พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: timtam ที่ 25-05-2013 11:49:52

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 25-05-2013 11:49:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 25-05-2013 11:57:47
สวัสดีคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของตัวเองล้วนๆ ไม่มีเค้าโครงเรื่องจริงหรืออิงชีวิตใครมา สถานที่และทุกๆอย่างในเรื่องจึงเป็นเรื่องสมมติ อยากให้ลองอ่านนะคะ สนุกไม่สนุกยังไงก็ติดตามอ่านและติชมได้ตามสบายนะคะไม่ว่าเพราะแต่งเรื่องแรกอาจจะไม่สมบูรณ์แต่ก็อยากให้ทุกคนได้อ่านนะคะ :mew2:

ตอนที่ 1
“โว้ย! แล้วทำไมไม่บอกต้องแต่ทีแรกวะว่าไม่เล่น” เสียงโวยวายของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย อาจจะเพราะด้วยอากาศที่ร้อนและการทำงานมายาวนานทำให้คนอยู่รอบตัวที่ต่างทำงานของตัวเองอยู่เงยหน้าขึ้นมองสถานการณ์ตรงหน้า
“เอ่อ...พี่ภีมครับเราใช้สตั๊นเล่นแทนไม่ได้เหรอครับ” ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่โวยวายเมื่อครู่เอ่ยขึ้น
“ก็ถ้าหาสตั๊นผู้หญิงได้กุจะโวยวายแบบนี้เหรอวะ” อีกคนยังคงโวยวายอย่างอารมณ์เสีย 
.
.
.
.
“ต๊ายดูท่ายัยนางเอกหน้าใหม่นี่จะสมจริงกับคำร่ำลือทีเดียว กล้าทำพี่ภีมผู้กำกับหัวเสียได้ขนาดนี้สงสัยนางจะอยู่วงการนี้ไม่ยืดซะแล้ว” ช่างเสริมสวยที่บรรจงแต่งหน้าให้นักแสดงภายในกองอยู่เอ่ยขึ้นหลังจากเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่เอมมี่” นักแสดงสาวที่ช่างแต่งหน้ากำลังแต่งให้อยู่เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
“จะอะไรหล่ะคะคุณน้องปิ่น ก็แม่นักแสดงนางเอกหน้าใหม่ไฟแรงลองของด้วยการที่ไม่ยอมเข้าฉากบู้ล้างผลาญสะบั้นหั่นแหลก ทั้งที่ตอนแรกที่ได้บทก็รู้อยู่แล้วว่าต้องแสดงตกปากรับคำพี่ภีมซะดิบดี แต่เมื่อวานพอถ่ายฉากบู้เสร็จนะนางก็อิดออดๆ บอกว่าเข้าฉากแล้วขาเรียวสวยของนางมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ นางแสดงไม่ไหวหรอกขอให้หาสตั้นมาแทนนาง”
เสียงพี่เอมมี่ช่างเสริมสวยสาวเทียมร่างใหญ่เอ่ยปากเล่าเรื่องพร้อมกับบรรจงแต่งหน้าให้ปิ่นดาราสาวซึ่งรับบทเป็นตัวร้ายในเรื่องแต่นิสัยดีมากในชีวิตจริงเล่าอย่างสนุกสนาน ซึ่งก็เป็นธรรมดาของกองถ่ายละครหล่ะนะที่จะมีเรื่องเม้าท์และข่าวลือต่างๆมากมาย 
“เฮ้อออ” ผมได้แต่ถอนหายใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ตอนนี้ผมรอเข้าฉากมาเกือบครึ่งค่อนวันแล้วแต่ก็ยังคงต้องรอต่อไปเผื่อบางทีอาจจะได้เข้าฉากตัวประกอบแล้วได้เงินเพิ่ม แต่หน้าที่หลักๆของผมคือสตั้นนั่นแหละแต่ที่ตอนนี้ผมยังไม่ได้เข้าฉากก็เพราะแม่นักแสดงนางเอกสาวที่พี่เอมมี่ช่างแต่งหน้าพูดถึงนั่นแหละ จะกลับห้องก็ไม่ได้ อยู่นี่ก็เบื่อจะตาย
“ถอนหายใจอะไรวะไอ้ครีม” ผมเงยหน้าขึ้นมองซีเพื่อนที่ทำงานสตั้นแบบเดียวกับผม
“ก็เบื่อๆวะ อยากทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับห้อง”
“อะไรคิดถึงเมียที่ห้องเหรอวะ”
“-__________-”
“อ่อลืมไปอย่างมึงต้องคิดถึงผัวววว”
“ไอ้ซีกวนทีน” ผมหันไปตบหัวมันทันที ไม่แปลกที่มันจะแซวแบบนี้เพราะชีวิตผมที่ผ่านมาก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้ามาจีบ ผมก็คบหมดแหละแต่คือถึงจะคบผู้ชายคือผมก็คบแบบผมเป็นฝ่ายรุกนะจะให้ผมรับนี่คงจะไม่ไหวจริงๆขอบาย
“พักกองโว้ยยยยยยยยยยย” แล้วเสียงพี่ภีมผู้กำกับก็ตะโกนขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งคุยกับซีอยู่ 
“ซีกุไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”  ผมพูดจบแล้วก็ลุกเดินออกมาทันที
“พี่ภีมครับ เราติดต่อทางบริษัทจัดหาตัวแสดงแทนแล้วครับแต่สตั้นผู้หญิงนี่คิวเต็มหมดแล้วครับ ถ้าจะได้คือต้องอาทิตย์หน้าเลยนะครับ” ชายหนุ่มคนเดิมที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับเอ่ยขึ้น
“เอออาทิตย์หน้า ก็ต้องย้ายฉากจากที่นี่แล้วจะมาอาทิตย์หน้าได้ไงวะ โว๊ะพี่ละปวดหัวขอบใจมากน้องภู  ลองติดต่อบริษัทอื่นดูอีกทีนะ”
“ครับ”
ผมเงยหน้ามองพี่ภีมที่ยืนคุยกับพี่ภูทั้งที่อยู่ในห้องน้ำกำลังยืนฉี่นี่แหละพี่ภีมเป็นผู้กำกับที่จัดได้ว่าอยู่แนวหน้าของประเทศเลยทีเดียว พี่ภีมเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำ อืมมมก็คล้ำนะเพราะถ้าเทียบกับพี่ภูที่ยืนข้างๆรายนั้นนะตัวเล็กกว่าพี่ภีมเยอะแถมยังผิวขาวหน้าตาก็หล่อพอๆกับพระเอกในกองเลยแหละ  หลังจากที่ผมทำธุระเสร็จก็เดินหันหลังออกมาเพื่อไปล้างมือ แต่ตอนล้างมือนี่สิ ผมรู้สึกมีสายตาที่จับจ้องแผ่นหลังผมอยู่นะ ผมเลยตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองในกระจกก็พบกลับสายตาของพี่ภีมที่มองมา เอ่อ...หรือพี่เค้าจะไม่พอใจที่ผมฟังเค้าคุยกันเมื่อกี้วะก็ไม่ได้ตั้งใจนะก็ห้องน้ำมันที่สาธารณะนี่หว่า ผมยิ้มนิดๆก่อนจะรีบล้างมือแล้วรีบเดินออกจากห้องน้ำแต่....
“เห้ยเดี๋ยวก่อน ” เสียงพี่ภีมเรียก เรียกผมเหรอวะ
“ครับ”
“ชื่ออะไร”
“ครีมครับ”
“เป็นสตั้นใช่มั้ย” พี่ภีมถามหลังจากมองเสื้อยืดสีดำที่ใส่เป็นเสื้อของบริษัทจัดหานักแสดงแทนที่ผมใส่อยู่
“ครับ” ผมตอบสั้นๆกลับไป
“มานี่” พี่ภีมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรคว้ามือผมตัวปลิว ปลิวจริงๆนะเว้ยก็พอมายืนใกล้พี่ภีมแมร่งตัวยังกะยักษ์  ผมหันหน้าไปมองพี่ภู ก็พบว่ารายนั้นยิ้มนิดๆก่อนจะเดินตามมา นี่มันอะไรกันวะ บอกกุที
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-05-2013 12:28:22
สตั๊นสาวคนใหม๋แน่ๆ :)))
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 25-05-2013 12:56:29
ตอนที่ 2
ซีน 12 เทค 3 1 2 3 แอคชั่นนนน
เสียงต่อสู้ เอฟเฟคต่างๆพร้อมโหมกระหน่ำทันที  การต่อสู้อันเป็นฉากหนึ่งของละครเรื่องนี้ดำเนินยาวนานไปกว่า 15 นาที ก่อนเสียงผู้กำกับจะดังขึ้น
“คัทททททททท ยอดเยี่ยม “
หลังจากสิ้นเสียงไอ้พี่ภีมผู้กำกับผมก็รีบวิ่งมานั่งพักทันที ผมมองไปที่นักแสดงคนอื่นๆที่ตอนนี้เหล่าคอสตูมกำลังวิ่งเข้ามารุมทึ้งจัดการให้
“ต๊ายยย น้องครีมคะมานั่งแอบตรงนี้นี่เองพี่เอมมี่ตามหาตั้งนานมานี่สิคะ” เออฟังไม่ผิดหรอกครับตอนนี้ผมก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีทีมคอสตูมมารุมทึ้งอีกคน ผมได้แต่ถอนหายใจ
“พี่เอมมี่ครับนี่ผมยังต้องแต่งหน้าอีกเหรอครับ” ผมบ่นอย่างปลงๆ
“ใช่สิจ้ะ แหมน้องครีมนี่ออกจะสวยนะคะแต่งแล้วเจิดมากอีนางเอกนั่นยังตกกระป๋อง พี่ภีมนี่ก็ตาถึงจริงๆ” พี่เอมมี่พูดพร้อมกับเอาเครื่องสำอางต่างๆโบกลงบนหน้าผมไปด้วย ใช่ตอนนี้ผมมาเป็นตัวแสดงแทนให้กับแม่นางเอกในฉากบู้ล้างผลาญนั่นไง จะเพราะใครหล่ะถ้าไม่ใช่เพราะพี่ภีมผู้กำกับตาถึงของพี่เอมมี่ที่บอกว่าด้านหลังของผมถ้ามองจะเหมือนผู้หญิงมีทรวดทรงองเอว  แถมส่วนสูงผมก็พอๆกับแม่นางเอกนั่น ใส่วิกซักหน่อยก็น่าจะเอามาแทนกันได้ แต่ประเด็นไม่ใช่อะไรหรอกก็แค่พี่แกให้เงินพิเศษผมเพิ่มไม่งั้นผมจะตกลงเหรอ แต่กว่าจะผ่านมาได้ผมก็เหนื่อยแบบรากเลือดหมดสภาพเลยเพราะกว่าจะผ่านแต่ละฉากนี่หลายเทคมาก แถมมันไม่ได้มีแค่ฉากเดียวแต่เป็นทุกฉากที่บู้ผมต้องแสดงแทนแม่นางเอกหมด ผมพยายามคิดถึงเงินที่รอผมอยู่
“ว่าไงจ๊ะน้องครีมคนสวย”
“อย่ากวนตีนไอ้ซี” ผมมองคนที่ยืนยิ้มล้อเลียนผมอยู่
“อะไรวะ ก็มึงสวยจริงๆนี่หว่า มาไหนถ่ายรูปหน่อยสิกุจะเอาไปลงไอจี” พูดเสร็จมันก็พยายามจะเอาโทรศัพท์มันมาถ่ายจริงๆ
“ไอ้ซีอย่านะมึง” ผมรีบคว้าโทรศัพท์มันมา ก็นะแค่นี้ผมก็อายนะเว้ยต้องมาแต่งหน้าทำผมแบบผู้หญิงแบบนี้ บอกตรงๆอายมากโว้ย
“ฮ่าๆ โอ๋ๆอย่างอนเลยนะมึงเดี๋ยวกูถ่ายให้แบบสวยๆเลย”
“ไม่ต้องเลยถ้ามึงถ่ายกูจะเอาความลับมึงไปบอกน้องแป้งของมึงแน่ ลองดูสิวะ” ได้ทีผมรีบเอาแฟนมันขึ้นมาขู่ทันที
 “เชี่ยครีมเล่นของสูงนะมึงอะ” มันตบหัวผมก่อนทำหน้าเซ็งๆแล้วก็นั่งลงข้างๆผม
“แต่มึงสวยจริงๆนะครีม”
“ขอบใจ กูรู้ตัวขอบคุณนะฮ้า”
“แหวะ สยองวะไอ้ครีมอย่าทำเสียงแบบนี้นะมึงขนลุก” ผมหันไปยิ้มให้มันก่อนจะชวนมันไปนั่งกินข้าวที่กองละครเตรียมมา
.
.
.
.
“พี่ภีมครับ คุณยี่หวามาแล้วนะครับจะให้เตรียมฉากต่อไปเลยไหมครับ”
“เฮ้อออ ฝากด้วยแล้วกันนะภู” คนตัวใหญ่ถอนหายใจก่อนจะหันมาสั่งงานผู้ช่วยของตนเองที่เดินเข้ามาบอก
“ครับ” คนตัวเล็กรับคำก่อนจะก้าวออกไป
“เดี๋ยวน้องภู” คนตัวเล็กที่ถูกเรียกน้องสะดุ้งขึ้น พร้อมกับเลือดฝาดที่แล่นริ้วขึ้นมาบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะมองไปมารอบตัวก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในรัศมีใกล้พอที่จะได้ยิน ก่อนจะขานรับ
“ครับ  พี่ภีม”
“เหนื่อยหน่อยนะ แต่ก็ขอบใจที่อยู่ข้างกันนะ” คนตัวใหญ่พูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาแล้ววางมือบนหัวของคนที่ตัวเล็กกว่าลูบผมนุ่มนั้นอย่างเบามือ ก่อนจะเลื่อนมือมาคลอเคลียที่แก้มนิ่มของคนตัวเล็กที่ตอนนี้แก้มนั้นแดงก่ำ น้องภูก็ได้แต่ยกมือขึ้นจับยึดเสื้อของพี่ภีมไว้แน่น สายตาทั้งสองคนสบตากันอย่างสื่อความหมาย.....
“อะแฮ่ม...นี่มันกองถ่ายละครหนังบู้เลือดสาดสนั่นจอไม่ใช่เหรอวะ ดันมีฉากโรแมนติกแบบนี้ เปลี่ยนแนวหนังรึไง” เสียงของคนมาใหม่ที่ขัดทุกอารมณ์จนคนตัวใหญ่อย่างภีมต้องหันมาจ้องคนที่กล้าขัดช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับน้องภูของเค้าลง
“ไอ้ภาม!”
“เออ อะไรของมึงวะทำหน้าเหมือนเจอผีไอ้ภีม สวัสดีครับน้องภูของพี่ภีม” ชายหนุ่มมาใหม่ไม่วายต้องหันไปแกล้งน้องภูที่ตอนนี้กำลังหน้าแดง และยืนทำตัวน่ารักอยู่ข้างๆพี่ภีมของตัวเอง
“สัส ภามแกล้งน้องภู” 
“หวัดดีครับพี่ภาม”
“ครับน้องภูของพี่ภีม” ชายหนุ่มยังคงไม่เลิกแกล้งน้องภูอยู่ดี
“สัส ภามมึงนะเลิกแกล้งน้องภูของกุซักที  น้องภูครับน้องภูไปเซ็ทฉากต่อไปรอพี่เลยนะครับ เดี๋ยวพี่อยู่คุยกับไอ้ภามมันก่อน แล้วนี่มึงโผล่มาทำไม” หลังจากน้องภูเดินไป ภีมก็หันมาซักเพื่อนซี้ปึกที่อยู่ๆก็โผล่มาทันที
“นี่กุเพื่อนมึงนะไม่เจอกันมาตั้งนาน  แทนที่เจอกุจะดีใจนะไอ้ภีม”
“ครับไอ้คุณเพื่อนมาเฟีย กุก็นึกว่ามึงต้องอยู่ในโลกมืดไม่มีเวลามาเจอเพื่อนเจอฝูงแล้วไงวันนี้ขึ้นมาโลกสว่างนี้ได้วะ”
“ก็ไม่ไง ก็กุว่างกุเลยมา แล้วนี่มึงเลิกงานกี่โมงวะ”
“เหี้ยมึงมาไม่ดูเวล่ำเวลา งานกูกูทำเป็นเวลาที่ไหนวันนี้อยู่กินข้าวกับกูที่กองแล้วกันเดี๋ยวกูโทรสั่งให้”
ภีมพูดก่อนจะพาเพื่อนซี้เดินออกไปยังกองถ่าย
.
.
.
.
“เจ้เอมมี่ๆๆ นั่นใครอะๆ” หนึ่งในช่างแต่งหน้าพูดขึ้น
“อะไรของมึงยะอีเป้ย” เจ้เอมมี่ที่กำลังแต่งหน้าให้ผมอยู่เงยขึ้นมามองพี่เป้ยหนึ่งในทีมแต่งหน้าของกองนี้
“ก็คนนั้นไง คนที่อยู่ข้างผู้กำกับไง พระเอกใหม่เหรอหล่อแซ่บกระแทกตูดเป้ยมากเลยเจ้ นี่อีเด็กๆในกองนี่จ้องกันตาเป็นมันเลยนะ” พี่เป้ยสาวประเภทสองแต่งตัวสุดจี๊ดพูดขึ้นพร้อมกับกรีดนิ้วชี้ไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างพี่ภีม ผมเลยหันไปมองตาม อื้อหือ ผู้ชายอะไรวะยังกับหลุดออกมาจากภาพวาด ผมว่าพี่ภีมตัวใหญ่แล้วแต่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างพี่ภีมตอนนี้ดูจะตัวใหญ่กว่าพี่ภีมเล็กน้อย หน้าตาออกแนวลูกครึ่งแถบยุโรปนั่นจมูกหรือสันเขื่อนวะ  หน้าตายังกับเทพบุตรในตำรากรีกโบราณเลยแต่ที่ผมอิจฉาสุดเห็นจะเป็นพวกมัดกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่งพวกนั้น  ถึงผมจะเป็นสตั้นแต่ก็ไม่บึกบึนไม่รู้ทำไมทั้งที่ออกกำลังกายก็เยอะแต่ไม่เห็นมีกล้ามเหมือนคนอื่นๆ มีแต่ตัวจะบางลงๆจนเอามาแต่งหญิงแบบนี้ เฮ้อคิดแล้วก็ปลงตัวเอง
“อุ๊ยต๊ายยยยยยยนั่นคุณภามเพื่อนคุณภีมเค้าแหละ นานๆจะโผล่มาทีให้เจ้กระชุ่มหัวใจ” เจ้เอมมี่มองตาหยาดเยิ้มไปยังผู้ชายที่ยืนข้างพี่ภีม
“เจ้หล่ะอยากรู้จริงๆรอบนี้คุณภามจะพาใครไปนะ” เจ้เอมมีพูดต่อ ผมเงยหน้ามองด้วยสายตางุนงงในประโยคของเจ้แก
“เอ้าๆแหมจะมาใสซื่ออะไรตอนนี้หล่ะยะคุณน้องครีม ก็หล่อรวยเริ่ดขนาดนั้นก็ต้องมีดาราเราในกองซักคนบ้างหล่ะที่อดใจไม่ไหวจนอยากจะทอดตัวบนเตียงให้ แต่พี่เห็นแล้วหล่ะคะว่าคราวนี้ใครจะเป็นคนทอดตัวบนเตียงให้คุณภามเค้าหน่ะ”
เจ้เอมมี่พูดพร้อมกับทำปากบุ้ยใบ้ไปทางที่คุณภามยืนอยู่ ผมมองตามไปพร้อมกับเหล่าบรรดาทีมช่างแต่งหน้าและนักแสดงที่กำลังแต่งหน้าทำผมอยู่ นางเอกของเรื่องคุณยี่หวานั่นเองที่ตอนนี้กำลังยืนส่งสายตาหวานเยิ้มพร้อมกับพูดคุยกับคนที่ชื่อภาม ผมได้แค่ยิ้มเล็กๆเพราะยังไงนี่ก็วงการมายาที่หน้าตาใช้เป็นเครื่องมือต่างๆได้มากมายคนที่เกิดมาหน้าตาดีย่อมมีต้นทุนดีไปกว่าครึ่ง และยังไงซะวันนี้ในกองก็คงมีเรื่องสนุกให้ได้พูดคุยกันเป็นประเด็นอย่างไม่รู้จบ  ผมก็ได้แต่นั่งฟังพวกพี่ๆเค้าพูดคุยกันในระหว่างที่รอเข้าฉาก

...
มาต่อตอน 2 ก่อนจะไปกินข้าว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 25-05-2013 14:02:48
 :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-05-2013 14:58:10
ตอนแรกนึกว่า
ผู้กินเด็ก เอ๊ย!
ผู้กินตับ  เอ๊ย!
ผู้กำกับ  เอ๊ย! ถูกแล้วววว

แหม่....ช่างกล้าเล่น
:try2:

กลับสู่เนื้อหา555นึกว่าผู้กำกับจะเป็นพระเอก
แต่พี่ท่านก็มีเจ้าของซะแล้ว ณ ตอนนี้คนที่มาวินที่สุดก็คงพี่ภาม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 25-05-2013 17:02:31
ปูเสื่อรอเรื่องใหม่ด้วยคนฮร๊าฟฟฟ

 :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 25-05-2013 23:07:06
ตอนที่ 3
“ครีมครับมานี่สิครับเราจะคุยกันเรื่องเข้าฉาก” ผมนั่งอยู่ได้ซักพักพี่ภูก็มาเรียกผมไปเพื่อจะคุยกันก่อนเข้าฉากซึ่งนี่ก็เป็นฉากสุดท้ายแล้วของวันนี้ผมจะได้กลับห้องซักที
“คุณยี่หวาครับ นี่ครีมนักแสดงแทนคุณยี่หวาที่จะเข้าฉากบู้แทนนะครับ” พี่ภูพาเดินมาพร้อมกับแนะนำให้ผมรู้จักกับคุณยี่หวา
“คะ” เธอแค่ปรายตามองผมก่อนจะยิ้มเล็กน้อย
“ครีม ฉากสุดท้ายแล้วพี่ฝากด้วยนะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” พี่ภูหันมาพูดกับผมหลังจากชี้แจงให้แต่ละคนฟังเรียบร้อยถึงฉากที่ต้องแสดงผมหันมองไปรอบตัว  ก่อนจะสะดุดเข้ากับสายตาคู่หนึ่งก็คือคุณภามที่ตอนนี้มีคุณยี่หวานั่งอยู่ข้างๆ จ้องมาที่ผมทำผมขนลุกขึ้นมาทันที คนบ้าอะไรวะตาดุเป็นบ้า  ผมรีบหันหน้ากลับมาแล้วเตรียมตัวเข้าฉากทันที
.
.
.
.
เฮ้อ เสร็จซักทีฉากสุดท้ายของวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วย ดีตอนนี้ก็ได้เวลาพักผ่อนของผมซักที  ก่อนกลับผมก็ขอเข้าไปจัดการตัวเองซะก่อนจะให้กลับในสภาพนี้คงไม่ไหว เดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องจะแตกตื่นกันหมด
“พี่เอมมีครับ มีอะไรล้างเครื่องสำอางพวกนี้ออกได้ไหมครับ” ผมเดินเข้ามาถามพี่เอมมี่ที่ตอนนี้ก็กำลังเริ่มเก็บของกันอยู่เพราะอาทิตย์หน้าเราจะย้ายกองไปถ่ายทำที่อื่นกันแล้ว
“มีๆ น้องครีมรอก่อนนะคะเดี๋ยวพี่เอมมี่ไปหยิบให้” ระหว่างที่นั่งรอผมก็เห็นพี่ภูเดินมาพร้อมกับพี่ภีมและคนชื่อภามที่ขนาบข้างมาด้วยคุณยี่หวา
“ครีมครับ”
“ครับพี่ภู ”
“อันนี้เป็นเงินค่าตอบแทนนะครับ” ผมมองซองสีขาวที่พี่ภูยื่นมาให้
“อ๋อ ค่าจ้างผมพี่ภูต้องโอนเข้าไปทางบริษัทของผมเลยนะครับเดี๋ยวทางบริษัทเค้าจะจัดการให้ผมอีกทีนะครับ”
“เอิ่ม...อันนั้นพี่ก็รู้แล้วครับแต่อันนี้เป็นแบบพิเศษครับ ถือเป็นค่าโบนัสอะไรแบบนี้” พี่ภูพูดอธิบายพร้อมกับยื่นซองเงินมาให้ผม ผมก็เข้าใจทันทีก่อนจะหยิบรับซองเงินนั้นมา จะเล่นตัวทำไมเค้าให้ผมก็รับผมยังต้องกินต้องใช้นะครับจะมาปฏิเสธได้ไง
“เดี๋ยว คุณภูคะนี่แม่นักแสดงแทนยี่หวานี่เป็นกระเทยเหรอคะ” หลังจากผมรับซองเงินมาเรียบร้อยแล้วคุณยี่หวาที่มองดูเหตุการณ์อยู่ก็พูดขึ้น แถมเป็นประโยคกระแทกกลางใจผมให้เจ็บจึกมาก เมื่อเช้าเป็นผู้ชายตอนนี้กุกลายเป็นกระเทยแล้ว
“ทำไมเหรอยี่หวา ตอนนี้เราก็ถ่ายครบทุกฉากที่ต้องใช้ตัวแสดงแทนแล้ว หรือยี่หวาไม่พอใจอยากจะถ่ายใหม่โดยใช้ตัวแสดงจริงทุกฉากหล่ะ ผมจะได้สั่งเปิดกองเริ่มตอนนี้เลย อ่อแล้วครีมเค้าไม่ได้เป็นกระเทยด้วยผมเป็นคนบังคับให้เค้าทำเอง” พี่ภีมพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของยี่หวาที่มองผมเหยียดๆ
“หี บังคับหรือเต็มใจกันคะก็เห็นอยู่ว่ารับเงินหน้าชื่นตาบาน” เธอยังคงสะบัดเสียงใส่ผมและพูดเหน็บพร้อมส่งสายตาเหยียดๆมาให้
“ก็ต้องขอโทษคุณยี่หวาแล้วกันนะครับที่ทำให้ไม่พอใจ แต่เรื่องเงินนี้ผมถือว่าผมทำงานก็ต้องได้รับเงินค่าตอบแทนบ้างเพราะผมก็ต้องกินต้องใช้จะดูถูกผมก็ตามสบายนะครับ ขอบคุณพี่ภูกับพี่ภีมมากนะครับ” ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินมาหาเจ้เอมมี่ที่กำลังถือของมาให้ผม
.
.
.
.
หลังจากที่ผมจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ผมก็กำลังเดินเพื่อออกไปหารถจะได้กลับห้องไปพักผ่อนซักที  แต่ระหว่างทางที่เดินไปเพื่อจะขึ้นรถประจำทางที่ปากซอย  ผมก็เห็นเงาวูบไหวอยู่ข้างๆรถหรูคันหนึ่ง ผมเหล่ตามองพักหนึ่งก่อนจะเห็นว่าเป็นคนใส่ชุดสีดำท่าทางไม่น่าไว้ใจกำลังยืนอยู่บริเวณรถ ซักพักชายชุดดำก็เหมือนจะรับรู้การมีตัวตนของผมจึงหันหน้ามามองทางผม ด้วยสัญชาตญาณทำให้ผมรีบหลบตัวเองลงข้างรถอีกคันทันที
“เร็วๆสิวะ พวกนั้นมันปิดกองกันแล้วเดี๋ยวก็มีคนแห่กันออกมาหรอกมึง” ผมได้ยินเสียงพวกมันคุยกันอยู่ซักพักก่อนจะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์ขับเข้ามาเพื่อรับชายชุดดำสองคนออกไป
ผมแอบมองด้วยความสงสัยขโมยของก็ไม่น่าใช่เพราะขึ้นรถไปตัวเปล่า  แล้วพวกมันมาทำอะไรกัน ผมยังคงยืนมองอยู่ซักพักก่อนจะมีเสียงเรียกขึ้น
“น้องครีม”
“พี่ภู พี่ภีม...เอ่อ” ผมหันมองพี่ภูกับพี่ภีมกับผู้ชายที่ชื่อภาม
“นี่ภามเพื่อนพี่เอง ครีมกำลังจะกลับบ้านเหรอ” พี่ภีมพูดพร้อมแนะนำคนชื่อภามให้ผมรู้จัก ผมมองหน้าพี่เค้าแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะหันมาตอบพี่ภีม
“ครับ”
“อือ กลับดีๆหล่ะ” พี่ภีมเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปยังรถที่ผมใช้หลบเมื่อกี้พร้อมกับพี่ภูที่ยิ้มให้ผมแล้วเดินตามพี่ภีมไป ส่วนอีกคนคือคุณภามก็เดินไปยังรถอีกคัน...
“คุณภาม!” ผมเรียกชื่อของคนที่ตอนนี้เดินไปที่รถ  ซึ่งเป็นรถที่พวกชายชุดดำน่าสงสัยพวกนั้นมายุ่งด้วย ซึ่งเสียงเรียกของผมทำให้คุณภามหันมามองพร้อมกับพี่ภูและพี่ภีมที่มองมาพร้อมๆกัน
“....” คุณภามได้แต่มองหน้าผมนิ่งคนบ้าอะไรวะตาดุชะมัด
“คือ เมื่อกี้ผมเห็นคนใส่ชุดสีดำสองคนมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวรถของคุณ ถ้ายังไงก็ดูแล้วกันนะครับว่าในรถมีอะไรหายรึเปล่า อ่อแล้วก็ผมจำป้ายทะเบียนมอไซต์ได้”  หลังบอกจบคุณภามก็กดโทรศัพท์ทันที ผมได้แต่ยืนมองตาปริบๆอยู่ ก็คงหมดหน้าที่เราแล้วมั้ง
“เอ่องั้นผมกลับก่อนนะ สวัสดีครับ” ผมหมุนตัวกลับทันที
หมับ มีมือใหญ่คว้าแขนผมไว้ทันทีที่ผมทำท่าจะเดินออกไป
“นายต้องอยู่กับฉัน” จะเป็นเสียงใครไม่ได้เลยนอกจากคุณภาม
.
.
.
.
ตอนนี้ผมกำลังนั่งกร่อยมาก เพราะแทนที่ผมจะได้กลับห้องไปนอนหลับหลังจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยตอนนี้ผมต้องมานั่งอยู่กับคุณภามที่บอกให้อยู่ก่อน  หลังจากที่เค้าไปโทรศัพท์เสร็จก็มีรถ 2 คันขับเข้ามาพร้อมผู้ชายเข้ามาจัดการกับรถของคุณภาม  ซึ่งผมคิดว่าคงจะเป็นบอดี้การ์ดนั่นแหละก็สไตล์การแต่งตัวนี่สไตล์เดียวกันหมดอย่างกับในละคร ผมหล่ะอยากถามเหลือเกินว่าค่าตัดสูทให้บอดี้การ์ดนี่เท่าไหร่กัน แต่จากสถานการณ์ตรงหน้าคงไม่เหมาะ
“ขอโทษนะครับพี่ภู เมื่อไหร่ครีมจะได้กลับห้องครับ คือมันก็เริ่มดึกแล้วผมกลัวรถจะหมดครับ” ผมหันมาพูดกับพี่ภูที่ตอนนี้นั่งเป็นเพื่อนผม และก็เป็นคนเดียวในที่นี้ที่ผมกล้าคุยด้วย ส่วนคุณภามกับพี่ภีมนั้นก็ไปยืนคุยกับพวกคนใส่สูทดำที่มากมายเต็มไปหมด
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับคงต้องรอพี่ภามเค้าจัดการธุระให้เสร็จก่อนนะครับ ครีมหิวรึเปล่า”
“เปล่าครับ ครีมแค่อยากกลับห้องแล้ว” ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆก่อนจะนั่งเงียบตามเดิม นี่มันเรื่องอะไรกัน
นั่งรออีกอึดใจหนึ่งคุณภามก็เดินเข้ามาพร้อมพี่ภีม
“เป็นยังไงบ้างครับพี่ภีมพี่ภาม” พี่ภูถามทันทีที่ทั้งสองคนเดินมาถึง
“อืมมีคนร้ายวางระเบิดรถไอ้ภามมันตอนนี้ลูกน้องมันจัดการเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วตอนนี้ผมกลับได้รึยังครับ” ผมถามขึ้นทันทีก็ผมอยากกลับแล้ว
“ยังไม่ได้ นายต้องอยู่กับฉันก่อนฉันยังไว้ใจนายไม่ได้”
“ฮะ นี่คุณภามมันไม่มากไปหน่อยเหรอคุณ” ผมอยากจะบ้าตายนี่มันอะไรกันผมเป็นคนบอกเรื่องคนร้ายพวกนั้นกลายเป็นว่าผมไม่น่าไว้ใจทำคุณได้โทษชัดๆ  ผมมองหน้าคนที่ตอนนี้ยืนทำหน้านิ่งตาดุๆนั่นยังจ้องมาที่ผมอยู่ แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้วเพราะผมเหนื่อยมาทั้งวันผมเลยตวัดตามองกลับบ้างผมก็คนนะคุณ
“ผมขอตัว” ผมไม่สนแล้วก็ผมจะกลับทำไมผมต้องเป็นแพะรับบาปในเรื่องที่ไม่ได้ทำด้วย ผมหันหลังกลับทันทีแต่...บอดี้การ์ดมันก็เข้ามาดักไว้ เออดีไอ้พวกบ้าอำนาจ ไอ้พวกคนรวย
“นี่คุณทำไมผมต้องมาอยู่รอคุณด้วยเมื่อไหร่ผมจะได้กลับห้อง ผมแค่เป็นคนเห็นเหตุการณ์ผมผิดรึไง” ผมหันกลับไปตะคอกใส่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังทันทีไม่สนหรอกว่าเค้าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน  แต่ดูเค้าก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย ให้ตายสิผมมันคงพวกกำลังมดสินะ
“พี่ภาม คือ ภูว่า...” พี่ภูหันไปพูดกับคุณภามแต่หมอนั่นก็เดินมาจับมือผมก่อนจะพาเดินหรือเรียกว่าลากถูน่าจะดีกว่า ก่อนจะจับผมโยนเข้ารถที่เปิดประตูรออยู่ แล้วคุณภามก็ตามขึ้นมานั่ง
“ถ้าง่วงก็นอนซะ” หลังจากหมอนั่นขึ้นรถก้นหย่อนถึงเบาะก็สั่งทันที
“ผมไม่ง่วง ผมอยากกลับห้อง”
“ได้นายจะได้กลับห้อง ออกรถ” ผมมองนายภามที่สั่งลูกน้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอาการตกใจอะไรในเรื่องของการวางระเบิดราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็แค่รถเสียแล้วโทรตามช่างมาซ่อมแค่นั้น  ส่วนผมเหรอตอนรู้ก็ตกใจนี่มันอาชญากรรมนะคุณแต่ตอนนี้ความเหนื่อยมันมีมากกว่าความตกใจซะแล้ว ไอ้ที่บอกว่าไม่ง่วงก็แค่อยากจะเอาชนะคนที่นั่งข้างๆ แต่ผมคงไม่ชนะหรอกอากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศภายในรถ เบาะนุ่มๆที่บ่งบอกคุณภาพของรถราคาแพงระยับทำให้ตาผมค่อยๆปิดลงอย่างช่วยไม่ได้ ยังไงก็จะได้กลับห้องแล้วนอนซักนิดก็คงดี...
...
มาต่ออีกตอน อ่านแล้วติได้ชมได้นะคะ อ่านทุกคอมเม้นต์คะ คืนนี้ก็ราตรีสวัสดิ์นะคะฝันดีคะนักอ่านทุกคน :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-05-2013 23:58:40
พ่อตาดุจะทำยังไงกับครีมน๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 26-05-2013 08:03:39
 :katai5: :katai5:
อิภามเธอเป็นใครกันถึงมีคนวางระเบิดรถฮร้าาาาาาาา

ถ้าดูชื่อตัวละครนึกว่าครอบครัวเดียวกันหรือแฝด 3 ได้เลยทีเดียว

ภู-ภีม-ภาม

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 26-05-2013 08:38:17
ตอนที่ 4
ภาม

ผมนั่งมองคนที่ตอนนี้หลับไปแล้วทั้งที่บอกไม่ง่วง...
“นายครับ ไปส่งคุณที่ไหนครับ”  คนขับรถเอ่ยภามขึ้น ผมมองคนข้างๆก่อนจะออกคำสั่ง
“กลับไปที่บ้าน”
ผมก็แค่ขี้เกียจปลุกคนนอนหลับให้ตื่นขึ้นมาบอกทาง อีกอย่างถึงยังไงก็ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้ช่วยชีวิตผมไว้ ก็น่าจะตอบแทนซักหน่อยจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกัน  เมื่อกลับถึงบ้านผมก็จัดการสั่งให้ลูกน้องพาครีมไปนอนพักในห้องรับรองแขกจากนั้นผมจึงเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
“ว่าไงคุณเอกได้เรื่องไหม” ผมอยู่ที่ห้องทำงานกำลังคุยกับเอกมือขวาคนสนิท
“ครับ เราตามจับคนลอบวางระเบิดได้อย่างรวดเร็วจากเลขทะเบียนรถที่คุณครีมให้มาครับ ตอนนี้มันสารภาพแล้วครับว่าคุณอธิปเป็นคนจ้างวาน น่าจะมาจากการที่คุณภามไปตัดเส้นทางการค้ากับจีนเมื่อเดือนก่อนทำให้ทางนั้นค่อนข้างเสียรายได้มหาศาล” ผมพยักหน้ารับรู้ในวงการธุรกิจก็เป็นแบบนี้มีศัตรูอยู่ทั่วไปเราไว้ใจใครไม่ได้
“คุณภามจะให้จัดการยังไงต่อครับ”
“จับส่งตำรวจเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แล้วแพร่กระจายข่าวออกไป  ทำให้นายอธิปไร้ที่ยืนในวงการนี้  ไปเจรจากับตำรวจด้วยอย่าให้นายอธิปปิดเรื่องนี้ได้ ฉันจะสั่งถอนหุ้นทั้งหมดของบริษัทนายอธิป”
“ครับ”
“แล้วเรื่องเด็กนั่น”
“ครับเรื่องคุณครีมผมถามพวกมันแล้วครับ พวกคนร้ายมันบอกว่าไม่รู้จักครับ ส่วนนี่เป็นประวัติของคุณครีมครับ”
นายเอกพูดพร้อมกับวางซองสีน้ำตาลลงบนโต๊ะ
“อืม นายกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ขอบใจมากสำหรับวันนี้ ”
ผมหยิบซองที่เอกวางขึ้นมาเปิดอ่าน  ประวัติโดยทั่วไปของครีมก็เป็นแค่เด็กธรรมดาๆคนหนึ่งไม่มีอะไรน่าสงสัย ผมนั่งมองรูปของเด็กนั่นก็นับว่าเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาดีถ้ามองก็ต้องบอกว่าหล่อ แต่ถ้ามองดีๆหล่ะก็หน้าแบบนี้ออกจะหวานเสียมากกว่า  แต่งตัวเป็นผู้หญิงแบบวันนี้ต้องบอกว่าสวยกว่ายี่หวานางเอกของกองละครวันนี้เสียอีก หุ่นก็ดีทั้งทีเป็นสตั้นแต่กลับเอวบางร่างเล็กพอๆกับผู้หญิง หึชื่อก็หวานน่ากิน แต่ผมเป็นพวกไม่ชอบกินของหวานซักเท่าไหร่  แต่ชีวิตก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกใครจะรู้ผมอาจจะมีของหวานที่โปรดปรานมากที่สุดก็เป็นได้...
.
.
.
กุกกักๆๆ กุกกักๆ
ผมเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนกว่า ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองประตูห้องทำงานเพราะรู้สึกว่าคนในบ้านน่าจะนอนหลับหมดแล้วแต่กลับมีเสียงแปลกดังอยู่นอกห้อง ผมปิดคอมที่ทำงานอยู่แล้วลุกขึ้นเพื่ออกไปดูที่มาของเสียง ผมค่อยๆเดินออกมาตามเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะเจอเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งที่เดินคลำทางสะเปะสะปะเพราะในบ้านปิดไฟหมดแล้ว ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นก่อนจะคว้าแขนได้แต่...ไวเท่าความคิดร่างตรงหน้าตวัดขากลับขึ้นมาทันที พร้อมกลับหันหน้ามาเพื่อเผชิญหน้าด้วยความเร็ว อืม...คงต้องยอมรับว่าฝีมือค่อนข้างดีแต่ก็ยังช้าไปผมจัดการคว้าแขนแล้วออกแรงดึงเล็กน้อยร่างตรงหน้าก็แทบจะปลิวเข้ามากระแทกกับอกของผมก่อนจะมีเสียงโวยวายตามมา
“ปล่อยนะเว้ย ใครวะ”
“ออกมาทำอะไรตอนดึกๆ” ผมก้มลงกระซิบถามที่ข้างหูคนที่กำลังดิ้นอยู่ในอกผมตอนนี้
“คุณภาม ปล่อยผมก่อนสิ อึดอัด” เสียงครีมพูดขึ้น ถ้าเปิดไฟอยู่ตอนนี้หมอนี่อาจจะเห็นหน้าตาไม่พอใจของผมก็เป็นได้ มีแต่คนอยากจะกอดผมแต่เด็กนี่กลับบอกว่าอึดอัดที่ถูกผมกอด ด้วยความหมั่นเขี้ยวผมเลยกอดให้แน่นกว่าเดิมขึ้นไปอีก
“โอ๊ยนี่คุณ ผมบอกให้ปล่อยไม่ได้ให้กอดให้แน่นขึ้น”
“ไม่ปล่อย ก็บอกมาก่อนสิลงมาทำอะไรดึกๆแบบนี้  ไม่แน่นายอาจจะมาขโมยอะไรก็ได้”
“คุณนี่มันคิดอะไรแง่ร้ายขนาดนี้วะ ผมหิวจะปล่อยผมได้รึยัง” ผมชะงักกับคำตอบที่ได้ยินทันที หิว หิวตอนเที่ยงคืนกว่านี่นะ ผมค่อยๆคลายมือออกก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือเล็กๆของครีมเอาไว้ แต่เด็กคนนี้ก็ยังคงโวยวายต่อ
“อะไรอีกเนี่ยคุณ ปล่อยผมสิ”
“ก็จะพาไปห้องครัวไง หรือว่าไปเองถูก”
“ไม่ถูก แต่จะจับมือทำไมเนี่ย”
“ก็แค่จับมือ จะหวงทำไม  เลิกพูดแล้วก็เดินตามมาด้วยหรือจะให้ลากไป”
“เออ หวงจะทำไม คุณนะเลิกบ่น แล้วผมก็เดินอยู่ หรือจะให้กลิ้งไป”
ผมยิ้มให้กับคำยอกย้อนของเด็กคนนี้จริงๆ คิดๆแล้วหมั่นไส้เลยเผลอบีบมือเล็กนิ่มๆนั่น
“โอ๊ยคุณ  เถียงไม่ได้ก็อย่ามาใช้กำลังดิ”
“ก็รู้ว่าใช้กำลังสู้ไม่ได้ก็อย่ามาเถียง”
แต่คำขู่ของผมคงไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่เพราะครีมก็ยังคงเดินบ่นให้ผมได้ยินมาเป็นระยะ
...
อย่าสับสนเรื่องภู-ภีม-ภาม นะคะ คือแบบคนแต่งชอบตัวอักษร ภ เลยชื่อขึ้นต้นด้วยตัวนี้เยอะ
ประกอบกับคิดไม่ค่อยออกด้วย 555+ :really2: ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-05-2013 09:29:35
สั้นคร๊า ไม่จุใจเลย  ภามดีแต่ใช่กำลัง ชิส์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 26-05-2013 09:49:21
ชอบของหวานที่ชื่อครีมไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: evz ที่ 26-05-2013 15:46:58
คุณภามกับครีมนี่ดูไม่ค่อยลงรอยกันดี อยากรู้จริงๆจะลงเอยกันยังไง :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 26-05-2013 16:24:47
 :mew1:เขียนดีค่ะ แนวนี้ชอบอ่าน
++ เป็นกำลังใจให้คะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 26-05-2013 16:38:09
ตอนที่ 5
ครีม

“บ้านคุณไม่มีอะไรกินเลยเหรอ” ผมหันไปถามเจ้าของบ้านที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องครัว ในขณะที่ผมเดินสำรวจห้องครัวกว้าง ก็มันกว้างจริงพอๆกับห้องนอนผมเลย อุปกรณ์ทำกับข้าวต่างๆก็ครบครันจนผมอิจฉา
“ไม่รู้สิ ปกติฉันไม่ได้วุ่นวายในนี้”
“ถ้าผมเป็นคุณผมคงจะกลับมากินข้าวที่บ้านทุกวันเลย” ผมพูดพลางเปิดตู้เย็นหลังใหญ่เพื่อดูของสดต่างๆที่มีอยู่ค่อนข้างเยอะพอสมควร  จนน่าจะพอเอามาทำกับข้าวได้ ผมจัดการเลือกวัตถุดิบต่างๆที่มีอยู่ออกมา
“คุณภามคุณจะกินข้าวไหมผมจะได้ทำเผื่อ” ผมหันมาถาม  ก็นะมันเป็นมารยาท ยังไงก็บ้านเค้านี่นา
“อืม นายทำเผื่อด้วยแล้วกัน”  เมื่อได้คำตอบผมก็จัดการลงมือทำเมนูง่ายๆ อย่างข้าวผัดเนี่ยแหละเร็วสะดวกแถมได้สารอาหารครบถ้วนผมใช้เวลาไม่นานในการทำก่อนจะยกมาเสิร์ฟคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารกลางครัว
“นายนี่ทำอาหารคล่องนะ ทำให้ใครกินบ่อยรึไง” เมื่อผมวางจานข้าวลงคนตรงหน้าก็เอ่ยถามขึ้น ผมยักไหล่นิดๆ
“ผมไม่ชอบทานข้าวนอกบ้าน ถ้ามีเวลาก็ทำกับข้าวกินเอง อีกอย่างที่บ้านผมก็เปิดร้านอาหารด้วยผมเลยทำกับข้าวเป็นนิดหน่อย” ผมมองคนตรงหน้าที่ยังคงมองจานข้าวอยู่จนอดเอ่ยปากไม่ไหว
“กินซิคุณกลัวว่าผมจะใส่ยาพิษลงไปรึไง อะไรจะระแวงขนาดนั้น ผมไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอกนะ ”
“นายดูท่าจะดูหนังมากไปนะครีม” คุณภามพูดก่อนจะยิ้มนิดๆ เออถ้าผมเป็นผู้หญิงคงจะกรี๊ดไปกลับรอยยิ้มบนหน้าหล่อของเค้าแต่ผมผู้ชายความรู้สึกอยากกรี๊ดมันเลยเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอิจฉาคนตรงหน้านี้มากกว่า
“อืมอร่อย ไว้วันหลังมาทำให้กินอีกนะ” หลังจากกินเข้าไปคำแรกคุณภามก็เอ่ยปากขึ้นซึ่งทำให้ผมยิ้มออกมาทันที นี่แหละความสุขเล็กของคนทำอาหาร แค่คนที่กินบอกว่าอร่อยก็ดีใจแล้ว
“ผมบอกแล้วฝีมือผมสุดยอดจะตาย แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้คุณบอกวันหลัง หลังไหนอีกคุณนี่ผมยังไม่เป็นอิสระเหรอ ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการวางระเบิดรถคุณซักหน่อย” ผมมองจ้องคนตรงหน้าอย่างหาเรื่องทันที
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซักหน่อย ก็เผื่อเราจะติดต่อกันไปเรื่อยๆไง” ผมเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมองคนตรงหน้า ที่ยังคงกินข้าวอยู่ ก่อนจะประมวลผลในสมองน้อยๆของผม
“นี่คุณจะจีบผม หรือคุณไม่ไว้ใจผม ถ้าเป็นอย่างแรกตัดไปได้เลยเพราะผมไม่นิยมเป็นประเภทรับแน่นอนยกเว้นแต่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายรับแทนซะเอง ถ้าเป็นประเด็นที่สองคุณไม่ไว้ใจผมจนต้องจับตาดูหล่ะก็ตามสบายให้ลูกน้องคุณมาตามคุมได้เลย”
ผมพูดจบก็เห็นแววตาคนตรงหน้าที่แวววาวราวกลับว่าเรื่องที่ผมพูดมามันตลกงั้นแหละ นี่ผมออกจะจริงจัง แต่ชั่งเหอะผมก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
“แล้วถ้าเป็นทั้งสองประเด็นหล่ะฉันจะจีบนายโดยที่ฉันไม่เป็นฝ่ายรับแน่นอน  และฉันไม่ไว้ใจนายแต่ฉันจะไม่ส่งใครไปคุมแต่จะดึงนายมาอยู่ข้างกายฉันตลอดเวลาเลย ความคิดนี้เป็นยังไงน้องครีม” ผมแทบอยากจะสำลักกับการสารภาพและความคิดตรงๆของคนตรงหน้า
“ไม่ดี หยุด คุณผมขอกินก่อนกินเสร็จแล้วเรามาเจรจาตกลงกัน ผมหิวเรื่องนี้ต้องมาก่อน ส่วนคุณก็กินให้หมดนะ ผมเป็นคนทำคุณต้องกินนะ” พูดจบผมก็ก้มหน้าก้มตากินต่อที่ตัดบทไม่ใช่อะไรผมก็แค่ ขี้เกียจคิด ผมถามตรงเค้าตอบตรงแล้วผมก็เลยไปไม่เป็น เอาเป็นว่าขอต่อเวลาก่อน  .
.
.
.
หลังจากกินข้าวเสร็จผมยกจานไปเก็บเรียบร้อย ผมก็กลับมาเพื่อเปิดประเด็นกับคนตรงหน้า ซะที่ไหนกัน -*-
“คุณเรายกเรื่องนี้ไปคุยกันวันอื่นแล้วกันผมง่วง” ผมบอกคนตรงหน้าที่ทำหน้าอึ้งๆหลังจากผมพูดจบ ก็นะผมอยู่ง่ายกินง่ายเลี้ยงง่ายอะอิ่มแล้วก็ง่วง ง่วงแล้วก็คิดไรไม่ค่อยออก ผมอยากนอน
คนตรงหน้าหลังจากอึ้งไปกับประโยคของผมก็ลุกเดินเข้ามาจูงมือผมกลับห้องทันที โดยไม่ได้คิดว่าจะโต้แย้งหรือดื้อดึงถามอะไรผม ผมก็ขี้เกียจจะเถียงว่าเดินเองได้เลยปล่อยให้คุณภามเค้าจูงไปมา ยังไงก็ไม่เสียหายหรอก  เมื่อมาถึงห้องเค้าก้ปล่อยมือให้ผมเข้าห้อง
“มีผ้าเช็ดตัวไหม”
“อยู่ในตู้เสื้อผ้า” ผมก็ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องทันทีก่อนจะรื้อเอาผ้าเช็ดตัวออกมาส่วนชุดเหรอก็ใส่มันชุดเดิมนี่แหละง่ายดี
“ไหนบอกง่วง” คนมาส่งที่ยืนมองการกระทำของผมอยู่เอ่ยขึ้น
“ก็มันเหนียวตัว ง่วงก็ง่วงแต่ผมนอนไม่ได้อะถ้าไม่อาบน้ำ”
“แล้วเสื้อผ้าหล่ะ”
“ใส่ของเดิมก็ได้ คุณอย่าถามเยอะสิผมสติไม่ค่อยดี” ผมรีบหันมาบอกคนที่ตอนนี้ยืนพิงประตูห้องอยู่ ก็นะเวลาง่วงคุณไม่เป็นเหรอมันตื้ออะคิดไรไม่ออก แล้วผมก็ไม่ใส่ใจคุณภามอีกเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำอย่างรวดเร็วพอออกมาก็พบว่าคุณภามไม่อยู่แล้ว ผมจึงกระโดดขึ้นเตียงและหลับลงทันที



ในตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาหกโมงกว่า มันตื่นเองโดยอัตโนมัติเพราะเป็นเวลาที่ผมตื่นประจำ บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบตัวแล้วเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว ใช่ตอนนี้ผมอยู่บ้านคุณภามและตอนนี้หน้าที่ผมหมดแล้วผมควรกลับได้แล้วมั้ง คิดได้ผมก็รีบคว้ากางเกงยีนที่ถอดวางพาดกับเตียงไว้มาใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบออกจากห้องแล้วตรงกลับบ้าน  ผมออกมาจากห้องก็พบว่าบ้านของคุณภามนี่ไม่น่าจะเรียกบ้านเท่าไหร่ คฤหาสน์น่าจะเหมาะกว่าหลังใหญ่ชะมัดผมมองรอบๆบ้านถึงเมื่อวานจะลงมากินข้าวแต่มันมืดทำให้ผมไม่ได้สำรวจบ้านหลังนี้เท่าไหร่ แต่ผมก็คงไม่มีเวลามาสำรวจอะไรมากนักเพราะผมควรจะรีบกลับห้องมากกว่า...ผมเดินมาเรื่อยๆ คือมันหลังใหญ่เกินไปแล้วผมก็รู้สึกงงๆว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ส่วนไหน ทางออกอยู่ตรงไหน ผมเดินมาเรื่อยๆจนเห็นประตูทางออก พอเปิดประตูออกไปผมก็พบกับสนามหญ้าโล่งกว้าง คือ มันก็คงเป็นไปตามสเต็ปบ้านคนมีเงินที่จะมีสนามหญ้าไว้หน้าบ้านหล่ะมั้ง ผมเลยเดินเรื่อยๆน่าจะได้พบประตูทางออกจากบ้านหลังนี้ซักที แต่...ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ รู้สึกมีสายตาจับจ้องรู้สึกเหมือนเป็นอะไรบางอย่างที่...ทำให้ผมค่อยๆหันกลับไปมอง
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมวิ่งสุดชีวิตแต่ไอ้ตัวใหญ่ยักษ์หน้าขนก็วิ่งตามผมอย่างไม่ลดละ ตอนนี้สาบานได้เลยว่าผมเกลียดบ้านหลังใหญ่นี่มากมันจะใหญ่ไปไหนวะ ผมวิ่งๆๆๆๆ
ผลั่ก! อึก!
“ครีม” ผมจ้องคนที่ผมวิ่งชนทันที
“พี่ภู T^T” ผมครางชื่อคนตรงหน้าก่อนจะโผเข้ากอดทันที
“น้องภู!!!” กอดได้ไม่นานเสียงพี่ภีมกับคุณภามก็เอ่ยเรียกพี่ภูออกมา พี่ภูได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปก่อนจะเอามือลูบหลังปลอบผม ส่วนไอ้หมายักษ์พันธ์เซนต์เบอร์นาดตอนนี้มันก็วิ่งเข้าไปหาเจ้าของมันอย่างคุณภามเรียบร้อย
.
.
.
.
“ดีขึ้นรึยังครับครีม” ตอนนี้ผมกลับเข้ามาอยู่ในบ้านคุณภามอีกครั้ง ผมพยักหน้าให้พี่ภู พร้อมกับสูดจมูกฟุดฟิดหลังจากร้องไห้งอแงไป น่าขายหน้าชะมัดนี่มันเป็นความลับของผมเลยนะเว้ย ผมเงยหน้ามองพี่ภูแต่เห็นสายตาพี่ภีมนี่แทบจะกินเลือดกินเนื้อผม คือ ผมก็ไม่ได้ตาบอดจนมองไม่ออกหรอกนะว่าสถานะพี่ภูกับพี่ภีมสองคนนี้มันไม่ใช่แค่พี่น้องหรือเพื่อนร่วมงานอะ
“ขอบคุณนะครับพี่ภู คือครีมตกใจ” ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปมองอีกคนคือคุณภามที่นั่งหน้านิ่งอยู่
“ตกใจอะไร  แล้วนายคิดจะทำอะไร”
“ผมก็จะกลับบ้านผมสิคุณภาม แล้วผมก็ตกใจหมาคุณนั่นแหละ”
“ตัวเล็ก”
“หืม”
“มันชื่อตัวเล็ก” ฮะ!!!ผมหล่ะอยากจะบ้า ไอ้คุณภามมีปัญหากับสมองรึไงวะ ตั้งชื่อมันมาได้ “ตัวเล็ก” ไอ้หมาบ้านั่นตัวใหญ่กว่าผมอีกนะ ผมได้แต่เบะปากใส่ไอ้เจ้าของหมา
“แล้วนายจะกลัวตัวเล็กทำไมมันออกจะน่ารัก” ผมเหลือบตามองคนพูดด้วยสายตารังเกียจนิดๆ มันน่ารักตรงไหนวะตัวใหญ่ยังกับช้าง
“ช่างผมเหอะ ผมอยากกลับห้องแล้ว”  ใครจะไปบอกหล่ะว่าผมกลัวหมาจะตาย ขนาดพวกชิวาว่าที่ว่าตัวเล็กผมยังวิ่งแล้วใหญ่ขนาดนั้นจะบ้าเหรอใครจะไปทนไหว
“ไม่นายมีเรื่องต้องคุยกับฉันก่อน” ผมมองหน้าคุณภามก่อนถอนหายใจ ผมทำท่าไม่พอใจ แต่พี่ภูก็พูดขัดขึ้นมาด้วยพี่ภูคงเห็นสถานการณ์ตรงหน้าที่เริ่มมาคุนิดๆ
“เอ่อ ครีมอยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนสิแล้วค่อยกลับนะ”
“ครับพี่ภู” ผมรับคำอย่างว่าง่าย คือ ที่จริงผมเป็นคนว่านอนสอนง่ายมากนะแต่เฉพาะกับคนที่ผมรู้สึกชอบอะถ้าไม่ชอบนี่คือผมก็ดื้อแบบสุดๆเลย กับพี่ภูพี่ภีมนี่คือผมรู้จักพี่สองคนจากในกองนิสัยพี่ๆก็ดีผมก็ชอบเลยไม่ดื้ออะไรแล้วก็ค่อนข้างเคารพเค้า
.
.
.
.
ภาม
“นี่มึงชอบครีมเหรอวะ” ไอ้ภีมเอ่ยถามเมื่อภูเดินออกไปพร้อมกับครีม
“คิดว่าไงหละ”
“ก็คิดว่าคนอย่างมึงไม่น่าจะทนให้ใครมาส่งสายตาไม่พอใจได้แบบครีม ไม่น่าจะทนให้ใครมาต่อปากต่อคำได้แบบครีมไงวะ” ผมยิ้มนิดๆ ไอ้ภีมมันเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยเด็กๆนิสัยใจคอต่างๆมันรู้หมดแหละ
“ก็น่าสนใจดี มึงก็อยากให้กูจีบครีมไม่ใช่รึไง” ผมพูดจบไอ้ภีมก็ยิ้มทันที ทำไมผมจะไม่รู้หล่ะก็มันหวงภูจะตายแล้วดูเหมือนน้องภูของมันตรงนี้ก็ดูท่าจะชอบครีมอยู่นิดๆนั่นแหละ แต่ภูดูท่าจะชอบแบบความรู้สึกพี่น้องมากกว่า เพราะเวลาที่เด็กนั่นงอแงก็น่ารักน่าปลอบดีเหมือนกัน แล้วมีเหรอที่ไอ้ภีมมันจะยอมมันขี้หึงขี้หวงจะตายไป
“มึงพูดแล้วนะ ไอ้ภามแล้วจะจีบเล่นๆหรือจริงจัง” ผมเลิกคิ้วกับคำถามไอ้ภีม
“เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเด็กนั่นต่างหาก ว่าจะทำให้กูหลงได้แค่ไหนกัน”
ในชีวิตผมมีคนเข้ามาเยอะแยะ แต่ทุกคนแค่เข้ามาแล้วก็ผ่านไปเพราะไม่มีใครที่จะทำให้ผมสนใจได้นานนัก...ก็ต้องลองดูว่าเด็กคนนี้จะมีอะไรให้ผมสนใจบ้าง
...
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-05-2013 18:08:08
โห รวดเร็วทันใจ :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-05-2013 18:34:10
น้องครีมทำเสน่ห์ให้ภามหลงไม่ลืมหูลืมตา  อย่างแรกเริ่มจากเสน่ห์ปลายจวัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: evz ที่ 27-05-2013 23:04:54
เรารู้สึกว่าอนาคตพี่ภามจะหลงน้องครีมจนโงหัวไม่ขึ้น 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 30-05-2013 05:25:51
 :z2: :z2:
อะโห.....ภามตอบตรงโดนใจแม่ยกอ่าา

อิพี่ภีมก็หึงไม่ดูหน้าเร้ยยยย

 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 30-05-2013 06:06:43
 :hao6: :hao6:  รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-05-2013 14:37:15
ทันแล้ว กำลังมันเลย ขออีกตอนนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 02-06-2013 18:07:33
แง๊เค้าหายไป1อาทิตย์เพราะเปิดเรียนแล้ว เรียนหนักมาก...งานท่วมหัว  :sad4:วันนี้มาต่อแล้วนะ หวังว่ายังมีคนมารออ่านนะ  :mew2:

ตอนที่6
“กินข้าวเสร็จแล้วครีมกลับได้รึยังครับพี่ภู” ผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่แม่บ้านของนายภามเก็บโต๊ะอาหารเรียบร้อย
“นายถามผิดคนรึเปล่าครีม นายควรจะถามฉันไม่ใช่ภูนะ” ผมมองไอ้คุณภามอย่างไม่ใส่ใจก็ผมพอใจจะคุยกับพี่ภูมากกว่า
“ไอ้ภีมมึงหมดธุระแล้วไม่ใช่เหรอ กลับไปได้แล้วมั้ง”
“พี่ภู ครีมกลับด้วยนะ” ผมรีบหันไปหาพี่ภูทันที เพราะถ้าพี่ภีมกลับพี่ภูก็ต้องกลับด้วยแน่นอน แต่ผมคิดว่าผมพลาดอย่างแรง....
“คงไม่ได้หรอกครีม พี่กับภูจะไปเดทกันในวันหยุดพี่ก็หวังว่าครีมคงจะเข้าใจ”
“พี่ภีม!” พอพี่ภีมพูดจบพี่ภูหน้าแดงทันที เวรกรรมกู นี่พี่ภีมคงจะหึงที่ผมไปยุ่งวุ่นวายกับพี่ภูมากเกินไปจนเอ่ยดักคอกันเลย ผมทำหน้าเซ็งๆก่อนจะหันไปหาไอ้คุณภามที่ตอนนี้นั่งเหยียดยิ้มอยู่ เฮ้อออ
“คุณภาม คุณจะคุยกับผมก็คุยมาเลยมา ผมจะได้กลับซักที” หลังจากพี่ภีมลากพี่ภูกลับไปผมก็หันมาคุยกับคนตรงหน้าที่เหลืออยู่
“ไม่น่ารักเอาซะเลย”
“อะไรของคุณ”
“พี่ภาม เรียกสิ”
“ฮะ” อะไรของหมอนี่อยู่ๆจะให้เรียกพี่เนี่ยนะ
“ให้เรียกว่าพี่ภามไง ครีม”
“อะไรของคุณวะ” ผมมองคนตรงหน้า คนตรงหน้าก็ใช้สายตานิ่งๆจ้องกลับ ผมเงียบหมอนั่นก็เงียบเออดีเลยวันนี้คงไม่ต้องคุยกันหรอก
“พี่ภาม! ตกลงจะคุยไหมครับผมจะได้กลับ” เออสุดท้ายผมยอมก็ได้
“แทนตัวเองว่าครีมสิ” ผมเหวออีกรอบทำไมหมอนี่มันเอาแต่ใจแบบนี้วะ
“คุณภาม ผมกับคุณไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นซักหน่อย”  ใช่ผมมักจะแทนตัวเองว่าครีมเฉพาะกับคนที่ผมชอบอะ
“ตอนนี้อาจจะยังไม่สนิทกันแต่เดี๋ยววันข้างหน้าพี่กับครีมก็อาจจะสนิทกันก็ได้ใครจะรู้”
“ก็เพราะไม่มีใครรู้และผมก็ไม่ได้อยากสนิทอะไรกับคุณซักหน่อย อะไรวะ”
“ก็พี่บอกว่าจะจีบครีมไง”
“ก็ไม่ให้จีบไง พี่จะเป็นฝ่ายรับรึไงหล่ะ”
“ครีมคิดถึงแต่เรื่องเซ็กส์รึไง”
“ก็เออ ก็คบกันมันก็ต้องมีเซ็กส์กันสิ หรือคุณไม่คิดหล่ะ ถ้าคบกันไม่รู้แหละผมต้องเครียร์เรื่องนี้อะ” ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ผมคิดหรอก อยู่ๆพี่ภามเป็นใครก็ไม่รู้จะมาพิศวาสอะไรผมหนักหนา ยิ่งรวยขนาดนี้คบกันผมคงอึดอัดเปล่าๆ แล้วผมก็ไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบงมงายอะไรแบบนั้นด้วย ถ้าผมจะคบใครเป็นแฟนคือผมต้องรู้จักเค้าในทุกๆด้านก่อนอะ ถ้ารู้จักแค่ชั่วคืนก็เป็นแค่คู่นอนดีกว่า
“นอกจากเรื่องเซ็กส์จะเครียร์เรื่องอะไรอีก” คนตรงหน้าถามขึ้นราวกลับอ่านใจผมออก
“ผมไม่ชอบคุณ ตกลงไหม คุณจะมายุ่งอะไรกับผมเด็กธรรมดาๆ คุณเป็นใครผมก็ไม่รู้ แล้วผมก็ไม่เชื่อในเรื่องแบบว่ารักแรกพบมองหน้าแล้วใจบอกว่าใช่ผมไม่เชื่อ คนเราจะคบกันมันก็ต้องรู้จักนิสัยใจคอกันก่อนสิว่าไปด้วยกันได้ปะถึงจะคบกันได้คุณเครียร์ปะ”
“อืมเครียร์ งั้นเดี๋ยวฉันพานายไปส่งที่ห้องแล้วกัน”
เฮ้ยง่ายงี้ ผมมองคนที่บทจะเข้าใจก็เข้าใจขึ้นมาดื้อๆอย่างงงๆก่อนจะเดินตามคนที่ตอนนี้เดินนำผมออกไปแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
คุณภามเป็นคนขับรถมาส่งผมเอง โดยผมเป็นคนบอกทางเป็นระยะๆ นอกจากนั้นก็เงียบมาตลอดทางไม่มีการเซ้าซี้หรือท่าทางที่แสดงออกว่าคุณภามเค้าจะดื้อดึงจีบผมต่อเลย ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดีนะ...
“คุณภามครับ ถึงห้องผมแล้วไม่จำเป็นต้องตามมาผมหรอกครับ” ผมหันไปพูดกับคนที่หลังจากรถจอดเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังคงเดินตามผมมาติดๆตอนนี้
“ทำไมหล่ะก็พี่จะตามไปดูห้องครีมไง เราจะได้เริ่มทำความรู้จักกันบ้านพี่ครีมก็รู้จักแล้วแบบนี้ก็เท่ากับเราเริ่มรู้จักกันไปทีละขั้นไง”
“.....” ผมละอึ้งกับประโยคที่เค้าพูดออกมาเลย คือไอ้ที่เงียบมาตลอดทางนี่คือมาไม้นี้เหรอ
“ครีมลิฟต์มาแล้วนะ” ผมเดินตามเค้าไป พอเข้าลิฟต์มาผมกดชั้นที่ผมอยู่  เดี๋ยวสิๆแบบนี้มันอะไรกันวะ
“เดี๋ยวๆคุณ นี่ที่ผมพูดไปคุณเข้าใจว่ายังไงเนี่ย” เมื่อลิฟต์หยุดที่ชั้นของผม และเดินออกจากลิฟต์เรียบร้อย ผมก็หันไปถามทันที
“ก็เข้าใจว่าครีมอยากให้เรียนรู้นิสัยใจคอกันก่อนแล้วจะคบเป็นแฟนกันก็อีกเรื่องหนึ่ง”
“เฮ้ยทำไมเป็นงั้นไปนี่คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“ไม่ผิดหรอก พี่กับครีมก็ดูนิสัยใจคอกันไป ถ้าครีมมั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางชอบพี่ครีมจะกลัวอะไร”
ผมถอนหายใจมองคนตรงหน้า ก็นั่นไม่ใช่รึไงที่น่ากลัว คนเราก็มีเรื่องที่ต้องหวาดกลัวกันทุกคนไม่ใช่เหรอ...
“ห้องผม คุณจะเข้ามารึเปล่า” ผมไขกุญแจห้องแต่ยังไม่เปิดเข้าไปหันกลับมาถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อน
“แล้วครีมอยากให้พี่เข้าไปรึเปล่า”
“ไม่อยาก งั้นก็ลาก่อนนะครับ” ผมบอกลาก่อนจะรีบเปิดประตูแทรกตัวเข้าห้องแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว ถามว่าเล่นตัวไหมตอบเลยว่าไม่ ตอนนี้ผมก็โสดอยู่แต่ผมก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อนผมชินกับการอยู่แบบนี้ คือแบบคุณเคยไหมอยู่คนเดียวมาจนชินถ้าวันหนึ่งจะต้องมีคนก้าวเข้ามาอยู่ๆผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ผมก็เป็นแบบนี้พอกลัวแล้วผมก็ชอบหนีถ้าพี่เค้าอยากจะวิ่งตามก็ตามใจ ไม่แน่ซักวันอาจจะมีคนที่สามารถจับผมให้หยุดก็ได้...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-06-2013 19:09:21
เดี๋ยวพี่ภามก็จับกดซะหรอก  :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 02-06-2013 19:20:02
ตอนที่ 7
1 เดือน...นับตั้งแต่วันที่ผมปิดประตูห้องให้คุณภาม ตอนนี้เหรอครับ...ชีวิตผมก็ยังดำเนินไปตามปกติ คุณภามเค้าก็ยังคงโทรมาหาผมบ้างเวลาที่เค้าว่าง มาหาผมบ้างแต่ก็ไม่บ่อยอาทิตย์ละครั้งเพราะรายนั้นดูจะมีธุระมากมายต้องจัดการแต่ก็ยังจะเจียดเวลาเพื่อมาหาผมอยู่ ก็นับว่าเป็นการอยู่ในช่วงเวลาเรียนรู้กันไป  ซึ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เค้าก็ไม่ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตผมมากเท่าไหร่  ซึ่งมันก็ดีเพราะไม่ได้ทำให้ผมอึดอัด ส่วนผมก็ยังทำงานของตัวเองรูปแบบการใช้ชีวิตก็ยังคงเหมือนเดิม...
“ฮัลโหล”
“อยู่ไหนน้องครีม”
“ครีมอยู่ห้อง พี่ภามมีอะไรรึเปล่าครับ ครีมกำลังจะอาบน้ำ”
“อ๋อเปล่าหรอก พี่อยากได้ยินเสียงครีม ครีมไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยววันอาทิตย์นี้พี่ไปหานะครับ”
“ครับ” ผมวางสายลงใช่ตอนนี้สถานะความสัมพันธ์ของเราสองคนผมต้องยอมรับว่าเริ่มก้าวหน้ามากขึ้นกว่าที่เจอกันครั้งแรก แต่ไม่รู้ทำไมผมก็ยังรู้สึกว่ามันอาจจะหยุดอยู่ตรงนี้ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่เพราะพี่ภามแต่เป็นเพราะตัวผมเองนี่แหละ...ไม่ได้รังเกียจ ติดออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำแต่มันก็ยังมีม่านหมอกเล็กๆที่ปกคลุมหัวใจผมอยู่  ผมสะบัดหัวก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ว่าไงซี”
“ว่าไงอะไรมึง กุรออยู่ข้างล่างเนี่ย”
“เฮ้ยกุลืม รอกุแต่งตัวแป๊บ” ผมไม่รอฟังเสียงสบถของไอ้ซีมันหรอกตัดสายมันแล้วรีบคว้าเสื้อกับกางเกงมาใส่ ใช่วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนเก่าสมัยมหาลัยนี่นาไอ้ซีก็เป็นหนึ่งในนั้นนั่นแหละ  ผมใช้เวลาแต่งตัวไม่ถึง10นาทีก็รีบวิ่งออกจากห้องมาทันที ผมลงมาข้างล่างก็เห็นรถเก๋งสีขาวของไอ้ซี ผมรีบพุ่งตัวไปที่รถแล้วขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
“เชี่ย” ผมหันไปยิ้มรับคำทักทายของไอ้ซีก่อนจะยักคิ้วข้างขวาให้มันสองที มันก็ขับรถออกไปทันที
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าเราสองคนก็มาถึงที่หมาย ซึ่งสถานที่นัดพบจะเป็นที่ไหนไม่ได้เลยนอกจากผับ แต่ติดตรงที่ครั้งนี้มันไม่ใช่ผับธรรมดานะสิ
“เฮ้ย ทำไมรอบนี้มันหรูงี้วะ” ผมมองผับตรงหน้า แล้วหันไปถามไอ้ซี
“อ้าวกุไม่ได้บอกเหรอ ว่าวันนี้วันเกิดไอ้คุณชายพีมัน” คุณชายพีหรือไอ้พีเพื่อนสมัยมหาลัยของผมมันรวยมากนี่ก็คงปิดผับเลี้ยงเพื่อนๆอีกตามเคย ผมเหล่ตามองไอ้ซีก่อนมันจะสารภาพออกมา
“ไม่ต้องมามองกุเลย นู่นความคิดไอ้แพรวเว้ย ก็จะได้ไม่เปลืองตังไง พวกเราได้เจอกันแถมได้แดกฟรีอีกตั้งหาก” ผมส่ายหน้า ครับผมมีเพื่อนสนิทสมัยมหาลัยอยู่สองคนคือไอ้ซีกับแพรว ส่วนไอ้พีเนี่ยแค่รู้จักกันเฉยๆ เรียกได้ว่ามางานวันเกิดมันคราวนี้มากินฟรีอย่างเดียวจริงๆ ผมว่าชีวิตคนรวยอย่างมันก็น่าสงสารนะเจอแต่พวกปอกลอกแบบพวกผมเนี่ย แต่ช่างเหอะยังไงผมก็ไม่รวยอะไรคิดซะว่าประหยัดเงินดี

ตอนนี้ผมเข้ามาในผับซึ่งจัดตกแต่งได้หรูและดูดีมากเลยทีเดียว แต่ถึงจะมีของตกแต่งเฟอร์นิเจอร์หรูหรามากมายที่นี่ก็ยังคงบรรยากาศเหมือนผับทั่วไปเสียงเพลงดังกระหึ่ม แสงสีที่ยั่วยวนเหล่าผีเสื้อราตรี ผมเดินตามไอ้ซีไปที่โต๊ะที่พนักงานเดินนำเราไป
“ไงวะไอ้พี สุขสันต์วันเกิด” ก่อนจะถึงโต๊ะเราก็เจอเข้ากับเจ้าของงานที่ตอนนี้ถือแก้วไวน์อยู่ในมือ
“เห้ย ไอ้เชี่ยซี” หลังจากมันเห็นกันมันก็โผเข้ากอดกัน ไอ้ซีมันพวกมนุษย์สัมพันธ์ดีรู้จักกับคนเยอะแยะ ไม่แปลกหรอกที่มันจะเข้ากับคนอื่นได้ง่าย มันสองคนยืนคุยกันจนลืมไปว่าผมยืนหัวโด่อยู่รึเปล่าวะ
“เออ พีนี่ครีมไงจำมันได้เปล่าวะ” แล้วไอ้ซีก็นึกขึ้นได้คว้าเอาตัวผมที่อยู่ข้างหลังออกมา ผมได้แต่ยิ้มให้พี พีเป็นผู้ชายหน้าตาดีตามประสาคนมีเงินนั่นแหละดูดีด้วยการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงกับหน้าขาวใสผิวพรรณที่ผ่านการบำรุงมาอย่างดี
“ครีม จำได้สิวะ ใครจะจำไม่ได้ ราชินีเคะ นี่นา” ผมหุบยิ้มทันที
“เชี่ย” ผมสบถใส่หน้าเจ้าของวันเกิดอวยพรมันทันที
“ไอ้พีมึงก็ล้อมัน” เออนั่นมันเรื่องในอดีตนั่นแหละคือสมัยมหาลัยผมค่อนข้างจะมีผู้ชายมาจีบเยอะมาก จนผมรำคาญก็เลยทำตัวเหวี่ยงวีน เอาแต่ใจ  ถ้าใครเข้ามาผมก็จะทำตัวเอาแต่ใจจนพวกที่มาจีบรำคาญจนทนไม่ไหวกันไปข้างหนึ่งแล้วก็เลิกราไปเองนั่นแหละ จนหลังๆมาก็เลยได้ฉายามาแบบนั้นไปโดยปริยายนั่นแหละ
“โอ๋ๆ กุล้อเล่นก็เห็นหน้าแล้วแมร่งน่าแกล้ง แล้วเป็นไงทุกวันนี้มันมีผัวหรือมีเมีย” ผมเหยียดตามองคนตรงหน้าทันทีเพราะผมถึงจะมีผู้ชายมาจีบยังไงผมก็ยังพอมีผู้หญิงเข้ามาบ้าง บางทีก็มีผู้ชายน่ารักๆเข้ามาเป็นบางครั้ง
“อยากเป็นเมียกุลองดูไหมหล่ะพี” ผมเดินเข้าไปลูบโครงหน้ามันไอ้นี่มันตัวเท่าๆผมนั่นแหละ เป็นคุณชายแบบมันแรงจะมาสู้ผมได้รึไงผมค่อนข้างมั่นใจเลยว่าสามารถจับมันกดลงได้สบายๆ
“เห้ย กุล้อเล่น” มันถอยตัวหนีผมทันที
“กุก็ล้อเล่น”  ผมยิ้มให้มันก่อนจะแยกย้ายกันไป
“ไอ้ครีม ไอ้ซีโว้ยยยย ทางนี้” อ่านั่นแหละแพรวเพื่อนสนิทอีกคนนั่นเอง แพรวเป็นผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งหน้าตาคมมีเอกลักษณ์หุ่นนางแบบ ทุกวันนี้ทำงานบริษัท
“ไอ้ครีมเมื่อไหร่มึงจะเลิกสวยกว่าผู้หญิงวะ” พอผมหย่อนก้นนุ่งปุ๊บปากมันก็พ่นหมาออกมาทันที
“ก็มีผู้หญิงขี้เหร่อย่างมึงไงกุถึงหน้าตาสวยกว่า” มันเบะปากใส่ผมทันทีก่อนจะหันไปหาไอ้ซี
“เมียมึงไปไหน หรือมึงได้เสียกับไอ้ครีมแล้ว” ไอ้ซียิ้มก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาในความปากหาเรื่องของเพื่อนรัก
“น้องแป้งเค้ากลับบ้านเว้ยวันนี้ นี่มึงเมนส์ไม่มาเหรอระรานชาวบ้านเค้าเนี่ย”
“ก็กุเหงาอะ นานๆจะเจอพวกมึงอะ” ผมมองแพรวที่เดินเข้ามากอดซบผมทันที ถึงจะปากร้ายแต่แพรวมันก็ขี้เหงาและรักเพื่อนมาก
“อ๊ะ สัสครีมเล่าเรื่องชายหนุ่มของมึงมาเดี๋ยวนี้นะ” ผมหันไปมองไอ้ซีทันที มีคนเดียวแหละมันก็ลอยหน้าลอยตาทันที
“พี่เค้าชื่อภาม” ผมก็เล่าให้แพรวฟังไปพร้อมกับกินเหล้าไป
"แล้วนี่ตกลงมึงยังไงเปลี่ยนรสนิยมเหรอวะ กูเคยเห็นพี่ภามของมึงในรูปข่าวกับเรื่องเล่าจากปากไอ้ซีมันนี่คือพี่เค้าจ้องจะงาบมึงนะ ไม่ใช่มึงงาบเค้า" แพรวพูดขึ้นหลังจากผมเล่าเรื่องพี่ภามให้ฟัง
"ก็รู้ กูก็บอกพี่เค้าแล้วว่ากูไม่เป็นรับแต่พี่ภามก็ดูจะไม่สนใจ คือทีแรกกูก็จะทำตัวแบบเหวี่ยงๆเหมือนตอนอยู่มหาลัยสลัดพี่เค้าออกไป แต่พี่เค้าก็ไม่ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตกูมากเกินไปเหมือนพวกที่มาจีบกูสมัยมหาลัยไง มึงเข้าใจไหม"
"สรุปมึงชอบพี่เค้า" ไอ้ซีพูดขึ้นพร้อมกับแพรวที่พยักหน้าเห็นด้วย
"ก็ชอบ ก็ไม่ได้รังเกียจ แต่ถามว่ารักไหมคงยังวะ" ผมพูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีก
"กลัวเหรอมึง" ไอ้แพรวถามต่อทันที
"กลัวสิ กูก็กลัวจนบางทีกูก็คิดว่ากูมักชอบปล่อยให้ความกลัวบ้าบอของกูทำร้ายตัวกูเองเรื่อย" ไอ้ซีตบที่ไหล่ผมเป็นเชิงปลอบใจอย่างที่บอกว่า2คนนี้สนิทกับผมมากมันรู้เรื่องต่างๆในชีวิตผมอยู่พอตัว 
"กูเชื่อว่าซักวันจะต้องมีคนที่ฉุดมึงขึ้นมาจากความกลัวได้ ใครซักคนที่รักมึงมากพอจะพิสูจน์ในสิ่งที่มึงกลัวได้ ซึ่งอาจจะเป็นพี่ภามหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้" ผมถอนหายใจก่อนจะยิ้มให้แพรวแล้วพวกเราสามคนก็คุยเรื่องทั่วไปตามประสาเพื่อนเก่ากันต่อ
.
.
.
.
.
นี่ก็เวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว พวกเรานั่งซัดเหล้ากันเข้าไปค่อนข้างเยอะ แต่กลับไม่มีใครเมา ทุกคนก็แค่กรึ่มๆพวกผมมันพวกคอแข็ง
“กุว่าเรากลับกันเถอะพรุ่งนี้กุต้องไปหาน้องแป้งอีก”
“อือ เดี๋ยวกุไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ มึงก็ดูแพรวดีๆหล่ะเดี๋ยวแมร่งเมาแล้วไปปล่อยหมาใส่คนอื่น”
“สัส ครีมกุขอให้มึงโดนสอยตูด” ผมเอื้อมมือไปตบหัวแพรวหนึ่งทีก่อนรีบไปเข้าห้องน้ำ
ตอนเข้าห้องน้ำไอ้ซีก็โทรมาบอกว่ามันออกไปคอยผมอยู่ที่รถแล้วเพราะแพรวรู้สึกอยากอ้วกขึ้นมา ผมเสร็จธุระในห้องน้ำเสร็จก็ออกไปหาไอ้ซีที่ลานจอดรถทันที ผมมองไปรอบๆก็พบว่าที่นี่มีแต่รถหรูราคาหลักร้านทั้งนั้นเลยเหมาะสมกับผับหรูแห่งนี้เสียจริง ขณะที่ผมมองไปรอบๆ ตาของผมก็เหลือบไปเห็นผู้ชายชุดดำที่ยืนลับๆล่อๆอยู่ สัญชาญาณบางอย่างบอกว่าถ้าผมยังอยู่ที่นี่คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ผมรีบมองหารถไอ้ซี แต่ขอโทษเถอะลานจอดรถที่นี่ก็กว้างเสียเหลือเกินผมพยายามมองหา แต่สายตาผมก็สะดุดเข้ากับร่างคุ้นตาร่างหนึ่งที่เดินออกมาจากผับที่เดียวกับผมพร้อมกับผู้หญิงรูปร่างคุ้นตาเพราะสามารถเห็นเธอได้ตามปกนิตยสารและละครทีวี  ภาพที่เห็นทำให้ผมชะงักไปชั่ววินาทีก่อนจะสะบัดหัวแล้วเมินภาพตรงหน้าไปมองหาเพื่อนของผมแทนแต่เมื่อผมหันไปก็พบว่าชายชุดดำนั้นดูท่าจะได้เจอเป้าหมายของตัวเอง  สมองผมประมวลผลอย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสินใจกดโทรศัพท์ของตัวเองโทรหาคนที่เดินอยู่กับผู้หญิงตรงหน้า  สายตาผมจับจ้องร่างตรงหน้า และคอยเหลือบมองชายชุดดำด้านข้างซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลมากพอที่มันจะไม่สังเกตเห็นผมเพราะตอนนี้เป้าหมายตรงหน้ามันดูจะสำคัญกว่าสิ่งรอบข้าง
“ว่าไงครับครีม”
“พี่ภามที่ 3 นาฬิกา” เมื่อผมพูดจบร่างที่ผมเห็นอยู่ไกลๆยังคงยืนนิ่งแต่ผมเชื่อว่าเค้าเข้าใจและยังคงทำตัวปกติดี และผมรู้ว่าเค้าเข้าใจเพราะลูกน้องของเขาเพิ่มกำลังคุ้มกันขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่มีบางอย่างที่ผมพลาดไป...เพราะมือปืนที่จะคร่าชีวิตพี่ภามตอนนี้เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์บางอย่างเปลี่ยนแปลงและเมื่อเบนสายตากลับมาก็พบกับผมที่ยืน ถือโทรศัพท์ค้างไว้ผมหันไปเผชิญหน้ากับมันและด้วยสัญชาตญาณคงจะทำให้มันรู้ว่าสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากผม หรือไม่ก็ต้องการเก็บผมเพราะเป็นคนที่เห็นมันนี่แหละ  ไวเท่าความคิดปืนที่คาดว่าจะนำมาปลิดชีวิตพี่ภามตอนนี้ถูกนำมาใช้กับผมอย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียงปืนเพราะปืนมันเก็บเสียงไง
“เหี้ย” ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อต้องมาถูกล่อเป้าซะเอง ผมหลบลงข้างรถอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่เร็วพอลูกกระสุนที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วถากต้นแขนผมไปนิดหน่อยแต่ก็เจ็บเอาเรื่อง ผมค่อยๆอ้อมไปตามตัวรถในลานจอดรถ ผมได้ยินเสียงกระจกรถแตกซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากกระสุนปืนแต่กลับไม่ได้ยินเสียงปืน นั่นคือสิ่งที่น่ากลัว เพราะผมไม่มีทางรู้ว่ากระสุนมาจากทางไหนได้บ้าง ผมได้แต่เดินอ้อมไปตามรถเพื่อจะพาตัวเองออกไปจากลานจอดรถนี้อย่างน้อยก็ต้องเดินกลับเข้าร้านให้ได้ แต่...ขณะที่ผมเดินก้มหลบอยู่ก็มีมือใครซักคนมาคว้าตัวของผมไว้ผมหันกลับไปมองและพบว่าเป็นพี่ภามนั่นเอง สายตาของพี่ภามมันดุจนหน้ากลัว ผมได้แต่นิ่งเงียบจนพี่เค้าพาผมกลับมาขึ้นรถ ตอนนี้ผมว่ามือปืนนั่นไม่น่ารอดแล้วเพราะจำนวนบอดี้การ์ดของพี่ภามเค้ามีมากกว่าเยอะ เมื่อถึงรถผมกลับขืนตัวไว้ไม่ขึ้นรถ
“คือ ครีมมากับเพื่อนแล้วตอนนี้มันคงรอครีมนานแล้ว ยังไงครีมกลับก่อนแล้วกันนะครับ” ผมบอกคนตรงหน้าที่ยังคงทำสีหน้านิ่งดุจนหน้ากลัว
“โทรบอกเพื่อนครีม ว่าครีมจะกลับกับพี่” ผมเหลือบมองไปในรถที่มีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่แน่นอนจะเป็นใครได้นอกจากผู้หญิงที่เดินออกมาจากผับกับพี่ภาม  ซึ่งเอาหล่ะตอนนี้เธอไม่ได้นั่งในรถแล้วร่างสูงเพรียวบางตามหลักนางเอกชื่อดังก้าวลงมาจากรถก่อนจะมาจับแขนพี่ภาม
“ภามคะเป็นอะไรรึเปล่า ยี่หวาเป็นห่วงคุณแทบแย่ ยี่หวากลัวจังเลยคะภาม” ผมถอนหายใจก่อนจะไหวไหล่เล็กน้อยแล้วเดินออกมาเพื่อกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ซี
“ซีมึงอยู่ไหนวะกุหา...” ผมยังไม่ทันพูดจบพี่ภามก็ก้าวเข้ามาแล้วดึงโทรศัพท์ไปจากมือผม
“ซีวันนี้ครีมจะกลับกับพี่ ซีไม่ต้องรอครีมแล้วกลับได้เลย แค่นี้นะ” โอเคนี่มันเป็นอะไรที่บ้าอำนาจเกินไปแล้ว ผมกับเค้าเป็นอะไรกันไหมก็ไม่ ตอนนี้ผมเจ็บทั้งแผลแล้วก็หงุดหงิดคนตรงหน้า
“คุณภามผมขอโทรศัพท์ผมคืน และมั่นใจได้เลยว่าผมไม่กลับกับคุณแน่” ใช่ตอนนี้ผมโกรธมากสรรพนามที่เรียกเค้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ครีมอย่าดื้อกับพี่นะ”
“ผมไม่ใช่เด็กของคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกันคุณไม่สิทธ์มาสั่งผมว่าผมต้องทำอะไรยังไง” ผมหันหลังเดินออกมาทันที ผมก็ไม่เข้าใจทำไมเป็นงี้วะโอเคผมไม่พอใจมากๆเรื่องที่เค้ามากับคุณยี่หวา และนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่มีสิทธ์ที่จะไม่พอใจซึ่งมันทำให้ผมหงุดหงิดพอตัว
“หึงพี่เหรอ” ผมเดินมาได้ไม่กี่ก้าวหรอกเพราะพี่ภามก็ก้าวเข้ามารั้งผมไว้ทันที
“โอเค ผมไม่ได้หึงแต่ผมไม่พอใจมากคุณจีบผมอยู่ แล้วถึงมันจะเป็นสิทธิ์ของคุณที่จะไปจีบใครคนอื่นก็ได้ด้วยในเวลาเดียวกัน แต่ผมไม่ชอบมาก สำหรับผมผมค่อนข้างเห็นแก่ตัว ถ้าคุณไม่ได้มีตาไว้แค่มองผม ไม่ได้มีปากไว้แค่คุยกับผม ไม่ได้มีสมองไว้แค่คิดถึงผม ไม่ได้มีหัวใจไว้เพื่อรักผมหล่ะก็ เชิญคุณออกไปจากชีวิตผมได้เลย” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้า แต่พบว่าสายตาที่ตอนแรกดุมากตอนนี้สายตากลับกลายเป็นสายตาหวานเยิ้มราวกับว่า....
“บ้าเอ้ย” ผมสบถทันทีเพราะเมื่อกี้มันก็เหมือนกับว่าผมไปสารภาพรักแบบเอาแต่ใจตัวเองสุด ๆ ยังไม่ทันที่ผมจะทำอะไรร่างสวยสุดยั่วยวนก็เข้ามาเกาะแขนพี่ภามอีกรอบ
“ภามคะนี่มันอะไรกัน คะ  เด็กผู้ชายคนนี้เป็นใครกันคะ” ผมจ้องร่างตรงหน้าก่อนจะหันหลังกลับเพื่อเดินออกไปหารถกลับห้องนอนซักที ถ้าไม่ได้ยินประโยคของพี่ภามเค้าซะก่อนนะ
“อืม เด็กผู้ชายคนนี้เหรอ จะอธิบายยังไงดีหล่ะครับ เอาเป็นว่า เด็กผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ทำให้ผมมีแต่ตาไว้แค่มองเค้า มีปากไว้แค่คุยกับเค้า มีสมองไว้คิดถึงเค้า และมีหัวใจไว้เพื่อรักเค้า ชัดพอที่คุณจะปล่อยผมได้รึยังครับยี่หวา”
“กรี๊ดดดดดดดดด ภามนี่คุณ นี่คุณ...เป็นเกย์เหรอ... ไอ้ผู้ชายทุเรศ”
ผมหันมามองคุณยี่หวาที่ฟาดมือลงบนหน้าของพี่ภามก่อนจะเดินออกไปอย่างหัวเสีย พี่ภามหันมามองผมก่อนจะเดินมา
หา
“พอใจรึยังครับครีม”
“ถ้าพี่ภามโดนคุณยี่หวาตบอีกซักรอบครีมอาจจะพอใจกว่านี้” ผมเดินหันตัวกลับไปที่รถของพี่ภามที่มีบอดี้การ์ดยืนเปิดประตูรออยู่ทันที

__________________________________________________________
มาอีกตอนแล้วมีใครรออ่านอยู่ไหมนะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
 :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 02-06-2013 19:57:48
พี่ภามไปกับยี่หวาทำไม มันน่าโดนตบอีกสักทีนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-06-2013 20:53:35
ที่ภามเดินออกมาพร้อมยี่หวาเนี่ย ยังไม่เคลียรน๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: AGELA ที่ 02-06-2013 20:56:38
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 02-06-2013 21:52:22
ตอนที่ 8
“ครีมถอดเสื้อออกสิครับ” ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านของพี่ภามและกำลังถูกพี่ภามคะยั้นคะยอให้ถอดเสื้ออยู่ ไม่ใช่ว่าพิศวาสอะไรผมหรอกแต่เป็นเพราะไอ้แผลปืนถากที่ต้นแขนใกล้กับหัวไหล่นี่แหละ
“ก็บอกแล้วไงว่าแผลนิดเดียวพี่ภาม ครีมอาบน้ำแล้วไม่เป็นไรหรอกน่า”  ผมบอกอย่างหงุดหงิดเพราะตอนนี้มันตีสามกว่าแล้วแล้วผมก็ง่วงแล้วด้วย  ผมไม่ปล่อยให้เค้าคะยั้นคะยอต่อล้มตัวนอนลงบนเตียงทันทีดึงผ้าห่มคลุมเพื่อไม่ให้พี่ภามได้กวนได้อีก เมื่อหัวถึงหมอนผมก็เข้าสู่นิทราทันที
.
.
.
.
.
ภาม
ผมมองครีมที่มุดตัวลงที่นอนอย่างไม่แยแสผม ผมยิ้มนิดๆหนึ่งเดือนที่อยู่ในช่วงระยะเวลาเรียนรู้กันผมรู้สึกว่ามันอาจจะยังไม่พอเพราะผมรู้สึกอยากเรียนรู้คนๆนี้เรื่อยๆ 1เดือนที่ผ่านมาผมเรียนรู้ว่าครีมเป็นคนง่ายๆ ชอบอะไรเรียบๆ ถ้าคุยมาดีด้วยก็จะดีตอบ พูดตรง ติดออกจะเอาแต่ใจตัวเองแต่ว่าผมว่าครีมไม่น่าจะรู้ตัวเท่าไหร่นะ  มีโลกส่วนตัวสูงต้องคอยเว้นระยะห่างให้เค้าถ้าเข้าใกล้มากไปดูเหมือนครีมพยายามจะถอยห่าง  ผมจึงต้องเว้นระยะห่างให้ครีมบ้าง  ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนออกมาแล้วพบว่าคนใต้ผ้าห่มผืนใหญ่คงหลับไปเรียบร้อยแล้วผมจัดการค่อยๆดึงผ้าห่มออกแล้วดึงตัวครีมขึ้นมาถอดเสื้อออก อ๊ะ! อย่าคิดว่าผมจะฉวยโอกาสครีมหล่ะ ผมแค่จะทำแผลให้ครีมแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะคนหลับนี่ไม่ให้ความร่วมมือเลย ผมจัดการอุ้มครีมขึ้นให้นั่งบนตัก แล้วค่อยๆบรรจงทำแผลให้ ครีมก็ยังคงหลับสนิทจนกระทั่งทำแผลเสร็จ ผมมองไหล่ลาดมน ผิวนวลเนียนของครีมก่อนจะค่อยๆบรรจงจูบลงไปตามไหล่ลาดมนนั้น  เอาหล่ะหลังจากจูบที่ไหล่มนเพียงพอผมก็ควรจะใส่เสื้อให้ครีมก่อนดีกว่า ก่อนที่ผมจะอารมณ์เตลิดไปมากกว่านี้แค่ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าภามน้อยเริ่มคุกกรุ่นนิดๆแล้ว ผมใส่เสื้อให้ครีมเสร็จจะอุ้มครีมลงไปนอนลงที่เตียงตามเดิม แต่ครีมกลับเอื้อมแขนสองข้างโอบกอดรอบคอผมก่อนจะเอาหัวพิงซบมาที่ไหล่ของผม ตอนนี้เหมือนผมกำลังเลี้ยงลูกชายหนึ่งคนกล่อมให้นอนหลับ ผมยิ้มก่อนจะก้มลงจูบไปบนผมของครีมก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยมีครีมโอบกอดผมอยู่แบบนี้  ก็อุ่นดีเหมือนกันนะ...

ผมตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้วมองคนในอ้อมกอดที่ยังคงหลับอยู่ คาอกผมนั่นแหละ ผมขยับตัวไปอาบน้ำก่อนจะออกมาปลุกครีม
“ครีมครับ” ผมเรียกคนที่หลับอยู่แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น ผมค่อยๆโน้มหน้าลงไปกระซิบเรียกใกล้หู
“ครีมครับ น้องครีม” ครีมลืมตามองผมนิดหน่อยก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ผมยิ้มนิดๆเด็กขี้เซาเอ๊ย
“ถ้าไม่ตื่นเดี๋ยวตัวเล็กจะขึ้นมาปลุกนะ” สิ้นสุดคำพูดผมคนตรงหน้าลืมตาพรึ่บทันทีก่อนจะหันมาจ้องผมตาขวาง
“พี่ภาม ไม่ตลกเลยนะ ไอ้ตัวเล็กของพี่มันขึ้นมาบนนี้ด้วยเหรอ” ครีมลุกขึ้นนั่งก่อนมองไปรอบตัวราวกับกลัวว่าตัวเล็กแอบอยู่ที่ไหนซักที่ในห้อง ผมหล่ะขำจริงๆนะ ก็ครีมกลัวหมายังกับอะไรดีโดยเฉพาะไอ้ตัวเล็กหมาเซนเบอร์นาดของผมเนี่ยครีมจะกลัวมากผมเคยถามครีมแล้วครีมก็เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆเคยโดนหมาไล่กัดมันเป็นความฝังใจมาถึงทุกวันนี้เลยกลัวมาก ไอ้ตัวเล็กของผมก็รู้สึกจะชอบครีมมากเจอทีไรเป็นต้องวิ่งเข้ามาหาทั้งที่ทุกทีมันเป็นหมาที่ไม่แยแสใครหรอก วันๆก็นอนขี้เกียจยกเว้นเวลามันเจอผมกับไอ้ภีมมันถึงจะกระตือรือร้นขึ้นมา แต่ดูท่าจะมีครีมเพิ่มมาอีกคนนะตอนนี้
“พี่จะพามันขึ้นมาแน่ถ้าครีมยังไม่ลุกไปอาบน้ำ ไปกินข้าวนะครับนี่มัน 11 โมงแล้ว” ครีมเบะปากเล็กๆของตัวเองใส่ผมก่อนจะสะบัดผ้าห่มออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป  ระหว่างรอครีมอาบน้ำผมก็นั่งตรวจเช็คอีเมลล์งานต่างๆ ซึ่งไม่นานเท่าไหร่ครีมก็ออกมาจากห้องน้ำ
“พี่ภามเสื้อผ้าครีมหล่ะ” ผมเหลือบตามองครีมที่ออกมาจากห้องน้ำโดยพันแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนเปลือยอกอยู่ ให้ตายผมอยากจะดึงครีมมาที่เตียงแล้วจับกด
“มานี่ก่อนสิ” ผมเรียกคนตรงหน้าให้มานั่งที่โซฟาที่ผมนั่งอยู่  ครีมก็เดินมาอย่างว่าง่ายก่อนจะนั่งลงข้างๆผม ผมมองแผลที่ไหล่ของครีมซึ่งไม่มีอาการบวมแดง แผลยังดูดีอยู่
“พี่ทำแผลให้นะ” น้องพยักหน้าเป็นการอนุญาต  พูดถึงแผลก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
“เมื่อคืนครีมกลัวรึเปล่า” ครีมมองหน้าผมก่อนถอนหายใจ
“เพิ่งมาถามตอนนี้เนี่ยนะ”
“ก็นั่นแหละ แล้วครีมคิดว่าไง” ผมถามพร้อมทั้งทำแผลให้ครีมไปด้วย
“ก็ไม่ว่าไง ครีมก็กลัวเป็นธรรมดาแหละปืนนะพี่ภาม แต่ครีมเห็นพี่อยู่ตรงนั้นถึงพี่จะยืนอยู่กับคุณยี่หวาก็เถอะ แต่ครีมรู้ว่าพี่ไม่ปล่อยครีมให้โดนยิงทิ้งหรอก”  ผมยิ้มกับคำตอบที่ได้ฟัง เพราะมันเหมือนว่าน้องกำลังบอกว่าน้องเชื่อใจผมอยู่
“ครีมครับเรื่องยี่หวามันไม่มีอะไรให้ครีมต้องกังวลนะ ที่เมื่อวานพี่ไปกับเค้าเพราะพี่แค่ไปตามเค้าให้ไอ้ภีม ก็นั่นแหละอย่างที่รู้เรื่องนิสัยยี่หวา  ไอ้ภีมเลยขอร้องพี่มามันคงไม่อยากให้งานละครมันพัง” ครีมมองผมก่อนจะพยักหน้า คือตั้งแต่เกิดมาคบใครผมกับไม่เคยต้องมานั่งอธิบายอะไรให้ใครฟังเลยนะ  ผมมองหน้าครีมแต่ครีมก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
“โธ่ ครีมพูดอะไรหน่อยสิครับ” ครีมมองผมตาแป๋วก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ภามครับ เสื้อผ้าครีมหล่ะ หนาวจะตายอยู่แล้ว” ผมมองหน้าครีมอึ้งๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปหาเสื้อผ้าให้ครีมใส่
ครีมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาหาผมที่นั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนจะยิ้มนิดๆ  หน้าครีมค่อยๆเลื่อนลงมาผม ผมใจเต้นรัวเร็วยังกับเด็กสาวที่ตกหลุมรักครั้งแรก ริมฝีปากนิ่มแตะลงบนปากผม แค่แตะอยู่แบบนั้นก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะเลื่อนมากระซิบข้างหูผม
“ขอบคุณนะครับที่อธิบายให้ครีมฟัง” ครีมผละออกไปแล้ว ผมได้ยินเสียงปิดประตูห้อง ร่องรอยอุ่นๆยังคงติดที่ริมฝีปากผม เสียงกระซิบนุ่มๆ ยังคงติดหู  แค่สัมผัสแผ่วเบาไม่หวือหวาแต่กลับทำให้ใจผมเต้นรัวเร็ว พร้อมกับความร้อนที่กึ่งกลางลำตัวที่ก่อตัวขึ้น ให้ตายสิภามเอ๊ยแพ้เด็กก็วันนี้แหละวะ
.
.
.
.
.

“ไอ้ภามมึงเป็นอะไรวะ”
“อะไรของมึงวะไอ้ภีม” ผมหันมามองหน้ามันที่นั่งกระดิกเท้าอย่างน่าถีบ
“ก็กูเห็นมึงนั่งเหม่อมานานเป็นอะไร หรือว่าเรื่องที่กูให้มึงไปตามยี่หวานั่นน้องเค้าโวยวายว่าอะไรรึเปล่า ทะเลาะกันรึไง” ตอนนี้ไอ้ภีมมาหาผมเพราะมันรู้เรื่องที่ผมถูกลอบยิงเมื่อวาน แน่นอนแหละมันไม่ได้มาคนเดียวหรอกน้องภูของมันก็มาด้วยแต่ตอนนี้น้องภูของมันคงกำลังขลุกอยู่กับครีมนั่นแหละสองคนนั้นเข้ากันดีอย่างกับปี่อย่างกับขลุ่ยทิ้งให้ไอ้ภีมเป็นหมาหัวเน่าอยู่กับผมนี่ไง
“ก็เปล่า ไม่ได้ทะเลาะกันกูอธิบายให้ครีมฟังแล้วน้องเข้าใจ ที่กูเหม่อเพราะกูกำลังคิดถึงครีมอยู่” ไอ้ภีมทำหน้าขยะแขยงผมนิดๆ
“อย่ามาน้ำเน่าไอ้ภาม มึงกับครีมห่างกันไม่ถึง15นาที”
“ไม่ใช่เว้ย กุหมายถึงคิดถึงเรื่องของครีมต่างหาก กูว่าอีกไม่นานหรอกศัตรูรอบๆตัวกูคงระแคะระคายเรื่องครีม กูเลยแค่กังวลว่าครีมเริ่มจะไม่ปลอดภัยต่างหาก” ไอ้ภีมนั่งฟังพร้อมกับหรี่ตามองผมอย่างจับผิด
“มึงอย่ามาไอ้ภามกูรู้จักมึงดี” ผมถอนหายใจก่อนสารภาพ
“เออกูก็กังวลว่าครีมอาจจะหายไปเหมือนคนอื่น ก็ทุกคนแมร่งก็ต้องรักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้นนี่หว่า”
“มึงถามครีมรึยัง”
“ถามแล้ว ครีมก็บอกว่ากลัว”
“ภามมึงลืมไปรึเปล่าว่าครีมช่วยชีวิตมึงมาสองครั้งแล้ว” ผมมองหน้าไอ้ภีมอีกครั้ง
“ก็เพราะแบบนี้ไงกูรู้ว่าครีมไม่เหมือนทุกคนที่กูผ่านมา ไม่เหมือนใครคนนั้นที่ทิ้งกูไปอย่างไม่ไยดีแต่ก็นั่นแหละเพราะเค้าไม่ได้ทิ้งกู ไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่นๆยิ่งทำให้กูกลัวที่จะต้องสูญเสีย มึงก็รู้ว่ากูมันพวกศัตรูรอบด้าน แล้วกูกับครีมก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน คือกูจีบเค้าอยู่แล้วกูดูแลเค้าไม่ได้ตลอดนั่นเป็นสิ่งที่กูห่วง”
“มึงว่าอะไรนะภาม นี่มึงจีบน้องเค้าอยู่เหรอ ฮ่าๆๆๆ นี่มันเดือนกว่าแล้วมึงหมดน้ำยาแล้วเหรอวะฮ่าๆๆๆ” ผมหล่ะหมั่นไส้
“เออหัวเราะไปให้ตายเลยมึง  มึงกับภูนี่จีบกันเป็นปีกูยังไม่ล้อมึง” ไอ้ภีมมันหุบยิ้มทันที ก่อนจะเคร่งหน้าขรึม ใช่ไอ้ภีมมันตามจีบน้องภูของมันตั้งเป็นปีๆ หึหึ ยังมีหน้าหัวเราะกูนะไอ้ภีม
“เออ แล้วนี่มึงกับน้องไปถึงไหนวะ”
“ก็จูบจูบแบบไม่ใช่ดีฟคิส” ผมจ้องมันทันทีเพราะผมรู้มันกำลังหัวเราะผมอยู่แม้มันจะไม่มีเสียงเหมือนตอนแรกก็เถอะ
“กูไม่อยากเชื่อคนอย่างมึงจะมีวันนี้ หึหึ ในฐานะที่กูมีประสบการณ์มากกว่ามึงในเรื่องความรัก กูแนะนำว่ามันคุ้มค่าที่เฝ้ารอมากวะ” ไอ้ภีมเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นตบไหล่ผมก่อนจะเดินออกไป คงจะไปหาน้องภูของมัน ผมมองแผ่นหลังเพื่อนสนิทของผมก่อนจะพิงตัวลงไปที่โซฟา แล้วหลับตาลง




ครีม
ตอนนี้ผมกำลังช่วยพี่ภูทำกับข้าว ใช่ตอนนี้ผมยังคงอยู่บ้านพี่ภาม แล้วเย็นนี้เราก็จะทานข้าวเย็นพร้อมกับพี่ภู พี่ภีมและพี่ภาม
“เอ่อ ครีมพี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับพี่ภูจะถามอะไรครีมเหรอ” ผมเงยหน้าจากเขียงหั่นผักอยู่ขึ้นมามองพี่ภูที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา
“ครีมรู้สึกยังไงกับพี่ภามเหรอ เอิ่มขอโทษนะที่พี่ละลาบละล้วงไป” ผมยิ้มบางกลับไปก่อนจะเอ่ยตอบไป
“ก็รู้สึกดี ไม่ได้รังเกียจหรอกครับแต่คือครีมก็บอกไม่ถูก ครีมมีนิสัยบางอย่างที่รู้สึกว่าแก้ไม่หาย ซึ่งมันก็ทำให้ครีมกลัว” ผมพูดไปแต่ไม่ได้เงยหน้ามองพี่ภู
“ครีมอาจจะหาว่าพี่เห็นแก่ตัวก็ได้แต่พี่ภามเค้าเป็นคนที่เติบโตมาในเอ่อครอบครัวธุรกิจแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีใครซักคนที่สำคัญอยู่เคียงข้าง อย่างเหตุการณ์เมื่อคืนพี่อยากจะถามครีมว่าครีมคิดว่าไง” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ภู พร้อมกับคิดว่าทำไมทุกคนรอบตัวดูจะกังวลกับความรู้สึกของผมกับเหตุการณ์เมื่อคืน แต่พอคิดอีกทีผมว่าอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องความรู้สึกของผม...
“พี่ภูกำลังกลัวว่าครีมจะทิ้งพี่ภามไปเหรอครับ” พี่ภูพยักหน้ารับแต่โดยดีซึ่งมันทำให้สิ่งที่ผมคิดนั้นถูก
“ครีมคงให้สัญญากับพี่ภูไม่ได้ว่าตัวเองจะอยู่กับพี่ภามไปได้นานแค่ไหน แต่จากเหตุการณ์เมื่อคืนครีมต้องยอมรับว่าครีมกลัวแต่ตอนนี้ครีมก็ยังอยู่กับพี่ภามอยู่ เรื่องของเมื่อคืนมันก็ผ่านแล้วแล้วครีมก็ยังอยู่พี่ภามก็ยังอยู่นั่นแหละครีมก็คิดแค่นั้นแหละ” ผมไม่รู้ว่าพี่ภูจะเข้าใจผมไหม แต่พี่ภูก็ยังส่งรอยยิ้มมาให้ผม
“พี่คงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่พี่ว่าถ้าพี่ภามจะมีใครซักคนที่จะเคียงข้างไปตลอดพี่ก็อยากให้เป็นครีมนะ” ผมยิ้มนิดหน่อยไม่ตอบอะไร ก่อนจะหันมาหั่นผักต่อ
.
.
.
.
“ครีมจะกลับหรือจะนอนนี่ต่อ” พี่ภามถามขึ้นหลังจากที่พี่ภีมกับพี่ภูกลับไปแล้ว
“พรุ่งนี้ครีมไม่มีงาน พี่ภามหล่ะ”
“พรุ่งนี้พี่มีประชุมตอน 10 โมงเข้าบริษัท 9 โมง”
“งั้นครีมนอนนี่ก็ได้แล้วตอนเช้าค่อยกลับ” พี่ภามยิ้มเมื่อผมบอกว่าจะนอนที่นี่ มือของพี่ภามเลื่อนมากุมมือผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรก็มือพี่เค้าก็อุ่นดี แล้วเราก็ต่างคนต่างนั่งดูทีวีกันต่อ
“ครีม”
“หือ” ผมขานรับทั้งที่ตายังจ้องมองทีวี แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เรียก จนผมต้องละสายตาจากทีวีมามองคนที่นั่งข้างๆ ที่นั่งจ้องผมอยู่ สายตาของพี่ภามที่ดูจริงจังทำให้ผมเงียบเพื่อรอ...
“เป็นแฟนกันนะ”
“ห๊ะ!” พอผมอุทานออกไปทันที  สายตาที่จริงจังของพี่ภามแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่ดูเศร้าลงทันที มือพี่ภามที่กุมมือผมอยู่ผมรู้สึกว่ามันเย็นแปลกๆบางทีอาจจะไม่ใช่มือพี่ภามหรอกแต่อาจจะเป็นมือของผมด้วยก็ได้  ผมมองคนตรงหน้าที่แม้สายตาจะเศร้าลงแต่สีหน้าก็ยังเรียบนิ่งและเฝ้ารอคำตอบจากปากของผมอยู่  ผมคิดทบทวน 1 เดือนที่เรียนรู้พี่ภามมาพี่ภามทำให้ผมเห็นว่าพี่ภามเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ถึงธุรกิจหรือชื่อเสียงของพี่เค้าจะทำให้พี่เค้าจะดูไม่ธรรมดาในสายตาคนอื่น แต่สำหรับผมพี่เค้าเหมือนจะเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เดินกับผมอยู่เคียงข้างผม
“ครับเป็นแฟนกันนะครับพี่ภาม” พี่ภามยิ้มกว้างทันทีที่ผมเอ่ยออกไปก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น จนผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วของพี่ภาม 
“เด็กบ้าเอ๊ย ตอนแรกพี่นึกว่าเราจะปฏิเสธ” พี่ภามบ่นขึ้นมาทั้งที่ยังกอดผมอยู่  ผมหัวเราะ
“ก็มันตกใจจริงๆ นี่นาผมไม่เคยมีแฟนด้วย”
“หืม” พี่ภามทำเสียงแปลกใจก่อนจะดึงตัวผมออกจากอ้อมกอด
“อะไรหล่ะ ก็ปกติก็นอนกับผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างแต่ก็แค่นอนด้วยไม่ได้เคยจริงจังกับใครนี่นา ไม่ได้คิดว่าต้องคบเป็นแฟนแบบนี้อะ” ฟังดูเหมือนผมชั่วเลยเน๊อะก็มันก็แค่เซ็กส์ที่เรายินยอมทั้งสองฝ่ายนี่นา ผมมองพี่ภามที่ตอนนี้ผมว่าพี่เค้าดูท่าจะไม่พอใจเท่าไหร่
“พี่ภามอย่ามาหงุดหงิดนะ เมื่อก่อนพี่ไม่เคยนอนกับผู้หญิงรึไงหล่ะ”
“ก็เคย แต่พี่ก็งี่เง่าพี่หวงครีมนี่นา” ผมมองคนตรงหน้าที่ทำท่างอแง คือแบบพี่ภามตัวใหญ่นะเพราะพี่เค้าเป็นลูกครึ่งแล้วคือแบบพอทำหน้างอแงมันให้ความรู้สึกว่าพี่เค้าเหมือนไอ้ตัวเล็กอะ
“ขอร้องเหอะตอนนี้พี่กำลังทำหน้าเหมือนไอ้ตัวเล็กนะ”
“หึ พี่หล่อกว่ามันตั้งเยอะ” พี่ภามสะบัดหน้ากอดอกทันทีที่ผมบอกว่าเค้าเหมือนไอ้ตัวเล็ก
“เหอะๆ  ขอร้องเหอะพี่ภามอย่ามาทำท่าแบบนี้นะตัวเองอายุตั้ง 28 แล้วไม่น่ารักซักนิด” ผมส่ายหน้ากับคนที่งอนไม่เลิกก่อนจะลุกขึ้น ผมว่าผมขึ้นห้องไปอาบน้ำดีกว่า แต่ขายังไม่ทันก้าวออกไปมือของคนงอนก็คว้าแขนผมไว้แล้วออกแรงดึง แน่นอนว่าตัวผมก็ล้มลงตามสเต็ปไปนั่งอยู่บนตักพี่ภามเค้านั่นแหละ
“อะไรเนี่ยพี่ภาม”
“จูบหล่ะ จูบหล่ะ”
“ห๊ะ!” ผมอยากจะบ้า สาบานเถอะว่าพี่เค้าอายุ 28
“ก็เป็นแฟนกันแล้วก็ต้องจูบกันสิ นะครับคุณแฟน เอาจริงๆพี่อยากจูบครีมจะตาย จูบกันเถอะ จูบกันเถอะ” โอ๊ยผมไม่ไหวแล้วตัวก็โตแล้วยังมาอ้อนแบบนี้ให้ตายเถอะ นี่มันยังกับไอ้ตัวเล็กเวลาวิ่งเข้ามาหาผมเลยแต่ถ้าตัวเล็กเป็นคนแบบพี่ภามไม่แน่นะผมอาจจะเลิกกลัวมันก็ได้....ผมลูบไล้โครงหน้าพี่ภามคิ้ว จมูก ไล่มาที่แก้มก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าลงไปหาแล้วค่อยๆบรรจงกดจูบลงไป ปากที่สัมผัสกัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลิ้นอุ่นที่เกี่ยวกระหวัดกันไป ผมจำไม่ได้ว่าเราจูบกันนานเท่าไหร่ หัวใจผมเต้นโครมครามจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา ทั้งๆที่มันไม่ใช่จูบแรกแต่เป็นครั้งแรกที่ใจผมเต้นบ้าคลั่งและรู้สึกอยากจูบคนตรงหน้าไปทั้งตัว

________________________________
แฮ่ๆ อัพอีกตอนคะ พรุ่งนี้วันจันทร์ต้องไปเรียนอีกแล้ว :sad4:
จะอัพอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 03-06-2013 06:20:30
 :katai5:

เหมือนน้องครีมเคยซดมาม่าชามโตมาแล้วเลย (แอบมีปม)
ส่วนอิพี่ภามก็ศัตรูเยอะไปไหนเนี่ย ถามจริงออบเป็นมาเฟียปะ
รอติดตามฮร๊าฟฟฟ....

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-06-2013 17:05:50
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว  :hao7: เค้าจูบกันแล้วด้วย ต่อไปก็  :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 08-06-2013 18:02:48
ตอนที่ 9

ตอนนี้ผมกับพี่ภามก็คบกันมาได้เดือนกว่าๆ  ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี ผมก็ยังคงทำงานและมีชีวิตของผมอยู่ ส่วนพี่ภามนั้นก็ยังคงยุ่งอยู่กับธุรกิจของเค้าอยู่ บางครั้งก็ต้องบินไปต่างประเทศเป็นอาทิตย์ซึ่งถ้าพี่เค้าไปเราก็จะไม่คุยกันเลย เพราะผมรู้ว่าค่าโทรข้ามประเทศมันแพง อีกอย่างเวลาเราก็ไม่ตรงกันงานพี่ภามก็ยุ่งผมเลยไม่อยากให้พี่เค้าเหนื่อย อ่อแล้วไม่ต้องถามถึงพวกสไกด์ แทงโก้ หรือเฟสทามอะไรก็ตามเพราะโทรศัพท์ผมนี่มีไว้แค่โทรเข้าโทรออกจริงๆนะ ทีแรกพี่ภามก็ไม่ยอมแต่ผมไม่ไหวหรอกผมอาจจะไม่ใช่คนจ่ายแต่ผมก็ไม่อยากให้เค้าสิ้นเปลืองนี่นา แต่ผมก็ตกลงกับพี่ภามว่าถ้าพี่กลับมาผมจะไปรับที่สนามบินหรือไปหาที่บ้านทันที

ตอนนี้ก็เป็นวันที่ 5 ที่ไม่ได้คุยกับพี่ภามเพราะพี่ภามไปอังกฤษ  และวันนี้จนถึงวันอาทิตย์ก็เป็นวันที่ผมว่างเพราะไม่มีคิวแสดงเป็นตัวแทนที่ไหนผมเลยคิดว่าจะกลับบ้าน  ผมเป็นคนจังหวัดชลบุรีนั่งรถตู้เพียงชั่วโมงเดียวก็ถึงบ้าน บ้านผมเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ครอบครัวมีทั้งหมด 5 คน เตี่ยกับแม่ พี่ชาย พี่สาว แล้วก็ผมเป็นน้องคนเล็กสุดของบ้าน บ้านผมทำอาชีพค้าขายคือเปิดร้านอาหารซึ่งเป็นร้านอาหารริมทะเล ผมเดินเข้ามาในร้านอาหารที่ผมเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก ขึ้นเอาของไปเก็บที่ชั้นสองของบ้าน โดยด้านล่างเราเปิดเป็นร้านอาหารที่มีระเบียงยื่นลงไปในทะเล แน่นอนว่าบ้านผมติดทะเล ส่วนชั้นสองของบ้านและชั้นสามเป็นห้องสำหรับคนในครอบครัว ผมเอาของเก็บเรียบร้อยก็ลงมาสวัสดีเตี่ยที่ทำหน้าที่พ่อครัวอยู่และแม่ที่กำลังนั่งคิดบัญชี
“จะกลับมากี่วันหล่ะคราวนี้” ผมมองหน้าแม่ที่ไม่ได้เจอเดือนกว่าๆ
“2วัน เดี๋ยววันอาทิตย์ครีมก็กลับ เฮียไปไหนหล่ะ”
“พาหญิงมันไปตรวจครรภ์” พี่หญิงพี่สะใภ้ผมเอง ผมพยักหน้ารับรู้ แม่หันไปคิดเงินโต๊ะอาหารที่เรียกเช็คบิล ส่วนผมก็นั่งอยู่ที่เดิม พี่ชายผมเป็นคนที่เข้ามารับช่วงต่อกิจการของที่บ้าน ส่วนเจ้น้ำตาลพี่สาวผมรายนั้นก็เป็นพยาบาลทำงานอยู่โรงพยาบาลในชลบุรีนี่แหละนี่คงไปขึ้นเวร
ตอนเย็นเฮีย(พี่ชาย)ผมก็กลับมาพร้อมกับพี่หญิงพี่สะใภ้ที่ตอนนี้ท้องได้ 5 เดือนซึ่งมันก็เริ่มป่องออกมาแต่ด้วยที่พี่หญิงเค้าตัวเล็กมันเลยเห็นชัด ผมหวัดดีพี่ทั้งสองคนก่อนจะเริ่มตั้งโต๊ะเพื่อทานอาหารเย็นกัน บรรยากาศการทานอาหารเย็นของบ้านผมก็เป็นไปอย่างเงียบๆไม่มีเสียงพูดคุยหรือถามไถ่ ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านอื่นเป็นยังไงแต่บ้านผมมักจะเป็นแบบนี้เราไม่ค่อยพูดคุยกันเท่าไหร่ บรรยากาศทุกอย่างมักจะเงียบแบบนี้เสมอ หลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จพนักงานของทางร้านก็ถูกเรียกให้มาจัดเก็บโต๊ะแล้วครอบครัวเราก็แยกย้ายกันไป ผมเดินมานั่งดูทีวีที่ห้องโถงซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน
จนกระทั่งสามทุ่มผมปิดทีวีแล้วจึงเข้าห้องของตัวเอง อาบน้ำแล้วก็ล้มตัวลงนอน
.
.
.
.
.
“จะกี่ปีคุณก็ไม่มีวันเปลี่ยนสันดารแบบนี้ได้หรอก มั่วยังกับติดสัตว์คลำไม่มีหางคุณมันก็ได้หมดนั่นแหละ”
“แล้วอย่างคุณดีกว่าผมนักนี่ วันๆใช้เงินผลาญเงินบ้าซื้อนั่นซื้อนี่ อย่าลืมสิที่สุขสบายทุกวันนี้มันก็เพราะผมไม่ใช่รึไง”
“คุณอย่ามาพูดเรื่องเงินกับฉันนะ อีเด็กพวกนั้นของคุณมันไม่ได้แบมือขอเงินคุณรึไง มันอ้าขาให้คุณฟรีเหรอ ไหนพามาให้ฉันดูสิมีอีตัวไหนบ้างที่อ้าขาให้คุณฟรีๆหน่ะ ”
“แล้วไง อย่างน้อยเด็กพวกนั้นมันก็ไม่ได้ทำตัวหน้าเบื่อเหมือนคุณก็แล้วกัน ยิ่งแก่นับวันก็ยิ่งน่าเบื่อ”
“คุณมันก็ยิ่งแก่ก็ยิ่งตัณหากลับ ไอ้เฮงซวยเอ๊ย”
   ผมตื่นขึ้นมาให้สายตาปรับกับความมืดก่อนจะคว้านาฬิกามาเพ่งมองและพบว่านี่มันเวลาเที่ยงคืนกว่า ผมถอนหายใจก่อนจะนอนจ้องเพดานของห้องนอนและฟังเสียงทะเลาะของเตี่ยกับแม่ผมเอง ใช่พวกเค้าก็ทะเลาะกันมาแบบนี้ตั้งแต่ผมเด็กๆ เตี่ยที่มีเมียน้อยไม่รู้จักพอ  แม่ที่ใช้เงินปรนเปรอความสุขของตัวเองทดแทนพฤติกรรมของเตี่ยที่มีบ้านเล็กบ้านน้อยบางครั้งผมก็สงสัยว่าอะไรทำให้เตี่ยกับแม่เปลี่ยนไปขนาดนี้พวกเค้าเคยรักกันไหม หรือที่แต่งงานกันมานี่เป็นเพราะถูกคลุมถุงชนรึเปล่า ผมไม่เข้าใจมันเจ็บปวดนะที่ผมต้องโตมากับเสียงทะเลาะ ผมไม่ค่อยกลับบ้านก็เพราะเบื่อเรื่องพวกนี้ ผมไม่สามารถห้ามพวกเค้าไม่ให้ทะเลาะกันได้ ผมอาจจะไม่ได้บ้านแตกพ่อไปทางแม่ไปทางแต่ผมว่าการอยู่แบบนี้มันเจ็บปวดกว่าการที่เค้าสองคนหย่ากันนะ ที่อยู่ทุกวันนี้เพราะทนอยู่หรือเพราะรักผมก็ไม่เข้าใจพวกเค้าสองคนทำให้ผมรู้สึกหมดศรัทธาในความรักไปเลย นั่นแหละคือปัญหาสำหรับผมการที่ผมคบกับพี่ภามผมยังคงมีกำแพงในใจอยู่ผมขังตัวเองไว้ในนั้นเพราะกลัวว่าซักวันหนึ่งผมอาจจะต้องเป็นแบบเตี่ยกับแม่วันที่ความรักหมดหรือลดน้อยลง แล้วต่างคนก็ต่างเดินหันหลังให้กันผมก็แค่กลัวเท่านั้นเอง ไม่ว่าทำยังไงผมก็ไม่เคยสลัดภาพวันที่เตี่ยกับแม่ทะเลาะกันได้ไม่มีวันสลัดเสียงที่ร้องไห้ราวกับจะขาดใจของแม่ ไม่สามารถสลัดภาพเตี่ยที่นั่งนิ่งร้องไห้อยู่อีกที่ท่ามกลางข้าวของที่กระจัดกระจายจากฝีมืออาละวาดของแม่  เฮียผมที่กอดปลอบแม่ที่เหมือนหัวใจแหลกสลาย เจ้น้ำตาลที่นั่งร้องไห้อยู่กลางห้องและตัวผมที่ทุกคนว่าเป็นน้องเล็กที่ทุกคนกันออกจากปัญหาทุกอย่าง แต่ผมกลับรับรู้ทุกอย่างและไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้หรอกผมก็แค่ไม่กล้ายื่นมือลงไปเพราะปัญหามันเรื้อรังจนทุกวันนี้มันกลายเป็นเรื่องชินชาของบ้าน บ้านที่เงียบและมักจะไม่ค่อยพูดกัน บ้านที่ทุกคนต่างเก็บปัญหาของตัวเอง....ผมนอนคิดถึงวันเก่าๆก่อนน้ำตาจะไหลรินออกมา ไม่เคยเลยไม่เคยชินกับความเจ็บปวดพวกนี้เวลาเกือบตีสองกว่าเสียงทะเลาะเงียบลงและคงจะทิ้งไว้แค่รอยน้ำตาอาจจะทั้งของแม่ของเตี่ยและของผม...ผมหลับตาลงก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

ผมตื่นมาในตอนเช้าสภาพตาบวมๆ ผมเข้าไปอาบน้ำและลงไปช่วยในครัวบ้างหรือบางทีก็ออกมาเสริฟ์ในร้านบ้าง เหตุการณ์เมื่อคืนเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนภาพฝันร้ายที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึง ผมก็ช่วยที่ร้านจนช่วงบ่ายๆ ที่ร้านลูกค้าเริ่มน้อยลงผมจึงเดินกลับขึ้นห้องแล้วล้มตัวลงนอนเพราะรู้สึกปวดหัว กว่าจะตื่นก็เป็นเวลาเกือบ 4 โมงเย็นผมลงมาช่วยที่ร้านอีกครั้ง ร้านอาหารนั้นจะยุ่งเป็นพักๆนั่นแหละ ผมก็เดินช่วยเสิร์ฟอาหาร
“นี่น้องเด็กเสิร์ฟ” ผมหันมามองลูกค้าที่คงน่าจะเรียกผมนั่นแหละ
“ต๊ายใช่จริงๆด้วย หึฉันว่าหน้าคุ้นๆแล้วระเห็จมาเป็นเด็กเสิรฟ์แบบนี้แสดงว่าภามเค้าเขี่ยนายทิ้งแล้วหล่ะสิ” ผมมองผู้หญิงที่สวยแต่รูปตรงหน้าคุณยี่หวานั่นเอง ซึ่งคราวนี้เธอมากับเพื่อนของเธอที่เป็นผู้หญิงหน้าตาสวยอีกสองคนที่นั่งหัวเราะเหยียดยิ้มอยู่ข้างๆเธอนั่นแหละ
“น่าสงสารนะยะ ก็อย่างว่านั่นแหละผู้ชายอย่างนายก็แค่เปลี่ยนอารมณ์ชั่วคราวแก้เบื่อเท่านั้นหละ ยังไงก็สู้ผู้หญิงแท้อย่างแม่นางแบบสาวที่เกาะอังกฤษไม่ได้” ผมคงจะทำหน้างงเกินไป คนตรงหน้าเลยเหยียดยิ้มราวกับงูพิษให้ผมก่อนจะโยนนิตยสารดาราเล่มหนึ่งให้ผม
“ถือซะว่าฉันทำบุญ” ผมมองก่อนจะวางนิตยสารนั้นลงบนโต๊ะ
“ขอบคุณนะครับสำหรับเอิ่มคำถากถาง คำปลอบ หรือจะอะไรก็ตามที่คุณพูดมา ผมเข้าใจคุณครับคุณยี่หวาว่าคุณก็คงจะพูดประชดตัวเองในเวลาเดียวกันเพราะทั้งที่คุณพยายามจะเสนอตัวขนาดนั้นแต่คุณภามก็ยังไม่แคร์คุณคงจะเจ็บใจมากที่คุณภามหันมาสนุกกับผมซึ่งเป็นผู้ชายที่ถึงจะชั่วคราวแต่ก็ดีกว่าผู้หญิงที่พยายามเสนอตัวแล้วแต่เค้าไม่เล่นด้วยสินะครับ”
ผมมองผู้หญิงสามคนตรงหน้า ก่อนจะก้มตัวลงไปหาคุณยี่หวาและกระซิบลงที่ข้างหูถ้ามองผ่านๆอาจจะดูเหมือนผมกำลังจีบผู้หญิงตรงหน้า แต่เปล่าเลย
“อย่าคิดจะทำกิริยาต่ำอย่างเช่นการกรี๊ดแล้วพูดจาหยาบคายใส่ผมนะครับคุณยี่หวา อย่าลืมสิว่าคุณเป็นดาราและถึงที่นี่จะไม่มีนักข่าวแต่คุณก็รู้อิทธิพลของโซเชี่ยวเน็ตเวิรค์สมัยนี้ดี ผมขอตัวนะครับ” ผมก้าวเดินออกมาทันทีและก็เชื่อว่าคุณยี่หวาไม่เอาตัวเองมาเสี่ยงกับชื่อเสียงแน่ๆเพราะผมรู้มาว่าช่วงนี้เธอก็ขาลงพอตัวเพราะกิตติศัพท์ความเรื่องมากของเธอ เธอคงไม่เสี่ยงที่จะเพิ่มชื่อเสียๆให้กับตัวเองเพิ่มหรอก
.
.
.
.
เช้าวันอาทิตย์ผมเก็บของก่อนจะกลับกรุงเทพ ผมออกมานั่งที่ห้องโถงก่อนจะพบว่านิตยสารที่คุณยี่หวายื่นให้ผมเมื่อวานวางอยู่ที่โต๊ะ ผมมองก่อนจะตัดสินใจหยิบขึ้นมาก่อนจะเห็นว่ามีรูปๆหนึ่งบนหน้าปกซึ่งเป็นรูปอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมตรงมุมหนังสือ เป็นรูปพี่ภามกับผู้หญิงนางแบบชาวอังกฤษใส่บิกินีเดินเคียงข้างกันบนชายหาด ซึ่งแน่นอนว่ารูปเหล่านี้ถูกถ่ายโดยปาปารัสซี่ฝีมือดี  ซึ่งถ้ามองดูเค้าสองคนก็ดูเหมาะกันดีผมเปิดเข้าไปอ่านเนื้อหาข้างในที่บอกว่าสองคนนี้ก็คงเป็นคู่ควงกัน ผมเอนหัวพิงกับโซฟาก่อนจะหลับตาแล้วผ่อนลมหายใจ...
“นี่แกอ่านนิตยสารพวกนี้ด้วยเหรอ” ผมลืมตามองผู้หญิงที่ตอนนี้กำลัง ชะโงกหน้าข้ามไหล่ผมจ้องมองหนังสือนิตยาสารที่วางอยู่บนตักของผม
“เจ้น้ำตาล”
“ไง อ่านข่าวพ่อหนุ่มนักธุรกิจภามนั่นเหรอ ฮอตนะจ๊ะเจ้ช๊อบชอบผู้ชายอะไรน่าฟัดชะมัด” ผมยิ้มนิดๆเจ้น้ำตาลสนิทกับผมมากกว่าใครในบ้าน แต่ผมก็ยังไม่ได้บอกเรื่องของพี่ภามให้เจ้น้ำตาลได้รู้
“แต่เจ้าชู้แบบสุดโต่งไปหน่อยวะเจ้รับไม่ค่อยได้ นี่เดือนหนึ่งพี่แกเปลี่ยนคู่ควงมันทุกอาทิตย์จนปาปารัสซี่ทำงานกันหัวขวิดเลย” ผมฟังเจ้น้ำตาลพูดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“แล้วนี่แกจะกลับวันนี้เหรอ เสียดายจังบ่ายนี้ฉันต้องไปขึ้นเวรอีกแล้ว ยังไงก็เดินทางดีๆหล่ะฉันขับรถไปส่งที่ท่ารถปะ”
ผมยิ้มรับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปบอกลาทุกคนในบ้านแล้วก็ตามเจ้น้ำตาลไป
ผมบอกลาเจ้น้ำตาลก่อนจะก้าวขึ้นรถเพื่อกลับไปกรุงเทพ
.
.
.
.
ผมมาถึงกรุงเทพตอนบ่ายๆ ก็ตรงกลับห้องทันที ทันทีที่เปิดประตูห้องผมก็พบคนที่ทำให้ผมคิดถึง คนที่ทำให้ผมเจ็บที่ใจเมื่อเห็นภาพที่เค้าเดินเคียงข้างกับผู้หญิงคนอื่น
“ครีม” พี่ภามเดินมาหาผมก่อนจะโอบกอดผมทันที ผมก็กอดคนตรงหน้าแน่นมาก ผมไม่รู้ว่ากอดพี่ภามนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งบนตักพี่ภามหัวผมซบอยู่ที่อกของเค้าแล้วมือใหญ่ๆก็ลูบหัวลูบหลังผมอยู่ ผมร้องไห้เป็นก๊อกแตกก่อนเริ่มรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้ามามองคนตรงหน้า
“จะเล่าให้พี่ฟัง หรือจะให้พี่ถามแล้วเดาจนกว่าจะถูก”  ผมส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น
“ผมก็แค่อารมณ์สวิง ช่างมันเถอะไหนพี่บอกจะกลับวันจันทร์” พี่ภามไม่ตอบคำถามผมแต่ยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาให้ผมผมกุมมือใหญ่ของพี่ภามไว้ มือใหญ่ที่อบอุ่นนี้ จะทำให้ผมแบบนี้อีกนานแค่ไหนนะแค่คิดน้ำตาผมก็ไหลออกมาทันที
“ครีมครับพี่ไม่รู้ว่าระหว่างที่ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น ถ้าครีมไม่เล่าพี่ก็ไม่รู้ ถ้าครีมไม่พูดพี่ก็ไม่เข้าใจถึงเราจะเป็นแฟนกันแต่พี่รู้สึกได้ว่าบางทีครีมก็มีกำแพงอะไรบางอย่างอยู่ พี่เข้าใจว่าครีมมีโลกส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครก้าวเข้าไปแต่พี่คิดว่าไอ้โลกส่วนตัวกับกำแพงที่ครีมขังตัวเองอยู่มันคนละเรื่องกัน” สายตาพี่ภามที่ทอดมองผ่านมามันไม่ใช่สายตาที่โกรธ ขุ่นเคืองแต่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยจนผมต้องโผเข้ากอดคนตรงหน้า แขนแข็งแกร่งที่โอบกอดทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองคงไม่เป็นไรถ้าจะทำตัวอ่อนแอ งอแงอยู่ในอกนี้
.
.
.
.
ภาม
ผมมองร่างเล็กๆของครีมที่ดูเหมือนจะแตกสลายไปตรงหน้า ครีมร้องไห้จนหลับไป ผมอุ้มน้องมาที่เตียงน้องร้องไห้จนหลับไม่ปริปากเล่าเรื่องอะไรเลย ผมถอนหายใจก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากคนหลับที่ตาบวมเป่งจากการร้องไห้
“คิดถึงครีมมาก” ผมกระซิบบอกน้อง ผมเริ่มแน่ใจในตัวเองว่าผมรักครีม 1 เดือนที่เป็นแฟนกันผมรู้สึกเหมือนได้ชารจ์
แบตทุกครั้งที่อยู่กับคนคนนี้ ทุกครั้งที่ได้กอดรู้สึกอบอุ่น ทุกครั้งที่ได้จูบเหมือนชีวิตได้เติมความหวาน เวลาอยู่ด้วยแล้วสบายใจจนอยากอยู่ด้วยตลอดไป แต่ผมก็รับรู้มาตลอดว่าครีมมีเรื่องที่ดูจะกังวลกับความรักครั้งนี้ของเราซึ่งผมคิดว่าซักวันน้องคงพร้อมที่จะบอก...
ผมนั่งทำงานเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ามีมือที่เข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง
“พี่ภามทำงานอยู่เหรอ” เอิ่มจะเป็นไรไหม ถ้าผมจะบอกว่าผมชอบน้องเวลาบอบบางแบบนี้แหละน้องดูออดอ้อนแล้วก็เอาแต่ใจตัวเอง จนผมใจสั่นเลยแหละ
“ครับพี่ทำรอครีมตื่นนั่นแหละมานั่งกับพี่สิ” ผมวางโน๊ตบุ๊คลงก่อนจะจับมือน้องมานั่งลงที่ตักผมโดยให้น้องหันหน้ามาหาผม น้องก็ว่าง่ายทำตามเอาหัวซุกบนอกผม ก่อนจะเงียบไปแล้วค่อยเอ่ยพูดขึ้นมา
“ผมกลับบ้านมา แล้วก็คือที่บ้านผม คือพ่อแม่เค้าก็ทะเลาะกัน มันก็เป็นเรื่องประจำนั่นแหละผมชินแล้ว...แต่ความจริงไม่ชินเท่าไหร่หรอก แล้วผมก็ยังเจอนิตยสารที่ลงเรื่องพี่กับผู้หญิงคนอื่น แล้วผมกลับมาเจอพี่มันก็อารมณ์แบบสวิงอะผมก็เลยงอแงไปหน่อย” ผมฟังน้องที่เล่ามาก่อนจะคิดอย่างรวดเร็วก็ดูเล่าสิ ดูน้องเล่าแบบไร้ซึ่งรายละเอียดซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ผมแหละที่ต้องไล่ต้อนให้น้องค่อยๆคายเรื่องในใจออกมา
“เอาเรื่องข่าวของพี่กับผู้หญิงก่อน อย่างที่พี่บอกว่าศัตรูของพี่มีรอบด้านพี่ไม่อยากให้ครีมต้องเป็นเป้าเล็งของศัตรูพี่ก็เลยต้องควงผู้หญิงสับเปลี่ยนไปเรื่อย แต่เชื่อพี่นะครับว่าแค่ควงไปกินข้าวด้วยกันแค่นั้นจริงๆไม่มีอย่างอื่นแน่นอน” ผมอธิบายให้คนในอ้อมกอดฟัง ซึ่งการทำแบบนี้ผมอาจจะทำให้น้องรู้สึกแย่แต่ตราบใดที่น้องยังไม่ตกลงที่จะมาอยู่กับผม หรือพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างผมไปในทุกที่ผมปกป้องน้องไม่ได้ตลอดและผมไม่ต้องการให้น้องได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น
“ส่วนเรื่องครอบครัวครีม...อยากเล่าให้พี่ฟังไหมครับ” ผมก้มลงจูบบนผมของครีม น้องเงียบอยู่นานกว่าจะพูดอะไรออกมา
“มันก็แค่เรื่องเดิม พ่อที่ไม่รู้จักพอ แม่ที่ใช้เงินซื้อความสุข พวกเค้าก็ทะเลาะกันตลอด เวลาเห็นเค้าทะเลาะกันแล้ว แล้วมันเหมือนรู้สึกว่ามันเจ็บ พวกเค้าเคยรักกันจริงๆเหรอ” ผมเงียบฟังก่อนจะกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“คือ เวลาที่พวกเค้าทะเลาะกันครีมก็ได้แต่นิ่งฟังเงียบๆ ไม่เคยเลยที่จะเข้าไปห้าม คือมันรู้แย่แล้วครีมก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยเวลาที่กลับมาจากบ้าน” น้องถอนหายใจก่อนจะโอบกอดผมแน่นราวกลับต้องการหลักยึด เอาหล่ะผมเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ครีมไม่มั่นใจในตัวพี่ หรือไม่มั่นใจในตัวเอง” น้องเงยหน้ามองผมดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา เอ่อเย็นไว้นะภามเย็นไว้ คือหน้าน้องตอนนี้มันเกินจะรับได้สายตาออดอ้อนที่มีน้ำตาคลออยู่มันทำให้เอ่อผมเกิดอารมณ์ซึ่งมันไม่ดีเอาซะเลยถ้าผมจะจับน้องกดในสถานการณ์แบบนี้
“ไม่รู้ ครีม...” น้องเงียบ
“กลัวใช่ไหมว่าซักวันความรักจะลดลง กลัวที่จะต้องกลายเป็นแบบครอบครัวของครีม...” น้องกอดผมพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงลงมาเป็นสาย
“ครีมสลัดภาพพวกเค้าทะเลาะกันออกไปไม่ได้ ครีมไม่อยากมีชีวิตแบบนั้น ครีม ฮือออ” น้องปล่อยโฮออกมาทันที
“ครีมครับฟังพี่นะพี่รักครีม พี่ก็ไม่รู้ว่าเราจะรักกันไปนานแค่ไหน วันข้างหน้าความรักเราจะลดลงไหม แต่เชื่อพี่พี่ไม่มีวันจะทำร้ายครีม อย่ากลัวความรักของพี่เลยนะให้หัวใจของครีมรักพี่นะ”
“อึก ครีมจะเป็นยังไงถ้าพี่ภามทิ้งครีมไปในวันหนึ่ง อึกถ้าครีมรักพี่แล้วครีมจะเจ็บปวดไหม”
“ไม่กลัวไปก่อนนะครีม ตอนนี้พี่อยู่กับครีมนะครับ ความรักของพี่อาจจะทำให้ครีมเจ็บแต่พี่จะทำให้ความสุขมีมากกว่าความเจ็บปวดนะครับ เราจะคุยกันมากกว่าที่จะทะเลาะกันนะ” ผมใช้มือปาดน้ำตาของน้อง น้องเงยหน้าสบตากับผมก่อนหน้าเราสองคนจะค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน ริมฝีปากอุ่นๆของครีม ปลายลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดผมจูบน้องเนิ่นนานจากจูบที่เพื่อแค่ปลอบประโลมกลายเป็นร้อนแรงขึ้นเมื่อผมเริ่มเคลิบเคลิ้ม มือผมค่อยๆสอดเข้าไปใต้เสื้อลูบไล้แผ่นหลังเนียนเรียบ ริมฝีปากผละออกจากกัน ก่อนที่ริมฝีปากผมจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่คอขาวๆของครีม มือที่ลูบไล้จากแผ่นหลังเลื่อนมาที่ยอดอกของครีมที่เมื่อถูกเมื่อลูบไล้ก็เริ่มแข็งขึ้นมาผมกระชับสะโพกกลมของคนตรงหน้ากดลงเพื่อให้ทาบทับกับความร้อนที่แก่นกลางร่างกายของผม หลังจากมือที่หยอกล้อกับยอดอกของครีมแล้ว ผมก็ค่อยเลื่อนเข้าไปในกางเกงสัมผัสกับก้นกลมกลึง
“อื้อ เดี๋ยวพี่ภาม” น้องจับมือผมทันทีที่ได้สติ ผมมองน้องพลางเลิกคิ้วสูงเป็นคำถาม
“ครีม...หิว”
“ห๊ะ หิวตอนเราจะมีอะไรกันนี่นะ!” ผมมองคนตรงหน้าที่หน้าแดง เชื่อเค้าเลย
“ก็นั่นแหละ แล้วใครที่ไหนมาหื่นตอนเราคุยกันหล่ะ อีกอย่างครีมบอกแล้วนี่นาว่าครีมไม่ใช่ฝ่ายรับพี่อย่ามามั่วสิ” ผมมองน้องก่อนจะยิ้ม
“ปกตินอนกับผู้ชายครีมเป็นรุกเหรอ”
“แน่นอน อย่างครีมเหรอจะเป็นรับไม่มีทาง” น้องกอดอกก่อนจะเชิดหน้านิดๆ จนผมอยากจะเอามือไปบีบจมูกรั้นๆนั้น
“แล้วปกติครีมนอนกับผู้ชายแบบไหนหล่ะ”
“ก็ต้องตัวเล็กๆน่ารักๆนะสิ” ผมยิ้มตาพราวก่อนจะหัวเราะออกมา โถๆๆๆน้องครีมของผม
“อ๊ะพี่ภาม แมร่ง!” น้องรู้สึกตัวว่าถูกหลอกถามก็อัดเข้าที่ท้องผมก่อนจะลุกเดินหนีไป
________________________________________________________________________________________
มีใครรออ่านอยู่ไหมนะ มาอีกหนึ่งตอน :mew1: ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-06-2013 19:12:56
พี่ภามจับกดสักทีจิ เค้ารออยู่  :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-06-2013 20:03:28
เวลาที่รอคอยของพี่ภามมาถึงแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 08-06-2013 20:36:46
ตอนที่ 10
ครีม

