สวัสดีค่ะ พลอย (เจอมาร) ค่ะ
เรื่องที่พลอยจะเขียนต่อไปนี้ คงต้องบอกว่า ไม่ต้อง เบส ออน ทรู สตอรี่แล้วล่ะค่ะ พลอยเรียกมันว่า ฟัคกลิ้ง ทรูสตอรี่!
เล่นจริง เจ็บจริง จนจริง แหลกแกลบ กินหญ้า เขางอก อย่างแท้จริงแบบไม่มีสแตนด์อิน....
พูดกันง่ายๆ ใจๆ.. อิพลอยโดนอมเงินค่ะ!
สาววายเอย เจ้าจงอ่านไว้เป็นอุทาหรณ์....
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อราวๆสองสามปีก่อน พลอยมีเหตุให้ต้องออกจากงาน งานไม่มาเงินก็ไม่มีนะคะ
ยังดีที่มีเงินประกันสังคมช่วยอยู่บ้าง... แต่มันก็ยังต้องหางานหาเงินมาเสริมเพิ่มพิเศษเพื่อยังชีพอยู่ดีนั่นแหละ
และด้วยความที่มีวิชาภาษาติดตัวอยู่บ้างพร้อมด้วยความวายในสายเลือด การแปลหนังสือจึงเป็นอันดับต้นๆในการหายังชีพ
ระหว่างยังไม่ได้งานใหม่ ...โดยได้ "ไอ้ฟาย" เพื่อนสุดเลิฟเป็นผู้ชี้นำ(ทางที่เคยคิดว่าจะสว่าง) มาทำอาชีพเสริมซึ่ง
สุดแสนจะถูกโฉลกกับความสามารถและรสนิยมของอิพลอยเป็นอย่างยิ่ง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าวงการการ์ตูนวาย
และบ่วงกรรม วงจรอุบาทว์ ที่พลอยไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบเจออีก......
เจ้าหนี้ที่ 1 : ไอ้ฟาย แอนด์ อิพลอย
อย่างที่กล่าวไว้ตอนอารัมภบทแล้วว่าฟายเพื่อนรักเป็นคนแนะนำงานแปลหนังสือวายให้กับพลอย ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้พลอย
ได้เจอกับ...มิสเอ็ม นายหน้าและคนเฝ้าอดีตร้านดังบนโรงหนังเก่าย่านปทุมวัน...
ซึ่ง ณ ตอนนั้น นางยังไม่ได้มีร้านเป็นของตัวเอง
เป็นที่แน่นอนว่าเรื่องการจ่ายเงินต้องตกลงกันก่อนการเริ่มทำ "ธุรกิจ"
ในวงการการแปลวาย ผู้แปลมักจะได้เงินเมื่อหนังสือออกวางขายแล้วค่ะ หน้าหนึ่งหนึ่งเราได้กันไม่กี่บาทหรอกนะคะ -_-"
พลอยน้อยหอยสังข์ยังเยาว์จนมองโลกโคตรจะแง่ดี ในการให้เครดิตให้เขาขายได้ก่อน แล้วเราจึงค่อยได้เงิน
นั่นแหละค่ะ ส่วนหนึ่งของเหตุ ทวงหนี้บรรลือโลกกก
..เล่มแรก เจอแจ็คพ็อตงานร้อน กำหนดเจ็ดวันส่งงาน ก็ปั่นเรือหายหลายแสนลำล่ะค่ะ แต่หนังสือเล่มนี้เจ้าของที่แท้จริง
คือ เจ๊เจ้าของร้านขาใหญ่ในลิโด้ซึ่งปัจจุบัน ปิดกิจการไปแล้ว... แปลเสร็จส่ง เห็นว่ารีบจะเป็นจะตาย แต่ไม่ยักเคยได้เห็น
งานวางบนชั้น งานก็เงียบ เงินก็หายไปกับสายลม... เงินประกันสังคมก็ร่อยหรอ ถึงได้ค่อยกระแซะถามทวง
จนไม่ช้าไม่นานก็ได้การติดต่อจาก มิสเอ็ม มาพร้อมข้อต่อรองราคาว่า "คุณเจ๊ ขอต่อเหลือเล่มละ สองพัน"
คุณพระ! จากราคาราวสองพันห้า เหลือสองพัน!! เท่ากับอิฉันแปลฟรีไปเป็นสิบๆๆหน้าเลยนะคะ!
