พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] Valentine's Chocolate [Cn9095&Rafael]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Rafael ที่ 13-02-2012 18:25:03
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
-
14 กุมภาพันธ์
วันที่ใครๆก็ต้องนึกถึงช็อกโกแลต
ช็อคโกแลตหลากหลายแตกต่างกันไป ทั้งสี กลิ่น และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
ความหวานที่ผสมกลมกลืนไปกับความขมอย่างลงตัว
ทุกชิ้นที่ถูกส่งมอบให้กันล้วนบ่งบอกตัวตนของผู้ให้และผู้รับ
ไม่ว่าจะเป็นไวท์ช็อคโกแลต แสนหอมหวาน
(http://food.sulekha.com/dishimages/1248.jpg)
หรือจะเป็น ดาร์กช็อคโกแลต ที่ขมแต่กลมกล่อม
(http://topnews.ae/images/chocolate.jpg)
แล้วรสของคุณล่ะ....รสไหน?
-
:mc4:
-
White Chocolate
นั่งมองกล่องช็อกโกแลตผูกโบว์สีสวยที่อยู่ในมือ...ยังมีอีกหลายกล่องที่อยู่ในกระเป๋า...วันนี้มีหลายคนเดินเอามาให้...ไม่อยากได้...ไม่อยากรับ...เพราะไม่ใช่ของคนที่อยากได้...ปฏิเสธไปแต่สุดท้ายพวกนั้นก็แอบเอามาหย่อนไว้ในกระเป๋าจนได้...ไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องหอบกลับบ้านมาด้วยแบบนี้
วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้าเลยหนีความวุ่นวายในมหา’ลัยกลับมาก่อน...อยู่คนเดียว...อยู่คนเดียวมาตลอดในบ้านหลังใหญ่แบบนี้...พ่อกับแม่ไม่เคยอยู่บ้าน...ทำงาน...แล้วก็ทำงาน...เหงา...แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
มองออกไปนอกหน้าต่างสลับกับกล่องช็อกโกแลตที่วางอยู่บนโต๊ะ...กล่องนี้ไม่มีใครให้มา...แต่เป็นกล่องที่ตั้งใจเลือกเพื่อจะเอาไปให้ใครอีกคน...คนที่เรียนที่เดียวกัน...อยู่บ้านใกล้ๆกัน...แต่คุยกันแทบนับครั้งได้
ไม่กล้าให้...ทั้งๆที่ทำเตรียมไว้ดีขนาดนี้แล้ว...ทำยังไงดี...ถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในรอบครึ่งวัน...ก็เพราะเป็นคนแบบนี้...ถึงต้องแอบรักเขาข้างเดียวมาตลอด...
ไม่อยากทิ้ง...แต่ก็ไม่อยากเก็บไว้ตอกย้ำความขี้ขลาดของตัวเอง...จำใจเดินไปหยิบกล่องนั้นแล้วเดินลงไปข้างล่าง...ถังขยะหน้าบ้านคือจุดหมายปลายทาง
ยืนไว้อาลัยให้ตัวเองสามนาทีก่อนจะกลั้นใจทำท่าหย่อนกล่องช็อกโกแลตที่ผูกโบว์สีสวยไว้อย่างดีลงถัง
“ถ้าทิ้งไปแบบนั้นคงเสียดายแย่”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นใกล้ๆทำให้ณภัทรต้องเงยหน้าขึ้นมามอง...ตกใจ...ตกใจจนชักมือตัวเองกลับแล้วเผลอทำกล่องช็อคโกแลตที่ตั้งใจจะทิ้งหล่นลงพื้นก่อนที่จะลงถัง...วิศรุต...มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ขะ...ขอตัวนะ”
สมองสั่งการให้พูดออกไปแบบนั้นแล้วรีบวิ่งหนีเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว...หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกมา...ไม่จริงน่า...ทำไม...ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้กันนะ...
ตั้งสติแล้วลอบมองออกไปที่หน้าบ้านอีกครั้ง...ไม่มีคนอยู่แล้ว...หรือว่าเมื่อกี๊ตัวเองตาฝาดไป...ตอนเที่ยงๆแบบนี้แดดยิ่งแรงด้วย...เมาแดด...คงจะเป็นแบบนั้น...เขาคงจะคิดเรื่องวิศรุตมากเกินไปจนเกิดอาการหลอน...แย่จริง...นี่เขาอาการหนักมากขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ใจมันก็สั่งขาทั้งสองเดินกลับออกมาที่หน้าบ้านอีกครั้ง...ก็แค่อยากจะแน่ใจ...ไม่ได้หวังว่าเขาจะมายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ...ถึงบ้านจะอยู่ใกล้กันถัดไปแค่สองหลังแต่วันวาเลนไทน์แบบนี้คนอย่างวิศรุตจะมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวหน้าบ้านตัวเองได้ยังไง...ป่านนี้คงอยู่ที่มหา’ลัยรับช็อกแลตจากสาวๆไม่หวาดไม่ไหวอยู่มากกว่า
“...จับตัวได้แล้ว!”
“เฮ้ยย!”
มือใหญ่ที่คว้าแขนเล็กได้ก็กระชับไว้แน่นเพราะกลัวจะวิ่งหนีเข้าบ้านไปอีก
“ตกใจอะไรกัน ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว”
วิศรุตเอ่ยทักแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ณภัทรยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้เข้าไปเลยได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายตาปริบๆ
“เอ้านี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ยืนทำตาแป๋วใส่แบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย”
“อะ...เอ่อ...คือ...มะ...ไม่มีอะไร...ปะ...ปล่อยได้ไหม...จะเข้าบ้าน”
พอโดนทักแบบนั้นก็รีบหลุบตาลงต่ำ...ใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนแรกจนกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน
“ถ้างั้น...อธิบายเรื่องการ์ดกับช็อกโกแลตนี่ให้ฟังก่อนได้ไหมล่ะ ณภัทร”
วิศรุตชูกล่องช็อกโกแลตพร้อมกับการ์ดที่ตัวเองเผลอทำตกไว้ขึ้นมาโบกให้ดู
“มะ...ไม่มีอะไรจะอธิบายหรอก ขอคืนเถอะนะ”
ทำหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“คงจะไม่ได้หรอก เพราะในการ์ดนี้มันเขียนชื่อฉันให้เห็นอยู่ชัดๆ”
วิศรุตแกล้งทำหน้าเครียดทำเอาณภัทรถึงกับหน้าซีด
“สงสัยวันนี้เราคงต้องคุยกันยาวเลยล่ะ”
พูดจบก็เดินกึ่งลากกึ่งจูงจำเลยออกมาจากบ้านแล้วตรงไปที่บ้านของตัวเองทันที
“พามาที่นี่ทำไม”
“ถามอะไรแปลกๆ ก็พามาสอบปากคำไงล่ะ...อยากดื่มอะไรหน่อยไหม”
“ขอบคุณ แต่คิดว่าไม่ดีกว่า”
ปฏิเสธแล้วส่งยิ้มเฝื่อนๆไปให้...สถานการณ์แบบนี้ใครจะไปดื่มอะไรลง
“งั้นก็เข้าเรื่องกันเลยแล้วกัน...ช็อกโกแลตนี่จะอธิบายว่ายังไงล่ะ”
เกิดความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณบ้าน...ไม่รู้จะตอบ...ไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงดี...จู่ๆจะให้บอกรักบอกชอบไปเลยเนี่ยนะ...ไม่มีวันทำได้หรอก...ความสัมพันธ์แบบนี้จะมีซักกี่คนที่ยอมรับมันได้...ถ้าโดนปฏิเสธ...ถ้าโดนเกลียดขึ้นมาจะทำยังไง...เจ็บ...คงจะเจ็บน่าดู...ถ้าเป็นแบบนั้น...อยู่มองห่างๆแบบนี้...อาจจะดีกว่า...
“เงียบอีก...แล้ววันนี้จะได้รู้เรื่องกันมั้ยล่ะเนี่ย”
“คะ...คือ เพื่อนฝากมาน่ะ”
โกหกเข้าให้คำโตเพราะไม่รู้จะสรรหาข้อแก้ตัวอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว...ดีนะที่ในการ์ดไม่ได้เขียนชื่อตัวเองลงไปด้วยไม่งั้นคงอ้างอะไรไม่ออกจริงๆ
“เพื่อนฝากมาเนี่ยนะ?”
“อะ...อืม...เพื่อนฝากให้เอามาให้”
“แล้วจะเอาไปทิ้งถังขยะทำไม ทำไมไม่เอามาให้ฉันล่ะ”
เจอคำถามสวนกลับมาแบบนี้ก็เล่นเอาณภัทรเหวอไปชั่วขณะ...ลืมคิดคำตอบสำหรับเรื่องนี้ไปเสียสนิท...ซวย...ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยามได้อีกแล้ว
“เอ่อ...คือ...คือ...คือ”
หลุบตาลงมองพื้น...ลนจนทำอะไรไม่ถูก...เกิดอาการติดอ่างขึ้นมากะทันหัน...เอานิ้วมาจิ้มกันเล่นเหมือนไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้วในชีวิต
“โอเคๆ เอาไว้ตอบทีหลังละกัน ตอนนี้ฉันหิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ”
เห็นอาการอีกฝ่ายอึดอัดจนน่าสงสารก็ไม่อยากจะรบเร้าอะไรต่อ...เลยถือวิสาสะลากเจ้าตัวให้ไปขึ้นรถด้วยกันซะอย่างนั้น
ขับรถออกไปด้วยบรรยากาศชวนให้อึดอัดเล็กน้อยเพราะไม่มีการสนทนาใดๆเกิดขึ้น...ณภัทรนั่งเกร็งอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ถึงทำแบบนี้
วิศรุตเอื้อมมือไปเปิดวิทยุเพื่อทำลายความเงียบ...เสียงเพลงรักหวานซึ้งที่แทบจะทุกคลื่นวิทยุเปิดต้อนรับการมาเยือนของเทศกาลแห่งความรักไม่ทำให้ณภัทรรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว...เพลงใช่...คนใช่...แต่บรรยากาศตอนนี้มันไม่ใช่
“มีแฟนรึยัง”
เอ่ยขึ้นลอยๆท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดคลออยู่...ณภัทรไม่ตอบแต่แกล้งเสมองออกไปนอกหน้าต่างแทนเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
แอบมองณภัทรมาซักพักแล้วเหมือนกันเพราะเรียนที่เดียวกัน...แถมได้ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆกัน...ตอนเห็นหน้ากันครั้งแรกก็รู้สึกเริ่มสนใจ...จากสนใจก็กลายเป็นชอบ...พยายามหาโอกาสเข้าไปคุยด้วยแต่ก็ดูเหมือนณภัทรเองจะคอยหลบคอยเลี่ยงเขาอยู่
ตลอดจนเริ่มจะถอดใจ
จนวันนี้...วันที่บังเอิญเดินออกจากบ้านมาเห็นณภัทรกำลังจะทิ้งกล่องช็อกโกแลตลงถังขยะ...เดินเข้ามาใกล้ๆโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว...มองเห็นชื่อในการ์ด...รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ยังต้องเก็บอาการ...โอกาสมาถึงแล้ว...ถ้าวันนี้ยังไงอีกคนไม่ยอมพูดอะไร...เขาก็คงต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ
“อยากกินอะไร”
“แล้วแต่สิ ไม่ได้เป็นคนอยากมาด้วยซะหน่อย”
ก้มหน้าก้มตาพูดอีกเหมือนเคย...เงยหน้ามามองกันหน่อยจะเป็นอะไรไหมนะ
วิศรุตเดินนำณภัทรเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่งในห้าง...คู่รักหลายคู่นั่งยิ้มนั่งหัวเราะกันให้เห็นเป็นที่น่าแสลงใจสำหรับคนโสด...ณภัทรกวาดสายมองไปรอบๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถอนหายใจแบบนั้นเดี่ยวก็อายุสั้นไปอีกปีหรอก”
“งั้นวันนี้ฉันก็อายุสั้นไปหลายสิบปีแล้วล่ะ”
“มีเรื่องอะไรกลุ้มใจรึไง บอกกันก็ได้นะ อกหัก แฟนไม่รักหรือแอบรักเขาข้างเดียว”
“แค่ก แค่ก แค่ก”
ณภัทรสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดทำเอาวิศรุตที่นั่งมองอยู่ถึงกับหลุดขำแล้วรีบยื่นกระดาษทิชชู่ให้คนตรงหน้ารับไปเช็ดหน้าเช็ดตา
“ที่ถามไว้ตอนอยู่บนรถ ยังไม่ได้ตอบเลยนะ”
“อะ...อะไร”
“ที่ถามว่ามีแฟนรึยัง”
“ถ้ามีคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก...วันนี้วันวาเลนไทน์นะ”
“อืม...นั่นสินะ...วันวาเลนไทน์ ใครๆก็คงอยากจะอยู่กับคนที่ตัวเองรักคนที่ตัวเองชอบ”
พูดยิ้มๆแล้วมองเข้าไปนัยน์ตาของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างให้รับรู้แต่ณภัทรที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติก็เผลอหลบตาไปเสียก่อน...
หลังจากกินข้าวแล้วก็เดินเล่นอยู่ในห้างกันพักใหญ่วิศรุตก็พาณภัทรเดินเข้าไปในร้านขายช็อกโกแลตที่ประดับประดาตกแต่งเป็นสีชมพูให้เข้ากับเทศกาลวันแห่งความรักแบบนี้
“ช่วยเลือกช็อกโกแลตหน่อย จะซื้อไปให้คนที่แอบชอบอยู่”
“ขอฉันรออยู่ข้างนอกละกันนะ นายไปเลือกเถอะ”
เหมือนใจมันหายวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น...เจ็บอย่างบอกไม่ถูก...แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง...ไม่อยากแสดงอาการให้อีกฝ่ายเห็น...ไม่อยากให้รู้
“ก็อยากให้ช่วยเลือก ช่วยได้ไหมล่ะ นะ”
ได้ยินแบบนั้นก็ปฏิเสธอะไรไม่ออก...จำใจเดินไปช่วยเลือกอย่างเลี่ยงไม่ได้...
“เอาแบบไหนล่ะ...บางทีการเลือกช็อกโกแลตมันก็ต้องดูด้วยนะว่าคนที่ให้เป็นยังไง...ไม่ใช่สักแต่เลือกอย่างเดียว”
“เหมือนที่นายเลือกให้ฉันรึเปล่า”
“ใช่...เอ๊ย...ไม่ใช่...กะ...ก็บอกแล้วไงว่ากล่องนั้นเพื่อนมันฝากมา...”
“ฮ่าๆ เข้าเรื่องๆ คนที่ฉันแอบชอบน่ะหรอ...ก็...ตัวเล็กๆ...ขาวๆ...น่ารัก...แต่ออกจะขี้อายไปหน่อย...นอกนั้นก็ไม่ค่อยรู้แล้วล่ะเพราะไม่ค่อยได้คุยกัน”
“งั้น ให้เป็นไวท์ช็อกโกแลตก็แล้วกันนะ...ดีไหม...เธอ...คงจะชอบมากกว่า...”
“อือ คิดเหมือนกันเลยนะ งั้นก็เอาอันนี้แหละ”
อิจฉาคนคนนั้น...คนที่จะได้ช็อกโกแลตกล่องนี้ไป...อิจฉา...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกเหมือนเคย...ไม่อยากเป็นแบบนี้...ไม่อยากมีความรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ
กลับมาถึงบ้านด้วยอาการเหม่อลอยเล็กน้อย...ให้มันได้อย่างนี้สิณภัทร...คนอะไร...ทำร้ายจิตใจตัวเองก็เป็น...พอได้แล้ว...เขาสมควรที่จะเลิกชอบวิศรุตได้แล้ว...มันไม่มีประโยชน์ที่จะมีความรู้สึกนี้อีกต่อไป...เพราะในเมื่อไม่กล้า...ไม่กล้าที่จะบอกมันออกไปก็ควรจะจบมันลงเสียที...อย่าทรมานตัวเองแบบนี้อีกเลย
ติ๊ง ต่อง
เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านทำให้ณภัทรที่อาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วต้องวิ่งออกไปดู...มืดแล้วยังจะมีใครมาอีกนะ
“มาทำไมอีกอะ”
ณภัทรเอ่ยทักวิศรุตที่มายืนอยู่นอกรั้วบ้าน...
“นายลืมของอะ”
“ยะ...อย่ามาตลก...ลืมเลิมอะไร ไม่ได้เอาอะไรไปจะลืมได้ไง”
“เขยิบมาใกล้ๆนี่สิแล้วจะบอกว่าลืมอะไร”
ว่าแล้วก็กวักมือเรียกให้ณภัทรเดินเข้าไปใกล้ๆซึ่งเจ้าตัวเองก็ยอมเดินเข้าไปหาแต่โดยดี
“แบมือมาด้วย”
“ห้ามแกล้งนะ”
“อือ ไม่แกล้งหรอก เร็วๆ”
ตัดสินใจยื่นมือออกไปให้...กล่องช็อกโกแลตที่ตัวเองเป็นคนเลือกเองมากับมือถูกส่งไห้แล้ววางไว้บนฝ่ามือ...มองอย่างไม่เข้าใจนัก...สมองเหมือนจะยังประมวลผลไม่ทัน...ช็อกโกแลตที่วิศรุตบอกว่าจะเอาไปให้คนที่แอบชอบอยู่...หมายความว่ายังไง...
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะภัทร แอบชอบมานานแล้วแต่เพิ่งมีโอกาสได้บอก”
“กะ...แกล้งกันเล่นใช่มั้ย”
“เปล่านะ...นี่จากใจจริงเลยล่ะ...”
“ทำไมล่ะ...ไม่กลัวเหรอ...” กลัวอย่างที่เขากลัวมาตลอด
“แค่ทำตามสิ่งที่ใจคิด...คิดยังไงก็แสดงออกมา...รักก็บอกว่ารัก...ชอบก็บอกว่าชอบ...ไม่ใช่ว่าไม่กลัวกับการที่ต้องโดนปฏิเสธ...แต่อย่างน้อยการที่เราบอกใครคนนั้นออกไปแล้วมันก็ทำให้เราได้รู้ว่าเราพยายามเต็มที่กับสิ่งนั้นแล้ว...ถึงจะต้องเสียใจที่โดนปฏิเสธแต่นั่นก็ดีกว่าการที่เราจะต้องเสียใจเพราะไม่ได้ลงมือทำมัน...เหมือนกับที่ฉันกำลังทำอยู่วันนี้...”
นั่นสินะ...เหมือนกำแพงของความคิด...กำแพงของความกลัวที่ตัวเองสร้างขึ้นมันพังทลายลง...ก็เพียงแค่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง...ยอมรับกับมัน...ยิ้มรับกับมันแม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันจะเป็นยังไง...
“ขอบคุณนะ...แล้วก็...เอ่อ...เรื่องช็อกโกแลตนั่น...ที่บอกว่าเป็นของเพื่อนฝากมา...”
“...เป็นของภัทรใช่ไหม...”
“อือ...ขอโทษที่โกหก...”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ...เอาล่ะ ดึกมากและ ไม่รบกวนแล้วดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“...ราตรีสวัสดิ์...เช่นกัน...”
“อ้อ ช็อกโกแลตน่ะ ไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้นะมืดแล้วเดี๋ยวฟันผุ”
แยกย้ายกันกลับเข้าบ้านไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม...ถ้าหากวันนี้...ทั้งสองคน...ไม่มีคนใดคนหนึ่งกล้าที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป...ความรู้สึกดีในตอนนี้เวลานี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น...และไม่รู้ว่าจะต้องทนเก็บมันไปอีกนานแค่ไหน...และนั่นก็ทำให้คนอย่างณภัทรได้เรียนรู้แล้วว่า....
ขอเพียงแค่หัวใจที่มีรัก...และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน...ถึงจะต้องเสียใจที่โดนปฏิเสธแต่นั่นก็ดีกว่าการที่เราจะต้องเสียใจเพราะไม่ได้ลงมือทำมัน....
.
แล้วคุณล่ะ...กล้าพอสำหรับการสารภาพรักในวาเลนไทน์นี้แล้วหรือยัง???
[White Chocolate:End]
Rafael
13.2.55
-
Dark chocolate
วันแห่งความรัก
สีแดงสีชมพู ถูกป้ายไปทั่วทั้งเมือง มองไปทางไหน ก็เห็นเดินกันมาเป็นคู่ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม มีให้เห็นทุกที่
“รักกันมากหรือไง เออ รักกันไปให้ตลอดทางนะเว้ย”
“เอ้า มองหน้าทำไม วันนี้คนโสดเดินคนเดียวผิดกฏหมายเรอะ!”
“ไม่รู้หรือไงว่าจริงๆแล้ววันนี้มันเป็นวันตายต่างหากล่ะ! เซนต์วาเลนไทน์ น่าสงสารจริงๆ วันครบรอบวันตายท่านกับมีคนมาฉลองเต็มไปหมด”
เป็นแค่เด็กหนุ่ม น่าจะอยู่มัธยมปลาย หรือก็อาจจะมหาลัย ดูไม่ออก เพราะชุดที่ใส่นั้นไม่ใช่เครื่องแบบ เสื้อสีดำ กางเกงดำ รองเท้าหัวแหลมเฟี้ยว ถ้ากอดขวดเหล้ามาด้วย คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอาจจะพอเข้าใจเหตุผลของหนุ่มคนนี้บ้าง แต่เพราะมองดูหลายรอบแล้ว เห็นเพียงกระเป๋าแฟ่บๆใบหนึ่ง ทุกคนเลยทำได้แค่เดินออกห่าง
ผิวไม่ได้ขาวมาก เหมือนนักกีฬา แต่ก็พูดไม่ได้ว่าผิวสีแทน เดินวนไปวนมาหน้าประตูห้างหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาห้างเปิด จึงได้แต่ยืนโวยวาย พอเด็กหนุ่มได้ยินเสียงกระซิบที่พูดถึง ก็ชี้นิ้วเข้าหา ทำหน้าถมึงทึงใส่ จนคนนินทาต้องเผ่นแน่บ เดือดร้อนคุณยาม เดินออกมาด้วยใจหวั่นๆ
“น้อง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เสือก!”
เจอเข้าให้ คำด่ากลางแดดที่เริ่มร้อน เมืองไทยร้อนขึ้นทุกวัน พอๆกับคุณยามที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน พอเจอคำทักทายเข้าไป ก็ร้อนขึ้นทันที
“อะไรกัน น้องเมาหรือไง”
“ไม่เมาเว้ย ดูไม่ออกหรือไง”
คิดในใจว่าถ้าเป็นลูกชายจะตีสักป้าป แต่กลัวว่าจะเป็นบรรดาลูกหลานไฮโซ ถ้าเกิดตีไปก้นช้ำนั่งไม่ได้ อาจถูกปรับหลายหมื่น เล่นเอาก้นคุณยามฟีบเพราะขาดสารอาหาร จะเป็นเรื่องใหญ่ จึงหยิบวอร์ขึ้นมา เรียกหัวหน้ายามที่อยู่ใกล้ๆนั่นมาแทน
“…ไม่แน่ใจครับว่าเมายาบ้าหรือเปล่า”
พูดเบาแล้วนะ แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้ยินอีก เพราะตัวไม่ได้ใหญ่มาก ทำหน้าตาแบบนั้นจึงชวนให้ขำมากกว่ากลัว เหมือนแมวขู่ฝ่อ แต่อารมณ์เอ็นดูก็ไม่ได้อยู่ในความคิดสักนิด
“ว่าผมเมายาบ้าหรอ! ขอบอกเลยนะ ไม่ได้เมา! แค่อกหัก เข้าใจไหม ทำไมผมต้องมาอกหักวันวาเลนไทน์ด้วย!! วันนี้ผมสมควรจะได้ควงน้องจีนเดินสิ แล้วทำไม พี่ตอบผมมาหน่อย ทำไม!”
“พ…พี่ไม่รู้ครับน้อง”
“แล้วทำไมพี่ไม่รู้ว่ะ!”
“..พ..พี่ขอโทษนะน้อง”
รับมือไม่ไหวแล้ว ชักจะรู้สึกสงสารขึ้นมาตะหงิดๆ เล่นทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น กระทืบเท้าไปมา ดูจากอาการแล้ว คงจะแฟนคนแรก แหม ยังเด็ก ชีวิตยังอีกยาวไอ้น้อง แต่ไม่ได้พูดออกไป ไม่งั้นคงต้องซื้อกระทิงแดงเลี้ยงแหง
“พี่ป๋องทางนี้ครับ!”
รอดตายแล้ว! พี่ยามตะโกนในใจเสียงดัง รีบกวักมือเรียกหัวหน้าชุดดำในแว่นตาดำให้มาทางนี้ กลัวไอ้เด็กนี่มันจะเป็นลมแดดตายไปเสียก่อน เพราะเห็นดิ้นแด่วๆมาสักพัก
แต่ยังไม่ทันที่พี่ป๋องจะถึงตัวเด็กเมารัก ก็เห็นหลังไวๆของเด็กหนุ่มอีกคนเข้ามาแทรก “ขอโทษนะครับ” เห็นคิ้วหนาๆนั่นก่อนจะเห็นตาเสียอีก ตาเล็ก แต่ไม่ได้ตี่ หล่อ เล่นเอาใจสั่นไปวูบหนึ่ง ลืมลูกเมียที่ภูธร สะบัดหัวไล่ความคิดออกไป ตอบได้แค่ว่า “ครับ?”
“เพื่อนผมพึ่งอกหักมา..อยู่นิ่งๆสิวะ…ขอโทษนะครับ ผมดูมันไม่ดีเอง”
โสดหมาดๆยกมือต่อยแก้มพ่อหนุ่มสุดหล่อจนหน้าเบ้ ไม่แรงมาก แต่เพราะแดดร้อน คนถูกต่อยเลยหันไปตวาดใส่ หงุดหงิด น่าจะเป็นแบบนั้น เหงื่อท่วมไปหมดทั้งๆที่พึ่งจะเก้าโมงเช้า
“ไม่เป็นไร รีบพาน้องเขาไปเถอะ หัวหน้าพี่มานู่นแล้ว”
“ครับ ขอบคุณนะครับ”
โค้งหัวให้ มารยาทงามจนน่าโหวตรางวัลดัชชุนบอย หัวหน้าเดินเข้ามาทัก พี่ยามจึงหยุดมองเด็กสองคนนั้นที่เดินหายออกไป
แต่วีรกรรมของหนุ่มขวางโลกก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น ทำแม้กระทั่งกระโดดถีบตู้โทรศัพท์ ท่าสวย คนแถวนั้นชื่นชมในใจแต่ไม่พูดออกปาก เพราะไม่อยากให้เสาเหล็กนั้นที่เจอแข้งทองเข้าไปเป็นภาพจำลองก้านคอตัวเอง เด็กหนุ่มนอนร้องโอดโอยเจ็บหน้าแข้ง มีเพื่อนทำหน้าเบื่อๆบ่นอยู่ข้างๆ
“บ้าไปแล้วหรือไง!แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำให้มึงเสียสติเลยหรอ?”
“คนมีคู่ไม่รู้หรอก”
“กูก็โสด!!”
“ไม่จริงไอ้ท็อป มึงมีแฟนแล้ว วันก่อนกูเห็นมึงเดินกับน้องม.5”
ท็อป น่าจะ ถ้าชาวสยามมุงฟังไม่ผิด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แถมส่ายหัวให้ ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม “นั่นมันน้องไอ้จิม กูไปส่งน้องเขาเฉยๆ กูรับปากกับไอ้จิมไว้”
คนเข้าใจผิดนั่งเงียบ เหมือนกำลังหาคำเถียงอยู่ แต่นึกไม่ออก เลยส่ายหัวให้ “คิดคำเถียงไม่ออกล่ะสิ” กลับหัวมาพยักหน้าแทบไม่ทัน
“ลุกขึ้นได้แล้ว กูก็อายเหมือนกันนะ ต้องมาค่อยรั้งมึงไว้เนี่ย”
“ก็ปล่อยกูซะสิ”
“อย่ามางอนแบบนั้น มึงไม่ใช่ผู้หญิง ทำแล้วนอกจากไม่น่ารัก เผลอๆกูจะแถมเท้าให้มึงด้วย”
“ไอ้เพื่อนชั่ว กูพึ่งอกหัก มึงซ้ำเติม”
“กูซ้ำเติมตรงไหน โอ๊ค ลุกขึ้นมา”
ยื่นมือให้จับ ทำหยิ่ง สะบัดหน้าหนี แต่พอยืนเองไม่ขึ้น ก็โวยวาย นึกถึงหน้าพ่อแม่เด็กคนนี้แล้วอยากจะยื่นมือไปตบไหล่ พยักหน้า บอกว่า “ผมเข้าใจคุณนะ รู้เลยว่าคุณต้องผ่านเรื่องหนักมาขนาดไหน” แต่ก็ขอแค่จินตนาการเถอะ
“โทรเรียกกูตั้งแต่หกโมง เมื่อคืนก็คุยกันถึงตีสาม ทำไมไม่มานอนกับกูเลยล่ะ”
“มึงก็รู้ว่าแม่กูไม่ปล่อยกูออกไปอยู่แล้ว ขนาดเรื่องจีน แม่ยังไม่รู้เลย”
“ทำไมแม่มึงจะไม่รู้”
“หมายความว่ายังไง?”
“กูบอกแม่มึงเอง”
“ก็ว่าแล้ว!! ทำไมแม่มาบอกกูว่าชีวิตนี้ไม่ได้มีความรักแค่ครั้งเดียว”
“เออ แล้วไงต่อ”
“แม่กูเลยบอกให้วันนี้ออกมาเที่ยว ไม่งั้น ปกติก็ไม่ค่อยได้ออกมาหรอก”
“เขาจะให้มึงมาหาแฟนใหม่”
“บ้าหรือไง กูพึ่งอกหักเมื่อวานเองนะเว้ย”
“เสียใจไหม?”
“มาก เดี๋ยวๆ ไอ้ท็อป กูอยากกินบะหมี่เจ้านั่นว่ะ”
“เปิดสิบโมง นี่พึ่งเก้าโมงสิบห้า เป็นไงล่ะ อยากออกมาเช้า”
“แม่ง ไอ้พวกเปิดสาย ขี้เกียจอย่างนี้ร้านมึงคงขายดีหรอก”
“มึงแหละที่มาเช้า สยามเช้าๆแบบนี้ ใครจะมา”
“กูไง! กูที่มาเดินคนเดียว โสดแบบนี้ มีกูแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ!”
“….”
“…ทำไมต้องมาเลิกกันก่อนวาเลนไทน์ด้วยวะ ถ้าบอกกูก่อนล่วงหน้า กูก็ไม่ต้องหมดเงินไปกับของพวกนี้หรอก”
ตบกระเป๋าแบนๆนั่น ดูเหมือนจะมีของอะไรอยู่ แต่เพื่อนร่วมแบกที่ต้องพยุงคนเจ็บแข้งนั่นไม่ได้ทำหน้าสงสัย รายละเอียดปลีกย่อยตั้งแต่สถานที่ซื้อ ราคา ส่วนประกอบ รู้หมดทุกอย่าง ใช้เวลาตั้งแต่ห้าทุ่มถึงตีหนึ่งครึ่งในการอธิบายเรื่องพวกนี้
“กูไม่น่าซื้อดาร์กช็อคมาเลย คนขายก็บอกแล้วให้ซื้อช็อคโกแลตธรรมดา ไม่งั้นชีวิตกูคงไม่ดาร์กแบบนี้หรอก”
“ก็มึงชอบกิน จะซื้อดาร์กก็ไม่ผิดหรอก”
“สงสัยจิตใต้สำนึกกูคงรู้แล้วว่ากูต้องกินเอง…”
“แล้วแหวนคู่มึงล่ะ? ไปขายคืนได้ไหม?”
“คงไม่ว่ะ กูอาจจะเก็บไว้ดู ว่าครั้งหนึ่งกูเคยเสียใจขนาดนี้”
“เสียใจขนาดไหนวะ กูไม่เคยอกหัก”
“อารมณ์ลูกบาสลูกโปรดมึงโดนเจาะ พอมึงไปร้านอุปกรณ์กีฬา เขาก็ทำหน้างงเวลามึงพูดคำว่าบาสใส่ ทั้งโลกทำเหมือนไม่เคยมีบาสเกตบอลมาก่อน!”
“นั่นมันแย่สุดๆเลยนี่หว่า”
“ก็เออดิ”
เข้าใจแล้วว่าทำไมสีผิวเด็กหนุ่มนั้นถึงไม่ขาวสุดๆ คงเป็นเพราะเพื่อนตัวใหญ่ข้างๆนี่แหละที่ชวนเล่นบาสบ่อยๆ แต่คงจะไม่ขยันเล่นนักหรอก เพราะทันทีที่เจอร้านเบเกอรี่เปิดแอร์เย็นฉ่ำก็รีบถลาเข้าร้าน นั่งผึ่งพุงไม่ต่างจากนักเดินทางไกลกลางทะเลทราย
ไอ้หนุ่มุสุดหล่อแต่กลับยังหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่อย่างนี้ เท่าที่ฟัง คงจะเป็นคอกีฬาพันธุ์แท้ ในใจสี่ห้องอัดแน่นไปด้วยคำว่า “NBA” ไม่มีที่ให้สาวๆเข้ามาพัก
“กินไร กูเลี้ยง”
“ไรก็ได้”
“พูดงี้ทุกที แล้วมาทำบ่นตอนกูซื้อให้ไม่ถูกใจ ไอ้โอ๊ค บอกมาเลยจะกินอะไร”
“กินเหมือนมึง”
“….”
“มองหน้าทำไมวะ??”
“โมโหใส่กูอีก”
จากที่อารมณ์ดีๆกับแอร์เย็นช่ำ พอมองไปรอบๆร้าน เห็นชายหญิงมาเป็นคู่ ก็หงุดหงิดขึ้นมา แถวหูร้อนผิดปกติ ถ้ามีกระจก อาจเห็นควันพ่นออกมา
ไม่อยากกินแล้ว ไม่อยากอยู่ในร้านนี้แล้ว
คงจะบ่นแบบนี้กระมัง แต่เพราะเสียงเพลงรักในร้านที่เปิดทับ ทำให้เพื่อนหนุ่มมองมาจากที่ไกลๆ เข้าใจว่ากำลังหิวจัดจนหงุดหงิด จึงซื้อขนมปังมาสองชิ้นเหมือนกัน น้ำเพียงแก้วเดียว กลัวต้องรอนาน เพื่อนรักใจร้อนจะทุ่มโต๊ะใส่กระจกเสียก่อน ปกติก็ขี้โวยวายอยู่แล้ว แต่วันนิ้ยิ่งกว่าผู้หญิงช่วงประจำเดือนถือปืนเข้าสนามรบ พุ่งชนทุกอย่าง ถ้าเขาใส่เสื้อสีแดง อาจถึงฆาตตั้งแต่ตรงหน้าห้าง ไม่รอดมาถึงตรงนี้หรอก
“กินน้ำก่อนไป”
คว้าหลอดไปกิน หยิบหลอดมาสองอัน ให้มากินด้วยกัน ไม่ได้รังเกียจ แต่ถ้ามีหลอดสองอัน ก็เลือกสองอัน พยุงไอ้เจ้าคนขี้โวยวายมาตลอดทางจนเหงื่อชุ่มหลัง ไม่รออีกคนกินจนหนำใจ ก็ดึงแก้วเข้ามาใกล้ๆ ซดน้ำด้วยหลอดที่เหลืออีกอัน
“แอ่งอูอ่อ?”
“ไอ่ไอ้แอ่ง อูอิ๊ว!”
พูดจาภาษาชะมด คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจ หน้าผากแทบชนกัน แผ่ไอร้อนจากเหม่งสู่เหม่ง เกิดศึกแย่งชิงน้ำในแก้ว หกสิบบาทเลยนะ สาบานได้ พอเห็นอีกฝ่ายดูดดร๊วบใหญ่ ก็รีบดูดกลับ แทบไม่ได้หายใจ ได้ยินเสียงน้ำเกลี้ยงแก้ว ดูดจนมีแต่อากาศ
“ไปซื้อแก้วใหม่มาดิ”
“เงินมึงดิ แก้วนี้กูจ่ายแล้ว”
“เพื่อนอกหักปลอบไม่ได้หรอวะ”
“มึงมันหลอกแดกฟรี”
“รู้แล้วก็รีบๆไปเอามาสิวะ”
แล้วทำไมยังเป็นแก้วเดียวสองหลอดอยู่ บรรยากาศที่อื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตรงนี้กำลังคุกกรุ่นสุดๆ ยิ่งเพิ่มเดิมพันว่าใครกินหมดทีหลังจ่าย ไม่ได้คิดเลยว่าหมดทีหลังหน้าตาเป็นยังไง ในเมื่อกินแก้วเดียวกันแบบนี้ ไม่สิ ก่อนหน้านี้ต้องคิดย้อนไปถึงตอนที่ว่าจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์นั่น จ่ายไปแล้ว ยังจะมาแย่งเดิมพันอะไรกันอีก ตรงกับสำนวน วัยรุ่นเข้าใจยากจริงๆ
“…นั่นคู่เกย์นี่น่า”
นั่นซุบซิบหรอนั่น ทำไมเสียงมันได้ยินชัดเจนขนาดนี้ ท็อปเป็นฝ่ายได้ยินก่อน แต่ทำไม่สนใจ ภาวนาในใจแผ่วๆว่าขอให้คนตรงหน้าไม่ได้ยินด้วย ก็คงจะดี
“อย่าไปชี้เค้าสิ”
สงสัยพระเจ้าก็คงจะมีเดท
คุณโอ๊ค มารยาทงาม ระบือไกลไปสามโรงเรียน ไม่รอช้าดูดน้ำเข้าหลอด แล้วพ่นใส่แม่คุณทูนหัวที่โฉบกายผ่านทันที แฟนหนุ่มหงุดหงิด ยกนิ้วชี้หน้า “ทำไรของมึงวะ” ประกอบด้วยเสียงวีดว้ายของเจ้าหล่อนที่หลบไปยืนหลังฉาก เรดาร์ไทยมุงเริ่มทำงาน
“แล้วแฟนมึงพูดอะไรล่ะ!”
“มานั่งดูดน้ำแก้วเดียวกัน จ้องตากันแบบนี้ ไม่ใช่คู่เกย์แล้วมันอะไรวะ”
“อ้าวเชี่ยนิ ปากมึงมันหมาพันธุ์อะไรว่ะ? ทำไมมันต่ำงี้ เพื่อนมึงไม่มีหรอ? ไม่เคยมีเพื่อนหรือไง”
เจ้าคุณท่านลุกขึ้นจากโต๊ะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องตบโต๊ะด้วยตอนยืน เลยกลายเป็นการดีเลย์กลางอากาศ จำเลยในคดีอีกคนหลุดขำพรืด ไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้สักนิด
“พูดงี้มึงหาเรื่องหรอ?”
“เรื่องน่ะกูมี มีเยอะด้วย อยากแบ่งไปบ้างไหมล่ะ!”
“เฮ้ยไอ้โอ๊ค พอเหอะ”
“เงียบไปเลยไอ้ท็อป ปากหมาๆแบบนี้ กูจะจับใส่ตะกร้อให้หมดปากเลย”
“มึงก็ไม่ใช่น้อยเลยนะ”
“ยิ้มเหี้ยไร ใช่เวลาไหม?”
“นี่มึงจะคุยกับคู่ขามึงหรือจะคุยกับกูว่ะ”
“อย่างมึงไม่เรียกว่าคุย เพราะกูฟังมึงเห่าไม่รู้เรื่องเว้ย”
“อ้าว สัด!”
พลั๊ก!!
ไม่ใช่เสียงผักเหี่ยวตบเขียง แต่เป็นเสียงหน้าเพียวๆของ…ของ…. ไม่ต้องเดานานหรอก มีแค่สองตัวเลือก ใบ้ให้ก็ได้ ไม่สิ บอกเลยดีกว่า ว่าฝ่ายที่กำลังอินเลิฟเจอหมัดใจเหงาๆเข้าไปจนหงายเหงิบ ยังไม่ทันจะตั้งหลัก เงยหน้ามา ก็มีแค่ขนมปังหมูหยองที่ยังไม่ถูกแตะชิ้นนึงเป็นของปลอบใจเท่านั้น
สองหนุ่มคู่ขา พูดแบบนี้ก็คงไม่ผิด เพราะตอนนี้วิ่งขาคู่เต็มสปีดหมาโกย หัวเราะเสียงดัง สำหรับหมัดทลายรัก ดูจะสะใจไม่น้อย กระเป๋าสะพายเหวี่ยงไปมาบนบ่า กระแทกหลังคนที่ยังสะบัดกำปั้นอยู่ เจ็บทั้งหน้าคนโดนชกกับมือคนชกนั่นแหละ แต่กลับสะใจอย่างประหลาด
วิ่งโกยแน่บมาหลายซอย จนมาโผล่ที่ร้านบะหมี่ที่นักเลงวัยกระเตาะบ่นอยากกิน สุดท้าย ก็ได้เข้าไปนั่งสูดบะหมี่ในนั้นกันจริงๆ มองนาฬิกา พึ่งสิบโมงครึ่ง
“วันวาเลนไทน์ยังเหลืออีกเยอะ ไม่แน่ วันนี้ทั้งกูทั้งมึงอาจทิ้งสถานะโสดก็ได้”
ท็อป ออนท็อป หรือจะเรียกชื่อไหนก็ตาม พูดไปปากเคี้ยวเส้นบะหมี่ไป หยิบแก้วน้ำขึ้นกิน อ๊ะ อ๊ะ ไม่ใช่แก้วเดียวกันแล้วแน่นอน สั่งแยกวางกันคนละมุมโต๊ะกันความสับสน เอาจริงๆ เจอเมื่อกี้ก็อึ้งไปเหมือนกัน เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่เคยมีความคิดแบบนั้นในหัว
เหล่ตามองหน้าเพื่อนข้างๆ ไม่เคยมองว่ามันตัวเล็ก เหมือนชิวาว่าที่คนอื่นมอง ปากหมา ชอบต่อยตี แต่ดันตัวเล็ก ฉายาชิวาว่าเลยกลายเป็นชื่อสุดฮิตทันที
มันยิ่งใหญ่ในแบบของมัน แบบบ้าๆบอๆ รักเพื่อนเป็นที่หนึ่ง ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ งี่เง่า บางเวลา ก็พูดจาไม่รู้เรื่อง เวลาเสียใจ จะทำอะไรไม่ถูก มีอะไรอีกน้า? นึกได้ทั้งวัน บอกแล้วว่าอยู่ด้วยกันมานาน นานมาก จนคำว่าเกรงใจหายไปไม่รู้ตัว
นั่น ยังไม่ทันขาดคำ ไอ้ที่ถุยผักลงทิชชู่น่ะ ทิชชู่ใคร หัดดูบ้าง เอ้า ทิชชู่อีกแผ่นเอาไปสั่งน้ำมูกอีก กินต้มยำก็เป็นแบบนี้ประจำแล้วยังจะกินอีก อย่าทำให้ต้องกลายร่างเป็นคุณพ่อได้ไหม ยังไม่อยากฝึกเลี้ยงลูกตั้งแต่ตอนนี้ แล้วถ้ายิ่งมีลูกเป็นเด็กโข่งจอมปัญหาแบบนี้ ขอลาขาด
“มองไร ไม่กินบะหมี่ล่ะวะ อืดหมดแล้ว”
“อยากกินลูกชิ้นนั่นว่ะ”
“กูไม่ให้ กูชอบกิน”
“กูแลกกับเกี๊ยวปลา”
“ไม่พูดตั้งแต่แรกล่ะว่ะ”
ลูกชิ้นอะไรนั่นไม่เห็นจะอร่อย มีแต่แป้ง 96 เปอร์เซนต์ 2 เปอร์เซนต์เป็นบอแรกซ์ อีก 2 เปอร์เซนต์ เนื้อปลา ปลาอะไรไม่รู้ ระบุไม่ได้ว่ามีชีวิตอยู่ที่ไหน สะอาดแค่ไหน
แค่รู้ว่าชิวาว่าตัวเล็กๆนี่ชอบกินเกี๊ยวปลาต่างหาก แต่ให้เพียวๆ อาจจะมีญัตติขึ้นมาได้ เลยต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
“มึงเลิกกินหวานเหอะ หวานไปถึงลูกชิ้น”
“กูชอบของกู”
“เขาบอกอยากให้หมาดุต้องให้กินน้ำตาล เห็นท่าจะจริง”
“พ่อง”
ลืมไปแล้วรึไงว่าพึ่งอกหักมา
อกหัก ทำไมถึงเรียกแบบนั้นก็ไม่รู้ อกก็ไม่ได้ยุบหรือเสียรูปอะไรสักหน่อย ทำไมไม่เรียกใจหัก ใจแตก ใจร้าวอะไรเทือกนี้ แต่อี๋ แค่คิดก็รู้สึกเลี่ยนๆแถวปากแล้ว เรียกอกหัก คงจะดีที่สุดแล้วจริงๆ
ไปร้องคาราโอเกะ ว๊ากกันให้หนำใจ ไปกับคนอื่น ได้ฟังเพลงสวดมนต์ มากับชิวาว่าจอมเห่า ไม่เคยผิดหวัง กระโดดโยกกันจนหมอนรองกระดูกเสื่อม เพลงอกหักขนมาให้หมด ทางนี้ต้องการด่วน รวมถึงหางเครื่องสักโหล คุณชายขาแด๊นซ์สองคนในห้องแคบๆ ยังไม่ค่อยหนำใจเท่าไหร่
ทิ้งตัวนั่งกับโซฟาสีแดง โอ๊คทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ สะบัดหัวที มีเหงื่อกระเซ็นมาด้วย ดูเปล่งประกายอย่างแปลกๆ
เปล่านะ ไม่มีใครคิดอะไรที่ตรงนี้ทั้งนั้นแหละ ก็แค่มอง มองเฉยๆ
“มองเหี้ยไร”
“มองหน้ามึง”
“ทำไม?”
“ก็เปล่า”
“เพี้ยนแล้วมึง ไอ้ท็อป”
“เออ เพราะใครล่ะว่ะ นอนก็ไม่ได้นอน วันนี้ต้องออกมาตะลอนด้วยอีก”
“กูเองอ่ะ อย่าพูดมากดิ เอาเพลงต่อไปได้แล้ว”
ร้องกันไปไม่รู้กี่เพลง แต่ออกมาก็เสียงแหบกันทั้งคู่ สองชั่วโมง ที่หมดไปกับห้องแคบๆ ร้อนยิ่งกว่าอบซาวน่า ต่อด้วยข้าวกลางวัน วัยรุ่นเป็นวัยผลาญพลังงาน กิน แล้วก็กิน ไม่เคยมีคำว่า “ไม่หิว” ต่อช่วงบ่ายด้วยหนังสักเรื่อง ให้มันพอครบชุดทัวร์สยามอย่างที่เขาชอบทำกัน
เดี๋ยว เดี๋ยวนะ นั่นมันหนังรักไม่ใช่หรอไง? คนถลุงเงินไม่ได้สนใจหน้าตางงงวยของท็อปสักนิด หันมามองด้วยหางตา
“เร็วๆสิวะ ยืนรออะไร”
“ทำไมดูหนังรัก”
“กูกะจะมาดูกับยีน แต่ก็อด ไหนๆมาแล้ว ก็อยากดูว่ะ”
สงสารเพื่อนหรอกนะ ไม่งั้นหนังรัก ไม่มีทางได้แหยมเงินในกระเป๋าตังค์หรอก
หนังไม่ได้สนุก เลี่ยน บรรยากาศเลิฟเลิฟลอยว่อนในโรงหนัง มาเป็นคู่ มาเป็นคี่ก็มาเป็นครอบครัว ก็เอาสิ ถ้าจะมาเป็นคู่แบบตัวผู้สองตัวแบบนี้ หนังรักด้วยนะ ไม่ใช่แนวเลย ปกติมันต้องหนังเลือดสาดบู๊ทะลุจอไม่ใช่หรอไง แล้วนี่มันอะไร..กัน
“ร้องไห้หรอวะ”
“สัด ใครร้อง”
“มึงไง”
เห็นเป็นเงาลางๆ เพราะซุกหน้าเข้ากับเสื้อที่ดึงขึ้นมาจนเห็นหน้าท้อง ซุกตัวจนเป็นก้อนกลมๆ ไม่สงสัยในความเสียใจอีกต่อไป เพราะจากที่ยกตัวอย่างมานั่น ก็คิดว่าเจ็บปวดเกินจะทน
คว้าทั้งหัว รั้งเข้าหาตัว ไม่เคยปลอบแบบนี้มาก่อน เลยไม่รู้จะทำตัวยังไง
ไม่สนใจคนรอบๆข้าง รู้ว่าสายตาบางคู่ กำลังมองมาทางนี้ ก็ช่างสิ จะมองก็มองไป ยังไงก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว
“แค่ผู้หญิงคนเดียวเอง”
“…”
ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกชัด ในจอกำลังหัวเราะเสียงดัง แต่นอกจอนี่ดราม่าน้ำตาไหล ไม่เหมาะกันสักนิด “ออกจากที่นี่กัน”
“ยังดูไม่จบ”
“เดี๋ยวซื้อแผ่นผี ไปดูบ้านกูก็ได้”
พูดแบบนั้นถึงยอมออกมา ตายังแดงๆอยู่ ไม่แซว เพราะรู้ว่าจะโมโห แต่ถ้าโมโหก็ดี จะได้ไม่อยู่ในอารมณ์เศร้าแบบนี้ หมาหงอยๆหูหางตกลู่พื้น
“เชื่อเลย ในจอกำลังขำ มึงกลับร้องไห้”
“กูว่าแม่งเศร้า เศร้าลึกๆ”
“เออ ไอ้ติสต์แตก กูไม่เข้าใจหรอกวะ แล้วจะกลับบ้านเลยไหม?”
ส่ายหัว พาเข้าไปกินไอติม สั่งถ้วยใหญ่มากินด้วยกันสองคน ให้ตายเถอะ ทำไมต้องมีสตอเบอรรี่รูปหัวใจด้วยนะ แบบนี้มันเซตคู่รักนี่น่า ชัดๆเลย รู้สึกไอติมหวานเป็นพิเศษ
ต่อที่เกมเซนเตอร์จนเริ่มดึก ยังไม่ได้กินข้าวเย็น แต่เดินออกมาข้างนอกตัวห้าง “ไม่รีบกลับแม่ไม่ว่าหรอวะ”
“คงไม่”
สองหนุ่มยืนพิงตัวกับสะพานลอยข้ามทาง บรรยากาศคู่รักลอยฟุ้ง แต่ไม่ใช่ตรงนี้แน่ๆหล่ะ
“กินไหม?”
“อ้าว”
ช็อคโกแลตที่ถูกห่ออย่างดี ถูกฉีกห่ออย่างกับกระดาษหนังสือพิมพ์ หักดาร์กช็อคโกแลตสุดขมแต่เป็นที่โปรดปรานแบ่งกันอย่างละครึ่ง
“ก็อร่อยดี”
“เสียดายจีนอดกิน”
“แต่อย่างน้อยมึงก็ได้กิน”
“…กับมึง”
ท็อปตอบด้วยเสียงอืมในคอ ถนนข้างล่าง ได้ยินแต่เสียงบีบแตร ไฟสีแดงขาวส้มไล่โทนกันไป ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป เป็นภาพที่เห็นอยู่ทุกวัน แต่พอจ้องดีๆกลับรู้สึกมีเสน่ห์อย่างประหลาด ลมพัดจนผมปลิวไม่เป็นทรง กำลังดี ไม่มากเกินไป
คนเดินผ่านไปมา เป็นคู่ คนพึ่งโสดเบี่ยงหน้าหนี ไม่อยากมอง
“ขอดูแหวนหน่อยดิ”
“กูให้”
“ไม่อยากได้แล้วหรอ”
ไม่มีคำตอบ
คงอยากได้ แต่ไม่อยากใส่เพียงแค่คนเดียว
ตัวแหวนเรียบ ท่าทางแพง มีช่วงหนึ่ง เก็บเงินงกๆ โบกมือลาขาดร้านการ์ตูนไป คงจะมาลงที่ไอ้แหวนเล็กๆนี่แทน
“ให้กูแล้วนะ”
“เออ”
กระแทกเสียง หยิบวงที่ใหญ่กว่าขึ้นมาใส่ มองดีๆแล้ว นี่มันไม่ได้วัดไซส์แหวนเลยนี่หว่า ใหญ่เกือบเท่ากันด้วยซ้ำ พอดีมือ ใส่ลงกับนิ้วชี้ ก็เท่ดี เรียบแต่มีสไตล์ หยิบอีกวงขึ้นมา
“ขอมือหน่อยดิ”
“กูเป็นหมาหรอไง”
“ชิวาว่าไง”
“มึงเคยเจอมันกัดไหมล่ะ เดี๋ยววันนี้จะได้ลอง”
ข้อนิ้วนั่นเล็กกว่า ใส่แหวนลงไป “นี่มึงไม่ได้วัดนิ้วของจีนเลยหรือไง”
“เออ จริงด้วยวะ”
ก็ว่าแล้ว
ใส่พอดีนิ้วก้อยของโอ๊คพอดี มองดูแล้ว แหวนสองวงที่อยู่ใกล้ๆกันสะท้อนกับแสงไฟ ตกอยู่ในความเงียบห้วงใหญ่ ไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไรแทรกออกไป
เกี่ยวนิ้วชี้เข้าหานิ้วก้อยนั่น แหวนสองวงกระทบเข้าหากัน พอเบี่ยงตัวมาหน่อย เงาก็บังจนแหวนนั่นกลืนเข้าหากัน คล้ายเชือกที่มัดสองมือไว้
“มึงวงนึง กูวงนึง ใส่ให้คุ้มราคา อย่าทำหายก่อนล่ะ”
“ช็อคโกแลตซื้อมาก็แบ่งครึ่งกับมึง แล้วยังแหวนอีก”
“แล้วโอเคไม่ล่ะ?”
“ก็ไม่แย่”
“วันวาเลนไทน์กำลังจะหมดลงแล้วนะ”
“อืม”
“ตอนนี้จีนคงอยู่ในสถานะแฟนเก่า”
“แหงดิ”
“แล้วแฟนใหม่ล่ะ พร้อมจะหายัง”
“ยังไม่ได้คิดเลยว่ะ”
“กูเสนอคนนึง”
“ห้ะ? ใครวะ”
“คนนี้กูรู้จักดี รับรอง เขาจะดูแลมึงอย่างดี แล้วก็พร้อมจะฉลองวันวาเลนไทน์กับมึงด้วย”
“แล้วทำไมเขาต้องมาดูแลกูด้วยวะ ไหน ใคร? หญิงแกร่งมาจากไหนวะ ถึงจะมาดูแลกู”
กระเป๋าที่สะพายอยู่บนไหลของโอ๊คไหลลง ท็อปรีบยื่นมือไปจับไว้แทบไม่ทัน ดันมันขึ้นกลับไปที่ไหล่เหมือนเดิม ยืนขึ้นเต็มความสูง ในขณะที่อีกคน ยังพิงตัวกับรั้วอยู่
เงาทับลงบนตัวคนขี้เหงาเต็มๆ แต่ดวงตากลับเป็นประกาย พอๆกับแหวนสองวง ที่ส่องแส่งกระพริบ เรียกเข้าหากัน
“ฟังดีๆล่ะ…”
ลมหายใจ ไม่เป็นจังหวะเดิม รู้สึกได้
อะไรกันนะ ความรู้สึกนี้
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไรต่อไป ตอนนี้ เหมือนน้ำที่อยู่ในแก้วมันล้นออกมาหมด ไม่รู้จะกวักน้ำที่ล้นออกมากลับแก้วนั่นยังไง
กลีบกุหลาบ ไม่รู้ปลิวมาจากไหน แต่วันแห่งความรัก ก็ขายกันทุกที่ ราคาสูงลิ่บลิ่ว ยันถูกๆ ดอกละห้าบาทสิบบาท ปลิวผ่านระหว่างช่องว่างของคนสองคน ที่ลดลงเรื่อยๆ หยุดพักที่ไหล่ผู้ชายคนนึงสักพัก ก่อนจะปลิวผ่านไป เมื่อเสียงของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นมา ผ่านดวงตาที่ค่อยๆเปิดกว้างขึ้น ดวงตาที่แฝงไปด้วยแววประหลาดใจ
ต้นไม้ต้นหนึ่งได้ตายลง มองดูดีๆ ก็เห็นต้นกล้าเล็กๆ กำลังงอกเงยขึ้นมาจากซากนั้น
ท่าจะเป็นต้นไม้ ….ต้นรักที่ประหลาดน่าดู
……………………..
………………
…………
Cn9095
[Dark chocolate : end]
[12.02.12]
-
:z13:
ชอบทั้งสองเรื่องเลย!!
white ก็อารมณ์แอบรัก น่ารัก อบอุ่น
ส่วน dark ก็อกหัก...แต่รู้สึกจะได้แฟนใหม่แล้วนี่!! :o8:
:L2: :L2: :L2:
-
o13 ยกนิ้วให้โปรเจคร่วม
ไวท์จะให้อารมณ์อบอุ่น น่ารัก อ่านไปลุ้นไป ใจตรงกันสองคนต่างก็ไม่กล้าบอก
ส่วนดาร์คจะเป็นอะไรที่เข้าใจอารมณ์คนอกหักได้ดีเลย มาพลิกโผเอาตอนท้าย
สองเรื่องนี้เป็นช็อคโกแลตที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวอ่าาาาา
เพ้อไปเรื่อยนะเรา :laugh:
.
.
.
iPongPaeng แว๊กกกกก มาด้วยแฮะ Sex Syndrome ทู้กำลังจะตกไปหน้า 10 แล้วนะ ต่อด่วน :angry2:
-
ชอบดาร์กอ่ะ
มันดาร์กให้ความดิบเถื่อนแบบเด็กมัธยมดี XD
-
วู้~~~~~~~~~~~
เห็นชื่อคนแต่งที่มา FT. กันแล้วต้องรีบกดเข้ามาอ่าน
แปะจองที่ไว้ก่อน อยากนั่งหน้า
ขอไปอาบน้ำแว๊บบบบบบบบบบบบบ~
โว้วววววววววววววววววววว!!
น่ารักทั้งสองเรื่องเลยอ่ะ
น่ากอดทั้งนภัทรและเจ้าท็อป!!!
มากอดที ทั้งสองคนแต่ง :กอด1: :กอด1:
-
น่ารักอ่ะ ชอบๆๆ
อยากมีแบบนี้บ้าง
-
อ่านแล้ว เลิฟ เลิฟ ขึ้นมาเลย
-
หวานแบบช๊อกโกแลตจริงๆๆ
-
น่ารักมากกกกกกกกกกก สองเรื่องสองอารมณ์
เรื่องแรกน่ารักๆ หวานๆ ชอบมากค่ะ เข้ากับอารมณ์เรามาก แอบรักเหมือนกัน เสียแต่เราไม่สมหวัง T^T
เรื่องที่สองนี่ดาร์กตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่อง ซึ้งตอนจบ ฮ่าๆๆ ประสบการณ์อกหักเราก็ยังไม่เคยเจอซะด้วย ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณนะคะ น่ารักมากๆเลย ชอบมากกกก ^^
-
เข้ามากด Love+ ยิกๆๆๆๆๆ~~!!~ น่ารักสุดๆ :-[
-
:เฮ้อ: ไม่มีทั้งไวท์ ไม่มีทั้งดาร์ค
-
ชอบทั้ง 2 เรื่องเลยค่ะ
:L2: :L2:
-
สั้นๆ
ชอบมากทั้งสองเรื่อง :กอด1: หวาน อบอุ่น ให้ความรู้สึกถึงรสของ ไวท์&ดาร์กช็อคโกแลต เลยน่ะ o13
-
อ่านแล้วเศร้าาาาา คนมีคู่ไม่รู้หรอก :m15:
-
เห็นคนแต่งแล้วต้องรีบกดเข้ามาอ่านเลยจ้า :-[
ทั้งสองเรื่อง น่ารักมากๆ เรื่องแรกกุ๊กกิ๊กๆ เรื่องหลังฮาๆ อ่านไปได้บรรยากาศกางเกงน้ำเงิน เลิฟซิกมากเลยอ้ะ
ชอบบบ ทั้งสองเรื่องเลย :กอด1:
-
ชอบทั้งสองเรื่องนะคะ o13
ไวท์อบอุ่นหวานๆ ดาร์กก็อกหักแล้วพบรักใหม่ >~<
-
ถึงไม่อกหักแต่อารมณ์ประมาณโอ๊ค ๕๕๕๕๕
-
เรื่องเบาๆหวานๆแต่แอทแทคคนโสดอย่างเราดีเหลือเกินนนนนนนน :serius2:
-
เรื่องราวสั้นๆที่เข้าใจง่าย
-
ชอบทั้งสองเรื่องเลย
-
ชอบทั้งสองเรื่องเลยครับ
-
เนื่องจากมีตังค์ ...... พรุ่งนี้ซื้อช็อคโกแลคมากินเองก็ได้ ไม่ง้อ 555555555 :impress3:
-
น่ารักทั้งสองเรื่องเลย
-
อยากมีแบบนี้ซัก สามสี่คน :-[
-
ชอบทั้งสองเรื่องเล๊ยยยยยย
-
เบาๆหวานๆ อบอุ่ม :o8:
-
แอบอินไปกับเรื่องด้วยซะงั้น
-
ว้าววววววววววววว
ไวท์ก็ไวท์จริง ๆ นะ
แบบ..ความรักข้างเดียว ไม่กล้าบอกออกไป
แต่พอบอกออกไปก็ใจตรงกัน^^
ส่วนดาร์กก็ดาร์กนั่นแหละ
ทุ่มเทเพื่อรัก แต่อกหักวันวาเลนไทน์
แต่ก็ได้เพื่อนนี่แหละ คอยดูแลตลอดวัน
สุดท้าย...ช็อคโก้ก็แบ่งกับเพื่อนคนละครึ่ง
แหวนก็แบ่งคนละวง อิอิ ><~~~~
-
จิ้ม + ให้ทั้งสองคน :-[ :impress2:
อ้ากกก น่ารักทั้งสองเรื่องเลย ชอบมากกก อ่านแล้วทั้งเขินทั้งฮา
ไวท์ช็อกโกแลตน่ารักมากกก ถ้าณภัทรบอกแต่แรกก็จบดิ ตอนจบน่ารักก ชอบ ^__________^
ดาร์กช็อกโกแลตอันนี้เราชอบรสนี้อยู่ละ ชอบบบบ เราชอบให้ Cn เขียนแนวนี้อ่ะ ฮาๆ ดีชอบอ่ะ 555555
ขอให้วาเลนไทน์มีแต่ความสุข มีผู้ชายเดินด้วยกัน ให้กรี๊ดเลย :-[
-
จิ้มคู่ เหมายกแพ็ค :z13:
ให้ตายเถอะ
นักเขียนสองคนนี้กำลังทำชั้นเพ้อ !!
เอาโล่ห์ไปเลย มีแค่อันเดียวนะ แนะนำให้จำนำแล้วหารสอง :laugh: :laugh:
-
อร๊างงงงงงงงงงงงทั้งสองเรื่องเลย
-
ชอบจัง :-[
-
ขอกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดก่อน
มาแบบแพ็คคู่
ไวท์ช๊อคฯ.....มาแนวอบอุ่นๆ....อ่านแล้วน่ารัก....แต่ทำไมพี่อ่านแล้วน้ำตาซึม...เพราะว่ามันโดนใจตรงที่ไม่กล้าที่จะเริ่มก่อน :m15:
ดาร์คช๊อคฯ....เปิดเรื่องมาก็อกหักเลย...แต่ได้เพื่อนดี...ซึ่งก็คงจะเปลี่ยนเป็นแฟนที่ดี...บางครั้ง...จากที่ไม่เคยได้คิดอะไรกัน...แต่บางเหตุการณ์ก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาได้เหมือนกัน
สรุป...หวาน...เป็นลม(แห่งความรัก)....ขม...เป็นยา(รักษาใจ) :-[
-
คนมีคู่ไม่รู้หรอก :z3:
:pig4:
-
เป็นเรื่องสั้นที่ทำร้ายคนโสดดีแท้ๆ :z3:
-
น่ารักทั้งสองเรื่อง แต่แอบอินกับเรื่องสองมากกว่านิดนึงในฐานะโสดเหมือนชิวาว่า 555
-
เอ้ย เพิ่งได้มาอ่าน ดีเลย์ๆๆ :z3:
หวานเชี้ยบ เบาหวานจะขึ้นป้ะ
ผ่านวาเลนไทน์มาซะเเระ อยากจะบอกว่า 14 กุมภา วันธรรมดาของตรู :laugh:
-
ให้บรรยากาศแบบหวานๆ โรงเรื่องแรกเหมือนพล็อตการ์ตูนเลย :o8: และ เรื่องสองการบรรยายบทดูง่าย แต่อบอุน อ่านแล้วสบายใจ :impress3:
-
ชอบคู่ดาร์กอ่ะ อยากมีมั้งง่า
เราไม่เห็นมีเลยยยยย
เดินโสดวันวาเลนไทน์
แม่ง โคตรเหงาาาาาาาา :o12: :o12: :o12:
-
น่ารักดีค่ะ ไวท์ อ่านแล้วอบอุ่น ส่วนดาร์ก อ่านแล้วขมๆ ดี แต่ก็จบแฮปปี้ดีนะ :))
-
อบอุ่นดีจัง
-
หวานๆดูอบอุ่นดีชอบทั้งสองเรื่องเลย
-
ไวท์ชอกหวานๆน่ารักๆ
ดาร์กชอกอบอุ่นนุ่มลิ้น~
o13
ชอบๆๆ
-
น่ารักเนอะๆๆ ทั้งสองเรื่องเลย :o8: :o8: :o8:
อยากมีใครสักคนที่ให้ช็อคโกแล็ตเรามั้งจัง
ทุกวาเรนไทน์ไม่เคยได้ไรเลย :L3:
สรุปน่ารักมากๆๆๆๆๆๆทั้งสองเรื่อง
เรื่องแรกใจตรงกันจริงๆ
เรื่องที่2จากเพื่อนสนิทกลายเป็นแฟน :impress2:
-
ชอบครับบบบ
-
o13
-
น่ารักทั้งสองเรื่องเลย
-
เรื่องแรกก็น่ารัก ดูอบอุ่นดีค่ะ
เรื่องที่สองตลกแต่แอบหวานค่ะ o13
-
:-[
-
น่ารักทั้งสองคู่เลย อ่านแล้วอยากกินช็อคโกแลตจุงเบย ^^"
-
ไวท์ช็อคนี่ลุ้นนะ ก็เหมือนจะขี้อายไม่กล้าเข้าหาอีกคนกัันทั้งคู่เลย แต่วาเลนไทน์ปีนี้เป็นใจ
และที่สำคัญพระเอกเรากล้ารุก ก็เลยนะไ้ด้ลงเอยกันซักที
ส่วนดาร์คช็อคแบบอกหักรักคุดตุ๊ดเมินมาก แต่ในความเศร้าก็ยังมีเพื่อนดี ๆ อยู่
ทำไปทำมาก็จะไม่ใช่เพื่อนกันซะแล้ว กลีบกุหลาบปลิวว่อนเชียว น่ารักอ่ะ
ขอบคุณค่ะ
-
เห็นแล้วหิวเลย (พอแล้วอ้วน!)
สนุกมากค่ะ ^^
-
:กอด1:
-
ชอบทั้ง white และ dark chocolate เลยค่ะ น่าร๊ากกก..
-
แพ็คคู่ สองเรื่อง สองอารมณ์
:L2: :pig4: :L2:
-
น่ารักมากๆๆทั้งสองคู่เลย
-
พอเห็นชื่อผู้แต่ง ไม่ลังเลเลยค่ะ คลิ๊กเข้ามาอ่านในทันใด
ชอบมากเลยค่ะ อ่านไปเขินไป อบอุ่นดีค่ะ ชอบมากๆเลย
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
-
น่ารักกกกกกกกกกกกก
เข้ามาอ่านอีกรอบ 555 5
คุ้นๆเหมือนเคยอ่านไปแล้วรอบนึง
-
น่ารักทั้งสองเรื่องเลย
-
สนุกทั้งสองเรื่องเลย
เรื่องแรกน่ารัก อมยิ้มไปตอนอ่าน
เรื่องที่สองนี่หัวเราะแล้วก็ยิ้มไปด้วย
ไม่ว่าจะสีขาวหรือสีดำ ถ้าหากมาผสมกัน ยังไงมันก็ลงตัวค่ะ