ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สารบัญ
เนื้อหาเรื่องเดียวจบไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น
รักสองตระกูล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2145989#msg2145989)
... I wiil pray ... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2146360#msg2146360)
ก็แค่นางฟ้า... ของผม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2159000#msg2159000)
รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2315632#msg2315632)
รักสุดท้าย... คือนิรันดร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2338060#msg2338060)
In Camera คุณครับ รักนะ... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2369725#msg2369725)
พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2506324#msg2506324)
พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2507018#msg2507018)
สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2509548#msg2509548)
สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ (ค้อนpart) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2678487#msg2678487)
Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2611507#msg2611507)
Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2614461#msg2614461)
ซีรีย์ คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!
คนแรกXสุดท้าย... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2147786#msg2147786)
คิมหันต์Xเหมันต์... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2147905#msg2147905)
เที่ยวXท่อง... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2153871#msg2153871)
ต้นน้ำXปักษา... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2154981#msg2154981)
เมฆาXน้ำฝน... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2156296#msg2156296)
คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2166307#msg2166307)
คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2167320#msg2167320)
คิมหันต์Xเหมันต์ พิเศ๊ษพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2170875#msg2170875)
คนแรกXสุดท้าย พิเศ๊ษพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2175082#msg2175082)
ชุด ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2147122#msg2147122)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (เมื่อคนบ้า แกล้งบ้า) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2149250#msg2149250)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (บ้าก็รัก(ว่ะ)ครับ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2500904#msg2500904)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (วันพ่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2561694#msg2561694)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (วันปีใหม่) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2582276#msg2582276)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (สงกรานต์ของคนบ้า) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2674052#msg2674052)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (สงกรานต์บานบุรี~) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg3024467#msg3024467)
เรื่องที่มีตัวละครเกี่ยวข้องกับ ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2160201#msg2160201)
เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2164592#msg2164592)
ลิตเติ้ลยุง โอเค! มึงเป็นผัวกู! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2312048#msg2312048)
ซีรีย์ มังกรทั้ง9
囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2649877#msg2649877)
椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2684483#msg2684483)
鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg3075135#msg3075135)
---------------------------------------------------
เรื่องที่1
รักสองตระกูล
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีเจ้าชายรูปงามอยู่สองคน ทั้งคู่ต่างแอบชอบพอกันอยู่เงียบๆโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ แม้ กาลเวลาจะล่วงเลยผ่าน ตลอดเวลาที่ทั้งคู่ต้องพบเจอหน้ากันก็มีแค่เพียงหัวข้อทางการเมืองเท่านั้นที่สนทนา แต่ใครเลยจะล่วงรู้ว่าในจิตใจของทั้งสองพระองค์นั่นจะเจ็บปวดเพียงใดที่ไม่สามารถแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำว่ารักให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ เพราะคำว่า “กลัว” กลัวว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ได้ กลัวว่าอีกฝ่ายจะจากไป และกลัว... ว่าคำว่ารักคำนี้จะไม่อยู่ไปชั่วนิรันดร์...
ในนครแห่งมนตราเจ้าชายรูปงามได้แต่เนรมิตภาพฝันขึ้นมาดูต่างหน้า และเพ้อรำพันอยู่ทุกวี่วัน แต่ก็ไม่เคยมีครั้งใดที่จะทำใจกล้าบอกออกไปเสียที จนแล้วจนรอดก็ได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่หน้ารูปที่สร้างสรรค์ขึ้นมา
ในนครแห่งมายาเจ้าชายอีกองค์ก็ได้แต่เสกสรรร่างปลอมๆของเจ้าชายแห่งมนตราขึ้นมาเพียงเพื่อกล้าคำว่ารักที่ไม่กล้าบอกกับเจ้าชายมนตราจริงๆ พระองค์ได้แต่ถอนหายใจอย่างอาวรณ์ที่ไม่สามารถพูดออกไปได้ ได้แต่นึกถึงหน้าเจ้าชายแห่งเมืองมนตรา หากคราใดที่พระองค์กล่าวออกไป เมื่อนั่นทุกอย่างคงสิ้นสลายไป...
เมืองแห่งมนตราดวงดาวแห่งรักจะขึ้นในตอนกลางวันพระองค์ก็ได้แต่กล่าวคำว่ารักผ่านให้ดวงดาวส่งต่อไป...
เมืองแห่งมายาดวงดาวแห่งรักจะขึ้นในยามค่ำคืน พระองค์ได้แต่ทอดพระเนตรและกล่าวคำว่ารักส่งผ่านไปกับดวงดาวในทุกค่ำคืน...
แม้จะผ่านไปนับห้าปี ทั้งสองพระองค์ต่างรักกันอย่างที่ไม่มีใครรู้อยู่จนกระทั่งวันหนึ่ง... เจ้าชายแห่งนครมนตราก็เสด็จประชวรลงเพราะโหยหาในความรักที่มิอาจเอื้อนเอ่ยได้... ทำให้เจ้าชายแห่งนครมายาก็ทรงประชวรลงตามกันเพราะได้ข่าวว่าเจ้าชายแห่งนครมนตราทรงประชวร
ทั้งคู่ต่างรักกันอยู่เงียบๆ แต่ก็มีนักกวีของเมืองผู้มีอารมณ์อ่อนไหวอยู่คนหนึ่ง เขาได้รับรู้เรื่องราวความรักของทั้งสองพระองค์และแต่งกวีขึ้นมาบทหนึ่ง...
นับแต่พบสบเนตรเจ้ามนตรา องค์มายาก็สบพบดวงใจ
แม้สองเมืองจะอยู่กันแสนไกล แต่ก็ใกล้ดวงใจไม่ต่างกัน
เจ้ามนตราไม่กล้าจะเอื้อนเอ่ย มายาเอ๋ยโปรดเอ่ยสัญญามั่น
ว่าเรานี้จะรักกันชั่วนิรันดร์ มายานั้นไม่กล้าดังเช่นเคย
ได้แต่ฝากดวงดาวกล่าวบอกรัก ช่างยากนักหาคำมาเปรียบเปรย
ดั่งหยาดฝนกำลังจะเยาะเย้ย รักเราเลยไร้หวังสมฤดี
หากสวรรค์มีจริงข้าขอวอน ให้ศรรักปักคู่กับชีวี
ให้มายาได้เอ่ยรักสักที มนตรานี้รักเราไม่เสื่อมคลาย...
แม้สุดท้ายแล้วความรักของทั้งคู่ก็ไม่สมดังที่คาดหวัง... เจ้าชายแห่งมนตราสิ้นพระชนน์จากการแอบรักจนหมดหัวใจ และในเวลาเพียงหนึ่งปีเจ้าชายแห่งเมืองมายาก็ตรองใจสิ้นประชนน์ตามไปอย่างกระชั้นชิดทำให้ทั้งสองเมืองเกิดความโศกเศร้า เชื้อสายของทั้งสองพระองค์ที่เหลืออยู่ต่างเล่าขานเรื่องนี้ลงมาเรื่อยๆเพื่อหวังให้สักวัน คนที่รักกัน... และเป็นเชื้อสายของทั้งสองเมืองนี้จะได้พบกันอีกสักครา... และกล้าบอกรักกันสักที...
นิทานจบลงแล้ว... มันจบลงด้วยความไม่สมหวังในรัก... แต่ในชีวิตจริง ใครจะสมหวังในรักได้เสมอไป... ทุกคนย่อมต้องผิดหวังในรัก... แต่ถ้าเรามีความรัก... ลองบอกเขาสักครั้ง ไม่ว่าเมื่อไร รักก็คือสิ่งสวยงาม...
The End…
“จบว่ะ เศร้ามั๊ยมึง นิทานประจำตระกูลกู”
เสียงหัวเราะขำๆของคนที่นั่งมองเพื่อนที่กำลังฟังนิทานที่ตนเล่าจนน้ำตาซึม
“ไอ้สัดนี่ กูกำลังซึ้งๆ แสดงว่าทั้งคู่แอบรักกันจนตายเลยเหรอวะ”
คนที่นั่งฟังเอ่ยถาม ก่อนที่คนเล่าจะพยักหน้าหงึกหงัก
“เออเด่ะ แต่ที่กูสงสัยมานะ... ไอ้เมืองแห่งมายาเนี่ย... มันมีจริงเหรอวะ ขนาดสายตระกูลของกูครองเมืองมนตรามานี่กูยังไม่เชื่อเลยนะเนี่ย เรื่องนี้เป็นร้อยปีได้แล้วมั้ง”
เสียงคนเล่าถามแบบเปรยๆขึ้นมา...
“มนตราแห่งข้าดวงใจ รักสุดหทัย
องค์ชายแห่งเมืองมายา
หากมีโอกาสอีกครา ขอวอนชีวา
กล่าวรักให้เจ้าได้ฟัง
ทั้งชีพข้าขอกล่าวรั้ง รักเจ้าเปรียบดัง
ชีวาของข้าที่มี
หากมีโอกาสสักที คำรักคำนี้
ข้าวอนให้เจ้าได้ยิน”
เสียงท่องบทกลอนแปลกๆดังขึ้นมาให้คนที่เล่านิทานได้ฟัง
“เฮ้ย! มึงท่องกลอนอะไรวะ”
เสียงร้องตกใจก่อนที่คนที่นั่งน้ำตาซึมตอนแรกจะหันมาตอบ
“ความในใจของเจ้าชายแห่งมนตราที่มีต่อเจ้าชายแห่งเมืองมายาไง ตระกูลกูก็มีกลอนบทนี้ส่งต่อมา แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอสายตระกูลของมึงเหมือนกัน”
เสียงของทั้งคู่เงียบไปก่อนที่ใครสักคนจะพูดขึ้นมา
“มึงคิดว่าบรรพบุรุษของเราดลใจให้เรามาเจอกันรึเปล่าวะ”
“เพื่ออะไร”
“ทำสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ไง”
คนที่เอ่ยถามค่อยๆหันไปมองแล้วสบตากับอีกฝ่าย... ถ้าพวกเขาเป็นผู้ชาย ถึงจะไม่ใช่เจ้าชาย แต่มันก็ผิด...
“กูไม่คิดหรอกนะ... ว่ากูจะต้องรอให้มึงรักกูหรือให้กูคิดถึงมึง หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จริงต่อให้มึงไม่เล่านิทานเรื่องนี้... กูก็คงบอกมึงในสักวัน”
“......”
“กูรักมึงนะ... เจ้าชายแห่งมนตรา”
หยดน้ำตาที่ไหลออกมาถูกปาดทิ้งพร้อมกับอ้อมกอดที่อบอุ่น...