แต่งานส่งแล้ว อ้อยเข้าปากช้างจะให้พลอยไปง้างก็กระไร ...เออ..โอเค๊..สองพันก็สองพันวะ จ่ายกูมาสักทีเหอะ!
อนิจจา ต่อแหลกแหกโค้งขนาดนี้แล้ว แม้แต่เงินสักอัฐ สามปีแล้วอิพลอยยังไม่เคยได้เห็น!
ก็ไม่ทราบว่า เป็นที่มิสเอ็มไม่เอาเงินมาให้ หรือ คุณเจ๊เจ้าของร้านเหนียวหนี้
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ มิสเอ็ม ใช้จุดนี้ว่า นั่นคือหนังสือของเจ๊เจ้าของร้าน นางจึงเสนอตัวเสนองานให้พลอยโดยตรงค่ะ..
ซึ่งพลอยก็บอก และ ย้ำ! ทุกครั้ง จ่ายช้าพลอยไม่ว่าขอให้จ่าย พลอยโดน “โกง” มาบ่อยแล้ว
งานเร่งเกือบทุกชิ้น แต่พองานเสร็จหนังสือออก เงินไม่ยักกะเร่งเข้ากระเป๋าพลอยเหมือนตอนจะเอางาน...
...พลอยจำได้ว่า เล่มหลังๆที่พลอยรับแปลให้เป็นของมิสเอ็มเองรวมเกือบสิบเล่มค่ะ จำนวนเงินรวมก็ราวๆ สองหมื่นเศษๆ
แต่ทุกครั้งที่ถามถึง มิสเอ็ม จะบอกรวมๆว่า "เจ๊เขายังไม่ให้เงินพี่เลย" อิพลอยก็สับสนไปสิคะ เล่มหลังๆน่ะของนางไม่ใช่รึไง?
และอีกล้านแปดแสนข้ออ้างที่จะเลื่อนการจ่าย....
“เดือนหน้านะคะ ขอขายหนังสือล็อตนี้หมดก่อน”
“เดือนหน้านะคะ ตอนนี้พี่มีปัญหามากเลย เจ้าของร้านเก่ายังไม่จ่ายเงินเลย”
“เดือนหน้านะคะ... เดือนหน้า... คราวหน้า...อ้า...อ้า..อ้าาา.....”
ใครเคยเป็นเจ้าหนี้บ้างคะ? เคยทวงจนอายตัวเองมั้ยคะ? นั่นล่ะฟีลลิ่งเดียวกับพลอยเบย
จนกระทั่ง มิสเอ็ม อัพเกรดไปมีร้านเป็นของตัวเองในห้างชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ขอเรียกว่าร้าน "คิว" ก็แล้วกัน
ซึ่ง.. ฟายน้อยเพื่อนรักของพลอยร่วมขันเป็นหุ้นส่วนกับเขาด้วย มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่พลอยยังคงไม่ทวงหนักนัก
ด้วยความที่เพื่อนตัวก็เป็นหุ้นส่วน... แล้วก็ยังไม่ได้บอกมันเรื่องที่ มิสเอ็ม ยังไม่ได้จ่ายค่าแปลให้
โถ.. ไอ้ฟายเอ๊ยยยย.. :beat:
เท่าที่พลอยเข้าใจ หุ้นส่วนของร้าน "คิว" มีทั้งหมดสี่คน และแต่ละคนจะมีหัวหนังสือเป็นของตัวเอง
งานใครงานมัน เอามาวางขายร่วมกัน แต่จะหักส่วนแบ่งอะไรยังไงนี่พลอยไม่ทราบ
น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่รู้ทำไมพลอยถึงได้ง่าว ไม่ไปร่วมงานกับเพื่อนตัวเอง แต่ดันต้องมาร่วมงานกับมิสเอ็มนี่แหละ ...
ตามเงินกันมาเนิ่นนาน ชักจะเป็นปีแต่เงินไม่มีวี่แววว่าจะได้ พลอยเลยให้เพื่อนฟายที่ ณ ตอนนั้นมีฐานะเป็นหุ้นส่วน
ช่วยตามเงินให้หน่อย ไอ้เกรงใจก็เกรงใจนะ แต่อิพลอยมันง่าวมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว กูไม่ไหวจะเคลียร์ค่ะ
จนสุดท้าย มิสเอ็ม ออกปากขอพลอยว่า "พี่ขอทยอยจ่ายได้มั้ยคะ?"
อิพลอยเอ๊ย อิพลอยคนงาม ใจดี๊ ใจดี เลยยิ้มแย้มตอบไปว่า "ทยอยจ่ายก็ได้ค่ะ" ให้เลขที่บัญชีไปเสร็จสรรพ
"เอ่อ พี่ทำหายไปแล้ว" ...อ้อ งั้นให้ใหม่ ให้รวมๆก็สอง สาม หรือ สี่รอบ? และ.......
ค่ะ คุณผู้อ่านคงเดาได้
..จวบจนหลายปีมานี้... อีพลอยก็ยังไม่ได้ซักแดงค่ะ!
แม้นกะตังค์จะยังไม่ได้ พลอยก็ยังแวะไปร้านคิวอยู่เนืองๆ ทวงเงินบ้าง ไม่ทวงบ้าง (กูทวงจนอายแอนด์เอือมแล้วค่ะคุณคะ)
หลังๆ ที่พลอยทำใจไว้บ้างว่าคงจะไม่ได้แล้วกระมัง พลอยเลยถามมิสเอ็มไปว่า “พลอยจะไม่ได้เงินแล้วใช่มั้ยคะพี่”
ซึ่ง..พลอยจำคำตอบไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นแค่แพทเทิร์นเดิมๆ ของการขอความเห็นใจในการขอเลื่อนจ่าย..
...เหมือนเดิม...
จนถึงวันที่ฟางเส้นสุดท้ายทำให้อิพลอยหลังหัก!
เพื่อนฟายของพลอยมีอันจำต้องแยกตัวออกมาจากการเป็นหุ้นส่วนร้านเพราะปัญหาส่วนตัว
และอิพลอยเองก็เพิ่งจะรู้ว่า ระหว่างที่เป็นหุ้นส่วนร้าน "คิว" มันเองก็แปลงานให้นางเหมือนกัน และ...มันไม่ได้เงินค่ะ
คุณผู้ชม มัน ไม่ ได้ เงิน เหมือน พลอย!
ยอดเท่าไหร่หรือคะ? เอาเป็นว่า เงินที่พลอยยังไม่ได้ เทียบมันไม่ติดฝุ่นล่ะค่ะ
พอเข้าเป็นเรื่องเงิน เพื่อนเรามักจะเผาเรือนนะคะ.. จำกันไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ พลอยขอย้ำ
คุณๆพอจะเข้าใจเรื่องการถอนหุ้นมั้ยคะ? การถอนหุ้นนั้น ผู้ถือหุ้นจะได้เงินต้นคืนค่ะ เราเข้าใจตรงกันรึเปล่าคะ?
ด้วยเหตุบางประการ ซึ่งพลอยไม่เข้าใจชัดแจ้งนัก ฟายน้อยเขางามไม่ได้เงินทุนคืนและต้องจ่ายเพิ่ม
ซึ่ง..โอเค.. จ่ายเพิ่มก็จ่าย แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อมิสเอ็มยังติดเงินไอ้เพื่อนฟายอยู่โข โดยคอมม่อนเซนส์แล้ว
อิพลอยคิดว่าก็ให้ มิสเอ็ม รับภาระจ่ายตรงนั้นไปสิคะ ไอ้ค่าที่มันจะต้องจ่ายเพิ่มให้ร้านน่ะ หักลบกลบหนี้ ค่าแปล ค่าสุขภาพ
ค่าไฟคอมพ์ ค่าสมองและสองมือที่ยังติดค้างกับ มิสเอ็ม ไปเลยสิ
ฟังมาคร่าวๆ มันก็พูดในวงประชุมร้านอย่างนั้นแหละค่ะ
แต่สิ่งที่เพื่อนพลอยได้รับคำตอบกลับมาคือ
“พี่รับภาระตรงนี้ไม่ไหวหรอก”
@#!$%#$
ห๊ะ... ว้อด เดอะ..ฟ.. อุ้ย! เสียกริยา ขออภัยค่ะ ประโยคนี้มันซาบซึ้งตรึงจิตเกินไปนิดหนึ่ง
เอาล่ะ ในความคิดพลอย สิ่งที่ง่ายๆในการแก้ปัญหาหนี้สินส่วนนี้ ก็คือ..
หนึ่ง.. ฟายน้อยเพื่อนรักจะออกจากการเป็นหุ้นส่วนร้าน ซึ่งทำให้มันจะไม่ได้เข้าไปร้านนั้นอีก หุ้นส่วนที่เหลือเคลียร์หนี้
กับมิสเอ็มเอาเองง่ายกว่ามั้ยคะ หรือคุณๆไม่เห็นด้วย?
สอง.. มิสเอ็มคะ เธอว์ติดเงินไอ้ฟายอยู่นะคะ ยังจะให้มันแอดวานซ์ออกเงินก่อนอีกหรือคะ? แล้วเงินที่ติดมันล่ะ
เมื่อไหร่มันจะได้คืน? แว่วว่าค้างกันมาตั้งกะมันยังเรียนจนมันแก่แล้วนี่คะ?
...ทางด้านของฟายน้อยเพื่อนรัก
มันก็ดิ้นหาทางหาเงินออกมาทำกลุ่มของตัวเอง (ทำร้านเก่าแล้วเข้าเนื้อนี่คะ) ทำขายผ่านเน็ตไม่มีหน้าร้าน
พอมิสเอ็มทราบข่าว เธอก็รีบติดต่อมาที่เพื่อนฟายเพื่อข้อเสนอในการหักลบหนี้(มหาศาลที่ค้างฟายมันอยู่)
โดย มิสเอ็ม ขอหักค่าปกที่นางเคยทำให้เพื่อนฟายไปจำนวนหนึ่งทันที .. เงินน่ะหักไปแล้วอย่างง่ายดายค่ะ
แต่กว่าจะได้ไฟล์คืนก็เป็นเดือน... เป็น เดือน และ ได้มาไม่ครบเสียด้วย!
แหม..แล้วอยากจะโชว์ให้ดูเสียเหลือเกิน ว่าปกที่ทำการตกแต่ง กับปกต้นฉบับ... ถ้ามันจะต่างกันแค่นี้...
ไม่อยากจะบอกว่าง่าวๆอย่างอิพลอยก็สามารถเหอะค่ะ! ราคาที่หักไปมันแพงเกินชิ้นงานไปโขนะ..
อ๊ะ นี่เป็นความเห็นของอิพลอยคนเดียวนะคะ.. o18
อีกประเด็นหนึ่งที่ประทับใจพลอยแบบแทงทะลุเซี่ยงจี้คือ เรื่องหนังสือที่ทำชนกันค่ะ
ในวงการการ์ตูนวายทั่วไปแล้ว การทำหนังสือออกมาชนกันเป็นเรื่องปกติที่เจอกันได้บ่อยๆ.. อันนี้มันเข้าใจได้ค่ะ
แต่การที่รู้ทั้งรู้หัวหนังสือเรื่องนี้เป็นของเพื่อนฟาย เป็นของหุ้นส่วน เป็นของคนที่เรียกได้ว่าเพื่อนตัวเอง
..ซึ่งหนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มันเคยทำวางขายในร้านมาตั้งแต่สมัยยังเป็นหุ้นส่วน ตั้งแต่เล่มแรก จนเล่มล่าสุด
แล้วยังกล้าเอาไปทำซ้ำทั้งชุดแล้ววางขายใหม่ ..ถึงจะใช้ชุดคนแปล คนตัดต่อ คนทำปกใหม่ทั้งหมด
แต่สำหรับพลอยแล้วทำแบบนี้ มาเหยียบหน้ากูเลยเถอะค่ะ! พลอยอาจจะได้พบเจอด้านมืดเยอะขึ้นตามอายุ
ถึงได้รู้สึกว่า การที่นางทำเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ เพราะ มัน ขาย ได้ และทำทั้งๆที่รู้ว่าไอ้ฟายก็ต้องทำเรื่องนี้ต่อ
เพราะมันแยกมามีร้านของตัวเองแล้วด้วยเนี่ยนะคะ...
เจ็บอะไรไม่สู้ เจ็บจากคนใกล้ตัวล่ะค่ะ
...อันที่จริงพลอยมีข้อสงสัยนะคะ
กำไรมันหายไปไหน? ร้านตั้งอยู่ได้ยังไงโดยไม่มีกำไรคะ?
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พลอยห่างหายจากการไปร้าน "คิว" มานานพอสมควร พอแวะไปอีกครั้งพลอยกลับพบหนังสือ
ที่ตัวเองแปลถูกรีปริ้นท์วางขายอยู่ในร้านค่ะ.. ตอนเห็นน่ะหน้าก็ยิ้มนะคะ รู้สึกเหมือนใส่หน้ากาก
แต่ใจน่ะไปแล้วล่ะค่ะ “แล้วเงินกูล่ะ?” หนังสือขายได้ขายดี จนเอามารีปริ้นท์ได้
แล้วค่าแปลกูอยู่ไหนน?
