างนอก”
บาสบอกกับผม โดยที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ
“แล้วไปไหนรู้ป่ะ”
“ไม่รู้ ตัวไม่ได้ติดกันนี่ เห็นมันกลับเข้ามาเอากระเป๋าวางกองไว้แล้วก็ออกไปเลยทันที มีธุระอะไร ถ้าไม่มีจะได้ไปนอนต่อ”
“ไม่มี งั้นขอบใจนะ ไปละ”
ผมตัดบท ก่อนที่จะเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
ทั้งๆ ที่เป็นฝาแฝดกันแท้ๆ แต่ไหงนิสัยถึงได้ต่างกันแบบนี้เนี่ย ไม่ค่อยชอบขี้หน้าไอหมอนี่เลยจริงๆ - -*

และเพราะมันนี่ล่ะครับ เพราะมันนี่ล่ะ..............ฮึ่ย~~~!!!


ว่าแต่แบงค์ออกไปไหนหว่า จากที่บาสบอกดูท่าทางจะรีบด้วยนะนั่น
ช่างมันเหอะ ขี้เกียจคิด เดี๋ยวยังไงพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันน่ะล่ะ


คืนนั้น
“นันท์ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปบ้านยายที่ต่างจังหวัดสักอาทิตย์นึงนะ”
แม่เดินมาบอกผมที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ไปทำไมอ่ะ”
“ก็ยายไม่สบายน่ะสิ แม่เลยจะไปอยู่เฝ้ายายสักหน่อยน่ะ”
“อ้าว แล้วงี้ใครจะคอยทำกับข้าวอ่ะ”
ผมหันกลับไปถามด้วยความสงสัย

“เรานี่ แม่ไม่อยู่สักคนไม่คิดจะหากินเองเลยใช่มั้ย นี้ถ้าแม่ตายไปสักคนเราจะอยู่ไงเนี่ย”
“โหย แม่อ๊ะ พูดจาไม่เป็นมงคลเลยนะนั่น แม่ไม่อยู่ นันท์ก็เหงาอ่ะดิ แม่อ้ะ”
ผมพูดพร้อมกับกระโจนเข้าไปกอดหลังแม่ทันที ก่อนที่จะโดนมะเหงกเขกลงบนหัวเบาๆ

ก็บ้านเรามีกันอยู่แค่ 2 คนนี่ ไม่ให้รักแม่ จะให้ไปรักใครที่ไหนล่ะ
(ถ้าไม่นับแบงค์ ที่ยกไว้อีกกรณีนะ แห่ะๆ)

หลังจากที่ดูรายการทีวีจบแล้ว ผมก็เดินขึ้นห้องทันที
เมื่อเข้ามา พร้อมกับปิดประตูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ไม่มีใครโทรมาแฮะ เป็นมือถือที่เงียบเหงาจริงๆ เลยมือถือผมเนี่ย - -*
โทรหาแบงค์หน่อยดีกว่า น่าจะกลับมาแล้วมั้ง

“..............”
ตื๊ด~~~!!!
“ว่าไงนันท์”
“แห่ะๆ ป่าว แค่อยากโทรมาอ่ะ”
ผมพูดพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน
“ไอเด็กบ๊องเอ้ย”
แบงค์ตอบกลับมา ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ของแบงค์ด้วย
อืม ฟังจากน้ำเสียงก็ดูปกติดีนี่
“แห่ะๆ จริงๆ ก็จะโทรมาถามน่ะ ว่าพรุ่งนี้จะออกไปด้วยกันมั้ย พอดีเมื่อตอนเย็นไปหาที่บ้านแล้วแบงค์ไม่อยู่อ่ะ”

“อ๋อ ก็....พอดีมีธุระน่ะ อืม งั้นพรุ่งนี้ก็ไปพร้อมกันตามปกติละกัน ไงก็เจอกันที่ป้ายรถเมล์เหมือนเดิมละกันนะ”
“อื้ม โอเค งั้นแค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ~~~!!”
“หือ”

“ยังไง นันท์รอแบงค์หน่อยนะ”
“หืม ก็ต้องรออยู่แล้วสิ ก็จะไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
ผมตอบกลับไปด้วยความงงเล็กน้อย

“ป่าว ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่........ช่างเถอะ เอาเป็นว่าแค่นี้นะ ฝันดีนะ”
“คร้าบบบบ ฝันดีเช่นครับ แบงค์ อิอิ”
ผมกดวางสายพร้อมกับวางมือถือไว้ที่หัวเตียง ก่อนที่จะหยิบหมอนขึ้นมากอดแก้เขินกับคำว่า ‘ฝันดีนะ’ ของแบงค์เมื่อกี้ หุหุ อายวุ้ย (บ้าไปแล้ว)

เฮ้ออออออ ที่จริงอยากบอกมากกว่านี้อีก แต่ก็พูดได้ไม่ได้
เพราะถึงยังไง ระหว่างผมกับแบงค์ ยังคงเป็นเพียงแค่ ‘เพื่อน’ เท่านั้น
จะก้าวข้ามไปมากกว่านี้ก็ไม่กล้า กลัวว่าจะทำให้ที่ผ่านมาต้องพังทลาย

ได้แค่แอบชอบก็คงพอแล้วมั้ง อย่าพยายามไปมากกว่านี้เลย
ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่นมันก็น่าลองเสี่ยงดูอยู่หรอก

แต่กับแบงค์ นี่ไม่กล้าจริงๆ
ส่วนนึงก็เพราะกลัวโดนรังเกียจด้วยน่ะล่ะ หากบอกไป

แต่อีกเหตุผลหลักคือ ไอบาส นี่ล่ะ
ฝาแฝดคนน้อง ก็เป็นเกย์ไปแล้วคนนึง
ถ้าขืนไปทำให้คนพี่เป็นเกย์ไปอีกคนล่ะก็ มันจะบาปเอาป่าวๆ
เป็นคนดีจริงๆ นะผมเนี่ย หึหึ (ว่าไปนั่น - -*)

นอนดีกว่า คิดมากเดี๋ยวก็ฟุ้งซ่านอีก - -*

………………………..
ตอนเช้า

“ว่าไง เมื่อคืนหลับสบายมั้ย”
แบงค์ถามผมทันทีที่เห็นผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์
“ก็หลับสบายดีนะ หลับเป็นตายเลยล่ะ จนแทบไม่อยากจะตื่นเลย”
“เชื่อๆ ดูสิ ยังหาวปากหวออยู่เลย ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
แบงค์แซวผม เล่นเอาผมถึงกับอายเลย เสียมู้ดหมดเลย ไม่น่าไปหาวปากกว้างต่อหน้าแบงค์เลย ให้ตายสิ - -*

ระหว่างที่เราสองคนยืนรอรถเมล์ ผมก็เหลือบไปมองแบงค์เป็นพักๆ
อืม ก็ดูปกติดีแล้วนะ (มั้ง)
“แบงค์”
“หืม?”
แบงค์หันมามองผม

“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
แบงค์ไม่ตอบอะไรกลับมา แต่จากรอยยิ้มที่ยิ้มให้กับผม และฝ่ามือที่ยกขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ ก็เป็นคำตอบได้ชัดเจนที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะ

“ขอบใจนะนันท์”
แบงค์พูดกับผมเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มให้ผมอีกครั้ง พร้อมกับเดินขึ้นรถเมล์ที่วิ่งมาถึงพอดี

รอยยิ้มที่ผมชอบมากที่สุด และมันทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น

ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่เคยทำให้แบงค์ต้องทุกข์ใจ
และถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าผมได้ช่วยแบงค์ไปตอนไหน
จะมีก็แค่กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ และการอยู่เคียงข้างเท่านั้น ที่ผมพอจะช่วยได้ในตอนนั้น

แต่แค่ได้เห็นแบงค์กลับมามีรอยยิ้มนั้นได้อีกครั้ง ผมก็มีความสุขแล้ว


เมื่อผมกับแบงค์มาถึงโรงเรียน ผมก็หันมองไปยังรอบๆ
เช้าวันจันทร์แบบนี้ ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างเร่งรีบ จนเป็นภาพที่ชินตาไปแล้ว



“หวัดดีจ๊ะ นันท์ เป็นไง หลับสบายมั้ยเมื่อคืน”
เสียงของมายด์ถามผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้อง
“หลับสบายจนไม่อยากตื่นเลยล่ะ มายด์ล่ะ ไปทำอะไรมาน่ะ ดูร่าเริงผิดปกตินะ มีเรื่องไรดีๆ เหรอ หรือว่าพี่สาธิตบอกรัก”
ผมแซวมายด์ พร้อมกับโยกตัวหลบฝ่ามือแก้เขินของมายด์ได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่จะวางกระเป๋าลงข้างโต๊ะ

“บ้าสิ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มายด์คงร้องกรี๊ดไปแล้วล่ะ ก็ไม่มีไรมากหรอก พอดีเมื่อวานอ่ะ มีคนมาปรึกษาปัญหาหัวใจกับมายด์”
“เฮ้ย จริงดิ ใครอ่ะ”
ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แบบว่า เธอเป็นคนที่พึ่งพาสำหรับเพื่อน เวลาใครมีปัญหาอะไรก็มักจะมาปรึกษาเธอทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผม ที่เป็นผู้ชายแท้ๆ (ที่ไม่แท้ !!?) ยังต้องปรึกษาเธอประจำ
“อันนี้บอกไม่ได้จริงๆ เจ้าตัวเขาขอไว้ ก็ไม่มีไรมาก คือประมาณว่า เขาน่ะกำลังลังเลใจ ไม่แน่ใจน่ะ ว่ากำลังแอบชอบเพื่อนอยู่รึป่าวน่ะ”
“แล้วไงต่อๆ”
ผมถามต่อก่อนที่จะหยิบเก้าอี้มานั่งฟังอย่างตั้งใจ

“ก็พอฟังๆ เรื่องของเขาอ่ะนะ มายด์พอจะอนุมานได้ว่า เขาเอง น่าจะชอบ เพื่อนคนนั้นจริงๆ น่ะล่ะ แต่จะถึงขั้นรักหรือไม่ มายด์ไม่ฟันธงนะ ต้องดูต่อไป แต่มีที่เด็ดกว่านั้นอีกนะ”
มายด์มองซ้าย มองขวาดูลาดเลา ก่อนที่จะเขยิบเข้ามาใกล้ๆ ผม
“เพื่อนที่เขาแอบชอบน่ะ มายด์เองก้พอจะรู้มาเหมือนกัน ว่าที่จริงแล้วก็แอบชอบเขาอยู่เหมือนกัน”
“เฮ้ย จริงดิ”

ผมตื่นเต้นไปกับเรื่องที่เล่าแล้วล่ะตอนนี้
“แต่มายด์ไม่ได้บอกไปนะ แต่ที่เด็ดกว่านั้นยังมีอีก คือเขาน่ะ ก็รู้แล้วด้วย ว่าอีกฝ่ายน่ะ ก็แอบชอบตัวเองอยู่”
“อ้าว งั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลแล้วนี่ ทำไมมายด์ไม่เชียร์ให้ทั้งสองลงเอยกันไปเลยล่ะ”

“ก็มายด์ไม่อยากทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักจนเกินเหตุน่ะ แล้ว อีกอย่างเขาก็แค่มาปรึกษา มายด์ก็ให้คำปรึกษาไปตามที่มายด์จะให้ได้ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจกันยังไง ตรงนั้นมายด์เข้าไปยุ่งไม่ได้
แถมรายนี้ดูแล้ว เหมือนว่าเขาก็ยังสับสนในตัวเองอยู่ เหมือนจะยังไม่กล้ายอมรับอะไรแบบนั้น มายด์เลยยังไม่อยากจะคะยั้นคะยอเชียร์อะไรมากนัก”
มายด์บอกเหตุผลให้ผมฟัง ผมเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่พยักหน้าตาม
จริงสิเนอะ บางที ถ้ายุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไป มันก็จะดูไม่ดี ไม่งาม

“แล้วถ้าสมมตินะ ถ้าเกิดต่างฝ่ายต่างมาถามมายด์ล่ะ ว่าอีกคนนึงเขาชอบตัวเองมั่งมั้ย อะไรแบบนี้ มายด์จะบอกพวกป่ะ”
ผมถามกลับไป มายด์มองหน้าผมพร้อมกับนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะยิ้มให้กับผม

“อืม.........ก็ถ้ามาถามอ่ะนะ”

"มายด์ แล้วทั้งสองหน้าตาเป็นไงมั่ง ผู้ชายหล่อป่ะ"
ผมถามไปตามประสาคนช่างเผือก

"ก็จัดได้ว่าหล่อนะ หุ่นดีด้วย แต่อาจจะไม่ค่อยป๊อบปูล่าเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร"
มายด์ตอบผม ผมก็พยักหน้าๆ ก่อนจะถามต่อ

"แล้วฝ่ายหญิงล่ะ ?"
 ทันทีที่ผมถาม มายด์หันมามองหน้าผม แล้วนิ่งเงียบไปครู่นึง

"อืม............ไม่สวย"
"มายด์ ไม่กลัวโดนเจ้าตัวเขามาตามตบเหรอ ตอบแบบนั้นอ่ะ"

"ก็มันจริงอ่ะ แต่นะ ถึงจะไม่สวย หน้าตาธรรมดา แต่มายด์ว่า 'เธอ' น่ารักมากเลยล่ะ"
มายด์ยิ้มให้กับผม

ผมยิ้มตอบ พร้อมกับหยิบสมุดการบ้านออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาไปวางบนโต๊ะครู เหมือนคนอื่นๆ
ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ ห้อง เพื่อหาแบงค์ซึ่งตอนนี้กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนหน้าห้อง
“มายด์ไปหาไรกินกันมั้ย”
ผมหันกลับมาถามมายด์ มายด์ส่ายหน้าเป็นคำตอบกลับมา ผมจึงเดินออกไปหน้าห้องเพื่อที่จะชวนแบงค์

“นันท์”
มายด์เรียกผมอีกครั้ง
“ว่าไง”
ผมหันกลับไปถามมายด์ เธอยิ้มให้กับผม
“ป่าวหรอก แค่จะบอกว่า ฉันแค่ดีใจน่ะ ที่สองคนนั้นเขาใจตรงกันแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาแค่นั้นล่ะ อิอิ”
ผมยิ้มรับ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าคนที่เธอพูดถึงคือใคร แต่ผมก็อดดีใจตามไปด้วยไม่ได้เหมือนกัน

ดีจริงๆ แฮะเรื่องแบบนี้

เฮ้ออออ ทำไมไม่เกิดขึ้นกับผมมั่งฟระ~~~~~!!!!!
บ่นไปก็เท่านั้น ไปหาไรกินดีกว่า

ผมกับแบงค์เดินลงมาหาอะไรกินรองท้องก่อนเข้าเรียน
หลังจากที่พวกเราเข้าแถวเคารพเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น พวกเราทั้งหมดก็พากันไปเดินไปยังห้องคอมพิวเตอร์เพื่อเรียนคาบแรกของวันนี้

“นันท์ วันนี้ไปห้องสมุดรึป่าว”
แบงค์หันมาถามผมในขณะที่กำลังรอเปิดเครื่องคอมอยู่
“ไป วันนี้มีหนังสือใหม่เข้ามาอ่ะ ว่าจะไปช่วยซะหน่อย อีกอย่างจะได้ดูด้วยว่ามีหนังสืออะไรใหม่ๆ น่าอ่านมั่งมั้ย”
ผมตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว จนแบงค์เห็นแล้วคงนึกหมั่นไส้ผมไม่น้อย เลยขยี้หัวผมเล่น
ชอบจังเลยนะ กับขยี้หัวผมเนี่ย ผมเสียทรงหมดแล้ว


แต่ช่างมัน เพราะไงผมก็ชอบเหมือนกันล่ะ หุหุ


“เออ ว่าแต่วันนี้ไอพลกับตี๋เอ๋อ มันไม่มาเหรอเนี่ย”
แบงค์หันมาพูดกับผมพร้อมกับหันมองไปรอบๆ ห้อง
“คงหยุดมั้ง คงเหนื่อยจากเข้าค่ายอบรมเลยถือโอกาสหยุด”
ผมตอบกลับไปตามความเห็นของตัวเอง แบงค์พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับความคิดของผม
จะว่าไปสองคนนั้นก็แปลกๆ เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทำเป็นเจ้านายกับลูกน้องไปได้  - -*

อ๊ะ ว่าแต่เขา เราเองก็ไปไหนมาไหนกับแบงค์เหมือนกันนี่หว่า



หลังจากที่เรียนวิชาในคาบเช้าหมด ผมกับแบงค์ก็รีบลงไปหาข้าวเที่ยงกินกันทันที ก่อนที่จะขึ้นไปห้องสมุดเพื่อช่วยอาจารย์จัดหนังสือใหม่เข้าชั้น แต่ด้วยความที่หนังสือเดือนนี้มีเข้ามาไม่มากนัก จึงใช้เวลาจัดไม่นานเท่าไหร่นักก็เสร็จเรียบร้อย
พวกเราจึงหาหนังสือมาอ่านเล่นกัน

ชีวิตในโรงเรียนแต่ละวันของผมก็ไม่มีอะไรมากมายนัก เช้ามาก็เข้าเรียน พักเที่ยงก็เข้ามาหมกตัวอยู่ในห้องสมุด เย็นเลิกเรียนก็กลับบ้าน มีแค่เนี่ย จืดชืดไร้สีสันโคตรๆ
ไม่รู้ว่าแบงค์ที่ตามๆ ผมเข้ามาทุกๆ วันเนี่ยจะเกิดอาการเบื่อมั่งมั้ย
ถึงจะเคยถามๆ ไป แล้วเจ้าตัวก็บอกว่าไม่เบื่อก็เถอะ แต่ให้เข้ามานั่งขลุกอยู่แบบนี้ทุกวัน มันก็น่าจะมีมั่งล่ะน่ะ

นั่นไง หลับไปแล้ว สงสัยคงเพลียจากเข้าค่ายมาล่ะมั้ง ดูสิ มีแอบกรนเบาๆ ด้วย

แบงค์นี่ก็แปลก ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสืออะไรเลยแท้ๆ แต่ไหงถึงได้เรียนเก่งจัง


เมื่อเทียบกับผมที่ชอบอ่านหนังสือแท้ๆ แต่ทำไมจึง........................... = =

ใครบอกว่าคนใส่แว่นมักจะเรียนเก่ง หลักฐานหักล้างนั่งอยู่ตรงนี้คนนึงล่ะ
เอาน่ะๆ คนเรามันก็ต้องมีข้อดีข้อเสียกันมั่งสิ ใช่มะ ใช่มะใครมันจะเก่งไปซะทุกอย่าง  ไม่มี้ หุหุหุ

เก่งจังตรู เรื่องหาข้ออ้างให้ตัวเองดูดีเนี่ย - -*
แต่จะว่าไปผมเองก็เริ่มเบลอๆ แล้วเหมือนกันแฮะ ถึงเมื่อคืนจะหลับสนิทก็เถอะ คงเหนื่อยสะสมล่ะมั้ง
แอบงีบกับเขามั่งดีกว่า


ผมไม่รู้หรอกครับว่าฝันอะไรมั่ง เพราะมันมั่วไปหมด
แต่ทันทีที่ตื่นขึ้นมา ภาพที่ผมเห็นก็คือ แบงค์ที่กำลังนั่งมองผมอยู่ พร้อมกับอมยิ้มกึ่งขำ

มีอะไรวะ เกิดอะไรขึ้น หวังว่าคงไม่นอนน้ำลายยืดนะ ก็ไม่นี่ หรือว่าตรูจะทำอะไรประหลาดๆ ไปวะ
“ขำอะไร”
“ป๊าววววว”
แบงค์ตอบกลับเสียงสูง ฟังดูก็รู้ว่าโกหกชัดๆ แถมดูสิ ยังไม่หยุดขำอีก

“อย่ามาโกหก บอกมาว่ามีอะไร”
ผมคะยั้นคะยอถาม แบงค์ลุกขึ้นนั่งตัวตรงก่อนที่จะหันมามองผมอีกที
“ก็ไม่มีไรมาก ก็พอดีตื่นขึ้นมาน่ะ เห็นนันท์กำลังหลับอยู่ ก็เลยนั่งมองก็แค่นั้น แล้วก็............”


“ก็...........??”
“อยู่ๆ นันท์ก็ละเมอหัวเราะออกมาเบาๆ น่ะ มันก็เลย......ก็เลย.....อุบ”
แบงค์พูดไม่ทันจบ ก็ทำท่าเหมือนจะหัวเราะเสียก่อน แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วล่ะ





ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
นี่ตรูนอนละเมอเหรอเนี่ย อ๊ากกกกกกกกกกกกกก หมดกัน ภาพลักษณ์ดีๆ (?) ของตรู๊~~~!!!!!
“เป็นอะไรไป ก็ไม่เห็นจะน่าเกลียดอะไรเลยนี่ ดูนันท์ก็เหมือนจะหลับฝันดีออก ดูแล้วน่ารักดีออก”
แบงค์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ เหมือนทุกครั้ง

เดี๋ยวๆ เมื่อกี้ แบงค์ว่าไงนะ น่ารัก งั้นเหรอ เมื่อกี้ผมหูไม่ฝาดนะ น่ารัก ใช่มะ

นั่นถือว่าเป็นคำชมใช่มะ ปกติเพื่อนผู้ชายเขาชมคำว่า น่ารัก กันด้วยเหรอ

หรือว่า.........แบงค์จะ.......................................


“นันท์ ไปเถอะ กลับห้องกัน นี่ใกล้จะหมดพักเที่ยงแล้วนะ”
แบงค์บอกกับผม พร้อมกับตบแขนผมเบาๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไป


คงไม่มั้ง คิดอะไรเลอะเทอะฟุ้งซ่านอีกแล้ว แค่เขาชมนิดชมหน่อยก็คิดเป็นตุเป็นตะ
ชอบนักหนากับคิดอะไรเข้าข้างตัวเองเนี่ย - -*

“เย็นนี้ว่างมั้ย”
แบงค์หันมาถามผมในขณะที่กำลังเดินกลับไปยังห้องเรียน
“ก็ว่างเหมือนทุกวันอ่ะล่ะ มีไรเหรอ”
“ก็ว่าจะชวนไปดูหนังอ่ะ”
แบงค์บอกกับผมแบบนั้น แต่ผมสิ..........เอ่อ...........

“เดี๋ยวเลี้ยงน่ะ”
เหมือนแบงค์จะอ่านใจผมได้จึงได้พูดออกมาแบบนั้น ผมไม่รีรอทันทีที่จะตอบตกลง

เอาน่ะ ถึงตอนนี้จะยังเป็นได้แค่ ‘เพื่อน’ ก็ตามที

แต่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้พูดคุย ได้หัวเราะแบบนี้ทุกวัน มันก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะ





มั้งนะ


จบคาบเรียนที่ 9



สวัสดีครับ
แห่ะๆ ขออภัยที่หายไปนานครับ พอดีช่วงนี้อาจจะยังติดขัดปัญหาส่วนตัวน่ะครับ
เพราะยังอยู่ในช่วงโอนย้ายสาขาอ่ะครับ

งานที่เก่าก็ยังต้องรับผิดชอบจนกว่าจะครบกำหนด
ในขณะเดียวกับ งานที่สาขาใหม่ ก็ต้องเริ่มไปด้วย แทบกระอักเลือด



หลังจากวันนั้น นี่แทบจะไม่เดินผ่านหน้าร้านดันกิ้นเลยนะ อายยยยยยยย

แต่ก็มีไปหาครั้งนึง ไปขอโทษน้องเขา ที่ทำให้น้องเขาต้องอายต่อหน้าลูกค้า
แต่ก็บอกไปนะว่ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่วันนั้นเมา เลยปากมากไปหน่อย 555+

ก็ยังดีที่น้องเขายังยิ้มให้ 555+

เข้าสู่เรื่อง
คาบเรียนที่ 9 ครับ ในช่วงบทนี้จะเป็นบทของนันท์ จะเป็นเรื่องราวที่ต่อจากบทของแบงค์ ในมุมมองของนันท์บ้าง

สำหรับคาบเรียนแรกของนันท์ อาจจะยังไม่มีอะไรมากมายนัก เหมือนเป็นการเปิดตัวมุมมองนันท์ให้คนอ่านได้เริ่มรู้จักนันท์ขึ้นบ้าง


ส่วนเหตุการณ์หลังจากนี้ จะเจออะไร จะมีอะไรเข้ามา ก็เอาใจช่วยด้วยนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 9 บอกใบ้ (8-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-07-2013 10:28:40
นันท์ในมุมมองของแบ้ง เหมือนจะเงียบ ๆ เนอะ
แต่พอนันท์มาเอง เหมือนจะเป็นคนช่างเพ้อ ใส ๆ
มองโลกในแง่ดี แถมติดจะเป็นคนขี้อ้อนซะด้วย
มิน่า แบ้งทำเหมือนจะเอ็นดูซะบ่อยครั้งเลย


ปล.เรื่องน้องดันกิ้น เศร้าใจด้วยนะคะ แต่ยังดีที่ได้บอกไปแล้วเนอะ
ไปที่สาขาใหม่ อาจจะเจอคนน่ารักใหม่ ๆ ให้่ตามชอบตามจีบอีกก็ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 9 บอกใบ้ (8-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 08-07-2013 20:21:36
 :o8:  ใกล้อีกนิดแล้วสินะๆๆ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 9 บอกใบ้ (8-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 09-07-2013 14:56:45
เวลาอ่านจากด้านแบงค์เหมือนนันท์ไม่คิดอะไร
พอได้อ่านความรู้สึกของนันท์แล้วรู้สึกมันน่ารักมากเลย
คอยแอบคิด แอบเขินสารพัด แต่พยามไม่แสดงออก
ชอบตอนมายด์พยามบอกใบ้แต่นันท์ก็ยังไม่รู้ว่าหมายถึงตัวเอง
ถ้าได้รู้ว่าแบงค์ก็แอบหวั่นไหวขนาดต้องไปปรึกษามายด์นันท์คงเขินน่าดู
ชอบจังอยากให้รู้ใจกันไว ๆ หรือต้องรอมือที่สามเข้ามาแทรกก่อนนะ
รอติดตามเหมือนเดิมจ้า เมื่อผู้เขียนมีเวลา ทำงานหนักก็พักผ่อนเยอะ ๆนะจ๊ะ  :กอด1:
ส่วนเรื่องความรักก็พยามต่อไปนะอาจมีใครแอบมองเราอยู่ก็ได้น๊า
คนอ่านก็คิดแบบนี้แหละจ้า อิอิ จะได้มีความสุขได้ทุกวันไม่คิดมากเพราะอายุก็ล่วงเลยมาเยอะละ  :bye2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 9 บอกใบ้ (8-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 09-07-2013 23:04:15
คราวนี้ น้องนันท์บรรยายบ้าง ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กดีจัง
บาสกับน้องนันท์ ไม่ถูกชะตากับจริง ๆ ด้วยสิเนอะ ว่าแล้ว
ส่วนแบงค์ ทำตัวหน้าสงสัย ที่แท้ไปแอบปรึกษาปัญหาหัวใจน้องมายด์นี่เอง
มิน่า ตอนคุยโทรศัพท์ บอกให้นันท์รอ รอแบบมีความหมายพิเศษสินะ
ให้น้องนันท์ รอน่ะได้นะจ้ะ แค่อย่าให้รอเก้อเป็นพอรู้มั้ยแบงค์
น้องนันท์ เหมือนเริ่มรู้สึกนิด ๆ แล้วนะ ว่าแบงค์ก็เหมือนจะมีความรู้สึกพิเศษ ๆ กับตัวเอง
แต่อย่างว่า แบงค์ยังไม่ชัดเจน น้องนันท์ ก็เลยไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง
หวังว่าแบงค์จะแน่ใจในตัวเองเร็ว ๆ จะได้ลงมือจีบน้องนันท์แบบเปิดเผยซะทีนะ

ปล. นอกเรื่องอีกแล้ว ชอบน้องร้านดังกิ้นจังเลย ท่าทางจะนิสัยดีนะเนี่ย ยังยิ้มให้ด้วยน่ารักจังค่ะ

เอาใจช่วยเรื่องงานนะจ้ะ ขอบคุณค่า  :L2: :กอด1:
 

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 10 กลัว (17-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 17-07-2013 02:26:30
คาบเรียนที่ 10 : กลัว




“อ้าว แล้วนี่ตกลงว่านันท์อยู่บ้านคนเดียวเหรอ”
แบงค์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหยิบหลอดทดลองกลับไปไว้ในตู้หลังจากที่เรียนคาบวิทยาศาสตร์จบ
“ก็นะ แม่นันท์ไปต่างจังหวัดอ่ะ เห็นว่ายายไม่ค่อยสบาย ก็เลยไปอยู่เป็นเพื่อนยายน่ะ ไปตั้งแต่วันจันทร์ละ กว่าจะกลับก็อีก 3-4 วันแน่ะ”
ผมตอบกลับไป พลางใส่รองเท้านักเรียนไปด้วย

“แล้วตอนเช้ากับตอนเย็นนันท์กินไรล่ะ”
แบงค์ถามผมพร้อมกับใส่รองเท้า ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินตามผมมา
“ตอนเช้าก็นมกับขนมปังอ่ะ เย็นๆ ก็.......แล้วแต่ว่าเหลืออะไรในตู้เย็นบ้าง แต่ช่วงนี้พยายามไม่กินเยอะ”
“ทำไมอ่ะ”

“ก็............เหมือนช่วงนี้พุงจะเริ่มยื่นแล้วอ่ะดิ เนี่ย ย้วยละ”
ผมพูดพร้อมกับเอามือจับหน้าท้องตัวเองไปพลาง

“เฮ้ย หัวเราะงี้หมายความว่าไงน่ะ”
ผมหันไปถามแบงค์ ที่ทำท่าหัวเราะคิกคักๆ อยู่คนเดียว
“ป๊าววววววว ก็แบบว่า......”
แบงค์ตอบกลับมาแบบตะกุกตะกักปนน้ำเสียงที่ฟังดูยังไงก็เหมือนพยายามกลั้นหัวเราะ มีอะไรน่าหัวเราะฟะ - -*
แบงค์หันมามองหน้าผมอีกรอบ พร้อมกับยิ้มให้ผมทีนึง ก่อนที่จะเอามือมาจับหน้าท้องที่ไม่ค่อยจะแบนราบของผม

“แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่มากไปไม่น้อยไป น่ารักน่าจับดีออก ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไม่ต้องมาล้อเลย ไม่หุ่นดีมั่งก็แล้วไป”
ผมพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงงอนเล็กน้อย แบงค์ก็เลยเอามือขยี้หัวผมเบาๆ เหมือนทุกที
“โอ๋ๆ อย่างอนไปเลยน่ะ แบงค์ก็แค่พูดไปตามความจริงนะ แบงค์ว่า นันท์ที่เป็นแบบนี้น่ะล่ะ ดีแล้ว ดูเป็นนันท์ดีออก”
แบงค์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม


ให้ตายสิ แล้วทำไมผมถึงได้ใจอ่อนกับรอยยิ้มนั่นทุกทีนะ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเที่ยงนี้แบงค์ต้องเลี้ยงข้าวนันท์เลย ตกลงนะ”
“อ้าว ไหงงั้นเนี่ย”
แบงค์ทำหน้างง ก่อนที่จะยกมือเกาหัวแกร่กๆ ในขณะที่ผมก็ยังคงทำหน้างอนไว้เชิงอยู่
“อ่ะ ๆ เลี้ยงก็เลี้ยง”
“เย่ สำเร็จ”
“โห หลอกกันเหรอเนี่ย ไอเด็กแว่น มานี่เลย”
แบงค์คว้าคอผมเอาไว้ ก่อนที่จะเอากำหมัดปั่นลงบนหัวผมเบาๆ เป็นเชิงหยอกเล่น

“สวีทกันจังนะ พวกเมิงเนี่ย”
เสียงห้าวๆ ทักพวกผม ผมหันไปมองยังเสียงที่คุ้นหูนั่น

“อ่าว ไอบาส ไม่มีเรียนเรอะ ถึงได้มาเดินโต๋เต๋ในเวลาเรียนเนี่ย”
แบงค์ถามน้องชายฝาแฝด(เฉพาะหน้าตา)ของเขา ที่กำลังทำหน้ายิ้มกวนๆ

“มี แต่กูแค่ออกมาเข้าห้องน้ำ แล้วก็จะแวะมาบอกเมิงด้วย ว่าคืนนี้กูไม่กลับนะเว้ย”
“ไปไหนวะ อย่าบอกนะว่าไปรบกวนบ้านนู้นเขาอีกอ่ะ เมิงไม่เกรงใจเขามั่งรึไงวะ”
แบงค์บ่นออกมาด้วยท่าทีที่ดูหงุดหงิดกับพฤติกรรมน้องชายตัวเอง
ในขณะที่บาสดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำด่านั่นเลย

“ก็แม่เขาเอ่ยปากชวนกูเองนี่ วันนี้วันเกิดแอล บ้านเขาเลยจัดปาร์ตี้กัน แม่ของแอลเลยชวนกูไปด้วย บอกว่าจะค้างก็ได้ กูก็เลยกะจะไปค้าง”
บาสตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่นิ่ง ต่างจากแบงค์ที่ตอนนี้ดูจะเหมือนมีอาการไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“เมิงนี่มัน...”
“ทำไม? มีอะไรไม่พอใจ หรือว่าเมิงอิจฉากูที่กูกล้ายอมรับใน.......”
“พอเลย หุบปากไป เมิงจะทำไรก็เรื่องของเมิงละกัน กูไม่อยากยุ่งด้วยละ แต่ถ้าแม่รู้แล้วเป็นเรื่องขึ้นมา บอกเลยว่ากูไม่ได้เป็นคนฟ้อง และกูจะไม่รับไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น”
บรรยากาศรอบข้างเริ่มดูมาคุขึ้นทุกทีๆ จนผมเองก็เริ่มจะสำลักบรรยากาศนั้นแล้ว

“เอ่อ พอเถอะ อย่ามีเรื่องกันเลยนะ พี่น้องกันๆ รักกันไว้”
นั่น อยู่ดีไม่ว่าดี เผือกเรื่องชาวบ้านเขาซะงั้น แว๊กกกกกกกกก

บาสหันมามองหน้าผม แต่ไม่พูดอะไร ก่อนที่จะหันไปยิ้มกวนใส่แบงค์
แล้วหันกลับมาทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ ใส่ผมทีนึง ก่อนที่จะเดินจากไป

“ไอนี่มัน.....น่านัก”
แบงค์ทำเสียงไม่พอใจ ส่วนสีหน้าตอนนี้นั้นไม่ต้องบอกก็คงรู้ = =
“เอาน่ะๆ ใจเย็นๆ เครียดง่าย เดี๋ยวแก่เร็วนะ ไปเหอะ เราไปหาไรกินดีกว่า นันท์หิวละเนี่ย”
ผมพยายามหาเรื่องชวนคุยเพื่อคลายบรรยากาศ(แต่ไม่วายที่จะไม่พ้นเรื่องกิน = =)
แบงค์หันมามองผม
ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกผิดเหมือนกันที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เลยได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้ผม


โรงอาหาร

หลังจากที่ผมกับแบงค์ซื้ออาหารและจับจองที่นั่งได้เสร็จ ก็ไม่รอช้าที่จะบรรเลงลงมือกินเลยทันที (5555+ ชีวิตนี้เรื่องกินเรื่องใหญ่ - -*)
“เป็นอะไรไป แบงค์ ยังเครียดเรื่องบาสอยู่เหรอ”
ผมถามแบงค์ที่ดูนิ่งเงียบไป แบงค์ดูสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนที่จะเงยหน้ามองผม

“ก็ ป่ะ ป่าวๆ ก็...ไม่เชิงอ่ะ”
แบงค์ตอบตะกุกตะกัก โกหกชัวร์ เอาอีกละ นิสัยคิดมาก เครียดไปเสียทุกเรื่องเนี่ย
แต่ผมกลับไม่สามารถช่วยอะไรได้มากไปกว่านี้เลย เฮ้อออออออออ

“เอาน่ะ แบงค์ เดี๋ยวอะไรๆ มันก็ดีขึ้นเองล่ะ ใช้สมองตอนเครียดน่ะ มันไม่ได้ทำให้เราได้คำตอบที่ดีหรอก
มีแต่จะยิ่งทำให้เครียดมากขึ้นกว่าเดิมนะ”
ผมเอื้อมมือของผมไปบางลงบนมือของแบงค์ ก่อนที่จะยิ้มให้กำลังใจแบงค์เหมือนทุกที
สิ่งที่ผมพอจะทำให้ให้เพื่อนที่ผมรักคนนี้ได้ ก็คงมีเพียงประมาณนี้นี่ล่ะ

“ขอบใจนะ”
แบงค์ยิ้มตอบให้ผม
“นันท์”
“หือ”

“นันท์รู้ป่ะ ว่าหลายครั้งเวลาที่แบงค์เครียด และถึงแม้จะยังหาทางออกไม่ได้
แต่แค่กำลังใจกับรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ ของนันท์ มันก็มากพอที่จะทำให้แบงค์รู้สึกดีมากขึ้นเลยล่ะ”
แบงค์พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดชื่นขึ้นมามากกว่าเมื่อกี้

ตึ่กๆ ตึ่กๆ

เอาล่ะสิ ทำปากดี กะจะให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่ ไหงไปๆ มาๆ ผมดันเขินหน้าแดงเสียเองเนี่ย อ๊ากกกกกกกก
“ยินดีเสมอ”
ผมได้แต่บอกออกไปแบบนั้น ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้า
ให้ตายสิ คนบ้าอะไร มีเสน่ห์ชะมัด แค่ยิ้มนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะซะแล้ว
หวังว่าแบงค์คงไม่สังเกตเห็นอาการนี้ของผมนะ =,,,=

“เอ้อ จะว่าไป พอพูดถึงวันเกิด วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดของมายด์นี่นา”
ผมพูดขึ้นมา หลังจากที่เอะใจได้ เกือบลืมไปเลยนะเนี่ย แย่แล้วๆ
“เหรอ แล้วนันท์จะซื้ออะไรให้มายด์ดีล่ะ”
“ยังไม่รู้เลย”

“แบงค์เองก็ไม่รู้ด้วยสิ ว่ามายด์เขาชอบของประมาณไหน เพราะแบงค์เองก็เพิ่งจะมาคุ้นเคยกับมายด์ก็ช่วงหลังๆ นี้เอง”
แบงค์พูดขึ้นมา ก่อนจะหันมามองผม
“ก็ผู้หญิงทั่วๆ ไปนะ ชอบของน่ารักๆ ตามสไตล์ผู้หญิงน่ะล่ะ อ๊ะนึกออกละ เห็นช่วงนี้บ่นๆ ว่ากระเป๋าสะพายหลังใบที่ใช้อยู่ใกล้จะพังละ”
“งั้นวันเสาร์ เราไปเดินดูกันมั้ย”
แบงค์ชวนผม ก่อนที่จะตักหมูทอดของตัวเองแบ่งมาให้ผม
“ก็โอเคนะ ไหนๆ ก็ไม่มีใครอยู่บ้านอยู่แล้วนี่ อยู่บ้านคนเดียว เบื่อ เหงาด้วย  =3=”
ผมตอบออกไปพร้อมกับเอาส้อมจิ้มหมูทอดใส่ปาก

“ว่าแต่แบงค์เหอะ อยู่บ้านคนเดียวตลอด ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
ผมถามกลับไป ก่อนที่จะเอาส้อมไปจิ้มหมูทอดในจานของแบงค์มาอีกชิ้น ในขณะที่เจ้าตัวมองหน้าผมแบบเหวอนิดๆ
“ก็มีบ้างอ่ะล่ะ แต่มันก็ชินไปละ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยมาตั้งนานละ”
“แบงค์ก็เลยดูเป็นผู้ใหญ่ไง เพราะต้องดูแลตัวเอง ไม่พอยังต้องดูแล...........ช่างมันเหอะ”
ผมพูดตัดจบไป เพราะไม่อยากจะไปเอ่ยถึงชื่อไอเจ้าบ้านั่น ดูท่าว่าแบงค์ก็คงจะรู้ทัน ก็เลยเผลอปล่อยหัวเราะออกมาเบาๆ
ก่อนที่จะเอามือยกขึ้นมาท้าวคางไว้

“อืม.....นันท์ งั้นเอางี้มั้ย ไหนๆ ทั้งนันท์และแบงค์ก็อยู่บ้านคนเดียว...............”
แบงค์นิ่งเงียบไปครู่นึง

“งั้นคืนนี้มานอนบ้านแบงค์มั้ย ตอนเย็นแบงค์จะทำอาหารให้กิน”
แบงค์พูดชวนเชิญผม พร้อมกับยิ้มให้ผม ในขณะที่ผมกำลังอึ้งกับคำชวนนั้น
และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึป่าว

ทำไมรู้สึกว่าคราวนี้ รอยยิ้มนั้นมันแปลกไปจากทุกทีนะ
“หือ? จะดีเหรอ เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ”
“ไอบาสน่ะเหรอ ช่างหัวมันสิ ต้องแคร์ด้วยเหรอ”
แบงค์ยังคงพูดจาเชิญชวนผมต่อไปด้วยรอยยิ้ม
มันก็ดูเป็นรอยยิ้มปกตินะ แต่เหมือนมันมีอะไรแตกต่างไปจากทุกที ไม่รู้สิ แต่ให้ตายเหอะ ผมแพ้รอยยิ้มนั้นจริงๆ ด้วย

“อ่าๆ ก็ได้ๆ จะว่าไป ไม่ได้ไปห้องแบงค์นานมากแล้วนะ ตั้งแต่ เ........เอ่อ”
ผมชะงักไปครู่นึง
“เอ่อ.....ขึ้น ม.ปลายมาเนี่ย แห่ะๆ”

ผมตอบออกไปอย่างนั้นพร้อมกับสังเกตสีหน้าท่าทางของแบงค์


“นั่นสิเนอะ ไม่ได้มาห้องแบงค์นานมากแล้วนี่ งั้นเป็นอันว่าตกลงละกันนะ นั่งรอนี่นะ เดี๋ยวมา”
แบงค์ยิ้มให้กับผมอีกรอบ ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับเก็บจานของตัวเองและของผมไปเก็บให้

เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ไอนันท์บ้า บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เกือบจะไปพูดถึงเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดไปเสียแล้ว

ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แบงค์จะเป็นยังไงมั่งนะ จะลืมเรื่องราววันนั้นได้หรือยัง

แต่ถึงเรื่องมันจะนานมาแล้ว แต่คิดว่าแบงค์คงจะยังลืมเธอไม่ได้หรอก
เพราะขนาดเราเอง ก็ยังคิดถึงเธอเหมือนกัน

เมย์

เพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนนึง

แต่เพราะเหตุการณ์วันนั้น...........
และนั่นคือ 1 ในเหตุผลที่ทำให้ผมไม่กล้าที่จะก้าวไปมากกว่านี้ เพราะกลัว  และรู้สึกผิดต่อเธอ

“ป่ะ ไปห้องสมุดกันเหอะ”
แบงค์เดินเข้ามาวางมือลงบนบ่าของผมเบาๆ
ผมจึงลุกขึ้นและเดินตามแบงค์ไปยังห้องสมุดเหมือนกับทุกวันโดยยังเหลือความรู้สึกผิดไว้เล็กๆ



.........................
หลังหมดชั่วโมงพักกลางวัน พวกผมก็กลับเข้าห้องเรียนตามปกติ แต่ละคนก็พูดคุยกันเรื่อยไปเพราะอาจารย์ประจำวิชายังไม่มา
ในขณะที่ผมกำลังหยิบหนังสือเรียนออกมาจากกระเป๋า ผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างในกระเป๋าที่ไม่คุ้นตา

หือ? อะไรน่ะ ขนม ? ไม่สิ ต้องเรียกว่าลูกอมถึงจะถูกกว่า

แล้วมันมาอยู่ในกระเป๋าผมได้ไงเนี่ย ?
ใครเอามาใส่ผิดหรือป่าว
ผมหันมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เป็นว่าจะมีอะไรผิดปกติ

งั้นก็เก็บไว้ละกัน ของฟรี ใครๆ ก็ชอบ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า (ไอขี้งก)
ไม่นานนัก อ. ประจำวิชาก็เข้ามา พวกเราทั้งหมดจึงกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง
หัวหน้าห้องจึงสั่งทำความเคารพ

“เอาล่ะ สำหรับคาบนี้ ครูจะสอนในหัวข้อเรื่อง.......”
ในขณะที่ผมกำลังฟังอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่นั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็สั่นเพราะมีข้อความเข้า
(ดีนะที่ปิดเสียงไว้ = =) เบอร์ไม่ได้บันทึกไว้แฮะ แถมไม่คุ้นด้วย ใครหว่า

ผมแอบเปิดอ่านข้อความนั้นทันที

--เป็นยังไงมั่งครับ สบายดีมั้ย--

???????????????????????????????????????????????

อ่ะ อะไรอีกละคราวนี้
ผมพยายามนั่งนึกว่าเบอร์ที่ส่งมาเป็นของใคร แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เพราะไม่คุ้นจริงๆ
แถมไม่มีประวัติเบอร์นี้ ว่าเคยโทรเข้ามาก่อนเลยด้วย

สงสัยจะส่งมาผิดแน่เลย ลบดีกว่า

“เอาล่ะ ทีนี้ ครูจะให้ทุกคนเขียนบทความมาส่งครูในหัวข้อตามที่บอกไปนะ กำหนดส่งเป็นอาทิตย์หน้าละกัน
เอาล่ะ แยกย้ายไปห้องสมุดได้”

เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวก่อนอาจารย์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ตะกี้พูดไรไปมั่งอ่ะ ผมยังไม่ทันได้ฟังเลยยยยยยยยยยยย



..........................
หลังเลิกเรียน

หลังจากที่ผมกับแบงค์ลงจากรถเมล์ เราทั้งสองก็แวะที่ซุปเปอร์มาเก็ตกัน เพื่อซื้อของกินกันนิดหน่อย
วันนี้แบงค์เขาขอแสดงฝีมือพ่อครัวน่ะครับ

ด้วยความที่เขาต้องดูแลอะไรหลายๆ อย่าง รวมถึงเรื่องอาหารการกิน เลยทำให้แบงค์เขามีฝีมือพอสมควร

ต่างจากผมที่.............ช่างมันเห๊อะ ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ;w;

หลังจากที่ซื้อของเสร็จ  ผมก็ขอตัวกลับมาที่บ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจึงไปหาแบงค์ที่บ้าน
เมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน ก็พบว่าแบงค์กำลังขะมักขะเม่นกับการเตรียมตัวทำอาหารอยู่ในห้องครัวทั้งๆ ชุดนักเรียน

“ไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเหรอ เดี๋ยวชุดก็เปื้อนหรอก”
ผมพูดออกไป แบงค์จึงทำท่าครุ่นคิดครู่นึง
“อ่า ก็จริงแฮะ งั้นนันท์ช่วยล้างผักพวกนี้ให้ทีนะ เดี๋ยวแบงค์ไปอาบน้ำแปบนึง”
แบงค์บอกผม พร้อมกับชี้ไปยังผักที่อยู่ในตะกร้า ผมพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่แบงค์จะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

“อย่าแอบดูแบงค์อาบน้ำนะ”
“จะบ้าเหรอ พูดอะไรเนี่ย”
แบงค์ตะโกนลงมาแซวผม ซึ่งมันก็ทำเอาผมถึงกับไปไม่ถูกอยู่เหมือนกัน

จะว่าไปช่วงนี้ แบงค์ดูจะขี้เล่นขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนแฮะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังดูเครียดๆ อยู่เลยแท้ๆ
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ^^

-แค่กำลังใจกับรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ ของนันท์ มันก็มากพอที่จะทำให้แบงค์รู้สึกดีมากขึ้นเลยล่ะ-

อยู่ๆ คำพูดของแบงค์เมื่อตอนพักกลางวันก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม
และยิ่งด้วยรอยยิ้มนั้น

นี่ผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเองมากไปรึป่าวนะ ว่าแบงค์เองก็กำลังคิดกับผมแบบ.........................

เพ้อเจ้อละๆ ไอนันท์ ชอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อยเลยนะ - -*
แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นี่นา จากเหตุการณ์หลายๆ อย่าง มันก็ชวนให้คิดได้แบบนั้นจริงๆ

ใจผมเองมันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะถาม หรือบอกออกไป
เพราะกลัวว่าหากมันไม่เป็นแบบที่ผมคิด หรือต้องการ

หากมันเป็นเพียงแค่ผมคนเดียวที่คิดไปเองล่ะก็.................

พอๆ หยุดเลย เลอะเทอะใหญ่ละ ไอนันท์ วู้วววววววววววว
ช่างจินตนาการเพ้อฝันเสียเหลือเกิน

แต่อยู่ๆ น้ำตาของผมก็ร่วงลงมา
บ้าจริง จะร้องออกมาทำไม

“แบงค์อาบน้ำเสร็จละ นันท์ล่ะ เป็นไงถึงไหนละ อ้าวเฮ้ย เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมเนี่ย”
แบงค์ทักผมด้วยน้ำเสียงตกใจ เช่นเดียวกับผมที่สะดุ้งเพราะไม่คิดว่าแบงค์มาเห็น


"ก็........."
ผมมองหน้าแบงค์ ในขณะที่น้ำตาของผมยังคงไหลไม่ยอมหยุด






“ก็หัวหอมนี่อ่า ทำไมมันแสบแบบนี้อ๊ะ”
ผมบอกแบงค์ พร้อมกับชี้ไปยังหัวหอมใหญ่ที่ผมกำลังปอกเปลือกมันออก
แบงค์อึ้งเงียบไปครู่นึง

".............................."




คือครับ ตามนั้นเลย ผมร้องไห้เพราะหัวหอมนี่จริงๆ ไม่ได้มีแอบดราม่า หรืออะไรทั้งนั้น = =
(อายตัวเองเหลือเกินนนนนนนนนน)

“ละใครใช้ให้ปอกล่ะ หัวหอมเนี่ย ดูสิเนี่ย ปอกไม่เป็นก็เลยเป็นแบบนี้ไง ฮ่าฮ่าฮ่า”
แบงค์พูดหัวเราะผม พร้อมกับเอาทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้กับผม
“ก็คนมันไม่เคยทำนี่ ยังจะมาหัวเราะอีก”

“ไปๆ ไปนั่งเฉยๆ เลยไป เดี๋ยวที่เหลือแบงค์จัดการ เด็กบ๊องเอ้ย”
แบงค์ยีหัวผมเบาๆ เหมือนเช่นทุกทีที่ผ่านมา

ผมนี่ก็คงจะบ๊องอย่างที่แบงค์ว่าจริงๆ น่ะล่ะ =3=*

“ยัง ยังไม่ไปนั่งรออีก”
แบงค์หันมาเอ็ดใส่ผมนิดหน่อย ในขณะที่ผมยังทำตาละห้อยเล็กน้อย (เพื่อ ?????)
ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องครัว ผมหันกลับไปมองแผ่นหลังของแบงค์

ผมยิ้มเล็กน้อยให้กับแผ่นหลังนั้น ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่น


จริงอยู่ผมอาจจะยังหวาดกลัวกับคำตอบนั้น
แต่ผมก็ต้องสู้กับมันให้ได้

ไว้สักวันนะ รอให้ผมมีความกล้ามากกว่านี้อีกนิด แล้วผมจะบอกออกไปให้ได้เลย

ผมบอกกับตัวเองเช่นนั้น

ใช่ สักวัน


“ขออร่อยๆ เลยนะแบงค์”
ผมตะโกนกลับเข้ายังห้องครัว

“เชื่อฝีมือเถอะ”
แบงค์ตอบกลับมา


อย่างน้อย วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ยังไม่อาจทราบได้

แต่ผมก็จะพยายาม อย่างน้อย ก็ขอมีความกล้ามากกว่าอีกนิดละกัน

รอก่อนนะแบงค์





“เดี๋ยวแบงค์จะทำสุดฝีมือเลย กินให้เต็มที่นะ เพราะคืนนี้แบงค์ จะทำให้นันท์ไม่ได้หลับแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”


หือ ??????????????????????????
พูดแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะ ?????????????




จบคาบเรียนที่ 10



ก่อนอื่น ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่มาช้าไปมากกกกกกกกกกก

พอดีอาทิตย์ที่แล้วผมไปพักร้อนมาน่ะครับ กับเพื่อนที่ทำงาน
ไปติดเกาะกันมา ไม่ได้แตะอินเตอร์เน็ตเลย 555+

เลยทำให้ไม่สามารถอัพตอนใหม่ได้ ต้องขออภัยด้วยครับ

แถมกลับมาจากเกาะนี่ ตัวดำขึ้นเยอะ  :hao5:


เข้าเรื่อง คาบเรียนที่ 10 ครับ
คราวนี้ นันท์ของเราแอบคิดมากเล็กน้อย
แต่ยังไม่ทิ้งความเปิ่นอยู่ดี 555+


สงสัยจะต้องมีตัวช่วยซะแล้วล่ะมั้ง แต่จะยังไงดีล่ะ

ส่วนคาบเรียนต่อไป จะรีบนำมาเสิร์ฟให้ไวที่สุดครับ   :hao3:

 :bye2: :bye2:



So we take it and each moment our love grows
ตลอดเวลาที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  ความรักของเราก็ค่อยๆมากล้นขึ้นเรื่อยๆ

Angel By Leona Lewis (http://www.youtube.com/watch?v=gRemP1PUtfw)


หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 10 กลัว (17-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 17-07-2013 10:05:37
แบงค์อะ พูดให้คิดเยอะตลอดเลยอะ  :-[
พออ่านข้างนันท์แล้วทำไมรู้สึกเขินแทนไปด้วยตลอดเลย
มันน่ารัก อบอุ่นใจยังไงไม่รุ้
สงสัยความรู้สึกตื่นเต้น เวลาได้อยู่ใกล้คนที่รักล่ะมั่ง
ถึงจะยังบอกออกไปไม่ได้ แต่ก็พยายามเข้านะนันท์
ตอนนี้เหมือนตัวช่วยหรือตัวร้ายหว่าคงกำลังจะมา
ให้แบงค์ตัดสินใจได้ไวขึ้นละ
แต่ที่แน่ ๆ คืนนี้ของสองเราจะผ่านไปแบบไหน  :mew3:
รอติดตามอยู่น๊า  :mew1:

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 10 กลัว (17-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-07-2013 10:29:02
แบ้งชวนนันท์มานอนด้วย
คิดจะทำอะไรนันท์ป่ะเนี่ย
แบ้งต้องการความมั่นใจ
ส่วนนันท์ก็ช่างไม่รู้เลย
ว่าแบ้งน่ะรู้ไปถึงไหนๆแล้ว
ข้อความที่ส่งมาหานันท์
คงเป็นอีกหนึ่งตัวแปรซินะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 10 กลัว (17-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 18-07-2013 13:13:32
บาส คงจะรู้สินะว่าแบงค์คิดอะไรกับนันท์ แต่บาสน่ากลัวยังไงไม่รู้ โผล่มาทีไร อึมครึมทุกทีเลย
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมบาสกับนันท์ ถึงไม่ค่อยถูกกัน มีเรื่องอะไรกันมาก่อน รึว่าไม่ถูกชะตากันเฉย ๆ นะ
มีเรื่องของเมย์ แทรกเข้ามาเป็นระยะ ๆ ให้สงสัยอีกแล้ว อยากรู้เร็ว ๆ จังเลย
แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เมย์ก็คือเหตุผลสำคัญที่ทำใ้ห้นันท์และแบงค์ ยังไม่คืบหน้าแหละ
โธ่เอ้ย นันท์เล่นตลกป่ะเนี่ย  :pigha2: ไอ้เราก็นึกว่าคิดมากจนร้องไห้
แสบตาเพราะหัวหอมนี่นะ หลอกกันได้ เดี๋ยวตีเลยนิ
นันท์ ขอให้แบงค์รอ แบงค์ ก็ขอให้นันท์รอ เรา ก็รออยู่เหมือนกันนะจ้ะ
รู้ว่าเรื่องมันละเอียดอ่อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็อยากให้รู้ใจกันเร็ว ๆ อยู่ดีอ่ะ
คำพูดทิ้งท้ายแบงค์ แหม คนพูดไม่คิดอะไร ระวังเหอะคนฟังจะคิดไปไกลนะ ใครกันแน่จะไม่ได้หลับ
ปริศนาใหม่มาอีกแล้ว ใครเอาลูกอมให้นันท์อ่ะ แล้วข้อความจากเบอร์ลึกลับอีก
รึว่าแบงค์จะมีคู่แข่งที่แอบอยู่ในเงามืด จะมีใครมากระตุ้นแบงค์รึเปล่า ดีๆ ชอบ ๆ มาเลย ๆ
อยากไปเที่ยวเกาะบ้าง อิจฉาจัง ขอบคุณนะคะ  :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 10 กลัว (17-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Flirter_kung ที่ 18-07-2013 20:36:24
ขอเข้ามาตามอีกคนนะครับ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 11 คืนนี้ (26-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 26-07-2013 22:01:51
คาบเรียนที่ 11 :  เรื่องบนเตียง

“นันท์ อยู่นิ่งๆ นะ แบงค์จะเอาเข้าไปข้างในละนะ”
“เบาๆ นะ นันท์กลัวเจ็บ”

ผมบอกกับแบงค์ ในขณะที่แบงค์กำลังจับสิ่งนั้นอยู่ และพยายามจะนำสิ่งนั้นรุกล้ำเข้ามา

“บอกให้อยู่นิ่งๆ ไง เดี๋ยวก็เจ็บหรอก”
แบงค์พยายามบอกผมด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าทุกครั้ง
แต่ทว่าผมก็ยังรู้สึกประหม่า

เพราะนี่ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของผมเลยก็ได้

แบงค์ค่อยๆ นำสิ่งนั้นรุกล้ำเข้ามา ผมเกิดอาการเกร็งเล็กน้อย
“เจ็บเหรอ”
แบงค์ถามผม ก่อนที่จะหยุดนิ่ง ผมส่งเสียงครางในลำคอเป็นเชิงปฎิเสธ
เมื่อเห็นผมตอบกลับไปเช่นนั้น แบงค์เริ่มลงมือต่อ

มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ จะว่าเจ็บมันก็ไม่ใช่
มันต่างจากทุกครั้งที่ผมทำเองจริงๆ มันรู้สึกดีอย่างที่ไม่สามารถหาคำบรรยายได้

“อ๊า...............”
แบงค์ควงหมุนเจ้าสิ่งนั้นเล็กน้อย จนทำให้ผมรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว

“ทนนิดนะ อีกนิดจะเสร็จแล้ว...”
แบงค์บอกผม พร้อมกับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีกนิด


รู้สึกดี ดีจริงๆ ถ้ารู้ว่า มันจะรู้สึกแบบนี้

ผมคง.............................


“เสร็จแล้วล่ะ.......................”

แบงค์พูดกับผม ในขณะที่ยังคงแช่เจ้าสิ่งนั้นเอาไว้ครู่นึง ก่อนที่จะค่อยๆ ดึงเจ้าสิ่งนั้นออกไปอย่างช้าๆ
ผมเพ่งมองด้วยความไม่เชื่อในสายตา ว่ามันจะใหญ่อะไรขนาดนี้




“..........................................”