“ไม่มีเจ้าชายแห่งมนตรา ไม่มีเจ้าชายแห่งมายา ตอนนี้ปีนี้ที่นี้ มีแค่มึงกับกู มีแค่มึงรักกู และมีแค่กู... ที่รักมึง”เสียงหัวเราะที่เคล้าคลอไปด้วยหยดน้ำตาพร้อมๆกับวิญญาณเล็กๆที่ปลื้มปิติอยู่ภายใน
นิทานเรื่องสั้นๆที่ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นสู่รุ่น ไม่รู้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาแท้จริงแล้วมันเนินนานเท่าไร แต่ในตอนนี้ นิทานเรื่องนั้นก็ถูกเติมเต็มด้วยความรักจากลูกหลานของตระกูล...
“ไม่ต้องรักกันชั่วนิรันดร์เหมือนนิยาย ไม่ต้องหวานใส่กันเหมือนนิทาน ไม่ต้องมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเหมือนละคร แต่แค่รู้ว่ามีกันและกันอยู่ที่นี้... ในหัวใจดวงนี้ แค่นี้ก็ไม่มีทางเสียใจเพราะแอบรักใครคนหนึ่งจนตายหรอก...”
“แค่กูกับมึง แค่มึงกับกู และแค่เราสองคน...”
.THE END.
------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบเรื่องสั้นเรื่องที่1ครับ เรื่องที่สองคือ I will pay ครับผม... ว่างๆจะมาอัพต่อนะครับ
椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ?
เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินจีน ทุกคนต่างเคารพบูชา โดยจำแนกมังกรได้เป็น 9 จำพวก... อันประกอบไปด้วย ปี้ซี่ ชือเหวิ่น ผูเหลา ปี้อั้น เทาเทีย หยาจื่อ ซวนหนี เจียวถู และฉิวหนิว โดยมังกรแต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน... จึงทำให้สถานที่ที่จะพบเจอมังกรแต่ละตัวนั้นมักจะไม่เหมือนกัน หากแต่แท้จริงแล้ว... มังกรทั้งเก้านั้นต่างก็คือพี่น้องที่กระจัดกระจายกันออกไป มังกรทั้งเก้านี้ต่างออกไปส่งต่อสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังดินแดนต่างๆทั่วชมพูทวีป... จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายพันปี...
(http://images.temppic.com/18-04-2014/images_vertis/1397813761_0.85021200.jpg)
‘เรื่องราวของลูกหลานเจียวถู มังกรที่ชอบปิด...’
Hello! Everybody! My name is < ARTZ > !!
โอไฮโย โกไซมัส!! มินนะซัง!! วาตาชิโนะนามาเอะวะ <อาร์ซ> !!
ผมเป็นลูกครึ่งครับ ครึ่งคนครึ่งมังกร... รู้ได้ไงน่ะเหรอ... ความลับครับ!
ผมเจอ ‘มัน’ เมื่อ3วันก่อน... ที่เซเว่นหน้าปากซอยบ้านผม มันหล่อครับ แต่มันกวนประสาทผมมากๆ...
ดังนั้นนะครับ.... อย่าได้เจอะได้เจอกันตลอดไปเลยนะครับ!
โชคชะตาโคตรเล่นตลกกับผมเลย!
สามวันต่อจากที่ผมได้บ่นไปข้างต้น...
มันกลายมาเป็นพนักงานเซเว่นที่หน้าปากซอยบ้านผม... มันเป็นอะไรที่แย่มากที่ผมชอบกินซาลาเปาลาวาที่ขายในเซเว่นมาก... และแถวนั้นมีเซเว่นที่เดียว...
ผมเกลียดโชคชะตามากๆครับ!!
ผมเบื่อเวลาที่มันมองหน้าผมแล้วแอบอมยิ้ม...
ผมเบื่อเวลาที่มันคิดเงินแล้วแอบจับมือผม...
ที่สำคัญนะครับ! ผมเกลียดเวลาที่มันถามผมว่า...
‘รับขนม <จีบ> เพิ่มมั๊ยครับ’
i hATe YoU!! <Window>
เป็นอีกวันที่ผมต้องมองหน้าไอ้พนักงานหน้าตากวนโอ๊ยที่สุดเท่าที่ผมเจอมาเพื่อแค่...
“ขอซาลาเปาลาวาสองลูก”
มันยิ้มแล้วตอบกลับมาว่ารอสักครู่นะครับ อย่างกับหุ่นยนต์อัตโนมัติ ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ทุกกะเลยรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่มา ผมจะเห็นมันหน้าสลอนอยู่ที่เคาเตอร์คิดเงิน แล้วเป็นอันรู้กันว่าซาลาเปามันต้องสั่งพนักงาน ช่ายยยย... พนักงานที่น่าถีบที่สุดซะด้วย มันครางฮึมฮัมพร้อมกับหยิบซาลาเปาของผมใส่กล่องพลาสติก ปิดฝาแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ.... ผมจ้องไมโครเวฟทุกๆหนึ่งวิ เพราะไม่อยากจะมองหน้ามันไปมากกว่านี้... ถ้าไม่ติดว่าผมชอบกินนะ สาบานได้ว่าผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลยล่ะ...
ซาลาเปาสองลูกถูกจับใส่ถุงควันร้อนๆทำให้ถุงเกิดไอน้ำเกาะ แค่คิดถึงครีมลาวาข้างในที่ทานตอนร้อนๆ ผมก็แทบอดใจไม่ไหว...
“ทั้งหมด30บาทครับ รับขนมจีบเพิ่มมั๊ยครับ”
“ไม่เอา...”
“งั้นบอกชื่อมาสักทีจะได้มั๊ยครับ....”
“อ่านปากฉันนะ No – Way!!!”
“รับมา30บาทพอดีนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ”
ผมรับถุงซาลาเปามาไว้ในมือ แล้วเดินออกนอกร้าน มีเสียงตื้อดือดังตอนประตูเปิด พอพ้นสายตาของเจ้านั่นมาได้ น้ำลายผมก็สอ ท้องเริ่มทำการประท้วงเรียกหาลาวาร้อนๆแสนอร่อยในทันที... อืม... เนื้อครีมนุ่มๆ ไหลเยิ้มจนผมแทบจะละลายไปพร้อมกับมัน แค่กินไปคำเดียวก็หยุดแทบไม่ได้ต้องกินคำต่อไปและต่อไป... พอคำสุดท้ายหมดลง ท้องผมก็ตึงเปรี๊ยะ! ได้เวลาเดินย่อยกลับเข้าบ้านสักที... ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ ซาลาเปาลาวาที่รัก...
(http://images.temppic.com/18-04-2014/images_vertis/1397813761_0.85021200.jpg)
สวัสดีครับ! ผมชื่อวินโดวส์ครับ ที่แปลว่าหน้าต่างน่ะ แม่บอกว่าเพราะมีหน้าต่างจึงทำให้คนเรามองเห็นข้างนอกเสมอ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับชื่อที่ตั้งให้ผม แต่มันเท่ห์ดีผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนหรอกครับ...
ผมเป็นพนักงานเซเว่นครับ ที่จริงแค่ชั่วคราวน่ะ ผมมาทำแทนเพื่อนที่ลาออก เดี๋ยวพอเขาหาคนใหม่ได้ผมก็กลับไปทำงานของผมเหมือนเดิม อย่าถามนะครับว่างานอะไร ผมอธิบายมันไม่ถูก... เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นพนักงานเซเว่นธรรมดาๆแล้วกันนะครับ...
งานขายของ... มันก็ไม่มีอะไรมากนะครับ แค่พอได้ยินเสียงตื้อดือก็ตะโกนว่าสวัสดีครับยินดีต้องรับครับ ซึ่งบางที ไม่สิ! หลายๆทีเลย ที่ผมตะโกนบอกสุนัขอยู่เรื่อยไป... คือสุนัขกับเซเว่นมันของคู่กัน หลังๆก็ชินครับ ปล่อยมันไป...
อ่อ! มีอีกเรื่องที่น่าสนใจ ทุกวันครับ ย้ำนะครับว่าทุกวัน! จะมีผู้ชายคนหนึ่ง ก็ดูดีในแบบเซอร์ๆ อธิบายยังไงดีล่ะ เขาดูซกมกแต่ไม่สกปรกน่ะครับ ผมนี่เป็นคนอธิบายอะไรให้เข้าใจยากนะครับ ข้ามไปบ้างก็ได้นะถ้าไม่เข้าใจน่ะ ผู้ชายคนนั้นจะมาซื้อซาลาเปาลาวาทุกวัน ก็ไม่รู้จะติดใจอะไรนักหนา... ผมลองกินดูมันก็งั้นๆแถมแพงด้วย ลูกละตั้ง15บาท... แต่พอเห็นหน้าเขาตอนที่เดินออกไปกินข้างนอกร้านแล้วก็ขำไม่ได้ เหมือนผู้หญิงได้กินเค้กอร่อยๆแล้วทำหน้าฟิน... อ่า... ใช่ล่ะ! หน้าฟิน แบบฟินมากๆอ่ะครับหลับตาพริ้ม ปากงี้ ฉีกไปจะถึงหูอยู่ล่ะ แต่แปลกนะครับ ผมถามชื่อเท่าไรก็ไม่ตอบ ดูเป็นคนนิสัยเสียนะว่ามั๊ย ผมอุส่าต์จะทำความรู้จักลูกค้าประจำสักหน่อย แต่ก็งั้นล่ะครับ ทำไงได้... ผมว่าเขาเป็นคนตลกมากกว่าน่ากลัวนะ...
“น้องคะ เอาซาลาเปาลาวา4ลูกค่ะ...”ผมมองหน้าผู้หญิงที่มาซื้อก่อนจะพูดคำพูดประจำที่ต้องฝึกให้ชิน
“รอสักครู่นะครับ”
ผมก้มลงค้นก่อนจะพบว่าเหลือซาลาเปาลาวาแค่4ลูกเท่านั้น แต่....ให้ตายสิ! วันนี้ ‘เขา’ ยังไม่ได้มาซื้อเลยนะ แบบนี้เขาก็ไม่ได้กินน่ะสิ...
“เอ่อ... ขอโทษนะครับ เหลือซาลาเปาลาวาแค่2ลูก รับอย่างอื่นแทนได้มั๊ยครับ”ผมตัดสินใจเดินไปบอกผู้หญิงที่รออยู่
“งั้นเหรอคะ... งั้นเอาใส้หมูสับมาอีกสองลูกก็ได้ค่ะ”ผมพยักหน้ารับก่อนจะไปจัดการตามที่ลูกค้าต้องการ...
