พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้นจบในตอน] Dark side Romance
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: KOKURO ที่ 20-03-2012 22:17:19
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
-
คือ...เขียนนิยายไม่ออก ไม่มีอะไรจะทำน่ะครับ ลงเรื่องสั้นแล้วกันเนาะ
...
Dark side Romance
โลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากมนุษย์อาศัยอยู่อีกมาก นอกจากสิ่งที่มนุษย์รู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว ยังมีสิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าไม่มีอยู่จริงและเรียกพวกมันว่า “สัตว์ในจินตนาการ” หรือ “สิ่งมีชีวิตในเทพนิยาย” แต่มนุษย์ไม่รู้หรอกว่า บางครั้งสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์เหล่านั้นยังคงอยู่ในโลกนี้โดยหลบซ่อนตัวจากสายตาของมนุษย์ผู้โง่เขลา...และแม้แต่ปะปนอยู่ในหมู่มนุษย์นั่นเอง
...
ในค่ำคืนที่จันทร์เสี้ยวส่องแสงอย่างล้าแรงอยู่หลังม่านหมอกของเมืองใหญ่ของเหล่ามนุษย์ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินปะปนไปกับฝูงชนที่เดินขวั่กไขว่กันอยู่ตามถนนหนทาง บ้างก็มุ่งหน้ากลับบ้าน บ้างก็หาร้านที่จะไปดื่มกินกันต่อ เขามองรอบตัวผ่านแว่นสีชา...นอกเหนือจากสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตตอนกลางคืนแล้ว คงมีแต่เพียงมนุษย์เท่านั้นกระมังที่ยังคงใช้ชีวิตหลังตะวันตกดิน
แต่นั่นมันก็ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตก้ำกึ่งระหว่างกลางคืนกับกลางวันอย่างเขาได้มีเรื่องสนุกอยู่บ้าง
พลันจมูกที่ไวเกินกว่าจมูกมนุษย์นับร้อยเท่าก็กระสากลิ่นอายแปลกประหลาดบางอย่าง เมื่อแรกเขาไม่แน่ใจ มันเป็นกลิ่นที่เขาเคยรู้จักคุ้นเคยแต่ได้สูญหายไปจากความทรงจำนานแล้ว จนเมื่อลมอ่อน ๆ หอบกลิ่นอายนั้นมาอีก ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเชื่อประสาทสัมผัสของตัวเองมุ่งหน้าไปยังที่มาของกลิ่นทันที พร้อมด้วยหัวใจที่เต้นแรง
...ใครคือที่มาของกลิ่นที่ควรจะสาบสูญไปแล้วนี่กัน...
ไม่ช้า สองขาก็พาเขามาสู่ตรอกมืด ๆ แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มถอดแว่นออกแล้วกวาดตามอง ดวงตาเฉียบคมที่มองเห็นได้แม้ในความมืดค้นพบร่างหนึ่งซุกอยู่ในมุมมืดข้างข้าวของที่เจ้าของไม่ต้องการแล้วซึ่งกองระเกะระกะอยู่ กลิ่นอายที่เขาจับได้คลุ้งไปหมดทั้งตรอกนั้น...ใช่แน่ ใครคนนั้นคือต้นกลิ่นไม่ผิดแน่
ร่างสูงก้าวพรวด ๆ ไปยังร่างนั้น...มนุษย์...เขาบอกกับตัวเองเมื่อแรกเห็นด้วยตา แต่ไม่ใช่หรอก...มนุษย์ก็ต้องมีกลิ่นแบบมนุษย์ แต่คนตรงหน้าเขานี่ไม่ใช่...ชายหนุ่มเลือกที่จะเชื่อจมูกของตัวเองมากกว่าดวงตาตามลักษณะเฉพาะของเผ่าพันธุ์ เขาเอื้อมมือไปแตะแขนของใครคนนั้นเบา ๆ ยังผลให้อีกฝ่ายสะดุ้งสุดตัว
“อย่า! อย่าแตะต้องผมนะ!!” ฝ่ายนั้นร้องลั่นพร้อมกับปัดมือของร่างสูงอย่างแรง
“ใจเย็น ๆ เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?” ชายหนุ่มพยายามถาม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจฟัง
“ไม่เอา! อย่าเข้ามาใกล้ผม ถอยไป!” เสียงตะโกนไล่แหบโหยอย่างน่าประหลาด
“เย็นไว้ ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม –คนอย่างนาย- ถึงมาอยู่ที่นี่”
ร่างที่นั่งอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เรือนผมสีน้ำตาลออกปรกลงมาบังใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงนั้น ดวงตากลมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว...ดูยังไงนี่ก็เป็นแค่มนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งรูปลักษณ์ สีตา และสีผิว...ไม่ได้มีลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์พิเศษใด ๆ ทั้งสิ้น...ทว่าเมื่อมองให้ดี เบื้องหลังริมฝีปากอิ่มที่เผยอหอบนั้น...เขี้ยวสีขาวยาวและแหลมคมซ่อนตัวอยู่ในนั้น
...ไม่ผิดแน่ ผีดูดเลือด...
คนตัวเล็กกว่ายกมือขึ้นผลักไสร่างสูงอย่างล้าแรง
“ไป...อย่ามายุ่งกับผม...ไปซะ...” เสียงกระซิบไล่สั่นพร่าเหมือนพยายามจะสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้
...กำลังกระหายเลือดงั้นหรือ...ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ก็น่าแปลกที่คนตรงหน้าเขาพยายามฝืนเอาไว้อย่างสุดกำลัง หากเป็นผีดูดเลือดจริง ถ้าต้องการเลือดมากขนาดนี้จะต้องจู่โจมทันทีที่เห็นเหยื่อแล้ว ทั้งยังรูปลักษณ์ที่เป็นมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้วนี่อีก...ที่สำคัญคือ...เท่าที่เขาได้ยินมา ผีดูดเลือดสูญพันธุ์ไปจากโลกมนุษย์นี่นานมากแล้ว
ปริศนาที่ไขไม่ออกมีมากเกินไป เขาต้องการคนช่วย...ชายหนุ่มตัดสินใจรวบร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด อีกฝ่ายดิ้นด้วยความตกใจ
“เย็นไว้ ฉันจะช่วยนาย ไม่ต้องกลัว” เขากระซิบปลอบ
“อย่า...ผม...ทนไม่ไหว...” กลิ่นเลือดที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ทำให้เขาเจียนคลั่ง คมเขี้ยวเคลื่อนเข้าหาลำคอที่อยู่ห่างไปแค่คืบ
“อย่านะ!” เสียงห้าวตวาด “ฉันไม่ใช่มนุษย์ ถ้ากินเข้าไปแล้วตายขึ้นมาจะว่ายังไง อดทนหน่อย”
คนในอ้อมกอดชะงักนิ่ง...ไม่ใช่มนุษย์ หมายความว่ายังไง คนที่อุ้มเขาไว้ดูยังไงก็ไม่ผิดอะไรกับมนุษย์แท้ ๆ...หรือว่า...คนคนนี้จะเป็นเหมือนเขา
“ข้าแต่แสงจันทร์ที่สาดส่อง ด้วยอำนาจของสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาแต่ปางบรรพ์ โปรดเปิดประตูให้ข้าได้เข้าไปสู่ดินแดนแห่งพันธะสัญญาของพวกเรา...”
สิ้นเสียงท่องมนต์ ก็ปรากฏจุดสีเงินเล็ก ๆ ขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่มันจะขยายตัวกว้างขึ้นเป็นรูปร่างของประตูสีเงินส่องประกายเหมือนดวงดาว ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มแทบจะไม่เชื่อสายตา...หรือบางทีเขาอาจจะอ่อนแรงเกินไปจนเห็นภาพหลอนของความฝันก็ได้กระมัง...
“อดทนอีกนิด ตอนผ่านประตูอาจจะรู้สึกแย่หน่อย แต่เดี๋ยวจะดีขึ้นเอง”
ร่างสูงบอกแล้วก็ก้าวข้ามบานประตูเข้าไป...อากาศราวกับจะบีบอัดเข้ามารอบด้าน เหมือนจะบดขยี้ร่างของพวกเขาให้กลายเป็นจุล แต่ในพริบตาที่คิดว่าจะขาดใจตาย ก็รู้สึกเบาวูบ แรงกดดันทั้งหมดสลายไปสิ้น
“เอาละ ถึงแล้ว...อ้าว...เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเขย่าตัวคนในอ้อมแขนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งพับไป...คงไม่ใช่ถูกแรงกดบรรยากาศเล่นงานเอาจนตายหรอกนะ
ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง
“เจ!! นายไปไหนมา หาตัวตั้งนาน”
“นายจะหาฉันไปทำไม เทลลู?” ร่างสูงหมุนตัวกลับไปมองคนที่กำลังเดินลุยสุมทุมพุ่มไม้เข้ามาหา
ทันทีที่ก้าวพ้นประตูมายามา รอบกายก็คือป่าใหญ่รกทึบ มีอาคารหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า คนที่เดินเข้ามาใกล้มีผมสีน้ำตาลทอง หากที่แปลกตาคือหูขนาดใหญ่กับหางยาวเป็นพวงหนาอันเป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า
“ก็เนื้อย่างสูตรใหม่ที่นายบอกอยากกิน...นั่นอะไรน่ะ?” เทลลูเพิ่งเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ในอ้อมแขนของเจ พอกระสากลิ่นก็ถอยกรูด “อะ...อะไรน่ะ!? นายไปเอาหมอนั่นมาจากไหน? ไอ้ของพรรค์นั้นมันไม่...!!”
“อย่าโวยวายไปนักเลยน่า” เจส่ายหัวที่มีผมสั้นสีทองยุ่ง ๆ รูปลักษณ์ของเขาคืนสู่ลักษณะดั้งเดิมของเผ่านับแต่ก้าวข้ามประตูมายามา “ฉันก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ยังไงก็ไปตามทาร์คหรือเฟซีลมาที เราเจอปริศนาที่ไขไม่ออกแล้วหละ”
...
ทั้งอาคารหลังใหญ่และป่ารกทึบแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ตั้งอยู่ ณ ช่องว่างระหว่างมิติที่สามารถเชื่อมต่อไปยังภพภูมิต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ อาคารแห่งนี้คือศูนย์รวมความรู้ของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ และยังคอยควบคุมดูแลความเรียบร้อยระหว่างพิภพอีกด้วย ผู้ที่จะเปิดประตูมายังช่องว่างระหว่างมิติแห่งนี้ได้จำเป็นจะต้องมีกุญแจและอำนาจเวทมนต์ประจำเผ่าพันธุ์ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่มีหลากหลายเผ่า ทั้งที่มนุษย์เรียกกว่าสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ไปจนถึงเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่าปีศาจอย่างมนุษย์หมาป่าเป็นต้น และที่แห่งนี้ก็ยังทำหน้าที่เหมือนโรงแรมแวะพักสำหรับนักเดินทางระหว่างภพและผู้ที่ไม่ปรารถนาจะอยู่ในภพใดเป็นหลักแหล่ง ซึ่งต้องแลกด้วยการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการดูแลเหล่าเด็กกำพร้าเป็นต้น
ทาร์คคือเงือก ส่วนเฟซีลคือเอลฟ์ สองเผ่าพันธุ์ที่ทรงภูมิปัญญาจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นครูและหมอของทุกเผ่าพันธุ์ แต่ตอนนี้ทั้งสองกำลังหนักใจกับชายที่เจนำกลับมาจากโลกมนุษย์
“มันแปลก หมอนี่ดูยังไงก็เป็นมนุษย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เจกับเทลลูกลับยืนยันว่ากลิ่นอายของเขาเป็นผีดูดเลือด” เฟซีลบ่นพลางยกมือขึ้นเสยผมสีแดงยาวของตน
“พวกนั้นได้กลิ่นที่พวกเราไม่มีวันสัมผัสได้น่ะนะ” ทาร์คบอกพลางแตะลงบนแขนของหนุ่มนิรนาม เขาอยู่ในร่างของมนุษย์เมื่ออยู่ที่ช่องว่างแห่งมิตินี้
“สีผิวก็เป็นมนุษย์ ถ้าผีดูดเลือดจะต้องซีดกว่านี้ สีตาก็เป็นมนุษย์ พวกนั้นต้องตาเหลือบแดง อุณหภูมิร่างกาย ลมหายใจ...อะไรต่อมิอะไรก็เป็นมนุษย์หมด แล้วบอกว่าเป็นผีดูดเลือดนี่มันก็...” เฟซีลบ่น เขาออกจะใจร้อนกว่าเอลฟ์คนอื่นนิดหน่อย
“แถมเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด ก็สูญพันธุ์ไปจากโลกมนุษย์ตั้งนานแล้ว...ไม่สิ...ภพภูมิของพวกนั้นล่มสลายไปแล้วด้วยซ้ำ” ทาร์คถอนใจยาวแล้วเดินไปหยิบเหยือกหินบรรจุน้ำทะเลมาเทดื่ม เพราะเป็นเงือกจึงต้องการน้ำมากกว่าคนอื่น แม้ว่าที่ช่องว่างระหว่างมิตินี้จะเอื้อต่อการดำรงอยู่ของทุกเผ่าก็ตาม
“บางทีเราอาจจะต้องปรึกษาสภาสูง”
“คงไม่บางทีหละ เราต้องปรึกษาสภาสูง นี่มันเรื่องใหญ่เกินกว่าที่เราจะรับมือได้ เพราะงั้น...เดี๋ยวฉันจะเขียนหนังสือขอพบคุณไฮเดล...” พูดยังไม่ทันจบประโยค ประตูห้องก็เปิดผลัวะออก
“ได้ยินว่าเก็บของแปลกมาได้เหรอ?”
“คุณไฮเดล?” คนที่กำลังพูดถึงเมื่อกี้เข้ามาในห้อง เขาเป็นเอลฟ์เหมือนกับเฟซีล แถมยังดูคล้ายกันมากจนแทบจะเรียกได้ว่าพี่น้อง...ถ้าเพียงแต่เผ่าเอลฟ์จะไม่มีพี่น้องท้องเดียวกันน่ะนะ
“เจ้าเทลลูมันแจ้นไปบอกเมื่อกี้น่ะ บอกว่าเจเก็บผีดูดเลือดมาได้จากโลกมนุษย์ ก็เลยมาดูเสียหน่อย...คนนี้น่ะเหรอ?” พูดพลางก็พิจารณาร่างที่นอนนิ่งอยู่บนแท่น “หน้าตาน่ารักดีนี่ แถมดูยังไงก็มนุษย์ชัด ๆ แต่เจ้าเจมันคงไม่จมูกบอดขนาดดมมนุษย์เป็นผีดูดเลือดไปได้หรอกเนอะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันยอมเปลี่ยนตัวเองไปเป็นพิกซี่เลย” คนถูกนินทาก้าวอาด ๆ ตามเข้ามา
“หน้าอย่างนายเป็นหมาป่าแหละดีแล้ว อย่าไปเป็นอะไรน่ารัก ๆ แบบนั้นเลย” ทาร์คส่ายหน้า นึกไม่ออกเอาจริง ๆ ว่าอย่างเจจะไปติดปีกวิบ ๆ สีเงินนั่นได้ยังไง
“ว่าแต่...มันก็แปลกจริง ๆ นั่นแหละ” ไฮเดลพึมพำเบา ๆ สีหน้าที่มักจะมีแววซุกซนตลอดเวลาเคร่งขรึมลง “สายเลือดของผีดูดเลือดที่สาบสูญไปแล้ว มาปรากฏในตัวเด็กนี่ได้ยังไง”
“อาจจะเป็นการย้อนเผ่าก็ได้นะครับ”
“อ้าว ฮีธ มาพอดี กำลังว่าจะให้ใครไปตามมาช่วยดูพอดีเลย” ไฮเดลหันไปพูดกับผู้มาใหม่ซึ่งเป็นชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำยาว ทั้งเครื่องแต่งกายก็เป็นสีดำล้วนราวกับจะหยิบเศษเสี้ยวของราตรีมาครอบคลุมไว้ทั้งร่าง เขาเป็นเผ่าผู้วิเศษที่มีทั้งภูมิปัญญาและอำนาจเวทมนต์สูงส่ง เพียงแต่เผ่าพันธุ์นี้ออกจะรักสันโดษไม่ค่อยยุ่งกับใครเท่านั้น คนเผ่านี้ที่อยู่ในช่องว่างมิติมีน้อยจนนับคนได้
“ว่าแต่เมื่อกี้คุณฮีธบอกว่าย้อนเผ่า หมายความว่ายังไงครับ?” ทาร์คถามขึ้น
“หมายถึงการที่ใครสักคนมีบรรพบุรุษเป็นอะไรบางอย่าง แล้วสายเลือดที่ควรจะเจือจางนั้นกลับเข้มข้นขึ้น จะด้วยการที่พ่อแม่แต่งงานกับคนที่เคยมีบรรพบุรุษเผ่าเดียวกันหรืออะไรก็แล้วแต่ เรียกภาษามนุษย์ก็เหมือนการกลายพันธุ์ละนะ” ฮีธอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เหมือนอย่างที่...บางครั้งมนุษย์ก็กลายร่างเป็นหมาป่าออกทำร้ายคนในประวัติศาสตร์มนุษย์น่ะเหรอ?” พูดเสร็จเฟซีลก็สบตาเจเป็นเชิงขอโทษ...เพราะนั่นเกี่ยวข้องกับพวกมนุษย์หมาป่าโดยตรง แต่เป็นตัวอย่างที่หยิบยกง่ายที่สุดแล้ว
“ใช่ แล้วก็เหมือนกับมนุษย์บางคนเกิดกระหายเลือดขึ้นมา โดยที่แพทย์ชาวมนุษย์บอกว่าเป็นโรคเลือดอย่างหนึ่งด้วย”
“งั้นหมอนี่ก็เป็นพวกย้อนเผ่า?” ทาร์คมองร่างที่ยังคงหลับนิ่งอย่างพิจารณา
“คิดว่าใช่ แต่ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเจ้าตัวได้สติแล้วเราอาจจะถามอะไรได้มากกว่านี้...ลักษณะของผีดูดเลือดไม่ได้มีแค่อาการกระหายเลือด แต่ยังมีลักษณะอื่นอีกที่จะทำให้เราแน่ใจได้ว่านี่เป็นการย้อนเผ่า ไม่ใช่แค่อาการผิดปกติด้านพันธุกรรมมนุษย์” ผู้วิเศษในชุดดำอธิบายยืดยาว แต่เจยกมือขึ้นแคะหู...สมองหมาป่าอย่างเขาไม่ค่อยกระดิกกับเรื่องยาก ๆ แบบนี้สักเท่าไรนัก
“อ๊ะ ลืมตาแล้ว” ไฮเดลที่ยังยืนอยู่ข้างแท่นร้องขึ้น ทุกคนหันไปให้ความสนใจทันที โดยเฉพาะเจที่รีบปราดเข้าไปหาทันที
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหรี่ปรืออยู่ครึ่ง ๆ อย่างอ่อนล้า หากริมฝีปากขมุบขมิบเอ่ยคำออกมาเบา ๆ...เบาเสียจนเจต้องเงี่ยหูฟัง
“...น้ำ...”
เจรีบคว้าเอาขวดน้ำแถวนั้นมา ค่อย ๆ ประคองร่างขึ้นแล้วจรดปากขวดเข้ากับริมฝีปากให้ ชายหนุ่มนิรนามดื่มน้ำเข้าไปนิดหน่อยก็กระอักกระไอ
“เฮ้ย ไม่เป็นไรนะ”
“...ไม่...” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่สีหน้าไม่ได้บอกเลยว่ารู้สึกสบายขึ้น คิ้วเรียวขมวดมุ่นและดูท่าทางทรมาน
ผีดูดเลือดไม่อาจดับกระหายได้ด้วยน้ำ...คือสิ่งที่ทุกคนรู้ดี แม้จะยังบอกไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นผีดูดเลือดหรือเปล่า แต่อาการที่แสดงออกมาให้เห็นมันชวนให้คิดไปในแง่นั้น
“พ่อหนุ่ม เธอชื่ออะไร?” เป็นไฮเดลที่เอ่ยถามขึ้น
ชายหนุ่มมองไปรอบห้องอย่างงุนงง ผู้คนที่รายล้อมเขาอยู่หน้าตาแปลก ๆ สวมเสื้อผ้าแปลก ๆ แถมยังมีบรรยากาศอันแปลกประหลาดห่อหุ้มอยู่ด้วย แต่กระนั้น เขากลับรู้สึกไว้ใจคนพวกนี้
“...อาเดีย” คำตอบแหบโหย แล้วเจ้าตัวก็ไอแห้ง ๆ ออกมาอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นกับนาย ทำไมนายถึงไปอยู่ที่ตรอกนั่นในเวลาแบบนั้น?” เจถามคำถามที่คาใจมานานนับตั้งแต่เจอผู้ชายคนนี้
“...ฉัน...” อาเดียกรอกตาอย่างพยายามค้นเข้าไปในความทรงจำของตน “พวกมันเข้ามาในบ้าน...พวกอันธพาลที่มีเรื่องกับน้องชายฉัน...พวกมัน...ฆ่าพ่อกับแม่..”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง ใช่...เขาจำได้...เรื่องที่เกิดขึ้นนั่น...
“ฉันพยายามพาน้องหนี แต่ไม่พ้น พวกมัน...เอามีดแทงเขา...” เสียงแหบแห้งสั่นพร่าด้วยความแค้นเคือง “เลือด...เต็มไปหมด ตอนนั้น...เหมือนในหัวถูกสาดด้วยสีแดง ฉันคว้าคอไอ้คนที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วก็...หักมัน...”
อาเดียก้มลงมองมือตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อกี้ แต่นั่นเป็นความจริง...เขาหักคอมันคนนั้นด้วยมือเปล่าหลังจากที่เห็นน้องชายล้มลง แล้วก็จัดการคนอื่นอย่างไม่ลังเล...ฆ่าพวกมันทั้งหมดด้วยมือเปล่า!!
เจกุมมือที่สั่นระริกไว้แน่น ไม่มีใครพูดอะไร ชายคนนี้เป็นผีดูดเลือดไม่ผิดแน่ นอกจากอาการกระหายเลือดที่ควบคุมไม่ได้ถ้าไม่อยู่ในภพภูมิของตัวเองแล้ว พละกำลังมหาศาลยังเป็นอีกลักษณะเด่นของเผ่าพันธุ์นี้
“...จากนั้น...ก็รู้สึกคอแห้งมาตลอด ร้อนเหมือนโดนไฟเผา...พอเห็นเลือด ก็อยาก...” พูดได้แค่นี้ก็กัดฟันแน่น เขาไม่อาจยอมรับความต้องการที่ผิดปกติของตนได้
“ไม่เป็นไรแล้ว อาเดีย” ผู้วิเศษชุดดำเดินเข้ามาข้างเตียงแล้ววางมือลงบนเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มมือเบา ๆ “นั่นเป็นแค่ธรรมชาติอย่างหนึ่งของผีดูดเลือดเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไป”
“อะไรนะ...?” ดวงตาของอาเดียเต็มไปด้วยความงุนงง ผู้ชายคนนี้พูดอะไร...ใครเป็นผีดูดเลือด...
“มีเรื่องต้องอธิบายอีกมาก ตอนนี้เธอพักเสียก่อน ตื่นมาแล้วเราค่อยคุยกัน” เสียงนั้นกล่าวนุ่มหู
พลันก็ปรากฏลำแสงสีฟ้าอ่อนเรืองออกมาจากฝ่ามือของฮีธ ความง่วงงุนเข้าครอบงำอาเดียอย่างรวดเร็ว แล้วชายหนุ่มก็ผล็อยหลับไป
“เตรียมประชุมเถอะ...” ไฮเดลบอกกับฮีธ “เราต้องหาวิธีรับมือกับผีดูดเลือดคนใหม่คนนี้ให้รัดกุมแล้วหละ”
...
-
ผีดูดเลือด เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอันตรายอย่างมากต่อมนุษย์ แม้จะมีความคล้ายคลึงกันมากแต่ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่จะอาศัยอยู่ร่วมกันได้ มีผีดูดเลือดจำนวนไม่น้อยเข้าไปอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยคิดว่าจะสามารถดำรงชีพอยู่อย่างสงบได้ แต่ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมของโลกมนุษย์แตกต่างจากภพของผีดูดเลือดไม่น้อย พวกเขาจึงมีความกระหายเลือดมากกว่าปกติ และบางครั้งก็หน้ามืดเข้าจู่โจมมนุษย์จนเกิดการล่าผีดูดเลือดในยุคกลาง ประชากรผีดูดเลือดในโลกมนุษย์หมดสิ้นไปในที่สุด รวมไปถึงเหตุประหลาดที่ทำให้ภพของผีดูดเลือดล่มสลาย ประตูมายาที่เชื่อมต่อไปยังพิภพนั้นถูกปิดลงด้วยอำนาจเวทมนต์อันทรงพลัง แต่ยังมีเชื้อสายของพวกเขาหลงเหลืออยู่ในหมู่มนุษย์ กรณีการย้อนเผ่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ค่อนข้างจะน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่ผีดูดเลือดถูกระบุว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่สาบสูญไปนานแล้ว
“โดยมากแล้วการย้อนเผ่ามักจะเกิดกับพวกมนุษย์หมาป่า ซึ่งทิ้งเชื้อสายไว้บนโลกมนุษย์มากที่สุด” เฟซีลรินน้ำยาสีน้ำเงินเข้มใส่แก้วแล้วส่งให้อาเดีย
ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายที่ดันเกิดการย้อนเผ่าขึ้นกะทันหันทำใจรับฟังและพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาอย่างสงบเยือกเย็น
สภาสูงที่ควบคุมดูแลความเป็นไปของพิภพต่าง ๆ ลงมติให้ผีดูดเลือดตนสุดท้ายที่ใหม่ล่าสุดนี้อาศัยอยู่ที่ช่องว่างระหว่างมิติ ระหว่างนั้นทั้งเอลฟ์ เงือก ผู้วิเศษ และเผ่าพันธุ์ผู้ทรงปัญญาทั้งหลายจะช่วยกันหาทางสะกัดกั้นสัญชาตญาณดิบของผีดูดเลือดทุกวิถีทาง ทั้งนี้เพราะหากไม่ใช่ในพิภพของตนแล้ว ผีดูดเลือดจะมีความกระหายเลือดอย่างแรงกล้าจนสูญเสียความควบคุมตัวเองและจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทุกชีวิต ดังนั้น อาเดียจึงอยู่ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษของสภาสูงในห้องที่ถูกนำตัวมาพักแต่แรก
“ยาของพวกเงือกจะให้ความชุ่มชื่นมากที่สุด แล้วก็เป็นยาที่เย็นที่สุดด้วย” เฟซีลบอก ในระหว่างที่ยังไม่มีใครรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะสะกัดกั้นสัญชาตญาณผีดูดเลือดของอาเดียได้ เขากับทาร์คก็มีหน้าที่ปรุงยาที่จะบรรเทาอาการคอแห้งและกระหายน้ำของอาเดียมาให้
“ขอบคุณ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างซีดเซียวแล้วยกน้ำยาขึ้นจิบ วูบแรกที่มันสัมผัสลิ้น นำมาซึ่งความเย็นชื่นเหมือนอมก้อนน้ำแข็ง ทว่าเมื่อมันล่วงพ้นลำคอไปแล้ว ก็ไม่บังเกิดผลอะไร
“พอไหวมั้ย?”
“ก็ดี...”
เฟซีลรู้ดีว่าอาเดียตอบไปอย่างนั้นเองเพื่อไม่ให้พวกเขาเสียกำลังใจ เพราะเท่าที่ดูอาการด้วยตาแล้ว ไม่ว่าตัวยาใด ๆ ก็ไม่ช่วยให้อาเดียดีขึ้นได้ ริมฝีปากของชายหนุ่มแห้งผากและเผยอหอบอยู่ตลอดเวลา ตัวร้อนจัดเหมือนมีไข้สูง มีเพียงเวทมนต์ของฮีธเท่านั้นที่พอจะทำให้เขาหลับลงได้บ้าง แต่อาเดียก็อึดเหลือเชื่อ เขาต่อสู้กับความทรมานที่เกิดขึ้นโดยไม่ปริปากมาตลอดหลายวันนี้...แต่จะทนไปได้อีกนานสักเท่าไร...เฟซีลได้แต่นึกกังวลอยู่ในใจ
“เป็นไง ได้นอนบ้างมั้ย?” ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองและหางยาวเป็นพวงหนาเปิดประตูเข้ามาในห้อง
อาเดียไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มให้...เขาเป็นหนี้ชีวิตเจ ถ้าคืนนั้นเจไม่ไปพบเขาในตรอกนั่น ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ บางทีอาจจะกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องไปแล้วก็ได้...ไม่เพียงแต่พาเขามาที่นี่ เจยังคอยดูแลเขาไม่ได้ห่าง นอกเสียจากเวลาที่ต้องไปทำงานตามหน้าที่ของตน งานของพวกมนุษย์หมาป่าไม่ค่อยมีอะไรมากไปกว่าการไปสังเกตการณ์ในโลกมนุษย์เพราะสามารถแฝงกายเข้ากับมนุษย์ได้แนบเนียนกว่าเผ่าพันธุ์อื่น
“ยาทะเลของทาร์คอีกแล้วเหรอ?” เจมองน้ำยาที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วในมืออาเดียพลางทำจมูกฟุดฟิด “กลิ่นมันเค็ม ๆ”
“นี่...ถ้าอยากวิจารณ์ละก็ ช่วยทำอะไรให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ได้มั้ย” เฟซีลว่า
“โฮ้ย โง่ ๆ อย่างฉันจะไปทำอะไรได้ แค่ไปเก็บสมุนไพรตามที่คุณเพอร์ซีอุสสั่งยังเก็บผิด” เจโบกมืออย่างเซ็ง ๆ แล้วก็นั่งลงตรงเก้าอี้ประจำที่ข้างเตียง
“ทีหลังเอาตาแยกไม่ได้ก็เอาจมูกที่นายภูมิใจนักหนาดมเอาสิ”
“ยังกับกลิ่นมันน่าดมนักนี่ นายนั่นแหละ ไปค้นเวทมนต์ในห้องสมุดไป เดี๋ยวฉันดูแลหมอนี่ให้เอง” เจออกปากไล่ แต่นั่นเป็นการบอกให้ไปพักผ่อนตามแบบของเขา ซึ่งอาเดียดูจะชินแล้วระหว่างที่ได้ยินมานับร้อยหนในช่วงหลายวันนี้
“เฮอะ...ไปก็ได้ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน แล้วยาที่ฉันปรุงวางอยู่นั่น ถ้าอาเดียหิวน้ำขึ้นมาก็เอาให้ดื่มซะด้วยล่ะ” พูดแล้วเอลฟ์ผมแดงก็ออกจากห้องไป
“พูดมาก น่ารำคาญ” เจบ่น แล้วก็ได้ยินเสียงคนบนเตียงหัวเราะคิก “หัวเราะอะไรเล่า?”
“ทะเลาะกันทุกวัน ไม่เบื่อเหรอ?” รอยยิ้มทำให้สีหน้าของอาเดียดูดีขึ้นมาบ้าง
“ตั้งแต่เจอหน้ากันวันแรกก็เป็นแบบนี้มาตลอดแหละ ใคร ๆ เขาก็เบื่อกันแล้วทั้งนั้น แต่พวกฉันกลับไม่เบื่อแฮะ” ร่างสูงยักไหล่
“ดูแล้วก็...สนุกดี” พูดแล้วก็ไอค่อกแค่ก
“เป็นไงบ้าง?” เจรีบประคองด้วยความเป็นห่วง
“ก็เหมือนเดิม...แสบคอ...”
“ยาพวกนี้ไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ?”
อาเดียส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่มีอะไรช่วยได้เลย มีเพียงเวทมนต์ของฮีธเท่านั้นที่พอจะทำให้เขาได้พักผ่อนโดยไม่ต้องทรมานกับอาการกระหายน้ำนี่ได้บ้าง ทว่า...แม้แต่ในความฝันก็ราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ แต่ทุกครั้งที่สะดุ้งตื่นมา เขาจะพบเจอยู่ข้างเตียง นั่งอ่านหนังสือบ้าง หรือหลับบ้างไปตามเรื่อง แต่อย่างน้อย...เจก็อยู่ตรงนั้น ไม่ได้ปล่อยเขาไว้ตามลำพังคนเดียว
“อาบน้ำสักนิดดีมั้ย?”
“ก็ดี”
น้ำยาสมุนไพรเซนทอร์และน้ำยาจากเงือกและเหล่าพรายน้ำคือตัวยาที่ถูกนำมาสับเปลี่ยนกันผสมน้ำอาบของอาเดีย ถ้าตัวเย็นลงอาจจะลดอาการกระหายลงได้บ้าง แต่ยังไม่มีตัวยาไหนได้ผลโดยสมบูรณ์ อาเดียยังคงตัวร้อนเหมือนมีไข้ แม้แต่ลมหายใจก็ยังร้อนผ่าว แต่ก็ดีกว่าไม่พยายามทำอะไรเลย
ตอนที่อาเดียสวมเสื้อเรียบร้อยแล้ว เทลลูก็เปิดประตูผลัวะเข้ามาแบบไม่บอกล่วงหน้า
“อาเดีย! พระจันทร์ขึ้นแล้ว ออกไปเดินเล่นกันมั้ย? คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วยนะ” น้ำเสียงกระดี๊กระด๊าร่าเริงเต็มที่ตามประสาเทลลู แต่แล้วก็หน้ามุ่ย “อะไรกัน เจอยู่ด้วยเหรอเนี่ย?”
“ฉันอยู่ที่นี่น่ะถูกแล้ว แกนั่นแหละ มาทำไม?” เจ้าหมาป่าตัวโตกว่าแสยะเขี้ยวใส่
“เอ๊ะ ก็บอกอยู่แหม็บ ๆ นี่ว่าไปเดินเล่นกัน หูหนวกหรือไง” ว่าแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจเจ เดินไปคว้ามืออาเดียเอาดื้อ ๆ “ไปกันเถอะ อากาศตอนกลางคืนเย็นสบายนะ แล้วแสงจันทร์ก็ดีต่อพลังเวทย์ในตัวด้วย แถมตอนนี้ทาร์คก็ลงเล่นน้ำ นายยังไม่เคยเห็นร่างเงือกของทาร์คใช่มั้ยล่ะ”
“...ยังหรอก” อาเดียส่ายหน้า เทลลูใส่มาเป็นชุดจนเขาฟังแทบไม่ทันทีเดียว
“งั้นไปกันเหอะ” เทลลูดึงอาเดียลากหลุน ๆ ออกไปจากห้องอย่างไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
เจเพียงแต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจแล้วก็ตามออกไป
แสงจันทร์มีผลต่อพลังเวทมนต์ในร่างของเหล่าชีวิตนอกพิภพโลกอย่างสูง มันจะช่วยเพิ่มพูนพลังให้สูงขึ้นและสามารถเก็บไว้ใช้ได้เหมือนพลังงานสำรอง ดังนั้น ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ทุกคนจึงไม่มีใครอยู่ในห้องพัก ต่างก็ออกมาซึมซับแสงจันทร์อย่างเต็มที่ รวมทั้งเหล่าชีวิตที่ดำรงอยู่ใต้ผิวน้ำก็พากันลงสู่บึงขนาดใหญ่และคืนสู่ร่างเดิมของเผ่าพันธุ์
“อยู่นั่นไง” เทลลูชี้ไปยังริมฝั่งน้ำที่เต็มไปด้วยก้อนหินเรียบ ๆ ขนาดต่าง ๆ กันไปหลายก้อน
จากตรงที่ยืนอยู่ อาเดียเห็นหางปลาสีเงินเหลือบม่วงเคลื่อนไหวอยู่เรี่ยผิวน้ำสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย ทาร์คเอนกายพิงหินก้อนหนึ่งอย่างสบายเหมือนนั่งอยู่บนโซฟาหรู ผมสีน้ำตาลแดงของเขายาวสยายลงสู่ผิวน้ำ และยาวกว่าทุกครั้งที่อาเดียเคยเห็นมาก
“มากันแล้วเหรอ ฉันนึกว่านายจะไม่ยอมออกจากห้องของอาเดียเสียอีกนะ เจ” ทาร์คหันมาทักทาย ผมที่ยาวอย่างยิ่งและหูที่กลายสภาพเป็นครีบทำให้ใบหน้าของเขาดูแปลกตาไป
“กำลังว่าจะออกมา ไอ้ลูกหมานี่ก็วิ่งยั้น ๆ เข้าไปเรียกพอดี” เจใช้หัวแม่มือโบ้ยไปทางเทลลู
“ไม่ใช่ลูกหมานะ ไอ้เจบ้า” เทลลูหน้ามุ่ย กระทืบเท้าตุบ ๆ อย่างขัดใจ “ถ้าลูกหมาก็ต้องเจ้าจิโร่โน่น”
“อย่าเสียงดังหนวกหูน่า เทลลู ทำลายบรรยากาศดี ๆ หมด” เสียงเรียบ ๆ ดังมาจากกิ่งไม้ใหญ่ที่ทอดยื่นลงไปใกล้ผิวน้ำ เฟซีลนั่งอยู่บนนั้น เรือนผมสีแดงยาวเคลียไปกับชุดผ้าคลุมยาวเนื้อบาง ในมือมีจอกเล็ก ๆ ที่คงจะเป็นเหล้าเอลฟ์อยู่
...เทพนิยาย...อาเดียบอกกับตัวเองพลางจ้องภาพตรงหน้า เหล่าเอลฟ์ เงือก ผู้วิเศษ และสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ทั้งหลายรวมตัวกันอยู่ที่ริมบึงใหญ่แห่งนี้ท่ามกลางแสงจันทร์ เป็นภาพแบบเดียวกันกับที่เขาเคยนึกวาดขึ้นมาในหัวเมื่อตอนยังเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ เพียงแต่ภาพตรงหน้านี้เป็นจริงและจับต้องได้ แปลกตาไปนิดหน่อยที่นอกจากสิ่งมีชีวิตที่งดงามแล้วยังสาวงามที่ท่อนล่างเป็นงู และหนุ่มน้อยที่มีเขาโค้งยาวกับปีกค้างคาวอยู่บนหลัง...โลกทั้งโลกดูช่างสงบสุข
“แสงจันทร์ดีต่อสุขภาพมากนะ อาเดีย” เป็นทาร์คที่ดึงชายหนุ่มออกจากภวังค์ “ฉันเคยอธิบายเรื่องนี้ไปแล้วครั้งนึงใช่มั้ย?”
อาเดียพยักหน้าน้อย ๆ “...แต่...จะดีเหรอ ที่ให้ฉันออกมาแบบนี้ ถ้าพลังเวทย์ในตัวฉันสูงขึ้น แล้วฉันจะไม่...”
“แต่เดิมผีดูดเลือดไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มุ่งจะผลาญชีวิตใครหรอกนะ” ทาร์คพูดพร้อมกับยิ้มเหมือนจะเดาได้ว่าอาเดียนึกอะไรอยู่ในใจ “เมื่ออยู่ในพิภพของตัวเอง ผีดูดเลือดก็เหมือนมนุษย์ธรรมดานี่แหละ เพราะทุกคนก็เท่าเทียมกันหมด แล้วก็เหมือนกับที่พวกเราดื่มกินกันตามปกตินั่นแหละ เพียงแต่เมื่อไปอยู่ในต่างพิภพ สภาพอากาศหรืออะไรก็ดี ทำให้เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับร่างกายและจิตใจ อาหารและน้ำในโลกมนุษย์ไม่อาจทดแทนอาหารและน้ำในภพของผีดูดเลือดได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ดำรงชีพอยู่ได้มีเพียงเลือดเท่านั้น อาการกระหายเลือดและออกล่ามนุษย์จึงเกิดขึ้น จนกลายเป็นเรื่องสยองขวัญที่น่าเศร้าไป”
“หมายความว่าถ้าฉันไปที่ภพของผีดูดเลือด ฉันจะพ้นจากสภาพนี้งั้นสิ” ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายอย่างมีความหวัง
“ก็ใช่...แต่พิภพนั้นล่มสลายไปแล้ว และประตูก็ถูกธรรมชาติปิดตายไปแล้วด้วย” น้ำเสียงของเงือกหนุ่มสลดเศร้าเมื่อต้องทำลายความฝันเพียงน้อยนิดของอาเดีย
ชายหนุ่มผู้กลายมาเป็นผีดูดเลือดนิ่งเงียบ เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำบาปทำกรรมอะไรไว้หนักหนาถึงได้ต้องมีชะตากรรมแบบนี้...สูญเสียทั้งครอบครัวและสูญเสียกระทั่งตัวเอง...แต่ก็คิดได้ว่าดีแล้วที่น้องชายของเขาตายไปเสีย ไม่อย่างนั้น ถ้าต้องเป็นอย่างเขาละก็ เด็กคนนั้นจะทนได้อย่างไร น้องชายไม่ใช่คนที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดอะไรได้ขนาดนั้น...ให้เขาเป็นแบบนี้คนเดียวแหละ...ดีแล้ว
มือใหญ่วางลงไหล่บางแล้วบีบเบา ๆ เมื่อหันไปดูก็พบเจยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วโอบเขาเข้าไปแนบชิด สายตาของหมาป่าหนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ตอนนี้พักที่นี่ให้สบายเถอะ อากาศที่นี่ดีกว่าบนโลกมาก และไม่กระตุ้นความกระหายเท่าบนโลกด้วย ทาร์คกับเฟซีลจะพยายามเต็มที่เพื่อรักษานายเอง”
อาเดียยิ้มออกมาบาง ๆ “แล้วนายไม่ทำอะไรเหรอ เจ?”
“หมาป่าโง่ ๆ อย่างฉันจะไปทำอะไรได้” เจว่าพลางนั่งลงบนพื้นหญ้าและดึงอาเดียให้นั่งลงด้วย “แต่ถ้านายเป็นแผล ฉันจะเลียให้ รับรองว่าชะงัดกว่ายาของเจ้าพวกนี้เยอะ รับประกันต่อพระจันทร์เต็มดวงเลย”
“พระจันทร์เต็มดวง...” อาเดียเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์กลมโตที่ส่องแสงอยู่เหนือยอดไม้ “...ทำไมพระจันทร์เต็มดวงแล้ว มนุษย์หมาป่าถึงไม่กลายร่างล่ะ?”
เจเลิกคิ้วอย่างฉงนกับคำถามลอย ๆ ที่เหมือนจะพูดกับลมกับฟ้านั้น “มีแต่พวกย้อนเผ่าเท่านั้นแหละที่ควบคุมการแปลงร่างไม่ได้ พอโดนแสงจันทร์เต็มที่เข้าไป พลังเวทย์ในตัวก็พลุ่งพล่าน ก็เลยกลายร่างเป็นหมาป่าไป พวกฉันน่ะโดนฝึกมาตั้งแต่เกิดให้ควบคุมทั้งการแปลงร่างและควบคุมไม่ให้หมาป่าในหัวใจมันออกมา”
“หมาป่าในหัวใจ?”
“ความโหดร้ายกระหายเลือดน่ะ สมัยก่อนต้องดิ้นรนสู้รบกันตลอดเวลา มีไว้มันก็ดี แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้แล้ว ก็ต้องควบคุมมันให้ได้”
“แบบนี้...มนุษย์หมาป่าแท้ ๆ ก็ไม่กลายร่างตอนพระจันทร์เต็มดวงแล้วสิ” ดวงตากลมโตสีช็อกโกแลตดูสลดนิด ๆ ดูท่าจะตั้งความหวังกับหมาป่ากลายร่างไว้ไม่น้อยทีเดียว
เจพ่นลมออกจมูกเหมือนจะหัวเราะ “หึ...มนุษย์เอ๊ย...”
เจเป็นคนเดียวที่ยังคงหลุดปากเรียกอาเดียแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ค่าที่ว่าชายหนุ่มไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพิภพอื่นเลยแม้แต่นิด ถ้าเทียบด้วยมาตรฐานความรู้ของพวกเขาที่อยู่ในช่องว่างระหว่างมิตินี่แล้ว แม้แต่พวกพิกซี่ตัวจิ๋ว ๆ สมองเล็ก ๆ ก็ยังรู้มากกว่าอาเดีย...มนุษย์ปฏิเสธสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของตัวเอง ไม่กล้าเข้าใกล้และไม่กล้าสัมผัสเสียจนโง่เขลา...แต่อดีตมนุษย์มักจะจ้องมองเขาและรอบ ๆ ตัวด้วยดวงตาใสซื่อที่แฝงแววตื่นเต้นตลอดเวลาเหมือนเด็ก ๆ
“อยากเห็นหมาป่ากลายร่างรึ?” แค่ลองถามดู อีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น แบบนี้ก็คงไม่มีทางเลือกละนะ
“งั้นก็...ดูไว้ซะ...”
ร่างสูงลุกขึ้นยืน หลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก เพียงไม่กี่ครั้ง อาเดียก็เห็นเขี้ยวสีขาววาววับโผล่พ้นริมฝีปากที่เผยอขึ้นสูดอากาศ รูปร่างของมือและแขนค่อย ๆ เปลี่ยนไป ขนสีเงินยาวค่อยงอกขึ้นมาคลุมร่าง ในตอนที่อาเดียตะลึงมอง พลันก็มีหมาป่าสีเงินตัวมหึมายืนอยู่แทนที่คนตรงหน้าเมื่อครู่
“เท่ใช่มั้ยล่ะ?” เสียงของเจดังออกมาจากปากของหมาป่าตัวนั้น
“เอ๊ะ...เอ่อ...เท่มาก” อาเดียยกมือขยี้ตา ทั้งที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี ถ้าได้เห็นทาร์คแปลงร่างก็คงรู้สึกแบบเดียวกันนี่ละ
“หมาป่าสีเงินอย่างเจหายากนะ ถ้าเป็นเทลลูจะออกมาคล้าย ๆ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์” เฟซีลบอกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงใส
“ฉันก็เป็นหมาป่านะ” เทลลูแว้ดให้
“แล้ว...ผมสีทอง ทำไมได้หมาป่าสีเงินล่ะ?” อาเดียยังไม่วายสงสัย
“ทองเพราะย้อมไง” เจหมอบลงแล้วใช้ปากดึงเสื้ออาเดียให้พิงลงมาที่ตัวเขา “ถ้าไปเดินในโลกมนุษย์ทั้งผมสีเงินมันคงสะดุดตาเกินไป จริงมั้ย”
“อื้ม...” ขนสีเงินหนานั้นนุ่มกว่าที่คิด ชายหนุ่มจึงทอดกายเหยียดยาวบนพื้นหญ้าพลางเอนพิงหมาป่าตัวใหญ่มหึมาเหมือนโซฟามีชีวิต
“พักซะ หลับไปเลยก็ได้ แสงจันทร์จะทำหน้าที่ของมันเองแหละ”
อาเดียพยักหน้าแต่ยังไม่หลับตาลง เขาอยากเก็บภาพบรรยากาศอันเงียบสงบและเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังนี้ไว้ในหัวใจอีกสักนิด ดวงจันทร์กลมโตกว่าที่เคยเห็นมาตลอดชีวิตสาดแสงลงมาย้อมทุกสรรพสิ่งเป็นสีเงินงาม ทุกชีวิตสงบนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ในน้ำ และบนคาคบไม้ มีเพียงแสงเรือง ๆ ของพวกภูตตัวเล็ก ๆ และพิกซี่วับแวมอยู่ตรงนั้นตรงนี้เหมือนแสงของหิ่งห้อย ทั้งโลกเงียบสงัดและดูราวกับจะเป็นเช่นนั้นไปชั่วนิรันดร์
มีเพียงเสียงหนึ่งที่สะท้อนเบา ๆ อยู่ข้างหู แม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของอะไร แต่อาเดียรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างบอกไม่ถูก เสียงนั้นเป็นจังหวะเนิบช้า ทว่าหนักแน่นและแสนอ่อนโยน ชายหนุ่มค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดลงบนใบหน้าอย่างนุ่มนวล
...เสียงหัวใจของเจ...
บอกกับตัวเองได้แค่นั้นแล้วก็จมลงสู่ห้วงนิทรา โดยปราศจากมนต์ของฮีธเป็นครั้งแรก
...
-
ตื่นเต้น แฟนตาซีมากกก
-
อาการของอาเดียแย่ลงเป็นลำดับ ความหิวกระหายทำให้ร่างกายอ่อนแรงลงทุกขณะ ไม่มีน้ำหรืออาหารใด ๆ ช่วยได้ แม้แต่ยาที่ทุกคนช่วยกันปรุงมาก็ได้ผลน้อยลงทุกที บ่อยครั้งที่ทุรนทุรายแม้กระทั่งในยามหลับ
“นี่ จะให้เลือดกับอาเดียสักนิดไม่ได้เหรอครับ เขาทรมานมากเลยนะ” เทลลูถามฮีธที่กำลังเก็บสมุนไพรเพื่อนำไปปรุงน้ำยาให้กับอาเดียด้วยเสียงร้อนรน
“เราจะให้เขาลิ้มรสเลือดไม่ได้” ฮีธบอกด้วยเสียงเรียบ ๆ พลางเด็ดดอกไม้สีฟ้าใสดอกเล็ก ๆ ใส่ตะกร้าที่เทลลูหิ้วตามมา “ถ้าได้กินเลือดสักครั้ง เขาจะจำกลิ่นและรสของมันได้ แล้วสัญาชาตญาณจะบอกให้เขาแสวงหามันมาเพื่อดำรงชีพ...แล้วทุกอย่างจะจบลงแบบเดียวกับผีดูดเลือดบนโลกมนุษย์”
“แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ อาเดียจะตายนะ” เทลลูทำเสียงเหมือนอยากจะร้องไห้
“พวกเราจะทำให้ดีที่สุด เทลลู” ฮีธพูดเบา ๆ แต่นั่นยิ่งทำให้เทลลูขัดใจ เจ้าหมาป่าหนุ่มทิ้งตะกร้าแล้ววิ่งปึงปังจากไป
ฮีธเพียงแค่มองตามไปแล้วก็ถอนใจ พวกมนุษย์หมาป่าก็แบบนี้...ใจร้อนวู่วาม แต่ถ้ารักใครแล้วจะมอบความภักดีให้จนหมดหัวใจไม่ต่างอะไรกับหมาบ้าน แต่ถ้าถูกทรยศหักหลัง พวกนี้จะตามเอาคืนจนถึงที่สุด...และดูเหมือนผีดูดเลือดหน้าใหม่ตนนี้จะครองหัวใจใครต่อใครได้อย่างแปลก ๆ มีเจ้าหมาป่าสองตัวที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ทาร์คที่ค้นห้องสมุดจนแทบเกลี้ยงชั้นเพื่อหาสูตรยาที่พอจะช่วยบรรเทาความกระหายได้ ขนาดเอลฟ์ที่เย่อหยิ่งไว้ตัวเป็นลักษณะประจำเผ่าอย่างเฟซีลก็ยังทุ่มสุดฝีมือในการค้นคว้าน้ำยาใหม่ ๆ เท่าที่จะทำได้...แม้แต่เขาที่มักจะปลีกตัวไม่ยุ่งกับใครยังรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนั้นไม่ได้...อาจเพราะในช่วงชีวิตอันยาวนานของเขา เขาได้เห็นการตายของผีดูดเลือดมามากเกินไป ทั้งคนแปลกหน้าและคนรู้จัก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พวกเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย เพียงแค่อยู่ผิดที่ผิดทางเท่านั้นเอง ในตอนที่พิภพผีดูดเลือดล่มสลาย ท่ามกลางความเศร้าโศกมีความโล่งใจซ่อนอยู่ อย่างน้อยเขาก็จะไม่ต้องเห็นความตายเช่นนั้นอีกต่อไป...กระทั่งเจ้าเด็กย้อนเผ่าคนนี้มาถึง...เขาจึงทำทุกอย่างที่จะรักษาชีวิตของเด็กคนนี้ไว้ แต่ดูเหมือนว่าอะไรก็จะไม่เป็นใจ...
“เจ อาการของอาเดียเป็นไง...บ้าง...” เทลลูเปิดประตูผลัวะเข้าไปพร้อมกับร้องถาม แต่แล้วก็ต้องค่อย ๆ เงียบเสียงลง
เจประคองอาเดียไว้ในอ้อมแขน โดยมีทาร์คกับเฟซีลยืนอยู่คนละด้านของเตียงด้วยสีหน้าลำบากใจ บนพื้นมีน้ำยาสีเขียวเข้มเหมือนมรกตหกสาดกระจายอยู่ เทลลูมองหน้าเพื่อน ๆ อย่างงุนงง...เกิดอะไรขึ้นกับอาเดียอย่างงั้นหรือ...คิดแล้วหัวใจก็กระตุกวูบ รีบปราดเข้าไปใกล้...อาเดียยังมีชีวิตอยู่ ทว่าหอบหายใจจนตัวโยน เขี้ยวสีขาวตัดกับลิ้นและริมฝีปากที่กลายเป็นสีแดงจัด มือที่จิกยึดเสื้อของเจไว้แน่นปรากฏเล็บยาวที่คั่งไปด้วยสีเลือด และถ้าเทลลูไม่ได้คิดไปเอง ผิวของอาเดียซีดเผือดลงกว่าที่เคยเห็น
...ร่างของอาเดียแสดงลักษณะของผีดูดเลือดเต็มตัว...
“...นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เทลลูกระซิบถาม เอื้อมมือไปแตะแขนของอาเดีย...ร่างนั้นร้อนอย่างกับไฟ
“พวกเราเอายาให้ดื่ม แต่ดื่มเข้าไปได้แค่นิดหน่อยก็ปัดแก้วทิ้งแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น” เฟซีลบอก
“ยาของพวกนายกระตุ้นเขาเหรอ?” เทลลูเบิกตากว้าง เขาไม่มีความรู้ด้านยา แต่สิ่งที่เฟซีลพูดมันตีความไปได้แบบนั้น
“เปล่า...เขาแค่ฝืนทนต่อไปไม่ไหวแล้วเท่านั้นเอง” คำตอบมาจากทาร์คที่ยืนเอามือกุมขมับอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ฝืน...?”
“นายคิดว่านายจะทนปล่อยไอ้มนุษย์ที่หักหลังนายเมื่อ 50 ปีก่อนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกกี่ปี?”
“ปล่อยบ้าอะไร ฉันฆ่ามันไปแล้ว” จู่ ๆ ดวงตาของเทลลูก็เรืองวาบเมื่อคิดถึงความแค้นเมื่อกาลก่อน
“เห็นไหม...แล้วนายฆ่าหมอนั่นเพราะอะไร? เพราะสัญชาตญาณบอกให้ทำใช่มั้ย? นายไม่อาจทนปล่อยคนที่หักหลังตัวเองให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้เพราะนี่คือธรรมชาติของมนุษย์หมาป่า” ทาร์คสบตาเทลลู “ผีดูดเลือดก็เหมือนกัน พวกเขาไม่อาจขาดเลือดได้เมื่ออยู่นอกพิภพของตัวเอง”
“แต่อาเดียทำได้ แล้วทำไม...?”
“ไม่หรอก ไม่ใช่ทำได้” เจเอ่ยขึ้นเบา ๆ “หมอนี่แค่พยายามกดความต้องการของตัวเองไว้เพราะเห็นแก่พวกเราที่พยายามหาทางช่วยสุดความสามารถ...และเห็นแก่ตัวเองที่เป็นมนุษย์...แต่ถึงขีดสุดแล้วหละ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีแต่เสียงหายใจหอบถี่และเสียงครางด้วยความทรมานที่พยายามกดกลั้นเอาไว้ของอาเดีย...ต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนกันที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ฝังเขี้ยวลงกับลำคอของคนรอบข้าง ทั้งที่กระหายอยากจนเจียนคลั่ง...ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการยิ้มให้กับพวกเขา ทั้งที่ในกายร้อนราวกับถูกแผดเผาด้วยไฟนรก...ผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์โง่เขลาที่น่านับถือที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบมาในชีวิต
“พวกนายออกไปก่อนเถอะ” เจทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด
“คิดจะทำอะไรน่ะ เจ?” เฟซีลถาม
“ไม่ทำอะไรหรอก แต่ให้ฉันอยู่กับหมอนี่ตามลำพังสักพักเถอะ”
“อย่าได้คิดจะให้เลือดกับอาเดียเชียวนะ นายก็รู้ว่าไม่เคยมีผีดูดเลือดตนไหน...” พูดยังไม่ทันจบก็ถูกตวาดลั่น
“ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรน่า!! อย่าพูดมาก เฟซีล ออกไปซะ! ถ้าพวกนายทำอะไรไม่ได้แล้วก็ออกไปซะ ฉันมีวิธีของฉัน ไม่ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ทำ!”
เฟซีลนิ่งอั้น เขาไม่เคยเห็นเจโกรธขนาดนี้มาก่อน แม้จะทะเลาะทุ่มเถียงกันอยู่ทุกวี่วัน แต่เจก็ไม่เคยตวาดเขาด้วยเสียงกร้าวขนาดนี้...อาเดียคงจะมีความหมายอะไรบางอย่างกับเจมากทีเดียว
“เหอะ! กล้าหันเขี้ยวใส่ฉันนะ จำไว้แล้วกัน ไอ้หมาบ้า” พูดแค่นั้นแล้วเอลฟ์ผมแดงผู้งดงามก็ปึงปังออกจากห้องไป ปล่อยให้ทาร์คกับเทลลูมองตามตาปริบ ๆ
“พวกนายด้วย...”
“เอ้อ...งั้น...เดี๋ยวฉันไปดูเฟซีลหน่อยนะ แล้ว...เสร็จแล้วเรียกนะ” เทลลูรีบเผ่นออกไปทันที เขาไม่อยากมีปัญหากับเจนักหรอก ถึงจะเป็นเผ่าเดียวกันแต่เขาก็ตัวเล็กกว่าเจเยอะ
“...งั้นฝากด้วยนะ เจ” ทาร์คพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ออกจากห้องไป
หลังจากประตูปิด ทั้งห้องก็เงียบลงอีกครั้ง
“...เจ...” เสียงแหบโหยกระซิบเรียก
“หือ?”
“ไม่เอา...เลือด...นะ” อาเดียเอ่ยคำว่าเลือดออกมาอย่างยากเย็นราวกับมันเป็นคำต้องห้าม
“...ไม่ให้หรอก” ถึงขนาดนี้แล้วอาเดียยังฝืนทนได้ แล้วเขาจะทำลายความตั้งใจนั้นทำไม “ไม่เคยมีผีดูดเลือดตนไหนดื่มเลือดมนุษย์หมาป่า เพราะงั้นไม่ให้หรอก”
“ถ้า...ดื่มแล้ว...จะเป็นยังไง?” มือเรียวสั่นระริก
“ไม่รู้สิ”
“จะเป็น...ผีดูดเลือด...ที่มีหูกับหาง...งอกออกมามั้ย?” ถามแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะไอแห้ง ๆ ออกมา
“บ้า...หน้าตาคงน่าเกลียดพิลึก” เจลูบผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มมือแผ่วเบา
“แค่...หมาป่า...ผิวซีด ๆ เอง” ดวงตากลมที่ตอนนี้เป็นประกายสีแดงเหลือบมองหน้าเจ “ถ้า...ฉันเป็น...มนุษย์หมาป่า...ก็ดีสิ...”
“ถ้าแบบนั้น เราก็ไม่ได้เจอกันน่ะสิ”
“...นั่นสินะ...”
พูดจบอาเดียก็ขยุ้มเสื้อของเจแน่น ยกมือขึ้นปิดปากแล้วเกร็งสะท้านไปทั้งตัว เจกอดร่างนั้นไว้แน่น
“ไม่...เจ...ออกไป...”
“จะให้ไปไหนเล่า นายทรมานขนาดนี้”
“ฉัน...ไม่...อยาก...”
“นายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ใจเย็น ๆ ไว้ อาเดีย...ฟังฉัน...ยังได้ยินใช่มั้ย?” หมาป่าหนุ่มเขย่าคนในอ้อมแขนเบา ๆ แล้วก็ได้รับการพยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบ “หลับตาซะ”
“ทำไม...?”
“เอาเถอะน่า หลับตา”
อาเดียหลับตาลงอย่างว่าง่าย แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเจกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู...แต่ในความรู้สึกของเขา เสียงนั้นราวกับลอยมาจากที่ไกลแสนไกล
“หลับตาซะ แล้วคิดถึงสถานที่ที่ทำให้หัวใจของนายชุ่มเย็น ที่ซึ่งแสงจันทร์สาดส่องลงมาจับร่างของนายอย่างอ่อนโยน แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ...พร้อม ๆ กับลมหายใจของฉัน ใจเย็น ๆ...ค่อย ๆ ปรับให้มันเข้ากัน...ช้า ๆ...”
เริ่มแรกก็ลำบากหน่อย ด้วยลมหายใจของอาเดียเอาแต่จะหอบถี่ด้วยร้อนรุมอยู่ในร่าง แต่ผ่านไปสักครู่ก็เริ่มทำได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ปรับจังหวะการหายใจให้เข้ากับเจ โลกรอบตัวดูสงบนิ่ง ลมหายใจของเจอุ่น ทว่าทำให้ความรุมร้อนในร่างลดลงได้อย่างน่าแปลก หูแว่วเสียงหัวใจที่เคยได้ยินเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่แล้ว...แล้วความทุรนทุรายทั้งมวลก็ค่อย ๆ สงบลง...
เทลลูค่อย ๆ แง้มประตูห้องแล้วโผล่หน้าเข้ามาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พอเจเงยหน้าขึ้นมาสบตาก็สะดุ้งแล้วรีบหดหัวกลับออกไป
“จะเข้ามาก็เข้ามาเถอะ หมอนี่หลับไปแล้วหละ” เจบอกพลางวางอาเดียลงนอน
“ได้เหรอ?” เทลลูโผล่หน้ากลับมาอีก พอเห็นเจพยักหน้าให้ก็รีบเข้ามาในห้อง
“นายทำยังไงน่ะ?” เฟซีลที่รีบตามเข้ามาติด ๆ ถาม อาเดียทรมานจนแทบจะนอนไม่ได้เลยมาหลายวันแล้วแท้ ๆ
“ก็แค่วิธีกล่อมเด็กหมาป่า” เจยักไหล่
“อ๋อ ไอ้วิธีนั่น...ตอนเด็ก ๆ พ่อทำให้บ่อย ๆ” เทลลูทำหน้าแบบเพิ่งจะนึกออก “ทำไมคนไม่เคยมีลูกอย่างนายถึงทำเป็นวะ เจ?”
“แกคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่กัน เลี้ยงลูกเพื่อนมาหลายครอกแล้วเฟ้ย”
“แล้ว...มันจะได้ผลนานแค่ไหน?” ทาร์คถามพลางดูอาการของอาเดีย...ดูท่าจะหลับสนิทดีทีเดียว
“ไม่รู้หรอก แค่คิดว่ามันน่าจะทำได้เหมือน ๆ กัน ก็ลองทำดู...แต่คิดว่าคงไม่นานนัก”
“ก็ดีกว่าทำอะไรไม่ได้เลย...” เงือกหนุ่มถอนใจเบา ๆ “ยังไงซะ ระหว่างนี้ก็ฝากอาเดียด้วยนะ เจ”
...
“ดูท่าจะยื้อต่อไปไม่ไหวแล้วสินะ” เอลฟ์ผู้คุมหนึ่งในอำนาจของสภาสูงเดินเข้าไปในห้องที่ผู้วิเศษในชุดดำกำลังโปรยฝุ่นผงบางอย่างลงในหม้อน้ำยาสีม่วงเข้ม
“คงแบบนั้นแหละครับ” ฮีธเพียงเหลือบมามองเล็กน้อยแล้วกลับไปง่วนอยู่กับน้ำยาต่อ
“หรือพวกเราตัดสินใจผิดไปเอง...” ไฮเดลรำพึงเบา ๆ
“พวกเราแค่เห็นใจเด็กคนนั้นครับ เพราะเขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลย แต่จะส่งเขากลับไปโลกมนุษย์ก็ไม่ได้ แถมภพของผีดูดเลือดก็ล่มสลายไปแล้ว” มือที่คนน้ำยาหยุดนิ่งลง “ทั้งที่เรารู้ดีว่าสัญชาตญาณไม่ใช่สิ่งที่จะสะกดหรือลบให้หายไปได้ แต่เราก็ลองทำ...เพื่อที่จะไม่ต้องฆ่าเขาทิ้ง”
“แต่นั่นกลับทำให้เขาทรมานกว่าที่ควรจะเป็นมากมายนัก” ไฮเดลถอนใจเมื่อคิดถึงอาการของอาเดียที่ผ่านมา
“และคงถึงเวลาที่เราจะปล่อยเขาไปจากความทรมานนั้นเสียที” ผู้วิเศษดำเป่าลมหายใจลงไปในน้ำยา สภาพของมันแปรเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีดำสนิทหากทอประกายแสงประหนึ่งฟ้าประดับดาว
“น้ำยานั่น...”
“หวังว่าจะทำให้เขาหลับอย่างสงบ และไม่ทรมานอีกต่อไป”
เสียงกึกกักดังขึ้นที่หน้าประตู ฮีธรีบหันไปร่ายเวทย์แล้วกระชากมือไปด้านหลังเหมือนเวลาดึงเชือก และเชือกที่มองไม่เห็นนั้นก็กระชากเอาเจ้าคนที่แอบฟังอยู่เมื่อครู่เข้าห้องมาด้วย
“คิดจะไปบอกใครเหรอ เทลลู?”
“ก็ไปบอกพวกทาร์คน่ะสิ!” หมาป่าหนุ่มดิ้นอยู่บนพื้น พยายามสลัดเชือกล่องหนให้พ้นตัว “นี่มันอะไรกัน? พวกคุณคิดจะวางยาพิษอาเดียงั้นเหรอ?”
“มันควรจะจบได้แล้ว เทลลู” ไฮเดลเอ่ยอย่างเคร่งขรึมผิดไปจากทุกที
“ไม่! มันเรื่องอะไรกัน พวกคุณบอกว่าจะรักษาเขา แล้วตอนนี้มาบอกว่าเป็นไปไม่ได้แล้วจะฆ่าเขาทิ้งงั้นเหรอ มักง่ายไปหน่อยแล้ว” เทลลูโวยวาย
“เทลลู เธอก็เห็นว่าเขาทรมานมากแค่ไหน”
“มันต้องมีวิธีซี่! เฟซีลกับทาร์คพยายามเต็มที่แล้ว แล้วคนอื่น ๆ อีกด้วย ทุกคนกำลังพยายามอยู่”
“ทุกคนพยายามทุกวิถีทางแล้วต่างหาก และรู้แล้วว่าเราหมดหนทางแล้ว” ฮีธตักน้ำยากรอกใส่ขวด “และเธอเองก็รู้ดี”
“แต่แบบนี้มัน...” เทลลูกัดริมฝีปากแน่น เขาไม่อยากยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นนี้ได้
“อย่ารั้งเขาไว้ให้ทรมานมากไปกว่านี้เลย ตัวเขาเองก็รู้ดี ว่าสักวันวันนี้จะต้องมาถึง เพียงแต่เขารอที่จะไปอย่างมีศักดิ์ศรีเท่านั้น...ด้วยศักดิ์ศรีของมนุษย์ ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อสัตว์ร้ายกระหายเลือดในจิตใจของตน”
เทลลูหลับตา ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเงียบ ๆ...เขาทำเพื่ออาเดียได้เท่านี้จริง ๆ
“...เจ” แทบไม่มีเสียงลอดจากริมฝีปากที่แห้งกรังนั้น หากเจ้าของชื่อก็ได้ยิน
เจกระชับอ้อมกอดแน่น ร่างในอ้อมแขนของเขาอ่อนปวกเปียกไปหมด เล็บยาวที่เคยเป็นสีแดงระเรื่อกลับดำคล้ำ ผิวกายซีดขาวจนแทบจะเห็นเส้นเลือดใต้ผิว ดวงตาแดงก่ำจนดูราวกับว่าน้ำตาจะหยดออกมาเป็นเลือดได้ ความกระหายที่รุมร้อนเหมือนพิษไข้ทำให้ลำคอแห้งผากจนแทบไม่มีเสียง...กระนั้น อาเดียก็ยังกระซิบเรียกเจ
“พอเถอะ...อย่าพูดอีกเลย...”
“เจ...ขอบคุณ...”
“ขอบคุณเรื่องอะไร ฉันทำอะไรให้นายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” ใช่...เขาทำได้แค่กอดเอาไว้เท่านั้นเอง
“ถ้านาย...ไม่ไปเจอฉัน...ป่านนี้...ฉันคง...” ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจลึก “...ขอบคุณ...นะ...”
“บ้าเอ๊ย...” คำสบถนั้นฟังดูรวดร้าว “ฉันทำเพื่อนายไม่ได้เลย...ฉัน...อะไรจะไร้ประโยชน์ขนาดนี้วะ!!”
“เจ...ดีแล้ว...เท่านี้...” รอยยิ้มบาง ๆ จุดขึ้นที่ริมฝีปาก “เพียงแต่...เสียดาย...ฉัน...อยากอยู่กับ...นาย...”
ถ้าอยากอยู่...ก็อยู่กับเขาสิ มันเรื่องอะไรที่จะต้องจากเขาไปแบบนี้ด้วย...ไม่เอาแล้ว...จะกฎพันธุกรรมบ้าบออะไรเขาไม่สนอีกแล้ว ผีดูดเลือดก็เป็นผีดูดเลือด จะเลือดคนหรือเลือดหมาป่ามันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ ยังไงซะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามนุษย์หมาป่า แปลว่าต้องมีความเป็นมนุษย์อยู่ครึ่งหนึ่งละ...ขอให้เป็นเลือดที่จะรักษาชีวิตของอาเดียได้เถอะ เขาให้ได้ทั้งนั้นแหละ...
หมาป่าหนุ่มกัดริมฝีปากของตัวเองเต็มแรง แล้วประกบจูบป้อนเลือดที่หลั่งรินออกมาให้กับคนในอ้อมแขน ครั้งแรก อาเดียผวาดิ้น แต่แล้วความฉ่ำเย็นที่โลหิตสีแดงนำพามาให้ทำให้เขาลืมหมดทุกอย่าง แต่ยังไม่ทันได้ดื่มกินจนอิ่มหนำ เจก็ถอนริมฝีปากออก
“เอาที่คอแทนมั้ย?”
“เจ...ทำไม...?”
“ดื่มเข้าไปเถอะ ถ้านายกลายเป็นหมาป่าประหลาด ฉันจะดูแลนายเอง หรือถ้านายจะต้องการเลือดไม่สิ้นสุด ฉันก็จะให้นายเอง เพราะงั้นดื่มเข้าไปซะ แล้วอยู่ข้าง ๆ ฉัน ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น จะโลกมนุษย์หรือภพภูมิไหน ๆ ก็ไม่ต้องไปทั้งนั้น อยู่ข้าง ๆ ฉันตรงนี้ เข้าใจมั้ย?”
“เจ...?” ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ดื่มซะ...แต่ค่อย ๆ นะ ถ้าฉันตายขึ้นมา ต้องอยู่คนเดียวนะ”
“อะ...อื้ม...จะพยายาม...”
“ดูท่ายาจะเป็นหมันแล้วนะ ฮีธ”
“ครับ...แต่แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“จะว่าดีก็ดีหรอกน้า...แต่ถ้าวันไหนเจ้าเจมันโลหิตจางขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ยาเพิ่มเลือดปรุงง่ายกว่ายาสะกดสัญชาตญาณครับ”
“งั้น...ก็วานหน่อยนะ”
“บอกทาร์คกับเฟซีลเถอะครับ สองคนนั้นก็ทำเป็น”
“งั้นเตรียมเทลลูไว้เป็นตัวสำรองหน่อยก็ดี...เผื่อปรุงยาไม่ทัน...”
“ไหงงั้นล่ะครับ คุณไฮเดล!!!!”
แนวคิดด้านชาติพันธุ์และโลกหลายจักรภพจาก “ผจญภัยในแดนเงือก” ของ Pieretta Dawn
15 – 5 – 2553
HAKURO
ปล. ถามว่า...ถ้าหากเรื่องสั้นของผมจะเป็นตัวละครที่ชื่อซ้ำๆกันไปหมดทุกเรื่อง คนอ่านจะว่ายังไงครับ?
คือส่วนมากผมเขียนเป็นฟิคเจร็อคก่อนแล้วมาแปลงชื่อเอาน่ะครับ มันก็เหมือนใช้ดาราชุดเดิมแต่เปลี่ยนบทบาทเท่านั้นเอง
-
น่าติดตามค่ะ บางจุดใช้คําผิดนิดหน่อย
เรารอตอนต่อไปนะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
-
ชอบอ่ะ จะมีต่อไหมครับ สักนิดก็ยังดี แอบนึกถึงอันเดอร์เวิลร์ o18
-
ชอบบบบบบบบบบบบบบบ เจิมรอตอนต่อไปค่า
-
THANK YOU
-
ชอบอ่ะ เรื่องน่ารักมากๆ เจกะอาเดียน่ารักเวอร์
แต่น่าจะมีตอนพิเศษนะคะ จะรอเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ ^^
-
ดีจัง นึกว่าจะจบเศร้าซะแล้ว
-
แปลกใหม่ และสนุก น่าสนใจดีจัง
แต่แหม หวานน้อยไปหน่อยอ่ะ เรื่องหน้าขอเติมน้ำเชื่อมเยอะหน่อยนะจ๊ะ
+1+เป็ดจ้า
-
ชอบมากอ่าน แนวแฟนตาซี
ไม่มีต่ออีกเลยเหรอ
แนะนำให้ทำเป็นเรื่องยาว
ชอบมากๆๆ แต่น่าจะมีฉากหวานๆเยอะกว่านี้หน่อย
ขอบคุนครับ
-
เรื่องน่ารักจัง :pig4:
-
อันที่จริงเอาที่เป็นฟิคมาลงเลยก็ได้นะคะ ชื่อซ้ำก็ไม่เป็นไรหรอกเน้อ
เราชอบอ่านเรื่องสั้นของท่านนา มีหลายอารมณ์ดี...
-
ชอบเรือ่งแนวๆนี้จัง ขอบคุณมากเลย น่ารักสุดๆ~
-
ชอบแนวนี้มาก ๆ ค่ะ ซึ้ง
-
แฟนตาซีคร่อดๆ ชอบเว่อร์ๆ หึหึหึ
-
o13
สนุกมากชอบแนวนี้จร้า
-
น่ารักดีอะ ตลกเทลลูตอนท้ายนี่แระ
-
ชอบบบบบบบบบบบบบบ สนุกอ่ะ ขอตอนพิเศษหน่อยสิคะ o13
-
ชอบอ มีตอนพิศษป
-
ผีดูดเลือดมีหูกับหาง :a5: เอิ่ม ถ้างั้นคงได้มีการอนุรักษ์พันธุ์หาอยากกันแล้วล่ะ :jul3:
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
จะชื่อซ้ำหรือไม่ซ้ำไม่เป็นปัญหาเลย
เพราะเนื้อเรื่องของคุณไม่ได้ซ้ำกับใคร
ชอบครับ บวกเป็ด บวกคะแนนแล้วคนับ
ไจฟ์
-
ชอบมากเลยครับ แต่ต่อเรื่องนี้อีกนิดนะครับ ส่วนชื่อซ้ำไม่เป็นไรครับขอแค่เรื่องน่าอ่านแบบนี้ก็พอครับ
-
แนวนี้มันเป็นแนวที่ผมชอบมาก
พวกเทพนิยาย ผีดูดเลือด มนุษย์หมาป่า
และแนวนี้เป็นอะไรที่เขียนยากเช่นกัน
ตอนแรกนึกว่าจะจบเศณ้าเสียอีก
เพราะไลเคนท์กับแวมไพร์มักจะมีจุดจบที่เศร้าโศกเสมอ
ดีใจที่มันไม่จบแบบเศร้าๆ
ขอบคุณครับผม ^______^
-
ไม่ต่ออีกสักหน่อยเหรอคะ เนื้อเรื่องแปลกแหวกแนวดีค่ะ
อยากอ่านต่อ ว่าจะดูดเลือดกันเพลินละเปล่า ชอบค่ะ
-
คนเขียนเขา "อ่อน"หวาน...ไปหน่อย เพราะกำลังลดความอ้วน...(เกี่ยวไหม)
และเพราะเป็นแฟนตาซีไม่หวานมากคงไม่เป็นไร แต่จบแบบแฮปปี้ก็ "น่าจะ" โอเคนะ
ภาคต่อ...คาดว่าน่าจะยาว...วไกล (คนเขียนไม่มีเวลา+อารมณ์จินตนาการที่ต้องบิ้วมาก)
-
^
^
^
ผมแค่กำลังเขียนเรื่องยาวเท่านั้นเองน่า
ไม่สัญญาเรื่องภาคต่อครับ เพราะตอนวางพล็อตคิดไว้แค่นี้ แหะๆ
-
ชอบอ่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ
-
สนุกดี ชอบอ่ะ
-
:pig4:
-
แฟนซีผมก็ชอบฮับ
แวมไพร์
:-[
-
อ้ากชอบๆๆๆ ชอบแนวนี้มากก
:pig4:ขอบคุณค่ะ
-
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่ม
ยังค้างอยู่เลย อยากรู้ว่าสุดท้ายพออาเดียดูดเลือดเจแล้วจะเป็นยังไง
-
จบแค่นี้เองหรอ
อยากให้มีตอนเพิ่มอีกอ่ะ
ชอบแนวๆนี้มากเลยค่ะ
อยากอ่านต่ออีกๆๆๆๆ
-
:pig4: น่าจะมีตอนพิเศษนะ
-
อยากรู้อ่ะ ว่าอาเดียจะกลายเป็นแบบไหน
-
จบรึยัง น่าจะเป็นเรื่องยาวนะ สนุก น่าสนใจมาก ชอบแนวนี้อ่ะ สุดๆๆเลย รอตอนต่อไปน้าา :mew1: o13 :impress2:
-
เป็นแฟนตาซีที่ซึ้งมากค่ะ
ขอบคุณนะคะ ^^
-
นึกว่าจะจบดราม่าซะแล้วว
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุก ๆ ค่ะ
:pig4:
-
หวานมากๆเลย ชอบๆ ^^
-
แล้วกลายเป็น มนุษย์หมาป่าผีดูดเลือดป่ะ :katai5: :katai5: :katai5:
-
WOW สุดยอดเลยครับมีหลากหลายเผ่าพันธุ์ สนุกมากครับ
ขอบคุณครับ