“ดูสิ ก้อนใหญ่ใช้ได้เลยนะเนี่ย ถามจริงๆ ไม่ได้แคะหูมานานเท่าไหร่ละเนี่ย”
แบงค์พูดแซวผมพร้อมกับโชว์สิ่งนั้นให้ผมดู
มันคือ สำลีปั่นหูที่ตอนนี้มีสิ่งที่เรียกขี้หูของผมติดหู


อ๊ากกกกกกกก


พอทีได้มั้ย ผมอายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ผมรีบคว้าสำลีปั่นหูนั่นออกมาจากมือแบงค์โดยด่วน ก่อนจะรีบวิ่งไปไปทิ้งลงถังขยะด้วยความเขินอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี

“อะไร แค่นี้ทำอาย”
แบงค์ยังคงหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นผมทำหน้าแดง

“พอๆ หยุดเลย ก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะแบบนั้นนี่ นันท์ว่า นันท์ก็แคะหูประจำนะ แต่นี่มัน.........”
ผมพูดต่อไม่ถูก เพราะยังเขินไม่หาย

ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ ที่แบงค์บอกจะแคะหูให้ เพราะผมเองก็อยากจะ......นะ แบบนิยาย แบบในหนังไรแบบนั้นไง

นางเอก นอนหนุนตักพระเอก โรแมนติกดีเว่อร์อะไรแบบนั้นอ่ะ

แต่...............!!!!!!!!!
ใครจะไปคิดล่ะ ว่าตอนจบมันจะจบได้น่าเกลียดแบบนี้
ทำไมมันไม่เหมือนในหนัง ในนิยาย

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นี่สินะ ที่เขาเรียกว่า ชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย ;w;


แบงค์ยังคงจ้องมองผมที่ยังคงอายอย่างบอกไม่ถูก
คราวนี้ไม่ได้หัวเราะ แต่กลับจ้องมองผมด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง


“ป่ะ นอนเลยมั้ย นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย”

แบงค์หันไปมองนาฬิกาที่ตอนนี้กำลังบอกว่าใกล้จะ 5 ทุ่มแล้ว

อะไรกัน จะ 5 ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย ทำไมเวเลาแห่งความสุขผ่านไปไวจัง
ผมทำหน้าละห้อยเป็นเชิงว่าเสียดาย แบงค์เองคงจะสังเกตเห็นได้ จึงทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง
ก่อนจะทำหน้าปิ๊งไอเดีย


“ดูหนังกันมั้ย”
แบงค์เดินไปยังหน้าทีวี ก่อนจะนั่งลงเปิดตู้ใต้ชั้น แล้วรื้อแผ่นหนังออกมา
ผมเดินเข้าไปหา พร้อมกับนั่งลงข้างๆ

ไหนดูหน่อยสิ ว่ามีเรื่องอะไรมั่ง

หวีดสุดขีด
คืนชีพ 13 วิญญาณสยอง
สอดรู้สอดเห็น สอดเป็นสอดตาย
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
เดอะริง คำสาปมรณะ
จูออน ผีดุ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 11 เรื่องบนเตียง (26-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 26-07-2013 22:02:47

“...................................”
เอ่อ มีแต่หนังน่าดู เหมาะกับบรรยากาศยามค่ำคืนทั้งนั้นเลย =w=”



ไม่ใช่ละ จะบ้าเรอะ - -*
ทำไมมีแต่หนังแนวนี้เนี่ย จะชวนสยองกันไปไหน

“เอ่อ ปกติแบงค์เองไม่ค่อยได้ซื้อแผ่นมาดูเท่าไหร่หรอก ที่เห็นทั้งหมดนี่ ของบาสทั้งนั้นอ่ะ”

นอกจากนิสัยจะเถื่อนแล้ว รสนิยมในดูหนังนี่ยังน่ากลัวอีกนะ - -*
“อ๊ะ มีนี่พอไหวนะ เพื่อนสนิท”
แบงค์หยิบแผ่นขึ้นมายื่นให้ผมดู เออ อันนี้สิ ยังพอดูได้

“เอาไปดูบนห้องแบงค์ดีกว่า เผื่อง่วงขึ้นมาจะได้นอนได้เลย”
แบงค์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือมาทางผม ผมจับมือนั่นพร้อมกับฉุดตัวเองลุกขึ้นยืน

“ชุดนอนน่ารักดีนะ”
แบงค์หัวเราะเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้ผม ผมก้มมองชุดนอนของตัวเอง
น่ารักตรงไหนน่ะ - -* ก็ชุดนอนธรรมดาๆ หาซื้อได้ตามห้างทั่วไป

จะสะดุดตาก็แค่ลายมิกกี้เมาส์ แค่นั้นเอง
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอดเขินยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ไปกับคำชมนั้นไม่ได้อยู่ดีน่ะล่ะ

“เออน่ะ”
ผมพูดปัดแก้เขินไป แต่ใบหน้านี่อมยิ้มจนแก้มจะปริอยู่แล้ว
แบงค์คงจะนึกหมั่นไส้ผมรึป่าวก็ไม่รู้ ถึงได้หยิกแก้มผมซะงั้น    - -

แบงค์เดินนำหน้าผมขึ้นไปยังชั้นสอง ผมเดินตามหลังขึ้นไป
ว่าไปชุดนอนแบงค์ก็ใช่ย่อยนะ คือมันก็ชุดทั่วๆ ไปตามประสาวัยรุ่นหนุ่มๆ เขาใส่กันน่ะล่ะครับ
เสื้อกล้าม กางเกงบอกเซอร์ ก็ประมาณนั้น

แต่เพราะเป็นแบงค์นี่ล่ะ พลังอนุภาพในการทำลายล้างมันเลยสูง

ทำไมมันดูเซ็กซี่ขนาดนี้เนี่ย

หื่นขึ้นมาซะงั้น ไอนันท์ - -*

ผมเข้ามาภายในห้องของแบงค์ ห้องที่ผมไม่ได้เข้ามานานแสนนาน
ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น

จริงอยู่ ถึงแม้ผมจะไม่ได้เข้าห้องนี้มานานแสนนาน
แต่ทว่า บรรยากาศภายในห้องนี้ ผมกลับยังคงคุ้นเคยไม่เปลี่ยนแปลง

ห้องที่ดูเป็นระเบียบมากเกินกว่าที่จะเชื่อได้ว่าเป็นห้องของเด็กผู้ชายวัยรุ่น

และแน่นอนว่า มันดูเป็นระเบียบมากกว่าห้องผมเยอะ
(ห้องผมเป็นระเบียบได้อย่างมากสุดก็ 3 วัน ก่อนที่จะรกไปอีก 3 สัปดาห์ โดนแม่ด่าทีก็จัดที วนลูปนรกแบบนี้ไปเรื่อยๆ - -*)

เฮ้ออออออ อนาถชีวิต ;w;

เราสองคนนอนดูหนังบนเตียง อันที่จริงผมเคยดูแล้วนะ เรื่องเพื่อนสนิทเนี่ย และคิดว่าแบงค์ก็น่าจะเคยดูแล้วเหมือนกันน่ะล่ะ
แต่ได้มาดูอีกครั้ง กับคนที่เราชอบ

มันก็ดีไม่น้อยนะ อิอิ ^^


“น่าไปเที่ยวดีเนาะ”
“หือ”
แบงค์ส่งเสียงเป็นเชิงสงสัยในลำคอ

“เกาะพะงันน่ะ”
ผมตอบกลับไป

“อ่อ นั่นสิ จะว่าไปตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลเลย อยากลองไปดูสักครั้งเหมือนกัน”
แบงค์พูดสมทบเห็นด้วยกับผม
“ได้ดูปิดเทอมใหญ่รึยังอ่ะ”
“ดูแล้ว ทำไมเหรอนันท์”

“ก็นั่นก็เกาะพะงันเหมือนกันนะ อยากลองไปหาดริ้นดูอ่ะ อยากเห็นว่าช่วงฟูลมูนปาร์ตี้คนจะเยอะแบบในหนังมั้ย”

“เถื่อนจะตาย มีแต่ฝรั่งเมาเหล้าเมายากันทั้งนั้น ดูอันตรายยังไงไม่รู้”
แบงค์พูดจาเสียงเข้มราวกับผู้ปกครองกำลังดุเด็กในความปกครอง

“เครียดอีกละๆ”
ผมทำเสียงเครียดตามเพื่อแซวแบงค์ เจ้าตัวเองก็เหมือนจะรู้นิสัยเสียตัวเอง จึงได้แต่ขมวดคิ้วอ้าปากหวอแก้เขิน
ก่อนที่จะเอามือมากดตัวผมไว้ พร้อมกับขึ้นมาคร่อมตัวผม


“เดี๋ยวเหอะๆ แซวเหรอๆ”
“อ๊ากกกกก ก็มันจริงนี่ อ๊ากกกก ฮ่าฮ่าฮ่า พอ พอ พ๊ออออออ”

แบงค์จั๊กจี้ไปตามตัวผม จนผมหัวเราะเสียงหลง หนอยแน่ เล่นจุดอ่อนเลยเรอะ ;w;
ทั้งๆ ที่ผมบอกให้แบงค์หยุด แต่ทว่าแบงค์ยังคงไม่ยอมหยุด จนผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

ผมดิ้นไปดิ้นมาด้วยความจั๊กจี้ ส่งเสียงหัวเราะลั่นห้อง
ดูท่าจะถูกใจแบงค์เสียเหลือเกินนะ กับการได้แกล้งผมเนี่ย

ผมดิ้นสะบัดตัวเพื่อให้หลุดจากแบงค์ที่กำลังคร่อมตัวผมอยู่ แบงค์พยายามจับข้อมือทั้งสองข้างของผมให้อยู่กับที่เพื่อให้ผมขยับตัวไปไหนไม่ได้
แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้แรงที่มากกว่าของแบงค์
และเหมือนการสะบัดตัวของผมจะทำให้แบงค์เสียการทรงตัว
ผลที่ได้ก็คือ

พลั่ก
“อุ๊บ”

มันคงไม่ได้ถึงขั้นเหมือนในหนังหรือนิยายหรอกครับ ที่พระเอกพลาดเผลอจูบปากกับนางเอก
แต่มันก็มากพอที่จะทำให้สติของผมเตลิดเตลิงไปได้อยู่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 11 เรื่องบนเตียง (26-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 26-07-2013 22:13:16
เพราะตอนนี้ร่างของแบงค์กำลังทับอยู่บนตัวผมแบบเต็มๆ ชนิดที่เรียกว่าเนื้อแนบเนื้อก็ว่าได้ =o=”
ใบหน้าของแบงค์กับผมตอนนี้ใกล้มาก ใกล้ชนิดที่ผมได้ยินเสียงลมหายใจของแบงค์เลยทีเดียว

และแทนที่แบงค์จะรีบลุกตัวออกจากผม แต่เปล่าเลย แบงค์ยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น
ท่าทีที่ดูเล่นๆ เมื่อกี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นจริงจังขึ้นมาชนิดที่ผมเองยังตั้งตัวไม่ทัน


ตึ่กๆ ตึ่กๆ
ตอนนี้ใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

“.................”
ปากของผมพยายามจะออกเสียงเรียกชื่อแบงค์ แต่ทว่ามันกลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ ออกมา

มือของแบงค์ยิ่งกำข้อมือของผมเอาไว้แน่นกว่าเดิม

ร่างกายที่แนบชิดกัน และสถานการณ์ในตอนนี้ มันมากพอที่จะทำให้สติของผม
ยิ่งผมพยายามที่จะอดกลั้นมากเท่าไหร่ สติผมกลับยิ่งหลุดลอยมากเท่านั้น


และที่ทำให้ผมตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีกนั่นก็คือ

ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าสิ่งนั้นของแบงค์ (ที่เป็นเจ้าสิ่งนั้นจริงๆ ไม่ใช่ไม้ปั่นหู - -*)
ตอนนี้มันกำลังแนบชิดสนิทกันกับเจ้าสิ่งนั้นของผม

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พยายามจะคุมสติไม่ให้ฟุ้งซ่าน แต่กรณีแบบนี้ ผมไม่เคยเจอมาก่อน
ผมควรจะทำยังไงดีเนี่ย

ยิ่งพยายามคุมสติมากเท่าไหร่ ทว่าเจ้าสิ่งนั้นของผมกลับยิ่งมีการตอบสนองมากขึ้น
และตอนนี้มันก็ค่อยๆ เริ่มตื่นขึ้นจากการหลับไหลแล้ว

เฮ้ยๆๆๆๆๆ อย่านะๆ
เค้าอายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
แต่แบงค์ยังคงจ้องหน้าผม สายตาที่จ้องมองมานั้นมันดูไม่เหมือนทุกครั้ง มันดูจริงจัง
จริงจังจนผมเองยังนึกกลัว


“...................”


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นี่มันอะไรกันเนี่ย


ไม่ไหวแล้ว ><

แล้วอยู่ๆ แบงค์ก็ค่อยๆ ยื่นหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้ มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนผมเองก็ยังไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี



แบงค์กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้ทำแบบนี้ แกล้งผมงั้นเหรอ
แต่แกล้งแบบนี้มันออกจะ...............

หรือว่าแบงค์เองที่จริงแล้วก็........

ผมควรจะทำไงดี ควรจะรู้สึกยังไง
ควรจะดีใจอย่างนั้นเหรอ ???

ผมหลับตาลงเหมือนพยายามจะหลีกหนี
แต่ดูเหมือนใบหน้าของแบงค์ยังพยายามจะเข้ามาใกล้ เพราะลมหายใจนั้นใกล้มากขึ้น


ตึ่กๆ ตึ่กๆ

“................................”


“มีสิวด้วย!!!!!”

“....................”

?????????
เอ๋

แบงค์พูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่กำลังเงียบงันอยู่ในตอนนี้
ผมเองมึนงงเล็กน้อยกับคำพูดนั้น จึงลืมตาขึ้นมองแบงค์
ภาพที่เห็นคือ แบงค์ที่กำลังทำหน้าตายิ้มแย้มเหมือนปกติทุกครั้ง เหมือนกลับมาเป็นแบงค์คนเดิมแล้วยังไงยังงั้น

มันอะไรยังไงกัน ????

“หนังจบแล้ว นอนเหอะ”
แบงค์บอกผม ก่อนที่จะลุกขึ้นไปปิดทีวีและเครื่องเล่นดีวีดี แล้วเดินกลับมาที่เตียง
ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนไปอย่างง่ายง่ายดาย

ผมพยายามตั้งสติ และคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
เกิดอะไรขึ้นกับแบงค์ ผมรู้จักแบงค์มาหลายปี จริงอยู่ที่หลายครั้งหลายครา ผมชอบคิดทึกทักเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอด
แต่ทว่าครั้งนี้มันต่างจากทุกครั้งอย่างเห็นได้ชัด แบงค์ไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้กับผม

แล้วถ้าเมื่อกี้ผมจำไม่ผิด

นอกจากร่างกายของผมจะมีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้วนั้น ร่างกายของแบงค์ก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกันกับผม
เจ้าสิ่งนั้นของแบงค์ตอนนนั้นก็กำลังตื่นตัวอยู่ภายในกางเกงบอกเซอร์ของแบงค์เช่นเดียวกันกับผม

ถ้าแกล้งกัน ทำไมถึงต้องมีปฏิกิริยาด้วยล่ะ ???

บอกตามตรงว่าตื่นเต้น ใจผมเนี้ย ถึงขั้นเต้นตูมตามเลยล่ะ มันไม่รู้จะอยู่ในความรู้สึกไหนกันแน่
ถามว่าดีใจมั้ย แหมมมมม ถ้าตอบว่าไม่ดีใจก็ออกจะแหลไปหน่อยละ =3=
ถ้าเป็นคนที่ชอบมาทำแบบนี้ มันก็ต้องรู้สึกดีเป็นธรรมดาอ่ะล่ะ

แต่ผมแปลกใจมากกว่า ว่าอะไรดลใจให้แบงค์ทำแบบนั้น

หรือว่าแท้จริงแล้วแบงค์เองก็............................

นี่ถ้าผมบอกว่าผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดๆ จะมีใครด่าผมมั้ยเนี่ยยยยยยย

แต่จะว่าไปเจ้าสิ่งนั้นของแบงค์นี่ก็ใช่ย่อยนะนั่นน่ะ

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ยิ่งคิดก็ยิ่งอายยยยยยยยยยยยยยยยยยย สับสนไปหมดละ

นี่ผมกลายเป็นคนหมกหมุ่นลามกไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ในขณะที่ผมกำลังพยายามจะเรียบเรียงความคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น



“เอ้อ ลืมบอกไป หลับฝันดีนะครับนันท์”
ฟอดดดดดดดดดดดดดด

แบงค์บอกราตรีสวัสดิ์ผมเหมือนทุกๆ ครั้งที่เราชอบบอกกัน
แต่ครั้งนี้แบงค์กลับหอมแก้มผมด้วย !!!!!!!!!!!!!!!???????????

หลังจากหอมแก้มผม แบงค์ก็หลับตาลงทันที พร้อมรอยยิ้มที่เป็นเสน่ห์

โดยทิ้งผมที่ตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เพราะยังคงตะลึง และงุนงงกับเรื่องราวทั้งหมดไว้เพียงลำพัง



ดูท่าคืนนี้ผมคงนอนไม่หลับไปทั้งคืนแน่ๆ ในขณะที่ตัวการนอนยิ้มอย่างมีความสุขซะงั้น =o=”

จบคาบเรียนที่ 11



สวัสดีครับ ขออภัยในความล่าช้าครับ  :sad4: :sad4:

จะพยายามไม่ทิ้งช่วงนานนะครับ ประมาณอาทิตย์นึงต่อ 1 ตอน
แต่ถ้าหากงานไม่ติดพันมากเกินก็จะเร่งให้เร็วกว่านั้น

เพราะก็อยากเห็นความสัมพันธ์ของนันท์แบงค์เหมือนกัน


สำหรับตอนนี้น่าจะเรียกว่าเป็นตอนสบายๆ มากกว่า เลยดูอาจจะไม่ค่อยมีเนื้อหาอะไรสำคัญมากนัก

แต่ดูแล้วเหมือนความสัมพันธ์จะก้าวหน้าไปแบบก้าวกระโดดอยู่เหมือนกัน ?????
ชนิดที่นันท์ของเรายังตาไม่ทันเลย




ความสัมพันธ์จะไปทิศทางไหน นันท์จะทำไง แล้วแบงค์ล่ะ มาถึงขนาดนี้แล้วจะวางตัวยังไงต่อ

ทุกการกระทำย่อมต้องมีเหตุผลรองรับแน่นอนครับ

แต่จะยังไง ก็เอาใจช่วยด้วยนะครับ   :bye2: :bye2: :bye2:


ปล.1 ผมอาาจะเขียนบทเข้าพระเข้านางไม่เก่งเหมือนท่านอื่นนะครับ
ขออภัยด้วย แต่เพื่อเนื้อเรื่องที่ต้องดำเนินต่อไป เลยพยายามจะเขียนให้ดีที่สุด ผลเลยออกมาแบบนี้
อาจจะขัดใจไปบ้าง ต้องกราบอภัยด้วย :z10:


ปล.2 น้องที่ทำงานใหม่ น่ารักมากกกกกกกก ตัวเล็กๆ
ยิ้มทีใจละลายเลย แถมยังมนุษยสัมพัธ์ดีด้วย แต่ใจไม่กล้าพอ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 11 เรื่องบนเตียง (26-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-07-2013 09:11:22
ว้ายยย นันท์ของเรานี่แอบหื่นใช่ย่อยนะนี่
และที่แน่ ๆ แบงค์เริ่มที่จะรุกมากขึ้นแล้วนะ



ปล.น้องที่ทำงานน่ารัก ก็อย่าไปหลงรักเขาล่ะ
ดูให้ดีก่อนว่าเขามีเจ้าขอหัวใจยัง ถ้ายังลุยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 11 เรื่องบนเตียง (26-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 27-07-2013 10:50:25
กริ๊ด  :m3:  ตอนนี้น่ารักมากกกกกก :m3: อ่านไปด้วยใจระทึก
ลุ้นเหมือนหนังสยองว่านายเอกของเราจะรอดไหม
ถ้าเราเป็นนันท์มันก็คงแบบ อะไร ยังไง เกิดอะไรขึ้นกับชั้น
ก็แบงค์นะเล่นแสดงอาการออกมาแต่ละอย่าง มันดูไม่ปกติเกินไป
ถึงนันท์จะยังไม่รู้ว่าแบงค์รู้ความรู้สึกของตัวเองแล้ว
แต่ถ้าเป็นอย่างงี้เป็นใครก็ต้องเผลอรู้สึกเข้าข้างตัวเองบ้างแหละ
ตอนถูกแบงค์หอมแก้มนี่นึกถึงหน้านันท์คงตลกน่าดู  o2 ก็ใครจะไปคิด
แต่ที่แน่ ๆ ขนาดนันท์ยังเป็นขนาดนี้ รับรองคืนนี้คงไม่ได้มีแค่นันท์ที่จะไม่ได้นอนล่ะมั้ง
เผลอ ๆ แบงค์อาจจะแอบอาการหนักกว่านันท์อีกนะนั่น เริ่มอยากอ่านความรู้สึกทางด้านแบงค์บ้างแล้วอะ
ว่าคิดยังไง ถึงกล้าทำไปได้ ไม่กลัวนันท์ตกใจจนช็อคไปเลยรึไง 5555
หายไปหลายวันเลย กลับมาทำให้ใจเต้น เขียนได้น่ารัก กุ๊กกิ๊ก ฟินเวอร์มาก
รอติดตามตอนต่อไป มาไว ๆ นะค๊า :pig4:  บวก 1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ปล.เรื่องน้องน่ารัก ถ้าใจน้องยังว่างก็ขอให้ใจตรงกันล่ะกันนะค๊า สู้ ๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 11 เรื่องบนเตียง (26-7-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 28-07-2013 22:29:53
แหม เปิดมาก็บรรยายให้จิ้นซะละ  รู้หรอกว่าไม่มีอะไร
แต่อ่านแล้วก็อยากให้ถึงตอนนั้นเร็ว ๆ จัง จะมีมั้ยเนี่ย นี่มันนิยายใส ๆ นี่เนอะ
มันน่ารักจริงเชียว แคะหูให้กันอย่างนี้ นั่นมันหน้าที่แฟนเค้าทำให้กันนะจ้ะ
หน้งแต่ละเรื่อง รสนิยมบาสสุดยอดอ่ะ ยังอุตส่าห์มีเรื่องเพื่อนสนิทซะด้วย
น้องนันท์ก็หื่นใช่ย่อย เล่นกันไปเล่นกันมา ได้ท่าชวนเตลิดจนได้
แบงค์อ่ะ ปรับอารมณ์กลับเร็วไปแล้ว ทำไมไม่จุ๊บ ๆ ไปซะเลยน้า
ไม่ได้จุ๊บ แต่ก็ยังได้หอม ก็ยังดี แต่เดี๋ยวน้องนันท์ยิ่งหมกมุ่นยิ่งกว่าเก่านะแบงค์
เอาเหอะ ยังไงก็คีบหน้าขึ้นมาอีกติ๊ดนึงล่ะน้า รอตอนต่อไปนะจ้ะ
ขอบคุณคนเขียนจ้า  :กอด1: :L2:
ปล.เรื่องน้องที่ทำงาน น่ารักแค่ไหนก็ต้องดูก่อนล่ะเนอะ ว่าแนวเดียวกันมั้ย
เกิดไปจีบเข้าแล้วเขาไม่ใช่ แล้วต้องทำงานร่วมกัน มันจะลำบากเอาล่ะน้า
 
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 12 ความน่าจะเป็น (9-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 09-08-2013 04:42:59
คาบเรียนที่ 12 : ความน่าจะเป็น



“เฮ้ย จริงอ่ะ แบงค์เนี่ยนะ”
มายด์อุทานด้วยน้ำเสียงตกใจทันทีที่ผมเล่าเรื่องราวเมื่อคืนที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง
จนผมถึงกับต้องรีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาจุ๊ปากทำท่าเป็นเชิงให้เบาๆ เพราะตอนนี้คนรอบข้างภายในโรงอาหารเริ่มหันมามองแล้ว

มายด์เองก็ดูเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าส่งเสียงดังเกินไป จึงหันซ้ายหันขวาด้วยความระมัดระวัง
“ว่าแต่ แบงค์ไปไหนอ่ะ”
“ไปหาไอบาสมันน่ะ”
มายด์พยักหน้าให้กับคำตอบนั้น
หลังจากซื้ออาหารเสร็จ พวกเราสองคนจึงเดินหาที่นั่ง

"พี่นันท์ฮะ"
ทันใดนั้นเองเสียงที่ผมคุ้นเคยก็เรียกผม เป็นเสียงของแอลแฟนของไอเจ้าบาสนั่นเอง

“ทางนี้ฮะ ตรงนี้ว่างมานั่งกับผมมั้ย”
ผมหันไปมองมายด์ ซึ่งก็พยักหน้าให้กับผม ผมกับมายด์จึงเดินไปนั่งด้วย

“แล้วพี่แบงค์ไปไหนล่ะฮะ”
แอลเอ่ยถามผม
“ไปหาบาสน่ะ แล้วแอลล่ะ เพื่อนๆ ไปไหนหมดล่ะ”
ผมถามพร้อมกับวางจานข้าวลงบนโต๊ะ
“ไม่ลงมากินข้าวน่ะฮะ พอดีชั่วโมงต่อไปมีสอบย่อยภาษาอังกฤษน่ะ”
“อ้าว แล้วแอลไม่อ่านกับเขาเหรอ”
ผมถามด้วยความสงสัยไปในทันที แอลหันมามองผมแล้วยิ้มให้ผมพร้อมกับชูสองนิ้ว ซึ่งดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูมากๆ

“สบายๆ อยู่แล้วฮะ”
“น่าอิจฉาจังนะ พวกเรียนเก่งเนี่ย”
ผมเกิดอาการห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

ทำไมผมถึงไม่ฉลาดแบบเขามั่งนะ T^T
แอลเมื่อเห็นผมทำหน้าแบบนั้น ก็ดูเหมือนจะเดาอารมณ์ผมได้

“คิดมากน่ะ พี่นันท์ พี่นันท์เองก็มีข้อดีเยอะเหมือนกันนะ”
“ตรงไหน”

“ก็.....บอกไม่ถูก แห่ะๆ แต่ผมเองยังคิดเลยว่าพี่นันท์น่ารักดีออก ผมยังอยากได้มาเป็นพี่ชายเลย อิอิ”
แอลชมผม ทำเอาผมถึงกับเขินไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน
“อ่า นี่พี่มายด์ใช่มั้ยฮะ”
แอลเอ่ยถามพร้อมกับหันหน้าไปทางมายด์ มายด์ยิ้มรับ แอลจึงยกมือไหว้จนทำเอามายด์รีบรับไหว้แทบไม่ทัย

เด็กอะไรนิสัยดี มารยามงามจริงๆ
แล้วคนดีๆ แบบนี้นึกไงมาเป็นแฟนไอบาสได้เนี่ย - -???

“ว่าแต่ พี่นันท์กับพี่แบงค์ไปถึงไหนกันละฮะ”
พร่วดดดดดดดดดดดดดดดดด
เดี๋ยวๆ อะไรนะ ไอคำถามนั่นน่ะ
“อะ อะไรนะแอล”
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เล่นเอาเกือบสำลักข้าวแล้วมั้ยล่ะ

“อ้าว พี่กับพี่แบงค์ไม่ได้คบกันอยู่หรอกเหรอครับ”
แอลถามด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
แล้วจะให้ผมตอบกลับไปยังไงเนี่ย = =

“เอ่อ พี่กับพี่แบงค์ยังไม่ได้คบกันนะ”
“ใช้คำว่า ยัง งั้นก็แสดงว่ากำลังดูใจกันใช่ม้า..................!!!!!”
อุก!!!!!!!!!!!
อะไรเนี่ย

“เอ่อ ป่าวๆ คือ ไงดีล่ะ”
จะตอบยังไงดีเนี่ย อยู่ๆ ก็เล่นถามกันตรงๆ แบบนี้เนี่ย

เอ้า มายด์ แทนที่จะช่วย ไหงดันมาช่วยหัวเราะซ้ำล่ะ T^T

“เอ่ออออออ”
“เอาเหอะฮะ ถ้ายังไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรฮะ ผมก็แค่นึกว่าพี่สองคนคบกันแล้วเสียอีก”
แอลเอ่ยปากขอโทษผมด้วยใบหน้าเศร้าๆ จนผมต้องยกมือปัดเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

“ว่าแต่ทำไมถึงคิดว่าพี่เขาสองคนคบกันล่ะ”
มายด์เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามบ้างคราวนี้

เยี่ยมมากมายด์นั่นล่ะประเด็นเลย

แอลเองเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็หันหน้ามามองผมครู่นึงก่อนจะหันไปตอบมายด์

“ก็มันดูไม่เหมือนคนเป็นเพื่อนกันน่ะฮะ มันดูเหมือนแฟนกันมากกว่า”
เอ่อ ไอน้อง ตอบตรงมากไปมั้ย = =”

ผมหันไปหามายด์พร้อมกับทำหน้าเจื่อนๆ มายด์เองเมื่อเห็นผมแบบนั้น ก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าเห็นด้วยกับคำพูดนั้นของแอล
“เดี๋ยวนะ มันดูเหมือนขนาดนั้นเลยเหรอ”

ทั้งมายด์และแอลต่างก็พยักหน้าเป็นการตอกย้ำเข้าไปอีก

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นี่ผมกับแบงค์มันเด่นชัดกันขนาดเลยเร๊อะ คนอื่นจะสังเกตเห็นมั้ยเนี่ย

“เอาน่ะพี่ จะใช่ไม่ใช่ เป็นแฟนกัน หรือยังเป็นได้แค่เพื่อนแล้วไงล่ะฮะ
ต่อให้คนรอบนอกมองยังไงก็ช่าง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกฮะ”
แอลรีบพูดตัดบทขึ้นมาทันทีเมื่อสังเกตเห็นได้ถึงอาการจิตตกของผม
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าแอลที่กำลังยิ้มให้ผม

“มันสำคัญที่ว่า พี่รู้สึกยังไงกับพี่แบงค์เขา และพี่แบงค์ปฏิบัติต่อพี่ยังไงมากกว่า
มันเป็นเรื่องของพี่สองคนเท่านั้น ถ้าพี่มีความสุขกับการได้รู้สึกแบบนั้นกับพี่แบงค์
และพี่แบงค์ยังคงทำดี และอยู่เคียงข้างพี่แบงค์ ผมว่ามันก็เพียงพอแล้วล่ะฮะ”

“แอล..ล”
แอลพูดปลอบใจผม ทำเอาผมถึงกับซึ้งไปกับคำพูดนั้นมากๆ จนน้ำจาแทบจะปริ่มออกมาเลยทีเดียว
“อ๊ะ เดี๋ยวผมต้องไปละ จะไปติวให้พวกเพื่อนๆ ในห้องอ่ะฮะ ไปก่อนนะฮะ”
แอลพูดรวบรัด ก่อนที่จะลุกขึ้นออกจากโต๊ะ ผมกับมายด์จึงยกมือขึ้นมาทำท่าโบกมือลา แอลยิ้มให้พวกผม

ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่ารักจริงๆ แฮะ ไม่แปลกใจที่ไอบาสมันจะหวงเสียขนาดนั้น

“อ๊อ พี่นันท์ฮะ”
แอลเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันตัวกลับมาหาผม พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนที่จะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม

“รีบๆ ได้กับพี่แบงค์นะฮะ ผู้ชายดีๆ แบบนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือล่ะ ผมเอาใจช่วยนะฮะ”
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 12 ความน่าจะเป็น (9-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 09-08-2013 04:47:08
ทันทีที่แอลพูดจบก็รีบเดินออกไปทันที โดยทิ้งผมไว้ให้นิ่งอึ้งกับคำพูดอวยพร(???)นั้น

“..............................!!!!!!!”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไอคุณน้องแอล พูดอะไรออกมาเนี่ย ดูใสๆ แต่ก็แรงเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย =[]=”

“เป็นอะไรไปน่ะนันท์”
มายด์ถามผม ที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงก่ำ เพราะด้วยคำพูดนั้นของแอล
มันทำให้ผมหวนนึกไปถึงเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน

ที่ผมกับแบงค์.......................................

อ๊ากกกกกกกกกกกก
ทะลึ่งอีกละ เราเนี่ย

“น้องแอลนี่ น่ารักดีนะ พูดจาไพเราะ ดูมีความคิด มีสัมมาคารวะ ใสๆ ดีด้วย”
มายด์เอ่ยปากชม

เอ่อ................ไอน่ารัก มีสัมมาคารวะน่ะใช่

แต่ใสๆ นี่ผมชักไม่แน่ใจละ

“แต่มายด์ก็เห็นด้วยกับน้องเขานะ มันไม่สำคัญหรอกว่านันท์กับแบงค์จะอยู่ในสถานะไหนกัน
แค่นันท์มีความสุขแล้วแบงค์ก็ยังทำดีกับนันท์มันก็พอแล้วล่ะ”
มายด์บอกกับผมก่อนจะหันไปกินข้าวต่ออีกสองสามคำ

“เรื่องบางเรื่องน่ะ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะรู้หรอกปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลาดีกว่า
ไม่แน่นา................... แบงค์อาจจะชอบนันท์แล้วก็ได้ แต่ไม่กล้าบอกนันท์เหมือนที่นันท์ไม่กล้าบอกแบงค์ไง
ก็เลยแสดงออกมาแบบเมื่อคืนไง 5555+”
“จะบ้าเหรอ พูดอะไรเนี่ย คนยิ่งอายๆ อยู่เนี่ย”

“โอ๋โอ๋โอ๋ล้อเล่นน่า..........”
มายด์พูดง้อผม ผมเองก็ไม่ได้งอนหรือโกรธไรหรอก แต่มันแค่แบบว่า อายยยยยยยยยยยยยยยยยอ่ะ ><

หลังจากที่ผมกับมายด์กินข้าวกันเสร็จแล้วต่างก็ลุกขึ้นเก็บจานไปไว้ ก่อนจะเดินไปซื้อน้ำปั่นกินกัน

“แล้วนันท์จะไปไหนต่อเหรอ”
“ก็เหมือนเดิมอ่ะ”
ผมตอบกลับไปในขณะที่กำลังหยิบเงินออกจากกระเป๋าจ่ายค่าน้ำปั่น
“ชีวิตช่างจืดชืดไร้สีสันอะไรเช่นนี้”
มายด์พูดพร้อมกับหรี่ตาลงอย่างกับคนเบื่อโลก
“ช่างเหอะน่ะ การได้เป็นหนอนหนังสือที่ถึงแม้ว่าอ่านไปแล้วมันจะไม่เข้าหัวเลยสักนิดก็มีความสุขแล้ว 555+”
ยังจะมีหน้าไปอวดอีก มันน่าอวดมั้ยน่ะ = =”

“แล้วมายด์ล่ะ จะไปไหน”
ผมหันไปถามมายด์ที่ตอนนี้กำลังเอร็ดอร่อยกับน้ำแตงโมปั่นอยู่
“ก็ว่าจะไปหายัยส้มที่ห้องชมรมดนตรีหน่อยน่ะ เห็นว่ากำลังซ้อมร้องเพลงสำหรับประกวดงานวงดนตรีกับพวกรุ่นพี่กันน่ะ”
ผมพยักหน้าให้กับคำตอบนั้นของมายด์ ก่อนจะแยกย้ายกันไป

“นันท์”
มายด์เรียกผม ผมจึงหันกลับไปมอง

“มีอะไรเหรอ”
มายด์นิ่งเงียบไปครู่นึง ในขณะที่ใบหน้าของเธอยังอมยิ้มอย่างมีความสุข

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เรียกเฉยๆ ไปละ”
แล้วมายด์รีบหันหลังเดินจากไปโดยทิ้งผมไว้ให้ยืนงงอยู่เพียงลำพัง

อะไรของมายด์น่ะ - -*
หลังจากยืนงงได้พักนึง ผมก็เดินไปยังห้องสมุดทันที

“อ้าว นันท์ จะไปไหนน่ะ”
เสียงห้าวๆ เรียกชื่อผม ผมจึงหันไปยังต้นเสียงนั้น
เป็นพลนั่นเองที่เรียกผม โดยมีตี๋เอ๋อเดินตามหลังมาติดๆ
“อ่าว พลเองเหรอ ก็ว่าจะไปห้องสมุดอ่ะ ละพลล่ะจะไปไหน”
“ว่าจะไปหาที่นอนตรงสนามหญ้าด้านหลังโรงเรียนน่ะ ลมมันพัดเย็นดี”
พลตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มกวนๆ (หรือจะเรียกว่าโหดดี  แยกไม่ออกอ่ะ - -)

“แล้วไอแบงค์ไม่มาด้วยเหรอ”
พลเอ่ยถามผมขึ้นมาอีกคำถาม ในขณะที่ตี๋เอ๋อเองก็สะกิดพล ก่อนที่ตี๋เอ๋อจะยื่นห่อขนมให้พล
“เห็นว่ามีธุระจะพูดกับไอบาสมันอ่ะ ทำไมเหรอ”
“ป่าว ไม่มีไรหรอก ก็แค่ปกติเห็นไปไหนมาไหนแพ็คคู่กันตลอดน่ะ เลยถามดู”
พลตอบกลับมา พร้อมกับแกะห่อขนมนั้น ก่อนที่จะส่งคืนไปให้ตี๋เอ๋อ

“งั้นก็ไม่มีไรละ ไปก่อนนะ ไปเหอะตี๋เอ๋อ”
พลพูดทิ้งท้าย พร้อมกับยกแขนขึ้นคล้องคอตี๋เอ๋อ แต่ดูท่าจะแรงไปนิด เพราะเหมือนตี๋เอ๋อจะออกอาการเซเล็กน้อย - -*

ผมยืนมองทั้งคู่เดินจากไปจนลับตาพลางรู้สึกแปลกๆ อะไรบางอย่างขึ้นมา
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมันนัก จึงหันกลับไปเพื่อเดินต่อไปยังห้องสมุด

ผมใช้เวลาไม่นานนักก็เดินมาถึงห้องสมุด
“สวัสดีครับอาจารย์งานยุ่งมั้ยครับ”
ผมทักทายอาจารย์ประจำห้องสมุดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“สวัสดีจ๊ะ นันทกรณ์ อ้าว มาคนเดียวเหรอ แล้วอลงกตล่ะไม่มาด้วยเหรอวันนี้”
อาจารย์ประจำห้องสมุดเอ่ยถามผม
“อ่อ มีธุระน่ะครับ มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ”

“ไม่มีจ๊ะ ตามสบายเลยแล้วกันนะ”
อาจารย์หันมายิ้มให้ผม ผมจึงโค้งตัวเป็นชิงเคารพกลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุด


เอ จะว่าไปวันนี้มีคนถามคำถามเดียวกันถึง 4 คนแล้วนะเนี่ย
กับคำถามที่ว่า "แบงค์ไปไหน"
เริ่มแรกก็มายด์ คนที่สองก็แอลคนที่สามก็พล แล้วยังมีอาจารย์ถามต่ออีกเป็นคนที่สี่

นี่คนอื่นก็เห็นเป็นแบบนั้นมาตลอดเหรอเนี่ย - -*
เพราะจะว่าไป ผมเองก็มักจะไปไหนมาไหนกับแบงค์ตลอดจริงๆ ด้วยแฮะ

แต่มันก็ไม่น่าจะแปลกตรงไหนนี่?
เพราะก็โตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนบ้านร่วมหมู่บ้านเดียวกัน

ทีคนอื่นก็เห็นไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทของตัวเองทั้งนั้น

จะมีต่างก็แค่...............ความรู้สึกของผมเท่านั้นล่ะ ที่ดันมีมากกว่าคำว่าเพื่อนนี่ล่ะ

ไม่รู้ที่ผ่านมาคนอื่นจะสังเกตเห็นมั้ยนี่สิ  = =

ก็ขอภาวนาให้คนอื่นๆ ไม่สังเกตเห็นด้วยเถอะ เพราะผมยังอายที่จะแสดงมันออกไป
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 12 ความน่าจะเป็น (9-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 09-08-2013 05:00:00
และกลัวว่าแบงค์จะรับไม่ได้กับความรู้สึกนั้นของผม
แต่จะว่าไปที่ผ่านมาก็ไม่เคยจะเห็นใครพูดถึง หรือแซวเรื่องที่ผมกับแบงค์ชอบไปไหนมาไหนด้วยกันเลยนี่

สงสัยเราจะคิดมากไปเองน่ะล่ะ


ผมเดินหาหนังสือไปเรื่อย จนมาหยุดที่หมวดวิทยาศาสตร์ ผมหยิบหนังสือเกี่ยวกับจักรวาลออกมา
ถึงแม้ผมจะอ่านมันมาหลายครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังชอบมัน เพราะรูปจักรวาลมันสวยดี

และแน่นอน ถึงแม้ผมจะอ่านมันมาหลายครั้งแล้ว แต่ความรู้ในหนังสือ กลับไม่ได้เข้าหัวผมเลย 5555555+



น่าอวดมั้ยน่ะ ไอนันท์ = =”

ผมหยิบหนังสือออกมาสองสามเล่มแล้วหาที่นั่งด้านในสุด
ที่เดิมและที่โปรดที่ผมชอบนั่ง ผมเปิดอ่านไปเรื่อยๆอย่างมีความสุข
ก่อนที่จะหันไปมองเก้าอี้ตัวข้างๆ

จริงสิ ปกติเก้าอี้ตัวข้างๆ นี้จะมีแบงค์นั่งด้วยตลอดนี่นา พอวันนี้ไม่มีแล้วมันรู้สึกเหงาพิลึกแฮะ

เพ้อละๆ ไอนันท์ ทำอย่างกับว่าแบงค์ไปไหนไกลๆ อย่างนั้นล่ะ = =”
ทำตัวเป็นหนังเกาหลีไปได้ วู้วววววววว

-ไม่แน่นา................... แบงค์อาจจะชอบนันท์แล้วก็ได้ แต่ไม่กล้าบอกนันท์เหมือนที่นันท์ไม่กล้าบอกแบงค์ไง
ก็เลยแสดงออกมาแบบเมื่อคืนไง 5555+-

อยู่ๆ คำพูดของมายด์ก็หวนขึ้นมาในหัวผม

จะว่าไปมันก็น่าคิดเหมือนกันแฮะ

ถ้าเกิดแบงค์ก็เกิดชอบผมเหมือนที่ผมเองชอบแบงค์

ผมควรจะรู้สึกยังไงดี
เพราะปกติที่ผ่านมาแบงค์ก็ไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนเลย


ไม่รู้สิมันบอกความรู้สึกไม่ถูกแฮะ
จะว่าดีใจมันก็ใช่ แต่อีกใจมันก็กลัวๆ เหมือนกัน
กลัวว่าแบงค์จะทำอะไรผมขึ้นมาจริงๆ ก็แหงล่ะ เกิดมาผมยังไม่เคยอะไรแบบนั้นเลยนี่

จริงอยู่ว่าที่ผ่านมาเวลาผมมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา ผมก็มักจะจินตนาการถึงเป็นเป็นตัวช่วยมาตลอดก็เถอะ
แต่พอเจอสถานการณ์จริงขึ้นมา มันกลับรู้สึกกลัวๆ เหมือนกันแฮะ

เอ นี่ผมความคิดลามกไปมั้ยน่ะ - -*

เฮ้ออออออ
จะทำยังไงดีนะ ใจจริงก็อยากรู้เหมือนกันว่าแบงค์คิดยังไงกันแน่ถึงได้ทำแบบนั้น

จะว่าหยอกเล่น มันก็ได้อยู่หรอก
แต่หยอกเล่นทำไม.......................เจ้านั่นมันต้อง เอ่อ..............................แข็งตัว ด้วยล่ะ

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ลามกอีกแล้ววววววววววววววววว


ในขณะที่ความคิดของผมกำลังสับสนอยู่นั้นเอง
อยู่ๆ ก็มีมือคู่นึงยื่นมาปิดดวงตาทั้งสองข้างของผมเอาไว้จากด้านหลัง


แบงค์มาแล้วเหรอเนี่ย คราวนี้เล่นอะไรอีกล่ะ - -*

แต่เอ๊ะ........!!!! แบงค์ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ด้วยเหรอเนี่ย
ผมรู้สึกเอะใจขึ้นมา จึงยกมือขึ้นจับมือคู่นั้นออกก่อนที่จะหันไปมองเจ้าของมือคู่นั้น

“อ๊ะ”
แน่นอนว่ามือคู่นั้นไม่ใช่ของแบงค์ เป็นคนที่ผมเองก็รู้จัก

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องรู้สึกตกใจคือชุดที่เขาใส่คือชุดนักเรียนที่เขาใส่
เพราะเขาไม่น่าจะอยู่โรงเรียนนี้นี่ แล้วทำไมเขาถึงได้ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนนี้ได้

“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานนะครับ สบายดีมั้ย”
เจ้าของมือนั้นเอ่ยทักทายผมพร้อมรอยยิ้มด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร


“เอ่อ............ป้อ”

จบคาบเรียนที่ 12



สวัสดีตอนตี4 ใกล้จะตี 5 ครับ

อย่าถามว่าทำไมมาเอาตอนนี้

คือเน็ตของหอที่ผมอยู่ตอนนี้มันเน่ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกครับ
เพราะมีคนแอบโหลดบิต :sad4: :sad4:

แต่เจ้าของหอยังหาตัวไม่ได้ ตอนนี้แกเลยพยายามทำนั่นนี่นู่นอยู่ เลยทำให้เน็ตค่อนข้างมีปัญหานิดหน่อย
ผมเลยได้รับผลกระทบไปด้วย ที่แน่ๆ คือ เล่นเกมส์ออนไลน์ไม่ได้ ฮือๆๆๆๆ :o12:

ผมเองกว่าจะทะลวงเข้ามาได้ก็สองสามวันแน่ะ
คือช่วงเน็ตเล่นได้น่ะ ผมก้ดันไม่ว่าง เพราะต้องไปทำงาน พอเลิกงานกลับมา เน็ตดันเน่า
ก็เลยซวยเอามากๆ - -*


ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยได้แต่อ่านการ์ตูนที่ดองไว้ กับดู DVD เซลเล่อมูนเอา  :mew5:

ยังไงก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


ตอนนี้ผมเอง ก็ย้ายมาทำงานที่สาขาใหม่อย่างเต็มตัวละ
ตอนแรกก็นึกว่าจะสบายที่ได้รับผิดชอบแค่ส่วนสาขาใหม่
ที่ไหนได้ หนักกว่าเก่าอีก เพราะมาที่นี่ในฐานะพี่ใหญ่ (ถึงไม่ใหญ่สุด)
แต่ก็มีหน้าที่ต้องดูแลน้องๆ ที่ร่วมงานด้วย เล่นเอาเครียดพอตัว 55555+ :hao7: :hao7:

ยังดีว่าได้เจ้านายดี (อย่างน้อยก็ดีกว่าสาขาเก่าเยอะ) ก็เลยยังสู้ไหว


ส่วนน้องคนนั้น นับวันยิ่งน่ารักกว่าเดิม อรั๊ยยยยยย พูดจามีครับ มีหางเสียงตลอด
พอหยอกหรือแกล้งกลับไป ก็มีทำเสียงอ้อน นะครับ ครับทุกที
บางทีก็เป็นฝ่ายเข้ามาแซวหยอกล้อผมเองก็มี

อ๊ากกกกก กลายเป็นว่า ตอนนี้ผมเพ้อยิ่งกว่านันท์ละแล้วววววว  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

แต่ยังไม่กล้าคิดไปไกล กลัวเจ็บ :hao5:

พูดถึงนันท์ เข้าเรื่องดีกว่า

ไปๆ มาๆ นันท์ของเรานี่หื่นกามใช่ย่อยนะเนี่ย เห็นเอ๋อๆ แว่นๆ แบบนี้ร้ายใช่ย่อยนะเนี่ย
สาเหตุก้เพราะแบงค์ตัวดีนี่ล่ะ ที่ทำเอานันท์ของเราตะเลิดเปิดเปิงเนี่ย  :-[


แต่เหมือนเรื่องราวกำลังจะไปได้สวย อยู่ๆ คนที่ไม่คาดคิดก็โผล่เข้ามาเสียงั้น ???  :katai1: :katai1:

เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย ???


แต่ที่แน่ ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ไม่ไหวละ  :mew5: :mew5:
เพราะพรุ่งนี้เข้างานเช้าด้วย


ขอบคุณทุกท่านมากๆ นะครับ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 12 ความน่าจะเป็น (9-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-08-2013 13:10:56
นั่นไง ๆ ขนาดคนแต่งยังแซวเลยว่านันท์หื่น
ป้อมาแบบนี้ จะทำให้นันท์กับแบงค์เป็นอย่างไรนะ
และดูท่าทางป้อจะเอาจริงเรื่องนันท์ด้วยนะนั่น หวั่นแทนแบงค์จริง ๆ




ปล.เรื่องน้องน่ารักคนนั้น จะห้ามใจได้เหรอคะ แนะนำให้สืบก่อนเลยว่ามีเจ้าของยัง
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 12 ความน่าจะเป็น (9-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 11-08-2013 16:48:00
555 น้องนันท์ตอนนี้น่าสงสารมากอะ ทั้งคิดทั้งสับสนแต่เรื่องของนายแบงค์ไปหมดล่ะ
แต่อย่ามาว่าน้องนันท์ของเค้าหื่นน๊า เป็นใครเจอเหตุการณ์แบบเมื่อคืนมันก็ต้องคิดเยอะกันบ้างล่ะ
ยิ่งถ้าใจตรงกัน มันคงไม่พ้นเรื่องแบบนั้น :m3: กริ๊ด :-[ ไม่เอาไม่คิดไม่อยากหื่นเหมือนน้องนันท์  (อ้าว ?)
แต่ไอ้ตอนที่ยังไม่รู้ หรือแน่ใจในความรู้สึกของแบงค์นี่แหละนะ ทำให้น้องนันท์ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
เพราะสิ่งที่แบงค์แสดงออก แล้วยังจะคนรอบข้างอีก ทั้งสนับสนุน ส่งเสริม กันดีจริง ๆ (จริง ๆ มายด์คงอยากบอกแทบแย่)
แต่เหมือนคนที่จะทำให้แบงค์ชัดเจนขึ้นก็มาแล้วล่ะนะ อยากรู้จังคราวนี้แบงค์ของเราจะมัวลังเลอยู่อีกรึเปล่าน๊า
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้กันเหมือนเดิมจ้า  :L2: :mew1:
ปล.1 เรื่องเน็ตเน่านี่เรื่องใหญ่เลยนะ ถ้าเกิดที่บ้านคนอ่านคงคลั่งทั้งบ้าน
แต่ถ้าไม่มีจริง ๆ ก็คงต้องอ่านการ์ตูน กับดู DVD เหมือนกันแต่คงไม่ใช่เซลเล่อมูน อะคะ 5555
ปล.2 เรื่องงานก็สู้ ๆ นะค่ะ ถึงงานจะหนักไปบ้างแต่ถ้าได้หัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่งล่ะ (เกี่ยว ?)
แถมตอนนี้มีน้องน่ารักให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ถึงจะยังไม่แน่ใจ แต่มันก็ทำให้เรามีความสุขได้นะ
ชอบเวลาผู้เขียนเล่าอะคะ ดูมีความสุขน่าติดตามมากเลย แอบลุ้นให้ใจตรงกันนะค่ะ  :L1:  แล้วอย่าลืมเล่าเรื่อย ๆ น๊า
ขอบคุณสำหรับนิยาย และเรื่องดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันคะ   :pig4:
ปล.3 เขียนไปเขียนมายาวเกิ๊น จริง ๆ ปล.1 ยาวมากกก แต่ทนดูไม่ได้เลยตัดออกไปอะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 12 ความน่าจะเป็น (9-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 15-08-2013 22:39:20
แหม น้องมายด์ รับเป็นที่ปรึกษาให้ทั้งน้องนันท์ ทั้งแบงค์เลยน้า น่าอิจฉาจัง
น้องแอล แฟนบาส น่ารักดีจัง นิสัยดี มารยาทงาม ดูใส ๆ แต่แอบแรงนะเนี่ย
ชอบที่น้องแอลแนะนำน้องนันท์นะ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ดีจัง แถมความมั่นใจเกินร้อย
มิน่า ถึงเอาคนแสบ ๆ เถื่อน ๆ อย่างบาสได้ซะอยู่หมัดเลย ยอดมาก
โอ้ะ พลกับตี๋เอ๋อ โผล่มาให้จิ้นอีกแล้ว นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี ชอบ ๆ
แหม ๆ มีแกะห่อขนมให้กันซะด้วย รู้สึกจะเป็นธรรมชาติกันมากไปหน่อยแล้วนะ แต่ก็น่ารักอ่ะ
ความสัมพันธ์ของนันท์ กับ แบงค์ ในสายตาคนอื่น คงไม่เหมือนแค่เพื่อนกันจริง ๆนั่นแหละน้า
มีแต่แค่เจ้าตัวทั้งคู่นั่นแหละ ที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน พอเริ่มคิดมาก ก็เริ่มสับสนอีกแล้วนะน้องนันท์
เอาแล้วไง ทั้งที่คู่นี้ยังคลุมเครืออยู่แท้ ๆ ป้อ ด้นโผล่มาได้จังหวะซะอีก แล้วชุดนักเรียน
ป้อ ลงทุนย้ายโรงเรียนมาเลยเหรอเนี่ย แต่ตั้งแต่ตอนเข้าค่าย ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ป้อเลยนะ
จะมาสร้างความปั่นป่วน ให้แบงค์กับนันท์ อีกขนาดไหนกันล่ะเนี่ย
รอตอนต่อไปนะจ้ะ ขอบคุณคนเขียนจ้ะ  :L2: :3123:
ปล. เรื่องเน็ตใช้ไม่ได้นี่เข้าใจเลย มันไม่มีอะไรทำจริง ๆ นะ เคยคิดว่าแล้วเมื่อก่อนใช้ชีวิตยังไงเนี่ย
ก็เลยนึกได้ว่า การ์ตูน กับ นิยายเป็นเล่ม ๆ ที่ซื้อทิ้งไว้ไม่ได้อ่านไง อืม ๆ ก็พอกล้อมแกล้มไปได้หน่อย
ดีใจกับคนเขียนด้วยค่ะ สำหรับการทำงานที่ราบรื่น พร้อมมีน้องน่ารักมาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ
แต่ก็คิดว่าถูกแล้วที่ยังเป็นกลาง ๆ ไว้ ถ้าอะไร ๆ ยังไม่ชัดเจน เพราะยังต้องทำงานร่วมกันไปอีกนาน
ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้ง ทั้งสำหรับนิยาย และเรื่องส่วนตัวที่นำมาแบ่งปันนะคะ ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 18-08-2013 03:25:41
คาบเรียนที่ 13 : ตัดสินใจ

“พรุ่งนี้เจอกันที่หน้าป้ายรถเมล์นะ นันท์”
“อื้ม โอเค ได้เลย อย่ามาสายล่ะ”

“ครับๆ นันท์เองก็เช่นกันนะ งั้นแค่นี้นะ ฝันดีนะครับ”
“ครับ แบงค์เองก็ฝันดีเช่นเดียวกันนะ”

“คร้าบบบบบบบ”

ตื๊ด
หลังจากที่ผมกับแบงค์ตกลงเรื่องนัดหมายเรื่องซื้อของขวัญวันเกิดให้มายด์ได้เสร็จ
ผมก็กดวางสายลงทันทีแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงนอน พร้อมกับทิ้งตัวเองลงตามไป

จะว่าไป ช่วงนี้มันก็มีความสุขดีอยู่หรอก แบงค์เองก็ดูจะน่ารักขึ้นมาเยอะเลย
ทั้งๆ ที่ปกติจะดูนิ่งๆ เป็นคนมีเหตุผล ดูเป็นผู้ใหญ่ ออกจะชอบทำเครียดอยู่ตลอด
แต่ทว่า ช่วงนี้กลับกลายเป็นว่าแบงค์ดูร่าเริงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด

จนแม้แต่ผมเองก็ยังตั้งตัวไม่ทันกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแบงค์
ซึ่งจริงอยู่ที่ผมเองก็ยังคิดเลยว่าแบงค์ที่เป็นแบบนี้นี่ก็น่ารักไปอีกแบบแฮะ
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาในช่วงนี้
ทำเอาผมเองก็อดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าแบงค์ก็อาจจะรู้สึกแบบนั้นกับผมเช่นกัน

แต่ผมเองก็ยังไม่กล้าฟันธง เดี๋ยวจะหน้าแหกไปเสียเปล่าๆ

เอาเถอะ แค่นี้ก็มีความสุขละ อิอิ ^w^

“............................”
อ๊ะ โทรศัพท์เข้า ใครหว่า

ไอเต้ย มีไรหว่า
“ว่าไงเต้ย”

“ไอนันท์ มึงมีหนังสือเรียนวิชาภาษาไทยใช่มะ”
อ๊ะ ถามแปลก - -
“เออ มันก็ต้องมีอ่ะดิ ถามได้ มึงก็มีไม่ใช่เรอะ”
ผมถามกลับไป
“กูลืมไว้ที่โรงเรียนว่ะ กูยืมหน่อยได้ป่ะ บ้านมึงกับกูอยู่ห่างกันไม่มาก กูไปยืมของมึงง่ายกว่าไปเอาที่โรงเรียนอ่ะ”

ผมดันตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินไปที่กระเป๋านักเรียน พร้อมกับเปิดกระเป๋าขึ้นมาดู
“ก็ได้นะ ว่าแต่มึงจะมาเอาตอนไหนน่ะ”
“พรุ่งนี้เที่ยงๆ อ่ะ มึงว่างป่ะ”

“เกรงว่าจะไม่ว่างว่ะ กูมีธุระ แต่ไงกูเอาหนังสือวางไว้ตรงโต๊ะหน้าบ้านละกัน”
“เออๆ ก็ได้ ใจมากเพื่อนๆ ว่าแต่มึงทำไรอยู่น่ะ”
เต้ยถามกลับมา ผมหันมองออกไปนอกระเบียง ก่อนจะเดินไปยังระเบียงห้องเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้เข้ามา
“กำลังจะอาบน้ำน่ะ”

“เชี่ย มึงเลิกเรียนตั้งแต่กี่โมงวะ เพิ่งจะอาบเนี่ย สกปรกว่ะ 555+”
“ช่างกูเหอะ”

“เออๆ กูไม่กวนมึงละ ใจมากเพื่อน แค่นี้นะ บาย”

หลังจากที่วางสายไป ผมก็วางมือถือไว้บนโต๊ะ เพื่อที่จะถอดเสื้อนักเรียนออก

“..........................”
ใครโทรมาอีกเนี่ย
อ้อ ป้อนี่เอง

ตื๊ด!!!!
“ว่าไงป้อ”
ผมทักอีกฝ่ายไปในทันทีที่กดรับโทรศัพท์

“ขอโทษนะครับที่โทรมารบกวนดึกๆ แบบนี้”
อีกฝ่ายออกตัวด้วยการกล่าวขอโทษผมอย่างสุภาพ ซึ่งทำเอาผมถึงกับงงพอสมควร
“หือ ? จะมาขอโทษทำไมน่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือป่าว?”
ผมเอ่ยถามกลับไป
“ป่าวหรอกครับ แค่อยากจะโทรมาเฉยๆ น่ะครับ”

“เป็นงั้นไป ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไม่ทราบว่าสะดวกคุยหรือป่าวครับ”
ป้อถามผม ผมหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงกำแพงห้องที่กำลังบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มนิดๆ
“ก็คุยได้นะ มีอะไรว่ามาเลย”
ผมตอบกลับไปพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก โดยเอาโทรศัพท์หนีบไว้ระหว่างบ่ากับกกหู

“แห่ะๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่จะถามว่าวันเสาร์ เอ่อ วันพรุ่งนี้น่ะครับ ว่างรึป่าว พอดีผมจะชวนไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยน่ะครับ”
“อ่า....โทษทีน้า พรุ่งนี้นันท์มีธุระแล้วอ่ะ จะไปซื้อของขวัญวันเกิดให้มายด์ที่ห้าง XXX กับแบงค์เขาแล้วน่ะ”
ผมตอบปฏิเสธกลับไปในทันทีทันใด

ป้อเงียบไปครู่นึง จนผมเองรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ;w;
“อ่าๆ งั้นก็ไม่เป็นไรครับ”
ป้อตอบกลับมา แต่ฟังดูจากน้ำเสียงดูท่าจะผิดหวังพอสมควรนะนั่น เอาไงดี

“ไว้เป็นวันอื่นได้ป่ะ นะนะ”

“ครับ ก็ได้ครับ”
ผมยื่นข้อเสนอกลับไป ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพึงพอใจ จึงยอมรับข้อเสนอนั้น
“โอเค งั้นเดี๋ยวค่อยตกลงกันทีหลังอีกทีนึงละกันนะ ว่าแต่มาอยู่นี่ได้สองสามวันละนี่ ได้เพื่อนบ้างรึยังน่ะ”
“ก็มีบ้างน่ะครับ”

“ดีแล้วๆ”



หลังจากนั้น ผมกับป้อก็คุยกันไปเรื่อย ส่วนมากก็เรื่องทั่วไป จะเน้นหนักหน่อยก็เรื่องตอนไปค่ายอบรมกัน
จนผมเองก็ลืมเวลาไปเลย
หันกลับมาดูนาฬิกาอีกทีก็พบกว่าห้าทุ่มกว่าๆ แล้ว แว๊กกกกกกกกกกกก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วยนี่หว่า

“อ๊ะ ห้าทุ่มกว่าแล้วเหรอเนี่ย ป้อเดี๋ยวนันท์ขอตัววางสายก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าน่ะ”
ผมจึงรีบขอตัวตัดบทวางสายเพื่อจะไปอาบน้ำ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 18-08-2013 03:27:29
“ครับโทษทีที่ชวนคุยเพลินไปหน่อย งั้นยังไงก็หลับฝันดีนะครับ”

อึก!!!!!!

“...อ่ะ เอ่อ..........ช่ะ...เช่นกันนะ”
ตื๊ด!!!!!!

ทันทีที่วางสายผมก็วางมือถือไว้บนโต๊ะ แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป

คือด้วยเหตุผลบางอย่างอะไรนี่ล่ะ ป้อเขาเลยต้องย้ายเข้ามาเรียนที่นี่น่ะครับ
แต่จะด้วยสาเหตุอะไรนั้น ดูเหมือนเจ้าตัวเองจะไม่อยากเปิดเผย ผมก็เลยเลือกที่จะไม่ซักไซร้ถามต่อ เกรงจะเป็นการเสียมารยาท
แถมยังมีการถามผมอีกนะว่า ยังจำผมได้มั้ย
พูดเสียอย่างกับว่าค่ายอบรมมันผ่านมานานเป็นปีๆ งั้นล่ะ =3=

เอาเถอะ สงสัยป้อคงยังหาเพื่อนไม่ค่อยได้ล่ะมั้ง เลยโทรมาหาผม ในฐานะที่เคยเจอกันมาก่อนที่ค่ายอบรม
แต่จะว่าไปป้อก็ดูเป็นคนเฟรนด์ลี่คุยสนุกดีเหมือนกันแฮะ น่าจะหาเพื่อนได้ไม่ยากหรอก


เพียงแต่...........

ก่อนที่จะวางสายเมื่อกี้นั้น คำพูดที่ป้อบอกกับผมว่าหลับฝันดี
ทำไมผมถึงได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจยังไงชอบกลก็ไม่รู้แฮะ
จนทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าปกติผมเองก็ไม่ค่อยได้พูดคำนี้กับใครเท่าไหร่เลยนี่

เท่าที่นึกออกจะมีอย่างมากก็แม่ กับมายด์ และก็เพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆ บ้างเพราะผมรู้สึกไม่กระดากปากที่จะพูดไป

แต่กับเพื่อนผู้ชายด้วยกันผมกลับไม่เคยพูดคำนี้กับใครเลยนะ
และแน่นอนว่าก็ไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายคนไหนพูดคำนี้กับผมด้วย เพราะมันคงแปลกพิลึกที่ผู้ชายด้วยกันจะมาพูดหลับฝันดีใส่กัน
อย่างไอเต้ยเมื่อกี้นั่นก็หนึ่งในข้อพิสูจน์นั่น

จะมีก็ยกเว้นแบงค์ที่เป็นกรณีพิเศษเท่านั้น เพราะแน่นอนล่ะว่าผมเองชอบแบงค์มากเกินกว่าคำว่าเพื่อน
ซึ่งแบงค์เองก็ดูจะไม่รังเกียจที่พูดฝันดีกับผมเช่นเดียวกัน

มันเลยทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ที่ป้อพูดคำนี้กับผม
แต่ช่างเหอะ คิดมากไปละ จะว่าไปมันก็ออกจะเป็นคำพูดส่งท้ายธรรมดาไม่ใช่เหรอ
ผมก็คงแค่ไม่เคยได้รับคำนี้จากผู้ชายด้วยกัน(ยกเว้นแบงค์)เลยอาจจะยังรู้สึกไม่ชินก็ได้ล่ะมั้ง

พูดก็พูดเถอะ พอวกเข้ามาเรื่องเพื่อนเนี่ย จะว่าไปที่ผ่านๆ มาคนรอบข้างเขาจะรู้ป่ะหว่า ว่าผมเป็น.....เอ่อ.......
ที่ผ่านมาผมก็พยายามทำตัวนิ่งๆ ละนะ ก็ไม่เห็นจะมีใครพูดถึงเลย
ส่วนพวกเพื่อนผู้ชายในห้อง ก็ไม่เห็นมีใครทำท่ารังเกียจผมสักคน ก็ยังคุยกันตามปกติ

คงจะไม่รู้กันล่ะมั้ง (สะกดจิตๆๆๆๆๆๆๆๆ)

เพียงแต่พอโดนแอลทักพร้อมกับมายด์ที่ดันเห็นดีเห็นงามไปกับแอลเมื่อวันก่อน
มันก็ทำเอาผมเหวอไปพอสมควรเหมือนกันนะนั่น 5555+

ยิ่งพอมาเจอแบงค์ที่เป็นแบบนี้ บางทีมันก็ทำให้ผมแทบอยากจะเปิดเผยความรู้สึกออกไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
อยากรู้เหมือนกันว่าจะหมู่หรือจ่า !!!!!!!!!!!!!

แต่......ก็ได้แค่คิดอ่ะนะ ยังไม่กล้าทำจริงๆ หรอก

เฮ้อออออออออออ

ฟุ้งซ่านอีกละ พอๆ รีบเข้านอนดีกว่า เดี๋ยวจะตื่นสาย





....................................................

“แบงค์ๆ ใบนี้เป็นไงมั่ง”
ผมหยิบกระเป๋าสะพายหลังใบนึงขึ้นมา เป็นกระเป๋าสีชมพูมีตัวตุ๊กตากระต่ายแปะติดอยู่ที่กระเป๋านั่น
แบงค์พิจารณาอยู่ครู่นึง
“ก็สวยดีนะ แต่มันดูเกลื่อนๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ”
แบงค์ออกความเห็น ก่อนจะหยิบอีกใบขึ้นมาให้ผมดู
ซึ่งเป็นกระเป๋าออกโทนสีฟ้าอ่อนๆ เหมือนน้ำทะเลแม้จะไม่มีลวดลายมากนัก หรือตุ๊กตาอะไรแปะอยู่ แต่โทนสีที่ใช้ก็นับว่าสวยงามพอสมควร

“ก็จริงแฮะ จะว่าไปใบนั้นก็สวยดีนะ”
ผมวางกระเป๋าใบที่ผมเลือกลง ก่อนจะหยิบใบที่แบงค์เลือกขึ้นมาดู
“งั้นเอาใบนี้ละกัน”
ผมกับแบงค์ตกลงเลือกกระเป๋าใบสีฟ้านี้เป็นของขวัญวันเกิดให้มายด์
หลังจากที่คิดเงินและห่อกล่องของขวัญเรียบร้อยแล้วนั้น เราทั้งสองก็เดินออกมาจากร้านเพื่อหาอะไรกินกัน

“นันท์จะกินอะไรล่ะ”
เมื่อผมได้ยินคำถามนั้น ผมก็หันมองไปยังรอบข้าง เพื่อพิจารณาหาร้านอาหาร
นั่นสิจะกินอะไรดี ไม่ได้คิดมาก่อนด้วยแฮะ
แบงค์เองก็คงจะสังเกตเห็นได้ว่าผมยังลังเล
“งั้นเดินดูให้ทั่วห้างก่อนมั้ย แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีละกันเนาะ”
แบงค์เสนอความคิดออกมา ผมพยักหน้าตอบรับกับความคิดนั้น

ในระหว่างที่ผมกับแบงค์เดินดูร้านอาหารภายในห้างนั้น ก็มีเสียงห้าวๆ ที่คุ้นเคยร้องทักพวกเราทั้งสองคน
ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ไอพลนั่นเอง และไม่ได้มาคนเดียวด้วย
แน่นอนว่าเบ๊หมายเลขหนึ่ง ตี๋เอ๋อก็มาด้วย = =”
“โลกกลมจริงนะเนี่ย ที่มาเจอพวกมึง”
พลทักทายเราทั้งสองอย่างสุภาพ (ที่สุดเท่าที่พลมันจะสุภาพได้ - -*)

“พวกกูมาซื้อของขวัญวันเกิดให้มายด์น่ะ มึงกับตี๋เอ๋อเหอะ มาทำไรน่ะ”
แบงค์ถามกลับไปอย่างเซ็งๆ ในขณะที่ตี๋เอ๋อเองก็สะกิดพล ก่อนจะยื่นขวดน้ำดื่มให้พล
“มาดูหนังน่ะ พอดีแม่ไอตี๋เอ๋อได้ตั๋วฟรีมาน่ะ เพิ่งดูจบเมื่อกี้เนี่ย”
พลตอบกลับมาพร้อมกับเปิดขวดน้ำนั่นก่อนที่จะส่งคืนไปให้ตี๋เอ๋อ

“ว่าแต่มึงจะไปไหนต่อป่ะ”
พลถามกลับมาอีกครั้งก่อนที่จะเอามือไปคล้องคอตี๋เอ๋อจนน้ำในขวดกระฉอกออกมานิดนึง
“ก็กะว่าจะหาไรกิน ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลยว่ะ”
“งั้นก็ดีเลย แม่ตี๋เอ๋อได้คูปองลดราคา 50 เปอร์เซ็นต์ของร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นบนมาน่ะ ไปด้วยกันกับกูป่ะ”
พลเอ่ยปากชวน ผมกับแบงค์มองหน้ากัน
จะว่าไปก็ไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่นนานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย ผมกับแบงค์จึงตอบรับข้อเสนอนั้น
พวกเราทั้งหมดจึงเดินมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นนั้นในทันที
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 18-08-2013 03:29:32

ว่าแต่ว่าแม่ตี๋เอ๋อนี่ขยันได้ตั๋วได้คูปองมาจังเลยนะ = =”

หลังจากที่สั่งรายการอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
ในขณะที่พวกผมกำลังจะใช้ตะเกียบคีบขึ้นมานั้นเอง

“เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวๆ พวกมึงทั้งสอง ช้าก่อนนนนนนนนน”
อยู่ๆ พลก็รีบร้องห้ามผมกับแบงค์ไว้  มีอะไรกันเหรอน่ะ = =?
“อะไรของมึงวะ ไอพล”

“อ้าว มึงไม่รู้จักธรรมเนียมเลยเหรอวะ”
“ธรรมเนียมเหี้ยไรของมึงวะ กราบไหว้ฟ้าดินเหรอวะ”
“ฟ้าดินพ่องมึงสิ สัส นี่เว้ยๆ”

พลหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา พร้อมกับเปิดแอพฯ กล้องถ่ายรูป แล้วจัดการบรรจงถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะอย่างมืออาชีพ (อะไรจะขนาดนั้น)
“เนี่ยนะ ธรรมเนียมของมึง ส้นตีนสุดๆ เลยว่ะ”
แบงค์ด่าพลกลับไป พลเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบสายตาขึ้นมามองยังแบงค์
“มึงอ่ะล่ะ เชยชิบหาย ใครๆ เขาก็ทำเว้ย นี่เลยๆ ถ่ายเสร็จแล้วต้องนี่ อัพลงเฟสบุ๊ค แปบนะ กูแท็กพวกมึงสองคนก่อน”
พลก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับการโพสรูปอาหารทั้งหลายลงเฟสบุ๊ค
“เสร็จยังวะ กูหิวเนี่ย”
แบงค์เองดูท่าจะรำคาญพลอยู่ไม่น้อย จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและทำท่าจะคีบปลาย่างขึ้นมา

แต่...............!!!!!
“เฮ้ยๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ ยังไม่ได้เว้ย”
พลรีบยกมือขึ้นมาปรามและร้องทักห้ามแบงค์เอาไว้ จนแบงค์เองทำหน้าตาเซ็งโลกใส่พล
“อะไรของมึงอีกวะ ยังไม่เสร็จธรรมเนียมอีกเรอะ”
“เสร็จแล้ว กูโพสเสร็จเรียบร้อย อย่าลืมตามไปกดไลค์ด้วยนะเว้ย สัส”
พลหันมาพูดกับผมและแบงค์ ผมพยักหน้าตอบรับไปแบบมึนๆ ในขณะที่แบงค์เองกลับชูนิ้วกลางใส่พลประมาณว่า เนี่ยล่ะ ไลค์ของกู อะไรทำนองนั้น

จะว่าไปเวลาแบงค์กับพลเถียงกันมันก็ตลกดีนะ บางทีผมเองยังขำเลย
ปกติสองคนนี้ก็ค่อนข้างจะเถียงกันบ่อยนะ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเลย เหมือนเถียงเอาสนุกกันมากกว่า


“งั้นกูกินละนะ”
“แปบๆอีกนิดนึง มึงช่วยถ่ายรูปกูหน่อยดิ นันท์”
พลเอ่ยปากขอร้องแบงค์ (หรือจะเรียกว่าขู่บังคับดี??)พร้อมกับยื่นมือถือให้แบงค์
แบงค์รับมือถือนั้นมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ
ว่าแต่ เอ่อ ที่ห้อยโทรศัพท์น่ารักไปมั้ยน่ะ หมีลิลาคุมะเนี่ย = =” ไม่ได้เข้ากับหน้าเลยนะ
(ไอคนที่ใส่ชุดนอนมิกกี้เมาส์ยังมีหน้าไปว่าเขาเรอะ ???)

แบงค์ยกมือถือขึ้นเล็งไปยังพล ที่ตอนนี้กำลังชูสองนิ้วพร้อมกับยิ้ม (หรือจะเรียกว่าแสยะดีหว่า ไหงดูสยองๆ ชอบกล - -*)
ก่อนจะกดชัตเตอร์ไปสองสามครั้ง คงเผื่อกันรูปเสียล่ะมั้ง

“ถ่ายกูกับตี๋เอ๋อด้วย”
พลบอกแบงค์พร้อมกับดึงตัวตี๋เอ๋อเข้ามากอดคอไว้อย่างชิดกันมากจนหัวแทบจะติดกันอยู่แล้วนะนั่น - -*
ในขณะที่แบงค์เองตอนนี้ก็กำลังทำหน้าเบื่อโลกประหนึ่งว่า –เมื่อไหร่มึงจะเสร็จ-

แบงค์เล็งกล้องไปที่ทั้งสองคน ที่ตอนนี้กำลังเต๊ะท่ากันอยู่
พลยกนิ้วโป้งขึ้นมาทำท่าเหมือนกดไลค์ ส่วนตี๋เอ๋อ.......เอ่อ อย่าเรียกว่าเต๊ะท่าเลย แค่ยิ้มอย่างเดียวแค่นั้น = =”
เมื่อทั้งสองจัดท่าทางเรียบร้อย แบงค์จึงกดชัตเตอร์เก็บรูปนั้นไว้อีกสองสามรูป ก่อนจะให้ผมช่วยเช็คดู

“ก็โอเคนะ ใช้ได้”

แต่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือป่าวนะ รอยยิ้มของพลในรูปนี้เมื่อเทียบกับรูปที่แล้วต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยแฮะ
รูปนี้จะว่าไปดูดีมากเลยนะนั่น เมื่อเทียบกับรูปเมื่อกี้ที่...................
เอาเห๊อะ สงสัยรูปเมื่อกี้คงถ่ายเอาสนุกๆ กวนๆ ล่ะมั้ง

ส่วนตี๋เอ๋อ.....................พอดูดีๆ แล้วเวลายิ้มก็ดูดีเหมือนกันนะนั่นน่ะ

หลังจากเช็ครูปเสร็จ ผมก็ส่งมือถือให้แบงค์

“มึงจะถ่ายอีกมั้ย”
แบงค์หันไปถามพลด้วยน้ำเสียงกดดันเล็กๆ (555+) เมื่อเห็นว่าพลส่ายหัว แบงค์จึงกดปิดแอพฯ ถ่ายรูปทันที เพื่อกลับไปยังหน้าจอหลัก

“หือ...................????”
อยู่ๆ แบงค์ก็ส่งเสียงเบาๆ ขึ้นมาในลำคอแบงค์

 “เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงพลร้องหลงขึ้นมาทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าแบงค์กดปิดแอพฯ และรีบคว้าเอามือถือกลับคืนไปอย่างรวดเร็วจนแบงค์เองยังตกใจ

“กูภาพเซฟไว้แล้ว มึงไม่ต้องกลัวหรอก”
แบงค์บอกกับพลที่ดูมีทีท่าวิตกเล็กน้อย ก่อนจะสำรวจมือถือของตัวเอง ซึ่งเป็นภาพที่ผมแทบจะไม่ค่อยได้เห็นเลย
นั่นสิ จะกลัวอะไรกับรูปหายน่ะ ถ่ายใหม่ก็ได้นี่ - -?

“เออๆ งั้นก็ดีละ เอาล่ะๆ ถึงเวลาละ เชิญสวาปามกันได้เต็มที่เลยละกัน”

ทันทีที่พลประกาศเช่นนั้น พวกเราทั้งหมดก็ไม่รอช้าจึงลงมือกันในทันที 55555555+


.......................

“เฮ้อออออ อิ่ม ชิหายเลยว่ะ เอิ่กกกกกกก”
พลเรอออกมาอย่างไม่อายใครหลังจากที่เดินออกมาจากร้านอาหาร
“มึงนี่ซกมกได้อีกนะ”
แบงค์ด่ากลับไป ในขณะที่พลเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาประหนึ่งว่านั่นคือคำชม = =”

“เดี๋ยวกูกับตี๋เอ๋อจะกลับกันละ แม่มันบอกให้ไปช่วยเฝ้าร้านน่ะ แล้วมึงสองคนจะไปไหนต่อน่ะ”
พลหันกลับมาถามพวกผมสองคน ผมกับแบงค์หันหน้ามองกัน
“ก็คงเดินๆ เล่นแถวนี้ก่อนล่ะมั้ง”
แบงค์ตอบกลับไป พลกับตี๋เอ๋อเลยแยกตัวออกไป จนเหลือแค่ผมกับแบงค์สองคน

“เอาไงดี จะไปไหนต่อมั้ย”
แบงค์หันมาถามผม ผมเองก็ลังเลนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปไหน

“งั้นไปดูหนังกันป่ะ ตอนนี้มีหนังน่าสนใจๆ เข้าหลายเรื่องเหมือนกันนะ”
แบงค์เสนอความคิด ผมเองก็เห็นด้วยจึงพยักหน้ากลับไป
และในขณะที่จะเดินไปยังโรงหนังนั่นเอง
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 18-08-2013 04:15:02
“นันท์”
“หือ เฮ้ย!!!”
อยู่แบงค์ก็กอดคอผมดึงเข้าไปใกล้ๆ แล้วยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปคู่โดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว

“ทำไรอ๊ะ แบงค์ ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลยเนี่ย ไหนดูรูปหน่อย”
ผมคว้ามือถือของแบงค์มาดูทันที
รอดตัวไป ภาพยังไม่น่าเกลียด แต่รู้สึกเหมือนแก้มจะออกนิดๆ แฮะ = =
“นึกไงถึงถ่ายเนี่ย ปกติไม่ใช่คนชอบถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ”
ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาแบงค์เขาไม่ใช่คนที่ชอบถ่ายรูปเท่าไหร่นัก
แบงค์เองเมื่อได้ยินคำถามนั้นของผม ก็หันมองมาทางผมแล้วยิ้ม

“คนเรามันก็ต้องมีเปลี่ยนกันบ้างล่ะน่ะ”

แบงค์ตอบกลับมาสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองรูปในมือถือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

จะน่ารักไปแล้ววววววววววววววววววววววววว
อ๊ากกกกกกกกกกกก

“เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้ในไลน์นะ แล้วตั้งเป็นรูปวอลเปเปอร์ด้วยล่ะ”

!!!!!!!!!!!!?????????????

หือ อะไรนะ ผมหูเพี้ยนไปรึป่าวน่ะ
ผมหันกลับไปมองแบงค์อีกครั้งด้วยความสงสัย ในขณะที่แบงค์เองก็ชูมือถือของตัวเองให้ผมดู


เหวอออออออออ
หน้าจอมือถือของแบงค์ตอนนี้กลายเป็นรูปคู่ของเราที่ถ่ายเมื่อกี้ไปเสียแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!
“เปลี่ยนสิๆ”
ดูๆ ยังจะมาคะยั้นคะยอกันอีก อายนะ แต่ทำไงได้ พอเจอรอยยิ้มนั้นทีไรแล้วใจอ่อนทู้กกกกกกที = =”
หลังจากที่แบงค์ส่งรูปนั้นมา ผมก็กดเปลี่ยนรูปหน้าจอมือถือเป็นรูปนั้นตามทันที แล้วจึงหันมือถือไปให้แบงค์ดู

ทันทีที่แบงค์เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มจนแก้มแทบจะปริออกมาเชียว ในขณะที่ผมเองตอนนี้เขินจนหน้าแดงก่ำแล้วเนี่ย

“ป่ะ ไปดูหนังกัน”
แบงค์พูดตัดบทก่อนจะรีบจับมือผมจูงเดินไปยังชั้นบนด้วยความรวดเร็ว


แบงค์เปลี่ยนไปจริงๆ น่ะล่ะช่วงนี้


จนผมเองก็คงไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ได้อีกแล้ว
เพราะมันมีแต่จะยิ่งทำให้ผมสับสนในความคลุมเครือนี้


คงถึงเวลาแล้วล่ะที่ผมจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว..................



จบคาบเรียนที่ 13


สวัสดีครับ ^^

ตอนที่ 13 มาแล้วครับบบบบบบบ
วันนี้ขอเข้าเรื่องนิยายก่อนเลยละกัน 555+

รู้สึกช่วงนี้แบงค์จะเริ่มรั่วๆ ยังไงไม่รู้ละ 555+
เล่นเอานันท์ตามไม่ทันเลยทีเดียว

ปมหลายๆ อย่างในเรื่องยังไม่มีการเผยออกมาเลย แต่ปมใหม่ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ

ต้องบอกก่อนว่า อย่างที่ทราบกันว่านิยายเรื่องนี้ผมแต่งไว้นานพอสมควรละ
และตอนที่แต่งไว้นั้น เป็นช่วงเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้อีกต่างหาก
และมีเนื้อหาเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

กล่าวคือ ที่ได้อ่านมาตั้งแต่คาบเรียนที่ 1 จนถึงปัจจุบันตอนนี้ เป็นเนื้อเรื่องที่ผมแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
เพื่อให้เนื้อเรื่องส่วนหลังที่ผมเคยแต่งเอาไว้ก่อนหน้านั้นมีเหตุมีผลมากขึ้น
หรือก็คือ เอานิยายของเก่าที่มีเนื้อหาเพียงนิดเดียวจบ (ตอนนั้นรวมแล้วน่าจะแค่ 20 - 30 หน้าเองมั้ง)
มาเล่าขยายเพิ่มนั่นเอง


เพราะของเก่า เป็นเรื่องจากมุมมองของนันท์คนเดียวเลย ช่วงที่กำลังสับสนกับท่าทีของแบงค์แล้วป้อก็โผล่เข้ามา
ก็ประมาณช่วงๆ นี้นี่ล่ะครับ แต่ของเก่าจะค่อนข้างเป๋ไปเป๋มา เพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้จริงจัง แค่แต่งเล่นๆ ให้เพื่อนอ่านน่ะครับ
จำได้ว่าแต่ละตอน สมัยนั้นแค่ 3 หน้าเองมั้ง ถ้าเอามารวมจริงๆ ตอนนี้คงได้แค่ 2-3 ตอนเองมั้ง - -*


(คงคล้ายๆ พวกหนังฮอลลี่วู้ดที่ทำภาค 1 - 2 - 3 มาก่อนแล้วค่อยมาทำภาค 0 เพื่อบอกที่มาที่ไป
แต่ผมเลือกเอาภาค 0 มาใส่ไว้ก่อนเลยอะไรทำนองนั้น)

ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นละ ผมจะค่อยๆ ผสมผสานเนื้อเรื่องส่วนใหม่ขยายเข้าไป
กับโครงเรื่องหลักของเก่าทีละนิดๆ หลังจากนี้ละครับ

ถามว่า ผมเอามาบอกเพื่ออะไร? ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้นี่
แห่ะๆ ใช่ครับ มันไม่ใช่สาระสำคัญอะไรหรอก แต่ผมแค่อยากบอก 555+ (///โดนถีบ :z6:)

คือผมแค่อยากแชร์น่ะครับกับนิยายที่ผมรักน่ะ เหมือนเป็นการเล่าหรือบ่นไปเรื่อยเปื่อยน่ะ :mew2:

ส่วนเรื่องของผม
จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ จะเรียกอกหักหรือป่าว ก็ไม่รู้สิ
ทั้งๆ ที่น้องเขาก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะ วันนี้ยังมีการเดินเข้ามากอดผมด้วยซ้ำ
แถมยังซื้ออมยิ้มมาให้ผมอันนึงด้วย
ผมทำงานได้แผล น้องเขาก็ยังเข้ามาดูมาถาม ทำแผลให้ด้วย
ตอนกลับก็มีการบอกขี่รถกลับดีๆ นะครับ

มันก็มีความสุขดีนะ


แต่ผมรู้มาว่าน้องเขามีแฟนละ เป็นผู้หญิงด้วย  o22 :a5:
(น้องเขาไม่ได้บอกผมหรอก แต่ผมดันไปรู้เอาเอง)

แต่น้องเขาก็ยังดีกับผม ไม่มีท่าทีรังเกียจผมด้วย
เอาน่ะ เหมือนที่นันท์บอกไว้น่ะล่ะ แค่นี้ก็มีความสุขละ
ถ้าสิ่งที่น้องเขาทำให้ เขาทำให้เพราะเขาเห็นผมเป็นพี่ชายคนนึง ผมก็มีความสุขละ
ยังดีกว่าเขารังเกียจผมในสิ่งที่ผมเป็น ^^


เอ หรือว่าแท้จริงแล้วน้องเขา.......
เอาล่ะสิตตู เริ่มจะสับสนเหมือนที่นันท์สับสนละเฮ้ย  :ling3:
ไอนันท์เอ้ยยยยย ข้าเข้าใจความรู้สึกเอ็งละ :sad4:


ก็นะ............ก็ไม่ได้เสียใจหรือร้องไห้อะไรหรอกนะ
แค่เสียเซลฟ์ไปนิสสสสสนึง 555+ เลยทำให้วันนี้พล่ามมากไปหน่อย หวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ




"แค่ได้รัก ได้อยู่ใกล้ๆ ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของ
แค่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงของคุณ
.
ก็พอแล้วล่ะ................"

เอาน่ะอย่างน้อยก็ถือว่าผมได้ทำมันจนสุดความสามารถละ ^^


ปล. เรื่องเม้นท์ยาว เม้นท์สั้น สำหรับผมไม่มีปัญหาครับ เม้นท์สั้นๆ กระชับ เจาะตรง
หรือจะเม้นท์ยาวก็ดีนะ ผมชอบอ่าน ถือว่าเราได้แชร์เรื่องราวกัน ผมอาจจะได้ไอเดียอะไรไปใช้ด้วยก็ได้ไง 555+

ปล.2 ที่ผมพิมพ์ไปเนี่ย ผมอายเหมือนกันนะ  :-[ :-[
อย่างที่เขาว่า เรื่องของคนอื่นเราทำเป็นรู้ดีไปหมด ให้คำแนะนำได้ แต่พอเจอเข้ากับตัวเอง ไปไม่ถูกเหมือนกัน 555+
บางทีผมเองก็อาจจะต้องการคนแนะนำให้คำปรึกษาเหมือนกันนะเนี่ย :mew4:

ปล.3 เดือนนี้ซื้อการ์ตูนมาเยอะแยะเลย แต่ไม่มีเวลาอ่านเลย ดองไว้จนล้นละ  :sad4: :sad4:


ปล.4 อยากอ่านเรื่องราวจากฝั่งไหนกันครับ ระหว่างแบงค์และนันท์
เอ หรือจะป้อดีล่ะ ??? 5555+
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 18-08-2013 04:48:39
มาต่อไวๆนะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-08-2013 06:58:32
เรื่องนันท์สับสนก็สมควรอยู่หรอก
เพราะทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน
แล้วนันท์ก็รู้อีกว่าแบงค์เคยรักใครมาก่อน
แค่คิดว่าแบงค์จะทำใจได้แค่ไหนแล้ว
แล้วแบงค์พร้อมจะรักใครใหม่หรือยัง
แล้วแบงค์จะรับความรักจากนันท์ได้หรือไม่
แค่ความคิดเหล่านี้ก็พอจะทำให้นันสับสนได้แล้ว
ว่าจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้แบงค์รู้ดีหรือไม่
แต่ต่อไปนี่คงจะทำให้แบงค์แสดงท่าทีอะไรแปลกๆ
ออกมาให้นันท์ได้สับสนอีกแน่ เพราะว่าป้อเองก็รุกหนัก
คนเรานี่นะถ้าไม่รู้ถึงการสูญเสีย ก็ไม่ค่อยจะกล้าเปิดเผยความรู้สึก
ในเรื่องความรักของแบงค์กับนันท์ก็ลุ้นกันต่อไปเนอะ

ส่วนเรื่องนอกนิยาย ก็เศร้าด้วยนะคะ
แต่ก็ดีที่รู้เร็วจะได้ทำใจได้เร็วขึ้นด้วย
เอาน่าถ้าน้องเขาจะใส่ใจดูแลเราในฐานะพี่ชาย
ก็ดีเหมือนกัน เพราะคุณเพิ่งไปอยู่จะได้มีเพื่อนงัย
แล้วสักวัน คุณก็ต้องเจอคนที่ถูกใจอีกแน่นอนค่ะ
เป็นกำลังใจใ ห้ทั้งเรื่องนิยายและเรื่องนอกนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 20-08-2013 03:36:56
ตอนนี้นันท์ของเรายังคงสับสนกับความเปลี่ยนแปลงของแบงค์ที่ทำให้นันท์แทบไม่อยากเก็บความลับไว้ในใจซะแล้ว
ก็แบงค์เหมือนแกล้ง รู้ว่านันท์ชอบยังทำให้นันท์หวั่นไหวอยู่นั่นละ
มีการบังคับตั้งรูปคู่เป็นรูปวอลเปเปอร์ซะด้วย อยากรู้จังปกติเพื่อนผู้ชายเค้าจะทำอะไรน่ารัก ๆ แบบนี้ไหมน๊า
ถึงจะรู้ว่าแบงค์คงยังสับสนอยู่เหมือนกัน แล้วยังเรื่องในอดีตที่ยังเป็นปริศนา
แต่อ่านแล้วอยากให้เป็นแบงค์มากกว่าที่เก็บความรักไว้ไม่อยู่แล้วสารภาพกับนันท์ออกมาก่อน 
ยิ่งตอนนี้มีป้อเข้ามา ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ถ้าแบงค์เริ่มเห็นว่าป้อเข้ามาใกล้นันท์มากขึ้น
แต่ตอนนี้ป้อกะแบงค์ยังไม่ได้เจอกัน ก็เลยต้องรอลุ้นอาการหึงของแบงค์ต่อไปสินะค่ะ
คู่พลกะตี๋เอ๋อก็น่ารัก ไม่รู้เค้าสื่อสารกันเข้าใจได้ยังไง ตี๋เอ๋อยังไม่เคยพูดซักคำแต่พลก็เข้าใจไปโหม๊ดเลย

เรื่องของการแต่งนิยาย คนอ่านก็พยายามตั้งใจอ่านแล้วก็พยายามเข้าใจลำดับในการเขียนของผู้เขียนอยู่ดี ๆ
แต่พอผู้เขียนบอกว่า ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรแค่อยากบอก ขำกร๊ากเลยคะ :laugh:
อยากเล่าเรื่อยเปื่อยอะไรก็เล่าได้นะคะ อ่านแล้วสนุกดี

ส่วนเรื่องน้องน่ารัก ก็สู้ ๆ นะค่ะ ถึงน้องเค้าอาจจะมีแฟนแล้วจริง ๆ แต่ถ้าเค้ายังทำตัวน่ารักเหมือนเดิม
อย่างงี้ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร ก็ทำให้เรามีความสุขได้เนอะ แต่ที่น้องเค้าทำก็นะช่างทำให้เราอดสับสนไม่ได้จริง ๆนั่นละ
แต่ก็ดีนะค่ะ มีอะไรให้ชุ่มชื่นหัวใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เวลาทำงานเครียด ๆ

ปล.1 จริง ๆ ที่เม้นท์ยาวก็ไม่ได้มีสาระหรอกคะ แบบมีเนื้อนิดเดียว นอกนั้นน้ำทั้งน๊าน 555
แต่เม้นท์สั้น กระชับ ๆ ไม่ค่อยเป็นอะคะ อาจจะดูเขียนวกวน แต่คงไม่งงมากนะคะ  :mew2:

ปล.2 เป็นเรื่องปกติแหละคะ เหมือนกับเวลาเราบอกให้เค้าสู้ ๆ ไม่ต้องคิดมาก
แต่จริง ๆ ถ้าเป็นเรื่องของเรา ๆอาจจะอาการหนักกว่าเค้าก็ได้ แต่มันก็เหมือนเป็นการให้กำลังใจกันอย่างนึง
ที่คิดว่าคนฟังอาจจะรู้สึกดีขึ้นนิดนึงก็ได้เนอะคะ
 
ปล.3 ตอนนี้เลิกซื้อการ์ตูนแล้วคะ ตอนแรกก็บ้าซื้อแต่พอน้ำท่วมบ้านปี 54 การ์ตูนโดนน้ำไปเยอะมาก ๆ
เสียดายก็เสียดายแต่ต้องมานั่งเก็บการ์ตูนที่สะสมใส่ถุงดำไม่อยากทิ้งก็ต้องทิ้ง เลยตั้งใจไม่ซื้ออีกเลย
ปัจจุบันมาติดนิยายแทนเลยมีอย่างอื่นให้อ่าน แล้วน้องสาวยังบ้าซื้ออยู่เลยไปอ่านของมันแทน ประหยัดดี

ปล.4 จริง ๆ ก็อยากอ่านทั้งของแบงค์ของนันท์อะคะ แบบสลับ ๆ กันมันก็คงเขินกันคนละแบบ
แต่ของป้อนี่ถ้ามีปน ๆ บ้างก็ได้นะคะ แต่ยังไงก็คงเชียร์แบงค์กะนันท์ต่อไปอยู่ดี
ปล.5 เอ่อ ที่เขียนซะยาวเวอร์ขนาดนี้ นี่ก็อายเหมือนกันนะคะ  :-[  ตอนหน้าคงไม่ยาวขนาดนี้อะคะ
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้กันเหมือนเดิมค่ะ  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: soteen94 ที่ 21-08-2013 13:40:11
คนแต่งเล่นอสุรา ด้วยใช่มั้ยครับ เห็นนิยายอยู่บอร์ดอสุราด้วย
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-08-2013 03:58:24
คนแต่งเล่นอสุรา ด้วยใช่มั้ยครับ เห็นนิยายอยู่บอร์ดอสุราด้วย

แม่นละครับ

เกมส์โปรดเลย
(ตอนนี้เล่นสองเกมส์ มี อสุรา กับ ปังย่า)

ตอนนี้กำลังบ้าทำอาหารในอสุราอยู่  = ="
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 24-08-2013 13:28:30
อา...แบงค์ยังไม่ชัดเจน นันท์เลยไม่กล้าฟันธง ป้อก็เริ่มรุกแล้ว แย่แล้ว ๆ
ป้อ ย้ายโรงเรียนมาเพราะอะไรนะ ปิดเป็นความลับอย่างนี้ เพราะตามนันท์มาแน่เลย
เลือกของขวัญ เดินไปเดินมา ก็เจอพลกับตี๋เอ๋อ อีกล่ะ คู่ีนี้ก็ขยันโผล่มาให้จิ้นซะเรื่อย รู้มั้ยว่าเราชอบอ่ะ :impress2:
พล โหด เถื่อนขนาดนั้น มันแค่ภายนอกสินะ ความจริง คิขุโนเนะ น่ารักจริงเลย แหม๊ มีกอดคอถ่ายรูปคู่ตี๋เอ๋อซะด้วย  :m3:
ถ่ายคนเดียว ไม่มีอารมณ์ พอถ่ายกับตี๋เอ๋อ อารมณ์ดีงั้นสิน้า ชอบ ๆ ตี๋เอ๋อยิ้มซะด้วย แต่เมื่อไหร่จะพูดบ้างอ่ะเนี่ย
หน้าจอหลัก มือถือพล รูปอะไรอ่ะ อยากรู้ ๆ รูปคู่กับตี๋เอ๋อ อ๊ะเปล่า  :hao7: เอ๊ะ เหมือนตอนนี้ คู่นี้จะแย่งซีนคู่หลักชอบกลป่ะเนี่ย อิอิ
ท่าทาง แบงค์ จะอิจฉา ใช่มั้ย  รีบมาถ่ายรูปคู่นันท์บ้างเชียว ให้ตั้งเป็นวอลเปเปอร์ซะด้วย กลัวน้อยหน้ารึไงจ้ะ ฮุฮุ
แถมยังยุนันท์ให้ตั้งเหมือนกัน มันแฟนกันชัด ๆ นะนั่น  :m1: แหม อิทธิพลคู่พลกับตี๋เอ๋อ แผ่ซ่านสินะ ดี ๆ ชอบ ๆ
น้องนันท์ ทนไม่ไหวแล้ว จะทำอะไรจ้ะ แต่เอาเถอะ ทำอะไรก็ได้ ให้แบงค์หายคลุมเครือซะทีน่ะเนาะ เอาเลย ๆ

ส่วนเรื่องน้องน่ารัก ของคนเขียน คิดบวก ๆ เนาะ ยังไงก็ได้น้องที่ดีมาเพิ่ม ทำให้มีความสุขได้ก็พอละ
อย่าไปคิดมากสับสัน เหมือน นันท์ กับ แบงค์ เลย ปวดหัวแทนนะนั่น  o18
ดีใจที่คนเขียนชอบอ่านเมนท์ยาว แต่ของเรายาวแบบไม่ค่อยมีสาระซะด้วยสิ ไม่ว่ากันน้า
เรื่องการ์ตูน ทำไมเจอคนเหมือนกันเลยเนี่ย ซื้อไว้ ขอให้ได้ซื้อเหอะ แต่ไม่ได้อ่าน มัวแต่มาอ่านนิยายเนี่ย 
แต่ของเรา การ์ตูนวาย นะจ้ะ วายเท่านั้น รึไม่ก็การ์ตูนผู้ชาย อย่าง one piece อะไรเทือกเนี่ย
ตั้งแต่เข้าสู่ โลกของสาววาย อ่านการ์ตูนชายหญิงไม่ได้เลยอ่ะ ไม่รู้ทำไม อ่านแล้วหงุดหงิด เหมือนกินของผิดสำแดง (เวอร์ละ)
เรื่องคนเล่าเรื่อง เอาจริง ๆ เลย อยากอ่านเรื่องราวจากฝั่ง แบงค์ มากกว่านะ เพราะนันท์ ชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้ว
เหลือแบงค์เนี่ยแหละ เหมือนไม่ออกจากหมอกซะที คลุมเครือเข้าไป อยากรู้ความในใจแบงค์มากกว่าอ่ะ
แต่ที่ำสำคัญ ไม่เอา ป้อ นะ ให้ พระ นาย เค้าเล่ากันก็พอแล้วจ้า
เขียนมากไปแล้ว พอดีกว่า รอตอนต่อไปนะจ้ะ ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: soteen94 ที่ 25-08-2013 21:50:37
แม่นละครับ

เกมส์โปรดเลย
(ตอนนี้เล่นสองเกมส์ มี อสุรา กับ ปังย่า)

ตอนนี้กำลังบ้าทำอาหารในอสุราอยู่  = ="
งุมๆ เล่นเซิฟไหนหรอครับ 
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 13 ตัดสินใจ (18-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 28-08-2013 13:02:19
งุมๆ เล่นเซิฟไหนหรอครับ

สวรรค์ครับ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 14 รุกคืบ (28-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 28-08-2013 13:05:07
คาบเรียนที่ 14 : รุกคืบ

“สรุปแบงค์จะลงแข่งให้พี่แจ้จริงๆ แน่เหรอ”
ผมหันไปถามแบงค์ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าจ๋อย

แบงค์ไม่ตอบอะไรออกมาได้แต่พยักหน้าอย่างเดียว
“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้จับพลัดจับพลูไปลงให้พี่เขาล่ะ”
ผมย้อนถามซ้ำกลับไปก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก

“ก็..........พี่แจ้อ่ะดิ มาคะยั้นคะยอขอให้ช่วยลงแข่งให้เขาหน่อยน่ะ เห็นว่านัดนี้เป็นนัดสำคัญด้วยน่ะสิ”
แบงค์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ก็แล้วไปตอบตกลงเขาทำไมล่ะ ในเมื่อไม่ชอบน่ะ”
ผมถามเป็นเชิงบ่นไป ทว่าแบงค์ไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้นเอาแต่ใช้ช้อนส้อมจิ้มชิ้นหมูในจานไปมา
แต่ผมเดาได้ไม่ยากหรอกครับ พอจะรู้นิสัยอยู่ว่าแบงค์เป็นพวกปฏิเสธคนอื่นไม่เก่ง

แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็เป็นตัวเองน่ะล่ะที่ต้องมานั่งเครียด
มันน่าบ่นจริงๆ เลย แต่................

“เอาเถอะ ไหนๆ ก็ตอบตกลงรับปากพี่เขาไปแล้ว จะไปกลับคำก็คงไม่ได้แล้วล่ะ
แบงค์ก็คงต้องทุ่มเทให้กับมันแล้วล่ะ ทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่พี่เขาคาดหวังไว้”
ผมพูดพร้อมกับเอามือไปวางบนบ่าของแบงค์เบาๆ แบงค์หันมามองผม


“สู้ๆ นะ นันท์จะเอาใจช่วย”
ผมยิ้มให้กับแบงค์ ซึ่งมันเป็นที่ผมพอจะทำให้ได้ในเวลานี้ นั่นคือการให้กำลังใจมากกว่าการซ้ำเติม

แบงค์เองเมื่อได้ยินผมพูดเช่นนั้น ก็เอามือของตัวเองขึ้นมาจับบนมือผมเบาๆ และเริ่มจะยิ้มออกมาได้บ้างแล้ว
“แล้วก็อย่าลืมไปบอกพี่เค้าด้วยล่ะว่า ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะ หรือจะให้นันท์ไปพูดให้”
ผมกำชับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แบงค์ส่ายหัวก่อนจะหันมายิ้มให้กับผม

“ไม่เป็นไร โบราณเขาว่า เรียนผูกต้องเรียนแก้ แบงค์ไปตอบตกลงเอง แบงค์ก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองดีกว่า”
แบงค์ตอบกลับมาก่อนจะตักข้าวเข้าปากตัวเอง
“จะเบื่อก็แค่ช่วงนี้ตอนพักกลางวันคงไปห้องสมุดกับนันท์ไม่ได้แล้วนี่สิ แถมเสาร์อาทิตย์ก็ต้องมาซ้อมอีก”
แบงค์ถอนหายใจเบาๆ ผมอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

“เอาน่ะ แค่เดือนเดียวเองนี่ ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงก็อยากจะไปดูแบงค์ซ้อมเหมือนกันนะ แต่เหมือนเขาจะห้ามคนนอกไว้นี่”
ผมถาม แบงค์ก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
“ยังไงก็ยังได้กลับพร้อมกันอยู่ดีน่ะล่ะ”
แบงค์ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูสดชื่นขึ้น ก่อนที่จะเอนหัวลงมาซบบนไหล่ของผม

ตึ่กๆ

เอาล่ะสิ ผมเป็นฝ่ายใจเต้นเองอีกแล้ววววววว ><
แล้วนี่มันกลางโรงอาหารด้วยนะ อ๊ากกกกกกกกกกกก

“งั้นแบงค์ไปก่อนนะ ต้องรีบไปซ้อมละ”
ทันทีที่แบงค์พูดจบ แบงค์ก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที แต่ยังไม่วายที่จะเอามือมายีหัวผมเล่น = =”
ผมเหลียวไปมองแบงค์ที่เดินออกไปจนหายลับจากสายตา แล้วจึงหันมาจัดการก๋วยเตี๋ยวที่เหลืออยู่ในชามต่อ


ผมคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากไปได้ 2 – 3 คำ ก็หยิบเอามือถือของตัวเองออกมาดู
ผมปลดล๊อคมือถือ เผยให้เห็นภาพหน้าจอที่ผมใช้อยู่ตอนนี้

ภาพหน้าจอตอนนี้จากเมื่อก่อนที่เป็นเพียงรูปทั่วไปไม่ได้สลักสำคัญอะไร
แต่ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นรูปคู่ระหว่างผมกับแบงค์ไปเสียแล้ว
ผมนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวอย่างเขินอายให้กับรูปนั้น ถ้าคนอื่นหันมามองคงจะคิดว่าไอนี่บ้าไปแล้วแน่ๆ

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแบงค์จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ
เพื่อนงั้นเหรอ ไม่รู้สิ เหมือนมันมากกว่านั้นไปแล้วนะ
แต่ไอครั้นจะเรียกว่าแฟน มันก็ยังคงไม่ใช่เสียทีเดียว

เพราะทั้งผมและแบงค์เองต่างยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กันเลย ทั้งเรื่องของความสัมพันธ์และสถานะของเราทั้งสองคน

แต่ทว่าผมเองก็ไม่อยากมันเป็นแบบนี้ไปตลอดหรอก
จะว่าผมโลภมากก็คงจะไม่ผิดหรอก
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก่อนที่แบงค์จะเปลี่ยนท่าที สมัยที่ผมยังคงได้แค่แอบชอบ ผมก็คงไม่คิดอะไรหรอก
ได้อยู่แค่นั้น ได้เป็นแค่นั้นมันก็มีความสุขแล้ว

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ด้วยอะไรหลายๆ ที่ผ่านมาในช่วงเดือนสองเดือนมานี้มันทำให้ผมเป๋ไปพอสมควรกับท่าทีของแบงค์ที่เปลี่ยนไปจนผมเองยังตามไม่ทันเลยจริงๆ
ที่ผ่านมาผมได้แต่นิ่งเงียบเก็บความคิดและความรู้สึกนั้นเอาไว้ตลอด
แต่ผมคงจะทำแบบนั้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพื่อให้สิ่งที่มันคลุมเครืออยู่ในตอนนี้มันกระจ่างเสียที
ถึงเวลาที่ผมต้องเป็นฝ่ายทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ


แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ไออะไรสักอย่างนั่นล่ะ คืออะไรดี ???

จะให้ถามตรงๆ ก็คงไม่ไหวหรอก มันออกจะประเจิดประเจ้อเกินไป

“แหม สวีทหวานแหววกันจังเลยนะจ๊ะ พ่อหนุ่มน้อย”
เสียงใสๆ เรียกทักผม ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ มายด์น่ะเอง เธอทักทายผมก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกับผม

นั่นสิ
หรือจะปรึกษามายด์ดี ???

-เรื่องบางเรื่องน่ะ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะรู้หรอกปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลาดีกว่า-
แต่แล้วอยู่ๆ คำพูดของมายด์ที่เคยพูดไว้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม

คงจะไม่ดีถ้าจะปรึกษามายด์เรื่องนี้แฮะ

มันก็จริงอยู่หรอกที่ว่าช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ปล่อยเป็นเรื่องของเวลา
แต่ถ้าเอาแต่รออย่างเดียว แล้วเมื่อไหร่กันล่ะ ที่เวลานั้นมันจะมาถึง ????
ตอนนี้สิ่งที่ผมยังคิดไม่ตกและเป็นปัญหาใหญ่นั่นก็คือ ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน และจะเริ่มยังไงดี

เฮ้ออออออออออออ

“เป็นอะไรไป ดูทำหน้าเข้าสิ”
มายด์ถามผมพร้อมกับแกะห่อขนมในมือ ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบกลับไป
“ว่าแต่มายด์เถอะ ไม่กินข้าวเหรอ”
“กินแล้วน่ะ อ้อ แล้วก็ของขวัญวันเกิดอ่ะ ขอบคุณมากๆ นะ สวยมากเลยล่ะ”
มายด์เอ่ยขอบคุณผมพร้อมรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบกลับไป

ตรึ๊ง!!!!
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 14 รุกคืบ (28-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 28-08-2013 13:05:47
เสียงมือถือของมายด์ดังขึ้น ฟังจากเสียงแล้วน่าจะเป็นไลน์นะ
มายด์หยิบมือถือขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพิมพ์แชทกับบุคคลอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขเสียเหลือเกิน
“คุยกับใครน่ะ ดูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ”
ผมแซวกลับไป มายด์ดูมีทีท่าสะดุ้งนิดหน่อยกับคำพูดของผม พร้อมกับหันซ้ายหันขวาก่อนจะหันมือถือของตัวเองให้ผมดู

ผมเพ่งมองดูรูปและชื่อไลน์ของอีกฝ่าย
หือ ตาฝาดป่ะเนี่ย
ผมขยิบตาสองสามครั้งและเพ่งมองอีกครั้งให้แน่ใจ

“เอ๋....!!!! นี่มันพี่สาธิตนี่นา!!!!”
ผมเผลออุทานเสียงดังออกไป จนมายด์ต้องรีบโน้มตัวเอามือมาปิดปากผมไว้
“นี่มายด์ไปได้คุยกับพี่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ทำไมไม่เห็นบอกกันมั่งเลยอ่ะ”
“ก็......วันที่ไปหายัยส้มที่ห้องชมรมดนตรีนั่นไงล่ะ พี่สาธิตเขาก็อยู่ด้วยน่ะ ก็เลย....มีโอกาสได้คุยกันน่ะ แล้วก็...”
มายด์ตอบผมด้วยน้ำเสียง และใบหน้าเขินอายอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะก้มหน้าลงไปพิมพ์ตอบโต้กับพี่สาธิตต่อ

“ว่าแต่ แล้วตกลงมายด์กับพี่เขาคบกันรึยังน่ะ”
“บ้าสิ เพิ่งจะได้คุยกันเฉยๆ เอง คนนะไม่ใช่ปลากัดจะได้ไวอะไรกันปานนั้น”
มันก็จริง = =
แต่เอาเถอะ เฮ้อออออออ น่าอิจฉาจัง อย่างน้อยก็อิจฉาในความกล้า และพยายามของมายด์จังเลย
อยากจะขอแบ่งมาให้ผมมั่งจัง สักนิดก็ยังดี ;w;

หลังจากที่มายด์พิมพ์ไลน์ตอบโต้กับพี่สาธิตได้ไม่นาน ก็ขอตัวแยกออกไป วึ่งเดาดุก็น่าจะไปหาพี่สาธิตน่ะล่ะ
ส่วนผมเอง ทันทีที่กินก๋วยเตี๋ยวจนหมดแล้วนั้น ก็แน่นอนล่ะครับ ผมก็ก็ตรงไปยังห้องสมุดเหมือนทุกๆ วัน
(คงจะเป็นชีวิตที่ไร้สีสันอย่างที่มายด์ก็เป็นได้ - -)
และหลังจากนั้นไม่ต้องบอกก็คงรู้นะครับว่าผมทำอะไรต่อ = =”
เอาล่ะ หลังจากที่ได้หนังสือที่โดนใจสำหรับวันนี้แล้ว
ผมก็ไป...................ถะถะถะถูกต้องน้าคร้าบบบบบบบบบบบบ
ผมก็ไปนั่งยังมุมโปรดของผมเหมือนทุกวัน 5555+
(เล่นมุกเอง ตบมุกเอง ช่างน่าอนาจจิตได้อีก - -*)


กิจวัตรประจำวันของผมก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย มีแค่ประมาณนี้นี่ล่ะ
อาจจะดูน่าเบื่อในสายตาคนอื่นนะ แต่มันคือความสุขของผมแล้วล่ะ การได้อยู่ท่ามกลางหมู่มวลหนังสือเนี่ย
ผมเองยังมีความฝันเลยว่าอยากทำงานเกี่ยวกับพวกหนังสืออะไรพวกนี้คงจะมีความสุขดีไม่น้อย ^^

ผมนั่งอ่านไปได้สักพัก ก็เกิดอาการง่วงขึ้นมาซะงั้น สงสัยเพราะเมื่อคืนนอนดึกล่ะมั้ง
ไม่ไหวละ ของีบหลับสักหน่อยละกัน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่หลับเพลิน
เอาล่ะ ขอโทษคุณหนังสือด้วยนะครับ ที่เอามาหนุนหัวนอนแทนที่จะเอามาอ่าน = =”
คงด้วยเพราะความง่วงนอนล่ะมั้ง เลยทำให้เพียงแค่เวลาไม่นานผมก็ผล็อยหลับไป

ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ทว่าในความรู้สึกความฝันนั้นเหมือนนานแสนนาน
ผมฝันเห็นเด็กใส่แว่นคนนึงที่กำลังนั่งเล่นอยู่ตรงสนามเด็กเล่น รูปร่างของเขานั้นอ้วนท้วนตุ้ยนุ้ยพอสมควร
เด็กคนนั้นนั่งเล่นอยู่ตรงสนามเด็กเล่นเพียงคนเดียวตามลำพัง

ด้วยความที่เป็นเด็กมาใหม่ ยังคงเข้ากับใครไม่ได้ จึงไม่แปลกที่จะตกเป็นฝ่ายโดนแกล้งของผู้ที่อยู่มาก่อน

ในขณะที่เด็กน้อยคนนั้นกำลังร้องไห้เพราะโดนกลั่นแกล้งอยู่นั่นเอง

-รังแกคนที่อ่อนแอกว่าคิดว่าตัวเองเท่นักเหรอไงน่ะ-
อยู่ๆ เด็กผู้ชายอีกคนก็แสดงความกล้าหาญเข้ามาช่วยเด็กน้อยที่ถูกกลั่นแกล้ง
ถึงแม้ตัวจะเล็ก แต่ทว่าก็ไม่ยอมให้กับผู้ที่มารังแก
เหตุการณ์จบลงด้วยการตะลุมบอนกันก่อนที่ผู้ใหญ่แถวนั้นจะมาห้ามปรามไว้

เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญเดินเข้ามาหาเด็กน้อยผู้อ่อนแอก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ไว้พร้อมกับส่งยิ้มให้
-ไม่เป็นไรแล้วนะ-
ก่อนที่จะเอื้อมมือนั้นมาสัมผัสตรงหัวเบาๆ

อืม.......................มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน.....

อบอุ่นจนเหมือนไม่ใช่ความฝันเลย

อบอุ่น ????
ไม่ใช่ความฝัน ????
หือ........???

เฮือก!!!!!!!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันทีที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ว่าสัมผัสนั้นไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน
จนบุคคลที่นั่งข้างผมในตอนนี้เองก็ยังสะดุ้งตามไปด้วย


“ป่ะ ป้อ!!!!!!!!”
ผมตกใจพร้อมเอ่ยชื่อนั้นออกไปทันทีทีเห็นว่าบุคคลที่นั่งข้างผมคือใคร
“อ่ะ เอ่อ โทษทีนะครับ ที่ทำให้ตื่น”
ป้อเอ่ยขอโทษผมก่อนที่ดึงมือนั้นกลับไป งั้นแสดงว่าสัมผัสเมื้อกี้นั้นคือ........

“เอ่อ คือผมเข้ามาหาหนังสืออ่านน่ะครับ แล้วเห็นนันท์กำลังหลับอยู่ เอ่อ
แล้วพอดีเห็นว่ามีเศษหยากไย่ติดหัวน่ะครับ ก็เลยเอาออกให้”
ป้ออธิบายก่อนจะยื่นเศษหยากไย่ในมือให้ผมดู

สงสัยจะติดมาตอนเข้าไปหาหนังสือล่ะมั้ง

“เอ่อ ขอบคุณนะ แล้วเข้ามานานรึยังน่ะ”
ผมเอ่ยถามกลับไปก่อนจะจัดกองหนังสือบนโต๊ะให้เข้าที่
“ก็เพิ่งมาน่ะครับ กำลังเดินหาหนังสืออ่านน่ะครับ แล้วนันท์ล่ะครับ มานานรึยัง แต่ผมว่าน่าจะนานแล้วน่ะ เห็นหลับสนิทเชียว”
ป้อตอบกลับมาเป็นเชิงแซว ทำเอาผมอายเลยทีเดียว = =

“ก็.......แห่ะๆ นิดหน่อยน่ะ”
“ไม่ต้องอายหรอกครับ ผมว่าน่ารักดีออก”
ป้อยิ้มให้กับผม มันเป็นยิ้มที่ดูเป็นมิตรมากๆ จนผมเองยังรู้สึกเขินไปกับรอยยิ้มนั้นเลย

“ว่าแต่แบงค์ล่ะครับ ไม่มาด้วยเหรอครับ?”
ป้อถามผมพร้อมกับหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ห้องสมุด
“ไปประชุมกับชมรมบาสน่ะ”
“อ่อ แบงค์เขาอยู่ชมรมบาสเหรอครับ”

“ก็ปล่าวหรอก เขาอยู่ชมรมห้องสมุดนี่ล่ะ แต่พอดีมีเหตุนิดหน่อยน่ะ ก็เลยยยยย”
ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่ดูท่าป้อเองก็ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดมากนัก จึงได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และไม่ถามต่อ
“เอ...ชมรมห้องสมุดงั้นเหรอ ผมเข้าด้วยดีมั้ยเนี่ย?”
ป้อพูดพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะหันมามองผม
“ได้สิ แต่กิจกรรมชมรมค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อยนะ ไม่หวือหวา ไม่โดดเด่นเหมือนชมรมอื่นๆ เพราะงั้น...
คนในชมรมก็เลยไม่ค่อยจะเยอะเท่าไหร่น่ะ กลัวว่าป้อเข้ามาแล้วจะเบื่อไปเสียก่อนนี่สิ”
ผมอธิบายรายละเอียดคร่าวๆ ของชมรมให้ป้อฟัง
ทันทีที่ผมอธิบายจบ ป้อก็ยกมือขึ้นมาเท้าไว้กับแก้มตัวเอง

“เป็นไรเหรอ ฟังดูแล้วน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ”
ผมถามกลับไป ป้อนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนจะยิ้มให้กับผม
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 14 รุกคืบ (28-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 28-08-2013 13:06:25
“ไม่หรอกครับ ผมว่าก็ดูสบายดีออกครับ ไม่วุ่นวาย สงบดี ผมชอบ ยิ่งถ้าได้อยู่ชมรมเดียวกับนันท์ก็น่าจะสนุกดีด้วย
อืม....งั้นผมตัดสินใจเข้าชมรมห้องสมุดละกัน เดี๋ยวมานะครับ”
ทันทีที่ป้อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปยังด้านหน้าของห้องสมุด
ป้อพูดคุยกับอาจารย์ประจำห้องสมุดอยู่ครู่นึง ก่อนที่อาจารย์จะหยิบกระดาษออกมา ป้อรับมันมาแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษใบนั้น
เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งคืนให้อาจารย์พร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะเดินกลับมา

“เรียบร้อยแล้วครับ เท่านี้ผมก็เป็นสมาชิกชมรมห้องสมุดเต็มตัวแล้ว”
ป้อยิ้มแป้นให้กับผม ส่วนผมนั่นเหรอ อึ้งครับ ไม่คิดว่าป้อจะตัดสินใจอะไรรวดเร็วแบบนี้

“อ่ะ..เอ่อ งั้นก็ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่นะ”
ผมกล่าวต้อนรับป้อที่ซึ่งตอนนี้ได้เป็นสมาชิกใหม่ของชมรมห้องสมุดเรียบร้อยแล้ว
ป้อเองเมื่อได้ยินผมกล่าวต้อนรับเช่นนั้นก็ดูท่าจะดีใจไม่น้อย จึงยิ้มจนมุมปากแทบจะฉีกถึงหูแล้วมั้งนั่น = =”

“แล้วปกตินันท์มาห้องสมุดนี่ทุกวันเลยรึป่าวครับ”
ป้อถามผมพร้อมกับหยิบหนังสือในกองที่ผมเอามาไปเปิดอ่านเล่มนึง
“ก็ทุกวันอ่ะนะ ปกติจะมากับแบงค์เขาน่ะ”
ผมตอบกลับไป ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดูจะชะงักไปครู่นึง

“แต่ช่วงนี้แบงค์เขาคงไม่ได้มาด้วยหรอก เพราะต้องไปช่วยกิจกรรมชมรมบาสน่ะ”
ผมตอบกลับไปด้วยอารมร์หงุดหงิดเล็กน้อย
ใช่สิ เพราะไอพี่แจ้บ้าบอนั่นคนเดียว กิจกรรมชมรมตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมต้องมาเดือดร้อนคนอื่นด้วยเนี่ย

ดูสิทำเอาผมอดได้อยู่กับแบงค์เลย ฮึ่ยยยยยยยย

“งั้น แล้ววันเสาร์นี้นันท์ว่างมั้ยครับ?”
“หือ???”

“ก็ที่สัญญากันไว้น่ะครับ”
ป้อพูดกลับมาเช่นนั้น จนทำเอาผมเองงงเล็กน้อย

สัญญา?????

อ้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
“ว่าไงครับ”
ป้อถามกลับมาอีกครั้ง เอาไงล่ะ ดันไปปากพล่อยรับปากเขาไว้

แต่........
เอาเถอะยังไงก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่หว่า
แถมอีกอย่าง แบงค์ก็ต้องไปซ้อมบาสด้วย อยู่บ้านคนเดียวก็คงเซ็งตายแน่

“ก็ได้นะ งั้นวันเสาร์นี้ก็ได้ ส่วนจะดูที่ไหนเรื่องอะไรค่อยว่ากันอีกทีละกันนะ”
“จริงนะครับ งั้นผมจะรอนะครับ”
ป้อออกอาการดีใจทันทีที่ผมตอบตกลงไป อะไรจะขนาดนั้นน่ะ- -*

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงนาฬิกาในมือถือของผมดังขึ้น ผมหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับกดหยุดมัน
“ใกล้จะเข้าเรียนคาบบ่ายละ ไปกันเถอะ”
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับหยิบกองหนังสือขึ้นมาเพื่อจะนำมันกลับไปไว้ที่ชั้น

ในขณะที่ผมกำลังจะเก็บหนังสือเข้าชั้น ผมก็เหลือบไปเห็นว่าป้อเองก็เดินตามผมมาที่ชั้นหนังสือเช่นกัน
“หือ มีอะไรเหรอ?”
ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย

“ป่าวครับ แค่อยากตามมาเฉยๆ”
ป้อตอบกลับมา พร้อมกับเอาแขนไปเท้าไว้กับชั้นหนังสือก่อนจะส่งยิ้มให้ผม

“อ่ะ อ่าๆ”
ผมรีบหันกลับมาเอาหนังสือเก็บเข้าชั้น

อะไรเนี่ย ตะกี้แว่บนึงดันไปเผลอเขินบ้าอะไรกับรอยยิ้มนั่นเนี่ย = =”
ท่าจะเพี้ยนละเราเนี่ย

หลังจากผมเก็บหนังสือเข้าชั้นเสร็จ ผมกับป้อก็เดินออกจากห้องสมุดโดยไม่ลืมที่จะหันไปไหว้อาจารย์ประจำห้องสมุด

“งั้นนันท์ไปก่อนนะ”
ผมเอ่ยลากับป้อ ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นมาทำท่าเป็นเชิงโบกลาให้กับผม

“ครับ แล้วไว้เจอกันนะครับ อ้อ แล้วก็อย่าลืมนัดของเรานะครับ วันเสาร์นี้นะครับ”
ป้อกำชับถึงเรื่องนัดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

ส่วนผมเองเมื่อเห็นป้อเดินจากไป ก็หันหลังกลับเดินไปยังห้องเรียนตัวเองเช่นกัน


จบคาบเรียนที่ 14

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 14 รุกคืบ (28-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 28-08-2013 13:21:06
สวัสดีครับ สำหรับคาบเรียนที่ 14

ขอเข้าเรื่องก่อนเลยละกัน

จะว่าไป นันท์ของเรานี่ก็ ซื่อ(บื้อ)พอตัวเลยนะนั่น

ส่วนป้อก็นะ.....................................
ในเวอร์ชั่นแรกที่เขียนไว้ ป้อไม่ใช่แบบนี้นี่ แต่เอาเถอะ แบบนี้ก็ดูดีไปอีกแบบ 5555+  :hao7: (อ้าว)

แต่ส่วนเจตนาของป้อ และเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้ป้อกระทำนั้น ...............อุบไว้ก่อน
(แต่คงเดาได้กันอยู่แล้วล่ะเนาะ :hao3:)

ยังไงก็รบกวนติดตามต่อไปนะครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


นอกเรื่อง ช่วงนี้งานเยอะมวากกกกกกกก ลากยาวตลอด บางวันเข้า 11 โมง ออก เที่ยงคืนยังมีเลย :ling1:
เลยทำให้เวลาส่วนตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขนาดวันหยุดยังตื่นเอาบ่ายสอง บ่ายสามเลย  :hao5:

แต่บ่นไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นโอกาสก้าวหน้า :hao7:


เรื่องน้องกระดิ่งน้อยของผม
ก็ยังน่ารักทุกวันนั้น วันก่อนผมกำลังเคลียร์งานเอกสารน้องเขาก็เข้ามาถาม ผมก็สอนน้องเขาไป น้องเขาก็ตั้งใจฟังนะ
พอฟังจบ บอกว่า ยากเหมือนกันนะพี่ แล้วก็ เอาหัวมาวบไหล่ผมวะงั้น

อ๊ากกกกกกกกก แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมคิดได้ไง  :a5:

อ้อ วันก่อนไปขนของด้วยกัน ผมอ่ะร้อน เลยถอดเสื้อ น้องเขาก็ร้อน เลยถอดเหมือนกัน (แต่เขาถอดเป็นหลังๆ นะ คือไปกันหลายคนน่ะ)
ตอนแรกน้องเขาไม่กล้าถอด บอกว่าอายหุ่น แต่พอถอดเท่านั้นล่ะ
ทำเอาคนอื่นแทบอยากใส่เสื้อเลยย  :ling1:

แถมมีสักกลางหลังด้วย เหวออออออออออออ  o22


ส่วนการ์ตูนก็พยายามทยอยอ่านๆ บ้างละ

จะว่าไป ผมก้ไม่ค่อยอ่านการ์ตูนชายหญิงเท่าไหร่นะ ส่วนมากจะอ่าน Y กับพวกสยองขวัญ ไม่ก็แฟนตาซีมากกว่า
ชายหญิงมีบ้าง แต่ส้วนมากจะกินบุญเก่าอ่านการ์ตูนสมัยก่อนมากกว่า

เพราะรู้สึกว่า การ์ตูนชายหญิงสมัยนี้ไม่น่าอ่านเท่าไหร่นางเอกมันดูแบบ......เปลืองเนื้อเปลืองตัวมากเกินไปน่ะ

ไม่รู้สิ ผมไม่ค่อยชอบอ่านการ์ตูนชายหญิงที่มีฉากอย่างว่าเท่าไหร่ มันทำให้ดูเหมือนผู้หญิงใจง่ายไปน่ะ
(ขนาดการ์ตูน Y ผมยังไม่ชอบเรื่องที่เน้นฉากอย่างว่าเหมือนกัน)


คือถ้าจะอ่านติดเรทแบบนั้น ผมจะไปอ่านฝั่งของการ์ตูนชายดีกว่าแฮะ

เพราะงั้นนิยายผมเลยแทบจะไม่มีฉากติดเรทเซอร์วิสเลย เพราะอยากดำเนินเรื่องแบบใสๆ มากกว่า
มีปมนิดๆ หน่อยให้เครียดเล่นๆ บ้าง 5555+
แต่ไม่รู้ว่าจะชอบกันมั้ย ???