“เอาซาลาเปาลาวาสองลูก”
‘เขา’ มาแล้ว วันนี้เขามาเย็นกว่าปกติ ที่จริงเขาก็ไม่เคยมาตรงเวลาอยู่แล้วล่ะ... แต่นี่มันเย็นกว่าที่เคยๆผ่านมา ผมยิ้มแล้วตอบรับกลับไปก่อนจะไปหยิบซาลาเปาลาวาสองลูกที่ผมเอาหลงไว้ด้านในสุด สองชิ้นที่ผมเก็บเอาไว้ให้เขา... ผมจับมันอุ่นก่อนจะเอาออกมาใส่ถุงแล้วคิดเงินให้เขาตามปกติ วันนี้เขาดูซึมๆไม่ค่อยเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่จะมองผมแบบเหวี่ยงกว่านี้ พอได้ของที่ต้องการ เขาก็เดินออกไปนอกร้าน หยิบมันขึ้นมาแล้วกัดลงไปหนึ่งและคำต่อไป... ผมทำใจทนไม่ได้สุดท้ายผมก็ต้องทิ้งเคาเตอร์ไว้แล้วเดินออกไปหาเขา
ตื้อดือ...
เขาหันกลับมาตามเสียง ปากยังคงกัดซาลาเปาไว้เต็มคำ เมื่อเขาเห็นผม เขาก็หันกลับไปเหมือนเดิม... ผมเดินไปยืนข้างเขา แต่เขาก็ไม่สนใจผม
“วันนี้ซาลาเปาไม่อร่อยเหรอครับ”ผมลองถามออกไป...
“เปล่าหรอก.... มันก็เหมือนทุกวัน อร่อยดี...”ผมแอบตกใจนะที่เขาตอบผมกลับมาอย่างปกติสามัญ แต่มันไม่ปกติเลยสำหรับคนอย่างเขา...
“งั้นทำไมไม่ยิ้มล่ะครับ ไม่ทำหน้ามีความสุขเวลาที่ได้กินน่ะ ระวังลาวามันจะร้องไห้เอานะครับ...”ผมหันไปบอก....
“แล้วตอนนี้ผมไม่ได้ยิ้มหรือไงล่ะ ผมก็ยิ้มไง...”
เขาหันหน้ามาให้ผมดูเต็มตา รอยยิ้มฝืนๆนั้นทำให้ผมใจเสีย... ทั้งๆที่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้กระทั่งชื่อหรืออายุ แต่ผมกลับเป็นห่วงเขามาก...
“อย่าฝืนเลยครับ... ผมรู้นะ... ว่าตอนนี้คุณไม่ได้ยิ้มจากใจเลยสักนิด เขาว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ... ตอนนี้ตาคุณเศร้ามากเลยนะครับ หัวใจคุณกำลังร้องไห้อยู่รึเปล่า?”
ผมลูบไหล่เขาเบาๆ ผมเพิ่งรู้ว่ามันบางแค่ไหนก็วันนี้... ไหล่เขาเกร็งทันทีที่ผมแตะลงไป ซาลาเปาลาวาอีกหนึ่งลูกถูกยัดเข้ามือผมก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง... นี่ผม... ทำอะไรพลาดไปรึเปล่านะ?
‘เขา’ หายไปแล้วทั้งสิ้น3วันเต็ม.... เป็น3วันที่มีซาลาเปาลาวาถูกเก็บเอาไว้สองลูกเสมอในทุกๆเย็นที่เช็คสต๊อกสินค้า... ผมยังคงกันซาลาเปาสองลูกนี้ไว้เผื่อว่า... เขาจะเดินเข้ามาทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ผมแล้วสั่งซาลาเปาลาวาสองลูกอีกสักครั้ง... มันคงเป็นฝันลมๆแล้งๆ เพราะแค่ชื่อเขาผมยังไม่รู้เลย... อีกแค่2วัน... พนักงานที่รับไว้ก็จะมาเริ่มงานได้ นั่นหมายถึงผมจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเขาอีก... เพราะผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอทำงานเป็นพนักงานที่นี่ต่อ...
ก็แค่ภาวนาว่าในอีกสองวันนี้ เขา... จะกลับมาหา ‘ซาลาเปาลาวา’ ที่ยังรอเขาอยู่บ้างก็เท่านั้น...
ไม่รู้สิ... บางทีในตอนนั้นผมอาจจะลืมนึกไปว่า... ซาลาเปาลาวาไม่ได้มีขายที่เซเว่นแห่งนี้ที่เดียว...
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มา... ผมเองก็ได้เวลากลับแล้ว หมดกะงานของผมมีพนักงานใหม่เข้ามาแล้วก็มีพี่พนักงานคนอื่นเตรียมที่จะสอนงานให้กับเขา... ผมเก็บกระเป๋าที่ใส่ของก่อนจะเปิดประตูสำหรับพนักงานออกมา ยกมือไหว้และทักทายรุ่นพี่กับน้องมาใหม่ ก่อนจะเดินออกจากร้าน... หมดแล้วสินะ... ความหวังของผม...
“โดวส์ๆ เอานี้ไปด้วย!”รุ่นพี่พนักงานเอาของใส่ถุงส่งให้กับผม
“อะไรอ่ะครับพี่... ผมต้องจ่ายเงินป่ะเนี่ย”
“ม่ายๆ ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง เห็นเราเก็บไว้นานแล้ว เผื่อว่าจะอยากได้ ซาลาเปาลาวาไง”
พี่พนักงานเฉลย ผมชะงักไปครู่นึง ก่อนจะยกมือขอบคุณแล้วเดินออกจากที่นั่น...
ผมเดินกลับจนเกือบจะถึงหอพัก... มันเป็นหอพักราคาไม่แพงเท่าไร แต่มันสะดวกตอนที่ผมมาทำงานที่เซเว่นนี้ ผมคงต้องคืนห้องนี้แล้วกลับบ้านสักที...
“เอาซาลาเปาลาวาให้สองลูกหน่อยสิ...”
เหมือนภาพสโลว์โมชั่น ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ร่างของคนคุ้นเคย....
‘เขา’ ยืนอยู่ตรงหน้าผม... นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...
“นี่... มีรึเปล่า?”ผมกำลังจะส่ายหน้ากลับไป แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเขา...
“รอสักครู่นะครับ...”
ผมเปิดประตูห้อง เดินไปที่ไมโครเวฟ เอาซาลาเปาลาวาสองลูกออกมากดอุ่น แล้วใส่จานเดินออกไปหาเขา... เขามองหน้าผมสลับกับจานก่อนจะหยิบไปแค่หนึ่งลูกแล้วยืนพิงระเบียงหน้าห้องผม...
“ผมชื่ออาร์ซ... ออกเสียงซอโซ่ด้วยนะ...”
ผมเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจปนดีใจ คำถามที่ผมถามเขามาเกือบสิบรอบที่เราเจอกัน... เขายอมตอบผมในเวลาสุดท้าย เวลาที่เราอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้ว...
“อืมมมม.... อร่อย... ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย...”
ผมหันไปมองคนที่ละเลียดกินซาลาเปาลาวาที่หลับตาพริ้ม รอยยิ้มนั่น... เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ...
“อ้าว... นายไม่กินเหรอ? กินสิ ฉันอุส่าต์แบ่งให้ชิ้นหนึ่งนะ ไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านนะ”
อาร์ซบอกแล้วเดินลงบันไดไป... ผมส่งเสียงเรียกเขาไม่ทัน... ผมแค่จะบอกเขาว่าผมไม่ได้เป็นพนักงานเซเว่นสาขานั้นแล้ว... สุดท้ายผมก็ทำได้แค่หยิบซาลาเปาอีกหนึ่งลูกที่เหลือค่อยๆละเลียดกินมัน... น่าแปลกที่มันอร่อยกว่าที่ผมเคยกินมา... เมื่อยามที่ผมนึกถึงเจ้าของใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขตอนที่ได้กินมันก็เท่านั้นเอง...
ผมย้ายออกจากหอในเช้าของอีกวัน ผมไม่เห็นวี่แววของอาร์ซเลยในเช้าวันนี้ เดินวนไปที่เซเว่นเผื่อจะเจอเขาซื้อซาลาเปาลาวาอยู่ก็ไม่เห็น... สุดท้ายผมก็ต้องย้ายกลับไปบ้านโดยที่ยังไม่ได้บอกลาเขาเลยสักคำ...
เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมกลับมาอยู่บ้าน มันแปลกมากที่ผมกินซาลาเปาลาวาที่เซเว่นสาขาแถวบ้านแล้ว มันกลับไม่อร่อยเหมือนอย่างที่เคย... ผมแทบจะตระเวนไปเซเว่นทุกที่ที่ผมสามารถไปได้ เพื่อหาซาลาเปาลาวารสชาติที่ผมคุ้นเคย...
เสียงเมโลดี้ดนตรีที่ผมคุ้นเคยเพราะผมใช้มันเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นที่เบาะข้างที่นั่งคนขับ ผมโยนเอาไว้เองแหละ... หน้าจอขึ้นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ผมกดรับก่อนจะเสียบหูฟังเข้ากับหูของตัวเอง
“สวัสดีครับ”
-วินโดวส์!-
“ครับ? นั่นใครครับ”
-ไม่บอก!-
“อ้าว... แล้ว...”
-นายหายหัวไปไหนเป็นอาทิตย์! ซาลาเปาลาวาที่เซเว่นไม่เห็นอร่อยเหมือนตอนนายทำเลย ฉันให้เวลานาย5นาที มาที่นี่เดี๋ยวนี้!!-
“ที่นี่? ที่ไหนล่ะครับ”
-ไม่บอก! รีบมา อย่าให้ฉันโมโห-
“โห... ไม่บอกอะไรสักอย่าง... ผมจะไปหาถูกมั๊ยครับอาร์ซ”
-ถ้านายมาทัน ฉันจะตอบคำถามนายวันละข้อ ดังนั้น ด่วน!!-
เสียงตัดไปแล้ว... ผมอมยิ้ม ห้านาทีสินะ... ได้เลย! แล้วคุณจะต้องตอบคำถามผมทุกข้อแน่ อาร์ซ!
สี่นาที สามสิบห้าวินาที ผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ชื่ออาร์ซ ในมือเขาถือซาลาเปาลาวาที่กัดแล้วทุกลูกอยู่เกือบ10ลูก...
“มันไม่อร่อย... ทำซาลาเปาลาวาให้สองลูกหน่อยสิ...”
หน้าเซเว่นที่ผมเคยทำงานอยู่ ที่ๆผมกับเขาเจอกัน...
ผมยิ้ม แต่เขาไม่ยิ้ม... ผมหมายถึงที่ปากน่ะนะ แต่ที่ตาเขาน่ะ มันเต็มไปด้วยความสุขจนแทบล้นทะลักเลยล่ะ...
