พิมพ์หน้านี้ - T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Sirada_T ที่ 01-10-2012 01:16:35

หัวข้อ: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 01-10-2012 01:16:35
   ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สารบัญ


เนื้อหาเรื่องเดียวจบไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น
รักสองตระกูล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2145989#msg2145989)
... I wiil pray ... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2146360#msg2146360)
ก็แค่นางฟ้า... ของผม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2159000#msg2159000)
รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2315632#msg2315632)
รักสุดท้าย... คือนิรันดร์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2338060#msg2338060)
In Camera คุณครับ รักนะ... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2369725#msg2369725)
พี่เนียนน่ะผมรู้...  แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2506324#msg2506324)
พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2507018#msg2507018)
สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2509548#msg2509548)
สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ (ค้อนpart) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2678487#msg2678487)
Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2611507#msg2611507)
Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2614461#msg2614461)


ซีรีย์ คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!
คนแรกXสุดท้าย... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2147786#msg2147786)
คิมหันต์Xเหมันต์... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2147905#msg2147905)
เที่ยวXท่อง... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2153871#msg2153871)
ต้นน้ำXปักษา... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2154981#msg2154981)
เมฆาXน้ำฝน... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2156296#msg2156296)
คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2166307#msg2166307)
คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2167320#msg2167320)
คิมหันต์Xเหมันต์ พิเศ๊ษพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2170875#msg2170875)
คนแรกXสุดท้าย พิเศ๊ษพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2175082#msg2175082)


ชุด ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2147122#msg2147122)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (เมื่อคนบ้า แกล้งบ้า) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2149250#msg2149250)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (บ้าก็รัก(ว่ะ)ครับ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2500904#msg2500904)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (วันพ่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2561694#msg2561694)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (วันปีใหม่) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2582276#msg2582276)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (สงกรานต์ของคนบ้า) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2674052#msg2674052)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (สงกรานต์บานบุรี~) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg3024467#msg3024467)


เรื่องที่มีตัวละครเกี่ยวข้องกับ ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2160201#msg2160201)
เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2164592#msg2164592)
ลิตเติ้ลยุง  โอเค! มึงเป็นผัวกู! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2312048#msg2312048)


ซีรีย์ มังกรทั้ง9
囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2649877#msg2649877)
椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg2684483#msg2684483)
鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35007.msg3075135#msg3075135)



---------------------------------------------------

                                                                           
เรื่องที่1

รักสองตระกูล

         กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีเจ้าชายรูปงามอยู่สองคน  ทั้งคู่ต่างแอบชอบพอกันอยู่เงียบๆโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้  แม้ กาลเวลาจะล่วงเลยผ่าน ตลอดเวลาที่ทั้งคู่ต้องพบเจอหน้ากันก็มีแค่เพียงหัวข้อทางการเมืองเท่านั้นที่สนทนา  แต่ใครเลยจะล่วงรู้ว่าในจิตใจของทั้งสองพระองค์นั่นจะเจ็บปวดเพียงใดที่ไม่สามารถแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำว่ารักให้อีกฝ่ายรับรู้ได้  เพราะคำว่า “กลัว”  กลัวว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ได้  กลัวว่าอีกฝ่ายจะจากไป และกลัว... ว่าคำว่ารักคำนี้จะไม่อยู่ไปชั่วนิรันดร์... 
   
   ในนครแห่งมนตราเจ้าชายรูปงามได้แต่เนรมิตภาพฝันขึ้นมาดูต่างหน้า  และเพ้อรำพันอยู่ทุกวี่วัน  แต่ก็ไม่เคยมีครั้งใดที่จะทำใจกล้าบอกออกไปเสียที  จนแล้วจนรอดก็ได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่หน้ารูปที่สร้างสรรค์ขึ้นมา

   ในนครแห่งมายาเจ้าชายอีกองค์ก็ได้แต่เสกสรรร่างปลอมๆของเจ้าชายแห่งมนตราขึ้นมาเพียงเพื่อกล้าคำว่ารักที่ไม่กล้าบอกกับเจ้าชายมนตราจริงๆ  พระองค์ได้แต่ถอนหายใจอย่างอาวรณ์ที่ไม่สามารถพูดออกไปได้  ได้แต่นึกถึงหน้าเจ้าชายแห่งเมืองมนตรา  หากคราใดที่พระองค์กล่าวออกไป เมื่อนั่นทุกอย่างคงสิ้นสลายไป...

   เมืองแห่งมนตราดวงดาวแห่งรักจะขึ้นในตอนกลางวันพระองค์ก็ได้แต่กล่าวคำว่ารักผ่านให้ดวงดาวส่งต่อไป... 

   เมืองแห่งมายาดวงดาวแห่งรักจะขึ้นในยามค่ำคืน  พระองค์ได้แต่ทอดพระเนตรและกล่าวคำว่ารักส่งผ่านไปกับดวงดาวในทุกค่ำคืน...

   แม้จะผ่านไปนับห้าปี  ทั้งสองพระองค์ต่างรักกันอย่างที่ไม่มีใครรู้อยู่จนกระทั่งวันหนึ่ง...    เจ้าชายแห่งนครมนตราก็เสด็จประชวรลงเพราะโหยหาในความรักที่มิอาจเอื้อนเอ่ยได้... ทำให้เจ้าชายแห่งนครมายาก็ทรงประชวรลงตามกันเพราะได้ข่าวว่าเจ้าชายแห่งนครมนตราทรงประชวร

   ทั้งคู่ต่างรักกันอยู่เงียบๆ  แต่ก็มีนักกวีของเมืองผู้มีอารมณ์อ่อนไหวอยู่คนหนึ่ง เขาได้รับรู้เรื่องราวความรักของทั้งสองพระองค์และแต่งกวีขึ้นมาบทหนึ่ง...
   นับแต่พบสบเนตรเจ้ามนตรา      องค์มายาก็สบพบดวงใจ
แม้สองเมืองจะอยู่กันแสนไกล         แต่ก็ใกล้ดวงใจไม่ต่างกัน
   เจ้ามนตราไม่กล้าจะเอื้อนเอ่ย      มายาเอ๋ยโปรดเอ่ยสัญญามั่น
ว่าเรานี้จะรักกันชั่วนิรันดร์         มายานั้นไม่กล้าดังเช่นเคย
   ได้แต่ฝากดวงดาวกล่าวบอกรัก   ช่างยากนักหาคำมาเปรียบเปรย
ดั่งหยาดฝนกำลังจะเยาะเย้ย         รักเราเลยไร้หวังสมฤดี
   หากสวรรค์มีจริงข้าขอวอน      ให้ศรรักปักคู่กับชีวี
ให้มายาได้เอ่ยรักสักที            มนตรานี้รักเราไม่เสื่อมคลาย...

   แม้สุดท้ายแล้วความรักของทั้งคู่ก็ไม่สมดังที่คาดหวัง...  เจ้าชายแห่งมนตราสิ้นพระชนน์จากการแอบรักจนหมดหัวใจ  และในเวลาเพียงหนึ่งปีเจ้าชายแห่งเมืองมายาก็ตรองใจสิ้นประชนน์ตามไปอย่างกระชั้นชิดทำให้ทั้งสองเมืองเกิดความโศกเศร้า  เชื้อสายของทั้งสองพระองค์ที่เหลืออยู่ต่างเล่าขานเรื่องนี้ลงมาเรื่อยๆเพื่อหวังให้สักวัน  คนที่รักกัน... และเป็นเชื้อสายของทั้งสองเมืองนี้จะได้พบกันอีกสักครา...  และกล้าบอกรักกันสักที...

   นิทานจบลงแล้ว...  มันจบลงด้วยความไม่สมหวังในรัก...  แต่ในชีวิตจริง  ใครจะสมหวังในรักได้เสมอไป...  ทุกคนย่อมต้องผิดหวังในรัก...  แต่ถ้าเรามีความรัก... ลองบอกเขาสักครั้ง   ไม่ว่าเมื่อไร  รักก็คือสิ่งสวยงาม...


The  End…




“จบว่ะ  เศร้ามั๊ยมึง  นิทานประจำตระกูลกู”
เสียงหัวเราะขำๆของคนที่นั่งมองเพื่อนที่กำลังฟังนิทานที่ตนเล่าจนน้ำตาซึม

“ไอ้สัดนี่  กูกำลังซึ้งๆ  แสดงว่าทั้งคู่แอบรักกันจนตายเลยเหรอวะ”
คนที่นั่งฟังเอ่ยถาม  ก่อนที่คนเล่าจะพยักหน้าหงึกหงัก

“เออเด่ะ  แต่ที่กูสงสัยมานะ... ไอ้เมืองแห่งมายาเนี่ย...  มันมีจริงเหรอวะ  ขนาดสายตระกูลของกูครองเมืองมนตรามานี่กูยังไม่เชื่อเลยนะเนี่ย  เรื่องนี้เป็นร้อยปีได้แล้วมั้ง”
เสียงคนเล่าถามแบบเปรยๆขึ้นมา...

“มนตราแห่งข้าดวงใจ      รักสุดหทัย
องค์ชายแห่งเมืองมายา
หากมีโอกาสอีกครา      ขอวอนชีวา
กล่าวรักให้เจ้าได้ฟัง
ทั้งชีพข้าขอกล่าวรั้ง      รักเจ้าเปรียบดัง
ชีวาของข้าที่มี
หากมีโอกาสสักที      คำรักคำนี้   
ข้าวอนให้เจ้าได้ยิน”
เสียงท่องบทกลอนแปลกๆดังขึ้นมาให้คนที่เล่านิทานได้ฟัง

“เฮ้ย! มึงท่องกลอนอะไรวะ”
เสียงร้องตกใจก่อนที่คนที่นั่งน้ำตาซึมตอนแรกจะหันมาตอบ

“ความในใจของเจ้าชายแห่งมนตราที่มีต่อเจ้าชายแห่งเมืองมายาไง  ตระกูลกูก็มีกลอนบทนี้ส่งต่อมา  แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอสายตระกูลของมึงเหมือนกัน”
เสียงของทั้งคู่เงียบไปก่อนที่ใครสักคนจะพูดขึ้นมา

“มึงคิดว่าบรรพบุรุษของเราดลใจให้เรามาเจอกันรึเปล่าวะ”

“เพื่ออะไร”

“ทำสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ไง”
คนที่เอ่ยถามค่อยๆหันไปมองแล้วสบตากับอีกฝ่าย...  ถ้าพวกเขาเป็นผู้ชาย  ถึงจะไม่ใช่เจ้าชาย  แต่มันก็ผิด...

“กูไม่คิดหรอกนะ...  ว่ากูจะต้องรอให้มึงรักกูหรือให้กูคิดถึงมึง หรืออะไรก็แล้วแต่  ที่จริงต่อให้มึงไม่เล่านิทานเรื่องนี้...  กูก็คงบอกมึงในสักวัน”

“......”

“กูรักมึงนะ...  เจ้าชายแห่งมนตรา”
หยดน้ำตาที่ไหลออกมาถูกปาดทิ้งพร้อมกับอ้อมกอดที่อบอุ่น... 

“ไม่มีเจ้าชายแห่งมนตรา  ไม่มีเจ้าชายแห่งมายา   ตอนนี้ปีนี้ที่นี้  มีแค่มึงกับกู  มีแค่มึงรักกู และมีแค่กู... ที่รักมึง”เสียงหัวเราะที่เคล้าคลอไปด้วยหยดน้ำตาพร้อมๆกับวิญญาณเล็กๆที่ปลื้มปิติอยู่ภายใน 

   นิทานเรื่องสั้นๆที่ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นสู่รุ่น ไม่รู้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาแท้จริงแล้วมันเนินนานเท่าไร  แต่ในตอนนี้  นิทานเรื่องนั้นก็ถูกเติมเต็มด้วยความรักจากลูกหลานของตระกูล...   

   “ไม่ต้องรักกันชั่วนิรันดร์เหมือนนิยาย  ไม่ต้องหวานใส่กันเหมือนนิทาน  ไม่ต้องมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเหมือนละคร  แต่แค่รู้ว่ามีกันและกันอยู่ที่นี้...  ในหัวใจดวงนี้  แค่นี้ก็ไม่มีทางเสียใจเพราะแอบรักใครคนหนึ่งจนตายหรอก...”

   “แค่กูกับมึง  แค่มึงกับกู   และแค่เราสองคน...”


.THE END.

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบเรื่องสั้นเรื่องที่1ครับ  เรื่องที่สองคือ I  will  pay ครับผม... ว่างๆจะมาอัพต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่2-... I wiil pray ...
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 01-10-2012 12:46:35
                                                                               เรื่องที่2

                                                                          ... I wiil pray ...

‘ แกนี่มันอ่อนแอเป็นบ้าเลยว่ะ ไปตายซะไป!! ’

   เสียงจากเมื่อช่วงเย็นยังดังก้องใจหัวของเขา  เสียงของเพื่อนที่ ‘เคย’ สนิท ภาวนานั่งอยู่ในห้องของตัวเองที่ใหญ่โตเนื่องจากบ้านของเขามีฐานะดี พ่อกับแม่ของเขาทำบริษัทส่งออก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านเท่าไร  แต่ก่อนเขามักจะไปขลุกอยู่กับ
ที่หนึ่ง เพื่อนสนิทของเขา แต่ในตอนนี้ฐานะเขากับที่หนึ่งเปลี่ยนไปแล้ว จากเพื่อนสนิทกลายเป็น คนขี้แพ้กับผู้ชนะ  ภาวนานั่งมองดวงดาวที่ฉายแสงอยู่บนท้องฟ้า บ้านของเขาอยู่ชานเมืองที่แสงสว่างยังไม่มากเท่าไรนัก เนื่องจากเขามีโรคประจำตัวตั้งแต่เด็ก พ่อและแม่จึงอยากให้เขาอยู่ในที่ๆมีอากาศบริสุทธิ์  ภาวนามองดวงดาวได้ไม่ค่อยชัดเท่าไรเนื่องจากดวงตามันเอ่อล้นไปดูหยาดน้ำใสๆที่ไหลรินไม่ขาด  เขาตัดสินใจเดินไปยังที่นอนขนานคิงไซน์และล้มตัวลงนอน ในค่ำคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่ภาวนาหลับลงไปทั้งๆที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

‘ เราเจ็บนะหนึ่ง ทำไมหนึ่งต้องทำแบบนี้กับเราด้วย ’

ชายหนุ่มนั่งพิงรั้วไม้ดวงตาคมเข้มเงยหน้ามองขึ้นไปที่หน้าต่างห้องของบ้านหลังข้างๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนบ้าๆของเขาที่ดันขู่ว่าจะเอาเรื่องที่เขาแอบชอบเพื่อนสนิทไปแฉให้คนอื่นๆรู้ล่ะก็... เขาไม่มีทางทำอะไรให้คนที่อยู่บ้านข้างๆกันต้องเสียใจแน่  ที่หนึ่งนั่งเหม่อมองไปที่หน้าต่างบ้านหลังข้างๆ บ้านของ... ภาวนา  ที่หนึ่งรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าภาวนาไม่สบายหนัก  ตอนม.ต้นเขาก็คอยดูแลภาวนาอย่างดี แต่ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกของเพื่อนอย่างเขามันเริ่มแปรเปลี่ยนไป ภาวนาที่ตัวเล็กๆ ภาวนาที่คอยเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ภาวนาที่ยิ้มได้เสมอไม่ว่าจะเป็นตัวขนาดไหน ทุกอย่างอยู่ในสายตาของที่หนึ่ง  บ้านของเขาไม่ใหญ่เท่าบ้านของภาวนา แต่ฐานะก็ไม่ค่อยแตกต่างกัน ผิดแต่บ้านของเขามีพ่อแม่กลับบ้านมาตั้งแต่หัวค่ำ  ในขณะที่พ่อแม่ของภาวนากลับมาราวๆเที่ยงคืนตีหนึ่งแทบทุกวัน ที่หนึ่งลดตัวลงต่ำเมื่อเห็นใครอีกคนเกาะหน้าต่างและมองขึ้นไปบนฟ้า ดวงหน้าหวานมีหยดน้ำตาเกาะพร่าพราย เขาอยากจะเช็ดมันออกไปจริงๆ  ไม่นานภาวนาก็ผลุบหายกลับเขาไปในห้องและไฟในห้องนั้นก็ดับมืดลง  ที่หนึ่งเจ็บ... และเจ็บอีกหลายเท่าเมื่อคิดว่าคืนนี้ภาวนาก็คงจะต้องนอนร้องไห้เพราะเขาเป็นต้นเหตุ

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่มีแต่ลูกคนร่ำคนรวยมาเรียน  ภาวนานั่งบนอัฒจรรย์ริมสระน้ำ  มองนักกีฬาโรงเรียนที่ฝึกซ้อมอยู่  เพราะร่างกายที่อ่อนแอของเขาทำให้เขาไม่สามารถเล่นกีฬาอะไรได้ แม้แต่อยู่กลางแดดนานๆยังไม่ได้เลย  ดังนั้นเวลาเข้าแถวเขาจะได้รับสิทธิพิเศษให้อยู่บนห้องได้ในขณะที่เพื่อนๆได้ลงไปเข้าแถวด้านล่าง  ภาวนาหยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูก่อนจะเปิดเพลงช้าๆฟัง มันเป็นเพลงโปรดของเขา เสียงโหวกเหวกที่ดังอีกครั้งทำให้เขาต้องลืมตามอง คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ทำให้ภาวนารีบลุกขึ้นเตรียมเดินหนี
“เห็นหน้ากูแล้วต้องรีบหนีเลยเหรอวะ กูไม่ใช่ผีซะหน่อย ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคย  ทำให้ภาวนาก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตาคนพูด
“วันนี้กูไม่มีเงินเลยแฮะ มึงมีปะวะภาวนา”เสียงทุ้มนั้นดังอีกครั้ง ภาวนาหยิบกระเป๋าเงินและควักเงินทั้งหมดที่มีนั่นให้กับอีกคนก่อนจะสะบัดตัวแล้วเดินหนีไป...

ที่หนึ่งมองเงินในมือของตัวเอง เขาเอาเงินของภาวนามาแล้ว แล้วกลางวันภาวนาจะกินอะไรล่ะ  ในเมื่อเขาเห็นอยู่ชัดๆว่าภาวนาหยิบเงินออกจากกระเป๋าเงินจนเกลี้ยง  ทั้งๆที่เขาอยากจะมองหน้าภาวนาให้หายคิดถึง แต่เขาไม่รู้จะพูดยังไง เขาเลยขู่เอาเงินจากภาวนาเหมือนทุกๆวัน อยากจะให้ภาวนาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาบ้าง ร่างเล็กๆนั้นดูซูบผอมลงไปมากตั้งแต่ที่เขาไม่ได้อยู่ดูแล ที่หนึ่งกำเงินในมือจนยับยู่ ไม่ได้สนใจสักนิดว่ามันเป็นแบงค์อะไร  เขาปาเงินนั้นใส่เพื่อนๆที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เอาไปซื้อขนมซะ”เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินนำเพื่อนๆไปที่ห้อง  คงเป็นโชคดีของที่หนึ่งที่เพื่อนทุกคนมัวแต่สนใจเงินที่ได้มาฟรี จึงไม่มีใครเห็นแววตาที่เจ็บปวดของที่หนึ่งเลยสักคนเดียว
“ไอ้ที่หนึ่ง มึงนี่เจ๋งว่ะ ขอบใจที่เลี้ยงนะโว้ย”เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังขึ้นรอบตัวเขา ที่หนึ่งพยักหน้านิ่งๆไม่พูดอะไรมากมาย ในหัวเขาตอนนี้กำลังนึกถึงคนตัวเล็กที่เขาแย่งเงินมา ป่านนี้จะมีอะไรกินรึเปล่านะ ภาวนายิ่งอ่อนแออยู่ เกิดเป็นลมขึ้นมา เขาคงไม่มีหน้าไปเจอแน่ เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็หันไปพูดกับเพื่อนๆในกลุ่ม
“เดี๋ยวกูมา”สั้นๆง่ายๆ ก่อนที่ที่หนึ่งจะวิ่งไปที่โรงอาหาร เขายิ้มจางๆแล้วเดินไปหลบหลังห้อง รอคอยให้ใครบางคนเดินเข้ามา...

ภาวนาเดินลูบท้องเข้ามาในห้อง ท้องที่ร้องดังของเขายิ่งดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อไม่ได้ทานอะไรมาเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง  เขาตั้งใจจะนอนหลับเพื่อให้ความหิวนั้นบรรเทาลงไปบ้าง แต่แล้วดวงตาของเขาก็สบเข้ากับอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ มันเป็นขนมปังไส้ครีมที่เขาชอบพร้อมกับนมจืดหนึ่งกล่อง
‘ ภาวนา ’
ชื่อของเขาถูกแปะหราไว้บนกล่องนม ภาวนาพลิกกล่องนมไปมาเพื่อหาคำอื่นๆที่เผื่ออาจถูกเขียนไว้ แต่ก็ไม่พบอะไร เขามองไปรอบๆห้องก่อนจะนั่งลงและกินอาหารเหล่านั้นจนหมด เรียกรอยยิ้มจากใครบางคนที่แอบมองได้เป็นอย่างดี เมื่ออิ่มแล้ว ภาวนาก็ฟุบลงบนโต๊ะเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับใครบางคน

ที่หนึ่งเดินออกมาจากที่ซ่อน เขาลูบหัวของภาวนาเบาๆอย่างที่แต่ก่อนชอบทำ คนที่ฟุบหลับครางฮือ  ที่หนึ่งรีบจากมาก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาซะก่อน แค่เห็นภาวนากินอาหารที่เขาซื้อไปให้จนหมด หัวใจของเขาก็พองโตอย่างบอกไม่ถูก  ที่หนึ่งเดินกลับมาที่กลุ่มก่อนจะพบกับเหล่าลิงทโมนที่นั่งกินขนมและพูดคุยอย่างสนุกปาก
“ไง ที่หนึ่ง กลับมาแล้วเหรอ กูกำลังจะโทรไปเรียกมึงพอดี”ไอ้ต้นยกโทรศัพท์ที่ถูกกดค้างโชว์ขึ้นให้อีกฝ่ายดู  ที่หนึ่งโบกมือไปมา ก่อนจะนั่งลงที่เดิม  มองคนเดินผ่านไปมา ที่หนึ่งนั่งรอจนหมดเวลาพักเที่ยงก็เดินขึ้นไปเรียน เขาเผลอมองผ่านคนตัวเล็กที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ด้านหลังของภาวนา คือที่นั่งของเขา ที่หนึ่งเดินไปด้านหลัง หวังจะแกล้งอีกฝ่ายให้ตื่นมาเรียน เมื่อเขามองเห็นอาจารย์กำลังเดินเข้ามา คงไม่ดีแน่ถ้าภาวนาจะถูกดุเพราะเผลอหลับในเวลาเรียน
ปึก!
กระดาษหนึ่งก้อนถูกปาไปโดนไหล่ของคนด้านหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตื่น  ที่หนึ่งปากระดาษไปเรื่อยๆ แม้อาจารย์จะเริ่มเช็คชื่อนักเรียน ... ตื่นเร็วๆสิภาวนา เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ดุหรอก ...
กระดาษอีกสองสามก้อนถูกปาออกไป  ที่หนึ่งเริ่มเอะใจเมื่อคนที่นั่งด้านหน้าของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย ภาวนาเป็นคนที่ตื่นไว ข้อนี้เขารู้ดี  ที่หนึ่งเอื้อมมือไปจับแขนของอีกฝ่ายที่ตกอยู่ข้างลำตัวก่อนจะพบว่ามันเย็นเยียบ
“ภาวนา!!”ที่หนึ่งผุดลุกขึ้นจนอาจารย์ประจำวิชามองขึ้นมาอย่างสงสัย  เขาดึงคนตัวเล็กกว่าให้เงยหน้าขึ้นมา  ใบหน้าของภาวนาซีดจนแทบจะไม่มีเลือดฝาด  ที่หนึ่งทั้งเขย่าและตบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆหวังให้ภาวนาลืมตาขึ้นมามองเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเลย
“เรียกรถพยาบาลเร็ว”ที่หนึ่งหันไปตะโกนบอกเพื่อน แต่เมื่อไม่มีใครขยับเพราะยังอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หาย ที่หนึ่งก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“เร็วสิโว้ย!!!”เขาบอก และเมื่อเห็นเพื่อนคนหนึ่งในห้องควักโทรศัพท์ขึ้นมา เขาก็อุ้มภาวนาลงไปด้านล่างตึกทันที  ตัวของภาวนาเบาและซีดเซียวมาก  ยิ่งอุ้มที่หนึ่งก็ยิ่งใจหาย คนในอ้อมกอดเขาจะต้องไม่เป็นอะไร ต้องไม่เป็นอะไร โชคดีที่ร่างตรงหน้ายังมีลมหายใจแผ่วๆ ไม่งั้นเขาคงต้องบ้าไปมากกว่านี้แน่นอน
ไม่นานนักรถพยาบาลก็มาถึง  ที่หนึ่งรีบพาภาวนาขึ้นรถไปทันที  เขากุมมือของภาวนาเอาไว้แน่น
“ที่หนึ่ง... ที่หนึ่ง”ร่างบนเตียงเพ้อ หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท ภาวนาคงเจ็บปวดกับเรื่องอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเขา ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งเจ็บปวด ขอโทษนะภาวนา ขอโทษ
ร่างของภาวนาถูกเข็นเข้าห้องไอซียูทันที ที่หนึ่งโทรหาพ่อแม่ของอีกฝ่าย ไม่นานทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาล เพื่อนๆของภาวนาก็มารวมถึงกลุ่มเพื่อนของที่หนึ่งด้วย
“หนึ่ง มึงกลับเหอะว่ะ  มึงนั่งเป็นห่วงแบบนี้ ไอ้ภาวนามันก็ไม่ฟื้นหรอก”ต้นพูด  ที่หนึ่งเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตอบด้วยเสียงหนักแน่น
“กูไม่กลับ ถึงไอ้ภาวนาไม่ฟื้น กูก็ไม่กลับ”ที่หนึ่งยืนยัน จนเพื่อนบางคนในกลุ่มที่ไม่สนิทกับภาวนาเท่าไรถึงกับเอ่ยปากล้อเล่นขึ้นมา
“ตกลงมึงกับภาวนาเป็นผัวเมียกันเหรอวะ มึงถึงห่วงมันขนาดนั้น”คำพูดนั้นทำให้ทุกคนหันควับไปที่ต้นเหตุทันที รวมถึงที่หนึ่งก็ด้วย
“ถ้ามึงอยากรู้ มึงก็ลองที่คนที่มึงรักเป็นแบบไอ้ภาวนาสิ ถ้าปากมึงจะหมาขนาดนี้ก็ไปไกลๆตีนกู”ที่หนึ่งบอก ก่อนที่เพื่อนสองสามคนจะลากไอ้เพื่อนปากหมาคนนั้นออกไปให้พ้นหน้าของที่หนึ่งทันที  ไม่นานหมอก็ออกมาเรียกพ่อแม่ของภาวนาเข้าไปคุย แม้ที่หนึ่งอยากจะรู้มากแค่ไหน แต่เขาก็ได้แต่รอถามจากพ่อแม่ของภาวนาเท่านั้น  ไม่นานเกินไปพ่อแม่ของภาวนาก็เดินออกมาจากห้องของหมอด้วยน้ำตานองหน้า
“พ่อครับแม่ครับ ภาวนาเป็นยังไงบ้าง”ที่หนึ่งรีบถาม  พ่อของภาวนาเอ่ยตอบแทนมารดาที่น้ำตาไหลมากกว่าเดิม
“หมอบอกว่าเจ้าภาหัวใจมันไม่ค่อยดี ถ้าไม่มีใครบริจาคหัวใจให้มัน เจ้าภาก็คงอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน เพราะเจ้าภามันรั้นไม่ยอมเข้ารักษาแต่เนินๆ รอจนอาการมันลุกลาม ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว”พ่อของภาวนาตอบก่อนจะพยุงร่างมารดาของภาวนาไปนั่งพัก  ที่หนึ่งรู้สึกหูอื้ออย่างบอกไม่ถูก  สิ่งแรกที่ที่หนึ่งทำคือวิ่งเข้าไปพบแพทย์ที่รักษาภาวนาทันที  เมื่อได้คำตอบแล้ว เขาก็กลับไปพบพ่อกับแม่ที่เลิกงานและกำลังกลับบ้านเช่นกัน  คืนนั้นที่หนึ่งเลือกที่จะคุยอะไรบางอย่างกับพ่อแม่ แทนการเขียนจดหมาย เขาขอร้องบางสิ่งที่พ่อแม่ของที่หนึ่งไม่มีใครยอม  แม้ลูกของตนจะน้ำตาไหลมากเพียงใด  ที่หนึ่งไม่สามารถพูดอะไรได้อีก นอกจากกล่าวคำอำลากับบิดามารดาของตน และขึ้นไปบนห้อง เก็บตัวเงียบอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้าของอีกวัน

ภาวนาลุกขึ้นมองตัวเองที่ฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์  เขาควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน  ถ้าไม่มีหัวใจที่บริจาคเข้ามาเพื่อต่อชีวิตให้กับเขา ร่างกายของภาวนาแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนเขากลับไปเรียนได้อีกครั้ง  ตั้งแต่วันที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาก็ไม่เคยเห็นที่หนึ่งอีกเลย คนๆนั้นหายไปจากชีวิตเขาอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะในทางไหน  เมื่อถามเพื่อนของที่หนึ่ง พวกนั้นก็ให้คำตอบว่าที่หนึ่งหายไปเพื่อช่วยคนๆหนึ่ง  แม้จะไม่ได้รับคำตอบที่ดีมากนัก แต่ภาวนาก็ไม่เคยรู้สึกเหงาเลย เขารู้สึกเหมือนมีใครคอยอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลาและในวันเกิดครบรอบ18ปี ที่เขาได้พบกับความจริงอะไรบางอย่าง มันเป็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในเวลาเที่ยงคืนของวันเกิดเขา
‘ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะภาวนา  ที่หนึ่งอยากบอกว่าที่หนึ่งรักภาวนานะ ไม่ใช่แบบเพื่อน ที่หนึ่งคิดมากกว่านั้น ภาวนาอาจไม่ชอบ ที่หนึ่งขอโทษนะ ภาวนาคงไม่รู้ล่ะสิว่าที่หนึ่งหายไปไหน  ที่หนึ่งห้ามไม่ให้ใครบอกภาวนาเองแหละ แต่ภาวนา... ที่หนึ่งขอให้รู้ไว้เสมอนะ ว่าที่หนึ่งจะอยู่ข้างภาวนาตลอดไป ขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ... ’
ภาวนาน้ำตาไหลพรากเมื่อได้อ่านข้อความที่ส่งมา  ด้านล่างแนบไฟล์ภาพทะเลที่ภาวนาชอบที่สุด  เขาเก็บกระเป๋าเดินทางที่มีเสื้อผ้าเพียงสองสามชุด ก่อนจะมุ่งหน้าตรงสู่ทะเลอันเป็นที่รักของทั้งเขาและที่หนึ่ง  ภาวนามาถึงทะเลในเวลาเกือบๆ7โมงเช้า  เขาเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้เพราะอะไร แต่เขาอยากมาที่ทะเลแห่งนี้ เหมือนที่นี้มีอะไรรอเขาอยู่ ภาวนาเดินไปจนเกือบสุดหาดก่อนจะพบกับสุสานเล็กๆที่ถูกสร้างเอาไว้โดยมีดอกไม้ขึ้นปกคลุม  เหนือหลุมศพมีป้ายปักชื่อเอาไว้เล็กๆ แต่ก็ทำให้ภาวนาน้ำตาไหลได้อีกครั้ง
‘ นาย พิพัฒน์  เหล่าภัคดี ’
ชื่อของเขา ชื่อของ... ที่หนึ่ง...


-----------------------------------------------------------------------------------

เรื่องที่สองเศร้านิดๆ  เรื่องที่สามเตรียมพบกับความรั่วและบ้า ในเรื่อง ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟียฮับ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่2-... I wiil pray ...
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 01-10-2012 14:21:15
จะ จริงเหรอเนี่ย ใจร้าย!คุณคนแต่งใจร้ายมาก!จริงๆนะ!เราร้องไห้เลย!
ทำไมทำแบบนี้ล่ะที่หนึ่ง!ไม่เอาแบบนี้!!!ภาวนาจะทนได้ยังไง???ไม่เอาแบบนี้!!!
โหดร้ายเกินไปแล้วนะ!!!แง!!!

เรื่องแรก หวานซึ้ง เศร้าแบบขมๆ ชอบกลอนมาก มนตรามายา เคียงกันจนตราบสิ้นสลาย โรแมนติกสุดยอด!!!

พึ่งจะเห็นตอนทอร์คของเรื่องI will pray คุณแต่งเรื่องผมเป็นคนบ้าแต่เขาหาว่าผมเป็นลูกมาเฟียนี่นา!!!เราชอบเรื่องนั้น!!!เรื่องสั้นต่อไปจะเป็นตอนต่อเหรอคะ ดีใจจัง!!!!

ปล.ยังเศร้ากับที่หนึ่งอยู่ โหดร้าย!!!แต่ถ้าเป็นเรา เพื่อคนที่รักมาก เราก็ทำ...
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่3-ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 01-10-2012 22:23:17
                                                                          เรื่องที่3

                                                          ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย


        ผมบ้า… ใช่ครับ... ใครๆก็บอกว่าผมบ้า... อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้มั้ง... ไม่รู้สิ... ผมไม่สนใจสิ่งพวกนั้นหรอก  สำหรับผม แค่ไฟดวงเล็กๆและหนังสือสักเล่ม อะไรก็ได้ แค่นั้นก็พอใจแล้วสำหรับผม...  ยิ่งไอ้พวกคนชุดสีดำๆทมึนๆที่ชอบเดินตามผมอยู่เรื่อยมันทำให้ผมยิ่งรำคาญ  อย่าถามว่าทำไมผมไม่หนี ผมหนีมาเป็นสิบ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันตามผมเจอทุกครั้ง... ผมก็แค่คนบ้าเท่านั้นเอง
   “เฮ้ย... อย่ายุ่งกับมันเลยว่ะ  เขาว่ากันว่ามันเป็นบ้า... ไม่ยอมไปไหน นั่งอ่านแต่หนังสืออยู่แบบนี้มาตั้งหลายวันแล้ว”ผมเงยหน้ามองไอ้กลุ่มคนที่บอกว่าผมบ้า... อีกแล้วเหรอ  แต่สายตาผมกลับไปสะดุดใจกับคนในชุดสูทภูมิฐานที่ตัวใหญ่กว่าผมสักหน่อย... หล่อดีแฮะ...
   “พวกมึงกลับไปก่อนป่ะ... กูว่ากูอยากลองคุยกับคนบ้าดูสักตั้ง”ในความมืดที่มีแค่แสงโคมไฟจากตรงที่ผมนั่งอยู่ ผมบอกไปรึยังว่าบ้านตอนนี้ของผมคือข้างถนน
   “เอาจริงเหรอวะไอ้สัก... มึงนี้ท่าจะบ้าไปแล้วว่ะ”ตกลงคนๆนั้นเขาก็บ้าเหมือนผมเหรอ... ตลกชะมัดเลยแฮะ เป็นคนบ้า แต่ใส่สูทซะดูดีเชียว...
   “มึงเป็นคนบ้าเหรอ ชื่ออะไรวะ”ผมเงยหน้ามองเขางงๆ เขาถามชื่อผมเหรอ...
   “ถามผมเหรอ... ไม่รู้สิ ผมเป็นคนบ้า ไม่มีชื่อเหรอ”ผมตอบกลับเสียงเรียบแล้วก้มหน้าไปอ่านหนังสืออีกครั้ง ตัวหนังสือเบลอๆนิดๆ อาจเพราะสายตาผมสั้นลงล่ะมั้งเนี่ย
   “เออ... มึงนี่แปลกดีจัง กูชื่อสัก มึงมากับกูดีกว่า เดี๋ยวกูพาไปอยู่ด้วย”เขาฉุดลากผมให้ลุกขึ้นแล้วลากผมให้เดินไปที่รถของเขา... ผมมองแขนของผมที่โดนจับอยู่ สลับกับด้านหลังที่พวกชุดดำที่ตามมาเฝ้าผมหลายวันค่อยๆกรูกันเข้ามา...
   “กูรู้ล่ะ... ต่อไปนี้กูจะเรียนมึงว่าอิม... ตกลงนะ”สักพูดขึ้นระหว่างขับรถออกมา... ผมพยักหน้าให้เขาก่อนจะเพ่งตัวหนังสือที่เลือนรางเต็มที... สักวันคงต้องไปตัดแว่นแล้วล่ะ
   “เอานี้ ชุดของมึง ตัวพอๆกับกู มึงคงใส่ได้ใช่มั๊ยอิม”ผมคลี่เสื้อยืดเก่าๆของเขาออกมาดู มันก็พอจะใส่ได้อยู่หรอก... อย่างน้อยมันก็ดูดีกว่าชุดที่ผมใส่อยู่ตอนนี้...  ไม่นานผมก็เดินกลับออกมาจากในห้องน้ำ เห็นเขาป้วนเปี้ยนอยู่กับหลอดไฟที่เปิดไม่ติด...
   “อ้าว... เสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวกูไปอาบบ้างแล้วกัน...  ไฟมันไม่ติด... อยู่มืดๆไปก่อนแล้วกันนะ”เขาโยนไฟฉายมาให้ผม ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป  ผมขยับไฟฉายเปิดๆปิดๆ แล้วปีนเก้าอี้ที่สักเอามาตั้งไว้เพื่อซ่อมไฟ  ไม่นานนักสักก็เดินออกจากห้องน้ำ แล้วลองเดินไปเปิดไฟอีกครั้ง คราวนี้มันติดขึ้นมาทันที...
   “เออว่ะ ทิ้งไว้เฉยๆเสือกติด”สักหัวเราะขำๆก่อนจะเดินไปแต่งตัว... ผมก้มหน้าอ่านหนังสือก่อนจะเรียกชื่อสักเบาๆ
   “เอ่อ... สัก.... ขอ... ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ”ผมบอกแล้วเดินช้าๆไปเข้าห้องน้ำ... ไม่ไหว ตาผมแห้งมาก... ผมก้มหน้าทำอะไรสักพักก่อนจะเดินออกมา ถึงทางเดินจะมัวกว่าเดิมก็เถอะนะ...
   “คืนนี้มึงนอนที่พื้นได้มั๊ย... แล้วพรุ่งนี้เดี๋ยวกูหาผ้านวมมาปูเพิ่มให้”สักบอก ผมพยักหน้าแล้วขดตัวลงนอนบนพื้นไม้แข็งนั่นเอง

   “แกต้องทำ...”เสียงที่ดังก้องในห้องโถงใหญ่ทำให้ผมที่ยืนมองอยู่ถึงกับสะดุ้ง... ชายอีกคนส่ายหน้ารัวๆ 
   “ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่ทำ”
   “นั่นมันเรื่องของแก... ฉันตามใจแกมามากพอแล้ว ต่อไปแกต้องทำตามฉันบ้าง...”เสียงทรงอำนาจนั้นสั่งอีกครั้ง... ผมปิดหูไม่อยากรับรู้ แต่เสียงนั้นก็ดังเข้ามาไม่หยุด
   “ผมทำไมได้ ผมไม่ชอบมัน”
   “แกต้องทำ... ฉันสั่งให้แกทำ!!”ผมสะดุ้งขึ้นมากลางดึก... แอร์คอนดิชั่นยังทำงานส่งเสียงหึ่งๆ ส่วนคนบนเตียงก็กรนเบาๆ... ผมฝันร้ายอีกแล้ว  ผมเกลียดคนในฝันจริงๆ เกลียด... จนไม่รู้จะทำยังไงดี...

   “อิม... เดี๋ยวกูต้องไปเรียน อ่อ... มึงรู้จักมั๊ย มหาวิทยาลัยน่ะ กูอยู่ปีสาม... คณะแพทย์เชียวนะ  แล้วมึงล่ะ อิม... ได้เรียนอะไรบ้างมั๊ย”มันถามผม... ส่วนผมก็ไม่ใส่ใจที่จะตอบ ก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนที่สักหยิบมาจากห้องมันให้ผม...
   “มึงจะนั่งรอในมหาลัยก็ได้  อีกสามชั่วโมงก็ก็เลิกล่ะ แล้วเดี๋ยวกูพาไปหาซื้อชุดมาให้ โอเคป่ะ”ผมพยักหน้า... ไม่นานมันก็เลี้ยวรถเข้ามาถึงคณะแพทย์  ผมนั่งรอมันอยู่ตรงม้านั่ง  ก่อนจะถือโอกาสสำรวคณะข้างเคียง...
   “เข้าไม่ได้นะครับ จากนี้เป็นเขตของคณะวิศวะครับ”ผมหัวเราะกับเด็กในชุดนักศึกษา ที่ดูจากหน้าตาแล้วก็คงจะประมาณปีสอง...
   “ผม... อยากเข้าไปดูด้านใน”
   “เอ๊ะ!! ก็บอกว่าห้ามเข้าๆ ถึงมึงเข้าไปกูก็โดนจารย์เล่นสิวะ”ผมเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ที่ผมมักใช้เก็บของสำคัญๆแล้วหยิบให้พวกมันดู...
   “อ๊ะ... ขอโทษครับพี่  ผมไม่รู้ว่า...”ผมส่ายหน้าแล้วหัวเราะแห้งๆ
   “ผมเป็นคนบ้านะ... ใครๆก็ว่างั้นแหละ”ผมยิ้มแล้วเดินเข้าไปในคณะวิศวะช้าๆ  ต้นไม้หลายชนิดที่ปลูกไว้ก่อนเข้าตัวตึก  ด้านหน้าอาคาร...แปะภาพนักศึกษาคนหนึ่งไว้ใหญ่มากๆ ใจความใต้ภาพนั้นเขียนไว้ว่า
  ‘นายนัทพงศ์ อิศรเวช  เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมเครื่องกล เกรดเฉลี่ย 4.00’
ผมหัวเราะอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในตัวอาคาร...  นักศึกษาหลายคนมองผมงงๆ แต่อาจารย์บางคนกลับทำหน้าตกใจแล้วทำท่าจะเข้ามาทักผม  แต่ผมก็เลี่ยงออกมาก่อน โดนจับได้ว่าแอบเข้ามาคงไม่ดีเท่าไร... ผมสำรวจคณะนี้อยู่สักพักก็เดินกลับออกมา ผ่านเด็กปีสองพวกนั้นอีกครั้ง
   “เอ่อ... พี่ครับ ข่าวที่ว่านั่นน่ะ จริงหรือเปล่าครับ”เด็กพวกนั้นทำกล้าๆกลัวๆถามผม
   “ไม่รู้สิ ... ผมบ้านะ”ผมหันหลังกลับไปตอบแล้วเดินก้าวเท้ายาวๆอย่างสบายอารมณ์ไปที่ตึกคณะแพทย์ ที่จริงสองคณะนี่ก็ห่างพอควร แต่ผมคงเดินจนชินละมั้ง...
   “อ้าว... อิมไปไหนมาเนี่ย กูหาตั้งนาน เดี๋ยวนะ... ไม่รู้รถเป็นอะไร อยู่ดีๆก็สตารท์ไม่ติดซะงั้น”ผมเอื้อมมือไปจับแขนสักแล้วพูดเบาๆ
      “สัก... ผมหิวน้ำ...”สักมองเข้าไปในรถก่อนจะปาดเหงื่อเบาๆ
   “งั้นมึงนั่งรอก่อนแล้วกัน ในรถไม่มีน้ำ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”สักว่าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปทางตัวตึก  ผมเดินไปหมุนเครื่องยนต์อยู่สักแปป ก่อนจะออกมานั่งรอ  สักวิ่งกลับมาพร้อมโค้กสองแก้ว เขาส่งให้ผมก่อนจะกลับไปง่วนอยู่กับรถอีกครั้ง ผมเดินไปบนรถแล้วสตารท์เบาๆมันก็ติดขึ้นมาง่ายดาย
   “อ้าว... ติดแล้วเหรอ งั้นกลับกันเหอะอิม”สักเรียก ผมเดินไปนั่งข้างๆ ก่อนที่สักจะออกรถไป...

   ผมอยู่กับสักมาเกือบเดือน... คนบ้าอย่างผมก็นั่งอ่านหนังสือทุถกเรื่องที่มีในบ้านของสักหมด จนลามไปถึงห้องสมุดของมหาลัยของสัก  ถึงจะแปลกๆ แต่สักก็ยอมยืมมาให้ผม...
   “อิม... นี่เพื่อนกู ชื่อไม้ ไอ้ไม้นี่อิม... ที่กูเจอเมื่อตอนนั้นไง”ไม้เพื่อนสักยิ้มให้ผมก่อนจะนึกสักครู่
   “พี่นัท!!”ผมก้มหน้าสะดุ้งกับชื่อที่เรียกออกมา
   “ไอ้ไม้ มึงเป็นบ้าอะไรวะ มันชื่ออิม ไม่ใช่พี่นงพี่นัทอะไรของมึงสักหน่อย”สักว่า... ไม้ส่ายหน้ายิก ก่อนจะวิ่งไปหยิบหนังสือรุ่นเมื่อสองสามปีก่อนมาเปิดให้สักดู...
   “มึงดูนี้ไอ้สัก... พี่อิมที่มึงว่าน่ะ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เชียวนะเว้ย!”ไม้เปิดหนังสือเทียบหน้ากับภาพในหนังสือ ซึ่งผมก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ
   “ผมเป็นคนบ้านะ ใครๆก็ว่างั้น”ผมตอบเสียงเบา ก่อนที่สักจะพูดชื่อขึ้นมาลอยๆ
   “นายนัทพงศ์ อิศรเวช   เกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2532  รหัสนักศึกษา...”เขาอ่านจากหนังสือรุ่นแล้วมองหน้าผมอีกครั้ง...
   “กูว่า... มึงต้องมีเรื่องเคลียร์กับกูยาวแล้วว่ะอิม”สักไล่ไม้กลับไปแล้วมองหน้าผม...
   “กูขอความจริง!”ผมลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าตัวแรกที่ผมใส่ตอนที่มาอยู่กับสัก... เดินไปเปลี่ยนก่อนจะเดินกลับออกมา สักมองผมงงๆ ก่อนที่ผมจะส่งเสื้อผ้าทั้งหมดคืน
   “ขอบคุณที่ให้ที่ซุกหัวนอนมาหนึ่งเดือน แต่ว่า... คนบ้าไม่สมควรอยู่กับคนปกติหรอกนะ”ผมเดินออกมาก่อนจะเผชิญหน้ากับผู้ชายชุดสูทสีดำที่ยืนล้อมรอบตัวผม
   “ขออนุญาต นายท่านให้ผมพาตัวคุณกลับครับ”ผมหน้าซีดเตรียมหันหลังหนี แต่พวกมันก็กระชากแขนผมไพร่หลังแล้วล็อคขึ้นรถไป... ผมถูกมัดมือมัดปากไว้แน่น หวังว่ามันคงไม่พาผมไปฆ่าหรอกนะ...
   ครืด...
   ประตูรถเปิดออกช้าๆ พร้อมกับชายคนหนึ่งซึ่งดูว่าเป็นหัวหน้าของทุกคนในนี้เดินเข้ามาหาผม  ใบหน้าบึ้งตึงเขม่นหน้าผมก่อนจะเงื้อมือขึ้นช้าๆ ผมหลับตาด้วยความตกใจ... นี้จะฆ่ากันแล้วเรอะ ผมเป็ฯคนบ้า คนบ้าน่ะคนบ้าได้ยินมั๊ย...
   “อื้ออออ~!!”แรงบีบรัดทำให้ผมสะบัดตัวไปมา ชายคนนั้นหันไปตบลูกน้องที่นั่งในรถคนละทีแล้วเอ่ยสั่ง
   “ใครสั่งให้มึงมัดลูกกูแบบนี้... แก้มัดเดี๋ยวนี้!!”
   “ตระกูลอิศรเวชไม่ตกต่ำขนาดที่จะถูกจับมัดง่ายๆแบบนี้ ว่าแต่... หิวหรือเปล่า พ่อให้แม่บ้านทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย ไปกินกันดีกว่านะ”คนตัวใหญ่ทำท่าจะลากผมลงไปให้ได้ ใครจะไปลงตามเล่า... พอผมสะบัดตัวหนีได้ ผมก็ถลาวิ่งออกไปอีกทาง ร้อนหึคนที่ยืนคุมพื้นที่ต้องตามจับผมอีกครั้ง
    “ตามจับนัทให้ได้ ให้ตายสิไอ้ลูกนอกคอกนี้มัน...”คนเป็ฯพ่อได้แต่กุมขมับก่อนจะเหลือบไปเห็นอะไรแวบๆที่หางตา... ฝ่ามือหน้าจับและกระชากมันออกมาทันที!!
   “โอ๊ย!”เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมชะงักและพวกเขาก็จับผมได้  ผมถูกพากลับไปที่เดิมก่อนที่ใครคนหนึ่งจะถูกผลักออกมา
   “สัก”ผมอุทานด้วยความตกใจสักมองหน้าผมเหมือนจะหาคำตอบ  ผมสะบัดให้หลุดจากการจับกุมแล้วเดินไปพยุงสักขึ้นมา
   “เอาอุปกรณ์ทำแผลตามขึ้นไปให้ที่ห้องด้วย”ผมหันไปบอกใครสักคน ไม่รู้สิ เดี๋ยวคงมีแม่บ้านเอาขึ้นมาให้ละมั้ง ผมพยุงสักขึ้นไปที่ชั้นสอง ก่อนจะเดินประตูห้องๆหนึ่ง...
   “ห้องของมึงเหรอ ใหญ่ชะมัด”ผมเบ้ปากแล้วเปิดไฟก่อนจะฉุดให้สักนั่งลงบนเตียง... ชั้นหนังสือในห้องกินพื้นที่เกินครึ่ง... อีกฟากเป็นอาวุธต่างๆทั้งปืนผาหน้าไม้  ถัดจากนั้นก็เป็นเกียรติบัตรจำพวกเทควันโด้ คาราเต้ ไอคิโด้แล้วก็ใบอนุญาตพกปืนอย่างถูกกฏหมาย...  กองสุมๆกันเอาไว้  ผมเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดที่คิดว่าสักจะใส่ได้สักชุดหนึ่งมา ดูท่าคงจะล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย ชุดถึงได้เปรอะเปื้อนขนาดนี้ ยิ่งกว่าคนบ้าอย่างผมซะอีก
   “อิม... มึงเป็นใครกันแน่”สักถามเบาๆ  ผมถอนหายใจแล้วลูบหน้าตัวเองเบาๆ
   “เปลี่ยนชุด... แล้วเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”มันหยิบเสื้อผ้าไปก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ พักใหญ่ๆมันก็ออกมาพร้อมๆกับแม่บ้านที่เอาอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมาให้พอดี...
   “อย่าเพิ่งใส่เสื้อ มานี้ก่อน เดี๋ยวกูทำแผลให้”สักเดินมานั่งตามที่ผมบอก ก่อนที่ผมจะเริ่มลงมือทำแผลพร้อมๆกับเล่าเรื่องของตัวเองให้มันฟัง
   “จริงๆกูชื่อนัท นัทพงศ์ อิศรเวช ตามที่มึงรู้นั่นแหละ เกียรตินิยมอันดับ1วิศวะนั่นก็ใช่  แต่ที่มึงไม่รู้คือบ้านกูเป็นมาเฟีย... ตั้งแต่เด็ก กูถูกเลี้ยงให้เข้มแข็ง... กูยิงปืนเป็นตั้งแต่ก่อนคูณเลขเป็นด้วยซ้ำ”ผมหัวเราะขื่นๆก่อนจะเปลี่ยนจากสำลีชุบแอลกอฮอลล์มาเป็นยาแดง
   “กูทำตามที่พ่ออยากให้เป็น จนถึงตอนมหาลัยที่กูดื้อรั้นของพ่อจนได้เรียนวิศวะ กูทำให้พ่อเห็นว่ากูชอบเรียนสิ่งนี้ แต่มึงรู้มั๊ย พ่อกูบอกว่าอะไร... ‘ กูเป็นมาเฟีย วิศวะทุกอย่างที่กูชอบ พ่อแค่ให้กูเรียนแก้เบื่อ เรียนเอาวุฒิแค่นั้น ’  พอกูเรียนจบ... พ่อก็จะให้กูขึ้นตำแหน่งหัวหน้าแทน”ผมเก็บทุกอย่างเข้ากล่องก่อนจะเดินไปที่มุมห้อง หยิบปืนขึ้นมาและเล็งไปที่เป้ารูปคนซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง
   ปัง!!
   “แต่ระหว่างได้ทำงานที่ตัวเองชอบกับฆ่าคนใช้ชีวิตกร่างๆระวังตัวกลัวตายตลอดเวลา  กูขอเป็นคนธรรมดาที่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบดีกว่าว่ะ”รอยกระสุนทะลุที่หัวของเป้ากระดาษ 
   “มึงเลยทำตัวเป็นคนบ้าแล้วออกจากบ้านงั้นสิ”ผมพยักหน้าก่อนจะหัวเราะเบาๆ...
   “ตอนเด็ก กูเคยคิดว่าเป็นมาเฟียมันโคตรจะเท่ห์... แต่ไม่รู้สิ... กูคิดว่ามันไม่ใช่  กูชอบอ่านหนังสือ ชอบพวกเครื่องยนต์ ชอบที่จะเป็นคนธรรมดา...”สักเดินไปไล่ดูหนังสือในชั้นก่อนจะหยิบมาเปิดดู ผมเงียบไปสักพักก่อนที่สักจะพูดขึ้นมาลอยๆ
   “ถ้ามึงไม่อยากเป็น กูเป็นให้เอามั๊ย”
   “พ่อกูไม่มีทางยอมแหงๆ”ผมหัวเราะ พ่อผมเป็นไง ผมย่อมรู้ดี
   “ไม่ลองไม่รู้หรอก...”สักหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บหนังสือเข้าชั้นแล้วเดินลงไปข้างล่าง โต๊ะอาหารตัวใหญ่มีแค่พ่อผมคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะ สักเดินเข้าไปนั่งข้างๆก่อนจะยกมือไหว้
   “ลุงป๋องสวัสดีครับ...”ผมมองสักอย่างแปลกใจ เขารู้ชื่อพ่อผมได้ไงเนี่ย
   “ผมลูกพ่อเลิศไงครับ  ตอนเด็กๆผมแวะมาที่นี้บ่อยๆ แต่หลังจากที่พ่อเลิศย้ายไปเชียงใหม่ ผมเพิ่งย้ายกลับมาคนเดียวตอนเข้าปีหนึ่งเองน่ะครับ”พ่อหัวเราะแล้วพยักหน้า
   “เออๆ ลุงก็ว่าคุ้นๆหน้าเราอยู่... ที่แท้ก็เหมือนเจ้าเลิศนี้เอง... แล้วนี้เรียนที่ไหนล่ะ”แล้วพ่อผมกับสักก็คุยกันต่อไปอีกพักใหญ่ ทำไมผมจำไม่ได้นะ...
   “ลุงป๋องครับ  ผมอยากดูแลนัทครับ”
   “หืม... หมายความว่าไงน่ะเรา”พ่อผมพูดอีกครั้งทำเอาผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก  ไหนสักแค่บอกว่าจะดูแลแก๊งค์แทนผมไม่ใช่เรอะ... แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยวะ
   “ผมอยากดูแลแก๊งค์ของลุงป๋อง แล้วผมก็อยากดูแลนัทด้วยครับ”สักพูดย้ำอีกครั้ง  ผมได้แต่ก้มหน้าไว้อาลัยให้สัก  พ่อผมคงปล่อยให้สักรอดหรอกนะ...
   “ไอ้สัก!!”เสียงตะโกนลั่นก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุบโต๊ะดัง ปึง!!
   “พ่อ!! สักพูดเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”ผมถลาไปห้ามพ่อตัวเองที่เงื้อมือขึ้น ก่อนจะ... ลูบหลังสักแบบยินดี...
   “เออ... อันที่จริงลุงกับพ่อเลิศก็คิดๆอยู่ว่าจะให้ลูกพวกเราแต่งงานกัน โชคร้ายที่เป็นผู้ชายทั้งคู่... แต่ถ้าเรากล้ามาขอไอ้นัทกับลุง ลุงก็โอเค ไอ้นัทมันไม่อยากคุมแก๊งค์ลุงก็รู้ แต่ทำไงได้ ลุงมีลูกคนเดียว แต่ถ้าเป็นเรา ลุงก็พร้อมจะมอบแก๊งค์ให้ดูแลแน่นอน...”ผมอ้าปากค้าง... นี่พ่อผมกำลังพูดเหมือนจะยกผมให้พฃกับไอ้สักชัดๆ ผมเป็นผู้ชายนะครับพ่อเฮ้ย!

   หลังจากผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญมาได้เกือบสิบนาที ผมกับสักก็เดินขึ้นมาบนห้องๆเดิมก่อนที่ผมจะนอนแผ่หลานวดขมับตัวเองอยู่พักใหญ่
   “ไม่ต้องห่วงหรอก... กูพูดจริง กูจะดูแลมึงแน่ๆ”สักบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ
   “ตกลงมึงไม่ได้บ้าใช่มั๊ย”สักถามผมอีกครั้ง ผมหันไปมองก่อนจะเขกมะเหงกมันแรงๆ
   “กูบ้า... บ้าเพราะมึงนั่นแหละ”ผมหลับตคาลงก่อนจะได้รับสัมผัสเบาสๆที่แก้มทำเอาผมลืมตาโพล่งอีกครั้ง
   “งั้นกูก็บ้าเหมือนกัน บ้ารักมึงไง”สักพูดก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจทิ้งให้ผมนอนหน้าแดงอยู่บนเตียง
   “ไอ้สัด! ปีนเกลียวนะมึง”ผมตะโกนด่าตามหลังมันที่เดินเข้าห้องน้ำอีกครั้ง...
   
   ที่จริงถ้าเป็นคนอื่นผมคงยิงไส้ไหลไปแล้ว  แต๊ะอั๋งลูกมาเฟียแบบนี้ แถมผมก็ยังเป็นผู้ชาย  แต่ทำไงได้... ทั้งๆที่มันรู้ว่าผมบ้า มันยังกล้าเอาผมไปอยู่ด้วย ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้มัน มันก็ยังให้ผมอยู่กับมันมาหนึ่งเดือนเต็ม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เรียกร้องให้มันมาดูแล แต่มันกลับเสนอตัว... งั้นจะยกผลประโยชน์ที่มันแต๊ะอั๋งผมเมื่อกี้ให้หายๆกันไปแล้วกัน... แค่ครั้งเดียว ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆนะ...
   
   “อิม... ถึงมึงจะบ้า แต่กูก็รักคนบ้าแบบมึงนะ”

   เอาล่ะ... ผมว่า... ผมควรหยิบปืนแล้วไปยิงมันในห้องน้ำแล้วใช่มั๊ย ข้อหา... ทำลูกมาเฟียหน้าแดงแถมทำให้เขินเนี่ย  โทษหนักนะเฮ้ย!!
   
   “ถ้าออกมากูฆ่ามึงแน่!”
   “ข้อหาอะไรวะ”มันตะโกนถามออกมาจากในห้องน้ำ
   “ทำให้กูรักไงล่ะไอ้ควายยย!!”

---------------------------------------------------------------------------------

ง่า... อันนี้ผมเอาเรื่องที่เคยลงมารวมกันน่ะครับ  แต่ถ้าว่างๆจะเพิ่มตอนพิเศษบางอันให้  ยังมีซีรี่ย์ที่เคยลงไว้จะเอามาลงอีกที 
ตอนหน้าจะลงเป็นซีรีย์เรื่องแรกกับเรื่อง  คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ  ภาคคนแรกXสุดท้ายครับผม

บางเรื่องอาจไม่สนุกขึ้นอยู่กับอารมณ์คนแต่งนะครับ  แต่พอดีแต่งออกมาแล้วก็อยากให้อ่านกันบ้าง  ใครมีพล็อตแปลกอยากให้ลองแต่งเสนอมาได้นะครับ  ชอบแต่งทุกแนวอยู่แล้ว ฮาๆๆ ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่3-ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 01-10-2012 22:30:14
 :L1:
ชอบเรื่องนี้จริงๆ อยากอ่านตอนพิเศษของเรื่องนี้คะ :impress2:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่3-ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 02-10-2012 10:26:19
ชอบเรื่องนี้

แต่งเยอะๆนะคะ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่4-คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 02-10-2012 12:36:36
                                                                              เรื่องที่4                                             

                                                            คนแรกXสุดท้าย... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ


   หวัดดีครับ ผมชื่อสุดท้าย หยุดเลยนะ ห้ามขำ  ไม่งั้นผมโกรธจริงๆด้วย  พี่ผมชื่อชัยชนะ  ผมเลยชื่อสุดท้าย  ยังต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ไม่ตั้งชื่อผมว่าพ่ายแพ้ล่ะกันนะ   แม่ผมมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง ลูกเขาแก่กว่าผม 2 ปี  ชื่อคนแรก  ผมก็ไม่เข้าใจ ในเมื่อวันเป็นลูกคนเดียว แต่ดันชื่อคนแรก  ประหลาดสุดๆ  สำหรับผมแล้วผมสนิทกับพี่คนแรกมาก  ไม่รู้ตอนเด็กๆมันเล่นอะไรกับผม ผมถึงได้ติดมันมากขนาดนี้
   “พี่คนแรก  ผมไม่ผ่านวิชาอ่ะ”ผมเบ้ปากมาแต่ไกลเมื่อเห็นหัวของไอ้คุณพี่ที่รักยิ่ง  ผมอยู่ปีสองในมหาลัยแห่งหนึ่งครับ  กลุ่มของผมมีทั้งสิ้น 5 ตัว ประกอบด้วย ไอ้คุณชายเหมันต์ หล่อไปไหนวะ  ไอ้เที่ยว ไอ้ท่อง ไอ้เมฆและเจ้าต้นน้ำ  สำหรับไอ้เที่ยวและไอ้ท่อง  ตอนนี้มันตกล่องปล่องชิ้นเป็นแฟนกันไปเรียบร้อยแล้ว  กลุ่มผมรับได้ทั้งกลุ่มนะครับ  คือ... สำหรับผมแล้ว ผมเป็นไบอ่ะครับ เลยยอมรับได้ง่ายๆหน่อย  ส่วนเมฆกับต้นน้ำ มันยอมรับตั้งแต่แรกเลยว่ามันเป็นเกย์ทั้งคู่  เหลือแต่คุณเหมันต์ที่ยังนิ่งๆไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไรสักที
   “ไหน ไม่ผ่านตัวไหนครับ หืม”พี่คนแรกขยี้หัวผม  มันสูงกว่าผมอ่ะ อิจฉาชะมัด 
   “ก็วิชา... อ่ะ ตัวเดียว”ผมบอกครับ  ไอ้พี่คนแรกเห็นมันแบบนี้ แต่มันก็เรียนเก่งโคตรๆ  อิจฉามันอีกเรื่อง  ชิ!
   “อ่อ... วิชานี่เหรอ  ไม่ยากนี่ เดี๋ยวพี่เอาชีทเก่าไปให้แล้วเดี๋ยวติวให้นะ โอเคมั๊ย”พี่คนแรกยิ้มกว้างเปลี่ยนจากขยี้หัวผมเป็นโอบไหล่  ผมพยักหน้าหงึก พี่คนแรกเสนอตัวซะขนาดนี้ ไม่เอาก็บ้าแล้วครับ พี่คนแรกหันไปตะโกนใส่เพื่อนๆทั้งกลุ่ม
   “เฮ้ย เดี๋ยวกูพาน้องกลับก่อนนะพวกมึง”ผมตีเพี๊ยะเข้าที่ต้นแขนพี่คนแรกเต็มๆเลยครับ  ผมไม่ชอบให้มันพูดไม่เพราะอ่ะ  เวลาพูดเพราะๆมันหล่อมากเลย ผมชอบ อิอิ
   “โอ๊ย! พี่ขอโทษนะ  พอดีลืมตัวอ่ะ”พี่คนแรกลูบแขนๆป่อยๆ  ผมว่าผมตีไม่เจ็บนะ  ผมดันแขนมันออกแล้วถลกแขนเสื้อมันขึ้นดู โห! รอยแดงปื้ดเลยอ่ะครับ  ชักรู้สึกผิดแล้วดิ  ผมหันไปมองหน้าพี่คนแรกน้ำตาคลอ 
   “เฮ้ยๆ  ไม่ต้องร้องๆ  พี่ไม่เป็นไร  อย่าร้องนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงไอติม”พี่คนแรกเอาหน้าผมไปถูกับเสื้อนิสิตพี่เขา  หอมอ่ะครับ ผมชอบ  ไม่รู้ป้าผมเขาใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไร  ผมพยายามหามาใช้ แต่กลิ่นก็ไม่เหมือนแบบนี้สักที
   “เออ... เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ  พวกมึงลงให้กูด้วยแล้วกัน แต่ไม่เอาพี่ว๊ากนะ ปีที่แล้วแสบคอสัด ให้กูเป็นพี่ปลอบก็ได้”ผมเงยหน้ามองมันตาเขียวปั๊ด  ไอ้พี่คนแรกเลยเอามือยีๆผมของผมแล้วจูงมือพาผมกลับบ้านครับ  เอากะมันสิ น่ารักขนาดนี้ ใครจะโกรธได้ลง  ผมเลียไอติมรสช็อคชิพสุดโปรดของผม  อร่อยสุดๆ สวรรค์เลยครับ 
   “เอ้า! เลอะหมดแล้ว”พี่คนแรกเอาทิชชู่มาเช็ดปากผมซึ่งผมก็ทำปากจู๋ส่งให้ทันที
   จุ๊บ!
   “เฮ้ย!”ผมถอยกรูดทันทีที่พี่คนแรกก้มลงมาจูบปากผม  แม่ง... สะดุ้งเลยครับ  พี่คนแรกหัวเราะขำก่อนจะลากผมกลับไป 

   “เอ้า! ชีทของพี่ เดี๋ยวมาติวด้วยนะ”พี่คนแรกโยนชีทวิชาที่ผมไม่ผ่านใส่หัวผมจนกระจายเก็บแทบไม่ทัน  ผมหันไปยิ้มกว้างแล้วแกล้งงับหน้าแข้งพี่คนแรกเบาๆ
   “เฮ้ย! เจ็บ... สุดท้ายเป็นหมารึไง”พี่คนแรกบอกแล้วยิ้มขำก่อนจะเอามือมายีหัวผมเหมือนเดิม... ผมก้มลงไปเก็บชีทที่พี่คนแรกโยนทิ้งไว้มารวมเข้าด้วยกันก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะทรงญี่ปุ่น  แล้วชันเข่าขึ้นนั่งพิงกับเตียง
   “พี่คนแรก ยืนค้ำหัวเด็กมันไม่ดีนะพี่ นั่งดิ”เหมือนผมจะกวนนะครับ ผมก็กวนจริงๆแหละ พี่คนแรกดีดนิ้วเข้าที่หน้าผากผมก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม..
   “โอ๊ย! เจ็บน้า... พี่ไม่ร้อนเหรอ ชุดนิสิตโคตรร้อนเลยอ่ะ ผมไม่เห็นชอบ”ผมชวนพี่คนแรกคุยไปเรื่อยเปื่อยตามนิสัยครับ...
   “อ๋อ เราเลยใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวเนี่ยนะ  พี่ไม่เห็นมันจะร้อนเลย แอร์ห้องเราก็เปิดซะเย็น”ผมบุยปาก ก็คนมันขี้ร้อนนี้หน่า พอกลับมาถึงบ้านผมก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงบอล สบายสิครับ
   “ร้อน”
   “ไม่ร้อน”
   “ร้อน”
   “ไม่ร้อน ก็ไม่ร้อนสิ  ไม่เชื่อพี่บ้างหรือไง”พี่คนแรกเถียงกับผมก่อนจะทำเสียงดังเข้าข่ม
   “ก็ผมบอกว่าร้อนไง เนี่ย เหงื่อออกเต็มเลยเห็นมั๊ย”ผมถอดเสื้อกล้ามออกโชว์เหงื่อที่ไหลตามร่างกายผมครับ... เสียเวลาชะมัด  แต่ทำไม... พี่คนแรกต้องหลบตาผมด้วยฟ่ะเนี่ย
   “เออๆ ร้อนก็ร้อน ใส่เสื้อเหอะ ไปเอาเสื้อกับกางเกงตัวอื่นก็ดีนะ”พี่คนแรกบอกผมเสียงเบา เบาดีนักผมเลยแกล้งทำหูทวนลม ไม่ใส่เสื้อไม่เปลี่ยนอะไรเลยสักอย่าง แอร์ผมน่ะเปิดครับ แต่แค่ยี่สิบเจ็ดองศา มันยังไม่ทำให้ผมหายร้อนเท่าไรหรอก
   “สุดท้าย... พี่บอกให้ไปใส่เสื้อกับกางเกงตัวอื่น”พี่คนแรกพูดอีกที ผมก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินจนพี่เขาทนไม่ไหวลุกขึ้นกระชากแขนผมครับ
   “สุดท้าย!! พี่บอกให้เราไปใส่เสื้อ เดี๋ยวนี้!!”พี่คนแรกโกรธครับ ไม่รู้ว่าทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แค่ถอดเสื้อเนี่ยนะ เวลาเล่นบอลผมก็ถอดประจำ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
   “ไม่เอา ผมร้อนนี่หน่า อีกสักพักค่อยใส่ก็ได้  พี่คนแรกนั้นแหละ เป็นอะไร ทำไมต้องทำเหมือนโกรธผมมากขนาดนั้นด้วย ปกติผมก็ถอดเสื้อเล่นบอล ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไรเลยเหอะ”ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ  พี่คนแรกมองผมเหมือนโกรธอะไรมากๆ ก่อนจะลากแขนผมให้ก้าวข้ามโต๊ะที่กั้นระหว่างเราสองคนให้เข้ามาชิดกันมากกว่าเดิม
   “อยากรู้ใช่มั๊ยว่าทำไมพี่ถึงให้เราไปใส่เสื้อน่ะ”แล้วร่างของผมก็ถูกคว้าไปใกล้กับอีกฝ่าย ริมฝีปากหนักๆบดขยี้ลงมาบนริมฝีปากของผม
   “ไอ้เชี่ย... มึงทำอะไรวะพี่คนแรก”ผมถอยห่างแล้วถูปากตัวเองหนักๆ เมื่อกี้มัน... มันจูบผม
   “สุดท้าย... เอ่อ... พี่... พี่ขอโทษ”เสียงพี่คนแรกบอกเสียงอ่อย...
   “สัด... ขอโทษแล้วมันหายเหรอวะ”หมดแล้วครับ... ผมหันหลังวิ่งออกจากห้องทันที เสื้อเซ่อไม่หยิบหรอกครับ ช่างแม่ง...  ผมวิ่งไปอีกห้องหนึ่งก่อนจะนั่งพิงประตูห้อง
   “สุดท้าย... พี่ขอโทษ  สุดท้าย... ฟังพี่ก่อนสิ”เสียงทุบประตูรัวๆพร้อมกับเสียงอ้อนวอนให้ผมเปิดประตูดังขึ้นจนค่อยๆเงียบไปเอง พี่คนแรกคงทนไม่หมดจนกลับไปแล้วล่ะมั้ง
   “ฮึก... แม่ง... ไอ้พี่คนแรก  นั่นมันจูบแรกของผมนะ... ผมจะเก็บไว้ให้คนที่ผมรัก  พี่ไม่ได้รักผมสักหน่อย พี่มาจูบผมทำไม”ผมพึมพำเบาๆ... ใช่สิ... คนอย่างผมมันก็เป็นได้แค่น้องชายของพี่เท่านั้นนี้หน่า...
   “พี่คนแรก... ผมชอบพี่นะครับ”ผมเอามือแตะปากตัวเองเบาๆ  จูบที่ไม่ได้มาจากความรัก... ถึงมันจะเป็นจูบจากพี่คนแรก ผมก็ไม่ต้องการอยู่ดี
   ปึง!
   ประตูหนาถูกกระชากออกโดยฝีมือของคนที่ผมคิดว่ากลับไปแล้ว... พี่คนแรกดึงผมให้ลุกขึ้นก่อนจะปิดประตูแล้วลงกลอน...
   “พี่ขอโทษสุดท้าย...  พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่พี่เตือนสุดท้ายแล้วนะว่าให้ไปใส่เสื้อน่ะ”พี่คนแรกพูด  ผมเห็นคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีอยู่บนหน้าของพี่คนแรก
   “พอเถอะครับ... เรื่องมันผ่านไปแล้ว เมื่อกี้ผมคงตกใจนิดหน่อย”
   “ไม่สุดท้าย... วันนี้พี่จะพูดกับเราให้รู้เรื่อง...”แล้วพี่คนแรกก็จูบผมอีกครั้ง มันเป็นจูบที่ไม่ได้รุนแรง แต่อ่อนโยนจนผมเคลิ้มและเกือบหมดแรงเลยทีเดียว
   “คนแรก... รักสุดท้ายนะครับ”พี่คนแรกกระซิบข้างหูผมเบาๆ ทำเอาน้ำตาที่แห้งไปแล้วของผมไหลออกมาอีกครั้ง
   “สุดท้ายเป็นอะไร  พี่ขอโทษนะ... เราคงเกลียดพี่มากใช่มั๊ย”พี่คนแรกพูดเสียงสั่น ผมส่ายหน้า
   “ไม่ใช่ครับ ผม... ผมดีใจน่ะครับ พี่คนแรกบอกว่ารักผมใช่มั๊ย...”พี่คนแรกพยักหน้า  ก่อนที่ผมจะโผเข้ากอด
   “ผมก็รักพี่ครับพี่คนแรกของผม”เราสองคนผลัดกันเช็ดน้ำตาให้กันและกัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ...  เพราะต่างคนต่างไม่พูด... ก็เลยไม่เคยมีใครรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย
   “สุดท้าย... พี่สัญญา... พี่จะรักเราเป็นคนสุดท้าย จะไม่รักใครอีกแล้ว  เป็นแฟนกับพี่นะ”พี่คนแรกกระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ
   “ครับ... ผมสัญญา ผมจะรักพี่เป็นคนแรกและจะไม่รักใครอีกแล้วเหมือนกัน”ผมยิ้มให้พี่คนแรกก่อนจะซุกลงที่อกของพี่คนแรก

                                                   “เราจะรักกันเป็นคนแรกและคนสุดท้าย ตลอดไปนะ...”


--------------------------------------------------

จบเรื่องสั้นฉบับซีรีย์ชุดแรกนะครับ  ชุดต่อไปจะเป็นของ คิมหันต์Xเหมันต์ครับ  ฝากติดตามด้วยนะคร้าบบบ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่4-คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 02-10-2012 12:51:39
ชอบทั้ง 4 เรื่องเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่4-คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 02-10-2012 13:11:59
ซี๊ส!!!!โคตรน่ารัก คนแรก สุดท้าย โอ๊ย คิดชื่อมาได้ไงเนี่ย เทพคะ!
พี่คนแรกน่ารัก น้องสุดท้ายก็โมเอ๊ เป็นลม!
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่5-คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ คิมXเห (2/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 02-10-2012 14:41:56
                                                                          ตอนที่5

                                                                    คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ


         ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในมหาลัยด้วยท่าทีสบายๆ เรียกให้สาวๆหลายคนมองตามอย่างช่วยไม่ได้  ทำไมวะ แค่เขามารับน้องสายไปสี่ห้าชั่วโมงแค่นี้ ถึงกับต้องมองตามจนเหลียวหลังเลยเหรอ  คิมหันต์... ชื่อของร่างโปร่งที่ทำหน้าหงุดหงิด เมื่อเจอกับรุ่นพี่ว๊ากที่ยืนจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง 
   “บอกชื่อกับรหัสของน้องมา”เสียงพี่ว๊ากดังแสบรูตูด  ก็เมื่อเช้ามั่วแต่เล่นเกมเพลียนจนขี้เกียจมา แค่เนี้ยะ จะบ่นไปทำไมมากมายว้า~  หนุ่มคิมคิดในใจ แต่แสดงออกทางสีหน้าและท่าทางอย่างสุดกวน
   “ชื่อ... รหัส…”และยิ่งเพิ่มความกวนเข้าไปอีกเมื่อคิมหันต์แกล้งทวนคำถามโดยไม่สนใจตอบ  เรียกน้ำโหของพี่ว๊ากอย่างเต็มสตรีม
   “บอกชื่อกับรหัสของมึงมา  ใครเป็นพี่รหัสของมึงนี้คงต้องซวยด้วยแน่ๆว่ะ”ไอ้พี่ว๊ากมันพูดอย่างมีเล่ห์นัย  ผมเลยตอบสนองโดยการตะโกนใส่หูของไอ้พี่ว๊ากนั้นอย่างไม่เกรงใจใคร
   “ชื่อ คิมหันต์  รหัส บลาๆๆ”ผมถอยออกมาแล้วยกยิ้มกวนๆส่งไปอีกครั้ง  ไอ้พี่ว๊ากนั่นดูท่าจะพอใจมาก สงสัยมันคงเป็นไม่ซาดิสต์ก็มาโซแหง่มๆ
   “ใครเป็นพี่รหัสของมัน  กูสั่งให้มันพาไอ้เจ้านี้วิ่งรอบสนาม 50 รอบ ไม่ครบห้ามเลิก”พี่ว๊ากนั่นตะโกนดังลั่น  รุ่นพี่ทุกคนมองหน้ากันไปมาก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งตะโกนกลบ
   “รหัส บลาๆๆ ก็มึงนั่นแหละไอ้คุณเหมันต์”ผมหันไปตามเสียง  รุ่นพี่คนหนึ่งแน่นอนผมรู้จักมัน  ไอ้พี่ชายข้างบ้านสุดเลิฟ ที่ผมมีนิสัยกวนๆก็ได้จากมันมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์  ดูท่าไอ้พี่เหมง เหมันต์อะไรนี่จะเพิ่งนึกขึ้นได้กับคำสั่งที่ตัวเองสั่งไป เลยหันมามองผมอย่างแค้นๆอีกครั้ง แต่ผมก็ทำเพียงแค่ยักไหล่น้อยๆ สายตาเบนไปทางไอ้พี่เที่ยวที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเกือบตกโต๊ะม้าหินที่มันเสร่อปีนขึ้นไปนั่งยองๆอยู่บนนั้น
   “งั้นมึงมานี่  ไอ้เที่ยว ตอนกูไม่อยู่ถ้ามึงปล่อยให้น้องเขาเล่นกันล่ะก็ กลับมามึงเจอดีแน่”ว่าแล้วไอ้พี่เหมันต์ ก็ทำการลากผมไปที่สนามแล้วลากผมวิ่งทันที  แค่นี้ ไม่คณามือผมหรอก ฮาๆ ผู้อ่านคงสงสัยใช่มั๊ยครับว่าทำไม  เพราะผมเป็นนักวิ่งของโรงเรียนเก่ายังไงล่ะครับ  ยิ่งวิ่งระยะไกลยิ่งเป็นอะไรที่ผมแม่งโคตรถนัด  ไอ้พี่เที่ยวมันก็รู้ มันก็เลยหัวเราะก๊ากอย่างที่เห็น  ผ่านไป40รอบอย่างชิวๆ ผมยังวิ่งสบายๆต่างจากไอ้พี่เหมันต์ที่ไม่ถึงกับหอบ แค่หายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย
   “เหนื่อยก็พักนะพี่ ผมรู้ว่าพี่อายุมากแล้ว เรี่ยวแรงมันก็คงจะหดหายไปตามเวลา”ผมพูดแล้ววิ่งนำหน้ามันไปประมาณ 100 เมตร กันมันคึกแล้วถีบผมเอา ยังไงร่างของมันก็ใหญ่กว่าผมหลายเท่า  ดูยังไงก็เสียเปรียบแหง
   “ไอ้บ้า มึงอย่ามาปีนเกลียวรุ่นพี่นะเว้ย”มันด่าก่อนจะวิ่งขึ้นมาตีตื้นกับผม  ผมก็วิ่งหนีมันมันก็ยิ่งวิ่งตาม จนผมหันไปมองมันที่วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ  ประมาณภาพสโลว์โมชั่น  ผมเห็นมันสะดุดลมหรือก้อนหินหรือขา หรืออะไรก็ช่างแม่ง  แต่ตัวมันกำลังล้มลง และตวัดมือเกี่ยวขาผมให้ล้มตามลงไป  เอิ๊ก... ทำไมกูเห็นดาวลอยตอนกลางวันวะ
   “เฮ้ย... ไอ้ตัวเล็ก มึงเป็นไรเปล่าวะ”ไอ้พี่ว๊ากนั่นถลาเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นทันที  ผมก้มลงสำรวจตัวเองแล้วส่ายหน้า
   “ไม่อ่ะพี่ ไม่เป็นไร รีบวิ่งให้ครบๆเหอะ ขาดอีกสองรอบเอง”ผมกลับมาพูดปกติ กวนไม่ออกโว้ย มันก้มลงมาดูผมใกล้ๆ ถึงผมจะสูง แต่มันก็สูงกว่าผมอยู่หน่อย เปรตมาเกิดแท้ๆ ไอ้ควายเอ๊ย  ยิ่งมันก้มลงมาใกล้ๆ กลิ่นโคโลญจน์หอมๆ โอ๊ย... สติผมกำลังจะเตลิดไปไหนต่อไหน กูเป็นผู้ชาย กูชอบผู้หญิง  ผมนั่งท่องไอ้สองประโยคนี้ไปเรื่อยๆจนครบสองรอบ  ยังกะวิ่งเวียนเทียน... 
   หลังจากกลับมาที่บริเวณลานรับน้อง  ผมก็เห็นไอ้พี่เที่ยวกำลังว๊ากรุ่นน้องอย่างหนัก ดูก็รู้มันกะล่อน  ตอนวิ่งอยู่ผมก็หันมามอง มันม่อรุ่นน้องอยู่ชัดๆ  ไอ้พี่เหมันต์เดินไปตบหัวพี่เที่ยวดังป๊าบก่อนจะกลับมาว๊ากรุ่นน้องต่อ  ผมก็ลั้นล้าสิครับ ด่าไปเหอะ มันไม่เข้าหูผมหรอก  สั่งให้ทำอะไรผมก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง  จนกระทั่งจบการรับน้องละครับ
   “ไอ้คิม วันนี้ไปอยู่กับพี่นะ”ไอ้พี่เที่ยวครับ ตั้งแต่เช้าแม่งลากผมมาที่มหาลัย แถมเสือกไม่ปล่อยให้ผมเดินห่างจากมันสักก้าว  อะไรวะ พอถามมัน มันก็ตอบแต่ว่าเออหน่าๆ จนผมรำคาญเองล่ะครับ  ไม่นานไอ้พี่เที่ยวมันก็พาผมไปโต๊ะหินอ่อนที่เดิมกะที่แม่งปีนขึ้นไปนั่งยองๆตอนรับน้องครับ
   “โย่ว! พวกมึง  กูพาน้องกูมาแนะนำ”พี่เที่ยวมันตะโกนลั่นโต๊ะ จนเพื่อนๆทุกคนหันกลับมามอง  สัดผมเพิ่งเห็นครับว่าไอ้พี่ว๊ากเหมันต์ มันก็อยู่ด้วย แถมมันก็กำลังมองที่ผมเขม่งเลย
   “อ่อ... นี่น้องมึงเหรอ มิน่า... กล้ากวนตีนไอ้เชี่ยเห ตั้งแต่วันแรก  มาสาย กวนตีน ไม่สนใจโลก นิสัยแบบเดียวกับมึงตอนรับน้องเลยนะครับไอ้ห่าเที่ยว”เพื่อนของพี่เที่ยวพูด เออ... กูเข้าใจ กูก็เรียนรู้นิสัยเชี่ยๆมาจากมันเนี่ยล่ะ
   “สัด...  บอกซะครบเลย  เออ ไอ้คิม นี่เพื่อนพี่ อยู่ๆกับพวกมันก็ระวังไว้ด้วยล่ะ ไอ้พวกนี้
แม่งชอบเด็กผู้ชาย” ผมสะดุ้งโหย่งเลยครับ ถอยกรูดไปราวๆสามเมตรกว่า  ไอ้พี่เที่ยวหัวเราะก๊าก ผมเลยรู้ว่าหลงกลเข้าให้อีกแล้ว
   “ไอ้สัดพี่เที่ยว”ผมกัดฟันกรอด  มันกดตัวผมให้นั่งลงไป ก่อนจะบอกเพื่อนๆ รวมถึงไอ้พี่เหมันต์ด้วย
   “กูฝากไอ้เชี่ยนี่ด้วยล่ะกัน  น้องข้างบ้านกู ถ้าเจอมันโดนรุมตีนที่ไหนก็ช่วยๆมันหน่อย แค่ให้แม่งวิ่งหนีได้ก็พอ เพราะไอ้คิมมันเป็นนักวิ่งของโรงเรียนว่ะ ยิ่งวิ่งนานๆนี่ของโปรดมันเลยนะ”ไอ้พี่เที่ยวมันหันไปยักคิ้วให้พี่เหมันต์ที่เงยหน้าขึ้นมอง  กูไม่รู้ มึงไม่ถามกูเองนะ ฮาๆ 
   “อ่อ... ไอ้คิมมึงจะจีบใครในกลุ่มกูไม่ว่า แต่ห้ามจีบคนนี้ เพราะมันเป็นเมียกู”พี่เที่ยวเดินไปกอดคอคนร่างเล็กที่สุดในกลุ่มเอาไว้  ก่อนจะได้ศอกกระแทกมาเต็มๆ
   “เชี่ยเที่ยว  ถ้ามึงยังไม่หุบปาก มึงไม่ต้องยุ่งกะกูอีกสองอาทิตย์”พี่คนนั้นเงยหน้าขึ้นยิ้มเหี้ยม  ไอ้ผมก็รู้มานานล่ะครับว่าไอ้พี่เที่ยวมันเป็นเกย์  ก็มันเคยเปิดเทปชายชายมีไรกันให้ผมดูอ่ะ จำได้ว่าผมแทบจะปาโทรศัพท์บ้านมันทิ้ง นึกแล้วยังสยองไม่หาย
   “โธ่... ท่อง  เที่ยวขอโทษน้า  ก็อยากให้น้องมันรู้ไว้ มันจะได้ไม่มาจีบท่องอ่ะ”พี่เที่ยวกระง่องกระแง่งกะแฟนมันไป ส่วนผมก็หันไปหวัดดีพี่ๆในกลุ่ม 
   “ดีครับพี่ๆ  หวัดดีครับคุณพี่รหัสเหมันต์”ผมเน้นย้ำไปที่มัน ไอ้พี่เหมันต์เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม หล่อเชี่ยๆอ่ะครับ แม่งทำไมกูยิ้มไม่หล่อเหมือนมันบ้างวะ 
   “วันนี้เลี้ยงรับน้องรหัสไอ้ห่าเหละกัน ร้านเดิม เค๊”เสียงพี่ท่องดังขึ้น ผมหันไปมองหน้าพี่เหมันต์ก่อนจะสลับกะพี่ท่อง
   “เออ... หารจ่ายกันเอง กูจ่ายแค่น้องรหัสกู”เสียงโห่ดังจากคนในกลุ่มที่หวังกินของฟรี  ผมก็เฉยๆครับ ผมไม่จ่าย ไอ้พี่เที่ยวแม่งก็ต้องจ่ายให้ผม 

   ร้านอาหารกึ่งๆจะเป็นร้านเหล้าบริเวณชานเมือง เป็นสถานที่นัดของรุ่นพี่และผมครับ ไอ้พี่เที่ยวมันลากผมให้ออกจากบ้านตั้งแต่สี่โมงเย็น  ไม่รู้มันจะรีบไปไหน  จนถึงร้านละครับถึงได้รู้ว่าพี่คนอื่นๆมาถึงร้านกันหมดแล้ว  และที่สำคัญเหล้ามันพร่องไปเกือบขวดแล้ว จะแด๊กกันไวไปไหนวะ  ผมมองหน้าพี่เหที่นั่งอยู่ข้างๆผม ตรงหน้ามันมีแก้วเหล้าที่ผสมไว้น่าจะเข้มพอตัวดูจากสีแล้วก็นะ... พี่เที่ยวชงเหล้ามาให้ผม ไม่ค่อยเข้มมากหรอกครับ นานๆผมจะกระดกเหล้าสักที  ไม่ค่อยชอบครับ แต่ก็ไม่ถึงกับกินไม่ได้  ผมนั่งจิบไปเรื่อยๆ ที่ร้านก็เปิดเพลงฟังสบายๆ  จนเกือบห้าทุ่มล่ะครับ ผมก็เริ่มโงนเงนแล้ว เหล้าแค่สี่ห้าแก้วทำเอาผมตาปรือมองเห็นไอ้พี่เหมีสี่คนไปเรียบร้อยแล้ว
   “เพ่เที่ยวว~... คิมมาวแล้วน้า... เมื่อรายจากลับบบ”ผมอ้อนคนข้างๆ ไม่ได้รู้เลยว่าใครนั่งอยู่  ไอ้พี่เหนั่งมองผมซุกไซ้ต้นแขนมันแล้วยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวลูกแมวน้อยขี้อ้อน  หันไปมองเหล้าในมือ  ทั้งบๆที่กินเข้มกว่า แต่ดันเมาช้ากว่าคนกินอ่อนๆซะงั้น
   “ไอ้เห  มึงยังไม่เมาใช่ป่ะ งั้นมึงพาไอ้เชี่ยคิมกลับนะ กูจะไปต่อร้านอื่นกับคนอื่นต่อ แม่งเมาแล้วไม่เจียม”ไอ้พี่เที่ยวเรียกเช็คบิลก่อนจะลากเพื่อนๆเดินออกนอกร้านไป

   [hemun talk]
   ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ซุกอยู่ที่แขนผม  ไอ้เพื่อนบ้าพวกนั้นแม่งก็พากันเผ่นแนบไม่รับผิดชอบซะงั้น  ผมพยุงเจ้าคิมไปที่รถที่จอดอยู่ด้านหลัง โชคดีที่วันนี้เอารถของพ่อมาไม่งั้นเจ้านี่คงต้องซ้อมมอไซต์ผมกลับแหงๆ  ผมหันไปมองเจ้าตัวเล็กตอนที่รถติดไฟแดง  ไม่น่าเชื่อว่าหน้าหวานๆแบบเจ้านี่จะกวนประสาทได้มากขนาดนั้น ทำเอาตอนรับน้องผมแทบจะประสาทไปเลยทีเดียว  แต่ก็นะ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกะไอ้เที่ยว กวนพอๆกันเลย 
   “ไอ้พี่เหมันต์  เอิ๊ก... ชอบกลิ่นน้ำหอมมึงจางเลย โคโลจญน์เพ่ก็โคตรหอมเลยรู้ป่าว... เอิ๊ก”ร่างบางข้างๆตัวผมพึมพำ  มันพล่ามบ้าไรของมันวะ  ผมไม่ได้ใส่น้ำหอมนะ ไม่ได้ใส่อะไรเลยสักอย่าง สาเหตุง่ายๆผมแพ้ครับ ดังนั้นผมไม่เคยใช้ไอ้ของทุกอย่างที่เจ้าบ้านี่พล่ามมาสักอย่าง
   “จะกลับบ้านได้เหรอเนี่ย”ผมมองคนตัวเล็กที่เมาไม่ได้สติ  บ้านมันอยู่ข้างๆบ้านไอ้เที่ยว ผมรู้แต่บ้านไอ้เที่ยวแล้วบ้านมันอยู่ไหนล่ะ  ผมขับวนๆอยู่สองรอบก่อนจะออกตัว  ไปคอนโดผมล่ะกัน เมาแบบนี้คงจะไม่ลุกขึ้นมาด่าผมหรอกนะ
   
   เมื่อกลับถึงคอนโดผม ผมก็ลากไอ้ตัวเล็กนี่ขึ้นไปบนห้อง โชคดีที่มันไปอ้วกนะ ไม่งั้นผมได้ทิ้งมันไว้กลางทางแน่ๆ  ไอ้คิมหันต์มันตัวเล็กแล้วก็เบามาก ถึงตัวจะสูงก็เหอะ แต่มันก็ผอมจนดูตัวเล็กไปเลย  ผมโยนมันลงเตียง ง่วงก็ง่วง ผมหันไปเปิดแอร์ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ มึงเน่ากูก็เน่าละวะ ไอ้ตัวเล็ก  นอนไปไม่ถึงสิบนาทีครับ  ผมก็รู้สึกถึงมือเล็กๆที่ป่วนเปี้ยวอยู่แถวๆเป้ากางเกงผม  ผีหลอกกูเหรอวะเนี่ย ผมลืมตาโพล่งแล้วก้มลงดู  มือไอ้เชี่ยคิมครับ เต็มๆเลย มันจับเจ้าเหน้อยของผมชักขึ้นชักลง  ตัวมันก็ปีนขึ้นมานั่งบนตัวผม  เสื้อกับกางเกงมันปลิวหายไปกับอากาศเรียบร้อยครับ  เหลือแต่ผมที่ยังมีเสื้อติดอยู่บนตัว  ไอ้คิมหัวเราะคิกก่อนจะผละมือออกแล้วก้มลงเลียอกผม เสียวสิครับ  ผมดันตัวมันออกแต่ก็ถูกปัดมือทิ้งแล้วก้มลงมาเลียอีก ดูท่ามันจะถูกใจไม่น้อย  ตอนนี้ไอ้เจ้าเหน้อยมันก็คงจะไม่น้อยตามชื่อแล้วครับ  เอาไงเอากันวะ รุกผมซะขนาดนี้  ผมพลิกตัวคิมให้ลงไปอยู่ใต้ร่างผมก่อนที่ผมจะก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ตัวของคิมหอมและก็นิ่มมากด้วยครับ  เจ้าตัวเล็กที่ยังเมาไม่หายหัวเราะคิก  แล้วตัดขาเกี่ยวเอวผมเอาเจ้าคิมน้อยมาถูไถกับท้องน้อยผมจนเป็นเรื่อง  ผมเอื้อมมือลงไปชักมันเบาๆ  ก่อนจะไต่ริมฝีปากต่ำลงไปเรื่อยๆ จนอมส่วนของคิมหันต์เข้าไปได้มิด 
   “อือ...”เสียงครางฮือทำเอาผมสติแทบแตก  นิ้วชี้ถูกส่งเข้าไปสำรวจยังเบื้องหลังของคิมหันต์  เจ้าตัวเล็กสะดุ้งเฮือกทันทีที่ผมสอดเข้าไป  ด้านหลังของเจ้านี่บีดรัดผมจนเกือบคุมสติไม่อยู่  ผมรีบอมให้น้ำของเจ้านี่แตกโดยเร็ว ไม่นานน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลักออกมา  ผมปล่อยให้มันไหล่ไปยังเบื้องหลังก่อนจะปาดมันเข้าไปในช่องทางสีสด
   “ง่า... จาทำอาราย งือ... อือ”เสียงของคิมหันต์ที่เอามือปัดป่ายมั่วซั่วด้านหลัง  ผมคว้าสองมือนั้นให้เกาะไหล่ผมไว้ ก่อนจะถอดนิ้วทั้งสามนั้นออกมาและแทนที่ด้วยเจ้าเหน้อยที่ตอนนี้กลายเป็นมังกรไปแล้ว
    “โอ๊ย~”คิมหันต์ร้องเสียงดัง ผวาตัวขึ้นโอบกอดผมทันที  ผมอยู่นิ่งๆรอให้ด้านหลังนั้นขยับขยายตัวพอเข้าที่เข้าทาง แล้วผมก็ค่อยๆขยับตัวช้าๆสลับกับรัวเร็ว เรียกเสียงครางจากคนเมาได้เป็นอย่างดี 
   “ไอ้พี่ว๊ากบ้า... อือ... เสียวจางเลยย”เสียงคนตัวเล็กครางกระเส่า  ผมกระแทกตัวรัวอีกสองสามทีก่อนจะรู้สึกถึงแรงบีบรัดจากด้านหลังทำเอาผมปลดปล่อยออกมา พร้อมๆกับน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาเปื้อนหน้าท้องของผม  ผมค่อยๆถอนตัวออก น้ำของผมไหลออกมาพร้อมๆกับเลือดสีแดง ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำแรงแน่นอน แสดงว่าเจ้านี่คงจะเวอร์จิ้น พรุ่งนี้คงได้หาเรื่องโวยวายแหงม  แต่ทำไมนะ เมื่อกี้ผมถึงมองว่าเจ้าคนตรงหน้าผมนี้น่ารักมาก  หรือผมจะหลงรักคนตรงหน้านี่ไปแล้วนะ...

   [kimkun talk]
   ผมตื่นขึ้นมาพร้อมความระบบเบื้องล่าง ทำไมมันเจ็บๆวะ  ผมเปิดผ้าห่มดู เอ... มือใครมันพาดผมอยู่วะ  สงสัยจะมือไอ้พี่เที่ยว ปกติมันชอบนอนกะผมอยู่แล้วเวลาเมาๆ  แต่เสื้อผ้าผมล่ะ  ไหนจะกองเลือดเป็นหย่อมๆอีกผมดึงผ้าห่มออกเตรียมด่าอีกฝ่าย แต่คนตรงหน้าทำเอาผมอึ้งค้างไปสามวิ ก่อนจะได้สติและตะโกนว่า...
   “ไอ้พี่เห  มึงทำอะไรกู๊~!!!”ผมน้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงที่มาของกองเลือด  คงไม่ใช่ผมไปหกล้มหัวฟาดที่ไหนหรอกหน่า  เลือดแม่งถึงไหลตรงหว่าขาน่ะ ไหนจะไอ้น้ำเหนียวๆบนตัวผมอีก  ผมไม่ได้โงถึงขนาดจะดูไม่ออก ปี1นะ ไม่ใช่ป.1 
   “อือ... เจ็บเหรอ ขอโทษนะ เมื่อคืนพี่ห้ามตัวเองไม่อยู่อ่ะ”ยิ่งมันพูดน้ำตาผมก็ยิ่งไหล สัด ผมเป็นผู้ชายนะครับ  เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีเลยนะ
   “พี่รักคิมหันต์นะ  ขอโทษที่วู่วาม ก็เมื่อคืนคิมยั่วพี่ก่อนจริงๆนี่หน่า”ไอ้พี่เหมันดึงตัวผมเข้าไปกอด  น้ำตาผมไหลมากกว่าเดิมอีก  พูดไม่ออกครับ ไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้มึนไปหมดแล้วครับ
   “ขอโทษนะ พี่รู้ว่าคิมไม่ชอบพี่หรอก  แต่พี่จะทำให้คิมชอบพี่ให้ได้ อย่างโกรธเลยนะ  ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะคนดี”ไอ้พี่เหมันเช็ดน้ำตาให้ผมครับ ผมก็นั่งนิ่งปล่อยให้มันทำอะไรไปตามใจ
   “ผม... ไม่รู้จะพูดอะไรดี”
   “คิมไม่ต้องพูดหรอกนะ  พี่ขอโทษ พี่จะรับผิดชอบทุกอย่างนะ  เป็นแฟนกับพี่ได้ไหมคนดี”ไอ้พี่เหพูดกับผมน้ำเสียงของเขานุ่มและชวนฟังมากๆ
   “ไม่... ไม่เอา ไม่เป็นแฟนพี่”ผมส่ายหน้า  พี่เหมันต์ดึงผมไปสบตาก่อนจะกอดผมอีกครั้ง แล้วลูบหัวผมเบาๆ
   “ไม่เป็นไร  ไม่ต้องพูดอะไรนะ  เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำดีกว่า  เดี๋ยวพี่จะทำอะไรให้กินนะ”ไอ้พี่เหมันต์อุ้มผมไปเข้าห้องน้ำก่อนจะทำความสะอาดให้ผมที่แทบจะยืนไปอยู่  พาออกมาเช็ดตัวแต่งตัวให้ทุกอย่างแล้วให้ผมไปนั่งรอที่โซฟา  ไม่นานโจ๊กร้อนๆก็มาเสิร์ฟถึงที่
   “ทานก่อนนะ  แล้วเดี๋ยวไปนอนพัก  ถ้ามีไข้ขึ้นมาคงแย่”ผมทานโจ๊กได้ห้าหกคำก็ต้องวาง สงสัยผมจะมีไข้จริงๆอย่างที่มันว่า  พี่เหเห็นผมไม่กินแล้วก็ย้ายโจ๊กไปวางไว้ข้างๆ ดันผมให้นอนลงแล้วหยิบผ้าห่มมาห่มให้ผม
   “นอนซะนะคนดี  พี่เหมันต์รักน้องคิมหันต์นะครับ”เสียงนั้นดังขึ้นเบาๆที่ข้างหูผมก่อนที่ริมฝีปากนุ่มๆจะสัมผัสลงเบาๆที่ข้างแก้มผม  พี่เหมันต์หยิบชามโจ๊กเข้าไปในครัว  ไม่แน่ว่าบางที... ผมอาจจะรู้สึกชอบพี่รหัสของตัวเอง หรือพี่ว๊ากที่ผมกล้ามีเรื่องตั้งแต่วันแรก  ตอนนี้ผมแค่ชอบ  แต่ผมจะรอสักวัน... ที่ฤดูร้อนอย่างเขาจะทำให้ฤดูหนาวอย่างผมได้รู้จักความอบอุ่นจากความรักบ้าง  วันที่ผมจะบอกว่าผมรักพี่เหมันต์ได้...  มันคงจะอีกไม่นานหรอก  มันอยู่ที่ว่าพี่รหัสของผมคนนี้จะมีความอดทนมากถึงวันนั้นรึเปล่าล่ะ...
   “พี่รักคิมหันต์นะครับ”เสียงนั้นกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนที่เขาจะนั่งลงที่โซฟาเยื้องๆกับตัวที่ผมกำลังนอนอยู่
   ‘ ผมชอบพี่ครับ พี่เหมันต์ ’

                                                                               [จบ]
 
-----------------------------------------------------------------------------------------

แอบสังเกตุว่ามีตอนพิเศษเกือบจะทุกเรื่อง  ตอนต่อไปขอลงตอนพิเศษของผมเป็นคนบ้าก่อน แล้วจะมาลงซีรีย์เรื่องนี้ต่อนะครับ^^  (ผมลงเร็วไปมั๊ยเนี่ย)
หัวข้อ: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่6(พิเศษ)-ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(3/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 03-10-2012 15:11:05
                                                              เรื่องที่6 (พิเศษจากผมเป็นคนบ้าฯ)

                                                                  เมื่อคนบ้า... แกล้งบ้า


   ผมนัทครับ...  คิดว่าพวกคุณคงรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร  แต่ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นใคร ใช่ครับผมบ้า...  อย่าคิดเลยเชียวว่าหลังจากที่ผมกลับไปอยู่กับแก๊งค์และเด็กนั่นแล้วผมจะยอมกลับเป็นคนปกติ  ไม่มีทางซะล่ะ  เป็นคนบ้าสนุกกว่าเยอะเลย   ดังนั้น  วันนี้ผมจะแอบหนีออกไปเป็นคนบ้าอีกครั้งหลังจากถูกสักลากกลับมาเป็นครั้งที่87  อย่าได้แคร์ครับ  ผมเป็นคนบ้าไม่สนใจตัวเลขพวกนี้หรอก
   ผมมองซ้ายมองขวา  โอเคทางสะดวก  ไอ้สักคงไปเรียน งั้นวันนี้ผมไปนอนใต้สะพานลอยสักทีคงจะดี  อ่า... เกือบลืมหนังสือเล่มใหม่ไปซะแล้ว ไม่งั้นวันนี้ไม่มีอะไรอ่านแน่เลย
   “คุณนัทครับ”ผมสะดุ้งโหย่ง  ลูกน้องในแก๊งค์ที่เดินเข้ามาเห็นผมพอดีทักซะผมตกอกตกใจนึกว่าเจ้านั่นจับได้ซะแล้ว
   “ชู่ว์ๆ  เดี๋ยวฉันจะไปข้างนอก  ว่าจะทำเซอร์ไพรส์สักหน่อย  อย่าบอกสักนะ”ว่าแล้วก็รีบเผ่นหาย  อยู่ทำไมล่ะครับ  ไม่ถึงห้านาทีผมก็พาตัวเองออกมายืนนอกคฤหาสน์ได้แล้ว  แน่นอนว่าเสื้อผ้าแต่ละตัวราคาแพงๆทั้งนั้น  ใครจะใส่ให้โง่ล่ะ  ผมถอดเปลี่ยนกับชุดเก่าๆขาดๆที่โดนสักขโมยไปทิ้งหลายสิบรอบ แต่ผมก็แอบเอามาอีกจนได้  เอาล่ะ! ที่นี้ผมก็พร้อมจะเป็นคนบ้าอีกครั้งแล้ว...


   “ฮาๆๆ  เออ  แม่ง  ไอ้พวกนั่นมันอ่อนว่ะ โดนไม่กี่ทีก็หัวหดหมดแล้ว”ผมเดินผ่านคนกลุ่มหนึ่ง
   “เฮ้ย มึง คนบ้าว่ะ”ผมได้ยินเสียงพวกมันกระซิบกัน  อ่า...เหมือนพวกมันจะเมานะ...  ดูท่าไม่ดีซะแล้ว  เผ่นดีกว่า  ผมแกล้งทำเป็นเดินต่อไปโดยไม่สนพวกมัน  กระโดดเหมือนอยู่ในโลกของความฝันและหัวเราะกับถังขยะสีเขียว  แหม... โลกนี้ช่างน่าอยู่...
   “เฮ้ย!!”ผมเซถอยกลับตามแรงกระชากที่คอเสื้อจนเสื้อผมขาดดังแควก! แล้วคืนนี้ผมจะใส่อะไรน๊อนนนน...
   “แม่ง  ผิวสวยว่ะ”มันมองผมด้วยสายตายังไงดีล่ะ  มันคล้ายๆตอนสักมองผม  แต่พวกนี้ดูไม่น่าไว้ใจกว่าเยอะเลย
   “หือ...  อะไรครับพี่  ผมเป็นคนบ้านะ  ผมพูดไม่รู้เรื่อง ฮะๆๆ”ผมแถสดครับ  ชิน...  แถบ่อย  แล้วผมก็พลิกตัวจะเดินหนีแต่ก็ถูกกระชากครับ  แง่ง... มันผลักผมครับ  ไอ้เชี่ยพวกนี้! ผมล้มลงพื้น  แล้วทำไงต่อเหรอครับ...
   “แง!!!  ฮือ...  พี่เป็นใครอ่ะครับ  ผมเจ็บ  ฮืออออ!!”เอาเลยครับ ให้ดังไปแปดบ้านสิบบ้านเลย  ตอนนี้หลายคนที่เดินผ่านเริ่มหยุดมองแล้วครับ  พวกมันสถบเบาๆก่อนจะเดินหายไป  สำเร็จครับผม  ผมยันตัวลุกขึ้นมาก่อนจะมองหลังตัวเองที่ไถลกับพื้นจนเลือดซิบ  ไอ้พวกนี้เล่นแรงแท้  มันน่าจับมากระทืบซะให้เข็ด อ่ะ... แต่ตอนนี้ผมเป็นคนบ้านี่หว่า  ข้ามๆ เฮ้อ... ติดนิสัยสักมาซะเยอะเลยแฮะ


   “อ้าว  ไอ้บ้า  มาแล้วเหรอมึง  หายไปนานเลย  ไอ้คนที่มาตามมึงคราวที่แล้วเป็นใครวะ”เสียงคุ้นเคยที่ผมเคยเห็นหน้าบ่อยๆทัก  เพราะผมเป็นคนบ้าไม่มีชื่อ  ทุกคนเลยเรียกผมว่าบ้า  เก๋ดีมั๊ยล่ะนั่น  ส่วนคนที่ทักผมชื่อลุงค่อม เพราะแกหลังค่อมไง
   “แฟนผมน่ะลุง  ไม่มีอะไรหรอก  นี่ก็กลับมาแล้วไง”
   “เว้ย! ไอ้นี่เล่นของสูงเว้ยเฮ้ย! ที่มาลากมึงไปน่ะ ขับสปอร์ตเชียวหน่ามึง พูดเล่นไประวังจะโดนกระทืบตายล่ะ”คนๆนั้นเตือนผมพร้อมกับกรอกเหล้าลงปากด้วยความอารมณ์ดี
   “แหมลุงก็... รู้ทันผมอีก  แล้วไมไม่เปิดไฟล่ะพี่เนี่ย”ผมมองหลอดไฟเหนือหัวที่ดับสนิท  แล้วผมจะอ่านหนังสือยังไงล่ะ
   “การไฟฟ้าแม่งไม่มาเปลี่ยนหลอดน่ะสิ  เห็นติดๆดับๆมาสามวันแล้ว  สงสัยมึงต้องไปอ่านหนังสือที่อื่นว่ะ”
   “ง่า... ผมไปที่อื่นก็ไม่มีเพื่อนคุยสิลุง  เดี๋ยวผมดูให้  เอาไม้เคาะคงหายมั้ง”ผมหัวเราะตามมุขที่เล่นไปก่อนจะหาอะไรที่มาพอจะเป็นฐานรองปีน
   “ระวังตายแล้วกันมึง เอาไม้ไปเคาะน่ะ  ไฟฟ้ามันแรงนะโว้ย!!”พี่เขาตะโกนด้วยความเป็นห่วง  อ่านะครับ...  ก็ผมบ้านี่หน่า...  ไฟฟ้าแค่นี้ไม่ครณามือผมหรอก  ไม่เกินห้านาทีดีไฟที่ดับก็สว่างขึ้นมาทันที 
   “ไอ้บ้าเว้ย! มึงบ้าจริงเปล่าเนี่ย  ซ่อมไฟก็ทำได้ด้วยเว้ย”ผมหัวเราะแห้งๆ  ก่อนจะก้มตัวลงนั่งลงบนกล่องกระดาษเปล่าๆ
   “บ้าสิลุง ไอ้ที่ติดนี่ก็แค่มั่วๆเอาไม้ตี มันติดได้ไงก็ม่ายยยรุ”ผมทำหน้าเบลอๆแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ  เอ้อแฮะ  เรื่องนี่สนุกจริงๆน่าจะเอาไปประกวดรางวัลซีไรด์  ใช้ได้ๆ แล้วผมก็จมอยู่กับหนังสือนานเท่าไรไม่รู้จนกระทั่งมีเสียงเด็กเล็กๆดังพร้อมกับแรงที่ฉุดขากางเกงผม
   “พี่...พี่บ้า  พี่บ้ากลับมาแย้ว”ผมหันไปมองตามเสียง  น้องก้อยเด็กที่ถูกเอามาทิ้งโดยมีพี่พรตที่ช่วงกลางวันใช้เวลาไปกับการนั่งขอทาน  ผมวางหนังสือลงก่อนจะอุ้มเด็กแล้วหันไปมองหาพี่พรต
   “ไงไอ้บ้า  กลับมาแล้วเหรอมึงน่ะ... หายหัวไปนานนึกว่าถูกจับไปขายตัว”พี่พรตพูดขำๆก่อนจะเทเศษเหรียญลงนับที่พื้น
   “โหพี่พรตก็  ผมแค่ไปหากินบ้างอะไรบ้าง เออ... คราวนี้ผมเอาเงินมาฝากพี่ได้ด้วย”ผมควักแบงค์สีม่วงยับๆส่งให้  ที่จริงมันไม่ยับหรอก ผมเพิ่งขยำเมื่อกี้แหละ
   “โอ๊ย  มึงเก็บไว้ใช้เถอะ  เงินตั้งเยอะตั้งแยะ  ให้กูแล้วมึงจะใช้อะไร”พี่พรตส่ายหน้าปฏิเสธ
   “เหอะหน่าพี่  ไม่เห็นใจน้องบ้าที่อยากจะช่วยเหลือบ้างเหรอ ถือว่าผมช่วยน้องก้อยแล้วกัน” ผมยัดเงินใส่มือพี่พรตจนได้ 
   “เออๆ  มึงก็งี้ตลอด ไว้ไม่มีกินค่อยมาขอกูแล้วกัน กูจะเก็บเงินไว้ให้ส่วนของมึงน่ะนะ”พี่พรตเก็บแบงค์สีม่วงเข้ากระเป๋าก่อนที่ผมจะหันมาสนใจน้องก้อยต่อ
   “แบร่ๆ  พี่บ้าหล่อมั๊ยครับ หืม  พี่บ้าหล่อเนอะๆๆ”จับน้องก้อยโยนไปมาเบาๆเด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจก่อนจะเอามือมายีหัวผมจนยุ่ง
   “พี่บ้าน่ารักมากกว่า  น่ารักเหมือนน้องก้อยเยยยย”ผมควรดีใจ??  มีเด็กมาชมว่าน่ารัก  เอิ๊ก! ถ้าไม่บ้านี้ตบคว่ำไปแล้วนะครับ
   “ฮาๆ พี่บ้าน่ารักก็ได้  เพื่อน้องก้อยเลยนะเนี่ย  เราน่ารักเหมือนกัน เนอะๆๆ  ฟอด!!”หอมแก้มเลอะๆสักทีครับ  นิ่มได้ใจมาก  น้องก้อยหัวเราะตบอกตบมือชอบใจ  ก่อนที่ผมจะปล่อยน้องก้อยให้ลงเดินวิ่งไปหาพี่พรต
   “พ่อพรต  พี่บ้าบอกว่าน้องก้อยน่ารักเหมือนพี่บ้าด้วยแหละ  พี่บ้าหอมแก้มน้องก้อยด้วย”ก้อยกระโดดโถมตัวใส่ให้พี่พรตรับก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามองผม  พร้อมเสียงหัวเราะดังหึหึ
   “ไอ้บ้าาาาาาาา   คิดถึงมึงจังเลยยยยย  นึกว่าจะไปแล้วไปลับซะอีก”เสียงบวกแรงโถมที่ไม่เบานักทำเอาผมล้มไปนอนพะงาบๆกับพื้น
   “ไอ้สัดต๊อกครับ  นั่นเพื่อนครับ  เมียมึงนั่นหัวโด่อยู่นี่”พี่พรตเสียงเฉียบขาดมากครับ  ผมบอกไปรึยัง พี่ต็อกกับพี่พรตเป็นแฟนกันและดูพี่พรตก็ยอมรับฐานะของเมียอย่างไม่เขินอายเลยด้วยซ้ำ
   “แหม... ก็คิดถึงบ้างไรบ้างอ่ะ  มึงกูก็กอดอยู่ทุกวัน  หรือมึงหึงกูขนาดหนัก”พี่ต๊อกหัวเราะชอบใจ  ก่อนจะได้รับค้อนวงใหญ่ๆจากพี่พรต  แต่ผมแอบเห็นพี่เขาหน้าแดงนิดๆนะ
   “เว้ยๆๆ  หวานเกรงใจคนแก่บ้างเว้ย  อิจฉานะเนี่ย”ลุงค่อมขัดพอเป็นพิธีก่อนจะจัดแจงหาที่นอน
   “ว้าย! อกอีแป้นจะแตก  อีบ้า แกกลับมาแล้วเหรอยะ”เสียงดัดจริตพร้อมกับผู้หญิงร่างสูงระหงที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเดินมาพลิกหน้าผมดูสองสามที
   “โถ่! พี่ฟาผมเป็นผู้ชายนะครับ มาเรียกว่าอีได้ไง”
   “ได้ไม่ได้ฉันก็จะเรียกย่ะ  คิดถึงแกจริง  วันนี้อารมณ์เสียอยู่พอดี  ผู้ชายช่วงนี้มันนึกรักเมียขึ้นมาหมดรึไงก็ไม่รู้  ไม่มีออกมาเที่ยวบ้างเลย”พี่ฟาบ่นน้อยๆ  อันที่จริงอาชีพที่เธอทำมันก็ผิดศีลธรรมไม่น้อย แต่ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันไม่มีจะกิน  มีอะไรพอหาเงินได้ก็ต้องดิ้นรนกันไป
   “พี่ฟา...  ทำอะไรคิดดีๆนะพี่  เอดส์มันไม่ได้มาคิดกับพี่ด้วยนะ”ผมเตือนด้วยความหวังดี  พี่ฟาควักถุงยางเป็นพรืดออกมาโชว์
   “ฉันรู้จักป้องกันย่ะ  แกก็หัดพกๆไว้บ้างเถอะ  เป็นคนบ้าแต่หน้าหวานขนาดนี้ระวังจะโดนฉุดไปข่มขืน”พี่ฟาพูดขำๆ  ไม่อยากจะบอกว่าเพิ่งเจอมา... 
   “ง่า... ใครเขาจะอยากทำอะไรคนบ้าล่ะครับ  ฮาๆๆ”หัวเราะกลบเกลื้อนแล้วหาที่หลับที่นอน  เริ่มง่วงแล้วแฮะ  ไม่ไหวๆ  ขอพักก่อนแล้วกัน
   “ต๊ายยย อีนี่รีบหนีหลับนะยะ  ไปดีกว่า  ขี้เกียจเหมือนกัน”ว่าแล้วก็ลุกเดินออกไป  ซอยบ้างพี่ฟาอยู่ซอยข้างๆสะพานลอยที่ผมอาศัย  น้องก้อยเดินมาซุกตัวนอนกับผม  ส่วนพี่พรตกับพี่ต๊อกก็นอนอยู่ข้างๆลุงค่อม.... ผมมองแล้วลอบยิ้มเบาๆ  ที่จริงครอบครัวแบบนี้... ก็มีความสุขดีหรอกนะ...


   เอี๊ยด!! 
   ผมลืมตามองตามเสียงรถที่เบรกประทันหันพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกมาด้วยความเร็ว  อะไรวะ ตัวผมมีเรดาร์พิเศษรึไงมันถึงตามผมมาได้เร็วขนาดนี้น่ะ
   “อิม  กลับบ้าน”มันพูดเสียงดังเลยครับ  ไอ้เชี่ยนี้ เด็กนอนอยู่ไม่เห็นเหรอวะ
   “งือ... แง...  คะ... คุณเป็นใครอ่ะ  ฮือ...”ลงลูกบ้าแม่งครับ  อารมร์เสีย  น้องก้อยเพิ่งได้นอนตอนเที่ยงคืนนะ แล้วนี่มันเพิ่งตีห้า  ชัดมั๊ยตีห้า  เวลาแค่นี้เด็กมันนอนไม่พอนะเฮ้ย!
   “เฮ้ยๆ  เอะอะอะไรวะเนี่ย  อ้าว  คุณที่มาคราวที่แล้วนี่”ลุงค่อมงัวเงียตื่นขึ้นมามองไปที่ไอ้สัก
   “แง... ลุงค่อม... มันจะเอาผมไปอ่ะ  ลุงช่วยผมด้วยอะ...ฮือ”ผมกอดน้องก้อยไว้แน่น โชคดีที่เด็กน้อยยังไม่ตื่น   สักมองผมเอือมๆ
   “อิม...  อย่าเพิ่งแกล้งเป็นคนบ้าตอนนี้ได้มั๊ย รู้รึเปล่ากูตามหามึงนานแค่ไหนน่ะ”สักนั่งยองๆมองหน้าผม
   “รักกูรึเปล่าอิม  กลับไปกับกูนะ”เสียงสักอ่อนลงพร้อมกับมือที่รั้งร่างผมขึ้น
   “แฟนมึงมาตามแล้วไงไอ้บ้า  มึงกลับไปสิวะ  ให้ก้อยมันนอนต่อ เด็กมันจะงอแงถ้านอนไม่พอนะเว้ย”ลุงค่อมพูดผมค่อยๆถอยห่างจะน้องก้อยแล้วมองไปที่พี่พรตพี่ต๊อกที่คงจะไม่ได้เจอกันอีกพักใหญ่
   “ง่า... ผมบ้านะ  ผมเป็นคนบ้า  อย่าแกล้งผมสิ”ผมงอแงเล็กๆให้สักก้มลงกอดผม  ง่า... จะบอกว่าชอบก็ชอบอ่ะนะ  แต่มันก็เขินๆพิกล
   “กลับไปนะครับพี่นัท  พี่ไม่ได้บ้าผมรู้ดี”สักก้มมากระซิบกับผมเบาๆก่อนจะจูงผมขึ้นรถ  อ้าวเฮ้ย! อุส่าห์เพิ่งหนีมาได้เมื่อวาน ทำไมกลับเร็วจังวะ  แง่ง... คนบ้าเซ็ง
   “อิม... ขอร้องล่ะ อย่าทำให้กูเป็นห่วงนะ  กูไม่ได้นอนทั้งคืนเลยรู้มั๊ย”ผมมองตามอีกฝ่ายที่ตาคล้ำจนเห็นได้ชัด  อันที่จริงก็รู้สึกผิดนิดๆเหมือนกันนะ
   “ขอโทษ...”ผมพูดเบาๆ  ก่อนที่สักจะหันมามองแล้วยิ้มให้ผม
   “กลับไปนวดหัวให้หน่อยสิ  มีสอบพรุ่งนี้อีกตัว  เพลียมากเลย”มันยิ่งพูดผมยิ่งรู้สึกผิด  ไม่น่าต้องให้มันเสียเวลามาตามหาผมเลย  มันเรียนแพทย์หนักมากทำไมผมจะไม่รู้  แค่วิศวะก็ใกล้ตายตอนผมเรียนเหมือนกัน  ผมเอนตัวลงไปพิงไหล่มันเบาๆ
   “โกรธกูมั๊ย”
   “ก็... นิดหนึ่งมั้ง”ผมตอบเบาๆแล้วตีไฟเลี้ยวเข้าซอยบ้านของผม
   “ขอโทษนะ... แล้วก็ขอบคุณ... ขอบคุณที่ห่วงกูนะ”ผมโน้มตัวไปหอบแก้มมันเบาๆก่อนจะถอยกลับมานั่งที่เดิม อายว่ะ... ทำเสร็จแล้วมานั่งอายทีหลัง
   “หึ... แม่ง... มึงนี่เป็นคนบ้าที่น่ารักที่สุดในสามโลกเท่าที่กูเคยเจอมาแล้วนะเนี่ย”มันจอดรถพอดีก่อนจะหันมาบังตัวผมเอาไว้
   “ทำให้กูรักมากๆ  ระวังจะลุกไม่ขึ้นนะครับพี่บ้า”แล้วมันก็เปิดประตูลงจากรถทิ้งให้ผมนั่งหน้าร้อนอยู่บนรถคนเดียว  ไอ้... ไอ้หื่น ไอ้... ไอ้ลามก ด่าไม่ถูกเลยครับ แม่ง...
   “อิม... สัญญาเร็ว มานวดหัวให้ด้วยดิ”มันตะโกนกลับมาครับ
   “เออ!!!”ผมตะโกนกลับไป  อายก็อายครับ แต่ช่วงนี้หน้าด้านหน่อยแล้วกัน...
   “สัก!!”ผมตะโกนจากรถไปถึงตรงที่มันยืนอยู่  ประมาณสองร้อมเมตรมั้งครับ  มันหันกลับมามองก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย น่ารักตายล่ะ อย่างกับหมาสงสัย...
   “กูรักมึง  กูไม่มีทางไปจากมึงหรอก จำไว้ด้วย!!!”ผมตะโกนลั่นครับ ให้แม่งได้ยินไปให้หมดเลย  ผมแอบเห็นมันยิ้มแล้วป้องปากกลับมาครับ
   “จำไปจนวันตายเลยครับ... หึหึ...” ผมเกลียดเสียงหัวเราะของมันชิบเป๋งเลยครับ ให้ตายสิ!  ทำไมผมต้องเลิกเป็นคนบ้าเพราะมันด้วย!!  อารมณ์เสียจริงๆ... แต่ก็ชอบอยู่ดีล่ะนะ...

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้กำลังแต่งเรื่องพี่ต๊อกกับพี่พรตอยู่  รอบต่อไปจะเป็นคิวของท่อง X เที่ยวนะครับ  รับประกันความน่ารักสดใสของสองตัวนี้แน่นอน แล้วเจอกันฮับ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่7-คำว่ารักฯ เที่ยวXท่อง(6/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 06-10-2012 21:33:09
                                                                       เรื่องที่7

                                                                 คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!

                                                                      เที่ยวXท่อง


              เที่ยงตรง ผมแบกร่างสูงใหญ่ของผมเข้าไปในมหาลัยด้วยความกวน ผมมาสายครับ วันนี้เป็นวันรับน้องวันแรกด้วย  แต่... ใครจะสน  เมื่อคืนมั่วแต่นั่งเล่นเกมซะเพลิน ตื่นมาก็สิบเอ็ดโมงแล้ว  ผมเดินไปที่คณะครับเห็นรุ่นพี่กับเพื่อนๆปี1นั่งอยู่ที่ลานหินอ่อน  ผมเดินเข้าไปก่อนจะนั่งลงท้ายสุด
“น้องคนที่เพิ่งมา  ลุกมาข้างหน้าเดี๋ยวนี้”ไม่ถึงสองวิผมก็ถูกเรียกครับ มีปัญหาไรมากป่ะเนี่ย ผมปัดกางเกงแล้วเดินไปข้างหน้าไอ้พี่ว๊ากที่หน้าโคตรกวนตีนยืนจ้องหน้าผมอยู่  น่ากลัวชิหายล่ะ แม่ง...
“ทำไมถึงมาสาย”
“เล่นเกม ขี้เกียจตื่น ใจป่ะ”ผมกวนตีนกลับหน้านิ่งๆ  จะว่าผมหาเรื่องก็ไม่เชิงครับ  เพราะนิสัยผมมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแค่ตอนนี้ซะหน่อย
“ห่า...  ไปเลยกลางสนาม ลุกนั่ง100ที เร็ว”เสียงพี่อีกคนแทรกขึ้นมา  ผมถอนหายใจเสียงโคตรดัง แล้วก่อนที่ผมจะเดินไป ก็มีใครอีกคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาขอโทษขอโพยรุ่นพี่เป็นการใหญ่ ทำเอาผมหลุดขำไปหลายรอบ
“ขอโทษครับพี่ ผม... ผมต้องไปทำธุระตอนเช้าเลยมาช้าครับ”คนที่เพิ่งเข้ามาหอบแฮก  ก่อนจะถูกมองด้วยสายตาโหดๆของพี่ว๊าก
“ไม่มีข้อแก้ตัวนะน้อง  มาสายก็ต้องโดนทำโทษ กลางสนาม ลุกนั่ง 100 ที”เชี่ย... ตัวเล็กๆแบบมันเนี่ยนะ ตั้งร้อยที ไอ้พี่แม่งคงสายตาเสียแล้วล่ะมั้ง 
“มึงแม่งไม่ดูเหรอวะ ไอ้ห่านี่ตัวเล็กชิบหาย  ลุกนั่งไม่ถึง20ทีก็ล้มแล้ว วู้~”ผมส่งเสียงบอก  แล้วคำตอบที่ได้ก็คือ
“งั้นมึงก็ลุกนั่งแทนมันซะสิ”ผมหยักหน้าแล้วยักคิ้วกวนๆ 
“เอาดิ  ผมลุกนั่งให้เลย 180 ที ส่วนมันแค่ครบ 20 ทีก็ใกล้ตายแล้วมั้ง”ผมหัวเราะก๊ากแล้วเดินนำหน้ามันไปกลางสนาม ตอนเที่ยง แดดร้อนสัด ผมทำไปดูคนข้างๆไป  แม่งตัวแค่เนี้ยะ ทำไปสิบกว่าทีก็หอบแฮกแล้ว 
“มึงชื่อไร”ผมถามแก้เบื่อครับ  180ที ไม่ได้ทำเสร็จในสามสิบวิ
“ท่อง มึงอ่ะ”มันถามผมกลับครับ  หน้าหวานๆตอนโดนแดด  เหนื่อแม่งซึมตามไรผม น่าเข้าไปเช็ดให้ชิบ 
“กูเที่ยว  ถ้าครบแล้วมึงไปหลบในร่มก่อนก็ได้ ตัวบางๆแบบนี้เดี๋ยวเป็นลมไป จะเป็นปัญหาซะเปล่า” ผมว่า  มันพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเดินไปรอผมในเงาต้นไม้ อ่อ ผมยังไม่ได้บอกใช่มั๊ยว่าผมเป็นเกย์  ผมลุกนั่งไปได้ร้อยกว่าทีก็เหงื่อท่วมแล้วครับ  เหนื่อยเชี่ยๆอ่ะ  กว่าจะครบร้อยแปดสิบที ทำผมแม่งเกือบล้มไปหลายครั้ง  พอครบแล้วผมกับมันก็เดินกลับไปครับ  ขาเป๋เลยกู  พี่ๆมันให้รุ่นน้องจับกันเป็นกลุ่มๆครับ  ได้ประมาณสิบกว่ากลุ่ม แล้วกูจะนั่งที่ไหนวะ  ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะสบตากับไอ้พี่ว๊ากที่ไล่ผมไปทำโทษเมื่อกี้
“ยืนทำเชี่ยไรล่ะ  นั่งดิ”เสียงของคนที่นั่งอยู่ปลายตีนผมดังครับ  ผมรีบทรุดนั่งพร้อมๆกับดึงตัวไอ้ท่องให้นั่งลงไปด้วย
“มึงแม่งเจ๋งดีว่ะ  กูชื่อเหมันต์ พวกมึงอ่ะ”ไอ้หน้าหล่อแม่งพูด สัดหล่อกว่ากูได้ไงวะ กูไม่ยอม
“กูเที่ยว”ผมตอบแล้วมองไปเพื่อสำรวจสมาชิกในกลุ่ม
“เราท่อง”ไอ้คนข้างๆผมตอบครับ  อย่างน้อยเหงื่อมันก็แห้งแล้ว  ไม่งั้นมีหวังผมไม่กล้านั่งใกล้มันแหง กลัวอดใจไม่ไหวจริงๆครับ คนอะไรไม่รู้ น่ารักไม่บันยะบันยัง
“กูต้นน้ำ”อีกคนบอกครับ  ผมหันไปมองหน้ามันแล้วก็ยิ้มให้ ไม่ได้ยิ้มกวนตีนนะครับ ยิ้มแบบมิตรไรงี้
“เราเมฆา เรียกเมฆก็ได้”คนที่นั่งข้างๆต้นน้ำแนะนำตัว  ไอ้เมฆมันตัวท้วมๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับอ้วนนะครับ  คือดูมีเนื้อมีหนังมากที่สุดในกลุ่มที่นั่งอยู่ตอนนี้แล้ว
“กูชื่อสุดท้าย  ห้ามขำ กูเป็นลูกคนสุดท้ายเลยชื่อสุดท้าย  ใจม่ะ”ไม่ขำไม่ได้แล้วครับ ชื่อแม่งโคตรฮา  แล้วอยู่ดีๆก็มีใครคนหนึ่งนั่งปุลงข้างๆไอ้สุดท้ายที่มันอยู่ตรงข้ามกับผม
“พวกมึงจะฟังกูพูดสักห้านาทีมันจะตายมั๊ยวะ เดี๋ยวตามกูมา จะพาไปเข้าฐาน”ไอ้พี่ว๊ากคนเดิม หน้าเหี้ยมผสมกวนตีนนิดๆ ยอมรับก็ได้ว่ามันหล่อ แต่ก็น้อยกว่าผมอยู่ดี แล้วอยู่ดีๆไอ้เชี่ยสุดท้ายก็ตีไหล่ไอ้พี่ว๊ากดังเพี๊ยะเลยครับ
“ไอ้พี่คนแรก พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ  กูจะฟ้องป้าอมร”สัด พวกมันรู้จขักกันเหรอวะเนี่ย
“เออๆ ผมชื่อคนแรก ต่อไปจะเป็นพี่เลี้ยงประจำกลุ่มพวกคุณ พอใจยังครับ ไอ้เชี่ยสุดท้าย”มันลากเสียงยาว ทำเอากลุ่มผมขำก๊ากทั้งกลุ่ม เมื่อกี้ยังด่ากูอยู่แหม่บๆ พูดเพราะซะกูฮาเลย แต่ชื่อคนแรกเนี่ย มันก็ฮาไม่แพ้สุดท้ายเลยว่ะก๊าก
“เออๆ”ไอ้สุดท้ายพยักหน้ารับ ก่อนที่จะพาพวกผมไปเข้าฐานต่างๆที่แม่งโคตร... น่าเบื่อ  ผมอยู่กลุ่มเดิมตลอดการรับน้อง และก็มีไอ้พี่คนแรกเป็นพี่เลี้ยงกลุ่มอยู่ทุกวัน  จนหมดการรับน้องล่ะครับ  ตอนนี้ทุกคนในกลุ่มก็เข้ากันได้โคตรดี  จนถึงขั้นดีเกินไป
“ไอ้เชี่ยเที่ยว  มึงกวนตีนมากอ่ะรู้ตัวม่ะ กูอยากกระทืบมึงชิบหาย”ไอ้ท่อง
แม่งพูดตอนเมาเหล้าครับ  วันนี้พี่คนแรกมันถูกไอ้สุดท้ายบังคับให้พามาเลี้ยงพวกผม แต่ไอ้ที่เชี่ยท่องพูดมาเมื่อกี้  ผมสิอยากกระทืบมันทันทีที่ฟังเลย ไม่ดิ ไม่กระทืบ ผมอยาก ‘กด’ มันมากกว่า เอิ๊ก คนไรวะ เมายังน่ารักเลย แม้ปากจะเสียมากเกินไปหน่อย แต่คนกวนตีนแบบผม รับได้คร้าบบบ
“เออ... ว่าแต่มึงก็กวนตีนจริงๆนะไอ้เที่ยว มาก็สาย เสือกปากหมากะกูอีก ถ้ารู้ว่าเป็นเพื่อนไอ้สุดท้าย กูน่าจะสั่งทำโทษเพิ่มเป็นสามร้อยที ให้แม่งทำแทนไอ้เชี่ยสุดท้ายด้วย ฮาๆ”พี่คนแรกพูด ตอนนี้พี่เขาเข้ากับผมได้ดีเลยล่ะครับ อันเนื่องจากความกวนตีนแม่งมีพอๆกัน     
“โธ่พี่ก็... มันอยู่ในสายเลือดอ่ะ ฮาๆ”ในตอนนี้ผมทำการเมาอากาศครับ แดกเหล้าไม่ได้ เพราะเอารถมา แน่นอนว่าพวกมันกะอาศัยรถผมกลับอยู่แล้ว ผมจิบเหล้าผสมโค้กที่โคตรจะอ่อนจนเหมือนไม่กินเลย แดกไปครับเพื่อนๆ ถึงทีกูแดกมั้ง อย่ามาห้ามนะสัด...
“เอิ๊ก... ม่ายมาวว  แดกต่ออออ”ไอ้เชี่ยต้นน้ำมันบ้าไปเรียบร้อยแล้วครับทุกท่าน  ผมลากพวกมันมาขึ้นรถหลังจากเรียกเช็คบิล  พี่คนแรกมันลากแค่ไอ้สุดท้ายไปส่ง  ทิ้งอีกสามตัวที่เหลือไว้กับผม  ให้ทยอยส่งตามบ้าน  โชคดีที่ไอ้เมฆกับไอ้ต้นน้ำพักคอนโดเดียวกัน ผมเลยโยนมันทิ้งไว้หน้าคอนโดนั่นแหละให้แม่งหาทางกลับห้องกันเอาเอง  ตอนนี้บนรถก็เหลือแค่ผม ไอ้เหมันต์ กับไอ้ตัวเล็กที่เมาปลิ้น  มันแดกเยอะสุดในกลุ่มล่ะครับ ไม่แปลกที่มันจะเมาหนักกว่าคนอื่นๆ ผมขับวนไปส่งไอ้เหมันต์ที่ไม่ได้เมามากขนาดคนอื่นๆ อย่างน้อยมันก็ยังมีสติอยู่ล่ะครับ
“ไอ้ท่อง บ้านมึงอยู่ไหนวะเนี่ย”ผมถามอย่างหัวเสียเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมไม่รู้จักทางไปบ้านมัน  เอ้า... เชี่ยท่องมันทำท่าจะอ้วกแล้วครับ ผมเลยรีบเหยียบร้อยยี่สิบกลับบ้านตัวเองก่อน อย่านะเว้ยท่อง ถึงมึงนะน่ารัก แต่ถ้ามึงอ้วกมา กูฆ่ามึงแน่
เมื่อถึงบ้าน ผมก็ลากไอ้ท่องมันไปนอนทันที  ท่องไว้ไอ้เที่ยว เพื่อนมึงๆ  ตบะเกือบแตกล่ะครับ ไอ้ท่องมันละเมอลุกมาถอดเสื้อตัวเองซะงั้น แต่คนอย่างผมสุภาพบุรุษพอครับ เลยได้แต่ทำการแบบหมอนใบเล็กๆแล้วระเห็จตัวเองมานอนที่โซฟา  หายเมาเมื่อไรพ่อเก็บทบต้นทบดอกแน่ คอยดูสิ!!

และแล้วแสงแดดแยงตาผมเดินเข้าไปในห้องตัวเองเพื่อไปดูไอ้บ้าที่แย่งที่นอนผมไปเมื่อคืน  ไม่รู้ป่านนี้จะตื่นรึยัง
“ท่อง!!”ผมถลาไปคว้าสมุดไดอารี่ของผมกลับมาทันที ไม่ตกใจได้ไงครับ ก็ในบันทึกนั้นผมเขียนคำว่าผมรักไอ้ท่องลงไปอ่ะดิ  แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว  ไอ้ท่องเงยหน้ามองผมด้วยหน้าแดงๆก่อนจะยิ้มแห้งๆ
“เอ่อ... เที่ยว... ที่มึงเขียนอ่ะ เรื่องจริงป่ะ”ผมพยักหน้ารับครับ ไอ้อายก็อาย เขินก็เขิน แต่ถ้าไม่บอกตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้ที่ไหนอีกแล้ว
“กู... เอ่อ... กู... คือว่า”มันอ้ำอึ้งครับ  ผมเลยพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ไอ้ท่องมึงอย่าคิดมากเลยนะ  กูจะทำตัวแบบเดิมกะมึง  มึงก็ลืมๆไอ้ที่มึงอ่านไปแล้วกัน กูร็ว่ามึงคงทำใจไม่ได้ที่กูชอบมึง”ผมบอก  แต่ไอ้ท่องก็สวนขึ้นมาทั้งๆที่อายๆแหละครับ
“กูก็ชอบมึง”เอ่อ... ตอนนี้กลายเป็นรูปปั้นหินไปเรียบร้อยโรงเรียนไอ้เที่ยวแล้วครับ  เมื่อกี้ผมฟังไม่ผิดใช่ม่ะ  มันบอกว่า มันก็รักผม
“เมื่อ... เมื่อกี้ท่องพูดจริงป่ะ”ผมก้มไปเขย่าไอ้ท่องจนหัวมันแทบหลุด  มันดันผมออกพร้อมทั้งหน้าแดงก่อนจะพยักหน้าช้าๆ  ผมเลยจับมันอุ้มแล้วกระโดดจนตัวลอย  เลยป่ะครับเวลาดีใจอะไรมากๆ ผมงี้ประจำเลย
“เย้!! กูก็รักมึง ไอ้ท่อง  กูรักมึงมากเลย”ผมตะโกนลั่นล่ะครับ ประกาศให้เขารู้กันไปทั่วซอยเลยยิ่งดี  ไอ้ท่องเป็นแฟนผมแล้ว เย้ๆๆๆ
“ห่า... เบาๆดิวะ กูอาย”ไอ้ท่องดันตัวมันลงก่อนจะตีไหล่ผมเบาๆ ทำไมน่ารักน่ากดแบบนี้วะ แม่ง... น่าจะจับทำเมียตั้งแต่เมื่อคืน
“ก็กูรักมึง   กูรักมึง เย้!!!”แล้วก็ตะโกนอีกรอบให้บ้านข้างๆมันด่าผมสักหน่อย
“ไอ้ห่าพี่เที่ยว  ถ้ามึงไม่หุบปากกูจะเอาส้นตีนยัดปากมึง!!!”เสียงดังลั่นจากบ้านข้างๆสมพรปากผมล่ะครับ  จะมีใครอีกล่ะ ก็น้องชายสุดเลิฟของผมที่ได้เชื้อกวนตีนจากผมไปเต็มๆ... คุณอาจจะไม่รู้จักมัน มันชื่อคิมหันต์ ชื่อหล่อชิบหาย แถมเกลียดเกย์สุดๆ โชคดีที่มันไม่เกลียดผม  แต่มันคงไม่รู้หรอกครับว่าสักวัน...  มันจะมีแฟนเป็นเกย์ อย่าดูถูกสายตาผมดิ  ไอ้คิมหันต์มันเป็นแต่มันยังไม่รู้ตัวแค่นั้นแหละ  หรือคุณว่าไม่จริง ^_^


--------------------------------------------------------------------------------------------------

แสบตั้งแต่ปีหนึ่งเลยแฮะ  ภาคต่อไป ต้นน้ำกับปักษาแล้วเจอกันครับ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่6(พิเศษ)-ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(3/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Jaajaa ที่ 06-10-2012 21:59:35
 รอนะคะ o13

ปล.เม้นในนี้ได้รึเปล่าเนี่ย :z3:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่6(พิเศษ)-ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(3/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 06-10-2012 22:08:17
รอนะคะ o13

ปล.เม้นในนี้ได้รึเปล่าเนี่ย :z3:

ได้ฮับ  ตามสะดวกเลย ฮาๆ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่6(พิเศษ)-ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(3/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 06-10-2012 22:27:50
แปะโป้งไว้ก่อนนะ ยังอ่านไม่จบ

5555 ง่วงแล้ว น่ารักทุกเรื่องเลยอ่า

แต่เรื่องที่สองซื้งเนอะ จะมีตอนพิเศษไหมอ่า ที่หนึ่งกับภาวนาอ่า

น้ำตาคลอ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่8-คำว่ารักฯ ต้นน้ำXปักษา (7/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 07-10-2012 15:45:52
เรื่องที่8

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!!

ต้นน้ำXปักษา

เฮ้อ... ผมต้นน้ำเองครับ... ไอ้เพื่อนในกลุ่มผมมันก็มีสามีภรรยากันไปเรียบร้อย เหลือแต่คนอย่างผมนี้ล่ะครับ โสดจนไม่รู้จะโสดยังไงแล้ว แฟนคนสุดท้ายก็มีตอนม.5 ผ่านมา 5 ปีก็ไม่มีใครแลครับ...  ที่จริงคนแลก็มีอยู่หรอก... แต่ส่วนใหญ่ดันเป็นรุก ซึ่งผมสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าถ้าผมไม่ได้เป็นคน ‘ กด ’ ล่ะก็... ไม่ต้องหวังหรอกครับ  ถึงผมจะหน้าหวานจนเหมาะแก่การเป็นฝ่ายรับก็เหอะ... แต่มันไม่ใช่ผมนี่หน่า...  ที่จริงตอนนี้ทั้งผม ไอ้เที่ยวไอ้ท่อง ไอ้เมฆาแล้วก็ไอ้เหมันต์ต่างก็เรียนจบกันแล้วล่ะครับ  แต่ละคนก็ทำงานบริษัทของบ้านตัวเอง  ยกเว้นแต่ผมที่ไม่มีบริษัทอะไรเป็นของตัวเอง...  ก็คิดว่าของเที่ยวสักปีสองปีแล้วจะกลับไปหาที่สมัครงาน  ถึงจริงๆแล้วผมไม่ต้องทำงานเลยก็อยู่ได้  เฉพาะแค่เงินปันผลจากหุ้นที่พ่อกับแม่ผมเป็นหุ้นส่วนก็หลายล้านแล้วล่ะครับ...
   “เฮ้อ...”ผมถอนหายใจ  ผมได้บอกไปรึยังว่าตอนนี้ผมกำลังมาเที่ยวที่ภูทับเบิก... กางเต้นท์เอาครับ สวยดี ผมชอบนอนดูดาวตอนกลางคืน 
   “เอ่อ... ขอโทษครับ  คือว่ามีไฟฉายรึเปล่าครับ... ผมไม่ได้เอามา”เสียงผู้ชายทุ้มๆดังอยู่นอกเต้นท์ ผมลุกไปเปิดเต้นท์ก่อนจะหยิบไฟฉายที่มีอยู่สองกระบอกให้ไป  แสงไฟที่ฉายผ่านไปชั่วขณะทำให้ผมได้เห็นใบหน้าของคนที่ขอไฟฉาย คมเข้มพอๆกับเหมันต์ แต่ตัวจะเล็กกว่าหน่อย  ยังไงก็ใหญ่กว่าผมอยู่ดี...
   “เอ่อ... ขอบคุณครับ”แล้วคนๆนั้นก็เดินออกไปครับ... แปลกประหลาด มากางเต้นท์แต่ไม่ได้เอาไฟฉายมา  ผมลุกออกไปนั่งนอกเต้นท์ดูดาวที่สว่างทั่วท้องฟ้า... ไม่มีทางเห็นในตัวเมืองแน่ๆ ไม่นานคนๆนั้นก็เดินเอาไฟฉายมาคืนแล้วเดินไปนั่งจุ่มปุกอยู่ในเต้นท์ แต่เอาแต่ตัวเข้านะครับ หัวก็โผล่ออกมาดูดาวข้างนอก... ไม่ได้พกอะไรมาเลยสินะ 
   “นี่คุณ... คุณ...”ผมส่งเสียงเรียก เขาหันมามองแล้วชี้ที่หน้าตัวเอง
   “ใช่... มานั่งกับผมก็ได้ นั่งแบบนั้นลำบากจะตาย”ผมยิ้มให้เขา ซึ่งคนๆนั้นก็ลุกจากเต้นท์มานั่งข้างผมแล้วยิ้มแทนคำขอบคุณ
   “ผมชื่อปักษาครับ”คนๆนั้นแนะนำตัว
   “ผมต้นน้ำ เรียกต้นเฉยๆก็ได้... ทำไมคุณไม่เอาผ้ามาอะไรมาปูนอกเต้นท์ล่ะ”ผมถามนายปักษาอะไรนี่ เขาหัวเราะแห้งๆ
   “คือ... ผมเพิ่งเคยมาครั้งแรกน่ะครับ  เต้นท์นี้ก็เช่าเขาเอา  เลยไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง”เขาตอบ... ทำเอาผมขำ คนที่ไม่เคยกางเต้นท์มาครั้งแรกก็มาที่ๆลำบากซะแล้ว แถมยังมาคนเดียวอีก...
   “แล้วคืนนี้จะนอนยังไงล่ะครับเนี่ย”ผมถาม...
   “ก็คงจะเอาเสื้อผ้ามาห่มแล้วก็เอากระเป๋าหนุนหัวเอาน่ะครับ...”
   “นี่อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้เตรียมแม้กระทั่งหมอนมาน่ะ”ผมถาม เริ่มอึ้งแล้วครับ คนอะไรจะสะเพร่าได้ขนาดนี้
   “ฮะๆ... ก็แบบนั้นแหละครับ”
   “ถ้าไม่ลำบากใจ จะนอนเต้นท์เดียวกับผมก็ได้นะครับ เต็นท์ผมก็ใหญ่พอสมควร  เดี๋ยวคุณเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าทำเป็นหมอน ส่วนผ้าห่มก็ใช้กับผมก็ได้ ผืนใหญ่เหมือนกัน แต่ผมพกมาผืนเดียว”ผมบอก... ผู้ชายเหมือนกัน คิดอะไรมากล่ะครับ ที่จริงผมก็ขำเหมือนกันแหละครับ แต่พอคิดถึงตอนที่ตัวเองกางเต้นท์ใหม่ๆ ผมก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน  แต่ผมก็ไม่ลืมพกผ้าห่มไปหรอกนะ...
   “เอ่อ... จะดีเหรอครับ คุณจะอึดอัดรึเปล่า”นายปักษาถาม... ผมก็หัวเราะสนุกๆล่ะครับ
   “ไม่หรอกครับ... บอกแล้วว่าเต้นท์ผมใหญ่  นอนได้สามสี่คนเลยล่ะครับ  ไหนๆแล้ว คืนนี้มาดื่มกันดีกว่า ถือว่าฉลองเพื่อนใหม่ไงครับ”อาจเพราะผมเข้ากับคนอื่นได้ดีมากเกินไป  ในคืนนี้กว่าผมกับนายปักษาจะเข้านอนก็ล่อไปเกือบตีสอง อากาศที่เย็นจัดทำเอาผมตัวสั่น
   “คุณต้น... หนาวเหรอครับ”เสียงของนายปักษาดังขึ้นมาด้านหลัง อากาศขนาดนี้ร้อนมั้ง
   “อืม... ไม่ค่อยชินน่ะ”ผมขดตัวให้แน่นขึ้น แล้วก็มีฝ่ามืออุ่นๆสอดเข้ามาด้านในเสื้อของผม  ผมพลิกตัวหันกลับไปหาอีกฝ่ายทันที
   “ผมเองก็หนาวน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”เขายิ้มแล้วหลับตาลงทั้งๆที่มือก็ยังกอดผมเอาไว้อยู่อย่างนั้น... หนาวใช่มั๊ย... งั้นผมหนาวบ้างแล้วกัน ฝ่ามืออุ่นของผมก็สอดเข้าไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วหลับตาลง  ไม่รู้ทำไม ผมถูกรู้สึกว่ามันอุ่นเอามากๆเลยสักหรับคืนนี้

   เช้านี้ผมตื่นมา  คนข้างๆผมหายไปแล้ว... คงตื่นก่อนสินะ... ผมโผล่หัวออกไปนอกเต้นท์เห็นนายปักษากำลังนั่งทำอาหารอยู่... สภาพดูไมได้เลยล่ะครับ
   “มานี่เดี๋ยวผมทำให้เอง...”ผมเดินไปแย่งตะหลิวมาจากมือของปักษา  ก่อนจะเอากระทะมาผัดต่อ  มื้อเช้านี้ ผมทำผัดผักกับไข่น้ำ อาหารง่ายมากครับ...  มากางเต้นท์ไม่ได้ค้างโรงแรม แค่หุงข้าวให้สุกได้ก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะครับ เพราะถ้าหุงไม่ดีบางทีก็แข็งหรือแฉะ ดีไม่ดีเป็นข้าวสามกษัตริย์ไปเลยก็ได้ (ข้าวสามกษัตริย์-ข้าวที่ด้านบนแฉะ ตรงกลางดิบ ด้านล่างไหม้) ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่ต้องกินกันล่ะครับ  ผมตักข้าวให้กับนายปักษา  สุดๆเลยครับ เตรียมมาแต่เสื้อผ้าจริงๆ พกเงินมาแต่บนนี้ไม่มีที่ให้ซื้อหรอกครับ มีแต่เขากับเขา  จะมีก็สวนกะหล่ำปลีที่ปลูกเป็นแนวยาวลงไปนั่นน่ะ   
   “อือ... อร่อยจัง คุณนี่เก่งจริงๆนะครับเนี่ย”นายปักษาพูดแล้วตักไข่น้ำไปกินต่อ... เอาเหอะ... อาหารพวกนี้พื้นๆจะตาย... ไม่รู้ทำไมหมอนี่ถึงต้องชมตลอดเลย
   “แล้วนายจะไปเที่ยวไหนต่อล่ะ”ผมชวนคุย  นายปักษาเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้า
   “ไม่ล่ะครับ ผมลามาได้แค่สามวัน เดี๋ยวเย็นนี้ก็ต้องกลับแล้ว”นายปักษาบอก  ผมหันไปมองแถวเต้นท์แต่ก็ไม่เห็นมีรถคันไหนจอดอยู่นอกจากรถของผม
   “เอ่อ... แล้วคุณจะกลับยังไงครับ ผมไม่เห็นมีรถคุณเลย”
   “แฮะๆ... ก็คงอาศัยรถที่จะกลับล่ะครับ ลงไปข้างล่างแล้วโบกรถไปขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ”ครับ... ผมชักไม่เข้าใจชีวิตพี่แกขึ้นมาตะหงิดๆแล้วล่ะครับ ไม่เคยคิดจะเตรียมความพร้อมอะไรเลยใช่มั๊ยครับเนี่ยยย...
   “แล้วคุณบ้านอยู่แถวไหนเหรอครับ”
   “แถว... น่ะครับ”เอ๊ะ! นี้มันแถวๆบ้านไอ้ท่องนี้หว่า...
   “อืม... งั้นเอางี้มั๊ย  เดี๋ยวเราเก็บของแล้วไปเที่ยวกันก่อนกลับ เพราะวันนี้ผมก็ต้องกลับเหมือนกัน  บ้านคุณเป็นทางผ่านบ้านผมพอดี เดี๋ยวผมแวะไปส่งให้ดีกว่า  ตัดสินใจเสร็จไม่รอปฏิเสธหรอกครับ  ผมเดินเฉิบๆไปอาบน้ำแล้วกลับมายกจานที่วางทิ้งไว้ไปล้างโดยมีนายปักษาเดินตามมาต้อยๆ
   “เอ่อ... ผมขอบคุณคุณต้นน้ำมากนะครับ ช่วยผมเยอะมากเลย  ถ้าไม่ได้คุณนี้ผมคงแย่”นายปักษาบอกขณะรับจานที่ผมล้างเสร็จไปถือไว้
   “ไม่เป็นไรครับ คนกันเอง”ผมยิ้มแล้วสะบัดมือที่เปียกน้ำให้แห้งลงบ้างก่อนจะรับจานจากปักษามาช่วยถืออีกแรง  ประมาณบ่ายสอง... เราทั้งคู่ก็พร้อมที่จะกลับบ้าน  โดยผมต้องแวะเอาเต้นท์ของปักษาไปคืนก่อน  เราจึงเริ่มออกเดินทางกัน  ขับไปเรื่อยๆไม่รีบเร่ง... แวะไหว้พระบ้างเที่ยวบ้างจนเข้าเขตกรุงเทพ  สองทุ่มแล้วครับ ดึกได้ใจ.... 
   “เลี้ยวซ้ายข้างหน้านะครับ  บ้านขวามือหลังแรกสุดเลย”นายปักษาบอกผม  ผมก็เลี้ยวตามที่คนข้างๆบอก...  แล้วก็เจอสิ่งที่ประหลาดใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับผม...  บ้านของคนๆนี้อยู่ห่างจากบ้านไอ้ท่องไปสามหลัง! มันจะใกล้กันเกินไปมั๊ยเนี่ย  ผมจอดตรงหน้าบ้านของปักษาแล้วเดินไปเปิดท้ายรถ
   “คุณขับรถมาเหนื่อยๆ เข้ามาทานน้ำก่อนมั๊ยครับ”  ผมยิ้มรับคำเชิญก่อนจะจอดรถแล้วเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไป  ใหญ่พอสมควรครับ... แต่ถ้าเทียบกับบ้านไอ้ท่อง... ก็นะครับ  เข้าใจกันอยู่ว่าบ้านมันน่ะมหาเศรษฐี! ไม่รู้จะรวยกันไปไหน แค่เป็นเจ้าของแบรนส่งออกเสื้อผ้ายี่ห้อดังๆก็เท่านั้นเอง...
   “นี่ครับน้ำ... ผมขอบคุณอีกทีนะครับที่อุตส่าต์มาส่งผม ทั้งๆที่บ้านคุณก็อยู่ตั้งไกล”นายปักษาบอก ผมส่ายหน้าแล้วรับแก้วน้ำจากอีกฝ่ายมาดื่ม
   “ไม่หรอกครับ  ขับอีกประมาณ15นาทีก็ถึงบ้านผมแล้ว”ผมคุยกับปักษาอีกนิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เพิ่งเจอกันจะคุยกันได้ถูกคอขนาดนี้  ผมเหลือบไปเห็นภาพๆหนึ่งเป็นภาพของปักษาที่ถ่ายคู่กับผู้ชายอีกคนที่ตัวใหญ่กว่า  คงจะเป็นแฟนกันล่ะมั้ง
   “เอ่อ... แล้ววันนี้แฟนคุณไม่อยู่บ้านเหรอครับ”ผมถามแล้วก็ต้องอยากตบปากตัวเองหนักๆ  ปักษาที่ยิ้มๆอยู่ถึงกับทำหน้าเศร้าแล้วมีน้ำตาคลอออกมา...
   “เอ่อ... ขอโทษครับ ผมไม่น่าถามเลย”ผมบอกคำขอโทษแต่คงจะช้าไปสำหรับอีกฝ่ายที่น้ำตาเริ่มหมดแหมะๆ  ทำให้ผมต้องรีบเข้าไปปลอบ
   “ขอโทษครับ... แต่ผมแค่เสียใจ  ผมเพิ่งเลยกับแฟนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง”น่านไง... พูดแบบนี้ผมเลยรู้สึกผิดเข้าไปอีก 
   “เอ่อ... ไม่เป็นไรนะครับ”ผมถาม  นายปักษาส่ายหน้าแล้วขึ้นมายิ้มให้ผม
   “วันนี้คุณช่วยผมตั้งเยอะ... แถมต้องมาปลอบผมอีก  ขอโทษด้วยจริงๆนะครับแล้วก็ขอบคุณมากๆเลย”ปักษาบอก  ผมยิ้มแล้วขอตัวกลับมาก่อน  ขับรถไปพักบ้านไอ้ท่องครับ สบายอุรา... ไม่ต้องขับรถไปไหนไกลๆ  ขับเลยมาสามบ้านแค่นี้เอ๊ง!
   “แล้วไงวะ... จะค้างบ้านไอ้ท่องเนี่ยนะ... มึงรู้มั๊ยว่ากว่ากูจะมีเวลาอยู่กันมันสองต่อสองนี้นานขนาดไหน”ไอ้เที่ยวครับ โผล่มาได้ไงไม่รู้ มันบ่นๆๆโดยมีไอ้ท่องนั่งกินเลย์ไม่สนใจมันเลยสักนิด
   “เออหน่า... มึงจะทำอะไรก็ทำไปเหอะ กูไม่ฟังหรอก แค่ขอพักคืนเดียวเอง วันนี้กูเพลีย”ผมบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนที่โซฟา   
   ~สัดเที่ยว... มีเรื่องว่ะ รับสายด่วนเชี่ยๆ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ไอ้ท่องมันบังคับให้เที่ยวใช้โดยให้พวกผมตะโกนใส่พร้อมกัน  ฮามากครับ แล้วไอ้เที่ยวก็ต้องทนใช้จนถึงปัจจุบัน
   “เออ... ว่าไง  จริง! รอแปป เออ... ไอ้ต้นก็อยู่ รอกูก่อนแล้วกัน อย่าเหิมเกริมบุกกันไปล่ะ เดี๋ยวจะตายหมู่” ไอ้เที่ยวคุยซะเสียงดังเชียวครับ ผมเดินไปล้างหน้าทันที  ไม่พ้นมีเรื่องแหง  จะพักไม่ได้ใช่มั๊ยเนี่ย... แต่ผมก็ไม่ทิ้งเพื่อนครับ  แต่ถ้าเยอะเกินก็ตัวใครตัวมัน ฮาๆ
   “ท่อง... ไปซอย16 ไอ้เมฆมันบอกว่ามีเรื่องว่ะ”ผมได้ยินเสียงไอ้เที่ยวตะโกนป่าวๆ  ผมวิ่งไปที่รถผมที่ตอนนี้ไอ้ท่องนั่งในตำแหน่งคนขับไปเรียบร้อยแล้ว
   “เอาล่ะ!”มาแล้วครับ... อดีตนักแข่งรถอย่างไอ้ท่อง  ได้แตะรถไม่ได้ เหยียบมิดตีนทุกที ทำเอาผมใจหายแว๊บ...  รถกูนะมึง!
   แปปเดียวครับ... มาถึงแล้ว  โอ้โห! โคตรไม่อยากเข้าไปเลย  เละเทะกันสุดๆ  ผมมองเห็นไอ้เหมันต์ ไอ้สุดท้ายกับไอ้เมฆโดนรุมอยู่กลางวงตีนประมาณ16คู่ ก็8คนไงครับ  เรียกผมมาอีกสาม  พอฟัดพอเหวี่ยง... ผม ไอ้ท่อง ไอ้เที่ยว  ก็โผเข้าไปหาเรื่องเจ็บตัวทันที  โอ๊ย~ ใครชกหน้ากูวะเนี่ย...

   แล้วสุดท้ายเป็นไงน่ะเหรอครับ ระเห็จมานั่งหน้าสลอนกันที่โรงพยาบาลของพี่น้ำฝนแฟนไอ้เมฆไงครับ  เบ้าตาเขียวเลยของผมน่ะ... ไม่รู้ไอ้คนไหนมันทำ  เพราะสุดท้ายก็หนีกันไปหมด  ตกลงพวกผมเรียนจบกันแล้วใช่มั๊ย ทำตัวอย่างกับม.6 เหอะๆ...
   “เมฆ... เดี๋ยวพี่มีเรื่องจะคุยกับเรานะ”พี่น้ำฝนพูดขู่ไอ้เมฆครับแล้วหันมามองพวกเราที่นั่งเงียบๆกันอยู่... 
   “เอางี้... เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนพี่ช่วยเช็คให้แล้วกัน ที่จริงแผลแค่นี้ทำแผลเลยก็ได้... แต่เช็คกันไว้หน่อยก็คงดี”และแล้วพวกผมก็โดนไล่กันไปหาหมอแต่ละคน...
   “ไอ้ฝน  กูเพิ่งกลับ ทำไมมึงต้องตามกูมาด้วยวะครับเนี่ย”เสียงของใครบางคนดังจากหน้าห้องตรวจ คงจะเป็นหมอที่เป็นเพื่อนกับพี่น้ำฝน
   “ไงครับ... มาให้ผมเช็คก่อนนะ”
   “อ๊ะ.../คุณ...”เสียงเราทั้งคู่ดังประสานกัน จะไม่ตกใจได้ไงล่ะครับ  ก็คนที่ผมเพิ่งไปส่งมาที่บ้านเมื่อกี้ ดันมาอยู่ในชุดกาวน์สีขาวแถมใส่แว่นเพิ่มด้วย ดูเป็นคนละคนกับคนที่ผมเจอที่ภูทับเบิกเลย
   “คุณปักษาเอ่อ... เป็นหมอเหรอครับ”
   “ครับ... ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้มาเจอกันที่นี้อีกนะครับเนี่ย”ปักษาดูแผลผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปสั่งพยาบาลแล้วก็เดินกลับมาคุยกับผมต่อ
   “ไปทำอีท่าไหนมาครับเนี่ย ตอนมาส่งผมยังดีๆอยู่เลย”
   “ก็ไม่อีกท่าไหนหรอกครับ...  ไอ้เมฆเอ่อ... เพื่อนผมน่ะครับ โทรมาตามผมให้ไปช่วยเพราะมันโดนรุมตีนอยู่ ผมก็เลยต้องไป จังหวะพอดีเจอเพื่อนอีกสองคนก็เลยลากไปด้วยกันน่ะครับ”ผมหัวเราะแห้งๆก่อนจะปล่อยให้พยาบาลได้มาทำแผลผมต่อ
   “ไอ้เพื่อนน็อตครับ มึงอยากลองน็อตหลุดมั๊ยครับ เสร็จแล้วก็ไปดูคนอื่นสิ หมอไม่ได้มีเยอะนะเว้ย!”เสียงพี่น้ำฝนดังขึ้นมา ก่อนที่ปักษาจะหันมายิ้มให้ผม
   “ขอตัวก่อนนะครับ”เขายิ้มแล้วเดินออกไป  ฮะๆ... ว่าแต่นายปักษาเนี่ย ชื่อเล่นว่าน็อตสินะ...
   หลังจากทำแผลทำอะไรเสร็จ.. ผมก็ออกมานั่งรอพวกมันอยู่ด้านนอก...  ไม่นานพวกมันก็ทยอยกันออกมา... ส่วนไอ้เมฆ เหอะๆ โดนกักตัวไม่ให้ออกครับ ดูท่าจะโดนอมรมอีกยาว สุดท้ายโดนพี่คนแรกอุ้มกลับบ้านครับบอกมาว่าจะกักตัวไว้สักสองอาทิตย์เอาให้สำนึก เหมันต์ก็ใช่ว่าจะรอดเจอน้องคิมสุดแสบมาดักรอบ่นเลยทีเดียว คู่ที่สบายที่สุดคงจะเป็นไม่เที่ยวกับไอ้ท่อง ก็นะ... โดนพอๆกัน คงไม่มีใครกล้าบ่นใครหรอกครับ   ผมหันไปมองหน้าของปักษาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เคาเตอร์... เพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวแหม็บๆ ต้องมาทำงานซะแล้ว ผมนึกว่าต้องเข้างานตอนเช้าซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นเวรดึกแบบนี้...
   “เอ่อ...  คือว่า... ผมขอเบอร์คุณปักษาหน่อยได้มั๊ยครับ”ไม่รู้ความกล้าความด้านนี้มันมาจากไหน  แต่ผมแอบเห็นไอ้เที่ยวมันยิ้มแปลกๆ  ไม่รู้ไม่ชี้โว้ย...  ปักษามองผมก่อนจะล้วงโทรศัพท์แล้วหยิบโทรศัพท์ผมไปโทรเข้าเครื่องตัวเอง
   “อ่ะครับเบอร์ผม”

   จากนั้นมา... ทุกวันผมต้องโทรไปหาปักษาทุกครั้งที่ว่าง... ยิ่งคุย ผมก็ยิ่งคิดว่าเขาน่ารักมากขึ้นทุกวัน ทั้งๆที ถ้าดูตามสภาพร่างกายแล้ว... เขาออกจะแมนกว่าผม แต่ถ้าทางจิตใจ ผมว่ายังไงก็กว่าแมนกว่าอยู่ดี  อีกอย่างปักษาบอกว่าแฟนคนก่อนหน้าของเขาเป็นรุก นั่นหมายถึงตัวปักษาเองน่ะ เป็นรับ... หรือมันจะเป็นโชคดีของผมกันนะ...  ปักษาเองก็รู้ครับว่าผมไม่ยอมเป็นรับเด็ดขาด เราคุยกันถึงเรื่องแฟนคนเก่าๆด้วยซ้ำ แล้วผมก็ได้รู้ว่า ผมกับเขาชอบกับเกลียดอะไรที่คล้ายกันมาก...
   “พรุ่งนี้ผมว่าง ไปเที่ยวกันมั๊ยครับ”
   ด้วยประโยคนี้ประโยคเดียวที่ปักษาชวน  ในวันนี้ต้นน้ำเลยต้องมานั่งรอที่ร้านเอเอฟซีเพื่อรอคนที่ยังมาไม่ถึง
   “นี่... มีแฟนยังอ่ะ”ผู้ชายร่างสูงเดินเข้ามายืนคล่อมผม  เกย์อีกแล้วเหรอเนี่ย
   “ปล่อย”ผมไม่ตอบแต่บอกให้อีกฝ่ายถอยห่างจากผม
   “มีแล้วครับ... ถ้ารู้คำตอบแล้วก็ถอยห่างจากแฟนผมด้วย”เสียงคุ้นๆดังขึ้นมา ปักษาเดินเข้ามาแล้วแทรกผ่านระหว่างไอ้ผู้ชายคนนั้นมานั่งอีกฝั่งกับผม  ผู้ชายที่ยืนค้ำหัวอยู่ก็ส่งเสียงเหมือนไม่พอใจแล้วเดินกลับออกไป  ปักษาในวันนี้อยู่ในชุดที่เท่ห์พอควร... ต่างกับวันที่เดินมาขอไฟฉายผมลิบเลยล่ะครับ
   “ไปดูหนังกันมั๊ยครับ”ปักษาชวนซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ พวกเราเลือกดูหนังที่ใกล้เวลาฉายมากที่สุด  เป็นหนังรักครับ... แปลกมั๊ยล่ะผู้ชายสองคนเข้าไปดูหนังรักในเวลาเที่ยงๆที่ไม่ค่อยมีคน...
   เมื่อหนังเริ่มฉาย ป๊อปคอร์นที่ซื้อเตรียมไว้ก็หายไปครึ่งกล่อง เชื่อครับว่าโฆษณายาวจริงๆ 
   “อ๊ะ!”มือของเราสองคนแตะกันเมื่อพร้อมใจกันล้องไปหยิบป๊อปคอร์น  ผมกำลังจะดึงมือออกแต่กลับถูกดึงเอาไว้...
   “มันหนาว... ขอจับมือเอาไว้ได้มั๊ย”ทำไมแค่ประโยคเดียวที่คนข้างๆพูด ผมถึงรู้สึกอิ่มใจกว่าทุกประโยคที่ผมเคยได้ยินมาเลยนะ...  ผมกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้จนหนังเกือบจบ  หัวหนักของปักษาก็เอนมาพิงไหล่ผม
   “สงสารพระเอกจัง เมื่อไรนางเอกจะกล้าบอกรักสักทีนะ”ไม่รู้เพราะอะไรแต่ผมก้มลงไปจูบปากหนาๆของอีกฝ่ายซะแล้ว  เมื่อถอนปากออกมา  ปักษากลับไม่พูดอะไร ได้แต่หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาดูหนังเหมือนเดิม... โดยไม่ได้ปล่อยมือของผมออก 
   “หนังสนุกดีนะครับ”ผมกับปักษาเดินขึ้นมาแถวโซนเกม...   หลังดูหนังจบ  ปักษาเดินอยู่แถวๆแป้นบาสแล้วผมก็เกิดความคิดดีดีขึ้นมา
   “คุณปักษาครับ  มาแข่งชู๊ตบาสกันมั๊ย คนชนะสามารถสั่งอะไรกับคนแพ้ก็ได้อย่างหนึ่งห้ามปฏิเสธด้วย”ผมท้า  ซึ่งมีเหรอว่าคุณหมอจะไม่รับน่ะ  ผมสลับกับปักษาชู๊ตคนละเกม... สกอร์จบที่460แต้มสำหรับผม  ส่วนของคุณหมอน่ะเหรอ.. หึหึ... 432แต้ม งานนี้ผมชนะครับ
   “โอ๊ย! แพ้จนได้”คุณหมอหนุ่มหล่อนั่งลงกับพื้น เมื่อยแขนสิครับ ชู๊ตกันขนาดนี้...
   “ฮาๆ... เอาหน่าคุณปักษา  ถ้าคุณชนะผมได้นี่สิน่าแปลก... ผมน่ะนักบาสโรงเรียนตอนมัธยมน่ะครับ”ปักษาเงยหน้ามองผมทันที
   “ถึงว่า... ทำไมชู๊ตแม่นจัง แล้วคุณจะสั่งอะไรผมล่ะ”ผมยิ้มครับ... แล้วก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่าย ปักษาหน้าแดงแล้วพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่ผมจะดึงมือปักษาให้มายืนข้างๆกันแล้วก็พากันไปหาอะไรกินแก้เหนื่อย...  คำที่ผมกระซิบกับคุณหมอปักษาน่ะเหรอครับ...


   ‘ เป็นแฟนกับผมนะครับคุณหมอ... ’   


   และในวันถัดๆมาผมกับคุณหมอปักษาที่ตอนนี้กลายเป็นแฟนผมไปเรียบร้อยแล้วก็นัดกันออกมาเที่ยวอีกครั้ง  ระหว่างที่ผมออกมาล้างมือหลังเข้าห้องน้ำ ก็มีไอ้ผู้ชายสองสามคนเดินเข้ามาล้อมผม   
   “น้อง... เป็นเกย์ใช่ป่ะ มีแฟนยังครับเนี่ย”เสียงพวกนั้นถามผม  โคตรจะเกลียดเลยครับ ผมเป็นรุกโว้ย! แค่หน้าหวานก็เท่านั้นเอง
   “มีแล้วว่ะ... แล้วถ้าพวกมึงไม่อยากเจ็บตัวก็ถอยออกมาซะด้วย”มาอีกแล้วพระเอกจริง... ปักษาเดินเข้าฉุดตัวผมออกไป
   “จริงๆเลยนะเนี่ยต้น... ถ้าพี่มาไม่ทันจะทำไง”สรรพนามน่ะเหรอครับ... เปลี่ยนเรียบร้อยหลังจากที่ปักษารู้ว่าผมอายุเท่ากับเมฆาก็แฟนของหมอน้ำฝนแหละครับ
   “พี่น็อตคร้าบบบ... ผมน่ะไม่เป็นไรอยู่แล้ว ยังไงผมก็แมนกว่าพี่แล้วกันน่ะ”
   “เออ... บนเตียงน่ะพี่ยกให้ แต่ตอนแบบเนี๊ยะ... ดูยังไงๆก็เคะชัดๆเลยรู้ตัวบ้างรึเปล่า หืม...”พี่น็อตบ่นอีกแล้วครับ
   “เหอะ... พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ... มองยังไงก็เมะชัดๆ ไม่ใช่ฝ่ายรับสักนิด”ผมเบ้ปากแล้วดึงเอวคนข้างๆให้เข้ามาใกล้
   “กลับกันเถอะครับพี่น็อต เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้กิน”แล้วเราสองคนก็กลับมาที่บ้านของพี่ปักษาครับ 
   “เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”ปักษาไปแล้ว  ผมเดินเข้าครัวไปทำกับข้าวง่ายๆมาสามอย่างหุงข้าวรอ ก่อนจะเดินขึ้นไปเรียกคนที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ
   “พี่น็อต กับข้าวเสร็จแล้วนะ”ผมตะโกนบอกก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงของปักษา  โคตรเรียบร้อยครับ สมกับที่จบหมอมาจริงๆ 
   “พี่น็อต  ผมว่า... เราไปเที่ยวกันอีกดีมั๊ย”
   “หือ... ที่ไหนเหรอ”พี่ปักษาหันมาถาม  หลังจากที่พันผ้าขนหนูรอบเอวออกมาแล้วกำลังใช้ผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดตัว..
   “แก่งกระจาน ง่ายๆ สะดวกดีด้วย”
   “เดี๋ยวพี่ขอไปหาวันว่างๆก่อนแล้วกัน ไม่รู้ไอ้น้ำฝนจะยอมให้พี่หยุดมั๊ย”ผมเดินไปด้านหลัง คว้าผ้าขนหนูในมือพี่ปักษามาแล้วเขย่งตัวไปเช็ดผมให้... พี่น็อตหัวเราะแล้วหาเก้าอี้มานั่งแทน
   “บอกหมอน้ำฝนไปดิ ถ้าไม่ให้พี่น็อตหยุด ผมจะจับไอ้เมฆไปขังลืมเลย”พี่น็อตหัวเราะอีกแล้ว ก่อนจะเงยหน้ามาโน้มคอผมลงไปจูบ...
   “อืม...”
   “พี่น็อต... ผมรักพี่นะครับ คุณหมอปักษาของผม”ผมก้มลงกระซิบข้างๆหู ก่อนที่พี่ปักษาจะเดินไปที่เตียง...
   “ต้นน้ำครับ  ผมก็รักต้นน้ำเหมือนกันนะ”ผมเดินตามไปที่เตียงก่อนจะขึ้นคล่อมอีกฝ่าย...
   “ผมบอกแล้วไง... ว่าเรื่องบนเตียงน่ะ ยังไงผมก็แมนกว่าพี่อยู่ดี...”ผมยิ้มก่อนจะก้มลงไปประจูบจูบกับพี่น็อตที่นอนรออยู่แล้ว...

   อาจจะดูแปลกประหลาดที่คู่ของผมมันจะไม่เหมือนกับคู่อื่นๆ แต่ผมก็พอใจที่ความรักของผมเป็นแบบนี้... เวลาอยู่นอกบ้านผมอาจจะยอมพี่ปักษาให้คอยดูแลผม แต่ถ้าอยู่ในบ้านล่ะก็... ผมก็จัดหนักเหมือนกันนะครับ ^^


---------------------------------------------------------------------------

เหลือคู่ เมฆากับน้ำฝนสินะ... งืมๆ  เอาเป็นว่าถ้ามีเม้นท์สักเม้นท์ให้วันนี้ เดี๋ยวดึกๆจะอัพเพิ่ม... ไม่งั้นก็พรุ่งนี้ //ทำหน้างง  ไปดีกว่าแฮะ- -
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่8-คำว่ารักฯ ต้นน้ำXปักษา (8/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 07-10-2012 18:15:31
เฮ้ยยย เมะหน้าสวย 5555พอนึกภาพแล้วเขินเลย

น่ารักทุกคู่เลยอ่า ชอบๆๆ แล้วจะรออัพเพิ่มน้าาา

คุณหมอน็อตเวลาอยู่ข้างนอกคงแมนมากอะ แต่เคะบนเตียงง

อ๊ายยยย  รอตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่9-คำว่ารักฯ เมฆาXน้ำฝน (8/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 08-10-2012 15:27:34
                                                                           เรื่องที่9

                                                                คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!

                                                                        เมฆาXน้ำฝน


         ผมยืนอยู่หน้าบริษัทที่จะมาทดลองงาน...  ตำแหน่งที่ผมจะทำเหรอครับ... ยังไม่รู้เลย... อ่อ... ผมยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ผมชื่อเมฆ ชื่อจริงคือเมฆา  ที่บ้านทำธุรกิจพวกสารเคมีและก็ยาต่างๆ  ที่จริงพ่อก็กะจะให้ผมไปบริหารงานต่อนั่นแหละ แต่ผมต่อรองของมาทดลองทำงานก่อน จะได้ฝึกฝนตัวเองไปในตัว... พ่อผมก็เข้าใจดีครับ ถือว่าโชคดีไป...
   “สวัสดีครับ... ผมมาจากมหาลัย... จะมาทดลองงานครับ”ผมเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร ถูกว่าหรูเอาเรื่อง...
   “อ้าว... เจ้าเมฆ มาฝึกงานเหรอ มานี่เลย ตามน้ามา”น้าผมเป็นหัวหน้าแผนกอยู่ที่บริษัทนี้ จริงๆก็ไม่ใช่หัวหน้าแผนกหรอกครับ เป็นเจ้าของบริษัทต่างหาก แต่น้าผมเขาไม่ชอบ เลยให้พี่ชายคนโตบริหารแล้วตัวเขาก็ลดขั้นตัวเองมาเป็นแค่หัวหน้าแผนก... ผมถึงได้สิทธิ์มาฝึกงานที่นี้เลยยังไงล่ะครับ
   “เอ้า! เดี๋ยวเรามาฝึกงานที่แผนกนี้นะ... เอ...”น้าผมหันไปมองรอบๆก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งให้ออกมาหา
   “ฝน... ไอ้น้ำฝน  ไม่มาหักเงินเดือน”ครับ... ประโยคหลังประโยคเดียว คนที่น้าผมเรียกก็แทบจะโยนงานทิ้งแล้ววิ่งมาหาทันที
   “แฮะๆ... หัวหน้าก็... ผมมาแล้วครับ”พี่น้ำฝนยิ้มเจือๆ แล้วอ้อนน้าผมต่อ
   “เอานี้... หลานฉัน ชื่อเจ้าเมฆ จะมาฝึกงานสักเดือนหนึ่ง  ฝากดูแลด้วยล่ะ”แล้วน้าผมก็ผลักผมให้ไปหาคนที่ยืนรออยู่
   “โอ๊ะ! หัวหน้า... ถ้าน้องเขาล้มไปนี้เจ็บนะครับ”พี่น้ำฝนบอก... ผมเพิ่งได้สังเกตหน้าพี่น้ำฝนดีๆ... ก็หน้าดูดีครับ... ไม่เข้มแต่ก็ไม่หวานเท่าไอ้ท่อง...   รูปร่างก็โอเคสูงพอๆกับผมแต่มันจะผอมกว่าหน่อย
   “ฉันรู้ว่าแกพยุงไหว... ฉันไปทำงานล่ะ เมฆดูแลตัวเองด้วยนะ มีอะไรก็ไปหาน้าได้ เดี๋ญวน้าจะขึ้นไปคุยงานกับประธานก่อน”ผมพยักหน้ารับแล้วน้าเมฆก็เดินออกไป ส่วนผมก็ถอยออกมาเว้นระยะกับพี่น้ำฝนสักนิด ก่อนจะยกมือไหว้พี่เขา
   “หวัดดีครับพี่น้ำฝน ผมฝากตัวด้วยนะครับ”
   “โอ๊ย! ไม่ต้องฝงต้องฝากหรอก พี่ไม่ใช่ธนาคาร...”พี่น้ำฝนยิ้มตอบ ประโยคเมื่อกี้พี่แกตั้งใจกวนนะครับ  แต่ด้วยน้ำเสียงที่พี่น้ำฝนพูดออกมา มันก็เลยดูไม่กวนมากเท่าที่ควร 
   “โถ่! พี่น้ำฝนอ่ะ”ผมยิ้มให้พี่เขาก่อนที่พี่น้ำฝนจะพาผมไปแนะนำตัวกับคนในแผนก
   “นี่ก็เที่ยงแล้ว... เดี๋ยวพี่พาเราไปเลี้ยงข้าวแล้วกัน...”พี่น้ำฝนพาผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนถึงร้านอาหารใกล้ๆบริษัท  ก็จำพวกข้าวราดแกง อาหารตามสั่งล่ะครับ
   “เจ้านี้อร่อยนะ... เดี๋ยวพี่ไปตักน้ำมาให้”พี่น้ำฝนบอกก่อนจะลุกไปตักน้ำที่อยู่ข้างๆผนังร้าน  ผมสั่งผัดผักกับแกงเขียวหวานราดข้าว  รสชาติก็... อร่อยดีครับ
   “อะไรเนี่ย... อิ่มแล้วเหรอ กินไปนิดเดียวเอง”พี่น้ำฝนมองข้าวในจานผมที่พร่องไปไม่เยอะ
   “โหพี่ครับ... เยอะจะตาย ผมจะไปกินหมดได้ไงล่ะ”
   “อะไร... ปกติพี่มากินกับเพื่อนนี้ถึงกับต้องสั่งเบิ้ลเลยนะ... ไม่น่าเชื่อ พี่นึกว่าอ้วนๆอย่างเราจะกินเยอะกว่านี้ซะอีก”พี่น้ำฝนตักข้าวในจานเข้าปากแล้วยิ้มนิดๆ
   “พี่น้ำฝน! ผมไม่ได้อ้วนนะ... แล้วก็ไม่ได้กินเยอะด้วย...”ผมเบ้ปากก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน
   “เฮ้ย! ไอ้คิม”ผมกวักมือเรียกคิมหันต์... ก็น้องของไอ้เที่ยวไงครับ แล้วก็แฟนของไอ้เหมันต์เพื่อนผมด้วย... คิมหันต์มองมาที่ผม ผมเพิ่งสังเกตว่าข้างๆคิมหันต์มีเพื่อนเดินตามมาด้วยอีกสองคน
   “พี่เมฆ โห... มาไงไปไงเนี่ย ฝึกงานแถวนี้เหรอ”คิมหันต์เริ่มทักผมก่อน
   “อืม... บริษัทนั่นอ่ะแหละ นี้พี่ที่ฝึกงานเขาก็พามาเลี้ยงข้าว”ผมพยักเพยินไปที่พี่น้ำฝนที่ก้มหน้ากินข้าวอยู่
   “อ้าว... พี่น้ำฝนนี่เอง... น้ำค้างมันเอาข้าวมาให้อ่ะ... แต่หาพี่ไม่เจอ เดี๋ยวมันคงตามออกมามั้ง”คิมหันไปพูด... สองคนนี่รู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย...  แล้วไม่นานเพื่อนของคิมอีกคนที่ชื่อน้ำค้างก็เดินเข้ามา
   “น้ำค้าง... ไม่มีเรียนหรือไง หืม...”พี่น้ำฝนพูดเสียงเรียบๆ  น้องน้ำค้างส่ายหน้าแล้วเดินมานั่งข้างๆกัน
   “ตกลงพี่น้ำฝนนี้เป็นพี่ของน้ำค้างเหรอครับ”ผมถาม พี่น้ำฝนพยักหน้าก่อนจะรวบช้อน
   “พี่อิ่มแล้วนะ... พี่กลับก่อนนะคิม... เอ กับพายด้วย  น้ำค้างอย่ากลับบ้านดึกล่ะ วันนี้พี่รอกินข้าวนะ”พี่น้ำฝนหันไปล่ำลากับรุ่นน้องทุกคน ก่อนจะหันมามองผม
   “จะได้เวลาเข้างานช่วงบ่ายแล้ว รีบไปเถอะ พี่ต้องบอกงานกับเราอีกเยอะเลยนะ”พี่น้ำฝนเดินไปจ่ายเงินแล้วเดินนำผมกลับไป... ก็ลัดเลาะกลับไปทางเดิมล่ะครับ...

   จากวันแรกนี้ก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วครับ การฝึกงานของผมก็เป็นไปได้ด้วยดี... ผมกับพี่ฝนก็ดูจะมีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่าง... แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกพี่เขาไป... ก็นะ... ไม่ใช่เรื่องที่น่าบอกสักหน่อย ถึงที่บ้านผมจะยอมรับแล้วก็เหอะ... แต่อยู่ดีๆใครจะกล้าบอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นเกย์ล่ะ  วันนี้ผมก็นัดไอ้เพื่อนๆในแก๊งค์ให้มาเลี้ยงฉลองกัน ในโอกาสอะไรเหรอครับ ก็โอกาสอยากแดกเหล้าไงล่ะ... สามทุ่มพอดิบพอดี ทุกคนทยอยกันเดินเข้ามา ไอ้คุณชายเหมันต์เดินเข้ามาพร้อมน้องรหัสของมันที่ตอนนี้อยู่ปี3  คิมหันต์ ได้ข่าวว่าปีนี้มันเป็นพี่ว๊าก กวนตีนแล้วก็โหดพอๆกับไอ้คุณชายเหล่ะครับ   สมแล้วที่เป็นแฟนกัน อีกคู่ไอ้เที่ยวเดินเข้ามาพร้อมๆกับพยุงไอ้ท่องเข้ามาด้วย ไอ้เที่ยวให้เหตุผลกวนตีนว่าป้องกันไม่ให้คนอื่นมาแย่งไอ้ท่องไปตอนฝึกงาน... มันเลยทำให้ไอ้ท่องเดินไม่ไหวเลยซะงั้น น่าโดดถีบนะครับ... ไอ้สุดท้ายครับ เดินเข้ามาพร้อมพี่คนแรก คู่นี้ก็ตกล่องปล่องชิ้นกันไปเมื่อปีที่แล้ว ไม่รู้ไปรักกันอีท่าไหน รู้แต่ว่าหลังจากที่มันคบกันแล้วไอ้สุดท้ายมันไม่มามหาลัยอีกเลย 1 อาทิตย์  คนสุดท้ายที่เดินตามเข้ามาคือไอ้ต้นน้ำ  ไม่ต้องมองหาคู่ครับ มันยังโสด โดยมันก็ให้เหตุผลกวนๆว่ามันหน้าหวาน แต่มันไม่อยากรับ ถ้าไม่ได้รุก มันก็จะไม่คบใคร... ทีนี้ก็ครบถ้วนกระบวนความ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลถูกป้อนใส่ปากอย่างไม่มียั้ง มื้อนี้ไอ้คุณชายเหเลี้ยง พวกผมก็สะดวกสิครับ...
   “เออ... ไอ้เมฆ งานมึงเป็นไงวะ”ต้นน้ำครับ เปิดเรื่องคุย..
   “ก็สนุกดีอ่ะ แต่ถ้าจบแล้วไงก็คงต้องไปทำงานกับพ่ออยู่ดี... อาจของทำแผนกที่ชอบ ไม่เป็นผู้บริหารหรอก”ผมก็ตอบไปตามความคิด... ทุกคนในนี้เข้าใจหมดล่ะครับ ก็แต่ละคน บ้านรวยกันนักนี้ ถึงจะทำตัวจนๆกันก็เหอะ... ไอ้คุณชายเหมันต์บ้านมันทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกโรงแรม  มีครอบครัวของคิมหันต์มาช่วยเกี่ยวกับการออกแบบภายใน  ไอ้เที่ยวบ้านมันก็ทำเกี่ยวกับอาหารแช่แข็งสำเร็จรูป  ไอ้ท่องยิ่งแล้วใหญ่ธุรกิจเสื้อผ้ามาแรง... จะเบาๆก็คงไอ้สุดท้ายที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้านจัดสรร   แต่ก็ได้มือดีอย่างพี่คนแรกมาช่วยออกแบบ...  ส่วนไอ้ต้นน้ำ บ้านมันไม่ได้ทำธุรกิจอะไรหรอกครับ แต่แค่เงินปันผลธุรกิจจากหุ้นที่พ่อกับแม่มันซื้อไว้ก็ถือว่าร่ำรวยเอาการ
   “แล้วเมื่อไรจะมีแฟนวะ”ไอ้ต้นน้ำที่หน้าแดงกรึ่มๆถามทำเอาผมสะอึก
   “ควายแล้วไอ้ต้น ถามเรื่องงานอยู่ดีๆ ไมพลิกมาเรื่องแฟนได้วะเนี่ย”ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ... ไม่อยากเมามากถึงนานๆทีไอ้เหมันจะเลี้ยงก็เถอะ แต่พรุ่งนี้ผมมีงานรออยู่
   “เหอะหน่า... สายกูบอกมาว่า มึงจีบรุ่นพี่ที่บริษัทอยู่เหรอวะ”เสียงฮาครืนดังจากทั่วโต๊ะ  ผมมองหน้าไอ้คนพูดก่อนจะกัดฟันกรอด
   “ไอ้ควายต้น ถ้ามึงยังอยากเก็บปากไว้แดกเหล้าก็หุบปากซะ”
   “พี่เมฆๆ  รุ่นพี่คนนั้นอ่ะ... พี่น้ำฝนเปล่า”คิมหันต์ที่เริ่มเมาๆหันมายักคิ้วให้ผม
   “ไอ้คุณชายเห  พับเมียมึงยัดใส่กระเป๋าไปเลย กูขอร้อง”แล้วเสียงโหฮาก็ดังสนั่น   ตกลงผมมาแดกเหล้าหรือมาให้พวกมันรุมวะเนี่ย
   “อ้าว...  เมฆ... พอดีเลย... มาเที่ยวกันเพื่อนเหรอ”เสียงคุ้นหูทำให้ผมกลับไปมอง... พี่ฝนเดินมากับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง  ดูเหมือนจะมากินเหล้าเหมือนกัน
   “เปล่าคร้าบ~ ผมเป็นพ่อมันน่ะ”เสียงไอ้สุดท้ายตะโกนขึ้นมา ผมหันไปเขม่นมันสักหนึ่งทีก่อนจะโค้งหัวให้พี่คนแรกที่ดึงไอ้สุดท้ายไปปิดปาก... ถึงจะปิดด้วยปากพี่คนแรกก็เถอะนะ...
   “ครับพี่... แล้วพี่อ่ะ... เพื่อนที่มหาลัยเหรอ”ผมถามกลับ พี่ฝนพยักหน้าก่อนจะขอตัวแยกไปหาโต๊ะนั่ง ซึ่งโต๊ะนั้นมันก็ไม่ไกลจากโต๊ะผมเท่าไร
   “โห... มึงชอบพี่เขาเหรอวะ... ใครรุกใครรับวะเนี่ย ขนาดตัวพอๆกันเลย”ไอ้เที่ยวแซวครับ ผมหันกลับไปด่ามัน
   “สัด...”เต็มๆครับ... ไอ้เที่ยวหัวเราะร่าก่อนจะคว้าแก้วเหล้าไปกระดกต่อ 
   ผมกับพวกมันกินกันต่อจนเกือบเที่ยงคืนก็พากันแยกย้ายครับ หันไปดูอีกโต๊ะหนึ่งก็กำลังทยอยกลับกันพอดี... ดูสภาพพี่ฝนแล้วก็เมาโคตรๆครับ 
   “ไอ้เมฆ... อย่าช้า โอกาสมึงแล้วไง ไปดิ”ไอ้เหมันต์ครับ สะกิดบอกผม
   “ไปเหอะหน่า... กูกับไอ้เหก็ได้แฟนเพราะร้านเหล้าเหมือนกันแหละวะ มึงอย่าลืมดิ”ไอ้เที่ยวบอกก่อนจะหันไปโอบกอดคนในอ้อมแขนแน่น 
   “ควายเหอะมึง”ไอ้ท่องหันมาด่าเต็มๆครับ ผมก็ขำแล้วหันไปมองพี่น้ำฝนที่เดินเซไปเซมา
   “พี่น้ำฝน ผมช่วยนะครับ”แล้วผมก็เดินไปดึงตัวพี่ฝนให้ขึ้นมาเกาะไหล่ผม 
   “เดี๋ยวผมไปส่งพี่ฝนเองนะครับ”ผมหันไปบอกเพื่อนๆของพี่ฝนแล้วพยุงพี่เขาไปที่รถ... ก่อนจะพาพี่ฝนไปส่งบ้าน  แต่ดูเหมือนพี่เขาจะเมาจนเดินไปไม่ถูก ผมเลยต้องเสียสละอีกรอบแบกพี่น้ำฝนไปนอนบนห้อง
   “เฮ้อ~!”แบกมาถึงก็ล้มสิครับ ตัวพอๆกัน ถึงจะหนักน้อยกว่าก็เถอะ... ผมตั้งใจจะเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำสักหน่อยก่อนจะกลับ... หนักตาเหมือนกันครับ ดึกพอสมควรแล้ว... ระหว่างที่ผมเงยหน้าให้น้ำไหลออกไป ผมก็เหลือบไปเห็นขอบของรูปถ่ายที่ล้ำออกมาจากหลังตู้พอดี 
   “ทำไมต้องเอารูปมาไว้ในนี้ด้วยนะ”พี่น้ำฝนนี้ชอบทำอะไรแปลกๆแฮะ ผมเปิดออกมาดู ชอบยุ่งเรื่องชอบบ้านอ่ะครับ... แล้วผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อภาพทั้งหมดเป็นภาพของผม ในอิริยาบถต่างๆ ถึงว่าทำไมผมรู้สึกเหมือนมีแสงแฟลชเข้าตาเวลาเผลอๆอยู่เสมอ ที่แท้ก็เพราะคนๆนี้นี่เอง แต่ว่า... พี่น้ำฝนถ่ายรูปผมไว้ทำไมล่ะ
   “เห็นแล้วเหรอ...”เสียง... เสียงพี่น้ำฝนครับ  พี่น้ำฝนยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่  ในมือถือบุหรี่ที่จุดแล้วไว้... ไหนเมื่อกี้... พี่น้ำฝนเมาไม่ใช่เหรอวะเนี่ย
   “พี่... พี่เมาอยู่ไม่ใช่เหรอ”ผมถามครับ 
   “อืม... พี่เมา... แต่พี่เมาดิบว่ะ... รู้มั๊ยพี่ยังไม่ได้แตะเหล้าสักหยดเลย แล้วพี่จะเมาได้ไง”พี่น้ำฝนยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาหาผม
   “รู้มั๊ยทำไมพี่ถึงแอบถ่ายรูปเราเอาไว้น่ะ”ผมส่ายหน้าแล้วพยายามหาทางหนี... พี่น้ำฝนน่ากลัวมากครับตอนนี้... ไม่กล้าเข้าใกล้เลย
   “พี่รักเรานะ เมฆ”พี่น้ำฝนดึงตัวผมเข้าไปกอด  ก่อนจะบรรจงจูบเบาๆที่ริมฝีปากผมจนผมเคลิ้นไปเลย
   “แล้วเมฆล่ะ... รักพี่รึเปล่า”พี่น้ำฝนเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว... ผมเองก็คงต้องยอมรับใจตัวเองสักทีสินะ
   “ครับ... ผมก็รักพี่น้ำฝน”
   
   “อือ... พี่น้ำฝน ยะ...อย่า อือ... มะ.. ไม่เอานะพี่”ลิ้นร้อนที่บรรเลงเพลงรักอยู่ทำเอาผมเสียวสะท้าน... คนที่แกล้งเมาจับตัวผมพลิกก่อนจะไล่พรมจูบบนหลังกว้าง...
   “พี่น้ำฝน... พะ... พอก่อน”มือของผมจิกผ้าปูที่นอนแน่น พี่น้ำฝนยังคงไล้ลิ้นมาเรื่อยๆจนถึงด้านหลังของผม  พี่น้ำฝนหันมามองหน้าผมที่หลับตาแน่นเพราะความเสียวก่อนจะไล่เลียช่องทางนั้นจนมันเต้นตุบๆ
   “อือ... พี่...ฮะ... พี่น้ำฝน”นิ้วเรียวถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางจนผมบิดเกร็ง  ผมเองก็อายุ20กว่าแล้ว จะบอกว่าไม่เคยมีอะไรกับแฟนเลยก็คงไม่ใช่ แต่ครั้งสุดท้ายของผมมันเมื่อตอนม.6 ผ่านมาตั้ง 4 ปีแล้ว อะไรๆมันก็ดูไม่ค่อยชินทั้งนั้นแหละครับ
   “ไม่ต้องเกร็งนะ...”พี่น้ำฝนบอกก่อนจะค่อยๆแทรกกายผ่านเข้ามา 
   “อุก... พี่น้ำฝน... หยุด... พอก่อน”ผมร้องครางครับ  มันทั้งแน่นทั้งจุก  น้ำตาไหลพรากเลย... พี่น้ำฝนโน้นตัวลงมาจูบเบาๆ รอจนผมนิ่งลงแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้าไปต่อจนสุด...
   “อ๊า...  พี่น้ำฝน...  ลึก... ฮ๊า... ลึกอีก”ผมร้องคราง  พี่น้ำฝนพลิกตัวผมให้หันกลับมาก่อนจะไล่พรมจูบบริเวณหน้าอกผมจนแดงช้ำไปหมด  นิ้วของผมก็ข่วงหลังพี่น้ำฝน...
   “เมฆ... อืม... จริงด้วย... ไม่อ้วนสักหน่อยเนอะ”พี่น้ำฝนเอามือลูบหน้าท้องผมเบาๆ ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมองค้อน
   “ก็ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้อะ... อือออ~”พี่น้ำฝนครับ ดันเข้าออกเร็วกว่าเดิมทำเอาผมที่กำลังจะพูดต้องร้องครางแทนโดยปริยาย
   “หึหึ... เมฆนี่น่ารักจริงๆ สมแล้วที่พี่หลงรัก”พี่น้ำฝนโอบกอดผมเอาไว้ก่อนจะเด้งเอวเร็วขึ้น
   “อ๊ะ... พี่น้ำฝน ผม... ผมจะไปแล้ว อ๊า...”และแล้วน้ำใสๆของผมก็พุ่งทะลายออกมา พี่น้ำฝนกระแทกเข้ามาอีกสองสามครั้งก็หยุดพักไป... เพลียครับ ความคิดที่จะกลับบ้านเป็นอันต้องพังทลาย... หมดเรี่ยวแรงนอนแผ่เป็นปลาหมึกตากแห้งเลยครับ
   “เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ... นอนไปก่อนแล้วกัน”ขอผมหลับเลยแล้วกันนะครับพี่ฝน...

   [fon talk]
   ผมมองรุ่นน้องตรงที่หน้าผล็อยหลับไปโดยที่ยังไม่แต่งตัวให้มิดชิดเลยสักชิ้น ทำเอาผมยิ้มขำ  มือข้างหนึ่งผมก็เช็ดตัวไป ส่วนอีกข้างผมก็กดโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่ง
   “เออ... มีไรวะไอ้ฝน”
   “เปล่า กูแค่จะโทรมาขอบใจ แผนมึงเยี่ยมมากเลยว่ะไอ้น็อต”ผมหัวเราะในลำคอ เจ้าตัวดีตรงหน้านี่จะรู้มั๊ยนะว่าโดนหลอกเข้าเต็มๆ
   “แสดงว่ามึงคุยกับน้องเขารู้เรื่องแล้วสินะ”
   “เออ... คุยทั้งปากคุยทั้งตัวเลยล่ะว่ะ  อ่อ... อีกอย่าง ฝากขอบใจแฟนน้องคิมหันต์ด้วยนะ... ที่ช่วยทำให้แผนกูสำเร็จน่ะ”ผมพูดแล้วอีกมือก็ลูบไล้ผ่านยอดอกของคนที่นอนหลับไปแล้ว เรียกเสียงครางหวานหูให้ผมได้อีกระลอก
   “ได้ๆ... ถ้าพรุ่งนี้มันเข้ามาฝึกงานที่บริษัทอ่ะนะ มึงเหอะ... ดูแลน้องเขาดีๆด้วย ก็นอนก่อนล่ะ ง่วงชิบหาย”แล้วมันก็ตัดสายไป... ใช่ครับ เหมันต์หรือแฟนของคิมหันต์มันคือเด็กฝึกงานที่บริษัทเพื่อนผมพอดี โดยที่เมฆเองก็คงไม่รู้เหมือนกัน  ผมเช็ดตัวให้คนตรงหน้าเสร็จก่อนจะจับใส่เสื้อใส่กางเกงแล้วตัวผมเองก็มุดลงไปนอนข้างๆน้องเขา
   “ฝันดีนะครับ... น้องเมฆ  พี่น้ำฝนรักน้องเมฆนะครับ”ผมกระซิบเบาๆก่อนจะได้เสียงพึมพำเบาๆให้ผมอมยิ้มอีกรอบ
   “งืม...  เมฆก็รักพี่น้ำฝนครับ”

   แล้วแบบนี้... ใครจะอดใจไม่รักไหวล่ะครับ  ผมฉวยโอกาสหอมแก้มน้องเขาอีกครั้งก่อนนอน แล้วดึงตัวเมฆมาอยู่ในอ้อมกอด... ใช่แล้ว...  สำหรับผม ถ้าไม่มีเมฆ แล้วจะมีน้ำฝนได้ยังไงล่ะเนอะ...  รึไม่จริง ?


----------------------------------------------------------------------------------

ลงครบทุกคู่แล้วนะครับ   เดี๋ยวจะลงตอนรวมคู่ของซีรีย์นี้ให้แล้วจะตามด้วยตอนพิเศษของแต่ละคู่ครับ  ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่10-ก็แค่นางฟ้า... ของผม (10/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 10-10-2012 12:29:13
                                                                         เรื่องที่10

                                                              ก็แค่นางฟ้า... ของผม




         มีคนบอกว่าผมเลว... มีคนบอกว่าผมร่าน... ผมก็แค่คนๆหนึ่งที่เกลียดความรักก็เท่านั้นเอง...

   หลายคนบอกว่าเขาร่าน มั่วไม่เลือก... ทำไม... ผมกลับเห็นเขาเป็นแค่คนขี้เหงาที่กลัวการมีความรัก... เหมือนนางฟ้าที่ถูกปฏิบัติราวกับว่าเป็นมารร้าย...

   ร่างบอบบางในเสื้อโค้ทหนาเดินกระชับร่างให้อบอุ่นในช่วงปีใหม่ปีนี้... เพราะเขาไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตน ดังนั้นในวันปีใหม่ที่ทุกคนต่างอยู่กับคนรัก ก็คงมีแต่เขาเท่านั้นแหละที่เดินเล่นอยู่ในซอยเปลี่ยนที่มีแค่หมากับแมววิ่งผ่านไปผ่านมา
   “ฮะ... ฮัดเช้ย!”ร่างบางสะดุ้งกับเสียงจามที่ดังมาด้านหลัง ก่อนจะรีบหันกลับไปมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เดินตามมาทีหลัง ดูๆไปแล้วคงไม่ได้ตั้งใจเดินตามเขามาหรอก  ร่างบางค้นของในกระเป๋าเป้ใบโตยืนนิ่งปล่อยจังหวะให้อีกฝ่ายเกือบจะเดินแซงหน้า
   “นี่คุณ...”เสียงเรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมามอง ร่างบางยื่นผ้าพันคอสีดำสนิทหอมกรุ่นกลิ่นซากุระที่เจ้าตัวชอบพรมฉีดให้ทั่วผ้าพันคอ
   “เอาไปใช้สิ อากาศมันหนาว  เสื้อกันหนาวตัวแค่นั้นคงเอาไม่อยู่หรอก”ร่างบางส่งผ้าพันคอให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินนำออกมา ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนงงและพอคิดได้ก็ระบายยิ้มอ่อนโยนตามหลังมา
   
   บริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง  ไฟดวงเล็กๆในห้องทำงานของประธานยังเปิดสว่างในขณะที่บริษัทอื่นๆนั้นถูกดับลงตั้งแต่หัวค่ำ นาฬิกาบอกเวลาเกือบตีหนึ่ง  ชายหนุ่มบิดขี้เกียจก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะทำงาน  มือเอื้อมปิดแฟ้มแล้วผลักไสมันออกไปห่างตัว  เขาทำงานมาสองวันติดแล้ว  คงมีแค่ช่วงหัวค่ำล่ะมั้งที่เขาได้มีโอกาสแวะออกไปซื้อของที่หน้าปากซอย  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาแค่สิบนาทีเขาจะได้พบกับใครคนที่สวย... สวยเหมือนกับนางฟ้าเลยทีเดียว
   มือแกร่งคว้าผ่าพันคอสีดำที่ตนได้มามาหนุนกอด  ทั้งหอมแล้วก็นุ่ม... เจ้าของผ้าพันคอผืนนี้ล่ะ จะทั้งหอมทั้งนิ่มแบบนี้เหมือนกันรึเปล่า... แค่ได้คิด รอยยิ้มก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหนุ่มหล่อทันที ดูท่าว่า... หัวใจดวงน้อยๆนี้คงจะมีคนจับจองซะแล้วล่ะมั้ง...


   ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มในห้องรับแขก...  ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรื่อถอนหายใจก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟา  เขาเหนื่อย... ด้วยใบหน้าและรูปร่างที่เป็นที่สะดุดตากว่าชาวบ้านทั่วไปแล้ว  ชื่อเสียงของเขาก็ใช่ย่อย  ร่าน... มั่วไม่เลือก... มารร้าย... แล้วแต่คนจะสรรค์หามาเรียกกัน ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย เพียงแค่ถ้าถูกใจก็นอนด้วยแค่นั้น มันก็ไม่ได้ต่างจากวิสัยเกย์ปกติทั่วไปหรอกหรือ... ที่ต้องการคนมาปลดปล่อยด้วยในช่วงเวลาที่ไม่มีใคร  เพียงแค่เขาจะพิเศษกว่าคนอื่นๆตรงที่เขาไม่เคยคบใครจริงจัง แม้จะถูกใจแค่ไหนก็ตาม... ใช่ว่าเขาไม่อยาก... แต่เขาไม่อยากเจ็บ... เหมือนเมื่อสมัยที่มีรักครั้งแรก...
   “ไอ้นัน  อีกสี่วันก็วันปีใหม่แล้ว มึงไม่มีแพลตไปเที่ยวไหนเลยหรือไงวะ”เพื่อนชายร่างสูงใหญ่เดินมาทิ้วตัวลงที่โซฟาตัวข้างๆ
   “ม่ายอ่ะ  ถ้ามึงจะไปก็ไปเลย  เดี๋ยวกูอยู่เฝ้าห้องให้ ซื้อของมาฝากกูหน่อยก็ดีนะ”เขารีบตอบก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่าย
   “สัด  กูละเบื่อจริงๆ  ไม่เคยออกไปไหนกับชาวบ้านชาวช่องเขาล่ะ  ทำอย่างกับตัวเองเป็นกบในกะลา  เดี๋ยวกูว่ากูจะขึ้นเหนือกับกัดซะหน่อย  แล้วจะซื้อของมาให้แล้วกัน”
   “เออๆ ดูแลน้องกูดีๆล่ะ”นันกำลังพูดถึงฝาแฝดของเขา  จำกัด... บุคคลที่หล่อสง่าราวกับเทพบุตรแต่กลับถูกฉุดลงมาเป็นแฟนกับเพื่อนเชี่ยๆของเขา ไอ้ประกอบ...
   “แน่นอน สาบานด้วยชื่อไอ้ประกอบเลยเอ้า!!”อีกฝ่ายเอามือทุบอกตัวเองราวกับจะบอกว่าให้เชื่อใจตนเองได้แน่นอน
   “เพราะชื่อมึงไง กูเลยไม่ไว้ใจน่ะ”เพื่อป้องกันตัวเอง เมื่อพูดจบนันหรืออนันต์ก็รีบลุกแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างไว แม้จะได้ยินเสียงเพื่อนสถบด่าตามมาก็ตาม... 
   นันมองหน้าตัวเองอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่  ช่วงนี้เขาไม่ค่อยอยากนอนกับใครเท่าไร  มันดูเหมือนไม่เป็นตัวเขาไปทุกที  อายุที่ใกล้ย่างเข้าเบจญเพศทุกๆขณะ  อีกแค่สี่วัน 31ธันวาของทุกปี  ทุกๆครั้งที่เขาจะอยู่คนเดียวเพราะมันเป็นแค่หนึ่งครั้งในรอบ365วันที่มีเขาคนเดียวที่ถือกำเนิดมา  และอีกสามนาทีต่อมา น้องของเขา จำกัดก็คลอดออกมาในเวลาของวันที่1 มกรา...
   “เฮ้ออ...  ช่างแม่ง ปีนี้นอนต้มมาม่าคนเดียวก็ได้วะ”นันตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมา  เดินสวนกับจำกัดที่เดินลงมาหาไอ้กอบ  จำกัดยิ้มน้อยๆให้พี่ชายฝาแฝดตัวเอง  นันยีหัวน้องตัวเองเบาๆแล้วก้าวขึ้นมานอนแผ่หลาในห้องของตัวเอง  ใจกลับคิดถึงผ้าพันคอผืนโปรดที่เขาลงทุนถักเอาไว้ใช้เอง แต่ตอนนี้กลับไปอยู่กับใครอีกคน
   “ถ้าใช้ไม่ดีนะ พ่อจะขยี้ให้เละเลย”แม้จะแปลกไปบ้าง เพราะตั้งแต่ที่เขาถักผ้าพันคอผืนนี้เสร็จ ไม่มีใครเลยที่เคยได้ยืมมัน แม้แต่จำกัดฝาแฝดของเหรือไอ้กอบเพื่อนสนิทโคตรๆของเขาก็ตาม  แต่เขากลับเอาให้กับชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นได้เพราะอีกฝ่ายจาม... ดูท่า... สมองเขาจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆสินะ  นันหัวเราะขำๆก่อนจะกลิ้นหลุดๆไปกลางเตียงแล้วหลับตาลงนอน  นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาเกือบตีสาม  เพลียดชะมัดเลย

   ร่างโปร่งของนันนั่งนิ่งในร้านกาแฟอย่างใช้ความคิด  งานตัวใหม่ที่เขาต้องทำส่งถูกเร่งเอาจากวันที่15มาเป็นวันที่3 ซึ่งมันคืออีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น  แล้วใครมันจะไปคิดออกทันวะเนี่ย...
   “คุณ... นัน... ดีใจจังครับที่ได้เจอคุณอีก”นันเงยหน้ามองก่อนจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นหนึ่งในคนที่เขาเคยนอนด้วย แต่เมื่อไรนั้นเขาเองก็จำไม่ได้เสียด้วยสิ
   “ผมต้องการสมาธิ ขอโทษนะครับ”นันพูดเสียงเรียบทำเอาอีกฝ่ายหน้าจ๋อย แต่ก็หันไปสั่งกาแฟร้อนมาสองแก้ว
   “กาแฟร้านนี้อร่อย คุณลองชิมดูสิครับ”ชายคนนั้นเลื่อนแก้วกาแฟมาให้  นันเงยหน้าขึ้นสบตาก่อนจะเบี่ยงสายตามองไปที่แก้วนมร้อยของตนที่เพิ่งพร่องไปไม่เท่าไรก่อนจะกล่าวขอบคุณ...
   “ขอบคุณครับ”นันพูดแบบขอไปทีก่อนจะหยิบกระดาษเอสี่ขึ้นมาร่างแบบไว้เล็กน้อยก่อนจะหยิบแก้วนมร้อนของตัวเองขึ้นมาจิบทิ้งให้เจ้าของแก้วกาแฟมองตามด้วยอารมณ์โหวงๆ 
   “งั้น... ผมขอตัวก่อนนะครับ”ฝ่ายตรงข้ามบอก 
   “เชิญครับ”ยิ้มตบท้ายให้อีกครั้งก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาร่างงานต่อ แม้จะมีกระดาษอีกเป็นสิบที่ถูกขยำทิ้งไปแล้วก็เถอะ

   ร่างสูงของหนุ่มหล่ออายุย่างเลขสามทำให้หลายคนมองด้วยความอิจฉา  เขาเดินไปที่เคาเตอร์ก่อนจะสั่งชาอุ่นๆมาดื่ม  สายตากวาดไปทั่วร้านแล้วสะดุดลงที่ใครคนหนึ่ง คนที่เขาไม่มีวันลืม...
   “สวัสดีครับ”เสียงนุ่มทักทาย แต่มันทำให้คนที่คิดงานไม่ออกถึงกับหัวเสีย
   “โอ๊ย! คุณจะอะไรนักหนาเนี่ย  ผมคิดงานไม่ออกอยู่นะ ทำไมถึงต้องเข้ามาทักกันบ่อยๆด้วยเนี่ย”ร่างบางปรี๊ดแตกทำให้อีกฝ่ายถึงกับเหวอ   สายตาเหลือบมองกระดาษที่อีกฝ่ายใช้ร่างแบบไว้เละก่อนก็พอเข้าใจ  คงเป็นช่างกราฟฟิคที่บริษัทไหนสักที่ล่ะมั้ง
   “โอ๋ๆ ขอโทษครับขอโทษ  ผมไม่คิดว่าคุณอารมณ์เสียอยู่ พอดีผมแค่อยากขอบคุณเรื่องผ้าพันคอเมื่อคืนน่ะครับ”เพราะคำว่าผ้าพันคอเพียงคำเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายที่หัวเสียอยู่เงยหน้าขึ้นมอง 
   “อ่อ... ไม่เป็นไร... แต่ถ้าจะให้ดีนั่งเงียบๆสักนิด ผมต้องการสมาธิมากๆ”ร่างบางบ่นงึมงำแล้วร่างแบบในมือต่อ  ดูท่าคงเป็นแบบโฆษณาตัวใหม่ล่ะมั้ง  ชายหนุ่มถือวิสาสะหยิบกระดาษที่ถูกขยำทิ้งหลายๆแผ่นมานั่งวิเคราะห์ว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไรกันแน่  ก่อนจะพบว่าอีกคนกำลังคิดธีมโฆษณาเกี่ยวกับวาเลนไทน์ที่จะถึงในอีกสองเดือนหน้านี่...
   “วาเลนไทน์เหรอ... ผมว่าไม่เห็นจะน่ายากสำหรับคนอย่างคุณเลยนะ”เสียงนุ่มหัวเราะก่อนจะทำให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมอง
   “ถ้ามันง่าย ผมคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอยู่แบบนี้หรอก”
   “ก็แล้วทำไมคุณไม่ลองมีความรักล่ะครับ เผื่อจะนึกออก”เสียงนุ่มแนะนำ
   “ไม่ล่ะ... ผมไม่อยากมีความรักหรอก  มีแต่ความผิดหวัง คุณคงไม่รู้ ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง  ผมเป็นเกย์แล้วส่วนใหญ่เกย์ก็ไม่ค่อยเจอรักแท้อยู่แล้วล่ะ”นันก้มหน้าพูดไม่มองอีกฝ่าย  เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมองเขายังไง เขาแค่พูดไปตามที่เขาคิด
   “คุณนี่พูดตรงจัง... แล้วคุณไม่อยากลองคบกับผมบ้างเหรอ”ร่างบางวางดินสอที่ใช้ร่างแบบลงแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มมุมปากบางๆ
   “คุณนี่ท่าจะบ้า  ผมถามหน่อย คุณรู้จักชื่อผมแล้วหรือไงถึงมาขอคบผมน่ะ”อีกฝ่ายที่ได้ฟังถึงกับหัวเราะแห้งๆ นั่นสิ เขาเองก็ยังไม่รู้จักชื่อร่างบางตรงหน้านี่จริงๆแหละ
   “โอเคๆ ผมชื่ออนันต์ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”ร่างบางเป็นฝ่ายพูดก่อน
   “ผมชื่ออานนท์ เรียกนนท์เฉยๆก็ได้ครับ”
   “ครับคุณนนท์  แต่เรื่องที่คุณอยากคบกับผมน่ะ ผมคงต้องปฏิเสธ  ผมไม่อยากเอาความรู้สึกของใครมาเล่น  มันคงเจ็บไม่น้อยเลยเวลาที่ผมไม่ต้องการความรู้สึกพวกนั้นของคุณแล้ว”นนท์ลองสังเกตแววตาของคนรู้จักคนใหม่ตรงหน้าที่ไหววูบเมื่อพูดถึงเรื่องของความรู้สึก
   “ผมอยากให้คุณคบกับผมจริงๆ ถึงจะเจ็บก็ไม่เป็นไร... งั้นวันนี้เราไปเดทกันดีกว่านะครับ”พูดจบก็เก็บกระดาษทุกแผ่นลงในกระเป๋าอีกฝ่ายก่อนจะฉุดลากแขนร่างบางให้ตามออกมา โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันปฏิเสธด้วยซ้ำ
   “เดี๋ยวๆ คุณนนท์... ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะ”เสียงปรามไม่มีผลต่อบุคคลที่ลากอีกฝ่ายไปถึงสนามเด็กเล่นใกล้ๆ
   “อยากเล่นรึเปล่า...”ไม่รอให้ตอบ นนท์กลับอุ้มอีกคนขึ้นมาอย่างง่ายดายแล้วปล่อยให้สไลด์ลงกับสไลด์เดอร์ของเด็ก แม้จะดูแปลกที่ผู้ชายสองคนอยู่ในสนามเด็กเล่น โดยมีผู้ชายที่ดูโตกว่าลากให้คนที่ตัวเล็กกว่าเล่นโน่นเล่นนี้ไปเรื่อยจนเนื้อตัวมอมแมมทั้งคู่  แต่คนที่หน้าบึ้งๆตอนแรกนั้น กลับเริ่มมีรอยยิ้มในตอนหลังและสนุกไปกับการเล่นของเล่นมากมายที่ไม่ได้เล่นมานานแสนนาน
   “คุณนนท์ ผมกลัวนะ”ไม้กระดกที่ไม่เด้งไปเด้งมาอย่างเคยเพราะคนตัวใหญ่กว่านั่งทับไม่ยอมขยับทำให้อีกคนลอยขึ้นสูง  เสียงหัวเราะแบบที่ไม่ค่อยได้ยินจากร่างบางดังออกมาพร้อมใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้ม  มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็น...
   เย็นมากแล้ว ทั้งสองคนนั่งอยู่บนชิงช้าในสนามเด็กเล่นที่เก่า โยกไปมาเบาๆให้ความรู้สึกสบายอกสบายใจ...  เสียงหัวใจเต้นแผ่วไม่รุนแรงเหมือนเวลาเจอที่คนชอบ  แต่อะไรบางอย่าง... กลับบอกแก่นันว่า คนที่อยู่ข้างๆตอนนี้... คือคนที่ใช่...
   “คุณนนท์... ผมคิดว่าถ้าคุณชอบผมจริงๆ ผมจะยอมคบกับคุณก็ได้... แต่ผมอยากให้คุณทำใจไว้บ้าง ถ้าคุณจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผม  ร่าน... มั่ว... เลว...”นันหยุดไปสักพักก่อนจะหันไปมองนนท์ที่นั่งฟังนิ่งๆ
   “ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ผมไม่กล้ามีความรักเพราะรักครั้งแรกของผม ถูกไอ้ผู้ชายเลวๆมันบอกกับผมว่าผมเป็นแค่ของเล่นของมัน  คุณรู้มั๊ย... ผมไม่กล้ามีความรักอีกเลยจากแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว... คุณเป็นคนแรกเลยนะเนี่ยที่ผมเล่าให้ฟังน่ะ”เสียงหัวเราะขื่นๆจากคนเล่าดังอย่างต่อเนื่อง
   “คุณรับผมได้มั๊ย ที่ผมไม่ได้เป็นคนดีอย่างหน้าตา  ไม่ได้เลิศเลอเหมือนเทพบุตรอะไรมากมาย”ก้อนสะอื้นเริ่มจุกที่ลำคอ  นนท์คว้าตัวอีกฝ่ายขึ้นมาประจันหน้า... นิ้วเรียวยาวปาดน้ำตาออกเบาๆ 
   “คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบมั๊ย”อีกฝ่ายถาม นันส่ายหน้า...
   “ผมก็ไม่เคยเชื่อ จนได้มาเจอคุณ...  ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นยังไง  ไม่สนว่าคุณเคยเป็นของใคร... ที่ผมสนตอนนี้คือผมต้องดูแลคุณให้ดีที่สุด”ริมฝีปากหนาก้มลงประทับจูบราวกับจะบอกว่านี้เป็นคำสัญญาที่เขาจะรักษามันตลอดไป...
   “รักนะครับ... นางฟ้าของผม”

   มีคนบอกว่าผมเลว... มีคนบอกว่าผมร่าน... แต่ผมไม่สนใจ  เพราะตอนนี้ผมมีแค่เขาเพียงคนเดียว...

หลายคนบอกว่าเขาร่าน มั่วไม่เลือก... ทำไม... ผมกลับเห็นเขาเป็นแค่นางฟ้าตัวน้อยๆที่ถูกใส่ร้ายจากปีศาจเหล่านั้น  นางฟ้า... ที่ผมต้องคอยปกป้องเขาให้ปลอดภัย...

                                                                      [THE END]

----------------------------------------------------------------------------------

มีใครอยากรู้เรื่องพรตกับต๊อก (ตัวประกอบจากผมเป็นคนบ้าฯ)มั๊ยครับ  นั่นแหละ... ตอนต่อไปของพระนางคู่นั้น  ยังแต่ไม่จบดี ท่าจะยาวเอาเรื่องอยู่นะครับ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 1 (11/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 11-10-2012 04:03:25
                                                                              เรื่องที่11

                                                               เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!



          ผมเป็นเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งครับ  เป็นโรงงานเกี่ยวกับพวก ICT อะไรประมาณนี้  จะถามว่าผมมาเล่าให้ฟังทำไมน่ะเหรอ...  จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอกครับ  แค่อยากให้ฟังขำๆน่ะ...
   “ไอ้ต๊อก แดกข้าวโว้ยยย!!” ครับ... นั่นชื่อผมเอง ผมเบนหน้าไปทางต้นเสียงที่เรียกก่อนจะพบใบหน้าเปื้อนที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ  ว่าแล้วก็ขอสักทีเพื่อความชื่นใจ
   “ครับพรตเมียที่น่ารัก แล้วลูกไปไหนล่ะ”ผมละมือจากงานตรงหน้า  งานอะไรเหรอครับ...  อ้าว! นี่ไม่รู้เหรอว่าผมลงมาทำงานอยู่กับพวกพนักงานน่ะ  โนๆ  ไม่ใช่ที่พวกคุณคิดครับ  ผมไม่ได้หวงค่าแรงขนาดนั้น  ผมแค่อยากมาดูแลพนักงานให้ทั่วถึง  อ่า... ยอมรับก็ได้ครับว่าไอ้พรตก็เป็นอีกหนึ่งทางที่ผมลงมาทำงานพวกนี้  แต่ก่อนที่พรตจะมาทำงานตามที่ผมชวน  ผมก็ลงมาทำเป็นปกติอยู่แล้วนะ!!
   “กูชื่อพรตเฉยๆ สัด!! เดี๋ยวกูจะแวะเอาข้าวไปให้ลุงค่อมกับก้อยก่อนแล้วค่อยมาเข้างานรอบบ่าย”พรตบอกเสียงกระตือรือร้น  ก่อนจะรีบคว้าห่อข่าวตรงกลับที่พัก
   “ไม่ต้องรีบก็ได้หน่าพรต  เจ้านายเขาให้มึงเข้างานกะบ่ายได้ไม่ต้องตรงเวลานี่”ผมท้วงพอเห็นมันรีบเก็บข้าวของเหมือนจะหนีระเบิดก็ไม่ปา...  ทั้งๆที่เจ้านายมัน... เอ่อ... ก็ผมนี่ล่ะ  อนุญาตให้มันเข้างานช้ากว่าคนอื่นได้ตามสบาย...
   “แค่เขารับกูมาทำงานนี้ก็บุญเท่าไรแล้ว  ไม่งั้นกูต้องนั่งขอทานอีกเป็นชาติ  ที่กูทำแค่นี้ยังตอบแทนอะไรเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”ว่าแล้วมันก็ผลุผลันออกไป  เอาล่ะ... ผมคิดว่าทุกคนคงงงกันแล้ว...  งั้นผมอธิบายเพิ่มอีกนิดว่าไอ้เจ้านายที่ว่าเนี่ยมันคือผม...  แล้วผมมานั่งทำงานกับลูกน้อง...  เจ้านายไม่เคยโผล่หัวมาให้พวกมันเห็น... รวมๆกันแล้วก็คือ ในโรงงานนี้ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นหัวหน้าพวกมันและเป็นเจ้าของโรงงานอีกด้วย  เริ่มเข้ารึยัง  ถ้ายังย้อนอ่านใหม่โล้ด  ผมไม่อธิบายซ้ำล่ะ!   ผมเช็ดมือเข้ากับกางเกงขาดๆก่อนจะเปิดฝาข้าวกล่องกิน  ห่อมันเขียนว่าข้าวหมุแดงใช่มั๊ย...  หลังจากเห็นสภาพในกล่องแล้วทำให้ผมต้องพลิกฝากล่องดูอีกครั้ง  เช้ดจริง! ข้าวหมูแดงมีแต่ข้าว แล้วหมุแดงผมล่ะ(วะ)ครับ!! 
   และแล้วมื้อสุดพิเศษที่มีแต่ข้าวกับน้ำหมูแดงบวกแตงอีกสองชิ้นเล็กๆก็ผ่านพ้นไป   เศรร้าจิตจริงๆ  สักวันผมจะไปถล่มร้านหมูแดง! ไม่ถึง20นาทีดี คนที่หายหัวไปก็โผล่มาให้ผมเห็นก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดว่าข้าวหมูแดงน้ำจิ้มไม่อร่อยเลย พอผมเลียบๆเคียงถามไปว่ามีหมูรึเปล่า มันเสือกตอบว่ามี! ครับ  แสดงว่าผมซวยคนเดียวสินะ หมุหายหัวได้ครับ  เฮ้อ!!  ไม่ถึงอีกสิบนาทีดี  เราสองคนต้องเข้างานพร้อมกันอีกครั้ง  ก่อนที่เลขาเจ้านายจะเดินมากวาดสายตาไปทั่ว
   “ต๊อก  เจ้านายเรียกแหนะ”ผมหันควับเลยครับ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ไอ้พรตแล้วลุกขึ้นเดินตามเลขาหนุ่มไป  โอเค! เจ้านายเรียกครับ  เจ้านาย... ก็ผมนี่ไง  ผมเรียกตัวผมเองนี่ล่ะ ฮาๆๆ  งงมั๊ย... ผมก็ชักจะงงแล้วล่ะ
   พอเข้ามาถึงห้องสุดหรูปั๊บ  แฟ้มงานอันบักเอ้กก็ถูกโยนโครมลงตรงหน้า
   “เอกสารที่มิสเตอร์อลันเร่งมาครับ  แล้วเย็นนี้มีนัดประชุมฝ่ายบริหารด้วย  พรุ่งนี้เช้านัดทานอาหารกับมิสเตอร์ชาง  กลางวันคุณนัทพงศ์จากบริษัทซีสกายล์จะมาเยี่ยมชมโรงงานนะครับ”ร่ายยาวแบบไม่พักครับ  ผมเงยหน้ามองเลขาหนุ่มที่หน้าหวานไม่เข้ากับนิสัย
   “โธ่!  ไม่ต้องทำเสียงโหดก็ได้คร้าบบบ  เดี๋ยวก็ยกให้เป็นเจ้านายซะเองเลยนี่ แค่ของลงไปทำงานกับคนอื่นๆแค่นั้นเอง  จะได้ดูแลงานไปในตัวไง...”ผมบอกเสียงอ่อยๆ   ก่อนจะได้รับสายตาเฉือดเฉือนกลับมา
   “แหม... ดีจริงนะครับ  ดูแลทั้งงานดูแลทั้งเมีย  ทำไมผมไม่โชคดีแบบนี้บ้างนะ”น้ำเสียงแดกดันที่ทำเอาผมชักไม่แน่ใจว่าใครเป็นเจ้านายลูกน้อง  แต่ก็อย่าใส่ใจครับ  จิกได้จิกไป กัดได้กัดไป  หน้าด้านซะอย่าง...  คนอย่างไอ้ต๊อกไม่หวั่นครับ!! ผมก้มหน้าอ่านรายละเอียดในเอกสารก่อนจะจรดปากกาลงเซ็นชื่อกำกับไว้ท้ายกระดาษ  ก่อนจะยื่นคืนให้คนที่ยืนรออยู่
   “อ่อ... ฝากไปบอกคุณชาติที่อยู่แผนกบัญชีด้วยว่าให้เข้ามาพบผม  ด่วนเลยนะ”เลขาหน้าสวยเดินออกไปแล้ว...  ผมถอดเสื้อช่างออกก่อนจะสวมสูททับ แล้วใส่แว่นอีกที  ทีนี้ผมก็กลายเป็นผู้บริหารไปแล้ว ฮะฮา... เป็นไงล่ะ  วิธีแปลงตัวของผม  ทำไมผมถึงไม่กลัวเขาจำได้น่ะเหรอ  ก็แผนกบัญชีไม่เคยลงมายุ่งกับพวกในโรงงานอยู่แล้ว  ผมจะกลัวไปทำไมกันเล่า!
   “สวัสดีครับ คุณตรัยรัช”ไม่นานคนที่ผมรอก็มาถึง  ผมพนักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสารที่ผมเห็นผิดสังเกตออกมาให้อีกฝ่ายดู
   “ผมเช็คยอดเงินของบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดู  ยอดเงินที่ใช้ในบริษัทจริงๆมันไม่ตรงกับจำนวนที่คุณแจ้งเอาไว้...  แล้วเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่ใช้ในโรงงาน  ผมลงไปเช็คดูแล้ว  ไม่เห็นจะมีเลย  มีแต่เอาไปซ่อมเท่านั้น  ผมให้เวลาคุณถึงแค่สรุปยอดรวมของเดือนนี้  คืออีกสองวัน  แก้ไขตัวเลขมาให้ถูกต้องซะ  ถ้ามันจะไม่ตรงอีกล่ะก็... ผมคิดว่าคุณคงรู้วิธีจัดการของผมใช่มั๊ย”ผมพูดเสียงเรียบก่อนจะได้ยินเสียงละลักละล่ำของอีกฝ่ายที่พูดมาอย่างคนกลัวความผิด
   “คะ... ครับ ผะ... ผมจะรีบเอาไปแก้ตัวเลขเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”ผมมองตามอีกฝ่ายที่เดินลิ่วออกไปจากห้องแล้วเลขาของผมก็เดินเข้ามา
   “รู้ตั้งแต่เมื่อไรเหรอครับ”
   “ก็... สักพักแล้วล่ะ  แค่รอดูว่าเขาจะแก้ตัวรึเปล่า  แต่นี้มันนานไปสักหน่อย  ก็เลยต้องเตือนกันบ้าง  คราวหน้าถ้ารู้อยู่แล้วก็อย่าถามสิ”ผมมองคนตรงหน้าแบบฉุดนิดๆ  หมอนี่ตามผมทันตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไร  แต่ก็เป็นมือดีคนหนึ่งในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงยังไม่ไล่เจ้าหมอนี่ออกไปสักทียังไงล่ะ! 
   “ไม่มีอะไรแล้วผมไปก่อนนะ  เดี๋ยวลูกน้องสงสัย”ผมถอดสูทออกก่อนจะสวมชุดช่างที่กองๆเอาไว้ใส่กลับเหมือนเดิม...  แอบได้ยินเสียงคนด้านหลังหัวเราะเบาๆ  ก่อนจะผายมืออย่างเชื้อเชิญ
   “ตามสบายเลยครับ  ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะครับต๊อก”แอบได้ยินมันนะ  แอบหัวเราะอีกแล้วใช่มั๊ย...
   ผมเดินกลับเข้ามาในโรงงาน  คนดีของผมโน่นครับ  นั่งทำอุปกรณ์อยู่โน่น...  ส่วนผมก็นั่งลงตรงส่วนเครื่องจักรก่อนจะลงมือรับชิ้นงานเข้ามาประกอบแล้วตรวจเช็คดู...
   “เฮ้ย!! ไอ้ทันมือติดในเครื่องโว้ย!!  ปิดเครื่องๆ  เร็วสิวะ”ผมได้ยินเสียงโหวกเหวกก่อนจะตามมาด้วยเสียงอื้ออึงจากชนชาวไทยมุง  ผมแทรกตัวเข้าไปมองดูก่อนจะปิดปากอุทานอย่างลืมตัว  มือของพนักงานคนหนึ่งติดในเครื่องที่ใช้ตรวจเช็คอุปกรณ์  เนื้อบริเวณผิวหนัวฉีกขาดลงลึกมากๆ  แถมเลือดอาบเลย   ผมแหวกตัวเข้าไปก่อนจะมองหาอะไรมาพอซับเลือดได้บ้าง...
   “เรียกรถพยาบาลสิวะ  ยืนซื่อทำพ่-องเหรอ   รอให้มันเลือดหมดตัวก่อนรึไง” ผมหันไปด่าครับ  ไอ้พรตได้สติคนแรก  มันกดมือถือยิกๆเลยครับ  พอผมเห็นแบบนั้นก็พยุงคนเจ็บออกมานอกโรงงาน  ก่อนจะกดโทรศัพท์โทรบอกเลขาว่ามีพนักงานบาดเจ็บอยู่  ทางนั้นก็รับคำจะเช็คเครื่องให้ดีว่ามีตรงไหนผิดพลาดรึเปล่า  ไม่นานรถพยาบาลก็มาครับ  ไอ้พรตวิ่งหน้าตื่นออกมาเลย  ก่อนจะมาพยุงคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลไป  พอมาถึงโรงพยาบาล  ไอ้ทันก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดครับ  เห็นมันร้องโอดโอยแล้วใจคอไม่ค่อยดีเท่าไร...   ผมก็บอกหมอไปครับว่าเท่าไรเท่ากัน  ให้รักษาให้ดีที่สุด แล้ว  จนรถเข็นลับตาไปแล้วนั่นแหละ ผมถึงนั่งลงอย่างอ่อนใจ
   “มึง... กูถามจริง  บอกหมดให้รักษาดีๆน่ะ  ถ้าไอ้เจ้าของโรงงานมันไปจ่ายขึ้นมา  มึงคิดว่าไอ้ทันจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายวะ”มันถามผม  ผมนั่งกุมมืออยู่เครียดๆไม่ตอบ  ใครจะจ่ายไม่จ่าย... ผมมีปัญญาจ่ายแล้วกัน  ลูกน้องผม โณงงานผม  แถมมันก็เพื่อนผม  ไม่ให้ผมเครียดไม่ให้ผมห่วงได้ไง...
   “ต๊อก... ทันถึงมือหมอแล้วหน่า...  ไม่ต้องเครียดแล้ว  นี่แค่เพื่อนนะ  ถ้าเป็นกูขึ้นมา  มึงไม่บ้าเลยเหรอ”มันถามเบาๆ  ส่วนผมน่ะเหรอครับ...
   “ถ้ามึงเป็นแบบนี้  ต่อให้กูมีแขนข้าวเดียว กูก็จะบอกให้หมอเอาแขนกูไปต่อให้มึง”ผมพูดเบาๆ  แต่ถ้าเป็นมันผมทำจริงๆนะ  ต่อให้ผมต้องกลายเป็นคนบ้าคนพิการหรืออะไรก็แล้วแต่... แต่มันต้องปกติ  ต้องดีทุกอย่าง  ผมไม่ยอมให้มันเป็นอะไรได้หรอก...
   “มึงนี่นะ... ห่วงแต่คนรอบข้าง  หัดห่วงตัวเองบ้างสิ  ลูกก็โตจนเรียนประถมแล้วเนี่ย”ผมกุมมือผมเบาๆแล้วเอนตัวลงพิงกับผม  ประมาณสองชั่วโมงให้หลังหมอคนเดิมก็เดินออกมาครับ  ผมนี่แทบจะถลาเข้าไปหาให้ได้ซะทีเดียวจนไอ้พรตต้องดึงๆฉุดๆผมเอาไว้เลย
   “โชคดีที่ไม่โดนเส้นประสาทนะครับ  หมอผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งแล้ว  คิดว่าคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นะครับ  แต่เดี๋ยวหมอจะรอดูอาการติดเชื้ออีกที คงต้องให้คนไข้นอนที่โรงพยาบาลอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรก็กลับบ้านได้ครับ”ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะมองเห็ฯพยาบาลเดินเข็นเตียงที่มีไอ้ทันนอนแบ็บอยู่ผ่านหน้าผมไป  ก่อนผ่านตัวผมไอ้ทันยังจับมือผมไว้เบาๆแล้วพูดกับผมเบาๆ  มันเป็ฯคำพูดที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยที่เป็นห่วงมันขนาดนี้
   “ขอบใจนะ...  มึงด้วยพรต  ฝากขอบคุณเจ้านายด้วย  ที่ยอมให้กูผ่าตัด  ถ้าไม่มีเจ้านายกูคงกลายเป็นคนพิการ”ไอ้ทันบอกครับ ผมพยักหน้ารับก่อนที่พยาบาลจะเข็นเตียงผ่านเลยไป...  ผมมองไอ้พรตที่เดินตามพยาบาลไปก่อนจะเดินไปที่เคาเตอร์ชำระเงิน
   “อ่า... ผมมาติดต่อชำระเงินของนายพิษณุครับ”ยืนรอไม่นานบิลแจ้งยอดการผ่าตัดโดยรวมก็ออกมา  เลขกี่หลักเหรอครับ... ก็เฉียดๆหกหลักน่ะครับ ผมจ่ายบัตรเครดิตไป  เดี๋ญวค่อยบอกเลขาให้หักจากรายได้บริษัทครับ  เหอๆ
   “ต๊อก  มาทำอะไรที่เคาเตอร์อ่ะ”พรตเดินลงมาหาผมครับ  ผมหันไปมองก่อนจะพับบิลใส่กระเป๋าโดยไว
   “อ่อ... แค่มาบอกว่าให้แจ้งยอดไปที่โรงงานน่ะ  ไอ้ทันเป็นไงบ้าง”ผมถามกลับออกแนวเปลี่ยนเรื่องอีกหน่อย  กันมันถามมาก  ไอ้พรตจับผิดได้ไวครับ  พิรุธนิดหน่อยเป็นเรื่องสิครับ!
   “กินยาแก้ปวดหลับไปแล้ว...  พวกเราก็กลับโรงงานเหอะ”มันชวน  ผมก็ไม่ว่าครับ  กลับก็กลับ  ไม่นานพวกเราก็กลับมายังโรงงานครับหลายคนก็เข้ามาถามไถ่อาการของทันว่าเป็นยังไงบ้างดีขึ้นมั๊ย...  ผมเลี่ยงให้ไอ้พรตตอบแทนครับก่อนจะเดินไปหาเลขาของผมที่ยืนคุมเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบเครื่องอยู่
   “เครื่องมันรวนน่ะ  ตอนพนักงานเอามือเข้าไป เครื่องมันก็เปิดเอง  ให้ช่างเขาดูให้อยู่  ไม่รู้เจ้านายจะให้ซื้อใหม่รึจะให้ซ่อม”มันเปรยๆครับ  ผมก็มองดูแล้ว  ก่อนจะเปรยกลับไปบ้าง
   “คิดว่าคงให้ซื้อใหม่มั้ง  ของไม่มีคุณภาพนี่หน่า...”ผมพยักหน้ารับรู้  เป็นอันรู้กันครับ  เดี๋ยวเลขาคนเก่งของผมก็ไปจัดการเองนั่นแหละ...      ผมผละออกไปทำงานต่อจนถึงเวลาเกือบสี่โมง เป็นเวลาเลิกงานของพรตพอดีเลยครับ... ผมแวะล้างไม้ล้างมือก่อนจะเดินไปหาที่รักของผม
   “พรตเมียร๊ากกก...  กูยังไม่กลับนะ  มึงไปรับก้อยก่อน  แล้วซื้อข้าวไปกินได้เลย  ตอนกลางวันเจ้านายยังเรียกคุยกับกูไม่จบ  เดี๋ยวต้องไปคุยต่ออ่ะ”ผมอ้อนขอกำลังใจครับ  เดี๋ยวต้องไปผจญมารอีก  ปวดหัวน่าดูชีวิตผม  ผมหอมแก้มมันซ้ายขวาเบาๆ ก่อนจะได้หมุดฮุคปล่อยใส่ท้องเป็นของตอนแทน  ถึงจะเจ็บแต่ก็คุ้มล่ะครับ
   “เดี๋ยวโดนๆ  รีบกลับล่ะ  เจ้านายเขาพิศวาสขาดใจอะไรมึงนะ เรียกได้ทุกวี่ทุกวัน แทนที่จะมาเรียกเองก็ไม่  ให้เลขามาเรียกอยู่เรื่อยเลย”เจ้านายก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ไง... ไม่งั้นจะให้เลขามาเรียกทำไมเล่า! โง่จัง... อ้าววุ้ย! ชักงง
   “งั้นต๊อกไปก่อนนะครับ  แล้วเจอกันที่บ้านนะ”ผมรีบเดินหนีไปหลังจากขโมยหอมแก้มมันได้อีกสองที  ฮ๊า! ชื่นใจ มีกำลังใจลุยงานต่อล่ะ  ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดใส่สูทก่อนจะเรียกให้เลขาของผมเตรียมเข้าประชุม  ไม่นานผมก็มานั่งอยู่หน้าโต๊ะประชุมเป็นที่เรียบร้อย  ผมนั่งฟังการประชุมอยู่นาน... มาก!! ฟังจนหูชาเลยทีเดียว  ก่อนจะบอกลากันทุกคนจนเสร็จ  แถมเลขาสุดขยับยังโยนงานกองใหญ่ลงบนโต๊ะประชุมที่ไม่มีคนให้ผมอีกสองแฟ้มใหญ่ๆ  มันกำลังจะฆ่าผมแล้วครับ! อยากร้องไห้... ผมอยากกลับไปกอดเมียแล้วน้าาาาาาาาา...
   “แล้วคุณนัทพงศ์ที่จะมาชมโรงงานน่ะ  มาตอนกี่โมงผมจะได้กะเวลาถูก”ผมถามก่อนจะปลดเนคไทออก  อึดอัดเป็นบ้าเลยแฮะ...
   “ราวๆบ่ายสองโมงมั้งครับ  พรุ่งนี้คุณอย่าลืมนัดทานอาหารเช้าด้วยนะครับ เจ็ดโมงตรงที่โรงแรมอลันดาวิดน่ะครับ”ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ  งานยุ้งยุ่ง  คนจะกอดเมียสักคืนสองคืนก็ไม่ได้... เฮ้อ... คิดถึงเมียมากมายครับ  อยากกอดลูกกอดเมีย  อ๊ากกก... ไม่ไหวแล้ว ยิ่งคิดยิ่งคิดถึง... อยากหายตัวกลับบ้านซะจริง  โดเรม่อนของประตูเคลื่อยย้านมิติทีเซ่!!!!
   ดูเหมือนเลขาหนุ่มจะรู้ว่าเจ้านายตัวเองใกล้บ้าขึ้นทุกขณะจึงยอมเอ่ยปากไล่ให้กลับบ้าน แต่ยังไม่วายกำชับเรื่องนัดในวันพรุ่งนี้  แต่แค่บอกว่ากลับบ้านได้  ใบหน้าของเจ้านายที่ทำท่าจะน้ำลายฟูมปากอยู่เป็นพักๆก็แจ่มใสขึ้นมาถนัดตา  คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเด็กถูกปล่อยตัวออกจากโรงเรียนยังไงอย่างงั้น  เลขาหมุ่นส่ายหน้าน้อยๆกับเจ้านายที่ทำตัวพิลึกพิลั่นก่อนจะตรวจเช็คเอกสารที่ถูกเซ็นอย่างละเอียด  แต่แค่สองนาทีที่ละสายตาจากคนตรงหน้า  เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที  ร่างสูงใหญ่ในชุดช่างก็หายไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว...
   “ไวจริงๆเลยเนอะ  มันน่าให้รางวัลรักครอบครัวดีเด่นจริงจริ๊ง... หัวหน้าใครเนี่ย!! เฮ้อ...” ก็ได้แค่บ่น  ส่วนคนที่ถูกพาดพิง  ตอนนี้ก็วิ่งมายืนหน้าบ้านพักตัวเองเรียบร้อย  ก่อนจขะหอบแฮกด้วยความเหนื่อยแสนเหนื่อย  เร็วยิ่งกว่าประตูทะลุมิติของโดเรม่อนซะอีก... 
   “ไอ้พร๊ตตตตตตตต   คิดถึงมึงจัง หอมที ฟอด! ฟอด!”ไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งหลัก  ผมก็โถมใส่แบบเต็มแรงก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาของไอ้คนที่ยืนหน้าแดงอยู่อย้างไม่อายใคร  บ้านของผมกับพรตอยู่ในสลัมเล็กๆแห่งหนึ่ง  หลังจากอพยพ ย้ายที่นอนมาจากข้างเสาไฟฟ้าพอมีเงินจ่ายค่าเช่าอยู่ได้บ้าง  โดยบ้านหลังนี้อาศัยกันทั้งสิ้นสี่ชีวิตได้แก่ ผม พรตหนูก้อยและลุงค่อม...
   “พ่อต๊อก...  พ่อพรตรอกินข้าวจนหนูหิวไปหมดแล้วนะ”เสียงเด็กสาวงอแงเบาๆตามอารมณ์ของความหิว  ก่อนที่ต๊อกจะเงยหน้ามองคนที่ทำให้ลูกต้องรอ
   “ก็บอกให้กินเลยไม่ต้องรอไง...”ดุเบาๆแบบไม่จริงจังอะไร  พรตก้มหน้าก่อนจะตอบแบบรู้สึกผิดนิดๆ...
   “ก็... อยากรอให้มากินด้วยกันมากกว่า”
   “แหมน่ารักจริง... ไปครับลูก  ไปกินข้าวกัน  วันนี้พ่อพรตทำอะไรให้กินน้า...”จูงมือลูกสาววัย9ขวบไปที่โต๊ะอาหารอย่างไม่รีรอ  ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกเก่าๆ
   “ลุงค่อม  กินข้าวมา  เดี๋ยวเย็นหมด”พรตส่งเสียงเรียกก่อนที่ร่างของชายแก่ๆจะเดินช้าๆมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว  ทั้งหมดก็เข้าสู่ช่วงเวลาของครอบครัวอันแสนอบอุ่น...  เสียงหัวเราะพร้อมกับการเล่าเรื่องที่เจอมาในแต่ละวันดังไม่หยุดจากร่างของเด็กสาวตัวเล็กที่ดูน่ารักขึ้นทุกๆวันทำให้ผู้เป็นพ่อทั้งสองคนยิ้มอย่างชื่นใจ  แค่เขาเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมาโดยไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้าแบบพวกเขา  แค่นั้นก็พอแล้ว... 
   “พรต...  อยากกอดมึงอ่ะ”เสียงพูดเบาๆดังจากด้านหลังคนที่กำลังล้านจานอยู่  พรตหันไปมองก่อนจะตีเบาๆมีมือที่สวมกอดอยู่บนเอวเขา
   “มึงก็กอดอยู่นี่ไง”คำตอบทำให้อีกผมถึงกับทำหน้ายู่ไม่พอใจ ก่อนจะซุกหน้าเข้าที่แผ่นหลังอีกฝ่าย
   “ต๊อกรู้ว่าพรตรู้ว่าต๊อกหมายความว่ายังไง...  นะครับ... ได้มั๊ย...”เสียงออดอ้อนที่พาเอาคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่เคลิ้มไปไม่น้อย...  แต่มันไม่ใช่กับคนที่รู้จักผมมาเกือบ12ปี  มีหรือหนูพรตจะยอม...
   “ต๊อก... มาข้างๆนี้”คนที่เอื้อมเก็บจานร้องบอก  ก่อนที่เจ้าของชื่อจะเดินมาข้างๆตามคำร้องขอ 
   “เอาไปแค่นี้ก่อนแล้วกัน...  เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานไม่ได้จะแย่เอา”แรงกอดหมับแรงๆที่ทำเอาผมที่ไม่ทันตั้งตัวเซถลา  เปรียบเทียบตัวกันแล้ว ทั้งผมและพรต  แทบจะสูงไม่ต่างกันแถมขนาดตัวก็พอๆกัน... มันเลยไม่ดูอ่อนโยนเท่าไรเวลาแสดงความรัก...  แต่มันก็ทำให้หัวใจของผมเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจอีกครั้งหนึ่ง...
   “ก็ได้...  ขอบคุณนะครับ  คนที่ผมรัก”หวานได้แค่นี้...  ก็อยู่กันมานานแล้วจะให้ทำตัวแหวนแหววเหมือนพวกข้าวใหม่ปลามันก็ใช่ที่  รู้ลึกรู้บางกันหมดแล้ว... ยกเว้นแต่เรื่องที่ทำงานเท่านั้นแหละ...  ได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้วสำหรับคนขี้อายอย่างพรต
   “อือ...  ผมก็รักเหมือนกัน”เสียงตอบเบาๆที่ออกดูจะเขินนิดหน่อยทำให้ผมอดยิ้มไม่ไหว... แค่เห็นคนตรงหน้ามีความสุข  ต่อให้ต้องขายโรงงานมาเป็นพนักงานกระจอกงอกง่อยเขาก็จะทำ... ถ้าได้อยู่ข้างคนนี้  จริงๆนะ!!
   “ไปนอนได้แล้วไป... ดึกแล้ว  เดี๋ยวก้อยจะรอให้พ่อพรตไปกอดจนไม่ยอมหลับยอมนอนพอดี”ว่าแล้วก็คว้ามือเปียกๆของอีกฝ่ายมากุมก่อนจะลากไปยังห้องนอนที่ไม่กว้างเท่าไร  พออัดคนสี่คนให้เข้าไปอยู่ได้อย่างพอดีๆ  โดยมีลุงค่อมนอนอยู่ในสุด ตามด้วยผมก้อยและพรตนอนอยู่ด้านนอก  แค่นี้ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและทำให้ผมสามารถพักพิงไปได้ตลอดชีวิตแล้วล่ะ...
   รุ่งเช้ามาเยือน  เสียงโทรศัพท์เครื่องโปเกจะพังไม่พังแหลของผมก็ส่งเสียงลั่น  ก่อนจะพบว่าเป็นเบอร์เลขาหนุ่มตัวดีที่กำลังมารบกวนเวลานอนของผม  กำลังขอพรกับพระอินทร์เพลินๆเลยนะเว้ย! เซ็ง... คนหล่อเซ็งที่สุด!!
   “ว่าอะไรครับเจ้านายยยย...”ผมลากเสียงยาว  คนกำลังง่วงครับ  แล้วเสียงแว้ดๆที่ดังออกมาก็ทำให้ผมต้องละโทรศัพท์ออกจากหู  ไม่มีอะไรครับ  หมอนั่นแค่บอกให้ผมรีบแต่งตัวได้แล้ว  อีกชั่วโมงก็ถึงเวลานัดทานอาหารแล้ว  โอเคคร้าบบบ...  ผมนึกว่าผมมีแม่ที่อายุอ่อนกว่าไปแล้วนะเนี่ย!!
   “โอเคครับๆ  ไปแล้วครับท่าน  ไม่เกินครึ่งชั่วโมงแน่นอนคร้าบบบ”ผมลากเสียงยาวๆนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นเดินข้ามอีกสองคนที่หลับสนิทอยู่แล้วลุกออกไปชำระร่างกาย  พอผมเดินออกมาก็เห็นคนที่นอนหลับตอนแรกลุกมานั่งเกาหัวมองผมงงๆ
   “ไปก่อนนะ...  รีบอาบน้ำแล้วไปเข้างานล่ะ”ก้มตัวไปหอมแก้มมันเบาๆ  รู้สึกชอบหาเศษหาเลยกับเมียตัวเองจริงๆ  แต่นะ... แก้มมันนุ่มชะมัด ขนาดทำงานหนักๆยังนิ่มเหมือนแก้มเด็กเลย  พรตพยักหน้าก่อนจะหันไปปลุกตัวเล็กให้ไปอาบน้ำไปโรงเรียน
   ผมมาถึงโรงงานภายในครึ่งชั่วโมงจริงๆด้วยล่ะ... รู้สึกตัวเองเก่งๆยังไงก็ไม่รู้...  ผมเดินไปที่ห้องประธานก่อนจะพบกับเลขาหนุ่มหน้าสวยที่เท้าคางมองผมอยู่อย่างเซ็ง 
   “รีบเปลี่ยนชุดสิครับ  จะได้ไปสักที  ออกด้านหลังโรงงานก็ได้ถ้ากลัวพนักงานเห็น  ผมให้ครรชิตเตรียมรถไว้แล้ว  เดี๋ยวผมขับไปให้”อธิบายพร้อมทั้งๆที่ไม่ได้ถามครับ  ผมเดินไปข้างกำแพงก่อนจะเปิดมันออก  อ่า... มันเป็นตู้เสื้อผ้าที่ผมฝังไว้ตรงกำแพงน่ะ  มองผ่านๆไม่เห็นหรอกครับ...
   เลขาหนุ่มยืนรออยู่สักพักจนอีกคนแปลงโฉมตัวเองเสร็จ... เขาไม่มีวันเชื่อเลยว่าพนักงานโรงงานเซอร์ๆ  พอจับมาแต่งสูทผูกไทด์แล้วจะหล่อจนกลายเป็นคนละคนขนาดนี้... ถ้าเขาไม่ได้เห็นเอง เขาคงคิดว่ามันมีแต่ในเรื่องซินเดอเรล่านั่นแหละ 
   ผมหันมองคนที่ยืนรอพร้อมหน้าเบื่อๆก่อนจะหันไปพยักหน้าแทนคำว่าพร้อม  เลขาหนุ่มเดินไปเปิดประตูห้องแล้วผายมือออก...
   “เชิญครับเจ้านาย”ดูสุภาพขึ้นเป็นกอง...  ผมหยิบเอาแว่นทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาสวม  มันทำให้ดูเหมือนประธานอะไรพวกนี้ได้ดีขึ้นจม  ผมเดินอ้อมมาด้านหลังโรงงานก่อนจะขึ้นไปยังรถที่ถูกนำมาจอดเอาไว้สักพักใหญ่และมีเลขาผมเดินไปนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ
   “มิสเตอร์ชางนี่ที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่รึเปล่า”ผมถามเพื่อความแน่ใจ  ที่จริงก็รู้อยู่แล้วล่ะครับ แค่เห็นว่ามันเงียบไปหน่อยเลยหาเรื่องชวนคุยซะงั้นแหละ
   “ครับ... แต่มีข่าวไม่ค่อยดีเท่าไร  ที่เขาว่ากันว่ามิสเตอร์ชางกำลังคิดจะยื่นมือลงไปลงทุนกับพวกสิ่งผิดกฏหมาย  ซึ่งผมกลัวมันจะส่งผลกระทบกับทางเรานะครับ”เลขาผมเตือนเบาๆ  ผมพนักหน้ารับก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาดูผลตลาดหุ้นวันนี้...
   “ไว้เดี๋ยวเราค่อยจัดการก็ได้ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงน่ะ”ผมพูดไปพลางมองหน้าจอไอแพดไปพลาง   ไม่นานเราทั้งคู่ก็ถึงที่หมายที่นัดเอาไว้  ผมเดินเข้าไปก่อนจะกล่าวทักทายมิสเตอร์ชางที่นั่งรออยู่
   “สวัสดีครับมิสเตอร์ชาง  ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ต้องรอ...”


---------------------------------------------------------------------------------------------

รอตอนต่อไปครับ เรื่องนี้แต่งแล้วเพลินจบไม่ลง  รีบเอามาลงให้ดึกดื่นเพราะพรุ่งนี้ผมต้องไปซ้อมบาสเตรียมแข่ง อาจไม่มีเวลามาลงให้อ่านเลยชิงจังหวะไว้ก่อน  ถ้าใครหลงมาอ่านอย่าลืมกด+เป็ดให้ผมด้วยนะครับ อยากได้บ้างอะไรบ้าง//อ้อน   :monkeysad: :monkeysad:   

หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 1 (11/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Jaajaa ที่ 11-10-2012 08:20:06
ยาวมากกกก555
รอตอนต่อไปค่า o13
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 1 (11/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 11-10-2012 11:00:37
คนแต่งแต่งเพลิน คนอ่านก็อ่านเพลินคะ :impress2:
กดเป็ดแล้วค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 1 (11/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: ppp pen ที่ 11-10-2012 12:09:50
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 1 (11/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 12-10-2012 10:40:42
รอตอนต่อไปค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 1 (11/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 12-10-2012 12:55:23
รอตอนต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 1 (11/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-10-2012 21:18:35
เข้ามารอตอนต่อไปจ้ะ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!2 (จบ) (14/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 14-10-2012 17:30:37
                                                                            เรื่องที่11

                                                             เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 2


        “สวัสดีครับมิสเตอร์ชาง  ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ต้องรอ...”
   “อ่า... ไม่เป็นไรครับ  ไม่เป็นไร... ผมเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน  เชิญนั่งก่อนสิครับ”มิสเตอรชางเชื้อเชิญให้ผมนั่งลงทางฝั่งตรงข้าม  ผมค่อมหัวลงขอบคุณเล็กน้อยแล้วนั่งลงโดยมีเลขาค่อยยืนอยู่ด้านหลัง  การเจรจาธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น...  จนเวลาผ่านไปพักใหญ่
   “อ่า...  ผมมีธุระตอนกลางวันต่อ  คงต้องขอตัวแล้วล่ะครับ”ผมวางผ้าเช็ดปากไว้ข้างตัว  ก่อนจะมิสเตอร์ชางจะหัวเราะเบาๆ
   “เอาเลยๆ  แค่คุณให้เกียรติมาทานข้าวกับผมแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ”ผมยิ้มรับน้อยๆก่อนจะเรียกเช็คบิล  พอเสร็จการล่ำลาเรียบร้อย   ผมกับเลขาก็ได้เวลากลับไปเตรียมตัวต้อนรับแขกอีกคนในช่วงกลางวัน  ...  จะถามผมว่าทำแบบนี้แล้วพรตไม่สงสัยผมเหรอ...  ผมแถเก่งครับ  แถได้เรื่อย มันจับไม่ได้สักที
   “คุณนัทพงศ์มาแล้วครับ”ผมพยักหน้ารับก่อนที่เลขาจะเปิดประตูอ้าออกกว้างต้อนรับคนมาเยือน...
   “เฮ้ย!!! / มึง!!”ผมสะดุ้งพรวดถอยหลังสามก้าวเลยครับ  จนเลขาที่ยืนอยู่ริมประตูถึงกับมองผมด้วยความงง  ทั้งผมทั้งคนมาใหม่ต่างหลบหันหลังด้วยกันทั้งคู่...  รู้รึเปล่าครับว่าใคร...  มัน...  ไอ้บ้าครับ!!!  ไอ้บ้าที่หายหัวไปสามเดือนที่แล้วหลังจากกลับมาพักบางครั้ง  คราวนี้มาพร้อมชุดสูทจัดเต็มเลยครับ...
   “อ่า... เอ่อ... เชิญครับคุณนัทพงศ์”ผมยังขอภาวนาให้เป็นแค่คนหน้าเหมือนนะ...  แล้วผมก็ทำใจกล้าเชิญให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามานั่ง
   “อ่า...  ขอบ... ขอบคุณครับ”ทางนั้นก็กระตุกไม่ต่างกัน  ทำเอาผมใจแป้ว  ตกลงมันไม่ใช่คนบ้า...  ซวยโคตรๆ  ผมกุมขมับทันทีเลย  โลกกลมพรมหม(ไม่)ลิขิตจริงๆ 
   “อะ... เอ่อ...  ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ทะ... ที่ได้ต้อนรับคุณนัทพงศ์มาเยี่ยมชม อะ... เอ่อ... โรงงานของเรา”แง...  ขอผมไปร้องไห้ก่อนได้ม้าาาาาาา...  พูดไม่เป็นภาษาคนแล้วทีนี้
   “งะ... ง่า.... ทะ... ทางเราก็ ระ... รู้สึกเป็นเกียรติเหมือนกันครับ”ต่างคนต่างสะดุด  ผมกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วนะ 
   “อิม...  มีอะไรเหรอ”คนที่ยืนคุมด้านหลังไอ้บ้ามันพูดเบาๆครับ  แต่ตอนนี้ผมโคตรหูผีล่ะ  ให้กระซิบนินทาผมกี่โยชน์ผมก็ได้ยินแล้ว 
   “เปล่าอ่า...  กูกำลังคิดว่านี่ใช่คนที่กูรู้จักหรือเปล่า”ชัดครับ... ชัดเจนมาก...  ใครก็ได้เอามีดกรีดหน้าผมที  มันจะได้จำหน้าผมไม่ด้ายยยยย...  ไอ้บ้ามันเพ่งพินิจพิเคราะห์หน้าผมอยู่พักใหญ่  กระซิกๆ  ตกลงมันจำผมได้จริงๆใช่มั๊ยเนี่ย
   “ลุงค่อมเป็นไงบ้าง”
   “ก็สบายดี  เฮ้ย!!”เผลอครับ... ผมเผลอ...  มันทำหน้าชั่งใจก่อนจะถอนหายใจเบาๆ  ชีวิตผม... ไร้คำบรรยาย  โดนจำได้ซะแล้ว  ฮือๆ
   “พี่ต๊อก... นี่มันเรื่องอะไรครับ”ผมกำลังจะโดยฆาตกรรมใช่มั๊ย!!  ไอ้บ้ามันเป็นฆาตกรคร้าบบบ ถ้าผมตาย พวกคุณๆเอาตำรวจมาจับมันทีนะ... กระซิกๆ
   “ง่า...  แล้วเราทำไมมาที่นี้ได้  แฟร์ๆนะ  ถ้าพี่บอก เราก็ต้องบอกเหมือนกัน”เอาครับ... ถ้ามันจะซักผม  ผมก็ขอซักมันก่อนแล้วกัน  สงสัยเหมือนกัน  มันไม่น่าเป็นพนักงานบริษัทได้นะ  มันบ้าไม่ใช่เหรอ
   “ก็แบบ... มันมีเรื่องจำเป็นมากๆแบบเล่าสามวันไม่จบน่ะ  แต่รู้แล้วเหยียบไว้นะ... อย่าบอกใครล่ะ”มันกระซิบกระซาบพร้อมยกมือไหว้ปะหลกๆ  เอ่อ... ไอ้บ้าครับ  คนด้านหลังมึงน่ะ  มันจะฆ่ากูแล้ววววว...  สายตาอัมหิตจริงๆ 
   “ง่า...  กูก็เหมือนกัน  เอาเป็นว่า  เราไม่ต้องรู้กันหรอกเนอะ   เนอะๆๆ   แล้วก็เหยียบให้จมดินเลยนะ”ผมขอร้องมันบ้าง  สุดท้ายมันยอมพยักหน้าครับ...  ผมกำลังจะให้มันไปดูโรงงานแล้วเชียว  แต่เสร่อนึกสิ่งสำคัญขึ้นมาได้ซะก่อน!
   “เดี๋ยว... เดี๊ยวววววว     ไอ้บ้า มึงรู้รึเปล่าว่ามีใครทำงานที่โรงงานน่ะ”ผมถามมันทันทีเลยครับ   ถ้าลืมนี่ซวย  ทั้งผมทั้งมันนั่นแหละ
   “หือ... ก็พนักงานไงพี่  หรือโรงงานพี่ใช้หุ่นยนต์ทำงาน”มันหัวเราะ  เอ้า! กวนเข้าไป 
   “ไอ้พรต...  มันทำงานอยู่ที่โรงงานนี่”หึหึ...  สะดุ้งสิครับ  ไอ้ที่หัวเราะๆอยู่ก็เงียบกริบเลย 
   แอ๊ด!!
   “ขออนุญาตครับ”ผมเงยหน้ามองคนที่เข้ามาใหม่  ใครมาขัดจังหวะตอนนี้นะ  ผมไม่ได้เรียกซะหน่อย  สงสัยต้องเตือนกันบ้าง ไม่รู้หรือไงผมมีแขกอยู่เนี่ย
   “คะ..  ไอ้พรต...”ตั้งท่าจะพูดว่าแต่พอเห็นว่าเป็นใคร  เสียงที่กำลังจะพูดออกก็กลายเป็นแผ่วเบาทันที...
   “ผมแค่มาตามตรัยรัชไปกินข้าวกลางวัน  แต่ดูท่า... ผมคงมาผิดเวลา  ขอโทษด้วยนะครับ”มันพูดเสียงเรียบ  เรียบ... จนผมใจหาย
   “พรต!!!”ผมลุกขึ้นเรียกทันที  ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น... มันไปแล้ว...  หัวใจของผม... 
   “พรต!! ฟังต๊อกก่อน”ผมฉุดมือมันเอาไว้หลังจากวิ่งตามมาได้พักใหญ่  มันเดินไปที่เครื่องจักรก่อนจะคว้าเสื้อคลุมแล้วหันมามองผม
   “ขอโทษครับ  คุณคงจำคนผิด  ยังไงซะ  ผมขอลาออกนะครับ  ค่าแรงผมไม่เอาก็ได้... ขอบคุณนะครับที่ให้ผมทำงานที่นี้มาหลายปี”มันพูด... ดูมันพูด... แบบนี้ฆ่าผมเลยผมยังไม่เจ็บเท่านี้...
   “พรต... ต๊อกขอโทษ  แต่ช่วยฟังต๊อกก่อนได้มั๊ย  ขอร้องล่ะ... นะ”ผมสวมกอดมันไว้ก่อนจะพร่ำบอกมันไม่ขาด  มันดันผมออกเบาๆ  แล้วมองหน้าผม... แววตาของมันนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ  จากนั้น...  น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลออกมา... 
   “ผมว่าเราคงหมดเรื่องที่จะเกี่ยวข้องกันแล้วล่ะครับ”มันว่า... แล้วเดินจากผมไป...  ผมจะพูดอะไรดี... ใครก็ได้...  จับมันไว้ก่อนได้มั๊ย  อย่าให้มันเดินไป  ขอร้องล่ะ... ไม่งั้นผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้... ก็มัน... เป็น ‘หัวใจ’ ของผมนี่หน่า...
         ผมเดินกลับมาเรื่อยๆ  ก่อนจะถึงบ้านของเรา  บ้านที่ผมได้อยู่กับมันอย่างมีความสุข...  ประตูบ้านที่เปิดออก  มันใกล้จะพังไม่พังแหล่  แต่ผมไม่เคยกลัว  ถ้าใต้หลังคานี้จะมีมัน... 
   “ต๊อก...  พรตมันไปแล้วนะ...  กลับมาแล้วก็เก็บเสื้อผ้าออกไปเลย”ลุงค่อมพูดเบาๆให้ผมได้ยิน...  โธ่เว้ย!!   ใครก็ได้มาฆ่าผมเลยจะได้มั๊ย  อย่าให้ผมเจ็บอยู่แบบนี้ได้รึเปล่า  มันทรมาน!!  ได้ยินมั๊ยว่ามันเจ็บ!! 
   “ลุงค่อม...  ไปอยู่บ้านผมกัน”ลุงค่อมไม่ว่าอะไรนอกจากจะเดินไปเก็บของแค่สองสามชิ้น แต่ก่อนหน้านั้น  ผมต้องไปรับก้อยก่อน  ถึงพรตจะหนีผมไป  แต่ถ้าจะให้ก้อยต้องไปด้วยคงลำบาก...
   “เดี๋ยวผมมารับนะลุง”ใจผมยังภาวนา...  อาจจะดลให้ผมกับมันได้เจอกัน  แค่โอกาสในการอธิบาย...  ผมขอโอกาสนั้นให้ผมบ้างได้มั๊ย  ผมเดินๆวิ่งๆไปจนถึงหน้าโรงเรียนของก้อย...  เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงโรงเรียนจะเลิก  มาสิ...  พรต... ขอร้อง...  มึงมาหากูทีได้มั๊ย
   ไม่นานเกินรอ  เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง...  มันเดินเข้ามา  นิ่งเงียบ...  จนดูเป็นคนละคน  มันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว...  แต่มันไม่สนใจผมเลย...  เหมือนไม่เห็นผมในสายตา
   “ขอโทษนะ...  กูขอโทษ...  กูก็แค่อยากอยู่กับมึง  ไม่อยากถูกมึงไล่ไปไหน  ยอมทำตัวจนๆก็เพราะกูรักมึงนะ”ผมพูดตรงๆ  และเงยหน้าสบตามัน...  รับรู้ความรู้สึกของผมสักที... 
   “ขอโทษนะ...”มันพูดกลับมา...  มัน... มันยอมยกโทษให้ผมแล้วใช่มั๊ย  แววตาผมเป็นประกาย  ก่อนที่เตรียมตัวจะลุกไปกอดมัน
   “ผมไม่รู้จักคุณ”พูดแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป   ทิ้งให้ผมทรุดนั่งลงอย่างเดิม...  มาเพื่อซ้ำ  เพื่อย้ำให้ผมเจ็บขึ้น...  ไม่ใช่ผมไม่รู้จักนิสัยคนอย่างมัน  แต่ผมก็แค่หวังว่ามันจะเข้าใจผมบ้าง...
   โรงเรียนเลิกแล้ว  พรตเองก็หายไปไหนไม่รู้จนก้อยเดินเข้ามาหาผมเอง... ผมจูงก้อยให้กลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน...  บ้านที่ไม่มีมันอยู่  ผมก็ไม่รู้จะอยู่ทำไมเหมือนกัน  ผมโทรไปที่บ้านของผมก่อนจะสั่งให้เขาเอารถมารับ
   “พ่อต๊อก... นี่บ้านใครคะ  ใหญ่จัง”ผมพาลูกสาวตัวน้อยกับลุงค่อมเดินเข้ามาในบ้าน  แม่บ้านหลายคนโค้งหัวให้ผม ก่อนที่ผมจะพยักหน้ารับเบาๆ 
   “บ้านพ่อเองครับ  ชอบรึเปล่า  หืม...”ผมหันไปส่งกระเป๋าให้คนรับใช้นำขึ้นไปเก็บ  ก่อนจะพาลุงค่อมและก้อยไปที่ห้องรับแขก...
   “ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับพรต  คงไม่สะดวกวิ่งไปวิ่งมาหลายทาง  ลุงค่อมมาอยู่ที่นี้แล้วกันนะครับ  เดี๋ยวผมให้คนใช้จัดห้องด้านล่างไว้ให้  ลุงจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้เมื่อย...”ผมพูดกับลุงค่อมที่มองโน่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย
   “เอาเถอะ... อายุข้าก็ปูนนี่แล้ว  จะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก...  ว่าแต่เอ็งเถอะ... ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไรกับไอ้เจ้าพรตมัน  แต่มันเป็นคนที่โกรธยากแต่โกรธแล้วหายยากเหมือนกัน  เอ็งรู้ใช่มั๊ย”ลุงค่อมบอก  ผมพยักหน้าก่อนจะตอบกลับ
   “แต่ผมจะทำให้มันหายโกรธผมให้ได้  ถึงจะต้องทำอะไรก็เถอะครับ”ผมส่งก้อยให้คนรับใช้อีกคนก่อนจะหอมแก้มเบาๆ
   “ไปอาบน้ำก่อนจะครับคนดี  แล้วเดี๋ยวพ่อขึ้นไปหาบนห้องนอนนะครับ”ผมหอมแก้มลูกสาวเบาๆแล้วหันไปหาลุงค่อมอีกครั้ง...
   “เวลาผมไม่อยู่  ถ้าลุงอยากได้อะไรก็บอกคนอื่นได้นะครับ  บางทีผมอาจกลับดึกเหมือนกัน”ผมบอกแล้วก็ขอตัวให้คนรับใช้พาลุงค่อมไปดุห้องที่ต้องใช้พัก  หลังจากนั้นก็เดินไปในห้องของตัวเอง  ลูกสาวตัวน้อยกอดตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่ที่ผมตั้งใจซื้อไว้ให้เมื่อตอนที่ทั้งคู่เข้ามาที่บ้านนี้แล้ว... 
   “ชอบรึเปล่าครับ หืม...”ผมจับตุ๊กตากระต่ายเบาๆ  ตัวเล็กพยักหน้ารัวๆ
   “ชอบค่ะ  คุณกระต่ายตัวนิ่มมาก  หนูชอบ”ก้อยกอดแล้วรัดตัวกระต่ายไปมา  พร้อมรอยยิ้มที่สดใส...
   “ก้อยครับ  พ่อไปหาพ่อพรตก่อนนะครับ  หนูทำการบ้านแล้วนอนก่อนเลยนะครับ”ผมลูบหัวลูกสาวเบาๆแล้วยิ้มจางๆ  ก่อนจะเดินออกมานอกห้อง...  เอาล่ะ...  ที่นี้ก็ถึงเวลาการง้อของผมแล้ว 
   “ซู้ด... ฮึบ!!” เตรียมพร้อมเต็มที่! คราวนี้ต่อให้มันด่ายังไงผมก็ไม่เสียใจเด็ดขาด...  ง้อให้ได้ลูกเดียว  ไม่งั้นสุดท้ายผมนี่แหละจะตายเอา... ไอ้ต๊อก!!  ไฟท์ติ้ง!!
   แล้วผมก็เริ่มมหกรรมตามคนคนรัก  เริ่มจากที่บ้านพักไปจนถึงริมเสาไฟฟ้า  ไม่เจอมันผมไม่เลิกล่ะ  เอาสิ! จะยอมมันก็ให้มันรู้ไป  ผมเดินไปเดินมาอยู่ร่วมห้าชั่วโมง  ฟ้าที่สว่างก็เริ่มมืดในที่สุด  ของช่วงกลางคืนเริ่มทยอยออกมาขายจนผมเดินไปที่ซอยข้างบ้านผม  ขอทานที่นั่งซุกอยู่ในลังกระดาษเปล่าๆช่างคุ้นตา  ตัวของเขาสั่นด้วยอากาศที่หนาวเย็นในช่วงเดือนพฤจิกาแต่ทำไม...  มันช่างคุ้นตากับร่างตรงหน้าซะจริง  ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะตัวสั่นเทิ้มด้วยความดีใจ  คนที่ผมตามหามานาน อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม  ใกล้... จนผมคิดไม่ถึง
   “พรต...”ผมลงไปนั่งข้างๆมัน  ส่วนมันก็กระเถิบตัวหนีไม่พูดอะไรกับผมสักอย่าง...
   “มึง...  อย่าเสร่อมาจีบกันแถวนี่ได้ม่ะ  กูจะอ้วก... ไอ้พวกตุ๊ดพวกแต๋ว...  เหอะ...  ไอ้พวกวิปริต”ผมเงยหน้ามองกลุ่มคนที่เดินผ่าน  พวกมันกว่าสิบคนส่งเสียงอื้ออึงตอบรับคำพูดของหัวหน้า  ผมมองด้วยความโกรธ  แต่ช้ากว่าคนข้างกาย
   ผลัวะ!!
   “เป็นตุ๊ดเป็นแต๋วแล้วมันหนักหัวแม่มึงรึไง!! คิดว่าพวกมากแล้วเจ๋งเหรอ!!! ถึงกูจะตุ๊ด กูก็ไม่ใจหมาอย่างพวกมึงแล้วกัน”แร๊งส์... ไอ้นี่มันแรงครับ  แต่สงสัยคำพูดเมื่อกี้จะไปกระตุกต่อมของพวกมันซะแล้ว  ผมสองคนถูกพวกมันตีกรอบล้อมทั้งหน้าและหลัง  ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลยสักทาง...
   “ไอ้นี่ปากดี...  เดี๋ยวกูก็ตบคว่ำหรอก...”มันเงื้อมือขึ้นจะตบพร้อมๆกับไอ้พรตที่เงื้อหมัดขึ้นจะต่อย...  ส่วนผมยืนคุมเชิงด้านหลังของมัน...  อีกห้าคนก็จ้องผมตาไม่วาง  กะว่าถ้าผมเข้าไปช่วยมันเมื่อไรไอ้ห้าตัวนี่พุ่งใส่ผมแน่...
   “ปากดีแบบนี้  กูอยากรู้จริงเวลาโดนอัดตูดมันจะร้องยังไงวะ  เหอะ... พวกมึง... จับตัวแม่งไว้แล้วเอาไปที่ร้าน”สัดครับ!!  สัดหมาเลย  ผมหันตามเสียงที่มันเรียกก่อนจะเห็บห้าคนด้านหลังพุ่งใส่ไอ้พรตที่กำลังป้องกันตัวเต็มที่...  พร้อมกับอีกห้าตัวที่มันพุ่งใส่ผม  ทั้งหมัดทั้งตีน  ประเคนมาไม่ยั้ง  ผมแทบทรุดครับ...  ส่วนไอ้พรต...  มันทรุดแล้วครับ...  กำลังโดนไอ้พวกนั้นจับลากอยู่เลย  ผมสะบัดตัวหนีจากพวกที่รุมอยู่ก่อนจะพุ่งไปกอดตัวมันเอาไว้...  หน้าไอ้พรตสะบักสะบอมจนไม่น่าดู...  ไอ้พวกนั้นมันกระทืบผมอยู่นั่นแหละครับ  ไอ้พรตมันหรี่ตาขึ้นมองผมก่อนจะน้ำตาไหล... 
   “ขอโทษนะ... กู... กูก็แค่รักมึง...  กูอยากอยู่กับมึง...  กูรู้ว่ากูไม่ควรแก้ตัว  แต่สิ่งเดียวที่กูไม่เคยหลอกมึงเลยคือมึง...  เป็นหัวใจดวงเดียวของกูนะ”ผมพูดกระท่อนกระแท่นเพราะแรงส้นตีนที่ย้ำอยู่บนหลังผม  เจ็บมาก... จนอยากจะสลบลงไปทุกๆนาที  แต่เพราะคนที่อยู่ใต้ร่าง  ทำให้ผมยอมทนแรงพวกนี้ต่อไป  ดูเหมือนไอ้พวกนั้นจะกระทืบผมจนเหนื่อย  มันถอยหลังออกจนเหลือแค่หัวหน้ามันขึ้นเดินเข้ามาดู
   “หึ... รักกันมากงั้นสิ...  แบกแม่งไปทั้งคู่นั้นแหละ  จับขายมันทั้งคู่  ดูสิว่ายังจะรักกันอยู่มั๊ย ถ้าเห็นแฟนมันไปนอนให้คนอื่นเอา!”ว่าแล้วก็มีหลายมือมากระชากตัวผมออกไป  แม้ผมจะยื้อเท่าไรแต่สุดท้ายผมก็ถูกลากออกไปขึ้นรถตู้คันหนึ่งโดยมีไอ้พรตถูกยัดตามมาติดๆ...    ไม่นานรถก็แล่นออกไปพร้อมกับสติผมที่เริ่มหายไปทุกที...  แต่สิ่งสุดท้ายที่ผมทำได้... คือจับมือของมัน... ‘ หัวใจของผม ’ ไว้ให้แน่นที่สุด...
   ผมลืมตาขึ้นช้าๆในห้องนอนสีขาวมีคนสองสามคนกำลังเช็ดตัวของผมจนสะอาด...  แล้วคนที่ผมคุ้นหน้าก้เดินเข้ามานั่งข้างเตียง
   “ไอ้บ้า...  มึงมาได้ไง!”ผมสะดุ้งพรวดก่อนจะเอนตัวลงเพราะความเจ็บระบบไปทั่วร่างกาย  ไอ้บ้ามองสำรวจตัวผมก่อนจะหัวเราะน้อยๆแล้วพึมพำพอให้ได้ยินเบาๆ
   “ไม่ออมแรงเลยนะ”ผมมองมันด้วยสายตางงงวย  สักพักมึงถึงยอมหยุดหัวเราะแล้วตอบคำถามผม
   “นี้มันที่คลับของผม...  พี่ต๊อกกับพี่พรตกำลังจะโดนเอามาขายพอดี... โชคดีที่ผมลงไปเห็นซะก่อน... ไม่งั้นป่านนี้พี่โดนทำอะไรไปแล้วก็ไม่รู้... แต่ถ้าเป็นแบบนั้นคง...  ผมไม่กล้าคิดอ่ะพี่ต๊อก...”มันหัวเราะขำๆ  ไอ้บ้า...  กูจะเอาคนมาถล่มคลับมึง!  มันเลว...
   “ไอ้พรตล่ะ”ได้แต่คิด... พูดไม่ได้  ไม่งั้นเดี๋ยวผมจะซวยเอา  ยิ่งไม่มีแรงอยู่ด้วย
   “ห่วงเมียจริงนะพี่  รายนั้นไม่เจ็บมากเท่าที่คิดหรอก...  นอนหลับอยู่เตียงๆข้างๆน่ะ  พี่หันไปมองดิ...”ผมหันไปตามนิ้วของมันก่อนจะเห็นไอ้พรตกำลังนอนหลังอย่างสบาย...  เฮ้อ...  ดีจังนะ...
   “แล้วว่าไง...”ผมหันไปมองมันที่อยู่ๆก็ถามขึ้นมาก่อนจะทำหน้างง
   “โหยย...  ก็ง้อไง  สำเร็จยัง”มันถามเหมือนเป็นเรื่องน่าสนุก  ผมถอนหายใจแล้วส่ายหัวเบาๆ...  มันทำหน้างอก่อนจะมองผมแบบเซ็งๆ
   “อะไรเนี่ย...  เห็นออกตัวปกป้องซะขนาดนั้น  พี่ต๊อกรู้เปล่า  ขนาดตอนพี่สลบ  พี่ยังไม่ยอมเปล่ามือพี่พรตจนลูกน้องผมมันอารมณ์เสียเลยรู้มั๊ย...  เอางี้!  ตอนนี้ห้องนี้ไม่มีคนใช้  พี่รอพี่พรตตื่นแล้วพี่ก็รีบง้อเลยนะ  ผมไม่กวนล่ะ บายครับพี่ต๊อก...”มันโบกมือท่าทางอารมณ์ดีก่อนจะโฉบหายไปพร้อมกับคนสองสามคนที่คอยดูแลผมอยู่เมื่อครู่...  ผมแบกร่างอันหนักอึ้งมานั่งอยู่ข้างเตียงของคนที่นอนหลับอยู่
   “รักนะครับ... รักจริงๆนะ...  ขอโทษนะครับพรต...”พูดไม่ออกถึงขั้นจุกครับ  ความผิดผมเพิ่มมาเรื่อยๆ  โกหกมัน  ดูแลมันไม่ได้  ทำให้มันต้องเจ็บตัว...  บางทีผมก็เสียใจมากเหมือนกันนะ...
   “รัก... เหมือนกัน...  พอแล้วล่ะ”มันหันตัวมาทางผมแล้วลูบหน้าผมเบาๆ 
   “ขอบคุณ... ที่รักคนจนๆคนนี้นะ...”มันจ้องไปในตาของผม  ก่อนจะโน้มตัวมาสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปาก  มันเป็นแค่จูบแบบเด็กๆ  จูบแบบที่ทำให้ผมรู้สึกดีที่สุด...
   “ยังไงก็รักครับ...  พรตรักต๊อกนะ”ผมน้ำตาไหลเป็นทางเลยครับ  ยิ่งมันพูดผมยิ่งร้องไห้  ความรู้สึกมันเหมือนกับคนที่ดีใจมากๆจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วน่ะ...  แค่คำเดียวเลยว่าผมเองก็รักมันจริงๆ...
   “ไม่โกรธผมแล้วใช่มั๊ย...  ขอโทษนะครับ  ขอโทษจริงๆนะ”ผมได้แต่พร่ำขอโทษมันอยู่อย่างนั้นจนมันดึงมือผมขึ้นไปลูบเบาๆ
   “ไม่ต้องขอโทษแล้วล่ะ...  ผมไม่ชอบ   รู้ใช่มั๊ยหืม...”มันยิ้มจางๆ  ก่อนจะพยุงตัวให้ลุกขึ้นแล้วกอดผมแน่น...  ทั้งเสื้อบริเวณไหล่ทั้งของผมและมันเปียกชุ่มไปหมด... เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของเราทั้งคู่...
   ผมกลับมาทั้งบ้านแล้ว...  บ้านหลังใหญ่ที่มีพร้อมทั้งลูกสาวและแฟนของผม...  ไอ้พรตยังดื้อจะกลับไปทำงานที่โรงงานเหมือนเดิม...  ใช่ว่าผมจะหวงห้ามอะไร  แต่มันดันบอกให้ผมไปบริหารอย่างเดียวไม่ต้องลงมาอยู่กับมัน  ได้ไง... ผมไม่ยอมหรอก...  สุดท้ายทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม  ยกเว้นแค่ตอนนี้เวลาเราสองคนไปที่ไหน  ทุกคนก็จะรู้ว่าผมเป็นประธานบริษัท  ส่วนมัน... เป็นเมียประธานบริษัท  เล่นกันง่ายๆแบบนี้  แต่ทุกคนก็ยังทำงานกับผมเหมือนเดิมไม่ค่อยเกร็งเท่าไร  ไอ้พรตยอมย้ายมาอยู่บ้านของผมพร้อมกับย้ายโรงเรียนของก้อยให้มาเรียนที่ที่ดีกว่าเดิม... 
   “พรต... มานี่ดิ  กูมีไรให้ดู...”ผมเอาผ้าผูกตาพรตก่อนจะพามันเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง...  ก่อนจะแก้ผ้าผูกตาของมันออก...
   “สวยมั๊ยครับ”ผมกระซิบถามมันเบาๆ   ผมจ้างช่างมาทาสีใหม่ในห้องพร้อมกับแต่งห้องด้วยโทนสีสว่างแบบที่มันชอบ...  หัวเตียงมีภาพของผมกับมันที่เคยถ่ายในปีที่แล้วที่มันบ่นๆว่าอยากอัดใส่กรอบไว้สักทีถ้ามีบ้านหลังใหญ่  มันยิ้มแล้วหันมากอดผม
   “ขอบใจที่จำได้นะ”  ผมกอดตอบมันก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหู
   “Happy 13 year Anniversary  ยินดีที่ได้รักนะครับ”
   “อืม...  13ปีแล้วนะ...  ขอให้พวกเรารักกันไปนานๆนะครับ” มันตอบกลับมาก่อนจะโน้มหน้าผมไปรับจูบจากมัน  อ้อยอิ่ง  เชื่องช้า และ... ยาวนาน...
   การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี...  มันเกือบทำให้ผมเจ็บหนักมาแล้ว  จากนี้ไปผมขอสัญญา  คำว่ารักระหว่างเราสองคน...  จะมีแต่ความ ‘จริงใจ’  ที่มอบให้กัน... 
   ความรักที่ไม่พิเศษ  มันจะพิเศษ... เมื่อเราได้มอบให้ใครสักคนดูแล...  และตอนนี้ผมก็เจอแล้ว... คนๆนั้นที่ผมจะมอบหัวใจของผมให้ดูแล...   ดูแลหัวใจของผมให้ดีๆนะครับ... คนพิเศษของผม...

                                                                      …The  End…

เรื่องสั้นที่ยาวที่สุด...  เรื่องนี้เหมือนจะฮานะ... แต่ทำไมมันเศร้า...  และทำไมแต่งไปจะพยายามให้มันหวาน... แล้วมันหวานรึเปล่านะ... 

เรื่องตอนไปภาครวมของซีรีย์คำว่ารักฯ...  ไอ้พวกแสบจะทำยังไงถ้าต้องไปเที่ยวด้วยกันแล้วเกมพิศดารก็พาปวดหัว...  พรุ่งนี้เย็นๆจะมาลงให้นะครับ!

ปล.ทำไมกดเป็ดแล้วคะแนนชื่นชมผมยังเท่าเดิมล่ะ...
ปลล.คราวนี้ก็ขอ+เป็ดด้วยนะครับ
ปลลล.ขอเม้นท์สักหน่อยก็ดีนะครับ  บางทีอ่านๆเม้นท์ทุกคนไป  คนแต่งก็มีอารมณ์อยากแต่งเพิ่มนะครับ><
ปลลลล.รักทุกคนครับ :L2: :L2:
ปลลลลล.ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะครับ...
 :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! (จบ) (14/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 14-10-2012 17:45:40
หวานนะ แอบซึ้ง นึกว่าจะง้อยากซะแล้ว อิอิ

ปล.บวกเป็ดกับคะแนนชื่นชมคนละส่วนกันนะ คนที่เม้น 250 ขึ้นถึงจะสามารถกดโหวตคะแนนชื่นชมให้ได้ กดให้แล้ว +1 จ้า
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! (จบ) (14/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 14-10-2012 20:50:58
น่ารักทุกตอน  ทุกเรื่องเลย  อิอิ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!2 (จบ) (14/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 14-10-2012 22:35:31
 o13ชอบทุกเรื่อง อ่านแล้วเพลินมาก
กดเป็ดกดโพสให้แล้วนะ ด้วยความเต็มอิ่มในใจ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่11-เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!2 (จบ) (14/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 15-10-2012 15:16:55
ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ แต่เรื่องต๊อกกับพรตเศร้าไปหน่อยนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1 (15/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 15-10-2012 21:28:10
                                                                            เรื่องที่12


                                                                  คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1



         วันนี้แก๊งค์เดิมกลุ่มเดิมกำลังวางแผนที่จะไปเที่ยวทะเลกัน  แน่นอนคนต้นคิดไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ... ต้นน้ำคนนี้นี่เอง
   “โอเค งั้นพรุ่งนี้รวมตัวกันบ้างไอ้ท่อง  ใครไม่เอาแฟนไปก็ไม่รับผิดชอบชีวิตนะเว้ย! หรือกลัวเป็นภาระจะทิ้งเอาไว้บ้านก็ได้ ฮาๆ”ไอ้เที่ยวบอก ก่อนจะได้เสียงดังผลัวะสองผลัวะประทบเข้าที่หัว  จากฝีมือทั้งของแฟนของเพื่อนนั่นแหละ
 
   แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นในเวลาตีสี่กว่าๆ  ทั้ง10คนก็พร้อมที่จะออกเดินทางโดยได้อภินันทนาการรถตู้จากพ่อของเหมันต์ให้มาขับเล่นฟรีๆ... ที่จริงพ่อของเหมันต์จะให้คนขับมาด้วย แต่เหล้าทโมนนั้นมีจำนวนเยอะกว่าที่นั่งอยู่แล้ว จึงปฏิเสธข้อเสนอนี้ทิ้งไป...
   เขาตะเกียบเป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้ากันไป โดยสลับให้เหมันต์... น้ำฝนแล้วก็ปักษาเป็นคนขับรถจำเป็นสลับกันไป...  จากจัดที่นั่งก็ไม่มีอะไรมากมาย คู่ใครคู่มัน  ยกเว้นแต่ว่าถ้าเหมันต์เป็นคนขับรถ คิมหันต์ก็ต้องขึ้นมานั่งข้างคนขับ... ถ้าน้ำฝนขับเมฆก็ต้องมาสลับที่กับคิมหันต์  ถ้าปักษาขับต้นน้ำก็ต้องขึ้นมานั่งแทน  แต่ดูคู่สุดท้ายจะไม่ค่อยเป็นใจกันเท่าไร เมื่อคนที่นั่งข้างๆเอาแต่คอยแหย่ให้คนขับหน้าแดงอยู่ร่ำไป
   “งั้นเอาเป็นว่า... เก็บของให้เสร็จ สิบเอ็ดโมงมาเจอกันที่หาดแล้วกันนะ”เนื่องจากเป็นบังกะโลที่พัก หลังละสองห้อง... ทั้งห้าคู่จึงต้องแยกกันไป  หลังละสี่คน   เมฆากับน้ำฝนพักอยู่หลังเดียวกับต้นน้ำและปักษา โดยให้เหตุผลว่า ปักษากับน้ำฝนเป็นเพื่อนกัน จำได้ไม่เกร็งมาก  คนแรกกับสุดท้ายอยู่หลังที่สองกับเที่ยวและท่อง  ด้วยเหตุผลง่ายๆของเหมันต์ว่า ไม่ชอบอยู่รวมกับคนอื่น จึงขโมยบ้านหลังหนึ่งไปคนเดียว ไม่ต้องอยู่รวมกับใคร ยกเว้นคิมหันต์น่ะนะ... แต่ละคู่เมื่อได้รับกุญแจห้องแล้วก็เดินไปยังห้องของตนเอง... 
   “พี่น้ำฝน ผมอาบน้ำก่อนนะครับ”เมฆบอกก่อนจะวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้น้ำฝนมองแล้วแล้วยิ้มขำๆ  เขาใช้เวลาประมาณห้านาทีในการเก็บสัมภาระของทั้งคู่ก่อนจะร้องบอกกับคนที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ
   “เมฆ  พี่ไปรอที่หาดเลยนะ รีบอาบล่ะ อีกสิบนาทีจะสิบเอ็ดโมงแล้ว”เสียงคร้าบยาวๆดังจากห้องน้ำให้คนพูดได้ยิ้มอีกรอบแล้วเดินออกไปรอที่ชายหาด

   สำหรับคู่ของปักษากับต้นน้ำ ที่พักอยู่ห้องเดียวกันก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไร...
   “โอ๊ย! เหนื่อยจริง...”เสียงโอดครวญจากร้องสูงใหญ่ที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ให้คนตัวเล็กกว่าหัวเราะอย่างระอาแล้วเดินไปนั่งที่ข้างเตียง
   “นอนพักก่อนก็ได้ครับพี่น็อต พอใกล้ถึงเวลาแล้วผมจะมาปลุกนะ เดี๋ยวผมออกไปเซอร์เวย์ชายหาดแปป”เสียงครางฮือตอบรับ ทำให้ต้นน้ำเดินออกมาจากห้องพักด้วยความเงียบไม่อยากรบกวนคนที่เหนื่อยสักเท่าไร

   “ไอ้เที่ยว... มึงเอาผ้าขนหนูกูไปเก็บไว้ไหนเนี่ย”เสียงโวยวายดังลั่นจากร่างของคนตัวเล็ก... เที่ยวกุมขมับคลึงสักพักแล้วดึงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นมาเปิด 
   “เอ้า!”ผ้าขนหนูสีฟ้าผืนใหญ่ถูกโยนให้คนตัวเล็กกว่าที่รอรับอยู่แล้วก่อนจะเดินเฉิบไปเข้าห้องน้ำ... นับวันจะยิ่งปากกล้ามากขึ้นทุกปี  คิดถูกคิดผิดวะเนี่ยที่คบกับมันน่ะ  คงเป็ฯได้แค่ความคิดในใจ  ลองพูดออกมาสิ มีหวังตายไม่ต้องรักษาเลย  ท่องตัวเล็กบอบบาง บัดนี้กลายเป็นไอ้ท่องที่แข็งแกร่ง... จนเกินไป
   “ท่อง... กูไปรอที่หาดนะ”เสียงเออตอบรับทำให้เที่ยวคว้ากล้องถ่ายรูปคู่ใจแล้วเดินออกจากบังกะโลทันที

   คนแรกเดินเข้ามาในห้องพัก  ก่อนจะวางกระเป๋าของตัวเองกับสุดท้ายลง  แล้วดึงเอาคนที่เดินตามเข้ามามากอด
   “เฮ้อ! ชื่นใจจัง  เหนื่อยรึเปล่า หืม...”เสียงอ่อนโยนที่ถามทำให้สุดท้ายยิ้มแล้วส่ายหน้า... ไม่เหนื่อยหรอกถ้าพี่คนแรกดูแลเขาขนาดนี้...
   “งั้นเดี๋ยวจัดของแล้วเราไปเดินเล่นที่หาดกันนะ”คนแรกบอกแต่สุดท้ายส่ายหน้าปฏิเสธ
   “เดี๋ยว... สุดท้ายจะไปหาท่อง  พี่คนแรกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวสุดท้ายตามไปทีหลัง”เสียงหวานบอก  คนแรกก้มลงไปหอมแก้มก่อนจะยิ้มหวานแต่ก็เข้มได้ใจสุดท้ายไปเต็มๆ
   “โอเคครับ... งั้นมาจัดของกันนะ”แล้วก็จูงมือกันไปจัดของให้เข้าที่เข้าทาง...  ดูเป็นคู่ที่เข้าใจกันดีที่สุดแล้วในบรรดาสามีภรรยาที่พากันมาในทริปนี้น่ะ...

   เสียงโหวกเหวกโวยวายของคิมหันต์กับเหมันต์กำลังดังลอดมาจากบังกะโลที่อาศัยอำนาจข่มขู่เพื่อนๆจนทำให้ได้อยู่บังกะโลหลังเดียวมาไว้ในมือ  แต่เสียงที่ทะเลาะกัน ถ้าใครได้ฟังแล้วคงต้องปวดยอดลามไปถึงปลายประสาทอย่างแน่แท้
“พี่เห... ผมจะใส่ขาสั้น”ร่างบางแย่งกางเกงขาสามส่วนมาไว้ในมือ...
“เรื่องสิ...  พี่จะให้ใส่ขายาว”เสียงเข้มของอีกฝ่ายบอกก่อนจะยัดกางเกงขายาวใส่มือของคนตรงหน้าแล้วแย่งกางเกงขาสามส่วนกลับมา
   “พี่เหมันต์!!”เสียงดุๆดังขึ้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัว
   “คิมหันต์... ใส่ขายาว”และจบลงด้วยร่างเล็กๆของคิมหันต์ที่ปากางเกงลงพื้น
   “เออ! ไม่ให้ใส่สามส่วนงั้นก็ไม่ใส่แม่งเลย เดินออกไปทั้งแบบนี้ล่ะ กูรึอุตส่าต์ไม่เอาขาสั้นมาแล้วเชียว”เสียงงอนๆที่คลอไปด้วยเสียงสะอื้นทำให้เหมันต์ยอมคืนกางเกงให้อีกฝ่าย...
   “โอเคครับ คิมหันต์พี่ยอมแล้ว.. ขอโทษนะ  ก็พี่ไม่อยากให้ใครมาเห็นของๆพี่นี้หน่า  แฟนใครใครก็หวง หรือเราว่าไม่จริง ฮึ!”เหมันต์เดินไปกอดด้านหลังของคิมหันต์เบาๆแล้วหอมแก้มก่อนจะอ้อนง้อ
   “ไม่เอาแล้ว... กูไม่ใส่แม่งแล้วอ่ะ ไอ้พี่ว๊ากนิสัยไม่ดี”คำเรียกที่คิมติดใช้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง เวลาที่คิมโกรธเหมันต์... พี่เหมักจะเปลี่ยนเป็นพี่ว๊ากทันที... แล้วอาจจะตามมาด้วยการบรรยายสรรพคุณของคนตรงหน้า
ทั้งพี่ว๊ากกวนตีน พี่ว๊ากนิสัยเสีย  และพี่ว๊ากอื่นๆอีกมาก เท่าที่คนตัวเล็กนี้จะคิดออก...
   “คิมหันต์ครับ... ไม่เอานะ พี่ขอโทษแล้วไง  สามส่วนก็สามส่วนครับ  เดี๋ยวพี่ไปรอข้างนอกแล้วกัน ใส่เสร็จก็ตามไปที่ชายหาดนะ”นิ้วเรียวโยกหัวของร่างเล็กเบาๆแทนคำขอโทษอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากบังกะโลมุ่งสู่ชายหาดจุดนัดพบทันที...

   น้ำฝนที่เดินมาที่ชายหาดยืนมองเหล่าบรรดาคุณสามีทั้งหลายที่นั่งๆนอนๆรอคุณภรรยาสาวสวยทั้งหลายให้ลงมาสักทีก่อนจะนึกอะไรสนุกๆได้บางอย่าง... ถ้าลองเอาไปทำดูได้ก็คงดี แต่มันก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากเหล่าเมะทั้งหลายพวกนี้นี่แหละ ว่าแล้วก็ไม่รอช้า  เดินไปเรียกทุกคนยืนนั่งเล่นกันอยู่ให้หันมาสนใจตนเอง
   “เอ่อ... ขอโทษนะครับ  ผมมีอะไรสนุกๆมาเสนอ สนใจจะฟังกันบ้างมั๊ยครับ”เที่ยวที่นั่งยองๆเขียนทรายผละจากก่อนจะหันมามองคนพูดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ลองคนอย่างน้ำฝนคิดจะเสนออะไรละก็... มันคงต้องเป็นสิ่งที่น่าสนใจแหงๆ  ก็คิดดูสิ... คนปกติที่ไหนกัน เรียนจนแพทย์แต่ไปทำงานบริษัทแถมบ้านก็เป็นโรงพยาบาล  ความคิดไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ 
   “คือว่า...”แผนการสนุกๆที่น้ำฝนเสนอให้ ทำเอาคนฟังนั่งยิ้มนั่งขำกันตลอดเวลา เมื่อนึกถึงแฟนของตนเองถูกแกล้งตามแผนที่วางไว้ แล้วมีหรือที่ใครจะไม่ยอมทำ ขนาดเที่ยวที่กลัวๆท่องยังกล้าตกลงรับคำ เอาหน่า... ถ้าไอ้ท่องมันจะพูดอะไรก็โบ้ยว่าเป็นแผนหมอน้ำฝนก็สิ้นเรื่อง...  และแล้วแผนการแกล้งเหล่าเคะที่น่ารักทั้งหลายก็เริ่มต้นขึ้น...  ด้วยรอยยิ้มของฝ่ายชายที่คิดจะหยอกล้อแฟนของตนเองให้สนุกสนาน... 
   “เฮ้อ...”เสียงถอนหายใจของท่องดังเบาๆระหว่างทางเดินมาชายหาด ดังถี่จนสุดท้ายที่เดินมาด้วยกันต้องถามด้วยความสงสัย
   “ท่องเป็นไรอ่ะเนี่ย  ถอยหายใจซะ”
   “ไอ้สุดท้าย... ถ้าเกิดว่าอยู่ดีดีพี่คนแรกของมึงอ่ะ... เงียบลงกว่าเดิม... หรือว่าไม่ค่อยเถียงเราเหมือนเคย  มันแปลว่าเขาเบื่อเราแล้วรึเปล่าวะ”
   “ไม่หรอกมั้ง แบบนั้นเราคงคิดว่าพี่คนแรกเหนื่อยล่ะมั้ง  ทำไมอ่ะ หรือว่าเป็นเพราะเที่ยว”สุดท้ายตบไหล่ปลอบใจเพื่อนเบาๆ ทิ้งให้ท่องอยู่ในโลกส่วนตัวเพียงคนเดียว... เขากลัว... ว่าเที่ยวจะเบื่อที่เขาอ่อนแอ เขาจึงพยายามทำตัวให้เข้มแข็งกว่าเดิม เขากับเที่ยวก็คบกันมาเกือบจะห้าปีแล้ว ถึงจะเบื่อกันบ้างก็ไม่แปลก  แต่เขาคงทำใจไม่ได้... ถ้าต้องเลิกกับเที่ยวจริงๆ...
   และในเวลาสิบเอ็ดโมงตรง เหล่าทโมนทั้งสิบก็มารวมตัวกันที่ชายหาดเป็นที่เรียบร้อย...   เหมันต์เสนอตัวเป็นสารถีขับรถพาทั้งหมดไปหาอะไรกินกันที่ร้านใกล้ๆริมหาด  บรรยากาศตอนเที่ยงทำให้น้ำทะเลสะท้อนแสงแวววาว... สวยจนเกินบรรยาย  อาหารหลายชนิดถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ  และผู้ชายทั้งสิบคนก็เลิกสนใจทุกสิ่งอย่าง มุ่งทำให้ตนเองอิ่มท้องโดยเร็ว
   หลังทานอาหารเสร็จ... คิมหันต์  คนแรก สุดท้าย  เมฆ   ท่อง  และปักษา ขอไปเล่นน้ำทะเล  และให้คนที่เหลือไปหาซื้ออาหารทะเลมาเพื่อทำอาหารกินในช่วงเย็นจนถึงค่ำ...  และนี่ก็เป็นเวลาเริ่มแผนการหรรษาที่ฝ่ายรุกทั้งหลายเตรียมเอาไว้เซอร์ไพรส์แฟนที่รักของตนเอง  โดยทิ้งพี่คนแรกเอาไว้ให้คอยดูแลแทนไปก่อน... ก็แต่ละคนน่าไว้ใจที่ไหน เผลอเมื่อไรผู้ชายเข้ามาหากันให้ตรึม เอ่อ... ยกเว้นปักษาไว้คน รายนั้นน่ะ ผู้หญิงพรึบ! ซึ่งไม่ได้ทำให้ต้นน้ำรู้สึกดีเลยสักนิด...

   เมื่อช่วงเย็นผ่านมาถึง พวกหน้าหวานทั้งหลายก็ต้องแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแฟนตัวเอง...  ละปักษากับต้นน้ำไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะสองคนนี้มันสลับหน้าตากัน...  วงอาหารเริ่มกร่อยเมื่อไรมีใครเริ่มคุยอะไร แม้แต่คนแรกที่นั่งแกะปูแกะกุ้งให้สุดท้ายก็ยังนั่งซึมไม่พูดไม่จา
   “พี่คนแรก... เป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายเหรอ”สุดท้ายหมดความอดทนเป็ฯคนแรก  พี่คนแรกส่ายหน้าแล้วตั้งหน้าตั้งตาแกะเนื้อสัตว์ให้คนข้างๆต่อไป  ยิ่งเที่ยวกับท่องยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อไม่มีใครพูดอีกฝ่ายก็ยิ่งเงียบจนเหมือนไม่ได้มากด้วยกัน...
   “กูไปฉี่ก่อนนะ”เสียงเหมันต์บอกก่อนจะลุกออกจากวงอาหารโดยมีน้ำฝนกับต้นน้ำเดินตามไป...  วงอาหารยังคงเงียบเหมือนเดิมแม้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นวงเหล้าแล้วก็ตาม... 
   “ไอ้ต้นน้ำมันไปนานเกินแล้วนะ... เดี๋ยวกูไปตามก่อน”เที่ยวบอกก่อนจะลุกออกไป
   “พี่ไปด้วย”เสียงพี่คนแรกบอกก่อนจะละมือจากการแกะอาหารให้สุดที่รัก...  ตอนนี้ทั้งวงเหลือเพียงเหล่าเคะผู้น่าสงสารที่ยังไม่รู้ชะตากรรมต่อไปของตัวเอง...
   “เฮ้ย!”พี่ปักษารับขวดพลาสติกที่ถูกโยนมาจากทีไกลๆ ขวดนั้นเกือบโดนหัวของเมฆที่นั่งเหม่ออยู่  ปักษามองในขวดที่มีกระดาษม้วนๆเอาไว้อยู่  ก่อนจะเทมันออกมาคลี่ดู  กระดาษมีทั้งหมด 5 แผ่น คนที่เหลือต่างตีวงให้แคบลงเพื่อนั่งอ่านข้อความในนั้น
   ‘ คิม... พี่รักคิมนะครับ ’ ลายมือที่คุ้นตา คิมหันต์ถึงกับน้ำตาคลอ  และร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
   ‘ ท่อง... กูรักมึงนะ ’ ท่องปล่อยโฮต่อจากคิมหันต์ไปติดๆและทุกคนก็มีสภาพไม่ต่างกันเมื่อข้อความในกระดาษเป็นคำบอกรักตนเอง  จะยกเว้นก็แต่... ปักษาที่นั่งนิ่งแล้วพลิกกระดาษกลับไปกลับมาดู
“นี่... มาดูนี่สิ”ด้านหลังกระดาษแต่ละใบมีแผนที่คร่าวๆถูกเขียนเอาไว้  ทั้งห้าเงยหน้ามองกันเลิกลั่ก  ก่อนที่ปักษาที่มีสติดีที่สุดในที่นี้จะบอกกับทุกคน
“ผมไม่รู้ว่ามีอะไร... แต่รู้สึกว่าพวกเราคงต้องออกไปตามหาสิ่งที่อยู่ในแผนที่กันซะแล้วล่ะ”ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ  คนที่หน้าซีดที่สุดคงไม่พ้นท่อง ที่กำลังเป็นห่วงคนที่หายไปอย่างมาก...  จะเป็นอะไรรึเปล่านะ...
“งั้นจะเอายังไง ไปหาทีละคนหรือแยกกันไป”ปักษาถามความเห็นซึ่งคิมหันต์ก็หันมาตอบคนแรก
“ผมไปคนเดียวได้ครับ... ถ้ารอคนอื่นไปพร้อมกันเดี๋ยวพี่เหมันจะมีอันเป็นไปซะก่อน”ยิ้มขำกับคำแช่งตัวเองแม้ในใจจะเป็นห่วงมากขนาดไหนก็ตามที...  ท่องลุกตามมาติดๆก่อนจะตอบด้วยคำตอบเดียวกับคิมหันต์
“ ผมเองก็ไปคนเดียวดีกว่า... เห็นแบบนี้ผมก็เก่งนะครับ”ยิ้มแม้จะมีคราบน้ำตาบนหน้า... ทำเอาหนุ่มๆที่แอบมองอยู่รู้สึกผิดขึ้นมาทันที  แต่เพื่อความรักแล้ว ทุกคนพร้อมจะยอมมองคนรักร้องไห้ดีกว่า... หรืออาจจะมีแค่บางคน... ที่คิดว่าโผล่ไปตอนนี้คงตายแหง ข้อหาเล่นพิเรนทร์จนทำให้คนอื่นเป็นห่วง... รอกล่อมทีหลังดูจะเข้าท่ากว่า  และแล้วภารกิจด่านแรกก็เริ่มต้นขึ้นโดยมีฝ่ายหนุ่มๆคอยเดินตามคนรักตัวเองอยู่ไม่ห่าง... ห่วงเหมือนกันนั่นแหละใครว่าไม่ห่วงเล่า!
“พี่น้ำฝน... ทำไมพี่ปักษาเพื่อนพี่ดูจะไม่เสียอกเสียใจที่ผมหายไปเลยล่ะ”ต้นน้ำพูดเสียงเศร้า เขามองคนรักคนอื่นร้องไห้กันระงม ผิดแต่แฟนตัวเองที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วพูดปลอบคนอื่นอยู่ได้ หึงเฟ้ย!
“เอาหน่า... ไอ้น็อตมันก็เงี้ยะแหละ  ที่จริงมันเป็นห่วงเราจะตาย  ไปเถอะ... ดูสิ พวกนั้นเริ่มออกตามหาเรากันแล้วนะ”น้ำฝนบอกก่อนจะออกเดินตามหลังเมฆไปโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว...  ส่วนต้นน้ำก็ได้แต่เดินตามปักษาไปหงอยๆ  ช่วยแสดงความเป็นห่วงให้ผมเห็นหน่อยจะได้มั๊ยคร้าบบบพี่ปักษาที่เข้มแข็งของผม...

ทางด้านคนแรกที่เดินตามสุดท้ายไปอย่างเงียบๆจนเกือบถึงท้ายหาด...  ร่างของสุดท้ายก็ทรุดนั่งลงกับพื้นทรายก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจใคร...
“พี่คนแรก... ไหนพี่บอกจะรักผมเป็นคนสุดท้ายไง แล้วพี่หายไปไหนล่ะ  พี่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวได้ยังไง”เสียงโฮที่ดังออกมาทำให้คนแรกเผลอตัวเกือบจะเดินออกไปแล้วเชียว... ถ้าไม่ได้มือของเที่ยวที่กำลังเดินตามท่องแตะไหล่เอาไว้แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามเบาๆ... พี่คนแรกพยักหน้าแทนคำขอบคุณก่อนที่เที่ยวจะเดินตามคู่ของตัวเองที่กำลังลุยเข้าไปในพงไม้รกๆ...


-------------------------------------------------------------------------------------------

แต่งจบแล้ว  แต่ไม่อยากรีบลง  ขอโทษที่มาอัพช้านะครับ

แบบ... เพิ่งกลับมาจากซ้อมบาส  เหงื่อซกเชียว...

ลุ้นรอประกาศผลค่าย ปรากฎว่าติด  ดังนั้น20-22ผมคงไม่มาอัพ  แต่เดี๋ยวจะกลับมาอัพย้อนหลัง...

ปล.ขอสักสามเม้นท์ในคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าจะรีบอัพเลย ถ้าไม่ถึงก็รอเย็นๆดึกๆซะ!!
ปลล.+เป็ดให้จะเป็นพระคุณมากครับ
ปลลล.ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะครับ...
ปลลลล.รักคนอ่านทุกคนฮับ   :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1 (15/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-10-2012 22:43:33
 :angry2: อย่าทำให้ค้างแล้วจากไปนะ
เด่วเจอดีแน่ๆๆคนเขียน :fire:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1 (15/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 16-10-2012 03:56:54
มาต่อเร็วนะครับ

เพิ่งตามอ่านทัน แอบอิจฉานิดๆที่คนเขียนมีเวลาแต่ง. ไม่เหมือนเรางานยุ่ง อยากแต่งเรื่องต่อแต่ไม่ว่าง

เป็นกำลงใจให้+เป็ด
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 2(จบ) (16/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 16-10-2012 20:09:36
                                                                          เรื่องที่12

                                                                   คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 2


              ทางด้านคนแรกที่เดินตามสุดท้ายไปอย่างเงียบๆจนเกือบถึงท้ายหาด...  ร่างของสุดท้ายก็ทรุดนั่งลงกับพื้นทรายก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจใคร...
“พี่คนแรก... ไหนพี่บอกจะรักผมเป็นคนสุดท้ายไง แล้วพี่หายไปไหนล่ะ  พี่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวได้ยังไง”เสียงโฮที่ดังออกมาทำให้คนแรกเผลอตัวเกือบจะเดินออกไปแล้วเชียว... ถ้าไม่ได้มือของเที่ยวที่กำลังเดินตามท่องแตะไหล่เอาไว้แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามเบาๆ... พี่คนแรกพยักหน้าแทนคำขอบคุณก่อนที่เที่ยวจะเดินตามคู่ของตัวเองที่กำลังลุยเข้าไปในพงไม้รกๆ...

“เที่ยว... มึงอยู่ไหน... ออกมานะเที่ยว มึงรู้มั๊ยว่ากูกลัวน่ะ  เที่ยว... ถ้ามึงไม่ออกมากูโกรธจริงๆนะ”เสียงของคนที่เที่ยวกำลังเดินตามดังจนเที่ยวสะดุ้งนึกว่าอีกฝ่ายรู้จริงๆว่าเขาตามมาอยู่
“เที่ยว... มึงเกลียดกูแล้วใช่มั๊ย  กูไม่มีค่าพอให้มึงรักแล้วสินะ... ช่างแม่งเหอะ  ถึงมึงไม่รักกู กูก็จะรักมึงคนเดียวก็ได้”เสียงหัวเราะแผ่วๆปนเสียงสะอื้นทำให้เที่ยวอยากเดินไปฉุดคนข้างหน้ามาจูบซะให้เข็ด คิดได้ไงว่าเขาไม่รักน่ะ... ถ้าไม่รักแล้วจะยอมอยู่เงียบๆ ไม่ทะเลาะยอมอยู่เงียบๆทั้งๆที่ตัวเขาเองก็เป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ... บ้าจริงเชียว  จบเกมนี้เมื่อไรมีเคลียร์กันยาวแน่...

“พี่เหมันต์!!”เสียงตะโกนดังจากอีกฟากของหาดทำให้เที่ยงเผลอหันไปมอง... ไอ้คู่นั้นก็คงจะรักกันดีสินะ  เที่ยงคิดโดยไม่รู้เลยว่าไอ้คู่ที่คิดว่ารักกันดีน่ะ... ตอนนี้แฟนที่รักกำลังพร่ำบ่นถึงความยากลำบากที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้อยู่ตลอดเวลา
“แม่ง! ถ้าเจอนะไอ้พี่ว๊ากชั่วร้าย  เกลียดมึงที่สุดเลย  รู้มั๊ยว่าสุดท้ายใครต้องมาลำบากลำบนตามหาเนี่ย แล้วอะไรวะ คำที่เขียนให้  คิม... พี่รักคิมนะครับ เฮอะ!  รักจริงแล้วหายหัวไปไหนวะ... ไอ้พี่ฤดูหนาว  อยู่ไหนวะเนี่ย”เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้คนที่เดินตามมาต้องกลั้นขำแทบเป็นแทบตาย...  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมองเห็นใบหน้าของคนที่กำลังบ่นชัดๆ มันเต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด  เขาลืมไป... คิมหันต์เองก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง  ถึงจะแสบแค่ไหน แต่ข้างในก็ยังอ่อนแออยู่ดี...  เหมันต์ตบแก้มตัวเองเบาๆเรียกสติไม่ให้เดินเข้าไปปลอบคนที่ร้องไห้อยู่... อีกนิดนะคิม... แล้วพี่จะเข้าไปปลอบให้เราไม่ต้องเสียน้ำตาอีกเลย...

น้ำฝนที่เดินตามเมฆมาช้าๆ  คนตัวอวบเดินฮัมเพลงไป  ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ไหว...  ยิ่งเดินน้ำฝนก็เริ่มรู้สึกว่าคนข้างหน้าเดินช้าลงๆ จนแทบจะเดินแบบเท้าต่อเท้าเล่น...
“พี่น้ำฝนครับ  ผมรักพี่น้ำฝนนะครับ”พูดขึ้นมาลอยๆจนเจ้าของชื่อสะดุ้งคิดว่าโดนจับได้ซะแล้ว แต่เมฆที่เริ่มเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้น้ำฝนต้องเดินตามไปติดๆ 
“ต้นมะพร้าว... เลี้ยวขวา”เสียงอ่านแผนที่ดังเบาๆ ก่อนที่คนที่เดินมาถึงต้นมะพร้าวจะเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ  ลัดเลาะไปตามแผนที่เรื่อยๆ  น้ำฝนอยากเดินไปบอกคนที่คนเองเดินตามมามากเลยว่า... ไอ้ทางที่เจ้าตัวเดินมาน่ะ มันผิด!
“ผมรู้นะ... ว่าพี่น้ำฝนน่ะ เก่งมาก ถึงผมจะไปช้า... พี่ก็คงไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย”เสียงเบาๆดังขึ้นมา... ถ้าน้ำฝนมองเห็นใบหน้าของเมฆตอนนี้ก็คงจะรู้ว่าประโยคเมื่อกี้เป็นประโยคที่เมฆใช่ปลอบใจตัวเอง  ดวงตาเศร้าๆมองไปยังท้ายซอยที่มืดมิด  แล้วเขาจะไปยังไงต่อ...
“พี่น้ำฝน... ผมขอโทษนะครับ”แล้วคนที่พูดก็หันหลังวิ่งกลับออกมาอีกทางจนน้ำฝนหลบเกือบไม่ทัน  เจ้าตัววิ่งมาหยุดยืนที่หน้าปากซอยใหม่อีกครั้งแล้วหมุนรอบตัวเอง... 
“พี่น้ำฝน พี่น้ำฝน พี่น้ำฝน”ครบสามรอบ เมฆหยุดหมุนแล้วเดินเข้าซอยที่ตัวเองยืนอยู่ตรงหน้าอย่างมั่นใจ  ต่อไปนี้... ก็ขอให้มันเป็นเรื่องของหัวใจแล้วกันนะครับ... ผมหวังว่าหัวใจของผมกับพี่ เราจะสื่อถึงกันได้ใช่มั๊ยครับ พี่น้ำฝน  คนที่แอบมองถอนหายใจแล้วยิ้มขำๆ ไม่น่าเชื่อว่าทางที่เมฆเลือกนั้นจะเป็นทางที่ถูกต้อง...

ทางด้านต้นน้ำที่เดินตามปักษามา ยิ่งเดินก็ยิ่งท้อ... ไม่มีทีท่าว่าพี่ปักษาของเขาจะรู้สึกคิดถึงเขาเลยสักนิด... ยังคงก้าวเดินฉับๆ ปีนเข้านู่นออกนี่จนเขาเกือบตามไม่ทัน...  โดยที่ต้นน้ำไม่มีทางรู้หรอกว่า... ที่ปักษาปีนเข้านู่นออกนี่อยู่บ่อยๆก็เพราะตั้งใจจะไปหาคนที่เดินตามมาอยู่นั่นแหละ ความร้อนรนในใจก่อตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้... ตอนนี้ถ้าปักษาไม่มีสติพอก็คงเป็นที่พึ่งให้คนอื่นๆไม่ได้ แม้จริงๆแล้วเขาจะอยากร้องไห้มากแค่ไหนก็ตามทีเถอะ...
“พี่ปักษา... พี่เป็นห่วงผมใช่มั๊ย  ผมขอให้เป็นแบบนั้นเถอะนะ”ต้นน้ำได้แต่ภาวนากับดวงดาวบนฟ้าเบาๆ ...

แอ๊ด~ 
ประตูบานเก่าๆถูกเปิดออกโดยร่างเล็กๆที่ก้าวเข้ามา  ก่อนจะสังเกตเห็นร่างๆหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้น  ร่างเล็กถลาเข้าไปทันที
“พี่คนแรก”ร่างหนาถูกพลิกตัวให้ขึ้นมานอนบนตักของอีกฝ่าย  ริมฝีปากมีรอยแดงจากน้ำยาอุทัยทิพย์ที่น้ำฝนอุตส่าห์ไปหาซื้อมา ตบแต่งอย่างแนบเนียน  คนแรกแกล้งทำเป็นปรือตาขึ้นช้าๆ  ก่อนจะยิ้มออกมา
“อะไรครับคนดี... ไม่ร้องแล้วนะ  พี่ไม่เป็นอะไรสักหน่อย”แกล้งสำออยยันตัวลุกขึ้นมาแล้วทรุดลงไปอีกครั้งให้คนที่นั่งอยู่เป็นห่วงเล่นๆ
“พี่คนแรก... เดี๋ยวผมช่วยพี่ดีกว่า”ปาดน้ำตาทิ้งลวกๆก่อนจะก้มไปพยุงร่างหนา...  คนแรกแอบกดโทรศัพท์ส่งสัญญาณไปให้น้ำฝนที่กำลังรอแฟนตัวเองมาเจอ ก่อนจะยอมให้สุดท้ายพยุงตัวเองออกไป...
“พี่น้ำฝน”เมฆถลาตัวเข้ามาหาคนที่นั่งพิงต้นมะพร้าว อยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าคลุกฝุ่นจนเละเทะ  พลิกตัวคนที่นั่งรออยู่ไปมาอย่างเป็นห่วง ซึ่งน้ำฝนก็ใส่ลูกเล่นให้เต็มที่โดยการร้องโอ๊ยตอนที่เมฆจับไปที่แขน
“พี่น้ำฝน... เจ็บแขนเหรอ  เป็นอะไรรึเปล่า กระดูกหักมั๊ย”เมฆถามอย่างเป็นห่วง  น้ำฝนส่ายหน้า
“ไม่หรอก... แค่ระบบน่ะ  แต่พี่ลุกไม่ไหวเลยแฮะ”อ้อนอีกนิดให้เมฆช่วยมาพยุง   และก็สำเร็จไปอีกราย...  ร่างของน้ำฝนยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหันไปสูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยของคนรัก...
“พี่เหมันต์”คิมหันต์อยู่ในสภาพไม่ต่างกันเมื่อเห็นร่างสูงเดินโงนเงนออกมาจากซอยแคบๆ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย  คิมหันต์วิ่งเข้าไปพยุงร่างที่แกล้งจะล้มไม่ล้มแหล่ 
“พี่เห... ไม่เป็นไรใช่มั๊ยพี่”น้ำเสียงดีใจ... ไม่ใช่ที่เจอแฟนตัวเอง แต่ดีใจที่เหมันต์ปลอดภัย  ก่อนที่ทั้งสองร่างจะพากันแบกกันกลับไป  แต่ก่อนหน้านั้นเหมันต์ก็โทรส่งสัญญาณให้น้ำฝนเป็นที่เรียบร้อย  เสร็จไปอีกหนึ่ง...
ปักษาเดินไปตามทางในแผนที่จนถึงกำแพงเก่าๆ  ใต้แสงหลอดไฟมีร่างเล็กที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น... ทำเอาใจของปักษาร้าวไปทั้งแถบ
“ต้นน้ำ...ไม่เป็นไรแล้วนะ  ไม่เป็นไรแล้ว”ปักษาวิ่งเข้าไปโอบกอดก่อนจะพยุงอีกฝ่ายเข้ามาสำรวจความเสียหาย  โชคดีที่ต้นน้ำไม่เป็นอะไรเลย...  นอนจากที่เจ้าตัวบอกว่าโดนโปะยาสลบแล้วเอามาทิ้งไว้ตรงนี้... มันดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไร แต่ในยามที่ปักษาเป็นหัวคนรักมากนั้น เขาเองก็ไม่มีเวลามาคิดอะไรทั้งนั้นแหละ...  แล้วก่อนที่ปักษาจะอุ้มต้นน้ำกลับไป คนเจ้าเล่ห์ก็ส่งสัญญาณไปให้น้ำฝนที่รออยู่เรียบร้อยโรงเรียนไอ้ต้นน้ำ...

“ไอ้เที่ยวนะ.. มึงอยู่ไหนวะเนี่ย”คู่สุดท้ายที่ตามหายังไงก็ไม่เจอ... 
“ท่อง... กูอยู่นี้”เสียงแผ่วๆทำให้ท่องวิ่งตามไปทันทีแล้วพบกับเที่ยวที่ยืนพิงเสาไฟฟ้าอยู่  ร่างของเที่ยวเต็มไปด้วยบาดแผลที่เจ้าตัวกล้าลงทุนถึงขนาดให้เหมันต์ชกสักสองสามครับแล้วก็เดินหกล้มให้เป็นแผลเล่นซะงั้น  ก็นะ... ถ้าไม่ลงทุนขนาดนี้ มีหรือที่ไอ้ตาเหยี่ยวอย่างท่องมันจะจับไม่ได้น่ะ
“เที่ยว... กู... กูตามหามึงตั้งนาน... กูนึกว่ามึงเป็นอะไรไปซะแล้ว”น้ำตาพร่างพรูจนมองแทบไม่เห็ฯความสวยงามบนใบหน้า  เที่ยวปาดน้ำตานั้นเบาๆก่อนจะยิ้มให้...
“กูไม่เป็นไรหรอก...  กูถึกจะตาย มึงไม่รู้เหรอ ไม่งั้นตอนปี1กูคงไม่ท้าพี่คนแรกลุกนั่งตั้ง180ทีแทนใครบางคนหรอก”พูดไปก็เจ็บปากไป คนอื่นเขาหาวิธีเจ็บตัวง่ายๆกันทั้งนั้น ยกเว้นเขานี้แหละ...
“ไอ้บ้า... มา กูช่วยพยุงมึงเองนะ”แล้วร่างบางก็สอดตัวเองเข้าใต้วงแขนของคนที่ยืนรออยู่... นิ้วเรียวแอบกดโทรศัพท์ส่งไปถึงพี่น้ำฝนแล้วเก็บมันลงเครื่องอย่างอารมณ์ดี...
ทั้งห้าคู่สิบคนทยอยกันมาถึงบังกะโลที่พัก...  หนุ่มๆแต่ละคนต่างยิ้มให้กัน แล้วนั่งกอดสุดที่รักของตัวเองกันไป... ใครว่าแผนของน้ำฝนมีแค่นี้  พวกคุณคิดผิด... แผนที่สองมันกำลังจะเริ่มต่อจากนี้ไปต่างหากล่ะ!!!

เมื่อถึงเวลาปฏิบัติการณ์ขั้นที่สอง เหล่าเมะที่ส่งซิกกันอยู่พักใหญ่ก็เริ่มทำตัวทยอยเจ็บทีละคนสองคน  เนียนมากกกก....  เหล่าเคะที่สายตาดีไปนิดหนึ่งเลยช่วยกันพยุงให้เข้าไปในบังกะโล ซึ่งผู้ชายทุกคนเสนอว่าขอไปนั่งในบังกะโลของเหมันต์ดีกว่า... ทำไมต้องไปน่ะเหรอ... เซอร์ไพรส์แผนสองรออยู่น่ะสิ
ปุ้ง!
สายรุ้งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ตอนที่เมะน้อยๆทั้งหลายไปซื้ออาหารถูกจัดไว้อย่างดีในบังกะโลหลังนี้  เค้กช็อคโกแลต  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลทุกประเภทมาครบจนเกือบกลายเป็นปาร์ตี้ย่อมๆ....
“อ๊ะ... อะไรเนี่ย”เสียงเมฆร้องเรียกสติทุกคนกลับมา  ต่างคนต่างมองหน้าคู่ตัวเองแล้วผู้ชายหน้าหล่อทุกคนก็ได้แต่หัวเราะขำๆ  กับการเซอร์ไพรส์แฟนที่รักของตัวเอง...
“อย่าบอกนะ... ว่าตั้งแต่แรกน่ะ... มันเป็นแผน”เสียงเย็นเยียบจากเด็กเล็กของกลุ่มพูด  เหมันต์เห็ฯท่าไม่ดีโอบกอดตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมอกทันที...
“โอ๋! แล้วไม่เซอร์ไพรส์เหรอครับ”ยิ้มหวานเอาตัวรอด  ก่อนจะได้เสียงดังตุบเบาๆเพราะคนในอาณัติทุบไหล่เบาๆ  เหมันต์หันมายักคิ้วให้คนอื่นแล้วเดินพาคิมน้อยไปหาอะไรกิน รอดตัวไปหนึ่งราย... ถัดมาก็ปักษาที่ก้มมองคนที่ตัวเองพยุงมาแล้วก้มลงไปดีดหน้าผากเบาๆทีหนึ่ง
“โอ๊ย!”
“โกหกผู้ใหญ่ นิสัยไม่ดีนะ”ว่าแล้วก็จูงมือต้นน้ำไปหาอะไรทานตามเหมันต์กับคิมหันต์ เหลือสามคู่ให้มาเคลียร์กันทีหลัง
“พี่น้ำฝน”เสียงเข้มๆดังขู่ทำให้น้ำฝนรีบฉกโอกาสจูบปากบางทันที  เมื่อเมฆหลุดมาได้ก็ก้มหน้าก้มตา  ถูกจูบต่อหน้าคนอื่น น่าอายไม่ใช่น้อย... รอดไปได้ด้วยดี  กอดคอโอบเอวกันไปป้องเค้กช็อคโกแลตอย่างสบายอุรา  มาถึงคิวคนแรกกับสุดท้าย ที่ดูท่าพี่คนแรกจะถูกน้องสุดท้ายงอนเอาไม่ใช่น้อย
“โอ๋ๆ  อย่างอนนะครับ  พี่กะทำเซอร์ไพรส์เราไง ถึงต้องมีเวลาสักหน่อย ไม่งั้นพี่จะมาจัดยังไงให้ทัน”พี่คนแรกแหลสุดขีด  ไอ้ของพวกนี้น่ะ... เหมันต์กับคนอื่นวิ่งมาจัดกันตั้งแต่ตอนขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำแล้ว  แต่ด้วยความเนียนเรียกพ่อทำให้สำเร็จไปอีกราย  เหลือคู่สุดท้ายที่ยังดูบรรยากาศอึมครึมพิกล...
“เที่ยว... ทำไมต้องแกล้งเรา”ท่องเริ่มเปิดประเด็น...
“ก็จะทำให้เซอร์ไพรส์ไง  ไม่ชอบเหรอ”
“รู้ไหมเราใจหายขนาดไหน ตอนที่เที่ยวหายไปน่ะ”เสียงสั่นเครือทำให้อีกคนใจหายวาบ...  ทำไมต้องร้องไห้ต่อหน้าเขาอีกแล้ว...  ร่างสูงรวบตัวท่องเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด  เช็ดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาเบาๆ
“ขอโทษนะครับ... สัญญา ต่อจากนี้จะไม่ทำให้ท่องต้องเสียน้ำตาอีกแล้วนะ”ร่างสูงก้มลงกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนจะดึงคนในอ้อมกอดให้นั่งลงกับพื้นห้องในมุมเงียบๆ ปล่อยอีกสี่คู่ที่คืนดีกันแล้วให้ไปฉลองกลางบ้านพัก
“รอก่อนนะ เดี๋ยวเที่ยวไปหาอะไรมาให้กิน”รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้ท่องน้ำตาซึมอีกครั้ง  เที่ยวเดินกลับมาพร้อมเค้กกับน้ำโค้กเปล่าๆไม่ได้ผสมแอลกอฮอล์ล อารมณ์ตอนนี้ของเขากับท่อง คงไม่มีใครดื่มลง  เที่ยวใช้ส้อมตัดเค้กก่อนจะป้อนเข้าปากของท่องที่รับไปเคี้ยวช้าๆ แต่ยังไม่หันมาคุยกับเขาอยู่ดี
“ท่อง”เค้กช็อกโกแลตถูกงับเอาไว้เบาๆที่ปากของเที่ยว  เรียกร้องให้คนที่นั่งข้างๆมารับมันไป...  ริมฝีปากบางค่อยๆงับเค้กช็อกโกแลตจากอีกฝ่ายมาเคี้ยวช้าๆเหมือนเดิม   เที่ยวขยับตัวไปนั่งด้านหลังก่อนจะเอาคางเกยกับไหล่ของท่อง
“รู้มั๊ย... ตอนที่ท่องตามหาเที่ยวน่ะ  เที่ยวเดินตามอยู่ตลอดเลยนะ”ร่างสูงล็อคตัวคนในอ้อมกอดให้อยู่นิ่งๆก่อนจะพูดต่อ
“ได้ยินใครบางคนบอกด้วยว่าเที่ยวไม่รักเขาแล้ว”เสียงหัวเราะแบบจืดจางดังเบาๆ ก่อนจะพูดตอบเนิบๆ
“ท่องรู้มั๊ย  เที่ยวน่ะไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อนเลยนะ  และไม่มีวันที่จะเลิกรักคนๆนี้เด็ดขาดด้วย... ถ้าไม่มีเขา เที่ยวก็คงไม่อยากจะอยู่ต่อไปหรอก... ห้าปีน่ะ... ไม่ใช่จะผ่านมาได้ง่ายๆนะ  อุปสรรคมากมายที่เราสองคนฝ่าฟันมันมาด้วยกันน่ะ มันยังไม่พิสูจน์ให้เห็นอีกเหรอ... ว่าเที่ยวให้ความสำคัญกับท่องขนาดไหน”เสียงพูดคลอกับเสียงสะอื้น  ท่องพลิกตัวหันกลับมาก่อนจะก้มลงจูบปากของเที่ยวไว้แน่น
“พอแล้ว... เที่ยว... ท่องรู้แล้ว ท่องมันโง่เอง  ไม่ต้องพูดแล้วนะ”น้ำตาของทั้งคู่ไหลปนกัน  ต่างฝ่ายต่างเช็ดน้ำตาให้กัน  น้ำตาแห่งความเข้าใจที่ทั้งคู่มอบให้กัน...

ทางคู่ที่เหลือตอนนี้ก็ซัดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เป็นว่าเล่น  เปิดปั๊บหมดปุ๊บ จนเปิดต่อแทบไม่ทัน...   ไม่รู้ว่าเอาไปกินหรือเอาไปอาบกันแน่  แต่ที่รู้ๆคนคออ่อนอย่างสุดท้ายน่ะ...  เสียงอ้อแอ้อยู่ในอ้อมกอดของพี่คนแรกแล้วล่ะ...   คิมหันต์กับเหมันต์ คอแข็งทั้งคู่ มีเหล้าเมื่อไรเป็นท้าดวล  และคราวนี้ก็ไม่ต่างจากดื่ม ซดกันเหมือนน้ำเปล่าจนรู้สึกเปลืองเหล้าตะหงิดๆ ต้นน้ำ เมฆา ปักษา แล้วก็น้ำฝน ตั้งวงเล็กๆค่อยๆกินค่อยดื่ม  ดูจะเป็นกลุ่มที่เข้าท่าที่สุดแล้ว... ต้นน้ำเอาหัวลงไปหนุนตักปักษาก่อนจะกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ อ้าปากบอกว้าจะกินอะไร สิ่งนั้นก็จะมาประเคนถึงริมฝีปากทันที...
   “อร่อยจัง”ปากเล็กๆงับนิ้วของปักษาที่เอาคุกกี้มาป้อนจนอีกฝ่ายต้องชักมือหนีแล้วตีเข้าที่หน้าผากเขาดังแปะ!  เจ็บมากกก...ต้นน้ำพลิกไปมาก่อนจะร้องโอดครวญ
   “โอ๊ย! เจ็บ  เจ็บมากเลย  ตีมั๊ยเนี่ย”เมฆที่นั่งอยู่ข้างๆชักรู้สึกอยากมอบรางวัลตุ๊กตาทองคำสาขาตอแหลดีเด่นให้เพื่อนสนิทตัวเอง...  ปักษาหัวเราะแล้วก้มลงมาเป่าหน้าผากให้คนที่ร้องครวญทีเดียว... หายเลย 
   “อิจฉาเหรอ”เสียงกระเส่าเบาๆทำให้เมฆหันไปส่ายหน้าพรืด
   “เปล๊า... ใคร ไม่มี๊”เมฆจ๋า... ไอ้อาการแบบนี้น่ะ แถวบ้านพี่น้ำฝนเขาเรียกซึนเดเระนะจ๊ะ...  น้ำฝนหัวเราะก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะประกบจูบกับเมฆปล่อยน้ำสีอำพันให้ไหลลงคออีกฝ่าย
   “อืม...”ดูเหมือนจะลามปามไปมากกว่าเดิมเมื่อเมฆโน้มคอพี่น้ำฝนให้ลงมาจูบต่ออีกครั้ง  แล้วน้ำฝนก็ได้โอกาสแยกวงกลับบังกะโลของตัวเองทันที...
   “พี่น็อต... รักนะ”พูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคนก่อนจะได้การหอมแก้มแทนคำขอบคุณ... 
   “คราวหน้าไม่ต้องทำเซอร์ไพรส์พี่แบบนี้แล้วนะ รู้มั๊ยว่าพี่เป็นห่วงเราขนาดไหน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”สียงหัวเราะขำๆของต้นน้ำดังขึ้น  ก่อนจะตามมาด้วยกันจูงมือกันเดินกลับบังกะโล  พร้อมๆกับคนแรกที่อุ้มสุดท้ายกลับบ้านพักตัวเอง 
   “ไอ้เที่ยว มึงกลับได้แล้ว กูจะอยู่กับคิม”เหมันต์ส่งเสียงไล่เพื่อนตัวเองที่สวีทกันจนมดอิจฉา  เที่ยวหัวเราะขำๆก่อนจะแบกท่องขึ้นหลังพาลงไปวิ่งเล่นที่ชายหาด  เนื่องด้วยทั้งคู่ไม่ได้กินเหล้า นอกจากท่องที่กรึ่มๆรอก่อนหน้านั้น...
   “คิมครับ... ไม่มีใครอยู่แล้ว  ไปนอนกันเถอะ”แล้วร่างของคิมหันต์ก็ลอยขึ้นหลังจากที่เหมันต์พูดจบ  ต่างคนต่างเข้าห้อง  มาเที่ยวทั้งที ถ้าไม่ทำอะไรกันบ้างก็ผิดกฎแก๊งค์หมดน่ะเซ่~!

   เช้าวันต่อมา... เหล่าเคะที่น่ารักทั้งหลายต่างหมดเรี่ยวแรงหลับกันอยู่ในห้อง ยกเว้นปักษาที่ออกมาเดินได้อย่างสบายอุรา...  น่าแปลกชะมัด  ทุกคนหันมองต้นน้ำที่ส่งสายตาประมาณว่า ‘ เค้าก็ทำน้า~ แต่พี่น็อตถึกเกินต่างหาก ’ อะไรประมาณนี้มาตอบให้ทุกคนฟัง   จนเมื่อสายมากแล้ว เคะผู้น่ารักจึงได้พาร่างกายที่บอบบางออกมาเสนอหน้าทีละคน  แต่ละคนก็นะ... พอจะรู้กันอยู่ว่าต้องผ่ายสมรภูมิอะไรมาเมื่อคืน แต่ก็ไม่มีใครโวยวายอะไร  ก็คนมันรักกันนี่หน่า...
   น้ำฝนลอบมองหน้าคุณผู้ชายสุดแสบทุกคนที่ยิ้มกริ่มนึกขอบคุณแผนของน้ำฝนอยู่ในใจ  จะมีใครรู้บ้างมั๊ยน้า~ ว่าไอ้แผนจริงๆของน้ำฝนน่ะ มันมีแผนสามอยู่ด้วย!

   ‘ คือว่า... ผมอยากลองทำแผนเซอร์ไพรส์แฟนๆพวกเราดู ดีมั๊ยครับ ’
   ‘ แล้วจะทำยังไงล่ะครับ ’
   ‘ เดี๋ยวเราออกไปซื้อของมาทำอะไรปิ้งกันตอนเย็น  ช่วงนี้ก็ให้พวกเราเงียบๆกันไว้เหมือนมีอะไรในใจกันไปก่อน พอผ่านไปสักพักก็ให้พวกเราหาเรื่องลุกกันไปทีละสองคนสามคน  จากนั้นเดี๋ยวช่วยเขียนความในใจที่อยากบอกที่รักของพวกคุณไว้ให้ผมคนละแผ่นนะครับ ’
   ‘ โอเคครับ ว่าต่อเลย ’
   ‘ จากนั้น ผมจะเขียนแผนที่ให้ที่รักของเราแต่ละคน  ให้ไปตามหาพวกเรากัน   พอตามหาเราเจอ เราก็พามาฉลองที่บังกะโลดีมั๊ย เดี๋ยวตอนที่ออกไปซื้ออาหารผมจะซื้อพวกเหล้าเค้กกับขนมอะไรพวกนี้เข้ามาด้วยเลย ’
   ‘ โดนฉุดจนหายกันไปหมดสินะ  น่าสนุกดี งั้นผมเอาด้วย ’ต้นน้ำบอกก่อนที่คนอื่นๆจะพยักหน้าทำตาม
   ‘ แผนตามหาพวกเราคือแผนหนึ่ง  เมื่อเจอกันแล้วให้โทรมาที่เครื่องผม ผมจะได้รู้ว่าใครพบกันแล้วบ้าง  แผนสองคือทำสำออยให้พาไปในบังกะโลของคุณเหมันต์ให้ได้  ส่วนแผนสาม... ’
   ‘ เฮ้ย! พวกเรามีแค่สองแผนเองไม่ใช่เหรอ ’
   ‘ ครับ แต่แผนสามน่ะ ต้องอาศัยเทคนิคส่วนบุคคล หลอกล่อกันเอาเอง มาเที่ยวทั้งทีพวกคุณไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอครับ ’ เสียงกรุ่มกริ่มทำให้เหล่าบรรดาทโมนร้องอ๋อไปตามๆกัน 
   ‘ นั่นแหละครับ แผนของพวกเรา... งั้นเริ่มแผนหนึ่งกันเลยนะครับ ’

จากนั้น... ก็ตามที่พวกคุณอ่านกันมานั่นแหละครับ  ^^


---------------------------------------------------------------------------------------

จบแล้วฮับ...

เหมือนจะเศร้า (แต่มันดันไม่เศร้า)  เรื่องนี้แน่นอนว่าเน้นฮาไม่เน้นสาระครับ

สำหรับเรื่องต่อไป...  ง่า... จะหมดสต๊อกล่ะ

เรื่องต่อไป  ขอเอาตอนพิเศษของพี่คนแรกน้องสุดท้ายมาลงแล้วกันนะครับ (อันเนื่องจากหน้ามีน้อย)

ดังนั้นแถมเรื่องของ คิมหันต์กับเหมันต์ลงพร้อมกันเลย2คู่!!!

ปล.+เป็ดๆๆ//ลงไปกลิ้ง เค้าจาเอาๆ :impress:

ปลล.เม้นด้วย ไม่เม้นงอน! เชอะๆ! :a14: :a14:

ปลลล.แล้วเจอกันฮับ... 


ร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก...  ทุกคนเลยนะฮับ :3123: :3123:

หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1 (15/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 16-10-2012 20:46:53
 :laugh: ก๊ากกกกก ฮ่ามว๊วกกก
แต่ก็สงสารเหล่าเคะจังเจอแกล้งแรงไปนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1 (15/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 16-10-2012 20:50:37
น่ารักทุกคู่จริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 2 (จบ) (16/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 17-10-2012 17:33:28
อ่านแล้วมีไรที่คิดไม่ถึงด้วยแหะ สนุกอ่ะ น่าร๊าก :o8: ทุกคู่เลย ขอบคุณนะค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่12-คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 2 (จบ) (16/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 18-10-2012 00:26:42
น่ารักมากๆเลย +เป็ดให้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่13-คิมหันต์Xเหมันต์ (ตอนพิเศษ) (19/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 19-10-2012 16:30:23
                                                                         คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!!

                                                                          คิมหันต์Xเหมันต์

                                                                           พิเศ๊ษพิเศษ




            เคยคิดมั๊ยครับว่าวันๆหนึ่ง... คุณจะเจอคนที่ ‘ ใช่ ’ โดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว... สำหรับผม... มันเป็นอะไรที่แปลกประหลาดเกินกว่าจะอธิบายได้เลยล่ะครับ  ผ่านมา20กว่าปีไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะชายตาแลเด็กผู้ชาย... แต่เพราะใครคนหนึ่ง ทำให้ผมที่คิดว่าตัวเองชอบผู้หญิงต้องยอมหักความคิดนั้นลงทันที... ไอ้เด็กบ้าที่เป็นฤดูร้อนสำหรับผม... แถมยังเป็นฤดูร้อนที่ใจร้อนสมชื่อเลยล่ะครับ 
   “ไอ้พี่เหที่ร๊ากกกก... วันนี้น้องคิมสุดหล่ออยากไปเที่ยว”มาแล้วครับ... ร่างเล็กๆที่เด็กกว่าผมแค่ปีเดียวแถมนิสัยก็กวนตีน พอๆกับพี่ชายข้างบ้านของมันล่ะครับ
   “งั้นไปสวนสยามมั๊ย”ผมถามแต่เจ้าตัวดีส่ายหน้า...
   “จะไปดูจระเข้ แฮ่!”เอากะเขาสิครับ มีแฮ่มาด้วย 
   “อี๋! พี่เห ทำไรวะ เค็มอ่ะ”เจ้าตัวดีทำหน้าเบ้เอามือเช็ดลิ้นตัวเองอย่างมันส์ครับ  หึหึ... ผมก็ไม่ได้ทำไรสักหน่อย แค่เอานิ้วป่ายลิ้นเอง ปกติก็เล่นกับเพื่อนอยู่แล้วล่ะครับ ผมเอามือไปยีหัวคนตรงหน้าก่อนจะไล่ให้ไปเปลี่ยนชุด... อ่อ... ผมกับคิมหันต์ย้ายมาอยู่หอเดียวกันด้วยเหตุผลที่ว่า... ผมไม่อยากให้เจ้าตัวดีหายหัวไปไหน ลองไม่ตามสิครับ  หายแวบประจำ ขนาดอยู่หอเดี๋ยวกันบางทียังหายตัวได้เลย ไม่รู้จะเทพไปไหนแฟนผมคนนี้...

   ผมยิ้มขำกับชุดของคิมหันต์ที่ใส่มาครับ  คือมันใส่เสื้อยืดปกติเนี่ยล่ะแต่ดันสกรีนลายว่า    ‘ แฟนกูโหด โปรดเข้าใจ ’  เอ่อ... ที่จริงผมว่าผมก็ไม่ได้โหดนะ แค่เคยลากไอ้เพื่อนที่มหาลัยที่โผล่มาจีบคิมหันต์ไปตืบแค่นั้นเอง...  เชื่อสิ ผมโหดน้อยกว่าไอ้เที่ยวตั้งเยอะ!
   “นี่ตัวเล็ก... มาเที่ยวดูจระเข้ไม่ใช่เหรอ ไปสิ เขาจะทำการแสดงแล้วนะ”ผมเตือนคนข้างๆที่เลียไอศกรีมรสช็อคชิพไม่หยุด 
   “ไม่เอาอ่ะ... คนเยอะ... ขี้เกียจเบียด”เออ... เอากับเขาสิครับ มาดูจระเข้แต่ไม่ดูโชว์จระเข้ด้วยเหตุผลที่ว่าคนเยอะ... กวนตีนมากมายเลยทีเดียว
   “แล้วจะไปไหนล่ะครับ หืม...”เจ้าตัวดีไม่ตอบแต่ลากผมไปที่เรือถีบทันที...
   “จะเล่นเหรอ...”ผมถาม คิมหันต์พยักหน้า... แล้วต่อไปทำงาน  ซื้อบัตรสิครับ  ผมกับคิมหันต์เลือกเรือลายเต่าสีแดงสดใส...  แต่เมื่อเริ่มถีบก็มีปัญหาทันที
   “พี่เห... ผมเลี้ยวไม่ไปอ่ะ”มาแล้วครับ เสียงอ้อนเบาๆเคล้ากับเสียงสะอื้นทำให้ผมต้องเอื้อมมือมาจับคันโยกแทน...  ที่จริงมันก็บังคับยากนิดหน่อยล่ะครับ... หางเสือของเรือถีบคันนี้คงไม่ดีเท่าไร  แต่สำหรับผมแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรมากมาย 
   “พี่เห... เข้าไปข้างในกัน คนไม่แน่นด้วย” คิมหันต์หันมาบอกผมแล้วชี้ไปข้างในที่มีน้ำพุอยู่ ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไรครับ เพราะว่ามันไกลพอสมควร...
   “ก็เอาสิ...”ผมบังคับเรือถีบให้ไปอยู่ใต้น้ำพุ... น้ำมันก็กระเด็นเข้ามาบ้างล่ะครับ  แต่เพราะว่าเรือมันมีหลับคา เราสองคนเลยไม่เปียกอะไร
   “พี่เหมันต์...”คิมหันต์เรียกผมเสียงอ่อยทำให้ผมต้องหันไปมอง...
   “มีอะไรครับ”
   “ไม่รู้อะไรเข้าตาอ่ะ ดูให้หน่อยดิ”คนข้างๆบอกผม ผมเลยโน้มตัวไปหาคิมที่นั่งหลับตาอยู่
   จุ๊บ...
   ริมฝีปากเล็กๆที่เข้ามาแตะผมเบาๆแล้วผละไปในเสี้ยววิทำให้ผมอมยิ้ม... ทำแบบนี้น่ะ... มันน่ารักมากเลยล่ะครับ
   “อือ...”ผมกระชากตัวของไอ้เด็กน่ารักข้างๆให้หันมาประกบปากกับผมอีกครั้ง  เนิ่นนาน... และหอมหวานเป็นที่สุด จนคิมหันต์ทุบไหล่ผมเบาๆ ผมเลยค่อยๆคลายริมฝีปากออก  ปล่อยให้ที่รักของผมนั่งหอบหายใจด้วยริมฝีปากที่บวมแดง น่าจับฟัดซะให้เข็ดถ้าไม่ติดว่าอยู่บนเรือน่ะนะ...
   “พี่เหอ่ะ... ผมจะตายเอานะเนี่ย”คิมหันต์หันมาว่าผมด้วยใบหน้าแดงๆ
   “ไม่มีความอดทนเลยนะ... สงสันคืนนี้ต้องฝึกความอดทนให้แล้วล่ะมั้งเนี่ย”พูดไปก็เหมือนมองปากแดงๆที่เบ้ลง  ทำไมน่ารักอย่างนี้น้า...
   “พี่เหมันต์...”เสียงเล็กๆที่โหดมาก... สำหรับคนอื่นแต่ไม่ใช่สำหรับผมดังขึ้นเบาๆ ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มคนข้างๆอีกครั้ง
   “พี่เห!”เสียงฉุนๆทำให้ผมต้องยกมือสองข้างขึ้นมาเพื่อบอกว่ายอมแพ้... แล้วเราสองคนก็ถีบเรือออกจากใต้น้ำตกไปที่อื่น...
   “คิมหันต์ครับ...  ถ่ายรูปกันหน่อยสิ”ผมดึงไหล่คนข้างๆให้มาชิดกันผมก่อนจะล้วงไอโฟนขึ้นมาเพื่อถ่ายรูป...
   “โห... ไม่หล่ออ่ะพี่ เอาใหม่ๆ”คราวนี้คิมแย่งโทรศัพท์ในมือผมไปถ่ายเองแทนแล้วส่งกลับมา  ผมจัดการตั้งมันเป็นภาพหน้าจอแทนภาพเดิม  ก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง...
   “คิมหันต์ครับ...”
   “มีไรเหรอพี่เห... โหปลาเยอะว่ะ”คิมตอบกลับผมแล้วหันไปมองปลาที่ลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ 
   “พี่รักเรานะ...”ผมบอกอีกครั้ง... คิมไม่เคยบอกคำว่ารักให้ผมฟังเลยทั้งๆที่ผมตามดูแลเขามาเกือบ6เดือนแล้ว นอกจากคำว่าชอบ...
   “ผมก็ชอบพี่นะครับ พี่เหมันต์”เสียงเบาๆที่ดังตอบมาทำให้ผมเริ่มออกแรงปั่นเรือถับอีกครั้ง... ก็ได้แค่คำว่าชอบ  ผมท้อจนเลิกท้อแล้วล่ะครับ แต่ก็แค่หวัง... ว่าสักวันผมจะได้ยินคำว่ารักออกจากปากของคนข้างๆบ้าง
   “พี่เห...  ผมหิวแล้วอ่ะ”เสียงเล็กๆอ้อนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผมเคลิ้มอีกรอบ เราสองคนปั่นเรือถีบไปคืน จากนั้นก็ขึ้นไปหาซื้ออะไรมากินเล่น.... ได้เวลาย้อนเป็นเด็กล่ะครับ ก็เจ้าเด็กดื้อนี่น่ะสิครับ พอเห็นชิงช้าก็วิ่งเข้าไปนั่งปุก! แถมยังเรียกให้ผมไปแกว่งให้อีกต่างหาก  แล้วมีเหรอครับที่ผมจะปฏิเสธ ก็แกว่งไปเรื่อยๆครับ  อย่างกับเด็กเลยแฮะ...
   “พี่เห...  ผมมีอะไรจะให้ฟังแหละ”คิมหันต์ส่งหูฟังบมาให้ผมก่อนจะหันไปเปิดอะไรสักอย่างในโทรศัพท์
   ‘ ครับ... ในช่วงนี้ก็มีน้องคนหนึ่งฝากเพลงแล้วก็ข้อความมาให้ฤดูหนาวของเขานะครับ  บอกมาว่าไม่สามารถโทรมาได้เลยขออัดเสียงเอาไว้แทน แหม... ยังไงก็ได้ครับน้อง พี่ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว  เอาล่ะครับ จากนี้เดี๋ยวเราฟังข้อความที่น้องเขาฝากไว้แล้วก็ไปฟังเพลงกันต่อเลยนะครับ ’ เสียงในโทรศัพท์เงียบหายไปพักหนึ่ง ผมหันไปมองน้องรหัสของผมที่นั่งไกวชิงช้าเบาๆโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมเลยสักนิด
   ‘ เขาเป็นฤดูหนาวของผมครับ... เราเจอกันเมื่อครึ่งปีก่อน...  ครั้งแรกที่เจอกันพี่เขาเป็นพี่  ว๊ากของคณะผม ทั้งๆที่ผมไปสายแค่สี่ชั่วโมงแท้ๆ แต่กลับโดนสั่งทำโทษให้วิ่งรอบสนาม แต่พี่เขาคงจำไม่ได้เลยสั่งให้พี่รหัสของผมวิ่งด้วย ก็คือเขาแหละครับ... ทั้งๆที่ผมไม่คิดจะชอบพี่เขาเลยสักนิด แต่มันก็มีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไป  ผ่านมาหกเดือนแล้ว ผมพูดกับพี่เขาได้แค่คำว่าชอบ... แต่พี่ครับ รออีกไม่นานหรอกนะครับ  ให้ผมคนนี้ได้แน่ใจอีกนิด แล้ว
ฤดูร้อนอย่างผมจะพูดคำว่ารัก... ให้พี่ได้ฟังแน่นอน...’ท้ายเสียงฟังดูเหมือนเสียงสะอื้น ผมหันไปมองคนข้างๆอีกครั้งที่ตอนนี้แกล้งเสหน้ามองไปทางอื่น
‘ ฉันคิดว่ารักคือความเพ้อฝัน  ไม่คิดว่าฉันจะเป็นแบบนั้น
เป็นเพราะฉันนั้นหลอกตัวเอง  ทั้งๆที่ใจร่ำร้องว่ามีแค่เธอ
คอยบอกกับใจไม่ให้หวั่นไหว  แต่หากข้างในจิตใจยิ่งเพ้อ
เฝ้านอนฝันละเมอ และคิดว่ามีเธอไปนานเท่านาน
จะรักแต่เธอคนนี้คนเดียว เพราะเธอคือคนที่ฉันต้องการ
อาจดูเหมือนฉันไม่เคยใส่ใจ แค่คิดว่าขาดเธอไปฉันคงร้าวราน
ก็คิดว่าอาจเป็นรักครั้งเดียว ที่ทำให้คนอย่างฉันมั่นใจ
จะเป็นรักแท้ที่ไม่หวั่นไหว ฉันคิดจะเก็บเอาไว้เพื่อมอบให้เธอ
แค่เพียงสบตาของเธอสดใส ได้อบอุ่นใจทุกครั้งที่เพ้อ
เฝ้านอนฝันละเมอ และคิดว่ามีเธอไปนานเท่านาน
จะรักแต่เธอคนนี้คนเดียว เพราะเธอคือคนที่ฉันต้องการ
อาจดูเหมือนฉันไม่เคยใส่ใจ  แค่คิดว่าขาดเธอไปฉันคงร้าวราน
ก็คิดว่าอาจเป็นรักครั้งเดียว ที่ทำให้คนอย่างฉันมั่นใจ
จะเป็นรักแท้ที่ไม่หวั่นไหว ฉันคิดจะเก็บเอาไว้เพื่อมอบให้เธอ เพื่อเธอคนนี้คนเดียว ’
*As over-นัททิว  OST.- You‘re Beautiful หล่อน่ารักกับซูเปอร์สตาร์น่าเลิฟ
เสียงเพลงจบไปแล้ว แต่ในใจผมกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก... ผมหันไปดึงตัวของคิมให้เข้ามาหาผมเบาๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ขอบคุณนะครับ... พี่ชอบมากเลย..”ผมก้มลงกระซิบที่ข้างหูของคิมเบาๆ
“พี่เห... ปล่อยก่อน  คนเยอะแยะเลยเห็นมั๊ย”คิมพยายามดันตัวผมให้ออกห่าง... ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองผมซะงั้น...
“พี่ไม่อายหรอกครับ ถ้าคนที่อยู่ในอ้อมกอดพี่คือคิมหันต์... แล้วพี่จะรอนะครับ รอทำว่ารักจากฤดูร้อนของพี่น่ะ”ผมยิ้มก่อนที่เราสองคนจะเดินจับมือกันกลับไปที่รถ
“แล้วคืนนี้พี่จะทำให้เราบอกรักพี่ให้ได้เลย”คิมหันต์หันมามองผมแล้วยิ้มหวานจนผมถึงกับตกตะลึง
“ฝันไปเหอะไอ้พี่ว๊ากบ้า”ตะโกนใส่หน้าผมเต็มๆครับ ก่อนจะวิ่งหนีผมไปรอที่รถ
“ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าตัวดี คืนนี้พี่จัดการปิดบัญชีแน่”ผมอมยิ้มกับความน่ารักน่าทะเล้นของอีกฝ่ายแล้วเดินไปเปิดประตูรถ...

ถึงยังไงตอนนี้ในใจของฤดูร้อน... ก็คงจะเริ่มมีผลึกน้ำแข็งไปเกาะตัวให้เย็นลงได้บ้างแล้วล่ะมั้ง... แต่อย่าให้ผมรอนานมากนักนะ...  เดี๋ยวหิมะในใจผมจะละลายเพราะโดนความร้อนเผาไปซะหมดน่ะ  ยังไงพวกคุณก็เอาใจช่วยให้น้องรหัสที่แสนจะน่ารักน่าถีบของผมคนนี้ บอกรักผมในเร็ววันแล้วกันนะครับ...




------------------------------------------------------------------------

เก๊าขอโต๊ดดดดด :sad4: :sad4:

มิมีเวลาว่างมาอัพให้เลย...

เช็คที่เหลือดูแล้ว  เหลือให้ลงได้อีกสองครั้ง 

ดังนั้น... เอาคู่ของคิมกับเหไปก่อนแล้วกัน  (อย่าเพิ่งกระซวกกันเลยน้าาาาา) :monkeysad:

ปล.+เป็ดให้ก็ได้ ไม่ว่ากันนะ

ปลล.สักเม้นท์เถอะ  พลีสสสส...

ปลลล.เรื่องต่อไปประมาณวันที่22นะครับ

ปลลลล.ใครเรียนที่เกษตร พรุ่งนี้ผมจะไปลั้นล้าที่นั่นล่ะ... 

ปลลลลล.ภาวนาให้ค่ายครั้งนี้สนุก...

ปลลลลลล.รักทุกคนเลยคร้าบบบบบบบบบบบบบ//อ้อน

ปลลลลลลล.ชอบอีโมตัวนี้มาก   :z13:  นั่งดูไปฮาไป... ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน><
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่13-คิมหันต์Xเหมันต์ (ตอนพิเศษ) (19/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 20-10-2012 22:19:24
ชอบตัวนี้ :z13:ใช่ใหมงั้นให้เลย :z13:
ชอบคิมหันต์อ้อนพี่เหได้น่ารักมาก
++ให้นะจ๊ะ :L2:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่13-คิมหันต์Xเหมันต์ (ตอนพิเศษ) (19/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 21-10-2012 05:47:45
น่ารักกันทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่14-คนแรกXสุดท้าย (ตอนพิเศษ) (23/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 23-10-2012 09:04:09
                                                                     ตอนพิเศษ

                                                                 คนแรกXสุดท้าย

              ผมกับสุดท้ายคบกันมาได้สองปีแล้วครับ... ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายจะหาเรื่องให้ผมปวดหัวได้ทุกวี่ทุกวัน ล่าสุดครับ... ไปต่อยกับไอ้พวกไหนก็ไม่รู้... โดยให้เหตุผลว่า ไอ้เมฆโดนรุมมันกับเหมันต์ที่ผ่านไปพอดีทนไม่ได้เลยต้องเข้าไปช่วยรุม แถมยังนิสัยดีโทรตามเพื่อนที่เหลือมาอีกแหนะ... มันน่า... น่าจับตีก้นซะให้เข็ด
   “สุดท้าย...”ผมพูดด้วยเสียงระอาๆ
   “ครับพี่คนแรก”เอาอีกแล้ว งอน...เดินไปคลุมโปงซะงั้น  เฮ้อ! ผมมีแฟนหรือลูกกันเนี่ย
   “สุดท้ายครับ... ลุกมาก่อน อย่าเพิ่งงอน”
   “สุดท้ายไม่ได้งอน... พี่คนแรกจะว่าอะไรสุดท้ายอีกล่ะ ใช่สิ... เจ็บตัวยังไม่พอต้องมาโดนพี่คนแรกดุอีก”น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจดังเป็นสัญญาณเตือนแล้วครับ 
   “โอเคๆ... พี่ไม่ว่าเราแล้ว  มานอนดีๆมา คลุมโปงแบบนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกพอดี”สุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องยอมแพ้... บทจะดื้อก็ดื้อจนไม่มีใครเอาอยู่จริงๆ  สุดท้ายกลิ้งขลุกๆมานอนตักผมก่อนจะมองตาแป๋ว...
   “พี่คนแรก... ผมรักพี่คนแรกนะ”
   “พี่ก็รักเราครับเด็กดื้อ”สุดท้ายยิ้ม... ก่อนจะโน้มคอผมให้ก้มลงไปรับจูบเบาๆจากคนที่นอนอยู่
   “ผมขอโทษนะครับ”เสียงเศร้าๆบอกแล้วกลับมายิ้มให้ผมอีกครั้ง  แค่คำขอโทษสั้นๆมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นอีกจมเลยครับ  สุดท้ายผลักตัวผมให้ลงไปนอนแล้วคลานขึ้นมาคล่อมตัวผมเอาไว้
“จะทำอะไรครับเนี่ย”ผมถามพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆที่สุดท้ายส่งมาให้
“ก็... ยั่วไงครับ ผมคบกับพี่มาสองปีแล้วนะ”ตรงมากครับ... ผมหัวเราะก่อนจะยีหัวคนที่คลานลงไปใต้กางเกงของผม
“แน่ใจแล้วเหรอครับสุดท้าย... ไม่เสียใจแน่นะ”ผมถามย้ำ  แต่เด็กดื้อของผมเปิดโอกาสที่ไหน คลานมุดหายเข้าไปในผ้าห่มเรียบร้อย...
“อืม... สุดท้าย  ไปฝึกมาจากไหนเนี่ย”คนที่คล่อมอยู่บนตัวผมจ้องผมตาแป๋วแล้วส่ายหน้า... ไม่ได้เข้ากับนิสัยปกติเล้ยยย~
“โอ๊ะ! เบาๆสิครับ เดี๋ยวเราจะเจ็บนะ”ผมประคองตัวน้องที่คล่องผมอยู่ให้โยกช้าๆทั้งที่ในใจผมน่ะ อยากแทรกกายให้มันเร็วกว่าเดิมอีกหลายเท่าเลยล่ะครับ  แต่นี่เป็ฯครั้งแรก แถมน้องยังออนท็อปอีก  คงต้องรอให้ชินซะก่อน
“อือ... พี่คนแรก  เร็วอีกก็ได้นะ... อ๊า”สุดท้ายทั้งโยกทั้งขย่มจนผมต้องเด้งเอวรับ ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าผมเป็นคนแรกของน้องน่ะ เชี่ยวซะขนาดนี้  ผมโน้มตัวสุดท้ายลงมาจูบก่อนจะพลิกตัวให้สุดท้ายลงมานอนอยู่ด้านล่างแล้วจัดการกระแทกแก่นกายของผมให้ผลุบเข้าออกในช่องทางด้านหลัง จนสุดท้ายครางลั่น  น้ำสีขุ่นๆพ่นขึ้นมาจนเลอะคางผม...
“ฮ๊า~”ผมค่อยๆถอนแก่นกายออกมา  แล้วนอนลงข้างๆสุดท้าย...
“เหนื่อยมั๊ยเนี่ยเรา หืม..”ผมถามก่อนจะซับเหงื่อที่เปียกชื้นตามไรผมให้น้องสุดท้าย
“ผม... ทำได้ดีเท่าคนรักเก่าๆของพี่รึเปล่าครับ”สุดท้ายพลิกตัวมากอดผม แม้จะได้ยินเสียงซีดส์ตามหลังมา  ก็แน่ละครับ ครั้งแรกนี้หน่า
“สุดท้ายน่ะ... เทียบกับใครไม่ได้หรอกครับ  เพราะสุดท้ายเป็นคนที่พี่รักที่สุดเลยนะ”ผมก้มลงจูบขมับของสุดท้ายก่อนจะอุ้มน้องเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย... ไม่ทำเพิ่มหรอกครับ ครั้งแรกของพวกเราแค่นี้ก็ดีถมแล้ว...

หลังจากวันที่ผมกับสุดท้ายมีอะไรกันครั้งแรก... ผ่านมาสองวัน ไข้ของสุดท้ายขึ้นหนักมากเลยครับ  ทำเอาผมต้องหยุดงานมานั่งดูแลประคบประหงมราวกับไข่ในหินเลยทีเดียว แถมสุดท้ายตอนเป็นไข้ ขี้อ้อนสุดๆเลยครับ  ทำเอาผมจะตายเพราะลูกอ้อนของน้องเขามาหลายรอบแล้ว
เรื่องของผมก็สั้นๆแบบนี้ล่ะครับ  ชีวิตพวกผมไม่ได้หวือหวาเท่าคู่ของเหมันต์หรือน้องท่องกับเที่ยว แต่ผมจะเป็นคู่ของคนธรรมดาๆ ที่คอยดูแลและรักกันตลอดไป  ไม่ว่าจะวันไหนก็ตาม...  ผมก็อยากจะบอกน้องเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ‘พี่คนแรกรักสุดท้ายนะครับ’


-------------------------------------------------------------------------------------

สั้นมั๊ย... สั้นมากกกกกกกกกกกกกกกก

แต่งไว้หมดสตอกแล้ว  เดี๋ยวจะเริ่มแต่งใหม่ 

ไปค่ายมา  กลับมาเหนื่อยมาก แต่ไม่เท่าตอนซ้อมบาส โหดกว่า...

จะไปงานหนังสือวันนี้แหละ  เหอะๆ บายฮับ

 :z13: :z13:  ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่14-คนแรกXสุดท้าย (ตอนพิเศษ) (23/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 24-10-2012 17:18:18
สั้นๆได้ใจความ :-[ ชอบๆๆๆ
แต่ขยายความอีกหน่อยกะได้นะอยากอ่านอีกอ๊าาาาา  :impress2:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่14-คนแรกXสุดท้าย (ตอนพิเศษ) (23/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 10-01-2013 22:21:16
ชอบทุกเรื่องเลย สนุกมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่14-คนแรกXสุดท้าย (ตอนพิเศษ) (23/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 10-01-2013 23:27:55
ชอบๆ ยังมีต่อใช่มั้ย รอนะ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่14-คนแรกXสุดท้าย (ตอนพิเศษ) (23/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 12-01-2013 06:14:06
เหล่าเคะน่ารักทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่14-คนแรกXสุดท้าย (ตอนพิเศษ) (23/10/55)
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 12-01-2013 21:55:07
ชอบเรื่อง 3 มาก นัทกับสักก ขออีกกก
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่15-ลิตเติ้ลยุง กูไม่รู้กุเมา!! (7/3/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 07-03-2013 16:17:10
                                                                          ตอนที่15 :mc4:                                                                    


                                                                      ลิตเติ้ลยุง  โอเค! มึงเป็นผัวกู!


        พ่อง! พ่อง! พ่อง! และพ่อง!  อย่าสงสัยครับ  ไม่ได้ด่าพวกคุณหรอก  ผมกำลังด่าผมเองนี้แหละ  และคาดว่าพ่อของผมก็คงสะดุ้งไปหลายตลบแล้วเช่นกัน...  ว่าแต่!! นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผม(วะ)ครับ...  คุณอาจกำลังจะคิดว่าผมกำลังจะเป็นจะตายที่ไหน  ใช่ครับ ผมจะตายแล้ว  ตั้งแต่ตื่นมาเจอไอ้รอยเหี้ยๆ แดงๆจ้ำๆเต็มตัว  ไม่ครับ...  ผมไม่ได้โดนยุงกัด...  เอ่อ...  หรือจะบอกว่ายุงกัดก็ได้ครับ
   “ไอ้เชี้ยยุ๊งงงงงง  มึงทำไรกู๊!!”พลั่ก!! จัดเต็มจัดหนัก  ฝ่าตีนเน้นๆยันไปที่สะโพกมัน  ถึงแม้จะแลกกับการเจ็บช้ำปางตายก็ตามที
   “อู๊ย... ซี๊ดดด!!!”จับสะโพกแทบไม่ทัน  สะเทือนเลือนลั่นถึงชั้นโพรงประสาทเลยทีเดียว  แมร่งๆๆ และแมร่ง!! เออดี...  ทั้งแม่ทั้งพ่อกู  ตกใจตื่นหมดแล้วมั้งเนี่ย...
   กรี๊ด!!!!
   เสียงผู้หญิงที่ไหนร้องวะ  ผมหันไปมองรอบตัว  ไม่มีตรงไหนให้ผู้หญิงแอบมองและกรี๊ดได้นี้หว่า...  ผมคลานเอาสะโพกช้ำๆไปตามหาต้นตอของเสียง...  อ่อ...  โทรศัพท์ผมเองนี้หว่า...
   “ไอ้ก้อย...  อยู่ไหนวะ!!”เสียงตามสายลั่นมาซะเอวผมสะเทือน  เอิ่ม...  มันคงไม่เกี่ยวว่ะครับ
   “พ่อ! ผมไม่ได้ชื่อก้อย...  ผมชื่อเติ้ล...  ลิตเติ้ลอ่ะพ่อ...  ก้อยแมร่งโคตรจุ๋มจิ๋มเลยอ่ะ...  เติ้ลรับไม่ได้ รับไม่ด๊ายยย!!!”อุ๊ย อ้าว เอ๊ะ โอ๊ะ แต๋วแตกซะละกู...  ฮือ  ผมรับไม่ได้น้า...
   “เออๆ...  ไอ้ลูกหมานี้  พ่อแค่จะบอกว่าแม่มึงให้กลับมาแดกข้าวที่บ้าน เก็ท...  รีบมาล่ะ  ไม่งั้นพ่อจะแดกแม่ก่อนข้าว ฮาๆ  โอ๊ย! พรตจ๋า...  ต๊อกขอโต๊ดดด....  ต๊อกอยากเล่นกับลูกนิดเดียวเอง...  เมียจ๋าอย่าโกรธผัวน้า...  ไอ้ลิตไอ้เติ้ลไอ้หมาไอ้ก้อย  ไอ้เหี้ยไรไม่รู้ที่อยู่ในสาย  รีบกลับบ้านด่วนในสามนาที...  ไม่งั้นตัดจากมรดก!!”ปิ๊บ! เอ่อ...  งงมั๊ยครับ...  ครับ  ผมก็งง  ไอ้ชายรักชายผมก็รับได้อยู่หรอก... พ่อกับแม่ ไม่สิ  พ่อกับพ่อผมก็รักกันให้ดูแต่เด็ก...  แต่... แต่จะให้ผมมาเป็นเมียผู้ชาย...  โอ้! จอร์ด... ฆ่ากูเห๊อะ!  ว่าแต่...  สารผัว เอ๊ย!! เหี้ยยุงไม แม่งเงียบสนิทเลยวะ...
   “คร่อกกก...!!!”สาด! สาด! สาด! ถีบแทบตาย แมร่งมาตะกุยเตียงหลับสนิทอยู่ที่พื้น...  เอี้ยจริงๆ 
   ผมนั่งนึกสารตะ และไว้อาลัยให้ร่างกายตัวเองสิบวิ  นานไม่ได้ครับ ต้องรีบกลับบ้าน  แล้วก็ทำใจได้ว่า  ทำบุญให้ยุงแดกซะ  เลือดไม่กี่แกลลอนเอง  ช่างมันเต๊อะ! ฮือ!!  นึกได้ก็อัปเปหิตัวเองกลับบ้านครับ...  พยายามขโยกเขยกไปแล้ว  แต่ยังไง๊ยังไง  มันก็ระบบไม่หาย  พอถึงบ้านเท่านั้นล่ะครับ...!
   “อ้าว! ไอ้ลูกหมา  ไปโดนใคร ‘เอา’ มาล่ะเนี่ย  จ้ำเชียว”เอิ่ม...  พ่อครับ  กระดากปากบ้างเถอะ  ผมละอาย...
   “ไอ้ต๊อก...  กินข้าวแล้วไปทำงานไป๊...  ตกลงว่าไงก้อย... โดนใคร ‘เอา’ มา”เชี้ย  บอกผมทีว่าผมเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง  ทำไมผมมีพ่อกับพ่อนิสัยแบบนี้วะ  เติ้ลรับไม่ได้ รับไม่ด๊ายยย...!
   “เอ้า! เข้าญาณซะแล้วลูกกู  มาๆ แดกข้าวๆ  เสร็จแล้วก็หาหยูกยาทาล่ะ... เดี๋ยวระบบขึ้นมาจะซวย ครั้งแรกใช่มั๊ย...  พรตเดี๋ยวมึงไม่ต้องเข้าบริษัทแล้วกัน  อยู่ดูไอ้หมาตัวนี้หน่อย  เป็นลมเป็นแล้งหน้ามืดขึ้นมาจะซวย”
   “เออๆ...  เดี๋ยวพรตดูให้  ต๊อกรีบทำรีบกลับล่ะกัน  พรตไม่เคยดูแลฝ่ายรับซะด้วยสิ  ไม่รู้ต้องทำไง”เอ่อ...  ช่วยกระดากอายกันบ้างได้ม๊ายยย...  ผมนั่งฟังไปก้มหน้าก้มหน้า  อายชิบหายวายป๋วง  ได้ข่าวไอ้คนถูกกระทำมันอยู่เน้...  ถามความสมัครใจกันบ้างสิฟร่ะ  ตูดกู เครื่องในกู กูดูแลเองด๊ายยยย...! 
   ผมรีบยัดข้าวรีบโยนตัวเองมานอนในห้องทันที...  ที่จริงก็ไม่อยากอายนะ  แต่แม่งอายอ่ะ  ยังไงก็อายอยู่ดี...  โว๊ะ! บ้าละกูนี้... 
   “ก้อย  เป็นไงบ้าง...  กินยาๆ  ไข้ขึ้นแล้วเนี่ย”พ่อพรตครับ  เอาพารามาสองเม็ดกับยาหลอดอะไรสักอย่าง  ผมรับยามากินก่อนจะนอนลงไปใหม่...
   “เอ้าๆ อย่าเพิ่งนอน  หันหลังโก้งโค้งก่อน  เดี๋ยวพ่อทายาให้”
   “เชี้ยพ่อ!!!  ไม่ต้องๆ ไม่ต๊องงง  เดี๋ยวผมทำเองพ่อ...  วางยาไว้นั่นแหละ”ผมห้ามเสียงหลงเลยครับ  ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน  แต่ความอายผมก็มีนะครับ!!
   “ลืมๆไปได้แล้วไอ้เรื่องอายน่ะ  พ่อเห็นตั้งแต่ตอนแรกเกิด  มึงอย่ามาทำอาย  โถ่!  เล็กเท่านิ้วก้อยเสือกทำอาย  พ่อยังเยอะซะกว่า ฮาๆ” โอเค ตกลงผมไปฆ่าตัวายดีกว่า...  ทำไมพ่อกับพ่อผมถึงเสื่อมได้ขนาดนี้วะเนี่ย
   แต่!!!  พูดไม่พูดเปล่า  พ่อพรตจับผมพลิกตัวยกสะโพกขึ้นมาซะผมตั้งตัวไม่ทัน  โอเค ผมยอมรับ  พอ่พรตตัวใหญ่พอๆกับพ่อต๊อก! แต่!!  ฝ่ายรับไม่น่าจะแรกเยอะขนาดนี้นี่หว่า!!
   “ไม่ต้องทำอึ้งไอ้หมา  พ่อก็ผู้ชาย  แรงมีมากกว่าเอ็งตั้งเยอะ  ไม่ได้เล็กบอบบางเป็นผู้หญิง  จำไว้ๆ”แม่ง...  ถ้ารู้ว่าโตมาจะเจอพ่อแบบนี้ ผมแดกรกแม่ตายในท้องเลยดีกว่า...  เชี้ย พูดแล้วน้ำตาซึม!
   “ซี๊ด....  พ่อ...  เบาๆหน่อยดิ”พ่อพรตจับกางเกงผมดึงลองก่อนจะลูบเบาๆ แต่แม่งแสบครับท่าน!
   “ไอ้เติ้ล...  ใครเอามึง...  บอกกูมา...”เสียงนิ่งเลยครับ  ผมหันไปมอง  พ่อพรตกำลังเช็ดคราบสีขาวขุ่นเลอะๆออกจากก้นผม...  เออ... เมื่อกี้ผมรีบเกิน เลยยังไม่ได้อาบน้ำมา  คราบอะไรต่อมิอะไร  มันก็ยังค้างคาอยู่เหมือนเดิมน่ะเซ่!
   “ก็... ไอ้... ไอ้ยุงอ่ะพ่อ...  แต่ผมไม่แน่ใจนะ  ผมเมาด้วยเมื่อคืน  อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้...”ผมบอก พ่อพรตพยักหน้าก่อนจะเดินไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดในผม 
   “คราวหน้าบอกมันใส่ถุงยางด้วย  ถึงแกจะไม่ท้อง แต่โรคมันก็ไม่ได้ปลอดภัยถ้าแกนอนกับคนอื่น ทีนี้หลับตาก็ได้ถ้าอายอ่ะ  หลับๆไปเลย  เดี๋ยวพ่อต้องแหย่เอาน้ำข้างใน ออกมา  หมักไว้มึงจะไม่สบายเอา”เอ่อๆๆ  พูดซะเหมือนกำลังบอกว่า  โอเค มึงนอนไป เดี๋ยวกูเอาผ้ามาเช็ดขี้ตาให้มึงนะ  อะไรเทือกนี้  โอเค  ให้เลิกอายผมก็เลิกวะครับ...  พอเหอะ  อายมากผมคงระเบิดตัวเองกลายเป็นโกโก้ครันช์เข้าสักวัน!
   “อือ...  พ่อ...  เจ็บ”ผมน้ำตาซึมเลยครับ  นิ้วของพ่อพรตแหกรูตูดผมจากนั้นม   ผมก็รู้สึกถึงอะไรเย็นๆที่ไหลออกจากรูของผม  พ่อพรตทั้งแหย่ทั้งคว้าน ซะผมตัวอ่อนไปซะดื้อๆ  จากนั้นความเย็นจากปลายนิ้วที่สัมผัสในช่องทางของผมก็ทำเอาผมสะดุ้ง...  พ่อพรตมองสำรวจร่างกายของผม  ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ... 
   “อ่ะ...  เรียบร้อย  เดี๋ยวเย็นๆพ่อมาทายาให้อีกที  ตอนนี้นอนหลับไปก่อนล่ะกันนะ”ผมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะความปวดหัวและไข้รุมๆเริ่มจะรุมเร้าผม...  ไม่นาน  นิทราอันแสนสุขก็มาเยือนกับผม...

[ Tok Talk ]
   ผมนั่งเคลียร์งานด้วยความไว  ใจก็เป็นห่วงไอ้ก้อย  ถ้าใครจำได้  ก้อยถูกเลี้ยงอย่างเด็กผู้หญิงถึงอายุ12 -13 ปี  กว่ามันจะรู้ตัวว่าเป็นผู้ชาย  จริงๆ  ไอ้พรตไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงให้เป็นผู้หญิง  แต่ตอนเด็กๆก้อยป่วยง่าย  ไอ้พรตมันเลยแก้เคล็ดเลี้ยงแบบเด็กผู้หญิงมา  แต่ก็ปล่อยให้มันห้อยโหนแบบเด็กผู้ชาย  พอโตๆมา  ก้อยมันก็ออกสไตล์ทอมบอย  จากนั้นไม่นานมันก็รู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย  ดูมันจะดีใจมากจนลืมถามเหตุผลไปซะดื้อๆ...  ที่นี้ล่ะคือปัญหา...  ไอ้ก้อยเป็นผู้ชาย  แต่โดนเสียบประตูหลังโดยผู้ชาย ซึ่งดูๆแล้ว  มันคงไม่เต็มใจ... ล่ะมั้งนะ...  ก็ลูกผมนี้หว่า  ผมก็ต้องมองมันออกสิ...
   เชี้ยๆๆๆๆๆ 
   เสียงสถบดังรัวๆ  ผมคว้าโทรศัพท์มากดรับทันที  เป็นเสียงเฉพาะที่ผมตั้งไว้เพื่อไอ้พรตเพียงคนเดียวเท่านั้น
   “ครับพรต  มีอะไรรึเปล่า”
   -ไอ้ยุง...  มันมีอะไรกับก้อย-
   “แล้วพรตจะเอาไงล่ะครับ”
   -ไม่รู้  ก้อยบอกว่ามันเมา  แต่พรตเป็นห่วง...  ไอ้ยุงไม่ใส่ถุงยางด้วย  แถมตัวไอ้ก้อยก็รอยช้ำเต็มไปหมด... พรตว่ามันมากไปนะ-
   “ให้ต๊อกไปลากคอมันมากระทืบเลยดีมั๊ยครับ  หืม”ผมยิ้มไปพูดไป  อีกมือกดเข้าเฟสบุ๊คหาชื่อเฟสของเพื่อนสนิท
   -ไม่...  ไม่เอา  พรตขอที่อยู่ไอ้ยุงดีกว่า  เดี๋ยวพรตไปหามันเอง-
   “อีกห้านาทีจัดให้เลยครับ”ผมหัวเราะปิดท้ายก่อนจะกดวางสาย  นิ้วมือพิมพ์รัวบนแป้นคีย์บอร์ด
   -ไอ้บ้า  อยู่เปล่าวะ-
   /อยู่ๆ  มีไรไอ้ต๊อก/
   -กูอยากได้ที่อยู่ของคนที่ชื่อสหรัช  พัทธดุริเยงค์  ปี3 ม..... คณะ นิเทศ  ภายในห้านาที  จัดให้กูได้มั๊ย-
   /ไม่ยากๆ  แปปละกัน/
   ผมนั่งรอข้อมูลอยู่ไม่ถึงสามนาทีดี  ข้อความมันก็ตอบกลับมา  ผมยิ้มนิดหน่อยก่อนจะพิมพ์ขอบคุณมันกลับไป  หลังจากนั้นก็โทรหาสุดที่รักทันที
   “มาแล้วพรต...  เดี๋ยวต๊อกส่งไลน์ไปให้นะ...  แล้วก็...  อย่าทำอะไรรุนแรงล่ะ  ถึงแบ็คอัพเราจะดี  แต่ก็ต้องมีเหตุผลนะ...”ผมเตือนมัน  ได้ยินเสียงมันร้องฮืมตอบกลับมาแล้วสายก็ตัดไป...  ผมพิมพ์ไลน์ที่อยู่ของไอ้ยุงไปให้มัน  จากนั้นก็นั่งทำงานต่อ  ดูท่าผมคงต้องรีบกลับไปดูช็อตเด็ดหน่อยล่ะมั้งเนี่ย...

   [Tle Talk]
   ผมตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งที่ท่องบน  สายตาค่อยๆปรับความเคยชินกับภาพตรงหน้าแล้วผมก็ต้องอึ้งทึ้งมึนงง ผสมจนมั่วเชี้ยๆ
   “ไอ้ยุง!!  มึง...  แก... เอ็ง...  เชี้ย... สัด! มึงมาได้ไง”ไม่เป็นคำเลยครับ  แล้วแบบสภาพตอนนี้ผม ‘ล่อ’ แหลมสุดๆ  ผมใส่แค่เสื้อครับ  ท่อนล่างพ่อพรตถอนแล้วไม่ใส่กลับมาให้  ตอนนี้มีแต่ผ้าห่มบังไว้อยู่...
   “ก็มาดูแลมึงไง...  กูรับผิดชอบหน่า...”มันคราวฮืม...  แต่ผมถึงกับน้ำตาซึม...  มันคงเห็นผมเงียบๆเลยเงยหน้าขึ้นมามอง
   “เฮ้ย...  ไอ้เติ้ลมึงร้องไห้ทำไมวะ”ผมปาดน้ำตาออกก่อนจะดันตัวมันให้ออกจากตัวผม
   “ไม่ต้องรับผิดชอบกู...  กูเป็นผู้ชาย  กูไม่ท้อง  ถึงจะเจ็บ  แต่ทายาก็หาย...  อย่ามาทำเหมือนกูบอบบางเป็นผู้หญิง”ผมพูดนิ่งๆแล้วเอาผ้าห่มขึ้นคลุมหัวเลยครับ
   “ไอ้เชี้ยเติ้ล  มึงเข้าใจไรผิดป่ะเนี่ย...  เอางี้...  ถ้ามึงบอกว่ามึงดูแลตัวเองได้  งั้นมึงทายาให้กูดู....  ถ้ามึงทายาได้จนเสร็จก็จะออกไป”ผมเลิกผ้าห่มขึ้น...  มันจ้องหน้าผมอย่างท้าทาย
   “ถ้ากูทาให้ดู  แล้วมึงต้องออกไป  เลิกยุ่งกับกูนะ...”ผมถามย้ำ  มันพยักหน้า...  ผมชั่งใจอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็เปิดผ้าห่มออก  มันดึงเก้าอี้มานั่งที่ปลายเตียงแล้วจ้องผม...  ไม่รู้ทำไม...  ร่างกายผู้กลับร้อยขึ้นมาซะดื้อๆ  ร่างกายเอ๊ยครับ  อย่าเพิ่งทรยศกูสิวะ...
   “เอ้า... ทาดิ”มันเร่ง  ผมกัดปาก ก่อนจะช้อนขาตัวเองให้ยกลอยขึ้นยาเตียง  จากนั้นก่อนบีบยาใส่นิ้ว  ค่อยๆเกลี่ยไปรอบๆทางเข้า...  ผมเห็นมันจ้องเขม่งไม่หยุดเลยครับ
   “ใส่เข้าไปสิวะ  ช้าจริง  หรือทำไม่เป็น”มันเร่งอีก  ผมกัดฟันแน่นก่อนจะค่อยๆดันนิ้วตัวเองเข้าไปด้านใน...
   “อือ...  เชี้ย...”ครางแผ่วเพราะทั้งเจ็บทั้งเสียว  มันปนจนน้ำตาผมไหลเลยครับ  เกิดมาไม่เคยคิด  ว่าจะต้องทำอะไรแบบนี้ให้เพื่อนตัวเองดู  แถมเป็นคนที่ได้ผมเป็นเมียซะอีก 
   “เฮ้อ...  มึงนี้หน่า...  ดื้อเหมือนพ่อมึงไม่ผิด  เอายามานี้”มันลุกขึ้นเดินมาหาผมที่หัวเตียง  ก่อนจะแย่งยาในมือผมไปบีบใส่นิ้วมัน 
   “นอนนิ่งๆ  หลับตานะ”มันหอมแก้มผมเบาๆก่อนจะคุกเข่าลงที่ปลายเตียง  มันดันมือของผมที่พยายามปกปิดส่วนตรงนั้นออกแล้วค่อยๆสอดนิ้วเข้ามา...  มันเย็น...  ทั้งเย็นทั้งเสียว... 
   “อืม... ยุง...  พอ... พอแล้ว  อ๊ะ!”ผมสะดุ้งสุดตัวตอนมันโดนจุดๆหนึ่ง  แล้วไอ้เติ้ลน้อยๆก็เริ่มไม่น้อยตามชื่อ...  มึงจะโตทำม๊ายยย!
   “หึหึ...”ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะ  ทำไมผมเริ่มหวาดวิตกแล้ววะ  ไม่ปลอดภัยเชี้ยๆเลยทีเนี่ย...
   “อ๊ะ... อ๋า...  อย่าสอดเข้ามา... อ๊ะ... สองนิ้วสิ”ผมครางเบาๆ  มันเสือกดันนิ้วที่สองเข้ามาแถมควานไปทั่วเลยครับ
   “คราวที่แล้วมึงเมา  แต่กูไม่  กูทำเพราะกูรัก...  ส่วนตอนนี้  มึงไม่เมา  กุก็ไม่เมา  กูจะทำ...  เพื่อบอกมึงว่ารัก...”มันก้มลงมาจูบปากผม  ไล่เลียอ้อยอิ่งเนินนาน...  มือมันลูบไปตามตัวผมก่อนจะเขี่ยที่จุดสองจุดบนหน้าอกของผม...  มันดึงมือผมให้โอบรอบคอของมันก่อนที่มันจะก้มซุกไซร้ซอกคอ
   “อ๊ะ...  ยุง... อย่า... อืออออ...”ผมกดหัวมันเน้น  นิ้วมือขย่ำผมของมันจนไม่เป็นทรง  ความเสียวแล่นพล่านทั่วทั้งร่าง  ดีดดิ้นไม่ได้มากเพราะมันเอาตัวมันขึ้นมาทับผมทั้งตัว...
   “ยุง...  กูเจ็บ...  กูกลัว...  อย่าทำกูนะ... ฮึก...”น้ำหูน้ำตาไหลนองเต็มหน้าจนมันหันมามอง  มันยิ้มจางก่อนจะเกลี่ยน้ำตาออกจากหน้าของผม
   “เติ้ล...  กูทำไปไม่เคยอยากให้มึงเจ็บ...  กูอยากให้มึงสุข...  ไปพร้อมๆกับกู...  ยอมรับกู...  เชื่อใจกูนะเติ้ล...  นะ...”มันรั้งตัวผมขึ้นไปกอดแน่น  ก่อนจะดันผมลงนอนอีกครั้ง  เนื้ออุ่นร้อนกำลังผ่านเข้ามาภายในตัว...  มันไม่เจ็บอย่างที่คิด  ยุงหยุดรอหลังจากเข้าไปได้หมด  แล้วก็ค่อยๆขยับเบาๆอีกครั้ง และอีกครั้ง...
   “อ๊ะ...  อืม...  ยุง... อ๊าาาาาา...”ผมครางกระเส่าเมื่อปลายของมันไปโดนจุดๆหนึ่งของผม  แล้วมันก็เน้นย้ำตรงนั้นซะเหลือเกิน  ผมรั้นคอมันลงมา  ก่อนจะซบซุกซอกคอ มันอย่างเอาเป็นเอาตามเพื่อระบายความเสียวที่ได้รับมา  ยุงลูบหัวผมก่อนจะดันไอ้นั้นเข้าออกจนสุด...  มันดึงหน้าผมออกจากซอกคอมันแล้วก้มลงมาจูบปากผม...  ไม่เร่งเร้าไม่รุนแรง  แต่อบอุ่น...  เป็นจูบที่ทำให้ผมน้ำตาไหล...  มันบอกไม่ถูก...  แต่ความรู้สึกปลอดภัยมันท่วมท้น  ผมรู้สึกว่ามันจะไม่รังแกให้ผมต้องเจ็บปวด... 
   “จะไปแล้วนะเติ้ล  ไปพร้อมๆกัน...นะเติ้ลนะ...”มันเร่งจังหวะรัวแรง  ร่างของผมสั่นคลอนก่อนที่ในหัวจะกลายเป็นสีขาวสว่าง  และความรู้สึกอุ่นร้อนก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่ยั้ง...  ผมถอนตัวออก  ก่อนจะก้มลงไปมองด้านหลังของผม  ไกล่เกลี่ยหยาดน้ำขาว ขุ่นให้เลอะทั่วไปหมด  ผมตีมันเบาๆ  ก่อนจะหลบหน้ามัน  โอเค...  เข้าใจป่ะ  สระเอขอไข่สระอินอหนู... ขอเออนอ เขินอ่ะ  รู้จักป่ะ...  มันหัวเราะ  ก่อนจะคลานขึ้นมาหาผม...
   “รักนะ...  รักมานานแล้ว  ตั้งแต่ตอนใส่กระโปรงน่ารักเป็นทอมบอย  ตอนนั้นก็รักแล้ว รู้ป่ะ...”มันกระซิบบอก
   “เฮ้ย...  มึง... มึงรู้ได้ไง”ผมตาโต...  ความลับขึ้นสุดยอดเลยนะเว้ย  ตอนผมแต่งหญิงอ่ะ  โคตรด่างพร้อยกับชีวิตเลย
   “ไม่บอกหรอก...  แค่รู้ว่ากูรักมึงก็พอ...  ตอนนี้มึงจะรักกูรึเปล่ากูไม่รู้  แต่กูขออย่างเดียว...  ให้กูมาดูแลมึง  เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมึง... ได้มั๊ย...”ลูกอ้อนทั้งเสียงหน้าตาท่าทาง ทำให้ผมถอนหายใจทั้งๆที่อยากจะยิ้มจนแก้มปริ
   “ดูแลไม่ดีกูฟ้องพ่อต๊อกให้ฆ่ามึงจริงๆด้วย”มันยิ้มแล้วดึงผมเข้าไปกอดแน่น
   “สัญญาด้วยเกียตริของนายสหรัชเลย  กุดูแลมึงไม่ดีเมื่อไร  กูยอมให้พ่อต๊อกเอาปืนมายิงกูทิ้งเลยเอ้า!”ผมยิ้ม  มันยิ้ม  แล้วเราก็กอดกันอย่างมีความสุข...

   เว้นแต่ว่า...

   “เอ้า! มึงสองตัว  เอากันเสร็จแล้วก็ออกมาคุยกับกูด้วย  ได้กันแล้วต้องคุยกับผู้ใหญ่  อย่าเสือกกินในที่ลับตา...  อย่าให้กูเข้าไปลากนะไอ้หมาพวกนี้นี่...”
   “เชี้ยต๊อก... พูดเสียงดังทำเชี้ยไร...  รู้แล้วว่าแม่งเอากัน  ยังเสือกพูดให้มันอายอีกนะ...”
   ผมหันมองหน้าไอ้ยุงที่หน้าแดงเพราะความเขิน  ก่อนจะหัวเราะแล้วก้มลงหอมแก้มมันเบาๆ...
   “เอาหน่า...  อย่างน้อยครอบครัวกูก็ยอมรับนะ...  แล้วมึง...  พยุงกูออกไปด้วย...  กูเดินไม่ไหวแล้ว...  ระบบชิบเลยเนี่ย”มันหัวเราะตอบกลับ  ก่อนจะดึงผมเข้าห้องน้ำเพื่อล้างตัว...  แต่!!!  มันไม่ยอมล้างตัวอย่างเดียวนี้ดิ...  สรุปโดยรวมก่อนที่ผมจะได้ออกไปหาพ่อต๊อกกับพ่อพรต  ผมก็ต้องเสียประตูให้มีอีกสามประตูเบ็ดเสร็จ...  มึงไปตายอดตายอยากมากจาไหนว้า!!  ไอ้เชี้ยยุ๊งงง  กูจะตายแล้วโว้ยยยย!!!

   [Yunk Talk]
   ฮาๆ  มาแนะนำตัวลูกเขยครับ  สวัสดีครับผมชื่อยุงครับ  ผมเจอไอ้ก้อยหรือไอ้ลิตเติ้ลนี้เมื่อหลายชาติที่แล้ว ฮาๆ  ตอนนั้นมันเป็นทอมบอยครับ  ผมยาวมัดรวบ  โดยรวม... น่ารักครับ  กร่างไปทั่วซะชื่อเสียงกระฉ่อน  เท่ห์นิดๆ น่ารักหน่อยๆ  น่าทะนุทนอมเป็นที่สุด!! พอรู้ว่าเข้ามหาลัยเดียวกันก็ดีใจสิครับ  แต่พอมาเจออีกที  อ้าวเชี้ย... ไหงเป็นตัวผู้ซะล่ะวะ...  แต่ช่างมัน  ผมรักของผมนี่หว่า...  ยุ่งยากนะ  เปลืองพื้นที่กระดาษ  ผมรู้ข้อสงสัยของทุกคน  พ่อพรตมาคุยอะไรกับผมใช่มั๊ยล่ะ  ฮาๆ  เดี๋ยวผมย้อนให้ฟังแล้วกัน...  เมื่อตอนนั้นผมนอนอยู่  ตื่นมากำลังงง  มองบนเตียงไม่เห็นไอ้เติ้ลเลยกระวีกระวาดจะไปหามันที่บ้าน  พ่อพรตก็โผล่พรวดเข้าก่อนจะ
   พลั่ก!
   “มึงจะรับผิดชอบลูกกูมั๊ยห๊า ไอ้เหี้ยยุง”จัดหนักจัดเต็มซะผมมึน  ผมส่ายหน้าแก้มึนแต่ดูเหมือนจะทำให้พ่อพรตเข้าใจผิด 
   ผลั๊วะ! โครม!
   เพราะไม่มีหลัก  พอโดนอีกหมัดซ้ำมา  ผมก็เซไปกระแทกตู้เทกระจาดข้าวของซะเละเทะ
   “เดี๋ยวๆพ่อ   ขอผมมึนก่อน  อย่าเพิ่งถาม... ผมเจ็บ”ผมทำมือปางห้ามญาติแล้วสะบัดหัวหูแก้มึนก่อนจะปาดเช็ดเลือดออกจากมุมปาก
   “โอเคพ่อ...  เดี๋ยวผมตอบให้ก่อน...  เมื่อคืนผมมีอะไรกับไอ้เติ้ลจริง  ผมไม่ได้เมา  มันอ่ะเมา...  ที่จริงมันถูกพี่ปีสี่มอมด้วยแหละเลยหมดสภาพซะเละเทะ  ผมก็พามันมาที่ห้องแล้วทีนี้มันดันร้อนแก้ผ้ายั่วผมซะงั้น  ไอ้ผมก็รักไอ้เติ้ลมาตั้งนาน  พอมันยั่วผมเลยตบะแตก...  ที่พ่อถามว่าผมจะรับผิดชอบมั๊ย... เนี่ยผมกำลังจะไปตามมันกลับมา...  ถ้าพ่อไม่ว่าอะไร  ผมขอติดรถพ่อไปที่บ้านเลยได้มั๊ย  เดี๋ยวผมไปเคลียร์กับมันได้มั๊ยพ่อ”ผมตอบยาว  พ่อพรตยืนฟังก่อนจะเดินนำไปที่ประตู...
   “จะไปไม่ไป  กูขี้เกียจรอ...”ผมยิ้มแล้ววิ่งปรู๊ดตามหลังพ่อพรตทันที...  คราวนี้ล่ะเติ้ลเอ๊ย! กูไม่ปล่อยมึงแน่  เมียที่รัก... หึหึ...   



----------------------------------------------------

หายไปสามชาติเศษ  ไม่ใช่อะไร  คิดพล็อตไม่ออก  :z3: :z3:

รอบนี้ก็กลับมาพร้อมกับไอ้หนูก้อยที่อ้อนนารักในตอนเด็กและอ้อนตีนในตอนโต...

รอบหน้าจะเป็นญาติโก โหติกาใครไม่รู้  รู้แต่ผมชอบเอาญาติจากผมเป็นคนบ้าฯกับเจ้านายครับฯ

มาแต่งต่อเล่นเหลือเกิน  มันสนุกมั๊กๆ.. ฮาๆ 

อยากได้+1  ส่วนเรื่องนี้สนุกไม่สนุกยังไงก็บอกด้วยนะครับจะเอาไปปรับปรุงในเรื่องหน้า

ปล.ไม่ได้แต่งฉากเรทนาน  ออกมาก็... ไม่ดีเท่าที่ควรนั่นแหละครับ
ปล2.ฟิคเรื่องนี้คำไม่สุภาพเยอะมากๆ...  และมันจะเป็นอย่างนี้อีกหลายๆเรื่อง  ทำใจซะนะครับ  คนเขียนเกรียนเองแหละ  :z2:
ปล3.กว่าจะมารอบหน้า...  อีกพักใหญ่ครับ  รอมีพล็อตในหัวก่อน  ส่วนใหญ่พล็อตมาตอนสอบ ไม่ได้แต่งสักที พอจะแต่งดันลืม  o22

ปล4.เจอกันเรื่องหน้า  แฮ๊!!! :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่15-ลิตเติ้ลยุง โอเค! มึงเป็นผัวกู! (7/3/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 07-03-2013 17:22:54
จบแล้วหรออออ แหงะะ o22 :a5:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่15-ลิตเติ้ลยุง โอเค! มึงเป็นผัวกู! (7/3/56)
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 07-03-2013 19:23:30
เป็นSeries ที่น่ารัก
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่16-รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า! (11/3/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 11-03-2013 15:37:35
                                                                       ตอนที่16
                                                           รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า!

   ผมเดินเลียบถนนฟุตบาท...  ปากฮัมเพลงฉ่อย  น่าน...  ผมสนับสนุนเพลงพื้นบ้านน่ะครับ  แต่ก็ไม่ได้เก่งนะ...
   “เอย...  น่าเบื่อจังนะวันนี้...  เดินมาสามที่ล่ะก็ยังไม่ใช่...  เดินไปเดินมาคนก็ร้อนเบียดเสียด... เดินไปเดินมาคนก็ร้อนเบียดเสียด... อ่ะคนมันเกลียดต้องเข้าใจ... เอ้อ เอย เอิง เอย ช้ะ เอิง เอย...”ร้องไปขำไปครับ  แต่งสดๆก็สนุกดี... 
   พลั้ก!
   “อ๊ะ... ขอโทษครับ”ผมหันไปขอโทษผู้หญิงที่เดินเข้ามาชน  ผมว่าผมเดินปกตินะ  แต่งเหมือนเขาจะเร่งรีบยังไงไม่รู้...
   “เหอะ...  ชนใครไม่ชนดันชนตุ๊ด...  ดวงซวยแน่เลยฉัน”คุณเธอรำพึงรำพัน  โธ่! เป็นตุ๊ดหนักหัวใครครับ... โอเค... ผมเป็นตุ๊ด แต่ผมไปแย่งแฟนเขาเมื่อไรล่ะ...
   “นี้คุณ...  คุณเดินมาชนผม ผมก็อุตส่าห์ขอโทษก่อนแล้ว  ถ้ามารยาทมีพอ ช่วยขอโทษผมแล้วเดินไปรำพึงรำพันอีกสักสามสี่ร้อยเมตรจะได้มั๊ยครับ...  หรือสมบัติผู้ดีเอาไปลงกับผู้ชาย พอเจอเพศที่สามอย่างผมมันเลยไม่เหลือเท่าไร... อ่ะ... จริงสิ... ผมลืมไป... ‘ชะนี’ มันไม่เคยเรียนมารยาทนี้หน่า... ขอโทษนะครับขอโทษ” แอบขำครับ  หูเหอคุณเธอแดงก่ำซะผมกลัวมันจะระเบิดเปาะๆเป็นป็อปคอร์นเลย
   “แก...  อีตุ๊ด อีต่ำ...  ชะนีบ้านแกสิย่ะ... มารยาทฉันมีแต่ฉันไม่คิดจะเอามาใช่กับพวกวิปริตผิดเพศอย่างแกหรอกย่ะ”ฮู่ว์... ของเขาแรงจริง  ผมยิ้มแบบสมเพชนิดๆ  มารยาชายหลายล้านเล่มเกวียนนะครับ
   “มารยาทผู้ดี...  ถ้าผมเคยเรียนเขาไม่แบ่งเพศชายหญิงนะครับ... แล้วถึงผมจะวิปริต  แต่วิปริตแบบนี้ก็มีเสปิร์มทำให้คุณท้องได้แล้วกัน...  ว่าไงครับ  ถ้าไม่อยากมีผัวเป็นตุ๊ดวิปริต  ก็ขอโทษผมหน่อยเถอะครับ  ดูสิ... คนเขามองกันหมดแล้ว...  ผู้หญิงปากจัดจนตุ๊ดอายเนี่ย...  ไม่มีใครคิดว่าน่าคบหรอกนะครับ อ๊ะ...  หรือพวกที่คบๆกันนี้... เขาไม่รู้ว่าคุณเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ  น่าสงสารนะครับ  ต้องใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่นตลอด โถ่ๆ  สงสาร สงสารจริงๆ”ผมแกล้งทำหน้าสงสารก่อนจะมองเพศแม่ที่สะบัดกระฟัดกระเฟียดเดินออกไป...  ผมมองตามก่อนจะหัวเราะ  ที่จริงมันก็ดีหรอกนะ... ได้ยืนเส้ยยืดสายด่าคนอื่นเขาบ้าง...  ส่วนใหญ่ผมมารยาทดีนะครับ  แต่ถ้ามาด่าผมก่อน...  ตุ๊ดไทยไม่แพ้หญิงใดในโลกนะครับ ฮาๆ
   “อ๊ะ... ร้านกาแฟนี้หน่า...  เอาไงดีน้า... ของยังไม่ได้เลย...”ผมคิดสรตระ แวะแปปหนึ่งแล้วค่อยออกมาหาซื้อก็ยังทันมั้ง... 
   กรุ๊งกริ๊ง...
   “เอ่อ...  เอาลาเต้เย็นแก้วหนึ่งครับ...”ผมหันไปบอกพนักงาน  ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน...  ระหว่างรอ ผมก็มองไปเรื่อยครับ...  เก็บข้อมูลทำงาน... อ่อ... ผมบอกรึยังว่าผมทำงานอะไร  ผมทำงานเป็นช่างภาพอิสระครับ  ฟรีแลนซ์น่ะ รู้จักมั๊ย 
   “กาแฟบ้าอะไรวะเนี่ย...  ขมชิหาย...  นี้มึงใส่กาแฟให้กูอย่างเดียวเลยนี้หว่า... กูไม่กินแล้ว เห้เอ๊ย”ผมหันไปมองคนโวยวาย...  มีพนักงานยืนหน้าจ๋อยเป็นแบ็คกราวอยู่ข้างๆ  ตลกดีนะครับ คนเราทำไมไม่ชอบใช่เหตุผลนะ...
   “แต่คุณสั่งเอสเพรสโซ  กาแฟมันก็เข้มอยู่แล้วนะคะ”พนักงานสาวเถียงเสียงสั่นๆ  เฮ้อ... น่าสงสารชะมัด...
   “นี้ๆคุณ...  ไม่ฉลาดแล้วยังไม่รู้มารยาทผู้ดีอีกนะเนี่ย...”ผมเดกินไปแทรก  ท้าวมือลงบนโต๊ะ มันหันมามองผมแล้วสถบเสียงลั่น
   “มึงมีมารยาทตายล่ะอีตุ๊ด! เสือก!”ผมสะดุ้งกับน้ำเสียงเขานิดๆ  แรงได้อีกจ้า... ไอ้ควายเผือกเอ๊ย...
   “อุ๊ยๆ ไม่หล่อแล้วยัง ‘ทราม’ อีกนะครับ  เป็นตุ๊ดแล้วหนักกบาลใครครับ  ผมว่าคนแบบคุณมันหนักแผ่นดินมากกว่าอีตุ๊ดอย่างผมอีกนะ..”ผมยิ้มอย่างมารยาทงาม  มันทำท่าจะเข้ามาชกผม... โอ๋ะโหย๋... ใครจะยอมให้ชกกันฟ่ะ... โง่จริง
   ซ่า!
   “อุ๊บส์! ขอโทษครับ  พอดีเห็น ‘หมา’ มันจะกัด เลยต้องป้องกันตัวน่ะครับ”ผมเสแสร้งอย่างงดงาม...  อ๊ะๆ... น้องพนักงานสาวอย่ายิ้มชื่นชมผมขนาดนั้นสิครับ มันเขินนะ แอร๊ยยยย...  ตุ๊ดปลื้มจ้า...
   “มึง! ไอ้สัดเอ๊ย!”มันจะพุ่งเข้ามาอีกรอบ  ผมหันมองแก้วน้ำ  และแล้วความซวยก็มาเยือน  รอบตัวผมโคตรโล่งอ่ะ  ไม่มีอะไรหยิบมาป้องกันตัวได้เลย  ผมหลับตาปี๋  โอ๊ย... บ๊ายบายหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง  ต้องมามีมลทินซะแล้ววว
   พลั่ก!
   หมัดลุ้นๆเน้นๆ  แต่เอ๊ะ...  มันไม่เจ็บเลยอ่ะ  หรือหน้าผมฝังเหล็กไหลไว้  เลยไม่เจ็บ  ไหนๆ ลองลืมตาจิ...
   ปริบ... ปริบ...
   เหย้โด้โคอาล่ามาร์กี้... ไอ้สุภาพบุรุษจุติเทพมาเกิดนี้ใครวะ  สุดหล่อยืนบังผมอยู่  โหย... พ่อสูงชะลูดตรูดเปรต  จะสูงจะหญ่ายยย  ไปไหนจ้ะเนี่ย...  ผมชะโงกหน้ามามองด้านหน้า  ไอ้ไม่หล่อแล้วยังทรามลงไปนอนนับดาวบนพื้นครับ  แล้วก็มียามสองคนมาลากมันไปโยนไว้นอกร้าน  โอ๊ย... เมพขิงๆ  เท่ห์อ่ะ!
   “เอ่อ...  เป็นอะไรรึเปล่าครับ...”เขาหันมาถาม...  โอ๊ย... รังสีความหล่อแสบตา...
   “อ่ะ... ฮะครับ... ไม่ครับ  ไม่เป็นไร  ขอบคุณนะครับ”ผมบอกแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยความเร็ว...  อ๋า... อย่ามองผมงั้นสิ  ทำไมผมไม่จีบงั้นเหรอ...  โธ่คุณ... ตุ๊ดก็เขินเป็นนะครับ  เกิดมาผมเคยมีแฟนที่ไหนล่ะ...  อย่าถามเรื่องซิงด้วย... เพราะผมน่ะ ทั้งโคตรโสด โคตรสดและโคตรซิง ไม่เคยผ่านอะไรทั้งนั้นล่ะ โอ๊ย... พูดแล้วก็อาย...  ก็ผมกลัวเจ็บนี่หน่า...
   “ลาเต้เย็นครับ... แล้วนี้... เค้กสตอเบอร์รี่... ผมแถมให้คนน่ารักแบบคุณ... ขอให้อร่อยนะครับ”โอ๊ย! ตุ๊ดเลือดกำเดาจะไหลจ้า...  ฮือ...  หล่อทรมานใจหญิง(เทียม)ชิหายเลยจ้า...
   “อ่า... ขอบคุณครับ...”ผมรับแล้วเอมานั่งกิน... แต่... เลขสิบหลักในกระดาษนี้มันอะไรฟ่ะ...  เบอร์ร้านเรอะ!
   ตรู๊ด ตรู๊ด...
   “สวัสดีครับ”อุ๊! เสียงหล่อกระแทกหูอีกแล้ว...
   “อ่า... ครับ... เอ่อ... นั่นใครเหรอครับ”ผมถาม...  น่ะ คนมันอยากรู้นี้หว่า...
   “ผมชื่อทัพครับ... จอมทัพน่ะครับ แล้วนั่นใครครับ”เสียงนุ่มตอบกลับมา  ผมยกแก้วลาเต้ขึ้นจิบ เชี้ย... ร้อนอ่ะ
   “อ่ะ แค่กๆ... ผมนพครับ นภดล... คือคุณลืมเบอร์โทรศัพท์ไว้บนจานเค้กของผมน่ะครับ...”อ่า... นิสัยดีมั๊ยผม เขาลืมของไว้ก็ต้องคืนเขาสิ เนอะ...
   “อุ๊บ... ฮาๆ”ติ๊ด...  เสียงสัญญาณตัดไป ก่อนที่ผู้ชายร่างสูงโปร่งจะเดินมานั่งฝั่งตรงข้มผม โอ๊ย... หล่ออีกแล้ว  วันนี้เป็นไรเนี่ยผม... มีแต่คนหล่อๆเข้าหา
   “ผมไม่ได้ลืมครับ... แต่ผมสนใจคุณต่างหาก...”ห๊ะ... ไม่เชื่อๆ ไม่เชื่อรูหูตัวเอง ไม่จริง ไม่จริง!
   “ฮะ! อะไรนะครับ”ผมถามซ้ำ  เข้าหน่อยหน่อยครับ ตุ๊ดไม่เคยโดนจีบ สภาพงงี้ ทุกคนแหละ...!!
   “หึ... ผมบอกว่า ผมจะจีบนพครับ... ได้มั๊ยครับ...”
   “อ่า... ง่า... เอ่อ... แต่ว่า... ผมปากจัดนะ... งือ... เป็นตุ๊ดด้วย... คุณ... คุณไม่ชอบหรอก... มั้ง...”อ๋อย... หล่อเกิน ผมไม่นิยมชมชอบหรอก  กลัวเจ็บ...  แต่ก็แอบเขินเบาๆ อ๊ายยย...
   “ฮะๆ... ไม่เป็นไรครับ  ผมชอบคนปากจัด น่ารักดี  ตุ๊ดผมก็ชอบ”อ๊าก... ยิ้มพิฆาต  ช่วยผมด้วยผมจะละลาย...
   ปุ๊ก...
   ใครมานั่งลงอีกคนฟ่ะ  ผมหันไปมอง  แอร๊ย! คนให้เค้กผมเมื่อกี้  มาไงอ่ะ  ผมเห็นเขาหันไปเขม่น มั้งนะ... กับคุณทัพ... เอ๊ย... นี้ผมทำไรผิดป่ะเนี่ยครับ...
   “สวัสดีครับ ผมชื่อจอมเทพนะครับ เรียกเทพเฉยๆก็ได้...”อ๊า... ไม่เอาอ่ะ  หล่อเกิน ผมกลัว...
   “อ่าครับ... ผมชื่อนพครับ นภดล  ขอตัวก่อนนะครับ”ผมรีบพูดแล้วทำท่จะลุกก่อนจะโดนฉุดมือจากสองคนคนละข้าง... พร้อมเพรียงกันไปไหนแฟร่ะ!!
   “ไม่ทราบว่ามีแฟนรึยังครับ”
   “ผมบอกแล้วว่าผมจะจีบ งั้นมื้อนี้ผมเลี้ยงแล้วกันนะครับ”
   โอ๊ยๆ... คนอินโนเซ้นซ์จะเป็นลม...  ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วจ้า...
   “นี้คุณ... พวกคุณเป็นใครเนี่ยอยู่ดีๆก็เข้มาจับมือถือแขนผม  ถ้าอยากรู้จักคราวหน้าก็มาคุยดีๆ  ผมยังไม่มีแฟนหรอกนะ แต่เข้ามาจีบแบบนี้ผมไม่ชอบ... เข้าใจมั๊ยว่กลัวน่ะ ห๊า... ผมไม่เคยมีใครจีบมาก่อน...  แล้วก็ไม่ต้องคิดจะเลี้ยงผม  เงินผมมี ผมจ่ายได้... อย่าทำตัวสุภาพบุรุษกับผมเลย ถึงผมจะเป็นตุ๊ด แต่ผมก็ดูแลตัวเองได้เหมือนพวกคุณนั่นแหละ”ร่ายยาวครับ... ไม่ใช่อะไรเขินนนน...
   ทั้งสองคนปล่อยแขนผมครับ  ผมก็เดินไปจ่ายค่าลาเต้กับเค้ก...  แต่พนักงานไม่ยอมรับค่าเค้กผม  จนผมทิ้งเงินไว้เป็นค่าทิปเท่าราคาเค้กนั่นแหละ หล่อนถึงยอมเก็บไป... ผมเดินออกมานอกร้าน... สาบานร้านเค้กนั้นผมไม่เข้าไปเหยียบอีกแหงๆ  เล่นทำวีรกรรมไว้ขนาดนั้น...
   “คุณๆ... คุณนพครับ”ผมหันตามเสียง  ครับ... คุณจอมทัพครับ  วิ่งมาแบบหอบแฮกๆ
   “ผม... ผมเดินเป็นเพื่อนนะครับ”เขาเดินข้างๆ โอเคครับ  ตอบไม่ถูก  ผมยอมให้เขาเดินไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงคนแน่นๆ...
   “จับมือนะครับ เดี๋ยวหลงกัน...”แอร๊ก... ฆ่าตุ๊ดให้ตายเหอะครับ มือเขา... อุ่นสุดยอดอ่ะ...  ตกลงผมใจง่ายไปรึเปล่าครับนี้...
   “ที่จริง... ผมชอบคนปากจัดนะ... แต่อย่างนพนี้... น่ารักสุดๆเลยล่ะครับ... ถ้าไม่ว่าอะไร... เรามาศึกษาใจกันดูได้มั๊ยครับ”พูด... พูดอาร๊ายยยย...  คุณจอมทัพครับ  เขาไม่ได้มองหน้าผมนะ... แต่เขาเดินข้างๆแล้วก็กระซิบใส่หูผมเบาๆ  โอ๊ย.. สยิวสุดๆ... แล้วผมทำยังไงน่ะเหรอ... แฮะๆ...  ก็บีบมือเขากลับไปเบาๆอ่ะสิครับ...
   “ผมโมเมเองว่าตกลงได้รึเปล่ครับเนี่ย...”โอ๊ย... เขินเฟ้ย  นี้ไม่ถึงสองชั่วโมงนี้ผมเขินไปกี่รอบแล้ววะครับ...  ตุ๊ดมึน...
   “แล้วแต่จะคิดสิ... คุณนี้มัน...”ผมสะบัดมือหนีแล้วเดินนำหน้าเขาครับ  จอมทัพหัวเราะแล้วเดินมาเกี่ยวมือผมไว้อีกรอบ...
   “ปากดีแบบนี้... มันน่า... จูบจริงๆนะครับเนี่ย...”หัวเราะครับ  หัวเราะเบาๆข้างหูผมเล้ยยย...
   “อะ... ไอ้บ้า...”
----------------------------------------------------------------------

จะบอกว่าสั้น... ก็โคตรสั้น....  แต่น่ารักเบาๆ  อยากแต่งนายเอกปากจัดสักที... พล็อตมาเรื่อยๆ แต่เวลาไม่เรื่อยๆด้วยสักที... ถ้าอยากได้เรื่องต่อไป +1มาซะดีดี ฮาๆ... 

เจอกันเรื่องหน้าในอีกไม่รู้นานแค่ไหนนะครับ กิ๊วๆ :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่16-รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า! (11/3/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 11-03-2013 18:12:45
ระวังหูชาน่ะะะ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่16-รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า! (11/3/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 11-03-2013 21:02:17
ปากจัดจิงๆแต่น่าร๊ากกกกมั่กๆ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่16-รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า! (11/3/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 14-03-2013 12:49:34
ตอน17จะมาในเร็วๆนี้ครับ...
ถ้าปมมันใหญ่... พระเอกเราจะแก้ปมได้ยังไงนะ...


  :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่17-รักสุดท้าย... คือนิรันดร์ (4/4/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 04-04-2013 01:38:23
                                                                             
                                                                               ตอนที่17

                                                                        รักสุดท้าย... คือนิรันดร์



‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
คำพูดสั้นๆที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...  แต่ในตอนนี้... ผมคงทำตามสัญญานั้นไม่ได้...  ผมปล่อยแขนมันช้าๆ  หันหลังกลับมาด้วยความเจ็บปวด...   ผมเกลียด... เกลียดที่จะต้องเสียน้ำตาให้คนอย่างมัน  ยิ่งรักมาก... เวลาเกลียดมันก็ยิ่งเจ็บหนัก...  ผมเดินออกมาด้วยอาการเจ็บหน่วงๆในใจ  ว่าแต่... อาการหน่วงนี้มันเป็นยังไงกันนะ... 
“พอใจมึงแล้ว... ทีนี้ก็ทำตามที่มึงสัญญาสิ”ผมพูดกับคนที่ยืนรออยู่ปลายทาง... มันมองผมอย่างชั่งใจก่อนจะเดินนำหน้าผมออกไป ปล่อยให้ผมเดินตามมันไปอย่างเงียบๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง...
“เอ้า...  ที่นี้... ถ้าอยู่สักระยะคงพอไหวล่ะมั้ง”มันบอกก่อนจะดันผมเข้ามาในบ้านริมทะเลเก่าๆ...    ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งปุลงบนโซฟาที่ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด...
“อาหารสดจะมาส่งทุกวันอังคาร ส่วนอาหารแห้งมีอยู่ในตู้เก็บของชั้นล่าง  น่าจะพอช่วงมึงอยู่ที่นี้...”มันพล่าม แต่ตัวผมตอนนี้ปิดประสาทการรับรู้ทุกอย่าง...
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
ประโยคติดปากของมันที่พร่ำบอกผมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...  สุดท้ายแล้วมันก็แค่คำพูดพล่อยๆที่ทั้งผมและมันไม่มีใครทำได้...   ผมรักมัน  แต่ผมก็ต้องยอม...  ความรักที่ผมให้มันไป... มันคงน้อยกว่าที่มันให้ผมกลับมา...  บางที... ความรักที่มาอย่างรุนแรง มันก็อาจจะจบได้อย่างรวดเร็ว...  ผมไม่เคยเชื่อ และก็ไม่เคยคิดจะเชื่อ...  แต่ตอนนี้... ผมไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวอีกแล้ว...
มัน... เดินออกไปแล้ว... ส่วนผมก็เดินออกจากบ้านพัก  ที่ชายหาดผมมองคนที่เดินผ่านไปมา... ผู้หญิงหลายคนส่งสายตาให้ผม  แต่ผมเพียงแค่เบนหน้าหนี...  มีบ้างบางส่วนที่เดินเข้ามาทักทายผม  แต่ในอารมณ์ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะตอบรับอะไรทั้งนั้น....  ผมก้าวลงสู่ผืนทะเล ปล่อยตัวให้ลอยอยู่บนผิวน้ำ เงยหน้ามองท้องฟ้าจนกระทั่งคลื่นซัดสาดให้ผมขึ้นมาสู่บริเวณที่หลังผมโดนกับผืนทรายในที่สุด... และผมก็ทนไม่ไหว  น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดตั้งแต่หลายชั่วโมงที่แล้วทำให้ผมเพลียแล้วหลับไป...
“นี่คุณ...  ตื่นดิวะ...”ผมเรียกเบาๆทำให้ผมตื่นขึ้นมา... ใครคนนั้นมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจเบาๆ... 
“ฟู่ว์...  ดีชิบที่ยังไม่ตาย”ผมได้ยินมันสถบเบาๆก่อนจะฉุดผมให้ลุกขึ้น...
“คุณๆ... ช่วยไรอย่างดิ...  นอนทับผมที”มันบอกก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกแล้วร่นกางเกงลงนิดนึง... ผมมองตามมันอย่างงงๆ ก่อนจะถูกมันเลิกเสื้อขึ้นแล้วดึงตัวผมให้ล้มทับมัน...
“อือ...  พี่ครับ อ๊า... อย่า... อย่าจับตรงนั้น... อื๊ออออ...”ผมยังไม่หายงง แต่มันส่งเสียงเหมือนผมกำลังกระทำชำเรามันซะรุนแรง...  ผมเห็นเงาตะคุ่มๆของใครหลายๆคนเดินเข้ามาใกล้  แต่พอคนใต้ร่างผมส่งเสียงออกไปอีก  เงาพวกนั้นก็ค่อยๆกระจายหายออกไป...  ผมมองก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้น...
“พวกมันไปแล้ว”เป็นเสียงแรกที่ผมเปล่งออกไปหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วงและก็เห็นว่ารอบตัวผมมีแต่แสงดวงจันทร์ร่ำไรๆเท่านั้นที่พอจะส่องให้ผมเห็นร่างของคนตรงหน้า...
“แต๊งค์พี่  ไหนๆก็ไหนๆล่ะ  ผมไปนอนกับพี่ได้มั๊ย”ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ
“ผมแค่จะหลบพวกมันเฉยๆ ไม่ได้หวังอะไรจากพี่เลย  แต่ถ้าพี่หวังจากผมก็ตามสบายนะ... ถือเป็นค่าที่พักก็ได้”มันพูดออกมาชิวๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต  ผมส่ายหน้าแล้วพามันเดินไปยังที่พักของผม...  เพราะเพิ่งมาอยู่สดๆเมื่อเย็น  ดังนั้นไม่ต้องหวังว่าจะมีอะไรพิเศษในบ้าน  ยิ่งผมที่มาอยู่ไม่เกินเดือน  ยังไงก็ไม่ยี่หระอะไรกับพวกนี้อยู่แล้ว...
“โห... บ้านพี่โทรมชะมัด... อุ้ย... โทดพี่ ผมปากพล่อยไปหน่อย  ผมนอนพื้นก็ได้นะ ถ้าพี่รังเกียจอ่ะ แค่ให้ผมเข้ามานี้ก็บุญคุณสุดล่ะ”มันพล่ามอะไรไปเรื่อยที่ผมไม่ได้ฟัง...    ผมเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อจะหาอะไรกิน  แต่พอเห็นมือของตัวเอง... มือที่ทิ้งมืออีกคู่นั้นมา  มันก็ทำให้ผมน้ำตาไหลอีกครั้ง
ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!
ผมรัวหมัดไม่หยุดจนกำแพงสีขาวมีรอยแดงๆขึ้นอยู่ประปรายถ้าไม่ติดว่าอีกคนพุ่งถลาเข้ามากอดตัวผมไว้ก่อน...  ผมก้มลงทรุดลงไปในอ้อมแขนของมัน...  ไม่เหลือสภาพของคนที่ดูดีในสมัยก่อน  มีแค่ไอ้บ้าที่นั่งร้องไห้เป็นวักเป็นเวรอยู่คนเดียว...
“โอ๋ๆพี่...  มีอะไรบอกผมได้นะ...  ถึงผมจะไม่รู้จักพี่  แต่ผมก็ฟังปัญหาพี่ได้นะ  อย่าทำร้ายตัวเองดิ”ผมไม่ตอบอะไรมันกลับไป...  ทำเพียงแค่กอดตัวเองเอาไว้แบบนั้น... เคยมั๊ยครับ  มันเหมือนจุดพีคที่สุดที่เห็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาก็อย่าทำลายมันทิ้งไปให้หมดน่ะ...
“เอางี้พี่เอางี้...  พี่ลืมร้องไห้ก่อน  เรามาเล่นเกมกัน...”มันพูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง... ผมเห็นมันยิ้มก่อนจะปาดน้ำตาผมออกไป...
“เรามาเล่นเกมความในใจกันพี่...  สลับกันตั้งคำถาม แล้วก็บอกคำตอบของตัวเอง  พร้อมกับที่อีกฝ่ายต้องตอบคำถามนั้นด้วย...  โอเคป่ะพี่... เริ่มนะ...  พี่เป็นคนที่ไหน  ผมเป็นคนที่นี้นะพี่”มันรัวไม่ให้ผมหยุดพัก...  แล้วมันก็มองหน้าผมเพื่อหาคำตอบ...
“กรุงเทพ...”ผมตอบเบาๆ  มันยิ้ม... ยิ้มแบบไม่มีความทุกข์ใดๆนั้นทำให้ผมต้องหันมามองมัน...
“เอ้า! ตาพี่ถามแล้วไง  ถามดิพี่”มันคะยั้นคะยอ...
“เธออายุเท่าไร....  ฉัน29”ผมถามไปแบบไม่คิดอะไร  อย่าให้ผมเล่นนักก็เอา...  ไหนๆผมก็มีแต่เศร้ากับเศร้าในชีวิตที่เหลือเท่านั้นแหละ...
“โห... แก่ว่ะพี่  ผม20เอง...”9ปี  จะว่าแก่ผมก็โคตรแก่... แต่... ช่างเหอะ...
“ตาผมถามนะพี่...  พี่มีแฟนป่ะ ผมไม่เคยมีเลยนะพี่”ผมสะอึก... 
“เคย... มี... แล้วเมื่อไรจะเลิกถาม...”ผมถามกลับ...  มันหัวเราะก่อนจะส่ายหน้า...
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ว่ะพี่  เอ้า! เมื่อกี้พี่ถามไปแล้วใช่ป่ะ  ทีนี้ตาผม...  เรื่องที่เจ็บที่สุดในชีวิตพี่คืออะไร...  ของผมเหรอพี่...  โดคตรผู้ชายด้วยกันข่มขืนว่ะพี่  แม่งโคตรอยากตายอ่ะ ฮะๆ”มันหัวเราะเสียงใสราวกับพูดแค่ว่า อ่อ ผมเป็นร้อนในในปากว่ะพี่... และคำตอบนั่นก็ทำให้ผมหันกลับไปมอง...
“ของพี่ตอนบอกเลิกกับแฟนคนล่าสุด  เธอโดนพวกนั้นทำตอนอายุเท่าไร...  พี่เพิ่งเลิกกับแฟนเมื่อเย็น...”
“อ่อ... อกหักนี้เอง... มิน่า... ไปนอนให้น้ำทะเลสาดเล่น...  ของผมเหรอ...  ตอนแปดเก้าขวบมั้งพี่  จำไม่ค่อยได้แล้วอ่ะ  พวกเพื่อนๆพี่ชายของพ่อเลี้ยงล่ะมั้ง   ผมก็จำไม่ค่อยได้ล่ะ...  ที่นี้ตาผมถามนะ...  พี่เคยอยากตายมั๊ยพี่...  ผมเคยนะพี่ นี่ไงๆ”มันถลกแขนเสื้อให้ผมดู  รอยกรีดหลายแผลที่ขึ้นเป็นแผลเป็นทำให้ผมเบนหน้าหนี...   แต่หางตากลับเหลือไปเห็นรอยแดงที่ข้อมือ...  เหมือนถูกอะไรรัดไว้สักอย่าง...
“พี่... ไม่เคยอยากตายหรอก...  แล้วเธอ... ทำไมถึงอยากตายนักล่ะ...”ผมสงสัย... เด็กที่มีรอยยิ้มกับแววตาสดใสอย่างมัน  แค่บอกว่าโดนข่มขืนผมก็แทบไม่เชื่อแล้ว  ถ้าไม่ถกแขนเสื้อให้ผมดู ผมก็ไม่เชื่อแน่ว่ามันเคยคิดจะตาย
“โธ่พี่...   ชีวิตมันเฮิร์ทนี้หว่า...  บางทีมันก็อยากทำอะไรบ้าๆมั่ง  แล้วพี่ทำไมเมื่อกี้ไปนอนเล่นริมทะเลล่ะ ผมนึกว่าพี่จะไปตายซะแล้วรู้ป่ะ”ตอนนี้เหมือนเรากำลังถามปัญหาคาใจกัน... ผมมองหน้ามันก่อนจะตอบ
“พี่แค่อยากไปดูท้องฟ้าเฉยๆ แล้วเมื่อกี้ ทำไมเราถึงทำแบบนั้นกับพี่”ผมหมายถึงตอนที่มันให้ผมนอนทับตัวมันแล้วส่งเสียงครางนั้นออกไป
“โหพี่... คราวหน้านอนแค่ชานหน้าบ้านก็พอมั้งไม่ต้องลงทุนไปนอนในทะเลหรอก... น่ากลัวชิบเป๋ง...  ส่วนคำถาม... ถ้าพี่หมายถึงตอนเย็นล่ะก็...  ไอ้พวกนั้นมันแมงดาอ่ะพี่  พ่อเลี้ยงกับพี่ชายจับผมขาย  แต่ผมหนีมาได้ก่อนเนี่ย... แล้วดันไปเจอพี่พอดี เห็นแม่งมืดๆเลยจัดฉากไม่ให้มันกล้าเข้ามาหา...  โอนะพี่...”มันหัวเราะเหมือนเล่าเรื่องไปกินข้าวมื้อเย็นให้ผมฟัง 
“ทำไม... มึงถึงไม่ทุกข์เลยวะ”สรรพนามเริ่มเปลี่ยน...  มันมองหน้าผมแล้วยิ้ม...
“มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองอ่ะพี่...  ผมเคยผ่านจุดที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว  เคยคิดจะตาย  คิดจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด...  แต่พอสุดท้ายทุกอย่างแม่งก็ยิ่งเลวร้าย มันทำให้ผมคิดแล้วก็ดิ้นรนที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นอ่ะพี่...  ปัญหาทุกอย่างผมก็แค่คิดว่ามันเป็นปมเชือกปมหนึ่ง... ถ้าเราแก้ไม่ได้ ก็ปล่อยมันไปแล้วเราก็เดินตามเชือกไปเรื่อยๆ เพราะถึงเราไม่แก้ปม เราก็เดินไปถึงปลายทางได้จากอีกปลายที่โผล่ออกมาอยู่ดี... เก็ทป่ะวะพี่”มันพูดพล่ามอะไรของมันไปเรื่อย... ที่จริงมันคิดแบบนี้ก็ดูเป็นความคิดที่ดี... 
“แล้วทำไมพี่ถึงเลิกกับแฟนพี่อ่ะ”มันถาม... ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะหลับตา... กลั้นใจเล่าเรื่องให้มันฟัง บางที... ผมเองก็ต้องการคนระบายบ้าง...
“กู...  ไม่สบาย... มีเวลาอีกไม่นาน...  พี่ชายมันรู้แล้วก็ไม่อยากทำให้น้องมันต้องเสียใจเรื่องกู...  มันขอให้กูบอกเลิกน้องมัน...  แลกกับการที่มันจะหาที่อยู่ดีๆให้กูในช่วงที่กูยังมีชีวิตอยู่...”ผมตอบ...
“โห...  โคตรโรแมนติกอ่ะพี่...  ไม่อยากให้เขาเจ็บเลยชิงบอกเลิกให้เขาเจ็บก่อนเนี่ยนะ... ถุย! พี่แม่ง...  พระเอกเกาหลีชิบหายอ่ะ...  ถ้าเป็นผมนะ... ผมจะอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้ายอ่ะ... ถ้ารู้ว่าจะตายนะ... ยังไงผมก็ไม่มีทางห่างจากเขาแน่...”มันพล่ามมาเรื่อย...   ก่อนที่ผมจะตัดบทแล้วลุกขึ้นเพื่อไปนอน...
“ขอบใจที่ชวนคุย แต่พี่ว่า เธอไปนอนได้แล้ว... บนห้องนั่นแหละ... เดี๋ยวพี่นอนข้างล่างเอง...”ผมไล่มันไปนอน... มันยิ้มๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มผม...
“แทนคำขอบคุณครับ... เพราะพี่เอง... ก็ช่วยผมไว้หลายเรื่องเหมือนกัน”เสียงมันนิ่งไปในตอนท้าย แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร...   ผมเดินออกไปนอนบนโซฟา  ผ่านค่ำคืนโหดร้ายคืนแรก  อีกไม่นาน...  แค่อีกไม่นานเท่านั้นแหละ...

ผมลืมตาขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น...  ทำท่าจะเดินขึ้นไปเรียกคนที่นอนหลับอยู่บนห้อง... แต่น่าแปลก... ในห้องเหมือนไม่มีคนอยู่... ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่เคยมีใครอยู่อยู่ต่างหาก  ผ้าปูที่นอนเรียบจนเหมือนไม่มีใครนอน... บานประตูฝืดเคืองจนแทบเปิดไม่ออก...  ผมเดินลงมาด้านล่างหวังว่าจะเห็นตัวของมันบ้าง...  แต่ผมก็ไม่พบใคร  ไม่แม้แต่รู้สึกถึงสัมผัสที่มันกอดตัวผมเอาไว้... 
ผมเดินออกไปริมทะเลหวังจะพบมัน... แต่ก็ไม่... จนสุดริมหาด... ผมเหลือบไปเห็นหลุมศพที่ฝังไว้... มีป้ายชื่อเขียนไว้ว่า...   นายพิพัฒน์ เหล่าภัคดี... ผมมองภาพบนหลุมศพ  มองวันชาตะและวันมรณะ  คำนวณคร่าวๆ  อายุแค่17เองหรือ...  น่าเสียดายที่ต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย...   ผมมองหลุมศพไปเรื่อยๆ  จนมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดผม...
“รู้จักเขาหรือ...”ผมหันไปมอง  เป็นผู้ชายอายุราวๆ45ปี... ผมส่ายหน้าก่อนจะมองเขาที่เดินไปกวาดหลุมศพนั้น...
“ผมชื่อภาวนา... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...”ผมพยักหน้าตอบรับ  เขาจ้องมองแววตาของผมเล็กน้อยก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ...
“ถ้าไม่รบกวนอะไร... คุณช่วยฟังเรื่องของผมหน่อยได้มั๊ย...”ผมหันไปมองเขา...  ชายหนุ่มที่กำลังยิ้มเศร้าๆ... 
“ผมกับเขา...”เขาที่ว่านั่น...  ผู้ที่กำลังเล่าหันไปมองป้ายหลุมศพทำให้ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร... “เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก... เราอยู่บ้านใกล้ๆกัน  ผมรวยแต่พ่อแม่ไม่เคยอยู่กันพร้อมหน้า  เป็นเด็กขี้โรคที่อ่อนแอจนปกป้องอะไรตัวเองไม่ได้ และเขา... ก็ช่วยผมมาตลอด...  ที่หนึ่ง...”ผมได้ยินชื่อเล่นของใครอีกคนหลุดจากปากของเขา ซึ่งผมเดาว่าคงเป็นของหลุมศพตรงหน้านี้... 
“บ้านที่หนึ่งรวยพอๆกับผม  แต่พ่อแม่เขาอยู่ด้วยกัน  เป็นคนแข็งแรงมีเพื่อนฝูงมากมาย  นิสัยก็ดี... จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่ง...  อยู่ดีๆเขาก็พูดจาร้ายๆกับผม  ไถเงินผมเป็นว่าเล่น...  แต่ทุกกลางวัน  ที่เขาไถเงินผม  บนโต๊ะเรียนของผม... ก็จะมีขนมปังกับนมวางเอาไว้ตลอด...  ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเอง... ว่าจะเป็นเขา... ที่เอามาให้ผม...”น้ำตาของคนตรงหน้าไหลออกมาเรื่อยๆ พอๆกับที่ผมนั่งฟังเขาเล่าต่อมา...
“มีอยู่วันหนึ่ง...  ผมอาการกำเริบ... ผมบอกรึยังว่าผมเป็นโรคหัวใจ...  ตอนนั้นผมสลบไปไม่รู้สติ...  ฟื้นขึ้นมาในอีกสองอาทิตย์ถัดมา พร้อมๆกับที่เขาก็หายไปจากชีวิตของผม...  ตอนนั้นผมร้อยรน  ถึงเขาจะแกล้งผมบ่อยครั้ง ไถเงินผมตลอด  แต่เขาก็เคยปกป้องผม...  ไม่มีใครให้คำตอบกับผมได้  จนตอนที่ผมอายุครบ18คำตอบนั้นก็ผ่านมาหาผม...”เขาเอามือจับหน้าอกตัวเองเอาไว้...
“ที่หนึ่งไม่เคยหายไปไหน... หัวใจของเขา... อยู่กับผมมาตลอด...  ผมอบอุ่นทุกครั้งที่หัวใจดวงนี้ยังเต้นอยู่ และผมก็รักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด... ให้เท่ากับที่เขามอบมันมาให้กับผม...  สายตาของคุณตอนนี้...  มันเหมือนสายตาในตอนนั้นของผม...  ว่างเปล่า... ดูไร้จุดหมาย...”เขาบอก  ผมหลับตา... น้ำตา... มันไหลออกมาอีกแล้ว...
“ผมว่าคุณไม่ได้เป็นคนไร้จุดหมาย  แต่คุณปล่อยมือออกจากจุดหมายนั้นเองใช่ไหม...  เชื่อผมเถอะ...  ไม่มีคนรักกันคนไหนอยากห่างจากคนรักหรอกนะ... ถึงแม้สุดท้ายจะต้องจากกัน แต่เขาก็อยากใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายให้ดีที่สุด...”คนชื่อภาวนาลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปหลังหลุมศพที่ผมเพิ่งสังเกตว่ามีใครอีกคนถูกฝั่งอยู่ติดกัน...
“เด็กคนนี้... มาที่นี้ได้จะห้าปีแล้ว...  เราเจอเขาตอนนี้เขาถูกน้ำซัดเข้าฝั่ง... ที่ข้อมือมีเชือกรัดเอาไว้แน่น...  พวกเราที่อยู่ที่นี้พยายามช่วยแล้ว  แต่เขาก็ไม่กลับมา...  ที่ตัวเขามีรอยถูกทารุณหลายที่จนผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาก่อนจะมาอยู่ที่นี่”ผมมองเข้าไปในรูป  ก่อนจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย...

‘มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองอ่ะพี่...  ผมเคยผ่านจุดที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว  เคยคิดจะตาย  คิดจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด...  แต่พอสุดท้ายทุกอย่างแม่งก็ยิ่งเลวร้าย มันทำให้ผมคิดแล้วก็ดิ้นรนที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นอ่ะพี่...  ปัญหาทุกอย่างผมก็แค่คิดว่ามันเป็นปมเชือกปมหนึ่ง... ถ้าเราแก้ไม่ได้ ก็ปล่อยมันไปแล้วเราก็เดินตามเชือกไปเรื่อยๆ เพราะถึงเราไม่แก้ปม  เราก็เดินไปถึงปลายทางได้จากอีกปลายที่โผล่ออกมาอยู่ดี...’


เสียงคุ้นหูที่คุ้นเคย  สัมผัสอุ่นที่โอบรัดและปลอบประโลมผมเมื่อคืน...  ผมไม่มีทางลืมใบหน้านั้น...  ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่นั่งลงข้างๆคุณภาวนา  ก่อนจะลูบมือไปบนแผ่นหินสลักนั้นเบาๆ...
“ขอบคุณนะ...  ที่ช่วยทำให้พี่หายเศร้า...  ทั้งที่เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย...  หลับให้สงบเถอะนะ...  พี่สัญญา  พี่จะกลับไปหาหัวใจตัวเองอย่างที่เราบอกนะ...”ผมขอบคุณหลุมศพนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกล่าวลาจากคุณภาวนา...  และเขาก็ไม่ลืมบอกให้ผมกลับไปทำตามหัวใจตัวเอง...

ไม่นานที่ผมจะกลับมายืนหน้าห้องที่คุ้นเคย แค่สองวันที่หายไป มันทำให้ใจผมแทบไร้ซึ่งเรียวแรง...  ผมไขกุญแจเข้าไป  โชคดีที่เจ้าของห้องยังไม่เปลี่ยนกุญแจ...ผมเดินเข้าไปก่อนจะพบกับคนที่ผมคิดถึง... เขานอนมองผมอย่างเหม่อลอย...  ข้อมือมีสายน้ำเกลือปักคาไว้อยู่.... มัน... เป็นอะไร...
“มา... ทำไม...  กลับไป....  เรา.... เราเลิกกันแล้ว”มันพูดเสียงแหบพร่า...  ผมกอดตัวมันไว้แน่น... น้ำตาไหลหยด ลงบนอกมันแบบไม่รู้ตัว...
“กู... กูขอโทษ...  กูไม่รู้ว่ามึงป่วย...  กู...  กูขอโทษนะ”ผมพูดไม่ออก...  ผมรู้ตัวแค่ผมป่วย  อยู่ได้อีกไม่กี่เดือน... แต่ตอนนี้คนตรงหน้าผม...  สายน้ำเกลือและเครื่องช่วยหายใจที่ต่อระโยงรยางค์ทำให้ผมใจหาย  ทำไม... ผมไม่เคยรู้มาก่อน...
“กูไม่อยากให้มึงมาเห็นสภาพของกู...  มึง... น่าจะได้ไปเจอคนใหม่... ที่ดีกว่ากู... ไม่ต้องเสียใจ...  กูไม่เสียดาย... ที่รักมึง...”มันพูดกระท่อนกระแท่น เมื่อวาน  ผมยังเห็นมันปกติ...  ทุกครั้งที่เจอกัน... มันต้องอดทนแค่ไหน...  มันต้องฝืนยิ้มฝืนพูดแค่ไหนให้ผมสบายใจ  ยิ่งคิด... ผมก็ยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกที... ทุกที...
“กูขอโทษ...  แต่กูขอเวลา... ให้กูได้กับมึง...  จนถึงวินาทีสุดท้าย... มึงกับกู.... เรารักกันเหมือนเดิมเถอะนะ...”ผมก้มลงร้องไห้ใส่มัน  ไม่อาย... น้ำตาของผม... สำหรับคนที่ผมรักแล้วจะมากมายแค่ไหนผมก็ยอมเพื่อมันได้... 
“รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...”มันพูดให้ผมได้ยินเบาๆ... ผมยิ้มแล้วเงยหน้ามองมัน... ในขณะเดียวกันมันก็ยิ้มตอบกลับมาทั้งๆที่ใบหน้านั้นซีดเซียว... ริมฝีปากนั้นขยับเบาๆ...
“เพราะกู... ก็จะรักมึง... ให้มากกว่าที่มึงรักกู...”ผมหัวเราะแล้วเกี่ยวนิ้วก้อยของมันเอาไว้...
“กูสัญญา...  รักของมึง... ไม่ว่าจะมากแค่ไหน... กูก็จะรักมึงให้มากกว่าที่มึงรักกู...”ผมโอบกอดตัวมันเอาไว้เพราะตัวของมันไม่มีแรงจะขยับอะไรแล้ว...  ผมยิ้มแล้วมองมันที่หลับตาพริ้ม...  แค่ช่วงเวลาไม่นาน... แต่มันคือความสุขของผม...  ความสุข... ที่ทำให้ผมทั้งเจ็บและรู้สึกดีไปได้พร้อมกันอย่างไม่น่าเชื่อ... 

ผ่านไปสองอาทิตย์ อาการของมันยังทรงตัวในขณะที่ผมก็ทรุดลงไปเรื่อยๆ... เราทั้งคู่นอนอยู่ข้างกันและประสานมือกันเอาไว้เพื่อให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ...  มันหันมายิ้มให้ผมและผมก็ยิ้มตอบให้มันไป... 
“กูรักมึง... มากๆนะ”ผมบอกมันทุกครั้งที่เห็นหน้ามัน... ส่วนมันก็ยิ้มตอบกลับมา เพราะตอนนี้มันพูดไม่ได้...  แม้แต่จะลืมตายังลำบาก...  ผมเลยต้องพูดให้มันฟังอยู่บ่อยๆ...
“กู...”ผมรีบฟังว่ามันต้องการอะไร...  เสียงมันแหบพร่าเหมือนคนแก่...  และเบาหวิวราวกับมด...
“จูบกู... ได้ไหม...”มันพูดแค่นั้นแล้วก็นอนนิ่งเหมือนคนหมดแรง...   ผมโน้มตัวไปจูบมันเบาๆ...  ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากตัวมัน... น้ำตาผม... ไหลออกมาอีกครั้ง... มัน... จากผมไปแล้ว...  นิ่งงันราวกับถูกตอกตะปูที่หัวใจ... จูบสุดท้าย... ที่วิเศษที่สุด...
“กูรักมึง... มากกว่าที่มึงรักกู... ดังนั้น... มึงก็ต้องรักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึงให้ได้นะ...”ผมพูดกับร่างของมันก่อนจะนอนลงข้างๆ  ดึงตัวมันมากอด....  ผมเอง... ก็ยื้อร่างกายนี้ไว้ไม่ไหวเช่นกัน...  เวลาของผม... ก็หมดลงเช่นกัน...

“พี่ๆ...  มาแล้วเหรอ...  มาสิ... เดี๋ยวผมพาไปหาแฟนพี่... เขามาที่นี้ก่อนพี่แปปเดียวเองแหละ...”ผมหันไปมอง...  เด็กหนุ่มคนนั้นที่ผมคุ้นหน้า...  เขาพาผมเดินมาถึงริมน้ำ  มีชายสองคนนั่งคุยกันอยู่...  คนแรกหันกลับมามองผม  ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มรับผมอย่างยินดี...  ผมจำหน้าของเขาได้...  คนๆนี้คือที่หนึ่ง...
“คุณเจอกับภาวนาแล้วสินะ... ผมเห็นอยู่...  ดีใจมากเลยนะครับที่เขารักผมถึงขนาดนี้...”เขาหัวเราะเบาๆ... ตอนนี้ใบหน้าเขาเท่าอายุตอนเสียชีวิต  แต่จากอายุบนหลุมศพ ผมก็ควรเรียกเขาว่าพี่ได้แล้ว...
“ไปหาคนรักของคุณเถอะ... นั่งเงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”เขาดันผมให้มานั่งข้างๆ...  ผมมองอีกคนที่หลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆ... 
“รักกู...  ให้เท่ากับที่มึงและกูรักกัน...  ได้มั๊ย”ผมถามเบาๆ  มันลืมตาและหันกลับมามอง...
“มึง! มึงมาได้ไง”มันถามหน้าตื่น...  ผมหัวเราะแล้วดึงตัวมันมากอดเบาๆ...
“มึงไม่รู้...  กูก็ป่วย... กูบอกเลิกมึงเพราะไม่อยากให้มึงมารับรู้ความป่วยของกู...  แต่เพราะพวกเขา”ผมพะยักเพยินไปทางสองคนด้านหลัง “พวกเขามาบอกสิ่งสำคัญกับกู...”
“เรื่องอะไรวะ”
“การอยู่ด้วยกัน...  ถึงวันสุดท้ายของลมหายใจ... แต่มึงกับกูนี้คงต้องเป็น... อยู่ด้วยกัน... แม้กระทั่งตอนเป็นวิญญาณล่ะมั้ง ฮาๆ”ผมหัวเราะเบาๆตบท้าย...  มันเอนหัวมาซบไหล่ผม...
“รักกัน...  ให้เท่ากับที่กูและมึงรักกัน... ไม่ต้องมากหรือน้อยกว่า... ตกลงมั๊ย...”ผมยิ้มแทนคำตอบ...
ไม่ต้องแทนที่ตัวเองด้วยหัวใจ...  ไม่ต้องเจ็บปวดจนมีรอยยิ้ม...  แค่พวกเราสองคน... ที่อยู่ด้วยกัน...  ไม่จำเป็นต้องมีหัวใจไว้บอกรัก....  เพราะความรู้สึกที่เหลืออยู่... มันบอกทุกอย่างอยู่ในตัวของมันเอง...  ผมรักมัน... และมัน... ก็รักผม...  ถึงเราจะทำให้รักเราผิดพลาดไปบ้าง... แต่มันก็จบลงได้ด้วยดี...   ยินดีย้อนรับ... ความรักครั้งสุดท้ายของผม... อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ...



--------------------------------------------------------------------------------

หายไปนานมากกกกกกกกกกกกก....  แต่ก็กลับมายาวนะคราวนี้ (คิดว่ายาวนะ)...   
ใครเคยอ่านเรื่องของที่หนึ่งกับภาวนา ยกมือ! :a1:
มาแนวเศร้าๆโรแมนติกมั่ง... แต่งแนวนี้ทีไร ยาวทุกทีอ่ะ  :z13:
ขอบคุณแฟนคลับ(ใช้คำนี้ได้มั๊ยเนี่ย ฮาๆ) ตามมาโพสทุกครั้งที่ผมโพสลง  ถึงเรื่องจะสั้นไปนิ๊ส... ไม่รู้เรื่องไปหน่อย...
แต่ผมก็พยายามสุดๆแล้วน้า...   เรื่องหน้าพอจะมีพล็อตแล้ว...  ถ้าไม่เกินกำลังไม่นานคงคลอดออกมา...
(แต่ส่วนใหญ่เรื่องที่คลอดมักไม่มีพล็อต  เรื่องนี้ก็ใช่ ฮา)
ใครไม่ชอบแนวเศร้าไม่ต้องห่วง... เดี๋ยวเปลี่ยนหลายๆแนว... มีครบแน่เรื่องสั้นนี้...
มีถามมาว่าทำไมไม่เขียนเรื่องให้ยาว... ตอบ... ผมเขียนเรื่องยาวไม่เคยจบ... เอาตอนสั้นๆแล้วแถมตอนพิเศษดีกว่าเนอะ... ผมสร้างปมไม่เก่ง แฮะๆ... พล่ามเยอะล่ะ... ขอบคุณที่อ่านนะครับ... ฝันดีจุ๊บๆ :กอด1:

ปล.เค้าชอบตัวนี้ :mew3:กับตัวนี้ :z13:อ่ะ ไปแหละๆ บาย
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น ตอนที่17-รักสุดท้าย... คือนิรันดร์ (4/4/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 04-04-2013 11:15:47
นึกว่าจะจบแบบเศร้าๆซะอีกโรแมนติกดีเนอะเหอๆ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [In Camera คุณครับ รักนะ...] (4/5/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 05-05-2013 00:00:11
                                                       In Camera คุณครับ รักนะ...

   ผมลงจากมอไซค์คันเก่ง...  สวมสะพายกระเป๋ากล้องคู่ใจก่อนจะเดินไปยังจุดชมวิวที่ทางสถานที่ท่องเที่ยวจัดไว้ให้...  จะว่าไป...  ผมไม่ได้มาเที่ยวต่างจังหวัดนานแค่ไหนแล้วนะ... อืม...  หนึ่ง... สอง... สาม... สี่... เจ็ด... แปด...  อ่อๆ  แปดวันนี้เอง! ง่า... อะไรกันครับ  ก็ผมทำงานเป็นช่างภาพอิสระ  ไม่มาฝึกฝีมือบ่อยๆ  เดี๋ยวก็สนิมกินพอดี...  งั้นขอตัวไปถ่ายรูปก่อนดีกว่าเนอะ...  เห็นแบบนี้ผมก็ถ่ายเก่งใช่ย่อยนะคร้าบบบบ...  อะคึอะคึ....
แชะ....
แสงแฟลตที่สว่างเข้ามาในรัศมีสายตาทำให้ผมหันกลับไปมอง  อะไรเนี่ย...  กลางวันๆยังใช่แฟลตอีก...   จะเอาสว่างไปถึงดวงจันทร์รึไง... แฮะๆ...  แต่จะใช้ไม่ใช้ก็เรื่องของเขาเนอะ...  ยุ่งจริงเลยผมเนี่ย  ฮาๆๆๆ
“คุณ...  เมมการ์ดตกน่ะ”ผมหันไปตามเสียงเรียก  โห...  สาวเสียงหล่อบ้านไหนมาเที่ยวน่ะ  พ่อแม่ไม่ห่วงหรือกระไรกัน...
“คุณ...  เฮ้ย! หูหนวกรึไงครับ”
“ห๊ะ...  หะ....  อะ... อะไรๆ  อ่อๆ... ขอบคุณที่เก็บให้นะครับ”ช็อคครับ...  คือผมนึกว่าเธอเป็นผู้หญิงจนมองสำรวจลงไปถึงกลางตัว  แอร๊ก! อย่าเพิ่งบอกว่าผมทะลึ่งดิ...  ผมแค่ไปสะดุดตาตรงนั้น  แม่ม...  ใหญ่กว่าของผมอีก  เห็นแล้วมันก็น่าน้อยใจ  พ่อนะพ่อ...  ให้มาน้อยไปไหนเนี่ย  มันเสียเซลฟ์สุดๆเลยรู้มั๊ย! เพราะงั้น... งดของฝากรอบนี้แล้วกันนะพ่อ!
“มองอะไร...”เขา... เรียกว่าเขาแล้วกัน  ยังทำใจไม่ได้ ฮือ...  เขาถามเสียงห้วนๆ  โธ่! สวยแค่หน้า  ทำไมโลกช่างลำเอียงขนาดนี้...
“เปล่าครับ....  งั้นผมไปก่อนนะครับ... ขอบคุณที่เก็บของให้นะครับ”ผมรีบรับแล้วตั้งท่าจะหนี  ขอไปพักทำใจสักครู่นะครับ  เรื่องนี้มันเศร้าสุดจิตสุดใจเลย  ฮือ...
“เดี๋ยว...  ตอบแทนผมหน่อย  พาไปเลี้ยงข้าวสักมื้อสิ  ข้างถนนก็ได้”ผมหันควับไปทันทีที่เขาเริ่มพูด...  เอ่อ...  ตกลงเขาจงใจช่วยเพื่อขอสิ่งตอบแทนเหรอ...  ผมชักไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าผมทำตกหรือเขามาจิ๊กไปน่ะ...  แต่ก็... เอาเหอะ...  เขาเสนอผมก็สนองให้  กล้าขอก็กล้าเลี้ยง...
“รถคุณล่ะครับ”ผมมอง  เพราะแถวนี้มีมอไซค์ของผมจอดอยู่คันเดียว... 
“ไม่มี”สั้นๆ และเขาก็เดินไปนั่งบนมอไซค์ผม  ง่ายดีนะ  เอ้า! กล้าทำมาก็กล้าทำตอบ...  เล่นผิดคนซะแล้วไอ้หนู... คริคริ...
“จอดๆๆๆๆ...”เสียงตบหลังปักๆทำเอาผมต้องเบรกตัวโก่ง  เออ... ก็เปล่าหรอกครับ แค่ชลอน่ะ...  เขาโดดลงจากรถวิ่งไปริมทางก่อนจะหยิบกล้องถ่ายอะไรสักอย่าง  สักพักก็เดินกลับมาซ้อนมอไซค์ผมอย่างเดิม...  หน้ามึนได้อีก  เอาถ้วยมั๊ยครับ  ถ้วยน้ำน่ะ  แล้วผมจะพูดบ้าอะไรคนเดียวเนี่ย แงะ...
“เอ้า! ไปต่อดิ... นิ่งทำบ้าอะไร”ทำเป็นสั่ง เดี๊ยะๆ  เดี๊ยะทำตามเลย (อ้าวววววว....)
“คร้าบๆ  สั่งจังนะครับแม่ ฮาๆ”หนึ่งตุบหลังจากพูดจบ  เอาหน่า ไม่ได้เจ็บมากมาย  ผมออกตัวไปอีกสักพักจนเข้าสู่ที่ๆพอมีอาหารขายบ้าง...  ผมจอดที่ร้านข้าวมันไก่...  ลงไปสั่งกินคนละจาน...
“ขอดูกล้องหน่อย”เขาพูดขึ้นมา  ผมเงยหน้าขึ้นมอง  เรียกว่าเหลือบดีกว่าเพราะปากผมกำลังโซ้ยข้าวมันไก่เข้าปากอย่างไร้มารยาทหรือคุณสมบัติผู้ดีอยู่...
“อือๆ... เอาไอ”ผมละมือที่หยิบจานไปคว้ากล้องให้เขาก่อนจะจัดการโซ้ยต่อ  ผิดกับอีกคนที่นั่งกินไปเรื่อยๆ  ทำไมรู้สึกอายจังเลยวะ...  ผมว่าปกติผมก็หน้าด้านพอทนนะ... เอ่... หรือผมจะดูเป็นผู้ดีขึ้นมาหน่อย  หนังหน้าเลยเลิกด้านน่ะ  คิดได้เนอะคนเรา ฮาๆๆ
“นี้... คิดอะไรอยู่น่ะ”ผมเงยหน้ามองคนถาม  เขาดูรูปในกล้องผมอยู่มั้ง... หรือว่านี้เขามีพลังจิตอ่านใจคน  รู้ว่าผมกำลังรั่วอยู่ ห๊ะ... ไม่จริง งั้นเขาก็รู้เรื่องที่ผมมองเป้าเขาน่ะสิ โธ่!!!!
“ตอนถ่ายรูปน่ะ... ภาพนี้  คิดอะไรอยู่...”แป่ววว...!!! ข้อสันนิฐานตกไป... คราวหน้าพูดให้จบสิคร้าบคนสวย...
“ไหน... อ่อ... ภาพนี้อ่ะนะ”มันเป็นภาพท้องฟ้าอ่ะครับ...  ภาพนี้ผมปีนต้นไม้ขึ้นไปถ่ายเชียวนะ... โคตรทรหดอ่ะ
“ก็อยากลองถ่ายสูงๆบ้าง  อยากลองดูในมุมมองความสูงของนกน่ะ  ถึงจะได้แค่รังมันก็เหอะ แฮะๆ”ผมเกาหัวแกรกๆ  หวังว่ารังแคคงไม่ตกไปในจานข้าวนะ...  เอิ่ม...
“เหงาเหรอ...”ผมหันไปมองคนถาม
“ว่าอะไรนะครับ”ไม่ค่อยแน่ใจ  ผมถามซ้ำอีกครั้ง...
“ตอนถ่ายภาพนี้...  มีอะไรอยู่ในใจรึเปล่า”ผมมองคนตรงหน้า...  คนที่ถ่ายภาพโดยที่ยังเปิดแฟลตกล้อง  (เกี่ยว?)  คนที่สวยกว่าผู้หญิง แต่ดันเป็นผู้ชายและมีอะไรๆที่ผมโคตรอิจฉา...  อ่านได้ขาดจริงๆ...
“ดูออก...”ผมถามแบบเดาทางไป.... ไม่แน่ว่าเขาอาจจะพูดมาเฉยๆก้ได้...
“ภาพมันฟ้องน่ะ...  ก็มัน... เศร้าซะขนาดนี้  ภาพนี้กำลังร้องไห้อยู่นะ...  เหมือนกัน... คนที่โหยหาอิสระน่ะ”ง่ะ... พระเจ้าบอกผมที... ท่านจะให้ผมช็อคกี่ครั้งต่อวันกันแน่... แต่ผมรู้พระเจ้าคงไม่ตอบ... เพราะผมนับถือพุทธไม่ใช่คริสต์... 
“เก่งนะที่ดูออก...  กำลังเครียดอะไรนิดหน่อยนะ... กินเสร็จยัง  เดี๋ยวพาไปที่ๆนึง”ไหนๆก็ดูภาพที่ผมถ่ายออก...  งั้นขอลองอะไรนิดหน่อยแล้วกัน... คงเก่งไม่เบา หรือผมอ่อนเองหว่า... เอ๊ะ... เอาไงล่ะ  ... ปัญหาชวนปวดสมองนะ...
“นี่...”แปปซี่  ขอทะเลาะกับตัวเองก่อน  เอาไง ไปไม่ไป  เลือกอะไรดีหว่า...  ก็ลองพาๆไปก้ได้มั้ง  ไม่น่าจะเป็น...
“เฮ้ย! ไม่พาไป ผมกลับล่ะนะ ขอบคุณที่เลี้ยง”ผมสะดุ้งเฮือก  แหงะ...  ขอเวลาคิดก็ไม่ได้... เชอะๆ...
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ  เฮียๆ เก็บตังๆ  ด่วนเลยเฮีย  ผมรีบ”ผมคว้าแขนของอีกคนเอาไว้ โห! โคตรนิ่มอ่ะ 
“ทั้งหมด70บาท  แต่แฟนลื้อน่ารักอั๊วลดให้เหลือ50พอ...”เอิ่มๆ... 
“อ่ะเฮีย  แต๊งค์กิ้วมาก  ไปล่ะเฮีย  ข้าวอร่อยดี  คราวหน้าจะแวะมาใหม่นะเฮีย”ผมตะโกนไล่หลังก่อนจะรีบเดินมาขึ้นมอไซค์  โดนทักว่าเป็นแฟนกับเขาน่ะเหรอ...  กลัวจะโดนเขาเตะกลับมาน่ะสิถ้าได้ยินเข้าล่ะก็...
“ถูกไปเยอะเลยสินะ...  ปกติผมก็ใช้วิธีนี้เดินทางหรือหาของกินอยู่แล้วล่ะ”พูดกลับมาเสียงนิ่ง... ตกลงคือเมื่อกี้ได้ยินใช่ป่ะ... 
“แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่ลงมากินเอง ถ้ารู้ว่าฟรีน่ะ”ผมถาม  เอาจริงคือสงสัยมาก...
“ก็เดินไปไกลแล้ว  ขี้เกียจเดินกลับมาเอง  แล้วนายก็ผ่านมาพอดี”เขาตอบเหมือนไม่สำคัญอะไร  นี่หมอนี้ไปกับคนอื่นเขาทั่วเลยเรอะ!
“งั้นถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่ผม  คุณก็จะไปงั้นสิ”ผมถาม...  พยายามขับให้ช้าลงไม่งั้นลมตีไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง  เขาเอาปากเข้ามาใกล้ๆหูผมก่อนจะตอบ
“อือ... ไปสิ”
“นี้คุณไม่กลัวโดนจับไปขายหรือปล้นบ้างเหรอ...”ผมถามด้วยความเป็นห่วง...  ดูเขาไม่สนใจใคร  ทำตัวมึนและอึนขนาดนี้  ผมก็เป็นห่วงนะ...
“ไม่หรอก...  ผมไม่เคยโดน”
“แล้วมันไม่มีสิทธิ์โดนรึไงเล่า!”เอี๊ยด! ยิ่งฟังยิ่งปรี๊ด...  คนอะไรสวยซะเปล่าไม่สนใจตัวเองเลย...  ผมเบรกรถก่อนจะหันไปขอโทรศัพท์จากคนด้านหลังมาเมมเบอร์ตัวเองเอาไว้...
“นี้เบอร์ผม...  คราวหน้าจะไปไหนโทรมาหาผม  เดี๋ยวผมพาไปเอง...  เบอร์อยู่บนสุดที่เพิ่งกดโทรออกไป...  อย่าลืมเมมล่ะ”ผมบอกก่อนจะออกตัวอีกครั้ง  ไม่นานเราก็มาถึงสถานที่สำคัญของผม...
สถานที่ตรงหน้าของผมยังเหมือนเคย...  ป่าที่เพิ่งผลัดใบ  ใบไม้สีน้ำตาลแห้งโรยร่วงลงสู่พื้นดินอันเป็นที่เกิดและที่อาศัยสุดท้ายของมัน...  ผมคว้ากล้องขึ้นสะพายก่อนจะเดินไปกลางที่ตรงนั้น... มีต้นไม้แห้งๆรายล้อมอยู่รอบข้าง...  ผมนอนลงกับพื้นก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาแนบดวงตา...
แชะ...
“อ้าว คุณ...  ถ่ายรูปสิ...  ที่แบบนี้...  คุณถ่ายไม่ได้งั้นเหรอ”ผมแกล้งพูดกระแทกเสียงนิดๆ  เขาทำหน้าไม่พอใจ ก่อนจะคว่ำหน้าลงนอนกับพื้น  หันเล็งมุมกล้องซ้ายขวาอยู่สักพักแล้วถ่ายภาพออกมา...  ผมหันไปมองเขาแล้วเขาก็ส่งกล้องของเขามาให้ผม
“เอาของนายมาด้วยสิ...”เขาแบมือรอกล้องของผมซึ่งผมก็ส่งให้แต่โดยดีก่อนจะรับกล้องของเขามาดูภาพที่เขาถ่ายเมื่อครู่...
“หืม...  มุมมองเจ๋ง...”ผมเอ่ยชมอย่างอดไม่ได้...  โฟกัสภาพที่ใบไม้แห้งแล้วเบลอต้นไม้ด้านหลัง  ให้บรรยากาศเหงาๆอย่างบอกไม่ถูก  เอารวมๆคือมันสวยอ่ะครับ  ว่าแล้วว่าเขาต้องฝีมือไม่ธรรมดา...   
“ก็ธรรมดา...  ของนายก็สวยดี”เขากลิ้งตัวมานอนหงายอยู่ข้างผม... ถามว่าสกปรกมั๊ย  ตอบทันทีเลยว่า... สกปรกครับ! ก็แหม... กลิ้งไปกลิ้งมา  ดินกับใบไม้แห้งทั้งนั้น  ก็ฝุ่นสิครับ เต็มตัวเลย...
“ผมถามจริงๆเถอะ...  อะไรคือข้อจำกัดของนายน่ะ...”เขาเอียงคอมาถามผม...  ข้อจำกัดเหรอ...  อืม....
“ผมอยากบินได้เหมือนนก...”ผมเห็นเขาหัวเราะนะ...  ข้อจำกัดของผมมันตลกมาเหรอ...  ใครๆก็บินไม่ได้ทั้งนั้นแหละ...
“ข้อจำกัดของคุณ...  ถ้าผมทำให้ดูแล้ว... เลิกถ่ายภาพเศร้าๆซักทีนะ”เขายิ้มแล้วลุกขึ้นปัดกางเกง  ก่อนที่ผมจะทันทำอะไร  เขาก็คว้ากิ่งไม้ใหญ่แล้วปีนขึ้นไปเรื่อยๆ  จนสูงอยู่ในระดับหนึ่ง...
“ผมจะบินเหมือนนกแล้วนะ...”เขายิ้ม...  ยิ้มแล้วก็หัวเราะไปพร้อมๆกัน  ก่อนจะตั้งท่ากระโดดลงมา 
“หนึ่ง...”เขาย่อตัวลงและยึดตัวเอาไว้กับกิ่งไม้ด้านข้าง
“สอง...”เขาเตรียมตัวจะกระโดด พร้อมๆกับที่ผมก้าวเท้าออกไปข้างหน้า
“ซั่ม!!”ร่างของเขาลอยลงมาจากต้นไม้... แน่นอนว่าเขาไม่ได้บินหรอก  เขากำลังตกลงมา...  ผมถลาเขาไปรับก่อนที่เราทั้งคู่จะกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ
“เฮ้คุณ! มันอันตรายนะ... ลงผิดท่านี้แขนขาหัก หรือตายเลยนะคุณ...  คนเราบินได้ที่ไหน  คิดบ้างสิ”ผมว่าเบาๆ...  ส่วนเขายังกอดผมไว้แน่น  ตัวเขาทับอยู่บนตัวผม  มันเบามากจนผมชักสงสัยว่าเขากินอะไรเข้าไปในวันๆหนึ่ง
“ได้สิ!”เขาเถียงขึ้นมาทันควัน
“เมื่อกี้ผมบินอยู่... ถึงจะไม่กี่วิ  แต่ผมก็ลอยอยู่บนอากาศโดยที่ไม่มีอะไรรองรับ...  ผมบินได้  เข้าใจรึยัง”เขาเถียงกลับมาทำเอาผมหัวเราะในมุมมองความคิดของเขา  ใช่! ผมลืมไปได้ไงนะ...  แค่ไม่กี่วิที่เท้าผมลอยจากพื้น  ผมก็บินอยู่ในอากาศแล้วนี้หน่า...  ผมมองหน้าเขาก่อนที่ตาของเราจะสบกัน  และผมเพิ่งสังเกตว่าดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลอ่อน...  สวยชะมัดเลย...
“ถ่ายรูปกัน”เขาชวน  ทำให้ผมสะดุ้งและผละออกจากเขา...  ผมยิ้มและเขาก็ยิ้มตอบกลับมา  เราสองคนสะพายกล้องคนละตัว  ก่อนที่ผมจะขี่มอไซค์ไปบริเวณที่มีวิวสวยกว่านี้...
“ตรงนี้ดีกว่า  คนเงียบแล้ววิวก็สวยด้วย”ผมเอ่ยบอก  เขาลงจากมอไซค์ก่อนจะถอดหมวกกันน็อคส่งคืนให้ผม...  ผมจัดการล็อคคอรถก่อนจะสะพายกล้องเดินตามมา...  ตรงหน้าของผมคือเด็กผู้ชายที่กำลังยกกล้องส่องไปมาอย่างกระตือรือร้น  และอ่านความหมายของภาพได้อย่างเฉียบขาด...  ผมยกกล้องขึ้นมาแนบดวงตาอีกครั้ง... และในเลนส์นี้...  ผมเห็นคนที่น่ารักที่สุดในสายตาของผม...
ตอนนี้ภาพในกล้องผมเต็มไปด้วยคนที่มาพร้อมกับผม...  ไม่รู้เมื่อไรที่ในภาพจะมีคนๆนี้ติดมาด้วยเสมอ  ไม่มุมซ้ายก็มุมขวาของรูป  บางภาพกลับเป็นเขานั่นแหละ  ที่เป็นจุดโฟกัสของภาพ...   ผมขับมอไซค์กลับมาถึงที่พัก โดยทึ่เขายังขอตามมาด้วยเหมือนเดิม ซึ่งคราวนี้ผมรีบตอบตกลงทันที...
เราไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางก่อนจะพากันไปที่วัดที่อยู่ใกล้ๆที่พัก...  ก่อนจะไปเดินเลียบริมแม่น้ำ... 
“เออ...  นายชื่ออะไรน่ะ  ผมลืมถามไปเลย”ผมถามเมื่อนึกได้  อยู่ทั้งวันได้โดยไม่เรียกชื่อกันซะงั้น  ทำไปได้เนอะ!
“เดาดูสิ...  สิ่งที่คุณชอบที่สุดน่ะ”เขาหัวเราะพร้อมกับตอบกลับมา  นี้จะเล่นคำถามอะไรเอ่ยกับผมเหรอ...  คนยิ่งโง่ๆอยู่ 
“งั้นผมไม่รู้ล่ะ  ชีวิตผมชอบอะไรเยอะแยะไปหมด  ใครจะไปจำได้เล่า!”ผมโวยกลับบ้าง...  เขายิ้มๆแล้วแย่งกล้องผมไปเลื่อนดูภาพที่ถ่ายมาเมื่อเย็น...
“เยอะแยะเลย...  อย่าบอกนะว่าอีกไม่นานก็จะลืมผมเหมือนกันน่ะ”เขาท้วงเบาๆ  ผมยิ้มกับการกระทำของเขาก่อนจะดึงกล้องกลับคืนมา
“ใครจะไปลืมล่ะ  รูปเต็มกล้องซะขนาดนี้ เออใช่!”ผมอุทานทันทีที่เห็นของที่อยู่ในมือ  สิ่งที่ผมชอบ  ที่ชอบที่สุดเหรอ...
“คุณคือกล้องงั้นสิ!”เขาหัวเราะแล้วพยักหน้ากับการตอบของผม...
“ชื่อแปลกจังเลยนะ  แล้วนายอายุเท่าไรเนี่ย”ผมยังซักต่อ....  เขาชูนิ้วชี้และนิ้วกลางก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง...
“เด็กกว่าผมสามปี...  แล้วกล้องทำงานอะไร”พอรู้ว่ากล้องเด็กกว่าผมก็คุยด้วยสบายกว่าเดิม...
“ช่างภาพอิสระ  เหมือนคุณน่ะแหละ...”ผมยิ้ม  เจอคนอาชีพเดียวกัน...  คุยกันถูกคอสินะ...
“เรียกผมว่าฟิลม์ก็ได้...  กฤตนัย  อรุณจันทิรา”ผมบอกชื่อเล่นตัวเองไป...  แล้วก็ชื่อในวงการที่ผมใช้อยู่บ่อยๆ
“อ่อ...  กฤตนัย  ผมก็ว่าอยู่ว่าภาพคุณผมคุ้นๆแนวที่ไหน...  ช่างภาพของนิตยสารท่องทั่วถิ่นสินะ...  ผมชอบดูภาพของคุณบ่อยๆ  มันสวยแล้วก็สื่อความหมายได้ดีมากเลย”เขาชม... แหม ดีใจจังมีคนจำชื่อผมได้ด้วยเนี่ย...
“ครับ  ขอบคุณมาก...  แล้วกล้องล่ะ  ถ่ายให้หนังสืออะไรบ้างรึเปล่า...”ผมถามกลับ  ตอนนี้เรากำลังเดินกลับที่พักหลังจากที่เที่ยวมาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ...
“ผมไม่ค่อยได้ถ่ายเท่าไรหรอก...  ส่วนชื่อผมใช้ว่า In Camera น่ะครับ”ผมพยักหน้ารับทราบ  ชื่อคุ้นๆแฮะ  อาจจะเคยเห็นสักทีล่ะมั้ง...
“เดี๋ยวถึงห้องแล้วกล้องอาบน้ำก่อนเลยนะ  พี่ขอเช็ครูปก่อน  แล้วเราเตรียมชุดมมาเปลี่ยนบ้างรึเปล่า”
“ฮึ!  เปล่าอ่ะ...  แค่คิดว่าจะมาก็หยิบกล้องแล้วก็ออกมาเลยน่ะ  เลยไม่ได้หยิบทั้งเงินทั้งเสื้อผ้าเลยสักอย่าง  เงินที่มีติดตัวก็ใช้เกลี้ยงแล้วด้วย”เขาหัวเราะ...  ซึ่งผมก็ว่ามันก็เป็นอะไรที่สนุกดี...
“ดูกล้องมีอิสระดีนะ... อยากทำอะไรก็ทำ...  แต่อยู่ๆจะไปขึ้นรถคนโน่นคนนี้ตลอดน่ะ  มันไม่ดีนะรู้มั๊ย... เกิดเขาฆ่าเราขึ้นมา ตัวแค่นี้จะไปสู้ใครได้ หืม... ไอ้เด็กน้อย”ผมยีหัวกล้องเล่นๆเพราะเขาสูงน้อยกว่าผมเกือบ8เซนต์  จะว่าไปอยู่กับเจ้านี่ก็สนุกดีแฮะ...
“เอ้า!... ไปอาบน้ำก่อน  เสื้อผ้าเดี๋ยวพี่เอาของพี่ให้เรายืมก่อนก็ได้...  ผ้าขนหนูใช้ของที่พักเลย  พี่พกของพี่มา”ผมไล่เด็กน้อยไปอาบน้ำก่อนจะหยิบนิตยสารต่างประเทศมาอ่านฆ่าเวลา...  ระหว่างรออีกฝ่าย... ผมพลิกไปพลิกมา  นิตยสารนี้ผมอ่านมากี่สิบรอบแล้วก้ไม่รู้...  จริงๆคือผมถูกใจภาพๆหนึ่งในนิตยสารเล่มนี้น่ะ...  มันให้ความรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็ท้าทาย  ดูโลดโผนดี  เหมือนใครบางคนไม่มีผิด...
‘In Camera’
ผมหันกลับมามองตัวอักษรที่ผ่านหน้าผมไปแทบไม่ทัน...  ชื่อเจ้าของรูปภาพที่ผมดูไปหลายสิบรอบ...  In Camera  นี้มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย....  ผมช็อคอ่ะครับ  ช็อคมากด้วย!
ผมนั่งรอคนตัวเล็กที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ...  ไม่นานประตูห้องน้ำก็เปิดประตูออกมา... ผมยิ้มก่อนจะชูนิตยสารขึ้นมา
“กล้อง... รู้มั๊ยนี้อะไร...”ผมเห็นเขาเหลือบมามอง  แต่กล้องในชุดนอนตัวโคร่งของผมนี่เซ็กซี่ชะมัดเลยแฮะ...
“นิตยสารไงครับ  ของต่างประเทศด้วย”เขาตอบเฉยๆเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ  ผมเดินไปคว้าตัวเขาเข้ามานั่งตัก  เปิดหนังสือไปหน้าที่ผมคั่นไว้...
“All Time London  นิตยสารอันดับหนึ่งของอังกฤษ   เล่มนี้เป็นฉบับเมื่อสองปีที่แล้ว...  รูปนี้  พี่ชอบมาก  คนถ่ายคือ In Camera คงไม่ลืมที่เราพูดไปใช่มั๊ย  หืม...  เก่งไปมั๊ยครับเนี่ย อายุ21 ก็ได้ถ่ายรูปให้นิตยสารอันดับหนึ่งของอังกฤษซะแล้วเนี่ย”ผมซุกริมฝีปากลงบนซอกคอคนตรงหน้า  สบู่อะไรเนี่ย หอมชะมัดเลย...
“จั๊กจี้หน่า...  ก็ตอนนั้นหางานพิเศษทำ  แล้วคุณอลันเขาก็มาพอดี  พอเห็นผมถ่ายภาพเขาเลยให้ช่วยถ่ายภาพเมืองไทยให้สักชุดน่ะ  โชคดีที่เขาชอบ  เลยได้ตังค์กินขนมเยอะเลย  หลังๆพอมีงานถ่ายภาพที่ไทย  เขาก็จะเมลล์มาบอกตลอด... ก็เลยรับทำให้ตลอดอ่ะ”
“ดูภาพจากกล้องพี่แล้ว... รู้อะไรบางรึเปล่าหืม...”ผมว่านิตยสารลงก่อนจะรวบตัวคนบนตักให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม...
“ไม่รู้เลยมั้ง ถึงยอมให้กอดอยู่เนี่ย  อนุบาลสามยังคิดออกเลย  หึหึ...”หัวเราะตบท้ายให้ผมหน้าแดงเล่นๆ...
“แล้ว... คำตอบอ่ะ...”ผมแกล้งถามไปงั้น  แต่อีกฝ่ายกลับปลดมือผมออกแล้วเดินไปหยิบกล้องเอามาให้ผมดู...
“อะไรครับเนี่ย”ผมเปิดแล้วไล่ดูภาพเรื่อยๆ  เกือบทุกภาพ... มีผมติดเฟรมอยู่เหมือนกัน...  ทำไมน่ารักแบบนี้น้า... 
“พี่อยากได้ยินคำพูดน่ะ... ตอบให้ชื่นใจได้มั๊ยครับน้องกล้อง...”ผมยิ้มแล้วดึงตัวอีกฝ่ายให้ล้มลงนอนข้างๆผม
“งั้นพี่ก็พูดมาก่อนสิ... พี่ยังไม่พูดเลยนะ...”
“ฮะๆ... โอเคๆ... ฟังดีๆนะครับ”ผมกระชับตัวคนในอ้อมกอดมากขึ้นก่อนจะกระซิบอะไรเบาๆที่ข้างหู...
“เป็นแฟนกับพี่นะครับ  เด็กดี”พูดเองก็เขินเองแฮะ... ผมถอยออกมาเพื่อรอฟังคำตอบจากอีกคนที่ตอนนี้ก้มหน้างุด  น่ารักน่าฟัดเกินไปแล้วนะ...
“ครับ...  ตกลงครับ”เขาก้มหน้าหลบสายตาผมใหญ่  แต่เอิ่ม...  อะไรดันขาผมอยู่...
“เอื๊อก...!”นั่นสิ... ลืมไป...  พ่อผมให้มาน้อยกว่าเขานี้หว่า...  อ๊าก...  แล้วผมจะกล้าจับเขาได้ไงเนี่ย... อายว่ะครับ  ด้อยกว่าฝ่ายรับนี้มันโคตรเสียหน้าเลยนะสำหรับผมอ่ะ  พ่อ...  ผมโกรธพ่อแล้ววววว....  ฮืออออออออออออ.......... 


                                                                         [จบจ๋าจ๊ะ!^^]
-
-
-
-
-

หายไปหนึ่งเดือนพอดีเป๊ะ! กลับมาพร้อมกล้องๆและรูปถ่าย  เพราะช่วงนี้บ้ากล้องมาก ตะลอนๆถ่ายรูปตลอดดดดด...   รอบนี้ก็มาในธีมความรักง่ายๆที่เกิดขึ้นได้ผ่านเลนส์กล้อง... ที่อัพวันนี้เพราะเป็นวันฤกษ์ดี วันเกิดโคนัน(ครบ16ขวบแล้ววว) ก็ยังอายุ6ขวบเท่าเดิม ป.1เท่าเดิม...  และก็ยังตามอ่านเหมือนเดิม  ฮาๆ... 

ปล.ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเข้ามา+1และเข้ามาเม้นท์ให้นะครับ ^^ :mew2: 

 :z13: :z13: :z13: //จิ้มนักเขียนได้นะถ้าอยากอ่านอีก  ตอนพิเศษจะดูตามกระแสตอบรับนะครับ เรื่องไหนดีจะเขียนตอนพิเศษเพิ่มให้...  แฮะๆ ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [In Camera คุณครับ รักนะ...] (4/5/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 10-05-2013 18:43:40
อั๊ก!! ตกไปหลายหน้าเลยเทียว  แอบมาดันเบาๆ//ย่องหนี
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [In Camera คุณครับ รักนะ...] (4/5/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Der Adler ที่ 12-07-2013 20:26:17
ชอบทุกเรื่องเลยอ่ะ o13 o13

โดยเฉพาะสักกะนัท  :hao7: :hao7:  น่ารักมากมายอ่ะ :ling1: :katai5:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [In Camera คุณครับ รักนะ...] (4/5/56)
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 12-07-2013 22:11:12
ชอบกล้องจัง :o8:
ว่าแต่ ด้อยกว่าฝ่ายรับ อิๆ :z1:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(พิเศษ2)](4/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 04-10-2013 02:49:55
ปล้ำลิงก่อนอ่าน...  อย่าลืม+1นะฮับ :mew3:                                                         


                                                    ผมเป็นคนบ้า...  แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
                                                                   ตอน...  บ้าก็รัก(ว่ะ)ครับ

   อยู่ไหนวะ....  โว้ยยยย!! อย่าให้เจอนะ  พ่อจับขังลืมปล้ำแม่งทั้งวันทั้งคืนเลยให้ตายสิ...  จะกี่ปีกี่ปีก็เหมือนเดิม...  หนีเก่งยังไงก็ยังงั้น...   เฮ้อ....  กะอีกแค่ทำงานหนักจนลืมเวลากลับบ้านแค่สี่สิบนาที นี้มันถึงกับต้องหนีออกจากบ้านเลยรึไงวะ....  อ่อ...  นึกออกแล้ว... ที่สุดท้าย...  ถ้าไม่เจอนะแม่ง...กูโดนงอนไปตลอดชีวิตแน่ๆ 
   “มาหาใครคะคุณ”แม่บ้านคนหนึ่งเดินออกมาถามหลังจากที่ผมกดออดไปได้สักสามสี่ครั้ง...
   “ผมมาหานัทครับ...  เขาอยู่รึเปล่าครับคุณป้า”ผมเอ่ยถาม...  เอาวะ... ความหวังสุดท้าย  ตามหามาวันครึ่งแล้ว...  อดหลับอดนอนมาจนเกือบขับมาไม่ถึงที่นี่ด้วยซ้ำ
   “อ่อ...  คุณนัทใช่มั๊ยคะ...  อยู่ค่ะ... เชิญเข้ามาเลยค่ะ”คุณป้าคนนั้นเชิญผมเข้าบ้าน...  ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปแบบไม่เกรงใจใคร...  มารับเมียเว้ย! ใครกล้าขวางพ่อเตะไส้ปลิ้น...  อ่อ  ผมบอกไปรึยัง... ผมเป็นมาเฟีย... แบบ  เป็นแทน ‘เมีย’ น่ะ  หึหึหึ
   “ชักช้า!!!”มาแล้วครับ...  เสียงทักทายที่ได้ยินมาตลอด20ปีที่ผ่านมา... 
   “โอ๋ๆ...  ขอโทษครับ ขอโทษ...  ผมไม่คิดว่าอิมจะมาที่นี่นี้หน่า...  มารับแล้ว... กลับกันเถอะนะครับ”ผมยิ้ม...  อ้อนแบบสุดๆอ่ะครับ  อ้อนไม่หายนี่ผมคงไม่ได้นอนแน่ๆ  แค่ไปเคลียร์งานนี้ก็โคตรเพลียแล้วนะครับ  กะจะกลับมากอดเมียให้หายเหนื่อย...  เมียก็นอยด์ทำบ้าอีกซะล่ะ
   “บอกว่าไม่ให้กลับบ้านเกินกี่โมง...”เสียงแข็งครับ....  ผมปรี่เข้าไปนั่งกอดข้างๆ... 
   “ไม่เกินหนึ่งทุ่มครับ...  เลทได้ไม่เกินสิบห้านาที  มากกว่านั้นต้องโทรบอก...  แต่ว่า... ตอนนั้นพ่ออิมเรียกตัวเข้าไปหาด่วน  เลยไม่มีโอกาสโทรบอกนี่...  พอเสร็จก็รีบกลับเลยนะครับ  โอ๋ๆ”ครับผม...  เมียผมอัพเกรดจากหนีไปเป็นคนบ้า...  ตอนนี้ท่านเจ้าประคุณอัพเกรดเป็นหนีมาเป็นคุณนายที่บ้านเพื่อนสนิทแทน...
   “เหรอ...  งั้นก็ไปเอาพ่อผมเป็นเมียสิ...  ลืมไปแล้วเหรอไงว่าผมบ้า...  แล้วคนบ้าก็อารมณ์ไม่คงที่น่ะ”ผมมองอีกฝ่ายที่ทำหน้าเบ้น้ำตาคลอ...  โอ๊ย...  เห็นแล้วอยากจับขึงพรืดอยู่ในห้องด้วยกันสักสี่ห้าวันสี่ห้าคืนจริงๆเลย  ให้ตายสิ...  เกิดมาเพื่อยั่วกันชัดๆแบบนี้
   “ขอโทษครับ...  คนดีไม่เอาน้า....  ผมยังไม่ได้นอนเลย  หายงอนนะครับ   โอ๋ๆ”ผมรีบอ้อน...  มันเบ้ปากแล้วพยักหน้าหนึ่งที...
   “ครั้งสุดท้ายแล้วนะสัก...  ต่อไปผมจะไม่ทน...”เหย้ดดดด.....  เมียที่น่ารักยอมคืนดีแล้วเว้ยยยยย   ผมแทนจะอุ้มมันออกไปขึ้นรถ...  ง่วงจะตายแล้วครับไม่ใช่อะไร...  กลัวพาเมียที่รักไปไม่ถึงบ้าน แต่จะไปสอยเสาไฟฟ้าแถวบ้านเอาแทน... 
   “ผมบ้านะ...  สักรักคนบ้าจริงๆเหรอ...”ทุกครั้งที่มันหนีผมไป  ประโยคนี้ก็กลับมาทุกครั้งสิหน่า...
   “อิมครับ...  ผมบอกอิมไปทุกครั้งที่อิมหนีไป...  ซึ่งมันเกือบจะพันครั้งแล้วนะในรอบยี่สิบสองปีที่เราอยู่ด้วยกันน่ะ   ว่าไม่ว่าอิมจะบ้าแค่ไหนยังไง  ผมก็จะบ้าอย่างเดียว...  บ้ารักอิมไงครับ”ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะทั้งประโยค...  เมียที่รักของผมนี่แทบจะหนีออกจากบ้านวันเว้นวัน...  ทั้งผมทำผิดสัญญาบ้าง...  หรือไม่เคารพเมียบ้าง... ดีไม่ดี  ท่านเจ้าประคุณหนีออกไปเพราะบอกว่าเบื่ออากาศในบ้าน...  เอากะท่านสิครับ!  เมียใครไม่รู้...  เจ๋งจริงๆ  แต่ยังไงก็น่ารักที่สุดอยู่ดี
   เราสองคนกลับมาถึงบ้านในเวลาเพียงยี่สิบนาที  ซึ่งนั้นเป็นเวลาที่ยาวนานมากสำหรับคนไม่ได้นอนมาร่วมสองวันอย่างผม...  เกือบสอยเสาไฟไปหลายรอบล่ะครับ...  ผมอุ้มที่รักที่หลับไปเรียบร้อยแล้วเข้าไปในบ้าน...  บ้านที่ผมสร้างไว้ให้แฟนของผมคนเดียวโดยเฉพาะจากน้ำพักน้ำแรงของผม.... 
   “ฮึบ!  นอนดีๆครับอิม...”ผมดันตัวที่รักของผมให้นอนดีดี  ก่อนที่ผมจะเดินไปนอนอีกฝ่ายแล้วดึงตัวอีกฝ่ายมากอดหลวมๆ... 
   “ฝันดีครับคนบ้าของผม...”

   [ Nut talk]

   ครับ...  ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกสักพัก...  หลายคนคงลืมผมไปแล้ว...  ผม อิม  นัทหรือไอ้บ้า...  แล้วแต่จะเรียกเลยครับ...  ผมมองคาง... ก็ผมเห็นแค่ตรงคางอ่ะ  ใครจะทำไม บู่ว์! คางของคนที่กอดผมเอาไว้...  ผมรักมันมาก...  มากจนไม่อยากให้ใครมาแย่งความสนใจของมันไปจากผม...  บอกแล้วไงครับ...  คนบ้าอารมณ์แปรปรวนง่าย...  และตอนนี้มันก็แปรปรวนมากซะด้วย...  แปรเป็นตัวอักษรคำว่ารักเลยล่ะครับ  อ้วก...(ใครต้องการกระโถนไปซื้อเองนะครับ  ผมมีหน้าที่แค่พูดประโยคเสี่ยวๆนี่  ฮาๆๆ)
   “รักมึงนะสัก...”ผมเงยหน้าไปจุ๊บคางสากๆของมัน...  ก่อนจะขยับตัวเบาๆออกจากอ้อมกอดของมัน...  ตอนนี้ผมยังไม่ง่วง...  ก็ทั้งวันที่ผมไปอยู่บ้านไอ้พรตกับไอ้ต๊อก...  สองผัวเมียที่สมัครสมานรักใคร่กลมเกลียวจนหนีไปฮันนีมูนที่....  อะไรใครบอกมัลดีฟ...  ม่ายยยยยยย...  คุณๆกำลังเข้าผิดอย่างแรงส์...  พวกมันไปอินเดียต่างหาก...  มันอยากไปเที่ยวที่แม่น้ำคงคา...  จะว่าไป...  มีอะไรกันที่ริมแม่น้ำคงสนุกพิลึก...  ว่างๆคงต้องชวนไอ้เจ้าพ่อมาเฟียคนนี้ไปหน่อยแล้ว...  นี่ผมไม่ได้ทะลึ่งนะ... จริงจริ๊งงงงงงง....
   ผมเดินไปหน้าบ้าน...  รูปตอนที่สักรับปริญญายังแปะอยู่...  มันอยู่ตรงนี้มาหลายปีเหลือเกิน...  นี่ผมเลวไปรึเปล่า...  ทำนายแพทย์ดีๆหายไปจากสังคมหนึ่งคนน่ะ...   แน่สิ...  ก็มันบอกกับพ่อผมเองว่าจะเอาแก๊งค์ไปดูแลต่อ...  ซึ่งนั่นก็ควรอยู่ที่พ่อเอาผมมาแลกกับการทำงานของมัน...  เอาเหอะ...  ผมเดินไปที่ระเบียงหน้าบ้าน...  สมุดบันทึกเล่มเล็กๆที่ผมพกไว้ติดตัวเสมอ...

   ‘วันอังคาร... 
   สักตามตัวเจออีกแล้ว...  เหมือนเล่นซ่อนแอบเลย...  ขอบคุณนะที่ตามหาเจอทุกครั้ง...  ยังรักเสมอนะ...’

   สั้นๆครับ...  ผมจดเอาไว้ตั้งแค่แรกๆที่เราเจอกัน  ตอนแรกมันมีหลายเล่มนะ...  ผมจดมายี่สิบกว่าปีนี่หน่า...  ตอนนี้แพคได้เป็นลังอ่ะครับ  ขนาดจดสั้นๆนะ...  ผมเก็บสมุดแล้วล้มตัวลงนอนบนพื้น...  ไอ้หมา...  อ่อ...  ผมเบื่อเลยไปเก็บหมาแถวๆที่ผมเคยอยู่มาหนึ่งตัว  เป็นเพื่อนสนิทผมเองชื่อไอ้หมา...  ผมตั้งเอง...  น่ารักมั๊ย...  มันเป็นหมาพันธุ์ไหนไม่รู้เพราะคิดว่าผสมมาเยอะจนดูพันธุ์ ไม่ออก  แต่มันน่ารักในสายตาคนบ้าอย่างผมแล้วกัน...  ไอ้หมามันนอนมาเลียหน้าผมแล้วนอนเอาหัวเกยบนอกผม...  น่ารักดีครับ  หนักดีด้วย ฮาๆ
   “ไอ้หมา...  แกคิดว่าคนๆหนึ่งจะรักกันได้นานเท่าไรวะ...  แต่อย่างแกคงต้องเป็นหมาตัวหนึ่งสินะ  โทษที...  ฉันลืมน่ะ”ผมลูบหัวมันแล้วเงยหน้ามองดวงดาว  ถามว่าเห็นมั๊ย...  ก็ไม่เห็นแหละ  แล้วผมจะนอนทำไม...  มันเป็นฟีลลิ่ง  คนไม่บ้าอย่าถามมากได้มั๊ย  คนบ้าขี้เกียจตอบนะ
   “โฮ่ง!”โห...  มีพัฒนาเห่าตอบซะด้วย  เจ๋งๆ 
   “แล้วคนเราจะรักคนที่บ้าจริงๆเหรอ...”
   “โฮ่งๆ!”
   “บางทีฉันก็แค่อยากทำตัวให้มันสนใจบ้าง”
   “โฮ่งๆๆ!!!”
   “ประโยคบอกเล่าไม่ต้องตอบก็ได้ไอ้หมา!”ผมหันไปทำตาดุดุใส่มันก่อนจะลุกขึ้นนั่ง...  แล้วลูบหัวมันเบาๆ...  ผมรักหมา  แล้วผมก็รักทุกที่อยู่ใกล้หมา...  ใช่...  ผมรักตัวเอง... จะว่างั้นก็ได้... 
   “ดึกแล้วแม่งนอยด์สลัดผักเลยว่ะไอ้หมา...  ฉันไปนอนแล้วนะ...  บาย...  มาจุ๊บทีดิ๊...”ผมก้มไปหอมหน้าผากของไอ้หมาก่อนจะโบกมือลา...
   “ฝันดี  เจอกันพรุ่งนี้เว้ย!  ฉันรักแก  ไอ้หมาเพื่อนรัก”ผมเดินเข้าบ้าน  ไปที่ที่นอนที่เดิมก่อนจะก้มลงหอมแก้มคนตัวโต...
   “ฝันดีครับ... ที่รักของผม”ผมยิ้ม...  ให้กับใครอีกคนที่ยังไม่ตื่นมารับรู้แล้วสอดตัวเข้าไปใกล้ความอบอุ่นนั่น... 

   หนึ่งทุ่มแล้วครับ...  ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่เข็มยาวชี้ไปที่เลขสอง...  กลับข้าอีกแล้ว...  ผมมองนาฬิกาสลับกับมองประตูบ้าน... ไม่เปิด...  ยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะกลับมา...  ไหนๆ...  ใครบอกผมไว้วะว่าจะโทรมาบอกก่อนน่ะ  โฮ๊ย!!!  อารมรืเสีย...  คนบ้าเซ็งครับ  แม่ง!! เซ็งเว้ย!  ผมเดินปึงปังขึ้นบนบ้าน...  หยิบกระเป๋า ไม่สิ! ถุงเก่าๆใบหนึ่ง...  ยัดเสื้อผ้าขาดๆที่ผมชอบไว้สองสามชุด  เดินลงมา  หยิบอาหารหมามาเทให้ไอ้หมาประมาณหนึ่ง...  แล้วเดินออกจากบ้าน...  แม่ง! งอน!!!!!!
   “น้องสาววววว...  ไปกับเพ่ม๊ายยยยย”เชี่ย... คนเมา  ผมเดินเลี่ยงมันออกมา  ไอ้แก่อายุเกือบ50นี่มัน...  จะด่ามันว่าแก่ดีมั๊ย...  ผมก็สี่สิบนิดๆแล้ว...  เหอะๆ  แต่หน้าตาเหมือนสามสิบต้นๆนะครับ ขอโทษ  ชิ!
   “ผมบ้า...  อย่ามาใกล้นะไอ้สัด!”สักดอกแล้วผมก็รีบเดินห่างมันไปเร็วๆ   ใครจะไม่กลัวครับ...  ตัวคนเดียวนะ  ผมเดินมาถึงสะพานลอยที่โปรด...  วางกองเสื้อผ้า  หยิบกระป๋องมาม่าที่เพิ่งคุยขยะมาได้วางไว้หน้าตัวก่อนจะทำเป็นนั่งขุดคู้อยู่กับที่  ไม่นานก็มีคนเอาตังค์มาหยอกให้สิบยาท  เฮ๊ะ!  มีตังค์ซื้อน้ำล่ะๆ  ดีใจจุงเบยยยย...
   “อ่า...  งุงิงุงิง”ผมฮึมฮัมอะไรไปเรื่อยเปื่อยพร้อมๆกับสิ่งที่โปรดปราน...  หนังสือสักเล่ม  แน่นอน...  มันต้องเป็นหนังสือการ์ตูนน่ะสิ...   อย่าแปลกใจ  ซีไรต์ปีนี้ผมเพิ่งอ่านจบหมดไปเมื่อตอนหนีไปครั้งล่าสุดนี่เอง  ฮาๆ
   “ไอ้หนู...  แถวนี้มันถิ่นฉัน  แกมานั่งอะไรแถวนี้  ถอยไป!  เด็กฉันจะมานั่ง”ไอ้เถื่อนนนนนนน...  ผมทำหน้าเศร้าแล้วเกาะเสาสะพานแน่น
   “ฮึก...ฮือ....  ใครอ่ะ...  ใครๆ...  ไม่เอา  ไม่ไป...  ฮือออออ”ครับผม  มุขประจำ  ผมร้องไห้จ้า...  ให้คนรอบๆหันมามอง  มันทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอก่อนจะกระชากแขนผมออกจากราวเหล็ก...
   “ไม่อยากตายก็ไป ไป๊!”มันผลักผมจนเซ...  ไอ้โหดดดด   ผมคว้าถ้วยมาม่าก่อนจะทำเป็นเซตุปัดตุเป๋ไปลงบันได...  เรื่องมันเศร้า  ผมโดนแย่งที่!! แล้วคืนนี้ผมจะนอนที่ไหนวะครับ  กระซิกๆ 
   ผมเดินไปเรื่อยๆจนถึงที่ๆหนึ่งใต้เสาไฟฟ้า... แหม...  ที่ประจำโคตรดีเลยให้ตายสิ...  ผมนั่งงอขาแล้วโยกตัวไปมา...  ทำไมกูต้องเล่นท่ายาก...  ไม่รู้สิ...  ผมบ้า ! ผมนั่งอ่านหนังสือก่อนจะได้ยินเสียงซุบซิบกันเบาๆ  ผมเงยหน้าขึ้นมอง...  เด็กมัธยมสี่ห้าคนกำลังเดินผ่านมาทางนี้และมองผมอยู่อย่างระแวง...  แฮ่! เดี๋ยวพ่องับคอซะนี้  พวกมันเห็นผมแลบลิ้นปลิ้นตา ก่อนจะรีบเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว... 

‘ “เฮ้ย... อย่ายุ่งกับมันเลยว่ะ  เขาว่ากันว่ามันเป็นบ้า... ไม่ยอมไปไหน นั่งอ่านแต่หนังสืออยู่แบบนี้มาตั้งหลายวันแล้ว”ผมเงยหน้ามองไอ้กลุ่มคนที่บอกว่าผมบ้า... อีกแล้วเหรอ  แต่สายตาผมกลับไปสะดุดใจกับคนในชุดสูทภูมิฐานที่ตัวใหญ่กว่าผมสักหน่อย... หล่อดีแฮะ...
   “พวกมึงกลับไปก่อนป่ะ... กูว่ากูอยากลองคุยกับคนบ้าดูสักตั้ง”ในความมืดที่มีแค่แสงโคมไฟจากตรงที่ผมนั่งอยู่ ผมบอกไปรึยังว่าบ้านตอนนี้ของผมคือข้างถนน
   “เอาจริงเหรอวะไอ้สัก... มึงนี้ท่าจะบ้าไปแล้วว่ะ”ตกลงคนๆนั้นเขาก็บ้าเหมือนผมเหรอ... ตลกชะมัดเลยแฮะ เป็นคนบ้า แต่ใส่สูทซะดูดีเชียว...
   “มึงเป็นคนบ้าเหรอ ชื่ออะไรวะ”ผมเงยหน้ามองเขางงๆ เขาถามชื่อผมเหรอ...
   “ถามผมเหรอ... ไม่รู้สิ ผมเป็นคนบ้า ไม่มีชื่อเหรอ”ผมตอบกลับเสียงเรียบแล้วก้มหน้าไปอ่านหนังสืออีกครั้ง ตัวหนังสือเบลอๆนิดๆ อาจเพราะสายตาผมสั้นลงล่ะมั้งเนี่ย
   “เออ... มึงนี่แปลกดีจัง กูชื่อสัก มึงมากับกูดีกว่า เดี๋ยวกูพาไปอยู่ด้วย” ’

ผมนึกถึงครั้งแรกที่เจอสัก...  เหตุการณ์แบบนี้เลยสินะ...  เพียงแต่ตอนนั้นมันเดินมาหาผม พยุงผม... เออ... ลากก็ได้  มันลากผมไปอยู่กับมัน...   วันนี้ในอีกยี่สิบกว่าปีเลยเกิดขึ้นมา...  ถ้าไม่มีมัน... ป่านนี้ผมคงไปอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลก...  อาจจะเป็นอิสราเอล...  ผมแค่อาจจะนะ  อาจะน่ะ  may be  you  know?
“คุณคนบ้าที่รักครับ...  ชื่ออะไรเหรอครับเนี่ย...  แล้วงอนอะไรถึงหนีมาตรงนี้ครับ  หืม...”เสียงที่คุ้นเคย...  ผมหันไปมอง...  ไอ้สักในชุดสูทเหมือนกับวันนั้นกำลังเดินมาหาผม...  ผมส่ายหน้าแล้วพูดเบาๆ
“ผมเป็นคนบ้า...  มีคนตั้งชื่อให้ผมว่า... อิม...”ผมโน้มตัวไปตามแรงดึงของมัน
“แล้วคนบ้ารู้มั๊ยครับ...  ว่าคนๆนั้นคิดถึงคนบ้าคนนี้ขนาดไหนน่ะ... ขอโทษนะครับที่ไม่ได้โทรบอก...  ไม่สะดวกจริงๆ  ขอโทษนะครับคนดี โอ๋...  ไม่ร้องนะไม่ร้อง”ผมเบ้ปาก...  ใครบอกผมร้องไห้...  แค่ต่อมในตาผมมันเสียแค่นั้นเอง... 
“ไม่ได้ร้อง...  ก็แค่...  รู้สึกเคืองๆตา...  รอหมอบางคนมาดูอาการให้...ก็แค่นั้น”ผมพูดเบาๆพอๆกับกระซิบ  ไม่ได้ยินก็ช่างแม่ง!
“งั้นให้นายแพทย์คนนี้ดูหน่อยนะครับ...  เป็นอะไรมากมั๊ย...”ผมลืมตาให้มันดู  มันมองสองสามทีแล้วก้มลงมาหาผม...
“ไม่เห็นมีอะไรเลยครับ  เห็นแต่ความรักที่มันสะท้อนอยู่เต็มดวงตาของคุณน่ะ”อ้วกกกกก.....  ครับ! แม่งจะโรแมนติกมาก...  ถ้ามันเป็นริมแม่น้ำแสนสวยหรือบนตึกดาดฟ้าสักที่ ที่เห็นท้องฟ้าสวยงามตอนกลางคืน  ไม่ใช่ในซอยเปลี่ยว ที่มีถังขยะกับน้องหมานอนมองหน้าอยู่น่ะ... 
“กูบ้านะ...  มึงรักกูแน่เหรอ...”ผมเอนตัวไปฟังเสียงหัวใจมัน...  ยังไงก็ยังเป็นเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นที่สุดอยู่ดี...
“แน่ครับ...  คนบ้าคนนี้น่ะ...  ทำผมหลงรักหัวปักหัวปำมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว...  ยังไม่แน่ใจอะไรอีกเหรอครับ”ผมยิ้ม...  แล้วมันก็ยิ้ม...  ผมหอมแก้มมันเบาๆก่อนจะหัวเราะคิก...  เสียงกระซิบในตอนเที่ยงคืนหนึ่งนาที...
   “happy anniversary 23 year ที่นี่ที่เราเจอกัน... ขอบคุณนะครับ... คนบ้าของผม”


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้ใครว่าไม่หวานบ้างงงง  รายงานตัวที  555555

งงมั๊ยที่อยู่ๆมันก็มา...  จริงๆคือเห็นคอมเม้นต์จากเรื่องเต็มอันนี้แล้วเลยอยากแต่ง  บวกกันไปเจออันนี้พอดี...
http://writer.dek-d.com/Cute_Girl/story/viewlongc.php?id=845463&chapter=34
บอกเลย... เกิดมาไม่เคยโดนแชร์...  แอบดีใจเบาๆเลยแต่งให้เป็นการขอบคุณที่หลงผิดเอาไปแชร์ให้ 5555
กระแสตอบรับเรื่องนี้ดี๊ดี...  เลยจัดให้อีกรอบตามคำขอ...  หายไป5เดือนกับการสิงในเล้า...  เพื่ออ่านนิยาย...
เรื่องสักอิมนี้เป็นอะไรที่...  ไปตามกระแสใจสั่งจริงๆ...  แต่งแบบมั่วๆ ตอนพิเศษก็มั่วๆ
ที่เรื่องนี้ไม่มีมาม่า  เพราะคนแต่งปรับอารมณ์ไม่ทัน 55555 
เรื่องนี้แต่งยาวนะ  4หน้าเอสี่... ขนาด14 (ถือว่าเยอะสำหรับผมนะ)
เรื่องต่อไป...  มันหัวโผล่ล่ะ  แต่กำหนดการคลอดยังไม่มา 5555  รอไปซะ...
คนแต่งไม่มีพล็อตนะครับ เรื่องไหนกระแสดี  หรือถ้าคนอ่านเยอะ...  ผมก็จะมีกำลังใจมาแต่งต่อ...
ถ้าเงียบก็นะ...  ไม่แต่งล่ะ (ลืมนั่นเอง)  :hao6:  ตอนนี้ปิดเทอมครับ...  ใครอยากอ่านต่อ(เรื่องใดๆก็ตาม)
รีบจิกทวงกันช่วงนี้นะครับ  โดนมากๆมันจะเป็นกำลังในการแต่ง 
เรื่องที่แต่งง่ายและสนุกจริงๆสำหรับผม  ก็เรื่องนี้แหละ...  ง่ายสนุก... สบายยยยยยย   (บ้าทั้งเรื่อง)

ขอให้ฝันดีและอรุณสวัสดิ์  :z13: :z13:


หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(พิเศษ2)](4/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 04-10-2013 08:51:26
เป็นคนบ้าที่น่ารักมากๆๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(พิเศษ2)](4/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-10-2013 13:40:10
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

ทำไมคนบ้ามันน่ารักแบบนี้เนี่ย :o8:

แล้วมาอีกนะ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(พิเศษ2)](4/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-10-2013 20:48:50
ชอบทุกเรื่องเลยนะ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(พิเศษ2)](4/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 04-10-2013 23:16:49
อิมหนีตลอด ฮาๆ สักก็ตามตลอด
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(พิเศษ2)](4/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 06-10-2013 00:36:23
 o13 หนุกมาก
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย(พิเศษ2)](4/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 07-10-2013 12:33:50
ชอบทุกเรื่องเลยเหอะ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ ](9/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 09-10-2013 02:12:39
                                                     พี่เนียนน่ะผมรู้...  แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1




        ‘ตา หู จมูก ปาก ตา หู จมูก ปาก ตา...  เหว้ย เหว้ย สารพัดเหว้ย  เหว้ย สารพัดเหว้ย เหว้ย สารพัดเหว้ยยยยย... เอ้า!ครับสาหวัดดีครับผมชื่อยินดีไม่มีปัญหา...’ 
   หลังเพลงสันทนาการที่เอาไว้ให้คนโดนลงโทษเต้นจบลง...  ผมที่โดนปะแป้งทั้งหน้าก็เดินกลับมานั่งที่กลุ่มนกกาเหว่าของตัวเอง  รอบตัวเต็มไปด้วยน้องๆมัธยมปลายที่ติดค่ายมาในครั้งนี้...  ผมชื่อดราฟครับ...  อยู่ปี2คณะจิตวิทยาที่มหา’ลัยแห่งหนึ่ง...  ทำไมผมถึงโดนลงโทษน่ะเหรอครับ...
   “เอาล่ะค่ะ...  เดี๋ยวพี่ส่งแป้งให้ต่อนะคะ...  อย่าลืมนะ  ว่าแป้งหยุดที่ใครคนนั้นต้องปะแป้งที่หน้าตัวเองแล้วต้องออกมาเต้นแบบน้องดราฟด้วยนะคะ”นั่นล่ะครับ...  แต่!... มันยังไม่จบครับ  คุณอาจสงสัยทำไมผมถึงกลายเป็นน้อง...  คำตอบ... คุณรู้จัก ‘พี่เนียน’ รึเปล่าครับ  แต่ละกลุ่มจะมีพี่เนียนที่ทำตัวเป็นน้องคอยเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้น้องๆร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ...  และช่วงเวลากลั่นแกล้งของเพื่อนๆในชั้นปีก็จะเริ่มตอนนี้ล่ะครับ...  ไอ้เราก็เป็นน้องอยู่  ทำอะไรมากไม่ได้ครับ...  แค่จบค่ายไปน่ะคอยดู...
   ‘ฮิป!  ฮิป!  ฮิป ฮิปโป โอ้โหตัวมันใหญ่  มันเดินอุ้ยอ้าย มันเดินอุ้ยอ้าน ตะละล้าลั้นล้าลั้นลา...  ฮิป! ฮิป! ฮิป ฮิปโป้  โอ้โหตัวมัน... หยุด!’ 
   ผมมองเด็กคนที่โดนแป้งครับ...  พอๆกับผมเลยทีเดียว  ผมตบมือแล้วก็หัวเราะไปพลาง...  มองน้องๆในกลุ่มเผื่อใครจะเป็นลมเป็นแล้งไป  คือพี่กลุ่มก็มีนะครับ...  แต่ตอนนี้พวกเพื่อนผมมันหายหัวไปจัดฐานให้น้องๆเหรอแต่กลุ่มสันทนาการเอาไว้น่ะครับ...
   “น้องๆคะ...  รู้มั๊ยค่ายนี้ชื่อค่ายอะไร!!!”เสียงตะโกนถามดังลั่น...  แสบรูตูดทะลุถึงลำไส้ใหญ่เลยทีเดียว... 
   “ค่ายสัมผัสจิต ครั้งที่ 9 ค่ะ/ครับ”แหม...  เสียงดังฟังชัด...  ผมก็ตอบนะครับ...  อ่อ...  น้องๆในกลุ่มผมครับ  มีผู้หญิง4  ผู้ชาย3  รวมผมด้วยนะ   ทั้งหมดคือกลุ่มนกกาเหว่ามีทั้งสิ้น 7 คน  พี่กลุ่มอีก 2 คน  เป็นชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง... 
   “เอาล่ะค่ะ...  ตอนนี้หมดเวลาของพี่ๆสันฯแล้วเนอะ...  งั้นเดี๋ยวทุกคนลุกขึ้นนะคะ...  พี่จะให้พวกเราไปเข้าฐานช่วงบ่าย  น้องกลุ่มอนาคอนด้าไปกับกลุ่มหนูนานะคะ...  กลุ่มนกอินทรีย์ไปกับกลุ่มตัวตุ่นนะคะ...  กลุ่มนกกาเหว่าไปกับกลุ่มกานะคะ...  กลุ่ม...”MCคอยประกาศฐานต่างๆให้พวกเรารู้  ซึ่งคราวนี้ผมต้องไปเข้าฐานของไอ้เพื่อนชั่ว...  เอ่อ...  เพื่อนสนิทผมครับ  ไอ้เดินทาง...  ชื่อเจ๋งใช่มั๊ยล่ะ ผมได้ยินครั้งแรกยังฮาเลย...
   “น้องดราฟคะ...  อย่าเหม่อค่ะ  เพื่อนเดินไปไกลแล้วนะคะ”ผมสะดุ้ง.....  มั่วแต่คิดเพลิน  จริงด้วยครับ  เพื่อนกลุ่มผมเดินไปไกลพอควร  เสียงMC เพื่อนสนิทผมอีกคนเรียกให้ผมได้สติก่อนจะแอบหัวเราะเบาๆ  ฝากไว้ก่อนเหอะ!  ผมก้าวยาวๆเกือบจะวิ่งเพื่อตามเพื่อนๆไป... 
   “เฮ้ย! ดราฟๆ  นายอยู่ม.อะไรอ่ะ”ผมหันไปมองเพื่อนผู้ชายข้างๆ  คุยมาตั้งแต่เช้าเพิ่งจะถามม.เนี่ยนะ... 
   “ม.6ๆ  แล้วนายอ่ะ”ผมตอบก่อนจะเหลือบมองป้ายชื่อ...  โอเค  ชื่ออลัน  แม่งจะฝรั่งไปไหนวะ...  แต่มันก็เท่ห์จริงๆแหละ...
   “เท่ากัน...  หน้าดราฟเหมือนอยู่ม.5เลยอ่ะ  เกือบเรียกว่าน้องไปแล้วนะเนี่ย ฮาๆๆ”ผมหัวเราะไปกับมัน...  เออ...  ถ้าบอกว่าปี2นี้มันจะช็อคมั๊ยวะ  แค่ม.6ยังเข้าใจผิด...  ตกลงผมหน้าเด็กหรือมันหน้าแก่?
   “สวีดัส สวัสดีน้องๆทั้งสองกลุ่มคร้าบบบบบ....  ยินดีต้องรับเข้าสู้ฐาน... ‘ผู้หญิงสบาย ผู้ชาย!ไม่รอด’ ครับผม  พี่ชื่อเดินทางนะครับ พี่อีกคนชื่อหยุดนิ่ง กติกาง่ายๆ  น้องผู้หญิงครับ  ไปนั่งพักทานน้ำทานอาหารให้สบายเลยนะครับ  ส่วนน้องผู้ชาย...  น้องเห็นมาม่าตรงหน้าน้องมั๊ยครับ...  ระหว่างที่น้องผู้หญิงทานน้ำกับขนมรอ  น้องผู้ชายต้องช่วยกันกินมาม่าชามน้ำให้หมด  โดยเร็วที่สุด...  อย่าคิดรีรอนะครับ...  เอาละครับ  พี่ขอน้องผู้หญิงออกมาคนหนึ่งครับ”ผมมองเกมตรงหน้า...  มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกไป...  ไอ้เดินทางหยิบน้ำสีดำๆออกมา  ถามว่าผมรู้รึเปล่ามันคือน้ำอะไร...  รู้สิครับ ใส่น้ำแข็งซะเย็นเจี๊ยบด้วย...  ผมมองน้องผู้หญิงที่ค่อยๆซดน้ำนั่นเข้าปาก...  สาม... สอง... หนึ่ง...
   “พรวดดดด....!!!  น้ำปลานี่พี่...”น้องเขาพ่นทิ้งแทบไม่ทัน...  เพื่อนหลายๆคนแอบหัวเราะบ้างหัวเราะต่อหน้าบ้าง...  ไอ้เดินทางยิ้ม...  หลอนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆไอ้เดินทาง...  ผมล่ะเพลีย...
   “งั้นน้องผู้หญิงไปกับพี่นิ่งเลยครับ...  น้องผู้ชายล้อมวงครับ  มีสองชามแบ่งกันดีๆนะครับ...”ผมล้อมอยู่กับน้องอีกสองคนชื่ออลันกับเอก...  ตะเกียบมีสามคู่...  พี่ๆไม่อยากให้ใช้คู่เดียวกันน่ะครับ  กลัวติดโรคน่ะ 
   “เอาล่ะนะครับ...  เริ่มได้!”ผมมองมาม่าที่ต้มอืดและน้ำซุปโคตรร้อนประมาณสองห่อที่ลอยเคว้งในชามพลาสติก...  น้องผู้หญิงเริ่มกระดกน้ำปลาเข้าปาก...  พร้อมกับทำหน้าแหยงๆ  สงสารครับ  แต่สงสารตัวเองมากกว่า...  มาม่าร้อนโคตรๆแบบควันขึ้นฉุยๆ  กินไปมีแต่ลิ้นพองครับ...
   “ผมว่า...  เราช่วยกันกินเส้นก่อนดีกว่ามั๊ยครับ  น้ำซุปรอให้มันหายร้อนเราค่อยช่วยกันซด...”เอกเสนอความคิด  ซึ่งผมก็ว่ามันเข้าท่าดี  เราสามคนช่วยกันมุงชามแล้วโซ้ดเส้นมาม่าที่ควันขึ้นฉุยๆ  บอกเลย...  จบวันนี้ไป...  ไอ้เดินทางมีเคลียร์กับผมแน่ๆ  วุ้ย!!
   ไม่นานมาม่าทั้งสองชามก็หมดลงพร้อมๆกับปากผมและผู้ชายหลายคนที่แดงจนเกือบพอง...   ไอ้เดินทางเอาน้ำมาให้พวกเรากินคนละแก้ว  ในขณะที่น้องผู้หญิงได้รับน้ำเปล่าเพื่อล้างปากจากกลิ่นน้ำปลา...
   “เอาล่ะครับ...  จบฐานแล้ว...  งั้นเรามาสรุปกันดีกว่าว่าฐานนี้เราได้อะไรกันบ้างนะครับ...  อย่างแรกนะครับ...  พี่อยากให้เรารู้จักการเสียสละ  น้องผู้ชายที่ต้องเสียสละกินมาม่าร้อนๆ  น้องผู้หญิงที่เสียสละกินน้ำปลาเค็มปี๋  ไม่ใช้ทุกครั้งนะครับที่การเสียสละของเราจะช่วยคนอื่น  บางครั้งการเสียสละของเราก็ต้องให้คนอื่นร่วมกันเสียสละด้วย   ต่อมาครับ...  ความสามัคคี  แน่นอนว่าถ้าเราไม่สามัคคีกัน  เราจะกินมาม่าไม่หมด  น้องผู้หญิงก็จะเป็นความอดทนนะครับ  ที่ยอมกินน้ำปลาทั้งๆที่รู้ว่าเค็ม  สุดท้ายครับ...  การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า...  น้องผู้ชายอาจต้องช่วยกันคิดว่าทำยังไงถึงจะกินมาม่าหมดให้ไวที่สุด  ส่วนน้องผู้หญิงก็ต้องคิดนะครับว่าทำยังไงถึงจะกินน้ำปลาให้น้อยที่สุด...”ไอ้นิ่งเดินมารับสมุดน้องๆไปเซ็นเข้าฐาน
   “มีใครอยากพูดอะไรมั๊ยครับ”มันเปิดโอกาส
   “พี่สองคนเป็นแฟนกันเหรอคะ”พรวดดดด!!!!  ผมหันไปมองน้องผู้หญิงที่ถาม  รู้สึกจะชื่อน้อยหน่า...  กลุ่มกาครับ...
   “อยากรู้ไปทำไมครับ”ไอ้เดินทางยิ้มแหยงๆก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้หยุดนิ่งที่ทำหน้าดุ...
   “หนูเป็นสาววายค่ะ  หนูเห็นออร่าความฟินจากพวกพี่ทั้งสองคน  แอร๊ย!”เอิ่ม...  บอกผมที...  สาววายคืออะไรครับ  อย่างกับมีเรดาห์...
   “คือ...”ไอ้เดินทางอ้ำๆอึ้งๆ  มันมองหน้าผมแล้วหันไปมองไอ้หยุดนิ่ง...  มันมองหน้าผมเพื่อ...?!
   “ครับ... ตามที่น้องเข้าใจ”ไอ้หยุดนิ่งตอบก่อนจะหน้าแดงแปร๊ดแล้วเดินกลับไปเตรียมมาม่าให้กลุ่มต่อไป...
   “อ๊ายยย  แกๆๆ  ฉันบอกแล้ว...  เรดาห์ฉันไม่ผิด  ฉันจะสอบเข้าที่นี่...  พี่ๆโคตรฟิน  กรี๊ดดดด”น้องเขาพูดเบาๆกับเพื่อน  แต่แบ...  มันอยู่หลังผมอ่ะครับ  ยังไงก็ได้ยิน...  ความปรารถนาของสาววายช่างแรงกล้า...  ยอมสอบเข้าเพราะผู้ชายรักกัน... 
   “งั้นเดี๋ยวน้องๆเตรียมตัวไปฐานถัดไปได้เลยครับ...  ขอบคุณครับทุกคน...”
   “ขอบคุณค่ะ/ครับ”เสียงขอบคุณของน้องๆดังเป็นหย่อมๆบอกว่าหลายฐานเริ่มเสร็จกิจกรรมแล้ว... 
   “ดราฟ...  นายชอบจิตวิทยาปะ?”อลันเดินตีข้างมากับผม  เรากำลังจะไปอีกฐานหนึ่งครับ...  ฐานนี้ผมไม่สนิทกับพี่ประจำฐานเพราะเป็นพี่ปี3เป็นคนคุมฐาน
   “ก็... ชอบดิ... ไม่งั้นจะสมัครมาค่ายทำไมล่ะ”ผมตอบ...  อลันพยักหน้า
   “ดราฟรู้ป่ะ...  เราโคตรตื่นเต้นอ่ะตอนเปิดใบประกาศผล... เออ...  ข้อที่ถามว่าให้กินข้าวอ่ะ...  ดราฟตอบว่าอะไรเหรอ”ผมนึก...  โชคดีที่เตรียมคำตอบเอาไว้เผื่อเด็กถาม...  ทำไมไปค่ายไหน  มันต้องถามกันด้วยว่าตอบอะไรกันไป...  พี่เนียนเหนื่อยกะการมานั่งคิดคำตอบนะเว้ย!
   “ข้อนั้นอ่ะนะ...  เราตอบว่าให้กินข้าวกับกับข้าวอ่ะ...  แล้วอลันอ่ะ  ให้กินข้าวอะไร”ผมเตรียมตัวมาแล้วครับ...  คือข้อนั้นเขาถามว่า  ถ้ามีข้าวให้หนึ่งจาน น้องจะทานข้าวกับอะไร...
   “เราเหรอ...  กินกับช้อนอ่ะ...  คือถ้าไม่มีชอบ ก็ไม่รู้จะกินกับอะไรว่ะ”เอ่อ...  ช่างคิด  แม่ง! ลึกซึ่งครับ...  ไอ้ที่คิดไว้ว่าเจ๋งนี้พังทลายเพราะคำตอบพวกมันเนี่ย!
   “น้องดราฟ น้องอลัน...  ฟังที่พี่พูดรึเปล่าคะ...  เมื่อกี้พี่ให้ทำอะไรเอ่ย...”เสียงหวานๆของพี่หวานปี3ดังเหนือหัวของเราทั้งคู่...  ซึ่งผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มแหย่...  อย่ากัดเค้าน้า เค้ากลัววววว
   “พี่ให้น้องจับคู่กันแล้วบอกรักให้หวานที่สุด...  ตอนนี้ทุกคนจับคู่หมดแล้วเหรอแค่น้องสองคน...  แล้วที่น้องไม่ฟัง...  พี่จะให้น้องออกมาทำคู่แรก...  ด้านหน้าเลยค่ะ”ผมมองหน้าอลันแล้วส่ายหน้าพรืด...  พี่ทำร้ายน้อง  เค้าจะฟ้องกรมแรงงาน!
   “ไปเถอะดราฟ...  นายยืนเฉยๆเดี๋ยวเราจัดการเอง...”ผมออกไปยืนนิ่งตามคำสั่งอีกคน...  ตอนนี้ทุกคนตื่นเต้นมาก  รวมถึงน้องสาววายจากกลุ่มกาด้วย...  เห็นรีบหยิบมือถือมารัวถ่ายรูปไว้หลายสิบรูป...
   “ดราฟครับ...  ดราฟรู้มั๊ยว่าดราฟน่ารักมาก...  ผมชอบดราฟตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นดราฟ...  ดราฟทำหน้ายุ่งเพราะหากลุ่มไม่เจอ...”มาสายเว้ย!  มัวแต่ไปเข้าห้องน้ำ นี้มันทำให้ไอ้นี้ชอบผมเรอะ! อ่อ... ละครๆ
   “ดราฟดูดีที่สุด  กว่าผมจะกล้าคุยกับดราฟได้ก็แทบแย่...  แต่ตอนนี้...  ผมอยากบอกอะไรกับดราฟสักคำ...  ผมหวังว่าดราฟจะเข้าใจนะครับ...”มันลุกขึ้นแล้วกอดผมท่ามกลางความช็อคจากทั้งผมและทุกคนในกลุ่ม...
   “ผมรักดราฟนะครับ”
   “อร๊ายยยยย   น่ารักที่สุดค่ะ  สาววายฟินนนน”เสียงกรี๊ดทำให้ผมหลุดจากพวังค์แล้วผลักมันออกเบาๆ... 
   “เอ่อ...  โทษที  เราแค่อยากให้มันหวานอ่ะ...”อลันยิ้มเก้อๆมาให้ผม...  ซึ่งผมจะพยายามคิดว่ามันคือการแสดงนะ...  ฐานห้าหกฐานจบลงเมื่อเวลาประมาณห้าโมงเย็น  ซึ่งได้เวลากินข้าวเย็นพอดี...
   “วันนี้เราจะมีการกินข้าวที่พิเศษมากๆเลยนะคะน้องๆ...  น้องเห็นคนที่นั่งตรงข้ามกับน้องรึเปล่าคะ...”ผมเงยหน้ามอง... อลันกำลังมองตรงมาหาผม  ตามคำสั่งของรุ่นพี่...
   “น้องต้องป้อนข้าวเพื่อนที่นั่งตรงข้ามน้องนะคะ  ทั้งข้าว น้ำ ขนมหวาน...  ใครผิดกฏพวกพี่จะทำโทษโดยให้เต้นมัดหมี่นะคะ  ขอให้ทุกคนกินข้าวอย่างอร่อย...  ใครกินเสร็จแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้อง  ขอกางเกงขายาวนะคะ  ยุงมันเยอะ...   แล้วเดี๋ยวมันเจอกันตอนหนึ่งทุ่มตรง ที่โต๊ะเดิมที่น้องๆนั่งตอนนี้นะคะ...  ใครป่วยไม่สบายมีมั๊ยเอ่ย...  เดินออกมาเลยนะคะ  มาเอายาไป...”เสียงไอ้ดุ๊กดิ๊ก...  เป็นเพื่อนเอกเดียวกับผม...  มันบอกเสียงแจ๋น  จากนั้นก็แวบตัวออกไปกินข้าว...  ผมดูอาการน้องในกลุ่ม  ทุกคนปกติดี...
   “ใครไม่อิ่มเอาข้าวเพิ่มได้นะคะ  ส้ม   กิ่ง  ลัล  โอปอ...  มีใครไม่สบายกันมั๊ย...”พี่ขวัญ  หรือไอ้ขวัญเพื่อนเอกเดียวกับผมเช่นกัน  สนิทกันแต่ไม่มากเท่าไร...  มันทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงกลุ่มผมพอดี...
   “แล้วเอก  ดราฟ  อลันล่ะ  มีใครเป็นอะไรรึเปล่า”พวกผมส่ายหน้าก่อนจะตักข้าวคำไม่โตนักยื่นจ่อปากของอลัน  ส่วนอลันเองก็ตักข้าวมาจ่อปากผม  เราสลับกันกินจนหมดทุกอย่าง  ที่ลำบากคงจะเป็นน้ำ  เพราะพี่แม่งไม่มีหลอดให้ไงครับ  แก้วจริงๆ  เวลากินต้องยกซดเอา  ซึ่งมันทำให้มองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกินพอรึยัง  หรือน้ำยังไม่ถึงปาก 
   หลังจากนั้นเราก็ไปอาบน้ำ  ห้องอาบน้ำจะเป็นห้องรวมครับ...  ผู้ชายก็ใส่กางเกงในบ้างบ็อกเซอร์บ้างตามแต่สะดวก...    ใครไม่อายก็กางเกงในครับ  อายบ้างก็บ๊อกเซอร์  บางคนก็เป็นผ้าขาวม้า...  พวกเรารีบตักรีบอาบครับ  เพราะมีอีกหลายคนรออยู่...   ผมอาบน้ำในเวลาไม่ถึง 5 นาที  โดยที่อลันก็ทำเวลาได้พอๆกับผม...  เราทั้งคู่เดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุดตากผ้าเรียบร้อยก็นั่งรอในห้อง  รอเวลาที่จะไปรวมตัว  เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง  จริงๆช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เราต้องคิดการแสดงเพื่อเอาไว้แสดงในวันสุดท้ายคือวันมะรืนตอนเช้า  ถัดจากนั้นก็จะเฉลยพี่เนียน  เขียนสมุดให้กันเล็กน้อยก่อนจะแยกกันกลับบ้าน...  อีกสิบห้านาทีต่อมา...  พวกเราทั้งเจ็ดรวมพี่อีกสองเป็นเก้าชีวิตกำลังนั่งสุมหัวคุยเรื่องการแสดง...
   “เราล้อเลียนโฆษณาดีป่ะ”โอปอเสนอ...  ผมว่าน้องคนนี้ดูมีความตั้งใจดีนะครับ  ทำเต็มที่ทุกกิจกรรมไม่มีกั๊ก... 
   “แต่พี่ให้กลุ่มละ 10-15 นาที  โฆษณามันจะกี่นาทีกัน...”เสียงกิ่งแย้ง  ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับกิ่งนะ...
   “เราว่าแสดงอะไรที่เป็นประสบการณ์ในค่ายของเราดีป่ะ...”เสียงลัลบอก...  พวกเราหันไปสนใจความคิดของลัล
   “แล้วเราจะทำยังไงล่ะ ถ้าแบบนั้นน่ะ”เสียงไอ้พี่ขวัญถาม  ผมนั่งรอฟัง...
   “ก็แบบ...  อะไรที่เราประทับใจ  เราก็เอามาแสดงเป็นฉากๆ  ดีป่ะ”ลัลอธิบาย...
   “แบบนั้นมันดูไม่มีที่มาอ่ะ...”เสียงเอกแย้ง...
   “ทำไมเราไม่แสดงเป็นวันสั้นๆแบบสรุปประจำวันล่ะ”ผมลองเสนอบ้าง...
   “ก็ดีนะ...  แต่มันไม่สนุกป่ะ?”เสียงโอปอถาม 
   “เราก็เอาจุดเด่นของเราไปนำเสนอสิ...  สองคนนี้ไง”ส้มชี้มาทางผมกับอลัน  ห๊ะ.. อะไร  ใคร... ผมงง
   “วันนี้ฐานที่สองคนนี้บอกรักกันอ่ะ  นอกจากกลุ่มเรากับกลุ่มกา  ไม่มีใครรู้นะ...”กิ่งบอก  ซึ่งมันก็ได้รับการสนับสนุนเต็มที่  แม้จะมีแค่ผมที่เถียงแต่สุดท้าย...  สปริตกลุ่ม...  ยอมก็ได้... (วะ)
   การแสดงที่คุยไว้คร่าวๆคือผมกับอลันจะเป็นตัวดำเนินเรื่อง  ตั้งแต่มาลงทะเบียน  พูดคุยแนะนำตัว...  เข้าฐาน  มาพักกินข้าว แล้วก็กลับไปเข้าฐาน  จนถึงตอนนอน  ส่วนอีกวันหนึ่งเดี๋ยวค่อยคุยกันต่อเพราะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น...  ตอนจบพวกเราจะเต้นเพลงประจำกลุ่ม...  ซึ่งที่สำคัญที่สุด...  ผมต้องเล่นคู่กับอลันเป็นคู่รัก คือมันไม่ถึงกับรักอ่ะครับ  แต่มันต้องเป็นเพื่อนที่โคตรสนิทแบบถึงเนื้อถึงตัวกันอ่ะครับ  เห็นโอปอบอกว่าเป็นคู่จิ้น...  อันนั้นล่ะเพลียสุดล่ะ...

------------------------------------------------------------------------------------------



อยู่ดีๆไอ้คู่จิ้นนี้ก็มาในหัว...  :hao6: :hao6:
แต่งจบแล้วนะครับ  พรุ่งนี้จะมาลงตอนต่อไปให้... อย่าลืม! +1ให้เก๊าด้วยนะ ^^

 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1](9/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 09-10-2013 03:21:44
ค่ายนี้จัดที่ไหนเนี่ยอยากไปจัง^O^
บอกรักแบบเนียนๆน่าร๊ากอร๊ายฟินนนนนน>////<
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1](9/10/56
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 09-10-2013 08:45:50
ชอบอ่ะ  อะคิอะคิ~~
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1](9/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 09-10-2013 11:30:46
อั้ยย่ะ พี่เนียนไม่เนียนไม่รู้
แต่ที่รู้น้องเนียนบอกรักพี่ไปแล้วล่ะ ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1](9/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 09-10-2013 18:57:07
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น[พี่เนียนน่ะผมรู้...แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2](10/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 09-10-2013 20:14:06
                                                         พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2
                                                                       ตอนจบครับ

    การแสดงที่คุยไว้คร่าวๆคือผมกับอลันจะเป็นตัวดำเนินเรื่อง  ตั้งแต่มาลงทะเบียน  พูดคุยแนะนำตัว...  เข้าฐาน  มาพักกินข้าว แล้วก็กลับไปเข้าฐาน  จนถึงตอนนอน  ส่วนอีกวันหนึ่งเดี๋ยวค่อยคุยกันต่อเพราะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น...  ตอนจบพวกเราจะเต้นเพลงประจำกลุ่ม...  ซึ่งที่สำคัญที่สุด...  ผมต้องเล่นคู่กับอลันเป็นคู่รัก คือมันไม่ถึงกับรักอ่ะครับ  แต่มันต้องเป็นเพื่อนที่โคตรสนิทแบบถึงเนื้อถึงตัวกันอ่ะครับ  เห็นโอปอบอกว่าเป็นคู่จิ้น...  อันนั้นล่ะเพลียสุดล่ะ...

(ต่อครับ)

    หกโมงห้าสิบห้า  เราลงมารอด้านล่าง...  เพื่อรอเข้าฐานยามค่ำคืน  ไม่มีอะไรมากครับ...  ก็เรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ  ผมก็คุยกับหลายๆคนแต่ส่วนใหญ่จะคุยกับอลัน...  เพราะมันคุยสนุกสุดล่ะ  เอกนี้ไปสนิทกับพวกผู้หญิง  ผมก็ไปคุยไปแหย่ตามหน้าที่ที่ต้องเอนเตอร์เทรนน้องๆครับ... 
   พอห้าทุ่มครึ่ง  พี่ๆก็ปล่อยให้ขึ้นไปนอน  แบ่งนอนชายหญิง  ผมกับอลันกับเอกนอนอยู่ใกล้กันโดยที่อลันนอนตรงกลางมี่ผมกับเอกนอนประกบข้าง...  ส่วนข้างผมเป็นพี่เนียนเหมือนกัน  ชื่อไอ้แนท...  ผมรอน้องๆหลับกันเกือบหมดก็ได้เวลาย่องครับ  ผมสะกิดไอ้แนทที่ตาปรือใกล้จะหลับออกไปนั่งประชุม   ด้านล่างที่โต๊ะอาหาร  มีเพื่อนผมรุ่นน้องและรุ่นพี่หลายคนนั่งสุมหัวอยู่... 
   “เอ้า! มีปัญหาอะไรมั๊ยน้องกลุ่มพวกมึงอ่ะ”พี่จ๊าด  ลุงรหัสเป็นประธานค่ายปีนี้ด้วยครับ  ไม่แปลกที่หลานรหัสอย่างผมต้องมารับเคราะห์โดนลากชื่อไปทำงานด้วยเฉย...
   “ไม่มีครับพี่  น้องให้ความร่วมมือเรียบร้อยดี...”พวกผมนั่งประชุมอยู่ครึ่งชั่วโมงก็โดนไล่ไปนอนเพราะเดี๋ยวน้องๆสงสัย  ผมกับไอ้แนทก็เดินกลับเข้าที่พักเหมือนเดิม... 
   “ไปไหนมาวะดราฟ”เสียงอลันงัวเงียถาม  มันคงเห็นผมล้มตัวลงนอน...
   “ไปเข้าห้องน้ำมา  นอนๆ”ผมไล่แล้วหลับตา...  พรุ่งนี้ผมยังต้องทำหน้าที่อีกหลายอย่าง...

   วันทั้งวันไม่มีอะไรมากครับ  รอบนี้เป็นเข้าฐานกิจกรรมแบบให้ความรู้เกี่ยวกับคณะจิตวิทยา  ว่าแต่ละเอกเป็นยังไงบ้าง...  ซึ่งเอกผม... พี่จ๊าดเป็นคนดูแลครับ...ตามด้วยผองเพื่อนที่ผมคุ้นหน้ากับพี่ๆปี3อีกสี่ห้าคน...  เป็นฐานที่ใช้คนเยอะมาก  เพราะทุกคนนอกจากพี่เลี้ยงกับพี่เนียน  ทุกคนไปตามเอกของตัวเองหมด...   ซึ่งคณะจิตวิทยามีแค่สี่เอกครับคณะผมน่ะ...   หลังจากนั้นก็เป็นพิธีบายศรีครับ  คือภาพสวยมากอ่ะ  ผมคิดถึงตอนบายศรีรุ่นแล้วน้ำตาจะไหล  ซึ้งอ่ะครับ  ไม่คิดว่าจะได้อยู่ที่นี้มาตั้งสองปี  เหมือนผมเพิ่งรู้ผลสอบเมื่อวานนี้เอง 
   “เอาล่ะค่ะน้องๆ...  เข้าฐานวันนี้เป็นยังไงบ้าง...  สนุกมั๊ยเอ่ย?!!”เสียงMC  คือมีไอ้ดุ๊กด๊กกับไอ้ตูมตามอ่ะครับ  ทั้งคู่เลย  เข้าขากันดี โดนโหวตให้เป็นพิธีกรในงานเลย...   มันตะโกนถามน้องก่อนจะได้ยินเสียงตอบรับกลับ
   “สนุกมากกกก”โอเคครับ... ผมฟังแล้วปลื้ม  ฮาๆๆๆ  ถามว่ากิจกรรมต่อไปนี้คืออะไร...  คือมันเป็นกิจกรรมเดียวที่ผมรอจากทั้งสามวันอ่ะครับ...
   “งั้นไปเหนื่อยก่อนนอนกัน! คอนเสิร์ตจากพี่ๆค่ะ”
   “สวัสดีครับน้องๆ...  พี่ชื่อทรัมเปตนะครับ...  ร้องนำครับ  พี่โอ๋กีต้าร์  พี่เบสมือเบสครับ และพี่ธันเดอร์  มือกลองครับ”ผมส่งเสียงไปกับทุกคน  ไอ้อลันลากผมไปยืนอยู่หน้าเวที...
   “งั้นเราไปฟังเพลงแรกกัน...  รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง...”แค่เพลงแรกก็มันส์แล้วครับ  ผมกับอลันเกาะแล้วกระโดดไปพร้อมกัน...  เสียงกรี๊ดรอบตัวไม่ทำให้ผมหนวกหู  ก็นี้มันคอนเสิร์ตนี่ครับ... ไม่ได้อยู่วัดสักหน่อย!
   “รู้ว่าเหนื่อยแต่อยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงจะขอลองดูสักที... “ผมโยกหัวแบบเมามันส์เลยครับ  พอถึงท่อนฮุก  พวกเราก็พร้อมใจกันร้องเสียงดัง
   “ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที!!!  ไม่ว่ายังไงจะลองดี... สักวัน!! อยากรักก็ต้องเสี่ยง ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน...”ผมทั้งร้องทั้งเต้น  โดยมีอลันจับมือแล้วกระโดดไปพร้อมกัน  มันส์มากครับบอกได้เลย... 
   “เพลงต่อไปครับ!! เห็นเธอเดินมาไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร  หน้าเธอสวย... ที่สุดเลย  ท่ามกลางผู้คนมากมาย  สายตาเธอเป็นประกาย  อย่างนางฟ้า... อยู่ตรงนี้”ผมร้องตามครับ  เพลงไปเรื่อยๆ  ผมก็มันส์ไม่หยุด  จนเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเพลงช้า...  ไอ้อลันเอื้อมมือมาโอบไหล่แล้วโยกตัวเราไปพร้อมกัน...    ผมเลยเอื้อมไปโอบมันบ้าง...  สนุกมากครับ...
   “อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที... อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที...”ผมร้องคลอไปเรื่อยๆ  ไอ้อลันก็ร้องครับ  ผมถ่ายรูปคู่กะมันไปเยอะเหมือนกัน  อย่าถามถึงคนอื่นครับ  หายไปไหนหมดไม่รู้...  สักพักหนึ่งเราก็ออกมานั่งด้านนอกครับ...  เหนื่อยจริงอะไรจริง...  มาขอน้ำกินครับแล้วก็นั่งถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย...  อัพอินตราแกรมสักหน่อยกำลังดี...
   หลังจากนั้นอีกประมาณ หนึ่งชั่วโมง  พี่ก็ปล่อยไปนอนครับ  เบ็ดเสร็จคืนนี้เราได้นอนกันเกือบๆตีหนึ่งครับ  เพราะกว่าจะคุยการแสดงอีก  เลยนอนดึกโดยปริยาย  แต่ก็ไม่ใช่แค่กลุ่มเรานะครับ  เป็นทุกกลุ่มอ่ะครับ  นอนพอกัน

   เช้าแล้วครับ  พวกเราอาบน้ำเก็บกระเป๋าก่อนจะไปรวมตัวกันเพื่อกินอาหารเช้าและแสดงละคร...  ข้าวเช้ามือนี้ไม่มีอะไรพิสดารแล้วครับ  ส่วนผมกับอลันพยายามท่องบทอยู่และที่สำคัญคือต้องทำใจกับจุดไคลแมกซ์เรื่องที่ผมโคตรอาย  สาบานได้ว่าเพื่อนผมล้อกันไปอีกสามชาติสี่ชาติแหงๆ...    แล้วมันดันมีสองอันด้วยนะ...  เพราะกิ่งดันเห็นเมื่อวานที่คอนเสิร์ตพอดี...  เจ็บตัวสิครับผม...
   “รอฉันรอเธออยู่  แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด  เธอจะมา เธอจะมาเมื่อใด นัดกันไว้ทำไมไม่มา...”พี่ๆก็ร้องเพลงรอครับ  พวกเราได้เวลาสิบนาทีในการเตรียมการแสดงให้พร้อมทุกกลุ่ม  ดูสภาพแล้วจัดเต็มทุกกลุ่มครับ... 
   “ตะละบุม บุ่มบุ้ม โอ้แม่เนื้อนุ่มบัวบาน  พี่คอยคำนึงคิดถึงเธอตั้งนาน โอแม่ตาหวานอย่าปล่อยให้ฉันงวยงง…..  แม่ดอกเอ๋ย แม่ดอกจำปา... ขอเชิญกลุ่มกาออกมาแสดง...”ผมตบมือครับ  กลุ่มกาก็พากันเดินออกไป...   กลุ่มนี้ล้อเลียนละครเรื่องคุณชายรัชชานนท์จากซีรีย์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ  ก็สนุกสนานกันไปครับ...  จากนั้นก็ได้เวลาลุ้นอีกครั้งหนึ่ง  ตื่นเต้นอ่ะให้ตายเถอะ...
   “ตะละบุม บุ่มบุ้ม โอ้แม่เนื้อนุ่มบัวบาน  พี่คอยคำนึงคิดถึงเธอตั้งนาน โอแม่ตาหวานอย่าปล่อยให้ฉันงวยงง…..  แม่ดอกเอ๋ย แม่ดอกจำปี... ขอเชิญกลุ่มนกอินทรีย์... นั่งดูกลุ่มนกกาเหว่าแสดง...”เอ่อ...  นึกว่าจะรอด  เห็นลงด้วยจำปี  ใครแม่งคิดมุขนี้  ผมจะไปเตะมัน! ฮึย!
   “น้องคะ...  มาลงทะเบียนตรงนี้เลยค่ะ”เสียงโอปอที่เล่นเป็นรุ่นพี่บอกให้ผมเริ่มแสดง...  ผมเดินไปลงทะเบียนก่อนจะชนกับอลันตามบท  อลันดึงแขนผมให้ลุกขึ้นแล้วเดินไปลงทะเบียนด้วยกัน...
   “เฮ้ย! นายอยู่บ้านเดียวกับเราเลย...  เฮ้ย! ไปไหน”ผมวิ่งออกมาตามบท  คือตอนนั้นผมต้องไปเข้าห้องน้ำอ่ะครับ  ผมวิ่งไปหลบหลังเสาพร้อมกับไอ้พี่ขวัญทำหน้าที่เปิดซาวด์เสียงเปิดประตูกับเสียงชักโครกในห้องน้ำให้... เพื่อนก็หัวเราะกันใหญ่อ่ะครับ  ผมกลับมาอีกที ก็ฉากที่ทุกคนนั่งกันอยู่ มีโอปอทำหน้าที่เป็นรุ่นพี่ยืนข้างหน้า  ผมแกล้งทำชะเง้อคอมองก่อนจะวิ่งแบบย่องๆไปต่อท้ายไอ้อลัน...  จากนั้นก็ตัดไปฉากที่ผมโดนทำโทษให้โดนปะแป้ง  ตลอดอ่ะครับ  โดนแป้งเต็มๆอีกครั้ง  พอเดินเข้ามาอลันก็ช่วยปัดแป้งออกให้  มีเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มจากน้องๆผู้หญิงที่นั่งดูอยู่...  แล้วก็ตัดไปที่ฉากโดนทำโทษ  คือนี้มันฉากประทำใจรุ่นพี่หรือประทับใจสาววายกันแน่ครับ  แต่ละฉากนี้มัน...  ส่อมาก...  ผมก็เดินลากไปล่ะครับ...  แล้วก็พล็อตประโยคเดิมๆ  ผมก็ยืนนิ่งเหมือนเดิมจนมันกอด...
   “แก้มหอมดีนะ...”มันกระซิบแทนคำว่ารักแล้วเลื่อนปากที่ควรจะอยู่ตรงคอมาอยู่ตรงแก้มผมแทน  เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มกว่าเดิม  แต่ผมเหมือนไม่ได้สติ  จนอลันเดินมาดึงมือผมออกไป... 
   ฉากต่อมาเป็นฐานของวันที่สอง  ก็มีอลันโดนแกล้งนิดหน่อยกับพูดความรู้สั้นๆเหมือนสรุปอีกที...  แล้วก็ตัดมาจนถึงคอนเสิร์ต  ที่กิ่ง โอปอและลัลช่วยกันเสนอให้มันหวานๆ  พี่ขวัญเพลงแบบเมื่อคืน...  พวกเราก็พากันเต้นไป  สักพักอลันก็เอื้อมมาจับมือผมตามบท... แล้วมองหน้าผม...  สักสามสิบวินาที  อลันก็เปลี่ยนมาโอบไหล่แล้วกระโดดพร้อมกันกับผม...  สาบานได้ว่าตอนที่เต้นเมื่อคืนผมไม่ได้คิดอะไร...  แต่ตอนนี้ที่ต้องมาทำเฉยๆ  มันโคตรอายเลย  จริงๆนะ...
   “ถ่ายรูปกัน...”ผมต้องชวนตามบท  เราทำเป็นถ่ายรูป แบบแก้มแนบแก้ม  ชิด  สนิท...  จนผมหน้าแดง  เห็นจากกล้องอ่ะครับ  ยอมรับเลยว่าอายมาก
   “เฮ้ย! ดราฟหน้าแดง!”ไอ้เพื่อนกลุ่มบ้านหนูนา  คือมันเป็นพี่เนียนอ่ะครับ  หลังจากมันพูดจบ  เสียงกรี๊ดยิ่งดังเข้าไปใหญ่...  จอคอนเสิร์ตจบ  โอปอก็เดินมาตรงหน้า  กลุ่มนกกาเหว่า  ทำการขอบคุณรุ่นพี่...  สาม... สี่!”
   “วันนี้วันดี  ฉันนั้นสุขีมาเจอเพื่อนใหม่  นี้กลุ่มของฉัน นี้กลุ่มของฉัน  กลุ่มนกกาเหว่า  ฉันไม่หงอยเหงา ฉันแสนสบาย...  ฉันชอบนั่งเล่นนอนเล่นวิ่งเล่น...  ถ้าไม่ยากเย็น เล่นขี้ด้วยกะด้ายยยยย!!!”พวกเราร่วมกันร้องเพลงพร้อมกับท่ากวนๆ  เพลงนี้เป็นเพลงประจำกลุ่มครับ  เราต้องมาคิดเพลงคิดท่ากลุ่ม...  ออกมาให้โดนที่สุดอ่ะครับ...
   “อ๊ายยยย   ฟินที่สุดค้า!!!”เสียงกรี๊ดจากในกลุ่มเด็กผู้หญิงทำผมเขิน...  บ้าจริง... ให้เล่นแบบนี้ใครจะไม่เขิน  หรือคุณว่าไม่จริง...?
   การแสดงของทุกกลุ่มก็ผ่านไปครับ  ตอนนี้พวกเรานั่งกันเป็นกลุ่ม...  พี่MCก็ยืนรออยู่ด้านหน้า...  เอาล่ะครับ  เวลาเฉลยมาถึงล่ะ  ผมตื่นเต้นมากเลยให้ตายสิ  กลัวน้องโกรธด้วย  กลัวไปหมดทุกอย่างเลย...
   “น้องๆคะ...  น้องอาจจะไม่รู้...  แต่พี่จะบอกให้น้องรู้  เอ๊ะ! ยังไงล่ะเนี่ย  ฮาๆ”ไอ้ดุ๊กดิ๊กเล่นมุขครับ   ตูมตามมองแบบแหยงๆทำให้น้องหัวเราะ...
   “เอาเป็นว่าพี่อยากให้น้องทุกคนหลับตาลงนะคะ  อย่าลืมตาจนกว่าพี่จะบอก...”ไอ้ดุ๊กดิ๊กบอก...  น้องๆทุกคนหลับตาครับ  ผมก็แกล้งหลับด้วย
   “ออกมาได้เลยครับ”เสียงตูมตามส่งสัญญาณให้พี่เนียนทุกคนออกไปด้านหน้า...  เราโดนปิดตาครับ  พวกมึงจะเล่นอะร๊ายยยยย...  ไม่นัดแนะกันเลย... แต่ทำไงได้ครับ  ตามน้ำสถานเดียว และคาดว่าพี่เนียนคนอื่นๆก็คงไม่รู้ด้วยเช่นกัน...
   “น้องๆลืมตาได้แล้วครับ...”เสียงตูมตามบอก  ผมไม่เห็นอะไรครับ  อยากจะร้องไห้  กลัวอ่ะ  พวกมันจะทำอะไรกับผม...
   “เพื่อนๆที่อยู่ตรงหน้าน้องตอนนี้...  เขาทำผิดกฎค่ายครับ”เสียงไอ้ตูมตามดังแบบดุๆ
   “พวกเขาไม่มีสิทธิมาเข้าค่ายนี้ตั้งแต่แรก  น้องรู้มั๊ยคะว่าเพราะอะไร...”ไอ้ดุ๊กดิ๊กช่วยพูด  น้ำเสียงมันนี่น้า...  ผมเป็นน้องผมคงดราม่าอ่ะ
   “เพราะพวกเขาเป็นพี่ๆปี2จากคณะจิตวิทยาค่า!!!”ไอ้ดุ๊กดิ๊กเฉลยเสียงใส  มีเสียงฮือฮาดังอยู่พักใหญ่ก่อนจะซาลง...
   “แล้วพวกที่ผิดกฎเนี่ย  พี่ก็จะลงโทษครับ  เอาล่ะ  น้องๆออกมารับแป้งได้เลยครับ...”เชี่ย! เล่นกูแล้วไง!! ผมใจหายวาบเมื่อมีมือมาป้ายแป้งที่หน้าผม...
   “เนียนนะครับพี่ดราฟ...”เสียงแรกเสียงเอกครับผมจำได้ 
   “พี่ปี2แต่หน้าเด็กกว่าเราอีก  อิจฉานะ”ป้ายมาเต็มๆครับ  เสียงนี้เสียงส้มครับผมจำได้  จากนั้นก็ตามมาด้วยกิ่ง ลัลและโอปอครับ
   “พี่...ดราฟเหรอ...  รอผมก่อนนะครับ”เสียงอลัน...  ผมจำได้  เสียงเขาจะนุ่มแบบนี้เสมอ  หลังจากที่เราโดนทำโทษไปครบทุกคน  ไอ้ตูมตามก็เดินมาเปิดตาให้...  แป้งร่วงกราวเลยครับ...
   “เราให้น้องพูดไปแล้ว...  งั้นทีนี้เรามาให้พี่ของเราพูดบ้างดีกว่าเนอะ...  อยู่กันมาตั้งสามวันสองคืนแหนะ...  รู้สึกยังไงกับน้องๆบ้างเอ่ย...”ไอ้ดุ๊กดิ๊กยื่นไมค์ให้แนท
   “พี่ก็รู้สึกยินดีมากเลยนะ  ที่ได้รับหน้าที่นี้  มันทำให้พี่รู้สึกว่าพี่ได้ย้อนวัยไปสองสามปี  อยู่กับน้องๆสนุกมากเลยครับ  ทุกคนดีกับพี่มากเลย  พี่จะไม่ลืมพวกเราเลยครับ”ไอ้แนทซูดน้ำมูกก่อนจะยื่นไมค์ต่อให้ผม...
   “น้องสนุก  พี่ก็สนุกครับ...  ขอบคุณที่ไม่โกรธที่พี่แกล้งพวกเรา  ถึงตอนนี้พี่จะเป็นพี่  แต่ยังไงพี่ก็ของจำพวกเราไว้เป็นเพื่อนแล้วกันนะครับ”ผมส่งไมค์ต่อให้คนข้างๆทันที...  น้ำตาคลอเหมือนกันครับ  ทนไม่ได้  เรื่องมันเศร้า...
   หลังจากนั้นเราก็แลกกันเขียนสมุดครับ  เหมือนเฟรนชิปค่ายอะไรประมาณนี้...   ผมก้เขียนไปให้หลายคนนะครับ  แล้วสุดท้ายผมก็หันไปหาอลัน...
   “อลัน  เอาสมุดมาดิ...”ผมเรียกหา  มันส่งสมุดมันมาให้พร้อมกับผมที่ส่งสมุดผมไปให้มัน  ผมคิดอยู่สักพักแล้วจรดปากกาลงไป...
   ‘รออยู่นะ...   ดราฟกลุ่มนกกาเหว่า’ 

   ค่ายจบไปเทอมหนึ่งแล้ว...  ตอนนี้เป็นช่วงน้องปีหนึ่งเฟรชชี่กำลังมาโดนรับน้อง  ส่วนผมก็ขึ้นปีสามแล้วครับ...  ผมเดินไปดูที่ๆเดิม...  ไม่เข้าใจเหมือนกัน...  แต่ผมกลับคิดถึงไอ้เพื่อนสนิทของผม...  ทำไงก็ไม่ลืมมันสักที...  แล้วที่มันให้รอ...  เมื่อไรมันจะกลับมานะ...  ผมส่ายหัว... คิดบ้าอะไรวะไอ้ดราฟ  จบค่ายจบเรื่องแล้วเว้ย!!
   “ไอ้เหี้ยดราฟ  มารอน้องคนนั้นเหรอวะ  ทำไม... คิดถึง?”พี่เดินทางมันเดินมากอดคอผม...  ผมหันไปชูนิ้วกลางให้มันก่อนจะผลักมันออก
   “ไปอยู่กับเมียมึงเลยไอ้สัด”ผมไล่มัน...  ก่อนจะเดินไปนั่งที่ตึกใต้คณะ...  ระหว่างที่ผมนั่งก้มหน้า  เท้าของใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในระยะสายตา...  ผมไม่สนใจจนผ่านไปเกือบห้านาที  เท้านั้นยังไม่ขยับไปไหน...
   “ยืนค้างหาพ...  อลัน”ผมช็อคค้าง...  ไอ้อลันในชุดนักศึกษามหา’ลัยเดียวกับผม  และจากไทด์ทำให้ผมรู้ว่ามันอยู่คณะจิตวิทยาด้วย...
   “รออยู่รึเปล่าครับดราฟ...”มันถามพร้อมกับนั่งลงตรงหน้าผม...
   “มั่วแต่ไปตั้งใจเรียน  ดันมีเป้าหมายเลยต้องตั้งใจเรียนหน่อย  กลับมาหาแล้วนะครับ”ผมลูบหน้าผม ก่อนจะคุกเข่าลง...
   “เทอมที่แล้วพูดไปไม่ครบ...  ดราฟครับ  ผมชอบดราฟจริงๆตั้งแต่วันแรก...  ผมดีใจมากที่ได้คุยได้เต้นได้แสดงละครร่วมกับดราฟ...  ไม่ว่าดราฟจะเป็นพี่หรือเพื่อน...  ดราฟช่วยฟังคำๆนี้ของผมได้มั๊ยครับ...”ผมมองคนตรงหน้าทั้งช็อคทั้งอึ้งเลยครับ  มันกำลังทำผมเขินนะ(?)
   “ผมรักดราฟ...   คบกับผมได้มั๊ยครับ”ผมยิ้ม... มันยิ้ม...  แล้วผมก็ก้มลงไปกระซิบข้างหูมัน...
   “รอมาจนถึงตอนนี้  กลับมาที่เดิมทุกวัน...  ยังต้องให้ตอบอีกเหรอว่าผมจะตอบอะไรน่ะ”ผมยิ้ม...  แล้วมันก็ยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอด...
   “รักนะครับ...  รักจริงๆนะ...  รักตั้งแต่แรกเห็นเลย”ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะให้มันขึ้นมานั่งข้างๆ...
   “วิ้วๆ...  เพื่อนกูขายออกแล้วเว้ย!!!”ไอ้เดินทางเดินจูงมือมากับไอ้หยุดนิ่ง...  มันนั่งลงตรงข้ามผม... 
   “อร๊ายยยยย!!!!  สาววายโคตรฟินค่ะ!!!!!”ผมหันขวับไปมอง...  น้องสาววาย...  ตกลงสอบเข้ามาจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย...!!!!!


----------------------------------------------------------------------------------

จบแล้ววววว...  ช่างน่ารักน่าชังจริงๆ  อยากแต่งเรื่องค่ายมานานล่ะ...  แต่จะเอาน้องค่ายมารักกันมันไม่สนุกพอ...  พี่เนียนเลยบังเกิด... คริคริ :hao7:

มาวางชื่อเรื่องต่อไป (มีพล็อตแล้วครับผม)

"สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ"

ขอเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์จะพยายามปั่นมาลงครับ
+1แล้วขอตัวนี้ให้ด้วย  ดูยังไงก็ชอบ >>   :z13:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้...แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2](10/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 09-10-2013 20:48:55
รักกันแล้วเว้ย  ขำสาววายคนนั้นอ่ะฮ่าฮ่า  ให้คนแต่งจ้า:z13:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้...แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2](10/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-10-2013 08:39:34
เรื่องนี้ก็น่ารักนะ มารอตอนต่อไปค่ะ :mew3:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้...แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2](10/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 10-10-2013 13:35:38
น่ารักมากกกก>////<
ขอเก็บดราฟกะอลันกลับบ้านได้ป่ะ^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [พี่เนียนน่ะผมรู้...แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2](10/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2013 01:50:53
ชอบเรื่องพี่เนียนมากเลย หวานมาก แต่เรื่องสนุกทุกตอนนะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 11-10-2013 23:49:18
                                                        สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ

      ผมแอบมองเขาตั้งแต่วันแรก...  เขาตัวอ้วนๆ  ดูน่าฟัด...  ผิวคล้ำๆกับหน้าตาที่ไม่ได้ดูดีมากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับแย่  เรียกว่าเขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆ แต่สิ่งที่ผมชอบเขา...   นิสัยที่น่ารักของเขา...  ผมชอบที่เขาซื้อลูกชิ้นให้หมาแทบจะทุกวัน  บางครั้งถ้ามีคนชรารอข้ามถนน  เขาจะวิ่งเข้าไปช่วยอย่างเต็มใจ...  เขาทำให้ผมหลงรักเขา... ที่นิสัยของเขา...  ผมตามสืบเรื่องของเขามานาน  ชื่อของเขาคือ ‘ค้อน’  อยู่ปี1 คณะรัฐศาสตร์  มีพี่น้องอีกสองคนชื่อขวานกับเลื่อย  ชอบกินอาหารที่ประกอบด้วยปลาหมึกทุกชนิด  ไม่ชอบมะเขือเทศ  และอีกมากมายยันแผนที่บ้าน...
“เฮ้ย! กระดาษเดือนจิตวิทยามองมาโต๊ะเราว่ะ”เสียงกระซิบจากเพื่อนของเขาทำให้ผมหลุดจากพวังค์ที่ผมแอบมองเขามานานพอสมควร...  เขาหันมามองผมแล้วหันไปพูดคุยเบาๆ
“มองโต๊ะถัดไปจากเรารึเปล่า  ดาวเศรษฐาสตร์น่ะ  เขาไม่มองคนหน้าตาบ้านๆอย่างพวกเราหรอก...”ผมแทบจะโผไปหาเขา...  ถ้าไม่ติดว่าแฟนคลับผมกำลังนั่งจ้องอยู่...  ถ้าผมไปหาเขา  นอกจากจะเขาจะโดนเขม่นแล้ว...  เขาอาจจะไม่กล้าพูดกับผมก็ได้...
‘Profile ที่ขึ้นรูปนี้ ก็อยากมีคนกดไลค์
ให้แชร์กันไป แต่ไม่มีใคร เสียดายตัวเราไม่หล่อ
ดูเธอในแต่ละวัน มีคนคุยด้วยมากมาย
ไอ้คนหล่อๆเธอคุยกระจาย ฉันทำได้แค่เฝ้ามอง

ความสุขแบบคนหน้าตาดีๆ มันเปนเช่นนี้จะได้รู้เอาไว้
แต่มีบางอันที่ เธอไม่มีวันเข้าใจ

ฉันว่านั่นคือหนึ่งคือเธอไม่เคยง้อขอใครให¬้มอง
อย่างที่สองคงไม่ถูกทิ้งให้เป็นตัวสำรองขอ¬งใครก็ตาม
อย่างที่สามเธอคงไม่คิดถึงใคร จนเก็บไว้ไปฝันละเมอ
สี่คือรักที่มักถูกล้อว่าคงไม่เจอ ... ถ้าเธอหน้าตาไม่ดี’
เสียงเพลงจากลำโพงของโรงอาหารเปิดเพลงที่ผมชอบมันพอสมควร  ชื่อเพลงคือ ‘สิ่งที่คนหน้าตาดีไม่มีวันเข้าใจ’ ของเสือโคร่ง ที่ร้องเพลงรถของเล่นนั่นแหละครับ...  แต่ผมอยากเปลี่ยนคือเพลงเป็นสิ่งที่คนหน้าตาไม่ดีไม่มีวันเข้าใจเหลือเกิน...  ได้แต่มอง...  ไม่กล้าเข้าไปคุย  โอ๊ย!สารพัดสารเพ...
“ไอ้กระดาษ...  มานั่งเหงาอะไรคนเดียว ฮึ!”เสียงพี่รหัสผม...  พี่อลันครับ  พี่อลันมีแฟนอยู่ปี4ชื่อพี่ดราฟ  อย่าแปลกใจว่าทำไมถึงชื่อเหมือนผู้ชาย  แฟนพี่อลันเป็นผู้ชายครับ...  ผมส่ายหน้าแล้วคนแก้วชานมเย็นของโปรดของคนที่ผมแอบมองอยู่... 
“แล้วนี่ไม่กิน?”พี่อลันชี้มาที่แก้วชานม 
“กินพี่กิน...  หิวนักก็ไปอ้อนพี่ดราฟดิ วู้!”ผมรีบดูดแก้วชานมจนหมด 
“ไอ้ขี้หวง  ดราฟมันเตรียมทำโปรเจกค์จบ  พี่ไม่อยากไปกวน”พี่อลันดันหัวผมเบาๆ...  ผมลุกขึ้น  อีก 5 นาทีจะได้เวลาเข้าเรียน... 
“งั้นผมไปก่อนนะพี่...  อ่ะนี่น้ำ”ผมดันแก้วให้พี่อลันก่อนจะเผ่นออกมา
“มีแต่น้ำแข็ง  ไอ้น้องรหัสเฮงซวย!”ผมหัวเราะกับเสียงด่าที่ไล่ตามหลังมา...    แกล้งนิดหน่อยพอให้หายเครียด...  ผมหยิบโทรศัพท์ล็อคอินเข้าเฟสบุ๊ค  เสิร์จหาคนๆหนึ่ง...
‘เรียนอีกแล้ว  เหนื่อยเว้ย!’ผมหัวเราะกับโพสล่าสุดของเขา...  เมื่อห้านาทีที่ผ่านมา...
‘ไม่ไหวกับหนังสือแล้ว  ลาตายก่อนน้า’ประกอบกับรูปกองหนังสือมีคนตัวอ้วนนอนหลับตาอยู่ด้านหลัง  ผมเซฟภาพนั้นแล้วเอามาตั้งเป็นภาพจอไอโฟนของผม...   

สองชั่วโมงผ่านไปไวเล็กน้อย  ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะแบกเป้เตรียมกลับหอ...  ระหว่างทางผมหยุดยืนรอที่เดิม...  เขากำลังยื่นลูกชิ้นให้หมาน้อย...  มันก้มลงกินแล้วสะบัดหางไปมา...  ผมมองภาพตรงหน้าก่อนจะรอจนเขาเดินจากไป...  บางทีการมองคนๆหนึ่งทำอะไรมันก็มีความสุขดีเหมือนกัน...  ผมวนรถจากลานจอดรถเพื่อจะออกไปที่หอ... 
เอี๊ยด!
ผมเบรกรถระหว่างที่กลังจะเลี้ยวโค้ง  หมาตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถผม... ด้วยความที่ผมกลัวมันตาย  ผมเลยยอมเสียเวลาลงจากรถไปดู  คงเป็นโชคดีของมันที่มันเข้าไปใต้ท้องรถพอดี  แต่ด้วยความที่มันตัวเล็กทำให้ไม่โดนอะไรใต้ท้องรถผม  และผมก็จำได้...  มันเป็นตัวเดียวกับที่ค้อนชอบเอาลูกชิ้นให้กินทุกวัน  ผมอุ้มมันออกมาก่อนจะปล่อยไว้ข้างทาง...  แต่ตอนที่ผมจะก้าวขึ้นรถ  มันกลับวิ่งมานั่งบนเบาะรถของผม  และไม่ยอมลงไปเสียด้วย
“อยากไปกับฉัน?”ผมถาม  มันแลบลิ้นแผลบๆไม่ตอบ...  ผมหัวเราะก่อนจะก้าวขึ้นรถ...  เอาเถอะ  ผมอาจจะใช้มันเป็นข้ออ้างคุยกับเขาบ้างก็ได้
โชคดีที่หอผมอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงได้  แต่ต้องห้ามทำเสียงดัง  หรือออกมาเพ่นพ่านสร้างความวุ่นวายให้คนอื่น  รวมถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆที่จะออกมาด้วย... ซึ่งผมก็มั่นใจว่าผมจะไม่ทำผิดกฎข้อไหนแน่ๆ... 
“หมาน้อย...  ชื่ออะไรดีน้า... หืม...”ผมลูบหัวมันหลังจากที่แบกเจ้าหมาน้อยขึ้นมาบนตึกเรียบร้อย...  มันแลบลิ้นน้ำลายไหล  จ้องผมตาแป๋ว...
“ชื่อ...  กรรไกร...  ดีมั๊ยเจ้ากรรไกร...  ค้อน กระดาษ  กรรไกร  มาเป่ายิ้งฉุบกันดีกว่า ฮะๆๆ”ดูท่าเจ้าหมาน้อยกรรไกรจะพอใจกับชื่อใหม่ไม่น้อย...  มันกระโดดมานั่งตักผมก่อนจะเอาจมูกดุดๆที่มือผมให้ลูบหัวมันเล่นเรื่อยๆ...

ผมตื่นเช้ามา...  วันนี้วันเสาร์  ผมจะไปหาเงินใช้  ที่จริงพ่อก็ส่งเงินให้ผมทุกเดือน  แต่ผมอยากหาเงินใช้เองบ้าง...  ผมอุ้มเจ้ากรรไกรไว้  ก่อนจะแบกกีต้าร์คู่ใจ ล็อคกุญแจห้อง  แล้วเดินลงไปที่รถมาสด้าสีเขียวคันโปรด...  เราหนึ่งคนกับหนึ่งตัวมุ่งหน้าไปยังที่ประจำ... ‘ตลาดนัดจตุจักร’
ผมเอาเจ้ากรรไกรไปผูกไว้กับเสาใกล้ๆกับที่ผมยืน  เปิดถุงกีต้าร์  อ้ามันไว้อย่างนั้นก่อนจะเริ่มเล่นไปเรื่อยๆ... 
“โอ้!เธอเจ้าซินเดอเรล่า คอยเธอมาลั้นลั้นล้า...”เสียงเกากีต้าร์กับน้ำเสียงนุ่มๆชวนฟังทำให้หญิงสาวหลายคนหยุดยืนฟัง  แบงค์20หลายใบถูกหย่อนลงในถุงกีต้ารที่เปิดอ้าไว้... 
“โฮ่งๆๆ”ผมหยุดเล่นกีต้าร์พร้อมกับหันไปมองเจ้ากรรไกรที่พยายามจะกระโจนไปหาใครสักคน  ผมหันไปมองตาม ก่อนจะพบกับ ‘ค้อน’...  ผมแทบหน้าคะม่ำ...  ใจเต้นรัวไม่กล้าสบตา  เขาเดินออกจากฝูงชนเดินเข้าไปหาเจ้ากรรไกร...
“นายเอามันไปเลี้ยง...”เขาถาม  ผมยืนอ้ำอึ้งก่อนจะพยักหน้า...
“มันกระโดดขึ้นมาบนรถ  ฉันเลยเอาไปเลี้ยง  ฝากนายดูมันแปปล่ะกัน  ขอฉันเล่นอีกสองเพลงเดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน”ผมพูดรัวก่อนจะหันไปดีดกีต้าร์ไม่ให้ใครท้วงอีก
“ความสุขแบบคนหน้าตาไม่ดี ทำได้แค่นี้ต้องเจียมเอาไว้ นี่แหละความขมหวาน ที่เธอไม่มีวันเข้าใจ
ทำเถอะทำยังไงเธอคงไม่มองหน้าตาหยั่งงี้ จะเป็นคนดี มันคงไม่มีความหมาย...”ผมร้องเพลงเพื่อส่งให้ใครบางคน  เขาจะเข้าใจหรือเปล่า...  ผมเองก็ไม่แน่ใจ  เมื่อโน้ตสุดท้ายจบลง  ผมโค้งหัวให้คนที่ยืนล้อมวงอยู่ก่อนจะเก็บเงินที่อยู่ในกระเป๋ากีต้าร์ใส่ถุงเล็กๆเอาไว้แล้วใส่กีต้าร์เข้าไปแทนเดินไปแก้เชือกแล้วจูงเจ้ากรรไกรเอาไว้
“ไปกินข้าวกัน...”ผมพูดแล้วออกเดินนำ ไม่กล้าหันไปมองว่าอีกฝ่ายเดินตามมาหรือไม่...  จนเมื่อถึงร้านก๋วยเตี๋ยว...  ถึงได้โล่งใจว่าใครอีกคนเดินตามมา...
“เอาเล็กต้มยำครับ”ผมหันไปสั่งเฮียเจ้าของร้านก่อนจะมองหน้าคนฝั่งตรงข้าม...
“บะหมี่ต้มยำครับ”เรานั่งรอไม่นาน  ก๋วยเตี๋ยวสองชามก็มาวางอยู่ตรงหน้า...
“นายชื่ออะไร”ผมถาม  ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนตรงหน้าชื่ออะไร รู้แม้กระทั่งที่อยู่ของเขา...
“ชื่อค้อน  นายชื่อกระดาษเดือนจิตวิทยาใช่มั๊ย”เขาถามกลับมา  ผมหัวเราะรู้สึกดีที่เขารู้จักชื่อผมแม้จะในฐานะเดือนคณะก็ตาม...
“ดีใจจังที่นายรู้จัก...”ผมยิ้ม...  เขาหลบตาก่อนจะจัดการบะหมี่ในชามตัวเอง... 
“ว่าแต่...  นายรู้จักเจ้ากรรไกร?”ผมถาม...  จริงๆแค่อยากหาเรื่องคุย  คำตอบผมรู้มาตั้งนานแล้วล่ะ...
“ก็เจอมันบ่อยๆแถวหลังคณะ...  มันชอบมารอลูกชิ้น...  วันนี้ไปหามันไม่เจอ...”ค้อนบอกเสียงเศร้าก่อนจะโยนลูกชิ้นให้เจ้ากรรไกร...
“ขอโทษนะ...”ผมก้มหน้าสำนึกผิด... เพราะผมเอามันมา  ทำให้ค้อนต้องกังวลใจ
“ไม่เป็นไรๆ  แค่เป็นห่วงว่ามันจะโดนรถชนรึเปล่าแค่นั้นแหละ...  มันยิ่งเซ่อๆอยู่”ค้อนเอื้อมลงไปลูบหัวเจ้ากรรไกร
“ถ้านายคิดถึง...  ไปหามันที่หอฉันก็ได้นะ...  ห้อง307  อยู่หลังมอน่ะแหละ”ผมเสนอ  ค้อนหัวเราะก่อนจะตอบ
“โอ๊ย!ไม่เอาหรอก  ถ้าไปหานายมีหวังเช้าวันถัดมา  ฉันโดนหญิงคณะฉันรุมซักแน่ๆ”เขายังยิ้มต่อเหมือนไม่คิดอะไรแต่แววตาของเขาดูเศร้าๆจนผมรู้สึกได้...
“งั้น...  ทุกวันเสาร์ฉันต้องมาที่นี้   นายมารอฉันก็ได้  ฉันจะเอาเจ้ากรรไกรมาด้วย โอเคนะ...”ผมบอก  เขาทำท่าคิดก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ...
“เอาแบบนั้นก็ได้...  ฉันจะแวะมาหามันทุกเสาร์แล้วกัน”
เรานั่งคุยกันสักพักก่อนจะเรียกเก็บเงินค่าก๋วยเตี๋ยวสองชาม...  ผมกับค้อนยังเดินเล่นอยู่ในตลาดพักใหญ่  ได้เสื้อมาคนละตัวสองตัวพอสนุก  หลังจากนั้นเมื่อพระอาทิตย์เริ่มอ่อนแรง  เราสองคนก็ได้เวลาลากัน   ค้อนเดินมาส่งผมที่รถ  เราโบกมือลาพร้อมกับผมที่ยกขาหน้าของเจ้ากรรไกรโบกตอบคนที่อยู่นอกกระจก  ผมสตาร์ทรถก่อนจะค่อยๆออกตัว...  ไม่อยากจาก  แต่ไม่เป็นไร  อย่างน้อยอีกแค่ 6 วันผมก็จะได้เจอกับเขาอีกครั้ง
หลังจากที่กลับมาที่หอ  ผมก็จัดการให้ตัวเองและให้เจ้ากรรไกรตัวน้อยๆที่เกลือกกลิ้งอยู่บนโซฟา  มันครางหงิงๆไปตามเรื่อง...  ผมเทอาหารให้มันในจานข้าวเปิดหน้าต่างไว้เล็กๆพอให้มันเอาจมูกไปซุกดมอากาศบริสุทธิ์ได้  แต่ไม่ให้มันออกไปด้านนอก...  เพราะผมกลัวมันจะหลุดรั้วออกไปข้างนอก... คือห้องอยู่อยู่ชั้นสาม  หลุดไปก็ตกลงข้างล่างอย่างเดียว  และผมก็ไม่อยากเสี่ยงแบบนั้นซะด้วยสิ

วันเสาร์และอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว...  ผมนั่งอยู่ที่โรงอาหารที่เดิม...  พร้อมกับกลุ่มคนเดิมๆราวกับนัดกันเอาไว้  เพียงแต่คราวนี้ผมสามารถยิ้มให้ใครอีกคนในโต๊ะนั้นเห็นได้...  ค้อนยิ้มกลับมาก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนเหมือนเดิม  ผมนั่งกินผัดไทที่สั่งไว้เกือบสามสิบนาที...  และยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นจบเกือบได้เวลาเข้าคลาสเรียน  ผมเรียนไปรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง...  ตามสไตล์ชิวๆของตัวผมเอง  พอตอนเย็นก็กลับไปให้อาหารเจ้ากรรไกร  อ่านหนังสือที่เรียนไปวันนี้  แล้วก็ทำอะไรเรื่อยเปื่อย  แต่ที่ทำประจำคงจะเป็น...  เสิร์จหาบ้านของค้อนในกูเกิ้ลแมพ  มองหลังคาบ้านแล้วก็สุขใจเบาๆ...  สักวันผมจะไปอยู่ที่บ้านหลังนี้ให้ได้  สัญญากับตัวเองเลย 
แล้ววันเสาร์ก็เวียนมาอีกรอบ...  ผมเล่นกีต้าร์ไปเกือบๆสี่สิบห้านาที  คนที่ผมรอก็โผล่มาเล่นกับเจ้ากรรไกรเหมือนเดิม...  ผมเก็บเงินพร้อมกีต้าร์ก่อนจะถอดสายจูงของเจ้ากรรไกรออกจากเสา  พามันไปเดินเล่น  ผมกับค้อนเดินคู่กันไปเรื่อยๆ  เสียงหัวเราะของเขามันทำให้ผมยิ้มได้  ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราคุยเรื่องอะไรกันอยู่  เคยเป็นกันมั๊ยครับ  เวลาที่เราได้คุยกับคนที่เราแอบชอบแล้วมันจะรู้สึกเหมือนตัวลอยๆ  พอเห็นเขายิ้มเราก็จะเผลอยิ้มตามแบบไม่รู้ตัวน่ะ  ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาสูงกว่าผมนิดหน่อย  นิดหน่อยจริงๆนะครับ  แต่อาจจะว่าเพราะผมตัวบางกว่าเยอะ  เลยทำให้ดูเหมือนเขาตัวโตไปเลย  แต่ใครจะสนล่ะ  อ้วนๆแบบนี้น่ากอดจะตาย  ฮาๆๆ
“ดาษๆ  กระดาษได้ยินผมมั๊ยเนี่ย”ค้อนส่งเสียงเรียก  ผมสะดุ้งก่อนจะหันซ้ายหันขวา  ค้อนหัวเราะน้อยๆที่ผมเหวอ 
“นายนี่ตลกดีนะ  เห็นเป๋อๆแบบนี้ฉันเริ่มไม่เชื่อแล้วสิว่านายน่ะเป็นเดือนคณะ”เขาแหย่ผม  ส่วนผมหน้ามู่ลง  ก่อนจะพึมพำคนเดียว
“ถ้าไม่ใช่เพราะนาย  ฉันไม่ลงแข่งหรอก”
“ห๊ะ! นายว่าอะไรนะ  ฉันได้ยินไม่ชัด  ขออีกทีดิ”เขาเงี่ยหูมาใกล้ๆแต่ผมก็เอามือดันออก...
“ไม่มีอะไรหน่า...  จูงเจ้ากรรไกรไปเลย  ฉันจะไปซื้ออาหารมาให้มัน  แปรงหวีขน  น้ำยาอาบน้ำ  ที่นอนอีก  สารพัดเลย”ผมโวยวาย  ทั้งๆที่ของพวกนั้นผมซื้อตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วไปหมดแล้ว  ค้อนคงสังเกตได้  เขาหัวเราะน้อยๆแล้วเอามือโยกหัวผมเหมือนผมเป็นเด็กๆ  ผมหันไปแลบลิ้นแล้วผลักอกเขาแรงๆ  แต่เขาไม่ยักเซเลยสักนิด
“ฐานมั่นคงชะมัด ฮึ!”ผมบ่น  แต่ทีนี้ค้อนกลับไปยิน  เขาหัวเราะแล้วแลบลิ้นใส่ผมบ้าง
“ผมไม่ผอมแบบใครบางคนหรอก  เห็นแล้วกลัวจะปลิวซะวัน”แล้วเขาก็แกล้งผลักผมกลับ  ทำเกือบหน้าคะมำถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยล็อคตัวผมเอาไว้ได้ทันเวลา...
“เฮ้ย! โทษทีๆ  ไม่คิดว่าจะเซขนาดนี้  ตัวบางจริงอะไรจริงนะนายเนี่ย...”ผมเบ้ปากแล้วโวยวายเสียงเบา...  จากนั้นเราก็เดินไปหาของกิน  เขาก็กินน้อยดี  ไม่รู้ทำไมถึงอ้วนก็ไม่รู้สิ...  ออกจะเป็นผมด้วยซ้ำที่กินเยอะกว่าเขา...
 

ต่อข้างล่างฮับ
v
v
v
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 11-10-2013 23:50:30
(รับไม้จากข้างบน  ต่อเลยฮับ)


วันเสาร์ผ่านไปสี่ครั้ง  เป็นสี่ครั้งที่เราเจอกันที่เดิม  ทำอะไรเดิมๆ  และผมก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งไป  ตอนนี้ค้อนไม่เกร็งกับผมแล้ว  เขาเล่นหัวกับผมได้อย่างปกติ  และผมก็รู้อีกอย่างหนึ่งว่า...  ค้อนยิ้มได้สดใสจริงๆ  โดยเฉพาะเวลาที่เขายิ้มให้ผม...
“ค้อนๆ  คืนนี้ไปกินเหล้ากัน”ผมชวน...  ค้อนคิดก่อนจะพยักหน้า...  ผมไม่พาไปไหนไกล  ร้านเหล้านี้อยู่หลังมอ  ใกล้ๆหอพักผม...  ผมเอาเจ้ากรรไกรขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนจะเดินลงมาอีกครั้ง  ค้อนยืนรออยู่  เราสองคนเดินไปที่ร้านเหล้า  ส่วนหน้าที่สั่งผมให้ค้อนจัดการ  จากนั้นเบลน285 พร้อมมิกซ์อีกบานก็ถูกลำเลียงลงตรงหน้า  ผมสองคนกินไปคุยไป... และก็คงไม่พ้น
“ค้อนแข่งกัน...  ใครเมาก่อนแพ้!”ผมท้า  ซึ่งค้อนที่กรึ่มๆตอนนี้ก็ไม่ปฏิเสธ  แก้วแรก แก้วสอง สาม สี่ ห้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ทั้งผมทั้งค้อนต่างโงนเงน  แต่ไม่มีใครยอมใคร...   ผ่านไปแก้วเดียว...  แต่หลายครั้งพอสมควร  คนร่างหนาก็ฟุบลงไปก่อน  ผมหัวเราะแล้วเรียกเก็บเงิน   แม้จะเป๋...  แต่ผมก็ยังรู้ผิดชอบอยู่...  ผมแบกร่างหนาที่เกือบทับผมตาย  ปกติผมจะเดินขึ้นบันได แต่วันนี้ขอเถอะ...  ถ้าไม่พึ่งลิฟท์ผมคงสลบตั้งแต่บันไดขั้นสาม  พอได้มาแบกมัน ถึงได้รู้ว่ามันตัวใหญ่และก็หนักเอาการ...  แขนกับขาผมสั่น  เกือบจะล้มอยู่หลายครั้งหลายครา  แต่สุดท้ายก็อดทนแบกมันเข้าห้องมาได้จนสำเร็จ...  ผมไล่เจ้ากรรไกรไปอยู่ในห้องน้ำไม่ให้มันมาวุ่นวายก่อนจะเปลี่ยนชุดให้ตัวเองที่เต็มไปด้วยเหงื่อ  ห้องดูหมุนๆพอๆกับใจเต้นแรง...  ผมได้อยู่กับคนที่ผมชอบ  เขานอนอยู่บนเตียงของผม  เราอยู่ในห้องเดียวกัน...  ผมหัวเราะให้กับความคิดเพ้อๆ  ก่อนจะนอนลงข้างๆ  คิดว่าเขาคงไม่คิดอะไรมากถ้าตื่นขึ้นมาแล้ว...
“อือ...”ผมอึดอัด  มันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างทับอยู่บนตัวผม 
“เฮ้ย!ค้อน”ผมลืมตาตื่นเต็มตา  ค้อนกำลังทับอยู่บนตัวผม...  สองมือกำลังเลิกเสื้อผมให้สูงขึ้น  ผมยกมือขึ้นดันคนตัวใหญ่  แต่นั่นแหละ  ใครมันจะไปดันไหวล่ะ!
“ค้อน ตื่นๆ  ค้อนนนน!!!!  โว้ย! ทำอะไรวะเนี่ย”ผมโวยวายเมื่อคนด้านบนไม่ยุ่งกับเสื้อผมแต่กำลังถอดกางเกงผมออกแทน 
“ค้อน...  ไม่เล่นแล้วนะ  พอให้พอไง  ไม่เอานะ...  แบบนี้ไม่เอา  เมาแล้วอย่าเลื้อยดิ”ผมส่ายหน้าหนีริมฝีปากที่พยายามก้มลงมา  ยิ่งผมหันหน้าหนี  คอที่ว่างก็ถูกอีกฝ่ายดูดดุนและกัดจนเจ็บ  ผมน้ำตาไหล...  มันไม่ใช่ว่าเจ็บอะไร  แต่ผมไม่อยาก...  ค้อนเมา... นี้เป็นครั้งแรก  ผมอยากให้กับใครสักคนที่รักผมจริง  ไม่ใช่แค่คนเมาคนหนึ่ง...
“ขอโทษ...  ไม่ทำแล้วๆ  อย่าร้องนะ...  รู้ว่าหน้าตาไม่ดี  ดาษคงไม่ชอบ  ขอเป็นคนเมาคืนหนึ่งได้มั๊ย  ตื่นเช้ามาจะลืมให้หมดเลย”ฝ่ามือหนาและอุ่นลูบน้ำตาผมเมาๆก่อนจะประทับจูบลงที่หน้าผาก  เสียงนั้นไม่ได้บ่งบอกว่าเมาสักนิด...  ผมลืมตาอีกครั้งแล้วมองคนที่ค่อยๆยกตัวเองออกจากการทับบนตัวผม 
“ขอโทษนะ...  เดียวเช้าแล้วจะรีบไป”ค้อนลุกไปนั่งยีหัวตัวเอง พึมพำอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว  ผมดันเสื้อลงแล้วดึงกางเกงขึ้น  ผมลุกขึ้นนั่งข้างๆ
“ไม่ใช่หน้าตาไม่ดี...  ไม่ใช่ไม่ชอบ...  อย่าทำเป็นเมาได้มั๊ย  มาคุยกันดีดีสิ”ผมเอื้อมมือไปจับแขนคนตรงหน้า...  ค้อนหันมา  แสงที่สว่างเล็กน้อยทำให้ผมเห็นแววตาของค้อน  มันเจ็บปวดแล้วก็หวั่นไหว...
“คิดว่าเป็นคำพูดของคนเมาได้มั๊ย  อย่าใส่ใจ  เสาร์หน้าเราจะไปเจอกันที่เดิม...  ไปเล่นกับกรรไกร  ไปเดินเล่นด้วยกันเหมือนเดิม...  กระดาษ...  ชอบนะ...”ผมช็อคกับคำพูดของคนตรงหน้า  ค้อนพูดแต่ผมไม่ทันได้ห้ามเขา  ไม่ทันบอกว่าไม่ลืม  และผมก็ชอบเขาเช่นกัน
“ค้อน! อย่าไป...”ผมเรียกเสียงแผ่ว  ล้มตัวลงนอนก่อนจะค่อยๆถอดกางเกงออก...
“ถ้าชอบเราจริง...  ก็กอดเราสิ”ผมอ้าแขนออกรอความอบอุ่นของใครบางคนมาเติมเต็ม  นับหนึ่งไม่ทันถึงสาม  ร่างสูงใหญ่ก็โถมมาใส่ผมเต็มแรง  ถึงจะจุกแต่ก็เต็มใจที่จะเจ็บ 
“ชอบเหมือนกัน...  ชอบนะ  ชอบๆๆๆ  ชอบที่สุดเลย”ผมพร่ำบอก...  ค้อมกอดผมแน่นก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาประทับกับปากของผม  เราจูบกันอย่างอ้อยอิ่ง  แต่มือสองข้างนั้นกลับไม่อ้อยอิ่งตาม  ผมและค้อนช่วยกันเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่าย...  ค้อนเป็นคนที่ตัวใหญ่มีหน้าท้องนิดๆ  ถ้าถามว่าเขาดูดีมั๊ย...  ถ้าคนอื่นเห็บคงบอกว่าเฉยๆ  เขาไม่ได้หล่อไม่ได้เท่ห์เหมือนใคร  แต่ในสายตาผม  เขาดูดีมากพอแล้วสำหรับคนอย่างผม...  เราลูบไล้ร่างกายอย่างโหยหา  ลิ้นร้อนของเขาไล่วนอยู่ที่บริเวณอกและหน้าท้อง  มือยาวกอบกุมประสานมือของเราทั้งคู่ไว้แน่น...
“อ่ะ... อ่าาาาาา...  ค้อน   ค้อน...เรียกชื่อผม  กอดผม  ค้อน....”ผมครางอย่างสุขสม...  ผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้  ค้อนปล่อยมือผมข้างหนึ่งมาลูบใบหน้าก่อนจะเอื้อมมือลงไปเบื้องล่าง...
“กระดาษ...  แน่ใจแล้วนะ... ผมยังหยุดได้นะ แค่ในตอนนี้”เขาถาม  ผมอยากจะหาอะไรมาปิดปากเขา  บอกให้เรียกชื่อผม  แต่เขากลับถามอะไรไม่รู้...  ผมยอมถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ  และทันทีที่คิดได้  ผมก็โน้มตัวเพื่อไปจูบเขาเอาไว้...  ลิ้นของผมทำหน้าที่ได้ดีในปากของเขา  เราหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน  ก่อนที่ผมจะหลับตาและอ้าปากค้างทันทีที่เขาสอดนิ้วแรกเข้ามาในช่องทางของผม  มันเจ็บจี๊ดไปถึงไขสันหลัง  ช่องทางของผมขมิบถี่รัว  เหมือนมีหัวใจอีกดวงไปเต้นอยู่ตรงนั้น  หวาดกลัว  แต่ก็เต็มใจ...
“อย่าเกร็ง... คนดี...  ทำตัวสบายๆนะ  กระดาษ... นะครับ”เสียงที่ออดอ้อน  ผมหายใจเข้าหนักๆก่อนจะค่อยๆผ่อนคลายการรัดตัวของกล้ามเนื้อ  รู้สึกทันทีว่ามีนิ้วอีกนิ้วสอดเข้ามา  ทั้งสองนิ้วช่วยกับขยับและคว้านไปทั่ว  ผมกระตุกและเผลอเกร็งไปหลายครั้ง  ทุกครั้ง... ก็จะมีเสียงนุ่มๆและริมฝีปากนุ่มๆค่อยปลอมประโยนอยู่ใกล้ๆจนผมรู้สึกดี
“อ๊ะ! ตรงนั้นๆ  ค้อนนนน”ผมผวาขึ้นกอดคนด้านบน  เมื่อนิ้วทั้งสามของเขาไปโดนจุดๆหนึ่งในร่างกายของผม   มันเสียวจี๊ดจนผมเกือบแตก...  ยิ่งเขารู้  ค้อนก็ยิ่งเร่งเร้า  เขาขยับนิ้วให้โดนจุดๆนั้นถี่ยิบ  ผมรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะ  มันกำลังพุ่งขึ้นสูงสุด...
“อ๊าาาาาาาาาา.....”และตกลงมาด้วยความเร็วสูงพร้อมๆกับลูกน้อยหลายพันตัวของผมที่พุ่งออกจากท่อ  นี้เป็นครั้งแรกที่ผม ‘เสร็จ’ โดยไม่ต้องใช้มือช่วย  ค้อนยิ้มน้อยๆก่อนจะปาดลูกๆของผมไปป้ายที่ของๆเขา...  ผมลืมตามองเจ้าค้อนน้อยๆกระดกหัวหงึกๆทักทายกับผม  นั่นทำให้ผมอายจนต้องดึงหมอนมาปิดหน้า...
“อะไรกันครับ  ทำความรู้จักไว้สิ...  เดี๋ยวเจ้านี้ก็ต้องไปรู้จักกับคุณแล้วนะ”ค้อนหัวเราก่อนจะเอื้อมมือดึงมือของผมออก...  และแล้วฝ่ามือของผมก็ได้สำผัสกับเอ็นหยุ่นๆ  มันก็เหมือนกับของๆผม  แต่ผมกลับตื่นเต้นมากกว่าเมื่อจับของคนอื่น...  ค้อนดึงมือผมให้รูดขึ้นลงสามสี่ครั้งก่อนจะซี๊ดปาก...
“พอแล้วครับคนดี...  เดี๋ยวจะเสร็จซะก่อน...  ผมจะเข้าไปแล้วนะ”ค้อนบอกพร้อมกับประทับจูบให้ผมอีกครั้ง  แรงถูไถเบาๆที่ด้านหลังทำให้ผมหลังตาปี๋แต่ก็พยายามผ่อนคลายเพื่อเปิดช่องทางด้านหลังให้มากที่สุด...
“อ๊ะ... อ่ะ”กว่าจะหลุดส่วนหัวเข้ามาได้  ก็ทำผมเหงื่อแตกพลั่กๆ  ค้อนลูบหัวผมก่อนจะจูบผมแล้วเอาอีกมือรูดเจ้ากระดาษตัวน้อยเร็วๆ   ผมค่อยๆผ่อนคลายช้าๆ 
“อุก!! ค้อน!!! เจ็บ!!”ผมโวยวาย  เขาทำให้ผมเผลอแล้วแทงเข้ามาทีเดียวทั้งลำ  นั่นทำให้ผมถึงกับน้ำตาไหล  มันทรมานมาก  ท่อนลำที่อยู่ในตัวผมอุ่นร้อน  และร่างกายของผมก็พยามยามขับสิ่งแปลกปลอมออกไปด้วยการตอดรัดอย่างรุนแรง...  ค้อนยิ้มให้ผมก่อนจะค่อยๆดันมันเข้าออกช้าๆ
“อ๊ะๆๆ   ค้อน  มัน... มันเสียว”ผมร้องครางอย่างน่าอาย  เจ้านั่นของค้อนผลุบเข้าออกในช่องทางของผม  ค้อนดันตัวผมให้ชนกับหัวเตียง  ซึ่งนั่นทำให้ผมเห็นท่อนของค้อนกำลังเข้าออกในตัวผมอย่างชัดเจน  ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมมากกว่าเดิม  และแน่นอนมันเสียวกว่าเดิมด้วย...
ค้อนมีวิธีแกล้งผมได้หลากหลาย  เขาขยับตัวเร่งอย่างรุนแรงจนตัวผมสั่น  แล้วก็หยุดค้างไม่ยอมขยับจนผมต้องตีไหล่เขาไปแรงๆ  และนั่นจะมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเขา...  บางทีเขาก็ใส่อย่างช้าๆและเร่งจนผมเกือบแตกครั้งที่สอง  แย่ตรงที่ว่าเขากันไม่ยอมให้ผมปลดปล่อย  ผมเกือบจะน้ำตาไหลอยู่หลายครั้ง  แต่เขาก็ปลอบประโลมด้วยการกระแทกใส่ผมแรงๆจนผมได้ปล่อย ‘มัน’ ออกมา...  แรงเสียดสีในช่องทางของผมผ่านมานานเท่าไรไม่รู้  แต่ตอนนี้มันชุ่มช้ำไปด้วยน้ำของค้อน  มีบ้างที่ไหลออกมาข้างนอก...  เสียงหนึบหนับที่ดังเวลาขยับมันทำให้ผมอายจนอยากจะหนี  แต่ก็ทำไม่ได้  ค้อนดันตัวผมให้คลานเป็นท่าหมา  ซึ่งนี้เป็นท่าที่ห้าและที่เขาให้ผมเปลี่ยน  แรงกระแทกทำให้ผมเสียงสุดๆ  ท่านี้ทำให้ผมตื่นเต้นกว่าเดิม...  ท้าวแขนบนเตียงได้ไม่เกินค้อนกระแทกสี่ครั้งแขนผมก็ผมแรงลงไปกองกับที่นอนมีเพียงสะโพกเท่านั้นที่ค้อนยังประคองมันเอาไว้...   ผมแตกไปแล้วสี่น้ำ...  แต่ค้อนเพิ่งไปถึงแค่สองครั้ง...  ผมเหนื่อยจนแทบหมดแรง  แต่ค้อนยังดูคึกคักไม่สิ้นเรี่ยวแรงเอาง่ายๆ...  นี้ผมคิดผิดรึเปล่าที่มาชอบมันน่ะ!
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะครับ...  ทำให้หน่อยนะ  นะครับคนดีของค้อน... นะๆ  ไม่ยากหรอก เดี๋ยวค้อนประคองนะครับ”เสียงออดอ้อนบวกตาละห้อยไม่ได้ทำให้ผมเห็นใจแต่ประการใด  ค้อนทำแบบนี้มาแล้วสามครั้ง  และทุกครั้งก็ทำให้ผมเหนื่อยสุดๆ  ผมอยากจะหยุดตั้งแต่น้ำสองหรือสามแล้ว  ไอ้น้ำสี่เนี่ยล่ะที่ผมมาเสียท่ามัน  แล้วกว่าจะปล่อยได้แต่ละครั้งโดนแกล้งแล้วแกล้งอีกจนเข็ด
“ครั้ง... อ่ะ... สุดท้าย... นะ  อ่ะ! ค้อนๆ”ผมทุบอกคนข้างล่างดังปึก! เมื่อค้อนดันขยับตัวขึ้นมา  มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ใช่ว่าผมกำลังนั่งพักอยู่บนตัวของค้อน  และไอ้นั่นของค้อนก็ยังอยู่ในตัวของผม  ผมสูดหายใจก่อนจะค่อยๆขยับตัวช้าๆ  ขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ  มือสองข้างยันไว้ที่หน้าอกของค้อนกันล้ม  และมือของค้อนก็ประคองไว้ที่สะโพกของผม  มันเสียวจริงๆนะท่านี้  ผมรู้สึกว่ามันอยู่ลึกกว่าเดิมและใหญ่กว่าเดิม  ผมรู้สึกถึงมันได้มากกว่าทุกๆท่าที่ทำมา... 
“ดาษๆ  อ่า...  นั่นแหละแบบนั้น... ดีมากคนดี...”ค้อนพึมพำออกมาบ้าง  ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย  ผมขยับกายอย่างรวดเร็วขึ้น  ไอ้หนูของผมเด้งขึ้นลงกระทบกับหน้าท้องของค้อนดังพับๆๆ  ค้อนยิ้มแล้วจิ้มเจ้าหนูของผมเบาๆ...
“น่ารักจริง  พยกหัวให้ผมใหญ่เลย  กระดาษ  นายดูสิ...”ค้อนเริ่มจิ้มมันแรงขึ้นก่อนจะพูดแหย่
“ฮะ... บ้า...  นายมันบ้า  ค้อน... อ่ะ อ๊า....”ผมโวยวาย  รู้สึกได้ว่าแก้มร้อนฉ่า...  ค้อยหัวเราะก่อนจะจับมันรูดขึ้นลงให้แรงๆ  ผมหอบหายใจหนัก  แขนที่ท้าวไว้เริ่มหมดแรง...  ผมหยุดนิ่งอยู่แบบนั้นและดูเหมือนว่าค้อนจะเข้าใจในท่าทีของผม  ค้อนจับสะโพกของผมยกขึ้นก่อนจะเด้งเอวสวนทั้งๆที่ผมนอนทับตัวของเขาอยู่  แรงเด้งเอวทำให้ผมจุกเสียด...
“อ๊ะ...อ๋า...  ค้อนๆ  ไม่ไหวแล้ว”ผมครางเสียงแผ่ว  ใกล้หมดแรงเต็มทน...  ค้อนหันมาจูบกับผมก่อนจะเร่งเครื่องเต็มแรง...
“พร้อมกันดาษ...  ไปพร้อมกัน”ผมหลับตาแน่น...  ความเสียวซ่านกำลังพุ่งทะยาน  ผมอุ่นวาบในช่องท้องเมื่อรู้สึกถึงแรงดันอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้าใส่  แต่ผมเพลียแล้วก็หมดแรงมากๆจริงๆ...  ค้อนค่อยๆถอนตัวออก  เสียงดัง ‘บล็อก’ ดังก้องในห้องเงียบๆ  ผมปรือตามองคนตรงหน้า...  ค้อนยิ้มแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากผมเบาๆ  ในความง่วงงุน  ผมรู้สึกถึงความเปียกที่ถูกไถบนร่างกายของผม  นิ้วยาวที่คุ้นเคยสอดเข้ามาในช่องทางที่ตอดตุบของผม  คว้านเอาสิ่งที่ค้างคาอยู่ภายในออก  จนเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น  แรงอ่อนยวบของเตรียมพร้อมกับอ้อมกอดที่อบอุ่นก็พาดเข้ากับเอวผม...
“นอนนะครับคนดีของค้อน”ผมยิ้มให้กับตัวเองในความมืด...  เสียงเพลงที่คุ้นเคยดังลอดเข้ามาในห้องทั้งๆที่ใกล้จะหลับเต็มแก่...

‘ความสุขแบบคนหน้าตาไม่ดี ทำได้แค่นี้ต้องเจียมเอาไว้ นี่แหละความขมหวาน ที่เธอไม่มีวันเข้าใจ’

ผมอยากเถียงใจจะขาด...  ทำได้แค่นี้... เหอะ!  ทำได้ขนาดนี้สิไม่ว่า!!  แล้วใครว่าไม่เข้าใจ...  โคตรเข้าใจเลยต่างหาก ถ้าไม่เข้าใจเขาไม่เพลียและคิดว่าพรุ่งนี้คงได้นอนทั้งวันเพราะเป็นหวัดอยู่แหงๆ   จำไว้เลยไอ้คนหน้าตาไม่ดี  ขอคราวหน้ารอไปเลยอีกห้าเดือนโน่นไป๊...  ทำทีสูบพลังชีวิตเขาหายไปจนเหลือแค่ขีดแดง...  โว้ย! ง่วง...
“นอนได้แล้วคนดีของค้อน”เสียงสุดท้ายที่ตัดสติของกระดาษให้หลุดจากทุกอย่างเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว...

--------------------------------------------------The End---------------------------------------

เฮือก! เพิ่งเคยเจอ โพสเดียวไม่พอต้องแยกสอง

ลงถี๊ถี่  สามวันสามตอน  ทุบสถิติแหลกราน....  อยากแบ่งเป็นสองพาร์ทแต่ดูแล้วสั้นเล็กน้อย...  เอาไปแค่นี้ก่อน  ตอนพิเศษอาจตามมาเพราะรู้สึกว่ามันไม่เคลียร์...  มาขอเม้นต์ได้มั๊ยอ่ะ  คือแบบผมเป็นคนบ้าที่ลงแยกกระทู้ไว้  สามตอนได้โพสพอๆกับเรื่องนี้เลย  เดี๋ยวจะหันไปปั่นเรื่องนั้นอย่างเดียว(ฮา)  คนเขียนบางทีก็อยากได้ฟีทแบ็คบ้างนะ...  แบบติชมนิดหนึ่ง  ฉาก...น้อยไป หรือไม่แรงพอไร๊เงี๊ยะ (ฮา)  ขอบคุณที่อ่านและชม 

ปล.+1ด้วย  ครุคริ... 
ปล.2  เม้นต์ด้วย  ไม่เม้นต์งอน  //โดนเตะ :z6:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 12-10-2013 18:05:46
 :z2: :z10: :z13:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Der Adler ที่ 12-10-2013 18:15:06
อุบ๊ะ!!!! ตอนใหม่...มาแบบเป่ายิงฉุบด้วย  :hao7:

สนุกดีอ่ะ....เนื่้อเรื่องน่ารักมาก :mew1:
ไม่มีต่อจากนี้เหรอ..... :katai1:

ปล.ชอบทุกเรื่องที่อ่านมา เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค้าบบบ :L2: :L2:
เขียนออกมาเยอะๆๆๆๆเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 12-10-2013 19:05:28
คู่นี้น่ารักอีกแล้วนะ  ฉากนั้นก็...มันส์เนอะ  ขอบคุณสำหรับอีกเรื่องคัฟคนเขียน^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-10-2013 09:15:14
คนหน้าตาไม่ดี แต่หื่นมากกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 13-10-2013 14:37:43
ไม่มีพาร์ทของค้อนมั่งหรออยากรู้ว่าค้อนชอบกระดาษได้ไงอ่ะ
เนื้อเรื่องน่ารักอีกล่ะชอบๆๆๆสนุกดี^^
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ](12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 14-10-2013 22:27:14
เขียนฉากต่อของค้อน.... น่าสน... ไว้อาจจะมาแต่งเพิ่ม.... คิคิ
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ]nc-18(12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 14-10-2013 23:14:14
นึกว่ากระดาษ จะห่อค้อนสะอีกกก  :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: T@NGรวมเรื่องสั้น [สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ]nc-18(12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 22-11-2013 17:46:46
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั่นทุกเรื่องเลยนะคะ     :pig4:     :pig4:

สนุกมากเยคะ  :-[     :o8:
หัวข้อ: Re:T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า...แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯ)5-12-56
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 06-12-2013 00:05:20
                                 คำไม่สุภาพเยอะ  ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                                          ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
                                                            ตอนพิเศษ  วันพ่อ

          วันนี้วันอะไรครับ...  ครับ  วันนี้วันพ่อ!!! และผม ไอ้บ้าคนนี้แหละ มีวัตถุประสงค์อย่างยิ่งยวดที่จะไปหาพ่อ...  ของไอ้สัก!! ตั้งแต่คบกันมานะครับ ผมล่ะไม่เค๊ยไม่เคยจะได้ไปหาพ่อมันเลย...
“อิมเพิ่งไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะครับ”ไอ้...  รู้ความคิดในใจกูอีก  ปั๊วใครวะเนี่ย  เอามันไปเก็บ ผมจะบ่นต่อ!!
“อิมคร้าบบบบ  วันนี้สักต้องไปทำงานให้พ่ออิมนะครับ  ไปอยู่กับพรตกับต๊อกได้มั๊ย  แล้วเดี๋ยวเย็นๆผมไปหา” ไฝว์ได้มั๊ยครับ  โมโห  มีผัวใหม่แม่ง  ชิ!
“ไม่เอา  ไม่รู้  ไม่คุยด้วยแล้ว  เชอะ!!”กระแดะมั๊ยครับ  โคตรกระแดะ...งานมันก็ใช่จะมากมาย  เห็นไอ้บ้าเป็นคนบ้าแบบนี้ก่อนบ้าผมก็ไปบริหารงานที่แก๊งค์มาแล้วนะครับ  ไม่งั้นจะบอกได้ไงว่าไม่ชอบ...
“นัทครับ  ไม่เอาแบบนี้นะ  นัทก็รู้ว่าสักเหนื่อยนะครับเนี่ย...  ทั้งงานโรงพยาบาลทั้งงานแก๊งค์  นัทเข้าใจสักหน่อยนะครับ”ผมบอกไปรึเปล่า  ไอ้นี่มันไม่เลิกสายงานตัวเองนะ  เป็นทั้งหมอทั้งหัวหน้าแก๊งค์  เข้ากับบรรลัย  ทำร้ายเค้าแล้วก็ไปรักษาให้เค้า  ไอ้บ้า!!
“จะไปหรือไม่ไป...”ผมถามครั้งสุดท้าย อยากหยิบปืนมายิงแม่งจริงๆครับ  ไอ้พวกรักนะแต่ไม่แสดงออกเนี่ย  กูเพลียครับ  แสดงออกบ้างก็ด๊ายยยยย  อยู่กันมายี่สิบกว่าปี  อะไรจะสงบเหมือนกับน้ำในแก้วได้ขนาดเน้!!!
“ไม่ครับ...  ไว้ค่อยไปพรุ่งนี้เช้านะครับ”มันต่อรอง  แต่!! ผมงอนเว้ยครับ!!
“เหอะ!”ไม่บ้าครับงานนี้  งอนให้แม่งรู้เลย  อารมณ์เสียอารมณ์เสียอารมณ์เสีย  น่าโมโหมันน่าโมโหผู้ชายอะไร!!
“นัท...  พ่อมึงนั่งอยู่นี้นะครับ  วันพ่อ มึงก็มาหาพ่อสิครับ  ไอ้สันขวาน!!”เสียงพ่อบังเกิดเกล้าดังจากนอกห้อง  เหอะ! อ่านข่าวยามเข้าชิลๆ  ปล่อยให้ลูกเขยทะเลาะกับลูกตัวเอง  พ่อแบบนี้... แม่ง!!!
“เจอมา40กว่าปีแล้วพ่อ  อยากเจอพ่อคนอื่นบ้าง จบป่ะ!”
“จบชีวิตมั๊ยไอ้ลูกชาย  ไอ้สลัดผัก  ก็พ่อมึงคนนี้ไม่ใช่รึไงที่เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวป้อนขี้ป้อนเยี่ยว  เหี้ย! ป้อนข้าวป้อนน้ำให้มึงโตเนี่ย  เดี๋ยวกูก็ส่องด้วยอาก้าหรอก  ปล่อยลูกชายกูทำงาน  มึงอ่ะ  ไปนั่งเล่นเกมที่ห้องเงียบๆไป๊”มาเป็นชุด  ส่วนผมเหรอ?
“งอนพ่องอนสัก โป้ง! เชอะ!!!”แบ๊วได้อีกกู  แต่...  แคร์เหรอ  ไม่ครับ  คนอย่างไอ้บ้า  หน้าตาดีไม่มีพิษภัย  ใสๆสไตล์ออโรร่าาาาาาา!!!  นี่ตรูทัมเพื่อคร๊ายยยยย  ดูปากไอ้บ้าอีกครั้งนะครับ  ตรู-ทัม-เพื่อ-คร๊ายยยยย  ข้อควรระวัง  เวลาพูดแล้วหนีตีนให้ทันนะครับ...

            ผมเดินเตาะแตะแบบเป็ดหันเดิน  ท่าอุบาทว์ดีนะครับ ลองทำดู... ไปบ้านอีกสามหลังถัดไปด้านขวามือ...  บ้านพ่อสัก  ใกล๊ใกล้แค่นี้  มันไม่มีเวลาพามา  คิดดู๊!!!  อยากจะไฝว์!!! 
“ตาเลิศศศศศสะแมนแตน...  ดีครับท่าย  สบายดีครับผม”ผมตะโกนลั่น  คนใช้หลายคนหันมามองหน้าแล้วส่ายหน้าเบาๆ  อย่าเสียดายพี่เลยครับ  ผัวพี่โหด  คริคริ....
“อ้าวไอ้บ้านัท  มาอีกแล้วเหรอมึง  เอาลูกชายกูไปปู้ยี้ปู้ยำสนุกมั๊ยล่ะนั่น”ฮูยยยย!!!  พ่อผัวแร๊งส์!
“สนุกม๊ากมาก...  แต่แม่ง...  ไม่ยอมพาผมมาหาตาเลิศ”ผมได้ทีบ่นอุบ
“กูควรดีใจมั๊ย  เรียกกูว่าตา  กูเด็กกว่าพ่อมึงอีกนะไอ้เหี้ยนี่...”
“สองวันเองนะตา...”ผมแย้ง  พ่อเลิศหันมามองผมตาขวาง
“แล้วมันเด็กกว่ารึเปล่าวะ  เดี๋ยวก็ถีบส่งกลับบ้านเลย”ผมยิ้มอ้อน  ตีนพ่อผัวหนักครับ  ผมเคยโดน  ตั้งแต่เด็กยันโต  เรียกว่าโตมาด้วยลำแข้งพ่อผัว  แหม่...  พูดล่ะก็คิดถึง  ขอสักป๊าบได้มั๊ยเนี่ย...
“แล้วนี่มึงไม่อยู่กับไอ้ป๋องเหรอวันนี้ ไอ้ห่านั่นก็แก่จะตายแล้วหน่า...  อยู่ดีดีตายไปมึงจะร้องไห้เป็นเผาเต่า”พ่อเลิศบอก  ไอ้ผมก็คิดๆแล้วครับ  แต่ก็อยากมาหาพ่อผัวก่อนบ้างไรบ้าง
“เผาเต่าแล้วจะกินเนื้อเต่ายังไงอ่ะตา  มันเหมือนเผาปูรึเปล่า”ผมถามหน้าซื่อ  ส่วนที่ได้กลับมาเหรอครับ...
       ป๊าบบบบ!!!
       เน้นๆเพียวๆ  หน้าแข้งฟาดเข้าเต็มหน้าท้อง  ถ้าผมแท้งนะ  พ่อเลิศจะต้องเสียใจ...!! ว่าแต่...  กูจะท้องได้เหรอวะ  ถ้าท้องได้ป่านนี้ผมลูกดกแหง่ซะ  ไอ้ตัวดีแม่งเอาคืนละรอบสองรอบ  ตูดบานไม่ต้องเบ่งสักวัน ฮึย!!!
“สันขวาน...  มึงเรียนภาษาไทยจากโรงเรียนไหน  กูจะไปยุบโรงเรียนแม่ง!”ผมรีบโอ๋เอาใจ...  แล้วเราทั้งคู่ก็มาหยุดที่ห้องๆหนึ่ง  หน้าห้องอาร์ตมาครับ  เมจิกสีชมพู...  ที่ไอ้คนซื้อโคตรดั้นด้นไปซื้อถึงร้านเครื่องเขียนหน้าปากซอยอีกสามร้อยเมตร  ผมปรบมือให้เลย  แหม่...  ปรบสิครับ  ผมรอรับอยู่นะ  ก็ไอ้คนไปซื้อน่ะ  ผมเองไง!!  พอเปิดประตูเข้าไป  เศษกระดาษที่กองสุมราวขวดพลาสติกในหนังเรื่อง  หมานคร  ที่นางเอกมันเก็บขวดพลาสติกกองไว้ในห้องจนเต็มอ่ะครับ ใครไม่เคยดู...  ไปหาซะ...   พอๆ  ผมก็พานอกเรื่อง  พอเข้าห้องได้  ผมก็วิ่งปรู๊ดติดสปีดเกือบเท่าหอยทากไปหยิบกระดาษ  กาว กรรไกร กากเพชรและของประดับอีกเล็กน้อยพอประมาณ...
ผมจะทำการ์ดวันพ่อ!!!
เคยมั๊ยครับ  อารมณ์อินดี้อ่ะ  40กว่าปี  ผมซื้อของให้  พาพ่อไปกินข้าว  ทำมาจะครบทุกอย่างล่ะ  แต่อยู่ๆผมก็นึกถึงตอนตัวเอง5 -6 ขวบ  ผมทำการ์ดวันพ่อที่รูปไม่ได้สวยอะไร  แต่มันถือว่าดีที่สุดแล้วในอายุตอนนั้น  แล้วตอนนี้ผมก็อยากทำอีก...
“ตาเลิศ  ห้าโมงเย็นแล้วบอกผมด้วยนะ”ผมบอก  พ่อเลิศตบหัวผมแทนการตอบรับแล้วเดินออกจากห้องไป...  พูดว่าเออ  ผมก็เข้าใจแล้วนะ  เอาซะสมองกลับเลยแม่ง!
ผมทำการ์ดไปพักใหญ่จนเสร็จ ผมก็หันไปดูนาฬิกา  สี่โมงเกือบห้าโมงแล้ว ผมเคลียร์ของแล้วถือการ์ดออกจากห้อง สวนกับพ่อเลิศที่กำลังจะเข้ามาเรียกผมพอดี...
“โห...  คุณตาความจำดี๊ดี...  แก่แค่หน้าตาจริงๆ”ผมหัวเราะแล้วกระโดดหลับแข้งทองฟรีคิกของอีกฝ่าย  โดนมากไปก็ระบบนะครับ
“งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะพ่อ...  อาทิตย์หน้าผมจะบังคับไอ้สักมาหาพ่อให้ได้เลย  สุขภาพแข็งแรง  อยู่เตะผมไปนานๆนะครับ  ผมไปแล้วนะ”ผมบอกลาแล้วกราบที่ไหล่ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของผมอีกคน...  เหมือนผมจะเพิ่งดูเป็นผู้เป็นคนก็ประโยคนี้ล่ะครับ เอิ๊ก...
“เออๆ  ดูแลลูกกูดีๆ  บอกพ่อมึงให้มาเม้าท์ทูเม้าท์กับกูบ้างก็ได้”กระแดะใช้ศัพท์อังกฤษครับ แต่มันทำเอาผมขำพรืด
“ครับๆ  ไว้จะให้พ่อป๋องมาเม้าท์ทูเม้าท์กับตานะครับ”ผมบอกแล้ววิ่งลั้นล้ากลับมาที่บ้าน 

        สักนั่งหน้าเครียดอยู่กับงานตรงหน้า  อยากจะถีบแม่งจริงจังเลยนะเนี่ย เมียหายทั้งคนไม่มีเป็นห่วงอ่ะ
“ไอ้สัก!!!  ไปกินข้าว”ผมออกปากไล่  สักเงยหน้ามา  ยิ้มเพลียๆให้ผมทีนึงแล้วทำท่าจะแย้ง
“กิน-ข้าว  อ่านปากกูอะเกน  แดก-ข้าว”ผมจิกตา  มันลุกขึ้นอย่างว่าง่าย  พ่อผมหัวเราะรวน  เออ...  ก็นั่งชิลเนอะ  แทนที่จะมาช่วยลูกเขย  ผมส่ายหน้าก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแทนไอ้สัก  หยิบแว่นมาใส่แล้วแปลงร่างเป็นคุณชายสามผู้ไฮโซ  ผิดล่ะ...  เป็นหัวหน้าจำเป็นให้กับแก๊งค์  อ่านงานที่ต้องเซ็นต์กับที่ไม่เซ็นต์แยกจากกัน... ทั้งงานที่ต้องพิจารณาและงานที่ไม่เร่งด่วน  จริงๆผมจะเซ็นต์ก็ได้นะ  เพราะพ่อมอบตำแหน่งให้ทั้งผมแล้วก็มัน  ลูกน้องก็รู้แหละว่าผมทำได้  แต่ผมชิลเหมือนกันไง  เลยโยนงานให้ผอสระอัวแทน... 

       เกือบๆทุ่มผมเดินไปที่ห้องครัว  พระบิดาผู้นั่งชิล เอ้ย! ผู้บังเกิดเกล้านั่งที่หัวโต๊ะ  สามีที่รักนั่งฝั่งซ้ายไอ้ตัวผมเลยเสด็จไปนั่งฝั่งขวา  ผมถือโอกาสนี้ยื่นซองสีขาวให้กับพ่อ  พร้อมกับพูดว่า...
“พ่อ...  ผมไล่พ่อออก”ป้าบ! สองฝ่ามือทั้งจากพ่อจากผัวส่งมาซะผมมึน...
“ซองผ้าป่าเหรอวะไอ่ห่านนี่  ไปได้มาจากไหนล่ะ”พ่อถามเล่นๆก่อนจะเปิดแง้มดู...  พอเห็น  พ่อชะงักไปช่วงครู่ก่อนจะยิ้มออก  มืออีกข้างหยิบกระเป๋าเงินออกมา  เปิดแล้วล้วงเข้าไปหยิบอะไรบางอย่าง...
“เงินเหรอพ่อ”ผมหลบฝ่ามือที่บินมาอย่างหวุดหวิด  ทำไมผัวโหดร้ายกับเมียเยี่ยงนี้ล่ะ...
“พร่องส์!”เสียงด่าดังลั่น  ผมยิ้มเผล่แล้วชี้ไปทางที่พ่อนั่งอยู่...
“พร่องส์...  ก็นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่ไง”ผมหัวเราะรวน  พ่อเก็บกระเป๋าตังแล้วก็ซองขาวเข้ากระเป๋าโดยไม่พูดอะไร  เรากินข้าวกันสักพัก  แล้วพ่อก็ขอตัวกลับบ้าน  ซึ่งถัดจากบ้านพวกเราไปสามหลังทางซ้ายมือ  บ้านพวกผมรวยอ่ะครับ  ซื้อบ้านห่างกันอย่างล่ะสามหลัง  ก็ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร?  ใครรู้ส่งคำตอบมาที  รางวัลคือเอาฝ่าตีนผมไปกินได้หนึ่งมื้อ  ฮาๆ

          พอพ่อป๋องกลับไปแล้ว  สักก็จูงมือผมไปที่บ้านพ่อของมัน  บ้านตาเลิศที่ผมเพิ่งกลับมาไม่เกินห้าชั่วโมงที่แล้วครับ  สลัด!!!
“พ่อๆ...  สุขสันต์วันพ่อครับ”ไอ้สักยกมือไหว้ก่อนจะกราบที่ไหล่...  หนึ่งมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามาใกล้ตัวพ่อของมัน....  หยิบสิ่งของที่เป็นซองๆให้กับพ่อเลิศ
“ไอ้ควาย  นี่มันถุงยาง!!”พ่อเลิศปาซองนั้นคืนให้  สักหัวเราะ  แล้วคิดเหรอว่าผมจะไม่หัวเราะด้วยน่ะ...
“พวกมึงสองตัวนี่มัน...”สักยิ้มแล้วก้มลงคุกเข่า  พวงมาลัยพวงเล็กถูกยกออกจากถุงที่มันถือติดมือตั้งแต่ออกจากบ้านมา...  มันก้มลงกราบลงแทบฝ่าเท้าของพ่อเลิศ 
“ขอบคุณที่เลี้ยงผมมาครับพ่อ  ขอให้พ่ออยู่กับผมไปอีกนานๆเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพวกผมทั้งคู่ไปอีกแสนนานนะครับ...”ผมเองก็ไปคุกเข่าข้างๆมัน  ก้มลงกราบเหมือนกันครับ  จริงๆผมเคารพทั้งพ่อป๋องและพ่อเลิศ  แต่กับพ่อตัวเอง  ผมสนิทเกินไปอ่ะครับ  บางทีก็เขินๆถ้าต้องมากราบอะไรแบบนี้  และผมก็ว่าพ่อผมเองก็เขินเหมือนกันแหละถ้าผมไปกราบอ่ะ...
“กูอายุ 70 กว่าแล้ว  จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้...  แต่กูขอให้มึงสองคนรักกันไปนานๆแล้วกัน...  ดูแลกันเองแทนกู  แทนไอ้ป๋อง  มึงสองคนถ้าช่วยเหลือกัน...  ไม่ว่าอะไรก็จะสำเร็จไปได้ด้วยดี...”พ่อเลิศให้พรครับ ผมก็ก้มหน้าฟังกันไป  อีกมือก็กุมมือกันไว้ข้างตัว...  เศร้าครับ  รู้สึกตัวเองแก่พอสมควร...
“ไปๆ  กลับบ้านกลับช่อง  ไปนอนได้แล้ว...  เดี๋ยวกูจะไปนอนแล้วเหมือนกัน”ไอ้สักยิ้มครับแล้วลุกขึ้นไปกอดพ่อมันแรงๆทีหนึ่ง  อู๊ยยยย!!!  กลัวกระดูกพ่อมึงแตกจริงๆไอ้สัก

        ระหว่างที่เดินกลับบ้านสักก็ชวนผมคุยไปด้วย... 
“อิม  ที่พ่อมึงจะหยิบมาตอนกินข้าวอ่ะ...  อะไรวะ”ผมส่ายหน้า
“มึงเห็นพ่อกูหยิบออกมามั๊ย...”มันส่ายหน้าเหมือนกัน
“แล้วกูจะไปตรัสรู้มั๊ย  ไอ้สลัดผักไม่ใส่มะเขือเทศ!!”ผมหัวเราะแล้ววิ่งหนีลูกถีบของมัน  ต่อให้รู้ผมก็ไม่บอกหรอก...  บางทีผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ...  แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากทำการ์ดให้พ่ออีกครั้งน่ะ...  ก็การ์ดที่ผมทำตอบ5ขวบ  ที่พ่อยังเก็บมาจนถึงตอนนี้ยังไงล่ะ...


-----------------------------------------------------------------------
ทันมั๊ย  ทันเนอะวันพ่อ...  มาซะช้าเชียว  สารภาพว่าฟีลอยากแต่งมาตอน4ทุ่มครึ่ง  ปั่นแบบสุดฤทธิ์ ได้เท่านี้แหละ...

ตอนนี้อยากเสนอแนวคิดสองแนว  สักกับพ่อ  แล้วก็นัทกับพ่อ  ต่างมีมุมมองแนวคิดต่างกัน  นัทกับพ่อไม่ต้องพูดมาก  แต่รู้กันอยู่  ส่วนสักกับพ่อ  แบบพูดเปิดอกกับตัลหลอด...  ตอนท้ายๆเหมือนตาเลิศจะส่งสักกับนัทเข้าห้องหออย่างไงอย่างงั้นเลย  เขิลแทน 

ตามเดิมครับ  +1 พอเป็นพิธีนะครับ  หุหุ... 

*อยากได้ตอนหน้าเร็วๆ  อย่าลืมถีบคนเขียนนะครับ  :z13: :z13:
 

หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯวันพ่อ)5-12-56
เริ่มหัวข้อโดย: argon ที่ 06-12-2013 01:10:53
 :z1: :katai4: น่ารักมาก  อ่านแล้คิดถึงพ่อเลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯวันพ่อ)5-1
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 06-12-2013 08:24:11
แหม่บรรยายแบบคนบ้าๆก็ทำให้เค้าน้ำตาแตกเหมือนกันนะเนี่ย  ฮือๆฮึก  ไม่ว่าจะเป็นอิมหรือเป็นนัทแกก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะ(สัก:ก็แน่สิเมียผมมีคนเดียว)  ขอบคุณคนแต่งที่มาแต่งต่อ
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯวันพ่อ)5-12-56
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-12-2013 13:14:25
ฮ่าๆๆๆๆ ทำไมตอนนี้น้องบ้าเรากวนจังเลย

แต่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะ

รอตอนหน้าจ้า


ปล.ดีใจที่มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯวันพ่อ)5-12-56
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 06-12-2013 14:12:11
เป็นตอนพิเศษที่ดีจิงๆ^^
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯวันพ่อ)5-12-56
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-12-2013 14:41:47
โตมาด้วยลำแข้งพ่อผัว 555
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯวันพ่อ)5-12-56
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-12-2013 17:50:39
น่ารักทุกเรื่องเลยค่ะ


 o13 o13
หัวข้อ: Re:T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า...แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย..(สเปฯปีใหม่)1-1-57
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 01-01-2014 20:52:14
                                                        ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...


   “แอ๊...  มำ มำ...”ผมหัวเราะเมื่อเห็นสุดที่รักของผมสาละวนอยู่กับเด็กตัวเล็กๆ...  ก็จะใครล่ะครับ  ลูกมันนั่นแหละ...  ใครเป็นแม่...  ถามโง่ๆ  ก็คนที่กำลังอุ้มไอ้เด็กตัวเล็กๆนั่นเอาไว้  กระผมนายอิม นายนัท  ไอ้บ้าสุดหล่อเจ้าเก่าเจ้าเดิมครับ...  วันนี้ผมจะยอมทำตัวไม่บ้าสักวัน  เพื่อที่ไอ้ที่รักของผมจะไม่ประสาทกินไปซะก่อน  แหม...  แต่สะใจดีจัง...
   “พ่อมึงนี้แม่ง...  สุดฤทธิ์จริงๆ  หาเรื่องให้กูได้ไม่เว้นวัน”เสียงมันบ่น   แค่ขอโทษ...  ที่มึงบ่นอ่ะ  พ่อกู!! แม้ที่มันพูดจะเป็นเรื่องจริง 100% ก็ตาม
   “เอาหน่า...  มึงไปชงนมมา...  เดี๋ยวเด็กก็งอแงมากกว่านี้หรอก...”ผมบ่น...  ไอ้เด็กตัวเล็กนี้ก็มองผมตาแป๋ว  อยากจับฟัดให้ชื่นใจ...  ว่าแล้วก็... 
   “งื้อออออ....   ม๊วฟ ม๊วฟ  น่ารักจริง  ลูกใครเอย...  อ่ะลูกเก๊าเอง  คิกคิก...  อ่ะน่ารักเนอะ  กิ้วๆ”ผมหยอกกับลูกเล่นไปเรื่อยๆ  อยากมีลูกสักคน  ถ้าผมมีมดลูกนะ...  แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีเพราะถ้ามี...  ลูกผมคงตั้งทีมฟุตบอลมาเจอกันเองได้  ก็นะ...  พ่อมันขยันทำประตูเกิ๊นนนนน....  อุ๊ย  เขิลลลล  เค้าพูดอะไรไปก็ไม่ยู้...  เก๊าบ้านะตะเอง  บ้ารักเด็กอ่า...
   “อิม...  เป็นบ้าไรวะ  นั่งทำหน้าเพ้อฝันอยู่ได้  ลูกมึงจะมุดเข้ากางเกงอยู่แล้ว  อยากกินไอติมเหรอลูก  หืม...  แท่งนั้นไม่อร่อยหรอก”มันอุ้มลูกขึ้นไปไว้เองก่อนจะฟัดแก้มนั้นจนผมกลัวมันช้ำ  ว่าแต่... ผมลืมว่ะ
   โป๊ก!!
   “ว่าไอติมกูไม่อร่อย  คืนนี้ถ้าแดกมีเตะแน่ไอ้สันขวาน...”ผมมะเหงกหัวมันดังโป๊ะ  ก่อนจะกอดอกทำหน้าเชิดปากรั้น...  อ่านในนิยายแจ่มใสมา  เขาว่ามันน่ารัก...  ผมนี่ชัก ชักอยากจะเห็น อยากจะเห็นผมตัวเป็นๆ  อยากจะเห็นเห็นคนน่าร๊ากกก  เออ...  ผมก็กล้าแปลงเพลงเนอะ...  มันอมยิ้มก่อนจะเอานมในขวดหยดลงบนหัวผม...
   “หิวนมเหรอ...  ถ้าลูกหลับเดี๋ยวให้กินนมนะ...  ทั้ง ‘นม’ ทั้ง ‘ไอติม’ เลย”มันเน้นคำ...  แหม่... ว่าแล้วก็หิว เห้ย!
   “หิวพร่องส์สิ!! ไปให้นมลูกเลย  หัวกูเลอะหมด...”ผมบ่นก่อนจะเตรียมตัวลุกไปสระผมใหม่...
   “ให้ลูกกินนมแล้วรีบๆกล่อมให้หลับ  ไม่เกิน10นาที...  ไม่งั้นกูไม่แดกนะ”ผมหันไปพูดส่งท้าย  มันหัวเราะก่อนจะตะเบ๊ะมือทั้ง5นิ้ว  โคตรปัญญาอ่อนสิให้ตาย...
   
   ผมสระผมที่เริ่มยาวประบ่า...  เหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกวัน  พออาบเสร็จผมก็เดินมาที่เตียงหยิบหนังสือเล่มใหม่มาอ่าน...  นิสัยรักการอ่านนี้ผมติดมาจากไหนไม่รู้นะ...  สงสัยตอนว่างๆผมคงไม่มีอะไรทำล่ะมั้ง...
   “ชู่ว์...  ลูกหลับแล้ว”สักอุ้มลูกมานอนในเปลเด็กที่พ่อผมจัดไว้ให้ 
   “อิม...  พรุ่งนี้วันสิ้นปีแล้วนะ...  จะไปไหนกันดี...”ครับ  วันที่วันที่30ธันวาคม...  หรือก่อนวันสิ้นปีหนึ่งวันนั่นเอง... 
   “ไปขอทานที่สะพายลอย...”ผมบอก...
   “มะเหงกสิ...  ขอแบบธรรมดาๆ  ไม่ต้องพิเศษแบบที่รักก็ได้นะ...”มันบอกจะมะเหงก  แต่ไอ้ที่ลงมาบนหัวผมน่ะ  ปากมันชัดๆ  ไอ้ขี้จุ๊!
   “ก็มันได้ตังค์เยอะดีอ่ะ...  ก่อนหน้านั้นก็ทำอยู่ประจำด้วย  มองพลุบนสะพานลอยสวยนะเว้ย!”ผมเถียง...  ยิ่งตอนมันสะท้อนบนถ้วยสแตนเลนนะ  สวยจริงจังอ่ะ  ใครไม่เคยไปลองซะ  ฟินมั่กๆ
   “ตังค์กูก็มี  จะไปขอคนอื่นทำไม  ให้เขาอยากทำบุญเขาทำกับคนที่ไม่มีจริงๆเถอะ”
   “ก็... ก็ทีไอ้ต๊อกยังทำได้เลย  เค้าขอมาได้เค้าก็เอาไปทำบุญต่อเหมือนกันแหละหน่า...  เค้า... เค้าเป็นพ่อค้าคนกลางไง”ผมยิ้มกับคำแก้ตัวของตัวเอง...  เทพจริง  ผมนี้ฉลาดมากๆ  เมียใครก็ไม่รู้...
   “ทำบุญกับหนังสือน่ะเหรอ...  แล้วตอนนี้ต๊อกกับพรตก็ไม่ได้มาขอทานแล้ว  เขาก็ไปทำงานทำการของเขานะ”แต่ผมลืมไป...  ผัวของไอ้อิมฉลาดกว่า...  ไอ้สักนั่นแหละไม่ต้องงง
   “จะว่าไปนะ...  ตอนนั้นมีอยู่ปีหนึ่ง...  จำได้แม่นเลย  กำลังขอทานอยู่นะ...  อยู่ดีๆก็มีคนมาขอเบอร์อ่ะ...  แลกกับตังค์20บาท...”ผมหัวเราะ  สักเริ่มทำหน้าบึ้งแล้วดึงผมเข้าไปกอด...
   “แล้วให้ไปรึเปล่า  หืม...”
   “ให้!”ผมพูดชัดถ้อยชัดคำ  สักทำหน้านิ่ง  ผมรู้...  มันกำลังจะกลายเป็นภูเขาไฟเตรียมประทุ  และผมควรรีบดับมันนะ  ถ้าไม่อยากเป็นแบบชาวปอมเปอีอ่ะ...
   “ให้เบอร์โรงบาลบ้าไปอ่ะ...  ก็บางทีเค้าก็ชอบไปอยู่ที่นั่นไง...”ซบๆอ้อนๆ ให้มันตบะแตก...  บางทีผมก็แทนตัวเองด้วยชื่อ  ด้วยกูมึงหรือแทนน่ารักๆแบบเค้ากับตะเอง...  อันหลังนี้ผมไปติดมาจากนิยายแจ่มใสเช่นเคย...  ก็เค้าบอกมันน่ารัก  ผมก็อยากน่ารักกุ๊กกิ๊ก ใสๆบ้างไรบ้าง...
   “ไอ้... ไอ้บ้าเอ๊ย!”มันรวบตัวผมไปกอดแน่นก่อนจะพลิกตัวผมลงด้านล่าง...
   “ก็บ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้วป่ะ...  มึงอ่ะบ้า ที่มาชอบคนบ้าอย่างกู”ผมเถียง...
   “ก็บ้าพอกันล่ะวะ...  ว่าแต่...  วันนี้อยากกินนมกับไอติมเท่าไรเอ่ย...”มันถามเสียงกระเส่า  ส่วนผมเหรอ...
   “อยากพ่องสิ...  จะเอาให้เด็กมันเห็นเหรอ...  รอไปวันนี้  กูอิ่ม  กูไม่หิว!!”มันหัวเราะแล้วเขี่ยแก้มผมเบาๆ  ก่อนจะหอมดังฟอดแล้วพลิกตัวลงไปนอนข้างๆ
   “ก็กะงั้นอยู่แล้ว  แต่ถามเฉยๆเผื่อฟลุ๊คไง”

     วันนี้วันสิ้นปี...  ผมกับไอ้สักวางแผนว่าจะไปเที่ยวใกล้ๆบ้าน...  ระหว่างรอดูพลุตอนเที่ยงคืน  ไม่อยากไปไกลครับ  กลับลำบาก...  ผมจัดของของไอ้ตัวเล็กไว้แบกเป้แล้วถือตะกร้าใส่ผ้าอ้อมกับขวดนมไปเก็บไว้ในรถ...  ส่วนสักก็กำลังทำตัวเป็นพ่อลูกอ่อน  หยอกเล่นกับเจ้าตัวเล็กไม่เลิก... 
   “สักๆ...  ไปได้แล้วไป...  เอาลูกมาเดี๋ยวกูอุ้มเอง...”ผมบอกแล้วย้ายตัวคนในอ้อมกอดของสักมาไว้ที่ตัวเอง...  ตาแป๋วจริงเว้ย! อยากขโมยมาเป็นลูกตัวเองจริงๆเลี้ยงก็ง๊ายง่าย... 
   “ไปได้แล้วอิม...  จ้องอย่างกับจะแดกหัวลูก...”สักว่า...  ผมเงยหน้าตวัดตาเขียวปั๊ดส่งให้หนึ่งที...  แม่ง!! เดี๋ยวกูหนีออกจากบ้านข้ามปีซะนี้!!
   “โอ๋ๆ...  ป่ะๆ  อย่าทำหน้างั้น  เดี๋ยวกูไม่พาออกจากบ้านซะนี่”มันหยิกแก้ม...  แก้มกูย้วยหมด! สู้แก้มลูกก็ไม่ได้ น่าร๊ากกกก (โหมดเพ้อลูก)
   “ตกลงไปถนนอักษะนะ...”มันทวน  ผมพยักหน้า...  จะว่าไกลก็ไกลแหละ  แต่มันก็อยู่โซนกรุงเทพฯ...  พวกผมวนรถเข้าไปในพุทธมณฑลมีสวดมนต์ข้ามปีด้วยนะ...  รถติดพอควร  วนไปดูแสงสีเสียงเสร็จพวกผมก็ขับรถหาที่สวยๆยืนชิวๆมองท้องฟ้า  แล้วก็จอดรถข้างทาง  ข้ามมาอยู่เกาะกลางถนน  ทายากันยุงให้ทั้งพ่อทั้งลูกรวมถึงตัวผมด้วย...  ตอนนี้อาจจำยังไม่รู้เวลา  บอกได้เลยว่า สี่ทุ่มแล้วครับ! ไฟสวยมากกกก....  คือใครไม่รู้ก็รู้ไว้ซะ  ถนนอักษะสวยที่สุดในกรุงเทพฯล่ะ...
   ผมเดินร่อนแบกตัวเล็กไปทั่ว  มีไอ้สักแบกกล้อง  ถ่ายบ้าบออะไรของมันไป  ผมก็ไม่รู้มัน...  มีแว้บๆไปถ่ายคู่ถ่ายคี่บ้าง...  ถ่ายคู่ก็ถ่ายผมกับลูก  หึหึ... ถ่ายขี้ เอ๊ย! คี่...  ก็ถ่ายสามคน พ่อพ่อลูก...  น่ารักซะไม่มี...
   “สัก...  เบื่อกูป่ะ”เรามานั่งพักครับ  สักปูเสื่อนั่งบนพื้นหญ้า  นอนมองดาวกอดเอวตัวเล็กไว้หลวมๆ...  ดาวเต็มท้องฟ้า... 
   “เบื่อ...”ผมหันไปมองมัน...  น้ำตาจะไหลว่ะครับ 
   “เบื่อที่รักมึงไม่เลิกสักที...”สาดดดด...  เตะผัวติดคุกป่ะครับ  เอาซะกูเฟลไปศูนย์จุดสองสามห้าเจ็ดเก้าวินาที... 
   “แล้วมึงยังไม่เบื่อกูใช่มั๊ย...”มันหันมาถามบ้าง...  พอผมทำท่าจะตอบแม่งก็เล่นชิงตอบขึ้นมาก่อน...
   “กูเป็นคนพามึงมา...  ต่อให้เบื่อมึงก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี  ถึงไปกูก็จะตามกลับมา โอเคตามนี้  งั้นมึงควรรักกูให้มากขึ้นกว่าเดิม...  ปีละ10เปอร์เซ็นต์ก็ยังดีนะ...”ผมหลุดหัวเราะ
   “ทำอย่างกับความรักเป็นเปอร์เซ็นต์หุ้นนะสัด!”ผมเริ่มลามไปกอดเอวก่ายขาไอ้คนที่นอนข้างๆ  ตัวเล็กยังคงคลานอยู่กับที่ เพราะผมจับเอวไว้มือหนึ่ง...  สงสารลูกนะ...  แต่งานนี้กูขอสวีทก่อน ฮาๆๆ
   “เปอร์เซ็นต์หุ้นกูยังกลัวแม่งตก...  แต่กูรู้ว่าถ้าเป็นเปอร์เซ็นต์รักจากมึง...  กูมีแต่จะกำไร  เพราะแม่งจะเพิ่มขึ้นตลอดใช่มั๊ย...”อ้วกแปป...  เสี่ยวสลัด... แต่...
   “เออ!!!”หน้าร้อนครับ...  ไม่ชิน...  (จะเล่นมุกไม่เต๋อ ไม่เผือก ไม่เอ...  แต่สงสัยจะไม่ขำ)
   “หึหึ...  รักจริงคนนี้”มันยิ้มแล้วเอื้อมมือมาคว้า...  เอวตัวเล็กไปกอด...  สัด! ลูกกู...  อ้าว...  ตอนนี้มึงต้องกอดเมียมึงเซ่!!!
   “รักกูกอดลูก...  ไอ้ปลาแซลม่อนย่าง!”ผมด่า...  แล้วแม่งก็หัวเราะอีกอ่ะ  บ้านมึงชอบอ่านขายหัวเราะเหรอครับ...
   “ที่ด่านี่ให้กูเจ็บหรือมึงหิววะอิม...”
   “กูหิว!!”ยอมรับครับ  เย็นยังไม่ได้มีอะไรไปให้แบคทีเรียในท้องซัดเลย  ผมไม่ได้อยากกินนะ  แค่สงสารแบคทีเรียในท้อง  จริงจริ๊งงงงง!!!
   “หึหึหึ...  กูมีผลไม้กับแซนวิชใส่ไว้ในตะกร้าตัวเล็กอ่ะ...  หาเอาดิ...  ป้อนกูด้วยนะ...”สั่งครับ...  เดี๋ยวกูเอาส้อมจิ้มผลไม้จิ้มคอมึงซะนี่  อุ๊บส์...  คิดบาปตอนปีใหม่...  ผิดศีลข้อไหนไหมอ่ะ...
   “อิม...  อีกห้านาทีจะเที่ยงคืนแล้วนะเว้ย...”มันบอก  ผมเพิ่งจะดูนาฬิกา  เออว่ะ...  จริงด้วย  ทำไมตัวเล็กยังไม่ง่วงวะเนี่ย  ปกติสี่ทุ่มนี้สลบแล้วนะ...
   “มาๆมึง...  นอนดูพลุกันเร็ว...”มันตบที่ข้างๆตัว  ผมก็เอนตัวนอนพิงมัน  ตรงกลางมีตัวเล็กจ้องตาแป๋ว...  น่ารักชิหาย  อยากจับฟัดทั้งพ่อทั้งลูก...
   “ปีใหม่นี้...  กูจะรักมึงให้มากกว่าเดิม...  สัญญาว่าถ้ามึงหนีออกจากบ้านอีกกูจะตามหามึงให้เจอเร็วกว่าเดิมนะ...”เอาซะเสีย...  ผมหันไปมองมันตาเขียว...  อยากแปลงร่างเป็นฮัลค์ว่ะ...  ตอนนี้ตาเริ่มเขียวไปแล้วหนึ่ง...
   “งั้นกูสัญญา  กูจะหนีให้ไกลกว่าเดิม  มึงจะได้ฝึกฝีมือเยอะๆ”มันเบ้ปากแล้วตวัดเอวผมไปกอด...
   “จะให้ดีอย่าหนีออกไปเลยกูจะรักมึงกว่านี้อีกนิดเดียวเลย...”
   “ทำไมเพิ่มแค่นิดเดียววะ...?”ผมถาม  สงสัยครับ  เป็นคนช่างสงสัย  ใคร่รู้
   “เพราะต่อให้มึงจะหนีไม่หนี  กูก็รักมึงมากอยู่แล้วไง”เขิน! จบนะ... 
   “5...”ผมมองหน้ามัน...
   “4...”นับอะไร 
   “3...”มันค่อยๆดึงผมเข้าไปใกล้ๆ
   “2...”ผมหลับตา...  เสียงของมันชัดเจนอยู่ใกล้ตัว...
   “1...”ริมฝีปากมันแนบลงที่ปากของผม...  จูบบางๆที่ไม่มีการตอบโต้...  แต่แม่ง...  ทำไมกูเขินกว่าเวลามีอะไรกันอีกวะ...
   “สวัสดีปีใหม่ครับที่รัก...”แล้วปีนี้...  ก็จบด้วยการที่ผมกับมันจูบกันข้ามปี  มีแบ๊คกราวด์เป็นท้องฟ้ามีดำ  หลอดไฟสวยๆ  ดาวที่พอมองเห็นอยู่สิบกว่าดวง  และพลุสองสามลูก  หวีดโป้งอีกหลายๆนัด...
   “ถ้าดูแลไม่ดี...  ยิงตายห่านะปีนี้...”ผมตบแก้มมันเบาๆ  มันหัวเราะแล้วก้มมากัดจมูก...
   “ยิงให้ทะลุหัวใจเลยครับ  ยิงด้วยใจของมึงอ่ะ...”ผมเขิน...  เขินรับปีใหม่เลยครับ...  เขินอีกแล้ว...
   “แอ๊!!!”เหมือนตัวเล็กจะถูกละความสนใจนานไปถึงได้ร้องทะลุกลางปล้อง  ทำให้ผมกับสักเด้งตัวออกจากกัน  มองแล้วก็หัวเราะ...  ผมจับตัวเล็กมาอุ้มโยกๆไปมา  มีสักเก็บเสื่อเก็บกล้องแล้วก็ตะกร้าของของตัวเล็ก...  เราพากันเดินกลับไปที่รถ
   “อิม...  เรามีลูกกันสักคนดีมั๊ย...”สักถามระหว่างที่มันขับรถเตรียมกลับบ้าน...
   “อย่าเลยมึง...  สงสารลูก...  พ่อแม่งไม่มีใครดูแลได้ดีสักคน...  ทรมานเด็กว่ะ”ผมหัวเราะ...  คำตอบนี่จริงๆผมเคยคิดไว้ตอนอยากรับเด็กมาเลี้ยง  แต่ผมว่ามันคงไม่ดีเท่าไร  เพราะทั้งผมทั้งมันยังไม่มีใครพร้อมที่จะดูแลคนอื่น...
   “ดูแลกันเองให้ได้ก่อนเหอะวัน  ถ้าอยากเลี้ยงเด็กว่างๆเสาร์อาทิตย์ก็ไปเอามาจากพ่อกูก็ได้...”ผมบอก  ตัวเล็กหลับไปแล้ว...  พรุ่งนี้เช้าพ่อผมจะมาเอาคืน...  เลี้ยงมาสามวันแล้ว  แม่งเหมือนยังไม่พอเลยว่ะ  อยากเลี้ยงต่อ...
   “งั้นกูมีอีกวิธี...”สักเสนอ...  ผมหันไปมองหน้ามันด้วยหน้างงๆ 
   “มึงก็เอาลูกกูไปเลี้ยงในตัวมึงทุกคืนได้มั๊ยว่ะ  อย่างน้อยลูกเราก็ได้อยู่ด้วยกัน...”มันหัวเราะ  แต่ผมอยากถีบ!!
   “ทะลึ่งตั้งแต่ต้นปีเลยสัด!!”แต่ที่มันพูดก็น่าสนนะ... รึจะลองดีวะ...

-----------------------------------------------------------------------------------------------
+1ก่อนทอคล์นะ

สวัสดีปีใหม่ครับ  เกือบเข็นมาไม่ทันวันที่1

โชคดีวันปีใหม่และทั้งปีตลอดไปนะครับ^^
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯปีใหม่)1-1
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 01-01-2014 21:26:07
มาเม้นอันนี้อีก  สวัสดีปีใหม่คนแต่งคัฟ
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯปีใหม่)1-1-57
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 01-01-2014 23:11:54
Happy New Yearมีความสุขมากๆๆๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯปีใหม่)1-1-57
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 02-01-2014 10:21:50
หวานกันข้ามปีเลยคู่นี้

สวัสดีปีใหม่จ้าาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯปีใหม่)1-1-57
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 02-01-2014 15:46:25
 :mew1:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯปีใหม่)1-1-57
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 02-01-2014 16:07:42
 :impress2:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯปีใหม่)1-1-57
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 02-01-2014 16:12:49
คนบ้านะคนบ้าทำไมน่ารักอย่างนี้

หวัดดีปีใหม่จ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย...(สเปฯปีใหม่)1-1-57
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 14-01-2014 23:17:59
 :ling3: :katai4: :z10: ต่อไม่ได้ คิดไม่ออก ตัน //มาระบายแล้วคลานหายไป
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?1 2-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 02-02-2014 00:31:01
                                                             Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?


   รู้จักLine Play มั๊ยครับ แอพเกมสกุลไลน์ที่ตัวละครโคตรน่ารักมุ้งมิ้งสุดๆบอกเลย...  ไอ้เจ้าเกมนี้แหละครับ  ผมเพิ่งติดมันเมื่อเดือนที่แล้ว ติดงอมแงมแบบไม่รู้ว่าผมจะหาตังไปแต่งห้องเพื่ออะไร  แพงแสนแพง จนบางทีผมก็รู้สึกว่าค่าเงินในเกมแม่งเฟ้อรึเปล่า ว่างๆผมก็อยากลองเอาเกมไปเข้าหลักเศรษฐศาสตร์ดูสักครั้ง...
   ผมลืมแนะนำตัวใช่มั๊ย  ผมอคิราห์ครับ ชื่อเล่นอคิน ชื่อเล่นกว่าคิน  และถ้าชื่อเล่นกว่านั้น... ไม่ต้องเรียกครับ  ผมไม่หันล่ะ! อายุอานามปีนี้ก็ปาไปสิบ... บวกสิบสาม  ยี่สิบสามเหนาะๆครับ  เพิ่งจะรู้สึกแก่ตอนแนะนำตัวนี่แหละ...  ผมสแคชเกมอย่างเมามันส์จิ้มใจจิ้มโน้นจิ้มนี่ไปเรื่อย  แม่งก็มีแต่ทำความสะอาดกับรดน้ำต้นไม้...  คือต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่าสเกลความสามารถทางเกมออนไลน์ผมเป็นศูนย์ ดอทองดอทเอ... อย่าถามครับ  เกมเกี่ยวกับอะไรผมยังไม่รู้เลย! เคยเล่นดราโก้นิอยู่สักหนึ่งครับ  แค่สองวัน... ผมก็บรรลุว่าความสามารถทางด้านนี้ผมควรจะปาแม่งทิ้งไปไกลๆก่อนจะอายคนอื่นเค้า... แล้วเกมLine Play มีดีอีกอย่าง... เวลาแรนด้อม มันจะไปโผล่ห้องคนต่างชาติได้ครับ  อันนี้ผมปลื้มสุด... เอาไว้ฝึกภาษาครับได้เพื่อนเกือบทั่วทุกทวีปล่ะ... อะไรนะครับ... ไม่เก่งภาษาอังกฤษ... ไม่ต้องเวรี่ครับ คนต่างชาติไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว จริงๆคืออ่อนทั้งคู่แหละครับ คุยไปเถอะยังไงก็เข้าใจ หึหึ... ผมนี่พิมเละเทะครับ ก็เข้าใจโดยประมาณนะ คุยเรื่องเกมนานไปมั๊ย... ใครอยากเล่นไปโหลดเอาเองล่ะกันครับ

    Joker : Hello

   ผมมองคนที่เพิ่งตอบแชทกลับมา  คือผมชอบตัวอวตารกับห้องของเขาน่ะครับ  เลยแอดไป ไม่รู้หรอกว่าชาติอะไร  ส่วนใหญ่ก็ผู้หญิงเล่นกัน  ผู้ชายมีน้อยครับ  ผมมันส่วนน้อย...

    KinKinAkira : Hi! What u name?

    ย่อครับ... คือถ้ามันเป็นคำสากลก็ย่อเถอะครับ เสียเวลาพิมยาวๆ บางทีผมก็โคตรจะย่อ  ย่อจนอีกฝ่ายไม่รู้ว่าแม่งคืออะไรอ่ะ แล้วเป็นปัญหาต้องพิมอธิบายคำย่ออีก... 

    Joker : Im Joker , U?

    KinKinAkira :  Im Akin , Where r u live?

    Joker : Thailand , U?

     KinKinAkira :  U Thai? คนไทยเหรอครับ?

        Joker : ใช่ครับ  คุณเป็นคนไทยเหมือนกันเหรอ?

        KinKinAkira :  ครับ  ขอโทษที พอดีผมนึกว่าชาวต่างชาติน่ะ  อายุเท่าไรเหรอครับ?

      Joker : 25ครับ แล้วคุณล่ะ  ผมเรียกคุณว่าคินได้มั๊ย?

       KinKinAkira :  ผม23แล้วครับ  เรียกได้ครับ งั้นผมเรียกคุณว่าเกอร์นะครับ  ได้รึเปล่า?

      Joker : ตามสะดวกเลยครับ... ผมขอไลน์คินได้มั๊ย พอดีแชทในเกมไม่ค่อยสะดวกน่ะครับ

      KinKinAkira :  ครับ... นี่ไอดีผมครับ

      ผมส่งคิวอาร์โค้ดไป... ข้อความขึ้นว่าถูกอ่านแล้ว สักพักก็มีไลน์ผมเด้งขึ้นมา

    Joker : หวัดดีครับ  ใช่คินรึเปล่าครับ

    KinKinAkira :  ใช่ครับ  เกอร์ใช่มั๊ย  เดี๋ยวผมแอดเป็นเพื่อนก่อนนะ...

   ผมเปิดดูรูปที่ตั้งเป็นหน้าโปรไฟล์  เกอร์ถือว่าหน้าตาโอเคเลยครับ... ไม่ได้หล่อแบบมากมาย  แต่ก็คติดว่ามีสาวๆหลายคนหมายปองนะ  ผมก็ใช่ย่อยนะครับ...  สาวตามจีบก็มีนะครับ  ไม่ค่อยหลงตัวเองครับ หลงแต่หน้าตา ฮาๆๆ

    Joker : คินเรียนที่ไหนเหรอ?

   KinKinAkira :  ที่ม. ‘…..’ น่ะ

     Joker : เฮ้ย! จริงดิ... ม.เดียวกันเลย  เราเพิ่งจบเมื่อสองปีที่แล้วเอง  เราอยู่คณะวิจิตรศิลป์  คินล่ะๆ

    KinKinAkira :  จริง!? คณะเดียวกันเลย  รหัสไรอ่ะ... เรา84

    Joker :  เฮ้ย! เรา 87 เสียดายว่ะ... อีกนิดเดียวเกือบได้เป็นปู่รหัสคินล่ะ....  เรียนเป็นไงมั่ง...  ใกล้จบแล้วนี่อย่างนี้  ปี4ใช่ป่ะ?

   คือเคยป่ะครับ...  พอแบบได้ไปเจอคนที่แม่งน่าจะเคยเจอกันเนี่ย มันจะคุบกันได้เป็นวรรคเป็นเวรทั้งๆที่ไม่เคยเจอหน้ากันอะไรงี้อ่ะ... ผมก็เป็นนะครับ  คุยกับเกอร์ไปเกือบๆสามชั่วโมงได้  ทั้งเรื่องเรียนเรื่องเพื่อนเรื่องอาจารย์... แล้วก็มีบ่นๆเรื่องงานไปเรื่อย  เกอร์ก็หัวเราะแล้วก็บอกแค่ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป... คือมันก็จริงครับ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แต่ตอนยังไม่ผ่านนี้ดิ  อยากจะทุบกะโหลกตัวเองมาป้ายงานซะให้รู้แล้วรู้รอด!  ห๊ะ! อะไรนะครับ ผมบ่นมากไป อยากรู้ว่าคุยอะไรกันงั้นเหรอ...  ขอโทษๆ  ก็ไม่มีอะไรครับ แค่เกอร์บอกว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปหาผมที่คณะตอนบ่าย  แลกเบอร์กันเรียบร้อย  เจ๋งปร้ะ!  กร๊ากๆๆ
   ว่าแล้วผมก็ไปสแคช เกมต่อ... เก็บตังเปลี่ยนชุดแต่งห้อง  ค่าเงินเฟ้ออีกแล้ววววว...  ของชิ้นล่ะเป็นหมื่น  ในเกมเหลือตังสามร้อย  น้ำตาจะไหล...

   เช้าวันรุ่งขึ้นกระผมนายอคิราห์ผู้ได้ชื่อว่ามาเช้าที่สุดในคลาสเรียนเวลาเก้าโมง...
   “เก้าโมงสี่สิบห้า...  มึงไม่มาตอนเลิกคลาสเลยล่ะครับไอ้เชี่ยคินเพื่อนรัก...”เสียงไอ้ฟรอยทำปากมุบมิบใส่ผม  ถามว่าแคร์...? ไม่ครับ  เรื่องปกติ คนหล่อทำอะไรไม่เคยจะผิด  ส่วนไอ้ฟรอย ผิดเต็มๆทุกประตูเพราะแม่งไม่หล่อ กร๊ากกกก...
   “เช็คชื่อยัง?”ผมกระซิบถามกลับ... มันส่ายหน้าก่อนจะรีบหันกลับไปเรียน อ.โหดครับ ไม่รู้ชีแกจะโหดไปไหน  กระซิบเบาๆยังโดนมองค้อนตาเขียวปั๊ด!
   พอตกบ่ายก็ถึงเวลา... ผมไปนั่งรอที่หน้าคณะ ไม่เกิน10นาทีครับ โทรศัพท์ผมก็สั่นครืดๆบนโต๊ะหินอ่อน...  พอเห็นสายคนโทรเข้า  ผมก็รีบกดรับทันที...
   “สวัสดีครับ”
   “ครับ  คินอยู่ตรงไหน  เรายืนอยู่หน้าคณะแล้วนะตรงหน้าต้นมะพร้าวน่ะ”ผมหันไปตามที่เสียงในโทรศัพท์บอก พอๆกับที่อีกคนหันมาสบตากับผมพอดี ปิ๊งๆๆ  ถรุ้ย! โมเม้นต์นี้เก็บไว้ใช้กับแฟนเถอะครับ ผมขอ...
   “เกอร์ๆ... ทางนี้ครับ”ผมโบกมือ  คนที่ยืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าวยิ้มให้แล้วสาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ข้างโต๊ะอีกด้านนะครับ...
   “รอนานรึเปล่าครับ...”เกอร์ยิ้ม... เอาจริงๆแบบไม่แถนะ  ผมว่าเกอร์เป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยแหละ... ยืนอยู่ก็ดูมีประกายออร่าให้คนหันไปมองเหลียวหลังได้ไม่ยาก...  ผมยิ้มตอบแล้วส่ายหน้า
   “เลิกคลาสไม่ถึง10นาทีเลยครับ  แล้วเกอร์กินไรมายัง...  ไปกินโรงอาหารกันมั๊ย...”ผมชวน... คือเรื่องของเรื่อง ผมหิวครับ  ลืมกินข้าวเช้ามา...
   “เอาสิ...  เราคิดถึงอาหารคณะจะแย่ นำไปๆ”เกอร์ดันหลังผมปึกๆ...  ผมก็เดินนำไปครับ พอถึงโรงอาหารเราก็แยกกันไปสั่งไปซื้อ  ผมได้บะหมี่หมูต้มยำมะนาว ส่วนเกอร์เป็นข้าวผัดพะแนงครับ น่ากินโคตรๆ...
   “เกอร์ทำงานอะไรอยู่เหรอตอนนี้...”ผมเริ่มถาม  ใกล้จบแล้วผมยังหางานไม่ได้เลยครับ...
   “ก็เปิดบริษัทกับเพื่อนน่ะ...  ทำเกี่ยวกับพวกออกแบบอะไรพวกนี้แหละ...  แล้วคินคิดยังว่าจะทำอะไร”เกอร์ถามผมกลับ... 
   “ยังไม่รู้เลยอ่ะ...  ว่าจะดูไปก่อน”ผมตอบ...
   “อีก-เดือนก็จะจบแล้วนะ  รีบๆดูได้แล้ว  จะได้ไม่เสียเวลาไปหาที่สมัครงาน... เช็คข้อมูลไว้เนิ่นๆ  มีอะไรถามเราได้...  ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยนะ”ผมยิ้มแทนคำขอบคุณ  เรากินข้าวกันเรื่อยๆและเกอร์ก็เสนอตัวขับรถไปส่งผมที่บ้าน...  ก็ดีเหมือนกัน...


---------------------------------------------------------------------------------------

จบตอน1 ไม่ใช่อะไร  แต่งยังไม่เสร็จ กร๊ากกกก....  เห็นเลขวันกับเดือนสวยเลยลงให้ก่อน... 
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?1 2-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 02-02-2014 14:46:26
••••• ♥♥♥♥ ••••••
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?1 2-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 03-02-2014 17:56:18
แล้วไงต่อจ๊ะ :z13:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?1 2-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 03-02-2014 19:17:43
รีบๆมาต่อนะคัฟ  พบรักกันในเกมนะคู่เนี๊ย 
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?1 2-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: tonfair ที่ 04-02-2014 13:34:22
โลกกลมหรือพรหมลิขิต อยากมีโมเม้นท์นี้บ้าง 555
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?2(จบ) 4-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 04-02-2014 23:53:46
ต่อๆตอน2


        “เล่นเกมมานานแล้วเหรอ...”เกอร์ถามระหว่างขับรถ...
    “ก็ประมาณเดือนกว่าๆได้... แล้วเกอร์อ่ะ”
   “เกือบครึ่งปีแล้ว...  ก็ว่าไม่เคยเจอคินเลย”
    “คงเจอหรอก... แรนด้อมนะครับไม่ใช่เลือกตามที่อยู่น่ะ”ผมหัวเราะและเกอร์ก็หัวเราะตาม
   “กลับไปกดใจในเกมให้ด้วยนะ ตังเราจะหมดแล้ว”เกอร์บอกส่งท้ายระหว่างที่ผมกำลังจะลงจากรถ
   “เหมือนกัน  กดกลับให้ผมด้วยนะ ไปล่ะ ขับรถดีๆนะครับ”ผมปิดประตู๔ก่อนจะเดินขึ้นบันไดตึกไปที่ห้อง  พอถึงห้องก็นอนเกลือกกลิ้งตีพุงแปปๆก็หยิบโทรศัพท์มากดเข้าเกมline play มีแจ้งเตือนเกือบๆ30แจ้งเตือน  เป็นตอบกลับข้อความซะ15 อีกสิบห้าเป็นแจ้งเตือนคนกดใจให้ผม...  ผมกดเข้าไปที่อวตารของเกอร์แล้วกดใจกลับ... เงินเพิ่มขึ้นมาอีก10เหรียญ ซึ่งมันก็ยังไม่พอค่าอะไรอยู่ดี...  ผมทำเควสเกมไปเรื่อยๆ สักพักแชทไลน์ก็เด้งขึ้นมา

    Joker :  กลับถึงบ้านแล้ว ปลอยภัยสบายดีครับ! ^^

   KinKinAkira :  ดีมาก... กดใจให้แล้วนะ  อยากได้ของขวัญชิ้นใหม่อ่ะ ส่งให้หน่อยดิ...

    Joker :  แหม... ทำเหมือนตังเราเหลือเฟือ = = อยากได้อะไร?

   KinKinAkira :  ใจดีฝุดๆเลยยยยยยย  เอาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรกที่เป็นเก้าอี้อ่ะ  ราคา 6000 มั้ง... *0*

    Joker :  ยังกล้าใช้คำว่ามั้งเหรอ...  แพงไปนะ... รอแปปล่ะกัน... -*-

   ผมส่งสติ๊กเกอร์หน้าดราม่าของเจมส์ไป  จากนั้นก็มีแจ้งเตือนเข้ามาในเกม  เช้ด! ส่งมาจริงๆด้วย... ฟินเฟ่อร์! อยากได้มาหลายวันล่ะ  แต่กิ๊ฟนี้ต้องให้คนอื่นส่งให้  มองชื่อคนส่ง  Joker(ตัวแสบขอมา)  เหย้ด! สร้างไอดีใหม่มาส่งให้เลยเรอะ... แต่ว่าตัวแสบนี้กล้าไปนะ...

   KinKinAkira :  ว่าผมตัวแสบเหรอ -*-

    Joker :  รึไม่จริง... ส่งของให้แล้วทำตัวงี้เหรอ เดี๋ยวปั๊ด!

    KinKinAkira :  โอ๋ๆสุดหล่อ... แล้วนี้วันๆไม่ทำงานทำการเหรอ  มีเวลานั่งเม้าท์เนี่ย

    Joker :  ถ้าทำคงไม่เห็นเราโผล่ไปที่คณะหรอกมั้ง? ไม่ทำสักวันงานไม่ละลายไปกับอากาศหรอกหน่า  มันก็ยังดองอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิมแหละ...

    KinKinAkira :  ชอบของดอง...?

    Joker :  ไม่ได้แพ้ท้องเฟ้ย! -*- ไอ้นี้ปีนเกลียว เตะแม่ม!

    KinKinAkira : 555555 โอ๋ๆ งอนๆ ง้อล่ะน้า...  งอนมากหน้าแก่เร็วนะ

   Joker :  ไม่เคยฟังเพลงนี้เหรอ.... ‘รักนะคะคนหน้าแก่ รักใช่ไหมคนหน้าแก่ รักนะจ๊ะคนหน้าแก่
รู้สึกว่าพี่จะเหมือนแฟนของแม่นะ รักนะคะคนไม่หล่อ คบได้ไหมมีแฟนไม่หล่อ รักนะคะคนไม่หล่อ
แต่เขาจะมองว่าพี่เป็นแฟนหรือพ่อนะ’ = =

   KinKinAkira :  55555555  เมื่อมั๊ยนั่น พิมซะยาว...

    Joker :  ไม่อ่ะ... ก็อปวางเอา

    KinKinAkira :  อุ๊ปส์! XD

   ผมคุยต่ออีกนิดหน่อยก็ขอตัวออกไปหาอะไรยัดลงท้องยามดึก... สงสัยมั๊ญครับ ผมคุยกับเกอร์ไปกี่นาที... เบ็ดเสร็จตั้งแต่เริ่มทักก็...  3 ชั่วโมง 54 นาทีครับ... นิดหน่อยไม่มาก... แต่ทำลายสถิติที่ผมคุยกับผู้หญิงไปหมดเลย  พยายามคิดว่าเพราะเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยแล้วกันนะ... แม้เรื่องที่คุยจะไม่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเลยก็เหอะ!
   “ป้า! คะน้าหมูกรอบจาน... พิเศษผัก พิเศษข้าว พิเศษหมู ราคาเท่าเดิมนะ!”เกือบได้ตะหลิวเป็นของแถม.... ผมหัวเราะก่อนจะไปนั่งรอที่โต๊ะ... ร้านนี้อยู่ใต้หอพักครับ ผมก็มากินบ่อยๆ คือร้านถัดไปมันห่างพอสมควร และผมก็หิวพอสมควร  ดังนั้นร้านใกล้ๆก็กินได้พอสมควร... ทำไมผมรู้สึกเหมือนผมกวนตีนผู้อ่านเนอะ... พลาดล่ะ...
   “เอ้า! คะน้าหมูกรอบ พิเศษข้าว พิเศษผัก พิเศษหมู แล้วก็พิเศษอากาศ!”ป้าแกวางจานดังเคร้ง... ผมสะดุ้งโหย่งเลยครับ  หันไปมองป้าแกแล้วยิ้มๆ
   “โธ่ป้า... คนมันจนจนที่ใจใช่ใบหน้า  คนมันไม่มีตังไม่มีในกระเป๋านะป้า... แฟ่บเลย...”ผมตบปุๆลงที่กระเป๋ากางเกง... ป้าแกยีหัวผมทีหนึ่งแล้วเดินไปทำอาหารอย่างอื่นต่อ... ฝากท้องตั้งแต่ปี1ยันใกล้จบ  ไม่สนิทก็ไปดาวอังคารเถอะครับ
   ผมตักผักเข้าปากคำใหญ่... ผู้ชายนะครับ จะกระมิดกระเมี้ยนแบบผู้หญิงก็ใช่ที่...  มีเวลาก็ซัดๆมันเข้าไปครับ  จัดพอประมาณหมดจานต่อน้ำเปล่าอีกสองแก้ว  แน่นเอี๊ยดถึงพรุ่งนี้เช้าเลย... พออิ่มแล้วหนังตาก็หย่อนจ่ายตังเดินตาปรือไปที่ห้อง  พอหัวผมถึงหมอนปั๊บ ผมก็ได้รับเทียบเชิญจากพระอินทร์ให้ไปเข้าเฝ้าทันที... คร่อก!

   ผมเดินอยู่ในเกมครับ... นี้ผมติดเกมจนฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เลยเหรอ... แต่ห้องผมในฝันนี้สุดยอมอ่ะ... หรูสัด! ไม่เสียแรงที่เปลืองตังไปเยอะ  ผมวิ่งกระโดดจริงๆคือวิ่งแหละไปนอนบนเตียง ไปนั่งเก้าอี้ อาบน้ำ  ทำทุกอย่างที่ทำในห้องได้  และผมค้นพบว่าแม่ง... สนุกมาก! แต่พอเล่นสักพักผมก็อยากไปห้องคนอื่นไม่ใช่ใครครับ... ห้องเกอร์อ่ะแหละ  ห้องมันแนวและสวยมาก... มีสเก็ตบอร์ดด้วย เครื่องดนตรีครบชุด  แล้วพอผมคิดเท่านั้นแหละครับ...  ในเกมวาร์ปยังไงผมก็วาร์ปแบบนั้นเลย  หลับตาที ลืมตามาก็อยู่ในห้องที่ใฝ่ฝัน  มีเกอร์ยืนหน้านิ่งทักทายสามที่ภาษาตามที่เขาพิมไว้...  ผมวิ่งไปเล่นโน่นนี้ในห้อง  แต่มันไม่สนุกอ่ะครับเลยตะโกนให้เกอร์มาเล่นด้วย
   “สนุกมั๊ยนั่น”เป็นครั้งแรกที่เราคุยในเกม... เข้าใจครับว่าฝัน แต่แบบ... แปลกใจนิดๆนะ  นี่ผมอยากคุยกับเกอร์ขนาดนั้นเชียว
   “ก็สนุกดี  เกอร์แต่งห้องโคตรเจ๋ง ผมชอบนะ”ผมยิ้มแล้ววิ่งไปที่เตียงนอน... ชอบเตียงนี้อ่ะครับ แต่มันต้องหยอดตู้เสี่ยงดวงเอา  และดวงผมก็ยังไม่สามารถครอบครองมันได้...
   “เราก็ชอบเหมือนกัน”เกอร์บอก  ผมหันไปทำหน้างง
   “เกอร์แต่งเองแล้วเกอร์จะไม่ชอบได้ไง... พูดตลก...”ผมทำหน้าเบ้...  เกอร์ส่ายหน้า
   “เราไม่ได้หมายถึงห้องซะหน่อย”ผมมอง... ทำหน้าหมางงเป็นมั๊ยครับ ไม่เป็นก็ดูผมซะ กำลังทำเลย
   “เราอยากแต่งห้องใหม่...  มาช่วยหน่อยดิ... ดูในสต๊อกเฟอร์นิเจอร์เราก่อนก็ได้”ผมลองชะโงกดู... ให้สองคำ เยอะ-โคตร!! ไปหาตังมาจากไหน... แทบอยากจะไปกระโจนถาม
   “เกอร์จะเอาสไตล์ไหนอ่ะ”ผมหันไปถามเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกมองผมอยู่
   “เอาสไตล์ที่คินชอบ... ถ้าคินชอบเราก็ชอบ”หมดคำพูดครับ... ผมเลือกของเลือกอะไรต่อมิอะไรมามิกซ์ให้ลงตัว เกิดเป็นห้องๆใหม่ที่ดูดีมีสไตล์และหรูหราพอสมควร... ผิดกับอวตารหน้านิ่งๆของเกอร์จริงๆให้ตาย...
   “ชอบมั๊ย...”เกอร์ถาม ผมหันไปมอง
   “ผมจัดผมก็ต้องชอบดิ”
   “งั้นก็ดีแล้ว  เพราะเราก็ชอบ... เหมือนกัน”เว้นเพื่อ...  มึงท่านเป็นคนในความฝันนะครับ  เว้นซะใจหายใจคว่ำหมด!
   “งั้นถ้าชอบก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ”
   “เฮ้ย!”ถอยห่างเกือบสามหลาเท่าที่ระยะในบ้านจะเอื้ออำนวย... ฝันนะครับ ท่องไว้ๆ แค่ฝันๆ... คิดอะไรอยู่เนี่ยผม
   “ก็ชอบเหมือนกันไง... ให้ใจไปแล้วไม่รู้เหรอ?”ถามแบบเศร้าๆทำเอาผมงง  คือถ้าให้ใจแปลว่าชอบแสดงว่าวันๆหนึ่งผมชอบแม่ง20คนเลยสินะ... ให้ทุกวัน  วันละ20คนไม่ซ้ำหน้า  จะซ้ำก็มีแต่เกอร์นี้แหละ
   “โอ๊ย! คุณคนในความฝันครับ...  จะเยอะไปมั๊ย....  ให้ใจแปลว่าชอบ  นี่มีคนมาชอบผมวันละสิบห้าสิบหกคนต่อวันเลยนะครับ  คิดเยอะไปป่ะ”ผมบ่น... ฝันผมนิ... ใครจะห้ามได้...
   
        “คิน...”
    “คิน!!”
    “อคินเว้ย!”
   “นายอคิราห์เว้ยยยยยย!!”
    “เชี่ย! เหี้ยตัวไหนตาย”ผมสะดุ้งแล้วมองไปรอบๆอย่างหวาดๆ
   “คำอุทานมึงนี่... น่าโดนตีนสัดๆ... เห็นหลับไม่ตื่นเลยถือโอกาสเข้ามาปลุก”เสียงที่ทำเอาผมหลอนไปเป็นระยะ...
    “เกอร์... ไม่ทำงานเหรอ”คือช็อคจนคิดคำถามไม่ออกอ่ะครับ  บอกเลยจากใจ
   “เออเนอะ... ยังอุส่าห์ห่วง  เดี๋ยวไป... ไปอาบน้ำได้แล้ว  ชุดนี้ตั้งแต่เมื่อวานจำได้... ซกมกจริง...”บ่นครับ... ได้ข่าวว่าปกติผมนี้อาบน้ำ3วันครั้ง... วันเดียวนี้ชิวๆ...
    “เมื่อกี้ฝันอะไรน่ะ... ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”ผมมองหน้าเจ้าของคำถามและเป็นเจ้าของต้นเหตุ...
   “ม่ายบอก...  แบร่!”ผมหยิบมือถือวิ่งเข้าห้องน้ำ กดเข้าเกมทันที...  ติดพันจากในฝันให้ตายดิ...
   “เชี่ย!!”ไม่ทันถึงห้านาทีผมก็วิ่งแจ้นออกมาหาเกอร์ที่นั่งรออยู่
    “อะไรเหรอ”ผมชี้ให้ดูที่จอเกม...
   “ใคร... ใครเปลี่ยนห้องเกอร์อ่ะ...”ผมละลักละล่ำถาม... คือจะไม่มายด์เลยครับ ถ้าห้องแบบนี้ไม่ใช่ห้องที่ผมฝันไว้เป๊ะๆอ่ะ...
    “อ้าว... จำไม่ได้เหรอ...”เกอร์เงยหน้ามองผม ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว...
   “ไม่มีผู้ชายคนไหนคุยกันได้ทั้งวันหรอกนะ... หืม...”
   “ก็...  ก็... แม่ง! เกอร์ทำอะไรกับผมวะครับ!”ผมส่ายหน้า... ยังยอมรับความจริงไม่ได้
   “ไม่เอาหน่า...  แลกใจกันแล้วนะ  ดูแลใจกันหน่อยดิ”ผมหยุด...แล้วมองหน้าคนพูด...  ช่างกล๊าาาาา...
    “เจอกัน... สองวัน?”ผมถาม...
   “แค่สองวันก็รักได้... บ้านเราเรียกพรหมลิขิตนะ...”เกอร์บอก... ทำไมรู้สึกเลี่ยนๆ...
   “บ้านผมเรียกเกมline playเว้ย  ที่แรนด้อมไปเจออ่ะ!”ผมเถียง...  ก่อนที่เกอร์จะฉุดผมไปนั่งข้างๆ...
   “เอาหน่า... จะพรหมลิขิตหรือline play สุดท้ายปลายทางก็คือเรารักกันอยู่ดี...”ผมหันไปมองคนหน้ามึน...
    “นี้ข้ามขั้นไรป่ะ...  จีบก็ไม่มี  อยู่ดีๆก็พูดเองเออเอง... ผมไม่ใช่เกย์”
   “เราก็ไม่ใช่... แต่เดี๋ยวจะเป็นพร้อมคินเนี่ยล่ะ... ส่วนเรื่องจีบ... พรหมลิขิตแล้วช่างมันเหอะ  ข้ามขั้นแหละเร็วดี...  งั้นคบกันนะ ดีใจจัง หอมแก้มที...”แค่นั้นแหละครับ เสียงหอมดังฟอดสองฟอดติดกันจนผมสะดุ้ง
   “ถามความสมัครใจผมบ้างยังครับ คิดเองเออเองตลอด!”ผมเถียง  เกอร์ยิ้มนิดๆก่อนจะเขยิบมานั่งใกล้ผมอีกนิด  ซ้อนตักเลยมั๊ยครับ อยากจะร้องไห้...
   “ก็บอกแล้วว่าไม่ถาม...  รู้อยู่แล้วว่าต้องคบ...  งั้นเดียววันนี้ไปเดทกัน”ผมรีรอจับผมแบกไปโยนไว้ในห้องน้ำ แล้วผมทำไงเหรอครับ... อาบน้ำแต่งตัวสิถามได้...
   ระหว่างอาบน้ำไปผมก็คิดไป... ตกลงนี้ผมมีแฟนแล้ว แฟนผมชื่อโจ๊กเกอร์ ทำตัวมึนๆหน้าอึนๆอยู่หน้าห้อง  ใช้เวลาจีบผมทั้งสิ้นหนึ่งวันหนึ่งคืน แล้วก็โมเมว่าเป็นแฟน  แล้วที่ผมฝันคืออะไร... เอาสิ ชักงง... อยากไปถามคนด้านนอกนัก แต่ทำไม่ได้...  เพราะตัวเต็มไปด้วยฟองสบู่...
   “คิน...  ให้ไว... หิวข้าวแล้ว...”อ่อ... ผมลืมบอกอีกเรื่อง  แฟนผมเอาแต่ใจตัวเองที่สุดด้วย!


(จบเถอะ...)
--------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องนี้ออกมาแบบมึนๆ  คือเข้าใจคินมันหน่อย  มันเจอบอกรักแบบมึนๆจะให้หวานหรือแกล้งบ้าใส่แบบนัทก็ใช่เรื่อง...  ดังนั้นจบแบบนี้ไปต่อในมโนเองแล้วกันเนอะ...
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?2(จบ) 4-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 06-02-2014 08:51:28
คนอ่านก็มึนๆจ้า
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]Line Play VS พรหมลิขิต แล้วไงวะ..?2(จบ) 4-2-57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-02-2014 21:10:58
 o13 รอเรื่อง/ตอนต่อไป

อยากเห็นเกอร์มึนก็นี้อ่ะ  :hao6:

กลับมาย้อนอ่านเรื่องเก่าๆกี่ทีก็มีความสุข ยิ่งเรื่องของนัทกับสักนี่โคตรชอบเลยอ่ะ
แต่ต๊อกพรตเรางงหน่อยๆ อยากอ่านย้อนอดีตต๊อกพรตว่ามันรักกันยังไง  :mew3:

เรื่องของภาวนากับที่หนึ่งนี่ทำเราเศร้าเลยนะ สงสารมาก
แต่เรื่องที่ทำให้เราร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยก็คือเรื่อง รักสุดท้าย... คือนิรันดร์
มาแนวเศร้าแต่พอเจอประโยค "รักกู ให้มากกว่าที่กูรักมึง" นี่น้ำตาไหลเลยอ่ะ  :hao5: :hao5:
แต่สุดท้ายก็จบแบบได้อยู่ด้วยกันถึงจะเป็นวิญญาณก็เถอะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
ปั่นเรื่องต่อไปมาให้อ่านเร็วๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ (17/3/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 17-03-2014 01:25:59
                                                     囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ


   เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินจีน ทุกคนต่างเคารพบูชา โดยจำแนกมังกรได้เป็น 9 จำพวก... อันประกอบไปด้วย  ปี้ซี่ ชือเหวิ่น ผูเหลา ปี้อั้น เทาเทีย หยาจื่อ  ซวนหนี เจียวถู และฉิวหนิว โดยมังกรแต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน... จึงทำให้สถานที่ที่จะพบเจอมังกรแต่ละตัวนั้นมักจะไม่เหมือนกัน หากแต่แท้จริงแล้ว... มังกรทั้งเก้านั้นต่างก็คือพี่น้องที่กระจัดกระจายกันออกไป มังกรทั้งเก้านี้ต่างออกไปส่งต่อสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังดินแดนต่างๆทั่วชมพูทวีป... จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายพันปี...

                           --------------------------------------------------------------------------------------
 
                                        ‘เรื่องราวของลูกหลานฉิวหนิว มังกรที่ชอบเสียงดนตรี...’

   เสียงดนตรีกระหึ่มดัง ร่างทั้งร่างโยกไหวไปต่างแรงอารมณ์มือข้างซ้ายจับคอร์ดกีต้าร์ไฟฟ้าก่อนจะใช้มืออีกข้างตวัดนิ้วขึ้นลงเพื่อทำให้เครื่องดนตรีในมือเกิดเสียง  เมื่อท่าทางที่แสนเท่ห์บวกกับรอยยิ้มที่กระชากใจสาวๆเบื้องล่าง ไม่น่าแปลกเลยสักนิดกับเสียงกรี๊ดและเสียงเรียกชื่อของเขาจะดังจนเกือบกลบเสียงดนตรีในผับใหญ่
   “มิวสิก!!!! อ๊ายยยยยย!!!!”เจ้าของชื่อโยกหัวตามจังหวะเพลงที่เริ่มเบาลง  หยดเหงื่อเกาะพราวตามท่อนแขนล่ำและเสื้อกล้ามแขนกุดสีดำ ที่โผล่รอยสักออกมาจากด้านหลังแขนเสื้อทั้งสองข้าง...
   “สวัสดีครับทุกคน... เจอกันอีกแล้วนะครับ ผมโอ้ครับ มือเบสพานครับ มือกลองซีเนียร์และคนสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย กีต้าร์ มิวสิกครับผม!!”สิ้นเสียงแนะนำตัวจากนักร้องนำเสียงกรี๊ดยิ่งกระหึ่มดังหลายเท่าจนคนที่ถือครองไมค์ต้องบอกให้ช่วยลดเสียงลง...
   “ครับผม... ขอบคุณทุกคนนะครับ ที่ผมบอกให้หยุดกรี๊ดเมื่อครู่ไม่ใช่อะไรนะครับ  แต่ผมจะบอกให้ทุกคนเก็บเสียงไว้กรี๊ดในค่ำคืนนี้กับเซอร์ไพรส์ของพวกเรา ผมขอมอบเวทีนี้ให้มิวสิกครับ!”จบคำเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นมาอีกระลอกจนเจ้าของเสียงกรี๊ดต้องปั้นหน้ายิ้มแล้วส่งเสียงทักทายแฟนๆในขณะที่เพื่อนๆในวงค่อยๆทยอยกันลงไปพักในห้องรับรอง
   “สวัสดีครับทุกคน... วันนี้ผมขอเล่นเพลงช้าๆสักเพลงนะครับ...”มิวสิกเปลี่ยนกีต้าร์ในมือเป็นกีต้าร์โปร่งก่อนจะเริ่มดีดมันไปช้าๆ...
   “ขอบคุณที่เธอให้ฉันเข้าไป เรียนรู้ในรักครั้งใหม่ อย่างน้อยก็ทำให้ฉันรู้ใจตัวเองว่าฉันรักเธอ...”มิวสิกปราดสายตากวาดมองไปรอบๆทุกคนกำลังสนใจเขา... สนใจในดนตรีที่เขาเล่นและเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาตั้งใจทำมัน... นั่นคือความสุขของเขา...
   “แม้ฉันไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ทุกอย่าง ก็รักนั้นไม่มีสมการเป็นสูตรสำเร็จให้ใครอยู่แล้ว
แต่ฉันเองก็ยังตั้งใจอยากลองให้รู้ไป...”เขาร้องมันไปเรื่อยๆ และส่งยิ้มไปให้แก่ทุกคน  ตั้งแต่เด็กเขาชอบที่จะเล่นดนตรี ชอบเสียงดนตรี ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะกรรมพันธุ์หรือเปล่า เพราะทั้งปู่และพ่อของเขาต่างก็ชอบเล่นดนตรีด้วยกันทั้งสิ้น มิวสิกเล่นดนตรีเป็นเกือบทุกชนิดทั้งไทยและเทศ แต่เครื่องดนตรีที่เขาเล่นหลักๆจะเป็นกีต้าร์ซะส่วนใหญ่  เพราะเขาสามารถพกพามันไปได้สะดวกและใช้ทำมาหากินได้บ่อยครั้ง... มิวสิกเล่นเพลงสมการไปเรื่อยๆจนจบเพลง เสียงตบมือและเสียงกรี๊ดกร๊าดตามมาเป็นระยะ  เขาขอตัวลงจากเวทีก่อนจะตามไปสมทบกับเพื่อนๆที่ห้องรับรอง ปล่อยให้ดีเจมาทำหน้าที่ของตนเองต่อไป...
   “ไงพวก... เอาซะสาวเสียงแหบเลยนะมึง...”โอ้ส่งเสียงหยอก  เขาได้แต่ยิ้มรับเพราะกำลังกระหายน้ำอย่างหนัก  หลังจากได้น้ำดื่มมาบรรเทาอาการแล้ว มิวสิกก็เดินมารวมกับเพื่อนๆที่
กำลังหารค่าตัวคืนนี้...
   “อ่ะนี่ของมึง”ซีเนียร์ดันกองเงินที่วางกองๆกันไว้ให้เขา  ซึ่งหลังจากคาดคะเนจำนวนของมันด้วยสายตาแล้ว เขาก็มองทุกคนที่เหลือ
   “กูได้มากกว่าคนอื่นอีกแล้วใช่มั๊ยวะ?  บอกให้หารเท่ากันไงมึง... ไอ้ซีเนียร์”เขาผลักหัวเพื่อนตัวเองที่คุมตำแหน่งหัวหน้าวงไว้อีกที  ซีเนียร์จิ๊ปากอย่างหงุดหงิด
   “ค่าเสียงกรี๊ดไงมึง  เอาๆไปเหอะ มึงอยากได้เปียโนหลังใหม่อยู่ไม่ใช่รึไง  และที่กูให้มากกว่า นี่ก็ไม่ได้มากกว่าพวกกูเท่าไรหรอก  อย่ามาทำตัวเป็นคนดี ไอ้สัด!”ซีเนียร์บ่นกลายๆ เขาเบ้ปากแต่ก็ยอมเก็บเงินเข้ากระเป๋าแต่โดยดี
   “เอาล่ะเสี่ยมิวสิก... พาพวกกระผมไปเลี้ยงข้าวเลยครับ! อย่าช้า!”เสียงพาน มือเบสประจำวงที่รอโอกาสอยู่นานพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบในห้วงจังหวะนึงที่ทุกคนต่างสนใจเงินในมือตนเอง  และนั่นทำให้อีกสามคนที่เหลือพร้อมใจกันส่งเสียงประสาน
   “ถุ้ย!!!”

   และมื้ออาหารยามดึกก่อนเข้าบ้านของทั้งสี่ก็คือก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยผับที่เปิดตั้งแต่ 1 ทุ่มยันถึงตี 2 เวลาผับปิด
   “เอ้า! บะหมี่ต้มยำสี่ชาม”เสียงเคร้งติดๆกันพร้อมกับกลิ่นน้ำซุปหอมฉุยจนทำเอาพวกเขาน้ำลายสอ ไม่ทันไรตะเกียบที่ถืออยู่ก็พุ่งลงไปจัดการเป้าหมายตรงหน้า  ไปถึงสิบหน้าทีเสียงของพานก็ดังขึ้น
   “ลุง บะหมี่ต้มยำอีกชามครับ”แล้วเจ้าของเสียงก็ลงไปโซ้ยบะหมี่ในชามต่อโดยไม่สนใจคนรอบข้างเช่นเคย...
   ปึก!
   แรงกระแทกจากด้านหลังที่ไม่เบานักทำให้มิวสิกยอมผละหน้าขึ้นจากชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อฟังคำของโทษจากอีกฝ่าย
   “หึ! พวกนักดนตรีเฮงซวย...”แต่สิ่งที่ได้กลับทำให้เพื่อนของเขาอีกสามคนยืนขึ้นพร้อมกับโอ้ที่นั่งข้างๆเขากระชากคอเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่
   “มึงพูดอะไรวะไอ้หน้าอ่อน...”เสียงที่พยายามกดลงต่ำ โอ้เป็นคนที่นับถือในดนตรีมากและเขาไม่ชอบได้ยินใครมาว่าดนตรีที่เขารัก
   “ไอ้พวกดีแต่หน้าตา ใช้เป็นแต่กำลังไม่ใช้สมอง”เสียงนั้นยังดังไม่หยุดจนมิวสิกกลัวว่าโอ้จะทนไม่ไหวและซัดกับคนตรงหน้า... ใจเขาไม่ได้ห่วงโอ้เท่าไรหรอกเพราะตัวของมันบึกบึนพอกับเขาอยู่แล้ว  แต่คู่กรณีนี่สิ  ตัวเล็กกว่าโอ้เกือบครึ่ง  ไม่รู้ว่าเคยออกกำลังกายรึเปล่า  แถมแค่ถูกโอ้กระชากคอเสื้อก็ต้องยืนเขย่งเท้าเสียแล้ว  ถ้าเกิดโอ้ผลักมันขึ้นมาสักที  เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้ามันจะกระเด็นไปไกลถึงอีกฝั่งของถนน เขาก็ภาวนาให้โอ้ไม่ทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่าแล้วกัน...
   “มึง!!!”หมัดที่เงื้อค้างถูกหยุดด้วยเสียงๆหนึ่ง...
   “บะหมี่ต้มยำได้แล้ว... ถ้าจะชกไปโน่น... สถานีตำรวจ  ไปชกให้ตำรวจดูเลย  จะได้ไม่ต้องพังของร้านคนอื่น”ลุงเจ้าของร้านพูดเรียบๆดูท่าจะชินกับพวกนังเลงหรือวัยรุ่นขี้เมาที่ชอบมาต่อยตีกันบ่อยๆ  โอ้สะบัดข้อมือทิ้งร่างของคนตรงหน้าลงก่อนจะนั่งลงแล้วกินบะหมี่ของชามตนเองต่อ...
   “มีน้ำใจเหมือนกันนี่หว่า...”พูดเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง แต่มิวสิกที่อยู่ใกล้ดันได้ยิน เขาก็ไม่ได้ทำอะไรหันกลับไปสนใจบะหมี่ของตัวเองต่อ... เสียงลากเก้าอี้ครืดคราดก่อนที่เมนูในร้านจะถูกตะโกนสั่งออกไปจากคนด้านหลัง
   “เส้นเล็กเย็นตาโฟ ไม่เอาลูกชิ้นครับ”เขาหันไปมอง คนเมื่อกี้ยังไม่ยอมไปไหนอีก... กะจะอยู่รอให้ไอ้โอ้มันโมโหหันไปเอาก๋วยเตี๋ยวราดหรือไงนะ...  เขากับเพื่อนๆพยายามกินให้เสร็จเร็วๆ  อารมณ์ที่ดีดีถูกกลบมิดด้วยความอารมณ์เสียจากนักร้องนำในวง  ไม่นานค่าอาหารก็ถูกเคลียร์วางไว้บนโต๊ะแล้วทั้งสี่ก็เดินออกมา โอ้บ่นพึมพำไปตลอดทางจนซีเนียร์ต้องเตือนสติเพื่อนก่อนจะคลั่งตายขึ้นมาจริงๆ เมื่อถึงป้ายรถเมล์มิวสิกถึงรู้ตัวว่าทำโทรศัพท์มือถือตัวเองหายไป...
   “ให้กูโทรเข้าเครื่องมึงให้มั๊ย...?”พานยกมือถือตัวเองขึ้นถาม มิวสิกหยักหน้า พยายามตบกระเป๋ากางเกงและค้นกระเป๋าเป้ตัวเองจนทั่ว...
   “ไม่ต้องหาแล้วมึง คนเก็บได้เขารออยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรีบกลับไปเอาไป...”เสียงพานบอกหลังจากคุยกับคนที่เก็บมือถือเขาได้สองสามคำ  มิวสิกเลือกที่จะร่ำลาเพื่อนๆที่ตรงนั้น เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาเสียเวลาเดินไปเดินมาเพราะเขาเป็นต้นเหตุ
   “นายๆ”เสียงเรียกทันทีที่มิวสิกเดินไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเดิม  พร้อมๆกับแรงสะกิดที่ไม่หนักไม่เบา เขาหันไปตามแรงก่อนจะพบกับคนตัวเล็กที่หาเรื่องเขากับเพื่อนเมื่อครู่...
   “ของนายใช่มั๊ย... โทษนะที่เปิดดูโดยพลการ พอดีเห็นมันตกอยู่เลยจะหาเจ้าของ...”เสียงทุ้มต่ำพูดรัวๆก่อนจะยัดมือถือใส่มือของเขา
   “ไม่เป็นไร  ขอบคุณนะครับที่เก็บไว้ให้”มิวสิกก้มหัวนิดๆแทนคำขอบคุณก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเดิม
   “เดี๋ยว!”มิวสิกเอี้ยวตัวกลับไปทางเดิมก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าเลิกลั่ก...
   “เอ่อ... ไม่มีอะไรหรอก  ขอโทษที่เรียกนะ”
   “ไปเดินเล่นกันหน่อยมั๊ย...”เป็นเขาเสียเองที่เรียกอีกฝ่ายให้ไปด้วยกัน  อาจเพราะหน้าตาที่ดูเหงาๆ หรือตัวเล็กๆที่กำลังสั่นน้อยๆ หรือเพราะเขาคือมิวสิก ผู้ที่ไม่ชอบเห็นคนดูถูกดนตรี  ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรแต่เขาไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ มือแกร่งจับหมับเข้าที่ข้อมือแล้วออกแรงเพียงเล็กน้อยลากอีกฝ่ายให้ปลิวตามมาอย่างไม่ยากเย็น
   “เฮ้ย! จะพาผมไปไหน ปล่อยเว้ย!”เสียงทุ้มที่ร้องตะแหง่วๆเหมือนแมวตัวน้อยทำเอาเขาหลุดขำมาไม่ได้...  มิวสิกอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ที่เขาเห็นผู้ชายที่เขากำลังลากอยู่เหมือนแมว  ทั้งๆที่คำๆนี้ควรใช้กับผู้หญิงด้วยซ้ำไป
   “นายชื่ออะไร”มิวสิกเริ่มเปิดประเด็นถาม
   “ซอง...”เสียงตอบกลับมาแผ่วเบา  เจ้าของชื่ออ้าปากแต่ตากลับจ้องไปที่ข้อมือของตัวเองที่ขึ้นรอยช้ำ ทั้งๆที่มิวสิกมั่นใจว่าเขาแทบไม่ได้ออกแรงบีบเลยด้วยซ้ำ 
   “ซอง... ซองจดหมาย ซองผ้าป่า หรือซองขาว”มิวสิกถามก่อนจะได้สายตาเขียวปั๊ดที่ตวัดส่งมาอย่างรุนแรง จนเขาอดหัวเราะไม่ได้
   “ซอง... Song ที่แปลว่าเพลงน่ะ”คำอธิบายที่ยาวขึ้นทำให้มิวสิกเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น...
   “เอ๋... แปลกดีจังนะ  ชื่อคุณกับผมมีความหมายแปลว่าเพลงเหมือนกันเลย...”
   จบคำสนทนาเพียงแค่นั้นเมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นอีก  ระหว่างเขาทั้งคู่มีเพียงความเงียบ จนกระทั่งท้ายที่สุดแล้วคนที่อดรนทนไม่ไหวจึงหันมาตะโกนถาม...
   “คุณพาผมมาทำไม?  พามาแล้วก็เงียบ  ผมจะกลับแล้ว...”หลังพูดจบ ซองก็ตั้งท่าจะเดินออกไปแต่เสียงเพลงที่ดังจากปากทุ้มก็ทำให้เขาต้องชะงักค้างและหยุดฟัง...
   “เธอเป็นยังไงฉันอยากรู้... เพราะฉันดูเธอไม่ออก บางทีเธอเป็นเช่นหมอกขาว และบางคราวเธอเป็นเหมือนควัน ฉันนั้นชักไม่มั่นใจ...”มิวสิกหันมาจ้องหน้าซองและซองก็จ้องหน้าเขากลับ... ชั่วครู่หนึ่ง ดูเหมือนซองจะเป็นคนที่มีความอดทนได้ไม่นานนัก เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปนั่งกับพื้นหญ้า โชคดีที่แถวนี้เป็นสวนสาธารณะที่มีต้นไม้ใหญ่ทำให้น้ำค้างไม่แรงเท่าที่ควร...  มิวสิกนั่งลงข้างกันก่อนจะเริ่มเอ่ยปาก
   “เรามาเล่น 10 คำถามกัน... ผมเริ่มก่อนนะ คุณอายุเท่าไร”เหมือนอีกฝ่ายจะพอเข้าใจ เมื่อมิวสิกถามคำถามแรกไป อีกฝ่ายที่พร้อมก็ตอบแล้วสวนคำถามกลับมาทันที
   “28 คุณมายุ่งกับผมทำไม”
   “ผมสงสัยคุณ  คุณทำไมถึงไม่ชอบนักดนตรี”
   “ผมมีปมเกี่ยวกับดนตรี ทำไมคุณถึงเป็นนักดนตรี”
   “ผมชอบเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก  ปมคุณใหญ่ถึงขนาดเกลียดนักดนตรีทุกคนเลยเหรอ”
   “ใช่  คุณต้องการอะไรจากผม”
   “ผมอยากให้คุณชอบดนตรี  คุณเล่าเรื่องปมให้ผมฟังได้มั๊ย”
   “ครอบครัวผมถูกพวกรถนักดนตรีที่เมาปาดหน้าจนรถคว่ำตายทั้งหมด  คุณพอใจหรือยัง”
   “ยัง... ตอนนี้คุณอยู่ตัวคนเดียวสินะ”
   “ใช่  ผมเกลียดคุณ”
   “ยินดีครับ ครบสิบคำถามพอดี  ขอบคุณนะครับที่ยอมเล่นกับผม”มิวสิกดึงหน้าเช็ดหน้าแล้วส่งให้อีกฝ่าย
   “เช็ดน้ำตาหน่อยครับ  ขอโทษทีที่ผมไปถามคำถามแทงใจดำคุณอย่างนั้น... แต่นักดนตรีไม่ได้ไร้ความรับผิดชอบแบบนั้นทั้งหมดหรอกนะ  คุณไม่น่าเหมารวมพวกเราทั้งหมด...”มิวสิกอธิบาย  ซองเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะพยักหน้ารับ
   “ผมรู้... แต่ผมทำใจไม่ได้  ผมไม่ได้อยากเกลียดพวกคุณ  แต่ผมอยากหาใครมารับผิดชอบในเรื่องนี้บ้างก็เท่านั้น...”ซองว่า  ที่จริงชื่อซองของเขา มันก็มาเพราะว่าแม่กับพ่อของเขาชอบฟังเพลงมาก  และตัวเขาเองก็ชอบฟังเพลงมากเช่นกัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้เขาเลิกฟังเพลงเลิกไปที่ไหนที่มีดนตรี เพราะมันเหมือนกับการไปกระตุ้นความทรงจำแย่ๆขึ้นมาอีกครั้ง
   “ผมรับผิดชอบให้  ผมจะทำให้คุณเลิกเกลียดดนตรีแล้วกลับมาชอบดนตรีอีกครั้ง... คุณน่าจะรู้นะ ดนตรีช่วยเยียวยาจิตใจของเราให้ดีขึ้นไวกว่าอะไรทั้งนั้น...”ซองมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา... ก่อนจะหัวเราะเบาๆ...
   “ช่างผมเถอะ  เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ...  คุณไม่ต้องมารับผิดชอบหรอก  ผมอยู่ของผมแบบนี้แหละ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก...”
   “หลับตาลงนะ... นะคนดี  ขอให้เวลานี้เธอหลับและพักผ่อน กล่อมด้วยเพลงแห่งรัก... ให้เธอนอน แค่เพียงก่อน ที่ฟ้าจะสาง”มิวสิกดึงมีอีกคนไว้เบาๆก่อนจะร้องเพลงออกมาอีกครั้ง  อีกมือล้วงกระเป๋าเป้ข้างกายหยิบเม้าส์ออแกน มันเป็นเครื่องดนตรีชนิดเป่าเครื่องเล็กๆเขาชอบพกมันไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ เพลงๆเดิมถูกเปลี่ยนจากการขับร้องเป็นการบรรเลง... น้ำตาของซองไหลมากกว่าเดิมแต่มิวสิกก็ยังไม่หยุดเป่า... ปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่อย่างนั้นในขณะที่มือที่จับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก็บีบให้กำลังใจไม่ห่าง...
   “หากเพียงเธอได้รู้ ว่าเธอนั้นสำคัญแค่ไหน  หากเพียงเธอได้รู้ ว่ามีคนรักเธอมากมาย
หากเพียงเธอได้รู้ ว่าเขานั้นยอมทำสิ่งใด  เพื่อให้เธอ ได้พบกับความสุขใจ”มิวสิกเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่จู่ๆก็เปล่งเสียงร้องเพลงออกมาทั้งๆที่เสียงสั่นเครือ... เสียงทุ้มๆที่สั่นดูน่าสงสาร  แต่มิวสิกกลับรู้สึกว่าคนตรงหน้าดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด...
   และในค่ำคืนนั้นเองสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าความรู้สึกดีๆก็เกิดขึ้นกับคนสองคนที่ร้องเพลงด้วยกันไม่ห่าง... มีเพียงรอยยิ้ม เสียงดนตรีและเสียงร้องเพลงที่ขับกล่อมบรรยากาศโดยรอบ แซมด้วยเสียงแมลงตัวเล็กตัวน้อยที่พากันร้องส่งเสียงเป็นระยะๆให้ทั้งสองหยุดฟังและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข...
   
   “ฮัดเช่ย!!”
   “ฮะๆ สมควร...  ไปร้องเพลงตากน้ำค้างทั้งคืน... ตัวก็แค่นี้  สมควรเป็นหวัด รีบกลับไปนอนพักแล้วอย่าลืมกินยานะ...”มิวสิกสั่งหลังจากที่ทั้งคู่ลงจากรถเมล์ในช่วงเช้ามืดเพื่อกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน
   “บ้านพี่อยู่แถวไหนอ่ะ  นี้มันแถวบ้านผมเลย”หลังจากผ่านไปครึ่งค่อนคืน ซองก็ได้รู้ว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้าร่างสูงใหญ่นี้อายุน้อยกว่าตัวเองเกือบสามปี  หลังจากนั้นเขาเลยบังคับให้อีกฝ่ายเรียกเขาว่าพี่ตลอด
   “หลังนั้นอ่ะ หลังคาสีส้ม...”มิวสิกมองตามนิ้วมือที่ชี้ไปก่อนเขาจะอมยิ้มน้อยๆ...  หลังจากที่ส่งอีกฝ่ายถึงบ้านแล้วเขาก็เดินไปบ้านหลังถัดไป...
   “แล้วบ้านนายอยู่ที่ไหน”เหมือนซองจะเพิ่งนึกได้  แต่มิวสิกยิ้มแล้วชี้ไปในบ้านตรงหน้าที่อยู่ถัดจากบ้านของซองไปหนึ่งหลัง...
   “หรือว่ามันคือพรหมลิขิต ที่ใครมาขีดไว้  แต่ก็ทำให้หัวใจ ได้ใช้รักใครสักคน...”มิวสิกหันมายิ้มแบบที่สาวๆเรียกได้ว่าโคตรน่าหลงใหลให้กันคนที่ยืนอยู่หน้ารั้วบ้านอีกหลังแล้วผิวปากเดินเข้าบ้านไปแบบชิวๆ ปล่อยให้ใครอีกคนยืนหน้าแดงเมื่อนึกถึงประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาทั้งคู่จะเดินออกจากสวนสาธารณะเพื่อมาขึ้นรถเมล์...

   ‘ผมคิดว่าผมต้องรับผิดชอบพี่อีกเรื่องหนึ่งล่ะ’
   ‘เรื่องอะไรเหรอ?’
   ‘ก็ตอนนี้พี่อยู่คนเดียวใช่มั๊ย... ผมจะจีบพี่แล้วก็จะเป็นแฟนกับพี่ให้ได้  พี่จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้อีกแล้ว  พี่ว่าดีป่ะ?’
   ‘บ้า...’

   “บ้าไปกันใหญ่แล้วซอง... นายอายุ 28 ปีแล้วนะ  อย่าทำตัวเป็นวัยรุ่นที่เพิ่งโดนจีบครั้งแรกสิ”ซองตบหน้าตัวเองเบาๆก่อนจะไขกุญแจแล้วเดินเข้าบ้าน...
   “พี่ซอง”เสียงตะโกนจากชั้นสองของบ้านหลังข้างๆทำให้เขาอดเงยหน้าขึ้นไปมองไม่ได้  มิวสิกชะโงกหน้าออกมาหลังจากถอดเสื้อกล้ามออกไปแล้วและพาดผ้าขนหนูไว้บนบ่า
   “ที่ผมบอกว่าผมจะจีบพี่อ่ะ...  ผมพูดจรองนะ...  เตรียมตัวรอตอบรับความรักผมไว้เลยนะพี่”ตะโกนบอกจบก็ผลุบหายเข้าไปในห้องทิ้งให้อีกฝ่ายยืนหน้าเหวอสลับกับหน้าแดงอยู่อย่างนั้นไปอีกพักใหญ่
   “จะบ้าเหรอไง...”พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมา จนเขาต้องรีบหันควับกลับไปมองที่บ้านหลังข้างๆอีกครั้ง  ผู้ชายวัยกลางคนกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อครู่เขาไม่ทันสังเกต... เขาเตรียมยกมือไหว้
   “แย่หน่อยนะ เจ้ามิวสิกนี่มันตั้งใจจะทำอะไรมันจะทำจริงจังตลอด  โดยเฉพาะเรื่องความรัก ถ้ามันรักใครมันก็จะรักจริงตลอด  เชื้อพ่อมันแรงน่ะ ฮาๆๆ”ว่าจบก็เดินเข้าบ้านไปทิ้งให้คนที่กำลังจะยกมือไหว้ยกมือค้างกลางอากาศพอๆกับปากที่ยังคงหุบไม่ลง...
   ‘คนบ้านนี้ นี่มัน...’
   ดูท่าเขาจะแพ้ทางผู้ชายบ้านนี้ทุกคนเลยแฮะ  โดยเฉพาะคนลูก... แล้วแบบนี้เขาจะทนไหวมั๊ยเนี่ย... ทนไม่รับรักเจ้าหมอนั่นน่ะ โอ๊ย! เครียด!!!

 --------------------------------------------------------------------------

TALK : คิดว่าจบมั๊ย... จบแล้วครับผม!

ไม่ต้องเรียกร้องเพิ่มเติมเพราะมีลูกหลานมังกรอีกแปดตัวรอคนเขียนอยู่...

เรื่องนี้ดูเรียบๆเนอะ คือสารภาพว่าไม่มีพล็อตอ่ะ  แถๆให้จบ  :z6:

อยากแต่งเรื่อยเปื่อยบ้าง... แต่มันก็ซึ้งนะ คนเขียนแอบซี๊ดน้ำมูกไปหลายที  :mew5:

เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกันนะครับ แต่จะเป็นลูกหลานมังกรเหมือนกันทั้ง9คน

มีพล็อตอยู่บางตัว  บางตัวก็ยังไม่มีพล็อตเลย...

 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ (17/3/57)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-03-2014 02:14:00
 :-[ น่ารักดีแฮะ

รอมังกรอีกแปดตัว
เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ (17/3/57)
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 17-03-2014 06:26:04
ผมจะเอามังกรอ่ะ จาอาวมางกร จาเอามางกร ผมจารอมางกรอีกแปดตัวน้าฮ้า
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ (17/3/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 17-03-2014 21:32:08
 :hao4: :hao3:  :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ (17/3/57)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 17-03-2014 23:12:30
 :L2:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย สเปฯ... สงกรานต์(12/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 12-04-2014 21:23:53
                                                              ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
                                                                     สเปเชียล... สงกรานต์ของคนบ้า


               มือบางค่อยสอดนิ้วเข้าไปในไกปืน ตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะยิงเมื่ออีกฝ่ายขยับกาย เสียงลมหายใจดังจนรู้สึกได้  ใจของทั้งสองคนเต้นระรัวในช่วงเสี้ยววินาทีสุดท้าย... ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะตัดสินใจจบเกม...!

   ปิ้วๆๆ...
   
   ปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่พ่นน้ำใส่หน้าของอีกคนที่ยืนตั้งท่าอยู่ก่อนจะมีเสียงหัวเราะลั่นตามมา...
   “ฮาๆๆ  มึงแพ้แล้วสัก... บอกแล้วว่าเด็กแพทย์อย่างมึงจะมาชนะแชมป์ยิงปืนได้ไง กร๊ากกกกก”หัวเราะดังลั่นจนคนที่โดนน้ำพ่นใส่แอบอมยิ้ม... เจ้าตัวจะรู้มั๊ยน้อ... ว่าเขาไม่ได้คิดจะยิงเลย ทั้งๆที่มีเวลาตั้งนาน เพราะถ้ายิงปืนฉีดน้ำไปโดนอีกคนก่อนน่ะเหรอ... รับรองวันนี้คนโดนฉีดน้ำใส่ต้องเล่นน้ำทั้งๆที่หน้าบูดอย่างนั้นทั้งวัน  อย่างนั้นเขายอมโดนฉีดเล่นก่อนดีกว่า ถึงจะรู้ว่าต้องไปนั่งรถตากแอร์ต่อ... แต่เอาเถอะ! เพื่อเมียรัก ไอ้สักทนได้!
   “ไอ้บ้า! พวกกูอยู่ทางนี้โว้ยยยย!”เสียงโหวกเหวกจากอีกฟากถนนทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมอง ต๊อกกับพรตพร้อมด้วยชุดลายดอกสีสดใสและปืนฉีดน้ำกระบอกโตเปลี่ยนลุคเจ้าของบริษัทกับเมียเจ้าของบริษัทไปเป็นหนุ่มทะเล้นน่ารักน่าจีบทั้งคู่... ไอ้บ้าหรือนัทลากแขนคนรักแล้ววิ่งข้ามถนนแบบไม่กลัวรถชน
   ปรี๊นนนน!!
   “รีบหาแม่งเหรอ เดี๋ยวโดนชนตายเข้าสักวัน ไอ้สัด!”เจ้าของรถที่เหยียบเบรกตัวโก่งเปิดกระจกออกมาตะโกนด่า  ส่วนคนโดนหน้าก้มหน้าลงนิดนึงแล้วเงยหน้ามองไปที่เจ้าของรถน้ำตาคลอ...
   “ฮือ... อะไรอ่ะ... ผมแค่... แค่จะรีบมาเล่นน้ำ แง๊!!”คนที่โดนร้องไห้ใส่ชะงักแล้วสถบเสียงดังก่อนจะปิดกระจกแล้วออกรถไปอย่างเร็ว...
   “ปัญญาอ่อนเหรอวะเนี่ย... แม่ง!”
   เมื่อรถเจ้าปัญญาขับผ่านไป  น้ำตาที่คลอหน่วยเมื่อครู่ก็เหมือนจะจางหายไปในพริบตาก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปกระโดดกอดเพื่อนรักทั้งสอง
   “ต๊อกเพื่อนรัก! พรตเมียรัก! ม๊วฟ!”คนแรกหันไปกอด แพอมาคนที่สองหลังจากกอดยังมีหอมแก้ม บวกกับการเรียกชื่อที่เหมือนจะมีการผิดพลาดทางเทคนิคทำให้สามีที่รักของทั้งคู่ต้องรีบแยกตัวทั้งสองคนออกจากกัน
   “ผิดประเด็นล่ะไอ้บ้า  เดี๋ยวกูแจกตีนให้แดกเลยนิ!”ต๊อกโวยวายแล้วถูแก้มคนรักของตัวเองแรง เหมือนมีขี้ไปแปะแก้มอีกคนก็ไม่ปาน 
   “แจกมากูแจกกลับนะสัด! เมียกู กูหวง... เดี๋ยวกลับบ้านเอาแอลกอฮอลล์ล้างปากด้วยนะครับ หืม... ปากสกปรกแย่เลย”สักพูดทีเล่นทีจริง ส่วนคนที่โดนกอดทั้งคู่ต่างหัวเราะคิกคักแล้วทำในสิ่งที่คนกอดไม่ทันคิด
   จุ๊บ!
   ต่างคิดต่างยื่นหน้ามาจูบปากกันเบาๆ ถึงจะเป็นจูบแบบเอาปากแตะๆกัน แต่คนที่ทั้งรักทั้งหวงทั้งคู่ก็แหกปากร้องประหนึ่งแฟนตัวเองไปได้เสียกับอีกฝ่าย...
   “พรตตตตตตตตต!!!!/อิ๊มมมมมมมม!!!”

   กว่าจะเคลียร์คนรักของตัวเองให้หานนอยด์ได้ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้งสี่คนตัดสินใจว่าจะไปหาอะไรกินรอให้คนมาเยอะกว่านี้แล้วค่อยออกไปตะลุยเล่นถนนนี้ให้ทั่วทั้งสาย หลังจากตัดสินใจได้แล้วทั้งสี่คนก็เริ่มเดินหาร้านอาหารทั้งพวกเขาพอจะสิงอยู่ได้และมองเห็นบรรยากาศด้านนอกร้าน สุดท้ายก็ได้ร้านอาหารตามสั่งติดแอร์เย็นเฉียบที่มีคนในร้านไม่มากนักพอมีที่ให้พวกเขานั่งได้ หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยนัทกับพรตก็เอาแต่นั่งจิ้มโทรศัพท์จนสุดที่รักทั้งคู่ต้องลอบมองตากันแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว  เรื่องของเคะ เมะยุ่งยากส์...
   พอกินเสร็จอะไรเสร็จและผู้คนเริ่มออกมาเล่นน้ำสงกรานต์เต็มที่แล้ว สักก็เริ่มเก็บเงินโดยมื้อนี้มีแค่สองคนที่ต้องจ่าย... ก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าใคร... พอเสร็จแล้วทั้งหมดก็เดินเกาะกลุ่มกับไปขอเติมน้ำใส่ปืนพร้อมกับโดนแปะแป้งเล็กๆน้อยๆพอเป็นพิธี
   “แหงะ... แป้งเข้าปากอ่ะ สักกกก.... แป้งเข้าปากอ่ะ”ทำหน้าเบ้แลบลิ้นให้เห็นแป้งสีขาวๆที่ติดอยู่บนเล่น สักหันไปขอน้ำจากคนที่ยืนอยู่ที่ถึงมาขันนึงค่อยๆวักขึ้นไปเช็ดให้อีกคนอย่างทนุถนอมจนแป้งหมดก็หันกลับไปคืนขันน้ำโดยไม่ทันหันไปมองว่าหลังจากที่ทั้งสี่คนเดินออกไปแล้วนั้น ผู้หญิงที่อยู่แถวนั้นกรี๊ดกร๊าดกันไปกี่คน!
   กิจกรรมจากซุ้มเกมต่างๆที่จัดขึ้นเนื่องในวันสงกรานต์มีเยอะจนลายตา ทั้งสี่คนเล่นน้ำบ้างเดินไปเล่นเกมบ้างจนได้รางวัลมาสองสามชิ้น ซึ่งแต่ละเกมก็เล่นแบบขำๆเรียกเสียงฮาเสียงกรี๊ดจากสาวๆพอประมาณ
   “เอาล่ะค่ะ... งั้นทีนี้ให้แฟนของคุณเขียนลงไวท์บอร์ดนะคะว่าเจอคุณที่ไหน เชิญค่ะ!”เสียงพิธีกรประกาศ เกมนี้เป็นเกมง่ายๆที่สักกับต๊อกต้องทายให้ถูกว่านัทกับพรตเขียนอะไรลงบนไวท์บอร์ด  สำหรับต๊อกนั้นคงง่ายเพราะทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วพูดคุยกันมาตลอด แต่กับสักที่ต้องทายใจอาร์ตตัวพ่ออย่างนัทแล้วถือว่าเป็นงานยากพอตัว... เกมนี้มีเล่นทั้งหมด6คู่ เป็นชายหญิงสัก4คู่ อีก2คู่ก็นั่นแหละ... ตามที่เข้าใจ
   “ค่ะ... เขียนครบแล้วนะคะ แหม... คำตอบแต่ละคนก็ดูน่ารักดีนะคะ  งั้นเรามาเริ่มถามจากคนแรกเลย คุณเจอกับแฟนครั้งแรกที่ไหนคะ?”
   “ที่สวนสาธารณะครับ ผมเห็นเธอวิ่งอยู่... แล้วผมก็ถูกใจแบบแรกเห็นเลยครับ”ผู้ชายคนแรกตอบ มีเสียงกรี๊ดดังจากข้างล่างให้พออมยิ้ม
   “ผมเจอที่โรงพยาบาลครับ ตอนพาคุณแม่ไปหาหมด ก็เจอพยาบาลยิ้มสวนคนหนึ่งกำลังจูงเด็กเดินผ่านหน้าครับ เลยเดินตามแบบเพ้อๆไปเลย...”
   “เจอในเน็ตครับ ถูกใจเลยตามจีบ กว่าจะยอมมาเจอกันก็นานครับ”
   “เจอที่บ้านเพื่อนครับ น้องเพื่อนผมเอง ตอนจีบกว่าจะได้คบกันโดนหมัดเพื่อนไปหลายทีเลยครับ”
   “ผมเจอเขาที่ใต้สะพานลอยครับ เขากับเด็กคนนึง... ที่ตอนนี้กลายเป็นลูกผมไปแล้วล่ะครับ”
   “อ่า... ผมเจอที่ซอยมืดๆอ่ะครับ แฟนผมเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ ส่วนผมเพิ่งกลับจากงานแต่งเพื่อน... ตอนเห็นไม่ได้ชอบนะครับ แต่พามาอยู่บ้านด้วยกันเลย”เสียงโห่ฮาดังทั้งทีที่สักพูดจบ เขาหันไปยักคิ้วให้ต๊อกที่ยืนขำอยู่ข้างๆ เพราะนึกถึงเวลาตอนนั้นกับที่นั่งโปรดของเพื่อนสนิทแล้วก็พอรู้สภาพอยู่... ไปจีบคนบ้า... ไม่สมองผิดปกติก็เป็นคนที่แปลกมากพอตัว
   “ค่ะ... ทีนี้หันมาดูคำตอบได้เลยค่ะ”พิธีกรบอกแล้วเดินไล่คำตอบไป ใครถูกก็มีเสียงเป่าปากขำกันไป ต๊อกกับพรตตอบเหมือนกันว่าใต้สะพานลอยเลยได้รอเล่นคำถามถัดไป ส่วนนัท...
   “เจอในฝันนะคะ.... ยังไงคะ ไปเจอได้ไงเอ่ย?”ไมค์ถูกจ่อไปที่ปากของคนที่ยืนยิ้มเผล่ แล้วค่อยๆกรอกเสียงพูดลงไป
   “ก็เขาเป็นคนในฝันของผม... ไม่เจอในฝันจะให้ไปเจอที่ไหนอ่ะครับ...”เสียงกรี๊ดจากสาวๆดังขึ้นเป็นเท่าตัว แต่แน่นอนว่าสักตอบผิดก็ต้องลงจากเวทีไปตามระเบียบรอต๊อกกับพรตอยู่ข้างๆเวที ที่กำลังเล่นคำถามข้อถัดไป...
   “เห็นผมในฝันจริงๆเหรอครับ หืม...”ระหว่างรอก็หันไปหยอกคนรักในอ้อมแขน แต่อีกคนกลับหันมาขมวดคิ้วจับหน้าของคนที่สูงกว่าพลิกไปมาซ้ายขวา
   “เอ... เหมือนจะไม่ใช่แฮะ ที่เห็นในฝันหล่อกว่านี้อ่ะ... สงสัยจะเป็นแฟนในอนาคตมั้ง...”ตอบแบบไม่ใส่ใจก่อนจะโดนฟัดแก้มจนเกือบช้ำแทนการยั่วโมโหคนขี้หึง
   “กลับบ้านเจอแน่ๆเลยอิม.... จะเอาให้ลืมคนในฝันไปเลย จำแต่คนนี้ล่ะ สามีทั้งในอดีต ปัจจุบันและในอนาคต... ลืมคนอื่นไปได้เลย”
   “คร้าบๆ หึงไปดิ... ใครจะชอบคนบ้ากัน ถ้าคนๆนั้นปกติอ่ะ หือ...”เสียงตอบรับพร้อมกับแรงตีเบาๆที่จ้นแขน สักโน้มคอลงมาแล้วงับหูแดงๆของอีกคนเบาๆ
   “ก็หวงอ่ะ... ดีนะที่เป็นคนบ้า ถ้าไม่บ้าสงสัยแฟนคนนี้จะต้องทั้งหึงทั้งหวงมากกว่า100เท่าแน่นอนเลย”คำตอบที่ได้คือใบหูที่แดงกว่าเดิมแล้วก็คนในอ้อมแขนที่กุมหน้างุดพยายามจะเอาตัวเองออกจากแขนของอีกฝ่ายให้ได้  ไม่นานต๊อกกับพรตก็ลงจากเวทีมาเพราะตอบผิดในข้อที่3 หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็พากันเดินต่อมาพร้อมกับปืนฉีดน้ำที่ว่างเปล่า... เพราะน้ำ2ในสามหมดไปกับการล้างหน้าให้กันและกันด้วยเพราะตลอดทางทั้งชายแท้ชายเทียมและหญิงแท้หญิงเทียมต่างพากันมาขอแปะแป้งจนไม่เห็นใบหน้าหล่อๆ สุดท้ายก็ต้องสละน้ำในกระบอกปืนมาล้างหน้าล้างตาก่อนจะได้กินแป้งเข้าไปจริงๆ...
   “เฮ้ย! ตรงนั้นมีดนตรีด้วยอ่ะ...”เสียงนัทร้องก่อนจะออกแรงฉุดกระชากทั้งแฟนทั้งเพื่อนให้ฝ่าฝูงคนเข้าไปอยู่ด้านหน้าของวงดนตรีที่มาแสดงสดให้แฟนเพลงดู
   “First Time? วงใหม่เหรอมึง ทำไมกูไม่เคยได้ยินชื่อ?”หันไปถามคนรักหลังจากอ่านชื่อวงจากป้ายไวท์นิ่วขนาดใหญ่บนเวที
   “อืม... เพิ่งดังเมื่อสองเดือนที่แล้วเองมั้ง....  ก็เล่นไม่ยอมดูทีวีเลย จะไปรู้เรื่องรู้ราวกับเขาได้ไงกัน หือ...”ยีหัวคนรักก่อนจะโยกตัวไปตามจังหวะเพลง  อีกมือโอบเอวไว้กันแฟนหลุดไปเต้นกับคนอื่น ซึ่งสักคนไม่ปลื้มแน่นอน เดี๋ยวกรี๊ดดังกระหึ่มทันทีที่เสียงเพลงจบซึ่ง1ในเสียงกรี๊ดนั่นก็คือในคนอ้อมแขน  ก็เนียนไปกับเขาได้นะคนนี้....
   “วู้!! มันส์มาก!!! เอาอีกๆๆๆ”ส่งเสียงเร่งจนคนที่กอดไว้ต้องหันไปส่ายหน้าอย่างระอาแล้วก็พบกับอีกคู่ข้างๆที่คนในอ้อมแขนอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน  ส่วนคนที่โอบกอดคนรักอยู่ก็ได้แต่มองหน้ากันแล้วปลงๆ... จะ อเลิร์ทไปถึงไหนนะพวกนี้...
   “คร้าบผม... พักก่อนนะครับ พวกผมเหนื่อยกันแล้ว... ผมเอกนะครับ เผื่อใครจำกันไม่ได้ ไหนใครจำผมได้ขอเสียงหน่อยเร้ววววว....”มือกีต้าร์ประจำวงทำหน้าที่เป็น MC ประจำเวที เพื่อเอนเตอร์เทนแฟนๆ ระหว่างรอวงใหม่ขึ้นมาเตรียมเครื่องดนตรี
   “ไหนใครโสดขอเสียงหน่อย!!”
   “อ๊ายยยยยย!!!”
   “ไหนใครไม่โสดบ้าง”
   “กรี๊ดดดด!!!”
   “ไหนใครมีแฟนเป็นผู้ชายยยยยย!!!”
   “อ๊ายยยยยย!!!/วู้!!!! ผมคร้าบบบบบบ”
   เสียงคนที่เมามันส์ในอารมณ์ตะโกนตามเสียงสาวๆคนอื่นๆทำเอาสักอมยิ้มแล้วฉวยโอกาสหอมแก้มอีกฝ่ายแบบเต็มแรง จนโดนค้อนตาเขียวปั๊ด
   “อ้าวๆ คู่หน้าเวทีอ่ะครับ  หอมแก้มกันแบบนี้ผมอิจฉานะครับ  ขึ้นมาหอมให้คนอื่นดูบนเวทีหน่อยเร็ววววว!!!”เสียงคนบนเวทีเรียกให้คนที่เพิ่งขโมยหอมแก้มแฟนกับคนที่เพิ่งโดนขโมยหอมแก้มหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มเขิน โดนมีคนรอบๆมองแล้วช่วยกันตบมือเรียก...
   “เฮ้ย!/เฮ้ย!”เสียงอุทานดังประสานกันระหว่างสองหนุ่มเมื่อแทนทีนัทจะจูงมือสักขึ้นเวทีกลับหันมาลากเพื่อนสนิทของตนเองขึ้นไปแทน พรตที่โดนลากหันมาขยิบตาให้ทั้งคู่แล้ววิ่งตามนัทขึ้นไปบนเวที
   “สวัสดีคร้าบบบบ!!! แหม... เห็นด้วยเหรอครับ อุส่าห์แอบหอมไม่ให้ใครเห็นแล้วนะเนี่ย”นัทเอื้อมมือไปคว้าไมค์มากรอกลงไปอย่างร่าเริง  มีพรตหัวเราะอยู่ข้างๆ ไม่ถึงสามวิก็มีหนุ่มๆอีกสองคนขึ้นไปประกบข้างทั้งสองคนอีกที
   “อะ...อ้าว... อะไรครับเนี่ย หนุ่มๆขึ้นมาแย่งซีนผมทำไมครับเนี่ย...”เสียงโวยแบบขำๆจากMCหนุ่ม สักดึงไมค์มาจากแฟนตัวเองก่อนจะกรอกเสียงลงไป...
   “ขอโทษครับ เหมือนเมื่อกี้แฟนผมจะดึงขึ้นมาผิดคน ผมเลย้องขึ้นมาตามเองน่ะครับ”เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มหนักกว่าเดิมมีสาวหลายคนควักมือถือขึ้นมาถ่ายรูปของทั้งสี่คนเต็มไปหมด คนบ้าที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ทั้งยิ้มทั้งโบกมือประหนึ่งตัวเองเป็นดาราดังก็ไม่ปาน
   “อ่อครับ อ้าวๆ แล้วทางนั้นล่ะครับ? ขึ้นมาทำไมเอ่ย?”
   “ผมขึ้นมาตามแฟนผมลงครับ เพื่อนผมลากขึ้นมาผิด”ต๊อกเป็นคนรับไมค์ต่อจากสักเพื่อแก้ข้อสงสัยของ MC พรตหันหลังหลบสายตาทุกคนแล้วทุบอกอีกฝ่ายแก้เขินเบาๆ
   “อ๋อครับ... แหม หวานกันจังนะครับทั้งสองคู่เลย  ไหนๆก็ขึ้นมาแล้ว สาวคนไหนอย่างเห็นสองคู่นี้หอมแก้มกันบ้างครับ!”
   “กรี๊ดดดดด!!!/อ๊ายยยยยยย!!!”ทั้งเสียงทั้งมือยกกับให้พรึบจนมือกีต้าร์วง First timeต้องขอความร่วมมือให้ลดเสียงลดเพราะเสียงกรี๊ดนั้นกลบเสียงไมค์จนหมด
   “แหม่... สาวๆร้องเรียกกันมาขนาดนี้แล้ว  จัดให้ทุกคนดูคนละฟอดจะได้มั๊ยครับเนี่ย”หันไปมองอย่างยิ้มๆ  สักกวาดสายตามองทั่วเวทีก่อนจะก้มลงหอมแก้มคนด้านหน้าที่ยังยืนเก็กท่าให้สาวๆถ่ายรูปจนไม่ทันสนใจรอบข้าง
   “กรี๊ดดดดดด!!!! น่ารักม๊ากกกกกกก”เสียงกรี๊ดกร๊ากโห่ฮาดังสนั่น นัทหันไปมองสักตาเขียวปั๊ดก่อนจะถอยหลบฉากไปซ่อนอยู่หลังคนตัวใหญ่กว่าแล้วเกาะชายเสื้อแน่นหมดมาดหนุ่มขี้เล่นที่เก็กท่าให้สาวๆถ่ายรูปเมื่อครู่จนหมด
   “เอาล่ะครับ  ทีนี้ก็มาถึงอีกคู่... ใครจะหอมใครดีครับเนี่ย...?”
   ฟอด!!
   ไม่ต้องตอบต๊อกชะโงกตัวไปหอมแก้มพรตที่กำลังทำหน้าปะหลับปะเหลือกกับคำถาม แล้วก็ได้แรงทุบเบาๆจากคนที่ถูกขโมยหอมแก้มโดยมีผู้คนมากมายเป็นสักขีพยาน
   “โห... หวานกันมากๆเลยนะครับเนี่ย สาวๆหลายคนคงทั้งอิจฉาทั้งเสียใจเลยนะครับเนี่ย ที่เสียทรัพยากรผู้ชายหล่อๆไปถึง4คนพร้อมๆกัน แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะนายเอกสุดหล่อคนนี้จะยอมพลีกายพลีหัวใจให้สาวๆทุกคนอย่างเท่าเทียมกันแน่นอนครับ”เสียงกรี๊ดตอบรับจากสาวๆดังอีกครั้ง เอกหันไปขอของรางวัลเล็กน้อยจากทางทีมงานก่อนจะมอบให้ทั้งสี่คนแล้วเชิญลงจากเวที ระหว่างรับรางวัลก็มีสองคนที่ต้องรับสองครั้งเพราะแฟนๆของพวกเขายังไม่ยอมหายเขินและรีบชิ้งลงจากเวทีไปตั้งแต่ก่อนหน้ารับรางวัลแล้ว
   พอทั้ง4คนเล่นน้ำจนพอใจก็พากันไปล้างหน้าล้างตาให้แป้งที่เลอะออกไปให้หมด  ของรางวัลถูกเอาไปเก็บไว้ในรถจนหมดแล้วทั้ง4ก็พากันไปหาของกินยามเย็น โดยพยายามหลบเลี่ยงบริเวณที่มีการเล่นน้ำเยอะๆแล้วก็เดินหาซื้อของกินไปนั่งกินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำที่มีวิวสวยๆ ลมพัดแรงเมื่ออยู่บนสะพานจนเสื้อผ้าเริ่มจะแห้งสนิท ลูกชิ้นปิ้ง ไข่นกกระทา ข้าวไข่เจียว กระเพาะปลาและขนมอื่นๆอีกมากถูกวางลงที่ข้างกาย  นัทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปก่อนจะอักโซเชียลของตัวเองไปงัยบๆ เสียงเครื่องดนตรีเสียงพิธีกรที่ดำเนินกิจกรรมต่างๆในงานยังคงดังมาให้ได้ยิน ที่แห่งนี้เหมือยอยู่คนละซีกกับถนนที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นที่มาเล่นน้ำ พรตหันมามองนัทยิ้มๆก่อนจะ...
   ฟอด!/ฟอด!
   “เอาคืนที่หอมแก้มบนเวที”พูดจบก็ซุกหน้าลงกับอกของคนรักทั้งคู่... เหลือแค่ต๊อกกับสักที่เงยหน้ามองกันแล้วหัวเราะพร้อมกันเบาๆ ให้ตายสิ... นับวันยิ่งน่ารักขึ้นทุกทีแล้วนะเนี่ย... แบบนี้พวกเขาจะกล้าไปมองคนอื่นได้ยังไงเนี่ย...
   “งั้นเดี๋ยวผมไปเอาคืนที่บ้านนะครับ ทำทำให้มีความสุขทั้งคืนเลย...”สักก้มไปพูดเบาๆ
   “ทะลึ่ง!!!”

   “เดี๋ยวกลับบ้านให้ก้อยไปนอนกับลุงค่อมนะคืนนี้”ต๊อกก้มไปบอกบ้าง
   “ไอ้บ้ากาม!!”

   แต่เอาเถอะ... จะพูดอะไรก็พูดไป สุดท้ายคืนนั้นก็ไม่มีใครได้นอนอยู่ดีแหละนะ...

-----------------------------------------

ขอโทษที่ไม่ได้ต่อเรื่องหลัก  :m15: สารภาพผิดเลย แบบว่ายุ่งมากกกกกก นั่งสรุปภาษาญี่ปุ่น50บท ยังไม่เสร็จด้วย หนีมาปั่นตอนพิเศษให้ก่อน  แถมฝีมือห่วยลงด้วย รู้สึกได้... ไม่ได้เขียนนาน ไม่ชินมือหัวไม่ลื่นเลย จะพยายามมาต่อเรื่องหลักให้ครบ9คู่นะครับผม  :z13: :z13: :z10:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย สเปฯ... สงกรานต์(12/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-04-2014 21:54:44
 :hao7: กริ๊วกร๊าว น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดด

อิจฉาคนที่ไปดูคอนเสิร์ทจังเลยยยยยยยยยยยย
ฟินกระจาย
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย สเปฯ... สงกรานต์(12/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 12-04-2014 23:04:34
ฟินมากกกก  :mew3:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย สเปฯ... สงกรานต์(12/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2014 01:37:07
หวานอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย สเปฯ... สงกรานต์(12/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 13-04-2014 18:47:04
 :L2:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ(ค้อนpart)(18/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 17-04-2014 23:46:30
                                                        สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ
                                                                      (ค้อนpart)


          ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับคนในอ้อมแขน...  ผมค้อนครับ  หน้าตา...ถ้าให้บอกก็คงไม่ดีล่ะมั้งนะ...  ผิดกับคนที่นอนข้างๆ  หล่อโคตรๆไม่รู้จะหล่อไปไหน.... ผมยังแปลกใจตอนรู้ว่ามันชอบผม...  จริงๆผมเองก็แอบมองมันมาพักใหญ่ๆ  เพราะผมเริ่มสังเกตว่ารอบๆตัวผมจะต้องมีมันคอยป้วนเปี้ยนตลอดเวลา  ตอนแรกแค่สงสัย แต่พอมองมันไปนานๆก็กลับหลงรักมันซะนี่  พยายามบอกตัวเองแล้วว่ามันไม่มีทางเป็นจริง  แต่มันก็ยังเกือบทำให้ผมอดใจไม่อยู่...   เขาตั้งใจมอมเหล้าผมเมื่อคืน... ผมรู้  แลผมก็ยอมให้เขามอม  เพียงแต่ตอนเมาผมกลับเห็นว่าเขาน่ารักตอนนั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันหายไปหมดเหลือแต่ความต้องการและผมก็ต้องการเขามาก  จนเกือบจะทำเรื่องที่ผิดมหันต์ใส่เขา   โชคดีที่เราเข้าใจกันก่อนและผมก็ได้รักกับเขาสักที...
   “ค้อนนนน...  ช่วยที  ลุกไม่ไหว”แค่ลืมตาตื่นเสียงติดจะอ้อนนั้นก็เรียกชื่อผมทันทีแม้ประโยคต่อมามันจะคล้ายๆคำสั่ง...  แต่มันก็ชื่นใจไม่น้อย  ตาของกระดาษยังปิดสนิทและดูจะไม่ลืมง่ายๆมีแค่ปากที่ขยับไปมาชวนให้เอาปากไปประกบ...  ผมไม่รอช้า  ปากผมแนบไปกับปากที่งึมงำไม่ได้ความ  ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ไม่พอ... ไม่เคยเพียงพอสำหรับคนๆนี้เลย
   “ครับๆ  จะไปไหนครับที่รัก...”ผมกระซิบเบาๆแล้วเป่าลมเข้าที่ต้นคอ  กระดาษย่นคอแล้วหัวเราะคิกคัก  ผมเพิ่งสังเกตว่าที่ๆผมนอนอยู่ไม่ใช่ห้องของผม  คงเป็นห้องของคนตรงหน้านี้  เพราะเขาบอกผมเองว่าห้องเขาอยู่ใกล้มอและใกล้ร้านเหล้าที่เรากินกันเมื่อคืน
   “ไปห้องน้ามมมมมมมม”กระดาษชูมือขึ้นสองแขนแบบเด็กๆ  ผมหัวเราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะมีมุมเด็กๆแบบนี้ด้วย  แต่มันก็น่ารักดี...  ผมช้อนตัวเขาอุ้มขึ้นแล้วพาทั้งตัวผมและคนในอ้อมกอดไปที่ห้องน้ำ 
   “โฮ่งๆ  บ๊อกๆๆ”ผมก้มลงมอง  ลูกหมาตัวเล็กที่ผมให้ลูกชิ้นบ่อยครั้งและตอนนี้คนที่เป็นเจ้าของก็คือกระดาษ  เขาตั้งชื่อมันว่ากรรไกร  ตอนนี้เหมือนพวกผมกำลังเล่นเป่ายิ้งฉุบกันอยู่  มีค้อนกระดาษกรรไกร  และกระดาษก็ห่อหัวใจค้อนซะมิดเลย พูดเองก็เลี่ยนเองแฮะ...
   “กรรไกร...  ออกไปก่อน เดี๋ยวค่อยเล่น  ไม่ดื้อจะซื้อลูกชิ้นให้นะ”ผมไล่  มันฉลาดพอที่จะเข้าใจ  ไอ้กรรไกรวิ่งดุ๊กดิ๊กออกจากห้องน้ำ  ผมหันไปยิ้มให้มันแล้วอุ้มคนในอ้อมกอดไปวางในอ่างอาบน้ำ... ดาษปรือตามองแต่มือยังโอบรอบคอผมก่อนจะส่งจุ๊บแบบมึนๆมาให้
   “งืมๆ...  อาบน้ำให้หน่อยน้าาาาาาาาา  คิคิ...”เหมือนคุยกับคนเมาไม่ผิด ผมส่ายหน้าแต่ก็แอบยิ้มไม่ได้  ผู้ชายที่แสนเพอร์เฟ็คกลับมาชอบคนหน้าตาบ้านๆอย่างผม...  แอบปลื้มใจไม่หยอก  ผมจัดการเปิดน้ำ  เสื้อผ้าไม่ต้องถอดเพราะเราไม่ได้ใส่ทั้งคู่ตั้งแต่เมื่อคืน  เขยิบที่ทางก่อนจะลงไปนั่งแช่ด้วย  ดันตัวอีกคนให้มาพิงที่อก...  กระแสน้ำร้อนและเย็นผสมกับจนอุ่นได้ที่ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆจนคนที่หลับตาอยู่ทนไม่ได้ต้องลืมตาขึ้นมองแล้วเอาน้ำสาดหน้าตัวเองให้ตาสว่าง...
   “ยอมลืมตาแล้วเหรอครับ...”ผมหัวเราะก่อนจะได้รับหน้าเบ้ๆมาจากอีกฝ่าย
   “ง่วง...”กระดาษเอามือมาคล้องคอผมก่อนจะจูบ  มันเป็นการแตะปากธรรมดาที่ดีที่สุด...  เพราะมันมาจากคนที่ผมรักและเขาก็รักผม
   “ล้างให้หน่อยสิ... อึดอัด...”เขากระซิบเบาๆพอๆกับหน้าที่แดงก่ำ  ผมว่าเขาคงพยายามทำให้ดูเชี่ยว...  ทั้งๆที่ตัวเขาแทบจะแดงเป็นลูกตำลึง...  ดูก็รู้ว่าเขินแค่ไหนที่พูดประโยคนั้นออกมา...
   “ครับๆ  ตามบัญชาครับสุดที่รัก  งั้นนอนพิงมานะ  ยกตัวขึ้นหน่อยครับ”ผมกระซิบตอบ  ซึ่งกระดาษก็ทำตามอย่างว่าง่าย  ผมค่อยๆไล่นิ้วลงไปเบื้องล่างที่นั่งอยู่บนตักของผม  ค่อยๆสอดมือเข้าไปก่อนจะคว้านไปทั่วให้น้ำที่ติดค้างข้างในไหลออกมา... 
   “อ๊ะ...  งือ....  เบาๆ  เจ็บๆ...”กระดาษตีผมเบาๆเวลาผมไปสะกิดโดนจุด  เขาเบ้ปากแบบยั่วผมพอประมาณ  เอาจริงๆคือเบ้เพราะเจ็บหรือแสบ  แต่ผมคิดว่ามันยั่วผมมากๆเลยนะ  แต่ผมก็เป็นคนดีพอ...ไม่ทำอะไรตอนคนที่ผมรักเจ็บหรอก  แต่ถ้าหายดีแล้วก็ไม่แน่  ผู้ชายนะครับ ของแบบนี้มันเรื่องธรรมชาติ...
   เราสองคนใช้เวลาไม่นานก่อนที่ผมจะอุ้มอีกคนที่ห่อผ้าเช็ดตัวมานอนที่โซฟา  อยากพาไปที่เตียงนะครับ  แต่สภาพเตียงนี้บอกเลย  ยิ่งกว่ามรสุมเข้า   ผมให้อีกคนกินยาทั้งแก้ปวดแล้วก็แก้ไข้แก้อักเสกก็ด้วย  เรียกว่าดักทุกทาง  อยากทายาให้ด้วยแหละครับ  แต่เผอิญเจ้าของห้องเขาบอกไม่มี  ไว้เดี๋ยวออกไปซื้อแล้วผมจะกลับมาทาให้แล้วกัน... 
   “โฮ่งๆ   งืดๆๆ”ผมหันไปตามเสียง  เจ้ากรรไกรพยายามตะกุยโซฟาให้คนหันไปสนใจมันบ้าง  ผมหัวเราะอีกครั้งแล้วอุ้มมันขึ้นมา  ส่วนกระดาษก็ยื่นมือของเจ้ากรรไกรไปนั่งเล่น  ผมแยกตัวออกมาปล่อยให้หนึ่งคนกับหนึ่งตัวนั่งเล่นกันไป  แอบแว้บไปหยิบเสื้อกับกางเกงให้คนที่นั่งรอใส่แล้วก็แว้บกลับมาจัดการกับสภาพเตียง  ดึงผ้าปูออก  รื้อผ้าใหม่มาปูก่อนจะขยำผ้าเก่าม้วนๆลงถัง  เดี๋ยวคงต้องซักมือ  ไม่งั้นคราบที่เลอะอยู่คงเอาไม่ออกโดยเฉพาะคราบเลือด  มีนิดหน่อยครับ...  ก็ครั้งแรกนี่หน่า...  ผมเดินเข้าครัวรื้อของในตู้เย็นที่พอจะทำอาหารได้ออกมา   แอบเห็นแป้งโรตี... งั้นผมทำปอเปี๊ยะให้กินแล้วกัน...  คือมันเป็นปอเปี๊ยะใซส์บิ๊กอ่ะครับใส้ข้างในคือผัดวุ้นเส้น  แค่คนละสองชิ้นก็ถือว่าเยอะพอๆกับผัดวุ้นเส้นหนึ่งจาน    ผมจัดการผัดวุ้นเส้นให้เรียบร้อย  เอาขึ้นมาม้วนใส่แป้งโรตีแล้วเอาไปทอดให้เหลืองกรอบ  เทน้ำจิ้มไก่มาจิ้ม...  อร่อยอย่าให้เซด...  เป็นเมนูสิ้นคิดที่ผมทำบ่อยดึกๆเวลาหิว  ผมทำแกงจืดเต้าหู้เพิ่มอีกอย่างให้ซดน้ำคล่องๆคอ   ทำเสร็จผมก็ยกไปวางไว้ตรงหน้าโต๊ะที่กระดาษนั่งเล่นกับเจ้ากรรไกรอยู่...  กระดาษมองหน้าผมแล้วสลับกับอาหาร
   “ปอเปี๊ยะไซส์ควายมากเลย”นั่นเป็นประโยคแรกที่เห็นอาหารของผม...   ผมยิ้มแล้วเดินไปเปิดอาหารให้เจ้ากรรไกร  มันวิ่งดุ๊กๆมารอกิน  พอเทเสร็จผมก็เดินไปนั่งข้างๆคนที่นั่งรออยู่
   “เราก็นึกว่าจะทำอะไรแบบในนิยาย  พระเอกเท่ห์ๆไรงั้น...”กระดาษบ่นพึมพำแต่ผมก็พอได้ยินและนั่นทำให้ผมหน้าชา...
   “คนหน้าตาห่วยๆมันก็ทำได้แค่นี้แหละ... โทษทีแล้วกันที่ไม่ได้หรูแบบในนิยายที่นายอ่าน”ผมพูดนิ่งๆแต่อารมณ์นั้นคงส่งถึงคนข้างๆ  กระดาษหันมากอดผมแล้วพร่ำขอโทษใหญ่
   “ขอโทษๆ   น่ากินแล้วๆ  แค่นี้ก็พอแล้ว  ไอ้อย่างอื่นออกไปซื้อข้างนอกก็ได้  กินเหอะๆ  อร่อยแน่ๆเลยก็คนทำ ทำเก่งอยู่แล้วใช่มั๊ยเนอะๆ”กระดาษรีบอ้อน  แล้วตักปอเปี๊ยะเข้าปากคำใหญ่...
   “แค่กๆๆ  อร่อย  แค่ก... อร่อยมากเลย แค่กๆๆ”ผมมองอีกคนที่สำลักไม่หยุดแต่ก็พยายามจะพูดชมอาหาร  ดูท่าจะรีบกินเกินไป  ผมส่ายหน้าแล้วคว้าแก้วน้ำมาให้กระดาษค่อยๆซด...  จนพอหายดี  ตาแดงๆที่เหมือนจะน้ำตาซึมเพราะไอหนักหรืออะไรก็แล้วแต่หันมาสบตาผมอย่างออดอ้อน...
   “ที่ทำให้แค่นี้เพราะของในตู้เย็นมีแค่นี้  ไว้มื้อเย็นเดี๋ยวออกไปซื้อ  อยากกินอะไรบอก  เดี๋ยวทำให้”ผมเฉลยคำตอบ...  จริงๆผมทำได้หลายอย่างครับ  แต่ผมไม่ชอบที่กระดาษพูดแบบนี้กับผมมันเหมือนบอกว่าผมไม่ทำอะไรให้เขาเลย...  ซึ่งผมเปิดตู้เย็นไปก็มีแต่น้ำกับเบียร์  ของที่พอทำได้ก็เหลืออยู่แค่นี้แถมอยู่ลึกสุดๆเกือบค้นไม่เจอ...
   “จริงนะ...  มื้อเย็นอยากกินข้าวผัดปู  กุ้งชุบแป้งแล้วก็ปลาหมึกผัดไข่เค็ม...”ผมฟังเมนูที่เจ้าตัวพูดแล้วแทบจะส่ายหน้า  แต่ละเมนูย่อยง่ายทั้งนั้น....  นี้ลืมรึเปล่าว่าตัวเองเจ็บอยู่...  แต่เอาเถอะ  สนองเขาหน่อย  ผมกินไปนั่งนึกรายการของที่ต้องซื้อ...  ถ้าหอนี้อยู่ใกล้มอ...  แสดงว่าถัดไปจะมีตลาดกับห้างอยู่ใกล้ๆ  คงพอไปหาซื้อของจากที่นั่นได้... 
   หลังจากทำอะไรเรียบร้อย  ผมก็จัดการให้กระดาษไปเปลี่ยนชุดในห้องส่วนผมก็แอบหยิบๆชุดของมันมาใส่  พยายามเลือกตัวใหญ่สุดๆแล้วด้วย...  โชคดีที่ตัวเราสูงไล่เลี่ยกัน  คงมีแต่ขนาดตัวที่ผมใหญ่กว่าจนกินขาด  โอเค  ผมอ้วนนิดหน่อย  แต่กระดาษต่างหากที่ผอมจนเกินไป...  ผมยืมได้แค่เสื้อส่วนกางเกงผมต้องใส่ตัวเก่าของผม  จากนั้นเราสองคนก็มุ่งหน้ามายังห้างที่เลยหอพักมาสองซอย  ซื้อของใช้ของผมนิดหน่อยเพราะเมื่อเช้าได้แค่อาบน้ำกะบ้วนปาก   ซื้อเครื่องปรุงบางอย่างที่ผมเช็คในครัวแล้วว่าไม่มี แต่ของส่วนใหญ่ต้องมาซื้อที่ตลาดที่อยู่ข้างๆ  ผมจัดการซื้อเนื้อปูแกะแล้ว  กุ้งกับปลาหมึก  ไข่เค็มอีกสองลูก  แป้งชุบกับพวกผักชีต้นหอมที่เจ้าของห้องไม่เคยใส่ใจซื้อมาเก็บไว้... ผมอยากรู้จริงว่าเขาใช้ชีวิตอยู่มาได้ไงตั้งนาน...
   พอเสร็จจากซื้อของคนข้างๆผมกลับบ่นอยากกินเค้กหน้ามอ...  แต่ทางที่ไปไว้ที่สุดคือเดินตัดมอไป...  ขอโทษเถอะครับ  พูดตรงๆว่าผมไม่กล้าโคตรๆ  เดินกับเดือนคณะที่มีสาวๆหมายปองเป็นร้อย  ไอ้ผมรึก็หน้าตาธรรมด๊าธรรมดาอยู่ต่างคณะไม่มีวิชาไหนลงตรงกัน   ใคร๊ใครมันจะหาเหตุผลให้ได้ว่าทำไมผมสองคนถึงมารู้จักกัน...แต่ก็นะครับ...  เพื่อแฟนที่รัก  ผมกับกระดาษเดินขึ้นไปเก็บของบนห้อง  เล่นกับไอ้กรรไกรนิดหน่อยแล้วก็ให้มันอยู่ในห้อง...  ไอ้กรรไกรก็เชื่องดีครับ  บอกให้รอก็รอ  ไม่เห่าไม่ตะกุยสักนิด...  ผมคว้ากุญแจรถมา  ก่อนที่กระดาษจะส่ายหน้าโยนกุญแจฟีโน่มาให้แทน... 
   “หน้าร้านไม่มีที่จอด...”ยอมครับ...  ผมวางกุญแจคืนที่  แล้วล็อคห้องให้เรียบร้อย  พยุงคนที่เดินกระเผลก ให้ลงมาถึงรถฟีโน่ที่จอดไว้ใต้หอ  แล้วผมก็ให้กระดาษซ้อนส่วนผมเป็นคนขับ  พยายามให้มันเอาหน้าซุกกับหลังผมให้มากที่สุด  ยอมพาไปแล้วก็หลบๆให้ผมหน่อยเถอะคร้าบบบ  ผมยังหาคำตอบให้ชาวบ้านเขาไม่ได้...
   “ไปเลยยยย”เจ้าตัวดีกอดเอวผมแน่นทั้งๆที่ผมยังไม่ทันสตาร์ทเครื่องยนต์  บางทีก็แอบขำไม่ได้...  คนที่ผมรักแม่งโคตรน่ารัก...  ผมตีไฟเลี้ยวเข้ามหา’ลัย  ผ่านคณะไหนไม่ตื่นเต้นเท่าผ่านคณะจิตวิทยา  แทบอยากจะบิดร้อยยี่สิบให้ผ่านไปโดยเร็ว...  ได้ยินเสียงคนหัวเราะจากด้านหลัง  คงเป็นกระดาษที่เห็นผมเร่งเครื่องเร็วขึ้นเลยหัวเราะออกมา  พอพ้นคณะผมก็ผ่อนคันเร่ง  ขับแบบธรรมดา... ไม่นานเราก็ถึงร้านเค้กที่หน้ามอ  อีกอย่างที่ผมต้องกลัว  ร้านนี้เด็กผู้หญิงมหา’ลัยมานั่งกินกันเยอะ  โอกาสเสี่ยงเจอแฟนคลับของกระดาษมีขึ้นเป็นเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์...
   “แก๊...  กระดาษอ่ะ  กระดาษมา”แม่ง!ครับ...  ชัดเจน  แค่เดินเข้าร้อนเสียงกรี๊ดของกลุ่มนักศึกษาก็ดังขึ้นเป็นหย่อมๆ  กระดาษโปรยยิ้มไปทั่วก่อนจะเดินไปหน้าตู้กระจกที่ใส่เค้กไว้เรียงราย...
   “เอาบลูเบอร์รี่ชีสเค้กครับ  แล้วก็เอาแอลมอนเค้กอีกชิ้นหนึ่ง...  ค้อนเอาอะไร...”กระดาษหันมาถามผม  ผมมองแล้วจิ้มไปชิ้นหนึ่ง  เค้กอะไรไม่รู้ครับ  แค่เห็นว่ามันน่ากินดี  เป็นช็อกโกแลตมีสตอเบอร์รี่อยู่ด้านบนลูกหนึ่ง...     
   “แล้วก็เอาโกโก้ร้อนสองแก้วนะครับ”กระดาษจัดการเสร็จสรรพ...  ผมมีหน้าที่อะไร... จ่ายตังสิครับถามได้...  พอได้เค้กเราก็เดินมานั่งที่โต๊ะในร้าน  มีผู้หญิงรายล้อม และหลายคนก็จ้องมองเราทั้งคู่...
   “กระดาษ...  ผมว่า...  คนมองเราเยอะไปรึเปล่า”ผมถาม  กระดาษมองไปทั่วก่อนจะโปรยยิ้มอีกครั้งแล้วหันมาหาผม
   “ก็ช่างเขาสิ...  ไม่เห็นเป็นไร”กระดาษยักไหล่แบบไม่แคร์จากนั้นก็จ้วงเค้กเข้าปากพร้อมทำตาพริ้ม... ดูไปดูมานี้ออกแนวน่ารักมากกว่าหล่อนะครับ เดือนคณะนี้
   “กระดาษ... หวัดดี จำเราได้เปล่า เนยอ่ะ ที่เรียนเซคเดียวกับนายอ่ะ”ผู้หญิงคนหนึ่งครับ สวยมากกกก.... เดินมาทักทายกระดาษที่กำลังกินเค้กอย่างเอร็ดอร่อย ผมยื่นกระดาษทิชชู่ให้มันเช็ดปากก่อนที่มันจะหันไปทักทายเพื่อนกลับ
   “จำได้ดิ... เนยมีไรอ่ะ”
   “อ่อเปล่าหรอก... แค่ไม่เคยเห็นเนยมากินเค้กเลย เลยแปลกใจอ่ะ แล้วนี้มากับเพื่อนเหรอ?”เนยถามแล้วทำตาแวววาว น่ากลัวครับบอกตรง...
   “อ๋อ... ปกติเราซื้อกลับไปกินที่หออ่ะ ไม่ค่อยมากินคนเดียว  แล้วนี้ก็แฟนเราไม่ใช่เพื่อนหรอก”ผมทำตาโตเมื่ออีกคนพูดจบ เนยหันมามองผมสลับกับกระดาษไปมาก่อนจะปิดปากบิดตัวเขินเหมือนกระดาษไปบอกรักเธอ
   “จริงดิ เราก็ว่าแล้ว มิน่าเราเห็นออร่าม่วงๆจากพวกนายตอนเดินเข้ามา  งั้นเราขอตัวนะ  จะไปเล่าให้เพื่อนฟังก่อน  มันรอกรี๊ดอยู่ด้านโน่นอ่ะ ไปนะ บาย”รีบไปรีบมามากครับ ผมหันไปมองอีกคนที่หันกลับมากินเค้กอย่างสบายอกสบายใจ ผมเหลือบไปเห็นครีมเค้กติดอยู่ที่มุมปากของกระดาษพอดี เลยส่งทิชชู่ไปให้อีกแผ่น แต่กระดาษไม่ยอมรับ กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
   “เช็ดให้หน่อยสิครับ นะ...”ยอมแพ้เพราะคำว่านะ... เลยอ่ะครับ อ้อนจนอยากพากลับหอไปนอนกอดไม่ยอมปล่อยสัก7วัน7คืน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่กอดธรรมดาๆหรอกครับ
   “เลอะเทอะจริง... กินจะเสร็จยังเนี่ย เดี๋ยวต้องไปซักผ้ากับทำอาหารต่ออีกนะครับ”กระดาษพยักหน้าแล้วจ้วงเค้กเข้าปากคำใหญ่แล้ววางช้อน ซดโกโก้อีกรอบก่อนจะลุกขึ้นนำหน้าผม
   พอกลับถึงหอ ผมก็จัดการดึงผ้าปูที่นอนเข้าไปในห้องน้ำ ซักๆขัดๆตรงที่เลอะคราบอะไรต่างๆ  เห็นกระดาษทำท่าจะเข้ามาช่วยแต่พอมองเห็นรอยที่ทำไว้ก็หน้าแดงแล้วเดินกลับออกไป  ผมก็ได้แต่หัวเราะขำๆครับ แล้วก็ไม่ได้เรียกอะไรปล่อยให้เขาอยู่ข้างนอกไปจนขัดเสร็จตรงที่เลอะก็แบกใส่กาละมังออกมาจากห้องน้ำ กระดาษหยิบน้ำที่เทไว้ให้ส่งให้ผมพร้อมกับรับกาละมังจากผมออกไปที่ระเบียง...  จัดการสะบัดๆแล้วตากให้โดนแดด ผมหันไปมองที่เตียงที่ถูกเปลี่ยนผ้าปูผืนใหม่ลายใหม่ สงสัยคนที่เดินหน้าแดงออกมาคงจะมาจัดการแทนผมแน่ๆ ผมไปรื้อของที่เพิ่งซื้อมาใหม่ จัดการเตรียมของเอาไว้เสร็จสรรพ แล้วกระดาษก็เดินเข้ามาพอดี
   “ช่วยป่ะ?”ตัวพร้อมเสียงชะโงกเข้ามาในครัวที่แบ่งไว้เป็นโซนๆ
   “อยากก็ไปแกะเปลือกกุ้งครับ”ผมชี้ไปที่กุ้งที่แช่น้ำทิ้งไว้  ส่วนตัวเองกำลังหั่นปลาหมึกอยู่ จากนั้นก็ไปหุงข้าว ปลอกไข่เค็มแยกไข่เค็มออกมาพอเสร็จแล้วก็เริ่มทำโดยเริ่มจากปลาหมึกผัดไข่เค็ม  ผมก็ทำเท่าที่จำได้ พอเสร็จก็เรียกให้คนที่ยืนมองอย่างอยากรู้อยากเห็นข้างๆมาชิมรสชาติ
   “เฮ้ย! อร่อยอ่ะ อร่อยมากกกก”ผมหัวเราะแล้วตักขึ้นใส่จานล้างกระทะก่อนจะเทน้ำมันลงไปใหม่ คราวนี้กระดาษเป็นคนเอากุ้งชุบแป้งครับ ส่วนผมค่อนกลับค่อยตักกุ้งที่สุกแล้วขึ้น ไม่นานก็เสร็จกุ้งชุดแป้งทอดที่สีเหลืองหอมกรุ่นน่ากิน ผมไล่กระดาษให้ไปจัดโต๊ะส่วนตัวเองก็ไปคดข้าวเอามาผัดข้าวผัดปู... ผมเทเนื้อปูไปไม่เยอะครับเอาแค่พอมีกลิ่นแล้วก็ซีนเก็บเข้าช่องฟรีชไป จากนั้นก็ยกจานข้าวออกมาวางบนโต๊ะ ผมอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นกระดาษเอาดอกไม้ที่อยู่บนโต๊ะนั่งเล่นมาวางบนโต๊ะอาหาร แอบน่ารักนะเนี่ยแฟนผม
   “โห... น่ากินทุกอย่างเลย อยู่กับค้อนนานๆ เราอ้วนแน่เลย”กระดาษเอามือลูบพุงตัวเองป่อยๆ ผมหีวเราะก่อนจะยื่นช้อนส้อมให้อีกฝ่าย
   “ก็อย่ากินเยอะสิครับ  เป็นคนเรียกร้องให้ทำเองนะ...”ผมยิ้ม กระดาษก็ยิ้ม แต่เป็นยิ้มแห้งๆอ่ะนะครับ...
   “ไม่คิดว่าจะทำได้น่ากินแล้วก็อร่อยขนาดนี้นี่หน่า... ไม่อยากกินเหลือด้วย เสียดายอ่ะ...”บ่นแล้วก็เบ้ปาก เหมือนตอนนี้ในหัวกระดาษพยายามสู้กับความคิดตัวเองอย่างหนัก
   “งั้นเดี๋ยวคราวหน้าจะลดปริมาณแล้วก็ไม่ทำอาหารที่ใช้น้ำมันเยอะๆบ่อยแล้วกันนะ”
   “โหย  แฟนใครเนี่ยน่ารักโคตรเลย...”กระดาษยิ้มแล้วบีบแก้มผมไปมา
   “น่ารักแล้วรักผมบ้างมั๊ยล่ะครับ หืม...”
   “รักโคตรๆเลย  รักไปหมดเลยเนี่ย ไม่เหลือไว้รักคนอื่นแล้วให้ค้อนไปหมดแล้วนะเนี่ย...”มันทำท่าควักหัวใจแล้วส่งมาให้ผม
   “งั้นเอาความรักของผมไปแทนแล้วกันเนอะ  ดูแลให้ดีๆนะครับ ทำหายไปผมร้องไห้แน่ๆเลย”ผมทำท่าควักหัวใจส่งกลับไปให้กระดาษ...
   “จะดูแลแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยครับ....สัญญา!”
   “น่ารักแบบนี้จัดให้อีกสักทีดีมั๊ย... หายดีแล้วรึยังเนี่ย....”ผมแกล้งมองแบบกระลิ่มกระเหลี่ย
   “ย๊างงงงง.... ยังไม่หาย  เอาไว้ก่อนน้า ...”เสียงโอดครวญพร้อมกับท่าปฏิเสธที่ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้ ผมเดินอ้อมโต๊ะไปกอดคนอีกคนเบาๆก่อนจะจุ๊บเหม่งแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม...
   “ม่ะ... กินข่าวกัน!”
   “โฮ่งๆๆๆ”

-----------------------------------------------------------------------------------------

ใครเรียกร้องพาร์ทค้อน!!! เอามาเสิร์ฟให้ล่ะคร้าบบบบ  ที่จริงแต่งไว้ตั้งแต่ตอนพาร์ทกรรไกรล่ะ แต่ลืม... แต่งต่อไม่จบ เพิ่งเปิดไปเจอเลยแต่งให้จบก่อนจะเอามาลง... ตอนนี้แต่งซีรีย์น้องมังกรทั้ง9อยู่  ตอนต่อไปของเจียวถูครับ 

ตัวอย่างตอนต่อไป...

        “ทั้งหมด30บาทครับ รับขนมจีบเพิ่มมั๊ยครับ”
   “ไม่เอา...”
   “งั้นบอกชื่อมาสักทีจะได้มั๊ยครับ....”
   “อ่านปากฉันนะ No – Way!!!”
   “รับมา30บาทพอดีนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ”

ตกลงเจียวถูนี่มังกรที่ชอบปิดหรือมังกรที่ชอบกิน...? รออ่านนะครับ  ขอเว้นไปสักอาทิตย์ล่ะกันเนอะ  ลงถี่เกินไปแล้ว ฮาๆๆ :katai3:

หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ(ค้อนpart) (18/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 18-04-2014 18:44:00
อ่านแล้วอยากกินด้วยอ่ะหิว
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ(ค้อนpart) (18/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-04-2014 02:10:02
น่ารักกันจัง  :mew1:
ค้อนกับกระดาษในที่สุดก็.... แล้ว นึกว่าคู่นี้จะไม่มีต่อซะแล้ว

รอมังกรจ้า
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ(ค้อนpart) (18/4/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 22-04-2014 11:28:50
มาแจ้งข่าวครับ....

มังกรน้อง8จะมาตอนเย็นหรือดึกของวันนี้นะครับ :)
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ? (23-4-57)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 23-04-2014 19:06:09
 
椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ?


เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินจีน ทุกคนต่างเคารพบูชา โดยจำแนกมังกรได้เป็น 9 จำพวก... อันประกอบไปด้วย  ปี้ซี่ ชือเหวิ่น ผูเหลา ปี้อั้น เทาเทีย หยาจื่อ  ซวนหนี เจียวถู และฉิวหนิว โดยมังกรแต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน... จึงทำให้สถานที่ที่จะพบเจอมังกรแต่ละตัวนั้นมักจะไม่เหมือนกัน หากแต่แท้จริงแล้ว... มังกรทั้งเก้านั้นต่างก็คือพี่น้องที่กระจัดกระจายกันออกไป มังกรทั้งเก้านี้ต่างออกไปส่งต่อสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังดินแดนต่างๆทั่วชมพูทวีป... จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายพันปี...

(http://images.temppic.com/18-04-2014/images_vertis/1397813761_0.85021200.jpg)

‘เรื่องราวของลูกหลานเจียวถู มังกรที่ชอบปิด...’





Hello! Everybody! My name is < ARTZ > !!

โอไฮโย โกไซมัส!! มินนะซัง!! วาตาชิโนะนามาเอะวะ <อาร์ซ> !!

      ผมเป็นลูกครึ่งครับ ครึ่งคนครึ่งมังกร... รู้ได้ไงน่ะเหรอ... ความลับครับ!
      ผมเจอ ‘มัน’ เมื่อ3วันก่อน... ที่เซเว่นหน้าปากซอยบ้านผม มันหล่อครับ แต่มันกวนประสาทผมมากๆ...
      ดังนั้นนะครับ.... อย่าได้เจอะได้เจอกันตลอดไปเลยนะครับ!

      โชคชะตาโคตรเล่นตลกกับผมเลย!

      สามวันต่อจากที่ผมได้บ่นไปข้างต้น...
      มันกลายมาเป็นพนักงานเซเว่นที่หน้าปากซอยบ้านผม... มันเป็นอะไรที่แย่มากที่ผมชอบกินซาลาเปาลาวาที่ขายในเซเว่นมาก... และแถวนั้นมีเซเว่นที่เดียว...

      ผมเกลียดโชคชะตามากๆครับ!!

      ผมเบื่อเวลาที่มันมองหน้าผมแล้วแอบอมยิ้ม...
      ผมเบื่อเวลาที่มันคิดเงินแล้วแอบจับมือผม...
      ที่สำคัญนะครับ! ผมเกลียดเวลาที่มันถามผมว่า...
      ‘รับขนม <จีบ> เพิ่มมั๊ยครับ’

i hATe YoU!! <Window>



   
เป็นอีกวันที่ผมต้องมองหน้าไอ้พนักงานหน้าตากวนโอ๊ยที่สุดเท่าที่ผมเจอมาเพื่อแค่...
“ขอซาลาเปาลาวาสองลูก”


      มันยิ้มแล้วตอบกลับมาว่ารอสักครู่นะครับ อย่างกับหุ่นยนต์อัตโนมัติ  ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ทุกกะเลยรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่มา ผมจะเห็นมันหน้าสลอนอยู่ที่เคาเตอร์คิดเงิน แล้วเป็นอันรู้กันว่าซาลาเปามันต้องสั่งพนักงาน ช่ายยยย... พนักงานที่น่าถีบที่สุดซะด้วย  มันครางฮึมฮัมพร้อมกับหยิบซาลาเปาของผมใส่กล่องพลาสติก ปิดฝาแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ.... ผมจ้องไมโครเวฟทุกๆหนึ่งวิ เพราะไม่อยากจะมองหน้ามันไปมากกว่านี้... ถ้าไม่ติดว่าผมชอบกินนะ สาบานได้ว่าผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลยล่ะ...

      ซาลาเปาสองลูกถูกจับใส่ถุงควันร้อนๆทำให้ถุงเกิดไอน้ำเกาะ  แค่คิดถึงครีมลาวาข้างในที่ทานตอนร้อนๆ ผมก็แทบอดใจไม่ไหว...

      “ทั้งหมด30บาทครับ รับขนมจีบเพิ่มมั๊ยครับ”
      “ไม่เอา...”
      “งั้นบอกชื่อมาสักทีจะได้มั๊ยครับ....”
      “อ่านปากฉันนะ No – Way!!!”
      “รับมา30บาทพอดีนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ”

      ผมรับถุงซาลาเปามาไว้ในมือ แล้วเดินออกนอกร้าน มีเสียงตื้อดือดังตอนประตูเปิด พอพ้นสายตาของเจ้านั่นมาได้ น้ำลายผมก็สอ ท้องเริ่มทำการประท้วงเรียกหาลาวาร้อนๆแสนอร่อยในทันที... อืม... เนื้อครีมนุ่มๆ ไหลเยิ้มจนผมแทบจะละลายไปพร้อมกับมัน  แค่กินไปคำเดียวก็หยุดแทบไม่ได้ต้องกินคำต่อไปและต่อไป... พอคำสุดท้ายหมดลง ท้องผมก็ตึงเปรี๊ยะ! ได้เวลาเดินย่อยกลับเข้าบ้านสักที... ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ ซาลาเปาลาวาที่รัก...

(http://images.temppic.com/18-04-2014/images_vertis/1397813761_0.85021200.jpg)


      สวัสดีครับ! ผมชื่อวินโดวส์ครับ ที่แปลว่าหน้าต่างน่ะ  แม่บอกว่าเพราะมีหน้าต่างจึงทำให้คนเรามองเห็นข้างนอกเสมอ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับชื่อที่ตั้งให้ผม  แต่มันเท่ห์ดีผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนหรอกครับ...
      ผมเป็นพนักงานเซเว่นครับ ที่จริงแค่ชั่วคราวน่ะ ผมมาทำแทนเพื่อนที่ลาออก เดี๋ยวพอเขาหาคนใหม่ได้ผมก็กลับไปทำงานของผมเหมือนเดิม อย่าถามนะครับว่างานอะไร ผมอธิบายมันไม่ถูก... เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นพนักงานเซเว่นธรรมดาๆแล้วกันนะครับ...

      งานขายของ... มันก็ไม่มีอะไรมากนะครับ แค่พอได้ยินเสียงตื้อดือก็ตะโกนว่าสวัสดีครับยินดีต้องรับครับ ซึ่งบางที ไม่สิ! หลายๆทีเลย ที่ผมตะโกนบอกสุนัขอยู่เรื่อยไป... คือสุนัขกับเซเว่นมันของคู่กัน หลังๆก็ชินครับ ปล่อยมันไป...
   
      อ่อ! มีอีกเรื่องที่น่าสนใจ ทุกวันครับ ย้ำนะครับว่าทุกวัน! จะมีผู้ชายคนหนึ่ง ก็ดูดีในแบบเซอร์ๆ อธิบายยังไงดีล่ะ เขาดูซกมกแต่ไม่สกปรกน่ะครับ ผมนี่เป็นคนอธิบายอะไรให้เข้าใจยากนะครับ ข้ามไปบ้างก็ได้นะถ้าไม่เข้าใจน่ะ  ผู้ชายคนนั้นจะมาซื้อซาลาเปาลาวาทุกวัน ก็ไม่รู้จะติดใจอะไรนักหนา... ผมลองกินดูมันก็งั้นๆแถมแพงด้วย ลูกละตั้ง15บาท... แต่พอเห็นหน้าเขาตอนที่เดินออกไปกินข้างนอกร้านแล้วก็ขำไม่ได้  เหมือนผู้หญิงได้กินเค้กอร่อยๆแล้วทำหน้าฟิน... อ่า... ใช่ล่ะ! หน้าฟิน แบบฟินมากๆอ่ะครับหลับตาพริ้ม ปากงี้ ฉีกไปจะถึงหูอยู่ล่ะ  แต่แปลกนะครับ ผมถามชื่อเท่าไรก็ไม่ตอบ ดูเป็นคนนิสัยเสียนะว่ามั๊ย  ผมอุส่าต์จะทำความรู้จักลูกค้าประจำสักหน่อย แต่ก็งั้นล่ะครับ  ทำไงได้...  ผมว่าเขาเป็นคนตลกมากกว่าน่ากลัวนะ...
   
      “น้องคะ เอาซาลาเปาลาวา4ลูกค่ะ...”ผมมองหน้าผู้หญิงที่มาซื้อก่อนจะพูดคำพูดประจำที่ต้องฝึกให้ชิน

      “รอสักครู่นะครับ”

      ผมก้มลงค้นก่อนจะพบว่าเหลือซาลาเปาลาวาแค่4ลูกเท่านั้น  แต่....ให้ตายสิ! วันนี้ ‘เขา’ ยังไม่ได้มาซื้อเลยนะ แบบนี้เขาก็ไม่ได้กินน่ะสิ...

      “เอ่อ... ขอโทษนะครับ เหลือซาลาเปาลาวาแค่2ลูก รับอย่างอื่นแทนได้มั๊ยครับ”ผมตัดสินใจเดินไปบอกผู้หญิงที่รออยู่

      “งั้นเหรอคะ... งั้นเอาใส้หมูสับมาอีกสองลูกก็ได้ค่ะ”ผมพยักหน้ารับก่อนจะไปจัดการตามที่ลูกค้าต้องการ...
   
      “เอาซาลาเปาลาวาสองลูก”

      ‘เขา’ มาแล้ว วันนี้เขามาเย็นกว่าปกติ ที่จริงเขาก็ไม่เคยมาตรงเวลาอยู่แล้วล่ะ... แต่นี่มันเย็นกว่าที่เคยๆผ่านมา ผมยิ้มแล้วตอบรับกลับไปก่อนจะไปหยิบซาลาเปาลาวาสองลูกที่ผมเอาหลงไว้ด้านในสุด สองชิ้นที่ผมเก็บเอาไว้ให้เขา... ผมจับมันอุ่นก่อนจะเอาออกมาใส่ถุงแล้วคิดเงินให้เขาตามปกติ  วันนี้เขาดูซึมๆไม่ค่อยเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่จะมองผมแบบเหวี่ยงกว่านี้  พอได้ของที่ต้องการ เขาก็เดินออกไปนอกร้าน หยิบมันขึ้นมาแล้วกัดลงไปหนึ่งและคำต่อไป... ผมทำใจทนไม่ได้สุดท้ายผมก็ต้องทิ้งเคาเตอร์ไว้แล้วเดินออกไปหาเขา

      ตื้อดือ...

      เขาหันกลับมาตามเสียง ปากยังคงกัดซาลาเปาไว้เต็มคำ  เมื่อเขาเห็นผม เขาก็หันกลับไปเหมือนเดิม... ผมเดินไปยืนข้างเขา แต่เขาก็ไม่สนใจผม

      “วันนี้ซาลาเปาไม่อร่อยเหรอครับ”ผมลองถามออกไป...
   
      “เปล่าหรอก.... มันก็เหมือนทุกวัน อร่อยดี...”ผมแอบตกใจนะที่เขาตอบผมกลับมาอย่างปกติสามัญ แต่มันไม่ปกติเลยสำหรับคนอย่างเขา...

      “งั้นทำไมไม่ยิ้มล่ะครับ ไม่ทำหน้ามีความสุขเวลาที่ได้กินน่ะ ระวังลาวามันจะร้องไห้เอานะครับ...”ผมหันไปบอก....

      “แล้วตอนนี้ผมไม่ได้ยิ้มหรือไงล่ะ ผมก็ยิ้มไง...”

      เขาหันหน้ามาให้ผมดูเต็มตา  รอยยิ้มฝืนๆนั้นทำให้ผมใจเสีย... ทั้งๆที่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้กระทั่งชื่อหรืออายุ  แต่ผมกลับเป็นห่วงเขามาก...

      “อย่าฝืนเลยครับ... ผมรู้นะ... ว่าตอนนี้คุณไม่ได้ยิ้มจากใจเลยสักนิด เขาว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ... ตอนนี้ตาคุณเศร้ามากเลยนะครับ หัวใจคุณกำลังร้องไห้อยู่รึเปล่า?”
   
      ผมลูบไหล่เขาเบาๆ ผมเพิ่งรู้ว่ามันบางแค่ไหนก็วันนี้... ไหล่เขาเกร็งทันทีที่ผมแตะลงไป ซาลาเปาลาวาอีกหนึ่งลูกถูกยัดเข้ามือผมก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง... นี่ผม... ทำอะไรพลาดไปรึเปล่านะ?

      ‘เขา’ หายไปแล้วทั้งสิ้น3วันเต็ม.... เป็น3วันที่มีซาลาเปาลาวาถูกเก็บเอาไว้สองลูกเสมอในทุกๆเย็นที่เช็คสต๊อกสินค้า... ผมยังคงกันซาลาเปาสองลูกนี้ไว้เผื่อว่า... เขาจะเดินเข้ามาทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ผมแล้วสั่งซาลาเปาลาวาสองลูกอีกสักครั้ง...  มันคงเป็นฝันลมๆแล้งๆ เพราะแค่ชื่อเขาผมยังไม่รู้เลย...  อีกแค่2วัน... พนักงานที่รับไว้ก็จะมาเริ่มงานได้  นั่นหมายถึงผมจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเขาอีก... เพราะผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอทำงานเป็นพนักงานที่นี่ต่อ...

      ก็แค่ภาวนาว่าในอีกสองวันนี้ เขา... จะกลับมาหา ‘ซาลาเปาลาวา’ ที่ยังรอเขาอยู่บ้างก็เท่านั้น...
   
      ไม่รู้สิ... บางทีในตอนนั้นผมอาจจะลืมนึกไปว่า... ซาลาเปาลาวาไม่ได้มีขายที่เซเว่นแห่งนี้ที่เดียว...

      สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มา... ผมเองก็ได้เวลากลับแล้ว หมดกะงานของผมมีพนักงานใหม่เข้ามาแล้วก็มีพี่พนักงานคนอื่นเตรียมที่จะสอนงานให้กับเขา... ผมเก็บกระเป๋าที่ใส่ของก่อนจะเปิดประตูสำหรับพนักงานออกมา ยกมือไหว้และทักทายรุ่นพี่กับน้องมาใหม่ ก่อนจะเดินออกจากร้าน... หมดแล้วสินะ... ความหวังของผม...

      “โดวส์ๆ เอานี้ไปด้วย!”รุ่นพี่พนักงานเอาของใส่ถุงส่งให้กับผม
      “อะไรอ่ะครับพี่... ผมต้องจ่ายเงินป่ะเนี่ย”
      “ม่ายๆ ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง  เห็นเราเก็บไว้นานแล้ว เผื่อว่าจะอยากได้ ซาลาเปาลาวาไง”
      
      พี่พนักงานเฉลย  ผมชะงักไปครู่นึง ก่อนจะยกมือขอบคุณแล้วเดินออกจากที่นั่น...
   
      ผมเดินกลับจนเกือบจะถึงหอพัก... มันเป็นหอพักราคาไม่แพงเท่าไร แต่มันสะดวกตอนที่ผมมาทำงานที่เซเว่นนี้  ผมคงต้องคืนห้องนี้แล้วกลับบ้านสักที...

      “เอาซาลาเปาลาวาให้สองลูกหน่อยสิ...”

      เหมือนภาพสโลว์โมชั่น ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ร่างของคนคุ้นเคย....

      ‘เขา’ ยืนอยู่ตรงหน้าผม... นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...

      “นี่... มีรึเปล่า?”ผมกำลังจะส่ายหน้ากลับไป  แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเขา...

      “รอสักครู่นะครับ...”

      ผมเปิดประตูห้อง เดินไปที่ไมโครเวฟ เอาซาลาเปาลาวาสองลูกออกมากดอุ่น แล้วใส่จานเดินออกไปหาเขา... เขามองหน้าผมสลับกับจานก่อนจะหยิบไปแค่หนึ่งลูกแล้วยืนพิงระเบียงหน้าห้องผม...

      “ผมชื่ออาร์ซ... ออกเสียงซอโซ่ด้วยนะ...”

      ผมเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจปนดีใจ  คำถามที่ผมถามเขามาเกือบสิบรอบที่เราเจอกัน... เขายอมตอบผมในเวลาสุดท้าย เวลาที่เราอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้ว...

      “อืมมมม.... อร่อย... ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย...”

      ผมหันไปมองคนที่ละเลียดกินซาลาเปาลาวาที่หลับตาพริ้ม รอยยิ้มนั่น... เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ...

      “อ้าว... นายไม่กินเหรอ? กินสิ ฉันอุส่าต์แบ่งให้ชิ้นหนึ่งนะ ไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านนะ”

      อาร์ซบอกแล้วเดินลงบันไดไป... ผมส่งเสียงเรียกเขาไม่ทัน... ผมแค่จะบอกเขาว่าผมไม่ได้เป็นพนักงานเซเว่นสาขานั้นแล้ว... สุดท้ายผมก็ทำได้แค่หยิบซาลาเปาอีกหนึ่งลูกที่เหลือค่อยๆละเลียดกินมัน... น่าแปลกที่มันอร่อยกว่าที่ผมเคยกินมา... เมื่อยามที่ผมนึกถึงเจ้าของใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขตอนที่ได้กินมันก็เท่านั้นเอง...
   
      ผมย้ายออกจากหอในเช้าของอีกวัน  ผมไม่เห็นวี่แววของอาร์ซเลยในเช้าวันนี้ เดินวนไปที่เซเว่นเผื่อจะเจอเขาซื้อซาลาเปาลาวาอยู่ก็ไม่เห็น... สุดท้ายผมก็ต้องย้ายกลับไปบ้านโดยที่ยังไม่ได้บอกลาเขาเลยสักคำ...

      เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมกลับมาอยู่บ้าน  มันแปลกมากที่ผมกินซาลาเปาลาวาที่เซเว่นสาขาแถวบ้านแล้ว มันกลับไม่อร่อยเหมือนอย่างที่เคย... ผมแทบจะตระเวนไปเซเว่นทุกที่ที่ผมสามารถไปได้ เพื่อหาซาลาเปาลาวารสชาติที่ผมคุ้นเคย...

      เสียงเมโลดี้ดนตรีที่ผมคุ้นเคยเพราะผมใช้มันเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นที่เบาะข้างที่นั่งคนขับ ผมโยนเอาไว้เองแหละ... หน้าจอขึ้นเบอร์ที่ไม่รู้จัก  ผมกดรับก่อนจะเสียบหูฟังเข้ากับหูของตัวเอง
   
      “สวัสดีครับ”
      -วินโดวส์!-
      “ครับ? นั่นใครครับ”
      -ไม่บอก!-
      “อ้าว... แล้ว...”
      -นายหายหัวไปไหนเป็นอาทิตย์! ซาลาเปาลาวาที่เซเว่นไม่เห็นอร่อยเหมือนตอนนายทำเลย ฉันให้เวลานาย5นาที มาที่นี่เดี๋ยวนี้!!-
      “ที่นี่? ที่ไหนล่ะครับ”
      -ไม่บอก! รีบมา อย่าให้ฉันโมโห-
      “โห... ไม่บอกอะไรสักอย่าง... ผมจะไปหาถูกมั๊ยครับอาร์ซ”
      -ถ้านายมาทัน ฉันจะตอบคำถามนายวันละข้อ ดังนั้น ด่วน!!-

      เสียงตัดไปแล้ว... ผมอมยิ้ม  ห้านาทีสินะ... ได้เลย! แล้วคุณจะต้องตอบคำถามผมทุกข้อแน่ อาร์ซ!

      สี่นาที สามสิบห้าวินาที ผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ชื่ออาร์ซ ในมือเขาถือซาลาเปาลาวาที่กัดแล้วทุกลูกอยู่เกือบ10ลูก...
   
      “มันไม่อร่อย... ทำซาลาเปาลาวาให้สองลูกหน่อยสิ...”

      หน้าเซเว่นที่ผมเคยทำงานอยู่ ที่ๆผมกับเขาเจอกัน... 

      ผมยิ้ม แต่เขาไม่ยิ้ม... ผมหมายถึงที่ปากน่ะนะ แต่ที่ตาเขาน่ะ มันเต็มไปด้วยความสุขจนแทบล้นทะลักเลยล่ะ...
   
      “รอสักครู่นะครับ...”

      ผมใช้สิทธิ์ที่รู้จักกับพี่พนักงานเก่าๆขอแอบเข้าไปรื้อซาลาเปาลาวามาอุ่นเองสองลูกก่อนจะเอาไปคิดเงิน  อาร์ซเดินตามเข้ามาก่อนจะว่างเงินให้สามสิบบาท...

      “รับมา30บาทนะครับ ‘รับให้ผมจีบ’เพิ่มมั๊ยครับ...”

      ผมยิ้มให้เขา...
   
      “ก็เอาสิ...”

      และเขาก็ยิ้มกลับมาให้ผมทั้งปากทั้งตา...

      ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลย รู้แค่ว่าเขาชื่ออาร์ซ ชอบกินซาลาเปาลาวาที่ ‘ผมอุ่น’ ให้เอามากๆ แต่ผมว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ผมจะชอบเขา... บางทีผมอาจจะชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วก็ได้... ใครจะไปรู้... เนอะ!
 
(http://images.temppic.com/18-04-2014/images_vertis/1397813761_0.85021200.jpg)

Hello! Everybody! My name is < ARTZ > !!

โอไฮโย โกไซมัส!! มินนะซัง!! วาตาชิโนะนามาเอะวะ <อาร์ซ> !!

      ผมเจอกับ ‘มัน’ เมื่อประมาณ2สัปดาห์ก่อน... ที่เซเว่นหน้าปากซอยบ้านผมเอง
      ผมไม่ชอบขี้หน้ามันเอามากๆ ถ้าไม่ติดว่าผมชอบ ‘ซาลาเปาลาวา’ ล่ะก็... ผมจะไม่ไปเหยียบที่นั่นเลย...
      แต่ทำไม... ‘มัน’ ถึงดูผมออก... ไม่เคยมีใครจับความรู้สึกของผมได้...

      โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับผมอยู่!!

      เมื่อมันหายไปเป็นอาทิตย์... ผมแทบบ้า ซาลาเปาลาวาของโปรดกลับไม่อร่อยเลยสักนิด...
      มันทำอะไรกับผมกับแน่... ผมกลัวมันจริงๆนะ...

      ผมว่าโชคชะตาอยากมีเรื่องกับผมแล้วล่ะ!!

      สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้... ต้องไปหาเบอร์โทรศัพท์มันมา...
      เพียงเพื่อให้มันมาอุ่นซาลาเปาลาวาให้กิน... แต่มันแปลกมากๆ...
      ทำไมวันนี้ซาลาเปาลาวาอร่อยกว่าที่ผมเคยกินมาตลอดชีวิตซะอีก... ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ...
   
      ที่สำคัญนะครับ!!

i LikE YoU!!<Window>

ผมจะไม่บอกมันเด็ดขาดครับ!!!


--------------------------------------------------------------------

ขอโทษคร้าบบบบบ  :sad4:

มาช้ากว่าสัญญาไป1วันเต็ม เมื่อคืน ลืม.... //น้อมรับความผิดครับ

จัดหน้ายากส์มาก! ถ้าไม่ว่างไม่จัดจริงๆนะเนี่ย!!!
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ? (23-4-57)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-04-2014 01:11:36
 :-[ น่ารักมากอ่ะ
อาร์ซนี่หนุ่มซึนป่ะเนี่ย

รอมังกรตัวต่อไปนะ อิอิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ? (23-4-57)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 25-04-2014 16:18:59
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ? (23-4-57)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 19-01-2015 09:56:14
สนุกมากครับ น่ารักทุกคู่เลย แต่ที่ชอบมาก ๆ ก็ สัก - นัท , ต๊อก - พรต , ต้นน้ำ - ปักษา , ค้อน - กระดาษ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย Sp.สงกรานต์(15-4-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 14-04-2015 23:35:49
ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย


SP. สงกรานต์บานบุรี~
       


              สวัสดีครับทุกท่าน  หวังว่าทุกท่านคงยังไม่ลืมกระผม นายนัทคนบ้าผู้น่ารักที่สุดในโลกที่มีผัวนามว่าสักผู้ที่หล่อเหี้ยๆ หล่อแบบมากกว่าเหี้ยสักสามระดับ มีเพื่อนตัวน้อยๆชื่อว่าต๊อกซึ่งไอ้ตัวน้อยๆของมันก็ใหญ่ว่าผมสักยี่สิบเท่าได้ ที่สำคัญไอ้เพื่อนตัวน้อยนี่มันก็มีเมียครับ เมียมันบอกไปชื่อคงคุ้นหูหลายๆท่าน นั่งก็คือพรตเมียรักของไอ้ต๊อกผู้ซึ่งมีลูกติดนามว่าน้องก้อยที่โตมาแล้วเสือกแปลงร่างจากเด็กผู้หญิงกลายเป็นเด็กผู้ชายแล้วได้ชื่อใหม่คือลิตเติ้ลซึ่งแม่งก็แปลว่าเล็กเหมือนกับชื่อก้อยของมันแล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือมันเองก็มีผัวชื่อเหี้ยๆเลยว่ายุง  อย่าถามว่ามันไปได้กันยังไง  พูดทีไรผมนี่อยากจะเตะก้านคอไอ้ยุงทุกที  
            เอาล่ะครับ! ผมเล่ามาขนาดนี้  ถ้าจำผมไม่ได้ก็ปิดหน้าต่างไปนะครับ ฝนจะตกแล้ว เอ้ย! แหม่ อากาศร้อนขนาดนี้  ฝนตกนี่ผมจะไปแก้ผ้าเล่นน้ำฝนเลยเหอะ  นี่ผมพล่ามอะไรอยู่ ใครรู้พิมสรุปให้ผมฟังที ผมยังไม่รู้เลยเนี่ย เอิ๊กๆ  

            “อิม... อยู่ไหนครับเนี่ย”
            มาแล้วๆ เสียงผัวที่น่ารักที่สุดในสามโลกของผม... อิอิ
           “แบร่! ฮาๆๆ  เหวอดิเหวอ  เห็นเค้าน่ารักใช่มั๊ยล้า คิกคิก”
           ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความสะใจหลังจากที่แกล้งคนรักที่กำลังเดินมาหาให้ตกใจได้นิดหน่อย แต่แหม่... ปกติมันเคยตกใจกะใครเขาที่ไหนล่ะครับ
           “มาทำอะไรตรงนี้ครับ หืม... ไปแต่งตัวได้แล้วครับ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบนี้ ผมเรียกว่ายั่วนะครับ”
          มันทำสายตากรุ่มกริ่ม ไม่รู้เลยครับ แหม่! ไม่รู้เลยว่ามองหัวนมผมอยู่อ่ะ!  
         “ปิดตาๆๆ  ของสงวนห้ามมอง  อย่าดื้ออย่าซน ทำตัวดีๆ เชื่อฟังเมียนะครับ”ผมเอามือปิดตามันแล้วก็พล่ามอะไรนิดหน่อยก่อนจะวิ่งจู๊ดเข้าห้องแล้วกดล็อคประตู                                  
          วันนี้ผมมีนัดครับ เป็นปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ และลูกสาว เอ้ย! ลูกชายของมันลืมตัวครับ โทษที... ปกติก็มัวแต่จะนึกว่ามันมีลูกสาวตลอดเวลานึกถึงสมัยก่อนที่ลูกมันพูดจ๊ะจ๋านี่โคตรคิดถึงเลยครับ  โตมานี่มีแต่วะกับโว้ย... โคตรเถื่อนอ่ะบอกตรง  บ้ารับไม่ด้ายยยยยย!!!
              ก็อกๆ  
              “อิมครับ แต่งตัวเร็วๆนะ คนอื่นรออยู่ที่สนามหญ้าแล้วนะครับ”
              สักเคาะประตูพร้อมร้องบอก  ผมเดินไปที่หน้าต่างห้องแล้วแง้มมอง  จริงด้วยครับ เพื่อนๆกับลูกและผัวลูกเพื่อนมารอกันหมดแล้ว พร้อมกับสามีที่รักของผมที่กำลังเดินออกจากบ้านไปรวมตัวกับผู้อื่น ผู้ตัวอื่นจริงๆครับ  เพราะที่อยู่นี้ไม่มีใครเป็นตัวเมียสักคน...    
           
            ผมรีบคว้าเสื้อลายดอกสีส้ม กางเกงเลสีแดง แว่นตากันน้ำสีเขียว ปืนฉีดน้ำสีชมพู สะพายขึ้นบ่า  ก่อนจะเปิดหน้าต่างแล้วเล็งปืนไปยังเบื้องล่าง  
            “ตายซะ! ไอ้พวกสัตว์ประหลาดทั้งหลาย  ข้าพเจ้านามว่านัทนี่สุดน่ารัก ผู้เป็นตัวแทนของไฟจราจร จะลงทัณฑ์แกเอง  กร๊ากกกก  นี่แหน่ะๆๆ”
             สาดปืนที่เต็มด้วยน้ำลงไปด้านล่าง โดนบ้างไม่โดนบ้าง  ใครตั้งสติได้ก็วิ่งหลบลงไปก่อน  สุดท้ายก็เหลือแต่คนที่ไม่เคยเจอฤทธิ์เดชของผมยืนงงจนตัวเปียกซก... ไอ้ยุงตัวเห้นี่เอง...  
            “ไอ้บ้า ไอ้สัด! ลูกเขยกูเปียกหมดล่ะ หยุดฉีดเดี๋ยวนี่ ถ้าไม่หยุดกูจะเอาผัวมึงไปซ่อน!”ไอ้ต๊อกตะโกนขึ้นมา
           “ไอ้เลววว  เอาจุดอ่อนกูมาเล่นงาน  โธ่ เทพไฟจราจรได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย  ข้ามไม่สามารถปราบเจ้าเหล่าร้ายได้  ข้ากลัวสามีหาย โฮ...”
            ผมยกมือขึ้นยอมแพ้แล้วพร่ำเพ้อไปเรื่อยจนมีคนตะโกนให้หยุด  
           “หยุดเพ้อเจ้อแล้วลงมาด่วนเลย  ไม่งั้นผัวมึงหายแน่  สิบ... เก้า...”ไอ้พรตตะโกนขู่ผมยกยิ้มแล้วชูสองนิ้วสู้ตายให้มัน  
          “น้องนัทสู้ตายค่ะ!”
          ผมปีนขึ้นบนหน้าต่างยืนตัวเต็มความสูงก่อนจะปล่อยตัวลงมาจากชั้นสองของบ้าน  ร่างกายตกลงตามแรงโน้มถ่วง ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นตอนที่ผมกระโดดลงมา  
           หมับ!
         “จับนางฟ้าได้แล้ว!”
          สักวิ่งเข้ามารับผมไว้ได้ก่อนที่จะร่วงลงพื้น  แข็งแรงจริงๆ ผัวผมครับผัวผม ฮาๆๆ    
          “ไอ้บ้า ไอ้สัด! นี่ถ้า สักมันวิ่งไปรับมึงไม่ทัน หัวกระแทกพื้นกระโหลกยุบเลยนะเหี้ย!”
          ผมหัวเราะแห้งให้กับคำด่าของไอ้พรต มันเบิ๊ดกระโหลกผมไปทีนึง  
          “มึงตบหัวกูก็แรงพอๆกับหัวกูกระแทกพื้นแล้วล่ะสัดพรต  ไอ้ห่าต๊อก  มาเอาเมียมึงไปเก็บบบบบ!!”
          ผมพยุงตัวลงจากอ้อมกอดอบอุ่นของสุดที่รัก ก่อนจะลงยืนแล้วเดินไปหาคนที่ยืนตัวเปียกซกอยู่กลางสนาม  
         “อ้าว ร้อนก็ไม่บอก  บ้านกูมีห้องน้ำ โธ่ๆๆ  น่าจงจารรรร”ผมเอามือยีหัวมันก่อนจะหัวเราะร่า  วันนี้สะใจจริงๆ  
         พับๆๆๆ  
         “โอ๊ย อ๊ากกก  ไอ้เลววว  สะบัดผมใส่เรอะ  เป็นหมาเหรอนี่  ไอ้หมายุง ไอ้หมายุ๊งงงงงง”
          ผมวิ่งหนีไปเกาะสักไว้หลังจากที่ไอ้ยุงมันมองหน้าผมแล้วก็สะบัดหัวใส่ ท่าคล้ายๆหมาสะบัดขน มันเดินทำหน้ายุ่งๆไปรับผ้าขนหนูจากไอ้ลิตเติ้ลเมียมัน  

          หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี  พวกเราก็ได้ฤกษ์ดีรวมหัวกันนั่งบนโต๊ะพลาสติกมีไอ้หมา  หมาที่ผมเลี้ยงไว้นอนอยู่ใต้โต๊ะอีกที  พวกเราเฮฮากันตามประสาลูกผู้ชาย  ถึงอายุจะขึ้นเลขสี่  แต่หน้าตายังดีเหมือนเดือนมหาลัยอยู่นะครับ ฮาๆ  
        “เฮ้ย เดี๋ยวกูไปเปิดเพลงแปป”
        ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น  เดินไปเปิดเครื่องเสียงที่แบกกันมาไว้นอกบ้าน  กดเลือกเพลงไปมา แล้วก็เจอเพลงที่ผมต้องการ  
 
       ‘สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์  
      ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม  ต่างสุขสมนิยมยินดี...’
 

       ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ คนที่เหลือนั่งฟังเพลงสักพักก่อนจะมีคนถามเสียงเครียดๆขึ้นมา  
       “พี่บ้า วันนี้มันวันสงกรานต์นะพี่...”
        เป็นไอ้ลิตเติ้ลนั่นเองที่คงทนไม่ได้เลยถามขึ้นมาลองเชิง
       “อือ แล้ว...?” ผมพยักหน้ารับ  มันพูดถูกวันนี้วันสงกรานต์ ก็ไม่ผิดนี่
          “แล้วเพลงมันเป็นเพลงปีใหม่... พี่บ้าเข้าใจอะไรผิด?”
           มันถามอย่างสงสัย...  มีเสียงหัวเราะขำๆจากคนที่รู้ทันผมดังขึ้นมาคนนึง  จะใครซะอีกล่ะครับ  ไอ้สักที่รักของผมนี่ไง
           “น้องก้อยผู้น่ารักและอ่อนต่อโลกนะครับ...  เดี๋ยวพี่บ้าสุดหล่อจะถามอะไรน้องก้อยสักหน่อย  วันนี้คือวันสงกรานต์ ถูกไหมครับ”ไอ้ลิตเติ้ลพยักหน้า  ผมครางฮืมแล้วถามต่อ  
             “แล้ววันนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไรรู้ไหมครับ”  
             “ก็วันปีใหม่... ไทย  อ๋อ!!!”
             มันทำหน้าราวกับตรัสรู้  ผมหัวเราะรวน  ในขณะที่ไอ้พรตได้แต่ตบไหล่ลูกตัวเองเบาๆแล้วบอกว่าอีกนานกว่าจะตามทันคนอย่างผมได้... คนอย่างผมนี่มันยังไงกันอ่ะ!!!  

               หลังจากนั้นพวกเราก็เฮฮากันตามประสาคนโสด(ไม่จริง) คนไม่ซิงแถมยังไม่โสด แหม่... ก็มีผัวมีเมียมาคุมทั้งนั้น  ส่วนเรื่องแก๊งค์และบริษัท... อย่าถามครับอย่าถาม  มีผัวดูแลทั้งที  ล่มจมบัดซบไปหมดแล้วครับ เอิ๊กกกก.... ล้อเล่นนะผัว อย่าใจน้อย เดี๋ยวหัวล้านไว คิกคิกคิก...
             “เป็นเห้ไรวะบ้า... เดี๋ยวหน้าตึงเดี๋ยวขำเดี๋ยวขมวดคิ้ว  พวกกูตามมึงไม่ทัน”
              ไอ้พรตยกขาเตะเอวผมเรียกสติ...  โว๊ะ ไอ้พวกนี้ขัดใจคนบ้า!
             “ขอโทษทีที่ตามไม่ทัน พอดีสมองกูใช้เครื่องยนต์แสนล้านแรงม้า ติดจรวดเทอร์โบ ไม่อยากจะโม้ว่าติดบอลลูลลอยฟ้า แถมอีกทีว่าติดป้ายขายเซลล์ ฮาๆๆๆๆ”
              ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความสะใจ  ไอ้พรตไอ้ต๊อกส่ายหน้าอย่างเอือมระอา  แต่คนอย่างไอ้บ้า... ชิกชิกคูลคูลกันไป อุวะฮาฮ่า
              จู่ๆทั้งโต๊ะก็เงียบครับ... รู้จักมั๊ยครับเดดแอร์ ที่อยู่ๆทุกคนก็เงียบพร้อมกัน  พวกเราชะงักแล้วมองหน้ากันไปมา เสียงดนตรีบรรเลงระรัวคล้ายเสียงหัวใจเต้น  เหงื่อกาฬไหลซึมบริเวณไรผมจนเปียกชื้น ผสมกันเสียงเกาขนแกรกๆของเจ้าหมาที่นอนอยู่  เสียงลมพัดหวิดไหวใบไม้กระทบกันตามแรงลู่ลม  สายตาทั้งหกคู่สอดประสาทประหนึ่งว่ากำลังจะมีเหตุร้ายบังเกิด!  
           “ไอ้เหี้ยยยยยย   กูยอม กูแสบตาาาาาาาาาา”
           เป็นไอ้พรตที่ร้องขึ้นก่อน ก่อนจะตามด้วยเสียงซี๊ดซ๊าดของหลายคนที่กระพริบตาปริบๆไหลหยดน้ำตาออกจากเบ้าตาที่แดงเถือก  
          “ฮาๆๆๆ  มึงแพ้มา39ครั้งแล้วนะไอ้พรต  ทำสถิติใหม่เหรอมึง กร๊ากกก”ผมหัวเราะร่วน    
          “พ่อพรตนี่ไม่ไหวเลย  สู้ผมก็ไม่ได้”ไอ้ลิตเติ้ลครับ ไอ้ตัวเล็กมันอวดใหญ่หลังจากที่ชนะพ่อมันได้อีกครั้ง  
         “เออ สาดดดด  จำไว้นะมึง... รอบหน้ากูไม่แพ้แน่ ถ้าแพ้กูยอมขึ้นขย่มไอ้เหี้ยต๊อกสามวันสามคืน”ไอ้พรตลั่นคำสัญญา
          “ปกติมึงก็ขึ้นขย่มอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ หรือกูจำผิด ฮาๆๆ”ไอ้ต๊อกขายเมียตัวเองครับ  
            จากนั้นเป็นไง... ก็โดนฝ่ามือพิฆาตตบดังพลั๊วะสนั่นโต๊ะครับ  พวกเราเงียบประมาณสามวิ  แล้วก็... ก็ลั่นสิครับ ถามได้  
           ผมหันไปอ้อนไอ้สักเป็นพักๆ  มันเองก็ผสมโรงหยอดคนโน่นคนนี่ตามสไตล์คนนิ่งๆอย่างมัน   ไอ้ต๊อกไอ้พรตตอนนี้ปีนไปนั่งตักขย่ม เอ๊ย! โยกหัวตามจังหวะเพลงที่ผมเปิดไว้ครับ  ส่วนลิตเติ้ลกับไอ้ยุง ช่างมันครับ ขี้เกียจอธิบายแล้ว...
             บางทีผมก็คิดนะ... ว่าการที่คนเราจะได้มาเจอมาคบกันเนี่ยมันเป็นพรหมลิขิตหรือว่าตัวเราะลิขิตเอง  ไม่แน่ถ้าวันนั้นผมไม่หนีออกจากบ้าน  ถ้าวันนั้นไอ้สักไม่เดินผ่านมา  หรือถ้าตอนนั้นผมไม่มากับมัน  วันนี้ผมจะได้นั่งตรงนี้มั๊ย  หรือผมกำลังทำอะไรอยู่...

             โอ๊ย! พูดแล้วอยากย้อนเวลา!

             “สักกกก....  อิมอยากได้ไทม์แมชชีน”  
             “เอาไปทำไมครับ หืม...”สักก้มมามองหน้าผมที่เลื้อยอยู่แถวๆท้องของมัน นุ่มอ่ะ อุ่นจัง  
             “อยากย้อนเวลา  อยากรู้ว่าถ้าไม่เจอสักตอนนี้อิมจะอยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่”
             ผมยู่ปาก  อยากรู้ๆๆ  มีไทม์แมชชีนขายที่ไหนไหม...  ให้ขายตัวไปซื้อไทม์แมชชีนก็ยอม ฮาๆ  
             “ไม่ต้องหรอกครับ  เพราะยังไงอิมก็จะนั่งตรงนี้นี่แหละ สักรู้”
             “ทำไมอ่ะ  มึงเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตเหรอ  ไอ้สัก มึงปลอมตัวมาเหรอวะ ม่ายยยย”ผมยกหัวขึ้นมาแล้วส่ายหน้าแบบที่คิดว่ากวนตีนที่สุด  
             “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะครับ ที่สักรู้น่ะ ก็เพราะว่า ต่อให้วันนั้นสักไม่เจออิม  แต่สักก็จะต้องตามหารักแท้ของสักให้เจอ  นั่นก็คืออิมไงครับ”
              มาพร้อมสายตาหยดย้อยทำเอาผมหายบ้าไปชั่วขณะ
            “อ้วกกกก  ไอ้เหี้ย กูเลี่ยน”ไอ้ต๊อกขัดขึ้นกลางปล้อง  ผมหันไปเขม่นสายตาใส่มัน  
             “มึงไม่เคยพูดก็หุบปาก  คนจะหามอย่าเอาคานมาสอด”ผมหันไปแว้ดใส่
             “หามขึ้นเตียงแล้วยกขาให้อ่ะดิคนอย่างมึงอ่ะ  โด่วๆ”
            ไอ้ต๊อกพูดครับ  ผมมองหน้ามันไป  เห็นไอ้พรตที่นั่งข้างหน้ามันหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ... แหม่  เห็นคนหวานกันเลยอายแทนงั้นสิเพื่อนกู  น่ารักจริงงงง
           
          เอ๊ะ! เดี๋ยว.. ไม่ใช่ล่ะๆ  

           “ไอ้เหี้ยต๊อกกกก...  มาทำบัดสีบัดเถลิงในบ้านกูได้ไง... ไอ้เหี้ย เอามือออกจากกางเกงเมียมึงเลยสาดดดด  แยกๆ ลุกเลยลุก....”
           ผมถลาไปคว้าตัวไอ้พรตให้ลุกขึ้นจากตักผัวมัน แม่ง! ขึ้นครับขึ้น  มาทำไงได้ไง  ไอ้สักยังไม่เคยทำผมแบบนี้เลยนะ (อ้าว!)  
           “แหม่... อีกนิดกูจะเสร็จอยู่แล้วครับเพื่อน  ขอต่อเวลาแปปไม่ได้เหรอวะ”
            ไอ้ต๊อกมองหน้าผมแล้วยิ้มยียวน(ตีน)มาก ส่วนไอ้พรตก็ก้มหน้าก้มตาเขินชิงแชมป์หน้าแดงเป็นมะเขือเทศเน่าแห่งประเทศไทย จัดโดยไอ้บ้าคนนี้แหละครับ
          “ไปว่าวไป๊! ไอ้เหี้ยนี่!”ผมโวยวาย...  หันไปมอง  อ้าว ไอ้ยุงกับไอ้เติ้ลหายไปแล้ว  ดีมาก สงสัยทนมองพ่อกับพ่อ(?)ทำบัดสีกันไม่ได้
           “ฮาๆๆ  นานๆจะเห็นมึงขึ้นทีนะเนี่ย  มาๆ มานั่งๆ กูไม่ทำอะไรล่ะ”ผมมองตามอย่างไม่ไว้ใจ  แต่ไอ้ต๊อกมันก็ไม่ได้ทำอะไรตามที่พูด  ผมเลยสบายใจไปหน่อยนึง

            ซ่าๆๆๆ

            “ไอ้เหี้ยยยยย  ใครเปิดสปริงเกอร์น้ำ!”
             ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก!  ผมกระโดดหลบน้ำที่สาดใส่ผมจนเปียกซ่ก  

              ใคร! ใครหน้าไหนบังอาจมาแกล้งผมวะครับเนี่ย!

              แต่หลบให้ตายยังไงผมก็เปียกมะล่อกมะแล่กอยู่ดี  เพราะบ้านผมติดสปริงเกอร์ไว้ทั่วสนามหญ้า เต็มปากเต็มหน้าเลยครับกูเนี่ย...
              “พ่อพรต พ่อต๊อก น้าสัก พี่บ้า...  สวัสดีปีใหม่ไทยวันสงกรานต์นะครับ”
             ผมหันไปมองตามเสียง  ไอ้ยุงกับไอ้เติ้ลกำลังช่วยกันถือพวงมาลัยแล้วก็ขันเงินที่ใส่น้ำเอาไว้...  แหม่... ผมงี้น้ำตาไหลพรากเลยครับ
              “ไอ้เหี้ยยุง  กูรู้มึงเปิดสปริงเกอร์ ปิดเลยสัด!”ผมตะโกนสวนน้ำที่พุ่งเข้าปากอยู่เป็นระลอกๆ...  แหวะ...  
             “ฮาๆ  ครับๆ”
             มันตะโกนตอบกลับมาจากนั้นมันก็เดินหายเข้าไปในบ้านใหม่  สักพักน้ำที่พุ่งอยู่ก็หยุดลงไป  สาบานได้เลยว่า วันพรุ่งนี้ผมจะจัดการถอดสปริงเกอร์น้ำออกแล้ว!
              “พ่อมานั่งตรงนี้หน่อยดิ  น้าสักกับพี่บ้าด้วย  มานั่งๆๆ”
              ไอ้เติ้ลมันดันหลังทุกคนให้ไปนั่งที่เก้าอี้  ข้างกายมีไอ้ยุงที่ถือพวงมาลัยมาสี่พวงกับขันอีกหนึ่งใบ  
              “ผมกับยุงขอรดน้ำดำหัวพ่อกับน้าแล้วก็พี่นะครับ  ในวาระวันปีใหม่ไทย ทุกคนก็อวยพรให้ผมด้วยนะ”
               ไอ้เติ้ลพูดแล้วมันก็ค่อยๆรดน้ำให้พ่อมันสองคน  คู่นั้นมันก็อวยพรอะไรกันไปตามเรื่อง จากนั้นมาก็มารดน้ำผมกับสัก  
              “กูขอให้มึงเป็นคนดี  ทำอะไรก็ได้แต่สิ่งดีๆ  เรื่องเหี้ยๆบัดซบอะไรขอให้แม่งตายไปตั้งแต่วันนี้  ตัวเหี้ยๆอะไรที่เกาะอยู่ก็ขอให้หายไป”ผมพูดแล้วเหล่ตาไปที่ไอ้คนข้างๆมัน
            “ส่วนน้าขอให้เราทั้งคู่รักกัน  ขอให้ชีวิตเราดีขึ้นๆ  ทุกอย่างที่คิดประสบความสำเร็จ  ถ้าท้อหรือเหนื่อยก็กลับมาพัก  มาหาพ่อหาน้า  กลับมาเอากำลังใจนะ”ไอ้สักเอาน้ำในมือลูบหัวทั้งสองคน ผมก็เอาน้ำในมือแปะๆที่หัวไอ้เติ้ล
          “ส่วนมึง...”
           ผมหันไปมองไอ้ยุง  ก่อนจะคว้าขันน้ำทั้งหมดมาราดใส่หัวมัน...
          “โชคดีสำลีแปะหัว ไอ้สัด!”ผมหัวเราะเบาๆกับความสะใจน้อยๆที่เกิด...  

            จากนั้นมหกรรมต่อสู่กันด้วยน้ำจัดมาเต็ม...

            ถึงปีนี้พวกเราจะไม่ได้ออกไปไหน  ถึงอายุเราจะมากขึ้นทุกปีทุกปี   แต่ตราบใดที่ข้างกายผมยังมีมัน... ที่รักของผม...  ผมก็ยังอยากจะเป็นคนบ้า  อยากจะเป็นคนแบบนี้ที่จะสามารถยืนข้างมันไปได้ตลอด...  

             แต่ตอนนี้เหรอ...  

           “สักกก  มึงสาดน้ำใส่กู  ไอ้เหี้ย...”

            ขอตัวไปเล่นน้ำสงกรานต์ก่อนก็แล้วกัน!!  


_____________________________________________________

Talk

จะบอกว่าแต่งเสร็จตั้งแต่วันศุกร์แล้วค่ะ แต่เน็ตพังorz นี่มาจิ้มๆจากมือถือ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลย... เห็นเรื่องที่อัพล่าสุด เดือนสี่ปีที่แล้ว... #รู้สึกหายหัวไปนานมากค่ะ คือกำลังอยู่ในช่วงม.6ที่กำลังจะแอด นี่ก็สอบหมดแล้วรอยื่นคะแนน ไม่ได้จะบอกว่าจะมาอัพต่อนะคะ ตอนนี้ทำงานอยู่ว่างน้อยมาก ฮา.... แต่ถ้าว่างจะรีบมาแต่งเรื่องอื่นต่อค่ะ

หวังว่าจะไม่มีใครค้างกับตอนนี้เนอะ.....
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย Sp.สงกรานต์(14-4-58)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 15-04-2015 13:16:30
อิมยังเกรียนเหมือนเดิม สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย Sp.สงกรานต์(14-4-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 19-04-2015 15:52:43
พี่บ้ายังเกรียนได้ตลอดรอดฝั่งจริงๆ 5555

ป.ล.เค้ายังรอมังกรอีก7ตัวน๊าาาา คนเขียนอย่าทิ้งกันน๊าาาาาา :ling1:

แล้วก้ขอเรื่องอื่นๆด้วยนะค่ะ ชอบอ่ะ มากๆๆๆๆๆๆๆเลย :mew1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย Sp.สงกรานต์(14-4-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 25-04-2015 03:29:33
 ก็ยังเป็นคนบ้าที่น่ารัก​เหมือนเดิม :-[ :-[
รออัพครั้งต่อไปนะค่ะ สู้ๆ ✌✌
Ps.ยังไม่ลืมมังกรอีก 7 ตัวนะค่ะ ☺☺
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น]ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย Sp.สงกรานต์(14-4-58)
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 02-05-2015 12:01:29
น่ารักทุกเรื่องเลย
แต่บางเรื่องก็อ่านไป น้ำตาไหลไป
เศร้ามากๆ
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 28-05-2015 23:42:26
鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ!


               เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินจีน ทุกคนต่างเคารพบูชา โดยจำแนกมังกรได้เป็น 9 จำพวก... อันประกอบไปด้วย  ปี้ซี่ ชือเหวิ่น ผูเหลา ปี้อั้น เทาเทีย หยาจื่อ  ซวนหนี เจียวถู และฉิวหนิว โดยมังกรแต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน... จึงทำให้สถานที่ที่จะพบเจอมังกรแต่ละตัวนั้นมักจะไม่เหมือนกัน หากแต่แท้จริงแล้ว... มังกรทั้งเก้านั้นต่างก็คือพี่น้องที่กระจัดกระจายกันออกไป มังกรทั้งเก้านี้ต่างออกไปส่งต่อสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังดินแดนต่างๆทั่วชมพูทวีป... จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายพันปี...


--------------------------------------------------------------------------------------

 
‘เรื่องราวของลูกหลานชือเหว่ย มังกรที่ชอบกลืนกินและเหม่อมอง...’


   “เฮ้ยเจต ไปกินข้าวกัน”ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินมาเคาะประตูเรียก ก่อนที่ผู้ที่ถูกเรียกชื่อจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งเสียงตอบกลับไป
   “ครับพี่ ไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมตามไป”คนที่ยืนอยู่พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป เหลือเพียงชายหนุ่มผมสีแทนที่ทำหน้านิ่งๆเหมือนไม่สนใจโลกค่อยๆเก็บของบนโต๊ะลงในลิ้นชัก ทีละชิ้น ทีละชิ้น ก่อนจะคว้าโทรศัพท์และกระเป๋าตังออกมาเป็นอย่างสุดท้ายแล้วลุกขึ้นเดินตามคนอีกคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูใหญ่ของบริษัท

   เป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันดีของคนในออฟฟิศ ที่เมื่อถึงเวลาพักกลางวันเมื่อใด ชายหนุ่มสองคนนี้มักจะไปกินข้าวด้วยกันเสมอ ไม่ว่าใครจะติดธุระอย่างไร อีกฝ่ายก็จะยังคงรอและไปพักเที่ยงพร้อมกัน  ถึงจะมีหลายเสียงในบริษัทซุบซิบนินทาให้ผ่านมาระคายหู  แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกยินดียินร้ายอะไร ซ้ำยังปล่อยผ่านจนข่าวลือนั้นซาลงและมีเรื่องใหม่เรื่องอื่นเข้ามาแทนที่ จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม  เช้าตอกบัตรเข้าทำงาน ต่างคนต่างอยู่ เดินผ่านก็ทักทายกันตามประสาคนรู้จัก มีบ้างที่เจตจะได้รับขนมเล็กๆน้อยๆมาวางอยู่บนโต๊ะ เขากินขนมเหล่านั้นตลอดถึงจะไม่รู้ว่าใครเอามาวางไว้ แม้จะมั่นใจเกินแปดสิบเปอร์เซนต์ว่าเป็นคนที่เขาคิดไว้นั่นแหละที่เอามาวาง
   “วันนี้จะกินอะไร?”เสียงเรียบๆเอ่ยถาม  เจตหันไปมองตามแล้วกวาดตามองร้านอาหารภายนอกบริษัท
   “กระเพาะปลาครับ”การตอบสั้นๆยังคงเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอย่างหนึ่งของเจต ซึ่งเจ้าตัวเคยบอกว่า ชอบที่จะมองมากกว่าพูด ซึ่งทุกคนก็ดูจะเข้าใจเขาได้ดี ตราบใดที่งานที่เขาทำยังไม่มีสิ่งใดผิดพลาดจนเกินจะให้อภัย ซึ่งนั้นคงเป็นการยาก เพราะสิ่งที่เจตทำนั้นดีกว่าเพื่อนร่วมงานหลายๆคนมากนัก จึงไม่มีใครสงสัยโวยวายอะไร ปล่อยให้เจตทำงานอยู่คนเดียวเงียบๆแบบที่เจ้าตัวต้องการ
   เมื่อเดินมาถึงร้านกระเพาะปลา เจตเดินไปรินน้ำใส่แก้วแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ เนื่องจากร้านไม่ได้ใหญ่โตมากนักและไม่มีลูกจ้างคอยให้บริการ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจึงต้องบริการตัวเองหากไม่อยากคอแห้งตายเพราะหิวน้ำไปเสียก่อน
   “งั้นผมเอากระเพาะปลาพิเศษสองชามครับ  ชามนึงไม่ใส่ไข่กับเครื่องในนะครับ เอาหน่อไม้เยอะๆ”เสียงของอีกคนสั่งอยู่หน้าร้านก่อนจะตามมานั่งที่โต๊ะ หยิบแก้วน้ำไปดูดน้ำอึกใหญ่
   “อาการข้างนอกร้อนมากเลยเนอะ เจตว่ามั๊ย”
   “มันก็ปกตินี่ครับพี่  นี่ประเทศไทยนะไม่ใช่สวิต”เจตว่าหน้าตาย  ขณะที่ใครอีกคนมองหน้าแล้วเผลอหลุดขำพรืดออกมาดังลั่น
   “โอเคๆ พี่ขอโทษ พี่ผิดเองแหละที่ลืมไปว่านี่ประเทศไทย”เจตพยักหน้าและเหม่อมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมา  คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ชื่อตั้ว  คาดว่าน่าจะมาจากกระตั้ว แต่ถ้าถามกันตามจริง ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน เพราะพอรู้จักกันก็ได้ยินแต่คนเรียกว่าตั้วๆมาตลอดจนเขาเรียกตามไปอย่างเคยชิน เจตมองคนที่เดินผ่านไปมาอยู่อย่างนั้นจนกระเพาะปลาพิเศษสองชามมาเสิร์ฟเขาจึงได้เริ่มลงมือรับประทานอาหาร
   “เดี๋ยวเจต  อันนั้นของพี่  ของเจตไม่ใส่ไข่ ไม่ใส่เครื่องในแล้วก็หน่อไม้เยอะๆ ชามนี้”ตั๊วเลื่อนชามกระเพาะปลาตรงหน้าตัวเองสลับกันของอีกคนนึง  เจตพยักหน้ารับแล้วลงมือปรุงรส
   “วันนี้งานเป็นไงบ้างเจต”เสียงตั้วดังถามขึ้น  เจตละสายตาจากชามกระเพาะปลาสบตากับคนตรงหน้าแล้ววางช้อนลง
   “ก็ดีพี่...  งานก็เหมือนๆเดิม  คนก็คนเดิมๆ ปัญหาก็ปัญหาเดิมๆ ไว้วันไหนมีอะไรแปลกใหม่ผมจะเล่าให้พี่ฟังแล้วกัน”เจตตอบ พร้อมกับรับทิชชู่มาจากคนตรงหน้าเพื่อเช็ดขอบปากที่เลอะเทอะออก
   “เหรอ อืม... ก็ดี  งานพี่เนี่ยสิ โดนคอมเพลนจากลูกค้ามา ปวดหัวน่าดู  เรื่องมากเอาแต่ใจสุดๆไปเลย พอแก้ให้ก็บอกไม่ชอบอีก นี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย”ตั้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ
   “พี่ก็ทำได้อย่างนะครับ... ทำใจ”
   “อุ๊บ! โอ๊ย! โอเคๆ งั้นพี่จะทำใจล่ะกันนะ ฮาๆๆ ปลอบใจหน้าตายของเรานี่ พี่ดูทีไรก็ขำทุกทีสิหน่า”ตั้วเอามือกุมท้องแล้วปาดน้ำตาที่ไหลที่หางตาเล็กน้อย  ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งกระเพาะปลาทั้งสองหมดชาม

   “พี่เก็บเงินเลยครับ”


--------------------------------------------------------------------------------------


   เป็นอีกวันนึงที่การทำงานผ่านไปอย่างเชื่องช้า  เจตละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์แล้วนวดที่ขมับเบาๆ เป็นเวลาบ่ายคล้อยย่ำเย็นหลังจากการกลับมาจากช่วงพักกลางวัน เจตเหลือบมองนาฬิกา

   ‘อีก 2 ชั่วโมงจะเลิกงานแล้วสินะ’ เขาคิดในใจคนเดียว พักนี่เขามักจะเพลียๆในการทำงาน เพราะตำแหน่งของเขาต้องใช้ไอเดียมากในการนำเสนอ ทำให้เขาต้องคิดรูปแบบต่างๆในทุกๆวัน กว่าจะรู้ตัว มือของเจตก็คลำหาอมยิ้มที่ปกติจะมีติดตัวเอาไว้ประมาณสองสามแท่งไว้อมเวลาที่คิดอะไรไม่ออก แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าแท่งสุดท้ายนั้นเพิ่งจะหมดไปเมื่อบ่ายนี่เอง และเขาก็ยังไม่ได้ไปซื้อใหม่เสียที

   “เจต หิวยัง เอาขนมเปล่า?”เสียงพี่ในบริษัทตะโกนถามจากโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม  เจตหันมองก่อนจะตะโกนกลับไป
   “เอาเลยครับพี่ ผมไม่หิวครับ”เขายิ้มกลับให้แทนคำขอบคุณ จากนั้นก็ลงมือทำงานในมอบหมายของตัวเองต่อไป เพราะความอ่อนล้าของสมองบวกกับดวงตาที่พร่าเพราะแสงจากจอคอมพิวเตอร์ทำให้เจตต้องละลายตาจากจอคอมสักครู่ใหญ่ จังหวะนั้นเองเจตก็เหลือบมองเห็นเงาของคนร่างสูงมายืนค้ำโต๊ะ
   “ก๊อกๆ เอาขนมมาส่งครับผม”ใบหน้าคุ้นเคยโผล่เข้ามายิ้มใส่ หากเป็นปกติ คงจะมีมาแต่ขนม ไม่แน่ใจเท่าไรว่าทำไมวันนี้ตั้วจึงมาด้วยตนเอง แต่เจตก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก พลางละมือจากแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดมารับขนมไทยโบราณรูปทรงสามเหลี่ยมที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยใบตองทรงสวยคาดทับด้วยใบมะพร้าวและกลัดเอาไว้ด้วยไม้กลัดบนปลายยอด
   “ตั้ว ซื้อไรมาอ่ะ ขนมใส่ไส้เหรอ ไม่แบ่งพี่ๆบ้างเลยนะ”เสียงหยอกเอินแสดงความเป็นคนเองจากคนรอบข้าง แม้จะไม่ได้อยู่แผนกเดียวกัน แต่ตั้วก็เดินเข้านอกออกในจนเป็นที่คุ้นชินของคนในแผนกเสียแล้ว
   “โถ่พี่ก็... ไว้คราวหน้านะครับ รอบนี้ผมไม่คิดว่าพี่ๆจะอยู่ครบกันขนาดนี้”ตั้วยิ้มเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเอ็นดูจากพี่ๆทุกคนในแผนกได้เป็นอย่างดี
   “วันนี้ไม่มีงานเหรอ”เสียงจากคนข้างตัวทำให้ตั้วก้มไปมอง เห็ฯคนที่พูดกำลังก้มหน้าก้มตาสนใจกับของว่างในมือ
   “ว่างไง เลยแวะมา เดี๋ยวจะกลับไปแล้ว”เจตพยักหน้าบรรจงค่อยๆแกะไม้กลัดออกวางไว้ข้างตัว คลี่ใบมะพร้าวออกมาและเปิดใบตองออกเพื่อดูเนื้อใน
   “ข้าวเหนียว?”เจตพูดขึ้นงงๆเมื่อมองเห็นเนื้อในของขนมตรงหน้า แทนที่จะเป็นขนมใส่ไส้อย่างที่คิดไว้ตามรูปทรงบรรจุภัณฑ์ที่เห็น แต่เจตก็ไม่ได้คิดอะไรคว้าข้าวเหนียวก้อนนั้นใส่ปากหน้าตาเฉย ปล่อยให้คนเอามายืนอึ้งแล้วปล่อยเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้
   “เฮ้ยเจต กินจริงดิ... อันนั้นมันหมดแล้ว พี่ใส่ข้าวเหนียวมาแกล้งเราเฉยๆ ข้าวเหนียวนั้นพี่ซื้อมาตั้งแต่เช้าแล้วเอามากินกับหมู โถ่! ฮาๆๆ”หัวเราะไปปาดน้ำตาไป ตั้วดึงมือของอีกคนไว้ก่อนที่จะหยิบข้าวเหนียวไปกัดต่ออีกคำหนึ่ง แล้วหยิบห่อใหม่ที่ซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงมาให้
   “เอ้านี่! อันนั้นอ่ะแกล้ง อันนี้ของจริง เจ้าอร่อยด้วยนะ ลองๆ ส่วนอันนี้เดี๋ยวพี่เอาไปทิ้งให้”ตั้วแย่งข้าวเหนียวในมือเจตมาถือไว้เอง ก่อนจะแกะไม้กลัดขนมอีกห่อออกแล้วยื่นขนมไทยกลิ่นหอมไปตรงหน้า เนื้อสีขาวขุ่นของกะทิสดใหม่หอมๆ และกลิ่นหวานนิดๆ ของเนื้อมะพร้าวที่ผสมกับน้ำตาลปี๊บส่งกลิ่นออกมายั่วเย้าใจของคนตรงหน้า เจตไม่รอช้าที่จะรับขนมใส่ไส้ไปจากมือตั้ว ใช้ไม้กลัดแทนส้อน ตัดแบ่งขนมออกเป็นสองชิ้น จิ้มชิ้นแรกเข้าปาก ก่อนจะจิ้มอีกชิ้นแล้วเอาไปจ่อให้ที่ปากของอีกคน
   “แบ่งกัน”คำพูดสั้นๆแต่เข้าใจง่ายตามความหมาย ตั้วอ้าปากรับก่อนจะเก็บกวาดเศษใบตองและไม้กลัดออกจากโต๊ะ เดินไปทิ้งขยะทั้งหมดลงในถังแล้วยกมือไหว้พี่ๆในแผนกเพื่อขอตัวลา
   “พี่ไปแล้วนะเจต ตอนเย็นเจอกันนะ”

 
--------------------------------------------------------------------------------------

   เวลาผ่านไป2ชั่วโมงนิดๆ เจตกำลังเก็บของออกจากโต๊ะเพื่อที่จะกลับบ้าน ส่วนคนที่รอนั้นยังคงไม่มา  เจตเหลือบมองเป็นบางทีที่มีคนเดินผ่านหน้าแผนก เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ก็ก้มลงเก็บของต่อไป ทำแบบนี้สักสี่ห้าครั้งจนคนในแผนกเริ่มสังเกตเห็น
   “เดี๋ยวตั้วก็มาเจต  ทางนั้นอาจจะกำลังคุยธุระอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า ตั้วเคยผิดนัดเราที่ไหนล่ะ”พี่แม๊กซ์อดีตหนึ่งในขบวนการร่วมล้อคู่รักเงียบๆคู่นี้พูดขึ้นมา
   “เปล่าสักหน่อยพี่... ผมไม่ได้มองสักหน่อย”เจตปฏิเสธ หากแต่สายตายังคงเหลือบมองที่หน้าแผนกเป็นระยะๆ
   “โอเคครับโอเค ไม่ได้มองเลย... เน๊อะ!”แม๊กซ์หันไปหัวเราะร่ากับคนข้างๆที่หาเรื่องล้อเจตได้สำเร็จ เจตส่ายหัวเบาๆ แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อให้เสร็จ ไม่ถึงสองนาทีเป้ใบเก่งก็ถูกสะพายขึ้นบ่าหนึ่งข้าง เจตกระชับมือให้แน่นกันเป้ร่วงตกก่อนจะเดินออกจากแผนก แต่ก็ไม่ลืมหันไปบอกลาคนอื่นๆที่ยังคงทำโอทีกันต่อ เดินไปได้ไม่ไกล เสียงวิ่งกระหืดกระหอบก็ดังขึ้นมากระชั้นชิด ก่อนจะหยุดลงที่ข้างกาย มือหนารั้งแขนของเจตไว้ให้หยุดยืนนิ่งๆครู่หนึ่ง
   “เดี๋ยวเจต แปป ขอพักก่อน ไม่ไหวแล้ว แฮกๆๆ”ตั้วแลบลิ้นออกจากปาก อีกมือที่ว่างก็พัดตัวเองไม่หยุดบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเหนื่อยขนาดไหนที่วิ่งตามเจตออกมา
   “ทำไมไม่รอล่ะ พี่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน”ตั้งถามหลังจากพักจนหายเหนื่อย
   “ก็เจอแล้วนี่ครับ ไม่งั้นพี่จะคุยกับผมได้เหรอ”เจตถามกลับ พลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายเอาไปซับเหงื่อ
   “พี่หมายถึง... โอเคๆ พี่พูดไม่เคลียร์  คราวหน้ารอพี่ที่แผนกนะ”เจตพยักหน้าทำความเข้าใจ ก่อนจะช่วยถือกระเป๋าของอีกฝ่ายให้ เมื่อเห็นว่าตั้วยังไม่หายเหนื่อยเท่าไรนัก  ทั้งสองคนเดินคู่กันไปเรื่อยๆจนถึงร้านข้าวต้มโต้รุ่งเจ้าหนึ่งแถวๆหอพัก ตั้วเดินไปหยิบเมนูส่วนเจตก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะ
   “เจตเอายำไข่ดาวเหมือนเดิมใช่ไหม ยังเอาหมึกผัดไข่เค็มอีกมั๊ย”เสียงคนตรงข้ามที่นั่งรอจดเมนูจากอีกคนถาม เจตพลิกเมนูในมือไปมาแล้วส่งคืนให้ตั้ว
   “เอาเหมือนเดิม เอาหมึกด้วย แล้วก็เพิ่มคะน้าปลาเค็มมาอีกจานแล้วกัน พี่ชอบไม่ใช่เหรอ”ตั้วไม่ได้พูดอะไร แต่จดเมนูลงกระดาษในมือแล้วเดินเอากระดาษไปส่งให้กับเดินเสิร์ฟที่ยืนรออยู่
   “ถามจริง ทำไมกลางวันถึงกินข้าวเหนียวไป พี่นึกว่าเจตเห็นแล้วจะไม่กินซะอีก”ตั้วถาม เจตที่กำลังมองโต๊ะกับบรรยากาศรอบๆหันมาสบตาก่อนจะหันกลับไปมองที่อื่นเหมือนเดิม
   “ก็พี่ให้มา...”
   รอไม่นาน อาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟพร้อมกับถ้วยข้าวต้มอีกสองถ้วยและน้ำแข็งอีกสองแก้ว  ตั้วรับน้ำแข็งไปวางตรงหน้า แกะขวดน้ำแล้วเทใส่แก้วทีละใบ ส่วนเจตรับถ้วยข้ามต้มแล้วเอามาคนเบาๆทั้งสองถ้วย ค่อยๆใช้ปากเป่าไล่ความร้อนออกไปสักครู่ถึงได้ส่งชามที่ดูจะเย็นลงไปให้อีกฝ่าย ตั้วรับชามมาคล้ายเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าไปอย่างเงียบๆ
   “รอบนี้อร่อย”เสียงของเจตดังขึ้นพร้อมๆกับช้อนที่ตักยำไข่ดาวไปไว้ในชามของตั้ว ตั้วพยักหน้า ตักยำไข่ดาวขึ้นมาใส่ช้อน เป่านิดๆแล้วเอาเข้าปาก
   “อืม... อร่อยดี  ดีกว่ารอบที่แล้วเยอะเลย สงสัยพ่อครัวคนละคนกัน”ตั้ววิจารณ์แล้วตักหมึกผัดไข่เค็มส่งให้เจตบ้าง
   “แลกกัน... อันนี้ก็อร่อย  นี่หนวดที่เจตชอบเลยนะ นี่พี่เสียสละให้นะเนี่ย”
   “พี่ไม่กินหนวดต่างหากล่ะ”เจตเถียงกลับเบาๆ ส่วนตั้วก็ได้แต่หัวเราะแล้วก้มหน้าก้มตากินกันต่อไปจนทุกอย่างเกลี้ยงจาน เจตดูดน้ำในแก้วเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อพนังงานเดินมาทอนเงินทอน

   เจตกับตั้วเดินไปด้วยกันในซอยทางเข้าหอ  ระยะทางระหว่างหอกับที่ทำงานของทั้งคู่ไม่ได้ไกลมากนัก แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยพอที่จะเดินคนเดียวได้แบบชิวๆ เพราะเหตุนี้การเดินกลับพร้อมกัน หาอะไรกินแล้วก็เดินเข้าหอด้วยกันแบบนี้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเท่าไรนัก
   “กินอมยิ้มอีกแล้วน่ะ...”ตั้วบ่นให้กับอีกคนที่หยิบอมยิ้มที่ซื้อมาใหม่ยัดเข้าปาก
   “เดี๋ยวฟันก็ผุแบบคราวที่แล้ว แล้วก็ต้องลางานไปอุดอีกหรอก”เจตเหลือบมองหน้าคนข้างๆ
   “เดี๋ยวแปรงฟัน...”คำตอบสั้นๆที่เป็นเอกลักษณ์ถูกตอบออกมา  ตั้วหันมามองแล้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ
   “งั้นแบ่งมากินอันนึง”ตั้วแบมือขอ คนถูกขอมองมือสลับกับหน้าของคนที่ขอก่อนจะดึงอมยิ้มออกมาจากปากตัวเอง
   “มีอันเดียว...”อมยิ้มในมือของเจตถูกยื่นไปตรงหน้าของคนที่ขอคล้ายกับเป็นคำท้าทายว่าอีกฝ่ายจะกล้าพอที่จะกินของต่อจากเขาหรือเปล่า  ตั้วเลิกคิ้วมอง ก่อนจะอมยิ้มแล้วอ้าปากอมอมยิ้มในมือของอีกฝ่ายเข้าปากอย่างไม่รังเกียจ ส่วนเจตก็รีบดึงมือกลับ ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า ‘กล้าเกินไปแล้ว’
   “เจต  มือพี่ยังว่างอยู่นะ”เจตหันไปตามเสียง แล้วก้มลงมองมือของอีกฝ่ายที่ยังยื่นมาอยู่ตรงหน้า

   “ก็เอาอมยิ้มไปแล้ว...”

   ตั้วส่ายหน้าก่อนจะมองลงที่ข้างตัวของอีกฝ่าย

   “พี่ไม่ได้หมายถึงอมยิ้ม พี่หมายถึงอีกอย่างนึงต่างหาก...”

   น่าเสียดายที่พนักงานในบริษัทในเคยล้อคนทั้งคู่เอาไว้ เพราะไม่ได้มาเห็นภาพบางอย่าง ไม่แน่ว่าถ้ามีใครมาเห็นเหตุการณ์ตอนนี้ กระแสข่าวลืออาจจะโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะภาพที่จะได้เห็นก็คือ...


   
ผู้ชายสองคนที่สะพายกระเป๋ากันคนละข้าง คนๆหนึ่งกำลังอมอมยิ้มพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ ในขณะที่อีกคนเอาแต่มองรอบตัว โดยที่ ‘มือข้างหนึ่งของทั้งสองคน กำลังเกาะกุมเอาไว้ด้วยกัน’ ในซอยเล็กๆที่จะไม่มีใครเข้ามาเห็นพวกเขาในช่วงเวลาแบบนี้นั้นเอง....

--------------------------------------------------------------------------------------


แอร๊ยยย!! จบไปอีกเรื่องแล้วกันซีรีย์มังกร นี่เอาคู่พี่รองมาก่อนเลย น้องๆรอไปก่อน ถ้าใครจำได้ ตอนที่แล้วบอกว่าเริ่มทำงานพิเศษแล้ว  คือคู่นี้อิคนเขียนได้แรงบันดาลใจจากพี่ๆในออฟฟิศค่ะ  :hao7: ทั้งฉากชวนไปกินข้าว ฉากขนมใส่ไส้ไส้ข้าวเหนียว(อันนี้คนอื่นแกล้งค่ะ แต่คนเขียนมโนเอา) แต่พี่เขากินจริงๆนะ จำได้ว่าฮากันทั้งแผนก ฉากอมยิ้มนี่ก็ด้วย แต่ว่าเรื่องจริงคงไม่มีใครอมต่อเนอะ... (ข้ามไปปปป) บ่นกับเพื่อนที่มาทำงานพร้อมกันนานมากแล้วว่าอยากเขียนคู่นี้  สุดท้ายก็เข็นมาลงได้จริงๆ  พล็อตตอนนี้อยากได้เป็นอะไรที่เรียบๆ ไม่ต้องตื่นเต้น แต่แอบหวานอยู่ในที สุดท้ายเลยลงมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ

ส่วนคู่อื่นๆ...  ก็รอพล็อตก่อนนะคะ... อีก8วันจะประกาศผลแอดแล้ว คนเขียนนี่ใจจะวายค่ะ ไม่รู้จะได้ที่ไหน (ฮา)
// ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่าาาาาาา  :bye2:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-05-2015 22:04:10
ขออนุญาตเม้นท์ตั้งแต่เรื่องแรกนะค้าา..^^

รักสองตระกูล
… :heaven ซึ้งจังเลยค่าา~ ดีจังค่ะที่เจ้าชายได้ครองรักกันดั่งใจหวังจริงๆ เสียที (คือเราปักใจเชื่อมากเลยค่ะ ว่าทั้งสองคนคือเจ้าชายที่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง <<< ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน :laugh: ) มีความสุขตามทั้งสองคนไปด้วยเลย~ ><

I wiil pray
… มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิค้าา o9 คุณคนเขียนใจร้าย~ น้ำตาเราไหลพรากๆ แล้วน้า T^T น้องภาต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขมากๆ นะคะ ให้สมกับที่ที่หนึ่งได้ฝากความรักและความหวังดีไว้กับหนูคนที่เป็นดังเช่น 'ที่รัก' ของที่หนึ่ง และอีกอย่าง ที่หนึ่งเขาจะได้นอนหลับฝันดีไปตลอดกาลด้วยเน้อ~

ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
… ฮ่าๆ นัทตลกจังเลย ไม่อยากเป็นมาเฟียจนหนีออกจากบ้านไม่พอ ยังถูกคนอื่นมองว่าเป็นบ้าก็ไม่แคร์แบบนี้นี่สุดโต่งได้อีกค่ะ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็สบายคุณพ่อไปเลยสินะคะเนี่ย เพราะ คราวนี้นอกจากจะได้ตัวลูกชายกลับมาบ้านแล้วทั้งที นัทยังพ่วงสักที่จะมารับตำแหน่งทั้ง 'หัวหน้าแก็งค์' และ 'ลูกเขย' ไปในคราวเดียวกันด้วยเลยน้า~ คุ้มจริงๆ เลยนะคะคุณพ่อ! >\\<

คนแรกXสุดท้าย... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
… น่ารักจังเลย :-[ โดยเฉพาะตอนที่น้องสุดท้ายตีแขนพี่คนแรกจนแดง แล้วตัวเองก็น้ำตาคลอเพราะรู้สึกผิดน่ะค่ะ โอ๊ยย~ น่าหยิกจริงๆ เลยค่าา~ มันเขี้ยวเหลือเกิน~

คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ!
… พี่เหรับยาดมสักหลอดไหมคะพี่ ท่าทางจะเหนื่อยน่าดูเลยนะคะน่ะ ก็แหม~ ต้องวิ่งรอบสนามตั้ง 50 รอบเลยนี่นา :laugh: กะจะแกล้งเขาแท้ๆ นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วตัวเองยังต้องทำตามคำสั่ง(ของตัวเอง)อีกต่างหาก ฮ่าๆ เราเอาใจช่วยให้น้องคิมใจอ่อนกับพี่เหไวๆ ก็แล้วกันนะค้า~ >\\< 

พิเศษจากผมเป็นคนบ้าฯ
… เห็นด้วยกับสักเลยค่ะ ว่าพี่นัทเป็นคนบ้าที่น่ารักที่สุดในสามโลก~ >< ท่าทางการเป็นคนบ้าคงจะเป็นงานอดิเรกของพี่นัทอีกอย่างหนึ่ง นอกจากการอ่านหนังสือที่เป็นงานหลักใช่ไหมคะเนี่ย เพราะพี่นัทดูจะจริงจังกับสองสิ่งนี้มากเลยเน้อ~ แต่อะไรก็ไม่น่าดีใจไปกว่าการที่ได้ยินพี่นัทบอก 'รัก' สักหรอกนะค้าา ^^

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (เที่ยวXท่อง)
… พี่เที่ยวเป็นสุภาพบุรุษกว่าที่เราคิดไว้อีกนะคะเนี่ย :hao7: และที่ไม่น่าเชื่อเลยก็ตรงที่พี่เที่ยวเขียนไดอารี่บอกรักท่องเนี่ยล่ะค่ะ มันเป็นอะไรที่อิมพอสสิเบิลมากๆ ฮ่าๆ ฟรุ้งฟริ้งได้อีกจ้า ><

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (ต้นน้ำXปักษา)
… :m3: น่ารักโฮกกกก เราชอบคู่นี้~ นี่แหละหนาที่คนเขาพูดกันว่า 'อย่าตัดสินว่าใครเป็นแบบไหนแค่เพียงตาเห็นเท่านั้น' เราเชื่อหมดใจเลยจ้า ^^ ถึงยังไงหมอปักษาก็เหมาะที่จะเป็นฝ่ายถูกกอดที่สุดแล้วล่ะเน้อ~ ><

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (เมฆาXน้ำฝน)
… พี่น้ำฝนเจ้าเล่ห์ได้อีกค่าา >< ต้องขอขอบคุณกองหนุนทั้งหลายด้วยนะคะเนี่ย ที่ทำให้ภารกิจรักครั้งนี้ประสบผลสำเร็จได้ด้วยดี เฮ้อ~ น้องเมฆเกิดทีหลังพี่น้ำฝนก็ต้องทำใจหน่อยนะคะ เพราะชั้นเชิงของน้องยังห่างจากพี่เขาโขเลยล่ะจ้า

ก็แค่นางฟ้า... ของผม
… นันท์โชคดีแล้วนะคะที่ได้มาเจอกับนนท์ ได้เจอกับความรักที่ยังคงมีอยู่จริงๆ เสียที ส่วนคำพูดว่าร้ายพวกนั้นนันท์อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ ถึงยังไงคนเหล่านั้นก็ไม่มีค่าพอให้นันท์ต้องสนใจมากไปกว่า 'การประคับประคอง' ความรักนับจากนี้ของนนท์กับนันท์หรอกนะคะ ^^

เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!
… โธ่ต๊อก~ เล่นโกหกพรตมาตั้งสิบกว่าปีโดนโกรธแค่นี้ยังถือว่าน้อยไปนะคะเนี่ย น่าตีจริงๆ เลยเชียว คนบ้านี่! ปล่อยให้พรตกัดก้อนเกลือกินมาได้ตั้งนานสองนานนะคะ แต่ความรักของทั้งสองคนหวานมากๆ เลยล่ะค่ะ แถมยังซึ้งด้วยน้าา~ :mew4:

ปล. แอบอยากให้มีฉากที่พี่นัทกับเดอะแก็งค์มารุมสหบาทาเจ้าพวกตัวร้ายที่มาปากดีใส่ต๊อกกับพรตจังเลยค่ะ คงเท่ห์น่าดูเลยนะค้าา ><

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (ตอนพิเศษรวมทุกคู่ 1,2)
…  เป็นเกมส์ที่น่าสนุกมากๆ เลยค่าา พี่น้ำฝนครีเอทได้อีก! ทั้งขำทั้งสงสารเหล่าเคะน้อยๆ (ยกเว้นพี่ปักษา?) ทั้งหลายจังเลยค่ะ โดนต้มกันเสียเปื่อยขนาดนั้น แถมน้ำตายังไหลพรากๆ กันทุกคนแบบนั้นอีกน่ะ (ยังยกเว้นพี่ปักษา? อยู่ดีนั่นล่ะค่ะ) น่าจับมาฟัดแก้มซ้ายแก้มขวากันทุกคนเลยน้า~ (แต่อันนี้รวมพี่ปักษาด้วยนะคะ :laugh: ) แบบนี้ก็น่ากลัวว่าคุณเมะทั้งหลายจะถูกเหล่าเคะเขาแก้แค้นคืนเหมือนกันนะคะเนี่ย หึหึ สนุกแน่ล่ะงานนี้~

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ! (ตอนพิเศษ คิมหันต์Xเหมันต์)   
… น้องคิมเด็กน้อยแสนทะเล้นช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน~ ขี้อ้อนจนน่าหยิกจริงๆ เลยเชียว~ แถมโรแมนติกแบบนี้พี่เหก็ปีนขึ้นมาจากหลุมรักของน้องคิมไม่ได้กันพอดีสิค้า เอาใจช่วยพี่เหให้น้องคิมบอกรักพี่ไวๆ ด้วยคนนะคะ >\\< 

คำว่ารัก...ก็แค่เนี๊ยะ! (ตอนพิเศษ คนแรกXสุดท้าย) 
…  พี่คนแรกมาดเหมือนคุณชายเลยเน้อ~  งื้อ~ ทะนุถนอมน้องสุดท้ายเสียจนน้องขี้อ้อนหนักกว่าเดิมเลยนะคะน่ะ >< เป็นคู่รักที่อ่อนโยนกั่นเหลือเกินค่าา

ปล. อยากรู้จังเลยว่าใครยุให้น้องสุดท้ายขึ้นคร่อมพี่คนแรกแบบนี้กันคะ? ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ เราแค่อยากจะบอกว่า 'คุณทำดีมากค่า' ^^ 

ลิตเติ้ลยุง  โอเค! มึงเป็นผัวกู! 
… หนูก้อยน่ารักมากเลยค่ะ ท่าทางคงดีใจน่าดูเลยนะคะที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายน่ะ ฮ่าๆ แถมยังโดนยุงหลอกให้ลองทายาเองด้วย สงสัยหนูก้อยคงจะไม่ได้ฉุกคิดเลยล่ะสิคะ ว่าท่าทางล่อแหลมในการทายาของหนูมันไม่ไปสะกิดอารมณ์หื่นของยุงเข้าน่ะ สุดท้ายก็เลย~  เรียบร้อยโรงเรียนยุงจนได้ :laugh:   

รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า!     
… จอมทัพอย่าไปทำอะไรให้ขุ่นใจน้องนพเข้านะคะ ถ้ายังไม่อยากหูดับไปเสียก่อน ฮ่าๆ สมน้ำหน้าชะนีตอนเปิดเรื่องเสียเหลือเกินค่ะ กล้ามากที่มาต่อปากต่อคำกับน้องนพ (ผู้ชนะสิบทิศ) ของเรา?

รักสุดท้าย... คือนิรันดร์   
… เราเพิ่งจะได้รู้นี่ล่ะค่ะว่า 'น้ำตา' ที่ไหลพรากๆ ของเราคุ้มค่ากับตอนจบแบบนี้เหลือเกิน :heaven เพราะปกติถ้าตัวละครตายตอนจบ อาการหน่วงจะต้องตามมาตลอด แต่กับเรื่องนี้ดันเรียกรอยยิ้มของเราขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้นล่ะค่ะ เฮ้อ~ ชอบแบบนี้จังค่าา

In Camera คุณครับ รักนะ...
… พี่ฟิล์มทำเนียนดึงน้องกล้องมานั่งตักไม่พอ ยังจะไปซุกไปไซร้น้องเขาอีกน้า เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยเชียว~ อีกอย่าง ไหนๆ คุณพ่อของพี่ก็ให้มาน้อยแล้ว พี่ฟิล์มก็ยอมๆ ให้น้องกล้องเป็นฝ่ายกดพี่แทนก็แล้วกันนะค้าา >< เพราะถ้าน้องกล้องไม่ได้ใช้ 'ของ' ของตัวเองก็น่าเสียดายแย่เลยเน้อ~

ผมเป็นคนบ้า...  แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย ตอน...  บ้าก็รัก(ว่ะ)ครับ
… ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนทั้งสักแล้วก็พี่นัทยังหวานกันไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะค้าา :-[  แต่พี่นัทอย่าหนีไปเป็นคนบ้าบ่อยนักสิคะ  สงสารสักบ้างเถ้ออ~ ออกตามพี่นัททุกครั้งจนน่าเป็นห่วงว่าจะเป็นอะไรไปอีกคนจังเลย เพราะอดหลับอดนอนนั่นล่ะค่ะ ฮึก~ ฝากบอกพี่นัทด้วยนะคะ T^T

พี่เนียนน่ะผมรู้...แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม 'รัก'
… น้องสาววายคือจุดพีคของเรื่องนี้เลยค่ะ :laugh: ถ้าพี่ดราฟหน้าไม่เด็กจริงนี่เป็นพี่เนียนไม่ได้เลยนะคะเนี่ย เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่าา :m3: อลันก็บุคลิกนุ่มๆ สุขุมๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ควรค่าแก่การปกป้องพี่ดราฟมากเลย~ และอาจพูดได้ว่า 'การเข้าค่ายครั้งนี้ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด!!!' ใช่หรือเปล่าคะพี่ดราฟ~ *กระแซะๆ*

สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ
… โอ๋ๆ :กอด1: ถอนตัวตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้วล่ะค่ะกระดาษ~ เพราะค้อนเขาตีตราจองหนูไว้ทั้งตัวแล้วนี่น้าา แอร๊ย~ >\\< เรื่องพละกำลังนี่วัดจากแค่รูปร่างหน้าตาไม่ได้เลยจริงๆ ขอซูฮกให้ค้อนเลยค่ะ! ว่าแต่ ป่านนี้กรรไกรคงไม่ตื่นขึ้นมาเป็นพยานรักให้กับทั้งสองคนใช่ไหมคะเนี่ย หุหุ

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย ตอนพิเศษ  วันพ่อ
… ซึ้งตามคุณพ่อทั้งสองท่านไปด้วยเลยค่ะ :mew4: แต่ยังไม่ถึงกับร้องไห้นะคะ เพราะว่าเราถูกความเกรียนของพี่นัทกับสักมาสกัดไว้เสียก่อน ฮ่าๆ อ่านแล้วรู้สึกอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจังเลยค่ะ เวลาที่เราอยากแสดงความรักจะได้ไม่ต้องมานั่งเขินอายเหมือนกับตอนที่โตแล้วแบบนี้ด้วยเน้อ~ ^^

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย ตอน วันปีใหม่
… :m20: สักคิดได้ยังไงคะที่จะฝากลูกๆ เอาไว้ในตัวของพี่นัทน่ะค่ะ ครีเอทได้อีกค่าา >< คู่นี้เขาหวานกันทุกเทศกาลเลยนะคะเนี่ย แต่อะไรก็ไม่น่ารักเท่ากับการที่พี่นัทปรับบุคลิกของตัวเองให้เหมือนกับตัวละครในหนังสือแจ่มใสแล้วล่ะค่ะ น่าร๊ากกก~ ^^

Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?
… อัศจรรย์เหลือเกินค่าา >< นี่เราคิดไปไกลถึงขนาดที่ว่าเกอร์เป็นตัวละครในเกมส์ที่วาร์ปออกมาเพื่อมารักกับอคินโดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย (<<< คือมโนไปไกลมาก :laugh: ) ทีนี้ในเมื่อเกอร์มึนมา อคินก็แค่มึนตามเกอร์ไปก็พอเน้อ~ รักกันๆ ไว้ดีที่สุดแล้วจ้า

囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ
… พี่ซองไม่ต้องคิดมากแล้วล่ะค่ะ เราคิดว่าพี่แค่รอให้มิวสิคเดินหน้าจีบพี่แบบเต็มตัวเลยดีกว่านะคะ แล้วในระหว่างนั้นพี่ซองแค่นั่งทำหน้าน่ารักๆ โชว์แก้มแดงๆ ก็พอแล้วล่ะค่าา >< ขี้คร้านมิวสิคจะต้องรีบบึ่งมาหาพี่ทันทีเลยเชียวน้า~

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย สเปเชียล... สงกรานต์ของคนบ้า
… พอสองคู่เขามารวมกันทีราวกับว่ามีรถบรรทุกน้ำตาลมาคว่ำอยู่แถวๆ นี้เลยนะคะเนี่ย ฟินแลนด์มากมาย~ :impress2: แถมพรตกับนัทก็แสนที่จะทะเล้นเหลือเกินค่ะ จนบางครั้งคุณสามีหวิดจะเป็นลมกันหลายรอบเลยเชียว เพราะเดี๋ยวก็จุ๊บเดี๋ยวก็หอมกันเป็นว่าเล่นเลยนะคะคุณภรรยา~

สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ (ค้อนpart)     
… กระดาษขี้อ้อนจังเลย~ :-[ แต่อย่าหลุดปากเรื่องของหน้าตามากนักสิค้าา สงสารค้อนบ้างเถ้อ~ คนฟังไม่โกรธแต่ความน้อยใจนี่เรียกได้ว่าพุ่งเข้าชนเต็มๆ เลยล่ะค่าา นี่ถ้าไม่เป็นเพราะกระดาษน่ารัก และค้อนก็ 'รัก' กระดาษมากๆ ป่านนี้อาจมีคนนั่งร้องไห้น้ำมูกโป่งเพราะว่าโดนแฟนเคืองไปแล้วนะคะเนี่ย ^^

椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ?     
… อาร์ซ หนุ่มซึนสินะค้าา สงสัยว่าเรื่องที่บอกว่าตัวเองชอบซาลาเปาลาวาจะเป็นแค่ข้ออ้างเสียแล้วล่ะมั้งคะเนี่ย เพราะความจริงแล้วตั้งใจจะไปมองหน้าโดว์คนอุ่นซาลาเปามากกว่าสินะคะ หุหุ น่าร๊ากกกจริงๆ เลยน้าคนซึนๆ เนี่ย

ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย SP. สงกรานต์บานบุรี~
… พี่นัทยังเกรียนเทพเหมือนเดิมเลยค่า แต่เอ๊ะ! ความจริงก็มากขึ้นกว่าเดิมเยอะอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ย :laugh: แต่พี่นัทไม่ต้องกังวลไปหรอกน้า เพราะความแบ๊วของพี่ช่วยมาลบล้างความบ้าให้ไม่เยอะเกินไปแล้วล่ะค่าา (หราาา..มั่นใจ?) เอาเป็นว่าเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวของทุกคู่เสมอเลยล่ะค่ะ :heaven

鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ!
… พี่ตั้วเขาวางแผนมาดีนะคะเนี่ย หึหึ ใช้กลยุทธ์ 'น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน' เข้าหาเจตแบบนี้ เป็นอะไรที่ชาญฉลาดมากเลยล่ะค่าา o13 แล้วสุดท้ายเจตก็จะไปไหนเสียจริงๆ ด้วยเน้อ~ นอกจากจะผลัดกันเข้ามาในวิ่งเล่นในหัวใจของแต่ละฝ่ายแทนแบบนี้ไงล่ะค้าา :hao7: ดีงามมากค่า~

ปล. ต้องขออภัยด้วยนะคะหากเราใช้พื้นที่ในการเม้นท์มากไป รอตอนต่อไปจ้า..^^                                               
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)
เริ่มหัวข้อโดย: sodawan1 ที่ 03-06-2015 10:03:41
  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-06-2015 14:23:50
อิมก็ยังบ้าได้น่ารักเหมือนเดิม ....... ขอบคุณครับ