พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] เรื่องเกิดขึ้นบนสวรรค์ ภาค 1+ภาค2 [19/03/55] [จบแล้ว]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: manami_01 ที่ 19-03-2012 01:50:19
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
-
เรื่องเกิดบนสวรรค์
ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าและทันสมัยยังมีอีกโลกที่ไม่ได้หมุนไปตามความทันสมัยของโลกที่พวกเรารู้จักเป็นอย่าง โลกที่สวยงามและเต็มไปด้วยความสงบ และโลกที่ว่านั้นคือ ‘สวรรค์’ พื้นที่ที่มนุษย์ไม่อาจย่างกายเข้ามาได้หากยังไม่ตายเสียก่อนและไม่ได้กระทำความดี
ณ สวรรค์
ผมมีชื่อว่า ‘เอธอร์’ เป็นลูกของเทพสายฟ้าและตอนนี้ผมอยู่ที่วังของตัวเอง ซึ่งบนสวรรค์นั้นเทพทุกองค์จะมีวังเป็นของตนเองไม่เว้นแม้กะทั่งผม แต่จะเล็กจะใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าเทพตนนั้นได้ทำความดีความชอบต่อสวรรค์และสร้างความดีให้กับโลกมากน้อยเท่าไหร
“ท่านเอธอร์ค่ะมีสารด่วนส่งมาถึงท่านค่ะ” แคร์เทียร์ภูตสาวรับใช้ในวังเดินเข้ามาในห้องแล้วตรงมายังโต๊ะทำงานของผม
“สารด่วนอะไร ทำไมต้องเร่งรีบส่งมาขนาดนั้น”ผมถามกลับทั้งที่หน้ายังก้มเขียนรายงานอยู่
“สารเชิญให้ท่านไปร่วมรับประทานอาหารค่ำที่วังของท่านเทพแห่งดวงอาทิตย์ค่ะ ที่เร่งรีบเพราะงานจะจัดขึ้นในวันนี้ค่ะ”แคร์เทียร์พูดขึ้นหลังจากที่ผมถามกลับไป
“งานเลี้ยง?”
ทำไมต้องเชิญเราไปด้วยล่ะเนี่ยไม่อยากไปเลยแต่ถ้าไม่ไปจะเป็นการเสียมารยาท เพราะเทพแห่งดวงอาทิตย์เป็นเทพชั้นสูงซะด้วยทั้งยังเป็นเทพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่าง
“อืม...วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวค่อยอ่านถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปได้”เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้นภูตรับใช้สาวก็วางสารแล้วเดินออกจากห้องอย่างรู้งาน
ตกค่ำหลังจากที่ทำงานเสร็จเอธอร์ก็อาบน้ำและแต่งกายเต็มยศก่อนจะสั่งบรรดาเหล่าภูตรับใช้ให้ช่วยกันดูแลวังให้ดี ๆ แล้วจึงเร่งรีบเดินทางไปยังวังของเทพแห่งดวงอาทิตย์
เมื่อมมาถึงหน้าทางเข้าก็พบเหล่าบรรดาทวยเทพทั้งหลายต่างพากันเดินทางมายังวังของเทพแห่งดวงอาทิตย์มีทั้งเทพชั้นผู้น้อยไปจนกระทั่งเทพชั้นผู้ใหญ่ที่เดินเข้าไปยังวังอย่างไม่ขาดสาย
เอธอร์เดินเข้าไปและคำนับเหล่าเทพที่สูงชั้นกว่าตนก่อนจะหาที่นั่งข้าง ๆ กับอาเทลลูกชายของเทพแห่งดวงอาทิตย์ ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของเทพเหมือนกันแต่เขากับอาเทลก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน เคยคุยกันบ้างตอนทำงานร่วมกัน แต่ก็นั้นแหละแค่เวลาทำงานที่เขาทั้งสองจะได้เจอกัน อาเทลเลยเป็นเทพที่อยู่ในวัยเดียวกันที่มีอยู่น้อยในงานนี้ และด้วยงานที่ของแต่ละคนที่ยุ่งมากจนไม่มีเวลาแม้จะทำความรู้จักด้วยซ้ำ
“ผมของนั่งด้วยครับ คุณอาเทล”ผมหันไปบอกเขาก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าอนุญาตผมจึงนั่งลงข้าง ๆ เขา เมื่อได้มาอยู่ใกล้ ๆ ก็พบว่าเขาตัวใหญ่กว่าผมมากทั้งที่ก็อายุไล่เลี่ยกันแท้ ๆ
“นายเองก็โดนลากมางานนี้เหมือนกันหรือเอธอร์”เขาหันมาถามผมที่ทำหน้างงปกติเขาไม่แม้แต่จะมองผมด้วยซ้ำวันนี้มาแปลกที่เขาคุยกับผมก่อน
“อ่า...ใช่ พอดีมีสารเชิญมาที่วังของผมน่ะครับ ก็ไม่เคยคิดว่าเทพชั้นผู้น้อยอย่างผมจะได้มาวังของท่านเทพแห่งดวงอาทิตย์แห่งด้วย”ผมตอบกลับอย่างสุภาพ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ งานและพบว่าตอนนี้ผู้คนต่างก็เดินทางมางานนี้มากพอสมควร
“พ่อฉันก็เป็นแบนนี้เสมอนั้นแหละ นายอย่างใส่ใจเลยเขาเป็นพวกชอบเฮฮาเลยชอบที่จะหาเพื่อนคุยก็เท่านั้น เพราะโดยปกติเขามักไม่ได้ออกมาคุยเล่นกับใครงานเยอะเกินกว่าจะหนีงานออกมาได้น่ะ”เสียงพูดทีเล่นทีจริงของอาเทล ทำให้ผมมองว่าเขาเองก็มีมุมแบบนี้เหมือนกัน
“อ่อ...อืม แต่ผมว่าท่านเทพเน่าจะชวนแต่เทพชั้นสูงและเทพชั้นผู้ใหญ่จะดีกว่านะครับ แต่ชวนแม้แต่กะทั้งเทพชั้นผู้น้อยอย่างพวกผมมาด้วยก็คุยกับท่านด้วย พวกผมก็คงคุยไม่รู้เรื่องหรอกครับ”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ พอก็แค่อยากคุยกับเพื่อนเก่าแต่กลัวว่าฉันจะเหงาหากก็เลยเรียกบรรดาเทพที่อยู่ชั้นเดียวกับฉันมาด้วยล่ะมั้ง”เขาพูดจบก็หันไปมองเหล่าบรรดาเทพชั้นผู้น้อยที่นั่งเงียบเป็นป่าช้าเพราะไม่รู้จะคุยอะไร
จากนั้นก็เริ่มทานอาหารค่ำกันบรรดาเทพทั้งหลายทานไปคุยไปตามภาษาคนที่ไม่ค่อยได้พบปะพูดคุยกัน ไม่นานงานเลี้ยงอาหารค่ำ ณ วังเทพแห่งดวงอาทิตย์ก็จบลง เมื่องานจบเอธอร์เดินออกมาจากนอกวังเพื่อที่จะกลับยังวังของตนเองเช่นเดียวกับเทพองค์อื่นที่ทยอยกลับเช่นกัน
“ให้ฉันเดินไปส่งนายที่วังมั้ย”เสียงของอาเทลถามขึ้นยิ่งสร้างความสงสัยให้ผมเป็นอย่างมาก เพราะร้อยวันพันปีเขาไม่เคยทำแบบนี้กับผม
“อ่อ...อ่า... ไม่ต้องหรอกฉันเดินกลับคนเดียวได้”ผมรีบปฏิเสธทันควัน
“ไม่! ฉันว่าฉันไปส่งนายที่วังจะดีกว่า ทางมันมืดนายอาจไม่ปลอดภัย”พูดจบเขาก็ลากผมให้เดินไปด้วยกัน แต่ยิ่งคิดผมก็ยิ่งงงผมเป็นเทพแถมยังเป็นเทพที่เป็นนักรบเสียด้วย แล้วใครจะกล้าทำร้ายผม??
ผมเหลือบไปมองข้าง ๆ ที่เดินมาด้วยกันอย่างเงียบ ๆ และงงว่าวันนี้เขานั้นมาแปลกไปจากทุกทีที่ได้พบกัน แต่แล้วผมก็ต้องเลิกสงสัยเพราะตอนนี้ผมและเขาได้เดินมาถึงยังหน้าวังของผมแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นผมเลยรีบหันไปขอบคุณ จะได้รีบไปอาบน้ำแล้วนอนเสียทีวันนี้ยุ่งมาทั้งวันแล้วยังต้องไปงานเลี้ยงอีก
“ผมต้องขอขอบคุณคุณมากที่อุตสาเดินมาส่งฉันถึงหน้าวังเช่นนี้ ถ้าอย่างงั้นผมคงต้องขอตัวเข้าไปข้างในก่อนแล้วไว้เจอกันถ้ามีโอกาศครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิ! อย่าพึ่งไปเอธอร์” เขาเดินเข้ามาจับแขนผมไว้เพื่อไม่ให้ผมไปไหน ผมหันไปมองหน้าเขา
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ”ผมหันกลับมาถามอย่างงง ๆ
“เอ่อ...นายไม่คิด่จะชวนฉันเข้าไปข้างในวังของนายหน่อยหรือ”
ผมนิ่วหน้ามองก่อนจะนึกขึ้นได้ จากวังของท่านเทพแห่งดวงอาทิตย์มาที่นี่มันก็ไกลกันมาก เขาอาจจะต้องการดื่มน้ำแก้กระหาย(หรือต้องการกินอะไรบางอย่างแก้กระหาย)
“อ่า...นั้นสินะ พอดีผมเห็นว่าคืนนี้ก็ดึกมากแล้ว เลยคิดว่าคุณอาจจะคงไม่อยากเข้าไปเลยไม่ได้ชวน ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเข้ามาก่อนครับ”
“ขอบคุณมาก แต่นายไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอกเราตำแหน่งเดียวกันเรียกฉันว่าอาเทลก็ได้”
“แต่คุณเป็นถึง...”
