พิมพ์หน้านี้ - (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Ice_Iris ที่ 21-11-2012 21:10:59

หัวข้อ: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 21-11-2012 21:10:59
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้ เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณา กดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้าม ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การ นำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5. ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้ แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0











ขออนุญาตเปิดเรื่องใหม่ขอรับ


เกริ่นนำเพื่อความสบายใจของทุกท่าน ชื่อของตัวละครและเนื้อความในเรื่องนี้เป็นชื่อที่แต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

ส่วนเรื่องสถานที่นั้น ในด้านความจริงแล้ว สถานที่ที่ใช้เป็นฉากของเรื่องนี้นั้นมีอยู่จริง แต่ข้าเจ้าขอละเอาไว้ โดยไม่ขอเอ่ยว่าอยู่ที่ไหน ข้าเจ้าหาได้มีความต้องการที่จะหลบหลู่สถานที่นั้นแต่อย่างไร จึงขอให้ทุกท่านจินตนาการว่าสถานที่แห่งนี้นั้น เป็นเพียงสิ่งที่สมมุติขึ้น ไม่มีอยู่จริงในแผนที่แต่อย่างใดขอรับ

ขอให้ทุกท่านมีความสุข สนุก รื่นเริง กับเรื่องนี้ตามอัธยาศัย




ปล. เรื่องนี้แต่เดิมเป็นนิยายชาย - หญิงปกติ แต่ข้าเจ้านำมาดัดแปลงในบางส่วน หากพบจุดใดที่อ่านแล้วสะดุดอารมณ์ ข้าเจ้าขอความช่วยเหลือจากทุกท่านช่วยชี้แนะข้าเจ้าด้วย ข้าเจ้าน้อมรับ นำกลับไปแก้ไขขอรับ

ปล.2 เรื่องนี้เป็นแนวรักใสๆ ไม่เน้นฉากหวือหวา แต่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน พี่ น้อง ความรัก และความเสียสละ









หัวข้อ: Re: Marine love you always ( ตอนที่ 1 )
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 21-11-2012 21:31:55





คำโปรย.........





รักแต่ต้องห้ามใจไม่ให้รัก มันเจ็บ เจ็บมากรู้ไหม  








ทะเลอยู่ในอ้อมกอดมหาสมุทรฉันใด รักฉันจะมีเธออยู่ฉันนั้น






ตอนที่ 1







   วู้นนนน!!!!!


   เสียงหวีดของหวูดรถไฟดังขึ้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งลืมตาขึ้นมองทิวทัศน์รอบนอก บรรยากาศรอบๆตัว เปลี่ยนจากป่าไม้ เป็น

บ้านเรือนของผู้คน ที่ปลูกกระจายกันอยู่ อากาศยามเช้าอันสดชื่น ต่างจากในเมืองหลวงมากมาย เด็กหนุ่มกดกระจกหน้าต่างให้

ต่ำลง เพื่อสูดอากาศได้เต็มที่

   “ เฮ้อ!!! แถวนี้อากาศดีจังเลย ป่านนี้พ่อกับแม่คงไปทำงานแล้ว จะว่าไปแล้วก็ใจหวิวๆเหมือนกันนะ ”

   เด็กหนุ่มคนเดิม กล่าวขึ้นลอยๆ เหมือนรำพึง รำพัน แต่นั่นก็พอทำให้ใครอีกหลายๆคนที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองอย่าง

แปลกใจ ส่วนคนที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา ก็ได้แต่ส่งยิ้มเขินๆตอบกลับไป

   “ หนูเป็นคนที่ไหนเหรอ หน้าตาไม่น่าใช่คนท้องถิ่น ”


   หญิงสาวสูงอายุ ที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม


   “ ครับ ริ....เอ่อผมเพิ่งมาจากเมืองหลวงน่ะครับ ”


   “ อืม... จะลงไปเที่ยวหรือ ”


   “ ไม่ใช่หรอกครับป้า คือว่าริน เอ้ย!ผมเลือกมาเรียนที่นี่น่ะครับ ”


   หญิงสาวสูงวัยทำหน้างงๆกับคำตอบของเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะเอ่ยถามต่อ


   “ แทนตัวเองอย่างที่เคยก็ได้ลูก ว่าแต่มาจากเมืองหลวง แล้วทำไมเลือกมาเสียไกลเลย แถวนู้น

ก็มีที่เรียน ที่มีชื่อเสียงตั้งมากนี่นา ใครๆเค้าก็อยากไปเรียนในเมืองหลวงกันทั้งนั้น ทำไมลงมาเรียนที่นี่ล่ะ ”


   คำถามของหญิงสาววัยเกษียณ ทำให้เด็กหนุ่มนึกย้อนกลับไปถึงสาเหตุที่ตนเองมานั่งอยู่ในรถขบวนนี้



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   ‘ ทำไมลูกเลือกไปเรียนไกลนักล่ะ ใกล้ๆบ้านเราก็มี ’


   ‘ แหมแม่ครับ ก็รินเลือกเรียนสายนี้นี่ครับ แล้วแถวบ้านเราก็ไม่มีทะเลด้วย แบบว่ารินอยากเรียนแบบใกล้ชิด ติด

สถานการณ์ แล้วรินก็เข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่มาแล้วด้วย ที่นั่นเค้ามีชายหาดอยู่ภายใน ‘มอเลยนะครับ ’

   เด็กหนุ่มพูดจ้อยๆ อยู่กับหญิงวัยกลางคน และชายวัยเดียวกัน ที่ยืนอมยิ้มกับท่าทีของสองคนต่างวัย เมื่อเด็กหนุ่มนั้น

กำลังเริงร่าแบบสุดๆ กับสาวใหญ่ที่หน้ามุ่ยแบบสุดๆเช่นกัน


   ‘ คุณคะ พูดอะไรบ้างสิ ยืนยิ้มอยู่ได้ ’


   ‘ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่ พ่อตัวดี ’


   ‘ กำหนดรายงานตัว เดือนหน้าครับพ่อ ’


   ‘ คุณคะ!!! รีหมายความว่า ให้คุณห้ามลูก ไม่ใช่... ’


   ‘ คุณรี ลูกเราน่ะโตแล้ว ลองปล่อยให้แกไปเจออะไรด้วยตัวเองบ้าง แกจะได้แข็งแกร่งขึ้น ’


   ‘ คุณก็เป็นอย่างนี้ทุกที ตามใจลูกเสียทุกเรื่อง ’


   ผู้เป็นภรรยาทำหน้าไม่พอใจหน่อยๆ ที่สามีไม่ช่วยตนเองห้ามปรามบุตรชายคนเดียวแม้แต่น้อย แถมยังส่งเสริมอีก


   ‘ แล้วเราล่ะ ติดที่ไหนบ้าง ’


   ผู้เป็นพ่อถามบุตรชาย ที่กำลังยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมที่พ่อไม่ว่าอะไร แถมยังช่วยพูดส่งเสริมอีกด้วย


   ‘ ก็ 3 ที่ครับ แต่... รินเลือกที่นี่ ’


   ‘ คิดดีแล้วใช่มั้ย ’


   ‘ ครับพ่อ รินนั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด... ’


   ‘ พอๆ ไม่ต้องนอกเรื่องเลย ถ้าลูกคิดดีแล้ว พ่อก็แล้วแต่ลูกแล้วกัน แต่อย่ามาโอดครวญทีหลังนะ ถ้ามาร้องโอดโอยที

หลังล่ะก็.... ’


   ผู้เป็นพ่อพูดขัดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าลูกชายเจ้าปัญหาของตัวเอง กำลังฝอยมากเกินไป พร้อมกับสำทับในสิ่งที่ลูกคิดว่าดีที่

สุดสำหรับตนเองแล้ว


   ส่วนคนเป็นแม่ ก็นั่งยังตีหน้าเหมือนยักษ์วัดโพธิ์ไม่ยอมเปลี่ยน ที่สามีและลูกเข้ากันเป็นปี่ เป็นขลุ่ย ไม่มีใครเห็นด้วยกับ

ตนเองเลย ทำให้ลูกชายตัวดี ต้องหันมาประจบแม่ตัวเอง


   ‘ แม่ครับ อย่าเพิ่งงอนนะ รินสัญญาว่าจะกลับบ้านบ่อยๆเท่าที่มีโอกาส จะโทรหาทุกวันเลย ’


   เด็กหนุ่มพูด พลางเข้ามากอดผู้เป็นแม่ พร้อมกับโปรยยิ้มหวานแบบสุดฤทธิ์ เพื่อให้แม่เลิกทำหน้ายุ่งเสียที


   ‘ ไม่ต้องทำมาพูดดี พอกันทั้งคู่เลย พ่อลูกคู่นี้ ’


   ‘ ทำอย่างกับคุณไม่เคยตามใจลูกงั้นแหละ ’


   ผู้เป็นพ่อที่โดนนินทาระยะเผาขน ประท้วงขึ้น ส่วนแม่ที่ตอนนี้โดนลูกออดอ้อนอยู่นั้น ได้แต่ทำหน้าดุใส่สามี


   ลูกชายตัวดี ที่เป็นคนต้นเรื่อง ก็ได้แต่นั่งยิ้มกว้าง จนผู้เป็นพ่อต้องหันมาขยี้หัวเล่นด้วยความหมั่นไส้


   ‘ แล้วลูกเตรียมข้าวของหรือยัง ไปอยู่ต่างที่ ต่างทาง ต้องเตรียมเผื่อเอาไว้บ้าง เพราะไม่รู้ว่า ทางนู้นน่ะ จะเหมือนบ้าน

เราหรือเปล่า ’


   ผู้เป็นแม่ ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าไม่สามารถห้ามปรามได้อีก สิ่งที่จะทำได้ก็คงเป็น จัดเตรียมความพร้อมให้กับว่าที่นักศึกษา

ใหม่

   ‘ จริงด้วย!!! รินยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย มัวแต่ดีใจที่สอบเข้าได้ พ่อจ๋า แม่จ๋า... ’


   ลูกชายตัวดีที่ยังนั่งกอดเอวผู้เป็นแม่อุทานขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้ ก่อนจะหันไปทำตาละห้อยให้กับพ่อและแม่ของตนเอง


   ‘ ไม่ต้องมาจ๋า มาขาเลย จะเอาขาไหนล่ะ ขาซ้ายหรือขาขวา หรือจะเอาทั้งสองเลย ’


   ‘ แหมพ่ออ่ะ รินลืมแค่นี้ก็ไม่ได้ ’


   ‘ เลิกเถียงกันได้แล้ว พ่อลูกคู่นี้ รีว่า วันนี้เราก็ว่างอยู่ ยังไงก็ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ’



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   ‘ ลูกจะไปรถไฟจริงๆหรือ ให้พ่อขับรถไปส่งไม่ดีกว่าหรือ แม่จะได้ดูด้วยว่า ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ’


   ‘ คือว่า... รินอยากรู้ว่า นั่งรถไฟเป็นยังไง รินยังไม่เคยซักทีนะครับพ่อ นะครับ ’


   เสียงสนทนาดังขึ้นภายในบ้านหลังเดิม เมื่อผู้เป็นแม่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของลูกชาย ส่วนลูกชายตัวดี ที่โดนแม่

ขัดเรื่องการเดินทาง ทำให้เจ้าตัวต้องหาผู้ช่วย ซึ่งก็หนีไม่พ้น ผู้เป็นพ่อ


   ‘ เราแน่ใจนะ ว่าจะไปได้ ’


   ‘ แหม... พ่อครับ ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอครับ แต่รินเชื่อครับ ว่ามันคงไม่ยากเกินความสามารถ ’


   ‘ ถ้าลูกแน่ใจว่าลูกดูแลตัวเอง พ่อก็ไม่ว่าอะไร... ’


   ‘ คุณคะ!!! ’


   ผู้เป็นพ่อไม่ว่าอะไรกับความเห็นของลูกชายคนโปรด แต่ผู้เป็นแม่ ที่เห็นว่าสามีเห็นดี เห็นงามไปกับลูก เอ่ยขึ้นอย่างไม่

ค่อยพอใจแต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร สามีก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน


   ‘ คุณรี ปล่อยให้แกเจออะไรด้วยตัวเองบ้าง เราน่ะเป็นห่วงได้ แต่ถ้าเป็นห่วงมากเกินไป ไม่ปล่อยให้ลูกเจออะไรด้วยตัว

เองเลย เวลาเจอปัญหา ลูกก็จะแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ และผมก็ดีใจนะ ที่ลูกของเรา เสนอตัวที่จะออกไปเจออะไรด้วยตัวเอง

เพราะนั่นเป็นสัญญาณบอกว่า ลูกของเรามีวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้น เราต้องปล่อยให้เขาวางแผนด้วยตัวเองบ้าง ให้เขาจัดการมันด้วยตัว

เอง ส่วนเราก็ดูแลอยู่ห่างๆ ’


   สามีให้เหตุผล ว่าเหตุใดถึงเห็นด้วยกับบุตรชาย แต่ภรรยายังคงเป็นห่วงบุตรชายอยู่ เพราะมันเป็นการเดินทางไกลคน

เดียวเป็นครั้งแรก แม้ว่าที่ผ่านมาเด็กหนุ่มจะเคยออกค่ายต่างที่กับทางโรงเรียนอยู่บ่อยๆ แต่นั่นก็มีเพื่อนและครู อาจารย์ไปด้วย


   ‘ อย่ากังวลเลยคุณ เราไปส่งลูก ขึ้นไฟที่สถานีแล้วก็รอจนรถออกแล้วค่อยโทรถามระหว่างทางก็ได้ แล้วอีกอย่างนะ

รถไฟขบวนที่ เจ้าตัวแสบของเราจะไปน่ะ มันสุดทางที่นั่นพอดี ไม่ต้องเป็นห่วงว่า ลูกเราจะลงผิดที่ ’


   ‘ ส่วนเราขึ้นรถไปแล้ว ก็โทรมาบอกแม่เค้าด้วย ’


   ‘ ได้ครับพ่อ แค่นี้สามารถ ’


   ‘ ไม่ต้องทำมาดีใจออกนอกหน้าเลย ’


   ‘ แหมแม่ครับ นิดนึง ’


   แม่ที่เห็นว่าลูกชายดีใจออกนอกหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอด ส่วนคนที่โดนว่าก็ส่งลูกอ้อนมาอีก จนคนเป็นแม่ไม่รู้จะทำ

อย่างไรกับลูกชายคนเดียวดี




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   สถานีรถไฟคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ที่มีจุดหมายต่างๆกัน เด็กหนุ่มร่างสูง อายุประมาณ 17 - 18 ปีคนหนึ่ง กำลัง

เดินนำหน้าชายหญิงคู่หนึ่งไปยังชานชาลาที่ 10


   ‘ ช้าๆก็ได้ลูก เหลือเวลาอีกตั้งมาก ’


   ‘ ก็รินอยากรู้นี่ครับ ว่าบนรถไฟมันเป็นอย่างไรบ้าง ’


   ‘ เดี๋ยวคนอื่นเค้าก็ว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุงหรอก ไม่รู้จักรถไฟ ’


   ‘ ก็ช่างเขาสิครับ ไม่เห็นต้องสนใจเลย เร็วๆสิครับ ’


   ลูกชายตัวดียังเร่งไม่เลิก ส่วนผู้เป็นพ่อและแม่ก็ได้แต่ส่ายหน้า กับอาการของลูกที่เหมือนเด็กเห่อของใหม่



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   แกร๊งๆๆ!!!


   เสียงเคาะระฆังของนายสถานี และเสียงประกาศบอกว่าเหลือเวลาอีกเล็กน้อย รถจะเคลื่อนขบวนออกจากสถานี


   ‘ พ่อครับ แม่ครับ รถจะออกแล้ว ’


   เด็กหนุ่มที่เมื่อครู่ยังหัวเราะ ยิ้มแย้ม แต่ขณะนี้ กำลังทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ เมื่อรถใกล้จะออกจาก

สถานีแล้วจริงๆ



   ‘ ไม่ต้องมางอแงเลย ลูกโตแล้ว จะมาขี้แงเป็นเด็กๆได้ยังไง แล้วอีกอย่างเราก็ตัดสินใจเอง พ่อกับแม่ไม่ได้บังคับ ลูก

ต้องทำได้ พ่อเชื่อนะว่าลูกของพ่อน่ะ เก่งอยู่แล้ว อ้าวคุณ... ’



   ผู้เป็นพ่อปลอบลูกชายคนเดียว แต่เมื่อหันมาเห็นภรรยาต้องแปลกใจกว่าเดิม เพราะภรรยาสาวนั้นยืนร้องไห้อยู่


   ‘ ผมปลอบลูก แต่คุณมาเป่าปี่เสียเองแบบนี้ เดี๋ยวลูกก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งกันพอดี ’


   ‘ คุณน่ะ ’


   ภรรยาหันมาเอาเรื่องกับสามี ที่ว่าตนเองเมื่อครู่ ก่อนจะเข้ามาสวมกอดลูกชายอีกครั้ง


   ‘ ดูแลตัวเองดีๆนะลูก โทรมาหาแม่บ่อยๆนะ ’


   ‘ ครับแม่ ’


   เด็กหนุ่มรับคำ ก่อนจะหันมากอดผู้เป็นพ่อ แล้วจึงเดินขึ้นบันไดรถไปยังที่นั่งของตนเองตามที่ระบุไว้ในตั๋ว


   ‘ ลูกทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ ’


   พ่ออวยพรให้อีกครั้ง ส่วนคนเป็นแม่นั้นกำลังซบไหล่ของสามี พร้อมกับโบกมือให้ลูกขณะที่รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจาก

สถานี อย่างช้าๆ จนลับสายตา




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





   “ หนูๆ เป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ก็ร้องไห้ ”


   หญิงคนเดิมถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปนาน ตั้งแต่ถามคำถามแรกจบ แล้วอยู่ๆก็ร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ


   “ อ๋อ... ป่ะ...เปล่าหรอกครับ แค่รินคิดถึงพ่อกับแม่ ก่อนที่รินจะขึ้นรถไฟมาน่ะครับ ”


   “ เหรอจ๊ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ป้าเห็นหนูเงียบไป แล้วจู่ๆก็ร้องไห้ นึกว่าเป็นอะไรเสียอีก ”


   “ ขอบคุณ คุณป้ามากเลยนะครับที่เป็นห่วงริน ”


   เด็กหนุ่มว่า พลางยกมือไหว้หญิงสาวต่างวัย ซึ่งหญิงวัยเกษียณรับไหว้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู


   “ ว่าแต่ คุณป้าลงมาเที่ยวหรือครับ แล้วทำไมมาคนเดียวล่ะครับ ”


   หลังจากที่โดนถามมาแล้ว เด็กหนุ่มเองก็เริ่มที่จะถามกลับบ้าง


   “ ป้าไม่ได้ลงมาเที่ยวหรอก แต่ป้ากลับบ้านน่ะ บ้านป้าอยู่นี่ พอดีว่าป้าไปเยี่ยมลูกๆมาจ้ะ ”


   “ หรือครับ คุณป้านี่เก่งจังเลย นั่งรถไปคนเดียว ”


   “ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก ป้านั่งคนเดียว มาตั้งแต่สมัยสาวๆแล้ว ”


   “ โห!!! จริงหรือครับ รินเพิ่งเคยขึ้นรถไฟครั้งแรกเองครับ ”


   “ จริงจ้ะ ว่าแต่... ทำไมเรามาคนเดียวล่ะ ทั้งๆที่เพิ่งขึ้นเป็นครั้งแรกน่ะ ”


   “ คือว่า ตอนแรกพ่อกับแม่ก็จะมาส่งอยู่เหมือนกันครับ แต่รินอยากเดินทางคนเดียวดูบ้าง เพราะพอไปเรียนแล้วรินก็

ต้องอยู่คนเดียว ”


   “ อย่างนั้นเหรอ ก็ดีนะ เราจะได้เก่งขึ้น เพราะถ้าพ่อแม่ไม่ปล่อยให้ทำอะไรเองเลย เดี๋ยวจะเข้าข่าย พ่อแม่รังแกฉัน

อย่างลูกๆของป้า ป้าก็แค่ดูอยู่ห่างๆ ปล่อยให้เขาดูแลตัวเอง ปล่อยให้พี่น้องสอนกันเอง ”


   “ ป้ามีลูกกี่คนครับ ”


   “ ไม่มากหรอกจ้ะ แค่เกือบครบทีมฟุตบอลเอง ”


   เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้ แต่เมื่อได้คำตอบจากหญิงสูงวัยตอบก็ทำให้เขาหน้าเหวอไปเหมือนกัน


   “ โห!!! เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ พ่อกับแม่รินบอกว่ามีแค่รินคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ”


   “ จ้า... คนสมัยก่อนน่ะ นิยมมีลูกมาก แล้วยิ่งเป็นคนต่างจังหวัดแบบป้าด้วย บางบ้านมีมากกว่าป้าอีก ”


   เด็กหนุ่มได้แต่ทำตาโต แม้ว่าจะเคยรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่มีลูกมากขนาดนี้เสียที เพราะในเมืองหลวง มีลูกแค่

2 คน ก็ถือว่ามากแล้ว แต่ก่อนจะได้ถามอะไรอีก หญิงสูงวัยก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน


   “ เดี๋ยวรถก็จะถึงสถานีแล้ว หนูไปเตรียมของก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา ”


   “ ครับ ขอบคุณคุณป้ามากเลยนะครับที่กรุณาบอกริน แล้วก็ชวนคุยด้วย ตรงที่ที่รินอยู่นั่งแต่แรก ไม่มีใครคุยกับรินเลย ”


   เด็กหนุ่มว่า พลางยกมือไหว้ขอบคุณหญิงสาวต่างวัยอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา


   “ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ว่าแต่ หนูจะไปโรงเรียนยังไงล่ะ เอาอย่างนี้มั้ย เดี๋ยวลูกคนรองของป้าจะมารับ หนูไปกับป้ามั้ย

เดี๋ยวป้าให้เขาไปส่งในโรงเรียน ”


   คำถามของอีกฝ่าย ทำให้เด็กชายทำหน้านิ่ว เพราะตนเองลืมนึกเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะมีรถเหมือนในเมืองหรือเปล่า


   หญิงสาวผู้ผ่านโลกมามากกว่า เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่กำลังทำหน้านิ่ว คิ้วขมวด ก็พอจะเข้าใจ


   “ ยังไม่รู้น่ะสิว่าจะไปอย่างไร ”


   คำถามของอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับ ส่วนหญิงวัยเกษียณก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วก็ยิ้มน้อยๆ ส่วนเจ้าตัวที่

เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออก จึงเอ่ยถามขึ้น


   “ คุณป้าครับ แล้วคุณป้าทราบได้อย่างไรว่า มหา’ลัยที่รินจะไปอยู่แถวบ้านน่ะค่ะ เพราะเท่าที่รินทราบมา ที่นี่มีมหา’ลัย

ตั้งหลายที่ ”


   “ จะไม่รู้ได้อย่างไร ก็ลูกชายคนรองที่จะมารับป้าน่ะ เขาเป็นครูสอนอยู่ที่นั่น แล้วอีกอย่างนะ ส่วนใหญ่แล้ว เด็กต่าง

พื้นที่น่ะ มักจะมาเรียนที่นั่น ”


   “ อ๋อ... ”


   เด็กหนุ่มลากเสียงยาว พร้อมกับพยักหน้าเข้าใจในสิ่งอีกฝ่ายบอก


   “แล้วเราน่ะ ขนอะไรมาบ้าง ”


   “ กระเป๋าใบเดียวครับ แล้วก็ของใช้จำเป็นเล็กๆน้อยๆ ส่วนอย่างอื่น เดี๋ยวค่อยไปตายเอาดาบหน้าครับ ”


   เด็กหนุ่มตอบ ด้วยท่าทางทะเล้นๆ ซึ่งมันก็ทำให้หญิงสูงวัยอดขำ กับท่าทางของเจ้าตัวไม่ได้


   “ ไปเอาของ ของเรามาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวป้าจะรออยู่ที่เดิมนี่แหละ เร็วเข้าล่ะ รถใกล้จะจอดแล้ว ”


   สาวใหญ่เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่า รถชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ และบ้านเรือนก็เริ่มหนาตามากขึ้น


   “ รับทราบครับผม ”


   เด็กหนุ่มตอบ พลางทำท่าเหมือนกับเวลาที่ทหารทำความเคารพ ก่อนจะวิ่งกลับ ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามขำๆ กับกิริยา

กระโดก กระเดก ของเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยจะเหมือนกับเด็กเมืองหลวงสักเท่าไหร่ เมื่อเด็กหนุ่มวิ่งไปยังอีกตู้หนึ่งของรถไฟแล้ว สาว

ใหญ่จึงเริ่มหยิบสัมภาระของตนเอง เพื่อเตรียมตัวเช่นกัน


   วู๊นนนนน!!!


   รถไฟเปิดหวูดเตือนอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่เขตชุมชน ก่อนจะค่อยชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ


   “ มาแล้วครับ รินมาแว้วววว ”


   เด็กหนุ่มคนเดิม ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล ทำให้คนเกือบทั้งตู้ หันไปมองเขาเป็นตาเดียว


   ส่วนเจ้าตัว เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่า ปล่อยไก่อีกแล้ว ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆซึ่งก็ทำให้หลายคนยิ้มขำๆกับท่าทางของเด็กหนุ่ม

ตรงหน้า


   “ ถึงแล้วเหรอครับ คุณป้า ”
   

   เจ้าตัวถามป้าคนเดิมทันที ที่วิ่งเข้ามาถึง ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มกับอาการดีใจออกนอกหน้าของอีกฝ่าย


   “ ถึงแล้วจ้า เมื่อครู่ลูกชายโทรมาบอกว่า เขามาถึงแล้ว ลงกันเถอะรถจอดแล้ว ”


   “ หรือครับ งั้นเราก็ไปกันเลย ป้ามีอะไรให้รินช่วยถือมั้ยครับ เดี๋ยวรินช่วยถือให้ดีกว่า ”


   ว่าเสร็จก็ถือวิสาสะ หยิบกระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือไว้ แถมยังเดินเหมือนกับบ้านของตัวเองอีก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่า

อะไร ได้แต่เดินลงจากรถไฟแล้วมองหาลูกชาย


   “ คนเยอะจังเลยนะครับ สงสัยว่า ถ้ารินมาคนเดียว มีหวัง หลงแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย ”


   เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อลงมายืนอยู่ที่ชานชาลา พร้อมกับหญิงสาวต่างวัย ที่กำลังมองหาใครคนหนึ่ง


   “ โน่นไง ลูกชายป้า เราไปกันเถอะ ”


   ว่าจบ หญิงสาววัยเกษียณออกเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางผู้คนมากมาย โดยมีเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แตกต่างจาก

คนพื้นที่ที่ผิวจะคล้ำ จะมีอย่างเดียวที่ทำให้เด็กหนุ่มนั้นดูกลมกลืนก็คงเป็นนัยน์ตาคมโตฉายแววสดใสของวัยรุ่นเท่านั้น




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@









หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 22-11-2012 12:54:27




ตอนที่ 2









   หนุ่มใหญ่วัย 30 ปลายๆ มองคนทั้งสองที่เดินเข้ามาหาตนอย่างแปลกใจ หญิงเลยวัยกลางคนนั้นเขารู้จักดี แต่เด็กหนุ่มที่เดินมาด้วยเป็นใครนั้น เขาไม่อาจสามารถทราบได้

   “ นี่ตา1ซัน ลูกชายคนที่ป้าเล่าให้ฟัง ”

   “ สวัสดีครับ”

   หญิงสูงวัยแนะนำให้เด็กหนุ่มรู้จักกับบุตรชายของตน ซึ่งคนที่ถูกแนะนำ ก็ยกมือรับไหว้แม้ว่าจะแปลกใจอยู่บ้าง

   “ ไม่ต้องทำงง แม่เจอแกบนรถไฟ สอบถามแล้วบอกว่าลงมาเรียนที่นี่ แต่ว่ายังไม่รู้ว่าจะไปโรงเรียนยังไง แม่ก็เลยชวนมาด้วย เพราะเห็นว่ายังไงบ้านเราก็อยู่แถวนั้น ”

   “ อ๋อ... อย่างนั้นหรือครับ ผมก็นึกว่าแม่ไปเมืองหลวงแป๊บเดียว แอบพาลูกชายของใครเขาหนีมาด้วย ว่าแต่เราน่ะมาเรียนที่นี่ แล้วเลือกเรียนสาขาอะไรล่ะ ”

   หนุ่มใหญ่กล่าวเชิงสัพยอกกับผู้เป็นแม่ ที่กำลังทำหน้างอนๆ ก่อนจะหันมาถามเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบ ชายหนุ่มก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน

   “ อ้อ!!! เกือบลืม แม่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเดินทางหรอกครับ เพราะว่ารุ่นพี่จากมหา’ลัยเค้าเอารถมารับ แล้วครูก็เห็นว่าเราน่ะควรจะไปกับรุ่นพี่นะ ที่ว่าอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ไปด้วย แต่อยากให้เธอร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆน่ะ ”

   “ จริงหรือครับ งั้นรินไปกับรุ่นพี่ก็ได้ครับ จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆไว้ก่อน แต่ว่า... ”

   เมื่อรู้ว่ามีรถที่รุ่นพี่เตรียมมารับเด็กหนุ่มก็ดีใจที่จะได้เจอรุ่นพี่ พร้อมกับเพื่อนๆที่เรียนที่เดียวกันไปในตัว แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง

   “ อืม... อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ได้ แต่ว่าอะไรหรือ ”

   ครูหนุ่มใหญ่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยินดีที่จะไปกับรถของมหาวิทยาลัย กับทำหน้ากังวลบางอย่าง

   “ นั่นสิ แต่ว่าอะไรเรา ”

   หญิงสูงวัยเพียงคนเดียวเห็นกับอาการดังกล่าวจึงเอ่ยถามขึ้นบ้าง

   “ คือว่า รินไม่รู้ว่า พี่ๆเค้าอยู่ตรงไหนน่ะครับ ”

   เจ้าตัวกล่าวขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆ เพราะว่าตั้งหน้า ตั้งตาเดินตาม ไม่ได้มองอะไรกับเขาเลย

   “ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวครูพาไปส่งให้กับรุ่นพี่ หวังว่าเราคงได้เจอกันที่มหา’ลัยนะ แม่รออยู่ตรงนี้สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขอพาเด็กหลงทางไปส่งก่อนแล้วจะรีบกลับมาครับ ”

   “ จ้า ฝากด้วยแล้วกัน เด็กต่างที่ ต่างทาง เดี๋ยวจะหลง ”

   ผู้เป็นแม่กำชับอีกครั้ง ก่อนที่จะปล่อยให้บุตรชายพาเด็กหนุ่มที่เพิ่ง
รู้จักกันไปส่ง



*********************************************************************************



“ ‘จารย์ หวัดดีครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ ”

ชายคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถามขึ้นเมื่อหันมาเห็นอาจารย์ของตนเข้าพอดี

   “อืม... หวัดดี ครูพาเด็กหลงทางมาส่ง ”

   ส่วนคนเป็นอาจารย์ก็ตอบกลับที่เล่น ที่จริง อย่างไม่ถือตัว ซึ่งก็ทำให้รุ่นพี่หลายคนหันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

   “ ขอบคุณ ‘จารย์มากครับ ที่พามาส่ง เดี๋ยวพวกเราจัดการต่อเอง‘จารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ”

   รุ่นพี่คนเดิมกล่าวยิ้มๆ ท่านอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มให้กับทุกคนแล้วจึงเดินกลับ

   “ ขอบคุณครับ ”

   เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาเดินมาส่งจนถึงที่

   “ เอ้า!!!ว่าแต่เรามีสมบัติมาแค่นี้เองเหรอ ”

   “ ครับ พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ”

   รุ่นพี่คนเดิมถามขึ้นเมื่อเห็นว่า กระเป๋าที่เด็กหนุ่มถือมามีแค่ใบเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้างงว่า ‘กระเป๋าใบเดียวมันแปลกตรงไหน’

   “ ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกใจ เห็นคนอื่นเค้าหอบสมบัติกันตั้งมาก เห็นเราเอามาแค่นี้ ก็เลยสงสัย เฮ้ย!!! ไอ้2เวฟ เคลียร์ ”

   รุ่นพี่คนเดิมตอบ พลางตะโกนเรียกเพื่อนอีกคน ให้เอากระเป๋าของรุ่นน้องไปเก็บบนรถ เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร จนคิดว่าไม่น่าจะมีใครหลงหายไปไหนอีก รุ่นพี่ที่ยืนอยู่จึงเรียกน้องใหม่มารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน

   “ เอ้าน้องๆ มารวมกันตรงนี้ก่อน ทำตัวให้เล็กๆเข้าไว้นะ ใช่ๆ นั่นแหละๆ อย่างนั้น เล็กอีกๆ ”

   รุ่นพี่ตะโกนสั่งให้เด็กใหม่ทุกคนรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ก่อนที่พี่ๆ ที่เหลือจะล้อมรอบทุกคนไว้

   “ เอ้า Boom Boom มหา’ลัย Boom มหา’ลัยพร้อม 3 - 4 ”

   พี่คนเดิมให้สัญญาณ ก่อนที่พี่ๆอีกหลายคนจะเริ่มทำการBoomตามที่พี่แกสั่ง แถมพี่แกก็ตะโกนกันซะ ทำเอาน้องๆหูดับกันไปตามๆกัน

   ผู้คนที่กำลังสัญจรอยู่แถวนั้นต้องหันมามองด้วยความสนใจ แต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างไร เพราะจบเพลงแรก ยังมีต่อก๊อกสอง

   “ เสร็จแล้ว ทุกคนขึ้นรถ หาที่สถิตย์กันตามลำบากนะน้อง ”

   “ ไอ้บ้า3ชอ น้องเขาเป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่พวกครึ่งๆกลางๆ อย่างแกจะได้หาที่สถิตย์ อย่าไปฟังมันมากน้อง เลือกที่นั่งกันเองตามสบายเลย ”

   หลังจากที่รุ่นพี่ Boom รุ่นน้องเสร็จ พี่คนเดิมก็สั่งให้ทุกคนขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้ว แต่เหมือนว่าคำพูดของพี่แกจะไม่เข้าหูของพี่ผู้หญิงอีกคนนัก ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากเสียงแปดหลอดเมื่อครู่

   “ นี่เจ๊ เสียงเจ๊น่ะ ทะลุไปถึงไหนๆแล้ว อายเค้าบ้างสิ ”

   “ นี่ไอ้บ้าชอ แกเรียกฉันว่าอะไรนะ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย แล้วจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเสียงฉันไม่ดังพอ ฉันจะสู้พวกแกได้เหรอ ”

   “ โอเคๆ ผมยอมแพ้ครับ ไม่อยากเถียงด้วยแล้วครับ ผู้หญิงอะไรโหดได้โล่ ”

   รุ่นพี่คนที่ชื่อชอ ยกมือยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าพี่ผู้หญิงคนเดิม ไม่ยอมรามือง่ายๆ แต่มิวายบ่นงึมงำกับเพื่อนข้างๆ

   “ เออ!!! มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น จริงมั้ยคะน้องๆ ว่าแต่เมื่อกี้แกแอบบ่นอะไร บอกมานะ”

พี่ผู้หญิงว่า พลางหันมายิ้มกับน้องๆทุกคน แล้วหันกลับเอาเรื่องกับเพื่อนของตัวเองต่อ

   “ เปล๊า!!! ไม่มีอะไรนี่ใช่ไหมวะไอ้เวฟ ”

    พี่ชอตอบกลับ พร้อมทั้งหันไปหาเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อเอาเป็นพยานปากเอก และก็เหมือนว่าพี่ทั้ง 2 คนเขาเข้าขากันเป็นดีเสียด้วย

   “ อ้าว นั่นพี่โอนี่นา ”

   เสียงของรุ่นพี่อีกคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่กำลังจะขึ้นรถต้องหันกลับไปมาดูคนที่ถูกพูดถึงเป็นใคร และก็เป็นเสียงที่ช่วยสงบศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

   “ พี่โอ หวัดดีครับ ”

   รุ่นพี่กลุ่มเดิม ยกมือไหว้พี่คนที่มาเมื่อครู่

   “ ไม่ต้องไหว้มากก็ได้ เราก็ไม่ได้อายุต่างกันนักหนา แล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง น้องๆที่มาวันนี้ ”

   “ น่ารักทุกคนครับ ”

   “ ไอ้เวฟ!!! ”

   “ โอ้ยยยย ”

   เสียงประสานของหลายคน พร้อมกับเสียงร้องของเจ้าของชื่อ ที่โดนมะเหงกพิฆาตของพี่ผู้หญิงคนเมื่อครู่

   “ยัย4บีช เจ็บนะโว้ย เขกมาได้ ”

   “ ก็ต้องเจ็บดิ เขกไม่เจ็บ แล้วฉันจะเขกหัวแกทำซากอะไร ”

   เสียงเถียงกันระวังเพื่อนๆ ที่ทำให้น้องๆปี 1 ต้องกลั้นหัวเราะ ส่วนเพื่อนๆของคู่กรณี ก็หัวเราะสะใจกันเป็นแถว ส่วนรุ่นพี่คนที่เพิ่งมาถึงนั้น เพียงแค่ยิ้มน้อยๆเท่านั้น

   แต่... แค่นั้นก็เหมือนจะทำให้หลายคนใจละลายได้ไม่ยาก ซึ่งเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้จากเสียงอุทานข้างๆตัว

   “ น่ารักอ่ะ พี่คนนั้นน่ะ ”

   เพื่อนสาวข้างตัวพูดขึ้น ซึ่งเพื่อนอีกหลายๆคน ก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ในความคิดของเด็กหนุ่มแล้ว มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

   “ ขี้เก็กอ่ะดิ ”

   เด็กหนุ่มงึมงำอยู่คนเดียว ไม่มีใครสนใจจะฟัง เพราะหลายคนมัวแต่มองหน้ารุ่นพี่คนดังกล่าวอยู่ แต่เหมือนกับอะไรมาดลใจ เมื่อคนที่ถูกนินทา หันสายตามาทางที่เด็กหนุ่มกำลังยืนบ่นอยู่พอดี

   ทำเอาคนที่เมื่อครู่ กำลังทำหน้าลิงหลอกเจ้า สะดุ้งโหยง เพราะไม่คิดว่าพี่ท่านจะหันมา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร กับท่าทางที่เห็นเมื่อครู่ เพียงแต่ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วจึงหันไปพูดกับรุ่นพี่คนที่ชื่อชอต่อ

   “ ชอ พี่ว่า เราเสียเวลากันมาพอสมควรแล้ว พาน้องๆกลับดีกว่าเดินทางกันมาเหนื่อย จะได้พอมีเวลาพักผ่อนบ้าง ”

   รุ่นพี่ที่มาใหม่บอกกับรุ่นพี่ที่ชื่อชอ และดูคล้ายจะเป็นแกนนำคนหนึ่งของกลุ่มรุ่นพี่ที่เดินทางมารับน้องใหม่ในวันนี้

   “ จริงด้วย นี่ก็สายมากแล้ว พวกผมขอตัวนะครับ ว่าแต่พี่โอ จะกลับพร้อมพวกเราหรือเปล่าครับ ”

   ชอว่าอย่างเห็นด้วย เนื่องจากตอนนี้ก็สายมากพอดู ก่อนจะเอ่ยถามอีกคนว่าจะกลับด้วยกันหรือไม่

   “ น้องๆกลับกันไปก่อนเถอะ พี่ออกมาหาซื้อของใช้นิดหน่อยน่ะ แต่เห็นรถของมหา’ลัยก็เลยแวะมาทัก ”

   “ อ๋อ... ครับ งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ เอ้าน้องๆครับ ขึ้นรถเลย เดี๋ยวพวกพี่จะอาสาเป็นสารถีพาไปส่ง ”

   รุ่นพี่ชอกล่าวลาพี่คนเมื่อครู่ ก่อนจะหันมาสั่งให้น้องปี 1 ขึ้นรถ เพื่อเตรียมกลับมหา’ลัย ทันทีที่รุ่นพี่ขึ้นรถครบทุกคน เสียงนกกระจอกแตกรังก็ดังขึ้น

   “ พี่ๆคะ พี่คนเมื่อกี้ เป็นใครเหรอคะ ”

   หน่วยกล้าตายสาวคนหนึ่งถามขึ้น ซึ่งก็มีอีกหลายคนที่อยากรู้เหมือนกันเป็นกองสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

   “ แหม... ไม่ค่อยอยากรู้กันเลยนะ ทีพวกพี่นั่งกันอยู่หน้าสลอนเนี่ยะ ไม่มีใครอยากรู้จักกันเลยเหรอ ”

   “ ก็อยากรู้จักอยู่ค่ะ แต่ว่า... อยากรู้จักพี่คนเมื่อกี้มากกว่า ”

   เพื่อนคนหนึ่งตอบ ซึ่งมันก็เรียกเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่คนอื่นได้เป็นอย่างดี ที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองยิ้ม แล้วก็ต้องหลุบยิ้มอย่างรวดเร็ว เพราะคำว่าแต่ของน้องใหม่

   “ สะใจว่ะ ไอ้เวฟ หน้าแหกยับเยิน หมอที่ไหนจะรับวะ ”

   “ ไอ้เวรเอ้ย แทนที่จะเห็นใจ ”

   “ เฮ้ย ถ้าเป็นคนอื่นน่ะ ข้าว่ามันก็น่าเห็นใจอยู่หรอกนะ แต่พอเป็นแก โดนซะบ้างก็ดีอยู่หรอก ”

   “ ไอ้ชอ ไอ้ๆ... ”

   เสียงฮาครืนดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการโต้เถียงกันเองระหว่างเพื่อนๆ ส่วนน้องๆที่ไม่รู้เรื่อง รู้ราว ก็ได้แต่ทำหน้างงๆกับมุขของพวกพี่ๆ

   “ คืออย่างนี้ รุ่นพี่คนเมื่อกี้น่ะ พี่เค้าอยู่ปี 4 แล้วก็เป็นประธานนักศึกษาด้วย ”

   พี่ผู้หญิงช่วยตอบแทน เพราะเห็นว่า กำลังจะมีการตะลุมบอลระหว่างเพื่อนๆเกิดขึ้น

   “ อ๋อ... พี่เค้าน่ารักนะคะ เแต่ว่า เหมือนลูกครึ่งเลย ”

   “ จ้า... แต่พี่เค้าไม่ใช่ลูกครึ่งหรอก อ้อ...พี่มีเรื่องอยากจะบอกนิดนึงนะ คือว่า น้องๆอย่าไปถามชื่อพี่ๆที่ชั้นปีสูงกว่านะ เพราะว่ามันเป็นกฎรุ่นของที่นี่น่ะ ”

   พี่ผู้หญิงอธิบายให้ทุกคนฟัง ซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับ

   “ ว่าแต่พวกพี่ยังไม่รู้จักน้องๆกันเลย เอาอย่างนี้ เดี๋ยวน้องแนะนำตัวให้พี่ๆรู้จักนะ แต่ว่า เดี๋ยวพี่ทุกคนจะแนะนำก่อน ตกลงมั้ย ”

   “ ครับ/ค่ะ ”

   เสียงตอบรับของทุกคน ก่อนที่พี่ๆทุกคนจะบอกว่าคนเองชื่ออะไร มาจากไหน แล้วเรียนสาขาอะไร   

“ เอาล่ะ พวกเราก็รู้จักพี่ๆแล้ว ที่นี้ ก็เป็นหน้าที่ของน้องๆแล้ว ที่จะแนะนำตัวให้พี่รู้จัก เริ่มจากคนแรกเลย ”

   เพื่อนคนหน้าสุดแนะนำตัว ก่อนจะตามมาด้วยคนต่อๆมา ซึ่งแต่ละคนก็ต่างที่มา ต่างสาขาที่เรียน จนมาถึงคนสุดท้าย

   “ และแล้วก็มาถึงคนสุดท้าย เริ่มเลยจ้า ”

   “ สวัสดีครับ 5มาริน ริน สาขาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ครับ ”

   เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเป็นคนสุดท้าย ซึ่งทำให้พี่ๆหลายคนหันมอง อย่างแปลกใจ

   “ แหม... ไม่ค่อยเลยนะ ชื่อมาริน เรียน Marine Science เข้ากันดีจริงๆ ”

   รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขำๆ เมื่อเด็กหนุ่มแนะนำตัวจบ

   “ แหม ไม่เห็นจะแปลกเลยแก ทีพี่โอ เรียนสาขานี้ ยังชื่อมหาสมุทรได้เลย แถมยังมีชื่อเล่นว่า 6Ocean ได้เลย แล้วน้องเค้าจะชื่อ Marine มันจะแปลกตรงไหนวะ ”

   “ เออ!!! มันก็จริงของแกว่ะ แต่ว่าตอนนี้ข้ามีรุ่นน้องแล้วโว้ย แหม นึกว่า วันนี้จะไม่มีน้องวิท - เล เสียอีก ”

   “ ไอ้เวฟแกช่วยเก็บงูบนหัวด้วย เดี๋ยวน้องเขาจะตกใจ แล้วย้ายหนีไปสาขาอื่นเสียก่อน ”

   ชอพูดกระแนะ กระแหน เมื่อเห็นว่าเวฟดีใจจนออกนอกหน้า ซึ่งสามารถเรียกเสียงฮาจากทุกคนบนรถได้ดี

   “ ไอ้เพื่อนเวร แกพูดอย่างนี้ได้ไงวะ เดี๋ยวไก่ตื่นหมด ภาคเรายิ่งเหลือกุลสตรีน้อยๆอยู่ ดูอย่างเจ๊แกดิ แรกมานะ ออกจะเรียบร้อย ตอนนี้ก็ยังเรียบร้อย ยิ่งกว่าผ้ายับที่พับไว้เสียอีก... ”

   ป้าบบบ!!!

   เสียงฝ่ามืออรหันต์พิฆาตมารของพี่ผู้หญิง ที่หลายคนเรียกว่าเจ๊ ประทานลงกลางหลังของเพื่อนร่วมสาขาวิชา

   “ ไอ้เวฟ นินทาอะไร ได้ยินนะโว้ย ”

   “ นี่เจ๊ เจ๊จะทำตัวเป็นกุลสตรีให้น้องๆเอาเป็นแบบอย่างบ้างไม่ได้หรือไง แล้วนี่หลังคนนะ ไม่ใช่แผ่นกระดาน ที่นึกจะทำอะไรก็ได้ ”

   พี่เวฟว่าไปพลางเอามือลูบหลังตัวเองไปพลาง ส่วนพี่ๆอีกหลายคนก็ได้แต่ขำ กับสิ่งที่เห็น

   “ ไอ้ชอ ไอ้คุณเพื่อนที่แสนดี แกไม่คิดจะช่วยข้าบ้างหรือไงวะ ”

   เวฟ หันไปเล่นงานเพื่อนคู่หู ที่กำลังยืนหัวเราะตนเองอยู่อย่างเมามันส์

   “ ไม่ดีกว่า เจ๊แกธรรมดาซะที่ไหน ข้าไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วยว่ะ ”

   “ เออ ช่างรักเพื่อนจริงๆ ”

   เวฟพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะนั่งสงบปาก สงบคำ อยู่ด้านหลังรถ แล้วปล่อยเพื่อนคนอื่นทำหน้าที่ต่อ

   “ ดี ถ้าไม่ถามไม่ต้องออกความคิดเลยนะ ”

   “ คร๊าบบบบ ”

   บีชหันไปเล่นงานพี่เวฟอีกครั้ง ซึ่งพี่แกก็ไม่ต่อปาก ต่อคำอีก เท่าที่รุ่นพี่แนะนำตัวก่อนหน้านี้ ทำให้น้องๆ ทราบว่า

   เวฟ ชอ และบีช เป็นนักศึกษาชั้นปี 2 จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ซึ่งเป็นสาขาเดียวกับที่เด็กหนุ่มเลือกเรียน แล้วมันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้น เพราะเพื่อนๆคนอื่น ที่แนะนำตัวก่อนหน้านั้นไม่มีใครอยู่สาขานี้เลย




*********************************************************************************




   “ เอ้า!!! ทุกคน ขณะนี้ ราชรถของเรา กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่อาณาจักรของเราแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนที่คิดไว้หรือเปล่า ”

   เสียงของรุ่นพี่สุดป่วนของวันนี้ ดังขึ้นมาจากท้ายรถ หลังจากที่รถมินิบัสของมหาวิทยาลัย เลี้ยวเข้าประตูด้านหน้าของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว สองข้างทาง ปลูกต้นประดู่ โค้งเข้าหากัน ดูคล้ายกับซุ้ม ทอดยาวตลอดแนว รถมินิบัสขับเรื่อยๆ ผ่านด้านข้างของอาคารอธิการบดี ก่อนจะเลี้ยวตัด เข้าสู่ถนนย่อย สองข้างทางเปลี่ยนจากต้นประดู่เป็นต้นไม้ป่าหลากหลายชนิด

   “ เดี๋ยวพวกพี่จะพาน้องๆทุกคนไปรายงานตัวเข้าหอพักกันก่อน หลังจากนั้นก็จะพาไปส่งที่หอพักของแต่ละคน อ้อ!!! เดี๋ยวรายงานตัวเสร็จแล้ว มาเจอกันตรงนี้นะ ”
   “ ค่ะ/ครับ ”

   รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น หลังจากที่รถมินิบัสจอดอยู่หน้าหอพัก ซึ่งใช้เป็นที่รับรายงานตัวนักศึกษาใหม่

   “ เดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปส่ง ตามหอของแต่ละคน อ้อ!!! เกือบลืม 5 โมงเย็นขอให้ทุกคนลงมาพร้อมกันที่ด้านล่างของหอพัก เดี๋ยวพวกพี่ๆจะไปรับ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในวันแรก ”

   รุ่นพี่คนเดิมกล่าวขึ้น ขณะที่ทุกคนพร้อมกันบนรถอีกครั้ง ชั่วครู่เดียวราชรถที่ทุกนั่งมา ก็พาแต่ละคนมาส่งที่หน้าหอพัก ส่วนรุ่นพี่แต่ละคนก็ช่วยกันขนข้าวของ ของน้องๆ ไปส่งให้จนถึงในห้อง




*********************************************************************************





1Sun = ดวงอาทิตย์
2Wave = คลื่น
3Shore = ฝั่งทะเล
4Beach = ชายทะเล
5Marine = ทางทะเล, เกี่ยวกับทะเล
6Ocean = มหาสมุทร






ย่องๆมา


เหมือนมันจะเงียบยังไงก็ไม่รู้ :เฮ้อ:

แต่ไม่เป็นไรข้าเจ้าก็จะทำหน้ามึน :really2: ลงตอนต่อไป

ดูเหมือนว่า ตอนนี้จะมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาหลายตัว แต่อย่าได้แคร์ เพราะนั่นคือองค์ประกอบเพื่อความสมบูรณ์ o18

ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้ตัวเอกทั้งฝ่ายพระ - นาย เปิดตัวออกมาหมดแล้ว ( ไม่มีกั๊ก )

สู้โว้ย!!!!! อันนี้บอกตัวเอง :monkeysad:

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมขอรับ :pig4: (แม้จะเงียบเชียบอยู่ก็ตามที)


ขออนุญาตจรลีไปก่อนนะขอรับ เจอกันในตอนต่อไปขอรับ :3123:





หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 22-11-2012 20:32:26
ตอนที่ 3




ตอนที่ 3


   ห้องนอนกว้างขวาง เตียงนอนสองชั้น ตั้งไว้ที่ริมผนัง อีกด้านหนึ่งวางตู้ล็อกเกอร์ 2 ใบ ข้างๆกันมีโต๊ะ 1 ตัว พร้อมด้วยเก้าอี้ 4 ตัว ด้านหลังห้องเป็นระเบียง แม้ว่าไม่กว้าง แต่ก็ไม่แคบนัก ต้นไม้ใหญ่หลายต้น แผ่กิ่งก้านสาขา ดูคล้ายกับป่าย่อมๆ เพราะพอจะมีสัตว์เล็กๆให้เห็น

   เด็กหนุ่มเข้ามาถึงห้องเป็นคนแรก จึงสามารถเลือกเตียงได้ตามใจชอบ ซึ่งเขาก็เลือกเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่างกระจกหลังห้อง

   “ เฮ้อ!!! สบายใจจัง ว่าแต่ ยังไม่เห็นมีใครมาเลย ”

   เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นลอยๆ หลังจากที่สาละวนจัดข้าวของอยู่พักใหญ่ เขาได้ห้องสุดท้ายของชั้น 3 ซึ่งอาจารย์บอกว่า คงจะมีเพื่อนทยอยมารายงานตัวอีก เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรก ที่เปิดรับรายงานตัว และกลุ่มที่รุ่นพี่ไปรับมานั้น ก็เป็นเพียงกลุ่มแรกๆเท่านั้น ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ยังมาไม่ถึง เพราะพี่ๆแบ่งทีมกัน

   “ โทรหาแม่ดีกว่า ”

   เขาว่าพลางกดโทรศัพท์ หมายเลขที่จำได้ดี รออยู่เพียงชั่วครู่ เสียงจากปลายสายก็ตอบรับกลับมา

   “ สวัสดีครับ รินถึงแล้วนะครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่นี่เขาใจดีมากเลย รุ่นพี่ก็น่ารักดีครับ..... ”

   เด็กหนุ่มพูดจ้อยๆ ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ซักถามอะไรเลย

   “ แหม... แม่เขายังไม่ทันถามอะไรเลย มาเป็นชุดเลยนะ ”

   เสียงห้าวๆ ของชายวัยกลางคน ที่เด็กหนุ่มจำได้ดี ดังขัดขึ้นมา
   “ อ้าว... พ่ออยู่ด้วยเหรอครับ ดีจัง รินจะได้ไม่ต้องตอบคำถามหลายรอบ ว่าแต่ทำไมพ่อมาอยู่ตรงนั้นได้ล่ะครับ ”

   เขาถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าห้องพักของพ่อ และแม่ของเขานั้นนั้น พักอยู่คนละที่ เรียกว่าคนละฝากเลยก็ว่าได้

   “ อันนี้ ก็ต้องถามแม่เราแล้วล่ะ ว่าวันนี้นึกครึ้มอก ครึ้มใจอะไรขึ้นมาถึงเดินมาที่อาคารพละศึกษานี่ได้... ”

   “ คุณนี่... ”

   เสียงของหญิงสาวดังขึ้น มีแววไม่พอใจอยู่นิดหน่อยที่โดนแซวต่อหน้า เพราะปกติแม้ว่าจะทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยจะเดินมาที่พักของกันและกันนัก นอกจากจะมีเรื่องจำเป็นจริงๆ

   พ่อและแม่ของเขานั้นเป็นอาจารย์สอนอยู่ในโรงเรียนประจำจังหวัด ซึ่งพ่อของเขานั้นสอนพละศึกษา ส่วนแม่สอนภาษาไทย

   เขาคุยโทรศัพท์กับพ่อและแม่อีกสักครู่จึงวางสาย เพราะพ่อมีสอนชั่วโมงต่อไป

   ก็อก!!!ๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจากที่เขากำลังลงมือปูผ้าปูเตียง เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองประตู ก่อนจะออกมาอนุญาต

   “ เชิญครับ... ”

   ทันทีที่สิ้นเสียง เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสามคนจึงหอบข้าวของเข้ามาในห้อง โดยมีรุ่นพี่ช่วยยกมาส่งอีกเช่นเคย

   “ ขอบคุณครับ ”
   1 ใน 3 ยกมือไหว้รุ่นพี่ แทนเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งเด็กหนุ่มก็เข้ามาช่วยเพื่อนใหม่ หิ้วของเข้าห้อง

   “ อย่าลืมนัดเย็นนี้นะ อ้อ!!! แต่งกายให้เรียบร้อยนะจ๊ะ ”

   รุ่นพี่ผู้หญิงที่ช่วยขนของมาส่ง เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป แล้วปล่อยให้ทุกคนจัดการกับของ ของตนเองต่อ

   “ หวัดดี เราชื่อรินนะ ”

   เด็กหนุ่มแนะนำตัวก่อน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือมองหน้ากัน เหมือนจะเป็นการเกรงใจว่าใครจะบอกก่อน

   “ เรา 1เซาธ ”

   “ เรา 2อีสท ”

   “ และสุดท้ายเรา 3นอธ พวกเราเป็นฝาแฝดกัน ”

   สมาชิกคนสุดท้ายแนะนำตัวเสร็จ พร้อมกับฐานะของตนเอง ทำให้เขาต้องมองหน้าเพื่อนห้องใหม่อีกครั้ง ด้วยความแปลกใจ เพราะเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตเพื่อนใหม่ทั้ง 3 คนแต่แรก

   “ ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วก็อยู่ห้องเดียวกัน ”

   “ เช่นกันนะ ว่าแต่นายเรียนสาขาไหนเหรอ พวกเรา 3 คนเรียน วิทยาศาสตร์ ทางทะเลเหมือนกัน ”

   นอธบอกสาขาที่ตนเองและฝาแฝดทั้ง 2 เรียน ซึ่งมันก็เรียกสีหน้าแปลกใจจากมารินได้อีกครั้ง

   “ จริงเหรอ เรียนเหมือนเราเลย เราก็เรียนวิทยาศาสตร์ ทางทะเล เหมือนกัน ”

   “ โห ม่ายอยากจาเชื่อ แต่ก็ดี เราจะได้ไปเรียนพร้อมกัน ”

   อีสทเอ่ยขึ้น หลังจากที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่กระเป๋าของตนเอง

   “ แล้วนี่นายเลือกเตียงแล้วเหรอ งั้นเรา 3 คนก็... ”

   เซาธพูดขึ้นลอยๆ แต่ตนเองก็กระโดดไปจองเตียงล่างที่เหลืออยู่อีกเตียงก่อนเพื่อน

   “ ไอ้เซาธ แกชวนฉันโม้อีกแล้ว ”

   สองแฝด ที่ต้องตัดสินกันเองว่าใครจะอยู่เตียงบนด้านไหน พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ ที่โดนชิงเตียงล่างไปก่อน

   “ ช่วยไม่ได้ ช้ากันทำไมล่ะ ”

   “ เออ!!! ฝากไว้ก่อนเหอะ แต่ห้องนี่ฝุ่นเยอะสุดๆ สงสัยไม่มีคนอยู่มานาน เราว่านะ คงต้องหาไม้กวาดมากวาดแล้วล่ะ ”

   “ อืม... เมื่อตอนเราขึ้นมา อาจารย์บอกว่า จัดของเสร็จแล้ว ถ้าต้องการไม้กวาดก็ลงไปเบิกมาเป็นของห้องได้เลย ส่วนไม้ถูพื้นน่ะ ใช้ของส่วนรวม ”

   เขาบอกกับเพื่อนใหม่ แต่ละคนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะแยกย้ายกันจัดของใช้ส่วนตัวเข้าที่

   “ เราจัดของเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราไปเบิกไม้กวาดก่อนนะ ”

   “ เฮ้ย!!! เราไปด้วย จะได้ช่วยถือ แล้วจะได้เอาไม้ถูพื้นขึ้นด้วยมาเลย ”

   เซาธที่จัดของเข้าที่อยู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมจะออกจากห้องตามคำที่บอก

   “ ไม่ต้องหรอก... ”

   เขาเอ่ยขัดขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนใหม่ยังจัดของไม่เรียบร้อย แต่ก็ต้องหยุดพูดไป เพราะไม่รู้ว่าคนที่ตนเองพูดอยู่ด้วยนั้น ชื่อว่าอะไรแน่ เพราะทั้ง 3 แฝดนั้นคล้ายกันมาก คงยากที่จะแยกออกจากการแนะนำตัวก่อนหน้านั้นได้ และก็เหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายที่กำลังคุยกับตนงั้นจึงเงียบไปเสียเฉยๆ จึงเอ่ยบอกชื่อตัวเองอีกครั้ง

   “ เราเซาธ ”

   “ ขอโทษทีนะ เรายังจำพวกนายไม่ได้เลยว่า ใครเป็นใครน่ะ แล้วอีกอย่างเราถือได้ ไม่ได้เยอะอะไร นายจัดของเสร็จแล้วค่อยช่วยกันถูดีกว่า ได้เสร็จไปพร้อมๆกัน”

   เขาเอ่ยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ยังจำเพื่อนใหม่ไม่ได้ว่าคนไหนชื่ออะไร นอกจากความที่เพิ่งเจอกัน และ 3 แฝดก็คล้ายกันจนแยกไม่ออกจริงๆ จนเจ้าตัวต้องบอกชื่อเสียเอง

   “ เอางั้นก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเพิ่งเจอกันเอง ขนาดเพื่อนที่เรียนกับพวกเรามาตั้งหลายปี ยังทักพวกเราผิดบ่อยๆเลย ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวนายก็แยกพวกเราออกเองล่ะ”

   เจ้าของชื่อที่โดนขัด เมื่อได้ฟังเหตุผลก็ไม่ว่าอะไร พลางช่วยพูดให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องแยกความแตกต่างของ 3 แฝด

   หลังจากหายไปพักใหญ่ เด็กหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด ทั้งไม้กวาด ไม้ถูพื้น และถังใส่น้ำ

   “ เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง นายนั่งพักก่อนแล้วกัน เดินลงไปเอาอุปกรณ์มาแล้วนี่นา ”

   “ ไม่เป็นไรหรอกน่า ช่วยๆกันดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆไง ”

   “ เอางั้นเหรอ งั้นก็ตามใจ พวกเรา ลุย ”

   1 ใน 3 ฝาแฝดเอ่ยขึ้น แต่มารินก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดีว่าใครชื่ออะไร และด้วยเรื่องนี้ 3 แฝดเหมือนจะเข้าใจความคิดของเพื่อนร่วมห้อง จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

   “ ริน เราว่านายอ่ะ ไม่ต้องรีบจำชื่อพวกเรา เดี๋ยวอยู่กันไปก็จำได้เองแหละ เชื่อสิ ”

   1 ใน 3 พูดขึ้น เหมือนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่



   “ เฮ้อ!!! เสร็จเสียที กว่าจะสะอาด เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ยะ แล้วเราจะเอายังไงกันต่ออ่ะ ”

   เสียงของ 1 ใน 3 แฝดดังขึ้นหลังจากช่วยกันปฏิบัติรักษาความสะอาดมาพักใหญ่

   “ เอ่อ... ”

   “ นอธขอรับกระผม ”

   “ อ่ะนะ ‘โทษที เราเป็นคนความจำสั้นน่ะ ”

   “ ไม่เป็นไร เราเข้าใจ เพราะว่าพวกเราก็เป็น ว่าแต่เมื่อกี้รินจะว่าอะไรเหรอ ”

   “ อ๋อ... คือว่า เราจะชวนพวกนายไปอาบน้ำน่ะ ยังไม่ได้อาบเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้วน่ะ ”

   เขาว่า พลางยกแขนตัวเองขึ้นมาพิสูจน์

   “ เห็นด้วยนะ เพราะพวกเราก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน แต่ว่าห้องน้ำอยู่ไหนอ่ะ ”

   3 แฝดเห็นด้วยกับความคิดของเธอ แต่ก็ยังไม่มีใครทราบว่า ห้องน้ำอยู่ที่ไหน

   “ อ๋อ... ห้องน้ำอยู่ด้านล่างน่ะ เราลงไปมาแล้ว ตอนเอาน้ำมาถูห้อง กว้างแล้วก็สะอาดดีนะ สงสัยคงมีแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดไว้ก่อนหน้านี้มั้ง ”

   มารินบอกกับ 3 แฝด ที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า

   “ งั้นเราก็พร้อมแล้ว ไปกันเหอะ อาบน้ำเสร็จ ขอหลับซักงีบ อย่างอื่นค่อยว่ากัน ”

   “ แหม... ไม่ค่อยเลยนะคุณอีสท สมองเนี่ยะมีอะไรบ้าง นอกจากกินกับนอน ”

   “ แล้วจะทำไม หรือว่าแกไม่นอน แต่อย่าให้เห็นนะว่าแกหลับ ฉันเห็นแกพูดอย่างนี้ทุกที แต่แกก็หลับก่อนเพื่อน ”

   2 แฝดเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมลงให้ใคร ส่วนอีกคนที่เหลือก็ดึงมือเขาให้เดินไปด้วยกัน

   “ ไม่รอสองคนนั้นก่อนเหรอ ”

   “ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าอีสท กับไอ้เซาธมันหรอก เดี๋ยวก็ตามมาเองแหละ ไม่เกิน 5 นาที ”

   มารินพอจะเดาได้ว่า คนที่เดินมากับตนเองตอนนี้ ต้องเป็นนอธอย่างแน่นอน เพราะเขาพูดถึง อีสทและเซาธ

   “ ไอ้นอธรอด้วยโว้ย เดินมาไม่รอเลยนะแก ”

   “ นั่นไง ขาดคำที่ไหน ”

   ยังไม่ขาดคำของนอธ เสียงของ 2 แฝดที่เหลือก็ดังตามหลังทั้งคู่ก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งตามมาติด

   “ ไม่รอกันบ้างเลย ”

   พอมาทัน ทั้งคู่ก็หาเรื่องกับนอธทันที

   “ ก็อยากรออยู่หรอกนะ ถ้าแกสองตัว ไม่กัดกันก่อน ”

   “ ไอ้นอธฉัน 2 คนนะโว้ย ไม่ใช่หมานะ แกจะเรียกว่ากัดได้ไง”

   3 สาวฝาแฝดเดินเถียงกันตั้งแต่ยังไม่ลงบันได เรื่อยจนลงมาถึงในห้องน้ำ มาเลิกเถียงกันก็ตอนแปรงฟันนั่นแหละ เพราะพูดไม่ได้



   “ เฮ้อ... ขอหลับเอาแรงก่อนแล้วกันนะ ”

   1 ใน 3 พูดขึ้น หลังจากอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณจนเป็นที่พออก พอใจแล้ว พร้อมกับปืนขึ้นเตียงของตัวเองอย่างไม่ใคร่จะสนใจใคร ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็ส่ายหน้าอย่างเบื่อ ก่อนจะปืนขึ้นเตียงของตัวบ้าง

   “ รินเราว่า พักเอาแรงกันก่อนดีกว่า พี่เขานัด 5 โมง นี่เพิ่งจะเที่ยงกว่าเอง จะได้เตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับกิจกรรมตอนเย็นไง ”

   “ ใช่ๆ นอธพูดถูก เห็นด้วยอย่างยิ่ง ”
   
   เสียงแรกเป็นเสียงของนอธ ที่ดูจะเป็นพี่สุดของ 3 แฝด ส่วนคนที่ชะโงกศีรษะลงมาพูดเมื่อครู่ น่าจะเป็นอีสทซึ่งน่าจะเป็นคนรอง และสุดท้าย เซาธ น่าจะเป็นน้องสุดท้องของ 3 แฝด

   แม้ว่าจะเพลียกับการเดินทาง แต่ว่าการมาอยู่ผิดที่ ผิดทาง ก็ทำให้เด็กหนุ่มทั้ง 4 คนนอนไม่หลับแต่อย่างไร

   “ นอนไม่หลับอ่ะ เราจะทำอะไรกันดี ”

   เซาธซึ่งนอนอยู่เตียงล่างเอ่ยขึ้น หลังจากนอนพลิกไป พลิกมาอยู่บนเตียงของตัวเองมาพักใหญ่

   “ นั่นดิ นอนไม่หลับ สงสัยยังไม่ชินแน่เลย ”

   อีสทที่นอนอยู่เตียงบน ตะโกนตอบลงมา

   “ ริน นายนอนหลับป่าว ”

   “ ไม่หลับเหมือนกัน ”

   “ เราจะทำอะไรกันดีอ่ะ เหลือเวลาอีกตั้งนาน ง่วงก็ง่วง แต่มันไม่หลับอ่ะ ”

   เสียงเจื้อยแจ้วของคนง่วง แต่หลับไม่ได้ทั้ง 4 คนส่งเสียงคุยกันอย่างคนไม่มีจะทำอะไร

   “ จริงสิ เราเอาวิทยุเครื่องเล็กมาด้วย ลืมได้ไงเนี่ยะ ”

   เขาว่า พลางลุกขึ้นไปหยิบวิทยุเครื่องเล็กที่นำมาจากบ้านออกมาจากตู้เสื้อผ้า

   “ เปิดเลยริน เงียบมากไม่ดี ”

   เซาธว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็ไม่เงียบนัก เพราะยังมีคนรายงานตัวเข้าหอพักอยู่ เป็นระยะ แต่ด้วยความที่ห้องของทั้ง 4 เป็นห้องสุดท้ายของชั้น จึงไม่มีใครเดินผ่าน

   “ แต่เราไม่รู้ว่า ที่นี่มีอะไรน่าฟังบ้างนะ แถมไม่รู้ว่า จะหาคลื่นไหนได้บ้าง ”

   เขาว่า พลางหมุนหาคลื่นไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีคลื่นไหนที่ชัดพอที่จะฟังได้เลย

   “ อันไหนก็ได้ แบบว่าฟังได้หมดแหละ ไม่ว่าจะเป็นลูกทุ่ง เพื่อชีวิต ลูกกรุง หรือว่าจะเป็น ไทยสากล ”

   อีสทว่า ก่อนจะลงจากเตียงมานั่งอยู่ด้านล่าง

   “ แต่ถ้าหาไม่ได้ เดี๋ยวเราบรรเลงเอง ”

   เซาธที่ลุกขึ้นมาร่วมวงอีกคน ตั้งท่าเตรียมพร้อม

   “ พอเลย ไอ้เซาธ ฉันไม่อยากให้เพลงเขาขายไม่ออกเพราะแก อีกอย่างฉันกลัวว่า รินเค้าจะรับแกไม่ได้ว่ะ สงสารหูคนฟังว่าเหอะ ”

   นอธเหยียบเบรกเซาธเอาไว้ก่อน ด้วยเกรงว่า เพื่อนใหม่อย่างมารินจะรับเสียงของน้องชายฝาแฝดของตนเองไม่ได้

   “ ไม่เป็นไรหรอกนอธ เราเป็นแคลช รับได้ทุกอย่าง เพราะว่าเราก็ร้องเพลงไม่เอาอ่าวเหมือนกัน ”

   เขาบอกตามจริง เพราะเขาเองก็เป็นอีกคนที่ร้องเพลงไม่เก่ง หลายคนบอกว่า หากจะให้ร้องน่ะได้ แต่อย่ามีดนตรี เพราะเขาถนัดกับการร้องคร่อมคีย์ เรียกว่าร้องทีไร กว่าครึ่งผิดคีย์ตลอด

   “ ได้แล้วๆ ”

   อีสทที่ขอเป็นคนหาคลื่นแทนมารินเอ่ยขึ้น เมื่อได้ยินเสียงจากวิทยุเครื่องน้อยชัดขึ้น

   ‘ สำหรับวันนี้ ก็เป็นวันแรกที่นักศึกษาน้องใหม่มารายงานตัว ยังไงก็ขอต้อนรับน้องๆทุกคนเลยนะคะ..... ’

   “ คลื่นของที่นี่เหรอ ”

   “ คงงั้นอ่ะ ไม่รู้ว่าเปิดเพลงแนวไหน แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรฟัง ”

   “ อ้าว... อีสท ไหนว่าฟังได้หมดไง ”

   “ ก็ได้อยู่ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ฟัง ”

   เซาธและอีสทเถียงกันอีกครั้ง ซึ่งนอธก็นั่งดูเฉยๆ เหมือนว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรแปลกใหม่


   “ อย่าแปลกใจเลย 2 คน นี้ทะเลาะกันอย่างนี้แหละ เป็นเรื่องปกติแล้ว วันไหนไม่ได้แกล้งกัน สงสัยมัน 2 ตัวคงจะนอนไม่หลับ ”

   นอธหันมาบอกมาริน ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับรู้ พลางยิ้มขำๆกับฝาแฝด ที่ตั้งหน้า ตั้งตาเถียงกันโดยไม่คิดจะสนใจสิ่งรอบข้าง



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   กริ๊งงงงๆๆๆ!!!

   เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นกระทันหัน เด็กหนุ่มงัวเงียลืมตาขึ้น พลางเอามือควานหาเจ้าตัวต้นเสียง

   “ 4 โมงครึ่งแล้วเหรอ เราหลับไปตอนไหนเนี่ยะ ”

   เด็กหนุ่มบ่นงึมงำ ก่อนจะกดปิดเสียงนาฬิกา 3 แฝดพี่น้องหลับอยู่ที่พื้น ก่อนที่ใครคนหนึ่ง จะงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อน ซึ่งเขาคลาดว่าน่าจะเป็นนอธพี่สุดของฝาแฝด

   “ กี่โมงแล้วอ่ะ ”

   “ 4 โมงครึ่งแล้ว ”

   “ เหรอ... อืม... อีสท เซาธตื่นๆ ”

   นอธพยักหน้ารับ ก่อนจะปลุกอีก 2 สองคนที่เหลือ

   “ เดี๋ยวเราขอไปล้างหน้า แล้วก็เปลี่ยนเสื้อก่อนนะ ชุดนี้ดูจะไม่สุภาพ ”

   เขาว่าพลางลุกขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ล้างหน้า ก่อนจะเดินลงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะชุดที่เขาใส่อยู่นั้น เป็นกางเกงขาสั้น กับเสื้อยืด ที่ใช้สำหรับใส่นอน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ พร้อมหรือยัง ป่านนี้เพื่อนคงจะพร้อมกันแล้วล่ะ เราลงไปข้างล่างกันเลยดีกว่า ”

   “ ดีเหมือนกันริน ลงไปรอดีกว่า เผื่อว่าจะมีอะไรสนุกๆให้ทำ ”

   “ นี่เซาธ ที่นี่มหา’ลัยนะ ไม่ใช่โรงเรียนมัธยมแล้ว ทำตัวให้เหมือนนักศึกษาหน่อยสิ ”

   “ แหมป้า ป้าจะอะไรนักหนาเล่า เรายังเป็นน้องปี 1 นะ จะให้เป็นผู้คงแก่เรียนอะไรนักล่ะ ”

   นอธว่าเมื่อเห็นอาการเริงร่าของน้องชายฝาแฝด แต่เซาธกลับทำไม่รู้ ไม่ชี้ แถมยังเถียงกลับอีก กว่าที่ทั้งหมดจะเดินลงมาถึงด้านล่าง มารินก็ต้องหูชาเพราะความขี้บ่นของพี่ชายคนโต และความช่างเถียงของอีก 2 คน

   “ โห มีคนลงมาตั้งเยอะแล้ว ”

   เซาธแฝดน้องสุดท้อง จอมพูดมาก เอ่ยขึ้นเมื่อลงมานั่งรอรุ่นพี่ที่ใต้หอตามคำสั่งเมื่อตอนเช้า



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ ไงน้องๆเฟรชชี่ มากันครบหรือยัง เดี๋ยวพวกพี่จะพาไปกินข้าวที่โดมอาหารของที่นี่ก่อน แล้วเวลาประมาณ 6 โมง เราจะเริ่มกิจกรรมแรก ขอบอกว่าเป็นกิจกรรมของที่น้องที่มาวันแรกเท่านั้น ถึงจะได้เห็น ”

   พี่คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นน้องลงมานั่งคอยอยู่ด้านล่างของหอพักแล้ว

   “ พี่ครับ คือว่าผมมีเรื่องอยากจะทราบนิดหนึ่งครับ ”

   1 ใน 3 เพื่อนร่วมห้องของเขายกมือขึ้นถาม ระหว่างที่รอเวลา ให้ทุกคนลงมาให้ครบ

   “ คือผมสงสัยว่า เมื่อตอนเข้ามา หอด้านหน้าหอของพวกผมมันเขียนว่า ‘ หอหญิง ’ แต่ทำไมให้ผู้ชายอยู่ล่ะครับ ”

   ฝาแฝดถาม ในสิ่งที่อีกหลายคนก็อยากจะรู้เช่นกัน

   “ อ๋อ... เรื่องนี้น่ะเอง ก็ไม่มีอะไรหรอก พอดีว่า ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมามีนักท่องเทียวมาพักเยอะน่ะ แล้วหอในมอเราก็แยกชายหญิง จะให้อยู่รวมกันมันก็ได้ แต่ว่ามันดูจะไม่เหมาะนัก เพราะอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานศึกษา แถมหอพักนี้ยังเป็นหอใน ก็เลยในนักท่องเที่ยวหญิงเข้าพัก แต่ก็มีเหตุที่ว่าหอพักหญิงด้านนู้น ที่เราเข้าไปรายงานตัวตอนแรกน่ะพี่ปี 4 เขายังไม่ทันย้ายออก ก็มีกรุ๊ปทัวร์ขอเข้าพักเสียก่อน ก็เลยต้องมาเปิดหอด้านนี้แทน แต่จริงๆแล้วหอนี้ก็เป็นหอชายนั่นล่ะเพียงแต่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะว่าผู้ชายของมหา’ลัยเรามีน้อยมาก แล้วอีกอย่างหอนั้นเพิ่งสร้างใหม่ยังไม่ค่อยได้ใช้งาน นอกจากเปิดให้คนนอกที่มาเที่ยวเข้าพัก หลังจากกรุ๊ปทัวร์นั้นย้ายออกแล้ว ตอนนี้ก็เลยว่าง เกรงว่าฝุ่นมันจะหนาไป ก็เลยให้น้องๆผู้ชายที่มารายงานตัววันแรกเข้ามาช่วยกันทำความสะอาด และที่เห็นป้ายด้านหน้าเขียนว่าหอหญิงก็เพราะว่า เป็นการแจ้งให้ผู้ที่เข้าพักทราบว่าตนอยู่หอพักไหน แต่หลังจากนี้ก็คงปลดออกแล้วล่ะ เพราะป้ายนั้นเป็นป้ายชั่วคราว กางคลุมป้ายเดิมเอาไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจตรงกันว่าที่นี่แยกหอหญิง – ชาย ”

   พี่คนดังกล่าวอธิบายให้เด็กใหม่เข้าใจตรงกันว่าทำไมป้ายด้านหน้าจึงเป็นอย่างนั้น ก่อนจะเว้นช่วงพักหายใจแล้วจึงพูดต่อ

   “ อีกอย่าง นอกจากเขียนแยกกันว่าอย่างนี้แล้วว่า หอหญิง หอชาย อีกอย่างหนึ่งก็คือ ชื่อเรียกหอที่ต่างกันด้วย อย่างหอนี้ก็ หอชายAAA4(นามสมมุติ) หรือหอหญิงก็จะใช้ชื่อว่า DDD เพื่อความสละสลวย เพราะถ้าเรียกว่าหอชาย4 เดี๋ยวน้องจะเข้าใจผิดคิดว่าที่นี่ขาย ชาย4หมี่เกี้ยว ”

   พี่คนเดิมอธิบายเพิ่มเติม แต่ก็ปล่อยมุขให้น้องๆขำกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี

   “ อ๋อ... อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่ มันจะเป็นโชคดีของหนุ่มโสดอย่างพวกเราที่ได้อยู่หอใหม่ หรือโชคร้าย ที่ต้องกลายเป็นพนักงานทำความสะอาดจำเป็นกันแน่หว่า ”

   เสียงพูดของฝาแฝด เรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้เป็นอย่างดี เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนๆอีกหลายคนที่มาวันนี้นั้น จะคิดอย่างไรเมื่อตนเองกลายเป็นพนักงานทำความสะอาดจำเป็น

   “ ครบกันแล้วนะ ไปกันเลยดีกว่า ”

   รุ่นพี่คนเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเลยเวลามาเล็กน้อยแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกจากหอพักหญิง ( ชั่วคราว ) แต่ตอนนี้มันกำลังจะได้ทำหน้าที่หอชายอย่างสมบูรณ์แบบเสียที



1South = ทิศใต้
2East = ทิศตะวันออก
3North = ทิศเหนือ





หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-11-2012 21:24:26
แฝด 3 เลยน่าปวดหัว 555
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-11-2012 15:13:43
ตอนที่ 4









   แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ส่องลงมากระทบกับยอดไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้าเล็กๆ แสงสีทองอ่อนๆ ลมพัดเอื่อยๆ เหมาะกับการเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง


   “ เดี๋ยวพอถึงโดมอาหารแล้ว น้องๆทานอาหารกับตามสบายเลยนะ ส่วนใครที่ต้องการซื้อของใช้ต่างๆ สามารถซื้อได้ที่นั่น เพราะมีมินิมาร์ทอยู่ แต่พี่ว่าเสร็จจากกิจกรรมวันนี้แล้วค่อยมาซื้อจะดีกว่า ”


   รุ่นพี่ผู้หญิงแนะนำเรื่องต่างกับน้องๆผู้หญิงที่เดินนำอยู่ด้ายหน้า ส่วนกลุ่มของนักศึกษาชายชายที่อยู่ด้านหลังนั้นก็มีเสียงบรรยายของพี่ผู้ชาย ที่พากลุ่มของผู้ชายเดินตามหลังมา


   “ ด้านซ้ายมือ คือโซนของหอพักหญิงของที่นี่ ส่วนด้านขวา อย่างที่เห็นน่ะนะ มันไม่ใช่สนามหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์นะ แต่มันคือสนามบอลแต่เวลาเล่นก็ต้องระวังกับระเบิดนิดส์นึงนะ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน ”


   จากคำบรรยายของพี่ที่ช่วยไขข้อข้องใจนั้นก็ทำให้รู้ว่า สนามฟุตบอลของที่นี่ไม่ต้องจ้างคนตัดหญ้า เพราะมีเครื่องตัดหญ้าสี่ขาฝูงใหญ่ช่วยตัดให้แล้ว แถมยังใจดีช่วยรดน้ำใส่ปุ๋ยให้เสร็จสรรพ


   “ แหมคุณเวฟ คุณไม่ต้องโฆษณาขนาดนั้นหรอก ”


   เสียงแปดหลอดของรุ่นพี่ที่มารินจำได้เมื่อตอนอยู่บนรถดังขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พี่แกเงียบมาตลอด หลังจากที่พี่เวฟนั้นว่าจบน้ำลายไม่ทันจะแห้ง


   “ ไอ้กระผมก็กลัวว่าน้องๆเขาจะเข้าใจผิด แล้วคิดว่า ‘มอของเราเป็นสวนสัตว์เปิด เพราะตอนมาวันแรกเราเองก็นึกว่ามันใช่อยู่เหมือนกัน ”


   “ เห็นด้วยว่ะ ไอ้เวฟ ”


   เสียงตะโกนของรุ่นพี่ฝ่ายชาย อยู่ท้ายสุดของกลุ่มน้องใหม่ ที่ส่งมาถึงหูของรุ่นพี่ฝ่ายหญิง ที่เดินนำอยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าพี่ผู้หญิงนั้นเห็นด้วย หรือเหนื่อยที่จะเถียงด้วยก็ไม่ทราบ


   “ ถึงแล้วจ้า เดี๋ยวน้องๆ หาอาหารทานกันตามสบายนะ อย่าลืมเวลาด้วยล่ะ ”


   ทุกคนเดินมาถึงบริเวณโดมอาหาร ที่พี่ๆบอกแล้ว กว่าจะมาถึงใช้เวลาในการเดินไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหอพักกับโดมอาหารอยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร โดยเฉพาะหอชายที่เขาอยู่ ซึ่งหอชายนั้นจะไกลจากโดมอาหารที่พี่เขาบอกกว่าหอหญิงซึ่งใกล้กว่า


   โดมอาหารแห่งนี้เป็นอาคารรูปโดม หลังคาเป็นทรงโค้ง แยกเป็น 2 ชั้น หลังคาด้านบน ใช้กระเบื้องใส เพื่อให้แสงแดดส่องลงมาได้


   “ นี่ริน นายว่าวันนี้เราต้องทำอะไรบ้างอ่ะ ”
   

   1 ใน แฝดถามขึ้นเมื่อเขาและเพื่อนๆอีกหลายชีวิตเดินเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้ว แต่เขาคิดว่าคนที่ถามนั่นน่าจะเป็นเซาธ ถ้าเขาจำไม่ผิด


   “ ไม่รู้เหมือนกัน คงไม่มีอะไรมั้ง ทำไมเหรอ ”


   เขาตอบกลับไป เพราะว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่ากิจกรรมในวันแรกนี้มีอะไรบ้าง


   “ เปล่าหรอก เราจะได้เตรียมพร้อมไง ”


   เซาธแฝดช่างถาม ถามขึ้น หลังจากที่เดินสำรวจจนครบทุกร้านก่อนจะตัดสินใจสั่งอาหารมาทาน
   

   “ ฉันว่านะเซาธ แกน่ะ เงียบแล้วกินซะ เดี๋ยวไม่ทัน ดูอย่างเจ้าอีสทสิ รับทานจะหมดอยู่แล้ว ”


   นอธว่า พลางส่งสายตามายังแฝดอีกคนของตนเองที่นั่งกินไม่สนใจใคร


   “ เมื่อกี้ว่าอะไรนะนอธ ได้ยินไม่ชัด ”


   อีสท ที่ได้ยินชื่อของตนเองแว่วๆ เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารมาถามพี่ชายคนโต แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบว่าอะไร เจ้าตัวก็เลิกสนใจแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ


   ส่วนมาริน ก็ได้แต่ยิ้มกับนิสัยของแต่ละคน เพราะเท่าที่เห็น เซาธจะเป็นคนชอบถาม อีสทจะเฉยๆ ส่วนนอธนั้น เซาธกระซิบบอกว่า นอธนั้นเหมือนหม่อมป้า ที่จู้จี้ ขี้บ่นไม่มีผิด ซึ่งเท่าที่เห็น เขาก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับ 2 แฝด


   “ อิ่มแล้ว เราจะเข้าไปดูของในมินิมาร์ทกันมั้ย ”


   เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนกินอิ่มแล้ว

   “ เอางั้นก็ได้ แต่นอธซื้อนะ เดี๋ยวเราใช้ ”


   เซาธว่าระหว่างที่เดินเอาจานอาหารไปเก็บบริเวรที่เก็บจานและแก้วน้ำ


   “ นี่!!! เซาธ ของแก แกก็ซื้อเองสิ ”


   “ แหมๆ เป็นพี่ซื้อน่ะถูกแล้ว เรา 2 คนเป็นน้องก็ช่วยใช้ไง ”


   อีสทที่เห็นด้วยกับความคิดของเซาธเอ่ยขึ้น ส่วนมารินก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เดินตามหลัง 3 แฝดไปเงียบๆ แต่ก็คิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า อีก 4 ปีต่อจากนี้คงจะได้ยิน 3 พี่น้องนี้ทะเลาะกันทุกวันแน่ๆ



   “ ออกกันเถอะ จะได้เวลาแล้ว ”


   มารินเอ่ยขึ้น หลังจากที่ 3 หนุ่ม หยิบโน่น จับนี่ มาพักใหญ่ เดินไปเดินมา ทำเหมือนกับว่ามินิมาร์ทนี้เป็นห้างสรรพสินค้า ที่ใหญ่โตมโหฬารที่ต้องเดินทั้งวัน


   “ จริงด้วย เพลินไปหน่อย ไปๆ เร็วๆ ”


   เซาธที่เพิ่งจะนึกได้ว่าเดินมานานแล้ว ออกปากชวนให้อีก 2 หนุ่มเพื่อไปรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่หน้าโดมอาหาร


   กว่าที่ทุกคนจะมาพร้อมกันที่บริเวณด้านหน้าของโดมอาหาร ก็เกือบจะ 6 โมงเย็นพอดี


   “ เอาล่ะ คิดว่าตอนนี้ ทุกคน คงจะกินข้าว กินน้ำ ขนม นม เนยอิ่มหนำ สำราญดีแล้ว... ”


   พี่เวฟคนเดิมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องมายืนรออยู่ด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่จะได้พูดมากไปกว่าเดิม ก็เพื่อนอีกคนเหยียบเบรกไว้เสียก่อน


   “ ไอ้เวฟ ข้าว่าแกพล่ามมากไปแล้ว เอาแต่เนื้อ น้ำไม่เอา ”


   เวฟ พูดเกริ่นนำก่อนจะเข้าเรื่อง แต่ดูเหมือนว่า มันจะเป็นน้ำมากกว่าเนื้อ ชอ ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงอดจะพูดขัดขึ้นมาไม่ได้ ”


   “ เออ... รู้แล้ว แหมมันก็ต้องมีกันบ้างโว้ย ”


   เวฟ หันมาเถียงกับเพื่อนคนสนิท ก่อนจะหันกลับมาพูดกับน้องๆปี1 ต่อ


   “ คืออย่างนี้นะครับ เดี๋ยวพี่ 2 คน จะพาน้องๆ ไปที่โดมกิจกรรมที่อยู่ถัดจากโดมอาหารนี้ไปอีกนิดนึง ”


   เวฟว่า พลางชี้มือไปที่อาคารรูปโดมเช่นเดียวกับโดมอาหารนี้ แต่น่าจะมีขนาดเล็กกว่า


   “ อ้อ... สาวๆไม่ต้องสงสัยว่า พี่ๆผู้หญิงที่เดินมาเมื่อกี้ไปไหน พี่เค้าฝากให้พวกพี่พาน้องไปพร้อมๆกับเพื่อนผู้ชาย ”


   เวฟยังคงพูดต่อไป และเหมือนจะรู้ว่า น้องผู้หญิงมีเรื่องอะไรจะถามเพราะเพื่อนๆผู้หญิงหันหาพี่ผู้หญิงที่เดินมาด้วยกันเมื่อครู่ ซึ่งพี่แกก็บอกก่อนที่จะโดนถาม


   “ พี่เขากลัวว่าพวกพี่น่ะ จะไปแย่งพื้นที่ พวกเจ๊ๆแกก็เลยไปจับจองพื้นที่ก่อน ”


   เวฟอธิบายสั้นๆผิดวิสัย แต่เหมือนน้องๆจะไม่ค่อยเข้าใจจึงมีคำถามต่อ


   “ พื้นที่อะไรเหรอครับ ”

   เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความอยากรู้ แต่ไม่ใช่แค่เพื่อนคนนั้นเพียงคนเดียว แต่อีกหลายคนก็มีสีหน้าสงสัยไม่แพ้กัน


   “ เอาน่า เดี๋ยวก็รู้เอง ”


   เวฟ ไม่เพียงไม่ตอบ แต่ยังทำให้หลายคนอยากรู้อีกว่า มันคืออะไรกันแน่


   “ ไปๆ เดี๋ยวเวลาเหลือน้อย จะไม่มันนะน้อง ”


   พี่แกทำหน้าไม่รู้ ไม่ชี้ แล้วจึงเดินนำขบวนน้องๆไป ส่วนเด็กปี 1 ที่อารมณ์ค้าง ก็ต้องเดินตามพี่แกไปอย่างช่วยไม่ได้


   “ เอาน่าน้อง อย่าคิดมาก รออีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ได้รู้แล้ว ”


   พี่ชอพูดปลอบใจน้องๆ ที่ยังอารมณ์ค้างไม่หาย แต่อย่างไรเสียก็คงเป็นอย่างที่พี่ชอบอกนั่นแหละ เพราะอีกนิดเดียวก็จะได้รู้แล้ว อดใจอีกนิด รู้ก่อนเดี๋ยวไม่สนุก


   ไม่นานนัก ทุกคนก็เดินมาถึงบริเวณด้านหน้าของอาคารที่รุ่นพี่เรียกว่า โดมกิจกรรม ภายในโดมนั้นเป็นลานกว้าง มีเวทียกพื้นสูงอยู่ด้านในสุด ภายในมีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้าไป ด้านหน้า จัดเป็นซุ้มเตี้ยๆ พอให้คลานเข้าไปได้ทีละคน


   “ ถึงแล้ว หน้ากระดานเรียงหนึ่งนะน้อง ไม่ต้องแย่งกัน ใครก่อนก็ได้ ว่าแต่เมื่อกี้ใครอยากรู้นะ เข้าไปก่อนเลย ”


   พอมาถึงเวฟที่เดินนำก็ไม่พูดมากเช่นเคย แต่พี่แกเข้าเรื่องทันทีแต่ด้วยบรรยากาศเย็นๆ ยามพลบค่ำ กับสภาพพื้นที่รอบๆ ที่มองเห็นรางๆเป็นเงาๆสลัวๆเท่านั้น จึงไม่ค่อยแน่ใจว่า สิ่งที่พวกพี่ๆกำลังจะทำนั้นคืออะไร ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ขอลองของเป็นคนแรก


   “ เอ้า!!! เราไม่ใช่เหรอที่อยากรู้ว่าพื้นที่อะไรน่ะ เข้าไปก่อนสิ ”

   เวฟพูดกระตุ้นอีกครั้ง ก่อนจะดึงตัวเพื่อนคนที่ถามเมื่อตอนอยู่ที่โดมอาหาร ให้เป็นคนเข้าไปเป็นคนแรก ก่อนที่อีกหลายคนจะคลานลอดซุ้มนั้นเข้าไป


   แต่เมื่อพอคลานเข้ามาเรื่อยๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงมากระซิบข้างหู พร้อมกับมือของใครบ้างก็ไม่รู้ ที่ช่วยกันมัดผมให้กับเขา พอเลยมาอีกนิด มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น


   “ พี่ขอมีส่วนร่วมด้วยได้มั้ย ”


   เท่านั้นแหละ อะไรต่อมิอะไรอีกมาก ที่ช่วยละเลงจนเต็มหน้า เรียกว่ายังดีที่ยังเว้นช่องไว้ให้หายใจนิดหนึ่ง


   เมื่อทุกคนโดนมะรุม มะตุ้ม จากรุ่นพี่กันจนครบแล้ว ไฟทั้งโดมก็ติดขึ้น เรียกอาการสะดุ้งได้จากหลายๆคน


   แต่เมื่อไฟติด สิ่งที่เห็นก็ทำให้ต้องตกใจรอบสอง เมื่อสภาพของแต่ละคน ยังกับเดินไปตกถังแป้งผสมสีที่มีสารพัดสี มาจากไหนกัน แถมผมยังถูกจับมัดแกละจนนับไม่ถูกอีก เรียกว่าเห็นสภาพของกันและกันแล้ว ไม่อยากจะพูดถึงเลยว่ามันเป็นอย่างไร


   “ เอ้าๆ จัดแถวน้อง จัดเสร็จแล้วก็นั่งลงได้เลย อย่าตะลึงชมความงามของตัวเองมากไปเดี๋ยวเมคอัพจะหลุด แล้วไม่สวย ไม่หล่อนะน้อง ”


   พูดไปได้ว่าสวย หล่อ มันคงสวยและหล่อในสายตาของพี่ๆล่ะสิ แม้ว่าอยากบ่น แต่ทุกคนก็จัดแถวตามคำสั่ง หลังจากจัดแถวตามคำสั่งของรุ่นพี่เรียบร้อย สิ่งที่เขารู้ในตอนนี้ก็คือเพื่อนร่วมห้องก็ไม่รู้อยู่ไหน


   ระหว่างที่พยายามมองหา 3 แฝด สายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มขำๆ ของใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มของพี่ๆคนอื่น

   นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวหน้าหงิกกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าโมโหที่โดนเล่นแป้ง แต่ที่หน้าหงิกก็เพราะได้ยินเสียงตอนก่อนที่ออกจากซุ้มแป้งนั่นต่างหาก


   ‘ คนนี้ต้องขอพิเศษหน่อยแล้วกัน ’


   และมันก็ทำให้เด็กหนุ่มพอจะเดาได้ว่า คนพูดต้องเป็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน


   “ ฝากไว้ก่อนเหอะ พี่ก็พี่เหอะ ”


   เขางึมอยู่คนเดียว แต่สายตาก็มองไปที่พี่คนนั้น ซึ่งฝ่ายที่ถูกมองแถมฝากแค้นนั้น ไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างไร เพราะเจ้าตัวยังคงยิ้มอยู่เช่นเคยหรืออาจจะยิ้มมากกว่าเดิมเสียอีก


   “ เอาล่ะ สำหรับเมื่อครู่นี้ เป็นกิจกรรมรับน้องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทางรุ่นพี่ทุกคนเตรียมไว้ต้อนรับพวกเราทุกคน ”


   พี่ชอเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทุกคนจัดแถว และนั่งลงแล้ว


   “ สำหรับตอนนี้ พี่ก็คงต้องบอกว่า ยินดีต้อนรับน้องปี 1 ทุกคนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ”


   “ ใช่แล้ว และเพื่อเป็นการต้อนรับน้องๆ พวกพี่ก็มีอะไรมันส์ๆไว้รอน้องๆอีกหลายรายการ แต่ตอนนี้ เรามาทำความรู้จักกันก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะให้น้องๆแนะนำตัวนะ แต่ทำอย่างไรก็ได้ ให้พวกพี่จำได้ แต่ถ้ายังไม่รู้ เดี๋ยวพี่มีตัวอย่างให้ชม ซึ่งนำแสดงโดยพี่เวฟ


   สิ้นเสียงของชอ เวฟที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สวมมาดนางงาม เริ่มจากการโบกมือทักทาย ส่งจูบ ก่อนจะแนะนำตัว ซึ่งลีลา ท่าทาง ของพี่ท่านก็เรียกเสียงฮาจากน้องๆได้เป็นอย่างดี


   “ อย่างที่เห็นนะน้อง พี่เวฟเค้าเคยประกวดมิสทิฟฟานี่มา แต่ว่าตกรอบแรกก็เลยต้องมาติดเหง็กอยู่ที่นี่แทน... ”

   “ ไอ้บ้า ฉันเป็นผู้ชายนะฮ้า... เอ้ย ผู้ชายโว้ย แกนิ เดี๋ยวน้องเข้าใจผิดกันพอดี ”


   เวฟใส่แอคติ้งสุดฤทธิ์ แต่ดูยังไงมันก็ไม่เหมือน หากจะเหมือนก็คงจะเป็นกระเทยควา...ย มากกว่า ก่อนที่พี่แกจะขอแก้ข่าวให้ตัวเอง ด้วยการเก็กท่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง


   “ อย่างที่เห็นน้อง น้องจะทำยังไงก็ได้ แต่ให้พวกพี่จำน้องได้ก็พออ้อ... เกือบลืมแนะนำไป วันนี้เรามีรุ่นพี่ปี 4 มาดูพวกเราอยู่ด้วย... ขอเชิญพี่โอด้านหน้านิดนึงครับ ”


   พี่ชอบอกให้ทุกคนทราบว่า มีรุ่นพี่มายืนดูอยู่ด้วย ก่อนจะเชิญให้รุ่นพี่คนดังกล่าวออกมาด้านหน้า


   “ สวัสดีครับน้องๆปี 1 ทุกคน ยินดีต้อนรับทุกคนอีกครั้งครับ พี่ชื่อ Ocean หรือจะเรียกว่าโอเหมือนที่พี่ๆปี 2 ก็ได้ ”


   รุ่นพี่คนนั้นแนะนำตัว พร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งเขาเพิ่งเห็นใกล้ๆก็คราวนี้ เพราะตนเองนั้นนั่งอยู่แถวหน้าสุด


   หากตัดความอคติออกไป นับว่ารุ่นพี่คนนี้ เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์คนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ด้วยความอคติ เขาจึงเชิดใส่โดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของคนที่ถูกเชิดใส่ไปได้


   “ วันนี้พี่ก็ไม่มีอะไรมาก แค่แวะมาทักทายน้องๆเท่านั้น ยังไงก็ขอให้สนุกกันให้เต็มที่แล้วกัน ”


   รุ่นพี่คนดังกล่าวก่อนเดินกลับที่อยู่ที่เดิม พร้อมกับเสียงปรบมือของพี่ปี 2 และน้องปี 1 ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร


   “ เอ้าๆ สาวๆ กลับมาๆ ดู ดู๊ ดู มองมากไม่ดีนะน้อง เดี๋ยวพี่เขาเฉาสายตาตายพอดี ”


   ชอพูดอย่างติดตลก เมื่อเด็กสาวหลายคนยังมองตามรุ่นพี่คนเมื่อครู่แบบไม่ยอมปล่อย ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะได้จากหลายๆคนยกเว้นบางคน ที่ไม่ค่อยจะชอบหน้าอยู่เป็นทุน


   “ เรามาเริ่มต้นแนะนำตัวกันดีกว่านะ เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้รุ่นพี่ที่น่ารักของเรา อาจจะโดนลวนลามทางสายตามากไปกว่านี้... ”


   “ ไอ้เวฟ... ”


   เวฟที่เริ่มทำหน้าที่พล่ามอีกครั้งเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็มีเสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงดังขึ้นมา


   “ โทษทีน้องๆ พี่ลืมตัวนึกว่าอยู่กันเองกับเพื่อนร่วมรุ่น เพราะพวกพี่ผู้หญิงเขาชอบทำอย่างที่พี่ว่า กับพี่โอเป็นประจำล่ะ ”


   “ คุณเวหา หากคุณพูดอะไรมากกว่านี้ ดิฉันไม่รับปากว่า ฝ่ามือของดิฉัน อาจจะย้ายไปอยู่บนส่วนใดของคุณก็ได้ ”


   พี่ผู้หญิงเอ่ยขึ้น อย่างเคืองๆ ที่โดนนินทา ส่วนคนที่เป็นประเด็นในการนินทา ก็ไม่ได้ว่าอะไร


   “ น้องๆคะอย่าไปฟังมาก มันไม่ดีต่อสุขภาพ พี่ว่าเรามาทำความรู้จักกันเลยจะดีกว่า ”


   พี่ผู้หญิงปิดประเด็นสนทนา ก่อนจะเปิดประเด็นใหม่ กับการแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จัก


   “ เดี๋ยวน้องคะ พี่ลืมบอกไป เมื่อเช้า พี่ให้น้องจดรหัสประจำตัว13 ตัวมาด้วยใช่มั้ย แล้วก็บอกให้น้องท่องจำให้ได้ เดี๋ยวให้น้องๆบอกรหัสประจำตัวด้วยนะ ”


   พี่คนหนึ่งพูดขึ้น หลังจากที่เพื่อนคนแรกแนะนำตัว ด้วยลีลาปกติไม่มีอะไรน่าสนใจ ซึ่งเพื่อนคนแรกจึงลุกขึ้น แล้วรายงานตัวใหม่อีกครั้งเพื่อบอกรหัสประจำตัว


   การรายงานตัว ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มีทั้งการรายงานตัวแบบปกติ ธรรมดา ไปจนถึงลีลาที่บรรจงสร้างกันสุดฤทธิ์ของแต่ละคน


   ซึ่งเขาเองก็รังสรรค์วิธีรายงานตัวแบบไม่ซ้ำใคร เรียกว่า ไม่มีใครคาดคิดว่า เด็กหนุ่มน้องใหม่จะกล้าทำ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรเข้าสิง ทำให้เขาทำได้ขนาดนั้น แต่ด้วยความที่เป็นเด็กกิจกรรมมาก่อน เขาจึงมีความกล้าแสดงออก เรียกว่า ลีลานางงามของพี่เวฟชิดซ้ายไปเลย เมื่อเจอลีลานางมารร้ายของเด็กหนุ่มเข้าไป   


   เมื่อเขาและเพื่อนแฝด 3 ที่หากันจนเจอ แทกทีมกันออกมารายงานตัวยกเซ็ท ด้วยบทบาทของตัวอิจฉา ที่แย่งชิงความเป็นหนึ่ง


   หลังจากเขาและฝาแฝดทั้ง 3 แนะนำตัวเสร็จ เสียงปรบมือ พร้อมกับเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ วันเกิดก็ดังขึ้น รอบโดมกิจกรรม


   “ สุดยอดค่ะน้อง คิดได้ไงเนี่ยะ วันนี้มีคนแจ้งเกิดในวงการแล้วส่วนน้องคนอื่น ก็เอาแบบนี้เลยนะ พี่ชอบ ”


   บีชเอ่ยขึ้น หลังจากที่เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจบลง หลังจาก 4 หนุ่มน้อยแนะนำตัวไปแล้ว ก็มีอีกหลายคนที่แจ้งเกิดด้วยลีลาต่างๆกันออกไป


   หลังจากการแนะนำ ของทุกคนจบลง ก็เป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรม ที่รุ่นพี่สรรหามาเล่น เรียกว่า เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด


   แต่เกือบจะทุกกิจกรรม จะมีเขาและเพื่อนร่วมห้องออกมาร่วมวงด้วยตลอด จนถึงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม พี่ๆก็ปล่อยให้ทุกคนกลับห้องพัก


   แม้ว่าวันนี้ จะเหนื่อย จะเลอะเทอะ แต่มันก็สนุก ทำให้รู้จักเพื่อนมากขึ้น สนิทกับพี่ได้เร็วขึ้น กิจกรรมฮาๆ ที่แฝงไปด้วยการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนๆ ทั้งหญิงและชาย โดยให้ทุกคนมีโอกาสทำกิจกรรมไปด้วยกัน เป็นการก่อร่างสร้างมิตรภาพระหว่างกัน สมแล้วหากจะเรียกกิจกรรมเหล่านี้ว่า “ กิจกรรมละลายพฤติกรรม ” เพราะมันทำให้ทุกคนรู้จักกันได้ดีขึ้น
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-11-2012 16:28:38

อีสท ที่ได้ยินชื่อของตนเองแว่วๆ เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารมาถามพี่สาวคนโต แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบว่าอะไร เจ้าตัวก็เลิกสนใจแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ

- พี่ชายรึเปล่าคะ


ส่วนมาริน ก็ได้แต่ยิ้มกับนิสัยของแต่ละคน เพราะเท่าที่เห็น เซาธจะเป็นคนชอบถาม อีสทจะเฉยๆ ส่วนนอธนั้น เซาธกระซิบบอกเธอว่า นอธนั้นเหมือนหม่อมป้า ที่จู้จี้ ขี้บ่นไม่มีผิด ซึ่งเท่าที่เห็น เขาก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับ 2 แฝด
   
   ซึ่งเธอเองก็รังสรรค์วิธีรายงานตัวแบบไม่ซ้ำใคร เรียกว่า ไม่มีใครคาดคิดว่า เด็กหนุ่มน้องใหม่จะกล้าทำ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรเข้าสิง ทำให้เขาทำได้ขนาดนั้น แต่ด้วยความที่เป็นเด็กกิจกรรมมาก่อน เขาจึงมีความกล้าแสดงออก เรียกว่า ลีลานางงามของพี่เวฟชิดซ้ายไปเลย เมื่อเจอลีลานางมารร้ายของเด็กหนุ่มเข้าไป   


- "เธอ" ในย่อหน้าแรกเราเข้าใจว่าหมายถึง "มาริน" ซึ่งเป็นผู้ชายใช่ไหมคะ  เราว่าไม่น่าจะใช้คำว่าเธอนะบางทีอ่านไปแล้วรู้สึกงง ๆ ว่าตัวเอกดำเนินเรื่องที่ชื่อมารินนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่

- "เธอ" ในย่อหน้าที่ 2 นี่หมายถึงใครอ่ะคะ

เนื้อเรื่องสนุกดีอยากรู้ว่าพระเอกจะใช่พี่โอรึเปล่า ^^  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-11-2012 17:36:57
iamnan => ขอบคุณท่านที่ช่วยตรวจสอบขอรับ และต้องขออภัยอย่างมากที่ทำให้การอ่านสะดุด

แฝด 3 นอธ อีสท และเซาธ นั้นเหมือนจะไม่เด่น และค่อนข้างหาเรื่องชวนปวดหัว แต่ก็เป็นตัวเดินเรื่องตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพราะอย่างนั้นก็เลยต้องทนปวดหัวกับ 3 แฝดต่อไป

ส่วนพี่โอของสาวเล็ก สาวใหญ่ หนุ่มเล็ก หนุ่มน้อย จะใช่พระเอกหรือไม่นั้น คำตอบมีอยู่ในตัวอยู่แล้วขอรับ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครแสนดี(?) เท่าพี่เขาอีกแล้ว

ปล. บวกเป็ดทุกคอมเมนต์ แทนคำขอบคุณจากใจอีกทางขอรับ :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-11-2012 18:32:56




ตอนที่ 5








   หลังจากที่รุ่นพี่ปล่อยให้กลับห้อง เขาและเพื่อนร่วมห้องก็หาซื้อของใช้ ไม่ว่าจะเป็นตะกร้าเสื้อผ้า ชั้นวางของ และอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ไม่ได้นำมาจากบ้าน


   ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น ยังมีเพื่อนๆอีกจำนวนมากที่ซื้อของเช่นกัน เรียกว่าได้หอบข้าวของกันพะรุงพะรังกันถ้วนหน้าทีเดียว


   เมื่อกลับถึงห้อง ก็ต้องนั่งช่วยกันแก้ยางรัดผมที่มีอยู่เต็มทั้งศีรษะกว่าจะออกหมด ผมก็หลุดออกมาไม่น้อย


   เสร็จจากนั้น จึงลงมาอาบน้ำ และกว่าจะล้างเอาแป้งสารพัดสีที่เกาะอยู่ออกได้หมด ก็เสียเวลาไปไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว


   พออาบน้ำเสร็จ ก็ไม่มีใครชวนคุย เพราะแต่ละคนแทบหลับตาเดินกลับห้องกันอยู่แล้วถ้าทำได้น่ะนะ พอหัวถึงหมอนก็หลับทันที



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ พี่โอครับ ผมว่าน้องกลุ่มนั้น ใช้ได้เลยนะครับ ผมว่าปีนี้ วิท - เล น่าจะมีสีสันขึ้นอีกเยอะ ”


   “ ใช่ครับ สุดๆจริงๆ คิดได้ไง ”


   เสียงพูดคุยดังขึ้น ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดหอพักชาย


   “ เออ... พี่โอครับ น้องคนนั้นน่ะครับ ”


   “ น้องคนนั้น แล้วคนไหนวะไอ้ชอ น้องมีเป็นขโยง พี่เขาจะรู้มั้ยวะว่าแกจะพูดถึงคนไหน ”


   “ ก็คนที่ชื่อมารินไง ”


   ชอว่า ส่วนอีก 2 คนที่เหลือก็คิดตามคำกล่าวของเจ้าคนพูด ด้วยว่าคนพูดต้องการจะสื่อถึงอะไร


   “ อืม... มีอะไรหรือ ”


   คนเป็นพี่สุดของกลุ่มเอ่ยถาม หลังจากที่เงียบฟังรุ่นน้องทะเลาะกันมาพอสมควร


   “ เออ... ใช่ ทำไมวะ ”


   “ แหมไอ้ปลาทอง แกเนี่ยะนอกจากเรื่องหลีสาว แกจะจำอะไรได้อีกบ้างวะ ”


   “ ไอ้ชอ แล้วมีวันไหนมั้ย ที่แกไม่หาเรื่องด่าข้า ”


   “ เอาน่า เรา 2 คนนี่ มีวันไหนบ้างไหมที่ไม่ทะเลาะกัน ”


   พี่สุดของกลุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงปลงๆ เพราะไม่เคยมีวันไหนเลยที่น้องห้องทั้ง 2 คนนี้ จะไม่หาเรื่องแกล้งกัน แต่ทั้งคู่ก็รักกันดี


   เวฟและชอ ให้ความเคารพพี่ห้องอยู่ไม่น้อย แม้ว่าอายุของทั้ง 3 คน จะไม่ห่างกันมากนัก เรียกว่าแก่กว่ากันเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น


   แต่ด้วยการวางตัวเป็นผู้ใหญ่ของรุ่นพี่คนนี้ รวมทั้งอะไรอีกหลายๆอย่างก็ทำให้ทั้งคู่ให้ความเคารพรุ่นพี่จากใจจริง

   “ น้องคนที่ชื่อมารินน่ะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด น้องเค้ารหัสเดียวกับพี่โอนี่นา ใช่มั้ยครับ ”


   “ เฮ้ย!!! อะจิงดิ!!! ”


   “ เออ... แล้วแกจะแหกปากหาญาติแกเร๊อะ อยู่ใกล้กันแค่นี้ ”


   ชายหนุ่มส่ายหน้ากับการหาเรื่องทะเลาะกันของ 2 เพื่อนซี้ ก่อนจะพูดขึ้น


   “ อืม... เราจำไม่ผิดหรอก น้องคนนั้น รหัสเดียวกับพี่จริงๆ ”

   โอเชียนตอบรับคำถามของน้องห้องที่ถามขึ้นก่อนหน้า


   “ อย่างนั้นปีนี้สายรหัสนี้ ก็มีน้องรหัสสายตรงแล้วสิครับ ถ้างั้นน้องรหัสเวียนอย่างผม กับไอ้ชอก็ตกกระป๋องน่ะสิ ”


   ทั้งชอ และเวฟ ต่างก็เป็นน้องรหัส ของชายหนุ่มทั้งคู่ แม้ว่าจะดูแปลกๆไปบ้าง เพราะโดยปกติแล้ว หากพี่ หรือน้องคนใด ไม่มีน้องหรือพี่รหัสสายตรง นั่นคือ มีรหัส 3 ตัวหลังเหมือนกัน จะมีการเวียนรหัสให้กับพี่และน้อง เพื่อให้พี่ดูแลน้อง เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง


   แต่พี่รหัสเวียน โดยมากแล้ว จะมีน้องแค่คนเดียว แต่ในกรณีของเวฟและชอ ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดพลาด เพราะทั้งคู่มีพี่รหัสเวียนคนเดียวกันแถมยังควบตำแหน่งพี่ห้องอีกด้วย


   “ ไม่หรอกน่า ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย จะน้องเวียน หรือน้องตรง ก็เป็นน้องเหมือนกัน ”


   ชายหนุ่มบอกกับอีก 2 หนุ่ม แม้ว่าตัวเขาเองจะดีใจอยู่ลึกๆว่า ปีนี้มีน้องรหัสตรงกับเขาเสียที เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่มา เขาไม่มีน้องรหัสตรงเลยสักคน


   “ แต่พี่ว่านะ เรา 2 คน จะโดนแย่งตำแหน่งก็คราวนี้แหละ ”


   ผู้เป็นทั้งพี่ห้อง และพี่รหัสพูดขึ้นลอยๆ แต่พอจะทำน้องห้องและน้องรหัสหูผึ่งได้


   “ ตำแหน่งอะไรครับ ”


   ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน ราวกับนัดกันไว้แล้วว่าจะพูดอะไร ซึ่งก็ทำให้คนฟังยิ้มขำๆ กับอาการของทั้งคู่


   “ ก็ตำแหน่ง ฝ่ายนันทนาการไง ”


   “ แหม... ก็นึกว่าตำแหน่งอะไรอันนี้ไม่เป็นไรครับ น้องเขามีแววอยู่แล้ว เรา 2 คน ยินดีสนับสนุนเต็มที แบบว่าเยวขอเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้เลย ”


   “ แล้วเราคิดว่าตำแหน่งอะไรล่ะ ”


   คนเป็นพี่ถามด้วยรอยยิ้ม เมื่ได้ฟังคำตอบจากน้องที่ติดจะทะเล้นอยู่บ้าง


   “ ก็ตำแหน่งน้องรักไงครับ ”


   ชายหนุ่มรุ่นน้องทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน


   “ ไม่ค่อยเลยนะ ”


   “ ก็แหม... ขอนิดส์นึง มีพี่ดีๆก็ต้องหวงเป็นธรรมดา ”


   ทั้ง 3 เดินคุยกันมาจนถึงหน้าห้อง เวฟทำหน้าที่เป็นคนไขกุญแจเปิดห้อง


   “ ว่าแต่ พี่โอผมว่ามันแปลกดีนะครับ... ”


   “ อะไรแปลกวะ ไอ้ชอ ”


   ชอเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ ก็โดนเพื่อนปากมากอย่างเวฟแทรกขึ้นมาเสียก่อน


   “ เออ... แล้วแกจะรอให้ข้าพูดจบก่อนไม่ได้รึไง ”


   “ ไม่ได้โว้ย ”


   “ เอาน่า จะเถียงกันทำไม  แล้วอะไรเหรอ ที่ว่าแปลกน่ะชอ ”


   เขาขัดขึ้น เพื่อสงบสงครามน้ำลายของน้องห้องทั้งคู่ ก่อนจะต้องปวดหัวไปกว่านี้

   “ น้องรหัสของพี่ไงครับ ผมลองคิดดูแล้วนะ แต่ละคน ชื่อมีความหมายเกี่ยวกับ ภาควิชาทั้งนั้นเลย


   อย่างพี่โอ Ocean  ( โอเชี่ยน ) แปลว่า มหาสมุทร


   ผม Shore ( ชอ ) แปลว่า ฝั่งทะเล


   ส่วนเจ้า Wave ( เวฟ ) แปลว่า คลื่น


   ยังน้องเค้าอีก Marine ( มาริน ) แปลว่า เกี่ยวกับทะเล ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แบบไม่น่าเชื่อจริงๆ ตอนแรกที่ผมรู้จักพี่นะครับ ผมก็แปลกใจไปรอบนึงแล้ว ”


   ชอร่ายยาว ตามสิ่งที่ตนเองแปลกใจ ก่อนจะทิ้งท้ายให้สงสัยกันต่ออีกนิด ว่าเขาแปลกใจอะไรในตอนแรก


   “ แล้วแกแปลกใจอะไรวะ ”


   เวฟเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนเงียบไปนาน และสาเหตุหลักก็คือว่า อดใจรอให้เพื่อนพูดต่อเองไม่ไหว ส่วนพี่สุดของห้อง ก็นั่งฟังเงียบๆ ที่เตียงของตัวเอง


   “ เออ... ตอนนั้นแกไม่แปลกใจบ้างเหรอ ก็ตอนที่เราเข้าปี 1  วันที่รู้จักกับพี่โอไง ”



   “ อ๋อ...”


   เวฟคิดตามคำพูดของเพื่อน ที่พยายามสื่อให้รู้ ก่อนที่จะถึงบางอ้อและพยักหน้ารับ เพื่อบอกว่ารู้ในสิ่งที่เพื่อนกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร ก่อนจะเป็นคนพูดต่อเสียเอง


   “ ใช่ๆ... ตอนแรกน่ะครับ เราก็ไม่อยากจะเชื่อว่า พี่ชื่อ Ocean แถมยังชื่อจริงว่า มหาสมุทร แล้วยังเรียน วิทยาศาสตร์ ทางทะเล แบบว่าอะไรมันจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ขนาดนั้น ”


   เวฟเล่าตามสิ่งที่ตนเองคิด เพราะว่าอะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้ ราวกับว่า เตรียมเอาไว้แล้ว ว่าต้องชื่อนี้ เรียนสาขานี้


   “ อืม... อย่างนี้นี่เอง ทุกคนเหมือนจะมีอะไรที่เกี่ยวกับสาขาที่ตนเองเรียนทั้งนั้น รวมถึงน้องมารินด้วย ”


   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่นั่งฟังเงียบๆมานาน


   “ เออ... เกือบลืม พี่มีของฝากมาให้เรา 2 คนด้วย รอเดี๋ยวนะพี่ไปหยิบก่อน ”


   เขาว่า ก่อนจะลุกขึ้นไปยังตู้เสื้อผ้าของตนเอง เพื่อหยิบของฝากที่เตรียมมาให้น้องห้อง


   ปกติแล้ว เวลากลับบ้าน เขามักจะมีของฝากมาให้ทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะน้องๆ หรือเพื่อนในสาขาเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่เขาจะเป็นที่รักของเพื่อนๆ และน้องๆในสาขาเดียวกัน


   “ ความจริงพี่โอไม่น่าลำบากเลยนะครับ ”


   ชอว่า เมื่อเขาส่งกล่องกระดาษขนาดกลางๆให้ตนเองและเพื่อนคนละกล่อง


   “ ใช่ครับ ”


   เวฟช่วยเสริมอีกคน ก่อนจะยกมือไหว้ ขอบคุณชายหนุ่ม


   “ ไม่เป็นไรหรอก เล็กๆน้อย แล้วเรา 2 คนไม่ต้องไหว้มากก็ได้ ไหว้มากๆ ก็เอาพี่ขึ้นหิ้งเสียเลยสิ จะได้ไหว้เช้า ไหว้เย็น ”


   เขาว่า เมื่อเห็นว่า น้องห้องที่อายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือน ไหว้เขาอีกแล้ว ทั้งที่เขาบอกไว้แล้วว่า ไม่ต้องไหว้มาก


   “ เอางั้นเหรอครับ ได้อย่างนั้นก็ดีเลย เพราะว่าผม 2 คนกำลังคิดจะทำอย่างที่พี่พูดอยู่พอดีเลย ”


   น้องรหัสทั้งคู่ของเขาทำหน้าทะเล้นใส่ ซึ่งในตอนแรกนั้น ทั้งคู่แทบไม่กล้าจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำเพราะหากว่า คนอื่นที่รู้จักกับเขาเพียงผิวเผิน ก็คงคิดว่าเขาเป็นคนที่ดุ เพราะด้วยบุคลิกเงียบขรึม ไม่ค่อยพูด และตำแหน่งประธานที่เขาดำรงอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนเกรงกันเข้าไปใหญ่


   แต่เมื่อได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ก็จะรู้ว่า เขาเป็นคนที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นภายนอก ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทั้งเวฟ และชอต่างก็รับรู้ในเรื่องนี้ดี รวมถึงคนอื่นๆในสาขาเดียวกันอีกด้วย


   จากเมื่อก่อน แทบจะไม่มีใครกล้าคุยกับรุ่นพี่คนนี้ แต่ตอนนี้ น้องๆในภาควิชาทุกคน รวมถึงน้องๆคนอื่นๆ ที่รู้จัก คุ้นเคย เวลาเจอกัน มักจะเข้ามาพูด คุย เล่นหัว กันตามสมควร เพราะชายหนุ่มเองไม่ใช่คนถือตัว ดังนั้นจึงทำให้เขาเป็นที่รักของเพื่อนๆ และน้องๆ รวมทั้งรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว


   “ นี่ๆ ไม่ต้องคิดอะไรแผลงๆเลยนะ ”


   เขารีบหยุดความคิดแผลงๆของน้องรหัสเอาไว้เสียก่อน เพราะเขารู้ดีว่า น้องรหัสของเขานั้น มักคิดอะไรๆ พิเรนทร์ๆ อยู่เสมอ


   “ แหมๆ ผมก็แค่คิดเล่นๆ พี่ผมออกจะเป็นที่รักของทุกคนขนาดนี้ใครจะไปทำ ถ้าทำอะไรพี่ไปนะ มีหวัง สาวๆที่เป็นปลื้มพี่อยู่ ได้รุมสะกำผม 2 คนแน่ๆ จริงมะไอ้เวฟ... อ้าว!!! เฮ้ยหายไปไหนวะ ”


   ชอร่ายยาว ก่อนจะขอความคิดเห็นจากเพื่อนคู่หู แต่ไม่รู้ว่า หายไปไหนตั้งแต่เมื่อไหร่


   “ หา... อะไรเหรอชอ แกว่าอะไรนะ... พี่โอครับ... ”


   เวฟ ที่ขณะนี้ เปลี่ยนเสื้อตัวเก่า แล้วใส่เสื้อตัวใหม่ หันมาถามเพื่อนว่าเมื่อครู่พูดอะไร แล้วจึงหันกลับมาพูดกับพี่ห้องอีกครั้ง


   “ พี่รู้ได้ไงครับ ว่าผมชอบสีนี้ ”


   เวฟที่ลองเสื้อตัวใหม่อยู่หันมาถามพี่ห้อง


   “ ก็จากประวัติของเราไง พอดีหรือเปล่า ถ้าไม่พอดียังไง จะได้เปลี่ยนใหม่ ”


   เขาตอบน้องไปตามจริง ก่อนจะมีเสียงโวยวายของน้องห้องอีกคนดังขึ้นมา


   “ ไอ้เวฟ เมื่อกี้แกไม่ได้ฟังข้าเลยใช่มั้ย แกแอบไปแกะของฝากดูก่อนข้าได้ไง ”


   ชอโวยวาย เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนเองแกะกล่องของฝาก โดยไม่ยอมบอก ทำให้เขาไม่ได้ลุ้นว่าด้านในเป็นอะไร เพราะทุกครั้งแล้ว เขาและเพื่อนจะได้ของฝากจากรุ่นพี่คนนี้ เป็นของอย่างเดียวกัน


   “ อ้าว ช่วยไม่ได้ แกอยากโม้มากทำไม ”


   เวฟตอบอย่างยียวน พร้อมกับทำหน้าตาที่ชอเห็นแล้วอยากจะฝากรักเพื่อนสักทีสองที


   “ ไอ้เวฟ... ”


   แต่ก่อนที่จะเกิดสงครามกลางห้อง บุคคลผู้ซึ่งเป็นพี่สุดก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน


   “ อย่าตีกันเป็นเด็กๆน่า แล้วเราน่ะว่าไง พอดีหรือเปล่าเวฟ ส่วนชอพี่ว่าเราไปลองของเราบ้างดีกว่านะ เพราะหากว่าไม่พอดี พี่จะได้ส่งกลับไปเปลี่ยนให้”


   เขาว่า ทำให้น้องรหัสทั้งสองหยุดทะเลาะกัน ก่อนที่ชอจะไปลองเสื้อที่เขาซื้อมาฝาก


   “ พี่โอครับ กำลังดีเลยครับ ”


   ชายหนุ่มบอกกับพี่ห้อง ที่ยังควบตำแหน่งพี่รหัสด้วย


   “ พี่รู้ได้ยังไงครับ ว่าผมชอบสีอะไร ”

   “ ด้วยเหตุผลเดียวกับของเวฟนั่นแหละ ถ้าพี่ไม่จำประวัติที่น้องอุตส่าห์ ลงทุน ลงแรง เปลืองกระดาษ เปลืองน้ำหมึก เสียเวลา เขียนมาให้ทั้งที แล้วไม่สนใจ พี่จะให้น้องเขียนให้เมื่อยทำไม ”


   “ ยังไงผม 2 คนก็ต้องขอบคุณพี่โออีกครั้งนะครับ... ”


   “ ไม่ต้องเลย พี่ยังไม่อยากแก่ไปมากกว่านี้ ”


   ชอว่า แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคดี ชายหนุ่มก็ขัดขึ้นมา เพราะเห็นว่าทั้งคู่กำลังไหว้ตัวเองอีกแล้ว


   “ พี่ว่าเราไปนอนได้ เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นไปรับน้องๆ ที่จะมาในวันพรุ่งนี้อีกไม่ใช่เหรอ ”


   “ ใช่ครับ ยังเหลืออีก 2 วัน ที่พวกเราต้องไปรับน้องๆน่ะครับ ”


   “ อืม... นี่ก็ดึกมากแล้ว พักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่รอดนะ พี่ไม่ปลุกนะ ขอบอก ”


   เขาว่า เมื่อเห็นว่าน้องห้องไม่ยอมเข้านอนเสียที และนับว่าคำขู่เมื่อครู่จะใช้ได้ผลอยู่ไม่น้อย เพราะโดยปกติแล้ว นอกจากเขาจะเป็นพี่ห้อง พี่รหัส เขายังพ่วงตำแหน่งนาฬิกาปลุกของห้องด้วย


   “ แหมๆ พี่โอ น่านะ ปลุกหน่อยนะ ”


   เวฟเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเว้าวอน และท่าทางน่าสงสาร หากเป็นคนอื่นทำคงจะน่าสงสารจริง แต่เมื่อเป็นชายหนุ่มตรงหน้าเป็นเวฟ คนเห็นนั้นอยากจะฝากรอยเท้าเสียมากกว่า


   “ ไม่ต้องเลย นาฬิกาปลุกก็มี ทำไมไม่ยอมใช้ ”


   เขาว่า เพราะเขาเคยซื้อนาฬิกาปลุกเรือนปานกลางมาให้ทั้งคู่แล้วแต่ก็ไม่มีใครใช้ นอกจากจะตั้งไว้ดูเวลาอย่างเดียว


   “ แหม... ก็มีพี่ ก็ต้องใช้พี่ให้เป็นประโยชน์สิคร๊าบบบบ ”

   ชอว่า ซึ่งเวฟก็พยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ ส่วนคนที่ถูกยกให้เป็นนาฬิกาปลุกจำเป็นก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ


   “ ก็ผมไม่ชอบใช้นาฬิกาปลุกนี่ครับ มันไม่ได้ใจ แต่ถ้านาฬิกามันเป็นเสียงแปดหลอดครึ่งของยัยบีชก็ว่าไปอย่าง ”


   “ อย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวพี่ให้บีชโทรมาปลุกเราแล้วกัน ”


   “ อย่าดีกว่าครับ ผม 2 คน ยังไม่อยากตื่นมาติดกัณฑ์เทศน์ตั้งแต่เช้าแบบว่า ผมขอเป็นเสียงของพี่จะดีกว่า ”


   เขากับเวฟ ไม่ชอบตั้งนาฬิกาปลุกเท่าใดนัก เพราะเขามักจะตื่นมาปิด แล้วนอนต่อเสมอ นอนจนสายไปเรียนไม่ทันกันเลยทีเดียว


   “ ความจริงแล้วนะ อย่างเราสองคนน่ะ ให้บีชเค้าปลุกน่ะดีแล้ว จะได้ตื่นแบบเต็มตาไง ”


   เขาว่า ซึ่งสามารถเรียกสีหน้าสยองจากน้องรหัสได้ไม่น้อย


   “ อย่าดีกว่าครับ ไม่ดีแน่ๆ เอาเป็นว่า พี่ปลุกเรา 2 คนด้วยนะครับ ตกลงตามนี้เลยดีกว่า ผมไปอาบน้ำก่อนนะ ”


   ชอจบก็รีบวิ่งออกจากห้องไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะตอบรับ หรือปฏิเสธ หลังจากที่ทั้งคู่ออกไปแล้ว เขาก็เดินไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำของตนเอง ระหว่างที่ออกมาหยิบอุปกรณ์อาบน้ำนั้น เขาเห็นว่าห้องของน้องปี 1 ปิดไฟกันหมดแล้ว เพราะว่าหลังห้องชายหนุ่มหันมาทางด้านหอพักที่สร้างเอาไว้สำหรับนักศึกษา แต่ถูกใช้เป็นที่พักนักท่องเที่ยวในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
 

   “ วันนี้เป็นเพียงวันแรกของการเริ่มต้นที่นี่เท่านั้น ยังมีเรื่องอะไรอีกมากมาย ที่น้องๆจะได้เจอ รับรองว่า สนุกกว่าวันนี้แน่ๆ”


   เขาว่า ก่อนจะตามน้องห้องไปอาบน้ำเช่นกัน วันนี้เป็นเพียงก้าวแรกในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่านั้น ยังมีอะไรที่จะเกิดต่อจากนี้อีกมากมาย เขาก็ได้แต่หวังว่า น้องใหม่ที่เข้ามานั้นจะอยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายที่สำเร็จการศึกษา





หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-11-2012 11:54:01




ตอนที่ 6








   ไก่ป่าส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ขันรับกันเป็นช่วงๆ ปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขต้องตื่นขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก


   “ โอ้ย!!! จะขันกันทำไมนักเนี่ยะ คนจะหลับ จะนอน ”


   น้ำเสียงงัวเงียของ 1 ใน 3 แฝดดังขึ้น


   “ อ้าว ริน ตื่นนานแล้วเหรอ หาวววว”


   เสียงทักแบบยานคาง พร้อมกับเสียงหาวอย่างคนง่วงนอน ดังขึ้นด้านหลังของเด็กหนุ่ม ที่กำลังนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่


   “ อืม ก็ซักพักแล้วล่ะ อากาศที่นี่สดชื่นดีนะ ”


   เขาหันมาตอบเพื่อนห้อง ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับบรรยากาศรอบๆตัวต่อ ดวงอาทิตย์สีแดงดวงโตกำลังโผล่พ้นขอบฟ้า หมอกบางๆโรยตัวอย่างอ้อยอิ่ง น้ำค้างหยดเล็กๆบนยอดไม้ สะท้อนแสงแรกของวัน แมลงตัวเล็ก ตัวน้อย ออกบินอย่างเริงร่า


   หลายวันมาแล้วที่เขามาอยู่ที่นี่ กิจกรรมมากมายที่รุ่นพี่สรรหามาให้ทำ จนตอนนี้ทำให้เขากับเพื่อนห้องทั้ง 3 คน รู้จักกับพี่ๆที่ทำกิจกรรมนันทนาการเป็นอย่างดี เพราะตลอดเวลาเขาและเพื่อนมักจะถูกเรียกให้ออกมานำแสดงให้เพื่อนคนอื่นดูเสมอ ซึ่งพวกเขาทั้ง 4 คนก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง และในวันนี้เป็นวันว่างที่รุ่นพี่บอกว่าให้พักผ่อนเต็มที่ เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปฐมนิเทศเป็นวันแรก


   ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมกันมา พี่ๆได้สอนอะไรหลายๆอย่างกับน้องๆที่เข้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกฎ ระเบียบต่างๆของมหาวิทยาลัย หรือว่าจะเป็นกฎ ข้อตกลงระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง การแต่งกาย  ตลอดจนการปฏิบัติตัวของน้องปี 1 ทุกคน


   “ อืม... ว่าอยู่ สดชื่นดี ”


   ฝาแฝดว่า พลางหยิบเก้าอี้มานั่งข้างๆ


   “ นี่ริน แกจำเรื่องที่พี่เขาบอกได้ไหม เรื่องพี่รหัสน่ะ ”


   เมื่อเริ่มสนิทกัน คำเรียกหาระหว่างเขาและเพื่อนแฝดนั้นก็ดูจะกันเองมากขึ้นตามไปด้วย


   “ จำได้ มีอะไรเหรอ ”


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ว่า... ”


   ฝาแฝดว่า พร้อมกับทำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้คนฟังต้องกระตุ้น ด้วยความอยากรู้


   “ แค่ว่าอะไร ”


   “ ก็แค่อยากรู้น่ะว่าใครจะได้เป็นน้องรหัสของพี่โอ ”


   นอธว่า พร้อมกับทำหน้าเคลิ้มฝัน จนคนเห็นอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยต้องขัดขึ้น

   “ แหวะ ขี้เก็กจะตาย ”


   เขาว่าพร้อมกับทำหน้าเหม็นเบื่อ เมื่อนึกถึงหน้าของคนที่เพื่อนตนเองเอ่ยถึง ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมห้องผู้ชื่นชอบ และตั้งตัวเป็นแฟนคลับอย่างเป็นทางการหันมาประทานฝ่ามือพิฆาตให้เป็นรางวัล


   “ โอ๊ย!!! นอธ แกจะตีฉันทำไม ”


   “ แกนิ พี่เขาออกจะหล่อ น่ารัก แล้วก็ดูใจดีด้วย เฟอร์เฟคแมน ไม่เห็นจะขี้เก็กอะไรเลย แกอคติเกินไปหรือเปล่า ”


   นอธถามเพื่อนร่วมห้อง เพราะรุ่นพี่ที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่นั้น เท่าที่เห็นและรู้จักก็เป็นคนใจดี แม้ว่าจะไม่ค่อยพูดเท่าใดนัก และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกว่า พ่อรูปหล่อเฟอร์เฟคแมนของเพื่อนเป็นคนขี้เก็กเสียได้


   “ ไม่นิ ฉันไม่ได้เลยอคตินะ ก็แค่พูดตามที่เห็น พูดก็ไม่พูด วันๆยืนเก็กหน้าอย่างเดียว ไม่เมื่อยบ้างหรือไง ไม่รู้ทำไมเพื่อนๆผู้หญิงถึงชอบกรี๊ดพี่แกนัก อ้อ รวมมาถึงเพื่อนชายข้างฉันด้วย ถ้าพี่แกเป็นดาราซูปเปอร์สตาร์ชื่อดังนะ ฉันจะไม่ว่าซักคำ ”


   เขาว่า พลางทำจมูกย่น อย่างคนไม่ค่อยชอบใจ เพราะหลายคนต่างพากันชื่นชอบพี่แกไปเสียหมด


    “ นั่นแหละแกที่เขาเรียกว่าอคติ ระวังนะริน เขาว่ากันว่า เกลียดอย่างไหน มักได้อย่างนั้นนะ แล้วจะหาว่าเพื่อนไม่เตือนนะ ”


   นอธว่า พลางยิ้มขำๆ กับอาการของเพื่อนร่วมห้อง ที่มีอาการแบบคนรับไม่ได้


   “ นั้นเหรอ งั้นแกก็ทำใจให้เกลียดพี่เขาดิ แกจะได้อย่างนั้นไง ”


   เขาย้อนเพื่อนร่วมห้อง ที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ ซึ่งมันก็พอจะทำให้เพื่อนของเขาหันมาส่งค้อนวงโตให้อย่างไม่ต้องสงสัย

   “ แหมๆ นี่ถ้าฉันทำใจให้เกลียดพี่เขาได้นะ ฉันก็คงทำแล้วล่ะ เผื่อว่าจะคู่กัน ว่าแต่ถามหน่อยเหอะ ทำไมแกถึงไม่ชอบพี่เค้าล่ะ ”


   นอธย้อนถาม แต่เขายังนิ่ง เพราะไม่คิดว่าจะถูกย้อนถาม และเขาก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร เพราะจริงๆแล้วมันก็ไม่มีเรื่องที่ไม่ถูกใจอะไรหรอก แค่เห็นหน้าแล้วไม่ถูกใจเท่านั้นเอง


   “ ไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ชอบ ไม่มีเหตุผล ”


   เขาตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่ชอบ จริงอย่างที่เพื่อนบอก ว่าพี่เขาก็ดี เป็นกันเอง ดีไปเสียทุกอย่าง แต่ก็อีกล่ะ คนอะไรจะไม่มีข้อเสีย เขาไม่เชื่อเข็ดขาด


   “ ดีนะ อยู่ๆก็ไม่ชอบ พิลึกคน ฉันไปอาบน้ำ แปรงฟันดีกว่า คุยกับแกแล้วปวดหัวจริงๆ ”


   นอธว่า ก่อนจะเดินเข้าห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปอาบน้ำ ซึ่งเด็กหนุ่มก็เดินตามเพื่อนห้องมาติดๆ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ อ้าวน้องๆครับ ตื่นๆ แหมๆ ให้ตื่นเช้าแค่นี้ ทำมาเป็นง่วง ”


   เสียงของรุ่นพี่ที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยดีดังขึ้นท่ามกลางเด็กปี 1 ที่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง


   เนื่องจากว่า วันนี้เป็นวันแรกของการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ รุ่นพี่จึงเรียกน้องรวมตั้งแต่เช้า เพื่อรวมกันทำกิจกรรมแรกของวัน นั่นก็คือออกกำลังกาย


   “ นี่ริน พี่โอเขามาด้วยแหละ รู้สึกว่าพี่เขาจะแทคแคร์น้องๆจังนะ ฉันอยากรู้แล้วดิว่าพี่เขาเป็นพี่รหัสของใคร ถ้าเป็นฉันนะ ถึงเป็นผู้ชายฉันก็ยอมให้ว่ะ ”


   “ ใช่ๆ นอธ ฉันว่านะ คนนั้นน่ะ ต้องโชคดีแน่ๆเลย ”

   “ แต่ฉันว่าโชคร้ายสุดๆน่ะสิ ”


   ฝาแฝดออกความเห็น เมื่อเห็นพี่ใหญ่ขวัญใจของทุกคนมาร่วมออกกำลังกายด้วย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะขัด ตามประสาคนไม่ชอบขี้หน้า


   “ แกนี่แปลกนะ คนอื่นเขาปลื้มพี่แกจะตาย แต่แกไม่ชอบซะงั้น พี่เขาก็ออกจะดี ”


   “ ไม่รู้ดิ แต่ฉันรู้สึกว่า พี่แกยังมีอะไรแอบแฝงอยู่อ่ะ ฉันว่าสายตาแกมีอะไรแปลกๆอ่ะ ”


   “ คิดมากน่า ”


   เขาให้ความเห็นเพราะรู้สึกว่า พี่คนที่หลายคนชื่นชอบนั้น มีอะไรแปลกๆ จนรู้สึกว่าพี่คนนั้นต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่ เพราะสายตา รอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เหมือนแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ โอ๊ย!!! เหนื่อย พี่แกไม่เหนื่อยบ้างหรือไงเนี่ยะ ฉันชักจะเห็นด้วยกับแกแล้วว่ะริน พี่แกสุดยอดจริงๆ ”


   ทันทีที่กลับถึงห้อง จอมปากมากแห่งกลุ่มอย่างเซาธก็บ่นทันที เพราะการออกกำลังกายเมื่อเช้า คนที่นำก็คือรุ่นพี่ที่หลายคนปลื้ม แต่ด้วยว่าไม่รู้ว่าพี่ท่านเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะแอร์โรบิคเมื่อเช้า พี่แกออกสแต็ปแบบนอนสต๊อบกว่า 10 เพลง แถมด้วยการวิ่งไปหน้ามหาวิทยาลัย วิ่งรอบสนามหญ้า เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์


   “ มีหวัง เช้านี้ฉันได้หลับในห้องประชุมแน่เลย ”


   เซาธ บ่นกระปอด กระแปด ก่อนจะคว้าผ้าไปอาบน้ำ ด้วยอาการของคนที่พร้อมจะหลับได้ตลอดเวลา การปฐมนิเนศในวันนี้ เป็นการแนะนำสถานศึกษา และภาควิชาต่างๆ โดยท่านอาจารย์ในแต่ละภาควิชา


   “ อย่าบ่นมาก เดี๋ยวก็อดกินข้าวหรอก ”


   วันนี้ มีอาหารเลี้ยงเช้า ซึ่งเวลาที่รุ่นพี่บอกเอาไว้ นั่นก็คือ 7 นาฬิกา ในวันนี้ให้ทุกคนแต่งกายด้วยชุดนิสิตใหม่ และเขาเองเป็นคนหนึ่ง ที่เห่อชุดนี้ไม่น้อย ตามประสานักศึกษาใหม่ ป้ายแดง ที่เพิ่งเป็นเจ้าของชุดนักศึกษาเป็นครั้งแรก


   06:30 น. ทุกคนลงมาพร้อมกันที่ใต้หอพัก เพื่อเตรียมตัวเดินไปรับประทานอาหารเช้า เสร็จจากการรับประทานอาหารเช้า ซึ่งวันนี้มีเมนูข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ นักศึกษาใหม่ทุกคนจึงเดินไปยังสถานที่นัดหมาย นั่นก็คือ อาคารกีฬาที่รุ่นพี่เรียกกันว่า ‘ โดมกีฬา ’



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   ตลอดช่วงเช้า เป็นการแนะนำอาจารย์ฝ่ายต่างๆ แนะนำสถานศึกษาจากวีดีทัศน์โดยท่านอาจารย์จากฝ่ายต่างๆ ส่วนในภาคบ่ายนั้นจะเป็นการแนะนำโครงสร้างรายวิชา และรายละเอียดของสาขาวิชาต่างๆ


   แม้ว่าจะได้ฟังบ้าง ไม่ได้ฟังบ้าง หลับบ้างไม่หลับบ้างก็ตาม แต่เมื่อถึงกำหนดการของภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล เด็กหนุ่มก็ตั้งใจฟังแบบเต็มที่ เพราะเป็นวิชาที่ตนเองเลือกเรียน แต่ก็มีเพื่อนอีกหลายคน มีสาเหตุที่ตั้งใจฟัง ไม่ใช่ว่าอยากรู้เรื่องวิชาเรียน สาเหตุนั้นก็เนื่องมาจาก มีรุ่นพี่ที่หลายคนเป็นปลื้มขึ้นมาแนะนำ แม้แต่เพื่อนจากต่างสาขายังเป็นปลื้ม


   เพราะนอกจากพี่ท่านจะเป็นประธานนักศึกษาแล้ว ยังเป็นประธานภาคชั้นปี 4 ของสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเลอีกด้วย แถมพอขึ้นมายังสามารถปลุกให้น้องๆที่กำลังนั่งสัปหงก น้ำลายยืด ให้ตื่นขึ้นมาฟังได้อีกด้วย นับว่าท่านอาจารย์หัวหน้าภาควิชา เลือกคนขึ้นมาไม่ผิดจริงๆ


   กว่าจะครบตามกำหนดการของวันนี้ ก็ทำให้หลายคนหลับไปคนละหลายตื่นทีเดียว ช่วงเย็น หลังจากรับประทานอาหารเย็น ที่รุ่นพี่บริการเป็นอย่างดี จนเรียกว่าแทบจะป้อนใส่ปาก เพราะไม่ว่าต้องการอะไร พี่ก็จะหามาให้อย่างไม่เกี่ยงงอน บริการดียิ่งกว่าน้องๆทุกคนเป็นลูกคุณหนูเสียอีก หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว และปล่อยให้น้องใหม่วัยใสกลับไปทำธุระส่วนส่วน และกลับมาพร้อมกันตามที่นัดหมายซึ่งก็มีกิจกรรมดังเช่นทุกวัน


   แต่ในวันนี้ มีบางคนหายไป ไม่ได้มาร่วมด้วยเช่นเคย ทำให้ใครบางคนแปลกใจไม่น้อย ทั้งที่บอกว่าไม่สนใจ แต่พอเขาคนนั้นหายไป แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า เขาคนนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า


   “ เฮ้ย!!! ริน เป็นอะไรวะ เงียบๆไป ”


   เพื่อนร่วมห้องของเขาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเงียบจนผิดปกติ


   “ เปล่านิ ไม่เป็นไร ”


   “ อืม ทำไมวันนี้ดูเงียบๆจัง ไม่เห็นเหมือนวันก่อนๆเลย หรือว่าวันนี้ไม่สนุก ”


   “ ไม่หรอก ไม่เป็นไรจริงๆ แค่รู้สึกแปลกใจอะไรนิดหน่อยน่ะ ”


   เขาตอบ 3 แฝด ในเรื่องที่รบกวนจิตใจตนเองอยู่


   “ อะไรแปลกเหรอ ”


   “ ใช่ๆ อะไรที่แกว่าแปลก ฉันก็เห็นว่าพวกพี่เขาก็สนุกดีเหมือนเดิมนี่นา ”


   “ ก็ใช่นะ พี่เขาสนุกเหมือนเดิม แต่พวกแกสังเกตหรือเปล่าว่าวันนี้ ใครบางคนหายไปน่ะ ”


   เขาเอ่ยเรื่องที่คิดอยู่ออกมาในที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้ 3 แฝดมองหาใครบางคนที่เขาพูดถึง และก็เป็นอีสทที่เห็นความผิดปกติเป็นคนแรก


   “ เออ... ใช่ วันนี้มีใครบางคนหายไปจริงๆด้วย ”


   อีสทว่า ก่อนที่พี่น้องฝาแฝดจะเข้าใจในเรื่องเดียวกัน


   “ อืม... แต่ ริน ไหนแกบอกว่าไม่ชอบพี่เขาไง แต่ทำไมสนใจเรื่องพี่เขาล่ะ แถมพอพี่เขาไม่มา แกยังรู้ก่อนคนอื่นอีก ”


   นอธ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ กึ่งๆประชด เพราะมันเป็นเรื่องจริง ซึ่งถ้าไม่ชอบขี้หน้าจริง แต่ทำไมเจ้าตัวถึงรู้ว่าเขาหายไปก่อนคนอื่น


   “ พี่ชอครับ วันนี้ผมไม่เห็นพี่โอเลย พี่เขาหายไปไหนเหรอครับ ”


   1 ใน 3 ยกมือขึ้นถามในเรื่องที่กำลังเป็นที่สงสัย และคำถามนี้ทำให้หลายคนมองหาคนที่ถูกพูดถึง


   “ แหมๆ พี่โอหายไปแค่นี้ คิดถึงกันแล้วเหรอ ถ้าพี่หายไป จะมีใครถามแบบนี้มั้ยเนี่ยะ ”


   คนถูกถามตอบทีเล่น ทีจริง ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะได้จากน้องๆปี 1


   “ แหมพี่ชอครับ ถ้าพี่ชอ หุ่นดี หล่อ มาดแมน สมาร์ทได้ครึ่งหนึ่งของพี่โอนะ ผมก็คงจะ... ถามมั้ง ”


   เซาธตอบกวนๆ เพราะสนิทกับพี่คนดังกล่าวในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งการตอบของเซาธก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้จากพี่ปี 2 และเพื่อนๆของคนโดนถามอย่างมาก

   “ เฮ้ย!!! ชอน้องเขาบอกว่าแก หน้าดีเหลือน้อยว่ะ ”


   “ เออ... ไม่ต้องมาย้ำเลยไอ้คุณเพื่อนที่แสนดี ”

   เวฟทับถมชอ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้นปี และน้องๆปี 1


   “ เอ้าๆ เยาะเย้ยกันเข้าไป หล่อแล้วอย่ามาง้อนะ ”


   ชอประชด ซึ่งก็ทำให้หลายคนยิ่งขำแกเข้าไปใหญ่


   “ คืออย่างนี้นะน้องๆ ช่วงนี้ พี่โอเขาคงไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมกับพวกเราได้อีก เนื่องจากว่า พี่เขามีงานที่ต้องรับผิดชอบนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงนะครับว่าจะไม่ได้เจอ ยังไงน้องได้เจอกับพี่เขาอีกแน่ๆ แต่อาจจะในลุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ”


   คนที่มาตอบคำถามนี้กลายเป็นพี่เวฟ ที่ยืนอยู่ข้างๆ เนื่องจากว่า พี่ชอนั้นไม่อยู่ในสภาพที่สามารถตอบได้ สาเหตุอันเนื่องมาจากโดนน้องๆและเพื่อนๆรุมเมื่อครู่


   แต่คำตอบที่น้องปี 1 ได้รับจากเวฟนั้น ก็ไม่ค่อยจะทำให้อะไรกระจ่างมากนัก แถมยังพูดให้น่าสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีก


   “ เอาล่ะครับ น้องๆ วันนี้ก็ได้เวลา ที่เด็กอนามัย ( เหลือน้อย )อย่างพวกเรา ต้องเข้านอนกันแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ เอาไว้แค่นี้ก็แล้วกัน แต่อย่าลืมนะครับว่า พรุ่งนี้เรามีนัดกันที่เก่าเวลาเดิม ”


   เวฟว่า ก่อนที่พวกพี่ๆ จะปล่อยให้น้องปี 1 เดินกลับหอพัก โดยที่พี่ๆเดินมาเป็นเพื่อน จนถึงทางเข้าหอของแต่ละคน




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ นี่ริน แกว่าพี่เขาจะมีอะไรมาเซอร์ไพส์พวกเราอีกมั้ยอ่ะ ”


   ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้อง เซาธก็เปิดประเด็นด้วยเรื่องที่ค้างใจมาตั้งแต่เมื่อครู่


   “ นั่นดิ ฉันว่านะ พี่แกพูดเหมือนมีอะไรแอบปิดปังพวกเราอยู่อ่ะ ว่าไหม ”


   3 แฝดตั้งกระทู้ เนื่องจากว่า พี่ๆพูดอะไรให้คิดจริงๆ พี่ประธานหนุ่มรูปงาม ละลายใจ จะมาในลุคใหม่ ที่ไม่มีใครเคยเห็นมันคืออะไรกันแน่


   “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็มีลางสังหรณ์แปลกน่ะ ว่ามันต้องเป็นอะไรซักอย่าง ที่พวกเราอาจจะคาดไม่ถึงว่า พี่สุดสวาท ขาดใจดิ้น ของพวกแกจะทำได้ ”


   เขาบอกกับเพื่อนร่วมห้องทั้ง 3 ตามสิ่งที่รู้สึก แต่ก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่รู้สึกนั้นมันเป็นอะไร


   “ แล้วอะไรล่ะ ที่แกสังหรณ์อ่ะ ”


   “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอีสท แค่รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรรอพวกเราอยู่ อะไรที่พวกพี่ๆหลอกให้เราตายใจน่ะ ”

   มารินบอกในสิ่งที่ตนเองรู้สึก


   “ เอาน่า แล้วพวกเราจะคิดมากทำไมเนี่ยะ วันนี้ง่วงจะตายอยู่แล้ว ไปอาบน้ำนอนดีกว่า เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองแหละ ”


   เซาธว่า พลางเปิดปากหาว อย่างคนง่วงแบบสุดจะทน ซึ่งทุกคนมีความเห็นพ้อง ต้องกันว่า เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง เพราะว่าถึงตอนนี้จะอยากรู้แค่ไหน ก็คงทำได้แค่อยากรู้เท่านั้น สู้ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้ไม่ดีกว่าหรือ เพราะว่ามันยังมาไม่ถึง ทำเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้จะดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนี้ หนุ่มๆจึงไปอาบน้ำ เข้านอน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-11-2012 20:28:18




ตอนที่ 7







   วันที่ 2 ของการปฐมนิเทศ ยังคงเหมือนเดิม คือเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย แต่วันนี้ คนที่มานำออกกำลังกายนั้น ไม่ใช่รุ่นพี่คนที่เห็นเป็นประจำคนเดิม แต่เป็นรุ่นพี่คนอื่นมาแทน


   การแต่งกายในวันนี้นั้นเป็นการตกลงกันว่า ให้ใส่กางเกงขายาว และเสื้อของมหาวิทยาลัย ที่ทุกคนได้รับมา และในวันนี้นั้นเป็นการเชิญวิทยากรมาจากด้านนอก ซึ่งวิทยากรที่มาทำหน้าที่บรรยายนั้น มีความสามารถในการบรรยายเป็นอย่างดี ทำให้นักศึกษา สนุกสนาน ซึ้ง เข้าใจตามสิ่งที่วิทยากรต้องการสื่อ


   ส่วนในช่วงกลางคืนนั้น ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม รุ่นพี่ทุกคน ยังมีกิจกรรมมาให้น้องๆได้ร่วมสนุกเหมือน และในวันนี้รุ่นพี่ที่หลายคนกรี๊ดก็ไม่มาเข้าร่วมเช่นเคย แต่ไม่มีใครถาม เพราะรู้ว่าคงจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการเป็นแน่


   วันพรุ่งนี้ เป็นวันสุดท้ายของการปฐมนิเทศ ซึ่งวิทยากรที่จะมาทำหน้าที่บรรยาย ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในสังคม และก็ยังคนที่เขารอฟังบรรยายอีกด้วย


   เมื่อถึงเวลาจริงๆ ท่านวิทยากรก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังแต่อย่างไร เพราะท่านบรรยายได้อย่างถึงพริก ถึงขิง เข้าถึงแก่น ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค แม้ว่าจะเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้องก็ตาม


   หลังจากจบการบรรยายจากท่านวิทยากรแล้ว ยังเหลือเวลาอีกพอสมควร แต่รุ่นพี่ก็ปล่อยให้น้องๆได้กลับมาพักผ่อน แล้วนัดให้ทุกคนมาพบกันที่โดมอาหาร ในเวลาอาหารเย็น



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ เอ้าๆน้องครับ ไม่ต้องรีบ แต่พี่รออยู่ ”


   พี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น แต่ไม่ใช่พี่จากฝ่ายนันทนาการที่หลายคนรู้จักด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้บรรยากาศตอนนี้กดดันเพิ่มขึ้นอีกมาก


   “ ทานอาหารเสร็จแล้ว คงรู้นะว่าเราต้องทำอะไรกันต่อ ”


   พี่คนเดิมยังคงกล่าวต่อไป ด้วยน้ำเสียงโทนเดิม ทำเอาน้องๆเสียวสันหลังวูบๆ ด้วยรู้สึกว่า คืนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าเดิมแน่ๆ


   “ หวังว่า จะไม่เห็นใครมาช้านะ ”


   พี่คนเดิมกล่าวเป็นการปิดท้าย ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไป ทิ้งให้น้องๆหวาดหวั่นกันต่อไป


   “ น้องๆครับ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวติดคอ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน แต่ว่าเร็วหน่อยก็ดีนะ เพราะพี่กลุ่มนั้นมันโหดอย่างที่น้องเห็นแหละ ”


   เสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อคล้อยหลังรุ่นพี่มาดโหดคนนั้นไปได้นิดเดียว


   “ นี่แก คืนนี้แกว่าจะมีอะไรวะ ”


   “ แล้วจะรู้มั้ยวะ นั่งอยู่ด้วยกันเนี่ยะ ”


   เสียงสนทนาของผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ไต่ถามกันด้วยความอยากรู้ ว่าคืนนี้จะมีอะไร แต่สุดท้ายแล้ว คงไม่มีใครให้คำตอบได้ นอกจากจะรอให้ถึงคืนนี้เสียก่อน


   เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าติดปีกบิน จากช่วงบ่าย เปลี่ยนเป็นเย็นแบบไม่ทันตั้งตัว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ก็จะได้เวลานัดแล้ว



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ มากันครบแล้วใช่มั้ย ”


   “ อืม ครบแล้ว ”


   เสียงพูดคุยของรุ่นพี่ดังแว่วๆ ลอยเข้าหูน้องๆ ที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดอย่างเขา และเพื่อนร่วมห้อง


   “ เอาล่ะน้องๆ วันนี้พวกพี่มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบเล็กน้อย ”


   รุ่นพี่หนึ่งในฝ่ายนันทนาการเอ่ยขึ้น หลังจากปล่อยน้องๆส่งเสียงเจี้ยวแจ้วกันสักพัก แต่เมื่อพี่เริ่มพูด ทุกคนก็เงียบฟังเป็นอย่างดี


   “ อย่างที่น้องๆทราบกันแล้ว วันพรุ่งนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก เพื่อเป็นการให้น้องๆได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเรียน วันนี้เรางดกิจกรรมภาคกลางคืน อีกข้อหนึ่งที่พี่จะแจ้งให้น้องๆทราบก็คือ ตลอด 1 เดือนนี้ ขอให้น้องๆทุกคนเดินไปเรียน ห้ามใช้รถเด็ดขาด เพื่อให้น้องๆทำความรู้จักกันมากขึ้น และในช่วงนี้ ขอให้น้องๆลงโดมมารายงานตัวกับรุ่นพี่ทุกคืน อย่าลืมป้ายชื่อที่พี่ให้ไปคล้องติดคอมาด้วย


   ซึ่งในช่วงนี้เป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆได้รู้จักกับรุ่นพี่คนอื่นมากขึ้นง่ายต่อการหาพี่รหัส และเรื่องสุดท้ายที่พี่จะแจ้งให้พวกเราทุกคนทราบก็คือ เรื่องการซ้อมเชียร์ ซึ่งการซ้อมเชียร์นี้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ ที่ทุกคนต้องเข้าร่วม และวันที่จะเริ่มก็คือ วันที่ 3 หลังจากเปิดเรียนวันแรก เราจะเริ่มซ้อมเชียร์กัน


   ส่วนเวลาก็คือเวลาปกติที่เรานัดเจอกัน สถานที่ก็คือโดมกิจกรรม ในทุกวันที่เข้าซ้อมเชียร์นั้น ขอให้น้องๆเตรียมปากกา ดินสอ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถเขียนได้มาด้วย


   อ้อ!!! อย่าลืมป้ายชื่อนะ เอามาด้วย แล้วสำหรับวันพรุ่งนี้ ขอให้น้องๆแต่งกายให้เรียบร้อยตามที่พี่ๆได้บอกไปแล้ว สำหรับวันนี้ ไม่มีอะไรแล้ว ขอให้น้องกลับไปพักผ่อนได้ เตรียมตัวให้พร้อมกับการเรียนในวันพรุ่งนี้ ”


   รุ่นพี่คนเดิมร่ายยาว แบบไม่เปิดโอกาสให้ได้เปิดปากถาม ก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับหอพักไปแบบงงๆ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ นี่ๆ แกว่าวันนี้พวกพี่ทำตัวแปลกๆว่าไหม ”


   “ นั่นดิ ฉันว่า วันนี้ พี่ๆเขาทำอะไรแปลกนะ เริ่มตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้ว พี่กลุ่มนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ เสียงดัง น่ากลัวชะมัดเลย ”


   เมื่อถึงห้อง ผู้เป็นหอกระจายข่าวของห้องก็ใส่เกียร์เดินหน้าทันทีที่มีโอกาส


   “ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยเคยเห็น ว่าแต่ไม่มีใครเห็นพี่โอเลยเหรอ ฉันไม่เห็นพี่เขามาหลายวันแล้วนะ จะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”


   นอธตอบ ก่อนจะถามคำถามอีกชุด แต่มันเป็นคำถามที่ไม่มีใครสามารถตอบได้ เพราะไม่มีใครรู้เช่นกัน


   “ นี่แกถามฉัน แล้วฉันจะไปถามแมวที่ไหนล่ะ ก็อยู่ด้วยกันตลอดเนี่ยะ ตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว ถามโง่ๆ ”


   เซาธย้อนให้ และมันก็ทำให้คุณป้าขี้บ่น ควันออกหูได้ไม่ยาก ทำให้คนที่ไม่อยากจะยุ่ง ต้องเข้ามาห้าม ก่อนที่จะเกิดศึกสายเลือด


   “ นี่ๆ จะทะเลาะกันทำไม ใครไม่มาก็เรื่องของเขาสิ พรุ่งนี้มีเรียนตอน 8 โมงนะ แล้วนี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่า พวกเราไปอาบน้ำแล้วมานอนดีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย ไม่ทันเข้าเรียนแถมยังต้องเดินไปเรียนอีก ไปๆอาบน้ำก่อนเรื่องอื่นไว้ที่หลัง ”


   มารินสงบศึกระหว่างพี่น้อง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วคว้าตะกร้าเครื่องอาบน้ำเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ 3 แฝดจะตามไปอาบน้ำเช่นกัน


   เช้าวันแรก ภาคเรียนใหม่ สถานที่ใหม่ ทุกอย่างสำหรับเขานั้นเป็นสิ่งแปลกใหม่ทั้งหมด เขาไม่รู้ว่าการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น ต้องทำอย่างไรบ้าง ต่างจากการเรียนในระดับมัธยมแค่ไหน การแข่งขันกันระหว่างเพื่อนๆมีมากน้อยเท่าใด


   แม้ว่ามหาวิทยาลัยที่เด็กหนุ่มเลือกมาเรียนนี้ จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับท๊อปเท็นของประเทศ แต่เขาก็เลือกที่จะมาเรียนที่นี่ ถึงสิ่งที่เขาเห็นในตอนแรกนั้น มันช่างแตกต่างจากสิ่งที่คิดไว้แต่แรก ทุกอย่างมันช่างต่างจากมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงที่เขาเคยเห็น เคยสัมผัสมาบ้างเมื่อตอนไปเข้าค่ายวิชาการต่างๆ


   แต่เขาก็รู้สึกภูมิใจกับชุดนักศึกษาที่ตนเองสวมใส่อยู่ในขณะนี้ ละก็มั่นใจว่าความภูมิใจของตัวเองนั้น คงไม่น้อยไปกว่าคนที่เรียนในสถาบันชื่อดังอย่างแน่นอน หรือมันอาจจะมากกว่าด้วย เพราะเขารู้สึกว่า ผู้คนที่นี่ มีน้ำใจ แบ่งปัน ช่วยเหลือ เพราะตลอดช่วงสั้นๆที่ได้สัมผัสนั้น เขารับรู้มันได้ดี


   ความเป็นกันเองระหว่าง อาจารย์และลูกศิษย์ เพราะเท่าที่สัมผัสได้ตลอดช่วงเวลา กับกิจกรรมต่างๆ อาจารย์หลายคนสละเวลามาดูแลนักศึกษา และรุ่นพี่ก็พูดคุยเหย้าแหย่อาจารย์ได้ตามสมควร ซึ่งท่านก็ไม่ได้ถือตัวว่าเป็นอาจารย์แต่อย่างไร


   “ ริน.... ริน.... ริน ”


   “ หาาา!!! อะไรเหรอ เรียกซะดังเลย ”


   มารินสะดุ้งตัว เมื่อเสียงแปดหลอดของเพื่อนร่วมห้อง ตะโกนเข้ามาจนเต็มสองหู


   “ ก็ฉันเรียกเบาๆตั้งนานแล้ว แต่แกเหม่อไปถึงไหนก็ไม่รู้ หรือว่า...กำลังคิดถึง... ”


   “ พี่โอ!!! ”


   เซาธอธิบาย สาเหตุที่ตะโกน ก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย แล้วทั้ง 3 แฝดก็ประสานเสียงกันขึ้นมา

   “ จะบ้าเหรอ แกเนี่ยะคิดได้ไงว่าฉันจะคิดถึงพ่อพระเอกสุดหล่อของพวกนาย ”


   “ อ้าว จะไปรู้เหรอ ก็เห็นนั่งเหม่อ ใจลอยไปถึงไหนๆ นึกว่าคิดถึงพี่เขาเสียอีก ”


   “ ฉันไม่ใช่แกนะ ฉันแค่กำลังคิดว่า วันนี้น่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เปิดเทอมใหม่ กับที่เรียนใหม่ ”


   เขาว่า ขณะที่เดินไปตามถนนเพื่อไปเรียนในวันแรก ซึ่งวิชาแรกนั้นเรียนที่อาคารเรียนรวม ระยะทางระหว่างหอพัก จนถึงอาคารเรียนนั้นประมาณ 1 กิโลเมตรเศษๆ


   “ อย่างนั้นเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าจะคิดถึงพี่เขาบ้าง ไม่เห็นหน้ากันมาตั้งหลายวันแล้ว ”


   “ ไม่เห็นน่ะดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องขายขี้หน้าคนอื่นเขา เพราะพวกแกชอบทำหน้าเป็นปลื้มพี่แกเกินเหตุ ไม่รู้จะปลื้มอะไรกันนักหนา ก็คนเหมือนกัน ”


   มารินทำหน้าย่น อย่างไม่ค่อยชอบใจ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่ชอบแสดงตนว่าชอบใคร ไม่เหมือนเพื่อนร่วมห้องที่เป็นปลื้มคนหน้าตาดี โดยเฉพาะพี่ชายขี้บ่นอย่างนอธ


   “ ก็แหม พี่เขาน่ารักดี แถมยังดูเป็นกันเองอีก อยากได้มาเป็นพี่ชายจัง ”


   นอธเถียงแทนน้องๆ และที่สำคัญน่าจะเป็นการเถียงแทนตัวเองเสียมากกว่า เพราะตัวเองนั่นแหละ ที่เป็นปลื้มมากกว่าคนอื่น


   “ เอาเถอะ จะยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้พวกเราต้องเรียนห้องไหน ”


   มารินขัดขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องทำหน้าเคลิ้มฝัน และไม่รู้ว่าห้องเรียนอยู่ส่วนไหนของอาคารเรียนหลังจากเดินหาห้องเรียนมาได้สักพัก พวกเขาก็สามารถหาห้องเรียนจนเจอ แต่นั่นก็เกือบจะถึงเวลาเรียนแล้ว


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   ไม่น่าเชื่อว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เป็นอีกวันที่น้องปี 1 มีนัดกับพี่ปี 2 แต่ในวันนี้นั้น บรรยากาศมันช่างแตกต่างทุกๆครั้งที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก


   การซ้อมเชียร์ในวันแรก ตามที่รุ่นพี่บอกเอาไว้นั้น ยังไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้ เพราะเวลาส่วนใหญ่ เป็นการซักซ้อม การจัดแถว ส่วนการร้องเพลงเชียร์นั้น ต้องร้องให้สุดเสียงจนเรียกว่าตะโกนก็คงไม่ผิด


   ส่วนการนั่งนั้น ก็เป็นท่าที่แสนจะทรมานจิตใจอยู่หน่อยๆ แม้ว่าในตอนแรกๆนั้น มันจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลานานเข้ากับการนั่งขัดสมาธิหลังตรงก็เหน็บกิน ตะคริวถามหาอยู่เหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้น การใช้รหัสมือ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้หน้าขาเขียวไปตามๆกัน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   ตลอดระยะเวลาการซ้อมเชียร์ก็เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากแรกเริ่มที่มีการรีแล็กซ์จากฝ่ายนันทนาการบ้างเป็นระยะ หลังๆสตาฟเชียร์ก็สวมมาดโหดตลอด เรียกว่าเสร็จจากซ้อมเชียร์แทบจะไม่เหลือเสียงไว้คุยเลยทีเดียว


   ไม่เพียงแค่นั้น ในการซ้อมเชียร์ยังทำให้น้องปี 1 ได้รู้จักกับฝ่ายวินัยที่มาพร้อมกับกิจกรรมเรียกเหงื่อพอให้เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อยเนื้อตัว และทำให้รู้ว่าช่วงนี้นั้นเป็นช่วงของการรับน้อง


   นอกจากนี้ พี่วินัยยังสอนให้รู้ว่าปี 1 ต้องปฏิบัติตัวเช่นไรในช่วงรับน้องนี้ พี่วินัยทำให้รู้จักคำว่าระบบรุ่น


   ในช่วงเวลาของการรับน้อง เขารู้สึกได้ว่า มันเป็นช่วงเวลาที่กดดันไม่น้อย แต่ทุกกิจกรรมที่ทำนั้น มันก็แฝงข้อคิดหลายอย่าง การเดินไปเรียน การซ้อมเชียร์ การที่ทุกคนโดนดุ โดนว่ากล่าว โดนทำโทษพร้อมๆกัน มันก็ทำให้ทุกคนรู้จักกันมากขึ้น ทำให้เพื่อนดูแลเพื่อน ทำให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจกัน


   การรายงานตัวนั้น ทำให้น้องรู้จักรุ่นพี่มากขึ้น หลายคนเจอพี่รหัสของตนเองจากการรายงานตัวนี้หนึ่งในนั้นก็เป็นเพื่อนห้อง 3 แฝดของเขาที่สามารถหาพี่รหัสของตนเองเจอแล้วทั้ง 3 ชั้นปี เพราะหากเจอพี่รหัสปี 2 ก็จะสามารถรู้ได้เลยว่าพี่รหัสที่เหลือเป็นใคร นอกจากคนที่ไม่มีพี่รหัสสายตรง ที่ต้องรอการเวียนรหัส เพื่อให้พี่และน้องที่ไม่มีรหัสสายตรง ได้มีน้อง และพี่


   แต่สำหรับมารินแล้ว เหมือนกับว่าความโชคดีนั้นไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่นัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เขายังหาพี่รหัสไม่เจอสักคน ซึ่งในตอนนี้ เขาเริ่มทำใจแล้วว่า ตนเองคงไม่มีพี่รหัสสายตรงแน่ๆ แต่ด้วยความหวังอันน้อยนิด เด็กหนุ่มก็ยังแอบหวังลึกๆว่า ตนเองจะมีพี่รหัสสายตรงกับเขาสักคน


   เพราะเห็นเพื่อนร่วมห้องที่มีพี่รหัสคอยดูแล แนะนำเรื่องต่างๆแล้ว เขาก็อยากจะมีพี่รหัสกับเขาบ้าง และด้วยความที่เป็นเด็กบ้านไกลยิ่งทำให้เจ้าตัวต้องการใครสักคนมาดูแลเพิ่มขึ้น


   “ เฮ้อ!!! ดีใจจัง จะว่าไปแล้ว พวกเราก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ยะ ว่าแล้วไม่อยากจะคุย ”

   “ เก่งอะไรของแกวะไอ้เซาธ ”


   “ อ้าว!!! ก็เก่งตรงที่ว่า พวกเราน่ะ กำลังจะผ่านด่านแรกของรุ่นพี่แล้วไง หรือแกว่าไงอีสท ”


   เสียงอันน้อยนิดของ 2 แฝด ที่ในเวลาปกติจะดังแสบแก้วหู แต่หลังจากทุ่มเทให้กับการซ้อมเชียร์ตลอดระยะเวลา 1 เดือนก็แทบจะไม่มีเหลือดังขึ้น ขณะที่ทั้ง 4 หนุ่มวัยใสกำลังเดินไปยังโดมกิจกรรม ก่อนเวลานัดหมายซึ่งวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของการซ้อมเชียร์แล้ว


   “ แหมไม่ค่อยยกหางตัวเองเลยนะ แต่ฉันว่าวันนี้มันมีอะไรแปลกๆนะ ”


   “ อะไรเหรอที่ว่าแปลกอ่ะ ริน ”


   “ ไม่รู้ดิ แต่รู้สึกว่าพี่ๆน่ะดูแปลกๆไป เงียบไป พี่วินัยก็ไม่ค่อยโผล่มาเยี่ยมเยียนเหมือนเคย... ”


   เขาว่า แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคดี ก็มีเสียงของพี่ชายขี้บ่นของฝาแฝดดังขึ้นมาเสียก่อน


   “ ฉันว่านะ พี่แกไม่มาน่ะดีแล้ว พี่แกมาทีไร ได้เคล็ดขัดยอกทุกทีหรือว่าแกชอบความรุนแรง ”


   “ นั่นดิ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ”


   เซาธและอีสทเห็นด้วยกับคำกล่าวของนอธเป็นอย่างดี


   “ มันก็ใช่นะ แต่ฉันรู้สึกว่า... ”


   “ ว่าอะไร ”


   “ ก็ว่า มันเงียบไปน่ะสิ ”


   เมื่อเขานิ่งคิดไป ฝาแฝดจอมจุ้นก็เร่งเร้าให้เขาตอบให้ได้


   “ เงียบไป แล้วไงเหรอ มันไม่ดีเหรอ ”

   “ ไอ้ดีน่ะก็ดีอยู่หรอก แต่แกเคยได้ยินมั้ยว่า ทะเลมักจะสงบก่อนพายุจะมาน่ะ ”


   “ อืม ก็เคยอยู่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ ”


   เขาว่า ก่อนที่เซาธจะถามกลับด้วยหน้าตาใสซื่อ แบบคนไม่รู้จริงๆ แต่ยังดีที่มีใครบางคนพอจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะบอก


   “ แกกำลังจะบอกว่า วันนี้เราอาจจะเจอพายุลูกใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัวเหรอ ”


   “ อืม... จะว่าอย่างนั้นก็ได้อีสท เพราะฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ”


   มารินตอบไปตามความรู้สึกจริงๆ ซึ่งคำตอบของเขานั้น เรียกสีหน้าหวั่นใจจากเพื่อนร่วมห้องได้เป็นอย่างดี เพราะลางสังหรณ์ของเขามักเชื่อได้เสมอ


   “ หวา... ถ้าอย่างนั้น ความซวยก็มาเยือนแล้วอ่ะดิ ”


   เซาธเอ่ยขึ้นหลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง เป็นอย่างดีแล้ว


   “ งั้นมั้ง ไม่รู้สิ ยังไงก็รอดูต่อไปแล้วกัน ”


   มารินเอ่ยขึ้นเรียบๆ เหมือนคนที่ปลงกับชีวิต เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น มันก็มีอะไรเข้ามาเหมือนจะลองใจทุกคนอยู่แล้ว


   การปลูกฝังในเรื่องระบบรุ่น ทุกการกระทำที่รุ่นพี่สอดแทรกเข้ามา หลายเรื่องที่คล้ายจะทดสอบความรักระหว่างเพื่อน แม้ว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำนั้นอาจจะดูเหมือนกับการกระทำที่ไม่นุ่มนวลนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนซึมทราบ สมัครสมานกันเป็นอย่างดี

   “ นี่ริน ฉันว่านะถ้าไม่จำเป็นแกอย่ารู้สึกเลยไม่ได้เหรอ แบบว่าแกรู้สึกทีไร เป็นได้เรื่องทุกที ”


   “ นั่นดิ ”

   เซาธและอีสท พูดขึ้นอีกครั้ง แบบทีเล่น ทีจริง และจะติดตลกอยู่เล็กน้อย


   “ แหมๆๆ พ่อคู๊ณ... คุณเซาธ คุณอีสท คุณทั้งคู่ไม่เคยได้ยินเลยหรือไงว่า... ความรู้สึกมันห้ามไม่ได้ น่ะ ”


   “ ไม่เคย เคยได้ยินแต่ ความคิดถึง มันห้ามไม่ไหว ”


   นอธว่า ส่วนคนถูกว่าก็รวมหัวกันลอยหน้า ลอยตาตอบกลับ อย่างยียวนกวนอารมณ์ จนคนฟังอดใจไว้ไม่ไหวต้องตอบกลับด้วยฝ่าพิฆาตมาร


   “ ไอ้เซาธ ไอ้อีสท อย่าหลบดิ ”


   “ เรื่องไร ไม่หลบก็โดนอ่ะดิ ”


   3 พี่น้อง ไล่ตีกันเป็นเด็ก โดยมีคนกลางอย่างมาริน ที่ ณ ตอนนี้ต้องกลายเป็นกำแพงป้องกันภัยจำเป็นให้น้องชายตัวแสบของนอธ


   “ เอ้าๆ เลิกเล่นกันได้แล้ว ตีกันเป็นเด็กไปได้ ไม่อายเพื่อนเขาบ้างเหรอ เขามองกันใหญ่แล้ว ”


   เขาว่า พลางหันไปยิ้มแห้งแล้งให้กับเพื่อนคนอื่น ที่กำลังมองมาที่กลุ่มของตนเองด้วยความอยากรู้ว่า พวกนี้เล่นอะไรกันอยู่ นั่นแหละ ทั้ง 3 แฝดจึงเลิกไล่ตีกันได้


   “ ฉันว่านะ เดี๋ยวก็รู้แล้ว บางทีมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ก็ได้ ฉันอาจจะคิดมากไปเอง ”


   มารินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพื่อนร่วมห้องของตนเองหยุดฟัง และยืนหอบ อยู่ข้างๆ




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@






มาต่อบทที่ 7 ขอรับ แล้วว่าหลายตอนที่ผ่านจะค่อนข้างเงียบ  :sad4:

แต่ข้าเจ้าก็ไม่หวั่น เราจะลงต่อไป o22

ขอบคุณทุกการเข้าชมขอรับ :pig4:





หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-11-2012 18:08:32




ตอนที่ 8








   จวนจะถึงเวลานัด แต่ปี 1 ทุกคนก็มาพร้อมกันก่อนที่จะถึงเวลาเสียอีก เพราะจากการปลูกฝังของรุ่นพี่ ทำให้น้องปี 1ทุกคน มาก่อนเวลานัดและจัดแถวรอก่อนเสมอ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรุ่นพี่ที่มาก่อน เพราะอย่างไรแล้ว ก็ยังมีรุ่นพี่ที่บางส่วน มานั่งรออยู่แล้วเช่นกัน


   “ น้องๆครับ วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว กับกิจกรรมซ้อมเชียร์ของเราพี่ก็ขอให้น้องๆทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ดีกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา น้องจะทำได้มั้ยครับ ”


   “ ได้ค่ะ/ครับ ”


   พี่สตาฟคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องปี 1 มากันครบแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาที่นัดเอาไว้


   “ รับปากพี่กันแล้วนะ เพราะฉะนั้นวันนี้พี่ขอแบบสุดๆ ใครมีอะไร เท่าไหร่ เอาออกมาให้หมดนะ ถือว่าเป็นการส่งท้ายแล้วกัน ”


   จากคำขอของรุ่นพี่ทุกคนก็พยายามทำกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่วายที่จะร้องผิด ร้องไม่ได้อยู่บ้าง อาจจะเป็นด้วยความตื่นเต้น แต่ทุกคนก็ทำอย่างเต็มที่


   ซึ่งในช่วงแรก ก่อนพักดื่มน้ำครั้งแรก ทุกคนก็ยังสดใส ไม่กดดันเท่าใดนัก เพราะยังมีการรีแล็กซ์อยู่เป็นระยะ แต่หลังจากดื่มน้ำ พักเสียงไปแล้ว ลางร้ายก็เริ่มมาเยือน เมื่อพี่สตาฟปี 2 มีข่าวดีมาแจ้งกับทุกคน


   “ น้องๆครับ เดี๋ยวต่อจากนี้ พี่สตาฟปี 3 จะขอทดสอบความสามารถของน้องๆ ขอให้น้องทำให้เต็มที่นะครับ ”


   สิ้นเสียงของพี่สตาฟ ก็เหมือนกับสวรรค์กลั่นแกล้ง เพราะน้องปี 1 เคยเจอกับรุ่นพี่ปี 3 มาบ้างแล้ว ในช่วงกลางๆของกิจกรรมนี้ จากการขอแจมเล็กน้อยเท่านั้น


   แม้ว่าครั้งนั้น จะจบลงด้วยเสียงหัวเราะ แต่ก่อนหน้านั้น ก็แลกมาด้วยคราบน้ำตา หยาดเหงื่อของใครหลายคน แต่ในครั้งนี้ขอทดสอบ หากไม่คางเหลือง ก็ได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มกันบ้างล่ะ


   มารินคิดในใจ ก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนร่วมห้อง ที่เหมือนจะนัดกันไว้ว่าจะต้องหันมายิ้มแบบฝืดให้กัน ด้วยสีหน้าที่พอจะตีความหมายได้ว่า ‘ เอาแล้วไง ’ ก็จะเรื่องอะไรเสียอีก ก็ลางสังหรณ์ของเขามันเริ่มสำแดงผลแล้วอย่างนี้จะไม่ขำให้กับตัวเองได้อย่างไร


   มันคงเป็นจริงอย่างที่เซาธว่า ว่าเขาไม่รู้สึกสังหรณ์เลยจะดีเสียกว่า เพราะสังหรณ์ทีไร ได้เหนื่อยทุกที


   “ เอ้าๆ ไม่ต้องหน้าเหมือนโลกจะแตกขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ใช่ดาวหาง ที่จะชนโลก เพราะฉะนั้นวันนี้ยังไม่ใช่วันโลกแตกหรอกน่า ”


   แม้จะเป็นคำพูดติดตลก แต่ก็ไม่ทำให้น้องปี 1 ขำได้แต่อย่างไร เพราะแต่ละคนยังจำประสบการณ์ในแต่ละครั้งได้เป็นอย่างดี


   “ พวกเธอจะกังวลทำไม หากพวกเธอทำได้ดี ก็ไม่มีใครว่าอะไรได้หรอก แต่ถ้าไม่ได้ นี่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ”


   พี่สตาฟปี 3 ว่า จากคำกล่าวเมื่อครู่ น้องๆคงจะยิ้มออกมาแล้ว หากไม่มีคำว่าแต่ ตามหลังมาอีกคำ


   “ เอาล่ะ พักกันมาพอสมควรแล้วพี่ขอเข้าเรื่องแล้วกันนะ ”


   พี่คนเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้น้องๆนั่งทำใจสักครู่ และจากคำกล่าวเหมือนจะเป็นสัญญาณที่บอกว่า ให้ทุกคนนั่งตามระเบียบเชียร์ นั่นคือนั่งขัดสมาธิหลังตรง มือวางไว้ที่หน้าขา และจัดแถวให้เรียบร้อย


   “ ดีนิ รู้งานกันดี สตาฟปี 2 สอนมาใช้ได้ ”


   พี่สตาฟปี 3 อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องปี 1 จัดแถวเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องรอให้สั่งจัดแถว


   “ พี่ขอไม่มาก ถ้าเพลงไหนร้องได้ ร้องดี เสียงดัง รอบเดียว พี่ให้ผ่าน แต่ถ้าไม่ดี พี่ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ”


   เหมือนกับว่าคำพูดเมื่อครู่ จะเป็นการให้กำลังใจ แต่มันก็คล้ายกับว่า เป็นการขู่แบบกลายๆ เพราะหากว่าทำไม่ได้อย่างที่พี่ต้องการ ก็คงต้องเหนื่อยอีกหลายยกเป็นแน่ แต่ใครจะบอกได้ว่า แค่ไหนที่รุ่นพี่ต้องการ


   “ อ้อ!!! พี่ลืมบอกไปอีกหน่อยว่า เพื่อเป็นการยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย คนที่จะมาตัดสินว่า น้องทำได้ดีหรือยังนั้น ไม่ใช่พวกพี่ แล้วก็ไม่ใช่สตาฟปี 2 แต่เป็นพี่ปี 4 ที่ฟังอยู่ ”


   มันคงเป็นการดีอย่างที่พี่ปี 3 บอก แต่ในความคิดของน้องปี 1 แล้ว มันยิ่งกว่าเดิมเสียอีกจากคำพูดเมื่อครู่ ทำให้น้องปี 1 อดที่จะหันไปมองบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงอย่างช่วยไม่ได้


   และการหันไปมองในครั้งนี้ ทำให้มารินเห็นคนที่ไม่ได้เจอมานานกว่าเดือน เขายืนอยู่ในหมู่ของปี 4 ด้วยกัน แต่ด้วยบุคลิกที่โดดเด่น จึงทำให้สังเกตได้ไม่ยาก


   น่าแปลกที่ปากก็บอกว่าไม่ชอบเขา แต่วูบแรกที่เห็นเขายืนอยู่มารินก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด ซึ่งตนเองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าทำไมต้องดีใจ หากจะบอกเรื่องนี้ให้เพื่อนร่วมห้องรู้มีหวังโดนล้อไม่เลิกแน่ๆ ตอนนี้จึงทำได้เพียงนั่งสงบสติให้มากที่สุด


   เพราะหากสมาธิแตกตอนนี้มีหวังได้ตายยกชั้นปีเป็นแน่ เพราะทุกครั้งไม่ว่าใครจะทำผิดก็ตาม ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นตามกฎที่ทุกคนรับปากไว้แต่แรกแล้ว และมารินก็ไม่อยากเป็นตัวเฮง ที่นำความซวยมาเสิร์ฟให้กับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ทำดีแล้ว


   “ แต่น้องๆไม่ต้องกลัว พี่ปี 4 เขาไม่ใช่มือระเบิดพลีชีพ ที่เห็นแล้วต้องวิ่งหนี หรือว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ถ้าน้องทำดี พยายามเต็มที่แล้วพี่เขาคงไม่ว่าอะไรหรอก... มั้ง ”


   คำพูดเมื่อครู่ คงจะดีกว่านี้ หากไม่มีคำว่า ‘ มั้ง ’ เข้ามาร่วมแจมด้วยอีกคำ


   “ ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นหรอก พี่ก็แค่อยากจะฟัง ว่าน้องๆร้องเพลงกันได้เพราะแค่ไหน... ใช่มั้ยท่านประธาน ”


   พี่ปี 4 คน 1 เอ่ยขึ้น พร้อมกับหันไปทางที่เจ้าของชื่อยืนอยู่ และจากชื่อเมื่อครู่ ทำให้หลายคนมองหาตัวเจ้าของชื่อมากขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเรียกยืนอยู่ในกลุ่มของพวกพี่ๆปี 4 หลายคนก็ยิ้มออกมา เพราะเดือนกว่ามาแล้วที่ไม่ได้พบเจอพี่ปี 4 คนนี้ และแม้ว่าจะได้รู้จักในระยะเวลาสั้น แต่พี่ประธานนักศึกษาคนนี้ ก็ทำให้น้องๆปี 1 ชื่นชมในความเป็นกันเอง และความร่าเริงอยู่ไม่น้อย น้องๆหลายคนอยากจะฝากความหวังไว้ที่พี่คนนี้ เพราะด้วยตำแหน่งแล้วคงจะช่วยน้องๆได้ไม่น้อย


   หากในวันนี้ ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ หาได้มีรอยยิ้มเช่นเดิม มีเพียงความเฉยชา ใบหน้าคมสันยืนนิ่งๆ ไม่ได้ปั้นหน้าบูด แต่ก็ไม่ได้ยิ้ม แต่กระนั้นแล้วก็ยังน่ามอง มีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง


   “ พี่ไม่รู้หรอกว่า ที่ผ่านมาน้องทำได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าวันนี้ น้องๆทำไม่ได้ตามมาตรฐานที่เราวางเอาไว้ สิ่งที่น้องทำมาทั้งหมดถือเป็นโมฆะ เรื่องงานวันรับน้องที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากเสร็จกิจกรรมนี้ก็คงต้องยกเลิก พี่ไม่รู้หรอกนะว่า.... อะไรคือสิ่งที่น้องๆต้องการ พี่ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่กำลังทำให้น้องๆอยู่ในตอนนี้ น้องจะต้องการมันหรือเปล่า พี่ไม่รู้ว่าน้องต้องการอะไร ต้องการเป็นแค่คนที่บังเอิญรู้จักกัน เพราะเรียนอยู่ที่เดียวกัน หรือว่าต้องการเป็นน้องของพวกพี่กันแน่ ”


   คำกล่าวเรียบๆ ไม่มีแววโกรธเคือง เหมือนกับฝ่ายวินัยใช้ แต่การพูดเช่นนี้ กลับให้ความรู้สึกที่เสียดแทงจิตใจคนฟังมากกว่า ทั้งโดมเงียบกริบ แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายยืนอยู่เต็มจนแทบจะล้นออกมา มีเพียงเสียงลมพัดผ่านเท่านั้น น้ำเสียง กิริยา อาการ ของประธานนักศึกษาชั้นปี 4 คล้ายจะสะกดให้ทุกคนต้องนิ่งฟัง


   คำพูดในครั้งนี้ของประธานนักศึกษา คล้ายจะเป็นการตัดความหวังที่น้องๆฝากเอาไว้อย่างสิ้นเชิง แต่คนที่เหมือนจะได้รับผลจากการกระทำในครั้งนี้ กลับกลายเป็นคนที่บอกว่าไม่ใส่ใจคนพูด


   มารินรู้สึกใจหายแปลกๆ อย่างไม่เคยเป็น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมตัวเองต้องรู้สึกน้อยใจกลับคำพูดเมื่อครู่เสียมากมาย ทั้งที่บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าคนพูด แต่ทำไมมาครั้งนี้ต้องน้อยใจกับคำพูดของคนที่บอกว่าไม่ชอบด้วยก็ไม่รู้ คำพูดที่เหมือนจะตัดเยื่อไยของเขา มันสะเทือนใจเด็กหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก


   “ พี่ไม่รู้ว่าน้องๆต้องการให้พวกพี่เรียกน้องว่าอะไร เรียกน้องว่า ‘ น้อง ’  หรือว่า ‘ คุณ ’ จะตอบพี่ได้มั้ย ”


   “ น้องครับ/ค่ะ ”


   อีกครั้งที่ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน เพราะหากอยู่ในที่แห่งนี้ อยู่ด้วยกัน แต่เห็นกันและกันเป็นคนอื่น ก็คงอยู่ด้วยกันด้วยความลำบากใจไม่น้อย


   “ ถ้าเช่นนั้น พี่อยากจะขอให้น้องๆทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มความสามารถ จะได้มั้ย ”


   “ ได้ค่ะ/ครับ ”


   อีกหนึ่งคำถามจากประธานนักศึกษา น้ำเสียงราบเรียบนั้น กลับบาดใจน้องๆได้เป็นอย่างดี แต่ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน


   “ รับปากพี่กันแล้วนะ พี่หวังว่า น้องๆคงไม่ทำให้พวกพี่ผิดหวังหรอกนะ”


   ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย แล้วจึงเดินกลับไปยังกลุ่มที่เดินออกมาเมื่อครู่ เพื่อปล่อยให้ด้านหน้าเป็นหน้าที่ของสตาฟเชียร์ต่อไป


   “ พี่หวังว่า รอบเดียวผ่านนะ เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว คงไม่มีใครที่จำเนื้อเพลงไม่ได้นะ ”


   แล้วการซ้อมเชียร์รอบสุดท้าย ตามคำสั่งของรุ่นพี่ก็เริ่มต้นขึ้น แต่ในครั้งนี้นั้นมันเต็มไปด้วยความกดดัน กดดันมากมากทุกๆครั้ง เพราะจากคำพูดเมื่อครู่ของท่านประธานนักศึกษานั้น เป็นการข่มขวัญ และตัดสมาธิของรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี


   แต่ทุกคนก็พยายามกันอย่างเต็มที่ แต่ความรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ จากการที่มีคนยืนเพ่งเล็งก็มีผลกระทบต่อจิตใจไม่น้อย


   รวมถึงการกดดันจากเสียงของพี่วินัยด้านหลัง ที่คอยจับผิด สั่งให้หยุดกลางคัน รวมถึงโห่เล็กๆ เวลาร้องผิดนั้น ก็ทำให้สมาธิของน้องๆหลุดไปมากกว่าเดิม


   จากที่สามารถร้องได้ แต่เมื่อโดนสั่งหยุดกลางคันบ่อยๆเข้าแทนที่จะดีขึ้น ก็ยิ่งเละเทะกว่าเดิมสุดท้าย น้ำเสียงแบบทนไม่ได้ ของใครบางคนก็ตะโกนขึ้นมากะทันหัน แบบไม่ทันตั้งตัว


   “ พวกเธอทำอะไรกัน ให้ร้องเพลงแค่นี้ ยังทำไม่ได้ แล้วพวกเธอจะไปทำอะไรกิน ”


   น้ำเสียงเกี้ยวกราดของพี่ผู้หญิงปี 4 คนหนึ่ง ที่เด็กหนุ่มเคยรายงานตัวไปแล้ว แต่ก็จำไม่ค่อยได้  ซึ่งเมื่อพี่คนดังกล่าวเอ่ยขึ้น ทุกคนก็ก้มหน้าอย่างไม่ต้องให้ใครสั่งเพราะพี่ปี 2 เคยบอกเอาไว้แล้วว่า ห้ามมองหน้าพวกพี่วินัย


   น้องๆที่จะจำพี่วินัยได้เวลาเจอกันที่อื่น ก็คงเป็นเพราะจำรองเท้าที่พี่คนนั้นๆใส่ เพราะตลอดช่วงรับน้องนั้น เป็นกฎรุ่นที่ตกลงกันไว้ ว่าห้ามมองหน้าพี่


   “ ไม่ต้องร้องแล้ว แค่นี้ก็ทำไม่ได้ ร้องก็ผิด งานอะไรต่อจากนี้ก็ไม่ต้องมีกัน เวลาร้องเพลง ไม่มีเสียงจะร้องกัน แต่เวลานินทารุ่นพี่ เสียงดีกันนัก ทำไมไม่ร้องให้เสียงดังเหมือนเวลาที่นั่งนินทารุ่นพี่ล่ะ หรือว่ามันไม่สนุกเหมือนกัน หรือจะเก็บเสียงไว้นินทาพวกฉัน ”


   พี่คนเดิมว่า ซึ่งมารินเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เพราะเมื่อครู่ ก่อนที่จะถูกสั่งให้หยุดนั้น เจ้าตัวสมาธิหลุด เพราะหันไปมองหน้าชายหนุ่ม ผลก็คือตนเองปรบมือผิดจังหวะ


   ในใจมารินก็อยากจะโทษเขา เพราะเวลาที่เขาไม่มายืนดูอยู่เช่นนี้ตนเองจะมีสมาธิเสมอ แม้ว่าจะโดนว่ายังไง แต่เมื่อเขามายืนดูอยู่ใจเจ้ากรรมมันสั่นแปลกๆ รู้สึกประหม่าอย่างไม่เคยเป็น ทั้งที่ก่อนนี้มารินทำตามที่รุ่นพี่ได้ แต่เมื่อเขามากลับทำอะไรไม่ถูก ทำผิดตลอด


   แต่มารินก็ไม่อยากโทษใคร เพราะนั่นมันเป็นเหมือนที่คนทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด แต่กลับโยนไปให้คนอื่น ว่าเป็นเพราะคนอื่นถึงทำให้ตัวเองผิดพลาดไป


   “ ถ้าไม่อยากอยู่ ไม่อยากทำ ก็กลับบ้านไปนอนไป อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำ พวกฉันไม่ชอบ ”


   “ พอเถอะ!!! ถ้าพวก.... ”


   เขาเข้ามาขัดจังหวะของพี่ผู้หญิง ที่ตอนนี้ยืนโกรธหัวฟัด หัวเหวี่ยงอยู่ ก่อนจะนิ่งไปเหมือนคนกำลังคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อ หรือยังหาคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้


   “ ผมเคยบอกพวกคุณไว้แต่แรกแล้วใช่มั้ยว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกคุณทุกคน ซึ่งก่อนหน้านี้ พวกคุณทุกคนก็รับปากผมแล้วว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างสุดความสามารถ แต่เท่าที่ผมและเพื่อนของผมเห็นอยู่นั้น มันไม่ใช่ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณรับปากกับผมไว้เลยแม้แต่น้อย พวกผมเสียใจกับสิ่งที่พวกคุณทำในวันนี้ หากพวกคุณคิดว่าทำไม่ได้ พวกคุณจะรับปากทำไม ”


   คำสรรพนามที่เขาใช้ในครั้งนี้ มันช่างบาดใจน้องปี 1 ยิ่งนัก จากรุ่นพี่ที่สุภาพ ร่าเริง เป็นกันเองเปลี่ยนมาใช้คำพูดเฉยชา เหินห่าง ท่าทีเย็นชา ยิ่งเห็น ยิ่งบาดใจ หากเป็นพี่คนอื่นพูด คงไม่ทำให้น้องรู้สึกผิดขนาดนี้ หรือหากเขาจะว่ากล่าวยังจะดีเสียกว่าการใช้ท่าทีเช่นนี้ มาถึงตอนนี้เพื่อนผู้หญิงหลายคนเริ่มจะร้องไห้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเมื่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังกับทุกคน หลายคนก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่ได้


   “ พวกเธอร้องไห้เหรอ จะร้องกันทำไม ยังไม่มีใครว่าอะไรซักคำ ไม่สิ ต้องพูดว่า คงจะไม่มีใครว่าเธออีกแล้ว ”


   พี่ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าหลายคนเริ่มร้องไห้ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้น้องปี 1 ร้องไห้หนักเข้าไปอีก


   “ คุณจะร้องกันทำไม ร้องให้ใครๆเห็นว่าพวกผมกำลังแกล้งพวกคุณเหรอ ก็ดีพวกผมจะได้กลับ ผมไม่ได้มีเวลามากมายอย่างคุณหรอกนะ หรือพวกคุณคิดว่า กิจกรรมของพวกคุณมันมากเกินไป ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ปี 2 - 3 ดูไว้ น้องเค้าไม่อยากทำกิจกรรมแล้ว ไอ้ที่พวกคุณเหนื่อยเตรียมงานมาน่ะ ไม่ต้องแล้ว ยกเลิกไปเลย ไม่ต้องจัดกันแล้ว แล้วก็ขอให้รู้เอาไว้ว่า พวกผมปี 4 ไม่มีน้องใหม่ในปีนี้ เพราะน้องที่นี่ไม่ใช่แบบนี้ ”


   ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า รุ่นพี่ที่แสนดีเมื่อตอนต้น แต่ในวันนี้กลับไม่เหลือภาพลักษณ์เดิมแม้แต่น้อย ภาพของรุ่นพี่ที่น่ารัก ใจดีในวันนั้น ภาพที่น้องๆสร้างขึ้นมาเมื่อตอนพบกัน ในวันนี้โดนเจ้าตัวทำลายมัน จนไม่เหลือชิ้นดี


   เมื่อพูดจบ คนพูดและกลุ่มของปี 4 ทั้งหมดก็กำลังจะเดินออกจากโดม แต่มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาเสียก่อน


   “ เดี๋ยวก่อนครับพี่ ”


   เสียงของใครบางคนดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบ และเสียงสะอื้นเด็กปี 1 เสียงนั้นทำให้ผู้เป็นประธานหยุด และหันกลับมามอง ว่าใครเป็นต้นเสียงในครั้งนี้ รุ่นพี่ปี 2 คนหนึ่งที่น้องปีหนึ่งรู้จักดี ก้าวออกมากลางกลุ่มของเพื่อน และเมื่อปี 4 หยุดฟังเขาจึงพูดต่อ


   “ พวกผมขอโอกาสให้น้องเขาแก้ตัวอีกครั้งครับ ”


   เป็นชอนั่นเองที่เอ่ยขอกลับพี่ปี 4 น้องปี 1 ยินดีเป็นอย่างมากที่มีพี่ช่วยพูดให้อีกครั้ง และในครั้งนี้พวกเขาจะทำให้ให้ดีกว่าเดิม


   “ พี่ว่าพี่ๆเขาให้โอกาสเด็กกลุ่มนี้มาหลายรอบแล้วนะ แต่พี่ก็ไม่เห็นว่าอะไรมันจะดีขึ้นเลย ”


   โอเชี่ยนตอบ และสิ่งที่ออกมาจากปากประธานปี 4 นั้นก็ดับความหวังของเด็กปี 1 ได้เป็นอย่างดี จากที่คิดว่าน่าจะมีโอกาส แต่ต้อนนี้กลับไม่เหลือเลย


   “ แต่พี่ครับ น้องเขาทำกันเต็มที่แล้ว หากว่ามีอะไรที่น้องเขาทำพลาดไปผมก็ขอรับผิดชอบแทนครับ เพราะผมเป็นคนที่สอน ถ้าน้องเขาทำไม่ได้ นั่นก็แสดงว่าผมและเพื่อนๆยังทำหน้าที่ได้ไม่ดี ”





ต่อด้านล่าง









หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-11-2012 18:11:16




ตอนที่ 8 (ต่อ)



   เสียงของคนๆนั้นไม่ได้ดังเกินไป แต่มันกลับดังอยู่ในใจของน้องปี 1 เมื่อมีพี่ออกรับแทน ทั้งๆที่พี่นั้นสอนให้อย่างเต็มที่แล้ว และคนที่ทำพลาดก็คือเด็กปี 1 เอง


   “ รับผิดชอบแทนเหรอ พวกเธอยังจะรับเด็กกลุ่มนี้เป็นน้องอีกเหรอ ”


   “ ครับ/ค่ะ ”


   สาวปี 4 คนหนึ่งพูดขึ้น และปี 2 ก็ตอบกลับไปโดยทันใด


   “ แต่พวกเราไม่รับ ”


   น้ำเสียงนั้นเสียดแทงความรู้สึกของเด็กปี 1 ทุกคนเป็นอย่างดี


   “ น้องปี 2 ครับ น้องจะไปรับผิดชอบแทนทำไมครับ ”


   “ เพราะน้องเขาคือน้องครับ ”


   พี่ปี 2 ตอบทันที่ที่พี่ปีคนหนึ่งว่าจบ แต่ก็มีเสียงอีกเสียงตามมา


   “ แต่พวกพี่ไม่รับ แล้วนั่นพวกปีสองจะทำอะไร ”


   คำพูดที่ได้ยินแต่ก็ไม่มีเด็กปี 1 คนใดกล้าเงยหน้าขึ้นมอง แต่สิ่งที่รับรู้ได้ก็คือ ปี 4 เริ่มโกรธปี 2 เมื่อปี 2ยืนยันจะรับผิดชอบแทนเด็กใหม่ให้ได้


   เสียงขยับร่างกาย และเสียงนับเลขดังขึ้นรอบตัว นั่นแสดงว่าปี 2 รับผิดชอบแทนน้องปี 1 แต่ก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองอยู่ดี เสียงร้องไห้ของเพื่อนผู้หญิงยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม


   “ ปี 2 ฉันยังให้หยุด พวกเธอทำอะไรกัน ไม่มีใครสั่งใครเธอทำนะ ”



   แม้ว่าจะมีเสียงบอกให้หยุด แต่ปี 2 ก็ยังรับผิดชอบแทนน้องปีหนึ่งต่อ ไม่ยอมหยุดตามที่ปี 4 สั่งแต่อย่างใด


   “ พวกเธออยากถูกตัดออกจากรุ่นเหมือนเด็กพวกนั้นใช่ไหม ฉันบอกให้หยุด ”


    “ ปี 2 ถ้าไม่หยุดผมตัดคุณออกจากรุ่น ”


   น้ำเสียงเรียบๆของบุคคลที่ทุกคนจำได้ดีเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ปล่อยให้เพื่อนคนอื่นทำหน้าที่แทน แต่จะดีกว่าถ้าไม่มีเสียงนั้นเลย


   แม้จะมีคำสั่งจากประธานปี 4 ออกมาแล้ว แต่ปี 2 ก็ยังไม่หยุดตามที่สั่ง นั่นก็แสดงว่า ปี 2 ยอมถูกตัดออกจากรุ่นเพื่อน้องปี 1


   “ พี่ครับ ปี 3 ขอรับผิดชอบแทนน้องปี 2 ครับ ”

   เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งเขาคนนั้นก็น่าจะอยู่ปี 3 เพราะเจ้าตัวพูดว่าจะรับผิดชอบแทนปี 2 และเมื่อสิ้นเสียงของปี 3 คนดังกล่าว เสียงนับเลขของกลุ่มปี 3 จึงดังขึ้นแทรกมากับของปี 2เดิม


   “ ดี รักกันดี พวกคุณอยากเป็นพี่ แต่ไม่อยากเป็นน้องของปี 4 พวกปี 1 ดูกันเอาไว้ ปี 2 ปี 3เขารักพวกคุณจนยอมที่จะถูกตัดออกจากรุ่น แทนพวกคุณที่นั่งเฉยไม่ยอมทำอะไรเลย นี่น่ะหรือคนที่บอกว่าอยากจะเป็นน้องของพวกผม ”


   ประธานนักศึกษาว่าขึ้นเมื่อทั้งปี 2 และ ปี 3 ออกรับแทนกันหมด เมื่อสิ้นเสียงของประธานปี 4 ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ลุกขึ้นคนแรก และเมื่อคนแรก คนต่อๆไปก็ลุกขึ้นตาม เสียงนับเลขที่ปนไปกลับเสียงสะอื้นของเด็กสาวปี 1 หลายคนก็ดังขึ้นตาม


   เวลาผ่านไปสักพัก ไฟทั้งโดมก็ดับพรึ่บลงอย่างกะทันหัน เรียกเสียงร้องตกใจได้จากเด็กสาวหลายคน แต่ทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งมีเสียงของประธานปี 4 ดังขึ้นอีกครั้ง


   “ ทุกคนหยุด ไปนั่งรวมกันกลางโดม ปี 2 ปี 3 ล้อมอยู่รอบๆ ”


   เสียงสั่งการดังขึ้นท่ามกลางเสียงของรุ่นน้องทั้ง 3 ชั้นปี และในครั้งนี้น้องๆก็ทำตามอย่างไม่ชักช้า เพราะเมื่อพี่ปีสูงกว่าหยุด น้องก็หยุดด้วย


   “ ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย พวกคุณยังอยากเป็นรุ่นน้องของพี่ปี 4 อยู่ไหม ”


   ประธานปี 4 เอ่ยถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ และความมืด ไฟในโดมยังคงดับสนิท และไม่มีปี 1 คนใดกล้าพอที่จะเงยหน้าถามหาความสว่าง ทุกคนยังคงก้มหน้าตามกฎทุกอย่าง


   “ อยากครับ/ค่ะ ”


   เสียงเด็กปี 1 ตอบขึ้นอยากพร้อมเพียงกัน แต่ก็ไม่ใช่เสียงที่ดังมากนัก เพราะทุกคนส่งเสียงเบาๆเท่านั้น


   “ เสียงมีแค่นี้เหรอ เสียงผมคนเดียวยังดังกว่าพวกคุณทั้งรุ่นเสียอีก ”


   เสียงตะโกนของประธานปี 4 ทำเอาเด็กปี 1 สะดุ้งเฮือก เพราะไม่เพียงแต่เสียงที่ดังเท่านั้น ในน้ำเสียงที่ดังกังวานนั้นยังคล้ายจะแฝงมาด้วยพลังบางอย่าง


   “ อยากครับ/ค่ะ ”


   ที่นี้เสียงที่ทุกคนเปล่งออกมานั้นดังแบบสุดเสียงกันเลยทีเดียว มันไม่ใช่เสียงตะโกน แต่มันเป็นเสียงที่ส่งออกมาอย่างเต็มที่ต่างหาก


   “ ดี ต่อจากนี้เราจะมีดูกันกว่าพวกคุณจะทำได้อย่างปากว่าหรือเปล่า และผมจะพุดเป็นครั้งสุดท้าย ใครรับกับระบบของที่นี่ไม่ได้ออกเดินออกมา ผมจะไม่ว่าพวกคุณเลย ”


   แม้ว่าจะมีคำถาม คำถามนั้น แต่ก็ไม่มีเพื่อนคนใดในปี 1 ลุกออกไป ทุกคนยังคงนั่งกันอยู่ที่เดิม และเมื่อต้องนั่งชิดกันจนแทบไม่เหลือช่องว่าง อากาศก็เหลือน้อยเต็มที แถมยังโดนพวกพี่ที่ยืนปิดทางระบายอากาศ ยิ่งอึดอัดเข้าไปอีก ท้ายสุดรุ่นพี่ ซึ่งน่าจะเป็นปี 4 ก็เรียกชื่อของคนที่พี่แกบอกว่าทำผิดออกมาด้านนอก


   ซึ่งความผิดในครั้งนี้ แม้ความผิดตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา หรือแม้ว่าจะมีการชำระโทษกันไปแล้วก็ตาม ก็ยังถูกพี่ท่านขุดขึ้นมาว่า ชื่อของแต่ละคนที่ถูกเรียกออกมานั้น ทำเอาเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในแถวใจหาย ใจคว่ำไปตามๆกัน


   แต่ชื่อที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องช็อคสุดๆ นั่นก็คือ.....


   “ น้องริน วิท - เล ”


   ชื่อของเขานั่นเอง แต่เด็กหนุ่มมั่นใจว่า ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นตนเองปฏิบัติตัวตามที่รุ่นพี่บอกเอาไว้ทุกอย่าง ไม่เคยแหกกฎเลย แต่ที่มีชื่อตนเองในครั้งนี้นั้น คงเป็นเพราะเรื่องที่ร้องเพลงเชียร์ผิดเมื่อตอนก่อนหน้านี้เป็นแน่


   “ พวกคุณรู้มั้ยว่า เพื่อนของพวกคุณทำอะไรผิด ”


   เสียงหลายเสียงเงียบลง และเสียงเมื่อครู่ที่กล่าวออกไปนั้น เด็กหนุ่มจำได้ทันทีว่า ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน


   ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเช่นกัน ทำไมตนเองจำหลายๆอย่างเกี่ยวกับตัวเขาได้ ทั้งที่ไม่ได้ชอบขี้หน้ามากนัก หรืออาจเป็นเพราะน้ำเสียงของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใคร ก็เลยทำให้จำได้


   “ เพื่อนของพวกคุณทำผิด พวกคุณจะว่าอย่างไร ”


   เขายังคงถามต่อไป ด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เขาไม่ได้ตะโกนเหมือนอย่างคนอื่น แต่เสียงเขาก็กังวาน และได้ยินไปทั่ว ยิ่งทุกคนเงียบสนิทเช่นนี้ ยิ่งได้ยินชัด


   “ รับผิดชอบร่วมกันครับ/ค่ะ ”

   เสียงที่ประสานขึ้นมา จากกลุ่มของเพื่อนปี 1 ด้วยกัน ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน โดยไม่ต้องนัดกัน


   “ แน่ใจนะ ว่าจะทำได้อย่างที่พูด ”


   “ ครับ/ค่ะ ”


   เสียงของใครอีกคนถามขึ้น แต่ปี 1 ทุกคนก็ยังยืนยันเป็นเสียงเดียว


   “ ก็ดี ผมไม่ขอมากหรอก แค่เบาะๆแล้วกัน แค่จนกว่าปี 4 จะพอใจ จะทำได้มั้ย ”


   “ ได้ครับ/ ค่ะ ”


   เสียงของรุ่นพี่ถามต่อ แต่ปี 1 ก็ยังยืนยันคำตอบเช่นเดิม และกำลังจะลุกขึ้น เพื่อทำกิจกรรมเรียกเหงื่อ แต่มีบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปเสียก่อน


   แสงสว่างสลัวๆ ก่อนจะค่อยชัดขึ้น คล้ายดวงไฟดวงเล็กๆ เคลื่อนที่เข้ามาด้านหน้าของทุกคนเสียงเพลงวันเกิดดังกระหึ่มขึ้น จากคนร้องที่ยืนล้อมน้องๆ


   เมื่อเสียงเพลงจบลง ก็มีเสียงบอกให้ปี 1 ที่ถูกเรียกออกนั้นเป่าเทียนตามมา ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน เมื่อเสียงจากเทียนดับลงแสงไฟจากหลอดไฟนีออนก็สว่างขึ้นทั้งโดม ทำให้ทุกคนเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น


   “ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ น้องๆที่เกิดในเดือนนี้ทุกคนครับ ”


   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อทุกคนเห็นภาพที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งในตอนนี้ เขากำลังถือเค้กก้อนโตอยู่ในมือ


   “ เซอร์ไพส์เล็กๆจากพี่ๆทุกคนครับ เอ้า!!! ขยายแถวได้แล้ว เดี๋ยวก็หายใจไม่ออก ขาดอากาศกันพอดี ”


   เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี ไม่เหลือท่าทีแสนจะเย็นชาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ทำให้รู้สึกได้ว่า พี่ประธานคนน่ารัก คนเดิม ที่น้องๆรู้จัก กลับมาแล้ว


   “ อ้าว!!! ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ”


   เขาถาม เมื่อเห็นว่าน้องๆทำหน้างงๆ กลับสิ่งที่เพิ่งผ่านไปไม่หาย


   “ วันนี้ น้องๆทำได้ดีมากนะ พี่ขอชม ส่วนเรื่องเมื่อครู่นี้ พี่ต้องขอโทษแทนทุกคน ที่ทำให้ตกใจ สำหรับวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นการเซอร์ไพส์จากพวกพี่เอง พี่อยากจะเซอร์ไพส์ให้กับน้องๆที่เกิดในเดือนนี้ ซึ่งน้องๆที่พี่กำลังพูดถึงนั้นก็คือ น้องกลุ่มนี้ กลุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าทุกคนในตอนนี้ เพื่อนของน้องกลุ่มนี้ ไม่ได้ทำผิดอะไรอย่างที่พี่ว่า แต่เพื่อเป็นการเซอร์ไพส์อย่างที่พี่บอกไปแล้ว พวกพี่และพี่ปี 2 - 3 ทุกคน จึงจัดให้มีเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ”


   เขาอธิบายยาว ทำให้หลายคนเข้าใจเหตุการณ์เมื่อครู่ดีขึ้น ส่วนคนที่ถูกเรียกออกมานั้น ไม่ต้องพูดถึงว่ารู้สึกอย่างไรเพราะมีคนกำลังร้องไห้อยู่ด้วยซ้ำ


   “ อ้าว... ร้องไห้ขี้มูกโป่งกันหมดแล้ว ขี้แงกันจริงๆ ”


   เขาว่า พลางเข้ามาปลอบน้องๆที่กำลังยืนร้องอยู่ อย่างเป็นกันเองแถมช่วยเช็ดน้ำตาให้อีกด้วย


   “ พี่ว่าเราช่วยกันแบ่งเค้กกันดีกว่า เพื่อนๆจะได้ชิมด้วย ดีมั้ย ”


   เขาว่า ก่อนจะรับมีดจากปี 2 คนหนึ่ง ที่ส่งมาให้ก่อนจะส่งต่อให้กับน้องๆ ที่ยืนอยู่ ส่วนตัวเองก็กำลังถอยหลังออกจากกลุ่มน้องๆ แต่เขาก็เหลือบมองใครคนหนึ่งในกลุ่มเด็กที่เกิดเดือนนี้อีกครั้ง


   เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่เขารู้สึกประทับใจในรอยยิ้มตั้งแต่แรกเห็น รอยยิ้มของเด็กหนุ่มในวันนั้น ทำให้เขาเดินมาทักทายน้องๆ ด้วยอยากเห็นให้ใกล้ขึ้น


   มาในวันนี้ แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้มีรอยยิ้มเช่นเดิม แม้ว่าวันนี้เจ้าตัวจะกำลังทำหน้าเหมือนคนที่จวนเจียนจะร้องไห้ เพราะคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ หากเลือกได้ เขาก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของน้องๆ โดยเฉพาะเด็กคนนี้  แต่เมื่อมันเลือกไม่ได้ เพราะเขาต้องทำตามหน้าที่ ที่รับผิดชอบและเขาก็ไม่คิดว่ามันจะทำร้ายน้องๆขนาดนี้ เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ที่นี่ เขายังไม่เคยเห็นว่าน้องๆจะเสียใจกันได้ขนาดนี้ แม้จะรู้มาบ้างว่า น้องรุ่นนี้อ่อนไหวกว่ารุ่นที่ผ่านๆมา แต่ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ โดยเฉพาะเด็กตัวน้อยของเขาที่ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา หากว่าเขายังไม่ทันที่เดินออกไปตามความตั้งใจเดิม ก็มีเสียงเรียกที่เขาเองคุ้นเคยดีดังขึ้นเสียก่อน



   “ เดี๋ยวสิครับ!!! จะรีบไปไหน ”

   “ มีอะไรหรือเวฟ ”


   เวฟขัดขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้เขาต้องหันมาถามน้องห้อง ที่ขัดขึ้นมา


   “แหม... พี่โอครับ พี่ไม่คิดจะบอกน้องๆเขาเลยเหรอว่า.... ”


   “ วันนี้น่ะ เป็นวันคล้ายวันเกิดของพี่ด้วย ”


   เวฟพูดขึ้น ก่อนที่ชอน้องห้องอีกคนของเขาจะมาช่วยจนจบประโยคที่เพื่อนตัวเองค้างไว้


   “ น้องๆครับ พี่มีเรื่องจะบอก ”


   ชอทำท่าทีเหมือนคนมีลับลม คมใน ซึ่งเขาเห็นแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรกับอาการของน้องห้อง เขาแค่ส่ายหน้าน้อยอย่างขำๆ เพราะรู้จักน้องห้อง 2 คนนี้ดีพอสมควร


   “ วันนี้น่ะ เป็นวันคล้ายวันเกิดของพี่ประธานสุดเลิฟของพวกเราด้วย เรามาอวยพรให้พี่เขาพร้อมกันดีมั้ย ”


   “ ดีค่ะ/ครับ ”


   “ สุขสันต์วันเกิดครับ/ค่ะ ”


   ทุกคนร่วมกันอวยพรวันเกิดให้กับเขา ซึ่งเขายิ้มรับคำอวยพรนั้นด้วยความยินดี


   “ แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะครับ เพราะฉะนั้น เค้กก้อนนี้ น้องๆยินดีจะแบ่งให้พี่ประธานด้วยได้มั้ยครับ


   “ ได้ค่ะ/ครับ ”


   เวฟหันมาพูดกับเขา ก่อนที่จะหันมาถามน้องที่อยู่ในโดมกิจกรรมทุกคน ซึ่งทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ทุกคนช่วยกันตัดเค้กแบ้งให้กับเพื่อนๆทุกคนอย่างทั่วถึง ก่อนจะตามด้วยการป้ายเนยใส่กันเป็นที่สนุกสนาน


   สุดท้าย บ่อน้ำตาที่เด็กหนุ่มพยายามกลั้นเอาไว้เต็มที ก็ทำนบพังเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ขี้แงให้ใครเห็น แต่พอทุกอย่างกลับตาลปัตร จากเหตุการณ์ที่ตึงเครียด เปลี่ยนมาเป็นตื้นตันก็อดที่จะปล่อยโฮไม่ได้


   “ อ้าว!!! น้องริน เป็นอะไรไปครับ อยู่ๆก็ยืนเป่าปี่ซะอย่างนั้น ”


   เขาว่าอย่างติดตลก ก่อนจะเดินเข้ามาหาคนที่ตนเองรู้สึกดีด้วย ที่กำลังยืนเป่าปี่อย่างที่เขาว่าอยู่จริงๆ ทั้งๆที่ตอนที่เพื่อนเขาร้องกันตอนเศร้าๆ เด็กหนุ่มนั้นไม่ได้ร้อง แต่กลับมาร้องตอนที่ทุกคนกำลังสนุกเสียแทน


   “ ขี้แงจริง อย่าร้องเลย วันนี้เราต้องหัวเราะสิถึงจะถูก ”


   เขาปลอบ พลางลูบผมเบาๆ เหมือนอย่างพ่อแม่ของมารินทำเวลาเจ้าตัวร้องไห้ และการกระทำของเขา ก็ยิ่งทำให้มารินร้องหนักเข้าไปอีก เพราะทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงพ่อกับแม่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


   “ อ้าวไปกันใหญ่แล้ว วันนี้ไว้แค่นี้แล้วกัน ทุกคนก็เหนื่อยกันมาเยอะแล้ว อีกอย่างนี่ก็ดึกแล้ว กลับไปนอนพักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องรีบตื่นนะ ส่วนเรื่องประชุมครั้งต่อไป เดี๋ยวพี่จะแจ้งให้ทราบทีหลัง วันนี้พอแค่นี้ครับ อ้อ!!! ไม่ต้องลงโดมแล้วกันพี่ให้งดวันนึง ”


   เขาว่า ก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน ยกเว้นเด็กขี้แงที่ยังร้องไห้ไม่เลิก เมื่อทุกคนคล้อยหลังไปจนหมด มารินกอดเขาอย่างคนที่ต้องการอ้อมกอดของใครสักคน





หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-11-2012 20:13:33




ตอนที่ 9






   เขายืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะโผเข้ามาหา แต่เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาจึงค่อยกอดตอบ ก่อนจะลูบผมคนที่ตนเองรู้สึกดีด้วยเบาๆ เหมือนเวลาที่ผู้ใหญ่ปลอบเด็กเมื่อเสียขวัญ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้อีกคนร้องหนักขึ้นไปอีก


   มารินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องร้องไห้มากกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะเขาทำเหมือนเวลาที่พ่อ แม่ปลอบตนเวลาที่เสียใจก็เป็นได้


   แต่สุดท้ายแล้ว คนที่อดรน ทนไม่ได้ ก็เป็นชายหนุ่มเสียเอง เพราะเขาออกจะแปลกใจระคนตกใจ เมื่อยิ่งปลอบ คนในอ้อมกอดก็ยิ่งร้อง จึงต้องหันหันมาพูดกันให้รู้เรื่อง


   “ น้องริน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ”


   เขาถามพลางเช็ดน้ำตาให้กับร่างเล็กอย่างแผ่วเบา แต่ทุกการกระทำเขาเหมือนจะยิ่งตอกย้ำให้มารินร้องไห้หนักเข้าไปอีก

   “ อ้าว!!! พี่ถามดีๆ ทำไมต้องร้องด้วยล่ะ พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ ร้องไห้เป็นเด็กเชียว ”


   เขาว่า พลางขยี้ผมอีกฝ่ายเล่น ซึ่งมันก็ทำให้มารินเงยหน้าขึ้นมองเขาแบบงอนๆ นิดๆ


   “ รินไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะได้ร้องไห้แบบเด็กๆ อย่างที่พี่ว่า ”


   คนตัวเล็กกว่าเถียงแบบเด็กไม่ยอมแพ้ ทั้งๆที่มีหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา แต่ก็ยังไม่ยอมรับ


   “ อ้าวก็พี่เห็นๆอยู่นี่นา ว่าเราน่ะ ร้องไห้ขี้มูกโป่งจริงๆ ”


   “ พี่อ่ะ เขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ ”


   มารินเถียงไปข้างๆ คูๆ อีกครั้ง ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตา น้ำมูกออกจากหน้า ชายหนุ่มเองก็ไม่ว่าอะไรอีก แต่ก็แอบอมยิ้มกับอาการงอแงแบบเด็กๆของคนตัวเล็ก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองยื่นให้


   “ อ่ะนี่ครับ เช็ดหน้าซะ แล้วค่อยคุยกัน ดูซิเป่าปี่ซะตาแดงเป็นนกกระปูดเชียว ”


   เขาสัพยอกเด็กหนุ่มเล่น ซึ่งมารินก็รับผ้าเช็ดหน้าจากเขามาเช็ดหน้าแต่โดยดี ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังไม่วาย ส่งค้อนวงใหญ่ไปให้


   เมื่อได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขา ทำให้มารินรับรู้ถึงบางอย่าง กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกับกลิ่นของดอกไม้ กลิ่นที่ตนคิดว่าผู้ชายไม่น่าจะชอบ


   ท่าทางแปลกใจของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า อีกฝ่ายเป็นอะไรไปอีกหรือเปล่า จนต้องเอ่ยถาม


   “ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ”

   “ อ่ะ... อ๋อ เปล่าครับ แค่คิดอะไรเพลินไปนิด นี่ครับ... ”


   มารินว่า ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าที่เปียกคืนให้เขา แต่ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ซึ่งเขาที่มองทุกการกระทำของคนที่ตนเองชอบอยู่นั้นก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวกำลังจะส่งผ้าเช็ดหน้าคืนเขา แต่กลับดึงมือกลับไปอีก


   “ เอ่อ.... รินคิดว่า รินเอากลับไปซักก่อนจะดีกว่า เพราะว่า....แบบว่า มันเปื้อนมากไปหน่อย ”


   มารินนเฉลยในการกระทำเมื่อครู่ พลางเหลือบตาดูผ้าเช็ดหน้าของเขาในมือตนเองอีกครั้ง  ซึ่งมันชุ่มไปด้วยน้ำตาเมื่อครู่ แถมด้วยน้ำมูกอีกต่างหาก ส่วนเขาก็ยืนมองอย่างขำๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก จนกระทั่งมารินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง


   “ แต่รินไม่รับปากนะครับว่า... มันจะหอมเหมือนเดิมหรือเปล่า... แต่รับรองว่าสะอาดแน่นอน ”


   เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มขวัญใจเพื่อนพ้อง น้องพี่ทำหน้าแปลกๆ มารินจึงรีบออกตัวเอาไว้ก่อน ด้วยความที่ตนเองไม่สันทัดในเรื่องพวกนี้นัก


   “ เชื่อจ้า ว่าสะอาด ไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นเลย ”


   เขาแหย่เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กทำหน้าตาขึงขัง จริงจังเสียจนน่าขำ ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าตัวหันมาค้อนให้เขาอีกวง


   “ ไม่ต้องมาแหย่เขาเลย ว่าแต่พี่ใช้น้ำยาปรับนุ่มอะไรหรือครับ หอมดีจัง ”


   มารินว่า แต่ก็ยังไม่วายหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ก่อนหน้านั้นเป็นสีขาวสะอาด และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งตอนนี้แม้จะเปื้อนน้ำตา และน้ำมูกเป็นหย่อมๆ แต่ก็ยังคงความหอมเช่นเดิม


   “ อ๋อ.... ไม่ใช่น้ำยาปรับผ้าอะไรหรอก กลิ่นของน้ำปรุงน่ะ ”


   “ น้ำปรุง... ”


   เขาตอบ ซึ่งมันก็ทำให้เด็กหนุ่มนิ่งไป เหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ในใจคนเดียว แต่แล้วมารินก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง


   “ น้ำปรุง เหมือนน้ำอบ น้ำปรุงในเรื่อง ‘ เมื่อคุณตา คุณยาย ยังเด็ก ’ หรือเปล่าครับ ”


   “ เมื่อกี๊ที่เงียบไป คิดเรื่องนี้เองน่ะเหรอ ”


   เขาถามถึงเรื่องที่เจ้าตัวน้อยนิ่งไปเมื่อครู่ ซึ่งก็ได้คำตอบจากการพยักหน้ารับ


   “ ก็ประมาณนั้นนั่นแหละครับ แต่ว่าอันนี้น่ะ เป็นสูตรของบ้านพี่เองพี่ใช้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ”


   เขาเฉลยในสิ่งที่อีกคนสงสัย ซึ่งมารินก็พยักหน้ารับรู้แต่โดยดี


   “ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นมาบ้างไหมครับ แล้วทีนี้จะบอกพี่ได้หรือยังว่า เมื่อครู่นี้เป็นอะไรไป หรือว่าโกรธพี่เรื่องก่อนหน้านี้ เรื่องที่พี่ดุน้องๆ ”


   เขาวกกลับมาถามหาสาเหตุ เรื่องที่คนที่ตนเองต้องใจร้องไห้เมื่อครู่ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยของเขาดูดีขึ้นแล้ว ส่วนมารินเองเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าตัวเองร้องไห้เสียมากมายด้วยเรื่องอะไร หากเขาไม่ถามขึ้นมา เจ้าตัวก็คงลืมไปแล้ว


   “ เอ่อ... คือว่า... ”


   มารินยังอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร จะตอบว่าสิ่งที่เขาทำนั้น ทำให้ตนเองคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ ก็ยังไม่กล้าตอบกลัวเขาจะว่าเป็นลูกแหง่


   “ อะไรครับ คิดถึงบ้านเหรอ ถ้าเป็นเรื่องนี้ล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก ตอนที่พี่มาอยู่แรกๆก็เคยเป็น ตามประสาเด็กบ้านไกลน่ะ ”

   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน ซึ่งมันก็ทำให้มารินยิ้มออกมาได้อีกครั้ง เจ้าตัวแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ดีใจ ที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจ


   “ จริงๆหรือครับ พี่ก็เคยเป็นเหมือนกันเหรอ คือว่า เมื่อตอนที่พี่ปลอบรินน่ะ เหมือนตอนที่พ่อกับแม่ปลอบรินเลย รินก็เลย..... ”


   “ อดใจไม่ไหว ”


   เขาต่อประโยคที่เจ้าตัวดีของเขาค้างเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้มารินพยักหน้ารับอย่างเขินๆ ที่เขาจับความรู้สึกของตนเองได้


   “ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย ถ้าเราจะคิดถึงพ่อกับแม่น่ะ ไม่เห็นต้องกลัวโดนล้อเลย ”


   “ ก็ริน..... ”


   “ เอาเถอะ นี่มันก็ดึกแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน ป่านนี้ เพื่อนเขานอนหลับจนฝันหวานไปถึงไหนๆกันแล้ว ”


   “ จริงด้วย หายกันไปไหนหมดแล้ว ทิ้งเรากันหมดเลย ”


   เจ้าตัวเหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่า เพื่อนกลับกันหมดแล้ว เหลือเพียงเจ้าตัวคนเดียวก็อดบ่นกระปอด กระแปดไม่ได้


   “ เป็นอะไรไปอีกครับ ”


   เขาถามขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยน่ารักของตนหน้าเจื่อนไป ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มอยู่ดีๆ


   “ เปล่าครับ รินเป็นอะไร ”


   มารินว่า พร้อมกับพยายามปั้นหน้ายิ้ม แต่นั่นมันก็ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะกลับมาเศร้าเช่นเดิมอีก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ ตนเองไปไหน มาไหน พร้อมกับเพื่อนๆเสมอ ไม่เคยไปไหนคนเดียวเลย แต่ตอนนี้เหลืออยู่แค่คนเดียว ก็ทำให้รู้สึกใจหายแปลกๆ


   “ เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าน้องรินยังรู้สึกไม่สบายใจ ไปชายหาดกับพี่มั้ย คืนนี้ฟ้าเปิด ดาวสวยดีนะ ”


   “ พี่โอจะไปชายหาดเหรอครับ ”


   “ ครับ จะไปด้วยกันมั้ย ”


   “ ไปครับ ตั้งแต่มาอยู่นี่ รินยังไม่เคยไปหาดของที่นี่เลย ”


   “ จริงหรือ ตกข่าวนะเราเนี่ยะ หรือว่าไม่เคยเห็นทะเล ”


   เขาว่า เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กของตนสดชื่นขึ้นทันที ราวกับไม้กลางทะเลทรายที่ได้รับน้ำ


   “ แหม... ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย ก็แค่ชอบเอง ไม่งั้นจะหอบหิ้วตัวเองมาถึงนี่เหรอ ”


   มารินว่าแบบงอนๆ แต่ก็ยังดีใจออกนอกหน้าอย่างที่เขาว่าจริงๆ


   “ ก็ได้ครับ แต่ถ้าพรุ่งนี้ตื่นนอนไม่รอด อย่าแอบนินทาพี่นะ ”


   “ ใครเขาจะไปนินทาตัวเอง แล้วรินก็ไม่พวกชอบนินทาด้วย ”


   มารินว่า พลางย่นจมูกใส่เขาอย่างงอนๆ ที่เขาพูดดักคอตนเองเอาไว้ก่อน


   “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกเหมือนกับว่า พักนี้มีคนบ่นถึงบ่อยๆนะ เพราะว่าช่วงนี้พี่จามบ่อยมากเลย พี่ก็นึกว่าจะมีใครแถวนี้แอบบ่นคิดถึงพี่น่ะสิ แต่พี่ว่าเราอย่ามาเถียงกันอยู่เลย เราไปกันดีกว่า วันนี้คราว*น้ำเกิด ด้วย ทะเลสวยนะ ถ้าพี่จำไม่ผิด คิดว่าน้ำคงขึ้นสูงสุดแล้วล่ะ เดี๋ยวก็ดึกเข้าไปอีกเหลือเวลาเดินเล่นน้อย อย่าหาว่าพี่ไม่บอกนะ ”


   เขาว่าแต่ก็มิวายที่จะหยอดมุขไปอีกหน่อย แต่เหมือนกับเด็กน้อยของเขาจะไม่ทันได้จับใจความก่อนหน้า เพราะเจ้าตัวเล็กของเขาคงกำลังคิดถึงเรื่องทะเลกลางคืนเพียงอย่างเดียว และที่ทำให้เขาคิดเช่นนี้ก็เพราะอาการของคนตรงหน้าที่ช่างมองออกง่ายดายนั่นเอง


   มารินที่ฟังเขาพูดก็คิดภาพตามไป ตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งโตเข้าไปใหญ่เมื่อได้ฟัง อาจเพราะตนเองยังไม่เคยเห็นทะเลในเวลากลางคืนก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ที่ไปทะเลก็จะเป็นช่วงกลางวัน แล้วอีกอย่างเขาก็ยังไม่เคยเห็นทะเล ในยามที่มีน้ำขึ้นสูงสุดอย่างที่ชายหนุ่มบอก


   “ แล้วพี่จะช้าอยู่ทำไมครับ เราก็ไปกันเลยสิ เร็วๆ ”


   มารินเร่งเขา พลางจับมือเขาแล้วดึงให้รีบเดินไปด้วยกัน ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าเขาจอดรถไว้ที่ไหน แต่ด้วยความดีใจ เจ้าตัวก็ลืมไปเสียทุกอย่าง จนกระทั่งเขาพูดขัดขึ้นมา


   “ จะดึงพี่ไปไหน แล้วเรารู้แล้วเหรอว่ารถพี่อยู่ไหน ”


   นั่นแหละ มารินจึงได้สติกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับปล่อยมือของเขาราวกับว่า จับโดนของร้อนอย่างไรอย่างนั้น และมันก็ยิ่งทำให้เขาขำเข้าไปอีก


   “ ขำอะไรครับ ไม่เห็นมีอะไรน่าขำเลย ”


   มารินว่าเขาอย่างงอนๆ ส่วนเขาก็ได้แต่อมยิ้มกับอาการงอแงเป็นเด็กของคนตรงหน้า ก่อนจะเดินนำหน้ามาที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาที่จอดเอาไว้


   “ คืนนี้เป็นคืนเพ็ญ พระจันทร์เต็มดวง น้ำขึ้นสูง ทะเลจะสวยมากนะ นานๆทีที่เวลามันจะมาประจวบกัน เพราะบางที น้ำมันก็ขึ้นตอนดึกมาก กว่าน้ำจะขึ้นถึงฝั่ง พระจันทร์ก็คล้อยต่ำไปมากแล้ว ”


   เขาเล่าให้คนน่ารักฟัง ขณะที่ขับรถไปเรื่อยๆ สองข้างทางปลูกต้นประดู่ที่โค้งเข้าหากัน คล้ายซุ้ม เช่นเดียวกับบริเวณทางเข้า ส่วนมารินนั้นที่กำลังสนใจกับบรรยากาศรอบๆ จึงไม่ค่อยจะได้ฟังสิ่งที่เขาพูดนัก สองข้างทางนอกจากจะมีต้นประดู่แล้ว ยังมีต้นไม้อีกหลายชนิดนอกจากนี้ยังมีส่วนที่คล้ายสวนป่าอยู่ด้วย พระจันทร์ดวงเด่น ลอยอยู่บนฟ้า ส่องแสงสะท้อนกับยอดไม้ ที่ไหวต้องลม น่าดูชมไม่น้อย


   “ น้องริน น้องรินครับ เป็นอะไรไปครับ”


   เมื่อเด็กที่นั่งซ้อนท้ายมาเงียบไป เขาจึงลองเรียกอีกครั้ง ด้วยเกรงว่าอีฝ่ายจะเป็นอะไรไปอีกหรือเปล่า


   “ ครับ!!! อ๋อ... เปล่าครับ รินไม่ได้เป็นอะไร แค่มองข้างทางเพลินไปหน่อย ไม่มีอะไรครับ ”


   “ งั้นหรือครับ เราจะถึงแล้วนะครับ น้องรินเห็นประภาคารข้างหน้านั่นมั้ยครับ ”


   “ เห็นค่ะ สวยดีนะครับ ”


   “ ครับ ก่อนจะถึงประภาคารนั้น จะเป็นทางเลี้ยวเข้าตึกภาคของเรา และตึกภาคของเราจะอยู่ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แล้วก็โรงพักพื้นสัตว์น้ำ ”


   เขาอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังแบบคร่าวๆ ระหว่างที่ขับรถไปเรื่อยๆ


   “ แล้วรินจะเข้าไปดูได้มั้ยคะรับ”


   “ ได้สิครับ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเลยินดีต้อนรับอยู่แล้ว แต่พี่คิดว่าเอาไว้โอกาสหน้าจะดีกว่านะ ต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่าภาควิท เล น่ะไม่ได้หรูหราอะไรเหมือนกับตึกภาคของภาควิชาอื่นหรอกนะ ”


   “ แหม แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนครับ ไอ้ความหรูหราอะไรที่พี่ว่าน่ะ รินไม่เห็นอยากจะเห็นเลย แล้วรินคิดว่า วิชาความรู้ที่จะได้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของสถาบันซะกะหน่อย แล้วอีกอย่างนะ ถ้ารินอยากได้ความสะดวก สบายน่ะนะ รินไม่ถ่อสังขารมาจนถึงที่นี่หรอก


   แต่รินกลับมีความคิดแหกคอกที่ว่า ความรู้ที่จะได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของสถาบันเพราะฉะนั้นที่รินมาเรียนที่นี่ รินก็ไม่ได้หวังว่าจะได้เจอความสะดวก สบาย แต่รินต้องการความรู้ที่จะได้รับจากประสบการณ์จริง ”


   มารินร่ายยาวแบบไม่ค่อยจะพอใจ ที่เขาพูดขึ้นในทำนองที่เหมือนตนเป็นลูกคุณหนูเสียขนาดนั้น ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย


   “ พี่ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น พี่ก็แค่พูดเฉยๆ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลย ”


   เขาว่า พลางชะลอรถ ก่อนจะจอดข้างๆประภาคาร


   “ ถึงแล้วครับ เลิกงอนได้แล้ว เดี๋ยวงานกร่อยกันพอดี ”


   “ แล้วมันน่าโกรธมั้ยล่ะครับ ”


   “ ครับๆ เอาเป็นว่าพี่ขอโทษแล้วกันนะ อย่าโกรธกันเลย ”


   เขาเอ่ยปากขอโทษ ซึ่งมันก็ทำให้มารินยิ้มออกมา อย่างผู้ชนะส่วนเขาก็ได้แต่ยิ้มให้กับความชอบเอาชนะเป็นเด็กไม่รู้จักโตของอีกคน


   “ สวยจังนะครับ เฮ้อ!!! เห็นแล้วหายเหนื่อย อย่างนี้ค่อยหายโกรธพี่ไปได้หน่อยนึง ”


   มารินว่า แต่มันก็ทำให้คิ้วเขาขมวดได้อย่างไม่ยาก


   “ หายโกรธ แล้วพี่ไปทำอะไรให้น้องโกรธตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ เมื่อกี้พี่ก็ขอโทษไปแล้วนี่นา ”


   “ ก็โกรธแบบว่าสะสมเอาไว้ไงครับ เคยเห็นมั้ยล่ะ ถ้ายังไม่เคย ก็เห็นซะ ”


   มารินว่า พลางหัวเราะที่สามารถทำให้เขางงได้


   “ โกรธสะสม?!? แล้วพี่ไปทำให้น้องโกรธมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พี่ไม่เห็นจะรู้ตัวมาก่อนเลย ”


   เขาว่า พลางทำหน้างงๆ เพราะไม่รู้ตัวว่าตนเองไปทำให้อีกฝ่ายโกรธมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


   “ ก็ตั้งแต่.... เอาเป็นว่า โกรธก็แล้วกัน ”


   มารินกำลังจะหลุดปากออกมาแล้วเชียวยังดีที่ว่ายั้งปากตัวเองไว้ทัน ไม่เช่นนั้น มีหวังเขาต้องขำตนแน่ เพราะเจ้าตัวรู้สึกขัดใจที่เขาหายหน้าไป แต่คำพูดของเด็กหนุ่มนั้นก็ยิ่งทำให้เขางงเข้าไปอีก แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเอาคำตอบอะไรอีก


   “ ทะเลตอนกลางคืนสวยอย่างนี้เอง ”


   มารินเอ่ยขึ้น หลังจากที่เดินมาถึงชายหาด จันทร์ดวงโตลอยอยู่กลางฟ้า แสงสะท้อนลงพื้นน้ำเป็นประกาย น้ำทะเลขึ้นสูงมาก จนเกือบจะถึงแนวริมสนที่ขึ้นอยู่ ระลอกคลื่นเล็กพลิ้วไหวตามแรงลม เสียงของลูกคลื่นที่เข้ากระทบชายหาดระยะ เสียงใบสนหวีดหวิว เป็นบรรยากาศที่มีมนตร์ขลังไม่น้อย


   “ น้ำที่เห็นเยอะอย่างนี้เนี่ยะ ไม่ลึกอย่างที่เห็นหรอกนะ เพราะว่าชายหาดของที่นี่ สามารถเดินเล่นได้ไกลมาก กว่าจะถึงบริเวณที่น้ำลึก แต่ที่ต้องระวังก็คือ ร่องน้ำลึก เพราะบางส่วนของหาดเป็นร่องน้ำสำหรับเดินเรือเวลาน้ำลง ”


   เขาอธิบายให้ร่างเล็กตรงหน้าฟัง พลางเดินล่องน้ำริมๆ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกล้าๆกลัวๆ เหมือนอยากจะเล่น แต่ไม่กล้าเดินลงมา เขาจึงส่งมือให้เพื่อประคองให้อีกคนมั่นใจว่าเขายังอยู่ข้างๆ


   มารินเองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะดูเขาจะอ่านใจตนเองออกไปเสียทุกอย่าง ทั้งๆที่ตนยังไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่มือที่เขาส่งมานั้นก็ช่วยให้ตนเองมีความกล้าที่จะเดินเล่นบนริมน้ำนั้นได้อย่างมั่นใจ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   “ นี่เวฟแกไม่เป็นห่วงน้องรหัสของแกบ้างเหรอ ”


   “ แหมไอ้นี่ น้องรหัสชั้น ก็น้องแกด้วยแหละ ทำมาพูดดี ”


   เสียงสนทนาดังขึ้น ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดหอพักชาย


   “ เออๆ นั่นแหละ ”


   “ ข้าว่า แกน่าจะเป็นห่วงพี่รหัสของเรามากกว่านะ ”


   เวฟว่า ซึ่งมันก็ส่งผลให้คู่สนทนาอย่างชอ งงไม่น้อย


   “ ห่วง!?! พี่โอน่ะเหรอ ”


   “ เออ ก็พี่โออ่ะดิ แหมทำยังกับว่าแกมีพี่กับเขาหลายคนอย่างนั้นแหละ มีอยู่คนเดียวยังมีหน้ามาถามอีก ”


   “ เออๆ แล้วทำไมวะ พี่เขามีอะไรน่าห่วง ข้าว่าน้องเขาน่าเป็นห่วงกว่าอีก ”


   “ โอ๊ย.... น้องรินน่ะเหรอน่าห่วง ข้าว่านะ พี่โอของเราน่ะน่าห่วงกว่าเยอะเลย ”


   “ อะไรของแกวะ พี่โอเป็นผู้ชายนะโว้ย แล้วก็อยู่ปี 4 ต้องห่วงอะไรอีกวะ น้องเขาดิ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ตัวเล็กน่าฟัด แถมเพิ่งเข้าปี 1 เองนะเฟ้ย ”


   จากการพูดคุยธรรมดา แต่จากความเห็นที่ไม่ตรงกัน เสียงก็เริ่มดังขึ้นหน่อยๆ


   “ แหมแกจะห่วงน้องเขาทำไมวะ พี่โอแสนดีจะตาย ”


   “ เออก็จริงว่ะ พี่เราเป็นพี่ชายที่แสนดี ไม่เหมือนแก ไอ้เวฟ ”

   เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเพื่อน เขาก็เห็นเป็นจริงอย่างที่เพื่อนบอก เพราะพี่รหัสของเขานั้น เป็นสุภาพบุรุษมากทีเดียว ก่อนจะหันมาตอกกลับ ซึ่งมันก็สามารถทำให้คนที่ถูกกล่าวหาทำหน้าหยิกอย่างไม่ชอบใจ แต่มีหรือที่เวฟจะยอมให้เพื่อนว่าแค่ฝ่ายเดียว


   “ เออไอ้เพื่อนเลว ข้ามันคนไม่ดี แต่ที่ไม่ดีก็เพราะมีเพื่อนอย่างแกนี่แหละ และที่ข้าเป็นห่วงพี่โอ ก็เพราะพี่เขาเป็นพี่ชายที่แสนดี ”


   “ ไอ้นี่ หาเรื่องกันซะแล้ว ทีเรื่องดีล่ะก็นะ ยกให้ตัวเองหมด เรื่องไม่ดี รีบยกให้เพื่อนเชียวนะ ไม่ค่อยเลยนะแก เออว่าแต่ แกห่วงพี่เขาเรื่องอะไรวะ ”


   ชอที่โดนเอาคืนอย่างทันท่วงที ก็ไม่ค่อยจะพอใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่อยากต่อความอีก จึงวกกลับเข้าเรื่องเดิมที่ค้างเอาไว้


   “ ก็ห่วงเรื่องที่พี่เขาไปกับน้องรินนั่นแหละ ”


   “ ทำไมวะ มีอะไรน่าห่วง ”


   “ แกก็รู้ๆอยู่ว่า น้องรหัสของพี่แกคนนั้นน่ะ ธรรมดาที่ไหน เกิดน้องเขาของขึ้น ขึ้นมากระโดดกัดหูพี่โอหมดหล่อ แกจะว่าไง ”


   เวฟเฉลยด้วยหน้าตาที่ชอเห็นว่ากวนเบื้องล่างแบบสุดๆ จนต้องตอกกลับเจ้าเพื่อนตัวดี


   “ ไอ้บ้าเอ๊ย ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องเขาไม่ใช่คุณสุเล็บสวยอย่างแกนะโว้ย จะได้กระโดดกัดหู ”


   ชอว่า ก่อนจะไขประตูเข้าไป ส่วนเวฟที่ยังยืนตีความหมายคำพูดของเพื่อนแบบงงๆ ก่อนจะเข้าใจความหมายแล้วกระโดดเข้าห้องตามไปหาเรื่องไอ้คนปากดีไม่แพ้กัน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





* น้ำเกิด คือช่วงเวลาที่น้ำทะเล จะขึ้นสูงและลงมากกว่าช่วงเวลาปกติ ซึ่งเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง คือ วันขึ้น 15 ค่ำ และแรม 15 ค่ำ
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 26-11-2012 20:36:15
มาเชียร์พี่โอน้องริน
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-11-2012 21:24:31
มาเชียร์พี่โอน้องริน

ขอบคุณที่รอพี่โอกับน้องรินขอรับ

บวกเป็ดแทนคำขอบคุณอีกครั้งขอรับ :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-11-2012 18:10:23



ตอนที่ 10





   แสงจันทร์กระจ่าง ส่องให้เห็นคนสองคนยืนอยู่ริมหาด ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเดินห่างไปกว่าเดิม


   “ พี่โอ!!! ”


   เสียงของเด็กหนุ่มร้องเรียกทำให้เขาหันตามเสียงนั้นไป แต่นั่นก็เป็นความคิดที่ผิดอย่างมากเมื่อพอเขามามองคนเรียก สิ่งที่เขาได้รับก็คือน้ำทะเลที่สาดใส่แบบเต็มๆโดยฝีมือของคนเรียก ที่ขณะนี้ยืนหัวเราะชอบใจที่สามารถแกล้งคนอื่นได้


   “ น้องริน!!! เล่นอย่างนี้ได้ไง เปียกหมดแล้ว ”


   เขาวางหน้าดุ ทำเสียงเข้มใส่ ซึ่งมันก็ทำให้คนตัวเล็กหน้าเจื่อนไป


   “ รินขอโทษ ”


   มารินเอ่ยเสียงอ่อยๆ คล้ายเด็กทำผิดแล้วโดนดุ ที่พร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา


   “ ขอโทษ!!! แล้วมันหายเปียกมั้ยล่ะ ”


   เขายังไม่เลิกที่จะทำเสียงดุใส่ ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้มารินหน้าเจื่อนไปกว่าเดิม


   “ อย่างนี้มันต้องทำโทษ ”


   เขาเอ่ยเสียงเรียบ ส่วนมารินก็ยืนก้มหน้าเงียบไม่ตอบว่าอะไร จนเขาต้องเดินเข้าไปดู


   “ น้องริน เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ ”


   เขาถาม แต่อีกคนก็ยังเงียบ มีเพียงเสียงสะอื้นเบาเล็ดลอดออกมาเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เขาใจเสียอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นน้ำตาหยดใสๆก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ลงไปอีก เมื่อครู่เขาแค่คิดจะล้อเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะทำให้เด็กน้อยของเขาเสียใจขนาดนี้


   “ น้องรินครับ อย่าร้องนะ พี่ขอโทษนะครับที่พี่พูดไปเมื่อกี้ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ”


   มารินเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


   “ พี่จะขอโทษรินเรื่องอะไร พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย รินต่างหากที่เล่นมากไป พอพี่เป็นกันเอง รินก็... ”


   แต่มารินก็พูดได้แค่นั้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ซึ่งตนเองไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องแคร์คำพูดของเขาขนาดนี้


   “ ไม่เอา ไม่ร้องแล้วนะครับ เดี๋ยวไม่น่ารักนะ ”


   เขาว่า พลางเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้หนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

   “ รินขอโทษ ริน... ริน... ”


   มารินพูดขึ้นอย่างตะกุก ตะกัก ราวกับยังไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดได้ จนเขาต้องขัดขึ้นอีกครั้ง


   “ ไม่ต้องพูดแล้ว พี่ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก แต่ถ้าจะให้ดี ต้องให้พี่ทำโทษก่อน ได้มั้ยล่ะ ”


   “ ทำโทษอะไรหรือครับ ”


   มารินถามขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ ส่วนเขาก็ได้ทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะทำบางอย่างที่เด็กหนุ่มไม่ทันตั้งตัว


   “ ก็ทำอย่างนี้ไง ”


   เขาว่า พลางวักน้ำทะเลใส่คนตัวเล็กของเขาบ้าง


   “ พี่จะยอมเปียกคนเดียวได้ไง เพราะฉะนั้น ถ้าต้องเปียกเราก็ต้องเปียกเหมือนกัน ”


   “ ได้ไง พี่รังแกน้อง ”


   มาริว่า แต่มือวักน้ำใส่เขาเช่นกัน ก่อนที่จะหันหลังวิ่งหนี แต่โอเชี่ยนก็วิ่งไล่ตามไปติดๆ ซึ่งมารินเองก็หันกลับวักน้ำใส่เขาเป็นระยะๆ


   สุดท้ายคนที่หมดแรงลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นทรายก่อน ก็เป็นตัวมารินเอง เพราะปกติแล้วก็ไม่ค่อยได้วิ่งแบบนี้นัก


   ส่วนเขา ไม่ต้องพูดถึง เพราะเขายังมีแรงอีกเหลือเฟือ แต่เขาก็เลือกที่จะนั่งพักเช่นกัน


   “ เป็นไงบ้างครับ วันนี้สนุกมั้ย ”


   “ สนุกมากครับ แต่ก็เหนื่อยมากด้วย ”


   มารินตอบแบบเหนื่อยๆ ส่วนมือก็กำลังนวดสีข้าง เพราะเมื่อวิ่งมากๆ ก็เสียดขึ้นมา


   “ สนุกก็ดีแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสอีก เราจะมามั้ย ”


   “ มาสิครับ ไม่มาได้ไง อย่าลืมบอกนะ ”


   เขาหันมาถามเด็กน้อยของตน ซึ่งเด็กตัวเล็กของเขาก็ตอบกลับมาเหมือนเด็กที่ผู้ใหญ่สัญญาว่าจะให้ของถูกใจ


   “ ครับไม่ลืมหรอก ”


   “ สัญญานะ ”


   “ ครับ สัญญา ”


   มารินว่า พลางยกนิ้วก้อยขึ้นมา ซึ่งเขาก็เกี่ยวก้อยตอบกลับไป


   “ พี่ว่า วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าดึกมากแล้ว และอีกอย่างน้ำค้างแรงมากแล้วด้วย แถมยังตัวเปียกเป็นลูกแมวตกน้ำแบบนี้ เดี๋ยวป่วยกันพอดี ”


   “ แหม... มาว่ารินเป็นลูกแมวตกน้ำ สภาพพี่ก็ไม่ต่างจากรินนักหรอก ทำมาพูดดี ”


   เขาว่าเด็กหนุ่มที่ได้ใจเขาไปกว่าครึ่ง แต่ก็ย้อนกลับมาทันควันเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่สายหน้าขำๆกับอาการแบบเด็กๆของคนที่ตนเองมีใจให้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วส่งมือให้กับอีกฝ่าย


   มารินเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วนิ่งไปนิดหนึ่ง เหมือนคนกำลังชั่งใจแต่สุดท้ายก็ส่งมือตอบกลับไป ให้เขาช่วยดึงลุกขึ้น


   “ ใส่เสื้ออีกตัวดีกว่า ขับรถกลับ กลางดึกแบบนี้ลมแรง ยิ่งตัวเปียกๆอย่างนี้ไม่ค่อยดี เดี๋ยวจะหนาว แล้วพาลไม่สบาย ”


   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ ก่อนที่เขาจะส่งเสื้อแขนยาวของเขาให้คนน่ารักตัวเล็ก


   “ แต่.... ”


   “ ไม่ต้องแต่เลย ดูซิสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วยังจะมาดื้ออีก ”


   มารินตั้งท่าจะปฏิเสธ เขาจึงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก มารินจึงรับเสื้อของเขามาใส่ทับเสื้อของตนเองอีกชั้น เมื่อสวมเสื้อของเขาแล้วสิ่งที่รู้สึกได้ก็คือกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ ไม่ต่างจากผ้าเช็ดหน้าของเขาแม้แต่น้อย


   เขาขับรถเรื่อยๆ เพราะกลัวว่าเด็กของตนจะหนาว มารินส่งเสียงจ้อยๆอยู่ได้ไม่นานนักก็เงียบเสียงไป จนเขาต้องต้องเรียกดู แต่ก็ไม่ตอบรับ จนเขาต้องจอดรถข้างทางเพื่อดูว่าอีกคนเป็นอะไรหรือเปล่า แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้น ก็ทำให้อดที่จะขำไม่ได้


   “ หลับ จริงๆเลย ”


   เขาส่ายหัวอย่างปลงๆ ก่อนจะขับรถต่อไป แต่ก็ระวังมากขึ้นเพราะกลัวคนที่ซ้อนท้ายจะพลัดตกไป


   “ น้องริน.... น้องรินครับ ถึงแล้วครับ ”


   “ ครับ ถึงแล้วเหรอครับ ขอบคุณครับ”


   เขาปลุกเด็กหนุ่มเมื่อมาถึงหน้าหอของเจ้าตัวแล้ว ซึ่งมารินก็ยังงัวเงีย แบบคนไม่ตื่นดี ก่อนจะขอบคุณเขาแล้วเดินเข้าหอของตัวเองซึ่งกว่าเจ้าตัวจะตื่นดี ก็ตอนที่มายืนอยู่ในห้องของตัวเอง และโดนจู่โจมแบบไม่ทันตัวจากเพื่อน 3 แฝดนั่นแหละ


   “ ริน แกไปไหนมาวะ พวกเรารอตั้งนาน ”


   “ ใช่ๆ แล้วไปเปียกน้ำที่ไหนมา ”


   “ แล้วนั่น เสื้อใครเหรอ ”

   3 แฝดที่ตั้งตัวเป็นศาล รุมซักถามเป็นการใหญ่ แต่นั่นก็ทำให้มารินรู้ว่าตัวเองลืมคืนเสื้อให้เขา


   “ นั่นดิ เสื้อใคร บอกมาเร็ว ”


   3 แฝดเร่งเร้า ซึ่งมันก็ทำให้มารินหน้าขึ้นสี โดยที่ตนเองไม่รู้ว่าทำไม ก่อนที่จะหาข้ออ้างฝ่าวงล้อมของเพื่อนร่วมห้อง


   “ เอาน่า ไว้เล่าให้ฟังทีหลังนะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน ดึกแล้วนะ ”


   ว่าจบเจ้าตัวก็รีบคว้าอุปกรณ์อาบน้ำ จ้ำอ้าวออกจากห้องไปทันที


   “ โอ๊ย!!! เราเป็นอะไรไปเนี่ยะ ลืมคืนพี่เขาได้ไง แล้วที่นี้จะตอบ3 แฝดว่าอย่างไงล่ะเนี่ยะ มีหวังโดนล้อแหงๆ ”


   มารินยืนงืมงำอยู่ในห้องน้ำคนเดียว หน้าขึ้นสีระเรื่อเมื่อนึกได้ว่า ตนเองทำเรื่องน่าอายเอาไว้ อยู่ๆก็นั่งเกาะหลังเขาหลับเป็นลูกลิง พอโดนปลุกก็เดินขึ้นห้องมาแบบเบลอๆ ไม่รู้เจอกันอีกตนเองจะทำหน้าอย่างที่ไปทำเรื่องน่าอายให้เขาเห็นเสียแล้ว



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ นี่เซาธ นอธ แกว่าเสื้อตัวนี้ของใคร ”


   อีสท หยิบเสื้อที่เพื่อนห้องถอดแขวนไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะชิ่งหนีขึ้นมาถามพี่น้องฝาแฝดของตัวเอง


   “ หอมด้วย อย่างกับกลิ่นดอกไม้ป่า แต่หอมดีนะ ”


   “ ของผู้หญิงเหรอ ”


   “ บ้าดิ!!! แบบเสื้อผู้ชายชัดๆ ”


   “ เออ... ใช่ ”


   “ แล้วมันของใคร ”


   ทั้ง 3 แฝดประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกันพลางมองหน้ากันอย่างสงสัย ว่ามันของใครกันแน่


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ พี่โอกลับมาแล้วเหรอครับ อ้าวแล้วไปทำอะไรมาเปียกมะลอกมะแล่กมาเชียว ”

   “ ไอ้บ้าเวฟ พี่เขาเป็นคนนะโว้ย พูดยังกับพี่เขาเป็นม่ะ.... ”


   “ แหม ว่าแต่ข้า แกก็ปากปีจอเหมือนกันแหละวะไอ้ชอ ”


   เวฟทักเขา เมื่อเขาเปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของน้องห้องอีกคนของเขา


   “ เออ... แต่ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย ใช่มั้ยครับพี่โอ ”


   “ ไม่ต้องเถียงกัน.... ทั้งคู่นั่นแหละ เรา 2 คนไม่เบื่อบ้างหรือไง ตีกันเป็นเด็กๆได้ทุกคืน ”


   เขาขัดขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องห้องบวกตำแหน่งน้องรหัสของเขา เริ่มที่จะตั้งป้อมก่อสงครามน้ำลายกันอีกแล้ว


   “ ก็แหมพี่โอครับ เห็นใจเราหน่อยไม่ได้เหรอ วันไหนไม่ได้กัดกับไอ้คุณชอ วันนั้นนอนไม่หลับอ่ะครับ ”


   เวฟว่า พลางทำหน้าตาน่าสงสารสุดฤทธิ์ แต่เขากลับเห็นว่ามันน่าจะ... มากกว่า


   “ พอเลยไอ้คุณเวฟ แค่นี้คนอื่นเขาก็มองว่าห้องนี้เป็นเกย์กันหมดแล้ว เดี๋ยวพี่รหัสฉันขายไม่ออกพอดี ”


   ชอว่า เมื่อทนเห็นเพื่อนของตัวเองทำท่าทางออดอ้อนไม่ไหว


   “ ทำไมวะ ก็เราเป็นอย่างที่เขาว่ากันจริงๆไม่ใช่เหรอ ตัวเอง ”


   “ ไอ้บ้าเวฟ อย่านะโว้ย ขนลุกหมดแล้ว ”


   เวฟเอ่ยขึ้น พลางทำท่าทางกระตุ้ง กระติ้ง และเกาะแขนของชออย่างมีจริต จนคนโดนเกาะต้องโวยวาย พร้อมกับวิ่งไปหลบอยู่หลังพี่ห้อง


   “ แหมชออ่ะ ทำเป็นกลัว ”


   “ อย่านะโว๊ย อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นข้ายันแกจริงๆด้วย ”


   เวฟเดินเข้าหาชอที่หลบอยู่หลังเขา พร้อมกับยกเท้าขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะส่งเพื่อนกลับไปอย่างที่บอก


   “ ไอ้บ้าเอ๊ย... ข้าไม่ใช่โว๊ย แหมทำมาเป็น.... ”


   “ ใครจะไปรู้วะ เกิดแกเป็นพวกอีแอบขึ้นมา ข้าเสียหายนะโว้ยใช่มั้ยครับพี่โอ ”


   เวฟเลิกทำท่าท่างมีจริต แล้วจึงหันมาโวยใส่เจ้าคนที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง ซึ่งเจ้าคนโดนโวยก็ยังเถียงไม่เลิก แถมยังดึงเขาไปเป็นพวกด้วย


   “ ไอ้บ้า ถึงข้าจะเป็นจริงอ่ะนะ แกก็ไม่ใช่สเป็คหรอกโว้ย อย่างข้าน่ะ ต้องแบบนี้.... ”


   ชอว่า พลางส่งสายตาหยาดเยิ้ม ชวนสยองขวัญให้เขา แต่ก็นะมีบางอย่างที่เขาจับได้ นั่นก็คือสายตาของเวฟที่มองชออย่างเคืองๆ ประมาณว่าต้องมีเคลียร์หลังไมค์ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่านไป เพราะมันเป็นเรื่องของคน 2 คน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเสียแทน


   “ เลิกเล่นได้แล้ว พี่จะไปอาบน้ำแล้ว ว่าแต่พรุ่งนี้น่ะ... ”


   “ ไปครับ ”


   “ แต่พี่ปลุกด้วยนะ ”


   เขายังพูดไม่ทันจบประโยค แต่ก็โดน 2 หนุ่มแทรกขึ้นมาเสียก่อน ราวกับว่า รู้ว่าเขากำลังจะพูดเรื่องอะไร


   “ แล้วเรารู้แล้วเหรอว่า พี่จะถามอะไร ”


   “ แหม... อยู่กับพี่มา ปีนี้ก็ปีที่ 2 แล้ว ทำไมจะไม่รู้ล่ะครับ ”


   “ ช่าย... พี่จะไปตักบาตรทุกวันเสาร์ ไม่รู้ก็แปลกแล้ว ”


   น้องห้อง และน้องรหัสเฉลย ว่าทำไมถึงรู้ว่าเขาจะถามอะไร


   “ อ้อ!!! ผมเกือบลืม ที่พี่บอกว่า ให้พวกผมสั่งประวัติน้องรินน่ะครับ ผมสั่งไปแล้วนะ ตามที่พี่สั่งทุกอย่าง ”


   เขาเคยสั่งทั้งคู่เอาไว้ว่า สามารถสั่งประวัติน้องรหัสได้เลยไม่ต้องรอเขา เพราะโดยปกติแล้วตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อกันมา น้องรหัสต้องส่งประวัติส่วนตัวให้พี่รหัสก่อนรับน้อง ซึ่งคนที่จะสั่งประวัติก่อน จะต้องเป็นพี่ปี 4 ซึ่งจำนวนกี่หน้านั้นแล้วแต่จะพอใจ


   สำหรับเขาแล้ว เขาไม่เคยสั่งว่าต้องได้กี่แผ่น กี่หน้า เขาบอกแต่เพียงว่า อยากให้เขารู้อะไร แค่ไหน ก็เขียนมาแค่นั้น แต่กับชอและเวฟนั้นเขาไม่ได้สั่ง แต่เป็นพี่รหัสของเขาเมื่อปีที่แล้วที่สั่ง ซึ่งนับว่าเยอะมากทีเดียว


   “ แต่เราไม่ได้เป็นคนสั่งเองหรอกครับ เราให้เพื่อนคนอื่นสั่งต่อน่ะครับ ”


   “ แล้วน้องเขาก็ส่งแล้วด้วย พี่โออ่านก่อนเลยไหมครับ ”


   เวฟ และชอช่วยกันเล่า ก่อนจะหยิบกระดาษขนาดเอ 4 จำนวนหนึ่งส่งต่อมาให้เขา


   “ เราสั่งน้องเขาไปกี่หน้าเนี่ยะ ทำไมมันเยอะขนาดนี้เนี่ยะ ”


   เขารับกระดาษนั้นมา ซึ่งมันมีจำนวนหนาไม่น้อยทีเดียว


   “ ก็อย่างที่พี่บอกไงครับ ”


   “ ใช่ๆ พี่บอกว่า ห้ามสั่งเยอะกว่าที่เราส่งพี่ ผม 2 คนก็ทำตามที่สั่งทุกอย่างเลยนะเนี่ยะ ”


   เวฟและชอช่วยกันอธิบายสิ่งที่เขาถาม จริงอยู่ที่ว่าเขาเคยบอกไว้ว่า ห้ามสั่งมากกว่าที่ทั้งคู่ส่งเขา นั่นก็คือ 20 หน้าเอ 4


   “ แหมพี่โอครับ ผมไม่ได้สั่งเกินจากที่พี่บอกเลยนะ ผมสั่งพอดีเป๊ะ ไม่มีขาด ไม่มีเกิน เลยนะ ”


   เวฟลอยหน้า ลอยตาพูด จนน่าจะเขกหัวมันสักที แต่เขาก็ไม่อยากจะว่าอะไรอีก


   “ โห!!! น้องเค้าคิดได้ไงเนี่ยะ ”


   เวฟอุทานอย่างแปลกใจ ทันทีที่เขาเปิดประวัติขึ้นอ่าน แต่มันก็น่าอุทานอยู่ไม่น้อย เพราะคนที่โดนสั่งให้ส่งประวัติไม่ได้เย็บมุมกระดาษแบบปกติมาส่ง แต่ใช้วิธีต่อกระดาษ ตามความยาวของหน้ากระดาษ


   “ น้องเขาคงประชดเราล่ะมั้ง ”


   “ แหมพี่โออ่ะ ไม่ขนาดนั้นหรอก ลายมือน้องเขาน่ารักดีนะ อย่างนี้ผมมีคนช่วยปั่นงานแล้ว ”


   “ ไม่ต้องมามั่วเลยไอ้ท่านเวฟ แหมๆ ”


   “ ทำไมวะ มีน้องรหัสทั้งที ก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อยดิ ”


   “ ไอ้บ้า น้องเขาเป็นคน ไม่ใช่ปากกานะโว้ย ไอ้นี่ ”


   ทั้งคู่เริ่มเถียงกันอีกรอบ แต่ครั้งนี้เขาไม่อยากจะห้ามอีก จึงวางประวัติไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอุปกรณ์อาบน้ำ


   วันนี้เป็นอีกวันที่ความสัมพันธ์ของเขากับคนที่ตนเองแอบชอบพัฒนาไปอีกขั้น ซึ่งถ้าเขาไม่เข้าข้างตนเองจนเกิน สิ่งที่ได้รับในวันนี้ก็ทำให้เขารู้ว่า อีกคนนั้นก็มีใจให้เขาเหมือนกัน แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าจะเท่าที่เขาให้ไปหรือเปล่า แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย





หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 27-11-2012 20:43:39
พึ่งเข้ามาอ่านนะชอบเรื่องนี้ค่ะอ่านได้เรื่อยๆค่ะเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-11-2012 23:03:57
พึ่งเข้ามาอ่านนะชอบเรื่องนี้ค่ะอ่านได้เรื่อยๆค่ะเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2:


ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจขอรับ :3123:

และขอบคุณที่แวะมาชมขอรับ :pig4:

ปล.บวกเป็ดแทนคำขอบคุณจากใจอีกทางขอรับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 28-11-2012 17:10:15
เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: KIRA_kung ที่ 28-11-2012 20:33:52
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน นะครับ อย่าท้อนะครับ นิยายใหม่ก็อย่างงี้แหละครับ

ต้องรอให้ผู้คนลองเข้ามาอ่าน อ่านและก็อ่านไปเรื่อยๆเขาจะมีความรู้สึกชอบและอยากติดตาม

ผลงานของผู้เขียนครับ  เรามีใจอัพ เขาก็มีใจอ่านครับ อย่าท้อนะผู้เขียน มาอัพเรื่อยๆนะครับ

ชอบครับ รอติดตาม ^^  o13 o13 o13 o13 o13 o13 อัพเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆแหละครับ

ของผมก็เงียบเชียบเหมือนกัน ลงไปเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาลองอ่านดู ถ้าเ้ข้าชอบเขาก็ติดตามเองแหละครับ

 :3123: :3123: :3123: :L1: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


สู้ๆ ครับ มาให้กำลังใจ ผู้เขียน


 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: superjunior ที่ 28-11-2012 20:42:17
มารอคร้าบบบบบบบบบบบบ    :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อ่านแบบจุใจเลยอ่ะ  ไม่สะดุด o13 o13 o13 o13 o13


ปูเสื้อรอ จร้าาาาาาาาาาาาา :call: :call:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 28-11-2012 23:49:50
เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า :3123: :3123:

ขอบคุณที่รอขอรับ :L2:

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน นะครับ อย่าท้อนะครับ นิยายใหม่ก็อย่างงี้แหละครับ

ต้องรอให้ผู้คนลองเข้ามาอ่าน อ่านและก็อ่านไปเรื่อยๆเขาจะมีความรู้สึกชอบและอยากติดตาม

ผลงานของผู้เขียนครับ  เรามีใจอัพ เขาก็มีใจอ่านครับ อย่าท้อนะผู้เขียน มาอัพเรื่อยๆนะครับ

ชอบครับ รอติดตาม ^^  o13 o13 o13 o13 o13 o13 อัพเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆแหละครับ

ของผมก็เงียบเชียบเหมือนกัน ลงไปเรื่อยๆก็มีคนเข้ามาลองอ่านดู ถ้าเ้ข้าชอบเขาก็ติดตามเองแหละครับ

 :3123: :3123: :3123: :L1: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


สู้ๆ ครับ มาให้กำลังใจ ผู้เขียน


 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:


ขอบคุณสำหรับกำลังใจขอรับ (มา :กอด1: ที  จะโดนถีบไหมอ่า)

ข้าเจ้าจะสู้ต่อไปขอรับ

ท่านก็สู้ต่อไปนะขอรับ (ว่าแต่ขอท่านเรื่องอะไรขอรับ ข้าเจ้าจะขอไปเยี่ยมชมบ้าง) :3123: :3123:

สู้โว้ย

มารอคร้าบบบบบบบบบบบบ    :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อ่านแบบจุใจเลยอ่ะ  ไม่สะดุด o13 o13 o13 o13 o13


ปูเสื้อรอ จร้าาาาาาาาาาาาา :call: :call:


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมขอรับ

ข้าเจ้ามีแพ็คเกจเสริมพิเศษขอรับ

ข้าเจ้าเตรียมขนม นม เนย น้ำชา กาแฟ นมร้อน นมเย็น ไว้รอบริการขอรับ :pig2:

ขอบคุณทุกการเยี่ยมชม ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ขอรับ

ปล.บวกเป็ดให้ทุกคนขอรับ

ปล.2 วันนี้มิได้อัพขอรับข้าเจ้าหนีไปลอยกระทงขออภัยทุกท่านขอรับ :call:

สัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาอัพให้ขอรับ :L2:

ขอบคุณอีกครั้งขอรับ :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: KIRA_kung ที่ 29-11-2012 08:25:29
555555  ไมุ่ึึถีบหรอก คร้าบบบ บ บ  :z6:

เรื่องของผมตามหัวข้อกระทู้ก็  oOo เมิงตู...เพื่อนกันไม่ตลอดไป oOo

ตอนนี้อัพถึงตอนที่ 10 มาเยี่ยมชมได้นะครับ ผู้เขียน  :pig2: :pig2: :pig2:

ผมก็ไปลอยกระทงเหมือนกัน  สุ้ๆเน้อ ผู้เขียน  o13
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-11-2012 08:53:36
555555  ไมุ่ึึถีบหรอก คร้าบบบ บ บ  :z6:

เรื่องของผมตามหัวข้อกระทู้ก็  oOo เมิงตู...เพื่อนกันไม่ตลอดไป oOo

ตอนนี้อัพถึงตอนที่ 10 มาเยี่ยมชมได้นะครับ ผู้เขียน  :pig2: :pig2: :pig2:

ผมก็ไปลอยกระทงเหมือนกัน  สุ้ๆเน้อ ผู้เขียน  o13

ย่องๆๆๆ  ไป  :mc4:

เจอกันที่กระทู้ขอรับ :L2:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-11-2012 18:42:04



ตอนที่ 11




   เช้าวันเสาร์ เวลาแห่งการพักผ่อนของทุกคน หลายคนคงไม่อยากลุกจากที่นอนอันแสนอบอุ่น แต่นั่นคงไม่ใช่เขา เพราะทุกวันเสาร์หากไม่มีอะไรติดขัด เขาจะไปตักบาตรตอนเช้าทุกครั้ง และในวันนี้ก็เช่นกัน


   “ เวฟ ชอ ตื่นได้แล้ว ”


   “ อีกนิดนะครับ ”


   “ ไม่ได้ ตื่นเร็วๆเลย ถ้าไม่ตื่น พี่ไปก่อนนะ ”


   เขาปลุกน้องห้องอีก 2 คน ให้ลุกขึ้นอาบน้ำ ส่วนตัวเขาเองนั้น เขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว


   “ อีกหน่อยก็ไม่ได้ ”


   ชอและเวฟที่สุดท้ายก็ต้องย้ายร่างของตัวเองออกจากเตียงนอนไปอาบน้ำ เวฟ และชอมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน ซึ่ง 1 ในนั้นก็คือ หลับแล้วปลุกยาก เขาซึ่งเป็นทั้งพี่ห้อง และพี่รหัสรับรู้ได้เป็นอย่างดี เพราะต้องคอยปลุกน้องทั้งคู่ทุกวัน

   “ น้องรินจะตื่นหรือยังนะ ”


   เขายืนรำพึงอยู่หลังห้อง พลางคิดถึงน้องรหัสอีกคนของตนเอง


   “ ลองโทรไปดูก็แล้วกัน ”


   หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ไปหาคนที่อยู่ในใจ


   “ สวัสดีครับ ”


   เสียงจากปลายสายตอบกลับมา แม้จะเป็นเสียงที่ไม่สดใสเช่นปกติคล้ายกับเสียงของคนที่เพิ่งตื่นนอน


   “ อรุณสวัสดิ์ครับ พี่โทรมารบกวนหรือเปล่าครับ ”


   “ ใครครับ ”


   “ พี่โอเอง จำได้มั้ยครับ ”


   “ ครับ.... แล้วพี่โอได้เบอร์รินมาจากไหนครับ ”


   เสียงปลายสายถามกลับมา ทำให้เขาอึ้งไปเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าจะตอบได้อย่างไรว่า ได้มาจากประวัติของเจ้าตัวที่เขียนส่งมา


   “ อ๋อ.... ก็จากประวัติเมื่อตอนที่ถามเอาไว้แต่แรกไงครับ ”


   เขาหาทางออกจนได้


   “ อ๋อครับ แล้วพี่โอมีอะไรหรือครับ โทรมาแต่เช้า ”


   มารินถามอย่างแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปี ไม่เคยมีใครโทรมาหาตนเองแต่เช้า แม้ว่าตนจะไม่ใช่คนตื่นสายก็ตาม แต่นี่มันยังไม่สว่างดีเลย


   “ คือว่า... วันนี้มีตลาดนัดตอนเช้า พี่ก็เลยโทรมาชวน เผื่อว่าเราอยากจะหาอะไรร้อนๆรองท้อง อ้อ!!! แล้วก็จะได้ตักบาตรด้วย ”


   “ ตักบาตรหรือครับ ดีเลย กำลังอยากทำบุญอยู่พอดีเลย แต่... ”


   เขาอธิบายถึงสาเหตุที่โทรมาแต่เช้า ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับอย่างดีใจ แต่ในท้ายประโยคกลับฟังดูเบาลงไป


   “ มีอะไรหรือครับ ทำไมเสียงอ่อยไป ”


   เขาถามถึงสาเหตุที่ทำให้เสียงดีใจในตอนตอนนั้นเบาลงไป


   “ คือว่า รินก็อยากไปนะครับ แต่ไม่อยากปลุกเพื่อนๆน่ะครับ แล้วอีกอย่างรินเองยังไม่มีรถเลย ”


   มารินอธิบายให้เขาฟัง ว่าทำไมตนถึงเสียงอ่อนลงไป


   “ อ๋อ... เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าน้องรินจะไป เดี๋ยวพี่ไปรับที่หน้าหอก็ได้ ”


   “ จริงๆนะครับ งั้นพี่รอแป๊บนะ รินไปล้างหน้าก่อน ”


   เขาบอก ซึ่งมันก็ทำให้เด็กหนุ่มสดชื่นขึ้นมาทันที


   “ พี่โอ ยืนยิ้มอะไรคนเดียวครับ ”


   เสียงของน้องห้องตัวแสบดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาเขาที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ในใจสะดุ้งน้อยๆ


   “ มีอะไรเหรอ ”


   “ ก็ไม่มีอะไรครับ แค่เห็นพี่ยืนเหม่อๆอยู่ ก็เลยลองเรียกดู ”


   “ หรือว่าพี่คิดถึงใครอยู่หรือเปล่า ”


   “ ไม่ต้องมาพูดเลย ไปแต่งตัวได้แล้ว มายืนเป็นชีเปลือยอยู่ได้ พี่ไม่หวั่นไหวหรอกนะ ”


   “ ไม่หวั่นไหวจริงๆเหรอฮ้า ”


   “ พอๆ ไม่เอาแล้ว ไปแต่งตัวเลยไป เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร ”


   “ แหมพี่โอก็ ไปแต่งตัวก็ได้ ”


   เขาดุน้องห้องอย่างไม่จริงจังมากนัก เมื่อเจ้าน้องตัวแสบทั้งคู่กำลังทำเหมือนกับว่า เขาเป็นคู่ชูชื่นเสียอย่างนั้น ซึ่งคนที่โดนดุก็ไม่ว่าอะไร ก่อนจะแยกย้ายกันไปแต่งตัว


   “ พี่โอ ถามจริงเหอะ พี่บอกว่าเดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร แต่พี่ก็ไปใส่ที่วัดทุกที ”


   “ ช่าย.... ขนาดพระท่านเดินอยู่พี่ก็ไม่ใส่ แถมยังทำตัวเป็นเด็กวัดไปช่วยพระท่านถือของอีก แล้วพี่จะกลัวไปใส่บาตรไม่ทันทำไมเนี่ยะ ”


   เวฟและชอที่แต่งตัวอยู่ในห้องตะโกนถามด้วยความแปลกใจ ด้วยว่าโดยปกติแล้ว เขามักจะไปใส่บาตรที่วัดทุกครั้ง ยังไงก็ไม่ต้องกลัว ว่าจะไปไม่ทันอยู่แล้ว


   “ เอาเถอะน่า เราไปรอ ก็ยังดีกว่าให้พระท่านรอไม่ใช่เหรอ ”


   เขาพูดกับเจ้าคนขี้สงสัย


   “ มันก็ใช่ครับ แล้วที่พี่รีบไปเนี่ยะ พี่จะรีบไปช่วยพระท่านถือของมากกว่ารีบไปใส่บาตรใช่มั้ยครับ ”


   ชอถามขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีเวฟพยักหน้าหงึกหงักอยู่ข้างๆ


   “ อ้าว ก็รู้กันอยู่แล้วจะมาถามพี่อีกทำไมล่ะ เพราะฉะนั้น เร็วๆเลยทั้งคู่นั่นแหละ ”


   เขาเร่งน้องรหัสทั้งคู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทั้ง 2 คนยังพิรี้พิไร แต่งตัวไม่เสร็จสักที


   “ อ้าว!!! วันนี้พี่โอจะเอารถไปเองเหรอ ”


   ชอถามขึ้น เมื่อเห็นเขาเดินแยกตัวไปไขกุญแจรถของตนเองที่จอดอยู่อีกด้าน โดยปกติแล้วหากจะไปไหนกัน เขาและน้องมักจะไปด้วยกันเสมอแต่วันนี้ เขาเอารถไปเองจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะโดนถาม


   “ ก็เราไม่ได้ไปกันแค่ 3 คน รถคันเดียวคงไม่พอ ”


   “ อ้าว!!! เหรอครับ แล้วมีใครด้วยอีกเหรอครับ ”


   “ หรือว่า พี่แอบนัดสาวที่ไหนเอาไว้แล้วไม่บอกเรา 2 คน ”


   เขาตอบ แต่มันก็เป็นการเปิดช่องให้คู่หูตัวแสบทั้ง 2 วกกลับมาหาเรื่องเขาอีกจนได้


   “ เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า ป่านนี้น้องเขารอแล้วล่ะ มัวแต่โม้กันอยู่เนี่ยะแหละ ”


   เขาพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกมา ก่อนที่เจ้าคนขี้สงสัยจะตามหลังมา


   “ รอนานมั้ยครับ ”


   เขาถามเมื่อเห็นว่าคนที่ตนเองโทรไปปลุกลงมายืนรออยู่ที่หน้าทางเข้าหอ


   “ ไม่หรอกครับ รินเพิ่งลงมาเมื่อกี้เอง ”


   “ แหมไอ้เราก็นึกว่านัดสาวที่ไหน ที่แท้ก็คนแถวนี้นี่เอง ”


   เจ้าคนปากมาก ยังทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เพราะพอรู้ว่าเขามารับใคร มันก็พูดขึ้นทันที


   “ นี่เวฟ พี่ว่าถ้านายไม่พูดเนี่ยะ ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ ”


   “ สมน้ำหน้าไอ้ปากปีจอ พี่โอครับ สะใจผมจริงๆ พี่น่าจะพูดอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะปล่อยให้ไอ้เวฟมันลามเป็นขี้กลากอยู่ได้ตั้งนาน ”


   เขาว่าเวฟ แต่นั่นก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กับชอที่รออยู่ก่อนแล้ว ส่วนเจ้าคนโดนรุมก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว


   “ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันพอดี ”


   เขาเอ็ดน้องๆอย่างไม่จริงจังนัก แต่มันก็ได้ผลเกินคาด เมื่อน้องห้องตัวแสบยอมหุบปากลงได้ กว่าที่ทั้ง 4 คนจะออกเดินทาง แสงสีทองก็เริ่มจับขอบฟ้าแล้ว


   “ พี่โอครับ วัดที่เราจะไป อยู่ไกลมั้ยครับ ”


   มารินถามขึ้น เมื่อเขาขับรถมาได้ระยะหนึ่ง แต่เสียงที่เอ่ยออกมานั้นสั่นแบบแปลกๆ


   “ ก็อีกประมาณครึ่งทางน่ะครับ น้องรินมีอะไรหรือครับ หนาวหรือเปล่า เสียงสั่นๆ ”


   เขาถามเมื่อเห็นว่าเสียงของเด็กตัวเล็กของเขานั้นฟังเหมือนคนหนาว


   “ ก็นิดหน่อยครับ มันเย็นน้ำค้างน่ะครับ ”


   มารินตอบเขาด้วยเสียงที่พยายามจะทำให้เป็นปกติที่สุด


   “ อ้าว!!! พี่จอดรถทำไมหรือครับ พี่เวฟกับพี่ชอไปนู่นแล้ว ”


   มารินเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเขาหยุดรถอยู่ข้างทาง แต่เขาก็ไม่ตอบว่าอะไร เพียงแต่ถอดเสื้อแขนยาวตัวนอกส่งให้แทน


   “ ใส่ซะนะ เดี๋ยวไม่สบาย พี่ลืมบอกไปว่าช่วงเช้าๆน้ำค้างที่นี่จะแรงมาก อีกอย่างแถวนี้ต้นไม้เยอะ ก็เลยเย็นกว่าปกติ ”


   “ แต่... เอ่อ ถ้าพี่ให้รินแล้ว.... ”


   มารินยังไม่กล้าจะรับ เพราะว่าหากเขาให้ตนเอง เขาก็จะเหลือเพียงเสื้อตัวในตัวเดียว และเขาที่เป็นคนขับรถย่อมเย็นกว่าตนแน่ๆ

   “ ไม่ต้องแต่เลย แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกแถวบ้านพี่เย็นกว่านี้อีก แต่ที่ใส่เนี่ยะ พราะความเคยชินมากกว่า ”


   เขาว่า แต่มารินก็ยังไม่ยอมรับมาอยู่ดี สุดท้ายก็เป็นเขาที่ต้องบังคับใส่ให้เสียเอง


   “ อย่าดื้อสิครับ ถ้าป่วยไปจะทำอย่างไร เดี๋ยวสายกว่านี้ก็จะดีขึ้น อากาศจะอุ่นขึ้น ”


   เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ช่วยสวมเสื้อให้คนที่ตนเป็นห่วงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะสตาร์ทi5แล้วขับไปข้างหน้าอีกครั้ง


   อีกครั้งแล้วที่เขาให้ยืมเสื้อ ซึ่งในครั้งนี้นั้นความรู้สึกที่ได้รับ มันก็ไม่ได้ต่างจากครั้งแรกเลย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่มีสัญลักษณ์ ‘ สมอ อะตอม ’ ที่เป็นสัญลักษณ์ของภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเลที่รุ่นพี่หลายคนเคยบอก


   เหนือซิปของเสื้อมานิดหนึ่ง ปักชื่อของเขาเอาไว้เช่นเดียวกับที่แขนด้านซ้าย ด้านหลังเป็นเป็นรูปเรือเดินทะเลสมัยโบราณ มีสัญลักษณ์ของสาขาวิชาปักอยู่ แต่อีกด้านมารินยังไม่รู้ว่าเป็นรูปอะไร เพราะเสื้อตัวนี้ใส่ได้ทั้งสองด้าน


   ไม่นานนักทุกคนก็มาถึงตลาดเช้าที่เขาบอก ผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของยังไม่มากนัก เพราะยังเช้าอยู่เขาพาเจ้าของร่างสูงโปร่งมาซื้ออาหารสำหรับตักบาตร ก่อนจะซื้อน้ำ และพามารอตักบาตรที่ฝังตรงข้ามกับตลาด


   “ น้องรินจะตักที่นี่เลย หรือว่าจะไปตักที่วัดครับ ”


   “ แหมพี่โอครับ ก็ให้น้องเขาไปตักในวัดแหละ เราจะได้ไม่หนักมากกว่าเดิม ”

   “ ไอ้เวฟ ข้าได้ยินว่าพี่เขาถามน้องนะ หรือว่าแกชื่อริน ”


   เขาหันมาถามมาริน แต่เวฟก็ชิงตอบตัดหน้าไปเสียก่อน ทำให้ชอต้องหันมาว่าเพื่อนตัวเอง


   “ มีอะไรหรือครับ ”


   “ คือว่าอย่างนี้ครับน้อง พี่โอของเราน่ะ ชอบทำตัวเป็นเด็กวัดจำเป็น ประจำแหละ ”


   “ ไอ้เวฟ แกนี่สอใส่เกือกได้ทุกสถานการณ์เลยนะ ”


   “ ไมวะ ก็ข้ากลัวพี่ห้องข้าจะเหนื่อย ก็เลยช่วยตอบแทน มันไปเกี่ยวอะไรกับแกเนี่ยะ พี่เขายังไม่ว่าอะไรสักคำ ”


   “ พอแล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ ขนาดอยู่ต่อหน้าน้องนะ ยังไม่วายอีก ”


   เขาหยุดสงครามน้ำลายของ 2 เพื่อน(?) ก่อนที่ทั้งคู่จะทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้


   “ อย่างที่พี่เวฟบอกนั่นแหละ ปกติแล้วพี่จะไปใส่บาตรที่วัดเลย เพราะว่าจะช่วยพระท่านถือของก่อนน่ะ ”


   “ อย่างนั้นเหรอครับ งั้นรินไปใส่ที่วัดเลยก็ได้ ”


   เขาอธิบายให้คนที่เพิ่งมาครั้งแรกฟัง ซึ่งมารินก็รับคำเขา


   “ แล้วเราพอจะขับรถได้ไหม ”


   “ ก็พอได้นิดหน่อยครับ พ่อเคยหัดให้แต่ก็หลายปีมาแล้ว ”


   ชอถามน้องเล็กของกลุ่ม เมื่อเห็นว่าหากพี่รหัสและเพื่อนของเขาอยู่ช่วยถือของ รถที่ขับมานั้นจะเหลืออยู่อีกคันที่ไม่มีใครขับ


   “ เอาอย่างนี้แล้วกันนะ เดี๋ยวน้องรินไปกับพี่ชอเค้า พี่กับเวฟจะตามไปทีหลัง ชอดูแลน้องด้วยนะ ”


   “ ก็ได้ครับ ”


   เด็กหนุ่มรับคำ ก่อนจะรับของตักบาตรของเขามาใส่ตะกร้าหน้ารถ


   “ ขับดีๆนะ ไม่ต้องรีบ ระวังด้วย ชอดูน้องดีๆนะ ”


   เขากำชับเด็กน้อยของตนและชออีกครั้ง ก่อนที่น้องเล็กสุดจะออกรถไปพร้อมกับชอที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว


   นานพอสมควรทีเดียวกว่าที่เขาและเวฟจะมาถึงวัด จากที่ยืนรออยู่นั้น ทำให้มารินได้รู้เรื่องหลายๆอย่างเกี่ยวกับโอเชี่ยน จากห้องน้องของเขา


   และเท่าที่รู้จากชอนั้นก็คือว่า เขาจะมาตักบาตรทุกวันเสาร์ หากไม่มีอะไรติดขัดและเขาก็จะช่วยถือของทุกครั้ง มารินออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะจากที่เห็นภายนอกเขาไม่น่าจะเป็นพุทธศาสนิกชน เพราะเขาค่อนไปทางคนต่างประเทศมากๆ


   ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง ที่เขาเป็นคนต่างชาติ แต่เป็นคนต่างชาติที่พูดประจำภาษาชาติของเด็กหนุ่มได้ชัดมาก อาจจะมากกว่าบางคนด้วยซ้ำ

   เมื่อเขามาถึง เขาก็เข้าไปจุดธูปเทียนบูชาพระ ก่อนจะมาถวายอาหารให้กับพระสงฆ์ ซึ่งพระท่านก็ให้ศีลให้พรกับทุกคนที่มาทำบุญ นอกจากนี้ยังได้กรวดน้ำอีกด้วย หลังจากที่รับศีล เมื่อรับพรแล้วเขาก็พามารินกลับมาที่ตลาดอีกครั้ง พร้อมกับเวฟและชอ


   “ วันนี้เราจะกินอะไรกันดี ”


   เขาถามขึ้น เมื่อทุกคนมายืนอยู่ที่หน้าตลาดอีกครั้ง


   “ อะไรก็ได้ครับ ที่พี่จะเลี้ยง ”


   เวฟตอบเป็นคนแรก ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มในแบบของเขาเท่านั้น แต่มันก็เป็นยิ้มที่มารินคิดว่า เขาเป็นผู้ชายที่ยิ้มแล้วดูดีมาก แม้แต่ในยามปกติ ใบหน้าของเขา ก็เหมือนคนที่มีรอยยิ้มอยู่แล้ว และเมื่อเขายิ้ม ก็ยิ่งดูดีขึ้นไปอีก อาจจะเป็นเพราะ ลักยิ้มเล็กๆที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมคาย ได้รูปนั้นก็ได้

   “ แหม... ไอ้คุณเวฟ ทำยังกับว่า เวลาไปไหนกับพี่โอ แกเคยออกตังค์เองอย่างนั้นแหละ ไอ้ขี้งก ”


   “ เออๆ พูดมากน่า ไปๆ กินร้านตรงนั้นดีกว่า เพราะว่ามีอาหารตั้งหลายอย่างให้เลือก ”


   ชอหันมาว่าเวฟ แต่เวฟก็ไม่ปล่อยตัวเองโดนเพื่อนกัดนาน เพราะเขารีบหาทางออกให้ตัวเองเสียก่อน


   “ เอาอย่างนั้นก็ได้ น้องรินจะได้ชิมอาหารพื้นเมืองด้วย ”


   เขาเห็นด้วยกับเวฟ แล้วทั้งหมดจึงเดินไปยังร้านที่เล็งเอาไว้ และเขายังช่วยแนะนำอาหารพื้นเมืองอีกหลายอย่างให้มารินอีกด้วย กว่าที่ทุกคนจะทานอาหารเรียบร้อยก็สายมากแล้ว ซึ่งเขาก็เป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมด อย่างที่ชอบอกไว้แต่แรก หลังจากนั้นมารินไปเลือกซื้อขนมและผลไม้อีกนิดหน่อย กลับไปฝากเพื่อนร่วมห้องของตนเองด้วย




หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 29-11-2012 19:24:25
ตอนนี้ชอบพี่เวฟกับพี่ชอมาก ถ้าอยู่ด้วยกันคงไม่เงียบดี
ส่วนพี่โอกับน้องรินก็ค่อยๆเริ่มเรียนรู้กันช๊อบชอบ  :o8:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-11-2012 20:17:00
ตอนนี้ชอบพี่เวฟกับพี่ชอมาก ถ้าอยู่ด้วยกันคงไม่เงียบดี
ส่วนพี่โอกับน้องรินก็ค่อยๆเริ่มเรียนรู้กันช๊อบชอบ  :o8:

ขอบคุณขอรับ :pig4:

รับเวฟกับชอกลับบ้านไหมขอรับ แต่ระวังจะปวดหัววันละหลายเวลาเหมือนพี่โอนะขอรับ

ขอบคุณสำหรับจากติดตาม แจกเป็ดให้ขอรับ :L2:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: KIRA_kung ที่ 29-11-2012 23:30:43
5555555555 ขำชอกับเวฟ อ่ะ เถียงกันตลอดดดดด ด ด  :laugh:

พี่โอกับน้องริน คงอยากสวีทกันนะ แต่ถ้า สองคนนี้อยู่ด้วย ไม่ไหว น้าาา อิอิ   :sad4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

สนุกครับ ชอบๆ เอาใจผมไปเลย คนเขียน ^^ สู้ๆครับ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-11-2012 09:07:25
5555555555 ขำชอกับเวฟ อ่ะ เถียงกันตลอดดดดด ด ด  :laugh:

พี่โอกับน้องริน คงอยากสวีทกันนะ แต่ถ้า สองคนนี้อยู่ด้วย ไม่ไหว น้าาา อิอิ   :sad4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

สนุกครับ ชอบๆ เอาใจผมไปเลย คนเขียน ^^ สู้ๆครับ  o13 o13 o13

เวฟกับชอเขาเถียวกันเพราะรัก(เหรอ)  :a5:

ส่วนพี่โอกับน้องรินเขาก็สวีทได้ไม่แคร์สื่อ เพราะพี่โอเป็นคนเปิดเผย กั่กๆ

ขอบคุณที่ติดตามขอรับ

มอบเป็ดเหลืองแทนใจเช่นเคยขอรับ :L1:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-11-2012 18:14:09


ตอนที่ 12







   ไม่นานเท่าใดนักทุกคนก็กลับมาถึงหอพัก แต่หอพักค่อยข้างจะเงียบเพราะวันนี้เป็นวันหยุด จึงไม่ค่อยมีใครลงมาด้านล่างมากนัก


   มารินขอบคุณเขาก่อนจะเดินเข้าหอ แต่มีบางอย่างที่เด็กหนุ่มลืม นั่นคือเจ้าตัวลืมคืนเสื้อเขาอีกแล้วกว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะถึงหน้าห้องตัวเองแล้ว จะเอากลับมาคืนก็คงไม่ทันเพราะเขากลับหอไปแล้ว


   “ ริน ไปไหนมาเหรอ ”


   เสียงของ 1 ใน 3 แฝดถามขึ้นด้วยอาการ สะลึม ละลือ เหมือนกับคนที่ยังไม่ตื่นดี


   “ ไปใส่บาตรมาน่ะ เราซื้อขนมมาฝากด้วยนะ ”


   มารินบอก พร้อมกับยกถุงขนมขึ้นมา


   “ แล้วไปยังไงอ่ะ ”

   “ นั่นดิ ไปยังไง ”


   จากเดิมที่เป็น 1 ใน 3 แต่ตอนนี้ ทั้ง 3 แฝดต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นมาตั้งศาล ซักฟอกเพื่อนหนุ่มน้อย


   “ ก็ไปกลับ.... ”


   “ แล้วเสื้อใครอ่ะ ”


   ยังไม่ทันจะได้ตอบว่าอะไร เซาธที่ตาไวกว่าเพื่อนก็เห็นว่ามารินถือเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมา และไม่ต้องรอให้อนุญาตเสื้อในมือก้โดนดึงไปจากผู้หวังดี(?)


   “ ของพี่วิท - เลแน่เลย เพราะว่ามีสัญลักษณ์ของเรา ”


   “ ใช่ๆ นี่ๆ มีชื่อด้วย ”


   เซาธและอีสทช่วยกันสำรวจ ตรวจตา เสื้อของเขาที่มารินเผลอใส่ติดมาด้วย


   “ Mahasamuth Oc ”


   “ นี่ๆ ที่แขนก็มี เขียนว่า ”


   “ Ocean ”


   3 แฝดประสานเสียงขึ้นมาอย่างแปลกใจ ก่อนที่เซาธจะเป็นคนเปิดปากถามอีกครั้ง


   “ นี่แกไปมา กลับพี่โอมาเหรอ ”


   “ ก็เกือบๆน่ะ ”


   “ ยังไงของแก ที่ว่าเกือบๆ ”


   มารินตอบแต่มันก็ไม่ใช่คำตอบที่เหมือนคำตอบมากนัก แต่มันอาจจะทำให้งงไปกว่าเดิม จนนอธต้องถามขึ้นอีกครั้ง


   “ คือว่าฉันไปพี่เขาจริง แต่ว่าไม่ได้ไปกัน 2 คน มีพี่เวฟกับพี่ชอไปด้วย ”


   มารินอธิบายให้เพื่อนร่วมห้องฟัง แต่เจ้าเพื่อนร่วมห้องทั้ง 3 กลับทำหน้าแบบคนมีลับลม คมในชอบกล


   “ ไหนแกบอกว่าไม่ชอบพี่เขาไแล้วไหงถึงไปด้วยกันได้ ”


   “ ก็.... ”


   “ ก็อะไร ”


   แล้วมารินก็โดนเพื่องห้องทั้ง 3 ตั้งศาลเตี้ย ซักไซ้ ไล่เลียง แบบกัดไม่ปล่อยซึ่งเจ้าตัวก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าทำไม


   “ แสดงว่า.... เมื่อคืน แกก็.... ”


   “ ไปกับพี่เขาใช่มั้ย ”


   “ อืม... ”


   “ แหมๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรดีน้า เกลียดอะไร มักจะได้อันนั้นหรือเปล่า ”


   “ ไม่ต้องมาแซวเลย ไปอาบน้ำเลยไป ทั้ง 3 คนแหละ ”


   เมื่อโดน 3 แฝดรุมหนักเข้าเด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะสิ่งที่ทั้ง3 แฝดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง แม้ว่าแรกเริ่ม เดิมที ตนเองจะไม่ชอบเขา แต่มันก็เหมือนเป็นการปฏิเสธตัวเองเสียมากกว่า


   อาจเป็นเพราะเห็นว่ามีคนหลงไหลได้ปลื้มเขาเป็นจำนวนมาก และตนเองก็เป็นคนจำพวกขวางโลกอยู่หน่อยๆ เวลาเห็นใครหรืออะไร มีคนกรี๊ดกร๊าดจะรู้สึกไม่ชอบ แม้ว่าในใจจะยอมรับก็ตามที


   “ โธ่เอ๊ย ไปก็ได้ พูดแค่นี้ทำมาเขินหน้าแดง ”


   3 พี่น้องพูดส่งท้ายอีกครั้ง ก่อนจะพากันไปอาบน้ำ แล้วปล่อยให้มารินยืนเขินอยู่คนเดียว



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   “ นี่ๆ มีประกาศเรียกประชุมด้วยแหละ ”


   นอธเอ่ยขึ้น หลังจากที่เจ้าตัวยืนอ่านประกาศอยู่ครู่หนึ่ง


   “ ประชุมอะไรเหรอ ”


   “ ไม่รู้ดิ แค่บอกว่า วันนี้ 5 โมงประชุมอ่ะ ”


   “ เหรอ อืมงั้นเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ”


   มารินตัดบท ก่อนจะเดินเข้าโดมอาหารไปเป็นคนแรก ซึ่งในตอนนี้สามารถขับรถไปเรียนได้แล้ว แต่ห้องของเด็กหนุ่มนั้น ค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย เพราะมีรถแค่คันเดียว จึงต้องเสียเวลารับ - ส่ง 2 รอบ แต่ในตอนนี้นั้น ไม่มีปัญหานั้นอีกแล้ว เพราะได้รับความอนุเคราะห์จากรุ่นพี่ที่แสนดีอย่างชอ ด้วยว่าห้องของชอนั้นมีรถใช้กันทุกคน แต่ปกติแล้วจะใช้อยู่แค่คันเดียว เนื่องจากว่า ทั้ง 3 คนมักจะเกาะกันไปตลอด ดังนั้น อีก 2 คันที่เหลือ จึงจอดเอาไว้ให้ฝุ่นเกาะเฉยๆ เพราะฉะนั้น ชอจึงเห็นว่า ห้องของน้องภาคยังขาดแคลนอยู่ จึงสมทบทุนช่วยเด็กยากไร้ ( รถ ) ด้วยความคิดที่ว่า ดีกว่าจอดทิ้งไว้ให้ฝุ่นเกาะ


   “ นี่ๆ ริน แกว่าวันนี้จะมีอะไรอ่ะ ”


   “ ไม่รู้สิ แต่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ”


   อีทธถามขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังเดินจากโดมอาหาร ไปยังโดมกิจกรรม ตามประกาศนัดหมายเมื่อเช้า และที่อีสทถามนั้นคงเป็นเพราะว่า มารินมักจะมีลางสังหรณ์ก่อนทุกครั้งว่าวันนั้นจะเป็นเรื่องดี หรือไม่ดี แต่สำหรับวันนี้นั้น เจ้าตัวไม่มีความรู้สึกนั้น


   “ แล้วไป ค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่าวันนี้มีเรื่องให้ได้ออกกำลังกายซะอีกวันนี้ยิ่งเหนื่อยๆอยู่ ”


   หม่อมป้า(?)จอมบ่น พูดขึ้นด้วยอาการโล่งอก ที่วันนี้เพื่อนไซส์มินิไม่มีลางสังหรณ์อะไร


   “ แหมๆ จะบ่นกันทำไมนักหนา ถ้ามีก็ถือว่าพี่เขาช่วยให้เราได้ออกกำลังกายไง ร่างกายจะได้แข็งแรง ”


   “ ออกกำลังกาย!!! เชิญแกออกไปคนเดียวเหอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก ไอ้เซาธ ”


   นอธเอ่ยเสียงสูง ก่อนจะทำจมูกย่นอย่างไม่ค่อยถูกใจ

   เกือบถึงเวลานัด ปี 1 ทุกคนมาพร้อมกันเป็นที่เรียบร้อย ไม่นานนัก พี่ปี 2 และปีสูงกว่าบางส่วนก็มาถึง


   “ สวัสดีครับ ”


   “ สวัสดีค่ะ/ครับ ”


   ชอเอ่ยทักน้องปี 1 ก่อนที่ทุกคนจะตอบรับกลับไป


   “ สำหรับวันนี้ ที่พี่เรียกน้องๆมาประชุม ก็มีเรื่องมาแจ้งให้ทราบนั่นคือ เรื่องพิธีไหว้ครู ซึ่งพิธีไหว้ครูในปีนี้ ทางมหา’ลัย จัดให้มีขึ้นในวันพฤหัสฯหน้า หรืออีกประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ และจากพิธีไหว้ครูที่จะจัดขึ้นนี้ ทำให้พี่ต้องเรียกน้องๆมา เพื่อแจ้งรายละเอียดต่างๆ ”


   ชอพูดต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งน้องปี 1 ก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี


   “ สำหรับพานไหว้ครูนั้น เราจะมีการประกวดด้วย ซึ่งจะแบ่งเป็น2 ประเภทดังนี้


1.   ประเภทสวยงามและ

2.   ประเภทความคิดสร้างสรรค์


   สำหรับเกณฑ์การตัดสินนั้น จะตัดสินแยกตามชั้นปี ซึ่งจะประกาศผลให้ทราบในช่วงบ่ายของวันนั้น และระหว่างที่รอผลนั้น จะมี 1 กิจกรรมแทรกขึ้นมา และกิจกรรมนี้ น้องปี 1 จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด ”


   ชออธิบายรายละเอียดต่างๆ แบบคร่าวๆให้กับทุกคนฟัง


   “ ส่วนถ้าน้องๆกำลังสงสัยว่า ไอ้กิจกรรมที่พี่ชอว่าเป็นอะไรนั้น พี่จะช่วยบอกให้แล้วกันกิจกรรมที่น้องๆต้องทำก็คือ น้องๆต้องจัดเตรียมการแสดง 1 ชุดมาแสดงให้อาจารย์ รุ่นพี่ได้ชมส่วนเนื้อหาจะเป็นแบบไหนก็ได้ แต่พี่อยากให้สื่อถึงเรื่องราวของครูซักหน่อย ”


   เวฟช่วยอธิบายต่อในจุดที่ชอยังอธิบายไม่เรียบร้อย


   “ ใช่ครับ อย่างที่พี่เวฟบอกนะ น้องจะนำเสนอออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ พี่ไม่จำกัด แต่ขอให้ทำให้เต็มที่ สำหรับวันนี้พี่ก็มีเรื่องขอรบกวนเวลาน้องเพียงแค่นี้ เอ่อพี่ๆครับ พี่มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ ”


   ชอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปถามพี่ปีที่สูงกว่า ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่วงนอก


   “ น้องวิท - เล อยู่ก่อนนะครับ น้องปี 3 กับเพื่อนๆ ปี 4 มีอะไรจะเสริมมั้ยครับ ”


   ประธานนักศึกษาเอ่ยขึ้น ก่อนจะถามคนอื่นๆ เช่นเดียวกับที่ชอถามไปเมื่อครู่หลังจากที่เขาบอก ก็มีอีกหลายภาควิชา บอกให้น้องปี 1 อยู่ต่ออีกเช่นกัน ซึ่งกระจายกันไปตามส่วนต่างๆของโดมกิจกรรม


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ น้องๆเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการเรียนตั้งแต่เปิดเทอมมา มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ”


   เขาเอ่ยถามน้องๆ หลังจากที่ทุกคนแยกออกมาตามภาควิชาแล้ว


   “ พี่ดีใจนะ ที่ได้มาพบน้องๆแบบพร้อมหน้าแบบนี้ แล้วเป็นยังไงกันบ้าง พอไหวกันมั้ย ”


   เขาถามทุกคนอย่างเป็นกันเอง เหมือนเช่นทุกๆครั้งที่เจอกันตามปกติ เขาซักถามสารทุกข์ สุขดิบน้องๆ อีกมากมาย หลายเรื่อง ซึ่งไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่เรื่องเรียนอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่นๆอีก สัพเพเหระและแต่ละเรื่องยังเรียกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจากน้องปี 1 ได้ไม่น้อย ไม่เพียงแค่เขา คนอื่นๆก็ยังมาช่วยกันเรียกรอยยิ้มจากน้องปี 1 ได้เช่นกัน โดยเฉพาะคู่ซี้ปาท่องโก๋อย่าง เวฟและชอ เพราะเมื่อทั้งคู่แทคทีมกัน ก็สามารถสร้างความสนุกให้กับผู้อื่นได้ไม่ยาก

   “ นี่ริน พี่ชอกับพี่เวฟเขาไม่บอกแกบ้างเหรอว่า พี่รหัสปี 4 ของแกอ่ะ เป็นใคร ”


   “ ไม่นิ พี่เขาบอกว่า เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง มีอะไรเหรอเซาธ ”


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยน่ะ เออ!!! แล้วพี่รหัสปี 4 ของพี่แกเป็นใครเหรอ ”


   “ ไม่ได้บอกหรอก แต่พอรู้มาว่าเป็นพี่โอน่ะ ”


   “ เฮ๊ย!!! จริงอ่ะ งั้นแกก็เป็นน้องรหัสพี่เขาอ่ะดิ น่าอิจฉาอ่ะ ”


   เซาธอุทานเสียงสูง เมื่อมารินพูดจบ หลังจากที่เลิกประชุมแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ โดยเด็กหนุ่มมากับเซาธ อีสทไปกับนอธ


   “ คงไม่ใช่หรอก ”


   “ อ้าว!!! ทำไมอ่ะ ”


   มารินออกตัว ซึ่งมันก็ทำให้เซาธทำหน้างงๆกับคำพูดของเพื่อน


   “ ก็พี่เวฟกับพี่ชอน่ะ เป็นน้องรหัสเวียนของพี่โอไง ก็เหมือนที่เราเป็นน้องเวียนของพี่เขาแหละ ”


   “ อย่างนั้นเหรอ แย่จัง นี่ถ้าแกน้องรหัสพี่โอจริงๆ ก็คงดีไม่น้อยเนอะ เพราะพี่เขาออกจะน่ารักขนาดนั้น ”


   มารินอธิบาย ซึ่งมันก็ทำให้เซาธทำหน้าเสียดาย ก่อนจะมาเป็นเคลิ้มฝันตอนท้ายประโยค


   “ ฉันว่าไม่หรอก ถ้าเราเป็นน้องรหัสพี่เขาจริงๆนะ มีหวัง ได้กลายเป็นทอคออฟเดอะทาวน์แน่ๆ ”


   “ ทำไมอ่ะ ”


   “ ก็เท่าที่รู้มานะ พี่เขาไม่เคยมีน้องรหัสสายตรงเลยน่ะสิ แถมพี่ชอกับพี่เวฟน่ะ ตอนแรกที่ฉันไปถามประวัติพี่แกจากเพื่อนๆพี่เขาตอนจะส่งประวัติพี่เขาอ่ะ พี่ๆในภาคบอกว่า ตอนนั้นน่ะ พี่เวฟกับพี่ชอโดนกับคู่กับพี่โออยู่ตั้งนานว่าใครจะเป็นคนที่ได้พี่โอไปครอง แล้วพี่เค้าก็เหมือนจะเป็นจุดสนใจของใครๆหลายคนด้วย ”


   มารินอธิบาย พร้อมกับทำหน้าแบบไม่อยากจะคิดต่อ


   “ อ๋อ..... แกก็เลยกลัวว่า ตัวเองจะกลายเป็นข่าวเมาท์กับพี่เขาอ่ะดิ ใช่ป่ะ ”


   เซาธพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ซึ่งมารินเห็นแล้วมันไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง ด้วยรู้ว่า เพื่อนห้องของตนคนนี้ มักมีความคิดที่ไม่ค่อยจะธรรมดานัก แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะว่ากลับมาถึงหอเสียก่อน และคุณเพื่อนตัวดีก็รีบลงจากรถทันทีเมื่อรถจอด


   “ นี่ๆ อีสทแกคิดเหมือนฉันมั้ย ”


   “ คิดอะไรของแกวะ ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษนะโว๊ย จะได้รู้ความคิดแกถามอะไรแปลกๆ ”


   เสียงสนทนาของเซาธและอีสท ดังลั่นห้อง หากใครไม่รู้ คงคิดว่าห้องนี้ต้องทะเลาะกันแน่ๆ แต่ไม่ใช่กับเพื่อนๆ ที่ห้องข้างๆกัน และรวมถึงเพื่อนห้องที่กำลังเดินกลับห้องด้วย


   “ อย่ามาทำเป็นใสซื่อ ไอ้อีสท ”


   “ เออ.... แล้วแกจะให้ชั้นคิดเรื่องอะไร ”


   “ นี่ๆ เมื่อไหร่แกจะทำตัวเป็นผู้ดีกับเขาบ้างห๊ะ คุยกันซะ กลัวไม่มีใครได้ยินเหรอ ”


   เซาธและอีสทยังคุยกันตามปกติ แม้ว่าจะมีเสียงเขียวอย่างคนไม่พอใจของหม่อมป้า ว๊ากขึ้นมาก็ตาม ส่วนมารินที่กำลังจะเคาะประตูเข้าห้อง จึงชะงักมือ เพราะจากที่รู้จักกับเพื่อนฝาแฝดมา แต่ละเรื่องที่เซาธและอีสทคิดนั้น มักจะแปลกกว่าคนอื่น เจ้วตัวจึงหยุดฟังอยู่หน้าห้องแทน


   “ ก็เรื่องพี่เวฟกับพี่ชอไง แกคิดเหมือนฉันมั้ย ”


   “ อ๋อ.... เรื่องนี้เอง ”


   เซาธเฉลย ซึ่งมันก็ทำให้อีสทถึงบางอ้อ ก่อนที่ 2 แฝดจะหันมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย


   “ เรื่องอะไรของแก พี่เวฟกับพี่ชอ มีอะไร ทำไมเหรอ ”


   นอธถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเห็นน้องชายทั้งคู่ทำหน้าตา ไม่น่าไว้ใจชวนให้สงสัย


   “ อ้าว!!! นอธ แกไม่รู้สึกบ้างเหรอว่า พี่เวฟกับพี่ชออ่ะ ชอบทำตัวให้คนอื่นคิด ”


   “ คิด?!? คิดอะไร ”


   อีสทว่า แต่มันยิ่งทำให้นอธสงสัยหนักเข้าไปอีก


   “ ก็คิดว่า พี่เค้าเป็น.... ”


   “ เป็นอะไรของแก ”


   เซาธทำท่าเหมือนจะบอก แต่ก็ปล่อยทิ้งไว้ ทำให้นอธต้องเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่


ต่อด้านล่าง



หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-11-2012 18:22:46
ตอนที่ 12 (ต่อ)






   “ ก็เป็นคู่หุที่มีอะไรมากกว่าเพื่อนธรรมดากันไง ประมาณว่า เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะ ”


   เซาธและอีสทพูดขึ้นพร้อมกัน ส่วนนอธที่ได้ฟังก็ได้แต่ตกใจ กับความคิดของน้องฝาแฝดของตัวเองแต่ทั้งเซาธและอีทธยังตอกย้ำให้พี่ชายต้องตกใจขึ้นไปอีกกับประโยคต่อมา


   “ แถมยังพี่โออีก ”


   “ ใช่ๆ เพราะว่าทั้ง 3 คนนี้ อยู่ห้องเดียวกัน ”


   “ ไอ้บ้า!!! นี่แก 2 ตัว คิดอย่างอื่นไม่ได้แล้วหรือไง แหม... ความคิดแต่ละอย่าง ช่างวิเศษเสียจริง ”

   เมื่อได้ฟังน้องชายจอมแสบทั้งคู่เล่า คนฟังก็ถึงกับว๊ากขึ้นมาอย่างรับไม่ได้


   “ แหมๆๆ.... ที่โวยวายขึ้นมาเนี่ยะ เพราะมีชื่อรุ่นพี่สุดหล่อรวมอยู่ด้วยใช่มั้ย ”


   อีสทเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ทัน หลังจากที่หม่อมป้าจอมว๊ากว่าจบ ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะนอธเป็น 1 ในชมรมผู้พิทักษ์ รักคนหล่อ


   “ เออๆ ฉันไม่พูดถึงพี่ของแกก็ได้ ไม่ต้องมาทำหน้าเป็นพ่อมดแก่ๆหรอก เพราะปกติแกก็เหมือนอยู่แล้ว ”


   เซาธออกตัว เมื่อเห็นว่าหากไม่รีบ อาจจะโดนฝ่ามือพิฆาตของพี่ชายก็เป็นได้ แต่ก็ไม่วายที่จะหาเรื่องอยู่ดี


   “ รินช่วยด้วย!!! ”


    มารินเข้าห้องมา พอดีที่เซาธวิ่งหลบนอธ ที่กำลังจะจัดการเจ้าตัวปากมากที่ว่าตนเอง มารินจึงกลายเป็นกำแพงป้องกันภัยไปโดยปริยาย


   “ เลิกเล่นกันได้แล้ว ไอ้เราก็นึกว่าจะกลับมาคิดว่าจะแสดงอะไรดี เสียอีก ”


   มารินว่า เพราะวันนี้รุ่นพี่เรียกประชุมเพื่อถามความคืบหน้า ของการแสดงที่จะแสดงกันในวันไหว้ครูที่กำลังจะมาถึง


   “ ก็แหม ขอนอกเรื่องหน่อยก็ไม่ได้ ”


   เซาธว่าเสียงอ่อย เหมือนเวลาที่เด็กโดนผู้ใหญ่ดุ


   “ ใช่ๆ แล้วอีกอย่างนะ เราก็ได้ขอสรุปแล้วนี่นา ”


   อีสทเข้ามาช่วยสนับ สนุนเซาธอีกแรง


   “ แต่เราก็ต้องเตรียมการ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว เรายังไม่ได้ซ้อมอะไรกันเลย ”


   “ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง วิท – เล การละคร ทำได้อยู่แล้ว แค่นี้เด็กๆจิ๊บๆ ขอบอก ”


   “ ช่าย.... เอาเป็นว่า จะซ้อมเมื่อไหร่ก็นัดมาเลย ”


    เซาธว่า ก่อนที่อีสทจะช่วยเสริมเพิ่มเติม


   “ งั้นก็ได้ เอาไงเอากัน ”

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ โอ๊ย!!! ไม่อยากจะคิดเลย แป็บเดียวถึงวันไหว้ครูแล้ว ”


   “ เออ!!! มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ เร็วเข้าเลย ชักช้ากินข้าวไม่ทันนะฉันจะโทษแก ไอ้เซาธ ”


   “ ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้แกตื่นสายล่ะ ไอ้คุณอีสท ”


   เสียงโวยวายเจ้าเก่า เจ้าประจำ ดังต่อเนื่อง เหมือนเดิมเช่นทุกวัน


   “ ฉันก็ไม่อยากตื่นสายหรอก ถ้าเมื่อคืนไม่ต้องนั่งทำพาน กว่าจะเสร็จได้ ฉันเสียเลือดให้ยุงไปเป็นลิตรๆ ”


   “ แล้วแกจะบ่นหาพระแสงอะไร ก็เห็นๆอยู่ว่าภาคเราอ่ะ มีกุลสตรีเหลือน้อยกันทั้งนั้น  จะให้เพื่อนสาวทั้งหลายทำกันเองก็เกรงว่าจะโดนกินหัว ”


   “ เอาน่า..... จะบ่นไปทำไม รีบแต่งเข้าไปเถอะ ”


   เซาธและอีสทยังไม่วายจะพูดมาก และมันคงจะมากกว่านั้น หากมารินไม่ตัดบทเสียก่อน หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 4 คนจึงรีบไปโดมอาหารเพื่อทานอาหารเช้า


   กว่าที่ทุกอย่างจะเรียบร้อย ก็เสียเวลาไปไม่น้อย เพราะวันนี้ทุกคนลงมาพร้อมๆกัน หลังจากที่ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงเดินไปยังโดมกีฬา ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีไหว้ครูในวันนี้


   ภายในโดมนั้นตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่ดูดี สมกับพิธีการที่จัดขึ้น


   “ นี่ริน แกว่า พานของเราจะเข้าตากรรมการบ้างมั้ยอ่ะ ”


   อีสทกระซิบถาม หลังจากที่ทุกคนเข้ามานั่งในบริเวณพิธีกันหมดแล้วซึ่งในบริเวณพิธีนั้น จัดเก้าอี้เป็น 2 ฝั่ง แยกหญิงกับชาย


   เท่าที่เห็น พานไหว้ครูของสาขาอื่นๆนั้นรังสรรค์กันมาสุดฤทธิ์แต่สาขาของพวกตนนั้นออกจะธรรมดา ไม่เน้นความสวย ( ไม่มีใครมีฝีมือพอ )แต่เน้นความสร้างสรรค์


   “ ไม่รู้สิ แต่ก็เอาเหอะ เราทำได้แค่นี้นี่น่า ภูมิใจหน่อยสิ ”


   เจ้าตัวกระซิบตอบกลับไป ไม่นานนักหลังจากที่ประธานในพิธีมาถึง พิธีการต่างๆจึงเริ่มขึ้น


   “ อ้าวนั่นพี่โอนี่นา คนอะไรดูดีทุกสถานการณ์ ”


   อีสทเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่พิธีกรเชิญผู้นำกล่าวคำบูชาครูออกมานำ แต่มันก็จริงอย่างที่อีทธว่า เพราะวันนี้เขาอยู่ในชุดสูทของคณะกรรมการนักศึกษา


   “ แถมเสียงก็เพราะอีก ฉันถึงอิจฉาน้องรหัสพี่เขาแล้วดิ คนอะไรจะดูดีไปหมด ”


   อีสทยังหันมากระซิบต่อ แม้ว่าต้องกล่าวบทบูชาครูแล้วก็ตาม ซึ่งมารินก็ได้แต่รับฟัง เพราะกำลังกล่าวบทบูชาครูอยู่ หลังจากกล่าวจบพิธีการต่อไปก็คือการนำพานดอกไม้ ธูปเทียนที่เตรียมมา มาไหว้ครู โดยเขาเป็นแรกคนแรกที่นำพานดอกไม้ ธูป เทียนมาบูชาครู ในฐานะที่เขาเป็นประธานนักศึกษา ต่อจากนั้นจึงเป็นตัวแทนนักศึกษาจากภาควิชาต่าง ซึ่งเริ่มจากปี 1 เป็นชั้นปีแรก


   หลังจากที่พิธีการต่างๆลุล่วงไปแล้ว ทุกอย่างจึงกลับสู่ภาวะปกติ เสียงนกกระจอกแตกรังจึงดังขึ้นอีกครั้ง


   “ เอาล่ะครับทุกคน ตอนนี้พิธีการต่างๆก็เสร็จสิ้นลงแล้ว น้องๆมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อย ก่อนที่กิจกรรมในช่วงบ่ายจะเริ่มขึ้นอีกครั้งซึ่งในช่วงบ่ายนั้น นอกจากจะมีการแสดงของน้องปี 1 ที่ซุ่มซ้อมกันมาอย่างเต็มที่แล้ว ยังมีการประกาศรางวัลพานไหว้ครูอีกด้วย ”


   เขาเอ่ยขึ้น หลังจากปล่อยให้ทุกคนเปิดปากคุยกันได้สักครู่


   “ สำหรับช่วงต่อจากนี้ พี่มีเรื่องจะแจ้งอีกเรื่อง นั่นก็คือ....... ขอให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้ เจอกันอีกครั้งตอนบ่ายโมงครับ ”


   เขาเอ่ยต่อไป ก่อนจะเว้นช่วงพอให้สงสัย แล้วจึงพูดต่อไปให้ทุกหายสงสัย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ ริน แกไม่ตื่นเต้นบ้างเหรอ ”


   “ นั่นดิ ชั้นว่าฉันไปเข้าห้องน้ำอีกรอบดีกว่า ”


   “ พอเลยไอ้คุณเซาธ คุณอีสท แกเข้ามาเป็นรอบที่ 10 แล้วมั้ง ตั้งแต่มาเนี่ยะ ”


   “ ก็คนมันตื่นเต้นนี่ ”


   “ ช่ายๆ ฉันไม่ใช่แกนะโว๊ย ”


   เสียงเถียงกันของ 3 พี่น้องเจ้าประจำ ดังขึ้นด้านข้างเวทีแสดงด้านหน้าเซาธและอีสทกำลังเดินเป็นเสือติดจั่น ส่วนนอธแม้จะไม่ได้เดินไป เดินมาอย่างน้อง แต่มือก็เย็นเฉียบ ส่วนที่ไม่เดินนั้นคาดว่าก้าวขาไม่
ออกมากกว่า เพื่อนคนอื่นๆก็เช่นกัน เพราะเท่าที่เห็นเพื่อนจากภาควิชาอื่น แสดงกันไปแล้วนั้น ทุกภาควิชา ทำได้ดีมาก สามารถเรียกร้อยยิ้ม และเสียงหัวเราะได้มากมาย


   แต่มารินก็ยังไม่เห็นภาควิชาไหนที่วางโครงเรื่องคล้ายกับภาควิชาของตนเลย ส่วนใหญ่แล้วเน้นเรียกเสียงหัวเราะเสียมากกว่า และภาควิชาของตนนั้นไม่ได้เน้นเสียงหัวเราะเพียงอย่างเดียว แต่มีหลากหลายอารมณ์ผสมกันไป สิ่งที่ทำให้ทุกคนในภาควิชากำลังตกประหม่านั้น คาดว่าเป็นเพราะจับฉลากได้เป็นอันดับสุดท้ายหากจะบอกว่าดี มันก็ดี เพราะมีเวลาเตรียมตัวเพิ่ม แต่จะว่าไม่ดีก็ใช่ เพราะยิ่งเห็นคนอื่นทำไว้แล้ว ก็ยิ่งประหม่า


   “ เป็นอะไรกันครับน้องๆ นั่งหน้าซีด ปากสั่นเชียว ”


   “ ไอ้เวฟ แกก็พูดเกินไป เห็นมั้ยน้องเขาตกใจหมดเลย ”


   เสียงของรุ่นพี่คนคุ้นเคย ดังขึ้นด้านหลังของทุกคน ที่กำลังสติสตางค์ ไม่อยู่กับตัว ทำเอาแต่ละคนสะดุ้งโหยง


   “ น้องๆครับ ไม่ต้องกังวล ขอให้น้องทำให้เต็มที่ พี่เชื่อน้องๆทุกคนทำได้อยู่แล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พี่เชื่อว่าน้องวิท - เลทุกคนสามารถผ่านไปได้แน่ๆ ส่วนเรื่องรางวัลที่พวกพี่เขาพูดไว้น่ะ พี่เขาแค่อยากให้น้องทำให้เต็มที่เท่านั้น ถ้ามันไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ขอให้น้องทำเต็มทีก็พอ ”


   เขาปลอบและให้กำลังใจน้องๆ จากคำพูดของเขา ช่วยให้หลายคนคลายความกังวลลงไปได้มาก


   “ ก็จบลงไปแล้วอีก 1 ภาควิชา และต่อจากนี้ก็เป็นภาควิชาสุดท้ายแล้วนั่นก็คือ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ขอเชิญรับชมครับ ”


   เสียงประกาศของพิธีกร ตามมาด้วยเสียงปรบมือของผู้ชมบนอัฒจันทร์ ทำให้ทุกคนหันมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าให้กัน เป็นการเรียกกำลังใจอีกครั้ง


   แต่ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกไปด้านหน้า เขาส่งยิ้มให้กำลังทุกคนอีกครั้ง สำหรับมารินนั้น แม้ว่าจะเป็นนักกิจกรรมตัวยง ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ตนเองทำกิจกรรมแบบนี้ในระดับที่สูงขึ้น รอยยิ้มที่เขาส่งมานั้นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายได้ไม่ยาก


   “ สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ขอนำทุกท่านเข้าสู่โรงละครชั้นเลิศ ชมละครสั้นระลึกคุณครู ขอเชิญรับชม รับฟังได้ ณ บัดนี้ ”


   มารินรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายกล่าวเปิดตัวนำทุกคนเข้าสู่การแสดงตามที่ได้ซักซ้อมเอาไว้ เรื่องราวที่ตกลงกันไว้นั้น เป็นเรื่องราวของครูคนหนึ่ง ที่เสียสละมาสอนนักเรียนห้องที่ไม่มีใครอยากสอน


   เรื่องราวในตอนแรกที่วางเอาไว้นั้น เปิดเรื่องให้ทุกคนได้หัวเราะกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นของนักเรียน ครูที่สั่งสอนทุกอย่างให้กับลูกศิษย์ แม้ว่าแต่แรกเริ่มนั้น เด็กๆไม่ค่อยชอบนัก ด้วยความที่ตนเองเป็นครู ที่มีความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยม สุดท้ายแล้ว ครูก็สามารถเอาชนะความดื้อ ปราบความทโมนของเด็กเหล่านั้นได้ ทำให้เด็กที่ไม่มีใครชอบ กลับมาเป็นที่รักใคร่ของทุกคน สอนให้เด็กที่คิดว่าตนเองไม่สำคัญ เห็นความสำคัญของตนเอง สอนให้เด็กที่แตกแยก กลับมารักใคร่กลมเกลียวกัน


   กว่าครึ่งเรื่องตามบทวางเอาไว้นั้ร เพื่อนๆที่เป็นตัวแสดง สามารถสื่อความตามเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่มีบทที่เป็นทางการ มีเพียงการวางบทโดยรวม แต่ทุกคนก็สามารถใส่อารมณ์กันได้อย่างเต็มที่ ต่อบทกันอย่างเป็นธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะทำให้ผู้ชม มีความรู้สึกสนุก เศร้า ซึ้ง ตามไปด้วย


   เมื่อการแสดงเดินทางมากว่าครึ่งหนึ่งของเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งตามโครงเรื่องที่ได้ตกลงกันไว้นั้น จะเป็นจุดพลิกผันของเรื่องนี้ นั่นคือฉากอารมณ์ เมื่อเนื้อเรื่องที่วางเอาไว้นั้น กำหนดให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในวันที่เด็กกลุ่มนั้นจะจบการศึกษา แต่กลับมีกลุ่มผู้บุกเข้ามาครูคนนั้นช่วยให้นักเรียนทุกคนหนีออกมาได้ แต่ตนเองก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส


   “ พวกเธอจะร้องกันทำไม ครูยังไม่ตายซะหน่อย ”


   ผู้เป็นครูเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก เลือดจากบาดแผลใหญ่นั้น ยังไหลออกมาไม่ยอมหยุด


   “ แต่ครูคะ.... ”


   “ เอาเถอะ ถึงวันนี้ครูเป็นอะไรไปจริงๆ แต่ครูก็ภูมิใจนะ ที่เรือจ้างลำเล็กๆ ลำนี้ สามารถพาทุกคนมาจนถึงฝั่ง แต่ฝั่งฝันของพวกเธอทุกคนไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ ครูเป็นเพียงจุดเล็กๆเท่านั้น พวกเธอยังต้องเดินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพวกเธอสัญญากับครูสิว่า พวกเธอจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ที่แผ่กิ่งก้าน ทำคุณประโยชน์กับผู้อื่น พวกเธอจะเป็นคนดีของสังคม ของประเทศ พวกเธอจะไม่กลับไปเป็นเด็กเกเรเหมือนเมื่อก่อนอีก สัญญาสิ ”


   แม้ว่าทุกคำพูดที่เอ่ยออกอย่างยากลำบากนั้น ครูก็ยังพยายามที่จะสั่งสอนลูกศิษย์


   “ ครูครับ ครูไม่ใช่แค่เรื่องจ้าง สำหรับพวกเราแล้ว ครูเป็นมากกว่านั้น ครูเป็นดั่งแสงเทียนนำทาง ที่ช่วยชี้นำให้เด็กหลงผิดอย่างพวกเรามีโอกาสเห็นแสงสว่างอีกครั้งครูเป็นดั่งคนชุบชีวิตเด็กไร้อนาคต เด็กที่ไม่มีใครต้องการอย่างพวกเรา ครูเป็นเช่นผู้ให้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่สดใสกว่าเก่าแกพวกเรา ”


   เด็กคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น พูดแทนเพื่อนๆอีกหลายคนที่นั่งกอดครูร้องไห้อยู่ เขาพูดไปแต่น้ำตาของลูกชายก็ไหลออกมา แต่เขาก็หาได้สนใจว่าใครจะมองว่าเขาเป็นผู้ชายอ่อนแอ เพราะไม่เพียงแค่เขา เพื่อนในกลุ่มก็กำลังร้องอยู่เช่นกัน


   “ พวกเราสัญญาค่ะครู พวกเราสัญญา เราจะเป็นคนดีอย่างที่ครูเคยสอน ครูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เราสัญญาว่าเราจะทำดีให้สมกับที่ครูสอนพวกเรามา ”


   เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่ม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น ครูมองหน้าลูกศิษย์ทุกคนอีกครั้ง ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีความสุข


   สุดท้ายแล้ว ครูผู้เสียสละก็หมดลมหายใจในอ้อมกอดของลูกศิษย์ที่ตนรัก และเฝ้าสั่งสอนให้เป็นคนดี กับอาชีพที่ตนรักและเคารพ.....


   มารินเว้นช่วงไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังอัฒจันทร์ที่มีผู้ชมอยู่เต็ม แต่กลับเงียบสนิท ไม่มีเสียงพูดคุย แม้ก่อนหน้านั้น จะมีเสียงหัวเราะ เสียงอุทาน แต่ ณ ขณะนี้ มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของหลายคน ที่เข้าถึงบทบาท กับเพื่อนๆของตนที่แสดงได้สมบทบาท


   “ หลายปีต่อมา..... ”


   มารินบรรยายฉากต่อไปที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ลูกศิษย์ของครูได้แยกย้ายกันไปศึกษาตามสาขาที่ตนชอบ แต่ในทุกปีในวันที่ครูจากพวกเขาไป พวกเขาทุกคนจะกลับมาหาครูอีกครั้ง และในปีนี้ก็เช่นกัน


   “ ครูครับ พวกเรากลับมาแล้วนะครับ วันนี้พวกเราเรียนจบแล้วตามที่ครูต้องการแล้วนะครับ ”


   ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พลางใบปริญญาบัตรลงหน้าสถูป เพื่อนคนอื่นๆก็เช่นกัน


   “ ครูครับ พวกเราสัญญาว่า พวกเราจะเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่แผ่กิ่งก้าน ให้ความร่มเย็น ทำประโยชน์ให้กับสังคม ตามที่ครูสอน ”


   ทุกคนให้คำมั่นอีกครั้ง ซึ่งเป็นการปิดฉากละครเรื่องนี้โดยสมบูรณ์แต่คนดูยังอินตามบทกันอยู่


   “ ครับ เรื่องราวที่ทางภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ได้จบลงไปแล้ว แต่มีอีกสิ่งหนึ่ง ที่พวกเราชาววิทยาศาสตร์ ทางทะเล จะขอนำเสนอต่อจากนี้ นั่นก็คือ บทเพลงพระคุณที่ 3 เราเชื่อว่า ทุกๆคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ คงจะร้องเพลงนี้ได้ ยังได้ก็ช่วยพวกเราร้องกันด้วยนะครับ  ”


      1ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้
   อบรมจิตใจให้รู้ผิดชอบชั่วดี
   ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที
   ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น

      ครูมีบุญคุณจะต้องเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า
   ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น
   ท่านอุทิศไม่คิดถึงความยากเย็น
   สอนให้รู้จัดเจนเฝ้าแนะเฝ้าเน้นมิได้อำพราง

      * พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส
   แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
   ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง
   มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู

      บุญเคยทำมาตั้งแต่ปางใดเรายกให้ท่าน
   ตั้งใจกราบกรานเคารพคุณท่านกตัญญู
   โรคและภัยอย่ามาแผ้วพานคุณครู
   ขอกุศลผลบุญคำชูให้ครูมีสุขชั่วนิรันดร
         ( * ) ซ้ำ


   เสียงเพลงพระคุณที่สามจบลง จากการร้องประสานเสียงที่ทุกคนในสาขาฝึกซ้อมกันมา เป็นการร้องในแบบประสานเสียง ที่มีการคอรัสรวมอยู่ด้วยจึงฟังเพราะไปอีกแบบ ต่างจากตอนที่ซ้อมเชียร์ เพราะตอนนั้นต้องร้องให้เสียงดังเข้าไว้ นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากทุกคนที่เข้ามาชมการแสดงในครั้งนี้ด้วย


   “ ขอบคุณทุกคนมากครับที่ช่วยพวกเราร้อง แต่ในครั้งนี้นั้น พวกเราชาววิท - เล ยังมีอีก 1 บทเพลง ที่อยากจะมอบให้กับครูผู้เสียสละทุกท่าน หากว่าพี่ๆ เพื่อนๆ คนใดร้องได้ เคยฟัง เคยได้ยินมาบ้าง หรือว่าร้องได้ ก็ช่วยพวกเราอีกครั้งนะครับ ”


   มารินเอ่ยขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันร้องเพลงเมื่อครู่ ก่อนจะชักชวนให้ร่วมกันร้องอีก 1 บทเพลง


   “ สำหรับเพลงนี้มีชื่อว่า ‘ เพื่อมวลชน ’ ”


   มารินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะให้สัญญาณเพื่อเริ่มร้องบทเพลงนี้


      2* ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน
   ติดปีกบินไปให้ไกล ไกลแสนไกล
   จะขอเป็นนกพิราบขาว
   เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี

      ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา
   จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา
   หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย
   จะถมกายเป็นทางเพื่อมวลชน

      ชีวา ยอมพลีให้ มวลชน
   ที่ทุกข์ทน ขอพลีตน ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง
         ( * ) ซ้ำ


   เมื่อร้องจบเพลง ทุกคนโค้งให้กับผู้ชมเป็นการขอบคุณ แต่ทุกคนบนอัฒจันทร์ ยังนิ่ง เหล่าเพื่อนๆก็เริ่มใจไม่ดี เพราะตลอดการแสดงที่ผ่าน เมื่อการแสดงจบลงจะมีเสียงปรบมือให้ แต่นี่ทุกคนนั่งเงียบ หรือว่าพวกตนจะแสดงไม่ได้เรื่องเลย


   แปะๆๆๆ


   เขาลุกขึ้นปรบมือให้รุ่นน้องในสาขาเป็นคนแรก ก่อนที่เสียงที่ตามอีกจนดังกึกก้องอยู่นาน ชอและเวฟยกนิ้วโป้งให้กับทุกคน ส่วนเขาก็ส่งยิ้มมาให้เช่นเคยแต่ยิ้มของเขาในครั้งนี้ มันทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มพองโตอย่างบอกไม่ถูก


   การแสดงของภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล ก็จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสามารถสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คราบน้ำตา ความประทับใจให้กับใครหลายๆคน เป็นการการันตีความสามารถ นอกเหนือจากด้านวิชาการ และแสดงให้เห็นว่า แม้ว่าภาควิชา วิทยาศาสตร์ ทางทะเล จะมีคนน้อยแต่คุณภาพก็ไม่ได้น้อยตามลงไปด้วย



1เพลงพระคุณที่สาม = ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองโดย ครูสุเทพ โชคสกุล


2เพลงเพื่อมวลชน = ศิลปิน จิ้น กรรมาชน





หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: jusmine ที่ 30-11-2012 20:11:30
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-11-2012 21:22:06
รอตอนต่อไป

ขอบคุณขอรับที่ท่านรอ :pig4:

บวกเป็ดให้ขอรับ :L2:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 30-11-2012 22:01:52
ตอนบทท้ายๆซึ้งน้ำตาไหล  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-11-2012 22:33:25
ตอนบทท้ายๆซึ้งน้ำตาไหล  :monkeysad: :monkeysad:

ขอบคุณขอรับที่เข้ามาซึ้งด้วยกัน :pig4:

ความจริงตอนแต่งข้าเจ้าเองก็ชอบขอรับ และคิดว่าครูทุกคนเป็นมากกว่าครูขอรับ

มอบเป็ดเหลืองแทนใจเช่นเคยขอรับ

ปล. ณ ตอนนี้เรื่องเดินมาเกินครึ่งทางแล้วขอรับ :L2:


หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 01-12-2012 00:02:17
สนุกดีค่ะ :z2:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-12-2012 10:25:50
สนุกดีค่ะ :z2:
 :pig4: :pig4:

ขอบคุณขอรับ :pig4:

มอบน้องเป็ดแทนใจขอรับ :L2:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-12-2012 12:03:35

ตอนที่ 13





   ผ่านมาเกือบเดือนแล้วตั้งแต่ช่วงวันไหว้ครูที่ผ่านมา แต่เรื่องราวในวันนั้น ยังเป็นที่โจษจันกันไม่เลิก

   “ พี่โอครับ จะไม่บอกน้องเขาจริงๆเหรอว่าพี่เป็นพี่รหัส ”

   ชอถามขึ้น ขณะที่เดินขึ้นบันไดกลับห้องพร้อมกัน หลังจากที่เขาพาน้องห้อง และน้องรหัส รวมถึง 3 ฝาแฝดไปกินข้าวเย็น

   “ ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า ”

   “ ไม่มีอะไรครับ แค่สงสัย เพราะนี่ก็ใกล้วันรับน้องแล้ว ”

   เขาตอบคำถาม ก่อนจะถามกลับ

   “ แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อวันไหว้ครูที่ไร ผมรู้สึกภูมิใจจริงๆ ”

   เวฟพูดขึ้นอีกคน หลังจากที่เจ้าตัวปิดปากเงียบมาได้สักครู่

   “ ก็จริงนะ ต้องยอมรับว่า น้องๆเค้าทำกันได้ดีมาก... ”

   ชอสนับสนุนความคิดของเพื่อนอย่างเห็นด้วย แต่พูดไม่ทันจะจบประโยคดี เจ้าเพื่อนปากดีก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

   “ แหม..... ไม่ใช่แค่ดีโว๊ย แต่... โคตะระดีต่างหาก ”

   เวฟแทรกขึ้นมา ก่อนที่จะเจ้าตัวจะเอ่ยต่อ

   “ เล่นได้เนียนมาก ทำให้คนดูอินกับบทบาท ร้องไห้ตามซะขนาดนั้นอ่ะ สุดยอดจริงๆ ”

   เวฟกล่าวด้วยสีหน้าชื่นชมจากใจจริง ซึ่งเขา และชอก็เห็นด้วยเช่นกันเพราะในวันนั้น น้องๆวิท - เลทำได้ดีมาก ซึ่งรางวัลชนะเลิศที่ได้รับมานั้น ไม่ใช่ได้มาแบบโชคช่วย แต่ได้มาเพราะความตั้งใจจริงและทุกคนต่างก็เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องวิท - เล นั้นเหมาะกับรางวัลที่ได้เป็นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่รางวัลที่เป็นการกำหนดเอาไว้ก่อน

   “ คิดว่า ปีนี้ภาคของเราคงจะมีสีสันขึ้นอีกเป็นกอง ว่ามะ ”

   “ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ”

   ชอว่า ส่วนเวฟก็ทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่รับฟังเงียบๆ ตามปกติ

   “ เออ!!! นี่ จะรับน้องแล้ว ข้าว่านะ น้องรินแล้วก็เพื่อนร่วมห้องน้องเขาอ่ะ ต้องโดนโหลดให้อยู่กลุ่ม VIP แน่เลยว่ะ ”

   เวฟเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนคนที่เพิ่งนึกออก

   “ เออนะ ว่าอยู่ น้องรินแล้วก็เพื่อนๆของน้องเขาออกจะโดดเด่นซะขนาดนั้นน่ะ แล้วพี่โอมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ถ้าน้องเขาโดนโหวตให้อยู่กลุ่ม VIP จะให้เราแย้งหรือเปล่าครับ ”

   ชอที่คิดตามเอ่ยตามขึ้นมาด้วยความเห็นเดียวกัน ก่อนจะหันมาความคิดเห็นของเขาที่นิ่งฟังเงียบๆ เพราะการโหวตกลุ่มน้องในวันรับน้องนั้น พี่รหัสสามารถแย้งได้ถ้าคืดว่าน้องคนนั้นไม่สมควรจะอยู่กลุ่มตามที่มีการเสนอชื่อ

   “ ปล่อยไปตามปกติดีกว่า ถ้าใครจะเสนอก็ได้ พี่ไม่ว่าอะไร ดี๋ยวใครเขาจะมองไม่ดี ”

   เขาตอบ เพราะหากว่าเขาขอก็คงไม่มีใครว่า แต่มันก็คงเป็นการไม่ดีนัก  พราะทุกคนคงจะมองน้องรหัสเขาในแง่ลบ และเมื่อครั้งที่เวฟกับชอก็เช่นกัน เขาไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายแต่อย่างไร

   “ ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็เป็นกลุ่ม VIP กันหมดเลยซิครับ ”

   เวฟหันมาพูด ขณะที่กำลังไขกุญแจเข้าห้อง

   “ เออ!!! ใช่ ถ้าน้องรินอยู่กลุ่ม VIP จริง งั้นพวกเราก็เป็นพวกไม่ธรรมดาอ่ะดิ ”

   ชอพูดขึ้น หลังจากที่เข้ามาอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็เป็นจริงเพราะเขา ชอ และเวฟ ต่างก็เคยอยู่กลุ่ม VIP มาก่อน

   “ เออ!!! ไอ้ชอ แกเข้ามาอยู่ในกลุ่ม VIP ได้ไงวะ ”

   เวฟถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

   “ แหม..... ไอ้ปลาทองทำมาถาม มันก็ด้วยเหตุผลเดียวกับแกแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะแกข้าจะติดร่างแหไปด้วยเรอะ นี่แกแกล้งลืม หรือลืมจริงๆวะ ”

   ชอตอบอย่างไม่ค่อยถูกใจนัก ก่อนจะหันมาหาเจ้าตัวต้นเรื่อง ที่กำลังยืนหัวเราะแห้งๆอยู่ เพราะเขาอยู่กลุ่ม VIP ก็เพราะเวฟนั่นที่ขยันดึงเขาออกมาร่วมวงสันทนาการ ทั้งที่ตอนแรกเขาไม่ค่อยจะโดดเด่นอะไรเลย

   “ ก็คนมันลืมโว๊ย เออ!!! ว่าแต่..... ”

   “ แต่อะไรของแก ”

   เวฟตอบพลางทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จนชอทนไม่ไหว ต้องถามกลับ

   “ คืออย่างนี้นะ คือผม อยากรู้ว่า พี่โออ่ะ ถูกโหวตเข้ากลุ่ม VIP ได้ยังไง ”

   เวฟเฉลยในสิ่งที่ตนเองสงสัย ส่วนชอที่ยืนฟังอยู่ก็มีอาการอยากรู้ไม่ต่างกัน

   “ นั่นสิครับ ผมไม่เห็นพี่โอจะมีอะไรที่น่าอยู่กลุ่ม VIP เลย ”

   ชอที่เห็นด้วยกับเพื่อนเอ่ยถามขึ้นอีกคน

   “ คงเป็นเพราะตำแหน่งประธานชั้นปีน่ะ ”

   “ อ๋อ..... จริงด้วย เราลืมไปได้ไงเนี่ยะ ”

   เขาตอบ ทำให้ทั้ง 2 คน ถึงบางอ้อพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ส่วนเขาที่เป็นคนตอบก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับน้องรหัสทั้งคู่

   เพราะโดยปกติแล้ว คนที่เป็นประธานไม่ว่าจะเป็นประธานภาค ประธานชั้นปี จะต้องอยู่กลุ่ม VIP เสมอ กลุ่ม VIP เป็นการจัดกลุ่มในวันรับน้อง ซึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกนั้นก็ได้มาจากรุ่นน้องที่โดดเด่นในด้านต่างๆ  ซึ่งกลุ่มนี้นั้นจะได้รับสิทธิพิเศษ(?)กว่ากลุ่มอื่นรุ่นพี่จะรักมาก เพราะทุกคนมักจะมีอะไรให้กลุ่ม VIP ทำเป็น 2 เท่าของกลุ่มปกติ แต่เขาก็ได้ความประทับใจจากกลุ่มนี้ไม่น้อย

   และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง  ที่ทำให้เขาไม่เคยเข้ามายุ่งเรื่องการจัดกลุ่ม เพราะถึงอย่างไรแล้ว คนที่จะได้รับประสบการณ์ก็เป็นตัวของน้องเอง เพราะกิจกรรมรับน้องก็มีเพียงครั้งเดียว

   “ พี่โอครับ แล้วพี่โอจะมาที่ซุ้มวิท - เล หรือว่าจะอยู่ที่ซุ้มของคณะกรรมการนักศึกษาครับ ”

   ชอถามขึ้น เพราะในกิจกรรมรับน้องนั้นจะมีการจัดซุ้มให้น้องเข้าร่วมเป็นจุดๆ ซึ่งจะจัดแยกตามสาขาวิชา นอกจากนั้นยังมีซุ้มของส่วนกลางนั่นก็คือ ซุ้มของกรรมการนักศึกษา เขานิ่งคิดก่อนจะหันมาตอบ

   “ พี่คงเข้าซุ้มกรรมการก่อน เพราะว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แต่ที่ซุ้มของภาคก็คงจะมาดูเป็นระยะๆ เพราะยังไงก็มีน้องๆแล้วก็พี่ปี 4 คนอื่นก็อยู่ครบ ขาดพี่ไปแค่คนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ”

   “ ไอ้เป็นน่ะ มันไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่ว่าซุ้มของภาคเราก็ขาดคนหน้าตาดีไปอีกคนแค่นั้นเองอุตส่าห์มีรุ่นพี่เป็นหนุ่มรูปงามกับเขา แต่ก็ไม่ได้มาประดับภาคกับเขาบ้างเล๊ย... ”

   เวฟพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร แต่สิ่งที่เจ้าตัวทำนั้น ทำให้ชอที่ฟังอยู่อดใจไม่ไหว

   โป๊ก!!!

   “ ไอ้บ้า แกมาเขกหัวข้าไมวะ ”

   เวฟโวยวายใส่หน้าชอ ที่บังอาจมาเขกหัวตนเอง

   “ แหมไอ้เวฟ แกพูดอย่างกับว่า พี่รหัสข้าเป็นไม้ประดับที่ปลูกเอาไว้ดู ”

   ชอโต้กลับอย่างไม่พอใจ

   “ แกไม่ต้องมาทำหน้าหงิกใส่ข้าเลย แกเข้ามาอยู่ชมรมผู้พิทักษ์รักพี่โอตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ”

   เวฟยังทำหน้าทะเล้นใส่ชออย่างไม่ลดละ ส่วนชอที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ชมรมที่ว่ากำลังจะหันมาหาเรื่องเจ้าตัวพูดมาก แต่มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “ อย่าทะเลาะกันเป็นเด็กๆเลย พี่ปวดหัวกับเรา 2 คนจริงเลย ”

   “ ก็แหมพี่โอครับ พี่ยังไม่ชินอีกเหรอ ”

   “ ช่ายๆ อยู่กันมา ปีนี้ก็ปีที่ 2 แล้ว ”

   ชอและเวฟเข้ากันเป็นปี่ เป็นขลุ่ยทันที ทั้งที่เมื่อครู่ยังหาเรื่องแหย่กันอยู่

   “ เลิกทะเลาะกันได้แล้วเหรอ เรา 2 คนเนี่ยะนะ ”

   เขาว่าน้องทั้งคู่อย่างไม่จริงจังนัก เพราะเจ้าคนโดนว่า ยังทำหน้าระรื่นอยู่ได้เช่นเดิม

   “ พี่โอครับ ผมมีเรื่องอยากจะรู้ แต่ไม่กล้าถาม ”

   เวฟเอ่ยขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้คนที่ฟังอยู่สงสัยไม่น้อย ว่าเจ้าตัวอยากรู้เรื่องอะไร

   “ แล้วเราอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ ถ้าตอบได้ พี่ก็จะตอบ ”

   เขาว่า และมันก็ทำให้เจ้าคนที่อยากรู้หูผึ่งได้ไม่ยากนัก

   “ จริงนะครับ ”

   เวฟถามกลับอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ ส่วนเขาแค่เพียงพยักหน้ารับยิ้มๆ กับอาการดีใจออกนอกหน้าของชายหนุ่ม

   “ คือผมอยากรู้ว่า... บ้านพี่อยู่ไหน ผมรู้แค่ว่า พี่เป็นคนต่างชาติ แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นคนที่ไหน และเท่าที่รู้มาจากพี่ๆคนอื่น ก็เพียงว่าพี่มีบ้านอยู่ที่ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วพี่เป็นคนชาติไหน ”

   เวฟเมื่อได้โอกาสถามในสิ่งที่สงสัยมานาน ก็ใส่เต็มที่ แบบไม่เว้นช่วงหายใจ

   “ แล้วเราคิดว่าพี่เป็นคนที่ไหนล่ะ ”

   เขาย้อนถามน้อง ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าคนโดนถามต้องนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบอีกครั้ง
   
   “ ผมก็อยากจะเดาอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ก็เดาไม่ถูกอ่ะ ”

   เวฟตอบอย่างอับจนปัญญากับคำถามของเขา

   “ แล้วเราล่ะชอ คิดว่าพี่เป็นคนที่ไหน ”

   เขาหันมาถามน้องห้องอีกคน ที่นั่งฟังมานาน

   “ ผมเหรอครับ ผมก็เหมือนเวฟแหละครับเพราะถ้าดูผิวเผินแล้ว พี่ไม่มีอะไรที่บอกว่าเป็นคนต่างชาติเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นมารยาทหรือวัฒนธรรมต่างๆของเรา พี่ยังเข้าใจและปฏิบัติได้ดีกว่าพวกเราบางคนเสียอีก  แถมภาษาพูดพี่ก็ไม่มีสำเนียงของคนต่างชาติเลย พี่พูดภาษากลางของเราได้ดีกว่าผมกับไอ้เวฟเสียอีก ”

   ชอร่ายยาวตามความรู้สึก ซึ่งเวฟก็ได้แต่พยักหน้าหงิกหงัก เห็นด้วยอยู่ข้างๆ

   “ ขนาดนั้นเลยเหรอ ”

   เขาถามกลับด้วยความแปลกใจ

   “ ขนาดนี้แหละครับ ”

   เวฟตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังจนเกินจำเป็น

   “ ถ้าสมมุติว่า พี่บอกว่าเรื่องนี้พี่ไม่สะดวกที่จะบอกเรา 2 คนจะว่าอะไรพี่มั้ย ”

   เขาลองหยั่งเชิงถามทั้งคู่ดู เพราะเรื่องที่ถูกถามนี้เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน และไม่สะดวกที่จะบอกตามที่หยั่งเชิงดูจริงQ

   “ เราก็..... ”

   เวฟพูดขึ้น ก่อนจะเว้นช่วงยาว ให้คิดต่อว่า เขาต้องการจะพูดว่าอะไรต่อ

   “ ว่าอะไรของแกไอ้เวฟ ”

   สุดท้ายคนที่ทนรอไม่ไหวกลับเป็นชอ แทนที่จะเป็นเขาที่เป็นคนรอคำตอบ

   “ แหมไอ้ชอ แกนี่ช่างสนับสนุนข้าเสียเหลือเกินนะ ”

   เวฟหันมาว่ากระแหนะ กระแหนชอ ที่ยังทำหน้างงๆ เพราะไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรผิด

   “ อะไรของแกวะ ก็แกชอบพูดอะไรขยักขย่อน กระบิดกระบวน อยู่นั่นแหละ ข้าจะไปรู้แกมั้ยล่ะ ”

   ชอตอกกลับอย่าเหลือทน กับอาการมากท่าของเพื่อนสนิท

   “ เออ!!! ไอ้เพื่อนเลว ไม่ช่วยแล้วยังทำเสียเรื่องอีก ”

   เวฟว่าอย่างเคืองใจ ที่เพื่อนไม่สนับสนุนตนเองเหมือนเคย

   “ แล้วเรื่องอะไรของแกล่ะ แกก็ส่งซิก ส่งสายตาบอกหน่อยก็ไม่ได้ข้าไม่ใช่ด๊อกเตอร์ทัศไท ในเรื่องจิตสังหารนะโว๊ยจะได้อ่านใจแกได้ ”

   เวฟและชอตั้งป้อมหาเรื่องกันอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้ว่าอะไรไม่ห้ามเหมือนเช่นเคย เพราะรู้ว่า ยังไง 2 คนนี้ก็ต้องหาเรื่องอื่นมาทะเลาะกันอีก

   “ โอ๊ย!!! ไม่เอาแล้ว เถียงกับแกแล้วเหนื่อยจริงๆเลย แล้วไมพี่โอไม่ห้าม ทุกทีเห็นห้าม ”

   เวฟที่ขี้เกียจจะเถียงกับชอต่อ หันมาหาเรื่องคนที่นั่งเงียบๆมานาน

   “ อ้าว!!! พี่ก็นึกว่าเราอยากจะเถียงกันเสียอีก เห็นหาเรื่องกันไม่ได้หยุด ไม่ได้หย่อน ”

   เขาว่าขำๆ และมันก็ทำให้เวฟหันมาส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก เพียงยิ้มขำๆ กับท่าทางของน้องรหัสคนนี้เท่านั้น

   “ เออ!!! แล้วที่แกว่าเนี่ยะ เรื่องอะไรของแก ”

   ชอวกกลับมาที่เรื่องเดิม ที่ค้างเอาไว้อีกครั้ง

   “ ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะกดดันพี่โอบ้าง แต่แกทำเสียเรื่องหมดไม่ช่วยแล้วยัง..... ”

   “ ข้าจะไปรู้มั้ยเล่า ที่หลังแกก็เตรี๊ยมก่อนดิโว๊ย ”

   เวฟและชอหันมาตีกันอีกครั้ง

   “ พอเถอะ!!! ถ้าเป็นเรื่องเมื่อครู่ พี่ยังยืนยันคำตอบเดิมนะ ”

   เขาห้ามทั้งคู่อีกครั้ง ก่อนจะวกเข้าเรื่องเดิมที่ทิ้งค้างเอาไว้นานแล้ว

   “ อย่างนั้นเหรอครับ งั้นก็..... ไม่เป็นไรครับ เราไม่รู้ก็ได้ เพราะเราเชื่อว่าพี่ต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอน ”

   เวฟตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม โดยที่ชอพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ ซึ่ง   ก็ช่วยทำให้เขาเบาใจไปมากเพราะหากน้องทั้ง 2 คนนี้ไม่เข้าใจ เขาก็คงรู้สึกไม่ดีที่ไม่ได้บอกความจริง แต่เวฟและชอก็เลือกที่จะไม่รู้ ตามที่เขาขอ

   “ อืม... พี่ขอบใจเรา 2 คนมากนะ ที่เข้าใจ ”

   เขากล่าวขอบคุณทั้งคู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่มีอยู่เสมอบนใบหน้าคมคายนั้น ทั้งเวฟและชอก็ยิ้มตอบกลับไป

   “ ไปอาบน้ำดีกว่า พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า จะได้นอนเต็มที่ ”

   เวฟว่า ขณะที่เดินไปเปลี่ยนเสื้อ ก่อนจะออกไปหยิบตะกร้าสบู่ที่ระเบียงหลังห้อง แล้วเดินออกจากห้องไป

   “ พี่โอครับ ”

   “ มีอะไรเหรอ ”

   ชอหันมาเรียกเขา ซึ่งเขาก็เงยหน้าขึ้นมองคนเรียก หลังจากที่ก้มหน้าอ่านหนังสือวรรณกรรมอยู่และพบว่าชอมีสีหน้าจจริงจัง คล้ายกับมีเรื่องสำคัญ

   “ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากเรียกเฉยๆ ”

   “ ..... ”

   ชอตอบหน้าตาย ก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่เขา แล้วจึงเดินตามเวฟไปอาบน้ำอีกคน เขาก็ได้แต่ส่ายหัวกับความไม่รู้จักโต ของน้องร่วมสาขาวิชาคนนี้

   กระนั้นแล้ว เขาก็แอบนึกอิจฉาทั้งคู่อยู่ลึกๆ เพราะหากนับกันแล้ว อายุของเขาและชอรวมถึงเวฟ ไม่ได้ต่างกันมากนัก อยากทำอะไรก็ทำได้ตามต้องการ เป็นทุกอย่างทีอยากเป็นได้ ต่างกับเขาที่ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างที่อยากทำได้ และคงเป็นการยากที่เขาจะเป็นได้เช่นนั้น

   “ เฮ้ออออ!!! ”

   เขาถอนใจเงียบๆคนเดียว แล้วปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปไกลเท่าที่มันจะไปได้ เพราะเขาไม่เคยที่จะถอนหายใจให้ใครเห็น เขาจะถอนใจก็ต่อเมื่ออยู่คนเดียวเท่านั้น

   “ นี่ถ้าคนที่บ้านมาได้ยินจะเป็นอย่างไรนะ ”

   เขาพูดกับตนเองเบาๆ พลางคั่นหน้าหนังสือที่อ่านค้างอยู่แล้วปิดไว้ดังเดิม ก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กข้างเตียง


หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 01-12-2012 17:43:20
เรื่องส่วนตัวของโอน่าสนใจมากเลย :z3:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-12-2012 21:38:18
เรื่องส่วนตัวของโอน่าสนใจมากเลย :z3:
 :pig4:

โอเชี่ยนมีอะไรที่เป็นความลับอีกหลายอย่างขอรับ :a5:

ขอบคุณที่ติดตามขอรับ :pig4:

มอบเป็ดน้อยกลอยใจขอรับ  :L2:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 01-12-2012 21:38:59
อยากรู้เรื่องที่บ้านของพี่โอ แต่ต้องไม่ธรรมดา o3 o3
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-12-2012 21:46:53
อยากรู้เรื่องที่บ้านของพี่โอ แต่ต้องไม่ธรรมดา o3 o3

จะว่าอย่างไรดี

พี่โอเขาไม่ใช่คนธรรมดาขอรับ แต่ก่อนที่จะรู้จักกับน้องรินเขาก็ไม่มีอะไรให้ห่วง แต่หนักจากนั้นก็มีเรื่องเข้ามา (แอบสปอย)

ตอนนี้เดินมากว่าครึ่งเรื่องแล้ว

อีกไม่กี่ตอนก็จะถึงจุดพลิกผัน (ข้าเจ้าจะต้มน้ำร้อนไว้ก่อน) :o12:

ขอบคุณขอรับที่ติดตาม มอบน้องเป็ดให้ 1 ตัว :3123:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: KIRA_kung ที่ 02-12-2012 02:23:18
แวะมาทักทาย ครับ ตอนที่ 12 แอบซึ้ง นะ 555555

ชอบท่อนท้ายๆเรื่องอ่ะ


และพี่โอเชียนของผม ประวัติน่าจะไม่ธรรมดานะ รอลุ้น ^^


เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะ เลิฟๆ อิอิ  :L1: :L1: :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: jusmine ที่ 02-12-2012 08:07:23
พี่โอลึกลับเชียวนะ
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 02-12-2012 09:15:40
แวะมาทักทาย ครับ ตอนที่ 12 แอบซึ้ง นะ 555555

ชอบท่อนท้ายๆเรื่องอ่ะ


และพี่โอเชียนของผม ประวัติน่าจะไม่ธรรมดานะ รอลุ้น ^^


เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะ เลิฟๆ อิอิ  :L1: :L1: :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณขอรับที่แวะมาเยี่ยมกัน :pig4:

ประวัติของพี่โอนั้นเป็นความลับขอรับ ประมาณว่าเป็นคนสำคัญ(รึเปล่า)คนหนึ่ง :z3:

แล้วก็ขอบคุณสำหรับดอกไม้และกำลังใจขอรับ :กอด1:

พี่โอลึกลับเชียวนะ

พี่โอเขาเป็นคนที่ไม่ลึกลับหรอกขอรับ แค่ไม่เคยจะบอกเท่านั้นเอง (วิ่งหลบ  :z6: อย่างไว)

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมกันขอรับ :pig4:

ปล. มีน้องเป็ดน่ารักให้ทุกคนขอรับ :L2:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 03-12-2012 08:47:44
เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-12-2012 10:42:27
เข้ามารอพี่โอกับน้องรินจ้า

ขอโทษที่ให้รอขอรับ :z3:

จะรีบตามพี่โอมาอย่างด่วน

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-12-2012 10:54:02
ตอนที่ 14



   คืนวันศุกร์ค่ำคืนแห่งการพักผ่อน เนื่องจากว่าเช้าวันต่อมาเป็นวันว่าง แต่ครั้งนี้คงจะไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ เพราะค่ำคืนนี้เป็นคืนแห่งการรับน้อง ประมาณว่าคืนนี้นั้นเป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนจะถึงกิจกรรมรับน้องอย่างเต็มรูปแบบในวันรุ่งขึ้น

   “ โอ๊ย!!! กว่าจะถึงพรุ่งนี้ มีหวังฉันหมดสภาพก่อนแน่ๆ ”

   เจ้าป้าบ่นขึ้นหลังจากที่โดนปลุกรอบล่าสุด ทั้งๆที่เพิ่งจะหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมง

   “ แกจะบ่นทำซากอะไรวะ ก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องโดนปลุก หรือถ้าแกไม่อยากโดนปลุก แกก็ไม่ต้องนอน ”

   อีสทหันมาบ่นใส่นอธบ้าง เพราะนี่เป็นรอบที่ 3 แล้วที่นอธบ่นอย่างนี้ รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ต้องโดนแน่ๆ แต่ก็ยังไม่เลิกบ่น

   “ ฉันว่านะ ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วแหละ ”

   มารินเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงคล้ายกับคนจะหมดแรง

   “ รู้ได้ไงวะริน ”

   เซาธหันมาถามด้วยเสียงที่ไม่ต่างกันนัก เพราะกว่าครึ่งคืนที่ผ่านมานั้น แทบจะไม่ได้นอนกันอย่างเต็มที่เลย เนื่องจากว่ามีรุ่นพี่ที่แสนน่ารักมาเคาะประตูเรียกถึงหน้าห้องทั้งคืนเรียกไม่เรียกเปล่า เพราะแต่ครั้งที่เรียกออกมานั้น มีกิจกรรมให้ได้ออกกำลังกายกลางดึก พร้อมทั้งอาหารเมนูเปิปพิสดารอันหลากหลาย

   “ ก็เท่าที่พี่เวฟกับพี่ชอพูดเปรยๆน่ะ พี่เค้าพูดประมาณว่าเพื่อนของพี่เขาอาจจะขึ้นมาเยี่ยมพวกเรา
และเท่าที่เราเห็นนะ พี่กลุ่มเมื่อครู่ก็เป็นพี่ปี 4 ซึ่งน่าจะเป็นชั้นปีสุดท้ายแล้วไง ”

   มารินอธิบายให้ 3 แฝดฟังตามความคิดเห็นของตัวเอง

   “ อ๋อ..... เออ!!! ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกนิดส์นึง ฉันขอหลับเอาแรงก่อนนะ ”

   เซาธว่าเสียงสูง ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงแบบไม่ใคร่จะสนใจใครอีก ส่วนอีก 2 แฝดก็ไม่ว่าอะไรอีก ก่อนจะขึ้นเตียงของตัวเองตามกันไป

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ เมื่อไหร่จะถึงซักทีเนี่ยะ ”

   เซาธเปิดปากบ่น หลังจากที่เดินมาได้สักพักเรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากที่เข้านอนครั้งล่าสุด ไม่ทันที่จะได้ฝัน ก็มีเสียงเคาะประตูปานฟ้าจะถล่มมาปลุกทุกคนอีกครั้ง และไม่ทันที่จะได้ล้างหน้าให้ตื่นเต็มตา ก็ต้องออกจากหอมาตามคำสั่ง เพื่อมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะเดินไปยังชายหาดด้านใน ซึ่งระยะทางทั้งหมด จากหอมาถึงศาลเจ้าที่ไปจนถึงชายหาดนั้นก็ไม่ใกล้ ไม่ไกลเท่าไหร่ แค่เกือบๆ 5 กิโลเมตรเท่านั้น

   จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่เซาธจะบ่น ยังดีอีกนิดที่ว่ามารินไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับนอธ ไม่งั้นคงหูชากว่านี้แน่ เพราะนอธอยู่กลุ่มธรรมดาแต่ตนกับเซาธอยู่ในกลุ่มพิเศษ ที่พวกพี่เรียกว่ากลุ่ม VIP ส่วนอีสทก็อยู่ในกลุ่ม VIP เช่นกัน แต่เป็น VIP กลุ่ม 2

   กว่าทุกคนจะเดินมาถึงชายหาด ที่เป็นที่นัดหมายก็สายพอสมควรเพราะตลอดระยะทางที่ผ่านมานั้น มีกลุ่มของรุ่นพี่ตั้งกลุ่ม คอยทักทายน้องๆอยู่เป็นระยะๆ

   “ นี่ริน ฉันว่ากว่าจะหมดกิจกรรมที่รุ่นพี่เตรียมไว้นะฉันว่า ฉันต้องหมดแรงก่อนแน่ๆ ”

   เซาธยังมีแกใจชวนคุย ทั้งๆที่กำลังจะต้องเข้าฐานแรกอยู่แล้ว เท่าที่น้องๆได้รู้จากรุ่นพี่ปี 2 ก็คือว่ากิจกรรมจะแบ่งเป็นฐานต่างๆ แยกตามสาขาวิชา น้องๆจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมในทุกฐาน ซึ่งฐานแรกที่ทุกคนต้องเข้าเหมือนกันนั่นก็คือ ฐานแต่งตัว ที่ทางพี่ๆเตรียมไว้ต่อจากนั้นคือ การเข้าฐานอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการหมุนเวียนกันไปจนครบทุกฐาน ซึ่งจะมีเวลาตั้งแต่ 09:00 น. - 15:00 น.

   หลังจากนั้น จะเป็นกิจกรรมล้างสถาบัน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมสุดท้ายของช่วงบ่าย ก่อนจะเริ่มต้นกิจกรรมในช่วงกลางคืนอีกครั้งในเวลา18:00 น.

   “ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ถ้าฉันเดินกลับบ้านสภาพนี้นะ 1ป๊ะกับ2มะฉันคงจำไม่ได้แน่เลย ”

   “ นี่เซาธ ฉันว่านะ แกไม่ต้องไปถึงบ้านหรอก แค่แกเดินออกจากตรงนี้ไป คนอื่นเขาคงคิดว่าคนบ้าที่ไหนเดินมาแล้วล่ะ ”

   “ เออ!!! ก็จริงนะ ”

   เซาธพูดขึ้น หลักจากที่หลุดออกมาจากฐานแต่งตัว ซึ่งเป็นฐานแรกมาได้ และเพื่อนคนที่เดินข้างหน้า ก็หันมาแสดงความคิดเห็นที่ทุกคนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะสภาพทุกคนหลังจากเดินออกจากฐานแต่งตัว ที่ต้องเดินผ่านถ้ำเล็กๆ ที่แบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือของสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี เพื่อตัดออกสู่ชายหาด สาเหตุที่ต้องผ่านถ้ำก็เป็นเพราะรุ่นพี่คิดว่า มันน่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่าการเดินแบบปกติหลังจากผ่านเส้นทางของผู้ชายออกมาได้ ก็พบว่าตนเองอยู่ในสภาพที่เรียกว่า คนบ้ายังอายเพราะตั้งแต่หัวจรดเท้า เต็มไปด้วยแป้งเปียกผสมสี แถมยังโรยเม็ดแมงลักลงไปด้วยจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่เซาธ และเพื่อนในกลุ่มจะพูดประโยคเมื่อครู่

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ รอดชีวิตมาจนได้ ”

   “ ช่าย..... นึกว่าเราจะไม่รอดจนถึงฐานสุดท้ายซะแล้ว ”

   เสียงพูดคุยงึมงำ ของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันดังขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบ หลังจากที่สัญญาณหมดเวลาดังขึ้นหลายคนในขณะนี้ ต่างก็ช่วยกันหอบหิ้วสังขารตามๆกันไป เพราะหลังจากที่ผ่าฟันสารพัดด่าน กิจกรรมสร้างสรรค์สุดๆในสายตาของพี่ๆ แต่สุดแสนจะทรมานจิตใจรุ่นน้อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี กิจกรรมออกกำลังกายกิจกรรมฝึกความอดทน กิจกรรมสานรัก กิจกรรมกินวิบาก ที่สรรหาอาหารเปิปพิสดารมาให้ได้ลองลิ้ม ชิมรส และอีกมากมายหลากหลาย

   ประโยคยอดฮิตติดปากสำหรับงานวันนี้คงจะเป็น ‘ น้องผู้หญิงดูแลน้องผู้ชายด้วย ’ หรือไม่ก็ ‘ ผู้ชายมีน้อยโปรดใช้สอยอย่างประหยัด ’ สาเหตุก็อันเนื่องมาจาก ที่นี่มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเรียกว่า ผู้ชายมีแทบจะไม่ถึงครึ่งของผู้หญิงด้วยซ้ำ

   หากแต่ละกิจกรรมนั้น ก็ทำให้ทุกคนรักสามัคคีกัน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรมรับน้องทุกอย่าง แม้ว่าจะเหนื่อย ( มาก ) ไปบ้างก็ตาม

   “ เอาล่ะครับน้องๆทุกคน หลังจากที่เราผ่านกิจกรรมช่วงที่ 2 มาแล้ว ด้วยดี รึเปล่า..... ”

   พี่ปี 4 จากฝ่ายกิจกรรมคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แบบติดตลกเล็กน้อย เพื่อเรียกรอยยิ้มจากทุกคน

   “ และต่อจากนี้ก็เป็นอีก กิจกรรมย่อย ก่อนจะถึงกิจกรรมหลักที่รออยู่นั่นคือ..... กิจกรรมล้างสถาบัน แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องผ่านกิจกรรมย่อมนี้ก่อน เอ้าเขยิบเข้ามาชิดกันหน่อย เดี๋ยวพวกพี่จะบูมให้น้องแล้วจะปล่อยให้น้องไปล้างสถาบัน ซึ่งถือว่าน้องได้ผ่านการรับน้องเป็นรุ่นน้องของพวกเราทุกคนอย่างสมบูรณ์แบบ ”

   พี่คนเดิมกล่าวต่อไป ก่อนจะสั่งให้ทุกคนเขยิบให้ชิดกันมากขึ้น เพื่อจะได้บูมได้สะดวกขึ้น เมื่อบูมสถาบันเสร็จ พี่ๆก็กระจายตัวกันไปที่ชายหาด เพื่อทำกิจกรรมล้างสถาบัน หรือว่าพูดให้ง่ายก็คือว่า ล้างหัว ล้างตัว เอาแป้งเปียกกับเม็ดแมงลักออกจากหัวนั่นเอง ซึ่งในขณะนี้เป็นเวลาที่น้ำขึ้นสูงพอสมควร แต่เพราะไม่ใช่คราวน้ำเกิด น้ำจึงขึ้นไม่สูงเท่าวันที่โอเชี่ยนพามารินมา

   “ รินเราแยกกันก่อนนะ แล้วเจอกันที่ห้องเลยแล้วกัน ”

   เซาธหันมาบอกเนื่องจากว่า แต่ละคนต้องกระจายกันหาพี่รหัสของตนเองก่อน เพราะตอนนี้เหล่าพี่ชั้นปีอื่นกำลังเล่นเกมส์ซ่อนแอบอยู่

   “ อืมๆ แล้วเจอกันนะ ”

   มารินหันมาบอกเพื่อน ก่อนจะสอดส่ายสายตา หาเพื่อนรหัสของตนเองทั้ง 2 คน

   “ พี่เยอะมากมาย แล้วเราจะหาเจอมั้ยเนี่ยะ น้ำลึกแค่ไหนก็ไม่รู้จะรอดมั้ยเรา ”

   มารินบ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะเท่าที่หามาได้สักพัก ตนยังไม่เจอพี่รหัสของตัวเองเลย อีกอย่างเจ้าตัวก็ไม่กล้าลงไปลึกกว่านี้เพราะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก่อนที่จะบ่นอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงของใครบางคนขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “ จะอะไรครับน้อง ยังไม่แก่ซะหน่อย บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ”

   “ พี่เวฟ!!! พี่ชอ!!! พี่....โอ ”

   มารินอุทานด้วยความดีใจที่เจอพี่รหัสพร้อมกัน รวมถึงเขาด้วยอีกคนแม้ว่าเสียงสุดท้ายนั้นจะแผ่วลงมา เพราะไม่คิดว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้เมื่อยืนบ่นอยู่ก็เจอพี่รหัสของตัวเองซะได้

   “ รู้อย่างนี้บ่นมานานแล้ว ”

   “อะไรนะครับ พี่ได้ยินไม่ถนัด ”

   มารินพูดงึมงำคนเดียว แต่เวฟเกิดหูดีได้ยินขึ้นมาเสียได้

   “ อ๋อ..... เปล่าครับ ไม่มีอะไร ”

   มารินรีบปฏิเสธอย่างมีพิรุธ แต่ก็ไม่มีใครซักไซ้ต่อ

   “ เอาเถอะ พี่ว่าล้างตัวเลยดีกว่า เผื่อน้องจะไปที่อื่นอีก ”

   เขาตัดบทพลางแกะยางที่มัดผมให้อย่างแผ่วเบา

   “ นี่ริน พี่ว่า พี่ๆเขารักเรามากเลยนะดูดิ แมงลักเต็มหัวเลย ”

   “ ว่างั้นแหละชอ รักม๊าก....มาก ”

   ชอและเวฟเอ่ยขึ้น หลังจากที่สาละวนช่วยกันแกะเม็ดแมงลักออกจากหัวของน้องรหัส

   “ พี่ครับ รินมีเรื่องอยากจะถามครับ ”

   มารินเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ยืนให้พี่ๆทั้ง 3 มะรุม มะตุ้มอยู่นาน

   “ อะไรครับน้องรหัส ”

   เวฟตอบกลับ ตามแบบฉบับของตนเอง

   “ คือว่ารินสงสัยครับว่าทำไมพี่ถึงอยู่ใกล้ รินก็หลงมองหาตั้งไกลไม่คิดว่าพี่จะอยู่ใกล้ๆฝั่ง ”

   มารินตอบไปตามสิ่งที่คิด ส่วนคนฟังก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเฉลยสิ่งที่เด็กหนุ่มสงสัย

   “ ก็มีใครบางคนแถวนี้บอกพี่ว่า น้องรหัสของพวกเราปีนี้อ่ะเป็นโรคกลัวน้ำ (ลึก) พวกพี่ก็เลยต้องมาติดแหง็กอยู่แถวๆชายฝั่งนี่แหละ เนื่องจากกลัวว่าหากไปไกลจากชายฝั่ง น้องรหัสของเราคงไม่สามารถตามไปได้  น้องรหัสที่เคารพมีอะไรสงสัยจะถามอีกมั้ยครับ พี่รหัสที่แสนดีอย่างพวกพี่ๆจะได้ตอบทีเดียว ”

   เวฟตอบข้อสงสัย แต่นั่นก็ทำให้คนเป็นน้องอายไม่น้อย เพราะว่ามารินไม่กล้าไปที่ลึกจริงอย่างที่เวฟว่า แต่เวฟรู้ได้อย่างไรเพราะเด็กหนุ่มไม่เคยบอกใครเลยว่า ตนเองว่ายน้ำไม่เป็นนอกจาก.....

   “ พี่รู้ได้ไงครับว่ารินว่ายน้ำไม่เป็น ”

   ไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง แต่ปากเจ้ากรรมก็ถามออกไปแล้ว

   “ ก็พี่เวฟเค้าบอกแล้วไง ว่ามีคนบอกมา ”

   ชอว่า นั่นทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้น ส่วนคนที่โดนมองก็ได้แต่ยิ้มๆ และมันก็เป็นเหมือนการยอมรับ

   “ เอาน่าน้องครับ ใครจะบอกก็ช่างเหอะ เดี๋ยวพี่ช่วยกันล้างหัวให้น้องก่อนแล้วกัน ”

   “ ช่ายๆ เดี๋ยวพี่ต้องลงคาถาอีกด้วย มันต้องใช้เวลานะน้อง ”

   ชอและเวฟช่วยกันเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว และมันก็สำเร็จเสียด้วย เพราะคำพูดเมื่อครู่ของเวฟ ทำให้มารินเกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีก

   “ คาถา?!? คาถาอะไรครับ ”

   “ ก็คาถา..... เอาน่า เดี๋ยวก็รู้ อย่าถามมากน่า ”

   เวฟตอบ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายงง แต่กลับทำให้งงกว่าเดิมเสียมากกว่า มารินจึงต้องหาผู้ช่วยจำเป็นเจ้าตัวหันมามองเขา แบบคนต้องการความช่วยเหลือ แต่เขาไม่ได้ว่าอะไรอีกเช่นเคย ทำให้เด็กหนุ่มออกจะไม่พอใจหน่อยๆ

   “ แหมๆ สมานฉันท์กันจริงๆเลยนะครับ ”

   มารินว่างอนๆ เพราะไม่มีใครบอกตนเองเลยสักคน แต่ตนก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

   หลังจากที่ทั้ง 3 สาละวนจัดการกับสารพัดอย่างบนหัวและตัวของเด็กหนุ่มเสร็จแล้ว ก็เป็นการร่ายคาถาที่เวฟบอกไว้แต่แรก ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมาก เป็นการบอกให้ช่วยเพื่อนดูแลกันและกันตั้งใจเรียน และสุดท้าย.....

   “ น้องเฮ้อ มาพร้อมเพื่อน จบพร้อมเพื่อน อย่าจบก่อน อย่าจบหลังนะน้อง ทำด้ายม้ายนั้น ”

   เวฟกล่าวด้วยภาษาและสำเนียงท้องถิ่น แม้ว่ามารินจะไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ทำให้มารินพอจะเข้าใจโดยรวมได้

   “ ได้ครัเบ ”

   มารินรับคำเกือบจะพร้อมๆกับการร่ายคาถาครั้งสุดท้ายของเวฟ นั่นก็คือการเป่าหัว

   “ เอ้า!!! เสร็จพิธี ณ บัดนาว น้องเป็นรุ่นน้องของที่นี่แล้วอย่างสมบูรณ์ ”

   เวฟว่า หลังจากที่เสร็จภารกิจทุกอย่าง

   “ แล้วเราจะไปหาพี่คนอื่นอีกมั้ย ”

   เขาเปิดถาม หลังจากเงียบมาตลอดเวลาที่ผ่านมา

   “ ก็อยากไปครับ แต่ว่า..... ”

   มารินตอบด้วยอาการเขินที่ต้องพูดประโยคต่อมา

   “ ไม่กล้า !!! ”

   เวฟและชอประสานกันขึ้นมาอย่างรู้ทัน ซึ่งก็ได้แต่พยักหน้ารับแบบเขินๆ ที่พี่ๆรู้ทัน

   “ เอาอย่างนี้แล้วกัน เวฟ ชอ พาน้องเขาไปหาพี่ในสาขา แล้วก็พี่คนอื่นๆ ”

   เขาเสนอ ซึ่งมารินก็ออกจะเห็นด้วยกับคำพูดของเขาไม่น้อย

   “ แล้วพี่โออ่ะครับ จะไปไหนต่อ ”

   ชอถามพี่ใหญ่ของกลุ่ม เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะแยกตัวไปอีกทาง

   “ พี่คงอยู่แถวนี้แหละ ไม่ได้ไปไหนหรอกอาจจะไปอยู่กับกลุ่มพี่ปี 4 คนอื่นๆน่ะ ยังไงก็ฝากดูน้องด้วยนะ ”

   เขาตอบ ก่อนจะกำชับทั้งคู่ให้ดูแลคนที่ได้รับความรักจากตนอีกครั้ง ซึ่งชอและเวฟก็ยิ้มตอบกลับมา ประมาณว่า ‘ วางใจได้ ’

   ใจจริงๆแล้ว เขาก็อยากไปกับคนที่ตนเองรักด้วย แต่มันคงไม่ดีนักจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวฟและชอแทน




1ป๊ะ = พ่อในภาษาถิ่น
2มะ = แม่ในภาษาถิ่น






หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 03-12-2012 19:03:04
คิดถึงตัวเองสมัยปี1 ที่ต้องเดินไหว้พระเก้าวัดในเมืองกรุง ทั้งนั่งรถลงเรือเดินผ่านกลุ่มชุมนุม ตอนนั้นสนุกมาก แต่ถ้าให้ทำตอนนี้สองวัดไม่รู้จะไหวมั๊ยแก่แล้ว 555555

ปล น้องรินกลัวน้ำเหมือนป้าเลยลูกแต่ป้าก็จะเล่น ต้องเป็นภาระคนอื่น (ฉันไม่สนใจ) :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-12-2012 19:55:52
คิดถึงตัวเองสมัยปี1 ที่ต้องเดินไหว้พระเก้าวัดในเมืองกรุง ทั้งนั่งรถลงเรือเดินผ่านกลุ่มชุมนุม ตอนนั้นสนุกมาก แต่ถ้าให้ทำตอนนี้สองวัดไม่รู้จะไหวมั๊ยแก่แล้ว 555555

ปล น้องรินกลัวน้ำเหมือนป้าเลยลูกแต่ป้าก็จะเล่น ต้องเป็นภาระคนอื่น (ฉันไม่สนใจ) :laugh: :laugh:

ท่านต้องเดินไปเช่นกันหรือขอรับ

ณ ตอนนี้ข้าเจ้าก็สูงวัย(ไม่อยากบอกว่าตัวเองแก่ 5+) :เฮ้อ:

แต่น้องรินเค้าเล่นน้ำได้อย่างสบายใจขอรับ เพราะมีป๋าคอยกำกับทุกอย่าง

ขอบคุณที่เข้ามาหาน้องรินขอรับ :pig4:

เดี๋ยวส่งพี่โอตามไปดูแลถึงบ้านขอรับ :กอด1:

มีน้องเป็ดให้เช่นเคยขอรับ :3123:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 04-12-2012 19:38:19


ตอนที่ 15



   เวลา 18:00 น. เวลานัด เพื่อเริ่มอีก 1 กิจกรรมในช่วงเย็นของวันนี้ ซึ่งสถานที่นัดก็ยังเป็นที่เดิม นั่นก็คือโดมกิจกรรม


   เมื่อน้องๆมาถึงพี่ๆที่ยืนอยู่ก็ช่วยกันแจกเทียนให้กับทุกคนคนละเล่ม ซึ่งทุกคนก็ได้จากพี่รหัสของตนเองเพิ่มจากเทียนมีอยู่ นอกจากนั้นก็ยังได้จากพี่คนอื่นที่รู้จักอีกด้วย

   “ น้องรินครับ อันนี้ของพี่ส่วนอันนี้ ของพี่รหัสปีสายตรง 4 ของน้องครับ อ้อ!!! ของน้องทั้ง 3 คนด้วย ”

   ชอและเวฟปรากฏกายขึ้นพร้อมกับยื่นเทียนให้มาริน หลังจากที่เลยเวลานัดมาได้สักพัก ซึ่งการมาของเขาทั้งคู่ก็สร้างความดีใจให้เด็กหนุ่มไม่น้อย เพราะเจ้าตัวยังไม่ได้เทียนจากพี่รหัสของตนเองเลย และอีกอย่างนี่ก็เป็นการแสดงว่า พี่รหัสปี 4 ของตนนั้นมีตัวตน

   เทียนของเวฟและชอเป็นเทียนไขธรรมดาทั่วไป แต่เทียนที่ฝากมาจากพี่ปี 4 นั้นเป็นเทียนหอมอยู่ในครอบแก้วกันลมสีฟ้าอ่อนๆ รูปทรงธรรมดา แต่มีลายคล้ายเถาวัลย์พันอยู่โดยรอบ

   “ อ้อ!!! น้องริน พี่เขาฝากมาบอกว่าให้ใช้เลยนะไม่ต้องเก็บไว้ดู ถ้าชอบน่ะพี่เขาจะหาให้ใหม่ ”

   ชอพูดขึ้น เหมือนจะรู้ว่าน้องรหัสของตนคิดอะไรอยู่ เพราะมารินกำลังคิดจะเก็บเทียนเล่มนี้ไว้อยู่พอดี

   “ มันไม่ใช่ความคิดพี่หรอก เพียงแต่ว่าพี่เขาเดาอ่ะว่าเราต้องไม่อยากจุดมัน พี่เขาก็เลยดักทางเอาไว้ ”

   “ ใช่ๆ จุดไปเลยน้อง เพราะเมื่อปีที่แล้วพี่กับไอ้ชอก็ได้แบบนี้แหละไม่ต้องห่วง พี่เขามีเยอะ ”

   ชอและเวฟพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องรหัสยังอิดออดไม่อยากจุดเทียนเล่มงามนั้นเสียที แต่ไม่ใช่แค่มารินเพราะ 3 แฝดที่ได้เช่นเดียวกันก็ไม่ยอมจะจุด

   “ เออ!!! เกือบลืมคืนนี้หาพี่ให้เจอด้วยนะ เพราะบางทีเราอาจได้เจอคนอื่นนอกจากพี่ 2 คนก็ได้ ”

   ชอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะแยกตัวออกไปทำหน้าที่ของตนเองต่อแล้วปล่อยให้น้องปี 1 ทำหน้าของตัวเองเช่นกัน

   เกือบ 1 ทุ่ม กิจกรรมต่างๆก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง น้องปี 1 ที่รุ่นพี่ให้รออยู่ที่โดมอาหารแต่แรก ก็เริ่มเดินออกจากโดมอาหารไปยังโดมกิจกรรม ซึ่งก่อนจะเดินไปนั้น พี่ๆก็บอกให้ทุกคนจุดเทียนก่อน และต้องดูแลไม่ให้เทียนดับจนกว่าจะได้เข้าไปในโดม เพราะเทียนที่ถืออยู่นี้ ถือเป็นเทียนแห่งปัญญา

   แม้ว่าสิ่งที่พี่ๆบอกนั้นมันไม่ยากเท่าใดนักถ้าหากว่า ระหว่างที่เดินๆอยู่นั้น จะไม่มีพี่ๆมาแอบเป่าเทียนของน้องๆ แต่ของมารินและ 3 แฝดนั้นไม่ต้องกลัวแต่อย่างไร เพราะมีครอบแก้วป้องกันลมอยู่แล้วจึงไม่ลำบากนัก เพราะว่าแม้เล่มอื่นๆจะดับแต่เล่มนี้ก็ไม่ดับอย่างแน่นอน

   คืนนี้เป็นข้างขึ้นแม้ว่าจะไม่ใช่พระจันทร์เต็มดวง แต่ก็พอได้เห็นแสงบ้างแล้ว เมื่อรวมกับแสงเทียนเล็กๆ นับร้อยๆดวงที่ส่องสว่างอยู่ด้านล่าง ก็เป็นภาพที่น่าดูไม่น้อย

   “ กว่าจะรอดมาได้ ดีนะที่ได้เทียนจากพี่รหัสรินช่วยไว้ ไม่งั้น เทียนแห่งปัญญาของฉันมีหวัง จอดไม่ต้องแจว ”

   จอมพูดมากเอ่ยขึ้น หลังจากที่ประคับ ประคอง ฝ่าลมพายุ (จากปาก ) ด้านนอกมาจนถึงด้านในได้ ภายในโดมกิจกรรมแม้จะปิดไฟหมด แต่แสงสว่างจากเทียนเล็กๆหลายร้อยเล่มก็ทำให้สว่างไสวขึ้นมาได้ และเป็นภาพที่สวยงามไปอีกแบบ

   “ นี่อีสท ฉันอยากเห็นหน้าพี่รหัสปี 4 ของไอ้รินแล้วว่ะ ว่าหน้าเป็นอย่างไร ทำตัวลึกลับซะจริงๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ ว่ามะ ”

   “ อืม..... ก็ใช่นะ งั้นเราก็เกาะหลังไอ้รินไป จะได้รู้ว่า พี่รหัสปริศนาคนนี้เป็นใคร ”

   เซาธกับอีสทคุยกันเบาๆ เพราะตอนนี้ทุกคนเข้ามานั่งอยู่ในโดมหมดแล้ว และกำลังจะเริ่มทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ หลังจากที่หมอขวัญประกอบพิธีเสร็จก็เป็นการผูกข้อมือให้กับทุกคน ก่อนจะให้อาจารย์ผูกข้อมือต่อ หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของรุ่นพี่ที่จะผูกเป็นกลุ่มต่อไป

   “ รินแกว่าเราจะหาพวกพี่ๆเจอมั้ยวะ ”

   เซาธเอ่ยขึ้น หลังจากที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากว่าแม้จะเสร็จพิธีการแล้ว แต่ภายในโดมก็ยังไม่เปิดไฟเช่นเดิม มีเพียงแสงไฟดวงเล็กที่ให้แสงสว่าง และแสงเทียนที่จุดไว้แต่แรก

   “ อย่าบ่นเลยน่า มีหน้าที่หา ก็หาไป พี่เขาต้องอยู่ในนี้แหละ เชื่อดิ คงไม่ไปไหนไกลหรอก ”

   อีสทพูดขึ้น คล้ายจะปลอบเซาธ แล้วก็ปลอบใจตัวเองด้วยเช่นกัน ว่าแล้วแต่ละคนก็กระจายกันไป เพื่อตามหาเพื่อนรหัสของแต่ละคน

   “ โห!!! พี่ชอ พี่เวฟ กว่าจะหาเจอ ”

   มารินว่าอย่างเหนื่อยๆ พลางนั่งแหมะลงตรงหน้าทั้งคู่ แต่เมื่อเหลือบตาไปมองด้านข้างของพี่ทั้งคู่ทำให้เด็กหนุ่มต้องแปลกใจอีกครั้ง

   “ พี่โอ!!! ”

   มารินอุทานเบาๆ แต่ก็พอจะได้ยินในตอนแรกนั้น มารินคิดว่าเขาเป็นพี่รหัสตนเอง เจ้าตัวก็อดดีใจอยู่ลึกๆไม่ได้ ที่จะมีเขาเป็นพี่รหัส เพราะเขาใส่ใจทุกรายละเอียดของตนเป็นอย่างดี แต่เมื่อคิดไป คิดมา อาจเป็นเพราะเขาเป็นพี่รหัสของเวฟและชอ เขาจึงมานั่งอยู่ด้วยก็ได้

   “ อ้าว!!! น้องริน เป็นอะไรหรือเปล่า ”

   ชอถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเมื่อครู่น้องรหัสของตนยิ้มอย่างดีใจ แต่ไม่เท่าไหร่ก็กลับมาหน้าเศร้าอีก

   “ เอ่อ... ไม่มีอะไรครับ ”

   มารินตอบเสียงแผ่วๆ ทั้งที่พยายามจะรักษาเสียงให้ปกติไว้ให้มากที่สุดแล้วก็ตาม

   “ นั้นหรือ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนนี้นะ น้องรินก็คือรุ่นน้องของเราแล้ว พี่กับพี่เวฟก็มีของจะให้ เพื่อแสดงว่าน้องคือน้องของที่นี่อย่างสมบูรณ์ที่สุด ”

   ว่าจบชอก็หยิบสร้อยคอธรรมดาๆ ที่มีจี้เงินอันหนึ่งห้อยอยู่เส้นหนึ่งขึ้นมา เวฟและชอช่วยกันใส่ให้จนเสร็จหลังจากนั้นก็ผูกข้อมือให้ เมื่อเสร็จภาระกิจจากพี่รหัสทั้ง 2 คนของตนเอง มารินจึงหันมาหาเขา เพราะเขาก็เป็นพี่ที่ตนเคารพคนหนึ่ง

   “ พี่ดีใจด้วยนะที่น้องผ่านวันนี้มาได้ ขอให้น้องเก็บเรื่องราวดีๆ น่าประทับเอาไว้ให้ดีนะ เพราะมันคงมีเพียงครั้งเดียว ”

   เขาว่า พลางหยิบสร้อยข้อมือเงิน ที่มีจี้รูปสมอเงินอันเล็กน่ารักอันหนึ่งออกมาใส่ให้ พร้อมกับพูดบางประโยคที่ทำให้มารินต้องตกใจ

   “ สำหรับน้องรหัสที่น่ารัก หวังว่าน้องจะเป็นน้องที่น่ารักอย่างนี้ตลอดไปนะ ”

   “ ครับ!?! พี่โอว่าอะไรนะครับ ”

   มารินถามขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ เพราะตนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินว่าหูฝาดไปหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร เขายังคงยิ้มเหมือนครั้งก่อนๆอีกครั้ง

   “ พี่ 2 คน ก็ดีใจนะที่ได้รหัสเฟือนๆแบบเราน่ะ ”

   เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ชอจึงพูดแทน เพื่อย้ำว่าสิ่งที่มารินได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยาย

   “ ม่ะๆ.... หมายความว่า..... ”

   “ ใช่แล้วไอ้น้อง นี่พี่รหัสของเรา ตัวจริง เสียงจริง ”

   มารินพูดขึ้นอย่างตะกุก ตะกัก จนเวฟต้องมาช่วยคอมเฟิร์มอีกครั้ง

   “ พี่หลอกแกล้งริน ”

   เมื่อรวบรวมสติได้แล้วมารินก็ตั้งแง่กับเขาทันที

   “ พี่เขาไม่ได้หลอก เพียงแต่ไม่เคยจะบอก ”

   เวฟว่า พลางทำหน้าขำกับอาการไม่ค่อยจะพอใจของน้องรหัส ที่โดนแกล้งมาตลอด

   “ แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ ”

   มารินว่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าทั้ง 3 จะเป็นพี่ก็ตาม

   “ เอาน่าๆ น้องริน มันก็เป็นเรื่องที่พี่รหัสสามารถทำได้ หยวนๆน่าโอเคมั้ย ”

   เวฟพูดทีเล่น ทีจริง

   “ ฝากไว้ก่อนเหอะ อย่าให้รินเป็นพี่บ้างนะ จะแกล้งพี่บ้าง ”

   มารินว่า ทั้งที่ในใจนั้นยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย ที่รู้ว่าเขาคือพี่รหัสของตนเอง

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   “ เอาล่ะครับน้องๆ Freshy ทุกคน ตอนนี้ก็ถึงเวลาระทึกอีกครั้งเนื่องจากว่า ต่อจากนี้ เราจะประกาศผลโหวต Freshy Boy และ Freshy Girl และผลโหวต Senior ในดวงใจ ”

   พิธีกรประกาศขึ้น หลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนผูกข้อมือรับขวัญกันมาพักใหญ่ ในตอนนี้นั้นเปิดไฟภายในโดมทั้งหมดแล้ว

   “ เราจะมาเริ่มจากตำแหน่ง Freshy Boy Award ก่อนแล้วกัน และผลโหวตนี้ตกเป็นของน้อง..... ”

   การประกาสผลโหวตต่างๆ ผ่านมาถึงตำแหน่งสุดท้าย นั่นก็คือรางวัล Senior ในดวงใจ

   “ สำหรับรางวัล Senior ในดวงใจคนที่ได้คะแนนนี่ รู้สึกว่าจะทิ้งห่างคนอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นทีเดียว แต่จะเป็นคนที่เราคิดไว้หรือเปล่า อันนี้ต้องรอดูครับ เพราะฉะนั้นเราอย่าช้ากันเลยดีกว่า เรามารู้พร้อมกันเลยว่าคนที่ได้ตำแหน่งนี้เป็นใคร และตำแหน่งนี้เป็นของ...... ”

   พิธีกรยังคงทำหน้าที่ต่อไป แถมยังจงใจเว้นระยะให้ทุกคนลุ้นตามไปด้วย

   “ พี่โอครับ...... ”

   เสียงเฮดังลั่น สนั่นโดมเพราะทุกคนก็คิดไว้แล้วว่าเขาคงไม่พลาดตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน แต่แล้วทุกคนก็ต้องอ้าปากค้างกับประโยคที่ตามมาของพิธีกร

   “ ช่วยประกาศแทนผมที ”

   ประโยคเมื่อครู่เรียกว่าทำให้อารมณ์ค้างไปตามๆกัน ส่วนคนที่ถูกเรียกชื่อก็ยิ้มน้อยๆ กับความขี้เล่นของพิธีกร แต่เมื่อเขาเดินไปถึงกลางโดมที่สมมุติให้เป็นเวที รุ่นน้องพิธีกรตัวดีก็เปลี่ยนใจเสียอย่างนั้น

   “ ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ พี่ไม่ต้องประกาศแล้ว เพราะว่าคนที่ได้ตำแหน่งก็พี่นั่นแหละ ”

   คำบอกของคนเป็นพิธีกร ทำให้คนที่รอฟังอึ้งรอบ 2 เพราะไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนเล่น

   “ แต่พี่ก็ออกมาแล้ว ยังไงก็แสดงความสามารถซักกะนิ๊ด ก่อนก็แล้วกันนะครับ ”

   พิธีกรว่า ยังไม่ทันที่เขาจะตอบว่าอะไร ก็มีเสียงของคนคุ้นเคยดังขัดขึ้นมา

   “ วิว เมื่อกี้น้อง Freshy Boy ก็ยังไม่ได้แสดงความสามารถเลยนะ เดี๋ยวมันจะเป็นการเอาเปรียบน้อง Freshy Girl นะโว๊ย ”

   มารินหันมองตามเสียง และก็พบว่าคนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่รหัสของตนเอง

   “ จริงด้วย แหมผมก็ลืมไปเลย ถ้าอย่านั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราให้ทั้งคู่แสดงความสามารถพร้อมกันเลยดีมั้ยครับ ”

   “ อย่างนั้นแหละ ”

   เสียงของเวฟดังขึ้น และเมื่อทุกคนประสานเสียงกัน เขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้อีกเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงเดินไปที่โต๊ะควบคุมเสียง แล้วจึงพูดคุยบางอย่างกับคนคุมเสียง ไม่นานนักเสียงเพลงลีลาศในจังหวะแทงโก้ก็ดังขึ้น

   “ เต้นรำกับพี่สักเพลงแล้วกันนะ ”

   เขาว่า พลางโค้งลง ตามมารยาทในการเต้นรำ และเมื่อโดนขอเช่นนี้ มารินก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน แม้ว่าตนเองจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เมื่อถูกโค้งแบบนี้ก็คงจะต้องยอมออกมาเต้นเป็นฝ่ายหญิงนั่นล่ะ

   “ พี่รู้ได้ไงครับว่ารินเต้นลีลาศได้ ถ้ารินทำพี่ขายขี้หน้าขึ้นมาจะว่าไง เพราะทุกคนคงคิดว่ามันเป็นมุขของริน แต่กับพี่เนี่ยะ หน้าแตกนา ”

   มารินว่า หลังจากที่ก้าวออกมายืนอยู่กลางโดมอยู่กับเขาแล้ว

   “ พี่คิดว่าพี่จำไม่ผิดนะว่า ในประวัติที่เราเขียนน่ะ เราบอกตนเองเต้นลีลาศได้ทุกจังหวะ และพี่ก็คิดว่า แค่นี้ยังไงน้องวิท - เลก็ทำได้อยู่แล้ว ”

   เขาตอบ ซึ่งมันก็ทำให้มารินหน้าเหวอไปเหมือนกันที่เขารู้ประวัติส่วนตัวของ เพราะตนเองจำได้ว่า ไม่เคยเขียนส่งเขา หรือว่า.....

   “ พี่แอบอ่านประวัติริน ”

   มารินกล่าวหาเขา แต่เขาก็ยิ้มแล้วตอบกลับไปแบบธรรมดาๆ

   “ พี่ไม่ได้แอบ ก็เราเขียนส่งพี่รหัส พี่ก็เป็นพี่รหัสเหมือนกัน แล้วทำไมพี่จะอ่านไม่ได้ล่ะ ”

   เขาตอบหน้าตาย ส่วนมารินก็ได้แต่ทำหน้ายู่ใส่ เพราะยังไงก็เถียงไม่เคยชนะเขาเสียที แล้วมารินก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง เพราะเจ้าตัวสามารถเต้นลีลาศคู่กับเขาได้เป็นอย่างดี ชนิดที่ว่ามืออาชีพเห็นแล้วต้องยกนิ้วให้

   “ สงสัยว่า ปีนี้มหา’ลัยเราต้องได้นักกีฬาลีลาศ คนใหม่แน่ๆว่ะ แกว่ามั้ยชอ ”

   เวฟหันมาพูดกับชอ หลังจากที่การแสดงจบแล้ว พร้อมกับเสียงปรบมือมากมาย

   “ ก็ว่างั้นแหละ ”

   ชอเออออตามไป เพราะดูจากฝีมือแล้ว อยู่ในขั้นใช้ได้ ไม่สิ ดีทีเดียว

   “ ไหนบอกว่ากลัวขายหน้าไง ”

   เขาหันมากระเซ้าเล่น ซึ่งก็ได้ค้อนวงใหญ่มาแทน

   “ ก็กลัวอยู่แต่ก็นะ ไม่ยอมขายหน้าหรอกครับ ถ้าทำไม่ดีก็เสียชื่อแชมป์ลีลาศโรงเรียนเก่าหมดพอดี ถึงตอนนั้นรินจะเต้นเป็นฝ่ายชายก็เถอะ แต่ว่าก็เคนเต้นเป็นฝ่ายหญิงบ่อยเหมือนกัน เพราะตอนนั้นห้องของรินมีผู้หญิงไม่กี่คนเอง ”

   มารินตอบกลับหน้าทะเล้น จนเขาอยากจะทุบเสียทีให้มันหายมันเขี้ยว เมื่อการแสดง ( จำเป็น ) จบลง ต่อจากนั้นก็เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ยืดเส้น ยืดสายกันอย่างเต็มที่กับการแดนซ์กระจาย ที่ได้จัดมาให้ทุกคนร่วมสนุกด้วยกัน

   แต่สำหรับมารินนั้น ออกจะไม่ชอบการเต้นแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวเต้นไม่เป็น หากจะให้ลงไปแดนซ์อย่างเพื่อนๆ ก็คงเป็นเพลงรักกันท่าเดียวเป็นแน่ เพราะตนเองเต้นได้แค่นั้น ดังนั้นจึงขอเป็นผู้ชมนั่งดูเงียบๆ แล้วปล่อยให้ 3 แฝดแดนซ์กันสุดฤทธิ์

   “ ทำไมไม่ไปร่วมสนุกกับเพื่อนๆล่ะ หรือว่าเพลงไม่สนุก ”

   เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ทำให้มารินต้องหันมามองหาต้นเสียง

   “ เปล่าครับ แต่รินเต้นไม่เป็นก็เลยไม่รู้จะลงไปทำไม แล้วพี่ล่ะครับไม่ไปเต้นกลับเขาบ้างเหรอ ”

   มารินตอบ ก่อนจะย้อนถามเขาเช่นกัน

   “ พี่ไม่ค่อยถนัดน่ะ ก็เลยขอเป็นผู้ดูดีกว่า ”

   เขาว่า พลางนั่งลงข้างๆ

   “ เอาอย่างนี้มั้ย พี่ว่าจะไปหาดเราจะไปด้วยกันมั้ย ”

   หลังจากปล่อยให้เสียงเพลงจากในโดมดังมานาน เขาจึงเอ่ยปากชวนคนที่นั่งอยู่ข้างๆคุยอีกครั้ง

   “ ดีเลยครับ กำลังอยากไปอยู่พอดี ”

   มารินตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจ

   “ งั้นก็..... ออกเดินทางได้ ”

   เขาว่าพลางลุกขึ้น ก่อนจะส่งมือให้เด็กน้อยของตนจับ เพื่อลุกขึ้นเช่นกัน

   “ เดี๋ยวครับ แล้วเพื่อนรินล่ะครับ ”

   มารินถามขึ้น เพราะเกรงว่าเพื่อนจะเป็นห่วง และตนก็บอกเอาไว้แล้วว่าจะกลับห้องพร้อมกัน

   “ อืม..... เดี๋ยวเราก็กลับมารับไง เพราะยังไงพี่ก็ต้องรอรับพี่รหัสของเราอยู่แล้ว

   เขาพูดให้คนตัวเล็กหายกังวล ก่อนที่จะขับรถออกจากโดม แล้วมุ่งหน้าไปยังชายหาดด้านใน




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



ใกล้จะจบแล้วขอรับ

เหลืออีกไม่กี่ตอน

มีจุดพลิกผันเล็กน้อย :a5:

ข้าเจ้ามีบริการน้ำร้อนไว้ต้มมาม่าขอรับ :z3:

แล้วพบกันขอรับ :pig4:  :pig4:


หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 04-12-2012 21:40:54
ตอนนี้น่ารักดีค่ะ :L2:

ปล. ช่วงที่มาม่าขอไม่เยอะนะค่ะ เพราะช่วงนี้กินบ่อย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: naneku ที่ 05-12-2012 06:55:04
ไม่เอามาม่านะ T_T


อยากรู้เบื้องลึกพี่โอเป็นใคร 5555

ให้เป็ดด :3123:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 05-12-2012 12:10:02
ตอนนี้น่ารักดีค่ะ :L2:

ปล. ช่วงที่มาม่าขอไม่เยอะนะค่ะ เพราะช่วงนี้กินบ่อย :monkeysad:


ไม่มาม่าเท่าไหร่ขอรับ :sad11:

ไม่เผ็ดอย่างต้มยำกุ้ง

แค่เบาะๆแบบรสหมูสับขอรับ :sad4:

ไม่เอามาม่านะ T_T


อยากรู้เบื้องลึกพี่โอเป็นใคร 5555

ให้เป็ดด :3123:

เอ่อมีมาม่าแค่เล็กน้อยขอรับ

ส่วนเบื้องลึกของพี่โอก็อยู่ในบทที่มีมาม่าขอรับ

ขอบคุณลูกเป็ดน่ารักๆขอรับ :pig4: :pig4:

ปล.มีน้องเป็ดมาแจกขอรับ


 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: KIRA_kung ที่ 05-12-2012 22:00:41
น่ารักอ่ะ เต้น ลีลาศด้วย 55  ต้มมาม่าแล้วหรอ จะเผ็ดไหมนะ ไม่ชอบกินเผ็ดอ่ะ 555  :laugh:

จะจบแล้วหรอผู้เขียน ไมจบไวจุง พี่โอกับมารินจะไปแล้วหรอ ไม่นะ!!!!  :sad4: :o12: :sad4: :o12:

คิดถึงแย่เลยย ไม่มีภาค 2 หรอครับ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:  o13 o13 o13


รอตอนต่อไปครับ สนุกๆ ครับ  :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 06-12-2012 09:52:47
คงเศร้าน่าดู จะจบเหมือนชื่อเรื่องรึเปล่าเนี้ย รักนิรันดร์ ถ้าไม่คงผิดหวังน่าดูแหละ
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 06-12-2012 19:25:28
น่ารักอ่ะ เต้น ลีลาศด้วย 55  ต้มมาม่าแล้วหรอ จะเผ็ดไหมนะ ไม่ชอบกินเผ็ดอ่ะ 555  :laugh:

จะจบแล้วหรอผู้เขียน ไมจบไวจุง พี่โอกับมารินจะไปแล้วหรอ ไม่นะ!!!!  :sad4: :o12: :sad4: :o12:

คิดถึงแย่เลยย ไม่มีภาค 2 หรอครับ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:  o13 o13 o13


รอตอนต่อไปครับ สนุกๆ ครับ  :3123: :3123: :3123: :3123:

ขอบคุณขอรับ  :pig4:

มาม่ารสหมูสับขอรับไม่เผ็ดแน่นอน :m31:

ความจริงก็ยังไม่จบเสียทีเดียวหรอกขอรับ

เหลืออีกประมาณ 5 ตอนขอรับ :z3:

คงเศร้าน่าดู จะจบเหมือนชื่อเรื่องรึเปล่าเนี้ย รักนิรันดร์ ถ้าไม่คงผิดหวังน่าดูแหละ

ตอนจบเศร้าเหมือนชื่อเรื่องหรือเปล่า..... 

คงไม่ถึงขนาดนั้นกระมังขอรับ :sad11:

แต่ก็อาจจะเศร้าอยู่บ้างขอรับ :monkeysad:

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมกันขอรับ :pig4:

มอบเป็ดน้อยแทนใจขอรับ :3123:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 06-12-2012 19:34:31

ตอนที่ 16



   ดาวดวงเล็ก ดวงน้อย แย่งกันส่องแสงระยิบ ระยับ จันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว เสียงลมพัดผ่านทิวสน คลื่นกระทบหาดทราย เกลียวน้ำหยอกล้อกับพื้นทราย แสงจันทร์สะท้อนผิวน้ำงดงามน่าชม แม้จะไม่เท่าในวันที่เดือนเต็มดวงก็ตามที


   “ ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ ”


   มารินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน ซึ่งเขาก็ยิ้มรับคำพูดของเด็กน้อยของตน


   “ เป็นอย่างไรบ้างครับวันนี้ เหนื่อยไหม ”


   เขาเอ่ยถามถึงกิจกรรมในวันนี้


   “ อืม..... ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยเนี่ยะดูมันจะเป็นการโกหกเกินไปคงต้องบอกว่า เหนื่อยมาก แล้วก็สนุกมากด้วย ”

   มารินตอบเขาไปตามสิ่งที่รู้สึกจริงๆ ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างไร


   “ ครับ..... พี่เชื่อ เพราะถ้าเราบอกว่าไม่เหนื่อยนี่สิถึงจะแปลก เพราะว่าเราอยู่กลุ่ม VIP ไม่เหนื่อยก็แปลกล่ะ ”


   เขาสัพยอกเด็กร่างเล็กของตนเล่นๆ ซึ่งมันก็ทำให้อีกฝ่ายหันมาส่งค้อนวงโตให้เขาอย่างงอนๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะทำท่าเหมือนนึกอะไรออก

   “ พี่โอครับ แล้วตอนที่พี่อยู่ปี 1 พี่อยู่กลุ่มไหนครับ ”


   มารินถามขึ้นด้วยอาการอยากรู้ จนเขาเห็นแล้วอดที่จะหัวเราะไม่ได้


   “ ไม่เห็นต้องขำเลย ก็แค่อยากรู้ ”


   มารินว่าพลางทำหน้าหงิกใส่เขาโดยไม่รู้ตัว


   “ ไม่เห็นต้องงอนเลย พี่บอกก็ได้เมื่อตอนอยู่ปี 1 พี่ก็อยู่กลุ่ม VIP อ้อ!!! เวฟกับชอด้วย แถมเวฟยังบอกอีกนะว่า พวกเราเนี่ยะเป็นพวกไม่ธรรมดา ”


   เขาว่าพลางยิ้มขำๆไปพลางจนทำให้มารินสงสัยว่า ไอ้ประโยคที่ว่า ‘ พวกไม่ธรรมดา ’ มันหมายความว่าอย่างไร


   “ หมายความว่ายังไงครับ ที่ว่าไม่ธรรมดาน่ะ ”


   มารินถามในสิ่งที่สงสัยออกมาในที่สุด เขายิ้มน้อยๆก่อนจะตอบอีกครั้ง


   “ ก็พวกเราน่ะอยู่ในกลุ่ม VIP กันหมดเลย เราก็รู้ใช่ไหมว่า กลุ่ม VIP เนี่ยะ เป็นกลุ่มพิเศษก็อย่างนี้แหละเวฟเขาถึงบอกว่า พวกเราเป็น ‘ พวกไม่ธรรมดา ’ ไง ”


   เขาอธิบาย ซึ่งมันก็ทำให้มารินถึงบางอ้อ ว่าทำไมเวฟถึงบอกเช่นนี้ และเมื่อคิดๆดูแล้วก็เห็นจะเป็นจริงเช่นนั้น เพราะตัวเอง หรือว่าจะเป็นพี่รหัสอย่างเวฟหรือว่าชอ ต่างก็บ้าหลุดโลกได้ใจทั้งนั้น หากจะมีข้อยกเว้นก็คงเป็นเขาคนเดียว ที่ออกจะปกติธรรมดาที่สุดแล้ว


   “ แต่พี่มีเรื่องจะบอก ตอนพี่น่ะนะ เจอยิ่งกว่าที่น้องเจออีก ถ้าน้องคิดว่าพวกพี่ๆเขารักน้องแล้วนะ ของพี่ยิ่งกว่านั้นอีก ”


   เขาพูดแบบติดตลก แต่มันก็ทำให้มารินหันมาฟังอย่างตั้งใจได้ไม่ยากนัก


   “ แล้วของพี่เป็นยังไงล่ะครับ ”


   มารินถาม พร้อมกับทำหน้าอยากรู้จนเขาเห็นแล้วอดขำไม่ได้


   “ เราพอจะรู้กฎของที่นี่บ้างใช่ไหม ก็อย่างที่เรารู้นั่นแหละ พี่ก็เลยได้ความรักจากรุ่นพี่มากเป็นพิเศษ มากมายแทบทุกคืนเลยก็ว่าได้ ”


   เขานึกย้อนกับไปถึงเมื่อตอนเข้าปี 1 ใหม่ๆ ตามกฎรุ่นของที่นี่แล้ว คนที่มีตำแหน่งพิเศษ รุ่นพี่มักจะเชิญไปพบบ่อยกว่าปกติ ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบความอดทนว่าบุคคลนั้นๆ มีความเข็มแข็งพอที่จะดูแลเพื่อนๆ คนอื่นได้หรือไม่


   “ โห!!! ขนาดนั้นเลยหรือครับ ”


   มารินอุทานเสียงสูงแบบไม่อยากจะเชื่อ เพราะพวกตนก็เคยโดนเรียกจากรุ่นพี่บ้างเหมือนกัน แม้จะไม่บ่อยมาก แต่ก็ฝากอาการเคล็ดขัดยอกไปหลายวัน แล้วถ้าเขาเจอเกือบทุกคืนจริงก็ไม่อยากจะคิดต่อ


   “ ครับ ก็ขนาดนั้นแหละ เรียกว่าชินไปเลยแหละ วันไหนไม่ได้ออกแรงแล้วนอนไม่หลับ ”


   “ แหมพี่ก็พูดเกินไป ”


   เขาว่า แต่ก็โดนมารินแทรกขึ้นมาด้วยอดใจไม่ไหว เมื่อเห็นว่าเขาจะพูดเกินจริงมากไป

   “ พี่พูดจริงนะ ไม่ได้โม้ ”


   เขาทำเสียงเลียนแบบนักมวยคนหนึ่ง ที่ชอบพูดประโยคนี้


   “ เออ!!! พี่โอครับ รินยังไม่ได้คืนเสื้อพี่เลย รินซักให้แล้ว ”


   มารินรีบพูด เหมือนว่ากลัวจะมีใครแย่งพูด


   “ ไม่ต้องรีบพูดขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ได้จะแย่งเราพูดซะหน่อย ”


   เขาว่าขำๆ ส่วนมารินก็ได้แต่ทำจมูกย่นใส่ ก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง


   “ ก็รินกลัวตัวเองลืมอีกนี่ครับ รินลืมมาตั้งหลายทีแล้ว ว่าจะๆทุกทีสุดท้ายก็ลืม ยังไงรินบอกพี่แล้ว พี่ต้องช่วยทวงด้วยนะ ”


   มารินว่า พลางหันมาตีหน้าดุใส่เขา ประมาณว่าถ้าไม่เตือนมีเรื่องแน่ๆ โดยลืมไปว่าตัวเองเป็นน้อง


   “ ครับ พี่จะเตือนนะ ถ้าพี่ไม่ลืม….. เหมือนกัน ”


   เขาว่า ส่วนมารินก็หันมายิ้มที่เขารับปาก ก่อนจะหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินประโยคต่อมา


   “ พี่อ่ะ ”


   มารินทำเสียงที่บอกให้รู้ว่าไม่ค่อยพอใจหน่อยๆ

   “ ครับๆ พี่ไม่ล้อเล่นก็ได้ เอาเป็นว่าคืนนี้พี่จะรอให้เราขึ้นไปหยิบมาดีไหม ”


   สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมรับปากในที่สุด นั่นแหละเด็กหนุ่มจึงยอมยิ้มออกอีกครั้ง


   “ พี่ถามอะไรเราหน่อยได้ไหม ”


   “ อะไรเหรอครับ ”


   “ พี่อยากรู้ว่าเราผิดหวังไหมที่รู้ว่าพี่เป็นพี่รหัสของเราน่ะ ”

   เขาลองหยั่งเชิงถามเด็กน้อยของเขาดู เพราะที่ผ่านมามารินไม่เคยแสดงออกว่าแอบปลื้มเขาเหมือนคนอื่นๆเลย ส่วนมารินที่ฟังคำถามจนจบอยากจะตะโกนบอกว่า ‘ ผิดหวัง เหรอไม่เลย ดีใจสุดๆสิไม่ว่า ’ แต่ก็ติดที่ว่าทำไม่ได้


   “ ก็คงเหมือนกับคนอื่นๆแหละครับ ที่อยากได้พี่เป็นพี่รหัส ”


   มารินตอบเบาๆ


   “ เหรอ พี่นึกว่าเราไม่ชอบขี้หน้าพี่เสียอีก ”


   เขาเอ่ยขึ้น ตามสิ่งที่รู้สึกได้


   “ ก็ตอนแรกๆมั้งครับ บอกตามตรงนะ iboรู้สึกว่าพี่อ่ะ ขี้เก็ก ”

   มารินตอบไปตามตรง ทำให้เขาต้องขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่ค่อยมีใครเคยพูดกับเขาตรงๆแบบนี้


   “ พี่โอขำอะไรครับ รินพูดความจริงมันน่าขำตรงไหนไม่ทราบ ”


   มารินหันมาว่าเขา ด้วยสีหน้างอนๆที่เขาขำเรื่องที่ตนพูดเมื่อครู่


   “ ก็เราพูดมาน่ะ มันน่าขำจริงๆนี่นา แล้วจะไม่ให้พี่ขำได้ยังไง ”


   “ น่าขำตรงไหนครับ ”


   เขาตอบกลับไปตามจริง และมันก็ทำให้อีกคนหันมาหาเรื่องกับเขาอีกจนได้


   “ แล้วจะไม่ให้พี่ขำได้ไง ก็ในเมื่อมีรุ่นน้องนินทารุ่นพี่ต่อหน้า แถมคนที่โดนนินทาเนี่ยะ ยังยืนอยู่ตัวเป็นๆอย่างนี้อีกต่างหาก ”


   เขาตอบขำๆ ซึ่งมันก็ทำให้มารินได้คิดตาม ก่อนจะยิ้มแก้เก้อ เพราะว่าตัวเองปล่อยไก่ตัวใหญ่อีกแล้ว


   “ แบบว่ารินลืมตัวไปหน่อย นึกว่าพี่เป็น 3 แฝด ”


   มารินตอบ พลางยิ้มเจื่อนๆ แบบคนปล่อยมุกฝืดๆ

   “ ครับพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลย เอาเป็นว่า พี่จะไม่ไปบอกใครแล้วกันนะ ว่าเราปล่อยไก่ ”


   เขาว่าด้วยรอยยิ้มที่มีอยู่ประจำ แต่มารินยังคงเงียบเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ


   “ คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้ไหม ”


   เขาถามขึ้น เมื่อเห็นเด็กร่างเล็กของเขายังคงเงียบอยู่


   “ ไม่มีอะไรหรอกครับ รินแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ”


   รินตอบ พลางหันหน้าหนีเหมือนคนมีอะไรที่พยายามปกติ เมื่อเขาเห็นว่าร่างตรงหน้าทำเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามแต่อย่างไร เพียงแต่เอ่ยประโยคขึ้นมาลอยๆ


   “ น้องรินรู้ไหมครับ ทำไมพี่ถึงชอบมาที่ชายหาด บางครั้งพี่ก็ไม่ได้มาเพราะชมบรรยากาศอย่างเดียวหรอก บางครั้งเวลาที่พี่มีอะไรในใจบอกใครไม่ได้ หรือมีเรื่องไม่สบายใจพี่ก็มักจะมานั่งที่ชายหาด แล้วก็เขียนสิ่งที่อยู่ในใจ ความรู้สึกไม่ดีๆทั้งหลายลงบนพื้นทราย เพราะว่าไม่กี่ลูกคลื่นก็จะลบมันให้หายไป เราลองทำดูไหม เพราะทุกครั้งที่พี่เขียนมันลงไปแล้ว พี่จะรู้สึกดีขึ้นทุกครั้ง มันทำให้รู้สึกว่า เราได้ระบายมันออกมาบ้างแล้ว ”


   เขาพูดช้าๆ พลางหยิบกิ่งไม้เล็กๆแถวนั้นขึ้นมา แล้วเขียนถ้อยคำต่างๆลงไป ไม่นานนักข้อความเหล่านั้นก็ถูกคลื่นลบไปจนหมด เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง


   “ เห็นไหมครับ แค่นี้มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ โดยไม่ทำให้ใครต้องเป็นกังวลไปกับเราแล้ว ”


   เขาว่า มือก็ขีดเขียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจว่าข้อความที่เขียนไว้นั้นจะถูกคลื่นลบไปจนอ่านไม่ได้ความแล้ว มารินที่แต่แรกยืนมองเฉยๆ เมื่อเห็นสิ่งที่เขาทำก็เริ่มที่จะทำตามบ้าง แล้วมันก็ทำให้เจ้าตัวได้ระบายออกจริงๆ อย่างที่เขาว่า


   “ เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ”


   เขาเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ปล่อยให้เด็กตัวน้อยของตนขีดเขียนอยู่นาน สองนาน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีอะไรไม่สบายใจ เพราะไม่เคยจะเอ่ยถามเลยสักครั้ง เขาก็รู้สึกผิดไม่น้อย ทีไม่ได้ดูแลคนที่ตนเองชอบได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเขามัวแต่ห่วงโน่น กังวลนี่ ทำให้ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอย่างไรบ้าง


   “ พี่ขอโทษนะ ที่พี่ดูแลเราได้ไม่ดี ”


   “ พี่ขอโทษรินเรื่องอะไรครับ พี่ไม่ได้ทำอะไรให้รินซะหน่อย ”


   มารินเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขา หลังจากที่นั่งก้มหน้าอยู่นาน


   “ ว่าแต่พี่โอครับ ทำไมต้องบอกว่าดูแลรินได้ไม่ดีด้วยล่ะครับ ”


   มารินถามขึ้นมาทำให้เขาต้องนิ่งคิด เพื่อหาคำตอบที่เหมาะสม


   “ พี่รู้สึกอย่างนั้นนะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นเด็กบ้านไกลมั้ง แล้วก็ไม่ได้ตัวโตแบบชอ แล้วก็เอาตัวรอดเก่งแบบเวฟ ชอกับเวฟเนี่ยะ พี่รับรู้ทุกอย่างของเขา 2 คนเลย เรียกว่ารู้ทุกอย่างตั้งแต่ตื่นจนหลับเลยทีเดียว แต่กับเราน่ะ พี่ไม่รู้อะไรเท่าไหร่เลย รู้เท่าที่เราเขียนบอกมาแค่นั้นเอง พี่ไม่รู้ว่าเรามีเรื่องอะไร ไม่สบายใจหรือเปล่า อย่างวันนี้ไง ”


   เขาตอบยาวเยียด


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ รินแค่เบื่อๆ เซ็งๆ พอพี่พูดเรื่องนินทารุ่นพี่รินก็เลย เป็นอย่างที่พี่เห็นนั่นแหละ ”


   มารินชี้แจงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองเป็นอย่างเมื่อครู่


   “ เบื่อ? เซ็ง? อะไรหรือครับ พอจะบอกพี่ได้ไหม ”


   เขาลองถามร่างเล็กนี้ดูอีกครั้ง


   “ ก็นินทาพี่น่ะครับ คือว่ารินก็ไม่อยากจะอคตินะครับ แต่รินคิดว่า บางทีพี่ๆก็..... เอ่อ..... ”


   มารินระบายความในใจให้เขาฟัง ก่อนจะเว้นช่วงเหมือนไม่อยากที่จะพูดต่อ เขาจึงต่อประโยคที่เด็กหนุ่มค้างไว้ เหมือนรู้ว่าอีกคนต้องการจะพูดถึงเรื่องอะไร


   “ พี่ๆบางคนก็ทำตัวไม่ค่อยดี ใช่ไหม ”


   เขาพูดต่อจนจบประโยค ซึ่งมารินก็พยักหน้ารับเบาๆ


   “ เอาอย่างนี้สิ เราก็เลือกที่จะใส่ใจกับคนที่เขาเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ส่วนคนที่ดีแต่ปาก เราก็ไม่ต้องเก็บเอามาคิด ”


   เขาแนะนำ เพราะสิ่งที่มารินเป็นอยู่ตอนนี้ ใช่ว่าเขาไม่เคยเป็นไม่เคยเจอ เพราะตอนที่เขาเข้ามาใหม่ๆ เขาก็รู้สึกเช่นนี้ นอกจากนั้น ยังมีเวฟกับชออีกที่รู้สึกเช่นเดียวกัน


   “ เฮ้อ!!! ดีใจจัง ที่มีพี่รหัสที่เข้าใจอะไรทุกอย่างแบบนี้ อย่างนี้ต้องยกตำแหน่งพี่รหัสดีเด่นประจำปีให้ซะแล้ว ”


   มารินว่ายิ้มๆ ผิดกับเมื่อครู่เป็นคนละคน จนเขาก็ออกจะแปลกใจไม่ได้ เพราะเจ้าตัวดีเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมากๆ


   “ นี่ถ้า 3 แฝดรู้นะว่ารินมีพี่รหัสดีๆแบบนี้นะ มีหวัง..... ”


   มารินพูดไปเรื่อยๆ ก็จะเว้นประโยคหลังไว้ให้คนฟังสงสัยเล่น


   “ มีหวังอะไรครับ ”


   เขาถาม เพราะรู้ว่าเด็กตัวเล็กนี้ต้องการจะเว้นเอาไว้ให้เขาถาม

   “ ก็มีหวัง..... หัวเราะรินแน่ๆน่ะสิครับ ”


   เจ้าตัวตอบอย่างขำๆ


   “ อ้าว!!! ทำไมล่ะครับ ”


   เขาถามกลับอย่างแปลกใจ


   “ ก็เพราะว่าเมื่อก่อนน่ะสิครับ อย่างที่รินบอกไปแล้วว่ารินไม่ค่อยชอบพี่ เพราะรู้สึกว่าพี่ขี้เก็ก 3 แฝดก็เลยบอกว่า ‘ ระวังนะ เกลียดอย่างไรจะได้อย่างนั้น ’ น่ะสิครับ ”


   “ แล้วมันก็เป็นจริง ”


   มารินอธิบายจนจบ ก่อนที่เขาจะถามคนที่อธิบายเล่นๆ ซึ่งอีกคนก็พยักหน้ารับแต่โดยดี


   “ เออ!!! พี่โอครับ พี่โอรู้ว่ารินเป็นน้องรหัสตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ”


   “ ก็ตั้งแต่วันแรกที่เรามานี่แหละ ”


   มารินถามขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ตอบกลับไปอย่างธรรมดาๆ


   “ โห..... เร็วขนาดนั้นเชียว ”


   มารินอุทานเสียงสูง อย่างไม่อยากจะเชื่อ จนเขาอยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่า มันไม่เร็วเลย สำหรับเขายังรู้สึกว่าช้าไปเสียด้วยซ้ำ


   เขาและเด็กหนุ่มที่ได้ที่นั่งในใจเขาไปเกือบหมดเดินตามชายหาดไปเรื่อยๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนขี้กลัว ( ผี ) แต่เมื่อเดินไปกับเขาเจ้าตัวก็รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด


   ส่วนเขาก็อยากจะเดินอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ หากหยุดเวลาไว้ได้ก็อยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ เขารู้สึกได้ว่าเวลาที่ได้อยู่กับคนที่ตนมีใจสมัครด้วยนั้น เขาไม่ต้องระวังตัวเหมือนเคย อยากพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองว่าไม่ควร เหมือนเวลาที่อยู่บ้าน หรือต่อหน้าใครๆหลายๆคน


   “ น้องรินครับ พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า เพราะนี่ก็ดึกแล้ว ที่งานคงใกล้จะเลิกแล้วล่ะ ”


   เขาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา พลางยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา แล้วพบว่าตอนนี้ก็เกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว


   “ จริงเหรอครับ รินรู้สึกว่าเพิ่งมาเมื่อกี้เอง ”


   มารินว่า พลางลุกขึ้นปัดทรายออกจากกางเกง


   “ พี่ก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นนะ ”


   “ ครับ? พี่โอว่าอะไรนะครับ ”


   เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่อีกคนที่เดินอยู่ด้วยเกิดหูดีได้ยินขึ้นมาเสียได้


   “ อ๋อ... ไม่มีอะไรหรอกครับ เราไปกันเถอะ ”


   เขาว่า พลางชวนให้กลับอีกครั้ง แต่เมื่อมาถึงที่โดมกิจกรรมงานก็ยังไม่เลิก


   “ น้องรินครับ เดี๋ยวก่อนครับ ”


   เขาเรียกน้องตัวเล็กเอาไว้ ขณะที่เจ้าตัวกำลังจะเดินเข้าไปรอ 3 แฝดด้านใน


   “ มีอะไรหรือครับ ”


   มารินหันกลับไปถามเขา แต่เขาก็ไม่ได้ตอบแต่อย่างไร เพียงแต่หยิบอะไรบางอย่างออกจากกล่องใส่ของใต้เบาะส่งให้


   “ นี่ครับ ยานวดคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้อักเสบ แล้วก็แก้ไข้ แก้ปวด น้องรินทานไว้ดีกว่า อ้อ!!! ให้เพื่อนเราด้วยนะ จะได้กันเอาไว้ก่อน ”


   เขาว่า ซึ่งมารินก็เดินมารับถุงยาจากเขาแต่โดยดี เพราะตนเองกำลังมีความคิดว่า กลับไปต้องขอยาจากฝ่ายพยาบาลของหอมากินดักเอาไว้ แต่ตอนนี้ คิดว่ามันคงไม่จำเป็นแล้ว


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



ตอนนี้ยังไม่มาม่าขอรับ เพราะน้ำร้อนยังไม่เดือด :z3:

รอสักครู่ขอรับ วันนี้ข้าเจ้าจะลง 2 ตอนคู่ขอรับ ชดเชยเมื่อวานขอรับ o22

ว่าแต่วันพ่อที่ผ่านมาได้พาคุณพ่อไปไหนกันบ้างหรือเปล่าขอรับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมขอรับ :pig4:  :pig4:  :3123:  :3123:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 06-12-2012 19:53:06

ตอนที่ 17  




   ว่ากันว่าวัน เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว หากเป็นเวลาทุกข์มักจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งๆที่เวลาในแต่ละวันมันก็มีเท่ากัน


   ‘ ยิ่งสั้นเมื่อสุข ยาวนานเมื่อทุกข์ ’ เห็นจะเป็นจริงอย่างที่ว่า เพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึกเช่นนั้นจริงๆหากว่ามีตะเกียงวิเศษ ที่ขอพรได้ 3 ข้อ เหมือนอาลาดินก็คงจะดี เพราะเขาคงขอต่อเวลาแห่งความสุขให้นานกว่านี้ แต่นั่นมันคงเป็นโลกแห่งจินตนาการของเด็กๆ ไม่ได้มีอยู่ในโลกของความเป็นจริง


    “ พี่โอคิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ เห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสบายเลยมีอะไรที่เราพอจะช่วยได้มั้ยครับ ”


   เสียงของน้องห้องปลุกให้เขากลับมาสู่โลกปัจจุบัน หลังจากปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย

   “ นั่นสิครับ ผมไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้เลย ”


   เวฟเดินเข้ามาสนับสนุน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีหน้าตาไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก เขานิ่งคิด เหมือนจะชั่งใจกับการตอบคำถามนี้อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยปากถามบางอย่างกับเวฟและชอ


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ อ้อ!!! พี่มีเรื่องจะถามเรา 2 คนนิดหนึ่ง ”


   “ อะไรหรือครับ ถ้าเราตอบได้นะ รับรองจะรีบตอบเลย ”


   เวฟกระตือรือร้นอยากจะตอบ เพราะน้อยครั้งที่ตัวเองจะเป็นคนตอบ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนถามเสียมากกว่า เมื่อเขาเห็นอาการกระตือรือล้นจนออกนอกหน้าของน้องห้อง พ่วงตำแหน่งน้องรหัส ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งเวฟและชอต่างก็ทำให้เขายิ้มได้เสมอ ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องราวอะไรไม่สบายใจก็ตาม


   “ ไม่มีอะไรมากหรอก สมมุตินะว่า เรามีความรักกับใครซักคน แต่ความรักของเรามันอาจจะไม่จบอย่างสมหวัง เราจะทำอย่างไร ”


   เขาเกริ่นนำ


   “ ผมก็รักเขาสิครับ เพราะไม่มีใครรู้ว่าตอนจบมันจะเป็นอย่างไร  แม้ว่าตอนจบ มันจะไม่สมหวังอย่างที่พี่บอกก็เหอะ อย่างน้อยก็ยังได้รัก เพราะผมถือคติที่ว่า ‘ อกหักดีกว่ารักไม่เป็น ’  ทำไมหรือครับ ”


   เวฟตอบอย่างรวดเร็ว แบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา


   “ แล้วเราล่ะชอ มีความคิดยังไง ”

   เขาหันกลับมาถามชอ เพื่อฟังความคิดเห็นของชายหนุ่มอีกคน


   “ ผมเหรอครับ ผมก็คิดคล้ายเวฟนะ เพราะยังไงเราก็ไม่รู้ว่ามันจะจบอย่างไร อย่างน้อยหากมีโอกาส ผมก็ขอทำให้เต็มที่เพราะหากว่ามันไม่สมหวังจริงๆ ผมก็ยังภูมิใจอยู่ว่าผมได้ทำดีที่สุดแล้ว ว่าแต่ที่พี่โอจะถามทำไมเหรอครับ ”


   ชอให้คำตอบ ก่อนจะหันกลับมาถามคนถามคำถามนี้อีกครั้ง


   “ ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็ลองถามดูน่ะ อืม..... แล้วสมมุติว่าหากความรักทำให้เราต้องเลือกระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมล่ะ เราจะเลือกอย่างไร ”


   เขาตอบ ก่อนถามคำถามอีกคำถามหนึ่ง ซึ่งทำให้เวฟกับชอนิ่งคิดไปอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะเป็นชอที่เอ่ยขึ้นก่อน


   “ อันนี้ตอบยากนะครับ จริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่คนดีเด่นอะไร เป็นแค่คนธรรมดามีต้องการให้ตัวเองมีความสุขเหมือนคนทั่วๆไป แต่ว่าคงต้องดูก่อนน่ะครับว่า ไอ้เรื่องส่วนรวมที่พี่ว่าน่ะมันส่วน รวมแค่ไหน แล้วถ้าขาดเราไปมันยังไปต่อได้มั้ย หรือว่าเราทำอะไรให้ส่วนรวมมามากแค่ไหนแล้ว ถ้าผมทำเพื่อส่วนรวมมามากแล้ว ผมก็คงเลือกทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ”


   ชอกล่าวยาวเหยียดตามสิ่งที่ตนเองคิด


   “ ส่วนผมก็คงคล้ายๆกับชอแหละ เพราะผมคงไม่อาจจะเป็นพ่อพระใจบุญได้ ”


   เวฟพูดขึ้นหลังจากที่ฟังชอพูดจนจบ


   “ พี่โอถามทำไมเหรอครับ ”


   ชอถามเขากลับอย่างสงสัย


   “ ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่อยากรู้ว่าเรา 2 คนมีมุมมองความคิดกับความรักยังไงน่ะ อืม!!! พรุ่งนี้มีงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไม่รอดหรอก ”


   เขาปฏิเสธ ก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเสีย แต่ชอกับเวฟก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะทั้งคู่แย่งกันเข้านอนอย่างรวดเร็ว เหมือนคนที่เพิ่งนึกได้ว่าลืมอะไรไว้ เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆอย่างอ่อนใจกับน้องห้องทั้งคู่ เมื่อเวฟและชอเข้าห้องไปแล้ว เขายังคงยืนอยู่ริมระเบียงหลังห้องที่เดิม ไม่ได้เข้าห้องตามไปแต่อย่างไร


   “ พี่ก็อยากคิดได้อย่างเรานะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ”


   เขารำพึง รำพันกับตัวเอง พลางนึกย้อนกับไปถึงคำพูดของใครบางคน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   ‘ Ocean เรารู้มาว่า คุณกำลังแอบรักเด็กคนหนึ่งอยู่ แล้วฝ่ายนั้นก็มีใจให้ด้วยเช่นกัน มันเป็นความจริงหรือเปล่า ’


   ‘ หากว่ามันเป็นความจริง 1Pressure คุณจะว่ายังไง ’


   ‘ ผมคงว่าอะไรคุณไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะว่าคุณได้ ผมก็แค่ถามเพราะผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ตัวดีนะว่ากำลังทำอะไรอยู่ คุณทำอะไรได้แค่ไหน แล้วคุณอย่าคิดว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้นะ เพราะขนาดผมยังรู้ แล้วทางบ้านคุณจะไม่รู้เชียวเหรอ


   อ้อ!!! ที่ผมพูดมาทั้งหมดเนี่ยะ ผมก็แค่เป็นห่วงคุณนะ แล้วก็อดสงสารเด็กคนนั้นไม่ได้ เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่า กำลังโดนคุณหลอกให้รักแล้วก็ทิ้งน่ะ ’


   เสียงของชายหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆดังขึ้นในห้วงความคิด


   ‘ ผมไม่เคยหลอกเขา ผมจริงใจ ’


   ‘ คุณบอกว่าจริงใจ ช่างน่าขำนัก รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองน่ะไม่สามารถรักใครได้ นอกจากคนที่พ่อ – แม่คุณเห็นสมควร ที่ผมพูดเนี่ยะก็แค่อยากจะเตือนสติคุณก็เท่านั้น ไม่ได้จะพูดเพื่อน้องสาวของผมหรอกนะ เพราะยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่แล้ว ’



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   ‘ Hallo, 2Tidal speaking. ’


   ‘ 3Tide นี่เราเอง ’


   ‘ Ocean โอ้โห!!! ไม่คิดว่านายจะโทรฯมานะเนี่ยะ ว่าแต่มีอะไรเหรอ ถึงได้โทรฯมาหาเราได้น่ะ ’


   เสียงจากปลายสายดังขึ้น ค่อนข้างจะสนิทสนม พอสมควร


   ‘ เรื่องเดียวกับที่ Pressure มานั่นแหละ ’


   เขาตอบกลับปลายสาย


   ‘ Ocean ถ้านายโทรมาเพื่อถามเรื่องที่ Pressure ไปหานายล่ะก็นะ ทางนี้รู้หมดแล้ว ไม่งั้นท่าน Pressure จะวิ่งโล่ไปทำไม ’


   ‘ แล้ว..... ’


   ‘ พ่อกับแม่นายน่ะเหรอ นายก็น่าจะรู้นะว่าจะว่าอย่างไร แต่จริงๆแล้วท่านก็ยังไม่ได้พูดอะไรหรอกแต่เราคิดว่านายน่าจะรู้นะว่า ถ้านายกลับมาเมื่อไหร่อะไรจะเกิดขึ้น จากลูกไม่ ( ค่อยจะ ) รัก กลายมาเป็นลูกชายสุดโปรดขึ้นมากระทันหันแน่ๆ เชื่อขนมกินได้เลย ’


   ปลายสายพูดต่ออย่างไหลลื่น ไม่ใคร่จะสนใจอารมณ์ของอีกฝ่ายเท่าใดนัก ก่อนจะถามกลับ


   ‘ แล้วตกลงนายจะทำยังไงกับเรื่องนี้ ’


   ‘ เรายังไม่รู้เลย นายก็รู้ว่าตอนนั้นมันยังไม่ใช่แบบนี้ ’


   เขาตอบกลับอย่างเหนื่อยๆ กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้


   ‘ เราก็พอจะเข้าใจนะ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว นายเองก็รู้นี่นา เพราะว่าตอนนี้ทุกอย่างที่พี่ 4Oceanic เคยรับผิดชอบตกมาเป็นของนายหมดแล้ว ’


   ‘ ก็นั่นแหละสิ่งที่เรากลัว เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ’


   ‘ นายกำลังคิดไม่ออกใช่มั้ยว่า นายควรจะบอกหรือไม่บอกดี ถ้านายถามความคิดเรานะ เราก็คิดว่านายควรจะบอก


   เพราะเราคิดว่า ถ้าเป็นนายบอกเองเขาอาจจะเสียใจก็จริงอยู่ แต่มันก็คงจะดีกว่าให้เขารู้เอง หรือว่ารู้จากคนอื่น เพราะว่ามันจะเสียความรู้สึกด้วย ไม่ใช่แค่เสียใจ ’


   ‘ เราขอบใจนายมากนะ ที่ให้คำแนะนำ ’


   ‘ จะขอบใจทำไมวะ ก็เราเพื่อนกันนี่นา เพื่อนเป็นทุกข์ ก็ต้องช่วยกันสิ จริงมั้ย ว่าแต่นายโทรมาแค่นี้ใช่มั้ย ’


   เขาเงียบแทนคำตอบ ซึ่งก็ทำให้คนปลายสายเป็นคนพูดต่อเอง


   ‘ ถ้างั้นเราไปนอนก่อนนะ ง่วงแล้ว โชคดีเพื่อน ’


   เสียงสัญญาณถี่นั้นบอกให้เขารู้ว่าปลายสาย ตัดสายทิ้งไปแล้ว ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่คนเดียว


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ น้องครับ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมสุดท้ายแล้ว ถ้าพวกเราทำได้ก็จะถือว่าทุกคนเป็นน้องวิท - เลโดยสมบูรณ์ ”


   เสียงดังดุดันของพี่วิท - เล ดังขึ้น ท่านกลางหมู่น้องๆที่นั่งหมดแรงอยู่แล้วกิจกรรมสุดท้ายของงานรับน้องภายในก็เริ่มขึ้น แต่แรกนั้นน้องๆต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง พอรอบต่อๆมาก็มีพี่มาช่วย จากที่วางมือบนพื้น ก็เปลี่ยนมาเป็นวางบนมือพี่ๆแทน ซึ่งกว่าจะผ่านกิจกรรมสุดท้ายนี้ไปได้ ก็เรียกเหงื่อจากทุกคนได้เป็นอย่างดี แถมเมื่อกิจกรรมนั้นจบลง ยังแถมรอยน้ำตาแห่งความปลื้ม ดีใจ ซึ้งใจ ปะปนกันไปอีกด้วย


   หลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องภายในช่วงเช้าแล้ว ก็มีกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย ซึ่งนั่นก็คือ การแข่งกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ และสุดท้ายของงานรับน้องก็คือ งาน Marine Relationship ซึ่งเป็นงานเลี้ยงต้อนรับเข้าสู่ภาควิทยาศาสตร์ ทางทะเล อย่างเต็มตัว


   เมื่อกิจกรรมในช่วงเช้าผ่านพ้นไปด้วยรอยยิ้ม คราบน้ำตา และหยาดเหงื่อของทุกคน กิจกรรมในช่วงบ่ายจึงเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พักเที่ยงและปล่อยให้น้องปี 1 กลับไปอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว


   “ นี่ริน พี่รหัสแกไปไหนวะ ”


   “ หือ..... ก็อยู่นี่ไม่เห็นเหรอ ยืนอยู่ตัวเป็นๆโน่นน่ะ ”



   เซาธเอ่ยถามขึ้น เมื่อทั้ง 4 นั่งรอให้ทุกคนมาครบ ซึ่งมารินก็ตอบกลับไป พลางชี้มือไปที่เวฟและชอที่ทำหน้าแป้นแล๊นอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ


   “ หม้ายช่ายที เซาธมันหมายถึงพี่รหัสปี 4 ของ5เติ้ลเด่ะ ”

   อีสทหันมาแย้งด้วยภาษาท้องถิ่น ที่มารินพอจะเข้าใจมากกว่าเดิมมากขึ้น


   “ เออเน๊อะ เราก็ไม่เห็นพี่โอมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ พี่เขาไม่ได้บอกแกเหรอริน ว่าวันนี้พี่เขาจะไปไหนน่ะ ”


   นอธที่เพิ่งสังเกตเอ่ยถามขึ้นอีกคน


   “ ไม่นิ พี่เค้าไม่ได้บอกอะไรเลยและอีกอย่างนะ เราเป็นน้องรหัสนะไม่ใช่ผู้ปกครอง พี่เขาจะได้รายงานเราทุกฝีก้าวน่ะ ”


   มารินตอบ 3 พี่น้อง แต่นั่นมันก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้ง 3 แฝดเสียมากกว่า


   “ อ้าว!!! อย่างนั้นเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าเติ้ลนี่จะรู้กว่าใคร เพราะเห็นไปไหน มาไหนตัวติดกันทุกที ”


   เซาธว่าเสียงสูง พร้อมกับหน้าตาล้อเลียน ทำให้มารินหน้าขึ้นสี


   “ นั่นสิ ติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก ”


   อีสทช่วยตอกย้ำอีกคน


   “ บ้า..... เลิกพูดได้แล้ว พี่เขาจะพูดแล้ว ”


   มารินหน้าแดง ก่อนจะหาทางออกให้ตัวเอง ดีที่ว่ารุ่นพี่ในภาคเดินมาด้านหน้าพอดี


   “ เอาล่ะครับน้องๆ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่พวกเราลูกทะเลทุกคนจะเริ่มปฏิบัติการอิมพอสซิเบิลกันแล้ว ”


   “ แหมๆ รู้สึกว่าแกจะโม้ไปหน่อยนะ ไอ้คุณ6เซิฟ ”


   เวฟเดินมาสะกิดหลังคนพูดเมื่อครู่


   “ นิดนึงๆ ”


   เซิร์ฟหันมาตอบ ก่อนจะส่งหน้าที่ต่อให้กับเวฟดำเนินการต่อ ซึ่งก็เป็นการชี้แจงกีฬาของชาวทะเล ที่แข่งกันแต่ไม่เน้นชัยชนะ หากแต่เน้นความฮาเสียมากว่า

   แล้วการแข่งขันสารพัดกีฬาฮาเฮสไตส์วิท - เลก็จบลง ก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับไปเตรียมตัว เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงในช่วงกลางคืน ตลอดระยะเวลาของการแข่งขันมารินก็ยังไม่เห็นเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ทำไมถึงไม่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ แต่ลึกๆในใจแล้วก็คิดว่าเขาคงมีธุระสำคัญจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทิ้งงานของภาคไปเช่นนี้


   งานเลี้ยงในตอนเย็นของภาควิทยาศาสตร์ ทางทะเลนั้น คล้ายกับงานเลี้ยงรับน้องของสถาบันอยู่บ้าง นั่นก็คือมีดนตรีให้ได้ยืดเส้น ยืดสายแต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ นอกจากเปิดเพลงแล้ว ยังเปิดโอกาสให้
ทุกคนได้โชว์พลังเสียงอีกด้วย


   และในครั้งนี้นั้นมารินก็ได้รับมอบหมายการเพื่อนพ้องที่รักยิ่ง (ยัดเยียด) ให้ออกมาร้องเพลงทั้งที่ทุกคนในภาคก็พอจะรู้อยู่ว่าฝีมือของมารินนั้นดีเข้าขั้น (ห่วย)มาก และจากการซุ่มฝึกซ้อมอยู่ในห้องเป็นเวลากว่าชั่วโมงก็คิดว่าน่าจะทำได้ ( มั้ง )  ถึงว่ามันจะออกมายังไงก็ตาม แต่ ณ ตอนนี้ก็ไม่มีใครต้องอายแล้ว เพราะทุกคนก็คือวิท – เล เหมือนกันเพราะฉะนั้นก็เต็มที่


   “ เอาล่ะครับ พี่น้อง พวกผองชาวทะเลทุกคน ตอนนี้ผมมีความภูมิใจที่จะนำเสนอ บทเพลงไพเราะ จากหนุ่มน้อยที่เพื่อนๆช่วยกันส่ง ( ยัน ) ขึ้นมา ซึ่งเขาจะมาในบทเพลง..... ”


   เวฟซึ่งรับหน้าที่เป็นพิธี ( เกิน ) กรในค่ำคืนนี้ประกาศขึ้น หลังจากที่การเป่าเทียนวันเกิดของน้องวิท – เลรุ่นล่าสุดจบลง


   “ รักข้ามขอบฟ้า เชิญรับชม และรับฟังได้เลยครับ ”

   สิ้นเสียงประกาศ ดนตรีอินโทนก็ดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงปรบมือของทุกๆคน

7ขอบฟ้าเหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้นยากกว่านกโบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้ามแผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล

ขอบฟ้าทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรักแม้ได้โอบใคร
ชาติภาษาไม่สำคัญเท่าใจตรงกัน

รัก..ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์

ขอบฟ้าแม้จะคนละฝาก
ห่างไกลกันมากแต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้าข้ามมาผูกพัน
ผูกใจรักมั่นสองดวงให้เป็นดวงเดียว

รัก..ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์

ขอบฟ้าแม้จะคนละฝาก
ห่างไกลกันมากแต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้าข้ามมาผูกพัน
ผูกใจรักมั่นสองดวงให้เป็นดวงเดียว


   กว่าจะร้องจนจบเพลงได้ ก็ทำให้เพื่อนและพี่ๆที่นั่งอยู่ลุ้นกันตัวโก่ง ด้วยเกรงว่าหนุ่มน้อยขาฮาจะกลางคัน เพราะหลายคนไม่คิดว่าเจ้าตัวจะร้องเพลงรักหวานๆแบบนี้


   “ แหมๆๆ คุณน้องครับ พี่รู้สึกว่ารักข้ามขอบฟ้าของคุณน้องเนี่ยะ จะมาเร็วกว่าที่คิดอีกนะ ขอบฟ้านี่ช่างใกล้แค่เอื้อมจริงๆ ”


   บีชเอ่ยขึ้นขำๆ พลางบุ้ยปากไปทางที่ใครคนหนึ่งยืนอยู่ แม้จะมองไม่ชัดว่าใคร เพราะแสงไฟค่อนข้างมืด แต่มารินก็คุ้นตาและรู้ด้วยใจภายใน เพราะเขาคือคนที่ตนเองมองหามาทั้งวัน


   “ ว้าวววว เจ้าชายในฝัน ”

   เซาธอุทานขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มล้อเลียน ทำเอาคนที่โดนล้อหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้


   “ แล้วคนรักข้ามขอบฟ้าของน้องเขาก็มีตัวตนแล้ว ยังไงผมก็ขอเชิญให้คนรักข้ามขอบฟ้าคนนี้ เป็นเกียรติร้องเพลงให้พวกเราฟังสักเพลงนะครับ ”


   เวฟเอ่ยขึ้นพร้อมกับเชิญให้เขาขึ้นมาบนเวที ซึ่งเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว เพราะทุกคนปรบมือให้หมดแล้ว เขาเดินขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าเช่นเคย แต่สิ่งที่มารินเห็นนั้นมันไม่ใช่


   เพราะปากเขายิ้มแต่นัยน์ตาเขากลับมีแววเศร้า สับสน เหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ในใจมากมาย มันไม่ใช่นัยน์ตาสดใสเช่นเคย

   “ พี่ร้องก็ได้ แต่พี่ต้องบอกไว้ก่อนนะว่า ถ้าพี่ร้องแล้วล่ม พวกเราต้องช่วยกันกู้หน้าพี่ด้วยนะ ”


   เขาว่าขำๆ ทำให้ทุกคนฮาครืน ก่อนที่ปากไวๆขอเวฟจะตะโกนตอบกลับมา


   “ ได้เลยครับพี่ ผมกับไอ้ชอในฐานะน้องรหัสที่ดีสัญญาว่า จะช่วยซ้ำให้เองพี่ไม่ต้องกลัว ”


   คำพูดของเวฟเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าระอาใจหน่อยๆก่อนจะเดินไปบอกชื่อเพลง ท่วงทำนองบทเพลงที่หลายคนรู้จักดีดังขึ้นพร้อมกับไฟที่ดับลง เหลือเพียงไฟที่ให้แสงสว่างบนเวทีเท่านั้นที่ยังติดอยู่


   เขาก้าวออกมายืนกลางเวที ไม่มีแววของคนตื่นเวทีเหมือนเช่นกับมารินเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย เมื่อดนตรีบรรเลงถึงช่วงที่ต้องร้อง เขาก็ร้องด้วยน้ำเสียงที่ตรึงคนฟังได้ไม่ยากเย็นนัก ทุกคนปรบมือให้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็โค้งตัวขอบคุณก่อนจะร้องเพลงต่อไป


8เหลืออีกกี่วัน อีกกี่คืนที่จะมีเธอ
เหลืออีกกี่ลมหายใจ ที่จะได้เจอกับความสดใส


เวลามีน้อยเหลือเกิน ที่ให้ฉันได้เตรียมหัวใจ
ว่าภาพที่เคยเห็นเมื่อวาน จะเป็นแค่ความหลังไป


ต่อจากนี้ นาทีนี้ จะนับทุกลมหายใจ
เก็บเอาวันเวลา แต่ละหยดหยาดไว้ข้างใน
จากวันนี้ คนคนนี้ จะรักเธอสุดหัวใจ
และจะย้ำซ้ำซ้ำ จากวันนี้จนถึงวันไกล ว่ารักเธอ


เสียไปมากมาย กับเวลาที่มันเลยผ่าน
เสียดายที่วันเมื่อวาน ที่ทำให้เธอมันยังน้อยไป
เวลาที่เหลือทุกนาที จากวันนี้จนวันสุดท้าย
ฉันจะเฝ้าทำทุกทาง ทุ่มเทให้สุดหัวใจ


ต่อจากนี้ นาทีนี้ จะนับทุกลมหายใจ
เก็บเอาวันเวลา แต่ละหยดหยาดไว้ข้างใน
จากวันนี้ คนคนนี้ จะรักเธอสุดหัวใจ
และจะย้ำซ้ำซ้ำ จากวันนี้จนถึงวันไกล ว่ารักเธอ


ถึงแม้ในวันนั้นที่เราไกลห่าง ในคืนที่อ้างว้างก็จะมีแต่เธอ


ต่อจากนี้ นาทีนี้ จะนับทุกลมหายใจ
เก็บเอาวันเวลา แต่ละหยดหยาดไว้ข้างใน
จากวันนี้ คนคนนี้ จะรักเธอสุดหัวใจ
และจะย้ำซ้ำซ้ำ จากวันนี้จนถึงวันไกล ว่ารักเธอ


   ตลอดเวลาที่ดนตรีและเสียงร้องดำเนินอยู่ คนร้องก็มองลงมาด้านล่างสบตากับใครคนนั้นของตนด้วยสายตาที่สื่อความหมายหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะรัก เศร้า ขอโทษและเสียใจ


   เสียงปรบมือยาวนานหลังจากที่บทเพลงถูกขับขานจนจบ ทั้งที่ก่อนจับไมค์คนร้องยังกลัวล่ม แต่ผลงานหลังจากร้องเสร็จมันต่างกันเป็นไหนๆเขาโค้งตัวขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะเดินเลี่ยงลงจากเวที แล้วปล่อยทุกคนได้สนุกกันต่อ


   “ นี่เวฟ นายรู้สึกมั้ยว่าช่วงนี้พี่โอดูแปลกๆไปนะ ”


   ชอหันมาพูดกับเพื่อนสนิท เมื่อคล้อยหลังพี่รหัสไปแล้ว


   “ อืม..... ก็ว่าอยู่ ช่วงนี้พี่โอแปลกไปจริงนั่นแหละ ”


   ทำไมทั้งคู่ที่เป็นน้องรหัส แถมยังอยู่ห้องเดียวกันจะไม่รู้ว่าพี่ตนเองมีอะไรในใจ แม้เจ้าตัวจะซ่อนทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มก็ตาม งานเลี้ยงของภาควิท - เลจบลงด้วยดี ดีเสียจนบางคนแทบจะคลานกลับห้องไม่รอด ( ดื่มมากไปหน่อย )


   “ รินกลับกันเหอะ ม่ายหวายและ โคตะระเหนื่อยเลย ”


   เสียงเหมือนคนหมดแรงดังมาจากปากของเซาธ ก็จะไม่หมดแรงได้ไงเล่นเต้นไม่บันยะ บันยังซะขนาดนั้น


   “ อืมๆ ”


   มารินว่า ก่อนจะหันมาไขกุญแจรถ แต่เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยก็ดังขึ้นเสียก่อน


   ติ๊ดๆ....ติ๊ดๆ

   มารินเปิดอ่านข้อความ แต่สิ่งที่ตนเองได้อ่านนั้นก็ทำให้มือบางปล่อยโทรศัพท์ร่วงโดยไม่รู้ตัว


   “ รินเป็นอะไร ใครส่งอะไรมา ”


   เซาธถามขึ้นอย่างร้อนรน อาการเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง และไม่รอให้เพื่อนตอบเจ้าตัวก็หยิบโทรศัพท์มาอ่านเสียเอง


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





1Pressure (เพรชเชอะ) = ความดัน ความกดดัน
 

2Tidal ( ไทด์แอ็ล ) = น้ำขึ้น น้ำลง


3Tide ( ไทด์ ) = เวลาน้ำขึ้นหรือลง


4Oceanic ( โอเชียนิค) = เกี่ยวกับมหาสมุทร ในมหาสมุทร

5เติ้ล = ภาษาถิ่นที่ใช้เรียกบุคคลที่ 2 คล้ายกับคำว่า เธอ นาย


6เซิฟ ( surf ) = คลื่นหัวแตก


7เพลงรักข้ามขอบฟ้า = คำร้อง : กวี สัตตโกวิท  ; ทำนอง : สง่า อารัมภีร


8เพลงรักเธอสุดหัวใจ = คำร้อง / ทำนอง ปิติ ลิ้มเจริญ ; เรียบเรียง เสกสรรค์ ปานประทีป[/color]




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




น้ำร้อนเดือดได้ที่แล้วขอรับ ใครจะต้มมาม่าบ้าง :sad4:

ข้าเจ้ามีมาม่ารสหมูสับไว้บริการขอรับ :monkeysad:

มาม่าของข้าเจ้ารสไม่จัดขอรับ ทานได้ทุกเพศ ทุกวัยขอรับ :z2:

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาหากันขอรับ :pig4:  :3123:




หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 16 - 17
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 08-12-2012 00:59:45
รอมาม่าอยู่จ้า น้ำเริ่มเดือดแล้ว :z3:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: naneku ที่ 08-12-2012 17:19:51
เราพึ่งกินมาม่ามา T_T


ใครส่งอะไรมาอะะะ

ปล.จิ้มเป็ดๆๆๆ :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 16 - 17
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 08-12-2012 19:26:40
รอมาม่าอยู่จ้า น้ำเริ่มเดือดแล้ว :z3:

รับรสอะไรดีขอรับ

เรามาต้มมาม่ากันดีกว่า :oo1:

เราพึ่งกินมาม่ามา T_T


ใครส่งอะไรมาอะะะ

ปล.จิ้มเป็ดๆๆๆ :z13: :z13: :z13:

ขอบคุณที่เข้ามากินมาม่าขอรับ

เดี๋ยวข้าเจ้าพาไปแอบดูว่าใครส่งอะไรมาขอรับ :3123:

แจกเป็ดคนละตัวขอรับ
 :3123: :3123:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 08-12-2012 19:32:24
ตอนที่ 18





   ‘ พี่ขอโทษกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น พี่ไม่มีคำอธิบายใดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น พี่คงรักเราไม่ได้อีกแล้ว พี่คิดว่าขอให้ทุกอย่างมันจบลงไปให้วันนี้ดีกว่าที่ให้มันยืดเยื้อกันต่อไป

Mahasamuth.... ’


   เซาธอ่านข้อความจนจบ ก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้อยู่ในอาการคล้ายกับคนช็อก


   “ รินกลับห้องก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันขับเอง ”


   เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงช้า แต่กับไม่มีเสียงร้องแต่อย่างไร เซาธจึงเปลี่ยนเรื่อง และพาเพื่อนกลับไปตั้งหลักที่ห้องก่อน


   ในมุมมืดอีกด้านเขาทรุดตัวนั่งลงช้าๆ เหมือนกับคนที่ไม่มีแรงจะลุกขึ้นทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นทำร้ายอีกคนแค่ไหน สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นก็คือน้ำตาของคนที่ตนรัก ไม่อยากทำให้ร่างเล็กนั้นต้องเสียใจ


   แต่การกระทำในวันนี้ของเขานั้น เขาคิดทบทวนมาหลายวันแล้ว เขาคิดว่าให้เสียใจในวันนี้เสียจะดีกว่า ที่จะปล่อยเรื่องราวให้ยาวออกไป เมื่อนั้นความรัก ความผูกพันมันคงมากกว่านี้ อีกคนคงจะเสียใจกว่านี้


   เขาไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่สามารถจะไปด้วยกันต่อได้ แต่ก็ยังดื้อดึงสุดท้ายมันก็คงจะเจ็บกว่าวันนี้ เขายอมให้คนที่ได้ใจเขาไปโกรธเขา เกลียดเขา เกลียดเขามากเท่าไหร่ยิ่งดี  อีกฝ่ายจะไม่ต้องเสียใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า


   “ พี่ขอโทษน้องริน แต่พี่คิดว่าทางนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรา พี่ไม่อยากให้น้องรินต้องเสียใจเพราะพี่เลย แต่พี่ไม่มีทางเลือก พี่ขอโทษ อย่าร้องไห้ให้กับผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างพี่เลย พี่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องร้องไห้ให้หรอก ”


   เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับบางสิ่งที่ไหลลงมาช้าๆ ไม่ต่างจากคนที่ร้องไปก่อนหน้านั้น  ทำไมกันนะ โชคชะตามักเล่นตลกกับคนที่รักกัน ทำไมไม่เข้าข้างหากไม่อยากช่วย แต่ทำไมต้องทำให้จากกัน ทำไมถึงให้เวลามาน้อยนัก หากไม่ต้องการให้รักกัน แต่ทำไมต้องให้พบกันด้วย.....


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ เกิดอะไรขึ้นอ่ะเซาธ รินเป็นอะไรเหรอ ”


   อีสทถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเซาธประคองเพื่อนกลับมาห้อง พร้อมรอยน้ำตาที่ไหลลงมาเรื่อยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


   “ เอาน่าอย่าเพิ่งถามได้มั้ย ช่วยกันก่อนเหอะ ”


   ว่าแล้ว 3 แฝดก็ประคองเพื่อนของตนมานอนที่เตียง ก่อนที่จะออกมาที่ระเบียงห้องเพื่อซักถามเรื่องราว


   เซาธเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พี่น้องฟัง แม้ว่านอธและอีสทไม่อยากเชื่อนัก แต่ก็ต้องจำนนต่อหลักฐาน เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ 3 พี่น้องก็เข้ามาให้ห้อง แต่พอจะเข้ามาถามก็พบว่าเพื่อนหลับไปแล้ว ทั้งที่ยังร้องไห้อยู่


   “ ปล่อยให้หลับไปเหอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เราก็ไปนอนกันก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ”


   นอธว่า ก่อนที่จะเดินไปปิดไฟ แล้วเข้านอน ปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของวันนี้ แล้วค่อยลุกขึ้นมาสู้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน แต่เจ้าของเครื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยิบขึ้นมาดูหรือรับแม้แต่น้อย ยังคงปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น


   “ บอกว่าพี่ไม่อยู่นะ ”


   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าชอเดินมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูเบอร์ว่าใครโทรมากันแน่ แล้วทำไมเขาถึงไม่รับสักที เพราะโดยปกติแล้วเขาไม่เคยปล่อยคนปลายสายรอนาน แต่ในครั้งนี้นั้นเขาปล่อยให้มันมาเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว โดยไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อย


   แม้ชอจะสงสัยในสิ่งที่เขาพูด แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่เดินมารับโทรศัพท์ และบอกปลายสายไปตามที่เขาขอ


   “ พี่เหนื่อย ขอพี่พักหน่อยนะ ”


   ยังไม่ทันที่ชอจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย เขาก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน ราวกับรู้อยู่แล้วว่าชอจะถามอะไร ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเตียง แล้วดึงผ้าม่านปิดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ส่วนชอก็ได้แต่งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น


   “ ไอ้เวฟ นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่วะ ”


   ชอหันมาถามเพื่อนอีกคนในห้อง ที่ตอนนี้ก็ทำหน้างงไม่แพ้กัน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   “ มีใครรับมั้ย ”


   “ มี พี่ชอรับ แต่บอกว่าพี่โอไม่อยู่ ”


   “ ฉันว่าพี่โออยู่แต่ไม่ยอมรับมากกว่า ”


   “ ช่ายๆ เราจะโทรไปอีก ทนได้ก็ทนไป ”


   “ พอเถอะ เซาธ อีสท นอธ ถ้าเขาไม่อยากรับก็เรื่องของเขา เราจะไปวุ่นวายกับเขาทำไม ”


   เสียงเถียงของ 4 หนุ่มแห่งภาควิทยาศาสตร์ทางทะเล ดังขึ้นต่อเนื่อง น้ำเสียงนั้นแสดงอารมณ์ของคนพูดได้เป็นอย่างดี


   “ แต่ถ้าทุกคนอยากจะทำอะไรต่อก็ตามใจแล้วกัน ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน ”


   มาริบอก 3 สหายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเตียง แล้วดึงม่านปิดเหมือนไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวภายนอกอีก แต่เมื่อม่านปิดสนิทน้ำตาที่คิดว่าจะไม่ร้องอีกแล้ว มันก็ไหลออกมาอีกไม่ยอมฟังคำสั่งแม้แต่น้อย


   “ สงสารไอ้รินว่ะ ฉันอยากให้มันร้องออกมาดังๆดีกว่า จะเก็บเอาไว้อย่างนี้ ”


   “ มันก็ใช่ เพราะฉันรู้สึกว่า ให้มันร้องออกมาดังๆ มันจะได้ปลดปล่อย ไม่ต้องเก็บกั้นเอาไว้คนเดียวแบบนี้ ”


   “ พวกเราก็อยากจะให้เป็นอย่างนั้น แต่เราก็คงทำดีที่สุดได้แค่นี้แหละ เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคน 2 คน เราเข้ามาวุ่นวายมากนักก็ไม่ดี ”


   “ ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่า พี่โอจะเป็นคนอย่างนี้ ไม่งั้นชั้นจะไม่เชียร์ให้ไอ้รินชอบพี่รหัสตัวเองหรอก ”


   “ แกจะพูดอย่างงั้นก็ไม่ถูกหรอก เซาธ ถ้าอย่างนั้นนะ พวกเราทุกคนก็ผิดที่เชียร์น่ะ ”


   “ เฮ้อ!!! ”


   เสียงสนทนาอย่างคนแบกโลกของ 3 พี่น้องจบลงด้วยการถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ด้วยไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาตรงหน้าอย่างไร คนหนึ่งก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่ร้อง แต่ก็รับรู้ได้ว่าเสียใจเกินกว่าจะบรรยายได้


   ส่วนอีกฝ่ายที่ก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบปี เขาเป็นคนดี ดีมากๆ ดีตลอดเวลาที่ผ่านมา ดูแลมารินอย่างดี ไม่เคยจะทำให้เสียใจเลยสักครั้ง แล้วครั้งนี้ล่ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงทำให้สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ทำในเรื่องที่ใครๆก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทุกอย่างกับฟ้องด้วยตัวมันเอง


   เขาส่งข้อความมาขอเลิกกับ เขาทำสิ่งที่หลายคนต้องแปลกใจ และการกระทำในครั้งนี้ก็ไม่มีการอธิบายถึงเหตุผลใดๆทั้งสิ้น แล้วสิ่งที่ผ่านๆมาล่ะ มันคืออะไร เขาดูแลเด็กหนุ่มตนเองอย่างดีมาตลอด ดีเสียจนมารินไม่คิดว่าผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้


   เรื่องราวที่เขาทำให้มารินปลาบปลื้มไหลเข้ามาในห้วงความคิด ทั้งๆที่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้คิด แต่ก็อดไม่ได้


   ครั้งแรกที่ออกค่าย Conservation เขาก็ทำให้มารินรู้สึกดีด้วยไม่น้อย เมื่อเขาพาตนเองออกจากป่าโกงกาง ที่ต้องเดินไปบนรากบ้าง เดินบนพื้นโคลนด้านล่างบ้าง เป็นระยะเกือบกว่ากิโลเมตร เพราะตนเดินไม่ไหว เนื่องจากโดนเปลือกหอยบาดเท้าตั้งแต่ยังก้าวเท้าเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทางเข้าเลยด้วยซ้ำ


   หลังจากนั้นระยะทางที่เหลืออยู่มารินก็เกาะคอเขาแน่น ยิ่งกว่าลูกลิง เพราะไม่อยากเป็นภาระให้เขาต้องมาห่วงว่าตนจะตกลงไป แถมตอนกลางคืนเขาก็นั่งเฝ้าเช็ดตัวให้ทั้งคืน  เพราะเท้าของตนอักเสบทำให้ไข้ขึ้น จนตัวเองไม่ได้พักผ่อนแม้แต่น้อย


   และอีกหลายๆครั้งที่เขาห่วงไย จนลืมนึกถึงตัวเอง และไม่ว่ามารินจะทำอะไร แค่ไหนเขาไม่เคยจะทำให้เสียใจแม้แต่ครั้งเดียว


   แล้วในครั้งนี้ล่ะมันคืออะไร ทั้งหมดที่ผ่านมามันคืออะไร ทำไมไม่คิดจะบอกอะไรให้เข้าใจบ้างเลย ทำไมต้องทำให้ตนเองเกลียดเขาด้วย มารินไม่อยากเกลียดเขา เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันนั้น เขามีเหตุผลเสมอ มีแต่ตนเท่านั้นที่เอาแต่ใจ ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นด้วย มารินคิดในใจเศร้าๆ ก่อนจะหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   เช้าวันใหม่ที่น่าจะเป็นวันที่สดใสของใครหลายๆคน แต่นั่นไม่ได้หมายความถึงอีกหลายๆคน ภาพของหญิงสาวที่ไม่มีใครรู้จักเดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มที่ทั้งมหาวิทยาลัยรู้จักดี แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้เดินคู่กันเหมือนชายหญิงคู่อื่น แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ใครหลายคนมองตามได้ไม่ยาก


   “ เดี๋ยวคุณรอขึ้นรถตรงนี้นะครับ ผมต้องไปเรียนก่อน ”


   “ แหม..... Ocean คะจะไม่รอส่งเราหน่อยเหรอ ”


   “ ผมต้องขอโทษนะครับ ผมต้องไปเรียนก่อน อีกอย่างพี่ชายคุณก็รออยู่ด้วยไม่ใช่หรือ ”


   คำพูดอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจคนตรงหน้ามากนัก ออกจะตัดความสัมพันธ์อยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ทำคนฟังไม่พอใจแต่อย่างไร เพราะคนที่พูดนั้นมีศักดิ์ฐานะมากกว่า และการที่เขายอมพูดอยู่ด้วยขณะนี้ ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งแล้ว


   “ ก็ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ ”


   แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่สนใจหญิงสาวตรงหน้านัก แต่ภาพที่ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกัน ก็ทำให้คนที่บังเอิญผ่านมาเห็นอดหวั่นไหวไม่ได้


   “ โว๊ย!!! เห็นแล้วมันอดใจไม่ไหว ขอมีเรื่องกับรุ่นพี่ซักทีเหอะ ”


   เซาธโวยขึ้น เมื่อเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น เป็นเดือด เป็นร้อนแทนคนนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน


   “ นี่ๆ น้อยๆหน่อยเซาธ แกจะแหกปากหาสวรรค์วิมานอะไรห๊ะ ไอ้รินมันยังไม่พูดอะไรซักคำเลย ”


   อีสทหันมาโวยใส่ฝาแฝด เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวปากมาก โวยวายจนเกินเหตุ


   “ ก็มันน่านี่นา ไม่เห็นแก่หน้าเพื่อนเราบ้างเลย ดูดิ บอกเลิกไอ้รินยังไม่ทันไร ก็มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาหาถึงที่ ”


   “ พอเถอะเซาธ เขาจะทำอะไรมันก็สิทธิ์ของเขานี่นา ปล่อยเขาไปเถอะ เรากลับห้องกันดีกว่า ”


   มารินว่าอย่างไม่สนใจ ทั้งที่ในใจมันตรงข้ามโดยสิ้นเชิง ใบหน้าที่เฉยเมย แต่ในใจนั้นกำลังร่ำไห้ กับสิ่งที่ได้เห็น


   “ เอ๊ย!!! รินได้ไงวะ แกจะไม่ทำไรเลยเนี่ยะนะ ”


   เซาธโวยวายไม่เลิก เมื่อเพื่อนตัวเองไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง


   “ พี่เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่น่า เซาธ ”


   มารินเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่นั่นก็พอที่จะทำให้อีก 3 คนตาโตได้ไม่ยาก ก่อนที่ทั้ง 3 เสียงจะประสานขึ้นมาพร้อมกัน


   “ ไม่ผิด ฉันว่าแกเสียใจจนเพี้ยนแล้วล่ะไอ้ริน..... ”


   แต่ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ มารินก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน


   “ ฉันเป็นคนบอกกับพี่เขาเองว่า ถ้าพี่เขาเจอใครที่ดีกว่า ก็ขอให้บอกฉันจะไม่ว่าอะไรเลย ”


   มารินบอกเรื่องที่ไม่เคยบอกใครเป็นครั้งแรก


   “ ไอ้บ้า แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่บอกเขาไปอย่างนั้น ”


   นานทีเดียวกว่าที่อีสทจะได้สติแล้วตะโกนออกมาเป็นคนแรก โดยมีสีหน้าไม่พอใจของอีก 2 คน ที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่มารินก็ไม่ได้อยู่รอฟังคำบ่นของใครอีก เพราะเจ้าตัวหันหลังกลับเดินเข้าหอพักไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากเห็นภาพนั้นนานนัก ส่วน 3 แฝดก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ก็ในเมื่อเพื่อนตนเองเป็นคนพูดเปิดทางเอาไว้เองจะโทษใครได้อีก


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   แสงแดดยามเย็นทอแสงอ่อนๆ พื้นน้ำพลิ้วไหวเป็นระลอก แสงสีทองระยับ ประดับท้องทะเลยามเย็น บรรยากาศริมทะเลยามเย็น สวยงามไม่น้อย ลูกไฟดวงโตทักทายพื้นน้ำที่สุดขอบฟ้า แต่ในใจของคนที่ยืนอยู่หาได้ชื่นชมกับภาพตรงหน้าแม้แต่น้อย


   ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ และนัยน์ตาสีเดียวกันเหม่อมองภาพด้านหน้า แต่สายตานั้นไม่ได้หยุดอยู่ที่ภาพเบื้องหน้า หากแต่เหม่อออกไปไกลกว่านั้น


   “ ทะเลไม่เคยเหงา เพราะอย่างน้อยก็มีเกลียวคลื่นอยู่เป็นเพื่อน มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ยังคงโอบทะเลไว้ในอ้อมกอดเสมอ ”


   เสียงเอ่ยอันแผ่วเบา คล้ายจะฝากถ้อยคำนี้ผ่านสายลม  ท้องฟ้าและสายน้ำ ไปถึงใครบางคน


   “ ทะเลยามเย็นสวยเหมือนเดิมนะครับ ”


   เสียงเอ่ยของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ทำให้คนที่ยืนอยู่ก่อนหันมองหาต้นเสียง


   “ น้องริน!!! ”


   เขาตกใจไม่น้อยที่เห็นคนที่อยู่ในใจตนมาตลอดเดินเข้ามาเงียบๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาจึงกลับมาเป็นปกติ


   “ มีอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีอะไรพ่ะ....ผมขอตัวก่อน ”


   ทั้งที่ก่อนจะเดินเข้ามา มารินก็บอกกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่อ่อนแอให้เขาเห็น แต่เมื่อได้ฟังคำพูดที่เหินห่าง แสนจะเย็นชานั้น มันก็ทำให้ทนต่อไปไม่ได้จริงๆ


   น้ำตาที่ไม่ต้องการให้ใครเห็น โดยเฉพาะกับคนตรงหน้า

   “ น้องริน พ่ะพี่..... ”


   เขาเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นคนที่ตนเองรัก และอย่างจะดูแลไม่อยากจะให้เสียใจร้องไห้ พลางเอื้อมมือจะเช็ดน้ำตาให้เหมือนกับทุกๆครั้ง แต่.....


   มารินทำให้สิ่งที่ตัวเองไม่เคยคาดคิดว่าจะทำและทำได้ ก่อนจะหันหน้าหนี แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำในสิ่งที่ต้องการ เขาก็ดึงมือตนไว้เสียก่อน


   “ พี่ขอโทษ พี่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย ”


   เขาเอ่ยออกมาราวเสียงกระซิบ ก่อนจะดึงคนตัวเล็กกว่ามากอดเป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา เขาไม่เคยที่ล่วงเกินอีกคนเลยแม้แต่น้อย จับมือสักครั้งก็ยังไม่เคย เขาให้เกียรติคนที่เขารักเสมอ แต่ในครั้งนี้ทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจไม่น้อย


   “ ปล่อย!!!  รินจะกลับห้อง ”


   มารินเอ่ยขึ้นอย่างตัดรอน แม้ในใจก็อยากจะขอโทษเขา ที่เมื่อครู่ตนฝากรอยมือเล็กๆไว้บนหน้าของเขา ที่ตอนนี้ขึ้นรอยจางๆ แต่ในอีกใจอยากจะอยู่อย่างนี้นานๆ แม้จะพยายามบอกตัวเองแล้วว่าเรื่องระหว่างตนเองและเขามันจบลงแล้ว อยากจะวิ่งหนี แต่ร่างกายมันไม่ยอมรับคำสั่งใดๆทั้งสิ้น



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



มาม่ารสหมูสับ :z2:

ไม่เผ็ดมาก ต้มสุกแล้ว กำลังอืดได้ที่ :laugh:

เสิร์ฟมาม่าขอรับ

ตอนนี้เหลือเนื้อเรื่องอีกประมาณ 2 ตอนก็จะจบแล้วขอรับ :กอด1:

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชิมมาม่าขอรับ :L2: :3123: :pig4:



หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: jusmine ที่ 08-12-2012 19:55:43
 :monkeysad: :monkeysad: สงสารน้องริน
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 08-12-2012 20:18:31
:monkeysad: :monkeysad: สงสารน้องริน

ขอบคุณขอรับ (น้องรินมีคนเห็นใจแล้ว  :กอด1: )

แจกเป็ดเช่นเคยขอรับ  :3123:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: naneku ที่ 08-12-2012 21:41:17
อยากเอาหน้าจุ่มถ้วยมาม่า  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


รินมาหาเค้ามา เดี๋ยวปลอบใจเองนะจ้ะ !!  :oo1:

 :3123: มอบเป็ดเช่นเคยยย :call:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 09-12-2012 19:08:07
อยากเอาหน้าจุ่มถ้วยมาม่า  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


รินมาหาเค้ามา เดี๋ยวปลอบใจเองนะจ้ะ !!  :oo1:

 :3123: มอบเป็ดเช่นเคยยย :call:

ขอบคุณขอรับ :pig4:

น้องรินมีคนปลอบเพิ่มขึ้นแลว :z2:

+เป็ดเช่นเคยขอรับ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 09-12-2012 19:14:41

ตอนที่ 19


   เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ แต่มันก็เหมือนนานแสนนานในความรู้สึกของทั้งคู่ ไม่มีใครเอ่ยอะไร มีเพียงเสียงคลื่นและเสียงลมเท่านั้นที่ส่งเสียงอยู่เป็นระยะ


   “ พี่ขอโทษกับทุกอย่าง แต่พี่ไม่เคยต้องการให้มันเป็นอย่างนี้ ”


   เขาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน พร้อมกับปล่อยตัวคนที่กอดมานาน แต่ยังคงจับมือไว้เช่นเดิม


   “ พี่จะขอโทษทำไม ขอโทษไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว ในเมื่อทุกอย่างพี่เป็นคนทำลายมันเอง ”


   มารินเอ่ยขึ้นในที่สุด หลังจากที่เงียบอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยเสียงที่พยายามดัดให้เรียบที่สุด


   “ รินไม่โกรธพี่หรอก เพราะรินมันงี่เง่า รินมันบ้า มันโง่ อย่างที่ 3 แฝดบอกเอาไว้จริงๆ บ้าที่พูดอะไรไม่เคยคิด บ้าที่ปล่อยใจให้รัก บ้าที่รักทั้งๆที่เพิ่งรู้จัก บ้าที่หวั่นไหวไปเอง ”

   จากคำพูดแผ่วเบา เปลี่ยนเป็นดังขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ของคนพูดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ สุดท้ายก็ต้องไหลอาบ 2 แก้มอีกครั้ง


   “ พี่มาหลอกให้รินรักทำไม ทำไม!!! ตอบมาสิ ตอบมา ”

   มารินตะโกนใส่หน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว เพราะตอนนี้อารมณ์มันร้อนเกินจะหยุดได้


   “ พี่ไม่เคยคิดจะหลอกเราเลย ไม่เคยจริงๆ..... ”


   เขาเอ่ยขึ้น หลังจากปล่อยให้คนที่กำลังร้อนระบายความรู้สึกออกมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดต่อจนจบ ก็มีเสียงของอีกคนแทรกขึ้นมาเสียก่อน


   “ ไม่เคย ไม่คิด แล้วไอ้ที่พี่กำลังทำอยู่เนี่ยะมันเรียกว่าอะไร ความจริงใจงั้นสิ ”


   มารินพูดด้วยน้ำเสียงประชด ประชัน พร้อมกับน้ำตาเจ้ากรรมที่ไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเอง


   “ เราจะโกรธพี่ก็ได้ เกลียดเลยยิ่งดี เพราะอย่างน้อยพี่ก็ยังดีใจว่า เราก็ยังไม่ลืมเรื่องราวทั้งหมด ”


   คำพูดของเขานี้ ทำให้คนฟังงงไม่น้อยว่าทำไมเขาจึงพูดเช่นนี้


   “ พี่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ ถ้าพี่รู้ว่าทุกอย่างจะต้องลงเอยแบบนี้ พี่จะไม่ทำให้มันเกิดเลย แต่พี่ไม่รู้ พี่ไม่รู้ว่าทุกอย่างที่พี่เคยรู้ ทุกอย่างที่พี่เคยเป็น ในวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว พี่ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว พี่กลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้อีกแล้ว ”


   นับเป็นครั้งแรก ที่เขาเปิดปากบอกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มารินเข้าใจมากนัก มันยิ่งทำให้เด็กหนุ่มงงเข้าไปอีก

   “ พี่หมายความยังไง รินไม่เข้าใจ ทุกอย่างที่พี่เคยรู้ ทุกอย่างที่พี่เคยเป็น พี่ไม่ได้เป็นเหมือนเดิม กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ มันคืออะไรกันแน่ครับ รินไม่เข้าใจ ”


   มารินถามเขาด้วยอารมณ์ที่เย็นลงมามาก เพราะเท่าที่เห็น เท่าที่ดู เขาก็เสียใจกับการกระทำของตนเองไม่น้อยกว่าตนเลย แต่ที่ตนเองโกรธเขานั้น เป็นเพราะเขาไม่เคยให้เหตุผล ไม่เคยอธิบายอะไรเลย คอยแต่หลบหน้ากันตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันนั้นที่เขายอมเปิดปากพูด


   “ พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ มีเรื่องอะไรพอจะเล่าให้รินฟังได้มั้ยครับ เผื่อมันจะช่วยทำให้พี่สบายใจขึ้น ”


   มารินถามเขาด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนที่เคยเป็นตั้งแต่คบกันมา แม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก แต่ตนเองก็พอจะรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เขามักจะเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวเสมอ ซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่เคยที่จะบอกให้ใครรู้


   “ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่น้องรินหายโกรธพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว อย่าทำดีกับพี่อีกเลย เพราะยิ่งเราทำดีกับพี่เท่าไหร่ พี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองผิดมากขึ้นแค่นั้น พี่ไม่อยากให้เราต้องมาเสียเวลากับคนไม่ดี คนเห็นแก่ตัวอย่างพี่อีก ”


   “ ทำไมพี่พูดอย่างนั้นครับ อย่างน้อย ถึงเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แต่เราก็ยังเป็นพี่รหัส น้องรหัสกันอยู่นี่ครับ ”


   มารินว่าพลางนั่งลงที่พื้นทราย ก่อนจะดึงมือเขาให้นั่งลงมาด้วย ตั้งแต่รู้จักกับพี่รหัสคนนี้มาก็เกือบจะปีแล้ว ทำไมตนเองจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร


   เขาเป็นคนมีเหตุผลมารองรับทุกการกระทำ และในครั้งนี้ก็เช่นกัน มารินเชื่อในใจว่า เขาต้องมีเหตุผลบางอย่างที่เก็บไว้คนเดียว ไม่ยอมบอกใคร แม้ว่าตนไม่ใช่คนอารมณ์เย็นนัก โดยเฉพาะเวลาอยู่กับเขา ตนเองจะเป็นคนที่งี่เง่าสุดๆเลยก็ว่าได้


   แต่ก็ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะไม่มีเหตุผล แต่เหตุผลมักมาหลังอารมณ์เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กัน 2 คน ดังนั้นเมื่อครู่มารินจึงหลุดไปชั่วขณะ แต่ตอนนี้เจ้าตัวสามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว และจะไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลอีกเป็นครั้งที่ 2


   “ พี่ขอโทษกับทุกอย่าง ขอโทษที่พี่เข้ามาในชีวิตของเรา ความจริงแล้วพี่ไม่น่าจะเข้ามาเลย พี่..... ”


   เขาก็ไม่รู้จะบอกอะไรได้ ทุกอย่างที่อยากพูด มันจุกอยู่ที่คอ ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร


   “ เรื่องที่พี่ทำมาทั้งหมด พี่ยอมรับว่าพี่ตั้งใจ เต็มใจ แต่พี่ไม่อยากให้เราต้องมาเสียเวลากับพี่อีกอย่างที่พี่เคยบอกนะว่า เรื่องของเรามันไม่มีทางที่จะจบอย่างสมหวังแน่นอน พี่จึงอยากให้เรื่องราวทั้งหมด มันยุติลงแต่เพียงแค่นี้ ก่อนที่อะไรๆมันจะถลำลึกไปกว่านี้ ”


   “ ทำไมล่ะครับ เรายังไม่รู้เลยว่ามันจะจบอย่างไร ทำไมพี่ถึงบอกว่ามันจะไม่สมหวังล่ะ ถึงมันจะไม่สมหวัง แต่อย่างน้อยรินก็ขอทำให้สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นความทรงจำที่ดีจะดีกว่า ”

   มารินแทรกขึ้น แม้จะไม่รู้ถึงเหตุผลของเขาก็ตาม แต่ตนเองคิดว่าตนเลือกที่จะสร้างความทรงจำดีๆ เอาดีกว่า

   “ ถ้าพี่ไม่บอกเราตอนนี้ แล้วไปบอกตอนสุดท้าย ตอนจบ มันก็เหมือนกับว่า พี่เอาเปรียบ เห็นแก่ตัวเกินไปน่ะสิ ”


   เขาอธิบาย แต่นั่นก็ทำให้มารินงงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพราะทุกคำพูดของเขานั้น เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป


   “ พี่พูดเหมือนว่า รู้อยู่แล้วว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร หรือที่ผ่านมาพี่ไม่เคยคิดจริงจังกับรินเลย พี่หลอกรินมาตลอดเหรอ ”


   คำพูดของมารินทำให้เขาต้องรีบอธิบายอย่างเร่งด่วน เพราะกลัวอีกคนจะเข้าใจผิดไปกว่าเดิม


   “ พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่ไม่เคยหลอกเรานะ แต่พี่รู้ว่าต่อจากนี้ เรื่องของเรากับพี่ มันจะไม่มีทางสมหวัง ทั้งๆที่พี่อยากให้มันจบอย่างสวยงามแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็คงเป็นได้แค่ฝัน ”


   “ ทำไมครับ รินก็ไม่เข้าใจอยู่ดี พี่พูดเหมือนพี่รู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อ ถ้าอย่างนั้น พี่จะมาทำให้รินรู้สึกดีด้วยทำไม ”


   มารินต่อว่า เพราะหากเขารู้ตอนจบอยู่แล้ว ทำไมต้องมาสร้างความทรงจำให้ตนรู้สึกดีด้วย


   “ พี่ยอมรับนะว่า ตอนนี้พี่รู้ว่าตอนจบเรื่องของเรามันจะต้องเป็นอย่างไร แต่..... ฟังพี่ก่อนนะ ”


   เขายอมรับโดยดี เมื่อมารินได้ฟังเช่นนั้น ก็กำลังอ้าปากจะต่อว่า แต่เขาก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เด็กหนุ่มต้องนิ่งฟังอีกครั้ง


   “ พี่ยอมรับว่า ตอนนี้พี่รู้ว่าเรื่องราวของเราจะเป็นอย่างไร แต่ในตอนนั้น พี่ไม่รู้เลย พี่หวังให้ทุกอย่าง เป็นไปตามที่เคยวาดหวังไว้ เช่นเดียวกับผู้ชายธรรมดาคนอื่นๆ แต่ในตอนนี้ พี่..... ”


   เขาพยายามอธิบายให้อีกคนเข้าใจให้มากที่สุด ก่อนจะหยุดไป เพราะไม่รู้จะอธิบายต่ออย่างไรดี


   “ ทำไมครับ ตอนนี้พี่เป็นอะไรเหรอ หรือว่าไม่ปกติ ”


   เมื่อเห็นเขาเงียบไปนาน มารินจึงเป็นฝ่ายถามต่อเสียเอง


   “ พี่..... พี่..... ”


   แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังได้


   “ ครับ รินรู้แล้วว่าพี่เป็นพี่ ไม่ต้องบอกมากก็ได้ แต่เรื่องที่รินอยากรู้น่ะคือเหตุผลของพี่ต่างหาก ”


   มารินเอ่ยถามอย่างใจเย็น เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้คงทำให้เขาหนักใจไม่น้อย โดยปกติแล้วเขาเป็นคนที่มั่นใจก่อนจะพูดเขาจะเรียงลำดับมาอย่างดีแล้ว แต่ในครั้งนี้เขาเหมือนกับคนที่ยังไม่ได้จัดระเบียบความคิด


   “ ถ้าเกิดน้องรินต้องเลือกระหว่างความรักกับหน้าที่ น้องรินจะเลือกอะไรครับ ”


   เขาพยายามเรียบเรียงประโยค เพื่อนำเข้าสู่คำอธิบายให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้มารินนิ่งคิดไปเช่นกัน เพราะไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร


   “ คำถามของพี่ยากจัง ขอเปลี่ยนคำถามได้มั้ยครับ ”


   มารินตอบเขาทีเล่น ทีจริง เพราะไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่า ถ้าหากต้องเลือกขึ้นมาจริง จะเลือกอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะเอ่ยอีกประโยคขึ้นมา


   “ แล้วถ้าเราต้องเลือกระหว่าง เรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมล่ะ เราจะเลือกอะไร ”


   แม้เขาจะยอมเปลี่ยนคำถามใหม่อย่างที่อีกฝ่ายขอ แต่คำถามใหม่นี้ก็ไม่ได้ช่วยให้ง่ายแก่การตอบไปกว่ากันเลย

   “ คำถามวันนี้ดูซีเรียสจัง ตอบไม่ถูกครับ เพราะรินก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วอีกอย่างนะ รินก็ไม่ได้มีหน้าที่ ที่ยิ่งใหญ่ขนาดต้องเลือกด้วยสิ แต่ถ้าเป็นเรื่องความรักล่ะก็ พ่อกับแม่คงไม่ให้รินเลือกหรอกว่า ระหว่างแฟนกับพ่อ แม่ รินจะเลือกอะไร เพราะท่านบอกว่า ถ้ารินรักใครท่านก็รักด้วย ขอให้เป็นคนดีก็พอ ทำไมหรือครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่พี่จะพูดเหรอ ”


   มารินตอบก่อนจะถามเขากลับเช่นกัน ส่วนเขาเมื่อได้ฟังคำตอบของคนข้างกาย ก็ระบายลมหายใจออกช้าๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง


   “ พี่อยากคิดอย่างเราบ้างจัง แต่เสียดายว่ามันคงเป็นไปได้อีกแล้ว พี่คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว ”


   เขาตอบอย่างแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ แต่มันก็ดังพอที่คนข้างจะได้ยิน และรับรู้ความรู้สึกของคนพูดได้เป็นอย่างดี


   “ ทำไมครับ พี่พูดแปลกๆ พูดเหมือนกับว่า คุณแม่ไม่ปลื้มเลย ”


   มารินพูดอย่างติดตลก เหมือนเวลาที่ใครๆชอบพูดกัน


   “ ก็ไม่เชิงหรอกครับ เมื่อก่อนที่บ้านพี่น่ะ ไม่ค่อยสนใจพี่เท่าไหร่หรอกว่าพี่จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร สบายดีหรือเปล่า เพราะพี่เป็นลูกคนเล็กไม่สำคัญเท่ากับพี่คนโต ทุกคนจะเป็นห่วงพี่ชายของพี่มากกว่า แต่พี่ก็ไม่เคยน้อยใจนะ เพราะพี่ชายของพี่น่ะ ต้องแบกรับภาระมากกว่ามากพี่นัก แต่ในวันนี้ มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ภาระหน้าที่ ที่พี่ชายของพี่เคยรับผิดชอบ มันกลับมาเป็นของพี่ ทุกสิ่ง ทุกอย่าง แม้มันจะทำให้พี่มีอำนาจมากขึ้นในสายตาของคนอื่น แต่สำหรับพี่แล้ว พี่ไม่เคยต้องการมันเลยแม้แต่น้อย ”


   เขาอธิบายยาวเหยียด พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ พูดทุกอย่างแบบที่ไม่เคยพูดให้ใครฟังมาก่อน ก่อนจะก้มหน้า หลบสายตา ปกปิดความรู้สึกทั้งหมดที่ถาโถมเข้ามา

   มารินไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้แม้แต่ครั้งเดียว เขาที่ตนเคยเห็นและรู้จักนั้น เข้มแข็ง ไม่เคยแสดงความรู้สึกในส่วนลึกให้ใครรับรู้ หรือต้องกังวลไปกับตัวเองแม้แต่ตัวของมารินเอง


   แต่มาในครั้งนี้ เขาเล่าทุกอย่าง อย่างที่ไม่เคยรับรู้ ทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม ใครจะรู้ว่าในรอยยิ้มนั้นมีความทุกข์อยู่แคไหน


   “ พี่โอครับ ”


   มารินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเขาก้มหน้านิ่งๆมานาน ตนเองอยากจะปลอบเขาแต่คำพูดที่อยากจะพูด มันกลับจุกอยู่ที่คอ ทำได้แค่วางมือบนบ่าเขาเบาๆ


   “ พี่ขอบคุณนะ ที่อย่างน้อยทะเลก็ไม่เคยทิ้งให้มหาสมุทรต้องอยู่คนเดียว เราจะโกรธพี่ก็ได้นะ เพราะพี่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ไปมากไปกว่านี้ พี่รู้แค่ว่า สุดท้ายแล้ว เราคงรักกันเหมือนคู่อื่นไม่ได้ เพราะทันทีหลังจากที่พี่จบ พี่คงไม่สามารถเลือกอะไรได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว อีกไม่นานต่อจากนี้ พี่ก็คงต้องกลับไปทำหน้าที่ ที่พี่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับ หลังจากนั้นแล้ว พี่อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกก็เป็นได้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วพี่ไม่อยากให้เราต้องเสียใจเพราะพี่อีก..... ”


   เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงรอยเศร้าๆไว้ในน้ำเสียง แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ มารินก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน


   “ พี่ก็เลยทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ใช่ไหมครับ ทำไมพี่ไม่อธิบายให้รินฟังแต่แรก รินไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้นนะ พี่ทำอย่างนี้เหมือนพี่ดูถูกความรู้สึกของริน ทำให้คนอื่นพลอยเกลียดพี่ไปด้วย ทำไมล่ะครับ ”


   มารินถามพลางกระตุกมือเขา เมื่อเขาไม่ยอมตอบเสียที


   “ พี่..... ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นพี่คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไงดีทุกอย่างมันเข้ามาเร็วมาก เร็วจนพี่ไม่ทันได้คิดอะไรเลย ”


   เขาตอบออกมาในที่สุด


   “ พี่ก็เลยทำร้ายตัวเอง ”


   “ พี่ก็แค่อยากให้ทุกคนลืมพี่ หรือไม่ก็เปลี่ยนมุมมองที่มี ”


   “ พี่พูดเหมือนง่ายๆ แต่มันไม่ง่ายเลยนะ รินไม่เห็นว่ามันจำเป็นเลย พี่ก็เป็นพี่อย่างเดิม ไม่เห็นต้องทำอย่างนี้เลย ”


   “ แค่นี้พี่ก็เหมือนคนเห็นแก่ตัวมากพอแล้ว พี่ไม่อยากให้เราต้องมาเสียเวลากับพี่อีก ”


   “ แต่รินไม่คิดอย่างนั้นหรอก ตลอดเวลาที่รู้จักกับมหาสมุทร มหาสมุทรสอนให้ทะเลเข้มแข็ง และเชื่อมั่นในสิ่งที่รัก มาถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ต่อให้ทางด้านหน้าจะเป็นเส้นขนานที่ไม่มีทางบรรจบ แม้ว่าจะถึงตอนนั้นเส้นขนานเส้นนี้ก็ยังอยู่ด้วยกัน แล้วทำไมล่ะครับ ทำไมมหาสมุทรถึงพยายามผลักไสให้ทะเลไป ทั้งที่รู้ว่า ไม่มีทางที่ทะเลและมหาสมุทรจะแยกจากกัน ”


   มารินพูดกับเขา ก่อนที่ตนจะเป็นฝ่ายเอนตัวไปซบไหล่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ


   “ ทะเลเต็มใจจะเดินต่อ ทั้งที่รู้ว่าทางด้านหน้าไม่มีวันบรรจบกันน่ะหรือ ”


   “ ถึงทางด้านหน้าไม่มีทางบรรจบกัน แต่อย่างน้อยมหาสมุทรก็จะอยู่ในความทรงจำของทะเลเสมอ ไม่ว่าจะนานเท่าใด ”


   มารินเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ เพราะตัดสินใจแล้วว่า หากความรักของตนในครั้งนี้ มันจะจบด้วยการจากลา แต่ตนก็จะขอเก็บช่วงเวลาดีๆเหล่านี้ไว้ อย่างน้อยมันก็เป็นช่วงที่มีความสุข และคอยเป็นเพื่อนในวันที่เขาต้องเดินไปในเส้นทางของเขา


   “ รัก แต่ต้องห้ามใจไม่ให้รัก มันเจ็บ เจ็บมากรู้มั้ย ”


   เขาเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บซ้ำ เจ็บที่ตนเองไม่สามารถจะเลือกทางเดินให้กับตนเองได้อีกแล้ว เจ็บที่ไม่สามารถรักษาดวงใจของตนเองไว้ได้ เจ็บที่ต้องเป็นฝ่ายทำลายความรักที่พยายามค้นหามานาน แต่ต้องจบลงด้วยมือของตนเอง


   “ รินรู้ แต่เรายังมีเวลาอยู่ไม่ใช่เหรอครับ รินไม่รู้หรอกว่าหลังจากที่พี่จบไปแล้ว พี่ต้องกลายเป็นอะไรที่พี่ไม่อยากเป็นนั่น แต่ตอนนี้พี่คือนายมหาสมุทร พี่รหัสของรินคนที่ทำให้รินรู้จักคำว่ารัก และสอนให้รู้จักความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน ขอให้ได้รักก็พอ ไม่ว่าจะอย่างไรพี่จะอยู่ในใจของรินตราบเท่าที่ทะเลยังอยู่คู่กับมหาสมุทร ”


   คำพูดของเด็กหนุ่มนั้นมันตอกย้ำเข้าไปในโสตประสาท ย้ำลึกให้จำไม่ลืม เขาคิดไม่ผิดเลยที่รักคนๆนี้เพราะอย่างน้อย เขาก็มีคนที่รักเขาอย่างจริงใจไม่เหมือนคนอื่นๆ รักเขาไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร


   “ Marine love you always ”


   เขากระซิบข้างหูร่างเล็กเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ความมืด สายลม หมู่เมฆ ท้องทะเลโอบกอดความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



สวัสดีขอรับ (มันเพิ่งจะคิดได้ :z3: )

ตอนนี้ก็ตอนที่ 19 แล้ว

ข้าเจ้าตั้งใจไว้ว่าเรื่องนี้จะมีแค่ 20 ตอน

ซึ่งก็หมายความว่า ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้าย(?)แล้ว :กอด1:

และแล้วมาม่าชามเล็กก็ผ่านพ้นไป :เฮ้อ:

ไม่รู้ว่าทุกท่านอิ่มกันหรือเปล่า

ขอบคุณทุกกำลังใจขอรับ :กอด1: :3123: :L1: :pig4: :call:



หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 10-12-2012 09:03:55
พี่โอเป็นใครกันแน่ :angry2:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 12-12-2012 18:39:10
พี่โอเป็นใครกันแน่ :angry2:

พี่โอเป็น.......

เป็นความลับขอรับ :z6: (หลบไม่ทัน)

ขอบคุณที่ติดตามขอรับ :pig4: :L2:

บวกเป็ดเช่นเคยขอรับ :กอด1:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 20 ( สุดท้าย )
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 12-12-2012 19:03:13

ตอนที่ 20 ( สุดท้าย )



   1อยากให้วันเวลากลับไปเป็นวันเดิม วันที่ฉันได้เริ่มเรียนรู้รักเรา.....


   เขาว่ากันว่า คนที่อกหักมักจะฟังเพลงรักอกหักเพราะขึ้น เห็นจะเป็นจริงอย่างที่เขาว่ากัน แม้ตอนนี้มารินจะไม่ใช่คนอกหัก แต่อีกไม่นานต่อจากนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ กำลังจะกลายเป็นความทรงจำระหว่างคนสองคน


   ความรักที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแค่เพียงไม่กี่วัน แต่มันก็เป็นความรักที่จะตรึงในใจไปตลอด รักที่เหมือนจะราบรื่น แต่สุดท้ายกลับสะดุดล้มไม่เป็นท่า แต่กระนั้นแล้วตนก็เลือกที่จะเดินต่อ แม้สุดท้ายแล้วจะไม่ได้อะไรเลย หากรู้ว่าเส้นทางความรักที่กำลังก่อเกิดขึ้นมานั้น เป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ คงไม่มีใครดื้อดึงที่จะเดินต่อ เพราะรังแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บ เจ็บที่ต้องจากกันในที่สุด


   แต่ทั้งเขาและเด็กหนุ่มก็เลือกที่จะเดินต่อ เลือกที่จะสานความสัมพันธ์นั้นไปให้สุดทาง แม้ว่ามันจะจบด้วยความเศร้า แต่ก่อนจะถึงตอนจบระหว่างทางนั้นมันก็มีความทรงจำดีๆ และมารินก็เลือกที่จะเก็บมันไว้


   “ เฮ๊ย!!! ไอ้รินมายืนชมดาวอะไรตอนนี้วะ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้านะ มานอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นมาตาเป็นหมีแพนด้า ถ่ายรูปออกมาดูไม่ได้นะ ”


   เสียงของ 1 ใน 3 แฝดดังขึ้นด้านหลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอีสท เรียกให้ใจที่ลอยๆของมารินกลับสู่ร่างอีกครั้ง


   “ อืมๆ เดี๋ยวตามไป ”


   มารินตอบกลับไป ทั้งๆที่ยังยืนมองท้องฟ้าด้านนอก


   “ พรุ่งนี้แล้วสินะ พรุ่งนี้แล้วที่ทุกอย่างจะเป็นเพียงความทรงจำความทรงจำที่จะไม่มีวันลบเลือน ”


   มารินเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา พลางยกมือเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆไหล ก่อนจะยิ้มให้กับท้องฟ้าเบื้องหน้าอีกครั้ง


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   ตลอดระยะเรียนที่หลายคนฝ่าฟันมาจนถึงวันสุดท้าย หลายคนเฝ้านับวันรอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันสุดท้ายนี้เสียที แต่ยังมีคนที่ไม่อยากให้วันนี้มาถึง แม้ก่อนหน้านั้นจะต้องการ แต่ในตอนนี้ ไม่อยากให้มีวันนี้ เพราะมันเป็นวันสุดท้าย วันสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน วันสุดท้ายที่ทุกอย่างจะจบลง ทุกอย่างที่เขาพยายามทำมาทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ ความทรงจำที่แสนเศร้า


   “ นี่ๆริน แกนัดพี่เขาไว้ที่ไหนเนี่ยะ คนเยอะอย่างกับมดแตกรังอย่างนี้นะ ถ้าไม่นัดไว้ก่อน มีหวังเดินหาปวดหัวพอดี ”


   เสียงบ่นของคุณป้า(?)จอมบ่นดังขึ้น หลังจากที่เดินวนอยู่รอบบริเวณพื้นที่จัดงานอำลาสถาบันมาพักใหญ่ แต่ยังไม่เจอคนที่หาสักที


   “ แกจะบ่นทำไมนักเนี่ยะ ฉันขี้เกียจฟังโว๊ย ”


   เซาธโวยขึ้นมาอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ต้องฟังป้าหม่อมจอมบ่นพล่ามมาตลอดทาง


   “ นัดไว้แล้ว เดี๋ยวพี่เขาคงมา ”


   มารินตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม แต่ 3 หนุ่มนั้นรู้ดีว่าเพื่อนของตนฝืนใจแค่ไหน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายทำไมพวกตนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนคนนี้บ้าง แต่ถึงพยายามห้ามอย่างไร ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเจ้าตัวยืนยันที่จะทำมันให้ได้


   เหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนยังอยู่ในความทรงจำ เพื่อนของฝาแฝดถูกบอกเลิก กว่าอาทิตย์ที่ไม่มีการพูดคุย เพื่อนคนนี้เป็นเหมือนร่างไร้วิญญาณที่มีเพียงลมหายใจ มันก็แน่แหละรักครั้งแรก วาดหวังไว้มาก


   แต่หลังจากที่เพื่อนหนุ่มน้อยกลับมาจากหาดในวันนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปอย่างที่พวกตนคิดไม่ถึง ทั้งคู่กลับมาคบกันเหมือนเดิม และอาจจะหวานกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทำให้พวกตนเริ่มจะเชื่อแล้วว่า เวลาที่ทะเลาะกันแล้วเข้าใจกันมันทำให้คนเรารักกันมากขึ้น


   แต่ความจริงที่ได้รับรู้จากปากเพื่อนร่วมห้องในวันต่อๆมา ทำให้พวกตนไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนนัก เพราะผลสุดท้ายตอนจบก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่ แถมเจ็บมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะว่าเวลายิ่งนานก็ยิ่งผูกพัน แต่เพื่อนตัวเล็กก็ยังยืนยันที่จะไปต่อไม่ว่าหนทางด้านหน้าจะเป็นเช่นไร แต่เพื่อนคนนี้กลับบอกว่า.....


   ‘ ช่างมันสิ ทางด้านหน้ามันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แม้มันจะทำให้เราผิดหวัง ก็ช่างมัน เราเลือกได้นี่นา เราเลือกที่จะจดจำช่วงเวลาดีๆระหว่างทางได้ ตอนจบจะเป็นยังไงก็ปล่อยมันไป เพราะเราเลือกที่จะเก็บวัน เวลาดีๆระหว่างทางไว้ก็พอ ’


   แม้มันจะเป็นเหตุผลที่ฟังดูแปลก เลือกที่จะให้ตัวเองเจ็บในตอนจบเพื่อเก็บช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างทางเอาไว้ แถมยังเป็นความเต็มใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย จะมีใครบ้างที่เลือกเดินในเส้นทางนี้


   “ นี่ริน แล้วทางบ้านพี่เขาอ่ะ มีใครมาบ้าง ”


   อีสทถามขึ้นอีกครั้ง หลังจากยืนรออยู่ที่ซุ้มของภาควิชามาพักใหญ่


   “ ไม่รู้สิ ไม่ได้ถาม ”


   “ โน่นๆ มาโน่นแล้ว คนอะไรแต่งชุดอะไรก็ดูดีไปหมด ”


   เซาธเอ่ยขึ้น เมื่อหันไปเห็นรุ่นพี่คนที่ทุกคนกำลังรอเดินเข้ามา ร่างสูงโปร่งอย่างนักกีฬา วันนี้อยู่ในชุดราชปะแตนสีขาว สวมทับด้วยครุยผ้าโปร่งทำให้ดูดีขึ้นมาอีกมาก


   “ โห!!! พี่โอวันนี้พี่หล่อมาก แค่ปกติพวกผมก็ใจละลายแล้ว นี่ยิ่งละลายไปใหญ่ เห็นแล้วไม่อยากให้พี่จบเลย เพราะถ้าพี่จบนะ ภาคเราก็ขาดคนหน้าตาดีไปตั้งคนหนึ่ง แต่ยังไงก็ยินดีด้วยนะครับ ”


   เซาธเอ่ยขึ้นทันทีที่เขาเดินมาถึงบริเวณที่ทุกคนรออยู่ ก่อนจะส่งช่อดอกไม้ในมือให้


   “ ขอบใจครับ ความจริงไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย ”

   เขาว่า พลางรับช่อดอกไม้นั้นมาถือไว้ ก่อนจะเหลือมองอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังเพื่อนๆ


   “ เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า ”


   เขาว่า พลางคว้าข้อมือของคนที่ยืนนิ่งๆมาจับไว้อย่างถือวิสาสะ


   “ วันนี้พี่ขอวันหนึ่งนะ ”


   เขากระซิบบอกคนรักของตนเองเบาๆ คล้ายจะเป็นการขออนุญาต เพราะแม้ว่ารู้จักกันมานานแล้ว แต่เขาก็เสมอต้น เสมอปลาย เขาไม่เคยจับมือคนที่ตนรักโดยไม่ขอก่อน


   “ แหมๆๆ หวานกันไม่เกรงใจใครเลยนะ มดขึ้นแล้ว ”


   จอมปากมากว่า ทำให้มารินหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้


   “ ที่เราพูดเนี่ยะอิจฉาเขาล่ะสิ ”


   น้ำเสียงคุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ทำให้ต้องหันมาดู


   “ แหมพี่เวฟ มันก็ต้องมีกันบ้างแหละ ”


   “ พี่โอครับยินดีด้วยครับ อันนี้จากเรา 2 คน ”


   ชอที่เดินเข้ามาสมทบส่งกรอบรูปขนาดใหญ่ ที่มีรูปของทุกคนที่ถ่ายเอาไว้ในกิจกรรมต่างๆ


   “ พี่จบแล้ว แล้วผมจะหาพี่ห้องพ่วงตำแหน่งพี่รหัสที่แสนดี มาจากไหนล่ะครับทีนี้ ”


   เวฟว่า พลางทำหน้าน่าสงสาร ที่หลายคนเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้


   “ พี่เวฟครับ ผมว่านะถ้าเป็นคนอื่นทำนะ มันอาจจะน่าสงสารแต่พอคนทำเป็นพี่เนี่ยะ มันแบบว่า..... ”


   เซาธเอ่ยขึ้น แต่ก็ไม่พูดให้จบประโยค จงใจจะเว้นเอาไว้ให้คิดต่อคนอื่นๆขำ แต่คนที่โดนรุ่นน้องประชดได้แต่แยกเขี้ยว เพราะทำอะไรไม่ได้


   “ วัน Bye’nior คนเยอะอย่างนี้ทุกปีเหรอครับ ”


   นอธถามขึ้น หลังจากปล่อยให้คนอื่นคุยมานาน


   “ ก็อย่างนี้ทุกปีแหละน้อง ”


   รุ่นพี่จอมปากมากตอบ


   “ พี่โอครับ ไปถ่ายรูปกันเหอะ ”


   ชอว่า ก่อนที่ทุกคนจะสลับ สับเปลี่ยนกันเป็นช่างภาพ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก


   เริ่มสาย ว่าที่บัณฑิตก็ต้องถ่ายรูปหมู่ก่อนจะตั้งขบวนเดินเข้าสู่หอประชุม ( จำเป็น ) เพื่อเข้าร่วมพิธีในช่วงเช้า ซึ่งเป็นการมอบเกียรติบัตรผลงานดีในด้านต่างๆ


   “ นี่ริน เราว่ากลับไปหลับเอาแรงก่อนเหอะ กว่างานตอนเย็นจะเริ่มก็ 6 โมงโน่น ”


   เสียงเพื่อนสนิทดึงสติของคนที่กำลังนั่งใจลอยให้กลับเข้าร่าง


   “ อืม..... ”


   คนใจลอยตอบกลับ แม้จะดูเหมือนว่ายังไม่สามารถรวบรวมสติกลับมาได้ก็ตาม 3 แฝดหันมองหน้ากันอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่างเล็กของพวกตนนั้นหาได้มีสติอยู่กับตัวแม้แต่น้อย


   นัยน์ตาเหม่อลอยออกไปไกลๆ ทั้งที่เมื่อเช้าแววตายังมีความสุข ยังมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แต่มาตอนนี้ หลังจากที่เขาต้องเข้าหอประชุม ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทำไมพวกตนจะไม่รู้ว่าล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น


   มันก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง ที่เพื่อนร่างจ้อยสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้คนๆนั้นไม่ต้องเศร้าใจ เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาควรจะยินดีกับความสำเร็จที่พากเพียรมาตลอดเวลาหลายปี

   “ เซาธ อีสท นอธ พี่ว่าเราพารินกลับไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่บอกพี่โอให้เอง ”


   ชอเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นอาการของน้องรหัสของตัวเองที่พร้อมจะปล่อยโฮได้ทุกเมื่อ 3 ฝาแฝดพยักหน้ารับ ก่อนจะกึ่งดึง กึ่งลากข้อมือเพื่อนให้กลับห้องพร้อมกัน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   แสงไฟจากคบไม้ไผ่ จัดตกแต่งไว้รอบสระน้ำขนาดย่อม ดวงไฟเล็กๆอีกมากมายถูกจัดไว้ตามต้นไม้โดยรอบ เสียงพูดคุย กับเสียงดนตรีที่ดังอยู่ด้านหลังไม่ได้อยู่ในความรู้สึกแม้แต่น้อย


   “ โห!!! เนี่ยะเหรองาน ราตรีสีคราม ที่พี่บอก ผมไม่เห็นมีอะไรแปลกไปกว่างานเลี้ยงธรรมดาเลย ”


   “ บ่นมากจริง เนี่ยะแหละงานที่พี่บอก ”


   เสียงโวยวายจากจอมปากมาก กับรุ่นพี่ที่ปากมากไม่แพ้กัน


   “ ว่าแต่น้องปี 1 มีอะไรมานำเสนอเนี่ยะ ”


   “ แหมพี่ชอครับ ถ้าบอกตอนนี้ก็ไม่ตื่นเต้นสิ ”


   “ ช่าย..... ของอย่างนี้มันต้องรอดูเอง ”


   3 แฝดว่า พลางดึงมือเพื่อนของตนไปด้านหลังเวที เพื่อเตรียมการแสดงในคืนนี้


   “ พวกเราพร้อมมั้ย ”


   เสียงของประธานภาคชั้นปี 1 เอ่ยถาม หลังจากที่ปี 1 วิทยาศาสตร์ทางทะเลยืนอยู่ด้านหลังเวที ก่อนจะขึ้นไปบนเวที เพื่อร่วมแสดงความยินดีความความสำเร็จของพี่ปี 4 ในวันนี้


   “ พวกเราพร้อมนะ 3 - 4 ”


   เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่ทุกขึ้นมายืนอยู่ตรงกลางเวทีครบทุกคนแล้ว สิ้นเสียงสั่ง บทเพลงที่ถูกเรียบเรียงขึ้นมาใหม่จึงดังขึ้น



2 พี่ๆสั่งให้เขียนประวัติของตัวฉัน
บอกให้ส่งให้ทันวันพรุ่งนี้
มันยากจังทำไม่ไหว ซ้อมเชียร์ทั้งปี
แล้วจะเขียนให้ดีอย่างไร


* รายงานตัวก็ไม่รู้ หน้าตาก็ไม่คุ้น
กอดพี่อุ่นจริงๆ มันจริงไหม
พร้อมหน้ากันโดมอาหาร
นึกว่าแค่ฝันไป ไม่เคยมีที่ไหน ไม่มี


** โดนเช็คไม่เคยบ่นเลย กี่ทีไม่เคยบ่นไป
นอนหลับหนูเคล็ดจะตายทุกที
ไม่มีประวัติจะเขียน ให้พี่ได้อ่านพรุ่งนี้
บนหน้ากระดาษก็เลอะน้ำลาย


*** ถ้าพี่ฟังอยู่ ไม่ว่าพี่อยู่ไหน ไม่ว่าพี่เป็นใคร
ช่วยส่งรักกลับมา
ถ้าพี่ไม่อยู่ คิดถึงหนูหน่อยหนา
หนูขอสัญญาว่า หนูจะจบ 4 ปี


ซ้ำ ( *,**,*** )


   เสียงเพลงที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ โดยเลียนแบบเพลงที่หลายคนคุ้นเคยดีจบลง พร้อมกับเสียงปรบมือ และเสียงอุทานประมาณว่า ‘ มันคิดได้ยัง ’


   สมาชิกทั้งหมดจับมือกันโค้งตัวขอบคุณเสียงปรบมือ ก่อนจะเดินลงเวที แล้วปล่อยเป็นหน้าที่ของพิธีกรต่อไป


   “ แหม ดูเหมือนว่าทุกคนจะชื่นชอบกับการแสดงชุดเมื่อครู่ ผมก็คนหนึ่งแหละครับที่ชอบ ”


   “ ใช่ครับ ผมก็ชอบ และก็คิดเหมือนหลายคนว่า ‘ คิดได้ไง ’ ไม่แน่ว่ากลับไปคืนนี้ น้องๆอาจจะมีอะไรสนุกๆทำกันก่อนนอนก็เป็นได้ ”


   เวฟและชอที่รับหน้าที่พิธี ( เกิน ) กรในค่ำคืนนี้เอ่ยขึ้น และมันก็พอจะทำให้น้องปี 1 หลายคนเสียวสันหลังวาบ กับประโยคสุดท้ายไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยอีกประโยคที่ช่วยให้หลายคนคลายใจได้


   “ แหมน้องๆครับ พี่ล้อเล่น เพราะคืนนี้พี่คงไม่มีแรงหรอก สบายใจได้ทุกคน ”


   “ ใช่ครับ แต่ก่อนที่จะปล่อยให้พิธีกรเวฟพล่ามไปมากกว่านี้ ผมก็ขอเชิญท่านประธานสุดสวาท ขาดใจดิ้นของทุกคน ขึ้นมากล่าวแสดงความรู้สึก แล้วก็ร้องเพลงให้พวกเราฟังสักเพลงนะครับ ”


   คนโดนเรียกก็ต้องเดินขึ้นบนเวทีอย่างช่วยไม่ได้


   “ พี่ขอเป็นตัวแทนเพื่อนปี 4 ทุกคนในวันนี้ พี่ขอบคุณทุกคนมาก ที่จัดงานวันนี้ให้พวกพี่ทุกคน พี่ขอบคุณมาก และตอนนี้พี่ขอพูดในส่วนตัวบ้างนะ พี่ดีใจนะที่ได้มาเรียนที่นี่ พี่ไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นแค่ที่เรียน ตลอดเวลา 4 ปี ที่นี่คือบ้าน บ้านที่ให้ความสุข ให้ความรู้ ให้เพื่อน ให้มิตรภาพ และอีกหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ที่นี่สอนให้พี่เรียนรู้มากกว่าความรู้ที่ได้ พี่มีความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่ และพี่ก็สัญญาว่า ภาพความทรงจำเหล่านั้น จะอยู่ในนี้ ในนี้ตลอดไป ”

   เขาว่า พลางชี้มาที่อกด้านซ้าย


   “ สำหรับบทเพลงนี้ หากพี่จะบอกว่าพี่ขอมอบเป็นพิเศษให้กับใครบางคนในที่นี่ คนสำคัญที่พี่จะไม่ลืม หวังว่าทุกคนจะไม่ว่าอะไรนะ ”


   ไม่มีใครว่าอะไร นอกจากเสียงปรบมือ ซึ่งคนที่ถูกบอกว่าเป็นคนสำคัญก็ได้แต่ยืนน้ำตาคลอเท่านั้น


3 ใจส่งถึงใจเธอ มือจับกันไว้
มองตาแล้วเข้าใจ ไม่ต้องเอ่ยคำ
เดินเกี่ยวแขนกันไป ถ่ายทอดความรัก
จงอย่าสนใจใครฉันอยู่ใกล้เธอ


เปี่ยมด้วยความรักต่อเธอ
* ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นอยู่ตลอดกาล


** ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นรักนิรันดร์


คืนเปลี่ยนแม้วันผ่านกาลเปลี่ยนปรวนแปร
รักเรามั่นคงแน่มิเปลี่ยนแปรไป
เราหล่อหลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

คงจะไม่มีวันเหินห่างกันไป
เปี่ยมด้วยความรักต่อเธอ


( *,** ) ซ้ำ 2 รอบ


   เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือ เขาขอบคุณทุกคนอีกครั้งก่อนจะเดินลงจากเวที กลับมานั่งที่เดิม


   “ แหม หวานซะไม่มี อย่างนี้เราจะปล่อยให้ฝ่ายชายร้องคนเดียวได้ยังไง อย่างนี้มันต้องมีอีกฝ่ายด้วยจริงมั้ยครับ รู้สึกว่าคู่รักคู่นี้จะกลายเป็นตำนานของภาควิชาจริงๆครับ หวานได้ไม่แคร์สื่อ ถ้าอย่างนั้นขอเชิญน้องรินขึ้นมาร้องเพลงให้พี่ประธานของทุกคนสักหน่อยนะครับ ”


   เวฟยังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และคำถามนั้นก็ได้รับการตอบรับเป็นเสียงปรบมือ พิธีกรจึงเรียกให้มารินขึ้นมาร้องเพลงตามคำเรียกร้องของทุกคน


   “ ขอบคุณมากครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่ารินเป็นคนร้องเพลงไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ ยังไงก็ต้องขอให้ทุกคนช่วยด้วยนะครับ ”


   มารินรับไมค์จากพิธีกร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเช่นเคย เสียงเพลงอินโทนเริ่มบรรเลงช้า ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มร้อง


4 สิ่งใดๆไม่มีอะไรเทียบรัก
ให้อุปสรรคมันมากมายเพียงไหน
ต่อให้ฟ้ากลั่นแกล้งปานใด
ถ้าใจสองเราผูกใจ
อย่างไรก็คงถึงกัน
ให้เวลาหรือฟ้ามากั้นเราสอง
ต่อให้พรมแดนเขตแคว้นกว้างใหญ่เพียงไหน
จะกี่ภพหรือจะกี่ชาติไป
ถ้าใจสองเราผูกใจ
อย่างไรก็คงถึงกัน



* รัก.....เธอเสมอ
ฉันใกล้เธอแต่เหมือนอยู่ไกลแสนไกล
แต่ยังจะรอยังเฝ้ารอต่อไป
รอฉันรอวันไหน
ให้ใจสองใจคู่กัน


ความจริงใจไม่มีอะไรกั้นขวาง
เมื่อใจนำทางให้เราได้มาเจอะกัน
จะโลกไหนถ้าใจรักกัน
ถ้าคนสองคนผูกพัน
ไม่หวั่นไม่กลัวเรื่องใด
( * ) ซ้ำ


ที่ใจสองใจคู่กัน
และยังจะรอยังเฝ้ารอต่อไป
รอฉันรอวันไหน
ให้ใจสองใจคู่กัน
   


   เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเช่นครั้งอื่นๆ แต่ที่ต่างไปก็คือ มันจบพร้อมรอยยิ้ม และน้ำตาของคนร้องด้วย มารินขอบคุณทุกคนก่อนจะเดินลงมาจากเวทีอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าตนเองร้องไห้ แต่นั่นก็ไม่สามารถรอดสายตาของใครบางคนไปได้



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   ผืนน้ำพลิ้วไหวตามแรงลม คลื่นลูกเล็กหยอกล้อกับชายฝั่ง ดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นกลางหมู่เมฆวันนี้คล้ายกับในวันนั้น น้ำทะเลขึ้นเต็มฝั่ง ทุกอย่างคล้ายกันมาก ที่ต่างไปก็คงเป็นความรู้สึก


   ในวันนั้นความรู้สึกที่มีบอกว่า ทุกอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้น แต่ในวันนี้มันบอกว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง


   “ คืนนี้เหมือนคืนนั้นเลยนะครับ ”


   มารินเอ่ยขึ้น หลังจากหันมาดูว่าเสียงที่เดินตามหลังตนมาเป็นใคร


   “ ครับ แต่มันก็แค่คล้าย แค่คล้ายเท่านั้น และถ้าเลือกได้ พี่ไม่อยากให้วันนี้มาถึงเลย ”


   เขาเอ่ยขึ้น หลังจากเดินมาหยุดอยู่ข้างคนที่ครองใจเขาไว้ และเลือกที่จะมองไปที่ท้องทะเลด้านหน้าเช่นเดียวกัน


   “ ทำไมพี่พูดอย่างนั้นล่ะครับ วันนี้เป็นวันที่พี่ต้องดีใจสิ ”


   “ อาจจะใช่นะว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนวันนี้เป็นวันที่พี่น่าจะดีใจ พี่เห็นรุ่นพี่คนอื่นจบพี่ก็อยากให้วันนี้ของพี่มาถึงบ้าง แต่เมื่อวันที่พี่เฝ้าคอยมาถึงจริงๆ ความรู้สึกที่มีมันก็เปลี่ยนไป พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันควรจะดีใจหรือเปล่า มันเป็นความรู้สึกสับสนเสียมากกว่า ใจหนึ่งพี่ก็ดีใจนะที่สามารถมาถึงวันนี้ได้ แต่อีกใจหนึ่ง พี่ก็ยังไม่อยากจบ เพราะเมื่อไหร่ที่พี่จบจากที่นี่ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็จะกลายเป็นแค่ความทรงจำ..... ”


   “ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ความทรงจำ แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดีไม่ใช่เหรอครับ อย่างน้อยเราก็มีช่วงเวลาดีๆให้จดจำ ”


   มารินพูดขัดขึ้น แต่ก็มิได้ละสายตาจากผืนน้ำด้านหน้า เหมือนกับว่าสิ่งที่มองอยู่นั้นมีอะไรดึงดูดใจ เช่นเดียวกับเขา ก็มิได้ละสายตามาเช่นกัน มารินรู้ว่าถ้าหันกลับมาเมื่อไหร่ ตนเองต้องร้องไห้อีกแน่ ทั้งที่บอกกับตัวเองไว้แล้วจะไม่ร้องไห้อีก วันนี้ตนต้องยินดีไปกับเขา

   “ พี่โอครับ แล้วพี่โอออกมาทำไมครับเนี่ยะ เขาจัดงานให้พวกพี่นะ แต่พี่กลับหนีมายืนชมทะเล ใช้ไม่ได้ๆ ”


   มารินเอ่ยขึ้นอย่างติดตลก เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศเศร้าๆเมื่อครู่


   “ ก็ออกมาตามเด็กขี้แงน่ะสิ ไม่รู้วิ่งไปไหนแล้ว เราพอจะเห็นมั้ยถ้าหาเจอนะ..... ”


   เมื่อเห็นว่าคนข้างกายเปลี่ยนเรื่อง เขาก็เปลี่ยนเรื่องตามไปด้วย


   “ ไม่รู้สิครับ แถวนี้ไม่มีนะเด็กขี้แง มีแต่เด็กน่ารักได้ไหม ”


   “ แหมๆ ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะเรา ”


   “ ไม่ได้หลงครับ แค่ชมตัวเองเล็กๆน้อย ๆพอให้สดชื่น ถ้าเราไม่เห็นความดีในตัวเอง แล้วใครเขาจะมาเห็นล่ะครับ ”


   “ ครับ..... ไม่เถียงแล้ว เถียงไม่เคยชนะเราเสียที แพ้ทุกที ”


   “ รินว่าที่พี่แพ้น่ะ เพราะพี่ไม่คิดจะเถียงมากกว่า ”


   “ มันก็ใช่นะ เพราะพี่ขี้เกียจต่อความยาว สาวความยืดกับเราน่ะสิ ไม่อยากเห็นเด็กงอแงน่ะ ”


   “ พี่ว่ารินงอแงเหรอ ”


   มารินกับเขานั่งเถียงกัน แต่ก็ไม่ได้มองหน้ากันแต่อย่างไร ทั้งคู่ยังคงมองออกไปด้านหน้าเหมือนเคย


   “ วันนี้เหนื่อยมั้ยครับ ”


   มารินถามขึ้น แต่ก็ยังไม่หันหน้ากลับมา


   “ ก็ไม่เท่าไหร่นะ เพราะพี่ไม่ต้องอดนอนตื่นไปแต่งหน้า ทำผมเหมือนพี่ผู้หญิง ”

   เขาว่า แต่มันก็ทำให้อีกคนอดจะทำจมูกย่นใส่ไม่ได้


   “ ครับ..... ใครเขาจะไปดูดีเหมือนพี่ล่ะ ”


   มารินว่าเขาอย่างไม่จริงจังมากนัก


   “ พี่โอครับ รินมีของขวัญมาให้พี่ด้วย ”


   “ เหรอ ไอ้เราก็นึกว่าจะลืมเสียอีก เพราะเมื่อเช้าไม่เห็นพูดอะไรเลย กำลังน้อยใจอยู่พอดีเลย ”


   เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทีเหมือนจะดีใจจนออกนอกหน้า


   “ ก็เห็นว่าเมื่อเช้า มีคนให้เยอะแล้วกลัวจะถือไม่หมด ก็เลยยกยอดเอามาให้ตอนนี้ดีกว่า ”


   มารินว่า พลางหยิบกล่องกระดาษข้างตัวส่งให้เขา


   “ อะไรเหรอครับ ”


   “ อยากรู้ก็แกะดูเองสิครับ จะถามรินทำไม iboให้พี่ไปแล้ว ”


   “ บอกนิดหนึ่งไม่ได้เหรอ ”


   มารินส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไรเพียงแต่รับกล่องใบนั้นมาแล้วค่อยๆแกะกระดาษที่ห่อออกช้าๆ นาฬิกาทรงกลมเรือนปานกลางพื้นหลังเป็นลายสมออะตอม สัญลักษณ์ของภาควิชาวิทยาศาสตร์ ทางทะเล และภายในนาฬิกาเรือนเดียวกัน ยังมีนาฬิกาอีก 2 เรือนที่ตั้งเวลาไว้ตรงกัน ด้านล่างสุดมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือของคนให้


   ‘ ไม่ว่าจะอย่างไร เวลาของเราจะเดินไปพร้อมกันเสมอ ’


   เขาหันหน้ามองคนตัวเล็กเป็นครั้งแรก และมันก็เป็นจังหวะเดียวที่อีกคนหันมาเช่นกัน


   “ ไม่ว่าจะอย่างไรเรา 2 คนก็จะเดินไปพร้อมกันเสมอ แม้ว่าในวันต่อๆไปเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ใช่มั้ยครับ”


   “ ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ ”


   เขาว่า พลางยกมือเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยของตน และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มารินไม่อยากจะหันหน้ามามองเขา เพราะรู้ว่าอย่างไรก็เก็บน้ำตาไว้ไม่ได้


   “ ไม่ว่าจะอย่างไร เรายังมีกันและกันอยู่เสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปซักเท่าไหร่ แม้ว่าวันนี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าเราจะไม่สมหวัง แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้จักกัน ได้เรียนรู้กันและกัน พี่ขอสัญญา เราจะเป็นคนแรก และคนเดียวที่จะเป็นคนสำคัญคนที่พี่รัก และรักมากเพียงคนเดียว พี่ยอมรับว่าแม้เวลาที่เราได้รู้จักกัน มันอาจจะไม่มากเหมือนกับคนอื่นๆ แต่พี่ก็แน่ใจและยังยืนยันในสิ่งที่พี่พูด เพราะพี่เชื่อและเคารพความรู้สึกของตัวเอง ”


   มารินไม่ได้ตอบว่าอะไร เพราะสิ่งที่พยายามฝืนมาตั้งแต่เช้า มาถึงตอนนี้มันไม่สามารถที่จะฝืนต่อไปได้อีก


   “ ร้องออกมาให้พอ ร้องวันนี้เป็นสุดท้าย และต่อจากนี้อย่าร้องอีกเลยนะ พี่ไม่อยากเห็นเราร้องไห้อีกแล้ว ต่อจากนี้ไปพี่อยากให้เรายิ้ม หัวเราะ เพราะเราน่ารักกว่าตอนร้องไห้ตั้งเยอะ ”


   เขากล่าว ก่อนจะกระชับร่างในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ส่วนคนที่ถูกกอดก็กอดตอบ เพื่อเก็บความรู้สึกทั้งหมดนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นแค่เพียงความทรงจำ.....



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



1 ท่อนหนึ่งของเพลงฉันมีแต่เธอ

2 ดัดแปลงเนื้อร้องจากเพลง ‘ เรียงความเรื่องแม่ ’

3 เพลงรักนิรันดร์

4 เพลงรักเธอเสมอ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้วขอรับ :o12:

แต่เหมือนว่าจะยังไม่จบ :a5:

ขออภัยที่มิได้มาอัพต่อเนื่องขอรับ

แบบว่าข้าเจ้ามิสบาย :เฮ้อ:

อาการก็เล็กน้อยถึงปานกลาง (ลุกไม่ขึ้นเท่านั้นเอง :z3: )

อากาศเริ่มเย็นแล้วรักษาสุขภาพด้วยนะขอรับ :กอด1:

 :L1: :3123: :pig4: :call:

ปล. เปลี่ยนสีตัวอักษรมิสำเร็จ ขออภัยอย่างแรง :monkeysad: :sad11:








หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 20 ( สุดท้าย )
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 12-12-2012 21:19:26
จบจริงหรือ อ่านแล้วมันค้างแปลกๆ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } ตอนที่ 20 ( สุดท้าย )
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 13-12-2012 18:13:15
จบจริงหรือ อ่านแล้วมันค้างแปลกๆ :z3: :z3:

จบขอรับแต่.....

ไม่สนิท  :z6: (โดนเต็มๆ)

ความจริงเรื่องนี้เหมือนจะไม่แฮปปี้แต่....

มันก็แฮปปี้นะขอรับ :z3:

ขอบคุณมากมายที่แวะมาหากันขอรับ

บวกเป็ดเหลืองเช่นเคย :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 21-12-2012 19:27:14

บทส่งท้าย


   พื้นน้ำสีคราม เกลียวคลื่นพลิ้วไหว กิ่งสนโอนเอน หาดทรายทอดยาวสุดแนว เมฆก้อนน้อยๆล่องลอย แสงแดดหยอกล้อกับผิวน้ำระยิบ ระยับ


   สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้กระมัง ที่ดึงดูดหัวใจสีทรายดวงนี้ให้กลับมาเยือนท้องทะเลนี้อีกครั้ง ทะเลแห่งนี้ก็ยังสวยงามอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม


   ไม่เคยรู้เหมือนกันว่าหัวใจดวงนี้ กลายเป็นหัวใจสีทรายตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงว่าตนเองรู้สึกผูกพันกับสายน้ำเค็มจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต หรืออาจจะเป็นดังเช่นที่ใครหลายคนพูดกัน


   แต่ท้องทะเลแห่งนี้จะรู้บ้างไหมว่า หัวใจสีทรายดวงนี้ยังคิดถึงพื้นน้ำสีครามอันกว้างใหญ่ ที่คอยโอบกอดทะเลอยู่เสมอ แม้ว่าเวลามันจะผ่านมาเท่าไหร่ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นยังรู้สึกเหมือนกับว่า มันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว


   เรื่องราวทั้งหมดยังคงตราตรึงอยู่เสมอ ที่ตรงนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทั้งสุข เศร้า เหงา สมหวัง ผิดหวัง แม้ในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวันก่อนๆ เพราะในวันนี้มหาสมุทรกว้างใหญ่มิได้อยู่เคียงข้างทะเลนี้อีกแล้ว


   แต่กระนั้นแล้วก็ใช่ว่าทะเลและมหาสมุทรจะแยกจากกัน แม้ตัวจะไม่อยู่ด้วยกัน แต่ดวงใจสีทรายทั้ง 2 ดวงจะยังอยู่ด้วยกันเสมอ.....


   เรื่องราวความรักของผมเกิดขึ้นที่นี่ แม้รักที่เกิดขึ้นนั้นมันอาจไม่จบอย่างที่ใครต้องการ แต่ผมไม่เคยที่จะเสียใจกับมันเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันผมดีใจเสียอีก แม้ว่าครั้งนั้นจะทำให้ผมได้เรียนรู้ความผิดหวังจากความรักเป็นครั้งแรก แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดหวังเหมือนที่คนอื่นๆเป็นกัน


   ผมไม่ได้อกหักอย่างที่คนอื่นเขาพูดกัน เพราะผมไม่ได้เลิกกับเขา แต่เราจากกันด้วยความรัก ความรักที่จะมีต่อไป แม้ว่าจะไม่ได้อยู่เคียงข้างกันก็ตาม


   ตั้งแต่วันนั้น วันที่มหาสมุทรจากทะเลแห่งนี้ไป ผมไม่ได้ร้องไห้อีก เพราะคืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่ผมร้อง นั่นอาจเป็นเพราะว่าเขาขอเอาไว้ และผมเองก็รับปาก แต่ในวันนั้นผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจ


   แต่มันเป็นความรู้สึกที่หลากหลาย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตนเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ ณ ตอนนั้น รู้เพียงแต่ว่า อยากจะอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนั้นนานๆ แม้มันจะดูเหมือนกับการกระทำที่ไม่ควรเท่าใด เหมือนคนที่ปล่อยใจให้ง่ายเกินไป
 

   เมื่อมาถึงตอนนี้ ผมไม่เคยรู้สึกผิดกับการกระทำของตนเองในครั้งนั้นเลย แต่จะรู้สึกเสียใจมากกว่า หากในวันนั้นไม่ได้ทำ ทุกอย่าง ทุกการกระทำของเขาคนนั้น ยังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



   ‘ แม้ค่ำคืนนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ข้างกันจับมือกันอย่างนี้ แต่มันจะไม่ใช่คืนสุดท้ายที่หัวใจเราจะแยกจากกัน เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ดวงใจสีทรายดวงนี้ มหาสมุทรพื้นนี้ จะมีเพียงท้องทะเลแห่งนี้ตราบจนวันสุดท้าย ’


   ‘ เหมือนกันครับ รินไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยในวันนี้ รินก็ได้ทำในสิ่งที่ใจต้องการ ’


   เสียงสนทนาของคน 2 คนที่เดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ หาได้สนใจกับงานเลี้ยงที่อยู่ด้านหลังแม้แต่น้อย


   ‘ อยากให้คืนนี้ยาวนานกว่านี้จัง หรือไม่ก็ ไม่ต้องเช้า ’


   ‘ โห!!! ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างพี่โอจะพูดอะไรแบบนี้ได้ ’


   มารินอุทานเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อว่า จะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากของคนตรงหน้า


   ‘ ทำไมล่ะ พี่พูดมันแปลกมากเหรอ ’


   เขาเอ่ยปากถามอย่างงๆ เพราะไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน คนอื่นก็พูดประมาณนี้กันเยอะแยะ


   ‘ ไม่แปลกหรอกครับถ้าเป็นคนอื่นพูดน่ะ แต่พอเป็นท่านประธานมหาสมุทรพูดนี่แหละถึงแปลก ’


   มารินว่า พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนโดนว่างงไม่น้อย


   ‘ ก็ปกติพี่เคยพูดแบบนี้ซะที่ไหนล่ะ วิชาการสุดๆ พอพี่พูดแบบนี้รินก็อดที่จะขำไม่ได้ ’


   มารินว่าพลางหัวเราะพลาง ทำให้คนฟังอดที่จะหัวเราะตามไปไม่ได้ เพราะมันก็เป็นเรื่องจริงตามที่อีกคนว่า เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้นัก นอกจากจะอยู่กับคนตรงหน้านี้เท่านั้น


   ‘ รินจะเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมดเอาไว้ในความทรงจำ ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี สุข ทุกข์ เศร้า เหงา รินจะเก็บมันไว้ให้ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้รินโตขึ้น ทำให้รินเรียนรู้ที่จะเสียสละ ’


   ‘ พี่ก็เช่นกัน พี่บอกเราหมดทุกอย่างแล้ว และพี่จะไม่พูดคำนั้นซ้ำเพราะหากพูดซ้ำบ่อยๆมันจะกลายเป็นว่า มันก็เป็นเพียงคำพูดที่อยากจะพูดเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อนั้นคำๆนั้นคงจะไม่มีความหมายอีกต่อไป ’


   ยามค่ำคืนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่คนที่นั่งมองท้องทะเลเบื้องหน้าหาได้ลุกหนีหยาดน้ำค้างแม้แต่น้อย


   ‘  ดึกมากแล้ว จะกลับหรือยังครับ คนอื่นเขากลับกันหมดแล้วนะ งานเลิกแล้วด้วย ’


   เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากปล่อยให้เสียงลมและเกลียวคลื่นขับกล่อมมานาน


   ‘ เฮ้อ!!! ง่วงแล้วด้วย ’


   มารินว่าพลางเปิดปากหาวหวอดๆ


   ‘ ง่วงแล้วเหรอ กลับกันเถอะ น้ำค้างแรงขึ้นแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย ’


   เขาว่า ก่อนจะลุกขึ้นแล้วส่งมือให้ร่างเล็กจับพยุงตัวลุกขึ้น

   ‘ รินยังไม่อยากกลับเลย อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ ’


   มารินเล่นเกมต่อรอง แต่คาดว่าไม่สำเร็จเพราะคนฟังทำหน้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง


   ‘ ไม่ได้ครับ เดี๋ยวไม่สบายไปจะทำยังไง พี่อยู่ดูแลเราไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้เราต้องดูแลตัวเองดีนะ ’


   แม้ว่ามันจะเป็นคำพูดที่เขาเคยใช้ แต่ในครั้งนี้มันกับต่างออกไปโดยเฉพาะประโยคหลัง แม้จะพยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้หางเสียงสั่น แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่สำเร็จอยู่ดี


   ‘ นั่นแน่..... อย่าบอกนะว่าท่านประธานสุดเลิฟของใครหลายคนกำลังจะ..... ’


   มารินเอ่ยขึ้นอย่างล้อๆ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย ทำไมนะการที่ต้องจากคนที่รัก ทั้งๆที่ยังรัก มันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ และเป็นเจ็บที่เจ็บด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันไม่ใช่เลิกกันเพราะหมดรัก


   แต่ต้องจากกันเพราะรัก และไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเป็นคนไม่ดี ไม่อยากรักอย่างคนเห็นแก่ตัว ที่ต้องการครอบครองคนเดียว โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา


   มารินไม่รู้ว่าโดนวงแขนอบอุ่นนี้กอดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่กลับอยากอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่อยากให้แสงของวันใหม่มาเยือน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   เสียงปากกาลากผ่านกระดาษหยุดลง เมื่อเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเงยหน้าขึ้นมองท้องทะเลเบื้องหน้า พร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่แต่งแต้มบนใบหน้าใสๆ ไร้ซึ่งเครื่องสำอางใดๆ


   เสียงปากกาด้ามเดิมลากผ่านกระดาษดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าของจรดปลายเขียนอีกครั้ง


   หลายปีมาแล้ว แต่ผมไม่เคยลืมคำนั้นเลยแม้สักวัน คำที่คนพูดปากหนักไม่คิดจะพูดพร่ำเพรื่อ แต่ทุกอย่างสามารถรับรู้ได้จากการกระทำ


   คำพูดหรือจะสำคัญเท่าการกระทำ ทุกสิ่งที่เขาคนนั้นทำ มันบอกอะไรได้หลายอย่าง มากกว่าคำพูดนับร้อยเสียอีก


   ‘  ทะเลยังอยู่ในอ้อมกอดของมหาสมุทรฉันใด รักฉันจะมีอยู่เสมอฉันนั้น Marine love you always ’


   ฉันใดก็ฉันนั้น มหาสมุทรยังอยู่ในใจของทะเลเช่นกัน.....


Marine.....
   

   เสียงปิดหน้าสมุดดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของร่างบางจะยืนขึ้น แล้วมองกลับไปด้านหลัง เมื่อรู้สึกคล้ายกับว่า มีใครคนหนึ่งกำลังมองมาความรู้สึกเหมือนจะได้เจอกับบางอย่างที่คุ้นเคย.....




Mariner IX




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




จบแล้วขอรับ :mc4:

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมาถึงบทส่งท้าย

ขอบคุณมากมายขอรับ :L2: :กอด1: :3123: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 21-12-2012 21:11:25
ค้างยิ่งกว่าตอนที่แล้วอีก :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 22-12-2012 00:02:36
เรื่องนี้สงสัยจะได้กินมาม่านะ ยังไม่กล้าอ่านขอทำใจแป๊บนึง กลัวเศร้าอ่ะ หัวใจไม่แข็งแรง ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: tantanlize ที่ 01-01-2013 19:31:57
ค้างยิ่งกว่าเดิม -[]-
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: zodiacniing ที่ 01-01-2013 19:43:55
อ่านรวดเดียวจบ

คนเขียนชอบทำค้าง

เรามาเอามาม่านอกรอบด้วย ^0^
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 05-01-2013 22:48:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 12-04-2013 10:07:07
จบแบบนี้ไม่มีต่อเหรอ ไม่ชอบเลยรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ยังไม่เห็นได้สู้เพื่อความรักเลยปล่อยผ่านไปเฉยๆ
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 15-04-2013 06:55:51
จบแบบให้ไปคิดต่อเอาเองสินะ...

คาใจแค่ตัวละครที่เหมือนจะเด่น แต่กลับไม่มีบทอย่างคุณป้า และอาจารย์ซัน
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 15-04-2013 11:38:29
สนุกดีฮ๊าฟฟฟฟ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ นะฮ๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 19-04-2013 22:13:15
เรื่องจบแล้ว แต่อารมณ์คนอ่านไม่จบตามอ่ะค่ะ
เฮ้อ!!! คนรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: (: Marine love you always :) { รัก...นิรันดร์ } บทส่งท้าย (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 20-03-2024 20:02:11
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)