ยังไงวันนี้ก็ขอตัวก่อนนะครับ



ปล. ที่จริงจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนละ แต่เน็ตดันเน่าอีกแล้ววววววววว  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 14 รุกคืบ (28-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 28-08-2013 22:58:47
เอ้า น้องนันท์ จะทำอะไรซักอย่าง ไอ้เราก็นึกว่า วางแผนไว้แล้วซะอีกว่าจะทำอะไร
สรุป ยังไม่รู้จะทำอะไรเหรอเนี่ย นันท์เอ้ย  :laugh: น่าจะปรึกษามายด์ก็ได้นินะ
แต่มายด์ เริ่มก้าวหน้าแล้วน้า อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นคุยกับพี่สาธิต มั่น ๆแบบมายด์ เขินก็น่ารักดีนะ
เรื่องจมอยู่แต่ในห้องสมุดนี่ เข้าใจความรู้สึกน้องนันท์นะ อ่านแล้วเหมือนเห็นตัวเองสมัยเรียน
มีเวลาว่างเป็นต้องเข้าแต่ห้องสมุด หามุมสงบ ๆ ไม่ค่อยมีใครมาวุ่นวาย อยู่ได้เป็นชั่วโมง ๆ
เรื่องทำงานกับหนังสือก็เหมือนกันด้วย เมื่อก่อนก็อยากเป็นบรรณารักษ์ แต่ดันเรียนบัญชีซะนี่ :mew5:
แต่ยังมีความฝัน อยากเปิดร้านหนังสืออยู่นะ ตอนนี้ต้องเก็บตังค์ก่อน อุ้ย! นอกเรื่องไปเยอะ ขอโทษค่ะ o1
เอ้า น้องนันท์ หาหนังสือถูกใจได้ ดันเอามาหนุนหัวนอนซะงั้นอ่ะ โถ ๆ สงสารคุณหนังสือจริง
น้องนันท์ ฝันถึงเรื่องในอดีตเหรอเนี่ย แบงค์เป็นฮีโร่ ช่วยน้องนันท์ตั้งแต่เด็ก ๆ เหรอเนี่ย เท่ห์จริง
แล้วป้อ มาได้ไงเนี่ย ตามมาเข้าชมรมห้องสมุดด้วยอ่ะ เดี๋ยวแบงค์รู้ จะไม่พอใจมั้ยเนี่ย
ได้ทีทวงสัญญาเชียวนะ นัดไปดูหนังซะแล้ว แบงค์อยู่หนาย มาด่วน ๆ น้องนันท์จะไปเดทกับคนอื่นแล้วววว
แล้วตกลง ป้อชอบนันท์จริง ๆใช่มั้ยเนี่ย ถึงได้ลงทุนย้ายโรงเรียน แถมตามติดขนาดนี้ น้องนันท์น่าจะดูออกนะ
แบงค์ยังไม่ชัดเจน แล้วดันไม่มีเวลาให้น้องนันท์ ซ้ำยังมีป้อ คอยตามทำคะแนน ต้อย ๆอีก แงงง
แล้วเมื่อไหร่คู่นี้เค้าจะคืบหน้าซะทีน้อ หาคู่ให้ป้อ จะได้เลิกตามน้องนันท์ซะดีมั้ยเนี่ย

อั้ยย่ะ เดี๋ยวนี้มีชื่อเรียก น้องกระดิ่งน้อยของผม ซะด้วย แน่ะ  ๆ ชอบมาถึงเนื้อถึงตัวซะด้วยน้า 
แล้วพอถอดเสื้อ ทำไมเหรอจ้ะ น้องเค้าบึ้กมากเลยเหรอ มีสักกลางหลังซะด้วย โห

เรื่องการ์ตูน จริงด้วยค่ะ การ์ตูนชายหญิงสมัยนี้ ไม่เหมือนที่อ่านสมัยเด็ก ๆ เลยอ่ะ อ่านเจอแล้วตกใจเลย
ขนาดอยู่สำนักพิมพ์ชื่อดังมีลิขสิทธิ์ด้วยนะ แต่เรื่องข้างในนี่สุด ๆ เคยนึกว่า แล้วเด็กนักเรียนมาอ่านเจอ
จะเอาไปทำเลียนแบบนางเอกในเรื่องรึเปล่า น่ากลัวนะ อยากบอกว่า การ์ตูนวายบางเรื่อง ใสกว่าเยอะเลย
แต่กลายเป็นการ์ตูนวาย ขายแบบเปิดเผยไม่ค่อยได้ ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ถูกเหมาว่าเรื่องล่อแหลม
ทั้งที่บางเรื่อง ต้นจนจบ พระนายแค่จุ๊บ ๆ กันเบา ๆ ยังมีเลย ชิชิ พูดแล้วของขึ้น หึ (เขียนมากไปละเพราะเก็บกด)

เรื่องนี้ เป็นแบบนี้ดีแล้ว เราก็ชอบอ่านเรื่องใส ๆ อย่างนี้แหละ มันสบายใจดี แบบเนี่ยชอบแล้ว
ไม่ต้องมีฉากติดเรทเซอร์วิสก็ดีแล้ว มันดูสมกับวัยของตัวละครในเรื่องดีแล้วจ้ะ สรุปว่าชอบเนอะ
รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณค่า  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 14 รุกคืบ (28-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-08-2013 08:50:06
คาบเรียนนี้ที่ว่ารุกคืบ คือป้อรุกนันท์ใช่ป่ะ
แถมนันท์ยังมีเขินป้ออีกแน่ะ คราวนี้แบงค์จะทำไงล่ะนี่
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 14 รุกคืบ (28-8-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 31-08-2013 20:06:32
อ่านชื่อตอนแล้วคิดว่าคราวนี้นันท์ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วแน่ ๆ
แต่พอนันท์บอกว่า ไออะไรสักอย่างนั่นล่ะ คืออะไรดี โอ๊ย ฮาเลยอะ  :pigha2:
อย่างงี้เมื่อไหร่ความรู้สึกมันจะชัดเจนสักทีน๊า ลุ้นแทนนันท์เลย
แล้วยิ่งตอนนี้แบงค์ต้องไปซ้อมตลอดไม่ได้อยู่กะนันท์ด้วยสิ กลัวความห่างไกลจัง
ความรักคงไม่เรียกว่าโลภหรอกเนอะเพราะยิ่งรักก็ยิ่งอยากอยู่ใกล้นี่
แล้วท่าทีของแบงค์ที่เปลี่ยนไปก็คงไม่แปลกที่นันท์จะยิ่งมีความหวังมากขึ้นล่ะเนอะ
แต่ไอ่ความฝันและความรู้สึกอบอุ่นจากมือป้อนี่สิมันคืออะไร
ป้อเคยช่วยนันท์ไว้เหมือนในความฝันรึเปล่า อย่างงี้ก็เริ่มมีความผูกพันที่น่ากลัวแล้วสิ
นันท์จะหวั่นไหวกะป้อไหมเนี่ย  ยิ่งแบงค์จะไม่ได้เข้าห้องสมุดอีกตั้งเดือน ป้อก็จะเข้ามาอยู่กะนันท์แทนด้วย
สรุปแบงค์กะป้อก็ไม่ได้เจอกันสักที ขนาดป้อมาเรียนที่นี่แบงค์อาจจะยังไม่รู้เลยนะนั่น
แล้วป้อกะนันท์ยังจะได้ไปดูหนังด้วยกันด้วย โถแล้วแบงค์จะรู้ไหมเนี่ยในเมื่อแบงค์เล่นหายไปเลยแบบนี้ :เฮ้อ:

นอกเรื่อง  เรื่องงานก็สู้ ๆ นะคะ ถึงจะเหนื่อยแต่ถ้ามีโอกาสก้าวหน้าก็ยังมีกำลังใจให้ทำเนอะ
แล้วยังมี น้องกระดิ่งน้อยของผม คอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆให้ใจเต้นตึกตั๊กด้วย คราวนี้มีการถอดเสื้อโชว์ด้วย
ถึงน้องจะไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นใคร(ที่แอบชอบ)ก็คงอยากกริ๊ดเลยอะเนอะ แถมมีรอยสักด้วยอยากเห็นบ้างจัง
 :z6: อุ๋ยพูดเล่นนะคะ ไปเรื่องการ์ตูนดีกว่าอยากบอกว่าเลิกอ่านการ์ตูนชายหญิงไปนานนนนหลายปีมาก
ตอนนี้ถ้าจะอ่านก็มีแต่การ์ตูน Y นี่แหละค่ะ แต่ที่ชอบมาก ๆ ก็พวกสืบสวนอย่างคินดะอิจินี่ชอบที่สุดเลย
แต่อย่างที่ว่าไม่ได้ซื้อหนังสือการ์ตูนเองนานแล้วยิ่งน้ำท่วมจมหายเกือบหมดเลยอ่านแต่ที่น้องสาวมันซื้อ
ตอนนี้มันก็ซื้อแต่การ์ตูน Y อย่างเดียวซะด้วยมีเต็มห้องมันเลย ส่วนฉากอย่างว่าก็ถ้ามันมีที่มาที่ไปแบบ
นายเอกกะพระเอกค่อย ๆ รักกันมันก็โอเค แต่บางเล่มเปิดมาไม่มีปี่มีขลุ่ยมีแต่ฉากนั้นตลอดอันนี้ก็ไม่ไหว
น้องมันซื้อยังบ่นเสียดายตังค์เลย จริง ๆ ชอบอ่านแบบน่ารัก ใส ๆ แบบมีอะไรให้ใจเต้นตึกตักมากกว่า
อย่างตอนนันท์ไปค้างกะแบงค์แล้วแบงค์พูดหรือแสดงท่าทีให้นันท์เขิน ๆ หรือหอมแก้มให้นันท์ใจเต้นอะไรแบบนี้
มันดูน่ารักน่าลุ้น จิ้นไปเองดีค่ะ 555 เพราะงั้นผู้เขียนชอบเขียนแบบไหน คนอ่านก็อยากอ่านแบบนี้แหละคะ
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมนะค่ะ  :pig4:  :mew1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-09-2013 02:45:57
คาบเรียนที่ 15 : เปิดเผย


“เดี๋ยวรอนี่แป๊บนึงนะ พอดีลืมของไว้ที่ห้องชมรมบาสน่ะ”
แบงค์บอกกับผม ในขณะที่เราทั้งสองเดินลงมาถึงชั้นล่างสุดของอาคาร
ผมพยักหน้าตอบรับกับคำพูดนั้น ก่อนที่แบงค์จะเดินออกไป

ตรึ๊ง!!!!!!
เสียงมือถือของผมดังขึ้น ผมจึงหยิบอกมาจากกางเกงขึ้นมาดู
อ๊ะ ไลน์จากป้อนี่เอง

*------------*
ปอป้อซัง
อย่าลืมนัดวันพรุ่งนี้ครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะโทรหาอีกทีนะครับ ><
*-----------*

จริงๆ เลยแฮะป้อ คิดว่าผมเป็นคนขี้ลืมขนาดนั้นเลยเรอะ - -*


*-----------*
นันท์ แว่นหนา บ้าพลัง
ครับผม
*-----------*

ตรึ๊ง!!!!!!

*----------*
ปอป้อซัง
^^
*----------*

“อ้าว พี่นันท์ มายืนรอใครเหรอฮะ”
เสียงที่คุ้นหูของน้องแอลทักผม ผมจึงเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันไปยิ้มทักทาย
“รอแบงค์เขาน่ะ แบงค์เขาไปเอาของที่ชมรมบาสน่ะ แอลล่ะ กลับคนเดียวเหรอ แล้วบาสล่ะ”
“ยังอยู่ที่ชมรมวิทย์ฯ น่ะฮะ เห็นว่าลุยโปรเจคอะไรสักอย่างนี่ล่ะ แอลเลยกลับก่อน”

เอ๊าะเหรอ ฉลาดทั้งพี่ทั้งน้องเลยสินะ น่าอิจฉาจัง  - -*
“งั้นผมยืนรอพี่แบงค์เป็นเพื่อนพี่นันท์ละกัน ไหนๆ ผมก็ว่าง อิอิ”
แอลว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินมายืนข้างผม
ผมชำเลียงมองแอล พิจารณาดู น่ารักมากเลยแฮะ ขาว หน้าใสมากๆ ยิ่งกว่าผู้หญิงหลายคนอีกนะเนี่ย
สู้ไม่ได้เลยวุ้ย - -*

“พี่นันท์ฮะ พี่นันท์ได้บอกรักพี่แบงค์ไปรึยังฮะ”
พรึ่ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ผมแทบสำลักน้ำลายในลำคอทันทีที่แอลถามมาเช่นนั้น
“อ่ะ เอ่ออออออออออ ยังอ่ะ ท่ะ ทำไมเหรอ”
“แล้วเมื่อไหร่จะบอกอ่ะฮะ มัวรออะไรอยู่ฮะ”

อึ่ก!!!!!!!!!
แอลพูดจี้ใจดำ เล่นเอาผมพูดอะไรเกือบไม่ออกเลย

“เอ่อ.......แล้วบาสกับแอลล่ะ ใครเป็นคนบอกรักก่อนอ่ะ”
ผมเอ่ยถามแอลกลับไป แอลนิ่งไปครู่นึง ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
“ถ้าผมบอกว่า ผมเป็นฝ่ายบอกรักพี่บาสก่อนล่ะฮะ พี่นันท์จะเชื่อมั้ยฮะ”
!!!!!!!!!!!??????????

ทันทีที่แอลบอกเช่นนั้น ผมก็เกิดอาการอึ้งไปพอสมควร เพราะไม่คิดว่าเด็กหน้าตาน่ารักขนาดนี้จะเป็นฝ่ายบอกรักคนห้าวดูเกเรแบบนั้นก่อนเลย
“โห กล้ามากเลยนะนั่น”
ผมถามกลับไปอีก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อ

“ไม่รู้สิฮะ คงเพราะผมรู้ตัวมาตั้งแต่เด็กละมั้งฮะ ว่าผมเป็น ผมเลยไม่สับสนที่จะบอกความรู้สึกของผมออกไป”
แอลตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น
“ล่ะ แล้วพ่อแม่ ของแอลไม่ว่าเหรอ”
แอลนิ่งไปครู่นึงเมื่อผมถามเช่นนั้น

“ก็ไม่นะฮะ เหมือนเขาจะรู้มานานละด้วย วันแรกที่ผมพาพี่บาสไปบ้าน พ่อแม่ผมก็เหมือนจะรู้
ก็ไม่เห็นท่านจะว่าอะไร แถมดูแม่จะยังชอบพี่บาสมากเสียด้วยอีก”
ผมตกใจพอสมควรกับสิ่งที่แอลพูดออกมา เพราะน้อยนักที่พ่อแม่จะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้
ขนาดผมเอง ผมยังไม่เคยบอกแม่ตัวเองเลย เพราะกลัวว่าแม่จะรับไม่ได้

“ล่ะ ละคิดยังไง ถึงได้กล้าไปสารภาพกับเขาล่ะ”
ผมถามกลับไปอีก เพราะอยากรู้ แอลหันมามองผม
“ก็............ไหนๆ ก็รักไปแล้ว จะมัวเก็บไว้ทำไมล่ะฮะ ถ้าเงียบไว้ คำตอบมันเป็นได้แค่อย่างเดียวคือเสียใจ
แต่ถ้าเรากล้าที่บอกออกไป จริงอยู่ที่อาจจะต้องเสียใจ แต่มันก็ยังมีโอกาสที่ลูกเต๋าจะทอยออกมาเป็นหน้าที่เราต้องการก็ได้นี่ฮะ
และเพราะผมกล้าที่จะพูดไปในวันนั้น มันเลยทำให้ผมมีวันนี้ได้ยังไงล่ะฮะ”
แอลตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขมากๆ

“เพราะงั้น ผมก็หวังว่าสักวัน พี่นันท์จะมีความกล้าที่จะบอกออกไปเช่นกันนะฮะ
อย่ามัวแต่รอให้โอกาสเข้าหาเราเลยฮะ แต่เราต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาโอกาสนั้นเอง”

“อ้าว แอล ยังไม่กลับอีกเหรอ แล้วบาสล่ะ”
เสียงของแบงค์ทักมา ทำเอาแอลสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปทางแบงค์
“พี่บาสเขายังอยู่ที่ชมรมน่ะฮะ ผมเองก็กำลังจะกลับน่ะฮะ แต่พอดีเจอพี่นันท์เลยแวะคุยกันนิดหน่อยน่ะฮะ
งั้นผมไปก่อนนะฮะ โชคดีนะครับ ทั้งสองคนเลย”
แอลรีบตัดบท ก่อนจะรีบเดินออกไป โดยไม่ลืมที่โบกมือลาให้กับผม

“คุยไรกันน่ะ”
แบงค์ถามผม ทำเอาผมเหงื่อตกเลยทีเดียว
“ก็......คุย...คุยไปเรื่อยน่ะล่ะ ไม่ได้มีไรมากหรอก ไปเหอะรีบกลับดีกว่า เดี๋ยวจะเย็น”
ผมรีบตัดบท แล้วเดินนำออกมา โดยมีแบงค์เดินตามหลังมา

ตอนนี้ในหัวของผมมีแต่เรื่องที่แอลพูดวนเวียนไปมา
ก็จริงอย่างที่แอลพูด ถ้าผมยังคงนิ่งเงียบ มันจะมีแต่คำตอบเดียวคือ สับสนและเจ็บปวด
แต่ถ้าผมกล้าที่จะพูดออกไป จริงอยู่ว่ามีโอกาสที่จะเจ็บปวด
แต่มันก็มีโอกาสสมหวังอยู่ด้วยนี่

เอาล่ะ มันคงถึงเวลานั้นแล้วก็เป็นได้


..............


หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-09-2013 02:46:43
“วันนี้บาสจะกลับมาบ้านป่ะอ่ะ”
ผมเอ่ยปากขึ้นถามแบงค์ในขณะที่เราทั้งสองกำลังเดินเข้าหมู่บ้าน
“คิดว่าไม่นะ ทำไมเหรอ”
“ก็....วันนี้นันท์ไปนั่งเล่นที่บ้านแบงค์ได้ป่ะอ่ะ”

“ก็ได้นะ แต่อย่าเสียงดังล่ะ จะอ่านหนังสือ”
แบงค์หันมาตอบกลับด้วยคำตอบที่ฟังดูเหมือนจะหลอกด่ายังไงก็ไม่รู้ - -*
ผมหันกลับไปมองค้อนใส่ แบงค์เองก็ได้แต่หัวเราะสนุกกับการแหย่ผมเล่น

ให้ตายสิ - -*

“แล้วนึกไงถึงมาล่ะ”
แบงค์ถามผมกลับบ้าง
“ก็.....ไม่มีไรมากหรอก พอดีแม่ไม่อยู่อ่ะ ขี้เกียจอยู่คนเดียว อีกอย่างช่วงนี้ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ มันก็เลย.......”
“งั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละกัน แล้วค่อยมา เดี๋ยวจะได้ทำข้าวเย็นให้กินด้วยเลย”
แบงค์ตัดบทของผมขึ้นมาโดยไม่รอให้ผมพูดจบ
“โอ๊ะ ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดีใจ แบงค์เองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มหัวเราะออกมาเบาๆ

หลังจากที่ผมเข้าบ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนสื้อผ้าเสร็จ ผมก็รีบตรงดิ่งไปยังบ้านของแบงค์ทันที
ผมเปิดประตูเข้าไปทันที แบงค์ไม่อยู่ข้างล่างแฮะ แต่ได้ยินเสียงน้ำจากห้องน้ำข้างบน
สงสัยกำลังอาบน้ำอยู่ล่ะมั้ง งั้นนั่งรอข้างล่างดีกว่า

แต่เริ่มหิวแล้วอ่ะ ไปดูในตู้เย็นหน่อยดีกว่าเผื่อมีขนม
ผมเดินไปยังห้องครัวก่อนจะเปิดตู้เย็นดูข้างใน ว่ามีอะไรพอจะกินรองท้องได้มั่งมั้ย
อ๊ะ มีเลย์อยู่ห่อนึง ของแบงค์หรือไอบาสหว่า ??

“แบงค์ เลย์ในตู้เย็นนี่กินได้ป่ะอ่ะ”
ผมตะโกนถามขึ้นไป
“ได้ กินสิ”
ทันทีที่ผมได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้าหยิบเลย์ห่อนั้นออกมาจากตู้เย็นทันที 555+ ไอตะกละ

ผมเดินกลับมายังโซฟา ก่อนที่จะหย่อนตัวลงพร้อมกับเปิดทีวีขึ้นดู
ไม่นานนักแบงค์ก็เดินลงมา แบงค์ถามผมว่าจะกินข้าวเย็นเลยมั้ย
มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธ แห่ะๆ แบงค์ก็เลยทำข้าวเย็นให้ผมกิน
ก็เป็นเมนูง่ายๆ เป็นข้าวผัดธรรมดาน่ะครับ หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็ช่วยแบงค์เก็บกวาดครัว
ก่อนจะกลับมานั่งลงบนโซฟา ในขณะที่แบงค์ก็เดินขึ้นข้างบนเพื่อไปหยิบหนังสือลงมาอ่านที่โต๊ะข้างๆ ผม

บรรยากาศตอนนี้เงียบสงัด จะมีก็เพียงเสียงโทรทัศน์เท่านั้น
“เป็นไงมั่ง ซ้อมบาสอ่ะ”
ผมเอ่ยถามแบงค์พลางหยิบขนมขึ้นมากิน ในขณะที่แบงค์เองตอนนี้ก็กำลังอ่านหนังสืออยู่
“ก็ดีอ่ะ ไม่มีไรมากหรอก”
แบงค์ตอบกลับมาอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเปิดหนังสือหน้าต่อไป


ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนจะหันมามองแบงค์ ที่ตอนนี้กำลังขะมักขะเม้นกับการอ่านหนังสือ
ดูขยันเสียเหลือเกินนะ มีใส่แว่นด้วย ซึ่งปกติแบงค์เขาไม่ใส่แว่นหรอกครับ
เพราะโดยปกติแล้วแบงค์ไม่ใช่คนสายตาสั้นแบบผม

แต่แบงค์เขาจะใส่เฉพาะตอนอ่านหนังสือเท่านั้น เห็นว่าใส่แล้วทำให้อ่านได้ดีกว่า ไม่ล้าสายตาเร็ว
เจ้าตัวว่ามางั้นะ

ผมนั่งพิจารณาใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของแบงค์ในตอนนี้
มันดูเหมือนแบงค์เมื่อก่อนเลย แบงค์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ

แบงค์ที่ดูเครียดไปเสียทุกเรื่อง

ซึ่งจะว่าไปมันก็พักนึงแล้วนะ ที่ผมไม่ได้เห็นแบงค์ที่ดูเคร่งขรึมแบบนี้
มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

“เป็นอะไรน่ะ เห็นจ้องมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อแบงค์หันมาถามผม นี่ผมเผลอจ้องขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย - -*
“ป่ะ ป่าวๆ ป่าวสักหน่อย ก็แค่คิดอะไรเพลินๆ เฉยๆ น่ะ”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แบงค์เองเมื่อเห็นอาการนั้นของผม ก็ยิ้มหัวเราะเบาๆ ออกมา ก่อนจะถอดแว่นออก
แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ ผมบนโซฟา

“ทำไม มีอะไร”
ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเล็กน้อย แบงค์ไม่ตอบอะไรกลับมา ได้แต่ยิ้มเล็กๆ ให้ผม


“เฮ้ย”
ผมตกใจเล็กน้อย เมื่อแบงค์เอนหัวลงมาหนุนบนตักผมอย่างที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
“ขอพักแปบนึงนะ”
แบงค์บอกเช่นนั้น ก่อนที่จะพลิกตัวหันหน้าเข้ามาหาผมแล้วจึงหลับตาลงนอนนิ่งบนตักผม

ให้ตายสิ แบงค์ที่เป็นแบบนี้ผมรับมือไม่ถูกจริงๆ
ผมจึงได้แต่เอามือของตัวเองลูบลงไปบนหัวแบงค์เบาๆ ดูท่าว่าแบงค์เองก็จะชอบเพราะเห็นมียิ้มที่มุมปากเบาๆ

แบงค์ในเวลาแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบดีแฮะ
นั่นสิ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่แบงค์เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป
จนผมเองก็เริ่มสับสนและอยู่เฉยไม่ได้กับท่าทีนั้น

เอาล่ะ นี่เป็นโอกาสที่ผมจะต้องถามออกไป
 “แบงค์”
ผมเอ่ยเรียกแบงค์เบาๆ แบงค์ส่งเสียงครางอือในลำคอเบาๆ เป็นเชิงตอบรับ



ผมนิ่งไปครู่นึงเหมือนลังเลว่าควรจะหยุดหรือไปต่อดี


แต่ถ้าผมหยุด ผมก็จะไม่มีวันรู้ และคงต้องอยู่ในความสับสนแบบนี้ต่อไป
“ถ้านันท์จะถามอะไรแบงค์บางอย่าง จะว่ามั้ย”

ผมเอ่ยถามหยั่งเชิงไปก่อนเพื่อดูท่าทีของแบงค์
“ว่ามาสิ”
แบงค์ตอบกลับมาสั้นๆ โดยที่ยังคงหลับตานิ่งสนิท


“ก็ช่วงนี้...............เอ่ออ.................”
ให้ตายสิ ทำไมผมถึงได้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาซะงั้น ตื่นเต้นจนเริ่มพูดไม่ออกอีกแล้ว

หรือผมจะเฉไปเรื่องอื่นก่อนดี

ไม่ๆ อย่าทำแบบนั้นเป็นอันเด็ดขาด
“ช่วงนี้ ดู....เอ่อ แบงค์แปลกๆ ไป......นะ”
เอาวุ้ย เปิดประเด็นไปแบบนั้นก่อนละกัน

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-09-2013 02:47:25
“หือ? แปลกยังไงเหรอ”
แบงค์ลืมตาขึ้นมานิดนึงเมื่อได้ยินผมถามเช่นนั้น แต่ก็ยังคงนิ่งไม่เงยหน้าขึ้นมามองผม

“ก็..................ปกติ แบงค์จะเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ขรึมๆ จนบางทีออกจะดูเครียดๆ มากเกินไปด้วยซ้ำ”
ผมพยายามจะอธิบาย ทั้งๆ ที่ตอนนี้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

“แต่หลังๆ มานี้ดูแบงค์.........จะสดชื่น ร่าเริงขึ้นเอ่อ............. ดูเฮฮาขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก”

“ก็แล้วไม่ดีเหรอ ก็นันท์เองไม่ใช่เหรอที่บอกให้แบงค์ปล่อยวางบ้าง”
แบงค์ตอบกลับมาเช่นนั้น ก่อนจะหลับตาลงไปอีกครั้ง คราวนี้เอามือขึ้นมากอดเอวผมเบาๆ ด้วย
เล่นเอาผมไปต่อแทบไม่ถูกเลยทีเดียว

มันก็จริงนะ ที่ผมมักจะเคยบอกแบงค์ให้ผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่............

“มันก็ใช่.....แต่........เอ่อ จะว่าไงดีล่ะ”
ตอนนี้ผมเริ่มเรียบเรียบคำพูดไม่ถูกละ ไม่รู้จะว่าไปต่อยังไงดี
“ทำไม มีอะไรเหรอ”
คราวนี้แบงค์เป็นฝ่ายเปิดฉากถามผมกลับมาบ้าง เอาแล้วไง

“ก็..............หลังๆ มานี้  แบงค์เอ่อ................ทำตัว กับ.....นันท์แปลกไป แบบ....”
“แบบไหน”
แบงค์ยังคงถามรุกกลับมา
ซวยละ จะรุกถามเขา แต่ไหงกลายเป็นโดนต้อนกลับซะงั้นเนี่ย

“ก็.......บางทีนันท์เอง ก็แอบคิดอ่ะ.............ไม่รู้สิ เหมือนแบงค์ เอ่อ...............เหมือนความสัมพันธ์มัน...........”
เอาล่ะๆ ในที่สุด ผมก็กล้าพูดคำนั้นออกมาแล้ว

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ แบงค์ก็ดันตัวลุกขึ้นนั่ง จนผมเองก็สะดุ้งพอสมควร
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปต่อ ได้แต่นิ่งเงียบ แบงค์หันมามองหน้าผม ที่ตอนนี้มันแดงก่ำและเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
ใบหน้าของแบงค์ตอนนี้ดูนิ่งมาก นิ่งจนผมเองก็ยังกลัว

แบงค์ยกแขนขวาขึ้นมาโอบคอผมไว้ ในขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องมองผม
ก่อนที่จะยกมือซ้ายขึ้นมาจับแก้มผมไว้เบาๆ
นั่นแบงค์จะทำอะไรน่ะ ผมใจเต้นตูมตามไปหมดแล้วตอนนี้
“บ่ะ....แบงค์”
ผมเอ่ยชื่อนั้นออกไป แต่หาได้ทำให้แบงค์หยุดการกระทำนั้นได้เลย

แบงค์ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าผมอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าที่ยังคงนิ่งเรียบเหมือนเคย
ส่วนตัวผมเองตอนนี้นั้น ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เกร็งใบหน้าสุดฤทธิ์

นี่ผมกำลังจะโดนจูบงั้นเหรอ ????????????????????


“นันท์...........”
แบงค์เอ่ยชื่อของผมออกมา
“เอ่อ....อะไร”

ทั้งผมและแบงค์ต่างนิ่งเงียบไปครู่นึง ตอนนี้เราทั้งสองต่างจ้องมองตากัน
“แล้วนันท์ชอบแบงค์ที่เป็นแบบไหนล่ะ แบบเครียด หรือแบบที่แบงค์อยู่ทุกวันนี้”

อยู่ๆ แบงค์ก็เปิดประเด็นคำถามใส่ผม

“เอ่อ.........ชอบ เอ่อ ในรูปแบบไหนเหรอ?”

ผมถามย้อนกลับไป เพราะผมไม่รู้ว่าคำว่า “ชอบ” ในคำถามของแบงค์นั้นมันเป็นในแง่ไหน
จะเป็นแค่ ชอบในรูปแบบเพื่อน หรือชอบในรูปแบบของความรักแบบชายหญิงทั่วไป


แบงค์นิ่งเงียบไปครู่นึง แต่ยังไม่ละสายตาไปจากผม

“รูปแบบไหนก็ได้ ตามแต่นันท์จะตีความ”

อึก!!!!!!!!!
พูดแบบนี้หมายความว่าไง มันคือการบอกใบ้ใช่มั้ย
ถ้าใช่ ก็เหลือแค่ผมเท่านั้นล่ะ

จะปล่อยให้โอกาสมันหลุดไปไม่ได้

“..........................”
พูดออกไปสิ พูดออกไป



“เอ่อ..................”
ทำไมถึงพูดออกไปไม่ได้เนี่ย จะมัวกลัวอะไรอยู่ ไอนันท์
“เอ่อ....ชอบทั้งหมดน่ะล่ะ ไม่ว่า.......จะเป็นแบบไหน แต่ถ้า....เอ่อ....นั่นคือ...แบงค์ นันท์ก็....ชอบทั้งนั้นล่ะ”

ตึ่กตั่กๆ


พูดไปแล้ว พูดออกไปได้แล้วววว
ในที่สุดก็พูดออกไปได้สักที ถึงจำไม่ชัดเจนเต็มที่ก็เถอะ

แบงค์ล่ะ ว่าไง ทำไมยังคงนิ่งเงียบล่ะ
ขอร้องช่วยพูดอะไรหน่อยสิ

“ขอบคุณนะครับ”
แบงค์ตอบกลับมาสั้นๆ พร้อมกับยิ้มให้ผมอย่างมีความสุข

ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย

“เอ่อ............แล้วแบงค์ล่ะ คิดยังไงกับนันท์......ชอบหรือเปล่า”
ผมถามกลับไปอีกครั้ง
“ชอบ ในรูปแบบไหนล่ะ”
แบงค์ย้อนถามผมด้วยคำถามเดียวกันกับที่ผมเคยถาม
“ก็........แล้วแต่แบงค์จะคิดอ่ะ”

ทันทีที่แบงค์ได้ยินเช่นนั้น ก็ปล่อยมือซ้ายลงจากแก้มผม ก่อนจะก้มหน้าลง พร้อมกับนิ่งเงียบไปครู่นึง

เกิดอะไรขึ้น ทำไมเงียบไปล่ะ หมายความว่าไง


“บ่ะ แบงค์”
ผมเอ่ยชื่อนั้นออกไปเบาๆ

“นันท์.............นันท์ชอบแบงค์มากกว่าคำว่าเพื่อนใช่มั้ย”
อึก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อยู่ๆ แบงค์ก็ถามผมอย่างตรงประเด็นยิ่งกว่าที่ผ่านมา
เล่นเอาผมถึงกับมีความรู้สึกเหมือนกับวูบวาบไปถึงขาเลย


แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้ ผมคงไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-09-2013 02:50:08
ผมคงปิดบังต่อไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ

“ใช่ ชอบมากกว่าคำว่าเพื่อน รักมากเลยล่ะ รักที่สุด รักมานานมากแล้วด้วย
มันเหมือนที่ผู้ชายกับผู้หญิงมีให้กัน แต่แค่แบงค์เป็นผู้ชาย และนันท์เองก็เป็นผู้ชาย
มันจะผิดมั้ย ที่นันท์จะคิดแบบนั้น”


ในที่สุดความรู้สึกต่างๆ ที่ผมเคยเก็บเงียบมันมาตลอด ก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับน้ำตาที่อยู่ๆ มันก็ค่อยๆ ไหลออกมา
มันเป็นน้ำตาที่แม้แต่ตัวผมเองก็บอกไม่ได้ว่ามันคือน้ำตาของความรู้สึกไหน

หวาดกลัว
ดีใจ
สับสน
มีความสุข
หรือความทุกข์

ผมเองก็บอกไม่ถูก

“แล้วแบงค์ล่ะ คิดยังไงกับนันท์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่แบงค์ทำมา
รู้มั้ยว่ามันทำให้นันท์คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอด แต่นันท์ก็ไม่กล้าที่จะถาม
เพราะนันท์กลัวมาตลอดว่าถ้าเกิดมันไม่ใช่อย่างนันท์คิด นันท์จะต้องเจ็บ
และก็กลัวว่าแบงค์จะรังเกียจนันท์ด้วย ที่นันท์เป็นแบบนี้........ฮึ่กๆ”

ผมยังคงพูดออกไปไม่หยุดพร้อมกับเสียงสะอื้น
เหมือนความรู้สึกต่างๆ ที่ผมเคยเก็บกดมันเอาไว้ได้รับการเปิดเผยได้ระบายมันออกมาแล้ว

แล้วแบงค์ล่ะ ทำไมยังคงเงียบอยู่
ขอร้องล่ะ ช่วยตอบอะไรกลับมาหน่อยได้มั้ย


“นันท์......แบงค์ขอบคุณนันท์มากเลยนะที่รักแบงค์มาตลอด”
แบงค์เริ่มออกมาโดยที่ยังก้มหน้าอยู่

“ถามว่ามีความสุขมั้ยเวลาอยู่กับนันท์ ตอบได้เลยว่ามากที่สุด
ถ้าเทียบนันท์กับเพื่อนผู้ชายคนอื่น นันท์ต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง
แต่...............................แบงค์เองต่างหากที่ยังสับสน และลังเลว่าแบงค์เป็นอะไรกันแน่”

คราวนี้เป็นฝ่ายที่แบงค์ระบายความรู้สึกออกมาบ้าง
“ที่จริง แบงค์เองก็สับสนลังเลมาก่อนหน้านี้แล้ว คิดมากต่างๆ นานา
อย่างตอนแบงค์ที่ยังไม่รู้ว่านันท์แอบชอบใครอยู่ แบงค์ก็กระวนกระวาย อยู่ไม่เป็นสุข
เหมือนรู้สึกหึง จนแบงค์เองยังเป็นฝ่ายกลัวเสียอีกว่า ถ้านันท์รู้เข้า จะโดนรังเกียจ
จนกระทั่งวันเข้าค่ายยาเสพย์ติดวันสุดท้าย แบงค์ก็ได้รู้ว่าแท้จริงคนที่นันท์แอบชอบ แอบรักมาตลอด
ก็คือตัวแบงค์เอง.....”

เอ๋.............!!!???
ตั้งแต่เข้าค่ายยาเสพย์ติด ก็ 2 – 3 เดือนได้นะนั่น
นี่ที่ผ่านมา แบงค์รู้มาตลอดเลยเหรอ


รู้ได้ไง.....????
แล้วทำไม......????

“ถามว่าแบงค์ดีใจมั้ย ขอบอกได้เลยว่า แบงค์ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่านันท์ไปชอบคนอื่น
ที่ผ่านมา แบงค์เลยพยายามจะเปลี่ยนตัวเอง พยายามจะเรียนรู้ตัวเองว่ารู้สึกยังไงกันแน่”

“แล้วตอนนี้แบงค์รู้สึกยังไงล่ะ”
ผมพูดตัดบท พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มของแบงค์ให้เงยขึ้นมา
เผยให้เห็นว่าแบงค์เองก็มีท่าทีที่ดูกังวลไปไม่น้อยกว่าผม

แบงค์นิ่งเงียบไป จนผมต้องเป็นฝ่ายถามกลับไปอีกรอบ

“เคยรู้สึกอยากกอดนันท์บ้างมั้ย”
“เคย ถึงได้พยายามเข้าหาแล้วกอดอยู่ตลอดไง”

“เคยรู้สึกอยากหอมแก้มนันท์บ้างมั้ย”
“คืนที่นันท์มานอนค้างกับแบงค์คืนนั้นไง แต่หลังจากนั้นแบงค์ก็เขินและอายเหมือนกันนะ เลยไม่กล้าจะทำต่อ”


ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง

“แล้วจูบล่ะ แบงค์เคยคิดอยากจูบนันท์บ้างมั้ย”
“.................................”


คราวนี้ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา ดูท่าว่าแบงค์เองก็จะกังวลพอสมควร
แต่แบงค์ก็พยักหน้าแทนการพูด

ทันทีที่ผมเห็นแบงค์พยักหน้า ผมก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วกับความรู้สึกที่เคยเก็บซ่อนเอาไว้มาตลอดหลายปี
ผมยื่นหน้าของตัวเองเข้าใกล้ใบหน้าของแบงค์ พร้อมกับค่อยๆ บรรจงประกบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับริมฝีปากของแบงค์อย่างแผ่วเบา

แบงค์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ทั้งยังยื่นมือของตัวเองมาจับไว้ยังแก้มของผมด้วยกัน



ผมไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน รู้เพียงแค่ว่าริมฝีปากของแบงค์นั้นนุ่มและอ่อนโยนอบอุ่นมาก


ผมไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร......................



แต่อย่างน้อยวันนี้ ผมก็ได้เปิดเผยมันออกไปแล้ว



จบคาบเรียนที่ 15

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-09-2013 03:25:10
สวัสดีตอนดึกๆ หรือว่าจะเช้าดี ???

เพราะตอนที่ผมโพสตอนนี้ก็ประมาณ ตี 3 แล้ว  o22


ก่อนอื่นก็คงต้องออกตัวเหมือนเช่นทุกครั้งนะครับ ขออภัยที่หายไปนานนะครับ
ลองดูวันที่โพสคาบเรียน 14 แล้ว จนถึงวันนี้ ก็ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าๆ ได้  o22

ลืมกันไปรึยังเนี่ย :a5: :a5:

ก็ด้วยเรื่องเดิมๆ ครับ งานล้วนๆ แห่ะๆ คือมีแพลนเนื้อเรื่องในหัวละ
แต่ไม่มีเวลามากพอที่จะกลั่นออกมาเป็นตัวอักษรได้

เพราะโดยมาก เวลาผมพิมพ์นิยาย ผมก็จะนั่งแช่อยู่แบบนั้นเลย
ไม่ได้แบบพิมพ์ไป แล้วพักไว้ แล้ววันหลังมาพิมพ์ต่อ
พอดีวันนี้วันหยุดเลยถือโอกาสเคลียร์งานส่วนตัวไปด้วยเลย อิอิ :-[ :-[

จะเข้าเรื่องไหนก่อนดี
เรื่องทั่วไปก่อนละกันเนาะ จะว่าไป นันท์นี่ ก็อาจจะถอดแบบความคิดมาจากผมก็เป็นได้นะ
ทั้งเรื่องอยากทำงานเกี่ยวกับหนังสือ ผมเองก็มีความฝันอยากทำงานสายนี้เหมือนกัน
ใจจริง อยากเป็นนักเขียนการ์ตูนนะครับ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างไม่ลงตัวกับชีวิตเลยจังหวะไม่ได้สักที

แต่ก็พยายามหาเวลาให้มันบ้าง
ตอนนี้ก็กำลังพยายามวาดการ์ตูนสั้นอยู่ครับ ประมาณ 60 หน้าจบ
ตอนนี้ร่างดินสอไปได้ครึ่งนึงละ
(http://upic.me/i/st/313746_434716306609608_210483215_n.jpg)
(http://upic.me/i/lb/531574_434716303276275_346544525_n.jpg)
(http://upic.me/i/pm/599018_434716316609607_139350870_n.jpg)
คิดว่าสักวันคงเสร็จ 5555+ เดือนหน้าตุลา ก็มีงานคนวาดการ์ตูน ก็ว่าจะลางานไปหาประสบการณ์เสียหน่อย ><

ส่วนเรื่องการ์ตูน ผมเองก็เคยมีประสบการณ์เสียใจเช่นกัน
ตอนนั้นสะสมได้เยอะมากกกกกกกกกกกก
แต่ทำมือถือหาย เป็นรุ่น 3310 ที่ได้มาจากการประกวดออกแบบบัตรเติมเงินของ 1-2-คอล ด้วย
ตอนนั้น 3310 บูมมากกกกกกกกก (ดักแก่เลยนะเนี่ย)

ไม่กล้าบอกพ่อแม่ เลยจำใจต้องเอาการ์ตูนไปขาย เสียใจมากๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือก
ทุกวันนี้ก็ยังสะสมอยู่นะ และคงไม่คิดจะขายอีกละ (ยกเว้นเรื่องที่ไม่ใช่แนว)

เลยคิดว่า ถ้าโดนน้ำท่วมไป คงเสียใจมากแน่ๆ ยิ่งบางเรื่องหายากด้วยเนี่ย
บางเรื่องทุกวันนี้ผมไปหาตามร้านมือ 2 ยังไม่เจอเลยด้วย อย่างเรื่องนี้
(http://www.weloveshopping.com/shop/umbrellabook/n-32.jpg)
ขนาดเรื่องนี้ผมอ่านครั้งแรกตอน ป.5 มาตอนนี้ผมกว่าจะตามหามันเจอผมใช้เวลานานมากเลยนะ
เพราะงั้นส่วนมาก ถ้าหนังสือเรื่องไหนออก ผมจะรีบซื้อก่อนเลย ได้อ่านไหนค่อยว่ากัน
เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตเราจะหามันเจออีกมั้ย
ตอนนี้อยากได้นิยายเรื่อง "วิชาฆ่าภาคบังคับ" หรือ Battle Royale 2 เล่มจบ
กับเวอร์ชั่นการ์ตูน 8 เล่มจบ ผมยังหาไม่ได้เลย  :sad4:
ใครเจอที่ไหนรบกวนบอกทีนะครับ 555555555+

พล่ามมากละ เพลินไปหน่อย - -*
เข้าเรื่องนิยายดีกว่า

ตอนนี้คงทำให้ทุกท่านสมหวังไปบ้างล่ะมั้งนะครับ
เมื่อในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เปิดเผยความในใจกันเสียที
หลังจากที่เงียบๆ กันมาเสียนาน
ตอนผมเขียนตอนนี้ ผมเอาความรู้สึกของตัวเองใส่ลงไปด้วยบางส่วน
ประมาณว่าผมอยากมีประสบการณ์แบบนี้บ้างเหมือนกันน่ะ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

แต่ในชีวิตก็ยังไม่มีเข้ามาซ้ากกกกกกที  :hao5: :hao5:

ขนาดกับน้องกระดิ่งน้อยก็ยังไม่รู้จะหมู่หรือจ่ากันแน่
บางทีเหมือนไม่ใช่ บางทีเหมือนใช่ พอผมเข้าหา ก็หนีผม แต่พอผมเฉยๆ นิ่งๆ ก็กลับเข้าหาผมซะงั้น เอาไงแน่

เอาเหอะ อย่าไปคาดหวังมาก เดี๋ยวจะเจ็บมาก 55555+

ส่วนนันท์กับแบงค์ คิดว่าน่าจะสมหวัง (ละมั้ง)
ทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อไป รบกวนติดตามด้วยนะครับ

ไปละครับ


ปล. วันนี้พล่ามมากเป็นพิเศษเพราะหายไปนาน คงไม่ถือสานะครับ = ="
ปล.2 ช่วงนี้กำลังอิน และจิตตกกับเพลงนี้ ลองฟังดูนะครับ

โปรดเถิดรัก By Cocktail (http://www.youtube.com/watch?v=TXvkIboHbBk)
"ทำไมเมื่อมีรัก ฉันจึงต้องช้ำใจ"


หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 เปิดเผย (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-09-2013 08:38:40
อืมมม สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้เปิดเผยความรู้สึกกันสักที
ความรักนี่ไม่จำเป็นว่าใครจะต้องเป็นคนบอกใครก่อน
แค่ใจตรงกันก็มีความสุขแล้ว แต่นันท์นี่จริงจังมากเลยนะ
แถมมีจูบกันด้วยอ่ะ และน้องนันท์ของเราเริ่มก่อนซะด้วย  :o8:

ส่วนเรื่องวาดการ์ตูน วาดสวยจังเลยค่ะ คนอ่านไม่มีพรด้านนี้เลย
อยากวาดรูปเก่ง ๆ แบบนี้บ้าง จะได้ดีไซน์เพื่อหาเงินเข้าเป๋าบ้าง..อิอิ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 เปิดเผย (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 15-09-2013 12:26:01
โอ๊ย อยากบอกว่าอ่านแล้วเกร็งตามนันท์ตลอดเลยค่ะ กว่าจะถามออกมาแต่ละประโยค
แบบอ่านไปลุ้นไปเลยว่านันท์จะพูดออกมาแบบไหน ก็แหมมันเป็นความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้มาตั้งนาน
แถมนันท์ก็กลัวคำตอบของแบงค์ด้วยนี่นะ จนสุดท้ายแบงค์เลยต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสินะ
ถึงขนาดถามว่านันท์ชอบแบงค์มากกว่าเพื่อนรึเปล่า  จ๊าก :a5: คราวนี้มันก็เหมือนคำถามจี้ตรงจุดเลยสิ
ทำเอานันท์ของเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดแบบไม่ต้องกลัวเสียอะไรแล้วล่ะ
แล้วนันท์คงอัดอั้นมากอะสารภาพรักไปร้องไห้ไป แบบคงอยากให้แบงค์ได้รู้มานานแล้ว
แล้วก็อยากรู้ความรู้สึกของแบงค์ด้วยสินะ ไม่อย่างงั้นนันท์ก็ต้องเก็บความรู้สึกอย่างงี้ต่อไปถึงเมื่อไหร่ไม่รู้
ตอนนี้ถึงแบงค์จะยังสับสนอยู่มาก แต่ก็ไม่ปฏิเสธแถมตอบรับนันท์ทุกอย่างเลยอะ
จนตอนนี้เหมือนนันท์จะเป็นฝ่ายรุกนะนั่น 555 แล้วในเมื่อตอนนี้ก็ได้จูบกันไปแล้ว
ความสัมพันธ์มันจะชัดเจนขึ้นไหมน๊า แถมพรุ่งนี้นันท์มีนัดกะป้อซะด้วย นันท์จะเคลิ้มจนลืมนัดไหมเนี่ย
ถ้าให้เดาเดี๋ยวป้อต้องโทรมาขัดจังหวะแหง๋เลย แต่ยังไงก็ดีใจที่นันท์ได้พูดความรู้สึกออกไปซักที
แล้วโชคดีที่แบงค์ก็น่าจะใจตรงกัน ก็เหลือแค่ให้แบงค์กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกตัวเองเท่านั้นแหละเนอะ
รอติดตามนะคะถึงงานจะยุ่งแต่ก็ยังมาต่อให้อ่านเรื่อย ๆ ยังไงก็รอและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมค่ะ
ปล. มือถือเครื่องแรกในชีวิตก็ 3310 นี่แหละค่ะ (บ่งบอกอายุเหมือนกัน) แต่โชคดีไม่ได้ทำหายแค่ใช้จนลำโพงเจ๊งกันไปเลย 555
กลัวไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปขนาดหุ้นกะน้องคนละครึ่งนะคะซื้อไว้บ้านเพราะตอนนั้นไม่มีโทรศัพท์บ้าน
ส่วนเครื่องที่ใช้พกติดตัวเครื่องแรกนี่ญาติเค้าบริจาคมาอะคะ เพราะถ้าเค้าไม่ให้เราก็ไม่ซื้อหรอก
เพราะตอนนั้นคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยไม่เห็นต้องติดต่ออะไรกะใคร แต่มาตอนนี้นี่ไม่ได้เลย
ไม่มีโทรศัพท์นี่เหมือนขาดอะไรไปซักอย่างในชีวิต อย่างน้อยใช้ฟังเพลง หรือนั่งเล่นเกมตอนรถติดก็ยังดี
เอ๊ จากเรื่องการ์ตูนไปเรื่องโทรศัพท์ได้ไงหว่า อ้อ เริ่มจาก 3310 สินะ
แล้วเรื่องวาดการ์ตูนนี่ก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ขนาดตั้งใจวาดใส่แฟ้มอย่างดีด้วย ยังไงก็ต้องสำเร็จแน่ ๆค่ะ
ไม่เหมือนคนอ่านวาดแค่ตุ๊กตากิ๊กก๊อกยังวาดไม่ได้เรื่องเลย อีกอย่างหัวไม่สร้างสรรค์คงนึกพล็อตเรื่องมาวาดมาเขียนไม่ได้อยู่ดี
แล้วอยากบอกว่าคนอ่านก็อิมเมจนันท์กะผู้เขียนเป็นคนเดียวกันไปแล้ว 555 คงไม่ว่านะคะ
คิดว่าสิ่งที่นันท์อยากพูดอยากถามแบงค์ก็คงเป็นความรู้สึกของผู้เขียนเหมือนกันละมั่ง
ถึงจะไม่มีอะไรแน่นอนแต่ก็แอบลุ้นให้น้องกระดิ่งน้อยรู้สึกกะผู้เขียนเหมือนที่แบงค์รู้สึกกะนันท์นะคะ
ปล.2 ไม่ได้เข้าร้านการ์ตูนมานานนนนนมาก เลยคงไม่มีโอกาสได้เจอการ์ตูนที่ผู้เขียนอยากได้แน่เลย
แต่ถ้าน้องมันได้เจอก็จะเอามาบอกนะคะ
ปล. 3 ได้ลองฟังเพลงแล้วนะคะ เพราะดีค่ะ แต่ตอนนี้คนอ่านกำลังคลั่งเพลงไม่สนิท ของ นนท์ The Voice อยู่ค่ะ
เป็นแบบแอบรักเพื่อนแต่ไม่กล้าพูดไปเหมือนกัน ไม่ได้ตรงกะชีวิตจริงตอนนี้หรอกค่ะ แต่ฟังแล้วมันจิ๊ดเลย
แบบเคยตรงเมื่อสมัยละอ่อนอยู่อะคะ 555 นี่ก็พล่ามแต่เรื่องตัวเองซะยาว อาจจะอ่านแล้วดูสับสนไปบ้างนะคะ  :pig4: :กอด1:

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 15 เปิดเผย (14-9-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 15-09-2013 19:06:27
ชอบน้องแอลจริงเลย โผล่มาแต่ละที ทำน้องนันท์จุกทุกทีสิน่า
น้องแอล เป็นฝ่ายบอกรักบาสก่อนเหรอเนี่ย แต่ก็ไม่ค่อยแปลกใจแฮะ
ดูแล้วเป็นเด็กมั่น ชัดเจนซะขนาดนี้ ไม่งั้นคงเอานายบาสไม่อยู่หรอก
คำพูดของน้องแอล ทำให้น้องนันท์ตัดสินใจจะเสี่ยงได้แล้วสิ
แต่กว่าจะเข้าเรื่องที่อยากจะพูดจริง ๆ ได้ นี่ อ้อมซะไกล
พูดไปพูดมา ใครเป็นฝ่ายถามใครกันแน่ล่ะเนี่ย โดนแบงค์รุกซะ
“นันท์.............นันท์ชอบแบงค์มากกว่าคำว่าเพื่อนใช่มั้ย”
ต้องขอบคุณคำถามนี้ของแบงค์เลย ไม่งั้นมันก็คลุมเครืออยู่นั่น
น้องนันท์ เลยตอบซะ บอกความรู้สึก หมดเปลือกกันไปเลย
น้องนันท์ ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว แต่แบงค์ ทำไมรู้สึกยังไม่ค่อยชัดเจน
ขนาดจูบ น้องนันท์ยังต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แล้วตกลงความรู้สึกแบงค์คืออะไร
สงสัยแรงกระตุ้น ยังไม่พอสินะ ต้องให้ป้อมาช่วยเสริมแรงกระตุ้นอีกหน่อยล่ะ
.........................................................
วาดการ์ตูนเก่งจัง แล้วการ์ตูนที่วาดนี่ แนว boy's love รึเปล่าคะเนี่ย
เราก็ชอบวาดรูปเหมือนกันนะ เคยวาดการ์ตูนแบบนี้เหมือนกัน
วาดเล่น ๆ แต่ความพยายามไม่พอ แถมยากกว่าที่คิดไว้มาก ๆ เลยเลิก
กลับมานั่งวาดเล่น ๆ สนุก ๆ ไม่เป็นเรื่องเป็นราวไปเรื่อย ๆ แบบฆ่าเวลาเอา

ส่วนเรื่องนิยายที่ตามหา ดูชื่อเรื่องแล้ว แบบว่าไม่ใช่แนวที่อ่าน แหะ ๆ ไม่รู้จะช่วยยังไง
เราชอบอ่านนิยาย Y ถ้าไม่ใช่แนววาย ก็เป็นแนวแฟนตาซีไปเลย

เรื่องน้องกระดิ่งน้อย ก็นะ คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วค่ะ เผื่อใจไว้นั่นแหละดี

ส่วนนันท์กับแบงค์ คิดว่าน่าจะสมหวัง (ละมั้ง) ทำไมต้อง ละมั้ง ด้วย  :ling1: ต้องสมหวังสิค้า
สงสารน้องนันท์นะ พยายามมาขนาดนี้แล้ว อย่าใจร้ายกับน้องนันท์นะคะ  :impress:

เป็นกำลังใจให้ต่อไป ขอบคุณมากค่า  :mew1: :L1: 
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 16 แอบแฝง (14-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-10-2013 03:54:07
คาบเรียนที่ 16 : แอบแฝง


“แล้วแบงค์ซ้อมเสร็จกี่โมงอ่ะ”
“ก็คงราวๆ 3-4 โมงน่ะ ทำไมเหรอ”

“ป่ะ ป่าว.......ก็แค่................คิดถึงแค่นั้นอ่ะ แห่ะๆ”
“ไอเด็กบ๊องเอ้ย ก็เจอหน้ากันแทบทุกวันอยู่แล้วแท้ๆ โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะ จะซ้อมละ”

“ครับๆ แต่เดี๋ยวก่อน แบงค์”

“หือ”


“รักนะครับ................!!!!! พอละ พูดเอง อายเองซะงั้น แค่นี้นะ”
“อะไรเนี่ย มีแบบนี้ด้วย..............................................แต่ยังไงก็ขอบคุณนะ”

“ครับ แบงค์”

ตื๊ด!!!!!

ผมกดวางสายมือถือลง ก่อนจะเก็บมันเข้าไว้ในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับหันมองซ้ายขวาไปมา
แล้วจึงนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า (???)

ก็บทสนทนาเมื่อครู่นั่นล่ะครับ คือตัวการที่ทำเอาผมเขินอายหนาแดงเป็นคนบ้าอยู่เนี่ย

ก็แบบ........แห่ะๆ เมื่อวานน่ะครับ ผมกับแบงค์แบบว่า................
อ๊ากกกก อายที่จะพูด แต่ก็อยากจะพูด (???)
ก็คงจะรู้กันแล้วนะครับ ว่าตอนนี้ ความรู้สึกของผมที่มีต่อแบงค์นั้นได้เปิดเผยออกไปอย่างหมดเปลือกแล้ว

และที่สำคัญ ผมกับแบงค์ ก็ยังได้.................จ่ะ...จูบกันอีกต่างหาก

อ๊ากกกกกกกกกกกก พอคิดแล้ว ก็ยิ่งเขินมากเลยนะเนี่ย
ไม่รู้ว่าทำไปได้ยังไง ใจกล้ามากที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้ผมจะเคยทำมาก่อนเลยนะนั่น

เหมือนบรรยากาศมันพาไปมากกว่า
ริมฝีปากที่นุ่ม ลมหายใจที่อุ่น ใบหน้าที่แดงก่ำ มือที่ยังสั่นด้วยความหวาดหวั่น
ทั้งหมดทั้งปวงคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เหมือนเวลาช่วงนั้นมันยาวนานเสียเหลือเกิน
ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินอาย จนหน้าแดงไปหมดละเนี่ย - -


คงสงสัยสินะครับ ว่าหลังจากนั้น ผมกับแบงค์ทำอะไรกันมั่ง
ก็..............................................


บอกตามตรงเลยว่า.......................


จบลงแค่จูบนั้นล่ะครับ ไม่มีอะไรเกินเลยต่อจากนั้น =w=
คงผิดหวังกันล่ะสิ

ขอโทษด้วยนะคร้าบบบบบบบบบบ - -

แหม จะด่วนใจร้อนกันไปไหน ผมกับแบงค์เองก็เพิ่งจะแค่ได้เปิดเผยความในใจกันแค่นั้นเอง
แค่จูบนั้นก็มากเกินพอแล้ว มากจนทำเอาผมเองยังใจเต้นแทบจะระเบิดออกมาแล้วแน่ะ

แต่ถ้าถามว่าแล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นยังไง

ก็.............ไม่มีอะไรมากนะ
ผมร้องไห้น้ำตาไหล จนแบงค์ตกใจถามว่าผมเป็นอะไร
ผมก็บอกออกไปว่าแค่ดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่แค่นั้นล่ะ
แบงค์เองพอได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ

เราสองคนก็กุมมือกัน ผมก็เอาหัวไปซบบนไหล่ของแบงค์
แบงค์เองก็เอามืออีกข้างมาลูบหัวผมเบาๆ

ผมมีความสุขมากๆ



มากเสียจน...........................



ผล็อยหลับไปซะงั้น!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อ๊ากกกกกกกก เป็นอะไรที่น่าอายมากกกกกกกก
บรรยากาศกำลังเป็นใจ แต่ดันเผลอหลับไปได้ไงก็ไม่รู้ =[]=
กว่าผมจะตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว โดยตัวผมนั้นนอนอยู่บนเตียงของแบงค์
และแบงค์เองนั้นก็นอนอยู่ข้างๆ ผม ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน!!!!!!!!