“รอสักครู่นะครับ...”
ผมใช้สิทธิ์ที่รู้จักกับพี่พนักงานเก่าๆขอแอบเข้าไปรื้อซาลาเปาลาวามาอุ่นเองสองลูกก่อนจะเอาไปคิดเงิน อาร์ซเดินตามเข้ามาก่อนจะว่างเงินให้สามสิบบาท...
“รับมา30บาทนะครับ ‘รับให้ผมจีบ’เพิ่มมั๊ยครับ...”
ผมยิ้มให้เขา...
“ก็เอาสิ...”
และเขาก็ยิ้มกลับมาให้ผมทั้งปากทั้งตา...
ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลย รู้แค่ว่าเขาชื่ออาร์ซ ชอบกินซาลาเปาลาวาที่ ‘ผมอุ่น’ ให้เอามากๆ แต่ผมว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ผมจะชอบเขา... บางทีผมอาจจะชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วก็ได้... ใครจะไปรู้... เนอะ!
(http://images.temppic.com/18-04-2014/images_vertis/1397813761_0.85021200.jpg)
Hello! Everybody! My name is < ARTZ > !!
โอไฮโย โกไซมัส!! มินนะซัง!! วาตาชิโนะนามาเอะวะ <อาร์ซ> !!
ผมเจอกับ ‘มัน’ เมื่อประมาณ2สัปดาห์ก่อน... ที่เซเว่นหน้าปากซอยบ้านผมเอง
ผมไม่ชอบขี้หน้ามันเอามากๆ ถ้าไม่ติดว่าผมชอบ ‘ซาลาเปาลาวา’ ล่ะก็... ผมจะไม่ไปเหยียบที่นั่นเลย...
แต่ทำไม... ‘มัน’ ถึงดูผมออก... ไม่เคยมีใครจับความรู้สึกของผมได้...
โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับผมอยู่!!
เมื่อมันหายไปเป็นอาทิตย์... ผมแทบบ้า ซาลาเปาลาวาของโปรดกลับไม่อร่อยเลยสักนิด...
มันทำอะไรกับผมกับแน่... ผมกลัวมันจริงๆนะ...
ผมว่าโชคชะตาอยากมีเรื่องกับผมแล้วล่ะ!!
สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้... ต้องไปหาเบอร์โทรศัพท์มันมา...
เพียงเพื่อให้มันมาอุ่นซาลาเปาลาวาให้กิน... แต่มันแปลกมากๆ...
ทำไมวันนี้ซาลาเปาลาวาอร่อยกว่าที่ผมเคยกินมาตลอดชีวิตซะอีก... ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ...
ที่สำคัญนะครับ!!
i LikE YoU!!<Window>
ผมจะไม่บอกมันเด็ดขาดครับ!!!
--------------------------------------------------------------------
ขอโทษคร้าบบบบบ :sad4:
มาช้ากว่าสัญญาไป1วันเต็ม เมื่อคืน ลืม.... //น้อมรับความผิดครับ
จัดหน้ายากส์มาก! ถ้าไม่ว่างไม่จัดจริงๆนะเนี่ย!!!
ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
SP. สงกรานต์บานบุรี~
สวัสดีครับทุกท่าน หวังว่าทุกท่านคงยังไม่ลืมกระผม นายนัทคนบ้าผู้น่ารักที่สุดในโลกที่มีผัวนามว่าสักผู้ที่หล่อเหี้ยๆ หล่อแบบมากกว่าเหี้ยสักสามระดับ มีเพื่อนตัวน้อยๆชื่อว่าต๊อกซึ่งไอ้ตัวน้อยๆของมันก็ใหญ่ว่าผมสักยี่สิบเท่าได้ ที่สำคัญไอ้เพื่อนตัวน้อยนี่มันก็มีเมียครับ เมียมันบอกไปชื่อคงคุ้นหูหลายๆท่าน นั่งก็คือพรตเมียรักของไอ้ต๊อกผู้ซึ่งมีลูกติดนามว่าน้องก้อยที่โตมาแล้วเสือกแปลงร่างจากเด็กผู้หญิงกลายเป็นเด็กผู้ชายแล้วได้ชื่อใหม่คือลิตเติ้ลซึ่งแม่งก็แปลว่าเล็กเหมือนกับชื่อก้อยของมันแล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือมันเองก็มีผัวชื่อเหี้ยๆเลยว่ายุง อย่าถามว่ามันไปได้กันยังไง พูดทีไรผมนี่อยากจะเตะก้านคอไอ้ยุงทุกที
เอาล่ะครับ! ผมเล่ามาขนาดนี้ ถ้าจำผมไม่ได้ก็ปิดหน้าต่างไปนะครับ ฝนจะตกแล้ว เอ้ย! แหม่ อากาศร้อนขนาดนี้ ฝนตกนี่ผมจะไปแก้ผ้าเล่นน้ำฝนเลยเหอะ นี่ผมพล่ามอะไรอยู่ ใครรู้พิมสรุปให้ผมฟังที ผมยังไม่รู้เลยเนี่ย เอิ๊กๆ
“อิม... อยู่ไหนครับเนี่ย”
มาแล้วๆ เสียงผัวที่น่ารักที่สุดในสามโลกของผม... อิอิ
“แบร่! ฮาๆๆ เหวอดิเหวอ เห็นเค้าน่ารักใช่มั๊ยล้า คิกคิก”
ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความสะใจหลังจากที่แกล้งคนรักที่กำลังเดินมาหาให้ตกใจได้นิดหน่อย แต่แหม่... ปกติมันเคยตกใจกะใครเขาที่ไหนล่ะครับ
“มาทำอะไรตรงนี้ครับ หืม... ไปแต่งตัวได้แล้วครับ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบนี้ ผมเรียกว่ายั่วนะครับ”
มันทำสายตากรุ่มกริ่ม ไม่รู้เลยครับ แหม่! ไม่รู้เลยว่ามองหัวนมผมอยู่อ่ะ!
“ปิดตาๆๆ ของสงวนห้ามมอง อย่าดื้ออย่าซน ทำตัวดีๆ เชื่อฟังเมียนะครับ”ผมเอามือปิดตามันแล้วก็พล่ามอะไรนิดหน่อยก่อนจะวิ่งจู๊ดเข้าห้องแล้วกดล็อคประตู
วันนี้ผมมีนัดครับ เป็นปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ และลูกสาว เอ้ย! ลูกชายของมันลืมตัวครับ โทษที... ปกติก็มัวแต่จะนึกว่ามันมีลูกสาวตลอดเวลานึกถึงสมัยก่อนที่ลูกมันพูดจ๊ะจ๋านี่โคตรคิดถึงเลยครับ โตมานี่มีแต่วะกับโว้ย... โคตรเถื่อนอ่ะบอกตรง บ้ารับไม่ด้ายยยยยย!!!
ก็อกๆ
“อิมครับ แต่งตัวเร็วๆนะ คนอื่นรออยู่ที่สนามหญ้าแล้วนะครับ”
สักเคาะประตูพร้อมร้องบอก ผมเดินไปที่หน้าต่างห้องแล้วแง้มมอง จริงด้วยครับ เพื่อนๆกับลูกและผัวลูกเพื่อนมารอกันหมดแล้ว พร้อมกับสามีที่รักของผมที่กำลังเดินออกจากบ้านไปรวมตัวกับผู้อื่น ผู้ตัวอื่นจริงๆครับ เพราะที่อยู่นี้ไม่มีใครเป็นตัวเมียสักคน...
ผมรีบคว้าเสื้อลายดอกสีส้ม กางเกงเลสีแดง แว่นตากันน้ำสีเขียว ปืนฉีดน้ำสีชมพู สะพายขึ้นบ่า ก่อนจะเปิดหน้าต่างแล้วเล็งปืนไปยังเบื้องล่าง
“ตายซะ! ไอ้พวกสัตว์ประหลาดทั้งหลาย ข้าพเจ้านามว่านัทนี่สุดน่ารัก ผู้เป็นตัวแทนของไฟจราจร จะลงทัณฑ์แกเอง กร๊ากกกก นี่แหน่ะๆๆ”
สาดปืนที่เต็มด้วยน้ำลงไปด้านล่าง โดนบ้างไม่โดนบ้าง ใครตั้งสติได้ก็วิ่งหลบลงไปก่อน สุดท้ายก็เหลือแต่คนที่ไม่เคยเจอฤทธิ์เดชของผมยืนงงจนตัวเปียกซก... ไอ้ยุงตัวเห้นี่เอง...
“ไอ้บ้า ไอ้สัด! ลูกเขยกูเปียกหมดล่ะ หยุดฉีดเดี๋ยวนี่ ถ้าไม่หยุดกูจะเอาผัวมึงไปซ่อน!”ไอ้ต๊อกตะโกนขึ้นมา
“ไอ้เลววว เอาจุดอ่อนกูมาเล่นงาน โธ่ เทพไฟจราจรได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้ามไม่สามารถปราบเจ้าเหล่าร้ายได้ ข้ากลัวสามีหาย โฮ...”
ผมยกมือขึ้นยอมแพ้แล้วพร่ำเพ้อไปเรื่อยจนมีคนตะโกนให้หยุด
“หยุดเพ้อเจ้อแล้วลงมาด่วนเลย ไม่งั้นผัวมึงหายแน่ สิบ... เก้า...”ไอ้พรตตะโกนขู่ผมยกยิ้มแล้วชูสองนิ้วสู้ตายให้มัน
“น้องนัทสู้ตายค่ะ!”
ผมปีนขึ้นบนหน้าต่างยืนตัวเต็มความสูงก่อนจะปล่อยตัวลงมาจากชั้นสองของบ้าน ร่างกายตกลงตามแรงโน้มถ่วง ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นตอนที่ผมกระโดดลงมา
หมับ!
“จับนางฟ้าได้แล้ว!”
สักวิ่งเข้ามารับผมไว้ได้ก่อนที่จะร่วงลงพื้น แข็งแรงจริงๆ ผัวผมครับผัวผม ฮาๆๆ
“ไอ้บ้า ไอ้สัด! นี่ถ้า สักมันวิ่งไปรับมึงไม่ทัน หัวกระแทกพื้นกระโหลกยุบเลยนะเหี้ย!”
ผมหัวเราะแห้งให้กับคำด่าของไอ้พรต มันเบิ๊ดกระโหลกผมไปทีนึง
“มึงตบหัวกูก็แรงพอๆกับหัวกูกระแทกพื้นแล้วล่ะสัดพรต ไอ้ห่าต๊อก มาเอาเมียมึงไปเก็บบบบบ!!”
ผมพยุงตัวลงจากอ้อมกอดอบอุ่นของสุดที่รัก ก่อนจะลงยืนแล้วเดินไปหาคนที่ยืนตัวเปียกซกอยู่กลางสนาม
“อ้าว ร้อนก็ไม่บอก บ้านกูมีห้องน้ำ โธ่ๆๆ น่าจงจารรรร”ผมเอามือยีหัวมันก่อนจะหัวเราะร่า วันนี้สะใจจริงๆ
พับๆๆๆ
“โอ๊ย อ๊ากกก ไอ้เลววว สะบัดผมใส่เรอะ เป็นหมาเหรอนี่ ไอ้หมายุง ไอ้หมายุ๊งงงงงง”
ผมวิ่งหนีไปเกาะสักไว้หลังจากที่ไอ้ยุงมันมองหน้าผมแล้วก็สะบัดหัวใส่ ท่าคล้ายๆหมาสะบัดขน มันเดินทำหน้ายุ่งๆไปรับผ้าขนหนูจากไอ้ลิตเติ้ลเมียมัน
หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี พวกเราก็ได้ฤกษ์ดีรวมหัวกันนั่งบนโต๊ะพลาสติกมีไอ้หมา หมาที่ผมเลี้ยงไว้นอนอยู่ใต้โต๊ะอีกที พวกเราเฮฮากันตามประสาลูกผู้ชาย ถึงอายุจะขึ้นเลขสี่ แต่หน้าตายังดีเหมือนเดือนมหาลัยอยู่นะครับ ฮาๆ
“เฮ้ย เดี๋ยวกูไปเปิดเพลงแปป”
ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น เดินไปเปิดเครื่องเสียงที่แบกกันมาไว้นอกบ้าน กดเลือกเพลงไปมา แล้วก็เจอเพลงที่ผมต้องการ
‘สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี...’
ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ คนที่เหลือนั่งฟังเพลงสักพักก่อนจะมีคนถามเสียงเครียดๆขึ้นมา
“พี่บ้า วันนี้มันวันสงกรานต์นะพี่...”
เป็นไอ้ลิตเติ้ลนั่นเองที่คงทนไม่ได้เลยถามขึ้นมาลองเชิง
“อือ แล้ว...?” ผมพยักหน้ารับ มันพูดถูกวันนี้วันสงกรานต์ ก็ไม่ผิดนี่
“แล้วเพลงมันเป็นเพลงปีใหม่... พี่บ้าเข้าใจอะไรผิด?”
มันถามอย่างสงสัย... มีเสียงหัวเราะขำๆจากคนที่รู้ทันผมดังขึ้นมาคนนึง จะใครซะอีกล่ะครับ ไอ้สักที่รักของผมนี่ไง
“น้องก้อยผู้น่ารักและอ่อนต่อโลกนะครับ... เดี๋ยวพี่บ้าสุดหล่อจะถามอะไรน้องก้อยสักหน่อย วันนี้คือวันสงกรานต์ ถูกไหมครับ”ไอ้ลิตเติ้ลพยักหน้า ผมครางฮืมแล้วถามต่อ
“แล้ววันนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไรรู้ไหมครับ”
“ก็วันปีใหม่... ไทย อ๋อ!!!”
มันทำหน้าราวกับตรัสรู้ ผมหัวเราะรวน ในขณะที่ไอ้พรตได้แต่ตบไหล่ลูกตัวเองเบาๆแล้วบอกว่าอีกนานกว่าจะตามทันคนอย่างผมได้... คนอย่างผมนี่มันยังไงกันอ่ะ!!!
หลังจากนั้นพวกเราก็เฮฮากันตามประสาคนโสด(ไม่จริง) คนไม่ซิงแถมยังไม่โสด แหม่... ก็มีผัวมีเมียมาคุมทั้งนั้น ส่วนเรื่องแก๊งค์และบริษัท... อย่าถามครับอย่าถาม มีผัวดูแลทั้งที ล่มจมบัดซบไปหมดแล้วครับ เอิ๊กกกก.... ล้อเล่นนะผัว อย่าใจน้อย เดี๋ยวหัวล้านไว คิกคิกคิก...
“เป็นเห้ไรวะบ้า... เดี๋ยวหน้าตึงเดี๋ยวขำเดี๋ยวขมวดคิ้ว พวกกูตามมึงไม่ทัน”
ไอ้พรตยกขาเตะเอวผมเรียกสติ... โว๊ะ ไอ้พวกนี้ขัดใจคนบ้า!
“ขอโทษทีที่ตามไม่ทัน พอดีสมองกูใช้เครื่องยนต์แสนล้านแรงม้า ติดจรวดเทอร์โบ ไม่อยากจะโม้ว่าติดบอลลูลลอยฟ้า แถมอีกทีว่าติดป้ายขายเซลล์ ฮาๆๆๆๆ”
ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความสะใจ ไอ้พรตไอ้ต๊อกส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แต่คนอย่างไอ้บ้า... ชิกชิกคูลคูลกันไป อุวะฮาฮ่า
จู่ๆทั้งโต๊ะก็เงียบครับ... รู้จักมั๊ยครับเดดแอร์ ที่อยู่ๆทุกคนก็เงียบพร้อมกัน พวกเราชะงักแล้วมองหน้ากันไปมา เสียงดนตรีบรรเลงระรัวคล้ายเสียงหัวใจเต้น เหงื่อกาฬไหลซึมบริเวณไรผมจนเปียกชื้น ผสมกันเสียงเกาขนแกรกๆของเจ้าหมาที่นอนอยู่ เสียงลมพัดหวิดไหวใบไม้กระทบกันตามแรงลู่ลม สายตาทั้งหกคู่สอดประสาทประหนึ่งว่ากำลังจะมีเหตุร้ายบังเกิด!
“ไอ้เหี้ยยยยยย กูยอม กูแสบตาาาาาาาาาา”
เป็นไอ้พรตที่ร้องขึ้นก่อน ก่อนจะตามด้วยเสียงซี๊ดซ๊าดของหลายคนที่กระพริบตาปริบๆไหลหยดน้ำตาออกจากเบ้าตาที่แดงเถือก
“ฮาๆๆๆ มึงแพ้มา39ครั้งแล้วนะไอ้พรต ทำสถิติใหม่เหรอมึง กร๊ากกก”ผมหัวเราะร่วน
“พ่อพรตนี่ไม่ไหวเลย สู้ผมก็ไม่ได้”ไอ้ลิตเติ้ลครับ ไอ้ตัวเล็กมันอวดใหญ่หลังจากที่ชนะพ่อมันได้อีกครั้ง
“เออ สาดดดด จำไว้นะมึง... รอบหน้ากูไม่แพ้แน่ ถ้าแพ้กูยอมขึ้นขย่มไอ้เหี้ยต๊อกสามวันสามคืน”ไอ้พรตลั่นคำสัญญา
“ปกติมึงก็ขึ้นขย่มอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ หรือกูจำผิด ฮาๆๆ”ไอ้ต๊อกขายเมียตัวเองครับ
จากนั้นเป็นไง... ก็โดนฝ่ามือพิฆาตตบดังพลั๊วะสนั่นโต๊ะครับ พวกเราเงียบประมาณสามวิ แล้วก็... ก็ลั่นสิครับ ถามได้
ผมหันไปอ้อนไอ้สักเป็นพักๆ มันเองก็ผสมโรงหยอดคนโน่นคนนี่ตามสไตล์คนนิ่งๆอย่างมัน ไอ้ต๊อกไอ้พรตตอนนี้ปีนไปนั่งตักขย่ม เอ๊ย! โยกหัวตามจังหวะเพลงที่ผมเปิดไว้ครับ ส่วนลิตเติ้ลกับไอ้ยุง ช่างมันครับ ขี้เกียจอธิบายแล้ว...
บางทีผมก็คิดนะ... ว่าการที่คนเราจะได้มาเจอมาคบกันเนี่ยมันเป็นพรหมลิขิตหรือว่าตัวเราะลิขิตเอง ไม่แน่ถ้าวันนั้นผมไม่หนีออกจากบ้าน ถ้าวันนั้นไอ้สักไม่เดินผ่านมา หรือถ้าตอนนั้นผมไม่มากับมัน วันนี้ผมจะได้นั่งตรงนี้มั๊ย หรือผมกำลังทำอะไรอยู่...
โอ๊ย! พูดแล้วอยากย้อนเวลา!
“สักกกก.... อิมอยากได้ไทม์แมชชีน”
“เอาไปทำไมครับ หืม...”สักก้มมามองหน้าผมที่เลื้อยอยู่แถวๆท้องของมัน นุ่มอ่ะ อุ่นจัง
“อยากย้อนเวลา อยากรู้ว่าถ้าไม่เจอสักตอนนี้อิมจะอยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่”
ผมยู่ปาก อยากรู้ๆๆ มีไทม์แมชชีนขายที่ไหนไหม... ให้ขายตัวไปซื้อไทม์แมชชีนก็ยอม ฮาๆ
“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะยังไงอิมก็จะนั่งตรงนี้นี่แหละ สักรู้”
“ทำไมอ่ะ มึงเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตเหรอ ไอ้สัก มึงปลอมตัวมาเหรอวะ ม่ายยยย”ผมยกหัวขึ้นมาแล้วส่ายหน้าแบบที่คิดว่ากวนตีนที่สุด
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะครับ ที่สักรู้น่ะ ก็เพราะว่า ต่อให้วันนั้นสักไม่เจออิม แต่สักก็จะต้องตามหารักแท้ของสักให้เจอ นั่นก็คืออิมไงครับ”
มาพร้อมสายตาหยดย้อยทำเอาผมหายบ้าไปชั่วขณะ
“อ้วกกกก ไอ้เหี้ย กูเลี่ยน”ไอ้ต๊อกขัดขึ้นกลางปล้อง ผมหันไปเขม่นสายตาใส่มัน
“มึงไม่เคยพูดก็หุบปาก คนจะหามอย่าเอาคานมาสอด”ผมหันไปแว้ดใส่
“หามขึ้นเตียงแล้วยกขาให้อ่ะดิคนอย่างมึงอ่ะ โด่วๆ”
ไอ้ต๊อกพูดครับ ผมมองหน้ามันไป เห็นไอ้พรตที่นั่งข้างหน้ามันหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ... แหม่ เห็นคนหวานกันเลยอายแทนงั้นสิเพื่อนกู น่ารักจริงงงง
เอ๊ะ! เดี๋ยว.. ไม่ใช่ล่ะๆ
“ไอ้เหี้ยต๊อกกกก... มาทำบัดสีบัดเถลิงในบ้านกูได้ไง... ไอ้เหี้ย เอามือออกจากกางเกงเมียมึงเลยสาดดดด แยกๆ ลุกเลยลุก....”
ผมถลาไปคว้าตัวไอ้พรตให้ลุกขึ้นจากตักผัวมัน แม่ง! ขึ้นครับขึ้น มาทำไงได้ไง ไอ้สักยังไม่เคยทำผมแบบนี้เลยนะ (อ้าว!)
“แหม่... อีกนิดกูจะเสร็จอยู่แล้วครับเพื่อน ขอต่อเวลาแปปไม่ได้เหรอวะ”
ไอ้ต๊อกมองหน้าผมแล้วยิ้มยียวน(ตีน)มาก ส่วนไอ้พรตก็ก้มหน้าก้มตาเขินชิงแชมป์หน้าแดงเป็นมะเขือเทศเน่าแห่งประเทศไทย จัดโดยไอ้บ้าคนนี้แหละครับ
“ไปว่าวไป๊! ไอ้เหี้ยนี่!”ผมโวยวาย... หันไปมอง อ้าว ไอ้ยุงกับไอ้เติ้ลหายไปแล้ว ดีมาก สงสัยทนมองพ่อกับพ่อ(?)ทำบัดสีกันไม่ได้
“ฮาๆๆ นานๆจะเห็นมึงขึ้นทีนะเนี่ย มาๆ มานั่งๆ กูไม่ทำอะไรล่ะ”ผมมองตามอย่างไม่ไว้ใจ แต่ไอ้ต๊อกมันก็ไม่ได้ทำอะไรตามที่พูด ผมเลยสบายใจไปหน่อยนึง
ซ่าๆๆๆ
“ไอ้เหี้ยยยยย ใครเปิดสปริงเกอร์น้ำ!”
ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก! ผมกระโดดหลบน้ำที่สาดใส่ผมจนเปียกซ่ก
ใคร! ใครหน้าไหนบังอาจมาแกล้งผมวะครับเนี่ย!
แต่หลบให้ตายยังไงผมก็เปียกมะล่อกมะแล่กอยู่ดี เพราะบ้านผมติดสปริงเกอร์ไว้ทั่วสนามหญ้า เต็มปากเต็มหน้าเลยครับกูเนี่ย...
“พ่อพรต พ่อต๊อก น้าสัก พี่บ้า... สวัสดีปีใหม่ไทยวันสงกรานต์นะครับ”
ผมหันไปมองตามเสียง ไอ้ยุงกับไอ้เติ้ลกำลังช่วยกันถือพวงมาลัยแล้วก็ขันเงินที่ใส่น้ำเอาไว้... แหม่... ผมงี้น้ำตาไหลพรากเลยครับ
“ไอ้เหี้ยยุง กูรู้มึงเปิดสปริงเกอร์ ปิดเลยสัด!”ผมตะโกนสวนน้ำที่พุ่งเข้าปากอยู่เป็นระลอกๆ... แหวะ...
“ฮาๆ ครับๆ”
มันตะโกนตอบกลับมาจากนั้นมันก็เดินหายเข้าไปในบ้านใหม่ สักพักน้ำที่พุ่งอยู่ก็หยุดลงไป สาบานได้เลยว่า วันพรุ่งนี้ผมจะจัดการถอดสปริงเกอร์น้ำออกแล้ว!
“พ่อมานั่งตรงนี้หน่อยดิ น้าสักกับพี่บ้าด้วย มานั่งๆๆ”
ไอ้เติ้ลมันดันหลังทุกคนให้ไปนั่งที่เก้าอี้ ข้างกายมีไอ้ยุงที่ถือพวงมาลัยมาสี่พวงกับขันอีกหนึ่งใบ
“ผมกับยุงขอรดน้ำดำหัวพ่อกับน้าแล้วก็พี่นะครับ ในวาระวันปีใหม่ไทย ทุกคนก็อวยพรให้ผมด้วยนะ”
ไอ้เติ้ลพูดแล้วมันก็ค่อยๆรดน้ำให้พ่อมันสองคน คู่นั้นมันก็อวยพรอะไรกันไปตามเรื่อง จากนั้นมาก็มารดน้ำผมกับสัก
“กูขอให้มึงเป็นคนดี ทำอะไรก็ได้แต่สิ่งดีๆ เรื่องเหี้ยๆบัดซบอะไรขอให้แม่งตายไปตั้งแต่วันนี้ ตัวเหี้ยๆอะไรที่เกาะอยู่ก็ขอให้หายไป”ผมพูดแล้วเหล่ตาไปที่ไอ้คนข้างๆมัน
“ส่วนน้าขอให้เราทั้งคู่รักกัน ขอให้ชีวิตเราดีขึ้นๆ ทุกอย่างที่คิดประสบความสำเร็จ ถ้าท้อหรือเหนื่อยก็กลับมาพัก มาหาพ่อหาน้า กลับมาเอากำลังใจนะ”ไอ้สักเอาน้ำในมือลูบหัวทั้งสองคน ผมก็เอาน้ำในมือแปะๆที่หัวไอ้เติ้ล
“ส่วนมึง...”
ผมหันไปมองไอ้ยุง ก่อนจะคว้าขันน้ำทั้งหมดมาราดใส่หัวมัน...
“โชคดีสำลีแปะหัว ไอ้สัด!”ผมหัวเราะเบาๆกับความสะใจน้อยๆที่เกิด...
จากนั้นมหกรรมต่อสู่กันด้วยน้ำจัดมาเต็ม...
ถึงปีนี้พวกเราจะไม่ได้ออกไปไหน ถึงอายุเราจะมากขึ้นทุกปีทุกปี แต่ตราบใดที่ข้างกายผมยังมีมัน... ที่รักของผม... ผมก็ยังอยากจะเป็นคนบ้า อยากจะเป็นคนแบบนี้ที่จะสามารถยืนข้างมันไปได้ตลอด...
แต่ตอนนี้เหรอ...
“สักกก มึงสาดน้ำใส่กู ไอ้เหี้ย...”
ขอตัวไปเล่นน้ำสงกรานต์ก่อนก็แล้วกัน!!
_____________________________________________________
Talk
จะบอกว่าแต่งเสร็จตั้งแต่วันศุกร์แล้วค่ะ แต่เน็ตพังorz นี่มาจิ้มๆจากมือถือ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลย... เห็นเรื่องที่อัพล่าสุด เดือนสี่ปีที่แล้ว... #รู้สึกหายหัวไปนานมากค่ะ คือกำลังอยู่ในช่วงม.6ที่กำลังจะแอด นี่ก็สอบหมดแล้วรอยื่นคะแนน ไม่ได้จะบอกว่าจะมาอัพต่อนะคะ ตอนนี้ทำงานอยู่ว่างน้อยมาก ฮา.... แต่ถ้าว่างจะรีบมาแต่งเรื่องอื่นต่อค่ะ
หวังว่าจะไม่มีใครค้างกับตอนนี้เนอะ.....
鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ!
เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินจีน ทุกคนต่างเคารพบูชา โดยจำแนกมังกรได้เป็น 9 จำพวก... อันประกอบไปด้วย ปี้ซี่ ชือเหวิ่น ผูเหลา ปี้อั้น เทาเทีย หยาจื่อ ซวนหนี เจียวถู และฉิวหนิว โดยมังกรแต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน... จึงทำให้สถานที่ที่จะพบเจอมังกรแต่ละตัวนั้นมักจะไม่เหมือนกัน หากแต่แท้จริงแล้ว... มังกรทั้งเก้านั้นต่างก็คือพี่น้องที่กระจัดกระจายกันออกไป มังกรทั้งเก้านี้ต่างออกไปส่งต่อสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังดินแดนต่างๆทั่วชมพูทวีป... จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายพันปี...
--------------------------------------------------------------------------------------
‘เรื่องราวของลูกหลานชือเหว่ย มังกรที่ชอบกลืนกินและเหม่อมอง...’
“เฮ้ยเจต ไปกินข้าวกัน”ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินมาเคาะประตูเรียก ก่อนที่ผู้ที่ถูกเรียกชื่อจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งเสียงตอบกลับไป
“ครับพี่ ไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมตามไป”คนที่ยืนอยู่พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป เหลือเพียงชายหนุ่มผมสีแทนที่ทำหน้านิ่งๆเหมือนไม่สนใจโลกค่อยๆเก็บของบนโต๊ะลงในลิ้นชัก ทีละชิ้น ทีละชิ้น ก่อนจะคว้าโทรศัพท์และกระเป๋าตังออกมาเป็นอย่างสุดท้ายแล้วลุกขึ้นเดินตามคนอีกคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูใหญ่ของบริษัท
เป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันดีของคนในออฟฟิศ ที่เมื่อถึงเวลาพักกลางวันเมื่อใด ชายหนุ่มสองคนนี้มักจะไปกินข้าวด้วยกันเสมอ ไม่ว่าใครจะติดธุระอย่างไร อีกฝ่ายก็จะยังคงรอและไปพักเที่ยงพร้อมกัน ถึงจะมีหลายเสียงในบริษัทซุบซิบนินทาให้ผ่านมาระคายหู แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกยินดียินร้ายอะไร ซ้ำยังปล่อยผ่านจนข่าวลือนั้นซาลงและมีเรื่องใหม่เรื่องอื่นเข้ามาแทนที่ จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม เช้าตอกบัตรเข้าทำงาน ต่างคนต่างอยู่ เดินผ่านก็ทักทายกันตามประสาคนรู้จัก มีบ้างที่เจตจะได้รับขนมเล็กๆน้อยๆมาวางอยู่บนโต๊ะ เขากินขนมเหล่านั้นตลอดถึงจะไม่รู้ว่าใครเอามาวางไว้ แม้จะมั่นใจเกินแปดสิบเปอร์เซนต์ว่าเป็นคนที่เขาคิดไว้นั่นแหละที่เอามาวาง
“วันนี้จะกินอะไร?”เสียงเรียบๆเอ่ยถาม เจตหันไปมองตามแล้วกวาดตามองร้านอาหารภายนอกบริษัท
“กระเพาะปลาครับ”การตอบสั้นๆยังคงเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอย่างหนึ่งของเจต ซึ่งเจ้าตัวเคยบอกว่า ชอบที่จะมองมากกว่าพูด ซึ่งทุกคนก็ดูจะเข้าใจเขาได้ดี ตราบใดที่งานที่เขาทำยังไม่มีสิ่งใดผิดพลาดจนเกินจะให้อภัย ซึ่งนั้นคงเป็นการยาก เพราะสิ่งที่เจตทำนั้นดีกว่าเพื่อนร่วมงานหลายๆคนมากนัก จึงไม่มีใครสงสัยโวยวายอะไร ปล่อยให้เจตทำงานอยู่คนเดียวเงียบๆแบบที่เจ้าตัวต้องการ
เมื่อเดินมาถึงร้านกระเพาะปลา เจตเดินไปรินน้ำใส่แก้วแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ เนื่องจากร้านไม่ได้ใหญ่โตมากนักและไม่มีลูกจ้างคอยให้บริการ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจึงต้องบริการตัวเองหากไม่อยากคอแห้งตายเพราะหิวน้ำไปเสียก่อน
“งั้นผมเอากระเพาะปลาพิเศษสองชามครับ ชามนึงไม่ใส่ไข่กับเครื่องในนะครับ เอาหน่อไม้เยอะๆ”เสียงของอีกคนสั่งอยู่หน้าร้านก่อนจะตามมานั่งที่โต๊ะ หยิบแก้วน้ำไปดูดน้ำอึกใหญ่
“อาการข้างนอกร้อนมากเลยเนอะ เจตว่ามั๊ย”
“มันก็ปกตินี่ครับพี่ นี่ประเทศไทยนะไม่ใช่สวิต”เจตว่าหน้าตาย ขณะที่ใครอีกคนมองหน้าแล้วเผลอหลุดขำพรืดออกมาดังลั่น
“โอเคๆ พี่ขอโทษ พี่ผิดเองแหละที่ลืมไปว่านี่ประเทศไทย”เจตพยักหน้าและเหม่อมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมา คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ชื่อตั้ว คาดว่าน่าจะมาจากกระตั้ว แต่ถ้าถามกันตามจริง ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน เพราะพอรู้จักกันก็ได้ยินแต่คนเรียกว่าตั้วๆมาตลอดจนเขาเรียกตามไปอย่างเคยชิน เจตมองคนที่เดินผ่านไปมาอยู่อย่างนั้นจนกระเพาะปลาพิเศษสองชามมาเสิร์ฟเขาจึงได้เริ่มลงมือรับประทานอาหาร
“เดี๋ยวเจต อันนั้นของพี่ ของเจตไม่ใส่ไข่ ไม่ใส่เครื่องในแล้วก็หน่อไม้เยอะๆ ชามนี้”ตั๊วเลื่อนชามกระเพาะปลาตรงหน้าตัวเองสลับกันของอีกคนนึง เจตพยักหน้ารับแล้วลงมือปรุงรส
“วันนี้งานเป็นไงบ้างเจต”เสียงตั้วดังถามขึ้น เจตละสายตาจากชามกระเพาะปลาสบตากับคนตรงหน้าแล้ววางช้อนลง
“ก็ดีพี่... งานก็เหมือนๆเดิม คนก็คนเดิมๆ ปัญหาก็ปัญหาเดิมๆ ไว้วันไหนมีอะไรแปลกใหม่ผมจะเล่าให้พี่ฟังแล้วกัน”เจตตอบ พร้อมกับรับทิชชู่มาจากคนตรงหน้าเพื่อเช็ดขอบปากที่เลอะเทอะออก
“เหรอ อืม... ก็ดี งานพี่เนี่ยสิ โดนคอมเพลนจากลูกค้ามา ปวดหัวน่าดู เรื่องมากเอาแต่ใจสุดๆไปเลย พอแก้ให้ก็บอกไม่ชอบอีก นี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย”ตั้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ
“พี่ก็ทำได้อย่างนะครับ... ทำใจ”
“อุ๊บ! โอ๊ย! โอเคๆ งั้นพี่จะทำใจล่ะกันนะ ฮาๆๆ ปลอบใจหน้าตายของเรานี่ พี่ดูทีไรก็ขำทุกทีสิหน่า”ตั้วเอามือกุมท้องแล้วปาดน้ำตาที่ไหลที่หางตาเล็กน้อย ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งกระเพาะปลาทั้งสองหมดชาม
“พี่เก็บเงินเลยครับ”
--------------------------------------------------------------------------------------
เป็นอีกวันนึงที่การทำงานผ่านไปอย่างเชื่องช้า เจตละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์แล้วนวดที่ขมับเบาๆ เป็นเวลาบ่ายคล้อยย่ำเย็นหลังจากการกลับมาจากช่วงพักกลางวัน เจตเหลือบมองนาฬิกา
‘อีก 2 ชั่วโมงจะเลิกงานแล้วสินะ’ เขาคิดในใจคนเดียว พักนี่เขามักจะเพลียๆในการทำงาน เพราะตำแหน่งของเขาต้องใช้ไอเดียมากในการนำเสนอ ทำให้เขาต้องคิดรูปแบบต่างๆในทุกๆวัน กว่าจะรู้ตัว มือของเจตก็คลำหาอมยิ้มที่ปกติจะมีติดตัวเอาไว้ประมาณสองสามแท่งไว้อมเวลาที่คิดอะไรไม่ออก แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าแท่งสุดท้ายนั้นเพิ่งจะหมดไปเมื่อบ่ายนี่เอง และเขาก็ยังไม่ได้ไปซื้อใหม่เสียที
“เจต หิวยัง เอาขนมเปล่า?”เสียงพี่ในบริษัทตะโกนถามจากโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม เจตหันมองก่อนจะตะโกนกลับไป
“เอาเลยครับพี่ ผมไม่หิวครับ”เขายิ้มกลับให้แทนคำขอบคุณ จากนั้นก็ลงมือทำงานในมอบหมายของตัวเองต่อไป เพราะความอ่อนล้าของสมองบวกกับดวงตาที่พร่าเพราะแสงจากจอคอมพิวเตอร์ทำให้เจตต้องละลายตาจากจอคอมสักครู่ใหญ่ จังหวะนั้นเองเจตก็เหลือบมองเห็นเงาของคนร่างสูงมายืนค้ำโต๊ะ
“ก๊อกๆ เอาขนมมาส่งครับผม”ใบหน้าคุ้นเคยโผล่เข้ามายิ้มใส่ หากเป็นปกติ คงจะมีมาแต่ขนม ไม่แน่ใจเท่าไรว่าทำไมวันนี้ตั้วจึงมาด้วยตนเอง แต่เจตก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก พลางละมือจากแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดมารับขนมไทยโบราณรูปทรงสามเหลี่ยมที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยใบตองทรงสวยคาดทับด้วยใบมะพร้าวและกลัดเอาไว้ด้วยไม้กลัดบนปลายยอด
“ตั้ว ซื้อไรมาอ่ะ ขนมใส่ไส้เหรอ ไม่แบ่งพี่ๆบ้างเลยนะ”เสียงหยอกเอินแสดงความเป็นคนเองจากคนรอบข้าง แม้จะไม่ได้อยู่แผนกเดียวกัน แต่ตั้วก็เดินเข้านอกออกในจนเป็นที่คุ้นชินของคนในแผนกเสียแล้ว
“โถ่พี่ก็... ไว้คราวหน้านะครับ รอบนี้ผมไม่คิดว่าพี่ๆจะอยู่ครบกันขนาดนี้”ตั้วยิ้มเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเอ็นดูจากพี่ๆทุกคนในแผนกได้เป็นอย่างดี
“วันนี้ไม่มีงานเหรอ”เสียงจากคนข้างตัวทำให้ตั้วก้มไปมอง เห็ฯคนที่พูดกำลังก้มหน้าก้มตาสนใจกับของว่างในมือ
“ว่างไง เลยแวะมา เดี๋ยวจะกลับไปแล้ว”เจตพยักหน้าบรรจงค่อยๆแกะไม้กลัดออกวางไว้ข้างตัว คลี่ใบมะพร้าวออกมาและเปิดใบตองออกเพื่อดูเนื้อใน
“ข้าวเหนียว?”เจตพูดขึ้นงงๆเมื่อมองเห็นเนื้อในของขนมตรงหน้า แทนที่จะเป็นขนมใส่ไส้อย่างที่คิดไว้ตามรูปทรงบรรจุภัณฑ์ที่เห็น แต่เจตก็ไม่ได้คิดอะไรคว้าข้าวเหนียวก้อนนั้นใส่ปากหน้าตาเฉย ปล่อยให้คนเอามายืนอึ้งแล้วปล่อยเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้
“เฮ้ยเจต กินจริงดิ... อันนั้นมันหมดแล้ว พี่ใส่ข้าวเหนียวมาแกล้งเราเฉยๆ ข้าวเหนียวนั้นพี่ซื้อมาตั้งแต่เช้าแล้วเอามากินกับหมู โถ่! ฮาๆๆ”หัวเราะไปปาดน้ำตาไป ตั้วดึงมือของอีกคนไว้ก่อนที่จะหยิบข้าวเหนียวไปกัดต่ออีกคำหนึ่ง แล้วหยิบห่อใหม่ที่ซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงมาให้
“เอ้านี่! อันนั้นอ่ะแกล้ง อันนี้ของจริง เจ้าอร่อยด้วยนะ ลองๆ ส่วนอันนี้เดี๋ยวพี่เอาไปทิ้งให้”ตั้วแย่งข้าวเหนียวในมือเจตมาถือไว้เอง ก่อนจะแกะไม้กลัดขนมอีกห่อออกแล้วยื่นขนมไทยกลิ่นหอมไปตรงหน้า เนื้อสีขาวขุ่นของกะทิสดใหม่หอมๆ และกลิ่นหวานนิดๆ ของเนื้อมะพร้าวที่ผสมกับน้ำตาลปี๊บส่งกลิ่นออกมายั่วเย้าใจของคนตรงหน้า เจตไม่รอช้าที่จะรับขนมใส่ไส้ไปจากมือตั้ว ใช้ไม้กลัดแทนส้อน ตัดแบ่งขนมออกเป็นสองชิ้น จิ้มชิ้นแรกเข้าปาก ก่อนจะจิ้มอีกชิ้นแล้วเอาไปจ่อให้ที่ปากของอีกคน
“แบ่งกัน”คำพูดสั้นๆแต่เข้าใจง่ายตามความหมาย ตั้วอ้าปากรับก่อนจะเก็บกวาดเศษใบตองและไม้กลัดออกจากโต๊ะ เดินไปทิ้งขยะทั้งหมดลงในถังแล้วยกมือไหว้พี่ๆในแผนกเพื่อขอตัวลา
“พี่ไปแล้วนะเจต ตอนเย็นเจอกันนะ”
--------------------------------------------------------------------------------------
เวลาผ่านไป2ชั่วโมงนิดๆ เจตกำลังเก็บของออกจากโต๊ะเพื่อที่จะกลับบ้าน ส่วนคนที่รอนั้นยังคงไม่มา เจตเหลือบมองเป็นบางทีที่มีคนเดินผ่านหน้าแผนก เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ก็ก้มลงเก็บของต่อไป ทำแบบนี้สักสี่ห้าครั้งจนคนในแผนกเริ่มสังเกตเห็น
“เดี๋ยวตั้วก็มาเจต ทางนั้นอาจจะกำลังคุยธุระอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า ตั้วเคยผิดนัดเราที่ไหนล่ะ”พี่แม๊กซ์อดีตหนึ่งในขบวนการร่วมล้อคู่รักเงียบๆคู่นี้พูดขึ้นมา
“เปล่าสักหน่อยพี่... ผมไม่ได้มองสักหน่อย”เจตปฏิเสธ หากแต่สายตายังคงเหลือบมองที่หน้าแผนกเป็นระยะๆ
“โอเคครับโอเค ไม่ได้มองเลย... เน๊อะ!”แม๊กซ์หันไปหัวเราะร่ากับคนข้างๆที่หาเรื่องล้อเจตได้สำเร็จ เจตส่ายหัวเบาๆ แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อให้เสร็จ ไม่ถึงสองนาทีเป้ใบเก่งก็ถูกสะพายขึ้นบ่าหนึ่งข้าง เจตกระชับมือให้แน่นกันเป้ร่วงตกก่อนจะเดินออกจากแผนก แต่ก็ไม่ลืมหันไปบอกลาคนอื่นๆที่ยังคงทำโอทีกันต่อ เดินไปได้ไม่ไกล เสียงวิ่งกระหืดกระหอบก็ดังขึ้นมากระชั้นชิด ก่อนจะหยุดลงที่ข้างกาย มือหนารั้งแขนของเจตไว้ให้หยุดยืนนิ่งๆครู่หนึ่ง
“เดี๋ยวเจต แปป ขอพักก่อน ไม่ไหวแล้ว แฮกๆๆ”ตั้วแลบลิ้นออกจากปาก อีกมือที่ว่างก็พัดตัวเองไม่หยุดบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเหนื่อยขนาดไหนที่วิ่งตามเจตออกมา
“ทำไมไม่รอล่ะ พี่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน”ตั้งถามหลังจากพักจนหายเหนื่อย
“ก็เจอแล้วนี่ครับ ไม่งั้นพี่จะคุยกับผมได้เหรอ”เจตถามกลับ พลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายเอาไปซับเหงื่อ
“พี่หมายถึง... โอเคๆ พี่พูดไม่เคลียร์ คราวหน้ารอพี่ที่แผนกนะ”เจตพยักหน้าทำความเข้าใจ ก่อนจะช่วยถือกระเป๋าของอีกฝ่ายให้ เมื่อเห็นว่าตั้วยังไม่หายเหนื่อยเท่าไรนัก ทั้งสองคนเดินคู่กันไปเรื่อยๆจนถึงร้านข้าวต้มโต้รุ่งเจ้าหนึ่งแถวๆหอพัก ตั้วเดินไปหยิบเมนูส่วนเจตก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะ
“เจตเอายำไข่ดาวเหมือนเดิมใช่ไหม ยังเอาหมึกผัดไข่เค็มอีกมั๊ย”เสียงคนตรงข้ามที่นั่งรอจดเมนูจากอีกคนถาม เจตพลิกเมนูในมือไปมาแล้วส่งคืนให้ตั้ว
“เอาเหมือนเดิม เอาหมึกด้วย แล้วก็เพิ่มคะน้าปลาเค็มมาอีกจานแล้วกัน พี่ชอบไม่ใช่เหรอ”ตั้วไม่ได้พูดอะไร แต่จดเมนูลงกระดาษในมือแล้วเดินเอากระดาษไปส่งให้กับเดินเสิร์ฟที่ยืนรออยู่
“ถามจริง ทำไมกลางวันถึงกินข้าวเหนียวไป พี่นึกว่าเจตเห็นแล้วจะไม่กินซะอีก”ตั้วถาม เจตที่กำลังมองโต๊ะกับบรรยากาศรอบๆหันมาสบตาก่อนจะหันกลับไปมองที่อื่นเหมือนเดิม
“ก็พี่ให้มา...”
รอไม่นาน อาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟพร้อมกับถ้วยข้าวต้มอีกสองถ้วยและน้ำแข็งอีกสองแก้ว ตั้วรับน้ำแข็งไปวางตรงหน้า แกะขวดน้ำแล้วเทใส่แก้วทีละใบ ส่วนเจตรับถ้วยข้ามต้มแล้วเอามาคนเบาๆทั้งสองถ้วย ค่อยๆใช้ปากเป่าไล่ความร้อนออกไปสักครู่ถึงได้ส่งชามที่ดูจะเย็นลงไปให้อีกฝ่าย ตั้วรับชามมาคล้ายเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าไปอย่างเงียบๆ
“รอบนี้อร่อย”เสียงของเจตดังขึ้นพร้อมๆกับช้อนที่ตักยำไข่ดาวไปไว้ในชามของตั้ว ตั้วพยักหน้า ตักยำไข่ดาวขึ้นมาใส่ช้อน เป่านิดๆแล้วเอาเข้าปาก
“อืม... อร่อยดี ดีกว่ารอบที่แล้วเยอะเลย สงสัยพ่อครัวคนละคนกัน”ตั้ววิจารณ์แล้วตักหมึกผัดไข่เค็มส่งให้เจตบ้าง
“แลกกัน... อันนี้ก็อร่อย นี่หนวดที่เจตชอบเลยนะ นี่พี่เสียสละให้นะเนี่ย”
“พี่ไม่กินหนวดต่างหากล่ะ”เจตเถียงกลับเบาๆ ส่วนตั้วก็ได้แต่หัวเราะแล้วก้มหน้าก้มตากินกันต่อไปจนทุกอย่างเกลี้ยงจาน เจตดูดน้ำในแก้วเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อพนังงานเดินมาทอนเงินทอน
เจตกับตั้วเดินไปด้วยกันในซอยทางเข้าหอ ระยะทางระหว่างหอกับที่ทำงานของทั้งคู่ไม่ได้ไกลมากนัก แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยพอที่จะเดินคนเดียวได้แบบชิวๆ เพราะเหตุนี้การเดินกลับพร้อมกัน หาอะไรกินแล้วก็เดินเข้าหอด้วยกันแบบนี้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเท่าไรนัก
“กินอมยิ้มอีกแล้วน่ะ...”ตั้วบ่นให้กับอีกคนที่หยิบอมยิ้มที่ซื้อมาใหม่ยัดเข้าปาก
“เดี๋ยวฟันก็ผุแบบคราวที่แล้ว แล้วก็ต้องลางานไปอุดอีกหรอก”เจตเหลือบมองหน้าคนข้างๆ
“เดี๋ยวแปรงฟัน...”คำตอบสั้นๆที่เป็นเอกลักษณ์ถูกตอบออกมา ตั้วหันมามองแล้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ
“งั้นแบ่งมากินอันนึง”ตั้วแบมือขอ คนถูกขอมองมือสลับกับหน้าของคนที่ขอก่อนจะดึงอมยิ้มออกมาจากปากตัวเอง
“มีอันเดียว...”อมยิ้มในมือของเจตถูกยื่นไปตรงหน้าของคนที่ขอคล้ายกับเป็นคำท้าทายว่าอีกฝ่ายจะกล้าพอที่จะกินของต่อจากเขาหรือเปล่า ตั้วเลิกคิ้วมอง ก่อนจะอมยิ้มแล้วอ้าปากอมอมยิ้มในมือของอีกฝ่ายเข้าปากอย่างไม่รังเกียจ ส่วนเจตก็รีบดึงมือกลับ ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า ‘กล้าเกินไปแล้ว’
“เจต มือพี่ยังว่างอยู่นะ”เจตหันไปตามเสียง แล้วก้มลงมองมือของอีกฝ่ายที่ยังยื่นมาอยู่ตรงหน้า
“ก็เอาอมยิ้มไปแล้ว...”
ตั้วส่ายหน้าก่อนจะมองลงที่ข้างตัวของอีกฝ่าย
“พี่ไม่ได้หมายถึงอมยิ้ม พี่หมายถึงอีกอย่างนึงต่างหาก...”
น่าเสียดายที่พนักงานในบริษัทในเคยล้อคนทั้งคู่เอาไว้ เพราะไม่ได้มาเห็นภาพบางอย่าง ไม่แน่ว่าถ้ามีใครมาเห็นเหตุการณ์ตอนนี้ กระแสข่าวลืออาจจะโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะภาพที่จะได้เห็นก็คือ...
ผู้ชายสองคนที่สะพายกระเป๋ากันคนละข้าง คนๆหนึ่งกำลังอมอมยิ้มพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ ในขณะที่อีกคนเอาแต่มองรอบตัว โดยที่ ‘มือข้างหนึ่งของทั้งสองคน กำลังเกาะกุมเอาไว้ด้วยกัน’ ในซอยเล็กๆที่จะไม่มีใครเข้ามาเห็นพวกเขาในช่วงเวลาแบบนี้นั้นเอง....
--------------------------------------------------------------------------------------
แอร๊ยยย!! จบไปอีกเรื่องแล้วกันซีรีย์มังกร นี่เอาคู่พี่รองมาก่อนเลย น้องๆรอไปก่อน ถ้าใครจำได้ ตอนที่แล้วบอกว่าเริ่มทำงานพิเศษแล้ว คือคู่นี้อิคนเขียนได้แรงบันดาลใจจากพี่ๆในออฟฟิศค่ะ :hao7: ทั้งฉากชวนไปกินข้าว ฉากขนมใส่ไส้ไส้ข้าวเหนียว(อันนี้คนอื่นแกล้งค่ะ แต่คนเขียนมโนเอา) แต่พี่เขากินจริงๆนะ จำได้ว่าฮากันทั้งแผนก ฉากอมยิ้มนี่ก็ด้วย แต่ว่าเรื่องจริงคงไม่มีใครอมต่อเนอะ... (ข้ามไปปปป) บ่นกับเพื่อนที่มาทำงานพร้อมกันนานมากแล้วว่าอยากเขียนคู่นี้ สุดท้ายก็เข็นมาลงได้จริงๆ พล็อตตอนนี้อยากได้เป็นอะไรที่เรียบๆ ไม่ต้องตื่นเต้น แต่แอบหวานอยู่ในที สุดท้ายเลยลงมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ
ส่วนคู่อื่นๆ... ก็รอพล็อตก่อนนะคะ... อีก8วันจะประกาศผลแอดแล้ว คนเขียนนี่ใจจะวายค่ะ ไม่รู้จะได้ที่ไหน (ฮา)
// ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่าาาาาาา :bye2: