พิมพ์หน้านี้ - [ขอคำปรึกษา] ความรักกับผู้ชายครั้งแรกของผมครับ >>ไปค่ายอาสา I 21/10/2012
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => พูดคุยทั่วไป => คลังกระทู้เก่า => ข้อความที่เริ่มโดย: sushiblack ที่ 15-02-2012 19:57:44
-
สวัสดีครับทุกคน
ผมมีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษา
ก่อนอื่น ผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน แม้แต่จะคิดด้วยซํ้า มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด
จนกระทั้งตอนนี้ ผมอยู่ปีหนึ่งครับ (อีกอย่างเรื่องที่ผมจะเล่า มันก้อเกิดขึ้นไม่นานเองครับ ไม่ถึงเดือนด้วยซํ้า)
ผมมีเพื่อนผู้ชายคนนึง มันป็นคนตัวเล็ก ตัวขาว(กว่าผู้หญิงอีก) หน้าใสเว่อ(แอบอิจฉาด้วย ฮ่าๆ) ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับมันนะครับ
ผมมองว่ามันเป็นเพื่อนคนนึงเท่านั้น จนกระทั้งวันนึงผมไปนอนติวที่หอมัน ก็ติวไปเรื่อยๆ
แต่พอถึงตอนนอน ผมเป็นพวกติดหมอนข้างมากๆ แต่มันไม่ให้หมอนข้างผม ผมเลยนอนกอดมัน
(ที่โรงเรียนเก่า ผมนอนกอดเพื่อนผู้ชาย มันเป็นเรื่องปกติอะครับ (ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นเหมือนโรงเรียนผมเปล่า ฮ่าๆ))
ตอนผมกอด ผมมีความรู้สึกว่า ตัวมันนิ่มมาก อยากกอดไปอย่างนั้นตลอดเลย
ผมว่าผมเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆกับมันตั้งแต่ตอนนั้นอะครับ แต่ยังไม่ได้คิดอะไรนะ
จนผ่านมาอีกสักพักประมาณอาทิตย์กว่า ผมให้มันมานอนที่หอผม
ตอนคืนผมยอมรับเลยว่าผมอยากนอนกอดมันมากกว่า และอยากพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองด้วย
ผมนอนปิดไฟกอดมัน แล้วเหมือนมีอะไรไม่รู้ ให้ผมไปหอมแก้มมัน
จนเหมือนทำให้ผมมั่นใจว่า ผมชอบมัน และผมก็บอกมันไปเลย ว่า"เป็นแฟนกูมั้ย"
มันก็ตกใจนะครับ ลุกขึ้นเลย มันบอกว่ามันเป็นแฟนด้วยไม่ได้
และหลังจากวันนั้น ผมเริ่มมีความรู้สึกเหมือนอกหักไงไม่รู้
ผมอยู่นิ่งไม่ได้เลยครับ ต้องหาอะไรทำตลอด ออกไปวิ่งข้างนอก หาเพื่อนข้างนอก อยู่คนเดียวไม่ได้เลยครับ
นอนไม่หลับ (สามวัน ผมนอนไปแค่ห้าชั่วโมงเองครับ)(และอีกอย่างมันก็เครียดนะครับ มันบอกว่า เป็นเพราะมัน ที่ทำให้ผมเป็นอย่างนี้)
จนมีวันนึงผมไปหามันที่หอ ตอนประมาณสามทุ่ม (ผมให้เมทมันเป็นเปิดประตูหอให้)
แล้วผมไปเคาะประตูห้องมันเอง ตอนมันเปิดประตูมันก็ตกใจนะครับ แต่ก็ให้ผมเข้าไป
ตอนนั้นเราพูดคุยอะไรปกติดี (และทำให้ผมสบายใจขึ้นมากด้วย)
และพอตอนนอน ก็ปิดไฟปกติ ผมก็นอนกอดมันเหมือนเดิม แต่ตาผมมองหน้ามันตลอดเลยครับ จนผมเข้าไปหอมแก้มมัน และก็เข้าไปจูบมัน(แต่แค่ริมฝีปากสัมผัสกันเองนะครับ)
มันตกใจมาก มันปิดปาก แล้วพรึมพรัมกว่า มันโดนจูบไปแล้ว
ผมเลยบอกว่า "จูบจริงๆมันต้องแบบนี้" แล้วผมก็ลุกขึ้นเอามือมันที่ปิดปากมันเองออก แล้วจูบแบบลิ้นสัมผัสกันครับ จนสักพักถึงเลิกจูบ
แล้วผมกับมันก็จ้องตากันอยู่อย่างนั้น จนจูบมันอีกรอบ มันก็เหมือนจูบตอบผมกลับเหมือนกัน
แล้วเหมือนอารมณ์พาไปมั้งครับ (อันนี้มันมาบอกผมทีหลัง และมันยังบอกอีกด้วยว่า มันไม่คิดอะไรกับผม) จนถึงขั้นที่มันอมให้ผม (แต่ไปแตกในห้องนํ้านะครับ ไม่ได้แตกในปาก)
มันออกจากห้องนํ้าไปก่อน ส่วนผมก็ล้างตัวในห้องนํ้า
พอผมออกจากมา
(อ๋อ อีกอย่าง ตอนนั้นเมทมันยังไม่กลับเข้าห้องครับ)
แล้วหลังจากนั้น เราก็นอนคุยอะไรเรื่อยเปื่อยจนเช้าอะครับ (แต่มันก็ยํ้ากับผมเสมอว่า มันไม่ได้คิดอะไรกับผม มันแค่ต้องการให้ผมสบายใจ)
วันนั้นมันโดดเรียนเช้าครับ เพราะเราทั้งคู่เพลอหลับไปตอนประมาณเจ็ดโมง ตื่นมาอีกทีประมาณเที่ยง ก็ออกไปกินข้าวกัน แล้วไปหอผมครับ เพราะผมต้องไปเปลี่ยนชุด
แต่ก็นอนคุยกันต่ออีก และก้จูบกันอีก (ช่วงนั้น เป็นอะไรที่จูบกันบ่อยมาก) และมันก็อมให้ผมอีก แต่อยู่ดีๆมันก็เลิก มันบอกว่ามันสับสน
ผมก็เข้าใจนะครับ ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เรานอนเงียบไปสักพัก ก็ต้องออกไปเข้ามอกัน
และอีกอย่างวันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ (ก็คือ เมื่อวานนั้นเองครับ) ผมก็ซื้อกุหลาบ กับช็อกโกแลตให้ มันก็รับไว้นะครับ
และคืนนั้น ผมก็ไปนอนหอมันเหมือนเดิม และก็ทำอะไรกันเหมือนเดิม พอหลังผมแตกเสร็จ
ก็มานอนคุยกัน แต่มันบอกว่า ครั้งนี้มันทำให้ผมเต็มที่ แต่ขอให้ผมเลิกคิดอะไรกับมันต่อไป เลิกกอด เลิกจูบมันอีก
ผมไม่พูดอะไร ผมแค่ส่ายหน้าอย่างเดียว จนหลับไป
และคืนนี้ผมก็บอกมันไปว่า จะไปนอนด้วยอีก และจะออกไปกินข้าวกัน มันก็ไม่ว่าอะไร
ผมไม่รู้ว่า ที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ มันเรียกความสัมพันนี้ว่าอะไร และไม่รู้ว่ามันคิดอะไรกับผมกันแน่
ผมสับสนมากครับ แต่ผมก้มีความสุขดีนะครับ
(มีเนื้อหาบางส่วนที่ลบไปนะครับ อาจจะทำให้อ่านเนื้อหาตอนแรกไม่ราบรื่น 21/10/2012)
-
คุณ sushiblack
ถามเลย ตรงๆ "เราจะคบกันในฐานะไหน? เพื่อน แฟน...."
ปล. คุณถามใจตัวเองด้วยนะ อย่าถามแต่คนอื่น จูนให้ตรงกัน เว้ากันซื่อๆ
อวยพรล่วงหน้าจ้า :L2:
-
ขอบคุณครับ
ผมต้องการเป็นแฟนครับ
ไม่ได้ต้องการเป็นแค่เพื่อนกับมัน
มันก็บอกอยู่ตลอด ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้
-
คุณ sushiblack
สุขที่จะได้รัก แต่ไม่ก้าวล้ำความต้องการของเขา :n1:
อาจเจ็บนิดหน่อย แต่สามารถใช้ได้ในระยะนี้ (ไปก่อน)
สักวันคุณ sushiblack ก็จะได้เจอ คนที่เขาพร้อมอยู่ในฐานะ "แฟน" กับคุณ
มิตรภาพดีๆ กับคนนี้ควรเก็บไว้ในห้วงความประทับใจหนึ่งของความทรงจำ
แทคแคร์หัวใจตัวเองนะ เข้มแข็งนะ :กอด1:
-
เราคิดว่าเขาก็คงมีใจไม่มากก็น้อยแหละนะ
ไม่งั้นจะยอมทำอะไรๆกะคุณเหรอ
แต่ความคิดที่ว่าถ้าทำไปมันจะผิด คงจะเยอะกว่า
เราว่าน่าจะให้เวลาเขาหน่อยนะ
คิดว่าสักวันนึงเขาคงจะพร้อม
แค่มีความรักกับเพศเดียวกันมันเป็นบาปด้วยเหรอ
-
ผมเองเป็นพุทธ แต่ก็เรียนโรงเรียนคริสมาตั้งแต่ป.5 ก็ไม่เคยได้ยินนะครับว่ามันบาปด้วยหรอ แต่ก็อย่างว่าแหละ ผมก็ไม่ได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ อันนี้ก็รอชาวคริสมายืนยันอีกทีดีกว่า
ตอนนี้เค้าเองก็คงจะสับสนอยู่พอสมควรละครับ ผมว่าคุณน่าจะให้เวลาเค้าหน่อยนะ ในขณะเดียวกันก็ให้เวลากับตัวคุณเองด้วย
ลองห่างๆ แล้วคิดทบทวนดูดีๆ ว่าคุณรู้สึกยังไงกับเค้ากันแน่ เพราะเท่าที่เล่ามา เรื่องราวมันเกิดค่อนข้างที่จะเร็วนะ และตัวคุณเองก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์มากเลย แต่ช่วงนี้ควรจะต้องใช้สติ มากกว่าการใช้อารมณ์ครับ
ถ้าคุณอยากจะได้แฟน ที่เป็นแฟนจริงๆ คุณต้องทำให้เค้ายอมรับคุณทั้งตัว ทั้งใจ ไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์พาไป
ถ้าคุณกับเค้าคนนั้นยังอยู่ในสถานะแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะคลุมเครือไปแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอ่ะครับ
มันจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วนใจทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นแฟนไหม ก็ไม่ใช่ แค่อาศัยได้กันไปวันๆ
แล้วถ้าวันนึงเค้าเกิดไปชอบผู้หญิงคนไหน (หรือผู้ชายก็ตามที) คุณก็จะอยู่ในสภาวะที่ จะพูดก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะไม่ได้เป็นแฟนกัน หมายความว่าคุณไม่มีสิทธิในตัวเค้านะ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณนะ ว่าจะยอมอยู่ในสถานะแบบนี้ได้รึเปล่า
ลองเปลี่ยนมาดูแลกันในฐานะ เพื่อนคนพิเศษไปก่อน ก็น่าจะดีนะครับ ให้เวลาเค้าซักพัก แล้วค่อยขอเป็นแฟนใหม่ก็ยังไม่สายเกินไปหรอก เพราะเค้าก็คงชอบคุณอยู่ไม่น้อยเหมือนกันแหละครับ
edit : หลังจากไปลองหาอ่าน เกี่ยวกับเรื่องศาสนาคริสมาแล้ว ก็ขออธิบายตามนี้นะครับ
1. ต่อให้ ชาย-หญิงก็ตามที ถ้ามีอะไรกัน ก่อนแต่งงาน ก็ถือว่าเป็นบาปแล้วล่ะครับ
เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่คุณกับเค้ามีอะไรกัน มันก็ยิ่งทำให้เค้ารู้สึกผิดมากขึ้นครับ
2. การเป็นเกย์เป็นบาปหรือไม่ อันนี้ค่อนข้างจะคลุมเครือ และอยู่ที่การตีความนะครับ
ขอยกบทความนี้มาละกัน ค้นเจอพอดี
ที่มาจาก http://www.gconnex.com/philosophy-religion/t735/
สำหรับชาวชายรักชายที่เป็นคริสต์แล้ว คำถามนี้ถือว่าเป็นคำถามที่สำคัญคำถามหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว หลาย ๆ คนคงเคยถูกสอนเสมอ ๆ ถ้าริจะเป็นเกย์ มีแฟนเป็นชายด้วยกันล่ะก็ จะเป็นบาปหนักหนาสาหัส พระเจ้าจะลงโทษถึงขั้นตกนรกหมกไหม้
ฟังดูออกจะโหดร้าย แต่ศาสนาคริสต์ ซึ่งมีผู้คนนับถือมากที่สุดในโลกนั้น เต็มไปด้วยมายาคติเช่นนี้จริง ๆ ใครที่รักเพศเดียวกันถ้ายังอยากจะนับถือคริสต์อีกต่อไป ก็ต้องปกปิดชีวิตด้านหนึ่งไว้อย่าให้แพร่งพรายส่วนคนที่เลือกยืนหยัดบนความจริงของตน ก็จะถูกผู้คนที่ยึดมั่นในคำสอนที่งมงายล้อเลียน ดูถูก เหยียดหยาม บ้างก็ถูกอเปหิออกจากโบถส์ บ้างก็จำต้องทิ้งศาสนาไปอย่างน่าเสียดาย
ต้นเหตุแห่งมายาคติที่เลวร้ายเช่นนั้นมาจากการตีความพระคัมภีร์ในศาสนา (คัมภีร์ไบเบิ้ล) ผ่านทางแว่นแห่งอคติ
บทพระคัมภีร์ทอปฮิตที่ถูกนำมาอ้างแล้วอ้างเล่า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จนถึงปัจจุบัน เพื่อตัดสินว่าการรักเพศ เดียวกันเป็นบาป ก็คือ บทที่ว่าด้วยเมืองโสโดม (ปฐมกาล 19, 1-25)
เรื่องของเมืองโสโดมมีอยู่ว่า ชายผู้หนึ่งชื่อว่า โลท ได้ต้อนรับเทวดาของพระเจ้า 2 องค์ ที่แปลงกายมาในร่างของ มนุษย์ผู้ชาย เข้ามาพักค้างแรมในบ้าน แต่ยังไม่ทันที่แขกจะเข้านอน ชายชาวเมืองโสโดมทั้งหนุ่มและแก่ ต่างพากันมาล้อมบ้านโลทไว้ และร้องบอกให้โลทส่งแขกทั้งสองนั้นออกมาหลับนอนกับพวกเขา โลทปฏิเสธ แต่เสนอว่าจะส่งลูกสาวของตนที่ยังไม่เคยหลับนอนนกับชายใดออกไปแทน ให้ชาวเมืองทำอะไรกับ เธอก็ได้ แต่อย่าทำอะไรกับแขกของตนเลย ชาวเมืองไม่พอใจจะพังประตูเข้ามา แต่เทวดาทั้งสองนั้นทำให้ทุกคน ที่อยู่หน้าประตูตาบอดหมด แล้วในที่สุดพระเจ้าก็ส่งไฟมาทำลายเมืองนั้นทั้งเมือง
ด้วยการตีความเรื่องนี้อย่างผิวเผิน ทำให้ศาสนาสั่งสอนผู้คนว่า บาปของเมืองโสโดมคือ การรักเพศเดียวกัน ซึ่งร้ายแรงมากจนพระเจ้าต้องทำลายเมืองทั้งเมือง โดยแทบจะไม่มีใครตั้งคำถามเลยว่าการที่โลทตั้งใจ จะ ส่งลูกสาวของตนออกไปให้ชาวเมืองแทนนั้น เป็นการกระทำรุนแรงต่อผู้หญิงหรือไม่
แต่ก็ยังดีที่ว่า ในปัจจุบัน เรามีนักพระคัมภีร์หัวก้าวหน้า ที่ช่วยกันศึกษาค้นคว้าจนได้บทสรุปที่ต่างออกไป พวกเขากล่าวว่า แท้จริงแล้วบาปของเมืองโสโดมเป็นบาปของการไม่ต้อนรับผู้มาเยือน ซึ่งในเขตทะเลทราย เช่นเมืองโสโดมนั้น มีกฎอยู่ว่าเจ้าบ้านจะต้องต้อนรับแขกผู้มาเยือน เพราะว่าทะเลทรายยามกลางคืนจะหนาว เหน็บมาก การไม่มีที่พักอาจหมายถึงอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
ใน พระคัมภีร์เก่าเองมีการกล่าวอ้างถึงเมืองโสโดมทั้งหมด 21 ครั้ง ไม่มีครั้งใดเลยที่กล่าวว่าบาปของเมือง โสโดมคือ การรักคนเพศเดียวกัน หากแต่เป็นบาปของความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง การโกหก แม้แต่พระ เยซูเอง ก็อ้างถึงเมืองโสโดมในแง่ของการปฏิเสธผู้นำสารของพระเจ้า
บทจดหมายของเปาโลเป็นอีกบทที่ถือว่าเป็นรองทอปฮิตจากเรื่องของเมืองโสโดมเปาโลนั้นประนามความสัมพันธ์
ระหว่างคนรักเพศเดียวกัน ว่าเป็นสิ่งที่ “ผิดธรรมชาติ” ก็ต้องขอบคุณนักพระคัมภีร์หัวก้าวหน้าอีกครั้ง
พวกเขาอาศัยข้อมูล ทางวัฒธรรมของอาณาจักรโรมันในศตวรรษที่ 1 แสดงให้เราเห็นว่า จริง ๆ แล้ว เปาโล ไม่มีภาพความรักระหว่างคนเพศ เดียวกันที่เป็นธรรมชาติเช่นในสมัยปัจจุบันเลย
พฤติกรรมที่เปาโลกล่าวประนามนั้น คือพฤติกรรมของชายนอกศาสนา ซึ่งจริง ๆ เป็นคนรักเพศตรงข้าม แต่ชอบมีเพศสัมพันธ์ อย่างทารุณ โหดร้ายกับเด็กชายหรือชายโสเภณีตามโบสถ์
นอกจากนั้นคำว่า “ผิดธรรมชาติ” ของเปาโลนั้นมิได้หมายถึง การทำผิดศีลธรรม หากหมายถึงการกระทำที่ผิดไป จากประเพณี ดังเช่น เปาโลกล่าวว่า การที่ผู้ชายมีผมยาวนั้นผิดธรรมชาติ (1 โครินธ์ 11, 14) หรืออีกตอนกล่าวว่า พระเจ้าทำผิดธรรมชาติ (โรม 11,24)
ส่วนพระเยซู ศาสดาของศาสนานั้นไม่ได้กล่าวถึงคนรักเพศเดียวกันไว้เลย สิ่งสำคัญสำหรับพระองค์คือ ความรัก ความยุติธรรม และการปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ
ดังนั้น เมื่อเราถอดแว่นแห่งอคติออกไปแล้ว บาปไม่บาปไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรักเพศเดียวกัน หรือต่างเพศ ขอให้เป็นรักที่แท้จริงเถิด
จะรักเพศไหน หรือทั้งสองเพศ ก็ไม่บาปทั้งนั้น.
บทความโดย กลุ่มอัญจารี
ความเห็นผมนะ ถ้ามันมีเมืองแบบนั้น แล้วมันโดนพระเจ้าทำลายจริงๆ ก็คงไม่ใช่เพราะเป็นเกย์ หรือไม่ต้อนรับแขกอะไรหรอก แต่มันเป็นเมืองที่แบบ โคตรมั่วเซ็กเลยมากกว่า มีอย่างที่ไหน ชาวเมืองมารุมล้อมให้ส่งตัวแขกมาเอากะพวกมัน -*- แถมไอ่โลทนั่น กับจะส่งลูกตัวเองให้คนอื่นทำมิดีมิร้ายแทนอีก แบบนี้มันตกต่ำสุดๆแล้ว แต่คนที่ตีความแรกๆดันบอกว่าเป็นบาปเพราะรักร่วมเพศ :z3: คือต่อให้มันต่างเพศมันก็เสื่อมเหอะ - -*
และสุดท้าย ศาสนาคริส เน้นเรื่องความรักครับ
เพศสัมพันธ์ระหว่างช ญ = เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์
เพศสัมพันธ์ระหว่างช ช = เกิดจากตันหาราคะล้วนๆ
ก็คงเป็นอีกเหตุผลนึงละมั้ง :เฮ้อ: แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ ถ้าคุณมอบความรักให้เค้าอย่างบริสุทธิ์ใจ เค้าจะต้องรับไว้แน่ครับ :L1:
-
ความใกล้ชิด
-
ปล่อยไปให้เป็นธรรมชาติ ถ้่ามันใช่ก็ใช่ แต่ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวก็จบ
-
เหมือนว่าคุณจะแน่ใจในตัวเองแน่นอนแล้ว(หรือเปล่า?) แต่เราว่า เพื่อนคุณคงสับสนอะ ให้เวลาเค้าหน่อยดีเปล่าคะ แต่เราเข้าใจนะ คือเราเป็นคริสต์ คริสต์เน้นเรื่องความรักแน่นอนคะ แต่เรื่องชายกะชายนี่ ตามความคิดเรานะ ไม่ว่าจะ ช-ช หรือ ญ-ญ ตามปกติแล้วมันดูผิดธรรมชาติตามหลักศาสนา (ทั้งๆที่เราออกจะชอบเห็นผู้ชายรักกัน :o8: ฮ่าาา)
ขอถามอีกนิด เพื่อนคุณเป็นคริสเตียนหรือเปล่าคะ? ถ้าใช่ ค่อนข้างเคร่งคะ ยึดมั่นในหลักคำสอนแล้วก็ไม่กล้าทำผิดต่อบาป เรื่องที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ(เช่นชายรักชาย) เป็นเรื่องผิดต่อพระเจ้า ที่สร้างผู้ชายให้เกิดมารักกับผู้หญิงเพื่อดำรงเผ่าพันธ์นะคะ เพื่อนคุณก็ดูมีใจกับคุณนะ แต่ก็ดูสับสนไม่น้อย คงต้องให้เวลาเค้า ระหว่างนี้ ก็ทำดีกับเค้าไปก่อน ทำตัวเหมือนเดิม ถ้ามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว ก็เสมอต้นเสมอปลาย ให้เวลา อะไรๆมันก็คงจะดีขึ้นเองแหละคะ
เอาใจช่วยน้า :กอด1: :กอด1:
-
ผมว่า ... ให้เวลาเค้าหน่อยดีกว่าครับ
แล้วถ้าคุณจะคบกับเค้าเป็นแฟนจริง ๆ ผมว่าคุยกันให้มากกว่านี้
โดยเฉพาะเรื่องที่เค้าสับสนเนี่ย คุณคงจะต้องช่วยกันหาทางออก
ถามเค้าบ้างว่าไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า ชอบไหม ไม่ชอบไหม ตรงไหน ยังไง
แล้วพยายามปรับตัว ไม่ต้องไปบีบรัดเค้าครับ
ผมมั่นใจว่าเค้าชอบคุณอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่สับสนมาก ...
ถ้าคุณรักเค้าจริง พิสูจน์สิครับ พิสูจน์ให้เค้าเห็นว่า ไม่ว่าอะไรก็ห้ามให้คุณรักเค้าไม่ได้
และคุณพร้อมที่จะอยู่ข้างเค้าเสมอ ... ไม่ว่าจะสุข หรือทุกข์ก็ตาม
โดยเฉพาะเรื่องศาสนาเนี่ยเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ... ทุกคนก็ต่างความเชื่อ
การที่จะเปลี่ยนให้เค้ามามองการว่ารักเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติ โดยที่ความเชื่อเก่า ๆ เค้าถูกสอนมาให้มองว่ามันผิดมาก (เป็นบาปด้วย)
มันก็คงจะยาก ... ผมว่าไม่ใช่แค่การพูดคุยอย่างเดียว แต่คงจะต้องเอาสถานการณ์ต่าง ๆ ในสังคมเข้ามาช่วยด้วย
แบบ เป็นผมก็คง เกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว อยากทำอะไรก็คงจะทำ ถามใจตัวเองว่าต้องการจะทำอะไร
ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม (และที่สำคัญคือไม่ใช่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะความคาดหวังของคนอื่น)
... แค่นั้น ผมก็มั่นใจพอที่จะทำอะไรต่อมิอะไรโดยที่ไม่ค่อยจะแคร์เรื่องอื่นๆ แล้ว
แล้วยุคนี้สมัยนี้ อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป สังคมเปิดกว้างมากขึ้น ดูเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่รู้จะพูดยืดยามทำไม เริ่มรำคาญตัวเองครับ 5 5 5
เอาเป็นว่า ถ้ารักกันจริง ไม่ว่าอะไรยังไง ก็ต้องผ่านไปด้วยกันได้อยู่แล้ว
ดราม่าไปหน่อย แต่อยากให้ลองเอาไปคิดดูนะครับ
ขอให้สมหวังครับ :)
-
ขอบคุณทุกคนมากนะครับ
ตอนนี้ผมกับเค้า เป็นแฟนกันแล้วครับ ^^
มีความสุขมากเลยย :-[
-
ขอโคอาล่าออกความเห็นมั่งนะคับ
เป็นคริสต์แล้วมีแฟนผู้ชายมันบาป
แหม... มันเกินไปมั้งฮะ
ตอแหลกะฆ่าสัตว์ หรือลักขโมย
บาปกว่าเยอะฮะ
ถ้าจะทำไอ้อย่างที่บอกอ่ะ สู้อัดถั่วดำกันเองจะดีกว่ามั้ย
นักบวชคริสต์เค้าก็ล่อตูดกันเองเยอะแยะฮะ
จะไปสนใจอะไรกับว่าคบกันอยู่ในฐานะอะไร
ก็แค่คิดว่าทำไปแล้วมีความสุข
ปากมันจะบอกว่าไม่ชอบ
ปากมันจะบอกว่าแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายหรือจะอ้างปากแข็งยังไง
หรือจะปากว่าตาขยิบต่อไป
ถ้ายังได้นอนกอดกันอยู่
ได้ดูดให้กันจนน้ำแตก
ได้คิดถึงได้รู้สึกดีๆให้กัน
จะต้องไปสนใจห่าอะไรล่ะฮะ
ก็เหมือนโคอาล่านี่แหละ
คบใครไม่เคยเห็นจะต้องบอกรักหรือแสดงตัวบอกใครต่อใครว่ากูเป็นแฟนกัน
แค่ได้ล่อตูดกันรักกัน
และทำในสิ่งที่คนรักกันเค้าทำกัน
กะไอ้แค่ลมปากบอกรักแต่ไม่ได้ทำรัก
แล้วจะคบกันไปทำห่าไรล่ะฮะนั่น
ปล.ถ้ามีโอกาสขอแจมด้วยคนนะฮะ
โคอาล่าอยากกอกคนตัวนิ่ม
อิอิ :z2:
-
ขอบคุณทุกคนมากนะครับ
ตอนนี้ผมกับเค้า เป็นแฟนกันแล้วครับ ^^
มีความสุขมากเลยย :-[
ยินดีด้วยนะคร้าบบบบบ ประชากรคนโสดลดไปอีก 2 คน 555+
-
เย้ๆๆๆ ยินดีด้วยกับคุณนะคะ
ได้เป็นแฟนกันแล้ว
มีเรื่องน่ารักอะไร มาเล่าให้กันฟังบ้างนะคะ
^____^
-
อย่าไปกดดันอะไรเค้ามากละกันครับ ให้เวลาเค้าซักหน่อย
รักมันต้องใช้เวลาทั้งนั้นแหละ
การที่เค้ายอมให้เราทำอะไรต่ออะไร นั่นแปลว่าเค้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเราใช่ปะ? (ดีกว่าเค้าขัดขืน แล้วชกเราใช่ไหมละ?)
อาจจะถึงขั้นมีใจให้ แต่คงจะยังสับสนตัวเองอยู่เพราะไม่เคยชอบผู้ชายด้วยกันเองมาก่อน
หรืออาจจะแค่กลัวครอบครัวรับไม่ได้ ไม่ต้องศาสนาไหน พ่อแม่ก็รับไม่ค่อยได้ทั้งนั้นแหละ
ถ้ายังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันในครอบครัว
ว่าง่ายๆ ถ้ารักเค้าจริงต้อง รอเวลาซักนิด คำว่า รัก เริ่มต้นด้วย ร.เรือ คือ "รอ" :impress2:
-
เป็นแฟนกันแล้ว มีความสุขมากๆนะคะ
มีเรื่องอะไรน่ารักๆ ก็มาเล่าให้ฟังมั้งเน้อ ฮิฮิ :m12: :m12:
-
เขียนดีจังเลยค่ะ
เอาเรื่องมาลงสิคะ เป็นไดอารี่หรือนิยายก็ได้
ยินดีด้วยนะคะ ^^
-
ในศาสนาคริสต์เขาบอกไว้ว่าพระเจ้าทรงสร้างโลกและมนุษย์ พระเจ้าทรงรักมนุษย์มากถึงขั้นยอมสละชีวิตของพระองค์ เกย์ก็เป็นมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นเพราะฉะนั้นพระเจ้าก็ทรงรักเกย์เหมือนกัน ลองบอกเพื่อนที่พี่รักแบบนี้ดูนะคะ o13
-
สวัสดีพี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุกคนนะครับ
หลังหายหน้าไปนาน ไม่ได้ส่งข่าวคราวอัพเดตเลย^^
ตอนนี้ผมกับแฟนก็มีความสุขดีครับ
ตอนนี้ผมย้ายมาอยู่หอเค้าเปป็นการถาวรแล้ว
เพราะมันไม่ยอมย้ายไปหอผม มันให้เหตผลว่า ข้าวของมันเยอะ
(แต่อันที่จริง ของผมเยอะกว่ามาก เลยให้มันมาช่วยขนซะเลย 555)
ทุกอย่างตอนนี้กำลังโอเค มีทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง
แต่ก็สนุกนะครับ ชีวิตมีสีสัน 555
แต่มีบางอย่างที่มันขัดๆ?
ไม่รู้ว่าคู่อื่นเป็นเหมือนผมมั้ย
มันคือ เรื่องการใช้สรรพนามเรียกอีกฝ่ายอะครับ!!!
คือเรื่องมันมีอยู่ว่า
ปกติผมใช้คำว่า "กุ" "เมิง" กับมันอะครับ
แล้วมันใช้ "เรา" "(ชื่อผม)" กับผม
มันบอกว่าไม่ยุติธรรมเลย เพราะผมไม่ให้มันใช้"กุ" "เมิง"
ผมว่ามันไม่สุภาพ และไม่เพราะนะ
มันก็เลยบอกให้ผมเปลี่ยน ให้ใช้ "เรา" "(ชื่อมัน)" บ้าง
ผมก็ไม่เอา (ก็มันไม่ชินอะ 555)
มันเลยงอนผมหลายครั้งมาก เวลามันนึกได้เรื่องนี้
เลยอยากถามคู่อื่นว่า มีใครใช้สรรพนามแบบนี้บ้างครับ
แล้วแฟนคุณมีปฏิกิริยาไงบ้างอะ
-
สุภาพแบบเขินตายไปข้างเลยมั้ย?
"ผม" "ชื่อแฟน"
สรรพนามทั่วไป แต่เขินนะ
-
ผมใช้ คำเรียก แทนตัวผมเองว่า .......( ชื่อผม ) กับเขา
แล้วก็เรียกเขาว่า พี่.......( ชื่อเขา ) บางที่ก็เรียก ที่รักกก คำนี้ใช้เรียกตอนอยู่กันสองคน
แล้วก็ คำว่า ตัวเอง ประมาณนี้ละ คับ คำว่า ตัวเอง นี้ออกจะ เลียนไปหน่อยแต่เขาก็พุดกับผมคำนี้ตลอดอะ ผมก็ชอบ
พูดคำนี้นะ เวลาอยู่กัน สองคน ต่อหน้าคนอื่น ผมก็เรียกเขาพี่........ เขาแก่กว่าผมอะ แล้วก็แทนตัวผมเองว่า ( ชื่อผม )
( ไม่รู้ว่า งง กัน หรือเปล่านะ เพราะผมก็ พิมเอง งง เอง )
-
ยินดีด้วยนะคะ^^
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะแฟนคุณคงห่วงเรื่องบาปๆอยู่รึเปล่า
-
หนุ่มโสดมาแสดงความยินดีด้วยครับ
จขกท มีคู่แล้วดีใจจัง เย้ ๆ ผมค่อนข้างดีใจมากถึงมากที่สุดถ้าเห็นผู้ชายเป็นแฟนกัน
ขอให้คุณรักกัันนานนะครับ ปรับความเข้าใจกัน อย่าให้ค้างคานะครับ ผมแอบอิจฉาคนมีคู่ แต่ผมมีความสุขในใจลึก ๆ ยังไงไม่รู้เมื่อเห็นชาย ๆ รักกันครับ
เข้ามาเล่าชีวิตให้คนโสดอย่างผมฟังให้มีความหวังหน่อยนะครับ ผมว่าเรื่องของคุณมันน่าสนใจมาก เพราะผมเป็นพวกอ่านนิยายแล้วจิ้นโสตาย(บ่งบอกแหล่งที่มา) ไม่หลับไม่นอน ผมนึกว่ามันมีแต่ในนิยายเสียอีก ผมก็เพิ่งจะแน่ในเมื่อไม่นานมานี้เองว่านิยายกับชีวิตจริงมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก มาเล่าให้ผมฟังหน่อยนะครับ ผมรออยู่
-
สรรพนามเรียกแฟน: "ชื่อจริง" "ชื่อเล่น" "เมียจ๋า" "ที่รักค๊าบ" "ตัว"
เรียกตัวเองว่า: "ชื่อเล่น" "พี่" "เค้า"
ไม่มีมึง กับ กู ในสารบบ พอดีไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อนน่ะครับ ถ้าเป็นเพื่อนกันมาก่อนอาจจะไม่แปลกนะ ผมก็ว่าน่ารักไปอีกแบบดีออก :-[
-
ลองใช้คำว่า "ตัวเธอ" กับ "ตัวเค้า" ดูจิเพื่อความหวานนนนนน 555+
-
:-[
ดีใจที่คุณเจ้าของกระทู้ได้เป็นแฟนกับคุณเพื่อนเสียที
แต่อันนี้ถามส่วนตัวนะคะ เขาจัดการยังไงกับเรื่องศาสนาเหรอ ไม่รู้สินะ คนที่เคร่งมากๆเขาคงจะรู้สึกผิดบาปมาทีเดียวเลยละ ยังไงคุณเจ้าของกระทู้รักคุณแฟนมากๆนะคะ เพราะเขายอมบาปเพื่อมารักกับคุณเลย o13
-
ขอบคุณทุกคนมากนะครับ
ที่สนใจเรื่องราวของผม
และก็ขอโทษด้วย ที่อาจจะไม่ได้ส่งข่าวมาเป็นระยะ
เพราะส่วนตัวไม่ค่อยได้เล่นคอมอยู่แล้ว
แล้วแฟนก้อเปนคนติดเฟสมาก ทำให้ไม่สามารถใช้คอมได้
เพราะมันเล่นเฟส T_T
เรื่องที่จะให้เขียนเป็นเรื่องราว
อันนี้คงต้องขอบายนะครับ
เพราะไม่สามารถเขียนได้จริง 555
สามารถด้านนี้ไม่มีเลย T_T
แต่จะมาเล่าให้ฟังเป็นระยะๆคับ ^^
เรื่องศาสนา
ตอนนี้ถามมัน มันก้อยังรู้สึกผิดอยู่นะครับ
แต่มันก้อไม่อยากจากผมไป (เขินอะ มันบอกอย่างนี้เลยนะคับ 55)
ทำให้ตอนนี้มันก็อยากเข้าโบสถ์มากขึ้น
อยากเข้าไปสารภาพ (ศาสนาคริสต์ใช่สารภาพป่าวอะคับ)
เรื่องสรรพนามก้อยังเปนปัญหามาถึงตอนนี้ 555
ถ้าให้ผมเรียก "เค้า" "ตัวเอง"
คงไม่ไหวอะ คงจะแปลกปากพิลึก
ตอนนี้เวลามันพูดถึงเรื่องนี้ ผมก้อจะแถเปลี่ยนประเด็นไป 55
แล้วช่วงนี้มีอีกเรื่องเข้ามาใหม่
นั้นก้อคือ มีคนมาจีบ(และจะจีบ)มันเยอะมาก
ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เพียบเลย
ทั้งในมหาลัย และในเฟส
แต่มันบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมันไม่สนใครแล้ว^^^
มันพูดแบบทำให้อยากฟัดมาก 55
นี้ตอนนี้ก้อแอบมันมาเล่าให้ฟัง
มันกำลังอาบนํ้าอยู่
ยังไงเด๋วครั้งหน้า มาเล่าให้ฟังใหม่นะคับ
ปล.ครั้งนี้อาจจะมีคำผิดเยอะนะคับ
ขอโทดด้วย เพราะต้องแอบมาพิมพ์ตอนมันอาบนํ้า
มันก้อยังไม่รู้ว่าผมเล่าให้ฟังในนี้
ขอตัวก่อนนะคับ
มันอาบเส็ดแล้ว^^
-
:a5: ปล่อยให้เป็นไปตามหัวใจปราถนา ถ้ามันใช่มันก็ใช่ ถ้าไม่ใช่มันก็จบ :z1:
-
ก็บอกแฟนคุณว่าคนละครึ่งทางไหมหล่ะ 5555
เป็น "กู" กับ "ชื่อแฟนคุณ"
:L2: :L2:
แบบนี้ก็โอเคนะคะ
-
น่ารัก >< จขกท โชคดีมากเลยนะคะที่แฟนพูดแบบนี้ อิอิ
-
โอ้มาย คุณแฟนน่ารักมากกกกกกกกก พูดจาสุดยอด เราขอให้คุณฟัดไปเลยคะ หลายๆรอบด้วย!!!ที่บอกไม่สนใครแล้วนั้นก็อีก อั่ยยะ!!!
ปล.เราว่าที่คนจีบแฟนคุณเยอะมากขึ้น เพราะคุณแฟนมีความรักแล้วสวยขึ้นแหง!!! :-[
-
สวัสดีครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้สนใจเรื่องของผมนะครับ
เมื่อวานผมได้ไปเที่ยวกับแฟนผมแถวท่าพระจันทร์
ไปดูพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร
(พอดีแฟนผม มันชอบเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์อะครับ)
ตอนแรกไปดูก็ไม่มีอะไรนะครับ
แต่แฟนผมมันหิวนํ้า เลยเดินไปซื้อนํ้ากิน
และเนื่องจากผมขี้เกียจ เลยให้มันเดินไปซื้อคนเดียว 55+
แต่ระหว่างทางที่มันเดินกลับหลังจากซื้อนํ้า
มีผู้ชายคนนึงเข้าไปคุยกับมัน (คือผมนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ มองมันอยู่)
ตอนแรกผมก็นึกว่าเพื่อนมัน เลยไม่ได้สนใจอะไร (แต่ก็ยังมองมันอยู่นะ)
แล้วที่นี้พอมันเดินกลับมาถึงที่ผมนั่งอยู่
มันก็จับมือผม แล้วเดินไปที่อื่นต่อ
ผมก็งงดิ เพราะปกติมันไม่ค่อยอยากให้ผมจับมือในที่สาธารณะเท่าไร
ผมก็เลยถามมัน
มันบอกว่า ผู้ชายเมื่อกี้มาขอเบอร์
แต่มันก็บอกว่า มันมีแฟนแล้ว นั่งอยู่ตรงใต้ต้นไม้
ไอผู้ชายคนนั้นมันก็ไม่เชื่อ
มันก็เลยรีบเดินมาหาผม แล้วจับมือผมโชว์ไอผู้ชายคนนั้นเลย
ผมงี้อยากจะจูบโชว์เลย
แต่ยังไม่กล้าพอ 55
หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นแถวสนามหลวง
ก็มีคนมองบ้าง (เพราะยังจับมือกันอยู่)
แต่ก็ไม่แคร์ เพราะไม่มีใครรู้จัก 55
ตอนแรกกะว่าจะไปเที่ยวต่อวัดพระแก้ว
แต่ฝนดันตกซะก่อน เลยอดไปเลย T_T
ทำให้ทริปนี้ จบลงไปโดยปริยาย 55
เดี๋ยวไปก่อนครับ
เข้ามาเล่าอะไรให้ฟังเล็กๆน้อยๆครับ^^
-
พึ่งได้เข้ามาอ่านอ่ะ อิดฉาจังๆ ขอให้รักกันนานๆนะ:)
-
น่ารักมากอะ
-
แฟน จขกท น่ารักจริงเลย อิอิ :o8:
รออ่านเรื่องต่อไปจ้า
-
สวัสดีครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้สนใจเรื่องของผมนะครับ
เมื่อวานผมได้ไปเที่ยวกับแฟนผมแถวท่าพระจันทร์
ไปดูพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร
(พอดีแฟนผม มันชอบเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์อะครับ)
ตอนแรกไปดูก็ไม่มีอะไรนะครับ
แต่แฟนผมมันหิวนํ้า เลยเดินไปซื้อนํ้ากิน
และเนื่องจากผมขี้เกียจ เลยให้มันเดินไปซื้อคนเดียว 55+
แต่ระหว่างทางที่มันเดินกลับหลังจากซื้อนํ้า
มีผู้ชายคนนึงเข้าไปคุยกับมัน (คือผมนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ มองมันอยู่)
ตอนแรกผมก็นึกว่าเพื่อนมัน เลยไม่ได้สนใจอะไร (แต่ก็ยังมองมันอยู่นะ)
แล้วที่นี้พอมันเดินกลับมาถึงที่ผมนั่งอยู่
มันก็จับมือผม แล้วเดินไปที่อื่นต่อ
ผมก็งงดิ เพราะปกติมันไม่ค่อยอยากให้ผมจับมือในที่สาธารณะเท่าไร
ผมก็เลยถามมัน
มันบอกว่า ผู้ชายเมื่อกี้มาขอเบอร์
แต่มันก็บอกว่า มันมีแฟนแล้ว นั่งอยู่ตรงใต้ต้นไม้
ไอผู้ชายคนนั้นมันก็ไม่เชื่อ
มันก็เลยรีบเดินมาหาผม แล้วจับมือผมโชว์ไอผู้ชายคนนั้นเลย
ผมงี้อยากจะจูบโชว์เลย
แต่ยังไม่กล้าพอ 55
หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นแถวสนามหลวง
ก็มีคนมองบ้าง (เพราะยังจับมือกันอยู่)
แต่ก็ไม่แคร์ เพราะไม่มีใครรู้จัก 55
ตอนแรกกะว่าจะไปเที่ยวต่อวัดพระแก้ว
แต่ฝนดันตกซะก่อน เลยอดไปเลย T_T
ทำให้ทริปนี้ จบลงไปโดยปริยาย 55
เดี๋ยวไปก่อนครับ
เข้ามาเล่าอะไรให้ฟังเล็กๆน้อยๆครับ^^
อิจฉาตาร้อน เห็นคนรักกันเขาพัวพัน เขานัวเนียกันมันน่าอิจฉา :laugh:
-
เดี๋ยวนี้มีคู่น่ารักๆเยอะอ่ะ อิจฉาาาาาา อ๊ากก (พ่นไฟ)
-
โอ๊ยย น่ารักเป็นบ้าาาเลย อิจฉา :m3:
-
น่ารักอ่า
^^
อยากจะเห็นจริงๆเลย
ตัวจริงๆ นิ นิ่มอย่างพูด อ๊ะป่าว??
รักกันไปนานๆนะครับ หนักนิดเบาหน่อยอภัยเข้าไว้
ส่วนเรื่องสรรพนาม ถ้าค่อยๆปรับตัว ไปเรื่อยเดี๋ยวก็ชินนะคะ
คิดซะว่าทำเพื่อคนที่รัก เรื่องแค่นี้ จิ๊บๆ อิอิ
-
แฟนคุณซูชิพูดมาแต่ละที ผมจะดิ้นตาย
ถ้ามีใครมาพูดแบบนั้นด้วย ผมคงไปไหนไม่รอดจริงๆ ><
สรรพนามเหรอ ผมชอบหาลักษณะเด่นของคนคนนั้น
แล้วตั้งชื่นเล่นที่เราเรียกกันแค่สองคนอ่ะครับ
เพราะงั้นมันจะไม่ซ้ำกับใคร ไม่มีอะไรตายตัว
และเป็นสิ่งพิเศษสำหรับคนคนนั้นเท่านั้นครับ ^^
-
ประมาณ3วันก่อน ผมกับแฟนและเพื่อนในคณะที่สนิทหลายคน และต่างคณะไปค่ายอาสากันครับ (รวมทั้งหมดประมาณ 40 คนครับ)
ครั้งนี้เราไปค่ายที่โรงเรียนในจังหวัดพิษณุโลกครับ
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเล็กๆ และก็ขาดแคลนพอควรเลยครับ แต่อยู่กลางธรรมชาติเลยครับ ต้นไม้เพียบสีเขียวเยอะเลย
เราเดินทางโดยรถบัส ไปถึงก้ประมาณบ่ายโมง แดดกำลังร้อนเลยครับ (- -)
มีเด็กๆจำนวนหนึ่งและคุณครูรออยู่เลยครับ
พวกเราก็ช่วยกันขนของลงจากรถ ก็มีพวกถังสี ขนม แผ่นไม้ กระเป๋าเดินทาง และอื่นๆอีกมากมาย
พอจัดของเสร็จเรียบร้อย ก้มีการแสดงเล็กๆของเด็กๆอนุบาล
เป็นการแสดงการเต้นประกอบเพลงครับ ก็สนุกดี
หลังจากก็ถึงตาพี่ๆมหาลัยบ้าง ก็มีการกล่าวเล็กๆน้อยๆจากประธานค่าย (ไอประธานค่ายคนนี้ มันอยู่วิทยาครับ แล้วจบมาจากโรงเรียนเดียวกับแฟนผม และที่สำคัญมันเสือกมาจีบแฟนผมด้วย แต่แฟนผมเนี้ยมันบอกว่า ไม่ใช่ มันไม่ได้มาจีบ แต่ผมดูก็รู้ครับว่า จีบ สายตาที่มันมองแฟนผมมันแสดงออกมาเลย แต่แฟนผมดันไม่รู้ตัว ตอนนี้พอผมรู้ว่าไอนี้ มันเป็นประธานค่าย ผมก็ไม่ไป แต่แฟนผมมันอยากไป ก็เลยต้องตามใจ ไม่งั้น มีงอน - -)
แล้วก้ต่อด้วยการแนะนำตัวของพี่ๆครับ ทุกอย่างก็ราบรื่นครับ
พี่ๆก็เต้นโชว์เพลงสันของมหาลัย แล้วก็ชวนน้องๆเต้นด้วย ผมกับเพื่อนในคณะบางคนก็อยู่ฝ่ายสันอยู่แล้ว ก็เลยเต้นสนุกไปครับ
แต่แฟนผมมันอยู่ฝ่ายจัดการ ตอนนั้นก็เลยต้องไปคุยกับอาจารย์ใหญ่ในเรื่องต่างๆ ซึ่งก้มีไอประธานค่ายไปคุยด้วยครับ
จนถึงประมาณสามโมงครึ่งก็ปล่อยให้เด็กๆกลับบ้านไป
เราก็จัดไปข้าวของให้เรียบร้อย เอากระเป๋าไปเก็บในห้องเรียน(ซึ่งในเย็นนี้ มันก็คือห้องนอนของเรา ประมาณ6-7คนต่อห้อง) ผมกับแฟนและเพื่อนผู้ชายก็เอากระเป๋าไปเก็บครับ
แล้วปัญหามันก็มีขึ้นมา เมื่อไอประธานมันเสือกจะมานอนห้องนี้ด้วย แล้วมันดันเลือกจะมานอนข้างแฟนผมอีก (มันกล้ามาก!!!) ทั่งๆที่มันก็รู้นะครับ ว่าเราเป้นแฟนครับ แต่มันใช้คำว่า "เพื่อนเก่า" ในการขอแฟนผมนอนด้วย ซึ่งแฟนผมก้ไม่ได้ว่าอะไร แถมปล่อยให้มันนอนด้วยอีก
เย็นนี้เราไม่มีกิจกรรมอะไรเป้นพิเศษครับ พวกผู้หญิงก็ทำอาหารไป
ส่วนพวกผู้ชายก็ไปจัดทำความห้องที่จะใช้นอนกัน บางส่วน(รวมถึงไอประธานด้วย)ก็ออกไปดูบริเวณรอบๆ ไปดูว่าตรงไหนบ้างที่ชำรุด และต้องซ่อมบ้าง
ผมกับแฟนก็อยู่ฝ่ายทำความสะอาดห้องนอนครับ ก้กวาด+ถูทุกห้องที่ใช้นอนเลยครับ ประมาณ 6 ห้องได้ แล้วไปทำความสะอาดห้องนํ้าด้วยครับ
ก็ทำเรื่อยๆ+หยอกล้อเล่นกับแฟนกับเพื่อนบ้าง จนถึงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ก็ไปกินข้าวกัน กับข้าวมื้อเย็นวันนี้เป็นแกงเขียวหวาน หมูทอดกระเทียม แล้วก็ไข่ต้มครับ(ไม่แกะเปลือกให้ด้วย) ก็ตั้งกินเป็นวงๆไปครับ ผมกับแฟนก็อยู่วงเดียวกับเพื่อนสนิทในคณะเดียวกันครับ มีผู้ชาย+ผุ้หญิงครบเลย ประมาณ 7 คนครับ
ผมก้แกะเปลือกไข่ให้แฟนผม แล้วที่นี้เพื่อนผู้หญิงคนนึง (ผมเรียกมันว่า "อีแม่บ้าน" มันเป็นผู้หญิงที่เก่งทุกอย่างที่ผู้หญิงเพิ่งมีเลยอะครับ ทั้งทำความสะอาด ทำอาหาร ทุกอย่างเพอร์เฟกครับ ยกเว้นปาก ที่หมาไปหน่อย 55) มันก้เริ่มแซวผมแล้วครับ
"แหมๆ มีแกะเปลือกไข่ให้กันด้วย"
"ฮิ้วววววว" ฮิ้วกันทั้งวงเลยครับ ยังดีที่ไม่ดังมาก (เพื่อนพวกนี้มันรู้หมดแล้วครับว่าเราคบกัน)
"ก็เออดิ มีแฟน ก้ต้องใช้แฟนให้เป้นประโยชน์ ใช่มั้ยที่รัก" อันนี้แฟนผมพูดเองครับ ปกติมันไม่พูดแบบนี้หรอกครับ แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนๆมันจะชอบพูดเล่น
"แกะให้เสร็จแล้ว ก็แดกให้หมดนะครับ ที่รัก" เวลากินข้าว มันชอบกินเหลือตลอดครับ
"ภรรยากินเหลือ สามีก็กินแทนให้หมดสิจ๊ะ" ปากสุนัขแบบนี้ อีแม่บ้านคนเดิมครับ
"สัส" พูดได้คำเดียวครับ 55 (ปกติผมพูดสุภาพกับผู้หญิงนะครับ แต่ยกเว้นมันคนเดียว)
หลังจากนั้นก็หัวเราะกันทั้งวงเลย ก็คุยกันเรื่อยเปื่อยครับ โดยเฉพาะอีแม่บ้านที่พูดถึงผู้ชายวิศวะที่มาค่ายด้วยกันให้ฟังครับ แล้วยังพูดถึงไอประธานค่ายด้วยที่ว่ามันมาจีบแฟนผมอะ แต่แฟมผมก็ยังปฎิเสธอยู่ว่ามันไม่ได้มาจีบ แฟนผมก็เถียงกับอีแม่บ้านไปครับ ก็คุยกันเล่นๆไร้สาระไป จนถึงประมาณทุ่มครึ่ง ก็ไปล้างจาน แล้วประชุมสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ครับ
หลังจากนั้นก้ปล่อยให้ไปอาบนํ้านอนครับ
ผู้หญิงกับผู้ชายจะแยกกันอาบนํ้าคนละฝั่งครับ
ของผู้หญิงจะใช้ห้องนํ้าบนอาคารในการอาบนํ้า
ส่วนผู้ชายใช้ที่หลังโรงเรียนครับ ไม่มืดมาก มีแสงไฟนิดหน่อย เป็นแบบทางยาวตามกำแพง ที่มีท่อนํ้ายาวติดบนกำแพง แล้วต่อฝักบัวยื่นออกมายาวไปตามกำแพงครับ (พอจะนึกภาพออกมั้ยอะ)
ผุ้ชายบางคนก้ใส่บ๊อกเซอร์อาบ บางคนใจกล้าหน่อยก็ใส่กางเกงในตัวเดียวอาบเลยครับ
แล้วปัญหาตอนอาบนํ้าก้เกิดขึ้นมาอีกครับ เมื่อขณะพวกผมกับแฟนอาบอยู่ ซึ่งกันข้างในสุดเลยครับ(พวกผมใส่บ๊อกเซอร์อาบครับ) ไอประธานมันก็เดินมาอาบบ้างครับ แต่มันเสือกเดินมาคุยกับแฟนผมก่อน แล้วดูสายตามันก็รู้ว่าหื่นขนาดไหน (ก็แฟนผม มันตัวเล็กๆ ผิวเนียน ที่สำคัญขาวด้วย 555 แอบอวดๆ) แล้วแฟนผมก็หันไปคุยแบบปกติด้วยนะ เหมือนคุยกันธรรมดา แต่แฟนผมมันอาบนํ้าไปด้วย คุยไปด้วย แล้วคิดดูดิครับว่าจะเซ๊กซี่ ยั่วยวนขนาดไหน ที่มีนํ้าไหลขากฝักบัวที่ติดอยู่บนกำแพงผ่านตัวมันลงไป ขนาดผมยังอยากปลํ่ามันตรงนั้นเลย (555)
ผมที่กำลังอาบนํ้าอยู่ข้างๆก็ไม่รู้จะทำยังไง
เลยย้ายไปอาบนํ้าฝักบัวเดียวกันกับแฟนผมซะเลย (555)
แฟนผม มันก้ไล่ให้ไปอาบที่เดิม แต่ผมไม่ยอมครับ แถมจับโอบสะโพกมันด้วย จนไอประธานมันเดินกลับอาบนํ้าไปเพื่อนมัน (สรุปว่าผมชนะครับ 55)
แฟนผมก้บ่นว่า ทำอะไรไม่อายคนอื่นเลย
ผมก็เฉยๆไม่ว่าอะไร อาบนํ้าตรงนั้นต่อไป 55
หลังจากแต่งตัวเตรียมเข้านอนเสร็จ ก็ถึงปัญหาตำแหน่งที่นอนแล้วครับ
ตอนแรกผมจะสลับที่กับแฟนผม เผื่อที่จะได้ไม่ให้ไปนอนติดกับไอประธาน
แต่แฟนผมก้ไม่ยอมครับ มันบอกว่า ถึงจบจากโรงเรียนเดียวกัน แต่ตั้งแต่เข้ามหาลัยก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย สรุปผมก็เลยให้มันนอนที่เดิมไปครับ
พอถึงตอนนอน
แน่นอนครับ คืนแรก มันไม่มีใครมันนอนหลับกันหรอกครับ ยังคึกๆกันอยู่
ก็นอนคุยเล่นกัน แถมได้ยินเสียงจากบางห้อง ซึ่งคาดการได้ว่าคงเล่นไพ่กัน (อยากไปเล่นมั้ง T_T แต่ต้องนอนคุมแฟนตัวเองก่อนครับ)
ส่วนห้องผมปิดไฟ แต่พอมีไฟจากข้างนอกที่รอดตรงรูกำแพงข้างบนเข้ามา แล้วนอนคุยกันครับ เสียงดังเลย
แฟนผมกับไอประธานก็นอนหันหน้าคุยกัน
ส่วนผมก็นอนเอามือสะโพกมันไว้ครับ ซึ่งไอประธานก็เห็นครับ แต่เหมือนทำเป็นไม่สนใจ
แฟนผมกับไอประธานก้คุยกันนานเลยครับ จนแฟนผมเริ่มง่วงแล้ว เลยขอตัวนอน
ซึ่งตรงนี้แหละครับ คือช่วงสำคัญ เพราะแฟนผมมันหันกลับมานอนบนแขน แล้วซุกหน้าอกผมนอนแทน (เพราะตอนกลางคืนที่นั้น หนาวมากเลยครับ ผ้าห่มที่มีให้ก้อผืนบางครับ)
ทำให้ตอนนั้นสายตาผม กับสายตาไอประธานมาเจอกันครับ
ซึ่งผมก็ทำหน้าเป็นผู้ชนะ ส่วนไอประธานทำหน้าเหมือนแค้นนิดๆ 555 (สะใจมากครับ 55)
ซึ่งก็จบไปสำหรับคืนแรก แต่ยังเหลืออีก 2 วันครับ ที่ต้องอยู่ที่นั้น
เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อครับ ^^
-
:haun4:
กรี๊ด ตาร้อนและ...ตามติด :laugh:
-
ปูเสื่อรอ
-
รอออออออออ เค้าอยากรู้คืนต่อๆไปแล้วววววว 555555555555
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :m16: :m16:
-
รออ่านเรื่องคืนต่อไปค่ะ :-[
-
เดี๊ยนถือคติว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้นะคะ รักมันไม่ได้จำกัดเพศนี่คะ
แบบนี้แหละค่า ดีแล้ว เริ่ดเดิ้นมาก เราชอบให้ชายรักกัน >< (แอบกรี๊ด)
ยังไงก็ขอให้คบกันนานๆ ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปด้วยกันให้ได้นะคะ
ถ้ามีปัญหาก็คิดซะว่า เราอยู่เคียงข้างกันเสมอค่ะ
เป็นกำลังใจให้น้าา ขอให้คบกันนานๆ ด้วยคะ ;)
-
อ่านตอนจบแล้วกรี๊ดกร๊าดดด ขอสะใจด้วยคนได้มั้ย :laugh:
-
' กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ' บางคนอาจจะบอกกันมาแบบนี้
แต่สำหรับเรา...
กาลเวลาและ 'การกระทำ' จะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง
ไฟท์ติ้งจ้า !! :mc4:
:bye2:
-
น่ารักอ่ะ รอนะคะ
-
น่ารักอ่าาาาา :o8: :o8: :o8:
-
คู่นี้น่ารักมากๆ
รักกันนานๆน้า
รอพาร์ทต่อไปจ้า
-
ผู้ชายแมนๆ มีแฟนเป็นหญิง แต่มาปิ๊งกับหนุ่มหน้าหวาน นึกว่ามีแค่ในนิยายซะอีก
แถมเกือบมีศึกชิงนาย อย่างนี้ก็ต้องคอยปกป้องให้ดี และรักษาความรักไว้ให้นานๆ
ปล. ถ้าแฟนคุณชอบพวกประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ขอแนะนำให้ไปชม พระที่นั่งวิมานเมฆ
แถวสวนอัมพร ซึ่งสามารถเดินไปชมต่อที่พระที่นั่งอภิเศกดุสิต และพระที่นั่งอนันตสมาคม
ซึ่งรวมผลงานชิ้นเอกของศูนย์ศิลปาชีพไว้ที่นั่น จะตื่นตาในความวิจิตรอลังการ
คิดว่าแฟนคุณคงจะชอบ และรักคุณมากขึ้นแน่ๆ o13