แต่ไม่มีอะไรในก่อไผ่ ไม่มีอะไรเกินเลยเกิดขึ้น เพราะเสื้อผ้าของผมและแบงค์ยังคงอยู่ปกติ


ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี (555555+)

แต่ถึงเรื่องราวจะเกิดขึ้นแบบนั้นไปแล้ว
ถ้าจะถามว่า ตอนนี้ผมกับแบงค์เป็นอะไรกัน
ผมเองก็ยังคงตอบไม่ได้ เพราะเอาเข้าจริง เมื่อคืนก็ยังไม่ทันได้คุยเรื่องนี้ เพราะผมดันหลับไปซะงั้น - -*

ตื่นเช้ามา แบงค์ก็รีบไปซ้อมที่โรงเรียน

แต่เอาเถอะ อย่างน้อยก็ถือว่าผมมาได้ไกลกว่าที่ผมคิดละล่ะ
หลังจากนี้ ผมก็คงต้องพยายามเพิ่มขึ้นแล้วล่ะ อิอิ

พล่ามมามากแล้ว คงอยากรู้สินะว่าตอนนี้ผมอยู่ไหน
ตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ห้างน่ะครับ นั่งเอ้อระเหยอยู่ตรงน้ำพุในห้าง แล้วมาทำไมน่ะเหรอ
ก็แบบดันพลั้งไปรับปากป้อเขาไว้น่ะครับ ว่าจะมาดูหนังเป็นเพื่อนเขา
แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ เพราะดูแล้วป้อก็ไม่ใช่คนมีพิษภัยอะไร ออกจะเฟรนด์ลี่มีอัธยาศัยดีออก
ถึงแม้จะมีบางมุมดูแปลกๆ บ้างก็เหอะ - -*

นี่ก็ 10 โมงกว่าแล้ว ยังไม่เห็นป้อเลย นัดกันไว้ตอน 10 โมงแท้ๆ อุตส่าห์รีบมา =w=

“ขอโทษทีที่มาสายครับ นันท์”
อ๊ะ ตายยากเหมือนกันแฮะ พูดถึงก็มาทันที
ผมหันไปยังเสียงนั้น แต่เมื่อผมหันไป ผมก็ถึงกับตกตะลึงกับภาพที่เห็น

คือ ปกติเจอกันแต่ในโรงเรียน ชุดนักเรียน ก็ดูธรรมดาปกตินะ
แต่นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เจอในชุดนอก (ไม่นับตอนเข้าค่าย เพราะนั่นชุดลำลองทั่วไป ไม่ใช่ชุดเที่ยว)
คือ……………… ไม่นึกว่าป้อเองจะหล่อขนาดนี้เลยนะเนี่ย
คือจะว่ายังไงดีล่ะ……….!!!!!
คงเพราะด้วยการแต่งตัวด้วยล่ะมั้ง ดูดีมีรสนิยมมาก การเซ็ตผมที่ไม่มากไปหรือน้อยไป
หน้าก็เนียนใสมาก (แทบจะไม่เคยสังเกตมาก่อน เพราะที่โรงเรียนป้อก็ไม่ได้แต่งอะไรมาก ออกจะดูธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ)
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 16 แอบแฝง (14-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-10-2013 03:55:38
คือบอกได้เลยว่าเป็นดาราได้เลยนะนั่น

ผมนิ่งตะลึงไปครู่นึงก่อนที่จะดึงสติตัวเองกลับมาได้
ไม่ได้ๆ เห็นป้อต่างไปจากทุกทีทำเป็นเอ๋อกินไปเลยนะเรา
ไม่ได้หลงอะไรหรอกนะ แค่อึ้งๆ น่ะเดี๋ยวจะโดนหาว่านอกใจแบงค์ 5555+

“นันท์มานานรึยังครับ”
ป้อถามผมด้วยน้ำเสียงหอบเล้กน้อย เพราะรีบวิ่งมา
“ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก ว่าแต่ทำไมมาสายอ่ะ”
ผมถามกลับไป ป้อเอามือเกาหัวเล็กน้อย พร้อมกับทำหน้ายิ้มแหยๆ

“แห่ะๆ คือแบบว่า.....เกิดงานเข้าเล็กน้อย พ่อให้ช่วยงานนิดหน่อยอ่ะครับ เลยมาสาย ขอโทษด้วยนะครับ”
“อ้อ ไม่เป็นไรๆ แล้วนี่กินไรมารึยังน่ะ”
ทันทีที่ผมถามกลับไปแบบนั้น ป้อก็ส่ายหัวทันที ก่อนที่จะมีเสียงโครกครากตามมาจนป้อเองออกอาการเขินเล้กน้อย
ผมเองก็หัวเราะเล็กน้อย จึงเอ่ยปากชวนป้อไปหาอะไรกิน

เราทั้งสองเดินวนรอบห้างเพื่อตัดสินใจว่าจะกินอะไรกัน
แต่ในระหว่างที่เดินรอบห้างนั้น ผมก็สังเกตได้ว่า สายตาของคนรอบข้างโดยเฉพาะสาวๆ นั้นจับจ้องมาที่ป้ออยู่ตลอดเวลา
ก็แหงล่ะ ป้อออกจะเด่นเสียขนาดนั้น

เด่นเสียจนผมเองรู้สึกหมองไปเลย ;w;

“กินพิซซ่ากันมั้ย ผมไม่ได้กินนานแล้วอ่ะครับ”
ป้อหันมาถามผมเมื่อเราทั้งสองเดินผ่านหน้าร้านพิซซ่าฮัท ผมเองเมื่อได้ยินป้อถามเช่นนั้นก็พยักหน้าเป็นการตอบรับกลับไป
เพราะจะว่าไปผมเองก็ไม่ได้กินพิซซ่ามานานเหมือนกัน

เราทั้งสองจึงเดินเข้าไปในร้าน แล้วเลือกที่นั่ง ไม่นานนักก็มีพนักงานมารับออเดอร์

“เอาเซ็ต 299 ครับ พิซซ่าเอาเป็นหน้า.........เอ่อ นันท์อยากทานหน้าไหนครับ”
ป้อหันมาถามผมที่ตอนนี้กำลังเปิดดูเมนูด้วยความเอ๋อ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยสั่งเอง ให้เพื่อนสั่งให้แทนทั้งนั้น - -*
“เอาอะไรก็ได้ แล้วแต่ป้อละกัน นันท์กินได้หมด”
เมื่อป้อได้ยินเช่นนั้น ก็จึงหันไปสั่งพนักงานด้วยความคล่องแคล่ว เมื่อพนักงานรับออเดอร์เสร็จจึงเดินจากไป

“ว่าแต่ เราจะดูหนังเรื่องอะไรดีครับ วันนี้”
ป้อถามผม ผมหันกลับไปมองป้อด้วยความสีหน้างงๆ เล็กน้อย เพราะผมเองก็ไม่ได้ศึกษามาก่อนว่าช่วงนี้มีหนังอะไรสนุกๆ บ้าง
“แห่ะๆ ขอโทษทีนะ ไม่รู้อ่ะ ไม่ได้ดูโปรแกรมหนังเลยอ่ะ ขอโทษน้า”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นเอาเป็นเรื่อง กราวิตี้ มฤตยูแรงโน้มถ่วง มั้ยครับ”
“มฤตยู??? น่ากลัวมั้ยอ่ะ หนังผีรึป่าว”
ผมถามกลับไปด้วยความกลัว เพราะปกติเป็นคนไม่ชอบดูหนังผีเท่าไหร่
ป้อเองเมื่อได้ยินผมถามเช่นนั้น ก็หัวเราะเล็กน้อย จนผมอายเพราะเหมือนตัวเองถามอะไรโง่ๆ ออกไปยังไงไม่รู้

“ไม่น่ากลัวหรอกครับ อาจจะมีตื่นเต้นบ้าง คือหนังมันเกี่ยวกับอวกาศน่ะครับ”
ทันทีที่ผมได้ยินคำว่า อวกาศ หูของผมก็ผึ่งทันที
“ก็พอดีผมสังเกตเห็นน่ะครับ ว่านันท์มักจะชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับอวกาศ จักรวาลอะไรพวกนี้ เลยคิดว่านันท์น่าจะชอบเรื่องนี้”
ป้อบอกกับผม พร้อมกับยิ้มให้ผม จนผมเองอดอายไม่ได้กับรอยยิ้มนั้น
มันอะไรกันเนี่ย ???????


หลังจากที่กินพิซซ่าเสร็จ ผมกับป้อก็เดินไปยังชั้นโรงหนังทันทีเพื่อดูตารางฉาย
“มีรอบบ่ายโมงครึ่ง ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าๆ ยังไงก็ซื้อตั๋วไว้ก่อนละกัน ดูแบบ 3 มิติละกันนะครับ”
ป้อบอกผม พร้อมกับเดินไปยังเคาเตอร์เพื่อซื้อตั๋ว
ทันทีที่พนักงานบอกราคาผมก็ควักเอากระเป๋าเงินออกมาเพื่อจะหยิบเงินให้ป้อ แต่ก็โดนป้อห้ามไว้

“วันนี้ผมเป็นคนชวนนันท์มาดูหนังเป็นเพื่อน เพราะงั้นค่าตั๋วหนังขอผมเป็นคนจ่ายให้นะครับ”
“แต่....”
“เอาเถอะครับ นะ นะ ไม่งั้นผมไม่สบายใจนะครับ”
ป้อบอกกับผมด้วยสีหน้าอ้อนวอน ผมเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน จึงเก็บกระเป๋าเงินคืนเข้าที่
เมื่อป้อเห็นผมเก็บกระเป๋าเงินแล้ว จึงควักกระเป๋าของตัวเองออกมา

ในขณะที่ป้อกำลังหยิบเงินออกมา ผมก็เหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
แต่ก็ไม่ทันจะได้ดูให้แน่ชัด ป้อก็ปิดกระเป๋าและเก็บมันกลับเข้ากระเป๋ากางเกงไปเสียก่อน

“มีเวลาประมาณชั่วโมงนึงแน่ะ ไปไหนกันดีอ่ะ”
ผมหันไปถามป้อที่กำลังเก็บตั๋วหนังเข้ากระเป๋าเงิน เมื่อผมเห็นเช่นนั้น ก็พยายามสังเกตกระเป๋าเงินของป้ออีกครั้ง
โดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ คราวนี้เห็นชัดกว่าเมื่อกี้นิดนึง

ผมพอจะสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างในกระเป๋านั้
เหมือนเห็นบัตรอะไรสักอย่าง
แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นตรงกับสิ่งที่ตัวเองคิดหรือไม่

เอ่อ นี่ป้อ....................

“อืม.....ลองเดินๆ ดูรอบๆ ก่อนมั้ยครับ แล้วค่อยว่ากัน”
ป้อหันมาตอบผม ผมเองก็พยักหน้าให้กับความคิดนั้น
ผมพยายามเก็บอาการไว้ เพื่อไม่ให้ป้อรู้ว่าผมกำลังเผือกเรื่องของป้ออยู่ 55555+

“ว่าแต่ นันท์พักอยู่กับใครเหรอครับ”
ป้อหันมาถามผมในขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย
“ก็อยู่กับแม่น่ะ ส่วนพ่อ แห่ะๆ หย่ากันตั้งแต่นันท์ยังเด็กๆ น่ะ”
“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ถามอะไรออกไปให้นันท์รู้สึกไม่ดี”
ผมส่ายหัวพร้อมกับยิ้มกลับไป

“ช่างเถอะ เรื่องมันก็ตั้งแต่นันท์ยังเด็กละ ถึงจะอยู่กับแม่แค่สองคน แต่แม่ก็ไม่เคยทำให้นันท์รู้สึกว่าเหงา หรือขาดอะไรไปเลย”
ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มกลับมาให้ผม

แต่ทว่าทำไมรอยยิ้มคราวนี้นั้น กลับดูเป็นรอยยิ้มที่ดูแปลกไปจากทุกครั้ง
“แล้วป้อล่ะ อยู่กับใครเหรอ”
ผมถามป้อกลับไปบ้างคราวนี้
“ก็....อยู่กับพ่อสองคนน่ะครับ ส่วนแม่......แห่ะๆ ก็เหมือนนันท์น่ะครับ หย่ากันไปนานแล้ว”
ทันทีที่ผมได้ยินคำตอบนั้น ผมเองก็อึ้งไปพอสมควร เพราะไม่นึกว่าป้อกับผมจะมีส่วนคล้ายกันในเรื่องนี้

“แต่ของผมต่างจากนันท์นิดหน่อย เพราะผมกับพ่อไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไหร่ เพราะงานท่านเยอะน่ะครับ
บางทีก็ต้องไปต่างจังหวัดหลายๆ วันเพราะงั้นผมเลยอยู่คนเดียวเสียมาก ผมเลยรู้สึกอิจฉานันท์นิดๆ อ่ะครับ แห่ะๆ”

ป้อตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่า อย่างที่ผมบอกน่ะล่ะครับว่าเป็นรอยยิ้มที่ดูต่างจากทุกครั้ง
และตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าเพราะอะไร
นั่นเพราะผมดันไปเล่าให้ป้อฟังว่าแม่ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกเหงาหรือขาดอะไรไป
โดยหารู้ไม่เลยว่าผมกลับไปสะกิดเข้ากับอะไรบางอย่างในใจของป้อโดยไม่รู้ตัว

“เอ่อ........นันท์ขอโทษนะที่นันท์ทำให้ป้อรู้สึกไม่ดี”
ผมเอ่ยคำขอโทษออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด
“หือ ขอโทษผมทำไมครับ อ้อ ไม่ต้องคิดมากครับ ผมไม่เป็นไร ผมชินแล้วน่ะครับ”
ป้อตอบกลับมาพยายามที่จะทำให้ผมไม่คิดมาก
แต่ถึงผมจะเป็นคนทึ่มๆ เอ๋อๆ แต่ผมเองก็พอจะดูออกล่ะน่ะ ว่าแท้จริงแล้วป้อเองก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน

ไม่งั้นคงไม่ยิ้มต่างไปจากทุกทีหรอก
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 16 แอบแฝง (14-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-10-2013 03:57:50
“และอีกอย่างตอนนี้ผมก็ไม่เหงาด้วยละครับ เพราะตอนนี้ผมมีนันท์อยู่ข้างๆ ละครับ อ่ะเอ่อ แบบ เป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้อ่ะครับ แห่ะๆ”
ป้อบอกผมเช่นนั้น ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและใบหน้าที่ดูเขินอาย คงเพราะพยายามที่จะทำให้ผมไม่คิดมากน่ะล่ะ
ผมเองเมื่อเห็นนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ

จะว่าไปป้อ ก็ดูเป็นคนดีมีมุมน่ารักเหมือนกันแฮะ
อันที่จริงก็ตั้งแต่ตอนเข้าค่ายแล้วล่ะ ที่ป้อดูเป็นคนเฮฮาร่าเริง
แต่ผมไม่เคยสังเกตเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องจากกันเพราะอยู่กันคนละโรงเรียน
แต่ทว่า ป้อก็กลับย้ายมายังโรงเรียนนี้ ถึงจะด้วยเหตุผลอะไรก็เถอะ ผมไม่อยากถาม หากเจ้าตัวไม่อยากบอก
ถ้าการที่ผมเป็นเพื่อนป้อ จะทำให้หายเหงาได้ ผมก็ยินดี


ยังไงไหนๆ ก็เป็นเพื่อนละนี่


“อ๊ะ แวะร้านนี้มั้ยครับ พอดีมีเพลงอยากฟังนิดหน่อย”
ป้อหันสะกิดผม เมื่อเราทั้งสองคนเดินผ่านหน้าร้านขายซีดีเพลง ผมพยักหน้าพร้อมกับเดินตามเข้าไป
ป้อเดินนำหน้าเข้าไปในร้าน มุ่งตรงไปยังมุมทดลองเพลงตัวอย่าง พร้อมกับหยิบหูฟังขึ้นมาใส่

เพลงคงจะเพราะสินะ ถึงได้อมยิ้มคนเดียว

ผมเองเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ไม่อยากเข้าไปรบกวน จึงเดินไปรอบๆ ร้าน
จะว่าไปเรื่องเพลงนี่ ว่ายังไงดีล่ะ ปกติก็ฟังนะ แต่ส่วนมากจะฟังเพลงเดิมๆ เสียมากกว่า
ประมาณว่าชอบเพลงไหน ก็ฟังแต่เพลงนั้น หรือถ้าไปได้ยินเพลงไหนเพราะก็จะไปสืบหา หรือถามเพื่อนว่าเพลงอะไร
แต่ก็ไม่มากหรอก เพราะอย่างที่บอกว่าส่วนมาก ผมก็มักจะฟังแต่เพลงเดิมๆ
ขนาดในมือถือผม ยังมีเพลงไม่ถึง 30 เพลงเลย ฟังวนไปวนมาซ้ำๆ อยู่นั้นล่ะ - -*
ต่างจากคนอื่นที่มีเป็นร้อยๆ เพลง อย่างเห็นได้ชัด

ผมใช้เวลาไม่นานนักก็เดินวนกลับมายังป้อที่ตอนนี้ยังคงฟังเพลงอยู่
แต่ทว่าคราวนี้หันมาหาผมและกวักมือเรียกผมเข้าไป ผมจึงเดินเข้าไป

“ลองฟังเพลงนี้ดูสิครับ เพราะนะ นี่ๆ จะถึงท่อนฮุคละ”
เมื่อป้อบอกเช่นนั้น ผมจึงรีบรับหูฟังมาใส่ทันที

-ถ้าหากว่าฉันนั้นยังหายใจ ถ้าหากว่าเธอยังเชื่อในฉัน
หมดชีวิตนี้ เราจะมีกัน......ตราบนานเท่านาน
อาจไม่ใช่คนที่ตรงใจเธอ อาจไม่เหมือนใครที่เธอเคยวาดฝัน
แต่จะรักเธอ เหมือนเดิม อยู่ทุกวัน ตราบนานเท่านาน....-



“เพลงของใครเหรอ”
ผมถอดหูฟังออกพร้อมกับหันไปถามป้อ ที่กำลังยิ้มอยู่

“นานเท่านาน ของหนุ่มวงกะลาครับ ผมชอบเพลงนี้น่ะครับ ความหมายดี โดนใจผมอ่ะครับ”
ป้อบอกผมด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใส สงสัยคงจะเป็นคนชอบฟังเพลงสินะ ถึงได้จ้อเชียว

“อ่อ...”
ผมพยักหน้ากลับไป
“เป็นไงครับ เพราะมั้ยครับสำหรับนันท์”

“อื้มเพราะดีอ่ะ นานๆ จะได้ยินเพลงไทยเพราะๆ แบบนี้อ่ะ สงสัยต้องไปหามาฟังแล้วล่ะ ของใครนะ หนุ่มวงกะลาใช่มั้ย”
“ครับ แต่ไม่ต้องไปหาหรอก เดี๋ยวผมส่งไปให้”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบตกลง เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้นเสียก่อน เป็นเสียงได้รับข้อความหรืออะไรสักอย่าง
ผมหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าป้อได้ส่งเพลงมาให้ผมแล้ว
(เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลยนะ อย่าทำตามล่ะ สงสารคนทำเพลง - -*)

“เร็วมากเลยนะ”
ผมหันไปพูดกับป้อ ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อมยิ้ม
“ครับ ผมอยากให้นันท์ได้ฟังเพลงนี้น่ะครับ ฟังบ่อยๆ นะครับ”
ป้อบอกเช่นนั้น ก่อนที่จะหันหลังให้กับผม

“ไปเถอะครับ จะถึงเวลาฉายหนังแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”
ป้อหันมาบอกผมด้วยสีหน้าแดงก่ำไม่รู้ด้วยเพราะอะไร แต่ผมก็ไม่ได้ถาม เพราะมัวแต่สนใจกับเวลาฉายหนังที่กำลังจะถึง
จึงรีบเดินตามป้อออกไป

ในขณะที่ผมกับป้อเดินไปยังโรงหนังนั้นเอง


“อ้าว นั่น นันท์นี่หว่า เฮ้ย นันท์”
เสียงห้าวๆ ที่ผมคุ้นหูเรียกชื่อของผม ผมหันกลับไปยังต้นเสียงนั้น
ใช่จริงๆ ด้วย พลกับตี๋เอ๋อ นั่นเอง

“อ้าว มาเที่ยวกันเหรอ”
ผมถามกลับไปยังพล
“กูมาดูหนังกับตี๋เอ๋อน่ะ”
“อ่ะจริงดิ แล้วไม่ไปซ้อมบาสเหรอ เห็นแบงค์ไปซ้อมนี่”


“กูโกหกว่าไปบ้านญาติน่ะ อย่าไปบอกใครล่ะ""

นั่น - -*

"แล้วนันท์ล่ะ มาทำไรน่ะ กับ...........”
พลหันไปมองยังคนที่ยืนข้างผมในตอนนี้

“อ้อ นี่ป้อนะ อยู่ชั้นเดียวกับเรา แต่คนละห้องน่ะ”
ผมแนะนำป้อให้พลกับตี๋เอ๋อรู้จัก
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ป้อเองก็เอ่ยคำทักทายอย่างสุภาพให้กับพลและตี๋เอ๋อ
ตี๋เอ๋อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหัวเป็นการทักทายกลับมา
ส่วนพลนั้น ก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ แต่ยังคงไม่ละสายตาจากป้อ

“เอ่อ....ไม่รู้ยังจำกันได้หรือป่าว แต่ป้อเคยไปค่ายอบรมยาเสพย์ติดเหมือนพวกเรา แต่ตอนนั้นป้อยังอยู่คนละโรงเรียนกับเราน่ะ”
ผมอธิบายขยายความต่อ พลเองเมื่อได้ยินผมบอกเช่นนั้นก็ร้องอ๋อออกมาทันที

“อ่อ นึกออกแล้ว ก็ว่าทำไมหน้าตาคุ้นๆ แล้วย้ายมาด้วยสาเหตุอะไรล่ะ”
พลถามกลับไปยังป้อ ป้อเองเกิดอาการอ้ำอึ้งเล็กน้อยทันทีที่พลถามเช่นนั้น
“เอ่อ ก็นิดหน่อยน่ะครับ ไม่ได้มีอะไรสำคัญน่ะครับ แห่ะๆ”
พลพยักหน้าให้กับคำตอบนั้น แต่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ (จะทำหน้าโหดไปถึงไหนน่ะ น่ากลัว - -*)

“เออ ว่าแต่ตะกี้เห็นบอกว่ามาดูหนัง ดูเรื่องอะไรกันอ่ะ”
ผมหันกลับไปถามพลเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“กราวิตี้น่ะ”
“อ๊ะ เรื่องเดียวกันเลย นี่นันท์กับป้อ ก็ว่าจะดูกันเนี่ย

“มา เดี๋ยวกูสปอยด์ให้นะ ตอนจบนางเอก.....”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
ผมรีบตะโกนเสียดังขึ้นมาทันที จนคนรอบข้างต่างก็หันมามอง จนผมเองรู้สึกอายจนตัวแทบจะหดเล็กลง
“ไม่ต้องเล่าเลยนะ เดี๋ยวจะไปดูเอง”
ผมบอกกับพลด้วยน้ำเสียงที่เบาลง พลเองก็หัวเราะให้กับความเปิ่นของผม ;w;

“เออๆ งั้นกูไปก่อนละ ว่าจะไปหาไรกินก่อนน่ะ”
พลบอกกับผมก่อนจะเดินจากไป โดยหันกลับมามองผมกับป้ออีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินหายลับไปจากสายตา

“เอ่อ เพื่อนนันท์ คนที่ชื่อพลนั่น ดูท่าทางน่ากลัวๆ ยังไงไม่รู้นะครับ”
ป้อหันมาคุยกับผมในขณะที่เราทั้งสองต่างก็เดินไปยังโรงหนัง
“อ่อ มันก็เป็นคนแบบนั้นน่ะล่ะ แต่จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก แค่ภายนอกดูน่ากลัวเฉยๆ แค่นั้นล่ะ”
ผมบอกกับป้อไป ป้อเองก็พยักหน้าให้กับคำตอบนั้น

“ป่ะ รีบไปกันเถอะ อีกไม่กี่นาทีหนังจะเริ่มแล้ว”
ผมบอกกับป้อ ก่อนจะเร่งฝีเท้า ป้อเองจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินตามผมมาเช่นเดียวกัน


เอาล่ะ กราวิตี้งั้นเหรอ ขอดูสักหน่อยละกัน ว่าจะสนุกมั้ย

ไหนๆ ก็ดูแบบ 3 มิติ แถมยังดูฟรีด้วยนี่สิ




อิอิ

จบคาบเรียนที่ 16


หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 16 แอบแฝง (14-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 14-10-2013 04:23:24
สวัสดีตอนตี 3 กับอีก 59 นาที ของวันที่ 14 ตุลาครับ
 o22


โห ห่างจากคาบเรียนที่ 15 ถึง 1 เดือนเต็มเลยเรอะเนี่ย  :angry2: :angry2:
ขอยอมรับความผิดแต่โดยดีครับ

ลืมกันไปรึยังเนี่ย  :sad4: :sad4:

ทุกครั้งที่อัพตอนใหม่เสร็จ ก็จะมีความรู้สึกว่า อ้าาาาาาาาาห์ ผ่านไปอีก 1 ตอน
สบายแล้ววววววววว

แล้วก็ชิลล์.......ไม่สิ จริงๆ ต้องเรียกกลับไปโหมงานหลักจนลืมวันและเวลามากกว่า :a5:
พอรู้ตัวเองอีกที ก็เป็นแบบนี้ไปซะแล้ว

ขอโทษด้วยครับบบบบบบบบบบ

กลัวคนอ่านจะคิดว่า นิยายเรื่องนี้จะโดนลอยแพแน่ๆ
ขอบอกตรงนี้เลยครับว่า ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอนครับ ขอสัญญา

แต่เหตุผลก็ด้วยข้างบนนั่นล่ะครับ งาน+ความชะล่าใจ ก็เลย..........น่าโดนตื๊บยิ่งนัก เรานี่  :z6:

จะว่าไปช่วงนี้ งานก็หนักขึ้นจริงๆ น่ะล่ะ

แต่คิดในแง่ดีว่า เพื่ออนาคต อิอิ
แถมที่สำคัญ เจ้านายก็โอเค น้องๆ ที่ทำงานร่วมด้วย ก็น่ารักทุกคน โดยเฉพาะกระดิ่งน้อย ><  :-[

ไอคนที่นี้ก็บอกไม่ถูกแฮะ ว่าจะยังไงกันแน่
ทีตอนอยู่กัยสองต่อสองนี่ว่านอนสอนง่าย
แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่น ทำหัวแข็ง น่าจับตีก้นเสียจริง  :hao7:

เมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมาก็เป็นวันเกิดผมครับ
แต่ขอไม่บอกนะว่าครบรอบปีที่เท่าไหร่ อายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น้องเขาก็อวยพรปนกวนตรีนใส่ผม บอกขอให้ขาวขึ้น - -* ขอให้รวย คิดสิ่งไหนได้สิ่งนั้น

ผมเลยบอกไปว่า สิ่งที่คิดที่อยากได้น่ะมี แต่ทำยังไงก็ไม่ได้สักทีนี่สิ 555555+

ไม่รู้เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีนะ  :hao5:

เข้าเรื่องดีกว่า

ฮั่นแน่ะ นันท์ของเรา ร้ายนะเนี่ย แอบนอกใจแบงค์มาเที่ยวกับป้อ 555555555+

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องเป็น กราวิตี้ ก็อย่างที่รู้กันว่า นันท์ของเราชอบอวกาศ จักรวาล
แล้วเมื่อวันเกิดที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปดูเรื่องนี้
(ไม่ต้องถามนะว่าดูกับใคร คนเดียวครับ ชีวิตมันเศร้า  :hao5:)
(http://upic.me/i/q7/gravity-movie-poster.jpg)

บอกตามตรงว่า ประทับใจเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกก
ก็เลยเอามาใส่ในเรื่องซะเลย 55555+


บอกเข้าเรื่อง แต่ไหง ไปๆ มาๆ ชวนออกนอกเรื่องซะงั้น - -*

สำหรับตอนนี้เหมือนจะไม่มีไรมาก ไม่รู้จะสมกับที่หายไปนานหรือป่าว
แต่ก็แฝงอะไรหลายๆ อย่างพอสมควรแฮะ สมกับชื่อตอน(คิดเอาเองนะ)

ยังไงก็ติชม วิจารณ์ พูดคุยได้ครับ

ส่วนตอนหน้า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

บอกได้เลยว่า เนื้อเรื่องน่ะ มีในหัวแล้ว
เหลือก็แค่เวลา กับเรียบเรียงออกมาแค่นั้นล่ะครับ

ยังไงก็พยายามเร่งตัวเองให้มากขึ้น ไม่ให้ช้าจนน่าเกลียดแบบคราวนี้อีกครับ
ยังไงก็ฝากติดตาม ฝากไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ (ทำยังกะลิเก - -*)


ขอบคุณที่ติดตามครับ


ทิ้งท้ายด้วยเพลง ที่ป้อให้นันท์

นานเท่านาน หนุ่ม KALA (http://www.youtube.com/watch?v=QNHzfdbBhvw)



ปล. คิดถึงคนอ่านทุกคนครับ ทั้งที่เข้ามาคอมเม้นท์
(ผมชอบอ่านคอมเม้นท์ทุกท่านนะครับ บางวันรู้สึกเหงาๆ ก็เข้ามาอ่านคอมเม้นท์เล่น ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้)
และคลิกเข้ามาอ่านเฉยๆ ครับ (ดูจากยอดชมกระทู้ที่เพิ่มตลอดอ่ะนะ)

ขอบคุณมากครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 17 แอบแฝง (15-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 15-10-2013 12:06:18
คาบเรียนที่ 17 ความนัย


“เป็นไงมั่งครับ นันท์ หนังสนุกมั้ย”
ป้อถามผมในขณะที่เราทั้งสองเดินออกมาจากโรงหนัง
“สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ลุ้นมากด้วย ไม่ผิดหวังจริงๆ”
ผมตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้นที่ยังไม่จบถึงแม้หนังจะจบไปแล้วก็ตามที
ป้อเองเมื่อเห็นท่าทีเฮฮาร่าเริงของผมที่ดูเหมือนเด็กในตอนนี้ ก็ยิ้มหัวเราะออกมาเบาๆ

“ถ้านันท์ดูแล้วชอบ ผมก็มีความสุขละครับ”
ป้อบอกกับผม พร้อมกับยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน เมื่อรวมกับป้อในวันนี้ ทำเอาผมถึงกับเขินไปพอสมควร
แต่ยังเก็บอาการเอาไว้อยู่


อะไรกันน่ะ รอยยิ้มนั้น....????

“จะ 4 โมงแล้ว จะไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ยครับ”
ป้อหันมาถามผม หลังจากที่มองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“อืม โทษทีนะ คงไม่อ่ะ พอดีบอกแม่ไว้อ่ะ ว่าจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน นี่ก็ว่าจะกลับแล้ว กลัวรถติดอ่ะ”
ผมตอบกลับไป พร้อมกับชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือของป้ออย่างไม่ให้ผิดสังเกต
ใขณะที่ป้อเอง เมื่อได้ยินผมตอบเช่นนั้น ก็ออกอาการผิดหวังเล็กน้อย

“อ่า ครับๆ ไม่เป็นไรครับ งั้นนันท์จะกลับยังไงครับ”
“อืม ก็ว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าไปลงลงที่สถานีสุดท้าย แล้วต่อรถเมล์กลับไปอ่ะ น่าจะเร็วสุดละ แล้วป้อล่ะ”
“บ้านผมอยู่แถวๆ นี้นี่ล่ะครับ เดินแป๊บเดียวก็ถึง”

“อ่ะจริงดิ”
ผมออกอาการอึ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินป้อตอบเช่นนั้น แต่ก็ยังเก็บความสงสัยอะไรบางอย่างไว้ในใจ

“ งั้นเดี๋ยวยังไงขอผมไปส่งที่สถานีละกันนะครับ”
ผมพยักหน้าให้กับคำตอบนั้น เราทั้งสองจึงดินตรงไปยังบันไดเลื่อน
ในระหว่างนั้นเอง

“อ้าวนั่น ป้อรึป่าวน่ะ”
เสียงของชายวัยกลางคนทักป้อ ผมกับป้อจึงหันกลับไปยังต้นเสียงนั้น
“อ่ะ สวัสดีครับ ลุงนพมาทำอะไรที่นี่ครับ”
ป้อยกไหว้ให้กับชายคนนั้น ซึ่งดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นคนที่มีฐานะพอสมควร
ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความสงสัยให้ผมอยากสอดรู้สอดเห็นยิ่งขึ้นไปอีก

“ก็....ไม่มีอะไรมาก มาคุยธุระกับพ่อเรานิดหน่อยน่ะ พอดีลุงมีโครงการอยู่น่ะ อยากชวนพ่อเราเข้าร่วมด้วยน่ะ
แล้วเราล่ะ มาทำอะไร อย่าบอกนะว่า มาช่วยพ่อ มาศึกษาเอาไว้เพื่ออนาคตน่ะ”
ชายคนดังกล่าวแซวป้อ ทำเอาป้อถึงกับเขินหน้าแดงขึ้นมาทันที


“โอ้ย ยังไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมยังไม่เก่งถึงขนาดนั้นครับลุง เรื่องนี้ปล่อยให้พ่อกับลุงสนุกกันไปก่อนละกันครับ”
“แหม ทำเป็นถ่อมตัวนะ เอาน่ะยังไงต่อไปที่นี่เราก็ต้องรับช่วงต่อจากพ่อ คงจะหนักหน่อย แต่ยังไงก็ตั้งใจละกันนะ ลุงเอาใจช่วย
ลุงไปก่อนนะ มีธุระต้องไปที่อื่นต่อน่ะ”

ชายคนดังกล่าวกล่าวร่ำลาป้อ โดยป้อยกมือไหว้ให้ชายคนนั้นอีกครั้งเป็นการร่ำลาตอบ
ก่อนที่จะหันกลับมามองด้วยสีหน้ายิ้มแหยๆ

“ป้อ มันอะไรยังไงกันเหรอ คือ....อย่าหาว่าละลาบละล้วงเลยนะ แต่เมื่อกี้ได้ยินว่า -ที่นี่- ป้อต้องรับช่วงต่อ มันยังไงเหรอ”
ผมถามกลับไปด้วยความสงสัยสุดๆ เนื่องด้วยจากอะไรหลายๆ อย่างที่ผ่านมาในวันนี้

ป้อเองเมื่อได้ยินผมยิงคำถามเช่นนั้น ก็ทำหน้าแหยๆ กึ่งรับกึ่งสู้ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ประหนึ่งว่า ไม่มีทางเลือกสินะ

“คือ ห้างนี้น่ะ เป็นของตระกูลผมเองครับ แห่ะๆ”
ป้อตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเบาและเรียบง่าย

ส่วนผมนั้น

“.......................................”

!!!!!!!!!!???????????

ห่ะ ห่ะ หา???????????????

เดี๋ยวนะ นี่ผมหูฝาดไปรึป่าวน่ะ
“เอ่อ ป้อ ป้อบอกว่า ห้างนี้เป็นของตระกูลป้อใช่มั้ย”
ป้อพยักหน้าให้กับคำถามนั้น

“รวมถึงห้างอื่นๆ ที่อยู่ทั่วประเทศด้วยใช่มั้ย ที่ชื่อเดียวกับห้างนี้น่ะ”
ป้อพยักหน้าให้กับคำตอบนั้นอีกครั้ง

โอ้ แม่ จ้าวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว


นี่ผมกำลังยืนคู่อยู่กับลูกหลานตระกูลดังเจ้าของห้างทั่วประเทศเลยเหรอเนี่ย ??????

มิน่าล่ะ ผมเองเริ่มเอะใจตั้งแต่เรื่องการแต่งตัวแล้ว เพราะเสื้อผ้าที่ป้อใส่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ของถูก
ไหนจะเรื่องกระเป๋าเงินอีก เพราะผมเหลือบไปสังเกตเห็นบัตรอะไรบางอย่างที่ตอนนั้นผมยังไม่มั่นใจ
แต่ตอนนี้คิดว่าบัตรที่ผมเห็นน่าจะเป็นพวกบัตรเครดิตต่างๆ แต่คิดว่าจะของพ่อป้อนะ
 เพราะเด็กมัธยมคงทำไม่ได้หรอก (มั้ง ผมไม่รวยเลยไม่รู้ - -*)
ไหนจะนาฬิกาข้อมือนั้นอีก ดูยังไงก็ไม่น่าใช่ของกระโหลกกะลาทั่วๆ ไป
แถมยังบอกด้วยว่าบ้านอยู่แถวนี้ด้วย เพราะแถวนี้มันอยู่ในตัวเมืองเลยนะนั่น
เท่าที่ผมพอจะรู้มาค่าที่ดินแถวนี้นั้นแพงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ย่านนี้ส่วนมากมักจะเป็นพวกไฮโซ เศรษฐีทั้งนั้น

สรุปสิ่งที่ผมสงสัยมาทั้งหมดก็เป็นดังที่ผมคิดว่าป้อน่าจะจัดได้ว่าเป็นลูกคนมีเงิน


แต่ไม่คิดว่า..................................
ป้อจะรวยขนาดนี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คนละระดับกับผมอย่างไกลลิบเลยนะนั่น อ๊ากกกกกกกกก

ในขณะที่ผมกำลังอึ้งกับสิ่งที่ผมได้รับรู้ เสียงของป้อก็ช่วยดึงผมให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริง
“เป็นอะไรหรือป่าวครับ นันท์ นิ่งเงียบไปเลย”
ป้อถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง

“เอ่อ....ป่าวๆ หรอก แค่อึ้งนิดหน่อย...อันที่จริงก็ไม่หน่อยหรอก มากพอตัวเลยล่ะ คือ...ไม่คิดว่าป้อ..จะ.....”
ผมตอบกลับไปแบบตะกุกตะกัก
“แห่ะๆ ทุกคนล่ะครับ ที่พอรู้ความจริง ก็อึ้งกันแบบนี้ล่ะครับ คือปกติผมไม่ค่อยอยากบอกใครหรอกครับ
ส่วนมากถ้าจะรู้ ก็รู้ด้วยความบังเอิญอะไรแบบนี้มากกว่าน่ะครับ”
ป้อพยายามอธิบายให้ผมฟัง แต่ผมนี่สิ วางตัวไม่ถูกเลยทีนี้ ซึ่งป้อเองก็คงพอจะดูออก

“เอ่อ นันท์ครับ เรื่องวันนี้ นันท์ไม่ต้องไปบอกใครนะครับ ว่าผมเป็นใคร คือแบบผมอยากอยู่แบบสงบๆ น่ะครับ
ส่วนนันท์เอง ก็ไม่ต้องเกร็ง หรือกังวลอะไรนะครับคิดว่าผมเป็นผมเหมือนเดิม เป็นคนธรรมดาทั่วไปก็ได้
ไม่ต้องคิดมากว่าผมเป็นลูกคุณหนู ต้องมาพิธีรีตองอะไรแบบนั้น นะครับ นะ นันท์”
ป้อพยายามพูดอธิบายอีกรอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนกับการอ้อนวอนกลายๆ


หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 17 ความนัย (15-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 15-10-2013 12:07:44
และให้ตายสิ ผมเองก็ไม่รู้ทำไม เวลาได้ยินเสียงอ้อนวอนแบบนี้ ถึงได้ใจอ่อนทุกที


คืออันที่จริง มันก็ไม่เชิงหรอก เพราะเรื่องนี้ป้อก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยนี่นา
ก็แค่ผมอึ้ง และตกใจพอสมควร ก็เลยทำตัวไม่ถูก

คือจริงๆ ผมไม่ได้ใส่ใจหรอกว่าป้อจะเป็นลูกใคร ร่ำรวยหรือไม่ (ถึงตอนแรกจะแอบเผือกก็เถอะ ก็แบบ.......นิดนึงน่ะ - -*)
เพราะผมไม่ได้ตัดสินใครที่ตรงนั้น
และที่สำคัญป้อเอง ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรแบบนั้นด้วย
จากที่คุยๆ กันมาป้อเองก็เป็นคนดีคนนึง ซึ่งผมเองก็ไม่รังเกียจที่จะคบเขาเป็นเพื่อน

และดูแล้วในตอนนี้ ป้อเองก็มีทีท่ากังวลไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะนั่น
ผมเองก็เลยยื่นมือไปคว้าข้อมือของป้อขึ้นมาจับไว้ พร้อมกับยิ้มให้ป้อ

“คือ นันท์แค่ตกลงใจน่ะ แต่ไม่ได้อะไรแล้วล่ะ แห่ะๆ ขอโทษนะที่ทำให้ป้อต้องกังวล
นันท์สัญญานะ ว่าจะไม่บอกใครถ้าป้อไม่อยากให้วุ่นวาย ว่าแต่เพื่อนที่โรงเรียนนี้มีใครรู้มั้งรึยังน่ะ”
ป้อส่ายหัวกับคำถามของผม ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะป้อเองก็เพิ่งจะย้ายมาที่นี่ไม่นาน

“ขนาดที่โรงเรียนก็มีแค่ 3-4 คนเองที่รู้”
ป้อตอบกลับมา ทำเอาผมถึงกับอึ้งไปพอสมควร ปิดความลับระดับนี้ได้เก่งมากเลยนะนั่น ทำได้ไงเนี่ย
“โอเค งั้นถือว่าเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างนันท์กับป้อละกันเนาะ แห่ะๆ”
ผมพูดออกไปพร้อมกับยิ้มให้ป้อ ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดูมีสีหน้าที่สดชื่นขึ้นมาเยอะเบยทีเดียว

“ครับ ความลับที่มีเราสองคนที่รู้”


หลังจากที่เราพูดคุยเรื่องนี้เสร็จ ป้อก็เดินมาส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้า
ผมหยอกเหรียญลงไปในเครื่องพร้อมกับกดปุ่มราคาตามสถานีที่ผมจะลง
หลังจากที่บัตรดีดออกมาจากตู้แล้วนั้น ผมก็หยิบมันออกมา ก่อนจะหันไปหาป้อ

“งั้น โชคดีนะ ยังไงเจอกันที่โรงเรียนวันจันทร์นะ”
ผมกล่าวคำอำลาให้กับป้อ ป้อเองก็ยิ้มกลับมา ผมจึงเดินเอาบัตรสอดเข้าไปในเครื่องกั้นเพื่อเดินเข้าไปในสถานี
หลังจากที่ผมเดินเข้ามาแล้ว ผมก็หันกลับมาอีกรอบเพื่อดูว่าป้อกลับไปหรือยัง

แต่ทว่า ทันทีที่ผมหันกลับไป ภาพที่ผมเห็นตรงหน้านั้นคือ ป้อที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนั่นเอง
ทำเอาผมถึงงงไปพอสมควร

“อ้าวเข้ามาทำไมน่ะ ไหนบอกว่าบ้านอยู่แถวนี้ไม่ใช่เหรอ”
ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย
“ก็แค่ว่างน่ะครับ ไม่รู้จะไปไหน เลยว่าจะนั่งรถไฟฟ้าเล่นเป็นเพื่อนนันท์น่ะครับ”
ป้อตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มร่าเริง

แบบนี้ก็มีด้วย

“ว่าแต่ไปแลกบัตรตอนไหนน่ะ ไม่ทันเห็นเลย”
“ของผมมีตั๋วเดือนอยู่น่ะครับ”
ป้อตอบพร้อมกับชูกระเป๋าเงินให้ผมดู ผมพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าตัวว่างั้น ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ

ผมกับป้อเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อรอรถไฟฟ้า
วันหยุดแบบนี้ผู้คนในสถานีเยอะมาก มองไปทางไหนส่วนมากก็เห็นแต่เด็กวัยเดียวกับผม
มีทั้งที่มาเที่ยว และมาเรียนกวดวิชาแถวนี้

จริงสิ ปีหน้าผมก็จะ ม.6 แล้วนี่นะ คงต้องวางแผนอนาคตได้แล้วล่ะ
แต่ไว้ก่อน วันนี้ไม่ไหวละ (จะรอดมั้ยเนี่ย - -*)

ผมยืนต่อแถวเพื่อรอรถขบวนต่อไป ส่วนป้อเองก็ยืนอยู่ข้างหน้าผม
จะว่าไปป้อเองก็ตัวสูงหมือนกันนะเนี่ยพอๆ กับแบงค์เลย
หุ่นก็ดูโอเคใช้ได้เหมือนกันแฮะ เล่นกีฬาด้วยหรือป่าวเนี่ย

“รถมาแล้วครับนันท์”
ป้อหันมาบอกผม ผมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่แสดงอาการมากนัก
ทันทีที่ขบวนรถจอดเทียบชานชาลา และผู้คนด้านในก็เดินออกมาจนหมด ผมกับป้อก็รีบเดินเข้าขบวนทันที
แต่ด้วยผู้คนที่มากมาย กอรปกับผมที่ตัวเตี้ยด้วยแล้วนั้น ผมเองก็โดนเบียดจนเซไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะนั่น

ว่าแต่ป้อไปไหนแล้วเนี่ย
ผมมองซ้ายขวาเพื่อหาป้อ แต่ไม่ทันที่จะหาเจอ ก็มีมือมาดึงตัวผมเข้าไป จนผมแทบจะเซถลาเข้าไปเลย
ผมเซเข้าไปชนเข้ากับอกของเจ้าของมือนั้น

“เกือบหลงกันแล้วนะครับ”
เจ้าของมือนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ทว่าเป็นป้อนั้นเอง เมื่อเห็นเช่นนั้นและตั้งสติผมก็รีบดันตัวเองให้ยืนตรงในทันที

ไอฉากเมื่อกี้มันเหมือนในพวกละครหรือนิยายยังไงไม่รู้แฮะ
ให้ตายสิ แล้วทำไมถึงต้องรู้สึกเขินด้วยเนี่ย สงสัยจะอ่านนิยายมากเกินไป
ป้อเอื้อมมือข้างนึงขึ้นไปจับราวโหน ในขณะที่อีกมือนั้นจับไหล่ผมไว้

ส่วนผมนั้นน่ะเหรอ เหอะๆ จับได้แค่เสาครับ ;w;
อันที่จริง ผมก็ไม่ได้เตี้ยอะไรมากหรอกนะ แต่.............ก็ให้โหนราวแบบนั้น มันก็ไม่ถนัดอ่ะครับ - -*

ในขณะที่รถแล่นขบวนออกจากสถานี ผมก็สังเกตได้ว่ามีกลุ่มเด็กวัยรุ่นหญิงกลุ่มนึงอายุประมาณ 14 – 15 ที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมนักมองมาทางผม
ไม่สิ ถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องบอกว่ามองมาทางป้อมากกว่า

เด่นจริงๆ นะ - -*

แต่ดูป้อจะไม่ได้สนใจกับสายตากลุ่มเท่าไหร่

ดูพวกเธอจะซุบซิบอะไรกันด้วยนะ - -*

“ว่าแต่ ถ้าอย่างงั้น พอถึงสถานีสุดท้าย ป้อก็ต้องลงแล้วไปขึ้นอีกขบวนกลับน่ะสิแบบนั้น”
ผมเงยหน้าขึ้นไปถามป้อ ป้อเองไม่ตอบอะไรกลับมา จะมีก็เพียงแต่รอยยิ้มเป็นคำตอบแทน

“มันจะว่างเกินไปละแบบนั้น ไม่น่าลำบากมาส่งอะไรขนาดนั้นเลยแท้ๆ”
ผมบอกป้อด้วยน้ำเสียงเกรงใจเล็กน้อย ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ส่ายหัว
“ไม่เลยครับ ไม่ลำบากสักนิด ผมเต็มใจน่ะครับ และอีกอย่าง..................”

ป้อเว้นประโยคไปครู่นึง ก่อนจะยกมือข้างที่จับบ่าผมขึ้นไปเกาจมูกเบาๆ

“ผมแค่อยากอยู่กับนันท์นานๆ น่ะครับ”


ตึ่กๆ ตึ่กๆ
หือ ???? หมายความว่าอะไรน่ะ

ในขณะที่ผมกำลังมึนงงอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงคิกคักๆ ของกลุ่มเมื่อกี้
เมื่อผมหันไปมอง พวกเธอก็รีบทำหน้ายิ้มๆ แบบเขินๆ ไปทางอื่น


อะไรของพวกเธอเนี่ย - -*

ผมหันกลับไปเงยหน้ามองป้อ ที่ตอนนี้พยายามจะหันไปทางอื่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 17 ความนัย (15-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 15-10-2013 12:08:17
“ใกล้จะถึงสถานีปลายทางละครับ ระวังโดนเบียดนะครับ”
ป้อหันกลับมาบอกผม ผมเองก็พยักหน้าตอบรับ

ทันทีที่รถจอดเทียบชานลา ผู้คนก็ต่างก็พากันลงอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าคราวนี้ป้อคอยจับไหล่ผมไว้ทำให้ผมไม่โดนเบียดเหมือนตอนขาขึ้น

หลังที่เราสองคนเดินออกมาจากขบวน ผมกับป้อก็หันมามองหน้ากัน
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปส่งถึงเครื่องกั้นแล้วกันนะครับ”
“ไม่ให้นันท์ไปส่งขึ้นอีกฝั่งเหรอ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจะเสียเวลานันท์เปล่าๆ ต้องต่อรถเมล์ไปอีกใช่มั้ยล่ะครับ”
ผมพยักหน้าตอบกลับไปเป็นเชิงตกลง ผมกับป้อจึงเดินไปยังเครื่องกั้น

เมื่อมาถึงที่เครื่องกั้น ผมจึงหันกลับไปกล่าวคำลากับป้ออีกครั้ง (ของจริงละคราวนี้ - -*)
ป้อเองไม่พูดอะไรกลับมา จะมีก็เพียงรอยยิ้มอย่างเดียวเท่านั้น
ผมจึงหันกลับไป แล้วเอาบัตรสอดเข้าไปยังเครื่องกั้น ก่อนที่จะเดินออกไปอีกฝั่ง


“นันท์ครับ”
ทันใดนั้นเองเสียงของป้อก็ตะโกนข้ามเครื่องกั้นมา
ทำเอาคนรอบข้างต่างพากันหันมามองป้อ
“มีอะไรเหรอ”
ผมตอบกลับไป คราวนี้บางคนหันมามองผมบ้างละ (ซวยละ - -*)



“ฟังเพลงที่ผมส่งไปให้เยอะๆ นะครับ ไปละนะครับ บาย”
ป้อตะโกนกลับมาพร้อมกับยกมือโบกลาให้ผม เล่นเอาผมถึงกับอายเลยทีเดียว เพราะคราวนี้ ผู้คนต่างหันมามองผมแล้ว

ผมทำอะไรไม่ถูกจึงรีบเดินลงอย่างรวดเร็ว

ป้อคึกอะไรขึ้นมาเนี่ย - -*



ผมเดินลงจากสถานีเพื่อมารอรถเมล์
คนเยอะแฮะ จะถึงบ้านกี่โมงเนี่ย

เสียงรอบข้างหนวกหูแฮะ ใส่หูฟังฟังเพลงดีกว่า
อ๊ะจริงสิ ป้อส่งเพลงมาให้ฟังนี่หว่า ลองฟังดูเลยแล้วกัน

ผมหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมเสียบสายหูฟัง พร้อมกับจัดย้ายเพลงไปไว้รวมกับเพลงอื่นๆ
ก่อนจะเปิดเพลงนั้นฟัง


“.........................”




“.............................................”



“.......................................................................”


เอ.........มันก็เพราะดีนะ เพราะมากด้วย


คือกับเพลงน่ะ ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ ออกจะชอบด้วยซ้ำ
แต่..............................


-ครับ ผมอยากให้นันท์ได้ฟังเพลงนี้น่ะครับ ฟังบ่อยๆ นะครับ-

“..........................”

-ฟังเพลงที่ผมส่งไปให้เยอะๆ นะครับ ไปละนะครับ บาย-


ด้วยเนื้อหาเพลง และคำพูดของป้อ
และเมื่อคิดทบทวนถึงการกระทำที่ผ่านๆ มา



ผมก็เกิดอาการอึ้ง และงุนงงพอสมควร


-ผมแค่อยากอยู่กับนันท์นานๆ น่ะครับ-


“.................................................”




นี่อย่าบอกนะว่าป้อเอง...............................................................




อ๊ะ มีสายเข้า ใครโทรมาหว่า



แบงค์!!!!!!!!!!!!



จบคาบเรียนที่ 17
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 17 ความนัย (15-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 15-10-2013 12:14:58
สวัสดีครับ

เนื่องด้วยระยะห่างจากคาบเรียนที่ 15 และ 16 ห่างกันถึง 1 เดือน

เพราะงั้น คาบเรียนที่ 16 และ 17 เลยขอชดเชย ด้วยระยะห่าง 1 วัน แทนละกันครับ

อันที่จริง 16 และ 17 ตอนแรกจะเขียนเป็นตอนเดียวกัน แต่ด้วยจำนวนหน้าเลยแยกเป็น 2 ตอนแทน



ส่วนคาบเรียนที่ 18 ก็คงเร็วๆ นี้ครับ



ส่วนถ้าอ่านแล้ว สถานที่ในเนื้อเรื่อง และ ห้างในเนื้อเรื่องเป็นสถานที่สมมติขึ้นมานะครับ อย่าคิดมาก 5555+


วันนี้คงไม่พล่ามอะไรมาก เพราะยังไม่มีเรื่องคุยมากนัก อิอิ

ไปก่อนละครับ  :bye2: :bye2:

"เพราะพอมีเธออยู่ข้างกาย ยังไงผมก็ไม่มีทางทำพลาด
.
เธอช่วยให้ทุกอย่างช่างแสนเยี่ยมยอดในยามที่ทั้งหมดมันผิดพลาดไปหมด"



"AutoTune" - Jason Chen (http://www.youtube.com/watch?v=BvSsMhbBYm4)
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น (19-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 19-10-2013 04:56:52
คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น

เอาแล้วไงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อยู่ๆ ผมก็เกิดอาการตื่นเต้นมือสั่นขึ้นมาเสียอย่างงั้น
แต่เดี๋ยวนะ ทำไมผมจะต้องตื่นเต้นด้วยเนี่ย กะแค่แบงค์โทรมา


ไม่รู้สิ มันเหมือนความรู้สึกของคนที่กำลังกระทำความผิดอะไรสักอย่างด้วยล่ะมั้ง
เลยทำให้ผมเกิดอาการสั่นขึ้นมา

ผมกดสไลด์มือถือเพื่อรับสายนั้น
“ว่ะ ว่าไง แบงค์”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“นันท์อยู่ไหนอ่ะ ตอนนี้”
แบงค์ถามผมด้วยประโยคสั้นๆ
“อ่ะ เอ่อ.........ตอนนี้อยู่ตรงแถวสถานี.......รอรถเมล์จะกลับบ้านน่ะ”
“อ้าว ออกมาทำไรเหรอ”
แบงค์ถามผมกลับมาด้วยประโยคสั้นๆ ทั้งๆ ที่มันก็เป็นแค่ประโยคคำถามทั่วไปแท้ๆ
แต่ทว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกหนักอึ้งกับคำถามนั้นเหลือเกิน

“อ่ะ เอ่อ......ออกมาธุระนิดหน่อยน่ะ ว่า...แต่แบงค์เถอะ มีอะไรเหรอ”
ผมพูดตัดบทถามกลับไป
“ก็ไม่มีไรมากหรอก พอดีเพิ่งซ้อมเสร็จน่ะ เลยว่าจะชวนออกมาข้างนอกหน่อย”
“ที่ไหนอ่ะ”



“ที่ห้าง.....น่ะ”
เฮือก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมถึงกับใจหายวูบในทันที ที่ได้ยินชื่อห้างนั้น
ก็แหวล่ะ มันเป็นห้างของป้อนี่ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
“อ่ะ อ่ะ เอ่อออ พอดีนัดแม่ไว้น่ะ ว่าจะกินข้าวเย็นด้วยอ่ะ แบงค์”
ผมตอบกลับออกไปแบบนั้น ก็เหมือนจะได้ยินน้ำเสียงผิดหวังของแบงค์ลอดผ่านเข้ามาเบาๆ
“อ่ะ เอ่อ งั้นรอแปบนะ เดี๋ยวลองโทรหาแม่แป๊บนึง”
ผมกดพักสายพร้อมกับกดเบอร์ของแม่โทรออกไป ไม่นานนักแม่ก็รับสาย
“ว่าไง นันท์”
แม่ของผมถามกลับมา
“เอ่อ แม่ ทำข้าวเย็นรึยังอ่า”
ผมถามออกไปด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ

“ยังอ่ะ ทำไมเหรอ”

“เอ่อ.....แม่จะโกรธมั้ยอ่ะ ถ้าจะบอกว่านันท์มีธุระกระทันหันกลับไปไม่ทันอ่ะแม่”
“กับแบงค์เหรอ”
อุก!!!!!!!!!!!!
“รู้ได้ไงเนี่ย”

“เดาเอา แสดงว่าถูกใช่มั้ย”
นั่น เสียเชิงให้แม่อีกละ - -*
“หง่า แม่อ่ะ ว่าแต่ได้มั้ยอ่ะแม่ โกรธนันท์ป่ะ”
ปลายสายเงียบไปครู่นึง

“โกรธเรื่องไรน่ะ ดีเสียอีก เพราะจริงๆ วันนี้แม่ขี้เกียจทำกับข้าวน่ะ แม่จะได้ไปชวนป้าจันทร์ออกไปชอปเสียหน่อย”
เวรกำ แม่ผม  - -*
“แต่ยังไงก็อย่ากลับดึกล่ะ แม่เป็นห่วง แต่ไปกับแบงค์คงไม่เป็นไรหรอก แต่ก็นั่นล่ะ ยังไงอย่าให้ดึกมากล่ะ”
แม่ของผมบ่นเล็กน้อยพอเป็นพิธี ผมก็ได้แค่ครับๆ กลับไป ก่อนจะวางสาย

ผมกดวางสายแม่ ก่อนจะสลับกลับมายังสายของแบงค์
“เอ่อ คุยกับแม่ละ โอเค เดี๋ยวไปหานะ รออยู่ตรงไหนล่ะ”
“รออยู่ประตูทางออกที่ 4 ละกัน เชื่อมกับห้างพอดี”
แบงค์บอกกับผม ผมจึงตอบตกลงกลับไปก่อนจะกดวางสายแล้วถอนหายใจให้กับตัวเองเบาๆ

“นี่เรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย”
ผมบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เพราะเกรงว่าหากเสียงดังไปเดี๋ยวจะโดนผู้คนรอบข้างมองด้วยสายตาประหลาดแบบเมื่อครูบนสถานีอีก - -
ผมหันหลังเดินกลับขึ้นไปยังสถานีก่อนที่จะหยอดเหรียญแลกบัตรออกมา แล้วจึงเดินเข้าไปในสถานีเพื่อรอรถขบวนต่อไป

ในขณะที่ผมกำลังยืนรอขบวนรถไฟอยู่นั้นเอง
เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมหยิบมันขึ้นมาดู

ง่ะ!!!!!!!
ป้อโทรเข้ามา!!!!!!!
จะรับหรือไม่รับดีเนี่ยยยยยยยย
ผมเกิดความลังเลอยู่พอสมควร แต่เอาวะ

“ว่ะ ว่าไงเหรอ ป้อ”
ผมเอ่ยถามไปยังปลายสาย
“แห่ะๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากโทรมา อยากรู้ว่าตอนนี้อยู่ไหนน่ะครับ พอดีเป็นห่วง”
ป้อตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

“เอ่อ ตอนนี้กำลังยืนรอรถเมล์อยู่น่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงมากหรอก แต่ ยังไงก็ขอบคุณนะ อ๊ะๆ แค่นี้ก่อนนะ พอดีรถมาแล้ว”
ผมรีบแหลสดตัดบทเพื่อวางสายทันที ก่อนจะถอนหายใจให้กับตัวเองอีกครั้ง


เอาแล้วไง ไอนันท์เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
ทำไงดีเนี่ย
เกิดมาบนโลกใบนี้ 17 ปีไม่เคยมีใครมาชอบก่อนเลยในชีวิต
แถมคนที่ดันมาชอบก็นะ ดันเป็นลูกหลานมหาเศรษฐีด้วย ทำตัวไม่ถูกยิ่งไปใหญ่
ไอให้คบเป็นเพื่อนทั่วไปน่ะ ก็โอเคอยู่หรอก แต่จะให้คบแบบ..........................


เฮ้ออออออ คิดมากอีกแล้ว =x=


หลังจากที่ผมนั่งรถไฟฟ้ามาถึงยังที่หมาย ผมก็ไม่รอช้าเร่งฝีเท้าไปยังจุดที่แบงค์อยู่ทันที
“รอนานมั้ย”
ผมทักแบงค์ที่ตอนนี้กำลังยืนกินไอศรีมแบบโคนอยู่ในชุดซ้อมบาส
“ไม่อ่ะ”
“ว่าแต่ไม่กลัวเหม็นบ้างเหรอ ถึงได้ยังใส่เสื้อบาสมาห้างเนี่ย”
ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย

“ไม่เหม็นหรอก พอดีเอาชุดซ้อมไปเผื่อสองตัวน่ะ แล้วก็ก่อนออกมาก็อาบน้ำในห้องชมรมมาแล้วด้วยน่ะ ดมดูสิ หอมฉุยเลยเนี่ย”
แบงค์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมพร้อมกับดึงเสื้อของตัวเองขึ้นมาให้ผมดม
ผมรู้สึกอายเล็กน้อย จึงบิดหน้าหนีแต่ทว่าแบงค์ก็ยังพยายามที่จะให้ผมดมให้ได้ เหมือนกับพยายามจะแกล้งผมยังไงยังงั้น

แต่ก็หอมจริงๆ น่ะล่ะ =w="
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น (19-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 19-10-2013 04:57:07
“พอละๆ อายเขาๆ ว่าแต่โทรชวนมามีอะไรเหรอ”
ผมเปลี่ยนเรื่องสนทนา ทันทีที่แบงค์ได้ยินคำถามนั้นก็ยิ้มให้กับผม
ก่อนจะเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายพร้อมกับหยิบเศษกระดาษอะไรบางอย่างเล็กๆ ออกมาชูให้ผมดู

เมื่อผมพิจารณาดูดีๆ ก็พบว่าเจ้าเศษกระดาษที่ผมคิดในตอนแรกนั้นแท้จริงแล้วมันคือตั๋วหนัง
และเมื่อผมลองพิจารณาเจ้าตั๋วหนังที่อยู่ในมือแบงค์ให้ดีๆ ก็ถึงกับต้องใจหายวูบเลยทันที
เมื่อพบว่าชื่อหนังที่อยู่บนตั๋วนั้น

ก็คือเรื่อง “กราวิตี้” ที่ผมเพิ่งดูกับป้อไปเมื่อช่วงบ่ายนั่นเอง


“เห็นนันท์ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับพวกจักรวาลอวกาศก็เลยคิดว่าน่าจะชอบเรื่องนี้ ก็เลยชวนมาดู
อยากจะเซอร์ไพร์ซด้วยน่ะ”
แบงค์ยังคงพูดต่อไปด้วยประโยคที่ป้อเองก็เคยพูดกับผมมาแล้วเมื่อช่วงบ่าย

ส่วนผมในตอนนี้นั้นบอกตามตรงเลยว่าอยู่ในอาการมึนตึ๊บขึ้นมาในหัวอย่างบอกไม่ถูก
จะทำยังไงดี ในเมื่อผมเพิ่งดูเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อตอนบ่าย
ผมพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่ทำหน้ายิ้มกลับไป แต่ทว่ามันเป็นยิ้มเจื่อนๆ เหมือนคนที่กำลังปกปิดความผิดเอาไว้

“อ่ะจริงดิ น่าดูแฮะ รอบกี่โมงอ่ะ”
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“อีก 20 นาทีหนังจะเข้าแล้ว ป่ะ เรารีบไปกันเถอะ”
แบงค์บอกกับผมก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมพร้อมกับเดินนำหน้าไป
ผมรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่แบงค์จับมือผมไว้ มันเหมือนกับคนเดินจูงมือกัน

เหมือนคนเป็นแฟนกัน

ยิ่งผมคิด ผมก็ยิ่งรู้เขินอายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และก็ยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม

แต่ผมก็ไม่รู้จะบอกความจริงยังไงดี
ถ้าบอกว่าดูไปแล้วกับคนอื่นแบงค์คงรู้สึกเสียใจพอสมควรเพราะแบงค์เองก็กะเซอร์ไพร์ซผม
จริงๆ เรื่องผมไปดูกับคนอื่นนั้น ยังไม่เท่าไหร่หรอก
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกผิดจริงๆ ก็คือ คนอื่นที่ว่านั่น คือป้อที่ตอนนี้กำลังชอบผมอยู่



จริงอยู่ที่ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับป้อ (ถึงเมื่อตอนกลางวันจะดูเหมือนหวั่นไหวไปบ้างก็เถอะ - -*)

แต่ตอนนี้ทำไมถึงได้มีความรู้สึกผิดขึ้นมาในหัวใจยังไงก็ไม่รู้นี่สิ
มันเหมือนกับว่าตัวเองที่ผ่านมากำลังนอกใจแบงค์ยังไงไม่รู้ (ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คบกับแบงค์เลยแท้ๆ - -*)



หลังจากที่ผมกับแบงค์ดูหนังจบ
“เป็นไงมั่ง สนุกมั้ย”
แบงค์หันมาถามผมพร้อมกับยื่นข้าวโพดคั่วมาให้ผม
“อ่ะ เอ่อ สนุกมาก เลยล่ะ ดูแล้วลุ้นตลอดเวลาเลยล่ะ”
ผมพยายามฝืนตอบออกไป
“นั่นไง คิดไม่ผิดจริงๆ ด้วยที่พามาดู”
แบงค์ออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิด

“ก่อนกลับเราไปหาไรกินก่อนมั้ย”
แบงค์หันมาถามผม ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเจื่อน แต่พยายามเก็บอาการไว้
“เอาสิ แบงค์เลือกเลย นันท์กินได้ทุกอย่าง”

“เชื่อๆ ว่านันท์กินได้ทุกอย่าง เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา แบงค์ยังไม่เคยเห็นอะไรที่นันท์กินไม่ได้เลย”
แบงค์หันมาแซวผม พร้อมกับหัวเราะ จนผมเองรู้สึกเขินอาย
ซึ่งผมก็พอช่วยให้ผมรู้สึกดีได้ขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด


“งั้น เอาเป็นพิซซ่ามั้ย รู้สึกว่าเราจะไม่ได้กินกันนานแล้วนะ”
อึก!!!!!!!

เอ่อ พระเจ้าครับ นี่ท่านกำลังแกล้งผมอยู่ใช่มั้ยเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย
ถ้าใช่ล่ะก็ กรุณาหยุดทีเถอะ ลูกกำลังจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย ;w;

ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่จะตอบออกไป แต่ก็ไม่มีทางเลี่ยงจึงได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงตกลงกลับไป
เราทั้งสองจึงเดินไปยังร้าน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งอะไรกับผมนักหนา ร้านพิซว่าในห้างนี้มีไม่ต่ำกว่า 5 ร้าน
แต่ไหงแบงค์ต้องมาเลือกร้านนี้ด้วยเนี่ย ???


ร้านที่ผมมากินกับป้อเมื่อตอนกลางวัน
อ๊ากกกก จะบ้าตาย

ผมเดินตามหลังแบงค์เข้าไปในร้านก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามแบงค์
ไม่นานนัก พนง. ก็เดินนำมาเมนูมาใหเรา
“เอาหน้าอะไรดี?”
“เอาอะไรก็ได้ นันท์กินได้หมดล่ะ”


“อืม..โอเค งั้นเอาเซ็ต 299 นะครับ ส่วนพิซซ่าขอเป็นหน้า........”

เอาเข้าไป เซ็ตเดียวกัน แถมหน้าเดียวกันด้วย
เดี๋ยวนะ นี่มันหนังแผ่นสะดุดวนซ้ำ ลูปนรกรึไงน่ะ

ไหงมันถึงได้เหมือนเมื่อตอนกลางวันเกือบทุกอย่างเลยเนี่ย ????????
ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ

หลังจากที่กินเสร็จ
เราทั้งสองก็เดินเล่นดูนั่นดูนี่อีกเล็กน้อย แบงค์เองดูมีความสุขมากเลย
แต่ผมนี่สิ...............................................

ผมก้มลงไปมองมือของแบงค์ที่ตอนนี้กำลังจูงมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย โดยไม่แคร์สายตาว่าจะมีใครมองหรือไม่
ผมยิ้มเล็กน้อย


อย่างน้อย ผมก็มั่นใจว่ายังไงผมก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนจากใจจากแบงค์ไปชอบใครคนอื่นเป็นแน่นอน
ต่อให้อาจจะมีใครที่ดีกว่า เพรียบพร้อมกว่า
แต่นั่นก็ไม่ใช่คนที่ผมรัก

คนที่ผมรักตอนนี้มีเพียงคนเดียว

นั่นคือแบงค์

ทันทีที่ผมคิดได้เช่นนั้นก็เอามืออีกข้างไปกุมมือของแบงค์ที่จูงมือผมไว้
พร้อมกับเอนหัวตัวเองไปซบบนไหล่ที่กำยำของแบงค์
“หือ มีอะไรเหรอ”
แบงค์หันมาถามด้วยความสงสัย
“ป่าว ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อยากจะซบเพื่อชาร์จพลังงานนิดหน่อยน่ะ”
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น (19-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 19-10-2013 04:57:39
แบงค์หัวเราะขึ้นมาเบาๆ ทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก่อนที่จะยกมืออีกข้างมายีหัวผมเล่นเหมือนทุกๆ ครั้ง

ซึ่งนั่นก็พอจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง

“แบงค์”
“หือ?”


“ขอโทษนะ”
“หือ ขอโทษเรื่องอะไรน่ะ”
แบงค์ถามด้วยความสงสัยกับคำพูดที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของผม

“ก็หลายเรื่องน่ะ แต่ช่างเถอะ”


“แบงค์”
“หือ”



“นันท์รักแบงค์นะ”
“มาอารมณ์ไหนอีกเนี่ย เด็กบ๊องเนี่ย”

“แบงค์อ่ะ คนกำลังจะซึ้งสักหน่อย”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงงอนเล็กน้อย แบงค์หัวเราะออกมาเบาๆ
“ครับๆ ขอบคุณนันท์มากเลยนะครับ ป่ะ กลับกันเถอะ เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้”
แบงค์บอกผมพร้อมกับกำมือผมไว้แน่นก่อนจะเดินลงบันไดเลื่อนเพื่อไปยังทางเชื่อมกับสถานี


“อ้าวเฮ้ย ไอแบงค์”
ผมต้องสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยินห้าวที่คุ้นหูดังขึ้นมา
ผมรีบหันกลับไปยังต้นเสียงทันที

ใช่แล้ว พล!!!!!!!!!
และตี๋เอ๋อด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“อ้าว ไอสัส ไหนเมิงบอกว่าไปบ้านญาติมีธรุไงวะ แล้วไหงมาอยู่ที่นี่ได้วะ”
แบงค์ด่าเหน็บกลับไปโดยปราศจากคำทักทาย
ในขณะที่พลเองก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ว่า –จริงสิ- ก่อนที่จะยิ้มกวนๆ กลับมา

“กูแหลน่ะ แต่ยังไงเมิงอย่าไปบอกพี่แจ้นะเว้ยเฮ้ย ไม่งั้นกูตายห่านแน่ๆ”
พลตอบกลับมา ในขณะที่แบงค์ก็ทำหน้าหน่ายๆ

“ว่าแต่เมิงโกหกว่าไปบ้านญาติ แล้วจริงๆ มาทำอะไรน่ะ”
แบงค์ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“กูพาไอตี๋เอ๋อมาดูหนังน่ะ นี่ก็เพิ่งดูจบไปอีกเรื่องนึงเนี่ย”

“หือ อีกเรื่อง?”
แบงค์ทำเสียงสูงเป็นเชิงสงสัย
“แม่นแล้ว วันนี้กูดูไปสามเรื่องละเนี่ย”
พลตอบกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ

“โห ว่างมากนะเมิงเนี่ย กูสิซ้อมเนี่ยจะตายแล้วเนี่ย”
“เอาน่ะๆ แค่วันนี้วันเดียว ยังไงพรุ่งนี้กูก็กลับไปซ้อมตามปกติแล้ว ขอกูเหอะ”
พลเอ่ยปากขอร้อง แบงค์ก็พยักหน้ารับอย่างเสียมิได้

“ว่าแต่เมิงเหอะ มาทำอะไรที่นี่น่ะ กับเอ่อ ไอนันท์”
คราวนี้พลเป็นฝ่ายยิงคำถามกลับมาบ้าง พร้อมกับหันมองมาทางผมที่ตอนนี้หน้าซีดไปแล้ว
“กูก็มาดูหนังเหมือนกัน เรื่องกราวิตี้น่ะ เห็นนันท์เขาชอบอะไรเกี่ยวกับพวกอวกาศนี่ล่ะก็เลยพามาดู”

“หือ? กราวิตี้??”
พลทำเสียงสูงเป็นเชิงสงสัย ก่อนจะหันมองมาทางผม
ผมพยายามหลบสายตานั้นของพล แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ากลัวพลจะปากโป้งอะไรออกมา
เลยเงยหน้าขึ้นมองพล ที่ตอนนี้จ้องมองผมโดยไม่ละสายตา

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พลเองกำลังคิดอะไรอยู่ และจะทำอะไร หรือพูดอะไรออกไป
ผมเองก็คงไม่สามารถห้าม หรือพูดอะไรออกไปได้ด้วย
สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวในตอนนี้คือ ภาวนา เท่านั้น


พลหันกลับไปมองแบงค์






“เออ เรื่องนี้กูก็ดูแล้ว สนุกดีว่ะ ไอนันท์เมิงล่ะ ชอบมั้ย”
อยู่ๆ พลก็หันมาถามผม ผมจึงพยักหน้ากลับไปแทนคำพูด
“เออ ก็ดีแล้ว งั้นกูไม่กวนพวกเมิงละ เชิญสวีทต่อไปละกัน ไปละ”
พลหัวเราะก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมกับตี๋เอ๋อ โดยทิ้งผมกับแบงค์ให้ยืนหน้าแดงกันอยู่สองคน

“ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจไอพลมันเลย”
แบงค์บอกกับผมก่อนที่จะเดินต่อ

ไม่รู้ว่าด้วยเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ พลไม่ได้พูดเรื่องเมื่อกลางวันออกมาต่อหน้าแบงค์
ขอบคุณพลมากเลยนะ ;w;

แต่ดูจากสายตาแล้วเหมือนพลเองก็คงคิดอะไรอยู่ในใจเป็นแน่
และสิ่งที่ผมกำลังกังวลนั่นก็คือ พลคิดอะไรอยู่นั่นล่ะ
โอย มีแต่เรื่องเข้ามาแฮะ วันนี้

ไม่น่าเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอนันท์บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ผมจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย ;w;

จบคาบเรียนที่ 18
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น (19-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-10-2013 11:23:02
โหมาคราวนี้หลายตอนอย่างต่อเนื่อง อ่านคุ้มกับเลยทีเดียว
แต่มาพร้อมกับความสับสนของนันท์ด้วยน่ะซิ ไม่ค่อยเข้าใจนันท์
ปากบอกว่าไม่ได้คิดไรกับป้อ แต่ก็สับสนและหวั่นไหวอยู่หลายครั้ง
ตอนนี้นันท์ก็รู้แล้วว่าแบงค์รู้สึกอย่างไรกับตัว ไม่น่าจะทำให้สับสนได้นะ
แถมมีปิดบังแบงค์อีกต่างหาก ไม่เห็นต้องปิดบังเลยนะน้องนันท์
ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไป ว่านันท์จะตัดสินใจทำอะไรต่อไปเนอะ


ปล.อวยพรวันเกิดย้อนหลังของคนแต่งด้วยนะ ขอให้มีความสุขและเจอคนรู้ใจและใจรู้เร็ว ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น (19-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 19-10-2013 13:30:16
 :sad4: 3 ตอนแน่ะ ตามอ่านก่อนนะ ไม่หายไปไหนแน่นอน ยังเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมจ้า
ตอนนี้ก็ขอ  :a13: ย้อนหลังให้ก่อนนะ (เกิดห่างกะคนอ่านไม่กี่วันเอง แต่ปีนี่คงหลายอยู่ (มั่นใจ) :hao5:)
ก็ขอให้ผู้เขียนมีความสุขมาก ๆ สมหวังทั้งเรื่องการงาน และความรักจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น (19-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 20-10-2013 17:08:00
อุ้ย มาอีกที สามตอนเลย ขอโทษค่ะที่มาเม้นท์ช้าน้า เม้นท์ทีเดียว สามตอนเลยนะคะ
..................................................................................................
คาบเรียนที่ 16
หลังจากจูบ ได้สารภาพความในใจ น้องนันท์ดีใจมากจนร้องไห้ แล้วเผลอหลับไป ซะงั้น ฮะๆ   :laugh:
แหม ๆ ก็เรื่องนี้ใส ๆ อ่ะ จบแค่นั้นแหละพอแล้ว พี่ไม่คิดไกลหรอก น้องนันท์นั่นแหละคิดอะไรอยู่ ฮุฮุ
แต่ที่สงสัย ก็นั่นแหละ ว่าตกลงพอสารภาพกันเสร็จสรรพแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่เป็นอะไรกัน จุ๊บกันไปแล้วเนี่ย
ยังไม่รู้เป็นอะไรกับแบงค์ แต่น้องนันท์ มาตะลึงกับความหล่อของป้อซะแล้ว ไม่ได้นะน้องนันท์ ห้ามหวั่นไหวนะ
ป้อดูแลเทคแคร์อย่างดี แถมให้ฟังเพลงซึ้ง ๆ มีความนัย แต่น้องนันท์ ก็ยังไม่รู้อะไรเหมือนเดิม ชักสงสารป้อแฮะ
อุ้ย เจอพลกับตี๋เอ๋ออีกแล้ว ชอบจริงเลยสองคนนี้เนี่ย มาดูหนังด้วยกันด้วยอ่ะ น่ารัก ๆ
..................................................................................
คาบเรียนที่ 17
โอ้โห ป้อ นอกจากหล่อ ดีแล้ว ยังเป็นลูกเศรษฐีไฮโซด้วย เพอร์เฟคที่สุด แต่น่าเสียดาย ที่ป้อมาช้าไปนะป้อ
แต่ท่าทางจะดีใจมากสินะ ที่ได้มีความลับที่รู้กันแค่สองคนกับนันท์ แต่ถ้าแบงค์รู้ จะคิดมากรึเปล่าว่านันท์ปิดบังอ่ะ
เบียดกันในรถไฟฟ้า แถมคำพูดที่ว่าอยากอยู่กันนันท์นาน ๆ โอย ๆ ถึงไม่ใช่แบงค์ แต่ก็ทำให้เขินไปกับน้องนันท์อยู่ดีนะเนี่ย  :-[
น้องนันท์ เริ่มรู้แล้วสินะ ความรู้สึกของป้อ ที่ต้องการจะบอกน้องนันท์น่ะ แบงค์โทรมาดักซะก่อน หยั่งกับรู้เลยนะแบงค์
........................................................................
คาบเรียนที่ 18
โถ ๆ น้องนันท์ จะตื่นเต้นทำไมเนี่ย ไม่ได้แอบออกมาหากิ๊กซะหน่อยนะ แบงค์จะคิดมากก็ไอ่ตรงน้ำเสียงแบบนี้นี่แหละ
ถ้าบอกความจริงไปก็หมดเรื่องแล้วนะ ถึงไม่ได้โกหก แต่เหมือนปิดบัง ถ้าแบงค์มารู้เอง จะคิดมากตรงที่นันท์ปิดบังเนี่ยแหละ
แล้วพอป้อ โทรมา ก็บอกว่ารอรถเมล์กลับบ้านอีก ถ้ากลับไปห้างเกิดเจอป้อขึ้นมา ป้อก็คงเสียความรู้สึกนะ ที่ถูกโกหกน่ะ
น้องนันท์ ตอนนี้ เหมือนคนที่กำลังสับรางรถไฟ เพื่อไม่ให้มาชนกันเลยนะเนี่ย ทั้งที่จริง ๆ มันไม่มีเรื่องอะไรยุ่งยากแท้ ๆ
เพราะยังไง นันท์ก็มั่นคงกับแบงค์อยู่แล้ว ถึงจะยังไม่ได้เป็นแฟนกันก็เถอะ และถึงเพิ่งจะรู้ว่า ป้อ มีความรู้สึกยังไงกับตัวเอง
แต่ถ้าตัวนันท์เอง มั่นใจว่ายังไงก็ให้กับป้อได้แค่เพื่อน มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลซักนิด แค่พูดเรื่องจริงออกไปกับทั้งสองคน
น้องนันท์ก็จะไม่รู้สึกผิดอย่างนี้หรอก แต่พอเริ่มไปแล้ว จะมาบอกความจริงทีหลัง ก็กลายเป็นจะทำให้แบงค์เสียใจซะอีก
แล้วนอกจากแทบทุกอย่างจะซ้ำเดิม กับตอนที่อยู่กับป้อแล้ว ยังอุตส่าห์เจอพลกับตี๋เอ๋อเหมือนกันอีก(สองคนนี้ไม่กลับบ้านอีกรึไงเนี่ย  :mew5:)
พลไม่ปากโป้ง แต่พลคิดอะไรอยู่นี่สิ อาจจะกำลังคิดว่านันท์ กำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของแบงค์ กับ ป้อ อยู่ก็ได้นะ
เพราะถ้าเราเป็นเพื่อนแบงค์ แล้วก็รู้ว่าแบงค์รู้สึกยังไงกับนันท์ เราก็คงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะเนี่ย
น้องนันท์จะทำยังไงต่อไป ที่สำคัญอยากให้น้องนันท์ เปิดเผยและพูดตรง ๆ กับแบงค์ ดีกว่าปิดบังเรื่องนั้นเรื่องนี้ จนมันจะยิ่งยุ่งกว่าเดิมนะเนี่ย

...

ขออวยพรวันเกิดให้คนเขียน ซึ่งผ่านมาแล้ว หลายวันมาก ๆ ขอโทษนะคะ  :impress: ขออวยพรย้อนหลังแล้วกันน้า
ขอให้สุขภาพแข็งแรง ๆ หน้าที่การงาน ก้าวหน้ามั่นคง รวยขึ้น ๆ คิดอะไร หวังอะไร ก็ขอให้ได้สมดั่งใจ
โดยเฉพาะเรื่องน้องกระดิ่งน้อยน้า อันนี้ สำคัญ ๆ :b:
ขอบคุณมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 18 ความว้าวุ่น (19-10-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 27-10-2013 12:04:39
 :mew2: แหะ ๆ ตั้งแต่อวยแล้วก็หายไปเลย ก็แหมผู้เขียนใจดีมาต่อตั้ง 3 ตอน เลยต้องให้เวลาในการอ่านเต็มที่นิดนึงอะคะ
3 ตอนนี้เป็นตอนที่ชีวิตนันท์สับสนจริง ๆ ก็แหม แค่เห็นป้อในอีกมุมที่ไม่ใช่ที่ร.ร. ป้อก็ทำนันท์ใจสั่นแบบไม่มีสาเหตุล่ะ
ยิ่งตอนนี้นันท์ได้รู้ว่าป้อชอบตัวเองด้วย จะไม่ให้นันท์หวั่นไหวได้ไงเนอะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย ที่สำคัญป้อดูอบอุ่นจริงใจมากเลย
โดยเฉพาะเรื่องเพลง อ่านไปยังแอบใจสั่นไปด้วยเลย (คนอ่านฟังไป 3 รอบล่ะ 555)  แล้วตอนป้อตามนันท์ขึ้นรถไฟฟ้าอีก
แบบอยากกริ๊ด อิจฉานันท์เลยอะ อิมเมจประมาณดูหนังหรืออ่านนิยายหวาน ๆ เลย (ก็อ่านนิยายจริง ๆ นี่เนอะ) ป้อดูเป็นพระเอกมาก ๆ
เฮ้อ  แต่ยังไงนันท์ก็มีแบงค์แล้วนี่สิ เพราะถึงจะยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน แต่สิ่งที่แบงค์แสดงออกกับความรู้สึกที่นันท์มีให้แบงค์มานาน
ยังไงมันก็เป็นความผูกพันที่ป้อคงเข้ามาแทรกไม่ได้ง่าย ๆ สงสารป้อจัง ยิ่งตอนนันท์ยอมย้อนกลับมาหาแบงค์นี่แบบลุ้นเลย
กลัวป้อกับแบงค์เจอกัน ถึงไม่อยากให้นันท์โกหกแต่ ณ ตอนนั้น นันท์คงทำอะไรไม่ได้ เพราะยังไงทั้งป้อและแบงค์ก็คงต้อง
เสียความรู้สึกแน่ถ้ารู้ความจริง แต่ตอนนี้ก็มีพลกับตี๋เอ๋อเข้ามารู้เห็นเหตุการณ์ด้วยแล้ว
คิดว่าพลคงพอเข้าใจเหตุการณ์แหละถึงไม่ได้พูดอะไร แต่ต่อไปนันท์จะทำตัวยังไงล่ะเนี่ย เครียดกะเสน่ห์ของนันท์ 555
ถึงจะเครียดแต่ก็มีตอนฮานะ เหมือนสวรรรค์กลั่นแกล้งนันท์จริง ๆ เพราะป้อกะแบงค์นี่ใจตรงกันหรือรู้ใจนันท์ทั้งคู่นะ
ทั้งเรื่องหนังทั้งเรื่องพิชซ่า แอบสงสารนันท์เลยอะเป็นหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายหัวใจจริง ๆ
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมนะคะ   :pig4:  :กอด1:
วันนี้ก็ไม่รู้จะนอกเรื่องอะไรดี เพราะก็รวมอยู่ในอวยพรวันเกิดแล้ว ทั้งเรื่องการงานและน้องกระดิ่งน้อย
ที่แอบดื้อจนน่าตีก้น แต่ยังไงก็ยังน่ารักใช่มั้ยล่ะค่ะ ทำผู้เขียนว้าวุ่นใจเหมือนนันท์เลย 555
เรื่องหนังนี่ก็อยากดูนะคะ แต่ปกติไม่ค่อยได้ดูในโรงหรอก และยอมรับเลยไม่เคยไปดูหนังคนเดียวค่ะ 
เพราะเวลาไปกะเพื่อน เพื่อนมันจะเป็นคนทำทุกอย่างกะทั่งเดินนำเข้าโรงเลย พอเรื่องไหนที่อยากดู
แต่คนอื่นไม่ได้อยากดูด้วย ก็จะอดดูเพราะทำไม่เป็นตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วเลยอะค่ะ (บ้านนอกมาก)
ขนาดเดือนที่แล้วได้รางวัลเป็นตั๋วหนังมา 2 ใบ จากไปโหวตรูปลูกให้เพื่อนในเวป ยังไม่ได้ใช้เลย
เพราะน้องสาวไม่ยอมไปดูเป็นเพื่อน แถมเดือนก่อนชีวิตวุ่นวายมาก ๆ เลยต้องเอาตั๋วไปยกให้น้องที่ทำงาน เศร้าเลย
ท้ายสุดแต่ไม่สุดท้าย ก็รอติดตามน้องนันท์กะแบงค์ ต่อไปนะคะ จากตอนแรกเฉย ๆ ที่จะอ่าน Part ของป้อ (ถ้ามี)
แต่ตอนนี้เริ่มกลัวเพราะแค่ 3 ตอนนี้ ทำไมรู้สึกตัวเองปันใจให้ป้อไปง่าย ๆ ไม่รู้ สงสัยเพราะแบงค์ไม่ค่อยได้ออกมาเรียกคะแนน
เพราะมัวแต่ซ้อมบาสอย่างเดียวเลยอะ 555 คิดว่าถ้าป้อต้องผิดหวังจากนันท์จริง ๆ ก็อยากให้ผู้เขียนหาคู่ให้ป้อซักคนนะคะ
คิดว่าด้วยนิสัยแบบป้อที่แสดงออกกับนันท์แบบนี้ ถ้ามีคู่ต้องน่ารักแน่เลย อิอิ ขอบคุณค่ะ  :L1:







หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 19 เปิดโปง? (24-11-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-11-2013 04:18:14
คาบเรียนที่ 19 : เปิดโปง

“นันท์”
“หือ”

เสียงของแบงค์เรียกผม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าตัว
ในขณะที่เราทั้งสองกำลังนั่งกินข้าวเช้ากันในโรงอาหาร

“วันนี้อาจจะช้าหน่อยนะ ถ้ายังไงจะกลับไปก่อนก็ได้นะ พอดีมีประชุมน่ะ”
แบงค์บอกกับผม ผมเองก็ครุ่นคิดอยู่ครู่นึง

“ไม่อ่ะ กลับไปไม่รู้จะทำไรอยู่ดี งั้นเอางี้ เดี๋ยวนันท์ไปนั่งรอแบงค์ที่สวนหย่อมใกล้ๆ อาคารสองละกัน อยากกลับพร้อมแบงค์อ่ะ แห่ะๆ”
ทันทีที่ผมบอกกลับไปเช่นนั้น แบงค์ก็ยิ้มให้ผม ก่อนจะเอามือมายีหัวผมเล่นเหมือนทุกครั้ง
“งั้นก็ตามนั้นก็ได้ ว่าแต่ไม่เบื่อบ้างเหรอไงน่ะ”
“หือ เบื่อไรอ่ะ”
ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย

“ก็ต้องมานั่งคอยนั่งรอแบงค์เนี่ย เหมือนไปทำให้นันท์ต้องเสียเวลาส่วนตัวยังไงไม่รู้แฮะ”
แบงค์ทำท่าไม่สบายใจ พร้อมกับเอามือเกาหัวตัวเองเบาๆ
ผมเองเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ส่ายหัว พร้อมกับยิ้มให้แบงค์
“คิดมากน่ะ นันท์สบายใจที่ได้ทำน่ะ รอแค่นี้ นิดหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

ผมหยุดนิ่งไปนิดนึง ก่อนจะจะหันมองไปยังสนามบอลข้างๆ
“ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหน ก็จะรอ ก็รักไปแล้วนี่”

พอพูดจบผมก็หันกลับมายิ้มให้กับแบงค์

ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แต่อยู่ๆ ก็อยากจะพูดเช่นนั้นออกไปจริงๆ
แบงค์เองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ทำหน้านิ่งไปครู่นึง

ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม
“นันท์”
แบงค์เอ่ยชื่อของผมเบาๆ
“ถ้าแบงค์จะบอกว่า นันท์ไม่ต้......”

“เฮ้ย มานั่งอยู่ตรงนี้เองเหรอวะ กูตามหาตั้งนาน”
ไม่ทันที่แบงค์จะพูดจบประโยคเสียงของพลก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
ก่อนที่พลกับตี๋เอ๋อ (ข้ารับใช้ส่วนตัว - -*)จะนั่งลงข้างๆ เรา

“ตามหากูเรื่องไรวะ”
แบงค์หันไปถามพลด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
พลเองเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็หันไปมองแบงค์ ก่อนจะโยกหัวไปมาพร้อมกับยิ้มกวนๆ
“ไม่มีไร กูแค่อยากมาน่ะ อิอิ”
พลตอบกลับพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ส่วนแบงค์เองเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นก็ชูนิ้วกลางให้อย่างไม่ลังเล

ส่วนผมเองตอนนี้น่ะเหรอ
ได้แต่นั่งนิ่งหน้าซีดอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไร
พลเองก็หันมามองผมเล็กน้อยแต่ก็นิ่งเงียบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ป่ะตี๋เอ๋อ ไปเหอะ กูปวดฉี่ ป่ะ เดี๋ยวจะเข้าแถวละด้วย กูไปก่อนนะไอแบงค์ และก็....นันท์!!!!”

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินพลเรียกชื่อผม
ซึ่งไม่รู้ว่าผมคิดเองหรือป่าวแต่เมื่อกี้ เหมือนพลพยายามเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย

ให้ตายสิ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พลกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว
แต่ทว่ามันก็ทำให้ผมกระวนกระวายใจพอสมควรเลยล่ะ

กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องนั้น เรื่องเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ซึ่งไม่รู้ว่าผมจะคิดไปเองหรือป่าวนะ แต่ถ้ามันใช่
ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ก่อนที่มันจะบานปลายและเข้าใจผิดไปมากกว่านี้

“ป่ะนันท์ เอาจานไปเก็บเหอะ จะถึงเวลาเข้าแถวละ”
แบงค์เรียกผมให้กลับมาห้วงแห่งความคิดที่กำลังสับสน ผมลุกขึ้นตามแบงค์ไปอย่างเงียบๆ


ตกเที่ยง
“งั้นแบงค์ไปก่อนนะ แล้วเจอกันคาบบ่าย”
แบงค์เอ่ยลากับผมก่อนจะเดินออกไป
ผมในตอนนี้ที่ยืนอยู่หน้าห้องสมุดก็ได้แต่โบกมือพร้อมกับส่งยิ้มให้แบงค์
ก่อนจะเดินเข้าห้องสมุดไปอย่างหดหู่เล็กน้อย ไม่สิ มากพอตัวเหมือนกันนะนั่น

จริงสิ จำได้เมื่ออาทิตย์ก่อนมีหนังสือเข้ามาใหม่นี่นา ยังไม่ได้อ่านเลย


ผมเดินเข้าไปยังโซนวิทยาศาตร์เหมือนทุกครั้งด้วยความเฉื่อยชา
ในหัวผมตอนนี้มันมีหลายเรื่องปะปนมั่วกันไปหมด

ผมพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นเท่าที่ผมจำได้
ผมเริ่มพลาดตั้งแต่ตรงไหนกันนะ

จะว่าไปตอนเข้าค่ายมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ดูผิดปกติเลยนี่นา

แล้วตอนป้อย้ายมาอยู่โรงเรียน.....................
จะว่าไปมันก็เริ่มมีเค้าตั้งแต่ช่วงนั้นแล้วนะ
ดูเหมือนป้อจะพยายามเข้าหาเรายังไงไม่รู้ แต่เราเองนั่นล่ะที่ดันไม่ได้เอะใจหรือสังเกต

ในขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง
“เฮ้ย..!!!”
อุ๊บ พลั่ก!!!!!

หนังสือที่อยู่ชั้นด้านบนประมาณ 2-3 สามเล่มหล่นลงมาเพราะด้วยผมหยิบออกมาไม่ดีเนื่องจากมัวแต่เหม่อลอยอยู่
แต่ผมก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก

เพราะมีคนเข้ามาช่วยบังไว้ให้ ซึ่งคนๆ นั้นก็คือ

“มีสติสมาธิหน่อยดิวะ”
พล!!!!!!!!!!
ผมตกใจพอสมควรเมื่อเห็นว่าเป็นพล จนเผลอหลบสายตาโดยไม่ทันตั้งตัว

“เป็นอะไรของเมิงน่ะ”
“ป่ะ ป่าว ป่าวนี่ แล้วมาอยู่นี่ได้ไงน่ะ ไม่ไปซ้อมเหรอ”
ผมตอบพร้อมถามกลับไป แต่ทว่าสายตาของผมกลับยังคงก้มลงต่ำไม่แม้แต่สบตาของพลเลยแม้แต่น้อย

“ซ้อมน่ะ ช่างแม่งเหอะ แต่กูก็แค่อยากมาน่ะ ว่าแต่เมิงเหอะ เมิงมีอะไรปิดบังกูอยู่ใช่มั้ย”
เฮือก!!!!!!!!
อยู่ๆ พลก็ถามคำถามที่ไม่มีที่มาและที่ไปขึ้นมา
“ป่ะ ปิดบังอะไร ไม่มี”
ผมพยายามตอบปัดไป พร้อมกับก้มลงเก็บหนังสือเพื่อเก็บคืนชั้น แต่ทว่าด้วยความลนลาน
กลับทำให้หนังสือหลุดออกจากมือหล่นลงพื้นอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 19 เปิดโปง? (24-11-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-11-2013 04:19:04
พลนั่งลงพร้อมกับเก็บหนังสือนั่นขึ้นมาให้ผม

“จะหยิบจับอะไร ก็จับให้มันดีๆ มั่นๆ หน่อย”

อึ่ก!!!

“และที่สำคัญ ถ้าคิดจะหยิบจับน่ะ ก็เลือกเอาสักอย่าง อย่าหยิบจับหลายอย่างพร้อมๆ กัน เดี๋ยวมันจะพลาดหลุดมือไปทั้งหมดนะเว้ย”

อึ่ก!!!!!!!!!!!


“หม่ะ หมายความ....ว่าไงน่ะ”
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในขณะที่มือก็รับหนังสือนั้นมาจากพล


“ก็...หมายความตามที่พูดน่ะ กูไปล่ะ”
หลังจากที่พลพูดจบ ก็เดินออกไปทันที โดยทิ้งผมให้นิ่งอึ้งกับคำพูดนั้นเพียงลำพัง

หม่ะ หมายความว่าไงน่ะ
หรือว่า.........!!!!!

ทันทีที่ผมฉุกใจกับคำพูดนั้นได้ ผมก็รีบวางหนังสือไว้ที่ชั้น ก่อนจะรีบก้าวเดินออกจากห้องสมุดอย่างรวดเร็วทันที

“พล!!!!”
ผมเรียกชื่อนั้นออกมาในขณะที่เจ้าของชื่อนั้นกำลังจะเดินลงบันไดไปพร้อมกับตี๋เอ๋อที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด
และทันทีที่ผมเรียกชื่อนั้นออกไป พลก็หันกลับมาทันที ก่อนที่จะหันไปมองตี๋เอ๋อพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงว่า –ไปก่อน- ให้กับตี๋เอ๋อ

แต่ดูเหมือนตี๋เอ๋อจะยังละล่ำละลักกับเหตุการณ์อยู่หันมองไปมาระหว่างผมกับพลจึงได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าไปไหน
จนพลต้องทำหน้าดุใส่จนตี๋เอ่อถึงจะยอมเดินออกไป

เมื่อพลเห็นว่าตี๋เอ๋อเดินห่างออกไปแล้วจึงหันมองกลับมายังผมพร้อมเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ดูน่ากลัวจนผมเองยังรู้สึกหวาดๆ

“ว่าไง”
พลถามกลับมาสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงห้วน

“ที่...ที่พูดเมื่อกี้น่ะ...มะ หมายความว่าไง”
ผมตอบกลับไปด้วยคำถาม เมื่อพลได้ยยินเช่นนั้นก็ก้มหน้าลงครู่นึงก่อนจะเงยขึ้นมามองผม

“ก็หมายความตามที่พูดไง”
“เรื่องป้อนั่นเหรอ”
ผมถามกลับทันทีอย่างรวดเร็ว จนพลเองก็นิ่งไปครู่นึง


“แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นเรื่องนั่นล่ะ”
พลถามพร้อมกับหรี่ตามองผมเหมือนพยายามจะหยั่งเชิง
ผมนิ่งเงียบไปครู่นึงในขณะที่มือก็สั่นไปด้วย

“ถ้าเรื่องป้อน่ะ บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรในก่อไผ่เลยแม้แต่น้อย”
ผมพยายามบอกกับพลด้วยความสัตย์จริง ถึงแม้น้ำเสียงผมในตอนนี้มันจะฟังดูสั่นๆ ก็ตามที

“เรื่องนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูหรอก แต่ที่กูอยากรู้ แล้วแบงค์ล่ะ”
พลถามผมกลับด้วยคำถามที่ตรงประเด็นยิ่งขึ้น
“ยังไงล่ะ แบงค์ ก็ยังคงเป็นแบงค์สำหรับนันท์เหมือนเดิม ยังไงสำหรับนันท์ แบงค์ก็คือคนสำคัญที่สุด”

“สำคัญงั้นเหรอ? งั้นกูถามหน่อยว่าแบงค์มันรู้ยังว่าป้อย้ายมาโรงเรียนนี้แล้ว”

เออใช่แล้ว!!!!!!!!!!!!!! จะว่าไป ก็คิดว่าน่าจะยังไม่รู้นะ
แต่ที่ไม่ได้บอก  เพราะตอนแรกก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
เรียนก็ไม่ได้เรียนห้องเดียวกันด้วย แถมก็แค่เคยไปอบรมด้วยกันแค่นั้น - -*
แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะ...........

ผมส่ายหน้าให้กับคำถามนั้น โดยที่ไม่ได้บอกเหตุผลไป
ซึ่งกลายเป็นว่ายิ่งทำให้พลดูฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิม

“นั่นไง ถ้าสำคัญ แล้วไหงเมิงไปไหนมาไหนกับคนที่แบงค์มันไม่ชอบด้วยวะ เมิงจะปิดบังไว้เพื่ออะไร”

......................


!!!!!!
?????????
หือ ????

อะไรนะ
“ห๊ะ แบงค์เนี่ยนะไม่ชอบป้อ รู้ได้ไง ทำไมถึงคิดงั้น”
ผมถามกลับไปด้วยความสงสัยอย่างรุนแรง
“ก็กูอยู่กลุ่มเดียวกับไอแบงค์มันตอนเข้าค่ายน่ะสิวะ กูพอจะดูออกว่าตอนเมิงกับไอนั้นอยู่ใกล้กัน
ไอแบงค์ก็ดูมีอาการอยู่ไม่สุขแล้ว ถึงขั้นเดินออกจากที่ประชุมไปเลยก็มี
กูเองก็พูดไรมากไม่ได้ เลยได้แต่แซวไปเฉยๆ แต่ดูท่าจะยิ่งทำให้แม่งโกรธยิ่งกว่าเดิมอีก”

ผมในตอนนี้นั้นเมื่อได้ยินพลสาธยายให้ฟัง ก็เกิดอาการอึ้งพอสมควร

ว่าทำไมตัวเองถึงไม่เคยสังเกตมาก่อน
จะว่าไป ตอนนั้นก็ดูแบงค์จะทำสีหน้าไม่สบายใจพอสมควร แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้
เพราะคิดว่าแบงค์ยังเครียดเรื่องที่โรงเรียน

แถมตัวเองยังมีหน้าไปห่วงใยให้คำปรึกษาทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั่นล่ะที่เป็นต้นเหตุให้แบงค์ไม่สบายใจ


ทันทีที่รู้ตัวเช่นนั้น อยู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาอย่างไม่ทันจะได้ตั้งตัว
จนแม้แต่พลเองที่มีท่าทีแข็งกร้าวในตอนแรกยังตกใจไปด้วย

“เฮ้ย เมิงจะร้องไห้ทำเชี่ยไรเนี่ย”
“ก็.....ก็ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น....แบบนี้ นี่....ฮือๆ”
ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมายิ่งกว่าเดิม จนพลเองยังทำหน้าเลิกลัก

ผมเล่าถึงความจริงทั้งหมด เรื่องราวที่ผ่านมา และเหตุผลต่างๆ ให้พลฟัง
พลเองเมื่อได้รู้เช่นนั้นก็มีท่าทีเย็นลงพอสมควรจากตอนแรก ก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่นึง
“แล้วเมิงจะทำไงต่อ”
พลหันมาถามผม
“ก็ตอนแรกก็คิดจะบอกน่ะล่ะ แค่ยังหาโอกาสไม่ได้
แต่พอมารู้อะไรหลายๆ อย่างจากพล ตอนนี้ก็เลยยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ จะทำไงดีเนี่ย”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหดหู่พอสมควร

“กูก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ กูก็นึกว่าเมิงกำลัง....”
“จับปลาสองมือใช่มั้ยล่ะ”
ผมสวนคำทันที
“เออ นั่นล่ะ กูก็เลยเดือดแทนเพื่อนนิดหน่อยน่ะ”
พลทำหน้าวิตกเล็กน้อย ผมเองก็อึ้งไปเหมือนกัน พลเองก็เป็นคนรักเพื่อนมากกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 19 เปิดโปง? (24-11-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-11-2013 04:19:42
“เอาเป็นว่าถ้าเมิงบริสุทธิ์ใจจริง และไม่ได้คิดอะไรกับมัน เมิงก็บอกไอป้อมันไปตรงๆ
แล้วก็พยายามห่างๆ มันไว้หน่อยก็ดี”
พลเสนอความคิดเห็น ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบกลับไป

“แล้วเรื่องป้อล่ะ จะบอกยังไงกับแบงค์ ยิ่งแบงค์ไม่ชอบป้อด้วยเนี่ย”
พลเงียบไปพร้อมกับทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง

“กูว่าเรื่องนี้เมิงต้องคุยกันเองแล้วล่ะ คุยกันตั้งแต่เนิ่นๆ ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง กูว่าแบงค์มันก็คงมีเหตุผลมากพอคงเข้าใจน่ะล่ะ”
พลตอบกลับมา ผมได้แต่พยักหน้าให้กับคำแนะนำนั้น
คงต้องเป็นเช่นนั้นจริงๆ น่ะล่ะ ทำตามอย่างที่พลบอก

ผมไม่ยอมให้เรื่องราวระหว่างผมกับแบงค์ต้องพังทลายลงแน่
ผมพยายามมามากแล้ว กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย
แต่อย่างน้อยก็ยังชัดเจนขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด

อย่างน้อยความรู้สึกของแบงค์ในตอนนี้ก็เริ่มจะมีผมอยู่ในหัวใจแล้ว
อีกแค่นิดเดียว ผมจะไม่มีทางทำลายมันเด็ดขาด

“ไงก็ขอบใจมากนะที่เข้าใจ ว่าแต่รู้เรื่องด้วยเหรอว่า.......”
“ว่า ?”
พลย้อนถามด้วยความสงสัย ในขณะที่ผมเองก็เริ่มทำหน้าแดงเขินอาย

“ว่านันท์เป็น...........แถมยัง....กับแบงค์อีก”

ทันทีที่พลได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น จนผมต้องแทบจะเอามือไปอุดปากพลเอาไว้
“ป่าวหรอก กูไม่ได้รู้เรื่องเชี่ยอะไรเลยสักนิด”
“อ้าว”
“ก็แค่ต่อมเสือกของกูทำงานแค่นั้นล่ะ กูก็สงสัยนิดๆ หน่อยๆ ลองจับต้นชนปลายเอา แล้วก็ลองหยอดใส่เมิงดู
ที่เหลือเมิงก็พล่ามออกมาเองจนหมด จนตอนนี้กูรู้หมดละในสิ่งที่กูสงสัย”

อะ อะ อ๊ากกกกกกกกกก อะไรกันเนี่ยยยยย กับผู้ชายคนนี้เนี่ย เล่ห์เหลี่ยมจัดเหลือเกิน
“ว่าแต่ว่า เมิงกับแบงค์นี่....กิ๊กกั๊กกันจริงอ่ะ”
พลถามผมด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ แต่ผมตอนนี้ที่อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน
จึงได้แต่ตอบปัดๆ ไป ประมาณว่า รู้แล้วยังจะถามเพื่ออะไร

“เออ เอาน่ะ กูอาจจะดูไม่ค่อยหน้าเชื่อถือ แต่ที่กูบอกว่ากูเป็นห่วงไอแบงค์น่ะ กูพูดจริง
มันอาจจะไม่คิดว่ากูเป็นเพื่อนมัน แต่อย่างน้อยก็มีมันนี่ล่ะที่กูรู้สึกถูกชะตาด้วย
เพราะงั้นสำหรับกู ไอแบงค์คือเพื่อนกูคนนึง กูก็เลยเป็นห่วงมัน
แต่ตอนนี้กูรู้ละว่าไม่มีอะไรในก่อไผ่ กูก็เบาใจละ”
พลบอกกับผมด้วยรอยยิ้มที่ผมเองแทบจะไม่เคยได้เห็นเลยมาก่อน
มันเป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจมาก แต่ก็แค่แว่บเดียวเท่านั้นล่ะ เพราะอยู่ๆ พลก็กลับมายิ้มกวนเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีกซะงั้น

“งั้นกูไปละ ไปสายมากแล้วเดี๋ยวจะโดนพี่แจ้ด่าชุดใหญ่ให้ เมิงก็สู้ๆ เข้าล่ะกันนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
พลเดินออกไปทิ้งไว้ให้ผมยืนนิ่งอยู่กับอารมณ์ที่บอกไม่ถูกว่าควรจะอยู่ในอารมณ์ไหนดีกับผู้คนนี้อยู่คนเดียว

แต่เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็เบาใจได้ลงหน่อยว่าเรื่องพลมันไม่ลุกลามใหญ่โตเหมือนที่ผมคิดวิตกไว้

เอาล่ะ เดี๋ยวไว้ตอนเย็นค่อยหาจังหวะคุยกับแบงค์ละกัน
แต่ตอนนี้ขอตัวไปอ่านหนังสือเล่มใหม่ก่อนละกันนะ อิอิ



ตกเย็น
“งั้นเดี๋ยวนันท์ไปนั่งรอที่สวนหย่อมนะ”
“โอเค เดี๋ยวเจอกันนะ”
แบงค์ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป ผมเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เดินไปหาที่นั่งแถวสวนหย่อม
เมื่อไปถึงก็พบว่าโต๊ะหลายตัวถูกจับจองโดยนักเรียนคนอื่นเกือบหมดแล้ว
แต่ก็ยังพอเหลือโต๊ะว่างอยู่บ้าง ผมจึงเดินไปนั่ง

ผมหันมองไปมา สังเกตดูโต๊ะอื่น มีทั้งนั่งทำงานกลุ่มกัน ทำการบ้าน
นั่งอ่านหนังสือ ทั้งหนังสือเรียนและการ์ตูน นั่งเล่นกีตาร์ก็มี (ดีนะที่ดีดเพราะ - -*)
เอาล่ะ งั้นเราจะนั่งนิ่งเฉยๆ คงจะไม่ดีเป็นแน่แท้
เอาการบ้านออกมานั่งทำมั่งดีกว่า จะได้ไม่เป็นภาระกับแบงค์ 555+

ในขณะที่ผมกำลังค้นเอาสุดการบ้านออกมานั้นเอง

“อ้าว นันท์ยังไม่กลับบ้านทีเหรอครับ”
เสียงที่คุ้นหูก็เรียกทักผมขึ้นมา
ผมรู้ดีว่าเป็นใคร ป้อนั้นเอง

ผมหันไปยังต้นเสียงนั้น ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ กลับไป

“ก็ยังอ่ะ พอดีรอแบงค์อยู่น่ะ”
ผมตอบออกไปตามจริง
ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่นึง

ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไร
“งั้นผมขอนั่งรอเป็นเพื่อนด้วยคนได้มั้ยครับ”

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


เอาล่ะ ผมควรจะรับมือยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี


จบคาบเรียนที่ 19

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 19 เปิดโปง? (24-11-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-11-2013 04:49:03
สวัสดีครับ ??

ก่อนอื่นเลย ต้องแบบว่า

ห๊ะ!!!!!!???????  o22 o22 o22 o22
ความรู้สึกมันแบบว่า
ห๊ะ จำได้ว่าอัพไปสามตอนรวดเมื่อวานเมื่อวานซืนแท้ๆ

กะว่าสบายไปนิดนึงละ เลยกลับไปง่วนกับงานต่อ

เผลออีกที พอรู้ตัวปุ๊บ
ไรเนี่ยยยยยยยยยยยย ผ่านมาเดือนกว่าแล้วเหรอเนี่ย ??????

โอแม่จ้าววววววววววววว ตูโดนเพื่อนๆ นักอ่านไปแล้วแน่ๆ แบบนี้ - -*

เวลาผ่านไปไวจริงๆ นะเนี่ย
คือคำเดิมเลยครับ คงเห็นจนเบื่อแล้วล่ะ ขอโทษคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ฮือๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้ตั้งใจจะหายไปนานแบบนี้จริงๆ แต่ด้วยชะล่าใจด้วยน่ะล่ะ
ขอยอมรับผิดแต่โดยดีครับ  :z6:

พอดีเดือนนึงที่ผ่านมานี้งานเข้าแบบไม่ทันตั้งตัวจริงๆ
หลังจากที่พ้นวันเกิดมาได้ไม่กี่วัน ก็โดนย้ายกลับไปช่วยงานสาขาเก่าแบบกระทันหันเนื่องจากมีปัญหานิดหน่อย
ก็กลับไปช่วยตามกำหนด 1 เดือน นี่ก็ผ่านพ้นมาแล้ว ก็กลับมาสาขาที่ตัวเองประจำละ
แถมยังเอาดราม่ากลับมาด้วย 5555+ แต่โชคดีที่ ผจก. สาขาตอนนี้เข้าใจ และยังให้คำแนะนำ สั่งสอนที่ดีมากๆ
ขอบคุณจริงๆ ครับ  :mew1:

แต่ที่ดีใจสุดๆ ในรอบเดือนที่ผ่านมาคือ
"ได้เจอแม่ครั้งแรก หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมากว่า 6-7 ปี"  :sad4: :sad4:

พอดีแกไปอยู่กับแฟนใหม่ที่อังกฤษน่ะครับ เลยไม่ได้เจอไม่ได้ติดต่อกันเลย
เสียดายที่พักร้อนหมดไปแล้ว เลยไม่ได้ลางานไปเที่ยวกับแม่เท่าไหร่
แต่แค่แกมาหาก็ดีใจละ แกบอกด้วยว่าปีที่แล้วก็มา แต่มาหาไม่เจอ เพราะญาติบอกข้อมูลมาผิด
(ซึ้งมากๆ)

เจอแม่ครั้งนี้ทำให้มีกำลังใจสู้ชีวิตมากขึ้น ><

และสดๆ ร้อนๆ วันเสาร์ที่ผ่านมานี่เลยครับ
ข่าวดีอีกเรื่องนั้นก็คือ "ผจก. จะส่งผมสอบเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ช่วย"

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไม่ทันตั้งตัวจริงๆ มีเวลาเตรียมตัวนับจากวันนี้ไปอีกแค่สองอาทิตย์เอง
แต่ก็ตอบรับขอคว้าโอกาสไว้ก่อนแล้ว
จะได้ไม่ได้อีกเรื่อง ถือว่าเป็นประสบการณ์ ดีกว่าปล่อยให้หลุดมือไป  :mc4:


ส่วนน้องกระดิ่งน้อย นับวันยิ่งทำตัวน่ารักขึ้นทุกวัน เดี๋ยวนี้ทำเสียงออดเสียงอ้อน
คนที่ทำงานก็หมั่นขยันแซวกันจัง ไม่เว้นแม้แต่ ผจก. ก็เอากะเขาด้วย - -*

แต่กระดิ่งน้อยเขาก็ยังรักกับแฟนเขาดีอยู่ครับ
แค่นี้ก็พอใจละ ไม่ได้อยากแย่งของใคร (เพราะครั้งนึงผมก็โดนแย่งมาเหมือนกัน)
แค่ได้ชอบ ได้คุยด้วยก็สุขใจละ

พล่ามเรื่องตัวเองเยอะละ เบื่อกันมั่งมั้ยนี่ - -* ทนๆ หน่อยนะครับ 555+ แบบอยากพล่ามน่ะ

เข้าเรื่องดีกว่า ชื่อคาบเรียนคาบนี้ตั้งได้หวาดเสียวดี
แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่มีไรซะงั้น แต่ถือว่าก็ได้เห็นพลในมุมมองที่ไม่เคยเห็น
ตอนแรกในเวอร์ชั่นแรกที่เขียน พลไม่ได้มีบทบาทมากมายขนาดนี้นะเนี่ย
ออกจะจืดจางซะด้วย แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า พลกลับเป็นตัวละครตัวนึงที่ผมชอบนะ
คงเพราะคล้ายๆ เพื่อนผมคนนึงตอนสมัยเรียนด้วยล่ะมั้ง

ส่วนป้อ อ่ะแหะๆ เอายังไงกับผู้ชายคนนี้ดีนะ
ตอนหน้ารู้กัน (มั้งนะ อิอิ)




ขอบคุณสำหรับกำลังใจทั้งคอมเมนท์และยอดวิวครับ  :mew1: :bye2:

ปล. สงสัยกันมั่งป่ะครับว่า เนื้อเรื่องตอนนี้ถ้าเทียบกับเนื้อเรื่องทั้งหมดแล้ว
มาได้ไกลแค่ไหนแล้ว

เอ ผมก็บอกไม่ถูกแฮะ จะว่าอีกนิดเดียวก็จะขมวดได้แล้ว มันก็ถูกในระดับนึง
แต่อีกแง่นึง จริงๆ มันก็ยังมีต่ออีกนะ

เพราะงั้น ผมถึงได้ใส่เป็น "เทอมที่ 1" ไว้ยังไงล่ะครับ

ยังไงก็รบกวนติดตามด้วยนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะครับ
รักผมและตัวละครทั้งหลายน้อยๆ แต่รักนานๆ นะครับ 5555+

ปล.2 น้องที่ทำงานผมคนนึงเป็น สาววายตัวจริงเสียงจริงด้วยล่ะ ผมกำลังรู้นะเนี่ย
อึ้งๆ เหมือนกัน เพราะเกิดมายังไม่เคยเจอสาววายตัวเป็นๆ มาก่อน
เคยเจอแค่ในร้านหนังสือการ์ตูน แบบเขามาซื้อน่ะ แต่ไม่เคยจะกล้าทัก 555+
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 19 เปิดโปง? (24-11-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 26-11-2013 14:48:32
โถ น้องพลนี่เนียนมาก มามาดนิ่ง ๆ กับคำพูดประชดประชันเหมือนจับผิดแบบนี้
ทำเอาน้องนันท์ที่รู้สึกผิดในใจอยู่แล้ว ร้อนตัวจนเปิดโปงตัวเองซะงั้น จะว่าน้องพลเจ้าเล่ห์ก็ไม่ได้
เหมือนแค่ตั้งใจจะเตือนน้องนันท์เพราะหวังดีกะแบงค์ กลายเป็นมารู้ความลับของน้องนันท์เข้าให้
น่าสงสารน้องนันท์ ตอนแรกก็เครียดอยู่แล้ว ตอนนี้ถึงเรื่องของพลจะผ่านไป
แต่พอได้มารู้เรื่องป้อกะแบงค์เลยยิ่งเครียดยิ่งกว่าเดิมอีก  ต่อไปน้องนันท์จะทำตัวยังไงเนี่ย
ถ้าไม่คุยกะป้อ และแบงค์ให้เข้าใจ น้องนันท์คงต้องระแวงหนักเลย
ยิ่งตอนนี้น้องป้อก็ดันรุกหนัก ขนาดต้องเผชิญหน้ากะแบงค์ป้อยังไม่หลบไม่เลี่ยง
งานนี้น้องนันท์จะสลับสับรางยังไงเนี่ย เผื่อโชคร้ายแบงค์มาเจอนันท์กะป้อซะก่อนเป็นเรื่องแน่
ยังไงก็ขอให้แบงค์เชื่อใจ ไม่คิดว่าน้องนันท์ตั้งใจปิดบังเหมือนที่พลคิดก็พอเนอะ
รอติดตาม และเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมทุกเทอม ทุกคาบจ้า  :pig4: :L2:
ตอนนี้มีเรื่องให้ยินดีด้วยเยอะจังค่ะ  สงสัยพอผ่านวันเกิดมาแล้วปีนี้จะเป็นปีที่ดี มีแต่เรื่องดี ๆ นะคะ
โดยเฉพาะเรื่องแม่ที่ไม่ได้เจอได้ติดต่อกันเลยตั้ง  6-7 ปี นานมาก แต่แสดงว่าแม่ต้องคิดถึงผู้เขียนมากเลย
ไม่เจอครั้งก่อนยังพยายามหาจนเจอได้  ถ้ามีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะ ๆ คงดีนะคะ ต่อไปถึงไม่ค่อยได้เจอก็ติดต่อกันได้ละ
เรื่องงานก็เป็นผลจากความตั้งใจนะเนี่ย (ขนาดไม่มีเวลามาลงนิยายเลย 555) มีผู้ใหญ่เห็นผลงานละ
จะได้ไม่ได้ไม่สำคัญเนอะ ถ้ามีคนสนับสนุนโอกาสก็มีเข้ามาได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าได้ครั้งนี้เลยก็ยิ่งดีเนอะคะ
แค่ต่อไปคงต้องรอนิยายเพิ่มจาก 1 เดือน เป็น 2 เดือนรึเปล่า 555  สู้ ๆ ค่ะ ยังไงก็รออ่านแน่นอน
ท้ายสุดเรื่องน้องกระดิ่งน้อยที่น่ารักขึ้นทุกวัน อ่านแล้วต้องยิ้มตามเลย อยากเห็นจังค่ะทำเสียงออดเสียงอ้อนด้วย
อย่างงี้ก็ทำให้มีความสุขกะการทำงานเพิ่มขึ้นด้วยสินะคะ  ส่วนเรื่องของหัวใจก็เป็นเรื่องของพรหมลิขิตด้วยแหละ
ถ้าใช่ยังไงก็ต้องใช่ ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวเราอาจได้เจอคนที่ใช่มากกว่าก็ได้ แค่ตอนนี้ผู้เขียนมีความสุขก็พอแล้วเนอะ
แล้วเรื่องสาววายเนี่ย ที่ทำงานคนอ่านไม่มีซักคน เลยไม่มีเพื่อนให้คุยหนุงหนิงเรื่องนี้เลย
แต่ที่บ้านน้องสาวมันก็น่าจะเรียกว่าสาววายตัวจริงได้นะ เพราะซื้อการ์ตูน Y เยอะจนกลัวห้องมันถล่ม
ที่สำคัญมันเป็นคนชักนำเข้าสู่วงการทั้งการ์ตูนและนิยายเลยค่ะ เพื่อนที่ทำงานมันก็โดนชักนำมาด้วย 1 คน 555
ตอนนี้แค่นี้ดีกว่า ยาวเกินล่ะ ตอนหน้าก็ขอให้ผู้เขียนโชคดีมีแต่เรื่องดี ๆ มาเล่าให้ฟังอีกนะคะ แต่ถ้าเครียดอะไรก็ระบายได้น๊า
ส่วนนิยายก็ขอให้นันท์กะแบงค์ผ่านป้อไปได้ด้วยดีเหมือนกันคะ อยากให้จบลงด้วยความเข้าใจกันทุกฝ่ายค่ะ :กอด1:   
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 19 เปิดโปง? (24-11-13)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-11-2013 15:44:02
บางครั้งคนเราก็มีมุมเหมือนนันท์อยู่นะ
เพราะไม่ได้คิดอะไร และคิดว่าไม่ได้สำคัญอะไร
ก็เลยไม่ได้บอกไม่ได้พูดออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้
แต่ที่นันท์พลาดก็ตอนที่พยายามปิดบังเรื่องที่มากับป้อ
อาจจะไม่ได้ตั้งใจปิดบัง แต่ตั้งใจพูดโกหกไปน่ะซิ
ทั้ง ๆ ที่นันท์เองก็ไม่เคยรู้เลยว่าว่าแบงค์ไม่ชอบป้อ
ในเมื่อไม่รู้แล้วทำไมไม่ยอมพูดความจริงกับแบงค์ออกไป
เรื่องของแบงค์ - นันท์ - ป้อ ก็ยังคงลุ้นกันต่อไปเนอะ

แต่เรื่องของคนเขียน ดีใจกับข่าวดีด้วยนะคะ
และขอให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ช่วยได้สำเร็จนะคะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 19 เปิดโปง? (24-11-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 28-11-2013 13:17:40
“ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหน ก็จะรอ ก็รักไปแล้วนี่” ฟังแล้วน่าสงสารน้องนันท์จังเลย
แต่ก็ชอบที่นันท์พูดตรง ๆ อย่างนี้ นะ แล้ว แบงค์จะพูดอะไรอ่ะ เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องรอ
มันจะแปลว่าอะไรได้นะ ทางดีหรือไม่ดีกันล่ะ ข้องใจ ๆ นายพลมาขัดซะได้นะ ฮึ่ย ๆ
น้องนันท์ พอทำผิดไปแล้ว ก็เลยเหมือนมีชนักติดหลังล่ะเนอะ ระแวงพลตลอดเลย
ชอบที่พลทำนะ ในฐานะเพื่อนของแบงค์ เราเป็นพลก็คงคิดว่านันท์กำลังจับปลาสองมืออยู่เหมือนกัน
ยังดีที่ได้เล่าความจริงให้พลฟัง จะได้ไม่ต้องคอยระแวงพลอีก แถมยังไ้ด้ที่ปรึกษาซะด้วย
สิ่งที่พลแนะนำ ถูกต้องที่สุด ในเมื่อนันท์มั่นคงกับแบงค์แล้ว และรู้ความรู้สึกของป้อแล้ว
ที่ต้องทำคือ แสดงความชัดเจนให้ป้อได้รู้ ว่านันท์คิดยังไงกับแบงค์ และให้ป้อได้แค่ความเป็นเพื่อน
แต่ที่สำคัญที่สุด ต้องรีบบอกเรื่องป้อ ทุกอย่าง ให้แบงค์ได้รู้ และต้องรู้จากนันท์เองด้วย
ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไป เกิดแบงค์รู้ขึ้นมาเอง แบงค์คงเสียความรู้สึกที่มีให้นันท์แน่ ๆ
แล้วนี่ ป้อดันมานั่งอยู่ตรงที่นัดกับแบงค์ไว้ด้วย เดี๋ยวแบงค์ต้องมาเจอแน่ ๆ เลย จะทำไงล่ะ
นันท์ จะจัดการยังไงกับป้อก็แล้วแต่ ที่สำคัญ ต้องไ่ม่โกหก ไม่งั้นจะทำให้เรื่องมันบานปลายอีกนะ
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณนะคะ  :L1:
............................................................
ปล. 1 ดีใจเรื่องที่ได้พบแม่ด้วยนะคะ นาน ๆ(มาก) เจอกันทีอย่างนี้ เป็นเราคงเหงาแย่เลย คนเขียนเข้มแข้งจัง
ปล. 2 เอาใจช่วยเรื่องสอบเลื่อนตำหน่งด้วย พยายามเข้านะคะ ขอให้ผลเป็นดังที่หวังไว้นะ
ปล. 3 ดีใจด้วยเรื่องความสัมพันธ์ดี ๆ กับน้องกระดิ่งน้อย ไม่ว่าจะฐานะไหน รู้สึกดี ๆ ให้กัน มันก็น่ายินดีทั้งนั้นเนอะ
ปล. 4 จะผิดมั้ย ถ้าบอกว่า เรื่องนี้เราชอบ พล มากที่สุดเลยล่ะ ชอบตัวละครที่นิสัยตรง ๆ ชัดเจนแบบนี้
         เลยแอบหวัง จะได้อ่านคู่ของพลกับตี๋เอ๋อเยอะ ๆ อยู่นะเนี่ย แหะๆ แบงค์กับนันท์จะน้อยใจมั้ยน้อ
ปล. สุดท้าย เราว่า สาววาย หาได้ไม่ยากเลยนะคะ เรากับพี่สาว เป็นทั้งคู่เลย น้องที่ทำงานก็เป็น เลยคุยกันได้สนุกสุด ๆ
       และสำหรับคนอื่น เราก็ไม่รู้ แต่ตัวเราเนี่ย ไม่เคยปกปิดเลยว่าเป็นสาววาย เปิดเผยสุด ๆ เลยล่ะ 555
เป็นกำลังใจให้คนเขียนในทุก ๆ เรื่อง นะจ้ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :L2:
 
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 20 ความหลัง (25-12-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 25-12-2013 04:35:50
คาบเรียนที่ 20


“ว่าแต่ป้อทำไมยังไม่กลับล่ะ”
ผมหันไปถาม ในขณะที่มือก็เปิดกระเป๋าเพื่อหวังเอาหนังสือออกมาอ่าน (ถึงแม้รู้ดีกว่ามันจะไม่เข้าหัวก็ตามที)

ป้อเองเมื่อได้ยินผมถามเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ก็ขี้เกียจกลับน่ะครับ อีกอย่างนั่งรอเป็นเพื่อนนันท์นี่ล่ะครับ มีความสุขดี”

ดู ดู๊ ดู ดูเขาตอบสิ
“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้นะ เกรงใจน่ะ รบกวนเวลาของป้อเปล่าๆ”
ผมพยายามที่จะตัดบทของป้อไป แต่ดูเจ้าตัวยังคงไม่สะทกสะท้าน
“ไม่เป็นไรครับ อย่างที่บอกไง ผมมีความสุขครับ ถ้าได้อยู่กับนันท์”

ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือป่าว แต่ดูเหมือนว่าป้อกำลังรุกหนักเข้ามายิ่งกว่าเดิม


อะไรกัน ???
แค่ไปเที่ยวด้วยกันวันเดียวนี่ ดูจะยิ่งได้ใจมากขึ้นเยอะเลยนะนั่น
นี่ผมไม่ได้คิดไปเองแล้วใช่มั้ย ???

ในขณะที่ผมกำลังปั้นหน้าไม่ถูกว่าควรจะอยู่ในอารมณ์ไหนดีอยู่นั้นเอง
อยู่ๆ ป้อก็เอื้อมมือของตัวเองมากุมมือผมไว้โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
ผมพยายามจะดึงมือตัวเองกลับมา แต่ทว่าป้อก็กุมมือผมไว้แน่น

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองป้อด้วยสีหน้าเกร็งๆ
“นันท์เป็นอะไรไปรึป่าวครับ วันนี้ดูแปลกๆ ไปนะ”
ป้อถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับมองผมด้วยสายตาเศร้าๆ

“ก่ะ ก่ะ ก็ เปล่า เปล่านี่ ไม่มีอะไร”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ในขณะที่สีหน้าผมในตอนนี้นั้นมันเกร็งไปหมดแล้ว

ป้อเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยมือผม ผมจึงดึงมือตัวเองกลับมากุมไว้แน่นบนตักตัวเอง
ส่วนป้อเองก็เอามือเท้าคางตัวเองไว้ก่อนจะยิ้มให้ผมอีกรอบ
“ว่าแต่นันท์ได้ฟังเพลงที่ผมส่งไปให้อีกมั่งรึป่าวครับ”

อึก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ก็...ฟังนะ เพราะดีๆ”

โกหกคำโตเลยผม ความจริงแล้ว หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้ฟังมันอีกเลย
เพราะถ้าผมฟังอีก ผมคงยิ่งวิตกไปมากกว่านี้อีกแน่ๆ
แต่ป้อเมื่อได้ยินผมตอบเช่นนั้นก็ดูจะมีอาการดีใจยิ้มหน้าบานเชียว
“แล้วคิดยังไงมั่งครับ เมื่อได้ฟังเพลงนั้นแล้ว”

นั่นไง ยิงคำถามเด็ดมาแล้ว เอาล่ะสิ ทำไงต่อดี

-เอาเป็นว่าถ้าเมิงบริสุทธิ์ใจจริง และไม่ได้คิดอะไรกับมัน เมิงก็บอกไอป้อมันไปตรงๆ-

ในขณะที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้นเอง คำพูดของพลก็วนเข้ามาในหัวผม
จริงสิ ที่มันเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้เพราะผมไม่เคลียร์ตัวเอง
ถ้ายังไม่ทำอะไรสักอย่างให้มันชัดเจน มันก็จะไม่มีวันจบ
และยิ่งมีแต่จะกลายเป็นปัญหาบานปลายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ



ผมต้องเคลียร์และจบมันให้ได้!!!!!!

“ป้อ”
ผมหันไปมองป้อด้วยสีหน้า(ที่พยายามจะ)จริงจัง
ป้อเองก็ดูมีทีท่าตั้งใจฟังด้วยเช่นกัน

“ป้อกำลังจีบนันท์อยู่ใช่มั้ย”

ตึ่กๆ ตึ่กๆ
เอาแล้วไง ในที่สุดก็กล้าพูดออกไปจนได้
เมื่อได้ยินผมถามไปเช่นนั้น ป้อเองก็นิ่งเงียบไปครู่นึง ทำหน้างงๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ

หมายความว่าไงน่ะ สีหน้าท่าทางแบบนั้น ???

“เดี๋ยวนะ ทำไมถึงคิดงั้นล่ะ”
อ้าววววววววว หมายความว่าไงล่ะคราวนี้
นี่ผมกำลังทำอะไรที่น่าขายหน้าออกไปเหรอเนี่ย
อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาผมไปคิดเองคนเดียวหมดเลย ????

“ก็....ก็จากหลายๆ อย่างน่ะ มันทำให้ชวน เอ่อ คิดแบบนั้น ก็ ก็ ถ้า.....”
แย่แล้วๆ เริ่มไปไม่ถูกแล้วทีนี้ นี่ถ้ามันไม่ใช่
ไม่เท่ากับว่าผมหลงตัวเองหรอกเหรอนั่น ???


ในขณะที่ผมเองนั้นกำลังหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มอยู่นั้นเอง
ป้อก็ยิ้มให้กับผม พร้อมกับประสานมือทั้งสองข้างเท้าคางไว้กับโต๊ะ



“แล้วถ้ามันใช่ล่ะครับ นันท์จะว่ายังไง”


!!!!!!!!!!!!!!

นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย
สรุปว่าอันไหนจริง อันไหนลวงกันแน่

“ล้อเล่นรึป่าวน่ะ ป้อ”
“ผมพูดจริงครับ ไม่ได้โกหก”
คราวนี้ป้อทำสายตาจริงจังใส่ผม ทำเอาผมเองถึงกับพูดไม่ออกไปเหมือนกัน

“ไหนๆ ผมก็ได้พูดในสิ่งที่ผมอยากพูดแล้ว ผมก็อยากจะถามนันท์ตรงๆ เลยแล้วกัน
ว่าจะขอโอกาสนั้นให้ผมได้มั้ย”

ป้อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเข้ม
ความรู้สึกผมตอนนี้ มันเหมือนกับว่าสิ่งต่างๆ รอบข้างมันหยุดนิ่งไปในทันทีทันใด
ผมไม่ได้ยินอะไรรอบข้างเลย นอกจากคำพูดของป้อที่วนซ้ำไปซ้ำมาในหัวผม

แต่...........!!!!

“แต่นันท์ไม่ได้ชอบป้ออ่ะ”
ใช่ ผมต้องบอกออกไปตรงๆ

“คนที่นันท์ชอบคือแบงค์ใช่มั้ยครับ”
ป้อรีบสวนคำถามกลับมาทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ตั้งตัว
ผมพยักหน้าให้กับคำถามนั้น
“ใช่ นันท์มีแบงค์อยู่ในหัวใจแล้วนะ และก็คงไม่มีวันที่จะเลิกชอบแบงค์ได้ด้วยล่ะ”
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 20 ความหลัง (25-12-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 25-12-2013 04:37:01
ใช่แล้ว ผมต้องมั่นคงเข้าไว้ ไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดของป้อ
จริงอยู่ถึงแม้มันอาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจป้อที่ผมปฏิเสธป้อไป

แต่เรื่องความรักมันไม่ใช่เพียงแค่ความสงสารเท่านั้น
ถ้าผมสงสารป้อ แล้วยังคงอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ชัดเจน ปัญหามันก็จะคาราคาซังไปเรื่อยๆ

แต่แทนที่ป้อจะเข้าใจ กลับ......
“แล้วถ้าผมบอกว่า ผมสามารถทำให้นันท์หันมามองผมได้ล่ะ”
“งั้นนันท์ก็ขอบอกตรงนี้เลยว่า ไม่มีทางแน่นอน”
ถึงแม้ผมจะรีบตอบสวนกลับไปยังไง
ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ ที่ผมพยายามพูดออกไป จะไม่ได้ทำให้ป้อเข้าใจขึ้นมาได้เลย

“อย่าพยายามทำเลยดีกว่า ขอร้องล่ะ นันท์ไม่อยากเสียแบงค์ไปจริงๆ อย่าได้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างแบงค์กับนันท์ ขอเถอะ”
ผมพยายามอ้อนวอนขอร้องกลับไป ป้อก้มหน้านิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกรอบ

“อย่าเรียกว่าทำลายเลย มันจะดูเหมือนว่าผมเป็นคนไม่ดี ต้องเรียกว่าให้ผมมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองดีกว่า
ผมแฟร์อยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมซ่อนเร้นตัวมามากพอแล้ว แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมจะทำให้มันถูกต้อง
และตรงไปตรงมาสักที ตอนนี้ผมขอแค่โอกาส ซึ่งถ้านันท์และแบงค์ ทั้งสองคนมั่นคงต่อกันจริง ก็พิสูจน์ให้ผมเห็นสิ
ทำให้ผมเห็นว่า แม้ผมจะสู้แค่ไหน ก็ไม่มีวันทำให้นันท์และแบงค์เลิกราต่อกันได้
วันนั้นนั่นล่ะ ผมถึงจะยอม”


คราวนี้ป้อพูดร่ายยาวออกมาเป็นชุดโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ตัดบทเลยแม้แต่น้อย

ผมอึ้งไปพอสมควร เพราะบอกตามตรงว่าตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปแล้วจริงๆ
ดูท่าว่าคนๆ นี้จะเอาจริงเอาจังมากๆ

ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผมสงสัยเช่นเดียวกัน

“ป้อ ถามจริงนะ ป้อชอบนันท์จริงๆ เหรอ นันท์มีอะไรดีตรงไหน นันท์กับป้อเอง ก็เพิ่งจะเคยเจอกันก็แค่ตอนเข้าค่ายอบรมแค่นั้นไม่ใช่เหรอ”

ผมถามกลับไปในสิ่งที่ผมเองก็สงสัยที่สุด
เพราะมันดูไม่สมเหตุสมผลเลย ที่อยู่ๆ คนๆ นึง จะรักชอบคนอีกคนนึงได้มากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน
เมื่อป้อได้ยินคำถามนั้นก็ยิ้มให้กับผมอีกครั้งนึง คราวนี้มันดูเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นและดูมีความสุข

ป้อหยิบกระเป๋าตังค์ของตัวเองออกมาจากกางเกง ก่อนจะเปิดมันออกแล้วหยิบเอารูปถ่ายออกมาให้ผมดู
ภาพที่ผมเห็น คือรูปของเด็กใส่แว่นอายุราวๆ 11-12 ปี ที่อ้วนมากคนนึง ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้
ผมเองก็เกิดอาการงงเล็กน้อยว่าป้อต้องสื่อถึงอะไร

“นั่นคือผมสมัยก่อนครับ”

“..........................”

หือ ??? ห๊ะ ??????

“เมื่อก่อนผมเป็นคนอ้วนครับ อ้วนมากอย่างที่เห็นในรูปนั่นล่ะครับ”
ผมตกใจกับคำพูดนั้นพอสมควร ป้อเนี่ยนะ เคยอ้วนมาก่อน ดูไม่ออกเลยจริงๆ จนผมต้องหันกลับมาดูรูปอีกรอบ
พอสังเกตดีๆ มันก็ใช่ป้อจริงๆ มีเค้าโครงของป้อจริงๆ ด้วย

ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรยังไงกับผมล่ะ

“ตอนเด็กๆ ผมมักจะถูกรังแกอยู่เสมอ เพราะด้วยรูปร่างที่ดูน่ารังเกียจในตอนนั้น
ในขณะเดียวกันนั้นเองผมก็เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนใหม่
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้จักถึงฐานะที่แท้จริงของผมหรอก เพราะอย่างที่บอกผมไม่ชอบความวุ่นวายและการประจบประแจง
แต่ก็นั่นล่ะ มันก็เลยทำให้พวกเขากล้ารังแกผม แต่ผมก็ทนเรื่อยมา โดยไม่บอกกล่าวใครที่บ้านทั้งสิ้น
เพราะคิดว่าสักวันพวกเขาคงเบื่อไปเอง ครั้งนึงในขณะที่ผมกำลังโดนรังแกอยู่ที่สนามเด็กเล่น
ก็ได้มีเด็กน้อยคนนึงกล้าที่จะเข้ามาช่วยผมไว้ ผลก็คือเป็นเรื่องเป็นราวจนอาจารย์ต้องเข้ามาห้ามปราม
แต่ก็จบลงด้วยแค่เรื่องทะเลาะของเด็กๆ ไป
และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในตัวเด็กคนนั้นคือ เขายื่นมือเข้ามาสัมผัสหัวผมเบาๆ พร้อมกับพูดว่า –ไม่เป็นไรแล้วนะ-
ก่อนที่เด็กคนนั้นจะเดินออกไปเล่นกับเพื่อนของเขาต่อ”

ผมพยายามฟังเรื่องราวที่ป้อเล่าออกมา

“หลังจากนั้น ผมก็เกิดสนใจในตัวของเด็กคนนั้น แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปพูดคุยด้วย
เพราะด้วยรูปร่างตัวเอง และเพื่อนที่อยู่ข้างเด็กคนนั้น ซึ่งก็เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผมต้องย้ายโรงเรียนไป
มันเลยทำให้ผมไม่มีโอกาสที่แม้แต่จะได้ทำความรู้จักกับเด็กคนนั้น
แต่มันก็คงเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ ให้ผมด้วยล่ะมั้ง หลังจากนั้นผมก็เลยพยายามลดน้ำหนัก
เล่นกีฬา  เปลี่ยนโฉมตัวเองใหม่ จากที่ใส่แว่น ก็เปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์สายตา ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองดูดี
เพื่อหวังว่าสักวัน หากได้พบกับเด็กคนนั้นอีก ผมคงจะมีความกล้าที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับเขา”


ป้อนิ่งเงียบไปอีกครู่

“และตอนนี้ ผมก็ได้พบกับเด็กคนนั้นแล้ว ตอนเข้าค่ายอบรมยาเสพย์ติด มันทำให้ผมดีใจมากๆ
และคิดว่าจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปอีกเด็ดขาด
และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมย้ายกลับมาโรงเรียนนี้ยังไงล่ะครับ”


ทันทีที่ป้อพูดจบ ผมก็เกิดอาการเหมือนโดนค้อนปอนด์ตีเข้ากลางหัวอย่างจัง
มึนงงกับเรื่องราวทั้งหมดที่ป้อเล่า และพยายามที่จะคิดทบทวนและเรียบเรียงมันใหม่อีกรอบ
ถ้าสิ่งที่ป้อพูดออกมาเป็นความจริง

ก็จะเท่ากับว่า เด็กคนนั้นที่ป้อพูดถึงก็คือ..............

“เดี๋ยวนะป้อ ป้อจะบอกว่าเด็กคนนั้นคือนันท์งั้นเหรอ ??”
ผมถามด้วยความงุนงง
ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา จะมีก็เพียงรอยยิ้มของป้อเป็นคำตอบ

“คือ ป้อ บอกตามตรงนะว่า นันท์จำเรื่องราวในวันนั้นไม่ได้จริงๆ  และถึงจะจริง นันท์จำไม่ได้ว่าทำไปด้วยสาเหตุอะไร”
ผมพยายามพูดอธิบายต่างๆ นานาให้ป้อฟัง
คือบอกตามตรงครับ ว่าผมจำไม่ได้จริงๆ พยายามคิดทบทวนยังไงก็จำไม่ได้

ถ้าจะให้คิดเอาเองตามตรรกะที่น่าจะเป็นไปได้ ก็คงแค่อารมณ์เด็กๆ มากกว่าที่อยากช่วยเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น

แต่........

“บางครั้งการกระทำที่ไม่สำคัญของเรา มันอาจจะไปจุดประกาย หรือให้ใครอีกคนนึงประทับใจไงครับ”
เหมือนป้อจะเดาใจผมถูก เลยพูดออกมาแบบนั้น

“นันท์จะจำผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือไม่โกรธ แต่สิ่งที่ผมต้องการ คือหลังจากนี้
ขอให้ผมได้มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้นันท์ได้รู้จักในตัวผมมากขึ้น”

หมดประโยชน์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หมดประโยชน์อันใดที่จะพูดกับผู้ชายคนนี้ให้รู้เรื่อง
ผมไม่อยากจะเรียกว่าบ้า เพราะในความเป็นจริง เขาก็เหมือนผมนั้นล่ะ
ที่โหยหาและต้องการความรักจากคนที่เขาต้องการ
ซึ่งหากสิ่งที่ป้อพูดมาเป็นความจริง มันก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะฝังอยู่ในใจของเขา
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 20 ความหลัง (25-12-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 25-12-2013 04:41:24
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ผมไม่ได้รักเขานี่สิ
เอาล่ะ เรื่องนี้ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ไขไป ยังไงอย่างน้อยก็ถือว่าผมได้พูดไปแล้ว

ทีนี้ปัญหาต่อไปที่ผมต้องแก้ไข นั่นคือ ผมคงต้องบอกความจริงกับแบงค์
ไม่อยากจะให้เป็นปัญหาและต้องผิดใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ด้วยเรื่องที่ผมไม่คาดคิดและไม่ได้ตั้งใจจะก่อมันขึ้น

แต่ยังไงเสีย ผมก็ต้องทำ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“เอาเหอะ พูดไปตอนนี้ยังไงป้อก็คงยังไม่ฟังนันท์อยู่ดี แต่ถึงยังไง นันท์ก็ยังยืนยันคำเดิม คือ นันท์รักแบงค์คนเดียวเท่านั้น”
พูดจบผมก็หยิบกระเป๋าพร้อมกับลุกออกจากโต๊ะทันที
“นันท์จะไปไหนเหรอครับ”
“จะไปหาแบงค์ ละยังไม่ต้องตามมาด้วยนะ จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง อย่างที่บอก ว่านันท์ไม่อยากให้แบงค์เข้าใจผิด
เพราะเท่าที่รู้ว่า คือแบงค์เขาไม่ชอบป้อด้วยน่ะ”
ผมพยายามพูดขู่ป้อทันทีที่เห็นว่าป้อทำท่าจะลุกขึ้นตามผม

แต่ดูท่าคำขู่นั้นจะไม่ได้ผล ซ้ำยิ่งทำให้ป้อดูกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาอีกต่างหาก
พร้อมกับคว้ามือผมไว้ ผมพยายามจะสะบัดข้อมือออก แต่ทว่าก็สู้แรงของป้อไม่ได้
(โอ้ยยยยยย แรงนางเอกจัง ตูเนี่ย)
ผมพยายามออกแรงสะบัดอีกครั้งนึง แต่ทว่าคราวนี้ป้อก็กลับปล่อยมือผมง่ายๆ จนผมเองเกือบจะเซไปเหมือนกัน

ผมหันไปมองค้อนใส่ป้อ ป้อก็ยังคงยิ้มให้กับผมเหมือนเดิม เหมือนพยายามจะกวนประสาทผมเล็กน้อย
ผมก็พยายามไม่สนใจ จึงหันหลังเพื่อจะเดินออกมา
แต่ไม่ทันที่ผมจะได้หันหลัง อยู่ๆ ป้อก็ดึงตัวผมเข้ามากอดแน่น
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ”
ผมพยายามจะดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของป้อ ในขณะที่ตอนนี้สายตาของคนรอบข้างก็เริ่มหันมามองกันแล้ว
“เฮ้ย ปล่อยเดียวนี้นะ บอกให้ปล่อยไง”
ผมพยายามบอกกับป้อพร้อมกับออกแรงดิ้นไปด้วย ตอนนี้ใบหน้าของผมนั้นแทบจะแนบชิดกับแผงอกของป้อ
ชิดเสียจนผมได้กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ พร้อมกับความอุ่นจากแผงอกนั้น

แต่!!!!!!!!!!!!!!
มันไม่ใช่เวลามาเคลิบเคลิ้มว๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“ป้อ!!!!”
“อ่ะครับๆ ปล่อยก็ได้”
อยู่ๆ ป้อก็ปล่อยผมออกจากอ้อมแขนนั้นอย่างว่าง่าย จนผมแทบจะตามอารมณ์ไม่ทัน
ผมหันไปมองป้ออีกรอบ ในขณะที่ป้อก็ยังคงยิ้มให้ผมเช่นเคย
นี่ถ้ามันเป็นละครไทย มันคงได้ปล่อยหมัดใส่คู่กรณีไปแล้วสักหมัดสองหมัด
แต่เพราะมันไม่ใช่ ผมเลยต้องยั้งใจไว้ เพราะรู้ว่าทำไปมันก็เท่านั้น
ด้วยแรงแล้ว ผมคงสู้ไม่ได้หรอก เผลอๆ อาจจะโดนจัดชุดใหญ่อีกรอบก็เป็นไปได้
“งั้นเอาเป็นว่าผมกลับก่อนละกันนะครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ บาย”

ป้อเอ่ยคำลากับผมพร้อมกับเดินออกไป

ส่วนผมเองผมรีบหันหลังให้กับป้อทันที และพยายามที่จะออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ทว่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมก็ต้องหยุดชะงักทันที พร้อมกับใจของผมที่มันแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เมื่อพบว่า บุคคลที่ผมกลัวและไม่อยากให้เห็นมากที่สุดได้มายืนรออยู่ก่อนแล้ว


“บ่ะ แบงค์!!!”
ผมเอ่ยชื่อนั้นออกไปด้วยน้ำเสียงสั่น
นี่มันละครไทยหรืออะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้ประจวบเหมาะอะไรกันเช่นนี้

“ทำอะไรกันน่ะ”
แบงค์เอ่ยถามกลับมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
“เอ่อ..คือ นันท์มีเรื่องจะคุยกับแบงค์พอดีเรื่อง....”
“แบงค์ถามว่าทำอะไรกันน่ะ!!!! แล้วไอเจ้านั่นมันมาอยู่ที่นี่ได้ไง!!!!!????”
ผมต้องสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงตะคอกนั้น

มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมโดนแบงค์ตะคอกใส่
ผมรู้สึกอึ้งและมึนงงไปชั่วครู่ เหมือนภาพทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นในตอนนี้มันบิดเบี้ยวไปหมด
ผมไม่คาดคิดว่าแบงค์จะโกรธได้มากขนาดนี้

จริงอยู่ว่าผมเองก็มีส่วนผิด
แต่ก็ไม่คิดว่า................

“แบงค์ใจเย็นๆ นะ ฟังที่นันท์จะอธิบายก่อน คือ....”
แต่ไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายอะไร แบงค์รีบหันหลังให้ผมแล้วเดินออกไปโดยไม่คิดจะสนใจในสิ่งที่ผมจะพูดแม้แต่น้อย

ปกติถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ เขาต้องทำยังไงกัน
ใช่แล้ว ปกติเขาต้องรีบตามไปง้อและอธิบายให้เข้าใจกัน
แต่.......ผมในตอนนี้นั้นไม่สามารถทำเช่นนั้นได้แล้ว
มันเหมือนมึนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหมดแรงที่จะทำอะไรต่อ

จะมีก็เพียงน้ำตาน้ำตาที่มันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ใจนึงก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่อีกใจนึงก็กลับเกิดความรู้สึกน้อยใจขึ้นมา
ว่าทำไมแบงค์จึงไม่คิดที่จะสิ่งที่ผมพยายามจะอธิบายเลย

จริงอยู่ผมผิดที่ปิดบังแบงค์เอาไว้
แต่มันก็ใช่ว่าผมจะเจตนาเสียหน่อย ก็แค่ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้เท่านั้น
อย่างน้อยถ้ายอมหยุดฟังสักนิด ในสิ่งที่ผมอยากจะอธิบาย
แล้วจะตัดสินอย่างไรก็ค่อยว่ากัน

ที่ผ่านมาผมพยายามทำเพื่อแบงค์มาตลอด
ทั้งๆ ที่คิดว่าเราน่าจะเข้าใจ และใจตรงกันได้แล้วแท้ๆ

แล้วทำไม????
ทำไมถึงไม่คิดจะฟังเหตุผลกันบ้าง ???


ทำไม ???


จบคาบเรียนที่ 20
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 20 ความหลัง (25-12-13)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 25-12-2013 04:58:15
Merry X'Mas ครับ ทุกๆ ท่าน
สบายกันดีมั้ยครับ ห่างหายไปถึง 1 เดือนเต็มๆ อีกแล้ว 555+ (ยังมีหน้ามาหัวเราะกลบเกลื่อน  -*-)


มาช้า แต่ก็ยังมาครับ อิอิ
พอดีช่วงนี้งานหนักขึ้นครับ ขึ้นเยอะกว่าเดิมแบบทวีคูณจริงๆ
งานในส่วนรายวันของตัวเองก็ต้องทำ แถมยังต้องเตรียมตัวสำหรับสอบเลื่อนตำแหน่งอีก
 :hao5: :hao5: เอาน่ะ แต่เพื่ออนาคต สู้ๆ :hao7:

นี่ก็ไปสอบสัมภาษณ์รอบแรกมาแล้ว
ผลคือ ผ่านครับ แต่ยังไม่จบแค่นั้น ยังเหลืออีกรอบนึง คราวนี้สัมภาษณ์โดยเหล่าพี่ๆ ผู้จัดการเขตทั้งหลาย
ถ้าผ่าน ยังเหลือไปเทรนด์งานที่สาขาอื่นอีกรอบ ถ้าผ่านหมดจึงจะได้เลื่อนจริงๆ

หนทางช่างยาวไกลจริงๆ  :a5: :a5:
ส่วนน้องกระดิ่ง รายนี้ก็ขยันมาก ทำโอทีเกือบทุกวัน
ก็เริ่มได้เลื่อนขั้นกับเขาเหมือนกันนะนั่น 555+

เก่งจริงๆ หวานใจเราเนี่ย :L1:

เข้าเรื่องดีกว่า

ในที่สุดปมในส่วนของป้อก็เริ่มเปิดเผยออกมาแล้วว่าทำไมถึงได้หลงนันท์หัวปักหัวปำขนาดนั้น
จะว่าไร้เหตุผลมันก็ได้ จะเรียกว่ามีเหตุผลมันก็ใช่
ก็ความรักนี่เนาะ ก็อย่างที่ป้อว่านั่นล่ะ
"บางครั้งการกระทำที่ไม่สำคัญของเรา มันอาจจะไปจุดประกาย หรือให้ใครอีกคนนึงประทับใจไงครับ"
บอกตรงๆ เลยว่าอันนี้เอามาจากประสบการณ์ตรงของผมเลย 555+
เอามาจากสมัยเรียน ปวช. น่ะครับ

ผมไม่ได้ถูกแกล้งอะไรแบบป้อหรอก แต่พอดีช่วงนั้นแบบกำลังอยู่ในช่วงท้อชีวิตนิดหน่อย
แล้วก็ได้รุ่นน้องคนนึงพูดแบบไม่เชิงให้กำลังใจอะไรหรอกนะ
ก็แค่คำพูดสั้นๆ แค่ว่า "ต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเองกันทั้งนั้น"
แค่คำสั้นๆ ของน้องเขามันจุดประกายให้ผมจริงๆ ช่วงนั้นผมก็เลยชอบน้องคนนี้เขาให้
แต่สุดท้ายก็อกหักน่ะครับ 555555555+

ส่วนทางด้านแบงค์ของเรา มารอบนี้อยู่ๆ ก็โหดใส่เสียงั้น
ทำเอานันท์อึ้งไปเลย

เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป นันท์จะง้อและปรับความเข้าใจกับแบงค์ยังไง
แล้วทำไมแบงค์จึงได้โกรธอะไรมากมายขนาดนั้น
แล้วป้อจะมาไม้ไหนอีก

โปรดติดตามตอนต่อไป

ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็คงไม่เกินอาทิตย์หน้าครับ
เพราะหลังปีใหม่ผมได้หยุดยาวราวๆ 3 วัน (เยอะสุดละ เท่าที่จะทำได้ 555+)

ติดตามกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ



ปล. มีใครสังเกตบ้าง ว่า มายด์ หายไปหลายตอนแล้ว ???????
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 20 ความหลัง (25-12-13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 28-12-2013 19:18:57
555 นี่มันโหมดละครหลังข่าวเลยค่ะ พระเอกเดินมาข้างหลัง ตัวร้ายเห็นก็เลยแกล้งกอดนางเอกให้พระเอกเข้าใจผิด
แล้วนางเอกก็มัวแต่ตะลึง อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ดูมีพิรุธ พระเอกเลยยิ่งโมโห แล้วก็ไม่ยอมฟังคำอธิบายของนางเอก
ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกยังถามหาเหตุผลอยู่เลยแท้ ๆ แล้วอย่างงี้นายเอกผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างนันท์จะทำยังไงล่ะเนี่ย
สงสัยต้องออกตามหามายด์ที่หายไป(?) หรือปรึกษาพลได้ไหมนะ ตอนนี้นันท์ก็ทั้งงงทั้งน้อยใจจนทำอะไรไม่ถูกด้วยสิ
น่าสงสารนันท์พยายามปฏิเสธให้ชัดเจนแล้วแท้ ๆ แต่ป้อก็ยังดื้อตื้ออยู่นั่น ถึงจะมีความหลังที่ประทับใจแต่มันก็ต้องดูด้วยสิ
ไม่ใช่ว่านันท์ไม่มีใครหรือแบงค์ทำท่าไม่สนใจนันท์ซะเมื่อไหร่ แบบนี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อทดสอบความมั่นคงของแบงค์กะนันท์นะเนี่ย
มันเหมือนเข้ามาเพื่อทำให้แบงค์กะนันท์แตกแยกกันมากกว่า ส่วนแบงค์ก็ทำตัวเข้าแผนของป้อมาก ๆ เห็นแค่นี้ถึงกะโกรธไม่ยอมรับฟังอะไรบ้างเลย
ทั้ง ๆ ที่แบงค์ไม่น่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้น เพราะหวงนันท์ หรือเพราะอีกฝ่ายเป็นป้อกันแน่ 
รอติดตาม และบวก บวกเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
แฮะ ๆ Merryไม่ทันซะแล้ว เพราะคนอ่านก็ห่างหายจากเล้าไปร่วมอาทิตย์เหมือนกันค่ะ
งั้นยินดีกะการสอบสัมภาษณ์รอบแรกผ่านก่อนละกันนะคะ ถึงหนทางจะอีกยาวไกล
แต่ขอเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนทำได้สำเร็จ ผ่านฉลุยทุกด่านเลยค่ะ สู้ ๆ 
ถึงคงสู้กำลังใจจากน้องกระดิ่งน้อยหวานใจไม่ได้ก็เถอะ (อิอิ ช่างกล้าเปรียบ) วันนี้มาสั้น ๆ ละกันค่ะ
ยังไงก็ Happy New Year ล่วงหน้านะคะ มีความสุขสมหวังทั้งการงานและความรัก
พบเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดปีตลอดไปค๊า   :mc2: :mc3:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 20 ความหลัง (25-12-13)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 30-12-2013 20:49:44
น้องนันท์ ตอนนี้ทำดีมาก ๆ ดีนะที่จำคำพูดเตือนของพลได้แม่น
ถามออกไปตรง ๆ ตอบออกไปตรง ๆ จากความรู้สึกจริง ๆ อย่างนี้แหละดีที่สุดแล้ว
ถึงป้อ จะไม่ยอมเลิกรา ที่จะจีบนันท์ต่อ แต่นันท์ก็สบายใจได้อย่างว่า
เราแสดงความบริสุทธิ์ใจเต็มที่แล้ว จะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดกับทั้งแบงค์และป้อภายหลังอีก
และที่ป้อพูดมาก็ถูกนะ ยังไงนันท์ก็ห้ามความรู้สึกป้อไม่ได้ มีแต่ต้องพิสูจน์ให้ป้อได้เห็น
ว่านันท์กับแบงค์ มั่นคงต่อกันจริง ๆ ไม่มีทางหวั่นไหว สักวันป้อต้องเข้าใจแล้วยอมถอยไปเอง
ที่แท้ ที่ป้อฝังใจกับนันท์ขนาดนี้ เพราะมีความหลังต่อกันนี่เอง แต่ไหง นันท์จำไม่ได้สักนิดอ่ะ
แต่ก็นะ ในอดีตจะยังไง ปัจจุบันก็สำคัญที่สุด ยังไงคนที่นันท์รัก ก็คือแบงค์อยู่ดี
ไม่ชอบการกระทำป้อตอนนี้เลยนะ จู่ ๆ ดึงนันท์เข้าไปกอดเนี่ย ถึงนันท์จะเป็นผู้ชายก็เถอะ
แต่นันท์ก็บอกไปชัดเจนแล้ว ว่ากลัวแบงค์เข้าใจผิด อย่างนี้มันจงใจให้แบงค์เห็นชัด ๆ แย่จริง
ก็คิดอยู่แล้วล่ะ ว่ามาตรงที่นัดกับแบงค์ไว้อย่างนี้ แบงค์มาเจอคงเข้าใจผิดแน่ ๆ แล้วก็จริงซะด้วย
แบงค์เลยมารู้เรื่องป้อเองจนได้  แต่ก็นะ ทำไมแบงค์ไม่ฟังนันท์อธิบายก่อนเลย เราเป็นนันท์ก็คงเสียใจเหมือนกัน
ยิ่งอ่านยิ่งโมโหป้อแฮะ ดีใจมั้ยนั่น ที่ทำให้คนที่ตัวเองบอกว่าชอบ ต้องมาร้องไห้เสียใจอยู่เนี่ย  :m16:
แต่ก็นะ นี่แหละบทพิสูจน์ ถ้าแค่นี้ ยังปรับความเข้าใจกันไม่ได้ ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ
ต่อไปเป็นแฟนกันขึ้นมา คงมีเรื่องมาให้พิสูจน์รักแท้อีกเพียบ ถึงตอนนั้น จะผ่านมันไปได้รึเปล่า
หวังว่าแบงค์จะใจเย็นขึ้น มีเหตุผล แล้วยอมฟังคำอธิบายของนันท์บ้าง นะ
..............................................................................................
สู้ ๆ เรื่องเลื่อนตำแหน่งนะจ้ะ ขอให้ได้ดั่งใจหวังน้า ขอบคุณค่า :L1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 04-01-2014 05:16:20
คาบเรียนที่ 21

“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

ตื๊ด ตื๊ด

“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

ตื๊ด ตื๊ด

“เลขหมาย...”

ตื๊ด
ผมกดวางสายลงหลังจากที่ได้ยินเสียงเดิมๆ นั่นมามากกว่า  20 รอบแล้ว
ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปยังโรงอาหารเพื่อหาข้าวเที่ยงกินด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะดีนัก

นี่ก็กินเวลากว่า 3 วันแล้วที่แบงค์ไม่มาเรียน โดยอ้างเหตุผลกับอาจารย์ว่าป่วย
แน่นอนผมรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความจริง และแน่นอนว่าส่วนนึงของความเป็นจริงนั้นมันมีต้นเหตุมาจากผม
หลังจากที่ซื้อข้าวเสร็จผมก็ทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะทันที ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก

“นั่งด้วยคนได้มั้ย นันท์”
เสียงใสๆ ของมายด์เอ่ยถามผม ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผมโดยไม่รอให้ผมตอบกลับไป
“ว่าไง ยังติดต่อแบงค์ไม่ได้อีกเหรอ?”
มายด์เอ่ยถามผมด้วยความห่วงใย ผมหันหน้าไปมองมายด์ พร้อมกับส่ายหัวเป็นคำตอบ
ก่อนจะหันกลับมานั่งมองข้าวในจานต่อ
“ช่วงนี้มายด์ก็ยุ่งๆ อยู่กับชมรมด้วย เลยไม่ค่อยได้คุยกับนันท์เท่าไหร่
พอรู้อีกที ก็เกิดปัญหากันซะแล้ว โทษทีนะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้”
ผมหันไปส่ายหัวให้กับมายด์
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นความผิดของนันท์เองน่ะล่ะที่ชะล่าใจ ทำอะไรลงไปโดยไม่คิด”

“แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อนะว่าแบงค์จะโกรธได้มากขนาดนั้น เพราะเท่าที่มายด์เห็น และรู้จักแบงค์มา
แบงค์ก็ไม่เคยจะเป็นแบบนี้มาก่อนนะ ออกจะเป็นคนมีเหตุผลด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าล่ะ.....”
มายด์นิ่งเงียบไปครู่นึง ผมหันไปเพื่อจะฟังว่ามายด์จะพูดอะไรต่อ

“ความรัก บางครั้งก็ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มีเหตุผลไปแบบง่ายๆ โดยที่เราก็ไม่รู้ตัวได้เหมือนกันนะ”
มายด์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม

“แต่ว่า...”
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งคิดมากไปนัก”
มายด์ตัดบทเมื่อเห็นว่าผมยังคงทำหน้าไม่สบายใจ

“บางที ตอนนี้แบงค์เองก็อาจจะกำลังว้าวุ่นอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่รู้จะทำยังไงก็เป็นได้
ที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนแบงค์จะไม่ค่อยมีใครให้คำปรึกษาเรื่องแบบนี้ด้วยนี่”
มันก็จริงอย่างที่มายด์พูดแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าไม่มีใครให้คำปรึกษาแต่ต้องเรียกว่าไม่ปรึกษาใครมากกว่า
เพราะส่วนมากแบงค์เวลามีปัญหาก็มักจะชอบเก็บเงียบไว้คนเดียว
ไม่คุย ไม่พูด ไม่ปรึกษาใคร

ส่วนนึงที่แบงค์เป็นแบบนี้ ก็คงเพราะด้วยตั้งแต่วันที่เมย์............
“จะว่าไป แบงค์เองก็เคยมาขอคำปรึกษากับมายด์เหมือนกันนะ เรื่องนันท์น่ะล่ะ”
ผมหันไปมองมายด์ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
“เมื่อไหร่ อะไร ยังไง”

“ก็....คงราวๆ ช่วงหลังจากกลับมาจากเข้าค่ายนั่นน่ะล่ะ”
“แล้วแบงค์ขอคำปรึกษาเรื่องอะไร”
ผมพยายามถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ก็ประมาณว่าสับสนในตัวเองอะไรประมาณนั้น ว่าตัวแบงค์เองเป็นอะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน
แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกหึงและหวงนันท์ขึ้นมา และก็สงสัยมาตลอดว่านันท์แอบชอบใคร เหมือนไม่อยากให้นันท์ไปชอบใครคนอื่น
แต่พอได้รู้ว่าคนที่นันท์ชอบเป็นแบงค์เองก็ยิ่งทำให้แบงค์คิดมากพอสมควรว่าจะทำยังไงกับตัวเองต่อไป”

มายด์พยายามพูดพร้อมกับนึกไปพลาง
“มายด์เองก็ชะล่าใจไปด้วยล่ะ เพราะเห็นว่านันท์กับแบงค์ใจตรงกันแล้ว ก็เลยคิดว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเองดีกว่า
ไม่อยากเป็นแม่สื่อแม่ชักมากนัก เลยให้กำลังใจแบงค์ไปนิดหน่อย เพราะคิดว่าไม่นานพวกเธอทั้งสองก็จะเข้าใจและลงเอยกันได้เอง
แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้ามานี่สิ”
ยิ่งผมได้ฟังมายด์พูด ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
เห็นได้ชัดเลยว่าแบงค์เครียดมากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก

มันก็มีหลายคนที่เริ่มค้นพบว่าแท้จริงแล้วตัวเองคือใครเป็นอะไรและต้องการอะไรในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป
บางคนก็รู้ตั้งแต่เด็ก บางคนก็ช่วงเข้าสู่วัยรุ่น บางคนกว่าจะรู้ได้ ก็เมื่อแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว

บางคนรู้และรับได้ในสิ่งที่ตัวเองเป็น ก็ดีไป

แต่มันก็ไม่ใช่กับทุกคน

เช่นเดียวกับแบงค์ซึ่งก็คงไม่แปลกที่จะเป็นเช่นนั้น
เพราะแบงค์เองไม่เหมือนผม ผมที่รู้ตัวเองว่าเป็นอะไรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ต่างจากแบงค์ที่กำลังเพิ่งจะได้ค้นพบ และกำลังเริ่มที่จะเรียนรู้ในตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นอะไร
เมื่อรวมกับนิสัยชอบคิดมาก จึงไม่แปลกเลยที่แบงค์จะไม่กล้าปรึกษาใครและค่อนข้างเครียดกับเรื่องนี้

ที่ผ่านมา ผมมักจะคิดถึงแต่ตัวเอง คิดแต่เรื่องในมุมมองของตัวเอง
คอยแต่จะโหยหาและต้องการความรักในรูปแบบที่ต้องการจากแบงค์
โดยลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท จนทำให้ผมมองข้ามมันไป ทั้งๆ ที่ผมน่าจะใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากกว่านี้แท้ๆ แต่ผมก็ยังจะ....

“เอาน่ะ อย่างที่บอก อย่าเพิ่งคิดมาก มายด์คิดว่าแบงค์เขาคงสับสนอยู่น่ะ ยิ่งพอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
เลยไม่รู้ว่าตัวเองสมควรจะทำยังไง ให้เวลาแบงค์อีกนิด แต่มายด์เชื่อนะว่าสุดท้ายแล้วยังไงแบงค์ก็จะคิดได้และเข้าใจนันท์เองน่ะล่ะ
ขึ้นชื่อว่าความรัก ถ้าไม่เข้าใจ และเชื่อใจกันมันก็จบ ยิ่งนันท์เองก็บริสุทธิ์ใจกับเรื่องนี้ เพราะงั้นก็ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก”

มายด์พยายามพูดให้กำลังใจผม

ใช่ ถ้าไม่เชื่อใจกันมันก็จบ
จริงอยู่ว่าวันนั้นผมเองก็มีอารมณ์น้อยใจพอสมควร แต่ผมก็ไม่โทษแบงค์
ผมเองต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้แบงค์เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของผม

ผมไม่ยอมแพ้หรอก อุตส่าห์สู้มาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ยอมให้มันพังลงไปได้หรอก

“ไง เป็นไงบ้าง ได้ข่าวไอแบงค์มันรึยัง”
เสียงห้าวๆ ของพลเอ่ยถามผม ก่อนจะนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารพร้อมกับตี๋เอ๋อคู่ซี้(หรือเบ๊)ของเขาที่ตอนนี้กำลังกินอมยิ้มอยู่
“ยังเลยอ่ะ ไปไหนก็ไม่รู้ ติดต่อก็ไม่ได้ ที่แน่ๆ ไม่ได้ไปหาพ่อกับแม่แน่นอน เพราะลองโทรไปแกล้งๆ ถามอ้อมๆ ดูแล้ว”
“แล้วไม่ลองไปถามแฝดของมันดูล่ะ น่าจะรู้นิ”
พลเสนอความคิดนั้นออกมา แต่ผมก็ส่ายหน้าให้กับความคิดนั้นทันที

“ลองมาแล้วบาสมันก็ไม่รู้ แถมยังเกือบโดนไอบาสต่อยเข้าให้ด้วยซ้ำ”
“เรื่อง???”
“ไม่รู้อ่ะ แต่เดิมทีบาสมันก็ไม่ชอบนันท์อยู่แล้ว ไม่รู้เพราะอะไร ยิ่งมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยก็คงถือโอกาสน่ะ
แต่เคราะห์ดีนะ ที่แอลห้ามไว้ทัน ไม่งั้นคงได้มีตาปูดแน่ๆ”
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 04-01-2014 05:17:30
ผมพูดพร้อมกับขยับแว่นให้เข้าที่ พลเองพอได้ยินผมพูดเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่นึงก่อนจะหันไปแย่งอมยิ้มจากปากตี๋เอ๋อมากินต่อ - -*

“คงเป็นอาการเด็กติดพี่ล่ะมั้ง กลัวโดนแย่งความสำคัญน่ะ”
พลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทว่าก็ทำให้ผมอึ้งไปพอสมควร
เพราะเท่าที่ผ่านๆ มาผมไม่คิดว่าบาสจะเป็นคนติดพี่อย่างที่พลพูด
“ห๊ะ รู้ได้ไง”
“กูเดา จะไปรู้เหรอ สัส มึงอย่ามาถามหาเหตุผลหรือตรรกะอะไรจากกูนักได้มั้ย กูไม่ใช่นักวิชาการ เกรดกูก็ยังครึ่งผีครึ่งคนอยู่เนี่ย”
ผมเงิบทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น ในขณะที่มายด์ได้แต่หัวเราะคิกคักๆ มันก็จริงอย่างที่พลบอกว่าอย่าไปถามหาเหตุผลจากเขา - -*

“เอาเหอะ เดี๋ยวมันก็กลับมา ยังไงมันก็ต้องมาเรียน มันจะไปไหนไกลได้”
พลพูดให้กำลังใจผมตามสไตล์ของเขา ผมยิ้มให้กับคำพูดนั้น
“ว่าแต่พลไม่โกรธนันท์เหรอ”
ผมถามพลกลับไป พลมองผมด้วยสายตาสงสัยพร้อมกับขมวดคิ้วก่อนจะส่งอมยิ้มกลับคืนไปให้ตี๋เอ๋อกินต่อ (ไอซกมก)

“โกรธเชี่ยไร ก็กูรู้ความจริงแล้วไงว่าไม่มีไรในก่อไผ่ ที่เหลือก็อยู่ที่ไอแบงค์นู่นที่มันยังไม่ยอมเปิดใจฟัง”
ทันทีที่พลพูดเช่นนั้นออกมา ผมก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าพลจะพูดอะไรที่มีความคิดแบบนี้ได้
(นี่ชมหรือด่า ????)
“แล้วพี่โจล่ะ ไม่ว่าอะไรมั่ง นี่ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่วันจะแข่งแล้วด้วยนี่สิ”
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงกังวล พลเองก็ดูท่าจะครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“พี่โจมันก็ยังไม่รู้ความจริงหรอก มันก็รู้ๆ แค่ว่าไอแบงค์ไม่สบายแค่นั้น
แต่กูก็ไม่รู้ว่าจะโกหกไปได้อีกนานเท่าไหร่ หากไอแบงค์มันยังไม่ยอมกลับมาเนี่ย”
ทันทีที่พลตอบออกมาเช่นนั้น ผมก็มีทีท่าวิตกไปพอสมควร

“เอาน่ะ คิดมากแล้วปิก๊ะจูไม่แข็งนะเว้ย กินข้าวเหอะมึงน่ะ เย็นหมดละนั่น”
พลแซวพร้อมกับชี้มายังจานข้าวของผมที่ถูกทิ้งไว้จนเย็นไปนานแล้ว
แต่ผมก็ยังตักมันขึ้นมากิน เพราะเชื่อว่ายังไง กองทัพย่อมต้องเดินด้วยท้อง (ยังคงตะกละไม่เปลี่ยน - -*)

“แล้วเรื่องของคนที่ชื่อป้อนั่นล่ะ นันท์จะเอายังไงต่อ”
มายด์หันมาถามผม ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนจะตอบออกไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ก็คงไม่ทำไงอ่ะ พูดไปก็ไม่รู้เรื่องกันเปล่าๆ ยิ่งพูดยิ่งปวดหัว เลยกะว่าจะอยู่ห่างๆ เท่าที่จะทำได้
ยังไงตอนนี้ก็เอาเรื่องแบงค์ให้เคลียร์ๆ จบๆ ก่อนดีกว่า ถ้าเคลียร์เรื่องแบงค์จบได้ ป้อก็ไม่ใช่ปัญหา”
มายด์เอามือมาตบลงบนบ่าผมเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ ผมหันไปยิ้มตอบให้กับมายด์


“ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ ขอผมนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
ตายยากจริงๆ คนนี้ พูดยังไม่ทันขาดคำก็มาซะแล้ว
ผมหันไปยังต้นเสียงนั้น ก็พบกับป้อที่ตอนนี้กำลังยืนยิ้มให้ผมอยู่นั่นเอง
ผมเกิดอาการเซ็งขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าป้อ จนแทบอยากจะลุกขึ้นออกจากตรงนี้ทันที

ในขณะที่พลและมายด์ก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกัน

ส่วนตี๋เอ๋อ............ก็ยังคงเอ๋อตามแบบฉบับของเขา - -*

ป้อยังคงยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป
ไม่สิ ป้อต้องรู้ตัวนั่นล่ะ และจงใจให้มันเป็นแบบนี้ จึงได้ยิ้มแบบนั้น
“มาทำไมน่ะ”
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าไม่ได้ทำให้ป้อสะทกสะท้านเลย
กลับกันดูเหมือนยิ่งทำให้ป้อยิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้นกว่าเดิม
“ก็มาหานันท์ยังไงล่ะครับ เอ......ว่าแต่แบงค์ไปไหนล่ะครับ”
ทันทีที่ป้อเอ่ยคำถามนั้นขึ้นมาผมก็เหมือนโดนตบหน้าแรงๆ ขึ้นมาทันที
นี่มันจงใจกันชัดๆ เลยนะเนี่ย

“ก็เพราะใครล่ะที่เป็นต้นเหตุ”
ผมไม่เข้าใจป้อเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย
คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้ผมหันไปชอบเขาได้

ไม่เลยสักนิด มีแต่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเกลียดมากขึ้นไปอีก
ทั้งๆ ที่อุตส่าห์คิดว่าจะเป็นเพื่อนได้แท้ๆ ทั้งๆ ที่อุตส่าห์รู้สึกดีด้วย
แต่ทำไมถึงได้ทำกับผมแบบนี้ ทั้งๆ ที่ปากก็บอกว่ารักผม ชอบผม
แต่เพื่อให้ได้ซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งทำร้ายความรู้สึกคนที่ตัวเองรักด้วยอย่างงั้นเหรอ ???
คิดอะไรกันแน่น่ะ

“เฮ้ย ไอหน้าหล่อ”
อยู่ๆ พลก็พูดตัดบทขึ้นมา ผมกับมายด์หันไปมอง
ป้อเองก็เช่นกัน หันไปมองพลด้วยรอยยิ้มประหนึ่งว่า มีอะไรงั้นเหรอ
“กูว่ามึงมาทางไหน มึงกลับไปทางนั้นดีกว่า ก่อนที่กูจะหมดความอดทน”
พลพูดขู่กลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่ทว่าก็ยังคงไม่ได้ทำให้ป้อสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด
ซ้ำยังทำให้ป้อกระหยิ่มยิ้มย่องมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอกไว้

“หมดความอดทนแล้วไงเหรอครับ จะใช้กำลังเหรอครับ หึหึ ก็คงจะมีแต่วิธีนั้นเท่านั้นล่ะนะ กับคนที่มีดีแค่เรื่องนี้
ชอบใช้กำลัง รังแกข่มเหงคนอื่น”
พลรู้สึกฉุนขึ้นมาทันทีที่ป้อพูดเช่นนั้น ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่ป้อจะแอนตี้เรื่องแบบนี้
“มึงหมายความว่าไงวะ ห๊ะ”
พลลุกขึ้นตะคอกถามกลับไปจนคนแถวนั้นเริ่มหันมามอง

“ก็หมายความตามที่พูดนั่นล่ะครับ ถ้ามีสมองสักหน่อยก็คงคิดได้”
ฟุ่บ!!!!!!!
ทันที่ป้อพูดจบ แก้วน้ำของผมก็ลอยไปยังป้อด้วยความเร็วสูงด้วยฝีมือของพล
ทว่าป้อก็หลบได้อย่างหวุดหวิด และก็เป็นเคราะห์ดีที่แก้วน้ำนั้นเป็นพลาสติก และก็ไม่ไปโดนใครด้วย
แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนรอบข้างฮือฮาขึ้นมาด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
พลเองตอนนี้ดูท่าจะอารมณ์ไม่ดีสุดๆ แล้วเช่นเดียวกัน เกือบจะลุกออกจากเก้าอี้ไปหาป้อแล้ว
แต่ยังดีที่มีตี๋เอ๋อด้วยดึงชายเสื้อช่วยเตือนสติไว้ได้อยู่บ้าง พลจึงได้แต่กำหมัดไว้แน่น

“ดูท่าว่าองครักษ์จะไม่พอใจสุดๆ งั้นผมว่าผมไปก่อนดีกว่า ยังไม่อยากจะเสียประวัติร่วมไปกับคนแบบนี้
แล้วเราค่อยเจอกันนะครับ นันท์”
ป้อหันมาพูดกับผม

"อ้อ ส่วนคุณ ชื่ออะไรนะ พลงั้นเหรอครับ? ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะกลัว ก็ขอบอกเลยนะครับว่าคิดผิด
ผมเจออะไรมามากกว่านี้เยอะ และสิ่งที่ผมจะต้องเจอต่อไปหลังจากนี้เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำ
มันก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋วแค่นั้นล่ะครับ ไปล่ะครับ"
ป้อตัดบทพร้อมกับเดินออกไปอย่างไม่รู้สึกผิดอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ป้อกำลังคิดและจะทำอะไรต่อไปน่ะ
ป้อที่ผมรู้จักในตอนแรกนั้นดูเป็นมิตรและไม่เจ้าเล่ห์แบบนี้นี่

อันไหนคือตัวตนที่แท้จริงของป้อกันแน่ ????????

“ใจเย็นๆ นะนันท์ พลก็ด้วย ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้หน่อยสิ”
มายด์ตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะหันไปเอ็ดใส่พล ที่ยังคงทำหน้าไม่พอใจอยู่
โอเค ผมเข้าใจว่าตอนนี้ปัญหามันกำลังรุมเร้าเข้ามา
ผมเองก็ต้องนิ่ง และมีสติไว้ให้ได้มากที่สุด


ทั้งๆ ที่ก็คิดว่าเข้าใจ
แต่ทำไม ทำไม

ฮึ่กๆ
ทำไมน้ำตามันต้องไหลด้วยล่ะ ทำไมผมต้องร้องไห้ออกมาเนี่ย
ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตานั้นเอาไว้ได้แล้ว
ทันทีที่มายด์เห็นเช่นนั้น ก็รีบโอบกอดผมเอาไว้ทันที
ผมเองก็หันไปสวมกอดกับมายด์ไว้แน่นโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างเลยสักนิด
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 04-01-2014 05:18:17
“แล้วมันจะผ่านไปนะ นันท์ แล้วอะไรๆ จะดีขึ้น”
มายด์ลูบหลังผมพร้อมกับพูดปลอบโยนผมเบาๆ


แบงค์
ตอนนี้แบงค์อยู่ที่ไหนกันนะ
รู้มั้ย ว่านันท์เป็นห่วงแบงค์มากเลยนะ

ได้โปรด กลับมาสักทีได้มั้ย




..................................................
“เอาล่ะ ยังไงก็กลับไปทบทวนที่บ้านกันอีกรอบด้วยนะ ตรงนี้สำคัญมากๆ อย่าลืมกันล่ะ”
อ. ย้ำเตือนพวกเรา ก่อนที่จะปล่อยให้เราแยกย้ายกันกลับบ้าน
“ให้ไปส่งมั้ย นันท์”
มายด์เดินเข้ามาถามผม ในขณะที่ผมกำลังเก็บหนังสือเข้าใส่กระเป๋า

“ไม่เป็นไรหรอก นันท์ไหว ขอบคุณมากนะ”
ผมเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยิ้มกลับไป แต่ดูมายด์จะไม่ค่อยเชื่อในคำพูดนั้นของผมเท่าไหร่หรอก
แต่ผมก็ไม่อยากให้เธอต้องลำบากเรื่องผมมากนัก สุดท้ายมายด์จึงยอมให้ผมกลับคนเดียว

“งั้นมีอะไรก็โทรหามายด์ได้ตลอดเลยนะ อ้อ ถึงบ้านแล้วก็โทรหาด้วยละ กลับบ้านดีๆ ล่ะ”
ผมโบกมือลาพร้อมส่งยิ้มให้เมื่อเห็นมายด์เดินเข้าไปยังรถไฟฟ้า
เมื่อเห็นว่าขบวนรถออกไปแล้ว ผมจึงหันหลังเดินไปอีกฝั่ง เพื่อรอรถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน

ผมต้องเข้มแข็งเข้าไว้ ต้องไม่หลงไปตามเกมส์ของป้อ
ผมจะต้องพิสูจน์ให้ป้อเห็นได้ว่าผมมั่นคงต่อแบงค์แค่ไหน

แต่ผมคนเดียวคงทำไม่สำเร็จแน่ๆ ถ้าตราบใดที่แบงค์ยังไม่เข้าใจ
ซึ่งถ้าแบงค์ไม่เข้าใจ และไม่รับฟังผม นั่นก็เท่ากับว่าทุกอย่างจะเข้าแผนของป้อหมด
ทันทีที่ผมคิดเช่นนั้น ผมก็เกิดอาการจิตตกขึ้นมาทันที

เฮ้ออออออ ไม่น่าเลยไอนันท์เอ้ย
เพราะความชะล่าใจแท้ๆ ทำให้เรื่องที่ดูไม่เป็นเรื่อง กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาซะได้
นี่ถ้าฉุกใจคิดขึ้นมาได้บ้าง มองอะไรให้กว้างมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง
เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก

แต่เอาเถอะ เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรก็ไม่ได้
เพราะงั้นจะมัวเอาแต่น้อยใจ ท้อแท้ไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมาแน่

คิดในแง่เข้าไว้ แง่ดี แง่ดี โอมมมมมม แง่ดี

ในขณะที่ผมกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่นั้นเอง
เสียงเรียกเข้ามือถือของผมก็ดังขึ้น ผมรีบล้วงมันออกมาจากกระเป๋าทันที
เพราะผมรู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา เพราะผมเป็นคนตั้งค่าเสียงนั้นไว้เอง

แล้วมันก็ใช่จริงๆ ด้วย

“แบงค์!!!”
ผมอุทานชื่อนั้นออกมาทันทีที่เห็นชื่อนั้นบนหน้าจอมือถือจนคนรอบข้างหันมามอง
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมรีบกดรับสายนั้นทันทีอย่างไม่ลังเล

“แบงค์ ฮัลโหลแบงค์ อยู่ไหนอ่ะ”
ผมรีบเอ่ยถามทันที แต่ทว่าสิ่งที่ผมได้ยินจากอีกฝั่ง ก็มีแต่ความเงียบงัน


“แบงค์ นันท์ขอโทษนะ นันท์ๆ นันท์ ไม่ได้ตั้งใจนะ นันท์”
ผมพยายามที่จะอธิบาย แต่ทว่าลิ้นของผม อยู่ๆ ก็เหมือนเกิดอาการพันกันจนพูดไม่ออกซะงั้น

“นันท์”
ในที่สุดปลายสายอีกฝั่งก็ตอบกลับมาเสียที
ผมรู้สึกดีใจมากเลยที่ได้ยินเสียงนั้น เสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เสียงที่ผมต้องการได้ยินมากที่สุดในเวลานี้

“แบงค์ ตอนนี้อยู่ที่ไหนอ่ะ นันท์เป็นห่วงมากเลยนะ”
ผมพยายามถาม ปลายสายเงียบไปครู่นึง

“ตอนนี้อยู่เชียงใหม่น่ะ”


เชียงใหม่!!!!!!


ที่นั้นมัน........


เมย์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


จบคาบเรียนที่  21
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 04-01-2014 05:38:04
สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน  :L1:

ก่อนอื่นก็ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุข และสมหวังตลอดปีและตลอดไปนะครับ  :กอด1:


คาบเรียนที่ 21 ครับ
เอาตรงๆ ตอนนี้ยอมรับว่าอาจจะไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก
จะมีก็ตรงที่นันท์ได้รับรู้ถึงความกลัดกลุ้มของแบงค์ที่ผ่านมาเสียมาก แล้วก็มีป้อโผล่มากวนประสาทนิดๆ หน่อยๆ
คือผมปูทางไปยังคาบเรียนที่ 22 มากกว่าน่ะ แห่ะๆ
(อันที่จริงจะใส่เหตุการณ์ที่นันท์ไปถามบาสด้วย แต่กลัวจะยืดเยื้อไปหน่อย น้องแอลก้เลยอดได้ออกโรงไปซะงั้น)

กว่าจะลากเข้ามาในจุดที่ต้องการได้นี่เหนื่อยเหมือนกันนะ 555+

เชื่อว่าอ่านแล้ว หลายคนคงนึกเกลียดป้อขึ้นมาทันทีเลยล่ะมั้ง หลังจากที่อุตส่าห์ชอบมาจากตอนก่อนๆ
ยังจำได้มั้ยครับที่ผมเคยบอกว่า "ป้อในเวอร์ชั่นแรกๆ ไม่ใช่แบบนี้นี่"

นั่นล่ะครับ 5555+

เอ ว่าแต่คนไหนคือป้อตัวจริงกันแน่หว่า ????
ไม่บอกหรอก ผู้ชายคนนี้ยังมีอะไรให้เขียนอีกเยอะ อิอิ

เป็น 1 ในตัวละครที่ผมชอบคนนึงนะ มันดูน่าค้นหาดี
ชอบพอๆ กับพลเลยล่ะ

ถ้าพลคือตัวละครที่เขียนง่ายสุด
ป้อก็คือตัวละครที่เขียนยากที่สุดเหมือนกันนั่นละครับ  o22 o22

วันนี้คงไม่มีอะไรมากหรอกครับ
พอดีเพิ่งได้หยุดหลังจากที่โหมงานหนักมาตลอด 555555555555+
(แต่วันส่งท้ายปีเก่าคืนที่ 31 ได้ปล่อยโคมลอยกับน้องกระดิ่งด้วยล่ะ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ  :mc4: :mc4:)

แต่มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้หยุดเลย
เพราะต้องทำความสะอาดห้อง จัดการ์ตูนเข้าชั้น ซักผ้า เคลียร์บัญชีค่าใช้จ่าย สังสรรค์กับเพื่อนฝูง (???)

รู้ตัวอีกที วันหยุดก็ผ่านไป 2 วันแล้ว
เหลืออีกแค่วันเดียวก็ต้องไปทำงานต่อละ  o22 o22 o22

วันนี้ไปก่อนละครับ บะบายครับ  :bye2: :pig4:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 12-01-2014 01:38:31
โอ๊ะ ชื่อเมย์ ออกมาอีกแล้ว แล้วแบงค์ไปทำอะไรถึงเชียงใหม่นะ แสดงว่าเมย์อยู่ที่เชียงใหม่เหรอ
หรือแบงค์จะไปหาเมย์จริง ๆ น่าสงสารนันท์จัง ยังดีที่มีมายด์กะพลคอยให้กำลังใจ แต่งงอะ ทำไมบาสถึงไม่ชอบนันท์ล่ะ
ดูแล้วบาสกะนันท์ก็ไม่น่าจะเคยมีเรื่องอะไรกันน๊า หรือนันท์เคยทำอะไรให้บาสไม่พอใจแบบไม่รู้ตัวรึเปล่า นี่ก็อีกหนึ่งปริศนาสินะ
ไม่งั้นก็คงแค่นิสัยติดพี่จริง ๆ อย่างที่พลว่าละมั่ง ส่วนป้อนี่ก็นะ พอเปิดเผยแล้วก็ดูจะไม่ค่อยแคร์อะไรเลย แถมยังดูจงใจก่อกวนอีก
เพื่ออะไรล่ะ ตกลงป้อชอบนันท์จริง ๆ เหรอ ทำไมรู้สึกเหมือนนันท์กะแบงค์กำลังโดนป้อแก้แค้นอะไรซะอย่างมากกว่า 
เพราะถ้าชอบจริงป้อไม่คิดบ้างเหรอว่าทำแบบนี้นันท์จะหันมาชอบป้อได้ยังไง หรือมันมีเบื้องหลังที่เป็นปริศนาอีกรึเปล่า
ไม่งั้นทำไมป้อถึงบอกว่าตัวเองเจออะไรมาเยอะล่ะ  ยังไงตอนนี้แบงค์ก็ยอมติดต่อนันท์ละ
ก็ขอให้แบงค์ใจเย็น และยอมรับฟังเหตุผลของนันท์ซะทีนะ จะได้ดีกันไว ๆ 
ให้ป้อเห็นว่าแบงค์กะนันท์มั่นคงมากกว่าที่ป้อคิดละกัน  ส่วนเมย์จะเริ่มมีบทบาทอะไรรึยัง รอติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า
 :pig4: :L2:
นั่นสินะคะพอเป็นวันหยุดมันช่างผ่านไปเร็วจัง  ขนาดคนอ่านได้หยุดช่วงปีใหม่ตั้ง 6 วัน ยังเหมือนไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
แค่ซักผ้า รีดผ้า จัดห้องตัวเองนิดหน่อย กิน ๆ นอน ๆ ก็หมดซะแล้ว เพราะปีใหม่ไม่ได้ไปไหน (คนปล่อยโคมด้วยก็ไม่มี อิอิ )
นั่งสวดมนต์ข้ามคืนแบบงง ๆ ที่บ้านคนเดียว อยากไปสวดที่วัดถึงไม่ไกลมากแต่ก็ไม่มีรถ จะปั่นจักรยานไปกลับก็อันตรายอีก
น้องสาวกะพ่อก็ไม่ไปด้วย เซ็งเลยค่ะ  อิอิ บรรยายซะยาว ยังไงก็รอติดตามคาบเรียนต่อไปอยู่นะคะ อยากให้แบงค์กะนันท์ดีกันเร็ว ๆ ค่ะ
เพราะถ้าพระเอกนายเอกโกรธกันนาน ๆ เวลาอ่านจะเครียดเหมือนเป็นชีวิตตัวเองเลยค่ะ 555   :กอด1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-01-2014 13:39:41
สวัสดีปีใหม่ค่ึะ ขอมห้มีความสุขนะคะ

เรื่องราวชักจะเริ่มเข้มข้นแล้วซิ
ป้อตั้งใจทำมห้แบงค์เข้าใจผิดก็พอเข้าใจ
แต่แบงค์เข้าใจผิด แล้วต้องหนีนันท์ไปที่เมย์เหรอ
อะไรจะประจวบเหมาะกันขนาดนั้น รอต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: poynakub ที่ 09-02-2014 08:45:00
 :z3: :z3: :z3: :z3: เมื่อไรจะมาอ่า อยากอ่านแล้วอ่ะ  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 21 หายตัว (04-01-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-02-2014 01:35:57
คาบเรียนที่ 22

“แล้วแบงค์เขาว่ายังไงล่ะนันท์”
เสียงใสๆ ของมายด์เอ่ยถามผ่านทางโทรศัพท์ด้วยความสนใจใคร่รู้
“ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากน่ะ พอดีเสียงมันดังมากด้วย”
ผมตอบกลับไปพร้อมกับวางกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอน

“ตอนนี้ก็รู้แค่ว่าอยู่เชียงใหม่ อีกสองสามวันจะกลับมาน่ะ”
“เชียงใหม่!!!!!”
เสียงตกใจของมายด์ดังลอดผ่านเข้ามาจนหูผมแทบแตก
“อย่าบอกนะว่า ไปหา..........”
“อืม ใช่ ตามนั้นล่ะ คิดว่านะ”
ผมตอบกลับไปเป็นเชิงว่ารู้กันกับมายด์

ใช่ครับ ผมคิดว่าที่แบงค์ขึ้นไปเชียงใหม่ ส่วนนึงก็ด้วยเรื่องเมย์
เมย์หญิงสาวหน้าตาน่ารักที่ครั้งนึงเคยอยู่ในหมู่บ้านนี้ และอยู่โรงเรียนเดียวกับพวกผม
ก่อนที่จะย้ายไปเชียงใหม่ด้วยเรื่องครอบครัว
.
และจะเรียกว่าน่าจะเป็นรักแรกของแบงค์ด้วยก็คงจะไม่ผิด
ถึงแม้มันจะเป็นแค่รักข้างเดียว ของแบงค์ก็ตามที

“...................”
“.................................”

เกิดความเงียบงันไปทั่วห้อง ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ ขึ้นมาทั้งจากฝั่งผมและปลายสาย
จนผมต้องพูดตัดบทขึ้นมา
“เอาเถอะ ถ้าอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้ามันจะจบและพังลงไป นันท์ก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก
ถือเสียว่าเป็นสิ่งที่นันท์ต้องรับผิดชอบให้กับความผิดนั้นเอง”
ผมพูดไปพร้อมกับถอนหายใจ
“เอ้ยยยย ไม่เอาน่ะนันท์ อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายไปแบบนั้นสิ เดี๋ยวจะทุกข์เอาเปล่าๆ นะ
มันอาจจะไม่เป็นแบบที่คิดไว้ก็ได้นะ”
มายด์พยายามจะปลอบใจผมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ผมตอบรับให้กับคำปลอบใจนั้นเหมือนทุกครั้งเช่นกัน

“งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ แม่เรียกไปกินข้าวละ ยังไงก็อย่าเพิ่งคิดมากไปก่อนล่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อื้อ ขอบใจมากนะ”
ตื๊ด!!!!
หลังจากที่ผมวางสายไป ผมก็ยังนอนกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียงอีกครู่ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ผมยังคงจำประโยคสุดท้ายที่แบงค์พูดกับผมก่อนจะวางสายไปได้เป็นอย่างดี
“ไว้กลับไป แบงค์มีอะไรจะคุยด้วย แค่นี้ก่อนนะ”
และแน่นอนว่าประโยคนี้มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมไปมาไม่รู้จบ
แบงค์ไปทำอะไรที่เชียงใหม่กันนะ ไปหาเมย์จริงหรือเปล่า
ถ้าจริง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นมั่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา


หลากหลายคำถามความคิดประดังเข้ามาในหัวผม
หยุด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมพยายามหยุดความคิดในแง่ลบทั้งหลายเอาไว้ อย่างที่มายด์บอกน่ะล่ะ
อย่าเพิ่งไปคิดในแง่ลบแง่ร้ายให้มากนัก มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่เราคิดไว้ก็เป็นไปได้

แต่เอาเถอะ อย่างน้อยก็เผื่อใจไว้บ้างก็คงจะดี หากเรื่องร้ายๆ มันจะเกิดขึ้นจริง
เราจะได้รับมือกับมันได้ทัน ไม่ต้องฟูมฟาย
เฮ้อออออ ไม่น่าเลย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ

และคืนนี้ก็คงจะเป็นอีกคืนที่ผมต้องหลับไปเพียงลำพังโดยไร้ถ้อยคำ “หลับฝันดีนะ” จากแบงค์

เหงาเหมือนกันแฮะ

...................................

“เอาล่ะ เที่ยงละ แยกย้ายไปกินข้าวกันได้ละ แล้วอย่าลืมทำงานที่สั่งไปด้วยล่ะ”
หลังจากที่อาจารย์พูดทิ้งท้ายเสร็จ หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพ พวกเราก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะกันทันที
ก็เป็นภาพที่เห็นได้ทุกวัน ไม่มีอะไรแตกต่างจากทุกวัน

ผมเก็บหนังสือเรียนเข้าใส่กระเป๋านักเรียน ก่อนจะลุกขึ้นลงไปยังโรงอาหารพร้อมกับมายด์
“เป็นไงมั่ง แบงค์ติดต่อกลับมาอีกมั่งมั้ย”
มายด์เอ่ยถามผม เมื่อมองเห็นว่าผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเป็นระยะๆ
ผมส่ายหัวเป็นคำตอบกลับไป
“เอาน่ะ อีกไม่กี่วันก็ได้เจอกันแล้ว อาจจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นก็เป็นไปได้นะ”
มายด์ยังคงให้กำลังใจผม ผมยิ้มรับกลับไป
มายด์หันมองซ้ายมองขวา จนผมสงสัย จึงเอ่ยถามไป
“มองหาป้อนั่นน่ะ หวังว่าวันนี้คงไม่โผล่หัวออกมานะ”
“คงยาก เรียนโรงเรียนเดียวกัน แถมโรงเรียนก็มีอยู่แค่นี้ ยังไงก็คงมาน่ะล่ะ”
ผมถอนหายใจ

“ตานี่ก็เพี้ยนจริงๆ แฮะ ไม่เข้าใจความคิดเขาเลยว่าคิดอะไรอยู่ในหัว
คิดเหรอไงว่าทำวิธีนี้แล้วจะทำมันจะได้ผล จะทำให้นันท์ชอบป้อเขาได้น่ะ
จริงอยู่ว่าอาจจะทำให้นันท์กับแบงค์ทะเลาะ......”
มายด์รีบหยุดคำพูดทันทีเมื่อรู้ว่ากำลังจะพูดอะไรออกมา เพราะกลัวว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกไม่ดี

“พี่นันท์ พี่มายด์ฮะ นั่งด้วยได้มั้ยฮะ”
เสียงของแอลถามผมในขณะที่มือก็ถือชามก๋วยเตี๋ยวเดินเข้ามา
ผมและมายด์ต่างพยักหน้ายิ้มเป็นคำตอบพร้อมกับขยับที่ให้แอลนั่ง
“แล้วบาสล่ะ ไปไหน ไม่มาด้วยเหรอ”
มายด์ถามพร้อมกับหันมองหาบาส
“อยู่ที่ชมรมวิทย์น่ะฮะ ยังลุยโปรเจคอะไรก็ไม่รู้ของพี่เขายังไม่เสร็จน่ะฮะ
นี่กะว่ากินเสร็จละจะซื้อขนมขึ้นไปให้พี่บาสเขาน่ะ”
“ละอารมณ์บาสล่ะ เป็นไงมั่ง เย็นลงมั่งรึยัง”
ผมถามด้วยความสงสัย แอลหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องได้

“อ้อ เรื่องพี่แบงค์หายตัวไปน่ะเหรอฮะ ก็ยังมีบ่นๆ อยู่บ้างน่ะล่ะฮะ
ก็แหงล่ะ พี่แบงค์ไม่อยู่บ้าน ก็ไม่มีทำอะไรให้พี่บาสกินนี่ฮะ
เพราะงั้นช่วงนี้ผมเลยให้พี่บาสเขามาอยู่บ้านผมไปพลางๆ ก่อนน่ะฮะ ก็เลยดูจะสงบลงมาได้บ้าง”
ผมรู้สึกเหวอไปเล็กน้อยพอสมควรเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมา ที่ผมเกือบจะโดนไอบาสมันต่อย
อันเนื่องมาจากผมเป็นสาเหตุทำให้ไม่มีใครทำกับข้าวให้บาสกิน

แค่เนี่ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“พี่ไม่ต้องไปคิดมากหรอกฮะ เรื่องท่าทีพี่บาสน่ะ”
แอลพยายามพูดหลังจากที่เห็นสีหน้าเหวอๆ ของผม
“พี่บาสเขาก็เป็นแบบนั้นน่ะล่ะฮะ แต่จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก”
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 22 คำขาด (22-02-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-02-2014 01:37:28
ผมยังคงมึนๆ อยู่กับคำพูดนั้นของแอล

“อืม......ถ้าพี่แบงค์เป็นคนคิดมากมีอะไรก็เอาแต่เก็บเงียบไว้คนเดียว
พี่บาสก็คงเป็นด้านตรงข้ามกับพี่แบงค์น่ะล่ะ คิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้นเลย
โผงผางตรงไปตรงมา ต้องว่ากันด้วยเหตุและผล ถึงแม้บางทีตัวเขาจะไม่ค่อยมีเหตุและผลก็เหอะ 555+”
แอลพูดถึงบาสด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ดูมีความสุข

รอยยิ้มที่ผมดูแล้วก็ยังอิจฉา

“แล้วที่ผ่านมา แอลกับบาสเคยทะเลาะกันบ้างมั้ยอ่ะ”
ผมหันไปถามแอลอีกรอบ แอลเงยหน้าขึ้นมาพลางนึกไปด้วยครู่นึง ก่อนจะหันมามองผม
“ก็ถ้าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไปก็มีบ้างนะฮะ แหมพี่ ลิ้นกับฟัน มันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างอยู่แล้วนี่ฮะ เรื่องธรรมดา”

“แต่ถ้าเรื่องใหญ่โตถึงขั้นจะเลิกราอะไรแบบนั้น ไม่เคยมีฮะ”
แอลหันมามองผมก่อนที่จะยิ้มให้
“ทั้งหมดทั้งปวงมันก็แค่ว่าเราเปิดใจคุยกันหรือไม่ก็แค่นั้นน่ะฮะ ถ้าเปิดใจคุยกันเมื่อรู้ว่าเริ่มจะมีปัญหา
ทุกอย่างมันก็จบ แค่นั้นเองฮะ”

ทันทีที่แอลพูดจบประโยค ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
ที่ผ่านมา ผมเองก็เป็นฝ่ายที่ไม่เปิดใจคุยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องที่มีต้นเหตุมาจากความไม่คาดคิดก็ตามที
แต่พอรู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหา ผมก็ยังกลับปิดบัง นิ่งเงียบอยู่
ครั้นพอคิดได้ในตอนนั้น มันก็สายไปแล้ว

“เอาน่ะ อย่าไปคิดมากฮะ พี่นันท์ พวกพี่ยังไม่ได้คบกันจริงๆ จังๆ เสียหน่อยนี่ฮะ
มันก็ต้องมีบ้าง บางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจกัน ก็ค่อยๆ แก้ไขกันไป
แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่พี่สองคนตกลงปลงใจกันแล้วล่ะก็........
ห้ามปิดบังซึ่งกันและกันเป็นอันเด็ดขาด”
แอลยิ้มให้กับผมอีกรอบหลังจากที่พูดจบ

“ข่ะ ขอบคุณแอลมากนะสำหรับคำชี้แนะและกำลังใจ”
“เรื่องเล็กน้อยฮะ ยังไงต่อไปเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันละนี่ แห่ะๆ สู้ๆ นะฮะ พี่นันท์ เดี๋ยวแอลไปหาพี่บาสก่อนนะฮะ”
แอลกล่าวคำอำลาก่อนจะลุกจากไป โดยทิ้งให้ผมกับมายด์นั่งต่อ

“เอ่อ...น้องแอลนี่เด็ก ม. ต้น แน่เหรอเนี่ย ความคิดความอ่านยิ่งกว่าผู้ใหญ่อีกนะนั่น
มิน่าล่ะ บาสมันถึงได้รัก ได้หวงนัก”
มายด์หันมาถามผมด้วยใบหน้างงปนทึ่งพอสมควร
ส่วนผมในตอนนี้นั้นน่ะเหรอ รู้สึกอายเป็นอย่างมากที่โตจนป่านนี้แล้วยังต้องให้เด็กมาสอนอยู่

แต่มันก็จริงอย่างที่แอลพูดน่ะล่ะ ผมก็ไม่มีอะไรจะเถียงจะค้านได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“แล้วเดี๋ยวนันท์จะไปไหนต่อมั้ย”
มายด์หันมาถามผม ผมเองก็ลังเลในคำตอบที่จะตอบออกไป เพราะใจนึงก็กลัวว่าหากไปห้องสมุดในเวลานี้จะต้องเจอกับป้อแน่ๆ
“งั้นเอางี้มั้ย ไปห้องซ้อมดนตรีกับมายด์มั้ย พอดีอาทิตย์นี้ชมรมเขามีกิจกรรมน่ะ แต่ยัยส้มมันมีธุระ
มันเลยให้มายด์ไปช่วยเป็นนักร้องนำแทนมันน่ะ นี่ก็ว่าจะไปซ้อมพอดี ไปด้วยกันมั้ย”
มายด์เอ่ยปากชวนผม ผมพยักหน้าตอบตกลงให้กับคำชวนนั้น
ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ ละกัน
“เอ้อ ใช่ แล้วถ้างั้น วันอาทิตย์ไปกับมายด์มั้ยล่ะ จะได้ไม่เบื่อ”
มายด์หันมาชวน ผมครุ่นคิดอยู่ครู่นึง ก็พยักหน้าตอบตกลงกับไปอีกที

...............................................

“หวัดดีค่ะ พี่เป้ พอดีพาเพื่อนมานั่งฟังด้วย ไม่ว่ากันนะคะ”
มายด์เอ่ยทักทายอย่างสุภาพกับพี่เป้ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าชมรม
พี่เป้เองเมื่อหันมามองพวกผม ก็ไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มให้อย่างเป็นมิตรอีกต่างหาก
ผมเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้อง พร้อมกับหันมองไปรอบห้อง

“พี่คะ แล้วสรุปวันนั้น เราจะเล่นกันกี่เพลงคะ”
มายด์หันไปถามพี่เป้ ในขณะที่มือก็เปิดดูเอกสารบางอย่าง ซึ่งให้ผมเดา น่าจะเป็นชีทเนื้อเพลงนะ
“ดูจากคิว และเวลาแล้ว น่าจะได้สัก 5 เพลงนะ ส่วนเพลงก็มายด์ลองดูๆ ในชีทนั้น เอาที่มายด์ร้องได้ละกัน
พวกพี่เล่นได้หมด”

มายด์เปิดดูชีทอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะหันไปพูดคุยตกลงกับพี่เป้
พี่เป้และคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าไม่มีใครติดขัดอะไร

ส่วนผม ยังคงนั่งเอ๋อ อยู่มุมห้องเช่นเดิม 55555555555+
“งั้นวันนี่ก็ซ้อมเพลงนึงก่อนละกันนะ ส่วนเพลงก็...ตามที่มายด์ว่าละกัน”
พี่เป้พูดจบ ก็หยิบเอาเบสท์มาคล้องทันที
คนตีกลองส่งสัญญาณจังหวะ และเพลงก็เริ่มเล่นขึ้น
ทุกคนดูตั้งใจกันมากๆ เลยแฮะ
เสียงมายด์เองก็เพราะใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

ในขณะที่ผมกำลังฟังเพลงที่มายด์ร้องอยู่นั้นเอง
มือถือของผมก็สั่นเพราะมีข้อความไลน์เข้า
ผมรีบหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงทันทีด้วยใจหวังว่าจะเป็นข้อความของแบงค์

แต่ทว่าผมก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่านอกจากจะไม่ใช่ข้อความของแบงค์แล้ว
มันดันเป็นข้อความของป้ออีกด้วยนี่สิ

ปอป้อซัง : อยู่ไหนครับ วันนี้ไม่มาห้องสมุดเหรอครับ

ผมนิ่งไปครู่นึง พร้อมกับลังเลและชั่งใจว่าตอบกลับข้อความไปดีหรือไม่
แต่ถ้าผมตอบกลับไป เดี๋ยวก็ต้องเป็นเรื่องเป็นราวไม่มีที่สิ้นสุดอีก หลบๆ เลี่ยงๆ ไปก่อนดีกว่า

เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมก็เก็บมือถือเข้าใส่กระเป๋ากางเกงเช่นเดิม

หลังจากนั้นทุกวัน ผมก็ยังใช้วิธีหลบหน้าป้อเป็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้น
จนกว่าผมจะเคลียร์ปัญหาระหว่างผมกับแบงค์ได้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกันแฮะ
อยู่โรงเรียนเดียวกันแต่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เฮ้ออออออ แต่ทำไงได้

ให้คุยกับป้อตอนนี้ ก็คงจะไม่ไหว รู้เลยว่าคำตอบจะเป็นยังไงกับคนหัวรั้นแบบนั้น

และในที่สุดก็ถึงวันวันเสาร์เสียที ได้อยู่บ้านสบายใจบ้าง
แต่ก็เหงาๆ เหมือนกันแฮะ ปกติช่วงนี้ผมกับแบงค์มักจะได้อยู่ด้วยกันแท้ๆ เฮ้ออออออ

แบงค์ก็ยังคงไม่ติดต่อกลับมาสักที
เมื่อไหร่จะกลับมากันนะ
เฮ้อออออ คิดมาก เดี๋ยวเครียด ออกไปหาขนมกินที่ 7-11 หน้าหมู่บ้านดีกว่า แห่ะๆ

ผมเดินออกไปบ้านไปยัง 7-11 เพื่อซื้อขนม ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานมากนัก

ในขณะที่ผมกำลังเดินกลับมาบ้านนั้นเอง ผมก็นึกอะไรบางอย่างได้
วันนี้มายด์ซ้อมใหญ่นี่หว่า ส่งไลน์ไปให้กำลังใจเสียหน่อยละกัน
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 22 คำขาด (22-02-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-02-2014 01:38:15
ระหว่างที่ผมกำลังจะหยิบมือถือออกมานั้นเอง เสียงเรียกสายของมือถือผมก็ดังขึ้น
ผมรู้ทันทีว่าใครโทรมาด้วยเสียงที่ผมตั้งค่าไว้
แบงค์!!!!!!!!
ผมรีบหยิบมันออกมาแล้วกดรับสายนั้นทันที

“ฮัลโหล แบงค์”
ผมเอ่ยทักออกไปทันที
“นันท์ อยู่ไหนน่ะ”
ปลายสายเอ่ยถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“ตอนนี้นันท์ออกมาซื้อขนมน่ะ กลับจะกลับบ้าน แบงค์ล่ะ อยู่ไหน กลับมารึยังอ่ะ”

แบงค์เงียบไปครู่นึง

“ตอนนี้แบงค์อยู่หน้าบ้านนันท์น่ะ”
ทันที่ที่ผมได้ยินเช่นนั้น ผมก็รีบวิ่งกลับมาที่บ้านทันทีด้วยความรีบเร่ง
และเมื่อผมวิ่งมาถึงบ้าน ผมก็เห็นแบงค์ยืนอยู่หน้าบ้านผมจริงๆ
ผมดีใจมากที่แบงค์กลับมา จนรีบวิ่งเข้าไปกอดแบงค์ทันทีโดยไม่ทันได้เอ่ยทักทายใดๆ ทั้งสิ้น
“แบงค์ ในที่สุดก็กลับมาสักที นันท์ขอโทษนะ นันท์ขอโทษ”
ผมในตอนนี้นั้นเอาแต่พล่ำขอโทษอย่างไม่ยอมหยุด ในขณะที่น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

แบงค์ไม่กล่าวคำใดๆ ออกมา จะมีก็เพียงแต่ยกแขนทั้งสองข้างโอบกอดผมเช่นเดียวกัน
มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก อ้อมกอดที่ผมคุ้นเคย และต้องการมันที่สุดในเวลานี้

“นันท์”
แบงค์เอ่ยเรียกชื่อผมออกมา ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ไปเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นกันหน่อยมั้ย”
ผมพยักหน้าให้กับคำชวนนั้น ก่อนจะเดินไปยังบ้านแบงค์ก่อน เพื่อให้แบงค์เก็บกระเป๋า
แล้วจึงเดินไปยังสนามเด็กเล่น

ระหว่างทางที่เดินมา ผมสังเกตเห็นถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปของแบงค์ได้
แบงค์ในตอนนี้นั้นเอาแต่นิ่งเงียบ ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เอะใจ แต่ผมสังเกตได้ว่ามันเป็นอาการนิ่งเงียบที่ต่างไปจากเมื่อก่อน
ทำให้ทั้งผมและแบงค์แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะผมไม่รู้ว่าแบงค์กำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อทั้งผมและแบงค์เดินมาถึงสนามเด็กเล่น แบงค์ก็เดินนำหน้าผมออกไป ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
รอยยิ้มที่ดูเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ทว่าก็ยังคงไม่พูดอะไรออกมา
“แบงค์ นันท์ขอโทษ ที่ปิดบังเรื่องป้อ แต่ แต่ .....แต่นันท์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ”
ผมพยายามที่จะอธิบายเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดให้แบงค์ฟัง แต่แบงค์ก็ยกมือให้ผมหยุดพูด
พร้อมกับยิ้มให้กับผมเช่นเดิม ก่อนที่จะหันมองไปยังสนามเด็กเล่น

“ยังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้มั้ย”
แบงค์เอ่ยถามโดยไม่ได้หันกลับมามองผม
“ยังจำได้สิ”
ผมตอบกลับไป แบงค์เงียบไปครู่
“กี่ปีมาแล้วนะ”

“ก็....น่าจะราวๆ 10 ปีได้แล้วมั้ง”
“นานน่าดูเลยนะ”
แบงค์ตอบกลับมา โดยที่คราวนี้หันกลับมามองผม
ผมยังคงไม่เข้าใจว่าแบงค์เปิดประเด็นแบบนี้ขึ้นมาเพราะอะไร
.
“เราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลยนะ ว่ามั้ย”
ทันทีที่แบงค์ถามกลับมาเช่นนั้น ผมก็นึกย้อนคิดกลับไป
มันก็จริงอย่างที่แบงค์ว่ามาจริงๆ นั่นล่ะ เราทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลย
ผมจึงพยักหน้าให้กับคำถามนั้น
“แล้วคราวนี้เราทะเลาะกันเพราะอะไรนะ”
แบงค์เอ่ยคำถามนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย

“แบงค์ นันท์ขอโทษนะ”
ผมยังคงกล่าวคำขอโทษออกไป เพื่อหวังอยากจะอธิบาย และอยากได้ยินคำให้อภัยจากแบงค์เป็นที่สุด
“ทำไมนันท์ต้อง ขอโทษล่ะ นันท์ทำอะไรผิดเหรอ”
แบงค์ย้อนถามกลับมาอีกรอบ
“ก็ที่นันท์ไม่เคยบอกแบงค์ เรื่องป้อน่ะ”
“ก็แล้วทำไมไม่บอกล่ะ เพราะอะไรถึงปิดบังไว้”
อยู่ๆ น้ำเสียงของแบงค์ก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว
ผมพยายามเรียบเรียงความคิดในหัว เพื่อที่วิเคราะห์ว่าผมควรจะพูดอย่างไรดีไม่ให้สถานการณ์มันแย่ลงไป

“นันท์ไม่ได้คิดตั้งใจจะปิดบังไว้จริงๆ นะ แต่นันท์ตอนนั้นไม่รู้จะพูดว่ายังไงดีน่ะ
เพราะนันท์ไม่รู้ว่าป้อที่จริงชอบนันท์อยู่ แถมนันท์ก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ไม่ชอบป้อ
นันท์เองก็แค่เห็นว่าป้อก็เป็นคนรู้จักมาจากเข้าค่ายเองอ่ะ นันท์คิดกับป้อแค่เพื่อนจริงๆ นะ
พอนันท์รู้ความจริงทั้งสองเรื่อง นันท์เองก็อึ้งเหมือนกัน เลยทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
.
นันท์เลยกลัว”
ผมพยายามพูดอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้แบงค์ฟัง
ถึงแม้จะยังสั่นๆ แต่ก็ต้องพูดออกไป เพราะอย่างที่แอลว่าไว้นั่นล่ะ
ผมไม่อยากจะปิดบังแบงค์อีกต่อไป
แบงค์นิ่งเงียบไปครู่นึง

“กลัว? กลัวอะไรเหรอ??”
แบงค์เอ่ยถามขึ้นมาอีกรอบ
“ก็......กลัวแบงค์จะโกรธนันท์ไง ที่ปิดบังเรื่องราวที่ผ่านมา”
“ก็เลยเลือกที่จะปิดบังต่อไป จนให้แบงค์มาเห็นเหตุการณ์นั้นเอง”

อึ่ก!!!!!!!!!!!!!!!
“ม่ะ ไม่ใช่นะ วันนั้น นันท์เองก็คิดว่าจะคุยเรื่องนี้กับแบงค์แล้วนะ เพราะไม่อยากจะปิดบังแบงค์อีกต่อไป
มันจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโกหกหลอกลวงแบงค์อยู่ และนันท์เองก็ปฎิเสธป้อไปแล้วด้วย
แต่ป้อก็ดัน..........”
ผมพยายามเรียบเรียงคำพูดในขณะที่น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาอีกรอบ
คราวนี้มันเป็นน้ำตาที่มาจากความกลัว

กลัวว่าหากเหตุการณ์มันแลวร้ายลง ทุกอย่างก็คงจะจบลงไป
ถึงแม้จะเคยบอกกับตัวเองว่าถ้าทุกอย่างจะพังลง ผมก็จะรับมันให้ได้


แต่พอเจอสถานการณ์จริง ผมกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“นันท์รู้มั้ย ว่าในขณะที่แบงค์กำลังสับสนลังเลว่าแบงค์เป็นอะไรกันแน่”
คราวนี้แบงค์เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมา
“จริงอยู่ว่าสิ่งที่นันท์ทำลงไป มันก็อาจจะเป็นเหตุผลของนันท์
ในขณะที่แบงค์เอง แบงค์ก็รู้ตัวว่าแบงค์เป็นคนชอบคิดมาก
เพราะงั้นแบงค์คงไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปโกรธนันท์ได้มากมายนัก แต่แบงค์ก็กลับควบคุมตัวเองไม่ได้”
แบงค์พูดออกมาอย่างไม่หยุด ซึ่งไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะเห็นแบงค์เป็นแบบนี้

“แต่นันท์รู้มั้ยว่าแบงค์สับสนมากแค่ไหน กับเรื่องที่สงสัยว่าตัวเองเป็นเกย์หรือป่าว
ที่ผ่านมาแบงค์ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกกับนันท์ มันใช่ความรักจริงหรือไม่
.
.
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบงค์ก็รู้ตัวแล้วล่ะ ว่าแบงค์ควรทำอย่างไร”


แบงค์นิ่งเงียบไปครู่นึง ในขณะที่ผมตอนนี้รู้สึกหวิวๆ หวาดๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


“เรา..........เลิกกันดีกว่าเหอะ เราคงไม่เหมาะที่จะคบกัน..........”


สายลมพัดผ่านตัวผมที่กำลังยืนนิ่ง แข็งทื่ออยู่กับที่ ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น



จบคาบเรียนที่ 22

หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 22 คำขาด (22-02-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 22-02-2014 02:02:52
สวัสดีครับ



แห่ะๆๆๆๆๆๆๆ หายไปเกือบสองเดือน อย่างที่เดากันไว้จริงๆ ด้วย ว่าถ้าสอบขึ้นผู้ช่วยจะต้องรอกันนานแน่ๆ - -*


บอกตามตรงเลยครับ ว่าไม่มีเวลาว่างจริงๆ โดนกดดันทุกวัน เวลาเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน แต่งนิยายไม่มีจริงๆ
แต่ไม่โทษใครครับ เพราะเอาจริงๆ ต้องยอมรับว่าตัวผมเองเป็นคนขอโอกาสนั้นเอง

ส่วนผลที่ออกมาคือ "สอบไม่ผ่าน" ครับ 555555555555555555555555555555555555555+
แต่ก็ไม่ได้เครียด และซีเรียสครับ
เพราะก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างนึงให้เราได้เรียนรู้ว่าเราพลาดตรงไหนไปบ้าง

ส่วนหลังจากนี้ ก็คงกลับมาใช้ชีวิตตามปกติครับ
และกลับมาวางแผนชีวิตใหม่ เอ มันก็ไม่ถูกเท่าไหร่
ต้องเรียกว่า กลับมาใช้ชีวิตตามแผนเดิมที่เคยวางไว้มากกว่า

นั่นคือ "อดีตมีไว้เรียนรู้ อยู่กับปัจุบัน และมุ่งมั่นเพื่ออนาคต"


 :hao3: :hao4: :hao3: :hao4:


ว่าแต่ หายไปเกือบเกือบสองเดือย ลืมกันไปรึยังนี่
ขอบคุณที่ยังจำและคิดถึงกันครับ และต้อนรับสมาชิกที่แสดงตัวตนใหม่

หลังจากนี้ คงจะมีเวลามากขึ้นครับ (มั้งนะ)

เข้าเรื่อง

ในที่สุด แบงค์ก็กลับมาแล้ววววววววววววววววววววววววว
(เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

แต่ไหง ??????????????????

ทำไมเหมือนสถานการณ์นอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้ว ยังจะดูเหมือนเลวร้ายลงกว่าเดิมด้วยเนี่ย ???



มันเกิดอะไรกันขึ้น ???
ช่วงเวลาที่แบงค์ไปเชียงใหม่ มันเกิดอะไรกัน ?????

แล้วเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป

ติดตามต่อตอนหน้าครับ


รับรอง มีเซอไพรซ์นิดหน่อยครับ ตามสไตล์ของจิ๊บคุง 5555555+
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 22 คำขาด (22-02-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 01-03-2014 13:53:42
แง ไม่นะแบงค์กลับมาพร้อมมาม่าเหรอ ดูจากเหตุการณ์ก็รู้ว่าแบงค์หวงนันท์แค่ไหน
อย่างงี้แบงค์ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกตัวเองได้นะว่ารู้สึกกะนันท์แตกต่างจากเพื่อนธรรมดา
แล้วที่ว่าเลิกกันไม่เหมาะจะคบกันนี่ เลิกคบกันแบบเพื่อนใช่ม๊า ถ้าไงเปลี่ยนมาคบเป็นแฟนแทนเถอะนะ
อย่าดราม่ามากเลยสงสารนันท์อะคะ แค่แบงค์หายไปก็เครียดจะแย่แล้ว
ยังไงเรื่องเซอร์ไพร์สที่ว่าขอเป็นเรื่องดี ๆ นะคะ 
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปนะคะ  :pig4:  :L2:
ส่วนเรื่องงานก็สู้ ๆ ต่อไปนะคะ โอกาสไม่ได้มีครั้งเดียวต่อไปต้องมีมาอีกแน่
ตอนนี้เราก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และมีความสุขก็พอเนอะคะ  :a2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 22 คำขาด (22-02-14)
เริ่มหัวข้อโดย: poynakub ที่ 15-03-2014 11:14:52
 
     :z3: โอ้ยยยย คิดมากๆ ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า  :ling1:

    ตอนแบงค์ไปเชียงใหม่เจอเมย์สารภาพรักมาเหมือนกันซินะ ....  :mew2:
    และจากนั้นก็ลองคบกันดูจนแน่ใจแบงค์ก็เลยกลับมาเลิกคบกับนันท์.....  :mew6:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 22 คำขาด (22-02-14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-03-2014 13:37:30
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แบงค์เลิกสับสนแล้วเหรอ
และคิดว่าตนไม่ได้คิดเกินเพื่อน
กับนันท์งั้นเหรอ เพราะแค่เรื่องป้อ
คงไม่ทำให้แบงค์ จบความสัมพันธ์กับนันท์หรอก
ก็คงต้องลุ้นกันต่อไป ว่าใคร อะไร ยังไง
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-04-2014 02:41:04
คาบเรียนที่ 23 : หนี

“แบงค์ มากินข้าวได้แล้วมา แม่เราทำข้าวเช้าเสร็จพอดีเลย”
เสียงใสปนห้าวเล็กๆ ของเมย์ตะโกนเรียกผมที่กำลังนั่งเล่นกับเจ้าโบโบ้
สุนัขพันธุ์โกลเด้น ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านของเมย์ให้เข้าไปในบ้าน
ผมพยักหน้าให้เล็กน้อยพร้อมกับลูบหัวเจ้าโบโบ้เบาๆ ก่อนจะเดินเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเข้าไป

“อ้าว แบงค์มาพอดีเลยลูก มาๆ มากินข้าวเช้ากัน”
ป้าฟองพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมจัดสำรับอาหารเช้าไปพลาง
“อ้าว แล้วลุงโชติไปไหนล่ะครับ”
ผมถามพร้อมกับหันมองไปรอบๆ บ้าน
“พ่อออกไปดูคนงานตั้งแต่เช้าแล้วน่ะ เห็นว่าวันนี้จะทำอะไรไม่รู้สวนน่ะ จำไม่ได้ละ”
เมย์ตอบกลับมาก่อนจะตักข้าวส่งมาให้ผม

“เมย์ วันนี้หนูมีเรียนกี่โมงน่ะ”
ป้าฟองหันไปถามเมย์
“11 โมงอ่ะแม่ เลยว่าจะขึ้นไปจัดห้องก่อนน่ะ ไม่ไหวแล้ว ห้องรกละอ่ะ”
“เออ นั่นล่ะ ที่แม่จะบอก เป็นสาวเป็นนาง ปล่อยให้ห้องรกได้ไง
แบบนี้จะไปเป็นเจ้าสาวใครได้ เนอะแบงค์เนอะ”
ป้าฟองเอ็ดใส่เมย์ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กลับไป
“แม่อ่ะ หยาบคายมากเลยนะ มาๆ กินข้าวกันดีกว่า หิวละ”

ระหว่างทานข้าว ป้าฟองและเมย์ชวนผมคุยไปเรื่อยตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน
วันแรกที่ผมมาถึงทั้งเมย์ ป้าฟอง และลุงโชติ ต่างก็ประหลาดใจ
แต่ผมก็ใช้สกิลแถไปเรื่อยบอกว่าโรงเรียนหยุดเลยมาเที่ยว
ป้าฟองกับลุงโชติก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับกันยังดูแลต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี

จะมีก็แต่เมย์นี่ล่ะ ที่ดูจะรู้ว่าผมคงมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่ยังไม่เอ่ยถามอะไรผม
ซึ่งผมเองก็คงจะตอบไม่ถูกเหมือนกันหากโดนเมย์เค้นถามความจริงเนี่ย

หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ ผมก็ช่วยป้าฟองเก็บจานไปล้าง
แต่ทว่ากลับโดนป้าฟองปฏิเสธการช่วยเหลือ โดยให้เหตุผลว่าเป็นแขกมาเยือนห้ามช่วย ถ้าช่วยจะโกรธ (ซะงั้น)
ผมจึงออกมานั่งเล่นกับเจ้าโบโบ้ที่หน้าบ้านเช่นเดิม
และในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นกับเจ้าโบโบ้อยู่นั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น
ผมรีบหยิบขึ้นมาดูเพราะใจกลัวว่าจะเป็นไอบาสโทรมา หรือจะร้ายแรงกว่านั้นคือเป็นแม่
หากเป็นแบบหลังล่ะก็ ผมคงไม่ได้ตายดีแน่ - -

แต่ทว่าก็ไม่ใช่ทั้งสองคน และซึ่งก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนอื่น
ใช่ครับ เป็นนันท์ที่โทรมาหา
สองสามวันที่ผ่านมานี้ตั้งแต่ที่ผมมาถึงเชียงใหม่ นันท์โทรหาผมตลอด
แต่ก็เป็นผมเองที่ยังคงไม่รับสายของนันท์

ผมเองในตอนนี้ก็ยังคงสับสนในความคิดของตัวเอง
บอกไม่ถูกว่าตัวเองในตอนนี้กำลังรู้สึก หรือควรจะรู้สึกยังไงดีกันแน่
มันก็รู้สึกดีนะ ที่เห็นว่านันท์ยังคงเป็นฝ่ายโทรเข้ามาตลอด รวมถึงข้อความขอโทษนั้นด้วย
แต่พอทุกครั้ง ที่จะกดรับสายภาพเหตุการณ์วันนั้นก็จะย้อนเข้ามาในหัวของผมทันที

ภาพของคนที่ชื่อป้อกำลังกอดรัดนันท์อยู่
ผมเองในตอนนั้นบอกตามตรงเลยว่าค่อนข้างโมโหพอสมควร

คำถามมากมายเกิดขึ้นมาในหัวอย่างนับไม่ถ้วน
ทำไมคนที่ชื่อป้อได้อยู่ที่โรงเรียนผม ทำไมถึงได้ใส่ชุดโรงเรียนเดียวกับผม
ย้ายโรงเรียนมางั้นเหรอย้ายมานานแล้วรึยัง  ย้ายมาเพื่ออะไรกัน ??
แล้วทำไมถึงได้ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับนันท์
นันท์รู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ ??? แล้วทำไมถึงไม่เคยบอกผมมาก่อน

คำถามมากมายประดังเข้ามาจนผมเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน
เลยเลือกที่จะหนีออกมาโดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
ทั้งๆ ที่ถ้าผมยอมใจเย็นลงสักนิดฟังคำอธิบายของนันท์ว่าเกิดอะไรเกิดขึ้น
มันก็น่าจะดีกว่านี้แท้ๆ

แต่ผมก็กลับเลือกที่จะหนีออกมา
จะว่าไปนี่คงจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ผมแสดงท่าทีโมโหแบบนั้นใส่นันท์ไป
ตั้งแต่ผมรู้จักกับนันท์มา ผมมักจะใจดีกับนันท์เสมอไม่ว่าเรื่องอะไร
แม้ว่าบ่อยครั้งหลายเรื่องที่เกิดขึ้นจะมาจากนันท์ก็ตามที
แต่ผมกลับไม่เคยโกรธนันท์เลย อาจจะมีบ้างที่รู้สึกเหนื่อยใจ แต่สุดท้ายก็ยังรู้สึกหัวเราะและมีความสุขกับมัน

แล้วทำไมครั้งนี้ผมถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนั้นล่ะ ???
ทำไมผมต้องโกรธกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย

ผมกำลังหึงอย่างนั้นเหรอ ??????
ถ้าผมหึง ก็หมายความว่าแท้จริงแล้วผมเองก็กำลังรักนันท์ในรูปแบบของคนรักอย่างนั้นเหรอ ???

ถ้านั่นคือความรัก แล้วมันทำให้ผมต้องเป็นแบบนั้น


มันจะดีแน่เหรอ ?????
มันจะใช่ความรักจริงๆ อย่างนั้นเหรอ ????????
จนถึงตอนนี้ ผมก็เลยยังคงไม่กล้ารับโทรศัพท์ของนันท์สักที

“เฮ้ย ไปส่งเราหน้าปากซอยหน่อยดิ”
เมย์เอ่ยเรียกผม ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดนั้น ผมพยักหน้าให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามเธอออกไป

ลืมแนะนำไป ผู้หญิงที่ผมกำลังเอ่ยถึงอยู่นี้ชื่อเมย์น่ะครับ เพื่อนสนิทของผมคนนึง
เมื่อก่อนเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกับผม แต่ย้ายมาเชียงใหม่เพราะพ่อรับมรดกที่ดินและกิจการที่นี่น่ะครับ
เมย์ก็เลยต้องย้ายตามมาด้วย
“เชียงใหม่ไม่มีแท๊กซี่เลยเหรอ”
ผมเอ่ยถามเมย์ในระหว่างที่กำลังเดินไปยังหน้าปากซอย
“ไม่มีอ่ะ มีก็แต่รถแดง ก็คล้ายๆ แท๊กซี่ที่ กทม. น่ะล่ะ ทำไมเหรอ”
“ป่ะ ป่าวๆ ถามไปงั้นล่ะ”
ผมตอบกลับไปแบบตะกุกตะกัก

“..............”

“ว่าแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนจะขาวขึ้นเยอะนะ”
ผมพยายามชวนเมย์คุย
“อ๊ะ จริงดิ คงงั้นมั้ง เมืองหนาวนี่ แต่หน้าร้อนนี่โคตรร้อนยิ่งกว่า กทม. อีกนะ ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปไหนนัก”

“.........................................”

“เอ่อ..................”
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-04-2014 02:41:33
“เฮ้ย พอเหอะแบงค์ ถ้ามันลำบากนัก แบงค์ก็ไม่ต้องฝืนก็ได้ เรารู้น่ะ ว่าแบงค์มาที่นี่ไม่ได้มาด้วยเหตุผลง่ายๆ แบบที่โกหกพ่อกับแม่เราหรอก”
เอาละไง โดนถามแล้วมั้ยล่ะ
“สรุปว่ามีเรื่องอะไรล่ะห๊ะ ถึงได้หอบกระเป๋าเสื้อผ้าหนีมาเชียงใหม่เนี่ย”

เมย์พยายามคาดคั้นคำตอบจากผม ผมได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
“ทะเลาะกับไอบาส ไม่น่าใช่ เพราะอย่างแกน่ะทะเลาะกับมันออกบ่อย คงชินกันไปละมั้ง
ทะเลาะกับพ่อไม่ก็แม่ เอ ก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าใช่ ป่านนี้คุณน้าเขาคงโทรมาหากันให้วุ่นแล้วล่ะ
แสดงว่าคุณน้าเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกหายตัวออกมา”

อึก สมกับเป็นเมย์จริงๆ ที่พอจะคาดเดาคาดการณ์เองได้

“อืม..................หรือว่าแกจะ......อกหักวะ”
อึก.....!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมชะงักและนิ่งเงียบให้กับคำพูดนั้นครู่นึง พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอไปอึกนึงก่อนจะก้มหน้าต่ำลง
“อ้าว เฮ้ย จริงเหรอวะเนี่ย เฮ้ย เดี๋ยวๆ นะ แบงค์ แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วแฟนแกเป็นใคร เรารู้จักมั้ยน่ะ”
เมย์พยายามยิงคำถามรัวๆ ใส่ผม จนผมเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ

ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ผมหยิบมันขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นนันท์อีกเหมือนเดิม
ผมจึงพยายามจะหย่อนมันลงกลับใส่กระเป๋ากางเกง แต่ทว่า

“เฮ้ยยยย”
เมย์รีบคว้าโทรศัพท์ผมไปดู
“เฮ้ย อย่ารับนะเมย์”
ผมพยายามที่จะแย่งมือถือกลับมา แต่ก็ไม่ทันความไวของเมย์
เธอพยายามดูหน้าชื่อของคนที่โทรเข้ามา ไม่นานนักสายก็ตัดไป
ก่อนที่หน้าจอจะตัดกลับมาเหมือนเดิม
เผยให้เห็นรูปบนหน้าจอที่เป็นรูปของผมกับนันท์ตอนไปกินพิซซ่าด้วยกัน

เมย์มองรูปนั้นอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะมองหน้าผม แล้วจึงส่งโทรศัพท์คืนให้ผม
ผมรับมันกลับมา ก่อนจะถือมันไว้ในมือ พร้อมกับจ้องดูรูปนั้นเงียบๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเมย์ ที่ตอนนี้หันมองไปทางอื่น

ผมพยายามที่จะยิ้ม แต่ทว่ามันก็เป็นยิ้มที่แห้งๆ เจื่อนๆ
“เอ่อ เมย์......”
ผมเอ่ยเรียกเบาๆ แต่เมย์ก็ยกมือเป็นเชิงห้ามผมขึ้นมา ก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกับกดหาเบอร์ใครสักคนแล้วจึงกดโทรออก
ไม่นานนักปลายสายก็รับโทรศัพท์

“เออ กิ๊ฟท์ วันนี้ชั้นฝากแกเช็คชื่อแทนชั้นหน่อยได้มั้ย เออน่ะ พอดีชั้นมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ
เฮ้ย บ้าเหรอ ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต เออน่ะ เออๆ ฝากหน่อยนะ เคๆ ขอบใจ เดี๋ยวไว้จะพาไปเลี้ยงหมูทะหน้ามอละกัน แค่นี้นะ”

ทันทีที่เมย์วางสาย ก็หันมามองหน้าผม
“เฮ้ย ไปเที่ยวกันป่ะ”
“หือ???”
ผมทำหน้าสงสัยกลับไป
“ถามว่า ไปเที่ยวกันมั้ย”
“อ้าว แล้วไม่ไปเรียนเหรอ”
ผมถามกลับไปอย่างซื่อๆ

“เออ ช่างมันเหอะ วิชานี้ไม่เคยโดดมาก่อน อีกอย่างวิชานี้ส่วนมากก็แค่เช็คๆ ไปงั้นล่ะ เพราะเอาเข้าจริงคะแนนมันที่งานนู่น”
เมย์อธิบายให้ผมฟัง ผมก็พยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจหน่อยๆ (ลืมบอกไปว่าเมย์เขาเรียนสายอาชีพน่ะครับ)
“ว่าแต่จะไปไหนน่ะ”
ผมเอ่ยถามเมย์อีกรอบ

“แล้วอยากไปไหนเป็นพิเศษมั้ยล่ะ”
เมย์ถามย้อนกลับมายังผม ผมส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ เนื่องจากผมเองก็ไม่รู้ว่าเชียงใหม่มีที่ไหนน่าเที่ยวเป็นพิเศษมั่ง
เมย์ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง ก่อนจะหันมาหา
“งั้นไปดูหนังกัน มีเรื่องนึงเราอยากดูมากกว่า แต่ไม่มีใครไปดูเป็นเพื่อนเราที โอเคมั้ย”
ผมได้พยักหน้าเป็นคำตอบกลับไป เอาน่ะ ไหนๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่แล้วนิ
ผมเดินตามหลังเมย์ไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาทั้งจากปากผมและเมย์
ท่าทีที่ดูนิ่งเงียบเมื่อครู่ของเมย์ อยู่ก็หายไปกลับมาเป็นท่าทีที่ร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว

ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
เมย์กำลังคิดอะไรอยู่ในใจรึป่าวนะ

หรือเพราะไม่ได้คิดอะไร ก็เลยกลับมาร่าเริงได้เป็นปกติ
ซึ่งก็เป็นคำถามที่ผมไม่อาจจะคาดเดาคำตอบได้

คงต้องยอมรับตัวเองอย่างนึงว่าเมื่อก่อน ผมค่อนข้างติดเมย์พอสมควร
เมย์เป็นเด็กสาวที่ร่าเริงแจ่มใสเข้ากับผู้คนได้ง่าย
อาจจะดูห้าวๆ โผงผางจนบางครั้งมีเรื่องทะเลาะกับใครต่อใครหลายคนไปบ้าง
แต่นั่นก็เพราะเธอเป็นคนไม่ยอมแพ้ให้กับความไม่ถูกต้อง เธอกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่มี ผมก็เลยรู้สึกประทับใจ และมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับเธอ
ถึงแม้บางครั้งเธอจะชอบแกล้งผมบ้างก็ตามเถอะ

เมย์เดินนำผมมาไม่นานนัก ก็ถึงที่หมาย เป็นห้างที่ใหญ่พอสมควร
ดูภายนอกเหมือนสร้างด้วยอิฐมอญ แต่ก็คงแค่เอามาแปะๆ เป็นลวดลายเฉยๆ ล่ะมั้ง
ส่วนถ้าจะสงสัยว่าทำไมมันใกล้จัง
ก็คงต้องบอกว่า บ้านของเมย์นั้นอยู่ใกล้กับห้างน่ะครับ ใกล้มากกกกกก
เดินไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว

“ทำไมห้างมันดูโทรมๆ ดูจะพังมิพังแหล่ล่ะเมย์”
ผมเอ่ยถามเมย์ด้วยน้ำเสียงสงสัย เมย์เองเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็หันมาค้อนใส่ผมทันที
“หยาบคาย ห้างนี้ห้างประจำคนเมืองเลยนะ ต้องเรียกโบราณสถานเลยก็ว่าได้ 555+”

เมย์พาผมขึ้นลิฟท์ (ที่สภาพดูน่ากลัวยิ่งกว่าตัวห้างข้างนอก)ไปยังชั้นโรงหนัง ซึ่งอยู่ที่ชั้น 4
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก ผมก็เกิดอาการอึ้งเล็กน้อย
คือสงสัยคงเพราะติดภาพหรูๆ จากใน กทม. มาล่ะมั้ง เลยอึ้งหน่อยๆ
ดูโบราณจริงๆ ด้วย 5555+ (ขอโทษคนเชียงใหม่ด้วยนะ  - -*)

“ว่าแต่จะดูเรื่องอะไรน่ะเมย์”
ผมหันไปถามเมย์

“ก็เรื่องกราวิตี้น่ะ”
อึก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมชะงักเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมายนัก เมย์จึงยังคงไม่ทันสังเกตในเรื่องนี้

ผมกับเมย์เดินไปยังเคาเตอร์ขายตั๋ว คือถ้าให้พูดตามความรู้สึก ก็คงบอกได้ว่าดูล้าสมัยพอสมควร
แต่ถ้ามองอีกแง่ ก็คลาสสิคไปอีกแบบนะ
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-04-2014 02:42:22
พวกเราซื้อตั๋วรอบ 11 โมงครึ่ง ตอนนี้เวลาประมาณ 10 โมงนิดๆ ทั้งผมและเมย์เลยลงความเห็นกันว่าจะไปหาที่นั่งรอเวลาหนังฉาย
เมย์จึงพาผมลงมาชั้นล่างสุดเพื่อพาผมมายังร้านไก่ทอดของคุณลุงผู้พันธ์ท่านนึง (ไม่บอกก็คงรู้นะว่าร้านไหน)
บอกตามตรงเลยนะครับว่าวินาทีแรกที่เห็นร้าน บอกเลยว่า ร้านใหญ่มาก เทียบกับร้านที่กทม. นี่ เล็กไปทันทีเลย เป็นร้านสองชั้นอีกต่างหาก
เนื่องจากทั้งผมและเมย์กินข้าวเช้ากันมาก่อนแล้ว จึงยังไม่รู้สึกหิวอะไรมากนัก จึงสั่งเมนูทานเล่นมากินกัน
ก่อนจะถือขึ้นไปนั่งกินกันที่ชั้นบน

“นึกไงถึงได้ชวนมาดูหนังเนี่ย”
ผมถามเมย์ เมย์เองเมื่อได้ยินผมถามเช่นนั้น ก็นิ่งเงียบครู่นึงก่อนจะหยิบเป๊บซึ่ขึ้นมาดูด
“ก็ไม่มีไรมาก ขี้เกียจน่ะ ว่าแต่แบงค์เหอะ นันท์สบายดีมั้ย”
อึก!!!!!!

“ก็....ก็สบายดีนะ ท่ะ ทำไมเหรอ”
“ก็ปล๊าววววว ก็แค่อยากรู้เฉยๆ น่ะ ว่าเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ยังสบายดีอยู่มั้ยน่ะ”
เมย์ตอบกลับมาพร้อมทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม ให้ตายสิ
“คิดถึงสมัยก่อนจังเลยเนาะ เมื่อก่อนพวกเรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ”
“อื้ม มันก็จริงนะ”
“นั่นสิ นั่นสิ พอเมย์ไม่อยู่ ก็คงทำให้แบงค์กับนันท์ยิ่งสนิทกันมากขึ้น เนอะ”

อึก!!!!!!
อะไรกันเนี่ย คำพูดเหล่านี้ของเมย์ มันดูเหมือนพยายามจะจับผิดผมอยู่เลยนะนั่น
“ก็....คงงั้นมั้ง แห่ะๆ มั้งนะ”
ผมตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแห้งๆ

ในขณะที่ผมกำลังคุยกับเมย์อยู่นั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็มีสายเรียกเข้าอีกครั้ง
ผมหยิบมันขึ้นมา ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน นันท์น่ะเอง
ผมลังเลใจอยู่พักนึง แต่ก็ตัดสินใจไม่รับสายนั้น จนกระทั่งสายตัดไปผมจึงเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
เมื่อผมเงยหน้าขึ้น ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อพบว่าเมย์กำลังจ้องผมตาเขม็งอยู่

“อ่ะ อะไรเหรอ”
ผมถามเมย์ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
เมย์จ้องมองผมอยู่ครู่นึงก่อนจะก้มหน้าลง หยิบหยิบขึ้นมาดูดเป๊บซี่ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง
“ทะเลาะอะไรกันอยู่รึป่าวน่ะ ทั้งแบงค์และนันท์น่ะ”
ทันทีที่เมย์ถามเช่นนั้น ผมก็นิ่งอึ้ง เงียบไปครู่ใหญ่

“ก่ะ....ก็ปล่าว นี่”
ผมพยายามตอบปัดออกไป แต่เมย์ก็คงจะดูออกล่ะ ว่าผมกำลังโกหกอยู่
เมย์ถอนหายใจเบาๆ ทีนึง เมื่อได้ยินคำตอบนั้นของผม

“แบงค์”
“หือ”

“อีกคำถามนะ”
“หือ อะไรเหรอ”


“แกยังคิดว่าเราเป็นเพื่อนอยู่มั้ย???”
อึก!!!!!!!!!!!!!!!!!

“.......................”

“เอ่อ........คือ....”
ผมยังคงอ้ำอึ้งที่จะพูดออกไป
ไม่ใช่เพราะไม่อยากพูด แต่เป็นเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี
เมย์เองเมื่อเห็นท่าทีของผม ก็ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง

“เอาเถอะ ถ้าแกยังไม่อยากเล่า หรือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
เมย์นิ่งเงียบไปอีกครู่นึง ในขณะที่มือก็กำลังหยิบหลอดกวนน้ำแข็งในแก้วไปมา

“แต่ปัญหาน่ะ มีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้หนี
ถ้าแกแก้ไม่ได้ ก็หัดเปิดใจพึ่งพาคนอื่นเสียมั่ง อย่าเอาแต่เก็บเงียบไว้คนอื่น
ไม่งั้น แกก็จะเอาแต่หนีไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น”
ทันทีที่เมย์พูดจบ เมย์ก็ลุกขึ้นหยิบแก้วไปรินน้ำเปล่า


ก็คงจะจริงอย่างที่เมย์ว่านั่นล่ะ
ที่ผ่านมาผมมักจะเอาแต่หนีปัญหา ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่เป็นคนที่พึ่งพาได้
แต่จริงๆ แล้วเปล่าเลย ผมกลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหามาตลอด

ทั้งเรื่องประธานนักเรียน เรื่องชมรมบาสผมก็เอาแต่หลบอยู่หลังนันท์
 และเรื่องในคราวนี้ จริงอยู่ที่ครั้งนึงผมอาจจะเคยปรึกษามายด์
แต่ผมก็ยังคงลังเลและไม่แน่ใจอยู่ดี จึงไม่สามารถตอบตัวเองได้สักทีถึงเรื่องความรู้สึกตัวเอง
และสุดท้ายก็เลือกที่จะหนีมาอีก

ผมเองก็ยังคงตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะมาที่นี่
มาหาเมย์เพื่ออะไร


หรือผมกำลังคาดหวังอะไรอยู่ด้วยรึเปล่า ????


“แบงค์”
ในขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เมย์ก็เรียกผม ผมหันไปยังเสียงนั้น
“ป่ะ หนังจะฉายละ รีบไปกันเหอะ เราอยากดูตัวอย่างหนังใหม่ๆ ด้วยน่ะ”
ผมพยักหน้าให้กับคำพูดนั้นโดยไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกไป
พร้อมกับลุกขึ้นเดินตามไปโดยที่ยังคงมีความคิดมากมายที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัวอย่างไม่รู้จบ


ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่
ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปกันแน่



จบคาบเรียนที่ 23
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊บคุง ที่ 24-04-2014 02:59:55
//เดินเข้ามาอย่างเงียบ


สวัสดีครับ :call:

หายไปเกือบ 2 เดือน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โอ้ แม่เจ้าาาาาาาาาาาา :a5:

จากที่ตอนแรกบอกว่าคงจะเร็ว แต่กลับช้ากว่าเดิม เหวอออออ
หลักๆ ก็งานเช่นเดิมครับ หลังจากสอบไม่ผ่านมา
นึกว่าหมดเรื่องละ

กลับมีงานเข้าซะงั้น เลยต้องเคลียร์งานยกใหญ่
เพิ่งจะได้พักก็สงกรานต์นี่ล่ะ เจ้านายใจดีจัดให้หยุด 4 วันติด
ตอนแรกก็กะว่าจะใช้ช่วงสงกรานต์นี่ล่ะมาแต่งมาอัพ เพราะขี้เกียจออกไปเล่น

แต่พอเอาเข้าจริง เพื่อนฝูงชวนไปเล่นน้ำ เลยเฮไปกะเขา 555+
ออกจากห้องตั้ง 10 โมง เข้าห้อง ตี 1 - 2 เล่นจนเปื่อยอ่ะ 555+  :hao7:

และก้อีกอย่างสารภาพเลยว่า ติดคุ๊กกี้รันด้วย :z6:
ติดชนิดที่เติมเงินให้เกมส์นี้ด้วย โดนเพื่อนฝูงด่าเลย 555+ (ก็มันสนุกอ่ะ :m15:)

จะว่าไปช่วงนี้ชีวิตมีความสุขขึ้นเยอะ ตั้งแต่สอบไม่ผ่านเนี่ย
เหมือนความกดดันหายไปเยอะเลย 5555+
มีเวลาอ่านการ์ตูน เล่นเกมส์ วาดรูป ไปเที่ยวได้ตามใจต้องการ (ละไหงเอ็งไม่เอาเวลามาแต่งนิยายฟระ ???)


เข้าเรื่อง
จะเรียกว่าเซอร์ไพรซ์ได้มั้ยเนี่ย - -? (เหมือนโม้ไว้เยอะ 555+)
แค่เปลี่ยนเรื่องราวกลับมาเป็นมุมมองของแบงค์อีกรอบ
โดยตัดฉากย้อนกลับไป
จะเป็นการเล่าว่าช่วงที่แบงค์หายตัวไปเชียงใหม่ เกิดอะไรขึ้นมั่งน่ะครับ

และพร้อมกับการเปิดตัวตัวละครใหม่(ก็ไม่เชิงหรอก)
ที่จะเรียกว่าสำคัญก็ได้ ไม่สำคัญก็ได้ (เอ๊ะ ยังไง ???)

นั่นคือเมย์
หลายคนคงสงสัยกับตัวละครตัวนี้มานานแล้วแน่ๆ
ตรงกับอิมเมจที่นึกกันไว้มั่งรึป่าวเนี่ย :hao4:
(ขอบอกอย่างนึงว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครพลิกลอคสำหรับผมตัวนึงเหมือนกัน
แต่พลิกลอคยังไงขอไว้บอกในโอกาสหน้าครับ)

ส่วนเรื่องราวก็ใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์แรกเข้ามาทุกทีๆ แล้ว
(ห๊ะ เพิ่งจะแรกเองเรอะ ??? :a5:)

เกิดอะไรที่เชียงใหม่
เรื่องราวระหว่าง แบงค์ นันท์ ป้อ และเมย์ (ที่เพิ่งจะโผล่หัวออกมา)
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-04-2014 10:45:56
เรื่ิองกำลังจะคลี่คลายเหรอคะ
แต่อ่านแล้วเหมือนจะซับซ้อนนะ
ในมุมของนันท์คิดว่าแบงค์กับเมย์
เป็นแฟนกันซะอีก หรือแบงค์เคยชอบเมย์
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 09-05-2014 22:52:30
เย้ และแล้วก็ได้เจอเมย์ซะที ผิดจากที่คิดไว้เยอะเลย ดูแล้วเมย์กะแบงค์เหมือนเพื่อนกันธรรมดา ๆ อะ
แต่ถ้าอ่านจากความรู้สึกนันท์คิดว่าเมย์กะแบงค์เคยเป็นแฟนกันซะอีก หรือเมย์ดูลึกลับกว่านี้
เอ๊ หรือเมย์ชอบนันท์ แต่นันท์ไม่รู้ ไม่งั้นทำไมพอเห็นรูปแบงค์กะนันท์เมย์ต้องดูแปลกไปล่ะ
เดาไม่ถูกอะ แล้วยังไงต่อนะในเมื่อแบงค์ยังสับสนเมย์จะช่วยให้แบงค์ตัดสินใจได้ไหม
ทำไมแบงค์ถึงกลับไปบอกเลิกนันท์ล่ะ ยังลุ้นให้บอกเลิกจากเพื่อนเป็นแฟนอยู่น๊า ไม่อยากดราม่าอะคะ  :o12:
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
แหะ แหะ นอกจากคนเขียนจะมาช้าไปนิด คนอ่านก็มาอ่านช้าไปนิดเหมือนกัน
ไม่อยากบอกว่าติดคุ๊กกี้รันมากกกกเหมือนกันค่ะ วิ่งเก็บเงินตัวเป็นเกลียว 555 หาเงินอัพเกรดคุ๊กกี้ กะ เพท
เลยไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านนิยาย  นิยายค้างเพียบอ่านไม่ทันกันเลย ช่วงนี้ต้องพยายามไล่อ่านให้ทันอยู่ค่ะ
:katai4:
หัวข้อ: Re: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 26-03-2015 08:07:01
 :katai2-1: