มาใหม่นะครับ ขอฝากฝังนิยายเรื่องนี้ ไว้ด้วยนะครับ สามารถติชม ก่นด่าได้เต็มที่ เพื่อการปรับปรุงแก้ไขครับ
เป็นแนวใสๆ วัยเรียนนะครับ
(http://image.free.in.th/z/ik/1685untitled.jpg)
บทนำ
พวกเราอยู่ร่วมกันด้วยความเป็น "เพื่อน"
มิตรภาพความเป็น "เพื่อน" ระหว่างพวกเรามันลึกซึ้ง จริงใจเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจ
แต่เพราะความเป็น "เพื่อน" นี่ล่ะ
ที่ทำให้พวกเรา ไม่สามารถก้าวข้าม มันไปมากกว่านี้ได้
เพราะความกลัว
กลัวว่าเมื่อใดก็ตามที่เราล้ำเส้นคำว่า "เพื่อน" ไป
ความสัมพันธ์ระหว่างเรา อาจจะพังทลายลงก็เป็นได้
ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย
แต่ก็ไม่สามารถเก็บไว้เงียบๆ ได้ จะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ดี
จะมีใครบ้างไหมที่เข้าใจ ใครสักคน........................................
------------------------------------------------------------------
Dear My Friend วัยรุ่น วุ่นหัวใจ
วันเวลาของแบงค์
คาบเรียนที่ 1 : เปิดเทอม
กริ๊ง!!!!!!!!!!
“อือ......ออ.....อ....”
เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น ผมเอื้อมมือขึ้นไปปิดด้วยความงัวเงียเล็กน้อย
ก่อนที่จะลุกตัวขึ้นนั่งอยู่บนที่นอนครู่นึงด้วยความรู้สึกที่ยังมึนอยู่
พลางหันไปมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาปลุกอีกรอบ
.
จริงสิ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมแล้วนี่นะ
วันแรกของการขึ้นชั้น ม.5
ม. 5 แล้วเหรอ........
เวลาไปผ่านไปไวจังแฮะ แปบๆ ม.5 ซะแล้ว แก่ขึ้นอีกแล้ว = =
.
ผมหันไปมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง
.
รูปของผม เมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก กับเด็กผู้ชายใส่แว่นที่ผมคุ้นเคย
.
.
และเด็กสาวผมยาวที่อายุไล่เลี่ยกับผม
.
เมย์...............
วันนี้แบงค์อยู่ ม.5 แล้วนะ
.
.
ผมนั่งมองรูปนั้นอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นจัดเก็บที่นอน อาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงไปข้างล่าง
“บาส ไอบาสเว้ย”
ผมตะโกนเรียกอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ความเงียบ
“สงสัยยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนทีมั้ง ไอนี่ ประจำเลย วันนี้เปิดเทอมวันแรกมันจะรู้มั้ยนั่นน่ะ สงสัยต้องบอกแม่สักทีมั้ง”
ผมบ่นกับตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจให้กับน้องชายฝาแฝดของผม
.
ครับ ไม่ผิดหรอก น้องชายฝาแฝด ผมมีน้องชายฝาแฝดน่ะครับ
เราเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเกิดห่างกัน 20 นาที
ผมเป็นพี่ ส่วนไอบาสเป็นน้อง
ถึงจะบอกว่าเป็นฝาแฝดหน้าเหมือนกันก็เหอะ แต่นิสัยกลับต่างกันลิบลับ
.
อย่าให้พูดจะดีกว่า ว่าต่างกันยังไงมั่ง
3 หน้ากระดาษก็ยังไม่พอ
ส่วนพ่อ กับแม่ ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ
พ่อผมเป็นข้าราชการ เลยต้องย้ายที่อยู่บ่อย แม่ผมก็เลยต้องตามไปคอยดูแล (ไม่รู้ตามไปดูแล หรือ ตามไปคุมไม่ให้มีกิ๊กกันแน่)
ผมกับบาสก็เลยต้องอยู่กัน 2 คน พี่น้อง
ที่ไม่ตามไปเพราะไม่อยากย้ายโรงเรียนน่ะครับ หากพ่อต้องโดนย้ายอีก
.
ตายล่ะ มัวแต่โอ้เอ้ นี่ก็สายแล้วนี่หว่า ต้องรีบไปละ เดี๋ยวไม่ทัน นัดเพื่อนแถวบ้านไว้นี่หว่า ว่าจะไปด้วยกัน
.
.
.
“ไมมาช้าจัง รอนานแล้วนะ”
นั่นไง ว่าแล้วว่าต้องโดนบ่น
“โทษทีๆ พอดีวุ่นๆ นิดหน่อยก็เลยมาช้าน่ะ โทษทีนะ”
ผมพูดขอโทษอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าอารมณ์เสียอยู่
“มาช้านะเนี่ย รู้มั้ยว่ารถผ่านไปตั้งกี่คันแล้ว แบบนี้จะไปโรงเรียนทันมั้ยเนี่ย %^%$%#@&$$$^”
“แค่ 5 นาทีเนี่ยนะ”
ผมแย้งอีกฝ่าย แต่ดูอีกฝ่ายอารมณ์เสียจริง จะเอาไงดีล่ะเนี่ย
.
“อ่ะ ก็ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเที่ยงนี้เลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษละกัน”
ผมยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายนึง เพื่อหวังว่าจะให้อารมณ์ดีขึ้น
“จริงอ่ะ”
นั่นไง พอเป็นของกินละท่าทีเปลี่ยนทันทีเลยนะ
“อื้ม จริงสิ แต่ต้องหายโกรธก่อนนะ ไม่งั้นไม่เลี้ยง”
“แห่ะๆ งั้นตกลงคร้าบ หายโกรธละ แต่อย่าลืมเลี้ยงข้าวเที่ยงด้วยนะ แห่ะๆ”
อีกฝ่ายยิ้มให้ผมทันที จนผมอดหมั่นไส้เล็กน้อยไม่ได้ ต้องเอามือไปยีหัวอีกฝ่ายเล่น
“หนอยเห็นแก่กินนี่หว่า มานี่เลย”
“เฮ้ย อย่าดี้ เดี๋ยวเสียทรงหมด โห่”
“555+”
ผมหยอกล้อกับอีกฝ่ายอยู่ครู่นึง จนเมื่อรถเมล์สายที่เรานั่งมาถึง พวกเราก็รีบขึ้นทันที
.
อ้อ ลืมแนะนำไป นี่คือเพื่อนที่ผมพูดถึงครับ
เขาชื่อนันท์ เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก็สักประมาณ ป. 2 รึ ป.3 จะได้มั้งครับ
ตอนนั้นเขาเพิ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้าน ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย
ผมที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับเมย์ เห็นเขานั่งเล่นอยู่คนเดียวเงียบๆ ที่สนามเด็กเล่นก็เลยชวนเล่นด้วย
.
.
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จัก และสนิทสนมกันจนมาถึงทุกวันนี้
“โอ้ย ตื่นเต้นแฮะ”
นันท์พูดขึ้นในขณะที่รถเมล์กำลังติดไฟแดง
“เรื่องอะไรล่ะ”
ผมถามพร้อมกับจับราวโหนรถเมล์ให้แน่นกว่าเดิม ในขณะที่อีกยังฝ่ายเก้ๆ กังๆ เพราะจับราวโหนไม่ถนัด
“ก็วันนี้ เปิดเทอมขึ้นชั้น ม.5 วันแรกนี่ ไม่รู้จะเจอใครมั่ง”
“ก็คงหน้าเดิมๆ นั่นล่ะ เห็นมาตั้งแต่ ม. 1 ละ เลื่อนชั้นกี่ปีๆ ก็หน้าเดิมๆ”
นันท์พยักหน้าเห็นด้วย ด้วยหน้าตาที่ดูเอ๋อๆ อยู่แล้ว แถมยังใส่แว่นนั่นอีก
พอพยักหน้าผงกๆ แบบนั้นแล้ว ดูเหมือนตุ๊กตาแป๊ะยิ้มอยู่ไม่น้อยแฮะ
เหมือนจนผมอดกลั้นหัวเราะไม่ได้
“หัวเราะอะไร”
นันท์ถามผม พร้อมกับพยายามที่จะจับราวโหนอีกรอบ คราวนี้ดูเหมือนลิงพยายามไต่ต้นไม้
“ป่าว ไม่มีอะไร มาๆ มานี่”
ผมพูดปัด พร้อมกับกอดคออีกฝ่ายเอาไว้
“โหนไม่ถึงก็ไม่ต้องพยายาม จับแบงค์ไว้ก็แล้วกัน”
ว่าแล้วผมก็จับมือของนันท์มาคล้องยังเอวของผม พร้อมกับเอามือยีหัวนันท์เล็กน้อย
น่าแปลกแฮะที่คราวนี้ไม่เอะอะที่โดนยีหัว ตรงกันข้ามกลับก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จาเลย
.
.
สงสัยคงยอมรับในความเตี้ยของตัวเองไม่ได้ล่ะมั้ง
.
.
.....................................
โรงเรียน
“เอ้า ใครยังไม่ส่งสมุดพก ก็รีบๆ เอามาส่งซะนะ ใครไม่ได้เขียน ก็ให้คนอื่นโมเมเขียนให้ละกัน จะได้เอาไปส่งอาจารย์ซะที”
เสียงของมายด์พูดดังขึ้น ในขณะที่ผมกับนันท์เพิ่งจะเดินเข้าห้องมาได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
“หวัดดีจ้า นันท์ แบงค์ ว่าไง เอาสมุดพกมายัง”
มายด์เดินเข้ามา พร้อมถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมได้แต่พยักหน้ายิ้มกลับไป พร้อมกับหยิบเอาสมุดพกออกมาจากกระเป๋าเพื่อส่งให้มายด์
มายด์ยิ้มตอบ พร้อมกับหยิบสมุดพกของผมกับนันท์ไป
“เอ้อ อาจารย์ภาวดี แกบอกมาเมื่อเช้าว่า วันนี้อาจารย์สมพรไม่มานะ แม่แกเข้า รพ. กระทันหันเมื่อเช้าไม่มีใครมาสอนแทนวิชาคณิตย์ ให้ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแทน”
ทันทีที่ของมายด์พูดออกไปแบบนั้น ทั่วทั้งห้องแทบจะโห่ร้องด้วยความดีใจ ก็แหงล่ะ ไม่ต้องเรียนนี่
ถึงจะบอกว่าให้ไปห้องสมุดก็เหอะ แต่ส่วนมากก็โดดกันทั้งนั้น
ที่สำคัญ ดูจากตารางเรียนที่แปะหน้าห้องก็พบว่าตั้ง 2 คาบติดด้วย
และที่ยิ่งกว่านั้น เป็นวิชาสุดท้ายของวันอีกต่างหาก จะมีใครอยู่รอจนหมดวันกันล่ะ - -
“นี่ นันท์ เดี๋ยวคาบคณิตย์เราไปกินติมสเวนเซ่นกันป่าว”
นั่น หัวหน้าห้องก็เอากับเค้าด้วย นันท์ทำหน้าลังเลอยู่พักนึง ก่อนที่จะหันมามองผม ประมาณเป็นเชิงว่าผมจะว่าอะไรรึป่าว - -
“แบงค์จะไปด้วยป่าว”
มายด์หันมาชวนผมด้วย
ผมหันไปมองนันท์อีกครั้ง ดูสีหน้าอยากไปเต็มที่เลยนะนั่น - -
“อ่ะ ไปด้วยละกัน”
ผมตอบตกลงไป พร้อมกับสีหน้าของทั้งสองที่ดูจะดีใจสุดๆ โดยเฉพาะมายด์ ที่ดูจะหันไปยิ้มแบบมีเลศนัยกับนันท์
ดูท่ามายด์เอง สงสัยคงชอบนันท์ซะล่ะมั้ง เห็นเข้าหาตลอด
จะว่าไป มายด์ ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนะ ออกจะดูน่ารักดี ร่าเริงสดใสซะขนาดนั้น
แต่ที่น่าเหนื่อยใจน่าจะเป็น ทางนันท์ซะมากกว่า ดูจะบื้อ ที่ไม่รู้ตัว แหงล่ะ เอ๋อซะขนาดนั้น
อืม....... แต่ถ้าสองคนนี้คบกันก็ดูเหมาะสมกันดีนะ ผมก็เห็นด้วยถ้าจะมีวันนั้น
แต่คงต้องเหนื่อยหน่อยนะมายด์ - -
“เฮ้ย นันท์ เดี๋ยวมานะ”
“ไปไหน”
“ไปดูไอบาส ไม่รู้มันมาป่าว บ้านก็ไม่ได้กลับมา”
ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะก้าวออกมาจากห้องตรงไปยังห้องเรียนของไอบาสที่อยู่ไม่ไกลจากห้องผม
ผมกับไอบาสเรียนกันคนละห้องน่ะครับ อาจารย์ให้เหตุผลว่า ป้องกันการจำสับสน -*-
“เอ่อ โบ้ๆ”
ผมตะโกนเรียกไอโบ้ เด็กชมรมเดียวกับผม เรียนห้องเดียวกันกับไอบาส ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังง่วนกับการปลอมแปลงสมุดพกอย่างเมามัน
“ไอโบ้เว้ย”
ผมตะโกนเรียกมันอีกที มันสะดุ้งเล็กน้อย เหมือนโดนอาจารย์จับได้ว่าลอกข้อสอบ
มันหันล่อกแล่กๆ ไปมา ก่อนที่จะเห็นว่าเป็นผมเองที่เรียกมัน
“ว่าไงวะ แบงค์ กรูตกใจหมด”
“เออดิ กรูเรียกตั้งนานไม่หัน เออ ไอเชี่ยบาสมายังวะ”
ผมถามไอโบ้พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง
“ยังอ่ะ กรูยังไม่เห็นมันมาเลย ว่าแต่เมิงอ่ะล่ะ อยู่บ้านเดียวกะมันไม่ใช่เรอะ”
“มันไม่กลับบ้านอ่ะดิเมื่อคืน”
“สงสัยไปนอนบ้านไอแอลเมียหนุ่มของมันละมั้ง”
ไอโบ้ตอบก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านต่อ
“เออๆ ขอบใจว่ะ ไม่กวนละ”
ผมบอกโบ้พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินลงไปอาคารเด็ก ม. ต้น ไปยังห้องแอล แฟนหนุ่มของไอบาสมัน
ฟังไม่ผิดหรอกครับ แฟนหนุ่ม น่ะล่ะ
เอ่อ...... คือแบบ......แบบว่า ไอบาส มันเป็นเกย์ น่ะครับ - -
ไม่รู้เป็นได้ไง แต่มันบอกว่า มันเป็นไปแล้ว ผมเองก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ แต่ยอมรับว่า ตอนที่รู้ตอนแรกก็อึ้งๆ เหมือนกัน
แบบว่า เฮ้ย น้องชายตรูเนี่ยนะ เกย์ - -
แต่เอาเถอะ ถ้ามันมีความสุข ก็แล้วแต่มันละกัน
หน้าห้อง ม. 3/2
“นี่ แอลอยู่ป่าว”
ผมถามเด็กในห้อง ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังข้างใน
ผมเดินเข้าไปหาแอล ทันทีที่แอลหันมาเห็นผม ก็รีบยกมือไหว้ผมทันที
“หวัดดีฮะ พี่แบงค์”
แอลทักทายผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส
“หวัดดี เอ่อ เมื่อคืนไอบาสได้ไปนอนบ้านเราป่ะ”
“ฮะ มานอนฮะ มีไรเหรอฮะ”
แอลสงสัย
“อ้าว แล้วนี่ไม่ได้มาด้วยเหรอถ้างั้น เพราะพี่ไปที่ห้องเรียนมันก็ยังไม่เห็นมาที”
ผมตอบกลับไป แอลทำหน้า งงๆ เล็กน้อย
“อืมมมมม เดี๋ยวก็คงมามั้งพี่ เพราะผมก็ออกมาพร้อมกับพี่บาสเค้านะ แต่พี่บาสบอกว่าจะกลับไปบ้านก่อนเพราะไม่มีเสื้อผ้าชุดนักเรียนอ่ะ”
“แต่มันว่าจะมาใช่มะ”
“ฮะ เห็นว่างั้นนะ”
แอลพยักหน้า
“โอเค ขอบใจมาก งั้นไปก่อนนะ”
“ฮะ บะบายฮะ”
แอลตอบผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก ที่ไอบาสมันจะหลงเนี่ย
ก็น่ารักซะขนาดนั้น ตัวเล็ก ขาว หน้าใสเสียยิ่งกว่าผู้หญิงบางคน ถ้ามันเป็นผู้หญิงผมก็อาจจะหลงไปเหมือนกันนะนั่น
หืม ????? นี่คิดอะไรเนี่ย จะเบี่ยงเบนตามไอบาสไปอีกคนแล้วเรอะเรา - -*
เฮ้ออออออ
นี่แค่เปิดเทอมวันแรกก็มีเรื่องให้ปวดหัวมากมายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
แล้วแบบนี้ แบงค์จะไหวมั้ยเนี่ย เมย์
เฮ้ออออ นี่ถ้าเมย์ยังอยู่นี่ก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะ
แต่ก็เป็นไปได้แค่ความคิดเท่านั้นล่ะ
เมย์ไม่มีวันกลับมาแล้วล่ะ
มีแต่เราเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว
....................................
“เอาล่ะ วันนี้ครูก็พอแค่นี้ก่อนละกัน ที่เหลือก็ไปทบทวนกันเองอีกทีนะ ถึงแม้จะเพิ่งเปิดเทอมวันแรกก็อย่าชะล่าใจไปล่ะ ปีหน้าก็ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้ามหาลัยกันแล้วนะ”
อาจารย์ชุมพลพูดปิดท้ายชั่วโมงวิชาวิทย์ฯ ก่อนที่จะปล่อยพวกเราให้ไปห้องสมุด (ซึ่งคงไม่มีใครไปหรอก - -)
ผมเก็บสมุดหนังสือลงใส่กระเป๋านักเรียน พร้อมกับมายด์ที่เดินรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ป่ะ นันท์ แบงค์ ทุกคนรออยู่”
หืม....????? ทุกคน ??? ผมหันไปรอบๆ ก็พบว่า ยังมีอีก 5-6 คนยืนรออยู่ใกล้ๆ
ผมเดินตามทุกคนไปอย่างใจลอย เพราะอันที่จริงก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองจะตามไปทำไม - -
ที่ไปก็เพราะว่านันท์อยากไปอยู่หรอกนะ แต่ไม่คิดว่า จะไปกันเยอะแบบนี้
“แบงค์ เป็นไรป่าว ดูไม่สดชื่นเลย”
นันท์หันมาถามผม เมื่อเห็นว่าผมเดินรั้งท้ายอยู่คนเดียว
“อ่ะ ป่าวๆ ป่าวนี่ ไม่มีอะไร ก็แค่ คิดอะไรเพลินๆ เท่านั้นล่ะ”
ผมตอบปัดไป แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ ยังคงทำหน้าเป็นหมาสงสัย
ผมเลยต้องเอามือไปขยี้หัวนันท์เล่น
“เฮ้ย ไรเนี่ย โห่ อีกแล้วอ่ะ แบงค์เนี่ย”
“ก็มันน่าแกล้งนี่ 555+”
ผมเอามือไปขยี้หัวนันท์อีกที พร้อมกับกำหมัดไปแตะแก้มมันเบาๆ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าวิ่งหนีนำหน้า
ในขณะที่นันท์เองก็วิ่งตามผมมา แต่คิดผิดซะแล้วล่ะที่จะวิ่งแข่งกับผมเนี่ย
ผมวิ่งมาจนถึงหน้าห้างก่อนใครเพื่อน พร้อมกับวิ่งไปหลบหลังป้ายโฆษณา
ไม่นานนัก นันท์ก็วิ่งตามมาถึงพ้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณเพื่อหาผม
ผมยืนแอบอยู่ครู่นึง รอจนกระทั่งนันท์หันหลังกลับไป ก่อนที่จะค่อยๆ ย่องไปข้างหลังนันท์เงียบๆ
พร้อมกับลอคคออีกฝั่งไม่ให้ทันตั้งตัว
“เฮ้ย ปล่อยนะ”
นันท์ทำท่าขัดขืน แต่สู้แรงผมไม่ไหว แหงล่ะ หุ่นแบบนั้นจะสู้ผมได้ไงล่ะ
ผมลอคคอนันท์ไว้ พร้อมกับเอาอีกมือจี้เอวนันท์ นันท์ปล่อยหัวเราะก๊าก พร้อมกับดิ้นไปมา
คนแถวนั้นหันมามองกันใหญ่
“ยอมยัง ?”
ผมถามนันท์
“ยอมแล้ว ยอมแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
“พูดด้วยว่า ผมยอมแล้วคร้าบบบบบ คุณชายแบงค์”
“เฮ้ย แบบนั้นมัน.....อ๊า......คร้าบบบบ คร้าบบบ ผมยอมแล้วครับ คุณชายแบงค์”
นันท์ยอมพูดแต่โดยดี หลังจากที่ผมจี้เอวนันท์เข้าไปอีกชุดใหญ่
“ดีมากกกก”
ผมปล่อยนันท์ ดูเจ้าตัวจะหอบเอาการเลยนะนั่น 555+ ก่อนที่จะหันหน้ามาทำหน้าดุใส่
“ฝากไว้ก่อนเหอะ แค้นนี้ 10 ปีไม่มีสาย”
“จ้าๆ ไม่มีสาย แต่กลัวจะลืมซะก่อนอ่ะดิ 555+”
ผมตอบกลับพลางเอามือไปขยี้ผมนุ่มๆ นั่นอีกครั้ง นันท์ปัดมือผมออก พร้อมกับทำหน้างอนๆ แก้มป่องใส่
(หยั่งกะผู้หญิงเลยแน่ะ - -)
“นี่ 2 คนนั้นน่ะ จะกินติมกันมั้ย”
เสียงของมายด์เรียกผม 2 คนจากหน้าประตูทางเข้าห้าง
“ไปเหอะ คนอื่นรอแล้ว”
ผมพูด พร้อมกับจูงมือนันท์เดินตามกลุ่มเข้าไปในห้าง แต่นันท์กลับสะบัดมือผมออก
สงสัยยังงอนไม่เลิกวุ้ย
“โอ๋ๆ ขอโทษนะครับ ทีหลังไม่แกล้งอีกแล้ว”
“ก็เห็นพูดงี้ทุกทีนี่หว่า”
อูยยยยย
“แล้วทำไงถึงจะหายงอนเนี่ย”
“ต้องให้ขี่หลังจนกว่าจะไปถึงสเวนเซ่น”
“ห๊า!!!????”
ผมตกใจกับคำพูดนั้น โห สเวนเซ่นอยู่ตั้งชั้น 3 หลังหักพอดี
“เอ่อ แบบนั้นมัน.....”
“งั้นก็ไม่ต้องพูดกัน”
ซวยแล้ว - - หาเหาใส่หัวแท้ๆ
“อ่ะๆ ก็ได้ อ่ะมาๆ อั่ก!!!!!!!!”
ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค นันท์กระโดดขึ้นมาขี่หลังผมทันที แทบจะไม่ให้ผมตั้งตัว
ท่ามกลางเสียงร้องแซวของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และจากสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมา
แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรจะเสียละ
คิดซะว่า สนุกๆ กันไปดีกว่า จะเครียดอะไรกัน เดี๋ยวแก่เร็ว
.................
คืนนั้น
สรุป วันนี้ผมก็ยังไม่ได้เจอไอบาสอยู่ดี รู้แค่ว่ามันมาเรียน
แถมวันนี้ มันก็ยังไม่กลับบ้านอีก
“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามาร..........”
มือถือก็โทรไม่ติดอีก
สงสัยได้ฟ้องแม่จริงๆ ซะละมั้งเนี่ย
ช่างหัวมันละ
หืม ใครโทรมา
นันท์เองเหรอ
“ว่าไง”
“ป่าว โทรมาเฉยๆ”
“งั้นวางนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวดิ”
“555+ ว่าไง มีธุระอะไร”
“ก็ไม่มีอะไรจริงอ่ะ แค่อยากโทรมาเท่านั้นล่ะ เห็นวันนี้ดูแบงค์ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่อ่ะ เป็นไรป่าว”
เสียงของนันท์ ที่แม้จะได้ยินแค่เสียงที่ผ่านทางโทรศัพท์ แต่มันฟังดูห่วงใยจริงๆ
“ก็......ไม่มีไรมากหรอก แบบว่า แค่เครียดๆ เรื่องไอบาสมันน่ะ”
“มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”
“ไม่ล่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“อ่ะ อืม ไงก็........ถ้ามีไรก็ปรึกษาได้นะ ยินดีจะช่วย”
“ครับๆ”
“ไงๆ แบงค์ก็เป็น.......”
นันท์เงียบไปครู่นึง
“......เป็นเพื่อนคนสำคัญของนันท์นะ”
แค่คำพูดเล็กๆ น้อยๆ แม้เพียงพูดออกมา แต่มันก็ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้มากทีเดียว
“ครับ ขอบคุณนะ นันท์เองก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของแบงค์เหมือนกันนะ ถ้านันท์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษาแบงค์ได้นะ”
“ครับ”
“งั้น คืนนี้ก็ฝันดีละกันนะ แบงค์”
“ครับ นันท์ด้วยนะ”
“บาย”
“บาย”
ผมวางโทรศัพท์ลงบนหัวเตียงก่อนที่จะล้มตัวลงบนที่นอน
พลางกับนึกถึงคำพูดของนันท์ ที่พูดกับผมเมื่อครู่
ทำไมผมถึงได้อมยิ้มได้เนี่ย
ไม่เอาละ นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีก
แล้วพรุ่งนี้ จะมีโอกาสได้เจอไอบาสมั้ยวะเนี่ย - -
จบคาบเรียนที่ 1
ทั้งๆ ที่รักมากมาย แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ยืนอยู่เคียงข้าง
ไม่สามารถเป็นไปได้มากกว่านั้น
จะเสี่ยงเดินต่อไปข้างหน้า แม้สุดท้ายจะเป็นกับดัก
หรือจะหยุดอยู่กับที่ แล้วพอใจในสิ่งที่มี
[/color]
คาบเรียนที่ 9 : บอกใบ้
“แม่ เดี๋ยวมานะ”
ผมตะโกนกลับเข้าไปในบ้าน พร้อมกับใส่รองเท้าไปพลาง
“ไปไหนน่ะ นันท์”
“ซื้อหนมอ่ะ”
ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะเปิดประตูออกไป
เข้าค่ายอบรมนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ แถมพรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียนตามปกติอีก
แต่ก็สนุกดี ไว้ถ้ามีคราวหน้า ค่อยชวนแบงค์ไปอีกดีกว่า อิอิ
ว่าไปนั่น แค่ครั้งนี้ ก็มีเรื่องให้เขินให้อายตั้งเยอะแยะ
โดยเฉพาะไอตอนอาบน้ำนั่นน่ะ ตื่นเต้นสุดๆ เป็นครั้งแรกเลยนะนั่นที่ได้เห็นแบงค์ในสภาพนั้น
ยอมรับเลยว่าตอนที่ชวนเข้าไปน่ะ ไม่ได้คิดทะลึ่งสัปดนอะไรเลย
แต่พอเอาเข้าจริงๆ แทบสำลัก
คนอะไร หน้าตาดี แถมหุ่นยังดีอีก เล่นเอาผมหัวใจละลายเลย
หวังว่าแบงค์คงไม่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของผมตอนนั้นนะ
เออ จะว่าไป ช่วงนี้แบงค์ดูแปลกๆ ไปเหมือนกันแฮะ ดูเงียบๆ ขรึมๆ ผิดปกติกว่าทุกที
เหมือนมีปัญหาอะไรก็ไม่รู้ ถามก็ไม่บอก เมื่อกี้นั่งรถกลับมา ดูเผินๆ ก็ยังคุยปกตินะ
แต่ก็ดูรู้อ่ะล่ะว่าฝืนๆ อยู่
มีปัญหาอะไรรึป่าวนะ เป็นห่วงจริง ลองแวะไปดูที่บ้านหน่อยดีกว่า
อ่อดดดดดดด อ่อดดดดดดดด
ผมกดออดหน้าบ้านแบงค์อยู่พักนึง แต่ก็ไร้วี่แวว
สงสัยคงออกไปข้างนอกมั้ง ว่าแต่ไปไหนหว่า เพิ่งกลับมาแท้ๆ
แต่ไม่ทันที่ผมจะได้หันหลังเดินกลับ อยู่ๆ ประตูบ้านแบงค์ก็ถูกเปิดออก
แต่ทว่าคนที่เปิดไม่ใช่แบงค์ แต่เป็นบาส น้องชายฝาแฝดของแบงค์
“ไอแบงค์มันออกไปข้างนอก”
บาสบอกกับผม โดยที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ
“แล้วไปไหนรู้ป่ะ”
“ไม่รู้ ตัวไม่ได้ติดกันนี่ เห็นมันกลับเข้ามาเอากระเป๋าวางกองไว้แล้วก็ออกไปเลยทันที มีธุระอะไร ถ้าไม่มีจะได้ไปนอนต่อ”
“ไม่มี งั้นขอบใจนะ ไปละ”
ผมตัดบท ก่อนที่จะเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
ทั้งๆ ที่เป็นฝาแฝดกันแท้ๆ แต่ไหงนิสัยถึงได้ต่างกันแบบนี้เนี่ย ไม่ค่อยชอบขี้หน้าไอหมอนี่เลยจริงๆ - -*
และเพราะมันนี่ล่ะครับ เพราะมันนี่ล่ะ..............ฮึ่ย~~~!!!
ว่าแต่แบงค์ออกไปไหนหว่า จากที่บาสบอกดูท่าทางจะรีบด้วยนะนั่น
ช่างมันเหอะ ขี้เกียจคิด เดี๋ยวยังไงพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันน่ะล่ะ
คืนนั้น
“นันท์ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปบ้านยายที่ต่างจังหวัดสักอาทิตย์นึงนะ”
แม่เดินมาบอกผมที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ไปทำไมอ่ะ”
“ก็ยายไม่สบายน่ะสิ แม่เลยจะไปอยู่เฝ้ายายสักหน่อยน่ะ”
“อ้าว แล้วงี้ใครจะคอยทำกับข้าวอ่ะ”
ผมหันกลับไปถามด้วยความสงสัย
“เรานี่ แม่ไม่อยู่สักคนไม่คิดจะหากินเองเลยใช่มั้ย นี้ถ้าแม่ตายไปสักคนเราจะอยู่ไงเนี่ย”
“โหย แม่อ๊ะ พูดจาไม่เป็นมงคลเลยนะนั่น แม่ไม่อยู่ นันท์ก็เหงาอ่ะดิ แม่อ้ะ”
ผมพูดพร้อมกับกระโจนเข้าไปกอดหลังแม่ทันที ก่อนที่จะโดนมะเหงกเขกลงบนหัวเบาๆ
ก็บ้านเรามีกันอยู่แค่ 2 คนนี่ ไม่ให้รักแม่ จะให้ไปรักใครที่ไหนล่ะ
(ถ้าไม่นับแบงค์ ที่ยกไว้อีกกรณีนะ แห่ะๆ)
หลังจากที่ดูรายการทีวีจบแล้ว ผมก็เดินขึ้นห้องทันที
เมื่อเข้ามา พร้อมกับปิดประตูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ไม่มีใครโทรมาแฮะ เป็นมือถือที่เงียบเหงาจริงๆ เลยมือถือผมเนี่ย - -*
โทรหาแบงค์หน่อยดีกว่า น่าจะกลับมาแล้วมั้ง
“..............”
ตื๊ด~~~!!!
“ว่าไงนันท์”
“แห่ะๆ ป่าว แค่อยากโทรมาอ่ะ”
ผมพูดพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน
“ไอเด็กบ๊องเอ้ย”
แบงค์ตอบกลับมา ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ของแบงค์ด้วย
อืม ฟังจากน้ำเสียงก็ดูปกติดีนี่
“แห่ะๆ จริงๆ ก็จะโทรมาถามน่ะ ว่าพรุ่งนี้จะออกไปด้วยกันมั้ย พอดีเมื่อตอนเย็นไปหาที่บ้านแล้วแบงค์ไม่อยู่อ่ะ”
“อ๋อ ก็....พอดีมีธุระน่ะ อืม งั้นพรุ่งนี้ก็ไปพร้อมกันตามปกติละกัน ไงก็เจอกันที่ป้ายรถเมล์เหมือนเดิมละกันนะ”
“อื้ม โอเค งั้นแค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ~~~!!”
“หือ”
“ยังไง นันท์รอแบงค์หน่อยนะ”
“หืม ก็ต้องรออยู่แล้วสิ ก็จะไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
ผมตอบกลับไปด้วยความงงเล็กน้อย
“ป่าว ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่........ช่างเถอะ เอาเป็นว่าแค่นี้นะ ฝันดีนะ”
“คร้าบบบบ ฝันดีเช่นครับ แบงค์ อิอิ”
ผมกดวางสายพร้อมกับวางมือถือไว้ที่หัวเตียง ก่อนที่จะหยิบหมอนขึ้นมากอดแก้เขินกับคำว่า ‘ฝันดีนะ’ ของแบงค์เมื่อกี้ หุหุ อายวุ้ย (บ้าไปแล้ว)
เฮ้ออออออ ที่จริงอยากบอกมากกว่านี้อีก แต่ก็พูดได้ไม่ได้
เพราะถึงยังไง ระหว่างผมกับแบงค์ ยังคงเป็นเพียงแค่ ‘เพื่อน’ เท่านั้น
จะก้าวข้ามไปมากกว่านี้ก็ไม่กล้า กลัวว่าจะทำให้ที่ผ่านมาต้องพังทลาย
ได้แค่แอบชอบก็คงพอแล้วมั้ง อย่าพยายามไปมากกว่านี้เลย
ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่นมันก็น่าลองเสี่ยงดูอยู่หรอก
แต่กับแบงค์ นี่ไม่กล้าจริงๆ
ส่วนนึงก็เพราะกลัวโดนรังเกียจด้วยน่ะล่ะ หากบอกไป
แต่อีกเหตุผลหลักคือ ไอบาส นี่ล่ะ
ฝาแฝดคนน้อง ก็เป็นเกย์ไปแล้วคนนึง
ถ้าขืนไปทำให้คนพี่เป็นเกย์ไปอีกคนล่ะก็ มันจะบาปเอาป่าวๆ
เป็นคนดีจริงๆ นะผมเนี่ย หึหึ (ว่าไปนั่น - -*)
นอนดีกว่า คิดมากเดี๋ยวก็ฟุ้งซ่านอีก - -*
………………………..
ตอนเช้า
“ว่าไง เมื่อคืนหลับสบายมั้ย”
แบงค์ถามผมทันทีที่เห็นผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์
“ก็หลับสบายดีนะ หลับเป็นตายเลยล่ะ จนแทบไม่อยากจะตื่นเลย”
“เชื่อๆ ดูสิ ยังหาวปากหวออยู่เลย ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
แบงค์แซวผม เล่นเอาผมถึงกับอายเลย เสียมู้ดหมดเลย ไม่น่าไปหาวปากกว้างต่อหน้าแบงค์เลย ให้ตายสิ - -*
ระหว่างที่เราสองคนยืนรอรถเมล์ ผมก็เหลือบไปมองแบงค์เป็นพักๆ
อืม ก็ดูปกติดีแล้วนะ (มั้ง)
“แบงค์”
“หืม?”
แบงค์หันมามองผม
“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
แบงค์ไม่ตอบอะไรกลับมา แต่จากรอยยิ้มที่ยิ้มให้กับผม และฝ่ามือที่ยกขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ ก็เป็นคำตอบได้ชัดเจนที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะ
“ขอบใจนะนันท์”
แบงค์พูดกับผมเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มให้ผมอีกครั้ง พร้อมกับเดินขึ้นรถเมล์ที่วิ่งมาถึงพอดี
รอยยิ้มที่ผมชอบมากที่สุด และมันทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น
ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่เคยทำให้แบงค์ต้องทุกข์ใจ
และถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าผมได้ช่วยแบงค์ไปตอนไหน
จะมีก็แค่กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ และการอยู่เคียงข้างเท่านั้น ที่ผมพอจะช่วยได้ในตอนนั้น
แต่แค่ได้เห็นแบงค์กลับมามีรอยยิ้มนั้นได้อีกครั้ง ผมก็มีความสุขแล้ว
เมื่อผมกับแบงค์มาถึงโรงเรียน ผมก็หันมองไปยังรอบๆ
เช้าวันจันทร์แบบนี้ ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างเร่งรีบ จนเป็นภาพที่ชินตาไปแล้ว
“หวัดดีจ๊ะ นันท์ เป็นไง หลับสบายมั้ยเมื่อคืน”
เสียงของมายด์ถามผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้อง
“หลับสบายจนไม่อยากตื่นเลยล่ะ มายด์ล่ะ ไปทำอะไรมาน่ะ ดูร่าเริงผิดปกตินะ มีเรื่องไรดีๆ เหรอ หรือว่าพี่สาธิตบอกรัก”
ผมแซวมายด์ พร้อมกับโยกตัวหลบฝ่ามือแก้เขินของมายด์ได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่จะวางกระเป๋าลงข้างโต๊ะ
“บ้าสิ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มายด์คงร้องกรี๊ดไปแล้วล่ะ ก็ไม่มีไรมากหรอก พอดีเมื่อวานอ่ะ มีคนมาปรึกษาปัญหาหัวใจกับมายด์”
“เฮ้ย จริงดิ ใครอ่ะ”
ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แบบว่า เธอเป็นคนที่พึ่งพาสำหรับเพื่อน เวลาใครมีปัญหาอะไรก็มักจะมาปรึกษาเธอทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผม ที่เป็นผู้ชายแท้ๆ (ที่ไม่แท้ !!?) ยังต้องปรึกษาเธอประจำ
“อันนี้บอกไม่ได้จริงๆ เจ้าตัวเขาขอไว้ ก็ไม่มีไรมาก คือประมาณว่า เขาน่ะกำลังลังเลใจ ไม่แน่ใจน่ะ ว่ากำลังแอบชอบเพื่อนอยู่รึป่าวน่ะ”
“แล้วไงต่อๆ”
ผมถามต่อก่อนที่จะหยิบเก้าอี้มานั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ก็พอฟังๆ เรื่องของเขาอ่ะนะ มายด์พอจะอนุมานได้ว่า เขาเอง น่าจะชอบ เพื่อนคนนั้นจริงๆ น่ะล่ะ แต่จะถึงขั้นรักหรือไม่ มายด์ไม่ฟันธงนะ ต้องดูต่อไป แต่มีที่เด็ดกว่านั้นอีกนะ”
มายด์มองซ้าย มองขวาดูลาดเลา ก่อนที่จะเขยิบเข้ามาใกล้ๆ ผม
“เพื่อนที่เขาแอบชอบน่ะ มายด์เองก้พอจะรู้มาเหมือนกัน ว่าที่จริงแล้วก็แอบชอบเขาอยู่เหมือนกัน”
“เฮ้ย จริงดิ”
ผมตื่นเต้นไปกับเรื่องที่เล่าแล้วล่ะตอนนี้
“แต่มายด์ไม่ได้บอกไปนะ แต่ที่เด็ดกว่านั้นยังมีอีก คือเขาน่ะ ก็รู้แล้วด้วย ว่าอีกฝ่ายน่ะ ก็แอบชอบตัวเองอยู่”
“อ้าว งั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลแล้วนี่ ทำไมมายด์ไม่เชียร์ให้ทั้งสองลงเอยกันไปเลยล่ะ”
“ก็มายด์ไม่อยากทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักจนเกินเหตุน่ะ แล้ว อีกอย่างเขาก็แค่มาปรึกษา มายด์ก็ให้คำปรึกษาไปตามที่มายด์จะให้ได้ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจกันยังไง ตรงนั้นมายด์เข้าไปยุ่งไม่ได้
แถมรายนี้ดูแล้ว เหมือนว่าเขาก็ยังสับสนในตัวเองอยู่ เหมือนจะยังไม่กล้ายอมรับอะไรแบบนั้น มายด์เลยยังไม่อยากจะคะยั้นคะยอเชียร์อะไรมากนัก”
มายด์บอกเหตุผลให้ผมฟัง ผมเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่พยักหน้าตาม
จริงสิเนอะ บางที ถ้ายุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไป มันก็จะดูไม่ดี ไม่งาม
“แล้วถ้าสมมตินะ ถ้าเกิดต่างฝ่ายต่างมาถามมายด์ล่ะ ว่าอีกคนนึงเขาชอบตัวเองมั่งมั้ย อะไรแบบนี้ มายด์จะบอกพวกป่ะ”
ผมถามกลับไป มายด์มองหน้าผมพร้อมกับนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะยิ้มให้กับผม
“อืม.........ก็ถ้ามาถามอ่ะนะ”
"มายด์ แล้วทั้งสองหน้าตาเป็นไงมั่ง ผู้ชายหล่อป่ะ"
ผมถามไปตามประสาคนช่างเผือก
"ก็จัดได้ว่าหล่อนะ หุ่นดีด้วย แต่อาจจะไม่ค่อยป๊อบปูล่าเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร"
มายด์ตอบผม ผมก็พยักหน้าๆ ก่อนจะถามต่อ
"แล้วฝ่ายหญิงล่ะ ?"
ทันทีที่ผมถาม มายด์หันมามองหน้าผม แล้วนิ่งเงียบไปครู่นึง
"อืม............ไม่สวย"
"มายด์ ไม่กลัวโดนเจ้าตัวเขามาตามตบเหรอ ตอบแบบนั้นอ่ะ"
"ก็มันจริงอ่ะ แต่นะ ถึงจะไม่สวย หน้าตาธรรมดา แต่มายด์ว่า 'เธอ' น่ารักมากเลยล่ะ"
มายด์ยิ้มให้กับผม
ผมยิ้มตอบ พร้อมกับหยิบสมุดการบ้านออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาไปวางบนโต๊ะครู เหมือนคนอื่นๆ
ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ ห้อง เพื่อหาแบงค์ซึ่งตอนนี้กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนหน้าห้อง
“มายด์ไปหาไรกินกันมั้ย”
ผมหันกลับมาถามมายด์ มายด์ส่ายหน้าเป็นคำตอบกลับมา ผมจึงเดินออกไปหน้าห้องเพื่อที่จะชวนแบงค์
“นันท์”
มายด์เรียกผมอีกครั้ง
“ว่าไง”
ผมหันกลับไปถามมายด์ เธอยิ้มให้กับผม
“ป่าวหรอก แค่จะบอกว่า ฉันแค่ดีใจน่ะ ที่สองคนนั้นเขาใจตรงกันแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาแค่นั้นล่ะ อิอิ”
ผมยิ้มรับ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าคนที่เธอพูดถึงคือใคร แต่ผมก็อดดีใจตามไปด้วยไม่ได้เหมือนกัน
ดีจริงๆ แฮะเรื่องแบบนี้
เฮ้ออออ ทำไมไม่เกิดขึ้นกับผมมั่งฟระ~~~~~!!!!!
บ่นไปก็เท่านั้น ไปหาไรกินดีกว่า
ผมกับแบงค์เดินลงมาหาอะไรกินรองท้องก่อนเข้าเรียน
หลังจากที่พวกเราเข้าแถวเคารพเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น พวกเราทั้งหมดก็พากันไปเดินไปยังห้องคอมพิวเตอร์เพื่อเรียนคาบแรกของวันนี้
“นันท์ วันนี้ไปห้องสมุดรึป่าว”
แบงค์หันมาถามผมในขณะที่กำลังรอเปิดเครื่องคอมอยู่
“ไป วันนี้มีหนังสือใหม่เข้ามาอ่ะ ว่าจะไปช่วยซะหน่อย อีกอย่างจะได้ดูด้วยว่ามีหนังสืออะไรใหม่ๆ น่าอ่านมั่งมั้ย”
ผมตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว จนแบงค์เห็นแล้วคงนึกหมั่นไส้ผมไม่น้อย เลยขยี้หัวผมเล่น
ชอบจังเลยนะ กับขยี้หัวผมเนี่ย ผมเสียทรงหมดแล้ว
แต่ช่างมัน เพราะไงผมก็ชอบเหมือนกันล่ะ หุหุ
“เออ ว่าแต่วันนี้ไอพลกับตี๋เอ๋อ มันไม่มาเหรอเนี่ย”
แบงค์หันมาพูดกับผมพร้อมกับหันมองไปรอบๆ ห้อง
“คงหยุดมั้ง คงเหนื่อยจากเข้าค่ายอบรมเลยถือโอกาสหยุด”
ผมตอบกลับไปตามความเห็นของตัวเอง แบงค์พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับความคิดของผม
จะว่าไปสองคนนั้นก็แปลกๆ เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทำเป็นเจ้านายกับลูกน้องไปได้ - -*
อ๊ะ ว่าแต่เขา เราเองก็ไปไหนมาไหนกับแบงค์เหมือนกันนี่หว่า
หลังจากที่เรียนวิชาในคาบเช้าหมด ผมกับแบงค์ก็รีบลงไปหาข้าวเที่ยงกินกันทันที ก่อนที่จะขึ้นไปห้องสมุดเพื่อช่วยอาจารย์จัดหนังสือใหม่เข้าชั้น แต่ด้วยความที่หนังสือเดือนนี้มีเข้ามาไม่มากนัก จึงใช้เวลาจัดไม่นานเท่าไหร่นักก็เสร็จเรียบร้อย
พวกเราจึงหาหนังสือมาอ่านเล่นกัน
ชีวิตในโรงเรียนแต่ละวันของผมก็ไม่มีอะไรมากมายนัก เช้ามาก็เข้าเรียน พักเที่ยงก็เข้ามาหมกตัวอยู่ในห้องสมุด เย็นเลิกเรียนก็กลับบ้าน มีแค่เนี่ย จืดชืดไร้สีสันโคตรๆ
ไม่รู้ว่าแบงค์ที่ตามๆ ผมเข้ามาทุกๆ วันเนี่ยจะเกิดอาการเบื่อมั่งมั้ย
ถึงจะเคยถามๆ ไป แล้วเจ้าตัวก็บอกว่าไม่เบื่อก็เถอะ แต่ให้เข้ามานั่งขลุกอยู่แบบนี้ทุกวัน มันก็น่าจะมีมั่งล่ะน่ะ
นั่นไง หลับไปแล้ว สงสัยคงเพลียจากเข้าค่ายมาล่ะมั้ง ดูสิ มีแอบกรนเบาๆ ด้วย
แบงค์นี่ก็แปลก ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสืออะไรเลยแท้ๆ แต่ไหงถึงได้เรียนเก่งจัง
เมื่อเทียบกับผมที่ชอบอ่านหนังสือแท้ๆ แต่ทำไมจึง........................... = =
ใครบอกว่าคนใส่แว่นมักจะเรียนเก่ง หลักฐานหักล้างนั่งอยู่ตรงนี้คนนึงล่ะ
เอาน่ะๆ คนเรามันก็ต้องมีข้อดีข้อเสียกันมั่งสิ ใช่มะ ใช่มะใครมันจะเก่งไปซะทุกอย่าง ไม่มี้ หุหุหุ
เก่งจังตรู เรื่องหาข้ออ้างให้ตัวเองดูดีเนี่ย - -*
แต่จะว่าไปผมเองก็เริ่มเบลอๆ แล้วเหมือนกันแฮะ ถึงเมื่อคืนจะหลับสนิทก็เถอะ คงเหนื่อยสะสมล่ะมั้ง
แอบงีบกับเขามั่งดีกว่า
ผมไม่รู้หรอกครับว่าฝันอะไรมั่ง เพราะมันมั่วไปหมด
แต่ทันทีที่ตื่นขึ้นมา ภาพที่ผมเห็นก็คือ แบงค์ที่กำลังนั่งมองผมอยู่ พร้อมกับอมยิ้มกึ่งขำ
มีอะไรวะ เกิดอะไรขึ้น หวังว่าคงไม่นอนน้ำลายยืดนะ ก็ไม่นี่ หรือว่าตรูจะทำอะไรประหลาดๆ ไปวะ
“ขำอะไร”
“ป๊าววววว”
แบงค์ตอบกลับเสียงสูง ฟังดูก็รู้ว่าโกหกชัดๆ แถมดูสิ ยังไม่หยุดขำอีก
“อย่ามาโกหก บอกมาว่ามีอะไร”
ผมคะยั้นคะยอถาม แบงค์ลุกขึ้นนั่งตัวตรงก่อนที่จะหันมามองผมอีกที
“ก็ไม่มีไรมาก ก็พอดีตื่นขึ้นมาน่ะ เห็นนันท์กำลังหลับอยู่ ก็เลยนั่งมองก็แค่นั้น แล้วก็............”
“ก็...........??”
“อยู่ๆ นันท์ก็ละเมอหัวเราะออกมาเบาๆ น่ะ มันก็เลย......ก็เลย.....อุบ”
แบงค์พูดไม่ทันจบ ก็ทำท่าเหมือนจะหัวเราะเสียก่อน แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วล่ะ
ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
นี่ตรูนอนละเมอเหรอเนี่ย อ๊ากกกกกกกกกกกกกก หมดกัน ภาพลักษณ์ดีๆ (?) ของตรู๊~~~!!!!!
“เป็นอะไรไป ก็ไม่เห็นจะน่าเกลียดอะไรเลยนี่ ดูนันท์ก็เหมือนจะหลับฝันดีออก ดูแล้วน่ารักดีออก”
แบงค์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ เหมือนทุกครั้ง
เดี๋ยวๆ เมื่อกี้ แบงค์ว่าไงนะ น่ารัก งั้นเหรอ เมื่อกี้ผมหูไม่ฝาดนะ น่ารัก ใช่มะ
นั่นถือว่าเป็นคำชมใช่มะ ปกติเพื่อนผู้ชายเขาชมคำว่า น่ารัก กันด้วยเหรอ
หรือว่า.........แบงค์จะ.......................................
“นันท์ ไปเถอะ กลับห้องกัน นี่ใกล้จะหมดพักเที่ยงแล้วนะ”
แบงค์บอกกับผม พร้อมกับตบแขนผมเบาๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไป
คงไม่มั้ง คิดอะไรเลอะเทอะฟุ้งซ่านอีกแล้ว แค่เขาชมนิดชมหน่อยก็คิดเป็นตุเป็นตะ
ชอบนักหนากับคิดอะไรเข้าข้างตัวเองเนี่ย - -*
“เย็นนี้ว่างมั้ย”
แบงค์หันมาถามผมในขณะที่กำลังเดินกลับไปยังห้องเรียน
“ก็ว่างเหมือนทุกวันอ่ะล่ะ มีไรเหรอ”
“ก็ว่าจะชวนไปดูหนังอ่ะ”
แบงค์บอกกับผมแบบนั้น แต่ผมสิ..........เอ่อ...........
“เดี๋ยวเลี้ยงน่ะ”
เหมือนแบงค์จะอ่านใจผมได้จึงได้พูดออกมาแบบนั้น ผมไม่รีรอทันทีที่จะตอบตกลง
เอาน่ะ ถึงตอนนี้จะยังเป็นได้แค่ ‘เพื่อน’ ก็ตามที
แต่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้พูดคุย ได้หัวเราะแบบนี้ทุกวัน มันก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะ
มั้งนะ
จบคาบเรียนที่ 9
สวัสดีครับ
แห่ะๆ ขออภัยที่หายไปนานครับ พอดีช่วงนี้อาจจะยังติดขัดปัญหาส่วนตัวน่ะครับ
เพราะยังอยู่ในช่วงโอนย้ายสาขาอ่ะครับ
งานที่เก่าก็ยังต้องรับผิดชอบจนกว่าจะครบกำหนด
ในขณะเดียวกับ งานที่สาขาใหม่ ก็ต้องเริ่มไปด้วย แทบกระอักเลือด
หลังจากวันนั้น นี่แทบจะไม่เดินผ่านหน้าร้านดันกิ้นเลยนะ อายยยยยยยย
แต่ก็มีไปหาครั้งนึง ไปขอโทษน้องเขา ที่ทำให้น้องเขาต้องอายต่อหน้าลูกค้า
แต่ก็บอกไปนะว่ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่วันนั้นเมา เลยปากมากไปหน่อย 555+
ก็ยังดีที่น้องเขายังยิ้มให้ 555+
เข้าสู่เรื่อง
คาบเรียนที่ 9 ครับ ในช่วงบทนี้จะเป็นบทของนันท์ จะเป็นเรื่องราวที่ต่อจากบทของแบงค์ ในมุมมองของนันท์บ้าง
สำหรับคาบเรียนแรกของนันท์ อาจจะยังไม่มีอะไรมากมายนัก เหมือนเป็นการเปิดตัวมุมมองนันท์ให้คนอ่านได้เริ่มรู้จักนันท์ขึ้นบ้าง
ส่วนเหตุการณ์หลังจากนี้ จะเจออะไร จะมีอะไรเข้ามา ก็เอาใจช่วยด้วยนะครับ ^^