“นายเองก็เป็นถึงลูกของเทพสายฟ้านะ งั้นฉันก็ต้องเรียกนายว่าคุณด้วยสิ แล้วก็ห้ามใช้สุภาพกับฉันด้วย เราเป็นเพื่อนกันนะ เรียกแบบนั้นมันดูเหมือนไม่ใช่เพื่อน”
“ถ้างั้นก็ได้ ฉันจะไม่เรียกนายแบบสุภาพก็ได้”
“ดี...งั้นเข้าไปข้างในกันดีกว่า”
ผมเดินนำเขาเข้ามายังห้องรับแขกของวัง แต่ยังไม่ทันจะได้สั่งให้เหล่าภูติรับใช้ให้นำน้ำมาต้อนรับแขกก็ถูกมือหนาของอีกคนกระชากเข้าไปให้เข้าหาตัวเขา แล้วรีบกดริมฝีปากทาบทับกับริบฝีปากของผมในทันที รสจูบที่รุนแรงถูกส่งมาให้ผม ความรุนแรงในคราแรกแปลเปลี่ยนเป็นความอ่อนหวานและนุ่มนวลเมื่อผมเริ่มคล้อย ตามเขาบางแล้ว
จากนั้นเขาก็ไล่มือไปตามแผ่นหลังและเริ่มจะซุกไซ้เข้าไปในเสื้อและนั้นทำให้ผมได้สติ ผลักเข้าออกห่างจากตัวเองในทันที
“น่ะ นั้นนายจะทำอะไรฉัน” ผมพอตั้งตัวได้ก็รีบถอยห่างจากเขาให้มากที่สุด
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะเขาก็ตามเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้ง คราวนี้เขากอดผมไว้แน่นไม่ให้ผมได้มีโอกาสหนีได้อีกครั้ง
“ทำไมนายต้องทำแบบนี้ ทำไมนายไม่ยอมพูดอะไรเลยนี่นายกำลังทำอะไรกันแน่อาเทล”
“ฉันต้องการอะไรงั้นเหรอ ฉันต้องการนายไงล่ะ” น้ำเสียงของเขาจริงจังมากจนผมอดหวั่นไหวไม่ได้
“นายจะบ้าเหรอฉันเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิงถึงหน้าตาของฉันจะคล้าย ๆ ก็เถอะ” ผมพูดเสียงอ่อยเมื่อนึกได้ว่าหน้าตาของตัวเองงดงามกว่าสาวชาวสวรรค์บางคนเสียอีก
“เรื่องเพศฉันไม่เคยนึกหรอกนะ แต่ที่ฉันต้องการนายเพราะว่าฉันชอบนาย ไม่สิ...ต้องบอกว่าฉันรักนายมากกว่า”น้ำเสียงของเขายังคงจริงจังไม่เปลี่ยน ตอนนี้หัวผมเริ่มเบลอ ๆ แล้ว ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“นายว่านายชอบฉันงั้นเหรอ มันตั้งแต่เมื่อไรในเมื่อพวกเราแทบจะไม่รู้จักกันเลย” ผมถามพยายามจะไม่นึกอะไรไปมากกว่านี้ และพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนแข็งแรงของเขาด้วย
“ฉันแอบชอบนายตอนที่พบกันครั้งแรกที่วังของพ่อนาย แล้วได้เจอนายอีกครั้งตอนที่นายรับตำแหน่งนั้นแหละ แล้วก็ได้แต่แอบมองนายทุกครั้งที่มีโอกาส จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นความรักตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่นับวันนั้นความรู้สึกนี้ก็มากขึ้น มากขึ้นซะจนฉันควบคุมมันไม่ได้อีกต่อไป พอดีกับที่วันนี้พ่อฉันได้เชิญเหล่าเทพมากและหนึ่งในนั้นก็คือนาย ฉันคิดว่ามันอาจเป็นโอกาสที่ฉันจะได้บอกนายซะที ฉันไม่อยากเก็บมันไว้อีกแล้ว” เขาพูดก่อนจะมองสบตากับผมที่ตอนนี้ตัวแข็งทื่อไปแล้ว
“ฉัน...ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า...นายจะชอบฉันแบบนี้....อีกอย่างมันคงไม่ดีที่พวกเราจะเป็นแบบนั้นได้...”ผมพูดออกมาอย่างคาดไม่ถึง ผมไม่คิดว่าอย่างอาเทลที่รูปร่างสูงสง่างดงามราวเทพนักรบพึ่งมีจะมีมาชอบเทพหน้าสวยอย่างผมได้
“ตอนนี้นาย...แค่รับความรู้สึกของฉันก็พอ ความรู้สึกของฉันที่รักนายมานานแสนนานเช่นนี้”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วดูเศร้าเป็นอย่างมาก
หลังจากที่เขาพูดจบก็ก้มลงมาประกบริบฝีปากของผมทันที รสสัมผัสที่อ่อนหวานราวกับจะละลายนั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกต้องการมากกว่านี้ ผมคล้อยตามเขาคราวนี้ผมไม่ขัดขืนอีกแล้ว เพราะในใจผมเองก็ต้องการเขาเหมือนกัน
เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายของผมตอนนี้หลุดหายไปที่ละชิ้น ๆ ชินจนหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ร่างเปลือยเปล่าที่ทำให้ผมรู้สึกอายขึ้นมามาก ๆ จนต้องเอามือปิดหน้าซ่อนความอาย
“เอ่อ...คือ...ที่่จริง...ก็ไม่อยากขัดเวลาพวกท่านหรอกนะค่ะ แต่ฉันว่าพวกท่านไปทำที่ลับตาคนหน่อยจะดีกว่า ข้าเกรงว่าภูติรับใช้ตนอื่นจะมาเห็นเข้าแล้วมันจะไม่ดีต่อพวกท่านด้วย”
แล้วจู่ ๆ เสียงภูตรับใช้สาวก็ดังขึ้นขัดจังหวะผมกับเขา ผมหน้าแดงด้วยความเขินอายอีกเป็นเท่าตัว นี่ผมลืมไปได้ไงว่าตอนนี้ผมกับเขากำลังอยู่ห้องรับแขกกัน
“ฉันว่าเราย้ายไปที่ห้องนอนของนายจะดีกว่านะ จะได้ไม่มีคนขัดจังหวะด้วย”เสียงพูดที่ฟังไม่ทุกข์ร้อนของอาเทลเล่นเอาผมอยากจะกระโดดถีบคนตรงหน้านัก ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ผมไม่มีแรงจะทำแบบนั้นนะ
ตอนนี้ผมพยักหน้าด้วยความเขินอายอย่างเดียวก่อนจะซุกหน้าเข้าที่แผ่นอกอุ่น ๆ ของเขา อาเทลหยิบเสื้อที่ถอดออกในตอนแรกขึ้นมากคุมตัวให้ผมแล้วผมเดินออกจากห้องรับ แขก ตรงไปยังห้องนอนโดยมีภูตสาวนำทางให้ จากนั้นเธอก็เปิดประตูห้องและเดินนำเข้าไปข้างใน แล้วจากนั้นจึงของตัวออกมา
“ขอให้ท่านทั้งสองมีความสุขนะคะ ข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้วต้องขอตัวก่อนค่ะ” แล้วแคร์เทียร์ก็จากไปเหลือเพียงแค่ผมกับอาเทล
เขาวางผมลงบนเตียงใหญ่หนานุ่มของผมก่อนจะตามขึ้นมากนั่งคร่อมร่างของผมอีกที จากนั้นเขาก็ก้มลงมาทาบริบฝีปากของเขากับผมอีกครั้งก่อนจะละจากริบฝีปากของ ผมไปที่ลำคอขาวนวล ไล่ไปยังเสื้อที่ปกปิดร่างกายผม เขาดึงเสือตัวนั้นออกก่อนจะเผลยให้เห็นเรือนร่างขาวนวลอย่างเต็มตา เขาก้มลงมาทาบริบฝีปากของตนเองเขากับยอดอกของผม และเมื่อทาบทับลงมามันทำให้ผมสะดุ้ง
“ อ๊า...อ๊าย...อืม....” ผมร้องออกมาอย่างอดไม่ได้
แล้วเขาก็ละจากยอดอกของผมไล่ลงไปยังแกนกายของผมก่อนจะเริ่มใช้มือของเขาทำให้ผม
“อา...ฉะ...แนจะไม่ไหวแล้ว อ๊า....จะ...ออก....แล้ว...อ๊า....ไม่นะ....อย่า....ตรงนั้น....อ๊า....ไม่ได้นะ....”แล้วสิ้นเสียงผมน้ำสีขุ่นก็พวยพุ่งออกมาเปอะเปื้อนที่หน้าท้องของผมและเขา
“เอธอร์...ฉันขอตัวนายทั้งหมดเลยนะ... ตอนนี้ฉันทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว....”
พอเขาพูดจบก็คล่ำไปยังช่องทางของผมก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางจากหนึ่ง นิ้วเป็นสองและสาม ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมภายในร่างกายของตนเองก่อนจะร้องด้วยความเจ็บปวด อย่างที่หาที่เปรียบไม่ได้
“โอ๊ย....เจ็บ....ไม่เอา...เอาออกไปนะ มันเจ็บ!! อ๊า....เจ็บ!! เจ็บ!! ฉันเจ็บอาเทล”ผมบอกกับเขาแต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ฟังที่ผมบอกเลยแม้แต่นิดเดียว
จากนั้นเขาก็เริ่มขยับนิ้วอย่างช้า ๆ และเริ่มเร็วขึ้น ตอนนี้ผมเริ่มชินกับการมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตัวแล้ว แต่พอผมยังไม่ทนชินเท่าไรเขาก็ถอนนิ้วออก และใส่สิ่งที่ใหญ่และแข็งแรงกว่าเข้ามาในตัว มันทำให้ผมจุกจนไม่สามารถพูดได้
“อ๊า....อือ....แน่นไปหมดเลยเอธอร์ ข้างในตัวนายคับแน่นจนฉันเกือบจะถึงเลยนะ”เขารอจนผมรู้สึกผ่อนคลายก็เริ่มขยับตัว จากจังหวะช้า ๆ
“อ๊า.....อา....อือ....เร็ว...เร็วไป....ช้าลงหน่อย”
“อ๊า...ฉันขอ...โทษ...ธอร์....แต่ฉัน...หยุดไม่ได้แล้ว...อา...ซีด...อืม....”