มันควรจะมีกำไรถูกต้องมั้ยคะ? แล้วเงินมันไปไหน เอาไปทำอะไร ทำไมถึงไม่มีจ่ายคนทำงาน ไม่ทวงถาม
ไม่เคยจะติดต่อมาเอง การทวงเงินคนมันสูบพลังชีวิตนะคะ..
ช่วงแรกๆที่พลอยรอเงินอย่างเชื่อมั่นและมีความหวังว่าจะได้เงินค่าจ้างโอนเข้าบัญชี พอมีเงินโอนเข้ามา
พลอยยังนึกดีใจว่า มิสเอ็ม โอนมาแล้ว ...แต่เปล่าค่ะ เงินประกันสังคม -_-;
ถ้าพลอยไม่ได้เงินประกันสังคมช่วยเหลือในการยังชีพ พลอยจะต้องกินหญ้าแทนข้าวมั้ยคะ?
สิ่งที่มิสเอ็มกับพลอยทำ เรียกว่า “ธุรกิจ” นะคะ ขอย้ำอีกครั้ง ไม่ใช่กิจการเอื้ออาทร... :z3:
การขอความเห็นใจ การขอเลื่อนนัดการจ่ายเงินที่ผ่านมา พลอยรับฟัง และเข้าใจค่ะ แต่ “มันไม่เกี่ยวกับพลอยค่ะ”
พลอยทำงาน คุณจ่ายเงิน จบการซื้อขาย
อ่านกันเอาไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ ทั้งนักอ่าน นักแปล นักตัดต่อภาพ จะทำงาน ตกลงเรื่องการจ่ายเงินให้เรียบร้อย
เช็คประวัติร้าน หรือคนที่จะร่วมงานด้วยบ้างก็ดีค่ะ อย่าเดินย่ำซ้ำรอยคอยกินหญ้าเหมือนอย่างพลอย
:m15:
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ พลอยขอระบุวันและจำนวนเงินที่จะทยอยจ่ายที่แน่นอน
มิสเอ็ม ณ "ร้านคิว"ให้คำตอบว่า นางกำลังจะย้ายไป "ร้านวาย" เนื่องจากเงินค่าเช่าแพงมาก
ตอนนี้ทำงานเหมือนเพื่อจ่ายค่าเช่า เธอจึงต้องย้ายเพื่อลดต้นทุน.... ถามจริง "แล้วเกี่ยวอะไรกับกูอ่ะคะ?"
โอ..เค ค่ะ คุณจะย้ายร้าน ในความคิดของคนทำงานอย่างพลอย ณ จุดนั้นมันต้องมีต้นทุน
ซึ่งเรียกว่า “เงินของร้าน” ไม่ใช่หรือค่ะ เงินกองกลางของหุ้นส่วนน่ะค่ะ.. แล้ว มันคาบเกี่ยวยังไงกับเงินจาก
หัวหนังสือที่เธอว์ทำแล้วขายได้กำไรคะ? เกี่ยวยังไงกับเงินที่จะเอามาจ่ายค่าจ้าง?
เอาล่ะ.. คุณขอเลื่อนเพราะต้องย้ายร้าน ได้ค่ะ พลอยให้เวลาหนึ่งเดือน มันควรจะมีเงินหมุนเข้ามาสักก้อนเพื่อ
จ่ายพลอยตอนสิ้นเดือนได้แล้ว มิสเอ็มจึงตกลงจะจ่ายเงินให้กับพลอยในตอนสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาเป็นจำนวน
สองพันกว่าบาทในงวดแรก
คิดว่าพลอยได้เงินนั้นมั้ยคะ?
แอ๊บโซลู้ดดลี่ น็อท!... ไม่ได้ค่ะ ถ้าได้ พลอยคงไม่มานั่งเขียนอะไรยาวเฟื้อยประหนึ่งมหากาพย์แบบนี้หรอกค่ะ
อันที่จริง ถ้าพลอยคิดดอกเบี้ยนะคะ ป่านนี้มันคงทบต้นไปแล้วล่ะ นี่ให้เครดิตดีกว่าบัตรเครดิตทุกธนาคารอีกนะคะ
ผ่อน 0% สามปี เงื่อนไขดีแบบนี้มีที่ไหนอีก นี่ยังไม่ได้เงินให้เห็นซักแดงเลยค่ะ
พลอยยังได้รับคำขอความเห็นใจว่า มิสเอ็ม มีปัญหาทางบ้าน คอมพ์เสียต้องเอาไปซ่อม เพิ่งมีเวลามาให้คำตอบพลอย
ในการจ่ายเงิน ซึ่งนัดเป็นกลางเดือนตุลานี้ ..แล้วพลอยจะมาอัพเดทอีกทีค่ะ
อ้อ... เรื่องยังไม่จบหรอกนะคะ เจอกันคราวหน้ากับเรื่องของเจ้าหนี้ที่สองค่ะ
แล้วพบกันค่ะ
สวัสดีค่ะ
ป.ล. หากใครมาอ่านซ้ำ เรื่องไม่ได้ถูกลบตรงไหนนะคะ พลอยมาแก้ไขจุดที่โดนทักว่าอ่านไม่รู้เรื่อง
และบางส่วนที่พลอยเพิ่งนึกออกค่ะ เจ้าหนี้ที่สองจะตามมาแน่ๆภายในวันสองวันนี้แหละค่ะ ฮิๆ
โอ้ววววว ไม่น่าเชื่อมีคนโดนเหมือนเราด้วย แต่เราหาลำไพ่พิเศษค่ะ เหมือนรับอีกจ๊อบ เราแปลนิยายเรื่องนึงให้เขาเป็นนิยายจีน สองเล่มจบ ตัวนิยายเป็นของเรา เราก็แปลไปจบเล่มหนึ่ง ก็ให้ที่แปลเล่มหนึ่งไป เขาบอกก็บอกเหมือนกันค่ะว่า จะได้เงินก็ตอนหนังสือออกวางแผงนะ เราก็เอ๋อไปค่ะ เพราะตอนรับแปลนึกว่าได้เงินเลยถ้าส่งตัวแปลไปให้ ส่งไปนานนนนนมากกกก ไม่ได้ค่าจ้างสักที กว่าจะได้เกือบสองปีต่อมาค่ะ นานมากจริงๆ แถมไม่ครบด้วยขาดไปห้าร้อยคะ แต่ช่างมันไป ซึ่งระหว่างนั้นเราก็แปลเล่มสองไปด้วยจนเสร็จ ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่ให้ค่าแปลเล่มหนึ่งเราเลยค่ะ พี่เราเลยบอกว่า ถ้าเขายังไม่ให้ค่าแปลเล่มหนึ่ง ก็อย่าไปให้เล่มสอง เราก็โอเค เขาก็เลยพยายามโอนเล่มหนึ่งมาให้ จากนั้นเขาก็ขอเล่มสอง แต่เรากลัวเหมือนเล่มหนึ่งค่ะ เลยขอเขาทำสัญญาจ่ายเงิน แต่เขาไม่ยอมทำค่ะ เราเลยบอกว่าให้ที่แปลเล่มสองแค่ครึ่งเดียว โอนเงินมาให้เรา เราถึงจะให้ครบค่ะ เขาก็อ้อนวอนนะคะ บอกว่าโฆษณาและรับเงินจองของคนอื่นๆที่สั่งเข้ามาไปแล้ว แต่เราก็ไม่สนอะคะ จนนี่ก็จะเข้าปีที่สี่แล้วค่ะ แต่เราบอกเขาไปแล้วว่าเราไม่ให้นิยายที่เราแปลแล้วค่ะ ทุกวันนี้เรื่องนั้นก็ยังขึ้นว่าให้สั่งจองอยู่ (มั่งนะคะเพราะล่าสุดเข้าไปเห็นอย่างนั้น) ไม่รู้เขาเอาลงหรือยังเพราะต้นฉบับฝ่ายนั้นไม่มีค่ะ มันเป็นหนังสือของเรา เขาก็หายไปนะคะ ไม่ได้มาทวงอีก แต่ถึงยังไงเราก็คงไม่ติดต่อกับเขาแล้วค่ะื เข็ดดดมากกกกก
ปล. ขอบอกผู้ส่งจองนิยายจีนเล่มคู่นะคะว่า คุณอาจได้เล่มนหนึ่งเพราะเราให้เขาไปแล้ว แต่เล่มสองไม่น่าจะได้แน่ๆ เพราะปัจจุบันต้นฉบับที่จีนก็หมดค่ะ และเราว่าถ้าเขาจะสั่งจีนมาทำต่อคงไม่คุ้ม อาจไม่มีเล่มสองออกมาอีกก็ได้ค่ะ เพราะงั้นไปทวงเงินคืนกันเถอะค่ะ ถ้าใครจองเรื่องนั้นกันไว้