ตุ๊บ ผัวะ อึก! โครม ตู้ม
เสียงอึกทึกครึกโครมจากการถ่ายละครยังดำเนินต่อไปท่ามกลางอากาศร้อนแดดเปรี้ยง ซึ่งแม้อากาศจะร้อนผู้กำกับก็ยังคงไม่สั่งหยุดถ่าย เพราะการถ่ายทำละครนั้นต้องแข่งขันกับเวลา ตอนนี้ผมก็เป็นหนึ่งในนักแสดงแทนที่กำลังเข้าฉากอยู่ อากาศที่ร้อนส่งผมให้ผมค่อนข้างหงุดหงิดมากทีเดียวแต่ก็ดีหน่อยตรงที่ได้เข้าฉากต่อสู้ทำให้เหมือนได้ระบายความหงุดหงิดออกไปได้เราถ่ายฉากนี้เป็นรอบที่ 3 ซึ่งกินเวลามาเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนผู้กำกับจะสั่งพักกอง ผมเดินออกจากฉากก่อนจะตรงดิ่งไปคว้าน้ำเย็นๆที่ทางกองจัดเตรียมไว้เพื่อดับความกระหาย ก่อนจะนั่งลงและคว้าข้าวกล่องที่วางเรียงอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะกวาดสายตามองหาที่นั่ง และผมก็พบทำเลดีๆ
“เห้ยไอ้ครีมรอกูด้วย” ผมเหลือบตาไปมองไอ้ซีที่กำลังวิ่งตามมาไม่ได้หยุดรอมันหรอกเพราะเดี๋ยวมันก็วิ่งตามมาเอง
“คืนนี้มึงนอนไหนหล่ะ” ผมกลืนข้าวลงคอก่อนตอบมันไป
“นอนนี่แหละคอนโดที่กูอยู่ไกลจากนี่จะตายเดี๋ยวกลับมาไม่ทัน มึงหล่ะ” คืนนี้ผมคงจะนอนที่กองถ่ายละครเลยเพราะต้องรอเข้าฉากซึ่งอาจจะถ่ายประมาณตี 4-5 ก็เป็นได้มันไม่แน่นอนผมเลยขี้เกียจกลับเพราะจะหารถเมล์ที่วิ่งกลางคืนก็ลำบากจะตาย
“ก็นอนกับมึงแหละ กูขี้เกียจแหกขี้ตาขับรถมา แล้วนี่มึงไม่โทรบอกเค้าเหรอ” ผมเลิกคิ้วมองไอ้ซีอะไรของมัน
“ไอ้นี่ก็แฟนมึงไง คุณภามของมึงอะ” ผมรู้สึกใบหน้าตัวเองร้อนๆชอบกล อาจจะเพราะอากาศเมืองไทยที่ร้อนเกินไปนั่นแหละ
“ของกูที่ไหนหล่ะ ไม่ต้องบอกหรอกพี่เค้าไปต่างประเทศค่าโทรมันแพงกูเลยไม่คุยกับพี่เค้า แล้วเวลาที่นั่นกับที่ไทยก็ไม่ตรงกันกูกลัวว่าจะรบกวนเค้าวะ”
ไอ้ซีมองหน้าผม ก่อนจะส่ายหน้า คือไอ้ซีมันก็รู้เรื่องผมกับพี่ภามในระดับหนึ่งเพราะมันเป็นเพื่อนที่ผมสนิทด้วย ตอนแรกผมก็กลัวนะที่จะเล่าให้มันฟัง แต่พอบอกมันแล้วมันก็ไม่ได้ว่าอะไรมันบอกก็ไม่เห็นแปลกสำหรับสมัยนี้อะไร  ส่วนผมกับพี่ภามเราไม่ได้เปิดตัวมากนัก เราคบกันเป็นแฟนก็จริงแต่เวลาจะเจอกันก็น้อยเพราะพี่เค้าก็ทำงานไปต่างประเทศบ่อย ส่วนผมบางทีก็ไปถ่ายละครต่างจังหวัดบ้างก็มี ว่างบางทีก็ไม่ตรงกันเวลาจะเจอกันก็ต้องคอยระวัง ถ้าผมไม่ไปบ้านพี่ภามพี่ภามก็มาหาผมที่ห้อง คือเราจะเจอกันอยู่แค่สองที่ คือ บางทีผมก็รู้สึกว่าเราเป็นแฟนกันแปลกๆนี่ก็เดือนกว่าๆแล้วที่ไม่เจอกันเลยหลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ผมงอแงเป็นเด็กสามขวบนั่นแหละ คุยกันทางโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายก็เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่พี่ภามจะไปฮ่องกง ข่าวเรื่องผู้หญิงพี่เค้าก็ยังมีมาให้เห็นบ้างถึงผมจะไม่อ่านนิตยสารดาราอะไรแต่สุดท้ายเมื่อมาถ่ายละครเรื่องราวต่างๆก็ถูกถ่ายทอดจากผู้คนในกองมาเข้าหูผมอยู่ดี ถึงพี่ภามจะอธิบายแล้วว่าเค้าทำเพื่ออะไร แต่ทุกครั้งที่ได้ยินก็อดหวั่นๆในใจไม่ได้ ใจมันเจ็บแบบแปลกๆ บางครั้งผมก็กลัวว่าความห่างแบบนี้อาจจะทำให้เราเปลี่ยนไป กลัวว่าซักวันเราอาจจะเลิกกัน ผมกลัวว่าพี่ภามอาจจะเบื่อผมก็เป็นได้
“ไอ้ครีม มึงรู้มั้ยว่าเวลาเหนื่อยๆจากงานเวลาเลิกงานดึกเที่ยงคืนตีหนึ่งกูมักจะโทรหาน้องแป้งเสมอทั้งๆที่กูรู้ว่าแป้งนอนแล้ว” ผมเงยหน้ามองไอ้ซีที่กำลังพูด พลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เวลากูได้ยินเสียงแป้งมันทำให้กูรู้สึกดี ก็แค่นั้นแหละ แป้งเองเค้าก็ไม่เคยบอกว่ามันลำบากเพราะอย่างน้อยเค้าก็รู้ว่ากูถึงบ้านปลอดภัยแล้ว หรือกูอยู่ไหนทำอะไรอยู่ ถึงเค้าจะหลับแล้วแต่เค้าก็เต็มใจตื่นมารับเพื่อคุยกับกูแค่ไม่กี่ประโยค การคุยกับคนที่เรารักมันเหมือนเป็นการเติมแรงอย่างหนึ่งนั่นแหละ มึงเหอะอย่าคิดมากนักทำตามใจตัวเองบ้าง” ผมมองไอ้ซีที่คว้ากล่องข้าวที่ผมกินหมดแล้วลุกขึ้นเดินไปทิ้งให้ผม ปล่อยให้ผมนั่งจมอยู่กับตัวเอง
ตกดึกผมก็ยังอยู่ที่กองละครนั่งดูเค้าถ่ายละครฆ่าเวลาเพราะยังไม่ง่วง ในมือผมถือโทรศัพท์พลางคิดถึงประโยคของไอ้ซีเมื่อกลางวันก่อนจะตัดสินใจกดเบอร์โทรที่ไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบสองอาทิตย์แต่กลับเป็นเบอร์แรกที่อยู่ในบันทึกการโทรออกล่าสุด  ผมนิ่งฟังเสียงสัญญาณอยู่พักใหญ่ก่อนจะได้ยินเสียงตอบรับออกมาจากปลายสาย
“ฮัลโหล”
“...................” ทันทีที่มีคนรับโทรศัพท์ผมกลับนิ่งเงียบทันที รู้สึกบีบหน่วงๆที่ใจ ก่อนจะตั้งสติได้เมื่อปลายสายยังคงตอบรับอยู่
“ฮัลโหล คุณคะจะคุยกับใครคะ”
“คือ ขอสายคุณภามครับ” ผมพยายามคิดว่าผู้หญิงที่รับโทรศัพท์ตอนนี้อาจจะเป็นเลขา หรือพนักงานซักคนที่ก็แค่บังเอิญมารับโทรศัพท์
“ภามอาบน้ำอยู่ มีธุระอะไรรึเปล่าคะ เดี๋ยวอลิสบอกภามให้” เหมือนถูกคำพูดไม่กี่คำกระแทกเข้ากลางหน้า
“ไม่มีธุระอะไรสำคัญหรอกครับ ขอบคุณมากครับ” ผมตัดสายลงทันที อลิส ผมนึกถึงข่าวเมื่อเช้าที่บรรดาพี่ๆในกองต่างพูดถึงอลิสนางแบบสาวลูกครึ่งอนาคตไกลที่กำลังตกเป็นข่าวกับนักธุรกิจสุดฮอตพี่ภาม ทุกคนในกองต่างบอกว่าคนนี้ท่าจะถอดเขี้ยวเล็บเสือผู้หญิงอย่างพี่ภามได้อยู่หมัดเพราะเป็นเวลาสองอาทิตย์กว่าแล้วที่พี่ภามไม่ได้มีข่าวกับคนอื่นเลยนอกจากนางแบบสาวคนนี้ ผมสะบัดหน้า รู้สึกเจ็บจนบอกไม่ถูก น้ำตาก็จะไหลจนต้องกัดปากตัวเอง
“ครีมมึงเป็นไรวะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ซีก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ มันรู้ว่านี่เป็นสัญญาณบอกว่าผมจะไม่พูดอะไร มันเลยนั่งลงข้างๆผมก่อนจะวางมือบนไหล่ผมแล้วตบสองสามที ผมปล่อยให้น้ำตาไหลช้าๆ เรานั่งกันอยู่นานจนกระทั่งผมรู้สึกตัวอีกทีก็มีคนมาเรียกเข้าฉากแล้ว กว่างานจะเสร็จก็ 6 โมงเช้าหน้าที่ตัวแสดงแทนแบบผมก็หมดลง ผมตัดสินใจว่าจะกลับห้องแล้ว
“เห้ยไอ้ครีม กลับด้วยกัน” ผมหันไปมองไอ้ซีที่วิ่งมาหาผม
“กูไม่เป็นไรหรอก กูกับพี่ภามก็ห่างกันซักพักแล้ว” ผมยิ้มให้ไอ้ซีมัน   เอาจริงๆฟังดูตอบแบบดาราดีเน๊อะห่างกันซักพักแล้ว
“กูว่ามึงคุยกับพี่เค้าก่อนดีกว่าอย่าเพิ่งรีบร้อน” แน่นอนหล่ะตอนนี้ไอ้ซีมันรู้เรื่องโทรศัพท์เมื่อวานแล้วหลังจากที่เมื่อคืนผมร้องไห้เสร็จตั้งสติได้ก็เปิดปากเล่าให้ไอ้ซีฟัง
“ไม่เป็นไรหรอกมึงไม่ต้องห่วงกูน่า เจ็บแค่นี้ไม่ทำกูตายหรอกกูร้องไห้ไปแล้วเดี๋ยวอะไรๆมันก็ดีขึ้นเอง กลับเหอะกูง่วงจะตาย” ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังให้ไอ้ซี ซึ่งเป็นการตัดบทว่าผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้




หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็เกือบจะเป็นอาทิตย์แล้ว ผมก็ไม่มีความคิดจะโทรหาพี่ภามอีกเลย...วันนี้เป็นวันที่พี่ภามกลับมาใช่ผมมักจะรู้เสมอว่าพี่ภามจะกลับวันไหนเพราะผมจะจัดตารางตัวเองเพื่อให้ว่างไปรับพี่ภามตามคำสัญญาที่ให้ไว้ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันคงไม่จำเป็น ตอนนี้ผมตัดสินใจรับงานเต็ม7วัน เรียกได้ว่าถ้าที่ไหนขาดตัวแสดงแทน หรือขาดตัวประกอบผมก็ไปหมดแหละ และตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ต่างจังหวัดเพื่อถ่ายละคร
“ครีมมึงผอมลงเยอะเลยนะเว้ย แดกไรบ้างไหมเนี่ย” ผมมองไอ้ซีที่มากับผมด้วยไอ้นี่ช่วงนี้ทำตัวติดผมมากผมทำงาน7วันมันก็ทำ7วันตามผมด้วยแทบไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเลย
“นี่มึงทำงาน7วันเดี๋ยวน้องแป้งก็หนีไปมีกิ๊กหรอกมึง” ผมหันไปแขวะมัน
“ปากมึงนี่มัน  แป้งไปเกาหลีกับครอบครัวเค้าเว้ย ไม่งั้นกูจะมาทำตัวติดมึงทำไม กว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้านู่นแหละ แล้วแป้งเค้าก็กำชับมาให้กูอยู่กับมึงด้วย” ผมยิ้มรับแป้งเป็นผู้หญิงน่ารักและฉลาดในเวลาเดียวกันเพราะการที่ไอ้ซีมาอยู่กับผมก็เพื่อไอ้ซีจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนคนอกหักและไอ้ซีก็จะได้ไม่นอกลู่นอกทางเพราะเหมือนว่ามีผมเป็นหูเป็นตาไปในตัว
“แล้วนี่มึงตั้งใจจะทำงาน 7 วันไปตลอดเลยเหรอวะ” ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ
“มึงไม่คิดจะคุยกับพี่ภามเค้าหน่อยเหรอ”
“คิดสิ แต่แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้วะ กูกลัวถ้าเค้าบอกเลิกกูมากูกลัวตั้งหลักไม่ทัน เอาเป็นว่าถ้ากูเข้มแข็งพอ  เดี๋ยวจะเดินไปให้พี่เค้าบอกเลิกเองดีมั้ยวะ”
“มึงนี่น้า ยังไงกูก็อยู่ข้างมึงนะเว้ย” ผมยิ้มรับก่อนจะรู้สึกว่าโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสั่น ผมมองดูเบอร์ก่อนจะตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ลงไป...
.
.
.
.
ภาม
เมื่อเท้าแตะถึงพื้นแผ่นดินประเทศไทย สายตาผมสอดส่องหาคนที่คิดถึงที่ไม่ได้เจอกันเลยมาเกือบเดือน ที่คาดว่าจะมารอรับผมที่สนามบินเหมือนเช่นเคย ท่ามกลางผู้คนเดินทางเข้าออกมากมายในสนามบิน แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคในการพบคนที่ผมคิดถึงมาก ขาก้าวเดินไปที่ร้านกาแฟในสนามบินที่คุ้นเคยเพราะเป็นร้านที่นัดคนๆนั้นไว้  พร้อมกับรอยยิ้มที่คาดหวังว่าจะได้เจอ ครีม...เมื่อก้าวมาถึงร้านสายตาคมกวาดมองไปทั่วร้าน รอยยิ้มที่มีค่อยๆเลือนหายไป
“คุณภามครับ” ผมมองลูกน้องที่เดินเข้ามาหาผม หลังจากเห็นผมก้าวเข้ามาในร้าน
“คือ คุณครีมไม่ได้อยู่ที่ห้องครับ ผมไปรับแล้วแต่ไม่พบคุณครีมครับ โทรศัพท์โทรไปคุณครีมก็ไม่รับครับ” คินลูกน้องคนสนิทของผมที่ผมให้ไปรับครีมมาหาผมเสมอเมื่อผมกลับมา ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์และรีบโทรหาคนที่แสนจะคิดถึง แต่ก็พบว่าไม่มีใครรับโทรศัพท์ หน้าตาที่เคยยิ้มกลับเริ่มบึ้งตึง จนคนรอบข้างมองอย่างหวาดๆ
“ติดต่อไปที่บริษัทของครีม แล้วก็ขอเบอร์ของเพื่อนครีมที่ชื่อซีมาด้วยคิน” ผมหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่
“ไอ้ภาม ไหนยะเด็กของนายนะ ฉันหละอยากเห็นจริงๆ เดินมาไม่รอกันเลยนะยะ” ผมหันไปมองอลิสที่วิ่งถลาเข้ามาเกาะแขนผม เธอพยายามสอดส่ายสายตาเข้ามาในร้านเพื่อหา เด็กผู้ชายที่ผมพร่ำเพ้อตลอดเวลาที่อยู่ฮ่องกงจนทำให้ยัยนี่ทนไม่ไหวจนต้องขอตามมาเพื่อดูหน้าคนที่ทำให้ผมหลงหัวปักหัวปรำได้ขนาดนี้
“ไม่มา” ผมตอบไปเรียบๆ
“ห๊ะ ว้าวเด็กคนนี้นี่สุดยอดกล้าเบี้ยวนัดคุณชายภามด้วย ร้ายไม่เบา” อลิสเหยียดยิ้มด้วยความสะใจ ผมมองคนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจแน่หล่ะ อลิสเป็นเพื่อนสนิทผมอีกคนนอกจากไอ้ภีม ยัยนี่เติบโตมาในครอบครัวประเภทเดียวกับผมคือครอบครัวนักธุรกิจที่เบื้องหลังดำมืด เราเลยสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ที่ยัยนี่ยิ้มสะใจมากก็เพราะเมื่อก่อนผมก็ค่อนข้างจะเปลี่ยนผู้หญิงบ่อย และหนึ่งในนั้นก็มีผู้หญิงของอลิส คุณอ่านไม่ผิดหรอกอลิสเป็นไบ ผู้หญิงของอลิสมาหลงผมจนถวายตัวให้ผม ผมก็สนองแล้วก็โบกมือลาทันทีเมื่อเสร็จกิจ เธอพยายามจะตื้อผมอย่างหนักหน่วงแต่ผมก็ไม่ไยดีจนเธอเสียใจมากจนเกือบจะบ้า พอจะกลับไปหายัยอลิสยัยนั่นก็ไม่อ้าแขนรับอีกเพราะสำหรับอลิสคนทรยศจะต้องได้รับบทเรียน ถามว่าผมรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นของอลิสแล้วทำไมยังนอนด้วยนะเหรอ ง่ายมากสำหรับพวกผมที่อยู่ในวงการธุรกิจการหาความจริงใจเป็นเรื่องยากถ้าผู้หญิงของอลิสซื่อสัตย์เธอจะไม่ก้าวเข้ามาหาผมเลย...ฟังดูเลวไหมผมตอบเลยว่าผมไม่ใช่คนดี เพราะเหตุการณ์ที่ผู้หญิงของอลิสเข้ามาหาผมไม่ได้เกิดครั้งเดียว และผู้หญิงของผมไปหาอลิสก็มีบ้างผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะผมก็แค่มีเซ็กส์กับพวกเธอไม่ได้รักอะไร ผู้หญิงบางคนยอมทุ่นสุดตัวแต่ผมก็ไมได้แยแสพวกเธอเท่าไหร่ อลิสก็เคยบอกผมว่าผมมันเป็นพวกหัวใจตายด้านกับความรักรึไง...
“แล้วนี่นายจะเอาไงต่อ ก็ห่างกันเป็นเดือนไม่ได้คุยกันเกือบเดือนเค้าคงเขี่ยนายทิ้งแล้วแหละ หึ” อลิสถามผม ซึ่งมันเป็นเหมือนคำพูดที่สะกิดใจผมอยู่เหมือนกัน  ผมคงปล่อยครีมมากเกินไปแล้ว...จนทำให้เราห่างกันไม่มีทางที่ผมจะปล่อยครีมอีกแล้ว พอกันซักที...
“ไม่มีทางหรอกต่อให้ครีมเขี่ยฉันทิ้ง ฉันก็จะไม่ไปไหน”
“เดี๋ยวๆๆ เด็กนายชื่อครีมนี่หว่า” ผมหันไปมองยัยอลิสที่ถามขึ้น
“เออฉันลืมบอกนายวะ อาทิตย์ก่อนมีคนโทรหานายเป็นเสียงผู้ชายแต่เสียงน่ารักนะ แล้วฉันก็รับแต่เค้าไม่บอกว่าเป็นใครเบอร์มันขึ้นว่าเป็นเบอร์ครีมอะ” ผมตวัดสายตามองยัยอลิสทันที ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เพื่อดูประวัติการโทรและพบว่ามีเบอร์ครีมโทรเข้ามาจริงเมื่ออาทิตย์ก่อน เอาหล่ะผมว่าผมพอจะเดาเรื่องบ้าๆนี่ออกแล้ว
“อลิส ยัยผู้หญิงความจำสั้นเอ๊ย” ผมถอนหายใจหนักๆ แต่อดยอมรับไม่ได้ว่าใจมันเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นเบอร์โทรของครีม ครีมยอมโทรหาผมทั้งที่เป็นคนตั้งกฎเกณฑ์เอง ให้ตายผมคิดถึงครีมจริงๆ มันคงถึงเวลาที่ผมจะดึงครีมมาข้างกายได้แล้วผมไม่อยากจะสูญเสียคนๆนี้ไป
_________________________________________________________________________________
ดูท่าพี่ภามคงยังไม่ได้กดน้องครีมเร็วๆนี้หรอกคะ อิอิ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-06-2013 20:45:21
เกลียดยายอลิส  :katai1: :katai1:
ลงวันที่กับตอนด้วยก็ดีน่ะจ๊ะ จะได้รู้ว่าลง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-06-2013 21:31:32
รอวันพี่ภามจับกด  :hao3: มันต้องมีวันนั้น คึคึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 08-06-2013 22:42:33
:mew5: :mew5:

น้องครีมคับ น้องรักพี่ภามจริงปะเนี่ย
ทำไมถึงจะตัดใจจากพี่ภามง่ายจัง
ไม่ให้โอกาสพี่เขาอธิบายบ้าง  ไรบ้าง
อารมณ์สาวแตกไปหน่อยนะคับ

 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง ตอนที่ 11 (9/6/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 09-06-2013 09:08:14
ตอนที่ 11
ครีม

ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วหลังจากผมเข้าฉากถ่ายทำมาทั้งวัน ก็ได้เวลาพักซักที ผมเดินเข้าที่พักซึ่งเป็นรีสอร์ทที่ทางกองละครได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ไม่ได้หรูหราอะไรเป็นห้องพักธรรมดา 2 เตียงนอน 1 ห้องน้ำกับเฟอร์นิเจอร์อำนวยความสะดวกอีกนิดหน่อย
“ไอ้ซีนี่มึงเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ เร็วนักนะมึง” ผมมองกระเป๋าของไอ้ซีที่วางอยู่บนเตียง อยู่ข้างตัวมัน
“ก็เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกเดินทางแต่เช้า เดี๋ยวเก็บไม่ทันว่าแต่มึงเหอะไปอาบน้ำไปจะได้มาเก็บของ” ผมไม่ได้พูดอะไรคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนเดินเข้าห้องอาบน้ำผมใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนานเพราะชอบเวลาที่สายน้ำเย็นๆพัดผ่านร่างกายมันเหมือนจะช่วยให้ร่างกายและหัวใจเย็นขึ้นอย่างน้อยก็ชั่วคราว
“ก๊อกๆๆๆ ไอ้ครีมกูออกไปข้างนอกก่อนนะ กูหิว มึงอยู่ห้องดีๆหล่ะ” เสียงไอ้ซีตะโกนบอกผม ผมแค่ขานรับไปว่าอื้อ ผมได้ยินเสียงประตูห้องเปิดและปิดลงไอ้ซีคงจะออกไปแล้ว ผมก็อาบน้ำเสร็จพอดี พันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวแล้วจึงก้าวออกจากห้องน้ำ ทันทีที่ออกจากห้องน้ำความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้ก็ปะทะกับผิวกายจนรู้สึกได้ว่าขนลุกชันขึ้นมานิดๆผมมองไปที่เตียงของผมที่ห้องพบร่างของคนคนหนึ่งที่นั่งทอดมองมาทางผม...ผู้ชายที่ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน ผู้ชายที่ทำให้ใจผมเต้นผิดจังหวะไป ผู้ชายที่ผมคิดถึงทั้งจูบทั้งอ้อมกอดที่อบอุ่น แต่ตอนนี้แม้ใจจะอยากวิ่งเข้าไปหาผู้ชายตรงหน้าแค่ไหน ขาผมกับทำสิ่งที่ขัดกับสมองคือการหันหลังกลับมือคว้าที่ลูกบิดประตูเพื่อเตรียมหนีจากคนตรงหน้า ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก มือใหญ่ก็คว้าโอบเอวผมเข้าหาตัว ส่วนมืออีกข้างก็ดันประตูปิดลงและล็อคทันที
“ครีมคุยกับพี่ก่อนนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับจูบลงที่ด้านข้าง
“ครีม ครีมไม่พร้อมพี่ภามปล่อยครีมเถอะนะ ปล่อยเถอะนะ” ผมพูดพร้อมกับพยายามแกะมือพี่ภามออก น้ำตาเฮงซวยก็ทำท่าจะไหลออกมาจนผมต้องกัดปากตัวเองเพื่อหยุดไว้ ผมไม่อยากร้องไห้เพื่อเรียกร้องอะไรทั้งนั้น ผมกลียดน้ำตาเฮงซวยนี่ชะมัด
“ไม่ จะไม่ปล่อยครีม จะไม่ปล่อยให้เราห่างกัน จะไม่ปล่อยให้ครีมกับพี่ต้องห่างกันแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว” ผมส่ายหน้าและยังดื้อดึงที่จะหนีจากพี่ภาม กลิ่นของพี่เค้าอ้อมกอดของพี่เค้ากำลังทำให้ผมคิดถึงจนหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อพี่เค้ายังคงเห็นผมว่าไม่มีทีท่าจะยอมฟังพี่ภามจึงจัดการอุ้มผมก่อนจะไปวางลงบนเตียงและตามขึ้นมานั่งคล่อมทับทันที ซึ่งมันเป็นสภาพที่ล่อแหลมสุดๆ เพราะผมมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่เกาะเกี่ยวอยู่ที่เอวซึ่งตอนนี้ไอ้ตรงที่พันไว้มันก็เริ่มคลายออกจนจะหลุดแล้ว มือสองข้างของผมถูกพี่ภามตรึงไว้กับที่นอนและแน่นอนว่าผมสู้แรงพี่เค้าไม่ได้เลยเพราะร่างกายลูกครึ่งของพี่ภามที่มีเชื่อฝรั่งอยู่ร่างกายใหญ่กว่าผมเท่าตัวหนึ่งอยู่แล้ว ผมได้แต่เจ็บใจตัวเองที่สู้อะไรพี่เค้าไม่ได้ เจ็บใจตัวเองที่หัวใจเต้นแรงแค่เห็นหน้าผู้ชายคนนี้
“ครีม พี่ขอโทษ อย่าหนีพี่ไป อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ” ผมหันมามองคนด้านบนทันที แววตาเว้าวอนของพี่ภามมองมาที่ผม
“ครีมไม่เคยทิ้งพี่ มีแต่พี่ภามที่จะทิ้งครีม ฮึก” น้ำตาเฮงซวยก็ไหลทันทีที่ผมพูด มือที่ถูกพี่ภามตรึงอยู่ถูกคลายออก มือพี่ภามไล้ลงมาปาดน้ำตาให้ผม แต่ผมกลับปัดออกแล้วปาดน้ำตางี่เง่าๆนั้นทิ้งเองอย่างไม่ไยดี ผมร้องไห้เองผมต้องเช็ดเอง
ผมผลักพี่เค้าออกแต่พี่เค้ากับดูเหมือนกำแพงหินที่ไม่เคลื่อนที่ใดๆ ผมลุกขึ้นมานั่งก่อนจะมองตรงไปที่อกแข้งแกร่งตรงหน้ามือของผมทาบทับลงไปที่อกด้านซ้ายของพี่ภาม ทันทีที่วางมือลงผมสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจของพี่ภามที่เต้นรัวเร็วไม่ต่างกับผม น้ำตาที่มียังคงไหลลงมา ผมเอื้อมมือเข้ากอดพี่ภามแน่นๆ กลัว กลัวจะสูญเสียคนๆนี้ไป

ภาม
ผมมองน้องที่โผเข้ามกอดผม จนผมรู้สึกผิดในใจกับทั้งที่เคยบอกว่าจะทำให้มีความสุขมากกว่าความทุกข์ แต่ผมก็ทำน้องร้องไห้จนได้ ผมโอบกอดน้องพลางลูบหลังน้องเพื่อปลอบ
“พี่ภามอย่าทิ้งครีมเลยนะ อย่าทิ้งครีมเลย รักครีมนะ รักครีมนะ”
ใจผมเต้นแรงกับคำพูดเอาแต่ใจของน้อง และภาพน้องที่สายตาเปียกไปด้วยน้ำตาและเงยขึ้นมามองด้วยสายตาเว้าวอนผมรู้สึกอยากจะจับน้องกดลงบนเตียงจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ต้องทน ให้ตายใครจะทิ้งเด็กคนนี้ลงกัน
เตรียมใจให้ดีเลยคราวนี้พี่จะกอดรัดจนครีมไม่มีโอกาสห่างกับพี่เลย
“ไม่ทิ้งครับ พี่ไม่ทิ้งครีม พี่รักครีมนะ รักมาก รักมากที่สุด” ผมกอดน้องปลอบลูบไล้แผ่นหลังเรียบเนียนที่เปลือยเปล่า ผมวางคางลงเกยบนไหล่ของน้อง ก่อนสายตาจะหลุบลงไปมองภาพที่ทำให้ภามน้อยจากอุ่นๆเพราะคำออดอ้อนของน้องตอนนี้ลุกชูชันขึ้นมาทันที  ภาพที่ผมเห็นคือผ้าเช็ดตัวของน้องตอนนี้ที่หลุดล่นลงไปเรียบร้อยจนเห็นก้นกลมกลึงขาวเนียนโผล่ออกมานิดๆ ให้ตายๆ นี่น้องจะรู้ตัวไหมว่ากำลังยั่วยวนผมจนตบะแทบแตก เอาหล่ะๆๆก่อนที่ผมจะเผลอไผลไปกับก้นกลมๆนี้ผมตัดสินใจดึงตัวน้องออกจากอ้อมกอด แต่นั่นมันทำให้ผมรู้สึกว่าคิดผิดเอาเรื่องเพราะทันทีที่ผมดันไหล่บางออก ผ้าเช็ดตัวที่หลุดหลุ่ยด้านหน้าจนทำให้เห็นครีมน้อยนิดๆ  ตาแดงๆของน้อง ยอดอกสีชมพู ผิวขาวเนียนๆ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าน้องเซ็กส์ซี่จนเกินจะทนไหว แก่นกลางของร่างกายที่ไม่ได้ใช้การมาเลยตั้งแต่ผมพบกับครีมดันทะลุกางเกงจนผมรู้สึกได้ น้องครีมที่มองหน้าผมงงๆ ก่อนสายตาจะหลุบลง และแก้มขาวๆของน้องก็ขึ้นสีแดงทันที  หมดกันผม
“เอ่อพี่ว่าครีมไปแต่งตัวเถอะนะ แล้วเราค่อยมาคุยกันดีกว่านะครับ” น้องพยักหน้าอย่างว่างายก่อนจะลุกขึ้นและกระชับผ้าเช็ดตัวไปแต่งตัวส่วนผมก็นั่งสงบจิตสงบใจก่อน
น้องใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก่อนจะเดินกลับมาหาผม และนั่งลงข้างๆ ผมกุมมือน้องไว้
“ไม่ไปรับพี่ที่สนามบินเพราะเรื่องอลิสใช่มั้ยครับ” น้องพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“ครีมโทรหาพี่ภามเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แล้วคุณอลิสก็รับ แล้วพี่ภามก็ไม่โทรกลับหาครีม แล้วครีมก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงครีมกลัวว่าพี่ภามจะ...” ผมแตะปากน้องเบาๆให้หยุดพูดในสิ่งที่คิด
“ตอนนี้พี่อยู่กับครีมเพื่อปรับความเข้าใจ พี่ไม่ได้มาเพื่อบอกเลิกหรือว่าทิ้งครีมนะครับ อลิสเป็นเพื่อนสนิทพี่ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก พอรับโทรศัพท์ครีมวันนั้นอลิสก็ลืมบอกพี่ พี่ก็เลยไม่โทรกลับหาครีม พี่กับอลิสไม่มีอะไรแน่นอนนี่ก็ตามกลับมาด้วยเพราะอยากเจอครีมนะ” ผมมองหน้าน้อง น้องพยักหน้า
“ทำไมถึงโทรหาพี่หล่ะ หืม” น้องเงียบซักพักก่อนจะกุมมือผมแน่นและเอนหัวมาพิงผม
“ก็ คิดถึง อยากได้ยินเสียงพี่ภาม คิดถึงมากๆ” พอได้ยินคำตอบจากปากน้อง ผมก็ยิ้มจนหน้าบานทันที
“ครีมครับ ไม่ชอบใช่ไหมที่พี่มีข่าวกับผู้หญิงคนอื่นบ่อยๆ” น้องเงยหน้ามาสบตาผมก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“แต่ พี่ภามไม่อยากให้ครีมตกอยู่ในอันตราย ครีมเข้าใจ ถ้าพี่ภามอธิบายให้ครีมฟังแบบนี้นะ” ผมก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากน้อง
“ถ้ารู้ว่าอยู่กับพี่มีอันตราย ครีมจะยังอยู่กับพี่ไหม” ผมคิดทบทวนมาแล้ว ทบทวนมาตลอดความรักของผมมันน่ากลัวนะเพราะถ้าผมรัก คนที่ผมรักก็จะไม่ปลอดภัยศัตรูที่มากมายที่สะสมมาตั้งแต่รุ่นพ่อของผมนั้นต่างก็จะจับจ้องทำลายทุกความรัก ความหวังของตระกูลผมให้สิ้นซาก เหมือนที่พ่อของผมต้องสูญเสียแม่ไป  แม่จากผมไปนานแล้วตั้งแต่เมื่อผมอายุ15 แม่จากไปเพราะไม่อยากทนอยู่กับพ่อที่นำอันตรายมาหาตัวเอง  แม่จึงตัดสินใจจากพ่อไปแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่แม่มั่นใจว่าจะไม่ทำให้ชีวิตของแม่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบพ่อ  ผมนั่งมองแม่จากไปพร้อมกับพ่อที่กอดผมแน่นนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพ่อร้องไห้  ผมโกรธแม่ที่เห็นแก่ตัว แต่เมื่อเติบโตขึ้นผมก็เข้าใจว่าทุกคนต่างก็มีสิทธิ์เลือก  แม่ก็แค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ผมก็แค่ไม่ได้ถูกแม่เลือก แต่พ่อเลือกที่จะเลี้ยงดูผมให้ผมเป็นกล่องดวงใจของพ่อ และเพราะความรักของพ่อที่ทำให้มีผม ครั้งที่สองที่ผมเห็นน้ำตาของพ่อคือวันที่พ่อถูกลอบยิงจนอาการสาหัส พ่อที่ร้องไห้และได้แต่พูดว่าไม่สามารถปกป้องผมได้อีกแล้ว ผมที่เป็นดวงใจของพ่อ  นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นน้ำตาของพ่อ จากวันนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนทันที ผมต้องอดทนและต่อสู้เพื่อให้ธุรกิจของพ่อยังอยู่ทำทุกอย่างให้ธุรกิจมั่นคงและที่สำคัญคือการกำจัดศัตรูทุกคนให้สิ้นซากไม่มีความเชื่อใจมอบให้ใคร เมื่อไหร่ก็ตามที่มีสิ่งสำคัญจะต้องกำจัดออกชีวิตเพราะถ้าผมมีสิ่งสำคัญผมจะต้องเจ็บปวดเหมือนพ่อ และผมคิดว่าทุกคนรักชีวิตของตนเองเหมือนแม่ของผม ไม่มีหรอกคนที่จะยอมเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับผมที่มีศัตรูรอบด้าน  ถึงจะมีเงินปรนเปรอความสุขแต่นั่นมันก็แค่ชั่วคราวเงินมันซื้อชีวิตคนที่ตายให้กลับมาไม่ได้และคงไม่มีใครอยากจะตาย...ผมจึงต้องถามน้อง ถามเพื่อให้มั่นใจว่าคนคนนี้ จะอยู่กับผมแม้จะรับรู้ว่าทางข้างหน้าอาจมีลูกกระสุน ระเบิดหรืออะไรก็ตามที่คร่าชีวิตรออยู่  ผมอยากมั่นใจ  น้องเงยหน้าจ้องตามองมาที่ผม สายตาของน้องดูแน่วแน่ มือของน้องที่เล็กกว่าผมค่อยลูบไล้ที่หน้าของผมก่อน แล้วมือทั้งสองข้างก็โอบกอดผมอย่างแนบแน่น
“ครีมบอกไม่ให้พี่ภามทิ้งครีม เพราะฉะนั้นครีมก็จะไม่ทิ้งพี่ภามนะ ครีมรู้ว่าอันตรายครีมก็รักชีวิตตัวเองแต่ครีมคิดว่าถ้าพี่ภามรักครีมพี่ภามจะปกป้องครีมจากอันตรายพวกนั้น ถ้าพี่ภามรักครีมอะนะ” เสียงน้องแผ่วลงในประโยคสุดท้ายแต่ภายในห้องที่เงียบแน่นอนว่าผมได้ยินอย่างชัดเจน  คำพูดของน้องเหมือนคำที่ผมรอมาตลอด คนที่จะอยู่กับผม...
“พี่รักครีม ครีมเป็นกล่องดวงใจของพี่” ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นครีมผู้ชายธรรมดา ที่ผมก็แค่คิดจะเล่นๆด้วยในตอนแรกแต่พอได้คุย พอได้อยู่ด้วยความชอบที่มีมันก็เพิ่มมากขึ้นจนรัก รักผู้ชายธรรมดาที่โอบกอดผมคนนี้ ...
______________________________________________________________________________________
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ คนที่คอมเม้นต์เค้าอาจจะไม่ได้ตอบแต่เค้าอ่านทุกคอมเม้นต์นะขอบคุณมากคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 09-06-2013 11:33:17
ชอบอ่านเรื่องสั้นครับ จบเร็วดีไม่ยืดเยื้อ
 :katai2-1: :katai2-1:
ตัวละครมีปมในใจเหมือนผมเลย...555+
 :mew2: :mew2:
จะรออ่านต่อไปนะครับ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 09-06-2013 15:07:24
ก็ดีน่ะ ที่น้องเข้าใจไรง่ายย รักภามมากเลยสิน่ะ อิอิ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง ตอนที่ 12 (9/6/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 09-06-2013 16:15:11
ตอนที่ 12
ครีม

หลังจากค่ำคืนที่ปรับความเข้าใจไป  ตอนนี้ผมก็กลับมาอยู่กรุงเทพเรียบร้อย ผมได้เจอกับพี่อลิสซึ่งมารอเจอผม  ตัวจริงพี่เค้าสวยกว่าในนิตยสารที่ผมเห็นและนิสัยก็น่ารักมากจนทำให้ผมสนิทกับพี่อลิสได้ไม่ยากจนพี่ภามหมั่นไส้ รีบไล่ให้พี่อลิส
กลับฮ่องกงไป  แต่เมื่อพี่อลิสกลับไปเรื่องก็ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่....
“ครีมครับ ย้ายไปอยู่กับพี่เถอะนะ” ใช่ตอนนี้พี่ภามกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อให้ผมไปอยู่ด้วย ผมก็ปฏิเสธทุกครั้งไปเพราะผมคิดว่ามันเร็วไปก็เพิ่งคบกันมาได้แค่ 4 เดือนกว่าเองแล้วผมก็ไม่คุ้นกับบ้านหลังใหญ่แบบบ้านพี่ภามด้วยแล้วที่บ้านผมอีก ผมเลยปฏิเสธทุกครั้งไป
“พี่ภาม ครีมก็บอกแล้วไงว่าครีมยังไม่พร้อม”
“แล้วเมื่อไหร่ครีมจะพร้อมหล่ะครับ” ผมวางช้อนซ้อมลงบนจาน ใช่ตอนนี้เรากำลังมากินข้าวกันซึ่งไม่ใช่ที่บ้านของพี่ภาม และไม่ใช่ที่ห้องผมแต่เป็นที่ร้านอาหารบรรยากาศดีๆร้านหนึ่งในกรุงเทพนี่แหละ ตั้งแต่วันนั้นที่เราปรับความเข้าใจกันพี่ภามก็ไม่มีข่าวควงกับผู้หญิงที่ไหนอีก ถ้าจะมีก็เป็นข่าวว่าควงหนุ่มน้อยน่ารักซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหนก็ผมเองนั่นแหละ ถึงจะไม่ชอบข่าวนั่นเท่าไหร่แต่ผมก็ต้องตั้งรับเพราะพอจะเดาออกว่าพี่ภามจะเริ่มเปิดตัวผมมากขึ้น แม้ตอนนี้พี่ภามจะไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆเลย แต่สื่อก็ตามข่าวได้ดี พี่ภามกับผมไปไหนก็มีรูปหลุดออกมาอยู่ทุกครั้งไป แต่รูปมันก็ไม่ชัดเท่าไหร่หรอก และแม้ว่าผมจะถูกจับตามองจากนักข่าวหรือมีพวกสังกัดต่างๆมาติดต่อให้ผมทำงานวงการบันเทิงผมก็ปฏิเสธไปอย่างทันที...ผมไม่ได้อยากดัง ผมก็แค่อยากเป็นครีมผู้ชายธรรมดาของพี่ภามแค่นั้นเอง แต่ผมไม่บอกพี่ภามหรอกก็มันน่าอายจะตาย
“ก็เมื่อครีมพร้อมนั่นแหละครับ” ผมดื่มน้ำก่อนจะตอบพี่ภามไป พี่ภามมองผมก่อนจะพูดขึ้น
“พี่อยากไปบ้านครีม” ผมมองหน้าพี่ภาม พี่เค้าก็เป็นแบบนี้ไม่เข้าใจว่ามีเครื่องอ่านความคิดผมรึไง ผมถอนหายใจ ก็นั่นแหละสิ่งที่ผมกลัวนั่นแหละ
“วันเสาร์นี้ถ้าพี่ภามว่าง แล้วก็เผื่อใจซักนิดแล้วกันนะครับ เตรียมทิชชู่ด้วยก็ดี”
“ขู่พี่เหรอครับ”
“เปล่า ครีมให้เตรียมให้ครีมต่างหาก เผื่อครีมร้องไห้ขี้มูกโป่ง” พี่ภามหัวเราะก่อนจะจิบไวน์ ผมได้แต่เบะปากใส่พี่ภามด้วยความหมั่นไส้
.
.
.
.
วันเสาร์
พี่ภามขับรถมารับผม ผมก็บอกเส้นทางไปยังบ้านของผม ผมไม่รู้ว่าผมตัดสินใจถูกไหมกับเรื่องนี้ผมกลัวและกังวลมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยการที่จะเดินเข้าไปเพื่อบอกกับเตี่ยและแม่ว่าแฟนผมเป็นผู้ชาย แต่ผู้ชายที่อยู่ข้างๆผมตอนนี้กับทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาซะเหลือเกิน  ผมบอกทางมาเรื่อยๆ ผมไม่ง่วงซักนิด ใครมันจะกล้าหลับลงกัน  เมื่อร้านอาหารและบ้านอันคุ้นตาเริ่มปรากฏขึ้นใจผมก็เต้นรัวเร็ว มือก็ค่อยๆเย็นลง ผมสูดหายใจเข้าออก จนกระทั่งรถพี่ภามจอดสนิทผมก้าวลงจากรถเดินนำพี่ภามเพื่อเข้าไปในบ้านที่ผมโทรบอกทุกคนแล้วว่าวันนี้ผมจะกลับและอยากให้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเพราะมีเรื่องสำคัญจะบอก ขณะที่กำลังเดินไปมืออุ่นๆของพี่ภามก็คว้ามือเย็นๆจากความตื่นเต้นของผมไปจับ
“พี่อยู่กับครีมตรงนี้นะครับ” เพียงประโยคเดียว แต่ช่วยให้หัวใจที่เต้นรัวเร็วของผมค่อยๆกลับมาเต้นในจังหวะเดิม พี่ภามกลายเป็นฝ่ายเดินนำผมเข้าไปในร้าน ทันทีที่ก้าวเข้าไปทุกสายตาก็จับจ้องมาที่พี่ภามทันทีเพราะคนคนนี้ดูจะสะดุดตาเหลือเกินทั้งรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัว
“ขอโทษนะครับคุณร้านเราเปิด 11 โมงนะครับ” เสียงเฮียของผมเอง
“ขอโทษครับ ผมมากับครีมครับ” พี่ภามเบี่ยงตัวออกเพื่อให้เฮียได้เห็นผมอย่างชัดเจน ผมยกมือไหว้เฮีย เฮียพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองมาที่พี่ภามและมองกลับมาที่ผม แน่หล่ะนั่นเป็นคำถามว่าพี่ภามเป็นใคร
“เข้าข้างในเถอะครีมมีเรื่องจะคุยด้วย เจ้น้ำตาลอยู่ด้วยรึเปล่า” ผมไม่ตอบคำถามเพราะคิดว่าจะบอกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า
“อยู่ มันแลกเวรกับเพื่อน” ผมเดินตามเฮียเข้าไปในร้าน โดยมีพี่ภามเดินตามเข้ามา   เฮียพาเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารซึ่งอยู่ติดระเบียงมองเห็นทะเล มีสายลมเย็นๆพัดผ่านมา ที่โต๊ะอาหารทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเมื่อผมก้าวเดินเข้ามาก็พบว่าทุกสายตาจ้องมองมา ไม่ได้มองมาที่ผมหรอก แต่เป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ด้านหลังผมมากกว่า สายตาทุกคนดูแปลกใจ มีแต่
เจ้น้ำตาลที่ตาโตและอ้าปากค้าง ผมสวัสดีทุกคนบนโต๊ะ พี่ภามก็ทำแบบเดียวกับผม ทุกสายตายังคงจับจ้องมองมาอย่างสงสัย ยกเว้นเจ้น้ำตาลถ้าผมเดาไม่ผิดเจ้ที่ชอบอ่านนิตยสารดารายามว่างน่าจะรู้แล้วว่าเรื่องสำคัญของผมวันนี้คืออะไร ผมมองพี่ภามที่สีหน้ายังคงนิ่งสงบ ผมหันหน้ามามองทุกคนในครอบครัวก่อนจะเอ่ยปากแนะนำคนข้างๆ
“สวัสดีครับ ผมชื่อภาม เป็นแฟนของครีมครับ” ผมกัดปากตัวเองทันที เมื่อพี่ภามแนะนำตัวเองโดยไม่รีรอให้ผมได้เอ่ยปากพูด หลังจากพี่ภามแนะนำตัวทุกคนนิ่งเงียบทันที ผมก้มหน้าลงเพื่อรอคำพูดมากมายที่อาจจะถาโถมเข้ามา
“เพราะคุณมันเป็นเพราะผู้ชายอย่างคุณที่เอาแต่มั่วผู้หญิง จนลูกมันผิดเพศแบบนี้” เสียงแม่เอ่ยต่อว่าพ่อ ผมเงยหน้าขึ้นทันที
“คุณมันก็ดีแต่โทษคนอื่น ไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยเลย ถ้าคุณไม่บ้าผลาญเงินมีเวลาดูลูกลูกมันจะเป็นแบบนี้ไหม วันๆคุณทำอะไรบ้างนอกจากจะเอาเงินไปผลาญซื้อบ้าบออะไรของคุณ” เตี่ยหันกลับไปตวาดแม่ทันที ผมมองภาพตรงหน้าหัวใจราวกับเหมือนจะหยุดเต้น น้ำตารื้นขึ้นมาทันที เพียงเพราะผมตัดสินใจบอกทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน
มือใหญ่คว้ามือของผมเข้าไปกุมทันที
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยถ้าคุณมีเวลาให้ฉันไม่เที่ยวไปกกผู้หญิง คิดว่าฉันจะต้องออกไปหาความสุขนอกบ้านไหม”
“แล้วถ้าคุณมันไม่เอาแต่บ้าเงิน บ้าวัตถุคุณคิดว่าผมจะออกไปหาผู้หญิงพวกนั้นไหม”
“หยุดซักทีเถอะครับ” เสียงที่ดูมีอำนาจของพี่ภามเอ่ยขึ้นอย่างเฉียบขาดซึ่งหน้าแปลกที่เตี่ยกับแม่หยุดการทะเลาะลง สายตาสองคู่หันมามองที่พี่ภาม
“ออกไปจากบ้านผม ส่วนแกครีมไปลาออกจากงานที่กรุงเทพแล้วกลับมาบ้าน” เตี่ยหันมาสั่งอย่างเฉียบขาด แต่มือของพี่ภามก็ยังคงกุมมือผมไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยออก
“ทำไมแกถึงทำแบบนี้ครีม ทำไมแกต้องผิดเพศ” แม่ผมมองมาที่ผมด้วยสายตาว่างเปล่า
“เตี่ย แม่ใจเย็นๆก่อนนะคะ” เจ้น้ำตาลพูดขึ้น
“หุบปากแกไปน้ำตาล แกก็อีกคน แกทำไมไม่ดูแลน้อง แกมันเป็นพี่สาวภาษาอะไร แกด้วยตาข้าวแกมันเป็นพี่ชายคนโตทำไมไมรู้จักสั่งจักสอนน้อง” แม่หันไปต่อว่าเจ้น้ำตาลกับเฮีย เจ้น้ำตาลกัดปากทันที ส่วนเฮียจ้องมองมาที่ผมที่ยังคงยืนนิ่ง
“ผมสอนน้องเสมอว่าถ้ามีความรักก็ให้มันดูแลรักของมันให้ดี เมื่อโกรธให้คุยกันอย่าทะเลาะ อย่าเป็นเหมือนเตี่ยกับแม่” เฮียข้าวพูดขึ้น เจ้น้ำตาลน้ำตาไหลลงมาทันทีที่เฮียพูดจบ เตี่ยกับแม่ยืนเงียบ เตี่ยหันมามองผมก่อนจะพูดขึ้น
“รักแบบพวกแกฉันจะคอยดูว่ามันจะไปได้ไกลซักกี่น้ำ จำไว้นะถ้าวันไหนแกซมซานกลับมาฉันจะรอตอกย้ำแกอยู่ครีม” เมื่อเตี่ยพูดเสร็จก็เดินออกไปทันทีไม่หันกลับมามองอีกเลย เหลือแม่อีกคนที่มองมาที่ผม
“เป็นเพราะฉันเลี้ยงแกไม่ดีสินะ” แม่พูดออกมาทั้งน้ำตา จนทำผมสะท้อนใจ
“ไม่ใช่ แม่ครีม ครีมผิดเอง” ผมรีบเข้าไปจับแขนแม่
“หึ ช่างมันเถอะยังไงฉันก็ขอให้แฟนแกไม่เจ้าชู้มักมากเหมือนเตี่ยแกแล้วกัน” แม่หันไปมองหน้าพี่ภามก่อนจะเดินออกไปอีกคน ผมยืนปล่อยให้น้ำตาไหล พี่ภามเดินเข้ามาโอบกอดผม เจ้น้ำตาลเดินเข้ามาตรงหน้าผม ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ภามเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีฝ่ามือเล็กๆของเจ้น้ำตาลก็ตวัดลงบนใบหน้าของพี่ภาม
“นี่สำหรับข่าวคาวมากมายของนายที่ทำให้น้องฉันเสียใจ” เจ้น้ำตาลพูดเสร็จก็หันกลับมาหาผมก่อนจะคว้าตัวผมไปกอด
“ครีมฉันยังเป็นเจ้แกเสมอนะ แกกล้าหาญมากวันนี้ที่เดินเข้ามาบอกความจริงกับทุกคนที่บ้าน มีอะไรก็โทรมาหาเจ้นะ”
ผมกอดเจ้น้ำตาลก่อนปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา เมื่อเจ้น้ำตาลคลายอ้อมกอดออกผมก็เห็นเฮียข้าวยืนอยู่ ผมปาดน้ำตาออก เมื่อเฮียก้าวเข้ามา
“เจอแล้วนะครีมความรักของครีม ดูแลมันให้ดี อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดเข้าใจมั้ย” ผมพยักหน้ามืออุ่นๆของเฮียลูบลงที่หัวของผม ผมเงยหน้าขึ้นมองเฮียก่อนจะพบว่าตอนนี้พี่ภามเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณนะครับ” พี่ภามพูดกับเฮียข้าวและเจ้น้ำตาล
“ผมไม่ได้มองความรักของพวกคุณผิดเข้าใจไหม ผมรู้ว่าความรักแบบพวกคุณนั้นน่าสงสารขนาดไหน มีคนอีกมากที่ไม่เข้าใจอย่างเตี่ยผม ทุกคนมักจะมองว่าความรักแบบนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนซักวันต้องเลิกกัน แต่ก็อย่างที่คุณเห็นสภาพครอบครัวของผมว่าถึงจะเป็นความรักแบบผู้ชายกับผู้หญิงที่ถูกต้องที่ทุกคนยอมรับ แต่มันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันเลยว่าความรักแบบนี้จะมีความสุข การมีลูกไม่ได้แปลว่าจะทำให้คนสองคนรักกันมากขึ้น อย่างที่คุณเห็นพวกเค้าไม่เคยหยุดทะเลาะกันเลยตั้งแต่วันที่มีผมจนกระทั่งวันที่มีครีม พวกเค้ามีลูกเหมือนเป็นเครื่องที่ผูกรั้งพวกเค้าทั้งสองคนไว้ไม่ให้แยกทางกันในแง่ของสังคมและร่างกาย แต่ในแง่ของความรู้สึกผมคิดว่ามันไม่เหลือแล้วหล่ะ สำหรับผมบางทีการแยกกันอยู่แต่ยังมีความรู้สึกรักกันมันคงทรมานน้อยกว่านี้  ความรักแบบของคุณมันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความรักแท้ที่ต้องใช้หัวใจรักเพื่อผูกมัดกันและกันมีอยู่จริง” เฮียข้าวพูดก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่พี่ภามเบาๆ
“น้องผมอาจจะกลัวความรักเพราะสภาพครอบครัวที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ผมคิดว่าคุณจะช่วยรักษานิสัยนี้ของเค้าได้ ฝากด้วยหล่ะ”
“ผมจะไม่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ครีมเสียใจ เพราะในบางครั้งเราก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันและทำให้ครีมต้องร้องไห้ แต่ผมจะสัญญาว่าในทุกครั้งที่ครีมร้องไห้ผมจะเป็นคนที่เช็ดน้ำตาให้ครีม ในเวลาที่ครีมอ่อนแอผมจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างครีมและโอบกอดครีม ผมจะทำให้เห็นว่าความรักของผมก็ทำให้ครีมมีความสุขไม่ได้น้อยไปกว่าความรักของชาย-หญิงที่คนตีตราว่าถูกต้องเหมาะสม”
เฮียยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในร้านเพื่อเตรียมตัวเปิดร้านอาหาร เจ้น้ำตาลเดินเข้ามาจูงมือผมกับพี่ภามเพื่อไปส่งที่รถที่จอดอยู่นอกร้าน
“มีความสุขกับความรักครั้งนี้นะครีม เรื่องของเตี่ยกับแม่เจ้ว่าตอนนี้เตี่ยกับแม่คงไม่สนใจหรอก ก็อย่างที่รู้นั่นแหละ กลับมาหาเจ้บ้างหล่ะ เหมือนฉันมาส่งแกเข้าหอลงเรือนเลยนะเนี่ย” เจ้น้ำตาลยิ้มกว้างก่อนจะหันไปหาอีกคน
“คุณภาม หวังว่าฉันคงไม่เห็นข่าวของคุณกับผู้หญิงที่ไหนอีกนะคะ” พี่ภามยิ้มรับ
“เรื่องนี้คงต้องขึ้นอยู่ที่ครีมแล้วครับ ถ้าครีมมาอยู่กับผมผมก็คงไม่ต้องมีข่าวกับผู้หญิงพวกนั้นหรอกครับ” ผมถลึงตาใส่คนที่หันหน้าไปพูดออดอ้อนเจ้น้ำตาลอยู่โดยลืมไปแล้วว่ารอยแดงจางๆบนใบหน้านั้นมาจากฝ่ามือของคนที่ตนเองกำลังอ้อนอยู่
“นี่ครีมแกทำไมไม่ไปอยู่กับคุณภามเค้าฮะ เดี๋ยวเหอะแกอย่าปล่อยเชียวนะผู้ชายแบบคุณภามนี่มีผู้หญิงรอจะงาบเค้าอยู่ทั่วประเทศนะยะ ไปเลยนะกลับไปแกย้ายข้าวย้ายของไปอยู่กับคุณภามเลย หัดหวงแล้วก็ยั่วยวนเอาอกเอาใจซะบ้างผัวจะได้รักได้หลง” ผมหน้าเหวอทันทีที่โดนเจ้น้ำตาลเทศนาเรื่องนี้ ในขณะที่พี่ภามผมดูออกว่ากำลังกลั้นหัวเราะอยู่ก็นัยน์ตาสั่นระริกขนาดนั้น

เมื่อขึ้นรถมาทั้งผมและพี่ภามต่างนิ่งเงียบ
“ที่พี่สาวเราพูดหมายความว่ายังไงเหรอครีม ที่บอกว่าเตี่ยกับแม่เราเค้าไม่สนใจหน่ะ” ผมมองไปยังถนนข้างหน้าที่รถกำลังจอดติดอยู่เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์เป็นวันหยุดทำให้รถค่อนข้างเยอะ
“ก็อย่างที่พี่ภามเห็นคือเตี่ยกับแม่เค้ามะเลาะกัน แล้วคือก็เป็นแบบนี้มานานมากเวลามีเรื่องอะไรเข้ามามันก็เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยนั่นแหละ เรื่องสำคัญคือชีวิตเตี่ยกับชีวิตแม่ เพราะเดี๋ยวเตี่ยก็ออกไปหาผู้หญิงข้างนอกอยู่ดี ส่วนแม่เดี๋ยวก็คงออกไปหาความสุขในแบบของแม่นั่นแหละ”
“บางที่พี่ก็สงสัยว่าระหว่างการเลิกกันไปกับการอยู่แบบนี้แบบไหนเจ็บปวดกว่ากัน”
“ผมก็เคยคิดแบบนี้ เมื่อก่อนเตี่ยกับแม่เค้าก็จะแยกทางกันแต่เฮียข้าวเป็นคนขอไว้ เตี่ยกับแม่ก็อยู่กันมาแบบนี้ แต่ผมก็คิดนะว่าบางทีทั้ง2คนอาจจะยังรักกันอยู่นิดๆหล่ะมั้งแต่มันก็มักจะมีความคิดอีกอันแทรกเข้ามาว่าถ้ารักกันแล้วทำไมถึงทำร้ายกันแบบนี้ผมก็ไม่เข้าใจ” พี่ภามเลื่อมมือมากุมมือผมไว้
“เตี่ยครีมเคยพาผู้หญิงมาบ้านไหม”
“ไม่เคยหรอกส่วนใหญ่เตี่ยก็ออกไปเที่ยวตามพวกผู้หญิงหากินหล่ะมั้งผมก็ไม่รู้ แต่ไม่เคยมีหรอกที่จะพาเข้าบ้านหรือจะมาอาละวาดใส่แม่ครีม”
“ครีมมีน้องที่ไหนอีกไหม”
“ครีมว่าไม่มีนะ เพราะมันเงียบสงบมานานมากตั้งแต่ครีมเกิดจนตอนนี้ครีมอายุ23 ครีมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมาพูดว่าเป็นน้องครีมเลยนะ พี่ภามถามทำไมเหรอ”
“พี่แค่คิดว่าบางทีเตี่ยครีมเค้าก็อาจจะมีแนวทางความรักในแบบของเค้านะ ครีมเคยได้ยินไหมนอกกายแต่ไม่เคยนอกใจ”
ผมพยักหน้าก่อนจะเข้าใจในสิ่งที่พี่ภามบอก
“แต่ก็เจ็บอยู่ดี พี่ภามจะทำแบบนี้กับครีมไหม” เมื่อถามออกไปผมแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองนี่ถามบ้าอะไรออกไป รถนี่ก็จะติดนานเกินไปไหม
“ทำสิ ทำแต่กับครีมคนเดียวทั้งร่างกายและหัวใจ ครีมก็ช่วยทำกับพี่จนพี่ไม่สามารถนอกกายครีมได้เลยนะครับ” เสียงกระซิบที่ข้างหูจนผมขนลุกกับริมฝีปากอุ่นๆที่ประทับลงมาบนแก้ม ทำให้ผมรู้สึกเขินจนอยากจะละลายไปตรงนี้เลย ประโยคฟังดูชวนผมเสียตัวแบบแปลกๆ
.
.
.
.
ผมตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าเราเข้าสู่กรุงเทพแล้ว
“เดี๋ยวแวะกินข้าวกันก่อนะครีม” ผมพยักหน้าเพราะนี่มันก็เที่ยงแล้ว พี่ภามพาผมเข้าร้านอาหารเป็นร้านอาหารซึ่งบรรยากาศดีและตกแต่งสบายๆ
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วไปคอนโดครีมนะครับ ครีมจะได้เก็บของ” ผมเหลือบตามองพี่ภาม
“เอาจริงดิ”
“ครีม” พี่ภามทำเสียงดุทันที
“ก็...”
“ก็อะไรครีม เรื่องครอบครัวครีมเราก็เดินไปบอกแล้วว่าเราคบกัน ยังเหลือเรื่องอะไรอีกครีม บอกพี่มาพี่จะเครียร์ให้หมด”
“ครีม...ถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว แล้ววันหนึ่งพี่ภามเบื่อครีมหล่ะหรือ หรือพี่ภามอาจจะ...”
“ครีม ไม่กลัวไปก่อนนะ ครีมคิดว่าความรักของพี่หมดอายุง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็จะไปรู้เหรอ ขนาดเตี่ยกับแม่ครีมยัง...”
“ครีม พี่ไม่ใช่เตี่ยกับแม่ของครีม พี่คือพี่ คือผู้ชายคนหนึ่งที่รักครีมอยากอยู่กับครีมเข้าใจมั้ย ครีมอาจจะกลัวเพราะมุมมองความรักของครีมติดลบ แต่สำหรับพี่มันอาจจะไม่ติดลบแต่มันก็เจ็บปวดเพราะการสูญเสีย พี่แค่ไม่อยากเสียครีมไป”
“ครีมขอโทษ พี่ภามเบื่อครีมมั้ย ครีมงี่เง่าวะ”
“ถ้าเบื่อพี่จะนั่งอธิบายอยู่ตรงนี้เหรอครับ ครีมคิดอะไรก็พูดออกมา สงสัยก็ถามพี่อย่าวิ่งหนีพี่เข้าใจไหม อย่าทำร้ายพี่ด้วยการทอดทิ้งพี่ให้จมอยู่กับคำถามว่าทำไมครีมถึงหายไป” ผมมองพี่ภาม  พี่ภามกลัวการสูญเสีย ไม่อยากมีของสำคัญหรือของรักเพราะมันเจ็บปวดที่ปกป้องไม่ได้ และเจ็บปวดกับการถูกทอดทิ้งให้เดินคนเดียวบนเส้นทางแสนอันตราย ผมรู้เรื่องพวกนี้เพราะพี่ภีมกับพี่ภูและพี่อลิสพูดให้ผมฟัง เราทุกคนต่างมีความเจ็บปวดในแบบของตัวเอง คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งถ้าครั้งนี้ผมจะลองเดิมพันดูกับพี่ภาม 
“พี่ภามถ้าครีมหายไป หรือครีมวิ่งหนีพี่อีกก็ช่วยตามครีมกลับมาทีนะ ช่วยทำให้ครีมรู้ว่าพี่ภามรักครีมมากจนไม่อยากปล่อยครีมไปที เพราะครีมก็รักพี่ภาม ครีมจะอยู่กับพี่ภามนะ” ทันทีที่ผมพูดจบพี่ภามก็ยิ้มรับทันที
“หึ อย่าคิดเลยว่าจะได้หนีพี่ไปไหนเลยครีมนับจากนี้....”
______________________________________________________________________________________
 :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-06-2013 16:40:58
รอวันเค้าเข้าหอกัน ฮิ้ววววววววววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง ตอนที่ 13 (9/6/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 09-06-2013 21:09:05
ตอนที่ 13“ครีมมาอยู่กับพี่แล้วครีมจะแยกห้องนอนทำไมหล่ะ” ผมเบะปากใส่พี่ภาม ก่อนจะหันหลังเดินหนีคำถามของพี่ภาม ตอนนี้ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของพี่ภามได้เกือบจะ 2 อาทิตย์แล้ว และแน่นอนว่าผมตกลงว่าถึงผมจะย้ายเข้ามาแต่ผมจะนอนแยกห้องกับพี่ภาม ถ้าพี่ภามไม่ยอมผมก็จะไม่ย้ายเข้ามาเพราะมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรบ้านพี่ภามหลังใหญ่มากห้องนอนมีตั้งหลายห้อง ห้องนอนของผมก็อยู่ติดกับห้องของพี่ภามนั่นแหละ แต่ตั้งแต่เข้ามาอยู่พี่ภามก็ยังไม่ลดความพยายามที่จะให้ผมไปนอนห้องเดียวกันกับพี่ภามให้ได้ แต่ผมก็ปฏิเสธทุกครั้งนั่นแหละ ก็ใช่ว่าจะเล่นตัวอะไร แต่คือคุณช่วยเข้าใจผมก่อนว่าการนอนห้องเดียวกันมันก็ต้องไม่ใช่แค่นอนอย่างเดียว แล้วถึงผมจะมีประสบการณ์ทางด้านนี้มาบ้างแต่ผมไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการรับนะ ไม่รู้แหละผมขอตั้งหลักก่อน
“ครีมครับ ครีมครับ ครีมมมมมมมมมม” ผมถอนหายใจ ก็ตั้งแต่มาอยู่กับพี่ภามมานี่ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะหมั่นไส้ผู้ชายตัวโตนี่ขึ้นทุกวัน ทำไมนะเหรอ ดูกันเองเหอะ
“ครีมพี่อยากกินบัวลอยไข่หวาน ครีมทำให้พี่กินนะ นะ นะ เนี่ยไอ้ตัวเล็กมันก็อยากกินดูสายตามันสิเว้าวอนน่าสงสารมากเลยนะครีม” ผมหันไปมองไอ้ตัวเล็กที่นอนอืดอยู่ข้างโซฟา เมื่อมันเห็นผมหูมันกระดิกนิดๆก่อนหางจะส่ายไปมา ให้ตายเถอะเหมือนพี่ภามไม่มีผิด คุณเคยได้ยินไหมว่าสัตว์เลี้ยงจะเหมือนเจ้าของผมหล่ะเชื่อเลย อ่อแล้วตอนนี้ผมกับไอ้ตัวเล็กนี่ก็เริ่มดีมากขึ้นผมไม่กลัวมันมากเท่าไหร่เพราะมันเหมือนพี่ภามนั่นแหละ แต่ถ้าผมเจอหมาตัวอื่นผมก็ตกใจกลัวอยู่ดีนะ
“พี่ภามไอ้ตัวเล็กของพี่ภามนั่นมันอ้วนตัวใหญ่จะเท่าพี่อยู่แล้วนะ นี่ก็จะวิ่งไม่ไหวแล้วนะพี่ควรจะคุมอาหารให้มันได้แล้ว” ผมพูดจริงนะมันเป็นหมาที่ตัวใหญ่มาก พอผมพูดจบพี่ภามก็สะบัดก้นใส่ผมเดินไปหาไอ้ตัวเล็กที่กระดิกหางรออยู่
“ดูสิตัวเล็กคนอะไรใจร้าย ให้มานอนด้วยก็ไม่ยอมมานอนด้วยจะรู้ไหมว่าภามน้อยเหงาจนจะเหี่ยวตายแล้ว ภามน้อยน่าสงสารเน๊าะตัวเล็ก แล้วนี่แค่ขอให้ทำบัวลอยให้กินก็มาว่าเราสองคนอ้วนอะตัวเล็ก ” นี่แหละๆๆๆๆตัวตนพี่ภามเค้าแหละคุณคิดว่ามันน่าหมั่นไส้ไหมหล่ะ ไปพูดเสียงเศร้าอยู่กับไอ้ตัวเล็กประจำเวลาผมขัดใจ  แล้วพอตัวเล็กมันได้ยินเสียงเจ้าของมันทำเสียงเศร้าๆ หางมันก็ลู่ลงหูตกลง ตาแป๋วๆจ้องมองมาที่ผมราวกับผมเป็นคนทำให้เจ้านายมันเศร้า ผมนี่อยากจะเอาหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่ไปเคาะกระโหลกทั้งคนทั้งหมาเลย
“พี่ภามหยุดเลยนะ ตัวก็โตทำบ้าอะไรไม่น่ารักซักนิด เดี๋ยวครีมจะไปทำบัวลอยให้เอาไอ้ตัวเล็กภรรยาพี่ออกไปออกกำลังกายซะบ้างเหอะ” แล้วผมก็ทำตามที่พี่ภามออดอ้อนเสมอแหละ คนที่น่าโมโหคือตัวผมเองนี่แหละ
ผมเข้าครัวมาทำบัวลอยก็พบว่าอุปกรณ์ต่างๆเตรียมไว้เรียบร้อยโดยแม่บ้านของพี่ภามนั่นแหละ  ผมก็ลงมือทำบัวลอยไข่หวานมะพร้าวอ่อนให้พี่ภามใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมงบัวลอยไข่หวานก็เสร็จเรียบร้อย ผมเดินออกมาตามพี่ภามที่สวนหน้าบ้าน พี่ภามที่กำลังวิ่งเล่นกับไอ้ตัวเล็กเป็นภาพที่ผมชอบมากเพราะพี่ภามหัวเราะอย่างมีความสุข ผมยืนมองภาพนี้อยู่พักใหญ่ พี่ภามเหมือนจะรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่ก็หันมาหาผม ผมยิ้มให้พี่ภาม พี่ภามวิ่งเข้ามาหาผมในแวบแรกผมเห็นว่าพี่ภามมีหูกับหางโผล่ออกมา ให้ตายเหอะนับวันพี่ภามจะเริ่มเหมือนไอ้ตัวเล็กขึ้นทุกที แต่เมื่อพี่ภามวิ่งมาแน่นอนไอ้ตัวเล็กหมาร่างยักษ์ก็วิ่งตามเจ้าของมาทันที  ให้ตายเถอะ
“พี่ภามหยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ” ผมตะโกนออกไปทันที แต่นั่นอาจจะเป็นความผิดพลาดเพราะทันทีที่ตะโกนออกไปพี่ภามก็หยุดวิ่งทันที แต่ไอ้ตัวเล็กกลับเบรกแตกแล้วสิ่งที่ผมคิดไว้ก็เป็นดังคาด
อึก! ไอ้ตัวเล็กที่โถมทั้งตัวใส่ผมจนผมล้มลงไปนอนแผ่กับพื้นหญ้า โอ๊ยผมอยากจะบ้า
“ไอ้หมายักษ์! ออกไปนะ” ผมพูดพร้อมกับพยายามผลักมันออกแต่อย่างที่บอกมันเป็นหมายักษ์ตัวใหญ่เกือบเท่าเจ้าของถ้ายืนสองขาซึ่งแน่นอนมันตัวใหญ่กว่าผม ทำให้แรงที่ผมผลักมันออกไปมันกลับไม่สะทกสะท้านซักนิด ตอนนี้มันพยายามจะเลียหน้าผมด้วย มันจะกินผมใช่ไหม
“พี่ภามมมมมมมม มาเอาไอ้หมายักษ์เมียพี่พี่ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” เมื่อผมพูดเสร็จพี่ภามที่ยืนหัวเราะอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเดินมาแล้วดึงตัวผมออกมาจากไอ้หมายักษ์ ตัวเล็กบ้าอะไรต่อไปนี้ผมจะเรียกมันว่าไอ้หมายักษ์คอยดู
“นี่คนนี้ต่างหากเมียพี่” พี่ภามพูดก่อนจะก้มลงหอมที่แก้มผม
“ขอโทษนะพี่ภามแก้มผมตกเป็นของไอ้ตัวเล็กเรียบร้อยแล้ว ตรงที่พี่หอมพอดีเลย” ใช่ไอ้หมายักษ์มันเลียหน้าผมที่เดียวกับที่พี่ภามหอมแก้มเลย =_________=
“ตัวเล็ก กล้าหอมแก้มครีมได้ยังไง ครีมของฉันนะเว้ย ถึงแกจะเป็นหมาฉันก็หวงเว้ยยย” โอ๊ยผมอยากบ้า ผมหันไปมองพี่ภามหันไปดุไอ้หมายักษ์แล้วส่ายหัว นี่แหละพี่ภามแฟนผมเอง
.
.
.
.
ผมขึ้นมาอาบน้ำหลัง แต่งตัวชุดนอนก่อนจะออกจากห้องไปหาพี่ภาม
“พี่ภามเก็บของเสร็จแล้วเหรอ”
“อื้อ ครีมไม่อยากไปกับพี่เหรอ” ผมส่ายหัวทันที พรุ่งนี้พี่ภามจะไปจีนและแน่นอนว่าพี่ภามพยายามที่จะลากผมไปด้วย
“พี่ภามไปทำงานนี่นา จะเอาครีมไปด้วยทำไม ไปกวนพี่เปล่าๆ”
“ไปเป็นกำลังใจให้พี่ไง”
“พอเลยอย่ามาน้ำเน่าพี่ภาม พรุ่งนี้ผมมีงานด้วย คงไม่ได้ไปส่ง ” พี่ภามเริ่มทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ
“คืนนี้ครีมเลยจะมานอนด้วย” หน้าตาที่เหมือนถูกขัดใจก็ยิ้มขึ้นมาทันที เหมือนผมจะเริ่มตาฝาดเห็นหูกับหางโผล่มาอีกแล้ว พักนี้ผมรู้สึกว่าผมจะมองพี่ภามเหมือนหมามากเกินไป พี่ภามควรจะห่างกับตัวเล็กซักพักนะผมว่า
“ไม่ต้องยิ้มเลย แค่นอนนะนอนอย่างเดียวห้ามทำอะไรผมนะ”
“ครับๆ รู้แล้วครับแต่จูบได้นะ นะ” ผมพยักหน้าเบาๆ พี่ภามยิ้มก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟ ผมก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนทันที เมื่อพี่ภามขึ้นเตียงมาก็เข้ามากอดผม ก่อนที่ริมฝีปากจะเลื่อนเข้ามาประทับลงกับปากผม ผมหลับตาลงสองแขนโอบรอบคอพี่ภามก่อนจะเปิดริมฝีปากขึ้นเพื่อให้ลิ้นของเราสองคนได้เกี่ยวพันกัน ผมรู้สึกว่าเราจูบกันนานมาก รู้สึกว่าปากของตัวเองบวมเจ่อนิดเลย กว่าที่พี่ภามจะผละออกไปผมก็แทบจะละลายลงไปกับเตียง ผมกอดพี่ภามก่อนจะหลับไปพร้อมกับเสียงของพี่ภามและร่องรอยอุ่นๆที่หน้าผาก
“ฝันดีนะครับน้องครีมของพี่ภาม”

ผมตื่นนอนมาในตอนเช้าก็พบว่าพี่ภามไม่อยู่แล้ว ผมก็รู้สึกเหงาขึ้นมานิดๆ แต่ก็ช่างเหอะผมก็ยังมีงานที่ต้องทำผมลุกขึ้นกลับห้องก่อนจะแต่งตัวและออกไปทำงานวันนี้ถ่ายที่สตูดิโอในกรุงเทพ ผมต้องรีบออกไปแต่เช้าแม้ว่างานจะเริ่ม10โมงก็ตามเพราะ อย่างที่รู้ว่าในกรุงเทพรถติดมาก และเดี๋ยวนี้พี่ภามก็บังคับให้ผมคอยมีบอดี้การ์ดคุ้มกันไปด้วยทุกที่ด้วย ผมก็ไม่ขัดอะไรเพราะรู้ว่าพี่ภามเป็นห่วง  ผมเดินทางมาถึงที่สตูดิโอ 9.30 น. เมื่อก้าวเข้ามาผมก็ตรงไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อทันที
ไอ้ซีกำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ หันมามองผมที่เดินก้าวเข้ามา ผมยิ้มให้มัน
“เดี๋ยวนี้มึงหน้าตาดูมีความสุขกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะเว้ย”
“เหรอ”
“ไม่ต้องมาเหรอ ไปกันได้ดีไหม เอ้านี่แป้งฝากมาให้” ไอ้ซีพูดพร้อมกับส่งถุงขนาดใหญ่มาให้ผมซึ่งภายในก็คงมีขนมของฝากจากเกาหลีมากมาย
“ฝากขอบคุณแป้งด้วย”
“หึมึงดูของฝากก่อนดีกว่ามึงอาจจะไม่พูดงี้” ผมเลิกคิ้วมองหน้าไอ้ซีก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมานั่งลงที่เก้าอี้แล้วเปิดถุงของฝากแป้งดูซึ่งก็เห็นว่ามีแต่ขนม แต่มีกล่องกล่องหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหญ่อยู่ดูท่าไม่เหมือนขนมเท่าไหร่ ผมหยิบและแกะออกมาดู แพคเกจกล่องทำค่อนข้างหน้ารักแต่มันเป็นภาษาเกาหลีหมดผมอ่านไม่ออก เลยเปิดดูข้างในเลย พบว่ามันเป็นหลอดอยู่ประมาณ 5 หลอดซึ่งหลอดค่อนข้างใหญ่มากหลอดหนึ่ง ผมหันไปมองหน้าไอ้ซีว่ามันคืออะไร
“ก็แป้งเค้าบอกว่ามึงอาจจำเป็นต้องใช้ ไม่เอาน่ามึงอย่ามาทำไร้เดียงสา มึงไปอยู่กับพี่เค้าแล้วก็คบกับพี่เค้ามาเกือบจะสี่ ห้าเดือนแล้วมึงก็น่าจะรู้” ผมยังงงอยู่ดีไอ้ซีมันพูดอะไรของมัน
“อะไรของมึงวะซีมึงพูดมาเลยดีกว่า พูดอะไรอ้อมค้อมอยู่ได้”
“วะ ก็ที่หล่อลื่นไงมึงนี่เวลามึงมีอะไรกับพี่เค้ามึงไม่ใช้รึไง หรือมึงเอาสดเจ็บตายห่า” ผมถึงบางอ้อทันทีว่าไอ้หลอดนี้คืออะไร แล้วที่มี5หลอดนี่ก็เพราะมันคนละกลิ่นกัน อยู่ๆผมก็รู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นมาทันที ก่อนจะปิดกล่องลงและเก็บลงถุง
“กูยังไม่เคยมีอะไรกับพี่เค้า” ผมพูดเสียงเบามากแต่ผมรู้ว่าไอ้ซีมันได้ยินอยู่ดีนั่นแหละ
“ห๊ะ นี่พี่เค้าเป็นพระอิฐพระปูนเหรอวะ ทนมาได้ตั้งสี่ห้าเดือน นี่เค้าไปนอนกับคนอื่นรึเปล่า” ผมส่ายหน้า
“ไม่หรอกกุเชื่อใจพี่เค้า ”
“แล้วทำไมมึงไม่มีอะไรกับพี่เค้าวะ ”
“ก็กูกลัว มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยเป็นฝ่ายรับนี่หว่า แล้วดูจากตัวกูเวลาเทียบกับพี่เค้าแล้วกูก็กดพี่เค้าไม่ลงหรอกวะ”
“มึงนี่น้า กูก็ไม่รู้จะปลอบไงเลยวะประสบการณ์ด้านรับกูก็ไม่เคยวะ มึงกับกูนี่พอจะรู้จักใครบ้างไหมวะที่เป็นฝ่ายรับอะ” ผมกับไอ้ซีพยายามนึก แต่นึกเท่าไหร่ก็ไม่ออก จนกระทั่งประตูห้องแต่งตัวเปิดออก ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวสะอาดเดินเข้ามา ให้ตายสิผมลืมคนนี้ไปได้ไง
“น้องครีมครับ มานานรึยัง แล้วเป็นอะไรไปทำไมหน้าแดงๆไม่สบายรึเปล่า”
“หวัดดีครับพี่ภู คือผมไม่ได้เป็นไรหรอกแค่อากาศมันร้อนครับ” พี่ภูพยักหน้าก่อนจะหันมารับไหว้ไอ้ซี
“พี่จะเข้ามาบอกว่าเดี๋ยววันนี้รอกลับพร้อมพี่นะ ไปกินข้าวด้วยกัน  พี่ภามเค้ากลัวเราเหงาหน่ะ”
“ผมไม่ใช่เด็กซักหน่อย” พี่ภูยิ้มก่อนจะออกไปจากห้อง พวกผมก็ลุกเดินตามไปเพื่อจะได้เตรียมตัวเข้าฉาก
ใช่การถ่ายละครคราวนี้อยู่ภายใต้การกำกับของพี่ภูและพี่ภีม ผมถ่ายเสร็จประมาณบ่าย 4 โมงเย็นพี่ภูเดินเข้ามาบอกว่ารอประมาณ 5 โมงน่าจะเสร็จผมก็นั่งรอไอ้ซีก็กลับไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั่งรอประมาณชั่วโมงกว่าพี่ภูก็เดินมาหาผม
“เสร็จแล้วกลับกันเถอะ” ผมพยักหน้าลุกขึ้นตามไป
“พี่ภูแล้วพี่ภีมหล่ะครับ”
“วันนี้พี่ภีมเค้าต้องบินไปหาพี่ภามของเรานั่นแหละ เห็นว่าต้องถ่ายรูปให้นี่ก็ไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว 2-3 วันคงกลับนั่นแหละ” ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะคิดได้
“ผมว่าไม่ใช่เพราะพี่ภามกลัวผมจะเหงาหรอก พี่ภีมก็น่าจะกลัวว่าพี่ภูจะเหงานะครับ”
“พี่ไม่ใช่เด็กซักหน่อย” พี่ภูหันมามองหน้าผม เราสองคนต่างหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
.
.
.
.
พี่ภูมากินข้าวที่บ้านพี่ภามกับผมสองคน หลังกินข้าวเสร็จผมก็มานั่งดูหนังกับพี่ภู ผมมองไปรอบๆ สายตาเหลือบมองพี่ภูที่ตาจ้องมองจอทีวีอยู่
“ครีมมีอะไรรึเปล่า” ผมกัดปากก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
“คือครีมยังไม่เคยมีอะไรกับพี่ภาม”
“ห๊ะ!” พี่ภูร้องตกใจก่อนจะมองมาที่ผมอย่างทึ่งๆ
“เป็นไปไม่ได้หรอกหื่นๆอย่างพี่ภามจะอดทนมาได้นานขนาดนี้ แล้วน่ารักขนาดนี้รอดมาได้ยังไง” 
“คือผมเป็นคนขอพี่เค้าเอง ตอนนี้ผมก็นอนแยกห้องกันด้วย”
“ฮ่าๆ พี่หล่ะจะสงสารพี่ภามดีไหมเนี่ย” พี่ภูดูท่าจะขำพร้อมกับสะใจนิดๆนะผมว่า
“คือผมกลัวอะ ผมไม่เคย”
“เลยอยากจะถามพี่” ผมพยักหน้า
“เอาตรงๆนะ ครั้งแรกมันเจ็บมากแต่ก็นั่นแหละพี่ภีมเค้าก็อ่อนโยนกับพี่มากตอนหลังๆมันก็มีความสุขดี ตอนแรกพี่ก็กลัวแต่ว่ายังไงเราก็เป็นผู้ชายเหมือนกันทั้งคู่พี่เข้าใจว่าก็ต้องมีอารมณ์กันบ้างถึงพี่ภีมจะมีมากไปหน่อยก็ตาม”
ผมมองหน้าพี่ภูที่หน้าแดงมากตอนนี้แต่พี่ภูก็ยังคงเล่าต่อ
“ครีม สำหรับพี่เซ็กส์กับความรักมันอาจจะคนละเรื่องกันในกรณีที่เรามีเซ็กส์เพื่อระบายความใคร่นะ แต่เมื่อเรามีเซ็กส์กับคนที่เรารักเชื่อพี่นะเซ็กส์กับความรักมันจะไปด้วยกันพี่มีความสุขที่ถูกพี่ภีมกอดทุกครั้ง” ผมพยักหน้ารับรู้พี่ภูหันไปดูทีวีต่อ
“อ่อ พี่ลืมบอกไปว่าถ้าได้ลองครั้งแรกแล้วเดี๋ยวจะติดใจนะครับน้องครีม” ผมหน้าแดงทันที ให้ตายผมรู้สึกว่าพี่ภูของผมคงจะร้อนแรงไม่เบาเมื่ออยู่บนเตียงกับพี่ภีม
_________________________________________________________________________
น้องครีมจะใจอ่อนแล้วนะ แต่พี่ภามไม่อยู่เองนี่นา :mew1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 09-06-2013 21:20:24
 :impress2: :impress2: :impress2:
ผู้แต่งน่ารักมว๊าาาาาาก

อิอิอิ
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-06-2013 22:32:05
ง้นตอนหน้า พี่ภามกลับมา ครีมจัดชุดใหญ่ให้มั้ย  :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 09-06-2013 23:57:23
 :mew1: :mew1:

รอลุ้นน้องครีมอีกคน
พอพี่ภามกลับมา
จับกดแล้วขึ้นคร่อม
เซอร์ไพรซ์ต้อนรับเลยนะฮร๊าฟหฟ

 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง ตอนที่ 14 (11/6/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 11-06-2013 15:12:39
เนื่องจากอาจารย์ยกเลิกคลาสตอนบ่าย เกิดความรู้สึกดีคึกคักเป็นพิเศษเพราะไม่เคยได้สัมผัสชีวิตว่างในยามบ่ายแบบนี้เลย   :-[
เลยเอาอีกตอนมาลงให้ ^^

ตอนที่ 14
หลังจากวันนั้นที่คุยกับพี่ภูไปนี่ก็สามวันแล้ว ตอนนี้ผมกำลังนอนหลับอยู่ในห้องพี่ภาม ใช่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมานอนห้องพี่ภามผมเลยย้ายข้าวของต่างๆมาอยู่ห้องพี่ภามเรียบร้อยแล้ว เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นราวๆ เที่ยงคืน  ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาคว้าโทรศัพท์กดรับ
“ฮัลโหล”
“ครีมนอนแล้วเหรอ”
“ฮะ แต่คุยกับพี่ภามได้นะ” ผมได้ยินเสียงพี่ภามหัวเราะออกมา นี่ก็สามวันแล้วที่ไม่ได้คุยกัน
“งานยุ่งมากไหมครับ”
“ก็ยุ่งครับ วันนี้เหนื่อยมากเลยอยากกินกับข้าวฝีมือครีมจะตายแล้ว อยากนอนกอดครีมด้วยจะได้หายเหนื่อย”
“งั้นก็ตั้งใจทำงานแล้วรีบกลับมาสิครับ ครีมก็คิดถึงพี่ภาม”
“นี่ครีมละเมอรึเปล่าเนี่ย” ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองต้องแดงแน่ๆ
“เปล่าซักหน่อยครีมก็อยากกอดพี่ภามเหมือนกัน”
“ครีม ทำไมทรมานพี่แบบนี้นะ”
“ฮะ”
“พี่อยู่ไกลขนาดนี้ได้ยินแต่เสียงแต่กอดไม่ได้สัมผัสไม่ได้แบบนี้มันทรมานนะครับ” ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้ม
“กลับมาเมื่อไหร่ก็ได้สัมผัสแล้วครับ”
“หึ ถ้าพี่กลับไปคราวนี้พี่จะสัมผัสไม่ปล่อยเลย อย่ามาร้องงอแงที่หลังนะ” ผมหัวเราะก่อนจะคุยกับพี่ภามต่อไปจนกระทั่งเกือบตีหนึ่ง ถึงจะวางสายไป ผมรู้สึกตาสว่างและหิวน้ำเลยลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อดื่มน้ำ ผมออกมาจากห้องพบว่าไฟห้องด้านข้างซึ่งก็คือห้องนอนเก่าผมนั้นยังเปิดไฟอยู่ ใช่พี่ภูมานอนที่นี่กับผมจนกว่าพี่ภีมจะกลับมา แต่นี่พี่ภูก็นอนดึกน่าดูเลย สงสัยอาจจะกำลังคุยโทรศัพท์แบบผมอยู่ก็ได้มั้ง ผมเดินผ่านห้องพี่ภูแต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำให้ขาที่ก้าวเดินของผมหยุดชะงักทันที ใจเต้นเร็วขึ้น ผมค่อยๆหันตัวกลับมาที่ประตูห้องที่เปิดไฟอยู่
ใจผมเต้นเร็วมากขึ้นเมื่อมือสัมผัสกับลุกบิดประตู ไม่รู้ว่ามือผมหรือลูกบิดประตูใครเย็นกว่ากัน  ด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ประตูห้องไม่ได้ถูกล็อคไว้ค่อยๆเปิดแง้มออก ผมรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้นราวกับว่าเป็นเด็กที่แอบผู้ใหญ่ทำผิด สายตาของผมมองลอดเข้าไปในห้องภาพที่ผมเห็นทำให้เลือดในตัวผมพุ่งผล่านทันที ร่างกายขาวเนียนของพี่ภู มือข้างหนึ่งของพี่ภูถือโทรศัพท์ อีกข้างกำลังหยอกล้อกับยอดอกสีชมพูที่ชูชัน ก่อนจะค่อยลงมาหยอกล้อกับแกนกลางของร่างกายที่ลุกชูชันสีชมพูที่ส่วนปลายมีน้ำไหลเยิ้มนิดๆเมื่อต้องกับแสงไฟภายในห้อง แต่ภาพที่ทำให้ผมใจเต้นแรงสุดคือพี่ภูที่อ้าขากว้างขึ้นจนเห็นช่องทางด้านหลัง ที่ตอนนี้มีอุปกรณ์ดิลโด้สีชมพูสอดใส่อยู่ มันหมุนควงจนช่องทางด้านหลังสั่นระริก มือที่หยอกล้อกับส่วนหน้าค่อยๆเอื้อมมาจับที่อุปกรณ์ก่อนจะดึงเข้าออก ขาที่อ้ากว้างขึ้น  ใบหน้าหล่อเหลาของพี่ภูตอนนี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่าพี่ภูเซ็กส์ซี่มากจริงๆ
“อื้อ อ๊ะ อา....พี่ภีม...เร็วอีกนิดสิ อ๊ะ เร็วพี่ภีม น้องภูจะถึงแล้วอ๊ะ...” ดูเหมือนพี่ภูจะเพิ่มความแรงของการสั่นสะเทือนไปพร้อมๆกับการดึงเข้าออกจนผมเห็นช่องทางด้านหลังสีชมพูเมื่อพี่ภูดึงออกจนสุดก่อนจะใส่เข้าไปจนสุดทั้งแรงและเร็ว
“อื้ออย่างนั้นแหละ พี่ภีมแรงอีก แรงอีก อ๊ะ น้องภู อ๊ะ อ๊า...” พี่ภูดึงออกจนสุดและกระแทกเข้าไปอยู่สองสามครั้งจนครั้งสุดท้ายที่กระแทกเข้าไปจนสุด แก่นกายด้านหน้าของพี่ภูก็พ่นน้ำสีขาวออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของพี่ภู พี่ภูนอนหอบหายใจทั้งที่ดิลโด้ยังคงคาอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง ผมปิดประตูลงอย่างเบามือก่อนจะเดินกลับห้อง ลืมไปว่าจุดหมายของตัวเองคือการลงไปกินน้ำ เมื่อล้มตัวลงนอนมือก็ค่อยๆเลื่อนไปสัมผัสด้านล่างของตัวเองที่แข็งขืนขึ้นมาตั้งแต่เห็นภาพการเล่นเซ็กส์โฟนของพี่ภู มือของผมรูดรั้งแกนกลางร่างกายขึ้นลง เมื่ออยู่บนเตียงนอนของพี่ภามผมรู้สึกได้ว่าตัวเองได้กลิ่นของพี่ภาม ไม่นานน้ำสีขาวก็ไหลออกมาเปรอะเปื้อนกางเกงและมือของผม ผมนอนหลับไปโดยไม่ได้ใส่ใจน้ำสีขาวที่เปรอะที่มือหรือกางเกง...
.
.
.
.
ในตอนเช้าผมรู้สึกว่ามีอะไรมากวนอยู่ที่บริเวณแก้มและปาก ผมยกมือขึ้นปัดออก แต่กลายเป็นว่ามีอะไรอุ่นๆชื้นๆมาเลียไล้ที่มือที่ผมยกขึ้นปัด เดี๋ยวก่อนมือที่ผมใช้ปัดเป็นมือเดียวกับที่ผมใช้เมื่อคืนแล้ว ผมก็ยังไม่ได้ล้างมือ ผมลืมตาพรึ่บขึ้นมาทันที ภาพตรงหน้าทำให้ใจผมเต้นแรงทันที พี่ภูที่กำลังส่งสายตาร้อนแรงมาที่ผม พร้อมกับลิ้นที่กำลังเลียไล่ไปตามนิ้วของผมที่มีคราบสีขาวติดอยู่  พี่เลียจนพอใจก็ปล่อยมือผมลง
“บอกพี่ทีสิครับว่าระหว่างที่ทำแบบนี้ คิดถึงพี่รึเปล่า ทำไมไม่ทำตอนคุยกับพี่หล่ะครับ” พี่ภามพูพร้อมกับลูบไล้ไปที่แก่นกายของผมที่ตอนนี้แข็งขึ้นมาแล้ว
“ถ้าไม่ตอบแบบนี้พี่จะคิดว่าครีมคิดถึงคนอื่นนะครับ” ผมกัดปากเมื่อพี่ภามล้วงมือเข้าไปในกางเกงแล้วหยอกล้อกับส่วนล่างของผม
“อื้อ พี่ภามอย่าแกล้งครีมนะ”
“ตอบก่อนสิ”
“ก็คิดถึงพี่ภาม บนเตียงก็มีแต่กลิ่นพี่ภาม ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา อ๊ะหยุดก่อน” ผมเอามือจับมือพี่ภามไว้ พี่ภามก็หยุดมือไว้
“แล้วคึกเพราะคุยกับพี่เหรอ”
“เปล่า อ๊ะ” พี่ภามรูดรั้งของผมขึ้นเร็วพร้อมกับกรีดเล็บลงบนส่วนปลายจนผมเสียวแปล๊บ
“คึกเพราะใคร” เสียงพี่ภามไม่พอใจถามผมทันที
“อ๊ะ ก็ อื้อ พี่ภู อ๊ะ อ๊ะ พี่ภามฟังก่อนสิ อ๊าครีมจะถึงปล่อยนะ” พี่ภามรูดขึ้นลงอย่างรวดเร็วจนผมรู้สึกจะปลดปล่อยออกมาแต่เมื่อผมกำลังจะถึงขีดสุดนิ้วของพี่ภามกดลงที่ส่วนปลายทันที ผมรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ตกลงมาจากที่สูง อึดอัดจนน้ำตาคลอขึ้นมา สายตาผมเว้าวอนพี่ภามให้ปลดปล่อยผม แต่พี่ภามกลับพูดเสียงห้วนๆกลับมา
“ชอบภูมันเหรอ”
“อื้อ ไม่ใช่นะ พี่ภามอย่าเข้าใจผิด ครีมเห็นพี่ภูเล่นเซ็กส์โฟนกับพี่ภีมมันก็เลยเป็นแบบนั้น อ๊า” พี่ภามปล่อยปลายนิ้วที่กดส่วนปลายผมออก น้ำสีขาวก็ไหลออกมาทันที พี่ภามก้มลงมาจูบลงที่ปากผมจูบครั้งนี้มันรุ่มร้อนปลุกอารมณ์จนผมรู้สึกว่าส่วนกลางที่ปลดปล่อยไปแล้วแข็งขึ้นมาอีกครั้ง เสื้อของผมและของพี่ภามถูกถอดออกไปกองที่พื้นอย่างไม่ไยดี ตามด้วยกางเกง ของเราสองคน พี่ภามจูบไล่ที่คอของผมก่อนจะลงมาที่ยอดอกที่ตั้งชูชัน ทันทีที่ปลายลิ้นตวัดรอบๆ ผมก็ครางออกมา
“อ๊ะ ” พี่ภามใช้ฟันขบลงบนยอดอกจนผมต้องงอตัวด้วยความเสียวและเจ็บที่ตีกันอยู่ พี่ภามจูบไล่ลงไปจนกระทั่งถึงแก่นกายของผมก่อนจะครอบปากลงไปแล้วขยับเข้าออกในช่องปากนุ่มๆอุ่นที่เสียดสีทำให้ผมเสียวจนแทบคลั่ง มือขยุ้มหัวของพี่ภาม
“อื้อ พี่ภามพอแล้วครีมจะเสร็จ อ๊ะ อื้อ ” ผมดึงพี่ภามขึ้นมาก่อนจะจูบกับพี่ภามอีกครั้ง พี่ภามลูบไล้มือมาที่ก้นของผม
“อ๊ะ เดี๋ยวนะพี่ภามรอแป็บ” ผมบอกเสียงสั่นก่อนจะดันพี่ภามออกแล้วไปหยิบของในตู้เสื้อผ้าออกมา
“หืม”
“เพื่อนมันซื้อมาฝาก” พี่ภามยิ้มก่อนจะเปิดออกแล้วเทเจลน้ำใสๆลงบนนิ้วของพี่ภาม กลิ่นส้มอ่อนๆลอยออกมา ผมมองแล้วกลืนน้ำลายเพราะตอนนี้ผมเพิ่งได้สังเกตพี่ภามอย่างเต็มตาว่าพี่ภามเป็นผู้ชายที่มีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงสมผู้ชายจนหน้าอิจฉา และขนาดตัวของพี่ภามก็ใหญ่มากกว่าผมจริงๆ โดยเฉพาะแกนกลางของพี่ภามที่ตอนนี้กำลังแข็งเต็มที่และชี้มาทางผมมันใหญ่และยาวจนผมแทบอยากจะวิ่งหนีไปตั้งหลัก ผมเหลือบสายตามามองที่นิ้วมือพี่ภาม
“พี่รักครีมนะ ถ้าครีมอยากให้พี่หยุดพี่จะหยุดตกลงไหม”
ผมมองหน้าพี่ภาม ผู้ชายที่ผมรัก และเป็นผู้ชายที่ผมบอกเองว่าจะเคียงข้างไม่หนีไปไหน ผมส่ายหน้าก่อนจะกอดพี่ภามแน่นๆ
“ครีมอยากเป็นของพี่ภามนะครับ” สิ้นสุดคำพูดของผมพี่ภามก้มลงจูบผมก่อนจะไล้มือลงมาที่ก้นของผมคลึงไปมาแล้วเริ่มแทรกนิ้วที่เต็มไปด้วยเจลแทรกเข้าไปในช่องทางที่แสนคับแคบ
“อึก” ผมกัดลงไปที่ไหล่พี่ภามเมื่อนิ้วแรกของพี่ภามแทรกเข้าไปได้จนสุด พี่ภามหยุดนิ่งก่อนจะค่อยๆจะขยับจนผมรู้สึกว่าไม่เจ็บเท่าไหร่พี่ภามก็เริ่มสอดนิ้วที่สองเข้ามาอีก และเพิ่มนิ้วที่สามเข้ามาจนผมอึดอัดพี่ภามแช่นิ้วอยู่นานก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกหมุนไปมา
“อื้อ อ๊ะ”
“เจ็บไหม” ผมส่ายหน้า พี่ภามขยับนิ้วไปมาภายในจนผมรู้สึกเสียว ผมกอดพี่ภามแน่นก่อนจะจูบพี่ภาม พี่ภามค่อยๆดึงนิ้วออก ก่อนจะจับสะโพกผมยกขึ้นให้อยู่บนตักของพี่ภาม  ผมสัมผัสถึงส่วนของพี่ภามที่แนบลงอยู่กับก้นของผม  พี่ภามจับส่วนนั้นของพี่ภามจ่อกับช่องทางของผมก่อนจะกดส่วนปลายลง เมื่อส่วนหัวเข้าไปได้ผมรู้สึกทั้งเจ็บและแน่นมาก จนน้ำตาไหล พี่ภามมองหน้าผมพร้อมกับขบกรามแน่นจนเห็นเป็นสันขึ้นมา ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองหดรัดของพี่ภามอย่างแนบแน่น
“ครีมครับไหวไหม” ผมกอดพี่ภามแน่น
“ครีมอยากมีเซ็กส์กับพี่ภามนะ” สิ้นสุดคำพูดผมเหมือนกับเป็นการสิ้นสุดความอดทนของพี่ภามเพราะ พี่กดสะโพกผมลงทันที ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อพี่ภามเข้ามาในตัวผมหมด น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้
“ครีมครับ ครีม”
“ฮึก พี่ภามอย่าเพิ่งขยับนะ ครีมเจ็บ เจ็บมากเลย” พี่ภามพยักหน้าจูบปลอบประโลมผมพร้อมกับมือที่หยอกล้อกับแกนกลางของผมที่สงบนิ่งจากความเจ็บให้แข็งขึ้นมา  ผมรู้สึกว่าความเจ็บค่อยๆบรรเทาลง มันอึดอัดมากตอนนี้
“พี่ภาม ขยับเถอะ”
พี่ภามอุ้มผมวางลงบนเตียงก่อนจะจับขาผมขึ้นพาดบ่าแล้วเริ่มขยับเข้าออก จากที่รู้สึกอึดอัดกลายเป็นความเสียวเมื่อพี่ขยับเข้าออก
“อื้อ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ พี่ภาม”
“อ่า ครีม แน่นมากเลย ข้างในครีมกำลังทำให้พี่หลงใหล” พี่ภามพูดพร้อมกับเริ่มกระแทกเข้ามาแรงมากขึ้น มากขึ้นจนผมรู้สึกว่ามีจุดจุดหนึ่งที่พี่ภามกระแทกเข้ามาแล้วทำให้ผมเสียวแทบขาดใจ
“พี่ภาม อื้อ อ๊ะตรงนั้น แรง อีก อะ อ๊ะ” พี่ภามเหมือนจับจุดได้กระแทกลงมาซ้ำๆจนแกนกลางของผมที่ถูกละเว้นไปตอนนี้มีน้ำใสๆไหลเยิ้มออกมาทุกครั้งที่พี่ภามกระแทกโดนจุดจุดนั้น
“พี่ภามครีม ไม่ไหวแล้ว ครีมจะถึง อ๊ะ แรงอีก แรงอีก อ๊ะ  อ๊า” เมื่อพี่ภามกดกระแทกย้ำอย่างแรงจนผมรู้สึกเสียวไปทั้งตัวก่อนจะพ่นน้ำสีขาวออกมาเพื่อปลดปล่อย แต่พี่ภามยังคงสอดใส่เข้ามาอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะเสร็จง่าย
“เปลี่ยนท่านะ” พี่ภามบอกผมที่หอบอยู่ ก่อนจะจับขาผมที่พาดที่ไหล่หมุนกลับลงมาพร้อมกับพลิกตัวผมให้อยู่ในท่าคลานทั้งที่เรายังเชื่อมกันอยู่ ซึ่งการเปลี่ยนท่าแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกภายในถูกหมุนควงจนเสียวมาก อารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยไปเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง พี่ภามจับล็อคที่เอวผมก่อนจะขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่ารอบแรก ก่อนที่พี่ภามจะปลดปล่อยออกมาพี่ภามฉุดแขนผมให้ขึ้นมามือโอบกอดตัวผมพร้อมกับบดขยี้หัวนมทั้งสองข้าง ปากประกบจูบลงมาอย่างร้อนแรงข้างล่างยังคงสอดใส่อย่างต่อเนื่อง รุนแรงจนผมแทบจะล้มหากพี่ภามไม่โอบกอดไว้ ผมเสียวจนแทบขาดใจเมื่อถูกปรนเปรอทุกส่วนไปพร้อมกัน จนต้องปลดปล่อยออกมาอีกครั้งซึ่งคราวนี้เป็นเพียงน้ำใสๆไม่ขาวขุ่นเหมือนครั้งแรก พี่ภามปล่อยปากที่จูบผม
“ครีม อา พี่รักครีม รัก รักนะครับ อา” พี่ภามพูดก่อนจะปลดปล่อยออกมาภายในตัวผม ก่อนเราสองคนจะล้มตัวลงบนเตียงทั้งที่พี่ภามยังอยู่ในตัวผมและพี่ภามก็อยู่ด้านบนจนตัวผมแทบจมลงไปในตียงนุ่มนี่
“อื้อพี่ภาม  ครีมหนักนะ” พี่ภามพลิกตัวขึ้นมานอนหงายพร้อมกับดึงผมมาด้วย ก่อนจะจับสะโพกผมยกขึ้นเพื่อให้เราทั้งสองแยกออกจากกัน ทันทีที่ผมแยกกับพี่ภาม ผมรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกได้ว่าน้ำของพี่ภามไหลออกมาตามขา ผมพลิกตัวหันหน้าเข้าหาพี่ภามที่นอนอยู่ข้างล่าง ก่อนจะจูบที่คางก่อนไล่ไปที่ปากจูบซ้ำๆ ผมชอบจูบกับผู้ชายคนนี้มาก
“ครีมอย่ายั่วพี่แบบนี้พี่ขอร้อง ไม่งั้นครีมเองที่จะเดือดร้อน” ผมยิ้มเมื่อรู้สึกได้ว่าพี่ภามมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งเพราะผมนอนทับส่วนนั้นอยู่  ผมจูบพร้อมกับขบกัดที่หัวนมของพี่ภาม ก่อนจะฝากร่องรอยสีแดงไว้ตามตัวของพี่ภามก่อนจะลุกขึ้นนั่งสะโพกกดลงที่ส่วนกลางของพี่ภามก่อนจะขยับถูไปมา
“อา ครีม” พี่ภามครางพร้อมกับมองหน้าผมด้วยสายตาร้อนแรง
“ครีมยั่วแล้ว พี่ภามจะทำยังไงครับ” ไม่มีคำตอบจากพี่ภามมีแต่เพียงเสียงครวญคราง2เสียงที่เป็นคำตอบภายในห้อง
________________________________________________________________________________
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ คนแต่งคึกคัก อยากให้คนอ่านคึกคักตามกันไป :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 11-06-2013 15:55:57
มี on top เป็นของหวานให้พี่ภามด้วย  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 11-06-2013 16:57:19
กำลังไล่ตามอ่านอยู่นะจ้ะ เรื่องน่ารัก สนุกมากเลย มาอัพบ่อย ๆ น้า ชอบจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 11-06-2013 17:13:03
ยังตามอ่านอยู่นะคะ แต่ยังอ่านยังไม่จบครบเท่าที่ลง จะค่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ
ชอบค่ะ อ่านแล้วสนุกน่าติดตาม เป็นกำลังให้เสมอ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 11-06-2013 18:25:00
 :pighaun: :pighaun:

น้องครี๊มมมมมม...........ร้อนแรงมากอ่าาาาาา

 :m25: :m25:

ปล. ร้อนแรงที่สุดต้องพี่น้องภู....เห็นเงียบๆ....ไม่นึกเลยว่าจะร้อนแรงปานนี้
        พี่ภีมหลงหัวปักหัวปำอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 11-06-2013 18:28:58
ดีมากลูก

แบบนี่สิผัวรักผัวหลง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: ice_spok ที่ 11-06-2013 19:10:15
อ๊ากกก ติดตามครับ ติดตามมม

ครีมเร่าร้อนเหมือนกันนะเนี่ย วุ้วววว

อ่านไปฟินไปอะ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: rabbit-orange ที่ 11-06-2013 19:24:20
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-06-2013 20:28:12
อยากให้อาจารย์ยกเลิกคลาสตอนบ่ายบ่อยๆจัง  :mew4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง ตอนที่ 15 (16/6/2556) จบแล้วคะ ย้ายได้เล้ย^^
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 16-06-2013 19:35:47
ตอนที่ 15 ตอนจบแล้วนะคะ  :mew3:

ภาม
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเย็น มองคนข้างๆที่นอนหลับซุกตัวอยู่ข้างๆผม ผ้าห่มคลุมตัวมีเพียงผมที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่ม
ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างสบายตัวเมื่อได้ออกกำลังกายในร่มผ้าหลังจากห่างเหินมานาน เมื่อเข้ามาในห้องน้ำผมมองสภาพตัวเองในกระจกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ก็ใครจะคิดหล่ะว่าครีมชื่อที่ว่าหวานละมุนนั้นจะร้อนแรงขนาดนี้ ร่องรอยจูบบนตัวผมเป็นสิ่งยืนยันได้ดี บนหัวไหล่มีรอยฟันของครีมอยู่นี่ยังไม่รวมรอยข่วนที่ด้านหลังอีก ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก่อนมองนาฬิกา ผมลงไปบอกแม่บ้านให้เตรียมอาหารเย็นพร้อมกับให้ขึ้นไปจัดการกับผ้าปูที่นอนบนห้องของผม ก่อนจะขึ้นมาปลุกคนนอนหลับ
“ครีมครับ ครีม” ผมปลุกคนที่นอนหลับอยู่
“อื้อ” ครีมห่อตัวเองกับผ้าห่มก่อนจะขยับตัวไปอีกทาง ผมดึงผ้าห่มออกก่อนจะปลุกอีกครั้ง
“ครีมลุกมากินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมานอนต่อนะครับ” น้องที่ถูกผมแย่งผ้าห่มไปตอนนี้มีเพียงร่างกายเปลือยเปล่ากับร่องรอยที่ผมทำไว้เต็มตัวเริ่มนอนขดตัว จนเหมือนแมวไม่สนใจผมอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจอุ้มคนนอนหลับทันที ผมพาครีมเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะวางตัวลงในอ่างน้ำ น้องรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมามองผมก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลง
“อาบน้ำนะครับ”
“อื้อ”  ผมค่อยๆเปิดน้ำใส่และเริ่มทำความสะอาดคนในอ่างที่ยังคงหลับตานิ่งอยู่
“ครีมครับล้างข้างในหน่อยนะ” ผมไม่รอคำตอบรับล้วงเข้าไปในช่องทางของน้องทันที จนน้องลืมตาทันที  น้ำตาน้องไหลออกมาแทบจะทันที ผมล้างเสร็จก็พบว่าน้ำในอ่างจากที่ใสๆก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆ ผมหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะเอามาห่อหุ้มตัวน้องแล้วพาน้องมาวางลงที่เตียงนอนที่เปลี่ยนชุดเครื่องนอนเรียบร้อยแล้ว  น้องยังคงมีน้ำตา  ผมเช็ดตัวให้น้องก่อนจะหาเสื้อผ้าให้สวมใส่
“เจ็บมากไหมครีม” น้องพยักหน้า
“ครีมอยากนอน ให้ครีมนอนนะ”
“กินข้าวกินยาก่อนแล้วค่อนนอนนะครับ” น้องพยักหน้า
ผมเดินมาข้างล่างเพื่อดูว่าแม่บ้านเตรียมกับข้าวเสร็จรึยัง ก่อนจะพบเข้ากับภีมและน้องภู ผมรีบตรงเข้าไปหาน้องภูทันที
“ภู คือ ครีม...” ผมยังพูดไม่จบน้องภูก็ยืนถุงยามาให้ผมทันที ผมเปิดถุงก่อนจะมองน้องภูอีกครั้ง
“ให้ตายเถอะ พี่ภีมกับพี่ภามนี่สมกับเป็นเพื่อนกันจริงๆ น้องอยู่ไหนครับ”
“ข้างบนนอนอยู่” น้องภูไม่พูดอะไรอีกคว้าถุงยากจากมือผมไปก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนผมทันที ผมหันไปสั่งแม่บ้านให้ยกอาหารตามขึ้นไปเมื่อเสร็จแล้ว ก่อนจะรีบวิ่งตามน้องภูขึ้นไป
“ครีมครับ ครีมนี่พี่ภูนะครับ” น้องครีมลืมตามองภู
“พี่ภู” ภูลูบหัวครีมอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรนะ พี่เอายามาให้พี่ขอดูแผลหน่อยนะ”
“เห้ย ดะเดี๋ยวน้องภู”ผมรีบห้ามทันทีเมื่อน้องภูบอกจะดูแผลก็ แผลมันมีอยู่ที่เดียวนี่นาแล้วน้องภูจะดูอะผมยอมไม่ได้นะ
“ไม่ต้องมาเห้ยพี่ภาม ถ้าไม่ทายาแผลจะไม่หายคนที่เจ็บก็คือน้องครีมนะครับ” น้องภูพูดเสียงเย็นเฉียบ
“ไอ้ภีมมึงออกไปเลย”ผมหันไปไล่ไอ้ภีมที่ยืนอยู่ข้างหลังผม ในกรณีของน้องภูผมพอทำใจให้รับได้แต่คนอื่นผมไม่มีวันยอมแน่ๆแม้ภีมมันจะเป็นเพื่อนสนิทก็เหอะ
“เห้ยอะไร น้องภูของกูอยู่นี่กูก็ต้องอยู่นี่ด้วยสิวะ” ไอ้ภีมโวยวายทันที
“ถ้าพี่ภีมไม่ออกไป ภูจะแก้ผ้าให้พี่ภามดูเหมือนกันนะครับ” น้องภูพูดเสียงเฉียบขาดจนไอ้ภีมหน้าจ๋อยลงก่อนจะยอมออกไปนอกห้อง ผมยิ้มก่อนจะรีบหุบทันทีเมื่อหันมาสบตากับน้องภู
“ผมจะทำให้ดูครั้งเดียวนะ ต่อไปพี่ภามต้องดูแลครีมเอง เพราะพี่เป็นคนทำให้ครีมเจ็บ” ผมพยักหน้าเข้าใจ
“ครีมครับนอนคว่ำให้พี่หน่อยนะ” ครีมทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อครีมนอนคว่ำเสร็จสิ่งที่เห็นคือกางเกงนอนของครีมที่เปื้อนรอยเลือดอยู่ น้องภูถลึงตาใส่ผมทันที ผมได้แต่ยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้และขอโทษไปในตัว น้องภูถอดกางเกงของครีมออก ก้นขาวนวลเนียนกลมกลึงของครีมปากฎแก่สายตาของผมและน้องภูทันที น้องภูค่อยๆจับก้นกลมให้เปิดออกก่อนจะหยิบกล่องยาออกมา
“อันนี้เป็นยาแบบสอด ไม่ยากอะไรพี่ภามก็แค่สอดยานี้เข้าไปให้ครีม ทำเช้าเย็นทุกวันแล้วก็ดูแลเรื่องความสะอาดให้ครีมด้วยไม่เกินอาทิตย์ก็น่าจะหาย” น้องภูพูดพร้อมกับสอดยาแท่งสีขาวเล็กๆเข้าไปในช่องทางบวมแดงของครีมก่อนจะใส่กางเกงให้ครีม
“ส่วนอันนี้เป็นยาแก้อักเสบ แล้วก็ยาแก้ไข้ให้ครีมกินด้วย”
“ขอบใจนะน้องภู” น้องภูยิ้มรับก่อนจะก้มลงไปหาน้องครีม
“พี่กลับแล้วนะครับน้องครีม จุ๊บ” ผมรู้สึกหน้าชาทันทีเมื่อน้องภูกดริมฝีปากลงไปที่แก้มของครีม
“ไอ้ภีมเมียมึงงงง !!!!” ผมตะโกนออกไปทันที ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของไอ้ภีมที่ก้าวเข้ามา
“อะไรของมึงไอ้ภาม แหกปากทำไม”
“เมียมึงจูบเมียกู”
“ห๊ะน้องภู!”ไอ้ภีมหันไปจ้องน้องภูทันที น้องภูยักไหล่แบบไม่สนใจ
“ก็แค่หอมแกล้งเองพี่ภามทำเป็นหวงไปได้ พี่อยากจะหอมแก้มพี่ภีมคืนก็ได้ภูไม่หึงหรอกนะ”
ผมหันไปมองหน้าไอ้ภีมที่หันมามองหน้าผมเหมือนกัน
“แหวะ” เสียงผมกับไอ้ภีมดังขึ้นพร้อมกันทันที ไอ้ภีมรีบเดินไปคว้าแขนน้องภูกลับทันที ผมแอบเห็นนะว่าน้องภูยิ้มอย่างผู้ชนะ พร้อมกับขยิบตาให้ผม ให้ตายเถอะน้องภูนี่ร้ายไม่เบา ผมหันมามองร่างบนเตียงที่ยังนอนคว่ำอยู่แต่หลับสนิทแล้ว ผมจับน้องให้เปลี่ยนท่านอนก่อนจะห่มผ้าให้น้อง ให้น้องนอนซักพักแล้วเดี๋ยวค่อยกินข้าวกินยาแล้วกัน ผมมองไปรอบห้องก่อนจะยิ้มเพราะตอนนี้ภายในห้องของผมมีข้าวของเครื่องใช้ของครีมวางอยู่ข้างๆกับของใช้ของผม  ห้องที่เงียบเหงามานานตอนนี้ดูเหมือนจะมีสีสันขึ้นมา...
.
.
.
หลังจากผ่านไปเกือบอาทิตย์น้องครีมก็อาการดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ผมกับน้องกำลังนั่งดูหนังอยู่ มีไอ้ตัวเล็กนั่งเป็นตัวประกอบฉากอยู่ข้างๆครีม ผมชำเลืองตามองน้องที่นั่งจ้องตาแป๋วๆดูหนังไม่สนใจรอบข้าง ใช่นั่นแหละไม่สนใจผมด้วยและไม่สนใจแม้กระทั่งไอ้ตัวเล็กที่เอาหัวอันใหญ่โตของมันนอนหนุนตักอยู่ด้วย น้องมักจะชอบนั่งกับพื้นเหยียดขาพร้อมกับเอาหลังพิงโซฟา น้องบอกว่านั่งแบบนี้สบายตัวดี แต่ผมอยากจะบอกมากเลยว่าผมไม่สบายใจมากที่ไอ้ตัวเล็กนอนหนุนตักน้อง ครีมของผมนะ ผมมองไอ้ตัวเล็กที่ตาปรือสบายใจเกินหน้าเกินตา พร้อมกับคิดในใจว่าเย็นนี้จะต้องพาให้มันไปวิ่งให้หอบแล้วลดข้าวลงซักครึ่งหนึ่ง หึหึ
“พี่ภามคิดอะไร ยิ้มเจ้าเล่ห์ชะมัด” น้องเงยหน้ามามองผม นี่แสดงว่าน้องสนใจผมมากกว่าไอ้ตัวเล็กไง แต่ประโยคต่อมาแทบจะทำให้ผมต้องคิดใหม่
“เจ้านายแกยิ้มแบบนี้น่ากลัวใช่ไหมตัวเล็ก นอนเพลินมากเลยนักนะไอ้หมายักษ์เอ๊ย” น้องพูดพร้อมกับลูบหัวไอ้ตัวเล็กที่หูกระดิกพร้อมหางสะบัดไปมา และน้องก็ก้มลงเพื่อจะจูบลงไปบนขนฟูๆของไอ้ตัวเล็ก และไวกว่าคิดของผม มือก็รีบคว้าคนตรงหน้า ปิดปากน้องอย่างรวดเร็ว น้องหันมาขมวดคิ้วใส่ผมทันที ก่อนจะจับมือผมออก
“ทำอะไรของพี่”
“ก็ครีมจะทำอะไรหล่ะ”
“จูบตัวเล็กไง”
“ก็ไม่ให้จูบไง” บอกตรงๆเลยว่าผมนี่ตั้งแต่มีน้องเข้ามายอมรับเลยว่าหวงน้องชะมัด
“หึงกับหมานี่นะ” น้องมองผมทึ่งๆ
“ก็นั่นแหละ ไม่ให้จูบอะ นี่ไงจูบพี่สิพี่ก็นั่งอยู่นี่ไง”
“ตัวเล็กดูเจ้านายแกสิขี้หวงวะ”
“เออ ขี้หวงมากด้วย”
“แต่เจ้านายแกก็น่ารักนะ”
“งั้นก็รักมากๆนะ”
“ชอบมั่วด้วย นะ”
“เหรอ” ผมพูดพร้อมกับก้มลงไปหาน้องที่นั่งอยู่ข้างล่างก่อนจะจูบเบาๆลงที่ริมฝีปากเล็กๆของน้อง
“เอ๊ะสงสัยจะจริง ไหนๆก็มั่วแล้วอีกครั้งแล้วกันนะ” น้องหัวเราะก่อนจะพยักหน้า แล้วเราก็จูบกันอีกครั้ง
________________________________________________________________________________________


                             
เมื่อเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก.................................................



ครีม
ตอนนี้ผมกับพี่ภามก็คบกันมาได้มากกว่า 1 ปีแล้วมีเรื่องไม่เข้าใจกันบ้าง งอนกันบ้างในบางครั้ง แล้วก็อาจจะมีบ้างที่ผมถูกลอบยิง แต่ผมก็รอดมาได้เพราะบอดี้การ์ดฝีมือฉกาจที่พี่ภามให้ติดตามผม ผมก็กลัวนะ แต่เพราะมีพี่ภามอยู่ผมจึงคิดเสมอว่าตัวเองจะต้องรอดเพราะผมบอกแล้วว่าผมจะไม่ทิ้งพี่ภามไป พักหลังๆมาผมจึงต้องเริ่มเรียนยิงปืนด้วย แต่โดยรวมผมรู้สึกว่าผมมีความสุขมาก ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นนักแสดงแทนในฉากบู้ต่างๆแล้ว ผมมาทำงานเป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับสถาบันเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้พี่ภามหงุดหงิดอยู่ เพราะพี่ภามบอกว่าเดี๋ยวก็มีเด็กๆมาติดผม แล้วผมไปติดเด็กจะทำยังไง ตั้งแต่ผมคบกับพี่ภามพี่ภามเป็นคนที่ขี้หวงขี้หึงมากแต่ผมก็ชอบนะ เพราะพี่ภามทำให้ผมรู้ว่าผมสำคัญกับพี่มากแค่ไหน  ส่วนพี่ภามก็ยังคงเป็นหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงเรื่องงานอย่างเดียวนะเพราะหลังจากที่ผมย้ายมาอยู่กับพี่ภามพี่ภามก็ประกาศตัวชัดเจนในเรื่องของผม ในบางครั้งผมก็ไปออกงานกับพี่ภามบ้างแต่ไม่บ่อยเพราะผมก็ไม่ชอบงานแบบนั้นเท่าไหร่ ผมเคยถามพี่ภามว่าคบกับผมแบบนี้ภาพพจน์ของพี่ภามไม่เสียเหรอ พี่ภามก็ส่ายหน้าก่อนจะบอกว่าตราบใดที่พี่มีผลประโยชน์ในทางธุรกิจก็ไม่มีใครยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของใคร ทุกคนก็แค่สนแค่เม็ดเงินและกำไรที่จะได้รับมากกว่าตัวตนของบุคคลนั้นๆ ผมฟังก็รู้สึกว่าวงการแบบนี้คงโหดเกินไปสำหรับคนแบบผมจริงๆ
“พี่ภามเดี๋ยววันนี้ครีมจะไปโรงพยาบาลนะครับ” ผมบอกพี่ภามขณะกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่
“ครีมเป็นอะไรครับ ไม่สบายเหรอ ไม่เห็นบอกพี่” พี่ภามวางช้อนส้อมลงแทบจะลุกมาหาผมทันที
“เปล่าๆๆ ครีมจะไปเยี่ยมเด็กนักเรียน พอดีน้องเค้าเป็นตัวแทนแข่งแต่เกิดอุบัติเหตุซะก่อนน้องเค้าเลยไม่ได้ลงแข่ง แล้วน้องเค้าก็ดูท่าจะเสียใจ ครีมเลยเป็นห่วง”
“ไม่ให้ไป”
“พี่ภาม”
“ก็ทำไมครีมต้องห่วงเด็กคนนั้นขนาดนั้น”
“ก็ครีมเป็นคนสอนน้องเค้านี่ครับ”
“เด็กคนนั้นไม่เป็นไรหรอก”
“พี่ภาม ครีมจะไป ถ้าพี่ภามไม่อยากไปกับครีม ครีมไปเองก็ได้”
“พี่ไปกับครีมได้ด้วยเหรอ” ผมเบะปากใส่พี่ภามทันที คนอะไรขี้หวงตลอด
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ผมกับพี่ภามก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ผมเดินมาที่ห้องผู้ป่วยพร้อมกับพี่ภามที่ถือกระเช้าของบำรุงร่างกายเดินตามมา เคาะประตูห้องสามครั้งผมก็เปิดประตูเข้าไป  พบกับนักเรียนของผมที่นอนขาข้างนึงเข้าเฝือกอยู่
“ไฟ เป็นไงบ้าง”
“ครูครีม สวัสดีครับ” ไป หรือนักเรียนที่ผมสอนอยู่ยกมือสวัสดีก่อนจะมองไปยังบุคคลที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างหลังผม
“นี่พี่ภาม แฟนครูเอง”
“อ๋อ ครับสวัสดีครับพี่ภาม” คนหน้าบึ้งที่สีหน้าดีขึ้นพยักหน้ารับไหว้
“นี่ของบำรุงกำลัง กินเยอะๆนะ ปีนี้ไม่ได้ลงแข่งเดี๋ยวปีหน้าค่อยลงใหม่นะ ครูจะติวเข้มให้ทุกวันเลย”
“โห ไม่ไหวมั้งครู ครูติวเข้มผมก็อ่วมสิครับครูโหดอะ” ผมหัวเราะผมคุยกับไฟต่ออีกสักพักก่อนจะขอตัวกลับ
ผมกับพี่ภามเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย
“พี่เพิ่งรู้ว่าเด็กนักเรียนของครีมนี่  ดูจะโตเกินเด็กมากเลยนะ”
“น้องเค้าเป็นนักกีฬา ของโรงเรียนด้วยตัวก็เลยโตกว่าเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน” ไฟเป็นเด็กอายุ 17 แต่รูปร่างสูงใหญ่เกินเด็กจริงๆนั่นแหละ
“แสดงว่าคงจะมีคนรุมชอบเยอะเลยสินะ”
“ก็มีเยอะเลย ทั้งผู้ชายผู้หญิงเคยตามมาถึงที่เรียนก็มีนะ ก็น้องเค้าหน้าตาดีนี่นา แถมอนาคตไกลด้วยเพราะอนาคตนักกีฬาทีมชาติเลย” ใช่ไฟเป็นเด็กหน้าตาหล่อมากและมีคนชอบเยอะแยะ ผมเหล่สายตามองคนที่เดินข้างๆที่หน้าเริ่มบูดขึ้นเรื่อยๆเมื่อผมพูดถึงไฟ จนผมอดจะกลั้นยิ้มไม่ได้ ผมหยุดเดิน พี่ภามก็หันหน้าบึ้งๆมามอง ผมค่อยๆเดินไปหาก่อนจะจับมือพี่ภาม
“น้องเค้าหล่อ อนาคตไกล แถมยังเด็ก แต่ครีมชอบคนแก่ขี้หวง ขี้หึง แต่มืออบอุ่นคนนี้มากกว่านะ ไม่ใช่สิไม่ใช่มากกว่าแต่รักคนนี้คนเดียวต่างหาก” พี่ภามยิ้มกว้างก่อนจะจูบลงบนหน้าผากของผม
ถามว่าเขินไหมผมก็ไม่ได้ด้านขนาดนั้นเขินมากบอกตรงๆ แต่เพราะผมอยากให้คนข้างๆนี้รู้ว่าผมแคร์ความรู้สึกพี่เค้ามาก ผมอยากชัดเจนในทุกการกระทำ เพราะผมเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้สมบูรณ์นักในเรื่องของความรัก เมื่อผมเจอคนที่เคียงข้างผมผมก็แค่อยากจะดูแลให้ความรักของเราคงอยู่ ไม่ใช่อยู่ด้วยกันแค่ตัว อยู่ด้วยกันแค่ความเคยชินแต่ไม่มีความรัก  พูดถึงครอบครัวผม ผมก็กลับบ้านบ้างเป็นบางครั้งเตี่ยกับแม่ยังคงทะเลาะกันเหมือนเดิม แต่ดูจะน้อยลงเพราะตอนนี้แม่ของผมกำลังเห่อสมาชิกใหม่ของบ้านเลยไม่ค่อยได้สนใจเรื่องทะเลาะกับเตี่ยเท่าไหร่ ใช่ครับพี่หญิงพี่สะใภ้ผมคลอดลูกแล้ว ผมได้หลานชายหน้าตาน่าเกลียดน่าชังมากเลย แต่คนที่เห่อที่สุดคงหนีไม่พ้นเฮียข้าวนั่นแหละพ่อมือใหม่ป้ายแดง ส่วนเจ้น้ำตาลตอนนี้ก็ใกล้จะมีข่าวดีแล้วเจ้กำลังจะแต่งงานกับหมอหนุ่มที่ทำงานโรงพยาบาลเดียวกันนั่นแหละ ถามว่าเตี่ยกับแม่ยอมรับเรื่องผมกับพี่ภามไหม ผมก็คงได้แต่รอเวลาให้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความรักของพวกผมไม่ได้ฉาบฉวยแบบที่ใครมอง
.
.
.
.
บรรยากาศเงียบสงบ  ตรงหน้าผมเป็นสุสานสีขาวสะอาดตา รอบๆเป็นต้นไม้มีทั้งไม่ดอกและไม้ประดับที่ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม  รอบๆบริเวณสุสานถูกดูแลเป็นอย่างดีทั้งสะอาด ไม่มีหญ้าขึ้นรก แสดงถึงความเอาใจใส่เป็นอย่างดี พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ถูกห้อมล้อมด้วยรั้วไม้อย่างดี
“พ่อครับ ผมพาคนสำคัญของผมมาหาพ่อแล้วนะครับ” พี่ภามพูดขึ้นเมื่อเราสองคนยืนอยู่หน้าสุสาน ซึ่งมีเพียงชื่อของพ่อพี่ภามสลักไว้ ผมยกมือไหว้พ่อพี่ภาม
“ตอนที่ผมเสียพ่อไป ผมก็คิดมาตลอดว่าผมจะไม่ยอมให้ตัวเองมีสิ่งสำคัญ เพราะผมไม่อยากจะเจ็บปวดเหมือนที่พ่อเป็นผมเคยโกรธพ่อที่วันนั้นพ่อปกป้องผม ทำให้ผมมีชีวิตรอดและอยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียเพียงลำพัง  แต่ตอนนี้ผมขอบคุณพ่อมากที่ปกป้องผม การมีชีวิตอยู่ของผมทำให้ผมเจอครีม เจอคนที่ผมยินดีจะปกป้องด้วยชีวิตเหมือนที่พ่อปกป้องผม ผมเข้าใจแล้วว่าการมีสิ่งสำคัญนั้นทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นแค่ไหน ผมรักพ่อนะครับ” พี่ภามบีบกระชับมือผมแน่นขึ้น ขอบตาผมร้อนผ่าว น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาทำให้ภาพข้างหน้าพร่ามัวนิดหน่อย
“ผมชื่อครีมนะครับ คุณพ่อ ครีมขอบคุณมากสำหรับการเสียสละของพ่อที่ทำให้มีพี่ภามในวันนี้ ครีมจะยืนอยู่ข้างๆพี่ภามเสมอแม้ว่าเส้นทางของพี่ภามจะมีอันตรายขนาดไหน พี่ภามทำให้คนที่หมดศรัทธาในความรักแบบครีมกลับมาเชื่อใจในความรักของพี่ภามอีกครั้ง ครั้งนี้ครีมก็จะดูแลหัวใจที่ถูกทอดทิ้งของพี่ภามให้ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป”
พี่ภามดึงผมเข้ามากอด สายลมเย็นๆพัดผ่านเราสองคนราวกับเป็นสัญญาณตอบรับความรักที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“อยู่ด้วยกันด้วยความรักแบบนี้ไปนานๆนะครับ” ผมยิ้มก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปประกบกับริมฝีปากของพี่ภามเป็นการตอบรับว่าผมยินดีที่จะอยู่เคียงข้างคนนี้ด้วยความรักในทุกวัน
_________________________________________THE  END__________________________________________

จบแล้วคะ ไม่รู้ว่ายังมีคนตามอ่านอยู่ไหม เราขอบคุณทุกคนมากนะคะที่เข้ามาอ่านจะอ่านแบบไม่เม้นต์ หรือจะเม้นต์ชมเม้นต์ติก็ตามแต่เราขอบคุณทุกคนคะ เพราะเรื่องนี้เราแต่งเพราะอยากให้คนอ่านเพื่อความบันเทิง จากนี้อาจจะโผล่ตอนพิเศษมาบ้างตามแต่โอกาสเอื้ออำนวย ขอบคุณนะคะนักอ่านทุกคน :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 16-06-2013 20:00:38
 :L1: HAPPY ENDING  :L1:
รอตอนพิเศษ (เมื่อวันนั้นมาถึง ^^)

ขอบคุณด้วยบวกและเป็ด  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 16-06-2013 20:06:26
 :mew2: :mew2:

ว้าาาาาาาา.....จบแล้วเหรอ รอตอนพิเศษนะฮร๊าฟฟฟฟฟฟ
อยากอ่านตอนพิเศษพี่ภีมxน้องภูด้วยเง้ออออออ......
รอติดตามจร้าาาาา
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 16-06-2013 20:45:51
จบเร็วดี...ชอบ ๆ ๆ

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดี ๆ มาให้อ่านครับ

 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 16-06-2013 20:57:18
จบแล้วววว
น้องภูแอบร้ายยย  :katai3:
รอตอนพิเศษจ้าา  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 16-06-2013 21:34:14
ห้าาาา  :sad5:  จบซะแล้วววว  เพิ่งเข้ามาอ่านไม่นานเองอ่ะ แงง 
เรื่องสนุกมากเลยจ้ะ แต่งได้ดีมากเลยด้วย น่าจะมีอีกยาว ๆ อ่ะ  :mew6:
ยังอยากอ่าน พี่ภาม น้องครีม พี่ภีม น้องภู อีกจังเลย  ขอตอนพิเศษนะคะ
ขอบคุณที่สละเวลามาแต่งเรื่องสนุก ๆ น่ารัก ๆ ให้เราได้อ่านอย่างมีความสุขน้า
+ โหวต และ เป็ด ให้นะจ้ะ ขอบคุณคนเขียนอีกครั้งค่ะ  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 24-06-2013 16:37:54
สนุกมากเลยค่ะ น้องภีมน่ารักจริงๆ พี่ภามก็ทั้งเท่ทั้งน่ารัก ที่ลืมไม่ได้เลยก็คือพี่ถูสุดร้อนแรงนั่น อย่างนี้พี่ภีมจะหนีไปไหนพ้น 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 26-06-2013 00:21:01
ว้าว เรื่องน่ารักจัง ชอบมากค่ะ เขียนได้ดีมั่กๆเลย สนุกมาก

รอตอนพิเศษ อยากอ่านเรื่องน้องภูอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 26-06-2013 11:13:44
รอตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 26-06-2013 12:28:18
เป็นเรื่องสั้นที่สนุกมากเลยค่ะ เก็บรายละเอียดได้ดีค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-06-2013 21:07:22
จบแล้ว

กว่าจะจบก็ลุ้นมากไม่ใช่น้อย

ก็นะน้องครีมมีปมเครื่องครอบครัวให้เห็นอยู่นี่นา ก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา

แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับพี่ภาม

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 26-06-2013 23:02:38
ลุ้นแทบตายสุดท้ายก็หนีกันไม่พ้น
แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านอีกนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-06-2013 01:39:01
ไม่มีตอนพิเศษน้องไฟบ้างเหรอครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 27-06-2013 12:18:37
เข้ามาอ่านเพราะชอบชื่อเรื่อง แต่อ่านแล้วเนื้อเรื่องก็น่ารักดี
ชอบหมายักษ์แต่ชื่อตัวเล็ก นายเอกก็ชื่อน่ากิน อิอิ

ขอบคุณค่ะ ไว้มีเรื่องใหม่ก็มาลงให้อ่านอีกนะค่ะ
 :mew1:   :mew1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 03-07-2013 22:07:43
พร็อตเรื่องสนุกมาก
ถ้าใส่อารมณ์ตัวละครมากกว่านี้อีกหน่อย  เราน้ำตาร่วงแล้ว 5555
ขอบคุณมากมาย  แต่งอีกๆนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 22-07-2013 23:09:36
เรื่องสนุก น่ารักมากค่ะ
น้องครีม พี่ภาม ลงตัวสุด ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 31-07-2013 23:07:55
มาคอมเม้นค่ะ

อ่านจบแล้ว ตอนแรกๆยอมรับว่าแอบมีสะดุดให้รู้ว่าเป็นเรื่องแรก แต่นิดเดียวค่ะ ไม่ได้ชัดอะไร
จนอ่านมาเรื่อยๆก็รู้สึกว่าคนเขียนเก่ง เขียนไม่มากไปน้อยไป สำหรับเรื่องแรกคือเก่งมากๆเลยค่ะ
สนุก อิน ไดอะล็อคน่ารัก ชอบพล็อตที่พอมีดรา่ม่ากล้มแกล้มแบบนี้ด้วยค่ะ ไม่มีเลยก็ไม่ได้ มีมากไปก็เหนื่อย
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆน่ารักๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 03-08-2013 23:46:15
เป็นความรักที่เติมเต็มกันและกันจริงๆ
พี่ภาม น้องครีม น่ารัก  :mew3: ดูแลกันดีๆน๊า
พี่ภามมั่นคง น้องครีมอ้อน อ่านไหวได้น่ารักมากๆ
ชอบคำพูดเฮีย รักแบบไหนก็ขอให้ช่วยกันดูแลความรักของทั้งคู่ให้เติบโต และคงอยู่ตลอดไปก็พอ

ชอบคะ เรื่องราวสนุก มีที่มาที่ไป 
รอตอนพิเศษด้วยค่า  :pig4:
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: WednesdayAugust ที่ 04-08-2013 01:26:31
น่ารักดีค่า
ขอสารภาพว่าตอนแรกแอบงง ภู ภีม ภาม เหมือนกัน
แต่อ่านไปอ่านมาก็ไม่งงแล้ว อิอิ

น้องครีมน่าร้าก สุดท้ายก็เป็นเคะ อิอิ
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารัก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 10-10-2013 20:05:25
 :L2: ขอบคุณค่ะ  สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: minimonmon ที่ 11-10-2013 13:48:58
จบแบบมีความสุข
น้องภูแอบร้านนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-10-2013 18:15:03
พี่ภูเปรี้ยวจี๊ดอ้ะ บอกตรงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 12-10-2013 10:20:29
สนุกมากเบยยยย
น้องครีมน่ารักอ่ะ พี่ภามก็โอดี
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ นะฮ๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 25-02-2014 20:31:46
 :กอด1: เรื่องจบได้อบอุ่นมากเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีอะไรน่าสนใจ เปิดเรื่องมาธรรมดา แต่คนเขียนค่อยๆ ปูพื้นความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ พี่ภามน้องครีมค่อยๆ เรียนรู้กัน ในระหว่างนี้ก็มีการคลายปมหลังของทั้งคู่ไปด้วย ทำให้รู้สึกถึงความรักของทั้งคู่ที่ดำเนินไปอย่างมั่นคง ก้าวผ่านเงื่อนไขที่ต่างฝ่ายต่างมีไปด้วยกัน สุดท้าย  :pig3:
:L1: ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ค่ะ  :L1:
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 27-02-2014 22:39:10
สนุกมาก :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 07-10-2014 00:32:35
สนุกมากๆ เลยค่ะ พี่ภามน้องครีมหวานกันสุดๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 06-02-2015 14:01:46
สนุกน่ารักมาก ๆ ครับ ครีมกับภาม น่ารักมาก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ขอให้รักเคียงข้าง 16/6/2556 จบแล้วนะคะ ย้ายได้เลยคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 13-06-2015 01:40:26
น่ารักมาก
เป็นรักแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนอะไร
ค่อยๆเข้าหากัน ใช้เหตุผล
ชอบแบบนี้อ่ะ
ขอบคุณที่เอามาให้อ่านน้า จะรออ่านเรื่องต่อไปค่า