“อ๊า....อืม.....อือ...”เสียงร้องครางไม่ได้ศัพท์ของผมก็ยังคงดังต่อไปไม่หยุด
เริ่มเร่งเร็วและแรงขึ้นตามอารมณ์ปรารถนา จนในที่สุดทั้งผมและเขาก็ถึงจุดสูงสุดทั้งคู่ พวกเราต่างปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นตามออกมาเปอะเปื้อนกันและกัน
“เอธอร์ ฉันรักนาย” เขาจูบเข้าที่ขมับข้างซ้ายของผม
แล้วผมก็หมดแรงแล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกันรู้แต่ว่าวันนี้ผมเหนื่อยมากแล้วก็หลับไปเลย
รุ่งเช้าผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดตามตัวและไม่สามารถลุกขึ้นได้ เนื่องมาจากช่วงล่างของผมปวดร้าวไปหมด ตอนนี้ผมเลยได้แต่นอนเฉย ๆ มองคนข้าง ๆ ที่ยังคงหลับอยู่ ผมพินิจรูปหน้าหล่อเหล่าที่มีมากกว่าผมหลายเท่า มองไปร่ายกายกำยำของเขา
แล้วเรื่องเมื่อคือก็ห้วนคืนมาในความทรงจำของผม แล้วก็ทำให้หน้าผมแดงขึ้นมาอีกครั้ง ผมทำไปแล้วกับผู้ชายด้วยกันซะด้วยนี่เป็นครั้งแรกของผมซะด้วย
“อรุณสวัสดิ์ จุ๊บ...”เสียงพร้อมจูบรับยามเช้าของคนข้าง ๆ เล่นเอาผมอยากจะมุดกลับเข้าไปแต่แล้วเขาก็ดึงผ้าห่มผมออก ก่อนจะทาบริบฝีปากลงมา
“นายยังไม่ตอบฉันเลยนะ”เขาเอ่ยเสียงและส่งร้อยยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม
“อะ...อืม... อรุณสวัสดิ์” ผมตอบกลับไปเสียงเบา
“เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า วันนี้นายไม่ต้องไปไหนจะดีกว่านะเดี๋ยวฉันจะไปนำอาหารเช้ามาให้ที่ห้อง”อาเทลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นห่วงเป็นใยผม
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับถาดอาหารที่ส่งกลิ่นหอม ๆ ออกมาแล้ววางลงตรงโต๊ะข้างเตียงก่อนจะนั่งลงบนเตียง
“อืม...หอมจังเลย... วันนี้มีอะไรให้ทานมั้งล่ะ”
ผมหันถามคนที่นำมันมาก่อนจะเห็นรอยยิ้มส่งกลับที่เล่นเอาผมหน้าแดงอีกครั้ง หมอนี่ช่างขยัดทำให้เขาหน้าแดงเสียจริง
ผมหยิบถาดอาหารขึ้นมากแล้วลงมือทานทันทีและสังเกตว่าอาหารมีสองชุด อีกชุดคงเป็นของเขาอย่างแน่นอน ผมมองหน้าเขาประมาณว่าไม่กินเหรอ แต่ก็ได้แต่รอยยิ้มกลับมา ผมเลยเลิกสนใจแล้วหันมาจัดการกับอาหารของตัวเองต่อ
“ฉันอยากอยู่กับนายอย่างนี้ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้มั้ย”เสียงถามที่เข้าโหมดจริงกลับมาอีกครั้ง
“นายจะบ้าหรือไง วังนายก็มีจะมาอยู่ที่วังฉันทำไม”
“แต่ที่วังฉันไม่มีนาย ฉันกลับไปที่นั้นที่ ๆ ไม่มีนายไม่ได้อีกแล้ว”
“แต่ว่า....”
“นายไม่รักฉันเลยหรือ”เสียงของเขาดูจะเศร้าเมื่อเอ่ยออกมา
“ฉัน.....อืม ฉันก็รักนายนะ” ผมตอบตามใจของตนเองจนได้
แล้วเราก็ต่างยิ้มแล้วก็กอดกันอย่างนั้นอย่างมีความสุข และเรื่องราวของเราก็ถูกเปิดเผยให้ทั้งพ่อของพวกและเหล่าทวยเทพได้รับรู้ และพวกท่านต่างก็เป็นกำลังใจให้กับความรักของพวกเราได้รักกันตราบนานเท่านาน
++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้เคยลงบอร์ด Yaoiland มาก่อน
แต่ได้รีไรท์ใหม่ในบ้างส่วนจ้า
ใครที่อ่านภาคแรกไม่รู้เรื่องต้องไปรออ่านภาคต่อจ๊ะ
-
:กอด1:
-
รอต่อภาคต่อไปค่า
-
มาต่อภาคสองแล้วจร้าาาา
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งอาจไม่ค่อยสนุกบ้าง
แต่อยากเอามาลงให้ได้อ่านกัน^ ^
คนที่อ่านภาคหนึ่งไม่รู้เรื่องจะเข้าใจเมื่ออ่านภาคต่อจ้า
แล้วก็ฝากอีกเรื่องด้วยนะ จอมใจจักรพรรค์ เรื่องนี้ใกล้จบภาคแรกแล้วจ้า
งั้นไปอ่านกันเลยดีว่าเนอะ
++++++++++++++++++++++
เรื่องเกิดบนสวรรค์ 2
ตอนนี้ผมกับอาเทลก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วทุก ๆ วัน พวกเราทำงานด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน และไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดหลังจากที่เราผ่านคืนนั้นมา และการมีอาเทลทำให้ชีวิตของผมที่เคยอยู่อย่างเหงา ๆ คนเดียวทุกวันกลับเริ่มมามีชีวิตชีวามากขึ้นสดใสกว่าแต่ก่อน เพราะตอนจากนี้ไปผมไม่ต้องคอยเฝ้ามองเขาอยู่ห่าง ๆ อีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้ผมเองก็ยังไม่เคยบอกเขามาก่อน ว่าที่จริงแล้วผมเองก็แอบชอบเขามานานแสนนานมากเช่นกัน เรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อ
5 ปีก่อน
“ท่านเอธอร์ค่ะ วันพรุ่งจะมีพิธีแต่งตั้งท่านแล้วทำไมท่านถึงยังไม่เข้านอนล่ะค่ะ”แคร์เทียร์ภูตสาวเอ่ยอย่างเป็นห่วงผมก่อนที่จะพยายามลากตัวผมที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่ยอมลุกไปสักที
“ขอฉันทำงานตรงนี้ให้เสร็จก่อนมันเหลืออีกไม่เยอะแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปพิธิอย่างสบายใจหน่อย”ผมพูดขณะที่ยังคงง่วนกับกองเอกสาร กองโตอยู่
“ท่านเอธอร์ค่ะ รีบเข้านอนเถอะค่ะเดี๋ยวพรุ่งค่อยทำต่อก็ได้ไม่ใช่หรือค่ะ ถ้าพรุ่งนี้ท่านเกิดเป็นลมกลางพิธีเพราะนอนไม่พอจะทำให้พิธีล้มเอานะค่ะ”
“อ่า... นั้นสินะขอโทษทีข้าลืมนึกไปขอบใจเจ้ามากฉันจะเข้านอนแล้วไม่ต้องห่วง”
“ค่ะ งั้นฉันขอตัวค่ะ”
ผมนั่งทำงานต่ออีกสักพักจึง แล้วจึงเข้านอน จะว่าไปผมเองก็อดตื่นเต้นกับพิธีพรุ่งนี้ไม่ได้เพราะมันสำคัญมากสำหรับผม เพราะผมต้องอยู่กับคำที่ว่าผมเป็นลูกของเทพสายฟ้าผมถูกทุกคนปฏิบัติอย่างดี
แต่ลับหลังพวกเขากลับนินทาผมต่าง ๆ นานา ว่าใช้บารมีของพ่อตนเองผมเลยต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าผมนั้นไม่ได้ใช้บารมีของพ่อแต่ผมจะสร้างบารมีของตนเองขึ้นและในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ
เช้าวันพิธีแต่งตั้ง
ผมลุกขึ้นมาในตอนเช้าและทำการอาบน้ำแต่งตัวเต็มยศก่อนจะเดินออกมายังหน้าวังที่ตอนนี้มีขบวนพิธีที่จะพาผมไปเข้ารับแต่งตั้งรออยู่แล้ว ไม่ช้าขบวนก็เคลื่อนตัวออกจากวังของผมไปยังลาดพิธี ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อมาถึงเหล่าทวยเทพชั้นผู้ใหญ่และผู้น้อยมากมายต่างมาพิธีนี้กันจ้องมองมายังผมที่อยู่ในขบวนพิธี
จากนั้นก็มีภูตชายเดินนำหน้าผมมายังห้องพักก่อนจะเริ่มพิธี ซึ่งตลอดทางที่เดินผมแทบไม่ได้คุยกับใครหรือหันไปมองใครด้วยความที่ตัวเองตื่นเต้นจนไม่กล้าที่พูดคุยเพราะกลัวเสียงจะสั่นจากอาการตื่นเต้นของตัวเอง จนกระทั้งมาถึงยังห้องพักก่อนเข้าพิธี
“ท่านเอธอร์คงตื่นเต้นไม่ใช่น้อยเลยนะครับ”เสียงภูตชายตัวน้อยที่นำผมมายังห้องก่อนทำพิธีดังขึ้น
“อ่าใช่ฉันตื่นเต้นมาก ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมางานฉันเยอะขนาดนี้”
“แน่นอนครับว่าต้องมีคนมางานของท่านเยอะเพราะนอกจากว่าท่านจะเป็นลูกชายขององค์มหาเทพแล้ว ท่านยังเป็นเทพที่เก่งขนาดได้รับตำแหน่งหัวหน้าของกองกำลังปราบปรามปีศาจอย่างนี้ ตำแหน่งนี้ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ นะครับ”
“อืม มันไม่ง่ายอย่างที่นายว่าฉันทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับตำแหน่งนี้แต่แค่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับเร็วขนาดนี้”
“ครับ ก็ท่านมีความสามารถองค์มหาเทพอาจจะเล็งเห็นความสามารถของท่านก็เป็นได้”
“นั้นสินะ แล้วพิธีจะเริ่มตอนไหน”
“อีกไม่นานครับพิธีจะเริ่มในอีกไม่ช้า”
หลังจากรอสักพักอย่างที่ภูต ชายบอกไว้พิธีก็เริ่มต้นขึ้นเนื่องจากองค์มหาเทพได้เสด็จมาถึง ณ ลานพิธีแล้วผมก้าวเข้าสู่ลานพิธีทามกลางเสียงยินดีของเหล่าทวยเทพที่มาแสดง ความยินดีผมเดินมายังเส้นทางที่มีพรมแดงปูนไว้ซึ่งมันเชื่อมไปยังกลางลาน พิธีซึ่งถูกจัดให้เป็นแท่นสูงซึ่งผมต้องเดินขึ้นไปที่นั้น
ระหว่างทางผมก็มองเหล่าเทพทั้งหลายและหนึ่งในนั้นผมก็เห็น ‘เขา’ เทพที่มีสีผิวทองแดงซึ่งใครๆ ก็รู้จักว่าผู้ที่มีสีผิวเช่นนี้ถ้าไม่ใช่เทพแห่งดวงอาทิตย์ก็ต้องเป็นลูกชายของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมมองเทพองค์นั้นด้วยสายตาที่เขาคงจะพอเดาออกได้ถ้าหันมาเห็นเข้า เขาคงต้องคิดว่าผมชอบเขาแน่ ๆ จะไม่ให้ผมมองเขาได้ยังก็เขาช่างมีเสน่ห์เหลือเกินแค่แว๊บแรกที่เห็นก็ทำเอาผมหวั่นไหวได้แล้ว
แล้วผมก็ต้องละสายตาจากเขา แล้วหันไปสนใจพิธีตรงหน้ามากกว่านี่เป็นพิธีที่สำคัญมากสำหรับผมเลยผมต้องทำให้พิธีนี้ผ่านไปอย่างเรียบร้อนและสมบูรณ์ที่สุด
“นับจากนี้พิธีแต่งตั้งท่านเอธอร์เป็นหัวหน้ากองปราบปรามปีศาจจะเริ่มขึ้นแล้ว ของให้เทพทุกท่านอยู่ในความสงบด้วย”
เสียงของผู้ทำหน้าที่ดำเนินพิธีดังขึ้น ส่งผลให้เหล่าเทพทั้งหลายเงียบลงฉับพลันองค์มหาเทพเดินออกมายังแท่นพิธี และทำให้ผมต้องเดินขึ้นไปแท่นพิธีเพื่อเข้ารับการแต่งตั้งด้วย
“ข้าในนามของมหาเทพซีอุสขอแต่งตั้งเอธอร์ลูกชายของข้าเป็นเทพผู้ปราบปีศาจ และแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากองปราบปรามปีศาจ”
“เฮ......”
เสียงเฮดังมาจากผู้ที่มาร่วมพิธีที่โฮร้องแสดงความยินดีที่เขาได้รับแต่งใหม่และได้รับสมญานามว่าเทพผู้ปราบปีศาจด้วย
หลังจากที่เสร็จพิธีก็มีงานฉลองที่วังของท่านมหาเทพ ที่ซึ่งน้อยคนนักจะได้เชยชมเพราะคนที่จะได้ย่างกายเข้าไปนั้นจะต้องเป็นเทพชั้นสูงพอควร
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะเอธอร์”
เสียงดังมาจากข้างหลังผมที่กำลังพูดคุยกับเทพแห่งเมฆหมอกอยู่ พอหันกลับไปก็เจอกับเทพที่สีผิวทองแดงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเทพแห่งดวงอาทิตย์นั้นเอง เขาเดินมาพร้อมกับลูกชายของเขาอีกสองคนและหนึ่งในนั้นคือ ‘เขา’ ที่ผมเคยเห็นจากลานพิธีนั้นเอง
“อ่า...ครับท่านเทพแห่งดวงอาทิตย์” ผมพูดพร้อมโค้งคำนังน้อยเป็นการทักทาย
“นี่ลูกชายทั้งสองของข้า คนแรกทางขวาชื่อ อาเชอร์ ส่วนอีกคนทางซ้ายชื่อ อาเทล”เขากล่าวแนะนำทั้งสอง
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณอาเชอร์ คุณอาเทล ผมเอธอร์ครับ” พูดจบก็คำนับน้อย ๆ เป็นการทักทายทั้งสอง
แต่มีเพียบคนพี่เท่านั้นที่คำนับตอบ ส่วนคนน้องเอาแต่จ้องผมไม่วางตา ไม่รู้ทำเขาต้องจ้องผมมากมายขนาดนี้
“เจ้าไม่ค่อยเหมือนของพ่อของเจ้าเลยนะเอธอร์ ออกจะไปทางคีเทร่าแม่ของเจ้ามากกว่า”
คีเทร่า หรือเทพีคีเทร่าลูกของเทพีอะโฟได ซึ่งนางก็คือท่านแม่ของผมเอง ท่านแม่ที่ได้ชื่อว่าลูกของเทพีอะโฟได้ชื่องดงามที่สุดในบรรดาลูกของเทพีอะโฟได และนั้นเป็นเหตุจนทำให้ท่านพ่อที่เป็นมหาเทพหลงรักและรับนางเป็นชายา
“ครับ ใคร ๆ ก็พูดเช่นนั้นว่าผมเหมือนสตรีอย่างท่านแม่มากกว่าจะสมชายชาตรีเช่นท่านพ่อ ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากจะสมชายชาตรีเช่นท่านพ่อบ้าง”
“แต่ข้าว่าเจ้าเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ ถึงใบหน้าเจ้าจะคล้ายอิสตรีแต่ความสามารถของเจ้ากลับกล้าหาญเยี่ยงชายชาตรี สมกับที่เป็นลูกชายของมหาเทพซีอุส”
ถึงท่านอะพอลโลจะชมผมอย่างนั้นแต่ผมไม่ได้ดีใจเลยสักนิดนั้นก็เพราะว่ามหา เทพซีอุสผู้เป็นพ่อไม่เคยแม้แต่จะใยดีผมเลยถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นลูก แต่ผมกับเขาแทบจะเคยพูดกันอย่างพ่อลูกทั่วไปเลยสักครั้ง การพูดคุยก็นับครั้งได้เลย
เนื่องมาจากเทพีเฮร่าชายาของมหาเทพซีอุสมักหึงหวงผู้หญิงที่เข้าใกล้พระสวามีของนาง ไม่เว้นแต่แม่ของผมหลายครั้งที่เทพีเฮร่าทำร้ายท่านแม่จนตอนหนี้นางต้องไปอยู่ยังโลกมนุษย์ที่ห่างไกลและไม่กลับมายังสวรรค์อีกเลย
“ครับ” ผมพยายามตอบกลับไปโดยไม่ให้เสียงสั่นนัก ตอนนี้ผมทำได้เพียงสะกดอารมณ์ของตนเองเท่านั้น
“งั้นข้าของตัวไปไปคุยกับพ่อของเจ้าก่อน”
หลังจากนั้นอะพอลโลก็เดินจากไปทิ้งให้สองพี่น้องอยู่กับผม แล้วทำไมสองคนนี้ถึงไม่ตามพ่อของเขาไปล่ะ ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร และกำลังจะเดินไปหาเทพองค์อื่นก็ดันมีมือของใครสักคนรั้งผมไว้ก่อน
“เรายังไม่ได้พูดคุยกันเลยนะท่านเอธอร์”เป็นอาเชอร์ที่รั้งแขนผมไว้นั้นเอง
“เอ่อ... ครับ แต่ผมไม่รู้จะคุยอะไรกับพวกคุณ” ผมตอบไปตามตรง
“ไปหาที่นั่งคุยกันตามประสาเทพรุ่นเดียวกันดีกว่า ขืนนายไปเดินทามกลางเทพชั้นผู้ใหญ่ก็คุยกับพวกนั้นไม่รู้เรื่องอยู่ดี”ก็ จริงของเขา ถึงจะได้ตำแหน่งสูงแค่ไหนแต่ความต่างของวัยก็มีอยู่มาก
“อ่าครับ งั้นไปตรงนั้นกันดีกว่าน่าจะมีให้นั่งคุยกัน” ผมชีไปยังสวนด้านนอกที่มีน้ำพุขนาดใหญ่ตรงตระหง่านอยู่ตรงกลาง
“ที่จริงฉันเองก็ได้ยินชื่อเสียงนายมาเยอะถึงความเก่งกาจของนาย ฉันแค่อยากจะรู้จักรนายให้มากกว่านี้” สิ่งที่ให้ยินเกือบทำให้ผมช็อก นี่ถ้าบอกว่าเขาแอบชอบผมคงยิ่งช็อกไปใหญ่แน่ แต่พอได้ยินประโยคต่อถึงได้เข้าใจ
“เพราะอีกหน่อยเราคงได้ทำงานร่วมกันบ่อยขึ้น น้องชายฉันเป็นหัวหน้ากองทัพสวรรค์ส่วนฉันเป็นหัวหน้าองค์รักษ์ขององค์มหาเทพบางทีเราอาจจะต้องช่วยกันปราบปีศาจ”
-
“ต้องขอบคุณมากครับที่ท่านอยากจะทำความรู้จักผม แต่ถ้าไม่จำเป็นกรุณาอย่าเข้าใกล้ผมจะดีที่สุด ถ้าท่านยังไม่อยากถูกเพ่งเล็งไปด้วย” พูดจบผมก็เดินออกจากงานทันที
วันนี้พอแล้วผมเหนื่อยกับสายตาของเหล่าเทพที่มองผม ผมไม่ชอบสายตาที่พวกเขามองผมอย่างชื่นชมแต่แฝงไปด้วยความริษยา ต่อหน้าพวกเขายินดีกับผมแต่ลับหลังกลับนินทาว่าร้ายที่ช่างไม่สมกับเป็นเทพ กันเลย
ผมกลับมายังวังล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า ในทีแรกผมกะจะมาสะสางงานที่ครั่งค้างอยู่แต่ก็ทำไม่ได้ จนแล้วจนรอดผมก็ต้องเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระล้างคาบเหงื่อไคล แล้วก็ล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มแล้วผล็อยหลับไป
หลังจากที่ผมรับตำแหน่งก็ต้องออกไปปราบปีศาจแทบจะทุกวันเนื่องจากช่วงนั้น ปีศาจออกอารวาทไม่เว้นแต่ละวัน และในบางวันผมได้เจอกับอาเทล ทุกครั้งที่ผมเจอเขาผมจะมีความรู้สึกแปลก ๆ ทุกครั้งไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอาการใจสั่นทุกที ผมคิดตัวเองคงต้องเป็นโรคอะไรสักอย่างแน่ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมได้ทำงานร่วมกับเขา
“ได้พบกันอีกแล้วนะครับคุณเอธอร์”เขาเป็นฝ่ายทักผมก่อนขณะที่ผมกำลังง่วนกับ การจัดเตรียมกองกำลังเพื่อบุกไปโจมตีปีศาจทางตอนใต้ที่ช่วงนี้มักเข้าไปป่วน มนุษย์ที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ
“นั้นสินะครับ ช่วงนี้พวกเราได้พบกันบ่อย ๆ คุณคงจะเบื่อหน้าผมแย่”คำพูดที่เล่น ๆ ของผมกับทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย กรุณาอย่างพูดแบบนั้นอีกนะครับ”น้ำเสียงของความจริงเอ่ยออกมาทำให้ผมนึกสงสัย ทำไมเขาช่างคิดเป็นจริงเป็นจังเสียหรือเกิน
“ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าคุณจะคิดเป็นจริงเป็นจัง”
“งั้นก็แล้วไปครับ ผมไม่เคยคิดว่าจะเบื่อหน้าคุณเลยสักครั้ง แต่กลับดีใจเสียมากกว่าที่ได้พบกับคุณ”
เหมือนกับผมเลยผมเองก็ดีใจที่ได้พบกับเขา และอยากจะให้ทุกวันของผมได้พบกับเขา ช่างน่าแปลกที่คนอย่างผมที่มักจะออกห่างจากผู้คน แต่กับเขาผมอยากเจอเขาในทุก ๆ วัน อยากอยู่ใกล้ ๆ เขาและผมอยากบอกเขาเหลือเกินว่าผมอยากทำแบบนั้น
แต่แล้วความคิดที่ว่าผมและเขาต่างเป็นบุรุษเพศด้วยทั้งต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองแล้ว ผมทำได้แค่เพียงเก็บเอาในใจเท่านั้น
“เอ่อ.......งั้นผมขอตัวไปทำดูทหารก่อน”
และต่อจากนั้นพวกเราก็พบกันมากขึ้นแต่ส่วนใหญ่ก็แค่พบกันเรื่องงานและมักจะ ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไร แต่อย่างน้อยผมก็ได้เจอกับเขาบ่อยขึ้น และทำให้ผมได้มองเขามากขึ้น ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนที่ผมมองเขามักใจเต้นแรง ผมเริ่มรู้แล้วว่าแอบชอบเข้าแล้ว ไม่รู้ว่าทุกคนที่ผมเจอเขาจะแสดงทางสีหน้าหรือเปล่าว่าผมชอบเขา กลัวว่าถ้าเขารู้จะไม่อยากพบผมอีก
และหลังจากนั้นเราก็ทำงานร่วมกันแบบนี้จนเวลาล่วงเลยมากกว่า 5 ปี ในวันที่เทพอะพอลโลเชิญผมไปทานอาหารค่ำที่วังของเขา ผมก็เจอกับอาเทลวันนั้นผมนั่งข้าง ๆ
เขาเขาเป็นฝ่ายทักผมก่อนและหลังจากที่งานเลิกเขายังส่งผมกลับมายังวัง ซึ่งสร้างความสงสัยให้แก่ผมไม่น้อย เพราะปกติเขาไม่ทำแบบนี้กับผม แต่ที่ยิ่งแปลกก็คือแทนที่ส่งผมถึงหน้าวังแล้วเขาจะกลับไป แต่เขาดันขอเขาไปข้างในวังของผม และเขาก็บอกว่าเขาแอบชอบผมมานาน ซึ่งผมก็ได้บอกความในใจกับเข้าไปเช่น และพวกเราก็ได้อยู่ด้วยกัน
กลับมาที่ปัจจุบัน
“เอธอร์วันนี้นายต้องไปทำงานหรือเปล่า”เสียงของคนข้าง ๆ กายเอ่ยขึ้นหันมามองผมที่ยังคงนอนซุกหน้ากับหมอนอยู่
“ไม่...วันนี้วันหยุดของฉัน”ผมตอบทั้งที่ยังนอนท่าเดิม
“งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกัน ฉันเองก็ไม่มีงาน” ผมหันไปมองเขาก่อนจะพบรอยยิ้มที่เขามักจะยิ้มให้เสมอ ๆ
“อืม ไปสิแล้วจะไปที่ไหนกันดี”
“เราแอบลงไปโลกมนุษย์กันดีกว่า”
“แต่มันผิดกฎของสวรรค์นะ”
“ใครว่าผิดกฎกัน ไม่ได้ข้อห้ามให้เทพลงไปโลกมนุษย์ซะหน่อยมีแต่ห้ามเทพทำความวุ่นวายต่อมนุษย์เท่านั้น เราแค่ลงไปเที่ยวเล่นเท่านั้นไม่เป็นไรหรอก” ก็จริงไม่ได้กฎห้ามนี่นา บ้างครั้งเทพก็ลงไปเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์อยู่บ่อยครั้ง
“เอางั้นก็ได้ วันนี้เราจะเป็นมนุษย์กันสักวัน”
ว่าแล้วผมกับอาเทลก็แปรงกายเป็นมนุษย์และลงไปยังโลกมนุษย์ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในสหรัฐอเมริกา ผมและอาเทล
ตกลงกันว่าพวกเราจะเรียกชื่อย่อกันเพื่อนให้เข้ากับมนุษย์โดยผมจะเรียกเขา ว่า ‘เทล’ ส่วนเขาก็ต้องเรียกผมว่า ‘ธอร์’ เพราะถ้าพวกเราใช้ชื่อเต็มมันจะทำให้ดูแตกต่างจากมนุษย์เกินไป
โลกมนุษย์นี่ช่างวุ่นวายดีแท้ผู้คนต่างเดินทางอย่างเร่งรีบมีแต่ผมกับอาเทลที่เดินไปตามท้องถนนไปเลื่อย ๆ เราแวะดูนู่นนี่โลกมนุษย์นี่ช่างมีแต่ของแปลก ๆ อาทิเช่น ตู้สี่เหลี่ยมที่มีคนอยู่ใน (โทรทัศน์) ห้องสี่เหลี่ยมยาวแคบ ๆ ลอยได้ (ลิฟท์) มีแต่สิ่งผมและอาเทลไม่เคยเจอมาก่อน
โลกมนุษย์นี่ช่างวุ่ยไม่เปลี่ยนมนุษย์ต่างพากันเดินอย่างเร่งรีบไม่เหมือนกับสวรรค์ที่เดินทางไปไหนไม่ต้องเร่งรีบเช่นนี้ (ก็บนนู้นไม่มีรถยนต์นี่จ๊ะ รถไม่ติดใช้การบินเอาเพราะเทพแต่ละองค์จะมีปีกเป็นของตัวเอง) แล้วไหนจะเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อาทิเช่น ตู้สี่เหลี่ยม ๆ ที่มีคนเข้าไปอยู่ข้างใน (โทรทัศน์) ตู้เล่นแค่นั้นคนเข้าไปอยู่ได้ยังกันนะไม่รู้สึอึดอัดกันบ้างหรือ หรือแท่งสีเหลี่ยม ๆ ยาว ๆ มีล้อกรม ๆ สีดำ ๆ (รถยนต์) นั้นอีกมันวิ่งได้ยังไงกันนะ
“ฉันว่าเราไปหาที่ที่เงียบกว่านี้ดีกว่านะ ในเมืองแบบนี้เสียงมันดังมากเกินไป”
แต่ยังไม่ทันที่ผมกับอาเทลจะไปไหนก็มีเสียงดังขึ้น
“นี่หนุ่มน้อยตรงนั้นน่ะ สนใจไปกับพวกเราหรือเปล่า”เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของผม
ผมหันไปมองก็พบกับกลุ่มคนท่าทางน่าสงสัยด 4 – 5 คนเดินตรงมาทางผมกับอาเทล เขาเลยมายืนบังผมไว้เพื่อปกป้องผม
“ผมคิดว่าเราไม่รู้จักกันนะครับ พวกผมคงจะไปกับพวกคุณไม่ได้”
เขาตอบคนพวกนั้นแต่ท่าทางคำตอบของเขาจะทำให้คนกลุ่มนั้นอารมณ์เสียไม่น้อย เพราะแต่ละคนงัดอาวุธออกมา แต่ก็ไม่ทำให้อาเทลกลัวแม้แต่นิดเดียวก็เพราะอาวุธพวกนี้ไม่สามารถทำให้เขาเป็นแผลได้
“แล้วแกเป็นใครถ้ายังไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปซะ!! ฉันมีธุระกับหนุ่มน้อยคนนั้นไม่ใช่แก!!”
“ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ เพราะเขามากับฉันและฉันจะไม่มีวันให้เขาไปกับใครทั้งสิ้น แต่ถ้าใครอยากได้ตัวเขาก็ต้องผ่านฉันคนนี้ไปให้ได้ก่อนล่ะนะ”
“ปากดีนักนะแก!! เตรียมตัวตายซะ!!”พูดจบกลุ่มคนทั้งหมดก็พุ่งจู่โจมอาเทล แต่เขาสามารถหลบการโจมตีได้ทั้งทั้งยังสวนกลับไปจนพวกนั้นถอยหนี
“แกบังอาจเตะกูเหรอ เฮ้ย!! พวกเราเอามันให้ตายเลย!!” เขานี้พวกนั้นรุมอาเทลอีกครั้งแต่ครั้งนี้อาเทลหลบพร้อมกับรัวหมัดใส่กลุ่ม คนพวกนั้นจนปลิวไปติดกำแพงสลบทันที ไม่เว้นแม้แต่เจ้าคนที่เป็นหัวหน้าด้วย
“แถวนี้ไม่ปลอดภัยพวกเราเปลี่ยนทีกันเถอะ”
“ฉันว่าเรากลับสวรรค์กันเถอะ นี่จะมืดแล้วพรุ่งฉันมีงานอีกเยอะนะ”
“เราหยุดทำงานสักอาทิตย์เถอะธอร์ ฉันขอลางานแล้วและเผื่อส่วนของนายให้ด้วย ที่จริงฉันกะว่าจะบอกตอนที่เราหาที่พักกันได้แล้ว แต่ก็ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วจะบอกตอนี้เลยแล้วกัน”
“หา!! ลาหยุดงั้นเหรอ แต่งานของพวกเราน่ะมันหยุดไม่ได้นะ...”
“องค์มหาเทพเองก็เห็นด้วยนะ นายกับฉันทำงานตลอดเวลาไม่มีวันหยุดเลย รู้สึกว่าพระองค์จะทรงห่วงเจ้าอยู่นะเลยอนุญาต”
“เอ่อ...งั้นเองเหรอ ค่อยยังชั่วนึกว่ากลับจะถูกลงโทษฐานที่หนีหน้าที่ซะอีก” ผมพูดจบก็พลอยโล่งอกทันที
“อีกอย่างเราแต่งงานกันแล้วนะ แต่ยังไม่มีเวลาอยู่ด้วยลำพังสักที”
“ใครว่าละเราก็อยู่ด้วยกันตามลำพังทุกคืนนี่” ผมพูดแล้วก็พลางหน้าแดงซะเอง
“มันก็ใช่ แต่ว่าเราไม่เคยไปเที่ยวไหนกันสองคนเลยนะ พอจะไปก็มีงานเข้ามาก่อนทุกที”
“อ่านั้นสินะ คิด ๆ ไปแล้วไม่เคยได้ไปเที่ยวกันอย่างจริงจังเลยเนอะ นอกจากสวนสวรรค์แล้ว เราก็ไม่เคยไปไหนกันเลย”
พวกเราหาโรงแรมที่พักได้ก็เกือบมืดแล้วหลังจากได้ห้องแล้วพวกเราก็ไปหาอะไร กินกันในส่วนของห้องอาหารของโรงแรมก่อนจะกลับขึ้นห้องอีกครั้งและเริ่มภารกิจของทุกวัน
“อ๊ะ...อา...อืม...ไม่...ได้...นะ...อาบ...อา...น้ำ...ก่อนสิ”ผมบอกเสียงกระเส่า
ก็ตอนนี้เขาเอามือมาจับจุดอ่อนไหวของผมซะแล้วไม่จับเปล่าเขารูดขึ้นลงตรงส่วนนั้น จนผมแทบยืนไม่อยู่ต้องพิงกับผนังห้องไว้
“อา...ซี๊ด...ตรงนั้น อะ...มะ...ไม่ได้นะ อ๊า... ฉัน...ไม่...ไหวแล้ว.... เทล”ยิ่งเขารูดขึ้นลงแรงเท่าผมก็ยิ่งสั่นสะท้าน เสียงพูดก็พลอยสั่นกระเส่าหนักขึ้นตามไปด้วย
-
“ตรงนี้ของนายยังรู้สึกไวตามเคยนะธอร์ ฉันจะช่วยด้วยปากนะ”
เอาจับผมพาดบ่าแล้วพาไปที่เตียงก่อนจะว่างลงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะไล่จูบหน้าผากไล่ไปยังคอขาวเนียน ลงมาเลื่อนจนถึงยอดอกสีชมพูหวานสวยที่ตอนนี้ชูชันเมื่อสัมผัสกับริบฝีปากของเทล
จากนั้นเขาก็ละจากยอดอกของผมเลื่อนลงต่ำไปยังจุดอ่อนไหวของผม ก่อนจะผมจะรู้สึกถึงว่ามีริบฝีปากทาบทับตรงส่วนนั้น ผมถึงสะดุ้งเมื่อเขามอบความหวาบหวานให้ผม
“อ๊ะ....อ๊า....จะออกแล้ว อา...เทล...ฉัน....ไม่ไหวแล้ว...อือ...อืม...อา...”แล้วผมก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นทั้งที่ส่วนอ่อนไหวของตัวเองยังอยู่ในปากของอาเทลอยู่เลย
ผมเห็นเขากลืนมันลงไปจะคว้ามือเขาไว้ก็ไม่ทันเสียแล้วเขากินมันจนหมดแถมยังทำท่าราวกับว่ามันอร่อยเสียอย่างนั้นอีก
“นายทำอะไรน่ะ คลายออกมานะทำไมนายถึงกลืนมันลงไป” เขาไม่ตอบผมแต่กลับเลียริบฝีปากแทน
“น้ำของนายหวานมากเลยนะธอร์ ฉันชอบมันนะ”
จากนั้นก็ทาบทับริบฝีปากของผมจนผมรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เขาพึ่งจะกลืนมันลงไป มันหวานอย่างที่เขาบอกเป็นรสหวานปนขมแต่เมื่อได้รับมันผ่านริบฝีปากของฝ่าย ยิ่งเพิ่มความหวานเข้าไปอีกต่ออาเทลก็ใช้นิ้วสอดเข้าไปยังช่องทางของผมเริ่มจากหนึ่งนิ้ว
“อ๊า...เจ็บ...เทล...เจ็บ”
ผมร้องออกมาเพราะรับรูสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในร่างกาย เขาค้างไว้สักพักก่อนจะเริ่มขยับช้า ๆ จากช้า ๆ เขาเร่งจังหวะขึ้น
“อา......อืมอือ....อ๊ะ...อ๊า....”เสียงครางที่ทวีความดังขึ้นจากปากคู่สวยของผมก็ออกมาไม่ขาดสาย
เขาเริ่มเพิ่มจากหนึ่งเป็นสองและสามตามลำดับ เขาใช้มืออีกข้างจับแก่นกายของผมแล้วรูดขึ้นลง ผมที่โดนรุกทั้งด้าหน้าและด้านหลังไม่อาจทนต่อไปได้ก็ปลดปลอยน้ำสีขาวขุ่น อีกครั้งจนเปอะเปื้อนหน้าท้อง หลังจากที่ผมปลดปลอยน้ำสีขาวขุ่นออกมาแล้ว เขาก็งัดแกนกายของตัวเองขึ้น
“เทล อย่างพึ่งใส่เข้ามานะ ขอฉันทำให้นายบ้าง”
ผมไม่รอให้เขาตอบตกลงคว้าแกนกายของเขาก่อนจะรูดขึ้นลง แล้วใช้ริบฝีปากช่วยด้วยเมื่อแกนกายของเขาสัมผัสกับมือผมและริบฝีปากมันก็ แข็งขึ้น และยิ่งเร่งจังหวะมากเท่าไรมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจ ผมไม่คิดว่าของเขาจะใหญ่ได้ขนาดนี้ นี่คือสิ่งที่เขาสอดเข้ามาในตัวหรือเนี่ย ทำไมมันช่างน่ากลัวอย่างนี้
อาเทลทำสีหน้าทรมารผมเลยเร่งจังหวะเข้าไปอีกแต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเสร็จสัก ที พอผมจะเร่งเข้าไปอีกก็โดนอีกฝ่ายจับลงนอนกับเตียงก่อนจะจับแกนกายของตัวจ่อ ที่ช่องทาง แล้วกดลึกเข้าไปในตัวของผม
“อ๊า...อา...อา....อืม...”
ผมร้องเสียงหวานเมื่อแกนกายของอาเทลแทรกผ่านจนสุด เขารอให้ช่องทางของผมชินกับแกนกายของก่อน แล้วเขาจึงค่อยขยับเข้าออกช้า ๆ
“อ๊า......เทล...แรงอีก...อา....เร็วอีก....อืม” เขาเร่งจังหวะตามที่ผมบอก จนสะโพกของผมยกแอ่นรับเขาตามแรงปรารถนา
“อา...ธอร์...แคบจัง...อืม... ที่รักของฉัน...จุ๊บ”เขาพูดก่อนจะจูบเข้าที่หน้าฝากมลของผม เขาเร่งจังหวะขึ้นไปอีกและในที่สุดเขาก็เสร็จภายในตัวผมพร้อมกับผมที่เสร็จ ไปอีกครั้งเช่นกัน
“แฮ่ก แฮ่ก”เสียงหอบหายใจถี่รัวของผมและเขาสอดประสานกัน
“อีกรอบนะธอร์”เขากระซิบข้างหูเสียงทุ่มนุ่ม
“ขอพักก่อนนะ ฉันเหนื่อยมากเลย”
และในคืนนั้นผมกับอาเทลก็ไม่ได้ต่อกันอีกรอบอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะว่าผมดันเหนื่อยมากและก็กันเผลอหลับไปซะก่อนที่จะต่อกันอีกรอบ และผมแน่ใจว่าอาเทลจะอารมณ์เสียแน่ที่ไม่ได้ต่อกันอีกครั้ง และในตอนเช้าพวกเราก็ทานอาหารเช้าด้วยกันเสร็จแล้วก็เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักกัน
“แล้ววันนี้พวกเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะเทล”ผมหันไปถามอาเทลที่ยังคงทำหน้าคุ่นคิดอะไรบ้างอย่างอยู่
“วันนี้เราเปลี่ยนไปประเทศอื่นดีกว่า ที่ ๆ ไม่วุ่นวายอย่างประเทศนี้”
แล้วมันที่ไหนล่ะนั้นที่ ๆ ไม่วุ่นวาย ที่ใดมีมนุษย์ที่นั้นก็ต้องวุ่นวายอยู่ดีนั้นแหละ ผมหันไปมองเขาแล้วก็ขบคิดถึงสถานที่ ๆ ตนอยากไป แล้วจะไปไหนดีล่ะประเทศไหนที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่สุด แล้วก็มีประเทศหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัวของผม ‘ประเทศไทย’ ที่นั้นมีแหละท่องเที่ยวเยอะ
ผมยังจำได้ตอนที่ไปปราบปีศาจที่นั้น ผมได้ปลอมเป็นมนุษย์เพื่อเข้าไปหาเบาะแสแต่ก็ดันดวงซวยไปเตะตาชาวบ้านเขาอย่างจัง เลยโดยอัธพานรุมรีดไถ่เงิน แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีที่ดันมีคนไทยใจดีผ่านเข้ามาช่วยผมไว้ได้ทัน และพอผมบอกว่าตัวเงอไม่มีที่พัก เพราะดันหลงกับเพื่อนที่มาด้วย (อันนี้ผมจำเป็นต้องโกหกเขา) และผมยังเป็นชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นชินกับสถานที่และวัฒนธรรม เขาเลยใจดีนำเที่ยวพร้อมทั้งยังช่วยผมหาเพื่อน (ซึ่งไม่มีตัวตน) ให้อีก
“ฉันนึกออกแล้ว เราไปประเทศไทยดีกว่า”
ผมหันไปบอกเขาก่อนจะส่งสายตาประมาณว่าไปเถอะนะ ๆ ถ้าผมไปที่นั้นผมอาจจะได้เจอกับคนที่เคยช่วยผมไว้คราวก่อนก็ได้ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะ ‘ภาคิน’
“ก็ได้งั้นเราไปที่ประเทศไทยกัน ฉันเองก็อยากไปเหมือนกัน”
Artel say:
ตอนนี้ผมกับเอธอร์ก็เดินทางมาถึงไทยแล้ว จะเรียกว่าเดินทางซะทีเดียวคงไม่ได้เนื่องจากผมกับเขาหายตัวแล้วมายืนที่นี่ เลยมากกว่า นี่คือหนึ่งเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินกัน ส่วนเงินก็เสกออกให้เข้ากับแต่ละประเทศเลยไม่ต้องกลัวว่าไปไหนแล้วจะไม่มี ตังจ่าย (เป็นเทพนี่ดีเนอะ ไม่ต้องหาเงินใช้เอง : คนแต่ง)
“แล้วอยากไปที่ไหนล่ะ” ผมหันไปถามเอธอร์
“ไปเชียงใหม่กัน ที่นั้นสวยมากเลยนะแถมอากาศยังดีอีกด้วย” คนข้างตัวผมจ้องมองตาเป็นประกาย ทำให้ผมต้องใจอ่อนอีกจนได้แต่อันที่จริงผมอยากให้เขาอ้อนผมให้มากกว่านี้ มากกว่า
“อืมไปสิเราไปพาที่พักที่นั้นกัน” ผมพาเขามาที่หน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ พอเก็บของเรียบร้อยผมก็ชวนเขาไปเดินเล่นรอบ ๆ รีสอร์ท
บริเวณรีสอร์ทถูกจัดตกแต่งให้มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ผมมองไปยังสวนจัดอย่างสวยงามและเห็นใครคนหนึ่งกำลังตื่นเต้นกับความสวยของ สวนนั้นเอง
ผมมองคนที่ไม่รู้จักระวังตัวเลยซักนิดเขาช่างไม่รู้เสียเลยว่าตัวเองนั้น เป็นเป้าหมายสายตาใครต่อใครแค่ไหน ไม่ว่าจะมนุษย์ชายหรือหญิงต่างมองเขาไม่วางตา เห็นทีผมจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้วหากยังปล่อยให้เขาเดินเตร่ไปไหนต่อไหนคน เดียว คงไม่วายเป็นเรื่องอีกแน่
ขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปหาเขาที่ตอนนี้ไปนั่งบริเวณที่จัดเป็นน้ำตกขนาดย่อมไว้ตรงกลางสวนที่ถูกจัด ก็มีชายอีกคนเดินเข้าไปก่อนแล้ว
“ไม่ได้เจอกันเสียนานนะ ธอร์”
เสียงทักทายที่ดูสนิทสนมนั้นทำให้ผมแทบบ้าจนไม่อาจห้ามตัวเองให้ใจเย็นได้ อีกแล้ว ผมเดินเข้าไปแล้วรวบตัวของเอธอร์ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของผม แล้วหันไปจ้องผู้มาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์
“เทลนายทำไรน่ะ ปล่อยฉันนะ” เอธอร์พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากวงแขนของผม แต่มีหรือเขาจะสู้แรงผมได้
“นายเป็นใคร”คำถามถูกส่งตรงไปยังชายอีกคนที่อึ้งมองผมที่ยังคงกอดเอธอร์ไว้แน่น
“ฉันเป็นคนรู้จักของธอร์ แล้วนายล่ะเป็นใคร”เสียงตอบกลับเรียบ ๆ แต่เหมือนมีคมมีดที่พร้อมจะบาดคนที่ได้ฟังของชายคนนี้ทำให้ผมเริ่มหัวเสียซะ แล้ว
“ฉันก็เป็น....” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบเสียงของเอธอร์ก็ดังขัดซะก่อน
“เขาเป็นเพื่อนผมเองครับ คุณภาคิน”
ผมก้มมองคนที่ยังอยู่ในอ้อมกอดอย่างสงสัยว่าเขาไปรู้จักกับชายคนนี้ตอนไหน แล้วทำไมผมถึงได้ไม่รู้มาก่อนเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมจะถาม ก็ชิงเป็นฝ่ายบอกซะก่อน
“เอ่อ...เทล นี่คือคนที่เคยช่วยฉันตอนที่ฉันหลงทางเมื่อคราวก่อนน่ะ จำได้เปล่าว่าเราพลัดหลงกันน่ะ”เขาพยายามบอกให้ผมเล่นตามน้ำไป เฮ้ย...ผมได้แต่ถอดหายใจเบา ๆ แล้วเล่นไปตามที่เขาอยากให้เป็นก่อนจะตอบออกไป
“จำได้สิ กว่าฉันจะหานายเจอก็เล่นเหนื่อยแทบแย่ ที่แท้ก็ได้นายนี่เองที่ช่วยหมอนี่เอาไว้ ต้องขอขอบคุณมาก”
ผมกล่าวขอบคุณ (แบบไม่เต็มใจนัก) กับเขาไปก่อนจ้องไปที่คนตัวเล็กในอ้อมกอดและคาดโทษเขาเอาไว้ก่อน คืนนี้มีเคลียร์กันแน่และผมส่งยิ้มหวานให้คนในอ้อมกันอีกครั้ง แล้วเหมือนเขาจะรับรู้ได้ว่าผมคาดโทษเขา พอเขามองมาที่ผมที่กำลังส่งยิ้มให้ ก็เอาแต่ดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดแทน ผมเลยปล่อยให้เขาเป็นอิสระ แล้วหันไปจ้องชายอีกคนอย่างไม่วางตาแทน
(End Artel say)
-
อ๊ากกกก.....แล้วนี่ผมจะทำไงดีดันมาเจอกับภาคินแบบไม่ทันตั้งตัวเลย ผมลืมบอกกับอาเทลไปซะสนิทเรื่องภาคิน เขาคงโกรธผมอยู่แน่ ๆ ดูจากสายตาที่จ้องภาคินเหม่งแบบนั้น ทำไงดีล่ะเนี่ยผมจะบอกเขาไงดี
“เอ่อ....ฉันว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่ามั้ย”
ผมพยายามเปลี่ยนบรรยายกาศที่มันแสนจะมาคุในตอนนี้ให้เจือจางลง แต่ทำไมรู้สึกถึงสายตาที่จ้องกันจะเหมือนมีสายฟ้าแล่นผ่านไปมาก็ไม่รู้
“นั้นสินะ ผมมีเรื่องจะคุยกับธอร์เยอะแยะมากมายเลยล่ะ พอจะมีเวลาคุยกับผมแบบส่วนตัวบ้างหรือเปล่าครับ”
คำถามที่เหมือนสารท้าประลองนี่มันอะไรกัน ภาคินนายอย่างท้าทายอาเทลอย่างนั้นสิ ผมอดที่จะกลัวไม่ได้ว่าสองคนนี้จะได้มีเรื่องกันแน่
“เห็นทีว่าคงไม่ได้หรอกครับ ผมกลัวเขาจะหลงทางอีกเลยต้องไปด้วยไม่ว่าเขาจะไปไหนก็ตาม”
เสียงตอบเรียบ ๆ ที่แฝงไปด้วยคำประชดประชันอีกฝ่ายอย่างเต็มที่นี่ก็เหมือนกัน แล้วผมที่เป็นคนกลางจะทำไงดี
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ท่ามกลางบรรยาการศมาคุสุด ๆ ทำไมน่ะเหรอก็ดันมีผู้ชายสองคนนั่งจ้องตากันไม่กระพริบนี่สิ นี่ถ้าคนอื่นได้เห็นคงคิดไปว่าสองคนนี้ชอบพอกันแน่ ๆ แต่สำหรับผมแล้วอยากจะรีบแทรกแผ่นดินหนีไปจากตรงนั้นซะเดี๋ยวนี้เลย
“ดูท่านายจะสบายดีนะธอร์ นี่กี่ปีมาแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”ภาคินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบที่แสนอึดอัด
“อ่อ....อืม หลังจากที่แยกกับนายฉันก็กลับไปหาเทลน่ะ” และไม่ได้เล่าว่าหายไปไหนซะด้วย
“แล้วคราวนี้นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ หรือว่ามาเที่ยวอีก”
“ใช่คราวนี้มาเที่ยวกับเทลน่ะ คราวที่แล้วเราดันหลงกันเลยทำให้ไม่ได้เที่ยวกันจริงจังซักที”
คราวที่แล้วมาเรื่องงาน แต่ใครจะไปบอกได้ล่ะ ผมหันไปมองเทลที่ตอนนี้จ้องผมไม่วางตา คืนนี้ไม่พ้นโดนสักถามแน่ผมจะทำไงดีล่ะเนี่ย
“งั้นคราวนี้ขอฉันเป็นไกด์นำเที่ยวอีกรอบแล้วกันนะ คราวที่แล้วฉันยังพานายไปไม่ทั่วเลยนิ”
พอภาคินพูดจบผมก็เห็นสายตาไม่พอใจของอาเทลจ้องไปที่เขาทันที อ๊ากกกแย่แล้วถ้าขืนเป็นอย่างนี่ต่อไปได้มีเรื่องกันแน่ ๆ ผมเลยจำต้องปฏิเสธอย่างเลือกไม่ได้
“เอ่อ...”
“พวกเราไม่จำเป็นต้องมไกด์ ฉันสามารถพาเพื่อนของฉันเที่ยวเองได้” เสียงเย็นเฉียบของอาเทลดังขึ้นก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไร
“ผมคิดว่าผมถามธอร์ไม่ได้ถามคุณนะครับ คุณเทล “
เท่านั้นแหละสองสายตาก็จ้องจะกินเลือดกินเนื้อกันอีกรอบ ชั่งเป็นบรรยายการไม่ดีเอาซะเลยผมทนต่อไปไม่ได้แล้ว
ปัง!!
ผมทุบโต๊ะอย่างเหลืออด ก่อนจะลุกวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับไปมองทั้งสองคนอีก ผมเดินออกจากโรงแรมแล้วเดินไปตามทางเลื่อย ๆ เห็นมนุษย์เดินผ่านไปผ่านมา รีสอร์ทที่ผมพักนั้นอยู่ใกล้กับน้ำตกด้วยผมเลยเดินไปยังบริเวณน้ำตก ไอน้ำเย็น ๆ ที่มาจากน้ำตกทำให้อารมณ์ขุนมัวของผมลดลงในไม่ช้า
“ธอร์”เสียงดังมากข้างหลังผม แต่ผมไม่ได้หันไปตอนนี้ผมไม่อยากคุยอะไรทั้งสิ้น
“ธอร์ฉันรักนาย” เสียงนั้นเข้ามาใกล้และผมแน่ใจว่าตอนนี้คน ๆ นั้นอยู่ข้างหลังผมแล้ว เขาสวมกอดผมด้านหลังผมทำให้สะดุ้งดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดแข็งแรงนั้น แล้วผมก็หันไปมองก็พบกับภาคิน ไม่ใช่คนที่ผมคิด
“ทะ....ทำไมถึงเป็นนายล่ะภาคิน”
ผมยังคงอึ้งเมื่อคนที่นึกว่าทำแบบนี้จะเป็นอาเทลคนที่ผมรัก แต่กลับเป็นอีกคนที่ผมนึกว่าเขาคือเพื่อนที่ดีของผมไปซะได้
“ฉันขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่ฉันทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จากคราวที่แล้วที่ฉันพลาดไม่ได้บอกกับนายมันทำให้ฉันต้องรู้สึกเจ็บใจที่ถ้า วันนั้นก่อนที่นายจะไปฉันได้บอกนายก่อนคงจะดี ฉันน่าจะบอกนายให้เร็วกว่านี้ว่าฉันชอบนาย”
คำที่เขาพูดมาทำให้ผมอึ้งอีกครั้งเขาชอบผม คนแปลกหน้าที่ดันมาทำให้เขาวุ่นวายน่ะเหรอ
“ที่ฉันเข้าไปช่วยนายในตอนแรกก็เพราะฉันตกหลุมรักนายตั้งแต่แรกเห็น ทั้งที่ฉันไม่เคยมองผู้ชายคนไหนมาก่อนแล้วฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะชอบผู้ชายด้วย แต่พอฉันเจอนายในวันนั้นฉันก็รู้ได้ทันทีว่าฉันหลงรักนายแค่คนเดียว”
“ขอโทษนะ แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้” ผมตอบเขากลับไปซึ่งทำให้เขาทำหน้าเศร้าทันที
“ปล่อยธอร์นะ ห้ามแตะต้องเขา” อาเทลที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้คว้าตัวผมออกมาจากภาคินแล้ว ดึงตัวผมเข้าไปที่อ้อมแขนตัวเขาแล้วกอดผมไว้
“ห้ามนายยุ่งกับเขาเด็ดขาด เขาเป็นของฉัน ของฉันคนเดียว”
“อะไรทำให้นายคิดว่าเขาเป็นของนายกัน นายกับธอร์เป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ใช่ เขาเป็นของฉันและฉันไม่ยกเขาให้ใครเด็ดขาด”
“ธอร์นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไหนนายบอกว่าเขาเป็นเพื่อนนายไง แล้วทำไมเขาถึงทำอย่างกับว่านายเป็นของเขาแบบนั้น” ภาคินหันมาถามผมที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของอาเทล
“ฉันขอโทษนะเทล แต่เรื่องแบบนี้จะให้ฉันบอกนายได้ไงว่าเขากับฉันเป็นคนรักกัน”
“ทะ...ทำไมนายไม่บอกฉัน ทำไม ทำไมนายต้องมีคนที่รักอยู่แล้ว ทำไมนายไม่รักฉันแทนที่จะรักหมอนั้น ทำไม....นายช่วยบอกฉันที่สิธอร์ ฉันควรทำยังไงดี”
“แก..... ฉันว่าแล้วเชี่ยวว่าทำไมแกต้องทำตาหวานใส่ธอร์ตลอดที่แท้แกก็แอบชอบธอร์อยู่ นี่เอง” อาเทลพุ่งตัวไปจะชกภาคินแต่ผมรั้งตัวเขาไว้ได้ทันก่อน
“อย่างเลยเทล นายจะชกมนุษย์ไม่ได้นะ”
“...”
“ฉันว่าเรากลับที่พักกันเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
แล้วผมก็ปล่อยให้ภาคินอยู่ตรงนั้นโดยลากอาเทลกลับที่พักก่อนที่จะมีเรื่อง กันอีกรอบ พอพวกเรากลับมาถึงที่พักผมกับอาเทลก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเปิดฝังบัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายไป หัวสมองก็คิดว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นดี
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็เดินเข้ามายังห้องน้ำที่ตอนนี้อาเทลนั่งอยู่ที่ เตียงอยู่ ผมเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เขา แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวอะไรต่อ เขาก็ทาบทับริมฝีปากของตนเองเข้ากับริมฝีปากของผมก่อน
“อืม...เดี๋ยวก่อนเทล” ผมบอกเขาก่อนที่จะพยายามพูดให้เขาหยุด
“อืม....จุ๊บ...ฮา....จ๊วบ...อืม...เดี๋ยวก่อนฉันมีเรื่องจะบอก”
“ตอนนี้ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ฉันจะลงโทษนายที่ไม่ยอมบอกอะไรฉันเลย”
จากนั้นเขาก็ทาบทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ก่อนจะละจากริมฝีปากของไปยังซอกคอขาวเนียนไล่ลงไปจนถึงยอดอกสีชมพูหวานสวย เมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสโดนมันทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาก ยอดอกของผมก็แข็งขึ้นทันที
“อา...อืม ตรงนั้น อย่าเลียนักสิ ฉัน....อ๊า”ผมร้องเสียงหลงมันเป็นความรู้สึกเสียวหวาบ แต่ก็ทำให้รู้สึกดีมาก
“ตรงนี้นายแข็งขึ้นมาแล้วนี่”
เขาเอามือมาทาบลงบทแก่นกายของผมที่ตอนนี้กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ ก่อนจะรูดขึ้นจนทำให้ผมเกร็งขึ้นเพราะแรงปรารถนา เขาเร่งจังหวะในการรูดขึ้นจากช้า ๆ เป็นเร็วขึ้น
“อ๊า....เทล....ฉันจะไม่ไหวแล้ว....จะ...จะออกแล้ว”
พอสิ้นคำพูดผมก็ปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเปอะที่นอน แต่มือของอาเทลก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นเพราะเขาเลื่อนจากแก่นกายของผมลงไป ยังช่องทางที่ข้างล่างแทน แล้วสอดนิ้วเข้าไป
“อ๊า...เทลอย่างพึ่ง...อึก...อ๊า....”
“นายชอบหรือเปล่าธอร์ วันนี้ฉันจะไม่ให้นายได้นอนเลยล่ะ”
เขากระซิบข้างหูด้วยเสียงนุ่มทุ้มก่อนจะเริ่มสอดนิ้วเข้ามาเพิ่มจนผมต้อง เกร็งกับจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 1 เป็น 2 และ 3 เขาเริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น
เขาถอดนิ้วจากช่องทางของผมแล้วเลียที่นิ้วอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะก้มลงไปแล้วใช้ลิ้นเลียตรงช่องทางของผม
“อ๊า...เทล....อย่างเลียตรงนั้น มันสกปรก อา...อย่าเลียสิ”
อาเทลลุกขึ้นจัดท่าทางของผมโดยจับขาผมพาดบ่าของเขาไว้ก่อนจะจัดแกนกายของเขา จ่อที่ช่องทางของผมแล้วกดเข้าไป ผมรู้สึกถึงแก่นกายของเขาที่พยายามแทรกผ่านช่องทางแคบ ๆ ของผมเข้ามา
“อ๊า....เทล....เบา ๆ หน่อยฉันเจ็บ”
“อา...ขอโทษนะธอร์ ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
เขาไม่รอให้ช่องทางของผมปรับตัวได้ก็กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดอย่างแรง มันทำให้ผมจุกมากจนไม่อาจห้ามเตือนเข้าได้ จากการกระแทกอย่างแรงในครั้งแรกเปลี่ยนมาช้าลง
“ธอร์เจ็บเหรอ ฉันขอโทษฉันไม่ได้อยากให้นายร้องไห้” เขาพูดพลางเลียน้ำตาที่เล็ดของมาของผมอย่างอ่อนโยน
“อืม...ไม่เป็นไร” ผมบอกเขา
“ฉันจะทำให้ช้าลงนะนายจะได้รู้สึกดีไง”
พูดจบเขาริมฝีปากเขาก็ทาบทับริมฝีปากของผมและหมอบความหวานมาให้ เขาควานหาลิ้นปากของผมในขณะที่เขายังคงขยับเข้าออกช้า ๆ แล้วเร่งจังหวะขึ้นทีละนิด ๆ จนผมเกือบจะทนไม่ไหว
“อ๊า...เทล...แรงอีก...อืม....ลึกกว่านี้ อ๊า...เร็วกว่านี้ด้วย”
แล้วเขาก็แรงจังหวะขึ้นอีก คราวนี้ทั้งแรง ลึก และเร็วอย่างที่ผมบอก
“อา...ฉันจะออกแล้วเทล”
“งั้นออกพร้อมกันเลยนะธอร์ ฉันก็จะออกแล้ว”
เราทั้งสองปลดปลอยน้ำขาวขุ่นจนเปื้อนเต็มที่นอน หลังจากที่ทำไปแล้วครั้งหนึ่งก็มีสองสามจนกระทั่งเช้า เขาทำตาที่บอกไว้กับผมจริง ๆ ผมแทบไม่ได้นอนเลยกว่าจะได้นอนก็เช้าแล้ว ผมก็สลบไปตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตื่นขึ้นก็เห็นว่าเขาไม่อยู่แล้ว
“ตื่นแล้วเหรอธอร์” เขาเดินเข้ามาพร้อมกันถาดอาหารหอม ๆ
“อืม ระบมไปทั้งตัวเพราะนายคนเดียว”
“คิ คิ เอานี่ไปทานก่อนวันนี้เราจะกลับสวรรค์กัน ฉันไม่อยากเที่ยวแล้ว” เขาทำท่าจะเดินออกไป แต่ผมจับที่แขนเสื้อเขาไว้ก่อน
“อาเทลนายต้องฟังที่ฉันบอกก่อนสิ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันเข้าไปดูจากความทรงจำนายแล้ว และที่ไม่อยากเที่ยวต่อน่ะเพราะมีงานด่วนเข้ามาต่างหากเล่า”
“เฮ้ย....ฉันนึกว่านายจะโกรธที่ฉันไม่ยอมบอกเสียอีก”
อาเทลเดินเข้ามาโอบผมที่ยังอยู่บนเตียงแล้วทาบทับริมฝีปากที่เรียนผมนุ่ม ๆ ของผมก่อนจะเริ่มป้อนอาหารให้ผม พอทานอาหารเสร็จผมกับอาเทลก็กลับขึ้นสวรรค์ในตอนเที่ยงของวันนั้น เรื่องราวการไปเที่ยวก็จบเพียบแค่นี้
+++++++++++++++++++
กำลังคิดว่าจะเขียนภาคภาคิน
ปล่อยให้อกหักนาน ๆ คงไม่ดี ว่าจะหาคนด้ามใจให้หน่อย
แต่ยังไงคงต้องรอไปก่อนเพราะติดเขียนอีกเรื่องที่ใกล้จบแล้ว
และกำลังจะต่อภาคสอง(ที่ยังคงคิดไม่ออกว่าจะไปแนวไหนดี)
ยังไงก็รอติดตามแล้วกัน
รักคนแต่ง เมนท์ให้ด้วยนะจ๊ะ
-
ยังมีภาคต่อของเรื่องนี้อยู่ป่าว หรือว่าจบแค่นี้อ่ะคนเขียน
-
มีนะ แต่ยังไม่ได้แต่งอ่ะ
ภาคของภาคิน
ปล่อยให้อกหักแล้วไม่มีคู่ได้ไงจริงมั้ยอิอิ
-
สังเกตเห็นเรื่องนี้พอดี ฮ่าๆๆ
สนุก~!!
รอภาคของภาคินต่อเลยเนอะ ^^
-
+1 ค่ะ
รอภาคต่อไป
-
ตอนแรกก็ว่า เอ ทำไมเอธอร์ ต้องทำตัวเกรงอกเกรงใจใครต่อใคร
ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นลูกมหาเทพซุส แหม ก็ท่านไม่ชอบเบ่งนี่โน๊ะ
เลยได้คู่ครองตรงใจไปเลย
-
+1 ไปเลย o13 o13
รอภาคสอง
-
ตอนแรกคิดว่าเอธอร์จะเป็นลูกชายของ ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าซะอีก
สงสัยคงคนละตำนานกันเนอะ
รอภาคคุณภาคินดีกว่า ปล่อยไว้นาน ๆ น่าสงสาร
-
o13
สนุกดี จะรอนะคะ
-
:L2: :L2:
-
ให้ภาคิน หาหนุ่มเทพสวรรค์สักคน แล้วกันค่ะ (ให้ภาคินเป็นฝ่ายเคะ อิอิ ด้วยความหมั่นไส้)
-
สนุกดีค่ะ
-
แล้วภาคินก็หายไปแบบเนี่ย มาแบบเงียบๆไปแบบเงียบๆ
-
:pig4: